Search is not available for this dataset
year
int64 2.02k
2.02k
| "no"
stringclasses 110
values | instruction
stringlengths 12
1.59k
| input
stringlengths 10
894
⌀ | result
stringlengths 1
248
| isAnswerable
bool 2
classes | isMultipleChoice
bool 2
classes | isSingleChoiceSolution
bool 2
classes |
---|---|---|---|---|---|---|---|
2,019 | "9" | กำหนดให้ a เป็นจำนวนจริง
และ S = { x | x - 2 = a เมื่อ | a - 1 | = 2 }
เซต S เป็นสับเซตของเซตในข้อใด | 1. { 1, 3, 5, 7 }
2. { 3, 4, 5, 6 }
3. { -2, 1, 2, 3 }
4. { -2, -1, 1, 2 }
5. { -5, -2, 2, 5 } | 1. { 1, 3, 5, 7 } | true | true | true |
2,019 | "10" | จากการสำรวจลูกค้าที่ดื่มกาแฟ จำนวน 125 คน ของร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
เกี่ยวกับการใส่น้ำตาล นมสด หรือครีมเทียมในกาแฟ พบว่า
1) มีลูกค้าที่ใส่น้ำตาลในกาแฟ 40 คน
2) มีลูกค้าที่ใส่ครีมเทียมในกาแฟ 50 คน
3) มีลูกค้าที่ใส่น้ำตาลและครีมเทียมในกาแฟ 20 คน
4) มีลูกค้าที่ใส่น้ำตาลและนมสดในกาแฟ 5 คน
5) ไม่มีลูกค้าที่ใส่นมสดและครีมเทียมในกาแฟ
6) มีลูกค้าที่ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่นมสด และไม่ใส่ครีมเทียมในกาแฟ 25 คน
ในการสำรวจนี้ มีลูกค้าที่ใส่นมสดในกาแฟเพียงอย่างเดียวกี่คน | 1. 10 คน
2. 15 คน
3. 20 คน
4. 30 คน
5. 35 คน | 4. 30 คน | true | true | true |
2,019 | "11" | พิจารณาการอ้างเหตุผล โดยกำหนดเหตุและผลดังนี้
เหตุ 1) ภาพวาดในโรงเรียนทุกภาพ วาดโดยครูศิลปะ
2) ภาพวาดที่วาดโดยครูศิลปะบางภาพ เป็นภาพสีน้ำมัน
ผล มีภาพวาดในโรงเรียนบางภาพเป็นภาพสีน้ำมัน
กำหนดให้ S แทน เซตของภาพวาดในโรงเรียน
T แทน เซตของภาพวาดที่วาดโดยครูศิลปะ
P แทน เซตของภาพสีน้ำมัน
แผนภาพในข้อใดสอดคล้องกับเหตุที่กำหนดและแสดงว่าผลสรุปข้างต้นไม่สมเหตุสมผล | 1.
2.
3.
4.
5. | 3 | true | false | false |
2,019 | "12" | พิจารณาการอ้างเหตุผลต่อไปนี้
ก) เหตุ 1) ขนมที่ขายในโรงอาหารบางชนิดไม่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม
2) มีขนม A ขายในโรงอาหาร
ผล ขนม A ไม่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม
ข) เหตุ 1) นักฟุตบอลทุกคนที่เป็นนักเรียน ใส่กางเกงสีเหลือง
2) เก่งเป็นนักเรียนที่ใส่กางเกงสีเหลือง
ผล เก่งเป็นนักฟุตบอล
ค) เหตุ 1) ครูคณิตศาสตร์ทุกคนในโรงเรียน B แต่งงานแล้ว
2) ครูทุกคนในโรงเรียน B ที่แต่งงานแล้วอายุมากกว่า 30 ปี
ผล ครูคณิตศาสตร์ทุกคนในโรงเรียน อายุมากกว่า 30 ปี
ผลสรุปใดบ้างสมเหตุสมผล | 1. ก) เท่านั้น
2. ข) เท่านั้น
3. ค) เท่านั้น
4. ก) และ ค)
5. ข) และ ค) | 3. ค) เท่านั้น | true | true | true |
2,019 | "13" | กราฟแสดงความสัมพันธ์ r เป็นบริเวณที่แรเงา ดังนี้
ความสัมพันธ์ r คือเซตในข้อใด | 1. r = { (x, y) | x+ y < 5, x > 1 และ y > 2 }
2. r = { (x, y) |x + y < 5, x > 2 และ y > 1 }
3. r = { (x, y) |x + y < 5, x < 4 และ y < 3 }
4. r = { (x, y) |x + y > 5, x > 2 และ y > 1 }
5. r = { (x, y) |x + y > 5, x < 4 และ y < 3 } | 2. r = { (x, y) |x + y < 5, x > 2 และ y > 1 } | false | true | true |
2,019 | "14" | กำหนดให้ a เป็นจํานวนจริง และ f เป็นฟังก์ชัน
โดยที่ f(x) = (x + a)² - a เมื่อ x เป็นจำนวนจริง² a
ถ้า f(-2) = f(4) แล้ว a มีค่าเท่ากับเท่าใด | 1. -3
2. -2
3. -1
4. 1
5. 2 | 3. -1 | true | true | true |
2,019 | "15" | กำหนดให้ I แทน เซตของจำนวนเต็ม
และ A = {x | x ∈ I และ 2x² - 3x - 14 ≤ 0}
ผลรวมของสมาชิกทุกตัวในเซต A เท่ากับเท่าใด | 1. -5
2. -3
3. 3
4. 5
5. 7 | 3. 3 | true | true | true |
2,019 | "16" | กำหนดให้ a และ b เป็นจำนวนจริง
ถ้ากราฟของ y = (2^x+a) + (b) ตัดแกน X ที่จุด (2, 0)
และตัดแกน Y ที่จุด (0, 15)
แล้ว a + b มีค่าเท่ากับเท่าใด | 1. -7
2. -3
3. -1
4. 0.5
5. 2 | 2. -3 | true | true | true |
2,020 | "1" | ข้อมูลลักษณะสำคัญของไบโอมชนิดต่างๆแสดงดังตาราง
ไบโอม ลักษณะสำคัญ
สะวันนา มีอุณหภูมิค่อนข้างสูงตลอดปีมีฤดูแล้งยาวนาน และมีหญ้าเป็นพืชกลุ่มเด่น
ป่าเขตร้อน มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่อปี 25 - 29 องศาเซลเซียสมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตสูงมีพืชและต้นไม้ใหญ่หนาแน่น
ทุนดรา มีช่วงฤดูหนาวยาวนานประมาณ10 เดือนมีช่วงฤดูร้อนสั้น ไม่มีต้นไม้ใหญ่และมักพบไลเคนมอสและหญ้า
กำหนดให้สัตว์ 2 ชนิดมีลักษณะและพฤติกรรมเป็นดังนี้
ชนิดที่ 1 กินหญ้าและไลเคนเป็นอาหารเมื่อเข้าฤดูหนาวจะสร้างขึ้นชุดใหม่ที่หนาขึ้นและจะผลัดขนทิ้งเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน
ชนิดที่ 2 กินหญ้าเป็นอาหาร มีขนสั้นอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงในที่ราบโล่ง
จากข้อมูลข้อใดระบุไบโอมที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ชนิดที่ 1 และ2ได้ถูกต้องตามลำดับ | 1. สะวันนาและ ทุนดรา
2. ทุนดราและ สะวันนา
3. ทุนด ราและ ป่าเขตร้อน
4. ป่าเขต ร้อนและทุนดรา
5. ป่าเขต ร้อน และ สะวันนา | 2. ทุนดราและ สะวันนา | true | true | true |
2,020 | "2" | พื้นที่หนึ่งมีลักษณะเป็นลานหินซึ่งไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มาก่อนเมื่อเวลาผ่านไป
เกิดการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทำให้มีรอยแตกบนหินต่อมาจึงเริ่มมีสิ่งมีชีวิตชนิดแรก
เกิดขึ้นและพัฒนาจนกลายเป็นป่า
ข้อใดเรียงลำดับสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้ตั้งแต่แรกเริ่มจนกลายเป็นป่าได้ถูกต้อง | 1. ไลเคน หญ้า มอส ไม้ต้น ไม้พุ่ม
2. ไลเคน มอส หญ้า ไม้ต้น ไม้พุ่ม
3. ไลเคน มอส หญ้า ไม้พุ่ม ไม้ต้น
4. หญ้า ไลเคน มอสไม้พุ่ม ไม้ต้น
5. หญ้า ไม้พุ่ม ไม้ต้น มอส ไลเคน | 3. ไลเคน มอส หญ้า ไม้พุ่ม ไม้ต้น | true | true | true |
2,020 | "3" | ลักษณะการลำเลียงสารเข้าสู่เซลล์ของสาร A B และ C ขณะเริ่มต้น เป็นดังภาพ
จากภาพ ข้อใดระบุรูปแบบและทิศทางการลำเลียงสารได้ถูกต้อง | ชนิดของสาร รูปแบบการลำเลียงสาร ทิศทางการล่าเลียง
1. สาร A การแพร่แบบฟาซิลิเทต ความเข้มข้นมาก ➜ น้อย
2. สาร A การแพร่แบบธรรมดา ความเข้มข้นมาก ➜ น้อย
3. สาร B การแพร่แบบฟาซิลิเทต ความเข้มข้นน้อย ➜ มาก
4. สาร B การแพร่แบบแอกทีฟทรานสปอร์ต ความเข้มข้นน้อย ➜ มาก
5. สาร C การแพร่แบบฟาซิลิเกต ความเข้มข้นมาก ➜ น้อย | 2. สาร A การแพร่แบบธรรมดา ความเข้มข้นมาก ➜ น้อย | false | true | true |
2,020 | "4" | ข้อใดกล่าวถึงการรักษาดุลยภาพของกรด เบสในเลือดได้ถูกต้อง
| 1. ถ้าเลือดเป็นเบสอัตราการหายใจจะลดลง เพื่อลดปริมาณ H^+
2. ถ้าเลือดเป็นเบส อัตราการหายใจจะเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณ H^+
3. ถ้าเลือดเป็นกรด อัตราการหายใจจะลดลง เพื่อเพิ่มปริมาณ CO2
4. ถ้าเลือดเป็นกรด อัตราการหายใจจะเพิ่มขึ้นเพื่อลดปริมาณ CO2
5. ถ้าเลือดเป็นกรด อัตราการหายใจจะลดลงเพื่อให้ปริมาณ CO₂ คงที | 4. ถ้าเลือดเป็นกรด อัตราการหายใจจะเพิ่มขึ้นเพื่อลดปริมาณ CO2 | true | true | true |
2,020 | "5" | ชายคนหนึ่งตัดหญ้าในสนามฟุตบอลท่ามกลางอากาศร้อน จัด ที่มีอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส
เป็นเวลา2ชั่วโมงโดยไม่หยุดพักทำให้ร่างกายของเขามีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ
จากสถานการณ์ข้อใดระบุกลไกที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายของชายคนนี้กลับสู่สภาวะปกติได้ถูกต้อง | 1. อัตราเมแทบอลิซึมลดลงหลอดเลือดบริเวณผิวหนังหดตัว
2. อัตราเมแทบอลิซึมเพิ่มขึ้นหลอดเลือดบริเวณผิวหนังหดตัว
3. อัตราเมแทบอลิซึมเพิ่มขึ้นหลอดเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว
4. อัตราเมแทบอลิซึมลดลง ต่อมเหงื่อมีการสร้างเหงื่อเพิ่มมากขึ้น
5. อัตราเมแทบอลิซึมเพิ่มขึ้น ต่อมเหงื่อมีการสร้างเหงื่อเพิ่มมาก ขึ้น | 4. อัตราเมแทบอลิซึมลดลง ต่อมเหงื่อมีการสร้างเหงื่อเพิ่มมากขึ้น | true | true | true |
2,020 | "6" | นักเรียนคนหนึ่งศึกษาสารอินทรีย์ในพืช A B และ C โดยบดพืชแต่ละชนิดให้ละเอียดผสมกับน้ำ
แล้วนำ ไปคั้นและกรองเพื่อนำ ของเหลวที่ได้ไปทดสอบด้วยวิธีการต่าง ๆได้ผลการทดสอบ ดังตาราง
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อทดสอบด้วยวิธีการต่างๆ
พืช ทดสอบด้วย ทดสอบด้วย ถูบนกระดาษขาว
สารละลายไอโอดีน สารละลายใบยูเร็ต
A สารละลายสีน้ำเงินแกมม่วง สารละลายสีฟ้า กระดาษไม่โปร่งแสง
B สารละลายสีน้ำตาล สารละลายสีฟ้า กระดาษโปร่งแสงมากขึ้น
C สารละลายสีน้ำตาล สารละลายสีม่วง กระดาษไม่โปร่งแสง
จากผลการทดสอบ ข้อใดระบุแนวทางการนำพืชมาใช้ประโยชน์ได้ถูกต้อง | 1. พืช A สามารถนำ มาสกัดได้สารที่นำ มาผลิตเป็นน้ำมันได้
2. พืช B สามารถนำ มาทําผงแป้งประกอบอาหารได้
3. พืช C สามารถนำ มาสกัดได้สารที่นำ มาผลิตเป็นอาหารเสริมโปรตีนได้
4. พืช A และ B สามารถใช้เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชได้
5. พืช B และ C สามารถนำ มารับประทานทดแทน ข้าวได้ | 3. พืช C สามารถนำ มาสกัดได้สารที่นำ มาผลิตเป็นอาหารเสริมโปรตีนได้ | true | true | true |
2,020 | "7" | สาร X เป็นสารสังเคราะห์ที่มีสมบัติเหมือนฮอร์โมนพืชซึ่งมักพบบริเวณปลายยอดของพืชชนิดหนึ่ง
นักวิทยาศาสตร์ การศึกษาผลของสารชนิดนี้ในห้องมืดโดยการตัดส่วนยอดของพืชชนิดนี้ออก
จากนั้นนำชิ้นวุ้นที่มีสาร X ไปวางบนลำต้นของพืชส่วนที่ถูกตัดยอดออกดังภาพที่1 เมื่อตั้งทิ้งไว้
พบว่าลำต้นพืชเกิดการเปลี่ยนแปลงดังภาพที่ 2 ในขณะที่ชุดการทดลองที่เป็นชุดควบคุมซึ่งวาง
ชิ้น วันที่ไม่มีสาร บนลำต้นพืชไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
กำหนดให้ลูกศรแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของสาร X
การตอบสนองของพืชในการทดลองนี้เป็นการตอบสนองของพืชต่อปัจจัยแบบใดและสารมีคุณสมบัติเหมือนฮอร์โมนพืชกลุ่มใด | 1. ปัจจัยภายนอกและสาร X มีสมบัติเหมือนเอทิลีน
2. ปัจจัยภายนอกและสาร X มีสมบัติเหมือนออกซิน
3. ปัจจัยภายในและสาร X มีสมบัติเหมือนไซโทไคนิน
4. ปัจจัยภายในและสาร X มีสมบัติเหมือนจิบเบอเรลลิน
5. ปัจจัยภายใน และสาร X มีสมบัติเหมือนกรดแอบไซซิก | 2. ปัจจัยภายนอกและสาร X มีสมบัติเหมือนออกซิน | false | true | true |
2,020 | "8" | แผนผังแสดงข้อมูลหมู่เลือดระบบ ซึ่งควบคุมด้วยยีนบนออโตโซมและการเป็นโรค
