txt
stringlengths
202
53.1k
# แอปเปิลยืนยันจำกัดการติดตามตัวผู้ใช้ต้นปี 2021 หลังเลื่อนกำหนดเพื่อให้ผู้ลงโฆษณาปรับตัว แอปเปิลยืนยันว่าจะบังคับใช้ฟีเจอร์ AppTrackingTransparency (ATT) ใน iOS 14 ภายในต้นปี 2021 หลังจากเลื่อนการบังคับใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อให้ผู้ลงโฆษณาได้มีเวลาปรับตัว ATT บังคับให้ผู้พัฒนาแอปต้องขออนุญาตผู้ใช้เมื่อต้องการติดตามผู้ใช้ผ่านทางข้อมูลใดๆ ทั้ง advertising ID ที่ขอจากตัว iOS เอง หรือจะเป็นข้อมูลอื่นที่ตัวแอปมีอยู่แล้ว เช่น อีเมล, ค่าประจำตัวอื่นๆ เฟซบุ๊กแสดงความไม่เห็นด้วยกับฟีเจอร์ ATT อย่างหนัก เนื่องจากไม่สามารถยิงโฆษณาแบบเจาะจงเป้าหมายได้อีกต่อไปหากผู้ใช้ไม่ยินยอมให้ติดตามตัว ขณะที่ผู้ผลิตคอนเทนต์อีกหลายกลุ่มก็ร่วมกันฟ้องแอปเปิลข้อหาผูกขาดการค้าโดยระบุว่าแอปเปิลอ้างความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้แต่หันมาทำลายการแข่งขันเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ที่มา - ArsTechnica
# Cyberpunk 2077 จะยังไม่รองรับ Ray Tracing บนการ์ดจอ AMD ในช่วงแรก แม้ Cyberpunk 2077 จะใช้ DirectX Raytracing API ของไมโครซอฟท์เพื่อให้รองรับ Ray Tracing ทั้งบน GeForce และ Radeon แต่หลังจากปล่อยสเปค RTX ของการ์ดจอ GeForce มาก็มีคนถามว่าแล้วสเปค Radeon ล่ะ หัวหน้าทีม Global Community ของ CDPR ตอบคำถามข้างต้นว่าช่วงแรก ๆ Ray Tracing จะยังไม่รองรับบนจีพียู Radeon และระบุว่ากำลังทำงานร่วมกับ AMD เพื่อให้จีพียูรองรับ Ray Tracing ให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ส่วนหนึ่งที่ GeForce รองรับก่อนอาจเป็นเพราะ NVIDIA เป็นพาร์ทเนอร์กับ CDPR ที่มา - @Marcin360
# ข้อได้เปรียบ YouTube ในสตรีมมิ่งเพลง สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับศิลปิน, เพลงเวอร์ชั่นหลากหลาย เว็บไซต์ Protocol เขียนบทความเรื่องแผนการและความเป็นไปได้ของ YouTube ที่จะเป็นผู้ชนะในสงครามสตรีมมิ่งเพลง แม้จะเข้าวงการสตรีมมิ่งเพลงช้ากว่ารายใหญ่อย่าง Spotify และ Apple Music รวมถึงความพยายามของ YouTube ในการสร้าง YouTube Music ให้เป็น ecosystem สำหรับศิลปินและครีเอเตอร์ ที่ Spotify และ Apple Music ยังเสียเปรียบและตาม YouTube ไม่ทัน ภาพประกอบจาก YouTube Blog YouTube ก่อนหน้านี้มีปัญหากับศิลปินและวงการดนตรีมาก ถูกวิจารณ์ว่าไม่จ่ายให้ศิลปินมากพอ รวมถึงไม่จัดการเรื่องเพลงละเมิดลิขสิทธิ์ได้ดีพอ จนถึงจุดที่ YouTube กลายเป็นภัยคุกคามของวงการเพลงเลยทีเดียว จนในระยะหลัง YouTube ค่อยๆ ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับวงการเพลงให้ดีขึ้น รวมถึงพยายามสร้างเครือข่ายที่ครีเอเตอร์ หรือศิลปินหน้าใหม่จะเข้าถึงทีมงานใน YouTube ได้ ถ้าพวกเขามีไอเดียการแสดง ยกตัวอย่างเหตุการณ์ช่วง COVID-19 ที่ศิลปินรายหนึ่งชื่อว่า 6lack (อ่านว่า แบล็ค) อยากทำการแสดงสดผ่านแพลตฟอร์มไลฟ์ให้ออกมาน่าสนใจ แตกต่างจากการเล่นดนตรีสดธรรมดา เขาจึงติดต่อตัวแทนใน YouTube ทำ Live From the Ledge ฉายผ่าน YouTube เป็นการแสดงหน้าป้ายโฆษณาบนตึกสูงแห่งหนึ่งของแอตแลนตา ในป้ายโฆษณามีเนื้อหาส่งเสริมความยุติธรรมทางเชื้อชาติและความเท่าเทียมด้วย ผลลัพธ์คือเป็นการแสดง 30 นาทีซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่าล้านครั้ง Vivien Lewit ผู้จัดการด้านพาร์ทเนอร์ YouTube Music เล่าว่า นอกจาก YouTube ต้องสร้างประสบการณ์ทางดนตรีที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคแล้ว ยังต้องทำงานร่วมกับศิลปินในอุตสาหกรรมดนตรีด้วย และเกือบทุกคนในอุตสาหกรรมดนตรีเท่าที่เธอได้พูดคุย มีรายชื่อคนจาก YouTube ในกรณีที่อยากจะติดต่องานอยู่แล้ว ตัว YouTube หลักมีฟีเจอร์ที่เอื้อประโยชน์ต่อศิลปินในการติดต่อกับแฟนๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบตั้ง Premier, ไลฟ์สตรีมวิดีโอ, ระบบขายตั๋ว, นอกจากนี้ยังมีโครงการใหม่ๆ ที่ YouTube ทำเพื่อสนับสนุนศิลปินเช่น Foundry เป็นเวิร์กช็อปให้ศิลปินสร้างเนื้อหาและเพิ่มฐานแฟนๆ YouTube และรายการ Artist on the Rise จัดโชว์และสัมภาษณ์ศิลปินหน้าใหม่มาแรง ถือเป็นข้อได้เปรียบของ YouTube ที่ Spotify และ Apple Music ยังไม่มี ด้าน YouTube Music เอง ก็มีความพยายามสร้างฟีเจอร์ที่ดึงดูดผู้ใช้รายใหม่ และเปลี่ยนผ่านผู้ใช้งานเก่าของ Google Play Music ด้วยในเวลาเดียวกัน ให้โอนถ่ายเพลงมาไว้ที่ YouTube Music YouTube Premium ที่พ่วง YouTube Music มาด้วยนั้นยังมอบประสบการณ์ฟังเพลงให้กับผู้ฟังในรูปแบบวิดีโอ, ไลฟ์คอนเสิร์ต, เพลงรีมิกซ์และคัฟเวอร์ในเวอร์ชั่นต่างๆ ซึ่งถือเป็นอีกข้อได้เปรียบของ YouTube ในตลาดสตรีมมิ่งเพลง จนรายอื่นไม่อาจอยู่เฉยได้ Spotify ต้องเพิ่มการลงทุนในวิดีโอและ Facebook เพิ่งลงนามในข้อตกลงครั้งใหญ่กับค่ายเพลงเพื่อให้ Facebook เป็นอีกแพลตฟอร์มสำหรับคนดู MV ท่ามกลางความได้เปรียบของ YouTube ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ใช้งานที่ยังตามหลัง Spotify (144 ล้าน) และ Apple Music (60 ล้าน) อยู่มาก ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเสียเงินราว 30 ล้านราย รวมถึงต้องสร้างประสบการณ์ฟังเพลงลื่นไหลในรูปแบบสตรีมมิ่งเพลง แบ่งแยกให้ชัดเจนว่าเพลงแบบไหนควรอยู่ใน YouTube Music และเพลงแบบไหนควรอยู่ใน YouTube Premium หรือใน YouTube หลัก ไม่สับสนปนกันจนสร้างประสบการณ์ไม่ดีแก่ผู้ใช้งาน ที่มา - Protocol
# ผลทดสอบ SSD บนพีซี แม้แต่แบบ SATA ยังโหลดเกมไวเกือบเท่าคอนโซลเน็กซ์เจ็น เว็บไซต์ PC Gamer ทำการทดสอบนำ SSD ของ PC ทั้งแบบ SATA (Samsung 840 Pro) และ PCIe 4.0 (Samsung 980 Pro) มาเทียบเวลาโหลดของเกม Asssassin’s Creed Valhalla กับบน SSD ของ PS5 และ Xbox Series X ผลออกมาคือต่างกันเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ผลทดสอบแรกจาก Xbox Series X ใช้เวลา 35 วินาที ตั้งแต่กดเปิดเกมจนถึงหน้าไตเติ้ล และอีก 13.5 วินาทีเพื่อเข้าเล่นเกม ส่วน PS5 ใช้เวลา 13.5 วินาทีเพื่อเปิดสู่หน้าไตเติ้ล และ 12.5 วินาทีเพื่อเข้าเกม ฝั่ง Xbox ถือว่าใช้เวลาโหลดเข้าหน้าไตเติ้ลเกมค่อนข้างนาน เมื่อเทียบกับ PS5 (ดูความเร็วของ PS5 vs Xbox Series X ได้ที่บทความนี้) ส่วน Samsung 840 Pro ที่เป็น SSD แบบ SATA ความเร็วอ่านแบบลำดับ 540MB/s และเขียนแบบลำดับ 450MB/s ใช้เวลา 16 วินาทีตั้งแต่กดเปิดเกมในแอป Ubisoft Connect จนถึงหน้าไตเติ้ลเกม และอีก 13 วินาทีเพื่อเข้าเกม Samsung 980 Pro ที่มีความเร็วอ่านแบบลำดับ 6,900MB/s และเขียนแบบลำดับ 5,000MB/s ใช้เวลา 16 วินาทีเปิดถึงหน้าไตเติ้ลเกม และอีก 13.5 วินาทีเพื่อเข้าเกม ผลที่ออกมาคือ SSD บน PC แม้จะเป็นแบบ SATA ก็ยังโหลดเกมช้ากว่า PS5 แค่ 1-2 วินาทีเท่านั้น คอเกมบนพีซีอาจจะยังไม่ต้องกังวลเรื่องซื้อ SSD ใหม่เท่าไร อย่างไรก็ตาม เกม Assassin’s Creed Valhalla เป็นเกมแบบมัลติแพลตฟอร์ม ไม่ใช่เกมเอ็กซ์คลูซีฟบน PS5 อาจยังไม่ได้มีการปรับแต่งเพื่อใช้ประโยชน์จากความเร็วของ PS5 มากนัก รวมถึงยังเป็นเกมแรกๆ ของคอนโซลเจ็นใหม่อยู่ อาจมีการพัฒนาให้เวลาโหลดเร็วกว่านี้ได้ในเกมต่อๆ ไป ที่มา - PC Gamer
# ทีมทำงาน Joe Biden ใช้ Google Workspace บังคับล็อกอินกุญแจ Titan เพื่อความปลอดภัย หลัง Joe Biden ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นคือทีมทำงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน (presidential transition team หรือ ptt) จะเข้าไปรับช่วงงานต่อจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน ก่อนเริ่มทำงานจริงหลังพิธีสาบานตนในเดือนมกราคม 2021 แต่เนื่องจาก Donald Trump ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ทำให้ทีมทำงานของ Biden ยังไม่สามารถรับช่วงต่ออย่างเป็นทางการได้ และยังไม่ได้อีเมล @ptt.gov ที่ดูแลโดยหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของรัฐบาลสหรัฐ สิ่งที่เกิดขึ้นคือทีมทำงานของ Biden จึงต้องเซ็ตระบบไอทีของตัวเองกันไปก่อน โดยเลือกใช้ Google Workspace (G Suite เดิม) แบบแพ็กเกจมาตรฐาน (จ่ายเงินกันเอง) อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนี่คือทีมงานของ "ว่าที่" ประธานาธิบดีสหรัฐ พนักงานจึงจำเป็นต้องใช้กุญแจฮาร์ดแวร์ Titan Security Key เพื่อยืนยันตัวตนแบบ 2FA อย่างจริงจัง ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่องค์กรภาคเอกชนหลายแห่งใช้กันอยู่แล้ว ที่มา - 9to5google
# AMD บอกกำลังพัฒนา Smart Access Memory ให้ใช้กับซีพียูอินเทล, จีพียู NVIDIA ได้ จากที่ NVIDIA บอกว่ากำลังทำฟีเจอร์แบบเดียวกับ Smart Access Memory (SAM) ของ AMD Radeon RX 6000 ฝั่งของ AMD ก็ออกมาให้สัมภาษณ์เองว่า SAM จะใช้ได้กับทั้งซีพียูอินเทล และจีพียู NVIDIA ด้วย SAM เป็นฟีเจอร์ที่เปิดตัวมาพร้อม Radeon RX 6000 ให้ซีพียูของ AMD สามารถเข้าถึงแรมของจีพียู Radeon โดยตรงผ่าน PCIe 4.0 เพื่อให้ประสิทธิภาพดีขึ้น โดยเฉพาะในการเล่นเกม ตัวแทนของ AMD ระบุว่าทีม Radeon กำลังทำงานร่วมกับอินเทล เพื่อให้จีพียู Radeon RX 6000 เปิดใช้ SAM กับซีพียูอินเทลได้ ในทางกลับกัน ทีม Ryzen ก็ร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อให้ใช้ SAM กับ GeForce ได้เช่นกัน (ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าคู่อินเทล/NVIDIA จะทำได้ด้วยหรือไม่) ที่มา - Tom's Hardware
# Starlink ตอบคำถามชุมชน: ทดสอบลิงก์ระหว่างดาวเทียมแล้ว, เตรียมเปิดบริการเคลื่อนที่ ทีมงาน Starlink เปิดช่วงตอบคำถามชุมชน หรือ ask me anything (AMA) ใน Reddit และได้ตอบคำถามเชิงเทคนิคจำนวนมาก ผมสรุปคำถามสำคัญๆ มาดังนี้ จะมีบริการแบบเคลื่อนที่ (mobile) หรือไม่ ตอนนี้ทาง Starlink ไม่ได้จำกัดพื้นที่บริการโดยตรง โดยผู้ใช้อาจย้ายจานออกไปยังพื้นที่อื่นจากที่ลงทะเบียนไว้ แต่คุณภาพบริการก็อาจจะลดลง จะแก้ปัญหาสัญญาณหลุดเนื่องจากมีสิ่งกีดขวางอย่างไรบ้าง ในอนาคตที่ดาวเทียมมีจำนวนมากขึ้นปัญหาก็ควรจะน้อยลง อย่างไรก็ตามตอนนี้ดาวเทียมส่วนมากอยู่ตามเส้นละติจูดที่ 53 ดังนั้นควรพยายามทำให้ท้องฟ้าตามแนวนี้โล่งเข้าไว้ การทดสอบเชื่อมลิงก์ระหว่างดาวเทียมแล้วหรือยัง ทีมงานทดสอบยิงสัญญาณระหว่างดาวเทียม Starlink ไปแล้วในปีนี้และส่งข้อมูลได้ระดับกิกะไบต์ (ไม่ตอบว่าทำความเร็วได้เท่าไหร่) แต่ความยากของการลิงก์ตรงระหว่างดาวเทียมคือเลเซอร์มีราคาแพง และทีมงานกำลังพัฒนาให้ต้นทุนถูกลง จานดาวเทียมทนความเย็นได้แค่ไหน จานทำงานที่ช่วงอุณหภูมิ -30 ถึง 40 องศาเซลเซียสได้ และมีความสามารถในการละลายหิมะที่เกาะอยู่บนจานด้วยตัวเอง จะแก้ไขเรื่องจานกินไฟเกินไปไหม ทีมงานกำลังพัฒนาให้ลดการกินไฟอยู่ ในอนาคตจานลดการใช้พลังงานลงแม้ยังเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์คอยู่ จะรองรับ IPv6 Starlink เตรียมปล่อยทั้ง IPv4 และ IPv6 ในเร็วๆ นี้ แต่ IPv6 คืออนาคต ทีมงานยังระบุว่าตอนนี้ยังไม่มีการจำกัดปริมาณการใช้งานใดๆ แม้ว่าในอนาคตอาจจะมีการจัดการเน็ตเวิร์คเพื่อป้องกันคนใช้งานที่ผิดบ้าง ที่มา - Reddit r/Starlink
# Adobe ออก Photoshop รุ่นทดสอบ Beta ทั้งบน Apple Silicon และ Windows ARM หนึ่งในแอพที่คนน่าจะถามหามากที่สุดบน Apple Silicon คือ Photoshop ตอนนี้ออกรุ่นทดสอบ Beta แล้ว (รวมถึงรุ่นทดสอบสำหรับ Windows ARM ก็ออกมาช่วงไล่เลี่ยกัน) Adobe บอกว่ารุ่นทดสอบนี้รองรับฟีเจอร์พื้นฐานสำหรับแต่งภาพ แต่ก็ยังขาดฟีเจอร์อีกหลายอย่าง เช่น Camera RAW, ฟีเจอร์กลุ่ม Content Aware, Healing Brush หรือบางฟีเจอร์ที่ยังมีบั๊กอยู่ เช่น การนำไฟล์เข้ามาจาก Lightroom ซึ่งจะทยอยแก้ไขใน Beta ถัดๆ ไป ที่มา - Adobe (Apple), Adobe (Windows)
# Craig Federighi พูดถึง Windows บนชิป M1 บอกฮาร์ดแวร์พร้อม ขึ้นกับไมโครซอฟท์จะทำไหม Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์ Ars Technica ในประเด็น Apple M1 เขาตอบคำถามที่หลายคนอยากรู้เรื่องการรัน Windows บนชิป Apple M1 ว่าในทางเทคนิคแล้ว M1 สามารถรันระบบปฏิบัติการอื่นๆ ที่รองรับ ARM ได้ และแอปเปิลก็มีเทคโนโลยีพื้นฐานในการรันระบบปฏิบัติการ ARM ที่รองรันแอพพลิเคชันแบบ x86 ให้หมดแล้ว ที่เหลือขึ้นกับการตัดสินใจของไมโครซอฟท์แล้วว่าจะทำหรือไม่ เขายังพูดถึงแผนการซัพพอร์ตเครื่องแมคที่ใช้ซีพียูอินเทล ว่าจะยังทำต่อไป ในมุมมองของแอปเปิลไม่ได้แยก macOS เวอร์ชัน x86 และ ARM แต่ใช้โค้ดเดียวกัน มองเป็นโครงการเดียวกัน ในปีหน้า แอปเปิลจะออก macOS ที่เป็น universal รองรับทั้งสองระบบไปอีกนาน (years to come) ที่มา - Ars Technica
# สมาร์ททีวีซัมซุง เริ่มรองรับ Google Assistant แล้วในทีวีรุ่นปี 2020 ซัมซุงประกาศข่าวว่าสมาร์ททีวีรุ่นปี 2020 เริ่มรองรับ Google Assistant แล้ว นอกเหนือจากที่รองรับ Bixby และ Amazon Alexa โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้เองว่าจะใช้ผู้ช่วยส่วนตัวค่ายไหน Google Assistant ใช้งานได้กับสมาร์ททีวี 4K, 8K QLED, Crystal UHD, The Frame, The Serif, The Sero, The Terrace รุ่นปี 2020 ทุกรุ่น โดยเริ่มจากในบางประเทศคือ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน บราซิล อินเดีย เกาหลีใต้ ส่วนประเทศอื่นๆ จะตามมาในภายหลัง การใช้งาน Google Assistant สามารถใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องเพิ่มฮาร์ดแวร์ หรือติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่ม ที่มา - Samsung
# เคราะซ์ซ้ำกรรมซัด CrossfireX เกมเอ็กซ์คลูซีฟ Xbox ประกาศเลื่อนเป็นปี 2021 การเลื่อนวางขายเกม Halo Infinite ทำให้ Xbox Series X|S ประสบปัญหาไม่มีเกมเอ็กซ์คลูซีฟเปิดตัว ต้องพึ่งพาเกมจาก Xbox One เวอร์ชันอัพเกรด หรือเกมแบบมัลติแพลตฟอร์มที่เล่นบนเครื่องไหนก็ไม่ต่างกันนัก ล่าสุดมีข่าวร้ายเพิ่มเข้ามาอีกหน่อยคือ CrossfireX เกมยิงแนว FPS ของ Remedy Entertainment (Quantum Break, Control) ร่วมกับ Smilegate บริษัทเกมจากเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเอ็กซ์คลูซีฟของ Xbox (ลงทั้ง One, X|S) ก็ประกาศเลื่อนวันวางขายเป็นปี 2021 ด้วยเหตุผลเรื่อง COVID-19 ข่าวการเลื่อนวางขายเกมในปี 2020 คงไม่ใช่เรื่องใหม่สักเท่าไรแล้วในตอนนี้ (บางเกมเลื่อนตั้ง 3 รอบในปีเดียว) แต่การที่ CrossfireX เป็นเอ็กซ์คลูซีฟของ Xbox Series X|S ที่มีปัญหาเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว ยิ่งช่วยซ้ำเติมปัญหาเข้าไปอีก ที่มา - DualShockers
# FAA ประกาศปลดแบน Boeing 737 MAX แล้วคาดเริ่มบินในสหรัฐภายในสิ้นปีนี้ ภายหลังเครื่อง Boeing 737 Max ถูกสั่งห้ามบินไปทั่วโลกตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019 เมื่อวันพุธที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Steve Dickson ผู้อำนวยการ US Federal Aviation Administration (FAA) ได้ประกาศอนุญาตให้เครื่องบินรุ่นดังกล่าวกลับมาให้บริการได้อีกครั้งและได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าตัวเขาเองได้ทดลองขับเครื่องบินรุ่นดังกล่าวแล้วและมีความมั่นใจเต็มร้อยที่จะให้ครอบครัวของเขาขึ้นบินด้วยเครื่องบินรุ่นนี้ ทั้งนี้ American Airlines จะเป็นสายการบินแรกในสหรัฐที่ทำการบินด้วยเครื่อง 737 MAX 8 จาก Miami ไปยัง New York วันละ 1 เที่ยวบินระหว่างวันที่ 29 ธันวาคมถึง 4 มกราคมปีหน้า สำหรับ Southwest และ United ซึ่งเป็นอีกสองสายการบินในสหรัฐที่มีเครื่องบินรุ่นดังกล่าวจะยังไม่กลับมาให้บริการด้วยเครื่องบินรุ่นนี้ในปีนี้ อย่างไรก็ตามก่อนนำเครื่องกลับมาให้บริการ สายการบินต่าง ๆ จะต้องดำเนินการอัพเดตซอฟต์แวร์ภายในตัวเครื่องและ FAA จะต้องรับรองหลักสูตรที่สายการบินจะใช้ในการฝึกอบรมนักบิน ก่อนที่นักบินจะทำการฝึกบินเพิ่มเติมในเครื่องจำลองการบิน (simulator) Boeing 737 เป็นเครื่องบินรุ่นที่ขายดีที่สุดของ Boeing และถูกใช้โดยสายการบินชั้นนำทั่วโลก โดย 737 MAX ได้ถูกปรับปรุงให้ประหยัดน้ำมันขึ้น 14% บินได้ไกลขึ้น 19% และมีเสียงรบกวนลดลง 40% การประกาศอนุญาตให้กลับมาให้บริการโดยหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐและการที่ European Union Aviation Safety Agency (EASA) ได้แสดงความพอใจกับการแก้ไขปัญหาของ Boeing และคาดว่าจะอนุญาตให้เครื่องกลับขึ้นบินได้เร็ว ๆ นี้เช่นเดียวกันนั้น ถือเป็นเรื่องดีสำหรับทั้งสายการบินที่ใช้เครื่องตระกูล 737 รวมถึงลูกเรือและผู้โดยสารที่จะได้อัพเกรดมายังเครื่องรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพและความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ที่มา: One Mile at a Time ภาพ Boeing 737 Max ภาพโดย Boeing
# GoJek เปิดตัวบริการใหม่ GoScreen โฆษณาเคลื่อนที่ติดมอเตอร์ไซด์ เริ่มที่ Jakarta เมืองแรก GoJek บริการเรียกรถโดยสารและ O2O จากอินโดนีเซีย ประกาศตั้งธุรกิจใหม่ GoScreen แพลตฟอร์มสื่อโฆษณาดิจิทัลนอกบ้าน (Digital Out of Home - DOOH) ซึ่งเป็นป้ายโฆษณาติดตั้งไปกับรถมอเตอร์ไซด์ของผู้ให้บริการ บริการนี้จะเริ่มที่เมืองจาการ์ตาแห่งแรก หลังจากทดสอบตลาดในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา และจะขยายไปสู่เมืองต่าง ๆ เพิ่มขึ้น มีเป้าหมายติดตั้งจอโฆษณาบนมอเตอร์ไซด์ให้ได้ 20,000 คัน ภายในปีหน้า GoJek กล่าวว่าโฆษณารูปแบบนี้มีจุดเด่นในการเคลื่อนที่ไปจุดต่าง ๆ แม้ตามถนนสายรอง ทำให้ผู้ซื้อโฆษณาสามารถเลือกลงโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายและกำหนดช่วงเวลาได้ตรงมากยิ่งขึ้น และยังสามารถตรวจวัดผลได้แบบเรียลไทม์ ที่มา: The Jakarta Post
# GitHub ร่วมมือ fast.ai ช่วยพัฒนาซอฟต์แวร์ใน