sysid
stringlengths 1
6
| title
stringlengths 8
870
| txt
stringlengths 0
257k
|
---|---|---|
438334 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพัทลุง พ.ศ. 2547 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพัทลุง
พ.ศ. ๒๕๔๗
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพัทลุงออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพัทลุง
พ.ศ. ๒๕๔๗
ข้อ
๒[๑]
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพัทลุงพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพัทลุงจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕
แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔)
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณ... (ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒)
รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ภายในบริเวณและบริเวณที่อยู่ติดต่อกับที่ดินขอจัดสรร
(๓)
รายละเอียดของที่ดินใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔)
เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๕)
ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒)
การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และเส้นทางถนน
(๓)
การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภทการใช้ที่ดิน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้องและให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุงและอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔
แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จัดให้มี
ดังนี้
(๑)
ระบบไฟฟ้า
(๒)
ระบบประปา
(๓)
ระบบการระบายน้ำ
(๔)
ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕)
ระบบถนนและทางเข้า
(๖)
ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A 1
โดยให้มุมด้านล่างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ
ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร
ผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว
ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการขอรับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๕
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นที่ดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเงินสด
หรือผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๘
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี (ถ้ามี)
๖.๙
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
๖.๑๑
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการ และค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑
ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒
ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓
ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘
การกำหนดขนาดความกว้างและความยาวต่ำสุดหรือเนื้อที่จำนวนน้อยที่สุดของที่ดินแปลงย่อยที่จะจัดสรร
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคาร
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๒.๑
บ้านเดี่ยว
(๑)
ความกว้างและความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
(๒)
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดตาม (๑) ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒.๒
บ้านแฝด
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๒.๓
บ้านแถว
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
๘.๒.๔
อาคารพาณิชย์
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ
๙
ห้ามแบ่งแยกที่ดินจัดสรรเป็นแนวตะเข็บและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลง
ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ
๑๐
เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดินซึ่งมีเนื้อที่กินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐
ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้นเป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ
๑๑ การสาธารณสุข
การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น
ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๒ ระบบการระบายน้ำ
๑๒.๑
การระบายโดยระบบท่อและรางระบายน้ำที่ออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๒.๒
ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องเพียงพอโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๒.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑)
ปริมาณน้ำฝนใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี หรือนานกว่าของท้องที่นั้นและสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒)
ปริมาณน้ำเสียใช้เกณฑ์ประมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕ ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร
ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓)
ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร
ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
๑๒.๔
ระบบการระบายน้ำ ต้องประกอบด้วย
(๑)
ท่อระบายน้ำรวม (ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้)
(๒)
รางระบายน้ำ
(๓)
บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๔)
บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕)
บ่อพักน้ำเสีย
(๖)
ระบบเครื่องสูบน้ำ (ถ้ามี)
(๗)
บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘)
บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙)
ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน (กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๑๐)
บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบการบำบัดน้ำเสีย
๑๒.๕
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑)
ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒)
ขนาดท่อระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔)
ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖)
ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๒.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีระบบการระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบและมีระดับความลาดเอียง
ดังนี้
ก.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
ข.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐
(๔)
เครื่องสูบน้ำเสียจะเป็นแบบใดก็ได้ (แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย,
แบบนอกบ่อพักน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก.
ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข.
ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ เมตร
ค.
ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔
ส่วนของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕)
แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปโดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้มีบ่อหนึ่งต่อสองบ่อ ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
(๗)
บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นแนวท่อระบายน้ำโดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมด้วย
(๙)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางที่จัดสรร ไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด
รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๓ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๓.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการระบายน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๓.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการที่ตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ
๑๓.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งโดยตลอด
สำหรับประเภทระบบกลางต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่พาหนะเข้าถึงได้โดยเป็นทางเฉพาะกว้างไม่น้อยกว่า
๔ เมตร
เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียและการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ
๑๔
ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔ เมตร
ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ
๑๕
ข้อ
๑๕
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขต (ผิวจราจรและทางเท้า)
เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยดังนี้
๑๕.๑
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๑๙ ไร่ ต้องมี
(๑)
ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๒)
โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๖.๐๐ เมตร
(๓)
ทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้าให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๑.๑๕ เมตร
๑๕.๒
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่แปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐
ไร่ ต้องมี
(๑)
ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๒)
โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๙.๐๐ เมตร
(๓)
ทางเท้าข้างละ ๑.๕๐ เมตร
๑๕.๓
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมี
(๑)
ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
(๒)
โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๑๒.๐๐ เมตร
(๓)
ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
๑๕.๔
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐
ไร่ขึ้นไป ต้องมี
(๑)
ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
(๒)
โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๑๒.๐๐ เมตร
(๓)
ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
(๔)
รัศมีการเลี้ยวโค้งที่ทางเลี้ยวหรือทางแยกไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๖ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๕
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน ๓๐๐ เมตร
และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ
๑๘ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตร
และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑
กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒
กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓
กรณีเป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔
กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๑๙
ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรระหว่างทางเท้ากว้าง ๒.๕๐ เมตร
ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒
ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๑๙.๓
ตลอดความยาวสองฝั่งถนนเป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ
๒๐ ทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๕ ทั้งนี้
ความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร
ตลอดความยาวของถนน โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๐.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ - ๑๕ เซนติเมตร สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน
ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถวจะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๐.๓
วัสดุปูทางเท้าควรกำหนดให้เป็นวัสดุที่ทำจากปูนซีเมนต์
๒๐.๔
ขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ - ๑๕ เซนติเมตร
๒๐.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย ให้ลดคันดินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๖
การปลูกต้นไม้หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษขนาดอย่างน้อย ๑.๐๐ x ๑.๐๐ เมตร
ข้อ
๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับ และมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบมาตรฐานของหน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนด
ข้อ
๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ
๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างเกินกว่า ๓.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร
จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอดตามแบบการก่อสร้างได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ
๒๕
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางทุกแห่ง
ข้อ
๒๖ ความปลอดภัยอื่น ๆ
ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างและต้องติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
และกำหนดให้มีระบบรักษาปลอดภัยในหมู่บ้าน
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๗ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเครื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๘ ระบบประปา
๒๘.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๘.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๘.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพัทลุง
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ
๒๙
การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และบริหารชุมชน
ข้อ
๓๐
การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๓๐.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น จำนวน ๑ แห่ง โดยคำนวณจากร้อยละ ๕
ของพื้นที่จัดจำหน่าย พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณ
มีขนาดและมีรูปแปลงที่เหมาะสม
สะดวกแก่การใช้สอยและไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
๓๐.๒
สนามกีฬาควรกำหนดให้มีสนามกีฬาอย่างน้อย ๑ แห่ง โดยคำนวณจากร้อยละ ๕
ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายตั้งอยู่ศูนย์กลางที่ดินที่จำหน่ายพื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณและรูปแปลงเหมาะสมสะดวกแก่การใช้สอยและไม่อนุญาตให้แบ่งออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ให้ต่ำกว่า ๓ ไร่
๓๐.๓
โรงเรียนอนุบาล การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ผู้จัดสรรจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐
แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดทำบริการสาธารณะประจำหมู่บ้านจัดสรรแทน
๓๐.๔
ที่ทำการสำนักงานนิติบุคคล หมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ตั้งอยู่ภายในโครงการ
ข้อ
๓๑
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ข้อ
๓๒ การจัดรถรับส่ง
ควรจัดให้มีระบบขนส่งในหมู่บ้านหรือบริการของรถประจำทาง
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗
ถาวร พรหมมีชัย
รองผู้ว่าราชการจังหวัด
รักษาราชการแทน
ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพัทลุง
ศุภชัย/พิมพ์
๗ กรกฎาคม ๒๕๔๗
สุนันทา/จีระ/ตรวจ
๒๒ กรกฎาคม ๒๕๔๗
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนที่ ๒๗
ง/หน้า ๕๒/๑ เมษายน ๒๕๔๗ |
436046 | ข้อกำหนด เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดตาก พ.ศ. 2547
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดตาก
พ.ศ. ๒๕๔๗
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตาก ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผังโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดตาก
พ.ศ. ๒๕๔๗
ข้อ
๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับ
เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัด หรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตาก
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดินและการผังเมือง คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตาก
จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้การเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่องกำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและ
พาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผังโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ให้ระบุข้อความต่อไปนี้
คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร ตั้งอยู่ในบริเวณ
.(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓)
รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(*) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมด ไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒)
การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภทการใช้ที่ดิน ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้องและให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุงและอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔
แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A ๑
โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีบริเวณการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่)
ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง
ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรมและหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของ การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้น ว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นที่ดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการปรับถมที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรที่ดินจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๘
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๙
การเรียกเก็บค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๑๐
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรรแบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙
ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า
๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดิน
ดังต่อไปนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน ที่ดินแปลงย่อยต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร และมีความยาวไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐ เมตร
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคาร ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดิน
แยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๒.๑
บ้านเดี่ยว
(๑)
ความกว้างและความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
(๒)
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดตาม (๑) ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒.๒
บ้านแฝด
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๒.๓
บ้านแถว
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
๘.๒.๔
อาคารพาณิชย์
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
๘.๓
ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
๘.๔
ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
๘.๕
เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคตให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดินซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า
๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา
ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้นเป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ
๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ
๙ การสาธารณสุข
การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตากพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๐ ระบบการระบายน้ำ
๑๐.๑
การระบายโดยระบบท่อและรางระบายน้ำ ที่ออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๐.๒
ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียงและจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๐.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี หรือนานกว่าของท้องที่นั้นและสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิง ซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๐.๔
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำรวม (ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้)
(๒) รางระบายน้ำ
(๓) บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ (ถ้ามี)
(๗) บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘) บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙) ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน (กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๑๐) บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบการบำบัดน้ำเสีย
๑๐.๕
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒) ขนาดท่อระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔) ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖) ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของในระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๐.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีระบบการระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้ โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบ
และมีระดับความลาดเอียง ดังนี้
ก.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
ข.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑: ๑๐๐๐
(๔
) เครื่องสูบน้ำเสียจะเป็นแบบใดก็ได้ (แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย
แบบนอกบ่อพักน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก.
ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข.
ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ เมตร
ค.
ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔
ส่วนของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕)
แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
(๗)
บ่อตรวจการระบายน้ำ
ต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นระดับความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิม
(๙)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากเป็นลำรางสาธารณะ ให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ข้างต้นทั้งหมดรวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๑ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๑.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรร ถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ ที่จะต้องถูกควบคุมการระบายน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๑.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลาง
ที่รวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธี
หรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
ที่ตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ
๑๑.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
สำหรับประเภทระบบกลางต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่พาหนะเข้าถึงได้
โดยเป็นทางเฉพาะกว้างไม่น้อยกว่า ๔.๐๐ เมตร
เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียและการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจรและความปลอดภัย
ข้อ
๑๒
ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับให้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์
ต้องไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉาก
จากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อย ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในข้อ ๑๓
ข้อ
๑๓
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ ให้มีความกว้างของเขตทาง
(ผิวจราจรและทางเท้า) เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยดังนี้
๑๓.๑
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
๑๓.๒
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙
- ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร
๑๓.๓
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า
๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
๑๓.๔
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย เกินกว่า ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า
๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร มีเกาะกลางถนนกว้างไม่น้อยกว่า ๑.๐๐ เมตร
และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่น ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร
โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๔
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน หรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๓
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๕
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่ง ไม่เกิน ๓๐๐
เมตรและไม่ควรให้เป็นแนวทางตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ
๑๖ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตัน ที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ดังนี้
๑๖.๑
กรณีที่เป็นวงเวียนต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๖.๒
กรณีที่เป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้านและผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๖.๓
กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตรและผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๖.๔
กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๑๗
ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง ๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๗.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๗.๒
ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๑๗.๓
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น ที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตร ขึ้นไป เว้นแต่ถนนตามข้อ ๑๓.๓ และข้อ ๑๓.๔
ข้อ
๑๘ ทางเท้า
๑๘.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินถนนตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ
๑๓ ทั้งนี้
ความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร
ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๑๘.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน
ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝด หรือบ้านแถว
จะไม่ทำเป็นทางยกระดับก็ได้
๑๘.๓
วัสดุปูทางเท้า ต้องทำด้วยวัสดุซึ่งปกติไม่เปลี่ยนแปลงสภาพได้ง่ายโดยน้ำ ไฟ
หรือดินฟ้าอากาศ
๑๘.๔
ขอบทางเท้า ต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
๑๘.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย ให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาด
ให้รถเข้าออกได้ แต่ให้รักษาระดับทางเท้าสูงเท่าเดิม
ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๑๙.๓
๑๘.๖
การปลูกต้นไม้หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนน ต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษ ขนาดอย่างน้อย ๑.๐๐ X ๑.๐๐ เมตร
ข้อ
๑๙ ระดับความสูงของหลังถนน
๑๙.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๑๙.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๑๙.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต หรือลาดยางแอสฟัลต์ รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบมาตรฐานที่หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนด
ข้อ
๒๐ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๐.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกินกว่า ๗ ส่วนต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๐.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กว่า ๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า
๓๗.๐๐ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๒๑ การปาดมุมถนน
๒๑.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๑.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๒ สะพาน สะพานท่อและท่อลอด
๒๒.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งเกินกว่า ๓.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานตามคอนกรีตเสริมเหล็กตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๒.๒
ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร
จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนดก็ได้
ข้อ
๒๓
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ
๒๔ ความปลอดภัยอื่น ๆ
ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างและต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น.
ข้อ
๒๕ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคง แข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบ และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตากมีสิทธิที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับ และความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ
และส่วนประกอบของถนนได้
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๖
ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดตาก
ข้อ
๒๗ ระบบประปา
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น กรณีหน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถให้บริการได้
หรือที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณเช่นว่านั้น
ให้จัดทำระบบประปาสัมปทานและต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำพร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ
โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตาก
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปา ต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๒๘ ระบบการป้องกันอัคคีภัย
ที่ดินแปลงย่อยตามแผนผังการจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารจำนวนไม่ต่ำกว่า
๕๐ แปลง จะต้องจัดทำจุดจ่ายน้ำเพื่อการดับเพลิง ๑ จุด โดยกำหนดให้หัวจ่ายน้ำได้ ๒
ทิศทาง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า ๔ นิ้ว
เศษของที่ดินแปลงย่อยที่มีจำนวนไม่น้อยกว่า ๒๐ แปลง
ให้จัดทำจุดจ่ายน้ำเพื่อการดับเพลิงเพิ่มอีก ๑ จุด
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ
๒๙ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการวางผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริการชุมชน
ข้อ
๓๐ การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๓๐.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น หรือสนามกีฬา จำนวน ๑ แห่ง โดยคำนวณจากร้อยละ
๕ ของพื้นที่จัดจำหน่าย พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณมีขนาดและรูปแปลงเหมาะสม
สะดวกแก่การใช้สอย และไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่
๓๐.๒
การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไปหรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้ ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดทำศูนย์บริการด้านการศึกษา
การกีฬา หรือการสาธารณสุขประจำหมู่บ้านจัดสรรแทน
๓๐.๓
ที่ทำการสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ประชุมสมาชิกเพื่อกำหนดที่ตั้งสำนักงานภายในที่ดินจัดสรรและกำหนดข้อบังคับสมาชิก
ข้อ
๓๔ ให้การประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒
มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗
สวัสดิ์ ศรีสุวรรณดี
ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตาก
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๔ ง/หน้า ๔/๔ กุมภาพันธ์
๒๕๔๗ |
436044 | ข้อกำหนด เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2547
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. ๒๕๔๗
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราชออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผังโครงการ
และวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. ๒๕๔๗
ข้อ
๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับ
เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัด หรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราช
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดินที่ตั้งของที่ดินและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราช จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่องกำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและ
พาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผังโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ
.(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่ายโดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒)
การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภคบริการสาธารณะได้แก่
แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1
โดยให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อโครงการ และที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง
ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรมและหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบ แหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้น ว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่
๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นที่ดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการปรับถมที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย
และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีการเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗ การเรียกเก็บค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรที่ดินจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรรแบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙
ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ
๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า
๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้าง
หรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร และเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ
๙
ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ
๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดิน ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา
ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑
แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝดบ้านแถวและอาคารพาณิชย์
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ
๑๒ การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอยให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔ ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝนใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดนครศรีธรรมราชและสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสียใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิง ซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อและรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบน้ำ หรือสถานีสูบน้ำ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ ตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยมีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำเปิดปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม
ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีระบบการระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้ โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบ และมีระดับความลาดเอียง
ดังนี้
ก.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
ข.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑: ๑๐๐๐
(๔
) เครื่องสูบน้ำเสียจะเป็นแบบใดก็ได้ (แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย,
แบบนอกบ่อพักน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก.
ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข.
ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ เมตร
ค.
ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔
ส่วนของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕)
แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง ทั้งนี้ ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกันและระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน
๑๕.๐๐ เมตร
(๗)
บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นระดับความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิม
(๙)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ข้างต้นทั้งหมดรวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่านหรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้มาแล้วจะถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับในท้องถิ่นนั้นเสียก่อน จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้แต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือกระบวนการบำบัดแบบใด
วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจรและความปลอดภัย
ข้อ
๑๕
ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับให้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์
ต้องไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉาก
จากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อย ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในข้อ ๑๖
ข้อ
๑๖
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจร
เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยดังนี้
๑๖.๑
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร และจัดให้มีทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้ามีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๑.๒๕ เมตร
๑๖.๒
ถนนที่ใช้เป็นทางเท้าเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่
๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๙.๐๐ เมตร และจัดทำทางเท้าให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่าข้างละ ๑.๕๐ เมตร
๑๖.๓
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร
ไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร และจัดทำทางเท้ามีความกว้างไม่ต่ำกว่าข้างละ ๑.๗๕ เมตร
๑๖.๔
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย เกินกว่า ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า
๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร และจัดทำทางเท้ามีความกว้างไม่ต่ำกว่าข้างละ
๒ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร
โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวงนอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๘
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่ง ไม่เกิน ๓๐๐ เมตร
และไม่ควรให้เป็นแนวทางตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ
๑๙ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตร
และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๙.๑
กรณีที่เป็นวงเวียนต้องมีรัศมีความโค้ง วัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๒
กรณีที่เป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๓
กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๔
กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๒๐
ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง ๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๒๐.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๒๐.๒
ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๒๐.๓
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตร ขึ้นไป เว้นแต่ถนนตามข้อ ๑๖.๓ และข้อ ๑๖.๔
ข้อ
๒๑ ทางเท้า
๒๑.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ต้องจัดให้มีทางเท้า
สำหรับคนเดินถนนตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๖
ทั้งนี้ ความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๑.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ - ๑๕ เซนติเมตร สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน
ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถวจะไม่ทำเป็นทางยกระดับก็ได้
๒๑.๓
วัสดุปูทางเท้าจะต้องใช้วัสดุคงทนถาวร
๒๑.๔
ขอบทางเท้าต้องเป็นคันคอนกรีตเสริมเหล็กสูง ๑๒ ๑๕ เซนติเมตร
๒๑.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันคอนกรีตเสริมเหล็กลงโดยทำเป็นทางลาด
ให้รถเข้าออกได้ แต่ให้รักษาระดับทางเท้าสูงเท่าเดิม
ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบมาตรฐานที่หน่วยงานรับผิดชอบกำหนด
๒๑.๖
การปลูกต้นไม้หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ ควรกั้นเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษ ขนาดอย่างน้อย ๑.๐๐ X ๑.๐๐ เมตร
ข้อ
๒๒ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๒.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๒.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๒.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่นหรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบมาตรฐานที่หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนด
ข้อ
๒๓ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๓.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกินกว่า ๗ ส่วนต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๓.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ
๒๔ การปาดมุมถนน
๒๔.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๔.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๕ สะพาน, สะพานท่อและท่อลอด
๒๕.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งเกินกว่า ๓.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานตามคอนกรีตเสริมเหล็กตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานที่กฎหมายกำหนด
๒๕.๒
ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างไม่เกิน ๓.๐๐ เมตร
ถนนที่ตัดผ่านลำรางจะจัดทำเป็นสะพานท่อหรือใช้ท่อลอดก็ได้
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานที่กฎหมายกำหนด
ข้อ
๒๖
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟฟ้าให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนนวงเวียนทางแยก
ร่องหรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ
๒๗ ความปลอดภัยอื่น ๆ
๒๗.๑
ให้ติดตั้งไฟส่องสว่าง
๒๗.๒
ให้ติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์กรของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๙ ระบบประปา
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบประปา
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่นสามารถให้บริการได้
ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
ในกรณีอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ให้ผู้จัดสรรที่ดินเสนอแบบก่อสร้างระบบผลิตและจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบ
รายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด็
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ
๓๐ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการวางผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริการชุมชน
ข้อ
๓๑ การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๓๑.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่นหรือสนามกีฬา จำนวน ๑ แห่ง โดยคำนวณจากร้อยละ
๕ ของพื้นที่จัดจำหน่าย
พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณที่ขนาดและรูปแปลงเหมาะสม สะดวกต่อการใช้สอย
และไม่อนุญาตให้แบ่งแยกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่
ข้อ
๓๒ โรงเรียนอนุบาล
การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๕๐๐ แปลงขึ้นไปหรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดทำบริการสาธารณะประจำหมู่บ้านจัดสรรแทน
ข้อ
๓๓ ที่ทำการสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
จะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นสำนักงานตามความเหมาะสม
ข้อ
๓๔
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๙
มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗
สวัสดิ์ แกล้วทนงค์
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราช
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๔ ง/หน้า ๒๕/๔ กุมภาพันธ์
๒๕๔๗ |
433565 | ข้อกำหนด เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพังงา พ.ศ. 2547 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพังงา
พ.ศ. ๒๕๔๗
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพังงาออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง โครงการ
และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพังงา
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑]
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓
บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพังงา
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดินและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพังงาจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ให้แก่ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชย กรรม ฉบับลงวันที่
๒๕ มกราคม ๒๕๔๔
หมวด ๑
หลักเกณฑ์ในการจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕
แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังต่อไปนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒)
ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔)
รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒)
รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓)
รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔)
รายละเอียดแสดงการเชื่อมต่อของโครงการ กรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒)
การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภคบริการสาธารณะและเส้นทางถนน
(๓)
การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภทการใช้ที่ดิน ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้องและให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุงและอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่น
๕.๔
แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จัดให้มีดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเข้า
(๖) ระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1
โดยให้มุมด้านล่างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดินชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร
ผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ (และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว)
ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่างๆ
ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการขอรับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นที่ดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการจัดจำหน่ายที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเงินสด
หรือผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๘
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙
ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐-๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐
ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า
๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ ภายใต้บังคับข้อ ๑๔ การจัดสรรที่ดินเพื่อจำหน่ายเฉพาะที่ดิน ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างของหน้าแปลงที่ดินที่ติดถนนไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร และมีความยาวไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐ ตารางวา หากรูปที่ดินแปลงย่อยไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
ข้อ ๙ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคาร
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภทดังนี้
๙.๑ บ้านเดี่ยว
(๑)
ความกว้างและความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และ
(๒) มีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๕๐ ตารางวา
(๓)
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดตาม (๑) ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
และความกว้างต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของความยาว
๙.๒ บ้านแฝด
(๑) ความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และ
(๒) เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕
ตารางวา
๙.๓ บ้านแถว
(๑) ความกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร และ
(๒) เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖
ตารางวา
๙.๔ อาคารพาณิชย์
(๑) ความกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร และ
(๒) เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖
ตารางวา
ข้อ ๑๐ การกำหนดระยะห่างระหว่างตัวอาคารกับแนวเขตที่ดินแต่ละแปลงให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินตามข้อ
๙.๓ และ ๙.๔
ต้องจัดให้มีเพิ่มขึ้นระหว่างที่ดินแปลงย่อยประเภทนี้ที่ต่อเนื่องกับที่ดินแปลงย่อยประเภทอื่น
ช่องว่างนี้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุง
และอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถได้
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๑ การสาธารณสุข
การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรปราศจากขยะมูลฝอย ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น หรือท้องถิ่นไม่สามารถกำจัดได้ ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพังงาพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๒ ระบบการระบายน้ำ และการบำบัดน้ำเสีย
๑๒.๑ ในท้องที่ที่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและในเขตเทศบาลให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการ
ที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๒.๒
ในกรณีมีการจัดให้มีการระบายโดยระบบท่อ และรางระบายน้ำที่ออกแบบไว้เป็นระบบอย่างถูกต้อง
ตามหลักเกณฑ์วิศวกรรมสุขาภิบาล
ต้องจัดให้มีการระบายน้ำดังกล่าววางขนานตามแนวถนนทั้งสองฝั่งทุกสานทาง
๑๒.๓
ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๒.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ
๕ ปี หรือนานกว่าของท้องที่จังหวัดพังงา และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ
๙๕ ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓)
ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร
ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
๑๒.๕ ระบบการระบายน้ำ
ต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำรวม
(ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้)
(๒) รางระบายน้ำ
(๓) บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ
(ถ้ามี)
(๗)
บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘)
บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙)
ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน (กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๑๐)
บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบการบำบัดน้ำเสีย
๑๒.๖ รายการคำนวณ
(ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑)
ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒)
ขนาดท่อระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔)
ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖)
ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้ โดยต้องมีการตรวจสอบรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๒.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีระบบการระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝนเส้นผ่าศูนย์กลางภายในท่อระบายน้ำเสียต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด
ไม่ต่ำว่า ๒๐ เซนติเมตร
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียโดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบและมีระดับความลาดเอียงดังนี้
ก. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐
เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
ข.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐
(๔) เครื่องสูบน้ำเสียจะเป็นแบบใดก็ได้
(แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสียแบบนอกบ่อพักน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก.
ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข.
ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ เมตร
ค.
ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔
ส่วนของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕)
แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปโดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว
หรืออาคารพาณิชย์จัดให้หนึ่งต่อสองแปลง ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
(๗)
บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. ระดับความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำโดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง
๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมด้วย
(๙) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรร ไปถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้างต้นทั้งหมด
รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการผ่าตัด หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๓ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๓.๑ น้ำที่ผ่านการใช้แล้วจะถือเป็นน้ำเสีย
ที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติไม่ต่ำกว่ามาตรฐานน้ำทิ้งตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการระบายน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๓.๒ ระบบบำบัดน้ำเสีย จะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะต้องใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด
ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการที่ตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
๑๓.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งโดยตลอด
สำหรับประเภทระบบกลางต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่พาหนะเข้าถึงได้โดยเป็นทางเฉพาะกว้างไม่น้อยกว่า
๔.๐๐ เมตร เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียและการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๔
ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ
๑๕
ข้อ ๑๕
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ ให้มีความกว้างของขอบเขตทาง
(ผิวจราจรและทางเท้า) เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยดังนี้
(๑)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๖.๐๐
เมตร
(๒)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่แปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร
๙.๐๐ เมตร
(๓)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๑๒.๐๐
เมตร
(๔)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐
ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร
๑๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๖
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๕
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน ๓๐๐ เมตร
และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๑๘ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตร
และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐานดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีเป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒
ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๑๙.๓
ตลอดความยาวสองฝั่งถนนเป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนตามข้อ ๑๘.๓ และข้อ ๑๘.๔
ข้อ ๒๐ ทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๕ ทั้งนี้ ความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนน โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๐.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน
ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถวจะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๐.๓ วัสดุปูทางเท้าต้องปูด้วยคอรกรีต
หรือวัสดุที่มีคุณภาพเทียบเท่าคอนกรีต
๒๐.๔
ขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
๒๐.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย ให้ลดคันดินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
๒๐.๖ การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษ ขนาดอย่างน้อย ๑.๐๐ x ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒ ต้องจัดให้ได้ระดับ
และมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่น
ตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร
ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า
๙๐ องศา จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างเกินกว่า ๓.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างไม่เกิน (ต่ำกว่า) ๓.๐๐ เมตร จะจัดทำเป็นสะพาน หรือสะพานท่อ
หรือใช้ท่อลอดตามแบบการก่อสร้างได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจร และอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ ความปลอดภัยอื่น ๆ
- ไฟส่องทาง
- ติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๗
ให้คณะกรรมการจดสรรที่ดินจังหวัดมีอำนาจสั่งการให้ปรับเปลี่ยนทิศทางเดินรถ
ที่กลับรถ ระดับ และความลาดชันของถนน ฯลฯ เพื่อประโยชน์ในด้านคมนาคม ความปลอดภัย
ความเป็นระเบียบและผังเมือง
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้า
และดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการ หรือองค์การของรัฐ
ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเครื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑ ไม่สามารถให้บริการได้หรือที่ดินจัดสรรอยู่บอกบริเวณดังกล่าว
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพังงา
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ให้ดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาตจากบริษัท
ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือบริษัทเอกชนซึ่งมีมาตรฐานของบริษัท ทศท
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยได้รับสัมปทานและได้รับอนุญาตจากทางราชการ
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑
การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และบริหารชุมชน
ข้อ ๓๒ การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภค หรือบริการสาธารณะ
๓๒.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวนสาธารณะหรือ สนามเด็กเล่น หรือสนามกีฬา จำนวน ๑
แห่ง โดยคำนวณจากร้อยละ ๕ ของพื้นที่จำหน่าย ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณ
มีขนาดและมีรูปแปลงที่เหมาะสม
สะดวกแก่การใช้สอยและไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
๓๒.๒ โรงเรียนอนุบาล
การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ผู้จัดสรรจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดทำบริการสาธารณะประจำหมู่บ้านจัดสรรแทน
๓๒.๓
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ชื้อที่ดินจัดสรร และสถานที่ประชุมตามสมควร
๓๒.๔
การจัดรถรับส่ง (ถ้ามี) ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการเสนอคณะกรรมการพิจารณาตามความเหมาะสม
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗
สมัชชา โพธิ์ถาวร
ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพังงา
ปริยานุช/จัดทำ
๒๖ มกราคม ๒๕๕๙
วริญา/ปรับปรุง
๒๙ มกราคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๒๘ ง/หน้า ๒๗/๑๐ มีนาคม ๒๕๔๗ |
761256 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2546 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดภูเก็ต
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดภูเก็ตออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดภูเก็ต พ.ศ.
๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวัน
นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใด ที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดภูเก็ต
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ และสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดภูเก็ต จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ให้แก่ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองของแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการ และส่วนบุคคล
(๔)
ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา พร้อมทั้งมีหัวจ่ายน้ำสำหรับการดับเพลิง
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมาย
ว่าด้วยวิชาวิศวกรรมและหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอม จากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมาย
ว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่า สามารถให้บริการได้หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ ทั้งส่วนจำหน่าย
และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสร้าง จะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษา และการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้ หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๘
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชน
ทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๙ การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการ
และค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๑๐ ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง เนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย
และพาณิชยกรรมที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้าง หรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคาร ประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคาร ประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดิน และการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยวหรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดิน ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐
ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดิน เป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อย
เป็นประเภทบ้านแฝด บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้น
เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น หรือท้องถิ่นไม่สามารถกำจัดได้ ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บ
และทำลายสิ่งปฏิกูล เสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการโดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓ การระบายน้ำออกจากโครงการ
จะต้องได้รับอนุญาต หรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดภูเก็ต และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสียใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำ
ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่ระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสีย แยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำ และระดับน้ำที่เครื่องสูบ
เริ่ม - หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพัก ต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อ และจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเขตเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียด
และรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ
ตามข้อต้นทั้งหมดรวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรร ถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ ที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือกระบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจร เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
และมีเกาะกลางถนนกว้างไม่น้อยกว่า ๑.๐๐ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่น ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยใช้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ
๑๖ นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีทางกลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐานดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่
๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับขอบทางเดิน
และทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดิน และทางเท้าหรือทางเข้า - ออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่หน่วยงานราชการกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกัน ต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร
แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณจราจร และอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการ หรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบ และรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดภูเก็ต
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาล หรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปา
จากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดภูเก็ตด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต
และการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามกฎหระทรวงฉบับที่
๑๕, ๒๐ ออกตามความ
ในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
พ.ศ. ๒๕๒๒
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองและการกำหนดเขตพื้นที่
และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต
และการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามกฎหระทรวงฉบับที่ ๑๕, ๒๐
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่จัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสมสะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าว จัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้ให้จัดทำบริการสาธารณะ
และหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๔ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรร และสถานที่ประชุมตามสมควร
ข้อ
๓๕ การบริการรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดภูเก็ตพิจารณา
ให้ไว้ ณ วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
พงศ์โพยม วาศภูติ
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดภูเก็ต
ศิรวัชร์/จัดทำ
๗ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๘๘ ง/หน้า ๒๐/๑๓ สิงหาคม ๒๕๔๖ |
761254 | ข้อกำหนดการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. 2546 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
การจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยภูมิ
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยภูมิออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยภูมิ
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยภูมิจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ให้ระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองของแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่ายโดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรมและหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตและยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่า สามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน ทั้งบริเวณส่วนที่จำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน ที่ดินเปล่า
และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗ การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการ
และค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการ จากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี (ถ้ามี)
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาต หรือยินยอม ของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของโครงการจัดสรรที่ดิน
ให้พิจารณาจากจำนวนที่ดินที่ทำการรังวัดแบ่งเป็นแปลงย่อย และจำนวนเนื้อที่ โดยแบ่งเป็น
๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยไม่เกิน ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง เนื้อที่
๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยไม่เกิน ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า
๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ดินแยกประเภท
ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้าง หรือความยาวไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าวต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคตให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดิน
ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่
๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑
แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะ
สิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยภูมิ พิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายโดยระบบท่อและรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒ ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๓.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี
หรือนานกว่าของจังหวัดชัยภูมิ และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิง ซึ่งต้องเชื่อถือได้ทางวิชาการโดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๔
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำรวม (ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้)
(๒) รางระบายน้ำ
(๓) บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ (ถ้ามี)
(๗) บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘) บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙)
ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน (กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๑๐)
บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๓.๕
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒)
ขนาดของท่องระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔)
ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖)
ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้น
ตามมาตรฐานทางวิศวกรรม สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้ โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรควบคุม
๑๓.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้ โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบและมีระดับความลาดเอียง
ดังนี้
ก.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐
ข.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่เกิน ๑:๑๐๐๐
(๔)
เครื่องสูบน้ำเสีย จะเป็นแบบใดก็ได้ (แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย
แบบนอกบ่อบำบัดน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก.
ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข.
ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ เมตร
ค.
ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔
ส่วนของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕)
แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง ทั้งนี้ ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
(๗)
บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมด้วย
(๙)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมดรวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้มาแล้วจะถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับในท้องถิ่นนั้นเสียก่อน จึงจะระบายสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสีย จะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อย
หรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด
วิธีใด ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการที่ตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
สำหรับประเภทระบบกลางต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่พาหนะเข้าถึงได้โดยเป็นทางเฉพาะกว้างไม่น้อยกว่า
๔.๐๐ เมตร
เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียและการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจรและความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อย
ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๖
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทาง
(ผิวจราจรและทางเท้า) เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
๑๖.๑ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ไม่เกิน ๑๙ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๖.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้า ให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๑.๕๐ เมตร
๑๖.๒ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐
- ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๙ ไร่ แต่ไม่เกิน ๕๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๘.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๑.๕๐ เมตร
๑๖.๓ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐
- ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๑๒.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๑.๕๐ เมตร
๑๖.๔ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๑.๕๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๔
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๑๙ ถนนที่เป็นปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๙.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๙.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๐ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้าง
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๒๐.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๒๐.๒ ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๒๐.๓ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๑ ทางเท้า
๒๑.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๔ ทั้งนี้ ความกว้างของทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๑.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน ยกเว้น ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถว
จะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๑.๓
วัสดุปูทางเท้าให้เป็นไปตามมาตรฐานของท้องถิ่น
๒๑.๔
ในกรณีที่เป็นทางเท้ายกระดับขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕
เซนติเมตร
๒๑.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย ให้ลดคันดินลงบางส่วนเพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
โดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้ แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
แอสฟัลต์ติดคอนกรีตหรือลาดยางแอสฟัลต์
รองชั้นด้วยวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
๒๑.๖
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษและไม่ควรให้ตรงกับแนวสายไฟฟ้าขนาดอย่างน้อย
๑.๐๐ x ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๒๒ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๒.๑ ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๒.๒ ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๒.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
แอสฟัลต์ติดคอนกรีตหรือลาดยางแอสฟัลต์ รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามมาตรฐานที่หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนด
ข้อ ๒๓ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๓.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๓.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร
ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๔ การปาดมุมถนน
๒๔.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๔.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๕ สะพาน,
สะพานท่อ และท่อลอด
๒๕.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินตั้งแต่
๓.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๕.๒ ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๖ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๗
เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย
ความสวยงาม ความเป็นระเบียบ และการผังเมือง คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยภูมิ
มีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดทาง ทิศทางเดินรถ ระดับความชัน ทางเลี่ยง
ที่จอดรถ ที่กลับรถส่วนประกอบของถนน และป้ายสัญญาณจราจร
ได้ตามความละเอียดความเหมาะสมกับท้องที่
ข้อ ๒๘ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ พร้อมทั้งติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๙ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๓๐ ระบบประปา
๓๐.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๓๐.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกเขตตามข้อ ๒๘.๑
ให้จัดทำระบบประปา หรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การบริโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรรับรอง
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยภูมิ
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบตามกฎหมาย
ว่าด้วยการสัมปทาน ให้เรียบร้อยก่อนได้รับอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๑ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยภูมิด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๒ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตผังเมืองให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย
ว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๓ การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๓๓.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา
คำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้ ไม่ให้แบ่งออกเป็นหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งได้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดที่เหมาะสม
สะดวกกับการใช้ประโยชน์
๓๓.๒
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่ ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ให้เป็น ที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน
๑ แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา
และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าว จัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๔ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
ธวัช สุวุฒิกุล
ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยภูมิ
ศิรวัชร์/จัดทำ
๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๘๑ ง/หน้า ๖๒/๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๖ |
761252 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2546 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรี พ.ศ.
๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรี
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรี จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ให้ระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
และให้แสดงที่ตั้งของโครงการลงในแผนผังของผังเมืองรวมนั้น
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่ายโดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภคบริการสาธารณะ
และเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบัน
และสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรีและจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน
A1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
หรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตและยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน ทั้งบริเวณส่วนที่จำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชน ทางด้านความสงบสุขความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อยความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี) เช่นหนังสืออนุญาตเชื่อมทาง หนังสืออนุญาตขุดเจาะน้ำประปาบาดาล เป็นต้น
๖.๑๒ หนังสือชี้แจงวิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างสาธารณูปโภคพร้อมเลขทะเบียนใบอนุญาต
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง เนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจำต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวม
เพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาด
และจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การสาธารณสุข
การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอยให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่าให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในรอบ
๕ ปี ของจังหวัดชลบุรีและสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการโดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณกักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการโดยให้มีตะแกรงตักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับ
ท่อน้ำบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๖๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า
๑:๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำ และระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษ
เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพัก ต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเขตเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ ที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงแหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารติดทางสาธารณะประโยชน์ตามประกาศของทางราชการ
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ
๑๖ นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีทางกลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐานดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารติดทางสาธารณประโยชน์ตามประกาศของทางราชการ
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่
๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดิน และทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย
และพาณิชยกรรม ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง
๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจร หรือเพื่อความปลอดภัยจุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กหรือคอนกรีตเสริมเหล็กปูทับด้วยวัสดุอื่นหรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินกว่า ๕.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒ ถ้าทางน้ำสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด
ตามแบบก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรี
มีอำนาจที่สั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว
ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างและต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้มีมาตรฐานเทียบเท่าของการประปาส่วนภูมิภาค
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้า
และดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบ และรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรี
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรีด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่จัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้ ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่า
๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐
ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการหรือตามระเบียบองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
ได้ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าว จัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น
ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการหากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรี
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
พิสิฐ เกตุผาสุข
ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชลบุรี
ศิรวัชร์/จัดทำ
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๘๑ ง/หน้า ๔๓/๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๖ |
761250 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดแพร่ พ.ศ. 2546 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดแพร่
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดแพร่ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดแพร่ พ.ศ.............
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัด หรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดแพร่
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดแพร่ จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดินดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดแต่ละประเภทตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออก
สู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๓) แสดงการเชื่อมต่อของโครงการ
กรณีที่มีโครงการต่อเนื่องหลายโครงการ
เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่ายโดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มีดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายะละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผัง
แต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดแพร่ และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน
A1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒ หลักฐานการรายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนที่จำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน ที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสด
หรือเงินผ่อน ตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้ หรือได้รับบริการจากสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี (ถ้ามี)
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อทั้งโครงการที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อย เพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อย เพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐
แปลง หรือเนื้อทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างของหน้าแปลงที่ติดถนนต่ำกว่า ๑๐ เมตร
หรือมีความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากรูปที่ดินแปลงย่อยไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
ข้อ ๙ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภทดังนี้
๙.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดกว้าง หรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าวต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๙.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๙.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๑๐ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๑๑ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๒ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคตให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดิน
ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่
๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑
แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๓ การสาธารณะสุข
๑๓.๑ การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
๑๓.๒ ในกรณีที่ให้หน่วยงานราชการเป็นผู้จัดเก็บขยะ ผู้จัดสรรที่ดินต้องแสดงหนังสือการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานนั้น
ๆ ด้วย
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๔ ระบบการระบายน้ำ
๑๔.๑ การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง
ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๔.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำ และระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๔.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่าในรอบ
๕ ปี หรือนานกว่าของท้องที่นั้น และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิง ซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการโดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๔.๔
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำรวม และบ่อพักพร้อมฝา
(ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ (ถ้ามี)
(๗) บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘) บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙)
ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน (กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๑๐)
บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๕
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒)
ขนาดของท่องระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔)
ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖)
ประเภทของวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการ ที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้ โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้ โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบ
และมีระดับความลาดเอียงดังนี้
ก.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐
ข.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่เกิน ๑:๑๐๐๐
(๔)
เครื่องสูบน้ำเสีย จะเป็นแบบใดก็ได้ (แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย,
แบบนอกบ่อพักน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก.
ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข.
ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ เมตร
ค.
ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔
ส่วนของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕)
แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้ โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง ทั้งนี้ ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
(๗)
บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอก
หรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นระดับความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมด้วย
(๙)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมดรวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๕ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๕.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรร ถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการระบายน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรืออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๕.๒ ระบบบำบัดน้ำเสีย จะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อย
หรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้และแต่ละระบบเหล่านั้น
จะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการที่ตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ
๑๕.๓ ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภท จะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
สำหรับประเภทระบบกลางต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่พาหนะเข้าถึงได้
โดยเป็นทางเฉพาะกว้างไม่น้อยกว่า ๔ เมตร เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียและการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๖ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อย
ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๖
ข้อ ๑๗ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทาง
(ผิวจราจรและทางเท้า) เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
๑๗.๑ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๖.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้า ให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๑.๑๕ เมตร
๑๗.๒ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐
- ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ไม่เกิน ๕๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๑.๕๐ เมตร
๑๗.๓ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐
- ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
๑๗.๔ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๔.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๗
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๙ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๒๐ ถนนที่เป็นปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๒๐.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๒๐.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๒๐.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๒๐.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๑ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้าง
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๒๑.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๒๑.๒ ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๒๑.๓ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนตามข้อ
๑๗.๓ และข้อ ๑๗.๔
ข้อ ๒๒ ทางเท้า
๒๒.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๗ ทั้งนี้ ความกว้างของทางเดินเท้าสุทธิ
นับจากเขตแปลงที่ดิน ต้องไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๒.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน ยกเว้น ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถว
จะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๑.๓
วัสดุปูทางเท้าต้องทำด้วยวัสดุซึ่งตามปกติไม่แปลงสภาพได้ง่ายโดยน้ำ ไฟ หรือ ดิน
ฟ้า อากาศ
๒๒.๔
ขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
๒๒.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย ให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจารจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๓.๓
๒๒.๖
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษขนาดอย่างน้อย ๑.๐๐ x ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๒๓ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๓.๑ ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๓.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๓.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามมาตรฐานวิศวกรรมโยธาที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบเป็นผู้กำหนด
ข้อ ๒๔ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๔.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๔.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร
ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๕ การปาดมุมถนน
๒๕.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๕.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๖ สะพาน,
สะพานท่อ และท่อลอด
๒๖.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินกว่า ๓.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๖.๒ ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๗ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๘ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างและระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น
ๆ และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ข้อ ๒๙
เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย
ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรจังหวัดแพร่มีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดทางทิศทางเดินรถ
ระดับความชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนนและป้ายสัญญาณการจราจร
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๓๐ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐ
ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๓๑ ระบบประปา
๓๑.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๓๑.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกเขตตามข้อ ๓๑.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจำต้องดำเนินการต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดแพร่
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนได้รับอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๒ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๓ การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๓๓.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่จัดทำสวน สนามเด็กเล่น จำนวน ๑ แห่ง โดยคำนวณจากร้อยละ ๕ ของพื้นที่จัดจำหน่าย
พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
และไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
๓๓.๒
โรงเรียนอนุบาล การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่ จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือเนื่อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่ ผู้จัดสรรจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน
๑ แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก
ๆ ๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดทำบริการสาธารณะประจำหมู่บ้านจัดสรรแทน
๓๓.๓
ที่ทำการสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ผู้จัดสรรจะต้องจัดสถานที่ไว้เป็นที่ตั้งที่ทำการสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
จำนวน ๑ แห่ง เสนอให้คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
ข้อ ๓๔ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรร และสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
อมรพันธุ์ นิมานันท์
ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดแพร่
ศิรวัชร์/จัดทำ
๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๘๑ ง/หน้า ๒๑/๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๖ |
761248 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2546 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรี พ.ศ.
๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้
ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรี
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรีจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ให้ระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองของแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลง เอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผัง แต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรี
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตและยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่า สามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘ (พ.ศ. ๒๕๑๕)
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน ทั้งบริเวณส่วนที่จำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗ การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการ
และค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการ จากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง เนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจำต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
(๑) การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
(๒)
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
(๓)
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่
๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บ
และทำลายขยะ สิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรีพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการ จะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของท้องที่นั้น และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงตักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำ
ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้ โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพัก ต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเขตเส้นท่อระบายน้ำ โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง
๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงแหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือกระบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยใช้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ
๑๖ นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีทางกลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐานดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตรทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่น ที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่
๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง
๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้า - ออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑ ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒ ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐาน ที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
หรือแอสฟัลต์ติดคอนกรีต หรือคอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์
หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่กรมโยธาธิการกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๓.๐๐
เมตร ขึ้นไป ต้องทำเป็นสะพาน
๒๔.๒ ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างน้อยกว่า ๓.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือท่อลอด
หากทำเป็นท่อลอดให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ เซนติเมตร
และหลังท่อลึกจากผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘๐ เซนติเมตร
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่องหรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรีมีอำนาจที่สั่งการให้ปรับเปลี่ยน ขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้า
และดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑ ให้จัดทำระบบประปา
หรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรี
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปา
จากหน่วยราชการที่รับผิดชอบตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรีด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่จัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็น ที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าว จัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรี
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖
วิทยา ปิณฑะแพทย์
ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดจันทบุรี
ศิรวัชร์/จัดทำ
๓ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๘๑ ง/หน้า ๑/๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๖ |
761238 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2546 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.
๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดินและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ให้ระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ........(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองของแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A 1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร ผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ ทั้งส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า
และหรือที่ดินพร้อมอาคารและสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายรวมกันตั้งแต่ ๑๐
แปลงขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๙๙ แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง เนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่
๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว อาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับสาธารณสุข
และการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูล
เสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี หรือนานกว่าท้องที่ และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า
๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงตักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำ
บ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำ ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด -
ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อหรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในท่อระบายน้ำขนาดเล็กสุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้ โดยไม่ปนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพัก ต้องไม่เกิน ๑๕ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง
๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแปลงกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงสู๋แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยคำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓ ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทาง ผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
ทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้ามีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๑.๑๕ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๑.๕๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร มีเกาะกลางถนนกว้างไม่ต่ำกว่า ๑ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓
เมตร มีทางเท้ากว้างข้างละไม่ต่ำกว่า ๒ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีทางกลับรถทุกระยะไม่เกิน
๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถ ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐานดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตรทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่
๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๐.๖๐
เมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๐.๑๒ ถึง ๐.๑๕ เมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัยจุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ต้นไม้ขนาดใหญ่ควรกันเขตบอกทางเท้าอย่างน้อย ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒ ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินตั้งแต่
๓.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒ ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อ
หรือใช้ท่อลอดโดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ เซนติเมตร
และหลังท่อลึกจากผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘๐ เซนติเมตร
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่องหรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีมีอำนาจที่สั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ยามรักษาการณ์ ฯลฯ และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑ ให้จัดทำระบบประปา
หรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีด้วย
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๗
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่จัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็น ที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวนี้เพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น
ให้จัดทำบริการสาธารณะและสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖
ชัยสิทธิ์ โหตระกิตย์
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี
ศิรวัชร์/จัดทำ
๖ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๔๑ ง/หน้า ๑๖/๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๖ |
761228 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ. 2545 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสิงห์บุรี
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสิงห์บุรีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ.
๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้
ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสิงห์บุรี
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสิงห์บุรีจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ให้แก่ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเป็นการเฉพาะรายโดยไม่ขัดกับนโยบายการจัดสรรที่ดินของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางก็ได้
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดิน
จากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะ
(๓)
การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภทการใช้ที่ดิน ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุงและอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔ แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการรับคำขอสัมปทานประกอบกิจการประปาของกรมโยธา
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า อาคารและสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๘ สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า
๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างของหน้าแปลงติดถนนไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร และมีความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร
หากรูปที่ดินแปลงย่อยไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคาร
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๒.๑ บ้านเดี่ยว ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีขนาดความกว้างและความยาวไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าวต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒.๒ บ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๒.๓ บ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๙ การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูล
เสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๐ ระบบการระบายน้ำ
๑๐.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๐.๒ ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๐.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๐.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในรอบ
๕ ปี หรือนานกว่าของท้องที่นั้น และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๐.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำ
ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๐.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๐.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๐.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า
๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้ โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๑ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๑.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรร
ให้ถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานการควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงแหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๑.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๑.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๒ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ
๑๓
ข้อ ๑๓ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มี
ในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทาง (ผิวจราจรและทางเท้า) เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
๑๓.๑ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐
เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐
เมตร
(๓)
ทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้าให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๑.๑๕
เมตร
๑๓.๒ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐
- ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐
เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐
เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๑.๕๐
เมตร
๑๓.๓ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐
- ๔๙๙ แปลงขึ้นไป หรือเนื้อที่มากกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐
เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐
เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐
เมตร
๑๓.๔ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐
เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐
เมตร
(๔)
รัศมีการเลี้ยวโค้งที่ทางเลี้ยวหรือทางแยกไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๔ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ
๑๓ นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๕ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีทางกลับรถทุกระยะ
๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๖.๑ กรณีที่เป็นวงแหวน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๖.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๖.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๖.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววายด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๗ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้าไม่น้อยกว่า
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๗.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๗.๒ ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๑๗.๓ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนตามข้อ ๑๖.๓ และข้อ
๑๖.๔
ข้อ ๑๘ ทางเท้า
๑๘.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๓ ทั้งนี้ ความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๑๘.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถวจะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๑๘.๓
วัสดุปูทางเท้าต้องเรียบและไม่ลื่น มีมาตรฐานเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์
๑๘.๔
ขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
๑๘.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันดินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
๑๘.๖
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนน ต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษขนาดอย่างน้อย ๑.๐๐ x ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๙ ระดับความสูงของหลังถนน
๑๙.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๑๙.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๑๙.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่กำหนด
ข้อ ๒๐ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๐.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๐.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร
ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๑ การปาดมุมถนน
๒๑.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๑.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๒ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๒.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างเกินกว่า ๓.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน
๒๒.๒ ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด
โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ เซนติเมตร
และหลังท่อลึกจากผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘๐ เซนติเมตร
ข้อ ๒๓ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๔ ความปลอดภัยอื่น ๆ
ไฟส่องสว่าง
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๕ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๖ ระบบประปา
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
กรณีที่หน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถให้บริการได้หรือที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณเช่นว่านั้นให้จัดทำระบบประปาสัมปทาน
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๒๗ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ
๒๘ การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๒๘.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากร้อยละ
๕ ของพื้นที่จัดจำหน่าย พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณ มีขนาด และรูปแปลงที่เหมาะสม
สะดวกแก่การใช้สอย และไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
๒๘.๒
โรงเรียนอนุบาล การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนแปลงที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่ ผู้จัดสรรจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล
จำนวน ๑ แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา
และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น
ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
๒๘.๓
ที่ทำการสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ข้อ ๒๙ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
นิวัตน์ สวัสดิ์แก้ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสิงห์บุรี
ศิรวัชร์/จัดทำ
๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๕ ง/หน้า ๒๙/๑๖ มกราคม ๒๕๔๖ |
761008 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2546
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ.
๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขออนุญาตทำการจัดสรรนี้
ตั้งอยู่ในบริเวณหมายเลข...... ที่กำหนดไว้เป็นเขตสี.......
เป็นที่ดินประเภท........
ตามแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่ได้จำแนกประเภทท้ายกฎกระทรวงฯ...... (ฉบับที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่ายโดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภคบริการสาธารณะ
และเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการ
ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน
A1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตและยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่า สามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการรับคำขอสัมปทานประกอบกิจการประปาของกรมโยธาธิการ
โดยให้ผู้ขอดำเนินการค้ำประกันการจัดทำประปาทั้งระบบ
และผู้ขอต้องยืนยันว่าในระหว่างการรอใบอนุญาตสัมปทานการจำหน่ายน้ำประปาบาดาล
ผู้ขอจะจัดให้ผู้อยู่อาศัยใช้น้ำประปาบาดาลได้
โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าน้ำประปาบาดาลจนกว่าจะได้รับสัมปทานการประกอบกิจการประปา
ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน ทั้งบริเวณส่วนที่จำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชน ทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า
๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง เนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจำต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวม
เพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาด
และจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การสาธารณสุข
การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ให้เป็นไปตามข้อบังคับจังหวัด
หรือข้อบังคับเทศบาล หรือข้อบังคับองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจ
แล้วแต่กรณี
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดสมุทรปราการ และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะ และบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการโดยให้มีตะแกรงตักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม
ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ :
๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ :
๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษ
เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพัก ต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำ ให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณของทางราชการของทั้งสองระบบแยกจากกัน แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ ที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงแหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยให้ใช้สำหรับบำบัดน้ำเสียประจำแต่ละหน่วยอาคารเท่านั้น
ประกอบด้วย ๒ ส่วน ส่วนแรกคือ บ่อดักไขมัน
มีหน้าที่รับน้ำทิ้งจากครัวเรือนมาพักเพื่อให้ไขมันลอยตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ
ส่วนที่สองคือ บ่อบำบัดน้ำเสีย มีหน้าที่รับน้ำเสียจากทุกกิจกรรมในอาคารมาบำบัด
โดยต้องเป็นไปตามเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๔.๒
๑๔.๔ ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร มีเกาะกลางถนนไม่ต่ำกว่า
๑.๐๐ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีทางกลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่น ที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดิน และทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย
และพาณิชยกรรม ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำผิวจราจรเช่นเดี่ยวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนนและชนิดของผิวจราจร
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือราดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่น
มีความมั่นคงแข็งแรงได้มาตรฐานตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน
๒.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างตั้งแต่
๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๕.๐๐ เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๑๐ เมตรขึ้นไป จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ มีอำนาจที่สั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างและต้องติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่นเพื่อป้องกันอัคคีภัย
รวมทั้งระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้า
และดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปานครหลวง
การประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้
ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบ และรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่จัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น
ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
สุรอรรถ ทองนิรมล
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๕๙ ง/หน้า ๔๖/๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๖ |
761006 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 2546
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น
เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน
และการผังเมือง คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ให้ระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองของแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓)
รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
(๓)
การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภทการใช้ที่ดิน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุงและอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔ แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร ผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินการในเรื่องต่าง
ๆ ดังรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาค การประปาส่วนท้องถิ่นหรือกิจการประปาของสภาตำบล
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการรับคำขอสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า
และหรือที่ดินพร้อมอาคารและสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการ จากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง เนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจำต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
(๑) การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
(๒)
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
(๓)
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่
๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การสาธารณสุข
การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายโดยระบบท่อหรือรางระบายน้ำที่ออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒ ทางเดินของน้ำทิ้งออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียงและจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๓.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕
ปีหรือนานกว่าของท้องที่นั้น และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
๑๓.๔
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำรวม (ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้)
(๒) รางระบายน้ำ
(๓) บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบระบายน้ำรวม)
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ (ถ้ามี)
(๗) บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘) บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙)
ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน (กรณีที่เป็นระบบระบายน้ำรวม)
(๑๐)
บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบการบำบัดน้ำเสีย
๑๓.๕
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒)
ขนาดของท่อระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔)
ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่องระบายน้ำ
(๖)
ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้น
ตามมาตรฐานทางวิศวกรรมสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้ โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้ โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบและมีระดับความลาดเอียง
ดังนี้
ก.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐
ข.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่เกิน ๑:๑๐๐๐
(๔)
เครื่องสูบน้ำจะเป็นแบบใดก็ได้ (แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย แบบนอกบ่อบำบัดน้ำเสีย)
แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก.
ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข.
ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ เมตร
ค.
ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔
ส่วนของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕)
แนวท่อระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง ทั้งนี้ ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
(๗)
บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมด้วย
(๙)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้มาแล้วจะถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติไม่ต่ำกว่ามาตรฐานน้ำทิ้งของสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับในท้องถิ่นนั้นก่อน จึงจะระบายสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
สำหรับประเภทระบบกลางต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่พาหนะเข้าถึงได้
โดยเป็นทางเฉพาะกว้างไม่น้อยกว่า ๔ เมตร
เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียและการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อย
ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๖
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทาง (ผิวจราจรและทางเท้า) เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
๑๖.๑ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๖.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้า ให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๑.๑๕ เมตร
๑๖.๒ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐
- ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๙.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๑.๕๐ เมตร
๑๖.๓ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐
- ๔๙๙ แปลงขึ้นไป หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๑๒.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
๑๖.๔ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
(๓) เกาะกลางถนนกว้างไม่น้อยกว่า ๑.๐๐ เมตร
(๔) ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยใช้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๑๙ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๙.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๙.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๐ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๒๐.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๒๐.๒ ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๒๐.๓ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๑ ทางเท้า
๒๑.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๖ ทั้งนี้ ความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๑.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน
ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถว จะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๑.๓
วัสดุปูทางเท้าต้องทำเป็นคอนกรีต
๒๑.๔
ขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
๒๑.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย ให้ลดคันดินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๒.๓
๒๑.๖
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษขนาดอย่างน้อย ๑.๐๐ x ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๒๒ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๒.๑ ต้องให้สอดคล้องกับระบบระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๒.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๒.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือราดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่กรมโยธาธิการกำหนด
ข้อ ๒๓ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๓.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๓.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๔ การปาดมุมถนน
๒๔.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๔.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๕ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๕.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินตั้งแต่
๓.๐๐ เมตร ขึ้นไป จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย
๒๕.๒ ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด
โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ เซนติเมตร
และฝังท่อลึกจากผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘๐ เซนติเมตร
ข้อ ๒๖ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างและต้องติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานการประปาส่วนภูมิภาค
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาค
การประปาส่วนท้องถิ่นหรือกิจการประปาของสภาตำบล แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้
ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้นกรณีที่หน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถให้บริการได้หรือที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณเช่นว่านั้น
ให้จัดทำระบบประปา หรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
๒๙.๑ เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปา ต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๐ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๑ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๒ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าว จัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๓ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด
ข้อ ๓๔ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ข้อ
๓๕ ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีสถานที่ปฏิบัติงานของที่ทำการสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖
สุรพล กาญจนะจิตรา
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ศิรวัชร์/จัดทำ
๘ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๕๑ ง/หน้า ๕๐/๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๖ |
761001 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2546
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.
๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดินและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ให้ระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ........(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองของแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A 1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร ผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ ทั้งส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า
และหรือที่ดินพร้อมอาคารและสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายรวมกันตั้งแต่ ๑๐
แปลงขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๙๙ แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง เนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่
๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว อาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับสาธารณสุข
และการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูล
เสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี หรือนานกว่าท้องที่ และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า
๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงตักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำ
บ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำ ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด -
ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อหรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในท่อระบายน้ำขนาดเล็กสุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้ โดยไม่ปนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพัก ต้องไม่เกิน ๑๕ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง
๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแปลงกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงสู๋แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยคำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓ ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทาง ผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
ทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้ามีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๑.๑๕ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๑.๕๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร มีเกาะกลางถนนกว้างไม่ต่ำกว่า ๑ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓
เมตร มีทางเท้ากว้างข้างละไม่ต่ำกว่า ๒ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีทางกลับรถทุกระยะไม่เกิน
๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถ ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐานดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตรทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่
๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๐.๖๐
เมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๐.๑๒ ถึง ๐.๑๕ เมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัยจุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ต้นไม้ขนาดใหญ่ควรกันเขตบอกทางเท้าอย่างน้อย ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒ ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินตั้งแต่
๓.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒ ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อ
หรือใช้ท่อลอดโดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ เซนติเมตร
และหลังท่อลึกจากผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘๐ เซนติเมตร
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่องหรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีมีอำนาจที่สั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ยามรักษาการณ์ ฯลฯ และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑ ให้จัดทำระบบประปา
หรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีด้วย
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๗
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่จัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็น ที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวนี้เพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น
ให้จัดทำบริการสาธารณะและสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖
ชัยสิทธิ์ โหตระกิตย์
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี
ศิรวัชร์/จัดทำ
๖ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๔๑ ง/หน้า ๑๖/๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๖ |
760731 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรทีดินจังหวัดตราด พ.ศ. 2546
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดตราด
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตราดออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผังโครงการ
และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดตราด พ.ศ.
๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตราดพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมือง คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตราดจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการ
จัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
(๓) การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย ควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุง
และอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔ แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้
มีดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ระบบตาม (๑) - (๖) ให้แสดงรายการคำนวณ ชื่อ และลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร
ผู้ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบวิชาชีพทางวิศวกรรม หรือสถาปัตยกรรมด้วย
แผนผังจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมาย
ว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่นต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการรับคำขอสัมปทานประกอบกิจการประปาตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
(ถ้ามี)
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้
ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำโดยระบบท่อและรางระบายน้ำ ที่ออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒ ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๓.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝนใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี
หรือนานกว่าของท้องที่นั้น และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิง ซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อ
หรือรางระบายน้ำ
๑๓.๔
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ (พร้อมฝา)
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ ตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำ
ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๕
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๒)
ขนาดของท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๔)
ความลึกของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖) พื้นที่รองรับน้ำฝนหรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๔ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียง ไม่ต่ำกว่า ๑:๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำ และระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกันและระยะห่างระหว่าง บ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้างต้นทั้งหมดรวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุม ปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้และแต่ละระบบเหล่านั้น
จะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ตั้งแต่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกิน ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐ เมตร มีเกาะกลางถนนไม่น้อยกว่า ๑
เมตร และทางเท้ากว้างข้างละ ๑.๕๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๑๙ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีทางกลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตัน ที่กลับรถต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐาน
ดังนี้
๑๙.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตรทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๙.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๐ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๒๐.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์เว้นแต่กรณี ที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๒๐.๒ ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๒๐.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๑ ทางเท้า
๒๑.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า
๑๐๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๑.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน
ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถว จะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๑.๓
วัสดุปูทางเท้าต้องเป็นคอนกรีต
๒๑.๔
ขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
๒๑.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันดินลง โดยทำเป็นทางลาด ให้รถเข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๑.๖
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษและไม่ควรให้ตรงกับแนวสายไฟฟ้าขนาดอย่างน้อย
๑.๐๐ x ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๒๒ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๒.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๒.๒ ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐาน ที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะ
ที่ต่อเนื่อง
๒๒.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามมาตรฐานที่หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนด
ข้อ ๒๓ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๓.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๓.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๔ การปาดมุมถนน
๒๔.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ
๑.๐๐ เมตร
๒๔.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๕ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๕.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินกว่า ๓.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๕.๒ ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร จะต้องจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๖ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๗ ความปลอดภัยอื่น ๆ
๒๗.๑ ไฟส่องสว่างต้องให้เพียงพอ
๒๗.๒ ต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้าง ระบบจ่ายน้ำพร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าวเพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตราด
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๐ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๑ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่จัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๒ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๓ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด
ข้อ ๓๔ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
สมบูรณ์ งามลักษณ์
ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตราด
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๑๒๓ ง/หน้า ๑๐๐/๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๖ |
760729 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรทีดินจังหวัดชัยนาท พ.ศ. 2546
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยนาท
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยนาท ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผังโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยนาท พ.ศ.
๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยนาท
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมืองและนโยบายของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยนาทจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดินดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
ตลอดจนการใช้ประโยชน์และระบุหากที่ดินที่ขอจัดสรร
มีข้อกำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายผังเมืองหรือกฎหมายอื่น
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองของแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภคบริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยนาท
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
กรณีต้องจัดทำ
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน ทั้งบริเวณส่วนที่จำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อยความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า
๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ดินแยกประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภท บ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
(๓)
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดิน ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐
ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดิน
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
ๆ
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการ จะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดชัยนาท และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำพร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด - ปิด
๑๓.๖ รายการคำนวณ
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำ และระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้ โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพัก ต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเขตเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงแหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือกระบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมี
ความยาวของถนนไม่เกิน ๑๐๐ เมตร
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางสาธารณประโยชน์ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน
๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐานดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดิน และทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ถนนต้องรองพื้นทางด้วยชิ้นวัสดุที่มีความหนา และบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่หน่วยงานรับผิดชอบกำหนด
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กหรือแอสฟัลต์ติดคอนกรีต หรือลาดยางแอสฟัลต์หรือคอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์
หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์
ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐
เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
ต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๗ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๘ ระบบประปา
๒๘.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาค การประปาส่วนท้องถิ่น
หรือการให้บริการประปาขององค์กรอื่น แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้
ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๘.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๘.๑
หรืออยู่ในบริเวณแต่หน่วยงานั้นไม่สามารถให้บริการได้
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
โดยมีผลการตรวจรับรองของพนักงานเจ้าหน้าที่ในด้านรูปแบบและสุขาภิบาล
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยนาท
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
หมวด ๗
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๒๙ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ของพื้นที่จัดจำหน่ายเพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา
หากพื้นที่ที่กันไว้มากกว่า ๑ ไร่ สามารถแบ่งแยกเป็นแปลงเล็กโดยต้องมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้ ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่งเว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๐ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยเมื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า
๑๐๐ ไร่ ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑
แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคเพิ่มเติมจากข้อ ๒๙
ข้อ ๓๑ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสารบัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
วิชัย ศรีขวัญ
ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชัยนาท
ศิรวัชร์/จัดทำ
๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๑๒๓ ง/หน้า ๘๐/๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๖ |
430002 | ข้อกำหนด เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. 2546
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรร ที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรี
ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวัน
นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่ง อื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรี
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรีจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ให้แก่ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและ
พาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ
.(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผัง ที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่ายโดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรีและจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน
A 1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ
ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อ
นามสกุลและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการอนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว
ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้น ว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการรับคำขอสัมปทานประกอบกิจการประปาตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘ (พ.ศ. ๒๕๑๕)
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า
และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗ การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการ
และค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน
๙๙ แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่
๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่
๕๐๐ แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยวที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดิน
เพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่กว่า ๑๐๐
ตารางวาขึ้นไปจะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่
๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการนั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
และการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ ระบบการระบายน้ำ
๑๒.๑ การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ
และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการโดยใช้ท่อ หรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๒.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๒.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า ๕ ปี
ของจังหวัดสุพรรณบุรี และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕ ของน้ำใช้
แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐
ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิง
ซึ่งเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๒.๔ ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำและบ่อพัก พร้อมฝา
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะ
และบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการโดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบการบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำเปิด
- ปิด
๑๒.๕ รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๕) ความลึกของท้องท่อหรือรางระบายน้ำ
(๖) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก
ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณี
มีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝน
เป็นไปตามข้อ ๑๒.๔ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๒.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐
เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักจากพื้นที่ด้านบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐
และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๑๐๐๐ ระดับความลาดเอียงนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำหรือระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม
- หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว
หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินที่มีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำโดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง
๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิมด้วย
(๘) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง
หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกันแต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๓ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๓.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง
กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรรและกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ
จึงจะระบายสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๓.๒ ระบบบำบัดน้ำเสีย
จะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้และแต่ละระบบเหล่านั้น
จะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด
ให้ระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการโดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอด
ข้อ ๑๔ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรี
พิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจรและความปลอดภัย
ข้อ ๑๕
ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
๑๖.๑ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน
๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
๑๖.๒
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ -
๕๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
๑๖.๓
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
๑๖.๔
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐
ไร่ขึ้นไป ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร มีเกาะกลางถนนกว้างไม่น้อยกว่า
๑.๐๐ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐
เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน ๓๐๐ เมตร
และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปวาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง ๒.๔๐ เมตร
ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทาง
ตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนตามที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรเพื่อที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร
ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวางในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเดินต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัยจุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกให้ทำเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินหรือทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
แอสฟัลต์ติดคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์ หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐
องศาและในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐
องศาจะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน
๒.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์
ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๑๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคง แข็งแรง ปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรีมีอำนาจหน้าที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ยามรักษาการณ์ ฯลฯ
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
กรณีที่หน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถให้บริการได้หรือที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณเช่นว่านั้นให้จัดทำระบบประปาสัมปทาน
๒๙.๒ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ
ตามที่ระบุไว้ในข้อ ๒๙.๑ ให้จัดทำระบบประปา
หรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายงานการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรี
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรีด้วย
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๗
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ ๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปร่างที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ ๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น
ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรี
ข้อ ๓๕
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ชื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๙
กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖
วิพัฒน์ คงมาลัย
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี
ประธานคณะกรรมการการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรี
มยุรี/พิมพ์
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
สุนันทา/อรดา/ตรวจ
๗ เมษายน ๒๕๔๗
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ
๑๒๐ ง/หน้า ๘๘/๑๕
ตุลาคม ๒๕๔๖ |
429979 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. 2546
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคาม
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคามออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผังโครงการ
และวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคาม
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ
๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับ
เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัด หรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคาม
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดินที่ตั้งของที่ดินและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคาม
จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ให้แก่ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่องกำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและ
พาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผังโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน ผู้ขอต้องจัดทำให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ภายในเขตผังเมืองรวมที่ออกตามความในพระราชบัญญัติผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ และกฎกระทรวงที่แก้ไขใหม่ให้แสดงตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินที่ผังเมืองรวมอนุญาตให้ทำการจัดสรร
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิ์ที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน
ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังแสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่ายโดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔
แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะได้แก่
แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคาม
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A 1
โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง
ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบ แหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ในกรณีต้องจัดทำ
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่า สามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่
๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ที่ดิน การรวม การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นที่ดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการปรับถมที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย
และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรที่ดินจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรรแบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อย เพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙
ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อย เพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อย เพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐
ไร่
ข้อ
๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้าง หรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ
๙
ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ
๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดิน ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา
ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดิน นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑
แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝดบ้านแถวและอาคารพาณิชย์
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ
๑๒
การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามเทศบัญญัติของเทศบาลหรือข้อบัญญัติขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น
นั้น
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน
ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า ๕ ปี ของจังหวัดมหาสารคาม
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิง ซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบน้ำ หรือสถานีสูบน้ำ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการโดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม
ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีระบบการระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องเกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษ
เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเขตเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณของทางราชการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด
รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อย
หรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการโดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ
๑๕
ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับให้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์
ต้องไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
ข้อ
๑๖
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทาง
และผิวจราจร เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒)
ถนนที่ใช้เป็นทางเท้าเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่
๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย เกินกว่า ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร มีเกาะกลางถนนไม่น้อยกว่า
๑.๐๐ เมตร และมีทางเท้าข้างละ ๒ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๘
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงทางแยกหนึ่ง ไม่เกิน ๓๐๐ เมตร
และไม่ควรให้เป็นแนวทางตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ดังนี้
๑๘.๑
กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒
กรณีที่เป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓
กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔
กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องมีมุมใดมุมหนึ่งไม่เล็กกว่า ๙๐
องศา
ข้อ
๑๙
ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า ๒.๔๐ เมตร
ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตร ขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจร ตั้งแต่ ๑๒.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ
๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปล่งย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการสัญจร
และความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ
๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบมาตรฐานที่หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนด
ข้อ
๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกินกว่า ๗ ส่วนต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ
๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานตามข้อ ๒๔.๑
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕ เมตร ขึ้นไป แต่ไม่เกิน
๑๐.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานตามข้อ ๒๔.๑
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานตามข้อ ๒๔.๑
ข้อ๒๕
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ
๒๖ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
ตามที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคามกำหนด
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ข้อ
๒๗
เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคมความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย
ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคามมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทางทิศทางเดินรถ
ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ
ส่วนประกอบของถนนและป้ายสัญญาณการจราจร
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘
ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์กรของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอ แก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบน้ำ
พร้อมรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบ
และรายการดำเนินการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคาม
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตประปาต้องขอรับสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีผู้จัดสรรที่ดินจะจัดการบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่จัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคามด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ
๓๑
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริการชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่จัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่การกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า ๑
ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่งให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคาม
ข้อ
๓๕
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๖
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖
วิทย์ ลิมานนท์วราไชย
ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมหาสารคาม
บรรณพต/พิมพ์
๑๒ มีนาคม ๒๕๔๗
ศุภสรณ์/สุมลรัตน์/ตรวจ
๙ เมษายน ๒๕๔๗
อุรารักษ์/ตรวจ
๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๑๓๕ ง/หน้า ๑๖/๒๑
พฤศจิกายน ๒๕๔๖ |
429640 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2546)
| |
425991 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดราชบุรี พ.ศ. 2546 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดราชบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดราชบุรีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผังโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดราชบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ
๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ
ข้อบังคับหรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดราชบุรี
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดินที่ตั้งของที่ดินและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดราชบุรี
จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง
ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผังโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการอนุญาตทำการจัดสรรที่ดินผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน
ดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ
..(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่ายโดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔
แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการ
จะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบัน
และสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการการจัดสรรที่ดินจังหวัดราชบุรี
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวา
จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น)
ชื่อโครงการ
ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร
ผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวง
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้วผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้น
ว่าสามารถให้บริการได้หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้
จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่าย
โดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี (ถ้ามี)
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาต หรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรรแบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อย เพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙
ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อย เพื่อจัดจำหน่าย ตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อย เพื่อจัดจำหน่าย ตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า
๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดิน เพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดิน
เพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดิน เพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดิน
และการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ
๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคตให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ
ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวม
เพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ย เนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้
ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชยกรรมรวมกัน เกินกว่าร้อยละ ๕๐
ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอย
และสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่นหากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
และให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดที่จะพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพท้องที่
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน
ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า ๕ ปี ของท้องถิ่น
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน ต้องไม่ต่ำกว่า
๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิง
ซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ
โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสูดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖) ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก
ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แปล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรมและสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า
๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบน
และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำ และระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม - หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ
หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ นอกจากจะมีระบบพิเศษ
เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกันและระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกันแต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมดรวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ
จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด
ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ
๑๖
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน
๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐
เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐
เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๓๐๐ - ๔๙๙ แปลงหรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
โดยมีความกว่างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๕๐๐ แปลง หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐
เมตร มีเกาะกลางถนนไม่น้อยกว่า ๑ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น และต้องได้รับอนุญาตการเชื่อมทางจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว
ข้อ
๑๘
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน ๓๐๐ เมตร
และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถ ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒
กรณีที่เป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล
(L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔
กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววายด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐
เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๑๙
ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า ๒.๔๐ เมตร
ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทาง
ตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ
๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง
โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้ให้ลดคันหินลง
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ
๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์ หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ
๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐
องศาและในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ
๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐
องศาจะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๔ สะพาน, สะพานท่อและท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐
เมตรจะต้องทำเป็นท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินกว่า ๒.๐๐
เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ
๒๕
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ
๒๖
เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย
ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับ และความลาดชันทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ
๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ยามรักษาการณ์ ฯลฯ
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้าง
ระบบจ่ายน้ำ พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ
โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดราชบุรี
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดราชบุรี
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้ ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐
แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น
เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดราชบุรี
ข้อ
๓๕
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖
โกเมศ แดงทองดี
ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดราชบุรี
พรพิมล/พิมพ์
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
ทรงยศ/ศุภสรณ์/ตรวจ
๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ
๑๑๙ ง/หน้า ๙๘/๑๓
ตุลาคม ๒๕๔๖ |
425989 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. 2546 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสงคราม
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสงครามออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผังโครงการ
และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสงคราม
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ
๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
ข้อ
๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสงคราม
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสงครามจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่ายโดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะ
(๓) ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
๕.๔
แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวา
จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
แล้วผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๕
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค ทั้งนี้
ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเทศบาลและ/หรือองค์การบริหารส่วนตำบลที่เกี่ยวข้องด้วย
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่าย
โดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๘
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรรแบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙
ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า
๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์ ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ
๙ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๐ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดิน ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา
ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดิน นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๑ การสาธารณสุข
๑๑.๑
การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูล
เสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๒ ระบบการระบายน้ำ
๑๒.๑
การระบายโดยระบบท่อและรางระบายน้ำ ที่ออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๒.๒
ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๒.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี
หรือนานกว่าของท้องที่นั้น และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
๑๒.๔
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำรวม (ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้)
(๒) รางระบายน้ำ
(๓) บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ (ถ้ามี)
(๗) บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘) บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙) ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน (กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๑๐) บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบการบำบัดน้ำเสีย
๑๒.๕
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒) ขนาดท่อระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔) ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖) ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของในระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๒.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด
ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีระบบการระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้
โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบและมีระดับความลาดเอียง
ดังนี้
ก. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
ข. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า
๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐
(๔) เครื่องสูบน้ำเสีย จะเป็นแบบใดก็ได้ (แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย, แบบนอกบ่อพักน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก. ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข. ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า
๑.๐๐ เมตร
ง. ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า
๑ ใน ๔ ส่วน ของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕) แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ
หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกันและระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นระดับความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำโดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง
๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมด้วย
(๙) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด
รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๓ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๓.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ
จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๓.๒ ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือกระบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด
ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการโดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๔ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อย
ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๕
ข้อ
๑๕
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
๑๕.๑
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
๑๕.๒
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙
- ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
๑๕.๓
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
๑๕.๔
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไปหรือมากกว่า ๑๐๐
ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
มีเกาะกลางถนนกว้างไม่น้อยกว่า ๑.๐๐ เมตร
และมีทางเท้ากว้างข้างละไม่น้อยกว่า ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๖
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๕
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน ๓๐๐
เมตรและไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ
๑๘ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑
กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒
กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓
กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้าน
ไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔
กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววายด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐
เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๑๙
ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า ๒.๕๐ เมตร
ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒
ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๑๙.๓
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทาง
ตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตร ขึ้นไป
ข้อ
๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๐.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจร ระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕
เซนติเมตรสม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน ยกเว้น
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย ประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถวจะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๐.๓
วัสดุปูทางเดินและทางเท้าต้องทำจากบล็อคตัวหนอนขนาดมาตรฐานหรือวัสดุที่ดีกว่านี้ ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสงคราม
๒๐.๔
กรณีเป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง
๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
๒๐.๕
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัยจุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง
โดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้ แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๖
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้ให้ลดคันหินลง
ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๗
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษขนาดอย่างน้อย ๑.๐๐ X ๑.๐๐ เมตร
ข้อ
๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่นหรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ
๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐
องศาและในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ
๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๔ สะพาน, สะพานท่อและท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินกว่า ๓.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด
โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ เซนติเมตร
และหลังท่อลึกจากผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘๐ เซนติเมตร
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ
๒๕
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ
๒๖ ความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น
๒๖.๑
ไฟส่องสว่าง
๒๖.๒
มีท่อดับเพลิง
๒๖.๓
ยามรักษาการณ์
ฯลฯ
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๗ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐ
ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๘ ระบบประปา
๒๘.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๘.๒
ในกรณีที่หน่วยงานตาม ๒๘.๑
ไม่สามารถให้บริการได้หรือที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณดังกล่าว
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดิน
ในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๒๙
การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๐
การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๓๐.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น จำนวน ๑ แห่ง
โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕
พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณ มีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
และไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
๓๐.๒
ต้องจัดให้มีสนามกีฬา มีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา
ในกรณีที่มีการจัดสรรที่ดินเพื่อจำหน่ายเกินกว่า ๕๐ ไร่
๓๐.๓
โรงเรียนอนุบาล ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น
ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
๓๐.๔
ต้องจัดให้มีที่ทำการสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
มีพื้นที่ใช้สอย ไม่น้อยกว่า ๔๐ ตารางเมตร
ข้อ
๓๑
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๓
กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖
วรเกียรติ สมสร้อย
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสงคราม
พรพิมล/พิมพ์
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
พัชรินทร์/สุมลรัตน์/ตรวจ
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
ศิรวัชร์ /ปรับปรุง
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ
๑๑๙ ง/หน้า ๑๑๙/๑๓
ตุลาคม ๒๕๔๖ |
425955 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. 2546 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ให้แก่ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณ
. (ระบุรายละเอียดตามกฎหมาย ว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม
ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) รายละเอียดของที่ดิน
ที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
(๕)
เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
(๓)
ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดิน
และการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
๕.๔ แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยให้มุมล่างด้านขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน ที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อน
ส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐ สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น
ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙
ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า
๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้าง หรือความยาวไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ
๙ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเลี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๐ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดิน ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐
ตารางวาขึ้นไปจะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้น
เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๑ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น
ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
เสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์พิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๒ ระบบการระบายน้ำและการบำบัดน้ำเสีย
๑๒.๑ ในท้องที่ที่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมาย
ว่าด้วยควบคุมอาคารและในเขตเทศบาลให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
๑๒.๒ ในเขตอื่น
ๆ
นอกจากนี้ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ที่จะพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพท้องที่
๑๒.๓
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ
และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการโดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๒.๔ ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด)
ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียงและจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรอบรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๒.๕
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ประมาณฝนตกในรอบ ๕ ปีหรือนานกว่าของท้องที่นั้นและสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสียใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน ต้องไม่ต่ำกว่า
๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
๑๒.๖
ระบบการระบายน้ำ ต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำรวม (ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้)
(๒) รางระบายน้ำพร้อมฝา
(๓) บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนน
และรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย (กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม) พร้อมฝา
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ (ถ้ามี)
(๗) บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘) บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙)
ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน (กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๑๐)
บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบการบำบัดน้ำเสีย
๑๒.๗
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒) ขนาดของท่อระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔) ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖) ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
รายการทั้งหมดนี้
ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้น ตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๒.๘ เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด
ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีระบบการระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้
โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบและมีระดับความลาดเอียง
ดังนี้
ก.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ตำกว่า ๑ : ๕๐๐
ข.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่เกินกว่า ๑ : ๑๐๐๐
(๔) เครื่องสูบน้ำเสีย จะเป็นแบบใดก็ได้
(แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย, แบบนอกบ่อพักน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก.
ระดับสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับท้องระบายน้ำเข้า
ข.
ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ เมตร
ค.
ปริมาณน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔ ส่วน
ของปริมาณน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕) แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ
หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง ทั้งนี้ ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
(๗)
บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอ
ให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นระดับความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำโดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง
๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมfh;p
(๙) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรอบรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่านหรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๓ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๓.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรร ถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ
จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๓.๒ ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผัง
และรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภท จะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจรและความปลอดภัย
ข้อ ๑๔ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ
๑๕ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจร เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน
๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐
เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือเนื้อที่มากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
มีเกาะกลางถนนกว่างไม่น้อยกว่า ๑.๐๐ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวงนอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๖ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๕
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ
๑๘ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตร
และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที
(T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวที ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตรทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐
เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล
(L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย
(Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อย
ประเภทอาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒
ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๑๙.๓ ตลอดความยาว
๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงท้องถิ่น ที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่
๑๒.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ
๒๐ ทางเดินและทางเท้า
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของท้องถิ่น โดย
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
และเพื่อประโยชน์ในการสัญจร หรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย ให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒ ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ
๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑ ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่นหรือราดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามมาตรฐานที่หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนด
ข้อ
๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วนต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ
๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ
๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินกว่า ๓.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒ ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า
๓.๐๐ เมตร จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน
หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ
๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ
๒๖ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น
ๆ พร้อมทั้งติดตั้งหัวดับเพลิง ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่นด้วย
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๗ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้า
และดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐ
ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๘ ระบบประปา
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้
ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น กรณีที่หน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถให้บริการได้หรือที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณเช่นว่านั้น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินจัดทำระบบประปา หรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคโดยให้เสนอแบบก่อสร้างระบบผลิตและจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์
ข้อ
๒๙ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๐ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๑ การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๓๑.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา
โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
๓๑.๒
โรงเรียนอนุบาล การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่ ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล
จำนวน ๑ แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา
และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคประเภทอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน
สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
๓๑.๓
ที่ทำการสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
กรณีการจัดสรรที่ดินที่มีเนื้อที่ตั้งแต่ ๕๐ ไร่ขึ้นไป
ให้กันเนื้อที่ไว้เพื่อเป็นที่ทำการสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรไม่ต่ำกว่า ๕๐
ตารางวา
ข้อ
๓๒ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ข้อ
๓๓ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์
ให้ไว้
ณ วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
ดิเรก
ถึงฝั่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์
ศิรวัชร์/จัดทำ
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๑๐๑/๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๖ |
425892 | ข้อกำหนด เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานี พ.ศ. 2546
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานี
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผังโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานี
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใด ที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานี พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น
เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ และสังคม โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน
ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานีจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง
ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะ
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองโดยระบุข้อความต่อไปนี้
คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่บริเวณ
(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและที่ติดต่อกับที่ดินขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของทางราชการและส่วนบุคคล
(๔) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๕) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจำหน่ายโดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
(๓) การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภทการใช้ที่ดิน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุงและอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔
แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะได้แก่
แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A๑ โดยให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ
ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานที่ดินจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว
ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่นต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘ พ.ศ. ๒๕๑๕
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน
อาคารและสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ตลอดจนการเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๗
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๘ สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี (ถ้ามี)
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐ หลักฐานแสดงการอนุญาต
หรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของโครงการจัดสรรที่ดิน แบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่
๑๐ - ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่าย ตั้งแต่
๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่
๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคาร
ประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่าย
พร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์ ที่ดินแต่ละแปลง
ต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดิน
และการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่มีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐
ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้ จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้
ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรนั้น
เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่นหากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น
ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานีพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ
และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการโดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒ ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำ
และระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง (คู คลอง
หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓ การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาต
หรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบดูแลแหล่งน้ำทิ้งนั้น ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี
หรือนานกว่าของท้องที่นั้นและสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝน
เฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อย ต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕ ของน้ำใช้
แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐
ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
๑๓.๕ ระบบการระบายน้ำประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำและบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ (พร้อมฝา)
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบ
ตะแกรงดักขยะ และบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำ ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๖ รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝนหรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (หน่วย ตร.ม.)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ (หน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๕) ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ
๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนาม
พร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐
เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบ
และมีระดับความลาดเอียง ดังนี้
ก. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐
เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
ข. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า
๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ
ปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำ เริ่ม - หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำ
เริ่มทำงานต้องไม่เกินกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้
โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์จัดให้มีบ่อพักหนึ่งบ่อต่อที่ดินสองแปลง ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕
เมตรโดยต้องมีทุกจุด ที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อ และจุดบรรจบของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นระดับความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำโดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง
๑.๐๐ เมตรหรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมด้วย
(๘) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง
หากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด
รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตาม
ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ
จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสีย
จะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้น จะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด
ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนาม
พร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓ ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภท จะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ
๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้า
ออกจากรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
ข้อ
๑๖
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน
๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่
ความยาวของถนนไม่เกิน
๑๐๐ เมตร ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
หากความยาวของถนนตั้งแต่
๑๐๐ เมตรขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๑๐๐ - ๒๙๙ แปลงหรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือเนื้อที่มากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อย
มีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวงนอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖ นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๘
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน ๓๐๐ เมตร
และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถ ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒
กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีเป็นรูปตัวแอล
(L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔
กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙
ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า ๒.๔๐ เมตร
ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อย ประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถ
๑๙.๒
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนนเป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐
เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ
๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดิน
เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า
มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตรตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้า ต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง
โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับ ข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออก
ที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ
๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ
๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วนต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ
๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร
แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ
๒๖
เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย
ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานีมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยวที่จอดรถ ที่กลับรถ
ส่วนประกอบของถนนและป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ
๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
ต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำพร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานี
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานีด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ
๓๑
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬาโดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานีด้วย
ข้อ
๓๕
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นให้ผู้จัดสรรที่ดิน ต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
เสนอ จันทรา
ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปัตตานี
มยุรี/พิมพ์
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
พัชรินทร์/สุมลรัตน์/ตรวจ
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ
๑๒๒ ง/หน้า ๘๐/๒๔
ตุลาคม ๒๕๔๖ |
413147 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. 2546
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสาครออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ
๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสาครพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสาครจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ให้แก่ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเป็นการเฉพาะราย
โดยไม่ขัดกับนโยบายการจัดสรรที่ดินของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวง
หรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) ที่ดินที่ทำการจัดสรรตั้งอยู่ในเขตผังเมืองรวม
บริเวณหมายเลข
ประเภท
(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง)
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
(๕) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน
ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
(๓) การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภทการใช้ที่ดิน
ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุงและอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔
แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A๑
โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร ผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว
ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานขอรับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๘
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง
ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี (ถ้ามี)
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมจากหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
๖.๑๒
ให้แสดงแผนผังโครงการจัดสรรในส่วนที่เป็นบริการสาธารณะในที่ดินจัดสรรไว้
โดยเปิดเผยต่อสาธารณชนภายในบริเวณที่ดินจัดสรร
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของโครงการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมให้พิจารณาจากจำนวนที่ดินที่ทำการรังวัด
แบ่งเป็นแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายและจำนวนเนื้อที่ โดยแบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดิน แยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประกอบบ้านแฝด
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินและระยะห่างของตัวอาคาร
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ
๙ การแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
จะกระทำมิได้และไม่ควรแบ่งเป็นเศษเสี้ยวหรือมีรูปร่างไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๐ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดินซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดิน โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา
ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้นเป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๑ การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสาครพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๒ ระบบการระบายน้ำ
๑๒.๑
การระบายโดยระบบท่อและรางระบายน้ำที่ออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๒.๒
ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๒.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝนใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี
หรือนานกว่าของจังหวัดสมุทรสาครนั้น
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสียใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบบน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า
๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๒.๔ ระบบการระบายน้ำ
ต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำรวม (ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้) และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำพร้อมฝา
(๓) บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ (ถ้ามี)
(๗) บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้ง
(๘) บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๙) ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน (กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๑๐) บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบการบำบัดน้ำเสีย
(๑๑) กรณีระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำ
ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำเปิด ปิด
๑๒.๕
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒) ขนาดท่อระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔) ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖) ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผักน้ำ
และท่อเข้าออกต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๒.๔ (๑๑)
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคง
แข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๒.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า
๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีระบบการระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้
โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนและยานพาหนะที่สัญจรไปมาได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบและมีระดับความลาดเอียง
ดังนี้
ก. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
ข. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า
๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่เกินกว่า ๑ : ๑๐๐๐
(๔) เครื่องสูบน้ำเสียจะเป็นแบบใดก็ได้ (แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย, แบบนอกบ่อพักน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก. ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข. ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า
๑.๐๐ เมตร
ค. ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสีย
ต้องไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔ ส่วน ของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕) แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ จัดให้มีบ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อ และจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘) กรณีพื้นที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นระดับความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วยห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมด้วย
(๙) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง
หากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด
รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๓ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๓.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิด มลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการระบายน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อมหรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๓.๒
ระบบบำบัดน้ำเสีย
จะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด
ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการที่ตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
สำหรับประเภทระบบกลางต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่พาหนะเข้าถึงได้
โดยเป็นทางเฉพาะกว้างไม่น้อยกว่า ๔ เมตร
เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียและการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๔ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อย
ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๕
ข้อ
๑๕ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทาง
(ผิวจราจรและทางเท้า) เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
๑๕.๑
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้าให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๑.๑๕ เมตร
๑๕.๒
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๙.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๑.๕๐ เมตร
๑๕.๓
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙
แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมี
(๑)
ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
๑๕.๔
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐
ไร่ขึ้นไป ต้องมี
(๑)
ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๓.๐๐ เมตร
และให้มีเกาะกลางถนนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๖ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของขอบเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๔ นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๑๘ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้.
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของเขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววายด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง ๒.๕๐ เมตร
ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๑๙.๓ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนตามข้อ ๑๕.๓
และข้อ ๑๕.๔
ข้อ ๒๐ ทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๔ ทั้งนี้
ความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร
ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๐.๒ ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕
เซนติเมตร สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน
ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย ประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถว
จะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๐.๓ วัสดุปูทางเท้าต้องใช้วัสดุได้มาตรฐานและมีคุณภาพ
๒๐.๔ ขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕
เซนติเมตร
๒๐.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง
โดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้ แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๖ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษขนาดอย่างน้อย ๑.๐๐ X ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑ ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
แอสฟัลต์ติดคอนกรีตหรือราดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อและท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณะประโยชน์
ซึ่งกว้างเกินกว่า ๓.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน ทั้งนี้
ต้องให้ได้ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงาน
ตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒ ถ้าลำรางสาธารณะประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด ทั้งนี้
ต้องให้ได้ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน
หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ยามรักษาการณ์ ฯลฯ
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีอุปกรณ์เครื่องดับเพลิงตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๘ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง คณะกรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดขอบเขตทาง
ทิศทางเดินรถระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๙ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐ
ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๓๐ ระบบประปา
๓๐.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๓๐.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๓๐.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและระบบการก่อสร้าง
ระบบจ่ายน้ำพร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ
โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลในการผลิตน้ำประปาจะต้องขออนุญาตกรมทรัพยากรธรณี
และต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตให้ทำการจัดสรรทีดิน
ข้อ
๓๑ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๒ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๓ การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๓๓.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา จำนวน ๑ แห่ง
โดยคำนวณไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕
ของพื้นที่จัดจำหน่ายและไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
๓๓.๒
โรงเรียนอนุบาล การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่ ผู้จัดสรรจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน
๑ แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา
และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
๓๓.๓
ที่ทำการสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น (ถ้ามี)
ข้อ
๓๔ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ข้อ
๓๕ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร
ข้อ
๓๖ การพิจารณาเกี่ยวกับคำขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น
กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพแวดล้อม กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร เป็นต้น
ประกาศ ณ วันที่ ๒๕
เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖
วิมุติ บัวจันทร์
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร
สุภาพร/พิมพ์
๑๐ กันยายน ๒๕๔๖
สุภาพร/แก้ไข
๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๖
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๔๙ ง/หน้า ๖๙/๑๙ มิถุนายน ๒๕๔๖ |
412926 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. 2546
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ได้ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ
๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองโดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณ
. (ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน
ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔
แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการ ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น)
ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรมหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
แล้วผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการ ดังต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้
จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน
ทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค ทั้งนี้
ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเทศบาลและ/หรือองค์การบริหารส่วนตำบลที่เกี่ยวข้องด้วย
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า
และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑
ในกรณีจัดให้มีระบบไฟฟ้า
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
๖.๑๒
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๓
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙
ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกิน ๑๐๐
ไร่
ข้อ
๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
ข้อ
๙
ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ
๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๑
เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวา จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์ที่กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้นเป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติขององค์การบริหารส่วนจังหวัด และ/หรือเทศบัญญัติของเทศบาล และ/หรือข้อบังคับขององค์การบริหารส่วนตำบลท้องที่ที่โครงการจัดสรรที่ดินตั้งอยู่ในเขต
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดบุรีรัมย์
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิง ซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำ ประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำพร้อมฝา
(๓) บ่อสูบน้ำหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ ตะแกรงดังขยะ และบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ
โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝนหรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดของท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อหรือรางระบายน้ำ
(๖) ความลึกของท้องท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก
ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาต เป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า
๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักจากพื้นที่ด้านบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๑๐๐๐ ระดับความลาดเอียงนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ
ปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม - หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๒๐
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นต่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำ
ให้แสดงภาพความกว้าง ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียด
และรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกันแต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ
ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการระบายน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ
จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระ
เฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใดวิธีใด
ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ
๑๖
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิดจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
๑๖.๑
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่ ต้องมีความกว้างขอบเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖ เมตร
๑๖.๒
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ ๒๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๒ เมตร โดยมีความกว้างของผิวการจราจรไม่ต่ำกว่า ๖ เมตร
๑๖.๓
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างขอบเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๖ เมตร
๑๖.๔
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐
ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างขอบเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖ เมตร
ข้อ
๑๗
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๘
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน ๓๐๐ เมตร
และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน
๒๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑
กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒
กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓
กรณีเป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔
กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๑๙
ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า ๒.๔๐ เมตร
ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนนเป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ
๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง
โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
แอสฟัลต์ติดคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือราดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่น
ตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
๒๐.๒
ในบริเวณจัดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑
ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑ ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
แอสฟัลต์ติดคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือราดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่น
ตามที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๒
ความลาดชันและทางเลี้ยว
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗
ส่วน ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
กรณีเป็นทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ ๒๓
การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔
สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นท่อลอดตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่
๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน
หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียวตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน
หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน
หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖
เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย
ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์มีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทางทิศทางเดินรถ
ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ
ส่วนประกอบของถนนและป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗
ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง และการติดตั้งหัวดับเพลิง ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑ ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดแบบรายการคำนวณ
โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬาโดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื่องที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะ และหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน
สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์
ข้อ
๓๕
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
และสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๒
เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖
สุวัฒน์ ตันติพัฒน์
ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์
สุภาพร/พิมพ์
๖ ตุลาคม ๒๕๔๖
สุภาพร/แก้ไข
๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๖
สราวุฒิ/พัชรินทร์/ตรวจ
๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๖
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๔๓ ง/หน้า ๒๕/๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ |
412911 | ข้อกำหนด เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่าน พ.ศ. 2546
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่าน
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่านออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่าน
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่านพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่านจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ให้แก่ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณ
. (ระบุรายละเอียด
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม
ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการ ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่าน
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A๑ โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
แล้วผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
โดยจะต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและคุณภาพของชุมชนเป็นสำคัญ (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้
จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐ สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น
ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙
ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า
๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ
๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ
๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเลี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐
ตารางวาขึ้นไปจะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนั้นให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น
ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะ
สิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรอบรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝนใช้เกณฑ์ประมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปีของจังหวัดน่าน และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสียใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า
๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำ ประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำพร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ ตะแกรงดักขยะ และบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ
โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖) ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า ออก
ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗ เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า
๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ
ปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำ เริ่ม หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ
โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ
หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรอบรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกันแต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด
วิธีใดให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ
๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน
๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐
เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐
เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที
(T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวที ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐
เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล
(L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย
(Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว
๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐
เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ
๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒ ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออก
ที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ
๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑ ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือราดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ
๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วนต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า
๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ
๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นท่อลอดตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร
แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๕.๐๐ เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียวตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ
๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ
๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่านมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ
๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิง ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้
ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑ ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่าน
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่านด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการหากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่าน
ข้อ
๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้
ณ วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
สุวัฒน์ โชคสุวัฒนสกุล
ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดน่าน
สุภาพร/พิมพ์
๔ กันยายน ๒๕๔๖
สุภาพร/แก้ไข
๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๖
สุนันทา/พัชรินทร์/ตรวจ
๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๖
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๕๕ ง/หน้า ๕๒/๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖ |
392759 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ๒๕๔๖
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบุรีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓
บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบุรีพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมืองและนโยบายการจัดสรรที่ดินของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบุรีจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ให้แก่ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด
๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕
แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป
ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณ
(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม
ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณะประโยชน์ต่าง
ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
(๕) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของทางราชการและส่วนบุคคล
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะ และเส้นทางถนน
๕.๔
แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะได้แก่
แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1
โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ
ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร
ผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรมและหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
แล้วผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีที่ต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน
การรวม การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณทั้งส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ชื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ตลอดจนถึงการเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๗ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๘
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี (ถ้ามี)
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น (ถ้ามี)
หมวด
๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗
ขนาดของที่ดินจัดสรรเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อมไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙
๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ระยะห่างของตัวอาคารตาม
๘.๑
หรือตัวอาคารด้านที่ไม่ติดกันตาม ๘.๒, ๘.๓
และการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๙
การแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บจะกระทำมิได้
และไม่ควรให้มีเศษเป็นเสี้ยวหรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
โดยคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับขนาดและรูปร่างที่ดินแปลงย่อยเพื่อมิให้เกิดเศษเหลือที่ดินได้
ข้อ
๑๐
เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐
ตารางวาขึ้นไปจะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด
๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๑
การสาธารณสุข
การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น
ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด
๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๒
ระบบการระบายน้ำและการบำบัดน้ำเสีย
๑๒.๑
ในท้องที่ที่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและในเขตเทศบาล
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดยจะต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๒.๒
ในท้องที่อื่น ๆ นอกจากนี้ ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน แสดงรายละเอียด
การจัดทำระบบระบายน้ำและการบำบัดน้ำเสีย
เสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินพิจารณาตามความเหมาะสม
ข้อ ๑๓
ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายน้ำโดยระบบท่อและรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๓.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝนใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี
หรือนานกว่าของท้องที่นั้น และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสียใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ
๙๕ ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า
๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
๑๓.๔ ระบบการระบายน้ำ
ต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำและบ่อพัก
(พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำพร้อมฝา
(๓) บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ
(ถ้ามี)
(๗) บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘) บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙) ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๑๐) บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบการบำบัดน้ำเสีย
(๑๑) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด -
ปิด
๑๓.๕ รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒) ขนาดท่อระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔) ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖) ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก
ต้องใช้ปริมาณน้ำในระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) ปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๔ (๑๑)
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า
๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีใช้ระบบการระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้ โดยไม่ผุกร่อน หรือสลายตัว
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบและมีระดับความลาดเอียง
ดังนี้
ก. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐
ข. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า
๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑:๑๐๐๐
(๔) เครื่องสูบน้ำเสีย
จะเป็นแบบใดก็ได้ (แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย, แบบนอกบ่อพักน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก. ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข. ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า
๑.๐๐
เมตร
ค. ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า
๑ ใน ๔ ส่วนของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕) แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างของบ่อพักต้องไม่เกินข้อกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๗) บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นระดับความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิม
(๙) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ
ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้มาแล้วจะถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม
หรือตามกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับในท้องถิ่นนั้นเสียก่อน
จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด
วิธีใดให้แสดงให้ปรากฏในแผนผัง
และรายการคำนวณทางวิชาการที่ตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓ ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
สำหรับประเภทระบบกลางต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่พาหนะเข้าถึงได้
โดยเป็นทางเฉพาะกว้างไม่น้อยกว่า ๔.๐๐ เมตร
เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียและการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
หมวด
๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕
ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ
๑๖
ข้อ ๑๖
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
๑๖.๑
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลงหรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐
เมตร
๑๖.๒
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ ๒๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ ๑๙
๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐
เมตร
๑๖.๓
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า
๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐
เมตร
๑๖.๔
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือเนื้อที่มากกว่า
๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐
เมตร และจัดให้มีเกาะกลางถนน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน ๓๐๐ เมตร
และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๑๙ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตัน ที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๙.๑
กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐
เมตร
๑๙.๒
กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวที ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐
เมตร
๑๙.๓
กรณีเป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขา แต่ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐
เมตร
๑๙.๔
กรณีเป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๐
ให้จัดให้มีที่จอดระระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้า ๒.๕๐ เมตร
โดยให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๒๐.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๒๐.๒ ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๒๐.๓ ตลอดความยาว ๒
ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐
เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐
เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนตามข้อ ๑๖.๓
และ ๑๖.๔
ข้อ ๒๑ ทางเดินและทางเท้า
๒๑.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้าง ทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง
๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง
โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิมทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๒.๓
๒๑.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้ให้ลดคันหินลง
ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๑.๓
การปลูกต้นไม้หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๒ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๒.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๒.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๒.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือราดยางแอสฟัลต์
รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๓ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๓.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๓.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ ๒๔ การปาดมุมถนน
๒๔.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐
เมตร จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๔.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๕ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๕.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างเกินกว่า ๓.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๕.๒
ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๖
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๗ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง คณะกรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบุรีมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางการเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ
ส่วนประกอบของถนน ป้ายสัญญาณการจราจร ตลอดจนอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ ได้
ข้อ ๒๘ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด
๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๙ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๓๐ ระบบประปา
๓๐.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๓๐.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๓๐.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบุรี
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘ ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๑ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบุรี
หมวด
๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ
๓๒
การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด
๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ ๓๓
การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๓๓.๑
ให้กันพื้นที่เพื่อจัดทำสวน สนามกีฬาและหรือสนามเด็กเล่น จำนวน ๑ แห่ง
ให้มีเนื้อที่รวมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ของพื้นที่จัดจำหน่าย
พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม
สะดวกแก่การใช้สอย และไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่
๓๓.๒
การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ผู้จัดสรรจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะ สาธารณูปโภค และหรือสาธารณูปการอื่น ๆ เช่น สวน
สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๔
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗
เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖
นิรันดร์ชัย เพชรสิงห์
ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดเพชรบุรี
พชร สุขสุเมฆ
อรดา เชาวน์วโรดม
หทัยชนก ทรัพยัย
จัดทำ
๒๘
กรกฎาคม ๒๕๔๖
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๓
พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๔๕
ง/หน้า ๑๑/๕ มิถุนายน ๒๕๔๖ |
392745 | ข้อกำหนด เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๔๖
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา
พ.ศ. ๒๕๔๖
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทราออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา
พ.ศ. ๒๕๔๖
ข้อ
๒[๑]
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทราพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดินและการผังเมือง
และนโยบายการจัดสรรที่ดินของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทราจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ให้แก่ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณ
(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณะประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะ และเส้นทางถนน
๕.๔
แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A๑ โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว
ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการขอรับสัมปทานประกอบกิจการการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า
และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ชื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓
ขนาด
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙
ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ ๔๙๙
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า
๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกประเภท ดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร และเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๘ ตารางวา
๘.๔ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทอาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ
๙
ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ
๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๑
เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐
ตารางวาขึ้นไปจะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ
๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติ หรือเทศบัญญัติ
หรือข้อบังคับขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งที่ที่ดินจัดสรรตั้งอยู่
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในรอบ
๕ ปี ของจังหวัดฉะเชิงเทรา
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำ ประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำพร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะ และบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ
โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝนหรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดของท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อหรือรางระบายน้ำ
(๖) ความลึกของท้องท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก
ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า
๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำ และระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปโดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่จะปรับแต่งโดยขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากเป็นลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือว่าเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ
จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด
วิธีใดให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่ได้มาตรฐานและสามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ
๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ
๑๖
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน
๙๙ แปลงหรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐
เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๑๐๐ ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙๕๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๓๐๐ ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐
เมตร มีเกาะกลางถนนกว้างไม่น้อยกว่า ๑.๐๐ เมตร
และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๕๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๘
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน ๓๐๐ เมตร
และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร
และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑
กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒
กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวที
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓
กรณีเป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔
กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๑๙
ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า ๒.๔๐ เมตร
ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนนเป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐
เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ
๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้าง
ทางเดินและทางเท้าเพื่อที่อยู่อาศัยสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร
และเพื่อพาณิชยกรรมไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง
๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัยจุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง
โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้ แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ
๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือราดยางแอสฟัลต์
รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความหนาแน่นตามที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ
๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร
ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างเกินกว่า ๒.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด
ตามแบบก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร
แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียวตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานที่กฎหมายกำหนด
ข้อ
๒๕
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ
๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรามีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ
๒๗
ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างเพียงพอบริเวณถนนและที่สาธารณะและต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
รวมทั้งระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้
ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตประปา
ต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากส่วนราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทราด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ
๓๑
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่น ๆ
ที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีบริการรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา
ข้อ ๓๕
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้
ณ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖
ชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา
พชร สุขสุเมฆ
อรดา เชาวน์วโรดม
หทัยชนก ทรัพยัย
จัดทำ
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๖
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๔๗
ง/หน้า ๗๙/๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๖ |
374312 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้ว พ.ศ. ๒๕๔๕
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้ว
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้วออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้ว
พ.ศ. ๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑]
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อข้อกำหนดนี้
ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้วพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้วจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณ
. (ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง
ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะ และเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑)
ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเข้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรมและหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.
๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว
ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้
จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า
และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค
หรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐ สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐
แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑
เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐
ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น
ผู้ขอต้องจัดทำรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ
และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒ ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔ ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน
ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี หรือนานกว่าของท้องที่นั้น
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย
ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕ ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร
ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า
๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕ ระบบการระบายน้ำ ต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำพร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะ
และบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ
โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำ
บ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำ ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด ปิด
๑๓.๖ รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝนหรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๕) ความลึกของท้องท่อหรือรางระบายน้ำ
(๖) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคง
แข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า
๔๐ เซนติเมตร
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความลาดเอียงนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ
ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้ ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง
หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกันแต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด
รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่านหรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด
ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน
๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐
เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐
เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินบรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน
๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววายด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐
เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนนเป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง
โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
แอสฟัลต์ติดคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือราดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗
ส่วนต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างไม่เกิน
๒.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นท่อลอดตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน
หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่
๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน
หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน
หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตร ขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน
หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม ความมั่นคง แข็งแรง
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้วมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ
ส่วนประกอบของถนนและป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้ว
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้วด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ ๓๒ สวน
สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา
โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ ๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้ ให้จัดทำบริการสาธารณะ
และหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้ว
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้
ณ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
สมชาย ชุ่มรัตน์
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระแก้ว
จารุวรรณ/สุนันทา/นวพร/จัดทำ
๒๘ เมษายน ๒๕๔๖
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๓ พฤษภาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๓ ง/หน้า ๕๐/๙ มกราคม ๒๕๔๖ |
374300 | ข้อกำหนด เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545)
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม
ฉบับที่ ๒
(พ.ศ. ๒๕๔๕)[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.
๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐมจึงออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๑๖ แห่งข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม
พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน
๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
ให้ไว้
ณ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕
นาวิน ขันธหิรัญ
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม
นวพร/จัดทำ
๒๘ เมษายน ๒๕๔๖
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๓ พฤษภาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๓ ง/หน้า ๗๐/๙ มกราคม ๒๕๔๖ |
374290 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยา พ.ศ. ๒๕๔๕
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยา
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑)
และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยาออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยาพ.ศ. ๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ
ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยาพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดินที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยาจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตราฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวง
หรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณ
. (ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง
ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะ และเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบัน
และสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยา
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวา
จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร ผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.
๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว
ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการ ดังต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้
จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการ
จากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐
แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างจากตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐
ตารางวาต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะ
ตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามข้อบัญญัติหรือข้อบังคับขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
ๆ
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่างๆ
และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔ ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน
ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติ โดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า ๕ ปี ของจังหวัดพะเยา
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย
ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕ ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร
ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า
๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕ ระบบการระบายน้ำ ประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ ตะแกรงตักขยะ
และบริเวณตักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ
โดยให้มีตะแกรงตักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๖ รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝนหรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดของท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ
หรือรางระบายน้ำ
(๖) ความลึกของท้องท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก
ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคง
แข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำ และการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า
๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ
ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐
และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำ
และระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม - หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ
หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ นอกจากจะมีระบบพิเศษ
เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้ ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง
หากใช้ลำรางสาธารณะ เป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใดวิธีใด
ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ
๑๕ ความกว้างของหน้าดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน
๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐
เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๑๐๐ ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ ๕๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๓๐๐ ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีที่กลับรถและถ้าถนนมีความยาวเกินกว่า ๑๐๐ เมตร
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐
เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐
เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒
ฝั่งถนนเป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐
เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออก ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
แอสฟัลต์ติดคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือราดยางแอสฟัลต์ รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่น ตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือราดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นท่อลอดตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร
แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน
หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๕.๐๐ เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน
หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยาพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยามีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ความกว้างผิวจราจร ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ
ส่วนประกอบของถนน ป้ายสัญญาณจราจร ระบบไฟส่องสว่าง ระบบการติดตั้งหัวดับเพลิง ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ ตลอดจนยามรักษาการณ์ เป็นต้น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๖ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๗ ระบบประปา
๒๗.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๗.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๗.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยา
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๒๘ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยาด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ
๒๙ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ ๓๐ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬาโดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ ๓๑ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๒ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยา
ข้อ ๓๓ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๕๔๕
สมศักดิ์ บุญเปลื้อง
ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพะเยา
จารุวรรณ/สุนันทา/นวพร/จัดทำ
๑๘ เมษายน
๒๕๔๖
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๒
พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๑ ง/หน้า ๒๙/๒ มกราคม ๒๕๔๖ |
761315 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสงขลา พ.ศ. 2545 | ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสงขลา
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสงขลาออกข้อกำหนดเกี่ยวกับวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
การจัดทำแผนผังและโครงการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสงขลา
พ.ศ. ๒๕๔๕
ข้อ
๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสงขลาพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสงขลาจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง นโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ การจัดทำแผนผัง
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดินดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป
ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓) เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณ...
(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม
ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของทางราชการและส่วนบุคคล
(๔) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวง
หรือทางสาธารณะภายนอก
(๕) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะ
(๓) การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภทการใช้ที่ดิน
ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุง และอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A 1 โดยให้มุมด้านล่างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดินนอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (กรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการรับคำขอสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย
และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน
อาคารและสิ่งปลูกสร้าง จะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสด หรือเงินผ่อนส่งเป็นงวด ตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗ การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดิน ในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี
(ถ้ามี)
๖.๑๐ ภาระผูกพันต่าง
ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙
ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ
๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า
๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
ที่ดินแปลงย่อยมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
ข้อ ๙ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคาร ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภทดังนี้
๙.๑ บ้านเดี่ยว
ความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า
๑๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๙.๒ บ้านแฝด
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๙.๓ บ้านแถว
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
๙.๔ อาคารพาณิชย์
(๑) ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔ เมตร และ
(๒) เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๑๐ การแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บจะกระทำมิได้
การแบ่งแปลงที่ดินไม่ควรให้มีเศษเป็นเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สมารถใช้ประโยชน์ได้
คณะกรรมการมีสิทธิที่จะสั่งการให้ปรับขนาดและรูปร่างที่ดินแปลงย่อยเพื่อมิให้เกิดเศษเหลือที่ดินได้
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์แก่การสาธารณสุข
ข้อ ๑๑ การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น และให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายสิ่งปฏิกูล
เสนอคณะกรรมการพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๒ ระบบการระบายน้ำ
๑๒.๑ การระบายโดยระบบท่อและรางระบายน้ำที่ออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๒.๒ ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำ) สาธารณะอื่นใด ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๒.๓ ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณตกในรอบ ๕ ปี
หรือนานกว่าของท้องที่นั้น และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
๑๒.๔ ระบบการระบายน้ำ
ต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำรวม (ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้)
(๒) รางระบายน้ำ
(๓) บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ (ถ้ามี)
(๗) บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘) บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙)
ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน (กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๑๐)
บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๒.๕ รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒) ขนาดท่อระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔) ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖) ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฎในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรมสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๒.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า
๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้
โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบ
และมีระดับความลาดเอียงดังนี้
ก. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
ข. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ต้องไม่เกินกว่า ๑ :
๑๐๐๐
(๔) เครื่องสูบน้ำเสียจะเป็นแบบใดก็ได้
(แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย แบบนอกบ่อพักน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก.
ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข.
ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ เมตร
ค. ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า
๑ ใน ๔
ส่วนของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕) แนวท่อระบบการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖) บ่อพักระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์ จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
(๗) บ่อตรวจการระบายน้ำ
ต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นระดับความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง
๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมด้วย
(๙)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากเป็นลำรางสาธารณะ ให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่านหรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๓ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๓.๑
น้ำที่ผ่านการใช้มาแล้วจะถือเป็นน้ำเสียที่ต้องรับการบำบัดให้มีคุณภาพไม่ต่ำกว่ามาตรฐานน้ำทิ้งของสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับในท้องถิ่นนั้นเสียก่อน จึงจะระบายสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๓.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อย หรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผัง
และรายการคำนวณทางวิชาการที่ตรวจรับรองจากวิศวกร ที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ
๑๓.๓ ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
สำหรับประเภทระบบกลาง ต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่พาหนะเข้าถึงได้ โดยเป็นทางเฉพาะกว้างไม่น้อยกว่า
๔ เมตร เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย และการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ
๑๔ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ
๑๕
ข้อ
๑๕ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทาง
(ผิวจราจรและทางเท้า) เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยดังนี้
๑๕.๑
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่ ต้องมี
(๑)
ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๒)
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๓)
ทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้า ให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๑.๑๕ เมตร
๑๕.๒ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ -
๕๐ ไร่ ต้องมี
(๑)
ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๒)
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
(๓)
ทางเท้าข้างละ ๑.๕๐ เมตร
๑๕.๓
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมี
(๑)
ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
(๒)
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๓)
ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
๑๕.๔
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่มากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมี
(๑)
ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
(๒)
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
(๔)
รัศมีการเลี้ยวโค้งที่ทางเลี้ยวหรือทางแยกไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่น นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอืน
ข้อ
๑๖
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน หรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๕
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร
ข้อ
๑๘ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถที่ปลายตันให้เป็นไปตามมาตรฐานดังนี้
๑๘.๑
กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒
กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตรทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓
กรณีเป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔
กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง ๒.๕๐ เมตร ในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒
ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๑๙.๓
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐
เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนตามข้อ ๑๕.๓ และข้อ ๑๕.๔
ข้อ
๒๐ ทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๕ ทั้งนี้ ความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๐.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๒๐ เซนติเมตรสม่ำเสมอกันไปตลอดจนความยาวถนน
ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถว จะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๐.๓
วัสดุปูทางเท้าต้องเป็นคอนกรีตหรือวัสดุอื่นที่มีความมั่นคงแข็งแรง
๒๐.๔
ขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๒๐ เซนติเมตร
๒๐.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้
ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๖
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนน ต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินเท้า ถ้าต้นไม้มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษขนาดอย่างน้อย
๑.๐๐ x ๑.๐๐ เมตร
ข้อ
๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่สำนักงานโยธาธิการจังหวัดสงขลากำหนด
ข้อ
๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ
๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๔ สะพาน สะพานท่อและท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างเกินกว่า ๓.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน
๒๔.๒
ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อ หรือใช้ท่อลอดโดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า
๑๐๐ เซนติเมตร และหลังท่อลึกจากผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘๐ เซนติเมตร
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
เส้นแบ่งเขตถนนในโครงการ วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ
๒๖ ความปลอดภัย จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัยโดยติดไฟส่องสว่างสาธารณะตามแนวถนนทุกระยะ
๔๐ เมตร และเปิดไฟตลอดช่วงเวลากลางคืน และต้องติดตั้งหัวดับเพลิง ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๗ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการ
หรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๘ ระบบประปา
ในกรณีที่ดินจัดสรรที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี
สามารถให้บริการได้ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น ในกรณีอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้
ให้ผู้จัดสรรที่ดินเสนอแบบก่อสร้างระบบผลิตและจ่ายน้ำ พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ
โดยมีวิศวกรเป็นผู้รับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๒๙ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๐ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่ ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๓๑
การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๓๑.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น ไม่ต่ำกว่า ๑ แห่ง โดยคำนวณเนื้อที่ไม่น้อยจากร้อยละ ๕ ของพื้นที่จัดจำหน่าย
พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย และไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
๓๑.๒
โรงเรียนอนุบาล การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่ ผู้จัดสรรจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา
และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาล
ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดทำบริการสาธารณะประจำหมู่บ้านจัดสรรแทน
ข้อ
๓๒
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้
ณ วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
อำนวย รองเงิน
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสงขลา
ชญานิศ/จัดทำ
๑๑ มิถุนายน
๒๕๖๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๘๐ ง/หน้า ๓๒/๓ ตุลาคม ๒๕๔๕ |
761300 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2545 | ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบ
จากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. ๒๕๔๕
ข้อ
๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันกับแต่วันประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดแย้งกับ ข้อกำหนดนี้ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานีพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานีจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน ตามประกาศคณะกรรมการ
จัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผัง การจัดสรรที่ดินดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒)
ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางเข้าออกสู่บริเวณจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณประโยชน์
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองรวมตามกฎหมาย
ว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ ในบริเวณ.. (ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
รูปต่อของเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒)
รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายใน บริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓)
เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ตั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔)
ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ ให้แสดง การเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุ ประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค และบริการ
สาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔
แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑)
ระบบไฟฟ้า
(๒)
ระบบประปา
(๓)
ระบบการระบายน้ำ
(๔)
ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕)
ระบบถนนและทางเท้า
(๖)
ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดง ในแผนผังแต่ละรายการ ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานี
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A 1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวา
จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ติดต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น)
ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบ
และวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว
ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบ แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่า
สามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๕
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม การปรับแต่งให้พื้นที่ดิน เกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย
และ ส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อย ที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และ ขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑
หสักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑
ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า
๑๙ ไร่
๗.๒
ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ
๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓
ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า
๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภทดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อม อาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาว
ไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕
ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖
ตารางวา
ข้อ
๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ
๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไปจะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนี้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้
ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภท
บ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนี้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคาร
พาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการ สาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ
๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติองค์การส่วนท้องถิ่น
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการโดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบการบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑)
ปริมาณน้ำฝนใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ย ในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า ๕ ปี
ของจังหวัดอุดรธานีและสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒)
ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕ ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑
ลูกบาศก์เมตรต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓)
ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร
ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑)
ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒)
รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓)
บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ ตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔)
บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕)
บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการโดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖)
บ่อผันนา
(๗)
แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘)
กรณีระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำเปิด
- ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒)
ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำ ที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมี-ระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งนาสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ
๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาต เป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่าศูนย์ภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า
๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐
ระดับความลาดเอียงนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือ แหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษ เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว
หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกันและระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยน ขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดง แนวเส้นท่อระบายน้ำ โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง
๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำ ให้แสดงภาพความกว้าง ความลึกของลำราง
จากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุม ปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อมหรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะ
แต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียว
หรือหลายจุดก็ได้ และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด
ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ โดยผู้คำนวณออกแบบ
ต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพ น้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ
๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนน
สำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
ข้อ
๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยดังนี้
(๑)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร
(๒)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนี้อที่ ๑๙
- ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนี้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐
ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้าง
อาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร
โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖ นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่ง
ไม่เกิน ๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐานดังนี้
๑๘.๑
กรณีที่เป็นทางวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลาง ถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒
กรณีที่เป็นรูปตัว (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวที ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓
กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขา แต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔
กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขน ตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนนเป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ
๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ ขอบทางเดินและ ทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง
๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง
โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้ แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ
๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลท์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลท์หรีอปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่กรมโยธาชิการกำหนด
ข้อ
๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ
๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ
๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากองค์กรส่วนท้องถิ่น
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้าง ที่ได้รับอนุญาตจากองค์กรส่วนท้องถิ่น
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐ เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน
๑๐.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากองค์กรส่วนท้องถิ่น
๒๔.๔ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๑๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากองค์กรส่วนท้องถิ่น
ข้อ
๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ
๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคง แข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานีมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทาง เดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ
ส่วนประกอบของถนน และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิง ให้เป็นไป ตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑ ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำพร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานี
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานี
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ
๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองรวม
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้ ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็น
แปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่า
๒๐๐ ตารางวาและต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือทุก ๆ
๑๐๐ ไร่ ในกรณีไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะ และหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน
สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่งให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานี
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคล ตามกฎหมายอื่น ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อ ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้
ณ วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ชัยพร รัตนนาคะ
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอุดรธานี
วิวรรธน์/จัดทำ
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๕๐ ง/หน้า ๒๔/ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๕ |
760994 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัย พ.ศ. 2544
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัย
พ.ศ. ๒๕๔๔
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัยออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัย พ.ศ.
๒๕๔๔
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวัน
นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัยพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัยจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน
ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองโดยระบุข้อความต่อไปนี้
คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลง เอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณ
และบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภคบริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัยและจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน
A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรมและหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ การขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน ทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗ การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการ
และค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐ สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดิน ในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๔ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง เนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
๗.๔ ที่ดินจัดสรรเพื่อการเกษตรกรรม ต้องมีเนื้อที่ตั้งแต่ ๑
ไร่ขึ้นไปและเหมาะสมแก่การเกษตรกรรม ตามที่คณะกรรมการกำหนด
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภท บ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่
๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน
ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า ๕ ปี ของจังหวัดสุโขทัย การสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิง ซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการโดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อบ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ นอกจากจะมีระบบพิเศษ
เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพัก ต้องไม่เกิน ๑๕ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเขตเส้นท่อระบายน้ำโดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง
๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุด หรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณของทางราชการของทั้งสองระบบแยกจากกัน แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมดรวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่านหรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสีย จะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระ เฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓ ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจร
เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่
ความยาวของถนนไม่เกิน ๑๐๐ เมตร
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร
ความยาวของถนนตั้งแต่ ๑๐๐ เมตรขึ้นไป
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐาน
ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที ( T )
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล ( L ) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย ( Y )
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่๓๐.๐๐ เมตร ขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดิน และทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย
และพาณิชยกรรม ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง
ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการสัญจร และความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่กรมโยธาธิการกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อและท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากองค์การปกครองท้องถิ่นหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐
เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากองค์การปกครองท้องถิ่นหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากองค์การปกครองท้องถิ่น
หรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
๒๔.๔ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๑๐ เมตรขึ้นไป จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากองค์การปกครองท้องถิ่นหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัย มีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างและต้องติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้า
และดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น เว้นแต่กรณีที่หน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถให้บริการได้หรือให้บริการได้แต่ไม่เพียงพอ
โดยการประปานั้น ๆ
มีหนังสือยืนยันไว้แล้วให้ผู้ขออนุญาตจัดสรรที่ดินดำเนินการตามทั้งข้อ ๒๙.๒ (๑)
และ (๒) โดยอนุโลม แล้วแต่กรณี
๒๙.๒ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและบริโภค จะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำประปา พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ
โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัย
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาล หรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัยด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่จัดทำสวน
สนามเด็กเล่นหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัย
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
อมรทัต นิรัติศยกุล
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสุโขทัย
ศิรวัชร์/จัดทำ
๙ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๒ ง/หน้า ๕๐/๘ มกราคม ๒๕๔๕ |
760805 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. 2545
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลก
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลกออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลก พ.ศ.
๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้
ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลก
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลกจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองของแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการ ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลก
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตและยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘ (พ.ศ. ๒๕๑๕)
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน ทั้งบริเวณส่วนที่จำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง เนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจำต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
(๑) การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
(๒)
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝดที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
(๓)
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้
ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติแห่งท้องถิ่น
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง
ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการ จะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในรอบ
๕ ปี ของจังหวัดพิษณุโลก และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำพร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้ โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพัก ต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเขตเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงแหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือกระบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน
๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐานดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตรทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือราดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างไม่เกิน
๒.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอดตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร
แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลกมีอำนาจที่สั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนนและป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
ต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่นและระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ยามรักษาการ ฯลฯ
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑ ให้จัดทำระบบประปา
หรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ
โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลก
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลกด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่จัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลก
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕
วิจารณ์ ไชยนันทน์
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิษณุโลก
ศิรวัชร์/จัดทำ
๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๑๐๒ ง/หน้า ๓๘/๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๕ |
760803 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. 2545
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ.
๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรีพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรีจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการ จัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการ ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมาย
ว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่า สามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้
ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบาย ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒ ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการ จะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดปราจีนบุรี และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำ ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้มีบ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำ ให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้างต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ตั้งแต่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกิน ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมีเนื้อที่ตั้งแต่ ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
มีเกาะกลางถนนไม่น้อยกว่า ๑ เมตร และทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐาน
ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้าที่มีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์เว้นแต่กรณี ที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐
ทางเดินทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐
เมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัยจุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้
ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์ หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือราดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่น
ตามแบบที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน หรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร
แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานท่อ ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยกร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรีมีอำนาจที่สั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ยามรักษาการณ์ ฯลฯ และต้องติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำพร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ
โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบ และรายการคำนวณดังกล่าวเพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรีด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้ ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
สุรพล ภาษิตนิรันดร์
ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๘๓ ง/หน้า ๒๓/๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๕ |
760801 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ พ.ศ. 2545
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ พ.ศ.
๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้
ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
(ขณะที่ยื่นคำขอ) ให้ระบุข้อความต่อไปนี้ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร ตั้งอยู่ในบริเวณ...........(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยให้มุมด้านล่างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
(พ.ศ. ๒๕๑๕)
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ ต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นที่ดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี
(ถ้ามี)
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างของหน้าแปลงที่ดินติดถนนไม่ต่ำกว่า ๑๐ เมตร
และมีความยาวไม่ต่ำกว่า ๒๐ เมตร หากรูปที่ดินแปลงย่อยไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคาร
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
บ้านเดี่ยว
(๑)
ความกว้างและความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
(๒)
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดตาม (๑) ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
บ้านแฝด
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
บ้านแถว
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
๘.๔
อาคารพาณิชย์
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ
๙
ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บเป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่
๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้นเป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑
แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายโดยระบบท่อและรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒ ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียงและจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๓.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี หรือนานกว่าของจังหวัดอำนาจเจริญและสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร หรือค่าอื่นตามข้อมูลอ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการโดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๔
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำและบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ ตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำ
ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๕
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความลึกของท้องท่อหรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๔ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบการระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้ โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดลอกหรือถมจากระดับเดิม
(๙)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำ ให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรร
ให้ถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อมหรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้และแต่ละระบบเหล่านั้น
จะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจรและความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อย
ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๖
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทาง
(ผิวจราจรและทางเท้า) เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
๑๖.๑ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้า ให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๑.๑๕ เมตร
๑๖.๒ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐
- ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๑.๕๐ เมตร
๑๖.๓ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐
- ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
๑๖.๔ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๔.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๗
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๑๙ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐานดังนี้
๑๙.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๙.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๐ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๒๐.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๒๐.๒ ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๒๐.๓ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนตามข้อ ๑๖.๓ และข้อ ๑๖.๔
ข้อ ๒๑ ทางเดินและทางเท้า
๒๑.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย ประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเท้า
สำหรับคนเดินตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๖ ทั้งนี้ ความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๑.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน
ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝด หรือบ้านแถว จะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๑.๓
วัสดุปูทางเท้าต้องมีความมั่นคง ปลอดภัย แข็งแรง
๒๑.๔
ขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
๒๑.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๒.๓
๒๑.๖
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษขนาดอย่างน้อย ๑.๐๐ x ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๒๒ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๒.๑ ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๒.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๒.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลท์ติดคอนกรีตหรือลาดยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่กรมโยธาธิการกำหนด
ข้อ ๒๓ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๓.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๓.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร
ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๔ การปาดมุมถนน
๒๔.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๔.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๕ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๕.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางหรือทางน้ำสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างมากกว่า
๓.๐๐ เมตร จะต้องก่อสร้างสะพานตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๕.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางหรือทางน้ำสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างน้อยกว่า
๓.๐๐ เมตร จะต้องก่อสร้างท่อลอดเหลี่ยม คสล. (BOX CULVERT)
หรือท่อ คสล. อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสมของสภาพพื้นที่
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๖ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๗ ความปลอดภัยอื่น ๆ
ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง และต้องติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้า
และดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑ ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้าง
ระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปา
ต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๐ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๑ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๒ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้ ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น
เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๓
ต้องจัดให้มีที่ทำการสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ข้อ ๓๔ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
จิรศักดิ์ เกษณียบุตร
ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ
ศิรวัชร์/จัดทำ
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๗๐ ง/หน้า ๗/๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๕ |
760797 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. 2545
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภู
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภูออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ.
๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภูพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภูจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการ จัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการ ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภู
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน เอ ๑ โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร ผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่ามีปริมาณน้ำเพียงพอและสามารถให้บริการได้อย่างสม่ำเสมอ
หากจัดระบบประปาสัมปทานน้ำประปาบาดาล ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
หรือบาดาลของกรมโยธาธิการ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการ จากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารหรือข้อบัญญัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น
ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภูพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบาย ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒ ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการ จะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดหนองบัวลำภู และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม
ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ประเภทไม่ต่ำกว่าสามัญวิศวกร
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้มีบ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน โดยระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร และต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกันแต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมประเภทไม่ต่ำกว่าสามัญวิศวกร
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้า
- ออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่น ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน
๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตรทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้าที่มีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐
ทางเดินทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร
ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนน ต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒ ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์ หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภูกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร
แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานท่อ ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบ และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภูมีอำนาจที่สั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างทั่วบริเวณโครงการ
และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ยามรักษาการณ์ เป็นต้น รวมทั้งต้องติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์กรของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ
โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าวเพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภู
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภูด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภู
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕
สุขุม สาริบุตร
ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดหนองบัวลำภู
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๖๒ ง/หน้า ๔๘/๑ สิงหาคม ๒๕๔๕ |
760779 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนคร พ.ศ. 2545
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนคร
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนครออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนคร พ.ศ.
๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนครพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนครจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
ตามสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ที่สามารถตรวจสอบได้
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองโดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ.......(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการ
ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนคร และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน
A 1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้นเป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติของท้องถิ่น ในกรณีที่ไม่มีข้อบัญญัติของท้องถิ่นใช้บังคับ
ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดที่จะพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพท้องที่
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบาย ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒ ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝนใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดสกลนคร และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำ ประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำพร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ ตะแกรงดักขยะ และบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำ
บ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด -
ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝนหรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อหรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม
ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกันแต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการ
ให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่
ความยาวของถนนไม่เกิน ๑๐๐ เมตร ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
ความยาวของถนนตั้งแต่ ๑๐๐ เมตรขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน
๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐
ทางเดินทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร
ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง
๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑ ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลท์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลท์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่กรมโยธาธิการกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอดตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร
แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียวตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพานตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
การพิจารณากำหนดแบบการก่อสร้างตามข้อ
๒๔ ให้คำนึงถึงสภาพสิ่งแวดล้อม ระบบการระบายน้ำและอื่น ๆ เช่น กรณีน้ำท่วม ทั้งนี้
จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนคร
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนครมีอำนาจที่สั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชันทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ยามรักษาการณ์ ฯลฯ และต้องติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน
แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น แต่หากที่ดินจัดสรรอยู่ห่างจากจุดบริการของการประปา
แม้การประปาจะสามารถให้บริการได้ เมื่อผู้จัดสรรที่ดินแสดงหลักฐานให้คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนครได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว
ให้ผู้จัดสรรที่ดินดำเนินการตามข้อ ๒๙.๒
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนคร
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนครด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
ในกรณีที่อยู่ระหว่างยังไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยผังเมืองใช้บังคับ
ให้คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนครพิจารณาให้ความเห็นชอบ
โดยคำนึงถึงประเภทการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งที่ดิน การผังเมืองและสภาพสิ่งแวดล้อม
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนคร
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕
ทวีป เทวิน
ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสกลนคร
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๖๐ ง/หน้า ๓๗/๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๕ |
760775 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. 2545
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกำแพงเพชรออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ.
๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้
ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกำแพงเพชรพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น
เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน
การผังเมืองและนโยบายจัดสรรที่ดินของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดิน จังหวัดกำแพงเพชรจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ให้แก่ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินเป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร ตั้งอยู่ในบริเวณ................(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะ
(๓)
การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภทการใช้ที่ดิน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุงและอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔ แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า
และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า
๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ นั้น
เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติ หรือเทศบัญญัติ หรือข้อบังคับขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งที่ที่ดินจัดสรรตั้งอยู่
หากไม่มีให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒ ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องเพียงพอโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดกำแพงเพชรและสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อย
ต้องมีค่าใช้ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะ และบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝนหรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม
ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้มีบ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกันแต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่
ความยาวของถนนไม่เกิน ๑๐๐ เมตร ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
ความยาวของถนนตั้งแต่ ๑๐๐ เมตรขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๐.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๗.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน
๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้าที่มีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้า
- ออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐
ทางเดินทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร
ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง
๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามกรมโยธาธิการกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกินกว่า ๒.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยราชการผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษา
๒๔.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์
ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานท่อ ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยราชการผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษา
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยราชการผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษา
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยราชการผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษา
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร มีอำนาจที่สั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ยามรักษาการณ์ การติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่นเพื่อป้องกันอัคคีภัย
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปา และแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปา ต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาล ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้ ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น
เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องให้มีรถรับ
- ส่ง ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕
กฤช อาทิตย์แก้ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๓๘ ง/หน้า ๒๕/๙ พฤษภาคม ๒๕๔๕ |
760771 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. 2545
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผังโครงการ
และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ.
๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้
ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรีพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรีจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔)
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อย เพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A ๑ โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวา
จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น)
ชื่อโครงการ ชื่อเลขที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทาน ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗ การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐ สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า
๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดินซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้น
เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น
ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูล
เสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรีพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒ ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลอง หรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดกาญจนบุรีและสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อย
ต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำ
บ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด -
ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝนหรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า
๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้มีบ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกันแต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
มีเกาะกลางถนนกว้างไม่น้อยกว่า ๑.๐๐ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน
๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้าที่มีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวงให้ใช้เขตห้ามปลูกอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่
๑๒.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐
ทางเดินทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า
มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ
๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑ ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กแอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุ
พื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามแบบที่กรมโยธาธิการกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด ตามแบบที่กรมโยธาธิการกำหนด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร
แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานท่อ ตามแบบที่กรมโยธาธิการกำหนด
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๕.๐๐
เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบที่กรมโยธาธิการกำหนด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบที่กรมโยธาธิการกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบ และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรีมีอำนาจที่สั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิง ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้าง ระบบจ่ายน้ำ พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรีด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น
เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๕
กำพล วรพิทยุต
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๒๘ ง/หน้า ๕๑/๔ เมษายน ๒๕๔๕ |
760723 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดระยอง พ.ศ. 2544
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดระยอง
พ.ศ. ๒๕๔๔
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดระยองออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดระยอง พ.ศ.
๒๕๔๔
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดระยอง
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดระยอง จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองโดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดระยองและจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน
A1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง
ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง เนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
- การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างของหน้าแปลงที่ดินไม่ต่ำกว่า ๑๐ เมตร
และมีความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๖ เมตร
หากรูปที่ดินแปลงย่อยไม่ได้ขนาดดังกล่าวต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๘๐ ตารางวา
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
บ้านเดี่ยว
(๑)
ความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
(๒)
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดตาม (๑) ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
บ้านแฝด
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
บ้านแถว
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
๘.๔
อาคารพาณิชย์
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บเป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดิน ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา
ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดิน นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑
แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การสาธารณสุข
การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน
ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า ๕ ปี ของท้องที่นั้น ๆ
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิง ซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการโดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด - ปิด
๑๓.๖ รายการคำนวณ
(ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม) และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตาม
ข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดดันจากพื้นบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑:๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบเริ่ม
- หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษ
เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพัก ต้องไม่เกิน
๑๕.๐๐ เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อ
หรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเขตเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณของทางราชการของทั้งสองระบบแยกจากกัน แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงแหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสีย
จะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด
วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจรและความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อย ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ
๑๖
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจร
เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
๑๖.๑ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
๑๖.๒ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐
- ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๗.๐๐ เมตร
๑๖.๓ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐
- ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๙.๐๐ เมตร
๑๖.๔ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
มีเกาะกลางถนนกว้างไม่น้อยกว่า ๑.๐๐ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๑๙ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐานดังนี้
๑๙.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๒ กรณีเป็นรูปตัวที ( T )
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล ( L )
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๙.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย ( Y )
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๐ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๒๐.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๒๐.๒ ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๒๐.๓ กรณีโครงการอยู่ติดกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นให้จัดที่จอดรถจากปากทางเข้าออกของโครงการ
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร จากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่น เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๙.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๑ ทางเดิน และทางเท้า
๒๑.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัย
และพาณิชยกรรม ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
โดยทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๑.๑๕ เมตร
๒๑.๒ กรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
๒๑.๓
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรให้มีลักษณะเช่นเดียวกับข้อ
๒๒.๓
๒๑.๔
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง
ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการสัญจร และความปลอดภัย
๒๑.๕ การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนน
ต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๒ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๒.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๒.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๒.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กหรือแอสฟัลท์ติดคอนกรีตหรือลาดยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่โยธาธิการจังหวัดระยองกำหนด
ข้อ ๒๓ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๓.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน ต่อทางราบ
๑๐๐ ส่วน
๒๓.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๔ การปาดมุมถนน
๒๔.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๔.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๕ สะพาน,
สะพานท่อและท่อลอด
๒๕.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินกว่า
๓.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัดระยอง
๒๕.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์กว้างไม่เกิน ๓.๐๐
เมตร จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด ตามแบบก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัดระยอง
ข้อ ๒๖ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๗ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดระยอง มีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชันทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๘ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างและต้องติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๙ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้า
และดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๓๐ ระบบประปา
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น กรณีที่หน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถให้บริการได้หรือที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณเช่นว่านั้น
ให้จัดทำระบบประปาสัมปทาน
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่จัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่การกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า ๑
ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๔ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
ประพันธ์ ชลวีระวงศ์
ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดระยอง
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๑๒ ง/หน้า ๘/๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ |
760721 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายก พ.ศ. 2544
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายก
พ.ศ. ๒๕๔๔
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายกออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง โครงการ
และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายก พ.ศ.
๒๕๔๔
ข้อ ๒[๑]
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓
บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้
ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายกพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายกจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะราย
โดยไม่ขัดกับนโยบายการจัดสรรที่ดินของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕
แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓)
รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
(๓)
การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภทการใช้ที่ดิน ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุงและอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔ แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ
ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร
ผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการขออนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการการรับคำขอสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง
จะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗
ขนาดของโครงการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพานิชยกรรม แบ่งเป็น ๓ ขนาด
คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การกำหนดขนาดความกว้างและความยาวต่ำสุด
หรือเนื้อที่จำนวนน้อยที่สุดของที่ดินแปลงย่อยที่จะจัดสรร
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์ ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙
การจัดสรรที่ดินเพื่อจำหน่ายเป็นที่ดินเกษตรกรรมต้องดำเนินการ ดังนี้
๙.๑ การแบ่งแยกที่ดินเป็นแปลงย่อย
ต้องมีเนื้อที่แต่ละแปลงไม่น้อยกว่า ๒ ไร่
๙.๒ ต้องมีรายละเอียดของระบบการส่งน้ำผ่านที่ดินแปลงย่อยแต่ละแปลง
รวมทั้งการแก้ไขปัญหาความแห้งแล้งหรือน้ำท่วมบริเวณที่จะดำเนินการจัดสรร
ตลอดจนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแนวคลองส่งน้ำว่าเป็นที่สาธารณะหรือไม่
หากไม่เป็นที่สาธารณะจะเป็นอุปสรรคต่อผู้ชื้อที่ดินที่จะใช้ประโยชน์หรือไม่
๙.๓ จัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการบริการด้านเกษตรกรรม เช่น
มีนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาแนะนำหรือดูแลรักษาหรือไม่
มีการประกันราคาผลผลิตและหาตลาดให้แก่ผู้ซื้อที่ดินหรือไม่
๙.๔ ระบบสาธารณูปโภคในที่ดิน
ให้จัดทำถนนโดยมีพื้นผิวไม่ต่ำกว่า ๘ เมตร เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งผลผลิต
ทั้งนี้ ในการพิจารณาอนุญาตให้นำความในหมวด ๑ ๗
มาใช้บังคับโดนอนุโลม
ข้อ ๑๐
การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารและ
กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๑ การสาธารณสุข
การกำจัดขยะมูลฝอยสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามข้อบัญญัติของท้องถิ่น
ในกรณีที่ไม่มีข้อบัญญัติของท้องถิ่นใช้บังคับ
ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายกพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพท้องที่
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๒ ระบบการระบายน้ำ และการบำบัดน้ำเสีย
๑๒.๑ ในท้องที่ที่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและในเขตเทศบาลให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดยจะต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรมสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๒.๒ ในเขตอื่น
ๆ นอกจากข้อ ๑๒.๑
ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายกที่จะพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพท้องที่
๑๒.๓ ระบบบำบัดน้ำเสียที่จัดให้มี
ต้องมีประสิทธิภาพ
และสามารถบำบัดน้ำเสียให้มีคุณภาพน้ำทิ้งที่ได้เกณฑ์มาตรฐานตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจรและความปลอดภัย
ระบบและมาตรฐานของถนนประเภทต่าง ๆ ทางเดิน
และทางเท้าในที่ดินจัดสรรทั้งหมด
รวมทั้งการต่อเชื่อมกับถนนหรือทางสายนอกที่ดินจัดสรร
ข้อ ๑๓ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทาง
และผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
๑๓.๑ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
๑๓.๒ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐
- ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
๑๓.๓ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐
- ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร
๑๓.๔ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือเนื้อที่มากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๔
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางสาธารณประโยชน์ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๒
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๕
การจัดทำทางเดินและทางเท้าให้เป็นไปตามมาตรฐานของท้องถิ่น
ข้อ ๑๖ ขนาดความกว้างของผิวจราจรตามข้อ ๑๓.๒,
๑๓.๓, ๑๓.๔
ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายกที่จะพิจารณากำหนดให้มากกว่าที่กำหนดไว้ก็ได้
โดยพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพท้องที่ และโครงการจัดสรรที่ดินนั้น ๆ
ข้อ ๑๗
ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับระบบและมาตรฐานของสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ ๑๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลน แผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๑๙ ระบบประปา
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบประปา ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
ในกรณีอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ ให้ผู้จัดสรรที่ดินเสนอแบบก่อสร้างระบบผลิตและจ่ายน้ำพร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายก ทั้งนี้ ให้นำความในข้อ ๕.๔
มาใช้บังคับด้วย
ข้อ
๒๐ ผู้จัดสรรทีดินต้องกันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการวาธารณะ
ดังนี้
๒๐.๑
สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
๒๐.๒
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
หมวด ๗
ข้อกำหนดเกี่ยวกับกฎหมายอื่น
ข้อ ๒๑ การดำเนินการตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย
เพื่อการพาณิชยกรรม เพื่อการเกษตรกรรม ต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
เช่น กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
กฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร เป็นต้น
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
เชิดวิทย์ ฤทธิประศาสน์
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครนายก
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๔ ง/หน้า ๓๔/๑๐ มกราคม ๒๕๔๕ |
749395 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม พ.ศ. 2544
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม
พ.ศ.