ฮีโมฟีเลียซึ่งควบคุมด้วยแอลลีกด้อยบนโครโมโซม ของครอบครัวหนึ่ง เป็นดังนี้
ถ้าครอบครัวนี้ มีลูกคนที่ 4 จีโนไทป์แบบใดจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
กำหนดให้ คือ แอลลี ลเด่นที่ ไม่ทำให้เป็นโรคฮี โมฟี เลีย และ 6 คือ แอลลี ลน้อยที่ทำให้
เป็นโรคฮีโมฟิ เลีย | 1. I^B iX^HX^h
2. I^AI^BX^hX^h
3. I^AI^AX^HX^H
4.I^BiXHY
5.iiXhY | 3. I^AI^AX^HX^H | false | true | true |
2,020 | "9" | แบบจำลองพอลินิวคลีโอไทด์สายหนึ่ง แสดงดังภาพ
ต่อมาพอลินิ วคลีโอไทด์สาย นี้เกิดมิวเทชันที่ทำให้ ไนโตรจีนัสเบสตำแหน่งที่ 5 เปลี่ยน เป็นกวานีน
ภายหลังการเกิดมิ เทชัน ได้มีการจำลองพอลินิวคลีโอไทด์คู่สายที่เกิดขึ้นใหม่
ข้อใดเป็นลำดับเบสในแบบจำลองของพอลินิวคลีโอไทด์คู่สายที่เกิด ขึ้นใหม่ | 1. CATGATCG
2. CATGGTCG
3. GTACGAGC
4. GTACTAGC
5. GTACCAGC | 5. GTACCAGC | false | true | true |
2,020 | "10" | ข้าวสีทองเกิดจากการปรับปรุงพันธุ์พืชโดยการตัดต่อยืนสังเคราะห์เบต้าแคโรทีนจากพืชชนิดอื่น
เข้าไปในจีโนมของข้าวเพื่อให้ข้าวที่ได้มีเบต้าแคโรทีนอยู่ภายใน เอนโดสเปิร์มทำให้ไม่มี
การสูญ เสียเบต้าแคโรทีนไปในระหว่างการขัดสี
จากข้อมูลข้อใดคือวัตถุประสงค์ของการประยุกต์เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอในการสร้างข้าวสีทอง | 1. เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ
2. เพื่อเพิ่มปริมาณ ผลผลิตของข้าว
3. เพื่อป้องกันการรบกวนจากศัตรูพืช
4. เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิตข้าว
5. เพื่อเพิ่มความทนทานต่อสภาพอากาศ | 1. เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ | true | true | true |
2,020 | "11" | พิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับเลขมวลและจำนวนนิวตรอนของธาตุ X Y WและZ ดังนี้
ธาตุ เลขมวล นิวตรอน
X 23 12
Y 18 10
W 27 14
Z 16 8
จากข้อมูลข้อใดกล่าวถูกต้อง | 1. เลขอะตอมของ W เท่ากับ14
2. Y กับ Z เป็นธาตุชนิดเดียวกัน
3. สัญลักษณ์นิวเคลียร์ของ X คือ 1223X
4. Z^2- ไอออนมีจํานวนโปรตอนเท่ากับ 6
5.X^+ ไอออนกับอะตอม W มีจํานวนอิเล็กตรอนเท่ากัน
| 2. Y กับ Z เป็นธาตุชนิดเดียวกัน | true | true | true |
2,020 | "12" | กำหนดตำแหน่งของธาตุ 8 ชนิด ในตารางธาตุ เป็นดังนี้
จากข้อมูลข้อสรุปใดไม่ถูกต้อง | 1. ธาตุ Q มีแนวโน้มรับอิเล็กตรอนเมื่อเกิดปฏิกิริยากับธาตุ Z
2. ธาตุ E มีสมบัติการนำไฟฟ้าได้ดีกว่าธาตุ แต่ไม่ดีเท่าธาตุ P
3. ธาตุ W E และ L มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 2 4 และ 6 ตามลำดับ
4. ธาตุ G มีสถานะเป็นแก๊สที่อยู่ในรูปอะตอมเดี่ยวและไม่ว่องไวต่อปฏิกิริยาเคมี
5. ธาตุ Z และ M มีสมบัติทางเคมีคล้ายกัน แต่ธาตุ Z อยู่ในคาบที่มีค่าตัวเลขมากกว่าธาตุ M | 5. ธาตุ Z และ M มีสมบัติทางเคมีคล้ายกัน แต่ธาตุ Z อยู่ในคาบที่มีค่าตัวเลขมากกว่าธาตุ M | false | true | true |
2,020 | "13" | สารประกอบไอออนิก A B C D และ E เกิดจากแรงยึดเหนี่ยวระหว่างไอออนบวกกับ ไอออนลบดังนี้
สารประกอบไอออนิก ไอออนบวก ไอออนลบ
A Na^+ NO3-
B Al^3+ S^2-
C NH4+ SO4
D Mg2+ PO4^3-
E Ca²+ CI^-
จากข้อมูลอัตราส่วนการรวมตัวของไอออนบวกต่อไอออนลบที่ทำให้เกิดสารประกอบไอออนิกในข้อใดถูกต้อง | สารประกอบไอออนิก อัตราส่วนการรวมตัว
1. A 1 : 3
2. B 3 : 2
3. C 2 : 1
4. D 4 : 1
5. E 2 : 1 | 3. C 2 : 1 | true | true | true |
2,020 | "14" | สูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ A B C และ D เป็นดังนี้
จากข้อมูลข้อใดระบุสมบัติความเป็นกรด เบสของสารได้ถูกต้อง | กรด เบส
1. สาร C สาร A
2. สาร B สาร C
3. สาร D สาร B
4. สาร C สาร D
5. สาร A สาร D | 2. สาร B สาร C | false | true | true |
2,020 | "15" | ข้อมูลแสดงสมบัติและผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ 4ชนิด เป็นดังตาราง
พอลิเมอร์ สมบัติ ผลิตภัณฑ์
A แข็งเหนียวทนความร้อน ขวดนําดื่มแบบใส
B แข็งเปราะ นําหนักเบา ช้อนส้อมพลาสติก
C แข็งทนความร้อนสูง ปลั๊กไฟ
D เหนียวยืดหยุ่นโปร่งใส ถุงพลาสติกใส่ของเย็น
จากข้อมูล ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง | 1. พอลิเมอร์ A และ B มีโครงสร้างแบบเส้น
2. พอลิเมอร์ C และ D สามารถนำ มารีไซเคิลได้
3. พอลิเมอร์ A มีจุดหลอมเหลวสูงกว่าพอลิเมอร์ D
4. พอลิเมอร์ B และ D เป็นพอลิเมอร์เทอร์มอพลาสติก
5. ตัวอย่างของพอลิเมอร์ D คือพอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่ำ | 2. พอลิเมอร์ C และ D สามารถนำ มารีไซเคิลได้ | true | true | true |
2,020 | "16" | ธาตุ025กรัมท่าปฏิกิริยากับสารละลาย เข้มข้นร้อยละ040โดยมวลต่อปริมาตร
จำนวน10ลูกบาศก์เซนติเมตรที่อุณหภูมิ30 องศาเซลเซียสเกิดสารประกอบและธาตุ
โดยมีสมการเคมีที่ดุลแล้วเป็นดังนี้
2A(s) + 2B(aq) ---> 2C(aq) + D(g
สมการเคมีแสดงด้วยแบบจำลองเปนดังนี้
จากข้อมูลสารประกอบมีแบบจำลองแบบใดและภาวะการทดลองใดที่ทำให้
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้น | แบบจําลองของ
สารประกอบ C ภาวะการทดลอง
1. บดธาตุ เป็นผงละเอียด
2. บดธาตุ เป็นผงละเอียด
3. เพิ่มปริมาตรสารละลาย B เป็น 20 ลูกบาศก์เซนติเมตร
4. ใช้สารละลาย B เข้มข้นร้อยละ 0.50 โดยมวลต่อปริมาตร
5. ใช้สารละลาย B เข้มข้นร้อยละ 0.50 โดยมวลต่อปริมาตร | 1. บดธาตุ เป็นผงละเอียด | false | true | true |
2,020 | "17" | สารกัมมันตรังสี X มวล 100 กรัม เกิดการสลาย ดังกราฟ
จากข้อมูล ถ้าเริ่มต้นมีสารกัมมันตรังสี X มวล 2000 กรัม และเมื่อเวลาผ่านไปพบว่า
สารกัมมันตรังสี X สลายไป 1875กรัม สารกัมมันตรังสี X ใช้เวลาในการสลายกี่วัน | 1. 10 วัน
2. 19 วัน
3. 40 วัน
4. 60 วัน
5. 80 วัน | 3. 40 วัน | false | true | true |
2,020 | "18" | วัตถุหนึ่ึ่งเคลื่อนที่เป็นแนวตรง ซึ่งกราฟที่แสดงความเร็วของวัตถุที่เวลาต่างๆ เป็นดังนี้
ข้อใดระบุเวลาที่วัตถุมีความเร่งเท่ากับศูนย์และระบุช่วงเวลาที่วัตถุมีความเร่งเฉลี่ย -2เมตรต่อวินาที^5 ได้ถูกต้อง | เวลาที่ความเร่งมีค่าเท่ากับศูนย์ ช่วงเวลาที่มีความเร่งเฉลี่ย - 2 เมตรต่อวินาที^2
1. ณ เวลา 3 วินาที ณ ช่วงเวลา 4-5 วินาที
2. ณ เวลา 3 วินาที ณ ช่วงเวลา 4-6 วินาที
3. ณ เวลา 6 วินาที ณ ช่วงเวลา 4-6 วินาที
4. ณ เวลา 6 วินาที ณ ช่วงเวลา 6-7 วินาที
5. ณ เวลา 8 วินาที ณ ช่วงเวลา 6-7 วินาที | 5. ณ เวลา 8 วินาที ณ ช่วงเวลา 6-7 วินาที | false | true | true |
2,020 | "19" | วัตถุ A และ B วางซ้อนกันบนพ้น ดังภาพโดยวัตถุ B มีน้ำหนัก ฃเแ็น 2 เท่าของวัตถุ A
ข้อใดกล่าวถูกต้อง | 1. แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ A มีทิศทางขึ้น
2. แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ B มีทิศทางขึ้น
3. แรงที่วัตถุ A กระทำต่อพื้นมีขนาดมากกว่าแรงที่วัตถุ A กระทำต่อวัตถุ B
4. แรงที่วัตถุ A กระทำต่อวัตถุ B มีทิศทางเดียวกับแรงที่วัตถุ A กระทำต่อพื้น
5. แรงที่วัตถุ A กระทำต่อวัตถุ B มีขนาดมากกว่าแรงที่วัตถุ B กระทำต่อวัตถุ A | 3. แรงที่วัตถุ A กระทำต่อพื้นมีขนาดมากกว่าแรงที่วัตถุ A กระทำต่อวัตถุ B | false | true | true |
2,020 | "20" | ครูวาดภาพจำลองโลกและด่วเทียม A และ B ที่โคจรรอบโลก โดยกำหนดให้ดาวเทียมทั้งสองมีมวลเท่ากัน และดาวเทียมแต่ละดวงเคลื่อนที่แบบวงกลมรอบโลกด้วยอีตราเร็วคงตัว
ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการโคจรของดาวเทียมในแผนภาพข้างต้น ซึ่งนักเรียน 3 คนกล่าวดังนี้
ไก่ : ขณะดาวเทียม A โคจรรอบโลกจะมีความเร่งในทิศทางตั้งฉากกับแรงที่โลกดึงดูดดาวเทียม A
ไข่ : อัตราเร็วในวงโคจรของดาวเทียม A น้อยกว่าของดาวเทียม B
คม : แรงโน้มถ่วงระหว่างดาวเทียม B กับโลกมีขนาดน้อยกว่าแรงโน้มถ่วงระหว่างดาวเทียม A กับโลก
นักเรียนคนใดกล่าวถูกต้อง | 1. ไก่ เท่านั้น
2. ไข่ เท่านั้น
3. คม เท่านั้น
4. ไก่และไข่เท่านั้น
5. ไข่และคมเท่านั้น | 2. ไข่ เท่านั้น | false | true | true |
2,020 | "21" | อิเล็กตรอนกำลังเคลื่อนที่เป็นแนวตรงจากจุด O ไปยังจุด A ตามแกน Y ดังภาพในมุมมองสามมิติ
จากภาพถ้าต้องการให้อิเล็กตรอนเบนเข้าหาผนังโดยใช้สนามแม่เหล็กสนามแม่เหล็ก
ต้องมีทิศทางใด | 1. ทิศพุ่งออกตามแกน
2. ทิศพุ่งเข้าสวนทางกับแกน
3. ทิศพุ่งขึ้นตามแกน
4. ทิศพุ่งลงสวนทางกับแกน
5. ทิศพุ่งไปทางซ้ายสวนทางกับแกน | 3. ทิศพุ่งขึ้นตามแกน
| false | true | true |
2,020 | "22" | ปฏิกิริยานิวเคลียร์หนึ่งเกิดโดยนิวเคลียสทั้งต้น2นิวเคลียสรวมตัวกันกลายเป็นนิวเคลียสของ
ฮีเลียม(42He) พร้อมกับปลดปล่อยโปรตอน(11H) จำนวน 2 อนุภาคและพลังงาน (0.001M)c^2
เมื่อ M คือ มวลรวมของนิวเคลียสหลังเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์
c คืออัตราเร็วของแสงในสุญญากาศ
ข้อใดแสดงสมการที่สอดคล้องกับปฏิกิริยาข้างต้น และมวลรวมของนิวเคลียสก่อนเกิดปฏิกิริยา
ได้ถูกต้อง | สมการของปฏิกิริยา มวลรวมก่อนเกิดปฏิกิริยา
1. 21H + 32He → 42He + 2(¦H) 0.999M
2. 21H + 32He → 42He + 2(¦H) 1.001M
3. ²¦HHe + 32He → 42He + 2(¦H) 0.999M
4. ²¦HHe + 32He → 42He + 2(¦H) 1.001M
5. ²¦HHe + 32He → 42He + 2(¦H) 0.999M | 4. ²¦HHe + 32He → 42He + 2(¦H) 1.001M | true | true | true |
2,020 | "23" | ทดลองปรับชุดอุปกรณ์แผงเซลล์สุริยะดังภาพ
โดยปรับขนาดของมุมระหว่างกระจกเงากับพื้น 8 ให้มีค่าแตกต่างกันวัดความเข้มแสง
ที่ตกกระทบบนแผงเซลล์สุริยะได้ผลดังตาราง
ความเข้มแสง
o (องศา) วัตต์ต่อตารางเมตร
90 750
80 794
70 810
60 806
50 798
ถ้ามุม o มีค่าคงตัวความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มแสงกับพลังงานไฟฟ้าที่แผงเซลล์สุริยะ
และถ้ามีแผงเซลล์สุริยะชุดหนึ่งที่มีอุปกรณ์และการติดตั้งเหมือนดังภาพผลิตได้เป็นอย่างไร
แต่กระจกเงาทำ มุมกับพื้น 60 องศา อยู่ก่อนแล้ว ควรทดลองปรับกระจกเงาอย่างไร
เพื่อหาขนาดของมุม o ที่เพิ่มประสิทธิภาพ ของแผงเซลล์สุริยะได้มากที่สุด | ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มแสงกับพลังงานไฟฟ้า การทดลองปรับกระจกเงา
1. ความสัมพันธ์แบบทิศทางเดียวกัน ลด o ให้มีค่าระหว่าง 50 - 60 องศา
2. ความสัมพันธ์แบบทิศทางตรงข้ามกัน ลด o ให้มีค่าระหว่าง 50 - 60 องศา
3. ความสัมพันธ์แบบทิศทางตรงข้ามกัน ไม่ต้องปรับมุม o อีก
4. ความสัมพันธ์แบบทิศทางตรงข้ามกัน เพิ่ม o ให้มีค่าระหว่าง 60 - 80 องศา