Jypyter Notebook ให้มีเทสและเอกสาร GitHub ร่วมกับโครงการ fast.ai พัฒนาไลบรารี nbdev สำหรับการเขียนโมดูลไพธอนจากใน Jupyter Notebook ให้มีทั้งเอกสารประกอบโมดูลและชุดทดสอบโมดูล nvdev ไลบรารีที่ทำให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาโมดูลเต็มรูปแบบจาก Jypyter โดยยังคงสามารถพัฒนาแบบ interactive ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลัง ตัวโมดูลสามารถทำงานร่วมกับ GitHubg เต็มรูปแบบ ทั้งการสร้างเอกสารลงเป็น GitHub Pages และการสร้างชุดทดสอบเพื่อรันใน GitHub Actions และการพัฒนาก็ทำใน GitHub Codespaces ได้ โดยรวมแล้ว nbdev สนับสนุนให้นักพัฒนาที่นิยมการพัฒนาบน notebook ให้ปรับตัวเข้ากับแนวทางการทำงานที่ดี (best practice) ของวิศวกรรมซอฟต์แวร์ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแนวทางการพัฒนามากนัก ที่มา - GitHub Blog
# HBO ประกาศทำซีรีส์ The Last of Us ได้ผู้กำกับเกม Neil Druckmann มาเขียนบทเอง HBO ประกาศเดินหน้าสร้างซีรีส์จากเกม The Last of Us แล้ว โดยจะได้ Craig Mazin ผู้เขียนบทและโปรดิวเซอร์ซีรีส์ Chernobyl มารับผิดชอบร่วมกับ Neil Druckmann ผู้กำกับและผู้เขียนบทของเกม The Last of Us โดยตรง (การันตีได้ว่าบทของซีรีส์ไม่ออกทะเลแน่ๆ) ซีรีส์ The Last of Us ยังเป็นการร่วมทุนสร้างระหว่าง HBO และ Sony Pictures Television สตูดิโอทีวีฝั่งโซนี่ด้วย ตอนนี้มีข้อมูลเพียงว่าซีรีส์จะอิงจากเนื้อเรื่องในเกมภาคแรก จะฉายทั้งช่อง HBO และสตรีมบน HBO Max แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลา ที่มา - HBO, Engadget
# ซีอีโอ PlayStation บอกโซนี่มีแผนรับมือ Xbox Game Pass ไว้แล้ว ในช่วงที่ไมโครซอฟท์โหมโปรโมท Xbox Game Pass ว่าเป็นอนาคตของวงการเกม ฝั่งโซนี่ก็ระบุว่ามีแผนตอบโต้ในลักษณะเดียวกันแล้ว Jim Ryan ซีอีโอของ Sony Interactive Entertainment ให้สัมภาษณ์กับเว็บข่าวรัสเซีย TASS ว่าโซนี่มีแผนการรับมือเรื่องนี้แล้ว แต่ยังไม่พูดถึงในตอนนี้ เขายังย้ำว่าบริการ PlayStation Now ก็เป็นการเล่นเกมแบบเหมาจ่ายรายเดือนอยู่แล้วเช่นกัน Ryan ยังประเมินสัดส่วนยอดขายของ PS5 ว่าถ้าดูข้อมูลในอดีต 3/4 ของเจ้าของคอนโซลตัวเดิมจะอัพเกรดมาเป็นรุ่นใหม่ และอีก 1/4 จะย้ายจากคอนโซลอื่นมา หรือเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่ไม่เคยซื้อคอนโซลมาก่อน ซึ่งเขาคาดว่าเจ้าของ PS4 ส่วนใหญ่จะตามมาซื้อ PS5 ในสัดส่วนเดียวกัน Jim Ryan ภาพจาก PlayStation จุดต่างสำคัญของ PlayStation Now กับ Xbox Game Pass คือจำนวนเกมใหม่ๆ ที่ฝั่ง Game Pass มีเยอะกว่ามาก แต่โซนี่เองก็อยู่ในสถานะลำบากในการดันเกมใหม่ๆ มาลง PlayStation Now เพราะจะส่งผลกระทบต่อยอดขายเกมใหม่ๆ ที่เป็นจุดขายของโซนี่มาโดยตลอด ที่มา - TASS, Game Informer
# กูเกิลยืดระยะซัพพอร์ต Chrome บน Windows 7 ให้ถึงต้นปี 2022 เพราะภาคองค์กรยังไม่ย้าย กูเกิลประกาศยืดระยะเวลาซัพพอร์ต Chrome บน Windows 7 นานขึ้นอีก 6 เดือน เป็นสิ้นสุดวันที่ 15 มกราคม 2022 เนื่องจากตลาดองค์กรยังใช้งาน Windows 7 กันอยู่มาก กูเกิลอ้างสถิติจากบริษัท Kantar ที่ถูกจ้างให้สำรวจตลาดองค์กร พบว่า 78% ย้ายจาก Windows 7 แล้ว แต่ยังมีอีก 22% ที่ยังใช้งาน Windows 7 อยู่ แม้มีแผนการย้ายมาใช้ Windows 10 ก็ตาม ที่มา - Google
# Cloudflare รายงานประสิทธิภาพซีพียู AMD EPYC หลังใช้มาครึ่งปี สตอเรจยังใช้อินเทลต่อไป Cloudflare รายงานถึงประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์รุ่นที่ 10 หรือ Gen X ที่ประกาศตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตอนนี้เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ก็ถูกนำไปใช้งานจริงมาระยะหนึ่งแล้ว โดยสเปคของ Gen X ได้แก่ AMD EPYC 7642 48 คอร์ 96 เธรด 8 x 32GB DDR4-2933 (รวม 256GB) 2 x 3.84TB NVMe SSD (หากเป็นเซิร์ฟเวอร์ Kafka จะใช้ SSD 10 ลูก) Mellanox CX4 Lx 2 x 25GbE โหลดของ Kafka ส่วนใหญ่เป็นโหลดการอ่านเขียนสตอเรจ ประสิทธิภาพที่ได้จาก NVMe นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัว ขณะที่การทดสอบซีพียูจะใช้ระบบค้นหาภาพละเมิดเด็ก (child sexual abuse material - CSAM) ที่เป็นระบบแฮชข้อมูลภาพเพื่อค้นหาว่ามีภาพที่ตรงกับฐานข้อมูลหรือไม่ ซีพียู EPYC ทำให้กระบวนการตรวจสอบค่าแฮชเกือบทั้งหมดต่ำกว่า 21ms ขณะที่การตรวจสอบส่วนใหญ่ต่ำกว่า 8ms เทียบกับเซิร์ฟเวอร์รุ่นก่อนนี้ที่การตรวจสอบเกือบทั้งหมดต่ำกว่า 55ms กราฟวัดเวลาที่ตรวจสอบค่าแฮชของภาพจากฐานข้อมูล CSAM ภาพบนเป็นเซิร์ฟเวอร์ Gen X ภาพล่างเป็นเซิร์ฟเวอร์รุ่นก่อนหน้านี้ ระบบสตอเรจของ Cloudflare ยังใช้ซีพียูอินเทลต่อไปเนื่องจากผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ไม่มีเอเอ็มดีให้เลือก แและปรับจาก Xeon E5-2630v4 เป็น Xeon Gold 6210U รวบซีพียู 20 คอร์มาอยู่ในซ็อกเก็ตเดียว ทำให้ลด latency จากการเข้าถึงหน่วยความจำข้ามคอร์ไปได้ การวัดประสิทธิภาพสตอเรจของ Cloudflare อาศัยเฟรมเวิร์ค ClickHouse ที่เน้นการรวมชุดข้อมูล (merge) โดยเฉลี่ยแล้วประสิทธิภาพดีขึ้น 37% ที่มา - Cloudflare
# รวดเร็วทันใจ Google Cloud Platform รองรับ .NET 5.0 แล้ว ไมโครซอฟท์เพิ่งออก .NET 5.0 ตัวจริงมาหมาดๆ กูเกิลก็ประกาศรองรับ .NET 5.0 บน Google Cloud ทันที เนื่องจาก .NET 5.0 เป็นรันไทม์แบบข้ามแพลตฟอร์ม (รองรับ Windows, Linux, macOS) ผู้ใช้งาน Google Cloud จึงมีทางเลือกหลากหลาย Windows - รัน Windows Server บน Compute Engine หรือ Windows Container ใน Google Kubernetes Engine (GKE) Linux - มีทางเลือกหลากหลายกว่า รองรับการรันใน App Engine และ Google Cloud Run เพิ่มเติมจาก Compute Engine และ GKE กูเกิลยังรองรับการรัน .NET Core 3.1 แบบ serverless บน Google Cloud Functions แบบพรีวิวด้วย ใช้ได้กับแอพที่เขียนทั้ง C#, VB, F# ที่มา - Google, Google
# ขยายเพดาน Microsoft Teams เปิดให้บัญชีฟรี ประชุมนาน 24 ชั่วโมง สูงสุด 300 คน ไมโครซอฟท์เพิ่งประกาศว่า Microsoft Teams รองรับบัญชีส่วนตัว เชิญเพื่อนมาวิดีโอคอลล์ได้แม้ไม่ต้องมีบัญชี Teams ในประกาศนี้ยังมีเงื่อนไขตัวเล็กๆ อยู่อีกว่า วิดีโอคอลล์สามารถคุยได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง และรองรับผู้เข้าคอลล์ได้สูงสุด 300 คน (เยอะกว่าห้องแชทที่รองรับ 250 คนด้วยซ้ำ) ใช้ได้นานจนกว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น (until further specified) ประกาศนี้ทำให้ Microsoft Teams เวอร์ชันใช้ฟรีด้วยบัญชีส่วนตัว กลายเป็นโซลูชันประชุมออนไลน์ที่น่าสนใจมาก และสร้างแรงกดดันให้ Zoom ที่ยังจำกัดการใช้งาน 40 นาที ผู้ใช้งานสูงสุด 100 คน สำหรับบัญชีฟรี คู่แข่งอีกรายในตลาดคือ Google Meet ประกาศให้ใช้งานฟรีนานสูงสุด 24 ชั่วโมงมาก่อนแล้ว แต่จำกัดระยะเวลาถึงแค่สิ้นเดือนมีนาคม 2021 ที่มา - Microsoft, Engadget
# Apple ยอมรับปัญหา MacBook Pro 2013/14 เครื่องเปิดไม่ได้หลังอัพเดต Big Sur พร้อมให้แนวทางแก้ไขเบื้องต้น จากรายงานที่ผู้ใช้ MacBook Pro รุ่นปลายปี 2013 และกลางปี 2014 จำนวนหนึ่งพบปัญหาเครื่องใช้งานไม่ได้หรือ brick หลังอัพเดตระบบปฏิบัติการเป็น macOS Big Sur ล่าสุดแอปเปิลยอมรับปัญหาดังกล่าว และให้แนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแล้ว ในหน้าสนับสนุนของแอปเปิลระบุว่าหากผู้ใช้พบปัญหา Mac เปิดไม่ได้ตามปกติ ให้ลองแก้ปัญหาดังนี้ กดปุ่ม Power ค้างอย่างน้อย 10 วินาที แล้วปล่อย เพื่อปิดเครื่อง ถอดอุปกรณ์ภายนอกที่เชื่อมต่อทั้งหมด รวมทั้งจอภาพ อุปกรณ์ USB และการ์ดที่อยู่ในช่อง SDXC จากนั้นลองเปิดเครื่อง ถ้ายังพบปัญหา ให้รีเซ็ต SMC ถ้ายังพบปัญหา ให้รีเซ็ต NVRAM หรือ PRAM หากทำทั้งหมดนี้ยังไม่หาย ให้ติดต่อ Apple Support ทั้งนี้แอปเปิลระบุว่าอาจเพิ่มเติมข้อมูลในหน้าสนับสนุนหากมีวิธีแก้ไขเบื้องต้นเพิ่มเติม ข้อมูลส่วนนี้อาจไม่อัพเดต ให้ดูอ้างอิงลิงก์หน้าสนับสนุน HT211242 เป็นหลัก ที่มา: Apple Insider
# Rocket Lab จอดจรวด Electron ลงทะเลสำเร็จ หลังปล่อยนำส่งดาวเทียม 30 ดวงขึ้นวงโคจร Rocket Lab บริษัทจรวดนำส่งดาวเทียมสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการนำจรวด Electron ลงจอดในทะเลเปิดทางสู่การกู้จรวดด้วยเฮลิคอปเตอร์ในภารกิจต่อๆ ไป โดยภารกิจหลักของจรวด Electron ในครั้งนี้คือการนำส่งดาวเทียมขนาดเล็กจำนวน 30 ดวง ซึ่งก็สามารถส่งให้ครบถ้วนเช่นเดียวกัน แผนการกู้คืนจรวดของ Rocket Lab ไม่ได้อาศัยการลงจอดด้วยตัวเองเหมือนจรวด Falcon 9 ของ SpaceX แต่อาศัยการกางร่มชูชีพเพื่อลดความเร็วแล้วนำเฮลิคอปเตอร์มาเก็บจรวดกลางอากาศก่อนตกถึงทะเล การปล่อยให้จรวดลงจอดในทะเลครั้งนี้เองก็มีแผนจะนำจรวดกลับมาใช้ซ้ำ แต่หากเก็บจรวดกลางอากาศได้กระบวนการปรับสภาพจรวดให้พร้อมกลับมาใช้งานจะง่ายกว่ามาก จรวด Electron มีระวางดาวเทียมเล็กกว่า Falcon 9 มาก โดยสามารถนำส่งดาวเทียมขึ้นวงโคจรระดับต่ำ (LEO) ได้เพียง 300 กิโลกรัม เทียบกับ Falcon 9 ที่บรรทุกได้ 22.8 ตันเมื่อทิ้งจรวดระหว่างยิง Elon Musk ทวีตแสดงความยินดีกับทาง Rocket Lab ต่อความสำเร็จครั้งนี้ ที่มา - MIT Technology Review
# Game Bar บน Windows 10 ได้รับอัพเดต, เพิ่ม widget ช่วยตรวจสอบอัตราการใช้ทรัพยากรของแต่ละแอพ เมื่อปลายเดือน ต.ค. ทีเพิ่งผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดตใหม่ให้กับ Xbox Game Bar แอพที่เกมเมอร์สามารถใช้เข้าถึงฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ ขณะเล่นเกมบน Windows 10 ผ่านการกดคีย์ลัด Windows + G ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในอัพเดตนี้คือ Resources widget ซึ่งจะแสดงผลอัตราการใช้ทรัพยากรเครื่อง (CPU, GPU, RAM และ Disk) ของแต่ละแอพ ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้ว่าแอพใดที่กินทรัพยากรเครื่องสูง และยังสามารถสั่งปิดแอพนั้นๆ ได้โดยไม่ต้อง Alt+Tab ออกจากเกมเลย (มันคือ Task Manager ของ Windows ในรูปแบบของ widget ภายใน Game Bar นั่นเอง) ภาพตัวอย่าง Resources widget และ Performance widget นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังได้ปรับปรุง Performance widget โดยเพิ่มการแสดงผลอัตราการใช้หน่วยความจำ GPU (VRAM) และยังได้เพิ่มฟังก์ชั่นช่วยตรวจสอบฮาร์ดแวร์ภายในคอมพิวเตอร์ว่ารองรับฟีเจอร์ด้านกราฟฟิกล่าสุดของ Windows 10 อย่าง DirectX 12 Ultimate หรือไม่อีกด้วย เข้าไปกดเช็กได้ที่เมนู Setting > Gaming features ดาวน์โหลด Xbox Game bar เวอร์ชันล่าสุดได้แล้วที่ Microsoft Store ครับ ที่มา - Xbox Wire via MSPoweruser
# Vivo เปิดตัวรอม OriginOS ดีไซน์ใหม่ มาแทน Funtouch OS เดิม Vivo สมาร์ทโฟนแบรนด์จีน เปิดตัวรอมใหม่ของตัวเอง OriginOS ที่จะมาแทน Funtouch OS ในปัจจุบัน ที่งาน Vivo Developer Conference 2020 ในเซินเจิ้น Vivo บอกว่าแนวคิดของ OriginOS มีด้วยกัน 3 ข้อคือ ดีไซน์ ความลื่นไหล และความสะดวกสบาย โดยยังคงฟีเจอร์ชุดเดิม แต่เพิ่มการปรับแต่งให้หลากหลายมากขึ้น จากภาพหน้าจอของ OriginOS จะเห็นการเปลี่ยนแปลงจาก Funtouch OS คือการเลือกใช้สีสันสดใสมากขึ้น (Funtouch ใช้สีโทนฟ้าเป็นหลัก) Vivo ยังไม่บอกว่าจะเริ่มใช้ OriginOS เมื่อใด รวมถึงมือถือรุ่นก่อนๆ ที่เป็น Funtouch OS จะสามารถอัพเกรดมาเป็น OriginOS ได้ด้วยหรือไม่ ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ Vivo Thailand
# Lazada Thailand แถลง ข้อมูลหลุดเป็นของเก่าปี 2561, ไม่ได้หลุดมาจาก Lazada โดยตรง จากข่าว พบแฮกเกอร์ขายข้อมูลการสั่งสินค้าออนไลน์ในไทย 13 ล้านรายการ โดยหนึ่งในเว็บอีคอมเมิร์ซที่ถูก "อ้าง" ว่าข้อมูลลูกค้าหลุดคือ Lazada วันนี้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Lazada ประเทศไทย ออกมาชี้แจงว่าหลังตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว พบว่าฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานข้อมูลเก่าจากปี พ.ศ. 2561 และไม่ได้รั่วไหลมาจากระบบของ Lazada โดยตรง (แปลว่า "อาจ" เป็นข้อมูลของลูกค้า Lazada จริง แต่ไม่ได้หลุดมาจาก Lazada เอง)
# หลุดเอกสาร Capcom เผยแผน Street Fighter 6 ออกปี 2022, Monster Hunter 6 ปี 2023 จากกรณี Capcom โดนแฮ็กครั้งใหญ่ ทำให้ข้อมูลส่วนตัวพนักงาน-ลูกค้ารั่วไหล และมีเอกสารภายในบริษัทหลุดออกมาอีกจำนวนหนึ่ง ล่าสุดมีเอกสารบางอย่างออกเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต โดยระบุว่าเป็นแผนการออกเกมของ Capcom ในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งเว็บเกมอย่าง IGN "เชื่อว่า" บางส่วนของแผนการนี้เป็นความจริง จากการตรวจสอบกับแหล่งข่าวอื่นๆ อย่างไรก็ตาม รายชื่อเกมชุดนี้อาจล้าสมัยไปแล้วหาก Capcom ปรับเปลี่ยนแผน เกมสำคัญๆ ที่อยู่ในรายชื่อได้แก่ Street Fighter 6, Resident Evil 4 Remake (ปี 2022), Monster Hunter 6 (ปี 2023), Final Fight Remake และ Power Stone Remake (ปี 2024) เกมใหม่อื่นๆ ที่น่าสนใจคือ Rockman Match ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นเกมแนวไหน, Biohazard Apocalypse และ Resident Evil Hank ที่ยังรู้เฉพาะชื่อภาคเช่นกัน ส่วนเซอร์ไพร์สที่มาเหนือความคาดหมายคือ Dragon's Dogma 2 ภาคต่อของเกม Dragon's Dogma ภาคแรกที่ออกในปี 2012 บน PS3 และ Xbox 360 ซึ่งเป็นผลงานของ Hideaki Itsuno ผู้กำกับ Devil May Cry รายชื่อเกมทั้งหมด Resident Evil Outbreak - Q4 FY21 Dragon’s Dogma 2 - Q2 FY22 Street Fighter 6 - Q3 FY22 Rockman [Mega Man in North America] Match - Q3 FY22 Resident Evil 4 Remake - Q4 FY22 Monster Hunter 6 - Q2 FY23 Biohazard Apocalypse - Q3 FY23 “SSF6” - Q4 FY23 Final Fight Remake - Q2 FY24 Power Stone Remake - Q3 FY24 Ultra SF6 - Q4 FY24 Resident Evil Hank - Q4 FY24 นอกจากนี้ยังมีข้อมูลหลุดออกมาว่า Street Fighter หมดสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟคอนโซลกับ PlayStation แล้ว ทำให้เกมภาค 6 สามารถกลับมาลงแพลตฟอร์ม Xbox ได้เหมือนเดิม (ภาค V มีเฉพาะ PS4) ที่มา - IGN, OnMSFT
# [Reuters] เวียดนามขู่แบน Facebook หากไม่ยอมเซนเซอร์เนื้อหาต่อต้านรัฐบาล Reuters รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน Facebook ไม่ประสงค์เผยนาม ว่า รัฐบาลเวียดนามขู่แบน Facebook หากไม่ยอมเซนเซอร์เนื้อหาต่อต้านรัฐบาล เจ้าหน้าที่คนนั้นของ Facebook ระบุว่า เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ยอมทำตามกฎ เพิ่มการเซนเซอร์เนื้อหาที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลเวียดนาม จนในเดือนสิงหาคม รัฐบาลก็มากดดัน Facebook ให้เพิ่มมาตรการและเนื้อหาที่ต้องเซนเซอร์อีก ซึ่งสำหรับ Facebook ได้ทำตามข้อตกลงในเดือนเมษายนไปแล้ว ถือเป็นอันสิ้นสุด เมื่อ Facebook บอกว่าจะไม่ทำตามคำสั่ง รัฐบาลก็ขู่จะสั่งปิด Facebook ในเวียดนามเสีย ด้านกระทรวงต่างประเทศของเวียดนามระบุว่า Facebook ควรทำตามกฎหมายท้องถิ่น และขอให้หยุดการเผยแพร่ข้อมูลที่ขัดต่อประเพณีดั้งเดิมของเวียดนาม ในเวียดนาม แม้มีการปฏิรูปเศรษฐกิจ และเปิดกว้างทางสังคมมากขึ้น แต่พรรคคอมมิวนิสต์ก็ยังคงควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด อันดับเสรีภาพสื่อในเวียดนามอยู่ที่ 5 จากท้าย ตามการจัดอันดับจาก Reporters Without Borders Facebook เองก็เจอแรงกดดันเรื่องการเผยแพร่เนื้อหาในหลายประเทศ ไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น สืบเนื่องจากกลุ่ม รอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส ที่มา - Reuters
# แก้ปัญหา URL ยาวเกินไป Edge เพิ่มตัวเลือก Paste เป็นข้อความพร้อมลิงก์ให้เลย ฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างของ Microsoft Edge ที่เป็นฟีเจอร์เล็กๆ แต่น่าจะแก้ปัญหาให้คนจำนวนมากคือ friendly URL เป็นการคัดลอกลิงก์แล้วสั่ง Paste > Plain Text ซึ่งจะได้ข้อความที่เป็นลิงก์แทน (ข้อความจาก site title + ลิงก์) แทนการแปะข้อความเป็น URL ยาวๆ เหมือนของเดิม ผู้ใช้งาน Edge สามารถเลือกวิธีการ Paste ได้สองแบบว่าจะเป็น URL (เหมือนของเดิม) หรือเป็น Plain Text โดยเลือกตั้งค่าดีฟอลต์ได้ด้วยว่ากด Ctrl+V แล้วจะเป็นแบบไหน นอกจากนี้ Edge ยังเพิ่มความสามารถให้ฟีเจอร์จับภาพหน้าจอ (web capture) สามารถใช้เมาส์หรือปากกาวาดเส้นลงไปได้เลยทันที ไมโครซอฟท์บอกว่านี่เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับคำขอจากผู้ใช้มากที่สุด ส่วนการแสดง PDF ใน Edge ก็ได้ฟีเจอร์แปะคอมเมนต์ (text notes) ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ถูกขอเข้ามามากเช่นกัน (ปัจจุบัน Edge เป็นตัวอ่าน PDF แบบดีฟอลต์ของไมโครซอฟท์ จึงต้องเร่งเพิ่มฟีเจอร์ให้ทัดเทียมตัวอ่านค่ายอื่นๆ และให้ทัดเทียมกับ Edge ตัวเก่าด้วย) ที่มา - Microsoft
# Internet Archive ใช้ Ruffle จำลอง Flash รันเว็บเก่าที่ไม่ได้อัพเดต Internet Archive ประกาศนำอีมูเลเตอร์แฟลชที่ชื่อว่า Ruffle มารันแฟลชสำหรับเว็บเก่า ๆ หลัง Adobe Flash เตรียมจะยุติการสนับสนุนในปีนี้ และเบราว์เซอร์ส่วนใหญ่ก็ไม่รันโดยดีฟอลต์แล้ว Ruffle เขียนโดยภาษา Rust และรองรับ WebAssembly สามารถรันได้บนทุกเบราว์เซอร์บนแซนด์บ็อกซ์ ซึ่ง Jason Scott เจ้าของเว็บ Internet Archive ยอมรับว่าแม้ Ruffle อาจจะไม่ได้รองรับแฟลชได้ 100% แต่ก็สามารถเล่นแอนิเมชันได้เป็นส่วนใหญ่ ที่มา - Internet Archive
# ฟีเจอร์ใหม่ Microsoft Teams เพิ่มบัญชีส่วนตัว, เชิญคนอื่นมาประชุมได้แม้ปลายทางไม่มีบัญชี ฯลฯ Microsoft Teams