txt
stringlengths
202
53.1k
# ทวิตเตอร์ระงับบัญชีโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน @jitarsa_school ทวิตเตอร์ระงับบัญชีโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน (@jitarsa_school) หลังระบุว่าละเมิดกฎของทวิตเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการบิดเบือนระบบและสแปม นับเป็นบัญชีที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก (ล่าสุดสูงกว่า 48,000 followers) ที่ถูกระงับบัญชี หลังก่อนหน้านี้ทวิตเตอร์ระงับบัญชี @FreeYOUTHth หรือเยาวชนปลดแอก และบัญชี ฟอร์ด ทัตเทพ เลขาธิการเยาวชนปลดแอกไป ด้วยเหตุผลเดียวกันแต่ทวิตเตอร์ปลดการระงับทั้งสองบัญชีภายหลัง สำนักข่าวรอยเตอร์สวิเคราะห์ผู้ติดตาม @jitarsa_school พบว่าบัญชีกว่า 80% นั้นเพิ่งสร้างหลังจากเดือนกันยายนที่ผ่านมา จากการตรวจสอบใน Google Cache ผมพบว่าทวิตเตอร์ได้จำกัดการเข้าถึง (restricted) บัญชี @jitarsa_school ไว้ก่อนแล้ว ที่มา - Reuters
# ตอกย้ำความไฮป์ Cyberpunk 2077 เกมยังไม่ออก แต่สินค้าและหนังโป๊ออกมารอแล้ว แม้เกม Cyberpunk 2077 จะเลื่อนวางจำหน่ายจาก 19 พฤศจิกายนไปเป็น 10 ธันวาคมนี้ แต่ในพรีเซนเทชั่นรายได้ของ CD Projekt ฝั่งพับบลิเชอร์ของเกม Cyberpunk 2077 (ฝั่งพัฒนาเกมคือ CD Projekt RED) เปิดเผยข้อมูลถึงสินค้าพาร์ทเนอร์ชิปมากมายที่ทีมงานจับมือผลิตกับแบรนด์ดังทั่วโลก สินค้าต่างๆ มีทั้งเครื่องดื่ม Sprite เครื่องแต่งกาย Adidas, J!NX และ Bioworld รวมไปถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องเกมต่างๆ เช่น Xbox, OnePlus, Razer, Steelseries, Nvidia, Alienware และ Seagate ยาวไปถึงแบรนด์น้ำหอมผู้ชายอย่าง Old Spice และหนังสือการ์ตูนจาก Dark Horse Comics แถมล่าสุด Rafal Jaki (@GwentBro) ผู้อำนวยการฝั่งพัฒนาธุรกิจของ CD Projekt ยังออกมาทวีตภาพหนังโป๊ VR ความละเอียด 8K เรื่อง Cyberpunk 2077 XXX Parody ของเว็บไซต์ VRPorn พร้อมแคปชั่น “การเลียนแบบคงถือเป็นคำชมที่ดีที่สุดละมั้งนะ?” อีกด้วย ทั้งสินค้าและหนังโป๊ที่มีออกมาเต็มที่ตั้งแต่ตัวเกมยังไม่ออก น่าจะเป็นการตอกย้ำความไฮป์ของเกม และการเติบโตก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมเกมไปอีกขั้น จากที่ปกติเราจะเห็นพาร์ทเนอร์ชิปที่ครอบคลุมหลายวงการเช่นนี้ มีแต่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ดเท่านั้น ส่วนตัวเกมจริง จะดีสมชื่อชั้น CD Projekt Red ที่สร้างเอาไว้และสมการรอคอยหรือไม่ คงต้องรอติดตามกันหลัง 10 ธันวาคมนี้ ที่มา - CD Projekt Earning Presentation, Rafal Jaki Twitter
# หลุดภาพ Surface Laptop 4 และเครื่องต้นแบบ Surface Pro 8, ดีไซน์ภายนอกแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สำหรับผู้ที่รอรุ่นอัพเดตของ Surface Laptop และ Surface Pro ตอนนี้เริ่มมีภาพหลุดออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว ภาพหลุดดังกล่าวพบโดยทวิตเตอร์ Cozyplanes และเป็นภาพที่เว็บไซต์ Windows Central เชื่อว่าเป็นภาพถ่ายจากการขอรับรองมาตรฐานเพื่อจัดจำหน่ายในเกาหลี ภาพหลุด Surface Laptop 4 ภาพหลุด Surface Pro 8 ทำให้น่าเชื่อว่าอุปกรณ์ทั้งสองตัวน่าจะใกล้ถึงเวลาวางขายเต็มที แม้ว่าจะเป็นข่าวร้ายซักหน่อยสำหรับผู้ที่อยากได้ดีไซนใหม่ เพราะเมื่อดูจากภายนอกนั้นแทบจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนๆ เลย สำหรับ Surface Pro 8 นั้น ไม่ได้หลุดมาเพียงแค่ภาพ แต่เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนมีผู้พบเครื่องต้นแบบประกาศขายอยู่บนเว็บไซต์ eBay ซึ่งภายหลังถูกซื้อไปโดยผู้ใช้งาน Reddit ชื่อว่า Unreliable_noob และได้โพสต์ลงบนเว็บไซต์ Reddit ยืนยันว่าเป็นเครื่องต้นแบบที่ใช้งานได้จริง ส่วนสเปกของเครื่องหลุดมานั้นมาพร้อมกับ ซีพียู Intel Core i7-1165G7, จีพียู Intel Iris Xe, แรม 32 GB, SSD NVMe 4x ความจุ 1TB นับว่าเป็นสเปกที่ดูดีเลยทีเดียว (Surface Pro 7 ให้แรมสูงสุดเพียง 16 GB) แต่ก็น่าเสียดายที่ตัวเครื่องต้นแบบนั้นยังไม่ได้ให้พอร์ต Thunderbolt 3 มาด้วย ภาพเครื่องต้นแบบ Surface Pro 8 จาก eBay ภาพด้านหลังเครื่องต้นแบบ Surface Pro 8 จาก eBay ภาพสเปกเครื่องต้นแบบ Surface Pro 8 แบบชัดๆ สนใจชมภาพเครื่องต้นแบบเพิ่มเติมได้จากกระทู้ Reddit ครับ ที่มา - Windows Central , MSPoweruser (1, 2)
# [แจ้งเตือน] CentOS 6 หมดอายุซัพพอร์ตวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ โครงการ CentOS มีกำหนดยุติการซัพพอร์ต CentOS 6 ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ทำให้เซิร์ฟเวอร์ที่ยังใช้งานต่อไม่ได้รับแพตช์ความปลอดภัยใดๆ อีกต่อไป โดย CentOS 6 นั้นเริ่มออกตัวจริงตั้งแต่ปี 2011 รวมเวลานานกว่า 9 ปีแล้ว ผู้ดูแลระบบลินุกซ์น่าจะพบ CentOS กันอยู่เรื่อยๆ เนื่องจาก CentOS ใช้ซอร์สโค้ดจาก RHEL ของ Red Hat มาคอมไพล์ใหม่แล้วแจกจ่ายฟรี ทำให้ซอฟต์แวร์ต่างๆ และการคอนฟิกนั้นเหมือนกันแทบทั้งหมด หลายองค์กรอาจจะใช้ CentOS เป็นระบบทดสอบหรือแม้แต่ระบบจริง และตัวโครงการเองก็มีแนวทางซัพพอร์ตแต่ละเวอร์ชั่นยาวนาน ปัจจุบัน CentOS 8 นั้นเพิ่งออกมาเมื่อปี 2019 และจะหมดซัพพอร์ตปี 2029 รอบซัพพอร์ตเหล่านี้ตรงกับ RHEL แต่ฝั่ง Red Hat นั้นลูกค้าที่ใช้ RHEL 6 สามารถขอซื้อแพ็กเกจ extended lifecycle support (ELS) ต่อเนื่องไปได้ถึงปี 2024 สำหรับลูกค้า RHEL 5 นั้นแม้แต่แพ็กเกจ ELS ก็จะหมดอายุวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้เช่นกัน ถ้าใครยังพบว่ามีใช้งานอยู่ก็ถึงเวลาต้องอัพเกรดหรือหามาตรการลดความเสี่ยงอื่นๆ เช่น หาไฟร์วอลล์มาป้องกันเพิ่มเติม ที่มา - CentOS ภาพหน้าจอ CentOS 6
# Tony Hsieh ผู้ก่อตั้งเว็บขายรองเท้าออนไลน์ Zappos เสียชีวิตแล้วจากอุบัติเหตุไฟไหม้ Tony Hsieh (อ่านว่า โทนี่ เซ) ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอเว็บไซต์ขายรองเท้าออนไลน์ Zappos เสียชีวิตแล้วในวัย 46 ปี จากอุบัติเหตุไฟไหม้ Hsieh เป็นผู้บุกเบิกการขายรองเท้าผ่านเว็บ เขาก่อตั้ง Zappos ในปี 1999 แล้วขายกิจการให้ Amazon ในปี 2009 โดยที่เขายังนั่งเป็นซีอีโอต่อมาจนถึงเดือนสิงหาคม 2020 นี้เอง หลังจากเกษียณตัวเองจาก Zappos แล้ว เขายังมีธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อพัฒนาเมืองชื่อ DTP ที่ลาสเวกัส ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของ Zappos ด้วย เมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Hsieh กับครอบครัวอยู่ที่บ้านในรัฐคอนเนคทิคัต แล้วเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ ตัวของ Hsieh ติดอยู่ในบ้านและบาดเจ็บ จนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา นอกจากตัวธุรกิจ Zappos แล้ว Hsieh ยังโด่งดังจากการเขียนหนังสือเล่าเรื่องแนวทางการบริหารของเขาชื่อ Delivering Happiness (ฉบับภาษาไทยใช้ชื่อว่า "ใช้ความสุขทำกำไร" โดยสำนักพิมพ์ WeLearn) ที่เน้นการสร้างสภาพแวดล้อมให้พนักงานของ Zappos มีความสุขกับการทำงานก่อน แล้วจึงจะสามารถให้บริการในระดับที่ดีมากๆ กับลูกค้าได้ ที่มา - Connecticut Post, Zappos
# แอปเปิลจดสิทธิบัตร Touch Bar ที่รองรับ Force Touch บน MacBook Pro สำนักงานสิทธิบัตรของสหรัฐเพิ่งอนุมัติและเผยแพร่สิทธิบัตร Touch Bar บน MacBook Pro ใหม่ที่รองรับ Force Touch ในตัว หลังจากยื่นขอมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว Force Touch คือฟีเจอร์ที่ถูกเปิดตัวในปี 2015 พร้อม Apple Watch และ iPhone 6s ทำให้หน้าจอสามารถแยกแยะน้ำหนักที่กด ก่อนจะพัฒนาต่อมาเป็น 3D Touch ขณะที่การจดสิทธิบัตร Force Touch บน Touch Bar ไม่ได้มีอะไรยืนยันว่าแอปเปิลจะนำมาใช้บน MacBook Pro แต่ด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีที่แอปเปิลเคยทำอยู่แล้ว ก็อาจมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะนำมาใช้งานจริง ที่มา - Patently Apple via 9to5Mac
# สิ้นสุดการรอคอย นักพัฒนาโชว์การรัน Windows ARM64 และโปรแกรม x86 บนแมค M1 ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Alexander Graf ได้ทวีตความสำเร็จในการรัน Windows ARM64 รุ่น Insider Preview บนชิป Apple Silicon M1 ผ่าน QEMU Virtualizer ที่ผ่านการ patch โดยเป็นการรันผ่าน Hypervision.framework ของแอปเปิล ผลทดสอบสามารถรัน Windows ARM64 รวมถึงแอปพลิเคชัน x86 บน Windows ได้ดี แต่ไม่เร็วเท่าการรันแอปพลิเคชัน x86 บน macOS ผ่าน Rosetta 2 แม้ขั้นตอนต่าง ๆ จะสามารถทำซ้ำได้ แต่สถานะปัจจุบันยังถือว่าไม่เสถียรและเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อสัปดาห์ก่อน Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิลให้สัมภาษณ์ว่าแมคที่ใช้ Apple Silicon มีความพร้อมที่จะรัน Windows ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของไมโครซอฟท์ (ข่าวเก่า) การที่มีนักพัฒนาสามารถนำ Windows มารันบน Apple Silicon และยังสามารถรันแอปพลิเคชัน x86 ได้ น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับคนที่เฝ้ารอการรองรับ Windows บนเครื่องแมครุ่นใหม่นี้ ที่มา: The 8-Bit
# Xiaomi เปิดตัว Redmi Watch สมาร์ทวอชราคาย่อมเยา แบตอยู่ได้นานสุด 12 วัน Xiaomi เปิดตัว Redmi Watch สมาร์ทวอชภายใต้แบรนด์ Redmi เป็นครั้งแรก โดยเน้นที่ราคาย่อมเยาตามการวางตำแหน่งการตลาดของแบรนด์​ Redmi สมาร์ทวอชของ Redmi มีหน้าจอเป็นสี่เหลี่ยมพร้อมกระจกโค้งขนาด 1.4 นิ้ว มีปุ่มเดียวอยู่ข้างตัวเรือน ส่วนที่เหลือจัดการผ่านหน้าจอสัมผัสหรือแอป Mi Fit บนสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับตัวนาฬิกา สเปคภายในตัวเครื่อง Redmi Watch มี NFC, Bluetooth 5.0, ระบบวัดอัตราการเต้นหัวใจ, กันน้ำลึกสุด 50 เมตร, แบตเตอรี่อยู่ได้ 7 วัน หรือนานสุดถึง 12 วันหากใช้โหมดประหยัดพลังงาน Redmi Watch ตั้งราคาขายอยู่ที่ 299 หยวนหรือราว 1,400 บาท ตัวนาฬิกามีให้เลือก 3 สี คือดำ, ขาว และน้ำเงิน ส่วนสายซิลิโคนมีสีดำ, ขาว, น้ำเงิน, เขียว และชมพูให้เลือก โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในจีนวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ที่มา - The Verge
# กองทัพบกยอมรับสไลด์ IO เป็นของจริง ระบุ S-Planet ทำแอปให้ใช้ฟรี สัปดาห์นี้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @SaraAyanaputra ได้เปิดเผยเอกสารนำเสนอของกองทัพบกแสดงกระบวนการทำงานของกลุ่มไอโอกองทัพที่ประสานงานผ่านแอปสองตัว คือ Twitter Broadcast และ Free Messenger ทางกองทัพบกก็ออกมายอมรับว่าสไลด์ดังกล่าวเป็นของจริง โดยระบุว่าเป็นการเรียนรู้ของกองทัพ "ให้มีความเข้าใจในการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม" และการใช้งานแอปพลิเคชั่นทั้งสองตัวจากบริษัท เอส-แพลนเนต จำกัด ก็ไม่มีค่าใช้จ่าย ข้อความในสไลด์ระบุถึงกระบวนการประสานงานเพื่อทวีตเรื่องเดียวกันโดยกำลังพลของกองทัพกว่า 17,000 คน โดยระบุช่วงเวลารับผิดชอบ, แบ่งหน้าที่ของกลุ่มเทา/ดำสำหรับทวีตโจมตีฝ่ายตรงข้ามที่ได้รับจากผู้ผลิตสื่อสีดำ, และกระบวนการหลบเลี่ยงการแบนจากทวิตเตอร์ ทีมโฆษกกองทัพบกไม่พูดถึงกลุ่มสีเทา/ดำ ในสไลด์นำเสนอแต่พูดเพียงว่าเป็นการจัดหน่วยประชาสัมพันธ์เพื่อกระจายข้อมูลเชิงบวก และตัวแอปก็เปิดให้ใครดาวน์โหลดก็ได้แสดงว่าทางกองทัพไม่มีเจตนาจะปกปิด ที่มา - Facebook: Army Spoke Team
# ยอดขายคอนโซลใหม่สัปดาห์แรก PS5 1.48 ล้านเครื่อง, Xbox Series 1.34 ล้านเครื่อง เว็บไซต์เก็บสถิติยอดขายวิดีโอเกม VGChartz ประเมินยอดขายคอนโซลเจนใหม่ในช่วงสัปดาห์แรกที่วางขาย (8-14 พฤศจิกายน) พบว่า PS5 มียอดขายทั่วโลกดีกว่า Xbox Series อยู่เล็กน้อย PlayStation 5 - 1.48 ล้านเครื่อง Xbox Series X|S - 1.34 ล้านเครื่อง Nintendo Switch - 7.22 แสนเครื่อง PlayStation 4 - 1.16 แสนเครื่อง Xbox One - 4.5 หมื่นเครื่อง หากแยกยอดขายตามภูมิภาค ในอเมริกาเหนือ PS5 มียอดขาย 1.26 ล้านเครื่อง, Xbox Series X|S ขายได้ 9 แสนเครื่อง ส่วนในยุโรปมีเฉพาะ Xbox Series X|S ขายได้ 3.5 แสนเครื่อง (PS5 ยังไม่วางขายในสัปดาห์นั้น) ส่วนในญี่ปุ่น แชมป์กลับเป็น Switch ขายได้ 1.7 แสนเครื่อง ชนะ PS5 ที่ขายได้ 1.5 แสนเครื่อง ซึ่งสอดคล้องกับข่าวของ Bloomberg ที่บอกว่าโซนี่ไม่สนใจตลาดญี่ปุ่นมากนัก เนื่องจาก Switch ครองหมด ตัวเลขยอดขาย Xbox Series ถือว่าไม่เลวนัก เพราะถือว่าขายได้เยอะกว่า Xbox One ในสัปดาห์แรกที่เปิดขายได้ 1.1 ล้านเครื่อง ซึ่งไมโครซอฟท์เองยืนยันเรื่องนี้โดยบอกว่า The Biggest Launch in Xbox History แม้ไม่เปิดเผยยอดขายเป็นตัวเลขก็ตาม ที่มา - VGChartz, TechRadar
# ThaiCERT/US-CERT แจ้งเตือนองค์กรถูกแฮก Fortinet VPN แฮกเกอร์นำข้อมูลออกแจกจ่าย ThaiCERT และ US-CERT ออกประกาศแจ้งเตือนองค์กรที่ใช้ Fortinet VPN จำนวนมากถูกแฮกเกอร์เจาะระบบด้วยช่องโหว่ CVE-2018-13379 ที่บริษัทแพตช์ไปตั้งแต่กลางปี 2019 แต่หลายองค์กรยังไม่ได้ติดตั้งแพตช์ และตัวช่องโหว่ทำให้แฮกเกอร์อ่านชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านได้ ทำให้แม้จะแพตช์ไปหลังจากถูกแฮก ตัวแฮกเกอร์ก็สามารถล็อกอินกลับเข้าเครือข่ายได้ ทาง ThaiCERT ระบุว่ากำลังประสานงานไปยังหน่วยงานในไทยที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้อัพเดตเฟิร์มแวร์และเปลี่ยนรหัสผ่าน ไฟล์ที่แฮกเกอร์นำออกมาแจกเป็นข้อมูลเซิร์ฟเวอร์ VPN กว่า 50,000 รายการ ข้อมูลของแต่ละเซิร์ฟเวอร์ระบุชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, ระดับสิทธิ์, และหมายเลขไอพีที่ผู้ใช้ใช้เชื่อมต่อเข้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ ที่มา - ThaiCERT, US-CERT, Bleeping Computer ภาพจาก Fortinet
# [ลือ] Galaxy Buds Pro รุ่นใหม่มาพร้อม Galaxy S21 จะรองรับ Noise Cancelling SamMobile รายงานว่าซัมซุงจะออกหูฟังตระกูล Galaxy Buds รุ่นใหม่ในชื่อ Galaxy Buds Pro พร้อม Galaxy S21 ต้นปีหน้า ซึ่งจะรองรับ Active Noise Cancelling ด้วย และยังมีการอัพเกรดเรื่องคุณภาพเสียง, ปรับปรุงโหมด Ambient ทั้งนี้ Galaxy Buds Pro ที่รองรับ ANC ก่อนหน้านี้ถือเป็นคนละไลน์อัพกับตระกูล Buds ขณะที่ Galaxy Buds Pro ที่มี ANC น่าจะกันเสียงรบกวนภายนอกได้ดีกว่า Galaxy Buds Live ที่มีปัญหาจากการดีไซน์ ที่มา - SamMobile (1, 2)
# กลุ่มทุนของมกุฎราชกุมารซาอุฯ ซื้อหุ้น 33% ของ SNK, ตั้งเป้าซื้อให้ได้ 51% กลุ่มทุนของเจ้าชาย Mohammed bin Salman มกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบีย เข้าซื้อหุ้น 33.3% ของบริษัทเกม SNK ที่เรารู้จักกันดี หน่วยงานที่เข้าไปซื้อหุ้น SNK เป็นบริษัทชื่อว่า Electronic Gaming Development Company (EGDC) มีสถานะเป็นบริษัทลูกของมูลนิธิ Mohammed bin Salman Charitable Foundation (MiSK) EGDC ซื้อหุ้น 33.3% ของ SNK ด้วยมูลค่า 162 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,500 ล้านบาท) ทำให้บริษัท SNK มีมูลค่าทั้งหมด 490 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท) และ EGDC ยังประกาศว่าต้องการซื้อหุ้น SNK เพิ่มอีกให้มีสัดส่วน 51% กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SNK เกินครึ่งบริษัทด้วย บริษัท SNK ในปัจจุบันถือเป็นบริษัทที่สอง โดยบริษัท SNK ต้นฉบับล้มละลายไปในปี 2001 แต่ผู้ก่อตั้ง Eikichi Kawasaki ก็ตั้งบริษัทใหม่ Playmore ในปีเดียวกัน เพื่อซื้อทรัพย์สินทางปัญญาของ SNK หลังล้มละลาย จากนั้นเปลี่ยนชื่อเป็น SNK Playmore ในปี 2003 และเปลี่ยนกลับมาเป็น SNK เฉยๆ ในปี 2016 ถึงแม้เป็นบริษัทญี่ปุ่น แต่ SNK เลือกขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ KRX ของเกาหลีใต้ และมีผู้ถือหุ้นรายหนึ่งคือ Perfect World บริษัทเกมจากประเทศจีน EGDC ไม่ได้พูดชัดเจนนักว่าเข้ามาลงทุนใน SNK ทำไม ส่วน SNK ปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม ที่มา - MiSK, Eurogamer
# [ไม่ยืนยัน] Facebook จะเริ่มให้บริการกระเป๋าเงิน Novi และสกุลเงิน Libra มกราคมปีหน้า แม้ Facebook จะเปิดตัวสกุลเงินคริปโต Libra มาสักพักใหญ่แล้ว และข่าวดูเหมือนจะเงียบหายไปสักพัก (อัพเดตล่าสุดคือ Libra 2.0 ที่เปลี่ยนจากสกุล Libra เดียวหนุนหลังด้วยเงินหลายสกุล มาเป็นสกุลเงิน Libra ย่อย ๆ ที่แต่ละสกุลย่อยมีสกุลเงินเดียวหนุนหลัง) แต่ล่าสุด Financial Times ระบุว่าตอนนี้บริษัทพร้อมจะเปิดตัวสกุลเงินใหม่นี้ในเดือนมกราคมปีหน้า รายงานของ Financial Times ระบุว่า Libra Association ซึ่งเป็นองค์กรที่ Facebook ตั้งขึ้นมาเพื่อดูแล Libra จะเปิดตัวเหรียญแบบมีเงินดอลลาร์หนุนหลังก่อน ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ stablecoins อื่น ๆ อย่าง USDC, PAX, USDT ส่วนเงินเหรียญแบบมีเงินสกุลอื่นหนุนหลังจะเปิดตัวตามมาภายหลัง นอกจากสกุลเงินแล้ว คาดกันว่า Facebook จะเปิดตัวระบบกระเป๋าเงิน Novi (ที่ตอนแรกใช้ชื่อว่า Calibra) พร้อม ๆ กันด้วย ซึ่งตัว Novi สามารถจัดการกระเป๋าเงินผ่านแอปแยกก็ได้ หรือจะจัดการผ่าน Facebook Messnger หรือ WhatsApp ก็ได้ โดยช่วงแรกของบริการ Novi จะพัฒนาเป็นระบบโอนและจ่ายเงินระหว่างบุคคล แม้ว่า Libra จะพร้อมให้บริการแล้ว แต่ข่าวที่ออกมายังเป็นฝั่งหัวเรือโครงการอย่าง Facebook เท่านั้น ซึ่งปัจจุบัน Libra มีสมาชิกอีกหลายบริษัทแต่ยังไม่มีข้อมูลว่าบริษัทอื่น ๆ จะเปิดตัวบริการที่รองรับ Libra พร้อมกับ Facebook หรือไม่ ที่มา - TechCrunch
# [ลือ] Windows 10 จะรองรับแอพ Android แบบเนทีฟ ภายใต้ Project Latte เว็บไซต์ Windows Central รายงานข่าวว่าไมโครซอฟท์จะเปิดให้รันแอพ Android บน Windows 10 ได้แบบเนทีฟ (ไม่ใช่การสตรีมจากมือถือ หรือ อีมูเลเตอร์) โครงการนี้มีโค้ดเนมว่า Project Latte ช่วงปี 2015-2016 ไมโครซอฟท์เคยมีแนวคิดนี้มาแล้วรอบหนึ่งกับ Project Astoria แต่ภายหลังก็ประสบปัญหาในการพัฒนาจนต้องยกเลิกไป