paragraph
stringlengths 541
3.53k
| paragraph_TH
stringlengths 441
2.97k
| question
stringlengths 13
289
| question_TH
stringlengths 10
245
| answer
stringlengths 1
465
⌀ | answer_TH
stringlengths 1
427
| idx
stringlengths 44
53
| label
int64 0
1
| score_paragraph
float64 0.78
0.97
| score_question
float64 0.29
0.98
| score_answer
float64 0.04
1
|
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
To protect its seagoing interests and trade routes , Portugal established strategic garrisons in Goa ( India ) , Malacca ( East Indies ) , and Hormuz in the Persian Gulf . Portuguese explorers then embarked upon Macau ( now Macao ) , the Congo , and various other parts of Africa , including the Sudan . The Portuguese policy was to avoid armed strife and to develop a trade empire , rather than to conquer nations . To this end it succeeded with relatively few blood - soaked episodes in its colonial history . Adventures abroad , however , proved disastrous during the second half of the 16th century . In 1557 the 14 - year - old boy - king Sebasti��o ascended the throne , the beginning of a calamitous reign that was to end at the battle of Alcacer - Quiber ( Morocco ) in pursuit of a vain crusade . Sebasti��o 's untimely demise , alongside some 18,000 ill - prepared , badly led followers , set the stage for a crisis of succession . For many years afterwards , legends and rumors bizarrely insisted that the king was still alive , and imposters turned up from time to time claiming the throne ; those who were plausible enough to be deemed a threat were summarily executed . In fact , the only rightful claimant to the crown was the elderly Prince Henry . But after two years of alternating between the throne and his sickbed , he died , heirless . Surveying the situation and smelling an opportunity , Spain occupied the power vacuum , and Portugal 's neighbor and long - time antagonist became its master . Spanish rule dictated Portugal 's inadvertent involvement in Spain 's ongoing wars . In 1587 a squadron of British ships commanded by Francis Drake attacked the Algarve ( now a " legitimate target " as Spanish territory ) and sacked Sagres , thus depriving the world of the relics of Henry the Navigator . Nine years later Faro was torched . The 1386 Treaty of Windsor , by which Britain and Portugal had pledged eternal friendship , seemed a distant memory . Portugal 's empire was gradually eroded , and many of its trading posts ( with the notable exception of Brazil ) were picked off by the British and Dutch . Finally , after 60 years of Spanish rule , Portuguese noblemen ( aided by the French , then at war with Spain ) organized a palace coup and restored independence . The Great Disaster Portugal 's greatest misfortune struck on All Saint 's Day , 1 November 1755 . | เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลและเส้นทางการค้า India ได้จัดตั้งทหารรักษาการณ์เชิงกลยุทธ์ใน Malacca (Hormuz), Macau (หมู่เกาะอินเดียตะวันออก) และ Macao ในอ่าวเปอร์เซีย จากนั้นนักสำรวจชาวโปรตุเกสก็เริ่มต้นเมื่อ Congo (ตอนนี้ Sudan), Sebasti��o และส่วนอื่น ๆ ของแอฟริการวมถึง Alcacer นโยบายโปรตุเกสคือการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางอาวุธและเพื่อพัฒนาอาณาจักรการค้าแทนที่จะเป็นผู้พิชิตประเทศ ด้วยเหตุนี้มันจึงประสบความสำเร็จด้วยเลือดที่ค่อนข้างน้อย - เปียกโชกในประวัติศาสตร์อาณานิคม อย่างไรก็ตามการผจญภัยในต่างประเทศได้พิสูจน์แล้วว่าหายนะในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 ในปี ค.ศ. 1557 The 14 - ปี - เด็กชายเก่า - King -ขึ้นครองบัลลังก์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการครองราชย์ที่น่าพิศวงที่จะจบลงที่การต่อสู้ของ Quiber Morocco Sebasti��o การแสวงหาสงครามครูเสดไร้สาระ Spainการตายอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมกับผู้ติดตามผู้ป่วยที่ถูกเตรียมไว้ 18,000 คนซึ่งเป็นผู้ติดตามที่ไม่ดีตั้งเวทีสำหรับวิกฤตการสืบทอด เป็นเวลาหลายปีหลังจากนั้นตำนานและข่าวลือก็ยืนยันว่ากษัตริย์ยังมีชีวิตอยู่และนักต้มตุ๋นก็กลับมาอ้างว่าบัลลังก์เป็นครั้งคราว ผู้ที่มีความเป็นไปได้เพียงพอที่จะถือว่าเป็นภัยคุกคามถูกประหารชีวิต ในความเป็นจริงผู้เรียกร้องที่ถูกต้องเพียงคนเดียวของพระมหากษัตริย์คือเจ้าชายเฮนรี่ผู้สูงอายุ แต่หลังจากสองปีของการสลับกันระหว่างบัลลังก์และเตียงผู้ป่วยของเขาเขาก็ตายเป็นทายาท การสำรวจสถานการณ์และการดมกลิ่น Portugal ครอบครองสุญญากาศพลังงานและเพื่อนบ้านของ Portugal และเป็นศัตรูที่ยาวนานกลายเป็นปรมาจารย์ กฎภาษาสเปนกำหนดให้มีส่วนร่วมโดยไม่ตั้งใจของโปรตุเกสในสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ของ Spain ในปี ค.ศ. 1587 ฝูงบินของเรืออังกฤษได้รับคำสั่งจาก Francis Drake โจมตี Algarve (ปัจจุบันเป็น "เป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย" เป็นดินแดนสเปน) และถูกไล่ออกจาก Sagres ซึ่งทำให้โลกของพระธาตุของ Henry the Navigator เก้าปีต่อมา Faro ถูกเผา 1386 สนธิสัญญาวินด์เซอร์ซึ่ง Britain และ Portugal ได้ให้คำมั่นว่าจะเป็นมิตรภาพนิรันดร์ดูเหมือนจะเป็นความทรงจำที่ห่างไกล จักรวรรดิ Portugal ถูกกัดเซาะค่อยๆถูกกัดเซาะและโพสต์การซื้อขายจำนวนมาก (ยกเว้น Brazil) ถูกเลือกโดยอังกฤษและดัตช์ ในที่สุดหลังจาก 60 ปีของการปกครองของสเปนขุนนางชาวโปรตุเกส (ได้รับความช่วยเหลือจากฝรั่งเศสจากนั้นก็ทำสงครามกับ Spain) ได้จัดทำรัฐประหารวังและได้รับความเป็นอิสระ ความโชคร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโปรตุเกสเกิดขึ้นในวันทั้งหมดของ All Saint, 1 พฤศจิกายน 1755 | Before the restoration of Portuguese control , what Portuguese holdings were taken over by the British and the Dutch ? | ก่อนการฟื้นฟูการควบคุมภาษาโปรตุเกสการถือครองโปรตุเกสอะไรถูกยึดครองโดยอังกฤษและชาวดัตช์? | Trading posts | โพสต์การซื้อขาย | {'paragraph': 135, 'question': 1557, 'answer': 8100} | 1 | 0.952725 | 0.914807 | 0.891706 |
To protect its seagoing interests and trade routes , Portugal established strategic garrisons in Goa ( India ) , Malacca ( East Indies ) , and Hormuz in the Persian Gulf . Portuguese explorers then embarked upon Macau ( now Macao ) , the Congo , and various other parts of Africa , including the Sudan . The Portuguese policy was to avoid armed strife and to develop a trade empire , rather than to conquer nations . To this end it succeeded with relatively few blood - soaked episodes in its colonial history . Adventures abroad , however , proved disastrous during the second half of the 16th century . In 1557 the 14 - year - old boy - king Sebasti��o ascended the throne , the beginning of a calamitous reign that was to end at the battle of Alcacer - Quiber ( Morocco ) in pursuit of a vain crusade . Sebasti��o 's untimely demise , alongside some 18,000 ill - prepared , badly led followers , set the stage for a crisis of succession . For many years afterwards , legends and rumors bizarrely insisted that the king was still alive , and imposters turned up from time to time claiming the throne ; those who