5. ความสัมพันธ์แบบทิศทางเดียวกัน เพิ่ม o ให้มีค่าระหว่าง 60 - 80 องศา | 5. ความสัมพันธ์แบบทิศทางเดียวกัน เพิ่ม o ให้มีค่าระหว่าง 60 - 80 องศา | false | true | true |
2,020 | "24" | คลื่นสองคลื่นเคลื่อนที่เข้าหากัน
โดยแต่ละคลีนมีอัตราเร็ว010 เมตรต่อวินาที
ซึ่งภาพแสดงคลื่นที่เกิดจากการรวมกัน
ณเวลา13วินาทีเป็นดังนี้
ข้อใดแสดงภาพคลื่น ณ เวลา t = 3 วินาทีได้ถูกต้อง | 1. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบเสริม
2. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบเสริม
3. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบหักล้าง
4. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบหักล้าง
5. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบเสริม | 4. ณ t = 3 วินาที คลื่นในภาพนี้จะเกิดการรวมคลื่นแบบหักล้าง | false | true | true |
2,020 | "25" | กำหนดให้แสงสีมีความยาวคลื่นดังตาราง และการผสมแสงสีปฐมภูมิเป็นดังภาพ
วัตถุชิ้นหนึ่งสามารถดูดกลืนแสงสีที่มีความยาวคลื่น400 550นาโนเมตร วัตถุดังกล่าวมีสาร ใด
และถ้าคนตาปกติมองวัตถุชิ้นนี้ภายใต้แสงขาวเซลล์รูปกรวยชนิดที่มีความ ไวสูงสุดต่อแสงสีใด
จะถูกกระตุ้น | สีของวัตถุ เซลล์รูปกรวยที่จะถูกกระตุ้น
1. เหลือง เหลือง
2. เหลือง แดงและ เขียว
3. นํ้าเงิน นํ้าเงิน
4. น้ำเงิน แดงและเขียว
5. แดง น้ำเงิน และเขียว | 2. เหลือง แดงและ เขียว | false | true | true |
2,020 | "26" | สายลับคนหนึ่งมีรีโมทที่สามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ X ได้โดยใช้รังสีอินฟราเรด
ความถี่ค่าหนึ่ง แต่สายลับพบว่าอุปกรณ์ X ถูกเก็บอยู่ในกล่องแก้วบางที่ภายในกล่องเป็น
สูญญากาศ
จากสถานการณ์ พิจารณาข้อความต่อไปนี้
A. รีโมทของสายลับสามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ X จากภายนอกกล่องได้
B. รังสีอินฟราเรดเคลื่อนที่ในอากาศนอกกล่องด้วยอัตราเร็วมากกว่าภายในเนื้อแก้ว
จากข้อมูลข้อความใดไม่ถูกต้อง เพราะเหตุใด | 1. A ไม่ถูกต้อง เพราะรีโมทไม่สามารถควบคุมอุปกรณ์ X ได้เนื่องจากรังสีอินฟราเรดไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ในสุญญากาศ
2. B ไม่ถูกต้อง เพราะรีโมทไม่สามารถควบคุมอุปกรณ์ X ได้เนื่องจากเมื่อรังสีอินฟราเรดเคลื่อนที่เข้าสู่สุญญากาศ ความถี่จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
3. B ไม่ถูกต้องเพราะรังสีอินฟราเรดเคลื่อนที่ภายในเนื้อแก้วได้เร็วกว่าในอากาศ
4. B ไม่ถูกต้องเพราะรังสีอินฟราเรดเคลื่อนที่ภายในเนื้อแก้วและในอากาศด้วยอัตราเร็วเท่ากัน
5. ไม่มี เพราะถูกต้องทั้ง A และ B | 5. ไม่มี เพราะถูกต้องทั้ง A และ B | true | true | true |
2,020 | "27" | กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่าความเร็วของกาแล็กซี A B C และ D ในการเคลื่อนที่ิออกจากกาแล็กซีทางช้างเผือกกับระยะทางระหว่างกาแล็กซีทางเผือกดังภาพ
จากภาพ ข้อความใดไม่ถูกต้อง | 1. กาแล็กซี A อยู่ห่างจากกาแล็กซีทางช้างเผือกน้อยกว่ากาแล็กซี่ B
2. เมื่อเวลาผ่านไปกาแล็กซี C จะอยู่ใกล้กาแล็กซี D มากขึ้น
3. เมื่อเวลาผ่านไปกาแล็กซี Cจะอยู่ห่างจากกาแล็กซีทางช้างเผือกมากกว่า 1.5 Mpe
4. เมื่อเวลาผ่านไป กาแล็กซี B จะมีความเร็วในการเคลื่อนที่ออกจากกาแล็กซีทางช้างเผือกเพิ่มขึ้น
5. เมื่อเวลาผ่านไปกาแล็กซี A และ D จะมีความเร็วในการเคลื่อนที่ออกจากกาแล็กซีทางช้างเผือกเพิ่มขึ้นแต่กาแล็กซี A ยังคงมีความเร็วน้อยกว่ากาแล็กซี D | 2. เมื่อเวลาผ่านไปกาแล็กซี C จะอยู่ใกล้กาแล็กซี D มากขึ้น | false | true | true |
2,020 | "28" | ข้อมูลมวลของดาวฤกษ์ก่อนเกิด5ดวงเทียบกับมวลดวงอาทิตย์เป็นดังตาราง
ดาวฤกษ์ก่อนเกิด มวลของดาวฤกษ์ก่อนเกิดเทียบกับมวลดวงอาทิตย์
(เท่า)
A 40.0
B 4.2
C 3.5
D 1.4
E 15.5
จากข้อมูล ข้อใดระบุดาวฤกษ์ก่อนเกิดที่เมื่อจบชีวิตจะเกิดซูเปอร์โนวาและอายุขัยของดาวฤกษ์ดวงดังกล่าวเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ได้ถูกต้อง
| ดาวฤกษ์ก่อนเกิดที่เมื่อจบชีวิต อายุขัยของดาวฤกษ์ดวงดังกล่าว
จะเกิดซูเปอร์โนวา เมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์
1. A ยาวกว่า
2. B สั้นกว่า
3. C ยาวกว่า
4. D ใกล้เคียงกัน
5. E สั้นกว่า | 5. E สั้นกว่า | true | true | true |
2,020 | "29" | เมื่อไม่นานมานี้นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่นอกระบบสุริยะ ที่มีขนาดและ
ลักษณะคล้ายโลกมากที่สุดดาวเคราะห์ดวงนี้ชื่อว่า“Kepler-1649c ”เป็นดาวเคราะห์หินที่มี
รัศมีเป็น 1.06 เท่าของโลกอยู่ห่างจากโลกประมาณ300ปีแสงโคจรรอบดาวฤกษ์นอกระบบสุริยะ
มีวงโคจรใกล้กับดาวฤกษ์ดวงแม่และได้รับพลังงานจากดาวฤกษ์ดวงแม่ใกล้เคียงกับพลังงาน
ที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์นับเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบดาวเคราะห์ที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลก
และอยู่ในเขตเอื้อชีวิตต่อสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับโลก
จากข้อมูล ข้อใดเป็นสาเหตุที่นักดาราศาสตร์จัดดาวเคราะห์ Kepler-1649c เป็นดาวเคราะห์
ที่อยู่ในบริเวณเขตที่อาจเอื้อชีวิตต่อสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับโลก
| 1. มีขนาดใกล้เคียงกับโลก
2. เป็นดาวเคราะห์หินเช่นเดียวกับโลก
3. มีระยะห่างจากโลกประมาณ300ปีแสง
4. โคจรรอบดาวฤกษ์ศูนย์กลางเช่นเดียวกับโลก
5. ได้รับพลังงานจากดาวฤกษ์ดวงแม่ใกล้เคียงกับพลังงานที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์ | 5. ได้รับพลังงานจากดาวฤกษ์ดวงแม่ใกล้เคียงกับพลังงานที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์ | true | true | true |
2,020 | "30" | ภาพแสดงแนวรอยต่อของแผ่นธรณีและทิศทางการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีต่าง ๆ บนโลก เป็นดังนี้
จากภาพเหตุการณ์ใดต่อนี้ไม่มีโอกาศเกิดขึ้นจริง | 1. พบแนวรอยเลื่อนขนาดใหญ่ที่บริเวณ
2. พบการปะทุ ของภูเขาไฟใต้ทะเลที่บริเวณ
3. เกิดพื้นมหาสมุทรใหม่ที่เป็นหินบะซอลต์ขึ้นที่บริเวณ
4. เกิดธรณี สัณฐาน ที่เป็นหมู่เกาะภูเขาไฟ รูปโค้งขึ้นที่บริเวณ
5. ตรวจสอบพบว่าการเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้ง มีศูนย์เกิดแผ่นดินไหวที่บริเวณ | 4. เกิดธรณี สัณฐาน ที่เป็นหมู่เกาะภูเขาไฟ รูปโค้งขึ้นที่บริเวณ | true | true | true |
2,020 | "31" | คลื่นสึนามิที่สร้างความเสียหายต่อพื้นที่คาบสมุทรแห่งหนึ่งเกิดภายหลังการเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล
บริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณีมหาสุมทร ดังภาพโดยเป็นตำแหน่งศูนย์เกิดแผ่นดินไหว
และเป็นตำแหน่งพื้นที่ชายฝั่งน้ำ ตื้นแห่งหนึ่งของคาบสมุทร
ถ้าเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลเวลา930 น และมีประกาศแจ้งเตือนภัยสึ นามิเวลา1000 น
และหลังจากประกาศแจ้งเตือนภัยเป็นเวลานานเท่าใดที่คลื่นสึนามิจะเคลื่อนที่ถึงตำแหน่ง
ลักษณะของคลื่นสึนามิขณะอยู่ใกล้ชายฝั่งจะเปลี่ยนแปลงไปจากขณะอยู่กลางมหาสมุทรอย่างไร | ระยะเวลาที่คลื่นสึนามิ ลักษณะของคลื่นสึนามิขณะอยู่ใกล้ชายฝั่ง
เคลื่อนที่ถึงตำแหน่ง B เปรียบเทียบกับขณะอยู่กลางมหาสมุทร
หลังจากประกาศแจ้งเตือนภัย ความยาวคลื่น ความเร็วคลื่น
1. 3 ชั่วโมง30นาที ลดลง ลดลง
2. 4ชั่วโมง เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น
3. 3 ชั่วโมง 30 นาที เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น
4. 4 ชั่วโมง เพิ่มขึ้น ลดลง
5. 3 ชั่วโมง 30 นาที ลดลง เพิ่มขึ้น | หลังจากประกาศแจ้งเตือนภัย ความยาวคลื่น ความเร็วคลื่น
1. 3 ชั่วโมง30นาที ลดลง ลดลง | false | true | true |
2,020 | "32" | ตำแหน่งของเมือง A B C D และ E บริเวณชายฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิก และทิศทางการหมุนเวียนของน้ำผิวหน้ามหาสมุทรของโลก | จากภาพ ข้อใดอธิบายเกี่ยวกับกระแสน้ำ ผิวหน้าในมหาสมุทร และอิทธิพลของกระแสน้ำ ผิวหน้า
ในมหาสมุทรที่ส่งผลต่อภูมิอากาศไม่ถูกต้อง
1. ในสภาวะปกติ เมือง C แห้งแล้งกว่าเมือง B
2. เมือง D มีอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยสูงกว่าเมือง E
3. เมือง E มีปริมาณ น้ำฝนเฉลี่ยน้อยกว่าเมือง D
4. กระแสน้ำ X เป็นกระแสน้ำ อุ่น เช่นเดียวกับกระแสน้ำ Y
5. เมือง A ได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำ เย็นเช่นเดียวกับเมือง E | 4. กระแสน้ำ X เป็นกระแสน้ำ อุ่น เช่นเดียวกับกระแสน้ำ Y | false | true | true |
2,020 | "33" | จากการศึกษาแผนที่อากาศผิวพื้นของพื้นที่ในซีกโลกเหนือ 3 บริเวณ ของเช้าวันหนึ่งปรากฎสัญลักษณ์แสดงสภาพลมฟ้าอากาศบริเวณกว้างบนแผนที่อากาศผิวพื้น ดังนี้
ข้อใดที่คนอาศัยอยู่ในพื้นที่มีการวางแผนรับมือได้สอดคล้องกับสภาพลมฟ้าอากาศทั้ง 3 บริเวณประเทศไทย ตอนบนของประเทศจีน ตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น | ข้อใดที่คนอาศัยอยู่ในพื้นที่มีการวางแผนรับมือได้สอดคล้องกับสภาพลมฟ้าอากาศทั้ง 3บริเวณ
ประเทศไทย ตอนบนของประเทศจีน ตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น
1. เตรียมอุปกรณ์กันหนาว เตรียมอุปกรณ์กันฝน เตรียมอุปกรณ์กันหนาว
2. เตรียมอุปกรณ์กันหนาว เตรียมอุปกรณ์กันหนาว เตรียมรับมือกับแผ่นดินถล่ม
3. เตรียมอุปกรณ์กันหนาว เตรียมรับมือกับอุทกภัย หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง
4. เตรียมอุปกรณ์กันฝน เตรียมอุปกรณ์กันหนาว หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเรือ
5. เตรียมรับมือกับอุทกภัย เตรียมอุปกรณ์กันหนาว เตรียมอุปกรณ์กันหนาว | 4. เตรียมอุปกรณ์กันฝน เตรียมอุปกรณ์กันหนาว หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเรือ | false | true | true |
2,020 | "34" | การแก้ปัญหาดินเปรี้ยวโดยวิธีการแกล้งดินเริ่มจากการใส่น้ำ และปล่อยน้ำ ออกสลับกันไปมา
ทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไปเพื่อทำให้ดินเป็นกรดมากที่สุดจนพืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้
จากนั้นจึงปรับปรุงดินดังกล่าวโดยใส่ปูนขาวที่มีสภาพเป็นเบสผสมคลุกเคล้ากับหน้าดิน
จนดินมีสภาพเป็นกลาง ก็จะทำให้สามารถปลูกพืชได้
สถานการณ์ดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นการทํางานของระบบทางเทคโนโลยี งประกอบด้วย
