|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
47,0021,001,เป็นปทัฏฐาน เพราะต้องการจะฟังโดยเคารพ ฉะนั้นแล ขอให้ภูตทั้งปวงจง
|
|
47,0021,002,ตั้งใจฟัง.
|
|
47,0021,003,อีกประการหนึ่ง คำใดที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในที่สุดแห่งคาถา
|
|
47,0021,004,แรกว่า <B>ภาสิตํ</B> พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงอ้างถึงคำนั้นโดยความเป็นเหตุ จึง
|
|
47,0021,005,ตรัสว่า ธรรมดาว่าภาษิตของเรา บุคคลได้โดยยากอย่างยิ่ง เพราะเหตุที่ขณะ
|
|
47,0021,006,ซึ่งเว้นจากขณะทั้งปวงเป็นขณะที่หาได้ยาก ทั้งเป็นคำมีอานิสงส์เป็นอเนก
|
|
47,0021,007,เพราะเป็นไปด้วยปัญญาคุณและกรุณาคุณ และเราต้องการที่จะพูดคำนั้น จึง
|
|
47,0021,008,ได้กล่าวว่า <B>สุณนฺตุ ภาสิตํ</B> ขอจงฟังคำที่เรา (ตถาคต) พูด เพราะเหตุ
|
|
47,0021,009,นั้นแล คำว่า <B>ภูตา นิสาเมถ สพฺเพ</B> (ขอภูตทั้งปวงจงพึง) นี้ เราได้
|
|
47,0021,010,กล่าวแล้วด้วยบทที่เป็นคาถานี้.
|
|
47,0021,011,พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงประกอบเหตุนั้นอย่างนี้แล้ว จึงทรงประกอบ
|
|
47,0021,012,ภูตให้ตั้งใจฟังคำภาษิตของพระองค์ ได้ทรงเริ่มเพื่อจะตรัสคำที่ควรฟังว่า
|
|
47,0021,013,<B>เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา ปชาย</B> ขอจงแผ่เมตตาจิตไปในหมู่มนุษย์ ดังนี้.
|
|
47,0021,014,เนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า หมู่สัตว์คือมนุษย์นี้ใด อันอุปัทวะทั้ง
|
|
47,0021,015,๓ ประทุษร้ายแล้ว ขอท่านทั้งหลายจงเข้าไปตั้งเมตตา คือ มิตรภาพ ได้แก่
|
|
47,0021,016,ความเป็นผู้มีอัธยาศัยเกื้อกูลในหมู่สัตว์ที่เป็นมนุษย์นั้น แต่อาจารย์บางพวก
|
|
47,0021,017,เรียกมนุษย์ว่า <B>ปชา</B> คำนั้นไม่ถูก เพราะไม่ได้เป็นสัตตมีวิภัติ และอาจารย์
|
|
47,0021,018,พวกอื่นก็พรรณนาเนื้อความแม้ใดไว้ เนื้อความแม้นั้นก็ไม่ถูก แต่ในคาถานี้มี
|
|
47,0021,019,อธิบายว่า เราหาได้เรียก (อย่างนั้น ) ด้วยกำลังแห่งความเป็นใหญ่ว่า เป็นพระ
|
|
47,0021,020,พุทธเจ้าไม่ แต่สิ่งใดเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ท่านทั้งหลายด้วย แก่หมู่มนุษย์
|
|
47,0021,021,ด้วย เราก็ได้กล่าวสิ่งนั้นว่า ท่านทั้งหลายจงสร้างเมตตาจิตในหมู่มนุษย์ ดังนี้.
|
|
|