were plausible enough to be deemed a threat were summarily executed . In fact , the only rightful claimant to the crown was the elderly Prince Henry . But after two years of alternating between the throne and his sickbed , he died , heirless . Surveying the situation and smelling an opportunity , Spain occupied the power vacuum , and Portugal 's neighbor and long - time antagonist became its master . Spanish rule dictated Portugal 's inadvertent involvement in Spain 's ongoing wars . In 1587 a squadron of British ships commanded by Francis Drake attacked the Algarve ( now a " legitimate target " as Spanish territory ) and sacked Sagres , thus depriving the world of the relics of Henry the Navigator . Nine years later Faro was torched . The 1386 Treaty of Windsor , by which Britain and Portugal had pledged eternal friendship , seemed a distant memory . Portugal 's empire was gradually eroded , and many of its trading posts ( with the notable exception of Brazil ) were picked off by the British and Dutch . Finally , after 60 years of Spanish rule , Portuguese noblemen ( aided by the French , then at war with Spain ) organized a palace coup and restored independence . The Great Disaster Portugal 's greatest misfortune struck on All Saint 's Day , 1 November 1755 . | เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลและเส้นทางการค้า India ได้จัดตั้งทหารรักษาการณ์เชิงกลยุทธ์ใน Malacca (Hormuz), Macau (หมู่เกาะอินเดียตะวันออก) และ Macao ในอ่าวเปอร์เซีย จากนั้นนักสำรวจชาวโปรตุเกสก็เริ่มต้นเมื่อ Congo (ตอนนี้ Sudan), Sebasti��o และส่วนอื่น ๆ ของแอฟริการวมถึง Alcacer นโยบายโปรตุเกสคือการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางอาวุธและเพื่อพัฒนาอาณาจักรการค้าแทนที่จะเป็นผู้พิชิตประเทศ ด้วยเหตุนี้มันจึงประสบความสำเร็จด้วยเลือดที่ค่อนข้างน้อย - เปียกโชกในประวัติศาสตร์อาณานิคม อย่างไรก็ตามการผจญภัยในต่างประเทศได้พิสูจน์แล้วว่าหายนะในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 ในปี ค.ศ. 1557 The 14 - ปี - เด็กชายเก่า - King -ขึ้นครองบัลลังก์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการครองราชย์ที่น่าพิศวงที่จะจบลงที่การต่อสู้ของ Quiber Morocco Sebasti��o การแสวงหาสงครามครูเสดไร้สาระ Spainการตายอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมกับผู้ติดตามผู้ป่วยที่ถูกเตรียมไว้ 18,000 คนซึ่งเป็นผู้ติดตามที่ไม่ดีตั้งเวทีสำหรับวิกฤตการสืบทอด เป็นเวลาหลายปีหลังจากนั้นตำนานและข่าวลือก็ยืนยันว่ากษัตริย์ยังมีชีวิตอยู่และนักต้มตุ๋นก็กลับมาอ้างว่าบัลลังก์เป็นครั้งคราว ผู้ที่มีความเป็นไปได้เพียงพอที่จะถือว่าเป็นภัยคุกคามถูกประหารชีวิต ในความเป็นจริงผู้เรียกร้องที่ถูกต้องเพียงคนเดียวของพระมหากษัตริย์คือเจ้าชายเฮนรี่ผู้สูงอายุ แต่หลังจากสองปีของการสลับกันระหว่างบัลลังก์และเตียงผู้ป่วยของเขาเขาก็ตายเป็นทายาท การสำรวจสถานการณ์และการดมกลิ่น Portugal ครอบครองสุญญากาศพลังงานและเพื่อนบ้านของ Portugal และเป็นศัตรูที่ยาวนานกลายเป็นปรมาจารย์ กฎภาษาสเปนกำหนดให้มีส่วนร่วมโดยไม่ตั้งใจของโปรตุเกสในสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ของ Spain ในปี ค.ศ. 1587 ฝูงบินของเรืออังกฤษได้รับคำสั่งจาก Francis Drake โจมตี Algarve (ปัจจุบันเป็น "เป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย" เป็นดินแดนสเปน) และถูกไล่ออกจาก Sagres ซึ่งทำให้โลกของพระธาตุของ Henry the Navigator เก้าปีต่อมา Faro ถูกเผา 1386 สนธิสัญญาวินด์เซอร์ซึ่ง Britain และ Portugal ได้ให้คำมั่นว่าจะเป็นมิตรภาพนิรันดร์ดูเหมือนจะเป็นความทรงจำที่ห่างไกล จักรวรรดิ Portugal ถูกกัดเซาะค่อยๆถูกกัดเซาะและโพสต์การซื้อขายจำนวนมาก (ยกเว้น Brazil) ถูกเลือกโดยอังกฤษและดัตช์ ในที่สุดหลังจาก 60 ปีของการปกครองของสเปนขุนนางชาวโปรตุเกส (ได้รับความช่วยเหลือจากฝรั่งเศสจากนั้นก็ทำสงครามกับ Spain) ได้จัดทำรัฐประหารวังและได้รับความเป็นอิสระ ความโชคร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโปรตุเกสเกิดขึ้นในวันทั้งหมดของ All Saint, 1 พฤศจิกายน 1755 | Before the restoration of Portuguese control , what Portuguese holdings were taken over by the British and the Dutch ? | ก่อนการฟื้นฟูการควบคุมภาษาโปรตุเกสการถือครองโปรตุเกสอะไรถูกยึดครองโดยอังกฤษและชาวดัตช์? | Many of its forts | ป้อมปราการมากมาย | {'paragraph': 135, 'question': 1557, 'answer': 8101} | 0 | 0.952725 | 0.914807 | 0.771895 |
To protect its seagoing interests and trade routes , Portugal established strategic garrisons in Goa ( India ) , Malacca ( East Indies ) , and Hormuz in the Persian Gulf . Portuguese explorers then embarked upon Macau ( now Macao ) , the Congo , and various other parts of Africa , including the Sudan . The Portuguese policy was to avoid armed strife and to develop a trade empire , rather than to conquer nations . To this end it succeeded with relatively few blood - soaked episodes in its colonial history . Adventures abroad , however , proved disastrous during the second half of the 16th century . In 1557 the 14 - year - old boy - king Sebasti��o ascended the throne , the beginning of a calamitous reign that was to end at the battle of Alcacer - Quiber ( Morocco ) in pursuit of a vain crusade . Sebasti��o 's untimely demise , alongside some 18,000 ill - prepared , badly led followers , set the stage for a crisis of succession . For many years afterwards , legends and rumors bizarrely insisted that the king was still alive , and imposters turned up from time to time claiming the throne ; those who were plausible enough to be deemed a threat were summarily executed . In fact , the only rightful claimant to the crown was the elderly Prince Henry . But after two years of alternating between the throne and his sickbed , he died , heirless . Surveying the situation and smelling an opportunity , Spain occupied the power vacuum , and Portugal 's neighbor and long - time antagonist became its master . Spanish rule dictated Portugal 's inadvertent involvement in Spain 's ongoing wars . In 1587 a squadron of British ships commanded by Francis Drake attacked the Algarve ( now a " legitimate target " as Spanish territory ) and sacked Sagres , thus depriving the world of the relics of Henry the Navigator . Nine years later Faro was torched . The 1386 Treaty of Windsor , by which Britain and Portugal had pledged eternal friendship , seemed a distant memory . Portugal 's empire was gradually eroded , and many of its trading posts ( with the notable exception of Brazil ) were picked off by the British and Dutch . Finally , after 60 years of Spanish rule , Portuguese noblemen ( aided by the French , then at war with Spain ) organized a palace coup and restored independence . The Great Disaster Portugal 's greatest misfortune struck on All Saint 's Day , 1 November 1755 . | เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลและเส้นทางการค้า India ได้จัดตั้งทหารรักษาการณ์เชิงกลยุทธ์ใน Malacca (Hormuz), Macau (หมู่เกาะอินเดียตะวันออก) และ Macao ในอ่าวเปอร์เซีย จากนั้นนักสำรวจชาวโปรตุเกสก็เริ่มต้นเมื่อ Congo (ตอนนี้ Sudan), Sebasti��o และส่วนอื่น ๆ ของแอฟริการวมถึง Alcacer นโยบายโปรตุเกสคือการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางอาวุธและเพื่อพัฒนาอาณาจักรการค้าแทนที่จะเป็นผู้พิชิตประเทศ ด้วยเหตุนี้มันจึงประสบความสำเร็จด้วยเลือดที่ค่อนข้างน้อย - เปียกโชกในประวัติศาสตร์อาณานิคม อย่างไรก็ตามการผจญภัยในต่างประเทศได้พิสูจน์แล้วว่าหายนะในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 ในปี ค.