ตัวป้อน กระบวนการ ผลผลิต และข้อมูลย้อนกลับของการแก้ปัญหาดินเปรี้ยว
ข้อใดเป็นกระบวนการการแก้ปัญหาดินเปรี้ยวโดย วิธีการแกล้งดินได้ถูกต้องและครบถ้วนที่สุด | 1. การลดความเป็นกรดของดิน
2. การปรับดินให้มีความเป็นกรด
3. การทําให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไป
4. การใส่ปูนขาวเพื่อทำให้ดินมีสภาพเป็นกลาง
5. การปรับดินให้มีความเป็นกรดมากที่สุดแล้วปรับสภาพให้เป็นกลาง | 5. การปรับดินให้มีความเป็นกรดมากที่สุดแล้วปรับสภาพให้เป็นกลาง | true | true | true |
2,020 | "35" | ในช่วงฤดูฝนของประเทศไทยพบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกโดยมียุงลายเป็นพาหะ
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขจึงแนะนำ ให้ประชาชนปิดครอบหรือทำลายภาชนะที่มี
น้ำขังซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
นักเรียนกลุ่มหนึ่งมีแนวคิดในการสร้างเครื่องดักยุง จึงได้รวบรวมข้อมูลวางแผนและ
ดำเนินการสร้างจากนั้นทดสอบประสิทธิภาพปรับปรุงแก้ไขและนำ เสนอในงานสัปดาห์
วิทยาศาสตร์ของโรงเรียน
ข้อใดแสดงการทํางานตามกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมในขั้นการทดสอบประสิทธิภาพ
ของเครื่องดักยุง | 1. ประกอบเครื่องดักยุงตามแบบที่ร่างไว้โดยใช้วัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น
2. สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับยุงแหล่งเพาะพันธุ์และเครื่องดักยุงในท้องตลาด
3. ร่างภาพเครื่องดักยุงจากข้อมูลที่สืบค้นและรวบรวมได้จากอินเทอร์เน็ต
4. วางเครื่องดักยุงไว้ข้างบ้านในช่วงกลางวันและช่วงเย็นและนับจำนวนยุงที่ดักได้
5. ตรวจพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูฝนที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก | 4. วางเครื่องดักยุงไว้ข้างบ้านในช่วงกลางวันและช่วงเย็นและนับจำนวนยุงที่ดักได้ | true | true | true |
2,020 | "36" | บริษัทผู้ให้บริการส่งอาหารมีหลักเกณฑ์การคิดค่าบริการตามระยะทางจากร้านอาหารไปยัง
ที่อยู่ของลูกค้าดังนี้
ถ้าระยะทางไม่เกิน 6 กิโลเมตร คิดค่าส่ง 10 บาทแต่ถ้าระยะทางเกิน6กิโลเมตรจะคิดค่าส่ง
เริ่มต้นที่ 55 บาท และเพิ่มขึ้น 7บาทในทุกๆกิโลเมตรถัดไป
หากต้องทำ โครงงานเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันการคิดค่าบริการส่งอาหารของบริษัท
ข้อใดระบุข้อมูลเข้าข้อมูลออก และเงื่อนไขในการคำนวณสำหรับสร้างแอปพลิเคชันข้างต้น
ได้ถูกต้อง | ข้อมูลเข้า (Input) ข้อมูลออก (Output) เงื่อนไขในการคํานวณ
1. ระยะทางจากร้านอาหารถึงที่อยู่ของลูกค้า ระยะเวลาในการส่งอาหาร ไม่มี
2. ที่อยู่ของร้านอาหารและลูกค้า ระยะทาง ระยะทางมากกว่า 6 กิโลเมตร
3. ระยะทางจากร้านอาหารถึงที่อยู่ของลูกค้า ค่าบริการส่งอาหาร ระยะทางน้อยกว่าหรือเท่ากับ6กิโลเมตร
4. ความเร็วในการให้บริการส่งอาหาร ค่าบริการส่งอาหาร ระยะทางน้อยกว่าหรือเท่ากับ 6 กิโลเมตร
5. ค่าบริการส่งอาหาร ระยะทางจากร้านอาหารถึงที่อยู่ของลูกค้า ไม่มี | 3. ระยะทางจากร้านอาหารถึงที่อยู่ของลูกค้า ค่าบริการส่งอาหาร ระยะทางน้อยกว่าหรือเท่ากับ6กิโลเมตร | true | true | true |
2,020 | "37" | นักเรียนกลุ่มหนึ่งต้องการวิเคราะห์ข้อมูลจากปริมาณ ฝุ่นละออง PM 10และ PM 2.5 ในจังหวัดทางภาคเหนือตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 โดยสมาชิกในกลุ่มแต่ละคนแยกกันหาข้อมูล
สมาชิกในกลุ่มคนใดต่อไปนี้เลือกข้อมูลที่จะนำ มาวิเคราะห์ได้เหมาะสมที่สุด | 1. กาสะลองเลือกใช้ข้อมูลปริมาณ ฝุ่นละอองขนาดเล็กจากเว็บไซต์ขายหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ที่ไม่ได้มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูล
2. เดซี่ดาวน์โหลดข้อมูลสภาพอากาศในภาคเหนือย้อนหลัง 5 ปีจากกรมอุตุนิยมวิทยาที่มีข้อมูลอุณหภูมิความกดอากาศความชื้นสัมพัทธ์ความเร็วลมและปริมาณน้ำ ฝน
3. ชวนชมดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลคุณภาพอากาศประเทศไทย PM 10 รายชั่วโมง พ.ศ.2557
ของกรมควบคุมมลพิษจากเว็บไซต์บริการข้อมูลเปิดภาครัฐ (Open Government Data)
ภายใต้ชื่อ data.go.th
4. ลิลลี่เลือกใช้ข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองจากเครื่องมือวัดฝุ่นละออง PM 10 และ PM2.5
ที่ประดิษฐ์ขึ้นเองในการทำ โครงงานวิทยาศาสตร์ และวัดปริมาณ ฝุ่นละอองจากหลังบ้าน
ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 1ปี
5. ดาหลาเลือกใช้ข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองPM10และ PM2.5จากเว็บไซต์รายงาน
สถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทยของกรมควบคุมมลพิษที่มีรายงานคุณภาพ
อากาศทั่วประเทศและสามารถดูข้อมูลแบบเรียลไทม์และย้อนหลังได้ถึงปีพศ 2557 | 5. ดาหลาเลือกใช้ข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองPM10และ PM2.5จากเว็บไซต์รายงาน
สถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทยของกรมควบคุมมลพิษที่มีรายงานคุณภาพ
อากาศทั่วประเทศและสามารถดูข้อมูลแบบเรียลไทม์และย้อนหลังได้ถึงปีพศ 2557 | true | true | true |
2,020 | "38" | บุคคลใดนำเสนอและแบ่งปันข้อมูลออนไลน์ได้อย่างเหมาะสมที่สุด | 1. โต๊ะเขียนบล็อกเรื่องกิจกรรมที่ทำ ในช่วงกักตัวที่โรงแรม14 วัน หลังจากกลับจากต่างประเทศ
2. นำคำคมที่คิดขึ้นเองมาใส่ในรูปภาพนักร้องที่ตนเองชอบแล้วโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์
3. วานำ ข้อมูลสถิติภาค รัฐมาทำเป็นอินโฟกราฟฟิกและนําเสนอในบล็อกโดยไม่มีการอ้างอิง
ที่มาของข้อมูล
4. อาร์อัปโหลดวิดีโอจากกล้องหน้ารถของตนเองที่บันทึกภาพอุบัติเหตุลงสื่อสังคมออนไลน์
โดยไม่ได้เบลอภาพเลขทะเบียนรถและผู้บาดเจ็บ
5. เพิร์ลโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับชื่อและสถานที่ทำงานของผู้ป่วย COVID-19
ที่ติดเชื้อรายล่าสุดในจังหวัดของตนเองเพื่อให้คนที่เกี่ยวข้องทำการกักตัว | 1. โต๊ะเขียนบล็อกเรื่องกิจกรรมที่ทำ ในช่วงกักตัวที่โรงแรม14 วัน หลังจากกลับจากต่างประเทศ | true | true | true |
2,020 | "39" | เมื่อเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย ร่างกาย จะสร้างแอนติบอดี 2ช นิดโดยชนิดที่ 1 ร่างกายจะ
สร้างขึ้นในช่วงแรกของการติดเชื้อ ส่วนชนิดที่ 2 ร่างกายจะสร้างขึ้นในช่วงท้ายของการติดเชื้อ
และจะคงอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลาหนึ่ง
กราฟจำลองระดับของแอนติเจนและแอนติบอดีในร่างกายของผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ตั้งแต่ร่างกายเริ่มได้รับเชื้อจนหายเป็นปกติ เป้นดังนี้
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่
การสร้างแอนติบอดีทั้ง 2 ชนิด เป็นกลไกการทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จำเพาะของร่างกาย | 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 2.ไม่ใช่ | false | true | true |
2,020 | "39" | เมื่อเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย ร่างกาย จะสร้างแอนติบอดี 2ช นิดโดยชนิดที่ 1 ร่างกายจะ
สร้างขึ้นในช่วงแรกของการติดเชื้อ ส่วนชนิดที่ 2 ร่างกายจะสร้างขึ้นในช่วงท้ายของการติดเชื้อ
และจะคงอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลาหนึ่ง
กราฟจำลองระดับของแอนติเจนและแอนติบอดีในร่างกายของผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ตั้งแต่ร่างกายเริ่มได้รับเชื้อจนหายเป็นปกติ เป้นดังนี้
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่
หลังจากวันที่ 14 ปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกายจะเริ่มลดลง | 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 1.ใช่ | false | true | true |
2,020 | "39" | เมื่อเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย ร่างกาย จะสร้างแอนติบอดี 2ช นิดโดยชนิดที่ 1 ร่างกายจะ
สร้างขึ้นในช่วงแรกของการติดเชื้อ ส่วนชนิดที่ 2 ร่างกายจะสร้างขึ้นในช่วงท้ายของการติดเชื้อ
และจะคงอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลาหนึ่ง
กราฟจำลองระดับของแอนติเจนและแอนติบอดีในร่างกายของผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ตั้งแต่ร่างกายเริ่มได้รับเชื้อจนหายเป็นปกติ เป้นดังนี้
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ | 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 2.ไม่ใช่ | false | true | true |
2,020 | "40" | สารประกอบอินทรีย์ 3 ชนิดมีมวลของโลเลกุลเท่ากัน และมีสูตรโครงสร้าง ดังนี้
จากข้อมูล ข้อสรุปเกี่ยวกับสารประกอบอินทรีย์ต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่
สาร X มีจุดเดือดสุงกว่าสาร Y และสาร Z | 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 1.ใช่ | false | true | true |
2,020 | "40" | สารประกอบอินทรีย์ 3 ชนิดมีมวลของโลเลกุลเท่ากัน และมีสูตรโครงสร้าง ดังนี้
จากข้อมูล ข้อสรุปเกี่ยวกับสารประกอบอินทรีย์ต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่
สาร X สามารถละลายน้ำได้เพราะสร้างพันธะไฮโดรเจนกับน้ำซึ่งเป้นแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโลเลกุล | 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 1.ใช่ | false | true | true |
2,020 | "40" | สารประกอบอินทรีย์ 3 ชนิดมีมวลของโลเลกุลเท่ากัน และมีสูตรโครงสร้าง ดังนี้
จากข้อมูล ข้อสรุปเกี่ยวกับสารประกอบอินทรีย์ต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่
สาร Y และสาร Z มีจำนวนคู่อิเล็กตรอนที่ใช้ร่วมกันในการสร้างพันธะโคเวเลนต์ทั้งหมดภายในโมเลกุลไม่เท่ากัน | 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 2.ไม่ใช่ | false | true | true |
2,020 | "41" | ติณ ทําการทดลองเพื่อทดสอบการได้ยินของตนเองโดยตั้งค่าให้แหล่งกำเนิดเสียงมีระดับเสียง
คงตัวที่ 20 เดซิเบล และค่อย ๆปรับลดความถี่ของเสียงจาก 2000 เฮิรตซ์ จนถึง 20 เฮิรตซ์
กำหนดให้ ความสัมพันธ์ระหว่างระดับเสียงกับความถี่ที่ติณ ได้ยิน แสดงดังภาพ
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถุกต้องใช่หรือไม่
ในการทดลองนี้ถ้าให้ระดับเสียงคงตัวที่20เดซิเบลเมื่อเริ่มต้นทดลอง ติณ จะไม่ได้ยินเสียงแต่เมื่อปรับความถี่ให้ต่ำ ลงเรื่อยๆติณ จะเริ่มได้ยินเสียง | 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 2.ไม่ใช่ | false | true | true |