Windows Central บอกว่าการกลับมารอบนี้ยังคงแนวคิดเดิม แต่มีโอกาสสูงที่จะรันแอพ Android บน WSL โดยไมโครซอฟท์น่าจะทำ Android subsystem ขึ้นมาใช้เอง ข้อจำกัดสำคัญคงเป็นว่า Project Latte ไม่มี Google Play Services เพราะกูเกิลย่อมไม่ยินยอม ทำให้นักพัฒนา Android ต้องเปลี่ยนการเชื่อมต่อมายัง API ชุดใหม่ (ลักษณะเดียวกับ FireOS ของ Amazon หรือ Huawei Mobile Services) ก่อนแล้วค่อยทำแพ็กเกจแอพเป็น MSIX เพื่อส่งขึ้น Microsoft Store ตอนนี้กำหนดการของ Project Latte ยังไม่ชัดเจน แต่คาดว่าจะประกาศข่าวในช่วงต้น-กลางปี 2021 และออกให้ใช้จริงใน Windows 10 รอบอัพเดตปลายปี 2021 ที่มา - Windows Central
# เกมหลักไม่เลื่อน แต่ Cyberpunk 2077 เลื่อนประกาศแผน DLC ไปเป็น Q1/2021 แฟนๆ Cyberpunk อาจเพิ่งเห็นข่าวดีว่าไม่เลื่อนวันวางขาย 10 ธันวาคม 2020 แน่ๆ แต่ก็มีข่าวร้ายตามมาเล็กน้อยว่า DLC และ expansion ที่เคยวางแผนเอาไว้ว่าจะเปิดตัวก่อนเกมวางขาย จะต้องเลื่อนไปประกาศในไตรมาส 1/2021 แทน Adam Kiciński ประธานและซีอีโอร่วมของ CD Projekt กล่าวถึงเรื่องนี้ในงานแถลงผลประกอบการ ยอมรับว่าการเลื่อนตัวเกมหลัก ส่งผลกระทบต่อการประกาศข่าว DLC จึงตัดสินใจรอให้วางขายเกมให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาพูดถึงเนื้อหา post-launch ในภายหลัง Kiciński เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า Cyberpunk 2077 มี DLC จำนวนไม่น้อยกว่า The Witcher 3 แน่นอน (16 DLC และ 2 story expansion) ที่มา - DualShockers
# อินเดียออกกฎห้ามแอปเรียกรถคิด surcharge เกิน 1.5 เท่า, ค่าคอมมิชชั่นหักได้ไม่เกิน 20% อินเดียออกกฎควบคุมบริการเรียกรถผ่านแอป โดยข้อกำหนดใหม่นี้ครอบคลุมบริการเรียกรถในหลายมิติ ตั้งแต่การคิดค่าคอมมิชชั่น, การคิดค่าโดยสารแบบ surge pricing และการจำกัดการทำงานต่อวัน เนื้อความของข้อกำหนดใหม่นี้เริ่มตั้งแต่การคิดค่าคอมมิชชั่น กฎใหม่กำหนดให้บริษัทหักค่าคอมมิชชั่นจากผู้ขับรถได้สูงสุดเพียง 20% ของค่าโดยสารเท่านั้น (เท่ากับคนขับจะต้องได้รับขั้นต่ำ 80%) และกำหนดว่าบริษัทจะต้องจัดหาประกันให้ครอบคลุมรวมถึงต้องจำกัดการทำงานไม่ให้คนขับขับรถเกิน 12 ชั่วโมงต่อวันด้วย ส่วนการคิดค่าบริการในช่วงคนใช้บริการจำนวนมากหรือ surcharge กำหนดให้คิดได้สูงสุด 1.5 เท่าของค่าโดยสารปกติเท่านั้น การออกข้อกำหนดเหล่านี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อบริการเรียกรถเจ้าตลาดสองบริษัททั้ง Ola และ Uber อย่างมาก เนื่องจากทำให้บริษัทต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ก็ยังมีข้อกำหนดของอินเดียบางประการที่เป็นประโยชน์ต่อบริการกลุ่มนี้บ้าง อย่างเช่นอนุญาตให้บริษัทใช้ระบบคาร์พูลบนรถยนต์ส่วนตัวได้ เป็นต้น ที่มา - TechCrunch
# ข้อมูลจาก CB Insights มีสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นทั่วโลก มากกว่า 500 บริษัทแล้ว CB Insights บริษัทวิจัยด้านการลงทุน ซึ่งรวบรวมข้อมูลการลงทุนในสตาร์ทอัพทั่วโลก ได้อัพเดตรายชื่อสตาร์ทอัพที่มีสถานะระดับยูนิคอร์นทั่วโลก (มูลค่ากิจการมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ และยังไม่ exit) พบว่าตอนนี้มีสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นแล้วมากกว่า 500 บริษัท สิ่งที่น่าสนใจคืออัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวน โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จำนวนสตาร์ทอัพกลุ่มนี้มีอยู่ 250 บริษัท และก่อนหน้านั้นก็ใช้เวลามากกว่า 4 ปี จึงมีสตาร์ทอัพยูนิคอร์นครบ 250 บริษัท ส่วนข้อมูลแยกรายประเทศ อเมริกามีมากที่สุด 242 บริษัท ตามด้วยจีน 119 บริษัท (สองประเทศนี้รวมกันก็มากกว่า 70% แล้ว) สตาร์ทอัพที่ได้เพิ่มทุนเป็นระดับยูนิคอร์นในปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซและสุขภาพ สอดคล้องกับผลกระทบจากโควิด-19 ที่เป็นโอกาสของกลุ่มธุรกิจดังกล่าว จากข้อมูลของ CB Insights สตาร์ทอัพบริษัทล่าสุดที่มีมูลค่ากิจการมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์คือ Cars24 แพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์มือสองจากอินเดีย ซึ่งก็ได้ประโยชน์จากความต้องการใช้รถยนต์ส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นในประเทศ เพราะโควิด-19 เช่นกัน ที่มา: Nikkei, BBC ภาพจาก Pixabay
# Raspberry Pi ออกไดร์เวอร์รองรับ Vulkan เปิดทางใช้ GPU สำหรับประมวลผลงานทั่วไป เป็นเวลากว่า 1 ปีมาแล้วที่ทาง Raspberry Pi Foundation ได้ประกาศพัฒนาไดร์เวอร์กราฟิกที่รองรับ Vulkan สำหรับอุปกรณ์รุ่นล่าสุดอาทิ Raspberry Pi 4, Raspberry Pi 400 และ Compute Module 4 ในวันนี้ V3DV Mesa Driver สำหรับ Raspberry Pi ได้ผ่านการทดสอบกับชุดทดสอบความเข้ากันได้แล้ว (Vulkan 1.0 conformance) ภายหลังจากที่โค้ดทั้งหมดได้ถูกรวมเข้ากับโครงการหลักแล้วเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา การรองรับ Vulkan นอกจากจะช่วยในการรันโปรแกรมและเกมสามมิติแล้ว ยังเปิดทางให้สามารถนำ GPU ของ Raspberry Pi มาใช้ประมวลผลงานทั่วไปที่ไม่ใช่งานกราฟิกเช่นการประมวลผลด้านปัญญาประดิษฐ์ผ่านไลบารี่เช่น MNN หรือ ncnn เป็นต้น Vulkan Conformance Test Suite (CTS) เป็นชุดทดสอบของทางกลุ่ม Khronos ที่ทุกผู้ผลิตจะต้องผ่านการทดสอบ เพื่อการันตีความเข้ากันได้กับสเปก Vulkan รุ่นต่าง ๆ การผ่านการทดสอบนี้จึงเป็นก้าวที่สำคัญในการรองรับ Vulkan บนบอร์ด Raspberry Pi ที่มา: Raspberry Pi Blog
# [แก้ไขแล้ว] Spotify ล่มทั่วโลก บริษัทยังไม่ออกระบุปัญหา Spotify มีปัญหาทั่วโลกทำให้เล่นเพลงไม่ได้ตั้งแต่ 4 โมงตรงที่ผ่านมา แม้หน้าเว็บหลักจะยังใช้งานได้ก็ตาม ปกติแล้ว Spotify มีบัญชีทวิตเตอร์ @spotifystatus รายงานปัญหาระบบล่ม แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีการรายงานจากบริษัทแต่อย่างใด แม้จะล่มมานานเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว ที่มา - Down Detector
# Xbox Series เริ่มผลิตช้า เพราะรอจีพียู RDNA 2 เต็มรูปแบบ ส่วน PS5 เลือกไม่รอ จากประเด็น Phil Spencer บอกสั่งผลิต Xbox Series ช้ากว่า PS5 เพราะรอเทคโนโลยีบางอย่างจาก AMD สื่อเกมบางรายก็ไปขยายผลต่อ และพบว่ามันคือจีพียูของ Xbox Series ที่เป็นสถาปัตยกรร RDNA 2 เต็มรูปแบบ ในขณะที่ฝั่ง PS5 ไม่ใช่ เรื่องนี้ไมโครซอฟท์เคยประกาศไว้เองเมื่อปลายเดือนตุลาคม ก่อน Xbox Series วางขาย โดยประกาศว่า Xbox Series X|S เป็นคอนโซลชุดเดียวที่รองรับ "Full AMD RDNA 2 Architecture" หรือรองรับฟีเจอร์ทั้งหมดของ RDNA 2 เท่ากับ Radeon RX 6000 ซีรีส์ ฟีเจอร์ที่ไมโครซอฟท์ยกขึ้นมาอธิบายมี 4 ตัวคือ Ray Tracing, Mesh Shaders, Sampler Feedback, Variable Rate Shading (VRS) เท่ากับว่า Xbox Series รองรับทั้งหมด ภาพจาก AMD ตอนวันเปิดตัว Radeon RX 6000 "Big Navi" ฝั่ง PS5 เองโซนี่กลับไม่เคยพูดเรื่องนี้อย่างชัดเจนนัก และไม่เคยเคลมว่าเป็น Full RDNA 2 แต่เคยมีวิศวกรกราฟิกของโซนี่ชื่อ Rosario Leonardi (@ilMal3) โพสต์ในโซเชียล ระบุว่าจีพียูของโซนี่เป็น Custom RDNA 2 ที่มีฟีเจอร์ไม่เหมือน RDNA 2 ทั้งหมด ซึ่งเขาบอกว่าไม่ใช่ปัญหาอะไรมากนักในทางปฏิบัติ (NeoGAF) ที่เรารู้แน่ๆ ตอนนี้คือ PS5 มีฟีเจอร์ Ray Tracing แต่ไม่มี Variable Rate Shading (VRS) ซึ่งโซนี่ก็สัญญาว่าจะรองรับในอนาคต แต่ยังไม่ระบุว่าเมื่อไร ในระยะสั้น เรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหาจริงๆ เพราะเกมชุดแรกของคอนโซลเจนใหม่ มีประสิทธิภาพบน PS5 ดีกว่า Xbox Series X ด้วยซ้ำ ซึ่งปัจจัยหลักมาจากนักพัฒนามีเวลาทดสอบบน PS5 นานกว่า ไมโครซอฟท์มีเวลาทำเครื่องมือน้อยกว่า ส่วนในระยะยาว ผลของการที่ไมโครซอฟท์เลือก "รอ" และโซนี่เลือก "ไม่รอ" จะแตกต่างกันแค่ไหน คงต้องดูกันต่อไป และย่อมมีปัจจัยอื่นๆ มาเสริมอีกมากด้วย โดยเฉพาะเกมของแต่ละแพลตฟอร์ม ที่มา - VG247, The Verge
# อังกฤษเตรียมตั้งหน่วยงานใหม่ Digital Markets Unit กำกับดูแลบริษัท Tech ใหญ่โดยเฉพาะ อังกฤษเตรียมตั้งหน่วยงานใหม่ ชื่อว่า Digital Markets Unit หรือ DMU เพื่อควบคุม กำกับดูแลบริษัทเทคโนโลยีใหญ่อย่าง Google, Facebook ดูประเด็นการผูกขาดเป็นสำคัญ จะเริ่มมีผลในเดือนเมษายน 2021 โดย DMU จะเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานด้านการแข่งขันและการตลาด หรือ CMA (Competition and Markets Authority) มีหน้าที่กำหนดขีดจำกัดใหม่ว่าบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ทำอะไรได้บ้าง และสร้างสภาพแวดล้อมที่ธุรกิจเล็กสามารถมาแข่งขันได้ รวมถึงให้อำนาจผุ้บริโภคในการควบคุมข้อมูลของตนเอง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องกฎเกณฑ์ออกมาอย่างชัดเจน แต่ด้วยอำนาจของ DMU มีสิทธิ์ที่จะคัดค้านการกระทำใดๆ ของบริษัท หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็จะมีอำนาจในการปรับ รัฐบาลอังกฤษระบุในแถลงการณ์ว่า แพลตฟอร์มออนไลน์ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากสำหรับธุรกิจและสังคม แต่ก็พบว่ามีการกระจุกตัวของอำนาจมากขึ้นด้วย กระทบต่อการเติบโตของนวัตกรรม และสุดท้ายอาจส่งผลเสียต่อผู้ใช้งาน และธุรกิจต่างๆ ที่พึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีใหญ่เหล่านี้ ก่อนหน้านี้ CMA ออกรายงานผลการศึกษาแพลตฟอร์มออนไลน์และโฆษณาดิจิทัล (online platforms and digital advertising) พบว่า Google และ Facebook มีอำนาจเหนือตลาดโฆษณาดิจิทัล รายได้โฆษณาดิจิทัล 80% ไปอยู่กับ Google และ Facebook หมด แต่กฎหมายในปัจจุบันไม่สามารถจัดการได้ ที่มา - Engadet
# 10 อันดับไม่สะใจ Netflix ทดสอบแสดงหนัง, ซีรีส์ 50 อันดับบนหน้าจอหลัก มีคนไปเจอว่า Netflix เริ่มทดสอบฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชั่นบนอุปกรณ์ PS4 แสดงอันดับหนังและซีรีส์ที่ได้รับความนิยม เพิ่มจาก 10 อันดับ เป็น 50 อันดับ Saqib Shah ผู้สื่อข่าวของ S&P Global Market Intelligence ระบุว่า Netflix กำลังทดสอบรายชื่อ 50 อันดับแรกที่จะให้บริการแบบเดียวกับรายชื่อ 10 อันดับแรกที่เปิดใช้งานอยู่แล้วทั่วโลกตอนนี้ เปิดโอกาสให้เข้าถึงหนังใหม่ๆ มากขึ้น และหาสิ่งที่อยากดูง่ายขึ้น รายการเนื้อหาของ Netflix เติบโตมากขึ้น ทั้งจาก Original Content ของ Netflix เอง และเนื้อหาลิขสิทธิ์ อาจทำให้ผู้ใช้งานตามไม่ทันว่าควรดูอะไรบ้าง การมี 50 อันดับแนะนำมาให้อาจช่วยให้เลือกง่ายขึ้นกว่าการพึ่งพาอัลกอริทึมบนหน้าจอหลัก ที่มา - BGR
# พนักงาน Amazon 15 ประเทศเตรียมหยุดงานประท้วงช่วง Black Friday เรียกร้องค่าจ้างเป็นธรรม และการทำงานที่ปลอดภัย พนักงานโกดัง Amazon แถลงจะหยุดงานประท้วง ช่วงวันหยุด Black Friday ซึ่งเป็นช่วงนาทีทองของอีคอมเมิร์ซที่สินค้าพากันลดราคา เป็นการประท้วงเรียกร้องค่าจ้างที่เป็นธรรม และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยแก่พนักงาน รวมถึงสิทธิ์ของพนักงานในการจัดตั้งสหภาพแรงงานด้วย ซึ่ง Black Friday เป็นช่วงที่พนักงานบาดเจ็บจากการทำงานหนัก และยังไม่นับรวม COVID-19 ที่จนถึงตอนนี้มีพนักงาน Amazon ติดเชื้อกว่า 2 หมื่นรายแล้ว การเรียกร้องยังครอบคลุมประเด็น สิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, เรียกร้องให้ Amazon หยุดสอดแนมพนักงานและการจัดตั้งสหภาพแรงงาน กลุ่มพนักงานใช้ #MakeAmazonPay เป็นแฮชแท็กเผยแพร่แคมเปญการต่อสู้ โดยการประท้วงจะเกิดขึ้นใน 15 ประเทศคือ บราซิล, เม็กซิโก, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, สเปน, ฝรั่งเศส, เบลเยียม, เยอรมนี, ลักเซมเบิร์ก, อิตาลี, โปแลนด์, อินเดีย, บังกลาเทศ, ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย ภาพตู้ขนสินค้า Amazon ล่าสุด Amazon เผยว่า Amazon สนับสนุนการจัดตั้งสหภาพแรงงาน, ค่าจ้างขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง รวมถึงมาตรการความปลอดภัยต่างๆ เพื่อพนักงาน และยังให้สัญญาเรื่องการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะต้องเป็น 0 ในปี 2040 ด้วย ในขณะเดียวกัน เว็บไซต์ CNET รายงานหลังมีข่าวพนักงานจะประท้วงว่า Amazon จะเพิ่มค่าจ้างพิเศษให้พนักงานประจำในสหรัฐฯ ที่ทำงานในวันที่ 1 - 31 ธันวาคม ได้รับเงินเพิ่มอีก 300 ดอลลาร์ ส่วนพนักงานพาร์ทไทม์ได้ค่าจ้างเพิ่ม 150 ดอลลาร์ ที่มา - Engadget, CNET
# Google Opinion Rewards แอปตอบคำถามแลกเงิน Play Credit เปิดให้ใช้งานในไทยแล้ว Google Opinion Rewards แอปตอบแบบสอบถามแล้วได้เงิน เปิดให้ใช้งานในไทยแล้ว หลังเปิดในสหรัฐอเมริกามากว่า 7 ปี โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้จาก Google Play Store จากนั้นตอบแบบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลด้านต่างๆ สัปดาห์ละครั้งหรือมากกว่า คำถามในแอปจะเกี่ยวกับความคิดเห็นและข้อมูลของคุณ เช่น “โปรโมชั่นไหนจะดึงดูดใจคุณได้มากที่สด” หรือ “คุณจะมีแพลนเที่ยวครั้งต่อไปเมื่อไร” โดยจะได้รับเงินเป็น Play Credit ที่สามารถใช้ซื้อแอป หรือสมัครสมาชิกบริการต่างๆ บน Google Play Store ได้ สูงสุด 1 ดอลลาร์ต่อคำถาม ถ้าคุณโอเคในการใช้เวลาว่างตอบคำถาม และเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองให้ Google เพิ่มมากกว่าที่ Google ได้รับอยู่ทุกวันนี้ Google Opinion Rewards ก็อาจเป็นอีกวิธีที่จะทำเงินคืนจาก Google ได้บ้าง และสามารถดาวน์โหลด Google Opinion Rewards ได้ทันที บน Google Play Store ตั้งแต่วันนี้ ที่มา - Android Police
# UK ตั้งงบ 250 ล้านปอนด์ ช่วยโอเปอเรเตอร์เปลี่ยนอุปกรณ์โครงข่าย 5G หลังแบน Huawei รัฐบาลอังกฤษเป็นประเทศแรก ๆ หลังสหรัฐที่สั่งแบน Huawei ทำให้โอเปอเรเตอร์ต้องถอดอุปกรณ์ทั้งหมดภายใน 2027 โดยโอเปอเรเตอร์ที่ละเมิดมีสิทธิถูกปรับ (แต่ตัวกฎหมายปรับยังไม่ผ่านสภา) ล่าสุดรัฐบาลอังกฤษไม่ได้คิดจะปรับอย่างเดียว แต่จะช่วยเรื่องการเปลี่ยนอุปกรณ์ด้วย เมื่อเอกสารรายงานของรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง (Chancellor of the Exchequer) ชี้ว่ารัฐบาลเตรียมงบเอาไว้ประมาณ 250 ล้านปอนด์ โดยปีหน้าจะใช้ประมาณ 50 ล้านปอนด์สำหรับการสร้างโครงข่าย 5G ที่ปลอดภัยและยืดหยุ่น ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล วัฒนธรรมและสื่อของอังกฤษก็เตรียมจัดหาซัพพลายเออร์อุปกรณ์ 5G ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันประเด็นการขึ้นราคาหลังเสียซัพพลายเออร์ (Huawei) รายใหญ่ไป 1 ราย โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่าอังกฤษจะหันไปใช้อุปกรณ์ 5G จากญี่ปุ่นด้วย ที่มา - SCMP
# [ลือ] Samsung Galaxy S21 อาจมาพร้อมระบบปลดล็อกด้วยเสียงผ่าน Bixby SamMobile อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน ว่า Samsung Galaxy 21 ที่จะมาพร้อมกับ One UI 3.1 จะนำฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยเสียงผ่าน Bixby กลับมาอีกครั้ง จากที่ Bixby เวอร์ชั่นแรกๆ เคยมีความสามารถในการปลดล็อกเครื่องเพื่อทำตามคำสั่ง หรือปลดล็อกเครื่องโดยไม่ต้องกดปุ่ม ด้วยการตั้งคำพูดเฉพาะบางอย่างเป็นรหัสผ่านได้ แต่ถูกถอดออกไป อย่างไรก็ตาม การปลดล็อกด้วยเสียงอาจเป็นวิธีการปลดล็อกที่ไม่ปลอดภัยนัก เพราะคนอื่นจะสามารถบันทึกเสียงของคุณและนำมาปลดล็อกเครื่องได้ เช่นเดียวกับที่การปลดล็อกด้วยใบหน้าแบบ optical สามารถถูกหลอกได้โดยภาพถ่าย สุดท้ายแล้ววิธีที่ปลอดภัยกว่าก็น่าจะเป็นการปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือเช่นเคย แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ต้องการความปลอดภัยสูงนัก การปลดล็อกด้วยเสียงน่าจะเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้ ที่มา - SamMobile
# CDPR ยืนยันกับนักลงทุน Cyberpunk 2077 วางขาย 10 ธันวาคม ไม่เลื่อน ไม่น่าจะมีอะไรเซอร์ไพร์สอีกรอบแล้วกับ Cyberpunk 2077 ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนล่าสุดคือวันที่ 10 ธันวาคม แม้หลายคนจะยังหวั่น ๆ แต่การประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด CD Projekt Group ยืนยันกับนักลงทุนว่าวันวางจำหน่ายจะไม่เลื่อนแล้ว ในสไลด์แถลงผลประกอบการไตรมาส 3 / 2020 มีการยืนยันวันวางจำหน่ายทั่วโลกบนทุกแพลตฟอร์ม 10 ธันวาคม พร้อมระบุแผนการทำการตลาดที่จะค่อนข้างเยอะในช่วงเดือนธันวาคม ตามหัวเมืองใหญ่ทั่วโลก ทั้งหมดรวม 55 ประเทศ 34 ภาษา ที่มา - CDProjekt
# FIFA 21 เซ็น Beckham เป็นพรีเซนเตอร์, โดน Zlatan โวย นำชื่อ-หน้าไปใช้แบบไม่จ่ายเงิน EA เพิ่งเซ็นสัญญา David Beckham มาเป็นพรีเซนเตอร์เกม FIFA 21 พร้อมแจกการ์ดนักเตะ Beckham ยุค Real Madrid ให้กับแฟนๆ ที่เล่นเกมทุกคนในช่วงนี้ การเซ็นสัญญา Beckham เป็นประเด็นขึ้นมา เมื่อหนังสือพิมพ์ Daily Mirror ของอังกฤษรายงานข่าวว่า Beckham ได้รับค่าตอบแทนถึง 40 ล้านปอนด์ (1,600 ล้านบาท) กับการเป็นพรีเซนเตอร์ให้เกม FIFA นาน 3 ปี ทำให้นักฟุตบอลคนอื่นๆ คือ Zlatan Ibrahimovic และ Gareth Bale ออกมาตั้งคำถามว่า ทำไม EA จึงมีสิทธินำใบหน้าและชื่อของเขาไปอยู่ในเกม โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินเลย EA อธิบายเรื่องนี้ว่านี่เป็นเรื่องของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพนานาชาติ (FIFPro) ที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของนักฟุตบอลในสมาคมกว่า 60,000 คนทั่วโลก ซึ่ง EA จ่ายค่าตอบแทนให้ FIFPro แลกกับการนำชื่อและใบหน้าของนักฟุตบอลมาใช้ในเกมเป็นเวลานานหลายปีแล้ว EA บอกว่านี่ไม่ใช่ปัญหาของ EA เพราะมีสิทธิถูกต้องทุกประการ แต่เป็นเรื่องของ FIFPro ที่ต้องไปอธิบายกับนักฟุตบอลในสังกัดเอาเอง ซึ่ง FIFPro ก็บอกว่าจะรับเรื่องนี้ไปจัดการต่อ เว็บไซต์ Eurogamer ระบุว่าเป็นไปไม่ได้ที่ Zlatan จะไม่รู้เรื่องนี้ เพราะเขาเคยไปถ่ายภาพโปรโมทเกม FIFA 17 มาแล้วครั้งหนึ่ง น่าจะเป็นเพราะ Zlatan