ศ. 1557 The 14 - ปี - เด็กชายเก่า - King -ขึ้นครองบัลลังก์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการครองราชย์ที่น่าพิศวงที่จะจบลงที่การต่อสู้ของ Quiber Morocco Sebasti��o การแสวงหาสงครามครูเสดไร้สาระ Spainการตายอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมกับผู้ติดตามผู้ป่วยที่ถูกเตรียมไว้ 18,000 คนซึ่งเป็นผู้ติดตามที่ไม่ดีตั้งเวทีสำหรับวิกฤตการสืบทอด เป็นเวลาหลายปีหลังจากนั้นตำนานและข่าวลือก็ยืนยันว่ากษัตริย์ยังมีชีวิตอยู่และนักต้มตุ๋นก็กลับมาอ้างว่าบัลลังก์เป็นครั้งคราว ผู้ที่มีความเป็นไปได้เพียงพอที่จะถือว่าเป็นภัยคุกคามถูกประหารชีวิต ในความเป็นจริงผู้เรียกร้องที่ถูกต้องเพียงคนเดียวของพระมหากษัตริย์คือเจ้าชายเฮนรี่ผู้สูงอายุ แต่หลังจากสองปีของการสลับกันระหว่างบัลลังก์และเตียงผู้ป่วยของเขาเขาก็ตายเป็นทายาท การสำรวจสถานการณ์และการดมกลิ่น Portugal ครอบครองสุญญากาศพลังงานและเพื่อนบ้านของ Portugal และเป็นศัตรูที่ยาวนานกลายเป็นปรมาจารย์ กฎภาษาสเปนกำหนดให้มีส่วนร่วมโดยไม่ตั้งใจของโปรตุเกสในสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ของ Spain ในปี ค.ศ. 1587 ฝูงบินของเรืออังกฤษได้รับคำสั่งจาก Francis Drake โจมตี Algarve (ปัจจุบันเป็น "เป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย" เป็นดินแดนสเปน) และถูกไล่ออกจาก Sagres ซึ่งทำให้โลกของพระธาตุของ Henry the Navigator เก้าปีต่อมา Faro ถูกเผา 1386 สนธิสัญญาวินด์เซอร์ซึ่ง Britain และ Portugal ได้ให้คำมั่นว่าจะเป็นมิตรภาพนิรันดร์ดูเหมือนจะเป็นความทรงจำที่ห่างไกล จักรวรรดิ Portugal ถูกกัดเซาะค่อยๆถูกกัดเซาะและโพสต์การซื้อขายจำนวนมาก (ยกเว้น Brazil) ถูกเลือกโดยอังกฤษและดัตช์ ในที่สุดหลังจาก 60 ปีของการปกครองของสเปนขุนนางชาวโปรตุเกส (ได้รับความช่วยเหลือจากฝรั่งเศสจากนั้นก็ทำสงครามกับ Spain) ได้จัดทำรัฐประหารวังและได้รับความเป็นอิสระ ความโชคร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโปรตุเกสเกิดขึ้นในวันทั้งหมดของ All Saint, 1 พฤศจิกายน 1755 | Before the restoration of Portuguese control , what Portuguese holdings were taken over by the British and the Dutch ? | ก่อนการฟื้นฟูการควบคุมภาษาโปรตุเกสการถือครองโปรตุเกสอะไรถูกยึดครองโดยอังกฤษและชาวดัตช์? | Trading posts not including Brazil | โพสต์การซื้อขายไม่รวมถึง Brazil | {'paragraph': 135, 'question': 1557, 'answer': 8102} | 1 | 0.952725 | 0.914807 | 0.900068 |
To protect its seagoing interests and trade routes , Portugal established strategic garrisons in Goa ( India ) , Malacca ( East Indies ) , and Hormuz in the Persian Gulf . Portuguese explorers then embarked upon Macau ( now Macao ) , the Congo , and various other parts of Africa , including the Sudan . The Portuguese policy was to avoid armed strife and to develop a trade empire , rather than to conquer nations . To this end it succeeded with relatively few blood - soaked episodes in its colonial history . Adventures abroad , however , proved disastrous during the second half of the 16th century . In 1557 the 14 - year - old boy - king Sebasti��o ascended the throne , the beginning of a calamitous reign that was to end at the battle of Alcacer - Quiber ( Morocco ) in pursuit of a vain crusade . Sebasti��o 's untimely demise , alongside some 18,000 ill - prepared , badly led followers , set the stage for a crisis of succession . For many years afterwards , legends and rumors bizarrely insisted that the king was still alive , and imposters turned up from time to time claiming the throne ; those who were plausible enough to be deemed a threat were summarily executed . In fact , the only rightful claimant to the crown was the elderly Prince Henry . But after two years of alternating between the throne and his sickbed , he died , heirless . Surveying the situation and smelling an opportunity , Spain occupied the power vacuum , and Portugal 's neighbor and long - time antagonist became its master . Spanish rule dictated Portugal 's inadvertent involvement in Spain 's ongoing wars . In 1587 a squadron of British ships commanded by Francis Drake attacked the Algarve ( now a " legitimate target " as Spanish territory ) and sacked Sagres , thus depriving the world of the relics of Henry the Navigator . Nine years later Faro was torched . The 1386 Treaty of Windsor , by which Britain and Portugal had pledged eternal friendship , seemed a distant memory . Portugal 's empire was gradually eroded , and many of its trading posts ( with the notable exception of Brazil ) were picked off by the British and Dutch . Finally , after 60 years of Spanish rule , Portuguese noblemen ( aided by the French , then at war with Spain ) organized a palace coup and restored independence . The Great Disaster Portugal 's greatest misfortune struck on All Saint 's Day , 1 November 1755 . | เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลและเส้นทางการค้า India ได้จัดตั้งทหารรักษาการณ์เชิงกลยุทธ์ใน Malacca (Hormuz), Macau (หมู่เกาะอินเดียตะวันออก) และ Macao ในอ่าวเปอร์เซีย จากนั้นนักสำรวจชาวโปรตุเกสก็เริ่มต้นเมื่อ Congo (ตอนนี้ Sudan), Sebasti��o และส่วนอื่น ๆ ของแอฟริการวมถึง Alcacer นโยบายโปรตุเกสคือการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางอาวุธและเพื่อพัฒนาอาณาจักรการค้าแทนที่จะเป็นผู้พิชิตประเทศ ด้วยเหตุนี้มันจึงประสบความสำเร็จด้วยเลือดที่ค่อนข้างน้อย - เปียกโชกในประวัติศาสตร์อาณานิคม อย่างไรก็ตามการผจญภัยในต่างประเทศได้พิสูจน์แล้วว่าหายนะในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 ในปี ค.ศ. 1557 The 14 - ปี - เด็กชายเก่า - King -ขึ้นครองบัลลังก์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการครองราชย์ที่น่าพิศวงที่จะจบลงที่การต่อสู้ของ Quiber Morocco Sebasti��o การแสวงหาสงครามครูเสดไร้สาระ Spainการตายอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมกับผู้ติดตามผู้ป่วยที่ถูกเตรียมไว้ 18,000 คนซึ่งเป็นผู้ติดตามที่ไม่ดีตั้งเวทีสำหรับวิกฤตการสืบทอด เป็นเวลาหลายปีหลังจากนั้นตำนานและข่าวลือก็ยืนยันว่ากษัตริย์ยังมีชีวิตอยู่และนักต้มตุ๋นก็กลับมาอ้างว่าบัลลังก์เป็นครั้งคราว ผู้ที่มีความเป็นไปได้เพียงพอที่จะถือว่าเป็นภัยคุกคามถูกประหารชีวิต ในความเป็นจริงผู้เรียกร้องที่ถูกต้องเพียงคนเดียวของพระมหากษัตริย์คือเจ้าชายเฮนรี่ผู้สูงอายุ แต่หลังจากสองปีของการสลับกันระหว่างบัลลังก์และเตียงผู้ป่วยของเขาเขาก็ตายเป็นทายาท การสำรวจสถานการณ์และการดมกลิ่น Portugal ครอบครองสุญญากาศพลังงานและเพื่อนบ้านของ Portugal และเป็นศัตรูที่ยาวนานกลายเป็นปรมาจารย์ กฎภาษาสเปนกำหนดให้มีส่วนร่วมโดยไม่ตั้งใจของโปรตุเกสในสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ของ Spain ในปี ค.