เผยฟีเจอร์ใหม่หลายอย่างทั้งบนเดสก์ทอป และ web app ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มบัญชีส่วนตัวลงใน เดสก์ทอป และ web app ได้ ช่วยให้การสนทนาทั้งหมด ทั้งติดต่องานและติดต่อส่วนตัว รวมอยู่ในที่เดียวกัน แต่สามารถแยกบราวเซอร์บัญชีใช้สำหรับทำงานกับบราวเซอร์บัญชีส่วนตัวออกจากได้ ทั้งนี้เพื่อช่วยให้การสนทนาทั้งงานและส่วนตัวสามารถทำได้บนคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถแชทหาคนปลายทาง หรือแชร์คำเชิญเข้าประชุมวิดีโอคอลได้แม้คนๆ นั้นจะไม่ได้ติดตั้ง หรือมีบัญชี Microsoft Teams โดยข้อความจะปรากฏในรูปแบบ SMS ในโทรศัพท์ ด้านฟีเจอร์ปลีกย่อยอื่นๆ ที่เริ่มปล่อยให้ใช้งานแล้วคือ สร้างห้องแชทได้ถึง 250 คน, ซิงค์แชทจากโทรศัพท์ไปยังคอมพิวเตอร์ได้, โหมดนั่งห้องประชุมเสมือนจริงใน Together mode (สูงสุด 49 คน), แจ้งเตือนบนแอปมือถือ หากคนในครอบครัวถึงที่หมายตามพิกัดที่กำหนดไว้ โดยผู้ใช้งานต้องเข้าไปตั้งค่าสถานที่เพื่อเปิดการแจ้งเตือน ที่มา - Microsoft
# พบแฮกเกอร์ขายข้อมูลการสั่งสินค้าออนไลน์ในไทย 13 ล้านรายการ พบเป็นข้อมูลจากหลายช่องทาง ยังไม่แน่ชัดว่ารั่วจากที่ใด เมื่อวานนี้มีรายงานถึงเว็บไซต์ใต้ดินที่ออกมาประกาศขายข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ โดยระบุว่าเป็นข้อมูลที่รั่วออกมาจาก Lazada.co.th จำนวน 13 ล้านรายการ แต่ละชุดมีข้อมูลไม่เท่ากัน โดยมีชื่อ 12.2 ล้านรายการ มีหมายเลขโทรศัพท์ 9.3 ล้านรายการ และมีอีเมล 1.3 ล้านรายการ แต่ชุดข้อมูลแสดงให้เห็นว่าตัวข้อมูลอาจจะไม่ได้หลุดออกมาจาก Lazada โดยตรง ตอนนี้แฮกเกอร์ที่ใช้ชื่อผู้ใช้ DataBox แจกข้อมูลตัวอย่าง 50,000 รายการออกมา ข้อมูลระบุช่องทางขายสินค้า, ช่องทางส่งสินค้า, วันที่สั่งซื้อ, มูลค่าของรายการสินค้า, สถานะการจ่ายเงิน, ตลอดจนชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลลูกค้า ตัวอย่างข้อมูลที่เปิดเผยออกมาระบุช่องทางขายเป็น Lazada, Shopee, Shopify, Facebook, ไปจนถึง LINE@ ทำให้คาดได้ว่าข้อมูลอาจรั่วมาจากร้านค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าบางระบบ ที่มา - Facebook: สอนแฮกเว็บแบบแมวๆ
# Roblox ยื่นเอกสารเตรียมขายหุ้น IPO แล้ว เผยยอดผู้เล่น 31 ล้านคนต่อวัน Roblox เกมต่อบล็อคดิจิทัลยอดนิยมที่มีผู้เล่นมากระดับ 100 ล้านคนต่อเดือน ยื่นเอกสารเพื่อเตรียมขายหุ้น IPO แล้ว Roblox เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของ David Baszucki ผู้ก่อตั้ง ที่เคยมีความฝันตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่อยากทำโปรแกรมต่อบล็อคแบบเลโก้บนคอมพิวเตอร์ และเคยลองเขียนเวอร์ชันแรกของ Roblox มาตั้งแต่ปี 1989 ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อบริษัทว่า Knowledge Revolution และเน้นใช้งานในฐานะโปรแกรมเพื่อการศึกษา บริษัทขายกิจการไปในปี 1998 แต่หลังจากนั้น Baszucki ยังไม่แล้วใจ จึงหันมาก่อตั้งบริษัท Roblox ในปี 2004 เพื่อสร้างมันในฐานะเกมเพื่อความบันเทิงเต็มตัว เน้นใช้เล่นกับเพื่อนๆ และมีประสบการณ์เชิงโซเชียลร่วมกัน ข้อมูลของ Roblox ที่แจ้งต่อ SEC (ก.ล.ต. สหรัฐ) คือมีผู้เล่นต่อวัน (DAU) 31.1 ล้านคน, มีชุมชนนักพัฒนาขนาดใหญ่เกือบ 7 ล้านคน, ใน 9 เดือนแรกของปี 2020 มีผู้เล่นใช้เวลาไปแล้ว 22.2 พันล้านชั่วโมง เฉลี่ยแล้วคนละ 2.6 ชั่วโมงต่อวัน Roblox มีรายได้ปี 2019 ที่ 488.2 ล้านดอลลาร์ (โต 56% จากปี 2018) และรายได้ 9 เดือนแรกของปี 2020 ที่ 589 ล้านดอลลาร์ (โต 68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) บริษัท Roblox ยังขาดทุนมาต่อเนื่อง โดยปี 2018 ขาดทุน 97.2 ล้านดอลลาร์, ปี 2019 ขาดทุน 86 ล้านดอลลาร์ และ 9 เดือนแรกของปี 2020 ขาดทุนแล้ว 203.2 ล้านดอลลาร์ Roblox ยังไม่ระบุว่าจะขายหุ้นเพิ่มเท่าไรตอน IPO แต่ข้อมูลจาก CNBC ก่อนหน้านี้รายงานว่า มูลค่าบริษัทตอน IPO จะอยู่ราว 8 พันล้านดอลลาร์ ที่มา - Roblox, SEC, VentureBeat
# กรุงไทยสู้ศึกดิจิทัล เปิดตัวบริษัท Infinitas by Krungthai เป็นเรือเร็วเฟ้นหาธุรกิจใหม่ ธนาคารกรุงไทยสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ สู้ศึกดิจิทัลในวงการธนาคารไทยที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด ด้วยการเปิดตัวบริษัทลูก อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จำกัด (Infinitas by Krungthai) ทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เผยที่มาของการก่อตั้งบริษัท Infinitas by Krungthai ว่า ทางธนาคารกรุงไทย เตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่ Digital Economy โดยพัฒนาแพลตฟอร์มที่ ตอบโจทย์การให้บริการทางการเงินและยุทธศาสตร์ที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาธนาคารได้ขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์คู่ขนาน 2-Banking Model แบ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน (Carrier) หรือการดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิม เช่น การดูแลธุรกิจคุณภาพสินเชื่อ การเร่งปรับกระบวนการทำงานโดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการ และ แบบเรือเร็ว (Speed Boat) เพื่อตามหานวัตกรรมใหม่ ซึ่งเป็นที่มาของการจัดตั้ง Infinitas by Krungthai ยุทธศาสตร์เรือเร็วของ Infinitas by Krungthai และเป้าหมายสำคัญ อย่างที่ได้ระบุไว้ข้างต้นแล้วว่า หน้าที่สำคัญของ Infinitas by Krungthai คือเป็นเรือเร็ว เพื่อหานวัตกรรมและโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ดังนั้นความคล่องตัวของทีมงาน วัฒนธรรมการทำงาน รวมถึง DNA ของคนทำงานจึงเป็นเรื่องสำคัญ นางประราลี รัตน์ประสาทพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงาน Digital Solutions และรักษาการกรรมการผู้จัดการ Infinitas by Krungthai เผยเป้าหมายสำคัญในระยะยาวของ Infinitas by Krungthai ว่า เป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่ตัวธนาคารกรุงไทย, บริษัทในเครือ, ลูกค้าของธนาคารทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน รวมถึงการเชื่อมต่อกับ partner ทางธุรกิจต่างๆ และเน้นการพัฒนา Innovations & Digital Platforms ต่างๆ เพื่อ เข้าสู่ Open Banking, Digital Banking Service, Data as a Services รวมถึง Digital Solutions อย่างเต็มรูปแบบ และด้วยการนำแนวคิดการทำงานแบบ Fail Fast, Learn Faster พร้อมทีมงานที่มี DNA เดียวกันในการคิดค้น พัฒนา ต่อยอดและแก้ไขปัญหา ก็จะช่วยสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สามารถคิดค้นนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างบริการหลายตัวของธนาคารกรุงไทย เช่น แอปพลิเคชั่น เป๋าตัง ถุงเงิน วอลเล็ต สบม. Infinitas by Krungthai จะต่อยอดนวัตกรรมที่มีอยู่แล้วอย่างเช่น AI & ML บนโครงสร้างระบบ Technology ที่ยืดหยุ่น คล่องตัว มีเสถียรภาพและความปลอดภัย มาสร้างของใหม่ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและประชาชน พร้อมก้าวเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมโดยนำบริการทางการเงินไปฝังไว้ในชีวิตประจำวันในทุกมิติ เช่น Health Platform, Tourist Platform, Capital Market Platform Infinitas by Krungthai กับเทรนด์โลกที่เปลี่ยนเร็ว นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เผยเทรนด์สำคัญที่เกิดขึ้นแล้วคือ โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ เราไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารที่เป็นกระดาษ ไม่ต้องเดินทางไปแสดงตัวตนเอง ในภาคบริการการเงินจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างโครงสร้างใหม่ เพื่อให้ขยายการบริการได้เร็ว บนต้นทุนที่แข่งขันได้ และจะเป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดกว้างให้มีผู้เข้าร่วมบริการที่หลากหลาย ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย รองประธานกรรมการ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงไทย และประธานกรรมการ Infinitas by Krungthai บอกว่าที่ผ่านมา แอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ของธนาคารกรุงไทย ได้มีส่วนในการสร้างความโปร่งใสในระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศผ่านโครงการต่างๆ ของภาครัฐที่เน้นการการกระจายรายได้ และความช่วยเหลือ ต่างๆสู่ ภาคประชาชนอย่างถูกต้อง ดังนั้นอีกเป้าหมายที่สำคัญของบริษัทคือ การคิดค้นนวัตกรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน วันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ Infinitas by Krungthai และเพื่อให้ถึงเป้าหมายการสร้างนวัตกรรมเพื่อคนไทย ทางบริษัทจึงได้เปิดรับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความท้าทายและอยากสร้างสิ่งใหม่ๆ สามารถสมัครเข้ามาได้ที่ [email protected]
# Microsoft Edge เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาคูปองลดราคาบนเว็บช็อปปิ้งให้อัตโนมัติ ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ใหม่ให้ Edge ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ หากเราเข้าเว็บไซต์ช็อปปิ้งหรืออีคอมเมิร์ซที่มีระบบคูปองลดราคา Edge จะขึ้นป้ายบอกในช่อง URL ว่าเว็บไซต์นี้มีคูปองลดราคาใดบ้างที่เราสามารถใช้ได้ทันที ไมโครซอฟท์บอกว่าการค้นหาคูปองหรือโค้ดลดราคาต้องใช้พลังงานเยอะ และส่วนใหญ่เมื่อเจอคูปองจะพบว่าใช้ไม่ได้แล้ว ฟีเจอร์นี้จึงออกมาช่วยค้นหาคูปองให้อัตโนมัติ พร้อมให้กดใช้งานได้ทันที ฟีเจอร์นี้ยังใช้ได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกา ใช้ได้กับ Edge เวอร์ชันเดสก์ท็อปและ iOS ส่วนเวอร์ชัน Android กำลังตามมา ที่มา - Microsoft
# Nikkei เผยรัฐบาลญี่ปุ่นจะไม่สั่งซื้อโดรนจากจีนมาใช้งานในภาครัฐ รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งออกกฎการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ ให้การจัดซื้อโดรนเพื่อใช้งานในภาครัฐ จะต้องได้รับการตรวจสอบจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก่อน โดย Nikkei ระบุว่าแม้รัฐบาลจะญี่ปุ่นจะไม่ได้ประกาศออกมาชัดเจน แต่โดรนจากจีนมีแนวโน้มจะไม่ได้รับการรับรองให้นำมาใช้งานในภาครัฐ สาเหตุก็หนีไม่พ้นเรื่องความปลอดภัยและการรักษาความลับของข้อมูลในโดรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการนำโดรนมาใช้งานด้านความมั่นคงและตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ซึ่งควรที่จะเป็นความลับของรัฐบาล ไปจนถึงนำไปสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมและใช้ในภารกิจค้นหาและช่วยเหลือ นอกจากมาตรการการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ ญี่ปุ่นยังออกมาตรการด้านความปลอดภัยไซเบอร์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับการใช้งานโดรน เช่น โดรนที่ใช้งานอยู่ในภาครัฐจะต้องถูกตรวจสอบช่องโหว่ หรือบริษัทเอกชนที่ทำงานกับภาครัฐ ตัวโดรนจะถูกห้ามเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตขณะบิน เป็นต้น ที่มา - Nikkkei Asia
# Stadia ประกาศเตรียมลง iOS ในรูปแบบเว็บแอปผ่าน Safari สืบเนื่องจากที่แอปเปิลไม่ยอมให้แอปคลาวด์เกมมิ่งเปิดให้บริการบน iOS เพราะผิดกฎแพลตฟอร์ม ทำให้ก่อนหน้านี้ Luna ของ Amazon เลยให้บริการลง iOS เป็น PWA ก่อนที่ xCloud ของไมโครซอฟท์จะตามรอยเดียวกัน ล่าสุด Stadia บริการคลาวด์เกมมิ่งของ Google ประกาศแล้วว่าจะให้บริการบน iOS แบบเว็บแอปผ่าน Safari เช่นกัน ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลัง GeForce Now ประกาศลง iOS ไปเมื่อวานนี้แล้ว ที่มา - The Verge
# Google ทำ widget Gmail, Drive และ Fit ลงใน iOS 14 ด้วย ส่วน Calendar และ Chrome กำลังตามมา หนึ่งในฟีเจอร์หลักของ iOS 14 คือ สร้าง widget ในแบบของตัวเองได้ ล่าสุด Google ก็ทำ widget แอปของตัวเองบนหน้าจอหลักใน iPhone ด้วย เป็น Gmail, Drive และ Fit ใน Gmail ผู้ใช้งานจะสามารถแตะ widget เพื่อค้นหาอีเมล, เขียนอีเอมล หรือดูอีเมลที่ยังไม่ได้อ่านได้ ส่วน widget Google Drive สามารถแตะเพื่อค้นหาของใน Drive ได้ ด้าน Google Fit จะมองเห็นการนับก้าวในช่วงสัปดาห์, ค่าหัวใจ ได้จากบน widget เลย Google ระบุด้วยว่า ภายในปี 2021 จะเพิ่ม widget อื่นๆ ใน iOS 14 อีกคือ Google Calendar และ Chrome ที่มา - Google
# Apple ออกอัพเดต iOS 14.2.1 เพื่อแก้บั๊กเฉพาะที่พบใน iPhone 12, iPhone 12 Pro แอปเปิลออกอัพเดตย่อย iOS 14.2.1 มีผลเฉพาะกับผู้ใช้ iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max เนื่องจากแก้ไขบั๊กที่พบเฉพาะเครื่องกลุ่มดังกล่าว ปัญหาที่แอปเปิลระบุว่ามีการแก้ไขในอัพเดตนี้ได้แก่ ปัญหาการรับส่ง MMS, ปัญหาเสียงรบกวนเมื่อใช้อุปกรณ์ช่วยฟัง และปัญหาหน้าจอที่ล็อกอยู่ไม่ตอบสนองใน iPhone 12 mini ที่มา: MacRumors
# iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max เริ่มเปิดให้จองในประเทศไทยแล้ว แอปเปิลประเทศไทย, 3 ค่ายมือถือ และตัวแทนจำหน่าย ได้เริ่มเปิดให้สั่งจอง iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max แล้วตั้งแต่วันนี้ (20 พฤศจิกายน) โดยเครื่องจะเริ่มส่งมอบตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ข้อเสนอของผู้จัดจำหน่ายแต่ละรายอาจมีความแตกต่างกันไป ทั้งการขายพร้อมแพ็คเกจสำหรับลูกค้าใหม่-ลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงส่วนลดต่าง ๆ โดยมีราคาสูงสุดคือเครื่องเปล่าแบบไม่ติดสัญญาดังนี้ iPhone 12 mini (64GB / 128GB / 256GB) ราคา 25,900 บาท / 27,900 บาท / 31,900 บาท ตามลำดับ iPhone 12 (64GB / 128GB / 256GB) ราคา 29,900 บาท / 31,900 บาท / 35,900 บาท ตามลำดับ iPhone 12 Pro (128GB / 256GB / 512GB) ราคา 36,900 บาท / 40,900 บาท / 48,900 บาท ตามลำดับ iPhone 12 Pro Max (128GB / 256GB / 512GB) ราคา 39,900 บาท / 43,900 บาท / 51,900 บาท ตามลำดับ สำหรับแพ็คเกจส่วนลดของค่ายมือถือ ตัวแทนจำหน่าย ร่วมทั้งข้อเสนออื่นเพิ่มเติม สามารถดูได้จากลิงก์ที่มาท้ายข่าว ที่มา: แอปเปิล, เอไอเอส, ทรูมูฟ เอช, ดีแทค, Power Buy, Power Mall, Studio 7, iStudio by UFicon , iStudio by copperwired, iStudio by SPVi
# กูเกิลเปิดบริการ RCS เป็นทางการ เตรียมเพิ่มการเข้ารหัส end-to-end ภายหลัง กูเกิลเปิดบริการส่งข้อความ Rich Communication Services (RCS) อย่างเป็นทางการ หลังผลักดันมาตรฐานนี้มาตั้งแต่ปี 2015 ในที่สุดกูเกิลก็เปิดบริการนี้เป็นทางการทั่วโลกเท่าที่ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์จะร่วมมือด้วย RCS เปิดทางให้แอป Messages บนแอนดรอยด์เป็นแอปแชตสมัยใหม่อย่างเต็มรูปแบบ สามารถส่งภาพ, วิดีโอ, สถานะข้อความว่าอ่านหรือยัง, กด reaction ให้ข้อความได้, และแชตเป็นกลุ่ม กูเกิลยอมรับว่าฟีเจอร์ที่หายไปใน RCS คือแชตเข้ารหัสปลายทางถึงปลายทาง โดยสัญญาว่าจะรีบพัฒนาและออกเวอร์ชั่นเบต้าให้ทดสอบในเดือนนี้ หลังจากทดสอบเสร็จแล้วผู้ใช้แชตแบบหนึ่งต่อหนึ่งที่สามารถเข้ารหัสได้จะถูกเข้ารหัสโดยอัตโนมัติ จนถึงตอนนี้ยังน่าสงสัยว่าทำไมกูเกิลจึงพยายามผลักดัน RCS อย่างหนัก เพราะแม้แต่การเปิดตัวครั้งนี้กูเกิลยังต้องย้ำตลอดเวลาว่าใช้งานได้เฉพาะเครือข่ายที่รองรับเท่านั้น สำหรับระดับประเทศ รัสเซียและจีนก็ไม่สามารถใช้งาน RCS ได้แล้ว และบนไอโฟนก็ไม่รองรับ ที่ผ่านมากูเกิลเองมีประวัติการทำแอปแชตแล้วทิ้งมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ที่มา - Google
# Facebook ออกแอปทดลองตัวใหม่ E.gg สร้างเพจในรูปแบบ Zine NPE ทีมพัฒนาแอปเพื่อทดสอบตลาดใหม่ ๆ ของ Facebook เปิดตัวโครงการล่าสุด E.gg แอปบน iOS ที่ตอนนี้มีให้ดาวน์โหลดเฉพาะในอเมริกา โดย E.gg เป็นแอปสำหรับออกแบบและสร้างงานภาพคอลลาจแนวใหม่ ที่มีรูปแบบของ Zine และตกแต่งด้วย GIF วิธีการทำงานของ E.gg ผู้ใช้จะเริ่มด้วยการกำหนด URL ของเพจ จากนั้นเริ่มออกแบบหน้าเพจด้วยรูปภาพ ข้อความ และ GIF ต่าง ๆ จากนั้นบันทึกและแชร์ URL ที่สามารถเข้าถึงได้แม้ผู้ใช้งานไม่มีแอป E.gg ซึ่งรูปแบบของ E.gg นั้นเหมาะกับการดูทางโทรศัพท์มากกว่า สถานะของแอปจาก NPE เป็นการทดสอบตลาด ซึ่งหากได้ผลตอบรับที่ดีก็อาจนำมาพัฒนากับผลิตภัณฑ์ของ Facebook ต่อไป ที่มา: Facebook
# "Ok Google แม่อยู่ไหน?" กูเกิลเปิดฟีเจอร์ Find Your Family ใน Google Assistant นอกจากฟีเจอร์ "กระดาษโน้ตดิจิทัล" (Family Notes) และ "ประกาศในครอบครัว" (Family Bell) ในอุปกรณ์ Smart Display ของกูเกิลแล้ว ยังมีอีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ "Find your friends & family" ตามหาว่าคนในครอบครัวอยู่ที่ไหนกันบ้าง เราสามารถถาม “Hey Google, where’s my family?” หรือระบุชื่อสมาชิกในครอบครัวเป็นรายบุคคลได้เลย โดย Google Assistant จะแสดงพิกัดของบุคคลที่ตามหา ผ่านทั้งแอพในสมาร์ทโฟน, ลำโพงอัจฉริยะ และหน้าจอ Smart Display แล้วแต่จะให้ขึ้นแสดงที่ไหน ฟีเจอร์นี้จำเป็นต้องให้สมาชิกในครอบครัวเปิด Google Location Sharing ใน Google Maps หรือใช้แอพแชร์พิกัดตัวอื่น (ตอนนี้รองรับแค่ Life360) และอาจใช้ไม่ได้กับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี (หรือขึ้นกับอายุตามกฎหมายในแต่ละประเทศ) เริ่มเปิดให้ใช้งานช่วงเทศกาลปลายปีนี้ ที่มา - Google, Google
# GeForce Now รองรับ iOS ผ่านเบราว์เซอร์, เตรียมเปิดให้เล่น Fortnite บน iOS ด้วย NVIDIA เปิดตัวบริการเกมสตรีมมิ่ง GeForce Now เวอร์ชัน iOS โดยจะสตรีมผ่านเบราว์เซอร์ Safari เพื่อเลี่ยงปัญหาแอปเปิลไม่ยอมให้มีบริการสตรีมมิ่งใน App Store แนวทางการให้บริการเกมสตรีมมิ่งบน