2,020 | "41" | ติณ ทําการทดลองเพื่อทดสอบการได้ยินของตนเองโดยตั้งค่าให้แหล่งกำเนิดเสียงมีระดับเสียง
คงตัวที่ 20 เดซิเบล และค่อย ๆปรับลดความถี่ของเสียงจาก 2000 เฮิรตซ์ จนถึง 20 เฮิรตซ์
กำหนดให้ ความสัมพันธ์ระหว่างระดับเสียงกับความถี่ที่ติณ ได้ยิน แสดงดังภาพ
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถุกต้องใช่หรือไม่
ในการทดลองนี้ที่ช่วงความถี่20 40เฮิรตซ์คุณจะได้ยินเสียง
ถ้าหลังจากทดลองเสร็จแล้วติณบังเอิญกดปุ่มปรับแหล่งกำเนิดเสียง
| 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 2.ไม่ใช่ | false | true | true |
2,020 | "41" | ติณ ทําการทดลองเพื่อทดสอบการได้ยินของตนเองโดยตั้งค่าให้แหล่งกำเนิดเสียงมีระดับเสียง
คงตัวที่ 20 เดซิเบล และค่อย ๆปรับลดความถี่ของเสียงจาก 2000 เฮิรตซ์ จนถึง 20 เฮิรตซ์
กำหนดให้ ความสัมพันธ์ระหว่างระดับเสียงกับความถี่ที่ติณ ได้ยิน แสดงดังภาพ
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถุกต้องใช่หรือไม่
ผิดพลาดทําให้เกิดเสียงความถี่ 100เฮิรตซ์ ระดับเสียง 120เดซิเบลซึ่งเมื่อติณได้ยินเสียงนี้จะเจ็บปวดที่หูในทันที4 | 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 2.ไม่ใช่ | false | true | true |
2,020 | "42" | ภาพแสดงตำแหน่งของเมือง X Y และ Z ที่ตั้งอยู่ ณ ละติจูดต่าง ๆ ของซีกโลกเหลือ เป็นดังนี้
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่
ถ้าเมือง Y อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง X การบินของนกอพยพ
จากเมือง X ไปยังเมือง Y และบินกลับโดยใช้เส้นทางเดียวกันและ
บินด้วยอัตราเร็วเฉลี่ยเท่ากัน การเดินทางเที่ยวไปจะใช้ระยะเวลา
มากกว่าเที่ยวกลับ | 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 1.ใช่ | false | true | true |
2,020 | "42" | ภาพแสดงตำแหน่งของเมือง X Y และ Z ที่ตั้งอยู่ ณ ละติจูดต่าง ๆ ของซีกโลกเหลือ เป็นดังนี้
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่
เมือง Z จะมีโอกาสพบเมฆคิวมูลัสเมฆคิวมูโลนิมบัสและเกิด
ฝนฟ้าคะนองได้มากกว่าเมือง Y | 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 1.ใช่ | false | true | true |
2,020 | "42" | ภาพแสดงตำแหน่งของเมือง X Y และ Z ที่ตั้งอยู่ ณ ละติจูดต่าง ๆ ของซีกโลกเหลือ เป็นดังนี้
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ถูกต้องใช่หรือไม่
เมือง X ตั้งอยู่ บริเวณความกดอากาศต่ำ และได้รับอิทธิพลจาก
ลมตะวันออกเช่นเดียวกับเมือง Z | 1.ใช่
2.ไม่ใช่ | 1.ใช่ | false | true | true |
2,019 | "1" | ภาพแสดงการลำเลียงสารผ่านเซลล์รูปแบบหนึ่งโดยลูกศรแสดงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังนี้
ภาพนี้เป็นกระบวนการลำเลียงสารแบบใดและข้อใดระบุตัวอย่างของการลำเลียงสาร
ด้วยกระบวนการนี้ได้ถูกต้อง | กระบวนการลำเลียงสาร ตัวอย่างการลำเลียงสาร
1. เอกโซไซโทซิส การดูดน้ำกลับผ่านท่อหน่วยไต
2. เอกโซไซโทซิส การหลั่งเอนไซม์จากเซลล์ของผนังลำไส้เล็กเพื่อย่อยอาหาร
3. เอนโดไซโทซิส การแลกเปลี่ยนแก๊สบริเวณถุงลมปอด
4. เอนโดไซโทซิส การจับกินเพื่อทำลายแบคทีเรียของเซลล์เม็ดเลือดขาว
5. เอนโดไซโทซิส. การดูดซึมแร่ธาตุในดินเข้าสู่เซลล์รากพืชผ่านโปรตีนตัวพา | 2. เอกโซไซโทซิส การหลั่งเอนไซม์จากเซลล์ของผนังลำไส้เล็กเพื่อย่อยอาหาร | false | true | true |
2,019 | "2" | ศึกษาอัตราการคายน้ำ ของพืชชนิดหนึ่งที่มีขนาดอายุและได้รับปริมาณแสงเท่ากันโดยนำพืช ใส่ในกระบอกตวงที่มีน้ำ 50มิลลิลิตรและมีน้ำมัน5มิลลิลิตรเททับอยู่จำนวน3ชุดการทดลอง จากนั้นนำ ชุดการทดลองแต่ละชุดมาทำการทดลองและ ตามลำดับดังนี้ การทดลอง นำแต่ละชุดการทดลองไปวางไว้ในบริเวณที่มีความชื้นสัมพัทธ์ต่างกัน โดยปัจจัยอื่นๆเหมือนกันเป็นเวลา3ชั่วโมงบันทึกปริมาตรน้ำ ที่เหลือ ในกระบอกตวง การทดลอง ทำการทดลองซ้ำ โดยนำ ชุดการทดลองไปวางในบริเวณ ที่มีความชื้นสัมพัทธ์ เหมือนกับการทดลองแต่ปรับอุณหภูมิในทุกชุดการทดลองให้สูงขึ้น บันทึกปริมาตรน้าที่เหลือในกระบอกตวง | 1 ชุดการทดลองที่1มีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ กว่าชุดการทดลองที่2 2 ชุดการทดลองที่ 1 มีความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่าชุดการทดลองที่3 3 ชุดการทดลองที่3มีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ กว่าชุดการทดลองที่2 4 เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นการคายน้ำของพืชในการทดลอง มากกว่าการทดลอง 5 เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นการคายน้ำ ของพืชในการทดลองน้อยกว่าการทดลอง | 4 เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นการคายน้ำของพืชในการทดลอง มากกว่าการทดลอง | true | true | true |
2,019 | "3" | ชายสุขภาพดีคนหนึ่ง ทำกิจกรรมและอยู่ในสภาวะที่แตกต่างกัน ดังนี้
สภาวะ A นั่งทำงาน 2 ชั่วโมง ในห้องที่มีอุณหภูมิ 24 องศาเซลเซียส โดยมีการดื่มน้ำ
สภาวะ B เล่นกีฬากลางแจ้ง 2 ชั่วโมง ในบริเวณที่มีอุณหภูมิ 29 องศาเซลเซียสโดยไม่มีการดื่มน้ำ
ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับกลไกของร่างกายในขณะที่ชายคนนี้อยู่ในสภาวะ A และ B | 1 สภาวะ A ทำให้เลือดเข้มข้น ต่อมใต้สมองส่วนหลังไม่หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกายดูดน้ำกลับ
2. สภาวะ A ทำให้เลือดเจือจาง ต่อมใต้สมองส่วนหลังถูกกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกาย
ดูดนํากลับ
3. สภาวะ B ทำให้เลือดเจือจางต่อม ใต้สมองส่วนหลังไม่หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกายดูดน้ำกลับ
4. สภาวะ B ทำให้เลือดเข้มข้น ต่อมใต้สมองส่วนหลังถูกกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกาย
ดูดน้ำกลับ
5. สภาวะ B ทำให้เลือดเจือจาง ต่อมใต้สมองส่วนหลังถูกกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกาย
ดูดนํากลับ | 4. สภาวะ B ทำให้เลือดเข้มข้น ต่อมใต้สมองส่วนหลังถูกกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกาย
ดูดน้ำกลับ | true | true | true |
2,019 | "4" | กราฟแสดงระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายเมื่อได้รับวัคซีนครั้งที่ 1 และ 2 เป็นดังนี้
จากข้อมูลเพราะเหตุใดการฉีดวัคซีนครั้งที่ 2 จึงสามารถกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ได้สูงขึ้น | 1. เซลล์ทีสร้างแอนติบอดีทีจําเพาะกับแอนติเจนได้มากขึ้น
2. เซลล์บี แอนติเจนแล้วส่งสัญญาณไปกระตุ้นเซลล์ทีได้ทันที
3. เซลล์ที่จำ แอนติเจนแล้วส่งสัญญาณ ไปกระตุ้นเซลล์บีได้ทันที
4. ฟาโกไซต์สามารถทําลายแอนติบอดีได้มากขึ้น
5. ฟาโกไซต์สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์พลาสมาได้เร็วขึ้น | 3. เซลล์ที่จำ แอนติเจนแล้วส่งสัญญาณ ไปกระตุ้นเซลล์บีได้ทันที | false | true | true |
2,019 | "5" | การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วยวิธีสะกิด SkinPrickTest ทำได้โดยการหยดน้ำยาสกัด
ถ้าผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใดสารภูมิแพ้ลงบนผิวหนังและใช้เข็มสะกิดผิวหนังบริเวณนั้น
จะเกิดรอยนูนมีผื่นแดงและอาจรู้สึกคันในบริเวณที่หยดน้ำยาสกัดสารภูมิแพ้ชนิดนั้นไว้
ในการทดสอบข้างต้นกลไกใดของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้ผิวหนังเกิดรอยนูนและมีผื่นแดง | 1. การจดจำ สารก่อภูมิแพ้ของเซลล์บี
2. การทำลายสารก่อภูมิแพ้ของแอนติเจน
3. การแบ่งตัวของเซลล์ทีเพื่อพัฒนาเป็นเซลล์พลาสมา
4. การส่งสัญญาณของเซลล์ทีเพื่อกระตุ้นแอนติฮิสตามิน
5. การหลั่งสารฮิสตามินของเซลล์โดยการกระตุ้นของแอนติบอดี | 5. การหลั่งสารฮิสตามินของเซลล์โดยการกระตุ้นของแอนติบอดี | true | true | true |
2,019 | "6" | การถ่ายทอดทางพันธุกรรมของโรคกล้ามเนื้อลีบซึ่งควบคุมด้วยยีนด้อยบนโครโมโซม
ของครอบครัวหนึ่งเป็นดังนี้
กำหนดให้ (บุคคลที่ 3 ในรุ่นที่ 2) คือผู้หญิงที่ไม่มีอาการของโรคแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า
เป็นพาหะของโรคกล้ามเนื้อลีบหรือไม่
เมื่อแต่งงานกับชายปกติและก่อนตัดสินใจมีลูกพวกเขาจึงไปขอคำ ปรึกษาจากแพทย์
เพื่อวางแผนการมีลูกในอนาคต
การให้คำ ปรึกษาเกี่ยวกับการถ่ายทอดพันธุกรรมของโรคกล้ามเนื้อลีบในข้อใดไม่ถูกต้อง | 1. ถ้าไม่เป็นพาหะของโรคลูกชายทุกคนไม่มีโอกาสเป็นโรค
2. ถ้าไม่เป็นพาหะของโรคลูกสาวทุกคนไม่มีโอกาสเป็นโรค
3. ถ้าเป็นพาหะของโรคลูกชายแต่ละคนมีโอกาสร้อยละ50ที่จะเป็นโรค
4. ถ้าเป็นพาหะของโรคลูกสาวแต่ละคนมีโอกาสร้อยละ50ที่จะเป็นโรค
5. ถ้าเป็นพาหะของโรคลูกสาวแต่ละคนมีโอกาสร้อยละ50ที่จะเป็นพาหะของโรค | 4. ถ้าเป็นพาหะของโรคลูกสาวแต่ละคนมีโอกาสร้อยละ50ที่จะเป็นโรค | false | true | true |
2,019 | "7" | การใช้เทคโนโลยีชีวภาพในข้อใดที่ทําให้ได้ลูกรุ่นใหม่มีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ | 1. การผสมพันธุ์โคเนื้อให้มีลักษณะใหม่ตามที่ต้องการ
2. การปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมมะลิโดยการใช้รังสีแกมมา
3. การคัดเลือกพันธุ์ปลาทับทิมจากการผสมข้ามสายพันธุ์
4. การตัดต่อยืนของข้าวโพดให้มีความต้านทานต่อเชื้อรา
5. การโคลนลูกวัวนมโดยใช้เซลล์เต้านมจากแม่วัวนมต้นแบบ | 5. การโคลนลูกวัวนมโดยใช้เซลล์เต้านมจากแม่วัวนมต้นแบบ | true | true | true |
2,019 | "8" | แมลงสาบเป็นพาหะที่ก่อให้เกิดโรคหลายชนิดในมนุษย์เช่น วัณโรคอหิวาตกโรคและโรคภูมิแพ้
โดยผลการวิจัยหนึ่งพบว่าแมลงสาบเยอรมันสามารถปรับตัวให้มีความต้านทานต่อยาฆ่าแมลง
ที่มีฤทธิ์รุนแรงที่สุดได้อย่างรวดเร็วอีกทั้งยังพบว่าลูกแมลงสาบเยอรมันรุ่นต่อๆมามีความต้านทาน
ต่อยาฆ่าแมลงเช่นกันแม้ไม่เคยสัมผัสกับยาฆ่าแมลงเหล่านั้นมาก่อน
จากข้อมูลข้อใดกล่าวถึงความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงของแมลงสาบไม่ถูกต้อง | 1. ลูกแมลงสาบที่มีความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงเกิดจากสิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์กัน
2. ยีนควบคุมความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงสามารถถ่ายทอดไปยังแมลงสาบรุ่นถัดไปได้
3. ความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงของแมลงสาบเป็นผลของความหลากหลายทางพันธุกรรม
4. ความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงนี้เป็นความหลากหลายทางชีวภาพระดับเดียวกับการดื้อยา
ปฏิชีวนะของแบคทีเรีย
5. ความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงของแมลงสาบทำให้มนุษย์มีความเสี่ยงต่อการติดโรคบางชนิด
จากแมลงสาบมากขึ้น | 1. ลูกแมลงสาบที่มีความต้านทานต่อยาฆ่าแมลงเกิดจากสิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์กัน | true | true | true |
2,019 | "9" | ผีเสื้อชนิดหนึ่งมีวงจรชีวิตประมาณ 25 วัน สีของผีเสื้อ จีโนไทป์ที่ควบคุมสีของผีเสื้อ
ในธรรมชาติสามารถพบผีเสื้อชนิดนี้ได้3สี
ได้แก่ขาวเทาและดำ ซึ่งลักษณะสีของผีเสื้อ ขาว
จะถูกควบคุมด้วยแอลลีล W1 และ W2
โดยจีโนไทป์ของผีเสื้อแต่ละสีแสดงดังตาราง
การสำรวจประชากรผีเสื้อชนิดนี้ในชุมชนแห่งหนึ่งที่มีต้นไม้เปลือกสีอ่อนจำนวนมากพบว่า
มีผีเสื้อสีขาวจำนวนมากโดยไม่พบผีเสื้อสีอื่นเลย แต่ในช่วงเวลา3เดือนที่ผ่านมาพบว่า
ประชากรผีเสื้อในชุมชนนี้มีการเปลี่ยนแปลงโดยในช่วงที่ 1 พบผีเสื้อสีดำ จำนวนหนึ่งซึ่งอพยพ
เข้ามาจากชุมชนใกล้เคียงและในช่วงที่ 2ยังพบผีเสื้อสีขาวจำนวนมากสีดำเล็กน้อยและพบว่า
มีผีเสื้อสีเทาเกิดขึ้นจำนวนเล็กน้อย ส่วนในช่วงที่3พบว่าผีเสื้อสีดำและเทาค่อยๆลดลง
จนชุมชนแห่งนี้มีเพียงผีเสื้อสีขาวเช่นเดิม
จากข้อมูล ข้อใดคือเหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุดที่ทำให้ผีเสื้อสีดำและผีเสื้อสีเทาลดจำนวนลง
ในช่วงที่3 | 1. ผีเสื้อสีเทาและสีดำ ม่วงวงจรชีวิตสั้นกว่าผีเสื้อสีขาว
2. การผสมพันธุ์ระหว่างผีเสื้อสีดำและผีเสื้อสีขาวเพิ่มมากขึ้น
3. แอลลีล มีโอกาสเพิ่มจำนวนในกลุ่มประชากรนี้มากกว่าแอลลีล
4. ผีเสื้อสีดำ และสีเทาพรางตัวได้ไม่ดีในสิ่งแวดล้อมนี้จึงถูกล่าได้มากกว่า
5. ผีเสื้อสีเทาที่เกิดจากการผสมพันธุ์ของผีเสื้อสีขาวและสีดำ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นหมัน | 4. ผีเสื้อสีดำ และสีเทาพรางตัวได้ไม่ดีในสิ่งแวดล้อมนี้จึงถูกล่าได้มากกว่า | false | true | true |
2,019 | "10" | สายใยอาหารของระบบนิเวศหนึ่งแสดงดังแผนภาพ
ถ้ามีงูที่กินเฉพาะหนูนาและปลาเล็กเป็นอาหารเข้ามาในระบบนิเวศแห่งนี้โดยที่นกไม่กินงูชนิดนี้
เป็นอาหาร
ข้อใดกล่าวถูกต้อง | 1. นกและ มีมวลชีวภาพสูงที่สุดในระบบนิเวศน์
2. มวลชีวภาพ ของต้นข้าวน้อยกว่ามวลชีวภาพของหนูนา
3. ผลผลิตข้าวที่ได้จากระบบนิเวศนี้มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
4. ปลาเล็กจะเป็นผู้บริโภคลำดับที่2 และ 3ในสายใยอาหารนี้
5.งูจะเป็นผู้บริโภคลำดับสุดท้ายเพียงชนิดเดียวในระบบนิเวศนี้ | 3. ผลผลิตข้าวที่ได้จากระบบนิเวศนี้มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น | false | true | true |
2,019 | "11" | ป่าแห่งหนึ่งถูกปล่อยทิ้งร้างไว้เป็นเวลานานหลังจากการเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ป่ายาวนาน
1 สัปดาห์ ซึ่งทำให้ต้นไม้และสัตว์ในพื้นที่ล้มตายกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
จากข้อมูลป่าแห่งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแทนที่รูปแบบใด และเหตุการณ์ ใด จะเกิดขึ้น
เป็นลำดับแรกในการเปลี่ยนแปลงแทนที่นี้ | 1. แบบปฐมภูมิ และมีการอพยพของสัตว์เข้าไปในพื้นที่เมื่อมีแหล่งอาหารเกิดขึ้น
2. แบบปฐมภูมิและมีกลุ่มสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่นแบคทีเรีย เป็นสิ่งมีชีวิตผู้บุกเบิก
3. แบบปฐมภูมิ และมีการงอกของเมล็ดพืชที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินเมื่อดินมีความชื้นที่เหมาะสม
4. แบบทุติยภูมิและมีการอพยพของสัตว์เข้าไปในพื้นที่เพื่ออยู่อาศัย
5. แบบทุติยภูมิและมีการงอกของเมล็ดพืชที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินเมื่อดินมีความชื้นที่เหมาะสม | 5. แบบทุติยภูมิและมีการงอกของเมล็ดพืชที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินเมื่อดินมีความชื้นที่เหมาะสม | true | true | true |
2,019 | "12" | ปัจจุบันสัตว์หลายชนิดได้รับผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมหลายประการเช่น การทำลาย
แหล่งที่อยู่อาศัยและการล่าสัตว์ของมนุษย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสภาพอากาศที่แปรปรวนของโลก เช่น อุณหภูมิร้อนจัด
หรือหนาวจัดหรือการมีฤดูกาลที่ยาวนานกว่าปกติ ส่งผลให้สัตว์ต้องเผชิญกับสภาพอากาศ
ที่แปรปรวนอย่างรุนแรง ซึ่งไม่เหมาะกับการดำรงชีวิต สัตว์บางชนิดจึงหาอาหารได้ยากขึ้น
การเจริญ เติบโต ของเชื้อโรคและปรสิตบางชนิดที่เป็นอันตรายต่อสัตว์เพิ่มขึ้น ทำให้ประชากร
สัตว์บางชนิดไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพดังกล่าวได้และลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว
จากข้อมูล ผลกระทบต่อสัตว์ใน ข้อใด ที่ไม่ ได้เกิด จากภาวะโลกร้อน | 1. การเพิ่มขึ้นของจำนวนพยาธิในปลา เพราะอุณหภูมิของน้ำเพิ่มสูงขึ้น
2. การสูญพันธุ์ของสิงโตภูเขา เพราะพื้นที่ป่าถูกตัดทำลายจึงถูกล่าได้ง่ายขึ้น
3. หมีขาวสามารถล่าอาหารได้น้อยลงเพราะมีการละลายของแผ่นน้ำแข็งมากขึ้น
4. อัตราการรอดของลูกเพนกวินลดลงเพราะแม่เพนกวินต้องใช้เวลาในการหาอาหารนานขึ้น
5. อัตราการตายของกวางเรนเดียร์เพิ่มขึ้นเพราะสภาพอากาศที่แปรปรวนทําให้หาอาหารยาก | 2. การสูญพันธุ์ของสิงโตภูเขา เพราะพื้นที่ป่าถูกตัดทำลายจึงถูกล่าได้ง่ายขึ้น | true | true | true |
2,019 | "13" | ธาตุ A B C D และ E มีเลขอะตอมเป็นเลขคี่ที่เรียงลำดับจากน้อยไปมากอย่างต่อเนื่อง
โดยอะตอมของธาตุ A B C D และ E และ มีจำนวนโปรตอนน้อยกว่านิวตรอน 1 อนุภาค
และธาตุ มีสัญลักษณ์นิวเคลียร์ 40 E
19
จากข้อมูลจำนวนอนุภาคในนิวเคลียสของธาตุในข้อใดถูกต้อง | 1 .ธาตุ A มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 22 อนุภาค
2. ธาตุ B มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 13 อนุภาค
3. ธาตุ C มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 16 อนุภาค
4. ธาตุ D มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 35 อนุภาค
5. ธาตุ E มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 59 อนุภาค | 4. ธาตุ D มีจำนวนอนุภาคในนิวเคลียส 35 อนุภาค | true | true | true |
2,019 | "14" | ธาตุ A B C และ D มีสมบัติดังนี้
ธาตุ A มีความเสถียรไม่สร้างพันธะเคมีกับธาตุใดและมีเวเลนซ์อิเล็กตรอน
อยู่ในระดับพลังงานที่3
ธาตุ B มีจํานวนโปรตอนน้อยกว่าธาตุ A 5อนุภาค
ธาตุ C อยู่หมู่เดียวกับธาตุ แต่มีขนาดเล็กกว่า
ธาตุ D มีเลขอะตอมมากกว่าธาตุ B 1 หน่วย
จากข้อมูลข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง | 1. ธาตุ C มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนอยู่ในระดับพลังงานที่3
2. ธาตุ A มีจำนวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่ 1 เท่ากับ 8
3. ธาตุ B มีจำนวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่2 เท่ากับ 3
4. ธาตุ D มีจํานวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่3 เท่ากับ 4
5. ธาตุ C มีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนมากกว่าธาตุ D 1 อนุภาค | 4. ธาตุ D มีจํานวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่3 เท่ากับ 4 | true | true | true |
2,019 | "15" | ข้อมูลแสดงเลขอะตอมและเลขมวลของธาตุ 4 ชนิด เป็นดังนี้
ธาตุ เลขอะตอม เลขมวล
A 13 27
B 15 31
C 20 40
D 35 80
จากข้อมูลข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง | 1. A^3+ และ C^2+ มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเหมือนกัน
2. ธาตุ A มีความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยามากกว่าธาตุ C
3. ธาตุ A และ C เป็นโลหะ ส่วนธาตุ B และ D เป็นอโลหะ
4. ธาตุ C มีสถานะเป็นแก๊สว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี
5. ธาตุ B มีจํานวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงานที่ 3 มากกว่า ธาตุ D | 3. ธาตุ A และ C เป็นโลหะ ส่วนธาตุ B และ D เป็นอโลหะ | true | true | true |
2,019 | "16" | กำหนดให้ A B C และD เป็นสารบริสุทธิ์ที่มีสมบัติบางประการดังนี้
สาร A เป็นธาตุที่มีสถานะเป็นของแข็งมีจุดเดือดสูงทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ นำความร้อน
และนำไฟฟ้าได้ดี
สาร B เกิดจากการทำ ปฏิกิริยาระหว่างธาตุ 2ชนิดมีลักษณะเป็นผลึกสีขาว จุดเดือดและ
จุดหลอมเหลวสูงมาก บดเป็นผงละเอียดได้ง่ายละลายน้ำ ได้ดี
สาร C เป็นธาตุที่มีสถานะเป็นแก๊สมีสีและว่องไวต่อปฏิกิริยาเคมี เมื่อทำ ปฏิกิริยากับโลหะ
เกิดเป็นสารประกอบไอออนิก
สาร D เป็นธาตุที่มีสถานะเป็นของแข็ง ระเหิดง่ายกลายเป็นไอสีม่วง
จากข้อมูลข้อสรุปใดต่อไปนี้ถูกต้อง | 1. ธาตุ C มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลคือพันธะโคเวเลนต์
2. ธาตุ C สร้างพันธะไอออนิกกับโลหะโซเดียมมีสูตรเคมีคือ NaC2
3. ธาตุ A สร้างพันธะกับธาตุ D โดยการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน
4. ธาตุ B สร้างพันธะกับธาตุ A อะตอม B จะรับอิเล็กตรอนกลายเป็น B
5. ธาตุ A สร้างพันธะกับคลอรีน อะตอม A จะให้อิเล็กตรอนกลายเป็น A | 5. ธาตุ A สร้างพันธะกับคลอรีน อะตอม A จะให้อิเล็กตรอนกลายเป็น A | true | true | true |
2,019 | "17" | สารก ข และค มีสูตรเคมีและชนิดของพันธะซึ่งเป็นไปตามกฎออกเตตดังนี้
สาร สูตรเคมี ชนิดของพันธะ
ก XY₂ ไอออนิก
ข JW3. ไอออนิก
ค ZQ4 โคเวเลนต์
จากข้อมูล การระบุหมู่ของธาตุในข้อใดที่เป็นไปไม่ได้ | ธาตุ หมู่
1. X IIA
2. Y VIIA
3. J VA
4. W VIIA
5. Z IVA | 3. J VA | true | true | true |
2,019 | "18" | พิจารณาสมการเคมีของปฏิกิริยาตามที่กำหนดให้ต่อไปนี้
ปฏิกิริยาที่ 1 KCIO4 (s) -----------> KCI(s)
ปฏิกิริยาที่ 2 FeS₂(s) + 11x(g) ----------> 2Fe₂O3(s) + 8z(g)
ปฏิกิริยาที่ 3 NH4OH(aq) ---------> y(1) + r(g)
ปฏิกิริยาที่ 4 Cu(s) + 4HNO3(aq) --------> Cu(NO3)₂ (aq) + 2w(g) + 2y(1)
จากข้อมูลสารผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปฏิกิริยาเคมีใดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝนกรด | 1. ปฏิกิริยาที่ 1 และ 2
2. ปฏิกิริยาที่ 2 และ 3
3. ปฏิกิริยาที่ 3 และ 4
4. ปฏิกิริยาที่ 2 และ 4
5. ปฏิกิริยาที่ 1 และ 4 | 4. ปฏิกิริยาที่ 2 และ 4 | true | true | true |