๒๕๔๔
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐมออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม
พ.ศ. ๒๕๔๔
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐมพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม
จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองโดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร ตั้งอยู่ในบริเวณ....
(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของทางราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่โครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒)
การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1
โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบ และวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะ ที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อย เพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อย เพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อย เพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐
แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภทดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕
ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถว
หรืออาคารพาณิชย์ ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐
ตารางวาขึ้นไปจะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐
ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะ ตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ
และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการโดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒ ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำ และระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔ ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดนครปฐม และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า
๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า
๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕ ระบบการระบายน้ำ ประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบ หรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ
ตะแกรงดักขยะ และบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ
โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘)
กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำ
ให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ เปิด - ปิด
๑๓.๖ รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ
หรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
(๓) ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖) ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า ออก
ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด
ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบน
และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความลาดเอียงนี้
ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ
ปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำ และระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม - หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ
โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ
หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ นอกจากจะมีระบบพิเศษ เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้ ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำราง จากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกันแต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑ น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่วิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียว หรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยคำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓ เงื่อนไขที่ต้องถือปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการบำบัดน้ำเสีย
และการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ปริมาณน้ำเสียจากแต่ละหน่วยอาคารใช้เกณฑ์ร้อยละ
๙๕ ของปริมาณน้ำใช้ แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร
ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๒) ปริมาณความสกปรกเป็นค่า BOD ไม่น้อยกว่า ๑๕๐
มิลลิกรัมต่อลิตร
(๓) ระดับท้องท่อระบายน้ำทิ้ง เข้า - ออก
จากระบบบำบัดน้ำเสียต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมสอดคล้องกับระบบระบายน้ำ
๑๔.๔ ระบบบำบัดน้ำเสียประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยให้ใช้สำหรับบำบัดน้ำเสียประจำแต่ละหน่วยอาคารเท่านั้น
ประกอบด้วย ๒ ส่วน ส่วนแรก คือ บ่อดักไขมัน มีกำหนดให้มีปริมาตรไม่น้อยกว่า ๑๓
ลิตร ส่วนที่สอง คือ บ่อบำบัดน้ำเสีย ให้มีปริมาตรเป็นไปตามเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๔.๓
(๑) และให้มีสัดส่วนโดยประมาณของปริมาตรในบ่อบำบัดน้ำเสีย ดังนี้
(๑) ชนิดเติมอากาศจะต้องมี
ก. ปริมาตรของส่วนที่เติมอากาศไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐
ของปริมาตรรวมของระบบ
ข. อัตราการเติมอากาศจะต้องไม่น้อยกว่า ๒๐ ลิตรต่อนาที
สำหรับคนไม่เกิน ๕ คน
ค. ปริมาตรรวมของระบบ เฉลี่ยแล้วต้องไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ลิตร ต่อคน
(๒) ชนิดไม่เติมอากาศจะต้องมี
ก. ปริมาตรของส่วนที่บรรจุด้วยวัสดุกรองไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๕
ของปริมาตรรวมของระบบ
ข. ปริมาตรรวมของระบบ เฉลี่ยแล้วต้องไม่น้อยกว่า ๓๐๐ ลิตร ต่อคน
๑๔.๕ ระบบบำบัดน้ำเสียประเภทบำบัดกลาง มีหน้าที่รับน้ำเสียมาบำบัดจากที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๒ แปลงขึ้นไป จะต้อง
(๑) จัดไว้ในพื้นที่เฉพาะแยกต่างหาก และมีเนื้อที่เพียงพอที่จะก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย
สถานีสูบและอุปกรณ์ประกอบ (ถ้ามี)
(๒) มีทางเข้าเฉพาะ กว้างไม่น้อยกว่า ๔.๐๐ เมตร
เพื่อให้ยานพาหนะเข้าถึงสะดวกต่อการทำงานและการบำรุงรักษา
(๓)
องค์ประกอบของระบบบำบัดน้ำเสียประเภทระบบบำบัดกลาง ประกอบด้วย
ก. ส่วนบ่อสูบหรือสถานีสูบ
โดยให้มีตะแกรงดักขยะ และบริเวณดักเศษดิน ทราย
ข. ส่วนเติมอากาศหรือส่วนสร้างจุลชีพ
ค. ส่วนตกตะกอน
ง. ส่วนสูบตะกอนหมุนเวียน และ/หรือ สูบตะกอนส่วนเกิน
จ. ส่วนเก็บตะกอน
ฉ. ส่วนเติมคลอลีน หรือส่วนฆ่าเชื้อโรค
ผู้ออกแบบจะเลือกขบวนการหรือกรรมวิธีในการบำบัดน้ำเสียแบบใดโดยใช้องค์ประกอบทั้งหมดหรือบางส่วนของระบบบำบัดน้ำเสียประเภทระบบบำบัดกลางก็ได้
และจะจัดให้โครงสร้างหรือผนังแต่ละองค์ประกอบอยู่ติดกันหรือแยกจากกันก็ได้ ทั้งนี้ ระบบไฟฟ้าที่จ่ายให้แก่เครื่องจักรและอุปกรณ์ต้องมีขนาดเพียงพอ
สอดคล้องกับขบวนการหรือกรรมวิธีในการบำบัดน้ำเสียที่เลือกใช้
(๔) แสดงรูปตัดตามยาว ระดับน้ำ
ขนาดท่อของแต่ละส่วนในระบบบำบัดน้ำเสียประเภทระบบบำบัดกลาง
ตั้งแต่น้ำเสียจากในโครงการเข้าสู่บ่อผันน้ำ บ่อสูบ
จนถึงจุดทิ้งน้ำจากระบบบำบัดน้ำเสียที่ระบายสู่บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ
๑๔.๖
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน
๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมีเนื้อที่ตั้งแต่ ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า
๑๓.๐๐ เมตร มีเกาะกลางถนนไม่น้อยกว่า ๑ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร
โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖ นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน
๑๐๐ เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถ ต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๗.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที ( T ) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล ( L )
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย ( Y )
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่ทำการจัดสรร ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐
เมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัยจุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง
โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒ ในบริเวณจุดเชื่อต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ระดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลต์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลต์ รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่กรมโยธาธิการกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกินกว่า
๒.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัดนครปฐม
๒๔.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างตั้งแต่
๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัดนครปฐม
๒๔.๓ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๕.๐๐ เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียวตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัดนครปฐม
๒๔.๔ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๑๐ เมตรขึ้นไป จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัดนครปฐม
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐมมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนนและป้ายสัญญาณจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง และระบบเพื่อความปลอดภัยอื่น
ๆ เช่น ยามรักษาการณ์ ฯลฯ และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปานครหลวง
การประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบ และรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐมด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
ข้อ ๓๒ สวน
สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น
และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ ๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่ ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล
จำนวน ๑ แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา
และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๔
นาวิน ขันธหิรัญ
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐม
ปริยานุช/จัดทำ
๒๕ เมษายน ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๒๕ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๓ ง/หน้า ๒๐/๘ มกราคม ๒๕๔๕ |
669400 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2545 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมาออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมาพ.ศ.
๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้
ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ... (ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการจัดสรรที่ดินและการเชื่อมต่อโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการ
ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน
A1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง
ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า และหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบ
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕
ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถว
หรืออาคารพาณิชย์ ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑
เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาดและจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐
ตารางวาขึ้นไปจะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้
ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการนั้นเป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การสาธารณสุข
การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ
และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๓.๒ ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓ การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔ ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี หรือนานกว่าของจังหวัดนครราชสีมา
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕ ของน้ำใช้
แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓)
ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร
ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕ ระบบการระบายน้ำ ต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำพร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ
ตะแกรงดักขยะ และบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘)
กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำเปิด - ปิด
๑๓.๖ รายการคำนวณ
(ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑)
พื้นที่รองรับน้ำฝนหรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดท่อหรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อหรือรางระบายน้ำ
(๖) ความลึกของท้องท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า ออก
ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอ
และความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗ เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด
ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนและยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความลาดเอียงนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ
ปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เริ่ม หยุดการทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ
โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวท่อระบายการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณะประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้ ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๙) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้างต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อมหรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสีย
จะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้น จะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร และที่ปลายตัน ที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที ( T )
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล ( L )
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย ( Y )
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่แคบกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒ ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลท์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กราดด้วยแอสฟัลท์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือราดยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นที่มีความหนาและบดอัดจนมีความหนาแน่นตามที่กรมโยธาธิการกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ
และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน
๒.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างตั้งแต่
๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๓ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๕.๐๐ เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
๒๔.๔ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๑๐ เมตรขึ้นไป จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากจากหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม ความมั่นคงแข็งแรง
ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมามีสิทธิที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดของถนนปละป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิง ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้า
และดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่
และการบริหารชุมชน
ข้อ ๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น
และหรือสนามกีฬาโดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ ๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๕ ไร่ และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐ แปลง
หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
สุนทร ริ้วเหลือง
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครราชสีมา
ศิรวัชร์/จัดทำ
๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๙๓ ง/หน้า ๑๕/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ |
604671 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. 2544
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ๒๕๔๔
อาศัยอำนาจความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ได้ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. ๒๕๔๔ ไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ๒๕๔๔
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์พิจารณาเห็นว่าเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดินการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้
เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง
ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด
๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔)
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ...(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณ และบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่ายโดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒)
การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภคบริการสาธารณะและเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน
A 1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ
ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้
จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน
ทั้งบริเวณส่วนจำหน่ายและส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด
๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ ๔๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร
และเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ควรมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕
ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖
ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐
ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด
๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามข้อบัญญัติของชุมชนหรือหน่วยงานหรือองค์กรปกครองท้องถิ่น
ในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กำหนดไว้
หมวด
๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ
และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓ การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้นๆ
๑๓.๔ ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า
๕ ปี ของจังหวัดกาฬสินธุ์
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓)
ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร
ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕ ระบบการระบายน้ำประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี)
ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ
โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘)
กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด - ปิด
๑๓.๖ รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖) ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก
ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรมและสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗ เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบน
และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียง ไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐
ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ
ปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำและระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำ - หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาโดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ
หรือแหล่งน้ำสาธาณประโยชน์ นอกจากจะมีระบบพิเศษ
เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว
หรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกันและระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง
หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกันแต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมดรวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อมหรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับจึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด
วิธีใดให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด
๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร
ไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร มีเกาะกลางถนนกว้างไม่น้อยกว่า
๑ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร
และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววายด้านละไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์ เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้า มีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง
๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒ ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลท์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลท์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่กรมโยธาธิการกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชั้นและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชั้นของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗
ส่วนต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน
๒.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์
๒๔.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างตั้งแต่
๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์
๒๔.๓ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๕.๐๐ เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียวตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์
๒๔.๔ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๑๐ เมตรขึ้นไป จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคง แข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาน
ความเป็นระเบียบและการผังเมืองคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์
มีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาด เขตทาง ทิศทางเดินรถ
ระดับและความลาดชันทางเลี้ยวที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด
๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์ด้วย
หมวด
๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด
๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ ๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น
และหรือสนามกีฬาโดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ ๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่ ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล
จำนวน ๑ แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก
ๆ ๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้ ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น
ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ให้ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ข้อ ๓๖ การออกข้อกำหนดนี้หรือการพิจารณาเกี่ยวกับคำขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินอาจจะมีเพิ่มเติมข้อใดย่อมปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
ภายใต้พระราชบัญญัติของกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น
กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร เป็นต้น
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๔
ชัยรัตน์ มาประณีต
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดกาฬสินธุ์
สุกัญญา/พิมพ์
๒๐ มีนาคม ๒๕๕๒
อุรารักษ์/ตรวจ
๒๓ มีนาคม ๒๕๕๒
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๒ ง/หน้า ๖/๘
มกราคม ๒๕๔๕ |
316721 | ข้อกำหนด เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดระนอง พ.ศ. 2545 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดระนอง
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดระนองออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง โครงการ
และวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดระนองพ.ศ.
๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดระนอง
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดระนอง จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองโดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะ
(๓) การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภทการใช้ที่ดิน
ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้องและให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุงและอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถ
หรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔ แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะ
ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยให้มุมด้านล่างข้างขวา
จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ
ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบ
และวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ
ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรมและหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้วผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒
หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓ ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการรับคำขอสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๕๘
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน อาคาร
และสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
๖.๗
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๘ สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕
ตารางวา
๘.๓ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถว
หรืออาคารพาณิชย์ ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐
ตารางวาขึ้นไปจะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่
โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการฯ นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การสาธารณสุข
การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูล
เสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำและการบำบัดน้ำเสีย
(๑)
ในท้องที่ที่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและในเขตเทศบาล
ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดยจะต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
(๒) ในเขตอื่น ๆ
นอกจากนี้ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดที่จะพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพท้องที่
(๓) ระบบบำบัดน้ำเสียที่จัดให้มี ต้องมีประสิทธิภาพ
และสามารถบำบัดน้ำเสียให้มีคุณภาพน้ำทิ้งได้เกณฑ์มาตรฐานตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด
ข้อ ๑๔ ระบบการระบายน้ำ
๑๔.๑
การระบายโดยระบบท่อและรางระบายน้ำที่ออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๔.๒ ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๔.๓ ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี
หรือนานกว่าของท้องที่นั้น
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕ ของน้ำใช้
แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓)
ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร
ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
๑๔.๔ ระบบการระบายน้ำ ต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำรวม (ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้)
(๒) รางระบายน้ำ
(๓)
บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ (ถ้ามี)
(๗) บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘) บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙) ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน
(กรณีที่เป็นระบบการระบายน้ำรวม)
(๑๐)
บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบการบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๕ รายการคำนวณ
(ที่ต้องประกอบมากับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒) ขนาดท่อระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๓) ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔) ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อระบายน้ำ
(๖) ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด
ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร ยกเว้นในกรณีระบบการระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้
โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบและมีระดับความลาดเอียง
ดังนี้
ก. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ :
๕๐๐
ข. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ต้องไม่เกินกว่า ๑ : ๑๐๐๐
(๔) เครื่องสูบน้ำเสียจะเป็นแบบใดก็ได้
(แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย, แบบนอกบ่อพักน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก. ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข. ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า
๑.๐๐ เมตร
ค.
ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔ ส่วน
ของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕)
แนวท่อระบายการระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้ ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
(๗)
บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นระดับความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมด้วย
(๙) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด
รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๕ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๕.๑
น้ำที่ผ่านการใช้มาแล้วจะถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติไม่ต่ำกว่ามาตรฐานน้ำทิ้งของสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับในท้องถิ่นนั้นเสียก่อน
จึงจะระบายสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๕.๒ ระบบบำบัดน้ำเสีย
จะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้น จะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด
ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการที่ตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ
๑๕.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
สำหรับประเภทระบบกลางต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่พาหนะเข้าถึงได้
โดยเป็นทางเฉพาะกว้างไม่น้อยกว่า ๔ เมตร
เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียและการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ ๑๖ ระบบและมาตรฐานของถนนประเภทต่าง
ๆ ทางเดินและทางเท้าในที่ดินจัดสรรทั้งหมด
รวมทั้งการต่อเชื่อมกับถนนหรือทางสายนอกที่ดินจัดสรร
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทาง
และผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร ความกว้างของเขตทาง วัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อย
ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๖
ข้อ ๑๘ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๙ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๒๐ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐาน ดังนี้
๒๐.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๒๐.๒ กรณีเป็นรูปตัวที ( T )
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๒๐.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล ( L )
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๒๐.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย ( Y )
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ ˚
ข้อ ๒๑ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๒๑.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๒๑.๒ ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๒๑.๓ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๒ ทางเท้า
๒๒.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัย และอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๖ ทั้งนี้ ความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๒.๒ ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕
เซนติเมตร สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน
ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝด หรือบ้านแถว
จะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๒.๓ วัสดุปูทางเท้าต้องเป็นคอนกรีต
๒๒.๔ ขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕
เซนติเมตร
๒๒.๕ จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรให้มีลักษณะเช่นเดียวกับข้อ
๒๓.๓
๒๒.๖ การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนน
ต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเท้า ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษขนาดอย่างน้อย
๑.๐๐ x ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๒๓ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๓.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๓.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๓.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
แอสฟัลท์ติดคอนกรีตหรือลาดยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่สำนักงานโยธาธิการจังหวัดกำหนด
ข้อ ๒๔ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๔.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๔.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๕ การปาดมุมถนน
๒๕.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๕.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๖ สะพาน,
สะพานท่อและท่อลอด
๒๖.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างเกินกว่า
๓.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน
๒๖.๒ ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร
จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า
๑๐๐ เซนติเมตรและหลังท่อลึกจากผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘๐ เซนติเมตร
ข้อ ๒๗ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๘ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบ และการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดมีสิทธิที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ และส่วนประกอบของถนนได้
ข้อ ๒๙ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างและต้องติดตั้งหัวดับเพลิง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๓๐ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้า
และดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๓๑ ระบบประปา
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้
ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น กรณีที่หน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถให้บริการได้หรือที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณเช่นว่านั้น
ให้จัดทำระบบประปาสัมปทาน
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๒ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ ๓๓ การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภค
หรือบริการสาธารณะ
๓๓.๑ ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น
โดยคำนวณจากร้อยละ ๕ ของพื้นที่จัดจำหน่าย พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณ
มีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
และไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่
๓๓.๒ โรงเรียนอนุบาล
การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ผู้จัดสรรจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาลจำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดทำบริการสาธารณะประจำหมู่บ้านจัดสรรแทน
ข้อ ๓๔ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
นพพร จันทรถง
ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด
พรพิมล/แก้ไข
๑ กรกฎาคม ๒๕๔๕
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๓๒ ง/หน้า ๒๕/๑๘ เมษายน ๒๕๔๕ |
760966 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดชุมพร พ.ศ. 2544
| ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดชุมพร
พ.ศ. ๒๕๔๔
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชุมพรออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดชุมพร พ.ศ.
๒๕๔๔
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชุมพร
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดินและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชุมพร จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔)
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อของเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) รายละเอียดของที่ดินที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะ
(๓) การเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินต่างประเภท ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และให้ถือเป็นส่วนสาธารณูปโภคของโครงการที่ต้องปรับปรุงและอนุญาตให้ใช้เป็นที่กลับรถหรือเพื่อการอื่นใด
๕.๔ แผนผังและแบบก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ
ได้แก่ แผนผังและแบบก่อสร้างที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ดังนี้
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยให้มุมด้านล่างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่บริเวณการจัดสรรที่ดินมีขนาดใหญ่) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
เพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาต)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้ หากจัดระบบประปาสัมปทาน
ให้แสดงหลักฐานการรับคำขอสัมปทานประกอบกิจการประปาของกรมโยธาธิการ
๖.๔ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
การกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นที่ดินและวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดินทั้งบริเวณ
ทั้งส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค การขุดดินและถมดินต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติขุดถมที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓
๖.๕ วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีชำระเป็นเงินสดหรือเงินผ่อนส่งเป็นงวดตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖ วิธีการในการบำรุงรักษาและการบริการสิ่งสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๘
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี (ถ้ามี)
๖.๙ ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐ หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน
ที่ดินแปลงย่อยมีขนาดความกว้างของหน้าแปลงที่ดินติดถนนไม่ต่ำกว่า ๑๒ เมตร
และมีความยาวไม่ต่ำกว่า ๒๐ เมตร หากรูปที่ดินแปลงย่อยไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๘๐ ตารางวา
ข้อ ๙ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคาร
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๙.๑
บ้านเดี่ยว
(๑)
ความกว้างและความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
(๒)
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดตาม (๑) ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๙.๒
บ้านแฝด
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๙.๓
บ้านแถว
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
๙.๔
อาคารพาณิชย์
(๑)
ความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔ เมตร และ
(๒)
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บเป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดิน ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐ ตารางวา
ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดิน นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑
แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
ข้อ ๑๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมเป็นการจัดสรรที่ดินตามพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓
๑๒.๑ การแบ่งแยกที่ดินเป็นแปลงย่อย
ควรจะต้องมีเนื้อที่แต่ละแปลงไม่ควรน้อยกว่า ๒ ไร่
หรือตามสภาพในการประกอบกิจกรรมของเกษตรกรรมนั้น
และให้ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชุมพรแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบสภาพที่ดินว่าเหมาะสมกับการประกอบการเกษตรหรือไม่
มีการปรับปรุงและพัฒนาที่ดินไปแล้วเพียงใด
อยู่ใกล้ชุมชนหรือต่อไปจะเป็นที่อยู่อาศัยได้หรือไม่
มีแหลางน้ำธรรมชาติในโครงการหรือไม่ ที่ดินตั้งอยู่ในที่เหมาะสมหรือไม่
พร้อมแนบหลักฐานแผนที่หรือรูปถ่ายเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาด้วย
๑๒.๒
แสดงรายละเอียดของระบบการส่งน้ำผ่านที่ดินแปลงย่อยแต่ละแปลง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาความแห้งแล้งหรือน้ำท่วมบริเวณที่จะดำเนินการจัดสรร
ตลอดจนระบุว่าแนวคลองส่งน้ำเป็นที่สาธารณะหรือไม่
หากไม่เป็นที่สาธารณะจะเป็นอุปสรรคต่อผู้ชื้อที่ดินที่จะใช้ประโยชน์หรือไม่
และควรระบุชนิดพืชไร่ พืชสวนที่เหมาะสมต่อสภาพที่ดินด้วย
๑๒.๓ การบริการด้านการเกษตรกรรมเป็นอย่างไร
มีนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาแนะนำหรือดูแลรักษาหรือไม่
มีการประกันราคาผลผลิตและหาตลาดให้แก่ผู้ซื้อที่ดินหรือไม่
ระบบสาธารณูปโภคในที่ดินควรจัดทำถนนให้มีพื้นผิวไม่ต่ำกว่า ๘ เมตร
เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งผลผลิต
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๓ การสาธารณสุข
๑๓.๑ การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดการให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๔ ระบบการระบายน้ำ
๑๔.๑ การระบายโดยระบบท่อและรางระบายน้ำ
ที่ออกแบบเป็นระบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
๑๔.๒ ทางเดินของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องพอเพียงโดยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
และจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีที่ต้องได้รับอนุญาต)
๑๔.๓
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี หรือนานกว่าของท้องที่นั้น
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
๑๔.๔
ระบบการระบายน้ำต้องประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำรวม (ที่รับปริมาณน้ำสูงสุดได้)
(๒) รางระบายน้ำ
(๓) บ่อพักท่อระบายน้ำที่รับน้ำฝนจากถนนและรับน้ำเสียจากที่ดินแปลงย่อย
(กรณีที่เป็นระบบระบายน้ำรวม)
(๔) บ่อตรวจการระบายน้ำ
(๕) บ่อพักน้ำเสีย
(๖) ระบบเครื่องสูบน้ำ (ถ้ามี)
(๗) บ่อตรวจน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๘) บ่อตรวจน้ำทิ้งรวมของโครงการ
(๙)
ระบบการผันน้ำฝนส่วนเกิน (กรณีที่เป็นระบบระบายน้ำรวม)
(๑๐)
บริเวณรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำและจากระบบการบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๕
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) ปริมาณน้ำที่จะเข้าระบบการระบายน้ำต่อวินาที
(๒)
ขนาดของท่อระบายน้ำแต่ละปริมาณ
(๓)
ระดับความลาดเอียงของท่อระบายน้ำ
(๔)
ความลึกของท้องท่อระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่องระบายน้ำ
(๖)
ประเภทวัสดุที่ใช้ทำท่อระบายน้ำ
รายการทั้งหมดนี้ต้องแสดงให้ปรากฏในแผนผังการระบายน้ำที่จัดทำขึ้น
ตามมาตรฐานทางวิศวกรรม สอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของอุปกรณ์ของระบบได้
โดยต้องมีการตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรควบคุม
๑๔.๖
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุด ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อความเน่าเสียได้ โดยไม่ผุกร่อนหรือสลายตัว
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบนได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบและมีระดับความลาดเอียง
ดังนี้
ก.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่ต่ำกว่า ๑:๕๐๐
ข.
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า ๔๐ เซนติเมตร ต้องไม่เกิน ๑:๑๐๐๐
(๔)
เครื่องสูบน้ำเสีย จะเป็นแบบใดก็ได้ (แบบจุ่มแช่ในบ่อพักน้ำเสีย
แบบนอกบ่อบำบัดน้ำเสีย) แต่การสูบน้ำจะต้อง
ก.
ระดับหยุดสูบน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับท้องท่อระบายน้ำเข้า
ข.
ระดับเริ่มสูบน้ำอยู่สูงกว่าระดับหยุดสูบน้ำไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ เมตร
ค.
ปริมาตรน้ำเสียระหว่างระดับสูบน้ำในบ่อพักน้ำเสียต้องไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔
ส่วนของปริมาตรน้ำเสียรวมทั้งโครงการ
(๕)
แนวท่อระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนกับน้ำธรรมชาติ
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน
(๗)
บ่อตรวจการระบายน้ำต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอให้สามารถลงไปขุดลอกหรือทำความสะอาดท่อระบายน้ำได้ที่จุดบรรจบท่อระบายน้ำที่สำคัญตามความเหมาะสม
(๘)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดลอกหรือถมสูงขึ้นจากระดับเดิมด้วย
(๙)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากเป็นลำรางสาธารณะให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีที่แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้แสดงแบบรายละเอียดของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งรายละเอียดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๕ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๕.๑ น้ำที่ผ่านการใช้มาแล้วจะถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติไม่ต่ำกว่ามาตรฐานน้ำทิ้งของสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อแงชาติ
หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับในท้องอถิ่นนั้นเสียก่อน จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๕.๒ ระบบบำบัดน้ำเสีย
จะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด
วิธีใด ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการที่ตรวจรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม
๑๕.๓ เงื่อนไขที่ต้องถือปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการบำบัดน้ำเสียและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑) ปริมาณน้ำเสียจากแต่ละหน่วยอาคารใช้เกณฑ์ร้อยละ ๙๕ ของปริมาณน้ำใช้
แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ ลิตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน
(๒) ปริมาณความสกปรกเป็นค่า BOD ไม่น้อยกว่า ๑๕๐
มิลลิกรัมต่อลิตร
(๓)
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทต้องมีปริมาตรของระบบเพียงพอที่จะรองรับปริมาณน้ำเสียจากทุกหน่วยรวมกันได้ในระยะเวลาไม่น้อยกว่า
๑ วัน
(๔) ระดับท้องท่อระบายน้ำทิ้งออกจากระบบบำบัดน้ำเสียต้องอยู่ต่ำกว่าระดับท้องท่อระบบน้ำเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียไม่เกิน
๑๐ เซนติเมตร
๑๕.๔ ระบบบำบัดน้ำเสียประเภทระบบบำบัดอิสระ ให้ใช้สำหรับบำบัดน้ำเสียประจำแต่ละหน่วยอาคารเท่านั้น
ปริมาตรของระบบต้องเป็นไปตามเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๕.๓ (๑) และให้มีสัดส่วนโดยปริมาณของระบบ
ดังนี้
(๑) ระบบเติมอากาศ จะต้องมี
ก. ปริมาตรของส่วนที่เติมอากาศไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔๐
ของปริมาตรรวมของระบบ
ข. อัตราการเติมอากาศจะต้องไม่น้อยกว่า ๔๐ ลิตรต่อนาทีสำหรับคนไม่เกิน
๕ คน
ค. ปริมาตรรวมของระบบเฉลี่ยแล้วต้องไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ลิตร ต่อคน
(๒) ระบบชนิดไม่เติมอากาศ จะต้องมี
ก. ปริมาตรของส่วนที่บรรจุด้วยวัสดุกรองไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๐
ของปริมาตรรวมของระบบ
ข. ปริมาตรรวมของระบบ เฉลี่ยแล้วต้องไม่น้อยกว่า ๓๐๐ ลิตร ต่อคน
๑๕.๕ ระบบการบำบัดน้ำเสียประเภทระบบกลางที่รวมรับน้ำเสียมาบำบัดจากที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๒ แปลงขึ้นไป จะต้อง
(๑) จัดไว้ในพื้นที่เฉพาะแยกต่างหาก
(๒) มีเนื้อที่เพียงพอที่ตั้งบ่อพักน้ำเสียและบ่อเครื่องสูบน้ำ
(ถ้ามี)จะก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย สถานีสูบและอุปกรณ์ประกอบ (ถ้ามี)
(๓)
บ่อบำบัดน้ำเสียและบ่อพักน้ำทิ้งต้องให้มีสัดส่วนโดยประมาณของระบบ ดังนี้
ก. ระบบชนิดบ่อผึ่ง จะต้องมี
- ความลึกของระดับน้ำเสียในส่วนบ่อบำบัดน้ำเสียระหว่าง ๑.๒๐
เมตร ถึง ๑.๕๐ เมตร ใต้ระดับท้องท่อระบายน้ำเข้าหรือระดับสันฝายแบ่งน้ำกับบ่อพักน้ำทิ้ง
- บ่อพักน้ำทิ้งจะต้องมีสัดส่วนไม่ใหญ่เกินกว่า ๑ ใน ๓
ส่วนของบ่อบำบัดน้ำเสีย
และทั้งสองส่วนต้องรับปริมาณน้ำรวมกันได้ไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๕.๓ (๓)
- การเติมอากาศในส่วนบ่อบำบัดน้ำเสียด้วยเครื่องเติมอากาศ
ซึ่งมีกำลังรวมกันไม่น้อยกว่า ๕ แรงม้า และติดตั้งอยู่ในจุดที่สามารถกระจายการเติมอากาศได้ทั่วทั้งบ่อบำบัด
ข. ระบบชนิดถังปิด จะต้อง
-
เป็นระบบชนิดผสมระหว่างชนิดไม่เติมอากาศและชนิดเติมอากาศอยู่ด้วยกัน
-
น้ำเสียจะผ่านวัสดุกรองในส่วนไม่เติมอากาศไปสู่ส่วนเติมอากาศหรือส่วนดักกลิ่น
ก่อนกลายเป็นน้ำทิ้ง
- ส่วนบำบัดที่บรรจุวัสดุกรองต้องมีปริมาตรไม่น้อยกว่าร้อยละ
๑๐ ของปริมาตรรวมของระบบ
ส่วนเติมอากาศต้องมีปริมาตรไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๕
ของปริมาตรรวมของระบบ
ค. ระบบชนิดอื่น เช่น
ระบบแบบหมุนรอบตัวทั้งทางราบและทางดิ่ง ระบบแผ่นหมุน ระบบตะกอนเร่งและอื่น ๆ
ให้วิศวกรผู้ออกแบบระบบนำเสนอรายละเอียดทางวิชาการของระบบที่ใช้พร้อมแผนผัง
เพื่อให้คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชุมพรพิจารณาอนุมัติเป็นราย ๆ ไป
๑๕.๖
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
สำหรับประเภทระบบกลางต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่พาหนะเข้าถึงได้
โดยเป็นทางเฉพาะกว้างไม่น้อยกว่า ๔ เมตร
เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียและการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจรและความปลอดภัย
ข้อ ๑๖ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร ความกว้างของเขตทางวัดตามแนวตั้งฉากจากความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อย
ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดในข้อ ๑๗
ข้อ ๑๗ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีในการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทาง
(ผิวจราจรและทางเท้า) เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้
๑๗.๑ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าด้านที่ปักเสาไฟฟ้า ให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๑.๑๕ เมตร
๑๗.๒ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐
- ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๑.๕๐ เมตร
๑๗.๓ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐
- ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกิน ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจร ๑๒.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
๑๗.๔ ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมี
(๑) ความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๒๐.๐๐ เมตร
(๒) โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐ เมตร
(๓) ทางเท้าข้างละ ๒.๐๐ เมตร
(๔) รัศมีการเลี้ยวโค้งที่ทางเลี้ยวหรือทางแยกไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๗
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๙ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ข้อ ๒๐ ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะ ๑๐๐ เมตรและที่ปลายตันที่กลับรถ
ต้องจัดให้เป็นตามมาตรฐานดังนี้
๒๐.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า
๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๒๐.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๒๐.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า
๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๒๐.๔ กรณีที่เป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๑ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง
๒.๕๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๒๑.๑ ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๒๑.๒ ตลอดความยาวทุกด้านที่ติดถนนของที่ดินแปลงใหญ่
๒๑.๓ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทาง
ตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนตามข้อ ๑๗.๓ และข้อ ๑๗.๔
ข้อ ๒๒ ทางเท้า
๒๒.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์
ต้องจัดให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินตามขนาดที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๙ ทั้งนี้ ความกว้างทางเดินเท้าสุทธินับจากเขตแปลงที่ดินต้องไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
๒๒.๒
ระยะยกระดับสูงกว่าผิวจราจรระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
สม่ำเสมอกันไปตลอดความยาวถนน ยกเว้น ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝดหรือบ้านแถวจะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้
๒๒.๓
วัสดุปูทางเท้าต้องทำเป็นคอนกรีต
๒๒.๔
ขอบทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร
๒๒.๕
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันดินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถเข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเท้าให้สูงเท่าเดิม ทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
๒๒.๖
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเท้า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ควรกันเขตนอกทางเท้าเป็นพิเศษขนาดอย่างน้อย ๑.๐๐ x ๑.๐๐ เมตร
ข้อ ๒๓ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๓.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๓.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๓.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลท์ติดคอนกรีตหรือลาดยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่กำหนด
ข้อ ๒๔ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๔.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๔.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า
๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๕ การปาดมุมถนน
๒๕.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๕.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๖ สะพาน,
สะพานท่อและท่อลอด
๒๖.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างเกินกว่า
๓.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน
๒๖.๒ ถ้าลำรางสาธารณประโยชน์กว้างต่ำกว่า ๓.๐๐ เมตร
จะจัดทำเป็นสะพานหรือสะพานท่อหรือใช้ท่อลอด โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า
๑๐๐ เซนติเมตร และหลังท่อลึกจากผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘๐ เซนติเมตร
ข้อ ๒๗ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียนทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนน ทุกแห่ง
ข้อ ๒๘ ความปลอดภัยอื่น ๆ
๒๘.๑ ไฟส่องสว่าง
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๙ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้า
และดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๓๐ ระบบประปา
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น กรณีที่หน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถให้บริการได้หรือที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณเช่นว่านั้นให้จัดทำระบบประปาสัมปทาน
และกรณีอื่นใดนอกเหนือจากนี้ จะต้องดำเนินการเสนอแบบก่อสร้าง
ระบบการผลิตน้ำประปาและระบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณ โดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชุมพร
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การดำเนินการตามข้อกำหนดนี้เกี่ยวกับการผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ การกันพื้นที่เพื่อจัดทำสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๓๒.๑
ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อจัดทำสวน สนามเด็กเล่น จำนวน ๑ แห่ง โดยคำนวณจากร้อยละ ๕
ของพื้นที่จัดจำหน่าย
พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในบริเวณพื้นที่อันเป็นจุดศูนย์กลางของที่ดินจัดสรร มีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม
สะดวกแก่การใช้สอย และไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่งเว้นแต่เป็นการกันพิ้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่
๓๒.๒
โรงเรียนอนุบาล การจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ผู้จัดสรรจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้ ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดทำบริการสาธารณะประจำหมู่บ้านจัดสรรแทน
๓๒.๓
ที่ทำการสำนักงานนิติบุคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ข้อ ๓๓ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่นให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
หมวด ๙
หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินประเภทอื่นๆ
ข้อ ๓๔
ให้นำความในหวด ๑ ๘ มาใช้บังคับกับการจัดสรรที่ดินประเภทอื่น ๆ เช่น
ที่ประกอบการเกษตรกรรม โดยอนุโลม
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
หม่อมหลวงประทีป จรูญโรจน์
ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดชุมพร
ศิรวัชร์/จัดทำ
๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๒ ง/หน้า ๒๖/๘ มกราคม ๒๕๔๕ |
316632 | ข้อกำหนด เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรี พ.ศ. 2545 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๕
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรีออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผังโครงการ
และวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้
ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรีพ.ศ.
๒๕๔๕
ข้อ ๒[๑] ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔ ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรีพิจารณาเห็นเป็นความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดินการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรีจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้ การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔) การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองโดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ .....(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔) ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑) การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย
โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และเส้นทางถนน
๕.๔ แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรี
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A1
โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า
๑ แผ่น) ชื่อโครงการ ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง
ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖ โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑ วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร
ทั้งนี้
จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน
ทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๒
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๓ วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค
ระยะเวลาให้บริการก่อนการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
๖.๔
วิธีการให้บริการสาธารณะและการเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๕ สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
- หลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามมาตรา ๒๓
๑. หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตและยินยอม)
๒. หลักฐานการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๓. ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค
หรือการประปาส่วนท้องถิ่น ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๔. ภาระผูกพันต่าง ๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรร นั้น
๕.
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖. หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ
(ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
ข้อ ๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร
แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙
แปลงหรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘ การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๖๐ ตารางวา
๘.๒ การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕
ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดิน
ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดินซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐
ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดิน นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑
แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด
บ้านแถวและอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะสิ่งปฏิกูล
การจัดให้พื้นที่บริเวณโครงการจัดสรรที่ดินปราศจากขยะมูลฝอย
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดของการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลและต้องจัดทำที่พักขยะรวม
เสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ
และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการโดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒ ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔ ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกในรอบ ๕ ปี
หรือนานกว่าของท้องถิ่นนั้น และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝน
เฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓) ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน
ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการโดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕ ระบบการระบายน้ำ ประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี)
ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยมีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ
และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘)
กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด - ปิด
๑๓.๖ รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕) ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖) ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗) ขนาดบ่อผันน้ำและท่อ เข้า - ออก
ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรมและสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร
ยกเว้นถนนสายรองที่ปลายตันมีความยาวไม่เกิน ๑๐๐ เมตร ให้ใช้ท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า
๔๐ เซนติเมตรได้หรือในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก. เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓) ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐
ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการระบายน้ำ หรือให้เป็นไปตามรายการคำนวณของวิศวกร
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ
ปริมาตรบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำ และระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม - หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ
หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์นอกจากจะมีระบบพิเศษ
เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์จัดให้มีบ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกันและระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน
๑๕.๐๐ เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่การจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้แสดง
ก. เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำ
ให้แสดงภาพความกว้าง ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่านหรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
๑๓.๘ ในกรณีที่โครงการจะต้องจัดให้มีบ่อหน่วงน้ำ
ตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
ผู้จัดสรรต้องจัดหาพื้นที่ทำบ่อหน่วงน้ำแยกจากพื้นที่สวนสาธารณะ
โดยแสดงรายละเอียดในแผนผังโครงการและวิธีการจัดสรรที่ดิน พร้อมแสดงผลรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำฝนที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อมหรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ
จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด
ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร และความปลอดภัย
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖ ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ -
๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ -
๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร
ไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐
แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐
เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
มีเกาะกลางถนนกว้างไม่น้อยกว่า ๑.๐๐ เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน๓๐๐
เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ถนนที่เป็นถนนปลายตันต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร
และที่ปลายตันที่กลับรถ ต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที ( T )
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวที ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล ( L )
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย ( Y )
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย ด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
๑๘.๕ ถนนที่ใช้เป็นถนนเดินรถทางเดียวในบริเวณการจัดสรรที่ดินหรือใช้สำหรับเป็นทางเข้าออกสู่โครงการจะทำได้ต่อเมื่อมีการแสดงหลักฐานความจำเป็นที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรีและได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรีแล้ว
เท่านั้น
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า
๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนนเป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดิน
หรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒.๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑ ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดิน
เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลท์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลท์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือลาดยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความหนาแน่ตามมาตรฐานของกรมโยธาธิการ
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗
ส่วนต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒ ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า
๖๐ องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗.๐๐ เมตร
ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน
สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน
๒.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ
๒๔.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างตั้งแต่
๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ
๒๔.๓ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๕.๐๐ เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ
๒๔.๔ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๑๐.๐๐ เมตรขึ้นไป จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ
ข้อ ๒๕ ให้แสดงแบบการติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรพร้อมอุปกรณ์ตามความจำเป็น
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดที่ดินจังหวัดนนทบุรีมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่างถนน
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานหน่วยราชการ หรือองค์การของรัฐ
ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลและรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้าหรือประปา
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปานครหลวง
การประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี
สามารถให้บริการได้ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรี
(๒) ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปาต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรี
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ ๓๑ การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง
ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองในเขตผังเมืองรวม
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ ๓๒ สวน
สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้จัดทำสวน และหรือสนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา
โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า
๑ ไร่ โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ ๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่ ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการหากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๔ การให้บริการรักษาความปลอดภัยของชุมชน
กรณีที่ผู้ขออนุญาตจัดสรรที่ดินจัดให้มีการรักษาความปลอดภัยของชุมชน
ให้ผู้ขอแสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรี
ข้อ ๓๕ การจัดให้มีสโมสรหรือสระว่ายน้ำ
ในกรณีที่ผู้ขออนุญาตจัดสรรจะจัดให้มีสโมสรและหรือสระว่ายน้ำให้ผู้ขอแสดงวิธีดำเนินงานและเรียกเก็บค่าใช้บริการและการบำรุงรักษาให้ชัดเจน
ข้อ ๓๖ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรี
ข้อ ๓๗ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
สาโรช คัชมาตย์
ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนนทบุรี
พรพิมล/แก้ไข
๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๕
ศิรวัชร์/ปรับปรุง
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๓๖ ง/หน้า ๑๒/๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕ |
761278 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลา พ.ศ. 2544 | ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลา
พ.ศ. ๒๕๔๔
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลาออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง โครงการ และวิธีการจัดสรรที่ดิน
โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลางไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลา พ.ศ.
๒๕๔๔
ข้อ ๒[๑]
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลาพิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน การผังเมือง คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลาจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดินดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒)
ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔)
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณ...............
(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
รูปต่อแปลง เอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒)
รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓)
เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของทางราชการและส่วนบุคคล
(๔)
ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
การแบ่งแปลงที่ดินย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒)
การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และเส้นทางถนน
๕.๔
แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑)
ระบบไฟฟ้า
(๒)
ระบบประปา
(๓)
ระบบการระบายน้ำ
(๔)
ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕)
ระบบถนนและทางเท้า
(๖)
ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งของที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งของที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลา
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A๑
โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวา จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ
ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
แล้ว
ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม
การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้
จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน
ทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง
จะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑
ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒
ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓
ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕
ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖
ตารางวา
ข้อ
๙
ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ
๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐
ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนดเพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้นเป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ
๑ แปลง จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ ๑๒
การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้น
ให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลาพิจารณาตามความเหมาะสม
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๓.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑)
ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติในรอบ ๕ ปี หรือนานกว่าของท้องที่นั้น
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕
ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓)
ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวัน ต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร
ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕
ระบบการระบายน้ำ ประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ
ตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕) บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗) แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘) กรณีระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำ บ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำเปิด - ปิด
๑๓.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒) ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐
และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐
ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำ
และระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม - หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ
โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์
จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกัน ให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง
หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียด และรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง
ๆ ตามข้อต้นทั้งหมดรวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อมหรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ
จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด
ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
ข้อ
๑๕
ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ
๑๖
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนของจำนวนที่ดินแปลงย่อยดังนี้
(๑)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่
ความยาวของถนนไม่เกิน
๑๐๐ เมตร ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
ความยาวของถนนตั้งแต่
๑๐๐ เมตรขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙ - ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า
๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๒๐.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๕.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ ๑๖
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน
๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า
๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐
เมตร และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐานดังนี้
๑๘.๑
กรณีที่เป็นวงเวียน ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒
กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓
กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
๑๘.๔
กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววายด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ ๑๙
ที่จอดระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า ๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทางตั้งแต่
๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒ เมตรขึ้นไป
ข้อ
๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อประเภทที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า
๖๐ เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับ ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง
๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้
ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ
๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓
ผิวจราจรจะต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลท์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลท์ หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือลาดยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามมาตรฐานวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย
(วสท.)
ข้อ
๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑
ลาดความชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน
ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ
๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัด
๒๔.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัด
๒๔.๓ ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ ที่มีความกว้างตั้งแต่
๕.๐๐ เมตรขั้นไป
แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียว
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัด
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ ที่มีความกว้างตั้งแต่ ๑๐ เมตรขั้นไป
จะต้องทำเป็นสะพาน ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัด
ข้อ
๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดเจนตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ
๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม
ความมั่งคงแข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลามีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ
ส่วนประกอบของถนน และป้ายสัญญาณจราจร
ข้อ
๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับสาธารณูปโภค
ข้อ
๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์กรของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้ ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๒๙.๑ ให้จัดทำระบบประปา
หรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลา
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปา
ต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลาด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ
๓๑
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมือง ให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ
๕๐๐ แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลา
ข้อ
๓๕
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ
วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
กิตติ กิตติโชควัฒนา
ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดยะลา
พิมพ์มาดา/ปรับปรุง
๑๘
มิถุนายน ๒๕๖๑
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๘/ตอนที่ ๙๒ ง/หน้า ๑๐/๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ |
697544 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2544 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พ.ศ. ๒๕๔๔
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผัง
โครงการและวิธีการจัดสรรที่ดิน โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔
ข้อ
๒[๑]
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ
๓ บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ
๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พิจารณาเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดินและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง
เรื่อง กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง
โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๕ แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรรที่ดิน ดังนี้
๕.๑
แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒)
ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือทางสาธารณะภายนอก
(๔)
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ ที่ดินที่ขอทำการจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณ...............
(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)
๕.๒
แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิที่ดินที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒)
รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓)
เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดินทั้งของทางราชการและส่วนบุคคล
(๔)
ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ
ให้แสดงการเชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓
แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง
(๑)
การแบ่งแปลงที่ดินย่อยเพื่อการจัดจำหน่าย โดยให้ระบุประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒)
การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และเส้นทางถนน
๕.๔
แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่
แผนผังที่แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี ได้แก่
(๑)
ระบบไฟฟ้า
(๒)
ระบบประปา
(๓)
ระบบการระบายน้ำ
(๔)
ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕)
ระบบถนนและทางเท้า
(๖)
ระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบันและสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
และจะต้องจัดทำบนกระดาษขนาดมาตรฐาน A 1
โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวาจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ
ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน
ชื่อและลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่าง ๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ
๖
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน
นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้องแสดงตามความในมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
และกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ แล้ว
ผู้ขอต้องแสดงโครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ดังมีรายการต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒
หลักฐานการรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่าสามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาตามประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม การปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้
จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน และวัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน
ทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่า หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากสาธารณะที่ผู้จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙
ภาระผูกพันต่าง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินขอจัดสรรนั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่น ๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓
ขนาด คือ
๗.๑
ขนาดเล็ก จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒
ขนาดกลาง จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๙๙ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙ ไร่ - ๑๐๐ ไร่
๗.๓
ขนาดใหญ่ จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ
๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว
ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕
ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๖
ตารางวา
ข้อ
๙
ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลงที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
ข้อ
๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ
เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่างที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ
๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด
และจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดินซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า ๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป
จะต้องนำมารวมเพื่อคำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐
ตารางวา ต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์กำหนด
เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่น ๆ
ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้านแฝด
บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดินนั้นเป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนบ้านแฝด บ้านแถว
และอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด และจำนวนระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะตามข้ออื่น
ๆ ต่อไป
ข้อ
๑๒
หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินประเภทอื่น ๆ
๑๒.๑
ที่ดินจัดสรรเพื่อประกอบการอุตสาหกรรมต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๒๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙
๑๒.๒
ที่ดินจัดสรรเพื่อประกอบการเกษตรกรรม ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๔๐.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
หรือให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์พิจารณาตามความเหมาะสม
โดยคำนึงถึงประโยชน์การผังเมือง การคมนาคม ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณสุข
ข้อ
๑๓ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล
ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถิ่น
หากไม่มีข้อบัญญัติเช่นว่านั้นให้ผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินแสดงรายละเอียดการดำเนินการจัดเก็บและทำลายขยะสิ่งปฏิกูลเสนอคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พิจารณาตามความเหมาะสมการกำจัดขยะมูลฝอยให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ข้อ
๑๔ ระบบการระบายน้ำ
๑๔.๑
การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่าง ๆ และน้ำฝนจากพื้นที่ภายในโครงการ
โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
๑๔.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง
(คู คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๔.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้น
ๆ
๑๔.๔
ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑)
ปริมาณน้ำฝน ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคาบอุบัติไม่น้อยกว่า ๕ ปี
ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่น้อยกว่า ๐.๖
(๒)
ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๙๕ ของน้ำใช้แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑
ลูกบาศก์เมตร ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓)
ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร
ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๔.๕
ระบบการระบายน้ำ ประกอบด้วย
(๑)
ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก (พร้อมฝา)
(๒)
รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓)
บ่อสูบหรือสถานีสูบ (ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ
ตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔)
บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕)
บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรงดักขยะ
(๖)
บ่อผันน้ำ
(๗)
แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ และจากระบบบำบัดน้ำเสีย
(๘)
กรณีระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับท่อน้ำ บ่อสูบ
หรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำเปิด - ปิด
๑๔.๖
รายการคำนวณ (ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบายน้ำ)
(๑)
พื้นที่รองรับน้ำฝน หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือรางระบายน้ำ
(ในหน่วยตารางเมตร)
(๒)
ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ (ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓)
ขนาดของท่อ หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔)
ระดับความลาดเอียงของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖)
ความลึกของท้องท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า - ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย
(กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๔.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรมและสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคงแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและการจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน
(๒)
วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและน้ำฝนได้
ข.
รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบน และยานพาหนะที่สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ เซนติเมตร
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปทั้งระบบการระบายน้ำ
(๔)
การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ ปริมาตรบ่อสูบ หรือสถานีสูบน้ำ
และระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม - หยุดทำงาน ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ
โดยระดับน้ำสูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕)
แนวระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
นอกจากจะมีระบบพิเศษเพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำหรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖)
บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก.
ประเภทบ้านเดี่ยว ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข.
ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ จัดให้บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกัน และระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐
เมตร โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดท่อและจุดบรรจบของท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๗)
กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกัน ให้แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบายน้ำ
โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร หรือน้อยกว่า
ข.
ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่งโดยการขุดหรือถมจากระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หากใช้ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำราง จากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝน
ให้แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามข้อต้นทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน
หรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ
๑๕ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๕.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
และกำหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ
จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๕.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระเฉพาะแต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้
และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใดวิธีใด
ให้แสดงหรือระบุในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๕.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจรและความปลอดภัย
ข้อ
๑๖ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนนสำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร
ข้อ
๑๗
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความกว้างของเขตทางและผิวจราจร
เป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยดังนี้
(๑)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ต่ำกว่า ๑๙
ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๙๙ แปลง หรือเนื้อที่ ๑๙
- ๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐ - ๔๙๙ แปลง เนื้อที่เกินกว่า
๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมากกว่า ๑๐๐
ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๘.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร มีเกาะกลางถนนไม่น้อยกว่า ๑.๐๐
เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารในทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจรโดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจราจรทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๘
ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์ต้องมีความกว้างของผิวจราจรและทางเท้าไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ
๑๗ นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ
๑๙
ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่เกิน ๓๐๐ เมตร
และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร ถนนที่เป็นถนนปลายตัน
ต้องจัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร
และที่ปลายตันที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนี้
๑๙.๑
กรณีที่เป็นวงเวียนต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๒
กรณีเป็นรูปตัวที (T) ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๓
กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L) ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๙.๔
กรณีเป็นรูปตัววาย (Y) ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววายด้านละไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร
ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐ องศา
ข้อ
๒๐
ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ากว้าง ๒.๔๐ เมตร ให้จัดในบริเวณต่อไปนี้
๒๐.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคารพาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง
ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคารเป็นที่จอดรถได้
๒๐.๒
ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนน เป็นระยะทางข้างละ ๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความกว้างของเขตทาง
ตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒.๐๐
เมตรขึ้นไป
ข้อ
๒๑ ทางเดินและทางเท้า
๒๑.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรรที่ดินเพื่อประเภทที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐
เซนติเมตร ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ในกรณีที่เป็นทางเดินและทางเท้ายกระดับขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง
๑๒ ถึง ๑๕ เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อย
ให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับข้อ ๒๒.๓
๒๑.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูงเท่ากันได้ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๑.๓
การปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมาในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ
๒๒ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๒.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๒๒.๒
ต้องจัดให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๒.๓
ผิวจราจรจะต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลท์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลท์ หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือลาดยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่โยธาธิการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์กำหนด
ข้อ
๒๓ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๓.๑
ลาดความชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน ๗ ส่วน ต่อทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๓.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่า ๖๐ องศา
และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๓๗ เมตร ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ
๒๔ การปาดมุมถนน
๒๔.๑
ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๔.๒
ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐ องศา
จะต้องปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ
๒๕ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๕.๑
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างเกินกว่า ๔.๐๐ เมตร จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
๒๕.๒
ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งกว้างต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานหรือท่อลอดเหลี่ยมหรือท่อลอดกลม โดยให้สามารถระบายน้ำได้เพียงพอ
หลังท่อลึกจากผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๕๐ เซนติเมตร
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากโยธาธิการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ข้อ
๒๖
ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน
วงเวียน ทางแยก ร่อง หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ
๒๗ ความปลอดภัยอื่น ๆ
๒๗.๑
ไฟส่องสว่าง
๒๗.๒
ไฟฟ้าทางเข้าออกหมู่บ้านต้องมีแสงสว่างพอสมควร
๒๗.๓
ในบริเวณถนนต่าง ๆ ในหมู่บ้านให้มีไฟเป็นระยะ ๆ ห่างพอสมควร
ข้อ
๒๘
โครงการจัดสรรที่ดินเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีจำนวนแปลงที่ดินจัดสรร ๑๐๐
แปลงขึ้นไป ให้มียามประจำหมู่บ้านเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยตามความจำเป็นมากน้อยตามสภาพความเป็นจริง
และให้กำหนดความปลอดภัยในด้านอัคคีภัยไว้ โดยติดตั้งหัวดับเพลิงไว้เป็นระยะ ๆ
โดยให้เป็นไปตามมาตรฐานการประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ข้อ
๒๙
เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม ความมั่งคงแข็งแรง ความปลอดภัย
ความสวยงาม ความเป็นระเบียบและการผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางการเดินรถ ระดับและความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ
ส่วนประกอบของถนน และป้ายสัญญาณจราจร
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
ข้อ
๓๐ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้า
ข้อ
๓๑ ระบบประปา
๓๑.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่ทำการเทศบาล
การประปาส่วนภูมิภาคหรือการประปาส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี สามารถให้บริการได้
ต้องใช้บริการของหน่วยงานนั้น
๓๑.๒
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ ๓๑.๑
ให้จัดทำระบบประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการดังนี้
(๑)
เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนามรับรองแบบ
และรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
(๒)
ถ้าใช้น้ำบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปา
ต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วยการสัมปทานให้เรียบร้อยก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ
๓๒ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
ข้อ
๓๓
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
ข้อ
๓๔
ให้ผู้ขออนุญาตจัดสรรที่ดินแนบใบตรวจสอบการใช้ที่ดิน
ตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
ข้อ
๓๕ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดยคำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ
๓๖ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ เมตร และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุก ๆ ๕๐๐
แปลง หรือทุก ๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้
ให้จัดทำบริการสาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน สนามเด็กเล่น
สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ
๓๗ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ข้อ
๓๘
ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น
ให้ผู้จัดสรรที่ดินอำนวยความสะดวกให้ด้านเอกสารบัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๕
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๔
สำเริง เชื้อชวลิต
รองผู้ว่าราชการจังหวัด
รักษาราชการแทน
ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ภวรรณตรี/พิมพ์
๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ปณตภร/ตรวจ
๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๘/ตอนที่ ๑๐๑ ง/หน้า ๓๒/๑๘ ธันวาคม ๒๕๔๔ |
315455 | ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2544 | ข้อกำหนด
ข้อกำหนด
เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานคร
พ.ศ.
๒๕๔๔
------------
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติ
การจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานครออกข้อกำหนดเกี่ยวกับ
การจัดทำแผนผัง โครงการ
และวิธีการในการจัดสรรที่ดินโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
จัดสรรที่ดินกลางไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ข้อกำหนดนี้เรียกว่า "ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน
กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๔๔"
ข้อ ๒
ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓
บรรดาข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อ
กำหนดนี้ ให้ใช้ข้อกำหนดนี้แทน
ข้อ ๔
ในกรณีที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานครพิจารณาเห็นเป็น
การจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยคำนึงถึงประเภทของการจัดสรรที่ดิน ที่ตั้ง
ของที่ดิน การผังเมือง
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานครจะผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อ
กำหนดนี้เป็นการเฉพาะรายก็ได้
ทั้งนี้
การผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศ
คณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง เรื่อง
กำหนดนโยบายการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและ
พาณิชยกรรม
หมวด ๑
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนผัง โครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
--------------
ข้อ ๕
แผนผังการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังการจัดสรร
ที่ดินดังนี้
๕.๑ แผนผังสังเขป
ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑)
ที่ตั้งบริเวณการจัดสรรที่ดิน
(๒) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ
(๓)
เส้นทางที่เข้าออกสู่บริเวณการจัดสรรที่ดินจากทางหลวงหรือ
ทางสาธารณะภายนอก
(๔)
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วย
การผังเมือง โดยระบุข้อความต่อไปนี้ คือ "ที่ดินที่ขอทำการจัดสรร
ตั้งอยู่ในบริเวณ........................
(ระบุรายละเอียดตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองแต่ละประเภท)"
๕.๒ แผนผังบริเวณรวม
ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑)
รูปต่อแปลงเอกสารสิทธิ์ที่นำมาทำการจัดสรรที่ดิน
(๒) รายละเอียดของที่สาธารณประโยชน์ต่างๆ
ที่อยู่ภายในบริเวณ
และบริเวณที่ติดต่อกับที่ดินที่ขอจัดสรร
(๓) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน
ทั้งของราชการและส่วนบุคคล
(๔)
ในกรณีที่มีโครงการต่อเนื่องเป็นหลายโครงการ ให้แสดงการ
เชื่อมต่อของโครงการทั้งหมดไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย
๕.๓ แผนผังการแบ่งแปลงที่ดิน
ได้แก่แผนผังที่แสดง
(๑)
การแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อการจัดจำหน่ายโดยให้ระบุ
ประเภทการใช้ที่ดินแต่ละแปลง
(๒) การแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดทำสาธารณูปโภคบริการสาธารณะ
และเส้นทางถนน
๕.๔
แผนผังระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ ได้แก่แผนผังที่
แสดงรายละเอียดของระบบสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะที่จะจัดให้มี
ได้แก่
(๑) ระบบไฟฟ้า
(๒) ระบบประปา
(๓) ระบบการระบายน้ำ
(๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย
(๕) ระบบถนนและทางเท้า
(๖) ระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
แผนผังทุกรายการจะต้องแสดงรายละเอียดของสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสภาพปัจจุบัน
และสภาพหลังจากการปรับปรุงพัฒนาแล้ว
รายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรายการ
ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานคร
และจะต้องจัดทำบน
กระดาษขนาดมาตรฐาน A1 โดยจัดให้มุมด้านล่างข้างขวา
จะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน
(ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่า ๑ แผ่น) ชื่อโครงการ
ชื่อและที่ตั้งของสำนักงานจัดสรรที่ดิน ชื่อ
และลายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกรผู้คำนวณระบบต่างๆ
พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญาตให้
ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม
และหรือสถาปัตยกรรมด้วย
ข้อ ๖
โครงการและวิธีการในการจัดสรรที่ดิน
ในการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน นอกจากหลักฐานและรายละเอียดที่ต้อง
แสดงตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
พ.ศ. ๒๕๔๓ และกฎกระทรวง
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงการและ
วิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานการดำเนินการงานในเรื่องต่างๆ
ดังมีรายการดังต่อไปนี้
๖.๑
หลักฐานการอนุญาตยินยอมจากหน่วยงานผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่ง
รองรับน้ำทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญาตหรือยินยอม)
๖.๒ หลักฐานการรายงานการวิเคราห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตาม
กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(ในกรณีต้องจัดทำ)
๖.๓
ในกรณีจัดระบบประปาที่ใช้บริการของการประปานครหลวง การ
ประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น
ต้องแนบหลักฐานการรับรองจากหน่วยงานนั้นว่า
สามารถให้บริการได้
หากจัดระบบประปาสัมปทานให้แสดงหลักฐานการได้รับสัมปทานประกอบ
กิจการประปาตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘
๖.๔
วิธีการในการปรับปรุงพื้นที่ดิน การรวม การปรับแต่งให้พื้นที่ดิน
เกิดความเหมาะสมในการปลูกสร้างอาคาร ทั้งนี้ จะต้องกำหนดระดับความสูงต่ำของพื้นดิน
และ
วัสดุที่นำมาใช้ในการถมปรับที่ดิน ทั้งบริเวณส่วนจำหน่าย
และส่วนสาธารณูปโภค
๖.๕
วิธีการในการจัดจำหน่ายที่ดินเปล่าและหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูก
สร้างจะจำหน่ายโดยวิธีเงินสดหรือเงินผ่อนตามระยะเวลาที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้
๖.๖
วิธีการในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะ
๖.๗
การเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการและค่าบำรุงรักษาบริการสาธารณะ
๖.๘
สิทธิของผู้ซื้อในการใช้หรือได้รับบริการจากบริการสาธารณะที่ผู้
จัดสรรจัดให้มีในบริเวณการจัดสรรที่ดิน
๖.๙ ภาระผูกพันต่างๆ
ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรร
นั้น
๖.๑๐
สัญญาหรือเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่
ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนทางด้านความสงบสุข ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเพิ่มพูนมูลค่าในทรัพย์สิน
และขนบธรรมเนียมประเพณี
๖.๑๑
หลักฐานแสดงการอนุญาตหรือยินยอมของหน่วยงานอื่นๆ (ถ้ามี)
หมวด ๒
ขนาดและเนื้อที่ของที่ดินที่ทำการจัดสรร
--------------
ข้อ
๗ ขนาดของที่ดินจัดสรร แบ่งเป็น ๓ ขนาด คือ
๗.๑ ขนาดเล็ก
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายไม่เกิน ๙๙ แปลง หรือ
เนื้อที่ทั้งโครงการต่ำกว่า ๑๙ ไร่
๗.๒ ขนาดกลาง
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๑๐๐-๔๙๙
แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงการ ๑๙-๑๐๐ ไร่
๗.๓ ขนาดใหญ่
จำนวนแปลงย่อยเพื่อจัดจำหน่ายตั้งแต่ ๕๐๐ แปลง
หรือเนื้อที่ทั้งโครงการเกินกว่า ๑๐๐ ไร่
ข้อ ๘
การจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม ที่ดินแปลงย่อยจะต้อง
มีขนาดและเนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้
๘.๑
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายเฉพาะที่ดิน หรือที่ดินพร้อม
อาคารประเภทบ้านเดี่ยว
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนาดความกว้างหรือความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐.๐๐
เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางวา
หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมี
เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ ตารางวา
๘.๒
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแฝด
ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๓๕ ตารางวา
๘.๓
การจัดสรรที่ดินเพื่อการจำหน่ายพร้อมอาคารประเภทบ้านแถว
หรืออาคารพาณิชย์ ที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างไม่ต่ำกว่า
๔.๐๐ เมตร และมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๑๖ ตารางวา
ข้อ ๙ ระยะห่างของตัวอาคารจากเขตที่ดินและการเว้นช่องว่างระหว่างแปลง
ที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยควบคุมอาคาร
ข้อ ๑๐ ห้ามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว
หรือมีรูปร่างที่ไม่
สามารถใช้ประโยชน์ได้
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการจัดขนาด และจำนวนของระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงการจัดสรรที่ดินในอนาคต
ให้
ที่ดินแปลงอื่นในโครงการจัดสรรที่ดิน ซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่า
๑๐๐ ตารางวาขึ้นไป จะต้องนำมารวมเพื่อ
คำนวณจำนวนแปลงที่ดินใหม่โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ ๑๐๐
ตารางวา ต่อ ๑ แปลง จำนวนแปลง
ที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับจำนวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนาดตามเกณฑ์
กำหนด เพื่อใช้ในการกำหนดขนาดและจำนวนระบบสาธารณูปโภค
และบริการสาธารณะตามข้อ
อื่น ๆ ต่อไป
หากลักษณะทั่วไปของการจัดสรรที่ดินเป็นการแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภท
บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐
ของพื้นที่จัดจำหน่ายทั้งโครงการ
ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ทุกแปลงในโครงการจัดสรรที่ดิน
นั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ ๑ แปลง
จำนวนแปลงที่ดินที่คำนวณได้จากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ให้นำไปรวมกับ
จำนวนบ้านแฝด บ้านแถวและอาคารพาณิชย์เพื่อใช้ในการกำหนดขนาด
และจำนวนระบบ
สาธารณูปโภค และบริการสาธารณะตามข้ออื่นๆ ต่อไป
หมวด ๓
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับสาธารณสุข
--------------
ข้อ ๑๒ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามข้อบัญญัติกรุงเทพ
มหานคร
หมวด ๔
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
--------------
ข้อ ๑๓ ระบบการระบายน้ำ
๑๓.๑ การระบายน้ำที่ผ่านการใช้จากกิจกรรมต่างๆ
และน้ำฝนจาก
พื้นที่ภายในโครงการ โดยใช้ท่อหรือรางระบายน้ำ
ต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิชา
การ
๑๓.๒
ปริมาณของน้ำทิ้งที่ออกจากระบบการระบายน้ำและระบบ
บำบัดน้ำเสียไปสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้ง (คู
คลองหรือทางน้ำสาธารณะอื่นใด) ต้องไม่ให้เกิดความ
เสียหายต่อทรัพย์สินข้างเคียง
๑๓.๓
การระบายน้ำออกจากโครงการจะต้องได้รับอนุญาตหรือ
ยินยอมจากผู้ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ำทิ้งนั้นๆ
๑๓.๔ ความสามารถในการรองรับปริมาณน้ำของระบบการระบายน้ำ
(๑) ปริมาณน้ำฝน
ใช้เกณฑ์ปริมาณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยใน
คาบอุบัติไม่น้อยกว่า ๕ ปี ของกรุงเทพมหานคร
และสัมประสิทธิ์การไหลนองของน้ำฝนเฉลี่ยของ
ที่ดินแปลงย่อยต้องมีค่าไม่ต่ำกว่า ๐.๖
(๒) ปริมาณน้ำเสีย ใช้เกณฑ์ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ
๙๕
ของน้ำใช้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า ๑ ลูกบาศก์เมตร
ต่อครัวเรือนต่อวัน
(๓)
ปริมาณน้ำไหลซึมเข้าระบบท่อระบายน้ำต่อวันต้องไม่ต่ำ
กว่า ๒๐ ลูกบาศก์เมตร ต่อความยาวท่อระบายน้ำ ๑ กิโลเมตร
หรือค่าอื่นตามข้อมูลที่อ้างอิงซึ่งต้อง
เชื่อถือได้ในทางวิชาการ
โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อหรือรางระบายน้ำ
๑๓.๕ ระบบการระบายน้ำ ประกอบด้วย
(๑) ท่อระบายน้ำ และบ่อพัก
(พร้อมฝา)
(๒) รางระบายน้ำ พร้อมฝา
(๓) บ่อสูบหรือสถานีสูบ
(ถ้ามี) ภายในต้องมีเครื่องสูบน้ำ
ตะแกรงดักขยะและบริเวณดักเศษดินทราย
(๔)
บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งประจำที่ดินแปลงย่อย
(๕)
บ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้งรวมของโครงการ โดยให้มีตะแกรง
ดักขยะ
(๖) บ่อผันน้ำ
(๗)
แหล่งรองรับน้ำทิ้งจากการระบายน้ำ และจากระบบ
บำบัดน้ำเสีย
(๘)
กรณีที่ระดับน้ำสูงสุดของแหล่งรองรับน้ำทิ้งสูงกว่าระดับ
ท่อน้ำบ่อสูบหรือสถานีสูบน้ำให้ก่อสร้างบานประตูระบายน้ำ
เปิด-ปิด
๑๓.๖ รายการคำนวณ
(ที่ต้องประกอบกับแผนผังระบบการระบาย
น้ำ)
(๑) พื้นที่รองรับน้ำฝน
หรือพื้นที่ระบายน้ำฝนลงสู่ท่อหรือราง
ระบายน้ำ (ในหน่วยตารางเมตร)
(๒)
ปริมาณน้ำที่จะเข้าสู่ท่อ หรือรางระบายน้ำ (ในหน่วย
ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)
(๓) ขนาดของท่อ
หรือรางระบายน้ำแต่ละบริเวณ
(๔) ระดับความลาดเอียงของท่อ
หรือ รางระบายน้ำ
(๕)
ความเร็วของการไหลของน้ำในท่อ หรือรางระบายน้ำ
(๖) ความลึกของท้องท่อ
หรือรางระบายน้ำ
(๗)
ขนาดบ่อผันน้ำและท่อเข้า-ออก ต้องให้ปริมาณน้ำที่เข้า
ระบบบำบัดน้ำเสีย (กรณีมีระบบบำบัดน้ำเสียรวม)
และปริมาณน้ำฝนที่ผันออกสู่แหล่งน้ำ
สาธารณะในฤดูฝนเป็นไปตามข้อ ๑๓.๕ (๘)
รายการทั้งหมดนี้ต้องจัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และสอดคล้องกับรายการคำนวณทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบความเพียงพอและความมั่นคง
แข็งแรงของวัสดุที่ใช้ในระบบได้ โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบ
วิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๓.๗
เงื่อนไขต้องปฏิบัติในการจัดทำแผนผังระบบการระบายน้ำและ
การจัดทำรายการคำนวณทางวิชาการ
(๑)
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็ก
ที่สุดไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตร
ยกเว้นในกรณีเลือกใช้ระบบระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบาย
น้ำฝน
(๒) วัสดุที่เป็นท่อระบายน้ำ
ต้อง
ก.
เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนของน้ำเสียและ
น้ำฝนได้
ข. รับน้ำหนักกดจากพื้นที่ด้านบน
และยานพาหนะที่
สัญจรผ่านได้โดยไม่เสียหาย
(๓)
ระดับความเอียงลาดของท่อระบายน้ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์
กลาง ๔๐ เซนติเมตร ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๕๐๐ และของท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่า
ต้องลาดเอียงไม่ต่ำกว่า ๑ : ๑๐๐๐ ระดับความเอียงลาดนี้ต้องต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งระบบการ
ระบายน้ำ
(๔) การกำหนดประเภทเครื่องสูบน้ำ
ปริมาตรบ่อสูบหรือ
สถานีสูบน้ำ และระดับน้ำที่เครื่องสูบน้ำเริ่ม-หยุดทำงาน
ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยระดับน้ำ
สูงสุดที่เครื่องสูบน้ำเริ่มทำงานต้องไม่เกินระดับกึ่งหนึ่งของท่อน้ำเข้า
(๕) แนวระบบระบายน้ำต้องไม่พาดผ่านทางน้ำ
หรือแหล่งน้ำ
สาธารณประโยชน์ นอกจากจะมีระบบพิเศษ
เพื่อการส่งน้ำไปได้โดยไม่ปนเปื้อนกับน้ำในทางน้ำ
หรือแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
(๖) บ่อพักท่อระบายน้ำ
ก. ประเภทบ้านเดี่ยว
ต้องจัดให้มีประจำทุกแปลงย่อย
ข. ประเภทบ้านแฝด บ้านแถว
หรืออาคารพาณิชย์จัดให้
บ่อหนึ่งต่อสองแปลง
ทั้งนี้
ต้องแยกท่อระบายน้ำเข้าบ่อพักออกจากกันและ
ระยะห่างระหว่างบ่อพักต้องไม่เกิน ๑๕.๐๐ เมตร
โดยต้องมีทุกจุดที่มีการเปลี่ยนขนาดท่อและจุด
บรรจบของท่อหรือรางระบายน้ำ
(๗) กรณีพื้นที่ที่ทำการจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ำต่างกันให้
แสดง
ก.