ศ. 1587 ฝูงบินของเรืออังกฤษได้รับคำสั่งจาก Francis Drake โจมตี Algarve (ปัจจุบันเป็น "เป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย" เป็นดินแดนสเปน) และถูกไล่ออกจาก Sagres ซึ่งทำให้โลกของพระธาตุของ Henry the Navigator เก้าปีต่อมา Faro ถูกเผา 1386 สนธิสัญญาวินด์เซอร์ซึ่ง Britain และ Portugal ได้ให้คำมั่นว่าจะเป็นมิตรภาพนิรันดร์ดูเหมือนจะเป็นความทรงจำที่ห่างไกล จักรวรรดิ Portugal ถูกกัดเซาะค่อยๆถูกกัดเซาะและโพสต์การซื้อขายจำนวนมาก (ยกเว้น Brazil) ถูกเลือกโดยอังกฤษและดัตช์ ในที่สุดหลังจาก 60 ปีของการปกครองของสเปนขุนนางชาวโปรตุเกส (ได้รับความช่วยเหลือจากฝรั่งเศสจากนั้นก็ทำสงครามกับ Spain) ได้จัดทำรัฐประหารวังและได้รับความเป็นอิสระ ความโชคร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโปรตุเกสเกิดขึ้นในวันทั้งหมดของ All Saint, 1 พฤศจิกายน 1755 | Before the restoration of Portuguese control , what Portuguese holdings were taken over by the British and the Dutch ? | ก่อนการฟื้นฟูการควบคุมภาษาโปรตุเกสการถือครองโปรตุเกสอะไรถูกยึดครองโดยอังกฤษและชาวดัตช์? | Many of its trading posts ( with the notable exception of Brazil ) | โพสต์การซื้อขายจำนวนมาก (ยกเว้นข้อยกเว้นที่น่าสังเกตของ Brazil) | {'paragraph': 135, 'question': 1557, 'answer': 8103} | 1 | 0.952725 | 0.914807 | 0.803882 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did they take the air from the green ball ? | ทำไมพวกเขาถึงเอาอากาศจากลูกบอลสีเขียว? | Because the red ball told them to | เพราะลูกบอลสีแดงบอกให้พวกเขา | {'paragraph': 136, 'question': 1558, 'answer': 8104} | 0 | 0.813423 | 0.881471 | 0.793671 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did they take the air from the green ball ? | ทำไมพวกเขาถึงเอาอากาศจากลูกบอลสีเขียว? | Because the green ball laughed and called the blue ball stupid | เพราะลูกบอลสีเขียวหัวเราะและเรียกว่าบอลสีน้ำเงินโง่ | {'paragraph': 136, 'question': 1558, 'answer': 8105} | 1 | 0.813423 | 0.881471 | 0.805467 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did they take the air from the green ball ? | ทำไมพวกเขาถึงเอาอากาศจากลูกบอลสีเขียว? | Because the green ball called the orange ball stupid | เพราะลูกบอลสีเขียวเรียกว่าลูกบอลสีส้มโง่ | {'paragraph': 136, 'question': 1558, 'answer': 8106} | 0 | 0.813423 | 0.881471 | 0.847594 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did they take the air from the green ball ? | ทำไมพวกเขาถึงเอาอากาศจากลูกบอลสีเขียว? | Because the pruple ball made them | เพราะลูกบอลลูกหลานทำให้พวกเขา | {'paragraph': 136, 'question': 1558, 'answer': 8107} | 0 | 0.813423 | 0.881471 | 0.69161 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did they take the air from the green ball ? | ทำไมพวกเขาถึงเอาอากาศจากลูกบอลสีเขียว? | Because the green ball was a bully | เพราะลูกบอลสีเขียวเป็นคนพาล | {'paragraph': 136, 'question': 1558, 'answer': 8108} | 0 | 0.813423 | 0.881471 | 0.783859 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did the green ball call the blue ball stupid ? | ทำไมลูกบอลสีเขียวจึงเรียกลูกบอลสีน้ำเงินโง่? | Because the blue ball was scared of the red ball | เพราะลูกบอลสีน้ำเงินกลัวลูกบอลสีแดง | {'paragraph': 136, 'question': 1559, 'answer': 8109} | 1 | 0.813423 | 0.876793 | 0.789501 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did the green ball call the blue ball stupid ? | ทำไมลูกบอลสีเขียวจึงเรียกลูกบอลสีน้ำเงินโง่? | Because it did n't have any air | เพราะมันไม่มีอากาศเลย | {'paragraph': 136, 'question': 1559, 'answer': 8110} | 0 | 0.813423 | 0.876793 | 0.785994 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did the green ball call the blue ball stupid ? | ทำไมลูกบอลสีเขียวจึงเรียกลูกบอลสีน้ำเงินโง่? | Because he was scared of the red ball | เพราะเขากลัวลูกบอลสีแดง | {'paragraph': 136, 'question': 1559, 'answer': 8111} | 1 | 0.813423 | 0.876793 | 0.823337 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did the green ball call the blue ball stupid ? | ทำไมลูกบอลสีเขียวจึงเรียกลูกบอลสีน้ำเงินโง่? | Because it liked the red ball | เพราะมันชอบลูกบอลสีแดง | {'paragraph': 136, 'question': 1559, 'answer': 8112} | 0 | 0.813423 | 0.876793 | 0.805634 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did the green ball call the blue ball stupid ? | ทำไมลูกบอลสีเขียวจึงเรียกลูกบอลสีน้ำเงินโง่? | Because he ran away fromhome | เพราะเขาวิ่งหนีจากบ้าน | {'paragraph': 136, 'question': 1559, 'answer': 8113} | 0 | 0.813423 | 0.876793 | 0.778437 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Who was the blue ball scared of ? | ใครคือลูกสีน้ำเงินที่กลัว? | The red ball | ลูกบอลสีแดง | {'paragraph': 136, 'question': 1560, 'answer': 8114} | 1 | 0.813423 | 0.819991 | 0.858897 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Who was the blue ball scared of ? | ใครคือลูกสีน้ำเงินที่กลัว? | The green ball | ลูกบอลสีเขียว | {'paragraph': 136, 'question': 1560, 'answer': 8115} | 0 | 0.813423 | 0.819991 | 0.874813 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Who was the blue ball scared of ? | ใครคือลูกสีน้ำเงินที่กลัว? | The purple ball | ลูกบอลสีม่วง | {'paragraph': 136, 'question': 1560, 'answer': 8116} | 0 | 0.813423 | 0.819991 | 0.863648 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Who was the blue ball scared of ? | ใครคือลูกสีน้ำเงินที่กลัว? | The orange ball | ลูกบอลสีส้ม | {'paragraph': 136, 'question': 1560, 'answer': 8117} | 0 | 0.813423 | 0.819991 | 0.897047 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | What did the green ball do before being punished ? | ลูกบอลสีเขียวทำอะไรก่อนที่จะถูกลงโทษ? | Called the blue ball stupid | เรียกว่าบอลสีน้ำเงินโง่ | {'paragraph': 136, 'question': 1561, 'answer': 8118} | 1 | 0.813423 | 0.892644 | 0.771153 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | What did the green ball do before being punished ? | ลูกบอลสีเขียวทำอะไรก่อนที่จะถูกลงโทษ? | Ordered | ที่สั่ง | {'paragraph': 136, 'question': 1561, 'answer': 8119} | 0 | 0.813423 | 0.892644 | 0.841375 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | What did the green ball do before being punished ? | ลูกบอลสีเขียวทำอะไรก่อนที่จะถูกลงโทษ? | Let out the blue ball 's air | ปล่อยอากาศของบอลบอลออกมา | {'paragraph': 136, 'question': 1561, 'answer': 8120} | 0 | 0.813423 | 0.892644 | 0.625325 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | What did the green ball do before being punished ? | ลูกบอลสีเขียวทำอะไรก่อนที่จะถูกลงโทษ? | Laughed at the blue ball | หัวเราะที่บอลสีน้ำเงิน | {'paragraph': 136, 'question': 1561, 'answer': 8121} | 1 | 0.813423 | 0.892644 | 0.718051 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | What did the green ball do before being punished ? | ลูกบอลสีเขียวทำอะไรก่อนที่จะถูกลงโทษ? | Ranout of air | Ranout of Air | {'paragraph': 136, 'question': 1561, 'answer': 8122} | 0 | 0.813423 | 0.892644 | 0.937969 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | What did the green ball