iOS ผ่านเบราว์เซอร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะคู่แข่ง Amazon Luna ทำมาก่อนแล้ว และ Microsoft xCloud ก็ประกาศใช้แนวทางนี้ในปี 2021 NVIDIA ยังให้ข้อมูลว่ามีสมาชิก GeForce Now เกิน 5 ล้านคนแล้ว (GeForce Now เปิดให้ใช้งานได้ฟรี โดยจำกัดระยะเวลาการเล่นครั้งละ 1 ชั่วโมง ถ้าอยากได้นานกว่านั้นต้องจ่ายเดือนละ 4.99 ดอลลาร์เป็นค่าเช่าเครื่อง ไม่รวมเกม) นอกจากนี้ NVIDIA ยังประกาศรองรับเกมยอดนิยมแห่งยุคคือ Fortnite จะเปิดให้เล่นบน GeForce Now แบบสตรีมมิ่งด้วย จึงอาจเป็นอีกทางเลือกของผู้เล่น Fortnite บน iOS ที่โดนแอปเปิลแบนไป ยังสามารถมาเล่นได้ผ่าน Safari นั่นเอง ที่มา - NVIDIA
# ยอดขาย PS5 และ Xbox Series X|S สัปดาห์แรกในญี่ปุ่น ต่ำกว่ายอดขายคอนโซลเจนก่อน Famitsu สื่อเกมญี่ปุ่น รายงานยอดขาย PS5 และ Xbox Series X|S สัปดาห์แรกที่ขายในญี่ปุ่น ปรากฏว่ายอดขายช่วงเปิดตัวกลับน้อยกว่าตอน PS4 และ Xbox One ด้วยซ้ำ PS5 ขายได้ 118,000 เครื่องใน 4 วันแรก (PS4 ขายได้ 322,000 เครื่อง) Xbox Series X|S ขายได้ 21,000 เครื่องใน 6 วันแรก (Xbox One ขายได้ 24,000 เครื่อง) ยอดขายเดิมแย่อยู่แล้ว รอบนี้ยังแย่กว่าซะอีก อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังไม่สามารถเป็นข้อสรุปได้ว่าคอนโซลเจนนี้ได้รับความนิยมน้อยกว่าเจนก่อน เพราะจำนวนสินค้าที่วางขายอาจมีน้อยตั้งแต่แรก (Phil Spencer เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ยอดขายช่วงแรกจะถูกกำหนดโดยซัพพลาย ไม่ใช่ดีมานด์) รายละเอียดของเวอร์ชันย่อยคอนโซล PS5 รุ่นปกติแบบมีไดรฟ์อ่านแผ่น ขายได้ 103,901 เครื่อง, รุ่น Digital Edition ขายได้ 14,184 เครื่อง Xbox Series X ขายได้ 16,247 เครื่อง, Xbox Series S ขายได้ 4,287 เครื่อง เกมยอดนิยม (นับเฉพาะยอดขายแบบแผ่น) Marvel's Spider-Man: Miles Morales ขายได้ 18,640 แผ่น Demon's Souls ขายได้ 18,607 แผ่น ที่มา - Famitsu, Video Games Chronicle
# Udemy ประกาศรับเงินเพิ่มทุนซีรี่ส์ F มูลค่ากิจการเพิ่มเป็น 3,250 ล้านดอลลาร์ นอกจาก Duolingo แล้ว ในวันเดียวกันก็มีสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) ที่ประกาศรับเงินเพิ่มทุนอีกรายนั่นคือ Udemy ซึ่งเป็นมาร์เก็ตเพลสสำหรับการเรียนการสอนออนไลน์ โดยรับเงินเพิ่มทุนซีรี่ส์ F 50 ล้านดอลลาร์ ที่มูลค่ากิจการ 3,250 ล้านดอลลาร์ ผู้ลงทุนรอบนี้นำโดย Learn Capital Udemy มีผู้สมัครเรียนบนแพลตฟอร์มมากกว่า 35 ล้านคน มีผู้สอนกว่า 57,000 คน และมีคอร์สเรียนมากกว่า 130,000 คอร์ส ปัจจุบันรายได้สำคัญของ Udemy มาจากบริการตัวใหม่ Udemy for Business ที่ขายให้กับลูกค้าระดับองค์กร เพื่อนำคอร์สที่คัดเลือกแล้วกว่า 7,000 หัวข้อ ไปใช้สำหรับฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร โดย Udemy บอกว่ารายได้ธุรกิจส่วนนี้สูงกว่าระดับ 100 ล้านดอลลาร์ต่อปีแล้ว ที่มา: Udemy
# TP-Link Omada เปิดตัว Wi-Fi 6 Solution เทคโนโลยีล่าสุด เพื่ออนาคตของการใช้งานเครือข่ายระดับองค์กร TP-Link บริษัทจำหน่ายอุปกรณ์เน็ตเวิร์คชั้นนำของโลก จัดงานเปิดตัว Omada Wi-Fi 6 Solution เทคโนโลยีเครือข่ายล่าสุดสำหรับองค์กร โดยเปิดตัวอุปกรณ์ Wi-Fi 6 สำหรับองค์กร ภายใต้แบรนด์ Omada เช่น EAP660 HD และ EAP620 HD และ Hardware Controller รุ่น OC300 ควบคู่ไปกับระบบจัดการเน็ตเวิร์คผ่านคลาวด์อย่าง Omada SDN ที่ช่วยให้การบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาเน็ตเวิร์คผ่านคลาวด์ เป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ในงานคุณ Dave Chen กรรมการผู้จัดการ บริษัท TP-Link Enterprise ประเทศไทย จำกัด ได้เปิดตัวอุปกรณ์ Wi-Fi มาตรฐาน “Wi-Fi AX” หรือ “802.11ax” หรือที่เรียกกันว่า Wi-Fi 6 เทคโนโลยีเครือข่ายแห่งอนาคตที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Wi-Fi 802.11ac โดย Wi-Fi 6 เป็นเทคโนโลยีที่รองรับการใช้งานพร้อมกันจากผู้ใช้จำนวนมากขึ้น มีระบบจัดการความถี่ที่ดีขึ้น รองรับความเร็วสูงสุดที่มากขึ้น และมีการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น เมื่อใช้งานผ่านอุปกรณ์ไร้สาย นอกจากนี้ยังมีคุณเฟื่องลดา สรานี สงวนเรือง CEO & Co Founder of Flourish Digital ร่วมพูดถึงความสำคัญของอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีคลาวด์ และเทคโนโลยี Wi-Fi 6 สำหรับอนาคตของธุรกิจและองค์กร ก่อนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Wi-Fi 6 Solution ของ TP-Link Omada มีรายละเอียดดังนี้ อุปกรณ์ชิ้นแรก เป็น Access Point รุ่น Omada EAP660 HD AX3600 Wireless Dual Band Multi-Gigabit Access Point แบบติดตั้งบนเพดาน รองรับความเร็วสูงสุดที่ 1148 Mbps บนย่านความถี่ 2.4 GHz (4 streams) และ 2402 Mbps บนย่านความถี่ 5 Ghz (4 streams) รองรับความเร็วสูงสุดรวมสองย่านความถี่ที่ 3,550 Mbps มาพร้อมพอร์ต 2.5 Gigabit Ethernet รองรับ PoE+ รองรับการใช้งานกับระบบจัดการเครือข่ายผ่านคลาวด์ Omada SDN: Zero Touch Provisioning (ZTP) และ Omada App และมาพร้อมกับการรองรับเทคโนโลยีใหม่ Wi-Fi 6 ที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุด มีประสิทธิภาพในการรองรับการเชื่อมต่อที่มีจำนวนและความหนาแน่นสูง มากขึ้นกว่า Wi-Fi 5 ถึง 4 เท่า EAP660 HD วางจำหน่ายในราคา 8,990 บาท ชิ้นที่สองคืออุปกรณ์ Access Point รุ่น Omada EAP620 HD AX1800 Wireless Dual Band Multi-Gigabit Access Point แบบติดตั้งบนเพดานอีกรุ่นที่สเปกย่อมเยาลงมา รองรับความเร็วสูงสุดที่ 574Mbps บนย่านความถี่ 2.4 GHz (2 streams) และ 1201 Mbps บนย่านความถี่ 5Ghz (2 streams) รองรับความเร็วสูงสุดรวมสองย่านความถี่ที่ 1,775 Mbps EAP620 HD มีพอร์ต 1 Gigabit Ethernet รองรับ PoE+ และรองรับการใช้งานกับระบบจัดการเครือข่ายผ่านคลาวด์ Omada SDN: Zero Touch Provisioning (ZTP) และ Omada App และมาพร้อมกับการรองรับเทคโนโลยีใหม่ Wi-Fi 6 ที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุดเช่นเดียวกัน วางจำหน่ายในราคา 4,990 บาท ชิ้นสุดท้ายคืออุปกรณ์ Hardware Controller รุ่น OC300 รองรับการเชื่อมต่อ Omada Access Point, สวิตช์ JetStream และเกตเวย์ SafeStream ร่วมกันสูงสุดถึง 500 จุด เป็น Local Controller ที่มี Omada Controller ในตัว และสามารถจัดการได้ผ่านคลาวด์ด้วยระบบ Omada SDN และผ่าน Omada App ทำให้การจัดการจากนอกสถานที่หรือการรีโมตและการจัดการแบบ Multi-Site ทำได้ง่ายขึ้น และสามารถ Update Firmware จากระยะไกลได้ทันที OC300 Hardware Controller วางจำหน่ายในราคา 6,490 บาท นอกจากนี้ในงาน ยังมีการเน้นย้ำถึงคุณสมบัติสามข้อที่โดดเด่นของระบบจัดการเครือข่ายผ่านคลาวด์ Omada SDN สำหรับเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยในการจัดการเครือข่าย ดังนี้ การจัดการ Access Point ได้อย่างง่ายขึ้นจากระยะไกล ไม่จำเป็นที่จะต้องส่งวิศวะไปตามหน้าไซต์งานอีกต่อไป มาพร้อมเทคโนโลยี AI-Driven ช่วยลดสัญญาณรบกวน ฟังก์ชั่นความปลอดภัยขั้นสูงช่วยปกป้องเครือข่าย มั่นใจได้ว่าทุกการเชื่อมต่อของคุณจะปลอดภัย ความเสถียร มีสภาพความพร้อมใช้งานของ SLA 99.99% มีการตรวจจับข้อผิดพลาดอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง นับว่านี่เป็นการเปิดตัวอุปกรณ์ขยายสัญญาณเครือข่ายระดับองค์กรที่พัฒนาเปลี่ยนมาเป็นเทคโนโลยี Wi-Fi 6 ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่และมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งในส่วนของระบบเน็ตเวิร์คบ้านที่เริ่มใช้ Wi-Fi 6 กันมาระยะ และคงถึงเวลาแล้วที่จะอัพเกรดระบบเครือข่ายเน็ตเวิร์คของคุณมาเป็นเทคโนโลยี Wi-Fi 6 เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีและปลอดภัยมากขึ้น ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call center : 02-440-0029 หรือที่เว็บไซต์ https://www.tp-link.com/th
# Duolingo แอปสอนภาษารับเงินทุนก้อนใหม่ มูลค่ากิจการเพิ่มเป็น 2,400 ล้านดอลลาร์ Duolingo แอปสอนภาษาต่างประเทศ ประกาศรับเงินเพิ่มทุน 35 ล้านดอลลาร์ จากผู้ลงทุนสองรายได้แก่ Durable Capital Partners ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายใหม่ และ General Atlantic ซึ่งเป็นผู้ลงทุนเดิม ที่มูลค่ากิจการ 2,400 ล้านดอลลาร์ โดย Duolingo จะนำเงินทุนรอบใหม่นี้ไปลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งรองรับการเติบโตของทีมงาน นอกจากนี้ Duolingo ยังประกาศว่าแอปถูกดาวน์โหลดไปแล้วมากกว่า 500 ล้านครั้ง อีกทั้งรายได้บริษัทก็เติบโตในระดับมากกว่า 100% ติดต่อกัน 3 ปี ซึ่งรายได้ของ Duolingo มาจากการขายโฆษณาบนแอปสำหรับผู้ที่ใช้ฟรี และการขาย subscription Duolingo Plus ที่ตัดโฆษณาออกไปและเข้าถึงฟีเจอร์อื่นเพิ่มเติม Luis von Ahn ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Duolingo กล่าวว่าเป้าหมายของ Duolingo คือการสร้างแพลตฟอร์มเรียนรู้ที่ดีที่สุดในโลก และทำให้คนสามารถเข้าถึงได้ไม่มีข้อจำกัด ที่มา: Duolingo
# Apple รับทราบปัญหาหน้าจอกระพริบหรือจอเขียว บน iPhone 12 ทุกรุ่นแล้ว อาจออกอัพเดตแก้ไข เว็บไซต์ MacRumors ได้รับเอกสารภายในที่ Apple ส่งให้ร้านซ่อมที่ได้รับอนุญาต ระบุถึงปัญหาหน้าจอกะพริบ มีสีเขียวหรือเทา หรือมีปัญหาเกี่ยวกับแสงหน้าจออื่นๆ แล้ว โดยแนะนำว่าอย่าเพิ่งทำการซ่อมโทรศัพท์เหล่านี้ แต่ให้แนะนำผู้ใช้ว่าให้อัพเดต iOS อย่างสม่ำเสมอแทน เป็นไปได้ว่า Apple อาจพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยการออกซอฟต์แวร์อัพเดต หลังก่อนหน้านี้ iPhone 11, 11 Pro และ 11 Pro Max พบปัญหาคล้ายกัน ก่อน Apple จะออกแก้ไขผ่านทางอัพเดต iOS เวอร์ชั่น 13.6.1 ตามมา ปัญหาจอภาพใน iPhone 12 มีการรายงานในฟอรั่มต่างประเทศอย่าง MacRumors และในฟอรั่มซัพพอร์ตของ Apple พอประมาณ โดยพบใน iPhone 12 ทุกรุ่น เมื่อตั้งค่าความสว่างของหน้าจออยู่ที่ประมาณ 90% หรือต่ำกว่า ใน iOS เวอร์ชั่น iOS 14.1, iOS 14.2 และเบต้าทั้งสองเวอร์ชั่นของ iOS 14.3 โดยปัญหาเป็นแบบมาๆ หายๆ ผู้ที่สั่งจองเครื่อง iPhone 12 อย่าลืมเช็คเครื่องให้เรียบร้อยก่อนออกจากร้านทุกครั้ง หรือตรวจสอบเครื่องหลังจากที่ได้รับภายใน 14 วัน ตามนโยบายส่งคืนของ Apple ที่มา - MacRumors
# Capcom โดนแฮ็กระบบ ข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้-เอกสารภายในรั่วไหล Capcom ออกมายอมรับว่าโดนการโจมตี ransomware ในระบบไอทีของบริษัท ส่งผลให้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า-พนักงาน-อดีตพนักงาน-ผู้ถือหุ้น รั่วไหลประมาณ 350,000 รายการ ข้อมูลที่รั่วไหลแตกต่างกันตามแต่ละภูมิภาคและชนิดของบุคคล มีทั้งชื่อ อีเมล วันเกิด ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และวันเกิด แต่ไม่มีข้อมูลบัตรเครดิตที่ Capcom ไม่ได้เก็บรักษาไว้เองตั้งแต่ต้น นอกจากข้อมูลของบุคคลแล้ว ยังมีไฟล์เอกสารทางธุรกิจของ Capcom รั่วไหลออกมาด้วย ซึ่งมีทั้งตัวเลขยอดขาย ข้อมูลการพัฒนาเกม และข้อมูลของพาร์ทเนอร์ธุรกิจ Capcom บอกว่าตรวจพบการบุกรุกเข้าระบบในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2020 และตรวจสอบพบข้อมูลรั่วไหลในวันที่ 12 พฤศจิกายน จนมาเปิดเผยต่อสาธารณะในวันที่ 16 พฤศจิกายน บริษัทระบุว่าเป็นฝีมือของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ชื่อ Ragnar Locker ที่ตั้งใจเจาะเข้ามา Capcom โดยเฉพาะ (targeted attack) ที่มา - Capcom, ภาพจาก Capcom
# เปลี่ยนเถอะ! NordPass เผยพาสเวิร์ดที่มีผู้ใช้มากที่สุดในปี 2020, “123456” ครองอันดับ 1 NordPass บริษัทแอปช่วยเก็บพาสเวิร์ด เปิดเผยพาสเวิร์ดที่มีผู้ใช้มากที่สุด 200 อันดับในปี 2020 ผลออกมาว่า “123456” ขึ้นมาครองตำแหน่งอันดับ 1 จากอันดับ 2 ในปีที่แล้ว โดยมีผู้ใช้กว่า 2.5 ล้านคน และแชมป์เก่าอย่าง “12345” ตกลงไปอยู่อันดับ 8 มีผู้ใช้ประมาณ 1.9 แสนคน ผู้เขียนคาดว่าน่าจะเพราะความยาวไม่ถึง 6 ตัวอักษร ที่เป็นขั้นต่ำของรหัสผ่านในหลายๆ บริการและแอปที่มีคนใช้มากขึ้นในปีนี้ ส่วนอันดับถัดมา “123456789” ครองอันดับ 2 มีผู้ใช้งาน 9.6 แสนคน และ “picture1” สมาชิกใหม่ของลิสต์นี้ ครองอันดับ 3 แบบม้ามืด โดยมีผู้ใช้งานกว่า 3.7 แสนคน แต่เป็นพาสเวิร์ดที่ต้องใช้เวลาแครกนานที่สุดในห้าอันดับแรก คือต้องใช้เวลาแครกประมาณ 3 ชั่วโมง ในขณะที่พาสเวิร์ดอื่นๆ ใช้เวลาแครกไม่ถึงหนึ่งวินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 4-5 คือ “password” เจ้าเก่า และ “12345678” ที่มีผู้ใช้งาน 3.6 และ 3.2 แสนคนตามลำดับ ที่มา - NordPass
# Tencent Music ลงทุนใน Wave ผู้ทำไลฟ์คอนเสิร์ตเสมือนจริง นำคอนเทนต์ลง QQ Music Tencent Music ลงทุนใน Wave บริษัททำ virtual concert จากสหรัฐฯ ไม่ระบุจำนวนเงินลงทุน โดยภายใต้ข้อตกลงนี้ Tencent จะสามารถออกอากาศคอนเสิร์ตใน Wave ได้ในทุกแพลตฟอร์มของ Tencent ไม่ว่าจะเป็น QQ Music, Kugou Music, Kuwo Music และ WeSing ซึ่งสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานหลายร้อยล้านคน Wave ทำ virtual concert ใช้เทคโนโลยีทำกราฟิกเกมแบบเรียลไทม์ ให้ศิลปินเพลงสามารถสร้างอวตารของตัวเองแลพสตรีมสดให้แฟนๆ ดูได้ และสามารถไลฟ์ในโซเชียลได้หลายช่องทางเช่น YouTube, Twitter, Twitch, TikTok, Facebook และ Roblox และในช่วงโรคระบาด คอนเทนต์ของ Wave ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น นอกจากนี้ การเข้ามาลงทุนของ Tencent ยังช่วยขยายคอนเทนต์ Wave เจาะไปยังกลุ่มผู้ใช้งานในจีนได้ด้วย Wave ทำ virtual concert มาแล้วมากกว่า 50 รายการ ตัวอย่างศิลปินเช่น The Weeknd, John Legend, Tinashe และ Lindsey Stirling ภาพจาก Wave ที่มา - Venture Beat
# หมดยุคแปะโน้ตบนตู้เย็น กูเกิลเพิ่มฟีเจอร์ "แปะโน้ตดิจิทัล" บนหน้าจอ Smart Display ในอดีตเราอาจคุ้นเคยกับการแปะกระดาษโน้ตไว้บนตู้เย็น เพื่อส่งข้อความบอกสมาชิกภายในบ้าน (เช่น "ข้าวเย็นอยู่ในตู้") พอมาถึงยุคที่บางบ้านเริ่มมีหน้าจออัจฉริยะ (Smart Display) วางไว้เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนกลางในห้องนั่งเล่นหรือในครัว กูเกิลจึงเพิ่มฟีเจอร์ Family Notes ให้เป็นการแจ้งเตือนแบบเดียวกัน รูปแบบของ Family Notes เป็นเหมือนการแปะโน้ตยุคก่อนทุกประกาศ แต่แทนที่จะแปะไว้หน้าตู้เย็นหรือประตู ก็เปลี่ยนมาแสดงบนหน้าจอ Smart Display แทน ส่วนวิธีการเขียนโน้ตก็สามารถสั่งงานด้วยเสียง เช่น “Hey Google, leave a family note that says defrost the pie” ได้เลย หน้าจอ Smart Display สายกูเกิลยังมีฟีเจอร์อีกตัวคือ Family Bell หรือประกาศเตือนสำหรับสมาชิกในบ้าน (เช่น "หมดเวลาเล่นแล้ว อาบน้ำกินข้าวได้") ซึ่งสามารถประกาศได้ทั้งทางเสียงผ่านลำโพง แสดงข้อความบนหน้าจอ Smart Display รวมถึงขึ้นเตือนในสมาร์ทโฟน ฟีเจอร์นี้มีได้สักระยะและได้รับความนิยมไม่น้อย ล่าสุดกูเกิลเพิ่มเสียงแจ้งเตือนใหม่ เพิ่มวิธีการตั้งประกาศ (สั่ง “Hey Google, create a Family Bell.”) และจะเพิ่มฟีเจอร์ให้หยุดประกาศเป็นบางวัน (เช่น เสาร์อาทิตย์) ได้ด้วย ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้ได้กับอุปกรณ์ Smart Display สายกูเกิล เช่น Nest Hub Max หรือของผู้ผลิตยี่ห้ออื่นๆ ที่รองรับ Google Assistant ที่มา - Google
# YouTube เปิดตัวโฆษณาแบบเสียง เจาะกลุ่มคนใช้เพื่อฟังเพลงเฉยๆ หรือฟังพอดคาสต์ YouTube เปิดตัวโฆษณาแบบเสียง หรือ Audio ads เจาะกลุ่มคนใช้ YouTube เพื่อฟังเพลงเฉยๆ หรือฟังพอดคาสต์ โดยรูปแบบโฆษณาเสียงจะเหมือนกับโฆษณาที่มีอยู่ใน Spotify เว็บไซต์ Variety รายงานก่อนหน้านี้ว่าโฆษณาแบบเสียงของ YouTube มีความยาวราว 15 วินาทีและมาพร้อมวิดีโอแอนิเมชั่นด้วย โดย YouTube ระบุว่าโฆษณาแบบเสียงช่วยสร้างการรับรู้ของแบรนด์ผู้ลงโฆษณามากขึ้น นอกจากนี้กูเกิลยังเพิ่มฟีเจอร์ dynamic music lineups แบ่งประเภทเพลงตามแนวเพลงยอดนิยมเช่น K-Pop และฮิปฮอป ให้นักการตลาดกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่มมากขึ้น ภาพประกอบจาก YouTube ตัวอย่างโฆษณาแบบเสียง (audio ads) พร้อมภาพประกอบเล็กน้อย ที่มา - Google, Engadget
# ประกาศรายชื่อผู้ท้าชิงหมวดหลักอื่นๆ ใน The Game Awards 2020 นอกจากหมวด Game of The Year แล้ว The Game Awards ยังเปิดเผยรายชื่อผู้ท้าชิงในหมวดอื่น โดยหมวดหลักๆ มีดังนี้ Best Game Direction รางวัลสำหรับนวัตกรรมในการออกแบบเกมที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่ ได้แก่ Final Fantasy VII Remake Ghost of Tsushima Hades Half-Life: Alyx The Last of Us Part II Best Narrative รางวัลสำหรับการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม ได้แก่ 13 Sentinels: Ageis Rim Final Fantasy VII Remake Ghost of Tsushima Hades The Last of Us Part II Best Art Direction รางวัลสำหรับการออกแบบศิลป์ยอดเยี่ยม ได้แก่ Final Fantasy VII Remake Ghost of Tsushima Hades Ori and the Will of the Wisps The Last of Us Part II Best Score and Music รางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยม ได้แก่ Doom Eternal Final Fantasy Vii Remake Hades Ori and The Will of the Wisps The Last of Us Part II Best Audio Design รางวัลการออกแบบเสียงยอดเยี่ยม ได้แก่ Doom Eternal Half-Life: Alyx Ghost of Tsushima Resident Evil 3 The Last of Us Part II Best Performance รางวัลพากย์เสียง/โมชั่นแคปเจอร์ ในเกมยอดเยี่ยม ได้แก่ Ashley Johnson ในบท Ellie (The Last of Us Part II) Laura Bailey ในบท Abby (The Last of