อยากเรียกร้องผลประโยชน์เพิ่มมากกว่า ส่วน Gareth Bale ก็เคยถึงขั้นขึ้นปกเกม FIFA 14 (คู่กับ Messi) มาก่อนแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ สโมสรของนักเตะทั้งสองคนคือ AC Milan (Zlatan) และ Tottenham Hotspurs (Bale) ต่างก็เซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการกับ FIFA 21 ด้วย ประเด็นเรื่องสิทธิการใช้ชื่อและใบหน้าของนักฟุตบอลในเกม เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันมายาวนาน ถ้ายังจำกันได้ นักเตะชื่อดังในอดีตอย่าง Oliver Kahn ก็เคยฟ้องร้องเกมฟุตบอลในยุคนั้น ว่าห้ามนำชื่อและหน้าของเขาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ที่มา - PCGamer, Forbes, Eurogamer
# ผู้ก่อตั้ง Huawei หวังจะได้เห็น Honor ขึ้นมาเป็นคู่แข่ง Huawei และแซงหน้าไปในที่สุด ประหนึ่งพ่ออยากเห็นลูกได้ดีกว่าหรืออาจารย์อยากเห็นลูกศิษย์เก่งกว่า เมื่อ Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Huawei พูดในงานเลี้ยงอำลา Honor เขาหวังว่า Honor จะเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งของ Huawei ในอนาคตและล้ม Huawei ได้ในท้ายที่สุด พร้อมขอให้เอาเป้าหมายในการล้ม Huawei เป็นแรงผลักดันต่อไป นอกจากนี้ Ren ยังพูดถึงการขาย Honor ที่สืบเนื่องจากการแบนของสหรัฐด้วยว่า การแบนดังกล่าวส่งผลกระทบต่อคนงานนับล้าน ทั้งในไลน์ซัพพลายเชนและดีลเลอร์ Huawei ทั่วโลก โดยเจ้าตัวบอกเป็นนัยว่าการขาย Honor ก็เพื่อไม่ให้คนที่ไม่รู้เรื่องเหล่านี้เดือดร้อน ที่มา - SCMP
# อัพเดตด่วน พบช่องโหว่ระบบล็อกอินของ cPanel เปิดโอกาสให้ brute-force รหัส 2FA จนล็อกอินได้ นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Digital Defense ได้เปิดเผยช่องโหว่ของ cPanel และ WebHost Manager (WHM) ซอฟต์แวร์ชื่อดังสำหรับแอดมินที่ใช้จัดการการโฮสต์เว็บไซต์ด้วยหน้าตาที่ใช้งานง่าย ช่องโหว่นี้มีรหัส CVE-2020-27641 เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถ brute-force รหัส 2FA ได้เรื่อยๆ จนล็อกอินเข้าระบบ cPanel ได้ในที่สุด เพราะ cPanel ไม่มีการบล็อกผู้ใช้ทิ้งหากใส่รหัส 2FA ผิดติดกันบ่อยๆ โดยนักวิจัยระบุว่าปกติแล้วการ brute-force อาจใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่จากการทดสอบในบางกรณีใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ล็อกอินได้แล้ว ทั้งนี้ แน่นอนว่าผู้โจมตีต้องมีรหัสผ่านของเหยื่อมาก่อน เช่นจากการทำ phishing หรือขโมยมาจากทางอื่น นักวิจัยได้แจ้ง cPanel เกี่ยวกับช่องโหว่นี้มาระยะหนึ่งแล้วจนทีมงาน cPanel ได้แก้ไขและออกแพตช์ปิดช่องโหว่มาเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ดูแลระบบควรรีบอัพเดตอย่างเร็วที่สุด ซึ่ง cPanel และ WHM เวอร์ชัน 11.92.0.2, 11.90.0.17 และ 11.86.0.32 เป็นเวอร์ชันที่ปิดช่องโหว่นี้แล้ว หากพยายาม brute-force รหัส 2FA จะติดลิมิตการล็อกอิน ที่มา - BleepingComputer
# Deno รันไทม์ใหม่ของผู้สร้าง Node.js ออกเวอร์ชัน 1.5 เปลี่ยนคอมไพเลอร์ใหม่เร็วขึ้น 3 เท่า โครงการ Deno รันไทม์ JavaScript/TypeScript ที่เขียนด้วยภาษา Rust ของผู้สร้าง Node.js เปิดตัวเวอร์ชัน 1.0 ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ตอนนี้ Deno เดินทางมาถึงเวอร์ชัน 1.5 โดยปรับปรุงทั้งเรื่องฟีเจอร์และประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว ของใหม่ในเวอร์ชันนี้คือ Deno เปลี่ยนมาใช้คอมไพเลอร์ชื่อ swc ที่เขียนด้วยภาษา Rust เช่นกัน ทำให้ประสิทธิภาพตอนเช็คชนิดของตัวแปร (type-check) เพิ่มขึ้น 3 เท่า (หรือ 15 เท่าถ้าระบุว่าไม่ต้องเช็คเลย) ในฝั่งของขนาดโค้ด ทีม Deno ปรับวิธีการจัดการไฟล์ bundle ใหม่ ให้ลดขนาดโค้ดลงได้มาก บาง bundle อาจมีขนาดลดลงได้ถึง 35% Deno 1.5 ยังเพิ่ม API สำหรับสั่ง alert, confirm, prompt บนหน้าเว็บเพจ ปรับปรุงตัว IDE (ใช้ REPL) ในเรื่อง tab completion, syntax highlight เป็นต้น ที่มา - Deno via InfoQ, ภาพประกอบโดย Dimitrij Agal
# Phil Spencer อธิบายวิธีจ่ายเงิน Game Pass มีหลายแบบ นักพัฒนาส่วนใหญ่ขอเงินก้อนก่อน เก็บตกบทสัมภาษณ์ Phil Spencer ใน The Verge (ตอนก่อน, ตอนก่อนๆ) Spencer บอกว่าตัวเขาเองมอง Game Pass เป็นแพลตฟอร์มหนึ่งๆ ไม่ใช่แค่บริการสมาชิกบนแพลตฟอร์ม ส่วนคำนิยามของแพลตฟอร์มนั้น เขาอ้างคำพูดของบิล เกตส์ ในอดีตว่า เราจะไม่นับเป็นแพลตฟอร์มจนกว่านักพัฒนารายอื่นๆ จะทำเงินบนแพลตฟอร์มของเราได้มากกว่าเจ้าของแพลตฟอร์มเอง ดังนั้น รายได้ของนักพัฒนา third party จึงสำคัญต่อ Game Pass มาก สิ่งที่ไมโครซอฟท์ทำคือ ลงทุนทำเกมลง Game Pass ให้เยอะๆ จนมันเดินหน้าไปได้ด้วยตัวเองในช่วงแรก เมื่อ Game Pass โตขึ้น (ปัจจุบันมี 15 ล้านคน) ก็เริ่มชวนให้คนอื่นๆ (เช่น EA) เข้ามาร่วม เพราะสุดท้ายแล้วเกมส่วนใหญ่บน Game Pass ต้องมาจาก third party เป็นหลัก Spencer อธิบายเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนให้นักพัฒนา ว่าแตกต่างกันตามความต้องการของแต่ละบริษัท ซึ่งไมโครซอฟท์เปิดกว้างกับโมเดลการจ่ายเงินหลายๆ แบบเพื่อทดลองว่าแบบไหนเหมาะสมที่สุด เพราะในช่วงแรกเป็นการจ่ายตามระยะเวลาในการเล่น แต่พบว่าพาร์ทเนอร์ส่วนใหญ่ต้องการเงินก้อนมาก่อนเลย นักพัฒนาขนาดเล็กมักขอเงินก้อนก่อนเลย ซึ่งไมโครซอฟท์จะกำหนดเงินขั้นต่ำในสัญญาให้อุ่นใจว่าได้แน่ๆ บางกรณี ไมโครซอฟท์จ่ายต้นทุนค่าพัฒนาเกมให้คืนทุนแต่แรก และนักพัฒนาสามารถไปทำกำไรจากแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ต่อ นักพัฒนาบางรายต้องการให้จ่ายตามระยะเวลาในการเล่น (usage) หรือตามจำนวนการจ่ายเงินในเกม (transaction) Spencer บอกว่าโมเดลการจ่ายเงินเหล่านี้ ช่วยเปิดโอกาสให้เกมบางเกมที่อาจไม่มีสิทธิได้วางขายปลีกแบบปกติ (เพราะผู้จัดจำหน่ายคำนวณแล้วไม่คุ้มทุน) สามารถเกิดได้ ลักษณะเดียวกับซีรีส์บางเรื่องได้เกิดบน Netflix แต่ไม่มีโอกาสได้เริ่มผลิตถ้าอยู่บนระบบทีวีแบบเดิม อีกประเด็นที่ Spencer พูดถึงคือ Game Pass จะช่วยเปิดตลาดใหม่ๆ ให้เกมขนาดกลางและเล็ก ที่ผู้บริโภคอาจมองข้ามหากใช้โมเดลขายเกมแบบเดิม แต่พอเป็นบริการเหมาจ่าย ผู้เล่นมีสิทธิลองเกมใหม่ๆ ได้ตามต้องการ และนักพัฒนาสามารถทำเงินเพิ่มจากฐานผู้เล่นเหล่านี้ผ่านโมเดลธุรกิจแบบอื่นในเกม ตัวของ Game Pass ยังมีฟีเจอร์ด้านโซเชียลที่ทำให้เราเห็นว่าคนอื่นๆ เล่นเกมอะไรกันอยู่บ้าง ช่วยให้ค้นพบเกมใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ xCloud ยังเป็นการช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ไปไกลกว่าฐานผู้เล่นคอนโซลแต่เดิมด้วย แนวทางของ Game Pass และ xCloud ที่ผู้เล่นไม่ต้องจ่ายเงินซื้อเกมก่อน จะทำให้เกมกลายเป็นตอน (episodic) มากขึ้น เพราะต้นทุนการเข้าร่วมต่ำ และนักพัฒนาเกมต้องพยายามออกของใหม่ๆ ให้ผู้เล่นกลับมาเล่นซ้ำ ที่มา - The Verge
# AWS ดึงทีมพัฒนา Rust เข้าบริษัทจำนวนมาก ยืนยันทำประโยชน์ให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือไม่ Matt Asay วิศวกรดูแลโครงการโอเพนซอร์สของ AWS เขียนบล็อกถึงภาษา Rust ว่ากำลังมีความสำคัญกับ AWS มากขึ้นเรื่อยๆ และ AWS มีแนวทางจะลงทุนเพื่อช่วยเหลือโครงการต่อไปในอนาคต เนื่องจาก Rust ทำให้บริษัทสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยได้ในเวลาที่สั้นลง บล็อคเล่าถึงนักพัฒนาของ Rust เอง และโครงการ Tokio ที่เป็นรันไทม์เน็ตเวิร์คประสิทธิภาพสูง เข้ามาทำงานกับทาง AWS แล้วหลายคน เช่น Felix Klock ที่เป็น Rust maintainer โดยการดึงตัวนักพัฒนาโครงการเข้ามาทำงานกับ AWS ทำให้สามารถพัฒนา Rust ไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทเอง และเนื่องจาก Rust เป็นโครงการโอเพนซอร์ส ชุมชนทุกคนก็จะได้ประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าของ AWS หรือไม่ก็ตาม Asay ระบุว่า AWS ตระหนักว่าบริษัทเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากงานของนักพัฒนาภายนอก และตอนนี้เองก็มีนักพัฒนาร่วมส่งโค้ดประมาณ 350 คนในแต่ละเวอร์ชั่น โดยที่ผ่านมา AWS เองมีปัญหากับโครงการโอเพนซอร์สจำนวนหนึ่ง เช่น MongoDB ที่เป็นสินค้าเชิงธุรกิจด้วย การที่ AWS นำโครงการโอเพนซอร์สมาใช้งานและให้บริการคลาวด์ทำให้บริษัทที่ดูแลโครงการไม่พอใจ ที่มา - AWS Blog
# PHP ออกรุ่น 8.0 ปรับโครงสร้างให้เขียนโค้ดสั้นลง เพิ่ม JIT compiler PHP ออกรุ่น 8.0 ตัวจริง หลังจากเริ่มออก Alpha 1 เมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยมีฟีเจอร์สำคัญๆ ที่ทำให้การพัฒนาเปลี่ยนไปหลายอย่าง เช่น Named Arguments กำหนดชื่ออาร์กิวเมนต์ที่ต้องการใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเติมอาร์กิวเมนต์จนครบ Attributes เปลี่ยนจากการประกาศเป็น PHPDoc มาเป็นโค้ด PHP มาตรฐาน Constructor Property ประกาศสมาชิกของคลาสได้จาก constructor โดยตรง ทำให้โค้ดสั้นลง Union Type ประกาศตัวแปรโดยระบุชนิดได้หลายชนิดพร้อมกัน Match Expression คล้าย switch-case แต่เป็น expression เพื่อการคืนค่าโดยตรงทันที แต่ละ case จะรันคำสั่งได้ statement เดียวเท่านั้น และการ match จะเป็นแบบ strict type Nullsafe กรณีที่เรียกตัวแปรเป็นสาย ($country = $session?->user?->getAddress()?->country;) สามารถยกเลิกได้ทันทีหากมีตัวใดในสายกลายเป็น null นอกจากนี้ใน PHP 8.0 ยังมีเอนจิน JIT compiler มาอีกสองตัว ทำให้รันการทดสอบได้ประสิทธิภาพดีขึ้นถึงสามเท่า อย่างไรก็ตามการทดสอบที่ประสิทธิภาพดีขึ้นมากๆ เป็นการรันโค้ดต่อเนื่องยาวๆ สำหรับการใช้งานเว็บ เช่น WordPress นั้นประสิทธิภาพไม่ได้ต่างกันมากนัก ที่มา - PHP.net
# Phil Spencer เชื่อ xCloud ไม่ฆ่าคอนโซล แต่เกมจะกลายเป็นไฮบริด, จะมีแอพ Xbox บนสมาร์ททีวี เก็บตกประเด็นเพิ่มเติมในบทสัมภาษณ์ Phil Spencer ใน The Verge (ข่าวเก่า) The Verge ตั้งคำถามว่าการมาถึงของเทคโนโลยีการสตรีมเกม จะทำให้คอนโซลเจนนี้เป็นเจนสุดท้ายหรือไม่ คำตอบของ Spencer คือเขาไม่คิดอย่างนั้น ตอนนี้ xCloud ยังเป็นการนำเกมแบบเดิมๆ มาให้เล่นผ่านสตรีมมิ่ง แต่ในอนาคต เกมต้องวิวัฒนาการให้เหมือนแอพตอนนี้ เป็นโมเดลไฮบริดระหว่างการประมวลผลบนเครื่องและบนคลาวด์ สิ่งที่ควรประมวลผลในเครื่องก็ทำในเครื่อง สิ่งที่ใช้ประโยชน์จากคลาวด์ได้ก็ใช้คลาวด์ The Verge ยังถามต่อว่าวิวัฒนาการของทีวีที่กลายเป็นคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งไปแล้ว เรามีโอกาสเห็นแอพ Xbox บนสมาร์ททีวีหรือไม่ ซึ่ง Spencer ก็บอกว่าน่าจะได้เห็นกันในอีก 12 เดือนข้างหน้า และไม่มีเหตุผลที่ไมโครซอฟท์จะไม่ทำ ที่มา - The Verge
# โรงเรียนใน Baltimore โดนโจมตีจากมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ส่งผลระบบไอทีใช้งานไม่ได้ กลุ่มโรงเรียนใน Baltimore County หรือ Baltimore County Public Schools (BCPS) ในรัฐแมรีแลนด์โดนโจมตีจากมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่ทำให้ระบบเครือข่ายภายในโรงเรียนต้องหยุดทำงาน ส่งผลกระทบถึงระบบไอทีของโรงเรียนไม่สามารถให้บริการได้ กระทบตั้งแต่อีเมล, ระบบเกรด ไปจนถึงเว็บไซต์ (ณ ตอนที่เขียนข่าวนี้ เว็บไซต์ของโรงเรียนก็ยังไม่สามารถใช้งานได้) Mychael Dickerson หัวหน้าพนักงานของ BCPS ยืนยันผ่านทวิตเตอร์ว่าเหตุการณ์ที่ระบบไอทีใช้งานไม่ได้นี้คาดว่าจะเกิดจากการโจมตีโดยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ซึ่งตอนนี้ทีมเทคโนโลยีของ BCPS กำลังเร่งแก้ไขสถานการณ์นี้ ผลกระทบจากระบบไอทีของโรงเรียน BCPS ทำให้ออฟฟิศของโรงเรียนต้องปิดทำการและให้นักเรียนหยุด โดยปัจจุบันเรายังเห็นการโจมตีจากมัลแวร์เรียกค่าไถ่อยู่เรื่อย ๆ และยังคงเป็นภัยไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายขนาดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง ที่มา - The Verge, Engadget
# แอปเปิลสั่ง Foxconn ย้ายการผลิต MacBook, iPad จากจีนมาเวียดนาม Reuters รายงานอ้างอิงคนวงในว่า แอปเปิลได้สั่งให้ Foxconn ย้ายกระบวนการผลิต iPad และ MacBook จากจีนมาเวียดนามแทน เพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน Reuters บอกว่าขณะนี้ Foxconn กำลังสร้างโรงงานสำหรับประกอบ iPad และ MacBook ให้แอปเปิลในจังหวัดบั๊กซาง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศและพร้อมเดินสายการผลิตในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า อย่างไรก็ตามไลน์การผลิตนี้ยังคงมีส่วนหนึ่งอยู่ในจีนอยู่ ขณะที่ Foxconn ก็กำลังย้ายโรงงานออกจากจีนและสร้างใหม่ในหลายประเทศเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้าเช่นกัน ซึ่งนอกจากเวียดนามแล้วก็มีอินเดียและเม็กซิโก ที่มา - Reuters ภาพจาก Foxconn
# Youtube ให้ Android TV เวอร์ชั่น 10 ขึ้นไปบางรุ่นสตรีมความละเอียด 8K แล้ว แอป Youtube บน Android TV ออกอัพเดตใหม่เวอร์ชั่น 2.12.08 เพิ่มฟีเจอร์ให้ทีวี 8K รุ่นที่รองรับบางรุ่น สามารถสตรีม Youtube ที่ความละเอียด 8K ได้แล้ว หลังก่อนหน้านี้จำกัดอยู่ที่ 4K และจะเป็นฟีเจอร์สำหรับทีวี 8K ที่รัน Android TV เวอร์ชั่น 10 ขึ้นไป ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆมีดังนี้ แสดงหน้าจอสแปลชสกรีนของ YouTube Music รองรับ Cast Connect ปรับปรุงเมนูเลือกความละเอียด แก้ไขข้อมูลและเวลาของวิดีโอที่ไม่ถูกต้อง ปรับปรุงแพลตฟอร์มอื่นๆ ก่อนหน้านี้มี changelog แตกต่างกันเล็กน้อย พูดถึงการซัพพอร์ต HDR บน AV1 ก่อนจะถอดออกไป แล้วเพิ่มการรองรับ Cast Connect เข้ามาแทน สามารถอ่าน changelog และข้อมูลแอป Youtube บน Android TV แบบเต็มได้ที่นี่ ที่มา - Android Police
# ผลทดสอบเกมเดียวกัน PS5 ประสิทธิภาพดีกว่า Xbox Series X เพราะนักพัฒนามีเวลามากกว่า แม้ Xbox Series X ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เครื่องเกมคอนโซลที่ทรงพลังที่สุดในโลก” โดยมีพลังประมวลผลกราฟฟิก 12 teraflops (เทียบกับ PS5 ที่ 10.28 teraflops) แต่ในการทดสอบล่าสุดจาก Digital Foundry ที่ลองเปรียบเทียบเกมชุดแรกๆ ที่ลงบนคอนโซลทั้งสองเครื่อง ผลออกมากลับเป็นว่า PS5 ไม่ได้ด้อยกว่าในด้านเฟรมเรต แถมในบางเกมยังทำได้ดีกว่า Xbox Series X ซะอย่างนั้น Devil May Cry 5 ภาครีมาสเตอร์ Xbox Series X ยังทำเฟรมเรตได้ดีกว่าในความละเอียด 4K แต่ในโหมด “high performance” ที่เน้นเฟรมเรต มากกว่าความละเอียดของภาพ PS5 กลับทำได้ดีกว่า โดยในบางฉาก PS5 มีเฟรมเรตมากกว่า Xbox Series X ถึง 40 fps Richard Leadbetter จาก Digital Foundry ให้ความเห็นในประเด็นนี้ไว้ว่า น่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับ API บางอย่างของ Xbox Series X ที่ทำให้ GPU ทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะในโหมดที่เปิด ray tracing ตัวเลขก็ไม่ได้ทิ้งห่าง PS5 มากนัก จึงน่าจะมีอะไรผิดพลาดบน Xbox Series X เพราะตามสเปกแล้ว ประสิทธิภาพควรทิ้งห่าง PS5 มากกว่านี้ Assassin’s Creed Valhalla แม้ Microsoft ทำข้อตกลงทางการตลาดกับ Ubisoft เพื่อใช้เกมนี้เป็นเกมโปรโมต Xbox Series X|S ตัวเกมก็ยังมีพบ screen tearing จากเฟรมเรตที่ต่ำกว่า 60 fps ในหลายๆ ฉาก ในขณะที่ตัวเกมบน PS5 กลับเล่นได้อย่างราบลื่น ไม่พบปัญหานี้แต่อย่างใด Dirt 5 พบปัญหาคุณภาพของภาพและความละเอียดเฉลี่ยบน Xbox Series X ใน performance mode (ที่ปรับความละเอียดขึ้นลงเพื่อให้ตัวเกมคง 120 fps ไว้ได้) ต่ำกว่าบน PS5 เช่นกัน แต่เกมที่ Xbox Series X แซงหน้า PS5 อย่างชัดเจน ก็มีบ้าง เช่น Call of Duty: Black Ops Cold War โดย PS5 เฟรมเรตตกลงไปอยู่ที่ประมาณ 40 fps ในหลายๆ ฉาก เมื่อเปิด ray tracing แต่ Xbox One X ยังคงเฟรมเรตไว้ที่ 60 fps ได้แบบสบายๆ แหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน ที่ระบุว่าเป็นทีมพัฒนาเกมบนคอนโซลเน็กซ์เจ็น ให้ข้อมูลกับ The Verge ว่า Microsoft เพิ่งเปิดให้ทีมพัฒนาส่งตัวเกมทดสอบสำหรับ Xbox Series X หลังอัพเดตเครื่องรุ่น GDK (Game Developers Kits) ให้นักพัฒนาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้นักพัฒนามีเวลาทำเกมค่อนข้างน้อยก่อนวันวางขายจริง ในขณะที่แหล่งข่าวอีกรายของ The Verge บอกว่าทีมพัฒนาฝั่ง PS5 ได้รับเครื่อง GDK ก่อนนานกว่าฝั่ง Xbox และชุดพัฒนาของ PS5 มีเอกสารที่ดีกว่าด้วย ทีมนักพัฒนาอาจต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับชุดอุปกรณ์สำหรับพัฒนาเกม และถ้าฝั่ง Microsoft ส่งมอบชุดพัฒนาช้ากว่า Sony จริง นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่เกมบนเครื่อง Xbox Series X ทำงานได้ไม่เต็มที่นัก และเป็นคำอธิบายว่าทำไมเราจึงไม่ได้เห็นตัวอย่างเกมเพลย์บน Xbox Series X ในช่วงโปรโมตก่อนวางจำหน่าย Microsoft เองรับทราบปัญหานี้แล้ว โดยระบุกับ The Verge ว่ากำลังเร่งแก้ปัญหาร่วมกับนักพัฒนา เพื่อให้ตัวเกมมีประสิทธิภาพดีที่สุด และบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงแรกของคอนโซลเจ็นใหม่ นักพัฒนาอาจยังดึงประสิทธิภาพของเครื่องออกมาไม่ได้เต็มที่ ที่มา - The Verge, Eurogamer, Eurogamer, Eurogamer, Eurogamer
# จากเหตุอินเดียแบนแอปจีน รัฐจีนชี้อินเดียไม่ควรเลือกปฏิบัติ และละเมิดกฎการค้าโลก จากประเด็นอินเดียแบนแอปจีนระลอกใหม่ 43 แอป ด้วยเหตุผลที่ว่า ตัวแอปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคุกคามความมั่นคงแห่งชาติอินเดีย รัฐบาลจีนจึงออกมาวิจารณ์อินเดียว่ามีท่าทีละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก Ji Rong โฆษกสถานทูตจีนประจำอินเดีย ระบุว่า เราคัดค้านอย่างหนัก ที่ฝ่ายอินเดียใช้ ‘ความมั่นคงแห่งชาติ’ เป็นข้ออ้างในการแบนแอปจีน เราหวังว่าอินเดียจะเตรียมพร้อมเพื่อการทำธุรกิจที่เป็นธรรม เป็นกลาง ไม่เลือกปฏิบัติ ท่ามกลางคู่ค้าในหลายๆ ประเทศรวมถึงประเทศจีน รวมถึงหวังว่าอินเดียจะแก้ไขทุกอย่างให้ถูกต้อง ไม่ละเมิดกฎของ WTO หรือกฎขององค์การการค้าโลก พร้อมระบุด้วยว่า ทั้งจีนและอินเดีย