|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
47,0020,001,ทั้งหลาย หรือเทวดาทั้งหลายเหล่าใดในอากาศ แล้วทรงกระทำให้เป็นอัน
|
|
47,0020,002,เดียวกันอีกว่า <B>สพฺเพว ภูตา</B> ภูตทั้งปวง แล้วทรงประกอบไว้ในอาสยสมบัติ
|
|
47,0020,003,ด้วยคำนี้ว่า <B>สุมนา ภวนฺตุ</B> จงเป็นผู้มีใจดี แล้วทรงประกอบในปโยคสมบัติ
|
|
47,0020,004,ด้วยคำนี้ว่า <B>สกฺกจฺจ สุณนฺตุ ภาสิตํ</B> ขอจงตั้งใจฟังโดยเคารพ อนึ่ง
|
|
47,0020,005,ทรงประกอบในโยนิโสมนสิการสมบัติ และในโฆสสมบัติ ด้วยคำว่า <B>สกฺกจฺจ
|
|
47,0020,006,สุณนฺตุ ภาสิตํ</B> ทรงประกอบในอัตตสัมมาปณิธิสมบัติ และสัปปุริสูปนิสสย-
|
|
47,0020,007,สมบัติ และทรงประกอบในสมาธิสมบัติ ปัญญาสมบัติ และเหตุสมบัติ ด้วย
|
|
47,0020,008,คำว่า <B>สกฺกจฺจ สุณนฺตุ ภาสิตํ</B> จึงได้ตรัสพระคาถานี้.
|
|
47,0020,009,คำที่ว่า <B>ตสฺมาหิ ภูตา</B> เป็นต้น เป็นคาถาที่สอง ในบรรดาคำ
|
|
47,0020,010,เหล่านั้น คำว่า <B>ตสฺมา</B> เป็นคำบอกเหตุ คำว่า <B>ภูตา</B> เป็นคำเชื้อเชิญภูต.
|
|
47,0020,011,คำว่า <B>นิสาเมถ</B> แปลว่า จงฟัง.
|
|
47,0020,012,คำว่า <B>สพฺเพ</B> ได้แก่ ไม่มีส่วนเหลือ ท่านได้อธิบายไว้อย่างไร
|
|
47,0020,013,ท่านได้อธิบายไว้ว่า เพราะเหตุที่ท่านทั้งหลาย (เทวดา) ได้ละทิพยสถาน
|
|
47,0020,014,และอุปโภคสมบัติ บริโภคสมบัติ ได้มาประชุมกันในที่นี้เพื่อฟังธรรม หาได้
|
|
47,0020,015,มาเพื่อจะดูนักฟ้อนแสดงการฟ้อนรำไม่ เพราะฉะนั้นแล ขอภูตทั้งปวงจงฟัง
|
|
47,0020,016,อีกอย่างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นว่าเทพเหล่านั้นเป็นผู้มีใจดี
|
|
47,0020,017,และเห็นว่าเทพเหล่านั้นต้องการที่จะฟังโดยเคารพ จึงได้ตรัสด้วยพระดำรัสว่า
|
|
47,0020,018,<B>สกฺกจฺจ สุณนฺตุ</B> จงฟังโดยเคารพ ก็เพราะที่ท่านทั้งหลายประกอบด้วย
|
|
47,0020,019,อัตตสัมมาปณิธิ โยนิโสมนสิการ และอาสยสุทธิ โดยความเป็นผู้มีใจดี
|
|
47,0020,020,ทั้งประกอบด้วยปโยคสุทธิทั้งหลาย โดยมีสัปปุริสูปนิสสยะ และปรโตโฆสะ
|
|
|