Us Part II) Daisuke Suji ในบท Jin Sakai (Ghost of Tsushima) Logan Cunningham ในบท Hades (Hades) Nadji Jater ในบท Miles Morales (Spider-Man: Miles Morales) Game for Impact รางวัลเกมสร้างกระทบและสะท้อนสังคมยอดเยี่ยม ได้แก่ If Found… Kentucky Zero: TV Edition Spiritfarer Tell Me Why Through the Darkest of Times Best Ongoing รางวัลเกมแบบให้บริการต่อเนื่องยอดเยี่ยม ได้แก่ Apex Legends Destiny 2 Call of Duty: Warzone Fortnite No Man’s Sky Best Indy รางวัลเกมจากค่ายเกมอิสระยอดเยี่ยม ได้แก่ Carrion Fall Guys: Ultimate Knockout Hades Spelunky 2 Spiritfarer Best Mobile Game รางวัลเกมมือถือยอดเยี่ยม ได้แก่ Among Us Call of Duty Mobile Genshin Impact Legends of Runeterra Pokemon Cafe Mix Best VR/AR เกม VR/AR ยอดเยี่ยม ได้แก่ Dreams Half-Life: Alyx Marvel’s Iron Man VR Star Wars: Squadrons The Walking Dead: Saints and Sinners Best Action Game เกมแอ็กชั่นยอดเยี่ยม ได้แก่ Doom Eternal Hades Half-Life: Alyx Nioh 2 Streets of Rage 4 Best Action/Adventure Game เกมแอ็กชั่นผจญภัยยอดเยี่ยม ได้แก่ Assassin’s Creed Valhalla Ghost of Tsushima Spider-Man: Miles Morales Ori and The Will of the Wisps Star Wars Jedi: Fallen Order The Last of Us Part II Best Role Playing เกมสวมบทบาทยอดเยี่ยม ได้แก่ Final Fantasy Vii Remake Genshin Impact Persona 5 Royal Wasteland 3 Yakuza: Like A Dragon Best Fighting เกมต่อสู้ยอดเยี่ยม ได้แก่ Granblue Fantasy: Versus Mortal Kombat 11 Ultimate Street Fighter V: Champion Edition One Punch Man: A Hero Nobody Knows Under Night In-Birth Exe: Late[CL-R] Best Family เกมสำหรับครอบครัวยอดเยี่ยม ได้แก่ Animal Crossing: New Horizons Crash Bandicoot 4: It’s About Time Fall Guys: Ultimate Knockout Mario Kart Live: Home Circuit Paper Mario: The Origami King Best Sim/Strategy เกมจำลองสถานการณ์ และเกมวางแผนยอดเยี่ยม ได้แก่ Crusader Kings 3 Desperados III Gear Tactics Microsoft Flight Simulator Xcom: Chimera Squad Best Sport/Racing เกมกีฬาและแข่งรถยอดเยี่ยม ได้แก่ Dirt 5 F1 2020 Fifa 2021 NBA 2K21 Tony Hawk’s Pro Skater 1+2 Best Multiplayer เกมผู้เล่นหลายคนยอดเยี่ยม ได้แก่ Animal Crossing: New Horizons Among Us Call of Duty: Warzone Fall Guys: Ultimate Knockout Valorant ดูรายชื่อเกมหมวดอื่นๆ ที่เข้าชิงแบบเต็มได้ที่นี่ ที่มา - The Game Awards
# The Game Awards ประกาศ 6 เกมเข้าชิง Game of the Year The Game Awards ประกาศ 5 เกมชิงรางวัล Game of the Year ปีนี้ได้แก่ Doom Eternal จาก idSoftware Final Fantasy VII Remake จาก Square Enix Ghost of Tsushima จาก Sucker Punch Hades เกมอินดี้หนึ่งเดียวจาก Supergiant Games Animal Crossing: New Horizons จาก Nintendo The Last of Us Part II จาก Naughty Dog (ติดมาได้ไง) The Game Awards จะจัดแบบออนไลน์วันที่ 10 ธันวาคมนี้ ที่มา - The Game Awards
# ธนาคารกสิกรไทยขยายจุดยืนยันตัวตนเปิดบัญชีใหม่ผ่าน 7-Eleven ทั่วประเทศ ธนาคารกสิกรไทยประกาศขยายจุดยืนยันตัวตน สำหรับการเปิดบัญชี KBank-eSavings แบบไม่ต้องไปธนาคาร โดยสามารถไปยืนยันตัวตนผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสใน 7-Eleven กว่า 12,500 แห่งทั่วประเทศได้แล้ว เพียงใช้แค่บัตรประชาชน กระบวนการเปิดบัญชีเงินฝาก eSavings สามารถเริ่มเปิดผ่าน K PLUS ก่อนแล้วค่อยไปยืนยันตัวตนตามจุดที่ธนาคารกสิกรไทยกำหนด เช่น ตู้ ATM, บิ๊กซี, ที่ทำการไปรษณีย์, Kerry, CJ Supermarket, ร้านจิ๊ฟฟี่, ศรีสวัสดิ์, โกลบอลเฮ้าส์ ศูนย์บริการดีแทคและ 7-Eleven ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
# Google ขยายเส้นตาย แอปที่จะขอโลเคชันเบื้องหลัง ต้องผ่านการรับรองภายในมีนาคม 2021 ต้นปีที่ผ่านมา Google ประกาศขีดเส้นตายให้แอปที่จะขอเข้าถึงโลเคชันเบื้องหลัง ขณะที่แอปไม่ได้เปิดใช้งาน (background location) จำเป็นต้องยื่นเรื่องให้ Google อนุมัติ โดยตั้งเส้นตายเอาไว้ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ล่าสุด Google ขยายเดดไลน์ไปเป็นปีหน้าแทน โดยหากเป็นแอปใหม่จะต้องยื่นเรื่องให้ได้การรับรองภายใน 8 มกราคม 2021 แต่หากเป็นแอปเก่าที่ขึ้นสโตร์อยู่แล้ว จะต้องยื่นเรื่องภายใน 29 มีนาคม 2021 ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Google พยายามปรับนโยบายและฟีเจอร์ของ Android ให้มีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ที่มา - xda
# SpaceX ยื่นขอทดสอบให้บริการอินเทอร์เน็ต Starlink บนเครื่องบิน เริ่มจากเครื่องบินส่วนตัว Gulfstream SpaceX ยื่นขออนุญาตให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย Starlink บนเครื่องบิน Gulfstream จำนวน 5 ลำเพื่อทดสอบการให้บริการ โดยพื้นที่ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ก่อนขึ้นบินและระหว่างบินทั้งเหนือแผ่นดินและน่านน้ำสหรัฐฯ การให้บริการอินเทอร์เน็ตระหว่างการบินนับเป็นตลาดสำคัญของ Starlink นอกเหนือจากการให้บริการในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากอินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินทุกวันนี้มีราคาแพงมาก และพื้นที่ให้บริการจำกัด โดยก่อนหน้านี้ SpaceX ก็เคยขอทดสอบบริการอินเทอร์เน็ตบนเรือของตัวเองมาก่อนแล้ว ตอนนี้ Starlink ยังมีพื้นที่ให้บริการจำกัด และการให้บริการเป็นวงกว้างต้องอาศัยสถานีฐานจำนวนมาก เฉพาะในสหรัฐฯ เองก็ต้องการสถานีฐานนับร้อยแห่ง น่าสนใจว่าการให้บริการบนเครื่องบินโดยเฉพาะในพื้นที่มหาสมุทรที่ไม่มีจุดตั้งสถานีฐานจะมีประสิทธิภาพเพียงใด ที่มา - CNBC
# Google รีดีไซน์ Google Pay ใหม่พร้อมเปลี่ยนโลโก้, เปิดตัว Plex เปิดบัญชีธนาคารผ่านแอป Google ประกาศรีแบรนด์ Google Pay ใหม่ เปลี่ยนทั้งโลโก้และดีไซน์ตัวแอป พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ที่ช่วยให้การโอนเงินให้เพื่อนหรือจ่ายเงินให้ร้านค้าประจำทำได้ง่ายขึ้น หรือการสร้างกลุ่มเพื่อน สำหรับบันทึกค่าใช้จ่ายและหารเงินเพื่อจ่ายในภายหลัง นอกจากนี้ Google Pay ยังทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินมากขึ้น ด้วยการเก็บบัตรสะสมแต้มหรือคูปองส่วนลดต่าง ๆ และสรุปบัญชีการใช้จ่ายของเจ้าของแอปให้ด้วย สุดท้ายคือ Google Pay ได้จับมือกับธนาคารและสหกรณ์เครดิตยูเนียนที่เป็นพาร์ทเนอร์เปิดตัว Plex บัญชีเงินฝากภายในแอปที่สามารถเปิดบัญชีและจัดการได้ทุกอย่างผ่าน Google Pay โดยพาร์ทเนอร์ตอนนี้มี Citi และ Stanford Federal Credit Union Plex จะเปิดให้บริการปีหน้าและจะมีธนาคาร/สหกรณ์เครดิตยูเนียนเข้าร่วมอีกราว 11 เจ้า ที่มา - Google Blog
# PlayStation จับมือ Transport for London เปลี่ยนป้ายสถานีใต้ดินเป็นสัญลักษณ์จากบนจอย เราน่าจะคุ้นเคยป้ายสถานีใต้ดินหรือ Underground ของอังกฤษที่ใช้สัญลักษณ์เป็นวงกลมสีแดง ซึ่งโลโก้ดังกล่าวไปสอดคล้องกับปุ่มวงกลมสีแดงที่เป็นหนึ่งในกิมมิคของ PlayStation ทำให้ PlayStation ไปร่วมมือกับ Transport for London เปลี่ยนป้าย Underground สถานี Oxford Circus กลางกรุงลอนดอนจากเดิมที่มีแต่วงกลมสีแดง ให้เพิ่มสี่เหลี่ยมสีชมพู, กากบาทสีน้ำเงินและสามเหลี่ยมสีเขียวเข้ามาให้ครบองก์ เพื่อฉลองการเปิดตัว PS5 ในยุโรป ที่มา - TfL
# Azul Systems เปิดตัว OpenJDK สำหรับ Apple Silicon Azul Systems บริษัทสาย Java เปิดตัว Zulu OpenJDK รุ่น 8 (LTS), 11 (LTS), 13 และ 16 (Early Access) สำหรับแมคที่ใช้ Apple Silicon เป็นเจ้าแรก สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีผ่านทางเว็บไซต์ หรือสามารถซื้อรุ่นพร้อมซัพพอร์ทผ่านทาง Zulu Enterprise subscription plans อย่างไรก็ตามยังไม่พบลิงค์ดาวน์โหลดสำหรับ Java 15 รุ่นปัจจุบัน ทั้งนี้ Azul Systems เป็นผู้นำในการร่าง JEP 391 (JDK Enhancement Proposals) เมื่อเดือนสิงหาคม 2020 ที่ผ่านมาเพื่อเพิ่มการรองรับ Apple Silicon โดยคาดว่า JEP นี้จะถูกควบรวมเข้ากับ Java 16 ที่มีกำหนดออกในเดือนมีนาคม 2021 ซึ่งจะมาพร้อมกับการรองรับ Alpine Linux ผ่าน JEP 386 และ Windows (ARM64) ผ่าน JEP 388 ต่อไป ที่มา: Azul
# Apple ออก TensorFlow เวอร์ชัน fork สำหรับ macOS ทำงานเร็วขึ้น 7 เท่า เมื่อเป็นชิป M1 แอปเปิลปล่อย TensorFlow 2.4 เวอร์ชัน fork ที่ปรับแต่งให้ทำงานได้ดีขึ้นบน Mac ทั้งรุ่นที่ใช้ซีพียูอินเทล และรุ่นที่ใช้ชิป M1 ทำให้นักพัฒนาสามารถดึงประสิทธิการทำงานของหน่วยประมวลที่สูงสุดระดับซีพียู 8 คอร์ และจีพียู 8 คอร์ ได้ แอปเปิลยังลงผลการทดสอบเปรียบเทียบเวลาที่ใช้ในการเทรนโมเดลแต่ละ batch โดยเทียบระหว่าง TensorFlow 2.3 เดิม และรุ่น fork บนเครื่องซีพียูอินเทล และ M1 พบว่าเวลาที่ใช้เร็วขึ้นถึง 7 เท่าเมื่อประมวลผลบน MacBook Pro จอ 13 นิ้ว ชิป M1 ผู้ใช้ Mac สามารถดาวน์โหลดได้ที่ GitHub โดยโครงการ TensorFlow กล่าวว่าในอนาคตจะนำเวอร์ชัน fork นี้มารวมกับ master branch ของโค้ดหลัก ที่มา: TensorFlow
# NVIDIA ไตรมาสล่าสุด รายได้-กำไร ทำสถิติสูงสุดต่ออีกไตรมาส NVIDIA รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ตามปีการเงินบริษัทสิ้นสุดวันที่ 25 ตุลาคม 2020 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 57% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 4,726 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ เป็นสถิติใหม่สูงสุดของบริษัท ส่วนกำไรสุทธิ 1,336 ล้านดอลลาร์ เป็นสถิติสูงสุดเช่นกัน รายได้จากกลุ่มธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพิ่มขึ้นเป็น 1,900 ล้านดอลลาร์ (+162%) ส่วนธุรกิจเกมกลับมาเป็นรายได้ส่วนใหญ่ของ NVIDIA อีกครั้ง โดยมีรายได้ 2,271 ล้านดอลลาร์ (+37%) ส่วนกลุ่ม Professional Visualization และยานยนต์ (Automotive) มีรายได้ 236 และ 125 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ ซีอีโอ Jensen Huang กล่าวว่า NVIDIA ทำสถิติรายได้ทั้งธุรกิจเกมและ Data Center โดยมี จีพียู GeForce RTX เป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่ที่สุด และความต้องการสินค้าก็สูง ส่วน NVIDIA RTX ก็สร้างมาตรฐานใหม่ในธุรกิจเกมมิ่ง ด้านธุรกิจ AI ตอนนี้ NVIDIA วางตำแหน่งที่จะขยายแพลตฟอร์มจากคลาวด์ ไปสู่อุปกรณ์หลายล้านล้านตัว จากดีลซื้อกิจการ ARM ที่มา: NVIDIA
# Elastic Stack 7.10 ออกแล้ว: Kibana Lens เข้าสู่สถานะ GA, เพิ่มฟีเจอร์ snapshot แบบเสิร์ชได้ Elastic ผู้พัฒนาชุดซอฟต์แวร์ Elastic Stack ประกาศออกเวอร์ชัน 7.10 อย่างเป็นทางการ โดยฟีเจอร์เด่นรอบนี้ Elasticsearch เริ่มทดสอบระบบ snapshot แบบเสิร์ชได้ และ Kibana Lens เข้าสู่สถานะ GA ฟีเจอร์ชูโรงของ Elastic Stack 7.10 รอบนี้คือระบบ snapshot แบบเสิร์ชได้ จากเดิมที่ snapshot ของ Elasticsearch มีเป้าหมายคือเป็นที่เก็บข้อมูลระยะยาวบนสตอเรจราคาถูกอย่าง Amazon S3, Azure Storage หรือ Google Cloud Storage ระบบจึงออกแบบมาให้เก็บอย่างเดียว แต่มีข้อเสียคือไม่สามารถเสิร์ชได้ ถ้าต้องการเสิร์ชจะต้องรีสโตร์ขึ้นมา ซึ่ง snapshot แบบเสิร์ชได้จึงจะเข้ามาแก้ไขข้อนี้ คือ Elasticsearch สามารถเก็บ snapshot ไว้บนสตอเรจราคาถูกแต่ยังคงเสิร์ชได้ รายละเอียดเกี่ยวกับ snapshot แบบเสิร์ชได้ อ่านเพิ่มเติมที่บล็อกของ Elastic โดยตอนนี้ฟีเจอร์ยังอยู่ในขั้นทดสอบ ส่วนฝั่งของ Kibana หลังจากที่ปล่อยฟีเจอร์ Kibana Lens ระบบปรับแดชบอร์ดแบบลากวางมาได้สักระยะ ตอนนี้เข้าสู่สถานะ GA อย่างเป็นทางการแล้ว โดยรายละเอียดเกี่ยวกับ Kibana Lens อ่านเพิ่มเติมได้ที่บล็อกของ Elastic ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น EQL หรือ Event Query Language เข้าสู่สถานะเบต้า Elasticsearch ใช้ระบบ stored field compression แบบใหม่ ลดการใช้พื้นที่ได้สูงสุดถึง 10% ประสิทธิภาพในการค้นหาสูงขึ้น โดยเฉพาะคำสั่ง date histogram aggregation ที่ประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่า 50% ฟิลด์ประเภท wildcard รองรับการคิวรีแบบ case insensitive รองรับค่า integer ประเภท unsigned 64-bit ที่แสดงผลค่าตัวเลขได้ตั้งแต่ 0 จนถึง 2^64-1 datatype ประเภทเวอร์ชัน เป็นฟิลด์ประเภท keyword ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับค่าประเภทซอฟต์แวร์เวอร์ชัน สามารถเรียงค่าได้ เช่น 2.1.0 < 2.4.1 < 2.11.2 เป็นต้น Logstash มาพร้อม JDK ในตัว จากเดิมที่จะต้องติดตั้งแยก โดย Logstash เวอร์ชันนี้จะมาพร้อม AdoptOpenJDK 11 พร้อมกับซัพพอร์ตแบบ LTS แต่ถ้าผู้ใช้ต้องการเรียกใช้ Logstash ให้รันผ่าน JDK ตัวอื่นก็ยังคงเซ็ทผ่าน JAVA_HOME ได้ตามปกติ ที่มา - Elastic (1, 2, 3) ภาพจาก Elastic
# Mozilla ยกโครงการ Servo เอนจินแสดงผลเว็บของ Firefox ให้ Linux Foundation ดูแลต่อ Mozilla ประกาศยกโครงการ Servo เอนจินแสดงผลเว็บตัวใหม่ของ Firefox ที่เขียนด้วยภาษา Rust มาตั้งแต่ปี 2012 (ภายหลังพัฒนาเป็น Firefox Quantum) ให้ Linux Foundation ดูแลต่อแทน จุดเด่นของ Servo คือทำงานเร็ว, รองรับมัลติคอร์เต็มรูปแบบ และเขียนด้วยภาษา Rust ที่ปลอดจากปัญหาหน่วยความจำ นอกจาก Firefox แล้ว ปัจจุบันยังมีซัมซุง, Let's Encrypt, Three.js ที่นำไปใช้งาน โดย Servo ถือเป็นซอฟต์แวร์โครงการใหญ่ที่สุดที่สร้างด้วย Rust นอกเหนือจากตัวคอมไพเลอร์ของ Rust เอง Mozilla บอกว่าตัดสินใจให้ Servo "จบการศึกษา" จาก Mozilla ไปเติบโตต่อในวงกว้างขึ้น และหวังว่าการไปอยู่กับ Linux Foundation จะเห็นการนำ Servo ไปใช้มากขึ้นเช่นกัน ตอนนี้ Servo มีหน้าเว็บของตัวเองแล้วที่ servo.org ที่มา - Linux Foundation, Mozilla
# Embracer Group บริษัทเกมสวีเดน ประกาศซื้อสตูดิโอรวดเดียว 11 แห่ง รวมเป็น 58 แห่ง มาถึงปี 2020 เราอาจเห็นไมโครซอฟท์ผงาดขึ้นมาเป็นเจ้าแห่งการซื้อสตูดิโอเกม แต่ Embracer Group กลุ่มบริษัทเกมจากสวีเดน (บริษัทแม่ของ THQ Nordic) ก็โชว์ความเก๋ากว่า ด้วยการประกาศซื้อสตูดิโอเกมรวดเดียว 11 บริษัท ชื่อเดิมของ Embracer Group คือ Nordic Games ที่เริ่มต้นจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายเกมในปี 2008 และขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยการซื้อไลเซนส์เกม-สตูดิโอเกมเข้ามาในสังกัด ตัวบริษัทแม่เปลี่ยนชื่อเป็น Embracer Group ในปี 2019 เพื่อให้ต่างจากสตูดิโอในเครือ ส่วน Nordic Games เปลี่ยนชื่อเป็น THQ Nordic ในปี 2016 หลังเข้าซื้อทรัพย์สินทางปัญญาจาก THQ ที่ล้มละลายไป เกมเด่นของ Embracer ได้แก่ซีรีส์ Alone in the Dark, Darksiders, Red Faction, Saints Row (ของ THQ เดิม), Dead Island, Metro, Risen (ของ Deep Silver ซื้อมาปี 2018), Goat Simulator (Coffee Stain) เป็นต้น เมื่อเดือนสิงหาคม 2020 Embracer เพิ่งประกาศซื้อสตูดิโอทั้งหมด 7 แห่ง ที่เด่นๆ คือ 4A Games ที่พัฒนาเกมซีรีส์ Metro เดือนนี้ Embracer ประกาศซื้อสตูดิโออีก 11 แห่งจากหลายประเทศ (ส่วนใหญ่จากในยุโรป) เป็นสตูดิโอขนาดเล็กไม่เกิน 100 คนเกือบทั้งหมด ที่เด่นๆ คือ Quantic Lab จากโรมาเนีย, Mad Head Games จากเซอร์เบีย เป็นต้น ปัจจุบัน Embracer มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 5,000 คน มีสตูดิโอเกมทั้งหมด 58 แห่ง แยกเป็น 6 กลุ่มบริษัทย่อยภายในบริษัท มีโครงการเกมที่กำลังพัฒนาอยู่ 135 เกม โดยซีอีโอ Lars Wingefors ให้สัมภาษณ์ไว้ชัดเจนว่าต้องการซื้อสตูดิโอเพิ่มเติมอีก ที่มา - VentureBeat
# 1Password ออกอัพเดตบน Mac: รองรับ Big Sur, เพิ่มฟีเจอร์ปลดล็อกผ่าน Apple Watch 1Password ออกอัพเดตเวอร์ชัน 7.7 สำหรับ Mac พร้อมฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง โดยฟีเจอร์ชูโรงรอบนี้คือรองรับการปลดล็อกผ่าน Apple Watch เพิ่มเติมจากที่ปัจจุบันรองรับ Touch ID บน Mac ฟีเจอร์แรกคือ 1Password รองรับการปลดล็อกด้วย Apple Watch โดยฟีเจอร์นี้จะรองรับตั้งแต่ macOS 10.15 เป็นต้นไป วิธีตั้งค่าคือไปที่ preferences เพื่อเปิดโหมดปลดล็อกด้วย Apple Watch ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับเมนูปลดล็อกด้วย Touch ID หลังจากตั้งค่าแล้ว เมื่อเปิดใช้งาน 1Password บน Mac จะมีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นใน Apple Watch และกดสองครั้งก็จะล็อกอินได้แล้ว ซึ่งวิธีปลดล็อกแบบนี้สะดวกมากกรณีที่วาง MacBook ไว้ในจุดที่เอื้อมไปแตะ Touch ID ยาก ฟีเจอร์อื่นที่มาพร้อมอัพเดตรอบนี้ เช่น ระบบแนะนำรหัสผ่านใน Safari ปรับปรุงให้แสดงเหมือน iCloud Keychain รองรับบัตรจาก Privacy ที่เพิ่งเปิดตัวไป ปรับ UI หน้ารายละเอียดเกี่ยวกับไอเท็มให้ดูสะอาดตาขึ้น ซัพพอร์ต macOS 11 Bug Sur ที่มา - 1Password ภาพจาก 1Password
# ถอยครึ่งก้าว แอปเปิลลดค่าธรรมเนียม App Store ให้บริษัทรายได้ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์เหลือ 15% แอปเปิลประกาศลดค่าธรรมเนียมให้บริษัทที่ทำรายได้ไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ทำให้สามารถขายแอปบน App Store โดยเสียค่าธรรมเนียมเพียง 15% จากเดิม 30% ในชื่อโครงการ App Store Small Business Program โครงการนี้จะเริ่มวันที่ 1 มกราคม 2021 โดยนักพัฒนาสามารถสมัครได้ในเดือนธันวาคมนี้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้ นักพัฒนาต้องสร้างรายได้ผ่าน App Store ไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 หรืออาจจะเป็นนักพัฒนาใหม่ก็ได้ หากนักพัฒนาทำรายได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์ระหว่างปี