2,019 | "19" | ข้อมูลแสดงจำนวนอะตอมคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการกลั่นลำดับส่วนน้ำมันดิบ
ในแต่ละชั้นของหอกลั่นเป็นดังนี้
หอกลั่น จำนวนอะตอมคาร์บอน
ชั้น P 14-19
ชั้น N 20-35
จากข้อมูลการเปรียบเทียบแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอมในโมเลกุลและแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
โมเลกุลของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากหอกลั่นชั้น P กับ N เป็นอย่างไร | แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอม แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล
1. P สูงกว่า N P สูงกว่า N
2. P สูงกว่า N P ต่ำกว่า N
3. P ต่ำกว่า N P ใกล้เคียงกับ N
4. P ใกล้เคียงกับ N P ต่ำกว่า N
5. P ใกล้เคียงกับ N P ใกล้เคียงกับ N | 4. P ใกล้เคียงกับ N P ต่ำกว่า N | true | true | true |
2,019 | "20" | ข้อมูลแสดงสมบัติของพอลิเมอร์ 4 ชนิด ดังตาราง
พอลิเมอร์ สมบัติ
W เหนียวไม่แตกง่ายความหนาแน่นสูงทนต่อสารเคมี
X ยืดหยุ่นได้ความเหนียว ทนต่อการกรอบแตก
Y แข็งเปราะหักง่ายเป็นฉนวนความร้อน
Z แข็งแรงทนทานและเหนียวป้องกันการผ่านของแก๊สได้ดี
จากข้อมูลข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง | 1. พอลิเมอร์ Xและ Y มีโครงสร้างแบบกิ่ง
2. พอลิเมอร์ W มีจุดหลอมเหลวสูงกว่าพอลิเมอร์ X
3. พอลิเมอร์ X และ Z จัดเป็นพลาสติกเทอร์มอเซต
4. พอลิเมอร์ W นำมาผลิตเป็นตะกร้า หูกระทะ ขวดบรรจุยา
5. ผลิตภัณฑ์พลาสติกจากพอลิเมอร์ Y และ W สามารถนำกลับมาหลอมขึ้นรูปใหม่ได้ | 2. พอลิเมอร์ W มีจุดหลอมเหลวสูงกว่าพอลิเมอร์ X | true | true | true |
2,019 | "21" | A B และ C เป็นสารอาหารกลุ่มที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย มีสมบัติบางประการ ดังนี้
สาร A เป็นไตรกลีเซอไรด์ที่สกัดจากเมล็ดถั่วเหลืองแล้วนำ มาเติมไฮโดรเจนได้สาร X
สาร B ทดสอบด้วยสารละลายคอปเปอร์ ซัลเฟตในเบสได้สารสีม่วงเมื่อสาร B ถูกย่อย
อย่างสมบูรณ์ ได้สาร Y
สาร C เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่มากเมื่อต้มสาร C กับสารละลาย
กรดไฮโดรคลอริกได้สาร Z
จากข้อมูลข้อสรุปใดถูกต้อง | 1. สาร Z มีธาตุองค์ประกอบแตกต่างจากสาร X และ Y
2. สาร C เป็นได้ทั้งไดแซ็กคาไรด์และพอลิแซ็กคาไรด์
3. สาร A สามารถฟอกจางสีสารละลายไอโอดีนได้น้อยกว่าสาร X
4. ทดสอบสาร Z ด้วยสารละลายเบเนดิกต์ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
5 .ทดสอบสาร Bโดยให้ความร้อนแล้วหยดด้วย สารละลายคอปเปอร์(II ซัลเฟตในเบส
ได้สารสีม่วง | 5 .ทดสอบสาร Bโดยให้ความร้อนแล้วหยดด้วย สารละลายคอปเปอร์(II ซัลเฟตในเบส
ได้สารสีม่วง | true | true | true |
2,019 | "22" | นำตัวอย่างอาหารชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นของเหลวมาตรวจหาสารอาหาร
โดยทําการทดลองดังนี้
การทดลองที่1 เติมสารละลายเบเนดิกต์ได้เป็นของเหลวขุ่นสีฟ้าแล้วนำ ไปต้ม
ของเหลวขุ่นสีฟ้าเปลี่ยนเป็นตะกอนสีส้ม
การทดลองที่2 หยดสารละลายไอโอดีนทีละหยดตัวอย่างอาหารยังคงเป็นสีเดิมจนกระทั่ง
หยดที่5 ตัวอย่างอาหารเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลโดยที่ไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
การทดลองที่3 เติมสารละลายเบสได้ตะกอนขุ่นสีขาวแล้วหยดด้วยสารละลายคอปเปอร์
(II)ซัลเฟตได้สารแขวนลอยสีม่วง
ตัวอย่างอาหารในข้อใดให้ผลที่เป็นไปได้ตรงกับผลการทดลองมากที่สุด | 1. น้ำส้มคั้นผสมนมสด
2. น้ำข้าวโพดผสมน้ำอ้อย
3. ไข่ขาวผสมนํ้าตาลทราย
4. น้ำเต้าหู้รสจืดผสมแป้งมัน
5. น้ำมันถั่วเหลืองผสมแป้งสาลี | 1. น้ำส้มคั้นผสมนมสด | true | true | true |
2,019 | "23" | โดยปกติแล้วพื้นผิวโลกมีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้าเนื่องจากประจุไฟฟ้าบวกและลบมีจำนวน
แต่ในช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองบริเวณฐานเมฆจะมีประจุไฟฟ้าลบอยู่เป็นจำนวนมากเท่าๆกัน
ดังภาพ แรงไฟฟ้าและสนามไฟฟ้าจากฐานเมฆจะทำให้พื้นผิวโลกที่อยู่ใต้ฐานเมฆไม่เป็นกลาง
ทางไฟฟ้า
จากภาพทิศทางของสนามไฟฟ้าระหว่างฐานเมฆกับพื้นผิวโลกใต้เมฆเป็นอย่างไร และถ้านำ
อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าลบตัวหนึ่งไปไว้ที่จุด X จะมีแรงไฟฟ้าจากฐานเมฆกระทำต่ออนุภาค
ดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร | ทิศทางของสนามไฟฟ้า แรงไฟฟ้า
1. เข้าหาเมฆ ไม่มีเพราะมีประจุไฟฟ้าลบเหมือนกัน
2. เข้าหาเมฆ มีโดยมีทิศทางออกจากเมฆ
3. ออกจากเมฆ ไม่มีเพราะมีประจุไฟฟ้าลบเหมือนกัน
4. ออกจากเมฆ มีโดยมีทิศทางเข้าหาเมฆ
5. ออกจากเมฆ มีโดยมีทิศทางออกจากเมฆ | 2. เข้าหาเมฆ มีโดยมีทิศทางออกจากเมฆ | false | true | true |
2,019 | "24" | วางแท่งแม่เหล็ก2แท่งในตำแหน่งดังที่กำหนดในภาพ จากนั้นยิงอิเล็กตรอนเข้าไปที่ตรงกลาง
ระหว่างแท่งแม่เหล็กทั้งสองในทิศพุ่งเข้าและตั้งฉากกับระนาบของกระดาษ พบว่าอิเล็กตรอน
เบนไปทางด้านบน
จากข้อมูล สนามแม่เหล็กมีทิศทางใด ขั้วเหนือและขั้วใต้ของแท่งแม่เหล็กคือตำแหน่งใด | ทิศทางของสนามแม่เหล็ก
ตำแหน่งขั้วแม่เหล็ก ขั้วเหนือ ขั้วใต้
1. จาก A ไปหา C C A
2. จาก A ไปหา C A C
3. จาก B ไปหา D B D
4. จาก B ไปหา D D B
5. จาก C ไปหา A A C | 2. จาก A ไปหา C A C | false | true | true |
2,019 | "25" | ถ้าสมมติในอนาคตแรงนิวเคลียร์หายไปจากธรรมชาติ “ทุกอะตอมจะไม่สามารถคงสภาพ
อะตอมได้”
คำกล่าวข้างต้นถูกต้องตามหลักการของแรงในธรรมชาติหรือไม่เพราะเหตุใด | 1. ถูกต้องเพราะจะไม่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโปรตอนและนิวตรอนที่ทำให้มีนิวเคลียส
2. ถูกต้องเพราะจะไม่มีแรงที่ทำ หน้าที่ดึงดูดระหว่างนิวตรอนกับอิเล็กตรอนที่อยู่รอบ ๆ
3. ไม่ถูกต้องเพราะยังมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างนิวคลีออนที่ทำให้มีนิวเคลียส
4. ไม่ถูกต้องเพราะยังมีแรงไฟฟ้าระหว่างโปรตอนกับอิเล็กตรอนที่อยู่รอบๆให้คงสภาพ
อะตอมได้
5. ไม่ถูกต้องเพราะยังมีแรงโน้มถ่วงกระทำ ระหว่างโปรตอนนิวตรอนและอิเล็กตรอน
ให้คงสภาพอะตอมได้ | 1. ถูกต้องเพราะจะไม่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโปรตอนและนิวตรอนที่ทำให้มีนิวเคลียส | true | true | true |
2,019 | "26" | พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้เพื่อใช้ในการตอบคำถามข้อ 26-27
โยนลูกบอลขึ้นในแนวดิ่งบนพื้นผิวโลกลูกบอลเริ่มเคลื่อนที่จากจุดขึ้นไปถึงจุดซึ่งอยู่สูง
จากจุด 1225เมตรโดยใช้เวลา05วินาที แล้วเคลื่อนที่ลงถึงจุดอีกครั้ง
การเคลื่อนที่ของลูกบอลจากจุด A ไปจุด B แล้วกลับมายังจุด A อีกครั้งมีขนาดการกระจัดเท่าใด
และมีขนาดของความเร็วเฉลี่ยเท่าใด | ขนาดการกระจัด (m) ขนาดความเร็วเฉลี่ย (m/s)
1. 0 0
2. 0 1.225
3. 0 2.450
4. 2.450 0
5. 2.450 2.450 | 1. 0 0 | false | true | true |
2,019 | "27" | พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้เพื่อใช้ในการตอบคำถามข้อ 26-27
โยนลูกบอลขึ้นในแนวดิ่งบนพื้นผิวโลกลูกบอลเริ่มเคลื่อนที่จากจุดขึ้นไปถึงจุดซึ่งอยู่สูง
จากจุด 1225เมตรโดยใช้เวลา05วินาที แล้วเคลื่อนที่ลงถึงจุดอีกครั้ง
ข้อความใดกล่าวถึงการเคลื่อนที่ของลูกบอลได้ถูกต้อง | 1. ขณะขึ้นจากจุด A ไปจุด B ความเร่งมีทิศทางขึ้น
2. ขณะขึ้นจากจุด A ไปจุด B ความเร็วมีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. ขณะอยู่ที่จุด B ความเร่งเป็นศูนย์
4. ขณะลงจากจุด B ไปจุด A ความเร่งมีขนาดลดลงอย่างต่อเนื่อง
5. ขณะลงจากจุด B ไปจุด A ความเร็วมีทิศทางลง | 5. ขณะลงจากจุด B ไปจุด A ความเร็วมีทิศทางลง | false | true | true |
2,019 | "28" | ยิงวัตถุ A B และ C ขึ้นจากพื้นที่ตำแหน่งเดียวกันทำมุมกับพื้น20องศา45องศาและ
70องศาตามลำดับ พบว่าวัตถุทั้งสามชิ้นมีเส้นทางการเคลื่อนที่เป็นดังภาพและตกถึงพื้น
ที่ตำแหน่งเดียวกัน
กำหนดให้ไม่ต้องพิจารณาแรงต้านของอากาศ
ข้อความใดกล่าวถูกต้อง | 1. วัตถุ C เคลื่อนที่ด้วยความเร่งมากที่สุด
2. วัตถุ A และ C มีขนาดของความเร็วต้นเท่ากัน
3. วัตถุ A มีขนาดของความเร็วต้นน้อยกว่าวัตถุ C
4. วัตถุทั้งสามชิ้นมีความเร็วในแนวระดับไม่คงตัวตลอดการเคลื่อนที
5. ที่จุดสูงสุดของวัตถุแต่ละชิ้น วัตถุ C มีความเร็วในแนวดิ่งมากที่สุด | 2. วัตถุ A และ C มีขนาดของความเร็วต้นเท่ากัน | false | true | true |
2,019 | "29" | นาฬิกาลูกตุ้มเรือนหนึ่งมีลูกตุ้มแกว่งกลับไป-กลับมาผ่านตำแหน่ง
A B และ C ดังภาพโดยเมื่อลูกตุ้มนาฬิกาแกว่งกลับไป-กลับมา
ครบ60รอบเข็มยาวจะขยับไป 1 ช่องหรือบอกเวลา 1 นาที
เนื่องจากนาฬิกาเรือนนี้ถูกใช้งานมาเป็นเวลานานแล้วจึงมีความเสียดทาน
ที่ทำให้ลูกตุ้มแกว่งช้ากว่าปกติ ส่งผลให้เมื่อเวลามาตรฐานผ่านไป 1 ชั่วโมง
นาฬิกาเรือนนี้บอกเวลาช้ากว่าเวลามาตรฐานอยู่5 นาที
จากข้อมูลของนาฬิกาเรือนนี้การขยับของเข็มยาวไป 1 ช่อง ลูกตุ้มจะแกว่งผ่าน
ตำแหน่ง B กี่ครั้ง และลูกตุ้มมีคาบการแกว่งประมาณกี่วินาที | จํานวนครั้งที่ผ่านตำแหน่ง B คาบการแกว่ง (s)
1. 120 1.09
2. 120 0.92
3. 60 1.09
4. 60 1.00
5. 60 0.92 | 1. 120 1.09 | false | true | true |
2,019 | "30" | นพและนิดจับขดลวดสปริงคนละข้างและวางบนพื้นลื่นนพขยับปลายของขดลวดสปริง
เข้าและออกจากตัวเองอย่างต่อเนื่องพบว่าเกิดคลื่นบนขดลวดสปริงเคลื่อนที่เข้าหานิด
โดยมีอัตราเร็วคลื่น 12เมตรต่อวินาทีและส่วนของสปริงที่ถูกจัดอยู่ห่างกัน 15เมตร
ดังภาพที่เป็นมุมมองจากด้านบน
คลื่นดังกล่าวเป็นคลื่นชนิดใด อนุภาคของขดลวดสปริงณตำแหน่งหนึ่งๆจะเคลื่อนที่
และ
กลับไปกลับมาด้วยความถี่เท่าใด | ชนิดของคลื่น ความถี่ (1/s)
1. คลื่นตามขวาง 0.8
2. คลื่นตามขวาง 1.25
3. คลื่นตามยาว 0.8
4. คลื่นตามยาว 1.25
5. คลื่นตามยาว 1.8 | 3. คลื่นตามยาว 0.8 | false | true | true |
2,019 | "31" | ตรึงเชือกยาวเส้นหนึ่งเข้ากับเสาให้แน่น จับปลายเชือกสะบัดในทิศทางขึ้นหนึ่งครั้งเว้นช่วงเวลา
เล็กน้อยแล้วสะบัดขึ้นอีกครั้งพบว่าเกิดสันคลื่นของคลื่นดล 2ขบวนที่เหมือนกันทุกประการ
เคลื่อนที่เข้าหาเสาดังภาพ
ในการพบกันของคลื่นขบวนแรกที่สะท้อนจากเสากับคลื่นขบวนหลังที่กำลังเข้าหาเสา
ถ้ากล่าวว่า “คลื่นรวมจะมีแอมพลิจูดเป็นศูนย์ทำให้ไม่เหลือคลื่นเคลื่อนที่บนเส้นเชือกอีก"
คำกล่าวดังกล่าวถูกต้องตามหลักการของคลื่นหรือไม่อย่างไร | 1. ถูกต้องเพราะคลื่นทั้งสองขบวนจะเกิดการแทรกสอดหักล้างทำให้ไม่เหลือ