เป็นโอกาสของการพัฒนาซึ่งกันและกันมากกว่าจะเป็นการคุกคาม จนถึงตอนนี้ อินเดียแบนแอปจีนแล้ว 220 แอป โดยแบนระลอกแรกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา 59 แอป, ในเดือนกันยายน 118 แอป รวม TikTok และ PUBG ด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีนและอินเดีย ถึงจุดวิกฤตจากเหตุการณ์ปะทะกันทางชายแดนในเทือกเขาหิมาลัย ส่งผลให้ทหารอินเดียเสียชีวิต 20 นายเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จุดประเด็นการต่อต้านจีนและคว่ำบาตรสินค้าจีนขึ้นมา ที่มา - CNBC
# Square Enix เผย Marvel’s Avengers ยอดขายไม่เข้าเป้า และยังขาดทุนอยู่ Marvel’s Avengers เกมแอ็กชั่นตะลุยด่านจาก Square Enix เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม มีผู้เล่นพบปัญหาบั๊กมากมาย และนอกจากการเล่นเนื้อเรื่องแล้ว คอนเทนต์อื่นก็ยังซ้ำๆ ไม่มีอะไรใหม่เท่าไร ทำให้ยอดผู้เล่นในช่วงที่ผ่านมาไม่ดีเท่าที่ควร ล่าสุด Yosuke Matsuda ประธาน Square Enix พูดถึงรายจ่ายในการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3/2020 ที่ขาดทุนเกือบ 7 พันล้านเยน ว่าถ้าตัดตัวเลขของเกม Marvel’s Avengers ออก บริษัทน่าจะทำกำไรได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ขาดทุน Matsuda ระบุว่านอกจากรายจ่ายในการพัฒนาเกมแล้ว ยังมีค่าโปรโมตเกมอีกมากพอสมควร เพราะต้องชดเชยการโปรโมทที่ช้ากว่ากำหนดเพราะ COVID-19 อีกด้วย เขายังบอกว่าต้องลงบัญชีค่าใช้จ่ายพัฒนาเกมในไตรมาส 4 อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งหวังว่าจะเอาคืนได้จากการเร่งยอดขายเกมนี้ นักวิเคราะห์ David Gibson (@gibbogames) ตั้งข้อสังเกตว่าเกม Marvel’s Avengers อาจใช้ต้นทุนสร้างเกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ทำยอดขายได้ไม่เข้าเป้า โดย Square Enix ไม่ระบุยอดขายที่ชัดเจน แต่ระบุเพียงว่าตัวเกมทำยอดขายได้แค่ 60% จากที่ตั้งเป้าไว้ เกม Marvel’s Avengers ประสบปัญหามากมายในช่วงวางจำหน่าย โดย Square Enix ปล่อยแพทช์ที่แก้บั๊กกว่า 1,000 รายการ ช่วงกลางเดือนกันยายน นอกจากนี้ประเด็นการนำ Spider-Man มาเป็นตัวละครที่มีเฉพาะบน PlayStation ยังทำให้แฟนๆ ฝั่ง Xbox ถึงกับร่วมกันบอยคอตเกมนี้กันอีกด้วย Marvel’s Avengers เตรียมเพิ่มตัวละคร Kate Bishop (ฮอคอายหญิง) เข้ามาในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ หลังจากนั้นจะมี She-Hulk, War Machine, Spider-Man (เฉพาะ PlayStation) และ Clint Barton (ฮอคอาย) ตามมาในปีหน้า รวมถึงจะวางจำหน่ายบนเครื่อง PlayStation 5 ในปีหน้าอีกด้วย คงต้องติดตามต่อไปว่าคอนเทนต์เสริมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มยอดขายจนเกมคืนทุนได้หรือไม่ ที่มา - US Gamer via DualShockers, David Gibson @gibbogames
# Kahoot! เข้าซื้อ Drops ผู้ทำแอปเรียนภาษารูปแบบเกม ดีล 50 ล้านดอลลาร์ Kahoot! แพลตฟอร์มสำหรับจัดการเรียนรู้ในรูปแบบเกม เช้าซื้อ Drops บริษัทในเอสโตเนีย ผู้สร้างแอปพลิเคชั่นเรียนภาษาในรูปแบบเกม ด้วยดีล 50 ล้านดอลลาร์ โดยจ่ายเงินสด 31 ล้านดอลลาร์ และอีก 19 ล้านดอลลาร์ หากการดำเนินการของ Drops เป็นไปได้ด้วยดีในช่วงเวลา 2020 - 2022 โดยปัจจุบัน Drops มีผู้ใช้งาน 25 ล้านราย และสร้างรายได้ถึง 10 ล้านดอลลาร์ ตัว Kahoot! เองก็เพิ่งระดมทุนจาก SoftBank ได้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นเงิน 215 ล้านดอลลาร์ Eilert Hanoa ซีอีโอ Kahoot! กล่าวในแถลงการณ์ว่า ฟีเจอร์เกม Drops จะถูกเพิ่มเข้ามาใน Kahoot! ตัวเกมแบ่งเป็นเซสชั่นละ 5 นาที ใช้การพูดออกเสียงเพื่อออกเสียงให้ตรงตามคำศัพท์หรือโจทย์ที่ให้มา จนถึงตอนนี้มี 15 มินิเกมใน Drops ช่วงโรคระบาด ช่วยดันยอดผู้ใช้งาน Kahoot! ให้โตขึ้นด้วย ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมามีคนเข้าเล่นเกมใน Kahoot! มากกว่า 1 พันล้านคนในกว่า 200 ประเทศ ที่มา - Venture Beat
# [ลือ] แอปเปิลเตรียมเปิดตัว MacBook Pro 16 นิ้ว พร้อมชิป Apple M1X ไตรมาส 1 ปี 2021 ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @LeaksApplePro ซึ่งมีประวัติปล่อยข่าวลือแอปเปิลได้ค่อนข้างแม่นยำ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชิป Apple Silicon รุ่นต่อไปในชื่อ Apple M1X (ชื่ออาจมีการเปลี่ยนแปลง) เป็นซีพียู 12 คอร์ แบ่งเป็น 8 คอร์ประสิทธิภาพสูงและ 4 คอร์ประหยัดพลังงาน กำหนดเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 1 ปีหน้าพร้อมกับ MacBook Pro 16 นิ้วรุ่นใหม่ คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเงียบ ๆ ผ่านข่าวประชาสัมพันธ์โดยไม่จัดงานเปิดตัว แหล่งข่าวที่ได้ทดลองใช้ชิป M1X รุ่นต้นแบบกล่าวว่า ถ้าคุณคิดว่า M1 เร็ว แสดงว่าคุณยังไม่เคยได้ลองชิป M1X (if you think M1 is fast, you haven’t seen M1X) แม้ยังเป็นเพียงข่าวลือแต่ผู้ใช้ที่ต้องการ MacBook Pro ที่ใช้ Apple Silicon ในขนาดหน้าจอใหญ่กว่า 13 นิ้ว รองรับแรมมากกว่า 16GB และพอร์ต Thunderbolt มากกว่า 2 ช่อง ต้องอดใจรออีกเพียงไม่นาน ที่มา: NotebookCheck
# นักวิจัยความปลอดภัยค้นพบช่องโหว่ Windows 7 ในโค้ดที่ออกสู่สาธารณะแล้ว Clément Labro นักวิจัยความปลอดภัยชาวฝรั่งเศส เป็นเจ้าของสคริปต์ชื่อ PrivescCheck ใช้ตรวจสอบว่าคอนฟิกของ Windows เผลอเปิดให้เกิดช่องโหว่ความปลอดภัยหรือไม่ หลังออกสคริปต์เวอร์ชันใหม่ (เผยแพร่บน GitHub) เขาค้นพบว่าสคริปต์ของเขาทำงานแปลกๆ บน Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 ที่เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นเก่า หลังสอบสวนในรายละเอียดแล้วเขาก็พบว่านี่เป็นบั๊ก zero-day ของ Windows 7/2008 R2 ที่ทำให้เราสามารถเลื่อนขั้นสิทธิ (privilege escalation) ของบริการชื่อ RpcEptMapper ผ่านระบบ registry ของ Windows ได้อย่างที่ไม่ควรจะเป็น ช่องโหว่นี้สามารถสร้างไฟล์ DLL ของตัวเองแล้วให้ระบบเรียกใช้งานด้วยสิทธิของระบบ (system privilege) ได้ อย่างไรก็ตาม ช่องโหว่นี้จำเป็นต้องเข้าถึงเครื่องแบบ local access ดังนั้นความรุนแรงจึงไม่เยอะมากนัก Labro บอกว่าไม่เข้าใจเหมือนกันว่าบั๊กนี้อยู่รอดมานานขนาดนี้ได้อย่างไร (Windows 7 ออกปี 2009) ประเด็นสำคัญคือเขาเผยแพร่ตัวโค้ดที่เข้าถึงช่องโหว่นี้สู่สาธารณะไปก่อนแล้วหลายเดือน (ก่อนรู้ว่ามีบั๊กนี้ด้วยซ้ำ) เขาจึงตัดสินใจเปิดเผยรายละเอียดของช่องโหว่นี้ต่อสาธารณะด้วย ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่า ไมโครซอฟท์จะอุดช่องโหว่นี้ไหม เพราะ Windows 7 และ 2008 R2 หมดระยะซัพพอร์ตไปแล้ว ซึ่งตัวของ Labro ก็บอกว่าหากยังใช้ Windows เหล่านี้อยู่โดยไม่แยกขาดออกจากเครือข่าย ก็ขอให้โชคดี (จากช่องโหว่ตัวอื่นๆ ก่อนจะมาถึงช่องโหว่ตัวนี้) ที่มา - Clément Labro via ZDNet
# Steam Autumn Sale 2020 มาแล้ว, เกม EA ลดราคาเยอะ, The Sims 4 ลด 88% Steam เริ่มเทศกาลลดราคาเกมประจำฤดูใบไม้ร่วง Autumn Sale ระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม 2020 เกมที่น่าสนใจในรอบนี้คือเกมของ EA ที่ทยอยมาลงขายบน Steam ตลอดทั้งปีนี้ เช่น The Sims 4 ลด 88% เหลือ 119.88 บาท Star Wars: Squadrons ลด 40% เหลือ 779.40 บาท FIFA 21 ลด 42% เหลือ 1,101.42 บาท Titanfall 2 ลด 67% เหลือ 263.67 บาท Battlefield V ลด 60% เหลือ 759 บาท Battlefield 1 ลด 75% เหลือ 324.75 บาท ส่วนเกมของค่ายอื่นที่ลดราคาเยอะๆ ก็อย่างเช่น Civilization VI ลด 75% เหลือ 400 บาท Resident Evil 3 ลด 67% เหลือ 596.97 บาท Resident Evil 7 ลด 67% เหลือ 197.67 บาท Far Cry 5 ลด 80% เหลือ 320 บาท Doom Eternal ลด 67% เหลือ 650.10 บาท ที่มา - @Steam
# 8 ปี GTA V: เกมที่มีช่วงอายุมากกว่า PS4 กับคำถามภาคใหม่ทำช้าหรือ Rockstar ไม่ทำ หลัง PS5 และ Xbox Series X วางขายอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา GTA V ที่ประกาศพอร์ตลงคอนโซลเจนนี้ ก็ถือว่ามีช่วงเวลาเข้าสู่คอนโซลรุ่นที่ 3 (PS3-PS5) อย่างเป็นทางการ และเมื่อตัวเกมออกจริงในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า GTA V จะมีอายุ 8 ปีเต็ม หลังวางจำหน่ายครั้งแรกบน PS3 เมื่อราวกันยายน 2013 ก่อน PS4 จะวางขายช่วงเดือนพฤศจิกายนด้วยซ้ำ ถ้าตัวเลข 7-8 ปียังไม่นานพอ เกมที่กำลังดัง ๆ ในช่วง 2013 ก็มี The Last of Us (ที่ตอนนี้ออกภาค 2 แล้ว), Temple Run 2, Dead Space 3 (สตูดิโอยุบแล้วล่าสุด), Resident Evil 6 หรือ Assassin's Creed IV: Black Flag (โอเคล่ะ เทียบกับ Ubisoft ที่ออกเกมทุก 2 ปีก็กระไรอยู่ แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน AC ออกมาแล้ว 6 ภาคใหญ่) หากเทียบช่วงเวลาการออกเกม GTA ของ Rockstar ก่อนหน้านี้ ช่วงระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันของ PS2 และ PS3 ทาง Rockstar ออกเกม GTA มาถึงรุ่นละประมาณ 3 ภาค ยิ่งนำไปสู่การตั้งคำถามว่าทำไมพอเป็นภาคล่าสุดถึงอยู่มาโดยไม่มีภาคต่อถึง 8 ปี ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการพัฒนาเกมปัจจุบันใช้ต้นทุนสูงกว่าเดิม ระยะเวลาที่มากกว่าเดิม แถมก่อนหน้านี้ก็เพิ่งออก Red Dead Redemption 2 ซึ่งก็ใช้ทรัพยากรไปเยอะ ภาพจาก Reddit อีกสาเหตุที่หลายคนน่าจะเห็นตรงกันคือ GTA V มันประสบความสำเร็จอย่างสูงจนกลายเป็นเกมที่ขายดีที่สุดในรอบทศวรรษ จาก GTA Online เป็นหลัก และเราก็เห็น Rockstar ออกอัพเดต เพิ่มอีเวนต์ให้อยู่ตลอด และล่าสุดก็มีรายงานว่าถึงขนาดจะเพิ่มแผนที่ (ที่เดิมก็โคตรใหญ่อยู่แล้ว) ให้กับ GTA Online ด้วย GTA Online ยิ่งเป็นภาพสะท้อนของวงการเกมและมุมมองของนายทุนผู้พัฒนาปัจจุบันได้ชัดเจนด้วยเช่นกัน ถึงการเปลี่ยนผ่านจากเกมที่เล่นคนเดียวขับเคลื่อนด้วยเนื้อเรื่อง ไปสู่เกมมัลติเพลเยอร์ออนไลน์ที่มี microtransanction อย่างที่เคยเป็นประเด็นจาก EA ที่บอกว่าเกมเล่นคนเดียวตายไปแล้ว เราอาจจะไม่ได้เห็น GTA ภาคใหม่อย่างน้อยก็อีก 1 ปีแน่ ๆ แต่ถ้าดูจากระยะเวลาของ GTA V ที่อยู่มานาน รวมถึงความสำเร็จของโหมดออนไลน์ มุมมองของ Rockstar ต่อเกมซีรีส์นีได้เปลี่ยนไปแล้วแน่ ๆ ที่มา - Kotaku
# เปิดตัว 3BB GIGATV จัดหนัก เน็ตบ้านพร้อมกล่องดูทีวี อัดแน่นคอนเทนต์ พร้อมชูฟีเจอร์เด่นครั้งแรกในไทย 3BB เปิดตัวบริการ 3BB GIGATV ชูคอนเซ็ปต์ “ความบันเทิงที่เข้าใจคนไทย” ครบทุกความบันเทิงระดับพรีเมียมกว่า 30 ช่อง ทั้งหนัง ซีรีส์ การ์ตูน กีฬา วาไรตี้ สารคดี และข่าว โดยร่วมมือแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ฝั่งฮอลลีวูดอย่าง HBO ทั้ง 6 ช่อง, กีฬา มวยปล้ำ WWE และ ตะกร้อ Thailand League, ช่องข่าวระดับโลก Bloomberg TV พร้อมช่องบันเทิงฝั่งเอเชียทั้งไทย จีน และเกาหลี อย่างจุใจ นอกจากนี้กล่อง 3BB GIGATV มาพร้อมบริการวิดีโอออนดีมานด์ HBO GO และ MONOMAX ที่สามารถรับชมหนังและซีรีส์กว่า 40,000 เรื่อง ได้ทุกที่ ทุกเวลา ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ที่ระดับความคมชัด Full HD ไปจนถึง 4K ด้วยโปรโมชั่นสุดเร้าใจ จ่ายเพิ่มจากราคาแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตเพียง 100 บาทต่อเดือน พิเศษเฉพาะลูกค้า 3BB เท่านั้น ผู้บริหารจาก HBO สองท่าน Ricky Ow (President, WarnerMedia Entertainment Networks Asia ที่สามจากซ้าย) และ Yasmin Zahid (Head of Affiliate & B2B Distribution, WarnerMedia ที่สองจากซ้าย) จับมือตกลงเป็นพันธมิตรกับ 3BB GIGATV โดยคุณสุพจน์ สัญญพิสิทธิ์กุล (ที่สี่จากซ้าย) กล่อง 3BB GIGATV เป็นกล่องรับชมทีวีและวิดีโอออนดีมานด์ เทคโนโลยีล่าสุดจากประเทศเกาหลี โดยใช้ระบบเข้ารหัสที่ทำให้ได้รับความคมชัดสูงสุด ไม่มีสะดุด เต็มประสิทธิภาพของ Fiber optic พร้อมอำนวยความสะดวกการค้นหาคอนเทนต์ด้วยเสียงผ่านรีโมท สามารถดูพร้อมกันได้ถึง 4 ช่อง มีระบบป้องกันการเข้าถึงคอนเทนต์ 3BB เชื่อมั่นว่า 3BB GIGATV จะกลายเป็นบริการที่เข้าไปเติมเต็มการรับชมทีวีและคอนเทนต์อื่นๆ ทางอินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่ ที่มีศักยภาพ ประสิทธิภาพและลูกเล่นเหนือคู่แข่งในหลายๆ ด้าน ในราคาที่จับต้องได้ นาย สากล จันทร์เมือง ผู้จัดการทั่วไป 3BB GIGATV กล่าวว่า “ลูกค้า 3BB GIGATV จะได้รับประสบการณ์การรับชมที่เหนือกว่าด้วยคุณภาพความคมชัดสูงสุดระดับ 4K ส่วนเนื้อหาการันตีคุณภาพความสนุกจาก HBO ผู้นำคอนเทนต์หนังและซีรีส์ระดับโลก เจ้าของซีรีส์เรื่องดังอย่าง Game of Thrones และ Raised by Wolves และอีกมากมาย อีกทั้งยังมีกีฬาหลากหลาย อย่างเช่น ศึกมวยปล้ำ WWE รถแข่ง ฟุตบอล ขี่วัวกระทิง กีฬาเอ็กซ์ตรีม รายการแข่งขันความฟิต Ninja Warrior ที่ชมกันมันส์อย่างแน่นอน คอนเทนต์สำหรับเด็ก ก็มีมากมายทั้ง Ben10, We Bare Bears, Powerpuff Girls, Dora, Peppa Pig และอะนิเมะญี่ปุ่น ดาบพิฆาตอสูร วันพีซ คุณผู้หญิงก็สามารถรับชมรายการ ตกแต่งบ้าน ทำอาหาร หรือ จะชมละครย้อนหลังได้จาก LINE TV ที่เป็นพันธมิตรในกล่องนี้ด้วยเช่นกัน พิเศษสุดด้วยคอนเสิร์ตศิลปินดังของไทยและต่างประเทศ ที่จะถ่ายทอดสดให้เฉพาะลูกค้า 3BB ได้รับชม ต่อเนื่องอารมณ์สุดฟินด้วยการร้องคาราโอเกะ หลากหลายแนวเพลง หลากหลายค่ายทั้งสตริง ลูกทุ่ง ลูกกรุงที่บ้านด้วยแอป OKE แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม และหากกังวลเรื่องหนังใหม่ที่จะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง เราก็มีบริการหนังใหม่ร้อนๆจากโรงหนัง จาก Sony Pictures, MGM และ NBC Universal ดังนั้น รอชมหนังภาคใหม่ของ Jurassic World, James Bond 007, Fast and Furious คมชัดจากกล่อง 3BB GIGATV ได้เลย เหมือนยกโรงหนังมาไว้ที่บ้านคุณ นาย สุพจน์ สัญญพิสิทธิ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ “3BB” กล่าวว่า “หลังจาก 3BB ให้บริการแพ็กเกจ 3BB GIGATainment เน็ตบ้านความเร็วเริ่มต้น 1 Gbps พร้อมความบันเทิงจาก HBO GO และ MONOMAX เป็นตัวแทนของคอนเทนต์ดังจากฮอลลีวูดและเอเชีย ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งในกรุงเทพ หัวเมืองใหญ่และต่างจังหวัดเป็นอย่างดี 3BB GIGATV จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของการรับชมความบันเทิงเต็มรูปแบบ ที่จะใช้ประสิทธิภาพของจอทีวีอย่างเต็มที่ เป็นมากกว่าสมาร์ททีวี มีฟังก์ชันอินเตอร์แอคทีฟหลากหลาย ทั้งการสั่งงานด้วยเสียง แนะนำคอนเทนต์ตามความชื่นชอบแต่ละบุคคล และสามารถพัฒนาไปสู่ smart home solution (เครื่องมืออัจฉริยะภายในบ้าน) ได้ในอนาคต ตอบโจทย์กับกลยุทธ์หลักของ 3BB ที่ต้องการเป็น Digital Companion (เพื่อนคู่ใจในโลกดิจิทัล) ทั้งนี้ได้คัดสรรคอนเทนต์ที่หลากหลายตามการศึกษาข้อมูลมาอย่างดี เพื่อมอบความบันเทิงให้เข้าถึงทุกกลุ่ม ทุกเพศวัย กลยุทธ์นี้ จะทำให้ 3BB มีบริการตัวใหม่เพื่อเพิ่ม ARPU (รายได้เฉลี่ยต่อลูกค้า) สร้างความพึงพอใจในการใช้งานอินเทอร์เน็ต และลด Churn rate (โอกาสการยกเลิกบริการ) ในทางตรงกันข้าม ก็จะได้รักษาฐานลูกค้าของเราในระยะยาว เพื่อสร้าง Lifetime value โดยคาดว่า ในระยะเวลา 1 ปี จะมีการเติบโตของ 3BB GIGATV มากกว่า 2 ล้านกล่อง” 3BB GIGATV จัดเต็มเน็ตบ้าน 1 Gbps พร้อมกล่องดูทีวี ลูกค้าเลือกความเร็วอินเทอร์เน็ตได้ 4 แพ็กเกจ เริ่มต้น 1 Gbps/ 300 Mbps + กล่องดูทีวี ในราคาสุดคุ้มเพียงเดือนละ 690 บาท หากต้องการกล่องเพิ่มจากที่อยู่ในแพ็กเกจ จ่ายเพิ่มกล่องละ 100 บาทต่อเดือน เปิดรับสุดยอดความบันเทิงที่เข้าใจคนไทย ได้แล้ววันนี้ ที่ 3BB Shop ทั่วประเทศ หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร. 1530
# บริษัทเกม Square Enix ให้พนักงานทำงานที่บ้านถาวร มีผลธันวาคม Square Enix บริษัทผู้อยู่เบื้องหลังเกม Final Fantasy, Kingdom Hearts และ Tomb Raider เตรียมให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ถาวร มีผลเดือนธันวาคมนี้ โดยทางบริษัทจะเริ่มดำเนินการให้พนักงานแต่ละคน เริ่มจากงานจากที่บ้าน หรือที่ที่ตนเองสะดวกอย่างน้อยสัปดาห์ละสามวัน โดยทางบริษัทคาดหวังว่าจะมีพนักงาน 80% สามารถทำงานจากที่บ้านได้ Square Enix บอกด้วยว่า การเริ่มใช้โปรแกรมให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน อาจช่วยให้พนักงานมีสมดุลชีวิตที่ดีขึ้น นำไปสู่การเพิ่มผลผลิต และอาจดึงดูดคนที่มีความสามารถที่มีความหลากหลายมากขึ้นเข้ามาทำงานด้วยกัน Square Enix ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีแห่งแรกที่ให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ถาวร แต่ก็เป็นหนึ่งในบริษัทเกมไม่กี่แห่งที่ออกนโยบายนี้ออกมา ที่มา - Engadget
# Fujifilm เปิดตัวกล้องอินฟราเรด GFX100 IR สำหรับใช้ในงานเฉพาะทาง Fujifilm เปิดตัวกล้องดิจิทัล GFX100 IR กล้อง Mirrorless แบบอินฟราเรดขนาดใหญ่ โดยนำกล้อง GFX100 มาใช้เป็นฐานและเปลี่ยนฟิลเตอร์ให้รองรับการถ่ายภาพอินฟราเรด GFX100 IR ออกแบบมาเพื่อช่วยในการถ่ายภาพด้วยอินฟราเรดเพื่อให้เห็นภาพที่ตาเปล่าไม่สามารถมองเห็นได้ เหมาะสำหรับงานประเภทตรวจสอบวัตถุทางโบราณคดี, งานด้านนิติเวช, ตรวจสอบสีย้อมในงานศิลป์ และอื่น ๆ โดยตัวกล้องสามารถถ่ายภาพได้สูงสุดถึง 100 ล้านพิกเซล และสามารถใช้ความละเอียดสูงสุดถึง 400 ล้านพิกเซลได้ผ่านฟีเจอร์ Pixel Shift Multi-Shot สำหรับกล้อง GFX100 IR จะไม่ได้วางขายตามร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วไป รวมถึงผู้ใช้งานจะต้องรับทราบข้อตกลงการใช้งานของกล้องตัวนี้โดยเฉพาะด้วย โดยคาดว่าตัวกล้องจะวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า นอกจาก GFX100 IR แล้ว Fujifilm ได้ออกเฟิร์มแวร์ใหม่ให้ GFX100 ด้วย โดยฟีเจอร์สำคัญคือ Pixel Shift Multi-Shot ที่จะทำการถ่ายภาพหลายครั้งและรวมกันทำให้ได้ภาพขนาดใหญ่สุดถึง 400 ล้านพิกเซล ที่มา - Engadget, dpreview
# IBM เตรียมปลดพนักงานด้านบริการดูแลระบบไอทีในยุโรป จำนวนอาจสูงถึง 10,000 คน Bloomberg รายงานข่าวว่ายักษ์สีฟ้า IBM เตรียมปลดพนักงานในยุโรปประมาณ 10,000 คน ในธุรกิจบริการไอทีที่เตรียมแยกเป็นอีกบริษัท ด้วยเหตุผลว่าต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรลงก่อนแยกธุรกิจ ธุรกิจบริการไอทีหรือ Global Technology Services (GTS) เป็นบริการดูแลระบบไอทีและศูนย์ข้อมูล เช่น ติดตั้งซอฟต์แวร์ บำรุงรักษา ซ่อมแซมอุปกรณ์ ฯลฯ (อ่านรายละเอียดในบทความ วิเคราะห์ แผนการแยก IBM เป็น 2 บริษัทขาดจากกัน ก้าวต่อเนื่องจากการซื้อ Red Hat) IBM ยืนยันข่าวการปลดพนักงานกับ Bloomberg แต่ไม่ยืนยันเรื่องจำนวน ที่มา - Bloomberg, CNET
# เกาหลีใต้สั่งปรับ Facebook กว่า 6 ล้านดอลลาร์ เพราะแชร์ข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ขอความยินยอม คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเกาหลีใต้ หรือ PIPC สั่งปรับ Facebook เป็นเงิน 6.7 พันล้านวอน หรือราว 6.