ส่วนที่เกินจะถูกเก็บค่าธรรมเนียม 30% หากนักพัฒนามีรายได้ลดลงจนปีใดเหลือรายได้ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ จะสามารถสมัครเข้าโครงการได้ในปีถัดไป ปีนี้นับว่าแอปเปิลถูกวิจารณ์อย่างหนักต่อนโยบายการเก็บค่าธรรมเนียม 30% และยังห้ามไม่ให้แอปต่างๆ ใส่ช่องทางจ่ายเงินจากภายนอก หรือบังคับรองรับ In-App Purchase ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 30% ที่ผ่านมานักพัฒนาหลายกลุ่มแสดงความไม่พอใจ เช่น กลุ่มนักพัฒนาในเกาหลีใต้ หรือค่ายเกม Epic ที่มา - Apple
# ที่ชาร์จ MagSafe Duo ต้องใช้หัวชาร์จ 27W ถึงจะจ่ายไฟสูงสุดได้ที่ 14W แม้ที่ชาร์จ MagSafe ที่ออกมาก่อนหน้านี้ จะชาร์จ iPhone 12, 12 Pro และ 12 Pro Max ได้สูงสุด 15W และสูงสุด 12W สำหรับ iPhone 12 Mini เมื่อใช้กับที่ชาร์จ USB-C 20W ของ Apple แต่ล่าสุด ข้อมูล MagSafe Duo ที่ชาร์จ MagSafe แบบสองอุปกรณ์ที่กำลังจะวางจำหน่ายตามมา ระบุบนเว็บไซต์ Apple ไว้ ว่าหากใช้ที่ชาร์จ 20W จะชาร์จได้สูงสุดที่ 11W เท่านั้น ถ้าต้องการชาร์จให้กำลังไฟสูงสุดถึง 14W จะต้องใช้ที่ชาร์จ USB-C 27W ขึ้นไป ซึ่งผู้ใช้ก็ต้องซื้อเพิ่มเองอีกชิ้น แต่กระนั้นไม่ว่าจะเป็น MagSafe หรือ MagSafe Duo ก็อาจไม่ได้ชาร์จเต็มกำลังไฟสูงสุดตลอดเวลา แต่มีการจัดการกำลังไฟอัตโนมัติตามอุณหภูมิและสภาวะแบตเตอรี่ รวมถึงการชาร์จแบบ MagSafe ก็ยังเป็นการชาร์จไร้สาย ยังใช้พลังงานมากกว่าการชาร์จแบบมีสายทั่วไป แต่ก็แลกมาด้วยความสะดวกสบายที่มากกว่า ที่มา - MacRumors
# ไมโครซอฟท์เปิดตัว Pluton ชิปความปลอดภัยของตัวเอง เหมือนเป็น TPM แต่ฝังในซีพียู ไมโครซอฟท์เปิดตัวชิปความปลอดภัย Pluton ที่ดีไซน์เอง จะฝังในตัวซีพียูเลยเพื่อความปลอดภัยที่ดีกว่าเดิม แทนการใช้ชิป Trusted Platform Module (TPM) แยกจากซีพียูแบบของเดิม ไมโครซอฟท์บอกว่า TPM ถูกใช้เก็บรักษาข้อมูลลับ (เช่น รหัสผ่าน คีย์ ลายนิ้วมือ) ในฮาร์ดแวร์มายาวนาน และตอนนี้เริ่มเจอการโจมตีแบบใหม่ๆ อย่างการดักข้อมูลระหว่างทางขณะส่งจากซีพียูไปกลับ TPM ทางแก้ในเชิงระบบคือย้าย TPM ไปอยู่ในตัวซีพียูเลย ตอนนี้เรายังไม่เห็นรายละเอียดของ Pluton มากนักว่าภายในทำงานอย่างไร ไมโครซอฟท์บอกเพียงว่าพัฒนาขึ้นบนแนวคิดรักษาความปลอดภัยตั้งแต่ chip-to-cloud โดยใช้ประสบการณ์จากการออกแบบชิปความปลอดภัย Xbox One และ Azure Sphere ที่ออกแบบชิปเอง มาใช้กับ Pluton ซึ่งรูปแบบการใช้งานคือพีซีวินโดวส์ ในช่วงแรก Pluton จะทำงานเหมือน TPM แต่อยู่ในซีพียูแทน จึงใช้กับ API ของ TPM เดิมได้หมด แต่ในอนาคตไมโครซอฟท์จะพัฒนาการทำงานด้านอื่นๆ เพิ่มเข้ามาด้วย ตัวอย่างคือระบบการอัพเดตเฟิร์มแวร์ความปลอดภัย ที่ปัจจุบันมีวิธีการอัพเดตกระจัดกระจายขึ้นกับผู้ผลิต ในอนาคตไมโครซอฟท์จะปล่อยอัพเดตผ่าน Windows Update ให้หมด โดยใช้ Pluton เป็นตัวช่วยตรวจสอบอีกชั้น ชิป Pluton ถูกฝังในซีพียู ซึงไมโครซอฟท์ก็ประกาศว่าร่วมมือกับผู้ผลิตซีพียูยักษ์ใหญ่ 3 รายคือ Intel, AMD, Qualcomm นำ Pluton ไปใส่ไว้ในซีพียูรุ่นใหม่ของทั้ง 3 บริษัทในอนาคตต่อไป (ยังไม่ระบุช่วงเวลา) ตัวอย่างสถาปัตยกรรมของ AMD ที่ฝัง Pluton ที่มา - Microsoft
# Ubisoft เผย Valhalla ทำสถิติยอดขายเปิดตัวสูงที่สุดเหนือ Assassin’s Creed ทุกภาค Ubisoft ประกาศความสำเร็จของ Assassin’s Creed Valhalla ว่าเป็นเกมตระกูล Assassin’s Creed ภาคที่เปิดตัวด้วยยอดขายสัปดาห์แรกสูงสุดในทุกภาค (ยังไม่ประกาศตัวเลข) และเป็นเกมพีซีของ Ubisoft ที่มียอดขายช่วงเปิดตัวเยอะที่สุด สร้างสถิติยอดขายของ Ubisoft Store อีกด้วย Ubisoft ยังเผยว่าผู้เล่น Valhalla ออกเดินทางรวมกันแล้ว 4 ล้านกิโลเมตร มีสิ่งปลูกสร้างภายในเกม 55 ล้านหลัง และเล่นเกมแข่งดื่มไปแล้ว 1.8 ล้านคน (แต่ไม่บอกว่ามีเลี้ยงแมวกี่ตัว) Julien Laferrière โปรดิวเซอร์ของ Valhalla ระบุว่าการเปิดขายเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะมีแผนออกคอนเทนต์เสริมอีกมากเพื่อให้ผู้เล่นสนุกกับโลกของไวกิ้งไปอีกนาน Ubisoft ยังเปิดเผยว่าเกมใหญ่ระดับ Valhalla ต้องใช้สตูดิโอร่วมพัฒนาทั้งหมด 14 แห่ง นำโดยสตูดิโอหลัก Ubisoft Montreal และสตูดิโอภายในอีก 12 แห่ง ได้แก่ Ubisoft Sofia, Ubisoft Singapore, Ubisoft Montpellier Ubisoft Barcelona, Ubisoft Kyiv, Ubisoft Bordeaux, Ubisoft Shanghai, Ubisoft Chengdu, Ubisoft Philippines, Ubisoft Quebec, Ubisoft Bucharest, Ubisoft Pune กับบริษัทภายนอกอีก 1 แห่งคือ Sperasoft ก่อนหน้านี้เพิ่งมีสถิติ Assassin's Creed Valhalla แชมป์เกมขายดีในอังกฤษ แซงหน้า Black Ops Cold War ที่มา - Ubisoft
# กลุ่มผู้ทดสอบวัคซีน Pfizer ติด COVID-19 ครบ สรุปประสิทธิภาพ 95% พัฒนากล่องขนย้ายแล้ว Pfizer และ BioNTech รายงานว่ากลุ่มอาสาสมัครที่ทดสอบวัคซีน BNT162b2 มีผู้ติด COVID-19 รวม 170 คนครบจำนวนตามที่ตั้งไว้ทำให้สรุปประสิทธิภาพวัคซีนได้ 95% คาดว่าจะสรุปผลเพื่อยื่นขออนุญาตจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ได้ในไม่กี่วันข้างหน้า อาสาสมัครทดสอบ BNT162b2 มีทั้งหมด 43,661 คน เข้ารับวัคซีนโดสที่สองครบ 41,135 คน หลังจากนั้นจะเริ่มเก็บข้อมูลผู้ติด COVID-19 หลังจากได้รับโดสที่สองนานหนึ่งสัปดาห์ ทั้งหมดมีผู้ติด COVID-19 อยู่ในกลุ่มได้ยาหลอก 162 คน กลุ่มได้วัคซีนจริง 8 คน ขณะที่คนติดโรคและมีอาการรุนแรงมีทั้งหมด 10 คน เป็นคนได้วัคซีนจริง 1 คน ทางบริษัทจะติดตามกลุ่มอาสาสมัครไปอีกสองปีเพื่อติดตามความปลอดภัยของวัคซีน ซีอีโอของ BioNTech ระบุว่าวัคซีนเพียงโดสแรกก็ป้องกันได้มากแล้ว สำหรับความกังวลของการเก็บรักษาวัคซีนเมื่อเริ่มมีการใช้งานจริง ทาง Pfizer ระบุว่าได้พัฒนากล่องขนส่งที่สามารถรักษาอุณหภูมิที่ -70°C±10°C ได้นาน 15 วันโดยใช้เพียงน้ำแข็งแห้งเท่านั้น พร้อมกับเซ็นเซอร์เก็บข้อมูลอุณหภูมิและพิกัด ทำให้สามารถขนส่งไปตามเครือข่ายของบริษัทได้ ที่มา - Pfizer
# สรุปรีวิว Apple M1: เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ ชิป ARM จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน MacBook Pro, MacBook Air และ Mac Mini ที่รันด้วยชิป Apple M1 เริ่มมีการปล่อยรีวิวชุดแรกจากสื่อเมืองนอกออกมาแล้ว ถึงแม้ตอนนี้แอปที่สามารถรันบน ARM แบบเนทีฟจะยังมีน้อย ส่วนใหญ่เป็นแอปของแอปเปิลเอง ซึ่งก็พอจะคาดเดาได้ว่าประสิทธิภาพดีกว่าเดิม แต่ที่น่าสนใจคือแอปหลายตัวอย่างของ Adobe ที่ยังเป็น x86 และรันผ่าน Rosetta 2 กลับมีประสิทธิภาพการใช้งานออกมาดีกว่า MacBook หรือแม้แต่แล็บท็อปที่ใช้ชิป Intel หลายรุ่นด้วยซ้ำไป โดยสรุปรีวิวนี้ผมจะเน้นไปที่ประสิทธิภาพชิป Apple M1 เป็นหลัก ผลเบนช์มาร์ค หลาย ๆ สื่อนำเอาชิป M1 มาทดสอบเบนช์มาร์คแบบสังเคราะห์ผ่าน GeekBench 5 (มีเวอร์ชัน 5.3 ที่เนทีฟ Arm), Cinebench R23 ที่รองรับ Arm, และ Handbrake ผลออกมาอาจแตกต่างกันไปตามแค่ซีพียูที่นำมาจับคู่ทดสอบ แต่ในภาพรวมคือ M1 อยู่ในระดับท็อปของแทบทุกผลการทดสอบ โดย M1 ส่วนใหญ่มีผลคะแนนเบนช์มาร์คที่เหนือกว่าโปรเซสเซอร์แบบประหยัดพลังงานที่ใช้บนแล็บท็อปแบบคอร์เดียว แต่ก็แพ้ให้กับโปรเซสเซอร์ระดับเดสก์ท็อปในบางการทดสอบ ไปจนถึงการเบนช์มาร์กแบบหลายคอร์ แต่ที่น่าสนใจคือการทดสอบ Cinebench 5 ของ ArsTechnica และ Anandtech ออกมาเหมือนกันคือชิป M1 ได้คะแนนการทดสอบแบบเธรดเดียวสูงที่สุด ขณะที่การทดสอบบีบอัดด้วยไฟล์ gzip เพื่อวัดพลังซีพียูจากการใช้งานจริง ในการทดสอบแบบคอนฟิกให้รันโพรเซสเท่าจำนวนคอร์ ตัวชิป M1 ทำได้ใกล้เคียง Ryzen 7 4700U ที่เป็น 8 คอร์แบบ high-performance (M1 มี high-performance และ high-efficiency อย่างละ 4) ขณะที่เมื่อคอนฟิกให้บีบอัดไฟล์เฉพาะ 4 คอร์ high-performance ชิป M1 ทำความเร็วออกมาให้ใกล้เคียง Ryzen 9 5950X และเมื่อบีบอัดแบบคอร์เดียว M1 ทำความเร็วได้มากกว่า 5950X เล็กน้อย ซึ่ง ArsTechnica สรุปสั้น ๆ ว่า Apple M1 เป็นชิปที่มีพลังประมวลผลแบบเธรดเดียวแรงที่สุดในโลก (แบบไม่ใช่ก็ใกล้เคียง) การทดสอบใช้งานจริง (แอปเนทีฟ) ขณะที่การใช้งานจริง ผลออกมาไม่ได้แตกต่างจากผลเบนช์มาร์คมากนัก โดยตอนนี้แอปสำหรับคนทำงานระดับโปรที่เป็นเนทีฟมีเพียง 2 แอปหลัก ๆ ซึ่งเป็นของแอปเปิลล้วนคือ XCode และ Final Cut Pro ผลการคอมไพล์โค้ดบน XCode ที่ Dave Lee ทดสอบด้วย M1 (8 คอร์ / แรม 16GB) เทียบกับ Mac รุ่นอื่น ๆ หลายรุ่นที่ผ่านมา ผลคือเวลาคอมไพล์ทั้งบิลด์ใหม่และ incremental build ใช้เวลาไปแค่ราว 41-45 วินาทีและ 16 วินาทีตามลำดับซึ่งเร็วที่สุด เทียบเท่าเครื่อง Hackintosh ที่ใช้ Ryzen 9 3950X 16 คอร์ แรม 64GB และใกล้เคียงกับ MacBook Pro 16 (2019) ที่ใช้ Core i9 ขณะที่ Final Cut Pro เรนเดอร์ความละเอียด 5K จากกล้อง Red Scarlet-W ความยาว 10 นาที ชิป M1 ทำเวลาไปราว ๆ 6 นาทีครึ่ง ใกล้เคียงกับ MacBook Pro 16 (2019) Core i9 นอกจากเรื่องประสิทธิภาพแล้ว ในแง่ประสบการณ์ใช้งานแอปเนทีฟ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดคือเวลากดเปิดแอป แอปจะถูกเปิดขึ้นมาแทบจะทันที แม้จะเปิดติด ๆ กัน 6-7 แอปก็ตามที การทดสอบใช้งานจริง (แอป x86) แอปส่วนนี้น่าจะเป็นส่วนที่ใครหลาย ๆ คนหรือแม้แต่สื่อเมืองนอกเองไม่ได้ตั้งความคาดหวังเอาไว้มากนัก เพราะต้องรันผ่าน Rosetta 2 เพื่อแปลงโค้ดไบนารีจากชุดคำสั่ง x86-64 ให้มาเป็น ARM64 ซึ่งก็น่าจะมีปัญหาหรือความผิดพลาดอยู่บ้าง เพราะสถาปัตยกรรมชุดคำสั่งคนละชุด ไม่น่าสามารถแปลงแล้วใช้งานได้ 100% Rosetta 2 แปลงโค้ดแบบ AOT (ahead-of-time) ระหว่างกระบวนการติดตั้งแอป ซึ่งจะทำงานอยู่เบื้องหลัง ไม่มีส่วนติดต่อผู้ใช้หรือหน้าจอบ่งบอกใด ๆ เมื่อผู้ใช้เปิดแอปที่เป็น x86-64 ขึ้นมา กระบวนการแปลงโค้ดเท่ากับเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อใช้งานจริง ผลการทดสอบค่อนข้างน่าประทับใจกว่าที่คาด (ติดภาพ Windows on Arm กันล่ะสิ) อย่าง Dave Lee ทดสอบเรนเดอร์ Premier Pro เรนเดอร์ความละเอียด 5K จากกล้อง Red Scarlet-W ความยาว 10 นาที MacBook ทั้ง 2 รุ่นใช้เวลาไปราว 24 นาทีครึ่ง Mac Mini 21 นาที เทียบกับ MacBook Pro 13 (2019) ที่ 33 นาที แพ้ก็แค่ MacBook Pro 16 (2019) เท่านั้น มีแค่ The Verge ที่ระบุว่าเจอบั๊กตอนเรนเดอร์ Premier Pro แล้วบิทเรทตอนเรนเดอร์ต่ำกว่าที่ตั้งเอาไว้ ขณะที่การทดสอบประสิทธิภาพจีพียู ของ M1 ถ้าเทียบกับชิป ARM บนสมาร์ทโฟนหรือซีพียู Intel ที่มีจีพียูในตัว (integrated graphic) ประสิทธิภาพของ M1 กินขาด แต่แน่นอนว่ายังสู้เครื่องที่รันด้วยการ์ดจอแยกไม่ได้ การใช้งานโดยรวมและความแตกต่างระหว่าง Pro vs Air ความแตกต่างของ MacBook Air และ MacBook Pro รอบนี้ถือว่าน้อยมาก ๆ ได้แก่ความสว่างหน้าจอ, คุณภาพไมโครโฟน, TouchBar, ลำโพง, แบตเตอรี่และระบบระบายความร้อนชิปเซ็ตที่มีพัดลมและไม่มีพัดลม ซึ่งส่วนที่ถูกพูดถึงเยอะคือ 2 ประเด็นหลังสุด อย่างที่ทราบกันสเปคภายในของ MacBook Air และ Pro เหมือนกันทุกประการ ผลการทดสอบออกมาก็แทบจะเหมือนกัน หลายสื่ออย่างเช่น MKBHD ตั้งข้อสังเกตว่าเวลาทดสอบเรนเดอร์หรือเบนช์มาร์ค ที่ไม่ได้ใช้เวลานานมาก แทบไม่ได้ยินเสียงพัดลมของ MacBook Pro พัดลมระบายความร้อนชิปเซ็ตจะเข้ามามีบทบาทเมื่อเรนเดอร์หรือรันเบนช์มาร์คต่อเนื่องนาน ๆ โดย Dave Lee ตั้งข้อสังเกตุเอาไว้ว่าเมื่อทดสอบรันเบนช์มาร์คต่อเนื่องที่ราว 8-9 นาที MacBook Air จึงจะเริ่มเจอปัญหา Thermal Throttling และลดประสิทธิภาพชิปเซ็ตลง ดังนั้นความแตกต่างที่อาจเป็นจุดช่วยตัดสินใจว่าจะซื้อ MacBook Pro หรือ Air ก็น่าจะเป็นเรื่องพฤติกรรมการใช้งานซีพียูเป็นหลัก ว่าจำเป็นจะต้องเค้นประสิทธิภาพซีพียูอย่างต่อเนื่องเกิน 10 นาทีมากน้อยแค่ไหน กับจำนวนเงินที่แตกต่างกันราว 10,000 บาท Dieter Bohn แห่ง The Verge บอกว่า MacBook Pro ก็เหมือน iPhone 12 Pro ที่คุณจ่ายเพิ่มขึ้นแลกกับความดีงามขึ้นเล็กน้อยบนพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว (a nicer version of default) ส่วนแบตเตอรี่ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ได้รับคำชมไปในทางเดียวกันว่าอึดขึ้น ใช้งานได้นานขึ้นและใกล้เคียงที่แอปเปิลโฆษณาเอาไว้ตอนเปิดตัว อย่าง Pro ดูวิดีโอต่อเนื่องได้เกือบ 20 ชม.และ Air ที่ 18 ชม. ส่วนการใช้งานจริง (บนแอป x86 เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ Chrome ที่ก็ยังคงกินแบตเหมือนเดิม) แม้จะพยายามรีดแบตเตอรี่แค่ไหน ก็สามารถใช้งานได้ราว ๆ 8 - 12 ชม. และหากแอปสำคัญ ๆ ออกเวอร์ชันเนทีฟ ก็น่าจะยิ่งประหยัดแบตเตอรี่ไปมากกว่านี้ ปัญหาบน MacBook Pro และ Air ใหม่ไม่ใช่ว่าจะไม่มี หลัก ๆ คือกล้องเว็บแคมที่ยังคงความละเอียด 720p คุณภาพห่วยแตกเช่นเดิม โดยเฉพาะบนรุ่น Pro ที่แพงกว่า แม้ M1 จะมีชิปประมวลสัญญาณภาพใหม่ ที่ทำให้ภาพออกมาดีกว่าตอนใช้ Intel ก็ตาม (The Verge ถึงกับตัดคะแนนจากที่จะให้ 10/10 เหลือ 9/10 เพราะกล้องเว็บแคม) อีกประเด็นคือการใช้งานแอป iOS ที่ยังมีปัญหาทั้ง UI/UX และบั๊กต่าง ๆ ซึ่งหลายสื่อพูดไปในทางเดียวกันว่าแอปเปิล ช่วยออก MacBook ที่มีทัชสกรีนทีเถอะ ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว สรุป ซื้อ!!!! ที่มา - The Verge (1, 2), Dave Lee, Anandtech, ArsTechnica, MacWorld, TechCrunch
# Epic Games ยื่นฟ้อง Apple ในออสเตรเลีย หลังทางการออสเตรเลีย สอบสวน Apple กรณีผูกขาด กรณีพิพาทระหว่าง Epic Games กับ Apple เริ่มระอุขึ้นเรื่อยๆ หลัง Epic Games เปิดระบบจ่ายเงินบนมือถือในเกม Fortnite เองจนเกมถูก Apple แบน และ Apple ยังแบนบัญชีนักพัฒนาของ Epic Games รวมถึงฟ้องกลับ Epic Games ว่ากระทำการละเมิดสัญญาอีกด้วย ล่าสุด Epic Games เปิดฉากฟ้อง Apple ในออสเตรเลีย หลังคณะกรรมาธิการด้านการแข่งขันและผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย (ACCC) เริ่มสอบสวนกรณีการผูกขาดของ Apple ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ACCC เคยมีประวัติสู้รบปรบมือกับบริษัทยักษ์มาหลายครั้ง ทั้งเป็นผู้ริเริ่มนโยบายเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของบุหรี่เพื่อลดความน่าดึงดูด ไปจนถึงออกข้อบังคับให้บริษัทโซเชียลมีเดียต้องทำการลบคลิปไลฟ์สดเหตุการณ์ที่มีความรุนแรง และล่าสุด กรณีสืบสวนการผูกขาดของบริษัทอย่าง Apple และ Google อีกด้วย ไม่ว่า Epic Games จะชนะหรือแพ้คดีในศาลออสเตรเลียก็ตาม การฟ้องร้องครั้งนี้อาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติของออสเตรเลียมองเห็นความจำเป็นในการปรับปรุงกฎหมายการผูกขาดมากขึ้น และนอกจากนี้ถ้าผลการสืบสวนของ ACCC ออกมาในทางเห็นด้วยว่า Apple มีการดำเนินธุรกิจแบบผูกขาดจริง Epic Games ก็อาจจะได้พันธมิตรในด้านนโยบายเพิ่มอีกหนึ่งประเทศในศึกครั้งนี้ อ่านเอกสารการฟ้องฉบับเต็มได้ที่นี่ ที่มา - The Register
# Phil Spencer บอกคนยังไม่เข้าใจโมเดลธุรกิจ Game Pass, แบบเดียวกับ Free-to-Play ยุคแรก Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ที่ช่วงนี้ขยันออกสื่อในช่วงคอนโซลเจนใหม่วางขาย ไปพูดในงาน Twitchcon โดยมีประเด็นเรื่องการซื้อสตูดิโอเกมเพิ่มเติมว่าเป็นสิ่งจำเป็นในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่เคยพูดไว้ก่อนแล้ว ประเด็นใหม่ที่ Spencer พูดถึงคือโมเดลธุรกิจของ Game Pass ที่นักพัฒนาบางรายอาจมองว่าจะมีรายได้น้อยลงจากการขายเกมแบบดั้งเดิม เขาตอบว่า subscription เป็นโมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่คนยังอาจไม่เชื่อถือในตอนนี้ แต่ในอดีต โมเดลธุรกิจแบบ free-to-play ก็เคยถูกตั้งคำถามมาก่อน ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครสงสัยอีกแล้ว ที่มา - PC Gamer
# Microsoft Edge รองรับ Notification จากเว็บ แจ้งเตือนได้แม้ปิดเบราว์เซอร์ ไมโครซอฟท์ประกาศข่าวฟีเจอร์ใหม่ของ Edge Chromium ว่าสามารถรับข้อความแจ้งเตือน (notification) จากเว็บไซต์ต่างๆ ได้ แม้ปิดเบราว์เซอร์อยู่ ฟีเจอร์นี้เคยมีบน Edge ตัวเก่า แต่หายไปใน Edge ตัวใหม่ ซึ่งไมโครซอฟท์นำกลับมาเรียบร้อยแล้ว ประโยชน์ที่สำคัญของมันคือการรันเว็บแอพแบบ PWA ที่ปักหมุดไอคอนไว้บนทาสก์บาร์ ก็จะเห็นจำนวนข้อความแจ้งเตือนผ่าน badge ที่ลอยทับบนไอคอนได้ด้วย การเปลี่ยนแปลงมีผลตั้งแต่ Edge 85 (notification) และ Edge 87 (badge) เป็นต้นไป บน Windows 10 20H1 เป็นต้นไป ฝั่งของนักพัฒนาเว็บก็สามารถเรียกใช้งานได้ผ่าน Push API, Notification API และ Badging API ที่มา - Microsoft Edge
# เราไม่ทิ้งกัน Galaxy S6 และ Galaxy Note 5 ยังได้อัพเดตเฟิร์มแวร์ต่อ ช่วงหลังซัมซุงดูจะกลับมารักมือถือรุ่นเก่าๆ ที่อาจดูเหมือนตกรุ่นไปนานแล้ว เช่น Galaxy Tab S2 แท็บเล็ตอายุ 5 ปี หรือ Galaxy S7 มือถืออายุ 4 ปี ล่าสุดมีรายงานว่าผู้ใช้ Galaxy S6 และ Galaxy Note 5 ที่ออกขายในปี 2015 และมีอายุนาน 5 ปีแล้ว ยังได้อัพเดตเฟิร์มแวร์กันอีกครั้ง มือถือทั้งสองรุ่นหยุดที่ Android 7.0 Nougat และยังเป็นแพตช์ความปลอดภัยรอบเดือนกันยายน 2018 เหมือนเดิม สิ่งที่อัพเดตคือโค้ดส่วนความปลอดภัยของซัมซุง ที่ระบุว่าแก้บั๊กให้เสถียรขึ้น ถึงแม้อัพเดตเฟิร์มแวร์รอบนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ก็เป็นสัญญาณอันดีว่า ซัมซุงยังไม่ทอดทิ้งอุปกรณ์เก่าๆ เหล่านี้ไปซะทีเดียว ที่มา - Android Community
# Citizen เปิดตัว CZ Smart นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรกของบริษัท รัน Wear OS ราคา 395 เหรียญสหรัฐ Citizen แบรนด์นาฬิกาชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น เปิดตัว CZ Smart นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรกของบริษัท (ไม่นับนาฬิกาแขวนผนังที่ทำงานกับ Alexa ได้เมื่อปีที่แล้ว) ขนาดหน้าปัด 46 มิลลิเมตร หน้าจอ AMOLED 1.28 นิ้ว ใช้ชิป Snapdragon Wear 3100 (ซึ่งเป็นชิปที่เปิดตัวในปี 2018 รุ่นล่าสุดคือ Snapdragon Wear 4100) พร้อมความจุภายใน 8GB ตัวเรือนทำจากอะลูมีเนียม สายมีแบบซิลิโคนและเหล็ก มี GPS, เซ็นเซอร์ accelerometer เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ, เข็มทิศ, บารอมีเตอร์, และไจโรสโคป, รองรับการจ่ายเงินด้วย NFC, กันน้ำลึก 30 เมตร และมีไมโครโฟนกับลำโพงในตัว แต่ยังไม่มีข้อมูลเรื่องการเชื่อมต่อว่ารองรับ LTE หรือแค่ Wi-Fi CZ Smart วางจำหน่ายแล้วในราคา 395 เหรียญสหรัฐ หรือราว 12,000 บาท ที่มา - Android Police
# One UI 3.0 Beta พบปัญหาบน Galaxy Note 10 อาจปล่อยอัพเดตช้าลงกว่าเดิม ตอนนี้ Samsung กำลังทดสอบ One UI 3.0 Beta แบบจำกัดกับ Galaxy Note 10, S10, Z Flip และ Z Fold 2 ในประเทศเกาหลีใต้ แต่ล่าสุดต้องหยุดการอัพเดตของมือถือทั้งชุดนี้ไว้ชั่วคราว หลังพบปัญหาบน One UI 3.0 Beta ใน Galaxy Note 10 และทำให้รุ่นอื่นต้องถูกระงับการอัพเดตไปด้วย ทาง Samsung ชี้แจงว่าอาจต้องรออัพเดตอีกสักพัก และไม่ได้ชี้แจงว่าปัญหามีอะไรบ้าง แต่มีผู้ใช้หลายราย รายงานว่าพบปัญหาแบตเตอรี่หมดไว และแอปแครชบ่อย ปัจจุบัน One UI 3.0 Beta ที่จะมาพร้อมกับ Android 11 ยังอยู่ในขั้นทดสอบ และเพิ่งเริ่มเปิด Public Beta ให้ Galaxy S20 ในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนเปิดทดสอบเพิ่มบน Galaxy Note 10, S10, Z Flip และ Z Fold 2 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และพบปัญหาจนต้องหยุดอัพเดตไป ซึ่งอาจทำให้รุ่นที่พบปัญหาเหล่านี้ ได้รับอัพเดต One UI 3.0 ช้าลงกว่ารุ่นอื่นที่ไม่พบปัญหาได้ คงติดต้องตามการแก้ไขปัญหานี้ของ Samsung ต่อไป ที่มา - Android Authority
# รู้จัก H Lab บริษัทเทคโนโลยีไทย ที่ต้องการยกระดับคุณภาพระบบสุขภาพไทย เราทราบกันดีว่าระบบสาธารณสุขในไทยค่อนข้างมีปัญหา ไม่ว่าจะเรื่องการขาดแคลนบุคลากร การขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของคุณภาพการบริการ ผู้ป่วยก็มากระจุกกันอยู่ที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ นำมาสู่ปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล แพทย์และพยาบาลทำงานหนักอีกต่อหนึ่ง H Lab ตั้งขึ้นมาโดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่โรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล และคนไข้กำลังประสบพบเจอ แม้หลายปัญหาจะต้องการการแก้ไขในเชิงโครงสร้างระบบสาธารณสุข แต่อีกหลายปัญหานั้นสามารถแก้ไขด้วยการแก้ไขเชิงระบบที่เป็นโซลูชันของ H Lab แต่เป้าหมายระยะยาวที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไข้และบุคลาการทางการแพทย์ให้ดีขึ้นก็ยังคงอยู่ ทำให้บริษัทต้องการทีมงานอีกจำนวนมาก เพื่อมาช่วยสร้างโซลูชันและเครื่องมือที่นำไปสู่เป้าหมายดังกล่าว จากแล็บแก้ปัญหาโรงพยาบาลสู่บริษัทเทค จุดเริ่มต้นของ H Lab ต้องย้อนกลับไปราว 6-7 ปีที่แล้ว โดยเริ่มต้นจากแล็บที่ตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาให้โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งโจทย์ของแต่ละแห่งก็จะแตกต่างกันไป คุณกมลวัทน์ สุขสุเมฆ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ H Lab ที่จบวิศวกรรมอุตสาหการ เล่าว่าในช่วงแรกเป็นการนำแนวคิดด้าน industrial engineering และ system engineering เข้าไปแก้ปัญหาให้กับโรงพยาบาล แต่อุปสรรคตอนนั้นคือ ข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ยังมีน้อย จึงใช้เวลามากในการเข้าไปช่วยปรับปรุงระบบ รวมถึงการขยายผลไปใช้ต่อกับโรงพยาบาลอื่น ๆ ทำให้ตัดสินใจก่อตั้งบริษัท H Lab ในปี 2017 ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีความคล่องตัวมากกว่า สามารถทำออกมาเป็นโซลูชันเพื่อขยายไปให้โรงพยาบาลจำนวนมากได้ คุณกมลวัทน์ สุขสุเมฆ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง H Lab H Lab จึงเป็นทั้งบริษัทที่ปรึกษาสำหรับแก้ปัญหากระบวนการทำงานในโรงพยาบาล และบริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนาโซลูชันระบบการให้บริการสำหรับโรงพยาบาล ช่วยให้แพทย์และ พยาบาลจัดการคิวการรักษา สื่อสารกับคนไข้ จัดการความหนาแน่นในโรงพยาบาล ไปจนถึงระบบวิเคราะห์แนวโน้มที่คนไข้ที่เข้ามาใช้บริการ เพื่อการจัดสรรบุคลากรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ของ H Lab ตอนนี้มีอยู่ 4 ตัวหลัก ๆ VENTI เป็นโซลูชันสำหรับบริหารจัดการคนไข้ในห้องฉุกเฉินให้สามารถทำการรักษาได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้องว่าคนไข้คนไหนกำลังรออยู่ คนไหนได้รับการดูแลแล้ว ขณะที่คนไข้เองก็จะได้รับการสื่อสารที่ดีขึ้นว่ารอถึงจุดไหนแล้วและต้องไปไหนต่อ และระบบยังมีการนำข้อมูลไปช่วยจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม FLOW โซลูชันบริหารจัดการผู้ป่วยสำหรับแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) เปรียบเสมือนระบบเช็คอินของสนามบิน ที่จะแจ้งเตือนคนไข้และเช็คอินมาได้ตั้งแต่ที่บ้าน รวมถึงจะแจ้งเตือนด้วยว่าใกล้ถึงคิวตรวจแล้ว ทำให้การรอพบแพทย์มีจุดหมายมากขึ้น พยาบาลก็ลดภาระงานด้านการจัดการคนไข้ลงไป MANA เป็นสมุดบันทึกสุขภาพประจำตัวของคนไข้ ที่จะเก็บข้อมูลสุขภาพจากการไปตรวจและรับการรักษาจากโรงพยาบาลต่าง ๆ เอาไว้ ทำให้หากไปรักษาที่โรงพยาบาลใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องเล่าประวัติการรักษาใหม่อีกครั้ง โรงพยาบาลสามารถดึงข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ได้เลย เพื่อให้คนไข้สามารถได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของตน และที่สำคัญคือการเก็บข้อมูลจะเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และคนไข้ต้องอนุญาตโรงพยาบาลสำหรับเข้าถึงข้อมูล STETH เป็นโซลูชันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละวัน ตั้งแต่การดูตารางเวลาการออกตรวจของแพทย์ จนถึงการจัดการตารางเวรของตนเอง ผ่านข้อมูลของทางโรงพยาบาล ปัจจุบัน H Lab เป็นที่ปรึกษาให้กับโรงพยาบาลมากกว่า 20 แห่ง และให้บริการโซลูชันซอฟต์แวร์กับโรงพยาบาลรัฐที่ใหญ่ระดับประเทศ 2 แห่ง ให้บริการคนไข้ไปแล้วกว่า 5 ล้านคน ช่วยคืนเวลาให้บุคลากรทางการแพทย์รวมกันแล้วกว่า300,000ชั่วโมงการทำงาน เป้าหมายถัดไปของ H Lab คือการทำ Resource management กล่าวคือ H Lab มีข้อมูลคนไข้จาก MANA อยู่แล้ว (แน่นอนว่าคนไข้ต้องอนุญาตก่อน) H Lab ก็สามารถนำอาการเจ็บป่วยไปช่วยค้นหาโรงพยาบาลและแพทย์เฉพาะทางในโรคนั้นๆ ที่มีคิวว่างตรงกัน หรือคนไข้คนไหนมีความจำเป็นต้องใช้งานอุปกรณ์อย่างเครื่อง CT Scan ก็จะช่วยหาโรงพยาบาลที่ว่างให้ คุณกมลวัทน์เล่าว่าเคยเจอกรณีที่คนไข้ต้องรอคิวแค่อัลตร้าซาวด์นานถึง 8 เดือน การจับคู่ทรัพยากรที่เหมาะสม จะช่วยลดเวลารอคอยตรงนี้ลงได้อีกมาก เมื่อ H Lab มีเป้าหมายเรื่องการแชร์ข้อมูล ปัญหาคือโรงพยาบาลในไทยยังไม่ได้มีมาตรฐานการเก็บข้อมูลคนไข้ที่เป็นมาตรฐานกลาง ต่างคนต่างเก็บในรูปแบบที่ต่างกันไป H Lab จึงพัฒนามาตรฐานข้อมูลตามแนวทางของสำนักพัฒนามาตรฐานระบบข้อมูลสุขภาพไทย (สมสท.) เพื่อให้การรับส่งข้อมูลระหว่างโรงพยาบาลเกิดขึ้นได้จริงในบ้านเรา วัฒนธรรมองค์กรและการทำงาน "Stay hungry; stay humble" คือ motto ของ H Lab ที่อยากให้ทุกคนมีพลัง เป็นน้ำครึ่งแก้วและมีความกระหายความรู้ตลอดเวลา เพื่อพัฒนาให้โซลูชันออกมาดีที่สุด สามารถเรียนรู้ได้จากทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและคนไข้ H Lab จะส่งทีมพัฒนาไปสัมผัสปัญหาหน้างานจริงในโรงพยาบาล เมื่อเห็นปัญหาด้วยตัวเองแล้ว นักพัฒนาจะเข้าใจและใส่ใจมากยิ่งขึ้นว่าสิ่งที่พวกเขากำลังสร้าง ก็เพื่อแก้ปัญหาที่พวกเขาไปประสบมา แนวคิดการเข้าอกเข้าใจคนอื่นหรือ empathy เป็นอีกหนึ่งแนวคิดหลักของ H Lab ไม่เพียงแต่เข้าใจบุคลากรโรงพยาบาลเท่านั้น แต่การเข้าอกเข้าใจเพื่อนร่วมงานก็เป็นสิ่งจำเป็น อย่างเช่นดีไซเนอร์และนักพัฒนาควรเข้าใจกระบวนการทำงานและวิธีคิดของกันและกัน เวลาออกแบบหรือทำงานของตัวเอง จะได้เข้าใจและทำให้เพื่อนร่วมงานทำงานง่ายขึ้น กระบวนการทำงานของทีมอยู่ในรูปของ Agile และ Squad ที่รวมเอาพนักงานจากหลาย ๆ ฝ่าย เช่น Business Analyst, User Experience และ Developer มาทำงานร่วมกัน มองหาคนแบบไหน คุณกมลวัทน์บอกว่าอยากได้คนที่มีลูกบ้าอยู่ในตัวเอง ไม่กลัวความผิดพลาด เป็นคนลงมือทำ กล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงออก เพราะนวัตกรรมจะเกิดไม่ได้ถ้ายังอยู่ในกรอบเดิม ๆ ที่สำคัญคือเข้าใจคนอื่น เข้าใจตัวเองและมี empathy ที่ตั้งออฟฟิศ ออฟฟิศของ H Lab อยู่ที่ Safebox Office บนถนนบรรทัดทองตรงข้ามสวนจุฬา 100 ปี ใกล้กับ MRT หัวลำโพงและ BTS สนามกีฬาแห่งชาติ เสียงตอบรับของพนักงาน นีรนุช ลิมปนาวรวงศ์ (นุช) UI Designer คุณนีรนุชดีไซน์เนอร์ประจำ H Lab บอกว่าบรรยากาศการทำงานที่นี่นั้นช่วยให้ตัวเองดึงศักยภาพออกมาได้มาก เพราะบริษัทมีแนวคิดเสมอว่าคนที่จะตัดสินผลงานการออกแบบของเราคือ ผู้ใช้งาน คือลูกค้า ไม่ใช่หัวหน้า ไม่ใช่ซีอีโอ นอกจากนั้นยังรู้สึกว่าตัวเองมี empathy มากขึ้นมาก ๆ เพราะเราต้องดีไซน์จากการไปสัมผัสผู้ใช้งานจริง ๆ เนื่องจากเราไม่สามารถนั่งเทียนหรือคิดแทนว่าคนใช้จะเป็นแบบไหนได้อีกต่อไป อิทธิพล ถิระสัตย์ (มิก) Senior Full-Stack Developer คุณอิทธิพล Developer มือฉมังของบริษัท ผู้พัฒนาระบบจัดการผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินได้บอกกับเราว่า ประทับใจการทำงานที่เป็นระบบ มีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน และนึกถึงเพื่อนร่วมงานเสมอ นอกจากนี้ในบริษัททุกคนเป็นกันเอง ไม่หวงตัวไม่หวงวิชา แต่ตอนทำงานก็เต็มที่กันตลอด มีปัญหาหรือคำถาม คนอื่นจะพยายามหาคำตอบมาให้ เลยรู้สึกว่าอยากเก่งขึ้นเรื่อย ๆ สมัครงานที่ H Lab! ตอนนี้เรากำลังมองหาเพื่อนร่วมงานอีกหลายตำแหน่งทั้งฝั่ง Developer และทีม Business คลิกที่ Blognone Jobsเพื่อดูรายละเอียดและสมัครงานหรือส่งอีเมล์พร้อมแนบ Resume มาได้ที่ [email protected]
# ปุ่ม Retweet ยังไม่กลับมา แต่ Fleets มาแล้ว, Twitter เปิดใช้ Fleets หรือฟีเจอร์ Stories ทั่วโลก Twitter เปิดตัว Fleets หรือฟีเจอร์โพสต์ Stories อย่างเป็นทางการ ทำทุกอย่างได้เหมือน Instagram ทั้งเขียนข้อความ, แชร์โพสต์ของคนอื่น, โพสต์รูปภาพ, อัดวิดีโอ โดยจะอยู่ได้ 24 ชั่วโมงก่อนจะหายไป ก่อนหน้านี้ Twitter เปิดใช้งาน Fleets ในบางประเทศคือ บราซิล อินเดีย อิตาลี เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ล่าสุดประกาศเปิดใช้งานแก่ผู้ใช้งานทั่วโลกแล้ว ตัว Fleets จะอยู่ส่วนบนของหน้าจอไทม์ไลน์ ทุกคนที่เป็นผู้ติดตามเราสามารถมองเห็น Fleets ของเราได้ และถ้าเปิด Direct Messages ไว้ เพื่อนๆคนอื่นก็จะคอมเม้นท์ Fleets ของเราผ่าน Direct Messages ได้ และเร็วๆ นี้จะเพิ่มการโพสต์สติกเกอร์ และ live ผ่าน Fleets ได้ด้วย ที่มา - Twitter
# ในที่สุด SoundCloud ก็เพิ่มเครื่องหมาย verify ให้ศิลปินและครีเอเตอร์แล้ว SoundCloud ประกาศเพิ่มเครื่องหมาย verify ให้ศิลปินและคนทำ content แล้ว โดยมีศิลปินที่ได้เครื่องหมายแล้วเช่น Billie Eilish, Wiz Khalifa, Trippie Redd สำหรับศิลปิน ครีเอเตอร์ที่อยากได้เครื่องหมาย ทาง SoundCloud ระบุเงื่อนไขไว้ว่า ต้องเป็นครีเอเตอร์ที่เป็นที่รู้จัก มีการค้นหาสูงในกลุ่มศิลปิน มีสังกัดค่ายเพลง เป็นต้น, ต้องมีบัญชีเดียว ไม่ซ้ำกับของใคร, ไม่มีข้อมูลที่ชวนให้เกิดความเข้าใจผิด ไม่เป็นบัญชีแอบอ้าง, ต้องมีผลงานอัพโหลดขึ้น SoundCloud อย่างน้อย 1 track ภาพจาก SoundCloud ปัจจุบัน SoundCloud มีแพ็กเกจ subscription หรือที่เรียกว่า Pro ที่ให้ครีเอเตอร์อัพโหลดผลงานได้เยอะกว่า และครีเอเตอร์กลุ่มนี้จะได้เครื่องหมายกำกับหลังชื่อสีส้ม อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเครื่องหมายสีส้มนั้นเป็นเครื่องหมาย verify ได้ ที่มา - Engadget
# จากประเด็นไม่พบการโกงเลือกตั้ง ทรัมป์จึงไล่ผู้อำนวยการความปลอดภัยไซเบอร์ออกเสียเลย จากข่าว สำนักงานรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์สหรัฐ (CISA) และหน่วยงานสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งออกแถลงการณ์ร่วมกันอย่างเป็นทางการว่า การเลือกตั้งวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมานั้น มีความปลอดภัย ยังไม่พบหลักฐานการฉ้อโกงนั้น ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ตอนนี้ยังถือว่ากำลังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ประกาศไล่ Christopher Krebs ผู้อำนวยการ CISA ออกผ่าน Twitter ทรัมป์บอกว่า คำแถลงล่าสุดของ Chris Krebs เกี่ยวกับความปลอดภัยในการเลือกตั้ง 2020 นั้นไม่ถูกต้องอย่างมาก เนื่องจากมีความไม่เหมาะสมและการฉ้อโกงจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการลงคะแนนเสียงของผู้เสียชีวิต ความบกพร่องของระบบต่างๆ จึงต้องยกเลิกตำแหน่งของ Chris Krebs และมีผลทันที อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ Chris Krebs เคยบอกกับคนรอบข้างว่า เขาอาจถูกไล่ออกจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด โดยเขาโพสต์ Twitter ว่า เป็นเกียรติที่ได้รับใช้ เราทำสิ่งที่ถูกต้อง ปกป้องวันนี้ เพื่ออนาคตที่ปลอดภัย สถานะการเลือกตั้งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างทบทวนการนับคะแนนทั่วประเทศใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการนับคะแนนมีความปลอดภัย ถูกต้อง ที่มา - Engadget
# Google เปิดตัว Chrome 87 รองรับ Apple Silicon แต่พบปัญหา คาดแก้ไขในวันพรุ่งนี้ เพียง 1 วันนับจากที่แมคที่ใช้ Apple Silicon รุ่นแรกส่งถึงมือลูกค้าในกลุ่มประเทศแรกๆ วันนี้กูเกิลเปิดตัว Chrome 87 ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ผ่านการคอมไพล์ใหม่สำหรับ Apple Silicon โดยเฉพาะ แต่หลังการเปิดตัว ทีมพัฒนาพบปัญหาในแมคบางเครื่อง จึงหยุดการปล่อยรุ่นดังกล่าว และจะเปิดให้ดาวน์โหลดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด Chrome รุ่นสำหรับ Intel และ Apple Silicon ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ ระหว่างนี้ผู้ใช้แมคสามารถใช้ Chrome รุ่น Intel ผ่าน Rosetta 2 ได้ สำหรับผู้ที่ติดตั้ง Chrome สำหรับ Apple Silicon ไปก่อนหน้านี้และพบปัญหา สามารถแก้ไขได้ตามวิธีการในหน้าเว็บไซต์ Google Chrome Help Chrome รุ่น 87 มีการปรับปรุงไอคอนสำหรับแมคตามดีไซน์ของ macOS Big Sur และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดการใช้ซีพียู ด้วยการจำกัดการทำงานของแท็บ (Tab Throttling) โดยแท็บที่เปิดอยู่เบื้องหลังจะได้ความถี่ในการเข้าถึงซีพียูน้อยลงทำให้ใช้ซีพียูน้อยลง 5 เท่า และอายุการใช้งานแบตเตอรี่นานขึ้น 1.25 ชั่วโมง นอกจากนี้ตัวบราวเซอร์ยังเปิดเร็วขึ้น 25% โหลดหน้าเว็บได้เร็วขึ้น 7% และสามารถพิมพ์คำสั่งบน address bar เพื่อสั่งคำสั่งต่าง ๆ เช่นลบประวัติการใช้งานโดยพิมพ์คำว่า “delete my history” ในช่อง address bar เป็นต้น ที่มา: Twitter @elvin_not_11, Twitter @mchang และ Macrumors
# Shazam มีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านบัญชีแล้ว Shazam แอปค้นหาเพลงที่แอปเปิลซื้อกิจการไปเมื่อปี 2018 ประกาศตัวเลขผู้ใช้งานว่ามีจำนวนทะลุ 200 ล้านบัญชีแล้ว ปัจจุบัน Shazam ยังเป็นแอปที่มีให้ดาวน์โหลดทั้งบน App Store และ Play Store รวมทั้งผู้ใช้ iOS ยังสามารถเรียกใช้งานได้ผ่าน Siri และ Control Center ใน iOS เวอร์ชันล่าสุด 14.2 แอปเปิลได้นำเทคโนโลยีของ Shazam มาเสริมกับบริการ Apple Music อย่างในปีที่แล้วมีเพลย์ลิสต์ Shazam Discovery ที่รวมเพลงใหม่มาแรงประจำสัปดาห์ เพื่อฉลองจำนวนผู้ใช้งาน 200 ล้านบัญชี Shazam ยังได้เพิ่มเพลย์ลิสต์ Top 100 Shazams of All Time บน Apple Music รวบรวมเพลงที่มีการค้นหาผ่าน Shazam มากที่สุด โดยเพลงอันดับหนึ่งคือ Dance Monkey ของ Tones and I มีจำนวนการค้นหาหรือถูก Shazam 36.6 ล้านครั้ง ที่มา: 9to5Mac
# Google และ Temasek เข้าถือหุ้น Tokopedia อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของอินโดนีเซีย Tokopedia อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในอินโดนีเซีย ประกาศผู้ลงทุนรายใหม่ของบริษัท ได้แก่ กูเกิลและกองทุนเทมาเส็ก โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดจำนวนหุ้นที่สองบริษัทถือครอง และมูลค่าของดีลอย่างเป็นทางการ ตัวเลขการดำเนินงานของ Tokopedia นั้น มีร้านค้าบนแพลตฟอร์มกว่า 9 ล้านราย มีผู้ใช้งานเป็นประจำมากกว่า 100 ล้านคน และมีการจัดส่งสินค้าเข้าถึง 98% ของเกาะทั้งหมดกว่า 17,000 เกาะ ในอินโดนีเซีย ผู้ลงทุนรายสำคัญก่อนหน้านี้ของ Tokopedia คือ Alibaba และกองทุน SoftBank Vision Fund ที่มา: Tokopedia
# กลุ่มบริษัท Sea รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2020 รายได้รวมโตเกือบเท่าตัวจากปีก่อน กลุ่มบริษัท Sea ซึ่งมี Garena และ Shopee อยู่ในเครือ รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2020 รายได้รวมทุกธุรกิจเพิ่มขึ้น 98.7% หรือเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เป็น 1,212.16 ล้านดอลลาร์ มีกำไรขั้นต้น 407.58 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิแบบ GAAP 425.3 ล้านดอลลาร์ กลุ่มสื่อบันเทิงดิจิทัล (Garena) มีรายได้ 569.0 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 72.9% จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มเป็น 572.4 ล้านบัญชี จำนวนผู้ใช้งานที่เสียเงินมี 65.3 ล้านบัญชี หรือคิดเป็น 11.4% ของผู้ใช้งานทั้งหมด มี Free Fire เป็นเกมเด่นต่อไปอีกไตรมาส ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (Shopee) รายได้รวม 618.