เส้นชั้นความสูงต่ำของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนว
เส้นท่อระบายน้ำ โดยมีช่วงห่างกันทุกระดับความสูง ๑.๐๐ เมตร
หรือน้อยกว่า
ข. ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง
โดยการขุดหรือถมจาก
ระดับเดิม
(๘)
ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ำทิ้งให้ชัดเจนในแผนผังหากใช้
ลำรางสาธารณะเป็นทางระบายน้ำให้แสดงภาพความกว้าง
ความลึกของลำรางจากบริเวณที่
จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ำทิ้ง
ในกรณีแยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนให้
แสดงแบบรายละเอียดและรายการคำนวณทางวิชาการของทั้งสองระบบแยกจากกัน
แต่ละระบบ
ต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ
ตามข้อต้นทั้งหมดรวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีการตัดผ่าน หรือ
บรรจบกันของระบบทั้งสอง
ข้อ ๑๔ ระบบบำบัดน้ำเสีย
๑๔.๑
น้ำที่ผ่านการใช้จากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็น
น้ำเสียที่จะต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณสมบัติเป็นไปตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโน
โลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรรและกำหนด
ให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่ต้องถูกควบคุมปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งสาธารณะ
หรือออกสู่
สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับ
จึงจะระบายลงสู่แหล่งรองรับน้ำทิ้งได้
๑๔.๒
ระบบบำบัดน้ำเสียจะเป็นประเภทระบบบำบัดอิสระ เฉพาะ
แต่ละที่ดินแปลงย่อยหรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวบรวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือ
หลายจุดก็ได้ และแต่ละระบบเหล่านั้นจะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด
วิธีใดให้แสดงหรือระบุ
ในแผนผังและรายการคำนวณทางวิชาการ
โดยผู้คำนวณออกแบบต้องลงนามพร้อมใบอนุญาตเป็น
ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
๑๔.๓
ระบบบำบัดน้ำเสียทุกประเภทจะต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำทิ้ง
ที่สามารถเข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งได้ตลอดเวลา
หมวด ๕
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการคมนาคม
การจราจร
และความปลอดภัย
---------------
ข้อ ๑๕ ความกว้างของหน้าที่ดินแปลงย่อยในโครงการแต่ละแปลงที่ติดถนน
สำหรับใช้เป็นทางเข้าออกของรถยนต์ต้องไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
ข้อ ๑๖
ขนาดของถนนที่ต้องจัดให้มีการจัดสรรที่ดินแต่ละโครงการให้มีความ
กว้างของเขตทางและผิวจราจรเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ดินแปลงย่อย
ดังนี้
(๑)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน ๙๙ แปลงหรือเนื้อที่ต่ำ
กว่า ๑๙ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๙.๐๐ เมตร
โดยมีความกว้างของผิวจราจร ไม่
ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร
(๒)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๑๐๐-๒๙๙ แปลง หรือ
เนื้อที่ ๑๙-๕๐ ไร่ ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๒.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของผิว
จราจร ไม่ต่ำกว่า ๘.๐๐ เมตร
(๓)
ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ ๓๐๐-๔๙๙ แปลง หรือ
เนื้อที่เกินกว่า ๕๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑๐๐ ไร่
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า ๑๖.๐๐ เมตร โดย
มีความกว้างของผิวจราจร ไม่ต่ำกว่า ๑๒.๐๐ เมตร
(๔) ถนนที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่
๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือ
มากกว่า ๑๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่ต่ำกว่า
๑๘.๐๐ เมตร โดยมีความกว้างของ
ผิวจราจรไม่ต่ำกว่า ๑๓.๐๐ เมตร
มีเกาะกลางถนนกว้างไม่น้อยกว่า ๑.๐๐ เมตร และมีทางเท้า
กว้างข้างละ ๒.๐๐ เมตร
ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้าแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารใน
ทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่น
ให้ปรับปรุงเขตทางนั้นเป็นผิวจราจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วน
เดียวกับผิวจราจรของทางหลวง
นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๗ ถนนที่เป็นทางเข้าออกของโครงการจัดสรรที่ดินที่บรรจบกับทางหลวง
แผ่นดินหรือทางสาธารณประโยชน์
ต้องมีความกว้างของเขตทางไม่น้อยกว่าเกณฑ์กำหนดตามข้อ
๑๖ นอกจากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๘ ถนนแต่ละสายให้มีความยาวจากทางแยกหนึ่งถึงอีกทางแยกหนึ่งไม่
เกิน ๓๐๐ เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยาวเกินกว่า ๖๐๐ เมตร
ถนนที่เป็นถนนปลายตัน ต้อง
จัดให้มีที่กลับรถทุกระยะไม่เกิน ๑๐๐ เมตร
และที่ปลายตันที่กลับรถ ต้องจัดให้เป็นไปตาม
มาตรฐาน ดังนี้
๑๘.๑ กรณีที่เป็นวงเวียน
ต้องมีรัศมีความโค้งวัดถึงกึ่งกลางถนนไม่
ต่ำกว่า ๖.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๒ กรณีเป็นรูปตัวที (T)
ต้องมีความยาวสุทธิของไหล่ตัวทีด้านละ
ไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร ทั้งสองด้าน
และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐ เมตร
๑๘.๓ กรณีที่เป็นรูปตัวแอล (L)
ต้องมีความยาวสุทธิของขาแต่ละ
ด้านไม่ต่ำกว่า ๕.๐๐ เมตร และผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐
เมตร
๑๘.๔ กรณีเป็นรูปตัววาย (Y)
ต้องมีความยาวสุทธิของแขนตัววาย
ด้านละไม่ต่ำกว่า๕.๐๐ เมตร ผิวจราจรกว้างไม่ต่ำกว่า ๔.๐๐
เมตร มุมตัววายต้องไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ ๑๙ ที่จอดรถระหว่างผิวจราจรกับทางเท้ามีความกว้างไม่น้อยกว่า ๒.๔๐
เมตร ให้จัดในบริเวณดังต่อไปนี้
๑๙.๑
ตลอดความยาวด้านหน้าที่ดินแปลงย่อยประเภทอาคาร
พาณิชย์
เว้นแต่กรณีที่ติดกับเขตห้ามปลูกสร้างอาคารริมทางหลวง ให้ใช้เขตห้ามปลูกสร้างอาคาร
เป็นที่จอดรถได้
๑๙.๒ ตลอดความยาว ๒ ฝั่งถนนเป็นระยะทางข้างละ
๕๐.๐๐ เมตร
นับจากปากทางเข้าออกของโครงการที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงท้องถิ่นที่มีความ
กว้างของเขตทางตั้งแต่ ๓๐.๐๐ เมตรขึ้นไป
เว้นแต่ถนนที่มีความกว้างของผิวจราจรตั้งแต่ ๑๒.๐๐
เมตรขึ้นไป
ข้อ ๒๐ ทางเดินและทางเท้า
๒๐.๑
ถนนด้านที่ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยที่ทำการจัดสรร
ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม
ต้องจัดให้มีทางเดินและทางเท้ามีความกว้างทางเดินและ
ทางเท้าสุทธิไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร
ตลอดความยาวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ในกรณีที่เป็น
ทางเดินและทางเท้ายกระดับ
ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหินสูงระหว่าง ๑๒ ถึง ๑๕
เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือเพื่อความปลอดภัย
จุดที่เป็นทางเข้าออกสู่ที่ดิน
แปลงย่อยให้ลดคันหินลงโดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้
แต่ให้รักษาระดับทางเดินและ
ทางเท้าให้สูงเท่าเดิม
ทางเดินและทางเท้าส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ให้ทำเป็นผิวจราจรเช่นเดียวกับ
ข้อ ๒๑.๓
๒๐.๒
ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนกับทางเดินและทางเท้าหรือ
ทางเข้าออกที่ดินแปลงย่อยกับทางเดินและทางเท้าที่ไม่อาจรักษาระดับทางเดินและทางเท้าให้สูง
เท่ากันได้ ให้ลดคันหินลง ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ในการสัญจรและความปลอดภัย
๒๐.๓ การปลูกต้นไม้
หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ำลงมา
ในส่วนที่เป็นทางเดินและทางเท้า
ข้อ ๒๑ ระดับความสูงของหลังถนน
๒๑.๑
ต้องให้สอดคล้องกับระบบการระบายน้ำในบริเวณการจัดสรร
ที่ดิน
๒๑.๒
ต้องจัดทำให้ได้ระดับและมาตรฐานที่สอดคล้องกับถนนหรือ
ทางสาธารณะที่ต่อเนื่อง
๒๑.๓ ผิวจราจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
แอสฟัลท์ติดคอนกรีต
คอนกรีตเสริมเหล็กลาดด้วยแอสฟัลท์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น
หรือลาดยางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุ
พื้นทางที่มีความหนาและบดอัดจนมีความแน่นตามที่กรุงเทพมหานครกำหนด
ข้อ ๒๒ ความลาดชันและทางเลี้ยว
๒๒.๑ ความลาดชันของผิวจราจรทุกจุดต้องไม่เกิน
๗ ส่วนต่อ
ทางราบ ๑๐๐ ส่วน
๒๒.๒
ทางเลี้ยวหรือทางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมเหล็กเล็กกว่า ๖๐
องศา และในกรณีทางเลี้ยวที่ห่างกันน้อยกว่า ๗๗.๐๐ เมตร
ต้องเป็นมุมป้านไม่เล็กกว่า ๑๒๐
องศา
ข้อ ๒๓ การปาดมุมถนน
๒๓.๑ ปากทางของถนนที่มีเขตทางต่ำกว่า ๑๒.๐๐
เมตร จะต้อง
ปาดมุมถนนให้กว้างขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าด้านละ ๑.๐๐ เมตร
๒๓.๒ ปากทางของถนนดังกล่าวเป็นมุมเล็กกว่า ๙๐
องศา จะต้อง
ปาดมุมให้กว้างขึ้นอีกตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๔ สะพาน สะพานท่อ และท่อลอด
๒๔.๑ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์
ซึ่งกว้างไม่เกิน ๒.๐๐
เมตร จะต้องทำเป็นท่อลอด
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากกรุงเทพมหานคร
๒๔.๒ ถนนที่ตัดผ่านลำรางสาธารณประโยชน์
ซึ่งกว้างตั้งแต่ ๒.๐๐
เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานท่อตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจาก
กรุงเทพมหานคร
๒๔.๓
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๕.๐๐ เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑๐.๐๐ เมตร
จะต้องทำเป็นสะพานช่วงเดียวตามแบบการก่อสร้างที่ได้
รับอนุญาตจากกรุงเทพมหานคร
๒๔.๔
ถนนที่ตัดผ่านคลองสาธารณประโยชน์ที่มีความกว้างตั้งแต่
๑๐.๐๐ เมตรขึ้นไป จะต้องทำเป็นสะพาน
ตามแบบการก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตจากกรุงเทพ
มหานคร
ข้อ ๒๕ ให้ติดตั้งป้ายสัญญาณการจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงไฟให้เห็นได้
ชัดตรงจุดที่เป็นเกาะกลางถนน วงเวียน ทางแยก ร่อง
หรือสันนูนขวางถนนทุกแห่ง
ข้อ ๒๖ เพื่อประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการคมนาคม ความมั่นคง
แข็งแรง ความปลอดภัย ความสวยงาม
ความเป็นระเบียบและการผังเมือง คณะกรรมการจัดสรร
ที่ดินกรุงเทพมหานครมีอำนาจที่จะสั่งการให้ปรับเปลี่ยนขนาดเขตทาง
ทิศทางเดินรถ ระดับและ
ความลาดชัน ทางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ ส่วนประกอบของถนน
และป้ายสัญญาณการจราจร
ข้อ ๒๗ ต้องจัดให้มีระบบไฟส่องสว่าง
และต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตาม
มาตรฐานของการประปานครหลวง
หมวด ๖
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค
--------------
ข้อ ๒๘ ระบบไฟฟ้า
ผู้จัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้าและดำเนินการจัดทำตามแบบ
แปลนแผนผังที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยราชการหรือองค์การของรัฐซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรื่อง
ไฟฟ้า
ข้อ ๒๙ ระบบประปา
๒๙.๑
ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในบริเวณที่การประปานครหลวงการ
ประปาส่วนภูมิภาค หรือการประปาส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี
สามารถให้บริการได้ต้องใช้บริการ
ของหน่วยงานนั้น
๒๙.๒ ในกรณีที่ดินจัดสรรตั้งอยู่นอกบริเวณ
๒๙.๑ ให้จัดทำระบบ
ประปาหรือระบบน้ำสะอาดให้เพียงพอแก่การอุปโภคและจะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแบบก่อสร้างระบบการผลิตน้ำประปาและแบบการ
ก่อสร้างระบบจ่ายน้ำ
พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบแบบรายการคำนวณโดยมีวิศวกรเป็นผู้ลงนาม
รับรองแบบและรายการคำนวณดังกล่าว
เพื่อขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน
กรุงเทพมหานคร
(๒) ถ้าใช้น้ำบ่อบาดาลหรือน้ำผิวดินในการผลิตน้ำประปา
ต้องขอรับสัมปทานการจัดจำหน่ายน้ำประปาจากหน่วยราชการที่รับผิดชอบ
ตามกฎหมายว่าด้วย
การสัมปทานให้เรียบร้อย ก่อนออกใบอนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน
ข้อ ๓๐ ระบบโทรศัพท์
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดบริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรให้
แสดงแผนการดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานครด้วย
หมวด ๗
ข้อกำหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการผังเมือง
--------------
ข้อ ๓๑
การใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองให้อยู่ภายใต้บทบัญญัติของ
กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
หมวด ๘
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการอื่นที่จำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อม
การส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่และการบริหารชุมชน
--------------
ข้อ ๓๒ สวน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา
ให้กันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทำสวน
สนามเด็กเล่น และหรือสนามกีฬา โดย
คำนวณจากพื้นที่จัดจำหน่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ทั้งนี้
ไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลายแห่ง
เว้นแต่เป็นการกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ไม่ต่ำกว่า ๑ ไร่
โดยจะต้องมีขนาดและรูปแปลงที่เหมาะสม
สะดวกแก่การใช้สอย
ข้อ ๓๓ โรงเรียนอนุบาล
ในกรณีเป็นการจัดสรรที่ดินขนาดใหญ่
ผู้จัดสรรที่ดินจะต้องกันพื้นที่ไว้
เป็นที่ตั้งโรงเรียนอนุบาล จำนวน ๑ แห่ง
เนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ตารางวา และต้องจัดให้มีพื้นที่
ดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุกๆ ๕๐๐ แปลง หรือทุกๆ ๑๐๐ ไร่
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลตาม
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้
ให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่น ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตาม
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
หากไม่สามารถจัดตั้งโรงเรียนประเภทอื่นได้ ให้จัดทำบริการ
สาธารณะและหรือสาธารณูปโภคอื่น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก สวน
สนามเด็กเล่น สนามกีฬา เป็นต้น
ข้อ ๓๔ การจัดรถรับส่ง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินจะจัดให้มีรถรับส่ง
ให้แสดงแผนการดำเนินการ
ต่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานคร
ข้อ ๓๕ ในการประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร หรือนิติบุคคลตาม
กฎหมายอื่น ผู้จัดสรรที่ดินต้องอำนวยความสะดวกในด้านเอกสาร
บัญชีรายชื่อ ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร
และสถานที่ประชุมตามสมควร
ให้ไว้
ณ วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
ประวิทย์ สีห์โสภณ
อธิบดีกรมที่ดิน
ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานคร
[รก.๒๕๔๔/พ๗๖ง/๑๕/๗ สิงหาคม ๒๕๔๔]
ภคินี/แก้ไข
๘/๕/๒๕๔๕
A+B |
395100 | พระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. 2537 (ฉบับ Update ล่าสุด) | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
พ.ศ. ๒๕๓๗
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๒ มกราคม
พ.ศ. ๒๕๓๗
เป็นปีที่ ๔๙
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
พ.ศ. ๒๕๓๗
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับแล้ว มิให้นำมาตรา ๓๖ และมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติเรือไทย
พุทธศักราช ๒๔๘๑ มาใช้บังคับแก่เรือที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔
ในพระราชบัญญัตินี้
เรือ หมายความว่า
เรือขนาดตั้งแต่หกสิบตันกรอสขึ้นไปที่เดินด้วยเครื่องจักรกลไม่ว่าจะใช้กำลังอื่นด้วยหรือไม่ก็ตาม
และเป็นเรือที่มีลักษณะสำหรับใช้ในทะเลตามกฎข้อบังคับการตรวจเรือที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย
เรือที่อยู่ระหว่างการต่อ[๒] หมายความว่า เรือที่อยู่ในระหว่างการต่อ
ซึ่งเมื่อต่อเสร็จแล้วจะมีสภาพเป็นเรือตามพระราชบัญญัตินี้
นายเรือ หมายความว่า ผู้ควบคุมเรือ
คนประจำเรือ หมายความว่า
คนที่มีหน้าที่ทำการประจำอยู่ในเรือ
ลูกเรือ หมายความว่า คนประจำเรือนอกจากนายเรือ
น้ำมัน หมายความว่า
น้ำมันดิบ น้ำมันเตา น้ำมันดีเซลหนัก หรือน้ำมันหล่อลื่นซึ่งเป็นน้ำมันแร่จำพวกไฮโดรคาร์บอนที่ไม่สลายตัวโดยง่าย
และให้หมายความรวมถึงน้ำมันอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะมลพิษตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
นายทะเบียนเรือ หมายความว่า
นายทะเบียนเรือหรือผู้รักษาการแทนนายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย
รัฐมนตรี หมายความว่า
รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
กับให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้
หรือกำหนดการอื่นเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
การจำนองเรือ
ส่วนที่ ๑
บททั่วไป
มาตรา ๖
ห้ามมิให้จำนำเรือที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้ การกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัตินี้ย่อมเป็นโมฆะ
มาตรา ๗
การจำนองเรือให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
บทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ให้ใช้บังคับแก่การจำนองเรือตามพระราชบัญญัตินี้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๘
สัญญาจำนองเรือให้ระบุมูลหนี้และจำนวนหนี้ที่จำนองเรือนั้นไว้เป็นประกัน
จำนวนหนี้ตามวรรคหนึ่ง
จะระบุจำนวนเงินแน่นอนตรงตัวหรือจำนวนเงินขั้นสูงสุดที่ได้เอาเรือนั้นตราไว้เป็นประกันก็ได้
และจะเป็นเงินไทยหรือเงินต่างประเทศก็ได้
มาตรา ๙
จำนองเรือให้ครอบไปถึงเครื่องอุปกรณ์ประจำเรือ และสิ่งของอื่น ๆ
ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีไว้ประจำเรือ
ไม่ว่าสิ่งดังกล่าวจะได้มีอยู่แล้วในเวลาที่จดทะเบียนจำนองหรือมีขึ้นในภายหลังก็ตาม ทั้งนี้
เว้นแต่ผู้จำนองกับผู้รับจำนองจะตกลงกันเป็นอย่างอื่นโดยระบุข้อตกลงนั้นไว้ในสัญญาจำนอง
มาตรา ๑๐
ถ้าเรือที่จำนองสูญหายหรือเสียหาย ให้จำนองครอบไปถึงสิทธิเรียกร้อง
ดังต่อไปนี้
(๑)
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการกระทำละเมิดที่เป็นเหตุให้เรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึง
สูญหายหรือเสียหาย
(๒)
ค่าเฉลี่ยความเสียหายทั่วไปที่เจ้าของเรือมีสิทธิได้รับเพื่อการสูญหายหรือเสียหายของเรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึง
ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
(๓)
ค่าสินไหมทดแทนที่เจ้าของเรือมีสิทธิได้รับเพื่อการสูญหายหรือเสียหายของเรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึงอันเนื่องมาจากการใช้เรือนั้นทำการช่วยเหลือกู้ภัย
(๔)
ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยเพื่อการสูญหายหรือเสียหายของเรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึง
เมื่อเกิดสิทธิเรียกร้องตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้จำนองแจ้งให้ผู้รับจำนองทราบโดยพลัน
ห้ามมิให้ลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องซึ่งได้รู้ถึงการจำนองชำระหนี้แก่เจ้าของเรือนั้น
เว้นแต่จะได้บอกกล่าวการชำระหนี้เป็นหนังสือไปยังผู้รับจำนอง
และผู้รับจำนองไม่คัดค้านการชำระหนี้เป็นหนังสือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือบอกกล่าว
มิฉะนั้นลูกหนี้จะต้องรับผิดชอบต่อผู้รับจำนอง
ส่วนที่ ๒
การทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเรือ
มาตรา ๑๑
สัญญาจำนองเรือไทยต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามหลักเกณฑ์
และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๒
การจดทะเบียนจำนองเรือไทยให้จดทะเบียนที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นโดยให้นายทะเบียนเรือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียน
และให้จดไว้ในสมุดทะเบียนและหมายเหตุไว้ในใบทะเบียน
ในกรณีที่เจ้าของเรือไทยประสงค์จะจดทะเบียนจำนองเรือของตนที่ที่ทำการนายทะเบียนเรืออื่น
นอกจากที่ทำการนายทะเบียนเรือตามวรรคหนึ่ง
หรือที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
ให้นายทะเบียนเรืออื่นนั้นหรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
แล้วแต่กรณี เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียน
โดยหมายเหตุไว้ในใบทะเบียนแล้วส่งสำเนาให้นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นโดยด่วน
เมื่อได้รับสำเนาเช่นนั้นแล้วให้นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือจดข้อความนั้นไว้ในสมุดทะเบียน
ให้นายทะเบียนเรือ
และเจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนจำนองเรือตามพระราชบัญญัตินี้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๓
ในกรณีที่ประสงค์จะจดทะเบียนจำนองเรือไทยในขณะที่เรือลำนั้นไม่อยู่ในประเทศไทย
หรือไม่อยู่ในประเทศซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทยที่จะทำการจดทะเบียน
เจ้าของเรืออาจขอให้นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นออกใบแทนใบทะเบียนเรือไทยสำหรับนำไปกับเรือระหว่างเวลาที่นำใบทะเบียนเรือไทยมาจดทะเบียนตามมาตรา
๑๒
การออกใบแทนใบทะเบียนเรือไทยตามวรรคหนึ่ง
ให้หมายเหตุไว้ในใบแทนดังกล่าวด้วยว่าใช้แทนใบทะเบียนเรือไทยในระหว่างการดำเนินการเพื่อจดทะเบียนจำนองเรือดังกล่าวเท่านั้น
แต่ให้มีอายุใช้ได้ไม่เกินหกสิบวัน
ใบแทนใบทะเบียนเรือไทยตามมาตรานี้ให้มีผลเสมือนเป็นใบทะเบียนเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย
มาตรา ๑๔
บุคคลใดเมื่อได้เสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว
จะขอตรวจดูทะเบียนจำนองเรือเดินทะเลและเอกสารเกี่ยวกับการจำนองที่นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นเก็บรักษาไว้หรือจะขอให้คัดสำเนาทะเบียนจำนองเรือเดินทะเลหรือเอกสารดังกล่าวพร้อมด้วยคำรับรองว่าถูกต้องก็ได้
ส่วนที่ ๓
ผลของการจำนองและการบังคับจำนอง
มาตรา ๑๕
ภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๒๔
ผู้รับจำนองทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากเรือที่จำนองก่อนเจ้าหนี้บุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
และเจ้าหนี้อื่น ๆ ของเจ้าของเรือนั้น
มาตรา ๑๖
ผู้รับจำนองอาจฟ้องคดีต่อศาลขอให้บังคับจำนองได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑)
ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้
และผู้รับจำนองได้ส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ให้จัดการชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรที่กำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้นแล้ว
แต่ลูกหนี้มิได้จัดการชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนดนั้น
(๒)
เมื่อเรือที่จำนองหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดสูญหายหรือเสียหาย
เป็นเหตุให้ไม่เพียงพอที่จะเป็นประกันการชำระหนี้
เว้นแต่เมื่อเหตุนั้นมิได้เป็นเพราะความผิดของผู้จำนอง
และผู้จำนองได้เสนอจะจำนองเรือลำอื่นหรือทรัพย์สินอื่นแทนหรือเพิ่มเติมให้มีราคาเพียงพอ
หรือเสนอจะรับซ่อมแซมแก้ไขความเสียหายนั้น
หรือจัดหามาแทนซึ่งสิ่งที่สูญหายไปนั้นภายในเวลาอันสมควร
(๓)
ผู้จำนองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในสัญญาจำนอง
ซึ่งตามสัญญาจำนองผู้รับจำนองอาจบังคับจำนองได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
มาตรา ๑๗
ในการฟ้องคดีบังคับจำนอง ผู้รับจำนองอาจขอให้ศาลมีคำสั่งให้
(๑)
ผู้จำนองนำเรือออกขายตามเงื่อนไขและภายในเวลาที่ศาลกำหนด
(๒)
ผู้รับจำนองนำเรือออกขายตามเงื่อนไขและภายในเวลาที่ศาลกำหนด หรือ
(๓)
ยึดเรือที่จำนองออกขายทอดตลาด
ทั้งนี้
ศาลจะมีคำสั่งให้ดำเนินการตาม (๑) หรือ (๒)
ต่อเมื่อผู้รับจำนองแสดงให้เป็นที่พอใจต่อศาลว่าการดำเนินการโดยวิธีดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่มีส่วนได้เสียมากกว่าการดำเนินการโดยวิธีตาม
(๓)
มาตรา ๑๘
นอกจากการบังคับจำนองตามมาตรา ๑๗ แล้ว ผู้รับจำนองจะฟ้องคดีเรียกเอาเรือจำนองหลุดก็ได้
ภายในบังคับแห่งเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(๑)
ลูกหนี้ได้ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองปี
(๒)
ผู้จำนองไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่าราคาเรือนั้นมากกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระแก่ผู้รับจำนอง
(๓)
ไม่มีการจำนองรายอื่น และ
(๔)
ไม่มีเจ้าหนี้ซึ่งมีบุริมสิทธิทางทะเลร้องขอรับชำระหนี้ตามบุริมสิทธิทางทะเล
มาตรา ๑๙
ถ้าเอาเรือที่จำนองออกขายหรือขายทอดตลาดแล้วได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระแก่ผู้รับจำนอง
หรือถ้าเอาเรือจำนองหลุดและเรือนั้นมีราคาน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระแก่ผู้รับจำนอง
เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใดให้ถือเป็นหนี้สามัญซึ่งผู้รับจำนองอาจเรียกร้องจากลูกหนี้ได้
แต่ถ้าผู้จำนองไม่ได้เป็นลูกหนี้จะเรียกร้องจากผู้จำนองไม่ได้
มาตรา ๒๐
คำฟ้องเกี่ยวกับการจำนองเรือตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เสนอต่อศาลดังต่อไปนี้คือ
(๑)
ถ้าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการกักเรือไว้แล้วตามกฎหมายว่าด้วยการกักเรือให้เสนอต่อศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามกฎหมายว่าด้วยการกักเรือ
(๒)
ในกรณีที่ไม่ได้มีการกักเรือตาม (๑) ให้เสนอต่อศาลแพ่ง
มาตรา ๒๑
สัญญาซึ่งเจ้าของเรือที่มิใช่เรือไทยเอาเรือของตนตราไว้แก่บุคคลอื่นเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้
ให้ถือว่าเป็นการจำนองที่อาจบังคับได้ตามพระราชบัญญัตินี้ ถ้าอยู่ภายใต้เงื่อนไข
ดังต่อไปนี้
(๑)
สัญญานั้นได้ทำขึ้นโดยมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแห่งประเทศที่เรือนั้นได้จดทะเบียนไว้
(๒)
ได้มีการจดทะเบียนสัญญาดังกล่าวไว้ในทะเบียนซึ่งอนุญาตให้บุคคลทั่วไปตรวจดูได้ ณ
ที่ทำการของรัฐที่มีหน้าที่รับจดทะเบียนสัญญาเช่นว่านั้น และ
(๓)
เป็นกรณีที่โจทก์อาจเสนอคำฟ้องต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กฎหมายว่าด้วยการกักเรือ หรือกฎหมายอื่น
ส่วนที่ ๔
การทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ[๓]
มาตรา
๒๑/๑[๔]
เรือที่อยู่ระหว่างการต่อที่จะจำนองได้ต้องเป็นเรือที่เมื่อต่อเสร็จแล้วสามารถทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเรือตามส่วนที่
๒ ได้
มาตรา
๒๑/๒[๕]
สัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
สัญญาจำนองตามวรรคหนึ่ง
ให้มีผลต่อไปเมื่อเรือได้ต่อเสร็จแล้วด้วย
มาตรา
๒๑/๓[๖]
การจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อให้ครอบไปถึงสัมภาระ
เครื่องยนต์และอุปกรณ์ประจำเรือที่ได้นำมาประกอบหรือติดตั้งในเรือที่อยู่ระหว่างการต่อด้วย
มาตรา
๒๑/๔[๗]
ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการจำนองเรือในหมวดนี้
และอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนองเรือมาใช้กับการจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อโดยอนุโลม
หมวด ๒
บุริมสิทธิทางทะเล
มาตรา ๒๒
ผู้ใดมีสิทธิเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับเรือลำหนึ่งลำใด
และมูลแห่งสิทธิเรียกร้องนั้นมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
ผู้นั้นย่อมมีบุริมสิทธิทางทะเลเหนือเรือลำนั้น
(๑)
สิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการทำงานในฐานะนายเรือ
ลูกเรือหรือคนประจำเรือของเรือลำนั้น
(๒)
สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บของบุคคลใด ๆ ที่เกิดจากการดำเนินงานของเรือลำนั้น
(๓)
สิทธิเรียกร้องเอาค่าตอบแทนในการช่วยเหลือกู้ภัยเรือลำนั้น
(๔)
สิทธิเรียกร้องในมูลละเมิดที่เกิดจากการดำเนินงานของเรือลำนั้น
แต่ไม่รวมถึงสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับการสูญหายหรือเสียหายของสินค้า
และสิ่งของของผู้โดยสารที่อยู่ในเรือลำนั้น
สิทธิเรียกร้องตาม
(๒) หรือ (๔) ที่เกิดจากมลพิษน้ำมัน วัตถุกัมมันตรังสี
กัมมันตภาพรังสีและวัตถุนิวเคลียร์ ไม่ก่อให้เกิดบุริมสิทธิทางทะเลเหนือเรือลำนั้น
มาตรา ๒๓
ให้เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเลมีสิทธิได้รับชำระหนี้อันค้างชำระแก่ตนจากเรือที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งบุริมสิทธิทางทะเล
ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ทั้งนี้
ไม่ว่าลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องจะเป็นเจ้าของเรือหรือไม่ก็ตาม
มาตรา ๒๔
บุริมสิทธิทางทะเลตามพระราชบัญญัตินี้ให้มีผลใช้ได้โดยไม่ต้องจดทะเบียน
และให้ได้ผลก่อนสิทธิจำนองตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในกรณีที่มีบุริมสิทธิทางทะเลหลายรายแย้งกัน
ให้บุริมสิทธิทางทะเลเหล่านั้นได้ผลก่อนหลังตามที่เรียงลำดับไว้ในมาตรา ๒๒
เว้นแต่บุริมสิทธิทางทะเลในมูลค่าตอบแทน
การช่วยเหลือกู้ภัยให้ได้ผลก่อนบุริมสิทธิทางทะเลอื่น ๆ
เหนือเรือที่มีอยู่แล้วก่อนเริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือกู้ภัยนั้น
ในกรณีที่บุคคลหลายคนมีบุริมสิทธิทางทะเลในลำดับเดียวกัน
ให้บุคคลเหล่านั้นได้รับชำระหนี้ตามอัตราส่วนแห่งจำนวนเงินที่ตนเป็นเจ้าหนี้
ในกรณีที่บุริมสิทธิทางทะเลในมูลค่าตอบแทนการช่วยเหลือกู้ภัยเกิดขึ้นหลายครั้ง
ให้บุริมสิทธิทางทะเลที่เกิดขึ้นครั้งหลังสุดได้ผลก่อนตามลำดับ ทั้งนี้
ให้ถือว่าบุริมสิทธิทางทะเลในมูลค่าตอบแทนการช่วยเหลือกู้ภัยได้เกิดขึ้นในวันที่ปฏิบัติการช่วยเหลือกู้ภัยได้เสร็จสิ้นลง
มาตรา ๒๕
ในการบังคับตามบุริมสิทธิทางทะเล
ให้นำเงินที่ได้จากการขายเรือชำระค่าฤชาธรรมเนียม
ค่าใช้จ่ายในการกักหรือยึดและขายเรือ
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเรือนับแต่เวลาที่ได้กักหรือยึดเรือนั้น
ค่าใช้จ่ายในการส่งตัวคนประจำเรือกลับถิ่นฐาน และค่าใช้จ่ายในการจัดสรรเงินจำนวนดังกล่าว
ตามลำดับเสียก่อน แล้วจึงจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้แก่เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเล
มาตรา ๒๖
ในกรณีที่มีการโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งมูลแห่งสิทธิเรียกร้องนั้นมีลักษณะตามมาตรา
๒๒ ให้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีบุริมสิทธิทางทะเลเช่นเดียวกับผู้โอน
มาตรา ๒๗
ในกรณีที่มีบุริมสิทธิทางทะเลเหนือเรือลำใดเกิดขึ้นแล้ว
การทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์เรือลำนั้นให้แก่บุคคลใด ๆ
ต่อไปไม่ทำให้บุริมสิทธิทางทะเลที่เกิดขึ้นแล้วนั้นระงับสิ้นไป
เว้นแต่กรณีที่ผู้รับโอนได้ดำเนินการแจ้งให้เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเลยื่นข้อเรียกร้องของตนไปยังผู้รับโอนภายในเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่าหกสิบวันนับแต่วันที่แจ้ง
แต่เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเลไม่ได้ยื่นข้อเรียกร้องของตนไปยังผู้รับโอนภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
ให้บุริมสิทธิทางทะเลเป็นอันระงับสิ้นไป
การแจ้งตามวรรคหนึ่ง
ให้กระทำโดยประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันและปิดประกาศไว้ ดังนี้
(๑)
กรณีที่รับโอนกรรมสิทธิ์เรือไทย
ให้ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยที่มีจำหน่ายในท้องถิ่นที่เมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นตั้งอยู่อย่างน้อยหนึ่งฉบับกับหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษอย่างน้อยหนึ่งฉบับเป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน
และให้ปิดประกาศไว้ที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้น
กับที่กองทะเบียนเรือ กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี*
(๒)
กรณีที่รับโอนกรรมสิทธิ์เรือต่างประเทศมาจดทะเบียนเป็นเรือไทย
ให้ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยอย่างน้อยหนึ่งฉบับกับหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษอย่างน้อยหนึ่งฉบับเป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน
และให้ปิดประกาศไว้ที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนที่จะจดทะเบียนหรือได้จดทะเบียนเรือนั้นเป็นเรือไทย
กับที่กองทะเบียนเรือ กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี*
มาตรา ๒๘
นอกจากกรณีตามมาตรา ๒๗ บุริมสิทธิทางทะเลระงับสิ้นไปเมื่อ
(๑)
พ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่บุริมสิทธิทางทะเลนั้นได้เกิดขึ้น
(๒)
ได้ขายเรือไปตามคำสั่งศาล
ในกรณีเช่นนี้ให้เงินที่ได้จากการขายเรือนั้นตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งบุริมสิทธิทางทะเลแทน
(๓)
ผู้รับจำนองเอาเรือจำนองหลุด
(๔)
มีคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลถึงที่สุดให้ริบเรือนั้น
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๒๙
บทบัญญัติมาตรา ๖
ไม่กระทบกระเทือนถึงการจำนำเรือไทยที่ได้ทำขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๓๐
การจำนองเรือไทยที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้
ซึ่งมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ให้ถือว่าเป็นการจำนองตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
อัตราค่าธรรมเนียม
๑.
ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนอง
(๑) เรือขนาดไม่เกิน ๑๐๐ ตันกรอส ครั้งละ ๕๐๐ บาท
(๒)
เรือขนาดเกิน ๑๐๐ ตันกรอส
แต่ไม่เกิน ๒๐๐ ตันกรอส ครั้งละ
๑,๐๐๐ บาท
(๓) เรือขนาดเกิน ๒๐๐
ตันกรอสขึ้นไป ตันกรอสละ
๑๐ บาท
แต่ครั้งหนึ่งไม่เกิน ลำละ
๒๐,๐๐๐ บาท
๒.
ค่าธรรมเนียมการหมายเหตุแก้ข้อความในสัญญาจำนอง
(๑) ไม่เพิ่มทุนทรัพย์ ครั้งละ
๒๐ บาท
(๒)
เพิ่มทุนทรัพย์
หนึ่งหมื่นบาทแรกหรือต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาท ๕๐ บาท
หนึ่งหมื่นบาทหลัง หมื่นละ ๒๐ บาท
เศษของหนึ่งหมื่นบาทให้นับเป็นหนึ่งหมื่นบาท
แต่ฉบับหนึ่งไม่เกิน ๕๐๐ บาท
๓.
ค่าธรรมเนียมการคัดสำเนาหลักฐาน
(๑) หนึ่งร้อยคำแรกหรือต่ำกว่าหนึ่งร้อยคำ ๑๐ บาท
(๒) หนึ่งร้อยคำหลัง ร้อยละ ๑ บาท
เศษของหนึ่งร้อยคำให้นับเป็นหนึ่งร้อยคำ
๔. ค่าธรรมเนียมการออกใบแทนใบทะเบียนเรือไทย ฉบับละ ๑๐๐ บาท
๕. ค่าธรรมเนียมอื่น ครั้งละหรือฉบับละ ๕๐ บาท
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันการจำนองเรือเดินทะเลและบุริมสิทธิเหนือเรือเดินทะเลได้นำบทบัญญัติว่าด้วยจำนองและบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับ
แต่โดยที่กิจการเรือเดินทะเลมีลักษณะเฉพาะที่จำเป็นต้องมีการเคลื่อนที่ไปมาในน่านน้ำของประเทศต่าง
ๆ เกือบตลอดเวลา การนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับจึงไม่เหมาะสม
จำเป็นต้องแยกการจำนองเรือเดินทะเลและบุริมสิทธิพิเศษเหนือเรือเดินทะเลออกจากกฎหมายว่าด้วยเรือไทยซึ่งยังคงบังคับตามบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โดยสมควรให้มีกฎหมายสำหรับใช้บังคับกับการจำนองเรือเดินทะเลโดยตรง
และกำหนดบุริมสิทธิทางทะเลขึ้นไว้โดยเฉพาะสำหรับเรือเดินทะเลเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาพาณิชย์นาวีของไทย
และคุ้มครองบุคคลซึ่งมีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับเรือเดินทะเลได้อย่างเหมาะสม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
*พระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัติให้สอดคล้องกับการโอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕[๘]
มาตรา ๑๔
ในพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗ ให้แก้ไขคำว่า กรมเจ้าท่า เป็น กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้บัญญัติให้จัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่โดยมีภารกิจใหม่
ซึ่งได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม นั้นแล้ว
และเนื่องจากพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้โอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ
รัฐมนตรีผู้ดำรงตำแหน่งหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่
โดยให้มีการแก้ไขบทบัญญัติต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่โอนไปด้วย ฉะนั้น
เพื่ออนุวัติให้เป็นไปตามหลักการที่ปรากฏในพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
จึงสมควรแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้สอดคล้องกับการโอนส่วนราชการ
เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องมีความชัดเจนในการใช้กฎหมายโดยไม่ต้องไปค้นหาในกฎหมายโอนอำนาจหน้าที่ว่าตามกฎหมายใดได้มีการโอนภารกิจของส่วนราชการหรือผู้รับผิดชอบตามกฎหมายนั้นไปเป็นของหน่วยงานใดหรือผู้ใดแล้ว
โดยแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้มีการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ รัฐมนตรี
ผู้ดำรงตำแหน่งหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการให้ตรงกับการโอนอำนาจหน้าที่
และเพิ่มผู้แทนส่วนราชการในคณะกรรมการให้ตรงตามภารกิจที่มีการตัดโอนจากส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่รวมทั้งตัดส่วนราชการเดิมที่มีการยุบเลิกแล้ว
ซึ่งเป็นการแก้ไขให้ตรงตามพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
พระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘[๙]
มาตรา ๒
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือ โดยที่พระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗
ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับกับการจำนองเรือและกำหนดบุริมสิทธิทางทะเลสำหรับเรือเดินทะเล
กำหนดให้เฉพาะเรือที่ต่อแล้วเสร็จเท่านั้นที่สามารถนำมาจดทะเบียนจำนองเป็นหลักประกันการชำระหนี้ได้
ซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดให้สามารถนำเรือที่อยู่ระหว่างการต่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้แก่ผู้ให้สินเชื่อได้ตามกฎหมาย ดังนั้น
เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าของเรือสามารถจัดหาเรือและพัฒนาธุรกิจการเดินเรือของตนเองได้
อันเป็นการส่งเสริมกิจการต่อเรือและธุรกิจพาณิชยนาวีของประเทศ
สมควรกำหนดให้เจ้าของเรือสามารถนำเรือที่อยู่ระหว่างการต่อมาทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้แก่ผู้ให้สินเชื่อได้ด้วย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ปุณิกา/ปรับปรุง
๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘
วิชพงษ์/ตรวจ
๑๔ กรกฎาคม
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๑/ตอนที่ ๔ ก/หน้า ๑/๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗
[๒] มาตรา ๔
นิยามคำว่า เรือที่อยู่ระหว่างการต่อ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
[๓] ส่วนที่ ๔
การทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ มาตรา ๒๑/๑ ถึง มาตรา
๒๑/๔ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๘
[๔] มาตรา ๒๑/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
[๕] มาตรา ๒๑/๒ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
[๖] มาตรา ๒๑/๓ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
[๗] มาตรา ๒๑/๔ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
[๘] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๑๐๒ ก/หน้า ๖๖/๘ ตุลาคม ๒๕๔๕
[๙] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๖๐ ก/หน้า ๑๐/๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ |
730935 | พระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
(ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๘
ภูมิพลอดุลยเดช
ป.ร.
ให้ไว้ ณ
วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เป็นปีที่ ๗๐
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
มาตรา ๒[๑]
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า เรือที่อยู่ระหว่างการต่อ ระหว่างบทนิยามคำว่า เรือ
และคำว่า นายเรือ ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
พ.ศ. ๒๕๓๗
เรือที่อยู่ระหว่างการต่อ หมายความว่า เรือที่อยู่ในระหว่างการต่อ
ซึ่งเมื่อต่อเสร็จแล้วจะมีสภาพเป็นเรือตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา
๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นส่วนที่
๔ การทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ มาตรา ๒๑/๑ มาตรา ๒๑/๒ มาตรา ๒๑/๓ และมาตรา ๒๑/๔
ของหมวด ๑ การจำนองเรือ แห่งพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗
ส่วนที่ ๔
การทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ
มาตรา
๒๑/๑ เรือที่อยู่ระหว่างการต่อที่จะจำนองได้ต้องเป็นเรือที่เมื่อต่อเสร็จแล้วสามารถทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเรือตามส่วนที่
๒ ได้
มาตรา
๒๑/๒
สัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
สัญญาจำนองตามวรรคหนึ่ง
ให้มีผลต่อไปเมื่อเรือได้ต่อเสร็จแล้วด้วย
มาตรา
๒๑/๓
การจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อให้ครอบไปถึงสัมภาระ
เครื่องยนต์และอุปกรณ์ประจำเรือที่ได้นำมาประกอบหรือติดตั้งในเรือที่อยู่ระหว่างการต่อด้วย
มาตรา
๒๑/๔
ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการจำนองเรือในหมวดนี้
และอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนองเรือมาใช้กับการจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อโดยอนุโลม
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือ โดยที่พระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับกับการจำนองเรือและกำหนดบุริมสิทธิทางทะเลสำหรับเรือเดินทะเล
กำหนดให้เฉพาะเรือที่ต่อแล้วเสร็จเท่านั้นที่สามารถนำมาจดทะเบียนจำนองเป็นหลักประกันการชำระหนี้ได้
ซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดให้สามารถนำเรือที่อยู่ระหว่างการต่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้แก่ผู้ให้สินเชื่อได้ตามกฎหมาย ดังนั้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าของเรือสามารถจัดหาเรือและพัฒนาธุรกิจการเดินเรือของตนเองได้
อันเป็นการส่งเสริมกิจการต่อเรือและธุรกิจพาณิชยนาวีของประเทศ สมควรกำหนดให้เจ้าของเรือสามารถนำเรือที่อยู่ระหว่างการต่อมาทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้แก่ผู้ให้สินเชื่อได้ด้วย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
วิชพงษ์/ผู้จัดทำ
๑๐ กรกฎาคม
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๖๐ ก/หน้า ๑๐/๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ |
731233 | พระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. 2537 (ฉบับ Update ณ วันที่ 08/10/2545)
| พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
พ.ศ. ๒๕๓๗
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๒ มกราคม
พ.ศ. ๒๕๓๗
เป็นปีที่ ๔๙
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
พ.ศ. ๒๕๓๗
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับแล้ว
มิให้นำมาตรา ๓๖ และมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช ๒๔๘๑
มาใช้บังคับแก่เรือที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
เรือ หมายความว่า
เรือขนาดตั้งแต่หกสิบตันกรอสขึ้นไปที่เดินด้วยเครื่องจักรกลไม่ว่าจะใช้กำลังอื่นด้วยหรือไม่ก็ตาม
และเป็นเรือที่มีลักษณะสำหรับใช้ในทะเลตามกฎข้อบังคับการตรวจเรือที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย
นายเรือ หมายความว่า ผู้ควบคุมเรือ
คนประจำเรือ หมายความว่า
คนที่มีหน้าที่ทำการประจำอยู่ในเรือ
ลูกเรือ หมายความว่า คนประจำเรือนอกจากนายเรือ
น้ำมัน หมายความว่า น้ำมันดิบ น้ำมันเตา
น้ำมันดีเซลหนัก หรือน้ำมันหล่อลื่นซึ่งเป็นน้ำมันแร่จำพวกไฮโดรคาร์บอนที่ไม่สลายตัวโดยง่าย
และให้หมายความรวมถึงน้ำมันอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะมลพิษตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
นายทะเบียนเรือ หมายความว่า
นายทะเบียนเรือหรือผู้รักษาการแทนนายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย
รัฐมนตรี หมายความว่า
รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
กับให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้
หรือกำหนดการอื่นเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
การจำนองเรือ
ส่วนที่ ๑
บททั่วไป
มาตรา ๖
ห้ามมิให้จำนำเรือที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้
การกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัตินี้ย่อมเป็นโมฆะ
มาตรา ๗
การจำนองเรือให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
บทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ให้ใช้บังคับแก่การจำนองเรือตามพระราชบัญญัตินี้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๘
สัญญาจำนองเรือให้ระบุมูลหนี้และจำนวนหนี้ที่จำนองเรือนั้นไว้เป็นประกัน
จำนวนหนี้ตามวรรคหนึ่ง
จะระบุจำนวนเงินแน่นอนตรงตัวหรือจำนวนเงินขั้นสูงสุดที่ได้เอาเรือนั้นตราไว้เป็นประกันก็ได้
และจะเป็นเงินไทยหรือเงินต่างประเทศก็ได้
มาตรา ๙
จำนองเรือให้ครอบไปถึงเครื่องอุปกรณ์ประจำเรือ และสิ่งของอื่น ๆ
ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีไว้ประจำเรือ
ไม่ว่าสิ่งดังกล่าวจะได้มีอยู่แล้วในเวลาที่จดทะเบียนจำนองหรือมีขึ้นในภายหลังก็ตาม
ทั้งนี้
เว้นแต่ผู้จำนองกับผู้รับจำนองจะตกลงกันเป็นอย่างอื่นโดยระบุข้อตกลงนั้นไว้ในสัญญาจำนอง
มาตรา ๑๐
ถ้าเรือที่จำนองสูญหายหรือเสียหาย ให้จำนองครอบไปถึงสิทธิเรียกร้อง ดังต่อไปนี้
(๑)
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการกระทำละเมิดที่เป็นเหตุให้เรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึง
สูญหายหรือเสียหาย
(๒)
ค่าเฉลี่ยความเสียหายทั่วไปที่เจ้าของเรือมีสิทธิได้รับเพื่อการสูญหายหรือเสียหายของเรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึง
ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
(๓)
ค่าสินไหมทดแทนที่เจ้าของเรือมีสิทธิได้รับเพื่อการสูญหายหรือเสียหายของเรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึงอันเนื่องมาจากการใช้เรือนั้นทำการช่วยเหลือกู้ภัย
(๔)
ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยเพื่อการสูญหายหรือเสียหายของเรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึง
เมื่อเกิดสิทธิเรียกร้องตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้จำนองแจ้งให้ผู้รับจำนองทราบโดยพลัน
ห้ามมิให้ลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องซึ่งได้รู้ถึงการจำนองชำระหนี้แก่เจ้าของเรือนั้น
เว้นแต่จะได้บอกกล่าวการชำระหนี้เป็นหนังสือไปยังผู้รับจำนอง
และผู้รับจำนองไม่คัดค้านการชำระหนี้เป็นหนังสือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือบอกกล่าว
มิฉะนั้นลูกหนี้จะต้องรับผิดชอบต่อผู้รับจำนอง
ส่วนที่ ๒
การทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเรือ
มาตรา ๑๑
สัญญาจำนองเรือไทยต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามหลักเกณฑ์
และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๒
การจดทะเบียนจำนองเรือไทยให้จดทะเบียนที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นโดยให้นายทะเบียนเรือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียน
และให้จดไว้ในสมุดทะเบียนและหมายเหตุไว้ในใบทะเบียน
ในกรณีที่เจ้าของเรือไทยประสงค์จะจดทะเบียนจำนองเรือของตนที่ที่ทำการนายทะเบียนเรืออื่น
นอกจากที่ทำการนายทะเบียนเรือตามวรรคหนึ่ง
หรือที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
ให้นายทะเบียนเรืออื่นนั้นหรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
แล้วแต่กรณี เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียน โดยหมายเหตุไว้ในใบทะเบียนแล้วส่งสำเนาให้นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นโดยด่วน
เมื่อได้รับสำเนาเช่นนั้นแล้วให้นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือจดข้อความนั้นไว้ในสมุดทะเบียน
ให้นายทะเบียนเรือ
และเจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนจำนองเรือตามพระราชบัญญัตินี้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๓
ในกรณีที่ประสงค์จะจดทะเบียนจำนองเรือไทยในขณะที่เรือลำนั้นไม่อยู่ในประเทศไทย
หรือไม่อยู่ในประเทศซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทยที่จะทำการจดทะเบียน
เจ้าของเรืออาจขอให้นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นออกใบแทนใบทะเบียนเรือไทยสำหรับนำไปกับเรือระหว่างเวลาที่นำใบทะเบียนเรือไทยมาจดทะเบียนตามมาตรา
๑๒
การออกใบแทนใบทะเบียนเรือไทยตามวรรคหนึ่ง
ให้หมายเหตุไว้ในใบแทนดังกล่าวด้วยว่าใช้แทนใบทะเบียนเรือไทยในระหว่างการดำเนินการเพื่อจดทะเบียนจำนองเรือดังกล่าวเท่านั้น
แต่ให้มีอายุใช้ได้ไม่เกินหกสิบวัน
ใบแทนใบทะเบียนเรือไทยตามมาตรานี้ให้มีผลเสมือนเป็นใบทะเบียนเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย
มาตรา ๑๔
บุคคลใดเมื่อได้เสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว
จะขอตรวจดูทะเบียนจำนองเรือเดินทะเลและเอกสารเกี่ยวกับการจำนองที่นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นเก็บรักษาไว้หรือจะขอให้คัดสำเนาทะเบียนจำนองเรือเดินทะเลหรือเอกสารดังกล่าวพร้อมด้วยคำรับรองว่าถูกต้องก็ได้
ส่วนที่ ๓
ผลของการจำนองและการบังคับจำนอง
มาตรา ๑๕
ภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๒๔
ผู้รับจำนองทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากเรือที่จำนองก่อนเจ้าหนี้บุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
และเจ้าหนี้อื่น ๆ ของเจ้าของเรือนั้น
มาตรา ๑๖
ผู้รับจำนองอาจฟ้องคดีต่อศาลขอให้บังคับจำนองได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑)
ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ และผู้รับจำนองได้ส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ให้จัดการชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรที่กำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้นแล้ว
แต่ลูกหนี้มิได้จัดการชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนดนั้น
(๒)
เมื่อเรือที่จำนองหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดสูญหายหรือเสียหาย
เป็นเหตุให้ไม่เพียงพอที่จะเป็นประกันการชำระหนี้
เว้นแต่เมื่อเหตุนั้นมิได้เป็นเพราะความผิดของผู้จำนอง
และผู้จำนองได้เสนอจะจำนองเรือลำอื่นหรือทรัพย์สินอื่นแทนหรือเพิ่มเติมให้มีราคาเพียงพอ
หรือเสนอจะรับซ่อมแซมแก้ไขความเสียหายนั้น หรือจัดหามาแทนซึ่งสิ่งที่สูญหายไปนั้นภายในเวลาอันสมควร
(๓)
ผู้จำนองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในสัญญาจำนอง
ซึ่งตามสัญญาจำนองผู้รับจำนองอาจบังคับจำนองได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
มาตรา ๑๗
ในการฟ้องคดีบังคับจำนอง ผู้รับจำนองอาจขอให้ศาลมีคำสั่งให้
(๑)
ผู้จำนองนำเรือออกขายตามเงื่อนไขและภายในเวลาที่ศาลกำหนด
(๒)
ผู้รับจำนองนำเรือออกขายตามเงื่อนไขและภายในเวลาที่ศาลกำหนด หรือ
(๓)
ยึดเรือที่จำนองออกขายทอดตลาด
ทั้งนี้
ศาลจะมีคำสั่งให้ดำเนินการตาม (๑) หรือ (๒)
ต่อเมื่อผู้รับจำนองแสดงให้เป็นที่พอใจต่อศาลว่าการดำเนินการโดยวิธีดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่มีส่วนได้เสียมากกว่าการดำเนินการโดยวิธีตาม
(๓)
มาตรา ๑๘
นอกจากการบังคับจำนองตามมาตรา ๑๗ แล้ว
ผู้รับจำนองจะฟ้องคดีเรียกเอาเรือจำนองหลุดก็ได้
ภายในบังคับแห่งเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(๑)
ลูกหนี้ได้ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองปี
(๒)
ผู้จำนองไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่าราคาเรือนั้นมากกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระแก่ผู้รับจำนอง
(๓)
ไม่มีการจำนองรายอื่น และ
(๔)
ไม่มีเจ้าหนี้ซึ่งมีบุริมสิทธิทางทะเลร้องขอรับชำระหนี้ตามบุริมสิทธิทางทะเล
มาตรา ๑๙
ถ้าเอาเรือที่จำนองออกขายหรือขายทอดตลาดแล้วได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระแก่ผู้รับจำนอง
หรือถ้าเอาเรือจำนองหลุดและเรือนั้นมีราคาน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระแก่ผู้รับจำนอง
เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใดให้ถือเป็นหนี้สามัญซึ่งผู้รับจำนองอาจเรียกร้องจากลูกหนี้ได้
แต่ถ้าผู้จำนองไม่ได้เป็นลูกหนี้จะเรียกร้องจากผู้จำนองไม่ได้
มาตรา ๒๐
คำฟ้องเกี่ยวกับการจำนองเรือตามพระราชบัญญัตินี้
ให้เสนอต่อศาลดังต่อไปนี้คือ
(๑)
ถ้าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการกักเรือไว้แล้วตามกฎหมายว่าด้วยการกักเรือให้เสนอต่อศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามกฎหมายว่าด้วยการกักเรือ
(๒)
ในกรณีที่ไม่ได้มีการกักเรือตาม (๑) ให้เสนอต่อศาลแพ่ง
มาตรา ๒๑
สัญญาซึ่งเจ้าของเรือที่มิใช่เรือไทยเอาเรือของตนตราไว้แก่บุคคลอื่นเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้
ให้ถือว่าเป็นการจำนองที่อาจบังคับได้ตามพระราชบัญญัตินี้ ถ้าอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑)
สัญญานั้นได้ทำขึ้นโดยมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแห่งประเทศที่เรือนั้นได้จดทะเบียนไว้
(๒)
ได้มีการจดทะเบียนสัญญาดังกล่าวไว้ในทะเบียนซึ่งอนุญาตให้บุคคลทั่วไปตรวจดูได้ ณ
ที่ทำการของรัฐที่มีหน้าที่รับจดทะเบียนสัญญาเช่นว่านั้น และ
(๓)
เป็นกรณีที่โจทก์อาจเสนอคำฟ้องต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กฎหมายว่าด้วยการกักเรือ หรือกฎหมายอื่น
หมวด ๒
บุริมสิทธิทางทะเล
มาตรา ๒๒
ผู้ใดมีสิทธิเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับเรือลำหนึ่งลำใด
และมูลแห่งสิทธิเรียกร้องนั้นมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ผู้นั้นย่อมมีบุริมสิทธิทางทะเลเหนือเรือลำนั้น
(๑)
สิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการทำงานในฐานะนายเรือ
ลูกเรือหรือคนประจำเรือของเรือลำนั้น
(๒)
สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บของบุคคลใด ๆ
ที่เกิดจากการดำเนินงานของเรือลำนั้น
(๓)
สิทธิเรียกร้องเอาค่าตอบแทนในการช่วยเหลือกู้ภัยเรือลำนั้น
(๔)
สิทธิเรียกร้องในมูลละเมิดที่เกิดจากการดำเนินงานของเรือลำนั้น
แต่ไม่รวมถึงสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับการสูญหายหรือเสียหายของสินค้า
และสิ่งของของผู้โดยสารที่อยู่ในเรือลำนั้น
สิทธิเรียกร้องตาม
(๒) หรือ (๔) ที่เกิดจากมลพิษน้ำมัน วัตถุกัมมันตรังสี
กัมมันตภาพรังสีและวัตถุนิวเคลียร์ ไม่ก่อให้เกิดบุริมสิทธิทางทะเลเหนือเรือลำนั้น
มาตรา ๒๓
ให้เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเลมีสิทธิได้รับชำระหนี้อันค้างชำระแก่ตนจากเรือที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งบุริมสิทธิทางทะเล
ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ทั้งนี้ ไม่ว่าลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องจะเป็นเจ้าของเรือหรือไม่ก็ตาม
มาตรา ๒๔
บุริมสิทธิทางทะเลตามพระราชบัญญัตินี้ให้มีผลใช้ได้โดยไม่ต้องจดทะเบียน
และให้ได้ผลก่อนสิทธิจำนองตามพระราชบัญญัตินี้
รวมทั้งบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในกรณีที่มีบุริมสิทธิทางทะเลหลายรายแย้งกัน
ให้บุริมสิทธิทางทะเลเหล่านั้นได้ผลก่อนหลังตามที่เรียงลำดับไว้ในมาตรา ๒๒
เว้นแต่บุริมสิทธิทางทะเลในมูลค่าตอบแทน
การช่วยเหลือกู้ภัยให้ได้ผลก่อนบุริมสิทธิทางทะเลอื่น ๆ
เหนือเรือที่มีอยู่แล้วก่อนเริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือกู้ภัยนั้น
ในกรณีที่บุคคลหลายคนมีบุริมสิทธิทางทะเลในลำดับเดียวกัน
ให้บุคคลเหล่านั้นได้รับชำระหนี้ตามอัตราส่วนแห่งจำนวนเงินที่ตนเป็นเจ้าหนี้
ในกรณีที่บุริมสิทธิทางทะเลในมูลค่าตอบแทนการช่วยเหลือกู้ภัยเกิดขึ้นหลายครั้ง
ให้บุริมสิทธิทางทะเลที่เกิดขึ้นครั้งหลังสุดได้ผลก่อนตามลำดับ ทั้งนี้
ให้ถือว่าบุริมสิทธิทางทะเลในมูลค่าตอบแทนการช่วยเหลือกู้ภัยได้เกิดขึ้นในวันที่ปฏิบัติการช่วยเหลือกู้ภัยได้เสร็จสิ้นลง
มาตรา ๒๕
ในการบังคับตามบุริมสิทธิทางทะเล
ให้นำเงินที่ได้จากการขายเรือชำระค่าฤชาธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการกักหรือยึดและขายเรือ
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเรือนับแต่เวลาที่ได้กักหรือยึดเรือนั้น
ค่าใช้จ่ายในการส่งตัวคนประจำเรือกลับถิ่นฐาน
และค่าใช้จ่ายในการจัดสรรเงินจำนวนดังกล่าว ตามลำดับเสียก่อน แล้วจึงจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้แก่เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเล
มาตรา ๒๖
ในกรณีที่มีการโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งมูลแห่งสิทธิเรียกร้องนั้นมีลักษณะตามมาตรา
๒๒ ให้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีบุริมสิทธิทางทะเลเช่นเดียวกับผู้โอน
มาตรา ๒๗
ในกรณีที่มีบุริมสิทธิทางทะเลเหนือเรือลำใดเกิดขึ้นแล้ว
การทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์เรือลำนั้นให้แก่บุคคลใด ๆ ต่อไปไม่ทำให้บุริมสิทธิทางทะเลที่เกิดขึ้นแล้วนั้นระงับสิ้นไป
เว้นแต่กรณีที่ผู้รับโอนได้ดำเนินการแจ้งให้เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเลยื่นข้อเรียกร้องของตนไปยังผู้รับโอนภายในเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่าหกสิบวันนับแต่วันที่แจ้ง
แต่เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเลไม่ได้ยื่นข้อเรียกร้องของตนไปยังผู้รับโอนภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
ให้บุริมสิทธิทางทะเลเป็นอันระงับสิ้นไป
การแจ้งตามวรรคหนึ่ง
ให้กระทำโดยประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันและปิดประกาศไว้ ดังนี้
(๑)
กรณีที่รับโอนกรรมสิทธิ์เรือไทย ให้ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยที่มีจำหน่ายในท้องถิ่นที่เมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นตั้งอยู่อย่างน้อยหนึ่งฉบับกับหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษอย่างน้อยหนึ่งฉบับเป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน
และให้ปิดประกาศไว้ที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้น
กับที่กองทะเบียนเรือ กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี*
(๒)
กรณีที่รับโอนกรรมสิทธิ์เรือต่างประเทศมาจดทะเบียนเป็นเรือไทย
ให้ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยอย่างน้อยหนึ่งฉบับกับหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษอย่างน้อยหนึ่งฉบับเป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน
และให้ปิดประกาศไว้ที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนที่จะจดทะเบียนหรือได้จดทะเบียนเรือนั้นเป็นเรือไทย
กับที่กองทะเบียนเรือ กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี*
มาตรา ๒๘
นอกจากกรณีตามมาตรา ๒๗ บุริมสิทธิทางทะเลระงับสิ้นไปเมื่อ
(๑)
พ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่บุริมสิทธิทางทะเลนั้นได้เกิดขึ้น
(๒)
ได้ขายเรือไปตามคำสั่งศาล
ในกรณีเช่นนี้ให้เงินที่ได้จากการขายเรือนั้นตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งบุริมสิทธิทางทะเลแทน
(๓)
ผู้รับจำนองเอาเรือจำนองหลุด
(๔)
มีคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลถึงที่สุดให้ริบเรือนั้น
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๒๙
บทบัญญัติมาตรา ๖
ไม่กระทบกระเทือนถึงการจำนำเรือไทยที่ได้ทำขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๓๐
การจำนองเรือไทยที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้
ซึ่งมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ให้ถือว่าเป็นการจำนองตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
อัตราค่าธรรมเนียม
๑. ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนอง
(๑) เรือขนาดไม่เกิน ๑๐๐ ตันกรอส ครั้งละ ๕๐๐ บาท
(๒)
เรือขนาดเกิน ๑๐๐ ตันกรอส
แต่ไม่เกิน ๒๐๐ ตันกรอส ครั้งละ
๑,๐๐๐ บาท
(๓) เรือขนาดเกิน ๒๐๐ ตันกรอสขึ้นไป
ตันกรอสละ
๑๐ บาท
แต่ครั้งหนึ่งไม่เกิน ลำละ
๒๐,๐๐๐ บาท
๒. ค่าธรรมเนียมการหมายเหตุแก้ข้อความในสัญญาจำนอง
(๑) ไม่เพิ่มทุนทรัพย์ ครั้งละ
๒๐ บาท
(๒)
เพิ่มทุนทรัพย์
หนึ่งหมื่นบาทแรกหรือต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาท ๕๐ บาท
หนึ่งหมื่นบาทหลัง หมื่นละ ๒๐ บาท
เศษของหนึ่งหมื่นบาทให้นับเป็นหนึ่งหมื่นบาท
แต่ฉบับหนึ่งไม่เกิน ๕๐๐ บาท
๓. ค่าธรรมเนียมการคัดสำเนาหลักฐาน
(๑) หนึ่งร้อยคำแรกหรือต่ำกว่าหนึ่งร้อยคำ ๑๐ บาท
(๒) หนึ่งร้อยคำหลัง ร้อยละ ๑ บาท
เศษของหนึ่งร้อยคำให้นับเป็นหนึ่งร้อยคำ
๔. ค่าธรรมเนียมการออกใบแทนใบทะเบียนเรือไทย ฉบับละ ๑๐๐ บาท
๕. ค่าธรรมเนียมอื่น ครั้งละหรือฉบับละ ๕๐ บาท
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
โดยที่ในปัจจุบันการจำนองเรือเดินทะเลและบุริมสิทธิเหนือเรือเดินทะเลได้นำบทบัญญัติว่าด้วยจำนองและบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับ
แต่โดยที่กิจการเรือเดินทะเลมีลักษณะเฉพาะที่จำเป็นต้องมีการเคลื่อนที่ไปมาในน่านน้ำของประเทศต่าง
ๆ เกือบตลอดเวลา
การนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับจึงไม่เหมาะสม
จำเป็นต้องแยกการจำนองเรือเดินทะเลและบุริมสิทธิพิเศษเหนือเรือเดินทะเลออกจากกฎหมายว่าด้วยเรือไทยซึ่งยังคงบังคับตามบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โดยสมควรให้มีกฎหมายสำหรับใช้บังคับกับการจำนองเรือเดินทะเลโดยตรง
และกำหนดบุริมสิทธิทางทะเลขึ้นไว้โดยเฉพาะสำหรับเรือเดินทะเลเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาพาณิชย์นาวีของไทย
และคุ้มครองบุคคลซึ่งมีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับเรือเดินทะเลได้อย่างเหมาะสม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
*พระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัติให้สอดคล้องกับการโอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕[๒]
มาตรา
๑๔
ในพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗ ให้แก้ไขคำว่า กรมเจ้าท่า เป็น กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้บัญญัติให้จัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่โดยมีภารกิจใหม่
ซึ่งได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม นั้นแล้ว
และเนื่องจากพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้โอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ รัฐมนตรีผู้ดำรงตำแหน่งหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่
โดยให้มีการแก้ไขบทบัญญัติต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่โอนไปด้วย ฉะนั้น
เพื่ออนุวัติให้เป็นไปตามหลักการที่ปรากฏในพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
จึงสมควรแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้สอดคล้องกับการโอนส่วนราชการ
เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องมีความชัดเจนในการใช้กฎหมายโดยไม่ต้องไปค้นหาในกฎหมายโอนอำนาจหน้าที่ว่าตามกฎหมายใดได้มีการโอนภารกิจของส่วนราชการหรือผู้รับผิดชอบตามกฎหมายนั้นไปเป็นของหน่วยงานใดหรือผู้ใดแล้ว
โดยแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้มีการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ รัฐมนตรี
ผู้ดำรงตำแหน่งหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการให้ตรงกับการโอนอำนาจหน้าที่
และเพิ่มผู้แทนส่วนราชการในคณะกรรมการให้ตรงตามภารกิจที่มีการตัดโอนจากส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่รวมทั้งตัดส่วนราชการเดิมที่มีการยุบเลิกแล้ว
ซึ่งเป็นการแก้ไขให้ตรงตามพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
มัตติญา/ปรับปรุง
๙ มกราคม ๒๕๕๖
สุพิชชา/ตรวจ
๙ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๑/ตอนที่ ๔ ก/หน้า ๑/๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗
[๒] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๑๐๒ ก/หน้า ๖๖/๘ ตุลาคม ๒๕๔๕ |
318854 | พระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. 2537 | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
พ.ศ. ๒๕๓๗
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ.