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการที่ Facebook นำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานไปใช้โดยไม่ขอความยินยอมก่อน เป็นการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ชาวเกาหลีใต้ 3.3 ล้านคน (จากทั้งหมด 18 ล้านคน) ไปยังบริษัทอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2012 ถึงเดือน มิถุนายน 2018 PIPC ระบุเพิ่มว่า ข้อมูลที่แชร์ออกไปเป็นข้อมูลจำพวก ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ประสบการณ์การทำงาน, บ้านเกิดและสถานะความสัมพันธ์กับบริษัทอื่นๆ ดูจากการที่ผู้ใช้งานใช้ Facebook ล็อกอินเข้าระบบเพื่อใช้งานแอปนอกต่างๆ นอกจากนี้ PIPC ยังกล่าวด้วยว่า Facebook แชร์ข้อมูลดังกล่าวให้กับบริษัทอื่น ถึง 10,000 แห่ง การตัดสินปรับครั้งนี้ของ Facebook ไม่ใช่ครั้งแรกในเกาหลีใต้ ย้อนไปในปี 2018 คณะกรรมการการสื่อสารของเกาหลีได้ปรับเป็นเงิน 396 ล้านวอน (ประมาณ 396,706 ดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากการเชื่อมต่อของผู้ใช้ช้าลงในปี 2016 และ 2017 แต่ Facebook ชนะคดีไป ที่มา - Engadget
# [ข่าวลือ] Salesforce กำลังเจรจาซื้อกิจการ Slack Wall Street Journal และ CNBC เสนอข่าวจากแหล่งข่าวว่า Salesforce กำลังเจรจาซื้อกิจการ Slack และอาจประกาศข่าวอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ช่วงหลัง Salesforce ไล่ซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง ที่เด่นๆ คือ ซื้อ MuleSoft ในปี 2018 และ Tableau ในปี 2019 ถ้าข่าวนี้เป็นจริง การซื้อ Slack น่าจะเป็นการซื้อกิจการครั้งใหญ่อีกครั้ง ปัจจุบัน Slack อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (ชื่อย่อ WORK) และมีมูลค่าบริษัทตามราคาหุ้นที่ 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (หุ้นขึ้นหลังข่าวนี้ออก) ช่วงหลัง Slack ต้องเจอการแข่งขันที่หนักหน่วงจาก Microsoft Teams จนทำให้การเป็นบริษัทอิสระอาจแข่งขันลำบาก ในขณะที่ไมโครซอฟท์ก็เป็นคู่แข่งของ Salesforce ในตลาดซอฟต์แวร์ CRM/ERP เช่นกัน ภาพจาก ข่าว Slack ประกาศความร่วมมือกับ Salesforce เมื่อปี 2019 ที่มา - Wall Street Journal, CNBC
# Phil Spencer บอกเทียบค่าธรรมเนียม App Store, Play Store กับ Xbox, PS5 เป็นการเทียบที่ไม่แฟร์ ช่วงนี้อาจมีข่าวจากปากของ Phil Spencer ถี่เล็กน้อย (ข่าว 1, 2, 3) จากการไปให้สัมภาษณ์กับ The Verge และเขาก็ถูกถามเรื่องการถูกแซะเรื่องค่าธรรมเนียมของสโตร์ขายเกมดิจิทัลที่กำลังเป็นประเด็นจาก Apple vs Epic ซึ่ง Xbox ก็ประกาศจุดยืนข้าง Epic แต่ Xbox หรือแม้แต่ PlayStation ก็เก็บค่าธรรมเนียมเดียวกับ Apple Phil บอกว่าการเปรียบเทียบว่า Apple/Google เก็บค่าธรรมเนียมเท่ากับ Xbox/PlayStation เป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ค่อยแฟร์ เพราะผู้ผลิตคอนโซลขายเครื่องแบบขาดทุน แล้วไปทำกำไรจากการขายเกมและบริการอีกที ซึ่งเป็นโมเดลที่แตกต่างกับ iOS, Android หรือแม้แต่ Windows แถมเน้นขายแต่เครื่องเล่นเกมเป็นหลัก ไม่ใช่อุปกรณ์ประมวลผลทั่วไปอย่าง มือถือ (น่าจะหมายถึงยูสเคสมันแคบกว่า) ขณะที่จำนวนคอนโซลที่ขายก็อยู่ที่ราว ๆ 200 ล้านเครื่องตลอด 1 ช่วงอายุของคอนโซล (ราว 6-7 ปี แถมไม่โตด้วย) ซึ่งตัวเลขดังกล่าว สมาร์ทโฟนสามารถทำได้ในเวลาไม่ถึงปี คนอาจจะบอกว่าจำนวนเครื่องจำนวนลูกค้าไม่เกี่ยวกัน Phil บอกว่ามันเกี่ยว และหากคุณมองถึงเหตุผลที่เราต้องทำแพลตฟอร์มเปิดและเข้าถึงให้ได้มากที่สุด จำนวนเครื่องและการสเกลยิ่งเกี่ยว ในแง่กฎหมาย (น่าจะหมายถึงการผูกขาด) ก็สำคัญ ไมโครซอฟต์ก็ผ่านการมีประเด็นกับกระทรวงยุติธรรมมาแล้ว ดังนั้นเมื่อแพลตฟอร์มคุณสามารถสเกลได้มากขึ้น ก็ควรจะมีความรับผิดชอบตามไปด้วย (ผมตีความว่า Phil น่าจะแซะแอปเปิลเรื่องระบบปิดและการคิดค่าธรรมเนียมเท่าเดิม แม้ผู้ใช้ iOS จะมากขึ้นเรื่อย ๆ) ที่มา - The Verge
# Phil Spencer บอกสั่งผลิต Xbox Series ช้ากว่า PS5 เพราะรอเทคโนโลยีบางอย่างจาก AMD ในบทสัมภาษณ์ Phil Spencer ของ The Verge (ข่าวเก่า 1, ข่าวเก่า 2) เขาเล่าถึงเบื้องหลังการสั่งผลิต Xbox Series ว่าตั้งใจเริ่มผลิตช้ากว่าโซนี่สั่งผลิต PS5 เพราะตั้งใจ "รอ" เทคโนโลยีบางตัวในชิปของ AMD ให้พร้อมเสียก่อน Spencer ไม่ได้บอกว่าเทคโนโลยีที่ว่าคืออะไร เขาบอกว่าเริ่มผลิตช่วงปลายฤดูร้อน (ราวๆ เดือนสิงหาคม) ทำให้ตามหลังโซนี่อยู่บ้างในแง่จำนวนเครื่องที่ผลิตได้ ตอนนี้สายการผลิตทำงานเต็มกำลังมาหลายเดือน แต่สินค้าก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการแบ่งกำลังการผลิต ว่าจะเลือกผลิต Xbox Series X และ S อย่างไร ตรงนี้คล้ายกับที่ Spencer เคยพูดไปแล้ว ว่าในช่วงเทศกาลครั้งแรก (สิ้นปี 2020) และเทศกาลครั้งที่สอง (สิ้นปี 2021) ฮาร์ดแวร์รุ่นท็อปคือ Series X จะขายดีกว่ามาก ทำให้ตอนนี้ไมโครซอฟท์สั่งผลิต Series X มากกว่า แต่ในช่วงต้นปี-กลางปี ไมโครซอฟท์จะปรับสัดส่วนของ Series X ลดลงมา และในระยะยาวแล้ว เครื่องที่ราคาถูกกว่าจะขายดีกว่า ซึ่งในอดีตเราจะเห็นคอนโซลค่อยๆ ลดราคาลงมาอยู่ในจุดที่เหมาะสม (เช่น 299 ดอลลาร์) จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ไมโครซอฟท์ตั้งใจออก Series S มาจับราคานี้ตั้งแต่แรก Spener ยังเล่าว่าชิปของ Series X และ S มีขนาดไม่เท่ากัน ทำให้ไมโครซอฟท์สามารถผลิต Series S ได้จำนวนมากกว่า โดยใช้แผ่น die ขนาดเดียวกัน แต่ตอนนี้ความต้องการ Series X สูงกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์คาดไว้อยู่แล้ว ที่มา - The Verge
# Realme 7 5G เปิดตัว มือถือ 5G ในราคา 9,999 บาท, จอ 120Hz, ชิป MediaTek 800U Realme เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Realme 7 5G ชูจุดเด่นเรื่องการเป็นมือถือรองรับ 5G ในราคาต่ำหมื่น (9,999 บาท) ซึ่งเป็นผลจากการใช้ MediaTek Dimensity 800U ชิป SoC สำหรับมือถือ 5G ตลาดระดับกลาง ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม สเปกของ Realme 7 5G มีดังนี้ หน้าจอ 6.5" 2400x1800 อัตรารีเฟรช 120Hz อัตรา sampling สำหรับสัมผัส 180Hz หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 800U แรม 8GB สตอเรจ 128GB กล้องหลัง 4 ตัว กล้องหลัก 48MP, Ultrawide 8MP 119 องศา, เลนส์มาโคร, เลนส์ Portrait B&W 2MP แบตเตอรี่ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 30W Dart Charge ราคา 9,999 บาท เริ่มวางขายจริง 5 ธันวาคม ตอนนี้เปิดพรีออเดอร์ และมีโปรโมชั่นร่วมกับโอเปอเรเตอร์-ร้านค้าต่างๆ แล้ว Realme ประเทศไทยยังประกาศนำ Realme Smart TV ที่เปิดตัวในอินเดียเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ เข้ามาทำตลาดในไทยด้วย ใช้ระบบปฏิบัติการ Android TV ระบบเสียง Dolby Audio 24W มี 2 ขนาดหน้าจอคือ 32" และ 43" แต่ยังไม่ประกาศวันวางขายและราคา (รุ่น 32" ราคาขายในอินเดียคือ 12,999 รูปี หรือประมาณ 5,300 บาท)
# เอกสารหลุดแสดงกองทัพใช้แอป Twitter Broadcast ประสานงานโพสทวิตเตอร์ ล่าสุดผู้พัฒนาลบแอปไปแล้ว วันนี้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @SaraAyanaputra ได้โพสเอกสารนำเสนอกระบวนการประสานงานในการโพสทวิตเตอร์ของกองทัพไทย โดยระบุถึงแอปสองตัวที่ใช้ในการประสานงาน คือ Twitter Broadcast และ Free Messenger ว่าใช้ในการประสานงานโพสรวมถึง 17,562 บัญชี คุณ @pittaya ได้ถอดแอป Twitter Broadcast ออกมาดูและพบว่ามันเชื่อมต่อไปยังโดเมน mhelpme.com ที่จดทะเบียนโดยระบุอีเมลเป็นบริษัท เอส-แพลนเนต จำกัด (s-planet.co.th) หลังมีการเปิดเผยเรื่องนี้เพียงชั่วโมงกว่าๆ เว็บ s-planet.co.th ก็หายไปกลายเป็นหน้า 404 ขณะที่แอป Twitter Broadcast และ Free Messenger ก็ถูกถอดออกจาก Google Play เอกสารนำเสนอของคุณ SaraAyanaputra ยังระบุถึงปัญหาของการโพสของกองทัพว่าถูกทวิตเตอร์ไล่แบนบัญชีจากการบิดเบือนกระแส ตรงกับรายงานของทวิตเตอร์ที่เปิดเผยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่าไล่ลบบัญชีไอโอในประเทศไทยไปจำนวน 926 บัญชี โดยข้อมูลที่เปิดเผยมาแสดงว่า 926 บัญชีนี้เป็นการแบนบัญชีถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเท่านั้น และทวิตเตอร์ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใหม่กว่านั้น ที่มา - @SaraAyanaputra update: เจ้าของทวีตลบข้อความ สามารถดูได้ในเว็บไซต์มติชน
# เบราว์เซอร์ Vivaldi เพิ่มโปรแกรมอีเมล-ปฏิทิน ทดแทน Opera M2 ที่เลิกพัฒนาไปแล้ว Vivaldi เว็บเบราว์เซอร์ที่สร้างโดยทีมของ Jon von Tetzchner ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอ Opera ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Vivaldi Mail ที่เป็นทั้งอีเมลไคลเอนต์, ปฏิทินนัดหมาย และตัวอ่าน feed Jon von Tetzchner บอกว่าหลังเขาลาออกจาก Opera ก็พบว่า Opera เปลี่ยนไปจากเดิมมาก ทั้งเรื่องฟีเจอร์และหน้าตา โดยโปรแกรมอ่านอีเมล Opera M2 ที่ชาว Opera ใช้กันมานานก็หยุดพัฒนาและถูกถอดออกไปด้วย ปัญหาคือไม่มีอีเมลไคลเอนต์แบบ M2 ในท้องตลาดเลย สุดท้ายทีม Vivaldi จึงต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่ (ผู้ใช้บางคนจึงเรียกมันว่า M3) แกนหลักของ Vivaldi Mail คือเป็นอีเมลไคลเอนต์ที่รองรับทั้งอีเมลแบบ IMAP/POP3 รวมถึงอีเมลจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ (เช่น Gmail, FastMail) มันถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาของคนที่มีเมลหลายบัญชี และมีเมลจำนวนมากๆ แนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจคือการแยก Unseen เมลใหม่ที่เพิ่งมาถึง และ Unread คือเมลที่เคยเห็นมาก่อนแล้วแต่ยังไม่มีเวลาอ่าน, มีฟีเจอร์ระดับสูงอย่างการเลือกมุมมองแสดงรายการเมลหลายๆ แบบ, ปุ่มลัดบนคีย์บอร์ด, การส่งเมลแต่ใส่ไว้ในคิวรอส่งจริงๆ ในภายหลัง ส่วนตัว Feed Reader ถูกนำกลับมาอีกครั้งด้วยแนวคิดว่า การอ่านบทความต่างๆ บนโลกออนไลน์ยุคนี้ ผู้อ่านจะถูกตามรอยจากสคริปต์โฆษณาต่างๆ การเปลี่ยนมาอ่านด้วย RSS feed แทนจึงปกป้องความเป็นส่วนตัวได้มากกว่า แนวทางการจัดการ feed ของ Vivaldi ใช้แนวคิดเดียวกับอีเมล หน้าตาของโปรแกรมจึงคล้ายกัน ผู้ใช้เลือกได้ว่าอ่านแล้วหรือไม่ และมีฟีเจอร์ที่ช่วย "ตอบ" ไปยังผู้เขียนบทความใน feed ได้แบบเดียวกับตอบอีเมล ฟีเจอร์ปฏิทินหรือ Calendar รองรับการเชื่อมต่อปฏิทินผ่านโปรโตคอล CalDAV เชื่อมได้ทั้งปฏิทินจาก Google/Outlook, เลือกมุมมองปฏิทินได้หลากหลาย, แก้ไขนัดหมายได้จากหน้าปฏิทินโดยตรง, ทำงานทุกอย่างได้ด้วยคีย์บอร์ด ตอนนี้ Vivaldi Mail ยังอยู่ในสถานะทดสอบแบบ Technical Preview ต้องเปิดใช้จาก flags ใน Vivaldi เวอร์ชัน Snapshot ด้วย ที่มา - Vivaldi
# Phil Spencer บอกจำนวนคนซื้อคอนโซลไม่โตมานานแล้ว จึงเปิดตลาดใหม่ด้วย Series S, Game Pass, xCloud Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ให้สัมภาษณ์กับ The Verge (อันเดียวกับเรื่องทำ Xbox Series S เพราะรู้ว่า Sony จะออกคอนโซลสเปกเดียว) พูดถึงภาพรวมของวงการเกมคอนโซลไว้น่าสนใจว่า ตลาดคอนโซลไม่เติบโตมา 10 ปีแล้วในแง่จำนวนผู้ซื้อคอนโซล การเติบโตของตลาดนี้ในช่วงหลังมาจากรายได้ต่อผู้ใช้แทน Spencer บอกว่าไมโครซอฟท์ไม่ต้องการเติบโตด้วยการขี้นราคาเกมอีก 10 ดอลลาร์ เพื่อทำเงินจากผู้ใช้กลุ่มเดิมที่มีอยู่จำกัด แต่ต้องการขยายฐานผู้เล่นหน้าใหม่ๆ แทน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมไมโครซอฟท์ถึงออกสินค้าใหม่ๆ อย่าง Xbox Series S, Game Pass, xCloud ไปจนถึงวิธีขายแบบใหม่ๆ คือ Xbox All Access มาจับกลุ่มผู้เล่นในวงกว้างกว่าเดิม เขายังพูดถึงลูกค้า Xbox Series S ในช่วงเปิดตัวว่าเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ซึ่งตรงกับที่ไมโครซอฟท์คาดไว้ตั้งแต่แรก ส่วน Xbox Game Pass เป็นการผูกสัมพันธ์ให้ผู้เล่นอยู่ในชุมชน Xbox ต่อไป ไม่ว่าจะเล่นจากที่ไหนหรือซื้อคอนโซลหรือไม่ เขาบอกว่าสิ่งที่อยากเห็นคือ เวลาถามว่าเล่นเกมจากที่ไหน คำตอบของผู้คนคือ "เล่นบน Xbox" เฉยๆ ไม่ต้องมีสร้อยว่าเวอร์ชันไหน หมายเหตุ: Spencer ไม่ได้พูดตัวเลขชัดๆ แต่น่าจะหมายถึงยอดขายรวมของคอนโซลแต่ละเจน จะค่อนข้างคงที่ ไม่โตไปกว่านี้อีกแล้ว คนที่ซื้อคือคนที่อัพเกรดจากรุ่นเดิม ที่มา - The Verge
# MH World: Iceborne เพิ่มอีเวนต์ครอสโอเวอร์กับเวอร์ชันหนัง มีตัวละคร Milla Jovovich มาแจม Monster Hunter World: Iceborne เตรียมเพิ่มอีเวนต์ใหม่ ครอสโอเวอร์กับเวอร์ชั่นหนัง วันที่ 4 ธันวาคมนี้ โดยผู้เล่นจะสามารถเล่นเป็น Artemis ตัวละครหลักที่รับบทโดย Milla Jovovich ได้ และจะเริ่มรับ Item Pack โปรโมตหนังได้ฟรีเมื่อล็อกอิน ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายนเป็นต้นไป เควสต์อีเวนต์จะเป็นเควสต์แบบสองตอน ปะทะกับ Black Diablos และ Greater Rathalos เมื่อจบเควสต์จะได้รับ เกราะใหม่ ไตเติ้ลใหม่ ภาพแบคกราวด์กิลด์การ์ด ท่าโพสใหม่ และ “อุปกรณ์พิเศษ” เฉพาะของอีเวนต์ โดยต้องได้รับ Master Rank ก่อน ถึงจะรับเควสต์ได้ ส่วนในไทย Monster Hunter เวอร์ชั่นหนัง เตรียมเข้าฉายวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ตามข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ Major Cineplex ที่มา - IGN
# บริษัท แสนรู้ จำกัด และหัวเว่ยคลาวด์ ร่วมลงนาม MoU ร่วมมือกันในการปลดล็อคพลังแห่งข้อมูล เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 บริษัท อินเตอร์เน็ต เบส บิซิเนส กรุ๊ป จำกัด (บริษัท แสนรู้ จำกัด) ร่วมกับ หัวเว่ยคลาวด์ ประเทศไทย สร้างความร่วมมือโดยการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ในการเข้าร่วม “เครือข่ายพันธมิตรหัวเว่ยคลาวด์ (HUAWEI CLOUD Partner Network - HCPN)” การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อผนึกกำลังของเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงของบริษัท แสนรู้ จำกัด เข้ากับแพลตฟอร์มข้อมูลมหัต (Big Data) ของหัวเว่ย เพื่อมอบประสบการณ์การตลาดดิจิทัลที่ดีที่สุดบนระบบคลาวด์ให้แก่องค์กรในประเทศไทย ตั้งแต่กลุ่มสตาร์ทอัพและอีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ “จากภูมิทัศน์ทางธุรกิจในปัจจุบัน การปฏิรูปให้เป็นระบบดิจิทัลเป็นขั้นเริ่มต้นที่ช่วยผลักดันให้เกิดประสบการณ์ของลูกค้า ทั้งนี้ เพื่อให้กลยุทธ์ดิจิทัลมีความสมบูรณ์แบบ องค์กรต่าง ๆ จำเป็นต้องครอบครองข้อมูลจำนวนมหาศาล” นายเจย์ ชอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) แห่งบริษัท แสนรู้ จำกัด เปิดเผยว่า “การบูรณาการระบบเดิมเข้ากับแพลตฟอร์มข้อมูลมหัต (Big Data) การโต้ตอบระหว่างหลากหลายแพลตฟอร์มที่มีอยู่ เช่น CRM, OCR, ระบบโฆษณาอัตโนมัติและอื่น ๆ รวมทั้งการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่นับไม่ถ้วนให้มีประสิทธิภาพ นับเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับการใช้เทคโนโลยีข้อมูลมหัต (Big Data) ประสบการณ์ของลูกค้าและความเชี่ยวชาญในข้อมูลของนักวิเคราะห์จะขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ระบบบริหารแบบเรียลไทม์ และการจัดการลูกค้ารวมศูนย์ เทคโนโลยีการนำข้อมูลแบบใช้ได้ทันทีหลังติดตั้ง โซลูชันที่สามารถสร้างมุมมองแบบองค์รวมของลูกค้าคือสิ่งที่แบรนด์ต่าง ๆ ต้องการอย่างแท้จริง” “บริการต่าง ๆ ของหัวเว่ยคลาวด์ช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นในการออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน การปรับขนาดและการเพิ่มประสิทธิภาพ แพลตฟอร์ม DataTech ใหม่ล่าสุดของบริษัท แสนรู้ จำกัด ซึ่งประกอบด้วย โมดูลทรงประสิทธิภาพต่าง ๆ อาทิเช่น การวิเคราะห์ทางสังคม ศูนย์ติดต่ออัจฉริยะ ฮับวิเคราะห์ข้อมูล บริการวิจัยและความเชี่ยวชาญ O2O จะผสานรวมเข้ากับหัวเว่ยคลาวด์ในการจัดให้มี APIs แบบเปิดเพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ใช้ AI/ML ในการเปิดใช้การสื่อสารแบบ M2M (ระหว่างเครื่องจักรกับเครื่องจักร) ได้เหมาะสมที่สุด โดยสามารถตอบสนองต่อข้อกำหนดที่หลากหลายจากลูกค้าของเราในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ ความร่วมมือของเรากับหัวเว่ยคลาวด์จะสร้างโอกาสทางการค้ามากขึ้น” นายอุดมศักดิ์ ดอนขำไพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) แห่งบริษัท แสนรู้ จำกัด แสดงความคิดเห็น “บริการต่างๆที่ครอบคลุม ของบริษัท แสนรู้ จำกัด อย่างเช่น แพลตฟอร์ม DataTech และศูนย์ติดต่ออัจฉริยะได้ผสานรวมความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ภาษาและช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ กับกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนให้เข้ากับท้องถิ่นของหัวเว่ยคลาวด์ ดังนั้น เมื่อเราพยายามให้ได้มาซึ่งความร่วมมือของกันและกัน ความร่วมมือครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่จะสร้างโอกาสต่าง ๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังสร้างโซลูชันที่ปรับแต่งตามความต้องการและปรับให้เข้ากับลักษณะของบริษัทไทยอีกด้วย