do before being punished ? | ลูกบอลสีเขียวทำอะไรก่อนที่จะถูกลงโทษ? | Laughed at the red ball | หัวเราะที่ลูกบอลสีแดง | {'paragraph': 136, 'question': 1561, 'answer': 8123} | 0 | 0.813423 | 0.892644 | 0.782295 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Who was the leader the balls feared ? | ใครคือผู้นำที่ลูกกลัว? | The air - less green ball | อากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยกว่า | {'paragraph': 136, 'question': 1562, 'answer': 8124} | 0 | 0.813423 | 0.844388 | 0.850312 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Who was the leader the balls feared ? | ใครคือผู้นำที่ลูกกลัว? | The orange ball | ลูกบอลสีส้ม | {'paragraph': 136, 'question': 1562, 'answer': 8125} | 0 | 0.813423 | 0.844388 | 0.897047 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Who was the leader the balls feared ? | ใครคือผู้นำที่ลูกกลัว? | The purple ball | ลูกบอลสีม่วง | {'paragraph': 136, 'question': 1562, 'answer': 8126} | 1 | 0.813423 | 0.844388 | 0.863648 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Who was the leader the balls feared ? | ใครคือผู้นำที่ลูกกลัว? | The green ball | ลูกบอลสีเขียว | {'paragraph': 136, 'question': 1562, 'answer': 8127} | 0 | 0.813423 | 0.844388 | 0.874813 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Who was the leader the balls feared ? | ใครคือผู้นำที่ลูกกลัว? | The Purple Ball | ลูกบอลสีม่วง | {'paragraph': 136, 'question': 1562, 'answer': 8128} | 0 | 0.813423 | 0.844388 | 0.799602 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Who was the leader the balls feared ? | ใครคือผู้นำที่ลูกกลัว? | The red ball | ลูกบอลสีแดง | {'paragraph': 136, 'question': 1562, 'answer': 8129} | 0 | 0.813423 | 0.844388 | 0.858897 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did the green ball laugh at the blue ball ? | ทำไมลูกบอลสีเขียวจึงหัวเราะที่บอลสีน้ำเงิน? | Because it did n't have any air | เพราะมันไม่มีอากาศเลย | {'paragraph': 136, 'question': 1563, 'answer': 8130} | 0 | 0.813423 | 0.850431 | 0.785994 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did the green ball laugh at the blue ball ? | ทำไมลูกบอลสีเขียวจึงหัวเราะที่บอลสีน้ำเงิน? | Because the blue ball ran away from home | เพราะลูกบอลสีน้ำเงินหนีออกจากบ้าน | {'paragraph': 136, 'question': 1563, 'answer': 8131} | 0 | 0.813423 | 0.850431 | 0.794283 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did the green ball laugh at the blue ball ? | ทำไมลูกบอลสีเขียวจึงหัวเราะที่บอลสีน้ำเงิน? | Because the blue ball was afraid of the red ball | เพราะลูกบอลสีน้ำเงินกลัวลูกบอลสีแดง | {'paragraph': 136, 'question': 1563, 'answer': 8132} | 1 | 0.813423 | 0.850431 | 0.802806 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did the green ball laugh at the blue ball ? | ทำไมลูกบอลสีเขียวจึงหัวเราะที่บอลสีน้ำเงิน? | Becuase it was friends with the purple ball | เพราะมันเป็นเพื่อนกับลูกบอลสีม่วง | {'paragraph': 136, 'question': 1563, 'answer': 8133} | 0 | 0.813423 | 0.850431 | 0.837349 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did the green ball laugh at the blue ball ? | ทำไมลูกบอลสีเขียวจึงหัวเราะที่บอลสีน้ำเงิน? | Because it was scared of the red ball | เพราะมันกลัวลูกบอลสีแดง | {'paragraph': 136, 'question': 1563, 'answer': 8134} | 1 | 0.813423 | 0.850431 | 0.7954 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did the green ball laugh at the blue ball ? | ทำไมลูกบอลสีเขียวจึงหัวเราะที่บอลสีน้ำเงิน? | Because he was scared of the red ball | เพราะเขากลัวลูกบอลสีแดง | {'paragraph': 136, 'question': 1563, 'answer': 8135} | 0 | 0.813423 | 0.850431 | 0.823337 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why could the balls not say bad things ? | ทำไมลูกบอลถึงไม่พูดสิ่งเลวร้าย? | They took away the green balls air | พวกเขาเอาลูกบอลสีเขียวออกไป | {'paragraph': 136, 'question': 1564, 'answer': 8136} | 0 | 0.813423 | 0.773483 | 0.742448 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why could the balls not say bad things ? | ทำไมลูกบอลถึงไม่พูดสิ่งเลวร้าย? | Because they would be banished | เพราะพวกเขาจะถูกเนรเทศ | {'paragraph': 136, 'question': 1564, 'answer': 8137} | 0 | 0.813423 | 0.773483 | 0.68884 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why could the balls not say bad things ? | ทำไมลูกบอลถึงไม่พูดสิ่งเลวร้าย? | Because the red ball told them to be quiet | เพราะลูกบอลสีแดงบอกให้พวกเขาเงียบ | {'paragraph': 136, 'question': 1564, 'answer': 8138} | 0 | 0.813423 | 0.773483 | 0.794368 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why could the balls not say bad things ? | ทำไมลูกบอลถึงไม่พูดสิ่งเลวร้าย? | Drug | ยา | {'paragraph': 136, 'question': 1564, 'answer': 8139} | 0 | 0.813423 | 0.773483 | 0.785306 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why could the balls not say bad things ? | ทำไมลูกบอลถึงไม่พูดสิ่งเลวร้าย? | Because they feared that their air would be taken | เพราะพวกเขากลัวว่าอากาศจะถูกนำไปใช้ | {'paragraph': 136, 'question': 1564, 'answer': 8140} | 1 | 0.813423 | 0.773483 | 0.732651 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why could the balls not say bad things ? | ทำไมลูกบอลถึงไม่พูดสิ่งเลวร้าย? | Because the blue ball would be scared | เพราะลูกบอลสีน้ำเงินจะกลัว | {'paragraph': 136, 'question': 1564, 'answer': 8141} | 0 | 0.813423 | 0.773483 | 0.811955 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why could the balls not say bad things ? | ทำไมลูกบอลถึงไม่พูดสิ่งเลวร้าย? | Because they did n't want to have their air taken away | เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้อากาศถูกพาไป | {'paragraph': 136, 'question': 1564, 'answer': 8142} | 1 | 0.813423 | 0.773483 | 0.840286 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why was everyone afraid to say bad things ? | ทำไมทุกคนถึงกลัวที่จะพูดสิ่งเลวร้าย? | They did n't want to hurt anyone 's feelings | พวกเขาไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของใคร | {'paragraph': 136, 'question': 1565, 'answer': 8143} | 0 | 0.813423 | 0.844016 | 0.841778 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why was everyone afraid to say bad things ? | ทำไมทุกคนถึงกลัวที่จะพูดสิ่งเลวร้าย? | Because they saw the green was airless because he said the blue ball was stupid | เพราะพวกเขาเห็นสีเขียวไม่มีอากาศเพราะเขาบอกว่าลูกบอลสีน้ำเงินโง่ | {'paragraph': 136, 'question': 1565, 'answer': 8144} | 0 | 0.813423 | 0.844016 | 0.845735 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why was everyone afraid to say bad things ? | ทำไมทุกคนถึงกลัวที่จะพูดสิ่งเลวร้าย? | They were afraid of losing their air | พวกเขากลัวที่จะสูญเสียอากาศ | {'paragraph': 136, 'question': 1565, 'answer': 8145} | 1 | 0.813423 | 0.844016 | 0.834896 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why