๒๕๓๗
เป็นปีที่ ๔๙ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
พ.ศ. ๒๕๓๗
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับแล้ว มิให้นำมาตรา
๓๖ และมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช ๒๔๘๑ มาใช้บังคับแก่เรือที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
เรือ หมายความว่า เรือขนาดตั้งแต่หกสิบตันกรอสขึ้นไปที่เดินด้วยเครื่องจักรกลไม่ว่าจะใช้กำลังอื่นด้วยหรือไม่ก็ตาม
และเป็นเรือที่มีลักษณะสำหรับใช้ในทะเลตามกฎข้อบังคับการตรวจเรือที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย
นายเรือ หมายความว่า ผู้ควบคุมเรือ
คนประจำเรือ หมายความว่า คนที่มีหน้าที่ทำการประจำอยู่ในเรือ
ลูกเรือ หมายความว่า คนประจำเรือนอกจากนายเรือ
น้ำมัน หมายความว่า น้ำมันดิบ น้ำมันเตา น้ำมันดีเซลหนัก
หรือน้ำมันหล่อลื่นซึ่งเป็นน้ำมันแร่จำพวกไฮโดรคาร์บอนที่ไม่สลายตัวโดยง่าย และให้หมายความรวมถึงน้ำมันอื่น
ๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะมลพิษตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
นายทะเบียนเรือ หมายความว่า นายทะเบียนเรือหรือผู้รักษาการแทนนายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย
รัฐมนตรี หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ กับให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้
หรือกำหนดการอื่นเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
การจำนองเรือ
ส่วนที่ ๑
บททั่วไป
มาตรา ๖
ห้ามมิให้จำนำเรือที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้ การกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัตินี้ย่อมเป็นโมฆะ
มาตรา ๗
การจำนองเรือให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
บทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ให้ใช้บังคับแก่การจำนองเรือตามพระราชบัญญัตินี้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๘
สัญญาจำนองเรือให้ระบุมูลหนี้และจำนวนหนี้ที่จำนองเรือนั้นไว้เป็นประกัน
จำนวนหนี้ตามวรรคหนึ่ง
จะระบุจำนวนเงินแน่นอนตรงตัวหรือจำนวนเงินขั้นสูงสุดที่ได้เอาเรือนั้นตราไว้เป็นประกันก็ได้
และจะเป็นเงินไทยหรือเงินต่างประเทศก็ได้
มาตรา ๙
จำนองเรือให้ครอบไปถึงเครื่องอุปกรณ์ประจำเรือ และสิ่งของอื่น ๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีไว้ประจำเรือ
ไม่ว่าสิ่งดังกล่าวจะได้มีอยู่แล้วในเวลาที่จดทะเบียนจำนองหรือมีขึ้นในภายหลังก็ตาม
ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้จำนองกับผู้รับจำนองจะตกลงกันเป็นอย่างอื่นโดยระบุข้อตกลงนั้นไว้ในสัญญาจำนอง
มาตรา ๑๐
ถ้าเรือที่จำนองสูญหายหรือเสียหาย ให้จำนองครอบไปถึงสิทธิเรียกร้อง ดังต่อไปนี้
(๑)
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการกระทำละเมิดที่เป็นเหตุให้เรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึง
สูญหายหรือเสียหาย
(๒)
ค่าเฉลี่ยความเสียหายทั่วไปที่เจ้าของเรือมีสิทธิได้รับเพื่อการสูญหายหรือเสียหายของเรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึง
ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
(๓)
ค่าสินไหมทดแทนที่เจ้าของเรือมีสิทธิได้รับเพื่อการสูญหายหรือเสียหายของเรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึงอันเนื่องมาจากการใช้เรือนั้นทำการช่วยเหลือกู้ภัย
(๔)
ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยเพื่อการสูญหายหรือเสียหายของเรือนั้นหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึง
เมื่อเกิดสิทธิเรียกร้องตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้จำนองแจ้งให้ผู้รับจำนองทราบโดยพลัน
ห้ามมิให้ลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องซึ่งได้รู้ถึงการจำนองชำระหนี้แก่เจ้าของเรือนั้น
เว้นแต่จะได้บอกกล่าวการชำระหนี้เป็นหนังสือไปยังผู้รับจำนอง และผู้รับจำนองไม่คัดค้านการชำระหนี้เป็นหนังสือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือบอกกล่าว
มิฉะนั้นลูกหนี้จะต้องรับผิดชอบต่อผู้รับจำนอง
ส่วนที่ ๒
การทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองเรือ
มาตรา ๑๑
สัญญาจำนองเรือไทยต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๒
การจดทะเบียนจำนองเรือไทยให้จดทะเบียนที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นโดยให้นายทะเบียนเรือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียน
และให้จดไว้ในสมุดทะเบียนและหมายเหตุไว้ในใบทะเบียน
ในกรณีที่เจ้าของเรือไทยประสงค์จะจดทะเบียนจำนองเรือของตนที่ที่ทำการนายทะเบียนเรืออื่น
นอกจากที่ทำการนายทะเบียนเรือตามวรรคหนึ่ง หรือที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
ให้นายทะเบียนเรืออื่นนั้นหรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย แล้วแต่กรณี
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียน โดยหมายเหตุไว้ในใบทะเบียนแล้วส่งสำเนาให้นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นโดยด่วน
เมื่อได้รับสำเนาเช่นนั้นแล้วให้นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือจดข้อความนั้นไว้ในสมุดทะเบียน
ให้นายทะเบียนเรือ
และเจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนจำนองเรือตามพระราชบัญญัตินี้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๓
ในกรณีที่ประสงค์จะจดทะเบียนจำนองเรือไทยในขณะที่เรือลำนั้นไม่อยู่ในประเทศไทย
หรือไม่อยู่ในประเทศซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทยที่จะทำการจดทะเบียน
เจ้าของเรืออาจขอให้นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นออกใบแทนใบทะเบียนเรือไทยสำหรับนำไปกับเรือระหว่างเวลาที่นำใบทะเบียนเรือไทยมาจดทะเบียนตามมาตรา
๑๒
การออกใบแทนใบทะเบียนเรือไทยตามวรรคหนึ่ง
ให้หมายเหตุไว้ในใบแทนดังกล่าวด้วยว่าใช้แทนใบทะเบียนเรือไทยในระหว่างการดำเนินการเพื่อจดทะเบียนจำนองเรือดังกล่าวเท่านั้น
แต่ให้มีอายุใช้ได้ไม่เกินหกสิบวัน
ใบแทนใบทะเบียนเรือไทยตามมาตรานี้ให้มีผลเสมือนเป็นใบทะเบียนเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย
มาตรา ๑๔
บุคคลใดเมื่อได้เสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว จะขอตรวจดูทะเบียนจำนองเรือเดินทะเลและเอกสารเกี่ยวกับการจำนองที่นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นเก็บรักษาไว้หรือจะขอให้คัดสำเนาทะเบียนจำนองเรือเดินทะเลหรือเอกสารดังกล่าวพร้อมด้วยคำรับรองว่าถูกต้องก็ได้
ส่วนที่ ๓
ผลของการจำนองและการบังคับจำนอง
มาตรา ๑๕
ภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๒๔ ผู้รับจำนองทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากเรือที่จำนองก่อนเจ้าหนี้บุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
และเจ้าหนี้อื่น ๆ ของเจ้าของเรือนั้น
มาตรา ๑๖
ผู้รับจำนองอาจฟ้องคดีต่อศาลขอให้บังคับจำนองได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑)
ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ และผู้รับจำนองได้ส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ให้จัดการชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรที่กำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้นแล้ว
แต่ลูกหนี้มิได้จัดการชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนดนั้น
(๒)
เมื่อเรือที่จำนองหรือสิ่งของที่สิทธิจำนองเรือครอบไปถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดสูญหายหรือเสียหาย
เป็นเหตุให้ไม่เพียงพอที่จะเป็นประกันการชำระหนี้ เว้นแต่เมื่อเหตุนั้นมิได้เป็นเพราะความผิดของผู้จำนอง
และผู้จำนองได้เสนอจะจำนองเรือลำอื่นหรือทรัพย์สินอื่นแทนหรือเพิ่มเติมให้มีราคาเพียงพอ
หรือเสนอจะรับซ่อมแซมแก้ไขความเสียหายนั้น หรือจัดหามาแทนซึ่งสิ่งที่สูญหายไปนั้นภายในเวลาอันสมควร
(๓)
ผู้จำนองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในสัญญาจำนอง ซึ่งตามสัญญาจำนองผู้รับจำนองอาจบังคับจำนองได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
มาตรา ๑๗
ในการฟ้องคดีบังคับจำนอง ผู้รับจำนองอาจขอให้ศาลมีคำสั่งให้
(๑)
ผู้จำนองนำเรือออกขายตามเงื่อนไขและภายในเวลาที่ศาลกำหนด
(๒)
ผู้รับจำนองนำเรือออกขายตามเงื่อนไขและภายในเวลาที่ศาลกำหนด หรือ
(๓)
ยึดเรือที่จำนองออกขายทอดตลาด
ทั้งนี้
ศาลจะมีคำสั่งให้ดำเนินการตาม (๑) หรือ (๒) ต่อเมื่อผู้รับจำนองแสดงให้เป็นที่พอใจต่อศาลว่าการดำเนินการโดยวิธีดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่มีส่วนได้เสียมากกว่าการดำเนินการโดยวิธีตาม
(๓)
มาตรา ๑๘
นอกจากการบังคับจำนองตามมาตรา ๑๗ แล้ว ผู้รับจำนองจะฟ้องคดีเรียกเอาเรือจำนองหลุดก็ได้
ภายในบังคับแห่งเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑)
ลูกหนี้ได้ขาดส่งดอกเบี้ยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองปี
(๒)
ผู้จำนองไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่าราคาเรือนั้นมากกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระแก่ผู้รับจำนอง
(๓)
ไม่มีการจำนองรายอื่น และ
(๔)
ไม่มีเจ้าหนี้ซึ่งมีบุริมสิทธิทางทะเลร้องขอรับชำระหนี้ตามบุริมสิทธิทางทะเล
มาตรา ๑๙
ถ้าเอาเรือที่จำนองออกขายหรือขายทอดตลาดแล้วได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระแก่ผู้รับจำนอง
หรือถ้าเอาเรือจำนองหลุดและเรือนั้นมีราคาน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระแก่ผู้รับจำนอง
เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใดให้ถือเป็นหนี้สามัญซึ่งผู้รับจำนองอาจเรียกร้องจากลูกหนี้ได้
แต่ถ้าผู้จำนองไม่ได้เป็นลูกหนี้จะเรียกร้องจากผู้จำนองไม่ได้
มาตรา ๒๐
คำฟ้องเกี่ยวกับการจำนองเรือตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เสนอต่อศาลดังต่อไปนี้คือ
(๑)
ถ้าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการกักเรือไว้แล้วตามกฎหมายว่าด้วยการกักเรือให้เสนอต่อศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามกฎหมายว่าด้วยการกักเรือ
(๒)
ในกรณีที่ไม่ได้มีการกักเรือตาม (๑) ให้เสนอต่อศาลแพ่ง
มาตรา ๒๑
สัญญาซึ่งเจ้าของเรือที่มิใช่เรือไทยเอาเรือของตนตราไว้แก่บุคคลอื่นเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้
ให้ถือว่าเป็นการจำนองที่อาจบังคับได้ตามพระราชบัญญัตินี้ ถ้าอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑)
สัญญานั้นได้ทำขึ้นโดยมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแห่งประเทศที่เรือนั้นได้จดทะเบียนไว้
(๒)
ได้มีการจดทะเบียนสัญญาดังกล่าวไว้ในทะเบียนซึ่งอนุญาตให้บุคคลทั่วไปตรวจดูได้ ณ ที่ทำการของรัฐที่มีหน้าที่รับจดทะเบียนสัญญาเช่นว่านั้น
และ
(๓)
เป็นกรณีที่โจทก์อาจเสนอคำฟ้องต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กฎหมายว่าด้วยการกักเรือ
หรือกฎหมายอื่น
หมวด ๒
บุริมสิทธิทางทะเล
มาตรา ๒๒
ผู้ใดมีสิทธิเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับเรือลำหนึ่งลำใด และมูลแห่งสิทธิเรียกร้องนั้นมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
ผู้นั้นย่อมมีบุริมสิทธิทางทะเลเหนือเรือลำนั้น
(๑)
สิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการทำงานในฐานะนายเรือ ลูกเรือหรือคนประจำเรือของเรือลำนั้น
(๒)
สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บของบุคคลใด ๆ ที่เกิดจากการดำเนินงานของเรือลำนั้น
(๓)
สิทธิเรียกร้องเอาค่าตอบแทนในการช่วยเหลือกู้ภัยเรือลำนั้น
(๔)
สิทธิเรียกร้องในมูลละเมิดที่เกิดจากการดำเนินงานของเรือลำนั้น แต่ไม่รวมถึงสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับการสูญหายหรือเสียหายของสินค้า
และสิ่งของของผู้โดยสารที่อยู่ในเรือลำนั้น
สิทธิเรียกร้องตาม
(๒) หรือ (๔) ที่เกิดจากมลพิษน้ำมัน วัตถุกัมมันตรังสี กัมมันตภาพรังสีและวัตถุนิวเคลียร์
ไม่ก่อให้เกิดบุริมสิทธิทางทะเลเหนือเรือลำนั้น
มาตรา ๒๓
ให้เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเลมีสิทธิได้รับชำระหนี้อันค้างชำระแก่ตนจากเรือที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งบุริมสิทธิทางทะเล
ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ทั้งนี้ ไม่ว่าลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องจะเป็นเจ้าของเรือหรือไม่ก็ตาม
มาตรา ๒๔
บุริมสิทธิทางทะเลตามพระราชบัญญัตินี้ให้มีผลใช้ได้โดยไม่ต้องจดทะเบียน และให้ได้ผลก่อนสิทธิจำนองตามพระราชบัญญัตินี้
รวมทั้งบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในกรณีที่มีบุริมสิทธิทางทะเลหลายรายแย้งกัน
ให้บุริมสิทธิทางทะเลเหล่านั้นได้ผลก่อนหลังตามที่เรียงลำดับไว้ในมาตรา ๒๒ เว้นแต่บุริมสิทธิทางทะเลในมูลค่าตอบแทน
การช่วยเหลือกู้ภัยให้ได้ผลก่อนบุริมสิทธิทางทะเลอื่น ๆ เหนือเรือที่มีอยู่แล้วก่อนเริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือกู้ภัยนั้น
ในกรณีที่บุคคลหลายคนมีบุริมสิทธิทางทะเลในลำดับเดียวกัน
ให้บุคคลเหล่านั้นได้รับชำระหนี้ตามอัตราส่วนแห่งจำนวนเงินที่ตนเป็นเจ้าหนี้
ในกรณีที่บุริมสิทธิทางทะเลในมูลค่าตอบแทนการช่วยเหลือกู้ภัยเกิดขึ้นหลายครั้ง
ให้บุริมสิทธิทางทะเลที่เกิดขึ้นครั้งหลังสุดได้ผลก่อนตามลำดับ ทั้งนี้ ให้ถือว่าบุริมสิทธิทางทะเลในมูลค่าตอบแทนการช่วยเหลือกู้ภัยได้เกิดขึ้นในวันที่ปฏิบัติการช่วยเหลือกู้ภัยได้เสร็จสิ้นลง
มาตรา ๒๕
ในการบังคับตามบุริมสิทธิทางทะเล ให้นำเงินที่ได้จากการขายเรือชำระค่าฤชาธรรมเนียม
ค่าใช้จ่ายในการกักหรือยึดและขายเรือ ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเรือนับแต่เวลาที่ได้กักหรือยึดเรือนั้น
ค่าใช้จ่ายในการส่งตัวคนประจำเรือกลับถิ่นฐาน และค่าใช้จ่ายในการจัดสรรเงินจำนวนดังกล่าว
ตามลำดับเสียก่อน แล้วจึงจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้แก่เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเล
มาตรา ๒๖
ในกรณีที่มีการโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งมูลแห่งสิทธิเรียกร้องนั้นมีลักษณะตามมาตรา
๒๒ ให้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีบุริมสิทธิทางทะเลเช่นเดียวกับผู้โอน
มาตรา ๒๗
ในกรณีที่มีบุริมสิทธิทางทะเลเหนือเรือลำใดเกิดขึ้นแล้ว การทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์เรือลำนั้นให้แก่บุคคลใด
ๆ ต่อไปไม่ทำให้บุริมสิทธิทางทะเลที่เกิดขึ้นแล้วนั้นระงับสิ้นไป เว้นแต่กรณีที่ผู้รับโอนได้ดำเนินการแจ้งให้เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเลยื่นข้อเรียกร้องของตนไปยังผู้รับโอนภายในเวลาที่กำหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่าหกสิบวันนับแต่วันที่แจ้ง
แต่เจ้าหนี้บุริมสิทธิทางทะเลไม่ได้ยื่นข้อเรียกร้องของตนไปยังผู้รับโอนภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
ให้บุริมสิทธิทางทะเลเป็นอันระงับสิ้นไป
การแจ้งตามวรรคหนึ่ง
ให้กระทำโดยประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันและปิดประกาศไว้ ดังนี้
(๑)
กรณีที่รับโอนกรรมสิทธิ์เรือไทย ให้ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยที่มีจำหน่ายในท้องถิ่นที่เมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้นตั้งอยู่อย่างน้อยหนึ่งฉบับกับหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษอย่างน้อยหนึ่งฉบับเป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน
และให้ปิดประกาศไว้ที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้น กับที่กองทะเบียนเรือ
กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี*
(๒)
กรณีที่รับโอนกรรมสิทธิ์เรือต่างประเทศมาจดทะเบียนเป็นเรือไทย ให้ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยอย่างน้อยหนึ่งฉบับกับหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษอย่างน้อยหนึ่งฉบับเป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน
และให้ปิดประกาศไว้ที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนที่จะจดทะเบียนหรือได้จดทะเบียนเรือนั้นเป็นเรือไทย
กับที่กองทะเบียนเรือ กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี*
มาตรา ๒๘
นอกจากกรณีตามมาตรา ๒๗ บุริมสิทธิทางทะเลระงับสิ้นไปเมื่อ
(๑)
พ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่บุริมสิทธิทางทะเลนั้นได้เกิดขึ้น
(๒)
ได้ขายเรือไปตามคำสั่งศาล ในกรณีเช่นนี้ให้เงินที่ได้จากการขายเรือนั้นตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งบุริมสิทธิทางทะเลแทน
(๓)
ผู้รับจำนองเอาเรือจำนองหลุด
(๔)
มีคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลถึงที่สุดให้ริบเรือนั้น
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๒๙
บทบัญญัติมาตรา ๖ ไม่กระทบกระเทือนถึงการจำนำเรือไทยที่ได้ทำขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๓๐
การจำนองเรือไทยที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ให้ถือว่าเป็นการจำนองตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
อัตราค่าธรรมเนียม
๑. ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนอง
(๑) เรือขนาดไม่เกิน ๑๐๐ ตันกรอส ครั้งละ ๕๐๐ บาท
(๒)
เรือขนาดเกิน ๑๐๐ ตันกรอส
แต่ไม่เกิน ๒๐๐ ตันกรอส ครั้งละ
๑,๐๐๐ บาท
(๓) เรือขนาดเกิน ๒๐๐ ตันกรอสขึ้นไป
ตันกรอสละ
๑๐ บาท
แต่ครั้งหนึ่งไม่เกิน ลำละ
๒๐,๐๐๐ บาท
๒. ค่าธรรมเนียมการหมายเหตุแก้ข้อความในสัญญาจำนอง
(๑) ไม่เพิ่มทุนทรัพย์ ครั้งละ
๒๐ บาท
(๒)
เพิ่มทุนทรัพย์
หนึ่งหมื่นบาทแรกหรือต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาท ๕๐ บาท
หนึ่งหมื่นบาทหลัง หมื่นละ ๒๐ บาท
เศษของหนึ่งหมื่นบาทให้นับเป็นหนึ่งหมื่นบาท
แต่ฉบับหนึ่งไม่เกิน ๕๐๐ บาท
๓. ค่าธรรมเนียมการคัดสำเนาหลักฐาน
(๑) หนึ่งร้อยคำแรกหรือต่ำกว่าหนึ่งร้อยคำ ๑๐ บาท
(๒) หนึ่งร้อยคำหลัง ร้อยละ ๑ บาท
เศษของหนึ่งร้อยคำให้นับเป็นหนึ่งร้อยคำ
๔. ค่าธรรมเนียมการออกใบแทนใบทะเบียนเรือไทย ฉบับละ ๑๐๐ บาท
๕. ค่าธรรมเนียมอื่น ครั้งละหรือฉบับละ ๕๐ บาท
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือ โดยที่ในปัจจุบันการจำนองเรือเดินทะเลและบุริมสิทธิเหนือเรือเดินทะเลได้นำบทบัญญัติว่าด้วยจำนองและบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับ
แต่โดยที่กิจการเรือเดินทะเลมีลักษณะเฉพาะที่จำเป็นต้องมีการเคลื่อนที่ไปมาในน่านน้ำของประเทศต่าง
ๆ เกือบตลอดเวลา การนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับจึงไม่เหมาะสม
จำเป็นต้องแยกการจำนองเรือเดินทะเลและบุริมสิทธิพิเศษเหนือเรือเดินทะเลออกจากกฎหมายว่าด้วยเรือไทยซึ่งยังคงบังคับตามบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โดยสมควรให้มีกฎหมายสำหรับใช้บังคับกับการจำนองเรือเดินทะเลโดยตรง และกำหนดบุริมสิทธิทางทะเลขึ้นไว้โดยเฉพาะสำหรับเรือเดินทะเลเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาพาณิชย์นาวีของไทย
และคุ้มครองบุคคลซึ่งมีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับเรือเดินทะเลได้อย่างเหมาะสม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
*พระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัติให้สอดคล้องกับการโอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕[๒]
มาตรา ๑๔
ในพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗ ให้แก้ไขคำว่า กรมเจ้าท่า เป็น กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้
คือ โดยที่พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้บัญญัติให้จัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่โดยมีภารกิจใหม่
ซึ่งได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม นั้นแล้ว และเนื่องจากพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้โอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ
รัฐมนตรีผู้ดำรงตำแหน่งหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่
โดยให้มีการแก้ไขบทบัญญัติต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่โอนไปด้วย ฉะนั้น เพื่ออนุวัติให้เป็นไปตามหลักการที่ปรากฏในพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
จึงสมควรแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้สอดคล้องกับการโอนส่วนราชการ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องมีความชัดเจนในการใช้กฎหมายโดยไม่ต้องไปค้นหาในกฎหมายโอนอำนาจหน้าที่ว่าตามกฎหมายใดได้มีการโอนภารกิจของส่วนราชการหรือผู้รับผิดชอบตามกฎหมายนั้นไปเป็นของหน่วยงานใดหรือผู้ใดแล้ว
โดยแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายให้มีการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ รัฐมนตรี ผู้ดำรงตำแหน่งหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการให้ตรงกับการโอนอำนาจหน้าที่
และเพิ่มผู้แทนส่วนราชการในคณะกรรมการให้ตรงตามภารกิจที่มีการตัดโอนจากส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่รวมทั้งตัดส่วนราชการเดิมที่มีการยุบเลิกแล้ว
ซึ่งเป็นการแก้ไขให้ตรงตามพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
กองกฎหมายไทย
๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๑๑๑/ตอนที่ ๔ ก/หน้า ๑/๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗
[๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๑๑๙/ตอนที่ ๑๐๒ ก/หน้า ๖๖/๘ ตุลาคม ๒๕๔๕ |
774304 | กฎกระทรวงการจดทะเบียนจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ พ.ศ. 2560 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
การจดทะเบียนจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ
พ.ศ. ๒๕๖๐[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗
และมาตรา ๒๑/๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ.
๒๕๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ
๑
ในการจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ
ให้เจ้าของเรือที่อยู่ระหว่างการต่อและผู้รับจำนองจัดทำสัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อเป็นหนังสือตามแบบที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากำหนด
โดยจัดทำสัญญาจำนองเรือจำนวนสี่ฉบับมีข้อความตรงกัน
พร้อมทั้งลงลายมือชื่อผู้จำนองและผู้รับจำนองให้ครบถ้วนทุกฉบับ
เจ้าของเรือตามวรรคหนึ่งต้องมีคุณสมบัติที่จะถือกรรมสิทธิ์เรือไทยได้ตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย
สัญญาจำนองเรือสัญญาหนึ่งให้ใช้เฉพาะสำหรับการจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อหนึ่งลำ
ข้อ ๒ ให้เจ้าของเรือซึ่งประสงค์จะจดทะเบียนจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ ยื่นคำขอจดทะเบียนจำนองเรือต่อนายทะเบียนเรือ ณ สำนักมาตรฐานทะเบียนเรือ
กรมเจ้าท่า ตามแบบที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากำหนด
พร้อมกับเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑)
สำเนาสัญญาว่าจ้างต่อเรือที่ระบุว่าผู้ว่าจ้างต่อเรือเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เรือที่อยู่ระหว่างการต่อ
(๒)
ใบสำคัญรับรองการตรวจอนุมัติแบบแปลนเรือ
เว้นแต่กรณีที่เรือที่อยู่ระหว่างการต่อนั้นไม่มีใบสำคัญรับรองการตรวจอนุมัติแบบแปลนเรือ
ให้ใช้หนังสือรับรองขนาดตันเรือที่ออกโดยกรมเจ้าท่าแทนได้
(๓)
สัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อจำนวนสี่ฉบับ
(๔)
สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้จำนองและผู้รับจำนอง
ในกรณีที่ผู้จำนองและผู้รับจำนองเป็นบุคคลธรรมดา
(๕)
สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล หนังสือบริคณห์สนธิ
ข้อบังคับและทะเบียนผู้ถือหุ้นของผู้จำนองที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
ออกให้ไม่เกินหกเดือน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล
ในกรณีที่ผู้จำนองเป็นนิติบุคคล
(๖)
สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลของผู้รับจำนองที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ออกให้ไม่เกินหกเดือน
และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล
ในกรณีที่ผู้รับจำนองเป็นนิติบุคคล
(๗)
หนังสือมอบอำนาจให้ทำนิติกรรมจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
ในกรณีที่ผู้จำนองหรือผู้รับจำนองไม่ได้กระทำการด้วยตนเอง
(๘)
เอกสารอื่นตามที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากำหนด
ข้อ
๓
ให้นายทะเบียนเรือรับจดทะเบียนจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อให้แก่ผู้ยื่นคำขอ
เมื่อเห็นว่าคำขอและเอกสารหลักฐานครบถ้วนและถูกต้อง
โดยผู้ยื่นคำขอต้องเสียค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนองให้ครบถ้วนก่อนที่นายทะเบียนเรือจะรับจดทะเบียนจำนองเรือ
ในการจดทะเบียนจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ
ให้นายทะเบียนเรือลงรายการจำนองในสมุดทะเบียนเรือที่อยู่ระหว่างการต่อตามแบบที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากำหนด
พร้อมทั้งจดแจ้งหมายเลขทะเบียนจำนองไว้ในสัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อทั้งสี่ฉบับ
แล้วมอบสัญญาจำนองเรือให้คู่สัญญายึดถือไว้ฝ่ายละหนึ่งฉบับ
และเก็บรักษาไว้ที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือหนึ่งฉบับ และที่กรมเจ้าท่าหนึ่งฉบับ
ข้อ
๔ ในกรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ
หรือมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหนี้ที่มีการจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อไว้เป็นประกัน
ให้ผู้จำนองและผู้รับจำนองร่วมกันยื่นคำขอแก้ไขสัญญาจำนองเรือต่อนายทะเบียนเรือ
ตามแบบที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากำหนด พร้อมกับเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑)
สัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ ฉบับผู้จำนองและผู้รับจำนอง
(๒)
เอกสารตามข้อ ๒ (๔) (๕) หรือ (๖) แล้วแต่กรณี
(๓)
หนังสือมอบอำนาจให้ทำนิติกรรมแก้ไขสัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
ในกรณีที่ผู้จำนองหรือผู้รับจำนองไม่ได้กระทำการด้วยตนเอง
(๔)
เอกสารอื่นตามที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากำหนด
ในกรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อเพราะเหตุมีการโอนกรรมสิทธิ์เรือที่อยู่ระหว่างการต่อ
ให้ผู้จำนอง ผู้รับจำนอง และผู้รับโอนร่วมกันยื่นคำขอแก้ไขสัญญาจำนองเรือต่อนายทะเบียนเรือ
โดยต้องยื่นสำเนาสัญญาหรือหนังสือที่แสดงให้เห็นว่าผู้รับโอนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เรือที่อยู่ระหว่างการต่อ
พร้อมกับเอกสารหลักฐานตามวรรคหนึ่งด้วย
ให้นายทะเบียนเรือแก้ไขสัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อให้แก่ผู้ยื่นคำขอ
เมื่อเห็นว่าคำขอและเอกสารหลักฐานครบถ้วนและถูกต้อง
โดยจดแจ้งการแก้ไขไว้ในสัญญาจำนองเรือฉบับผู้จำนอง ฉบับผู้รับจำนอง
และฉบับที่เก็บรักษาไว้ ณ ที่ทำการนายทะเบียนเรือและกรมเจ้าท่า
รวมทั้งลงรายการแก้ไขรายการจำนองในสมุดทะเบียนเรือที่อยู่ระหว่างการต่อด้วย
ข้อ
๕
ในกรณีการไถ่ถอนการจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ ให้ผู้จำนองและผู้รับจำนองร่วมกันยื่นคำขอจดทะเบียนไถ่ถอนการจำนองเรือต่อนายทะเบียนเรือตามแบบที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากำหนด
พร้อมกับเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑)
สัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ ฉบับผู้จำนองและผู้รับจำนอง
(๒)
เอกสารตามข้อ ๒ (๔) (๕) หรือ (๖) แล้วแต่กรณี
(๓)
หนังสือมอบอำนาจให้ทำนิติกรรมไถ่ถอนการจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
ในกรณีที่ผู้จำนองหรือผู้รับจำนองไม่ได้กระทำการด้วยตนเอง
(๔)
เอกสารอื่นตามที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากำหนด
ให้นายทะเบียนเรือจดทะเบียนไถ่ถอนการจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อให้แก่ผู้ยื่นคำขอ
เมื่อเห็นว่าคำขอและเอกสารหลักฐานครบถ้วนและถูกต้อง
และให้นายทะเบียนเรือลงรายการไถ่ถอนจำนองในสมุดทะเบียนเรือที่อยู่ระหว่างการต่อด้วย
ข้อ ๖ ในกรณีที่การต่อเรือแล้วเสร็จ
และหนี้ที่มีการจำนองเรือนั้นไว้เป็นประกันคงมีอยู่ต่อไป
เมื่อเจ้าของเรือได้ดำเนินการจดทะเบียนเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยแล้ว ให้ผู้จำนองและผู้รับจำนองร่วมกันยื่นคำขอแก้ไขสัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ
ต่อนายทะเบียนเรือตามแบบที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากำหนด
เพื่อเพิ่มเติมรายละเอียดของเรือหรือแก้ไขข้อมูลเรือที่ได้เปลี่ยนแปลง
ให้ตรงกับรายการเรือที่จดทะเบียนเรือไทย พร้อมกับเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑)
สัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ ฉบับผู้จำนองและผู้รับจำนอง
(๒)
เอกสารตามข้อ ๒ (๔) (๕) หรือ (๖) แล้วแต่กรณี
(๓)
หนังสือมอบอำนาจให้ทำนิติกรรมแก้ไขสัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
ในกรณีที่ผู้จำนองหรือผู้รับจำนองไม่ได้กระทำการด้วยตนเอง
(๔)
เอกสารอื่นตามที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากำหนด
ให้นายทะเบียนเรือแก้ไขสัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อให้แก่ผู้ยื่นคำขอ
เมื่อเห็นว่าคำขอและเอกสารหลักฐานครบถ้วนและถูกต้อง
โดยจดแจ้งการแก้ไขไว้ในสัญญาจำนองเรือฉบับผู้จำนอง ฉบับผู้รับจำนอง
และฉบับที่เก็บรักษาไว้ ณ ที่ทำการนายทะเบียนเรือและกรมเจ้าท่า
รวมทั้งลงรายการแก้ไขรายการจำนองในสมุดทะเบียนเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ
และจดแจ้งรายการจำนองเรือไว้ในสมุดทะเบียนเรือไทยและใบทะเบียนเรือไทยด้วย
ข้อ
๗ ในการยื่นเอกสารหลักฐานประกอบคำขอ
หากเป็นภาษาต่างประเทศ ผู้ยื่นคำขอต้องจัดให้มีคำแปลเป็นภาษาไทยโดยมีคำรับรองของผู้แปลด้วยว่าเป็นคำแปลที่ถูกต้อง
เอกสารประกอบคำขอซึ่งเป็นสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนจะใช้สำเนาเอกสารประจำตัวอย่างอื่นที่ทางราชการออกให้ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชนแทนก็ได้
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐
มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
พิชิต อัคราทิตย์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๒๑/๒
วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘
บัญญัติให้สัญญาจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
ภวรรณตรี/จัดทำ
๑๘ เมษายน ๒๕๖๐
พิมพ์มาดา/ตรวจ
๒๕ เมษายน ๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๔๑ ก/หน้า ๒๖/๑๐ เมษายน ๒๕๖๐ |
318855 | กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. 2537 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
พ.ศ. ๒๕๓๗[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕
แห่งพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ให้กำหนดค่าธรรมเนียม ดังนี้
๑. ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนอง
(๑) เรือขนาดไม่เกิน ๑๐๐ ตันกรอส ครั้งละ ๕๐๐ บาท
(๒) เรือขนาดเกิน ๑๐๐ ตันกรอส
แต่ไม่เกิน ๒๐๐ ตันกรอส ครั้งละ ๑,๐๐๐ บาท
(๓) เรือขนาดเกิน ๒๐๐ ตันกรอสขึ้นไป ตันกรอสละ ๑๐ บาท
แต่ครั้งหนึ่งไม่เกิน ลำละ ๒๐,๐๐๐ บาท
๒. ค่าธรรมเนียมการหมายเหตุแก้ข้อความในสัญญาจำนอง
(๑) ไม่เพิ่มทุนทรัพย์ ครั้งละ ๒๐ บาท
(๒) เพิ่มทุนทรัพย์
หนึ่งหมื่นบาทแรกหรือต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาท ๕๐ บาท
หนึ่งหมื่นบาทหลัง หมื่นละ ๒๐ บาท
เศษของหนึ่งหมื่นบาทให้นับเป็นหนึ่งหมื่นบาท
แต่ฉบับหนึ่งไม่เกิน ๕๐๐ บาท
๓. ค่าธรรมเนียมการคัดสำเนาหลักฐาน
(๑)
หนึ่งร้อยคำแรกหรือต่ำกว่าหนึ่งร้อยคำ ๑๐ บาท
(๒) หนึ่งร้อยคำหลัง ร้อยละ ๑ บาท
เศษของหนึ่งร้อยคำให้นับเป็นหนึ่งร้อยคำ
๔. ค่าธรรมเนียมการออกใบแทนใบทะเบียนเรือไทย ฉบับละ ๑๐๐ บาท
๕. ค่าธรรมเนียมการตรวจดูทะเบียนจำนองเรือ
เดินทะเลและเอกสารเกี่ยวกับการจำนองตาม
มาตรา ๑๔ ครั้งละ ๕๐ บาทต่อลำ
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗
เอนก ทับสุวรรณ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๕
แห่งพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗
บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าว
จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
กองกฎหมายไทย
๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๑/ตอนที่ ๖๔ ก/หน้า ๖๔/๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๗ |
302207 | กฎกระทรวง (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. 2537 | กฎกระทรวง
กฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล
พ.ศ. ๒๕๓๗[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๑๑
แห่งพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในการจำนองเรือไทย
ให้เจ้าของเรือและผู้รับจำนองจัดทำสัญญาจำนองเรือไทยเป็นหนังสือตามแบบที่กรมเจ้าท่ากำหนด
โดยจัดทำสัญญาจำนองเรือไทยจำนวนสี่ฉบับมีข้อความตรงกันพร้อมทั้งลงลายมือชื่อผู้จำนองและผู้รับจำนองให้ครบถ้วนทุกฉบับ
ในกรณีที่สัญญาจำนองเรือไทยทำเป็นภาษาต่างประเทศตามแบบที่กรมเจ้าท่ากำหนด
ต้องจัดให้มีคำแปลภาษาไทยไว้ในสัญญาหรือแนบไว้กับสัญญาด้วย
สัญญาจำนองเรือไทยสัญญาหนึ่งให้ใช้สำหรับการจำนองเรือไทยลำหนึ่ง
ข้อ ๒
ให้เจ้าของเรือไทยซึ่งประสงค์จะจดทะเบียนจำนองเรือของตนยื่นคำขอจดทะเบียนจำนองหรือตามแบบที่กรมเจ้าท่ากำหนดต่อนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้น
พร้อมกับเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(๑) ใบทะเบียนเรือไทยของเรือที่จะทะเบียนจำนอง
(๒) สัญญาจำนองเรือไทยจำนวนสี่ฉบับ
(๓) สำเนาหรือภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน
และสำเนาหรือภาพถ่ายสำเนาทะเบียนบ้านของผู้จำนองและของผู้รับจำนอง
ในกรณีที่ผู้จำนองและผู้รับจำนองเป็นบุคคลธรรมดา
(๔) สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน วัตถุประสงค์
และผู้มีอำนาจลงชื่อแทนนิติบุคคลของผู้จำนองและของผู้รับจำนองที่ออกให้ไม่เกินหกเดือน
ในกรณีที่ผู้จำนองและผู้รับจำนองเป็นนิติบุคคล
(๕) หนังสือมอบอำนาจให้ทำนิติกรรมจำนอง
และสำเนาหรือภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
ในกรณีที่ผู้จำนองหรือผู้รับจำนองไม่ได้กระทำการด้วยตนเอง
(๖) เอกสารอื่นตามที่นายทะเบียนเรือกำหนด
ข้อ ๓
ในกรณีที่เจ้าของเรือไทยประสงค์จะจดทะเบียนจำนองเรือของตนที่ที่ทำการนายทะเบียนเรืออื่นนอกจากที่ทำการนายทะเบียนเรือตามข้อ
๒ หรือที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
ให้เจ้าของเรือนั้นยื่นคำขอจดทะเบียนจำนองเรือต่อนายทะเบียนเรืออื่นนั้น
หรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย แล้วแต่กรณี
พร้อมกับเอกสารหลักฐานตามที่กำหนดในข้อ ๒
ข้อ ๔
เมื่อนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนายทะเบียนเรืออื่น
หรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย แล้วแต่กรณี
ได้รับคำขอจดทะเบียนจำนองเรือแล้ว เห็นว่าคำขอและเอกสารหลักฐานครบถ้วนและถูกต้อง
และผู้ยื่นคำขอได้เสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว
ให้รับจดทะเบียนจำนองเรือให้แก่เจ้าของเรือนั้น
ในกรณีที่นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนายทะเบียนเรืออื่น
หรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย แล้วแต่กรณี
เห็นว่าคำขอหรือเอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง
ให้มีคำสั่งให้ผู้ยื่นคำขอแก้ไขให้ครบถ้วนและถูกต้อง
เมื่อผู้ยื่นคำขอแก้ไขให้ครบถ้วนและถูกต้องแล้ว
ให้มีคำสั่งให้ผู้ยื่นคำขอแก้ไขให้ครบถ้วนและถูกต้อง
เมื่อผู้ยื่นคำขอได้แก้ไขให้ครบถ้วนและถูกต้องแล้ว
และได้เสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว
ให้รับจดทะเบียนจำนองเรือให้แก่เจ้าของเรือนั้น
ให้นายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือ
นายทะเบียนเรืออื่น หรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
แล้วแต่กรณี
ซึ่งรับจดทะเบียนจำนองเรือนั้นจดแจ้งหมายเลขทะเบียนจำนองไว้ในสัญญาจำนองเรือไทย
ทั้งสี่ฉบับแล้วมอบสัญญาจำนองเรือไทย ให้คู่สัญญายึดถือไว้ฝ่ายละหนึ่งฉบับ
และเก็บรักษาไว้ที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือ
ที่ทำการนายทะเบียนเรืออื่น หรือที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
ที่รับจดทะเบียนจำนองเรือนั้น แล้วแต่กรณี หนึ่งฉบับ และที่กรมเจ้าท่าหนึ่งฉบับ
ข้อ ๕
ในกรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาจำนองเรือไทย
หรือมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหนี้ที่มีการจำนองเรือไว้เป็นประกัน
ให้ผู้จำนองหรือผู้รับจำนองยื่นคำขอแก้ไขสัญญาจำนองเรือไทยต่อนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือ
นายทะเบียนเรืออื่น หรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
แล้วแต่กรณี ซึ่งรับจดทะเบียนจำนองเรือนั้น
ตามแบบที่กรมเจ้าท่ากำหนดพร้อมกับเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนเรือ
นายทะเบียนเรืออื่น หรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
แล้วแต่กรณี ซึ่งรับจดทะเบียนจำนองเรือนั้น ได้รับคำขอแก้ไขสัญญาจำนองเรือไทยแล้ว
เห็นว่าคำขอและเอกสารหลักฐานครบถ้วนและถูกต้อง
ให้แก้ไขสัญญาจำนองเรือไทยให้แก่ผู้ยื่นคำขอโดยจดแจ้งการแก้ไขไว้ในสัญญาจำนองเรือไทย
แต่ในกรณีที่เห็นว่าคำขอหรือเอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง
ให้มีคำสั่งให้ผู้ยื่นคำขอแก้ไขให้ครบถ้วนและถูกต้อง
เมื่อผู้ยื่นคำขอได้แก้ไขให้ครบถ้วนและถูกต้องแล้ว
ให้แก้ไขสัญญาจำนองเรือไทยให้แก่ผู้อื่นยื่นคำขอ
ข้อ ๖
ในกรณีที่ผู้จำนองประสงค์จะไถ่ถอนการจำนองเรือไทย
ให้ผู้จำนองและผู้รับจำนองร่วมกันยื่นคำขอจดทะเบียนไถ่ถอนการจำนองเรือไทยต่อนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือ
นายทะเบียนเรืออื่น หรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
แล้วแต่กรณี ซึ่งรับจดทะเบียนจำนองเรือนั้น ตามแบบที่กรมเจ้าท่ากำหนดพร้อมกับเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือ
นายทะเบียนเรืออื่นหรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทย
แล้วแต่กรณี ซึ่งรับจดทะเบียนจำนองเรือนั้น
ได้รับคำขอจดทะเบียนไถ่ถอนการจำนองเรือไทยแล้ว เห็นว่าคำขอและเอกสารหลักฐานครบถ้วนและถูกต้อง
ให้จดทะเบียนไถ่ถอนการจำนองเรือให้แก่ผู้จำนองและผู้รับจำนอง
โดยให้จดแจ้งการไถ่ถอนการจำนองเรือลงไว้ในสมุดทะเบียนและในใบทะเบียนเรือไทย
แต่ในกรณีที่เห็นว่าคำขอหรือเอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง
ให้มีคำส่งให้ผู้จำนองและผู้รับจำนองแก้ไขให้ครบถ้วนและถูกต้อง
เมื่อผู้จำนองและผู้รับจำนองได้แก้ไขให้ครบถ้วนและถูกต้องแล้ว
ให้จดทะเบียนไถ่ถอนการจำนองเรือ
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗
เอนก ทับสุวรรณ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๑๑
แห่งพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗
บัญญัติว่าสัญญาจำนองเรือไทยต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
สมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับการทำสัญญาจำนองเรือไทยและการจดทะเบียนจำนองเรือไทย จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
กองกฎหมายไทย
๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๑๑/ตอนที่ ๖๔ ก/หน้า ๖๐/๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๗ |
301341 | พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ พุทธศักราช 2482 (ฉบับ Update ล่าสุด) | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การชลประทานราษฎร์
พุทธศักราช ๒๔๘๒
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่ ๔ สิงหาคม
พุทธศักราช ๒๔๘๐)
อาทิตย์ทิพอาภา
พล.อ.
เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน
ตราไว้ ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม
พุทธศักราช ๒๔๘๒
เป็นปีที่ ๖
ในรัชชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า
สมควรจัดการควบคุมการชลประทานราษฎร์ เพื่อคุ้มครองและรักษาประโยชน์ของราษฎร
จึ่งมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร
ดั่งต่อไปนี้
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์
พุทธศักราช ๒๔๘๒
มาตรา ๒[๑]
ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนัง พุทธศักราช ๒๔๗๗
พระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนัง แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๘
และพระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนัง (ฉะบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๔๘๐
กับบรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ซึ่งบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้
หรือซึ่งมีข้อความขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔
ในพระราชบัญญัตินี้
การชลประทาน หมายความว่า
กิจการที่บุคคลได้จัดทำขึ้น เพื่อส่งน้ำจากทางน้ำหรือแหล่งน้ำใด ๆ เป็นต้นว่า
แม่น้ำ ลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึงบาง ไปใช้ในการเพาะปลูก
และให้หมายถึงกิจการที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อป้องกันการเสียหายแก่การเพาะปลูกอันเกี่ยวกับน้ำ
การชลประทานส่วนบุคคล หมายความว่า
การชลประทานที่บุคคลคนเดียวหรือหลายคนได้จัดทำขึ้น
เพื่อประโยชน์แก่การเพาะปลูกของบุคคลนั้น ๆ โดยเฉพาะ
การชลประทานส่วนราษฎร หมายความว่า
การชลประทานที่ราษฎรได้ร่วมกันจัดทำขึ้น เพื่อประโยชน์แก่การเพาะปลูกของราษฎรในท้องที่
การชลประทานส่วนการค้า หมายความว่า
การชลประทานที่บุคคลได้จัดทำขึ้นเพื่อค่าตอบแทนจากผู้ที่ต้องการใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูกจากการชลประทานนั้น
เขตการชลประทาน หมายความว่า
เขตที่ดินซึ่งได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
เครื่องอุปกรณ์การชลประทาน หมายความว่า สิ่งของใด ๆ
ที่ใช้ประกอบสำหรับทำการชลประทาน
เจ้าพนักงาน หมายความว่า คณะกรมการจังหวัด
ข้าหลวงประจำจังหวัด คณะกรมการอำเภอ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าหรือผู้ช่วยหัวหน้าการชลประทานและเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน
มาตรา ๕
เพื่อประโยชน์แก่การแบ่งปันน้ำในยามขาดแคลน
หรือเพื่อความปลอดภัยหรือผาสุกของสาธารณชน
ให้คณะกรมการจังหวัดมีอำนาจสั่งปิดหรืองดใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของการชลประทานทุกประเภทไว้ได้ชั่วคราว
หรือสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อชักน้ำไปใช้ในการนั้นได้
ในกรณีที่เกี่ยวกับการแบ่งปันน้ำในยามขาดแคลน
ให้ผู้ได้รับประโยชน์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการนั้น
มาตรา ๖
ห้ามมิให้ผู้ใดใช้น้ำจากการชลประทานส่วนบุคคลหรือการชลประทานส่วนราษฎรเกินความจำเป็น
หรือเอาน้ำไปทิ้งเสียโดยเปล่าประโยชน์ในเมื่อเจ้าพนักงานได้สั่งห้าม
หมวด ๑
การชลประทานส่วนบุคคล
มาตรา ๗
ผู้ใดจะทำการชลประทานส่วนบุคคล
จะต้องขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน
เว้นแต่จะได้ทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินสองร้อยไร่
หรือเป็นการกระทำชั่วครั้งคราวซึ่งมิได้มีการก่อสร้างไว้เป็นประจำ
แต่ทั้งนี้ต้องไม่กีดขวางทางน้ำสาธารณะหรือทำให้เสียหายแก่บุคคลอื่น
การขออนุญาตนั้น
ให้ยื่นคำขอต่อคณะกรมการอำเภอเจ้าของท้องที่
และให้คณะกรมการอำเภอปิดประกาศโฆษณาไว้ ณ
ที่ว่าการอำเภอและในตำบลติดต่อกับตำบลที่จะทำการชลประทานนั้นเป็นเวลาสิบห้าวัน
ผู้ใดเห็นว่าตนจะได้รับความเสียหายจากการชลประทานนี้ ให้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อคณะกรมการอำเภอภายในระยะเวลาดังกล่าวแล้ว
เฉพาะในกรณีฉุกเฉินให้พิจารณาอนุญาตไปก่อนได้
การอนุญาตตามความในวรรคต้น
๑)
ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินห้าร้อยไร่และอยู่ในท้องที่อำเภอเดียวกัน
ให้คณะกรมการอำเภอนั้นเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแล้วรายงานให้จังหวัดทราบ
และให้จังหวัดรายงานไปยังกระทรวงเกษตราธิการ
๒)
ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินหนึ่งพันไร่และอยู่ในท้องที่จังหวัดเดียวกัน
ให้คณะกรมการจังหวัดนั้นเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแล้วรายงานไปยังกระทรวงเกษตราธิการ
๓)
ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่เกินกว่าหนึ่งพันไร่
หรือเนื้อที่คาบเกี่ยวต่างจังหวัดกัน ให้กระทรวงเกษตราธิการเป็นผู้พิจารณาอนุญาต
เจ้าของการชลประทานส่วนบุคคลที่ทำอยู่แล้วก่อนวันใช้พระราชบัญญัตินี้จะต้องขออนุญาตภายในกำหนดเวลาสิบสองเดือนนับแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๘
ผู้ขออนุญาตทำการชลประทานตามความในมาตรา ๗ จะต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
(๑)
เสนอแผนที่สังเขปซึ่งแสดงรายการ ต่อไปนี้
(ก)
จำนวนเนื้อที่เพาะปลูกที่มีอยู่ในเวลาที่ขออนุญาต
(ข)
จำนวนเนื้อที่ซึ่งจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นเนื่องจากการชลประทานนั้น
(ค)
แนวทางน้ำ แหล่งน้ำ หมู่บ้านและสถานที่ถาวรต่าง ๆ เท่าที่มีอยู่ในเขตนั้น
(ง)
แนวทางและจุดที่ตั้งของการชลประทานที่ขอทำขึ้น
(๒)
เสนอรายละเอียด คือ
(ก)
สภาพของลำน้ำที่จะใช้ทำการชลประทานนั้น ในฤดูแล้งมีน้ำเหลืออยู่เพียงใด
ในฤดูน้ำมีน้ำตามปกติเท่าใด
และระดับน้ำสูงที่สุดเท่าใดโดยคิดจากระดับท้องน้ำขึ้นมา
(ข)
ความกว้าง ลึกของลำน้ำเดิม และขนาดส่วนสัดของการชลประทานที่ขอทำขึ้น
(ค)
จำนวนเจ้าของนาภายในเขตที่จะได้รับน้ำจากการชลประทานนั้นรวมทั้งที่มีอยู่เดิมและที่จะมีขึ้นใหม่
(๓)
ให้ชี้แจงว่า การชลประทานรายอื่นได้มีอยู่ก่อนแล้วในลำน้ำนั้นหรือไม่
ถ้ามีให้แจ้งเขตและระยะที่ตั้งถัดไปทางเหนือน้ำ ๑ ราย ทางใต้น้ำ ๑ ราย
มาตรา ๙
ในกรณีที่คณะกรมการจังหวัดเห็นว่า
การชลประทานส่วนบุคคลรายใดมีปริมาณน้ำเกินความจำเป็นแล้ว
ก็ให้มีอำนาจสั่งเฉลี่ยน้ำให้แก่ที่ดินที่ใกล้เคียงได้เป็นครั้งคราว
แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จะต้องช่วยเหลือเจ้าของหรือผู้ควบคุมตามสมควร
การชลประทานส่วนบุคคลรายใดที่ได้ทำมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี
ถ้าคณะกรมการจังหวัดเห็นเป็นการจำเป็นที่จะขยายเขตการชลประทานให้กว้างขวางออกไปเพื่อประโยชน์ของราษฎรหมู่มาก
ก็ให้มีอำนาจสั่งเปลี่ยนประเภทการชลประทานส่วนบุคคลรายนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรได้
โดยให้ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้นร่วมกันออกเงินค่าทำขวัญตามส่วนมากและน้อย
ถ้าหากไม่ตกลงกันในเรื่องเงินค่าทำขวัญ
คณะกรมการจังหวัดและผู้ที่จะได้รับประโยชน์มีสิทธิที่จะขอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการได้
ถ้าจะต้องตั้งอนุญาโตตุลาการตามความในวรรคก่อน
ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๑๐
เจ้าของการชลประทานส่วนบุคคล
จะต้องปฏิบัติการมิให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของบุคคลอื่นและจะต้องปล่อยน้ำให้ที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งเคยได้รับน้ำจากการชลประทานนั้นมาแต่ก่อนได้ใช้สอยตามสมควร
ถ้าเจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำหรืองดเว้นกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันอาจจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือสิ่งสาธารณประโยชน์
ให้คณะกรมการอำเภอมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดได้ตามที่เห็นสมควร
ถ้าพ้นกำหนดเวลา เจ้าของหรือผู้ควบคุมไม่ปฏิบัติตาม
ให้คณะกรมการอำเภอมีอำนาจเข้าดำเนินการเพื่อป้องกันความเสียหายได้ทันที
มาตรา ๑๐ ทวิ[๒] ในการจัดทำการชลประทานส่วนบุคคลตามหมวดนี้
ไม่ว่าจะต้องขออนุญาตตามมาตรา ๗ หรือไม่ก็ตาม
ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินของบุคคลอื่นหรือที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ผู้จัดทำการชลประทานส่วนบุคคลดังกล่าวอาจทำทางน้ำผ่านที่ดินนั้นได้
เมื่อขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
แต่ต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินดังกล่าว
การขออนุญาตตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้ขออนุญาตยื่นคำขอต่อนายอำเภอเจ้าของท้องที่และจะต้องปฏิบัติตามมาตรา ๘ (๑)
ด้วย
และให้นายอำเภอแจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านทราบโดยจดหมายลงทะเบียนไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดิน
พร้อมทั้งปิดประกาศ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัด ที่ว่าการเขต ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการกำนันในท้องที่
และที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
ผู้ใดเห็นว่าตนจะได้รับความเสียหายจากการทำทางน้ำผ่านที่ดิน
ให้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อนายอำเภอภายในระยะเวลาดังกล่าวแล้ว
เฉพาะในกรณีฉุกเฉินให้พิจารณาอนุญาตไปก่อนได้
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่อนุญาตตามคำขอ
ให้ปิดประกาศและแจ้งการอนุญาตพร้อมทั้งรายละเอียดให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินทราบโดยวิธีการดังระบุไว้ในวรรคสองล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ให้นำมาตรา
๗ วรรคสาม มาใช้บังคับแก่การอนุญาตตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมตามหลักชลประทาน
และจะต้องให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินน้อยที่สุด
จำนวนเงินค่าทดแทนนั้นไม่อาจตกลงกันได้
ผู้ขออนุญาตอาจร้องขอต่อคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ
ประธานสภาจังหวัดเป็นรองประธานกรรมการ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด เกษตรจังหวัด
ผู้แทนกรมชลประทาน และนายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอท้องที่ เป็นกรรมการ
เป็นผู้กำหนด
โดยให้คำนึงถึงสภาพของที่ดินตลอดจนประโยชน์ที่ผู้ขออนุญาตจะได้รับและความเสียหายที่จะเกิดแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินอื่นด้วย
เมื่อคณะกรรมการได้กำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนตามวรรคห้า
แล้วเจ้าของที่ดินไม่ยอมรับเงินค่าทดแทน
และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปิดประกาศตามวรรคสามโดยอนุโลม
และได้วางเงินค่าทดแทนดังกล่าวต่อศาลแล้ว ผู้ขออนุญาตมีสิทธิเข้าดำเนินการได้
การที่เจ้าของที่ดินไม่ยินยอมตกลงในจำนวนเงินค่าทดแทนที่ดินตามที่คณะกรรมการกำหนดในวรรคห้า
รับหรือไม่รับเงินค่าทดแทนที่ได้วางไว้ต่อศาล
ไม่ตัดสิทธิเจ้าของที่ดินจะฟ้องเรียกเงินส่วนที่ตนเห็นว่าควรจะได้รับภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
นับแต่วันที่ได้วางเงินต่อศาล ในกรณีศาลพิพากษาให้ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้น
ให้เจ้าของที่ดินได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นนับจากวันที่วางเงินค่าทดแทนต่อศาล
การที่เจ้าของที่ดินฟ้องคดียังศาลตามวรรคเจ็ด
ไม่เป็นเหตุให้การครอบครองการใช้ที่ดินของผู้ขออนุญาตสะดุดหยุดลง
มาตรา ๑๐ ตรี[๓] ทางน้ำตามมาตรา ๑๐ ทวิ
ต้องใช้เพื่อประโยชน์ของที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้น
ถ้าต่อมาที่ดินที่ได้รับน้ำนั้นหมดความจำเป็นที่จะใช้น้ำจากทางน้ำนั้นเพื่อประกอบการเพาะปลูกอีกต่อไป
เมื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่มีทางน้ำผ่านร้องขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
ให้สิทธิของเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้นเป็นอันสิ้นสุดลง
ในระหว่างที่ทางน้ำจะต้องใช้เพื่อประโยชน์ของที่ดินที่ได้รับน้ำ
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้รับน้ำมีสิทธิทำการทุกอย่างอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ทางน้ำนั้นโดยให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่มีทางน้ำผ่านน้อยที่สุดตามพฤติการณ์
หมวด ๒
การชลประทานส่วนราษฎร
มาตรา ๑๑
แม่น้ำ ลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึงบาง หรือทางน้ำแหล่งน้ำใด ๆ นั้น
เมื่อข้าหลวงประจำจังหวัดเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ก็ให้มีอำนาจประกาศกำหนดเขตไว้ได้
และภายในเขตที่กำหนดไว้นั้น
ข้าหลวงประจำจังหวัดมีอำนาจที่จะสั่งห้ามมิให้กระทำการใด ๆ
อันเป็นการขัดขวางแก่การชลประทาน
มาตรา ๑๒
การชลประทานส่วนราษฎรที่จะจัดทำขึ้นใหม่ให้เป็นไปตามความเห็นชอบของราษฎรส่วนมากที่จะได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
โดยการคำนวณเสียงตามมาตรา ๒๒ (ก)
ให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากราษฎรและพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา ๗
นอกจากวรรคสุดท้าย
มาตรา ๑๓
ให้นายอำเภอมีอำนาจตั้งบุคคลที่สมควรตามความเห็นชอบของราษฎรส่วนมากที่ได้รับประโยชน์ในเขตการชลประทาน
เป็นหัวหน้าการชลประทานรายนั้น หรือเป็นผู้ช่วยตามจำนวนที่เห็นสมควร
และให้มีอำนาจถอดถอนบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งดังว่านั้นในเมื่อราษฎรส่วนมากเห็นสมควร
มาตรา ๑๔
การเกณฑ์แรงงานหรือเครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎรในเวลาปกติ
ให้นายอำเภอเป็นผู้สั่งเกณฑ์ ในเวลาฉุกเฉิน ให้กรมการอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หรือหัวหน้าการชลประทานเป็นผู้สั่งเกณฑ์จากผู้ที่ได้รับประโยชน์ในเขตการชลประทานนั้น
มาตรา ๑๕
การเกณฑ์เครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎร
ให้เจ้าพนักงานคำนวณให้พอเพียงต่อการทำ
แล้วกำหนดเกณฑ์เอาตามเนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูกโดยเฉลี่ยไร่หนึ่งมีส่วนเท่า ๆ กัน
เศษของไร่หรือผู้ที่มีเนื้อที่ไม่ถึงหนึ่งไร่ ให้นับเป็นหนึ่ง
มาตรา ๑๖
การเกณฑ์แรงและแบ่งงานทำการชลประทานส่วนราษฎร
ให้จัดแบ่งมากน้อยตามส่วนของจำนวนเนื้อที่ที่มีไว้เพื่อทำการเพาะปลูกของผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน
หรือผู้ครอบครองที่ดินนั้น
งานใดที่แบ่งแยกกันทำไม่ได้
ให้เกณฑ์แรงและแบ่งงานโดยคำนวณดังต่อไปนี้
ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินคนใดมีเนื้อที่ไม่เกินสิบไร่ให้ไปทำงานคนหนึ่ง
ถ้ามากกว่าสิบไร่ ให้คำนวณทวีขึ้นไปโดยอัตราสิบไร่ต่อหนึ่งคน เศษของสิบไร่
ถ้าถึงครึ่ง ให้นับเป็นหนึ่ง
มาตรา ๑๗
ในการแบ่งปันการงานและเครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎรให้ กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าการชลประทานหรือผู้ช่วยในเขตการชลประทานนั้นเป็นผู้แบ่งและควบคุมงานจนกว่าจะแล้วเสร็จ
มาตรา ๑๘
การบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมแก้ไขการชลประทานส่วนราษฎร
ให้ราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
มีหน้าที่ทำงานตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงาน
ในการนี้ถ้ามีกรณีโต้แย้งเกิดขึ้น
ให้นายอำเภอมีอำนาจสั่งดำเนินการตามที่เห็นสมควรเพื่อให้เสร็จก่อนฤดูทำการเพาะปลูก
มาตรา ๑๙
ถ้าเขตก่อสร้างของการชลประทานส่วนราษฎรตรงที่ใดไม่มีที่ขุดดินหรือทิ้งมูลดินพอ
ก็ให้นายอำเภอมีอำนาจสั่งให้ขุดหรือทิ้งมูลดินในที่ดินที่ใกล้หรือข้างเคียงซึ่งติดต่อกับเขตก่อสร้างของการชลประทานนั้น
ห่างข้างละไม่เกิน ๕ เมตร
มาตรา ๒๐
เพื่อประโยชน์ในการขุด ทำ ซ่อมหรือแก้ไขการชลประทานส่วนราษฎร
ให้นายอำเภอมีอำนาจสั่งตัด ฟัน ชัก ลาก ไม้กระยาเลยหวงห้ามชนิดที่ ๓
ในป่าได้ตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๒๑
การแบ่งปันน้ำในเขตการชลประทานส่วนราษฎรให้เป็นหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าการชลประทานหรือผู้ช่วยเป็นผู้แบ่งปันตามส่วนของจำนวนเนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูก
เว้นแต่ในกรณีที่ตกลงกันไม่ได้ จึงให้นายอำเภอหรือผู้แทน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
และหัวหน้าการชลประทานในส่วนที่เกี่ยวข้องนั้น
ไม่น้อยกว่าสามนายเป็นผู้พิจารณาสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
ในเวลาน้ำไม่พอแจกจ่ายให้เป็นประโยชน์แก่การเพาะปลูกได้ทั่วถึงกัน
ให้นายอำเภอหรือผู้แทนประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าการชลประทานในเขตการชลประทานนั้นพิจารณาสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
ตามความในวรรค
๒ นี้ ถ้าเป็นกรณีในระหว่างอำเภอต่ออำเภอ ให้นำมาตรา ๒๒ (ข) และ (ค)
มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๒๒
ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติม รวมกัน
หรือเพิกถอนการชลประทานส่วนราษฎรภายในเนื้อที่ซึ่งได้รับอนุญาตไว้แล้ว
ถ้าตกลงกันไม่ได้ ให้ปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
(ก)
กรณีที่เกิดขึ้นในอำเภอเดียวกัน
ให้นายอำเภอสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมากของราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
การออกเสียงลงคะแนนให้ถือเกณฑ์ดังนี้ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่เกินสิบไร่ ให้ออกเสียงได้เสียงหนึ่ง
ถ้าเกินสิบไร่ให้คำนวณทวีขึ้นโดยอัตราสิบไร่ต่อหนึ่งเสียง เศษของสิบไร่
ถ้าถึงครึ่ง ให้นับเป็นหนึ่ง
(ข)
กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างอำเภอต่ออำเภอในจังหวัดเดียวกัน
ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณามีจำนวนอย่างน้อยห้าคน และให้ข้าหลวงประจำจังหวัดสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
(ค)
กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างจังหวัดต่อจังหวัด ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดนั้น ๆ
ตั้งกรรมการขึ้นจังหวัดละสามคน
และให้อธิบดีกรมชลประทานตั้งกรรมการอีกคนหนึ่งรวมเป็นคณะกรรมการพิจารณา
แล้วให้ข้าหลวงประจำจังหวัดนั้น ๆ สั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
มาตรา ๒๓
ถ้าจะต้องมีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลเพื่อการชลประทานส่วนราษฎร
ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มาใช้บังคับ
มาตรา ๒๔
ผู้ใดไม่สามารถไปทำงานตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงาน
ถ้าสามารถจัดผู้อื่นไปทำแทน ผู้นั้นต้องจัดให้ผู้อื่นที่สมควรไปทำแทน
หรือจะให้เงินทดแทนค่าแรงงานตามปริมาณแห่งงานที่จะต้องทำก็ได้
มาตรา ๒๕
เมื่อคณะกรมการอำเภอพิจารณาเห็นสมควรว่า
ผู้ใดไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงานและไม่สามารถจัดหาคนอื่นทำแทน
ทั้งไม่มีทรัพย์จะเสียค่าทดแทน จะงดเว้นการเกณฑ์ตามพระราชบัญญัตินี้เฉพาะคราวที่จำเป็นแก่ผู้นั้นเสียก็ได้
มาตรา ๒๖
กิจการในหน้าที่ซึ่งเจ้าพนักงานได้แบ่งปันให้ผู้ใดกระทำ
ถ้าผู้นั้นละเลยไม่กระทำตามคำสั่งด้วยประการใด ๆ ก็ดี
นอกจากที่จะต้องถูกลงโทษตามมาตรา ๓๘ (ก) แล้ว ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจจัดบุคคลอื่นเข้ากระทำแทนโดยกำหนดค่าจ้างตามสมควรและให้ผู้ละเลยเป็นผู้รับผิดชอบออกค่าจ้างนั้น
มาตรา ๒๗
กิจการใดซึ่งเกี่ยวกับการชลประทานส่วนราษฎร
เมื่อเจ้าพนักงานได้สั่งชี้ขาดไปตามความในมาตรา ๒๑, ๒๒ แล้ว ให้ถือว่าเป็นที่สุด
มาตรา ๒๘
บุคคลผู้มีหน้าที่ควบคุมทำการชลประทานส่วนราษฎรในเขตตำบลใด
ให้ได้รับยกเว้นการเกณฑ์แรงและเครื่องอุปกรณ์การชลประทานในเขตตำบลนั้นดังนี้
(ก)
กำนันและหัวหน้าการชลประทาน คนละสามสิบไร่
(ข)
ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยหัวหน้าการชลประทาน คนละสิบห้าไร่
ถ้าในเขตนั้นมีเนื้อที่เพาะปลูกไม่ถึงห้าร้อยไร่
ให้บุคคลดังกล่าวแล้วได้รับการยกเว้นเพียงกึ่งอัตรา
แต่ถ้าราษฎรผู้ได้รับประโยชน์เห็นควรให้ได้รับการยกเว้นมากกว่าที่กล่าวไว้ในมาตรานี้
ก็ให้นายอำเภอยกเว้นตามเสียงข้างมากของราษฎร
มาตรา ๒๙
ผู้ใดได้รับสิทธิตามมาตรา ๒๘
แต่ไม่มีเนื้อที่ดินทำการเพาะปลูกของตนเองหรือมีไม่พอตามสิทธิที่ได้รับ
ให้ผู้นั้นมีสิทธิคุ้มครองเนื้อที่ดินทำการเพาะปลูกของผู้อื่นเสมือนที่ดินของตนเองได้อีกไม่เกินสามราย
แต่เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วเนื้อที่ดินต้องไม่เกินกำหนดอัตราดังบัญญัติไว้ในมาตรา
๒๘
หมวด ๓
การชลประทานส่วนการค้า
มาตรา ๓๐
ผู้ใดจะทำการชลประทานส่วนการค้า ให้ยื่นคำขอสัมปทานต่อกระทรวงเกษตราธิการ
และเมื่อได้รับสัมปทานแล้ว จึงจะทำได้
เว้นแต่จะเป็นการกระทำชั่วครั้งคราวซึ่งมิได้มีการก่อสร้างไว้เป็นประจำและไม่กีดขวางทางน้ำสาธารณะหรือทำให้เสียหายแก่บุคคลอื่น
มาตรา ๓๑
ผู้ขอสัมปทานทำการชลประทานส่วนการค้าต้องปฏิบัติตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๘
กับแสดงรายการต่อไปนี้อีกด้วย คือ
(ก)
อัตราค่าตอบแทนที่จะเรียกเก็บจากผู้ที่ทำการเพาะปลูกซึ่งต้องอาศัยใช้น้ำจากการชลประทานนั้น
(ข)
จำนวนเนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูกอยู่แล้ว
ซึ่งผู้ที่ทำการเพาะปลูกยินยอมจะให้ค่าตอบแทน
(ค)
จำนวนเนื้อที่รกร้างว่างเปล่าที่การชลประทานนี้จะทำให้บุกเบิกเป็นที่เพาะปลูกได้
(ง)
ระยะเวลาแห่งสัมปทานที่ขอ
มาตรา ๓๒
ผู้รับสัมปทานมีสิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทนจากผู้ที่ได้รับน้ำจากการชลประทานใหม่นั้นโดยเฉพาะ
แต่ห้ามไม่ให้ใช้สิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทนจากผู้ที่ตามธรรมดาเคยได้รับน้ำพอเพียงแก่การใช้มาก่อนแล้ว
เว้นแต่จะได้มีสัญญาตกลงกันใหม่เป็นพิเศษ
มาตรา ๓๓
ผู้รับสัมปทานจะต้องปฏิบัติการมิให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
มาตรา ๓๔
ผู้รับสัมปทานต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัมปทาน
มาตรา ๓๕
ผู้รับสัมปทานต้องทำรายงานแสดงผลของกิจการที่ได้ทำไปยื่นต่อเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานปีละครั้ง
เว้นแต่เจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานจะสั่งโดยหนังสือเป็นอย่างอื่น
มาตรา ๓๖
ผู้รับสัมปทานจะต้องยอมให้เจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานเข้าตรวจตราการงานที่ทำอยู่นั้นในเวลาสมควร
และต้องชี้แจงตอบข้อความตามที่เจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานต้องการทราบเกี่ยวกับการนั้น
มาตรา ๓๗
ผู้ใดทำการชลประทานส่วนการค้าอยู่แล้วก่อนวันใช้พระราชบัญญัตินี้ให้ยื่นคำขอสัมปทานต่อกระทรวงเกษตราธิการ
และปฏิบัติตามความในมาตรา ๓๑ ภายในกำหนดสิบสองเดือนนับแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้
หมวด ๔
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๓๘[๔] ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด
ดังต่อไปนี้
(ก)
ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๔ มาตรา ๑๘
และมาตรา ๒๑
(ข)
ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗ วรรคแรกและวรรคสุดท้าย และมาตรา ๑๐ มาตรา ๒๔ มาตรา ๓๕
และมาตรา ๓๖
(ค)
ไม่ยอมให้ขุดหรือทิ้งมูลดินในที่ดินของตนตามมาตรา ๑๙
(ง)
ทำลาย แก้ไข
หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำไว้เพื่อแบ่งปันน้ำที่เจ้าพนักงานได้แบ่งปันเด็ดขาดแล้วตามมาตรา
๒๑
(จ)
ขยายเขตการชลประทานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๗
ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๘ ทวิ[๕]
เมื่อมีการชำระเงินค่าทดแทนหรือเมื่อมีการวางเงินค่าทดแทนต่อศาลแล้ว
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกในการทำทางน้ำตามมาตรา
๑๐ ทวิ หรือการรักษาและใช้ทางน้ำนั้นตามมาตรา ๑๐ ตรี
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๓๘ ตรี[๖] ผู้ใดปิดกั้นทางน้ำตามมาตรา ๑๐ ทวิ
หรือกระทำโดยประการอื่นใดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินผู้ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้นได้รับประโยชน์ลดลงหรือไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๓๙
ผู้ใดทำการชลประทานส่วนการค้าโดยมิได้รับสัมปทาน
ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๐
ผู้ใดไม่ขอรับสัมปทานภายในกำหนดเวลาดังกล่าวไว้ในมาตรา ๓๗
ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๑
ผู้ได้รับสัมปทานทำการชลประทานส่วนการค้า ไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามความในมาตรา
๓๔ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๒
ผู้ใดกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้
นอกจากจะได้รับโทษตามที่ได้บัญญัติไว้ในมาตราอื่นแล้ว
ศาลมีอำนาจสั่งบังคับให้รื้อถอน ทำลาย
หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้กระทำไปนั้นได้อีกโสดหนึ่ง
หมวด ๕
การรักษาพระราชบัญญัติ
มาตรา ๔๓
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการมีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กับให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงและแต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน
เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓[๗]
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เนื่องจากที่ดินสำหรับใช้เพื่อเกษตรกรรมเป็นจำนวนมากอยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำ
ไม่สามารถชักน้ำจากทางน้ำหรือแหล่งน้ำมาใช้เพื่อการประกอบเกษตรกรรมได้อย่างทั่วถึง
สมควรให้สิทธิแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่อยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำเหล่านั้น
ทำทางน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นได้
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๖[๘]
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เนื่องจากการใช้น้ำในการเพาะปลูกของเกษตรกรในบางท้องที่มีปัญหามาก กล่าวคือ
เกษตรกรที่อยู่ทางต้นน้ำมักจะกักตุนน้ำไว้มากเกินความจำเป็น
ทำให้เกษตรกรที่อยู่ห่างจากทางน้ำหรือปลายทางน้ำไม่มีน้ำใช้เพาะปลูกได้เพียงพอ
จึงมีการทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ
แม้จะได้มีกฎหมายลงโทษแก่บุคคลผู้กักเก็บน้ำไว้แล้วก็ตาม แต่โทษที่กฎหมายกำหนดไว้นั้นเบาบางมาก
คือ ปรับไม่เกินห้าสิบบาทหรือจำคุกไม่เกินสิบห้าวัน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้กระทำผิดจึงไม่กลัวเกรงอาญาแผ่นดินยังคงกักตุนน้ำไว้ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน
และในทางปฏิบัติต่อผู้กระทำความผิดในการนี้นั้น
เจ้าหน้าที่มีการลงโทษโดยวิธีปรับเพียงสถานเดียว สมควรเพิ่มโทษและลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดในการนี้ให้สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ขึ้น
ภีรภัทร/ตรวจ
สิงหาคม ๒๕๕๔
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๕๖/-/หน้า ๑๒๙๔/๒๖ ตุลาคม ๒๔๘๒
[๒] มาตรา ๑๐ ทวิ
เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓
[๓] มาตรา ๑๐ ตรี
เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓
[๔] มาตรา ๓๘
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๖
[๕] มาตรา ๓๘ ทวิ
เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓
[๖] มาตรา ๓๘ ตรี
เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓
[๗] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๙๗/ตอนที่ ๑๑๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๕/๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๓
[๘] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๐๐/ตอนที่ ๑๗๐/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๒๔ ตุลาคม ๒๕๒๖ |
301340 | พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2526 | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การชลประทานราษฎร์
(ฉบับที่ ๓)
พ.ศ.
๒๕๒๖
ภูมิพลอดุลยเดช
ป.ร.
ให้ไว้
ณ วันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๖
เป็นปีที่
๓๘ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการชลประทานราษฎร์
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๖
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๘
แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ พุทธศักราช ๒๔๘๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๓๘
ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(ก) ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานตามมาตรา ๕ มาตรา ๖
มาตรา ๙ มาตรา ๑๑ มาตรา ๑๔ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๒๑
(ข) ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗ วรรคแรกและวรรคสุดท้าย
และมาตรา ๑๐ มาตรา ๒๔ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๓๖
(ค)
ไม่ยอมให้ขุดหรือทิ้งมูลดินในที่ดินของตนตามมาตรา ๑๙
(ง) ทำลาย แก้ไข
หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำไว้เพื่อแบ่งปันน้ำที่เจ้าพนักงานได้แบ่งปันเด็ดขาดแล้วตามมาตรา
๒๑
(จ)
ขยายเขตการชลประทานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๗
ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก
ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เนื่องจากการใช้น้ำในการเพาะปลูกของเกษตรกรในบางท้องที่มีปัญหามาก กล่าวคือ
เกษตรกรที่อยู่ทางต้นน้ำมักจะกักตุนน้ำไว้มากเกินความจำเป็น
ทำให้เกษตรกรที่อยู่ห่างจากทางน้ำหรือปลายทางน้ำไม่มีน้ำใช้เพาะปลูกได้เพียงพอ
จึงมีการทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ
แม้จะได้มีกฎหมายลงโทษแก่บุคคลผู้กักเก็บน้ำไว้แล้วก็ตามแต่โทษที่กฎหมายกำหนดไว้นั้นเบาบางมาก
คือ ปรับไม่เกินห้าสิบบาทหรือจำคุกไม่เกินห้าสิบวัน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้กระทำผิดจึงไม่กลัวเกรงอาญาแผ่นดินยังคงกักตุนน้ำไว้ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน
และในทางปฏิบัติต่อผู้กระทำความผิดในการนี้นั้น
เจ้าหน้าที่มีการลงโทษโดยวิธีปรับเพียงสถานเดียว
สมควรเพิ่มโทษและลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดในการนี้ให้สูงขึ้น
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ขึ้น
พรพิมล/แก้ไข
๒๘
ส.ค ๒๕๔๔
A+B
(C)
พัชรินทร์/แก้ไข
๗
มกราคม ๒๕๔๘
วศิน/แก้ไข
๑๘
มีนาคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๐/ตอนที่ ๑๗๐/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๒๔ ตุลาคม ๒๕๒๖ |
300278 | พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ พุทธศักราช 2482 (Update ณ วันที่ 25/07/2523) | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การชลประทานราษฎร์
พุทธศักราช
๒๔๘๒
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่
๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐)
อาทิตย์ทิพอาภา
พล.อ.
เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน
ตราไว้
ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๘๒
เป็นปีที่
๖ ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า
สมควรจัดการควบคุมการชลประทานราษฎร์ เพื่อคุ้มครองและรักษาประโยชน์ของราษฎร
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์
พุทธศักราช ๒๔๘๒
มาตรา ๒[๑]
ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนัง พุทธศักราช ๒๔๗๗
พระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนังแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๘
และพระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนัง (ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๔๘๐
กับบรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ซึ่งบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้
หรือซึ่งมีข้อความขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
การชลประทาน หมายความว่า
กิจการที่บุคคลได้จัดทำขึ้น เพื่อส่งน้ำจากทางน้ำหรือแหล่งน้ำใด ๆ เป็นต้นว่า
แม่น้ำ ลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึง บาง ไปใช้ในการเพาะปลูก
และให้หมายถึงกิจการที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อป้องกันการเสียหายแก่การเพาะปลูกอันเกี่ยวกับน้ำ
การชลประทานส่วนบุคคล หมายความว่า
การชลประทานที่บุคคลคนเดียวหรือหลายคนได้จัดทำขึ้น
เพื่อประโยชน์แก่การเพาะปลูกของบุคคลนั้น ๆ โดยเฉพาะ
การชลประทานส่วนราษฎร
หมายความว่า การชลประทานที่ราษฎรได้ร่วมกันจัดทำขึ้น
เพื่อประโยชน์แก่การเพาะปลูกของราษฎรในท้องที่
การชลประทานส่วนการค้า หมายความว่า
การชลประทานที่บุคคลได้จัดทำขึ้นเพื่อค่าตอบแทนจากผู้ที่ต้องการใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูกจากการชลประทานนั้น
เขตการชลประทาน หมายความว่า
เขตที่ดินซึ่งได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
เครื่องอุปกรณ์การชลประทาน หมายความว่า
สิ่งของใด ๆ ที่ใช้ประกอบสำหรับทำการชลประทาน
เจ้าพนักงาน หมายความว่า
คณะกรมการจังหวัด ข้าหลวงประจำจังหวัด คณะกรมการอำเภอ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าหรือผู้ช่วยหัวหน้าการชลประทานและเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน
มาตรา ๕ เพื่อประโยชน์แก่การแบ่งปันน้ำในยามขาดแคลน
หรือเพื่อความปลอดภัยหรือผาสุกของสาธารณชน ให้คณะกรมการจังหวัดมีอำนาจสั่งปิดหรืองดใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของการชลประทานทุกประเภทไว้ได้ชั่วคราว
หรือสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อชักน้ำไปใช้ในการนั้นได้
ในกรณีที่เกี่ยวกับการแบ่งปันน้ำในยามขาดแคลน
ให้ผู้ได้รับประโยชน์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการนั้น
มาตรา ๖
ห้ามมิให้ผู้ใดใช้น้ำจากการชลประทานส่วนบุคคลหรือการชลประทานส่วนราษฎรเกินความจำเป็น
หรือเอาน้ำไปทิ้งเสียโดยเปล่าประโยชน์ในเมื่อเจ้าพนักงานได้สั่งห้าม
หมวด
๑
การชลประทานส่วนบุคคล
มาตรา ๗ ผู้ใดจะทำการชลประทานส่วนบุคคล
จะต้องขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน
เว้นแต่จะได้ทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินสองร้อยไร่
หรือเป็นการกระทำชั่วครั้งคราวซึ่งมิได้มีการก่อสร้างไว้เป็นประจำ แต่ทั้งนี้ต้องไม่กีดขวางทางน้ำสาธารณะหรือทำให้เสียหายแก่บุคคลอื่น
การขออนุญาตนั้น
ให้ยื่นคำขอต่อคณะกรมการอำเภอเจ้าของท้องที่ และให้คณะกรมการอำเภอปิดประกาศโฆษณาไว้
ณ ที่ว่าการอำเภอและในตำบลติดต่อกับตำบลที่จะทำการชลประทานนั้นเป็นเวลาสิบห้าวัน
ผู้ใดเห็นว่าตนจะได้รับความเสียหายจากการชลประทานนี้ ให้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อคณะกรมการอำเภอภายในระยะเวลาดังกล่าวแล้ว
เฉพาะในกรณีฉุกเฉินให้พิจารณาอนุญาตไปก่อนได้
การอนุญาตตามความในวรรคต้น
๑)
ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินห้าร้อยไร่และอยู่ในท้องที่อำเภอเดียวกัน
ให้คณะกรมการอำเภอนั้นเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแล้วรายงานให้จังหวัดทราบ และให้จังหวัดรายงานไปยังกระทรวงเกษตราธิการ
๒)
ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินหนึ่งพันไร่และอยู่ในท้องที่จังหวัดเดียวกัน
ให้คณะกรมการจังหวัดนั้นเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแล้วรายงานไปยังกระทรวงเกษตราธิการ
๓)
ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่เกินกว่าหนึ่งพันไร่
หรือเนื้อที่คาบเกี่ยวต่างจังหวัดกัน ให้กระทรวงเกษตราธิการเป็นผู้พิจารณาอนุญาต
เจ้าของการชลประทานส่วนบุคคลที่ทำอยู่แล้วก่อนวันใช้พระราชบัญญัตินี้
จะต้องขออนุญาตภายในกำหนดเวลาสิบสองเดือนนับแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๘ ผู้ขออนุญาตทำการชลประทานตามความในมาตรา ๗
จะต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแผนที่สังเขปซึ่งแสดงรายการ ต่อไปนี้
(ก)
จำนวนเนื้อที่เพาะปลูกที่มีอยู่ในเวลาที่ขออนุญาต
(ข)
จำนวนเนื้อที่ซึ่งจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นเนื่องจากการชลประทานนั้น
(ค) แนวทางน้ำ แหล่งน้ำ
หมู่บ้านและสถานที่ถาวรต่าง ๆ เท่าที่มีอยู่ในเขตนั้น
(ง)
แนวทางและจุดที่ตั้งของการชลประทานที่ขอทำขึ้น
(๒) เสนอรายละเอียด คือ
(ก) สภาพของลำน้ำที่จะใช้ทำการชลประทานนั้น ในฤดูแล้งมีน้ำเหลืออยู่เพียงใด
ในฤดูน้ำมีน้ำตามปกติเท่าใด
และระดับน้ำสูงที่สุดเท่าใดโดยคิดจากระดับท้องน้ำขึ้นมา
(ข) ความกว้าง ลึกของลำน้ำเดิม
และขนาดส่วนสัดของการชลประทานที่ขอทำขึ้น
(ค)
จำนวนเจ้าของนาภายในเขตที่จะได้รับน้ำจากการชลประทานนั้นรวมทั้งที่มีอยู่เดิมและที่จะมีขึ้นใหม่
(๓) ให้ชี้แจงว่า
การชลประทานรายอื่นได้มีอยู่ก่อนแล้วในลำน้ำนั้นหรือไม่ ถ้ามีให้แจ้งเขตและระยะที่ตั้งถัดไปทางเหนือน้ำ
๑ ราย ทางใต้น้ำ ๑ ราย
มาตรา ๙ ในกรณีที่คณะกรมการจังหวัดเห็นว่า
การชลประทานส่วนบุคคลรายใดมีปริมาณน้ำเกินความจำเป็นแล้ว
ก็ให้มีอำนาจสั่งเฉลี่ยน้ำให้แก่ที่ดินที่ใกล้เคียงได้เป็นครั้งคราว
แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จะต้องช่วยเหลือเจ้าของหรือผู้ควบคุมตามสมควร
การชลประทานส่วนบุคคลรายใดที่ได้ทำมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี
ถ้าคณะกรมการจังหวัดเห็นเป็นการจำเป็นที่จะขยายเขตการชลประทานให้กว้างขวางออกไปเพื่อประโยชน์ของราษฎรหมู่มาก
ก็ให้มีอำนาจสั่งเปลี่ยนประเภทการชลประทานส่วนบุคคลรายนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรได้
โดยให้ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้นร่วมกันออกเงินค่าทำขวัญตามส่วนมากและน้อย
ถ้าหากไม่ตกลงกันในเรื่องเงินค่าทำขวัญ
คณะกรมการจังหวัดและผู้ที่จะได้รับประโยชน์มีสิทธิที่จะขอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการได้
ถ้าจะต้องตั้งอนุญาโตตุลาการตามความในวรรคก่อน
ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๑๐ เจ้าของการชลประทานส่วนบุคคล
จะต้องปฏิบัติการมิให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของบุคคลอื่นและจะต้องปล่อยน้ำให้ที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งเคยได้รับน้ำจากการชลประทานนั้นมาแต่ก่อนได้ใช้สอยตามสมควร
ถ้าเจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำหรืองดเว้นกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันอาจจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือสิ่งสาธารณประโยชน์
ให้คณะกรมการอำเภอมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดได้ตามที่เห็นสมควร
ถ้าพ้นกำหนดเวลา เจ้าของหรือผู้ควบคุมไม่ปฏิบัติตาม
ให้คณะกรมการอำเภอมีอำนาจเข้าดำเนินการเพื่อป้องกันความเสียหายได้ทันที
มาตรา ๑๐ ทวิ[๒] ในการจัดทำการชลประทานส่วนบุคคลตามหมวดนี้
ไม่ว่าจะต้องขออนุญาตตามมาตรา ๗ หรือไม่ก็ตาม
ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินของบุคคลอื่นหรือที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ผู้จัดทำการชลประทานส่วนบุคคลดังกล่าวอาจทำทางน้ำผ่านที่ดินนั้นได้
เมื่อขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
แต่ต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินดังกล่าว
การขออนุญาตตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้ขออนุญาตยื่นคำขอต่อนายอำเภอเจ้าของท้องที่และจะต้องปฏิบัติตามมาตรา ๘ (๑)
ด้วย
และให้นายอำเภอแจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านทราบโดยจดหมายลงทะเบียนไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินพร้อมทั้งปิดประกาศ
ณ สำนักงานที่ดินจังหวัด ที่ว่าการเขต ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการกำนันในท้องที่
และที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
ผู้ใดเห็นว่าตนจะได้รับความเสียหายจากการทำทางน้ำผ่านที่ดิน
ให้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อนายอำเภอภายในระยะเวลาดังกล่าวแล้ว
เฉพาะในกรณีฉุกเฉินให้พิจารณาอนุญาตไปก่อนได้
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่อนุญาตตามคำขอ
ให้ปิดประกาศและแจ้งการอนุญาตพร้อมทั้งรายละเอียดให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินทราบโดยวิธีการดังระบุไว้ในวรรคสองล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ให้นำมาตรา ๗
วรรคสามมาใช้บังคับแก่การอนุญาตตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม ทั้งนี้
ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมตามหลักชลประทาน
และจะต้องให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินน้อยที่สุด
จำนวนเงินค่าทดแทนนั้นไม่อาจตกลงกันได้
ผู้ขออนุญาตอาจร้องขอต่อคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ
ประธานสภาจังหวัดเป็นรองประธานกรรมการ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด เกษตรจังหวัด
ผู้แทนกรมชลประทาน
และนายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอท้องที่เป็นกรรมการ
เป็นผู้กำหนด โดยให้คำนึงถึงสภาพของที่ดินตลอดจนประโยชน์ที่ผู้ขออนุญาตจะได้รับและความเสียหายที่จะเกิดแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินอื่นด้วย
เมื่อคณะกรรมการได้กำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนตามวรรคห้าแล้วเจ้าของที่ดินไม่ยอมรับเงินค่าทดแทน
และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปิดประกาศตามวรรคสามโดยอนุโลม
และได้วางเงินค่าทดแทนดังกล่าวต่อศาลแล้ว ผู้ขออนุญาตมีสิทธิเข้าดำเนินการได้
การที่เจ้าของที่ดินไม่ยินยอมตกลงในจำนวนเงินค่าทดแทนที่ดินตามที่คณะกรรมการกำหนดในวรรคห้า
รับหรือไม่รับเงินค่าทดแทนที่ได้วางไว้ต่อศาล
ไม่ตัดสิทธิเจ้าของที่ดินจะฟ้องเรียกเงินส่วนที่ตนเห็นว่าควรจะได้รับภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
นับแต่วันที่ได้วางเงินต่อศาล ในกรณีศาลพิพากษาให้ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้น ให้เจ้าของที่ดินได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นนับจากวันที่วางเงินค่าทดแทนต่อศาล
การที่เจ้าของที่ดินฟ้องคดียังศาลตามวรรคเจ็ด
ไม่เป็นเหตุให้การครอบครองการใช้ที่ดินของผู้ขออนุญาตสะดุดหยุดลง
มาตรา ๑๐ ตรี[๓] ทางน้ำตามมาตรา ๑๐ ทวิ ต้องใช้เพื่อประโยชน์ของที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้น
ถ้าต่อมาที่ดินที่ได้รับน้ำนั้นหมดความจำเป็นที่จะใช้น้ำจากทางน้ำนั้นเพื่อประกอบการเพาะปลูกอีกต่อไป
เมื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่มีทางน้ำผ่านร้องขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
ให้สิทธิของเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้นเป็นอันสิ้นสุดลง
ในระหว่างที่ทางน้ำจะต้องใช้เพื่อประโยชน์ของที่ดินที่ได้รับน้ำ
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้รับน้ำมีสิทธิทำการทุกอย่างอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ทางน้ำนั้นโดยให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่มีทางน้ำผ่านน้อยที่สุดตามพฤติการณ์
หมวด
๒
การชลประทานส่วนราษฎร
มาตรา ๑๑ แม่น้ำ ลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึงบาง
หรือทางน้ำแหล่งน้ำใด ๆ นั้น
เมื่อข้าหลวงประจำจังหวัดเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ก็ให้มีอำนาจประกาศกำหนดเขตไว้ได้ และภายในเขตที่กำหนดไว้นั้น
ข้าหลวงประจำจังหวัดมีอำนาจที่จะสั่งห้ามมิให้กระทำการใด ๆ
อันเป็นการขัดขวางแก่การชลประทาน
มาตรา ๑๒
การชลประทานส่วนราษฎรที่จะจัดทำขึ้นใหม่ให้เป็นไปตามความเห็นชอบของราษฎรส่วนมากที่จะได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
โดยการคำนวณเสียงตามมาตรา ๒๒ (ก)
ให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากราษฎรและพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา ๗
นอกจากวรรคสุดท้าย
มาตรา ๑๓
ให้นายอำเภอมีอำนาจตั้งบุคคลที่สมควรตามความเห็นชอบของราษฎรส่วนมากที่ได้รับประโยชน์ในเขตการชลประทาน
เป็นหัวหน้าการชลประทานรายนั้น หรือเป็นผู้ช่วยตามจำนวนที่เห็นสมควร
และให้มีอำนาจถอดถอนบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งดังว่านั้นในเมื่อราษฎรส่วนมากเห็นสมควร
มาตรา ๑๔
การเกณฑ์แรงงานหรือเครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎรในเวลาปกติ
ให้นายอำเภอเป็นผู้สั่งเกณฑ์ ในเวลาฉุกเฉิน ให้กรมการอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหัวหน้าการชลประทานเป็นผู้สั่งเกณฑ์จากผู้ที่ได้รับประโยชน์ในเขตการชลประทานนั้น
มาตรา ๑๕
การเกณฑ์เครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎร
ให้เจ้าพนักงานคำนวณให้พอเพียงต่อการทำ
แล้วกำหนดเกณฑ์เอาตามเนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูกโดยเฉลี่ยไร่หนึ่งมีส่วนเท่า ๆ กัน
เศษของไร่หรือผู้ที่มีเนื้อที่ไม่ถึงหนึ่งไร่ ให้นับเป็นหนึ่ง
มาตรา ๑๖
การเกณฑ์แรงและแบ่งงานทำการชลประทานส่วนราษฎร
ให้จัดแบ่งมากน้อยตามส่วนของจำนวนเนื้อที่ที่มีไว้เพื่อทำการเพาะปลูกของผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน
หรือผู้ครอบครองที่ดินนั้น
งานใดที่แบ่งแยกกันทำไม่ได้
ให้เกณฑ์แรงและแบ่งงานโดยคำนวณดังต่อไปนี้
ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินคนใดมีเนื้อที่ไม่เกินสิบไร่ให้ไปทำงานคนหนึ่ง
ถ้ามากกว่าสิบไร่ ให้คำนวณทวีขึ้นไปโดยอัตราสิบไร่ต่อหนึ่งคน เศษของสิบไร่ ถ้าถึงครึ่ง
ให้นับเป็นหนึ่ง
มาตรา ๑๗ ในการแบ่งปันการงานและเครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎร
ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าการชลประทานหรือผู้ช่วยในเขตการชลประทานนั้นเป็นผู้แบ่งและควบคุมงานจนกว่าจะแล้วเสร็จ
มาตรา ๑๘
การบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมแก้ไขการชลประทานส่วนราษฎร
ให้ราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
มีหน้าที่ทำงานตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงาน
ในการนี้ถ้ามีกรณีโต้แย้งเกิดขึ้น
ให้นายอำเภอมีอำนาจสั่งดำเนินการตามที่เห็นสมควรเพื่อให้เสร็จก่อนฤดูทำการเพาะปลูก
มาตรา ๑๙
ถ้าเขตก่อสร้างของการชลประทานส่วนราษฎรตรงที่ใดไม่มีที่ขุดดินหรือทิ้งมูลดินพอ
ก็ให้นายอำเภอมีอำนาจสั่งให้ขุดหรือทิ้งมูลดินในที่ดินที่ใกล้หรือข้างเคียงซึ่งติดต่อกับเขตก่อสร้างของการชลประทานนั้น
ห่างข้างละไม่เกิน ๕ เมตร
มาตรา ๒๐ เพื่อประโยชน์ในการขุด ทำ
ซ่อมหรือแก้ไขการชลประทานส่วนราษฎร ให้นายอำเภอมีอำนาจสั่งตัด ฟัน ชัก ลาก
ไม้กระยาเลยหวงห้ามชนิดที่ ๓ ในป่าได้ตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๒๑
การแบ่งปันน้ำในเขตการชลประทานส่วนราษฎรให้เป็นหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าการชลประทานหรือผู้ช่วยเป็นผู้แบ่งปันตามส่วนของจำนวนเนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูก
เว้นแต่ในกรณีที่ตกลงกันไม่ได้จึงให้นายอำเภอหรือผู้แทน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
และหัวหน้าการชลประทานในส่วนที่เกี่ยวข้องนั้น
ไม่น้อยกว่าสามนายเป็นผู้พิจารณาสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
ในเวลาน้ำไม่พอแจกจ่ายให้เป็นประโยชน์แก่การเพาะปลูกได้ทั่วถึงกัน
ให้นายอำเภอหรือผู้แทนประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าการชลประทานในเขตการชลประทานนั้นพิจารณาสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
ตามความในวรรค ๒ นี้
ถ้าเป็นกรณีในระหว่างอำเภอต่ออำเภอ ให้นำมาตรา ๒๒ (ข) และ (ค)
มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๒๒ ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติม รวมกัน
หรือเพิกถอนการชลประทานส่วนราษฎรภายในเนื้อที่ซึ่งได้รับอนุญาตไว้แล้ว
ถ้าตกลงกันไม่ได้ ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
(ก) กรณีที่เกิดขึ้นในอำเภอเดียวกัน
ให้นายอำเภอสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมากของราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
การออกเสียงลงคะแนนให้ถือเกณฑ์ดังนี้ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่เกินสิบไร่
ให้ออกเสียงได้เสียงหนึ่ง
ถ้าเกินสิบไร่ให้คำนวณทวีขึ้นโดยอัตราสิบไร่ต่อหนึ่งเสียง เศษของสิบไร่
ถ้าถึงครึ่ง ให้นับเป็นหนึ่ง
(ข)
กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างอำเภอต่ออำเภอในจังหวัดเดียวกัน
ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณามีจำนวนอย่างน้อยห้าคน
และให้ข้าหลวงประจำจังหวัดสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
(ค) กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างจังหวัดต่อจังหวัด
ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดนั้น ๆ ตั้งกรรมการขึ้นจังหวัดละสามคน
และให้อธิบดีกรมชลประทานตั้งกรรมการอีกคนหนึ่งรวมเป็นคณะกรรมการพิจารณา
แล้วให้ข้าหลวงประจำจังหวัดนั้น ๆ สั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
มาตรา ๒๓
ถ้าจะต้องมีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลเพื่อการชลประทานส่วนราษฎร
ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มาใช้บังคับ
มาตรา ๒๔
ผู้ใดไม่สามารถไปทำงานตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงาน ถ้าสามารถจัดผู้อื่นไปทำแทน
ผู้นั้นต้องจัดให้ผู้อื่นที่สมควรไปทำแทน
หรือจะให้เงินทดแทนค่าแรงงานตามปริมาณแห่งงานที่จะต้องทำก็ได้
มาตรา ๒๕ เมื่อคณะกรมการอำเภอพิจารณาเห็นสมควรว่า
ผู้ใดไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงานและไม่สามารถจัดหาคนอื่นทำแทน
ทั้งไม่มีทรัพย์จะเสียค่าทดแทน จะงดเว้นการเกณฑ์ตามพระราชบัญญัตินี้เฉพาะคราวที่จำเป็นแก่ผู้นั้นเสียก็ได้
มาตรา ๒๖
กิจการในหน้าที่ซึ่งเจ้าพนักงานได้แบ่งปันให้ผู้ใดกระทำ
ถ้าผู้นั้นละเลยไม่กระทำตามคำสั่งด้วยประการใด ๆ ก็ดี
นอกจากที่จะต้องถูกลงโทษตามมาตรา ๓๘ (ก) แล้ว
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจจัดบุคคลอื่นเข้ากระทำแทนโดยกำหนดค่าจ้างตามสมควรและให้ผู้ละเลยเป็นผู้รับผิดชอบออกค่าจ้างนั้น
มาตรา ๒๗
กิจการใดซึ่งเกี่ยวกับการชลประทานส่วนราษฎร
เมื่อเจ้าพนักงานได้สั่งชี้ขาดไปตามความในมาตรา ๒๑, ๒๒
แล้ว ให้ถือว่าเป็นที่สุด
มาตรา ๒๘
บุคคลผู้มีหน้าที่ควบคุมทำการชลประทานส่วนราษฎรในเขตตำบลใด
ให้ได้รับยกเว้นการเกณฑ์แรงและเครื่องอุปกรณ์การชลประทานในเขตตำบลนั้นดังนี้
(ก) กำนันและหัวหน้าการชลประทาน คนละสามสิบไร่
(ข) ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยหัวหน้าการชลประทาน
คนละสิบห้าไร่
ถ้าในเขตนั้นมีเนื้อที่เพาะปลูกไม่ถึงห้าร้อยไร่
ให้บุคคลดังกล่าวแล้วได้รับการยกเว้นเพียงกึ่งอัตรา
แต่ถ้าราษฎรผู้ได้รับประโยชน์เห็นควรให้ได้รับการยกเว้นมากกว่าที่กล่าวไว้ในมาตรานี้
ก็ให้นายอำเภอยกเว้นตามเสียงข้างมากของราษฎร
มาตรา ๒๙ ผู้ใดได้รับสิทธิตามมาตรา ๒๘
แต่ไม่มีเนื้อที่ดินทำการเพาะปลูกของตนเองหรือมีไม่พอตามสิทธิที่ได้รับ
ให้ผู้นั้นมีสิทธิคุ้มครองเนื้อที่ดินทำการเพาะปลูกของผู้อื่นเสมือนที่ดินของตนเองได้อีกไม่เกินสามราย
แต่เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วเนื้อที่ดินต้องไม่เกินกำหนดอัตราดังบัญญัติไว้ในมาตรา
๒๘
หมวด
๓
การชลประทานส่วนการค้า
มาตรา ๓๐ ผู้ใดจะทำการชลประทานส่วนการค้า
ให้ยื่นคำขอสัมปทานต่อกระทรวงเกษตราธิการ และเมื่อได้รับสัมปทานแล้ว จึงจะทำได้
เว้นแต่จะเป็นการกระทำชั่วครั้งคราวซึ่งมิได้มีการก่อสร้างไว้เป็นประจำและไม่กีดขวางทางน้ำสาธารณะหรือทำให้เสียหายแก่บุคคลอื่น
มาตรา ๓๑ ผู้ขอสัมปทานทำการชลประทานส่วนการค้าต้องปฏิบัติตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา
๘ กับแสดงรายการต่อไปนี้อีกด้วย คือ
(ก)
อัตราค่าตอบแทนที่จะเรียกเก็บจากผู้ที่ทำการเพาะปลูกซึ่งต้องอาศัยใช้น้ำจากการชลประทานนั้น
(ข) จำนวนเนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูกอยู่แล้ว
ซึ่งผู้ที่ทำการเพาะปลูกยินยอมจะให้ค่าตอบแทน
(ค) จำนวนเนื้อที่รกร้างว่างเปล่าที่การชลประทานนี้จะทำให้บุกเบิกเป็นที่เพาะปลูกได้
(ง) ระยะเวลาแห่งสัมปทานที่ขอ
มาตรา ๓๒
ผู้รับสัมปทานมีสิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทนจากผู้ที่ได้รับน้ำจากการชลประทานใหม่นั้นโดยเฉพาะ
แต่ห้ามไม่ให้ใช้สิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทนจากผู้ที่ตามธรรมดาเคยได้รับน้ำพอเพียงแก่การใช้มาก่อนแล้ว
เว้นแต่จะได้มีสัญญาตกลงกันใหม่เป็นพิเศษ
มาตรา ๓๓
ผู้รับสัมปทานจะต้องปฏิบัติการมิให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
มาตรา ๓๔
ผู้รับสัมปทานต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัมปทาน
มาตรา ๓๕ ผู้รับสัมปทานต้องทำรายงานแสดงผลของกิจการที่ได้ทำไปยื่นต่อเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานปีละครั้ง
เว้นแต่เจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานจะสั่งโดยหนังสือเป็นอย่างอื่น
มาตรา ๓๖
ผู้รับสัมปทานจะต้องยอมให้เจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานเข้าตรวจตราการงานที่ทำอยู่นั้นในเวลาสมควร
และต้องชี้แจงตอบข้อความตามที่เจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานต้องการทราบเกี่ยวกับการนั้น
มาตรา ๓๗
ผู้ใดทำการชลประทานส่วนการค้าอยู่แล้วก่อนวันใช้พระราชบัญญัตินี้ให้ยื่นคำขอสัมปทานต่อกระทรวงเกษตราธิการ
และปฏิบัติตามความในมาตรา ๓๑ ภายในกำหนดสิบสองเดือนนับแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้
หมวด
๔
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๓๘ ผู้ใดกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าสิบบาทหรือจำคุกไม่เกินสิบวัน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
(ก) ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานดังกล่าวไว้ในมาตรา ๕,
๖, ๙, ๑๑, ๑๔,
๑๘, ๒๑
(ข) ไม่ปฏิบัติตามความในมาตรา ๗
วรรคต้นและวรรคสุดท้าย มาตรา ๑๐, ๒๔, ๓๕,
๓๖
(ค)
ไม่ยอมให้ขุดหรือทิ้งมูลดินในที่ดินของตนตามมาตรา ๑๙
(ง) ทำลาย แก้ไข
หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำไว้เพื่อแบ่งปันน้ำที่เจ้าพนักงานได้แบ่งปันเด็ดขาดแล้วตามมาตรา
๒๑
(จ) ขยายเขตการชลประทานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามความในมาตรา
๗
มาตรา ๓๘ ทวิ[๔]
เมื่อมีการชำระเงินค่าทดแทนหรือเมื่อมีการวางเงินค่าทดแทนต่อศาลแล้ว
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกในการทำทางน้ำตามมาตรา
๑๐ ทวิ หรือการรักษาและใช้ทางน้ำนั้นตามมาตรา ๑๐ ตรี มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๓๘ ตรี[๕] ผู้ใดปิดกั้นทางน้ำตามมาตรา ๑๐ ทวิ
หรือกระทำโดยประการอื่นใดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินผู้ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้นได้รับประโยชน์ลดลงหรือไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๓๙
ผู้ใดทำการชลประทานส่วนการค้าโดยมิได้รับสัมปทาน ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๐ ผู้ใดไม่ขอรับสัมปทานภายในกำหนดเวลาดังกล่าวไว้ในมาตรา
๓๗ ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๑ ผู้ได้รับสัมปทานทำการชลประทานส่วนการค้า
ไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามความในมาตรา ๓๔ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาทหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๒ ผู้ใดกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้ นอกจากจะได้รับโทษตามที่ได้บัญญัติไว้ในมาตราอื่นแล้ว
ศาลมีอำนาจสั่งบังคับให้รื้อถอน ทำลาย
หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้กระทำไปนั้นได้อีกโสดหนึ่ง
หมวด
๕
การรักษาพระราชบัญญัติ
มาตรา ๔๓
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการมีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กับให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงและแต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน
เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓[๖]
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เนื่องจากที่ดินสำหรับใช้เพื่อเกษตรกรรมเป็นจำนวนมากอยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำ ไม่สามารถชักน้ำจากทางน้ำหรือแหล่งน้ำมาใช้เพื่อการประกอบเกษตรกรรมได้อย่างทั่วถึง
สมควรให้สิทธิแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่อยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำเหล่านั้น
ทำทางน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นได้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
วศิน/ผู้จัดทำ
๑๘
มีนาคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๖/หน้า ๑๒๙๔/๒๖ ตุลาคม ๒๔๘๒
[๒]
มาตรา ๑๐ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓
[๓]
มาตรา ๑๐ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓
[๔]
มาตรา ๓๘ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓
[๕]
มาตรา ๓๘ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓
[๖]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๗/ตอนที่ ๑๑๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๕/๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๓ |
301339 | พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2523 | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การชลประทานราษฎร์
(ฉบับที่ ๒)
พ.ศ.
๒๕๒๓
ภูมิพลอดุลยเดช
ป.ร.
ให้ไว้
ณ วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๓
เป็นปีที่
๓๕ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการชลประทานราษฎร์
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๐ ทวิ
และมาตรา ๑๐ ตรี แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ พุทธศักราช ๒๔๘๒
มาตรา ๑๐ ทวิ ในการจัดทำการชลประทานส่วนบุคคลตามหมวดนี้
ไม่ว่าจะต้องขออนุญาตตามมาตรา ๗ หรือไม่ก็ตาม
ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินของบุคคลอื่นหรือที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ผู้จัดทำการชลประทานส่วนบุคคลดังกล่าวอาจทำทางน้ำผ่านที่ดินนั้นได้
เมื่อขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
แต่ต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินดังกล่าว
การขออนุญาตตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้ขออนุญาตยื่นคำขอต่อนายอำเภอเจ้าของท้องที่และจะต้องปฏิบัติตามมาตรา ๘ (๑)
ด้วย
และให้นายอำเภอแจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านทราบโดยจดหมายลงทะเบียนไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินพร้อมทั้งปิดประกาศ
ณ สำนักงานที่ดินจังหวัด ที่ว่าการเขต ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการกำนันในท้องที่
และที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
ผู้ใดเห็นว่าตนจะได้รับความเสียหายจากการทำทางน้ำผ่านที่ดิน
ให้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อนายอำเภอภายในระยะเวลาดังกล่าวแล้ว เฉพาะในกรณีฉุกเฉินให้พิจารณาอนุญาตไปก่อนได้
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่อนุญาตตามคำขอ
ให้ปิดประกาศและแจ้งการอนุญาตพร้อมทั้งรายละเอียดให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินทราบโดยวิธีการดังระบุไว้ในวรรคสองล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ให้นำมาตรา ๗
วรรคสามมาใช้บังคับแก่การอนุญาตตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม ทั้งนี้
ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมตามหลักชลประทาน
และจะต้องให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินน้อยที่สุด
จำนวนเงินค่าทดแทนนั้นไม่อาจตกลงกันได้
ผู้ขออนุญาตอาจร้องขอต่อคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ
ประธานสภาจังหวัดเป็นรองประธานกรรมการ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด เกษตรจังหวัด
ผู้แทนกรมชลประทาน
และนายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอท้องที่เป็นกรรมการ
เป็นผู้กำหนด โดยให้คำนึงถึงสภาพของที่ดินตลอดจนประโยชน์ที่ผู้ขออนุญาตจะได้รับและความเสียหายที่จะเกิดแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินอื่นด้วย
เมื่อคณะกรรมการได้กำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนตามวรรคห้าแล้วเจ้าของที่ดินไม่ยอมรับเงินค่าทดแทน
และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปิดประกาศตามวรรคสามโดยอนุโลม
และได้วางเงินค่าทดแทนดังกล่าวต่อศาลแล้ว ผู้ขออนุญาตมีสิทธิเข้าดำเนินการได้
การที่เจ้าของที่ดินไม่ยินยอมตกลงในจำนวนเงินค่าทดแทนที่ดินตามที่คณะกรรมการกำหนดในวรรคห้า
รับหรือไม่รับเงินค่าทดแทนที่ได้วางไว้ต่อศาล
ไม่ตัดสิทธิเจ้าของที่ดินจะฟ้องเรียกเงินส่วนที่ตนเห็นว่าควรจะได้รับภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
นับแต่วันที่ได้วางเงินต่อศาล ในกรณีศาลพิพากษาให้ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้น
ให้เจ้าของที่ดินได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นนับจากวันที่วางเงินค่าทดแทนต่อศาล
การที่เจ้าของที่ดินฟ้องคดียังศาลตามวรรคเจ็ด
ไม่เป็นเหตุให้การครอบครองการใช้ที่ดินของผู้ขออนุญาตสะดุดหยุดลง
มาตรา ๑๐ ตรี ทางน้ำตามมาตรา ๑๐ ทวิ
ต้องใช้เพื่อประโยชน์ของที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้น
ถ้าต่อมาที่ดินที่ได้รับน้ำนั้นหมดความจำเป็นที่จะใช้น้ำจากทางน้ำนั้นเพื่อประกอบการเพาะปลูกอีกต่อไป
เมื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่มีทางน้ำผ่านร้องขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
ให้สิทธิของเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้นเป็นอันสิ้นสุดลง
ในระหว่างที่ทางน้ำจะต้องใช้เพื่อประโยชน์ของที่ดินที่ได้รับน้ำ
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้รับน้ำมีสิทธิทำการทุกอย่างอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ทางน้ำนั้นโดยให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่มีทางน้ำผ่านน้อยที่สุดตามพฤติการณ์
มาตรา ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๓๘ ทวิ
และมาตรา ๓๘ ตรี แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ พุทธศักราช ๒๔๘๒
มาตรา ๓๘ ทวิ เมื่อมีการชำระเงินค่าทดแทนหรือเมื่อมีการวางเงินค่าทดแทนต่อศาลแล้ว
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกในการทำทางน้ำตามมาตรา
๑๐ ทวิ หรือการรักษาและใช้ทางน้ำนั้นตามมาตรา ๑๐ ตรี
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๓๘ ตรี ผู้ใดปิดกั้นทางน้ำตามมาตรา ๑๐ ทวิ
หรือกระทำโดยประการอื่นใดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินผู้ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้นได้รับประโยชน์ลดลงหรือไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก
ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เนื่องจากที่ดินสำหรับใช้เพื่อเกษตรกรรมเป็นจำนวนมากอยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำ ไม่สามารถชักน้ำจากทางน้ำหรือแหล่งน้ำมาใช้เพื่อการประกอบเกษตรกรรมได้อย่างทั่วถึง
สมควรให้สิทธิแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่อยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำเหล่านั้น
ทำทางน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นได้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
พรพิมล/แก้ไข
๒๘
ส.ค ๒๕๔๔
A+B
(C)
พัชรินทร์/แก้ไข
๗
ธันวาคม ๒๕๔๘
วศิน/แก้ไข
๑๘
มีนาคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๗/ตอนที่ ๑๑๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๕/๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๓ |
301338 | พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ พุทธศักราช 2482 | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การชลประทานราษฎร์
พุทธศักราช
๒๔๘๒
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่
๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐)
อาทิตย์ทิพอาภา
พล.อ.
เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน
ตราไว้
ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๘๒
เป็นปีที่
๖ ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า
สมควรจัดการควบคุมการชลประทานราษฎร์ เพื่อคุ้มครองและรักษาประโยชน์ของราษฎร
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์
พุทธศักราช ๒๔๘๒
มาตรา ๒[๑]
ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนัง พุทธศักราช ๒๔๗๗
พระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนังแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๘
และพระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนัง (ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๔๘๐
กับบรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ซึ่งบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้
หรือซึ่งมีข้อความขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
การชลประทาน หมายความว่า
กิจการที่บุคคลได้จัดทำขึ้น เพื่อส่งน้ำจากทางน้ำหรือแหล่งน้ำใด ๆ เป็นต้นว่า
แม่น้ำ ลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึง บาง ไปใช้ในการเพาะปลูก
และให้หมายถึงกิจการที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อป้องกันการเสียหายแก่การเพาะปลูกอันเกี่ยวกับน้ำ
การชลประทานส่วนบุคคล หมายความว่า
การชลประทานที่บุคคลคนเดียวหรือหลายคนได้จัดทำขึ้น
เพื่อประโยชน์แก่การเพาะปลูกของบุคคลนั้น ๆ โดยเฉพาะ
การชลประทานส่วนราษฎร
หมายความว่า การชลประทานที่ราษฎรได้ร่วมกันจัดทำขึ้น
เพื่อประโยชน์แก่การเพาะปลูกของราษฎรในท้องที่
การชลประทานส่วนการค้า หมายความว่า
การชลประทานที่บุคคลได้จัดทำขึ้นเพื่อค่าตอบแทนจากผู้ที่ต้องการใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูกจากการชลประทานนั้น
เขตการชลประทาน หมายความว่า
เขตที่ดินซึ่งได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
เครื่องอุปกรณ์การชลประทาน หมายความว่า
สิ่งของใด ๆ ที่ใช้ประกอบสำหรับทำการชลประทาน
เจ้าพนักงาน หมายความว่า
คณะกรมการจังหวัด ข้าหลวงประจำจังหวัด คณะกรมการอำเภอ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าหรือผู้ช่วยหัวหน้าการชลประทานและเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน
มาตรา ๕ เพื่อประโยชน์แก่การแบ่งปันน้ำในยามขาดแคลน
หรือเพื่อความปลอดภัยหรือผาสุกของสาธารณชน ให้คณะกรมการจังหวัดมีอำนาจสั่งปิดหรืองดใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของการชลประทานทุกประเภทไว้ได้ชั่วคราว
หรือสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อชักน้ำไปใช้ในการนั้นได้
ในกรณีที่เกี่ยวกับการแบ่งปันน้ำในยามขาดแคลน
ให้ผู้ได้รับประโยชน์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการนั้น
มาตรา ๖
ห้ามมิให้ผู้ใดใช้น้ำจากการชลประทานส่วนบุคคลหรือการชลประทานส่วนราษฎรเกินความจำเป็น
หรือเอาน้ำไปทิ้งเสียโดยเปล่าประโยชน์ในเมื่อเจ้าพนักงานได้สั่งห้าม
หมวด
๑
การชลประทานส่วนบุคคล
มาตรา ๗ ผู้ใดจะทำการชลประทานส่วนบุคคล
จะต้องขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน
เว้นแต่จะได้ทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินสองร้อยไร่
หรือเป็นการกระทำชั่วครั้งคราวซึ่งมิได้มีการก่อสร้างไว้เป็นประจำ แต่ทั้งนี้ต้องไม่กีดขวางทางน้ำสาธารณะหรือทำให้เสียหายแก่บุคคลอื่น
การขออนุญาตนั้น
ให้ยื่นคำขอต่อคณะกรมการอำเภอเจ้าของท้องที่ และให้คณะกรมการอำเภอปิดประกาศโฆษณาไว้
ณ ที่ว่าการอำเภอและในตำบลติดต่อกับตำบลที่จะทำการชลประทานนั้นเป็นเวลาสิบห้าวัน
ผู้ใดเห็นว่าตนจะได้รับความเสียหายจากการชลประทานนี้ ให้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อคณะกรมการอำเภอภายในระยะเวลาดังกล่าวแล้ว
เฉพาะในกรณีฉุกเฉินให้พิจารณาอนุญาตไปก่อนได้
การอนุญาตตามความในวรรคต้น
๑)
ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินห้าร้อยไร่และอยู่ในท้องที่อำเภอเดียวกัน
ให้คณะกรมการอำเภอนั้นเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแล้วรายงานให้จังหวัดทราบ และให้จังหวัดรายงานไปยังกระทรวงเกษตราธิการ
๒)
ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินหนึ่งพันไร่และอยู่ในท้องที่จังหวัดเดียวกัน
ให้คณะกรมการจังหวัดนั้นเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแล้วรายงานไปยังกระทรวงเกษตราธิการ
๓)
ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่เกินกว่าหนึ่งพันไร่
หรือเนื้อที่คาบเกี่ยวต่างจังหวัดกัน ให้กระทรวงเกษตราธิการเป็นผู้พิจารณาอนุญาต
เจ้าของการชลประทานส่วนบุคคลที่ทำอยู่แล้วก่อนวันใช้พระราชบัญญัตินี้
จะต้องขออนุญาตภายในกำหนดเวลาสิบสองเดือนนับแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๘ ผู้ขออนุญาตทำการชลประทานตามความในมาตรา ๗
จะต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) เสนอแผนที่สังเขปซึ่งแสดงรายการ ต่อไปนี้
(ก)
จำนวนเนื้อที่เพาะปลูกที่มีอยู่ในเวลาที่ขออนุญาต
(ข)
จำนวนเนื้อที่ซึ่งจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นเนื่องจากการชลประทานนั้น
(ค) แนวทางน้ำ แหล่งน้ำ
หมู่บ้านและสถานที่ถาวรต่าง ๆ เท่าที่มีอยู่ในเขตนั้น
(ง)
แนวทางและจุดที่ตั้งของการชลประทานที่ขอทำขึ้น
(๒) เสนอรายละเอียด คือ
(ก) สภาพของลำน้ำที่จะใช้ทำการชลประทานนั้น ในฤดูแล้งมีน้ำเหลืออยู่เพียงใด
ในฤดูน้ำมีน้ำตามปกติเท่าใด
และระดับน้ำสูงที่สุดเท่าใดโดยคิดจากระดับท้องน้ำขึ้นมา
(ข) ความกว้าง ลึกของลำน้ำเดิม
และขนาดส่วนสัดของการชลประทานที่ขอทำขึ้น
(ค)
จำนวนเจ้าของนาภายในเขตที่จะได้รับน้ำจากการชลประทานนั้นรวมทั้งที่มีอยู่เดิมและที่จะมีขึ้นใหม่
(๓) ให้ชี้แจงว่า
การชลประทานรายอื่นได้มีอยู่ก่อนแล้วในลำน้ำนั้นหรือไม่ ถ้ามีให้แจ้งเขตและระยะที่ตั้งถัดไปทางเหนือน้ำ
๑ ราย ทางใต้น้ำ ๑ ราย
มาตรา ๙ ในกรณีที่คณะกรมการจังหวัดเห็นว่า
การชลประทานส่วนบุคคลรายใดมีปริมาณน้ำเกินความจำเป็นแล้ว
ก็ให้มีอำนาจสั่งเฉลี่ยน้ำให้แก่ที่ดินที่ใกล้เคียงได้เป็นครั้งคราว
แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จะต้องช่วยเหลือเจ้าของหรือผู้ควบคุมตามสมควร
การชลประทานส่วนบุคคลรายใดที่ได้ทำมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี
ถ้าคณะกรมการจังหวัดเห็นเป็นการจำเป็นที่จะขยายเขตการชลประทานให้กว้างขวางออกไปเพื่อประโยชน์ของราษฎรหมู่มาก
ก็ให้มีอำนาจสั่งเปลี่ยนประเภทการชลประทานส่วนบุคคลรายนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรได้
โดยให้ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้นร่วมกันออกเงินค่าทำขวัญตามส่วนมากและน้อย
ถ้าหากไม่ตกลงกันในเรื่องเงินค่าทำขวัญ
คณะกรมการจังหวัดและผู้ที่จะได้รับประโยชน์มีสิทธิที่จะขอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการได้
ถ้าจะต้องตั้งอนุญาโตตุลาการตามความในวรรคก่อน
ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๑๐ เจ้าของการชลประทานส่วนบุคคล
จะต้องปฏิบัติการมิให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของบุคคลอื่นและจะต้องปล่อยน้ำให้ที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งเคยได้รับน้ำจากการชลประทานนั้นมาแต่ก่อนได้ใช้สอยตามสมควร
ถ้าเจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำหรืองดเว้นกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันอาจจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือสิ่งสาธารณประโยชน์
ให้คณะกรมการอำเภอมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดได้ตามที่เห็นสมควร
ถ้าพ้นกำหนดเวลา เจ้าของหรือผู้ควบคุมไม่ปฏิบัติตาม
ให้คณะกรมการอำเภอมีอำนาจเข้าดำเนินการเพื่อป้องกันความเสียหายได้ทันที
หมวด
๒
การชลประทานส่วนราษฎร
มาตรา ๑๑ แม่น้ำ ลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึงบาง
หรือทางน้ำแหล่งน้ำใด ๆ นั้น เมื่อข้าหลวงประจำจังหวัดเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ก็ให้มีอำนาจประกาศกำหนดเขตไว้ได้ และภายในเขตที่กำหนดไว้นั้น
ข้าหลวงประจำจังหวัดมีอำนาจที่จะสั่งห้ามมิให้กระทำการใด ๆ
อันเป็นการขัดขวางแก่การชลประทาน
มาตรา ๑๒
การชลประทานส่วนราษฎรที่จะจัดทำขึ้นใหม่ให้เป็นไปตามความเห็นชอบของราษฎรส่วนมากที่จะได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
โดยการคำนวณเสียงตามมาตรา ๒๒ (ก)
ให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากราษฎรและพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา ๗
นอกจากวรรคสุดท้าย
มาตรา ๑๓
ให้นายอำเภอมีอำนาจตั้งบุคคลที่สมควรตามความเห็นชอบของราษฎรส่วนมากที่ได้รับประโยชน์ในเขตการชลประทาน
เป็นหัวหน้าการชลประทานรายนั้น หรือเป็นผู้ช่วยตามจำนวนที่เห็นสมควร
และให้มีอำนาจถอดถอนบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งดังว่านั้นในเมื่อราษฎรส่วนมากเห็นสมควร
มาตรา ๑๔
การเกณฑ์แรงงานหรือเครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎรในเวลาปกติ
ให้นายอำเภอเป็นผู้สั่งเกณฑ์ ในเวลาฉุกเฉิน ให้กรมการอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหัวหน้าการชลประทานเป็นผู้สั่งเกณฑ์จากผู้ที่ได้รับประโยชน์ในเขตการชลประทานนั้น
มาตรา ๑๕
การเกณฑ์เครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎร
ให้เจ้าพนักงานคำนวณให้พอเพียงต่อการทำ แล้วกำหนดเกณฑ์เอาตามเนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูกโดยเฉลี่ยไร่หนึ่งมีส่วนเท่า
ๆ กัน เศษของไร่หรือผู้ที่มีเนื้อที่ไม่ถึงหนึ่งไร่ ให้นับเป็นหนึ่ง
มาตรา ๑๖
การเกณฑ์แรงและแบ่งงานทำการชลประทานส่วนราษฎร
ให้จัดแบ่งมากน้อยตามส่วนของจำนวนเนื้อที่ที่มีไว้เพื่อทำการเพาะปลูกของผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน
หรือผู้ครอบครองที่ดินนั้น
งานใดที่แบ่งแยกกันทำไม่ได้
ให้เกณฑ์แรงและแบ่งงานโดยคำนวณดังต่อไปนี้
ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินคนใดมีเนื้อที่ไม่เกินสิบไร่ให้ไปทำงานคนหนึ่ง
ถ้ามากกว่าสิบไร่ ให้คำนวณทวีขึ้นไปโดยอัตราสิบไร่ต่อหนึ่งคน เศษของสิบไร่ ถ้าถึงครึ่ง
ให้นับเป็นหนึ่ง
มาตรา ๑๗
ในการแบ่งปันการงานและเครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎร ให้กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าการชลประทานหรือผู้ช่วยในเขตการชลประทานนั้นเป็นผู้แบ่งและควบคุมงานจนกว่าจะแล้วเสร็จ
มาตรา ๑๘ การบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมแก้ไขการชลประทานส่วนราษฎร
ให้ราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
มีหน้าที่ทำงานตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงาน
ในการนี้ถ้ามีกรณีโต้แย้งเกิดขึ้น
ให้นายอำเภอมีอำนาจสั่งดำเนินการตามที่เห็นสมควรเพื่อให้เสร็จก่อนฤดูทำการเพาะปลูก
มาตรา ๑๙ ถ้าเขตก่อสร้างของการชลประทานส่วนราษฎรตรงที่ใดไม่มีที่ขุดดินหรือทิ้งมูลดินพอ
ก็ให้นายอำเภอมีอำนาจสั่งให้ขุดหรือทิ้งมูลดินในที่ดินที่ใกล้หรือข้างเคียงซึ่งติดต่อกับเขตก่อสร้างของการชลประทานนั้น
ห่างข้างละไม่เกิน ๕ เมตร
มาตรา ๒๐ เพื่อประโยชน์ในการขุด ทำ
ซ่อมหรือแก้ไขการชลประทานส่วนราษฎร ให้นายอำเภอมีอำนาจสั่งตัด ฟัน ชัก ลาก
ไม้กระยาเลยหวงห้ามชนิดที่ ๓ ในป่าได้ตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๒๑
การแบ่งปันน้ำในเขตการชลประทานส่วนราษฎรให้เป็นหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าการชลประทานหรือผู้ช่วยเป็นผู้แบ่งปันตามส่วนของจำนวนเนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูก
เว้นแต่ในกรณีที่ตกลงกันไม่ได้จึงให้นายอำเภอหรือผู้แทน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
และหัวหน้าการชลประทานในส่วนที่เกี่ยวข้องนั้น
ไม่น้อยกว่าสามนายเป็นผู้พิจารณาสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
ในเวลาน้ำไม่พอแจกจ่ายให้เป็นประโยชน์แก่การเพาะปลูกได้ทั่วถึงกัน
ให้นายอำเภอหรือผู้แทนประชุมกำนัน
ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าการชลประทานในเขตการชลประทานนั้นพิจารณาสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
ตามความในวรรค ๒ นี้
ถ้าเป็นกรณีในระหว่างอำเภอต่ออำเภอ ให้นำมาตรา ๒๒ (ข) และ (ค)
มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๒๒ ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติม รวมกัน
หรือเพิกถอนการชลประทานส่วนราษฎรภายในเนื้อที่ซึ่งได้รับอนุญาตไว้แล้ว
ถ้าตกลงกันไม่ได้ ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
(ก) กรณีที่เกิดขึ้นในอำเภอเดียวกัน
ให้นายอำเภอสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมากของราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
การออกเสียงลงคะแนนให้ถือเกณฑ์ดังนี้ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่เกินสิบไร่
ให้ออกเสียงได้เสียงหนึ่ง
ถ้าเกินสิบไร่ให้คำนวณทวีขึ้นโดยอัตราสิบไร่ต่อหนึ่งเสียง เศษของสิบไร่
ถ้าถึงครึ่ง ให้นับเป็นหนึ่ง
(ข)
กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างอำเภอต่ออำเภอในจังหวัดเดียวกัน
ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณามีจำนวนอย่างน้อยห้าคน
และให้ข้าหลวงประจำจังหวัดสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
(ค) กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างจังหวัดต่อจังหวัด
ให้ข้าหลวงประจำจังหวัดนั้น ๆ ตั้งกรรมการขึ้นจังหวัดละสามคน
และให้อธิบดีกรมชลประทานตั้งกรรมการอีกคนหนึ่งรวมเป็นคณะกรรมการพิจารณา
แล้วให้ข้าหลวงประจำจังหวัดนั้น ๆ สั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
มาตรา ๒๓
ถ้าจะต้องมีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลเพื่อการชลประทานส่วนราษฎร
ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มาใช้บังคับ
มาตรา ๒๔
ผู้ใดไม่สามารถไปทำงานตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงาน ถ้าสามารถจัดผู้อื่นไปทำแทน
ผู้นั้นต้องจัดให้ผู้อื่นที่สมควรไปทำแทน
หรือจะให้เงินทดแทนค่าแรงงานตามปริมาณแห่งงานที่จะต้องทำก็ได้
มาตรา ๒๕ เมื่อคณะกรมการอำเภอพิจารณาเห็นสมควรว่า
ผู้ใดไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงานและไม่สามารถจัดหาคนอื่นทำแทน
ทั้งไม่มีทรัพย์จะเสียค่าทดแทน
จะงดเว้นการเกณฑ์ตามพระราชบัญญัตินี้เฉพาะคราวที่จำเป็นแก่ผู้นั้นเสียก็ได้
มาตรา ๒๖
กิจการในหน้าที่ซึ่งเจ้าพนักงานได้แบ่งปันให้ผู้ใดกระทำ
ถ้าผู้นั้นละเลยไม่กระทำตามคำสั่งด้วยประการใด ๆ ก็ดี
นอกจากที่จะต้องถูกลงโทษตามมาตรา ๓๘ (ก) แล้ว
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจจัดบุคคลอื่นเข้ากระทำแทนโดยกำหนดค่าจ้างตามสมควรและให้ผู้ละเลยเป็นผู้รับผิดชอบออกค่าจ้างนั้น
มาตรา ๒๗ กิจการใดซึ่งเกี่ยวกับการชลประทานส่วนราษฎร
เมื่อเจ้าพนักงานได้สั่งชี้ขาดไปตามความในมาตรา ๒๑, ๒๒
แล้ว ให้ถือว่าเป็นที่สุด
มาตรา ๒๘
บุคคลผู้มีหน้าที่ควบคุมทำการชลประทานส่วนราษฎรในเขตตำบลใด
ให้ได้รับยกเว้นการเกณฑ์แรงและเครื่องอุปกรณ์การชลประทานในเขตตำบลนั้นดังนี้
(ก) กำนันและหัวหน้าการชลประทาน คนละสามสิบไร่
(ข) ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยหัวหน้าการชลประทาน
คนละสิบห้าไร่
ถ้าในเขตนั้นมีเนื้อที่เพาะปลูกไม่ถึงห้าร้อยไร่
ให้บุคคลดังกล่าวแล้วได้รับการยกเว้นเพียงกึ่งอัตรา
แต่ถ้าราษฎรผู้ได้รับประโยชน์เห็นควรให้ได้รับการยกเว้นมากกว่าที่กล่าวไว้ในมาตรานี้
ก็ให้นายอำเภอยกเว้นตามเสียงข้างมากของราษฎร
มาตรา ๒๙ ผู้ใดได้รับสิทธิตามมาตรา ๒๘
แต่ไม่มีเนื้อที่ดินทำการเพาะปลูกของตนเองหรือมีไม่พอตามสิทธิที่ได้รับ
ให้ผู้นั้นมีสิทธิคุ้มครองเนื้อที่ดินทำการเพาะปลูกของผู้อื่นเสมือนที่ดินของตนเองได้อีกไม่เกินสามราย
แต่เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วเนื้อที่ดินต้องไม่เกินกำหนดอัตราดังบัญญัติไว้ในมาตรา
๒๘
หมวด
๓
การชลประทานส่วนการค้า
มาตรา ๓๐ ผู้ใดจะทำการชลประทานส่วนการค้า
ให้ยื่นคำขอสัมปทานต่อกระทรวงเกษตราธิการ และเมื่อได้รับสัมปทานแล้ว จึงจะทำได้
เว้นแต่จะเป็นการกระทำชั่วครั้งคราวซึ่งมิได้มีการก่อสร้างไว้เป็นประจำและไม่กีดขวางทางน้ำสาธารณะหรือทำให้เสียหายแก่บุคคลอื่น
มาตรา ๓๑
ผู้ขอสัมปทานทำการชลประทานส่วนการค้าต้องปฏิบัติตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๘
กับแสดงรายการต่อไปนี้อีกด้วย คือ
(ก) อัตราค่าตอบแทนที่จะเรียกเก็บจากผู้ที่ทำการเพาะปลูกซึ่งต้องอาศัยใช้น้ำจากการชลประทานนั้น
(ข) จำนวนเนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูกอยู่แล้ว
ซึ่งผู้ที่ทำการเพาะปลูกยินยอมจะให้ค่าตอบแทน
(ค)
จำนวนเนื้อที่รกร้างว่างเปล่าที่การชลประทานนี้จะทำให้บุกเบิกเป็นที่เพาะปลูกได้
(ง) ระยะเวลาแห่งสัมปทานที่ขอ
มาตรา ๓๒ ผู้รับสัมปทานมีสิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทนจากผู้ที่ได้รับน้ำจากการชลประทานใหม่นั้นโดยเฉพาะ
แต่ห้ามไม่ให้ใช้สิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทนจากผู้ที่ตามธรรมดาเคยได้รับน้ำพอเพียงแก่การใช้มาก่อนแล้ว
เว้นแต่จะได้มีสัญญาตกลงกันใหม่เป็นพิเศษ
มาตรา ๓๓ ผู้รับสัมปทานจะต้องปฏิบัติการมิให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
มาตรา ๓๔
ผู้รับสัมปทานต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัมปทาน
มาตรา ๓๕
ผู้รับสัมปทานต้องทำรายงานแสดงผลของกิจการที่ได้ทำไปยื่นต่อเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานปีละครั้ง
เว้นแต่เจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานจะสั่งโดยหนังสือเป็นอย่างอื่น
มาตรา ๓๖
ผู้รับสัมปทานจะต้องยอมให้เจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานเข้าตรวจตราการงานที่ทำอยู่นั้นในเวลาสมควร
และต้องชี้แจงตอบข้อความตามที่เจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานต้องการทราบเกี่ยวกับการนั้น
มาตรา ๓๗ ผู้ใดทำการชลประทานส่วนการค้าอยู่แล้วก่อนวันใช้พระราชบัญญัตินี้ให้ยื่นคำขอสัมปทานต่อกระทรวงเกษตราธิการ
และปฏิบัติตามความในมาตรา ๓๑ ภายในกำหนดสิบสองเดือนนับแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้
หมวด
๔
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๓๘ ผู้ใดกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าสิบบาทหรือจำคุกไม่เกินสิบวัน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
(ก) ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานดังกล่าวไว้ในมาตรา ๕,
๖, ๙, ๑๑, ๑๔,
๑๘, ๒๑
(ข) ไม่ปฏิบัติตามความในมาตรา ๗
วรรคต้นและวรรคสุดท้าย มาตรา ๑๐, ๒๔, ๓๕,
๓๖
(ค)
ไม่ยอมให้ขุดหรือทิ้งมูลดินในที่ดินของตนตามมาตรา ๑๙
(ง) ทำลาย แก้ไข
หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำไว้เพื่อแบ่งปันน้ำที่เจ้าพนักงานได้แบ่งปันเด็ดขาดแล้วตามมาตรา
๒๑
(จ)
ขยายเขตการชลประทานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามความในมาตรา ๗
มาตรา ๓๙
ผู้ใดทำการชลประทานส่วนการค้าโดยมิได้รับสัมปทาน ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๐
ผู้ใดไม่ขอรับสัมปทานภายในกำหนดเวลาดังกล่าวไว้ในมาตรา ๓๗
ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๑ ผู้ได้รับสัมปทานทำการชลประทานส่วนการค้า
ไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามความในมาตรา ๓๔
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาทหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๒ ผู้ใดกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้ นอกจากจะได้รับโทษตามที่ได้บัญญัติไว้ในมาตราอื่นแล้ว
ศาลมีอำนาจสั่งบังคับให้รื้อถอน ทำลาย
หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้กระทำไปนั้นได้อีกโสดหนึ่ง
หมวด
๕
การรักษาพระราชบัญญัติ
มาตรา ๔๓
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการมีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กับให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงและแต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน
เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
พรพิมล/แก้ไข
๒๘
ส.ค ๒๕๔๔
A+B
(C)
พัชรินทร์/แก้ไข
๗
มกราคม ๒๕๔๘
วศิน/แก้ไข
๑๘
มีนาคม ๒๕๕๒
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๖/หน้า ๑๒๙๔/๒๖ ตุลาคม ๒๔๘๒ |
683329 | ประกาศกระทรวงเกษตราธิการ เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ พุทธศักราช 2482
| ประกาศกระทรวงเกษตราธิการ
ประกาศกระทรวงเกษตราธิการ
เรื่อง
แต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน
ตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์
พุทธศักราช ๒๔๘๒[๑]
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๔๓ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ พุทธศักราช ๒๔๘๒
จึงแต่งตั้งให้ข้าราชการในกรมชลประทานเป็นเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน
ดังต่อไปนี้
๑. อธิบดีกรมชลประทาน
๒.
นายช่างใหญ่
๓.
นายช่างอำนวยการชลประทานราษฎร์
๔.
นายช่างแผนกโครงการก่อสร้างต่าง ๆ
๕.
นายประทุม รมยานนท์
ส่วนประกาศกระทรวงเกษตราธิการ
ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๘๒ ให้ยกเลิกเสีย
ทั้งนี้
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๒๓
ตุลาคม ๒๔๘๕
ส. กมลนาวิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
อังศุมาลี/ผู้จัดทำ
๗ มีนาคม ๒๕๕๖
วิชพงษ์/ผู้ตรวจ
๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๖๙/ตอนที่ ๗๐/หน้า ๒๗๗๘/วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๘๕ |
301346 | พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 (ฉบับ Update ล่าสุด) | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การชลประทานหลวง
พุทธสักราช ๒๔๘๕
ไนพระปรมาภิไธยสมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวอานันทมหิดล
คนะผู้สำเหร็ดราชการแทนพระองค์
(ตามประกาสประธานสภาผู้แทนราสดร
ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พุทธสักราช
๒๔๘๐
และวันที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธสักราช
๒๔๘๔)
อาทิตย์ทิพอาภา
ปรีดี พนมยงค์
ตราไว้ นะ วันที่ ๑ กันยายน
พุทธสักราช ๒๔๘๕
เปนปีที่ ๙ ไนรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราสดรลงมติว่า สมควนส่งเสิมและควบคุมการชลประทานหลวงไห้ดำเนินไปด้วยดี
จึงมีพระบรมราชโองการไห้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราสดร
ดังต่อไปนี้
ข้อความเบื้องต้น
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธสักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๒[๑] ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ห้ามมิให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติรักสาคลอง
ร.ส. ๑๒๑ มาใช้สำหรับทางน้ำชลประทานตามความในพระราชบัญญัตินี้
ให้ยกเลิกบรรดากฎหมาย
กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
การชลประทาน[๒]
หมายความว่า กิจการที่กรมชลประทานจัดทำขึ้นเพื่อให้ได้มา ซึ่งน้ำหรือเพื่อกัก เก็บ
รักษา ควบคุม ส่ง ระบายหรือแบ่งน้ำเพื่อเกษตรกรรม การพลังงาน การสาธารณูปโภค หรือการอุตสาหกรรม
และหมายความรวมถึงการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้ำกับรวมถึงการคมนาคมทางน้ำซึ่งอยู่ในเขตชลประทานด้วย
ทางน้ำชลประทาน
หมายความว่า ทางน้ำที่รัฐมนตรีได้ประกาศตามความในมาตรา ๕ ว่าเป็นทางน้ำชลประทาน
เขตชลประทาน
หมายความว่า เขตที่ดินที่ทำการเพาะปลูกซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
เขตงาน
หมายความว่า เขตที่ดินที่ใช้ในการสร้างและการบำรุงรักษาการชลประทานตามที่เจ้าพนักงานได้แสดงแนวเขตไว้
ประตูน้ำ
หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อให้เรือแพผ่านทางน้ำที่มีระดับต่างกันได้
ทำนบ หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อกั้นไม่ให้น้ำไหลผ่านหรือข้ามไป
ฝาย
หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อทดน้ำในทางน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน โดยให้น้ำที่เหลือจากความต้องการท้นขึ้นแล้วไหลข้ามไปได้
เขื่อนระบาย
หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อทดหรือกักน้ำในทางน้ำอันเป็นที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน
โดยมีช่องปิดเปิดได้
ประตูระบาย
หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อทด กัก กั้น หรือระบายน้ำ ณ ที่อื่นอันมิใช่ที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทานโดยมีช่องปิดเปิดได้
ท่อเชื่อม
หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำไหลลอดหรือข้ามสิ่งกีดขวาง
สะพานทางน้ำ
หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำไหลข้ามทางน้ำหรือที่ต่ำ
ปูม หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อบังคับน้ำให้ไหลผ่านจากทางน้ำในระดับหนึ่งตกไปสู่ทางน้ำอีกระดับหนึ่ง
คันคลอง
หมายความว่า มูนดินที่ถมขึ้นเป็นคันยาวไปตามแนวคลอง
ชานคลอง
หมายความว่า พื้นที่ระหว่างขอบตลิ่งกับเชิงคันคลอง
พนัง
หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเป็นคันยาวไปตามพื้นดิน เพื่อป้องกันอุทกภัย
เจ้าพนักงาน
หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการชลประทาน
และหมายความรวมถึงบุคคลซึ่งอธิบดีได้แต่งตั้งตามความในพระราชบัญญัตินี้ด้วย
นายช่างชลประทาน
หมายความว่า เจ้าพนักงานผู้เป็นหัวหน้าควบคุมการก่อสร้างหรือการบำรุงรักษาการชลประทาน
อธิบดี
หมายความว่า อธิบดีกรมชลประทาน
รัฐมนตรี
หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๕ เพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้
ทางน้ำชลประทานแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ
ประเภท
๑ ทางน้ำที่ใช้ในการส่ง ระบาย กัก หรือกั้นน้ำเพื่อการชลประทาน
ประเภท
๒ ทางน้ำที่ใช้ในการคมนาคมแต่มีการชลประทานร่วมอยู่ด้วย
เฉพาะภายในเขตที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
ประเภท
๓ ทางน้ำที่สงวนไว้ใช้ในการชลประทาน
ประเภท
๔ ทางน้ำอันเป็นอุปกรณ์แก่การชลประทาน
ให้รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าทางน้ำใดเป็นทางน้ำชลประทาน
และเป็นประเภทใด
มาตรา ๖ นายช่างชลประทานมีอำนาจใช้พื้นที่ดินที่ปราศจากสิ่งปลูกสร้างซึ่งอยู่ในเขตการชลประทานได้เป็นครั้งคราวตามระยะเวลาที่จำเป็นแก่การชลประทาน
โดยแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๗
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน นายช่างชลประทานมีอำนาจที่จะใช้ที่ดินหรือสิ่งของของบุคคลใด
ๆ ในที่ใกล้เคียงหรือในบริเวณที่อาจเกิดอันตรายได้เท่าที่จำเป็น แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๘[๓] รัฐมนตรีมีอำนาจเรียกเก็บค่าชลประทานจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทานหรือจากผู้ใช้น้ำจากทางน้ำชลประทาน
ไม่ว่าผู้ใช้น้ำจะอยู่ในหรือนอกเขตชลประทานโดยออกเป็นกฎกระทรวงกำหนด
(๑)
ทางน้ำชลประทานแต่ละสายหรือแต่ละเขตที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานโดยแสดงแผนที่แนวเขต
(๒)
เขตและท้องที่ซึ่งเป็นเขตชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานโดยแสดงแผนที่แนวเขต
(๓)
อัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทานหรือจากผู้ใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน
(๔)
อัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำเพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นในหรือนอกเขตชลประทาน
(๕)
หลักเกณฑ์ ระเบียบและวิธีการในการจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทานตลอดจนการยกเว้น ลดหย่อน
หรือวิธีการผ่อนชำระค่าชลประทาน
อัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทาน
หรือจากผู้ใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน ให้เรียกเก็บได้ไม่เกินไร่ละห้าบาทต่อปี
อัตราค่าชลประทานสำหรับการใช้น้ำเพื่อกิจการโรงงาน การประปา
หรือกิจการอื่น ให้เรียกเก็บได้ไม่เกินลูกบาศก์เมตรละห้าสิบสตางค์
มาตรา ๘ ทวิ[๔] ให้ตั้งทุนหมุนเวียนขึ้นในกรมชลประทาน
เรียกว่าทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน
ค่าชลประทานที่เก็บได้ตามมาตรา
๘ ให้นำส่งเข้าบัญชีทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นเงินรายได้แผ่นดิน
การใช้จ่ายเงินของทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน
ให้กระทำได้เฉพาะการชลประทานตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
ภายในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศรายงานการรับจ่ายเงินของทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทานในราชกิจจานุเบกษา
รายงานการรับจ่ายเงินตามวรรคสี่
เมื่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
ให้ทำรายงานผลการตรวจสอบเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอรัฐสภาทราบ
มาตรา ๙ เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
ถ้าไม่สามารถจะทำได้โดยวิธีอื่น ให้เจ้าของที่ดินที่อยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำใดมีสิทธิทำทางน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นได้
ในเมื่อนายช่างชลประทาน ข้าหลวงประจำจังหวัด หรือนายอำเภอได้อนุญาตและกำหนดให้โดยกว้างรวมทั้งที่ทิ้งดินด้วยไม่เกินสิบเมตร
แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำนั้นผ่าน
ในการที่จะให้อนุญาตและกำหนดทางน้ำนั้น
ให้คำนึงถึงประโยชน์ของเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำผ่าน
และให้กำหนดให้ทำตรงที่ที่จะเสียหายแก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินนั้นน้อยที่สุด
หมวด ๒
การก่อสร้าง
มาตรา ๑๐
เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะเข้าไปในที่ดินของบุคคลใด ๆ เพื่อทำงานสำรวจตรวจสอบอันเกี่ยวกับการชลประทานได้
ในเมื่อได้แจ้งเป็นหนังสือให้ทราบล่วงหน้าตามสมควร แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้น ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๑๐ ทวิ[๕] (ยกเลิก)
มาตรา ๑๑[๖]
เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ถ้ามิได้ตกลงในเรื่องการโอนไว้เป็นอย่างอื่น
ให้ดำเนินการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ในการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาตามวรรคหนึ่ง
โดยมิได้มีการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าอากรแสตมป์
มาตรา ๑๒[๗] (ยกเลิก)
มาตรา ๑๒ ทวิ[๘] (ยกเลิก)
หมวด ๓
การบำรุงรักษา
มาตรา ๑๓[๙]
อธิบดีมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน ให้เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
หรือดูแลรักษาทางน้ำชลประทาน คันคลอง ชานคลอง ทำนบ พนัง หมุดระดับหลักฐานหรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการชลประทานตามที่อธิบดีกำหนด
การแต่งตั้งดังกล่าวให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการชลประทานในเขตนั้นด้วย
มาตรา ๑๓ ทวิ[๑๐] เมื่อเห็นสมควรให้โอนการชลประทานหลวงในท้องที่ใดหรือในเขตโครงการชลประทานหลวงใด
ให้เป็นการชลประทานส่วนราษฎร ก็ให้กระทำได้โดยออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตการชลประทานหลวงที่จะโอนไปนั้น
เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศการโอนดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าการชลประทานหลวงที่โอนไปนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรตามกฎหมายว่าด้วยการชลประทานราษฎร์นับตั้งแต่วันที่ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาเป็นต้นไป
มาตรา ๑๓ ตรี[๑๑] ให้เจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่เก็บค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
หรือดูแลรักษาทางน้ำชลประทาน คันคลอง ชานคลอง ทำนบ พนัง หมุดระดับหลักฐานหรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการชลประทาน
มีอำนาจดังต่อไปนี้
(๑) สั่งผู้ควบคุมเรือ แพ ที่ผ่านหรือจะผ่านทางน้ำชลประทานให้หยุด
หรือจอดเรือ
แพ ในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
(๒)
ตรวจบัตรค่าบำรุงทางน้ำชลประทานหรือหนังสือหรือใบอนุญาตเดินเรือในทางน้ำชลประทาน
(๓)
จับบุคคลขณะกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๓ จัตวา[๑๒] ในการปฏิบัติตามมาตรา ๑๓ ตรี ให้เจ้าพนักงานแสดงบัตรประจำตัว
เมื่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องร้องขอ
บัตรประจำตัวเจ้าพนักงาน
ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๓ เบญจ[๑๓] ห้ามมิให้เรือยนต์หรือเรือกลไฟเดินในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น
และห้ามมิให้เรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
ใบอนุญาตเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ ให้ใช้ได้ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม แห่งปีที่ออกใบอนุญาต
มาตรา ๑๔[๑๔] รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
กำหนดเงื่อนไขการใช้เรือ แพ ในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท ๒
(๒)
วางระเบียบการขอและการอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟในทางน้ำชลประทานประเภท ๑
และการขอและการออกใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒
(๓)
กำหนดค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ แพ ผ่านประตูน้ำ ประตูระบายหรือผ่านบริเวณทำนบ
หรือประตูระบายโดยทางสาลี่ ไม่เกินอัตราในบัญชี ก. ท้ายพระราชบัญญัตินี้ และยกเว้นค่าบำรุงทางน้ำชลประทานแก่เรือบางประเภท
(๔)
กำหนดค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เป็นรายปี ไม่เกินอัตราในบัญชี ข. ท้ายพระราชบัญญัตินี้
(๕)
กำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราในบัญชี ค. ท้ายพระราชบัญญัตินี้
(๖)
กำหนดเครื่องมือและวิธีที่จะใช้ในการจับสัตว์น้ำ ตลอดจนกำหนดเขตห้ามจับสัตว์น้ำในทางน้ำชลประทาน
เพื่อป้องกันความเสียหายแก่การชลประทาน
มาตรา ๑๕[๑๕] เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน อธิบดีมีอำนาจดังต่อไปนี้
(๑)
ปิด กั้น หรือเปิดน้ำในทางน้ำชลประทาน
(๒)
ขุดลอก ซ่อม หรือดัดแปลงแก้ไขทางน้ำชลประทาน หรือจัดให้มีสิ่งก่อสร้างขึ้น ในทางน้ำชลประทาน
(๓)
ห้าม จำกัด หรือกำหนดเงื่อนไขในการนำเรือ แพ ผ่านทางน้ำชลประทานตาม (๑) หรือ (๒)
การใช้อำนาจตามมาตรานี้ ให้ปิดประกาศไว้ ณ
ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน เว้นแต่กรณีฉุกเฉิน อธิบดีมีอำนาจดำเนินการไปก่อนได้
มาตรา ๑๖[๑๖] อธิบดีมีอำนาจห้าม
จำกัดหรือกำหนดเงื่อนไขในการใช้เรือ แพ การใช้น้ำ การระบายน้ำหรือการอื่นในทางน้ำชลประทานประเภท
๔ โดยประกาศไว้ ณ ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
มาตรา ๑๗ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หรือเทศมนตรีในท้องที่ซึ่งอยู่ในเขตชลประทานมีหน้าที่ดูแลรักษาคันคลองและทางน้ำชลประทานอันอยู่ในเขตท้องที่หรือเขตเทศบาลนั้น
มาตรา ๑๘
อธิบดีมีอำนาจยกเว้นการเก็บค่าชลประทานแก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเทศมนตรี ตามที่บัญญัติไว้ในมาตราก่อน
หรือผู้ที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือเทศมนตรีจะได้ระบุนามให้เป็นผู้ได้รับการยกเว้นแทนทั้งหมด
หรือแต่บางส่วนในอัตราดังต่อไปนี้
ก.
กำนันและเทศมนตรี คนละห้าสิบไร่
ข.