คลื่นบนเส้นเชือกอีก
2. ไม่ถูกต้องเพราะคลื่นทั้งสองขบวนจะเกิดการแทรกสอดเสริมซึ่งแอมพลิจูดจะไม่เป็นศูนย์
3. ไม่ถูกต้องเพราะคลื่นทั้งสองขบวนจะเกิดการแทรกสอดหักล้างแล้วคลื่นจะเคลื่อนที่
ผ่านกันไป
4. สรุปไม่ได้เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าคลื่นทั้งสองขบวนจะเกิดการแทรกสอดเสริมหรือหักล้าง
5. สรุปไม่ได้เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าคลื่นขบวนแรกที่สะท้อนจากเสาจะมีลักษณะเป็น
สันคลื่นหรือท้องคลื่น | 3. ไม่ถูกต้องเพราะคลื่นทั้งสองขบวนจะเกิดการแทรกสอดหักล้างแล้วคลื่นจะเคลื่อนที่
ผ่านกันไป | false | true | true |
2,019 | "32" | ศึกษาเสียงที่เกิดจากแหล่งกำเนิดเสียงที่เป็นจุด มีกำลังเสียงคงตัวและสามารถปรับค่าความถี่
ของเสียงได้ทดลองวัดความดันอากาศที่เวลาต่างๆโดยจัดชุดการทดลองต่างกันได้ผลการวัด
ความดันอากาศ ดังกราฟ
ผลการวัดความดันอากาศครั้งที่2 เกิดจากการจัดชุดการทดลองอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับครั้งที่ 1 | ความถี่ของเสียง ระยะห่างระหว่างเครื่องวัดกับแหล่งกำเนิดเสียง
1. น้อยลง เท่าเดิม
2. น้อยลง มากขึ้น
3. เท่าเดิม น้อยลง
4. เท่าเดิม มากขึ้น
5. มากขึ้น น้อยลง | 4. เท่าเดิม มากขึ้น | false | true | true |
2,019 | "33" | ศึกษาเสียงที่เกิดจากแหล่งกำเนิดเสียงที่เป็นจุดมีกำลังเสียงคงตัวและสามารถปรับค่าความถี่
ของเสียงได้วางแหล่งกำเนิดเสียง2แหล่งที่มีกำลังเสียงเท่ากันไว้ใกล้ๆกัน
แหล่งกำเนิดเสียง X ให้เสียงที่มีความถี่เท่ากับผลของการวัดความดันอากาศดังกราฟ
แหล่งกำเนิดเสียง Y ให้เสียงที่มีความถี่เท่ากับ200เฮิรตซ์
แหล่งกำเนิดเสียง X ให้เสียงความถี่เท่าใด และถ้าเปิดแหล่งกำเนิดเสียง X และ Y พร้อมกัน
คนหูปกติจะได้ยินเสียงเป็นอย่างไร ถ้ากำหนดให้คนหูปกติสามารถได้ยินการเกิดบิต เมื่อความถี่
บีตไม่เกิน7ครั้งต่อวินาที | ความถี่ (Hz) ลักษณะของเสียง
1. 0.003 เสียงดังอย่างต่อเนื่อง
2. 0.003 เสียงดังสลับค่อย
3. 207 เสียงดังอย่างต่อเนื่อง
4. 250 เสียงดังสลับค่อย
5. 250 เสียงดังอย่างต่อเนื่อง
| 5. 250 เสียงดังอย่างต่อเนื่อง | false | true | true |
2,019 | "34" | ยิงรังสีของแสงให้เคลื่อนที่จากแก้วไปยังสุญญากาศพบว่าความยาวคลื่น (λ) 4 และอัตราเร็ว (v)
มีการเปลี่ยนแปลงถ้าคลื่นเคลื่อนที่จากซ้ายไปขวาโดยมีสนามแม่เหล็กทิศทางตามแนวบน-ล่าง
ของระนาบกระดาษดังภาพ
ความยาวคลื่นในสุญญากาศ λ2 มีค่าเป็นเท่าใดและทิศทางของสนามไฟฟ้าเป็นอย่างไร | λ2 (nm) ทิศทางของสนามไฟฟ้า
1. 651 แนวพุ่งเข้า–พุ่งออกตั้งฉากกับระนาบกระดาษ
2. 651 แนวบน–ล่าง
3. 651 แนวซ้าย-ขวา
4. 868 แนวพุ่งเข้า–พุ่งออกตั้งฉากกับระนาบกระดาษ
5. 868 แนวบน-ล่าง | 1. 651 แนวพุ่งเข้า–พุ่งออกตั้งฉากกับระนาบกระดาษ
| false | true | true |
2,019 | "35" | พิจารณาปฏิกิริยานิวเคลียร์ต่อไปนี้
9 4 12 1
Be + He ------> C + X
4 2 6 0
กำหนดให้ มวลรวมของนิวเคลียสก่อนเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์เท่ากับ 21.61×10^-27 กิโลกรัม
มวลรวมของนิวเคลียสหลังเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ เท่ากับ 21.60×10^-27 กิโลกรัม
อัตราเร็วของแสงในสุญญากาศเท่ากับ 3×10^8 เมตรต่อวินาที
ข้อความใดกล่าวถูกต้อง | 1
1. X มีมวลเป็นศูนย์
0
1
2. X มีประจุไฟฟ้าบวก
0
3. ปฏิกิริยานิวเคลียร์นี้เป็นนิวเคลียร์ฟิชชัน
4. พลังงานที่ได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์เท่ากับ 9×10^-13 จูล
5. มวลรวมของนิวเคลียสหลังเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์มีค่าลดลง 0.01 กิโลกรัม | 4. พลังงานที่ได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์เท่ากับ 9×10^-13 จูล | true | true | true |
2,019 | "36" | เมื่อวันที่ 1 มกราคม2563พบสารกัมมันตรังสีชนิดหนึ่ง8000มิลลิกรัม
ต่อมา วันที่ 5มกราคม2563มีสารกัมมันตรังสีชนิดนี้เหลืออยู่เพียง500มิลลิกรัม
จากข้อมูลสารกัมมันตรังสีดังกล่าวมีค่าครึ่งชีวิตเท่าใดและวันที่7มกราคม2563
จะเหลือสารกัมมันตรังสีเท่าใด | ครึ่งชีวิต(ชั่วโมง) สารกัมมันตรังสี
ณ วันที่ 7 มกราคม 2563 (mg)
1. 24 62.5
2. 24 125.0
3. 24 250.0
4. 30 125.0
5. 30 250.0 | 2. 24 125.0 | true | true | true |
2,019 | "37" | ขณะเกิดแผ่นดินไหวณศูนย์เกิดแผ่นดินไหว I และ II พร้อมกัน สถานีตรวจวัด
คลื่นไหวสะเทือน A B C และ D ที่ตั้งอยู่ณตำแหน่งต่างๆบนผิวโลกตรวจจับเวลาที่
คลื่นปฐมภูมิและคลื่นทุติยภูมิเคลื่อนที่มาถึงสถานีตรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนแต่ละแห่งได้ดังกราฟ
กำหนดให้สถานีตรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนทั้ง4แห่งตั้งเวลามาตรฐานของเครื่องวัด
ความไหวสะเทือนตรงกัน
จากกราฟข้อความใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง Autorou | 1. เมื่อเกิดแผ่นดินไหวที่ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II สถานีตรวจวัด C ตั้งอยู่ในบริเวณ
เขตอับคลื่นปฐมภูมิ
2. เมื่อวัดจากจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหว I ไปตามผิวโลกสถานีตรวจวัด B จะอยู่ระหว่าง
มุม 140-180องศา
3. เมื่อวัดจากจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวไปตามผิวโลกระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II
ถึงสถานีตรวจวัด B มากกว่าระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II ถึงสถานีตรวจวัด A
4. เมื่อวัดจากจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวไปตามผิวโลก ระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว I
ถึงสถานีตรวจวัด D มากกว่าระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II ถึงสถานีตรวจวัด D
5. เมื่อวัดจากจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวไปตามผิวโลก ระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว I
ถึงสถานีตรวจวัด C มากกว่าระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II ถึงสถานีตรวจวัด A | 4. เมื่อวัดจากจุดศูนย์เกิดแผ่นดินไหวไปตามผิวโลก ระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว I
ถึงสถานีตรวจวัด D มากกว่าระยะทางจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว II ถึงสถานีตรวจวัด D | false | true | true |
2,019 | "38" | การศึกษาหลักฐานทางธรณีวิทยาที่พบในปัจจุบันของแผ่นธรณี ในพื้นที่ศึกษา6แผ่นได้แก่ A B
C D E และ F พบว่า กลุ่มหินที่พบในแผ่นธรณีทั้งหกแผ่นเป็นกลุ่มหินประเภทเดียวกันและ
มีอายุอยู่ในช่วง 500-146ล้านปีก่อน นอกจากนี้ยังพบหลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์และ
หลักฐาน จากภูมิอากาศโบราณดังตาราง
จากหลักฐานข้างต้นนักธรณีวิทยาคนหนึ่งตั้งสมมติฐานว่าในอดีตแผ่นธรณี A เคยเป็นผืนแผ่นดิน
ขนาดใหญ่เพียงแผ่นเดียวมาก่อนต่อมาเกิดการแตกเป็นแผ่นธรณีขนาดเล็กและเคลื่อนที่แยก
ออกมาจากแผ่นธรณีขนาดใหญ่เดิมโดยแยกออกมาในช่วงเวลาต่างๆกันจำนวน5แผ่น ได้แก่
แผ่นธรณี B C D E และ F
จากข้อมูลถ้าสมมติฐานดังกล่าวเป็นจริงแผ่นธรณีใดบ้างที่คาดว่าแตกและเคลื่อนที่แยกออกมา
จากแผ่นธรณี A ในช่วง300-160ล้านปีที่ผ่านมา | 1 แผ่นธรณี B และ C
2 แผ่นธรณี B และ F
3 แผ่นธรณี C และ D
4 แผ่นธรณี D และ E
5 แผ่นธรณี E และ F | 3 แผ่นธรณี C และ D | false | true | true |
2,019 | "39" | ภาพวาดแสดงหน้าตัดของชั้นหินและซากดึกดำบรรพ์ดัชนีที่พบในพื้นที่2บริเวณซึ่งอยู่
ใกล้เคียงกันเป็นดังนี้
จากข้อมูลข้อความใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง | 1. ชั้นหินปูน C มีอายุใกล้เคียงกับชั้นหินปูน F
2. ชั้นหินทราย B มีอายุน้อยกว่าชั้นหินดินดาน G
3. ในอดีตพื้นที่บริเวณที่ 1 และบริเวณที่ 2 ต่างเคยเป็นทะเลมาก่อน
4. ซากดึกดำบรรพ์ของไทรโลไบต์ที่พบในชั้นหินบริเวณที่ 1 มีอายุใกล้เคียงกับที่พบในบริเวณที่2
5. ซากดึกดำบรรพ์ของฟิวซูลินิดที่พบในชั้นหินบริเวณ ที่ 2มีอายุเก่าแก่กว่าซากดึกดำบรรพ์
ของหอยสองฝาที่พบในชั้นหินบริเวณที่ 1 | 4. ซากดึกดำบรรพ์ของไทรโลไบต์ที่พบในชั้นหินบริเวณที่ 1 มีอายุใกล้เคียงกับที่พบในบริเวณที่2 | false | true | true |
2,019 | "40" | ข้อมูลแสดงวิวัฒนาการของดาวฤกษ์3ดวงเป็นดังนี้
ดาวฤกษ์ วิวัฒนาการของดาวฤกษ์
A ดาวฤกษ์ →ดาวยักษ์แดง→ดาวแคระขาวและเนบิวลาดาวเคราะห์
B ดาวฤกษ์→ดาวยักษ์ใหญ่แดง →หลุมดำ และเนบิวลา
C ดาวฤกษ์→ดาวยักษ์ใหญ่แดง → ดาวนิวตรอนและเนบิวลา
จากข้อมูลมวลของดาวฤกษ์ก่อนเกิดในข้อใดต่อไปนี้สอดคล้องกับวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ที่กำหนด | มวลของดาวฤกษ์ก่อนเกิดเทียบกับมวลดวงอาทิตย์ (เท่า)
ดาวฤกษ์ A ดาวฤกษ์ B ดาวฤกษ์ C
1. 12.6 2.5 4.00
2. 5.8 33.0 15.5
3. 14.3 17.0 8.5
4. 19.0 3.5 6.7
5. 1.4 22.5 4.2 | 2. 5.8 33.0 15.5 | true | true | true |
2,019 | "41" | การสำรวจลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมด้วยยืนบนออโตโซมของครอบครัวหนึ่ง
เป็นดังตาราง
บุคคล ลักษณะทางพันธุกรรม
ในครอบครัว การมีลักยิ้ม การห่อลิ้น หมู่เลือด
พ่อ ไม่มี ได้ เอ
แม่ มี ไม่ได้ บี
ลูกคนที่ 1 มี ไม่ได้ บี
ลูกคนที่2 ไม่มี ได้ เอ
กำหนดให้ การมีลักยิ้ม เป็นลักษณะเด่นที่ควบคุมด้วยแอลลีล F
การห่อลิ้นได้เป็นลักษณะเด่นที่ควบคุมด้วยแอลลีล D
ข้อความต่อไปนี้กล่าวถึงลักษณะทางพันธุกรรมของครอบครัวนี้ถูกต้องใช่หรือไม่
ข้อความ ใช่ หรือไม่ใช่
การมีลักยิ้ม ของแม่มีจีโนไทป์เป็น FF และลูกคนที่ 1 มีจีโนไทป์เป็น Fr ใช่/ไม่ใช่ | ใช่/ไม่ใช่ | ไม่ใช่ | true | false | true |
2,019 | "41" | การสำรวจลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมด้วยยืนบนออโตโซมของครอบครัวหนึ่ง
เป็นดังตาราง
บุคคล ลักษณะทางพันธุกรรม
ในครอบครัว การมีลักยิ้ม การห่อลิ้น หมู่เลือด
พ่อ ไม่มี ได้ เอ
แม่ มี ไม่ได้ บี
ลูกคนที่ 1 มี ไม่ได้ บี
ลูกคนที่2 ไม่มี ได้ เอ
กำหนดให้ การมีลักยิ้ม เป็นลักษณะเด่นที่ควบคุมด้วยแอลลีล F
การห่อลิ้นได้เป็นลักษณะเด่นที่ควบคุมด้วยแอลลีล D
ข้อความต่อไปนี้กล่าวถึงลักษณะทางพันธุกรรมของครอบครัวนี้ถูกต้องใช่หรือไม่
ข้อความ ใช่ หรือไม่ใช่
ลูกสาวและลูกชาย ของครอบครัวนี้มีโอกาสห่อลิ้นได้เท่ากันคือร้อยละ 50 ใช่/ไม่ใช่ | ใช่/ไม่ใช่ | ใช่ | true | false | true |