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 173.3% จำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 741.6 ล้านคำสั่ง มียอดขายสุทธิ (GMV) 9.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 102.7% Sea ยังรายงานข้อมูลกลุ่มธุรกิจการเงิน (SeaMoney) มีปริมาณการจ่ายเงินบนแพลตฟอร์มมากกว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ จำนวนผู้ใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลมากกว่า 17.8 ล้านคน ที่มา: Sea Group
# Firefox 83 ปรับปรุงเอนจิน JavaScript โหลดเพจเร็วขึ้น 15%, เพิ่มโหมด HTTPS-Only Firefox ออกเวอร์ชัน 83 โดยถือเป็นรุ่นที่มีของใหม่หลายอย่าง ฟีเจอร์สำคัญคือการอัพเกรดเอนจินจาวาสคริปต์ SpiderMonkey ครั้งใหญ่ อัพเดตตัวนี้มีชื่อว่า Warp (หรือ WarpBuilder) เป็นการปรับปรุงกระบวนการทำงานของคอมไพเลอร์ just-in-time (JIT) ใหม่ ผลที่ได้คือประสิทธิภาพดีขึ้น 20% ในการโหลดหน้าเว็บ Google Docs, เฉลี่ยแล้ว 15%, ตอบสนองดีขึ้น 12% และใช้หน่วยความจำน้อยลง 8% โดยเฉลี่ย (รายละเอียดเรื่อง Warp สำหรับผู้สนใจ) โหมด HTTPS-Only ที่แจ้งเตือนก่อนเข้าเว็บไซต์ที่ไม่เป็น HTTPS เปิดได้จากหน้า Preferences รองรับ pinch-zoom บนอุปกรณ์จอสัมผัส Windows และทัชแพดของ Mac การดูวิดีโอแบบ Picture-in-Picture จอเล็กที่ลอยทับหน้าต่างอื่น รองรับปุ่มลัดคือปุ่มลูกศร เลื่อนไปหน้า-ย้อนหลัง 15 วินาที ปรับปรุงการแจ้งเตือนว่าหน้าต่างนั้นกำลังแชร์หน้าจออยู่ เหมาะสำหรับตอน video call รองรับ AcroForm ทำให้กรอกฟอร์ม PDF และเซฟเอกสารจาก Firefox ได้เลย รองรับการรันบน Apple Silicon ผ่านอีมูเลเตอร์ Rosetta 2 แล้ว ส่วนการรันแบบเนทีฟบน Apple Silicon จะตามมาในอนาคต ที่มา - Firefox
# Google Maps เพิ่มฟีเจอร์แสดงความหนาแน่นขนส่งมวลชนแบบเรียลไทม์ Google Maps ออกอัพเดตฟีเจอร์ใหม่สำคัญ 3 อย่าง คือฟีเจอร์แสดงความหนาแน่นของระบบขนส่งมวลชนแบบเรียลไทม์, แสดงข้อมูลบริการส่งอาหารแบบเรียลไทม์ และ Assistant Driving Mode for Maps ซึ่งทั้งหมดนี้เริ่มปล่อยให้ผู้ใช้ทั้ง Google Maps บน iOS และ Android แล้ว ฟีเจอร์แรกคือ Google Maps จะแสดงข้อมูลความหนาแน่นของระบบขนส่งมวลชนแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นรถบัสหรือรถไฟ โดยข้อมูลเหล่านี้จะแสดงขึ้นมาตอนที่ผู้ใช้กำลังเลือกเส้นทางการเดินทาง ซึ่ง Google ระบุว่าข้อมูลที่นำมาแสดงนี้เป็นแบบ crowdsource ซึ่งอาจจะไม่ได้มีให้บริการทุกที่ ฟีเจอร์ถัดไปคือฟีเจอร์เกี่ยวกับบริการส่งอาหาร Google จะแสดงสถานะเรียลไทม์ของบริการส่งอาหาร พร้อมกับแสดงเวลารอโดยประมาณกับค่าส่งอาหาร ซึ่งฟีเจอร์นี้ยังมีให้บริการเฉพาะในสหรัฐฯ, แคนาดา, เยอรมนี, ออสเตรเลีย, บราซิล และอินเดีย และจะแสดงเฉพาะออร์เดอร์ที่สั่งผ่าน Google Maps เท่านั้น สุดท้ายคือฟีเจอร์ Assistant Driving Mode for Maps ที่เปิดตัวตั้งแต่ I/O 2019 ตัว Google Maps จะแสดงหน้าจอโทรศัพท์เป็นข้อมูลสำคัญ เช่น เรากำลังไปที่ไหน รวมถึงสามารถสั่งตอบข้อความหรือเล่นเพลงได้ วิธีเปิดใช้โหมดนี้คือสั่ง Google เปิด Assistant Settings และเปิด Driving Mode ที่มา - Engadget, 9to5Google ภาพจาก Google
# ผลทดสอบ GPU ใน Apple M1 ประสิทธิภาพเหนือ GeForce GTX 1050 Ti และ Radeon RX 560 ในงาน One More Things เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แอปเปิลเปิดตัวชิป Apple M1 โดยให้รายละเอียดของ GPU ว่าเป็นชิป 8 คอร์ พร้อม 128 หน่วยประมวลผล (EUs) รองรับ 25,000 เทรด มีพลังประมวลผล 2.6 TFLOPS (คาดว่าวัดจากประสิทธิภาพ single-precision FP32) ถือว่าใกล้เคียงกับ Radeon RX 560 ที่ 2.6 TFLOPS และ GeForce GTX 1650 ที่ 2.9 TFLOPS จากผลการทดสอบด้วย GFXBench 5.0 พบว่า GPU ของ M1 สามารถทำผลงานได้ตามที่แอปเปิลได้กล่าวอ้าง โดยมีค่าเฟรมต่อวินาทีสูงกว่าการ์ดจอทั้งสองรุ่นในทุกการทดสอบ เมื่อรันผ่าน ​Metal API ของแอปเปิล แพ้เพียง 1 การทดสอบเท่านั้น อย่างไรก็ตาม GFXBench 5.0 อาจไม่ใช่ชุดทดสอบที่เหมาะสม เนื่องจากซอฟต์แวร์ถูกออกแบบมาเพื่อทดสอบโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และการทดสอบยังทำผ่าน Metal API ของแอปเปิลซึ่งมีผลการทดสอบจากการ์ดจอรุ่นอื่น ๆ ให้เปรียบเทียบค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้การที่ชิป M1 สามารถทำประสิทธิภาพได้สูสีกับการ์ดจอแยกที่ใช้พลังงานระดับ 75W ภายใต้ค่า TDP ที่ต่ำกว่ามาก ก็น่าจะการันตีถึงประสิทธิภาพของชิป M1 และชิป Apple Silicon สำหรับแมครุ่นอื่น ๆ ในอนาคตได้เป็นอย่างดี ที่มา: Tom's Hardware
# ไมโครซอฟท์ประเมิน Xbox Series X|S ขาดตลาดไปจนถึงไตรมาส 1/2021 Tim Stuart ซีเอฟโอไมโครซอฟท์ ตอบคำถามนักลงทุนในงานสัมมนา Jefferies Interactive Entertainment ถึงสถานการณ์คอนโซลรุ่นใหม่ Xbox Series X|S ขาดตลาดอย่างหนัก โดยประเมินว่าซัพพลายเชนจะเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาส 2/2021 โน่นเลย Stuart บอกว่าไตรมาส 1/2021 ซึ่งเป็นไตรมาสหลังเทศกาลจับจ่ายช่วงปลายปี จะยังเจอปัญหาสินค้าไม่พอขายอยู่ แต่ในไตรมาสถัดไปคือ 2/2021 ไมโครซอฟท์จะสามารถมีซัพพลายเพียงพอต่อความต้องการ Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ก็เพิ่งออกมาขอโทษแฟนๆ เรื่องสินค้าขาดตลาด โดยบอกว่าไมโครซอฟท์พยายามทำงานเต็มที่ แต่ความต้องการนั้นสูงจริงๆ ฝั่งของ PS5 ก็ประสบปัญหาสินค้าขาดตลาดอย่างหนักเช่นกัน เพียงแต่โซนี่ยังไม่ได้ออกมาแถลงเรื่องนี้ในลักษณะเดียวกัน ที่มา - Video Games Chronicle
# AWS เปิด edge location ในไทย ลด latency เว็บลง 30% AWS เปิดตัว edge location ในไทย บริการนี้เป็นจุดส่งต่อข้อมูลจาก region ของคลาวด์ไปยังผู้ใช้ปลายทาง ทำให้ลดความหน่วง (latency) ของผู้ใช้โดยอาศัยการแคชข้อมูลบางส่วนในไทย และลดเวลาการเชื่อมต่อที่ต้องส่งข้อมูลไปมาหลายครั้งเช่นการเชื่อมต่อ TLS ในการเปิดตัวครั้งนี้ทาง AWS ระบุว่ามีลูกค้าเริ่มทดลองใช้งานแล้ว เช่น BBTV, Pomelo, และ TrueIDC ก่อนหน้านี้บริการที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์อยู่บน AWS และไม่ได้ใช้บริการ CDN อื่นจะต้องให้ผู้ใช้เชื่อมต่อไปยังศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ ทำให้ค่า latency อยู่ที่ 35-40ms ทาง AWS เปิดเผยว่าหลังจากใช้ Cloudfront ที่เป็นบริการ CDN ในไทยจะทำให้ผู้ใช้เชื่อมต่อบริการได้โดยมีค่า latency เหลือเพียง 15-30ms เท่านั้น โดยเฉลี่ยลดลง 30% บริการ edge location มาพร้อมกันทั้งชุดบริการ ได้แก่ Cloudfront ที่เป็น CDN, Lambda@Edge บริการประมวลผลที่ CDN สำหรับงานขนาดเล็ก, Route 53 ที่เป็นบริการ DNS, AWS Global Accelerator บริการเร่งความเร็วสำหรับโปรโตคอลอื่นที่ไม่ใช่เว็บ, AWS Shield ป้องกันการโจมตี DDoS, และ AWS WAF ไฟร์วอลล์สำหรับเว็บแอปพลิเคชั่น ความได้เปรียบของการใช้ Cloudfront คือไม่เสียค่าส่งข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ใน AWS ไปยัง edge location อีกแต่เสียเฉพาะค่าส่งข้อมูลจาก edge location ออกสู่อินเทอร์เน็ตเท่านั้น ที่มา - งานแถลงข่าวออนไลน์ AWS
# KBank จับมือ Robo Wealth เปิดตัวแอป FinVest ชูจุดเด่นคัดกองทุนไทย-ต่างประเทศมาให้แล้ว KBank ร่วมกับ Lu International แพลตฟอร์มจัดการบริหารสินทรัพย์จากสิงคโปร์ และ Robo Wealth ผู้ให้บริการลงทุนดิจิทัล หรือผู้สร้างOdini แอปพลิเคชันลงทุนในกองทุนรวมอัตโนมัติ เปิดตัวแอปพลิเคชั่นเพื่อการลงทุนเพิ่มอีกแอปคือ FinVest ชูจุดเด่นใช้ทีมงานคัดสรรกองทุนมาให้ บวกกับการนำเสนอเนื้อหาการลงทุนเข้าใจง่าย และเตรียมเปิดให้ซื้อกองทุนต่างประเทศในเร็วๆ นี้ ตั้งเป้าปีแรกมียอดเปิดบัญชี 120,000 บัญชี มูลค่าลงทุน 14,000 ล้านบาท พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า สัดส่วนลูกค้าที่เป็นผู้ซื้อกองทุนยังมีปริมาณน้อย จากลูกค้าธนาคาร 16 ล้านคน มีคนที่ซื้อกองทุนราว 3 แสนคน และเมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ มีเพียง 4 ล้านคนที่ลงทุน และในปี 2563 ตลาดการเงินในประเทศไทยมีมูลค่า 44 ล้านล้านบาท มีการลงทุนในกองทุนรวมอยู่ 4.8 ล้านล้านบาท หรือราว 10% เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็มองเห็นแนวโน้มคนลงทุนมากขึ้นจากเทคโนโลยีที่ทำให้เข้าถึงการลงทุนง่ายกว่าแต่ก่อน ชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง Robo Wealth ระบุว่า FinVest มีหน้าตาการใช้งานหลักๆ สามหน้าคือ Featured หน้ารวมและคัดกองทุนมาให้, Actionable Content เสนอเนื้อหาการลงทุนในภาษาเข้าใจง่าย, Filter&Ranking ดูประสิทธิภาพการลงทุนแต่ละกองย้อนหลังได้ โดยตัว FinVest เชื่อมต่อกับ Robo Wealth Open API เพื่อที่ Robo Wealth จะได้ให้บริการเปิดบัญชี ซื้อขายหน่วยลงทุนผ่าน FinVest ได้ FinVest จะเสนอกองทุนในไทยจาก 15 บลจ. และ บลจ.จากต่างประเทศ พร้อมการแลกเงินเพื่อซื้อกองทุนต่างประเทศได้ในแอป ผู้ใช้งานรายใหม่สามารถดาวน์โหลดเพื่อยืนยันตัวตนได้โดยถ่ายรูปบัตรประชาชน ผูกแอปกับบัญชีธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย หรือธนาคารไทยพาณิชย์ได้ ส่วนผู้ใช้งาน Odini สามารถกรอกเบอร์มือถือที่ใช้งานกับ Odini ได้เลย ที่มา - งานแถลงข่าว
# ระ..ระ..เร็ว! SSD บน MacBook Air รุ่น M1 เร็วกว่ารุ่นต้นปี 2020 เกือบสองเท่า ผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาเริ่มได้รับเครื่อง MacBook Air ที่ใช้ชิป M1 ของ Apple กันแล้ว ทำให้เราอาจจะเริ่มเห็นผลการทดสอบต่างๆ ในการใช้งานจริงออกมาในไม่ช้า และวันนี้ผู้ใช้ “abbotsford1980” ก็ได้โพสต์ผลการทดสอบ SSD ของ MacBook Air (M1) 256GB บนเว็บบอร์ด Apple Silicon ของเว็บไซต์ MacRumors แล้ว ผลการทดสอบพบว่า SSD ของ MacBook Air M1 รุ่นนี้ ทำความเร็วอ่านอยู่ที่ 2675 MB/s และเขียนอยู่ที่ 2190 MB/s ซึ่งเร็วกว่า Macbook Air รุ่นต้นปี 2020 ที่มีความเร็วอ่าน 1319 MB/s และเขียนที่ 1007 MB/s (ซึ่งความเร็วอ่านของ MacBook Air รุ่นต้นปี ลดลงมาจากประมาณ 2GB/s ใน Macbook Air 2018) เรียกได้ว่าเร็วขึ้นเกือบสองเท่าตัวเลยทีเดียว ที่มา - abbotsford1980’s post via MacRumors
# [ลือ] Samsung จะไม่ออก Galaxy Note ในปีหน้า และหันไปโฟกัสกับมือถือจอพับมากขึ้น สัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวลือจาก Ice Universe สายข่าวไอทีชื่อดัง ว่า Samsung Galaxy S21 จะรองรับปากกา S Pen แต่ Samsung จะไม่แถมมาให้เป็นอุปกรณ์ที่ซื้อแยก และจะไม่มีช่องเก็บในเครื่อง ซึ่งตรงกับข่าวจาก Heraldcorp เมื่อเดือนก่อน ล่าสุด Ice Universe ก็ทวีตอีกว่า เขายังไม่เห็นข่าวการพัฒนา Samsung Galaxy Note เลย นอกจากนี้ Max Weinbach สายข่าวเทคโนโลยีอีกคน ยังทวีตลิสต์ของมือถือเรือธงจาก Samsung ที่จะออกในปีหน้า โดยในลิสต์นั้นก็ไม่มี Galaxy Note อยู่เลยเช่นกัน แต่มี Galaxy Z Fold 3, Z Flip 3 และ Z Fold FE ซึ่งรุ่นสุดท้ายน่าจะเป็นมือถือจอพับที่มีราคาถูกลง ถ้าเป็นไปตามชื่อ FE จริง แบบนี้น่าจะแปลว่า Samsung อาจเริ่มหันมาลองวางจำหน่ายมือถือจอพับให้กับผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ วางมือถือจอพับไว้เป็นสมาร์ทโฟนระดับท็อปพรีเมียม ที่อยู่เหนือกว่ากลุ่มเรือธงอย่าง S และ Note ที่มา - Max Weinbach, Ice Universe via Android Central
# ไม่ต้องเถียงว่าการ์ดจอใครแรงกว่า NVIDIA เปิดตัว Ampere A100 รุ่นแรม 80GB NVIDIA เปิดตัวการ์ดจอสำหรับเซิร์ฟเวอร์ NVIDIA A100 (Ampere ตัวแรก) รุ่นเพิ่มแรมพิเศษ 80GB จากรุ่นปกติ 40GB สำหรับงานด้านวิทยาศาสตร์-วิศวกรรมที่ต้องประมวลผลปริมาณข้อมูลมากๆ NVIDIA A100 80GB ใช้แรมความเร็วสูง HBM2e แบนด์วิดท์ 2TBps (รุ่นปกติ 1.6TBps) ทำให้บริษัทเคลมว่าเป็นจีพียูศูนย์ข้อมูลที่เร็วที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ (the world's fastest data center GPU) การ์ด A100 จะขายมาในเซิร์ฟเวอร์ NVIDIA DGX A100 ที่เพิ่มรุ่นแรมการ์ดจอรวม 640GB และฮาร์ดแวร์เวิร์คสเตชัน DGX Station A100 (แรมการ์ดจอสูงสุด 320GB) ที่เปิดตัวมาวันนี้พร้อมกัน โดยบริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์รายใหญ่ๆ เช่น Dell, HPE, Lenovo, Fujitsu, Gigabyte, Quanta, Supermicro, Atos, Inspur ก็เตรียมเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ A100 ตามมาในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 NVIDIA A100 80GB DGX Station A100 ที่มา - NVIDIA
# Zoom ออกเครื่องมือสแกนอินเทอร์เน็ต ค้นหาว่าลิงก์ห้องประชุมถูกเอาไปโพสต์สาธารณะหรือไม่ Zoom ประกาศฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยในการใช้งาน 2 ฟีเจอร์ใหม่ ตัวแรกคือ At-Risk Meeting Notifier สำหรับสแกนอินเทอร์เน็ต ทั้งโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ที่เป็นสาธารณะ ว่ามีการโพสต์ลิงก์ห้องประชุม Zoom หรือไม่ หากพบก็จะแจ้งเตือนโฮสต์พร้อมชี้แนะแนวทางแก้ไขต่อไป อีกฟีเจอร์คือ Suspend Participant Activities ใต้ไอคอนกุญแจสีเขียว ที่ให้โฮสต์สามารถพักการประชุมชั่วคราวและจัดการกับผู้เข้าร่วมประชุมที่สร้างความวุ่นวาย โดยเมื่อกดปุ่ม Suspend Participant Activities วิดีโอคอล, แชท, การแชร์หน้าจอ, การบันทึกหน้าจอหรือการแยกห้อง Breakout Rooms ทุกอย่างจะหยุดลงชั่วคราวทันที นอกจากนี้โฮสต์ยังมีตัวเลือกเพิ่มเติมตอนสร้างห้องประชุม ว่าจะให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถรายงานผู้เข้าร่วมประชุมรายอื่นได้ผ่านปุ่มกุญแจสีเขียวเช่นกัน ที่มา - Zoom
# เป็นทางการแล้ว Huawei ขายธุรกิจ Honor ให้กลุ่มทุนจีนอื่น หวังลดแรงเสียดทานสหรัฐแบน จากที่เคยลือกันมาได้สักพัก วันนี้ Huawei ประกาศขายธุรกิจฮาร์ดแวร์แบรนด์ Honor ทั้งหมดให้กลุ่มทุนจีน Shenzhen Zhixin New Information Technology Co., Ltd. อย่างเป็นทางการแล้ว กลุ่มทุน Shenzhen Zhixin New Information Technology Co., Ltd. เป็นการรวมตัวของตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Honor กว่า 30 ราย ที่มารับช่วงซื้อแบรนด์ Honor ไปบริหารต่อ โดย Huawei ระบุว่ากลุ่มตัวแทนจำหน่ายเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้ามาซื้อก่อน อย่างไรก็ตาม Huawei (ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์) ไม่ได้เปิดเผยมูลค่าการขายกิจการครั้งนี้ แถลงการณ์ของ Huawei ระบุว่าธุรกิจคอนซูเมอร์พบกับความยากลำบากมาก จึงตัดสินใจขายธุรกิจแบรนด์ลูก Honor ออกไป เพื่อให้ซัพพลายเออร์หรือตัวแทนจำหน่ายที่เกี่ยวข้อง สามารถอยู่รอดต่อไปได้ โดย Huawei จะไม่ถือหุ้นหรือยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจ Honor แม้แต่น้อย Huawei ให้ตัวเลขว่าปัจจุบัน Honor มียอดขายสมาร์ทโฟนปีละ 70 ล้านเครื่อง ภายหลังก็ขยายมาทำนาฬิกา โน้ตบุ๊ก หูฟัง และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ด้วย ต้องรอดูกันว่าการเปลี่ยนมือเจ้าของ Honor จะช่วยให้ Honor สามารถรอดพ้นคำสั่งแบนห้ามขายชิป, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, การใช้งาน Google Mobile Services จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้หรือไม่ ที่มา - Huawei, Reuters
# ไหนใครแคร์ความเป็นส่วนตัว, พบแอปของแอปเปิลบน Big Sur ส่งข้อมูลทะลุไฟร์วอลล์, VPN ผู้ทดสอบ Big Sur ตั้งแต่ช่วงที่ยังเป็นเบต้าเคยเปิดเผยว่าแอปของแอปเปิลเองบน Big Sur สามารถส่งข้อมูลออกอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ผ่านไฟร์วอลล์, VPN หรือเฟรมเวิร์ค network extension อื่น ๆ เลย นอกจากเรื่องความเป็นส่วนตัวที่แอปเปิลใช้เป็นจุดขายของตัวเองมาตลอดแล้ว ยังมีเรื่องของความปลอดภัยที่มัลแวร์อาจใช้ช่องนี้ในการโจมตีด้วย โดยมีนักวิจัยทดสอบเชื่อมต่อไปยัง remote server แม้ตัวเครื่องจะสั่งปิดการเชื่อมต่อทั้งหมดแล้วก็ตาม เรื่องนี้แม้เป็นประเด็นตั้งแต่ช่วงเบต้าแต่ก่อนหน้านี้ก็คาดกันว่าแอปเปิลจะแก้ไขก่อนการปล่อยซอฟต์แวร์ตัวเต็ม แต่ล่าสุดที่ Big Sur ปล่อยให้ดาวน์โหลดแล้วปัญหานี้ก็ยังอยู่ ไม่แน่ใจว่าแอปเปิลจะแก้ปัญหานี้หรือไม่ หรือจริง ๆ มันคือฟีเจอร์ ที่มา - The Next Web
# Google เปิดโปร Black Friday: ออก Pixel 4a สีฟ้าพิเศษ, ลดราคา Pixel 5 ลง 50 เหรียญ เป็นธรรมเนียมทุกปีที่ Google จะเปิดตัว Pixel รุ่นใหม่ช่วงเดือนตุลาคม และนำมาลดราคาช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนในเทศกาล Black Friday โดยขณะนี้หน้าเว็บ Google Store ก็เปิดโปรโมชัน Black Friday ปีนี้ออกมาแล้ว อย่างแรกคือการออก Pixel 4a สีฟ้าพิเศษ "Barely Blue" เพิ่มจากสีดำที่มีอยู่เดิม โดยระบุว่ามีขายเพียงสั้นๆ หมดแล้วหมดเลย ขณะนี้เปิดให้สั่งซื้อแล้ว ราคา 349 เหรียญสหรัฐเท่ารุ่นสีดำ ต่อมาเป็นการลดราคา Pixel 5 รุ่นเรือธงลง 50 เหรียญสหรัฐ เหลือ 649 เหรียญสหรัฐ (ราว 19,500 บาท ไม่รวมภาษี) ทำให้ราคาลงมาใกล้ 599 เหรียญสหรัฐมากขึ้นอีกนิดตามที่ลุ้นราคากันก่อนจะเปิดตัว เริ่มซื้อได้วันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ยังมีสินค้าลดราคาอีกหลายรายการ ยกมาบางส่วน ดังนี้ Nest Audio แพ็คคู่ 169.98 เหรียญสหรัฐ Nest Mini 18.99 เหรียญสหรัฐ Nest Hub Max 179 เหรียญสหรัฐ Google Home Max 149 เหรียญสหรัฐ สามารถเข้าไปดูรายการสินค้าลดราคาทั้งหมดได้ที่นี่ ที่มา - Google Store