ผู้ใหญ่บ้าน คนละยี่สิบห้าไร่
มาตรา ๑๙ ในการขุดซ่อมทางน้ำชลประทาน
ถ้าไม่มีที่เททิ้งมูลดิน ก็ให้มีอำนาจเททิ้งมูลดินในที่ดินที่ใกล้เคียงได้ตามความจำเป็น
แต่ทั้งนี้ถ้าทำให้เสียหายแก่พืชผลหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีอยู่ในขณะนั้นแล้ว ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๒๐
เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำ ระบายน้ำ หรือสูบน้ำเข้าไปในที่ดินแห่งใดเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูก
ห้ามมิให้ผู้ใดปิดกั้นน้ำไว้ด้วยวิธีใด ๆ จนเป็นเหตุไม่ให้น้ำไหลไปสู่ที่ดินใกล้เคียงหรือปลายทาง
ถ้าเห็นสมควร เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจที่จะสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูก
ให้เปิดสิ่งที่ปิดกั้นน้ำไว้ตามที่จะกำหนดให้หรือจัดการเปิดเสียเองก็ได้
ในการนี้ เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจเข้าไปในที่ดินแห่งหนึ่งแห่งใด
เพื่อตรวจและจัดการดังกล่าวแล้ว
มาตรา ๒๑
เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำหรือสูบน้ำเข้าไปในที่ดินแห่งใดเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูก
เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูกบนพื้นที่ดินภายในบริเวณที่จะได้รับน้ำนั้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดภายในระยะเวลาที่จะได้กำหนดให้
เพื่อกักน้ำนั้นไว้ไม่ให้ไหลไปเสียเปล่าจนเป็นเหตุให้ที่ดินข้างเคียงไม่ได้รับน้ำตามที่ควร
มาตรา ๒๒
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินรายใดไม่ปฏิบัติตามความที่บัญญัติในมาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง
หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามความในมาตรา ๒๐ วรรคสอง หรือมาตรา ๒๑ นอกจากจะถูกลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้แล้ว
เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะจัดหาแรงงานเข้าทำแทน และคิดค่าจ้างแรงงานตามอัตราในท้องถิ่นจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้
แล้วแต่กรณี
มาตรา ๒๓[๑๗] ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้าง
แก้ไข หรือต่อเติมสิ่งก่อสร้าง หรือปลูกปักสิ่งใด หรือทำการเพาะปลูก รุกล้ำทางน้ำชลประทาน
ชานคลอง เขตคันคลอง หรือเขตพนัง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน
ในกรณีที่มีการฝ่าฝืน นอกจากที่ผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว เมื่อโจทก์ร้องขอก็ให้ศาลสั่งให้รื้อถอนสิ่งที่รุกล้ำนั้นด้วย
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันภยันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่การชลประทาน
นายช่างชลประทานมีอำนาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้สิ่งรุกล้ำพ้นไปจากทางน้ำชลประทาน
ชานคลอง เขตคันคลองหรือเขตพนังได้
มาตรา ๒๔
ถ้ามีต้นไม้ในที่ดินของผู้ใดรุกล้ำทางน้ำชลประทานหรือทำให้เสียหายแก่ทางน้ำชลประทาน
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นตัดหรือนำต้นไม้นั้นไปให้พ้นเสียได้
มาตรา ๒๕[๑๘]
ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการกีดขวางทางน้ำชลประทาน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน
ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนนอกจากที่ผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว เมื่อโจทก์ร้องขอก็ให้ศาลสั่งให้รื้อถอนสิ่งกีดขวางนั้นด้วย
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันภยันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่การชลประทาน
นายช่างชลประทานมีอำนาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้สิ่งกีดขวางพ้นไปจากทางน้ำชลประทานได้
มาตรา ๒๖[๑๙] ห้ามมิให้ผู้ใดขุดคลองหรือทางน้ำมาเชื่อมกับทางน้ำชลประทาน
หรือมาเชื่อมกับทางน้ำอื่นที่เชื่อมกับทางน้ำชลประทาน หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหล
อันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทาน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมาย
ผู้ฝ่าฝืนนอกจากจะได้รับโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ศาลจะสั่งให้ปิดถมคลองหรือทางน้ำนั้นมิให้น้ำรั่วไหลต่อไปก็ได้
เพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน
อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำการดังกล่าวในวรรคแรกปิดถมทางน้ำนั้นหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้น้ำรั่วไหลได้ต่อไป
หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งให้เจ้าพนักงานจัดการได้ทันที และถ้าจำเป็นจะต้องใช้ที่ดินเพื่อการนี้
ก็ให้มีอำนาจใช้ที่ดินริมคลองหรือริมทางน้ำนั้นได้เท่าที่จำเป็น ค่าใช้จ่ายในการนี้รวมทั้งค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้ให้แก่เจ้าของที่ดิน
ให้คิดเอาจากผู้ฝ่าฝืนทั้งสิ้น
คลองหรือทางน้ำใดที่ทำให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหลอันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทานมาก่อนวันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้
เมื่ออธิบดีเห็นสมควรก็ให้มีอำนาจดำเนินการตามความในวรรคสองได้ โดยอนุโลม
มาตรา ๒๗
ห้ามมิให้ผู้ใดนำหรือปล่อยสัตว์พาหนะลงไปในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท
๒ หรือเหยียบย่ำคันคลอง ชานคลอง หรือบริเวณสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน เว้นแต่ในที่ที่ได้กำหนดอนุญาตไว้หรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงาน
มาตรา ๒๘[๒๐] ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งมูลฝอย ซากสัตว์ ซากพืช
เถ้าถ่าน หรือสิ่งปฏิกูลลงในทางน้ำชลประทานหรือทำให้น้ำเป็นอันตรายแก่การเพาะปลูกหรือการบริโภค
ห้ามมิให้ผู้ใดปล่อยน้ำซึ่งทำให้เกิดเป็นพิษแก่น้ำตามธรรมชาติ
หรือสารเคมีเป็นพิษลงในทางน้ำชลประทาน
จนอาจทำให้น้ำในทางน้ำชลประทานเป็นอันตรายแก่เกษตรกรรม การบริโภค อุปโภค หรือสุขภาพอนามัย
มาตรา ๒๙ ห้ามมิให้ผู้ใดทำให้ประตูน้ำ
ฝาย เขื่อนระบาย ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม สะพานทางน้ำ ปูม เสา หรือสายโทรศัพท์ ที่ใช้ในการชลประทานเสียหายจนอาจเกิดอันตรายหรือขัดข้องแก่การใช้สิ่งที่กล่าวนั้น
มาตรา ๓๐
ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะทำให้เสียหายแก่คันคลอง ชานคลอง ทำนบ พนัง
หรือหมุดระดับหลักฐานที่ใช้ในการชลประทาน
มาตรา ๓๑
ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะเป็นการกีดขวางแก่แนวทางที่ได้สำรวจไว้
หรือเขตงาน หรือทำให้แนวทางที่ได้สำรวจไว้ หรือหมุดหมายแสดงเขตงานคลาดเคลื่อนหรือสูญหาย
มาตรา ๓๒[๒๑] ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปิดหรือเปิดประตูน้ำ
เขื่อนระบาย ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม สะพานทางน้ำ ปูม หรือลากเข็นสาลี่ในบริเวณทำนบหรือประตูระบาย
มาตรา ๓๓
ห้ามมิให้ผู้ใด นอกจากนายช่างชลประทานหรือผู้ที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดี ทำการแก้ไข
เปลี่ยนแปลง หรือรื้อถอนบรรดาสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน
มาตรา ๓๔
ห้ามมิให้ผู้ใดขุด ลอก ทางน้ำชลประทานอันจะทำให้เสียหายแก่การชลประทานหรือปิดกั้นทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี
มาตรา ๓๕
เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งห้ามมิให้ผู้ใดชักหรือใช้น้ำในทางน้ำชลประทานในเมื่อเห็นว่าจะเป็นเหตุที่จะก่อให้เกิดการเสียหายแก่ผู้อื่น
หมวด ๔
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๓๖[๒๒] ผู้ใดไม่ชำระค่าชลประทานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ออกตามความในมาตรา ๘ (๓) หรือ (๔) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสิบเท่าของค่าชลประทานที่ค้างชำระ
เมื่อผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้นำค่าชลประทานที่ค้างชำระ
และเงินเพิ่มอีกหนึ่งเท่าของค่าชลประทานดังกล่าวมาชำระแก่เจ้าพนักงานภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดให้แล้ว
ให้ยกเว้นโทษในคดีนั้นเสีย
มาตรา ๓๖ ทวิ[๒๓] ผู้ใดไม่ชำระค่าบำรุงทางน้ำชลประทานตามที่กำหนดในกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา ๑๔ (๓)
ต้องระวางโทษปรับเป็นจำนวนสองเท่าของอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่พึงชำระ
เมื่อผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้นำค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่พึงชำระและเงินเพิ่มอีกร้อยละห้าสิบของค่าบำรุงทางน้ำชลประทานดังกล่าวมาชำระแก่เจ้าพนักงานภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดให้แล้ว
ให้ยกเว้นโทษในคดีนั้นเสีย
มาตรา ๓๖ ตรี[๒๔] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๓ เบญจ มาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง
หรือฝ่าฝืนกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา ๑๔ (๑) หรือ (๖) หรือฝ่าฝืนข้อห้าม ข้อจำกัดหรือเงื่อนไขตามมาตรา
๑๕ (๓) หรือมาตรา ๑๖ หรือฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรา ๑๓ ตรี (๑) มาตรา ๒๐ วรรคสอง หรือมาตรา
๒๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๗[๒๕] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง
มาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา
๒๘ วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๘[๒๖]
ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งซึ่งออกตามความในมาตรา ๒๑ หรือมาตรา ๓๕ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๓๙[๒๗] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๗ มีความผิดต้องระวางโทษปรับเรียงตามตัวสัตว์ตัวละห้าบาทขึ้นไป
แต่ไม่เกินตัวละห้าสิบบาท
ถ้าเป็นกรณีที่มีผู้นำจับผู้กระทำผิด
ให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาล ในกรณีเช่นนี้ให้ศาลมีอำนาจสั่งจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาล
แต่ถ้าคดีถึงที่สุดโดยคำสั่งของพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนและเปรียบเทียบคดีอาญา ให้พนักงานเปรียบเทียบดังกล่าวจ่ายเงินสินบนจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่ง
และในกรณีที่มีผู้นำจับหลายคน ให้แบ่งเงินสินบนนั้นให้ได้รับคนละเท่า ๆ กัน
มาตรา ๔๐[๒๘] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๒๙
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๑[๒๙] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ หรือมาตรา ๓๔
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสองปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
หมวด ๕
การรักษาพระราชบัญญัติ
มาตรา ๔๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
บัญชี ก. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ
แพ
ผ่านประตูน้ำ ประตูระบาย หรือผ่านบริเวณทำนบหรือประตูระบายโดยทางสาลี่[๓๐]
เลขที่
รายการ
อัตราค่าบำรุงทางน้ำ
ชลประทาน ครั้งละ
บาท
สต.
๑.
เรือยนต์ หรือเรือกลไฟ
(๑)
ขนาดกว้างไม่เกิน ๑ เมตร คิดตามความยาวของเรือ
อัตราเมตรละ
๑
-
(๒)
ขนาดกว้างเกิน ๑ เมตร แต่ไม่เกิน ๒ เมตร
คิดตามความยาวของเรือในอัตราเมตรละ
๑
๕๐
(๓)
ขนาดกว้างเกิน ๒ เมตร คิดตามความยาวของเรือ
ในอัตราเมตรละ
๒
-
เศษของเมตรถ้าถึงครึ่งให้นับเป็น
๑ เมตร
ถ้าต่ำกว่าให้ปัดทิ้ง
๒.
เรือชนิดอื่น ๆ นอกจากเรือยนต์และเรือกลไฟ
(๑)
ขนาดกว้างไม่เกิน ๑.๕๐ เมตร ลำละ
-
๕๐
(๒)
ขนาดกว้างเกิน ๑.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๒ เมตร ลำละ
๑
-
(๓)
ขนาดกว้างเกิน ๒ เมตร แต่ไม่เกิน ๒.๕๐ เมตร ลำละ
๑
๕๐
(๔)
ขนาดกว้างเกิน ๒.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๓ เมตร ลำละ
๒
-
(๕)
ขนาดกว้างเกิน ๓ เมตร แต่ไม่เกิน ๓.๕๐ เมตร ลำละ
๔
-
(๖)
ขนาดกว้างเกิน ๓.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๔ เมตร ลำละ
๖
-
(๗)
ขนาดกว้างเกิน ๔ เมตร แต่ไม่เกิน ๕ เมตร ลำละ
๘
-
(๘)
ขนาดกว้างเกิน ๕ เมตร แต่ไม่เกิน ๖ เมตร ลำละ
๑๐
-
(๙)
ขนาดกว้างเกิน ๖ เมตร คิดอัตราเพิ่มขึ้นเมตรละ
๒
-
เศษของเมตรสำหรับ
(๙) ถ้าถึงครึ่งให้นับเป็น ๑ เมตร
ถ้าต่ำกว่าให้ปัดทิ้ง
๓.
แพต่าง ๆ ตารางเมตรละ
-
๒๕
เศษของตารางเมตร
ถ้าถึงครึ่งให้นับเป็น ๑ ตารางเมตร
ถ้าต่ำกว่าให้ปัดทิ้ง
๔.
อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานตาม
๑. ๒. และ ๓. นี้ เป็นอัตราปกติ
ใช้เรียกเก็บสำหรับเรือหรือแพที่ผ่านในเวลาที่ทางราชการได้กำหนดไว้
ถ้าจะขอผ่านนอกเวลาที่ทางราชการได้กำหนดไว้
ให้เรียกเก็บค่าบำรุง
ทางน้ำชลประทานเป็นสามเท่าของอัตราปกติ
บัญชี ข. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจาก
ผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างขนส่ง
คนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒[๓๑]
เรือยนต์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้า
หรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เป็นรายปี แรงม้าละ ๒๕ บาท
บัญชี ค. อัตราค่าธรรมเนียม[๓๒]
ลำดับ
รายการ
อัตราค่าธรรมเนียม
หมายเหตุ
บาท
สต.
๑.
ใบสำคัญวัดเรือ
ฉบับละ
๕
-
๒.
บัตรยกเว้นค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
ตามมาตรา ๑๔ (๓)
ฉบับละ
๑
-
๓.
ใบแทนใบอนุญาต
ฉบับละ
๕
-
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗[๓๓]
มาตรา ๒
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือ โดยที่พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งประกาศใช้อยู่ในขณะนี้
ยังมีข้อความขาดตกบกพร่องอยู่หลายประการไม่เหมาะสมแก่การดำเนินงาน และการควบคุมการชลประทานหลวง
ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง จึงเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นการเหมาะสมแก่กาลสมัยยิ่งขึ้น
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗[๓๔]
มาตรา
๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือ โดยที่ในปัจจุบันนี้ กิจการชลประทานได้ขยายตัวกว้างขวางขึ้น เพื่อให้ได้ผลตามแผนพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ
แต่ปรากฏว่า บทบัญญัติบางมาตราแห่งกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวงฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่เหมาะสมแก่การดำเนินงานก่อสร้าง
การบำรุงรักษา และการควบคุม ตลอดจนอัตราโทษ อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่มีน้อยไม่พอเพียงที่จะใช้ในการระงับปราบปรามผู้กระทำผิดให้ได้ผลอย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพื่อให้เหมาะสมแก่กาลสมัย
ประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๑๔๖ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕[๓๕]
ข้อ ๓
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
โดยที่คณะปฏิวัติพิจารณาเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวง เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการชลประทานอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้สำเร็จลุล่วงไปโดยเร็ว
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘[๓๖]
มาตรา
๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือ เนื่องจากในปัจจุบันนี้กิจการชลประทานได้ขยายตัวกว้างขวางขึ้น นอกจากการใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรมแล้วมีการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานเพื่อกิจการโรงงาน
การประปา การอุตสาหกรรม และกิจการอื่นด้วย แต่ปรากฏว่าบทบัญญัติบางมาตราแห่งกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่อาจเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ประกอบกิจการโรงงาน
การประปา และกิจการอื่นเป็นการตอบแทนได้กับเพื่อประโยชน์แก่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในส่วนที่เกี่ยวกับการชลประทาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ขึ้น
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐[๓๗]
มาตรา
๒
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๖
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะเวนคืน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดการก่อสร้างการชลประทานเป็นการชลประทานที่เร่งด่วน
ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ให้คงใช้บังคับได้ตามอายุของพระราชกฤษฎีกานั้น
การเวนคืนและการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวงที่ได้ปฏิบัติไปแล้วก่อนวันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้
ให้เป็นอันใช้ได้ แต่การดำเนินการต่อไปให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
มาตรา ๗
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือ โดยที่บทบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕ บางอย่างไม่เหมาะสมและซ้ำซ้อนกับบทบัญญัติในกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ปรับปรุงใหม่แล้ว
สมควรยกเลิกบทบัญญัติดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
จุฑามาศ/ปรับปรุง
๑๑ มกราคม ๒๕๕๖
นุสรา/ตรวจ
๑๔ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๕๙/ตอนที่ ๖๒/หน้า ๑๖๗๖/๒๒ กันยายน ๒๔๘๕
[๒] มาตรา ๔ นิยามคำว่า การชลประทาน แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๓] มาตรา ๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๔] มาตรา ๘ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๕] มาตรา ๑๐ ทวิ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐
[๖] มาตรา ๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐
[๗] มาตรา ๑๒ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐
[๘] มาตรา ๑๒ ทวิ ยกเลิกโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐
[๙] มาตรา ๑๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๐] มาตรา ๑๓ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๑๑] มาตรา ๑๓ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๒] มาตรา ๑๓ จัตวา เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๓] มาตรา ๑๓ เบญจ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๔] มาตรา ๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๕] มาตรา ๑๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๖] มาตรา ๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๗] มาตรา ๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๘] มาตรา ๒๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๙] มาตรา ๒๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๐] มาตรา ๒๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๒๑] มาตรา ๓๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๒] มาตรา ๓๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๒๓] มาตรา ๓๖ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๔] มาตรา ๓๖ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๕] มาตรา ๓๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๒๖] มาตรา ๓๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๗] มาตรา ๓๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๘] มาตรา ๔๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๙] มาตรา ๔๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๓๐] บัญชี ก. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ
แพ ผ่านประตูน้ำ ประตูระบาย หรือผ่านบริเวณทำนบหรือประตูระบายโดยทางสาลี่ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๓๑] บัญชี ข. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๓๒] บัญชี ค. อัตราค่าธรรมเนียม แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๐๗
[๓๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๗๑/ตอนที่ ๖๔/หน้า ๑๔๘๓/๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๗
[๓๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๘๑/ตอนที่ ๑๒๔/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๗
[๓๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๘๙/ตอนที่ ๗๖/ฉบับพิเศษ หน้า ๓/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๑๕
[๓๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๙๒/ตอนที่ ๓๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘
[๓๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๑๐๔/ตอนที่ ๑๖๔/ฉบับพิเศษ หน้า ๖๓/๑๙ สิงหาคม ๒๕๓๐ |
301345 | พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2530 | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การชลประทานหลวง (ฉบับที่
๕)
พ.ศ. ๒๕๓๐
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม
พ.ศ. ๒๕๓๐
เป็นปีที่ ๔๒
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวง
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
ให้ยกเลิกมาตรา ๑๐ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
มาตรา ๔
ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๑
เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ถ้ามิได้ตกลงในเรื่องการโอนไว้เป็นอย่างอื่น
ให้ดำเนินการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ในการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาตามวรรคหนึ่ง
โดยมิได้มีการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าอากรแสตมป์
มาตรา ๕
ให้ยกเลิกมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๒ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๔๖ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๕๑๕
มาตรา ๖
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะเวนคืน
และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดการก่อสร้างการชลประทานเป็นการชลประทานที่เร่งด่วน
ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ให้คงใช้บังคับได้ตามอายุของพระราชกฤษฎีกานั้น
การเวนคืนและการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวงที่ได้ปฏิบัติไปแล้วก่อนวันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้
ให้เป็นอันใช้ได้
แต่การดำเนินการต่อไปให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
มาตรา ๗
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ป. ติณสูลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
โดยที่บทบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕
บางอย่างไม่เหมาะสมและซ้ำซ้อนกับบทบัญญัติในกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ปรับปรุงใหม่แล้ว
สมควรยกเลิกบทบัญญัติดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
พรพิมล/แก้ไข
๑๒ กันยายน ๒๕๔๔
A+B (C)
พัชรินทร์/แก้ไข
๗ มกราคม ๒๕๔๘
วศิน/แก้ไข
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๒
จุฑามาศ/ปรับปรุง
๑๑ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๐๔/ตอนที่ ๑๖๔/ฉบับพิเศษ หน้า ๖๔/๑๙ สิงหาคม ๒๕๓๐ |
300280 | พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 (Update ณ วันที่ 13/02/2518) | พระราชบัญญัติ
การชลประทานหลวง
พุทธสักราช
๒๔๘๕
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่ ๔
สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐
และวันที่ ๑๖
ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๔)
อาทิตย์ทิพอาภา
ปรีดี พนมยงค์
ตราไว้ ณ วันที่
๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๕
เป็นปีที่ ๙
ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า
สมควรส่งเสริมและควบคุมการชลประทานหลวงให้ดำเนินไปด้วยดี
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร
ดังต่อไปนี้
ข้อความเบื้องต้น
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธสักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๒[๑]
ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
ห้ามมิให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติรักษาคลอง ร.ศ. ๑๒๑ มาใช้สำหรับทางน้ำชลประทานตามความในพระราชบัญญัตินี้
ให้ยกเลิกบรรดากฎหมาย
กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้
หรือซึ่งแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
การชลประทาน[๒] หมายความว่า
กิจการที่กรมชลประทานจัดทำขึ้นเพื่อให้ได้มา ซึ่งน้ำหรือเพื่อกัก
เก็บ รักษา ควบคุม ส่ง ระบายหรือแบ่งน้ำเพื่อเกษตรกรรม การพลังงาน การสาธารณูปโภค
หรือการอุตสาหกรรม และหมายความรวมถึงการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้ำกับรวมถึงการคมนาคมทางน้ำซึ่งอยู่ในเขตชลประทานด้วย
ทางน้ำชลประทาน หมายความว่า ทางน้ำที่รัฐมนตรีได้ประกาศตามความในมาตรา
๖ ว่าเป็นทางน้ำชลประทาน
เขตชลประทาน หมายความว่า
เขตที่ดินที่ทำการเพาะปลูกซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
เขตงาน หมายความว่า
เขตที่ดินที่ใช้ในการสร้างและการบำรุงรักษาการชลประทานตามที่เจ้าพนักงานได้แสดงแนวเขตไว้
ประตูน้ำ หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อให้เรือแพผ่านทางน้ำที่มีระดับต่างกันได้
ทำนบ หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อกั้นไม่ให้น้ำไหลผ่านหรือข้ามไป
ฝาย หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อทดน้ำในทางน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน โดยให้น้ำที่เหลือจากความต้องการท้นขึ้นแล้วไหลข้ามไปได้
เขื่อนระบาย หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อทดหรือกักน้ำในทางน้ำอันเป็นที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน
โดยมีช่องปิดเปิดได้
ประตูระบาย หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อทด กัก กั้น หรือระบายน้ำ ณ ที่อื่นอันมิใช่ที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทานโดยมีช่องปิดเปิดได้
ท่อเชื่อม หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำไหลลอดหรือข้ามสิ่งกีดขวาง
สะพานทางน้ำ หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำไหลข้ามทางน้ำหรือที่ต่ำ
ปูม หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อบังคับน้ำให้ไหลผ่านจากทางน้ำในระดับหนึ่งตกไปสู่ทางน้ำอีกระดับหนึ่ง
คันคลอง หมายความว่า มูลดินที่ถมขึ้นเป็นคันยาวไปตามแนวคลอง
ชานคลอง หมายความว่า
พื้นที่ระหว่างขอบตลิ่งกับเชิงคันคลอง
พนัง หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเป็นคันยาวไปตามพื้นดิน
เพื่อป้องกันอุทกภัย
เจ้าพนักงาน หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน
ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการชลประทาน
และหมายความรวมถึงบุคคลซึ่งอธิบดีได้แต่งตั้งตามความในพระราชบัญญัตินี้ด้วย
นายช่างชลประทาน หมายความว่า
เจ้าพนักงานผู้เป็นหัวหน้าควบคุมการก่อสร้างหรือการบำรุงรักษาการชลประทาน
อธิบดี หมายความว่า อธิบดีกรมชลประทาน
รัฐมนตรี หมายความว่า
รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๕ เพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้
ทางน้ำชลประทานแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ
ประเภท
๑ ทางน้ำที่ใช้ในการส่ง ระบาย กัก หรือกั้นน้ำเพื่อการชลประทาน
ประเภท
๒ ทางน้ำที่ใช้ในการคมนาคมแต่มีการชลประทานร่วมอยู่ด้วย
เฉพาะภายในเขตที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
ประเภท
๓ ทางน้ำที่สงวนไว้ใช้ในการชลประทาน
ประเภท
๔ ทางน้ำอันเป็นอุปกรณ์แก่การชลประทาน
ให้รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าทางน้ำใดเป็นทางน้ำชลประทาน
และเป็นประเภทใด
มาตรา ๖
นายช่างชลประทานมีอำนาจใช้พื้นที่ดินที่ปราศจากสิ่งปลูกสร้างซึ่งอยู่ในเขตการชลประทานได้เป็นครั้งคราวตามระยะเวลาที่จำเป็นแก่การชลประทาน
โดยแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๗
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน นายช่างชลประทานมีอำนาจที่จะใช้ที่ดินหรือสิ่งของของบุคคลใด
ๆ ในที่ใกล้เคียงหรือในบริเวณที่อาจเกิดอันตรายได้เท่าที่จำเป็น
แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๘[๓] รัฐมนตรีมีอำนาจเรียกเก็บค่าชลประทานจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทานหรือจากผู้ใช้น้ำจากทางน้ำชลประทาน
ไม่ว่าผู้ใช้น้ำจะอยู่ในหรือนอกเขตชลประทานโดยออกเป็นกฎกระทรวงกำหนด
(๑) ทางน้ำชลประทานแต่ละสายหรือแต่ละเขตที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานโดยแสดงแผนที่แนวเขต
(๒) เขตและท้องที่ซึ่งเป็นเขตชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานโดยแสดงแผนที่แนวเขต
(๓) อัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทานหรือจากผู้ใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน
(๔) อัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำเพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นในหรือนอกเขตชลประทาน
(๕) หลักเกณฑ์
ระเบียบและวิธีการในการจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทานตลอดจนการยกเว้น ลดหย่อน หรือวิธีการผ่อนชำระค่าชลประทาน
อัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทาน
หรือจากผู้ใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน ให้เรียกเก็บได้ไม่เกินไร่ละห้าบาทต่อปี
อัตราค่าชลประทานสำหรับการใช้น้ำเพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่น ให้เรียกเก็บได้ไม่เกินลูกบาศก์เมตรละห้าสิบสตางค์
มาตรา ๘ ทวิ[๔] ให้ตั้งทุนหมุนเวียนขึ้นในกรมชลประทาน เรียกว่าทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน
ค่าชลประทานที่เก็บได้ตามมาตรา
๘ ให้นำส่งเข้าบัญชีทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นเงินรายได้แผ่นดิน
การใช้จ่ายเงินของทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน
ให้กระทำได้เฉพาะการชลประทานตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
ภายในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศรายงานการรับจ่ายเงินของทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทานในราชกิจจานุเบกษา
รายงานการรับจ่ายเงินตามวรรคสี่
เมื่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ให้ทำรายงานผลการตรวจสอบเสนอคณะรัฐมนตรี
เพื่อเสนอรัฐสภาทราบ
มาตรา ๙
เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน ถ้าไม่สามารถจะทำได้โดยวิธีอื่น
ให้เจ้าของที่ดินที่อยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำใดมีสิทธิทำทางน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นได้
ในเมื่อนายช่างชลประทาน ข้าหลวงประจำจังหวัด
หรือนายอำเภอได้อนุญาตและกำหนดให้โดยกว้างรวมทั้งที่ทิ้งดินด้วยไม่เกินสิบเมตร
แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำนั้นผ่าน
ในการที่จะให้อนุญาตและกำหนดทางน้ำนั้น
ให้คำนึงถึงประโยชน์ของเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำผ่าน
และให้กำหนดให้ทำตรงที่ที่จะเสียหายแก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินนั้นน้อยที่สุด
หมวดที่
๒
การก่อสร้าง
มาตรา ๑๐ เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะเข้าไปในที่ดินของบุคคลใด
ๆ เพื่อทำงานสำรวจตรวจสอบอันเกี่ยวกับการชลประทานได้
ในเมื่อได้แจ้งเป็นหนังสือให้ทราบล่วงหน้าตามสมควร แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้น
ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๑๐ ทวิ[๕] เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ให้ดำเนินการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เว้นแต่ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในหมวดนี้
เพื่อประโยชน์แห่งการออกพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
จะออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะเวนคืนไว้ก่อนก็ได้
ในพระราชกฤษฎีกานั้น
ให้ระบุ
ก.
ความประสงค์ที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ข.
เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ค.
กำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะต้องเวนคืน
ให้มีแผนที่หรือแผนผังประเมินเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะต้องเวนคืนติดไว้ท้ายพระราชกฤษฎีกานั้น
แผนที่หรือแผนผังที่กล่าวนี้ให้ถือเป็นส่วนแห่งพระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกาเช่นว่านี้มีอายุสองปี
หรือตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกานั้น
แต่ต้องไม่เกินกว่าห้าปีแล้วแต่จะเห็นว่าจำเป็นเพื่อทำการสำรวจที่ดินที่เจาะจงต้องเวนคืนนั้น
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในมาตรานี้
ให้ถือว่าเป็นพระราชกฤษฎีกาออกตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ด้วย
มาตรา ๑๑
ในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขุดหรือขยายทางน้ำชลประทานประเภท ๒
ถ้าที่ดินของผู้ใดที่ถูกขุดหรือขยายทางน้ำนั้น ถูกเวนคืนไม่เกินหนึ่งในสิบของที่ดินทั้งหมดและที่ดินส่วนที่เหลืออยู่มีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๕ ไร่ ก็ไม่จำต้องให้เงินค่าทำขวัญแก่เจ้าของที่ดินผู้นั้น
แต่ถ้าเกินกว่าหนึ่งในสิบ ก็ให้คิดเงินค่าทำขวัญให้เฉพาะส่วนที่เกินกว่าหนึ่งในสิบ
ในกรณีที่ที่ดินที่เหลืออยู่มีเนื้อที่ต่ำกว่า
๕ ไร่ ถ้าเจ้าของที่ดินประสงค์จะเวนคืนให้ทั้งหมด ก็ให้กรมชลประทานรับไว้โดยคิดเงินค่าทำขวัญให้
มาตรา ๑๒[๖] เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะเข้าครอบครองและใช้ที่ดินที่ได้เวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อทำประโยชน์ในการชลประทานได้แม้จะยังมิได้ชำระเงินค่าทำขวัญ
แต่เจ้าพนักงานต้องแจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ในกรณีที่มีอาคาร บ้านเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินที่เวนคืน
และเจ้าของหรือผู้ครอบครองมีหน้าที่ต้องรื้อถอน ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่รื้อถอนออกไปภายในหกสิบวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานได้แจ้งให้ทราบตามวรรคหนึ่ง
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเข้ารื้อถอนออกไปได้โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน
ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่ชำระ ให้หักค่าใช้จ่ายจากเงินค่าทำขวัญที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองนั้นจะได้รับ
มาตรา
๑๒ ทวิ[๗] ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อดำเนินการก่อสร้างการชลประทานที่เร่งด่วน
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์และดำเนินการเกี่ยวกับกิจการชลประทานในอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ ได้ก่อนที่จะมีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้น
ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ แต่เจ้าพนักงานต้องแจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
การชลประทานที่เร่งด่วนตามความในวรรคหนึ่ง
ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
หมวด ๓
การบำรุงรักษา
มาตรา ๑๓[๘] อธิบดีมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน ให้เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
หรือดูแลรักษาทางน้ำชลประทาน คันคลอง ชานคลอง ทำนบ พนัง หมุดระดับหลักฐานหรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการชลประทานตามที่อธิบดีกำหนด
การแต่งตั้งดังกล่าวให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการชลประทานในเขตนั้นด้วย
มาตรา ๑๓ ทวิ[๙] เมื่อเห็นสมควรให้โอนการชลประทานหลวงในท้องที่ใดหรือในเขตโครงการชลประทานหลวงใด
ให้เป็นการชลประทานส่วนราษฎร ก็ให้กระทำได้โดยออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตการชลประทานหลวงที่จะโอนไปนั้น
เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศการโอนดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าการชลประทานหลวงที่โอนไปนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรตามกฎหมายว่าด้วยการชลประทานราษฎร์นับตั้งแต่วันที่ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาเป็นต้นไป
มาตรา
๑๓ ตรี[๑๐] ให้เจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่เก็บค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
หรือดูแลรักษาทางน้ำชลประทาน คันคลอง ชานคลอง ทำนบ พนัง หมุดระดับหลักฐานหรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการชลประทาน
มีอำนาจ ดังต่อไปนี้
(๑)
สั่งผู้ควบคุมเรือ แพ ที่ผ่านหรือจะผ่านทางน้ำชลประทานให้หยุด หรือจอดเรือ แพ ในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
(๒)
ตรวจบัตรค่าบำรุงทางน้ำชลประทานหรือหนังสือหรือใบอนุญาตเดินเรือในทางน้ำชลประทาน
(๓)
จับบุคคลขณะกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา
๑๓ จัตวา[๑๑] ในการปฏิบัติตามมาตรา ๑๓ ตรี ให้เจ้าพนักงานแสดงบัตรประจำตัว
เมื่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องร้องขอ
บัตรประจำตัวเจ้าพนักงาน
ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา
๑๓ เบญจ[๑๒] ห้ามมิให้เรือยนต์หรือเรือกลไฟเดินในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น
และห้ามมิให้เรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
ใบอนุญาตเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ ให้ใช้ได้ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม แห่งปีที่ออกใบอนุญาต
มาตรา ๑๔[๑๓] รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
กำหนดเงื่อนไขการใช้เรือ แพ ในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท ๒
(๒)
วางระเบียบการขอและการอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และการขอและการออกใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒
(๓)
กำหนดค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ แพ ผ่านประตูน้ำ ประตูระบายหรือผ่านบริเวณทำนบ
หรือประตูระบายโดยทางสาลี่ ไม่เกินอัตราในบัญชี ก. ท้ายพระราชบัญญัตินี้ และยกเว้นค่าบำรุงทางน้ำชลประทานแก่เรือบางประเภท
(๔)
กำหนดค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เป็นรายปี ไม่เกินอัตราในบัญชี ข. ท้ายพระราชบัญญัตินี้
(๕)
กำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราในบัญชี ค. ท้ายพระราชบัญญัตินี้
(๖)
กำหนดเครื่องมือและวิธีที่จะใช้ในการจับสัตว์น้ำ ตลอดจนกำหนดเขตห้ามจับสัตว์น้ำในทางน้ำชลประทาน
เพื่อป้องกันความเสียหายแก่การชลประทาน
มาตรา ๑๕[๑๔] เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน อธิบดีมีอำนาจ
ดังต่อไปนี้
(๑)
ปิด กั้นหรือเปิดน้ำในทางน้ำชลประทาน
(๒)
ขุดลอก ซ่อมหรือดัดแปลงแก้ไขทางน้ำชลประทาน หรือจัดให้มีสิ่งก่อสร้างขึ้นในทางน้ำชลประทาน
(๓)
ห้าม จำกัดหรือกำหนดเงื่อนไขในการนำเรือ แพ ผ่านทางน้ำชลประทานตาม (๑) หรือ (๒)
การใช้อำนาจตามมาตรานี้ ให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
เว้นแต่กรณีฉุกเฉิน อธิบดีมีอำนาจดำเนินการไปก่อนได้
มาตรา ๑๖[๑๕] อธิบดีมีอำนาจห้าม
จำกัดหรือกำหนดเงื่อนไขในการใช้เรือ แพ การใช้น้ำ การระบายน้ำหรือการอื่นในทางน้ำชลประทานประเภท
๔ โดยประกาศไว้ ณ ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
มาตรา ๑๗ กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน หรือเทศมนตรีในท้องที่ซึ่งอยู่ในเขตชลประทานมีหน้าที่ดูแลรักษาคันคลองและทางน้ำชลประทานอันอยู่ในเขตท้องที่หรือเขตเทศบาลนั้น
มาตรา ๑๘ อธิบดีมีอำนาจยกเว้นการเก็บค่าชลประทานแก่กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน และเทศมนตรี ตามที่บัญญัติไว้ในมาตราก่อน หรือผู้ที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หรือเทศมนตรีจะได้ระบุนามให้เป็นผู้ได้รับการยกเว้นแทนทั้งหมด หรือแต่บางส่วนในอัตรา
ดังต่อไปนี้
ก.
กำนัน และเทศมนตรีคนละห้าสิบไร่
ข.
ผู้ใหญ่บ้าน คนละยี่สิบห้าไร่
มาตรา ๑๙
ในการขุดซ่อมทางน้ำชลประทาน ถ้าไม่มีที่เททิ้งมูลดิน ก็ให้มีอำนาจเททิ้งมูลดินในที่ดินที่ใกล้เคียงได้ตามความจำเป็น
แต่ทั้งนี้ถ้าทำให้เสียหายแก่พืชผลหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีอยู่ในขณะนั้นแล้ว
ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๒๐ เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำ ระบายน้ำ หรือสูบน้ำเข้าไปในที่ดินแห่งใดเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูก
ห้ามมิให้ผู้ใดปิดกั้นน้ำไว้ด้วยวิธีใด ๆ
จนเป็นเหตุไม่ให้น้ำไหลไปสู่ที่ดินใกล้เคียงหรือปลายทาง
ถ้าเห็นสมควร
เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจที่จะสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูก
ให้เปิดสิ่งที่ปิดกั้นน้ำไว้ตามที่จะกำหนดให้หรือจัดการเปิดเสียเองก็ได้ ในการนี้ เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจเข้าไปในที่ดินแห่งหนึ่งแห่งใด
เพื่อตรวจและจัดการดังกล่าวแล้ว
มาตรา ๒๑ เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำหรือสูบน้ำเข้าไปในที่ดินแห่งใดเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูก เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูกบนพื้นที่ดินภายในบริเวณที่จะได้รับน้ำนั้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดภายในระยะเวลาที่จะได้กำหนดให้
เพื่อกักน้ำนั้นไว้ไม่ให้ไหลไปเสียเปล่าจนเป็นเหตุให้ที่ดินข้างเคียงไม่ได้รับน้ำตามที่ควร
มาตรา ๒๒ เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินรายใดไม่ปฏิบัติตามความที่บัญญัติในมาตรา
๒๐ วรรคหนึ่ง หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามความในมาตรา ๒๐ วรรคสอง หรือมาตรา ๒๑
นอกจากจะถูกลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้แล้ว เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะจัดหาแรงงานเข้าทำแทน
และคิดค่าจ้างแรงงานตามอัตราในท้องถิ่นจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้ แล้วแต่กรณี
มาตรา ๒๓[๑๖] ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้าง
แก้ไข หรือต่อเติมสิ่งก่อสร้าง หรือปลูกปักสิ่งใด หรือทำการเพาะปลูก
รุกล้ำทางน้ำชลประทาน ชานคลอง เขตคันคลอง หรือเขตพนัง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน ในกรณีที่มีการฝ่าฝืน
นอกจากที่ผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว เมื่อโจทก์ร้องขอก็ให้ศาลสั่งให้รื้อถอนสิ่งที่รุกล้ำนั้นด้วย
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันภยันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่การชลประทาน
นายช่างชลประทานมีอำนาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้สิ่งรุกล้ำพ้นไปจากทางน้ำชลประทาน
ชานคลอง เขตคันคลองหรือเขตพนังได้
มาตรา ๒๔ ถ้ามีต้นไม้ในที่ดินของผู้ใดรุกล้ำทางน้ำชลประทานหรือทำให้เสียหายแก่ทางน้ำชลประทาน
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นตัดหรือนำต้นไม้นั้นไปให้พ้นเสียได้
มาตรา ๒๕[๑๗] ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการกีดขวางทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนนอกจากที่ผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว
เมื่อโจทก์ร้องขอก็ให้ศาลสั่งให้รื้อถอนสิ่งกีดขวางนั้นด้วย
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันภยันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่การชลประทาน
นายช่างชลประทานมีอำนาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้สิ่งกีดขวางพ้นไปจากทางน้ำชลประทานได้
มาตรา ๒๖[๑๘] ห้ามมิให้ผู้ใดขุดคลองหรือทางน้ำมาเชื่อมกับทางน้ำชลประทาน
หรือมาเชื่อมกับทางน้ำอื่นที่เชื่อมกับทางน้ำชลประทาน
หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหล อันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมาย ผู้ฝ่าฝืนนอกจากจะได้รับโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว
ศาลจะสั่งให้ปิดถมคลองหรือทางน้ำนั้นมิให้น้ำรั่วไหลต่อไปก็ได้
เพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน
อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำการดังกล่าวในวรรคแรกปิดถมทางน้ำนั้นหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้น้ำรั่วไหลได้ต่อไป
หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งให้เจ้าพนักงานจัดการได้ทันที
และถ้าจำเป็นจะต้องใช้ที่ดินเพื่อการนี้ ก็ให้มีอำนาจใช้ที่ดินริมคลองหรือริมทางน้ำนั้นได้เท่าที่จำเป็น
ค่าใช้จ่ายในการนี้รวมทั้งค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้ให้แก่เจ้าของที่ดิน
ให้คิดเอาจากผู้ฝ่าฝืนทั้งสิ้น
คลองหรือทางน้ำใดที่ทำให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหลอันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทานมาก่อนวันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้
เมื่ออธิบดีเห็นสมควรก็ให้มีอำนาจดำเนินการตามความในวรรคสองได้โดยอนุโลม
มาตรา ๒๗ ห้ามมิให้ผู้ใดนำหรือปล่อยสัตว์พาหนะลงไปในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท ๒ หรือเหยียบย่ำคันคลอง ชานคลอง หรือบริเวณสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน
เว้นแต่ในที่ที่ได้กำหนดอนุญาตไว้หรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงาน
มาตรา ๒๘[๑๙] ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งมูลฝอย
ซากสัตว์ ซากพืช เถ้าถ่าน หรือสิ่งปฏิกูลลงในทางน้ำชลประทานหรือทำให้น้ำเป็นอันตรายแก่การเพาะปลูกหรือการบริโภค
ห้ามมิให้ผู้ใดปล่อยน้ำซึ่งทำให้เกิดเป็นพิษแก่น้ำตามธรรมชาติ
หรือสารเคมีเป็นพิษลงในทางน้ำชลประทาน จนอาจทำให้น้ำในทางน้ำชลประทานเป็นอันตรายแก่เกษตรกรรม
การบริโภค อุปโภค หรือสุขภาพอนามัย
มาตรา ๒๙ ห้ามมิให้ผู้ใดทำให้ประตูน้ำ
ฝาย เขื่อนระบาย ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม สะพานทางน้ำ ปูม เสา
หรือสายโทรศัพท์ ที่ใช้ในการชลประทานเสียหายจนอาจเกิดอันตรายหรือขัดข้องแก่การใช้สิ่งที่กล่าวนั้น
มาตรา ๓๐
ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะทำให้เสียหายแก่คันคลอง ชานคลอง
ทำนบ พนัง หรือหมุดระดับหลักฐานที่ใช้ในการชลประทาน
มาตรา ๓๑ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะเป็นการกีดขวางแก่แนวทางที่ได้สำรวจไว้
หรือเขตงาน หรือทำให้แนวทางที่ได้สำรวจไว้
หรือหมุดหมายแสดงเขตงานคลาดเคลื่อนหรือสูญหาย
มาตรา ๓๒[๒๐] ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปิดหรือเปิดประตูน้ำ
เขื่อนระบาย ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม สะพานทางน้ำ ปูม หรือลากเข็นสาลี่ในบริเวณทำนบหรือประตูระบาย
มาตรา ๓๓ ห้ามมิให้ผู้ใด
นอกจากนายช่างชลประทานหรือผู้ที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดี ทำการแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือรื้อถอนบรรดาสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน
มาตรา ๓๔ ห้ามมิให้ผู้ใดขุด
ลอก ทางน้ำชลประทานอันจะทำให้เสียหายแก่การชลประทานหรือปิดกั้นทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี
มาตรา ๓๕
เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งห้ามมิให้ผู้ใดชักหรือใช้น้ำในทางน้ำชลประทานในเมื่อเห็นว่าจะเป็นเหตุที่จะก่อให้เกิดการเสียหายแก่ผู้อื่น
หมวด ๔
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๓๖[๒๑] ผู้ใดไม่ชำระค่าชลประทานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ออกตามความในมาตรา ๘ (๓) หรือ (๔) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสิบเท่าของค่าชลประทานที่ค้างชำระ
เมื่อผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้นำค่าชลประทานที่ค้างชำระ
และเงินเพิ่มอีกหนึ่งเท่าของค่าชลประทานดังกล่าวมาชำระแก่เจ้าพนักงานภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดให้แล้ว
ให้ยกเว้นโทษในคดีนั้นเสีย
มาตรา
๓๖ ทวิ[๒๒] ผู้ใดไม่ชำระค่าบำรุงทางน้ำชลประทานตามที่กำหนดในกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา ๑๔ (๓) ต้องระวางโทษปรับเป็นจำนวนสองเท่าของอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่พึงชำระ
เมื่อผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้นำค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่พึงชำระและเงินเพิ่มอีกร้อยละห้าสิบของค่าบำรุงทางน้ำชลประทานดังกล่าวมาชำระแก่เจ้าพนักงานภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดให้แล้ว
ให้ยกเว้นโทษในคดีนั้นเสีย
มาตรา
๓๖ ตรี[๒๓] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๓ เบญจ มาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง
หรือฝ่าฝืนกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา ๑๔ (๑) หรือ (๖) หรือฝ่าฝืนข้อห้าม ข้อจำกัดหรือเงื่อนไขตามมาตรา
๑๕ (๓) หรือมาตรา ๑๖ หรือฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรา ๑๓ ตรี (๑) มาตรา ๒๐ วรรคสอง หรือมาตรา
๒๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๗[๒๔] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง
มาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา
๒๘ วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๘[๒๕]
ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งซึ่งออกตามความในมาตรา ๒๑ หรือมาตรา ๓๕ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๓๙[๒๖] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๗
มีความผิดต้องระวางโทษปรับเรียงตามตัวสัตว์ตัวละห้าบาทขึ้นไป
แต่ไม่เกินตัวละห้าสิบบาท
ถ้าเป็นกรณีที่มีผู้นำจับผู้กระทำผิด
ให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาล ในกรณีเช่นนี้ให้ศาลมีอำนาจสั่งจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาล
แต่ถ้าคดีถึงที่สุดโดยคำสั่งของพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนและเปรียบเทียบคดีอาญา
ให้พนักงานเปรียบเทียบดังกล่าวจ่ายเงินสินบนจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่ง
และในกรณีที่มีผู้นำจับหลายคน ให้แบ่งเงินสินบนนั้นให้ได้รับคนละเท่า ๆ กัน
มาตรา ๔๐[๒๗] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา
๒๙ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๑[๒๘] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ หรือมาตรา
๓๔ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสองปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
หมวด ๕
การรักษาพระราชบัญญัติ
มาตรา ๔๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล
ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. บัญชี ก. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ
แพ ผ่านประตูน้ำ ประตูระบาย หรือผ่านบริเวณทำนบหรือประตูระบายโดยทางสาลี่[๒๙]
๒.
บัญชี ข. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒[๓๐]
๓.
บัญชี ค. อัตราค่าธรรมเนียม[๓๑]
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗[๓๒]
มาตรา
๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
โดยที่พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งประกาศใช้อยู่ในขณะนี้
ยังมีข้อความขาดตกบกพร่องอยู่หลายประการไม่เหมาะสมแก่การดำเนินงาน
และการควบคุมการชลประทานหลวง ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง
จึงเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นการเหมาะสมแก่กาลสมัยยิ่งขึ้น
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗[๓๓]
มาตรา
๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันนี้
กิจการชลประทานได้ขยายตัวกว้างขวางขึ้น
เพื่อให้ได้ผลตามแผนพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ แต่ปรากฏว่า บทบัญญัติบางมาตราแห่งกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวงฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่เหมาะสมแก่การดำเนินงานก่อสร้าง
การบำรุงรักษา และการควบคุม ตลอดจนอัตราโทษ อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่มีน้อยไม่พอเพียงที่จะใช้ในการระงับปราบปรามผู้กระทำผิดให้ได้ผลอย่างแท้จริง
จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพื่อให้เหมาะสมแก่กาลสมัย
ประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๑๔๖ ลงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๕[๓๔]
โดยที่คณะปฏิวัติพิจารณาเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวง
เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการชลประทานอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้สำเร็จลุล่วงไปโดยเร็ว
ข้อ
๓ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘[๓๕]
มาตรา
๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
เนื่องจากในปัจจุบันนี้กิจการชลประทานได้ขยายตัวกว้างขวางขึ้น
นอกจากการใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรมแล้วมีการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานเพื่อกิจการโรงงาน
การประปา การอุตสาหกรรม และกิจการอื่นด้วย แต่ปรากฏว่าบทบัญญัติบางมาตราแห่งกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่อาจเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ประกอบกิจการโรงงาน
การประปา
และกิจการอื่นเป็นการตอบแทนได้กับเพื่อประโยชน์แก่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในส่วนที่เกี่ยวกับการชลประทาน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ขึ้น
วศิน/ผู้จัดทำ
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๒
ปิติวรรณ/ปรับปรุง
๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
อรญา/ตรวจ
๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๙/ตอนที่ ๖๒/หน้า ๑๖๗๖/๒๒ กันยายน ๒๔๘๕
[๒] มาตรา ๔
นิยามคำว่า การชลประทาน แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่
๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๓] มาตรา ๘
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๔] มาตรา
๘ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๕] มาตรา
๑๐ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๖] มาตรา
๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๔๖ ลงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.
๒๕๑๕
[๗] มาตรา
๑๒ ทวิ เพิ่มโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๔๖ ลงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๕
[๘] มาตรา ๑๓
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๙] มาตรา
๑๓ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๑๐] มาตรา
๑๓ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๑] มาตรา
๑๓ จัตวา เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๒] มาตรา
๑๓ เบญจ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๓] มาตรา
๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๔] มาตรา
๑๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๕] มาตรา
๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๖] มาตรา
๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๗] มาตรา
๒๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๘] มาตรา
๒๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๑๙] มาตรา
๒๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๒๐] มาตรา
๓๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่
๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๑] มาตรา
๓๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๒๒] มาตรา
๓๖ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๓] มาตรา
๓๖ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๔] มาตรา
๓๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
[๒๕] มาตรา
๓๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๖] มาตรา
๓๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๗] มาตรา
๔๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๘] มาตรา
๔๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๙] บัญชี
ก. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ แพ ผ่านประตูน้ำ
ประตูระบาย หรือผ่านบริเวณทำนบหรือประตูระบายโดยทางสาลี่ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๓๐] บัญชี ข.
อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๓๑] บัญชี ค. อัตราค่าธรรมเนียม
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๓๒]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๑/ตอนที่ ๖๔/หน้า ๑๔๘๓/๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๗
[๓๓]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๑/ตอนที่ ๑๒๔/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๗
[๓๔] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๘๙/ตอนที่ ๗๖/ฉบับพิเศษ หน้า ๓/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๑๕
[๓๕]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๒/ตอนที่ ๓๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ |
301344 | พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2518 | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔)
พ.ศ. ๒๕๑๘
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๕ กุมภาพันธ์
พ.ศ. ๒๕๑๘
เป็นปีที่ ๓๐ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวง
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภา
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกคำนิยาม
การชลประทาน ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.
๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
การชลประทาน หมายความว่า กิจการที่กรมชลประทานจัดทำขึ้นเพื่อให้ได้มา
ซึ่งน้ำหรือเพื่อกัก เก็บ รักษา ควบคุม ส่ง
ระบายหรือแบ่งน้ำเพื่อเกษตรกรรม การพลังงาน การสาธารณูปโภค หรือการอุตสาหกรรม และหมายความรวมถึงการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้ำกับรวมถึงการคมนาคมทางน้ำซึ่งอยู่ในเขตชลประทานด้วย
มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา
๘ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๘ รัฐมนตรีมีอำนาจเรียกเก็บค่าชลประทานจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทานหรือจากผู้ใช้น้ำจากทางน้ำชลประทาน
ไม่ว่าผู้ใช้น้ำจะอยู่ในหรือนอกเขตชลประทานโดยออกเป็นกฎกระทรวงกำหนด
(๑)
ทางน้ำชลประทานแต่ละสายหรือแต่ละเขตที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานโดยแสดงแผนที่แนวเขต
(๒)
เขตและท้องที่ซึ่งเป็นเขตชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานโดยแสดงแผนที่แนวเขต
(๓)
อัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทานหรือจากผู้ใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน
(๔)
อัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำเพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นในหรือนอกเขตชลประทาน
(๕)
หลักเกณฑ์ ระเบียบและวิธีการในการจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทานตลอดจนการยกเว้น ลดหย่อน
หรือวิธีการผ่อนชำระค่าชลประทาน
อัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทาน
หรือจากผู้ใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน ให้เรียกเก็บได้ไม่เกินไร่ละห้าบาทต่อปี
อัตราค่าชลประทานสำหรับการใช้น้ำเพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่น ให้เรียกเก็บได้ไม่เกินลูกบาศก์เมตรละห้าสิบสตางค์
มาตรา ๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา
๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๘ ทวิ ให้ตั้งทุนหมุนเวียนขึ้นในกรมชลประทาน
เรียกว่าทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน
ค่าชลประทานที่เก็บได้ตามมาตรา
๘ ให้นำส่งเข้าบัญชีทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นเงินรายได้แผ่นดิน
การใช้จ่ายเงินของทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน
ให้กระทำได้เฉพาะการชลประทานตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
ภายในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศรายงานการรับจ่ายเงินของทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทานในราชกิจจานุเบกษา
รายงานการรับจ่ายเงินตามวรรคสี่
เมื่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ให้ทำรายงานผลการตรวจสอบเสนอคณะรัฐมนตรี
เพื่อเสนอรัฐสภาทราบ
มาตรา ๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา
๒๘ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งมูลฝอย
ซากสัตว์ ซากพืช เถ้าถ่าน หรือสิ่งปฏิกูลลงในทางน้ำชลประทานหรือทำให้น้ำเป็นอันตรายแก่การเพาะปลูกหรือการบริโภค
ห้ามมิให้ผู้ใดปล่อยน้ำซึ่งทำให้เกิดเป็นพิษแก่น้ำตามธรรมชาติ
หรือสารเคมีเป็นพิษลงในทางน้ำชลประทาน จนอาจทำให้น้ำในทางน้ำชลประทานเป็นอันตรายแก่เกษตรกรรม
การบริโภค อุปโภค หรือสุขภาพอนามัย
มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา
๓๖ และมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๓๖ ผู้ใดไม่ชำระค่าชลประทานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ออกตามความในมาตรา ๘ (๓) หรือ (๔) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสิบเท่าของค่าชลประทานที่ค้างชำระ
เมื่อผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้นำค่าชลประทานที่ค้างชำระ
และเงินเพิ่มอีกหนึ่งเท่าของค่าชลประทานดังกล่าวมาชำระแก่เจ้าพนักงานภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดให้แล้ว
ให้ยกเว้นโทษในคดีนั้นเสีย
มาตรา ๓๗
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา
๒๘ วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
สัญญา ธรรมศักดิ์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือ เนื่องจากในปัจจุบันนี้กิจการชลประทานได้ขยายตัวกว้างขวางขึ้น นอกจากการใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรมแล้วมีการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานเพื่อกิจการโรงงาน
การประปา การอุตสาหกรรม และกิจการอื่นด้วย แต่ปรากฏว่าบทบัญญัติบางมาตราแห่งกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่อาจเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ประกอบกิจการโรงงาน
การประปา และกิจการอื่นเป็นการตอบแทนได้กับเพื่อประโยชน์แก่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในส่วนที่เกี่ยวกับการชลประทาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ขึ้น
พรพิมล/แก้ไข
๑๒ กันยายน ๒๕๔๔
A+B (C)
พัชรินทร์/แก้ไข
๗ มกราคม ๒๕๔๘
วศิน/แก้ไข
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๒
จุฑามาศ/ปรับปรุง
๑๑ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๙๒/ตอนที่ ๓๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ |
315608 | พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 (Update ณ วันที่ 12/05/2515) | พระราชบัญญัติ
การชลประทานหลวง
พุทธสักราช ๒๔๘๕
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่ ๔
สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐
และวันที่ ๑๖
ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๔)
อาทิตย์ทิพอาภา
ปรีดี พนมยงค์
ตราไว้ ณ วันที่
๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๕
เป็นปีที่ ๙
ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า
สมควรส่งเสริมและควบคุมการชลประทานหลวงให้ดำเนินไปด้วยดี
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร
ดังต่อไปนี้
ข้อความเบื้องต้น
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธสักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๒[๑]
ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
ห้ามมิให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติรักษาคลอง ร.ศ. ๑๒๑ มาใช้สำหรับทางน้ำชลประทานตามความในพระราชบัญญัตินี้
ให้ยกเลิกบรรดากฎหมาย
กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้
หรือซึ่งแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
การชลประทาน[๒] หมายความว่า
กิจการที่กรมชลประทานจัดทำขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำ หรือเพื่อกัก เก็บ รักษา ควบคุม
ส่ง ระบายหรือแบ่งน้ำ เพื่อเกษตรกรรม การพลังงาน หรือสาธารณูปโภค และหมายความถึงการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้ำ
กับรวมถึงการคมนาคมทางน้ำซึ่งอยู่ในเขตชลประทานด้วย
ทางน้ำชลประทาน หมายความว่า ทางน้ำที่รัฐมนตรีได้ประกาศตามความในมาตรา
๖ ว่าเป็นทางน้ำชลประทาน
เขตชลประทาน หมายความว่า
เขตที่ดินที่ทำการเพาะปลูกซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
เขตงาน หมายความว่า
เขตที่ดินที่ใช้ในการสร้างและการบำรุงรักษาการชลประทานตามที่เจ้าพนักงานได้แสดงแนวเขตไว้
ประตูน้ำ หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อให้เรือแพผ่านทางน้ำที่มีระดับต่างกันได้
ทำนบ หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อกั้นไม่ให้น้ำไหลผ่านหรือข้ามไป
ฝาย หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อทดน้ำในทางน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน
โดยให้น้ำที่เหลือจากความต้องการท้นขึ้นแล้วไหลข้ามไปได้
เขื่อนระบาย หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อทดหรือกักน้ำในทางน้ำอันเป็นที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน
โดยมีช่องปิดเปิดได้
ประตูระบาย หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อทด กัก กั้น หรือระบายน้ำ ณ ที่อื่นอันมิใช่ที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทานโดยมีช่องปิดเปิดได้
ท่อเชื่อม หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำไหลลอดหรือข้ามสิ่งกีดขวาง
สะพานทางน้ำ หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำไหลข้ามทางน้ำหรือที่ต่ำ
ปูม หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อบังคับน้ำให้ไหลผ่านจากทางน้ำในระดับหนึ่งตกไปสู่ทางน้ำอีกระดับหนึ่ง
คันคลอง หมายความว่า มูลดินที่ถมขึ้นเป็นคันยาวไปตามแนวคลอง
ชานคลอง หมายความว่า
พื้นที่ระหว่างขอบตลิ่งกับเชิงคันคลอง
พนัง หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเป็นคันยาวไปตามพื้นดิน
เพื่อป้องกันอุทกภัย
เจ้าพนักงาน หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน
ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการชลประทาน
และหมายความรวมถึงบุคคลซึ่งอธิบดีได้แต่งตั้งตามความในพระราชบัญญัตินี้ด้วย
นายช่างชลประทาน หมายความว่า
เจ้าพนักงานผู้เป็นหัวหน้าควบคุมการก่อสร้างหรือการบำรุงรักษาการชลประทาน
อธิบดี หมายความว่า อธิบดีกรมชลประทาน
รัฐมนตรี หมายความว่า
รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๕ เพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้
ทางน้ำชลประทานแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ
ประเภท
๑ ทางน้ำที่ใช้ในการส่ง ระบาย กัก หรือกั้นน้ำเพื่อการชลประทาน
ประเภท
๒ ทางน้ำที่ใช้ในการคมนาคมแต่มีการชลประทานร่วมอยู่ด้วย
เฉพาะภายในเขตที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
ประเภท
๓ ทางน้ำที่สงวนไว้ใช้ในการชลประทาน
ประเภท
๔ ทางน้ำอันเป็นอุปกรณ์แก่การชลประทาน
ให้รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าทางน้ำใดเป็นทางน้ำชลประทาน
และเป็นประเภทใด
มาตรา ๖
นายช่างชลประทานมีอำนาจใช้พื้นที่ดินที่ปราศจากสิ่งปลูกสร้างซึ่งอยู่ในเขตการชลประทานได้เป็นครั้งคราวตามระยะเวลาที่จำเป็นแก่การชลประทาน
โดยแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๗
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน นายช่างชลประทานมีอำนาจที่จะใช้ที่ดินหรือสิ่งของของบุคคลใด
ๆ ในที่ใกล้เคียงหรือในบริเวณที่อาจเกิดอันตรายได้เท่าที่จำเป็น แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๘[๓] รัฐมนตรีมีอำนาจเรียกเก็บค่าชลประทานจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทาน
และเพื่อการนี้ ให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง ดังต่อไปนี้
(๑)
กำหนดเขตที่ที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน โดยระบุชื่อหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด
ที่ที่ดินอยู่ภายในเขตนั้น และให้แสดงแผนที่แนวเขตนั้นไว้ด้วย
(๒) กำหนดอัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในอัตราไม่เกินไร่ละห้าบาทต่อปี
(๓)
กำหนดระเบียบและวิธีการในการจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทาน
(๔) กำหนดวิธีการเพื่อยกเว้น
ลดหย่อน หรือผ่อนชำระค่าชลประทานในเขตใด ๆ เป็นการทั่วไป
ในกรณีที่ปรากฏว่ามีเหตุเสียหายร้ายแรงผิดปกติ
ค่าชลประทานที่เก็บได้ ให้ส่งเป็นรายได้ของรัฐ
แต่ให้กันไว้ต่างหากเพื่อใช้จ่ายในการชลประทานโดยเฉพาะ
มาตรา ๙
เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน ถ้าไม่สามารถจะทำได้โดยวิธีอื่น
ให้เจ้าของที่ดินที่อยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำใดมีสิทธิทำทางน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นได้
ในเมื่อนายช่างชลประทาน ข้าหลวงประจำจังหวัด
หรือนายอำเภอได้อนุญาตและกำหนดให้โดยกว้างรวมทั้งที่ทิ้งดินด้วยไม่เกินสิบเมตร
แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำนั้นผ่าน
ในการที่จะให้อนุญาตและกำหนดทางน้ำนั้น
ให้คำนึงถึงประโยชน์ของเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำผ่าน
และให้กำหนดให้ทำตรงที่ที่จะเสียหายแก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินนั้นน้อยที่สุด
หมวดที่
๒
การก่อสร้าง
มาตรา ๑๐
เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะเข้าไปในที่ดินของบุคคลใด ๆ เพื่อทำงานสำรวจตรวจสอบอันเกี่ยวกับการชลประทานได้
ในเมื่อได้แจ้งเป็นหนังสือให้ทราบล่วงหน้าตามสมควร แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้น
ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๑๐ ทวิ[๔] เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ให้ดำเนินการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เว้นแต่ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในหมวดนี้
เพื่อประโยชน์แห่งการออกพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
จะออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะเวนคืนไว้ก่อนก็ได้
ในพระราชกฤษฎีกานั้น
ให้ระบุ
ก.
ความประสงค์ที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ข.
เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ค.
กำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะต้องเวนคืน
ให้มีแผนที่หรือแผนผังประเมินเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะต้องเวนคืนติดไว้ท้ายพระราชกฤษฎีกานั้น
แผนที่หรือแผนผังที่กล่าวนี้ให้ถือเป็นส่วนแห่งพระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกาเช่นว่านี้มีอายุสองปี
หรือตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกานั้น
แต่ต้องไม่เกินกว่าห้าปีแล้วแต่จะเห็นว่าจำเป็นเพื่อทำการสำรวจที่ดินที่เจาะจงต้องเวนคืนนั้น
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในมาตรานี้
ให้ถือว่าเป็นพระราชกฤษฎีกาออกตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ด้วย
มาตรา ๑๑
ในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขุดหรือขยายทางน้ำชลประทานประเภท ๒
ถ้าที่ดินของผู้ใดที่ถูกขุดหรือขยายทางน้ำนั้น ถูกเวนคืนไม่เกินหนึ่งในสิบของที่ดินทั้งหมดและที่ดินส่วนที่เหลืออยู่มีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๕ ไร่ ก็ไม่จำต้องให้เงินค่าทำขวัญแก่เจ้าของที่ดินผู้นั้น
แต่ถ้าเกินกว่าหนึ่งในสิบ ก็ให้คิดเงินค่าทำขวัญให้เฉพาะส่วนที่เกินกว่าหนึ่งในสิบ
ในกรณีที่ที่ดินที่เหลืออยู่มีเนื้อที่ต่ำกว่า
๕ ไร่ ถ้าเจ้าของที่ดินประสงค์จะเวนคืนให้ทั้งหมด ก็ให้กรมชลประทานรับไว้โดยคิดเงินค่าทำขวัญให้
มาตรา ๑๒[๕] เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะเข้าครอบครองและใช้ที่ดินที่ได้เวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อทำประโยชน์ในการชลประทานได้แม้จะยังมิได้ชำระเงินค่าทำขวัญ
แต่เจ้าพนักงานต้องแจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ในกรณีที่มีอาคาร บ้านเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินที่เวนคืน
และเจ้าของหรือผู้ครอบครองมีหน้าที่ต้องรื้อถอน ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่รื้อถอนออกไปภายในหกสิบวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานได้แจ้งให้ทราบตามวรรคหนึ่ง
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเข้ารื้อถอนออกไปได้โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน
ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่ชำระ ให้หักค่าใช้จ่ายจากเงินค่าทำขวัญที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองนั้นจะได้รับ
มาตรา
๑๒ ทวิ[๖] ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อดำเนินการก่อสร้างการชลประทานที่เร่งด่วน
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์และดำเนินการเกี่ยวกับกิจการชลประทานในอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ ได้ก่อนที่จะมีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้น
ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ แต่เจ้าพนักงานต้องแจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
การชลประทานที่เร่งด่วนตามความในวรรคหนึ่ง
ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
หมวด ๓
การบำรุงรักษา
มาตรา ๑๓[๗] อธิบดีมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน ให้เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
หรือดูแลรักษาทางน้ำชลประทาน คันคลอง ชานคลอง ทำนบ พนัง หมุดระดับหลักฐานหรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการชลประทานตามที่อธิบดีกำหนด
การแต่งตั้งดังกล่าวให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการชลประทานในเขตนั้นด้วย
มาตรา ๑๓ ทวิ[๘]
เมื่อเห็นสมควรให้โอนการชลประทานหลวงในท้องที่ใดหรือในเขตโครงการชลประทานหลวงใด
ให้เป็นการชลประทานส่วนราษฎร ก็ให้กระทำได้โดยออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตการชลประทานหลวงที่จะโอนไปนั้น
เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศการโอนดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าการชลประทานหลวงที่โอนไปนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรตามกฎหมายว่าด้วยการชลประทานราษฎร์นับตั้งแต่วันที่ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาเป็นต้นไป
มาตรา
๑๓ ตรี[๙] ให้เจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่เก็บค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
หรือดูแลรักษาทางน้ำชลประทาน คันคลอง ชานคลอง ทำนบ พนัง หมุดระดับหลักฐานหรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการชลประทาน
มีอำนาจ ดังต่อไปนี้
(๑)
สั่งผู้ควบคุมเรือ แพ ที่ผ่านหรือจะผ่านทางน้ำชลประทานให้หยุด หรือจอดเรือ แพ ในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
(๒)
ตรวจบัตรค่าบำรุงทางน้ำชลประทานหรือหนังสือหรือใบอนุญาตเดินเรือในทางน้ำชลประทาน
(๓)
จับบุคคลขณะกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา
๑๓ จัตวา[๑๐] ในการปฏิบัติตามมาตรา ๑๓ ตรี ให้เจ้าพนักงานแสดงบัตรประจำตัว
เมื่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องร้องขอ
บัตรประจำตัวเจ้าพนักงาน
ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา
๑๓ เบญจ[๑๑] ห้ามมิให้เรือยนต์หรือเรือกลไฟเดินในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น
และห้ามมิให้เรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
ใบอนุญาตเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ ให้ใช้ได้ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม แห่งปีที่ออกใบอนุญาต
มาตรา ๑๔[๑๒] รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
กำหนดเงื่อนไขการใช้เรือ แพ ในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท ๒
(๒)
วางระเบียบการขอและการอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และการขอและการออกใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒
(๓)
กำหนดค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ แพ ผ่านประตูน้ำ ประตูระบายหรือผ่านบริเวณทำนบ
หรือประตูระบายโดยทางสาลี่ ไม่เกินอัตราในบัญชี ก. ท้ายพระราชบัญญัตินี้ และยกเว้นค่าบำรุงทางน้ำชลประทานแก่เรือบางประเภท
(๔)
กำหนดค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เป็นรายปี ไม่เกินอัตราในบัญชี ข. ท้ายพระราชบัญญัตินี้
(๕)
กำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราในบัญชี ค. ท้ายพระราชบัญญัตินี้
(๖)
กำหนดเครื่องมือและวิธีที่จะใช้ในการจับสัตว์น้ำ ตลอดจนกำหนดเขตห้ามจับสัตว์น้ำในทางน้ำชลประทาน
เพื่อป้องกันความเสียหายแก่การชลประทาน
มาตรา ๑๕[๑๓] เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน อธิบดีมีอำนาจ
ดังต่อไปนี้
(๑)
ปิด กั้นหรือเปิดน้ำในทางน้ำชลประทาน
(๒)
ขุดลอก ซ่อมหรือดัดแปลงแก้ไขทางน้ำชลประทาน หรือจัดให้มีสิ่งก่อสร้างขึ้นในทางน้ำชลประทาน
(๓)
ห้าม จำกัดหรือกำหนดเงื่อนไขในการนำเรือ แพ ผ่านทางน้ำชลประทานตาม (๑) หรือ (๒)
การใช้อำนาจตามมาตรานี้ ให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
เว้นแต่กรณีฉุกเฉิน อธิบดีมีอำนาจดำเนินการไปก่อนได้
มาตรา ๑๖[๑๔] อธิบดีมีอำนาจห้าม
จำกัดหรือกำหนดเงื่อนไขในการใช้เรือ แพ การใช้น้ำ การระบายน้ำหรือการอื่นในทางน้ำชลประทานประเภท
๔ โดยประกาศไว้ ณ ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
มาตรา ๑๗ กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน หรือเทศมนตรีในท้องที่ซึ่งอยู่ในเขตชลประทานมีหน้าที่ดูแลรักษาคันคลองและทางน้ำชลประทานอันอยู่ในเขตท้องที่หรือเขตเทศบาลนั้น
มาตรา ๑๘ อธิบดีมีอำนาจยกเว้นการเก็บค่าชลประทานแก่กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน และเทศมนตรี ตามที่บัญญัติไว้ในมาตราก่อน หรือผู้ที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หรือเทศมนตรีจะได้ระบุนามให้เป็นผู้ได้รับการยกเว้นแทนทั้งหมด หรือแต่บางส่วนในอัตรา
ดังต่อไปนี้
ก.
กำนัน และเทศมนตรีคนละห้าสิบไร่
ข.