เราจะร่วมมือและดำเนินการทดลองทางเทคนิคสำหรับแพลตฟอร์มข้อมูลมหัต (Big Data) ขององค์กร และการวิจัยและพัฒนาของแพลตฟอร์มบริการแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาโซลูชันแหล่งเก็บข้อมูล (Data Lake) อัจฉริยะ” นาย โรเบ็น หวาง ประธานกลุ่มธุรกิจคลาวด์ และ AI แห่งบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวเสริม ในฐานะส่วนหนึ่งของความร่วมมือครั้งนี้ นายเจย์ ชอง ซีอีโอ พร้อมด้วย นายอุดมศักดิ์ ดอนขำไพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) แห่งบริษัท แสนรู้ จำกัด ร่วมเป็นแขกผู้มีเกียรติในงานกิจกรรม Cloud Diary ของหัวเว่ย ซึ่งงานกิจกรรม Cloud Diary นี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดการสัมมนาทางเว็บภาษาไทยที่เน้นความรู้และการแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในด้านการปฏิรูปเป็นระบบดิจิทัล เซสชันนี้จะออกอากาศในวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายนผ่านทางหน้าเพจเฟซบุ๊ก Huawei Cloud & AI APAC (@HuaweiCloudTH) ผู้ที่สนใจติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกเทคโนโลยีในขณะนี้สามารถติดตามกิจกรรม Cloud Diary ได้ที่หน้าเพจเฟซบุ๊ก @HuaweiCloudTH ในเซสชั่นนี้ แสนรู้ยังเปิดเผยให้เห็นถึงโซลูชันมุมมองข้อมูลแบบองค์รวมแบบปรับแต่งเองที่นำเสนอในงาน POWERING DIGITAL THAILAND 2021: HUAWEI CLOUD & CONNECT ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ณ เซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ Powering Digital Thailand 2021: HUAWEI CLOUD & CONNECT ด้วยผลกระทบจากโรคระบาดที่เกิดขึ้น เศรษฐกิจดิจิทัลจึงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐาน ICT เช่น ระบบ 5G ระบบคลาวด์ และระบบ AI จะกลายเป็นรากฐานและกลไกใหม่ของนวัตกรรม ในฐานะผู้นำแห่งเทคโนโลยีด้าน ICT หัวเว่ยร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ สร้างระบบนิเวศในการมอบประสบการณ์และโซลูชันต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ในด้านประสบการณ์ กระบวนการและโมเดลทางธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ หากท่านสนใจเข้าร่วมงานกิจกรรม โปรดคลิกที่ลิงก์ด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดและชมซ้ำในส่วนของประเด็นสำคัญ https://www.facebook.com/watch/live/?v=719773158972118&ref=watch_permalink
# Ming-Chi Kuo: แอปเปิลจะออก MacBook ชิป Apple Silicon ดีไซน์ใหม่ช่วงครึ่งหลังปีหน้า Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สายซัพพลายเชนชื่อดังที่ปล่อยข่าวแอปเปิลค่อนข้างตรง เปิดเผยว่าแอปเปิลมีแผนจะเปิดตัว MacBook ดีไซน์ใหม่ที่ใช้ Apple Silicon รุ่นใหม่ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 อย่างไรก็ตาม Kuo ไม่ได้ระบุว่า MacBook รุ่นใหม่จะเป็นรุ่นไหน โดยก่อนหน้านี้ Kuo เคยระบุว่าแอปเปิลจะเปิดตัว MacBook Pro 13, MacBook Air ที่ใช้ชิป Arm ในปีนี้ และ MacBook Pro ขนาด 14.1 และ 16 นิ้วในปีหน้า รวมถึงมี iMac รุ่น Apple Silicon ด้วย แต่ทุกวันนี้แอปเปิลก็ยังไม่เปิดตัว iMac ชิป M1 ที่มา - MacRumors
# Rockstar ประกาศแยก Red Dead Online มาเป็นอีกเกม ราคาช่วงเปิดตัว 4.99 ดอลลาร์ Rockstar ประกาศแยกโหมด Red Dead Online ของเกม Red Dead Redemption 2 ออกมาเป็นเกมแยกต่างหาก (standalone) มีผลในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ในแง่เกมเพลย์คงไม่มีอะไรต่างจากเดิมเพราะเป็นเกมเดิม แต่การแยก Red Dead Online ออกมาเป็นเกมเฉพาะ ขายแยกต่างหาก ก็จะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เข้ามาสัมผัสเกมนี้มากขึ้นเพราะไม่ต้องซื้อ Red Dead 2 ตัวเต็ม โดย Rockstar จะขายเกมแบบลดราคาเหลือ 4.99 ดอลลาร์ (จากราคาเต็ม 19.99 ดอลลาร์) ไปจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2021 เกมมีให้เล่นทั้งบน PS4, Xbox One, PC และสามารถใช้เวอร์ชัน PS4 เล่นบน PS5, เวอร์ชัน Xbox One เล่นบน Xbox Series ได้ด้วย ต้องการพื้นที่ติดตั้ง 123GB ก่อนหน้านี้ Rockstar เพิ่งประกาศจะแยกเกม GTA Online ด้วยเช่นกัน โดยจะออกช่วงต้นปี 2021 ที่มา - Rockstar
# Central JD Fintech จับมือ KBank เปิดตัวบริการ Digital Lending ผ่าน Dolfin Dolfin ผู้ให้บริการแอปอีวอลเลทจาก Central JD Fintech ประกาศเป็นพันธมิตรกับธนาคารกสิกรไทยเปิดตัวบริการ Dolfin Money by KBank บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลผ่านแอป Dolfin บริการนี้จะเปิดให้บริการวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นสินเชื่อจากธนาคารกสิกรไทย แต่ยื่นเรื่องผ่านแอป Dolfin (ที่เชื่อม API กับ K Plus อีกที) ไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน แต่อาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจากบิ๊กดาต้า อนุมัติเร็ว เงินที่ได้รับการอนุมัติจะถูกโอนเข้าวอลเล็ทใน Dolfin วงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ อัตราดอกเบี้ยเป็นแบบลดต้นลดดอกสูงสุดไม่เกิน 25% ต่อปี และจะไม่คิดดอกเบี้ยหากไม่มีการใช้งาน
# Dell Technologies ไตรมาสล่าสุด รายได้ยังเติบโตจากคนต้องทำงานและเรียนที่บ้าน Dell Technologies รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดวันที่ 30 ตุลาคม 2020 รายได้รวม 23,482 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 881 ล้านดอลลาร์ ซีโอโอ Jeff Clarke กล่าวว่าเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งก็ส่งผลกับ Dell เช่นกัน ความต้องการสินค้าสำหรับการทำงานที่บ้าน และโซลูชันการเรียนออนไลน์ทำให้รายได้รวมบริษัทเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีตามกลยุทธ์ as-a-Service เพื่อเป็นผู้นำในตลาดที่กำลังเติบโต ทำให้ลูกค้าสามารถจัดการข้อมูลและเวิร์กโหลดได้ในทุกระบบ ก่อนหน้านี้ Dell ได้เปิดตัว Project Apex ซึ่งเป็นบริการ as-a-service สำหรับบริหารจัดการทรัพยากรบนคลาวด์ รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Clients Solutions เพิ่มขึ้น 8% เป็น 12,286 ล้านดอลลาร์ มีการเติบโตจากกลุ่มลูกค้าทั่วไป 14% และลูกค้าองค์กรเพิ่มขึ้น 5% ข้อมูลน่าสนใจคือโน้ตบุ๊คตระกูล Latitude และ Precision มีการเติบโตระดับสองหลัก ส่วน Chromebooks ลูกค้าหน่วยงานเพิ่มขึ้นระดับสามหลัก กลุ่มธุรกิจ Infrastructure Solutions รายได้ลดลง 4% เป็น 8,024 ล้านดอลลาร์ และ VMware รายได้เพิ่มขึ้น 8% เป็น 2,893 ล้านดอลลาร์ ที่มา: Dell Technologies
# Twitter เตรียมกลับมาเปิดให้ขอ Verified Account อีกครั้ง ในช่วงต้นปี 2021 Twitter เตรียมเปิดให้ผู้ใช้สามารถยื่นขอป้าย Verified Account ได้เองอีกครั้งในช่วงต้นปี 2021 หลังหยุดไปเมื่อปี 2018 และเปลี่ยนไปใช้การให้ป้าย Verified กับบัญชีคนดังเป็นรายๆ ไปแทน กระบวนการให้ป้าย Verified Account แบบใหม่จะรองรับบัญชี 6 ประเภทคือ หน่วยงานภาครัฐ (Government) บริษัท แบรนด์ หน่วยงานไม่หวังผลกำไร คน/หน่วยงานด้านข่าวสาร (News) บันเทิง (Entertainment) กีฬา (Sports) นักกิจกรรม (Activists) หน่วยงานจัดกิจกรรม (Organizers) หรืออินฟลูเอนเซอร์ชนิดอื่นๆ Twitter ยังประกาศนโยบาย "เอาป้ายคืน" สำหรับบัญชีที่ไม่ใช้งานแล้ว (inactive) หรือใส่ข้อมูลในโพรไฟล์ไม่ครบถ้วน โดยจะมีผลกับบัญชี Verified Account ของเก่าด้วย และป้ายจะถูกถอดออกโดยอัตโนมัติถ้าเข้าข่าย ระหว่างนี้ Twitter จะรับฟังความเห็นจากผู้ใช้ต่อนโยบายใหม่นี้ และคาดว่าจะออกนโยบายฉบับสมบูรณ์ได้ในเดือนธันวาคม ที่มา - Twitter
# Samsung เปิดตัว Galaxy A12 และ A02s รุ่นประหยัด จอ 6.5 นิ้ว แบตอึด เริ่มต้น 150 ยูโร Samsung เปิดตัวมือถือตระกูล Galaxy A รุ่นประหยัดอีกสองรุ่น เตรียมวางจำหน่ายต้นปีหน้า คือรุ่น Galaxy A12 รุ่นต่อยอดจาก Galaxy A11 และ Galaxy A02s ต่อยอดจาก A01 ทั้งสองรุ่นหน้าจอขนาดเดียวกัน คือ 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ กล้องหน้าเว้าแบบหยดน้ำ (Infinity V) ข้อแตกต่างคือสเปกภายในและกล้องหลัง ดังนี้ Galaxy A12 ซีพียู Octa-core (คาดว่าเป็น Mediatek Helio P35) แรม 3GB / 4GB / 6GB ความจุ 32GB / 64GB / 128GB ใส่ Micro SD card ได้ถึง 1TB กล้องหลังหลัก 48MP, กล้องอัลตร้าไวด์ 5MP, กล้องมาโคร 2MP, เซ็นเซอร์ระยะชัดลึก 2MP กล้องหน้า 8MP สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง แบต 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 15W มีสี่สี ดำ, น้ำเงิน, ขาว และแดง วางจำหน่ายเดือนมกราคม 2021 ยังไม่มีข้อมูลราคารุ่น แรม 3GB + ความจุ 32GB ส่วนราคาอีกสองรุ่นที่เหลือ มีดังนี้ รุ่นแรม 4GB + ความจุ 64GB ราคา 179 ยูโร (ราว 6,500 บาท) รุ่นแรม 6GB + ความจุ 128GB ราคา 199 ยุโร (ราว 7,200 บาท) Galaxy A02s ซีพียู Octa-core (คาดว่าเป็น Snapdragon 450) แรม 3GB ความจุ 32GBใส่ Micro SD card ได้ถึง 1TB กล้องหลังหลัก 13MP, กล้องมาโคร 2MP, เซ็นเซอร์ระยะชัดลึก 2MP แบต 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 15W มีสองสีคือดำกับขาว วางจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ในราคา 150 ยูโร (ราว 5,500 บาท) ที่มา - GSMArena
# กรรมการแข่งขันการค้าจำกัดแพลตฟอร์มส่งอาหารขึ้นค่าธรรมเนียมตามใจ, บีบร้านอาหารไม่ให้ใช้ช่องทางอื่น คณะกรรมการการแข่งขันการค้าลงประกาศแนวทางการพิจารณาการปฎิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมระหว่างดิจิทัลแพลตฟอร์มรับส่งอาหารและร้านอาหาร กำหนดแนวทางที่เข้าข่ายทำให้เกิดความเสียหายต่อร้านอาหาร เช่น เปลี่ยนอัตราส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้น เก็บส่วนแบ่งต่างกันแม้ร้านอาหารใกล้เคียงกัน เรียกเก็บค่าส่งเสริมการขายโดยไม่มีเหตุอันสมควร จำกัดสิทธิ เช่น ห้ามใช้แพลตฟอร์มอื่น, บังคับตั้งราคาขายเท่ากันทุกช่องทาง แม้ประกาศนี้จะไม่ได้ห้ามการกระทำเหล่านี้โดยตรง แต่แนวทางเช่นนี้ก็อาจจะเปิดทางให้คณะกรรมการการแข่งขันการค้ามีท่าทีต่อแพลตฟอร์มส่งอาหารเพิ่มเติมต่อไป โดยประกาศนี้จะมีผล 30 วันหลังจากประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ที่มา - ราชกิจจานุเบกษา ภาพมอเตอร์ไซด์ส่งสินค้า จาก Piqsels
# The Queen’s Gambit ใน Netflix มียอดดู 62 ล้านครัวเรือนทั่วโลก ใน 28 วันแรก Netflix เผยตัวเลขลิมิเต็ดซีรีส์เรื่อง The Queen’s Gambit เกมกระดานแห่งชีวิต มียอดรับชม 62 ล้านครัวเรือนใน 28 วันแรก ส่วนในประเทศไทย The Queen’s Gambit ติดอันดับ 10 ยอดนิยมนานถึง 4 สัปดาห์ และขึ้นสู่อันดับ 1 ได้ 3 วันเต็มๆ ด้วยกระแส The Queen’s Gambit ส่งผลให้มีการค้นหาบนอินเมอร์เน็ตเกี่ยวกับหมากรุกมากขึ้น การเสิร์ชหาคำว่าหมากรุก (Chess) เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว ส่วนการค้นหาคำว่า วิธีการเล่นหมากรุก (How to play chess) พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 9 ปี, ยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Chess.com ก็พุ่งขึ้นสูงในช่วงเดือน พ.ย. ซึ่งตรงกับระยะเวลาฉายซีรีส์ นิยายต้นฉบับก็ขายดีขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม The Queen’s Gambit ยังไม่สามารถโค่นแชมป์เก่า The Witcher ที่ทำสถิติใน 28 วันแรก มียอดดู 76 ล้านครัวเรือน ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์, Variety
# ผลประกอบการ HP ไตรมาสล่าสุด จำนวนเครื่องส่งมอบทำสถิติใหม่สูงสุด เอชพีรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดเดือนตุลาคม รายได้รวม 15,258 ล้านดอลลาร์ ลดลง 1.0% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 668 ล้านดอลลาร์ Enrique Lores ซีอีโอ เอชพี กล่าวว่าไตรมาสที่ผ่านมาเอชพีส่งมอบสินค้าเป็นจำนวนเครื่องทำสถิติสูงสุดใหม่ สะท้อนบทบาทที่สำคัญของเอชพีที่มีต่อลูกค้า และทำให้เอชพีมั่นใจในแผนงานระยะยาว รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Personal Systems อยู่ที่ 10,432 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.1% จำนวนเครื่องส่งมอบเพิ่มขึ้น 7% แบ่งเป็น โน้ตบุ๊ครายได้เพิ่มขึ้น 18% จำนวนเครื่องเพิ่มขึ้น 25% ขณะที่เดสก์ท็อป รายได้ลดลง 28% จำนวนเครื่องลดลง 31% ส่วนกลุ่มธุรกิจ Printing รายได้ 4,826 ล้านดอลลาร์ ลดลง 3.1% ส่วนจำนวนฮาร์ดแวร์ที่ขายได้เพิ่มขึ้น 14% มีข้อมูลเพิ่มเติมจากช่วงแถลงผลประกอบการ ซึ่งซีอีโอ Lores บอกว่า ยอดขาย Chromebook เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในไตรมาสที่ผ่านมา ที่มา: เอชพี และ ZDNet
# Xiaomi ไตรมาส 3/2020 รายได้เติบโตทำสถิติสูงสุดของบริษัท Xiaomi รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2020 รายได้รวม 72,162.8 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 34.5% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 4,128.3 ล้านหยวน ยอดขายเฉพาะธุรกิจสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 47.5% เป็น 47,604.1 ล้านหยวน จำนวนส่งมอบ 46.6 ล้านเครื่อง ซึ่งล้วนเป็นสถิติใหม่สูงสุดของบริษัท ตัวเลขที่น่าสนใจคือรายได้นอกจีนของ Xiaomi รวม 39,800 ล้านหยวน ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้รวมบริษัท ซึ่ง Xiaomi บอกว่าการเติบโตสูงมาจากตลาดในยุโรป ส่วนกลยุทธ์ Smartphone x AIoT ยังคงได้ผลที่ดี ภาพรวมกลุ่มธุรกิจนี้เติบโต 16.1% ขณะที่ตลาดนอกจีนเติบโต 56.2% ส่งมอบสมาร์ททีวีไป 3.1 ล้านเครื่อง ในไตรมาสที่ผ่านมา และมีส่วนแบ่งยอดขายอันดับ 1 ในจีน และลูกค้าที่มีสินค้า AIoT ของ Xiaomi อย่างน้อย 5 ชิ้น (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็บท็อป) เพิ่มเป็น 5.6 ล้านราย ที่มา: Xiaomi
# Linus Torvalds ระบุ อยากใช้ MacBook Air ชิป M1... ถ้ามันรันลินุกซ์ หลัง Apple เปิดตัว MacBook Air, Pro และ Mac mini ที่รันบนชิป M1 ของตัวเอง ก็เริ่มมีกระแสรีวิวออกมาจำนวนมากว่ามีประสิทธิภาพสูงในโปรแกรมเบนช์มาร์ค รวมถึงประหยัดแบตเตอรี่เป็นอย่างมาก ด้าน Linus Torvalds ผู้สร้างเคอร์เนลลินุกซ์ก็ได้ตอบกระทู้ในบอร์ด Real World Technologies ที่มีผู้ใช้คนหนึ่งถามเขาว่าคิดอย่างไรกับแล็ปท็อปรุ่นใหม่ของ Apple Linus ระบุว่าเขาอยากได้มาใช้สักเครื่อง ถ้ามันรันลินุกซ์ พร้อมบอกว่าเขามีความทรงจำดีๆ กับ MacBook Air 11 นิ้ว รหัส 4,1 ซึ่งเป็นรุ่น Mid-2011 แต่ต้องเลิกใช้ไปเพราะ Apple ใช้เวลานานเกินไปในการซ่อมหน้าจอ และเมื่อซ่อมเสร็จเขาก็เปลี่ยนไปใช้แล็ปท็อปที่ดีกว่าแล้ว รวมถึง Apple ก็ทำให้ใช้งานลินุกซ์บน Mac ยากขึ้นเรื่อยๆ Linus เสริมอีกว่าเขาตั้งตารอแล็ปท็อปซีพียู Arm ที่รันลินุกซ์ได้มานานมาก และ MacBook Air รุ่นใหม่ก็เกือบจะเป็นสิ่งที่ใช่ เสียก็แค่มันรัน macOS เท่านั้น รวมถึงเขาเองก็ไม่มีเวลามานั่งทำให้มันใช้ได้ หรือจะไปเรียกร้องกับบริษัทที่ไม่ได้คิดจะช่วยอยู่แล้ว (แซะ Apple ไปอีก) ทั้งนี้ Apple รันเซิร์ฟเวอร์และระบบคลาวด์ของตนบนลินุกซ์ ที่มา - Real World Technologies ภาพโดย Asitha de Silva จาก Linux Foundation
# etcd เข้าสู่สถานะ Graduated แสดงความยั่งยืนของชุมชนในโครงการ CNCF ประกาศให้โครงการ etcd เข้าสู่สถานะ Graduated หลังจากโครงการมีนักพัฒนาเข้าร่วมโครงการจากหลายองค์กรและมีจำนวนนักพัฒนาที่มีส่วนร่วมในโครงการมากพอ etcd เป็นระบบเก็บข้อมูลแบบ key-value ที่กระจายตัว ที่สร้างโดย CoreOS และบริจาคเข้า CNCF ในปี 2018 มันเปิดทางให้บริการอื่นๆ สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้โดยไม่มีจุดที่สร้างความเสียหายให้ระบบรวม (single point of failure) โครงการ Kubernetes เองก็พึ่ง etcd อย่างหนักในการทำงาน CNCF หรือ Cloud Native Computing Foundation เป็นองค์กรแม่ที่ดูแลโครงการในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นยุคใหม่ในรูปแบบคอนเทนเนอร์และ Kubernetes จำนวนมาก โดยมีแนวทางการรับโครงการเข้ามาในความดูแลตั้งแต่ระดับ Sandbox ที่โครงการอาจจะมีนักพัฒนาจากบริษัทเดียวเท่านั้น แต่เริ่มได้รับความสนใจสูง เลื่อนมาจน Incubating และ Graduated ที่เป็นระดับสูงสุด เกณฑ์การได้สถานะ Graduated จะต้องมีกระบวนการดูแลโครงการที่ดีตามแนวทางของ Core Infrastructure Initiative, มีผู้ดูแลโครงการจากองค์กรอย่างน้อยสององค์กร, ตลอดจนต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยโค้ดจากภายนอก ตัว etcd มีทีมงานจากบริษัทชั้นนำจำนวนมาก ทั้ง Alibaba, Amazon, Cockroach Labs, Google Cloud, IBM, Indeed, และ Red Hat รวมมีนักพัฒนาส่งโค้ดเข้ามาในปีล่าสุดถึง 200 คน ขณะที่ etcd เวอร์ชั่น 3.4 ผ่านการตรวจสอบโค้ดจาก Trail of Bits เมื่อกลางปีที่ผ่านมา และเจอช่องโหว่ร้ายแรงเพียงจุดเดียว ที่มา - CNCF
# Asus เปิดตัว ZenBook พร้อม Intel Core 11th Gen สองรุ่น เริ่ม 30,990 บาท Asus เปิดตัว ZenBook รุ่นใหม่สองรุ่น คือ Asus ZenBook Flip S และ Asus ZenBook 14 Ultralight ทั้งสองรุ่นมาพร้อมซีพียู Intel Core 11th Gen และมาตรฐาน Intel Evo มีรายละเอียดดังนี้ Asus ZenBook Flip S โน้ตบุ๊ก 2-in-1 หน้าจอ OLED 4k ขนาด 13.3 นิ้วแบบสัมผัส หนา 13.9 มม. น้ำหนัก 1.2 กิโลกรัม หน้าจอแสดงสีมาตรฐาน DCI-P3 ได้ 100% ผ่านมาตรฐาน VESA DisplayHDR 500 True Black-certified สีดำสนิท คอนทราสท์อยู่ที่ 1,000,000:1 มี ASUS Pen แถมมากับตัวเครื่อง สเปกภายในดังนี้ ซีพียู Intel Core i7-1165G7 จีพียู Intel Iris Xe แรม LPDDR4X 16GB SSD 1TB (PCIe Gen 3 x4) กล้อง IR รองรับ Windows Hello รองรับ Wi-Fi 6 พอร์ต Thunderbolt 4 (Type-C) สองพอร์ต, USB 3.2 Gen 1 Type-A หนึ่งพอร์ต และ HDMI หนึ่งพอร์ต แบตเตอรี่ใช้งานได้ 10 ชั่วโมง ชาร์จระบบ PD ผ่านพอร์ต USB Type-C Windows 10 Home + Microsoft Office Home & Student 2019 ZenBook Flip S (UX371EA-HL003TS) วางจำหน่ายวันที่ 25 