was everyone afraid to say bad things ? | ทำไมทุกคนถึงกลัวที่จะพูดสิ่งเลวร้าย? | They did not want to be banished | พวกเขาไม่ต้องการถูกเนรเทศ | {'paragraph': 136, 'question': 1565, 'answer': 8146} | 0 | 0.813423 | 0.844016 | 0.705467 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why was everyone afraid to say bad things ? | ทำไมทุกคนถึงกลัวที่จะพูดสิ่งเลวร้าย? | The orange ball was mean to them | ลูกบอลสีส้มหมายถึงพวกเขา | {'paragraph': 136, 'question': 1565, 'answer': 8147} | 0 | 0.813423 | 0.844016 | 0.802995 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why was everyone afraid to say bad things ? | ทำไมทุกคนถึงกลัวที่จะพูดสิ่งเลวร้าย? | They did not want the air taken away | พวกเขาไม่ต้องการให้อากาศถูกพรากไป | {'paragraph': 136, 'question': 1565, 'answer': 8148} | 1 | 0.813423 | 0.844016 | 0.792079 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did they take the air from the purple ball ? | ทำไมพวกเขาถึงเอาอากาศจากลูกบอลสีม่วง? | Because the green ball asked them to | เพราะลูกบอลสีเขียวขอให้พวกเขา | {'paragraph': 136, 'question': 1566, 'answer': 8149} | 0 | 0.813423 | 0.898927 | 0.836259 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did they take the air from the purple ball ? | ทำไมพวกเขาถึงเอาอากาศจากลูกบอลสีม่วง? | He was being mean to everyone | เขามีความหมายกับทุกคน | {'paragraph': 136, 'question': 1566, 'answer': 8150} | 1 | 0.813423 | 0.898927 | 0.730964 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did they take the air from the purple ball ? | ทำไมพวกเขาถึงเอาอากาศจากลูกบอลสีม่วง? | Because the purple ball was mean | เพราะลูกบอลสีม่วงเป็นค่าเฉลี่ย | {'paragraph': 136, 'question': 1566, 'answer': 8151} | 1 | 0.813423 | 0.898927 | 0.694955 |
The cute red ball rolled over to the blue ball and said hello . The blue ball was scared and went to cry to the green ball . The green ball laughed at the blue ball . Then the green ball told the orange ball that blue ball was stupid . Most felt this was not good to do and so they punished the green ball by taking away all his air . From that day on everyone saw the air - less green ball and knew that they could not do or say any bad things . This is how the trouble started . The purple ball used the fear of everyone to become the leader that they all feared . The purple ball was mean to everyone . Until one day the red ball spoke up and got all the other colored balls together and they took the air from the purple ball and put it in the green ball . Sadly , the green ball had been without air for too long and was dead . | ลูกบอลสีแดงน่ารักกลิ้งไปที่ลูกบอลสีน้ำเงินและกล่าวสวัสดี ลูกบอลสีน้ำเงินกลัวและไปร้องไห้กับลูกบอลสีเขียว ลูกบอลสีเขียวหัวเราะที่ลูกบอลสีน้ำเงิน จากนั้นลูกบอลสีเขียวก็บอกลูกบอลสีส้มว่าบอลสีฟ้าโง่ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีที่จะทำและพวกเขาก็ลงโทษลูกบอลสีเขียวโดยเอาอากาศทั้งหมดออกไป ตั้งแต่วันนั้นทุกคนเห็นอากาศ - ลูกบอลสีเขียวน้อยลงและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำหรือพูดสิ่งเลวร้ายใด ๆ ได้ นี่คือวิธีเริ่มต้นปัญหา ลูกบอลสีม่วงใช้ความกลัวของทุกคนในการเป็นผู้นำที่พวกเขาทุกคนกลัว ลูกบอลสีม่วงมีความหมายต่อทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูกบอลสีแดงพูดขึ้นและได้ลูกบอลสีอื่น ๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพวกเขาก็เอาอากาศจากลูกบอลสีม่วงแล้ววางไว้ในลูกบอลสีเขียว น่าเศร้าที่ลูกบอลสีเขียวไม่มีอากาศนานเกินไปและตายไปแล้ว | Why did they take the air from the purple ball ? | ทำไมพวกเขาถึงเอาอากาศจากลูกบอลสีม่วง? | Because the blue ball needed air | เพราะลูกบอลสีน้ำเงินต้องการอากาศ | {'paragraph': 136, 'question': 1566, 'answer': 8152} | 0 | 0.813423 | 0.898927 | 0.808961 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What can the motion of convection be compared to ? | การเคลื่อนไหวของการพาความร้อนสามารถเปรียบเทียบกับอะไรได้บ้าง? | A sea trench | คูน้ำทะเล | {'paragraph': 137, 'question': 1567, 'answer': 8153} | 0 | 0.877672 | 0.787432 | 0.691475 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What can the motion of convection be compared to ? | การเคลื่อนไหวของการพาความร้อนสามารถเปรียบเทียบกับอะไรได้บ้าง? | A giant conveyor belt | เข็มขัดสายพานลำเลียงยักษ์ | {'paragraph': 137, 'question': 1567, 'answer': 8154} | 1 | 0.877672 | 0.787432 | 0.796658 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What can the motion of convection be compared to ? | การเคลื่อนไหวของการพาความร้อนสามารถเปรียบเทียบกับอะไรได้บ้าง? | A conveyor belt | สายพานลำเลียง | {'paragraph': 137, 'question': 1567, 'answer': 8155} | 1 | 0.877672 | 0.787432 | 0.867523 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What can the motion of convection be compared to ? | การเคลื่อนไหวของการพาความร้อนสามารถเปรียบเทียบกับอะไรได้บ้าง? | An enormous rock | หินขนาดใหญ่ | {'paragraph': 137, 'question': 1567, 'answer': 8156} | 0 | 0.877672 | 0.787432 | 0.824857 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What can the motion of convection be compared to ? | การเคลื่อนไหวของการพาความร้อนสามารถเปรียบเทียบกับอะไรได้บ้าง? | A big mantle | เสื้อคลุมขนาดใหญ่ | {'paragraph': 137, 'question': 1567, 'answer': 8157} | 0 | 0.877672 | 0.787432 | 0.611701 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What kind of feature occurs where cooled mantle material sinks back down into the mantle ? | คุณลักษณะใดที่เกิดขึ้นเมื่อวัสดุปกคลุมเย็นลงจะจมลงไปในเสื้อคลุม? | Heat | ความร้อน | {'paragraph': 137, 'question': 1568, 'answer': 8158} | 0 | 0.877672 | 0.675225 | 0.77694 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What kind of feature occurs where cooled mantle material sinks back down into the mantle ? | คุณลักษณะใดที่เกิดขึ้นเมื่อวัสดุปกคลุมเย็นลงจะจมลงไปในเสื้อคลุม? | Convection | การพา | {'paragraph': 137, 'question': 1568, 'answer': 8159} | 0 | 0.877672 | 0.675225 | 0.493801 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What kind of feature occurs where cooled mantle material sinks back down into the mantle ? | คุณลักษณะใดที่เกิดขึ้นเมื่อวัสดุปกคลุมเย็นลงจะจมลงไปในเสื้อคลุม? | Sea trench | คูน้ำทะเล | {'paragraph': 137, 'question': 1568, 'answer': 8160} | 1 | 0.877672 | 0.675225 | 0.753866 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What kind of feature occurs where cooled mantle material sinks back down into the mantle ? | คุณลักษณะใดที่เกิดขึ้นเมื่อวัสดุปกคลุมเย็นลงจะจมลงไปในเสื้อคลุม? | Deep sea trench | คูน้ำทะเลลึก | {'paragraph': 137, 'question': 1568, 'answer': 8161} | 1 | 0.877672 | 0.675225 | 0.838844 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What kind of feature occurs where cooled mantle material sinks back down into the mantle ? | คุณลักษณะใดที่เกิดขึ้นเมื่อวัสดุปกคลุมเย็นลงจะจมลงไปในเสื้อคลุม? | Conveyor belt | สายพาน | {'paragraph': 137, 'question': 1568, 'answer': 8162} | 0 | 0.877672 | 0.675225 | 0.85129 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens to the cooled mantle material that does not break through the surface ? | จะเกิดอะไรขึ้นกับวัสดุแมนเทิลที่เย็นซึ่งไม่ผ่านพื้นผิว? | It stops | มันหยุด | {'paragraph': 137, 'question': 1569, 'answer': 8163} | 0 | 0.877672 | 0.789063 | 0.797407 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens to the cooled mantle material that does not break through the surface ? | จะเกิดอะไรขึ้นกับวัสดุแมนเทิลที่เย็นซึ่งไม่ผ่านพื้นผิว? | They start moving horizontally | พวกเขาเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน | {'paragraph': 137, 'question': 1569, 'answer': 8164} | 1 | 0.877672 | 0.789063 | 0.754643 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens to the cooled mantle material that does not break through the surface ? | จะเกิดอะไรขึ้นกับวัสดุแมนเทิลที่เย็นซึ่งไม่ผ่านพื้นผิว? | They start going down again | พวกเขาเริ่มลงอีกครั้ง | {'paragraph': 137, 'question': 1569, 'answer': 8165} | 0 | 0.877672 | 0.789063 | 0.798891 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens to the cooled mantle material that does not break through the surface ? | จะเกิดอะไรขึ้นกับวัสดุแมนเทิลที่เย็นซึ่งไม่ผ่านพื้นผิว? | It moves toward the surface | มันเคลื่อนไปทางพื้นผิว | {'paragraph': 137, 'question': 1569, 'answer': 8166} | 0 | 0.877672 | 0.789063 | 0.841905 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens to the cooled mantle material that does not break through the surface ? | จะเกิดอะไรขึ้นกับวัสดุแมนเทิลที่เย็นซึ่งไม่ผ่านพื้นผิว? | It begins to move horizontally | มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน | {'paragraph': 137, 'question': 1569, 'answer': 8167} | 1 | 0.877672 | 0.789063 | 0.73416 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens to the heated material in the mantle as it rises toward the surface ? | จะเกิดอะไรขึ้นกับวัสดุที่ร้อนในเสื้อคลุมขณะที่มันขึ้นไปทางพื้นผิว? | It stays the same | มันยังคงเหมือนเดิม | {'paragraph': 137, 'question': 1570, 'answer': 8168} | 0 | 0.877672 | 0.828463 | 0.580644 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens to the heated material in the mantle as it rises toward the surface ? | จะเกิดอะไรขึ้นกับวัสดุที่ร้อนในเสื้อคลุมขณะที่มันขึ้นไปทางพื้นผิว? | It heats up | มันร้อนขึ้น | {'paragraph': 137, 'question': 1570, 'answer': 8169} | 0 | 0.877672 | 0.828463 | 0.778229 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens to the heated material in the mantle as it rises toward the surface ? | จะเกิดอะไรขึ้นกับวัสดุที่ร้อนในเสื้อคลุมขณะที่มันขึ้นไปทางพื้นผิว? | The material in the mantle gets cooler | วัสดุในเสื้อคลุมจะเย็นลง | {'paragraph': 137, 'question': 1570, 'answer': 8170} | 0 | 0.877672 | 0.828463 | 0.72044 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens to the heated material in the mantle as it rises toward the surface ? | จะเกิดอะไรขึ้นกับวัสดุที่ร้อนในเสื้อคลุมขณะที่มันขึ้นไปทางพื้นผิว? | The material in the mantle stops | วัสดุในเสื้อคลุมหยุด | {'paragraph': 137, 'question': 1570, 'answer': 8171} | 0 | 0.877672 | 0.828463 | 0.739249 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens to the heated material in the mantle as it rises toward the surface ? | จะเกิดอะไรขึ้นกับวัสดุที่ร้อนในเสื้อคลุมขณะที่มันขึ้นไปทางพื้นผิว? | It cools | มันเย็นลง | {'paragraph': 137, 'question': 1570, 'answer': 8172} | 1 | 0.877672 | 0.828463 | 0.759129 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Where does the heat deep in the Earth try to go ? | ความร้อนลึกลงไปในโลกพยายามไปที่ไหน? | The heat tries to go toward the core | ความร้อนพยายามที่จะไปสู่แกนกลาง | {'paragraph': 137, 'question': 1571, 'answer': 8173} | 0 | 0.877672 | 0.821 | 0.77744 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Where does the heat deep in the Earth try to go ? | ความร้อนลึกลงไปในโลกพยายามไปที่ไหน? | Rise toward the surface | ขึ้นสู่พื้นผิว | {'paragraph': 137, 'question': 1571, 'answer': 8174} | 1 | 0.877672 | 0.821 | 0.793648 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Where does the heat deep in the Earth try to go ? | ความร้อนลึกลงไปในโลกพยายามไปที่ไหน? | Even deeper | ลึกซึ้งยิ่งขึ้น | {'paragraph': 137, 'question': 1571, 'answer': 8175} | 0 | 0.877672 | 0.821 | 0.761122 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Where does the heat deep in the Earth try to go ? | ความร้อนลึกลงไปในโลกพยายามไปที่ไหน? | Theheat tries to rise toward the mantle | ความร้อนพยายามที่จะลุกขึ้นสู่เสื้อคลุม | {'paragraph': 137, 'question': 1571, 'answer': 8176} | 0 | 0.877672 | 0.821 | 0.51059 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Where does the heat deep in the Earth try to go ? | ความร้อนลึกลงไปในโลกพยายามไปที่ไหน? | Sea trench | คูน้ำทะเล | {'paragraph': 137, 'question': 1571, 'answer': 8177} | 0 | 0.877672 | 0.821 | 0.753866 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Where does the heat deep in the Earth try to go ? | ความร้อนลึกลงไปในโลกพยายามไปที่ไหน? | The heat tries to rise toward the surface | ความร้อนพยายามที่จะลุกขึ้นสู่พื้นผิว | {'paragraph': 137, 'question': 1571, 'answer': 8178} | 1 | 0.877672 | 0.821 | 0.834205 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Where does the heat deep in the Earth try to go ? | ความร้อนลึกลงไปในโลกพยายามไปที่ไหน? | To the mantle | ไปที่เสื้อคลุม | {'paragraph': 137, 'question': 1571, 'answer': 8179} | 0 | 0.877672 | 0.821 | 0.422174 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Where does the heat deep in the Earth try to go ? | ความร้อนลึกลงไปในโลกพยายามไปที่ไหน? | It tries to rise toward the Earth 's surface | มันพยายามขึ้นสู่พื้นผิวโลก | {'paragraph': 137, 'question': 1571, 'answer': 8180} | 1 | 0.877672 | 0.821 | 0.727612 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Where does the heat deep in the Earth try to go ? | ความร้อนลึกลงไปในโลกพยายามไปที่ไหน? | Surface | พื้นผิว | {'paragraph': 137, 'question': 1571, 'answer': 8181} | 1 | 0.877672 | 0.821 | 0.706686 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Why does the system work as a conveyor belt ? | เหตุใดระบบจึงทำงานเป็นสายพานลำเลียง? | Because it has a structure like a conveyor belt | เพราะมันมีโครงสร้างเหมือนสายพานลำเลียง | {'paragraph': 137, 'question': 1572, 'answer': 8182} | 0 | 0.877672 | 0.909733 | 0.810442 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Why does the system work as a conveyor belt ? | เหตุใดระบบจึงทำงานเป็นสายพานลำเลียง? | The material sinks back down to the core | วัสดุจมลงสู่แกนกลาง | {'paragraph': 137, 'question': 1572, 'answer': 8183} | 1 | 0.877672 | 0.909733 | 0.764607 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Why does the system