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ในราคา 55,990 บาท รุ่นที่สอง Asus ZenBook 14 Ultralight โน้ตบุ๊กรูปทรงมาตรฐาน หน้าจอ IPS ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด FHD แสดงผลมาตรฐานสี sRGB ได้ 100% มีสองสเปก แยกเป็นสองรหัส คือ UX435EAL และ UX435EGL ซึ่งได้มาตรฐาน Intel Evo (ประหยัดไฟ, ชาร์จไว, ตื่นเร็ว) ทั้งสองรุ่น สเปกภายในแต่ละรุ่นมีดังนี้ ZenBook 14 Ultralight (UX435EAL) ซีพียู Intel Core i5-1135G7 จีพียู Intel Iris Xe แรม LPDDR4X 8GB 512GB PCIe SSD กล้อง IR รองรับ Windows Hello รองรับ Wi-Fi 6 พอร์ต Thunderbolt 4 (Type-C) สองพอร์ต, USB 3.2 Gen 1 Type-A หนึ่งพอร์ต และ HDMI 2.0 หนึ่งพอร์ต และมี MicroSD card reader น้ำหนัก 980 กรัม Windows 10 Home + Microsoft Office Home & Student 2019 ZenBook 14 Ultralight (UX435EGL) ซีพียู Intel Core i7-1165G7 จีพียู Geforce MX450 แรม LPDDR4X 16GB 512GB PCIe SSD กล้อง IR รองรับ Windows Hello รองรับ Wi-Fi 6 -พอร์ต Thunderbolt 4 (Type-C) สองพอร์ต, USB 3.2 Gen 1 Type-A หนึ่งพอร์ต และ HDMI 2.0 หนึ่งพอร์ต และมี MicroSD card reader น้ำหนัก 990 กรัม Windows 10 Home + Microsoft Office Home & Student 2019 ทั้งสองสเปก พร้อมวางจำหน่ายเดือนธันวาคม 2563 ในราคาดังนี้ รุ่น Core i5-1135G7 + Intel Iris Xe + แรม 8GB (UX435EAL) ราคา 30,990 บาท รุ่น Core i7-1165G7 + MX450 + แรม 16GB (UX435EGL) ราคา 38,990 บาท ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# ซีอีโอ PlayStation บอกไม่มีโรคระบาด PS5 ก็จะขาดตลาดเหมือนเดิม, มีแผนรับมือ Game Pass Jim Ryan ซีอีโอของ PlayStation เริ่มเดินสายให้สัมภาษณ์หลังเปิดตัว PS5 และล่าสุดก็ไปให้สัมภาษณ์กับสื่อรัสเซีย ใจความตอนหนึ่งเขาถูกถามว่าถ้าไม่มี COVID-19 สถานการณ์ PS5 จะเป็นอย่างไรบ้าง Jim ตอบว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยน ทั้งในเชิงฮาร์ดแวร์และฟีเจอร์ ส่วนเรื่องจำนวนที่ขายนั้นเขาคาดว่าถ้าไม่มีโรคระบาดก็อาจมีเครื่องมากกว่านี้เล็กน้อย แต่ก็คงไม่มากนัก ขณะเดียวกันเจ้าตัวก็พูดด้วยว่าปีที่ผ่านมาสาหัสมาก ๆ และสิ่งหนึ่งที่เขาเรียนรู้คือ เขาไม่มีวันที่จะแพลนเปิดตัวคอนโซลใหญ่ท่ามกลางโรคระบาดอีกแล้ว และก็ไม่แนะนำให้ใครทำด้วย เพราะมันยากและท้าทาย โดยเฉพาะฝั่งโรงงานผลิต นอกจากนี้เขาถูกถามเรื่องการรับมือ Xbox Game Pass ด้วย ซึ่งเจ้าตัวตอบว่ามีข่าวประกาศเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากนี้แน่ ๆ แต่ไม่ใช่วันนี้ ที่มา - Tass via Engadget
# Phil Spencer เผยที่ Xbox ออก Series X และ S เพราะรู้ว่าโซนี่จะออก PS5 สเปคเดียว Phil Spencer ให้สัมภาษณ์กับพ็อดแคสต์รายการ Decode ของ The Verge มีคำถามหนึ่งเจ้าตัวถูกถามถึงสาเหตุที่ออกคอนโซลพร้อมกัน 2 รุ่น ซึ่ง Phil ก็บอกว่าเหตุผลเป็นเพราะโซนี่ Phil ขยายความว่า เพราะทีม Xbox คิดว่าโซนี่น่าจะออกรุ่นเดียวคือรุ่นท็อปและ Xbox ต้องการจะเจาะตลาดเกมเมอร์ให้ได้กว้างกว่าโซนี่ เลยทำคอนโซลที่ราคาเข้าถึงได้ง่ายมากกว่าออกมา แนวคิดของทีม Xbox คือแค่ต้องการทำให้บริการหรือสินค้าของตัวเองเข้าถึงได้ง่ายและด้วยจำนวนลูกค้าที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นแนวคิดในการออก Xbox Series X คือแนวคิดเดียวกับการทำ xCloud, Game Pass และ Xbox All Access หลังจากนั้น Phil ถูกถามต่อว่าด้วยไลน์อัพทั้ง Series X, Series S, xCloud, Game Pass Ultimate จะทำให้เกมเมอร์เข้าใจว่าแต่ละตัวต่างกันแค่ไหน ซึ่ง Phil ตอบว่าในส่วนฮาร์ดแวร์ เกมเมอร์เข้าใจได้ไม่ยากด้วยราคา 500 เหรียญและ 300 เหรียญของ Seried X/S ส่วน Game Pass นั้น Phil ไม่ได้ตอบตรง ๆ แต่บอกแนวคิดว่าต้องการให้เกมเมอร์รู้สึกผูกอยู่กับชุมชนและความเป็นสมาชิกของ Xbox ไม่ว่าจะเล่นบนพีซี คอนโซลหรือมือถือ ประมาณว่าเมื่อเกมเมอร์ถูกถามว่าเล่นเกมเครื่องไหน เขาก็อยากให้ตอบว่า เล่นบน Xbox ที่มา - The Verge
# AMD บอกอยากทำฟีเจอร์แบบ DLSS ของ GeForce ให้เป็นมาตรฐานกลาง ไม่อิงกับค่ายใด AMD ตีโต้ตลาดจีพียูได้สำเร็จด้วย Radeon RX ซีรีส์ 6000 ที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างดีใกล้เคียงกับ GeForce และมีฟีเจอร์ ray-tracing กับเขาบ้างแล้ว สิ่งที่ยังขาดไปคือฟีเจอร์ลักษณะเดียวกับ Deep Learning Super Sampling (DLSS) ของ NVIDIA ที่ใช้ AI ช่วย upscale ภาพให้ความละเอียดสูงขึ้น โดยไม่ต้องเปลืองพลังจีพียูมาเรนเดอร์เต็มความละเอียด Scott Herkelman ผู้บริหารของ AMD ไปออกรายการของ HotHardware และตอบคำถามในประเด็นฟีเจอร์ super-sampling ว่าแนวทางของ AMD ต้องการสร้างมาตรฐานเปิดที่ใช้งานได้ทุกค่าย ลดระยะเวลาของนักพัฒนาในการเรียกใช้ API ของบริษัทใดบริษัทหนึ่งลง ถึงแม้ AMD ยังไม่ให้รายละเอียดเรื่องนี้มากนัก แต่ดูสภาพการณ์แล้วก็คงไม่ง่ายและไม่เร็วนัก ที่จะเห็น AMD สามารถผลักดันมาตรฐานกลางด้าน super-sampling ได้ตามที่คิดไว้ (NVIDIA ที่นำหน้าไปมากแล้วคงไม่ยอมง่ายๆ) ภาพจาก NVIDIA ที่มา - Notebookcheck
# สรุปรีวิว Radeon 6800 XT สูสี RTX 3080 ในราคาถูกกว่า แต่ยังแพ้เรื่อง ray tracing หลังเปิดตัวและวางขายไปเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน เริ่มมีผลทดสอบและรีวิวของ Radeon RX 6800 XT ตัวกลางจากจีพียูทั้ง 3 ตัวที่เปิดตัวมารอบนี้ จากสื่อต่างๆ ออกมาแล้ว ผลโดยรวมคือ Radeon RX 6800 XT ที่ราคา 649 เหรียญสหรัฐ มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมใกล้เคียงกับ Geforce RTX 3080 ที่มีราคา 699 เหรียญสหรัฐจริง และผลจะเด่นชัดเมื่อเป็นเกมที่เล่นบนความละเอียด 1440p แต่จะด้อยกว่าในด้านการเล่นเกมที่เปิด ray tracing อีกข้อด้อยของฝั่ง Radeon คือไม่มีเทคโนโลยี DLSS ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมความละเอียดสูงที่เปิด ray tracing ไปด้วยแบบที่ RTX 3080 ทำได้ Radeon RX 6800 XT เป็นการ์ดจอสถาปัตยกรรม RDNA2 มาพร้อม CU (compute unit) 72 หน่วย, แรม 16GB GDDR6, มี TDP ที่ 300W (เทียบกับ 320W บน RTX 3080) แต่แนะนำพาวเวอร์ซัพพลายที่ 750W ขึ้นไปเหมือนกันกับฝั่ง NVIDIA จากการทดสอบของ TechRadar Radeon 6800 XT ยังกินไฟน้อยกว่า RTX 3080 เล็กน้อย โดยมีอัตราการใช้พลังงานสูงสุดที่ 294W เทียบกับ 320W และ มีอุณหภูมิขณะทำงานเต็มที่ที่ 78 องศาเซลเซียส ใกล้เคียงกันกับ RTX 3080 ที่ 76 องศาเซลเซียส ในด้านประสิทธิภาพจากการทดสอบของ The Verge ประสิทธิภาพของ 6800 XT แซง RTX 3080 ได้ในเกมส่วนใหญ่ที่ความละเอียด 1440p และยังแซง RTX 3080 ได้ในหลายๆ เกมที่ความละเอียด 4K แต่จะประสบปัญหาเมื่อรันเกมที่เปิดการใช้งาน ray tracing เช่น Metro Exodus หรือ Control ที่ได้เฟรมเรตน้อยกว่า RTX 3080 ในระดับ 10-20 fps โดยเมื่อรัน Metro Exodus แบบเปิด ray tracing ที่ความละเอียด 4K จะเหลือเฟรมเรตเพียง 14fps เท่านั้น ในขณะที่ RTX 3080 ที่เปิด ray tracing พร้อมกับ DLSS ได้เฟรมเรตที่ 48fps Guru3D.com สรุปผลไว้ใกล้เคียงกัน ว่า 6800 XT เป็นการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงหรือสูงกว่า RTX 3080 ในหลายๆ กรณี และในราคาที่ถูกกว่า โดยเหมาะกับความละเอียด 1440p (WQHD) ที่สุด แต่ก็มีข้อด้อยเรื่อง ray tracing และการไม่มีตัวช่วยประมวลผล AI แยกแบบ tensor core บน RTX 3080 ยังทำให้เป็นเรื่องยากที่ 6800 XT จะสู้กับเทคโนโลยี DLSS ของ NVIDIA ได้ (และ RTX 3080 ก็ยังรันเกมที่เปิด ray tracing อย่าง Battlefield V ได้ดีกว่า แม้จะไม่เปิด DLSS ก็ตาม) ส่วนในด้านเทคโนโลยีใหม่อย่าง Smart Access Memory หรือ SAM เว็บไซต์ Eurogamer ทำการทดสอบกับหลายๆ เกม ผลทดสอบออกมาพบว่าได้เฟรมเรตเพิ่มขึ้นพอสมควรในเกม Control และ Borderlands 3 ที่ความละเอียด 1080p แต่ที่ความละเอียดอื่นเฟรมเรตก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่เพิ่มขึ้นเลย และกลับยังทำให้เฟรมเรตลดลงเล็กน้อย ในเกม Assasin’s Creed Valhalla และ Doom Eternal ที่ความละเอียด 1080p อีกด้วย นอกจากนี้ข้อจำกัดของ SAM ที่จะใช้งานได้เมื่อจับคู่กับเมนบอร์ดตระกูล 500 ของ AMD เช่น B550 และ X570 ที่ใช้ BIOS เวอร์ชั่นหลัง 18 พฤศจิกายน 2020, ที่ทำงานร่วมกับซีพียูตระกูล Ryzen 5000 และใช้ Windows อัพเดตล่าสุดเท่านั้น อาจทำให้เทคโนโลยีนี้ยังเข้าถึงได้ยากสักในปัจจุบัน แต่ Eurogamer ก็ยังบอกว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่าทดลอง และน่าจับตามอง สรุป เมื่อเปรียบเทียบกับ Geforce RTX 3080 ที่มีราคาแพงกว่าอยู่ 50 เหรียญ Radeon 6800 XT ถือว่ามีประสิทธิภาพในการเล่นเกมทั่วไปค่อนข้างสูสี แถมแซงได้ในบางเกม โดยเฉพาะในการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p ลงไป และไม่เปิด ray tracing แต่หากเป็นผู้เล่นที่ต้องการเล่นเกมที่ความละเอียด 4K และเปิด ray tracing ไปด้วย ฝั่ง RTX 3080 ก็ยังดูเป็นตัวเลือกที่คุ้มกว่าสำหรับอนาคต ด้วยประสิทธิภาพ ray tracing ที่ดีกว่า และเทคโนโลยี DLSS ที่ช่วยเพิ่มเฟรมเรตในระดับความละเอียดสูงๆ แต่ก็ถือว่า Radeon ขยับประสิทธิภาพเข้ามาใกล้กับ NVIDIA ได้มากขึ้นในปีนี้ และน่าจับตามองพัฒนาการต่อไปในอนาคต รีวิวจากเว็บไซต์ต่างๆ The Verge - 8 / 10 TechRadar - 3.5 / 5 Eurogamer - N/A Guru3D - N/A
# เปิดตัว POCO M3 ชิป Snapdragon 662, สามกล้องหลัง, แบต 6,000 mAh เริ่ม 149 เหรียญ POCO M3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ หน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ครอบด้วย Gorilla Glass 3 กล้องหน้าเว้าแบบหยดน้ำ กล้องหลัง 3 กล้อง มีระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มด้านข้าง ลำโพงคู่ มีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร สเปกภายในมีดังนี้ ชิป Snapdragon 662 จีพียู Adreno 610 กล้องหลัง 48MP, กล้องมาโคร 2MP, กล้อง Depth Sensor 2MP กล้องหน้า 8 MP แรม LPDDR4X 4GB ความจุ 64GB / 128GB แบตเตอรี่ 6,000 mAh ชาร์จเร็ว 18W รัน Android 10 ครอบด้วย MIUI 12 POCO M3 มีสามสี คือ Cool Blue, POCO Yellow และ Power Black มีสองความจุ สองราคา ดังนี้ แรม 4GB ความจุ 64GB ราคา 149 เหรียญสหรัฐ (ราว 4,600 บาท) แรม 4GB ความจุ 128GB ราคา 169 เหรียญสหรัฐ (ราว 6,200 บาท) ยังไม่มีราคาไทยอย่างเป็นทางการ แต่จะเปิดตัวในไทยเร็วๆ นี้ ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์, POCO M3 Launch Event
# รัฐบาลอินเดียแบนแอพจีนระลอก 4 จำนวน 43 ตัว AliExpress, WeTV, Lalamove โดนแล้ว รัฐบาลอินเดียสั่งแบนแอพจากประเทศจีนมาแล้ว 3 รอบ ล่าสุดหลังจากเว้นไปพักใหญ่ๆ ก็ประกาศแบนแอพจีนรอบ 4 จำนวน 43 ตัว แอพที่เด่นๆ ในรอบนี้คือ AliExpress, WeTV, Lalamove India (Lalamove เป็นบริษัทฮ่องกง), DingTalk, Taoboa Live ส่วนที่เหลือเน้นไปที่แอพสายนัดเดทและเกม ที่มา - PIB.gov.in, xda, ภาพจาก Facebook AliExpress
# vpnMentor พบฐานข้อมูลรหัสผ่าน Spotify กว่า 300,000 บัญชี คาดแฮกเกอร์เป็นคนสร้าง ทีมวิจัยของ vpnMentor พบฐานข้อมูลที่คาดว่าจะเป็นของกลุ่มแฮกเกอร์ที่เก็บผลการแฮกบัญชีผู้ใช้ Spotify ด้วยการเดารหัสผ่านไปเรื่อยๆ จนสามารถล็อกอินบัญชีผู้ใช้ได้ประมาณ 300,000 ถึง 350,000 ราย จากฐานข้อมูลที่มีชื่อผู้ใช้ทั้งหมด 380 ล้านรายการ ฐานข้อมูล Elasticsearch ที่เปิดสู่อินเทอร์เน็ตนี้ไม่ได้มาจาก Spotify เอง แต่คาดว่าแฮกเกอร์น่าจะรวบรวมรายชื่อผู้ใช้มาจากแหล่งอื่นๆ จากนั้นค้นหาว่ามีบัญชีใดใช้รหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย (credential stuffing attack) ทาง vpnMentor พบฐานข้อมูลนี้ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาแล้วจึงแจ้งไปยัง Spotify ทางบริษัทได้ไล่รีเซ็ตรหัสผ่านของบัญชีที่ถูกแฮกในห้วงเวลา 12 วันหลังได้รับแจ้ง แม้ตัวฐานข้อมูลจะไม่ได้หลุดมาจาก Spotify เองแต่ทาง vpnMentor ก็วิจารณ์ว่า Spotify สามารถลดการโจมตีแบบนี้ได้ด้วยการตรวจสอบความแข็งแกร่งของรหัสผ่าน และตรวจสอบว่าผู้ใช้รายใดใช้รหัสผ่านที่อยู่ในฐานข้อมูลที่เปิดเผยออกมาก่อนแล้ว ที่มา - vpnMentor
# Steam รองรับจอย DualSense ของ PS5 เต็มรูปแบบแล้ว จากที่ Steam เริ่มรองรับจอย DualSense ของ PS5 แบบไม่เต็มรูปแบบเมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้ Steam ประกาศรองรับ DualSense อย่างเต็มที่แล้ว โดยรองรับทั้งฟีเจอร์ LED, trackpad, rumble, gyro สำหรับการเล่นบนพีซี การใช้งานจอย DualSense กับ Steam ยังต้องใช้ไคลเอนต์เวอร์ชันเบต้าก่อน แต่ก็จะตามมาอัพเดตใน Steam รุ่นเสถียรเมื่อทดสอบในวงกว้างเรียบร้อยแล้ว เกมพีซีที่รองรับ Steam Input API ซึ่งเป็น API กลางของ Steam ในการรองรับจอย/คอนโทรลเลอร์หลากหลายรุ่น จะสามารถใช้งาน DualSense ได้ทันที โดย Valve ระบุชื่อเกมอย่าง Death Stranding, No Man’s Sky, Horizon: Zero Dawn ว่าใช้งานได้เรียบร้อยแล้ว Valve ยังแนะนำให้นักพัฒนาเกมรองรับ Steam Input API เพื่อที่เกมจะได้พร้อมใช้งานกับจอยเหล่านี้ทันที โดยไม่ต้องมาเขียนรองรับ emulation เพิ่มเติมในภายหลัง ที่มา - Valve
# Square Enix เปิดตัว Tomb Raider Reloaded เตรียมลงมือถือ ปี 2021 Square Enix เปิดตัวเกม Tomb Raider ภาคใหม่ Tomb Raider Reloaded ที่พัฒนาโดย Emerald City Games ร่วมกับ Square Enix London โดยจะมาในอาร์ตเวิร์คสไตล์การ์ตูนสีสันสดใส และเตรียมวางจำหน่ายในปี 2021 แต่ยังไม่มีรายละเอียดอื่นเกี่ยวกับตัวเกมมากนัก เกม Tomb Raider ภาคล่าสุดเปิดตัวไปเมื่อปี 2018 ในชื่อภาค Shadow of Tomb Raider โดยลงทั้ง PC, PS4 และ Xbox One ตัวเกมได้รับเสียงตอบรับปานกลาง เวอร์ชั่น PC เวอร์ชั่น PS4 ได้ 75 และเวอร์ชั่น Xbox One ได้ 82 คะแนน ภาคใหม่ที่เป็นการ์ตูนนี้อาจยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของแฟนๆ รุ่นเก๋านัก แถมยังลงบนมือถือซึ่งอาจเล่นได้ไม่สะใจเท่าไร แต่อย่างน้อยก็ยังแสดงให้เห็นว่า Square Enix ยังคงให้ความสำคัญกับแฟรนไชส์เกมนี้อยู่ หลังเงียบเชียบมากว่า 2 ปี ที่มา - Twitter: Tomb Raider
# Facebook เปิดตัว Drives ช่องทางรวบรวมของสิ่งของจำเป็น เสื้อผ้า อาหาร แก่คนขาดแคลน Facebook เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Drives เป็นแหล่งรวมของบริจาค สิ่งของจำเป็นเช่น ข้าวปลาอาหาร, เสื้อผ้า แก่ผู้ที่ต้องการ โดย Drive เป็นปุ่มที่เพิ่มขึ้นมาใน Community Help หรือช่องทางขอความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ของ Facebook โดยตอนนี้เปิดใช้งานเฉพาะในสหรัฐฯก่อน วิธีการใช้งานคือ เข้าไปที่ Community Help บนมือถือ > กด Request or Offer Help > กด Create Drive ระบุรายการสิ่งของที่ต้องการเพื่อนำไปให้แก่คนที่ต้องการ หลังจากนั้นจึงโพสต์ โดยโพสต์จะปรากฏทั้งในไทม์ไลน์ของตัวเอง และบน Community Help และแสดงแถบเครื่องหมายให้เห็นว่า เราได้สิ่งของตามเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือยัง ภาพจาก Facebook Blog ที่มา - TechCrunch
# เปิดภาพเรนเดอร์ Redmi Note 9 Pro 5G อย่างเป็นทางการ เตรียมเปิดตัว 26 พฤศจิกายนนี้ Lu Weibing ผู้จัดการทั่วไปของ Redmi แชร์ภาพเรนเดอร์อย่างเป็นทางการของ Xiaomi Redmi Note 9 Pro 5G มือถือตระกูล Note 9 จาก Redmi ที่เพิ่มการรองรับ 5G เข้ามาจากรุ่นที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยในรูปภาพที่ Weibing โพสต์บน Weibo เป็นรุ่นที่มี 4 กล้องหลัง ซึ่งน่าจะเป็นรุ่น Pro เพราะรุ่น Redmi Note 9 5G ธรรมดา จะมีแค่ 3 กล้องหลังเท่านั้น ข้อแตกต่างหลักของ Note 9 Pro 5G หลักๆ แล้วคือการเพิ่มการรองรับ 5G เข้ามา และข่าวที่ยังไม่ยืนยันว่า ว่าในรุ่น Pro จะใช้ชิป Snapdragon 750G และใช้เซ็นเซอร์กล้อง Samsung HM2 ความละเอียด 108MP ส่วนรุ่นธรรมดาจะใช้ชิป Mediatek Dimensity 800U และทั้งสองรุ่นอาจมาพร้อมหน้าจอ 120Hz แบบ Adaptive ซึ่งไม่มีใน Redmi Note 9 รุ่นก่อนหน้านี้ Redmi Note 9 Pro 5G และ Redmi Note 9 5G จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ ส่วนในบ้านเรา ต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - Android Authority
# Twitter แสดงหน้าต่างป๊อบอัพ หากพยายามกดไลค์โพสต์ที่ยังเป็นที่ถกเถียง เช่นผลเลือกตั้ง Twitter เผยฟีเจอร์ใหม่ต้านข่าวปลอมอีก แสดงป้ายกำกับใต้โพสต์ที่อยู่ในประเด็นที่กำลังถกเถียง อย่างเช่นผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ, COVID-19 เป็นต้น และหากผู้ใช้พยายามจะกดไลค์โพสต์นั้นๆ Twitter จะแสดงหน้าต่างป๊อบอัพขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมปุ่ม Find out more เพื่อชะลอการเผยแพร่ข่าวปลอม ฟีเจอร์ใหม่ สอดคล้องกับข่าวก่อนหน้านี้ ที่นักวิจัยสายแกะแอป Jane Manchun Wong ไปพบว่า Twitter จะแสดงป้ายกำกับโพสต์ที่มีแนวโน้มแพร่ข้อมูลปลอมหรือมีความสุ่มเสี่ยงเมื่อพยายามกดไลค์โพสต์ Twitter ระบุด้วยว่า การเปิดใช้ฟีเจอร์หน้าต่างแสดงคำเตือนก่อน Retweet ที่ได้เปิดใช้งานไปก่อนหน้านี้ ช่วยชะลอการเผยแพร่ข้อมูลปลอมหรือข้อมูลที่ชวนให้เกิดความเข้าใจผิดได้ 29% จึงขยายฟีเจอร์ให้ครอบคลุมการกดไลค์ด้วย และยังระบุด้วยว่า หลังเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ มีโพสต์ 300,000 รายการที่เป็นข้อมูลผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และมี 465 บัญชีที่ถูกบล็อกไม่ให้ คนอื่นมา Retweet และกดไลค์ ที่มา - Engadget
# รัฐบาลอังกฤษยื่นเสนอกฎหมาย สั่งปรับโอเปอเรเตอร์ที่ละเมิดกฎแบน Huawei อังกฤษสั่งแบน Huawei ไปเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ล่าสุดรัฐบาลยื่นเสนอกฎหมายความมั่นคงด้านโทรคมนาคมฉบับใหม่ เนื้อหาส่วนหนึ่งคือรัฐบาลมีสิทธิปรับโอเปอเรเตอร์ที่ไม่ปฏิบัติตาม โอเปอเรเตอร์มีเวลาจนถึงสิ้นปีนี้ที่จะยกเลิกการสั่งชิ้นส่วนใหม่จาก Huawei ภายในสิ้นปีนี้ และถอดอุปกรณ์ Huawei ออกทั้งหมดภายใน 2027 ขณะที่กฎหมายฉบับใหม่นี้ รัฐจะสั่งปรับโอเปอเรเตอร์ที่ไม่ทำตามกฎหมายฉบับใหม่ คิดเป็นเงินวันละ 10% ของยอดขายต่อวันหรือไม่เกิน 100,000 ปอนด์ต่อวัน อย่างไรก็ตามกฎหมายนี้ยังต้องผ่านการถกเถียงและผ่านการรับรองจากสภาก่อน ที่มา - Bloomberg
# PS5 จะรองรับ Variable Refresh Rate ในอนาคตแต่ไม่ระบุว่าเมื่อไหร่ โซนี่ระบุว่า PS5 จะรองรับ Variable Refresh Rate (VRR) ในอัพเดตซอฟต์แวร์ในอนาคต แต่ยังไม่ระบุวัน VRR คือการที่คอนโซลปรับรีเฟรชเรทของหน้าจอแสดงผลให้สอดคล้องและตรงกับเฟรมเรทของตัวเอง โดย Xbox Series X และ S รองรับมาตั้งแต่ต้น ก่อนหน้านี้การรองรับ SSD เสริมของ PS5 ก็ต้องรออัพเดตเช่นกัน ที่มา - VGC
# Cyberpunk 2077 ครองแชมป์ขายดีอันดับหนึ่งประจำสัปดาห์นี้บน Steam ในสหรัฐ Cyberpunk ที่กำลังจะวางจำหน่ายหลังเลื่อนมาหลายรอบในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ ขึ้นมาเป็นเกมขายดีเป็นอันดับ 1 ประจำสัปดาห์บน Steam ในสหรัฐอเมริกาแล้ว อาจจะเพราะผู้เล่นค่อนข้างมั่งใจว่ารอบนี้ CD Projekt Red ไม่น่าจะเลื่อนวันวางจำหน่ายเกมออกไปอีก และใกล้จะได้เล่นกันจริงๆ สักที ส่วนอันดับถัดมา ตามมาด้วย Valve Index VR Kit หรือแว่น VR ของ Valve ที่สั่งซื้อผ่าน Steam ได้ในสหรัฐ กับ Phasmophobia เกมล่าท้าผีแบบออนไลน์ และ Among Us และ Football Manager 2021 ส่วนในบ้านเราวันที่ 24 พฤศจิกายน Football Manager 2021 ครองอันดับหนึ่ง, Cyberpunk 2077 มาอันดับสอง ตามมาด้วย Titanfall 2 ที่ลดราคาเหลือ 263.67 บาท, Mafia: Definitive Edition ครองอันดับ 4 และ We Happy Few เกมแอ็กชั่นเอาตัวรอดในโลกดิสโทเปีย ที่กำลังลดเหลือ 269.85 บาท ครองอันดับ 5 ที่มา - Gamerant, Steam
# หนทางคลาวด์เกมมิ่งยังอีกยาวไกล 12 เดือนผ่านไป Stadia แทบไม่ต่างจากเดิม Stadia บริการคลาวด์เกมมิ่งของ Google มีอายุ 1 ขวบพอดีแล้วในเดือนนี้ ซึ่งตัวบริการเองก็มีปัญหาประปรายรวมถึงหลายฟีเจอร์ที่เคยคุยเอาไว้ตอนเปิดตัวก็ยังไม่มี ล่าสุดผ่านมา 1 ปี Nick Statt นักเขียนของ The Verge บอกว่า Stadia แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมเลยในแง่ฟีเจอร์ ไฮไลท์ของ Stadia หลายตัวยังคงไม่มา เช่น กดเล่นได้เลยผ่าน YouTube ขณะที่เกม 4K ก็ยังคงไม่ใช่ 4K คุณภาพแบบที่จะได้จากคอนโซล แต่ที่ผ่านมาก็ใช่ว่า Stadia จะไม่มีอะไรใหม่เลย อย่างน้อย ๆ Google ก็พยายามปรับยุทธศาสตร์หรือมีอัพเดตอยู่บ้าง เช่น Stadia ตอนนี้ให้บริการแบบฟรีแล้ว (เป็นบริการคลาวด์เกมมิ่งเจ้าเดียวที่ฟรี), เพิ่มจำนวนเกม, เพิ่มสมาร์ทโฟนที่ซัพพอร์ท, เพิ่มจำนวนเกมในแคตตาล็อก Nick บอกว่า Stadia เริ่มจับจุดตัวเองในการสื่อสารไปยัง casual gamer หรือเกมเมอร์ที่ไม่ได้มีพีซีหรือคอนโซลของตัวเอง แต่ Stadia ก็ยังไม่มีอะไรดึงดูดให้เกมเมอร์ระดับฮาร์ดคอร์บนพีซีหรือคอนโซลไปได้รวมถึงว่าตัวบริการยังไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เกมเมอร์คนหนึ่ง เลือกซื้อ Assassin's Creed: Valhalla บน Stadia แทนที่จะเป็นบนแพลตฟอร์มอื่นจำนวนมาก ที่ให้ประสบการณ์เทียบเท่าหรือดีกว่า แนวทางของ Stadia อย่างน้อยในระยะสั้นจึงเป็นทางเลือก (alternative) ของเกมเมอร์ที่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่จะไม่ใช่ช่องทางการเล่นเกมที่จะมาแทนที่รูปแบบการเล่นเดิม ๆ อย่างบนพีซีหรือคอนโซล ขณะเดียวกัน Google ก็รู้ดีว่าจำนวนเกมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าเลือกใช้ Stadia แทนที่จะเป็น xCloud หรือ Amazon Luna John Justice รองประธาน Stadia เผยว่าด้วยว่าแผนการของ Stadia ในระยะยาวคือพยายามจะร่วมมือกับคู่แข่งให้มากขึ้น โดยเฉพาะในแง่การ cross-play และการเก็บเซฟไปเล่นข้ามแพลตฟอร์มได้ ที่มา - The Verge
# ซีอีโอ PlayStation บอกการออกเกมใหม่เลย เสี่ยงกว่าออกเกมภาคต่อมาก แต่ก็ทำสำเร็จ ช่วงนี้ Jim Ryan ซีอีโอ Sony Interactive Entertainment ขยันออกสื่อในช่วงเปิดขาย PS5 เขาให้สัมภาษณ์กับ GQ UK มีประเด็นน่าสนใจเรื่องแนวทางการพัฒนาเกมของโซนี่ ที่ต้องหาจุดสมดุลระหว่างการออกภาคต่อของเกมเดิม กับการออกเกมใหม่เลย (new IP) Ryan ยอมรับว่าต้นทุนการพัฒนาเกมในยุคนี้แพงขึ้นมาก เกมใหญ่ๆ ต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ทำให้การพัฒนาเกมใหม่มีความเสี่ยงสูงว่าจะไม่ทำเงินคุ้มทุน ลักษณะเดียวกับที่วงการภาพยนตร์เคยเจอมาก่อน อย่างไรก็ตาม ในยุคของ PS4 โซนี่ก็ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวเกมใหม่แล้วทำยอดขายได้ถล่มทลายถึง 4 ครั้ง Ryan ไม่ได้บอกหมดว่า new IP ทั้ง 4 เกมมีเกมไหนบ้าง ที่เอ่ยชื่อมี Horizon Zero Dawn กับ Ghost Of Tsushima ส่วนอีก 2 เกมที่เหลือน่าจะเป็น Marvel's Spider-Man และ Detroit: Become Human ที่โซนี่เป็นผู้จัดจำหน่าย เขายังบอกว่าโซนี่ต้องหาจุดสมดุลระหว่างการออกภาคใหม่ของเกมอย่าง Uncharted หรือ God of War กับการออกเกมซีรีส์ใหม่ๆ ในฝั่งของสตูดิโอ เขาบอกว่าโซนี่ลงทุนในสตูดิโอที่มีอยู่เดิมเป็นหลัก ซึ่งคนมักมองไม่ค่อยเห็นจุดนี้ แล้วค่อยใช้การซื้อกิจการมาช่วยเสริม เช่น กรณีของการซื้อ Insomniac Games ที่มา - GQ, Eurogamer
# แอปเปิลยอมจ่ายค่าปรับ 113 ล้านดอลลาร์ ยุติคดี iPhone ทำงานช้าเมื่อแบตเสื่อม จากกรณี แอปเปิลถูกผู้ใช้ iPhone ฟ้องร้อง จากเหตุยอมรับว่ามีการทำให้ iPhone รุ่นเก่าช้าลง ในปี 2017 และเมื่อต้นปีนี้ ก็ยอมยุติคดีด้วยการจ่ายค่าเสียหายรวม 300-500 ล้านดอลลาร์ หรือจ่ายให้ลูกค้าคนละ 25 ดอลลาร์ แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะพฤติกรรมของแอปเปิลทำผิดกฎหมายด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในหลายรัฐ (ไม่เปิดเผยข้อมูลเรื่องการทำให้เครื่องช้าลงอย่างตั้งใจ) แอปเปิลจึงถูกอัยการของแต่ละรัฐฟ้องในคดีนี้ด้วย ล่าสุดแอปเปิลยอมจ่ายเงินค่าปรับเพื่อยุติคดีกับอัยการจาก 34 รัฐ/เขต เป็นเงินรวม 113 ล้านดอลลาร์ โดยเงินค่าปรับเหล่านี้จะกระจายกันไปตามแต่ละรัฐ (แคลิฟอร์เนียได้ 24 ล้านดอลลาร์) พร้อมมีเงื่อนไขว่าแอปเปิลต้องทำหน้าเว็บให้ข้อมูลกับลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา และแสดงข้อมูลประสิทธิภาพแบตเตอรี่ในหน้า Settings ของ iPhone ด้วย (ซึ่งแอปเปิลทำไปแล้ว) ที่มา - State of California Department of Justice, Ars Technica
# องค์กรแม่ของ Let's Encrypt เปิดบริการ Prio เก็บสถิติการใช้งานแอปแบบเคารพความเป็นส่วนตัว ISRG องค์กรผู้ให้บริการ Let's Encrypt ประกาศเปิดตัวบริการ Prio บริการเก็บสถิติการใช้งานแบบเคารพความเป็นส่วนตัว สำหรับใช้งานเก็บสถิติจากผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บค่าพิกัดจุดที่ผู้ใช้นิยมใช้งาน, ความนิยมใช้งานหน้าเว็บ, หรือการติดตั้งแอปในโทรศัพท์ การเก็บสถิติการใช้งานแบบเคารพความเป็นส่วนตัวผู้ใช้นับเป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจมากพอสมควรในช่วงหลัง จากความต้องการเก็บข้อมูลในวงกว้างแต่ไม่ต้องการให้ข้อมูลหลุดออกไป รูปแบบหนึ่งของการเก็บข้อมูลคือการ "สุ่มสลับคำตอบ" เช่นการสำรวจว่าผู้ใช้ติดตั้งแอป AIDSInfo ไว้ในเครื่องหรือไม่ ก็ให้โทรศัพท์ทุกเครื่องส่งข้อมูลกลับเซิร์ฟเวอร์โดยโทรศัพท์แต่ละเครื่องสุ่มว่าจะสลับคำตอบจากใช่เป็นไม่ใช่ (หรือกลับกัน) ด้วยความน่าจะเป็นต่ำๆ ทำให้ผลรวมสถิติน่าจะตรงความเป็นจริงอยู่ แต่ข้อมูลของผู้ใช้แต่ละชุดกลับบอกไม่ได้แน่นอนว่าใครติดตั้งแอปอยู่หรือไม่ แนวทางนี้มีการพัฒนาเพื่อปกป้องผู้ใช้เพิ่มเติมด้วยการเปิดให้ผู้ใช้เข้ารหัสผลคำตอบแล้วส่งข้อมูลแยกออกไปหลายๆ เซิร์ฟเวอร์เพื่อรวมกันภายหลัง แต่ก็เปิดทางให้ผู้ตอบแบบสำรวจที่มุ่งร้ายสามารถแอบใส่ค่ามั่วๆ เพื่อบิดเบือนผล (เช่นบอกว่าติดตั้งแอป AIDSInfo ไว้ 100 ครั้ง, หรือแอปแผนที่รายงานว่ากำลังวิ่งด้วยความเร็วแสง) โดยเซิร์ฟเวอร์ที่รับข้อมูลไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ Prio เสนอ secret-shared non-interactive proofs (SNIPs) แนวทางการแชร์ข้อมูลจากไคลเอนต์ถึงเซิร์ฟเวอร์ที่เปิดทางให้เซิร์ฟเวอร์ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้แต่ผลที่แม่นยำจริงๆ ต้องรวมจากหลายเซิร์ฟเวอร์ ตอนนี้บริการยังไม่เปิดเป็นวงกว้าง โดยองค์กรที่ต้องการใช้งานต้องอีเมลติดต่อทาง ISRG และต้องตั้งเซิร์ฟเวอร์ Prio ของตัวเองไว้อย่างน้อยหนึ่งตัว ขณะที่ทาง ISRG จะตั้งเซิร์ฟเวอร์ไว้แล้ว และผลสถิติจะต้องอาศัยการรวมข้อมูลเข้าด้วยกัน ที่มา - ISRG
# Espressif เตรียมออกชิป ESP32-C3 เปลี่ยนคอร์เป็น RISC-V Espressif ผู้ผลิตชิป Wi-Fi ราคาถูกที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่เมกเกอร์ในช่วงหลังเตรียมเปิดตัวชิป ESP32-C3 ที่เปลี่ยนคอร์จาก Xtensa ของ Xilinx มาเป็น RISC-V แบบ 32 บิต ทำงานที่สัญญาณนาฬิกา 160MHz ตัวชิปมาพร้อมแรม 400KB และรอม 348KB รองรับ Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi ทาง CNX Software ระบุว่าชิปใหม่นี้จะมีขาตรงกับ ESP8266 และราคาก็ใกล้เคียงกันทำให้คาดได้ว่ามันจะราคาถูกมาก (การเลือกผลิตชิป RISC-V มีความได้เปรียบว่าไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ให้ผู้ออกแบบชุดคำสั่งอยู่แล้ว) ที่มา - CNX Software
# กูเกิลปล่อยแอพ The Mandalorian AR จำลองตัวละครจากซีรี่ส์ Star Wars มาไว้ในบ้านเรา กูเกิลได้ร่วมกับ Disney และ Lucasfilm ปล่อยแอพ The Mandalorian AR Experience ให้ผู้ใช้ได้นำตัวละครอย่าง Din Djarin (Mando) ของซีรี่ส์ชื่อดัง The Mandalorian จากภาพยนตร์ Star Wars มาจำลองไว้ในบ้านหรือสถานที่รอบๆ ตัวเรา ซ้อนด้วยฉากจากซีรี่ส์อีกที ตัวละคร Mando ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการทำ AR โดยเฉพาะ มีรายละเอียดสูงและขยับได้เหมือนจริง สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมของจริงได้ด้วย อีกทั้งยังมีคอนเทนต์ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาทุกสัปดาห์ แอพ The Mandalorian AR Experience สามารถติดตั้งได้เฉพาะสมาร์ทโฟน Android ที่รองรับ 5G และ ARCore Depth API เช่น Google Pixel 5/4a 5G, OnePlus 8, Samsung Galaxy Note20+/S20 และ Xiaomi Mi 10 สามารถดูรายชื่อมือถือที่รองรับทั้งหมดได้จากที่มา และสำหรับผู้ใช้ Pixel 5/4a 5G ยังมีคอนเทนต์พิเศษนอกเหนือจากในแอพนี้อีกด้วย ทั้งนี้ กูเกิลไม่ได้ระบุว่าเพราะเหตุใดจึงเปิดให้เล่นเฉพาะบนมือถือที่รองรับ 5G เนื่องจากไม่ได้ต้องการสัญญาณ 5G ในการทำงาน จึงอนุมานได้ว่าเป็นเหตุผลทางการตลาดล้วนๆ หากมือถือพร้อมแล้วก็ติดตั้งแอพได้ที่นี่ ที่มา - Google Blog, รายชื่อมือถือที่รองรับ
# Snapchat เปิดตัว Spotlight คลิปสั้นสู้ TikTok วิดีโอของใครดัง บริษัทจ่ายเงินให้ด้วย นอกจากโซเชียลทุกแห่งหนจะมี Stories ของตัวเองแล้ว ยังมีคลิปสั้นเป็นของตัวเองอีกด้วย Snapchat เปิดตัว Spotlight ฟีเจอร์อัดคลิปสั้นประกอบเพลง สู้ TikTok เต็มที่ และเพื่อเป็นการดึงดูดผู้ใช้งานให้มาโพสต์คลิปใน Spotlight เยอะๆ ทาง Snapchat ยังบอกด้วยว่าจะจ่ายเงินให้คนที่ทำคลิปจนเป็นไวรัล ตกวันละ 1 ล้านดอลลาร์ จ่ายทุกวันไปจนถึงสิ้นปี วิธีเล่นไม่แตกต่างจาก TikTok และ Reels ผู้ใช้งานสามารถโพสต์คลิปสั้นในแนวตั้งประกอบเพลง โดยอัลกอริทึมจะกำหนดว่าคลิปใดปรากฏในฟีด ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูคลิปตามหัวข้อได้ด้วย แต่สิ่งที่ต่างจากแพลตฟอร์มอื่นคือ วิดีโอที่แสดงบนฟีด จะมาจากผู้ใช้งานทั้งที่ตั้งโปรไฟล์เป็น public หรือแสดงตัวจริง กับโปรไฟล์ private และจะไม่แสดงชื่อบนวิดีโอ ผู้ใช้งานสามารถเขียนคอมเม้นท์ในวิดีโอ Spotlight ได้ แต่คนอื่นจะมองไม่เห็นคอมเม้นท์นั้นๆ ถือเป็นทางเลี่ยงความยุ่งยากในการกลั่นกรองคอมเม้นท์ไปในตัว Snapchat กล่าวว่า Spotlight พร้อมให้บริการแล้วทั้งบน iOS และ Android ในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน, เดนมาร์ก, เยอรมนี และฝรั่งเศส ที่มา - TechCrunch
# OpenShift รองรับ Quarkus เฟรมเวิร์ค Java สำหรับคอนเทนเนอร์ที่โหลดเร็ว-กินแรมน้อย Red Hat ประกาศรองรับ Quarkus เฟรมเวิร์คจาวาสำหรับการใช้งานแบบคอนเทนเนอร์ บนแพลตฟอร์ม OpenShift ของตัวเองแล้ว Red Hat เปิดตัว Quarkus ในปี 2019 เพื่อแก้ปัญหาสำคัญของ Java ที่ "โหลดช้า-กินแรมเยอะ" ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของการรันงานในคอนเทนเนอร์ (Quarkus โฆษณาตัวเองว่าเป็น Supersonic Subatomic Java) เมื่อบวกกับการที่ Quarkus เองก็ออกแบบมาสำหรับคอนเทนเนอร์อยู่แล้ว จึงทำงานร่วมกับ OpenShift ได้อย่างแนบเนียน Red Hat ยังออกเครื่องมือช่วยย้ายแอพพลิเคชันที่เขียนด้วย Spring Boot บนเซิร์ฟเวอร์แบบดั้งเดิม มารันบน Quarkus/OpenShift ด้วย ที่มา - Red Hat
# Apple ประเทศไทยเปิดให้ซื้อ MacBook Air, MacBook Pro, Mac mini ที่ใช้ชิป M1 แล้ว แอปเปิลประเทศไทยเปิดให้สั่งซื้อ MacBook Air, MacBook Pro และ Mac mini รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Apple M1 ผ่านช่องทาง Apple Store Online แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยจะเริ่มส่งมอบสินค้าตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ราคาจำหน่ายแต่ละรุ่นเป็นดังนี้ MacBook Air 13 นิ้ว ชิป M1 (CPU 8 คอร์ / GPU 7 คอร์) + แรม 8GB + SSD 256GB ราคา 32,900 บาท MacBook Air 13 นิ้ว ชิป M1 (CPU 8 คอร์ / GPU 8 คอร์) + แรม 8GB + SSD 512GB ราคา 41,400 บาท MacBook Pro 13 นิ้ว ชิป M1 (CPU 8 คอร์ / GPU 8 คอร์) + แรม 8GB + SSD 256GB ราคา 42,900 บาท MacBook Pro 13 นิ้ว ชิป M1 (CPU 8 คอร์ / GPU 8 คอร์) + แรม 8GB + SSD 512GB ราคา 49,900 บาท Mac mini ชิป M1 (CPU 8 คอร์ / GPU 8 คอร์) + แรม 8GB + SSD 256GB ราคา 22,900 บาท Mac mini ชิป M1 (CPU 8 คอร์ / GPU 8 คอร์) + แรม 8GB + SSD 512GB ราคา 29,900 บาท สำหรับผู้ใช้ในภาคการศึกษาสามารถซื้อ MacBook Air และ MacBook Pro ได้ถูกลงจากราคาปกติ 3,300 บาท หรือถูกลงจากราคาปกติ 700 บาทสำหรับ Mac mini ตัวเลือกในการอัพเกรดสำหรับทุกรุ่นมีดังนี้ เพิ่มแรม 8GB (รวมเป็น 16GB) ในราคา 7,000 บาท (สำหรับภาคการศึกษาลดเหลือ 6,300 บาท) เพิ่ม SSD เป็น 512GB ในราคา 7,000 บาท (สำหรับภาคการศึกษาลดเหลือ 6,300 บาท) เพิ่ม SSD เป็น 1TB ในราคา 14,000 บาทหรือ 7,000 บาทสำหรับรุ่น SSD 512GB (สำหรับภาคการศึกษาลดเหลือ 12,600 บาท และ 6,300 บาทตามลำดับ) เพิ่ม SSD เป็น 2TB ในราคา 28,000 บาทหรือ 21,000 บาทสำหรับรุ่น SSD 512GB (สำหรับภาคการศึกษาลดเหลือ 25,200 บาท และ 18,900 บาทตามลำดับ) ที่มา: แอปเปิล
# TrueMoney เปิดตัว Start Invest ซื้อ-ขายกองทุนรวมได้ในวอลเลต รวมกว่า 600 กองทุนจาก 10 บลจ. เข้าสู่ตลาดการลงทุนดิจิทัลอีกราย TrueMoney ร่วมกับ Ascend Wealth บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนภายใต้ Ascend Money เปิดตัวบริการใหม่ Start Invest เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่มีอยู่ถึง 15 ล้านราย ที่ส่วนใหญ่ยังไม่เคยลงทุนมาก่อน ได้เข้าถึงการลงทุนในกองทุนรวม ในบริการ Start Invest มีกองทุนกว่า 600 กองทุนจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนในประเทศไทย 10 แห่ง ได้แก่ บลจ.พรินซิเพิล, บลจ.ทาลิส, บลจ.แลนด์ แอนเฮ้าส์, บลจ.ไทยพาณิชย์, บลจ.กรุงศรี, บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด, บลจ. วรรณ จำกัด, บลจ.เกียรตินาคินภัทร จำกัด, บลจ. วี จำกัด และ บลจ. ทหารไทย นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อตัววอลเลตเข้ากับบริการ FundConnext ของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ช่วยให้นักลงทุนนอกจากซื้อขายกองทุนแล้ว ยังสามารถศึกษาการลงทุน, ติดตามหนังสือชี้ชวนการลงทุน และคำแนะนำต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญได้ในแอปด้วย ในการใช้งาน เมื่อเข้าแอป TrueMoney จะมองเห็นเมนู "กองทุนรวม" จากนั้นทำการกรอกข้อมูลส่วนตัว และถ่ายรูปบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตน ที่มา - จดหมายข่าว
# Oxford แถลงผลทดสอบวัคซีนประสิทธิภาพ 70% แต่ราคาถูกกว่า พร้อมใช้งานแล้ว 4 ล้านโดส มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดแถลงผลทดสอบวัคซีน ChAdOx1 nCoV-2019 สำหรับป้องกันโรค COVID-19 ได้ประสิทธิภาพ 70.4% จากการทดสอบเฟสสามในกลุ่มตัวอย่าง 24,000 คน และอาจเพิ่มประสิทธิภาพเป็น 90% ได้หากปรับขนาดโดส กลุ่มอาสาสมัคร 24,000 คนเริ่มได้รับวัคซีนตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา มีผู้ติดโรค COVID-19 ทั้งหมด 131 ราย เป็นกลุ่มผู้ได้วัคซีนจริง 30 ราย และกลุ่มได้รับยาหลอก 101 ราย โดยผู้ได้รับวัคซีนจริงไม่มีใครป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตัววัคซีนดัดแปลงจากไวรัสไข้หวัดโดยดัดต่อโปรตีนบางส่วนของ coronavirus เข้าไป เมื่อวัคซีนเข้าสู่ร่างกายระบบภูมิคุ้มกันจะสร้างภูมิที่จับ coronavirus ขึ้นมาป้องกันได้ แม้ประสิทธิภาพ 70.4% จะไม่น่าประทับใจนักเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่แถลงผลสูงกว่า 90% แต่วัคซีน ChAdOx1 nCoV-2019 สามารถเก็บและขนส่งที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียสเท่านั้น ทำให้ใช้ตู้แช่ธรรมดาได้ และกระบวนการผลิตก็ทำได้ง่าย โดย AstraZeneca บริษัทยาที่ร่วมวิจัยวัคซีนนี้ได้ทำข้อตกลงผลิตยากับผู้ผลิตทั่วโลกกว่า 30 สัญญา รวมเป็นกำลังผลิต 3,000 ล้านโดส นอกจากนี้ผลเบื้องต้นยังระบุว่าหากให้วัคซีนโดสแรกเพียงครึ่งเดียวและให้โดสที่สองแบบเต็มโดสก็อาจจะเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีนได้เป็น 90% แต่ต้องทดสอบเพิ่มเติมต่อไป สหราชอาณาจักรได้สั่งซื้อวัคซีนตัวนี้ล่วงหน้าไว้แล้ว 100 ล้านโดสสำหรับประชากร 50 ล้านคน โดยตอนนี้ในสต็อกก็มีพร้อมแล้ว 4 ล้านโดสให้ใช้งานได้ทันทีหากวัคซีนได้รับอนุญาต โดยคาดว่าจะขออนุญาตได้ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ที่มา - Oxford, BBC