work as a conveyor belt ? | เหตุใดระบบจึงทำงานเป็นสายพานลำเลียง? | Heat supplies the energy for motion | ความร้อนจัดหาพลังงานสำหรับการเคลื่อนไหว | {'paragraph': 137, 'question': 1572, 'answer': 8184} | 1 | 0.877672 | 0.909733 | 0.900576 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Why does the system work as a conveyor belt ? | เหตุใดระบบจึงทำงานเป็นสายพานลำเลียง? | Because the motion between heating and cooling | เพราะการเคลื่อนไหวระหว่างความร้อนและการระบายความร้อน | {'paragraph': 137, 'question': 1572, 'answer': 8185} | 1 | 0.877672 | 0.909733 | 0.827992 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Why does the system work as a conveyor belt ? | เหตุใดระบบจึงทำงานเป็นสายพานลำเลียง? | Due to motion | เนื่องจากการเคลื่อนไหว | {'paragraph': 137, 'question': 1572, 'answer': 8186} | 0 | 0.877672 | 0.909733 | 0.76595 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Why does the system work as a conveyor belt ? | เหตุใดระบบจึงทำงานเป็นสายพานลำเลียง? | Because the material moves horizontally | เพราะวัสดุเคลื่อนที่ในแนวนอน | {'paragraph': 137, 'question': 1572, 'answer': 8187} | 0 | 0.877672 | 0.909733 | 0.770046 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Why does the system work as a conveyor belt ? | เหตุใดระบบจึงทำงานเป็นสายพานลำเลียง? | Because the material goes and comes up down in a cycle | เพราะวัสดุไปและขึ้นมาในวงจร | {'paragraph': 137, 'question': 1572, 'answer': 8188} | 1 | 0.877672 | 0.909733 | 0.759164 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Why does the system work as a conveyor belt ? | เหตุใดระบบจึงทำงานเป็นสายพานลำเลียง? | Because the mantle goes up and down | เพราะเสื้อคลุมขึ้นและลง | {'paragraph': 137, 'question': 1572, 'answer': 8189} | 0 | 0.877672 | 0.909733 | 0.608991 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Which direction does the mantle move ? | เสื้อคลุมเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด? | Vertically | ในแนวตั้ง | {'paragraph': 137, 'question': 1573, 'answer': 8190} | 0 | 0.877672 | 0.699079 | 0.753634 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Which direction does the mantle move ? | เสื้อคลุมเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด? | Horizontally | ตามแนวนอน | {'paragraph': 137, 'question': 1573, 'answer': 8191} | 1 | 0.877672 | 0.699079 | 0.673283 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Which direction does the mantle move ? | เสื้อคลุมเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด? | It goes down | มันลงไป | {'paragraph': 137, 'question': 1573, 'answer': 8192} | 0 | 0.877672 | 0.699079 | 0.693176 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Which direction does the mantle move ? | เสื้อคลุมเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด? | It moves horizontally | มันเคลื่อนที่ในแนวนอน | {'paragraph': 137, 'question': 1573, 'answer': 8193} | 1 | 0.877672 | 0.699079 | 0.706675 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens when the mantle material that is near the surface starts to cool ? | จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อวัสดุแมนเทิลที่อยู่ใกล้พื้นผิวเริ่มเย็นลง? | It sinks back down into the mantle | มันจมลงไปในเสื้อคลุม | {'paragraph': 137, 'question': 1574, 'answer': 8194} | 1 | 0.877672 | 0.787514 | 0.538602 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens when the mantle material that is near the surface starts to cool ? | จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อวัสดุแมนเทิลที่อยู่ใกล้พื้นผิวเริ่มเย็นลง? | It continues going toward the surface | มันยังคงไปสู่พื้นผิว | {'paragraph': 137, 'question': 1574, 'answer': 8195} | 0 | 0.877672 | 0.787514 | 0.741187 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens when the mantle material that is near the surface starts to cool ? | จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อวัสดุแมนเทิลที่อยู่ใกล้พื้นผิวเริ่มเย็นลง? | It starts moving horizontally | มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน | {'paragraph': 137, 'question': 1574, 'answer': 8196} | 0 | 0.877672 | 0.787514 | 0.716184 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | What happens when the mantle material that is near the surface starts to cool ? | จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อวัสดุแมนเทิลที่อยู่ใกล้พื้นผิวเริ่มเย็นลง? | It stops | มันหยุด | {'paragraph': 137, 'question': 1574, 'answer': 8197} | 0 | 0.877672 | 0.787514 | 0.797407 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Where do sea trenches occur ? | สนามเพลาะทะเลเกิดขึ้นที่ไหน? | Convection | การพา | {'paragraph': 137, 'question': 1575, 'answer': 8198} | 0 | 0.877672 | 0.812984 | 0.493801 |
Heat supplies the energy that causes motion . The deeper you go into toward the Earths core , the hotter it gets . At the core it is really hot . All that heat tries to rise toward the surface . In the Mantle , the rock is partially melted and is able to move . As it is heated , the material in the mantle moves toward the surface . As the mantle material rises , it cools . When it reaches the Earths crust , it is mostly stopped . A little of the material can break through the surface , but not all . Instead , it begins to move horizontally . The mantle material moves horizontally away from a mid - ocean ridge crest . Toward the surface , the mantle material starts to cool . As it cools it sinks back down into the mantle . These areas are where deep sea trench occur . The material sinks back down to the core . The system operates like a giant conveyor belt . The motion due to heating and cooling is called convection . | ความร้อนจัดหาพลังงานที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยิ่งคุณเข้าไปในแกนโลกที่ลึกซึ้งเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนแรงเท่านั้น ที่สำคัญมันร้อนจริงๆ ความร้อนทั้งหมดพยายามที่จะขึ้นสู่พื้นผิว ในเสื้อคลุมหินจะละลายบางส่วนและสามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อความร้อนวัสดุในเสื้อคลุมจะเคลื่อนที่ไปทางพื้นผิว เมื่อวัสดุแมนเทิลเพิ่มขึ้นมันจะเย็นลง เมื่อถึงเปลือกโลกโลกส่วนใหญ่จะหยุด วัสดุเล็กน้อยสามารถแตกผ่านพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันเริ่มเคลื่อนที่ในแนวนอน วัสดุแมนเทิลเคลื่อนที่ในแนวนอนห่างจากยอดกลาง - มหาสมุทรสันเขา ไปทางพื้นผิววัสดุแมนเทิลเริ่มเย็นลง ในขณะที่มันเย็นลงมันก็จมลงไปในเสื้อคลุม พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่ร่องลึกลงไป วัสดุจมลงสู่แกนกลาง ระบบทำงานเหมือนสายพานลำเลียงยักษ์ การเคลื่อนไหวเนื่องจากความร้อนและความเย็นเรียกว่าการพาความร้อน | Where do sea trenches occur ? | สนามเพลาะทะเลเกิดขึ้นที่ไหน? | On the rocks | บนโขดหิน | {'paragraph': 137, 'question': 1575, 'answer': 8199} | 0 | 0.877672 | 0.812984 | 0.843569 |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.