ผู้ใหญ่บ้าน คนละยี่สิบห้าไร่
มาตรา ๑๙
ในการขุดซ่อมทางน้ำชลประทาน ถ้าไม่มีที่เททิ้งมูลดิน ก็ให้มีอำนาจเททิ้งมูลดินในที่ดินที่ใกล้เคียงได้ตามความจำเป็น
แต่ทั้งนี้ถ้าทำให้เสียหายแก่พืชผลหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีอยู่ในขณะนั้นแล้ว
ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๒๐ เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำ ระบายน้ำ หรือสูบน้ำเข้าไปในที่ดินแห่งใดเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูก
ห้ามมิให้ผู้ใดปิดกั้นน้ำไว้ด้วยวิธีใด ๆ
จนเป็นเหตุไม่ให้น้ำไหลไปสู่ที่ดินใกล้เคียงหรือปลายทาง
ถ้าเห็นสมควร
เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจที่จะสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูก
ให้เปิดสิ่งที่ปิดกั้นน้ำไว้ตามที่จะกำหนดให้หรือจัดการเปิดเสียเองก็ได้ ในการนี้ เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจเข้าไปในที่ดินแห่งหนึ่งแห่งใด
เพื่อตรวจและจัดการดังกล่าวแล้ว
มาตรา ๒๑ เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำหรือสูบน้ำเข้าไปในที่ดินแห่งใดเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูก เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูกบนพื้นที่ดินภายในบริเวณที่จะได้รับน้ำนั้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดภายในระยะเวลาที่จะได้กำหนดให้
เพื่อกักน้ำนั้นไว้ไม่ให้ไหลไปเสียเปล่าจนเป็นเหตุให้ที่ดินข้างเคียงไม่ได้รับน้ำตามที่ควร
มาตรา ๒๒
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินรายใดไม่ปฏิบัติตามความที่บัญญัติในมาตรา ๒๐
วรรคหนึ่ง หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามความในมาตรา ๒๐ วรรคสอง หรือมาตรา ๒๑
นอกจากจะถูกลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้แล้ว เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะจัดหาแรงงานเข้าทำแทน
และคิดค่าจ้างแรงงานตามอัตราในท้องถิ่นจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้ แล้วแต่กรณี
มาตรา ๒๓[๑๕] ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้าง
แก้ไข หรือต่อเติมสิ่งก่อสร้าง หรือปลูกปักสิ่งใด หรือทำการเพาะปลูก
รุกล้ำทางน้ำชลประทาน ชานคลอง เขตคันคลอง หรือเขตพนัง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน ในกรณีที่มีการฝ่าฝืน
นอกจากที่ผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว เมื่อโจทก์ร้องขอก็ให้ศาลสั่งให้รื้อถอนสิ่งที่รุกล้ำนั้นด้วย
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันภยันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่การชลประทาน
นายช่างชลประทานมีอำนาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้สิ่งรุกล้ำพ้นไปจากทางน้ำชลประทาน
ชานคลอง เขตคันคลองหรือเขตพนังได้
มาตรา ๒๔ ถ้ามีต้นไม้ในที่ดินของผู้ใดรุกล้ำทางน้ำชลประทานหรือทำให้เสียหายแก่ทางน้ำชลประทาน
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นตัดหรือนำต้นไม้นั้นไปให้พ้นเสียได้
มาตรา ๒๕[๑๖] ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการกีดขวางทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนนอกจากที่ผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว
เมื่อโจทก์ร้องขอก็ให้ศาลสั่งให้รื้อถอนสิ่งกีดขวางนั้นด้วย
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันภยันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่การชลประทาน
นายช่างชลประทานมีอำนาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้สิ่งกีดขวางพ้นไปจากทางน้ำชลประทานได้
มาตรา ๒๖[๑๗] ห้ามมิให้ผู้ใดขุดคลองหรือทางน้ำมาเชื่อมกับทางน้ำชลประทาน
หรือมาเชื่อมกับทางน้ำอื่นที่เชื่อมกับทางน้ำชลประทาน
หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหล อันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมาย ผู้ฝ่าฝืนนอกจากจะได้รับโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว
ศาลจะสั่งให้ปิดถมคลองหรือทางน้ำนั้นมิให้น้ำรั่วไหลต่อไปก็ได้
เพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน
อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำการดังกล่าวในวรรคแรกปิดถมทางน้ำนั้นหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้น้ำรั่วไหลได้ต่อไป
หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งให้เจ้าพนักงานจัดการได้ทันที
และถ้าจำเป็นจะต้องใช้ที่ดินเพื่อการนี้ ก็ให้มีอำนาจใช้ที่ดินริมคลองหรือริมทางน้ำนั้นได้เท่าที่จำเป็น
ค่าใช้จ่ายในการนี้รวมทั้งค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้ให้แก่เจ้าของที่ดิน
ให้คิดเอาจากผู้ฝ่าฝืนทั้งสิ้น
คลองหรือทางน้ำใดที่ทำให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหลอันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทานมาก่อนวันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้
เมื่ออธิบดีเห็นสมควรก็ให้มีอำนาจดำเนินการตามความในวรรคสองได้โดยอนุโลม
มาตรา ๒๗ ห้ามมิให้ผู้ใดนำหรือปล่อยสัตว์พาหนะลงไปในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท ๒ หรือเหยียบย่ำคันคลอง ชานคลอง หรือบริเวณสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน
เว้นแต่ในที่ที่ได้กำหนดอนุญาตไว้หรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงาน
มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งมูลฝอย ซากสัตว์ ซากพืช
เถ้าถ่านหรือสิ่งปฏิกูลลงในทางน้ำชลประทาน หรือทำให้น้ำเป็นอันตรายแก่การเพาะปลูก
หรือการบริโภค
มาตรา ๒๙
ห้ามมิให้ผู้ใดทำให้ประตูน้ำ ฝาย เขื่อนระบาย ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม
สะพานทางน้ำ ปูม เสา หรือสายโทรศัพท์ ที่ใช้ในการชลประทานเสียหายจนอาจเกิดอันตรายหรือขัดข้องแก่การใช้สิ่งที่กล่าวนั้น
มาตรา ๓๐
ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะทำให้เสียหายแก่คันคลอง
ชานคลอง ทำนบ พนัง หรือหมุดระดับหลักฐานที่ใช้ในการชลประทาน
มาตรา ๓๑ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะเป็นการกีดขวางแก่แนวทางที่ได้สำรวจไว้
หรือเขตงาน หรือทำให้แนวทางที่ได้สำรวจไว้
หรือหมุดหมายแสดงเขตงานคลาดเคลื่อนหรือสูญหาย
มาตรา ๓๒[๑๘] ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปิดหรือเปิดประตูน้ำ
เขื่อนระบาย ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม สะพานทางน้ำ ปูม หรือลากเข็นสาลี่ในบริเวณทำนบหรือประตูระบาย
มาตรา ๓๓ ห้ามมิให้ผู้ใด
นอกจากนายช่างชลประทานหรือผู้ที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดี ทำการแก้ไข เปลี่ยนแปลง
หรือรื้อถอนบรรดาสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน
มาตรา ๓๔ ห้ามมิให้ผู้ใดขุด
ลอก ทางน้ำชลประทานอันจะทำให้เสียหายแก่การชลประทานหรือปิดกั้นทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี
มาตรา ๓๕
เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งห้ามมิให้ผู้ใดชักหรือใช้น้ำในทางน้ำชลประทานในเมื่อเห็นว่าจะเป็นเหตุที่จะก่อให้เกิดการเสียหายแก่ผู้อื่น
หมวด ๔
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๓๖[๑๙] ผู้ใดไม่ชำระค่าชลประทานตามที่กำหนดในกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา
๘ (๒) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสิบเท่าของค่าชลประทานที่ค้างชำระ
เมื่อผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้นำค่าชลประทานที่ค้างชำระและเงินเพิ่มอีกร้อยละสิบของค่าชลประทานดังกล่าวมาชำระแก่เจ้าพนักงานภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดให้แล้ว
ให้ยกเว้นโทษในคดีนั้นเสีย
มาตรา
๓๖ ทวิ[๒๐] ผู้ใดไม่ชำระค่าบำรุงทางน้ำชลประทานตามที่กำหนดในกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา ๑๔ (๓) ต้องระวางโทษปรับเป็นจำนวนสองเท่าของอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่พึงชำระ
เมื่อผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้นำค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่พึงชำระและเงินเพิ่มอีกร้อยละห้าสิบของค่าบำรุงทางน้ำชลประทานดังกล่าวมาชำระแก่เจ้าพนักงานภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดให้แล้ว
ให้ยกเว้นโทษในคดีนั้นเสีย
มาตรา
๓๖ ตรี[๒๑] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๓ เบญจ มาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง
หรือฝ่าฝืนกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา ๑๔ (๑) หรือ (๖) หรือฝ่าฝืนข้อห้าม ข้อจำกัดหรือเงื่อนไขตามมาตรา
๑๕ (๓) หรือมาตรา ๑๖ หรือฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรา ๑๓ ตรี (๑) มาตรา ๒๐ วรรคสอง หรือมาตรา
๒๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๗[๒๒] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง
มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๘[๒๓]
ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งซึ่งออกตามความในมาตรา ๒๑ หรือมาตรา ๓๕ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๓๙[๒๔] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๗
มีความผิดต้องระวางโทษปรับเรียงตามตัวสัตว์ตัวละห้าบาทขึ้นไป
แต่ไม่เกินตัวละห้าสิบบาท
ถ้าเป็นกรณีที่มีผู้นำจับผู้กระทำผิด
ให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาล ในกรณีเช่นนี้ให้ศาลมีอำนาจสั่งจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาล
แต่ถ้าคดีถึงที่สุดโดยคำสั่งของพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนและเปรียบเทียบคดีอาญา
ให้พนักงานเปรียบเทียบดังกล่าวจ่ายเงินสินบนจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่ง
และในกรณีที่มีผู้นำจับหลายคน ให้แบ่งเงินสินบนนั้นให้ได้รับคนละเท่า ๆ กัน
มาตรา ๔๐[๒๕] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา
๒๙ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๑[๒๖] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ หรือมาตรา
๓๔ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสองปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
หมวด ๕
การรักษาพระราชบัญญัติ
มาตรา ๔๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล
ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. บัญชี ก. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ
แพ ผ่านประตูน้ำ ประตูระบาย หรือผ่านบริเวณทำนบหรือประตูระบายโดยทางสาลี่[๒๗]
๒.
บัญชี ข. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒[๒๘]
๓.
บัญชี ค. อัตราค่าธรรมเนียม[๒๙]
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗[๓๐]
มาตรา
๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
โดยที่พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งประกาศใช้อยู่ในขณะนี้
ยังมีข้อความขาดตกบกพร่องอยู่หลายประการไม่เหมาะสมแก่การดำเนินงาน
และการควบคุมการชลประทานหลวง ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง
จึงเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นการเหมาะสมแก่กาลสมัยยิ่งขึ้น
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗[๓๑]
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันนี้
กิจการชลประทานได้ขยายตัวกว้างขวางขึ้น
เพื่อให้ได้ผลตามแผนพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ แต่ปรากฏว่า บทบัญญัติบางมาตราแห่งกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวงฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่เหมาะสมแก่การดำเนินงานก่อสร้าง
การบำรุงรักษา และการควบคุม ตลอดจนอัตราโทษ อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่มีน้อยไม่พอเพียงที่จะใช้ในการระงับปราบปรามผู้กระทำผิดให้ได้ผลอย่างแท้จริง
จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพื่อให้เหมาะสมแก่กาลสมัย
ประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๑๔๖ ลงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๕[๓๒]
โดยที่คณะปฏิวัติพิจารณาเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวง
เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการชลประทานอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้สำเร็จลุล่วงไปโดยเร็ว
ข้อ
๓ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
วศิน/ผู้จัดทำ
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๒
ปิติวรรณ/ปรับปรุง
๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
อรญา/ตรวจ
๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๙/ตอนที่ ๖๒/หน้า ๑๖๗๖/๒๒ กันยายน ๒๔๘๕
[๒] มาตรา ๔
นิยามคำว่า การชลประทาน แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่
๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๓] มาตรา ๘
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๔] มาตรา
๑๐ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๕] มาตรา
๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๔๖ ลงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.
๒๕๑๕
[๖] มาตรา
๑๒ ทวิ เพิ่มโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๔๖ ลงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๕
[๗] มาตรา
๑๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๘] มาตรา
๑๓ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๙] มาตรา
๑๓ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๐] มาตรา
๑๓ จัตวา เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๑] มาตรา
๑๓ เบญจ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๒] มาตรา
๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๓] มาตรา
๑๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๔] มาตรา
๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๕] มาตรา
๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๖] มาตรา
๒๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๗] มาตรา
๒๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๑๘] มาตรา
๓๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่
๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๙] มาตรา
๓๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๐] มาตรา
๓๖ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๑] มาตรา
๓๖ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๒] มาตรา
๓๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๓] มาตรา
๓๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๔] มาตรา
๓๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๕] มาตรา
๔๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๖] มาตรา
๔๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๗] บัญชี
ก. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ แพ ผ่านประตูน้ำ
ประตูระบาย หรือผ่านบริเวณทำนบหรือประตูระบายโดยทางสาลี่ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๘] บัญชี
ข. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๙] บัญชี ค. อัตราค่าธรรมเนียม
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๓๐]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๑/ตอนที่ ๖๔/หน้า ๑๔๘๓/๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๗
[๓๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๑/ตอนที่ ๑๒๔/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๗
[๓๒]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๙/ตอนที่ ๗๖/ฉบับพิเศษ หน้า ๓/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๑๕ |
312876 | ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 146 | ประกาศของคณะปฏิวัติ
ประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๑๔๖
โดยที่คณะปฏิวัติพิจารณาเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวง เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการชลประทานอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้สำเร็จลุล่วงไปโดยเร็ว
หัวหน้าคณะปฏิวัติจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑
ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๒ เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะเข้าครอบครองและใช้ที่ดินที่ได้เวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อทำประโยชน์ในการชลประทานได้แม้จะยังมิได้ชำระเงินค่าทำขวัญ
แต่เจ้าพนักงานต้องแจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ในกรณีที่มีอาคาร บ้านเรือน
หรือสิ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินที่เวนคืนและเจ้าของหรือผู้ครอบครองมีหน้าที่ต้องรื้อถอน
ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่รื้อถอนออกไปภายในหกสิบวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานได้แจ้งให้ทราบตามวรรคหนึ่ง
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเข้ารื้อถอนออกไปได้โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน
ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่ชำระ ให้หักค่าใช้จ่ายจากเงินค่าทำขวัญที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองนั้นจะได้รับ
ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๒ ทวิ
แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๑๒ ทวิ ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อดำเนินการก่อสร้างการชลประทานที่เร่งด่วน
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์และดำเนินการเกี่ยวกับกิจการชลประทานในอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ
ได้ก่อนที่จะมีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
แต่เจ้าพนักงานต้องแจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
การชลประทานที่เร่งด่วนตามความในวรรคหนึ่ง
ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ ๓[๑] ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๐
พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕
จอมพล ถ. กิตติขจร
หัวหน้าคณะปฏิวัติ
พรพิมล/แก้ไข
๑๐ ก.ย ๒๕๔๔
A+B (C)
พัชรินทร์/แก้ไข
๗ มกราคม ๒๕๔๘
วศิน/แก้ไข
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๒
จุฑามาศ/ปรับปรุง
๑๑ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๘๙/ตอนที่ ๗๖/ฉบับพิเศษ หน้า ๓/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๑๕ |
300279 | พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 (Update ณ วันที่ 31/12/2507) | พระราชบัญญัติ
การชลประทานหลวง
พุทธสักราช ๒๔๘๕
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่ ๔
สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐
และวันที่ ๑๖
ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๔)
อาทิตย์ทิพอาภา
ปรีดี พนมยงค์
ตราไว้ ณ วันที่
๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๕
เป็นปีที่ ๙
ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า
สมควรส่งเสริมและควบคุมการชลประทานหลวงให้ดำเนินไปด้วยดี
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร
ดังต่อไปนี้
ข้อความเบื้องต้น
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธสักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๒[๑]
ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
ห้ามมิให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติรักษาคลอง ร.ศ. ๑๒๑ มาใช้สำหรับทางน้ำชลประทานตามความในพระราชบัญญัตินี้
ให้ยกเลิกบรรดากฎหมาย
กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้
หรือซึ่งแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
การชลประทาน[๒] หมายความว่า
กิจการที่กรมชลประทานจัดทำขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำ หรือเพื่อกัก เก็บ รักษา ควบคุม
ส่ง ระบายหรือแบ่งน้ำ เพื่อเกษตรกรรม การพลังงาน หรือสาธารณูปโภค และหมายความถึงการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้ำ
กับรวมถึงการคมนาคมทางน้ำซึ่งอยู่ในเขตชลประทานด้วย
ทางน้ำชลประทาน หมายความว่า ทางน้ำที่รัฐมนตรีได้ประกาศตามความในมาตรา
๖ ว่าเป็นทางน้ำชลประทาน
เขตชลประทาน หมายความว่า
เขตที่ดินที่ทำการเพาะปลูกซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
เขตงาน หมายความว่า
เขตที่ดินที่ใช้ในการสร้างและการบำรุงรักษาการชลประทานตามที่เจ้าพนักงานได้แสดงแนวเขตไว้
ประตูน้ำ หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อให้เรือแพผ่านทางน้ำที่มีระดับต่างกันได้
ทำนบ หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อกั้นไม่ให้น้ำไหลผ่านหรือข้ามไป
ฝาย หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อทดน้ำในทางน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน
โดยให้น้ำที่เหลือจากความต้องการท้นขึ้นแล้วไหลข้ามไปได้
เขื่อนระบาย หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อทดหรือกักน้ำในทางน้ำอันเป็นที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน
โดยมีช่องปิดเปิดได้
ประตูระบาย หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อทด กัก กั้น หรือระบายน้ำ ณ ที่อื่นอันมิใช่ที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทานโดยมีช่องปิดเปิดได้
ท่อเชื่อม หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำไหลลอดหรือข้ามสิ่งกีดขวาง
สะพานทางน้ำ หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำไหลข้ามทางน้ำหรือที่ต่ำ
ปูม หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อบังคับน้ำให้ไหลผ่านจากทางน้ำในระดับหนึ่งตกไปสู่ทางน้ำอีกระดับหนึ่ง
คันคลอง หมายความว่า มูลดินที่ถมขึ้นเป็นคันยาวไปตามแนวคลอง
ชานคลอง หมายความว่า
พื้นที่ระหว่างขอบตลิ่งกับเชิงคันคลอง
พนัง หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเป็นคันยาวไปตามพื้นดิน
เพื่อป้องกันอุทกภัย
เจ้าพนักงาน หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน
ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการชลประทาน
และหมายความรวมถึงบุคคลซึ่งอธิบดีได้แต่งตั้งตามความในพระราชบัญญัตินี้ด้วย
นายช่างชลประทาน หมายความว่า
เจ้าพนักงานผู้เป็นหัวหน้าควบคุมการก่อสร้างหรือการบำรุงรักษาการชลประทาน
อธิบดี หมายความว่า อธิบดีกรมชลประทาน
รัฐมนตรี หมายความว่า
รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๕ เพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้
ทางน้ำชลประทานแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ
ประเภท
๑ ทางน้ำที่ใช้ในการส่ง ระบาย กัก หรือกั้นน้ำเพื่อการชลประทาน
ประเภท
๒ ทางน้ำที่ใช้ในการคมนาคมแต่มีการชลประทานร่วมอยู่ด้วย
เฉพาะภายในเขตที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
ประเภท
๓ ทางน้ำที่สงวนไว้ใช้ในการชลประทาน
ประเภท
๔ ทางน้ำอันเป็นอุปกรณ์แก่การชลประทาน
ให้รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าทางน้ำใดเป็นทางน้ำชลประทาน
และเป็นประเภทใด
มาตรา ๖
นายช่างชลประทานมีอำนาจใช้พื้นที่ดินที่ปราศจากสิ่งปลูกสร้างซึ่งอยู่ในเขตการชลประทานได้เป็นครั้งคราวตามระยะเวลาที่จำเป็นแก่การชลประทาน
โดยแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๗
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน นายช่างชลประทานมีอำนาจที่จะใช้ที่ดินหรือสิ่งของของบุคคลใด
ๆ ในที่ใกล้เคียงหรือในบริเวณที่อาจเกิดอันตรายได้เท่าที่จำเป็น แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๘[๓] รัฐมนตรีมีอำนาจเรียกเก็บค่าชลประทานจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทาน
และเพื่อการนี้ ให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง ดังต่อไปนี้
(๑)
กำหนดเขตที่ที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน โดยระบุชื่อหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด
ที่ที่ดินอยู่ภายในเขตนั้น และให้แสดงแผนที่แนวเขตนั้นไว้ด้วย
(๒) กำหนดอัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในอัตราไม่เกินไร่ละห้าบาทต่อปี
(๓)
กำหนดระเบียบและวิธีการในการจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทาน
(๔) กำหนดวิธีการเพื่อยกเว้น
ลดหย่อน หรือผ่อนชำระค่าชลประทานในเขตใด ๆ เป็นการทั่วไป
ในกรณีที่ปรากฏว่ามีเหตุเสียหายร้ายแรงผิดปกติ
ค่าชลประทานที่เก็บได้ ให้ส่งเป็นรายได้ของรัฐ
แต่ให้กันไว้ต่างหากเพื่อใช้จ่ายในการชลประทานโดยเฉพาะ
มาตรา ๙
เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน ถ้าไม่สามารถจะทำได้โดยวิธีอื่น
ให้เจ้าของที่ดินที่อยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำใดมีสิทธิทำทางน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นได้
ในเมื่อนายช่างชลประทาน ข้าหลวงประจำจังหวัด
หรือนายอำเภอได้อนุญาตและกำหนดให้โดยกว้างรวมทั้งที่ทิ้งดินด้วยไม่เกินสิบเมตร
แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำนั้นผ่าน
ในการที่จะให้อนุญาตและกำหนดทางน้ำนั้น
ให้คำนึงถึงประโยชน์ของเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำผ่าน
และให้กำหนดให้ทำตรงที่ที่จะเสียหายแก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินนั้นน้อยที่สุด
หมวดที่
๒
การก่อสร้าง
มาตรา ๑๐
เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะเข้าไปในที่ดินของบุคคลใด ๆ เพื่อทำงานสำรวจตรวจสอบอันเกี่ยวกับการชลประทานได้
ในเมื่อได้แจ้งเป็นหนังสือให้ทราบล่วงหน้าตามสมควร แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้น
ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๑๐ ทวิ[๔] เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ให้ดำเนินการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เว้นแต่ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในหมวดนี้
เพื่อประโยชน์แห่งการออกพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
จะออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะเวนคืนไว้ก่อนก็ได้
ในพระราชกฤษฎีกานั้น
ให้ระบุ
ก.
ความประสงค์ที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ข.
เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ค.
กำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะต้องเวนคืน
ให้มีแผนที่หรือแผนผังประเมินเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะต้องเวนคืนติดไว้ท้ายพระราชกฤษฎีกานั้น
แผนที่หรือแผนผังที่กล่าวนี้ให้ถือเป็นส่วนแห่งพระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกาเช่นว่านี้มีอายุสองปี
หรือตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกานั้น
แต่ต้องไม่เกินกว่าห้าปีแล้วแต่จะเห็นว่าจำเป็นเพื่อทำการสำรวจที่ดินที่เจาะจงต้องเวนคืนนั้น
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในมาตรานี้
ให้ถือว่าเป็นพระราชกฤษฎีกาออกตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ด้วย
มาตรา ๑๑
ในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขุดหรือขยายทางน้ำชลประทานประเภท ๒
ถ้าที่ดินของผู้ใดที่ถูกขุดหรือขยายทางน้ำนั้น ถูกเวนคืนไม่เกินหนึ่งในสิบของที่ดินทั้งหมดและที่ดินส่วนที่เหลืออยู่มีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๕ ไร่ ก็ไม่จำต้องให้เงินค่าทำขวัญแก่เจ้าของที่ดินผู้นั้น
แต่ถ้าเกินกว่าหนึ่งในสิบ ก็ให้คิดเงินค่าทำขวัญให้เฉพาะส่วนที่เกินกว่าหนึ่งในสิบ
ในกรณีที่ที่ดินที่เหลืออยู่มีเนื้อที่ต่ำกว่า
๕ ไร่ ถ้าเจ้าของที่ดินประสงค์จะเวนคืนให้ทั้งหมด ก็ให้กรมชลประทานรับไว้โดยคิดเงินค่าทำขวัญให้
มาตรา ๑๒ เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะเข้าครอบครองและใช้ที่ดินที่ได้เวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อทำประโยชน์ในการชลประทานได้แม้จะยังมิได้ชำระเงินค่าทำขวัญ
แต่เจ้าพนักงานต้องแจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ในกรณีที่ไม่สามารถส่งแจ้งความให้ถึงเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้
ให้แจ้งโดยวิธีปิดแจ้งความไว้ ณ ที่ดินนั้น
และเมื่อครบกำหนดสี่สิบห้าวันนับแต่วันปิดแจ้งความแล้ว ให้เจ้าพนักงานเข้าครอบครองและใช้ที่ดินนั้นได้
หมวด ๓
การบำรุงรักษา
มาตรา ๑๓[๕] อธิบดีมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน ให้เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
หรือดูแลรักษาทางน้ำชลประทาน คันคลอง ชานคลอง ทำนบ พนัง หมุดระดับหลักฐานหรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการชลประทานตามที่อธิบดีกำหนด
การแต่งตั้งดังกล่าวให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการชลประทานในเขตนั้นด้วย
มาตรา ๑๓ ทวิ[๖]
เมื่อเห็นสมควรให้โอนการชลประทานหลวงในท้องที่ใดหรือในเขตโครงการชลประทานหลวงใด
ให้เป็นการชลประทานส่วนราษฎร ก็ให้กระทำได้โดยออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตการชลประทานหลวงที่จะโอนไปนั้น
เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศการโอนดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าการชลประทานหลวงที่โอนไปนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรตามกฎหมายว่าด้วยการชลประทานราษฎร์นับตั้งแต่วันที่ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาเป็นต้นไป
มาตรา
๑๓ ตรี[๗] ให้เจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่เก็บค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
หรือดูแลรักษาทางน้ำชลประทาน คันคลอง ชานคลอง ทำนบ พนัง หมุดระดับหลักฐานหรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการชลประทาน
มีอำนาจ ดังต่อไปนี้
(๑)
สั่งผู้ควบคุมเรือ แพ ที่ผ่านหรือจะผ่านทางน้ำชลประทานให้หยุด หรือจอดเรือ แพ ในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
(๒)
ตรวจบัตรค่าบำรุงทางน้ำชลประทานหรือหนังสือหรือใบอนุญาตเดินเรือในทางน้ำชลประทาน
(๓)
จับบุคคลขณะกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา
๑๓ จัตวา[๘] ในการปฏิบัติตามมาตรา ๑๓ ตรี ให้เจ้าพนักงานแสดงบัตรประจำตัว
เมื่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องร้องขอ
บัตรประจำตัวเจ้าพนักงาน
ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา
๑๓ เบญจ[๙] ห้ามมิให้เรือยนต์หรือเรือกลไฟเดินในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น
และห้ามมิให้เรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
ใบอนุญาตเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ ให้ใช้ได้ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม แห่งปีที่ออกใบอนุญาต
มาตรา ๑๔[๑๐] รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(๑)
กำหนดเงื่อนไขการใช้เรือ แพ ในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท ๒
(๒)
วางระเบียบการขอและการอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และการขอและการออกใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒
(๓)
กำหนดค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ แพ ผ่านประตูน้ำ ประตูระบายหรือผ่านบริเวณทำนบ
หรือประตูระบายโดยทางสาลี่ ไม่เกินอัตราในบัญชี ก. ท้ายพระราชบัญญัตินี้ และยกเว้นค่าบำรุงทางน้ำชลประทานแก่เรือบางประเภท
(๔)
กำหนดค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เป็นรายปี ไม่เกินอัตราในบัญชี ข. ท้ายพระราชบัญญัตินี้
(๕)
กำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราในบัญชี ค. ท้ายพระราชบัญญัตินี้
(๖)
กำหนดเครื่องมือและวิธีที่จะใช้ในการจับสัตว์น้ำ ตลอดจนกำหนดเขตห้ามจับสัตว์น้ำในทางน้ำชลประทาน
เพื่อป้องกันความเสียหายแก่การชลประทาน
มาตรา ๑๕[๑๑] เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน อธิบดีมีอำนาจ
ดังต่อไปนี้
(๑)
ปิด กั้นหรือเปิดน้ำในทางน้ำชลประทาน
(๒)
ขุดลอก ซ่อมหรือดัดแปลงแก้ไขทางน้ำชลประทาน หรือจัดให้มีสิ่งก่อสร้างขึ้นในทางน้ำชลประทาน
(๓)
ห้าม จำกัดหรือกำหนดเงื่อนไขในการนำเรือ แพ ผ่านทางน้ำชลประทานตาม (๑) หรือ (๒)
การใช้อำนาจตามมาตรานี้ ให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
เว้นแต่กรณีฉุกเฉิน อธิบดีมีอำนาจดำเนินการไปก่อนได้
มาตรา ๑๖[๑๒] อธิบดีมีอำนาจห้าม
จำกัดหรือกำหนดเงื่อนไขในการใช้เรือ แพ การใช้น้ำ การระบายน้ำหรือการอื่นในทางน้ำชลประทานประเภท
๔ โดยประกาศไว้ ณ ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
มาตรา ๑๗ กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน หรือเทศมนตรีในท้องที่ซึ่งอยู่ในเขตชลประทานมีหน้าที่ดูแลรักษาคันคลองและทางน้ำชลประทานอันอยู่ในเขตท้องที่หรือเขตเทศบาลนั้น
มาตรา ๑๘ อธิบดีมีอำนาจยกเว้นการเก็บค่าชลประทานแก่กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน และเทศมนตรี ตามที่บัญญัติไว้ในมาตราก่อน หรือผู้ที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หรือเทศมนตรีจะได้ระบุนามให้เป็นผู้ได้รับการยกเว้นแทนทั้งหมด หรือแต่บางส่วนในอัตรา
ดังต่อไปนี้
ก.
กำนัน และเทศมนตรีคนละห้าสิบไร่
ข.
ผู้ใหญ่บ้าน คนละยี่สิบห้าไร่
มาตรา ๑๙ ในการขุดซ่อมทางน้ำชลประทาน
ถ้าไม่มีที่เททิ้งมูลดิน ก็ให้มีอำนาจเททิ้งมูลดินในที่ดินที่ใกล้เคียงได้ตามความจำเป็น
แต่ทั้งนี้ถ้าทำให้เสียหายแก่พืชผลหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีอยู่ในขณะนั้นแล้ว
ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๒๐ เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำ ระบายน้ำ หรือสูบน้ำเข้าไปในที่ดินแห่งใดเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูก
ห้ามมิให้ผู้ใดปิดกั้นน้ำไว้ด้วยวิธีใด ๆ
จนเป็นเหตุไม่ให้น้ำไหลไปสู่ที่ดินใกล้เคียงหรือปลายทาง
ถ้าเห็นสมควร
เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจที่จะสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูก
ให้เปิดสิ่งที่ปิดกั้นน้ำไว้ตามที่จะกำหนดให้หรือจัดการเปิดเสียเองก็ได้ ในการนี้ เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจเข้าไปในที่ดินแห่งหนึ่งแห่งใด
เพื่อตรวจและจัดการดังกล่าวแล้ว
มาตรา ๒๑ เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำหรือสูบน้ำเข้าไปในที่ดินแห่งใดเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูก เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูกบนพื้นที่ดินภายในบริเวณที่จะได้รับน้ำนั้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดภายในระยะเวลาที่จะได้กำหนดให้
เพื่อกักน้ำนั้นไว้ไม่ให้ไหลไปเสียเปล่าจนเป็นเหตุให้ที่ดินข้างเคียงไม่ได้รับน้ำตามที่ควร
มาตรา ๒๒
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินรายใดไม่ปฏิบัติตามความที่บัญญัติในมาตรา ๒๐
วรรคหนึ่ง หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามความในมาตรา ๒๐ วรรคสอง หรือมาตรา ๒๑
นอกจากจะถูกลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้แล้ว เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะจัดหาแรงงานเข้าทำแทน
และคิดค่าจ้างแรงงานตามอัตราในท้องถิ่นจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้ แล้วแต่กรณี
มาตรา ๒๓[๑๓] ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้าง
แก้ไข หรือต่อเติมสิ่งก่อสร้าง หรือปลูกปักสิ่งใด หรือทำการเพาะปลูก
รุกล้ำทางน้ำชลประทาน ชานคลอง เขตคันคลอง หรือเขตพนัง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน ในกรณีที่มีการฝ่าฝืน
นอกจากที่ผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว เมื่อโจทก์ร้องขอก็ให้ศาลสั่งให้รื้อถอนสิ่งที่รุกล้ำนั้นด้วย
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันภยันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่การชลประทาน
นายช่างชลประทานมีอำนาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้สิ่งรุกล้ำพ้นไปจากทางน้ำชลประทาน
ชานคลอง เขตคันคลองหรือเขตพนังได้
มาตรา ๒๔ ถ้ามีต้นไม้ในที่ดินของผู้ใดรุกล้ำทางน้ำชลประทานหรือทำให้เสียหายแก่ทางน้ำชลประทาน
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นตัดหรือนำต้นไม้นั้นไปให้พ้นเสียได้
มาตรา ๒๕[๑๔] ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการกีดขวางทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนนอกจากที่ผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว
เมื่อโจทก์ร้องขอก็ให้ศาลสั่งให้รื้อถอนสิ่งกีดขวางนั้นด้วย
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันภยันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่การชลประทาน
นายช่างชลประทานมีอำนาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้สิ่งกีดขวางพ้นไปจากทางน้ำชลประทานได้
มาตรา ๒๖[๑๕] ห้ามมิให้ผู้ใดขุดคลองหรือทางน้ำมาเชื่อมกับทางน้ำชลประทาน
หรือมาเชื่อมกับทางน้ำอื่นที่เชื่อมกับทางน้ำชลประทาน
หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหล อันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมาย ผู้ฝ่าฝืนนอกจากจะได้รับโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว
ศาลจะสั่งให้ปิดถมคลองหรือทางน้ำนั้นมิให้น้ำรั่วไหลต่อไปก็ได้
เพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน
อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำการดังกล่าวในวรรคแรกปิดถมทางน้ำนั้นหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้น้ำรั่วไหลได้ต่อไป
หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งให้เจ้าพนักงานจัดการได้ทันที
และถ้าจำเป็นจะต้องใช้ที่ดินเพื่อการนี้ ก็ให้มีอำนาจใช้ที่ดินริมคลองหรือริมทางน้ำนั้นได้เท่าที่จำเป็น
ค่าใช้จ่ายในการนี้รวมทั้งค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้ให้แก่เจ้าของที่ดิน
ให้คิดเอาจากผู้ฝ่าฝืนทั้งสิ้น
คลองหรือทางน้ำใดที่ทำให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหลอันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทานมาก่อนวันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้
เมื่ออธิบดีเห็นสมควรก็ให้มีอำนาจดำเนินการตามความในวรรคสองได้โดยอนุโลม
มาตรา ๒๗ ห้ามมิให้ผู้ใดนำหรือปล่อยสัตว์พาหนะลงไปในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท ๒ หรือเหยียบย่ำคันคลอง ชานคลอง หรือบริเวณสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน
เว้นแต่ในที่ที่ได้กำหนดอนุญาตไว้หรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงาน
มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งมูลฝอย ซากสัตว์ ซากพืช
เถ้าถ่านหรือสิ่งปฏิกูลลงในทางน้ำชลประทาน หรือทำให้น้ำเป็นอันตรายแก่การเพาะปลูก
หรือการบริโภค
มาตรา ๒๙
ห้ามมิให้ผู้ใดทำให้ประตูน้ำ ฝาย เขื่อนระบาย ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม
สะพานทางน้ำ ปูม เสา หรือสายโทรศัพท์ ที่ใช้ในการชลประทานเสียหายจนอาจเกิดอันตรายหรือขัดข้องแก่การใช้สิ่งที่กล่าวนั้น
มาตรา ๓๐
ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะทำให้เสียหายแก่คันคลอง
ชานคลอง ทำนบ พนัง หรือหมุดระดับหลักฐานที่ใช้ในการชลประทาน
มาตรา ๓๑ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะเป็นการกีดขวางแก่แนวทางที่ได้สำรวจไว้
หรือเขตงาน หรือทำให้แนวทางที่ได้สำรวจไว้
หรือหมุดหมายแสดงเขตงานคลาดเคลื่อนหรือสูญหาย
มาตรา ๓๒[๑๖] ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปิดหรือเปิดประตูน้ำ
เขื่อนระบาย ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม สะพานทางน้ำ ปูม หรือลากเข็นสาลี่ในบริเวณทำนบหรือประตูระบาย
มาตรา ๓๓ ห้ามมิให้ผู้ใด
นอกจากนายช่างชลประทานหรือผู้ที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดี ทำการแก้ไข เปลี่ยนแปลง
หรือรื้อถอนบรรดาสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน
มาตรา ๓๔ ห้ามมิให้ผู้ใดขุด
ลอก ทางน้ำชลประทานอันจะทำให้เสียหายแก่การชลประทานหรือปิดกั้นทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี
มาตรา ๓๕
เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งห้ามมิให้ผู้ใดชักหรือใช้น้ำในทางน้ำชลประทานในเมื่อเห็นว่าจะเป็นเหตุที่จะก่อให้เกิดการเสียหายแก่ผู้อื่น
หมวด ๔
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๓๖[๑๗] ผู้ใดไม่ชำระค่าชลประทานตามที่กำหนดในกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา
๘ (๒) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสิบเท่าของค่าชลประทานที่ค้างชำระ
เมื่อผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้นำค่าชลประทานที่ค้างชำระและเงินเพิ่มอีกร้อยละสิบของค่าชลประทานดังกล่าวมาชำระแก่เจ้าพนักงานภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดให้แล้ว
ให้ยกเว้นโทษในคดีนั้นเสีย
มาตรา
๓๖ ทวิ[๑๘] ผู้ใดไม่ชำระค่าบำรุงทางน้ำชลประทานตามที่กำหนดในกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา ๑๔ (๓) ต้องระวางโทษปรับเป็นจำนวนสองเท่าของอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่พึงชำระ
เมื่อผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้นำค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่พึงชำระและเงินเพิ่มอีกร้อยละห้าสิบของค่าบำรุงทางน้ำชลประทานดังกล่าวมาชำระแก่เจ้าพนักงานภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดให้แล้ว
ให้ยกเว้นโทษในคดีนั้นเสีย
มาตรา
๓๖ ตรี[๑๙] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๓ เบญจ มาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง
หรือฝ่าฝืนกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา ๑๔ (๑) หรือ (๖) หรือฝ่าฝืนข้อห้าม ข้อจำกัดหรือเงื่อนไขตามมาตรา
๑๕ (๓) หรือมาตรา ๑๖ หรือฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรา ๑๓ ตรี (๑) มาตรา ๒๐ วรรคสอง หรือมาตรา
๒๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๗[๒๐] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง
มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๘[๒๑]
ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งซึ่งออกตามความในมาตรา ๒๑ หรือมาตรา ๓๕ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๓๙[๒๒] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๗
มีความผิดต้องระวางโทษปรับเรียงตามตัวสัตว์ตัวละห้าบาทขึ้นไป
แต่ไม่เกินตัวละห้าสิบบาท
ถ้าเป็นกรณีที่มีผู้นำจับผู้กระทำผิด
ให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาล ในกรณีเช่นนี้ให้ศาลมีอำนาจสั่งจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาล
แต่ถ้าคดีถึงที่สุดโดยคำสั่งของพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนและเปรียบเทียบคดีอาญา
ให้พนักงานเปรียบเทียบดังกล่าวจ่ายเงินสินบนจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่ง
และในกรณีที่มีผู้นำจับหลายคน ให้แบ่งเงินสินบนนั้นให้ได้รับคนละเท่า ๆ กัน
มาตรา ๔๐[๒๓] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา
๒๙ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๑[๒๔] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ หรือมาตรา
๓๔ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสองปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
หมวด ๕
การรักษาพระราชบัญญัติ
มาตรา ๔๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล
ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. บัญชี ก. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ
แพ ผ่านประตูน้ำ ประตูระบาย หรือผ่านบริเวณทำนบหรือประตูระบายโดยทางสาลี่[๒๕]
๒.
บัญชี ข. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒[๒๖]
๓.
บัญชี ค. อัตราค่าธรรมเนียม[๒๗]
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗[๒๘]
มาตรา
๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งประกาศใช้อยู่ในขณะนี้ ยังมีข้อความขาดตกบกพร่องอยู่หลายประการไม่เหมาะสมแก่การดำเนินงาน
และการควบคุมการชลประทานหลวง ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง
จึงเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นการเหมาะสมแก่กาลสมัยยิ่งขึ้น
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗[๒๙]
มาตรา
๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันนี้
กิจการชลประทานได้ขยายตัวกว้างขวางขึ้น
เพื่อให้ได้ผลตามแผนพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ แต่ปรากฏว่า
บทบัญญัติบางมาตราแห่งกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวงฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่เหมาะสมแก่การดำเนินงานก่อสร้าง
การบำรุงรักษา และการควบคุม ตลอดจนอัตราโทษ อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่มีน้อยไม่พอเพียงที่จะใช้ในการระงับปราบปรามผู้กระทำผิดให้ได้ผลอย่างแท้จริง
จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพื่อให้เหมาะสมแก่กาลสมัย
วศิน/ผู้จัดทำ
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๒
ปิติวรรณ/ปรับปรุง
๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
อรญา/ตรวจ
๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๙/ตอนที่ ๖๒/หน้า ๑๖๗๖/๒๒ กันยายน ๒๔๘๕
[๒] มาตรา ๔
นิยามคำว่า การชลประทาน แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่
๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๓] มาตรา ๘
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๔] มาตรา
๑๐ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๕] มาตรา
๑๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๖] มาตรา
๑๓ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๗] มาตรา
๑๓ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๘] มาตรา
๑๓ จัตวา เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๙] มาตรา
๑๓ เบญจ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๐] มาตรา
๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๑] มาตรา
๑๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๒] มาตรา
๑๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๓] มาตรา
๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๔] มาตรา
๒๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๕] มาตรา
๒๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๑๖] มาตรา
๓๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่
๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๗] มาตรา
๓๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๘] มาตรา
๓๖ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๑๙] มาตรา
๓๖ ตรี เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๐] มาตรา
๓๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๑] มาตรา
๓๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๒] มาตรา
๓๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๓] มาตรา
๔๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๔] มาตรา
๔๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๒๕] บัญชี
ก. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ แพ ผ่านประตูน้ำ
ประตูระบาย หรือผ่านบริเวณทำนบหรือประตูระบายโดยทางสาลี่
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๖] บัญชี
ข. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๗] บัญชี ค. อัตราค่าธรรมเนียม แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๐๗
[๒๘]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๑/ตอนที่ ๖๔/หน้า ๑๔๘๓/๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๗
[๒๙]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๑/ตอนที่ ๑๒๔/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๗ |
301343 | พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2507 | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๐๗
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๐๗
เป็นปีที่ ๑๙ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวง
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๗
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า
การชลประทาน ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
การชลประทาน
หมายความว่า กิจการที่กรมชลประทานจัดทำขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำ หรือเพื่อกัก เก็บ
รักษา ควบคุม ส่ง ระบายหรือแบ่งน้ำ เพื่อเกษตรกรรม การพลังงาน หรือสาธารณูปโภค และหมายความถึงการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้ำ
กับรวมถึงการคมนาคมทางน้ำซึ่งอยู่ในเขตชลประทานด้วย
มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา
๘ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๘ รัฐมนตรีมีอำนาจเรียกเก็บค่าชลประทานจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในเขตชลประทาน
และเพื่อการนี้ให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง ดังต่อไปนี้
(๑)
กำหนดเขตที่ที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน โดยระบุชื่อหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด ที่ที่ดินอยู่ภายในเขตนั้นและให้แสดงแผนที่แนวเขตนั้นไว้ด้วย
(๒)
กำหนดอัตราค่าชลประทานที่จะเรียกเก็บจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินในอัตราไม่เกินไร่ละห้าบาทต่อปี
(๓)
กำหนดระเบียบและวิธีการในการจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทาน
(๔)
กำหนดวิธีการเพื่อยกเว้น ลดหย่อน หรือผ่อนชำระค่าชลประทานในเขตใด ๆ เป็นการทั่วไป ในกรณีที่ปรากฏว่ามีเหตุเสียหายร้ายแรงผิดปกติ
ค่าชลประทานที่เก็บได้
ให้ส่งเป็นรายได้ของรัฐ แต่ให้กันไว้ต่างหากเพื่อใช้จ่ายในการชลประทานโดยเฉพาะ
มาตรา ๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา
๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๓ อธิบดีมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน
ให้เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน หรือดูแลรักษาทางน้ำชลประทาน
คันคลอง ชานคลอง ทำนบ พนัง หมุดระดับหลักฐานหรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการชลประทานตามที่อธิบดีกำหนด
การแต่งตั้งดังกล่าวให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการชลประทานในเขตนั้นด้วย
มาตรา ๖ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา
๑๓ ตรี แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๑๓ ตรี ให้เจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่เก็บค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
หรือดูแลรักษาทางน้ำชลประทาน คันคลอง ชานคลอง ทำนบ พนัง หมุดระดับหลักฐานหรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในการชลประทาน
มีอำนาจดังต่อไปนี้
(๑)
สั่งผู้ควบคุมเรือ แพ ที่ผ่านหรือจะผ่านทางน้ำชลประทานให้หยุด หรือจอดเรือ แพ ในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
(๒)
ตรวจบัตรค่าบำรุงทางน้ำชลประทานหรือหนังสือหรือใบอนุญาตเดินเรือในทางน้ำชลประทาน
(๓)
จับบุคคลขณะกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๗ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา
๑๓ จัตวา แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๑๓ จัตวา ในการปฏิบัติตามมาตรา
๑๓ ตรี ให้เจ้าพนักงานแสดงบัตรประจำตัว เมื่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องร้องขอ
บัตรประจำตัวเจ้าพนักงาน
ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๘ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา
๑๓ เบญจ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๑๓ เบญจ ห้ามมิให้เรือยนต์หรือเรือกลไฟเดินในทางน้ำชลประทานประเภท ๑
เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น
และห้ามมิให้เรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
ใบอนุญาตเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ ให้ใช้ได้ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม แห่งปีที่ออกใบอนุญาต
มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในมาตรา
๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๔ รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑)
กำหนดเงื่อนไขการใช้เรือ แพ ในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท ๒
(๒)
วางระเบียบการขอและการอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และการขอและการออกใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒
(๓)
กำหนดค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ แพ ผ่านประตูน้ำ ประตูระบายหรือผ่านบริเวณทำนบ
หรือประตูระบายโดยทางสาลี่ ไม่เกินอัตราในบัญชี ก. ท้ายพระราชบัญญัตินี้ และยกเว้นค่าบำรุงทางน้ำชลประทานแก่เรือบางประเภท
(๔)
กำหนดค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์หรือเรือกลไฟรับจ้างขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าหรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เป็นรายปี ไม่เกินอัตราในบัญชี ข. ท้ายพระราชบัญญัตินี้
(๕)
กำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราในบัญชี ค. ท้ายพระราชบัญญัตินี้
(๖)
กำหนดเครื่องมือและวิธีที่จะใช้ในการจับสัตว์น้ำตลอดจนกำหนดเขตห้ามจับสัตว์น้ำในทางน้ำชลประทาน
เพื่อป้องกันความเสียหายแก่การชลประทาน
มาตรา ๑๐
ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๕ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
อธิบดีมีอำนาจดังต่อไปนี้
(๑)
ปิด กั้นหรือเปิดน้ำในทางน้ำชลประทาน
(๒)
ขุดลอก ซ่อมหรือดัดแปลงแก้ไขทางน้ำชลประทาน หรือจัดให้มีสิ่งก่อสร้างขึ้นในทางน้ำชลประทาน
(๓)
ห้าม จำกัดหรือกำหนดเงื่อนไขในการนำเรือ แพ ผ่านทางน้ำชลประทานตาม (๑) หรือ (๒)
การใช้อำนาจตามมาตรานี้
ให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน เว้นแต่กรณีฉุกเฉิน
อธิบดีมีอำนาจดำเนินการไปก่อนได้
มาตรา ๑๑
ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๖ อธิบดีมีอำนาจห้าม จำกัดหรือกำหนดเงื่อนไขในการใช้เรือ
แพ การใช้น้ำ การระบายน้ำหรือการอื่นในทางน้ำชลประทานประเภท ๔ โดยประกาศไว้ ณ
ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
มาตรา ๑๒
ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๒๓ ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้าง แก้ไข
หรือต่อเติมสิ่งก่อสร้าง หรือปลูกปักสิ่งใด หรือทำการเพาะปลูก รุกล้ำทางน้ำชลประทาน
ชานคลอง เขตคันคลอง หรือเขตพนัง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน
ในกรณีที่มีการฝ่าฝืน นอกจากที่ผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว เมื่อโจทก์ร้องขอก็ให้ศาลสั่งให้รื้อถอนสิ่งที่รุกล้ำนั้นด้วย
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันภยันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่การชลประทาน
นายช่างชลประทานมีอำนาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้สิ่งรุกล้ำพ้นไปจากทางน้ำชลประทาน
ชานคลอง เขตคันคลองหรือเขตพนังได้
มาตรา ๑๓
ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๒๕ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการกีดขวางทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนนอกจากที่ผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว
เมื่อโจทก์ร้องขอก็ให้ศาลสั่งให้รื้อถอนสิ่งกีดขวางนั้นด้วย
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันภยันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่การชลประทาน
นายช่างชลประทานมีอำนาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้สิ่งกีดขวางพ้นไปจากทางน้ำชลประทานได้
มาตรา ๑๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๒
แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๓๒ ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่
ปิดหรือเปิดประตูน้ำ เขื่อนระบาย ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม สะพานทางน้ำ ปูม หรือลากเข็นสาลี่ในบริเวณทำนบหรือประตูระบาย
มาตรา ๑๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๖
แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๓๖ ผู้ใดไม่ชำระค่าชลประทานตามที่กำหนดในกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา
๘ (๒) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสิบเท่าของค่าชลประทานที่ค้างชำระ
เมื่อผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้นำค่าชลประทานที่ค้างชำระและเงินเพิ่มอีกร้อยละสิบของค่าชลประทานดังกล่าวมาชำระแก่เจ้าพนักงานภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดให้แล้ว
ให้ยกเว้นโทษในคดีนั้นเสีย
มาตรา ๑๖
ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๓๖ ทวิ และมาตรา ๓๖ ตรี แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๓๖ ทวิ ผู้ใดไม่ชำระค่าบำรุงทางน้ำชลประทานตามที่กำหนดในกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา
๑๔ (๓) ต้องระวางโทษปรับเป็นจำนวนสองเท่าของอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่พึงชำระ
เมื่อผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้นำค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่พึงชำระและเงินเพิ่มอีกร้อยละห้าสิบของค่าบำรุงทางน้ำชลประทานดังกล่าวมาชำระแก่เจ้าพนักงานภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดให้แล้ว
ให้ยกเว้นโทษในคดีนั้นเสีย
มาตรา ๓๖ ตรี ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๓ เบญจ มาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง
หรือฝ่าฝืนกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา ๑๔ (๑) หรือ (๖) หรือฝ่าฝืนข้อห้าม ข้อจำกัดหรือเงื่อนไขตามมาตรา
๑๕ (๓) หรือมาตรา ๑๖ หรือฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรา ๑๓ ตรี (๑) มาตรา ๒๐ วรรคสอง หรือมาตรา
๒๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๗
ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๓๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๓
วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน
หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๘
ให้ยกเลิกบัญชีอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานท้ายพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๔๙๗ และให้ใช้บัญชี ก. บัญชี ข. และบัญชี ค. ท้ายพระราชบัญญัตินี้แทน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ถนอม กิตติขจร
นายกรัฐมนตรี
บัญชี ก. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้เรือ
แพ
ผ่านประตูน้ำ ประตูระบาย หรือผ่านบริเวณทำนบ
หรือประตูระบายโดยทางสาลี่
เลขที่
รายการ
อัตราค่าบำรุงทางน้ำ
ชลประทาน ครั้งละ
บาท
สต.
๑.
เรือยนต์ หรือเรือกลไฟ
(๑)
ขนาดกว้างไม่เกิน ๑ เมตร คิดตามความยาวของเรือ
อัตราเมตรละ
๑
-
(๒)
ขนาดกว้างเกิน ๑ เมตร แต่ไม่เกิน ๒ เมตร
คิดตามความยาวของเรือในอัตราเมตรละ
๑
๕๐
(๓)
ขนาดกว้างเกิน ๒ เมตร คิดตามความยาวของเรือ
ในอัตราเมตรละ
๒
-
เศษของเมตรถ้าถึงครึ่งให้นับเป็น
๑ เมตร
ถ้าต่ำกว่าให้ปัดทิ้ง
๒.
เรือชนิดอื่น ๆ นอกจากเรือยนต์
และเรือกลไฟ
(๑)
ขนาดกว้างไม่เกิน ๑.๕๐ เมตร ลำละ
-
๕๐
(๒)
ขนาดกว้างเกิน ๑.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๒ เมตร ลำละ
๑
-
(๓)
ขนาดกว้างเกิน ๒ เมตร แต่ไม่เกิน ๒.๕๐ เมตร ลำละ
๑
๕๐
(๔)
ขนาดกว้างเกิน ๒.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๓ เมตร ลำละ
๒
-
(๕)
ขนาดกว้างเกิน ๓ เมตร แต่ไม่เกิน ๓.๕๐ เมตร ลำละ
๔
-
(๖)
ขนาดกว้างเกิน ๓.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๔ เมตร ลำละ
๖
-
(๗)
ขนาดกว้างเกิน ๔ เมตร แต่ไม่เกิน ๕ เมตร ลำละ
๘
-
(๘)
ขนาดกว้างเกิน ๕ เมตร แต่ไม่เกิน ๖ เมตร ลำละ
๑๐
-
(๙)
ขนาดกว้างเกิน ๖ เมตร คิดอัตราเพิ่มขึ้นเมตรละ
๒
-
เศษของเมตรสำหรับ
(๙) ถ้าถึงครึ่งให้นับเป็น ๑ เมตร
ถ้าต่ำกว่าให้ปัดทิ้ง
๓.
แพต่าง ๆ ตารางเมตรละ
-
๒๕
เศษของตารางเมตร
ถ้าถึงครึ่งให้นับเป็น ๑ ตารางเมตร
ถ้าต่ำกว่าให้ปัดทิ้ง
๔.
อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานตาม
๑. ๒. และ ๓. นี้ เป็นอัตราปกติ
ใช้เรียกเก็บสำหรับเรือหรือแพที่ผ่านในเวลาที่ทางราชการได้กำหนดไว้
ถ้าจะขอผ่านนอกเวลาที่ทางราชการได้กำหนดไว้
ให้เรียกเก็บค่าบำรุง
ทางน้ำชลประทานเป็นสามเท่าของอัตราปกติ
บัญชี ข. อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บจาก
ผู้รับใบอนุญาตเดินเรือยนต์
หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างขนส่ง
คนโดยสาร หรือสินค้า หรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒
เรือยนต์ หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างขนส่งคนโดยสาร หรือสินค้า
หรือรับจ้างลากจูงในทางน้ำชลประทานประเภท
๒ เป็นรายปี แรงม้าละ ๒๕ บาท
บัญชี ค. อัตราค่าธรรมเนียม
ลำดับ
รายการ
อัตราค่าธรรมเนียม
หมายเหตุ
บาท
สต.
๑.
ใบสำคัญวัดเรือ
ฉบับละ
๕
-
๒.
บัตรยกเว้นค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
ตามมาตรา ๑๔ (๓)
ฉบับละ
๑
-
๓.
ใบแทนใบอนุญาต
ฉบับละ
๕
-
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือ โดยที่ในปัจจุบันนี้ กิจการชลประทานได้ขยายตัวกว้างขวางขึ้น เพื่อให้ได้ผลตามแผนพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ
แต่ปรากฏว่า บทบัญญัติบางมาตราแห่งกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวงฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่เหมาะสมแก่การดำเนินงานก่อสร้าง
การบำรุงรักษา และการควบคุม ตลอดจนอัตราโทษ อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่มีน้อยไม่พอเพียงที่จะใช้ในการระงับปราบปรามผู้กระทำผิดให้ได้ผลอย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพื่อให้เหมาะสมแก่กาลสมัย
ไพรินทร์/แก้ไข
๒๔ ม.ค. ๒๕๔๕
พัชรินทร์/แก้ไข
๗ มกราคม ๒๕๔๘
วศิน/แก้ไข
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๒
จุฑามาศ/ปรับปรุง
๑๑ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๘๑/ตอนที่ ๑๒๔/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๗ |
318149 | พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 (Update ณ วันที่ 12/10/2497) | พระราชบัญญัติ
การชลประทานหลวง
พุทธสักราช ๒๔๘๕
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่ ๔
สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐
และวันที่ ๑๖
ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๔)
อาทิตย์ทิพอาภา
ปรีดี พนมยงค์
ตราไว้ ณ วันที่
๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๕
เป็นปีที่ ๙
ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า
สมควรส่งเสริมและควบคุมการชลประทานหลวงให้ดำเนินไปด้วยดี
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร
ดังต่อไปนี้
ข้อความเบื้องต้น
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธสักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๒[๑]
ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
ห้ามมิให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติรักษาคลอง ร.ศ. ๑๒๑ มาใช้สำหรับทางน้ำชลประทานตามความในพระราชบัญญัตินี้
ให้ยกเลิกบรรดากฎหมาย
กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้
หรือซึ่งแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
การชลประทาน หมายความว่า
กิจการที่รัฐบาลจัดทำเพื่อส่งน้ำจากทางน้ำหรือแหล่งน้ำไปใช้ในการเพาะปลูก
และหมายความถึงการป้องกันการเสียหายแก่การเพาะปลูกอันเกี่ยวกับน้ำกับทั้งรวมถึงการคมนาคมทางน้ำซึ่งอยู่ในเขตชลประทานนั้นด้วย
ทางน้ำชลประทาน หมายความว่า
ทางน้ำที่รัฐมนตรีได้ประกาศตามความในมาตรา ๖ ว่าเป็นทางน้ำชลประทาน
เขตชลประทาน หมายความว่า
เขตที่ดินที่ทำการเพาะปลูกซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
เขตงาน หมายความว่า
เขตที่ดินที่ใช้ในการสร้างและการบำรุงรักษาการชลประทานตามที่เจ้าพนักงานได้แสดงแนวเขตไว้
ประตูน้ำ หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อให้เรือแพผ่านทางน้ำที่มีระดับต่างกันได้
ทำนบ หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อกั้นไม่ให้น้ำไหลผ่านหรือข้ามไป
ฝาย หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อทดน้ำในทางน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน
โดยให้น้ำที่เหลือจากความต้องการท้นขึ้นแล้วไหลข้ามไปได้
เขื่อนระบาย หมายความว่า สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อทดหรือกักน้ำในทางน้ำอันเป็นที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน
โดยมีช่องปิดเปิดได้
ประตูระบาย หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นในทางน้ำเพื่อทด กัก กั้น หรือระบายน้ำ ณ
ที่อื่นอันมิใช่ที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทานโดยมีช่องปิดเปิดได้
ท่อเชื่อม หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำไหลลอดหรือข้ามสิ่งกีดขวาง
สะพานทางน้ำ หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำไหลข้ามทางน้ำหรือที่ต่ำ
ปูม หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อบังคับน้ำให้ไหลผ่านจากทางน้ำในระดับหนึ่งตกไปสู่ทางน้ำอีกระดับหนึ่ง
คันคลอง หมายความว่า มูลดินที่ถมขึ้นเป็นคันยาวไปตามแนวคลอง
ชานคลอง หมายความว่า
พื้นที่ระหว่างขอบตลิ่งกับเชิงคันคลอง
พนัง หมายความว่า
สิ่งที่สร้างขึ้นเป็นคันยาวไปตามพื้นดิน เพื่อป้องกันอุทกภัย
เจ้าพนักงาน หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน
ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการชลประทาน
และหมายความรวมถึงบุคคลซึ่งอธิบดีได้แต่งตั้งตามความในพระราชบัญญัตินี้ด้วย
นายช่างชลประทาน หมายความว่า
เจ้าพนักงานผู้เป็นหัวหน้าควบคุมการก่อสร้างหรือการบำรุงรักษาการชลประทาน
อธิบดี หมายความว่า อธิบดีกรมชลประทาน
รัฐมนตรี หมายความว่า
รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๕ เพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้
ทางน้ำชลประทานแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ
ประเภท
๑ ทางน้ำที่ใช้ในการส่ง ระบาย กัก หรือกั้นน้ำเพื่อการชลประทาน
ประเภท
๒ ทางน้ำที่ใช้ในการคมนาคมแต่มีการชลประทานร่วมอยู่ด้วย
เฉพาะภายในเขตที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
ประเภท
๓ ทางน้ำที่สงวนไว้ใช้ในการชลประทาน
ประเภท
๔ ทางน้ำอันเป็นอุปกรณ์แก่การชลประทาน
ให้รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าทางน้ำใดเป็นทางน้ำชลประทาน
และเป็นประเภทใด
มาตรา ๖
นายช่างชลประทานมีอำนาจใช้พื้นที่ดินที่ปราศจากสิ่งปลูกสร้างซึ่งอยู่ในเขตการชลประทานได้เป็นครั้งคราวตามระยะเวลาที่จำเป็นแก่การชลประทาน
โดยแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๗
ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน นายช่างชลประทานมีอำนาจที่จะใช้ที่ดินหรือสิ่งของของบุคคลใด
ๆ ในที่ใกล้เคียงหรือในบริเวณที่อาจเกิดอันตรายได้เท่าที่จำเป็น
แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๘
รัฐมนตรีมีอำนาจให้เรียกเก็บค่าชลประทานจากเจ้าของที่ดินที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานในเขตชลประทานได้ในอัตราไม่เกินไร่ละห้าสิบสตางค์ต่อปี
โดยออกกฎกระทรวงกำหนดเขตที่ที่จะเรียกเก็บอัตราค่าชลประทานและการยกเว้น
ผู้ที่ต้องเสียค่าชลประทานมีหน้าที่ต้องนำค่าชลประทานไปชำระ
ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่
ภายในเวลาที่เจ้าพนักงานจะได้กำหนดโดยประกาศให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
มาตรา ๙
เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน ถ้าไม่สามารถจะทำได้โดยวิธีอื่น
ให้เจ้าของที่ดินที่อยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำใดมีสิทธิทำทางน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นได้
ในเมื่อนายช่างชลประทาน ข้าหลวงประจำจังหวัด
หรือนายอำเภอได้อนุญาตและกำหนดให้โดยกว้างรวมทั้งที่ทิ้งดินด้วยไม่เกินสิบเมตร
แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำนั้นผ่าน
ในการที่จะให้อนุญาตและกำหนดทางน้ำนั้น
ให้คำนึงถึงประโยชน์ของเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำผ่าน
และให้กำหนดให้ทำตรงที่ที่จะเสียหายแก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินนั้นน้อยที่สุด
หมวดที่
๒
การก่อสร้าง
มาตรา ๑๐
เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะเข้าไปในที่ดินของบุคคลใด ๆ เพื่อทำงานสำรวจตรวจสอบอันเกี่ยวกับการชลประทานได้
ในเมื่อได้แจ้งเป็นหนังสือให้ทราบล่วงหน้าตามสมควร แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้น
ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๑๐ ทวิ[๒]
เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ให้ดำเนินการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เว้นแต่ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในหมวดนี้
เพื่อประโยชน์แห่งการออกพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
จะออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะเวนคืนไว้ก่อนก็ได้
ในพระราชกฤษฎีกานั้น
ให้ระบุ
ก.
ความประสงค์ที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ข.
เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ค.
กำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะต้องเวนคืน
ให้มีแผนที่หรือแผนผังประเมินเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะต้องเวนคืนติดไว้ท้ายพระราชกฤษฎีกานั้น
แผนที่หรือแผนผังที่กล่าวนี้ให้ถือเป็นส่วนแห่งพระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกาเช่นว่านี้มีอายุสองปี
หรือตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกานั้น
แต่ต้องไม่เกินกว่าห้าปีแล้วแต่จะเห็นว่าจำเป็นเพื่อทำการสำรวจที่ดินที่เจาะจงต้องเวนคืนนั้น
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในมาตรานี้
ให้ถือว่าเป็นพระราชกฤษฎีกาออกตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ด้วย
มาตรา ๑๑
ในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขุดหรือขยายทางน้ำชลประทานประเภท ๒
ถ้าที่ดินของผู้ใดที่ถูกขุดหรือขยายทางน้ำนั้น
ถูกเวนคืนไม่เกินหนึ่งในสิบของที่ดินทั้งหมดและที่ดินส่วนที่เหลืออยู่มีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๕ ไร่ ก็ไม่จำต้องให้เงินค่าทำขวัญแก่เจ้าของที่ดินผู้นั้น
แต่ถ้าเกินกว่าหนึ่งในสิบ ก็ให้คิดเงินค่าทำขวัญให้เฉพาะส่วนที่เกินกว่าหนึ่งในสิบ
ในกรณีที่ที่ดินที่เหลืออยู่มีเนื้อที่ต่ำกว่า
๕ ไร่ ถ้าเจ้าของที่ดินประสงค์จะเวนคืนให้ทั้งหมด
ก็ให้กรมชลประทานรับไว้โดยคิดเงินค่าทำขวัญให้
มาตรา ๑๒ เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะเข้าครอบครองและใช้ที่ดินที่ได้เวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อทำประโยชน์ในการชลประทานได้แม้จะยังมิได้ชำระเงินค่าทำขวัญ
แต่เจ้าพนักงานต้องแจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ในกรณีที่ไม่สามารถส่งแจ้งความให้ถึงเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้
ให้แจ้งโดยวิธีปิดแจ้งความไว้ ณ ที่ดินนั้น
และเมื่อครบกำหนดสี่สิบห้าวันนับแต่วันปิดแจ้งความแล้ว
ให้เจ้าพนักงานเข้าครอบครองและใช้ที่ดินนั้นได้
หมวด ๓
การบำรุงรักษา
มาตรา ๑๓ อธิบดีมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลที่มิใช่เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานให้เป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่เฉพาะดูแลรักษาเขตทางน้ำชลประทานและสิ่งก่อสร้างได้
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๑๓ ทวิ[๓]
เมื่อเห็นสมควรให้โอนการชลประทานหลวงในท้องที่ใดหรือในเขตโครงการชลประทานหลวงใด
ให้เป็นการชลประทานส่วนราษฎร ก็ให้กระทำได้โดยออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตการชลประทานหลวงที่จะโอนไปนั้น
เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศการโอนดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าการชลประทานหลวงที่โอนไปนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรตามกฎหมายว่าด้วยการชลประทานราษฎร์นับตั้งแต่วันที่ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาเป็นต้นไป
มาตรา ๑๔
รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อดำเนินการ ดังต่อไปนี้
ก.
กำหนดการใช้เรือแพในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท ๒
ข.[๔]
กำหนดอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
ซึ่งจะเรียกเก็บจากบรรดาผู้ใช้เรือแพที่ผ่านประตูน้ำ ประตูระบายน้ำ
หรือผ่านทำนบโดยทางสาลี่ และเรียกเก็บจากบรรดาผู้ใช้เรือยนตร์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างส่งคนโดยสารหรือรับจ้างลากจูงเรือแพเป็นประจำในทางน้ำนั้น
แต่ต้องไม่เกินอัตราในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้
กับกำหนดการยกเว้นการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงทางน้ำชลประทานแก่เรือบางประเภทตามที่เห็นสมควร
ค.
กำหนดเครื่องมือและวิธีที่จะใช้ในการจับสัตว์น้ำ ตลอดจนกำหนดเขตหวงห้ามจับสัตว์น้ำในทางน้ำชลประทาน
เพื่อป้องกันการเสียหายแก่การชลประทาน
มาตรา ๑๕ ภายในบังคับแห่งมาตรา ๑๑
เพื่อประโยชน์แห่งการชลประทาน อธิบดีมีอำนาจปิด กั้น หรือเปิดน้ำ ขุด ซ่อม
หรือดัดแปลงแก้ไขทางน้ำชลประทานทั้งหมด หรือแต่บางส่วนตามระยะเวลาที่จำเป็น
หรือจะจัดให้มีสิ่งก่อสร้างขึ้นในทางน้ำนั้นก็ได้
และมีอำนาจวางระเบียบปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยหรือเพื่อประโยชน์ของการชลประทานโดยประกาศการปิดหรือเปิดและระเบียบนี้ในหนังสือพิมพ์รายวันและปิดไว้ ณ ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นตามแต่จะเห็นสมควรล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
ในกรณีฉุกเฉิน
อธิบดีมีอำนาจดำเนินการตามความในวรรคก่อนไปก่อนประกาศได้
มาตรา ๑๖ อธิบดีมีอำนาจที่จะห้าม จำกัด
หรือกำหนดเงื่อนไขในการใช้เรือ แพ การใช้น้ำ การระบายน้ำ หรือการอื่น
ในทางน้ำชลประทานประเภท ๔ โดยประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันและปิดไว้ ณ
ที่ชุมนุมชนในท้องถิ่นตามแต่จะเห็นสมควร
มาตรา ๑๗ กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน หรือเทศมนตรีในท้องที่ซึ่งอยู่ในเขตชลประทานมีหน้าที่ดูแลรักษาคันคลองและทางน้ำชลประทานอันอยู่ในเขตท้องที่หรือเขตเทศบาลนั้น
มาตรา ๑๘ อธิบดีมีอำนาจยกเว้นการเก็บค่าชลประทานแก่กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน และเทศมนตรี ตามที่บัญญัติไว้ในมาตราก่อน หรือผู้ที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หรือเทศมนตรีจะได้ระบุนามให้เป็นผู้ได้รับการยกเว้นแทนทั้งหมด
หรือแต่บางส่วนในอัตรา ดังต่อไปนี้
ก.
กำนัน และเทศมนตรีคนละห้าสิบไร่
ข.
ผู้ใหญ่บ้าน คนละยี่สิบห้าไร่
มาตรา ๑๙
ในการขุดซ่อมทางน้ำชลประทาน ถ้าไม่มีที่เททิ้งมูลดิน ก็ให้มีอำนาจเททิ้งมูลดินในที่ดินที่ใกล้เคียงได้ตามความจำเป็น
แต่ทั้งนี้ถ้าทำให้เสียหายแก่พืชผลหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีอยู่ในขณะนั้นแล้ว
ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๒๐ เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำ ระบายน้ำ
หรือสูบน้ำเข้าไปในที่ดินแห่งใดเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูก
ห้ามมิให้ผู้ใดปิดกั้นน้ำไว้ด้วยวิธีใด ๆ
จนเป็นเหตุไม่ให้น้ำไหลไปสู่ที่ดินใกล้เคียงหรือปลายทาง
ถ้าเห็นสมควร
เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจที่จะสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูก
ให้เปิดสิ่งที่ปิดกั้นน้ำไว้ตามที่จะกำหนดให้หรือจัดการเปิดเสียเองก็ได้ ในการนี้ เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจเข้าไปในที่ดินแห่งหนึ่งแห่งใด
เพื่อตรวจและจัดการดังกล่าวแล้ว
มาตรา ๒๑ เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำหรือสูบน้ำเข้าไปในที่ดินแห่งใดเพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูก
เจ้าพนักงานหรือนายอำเภอหรือผู้ทำการแทนนายอำเภอมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูกบนพื้นที่ดินภายในบริเวณที่จะได้รับน้ำนั้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดภายในระยะเวลาที่จะได้กำหนดให้
เพื่อกักน้ำนั้นไว้ไม่ให้ไหลไปเสียเปล่าจนเป็นเหตุให้ที่ดินข้างเคียงไม่ได้รับน้ำตามที่ควร
มาตรา ๒๒
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินรายใดไม่ปฏิบัติตามความที่บัญญัติในมาตรา ๒๐
วรรคหนึ่ง หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามความในมาตรา ๒๐ วรรคสอง หรือมาตรา ๒๑
นอกจากจะถูกลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้แล้ว
เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะจัดหาแรงงานเข้าทำแทน และคิดค่าจ้างแรงงานตามอัตราในท้องถิ่นจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้
แล้วแต่กรณี
มาตรา ๒๓[๕] ห้ามมิให้ผู้ใดเพาะปลูกหรือปลูกสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดรุกล้ำทางน้ำชลประทาน
ชานคลอง เขตคันคลอง หรือเขตพนัง
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทานให้กระทำได้ตามเงื่อนไขและกำหนดเวลาที่อนุญาตนั้น
ผู้ฝ่าฝืนนอกจากจะได้รับโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ศาลจะสั่งให้นำสิ่งที่รุกล้ำไปให้พ้นทางน้ำชลประทาน
ชานคลอง เขตคันคลอง หรือเขตพนัง แล้วแต่กรณีก็ได้
มาตรา ๒๔
ถ้ามีต้นไม้ในที่ดินของผู้ใดรุกล้ำทางน้ำชลประทานหรือทำให้เสียหายแก่ทางน้ำชลประทาน
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นตัดหรือนำต้นไม้นั้นไปให้พ้นเสียได้
มาตรา ๒๕[๖]
ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นการกีดขวางแก่ทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานเป็นการชั่วคราว
ผู้ฝ่าฝืนนอกจากจะได้รับโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว
ศาลจะสั่งให้นำสิ่งกีดขวางไปให้พ้นทางน้ำชลประทานก็ได้
เพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน
อธิบดีมีอำนาจที่จะสั่งเจ้าพนักงานให้นำสิ่งกีดขวางไปให้พ้นทางน้ำชลประทาน
แล้วคิดค่าใช้จ่ายเอาจากเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
หากไม่ปรากฏผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเอาสิ่งกีดขวางนั้นขายทอดตลาด เพื่อเอาเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย
ถ้ามีเงินเหลือจากค่าใช้จ่ายให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
มาตรา ๒๖[๗]
ห้ามมิให้ผู้ใดขุดคลองหรือทางน้ำมาเชื่อมกับทางน้ำชลประทาน
หรือมาเชื่อมกับทางน้ำอื่นที่เชื่อมกับทางน้ำชลประทาน
หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหล อันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมาย
ผู้ฝ่าฝืนนอกจากจะได้รับโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว
ศาลจะสั่งให้ปิดถมคลองหรือทางน้ำนั้นมิให้น้ำรั่วไหลต่อไปก็ได้
เพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน
อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำการดังกล่าวในวรรคแรกปิดถมทางน้ำนั้นหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้น้ำรั่วไหลได้ต่อไป
หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งให้เจ้าพนักงานจัดการได้ทันที
และถ้าจำเป็นจะต้องใช้ที่ดินเพื่อการนี้ ก็ให้มีอำนาจใช้ที่ดินริมคลองหรือริมทางน้ำนั้นได้เท่าที่จำเป็น
ค่าใช้จ่ายในการนี้รวมทั้งค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้ให้แก่เจ้าของที่ดิน
ให้คิดเอาจากผู้ฝ่าฝืนทั้งสิ้น
คลองหรือทางน้ำใดที่ทำให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหลอันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทานมาก่อนวันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้
เมื่ออธิบดีเห็นสมควรก็ให้มีอำนาจดำเนินการตามความในวรรคสองได้โดยอนุโลม
มาตรา ๒๗
ห้ามมิให้ผู้ใดนำหรือปล่อยสัตว์พาหนะลงไปในทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท ๒ หรือเหยียบย่ำคันคลอง ชานคลอง หรือบริเวณสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน
เว้นแต่ในที่ที่ได้กำหนดอนุญาตไว้หรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงาน
มาตรา ๒๘ ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งมูลฝอย ซากสัตว์ ซากพืช
เถ้าถ่านหรือสิ่งปฏิกูลลงในทางน้ำชลประทาน หรือทำให้น้ำเป็นอันตรายแก่การเพาะปลูก
หรือการบริโภค
มาตรา ๒๙
ห้ามมิให้ผู้ใดทำให้ประตูน้ำ ฝาย เขื่อนระบาย ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม
สะพานทางน้ำ ปูม เสา หรือสายโทรศัพท์
ที่ใช้ในการชลประทานเสียหายจนอาจเกิดอันตรายหรือขัดข้องแก่การใช้สิ่งที่กล่าวนั้น
มาตรา ๓๐
ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะทำให้เสียหายแก่คันคลอง
ชานคลอง ทำนบ พนัง หรือหมุดระดับหลักฐานที่ใช้ในการชลประทาน
มาตรา ๓๑
ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะเป็นการกีดขวางแก่แนวทางที่ได้สำรวจไว้
หรือเขตงาน หรือทำให้แนวทางที่ได้สำรวจไว้
หรือหมุดหมายแสดงเขตงานคลาดเคลื่อนหรือสูญหาย
มาตรา ๓๒
ห้ามมิให้ผู้ใด นอกจากเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปิดหรือเปิดประตูน้ำ เขื่อนระบาย
ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม สะพานทางน้ำ หรือปูม
มาตรา ๓๓ ห้ามมิให้ผู้ใด
นอกจากนายช่างชลประทานหรือผู้ที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดี ทำการแก้ไข เปลี่ยนแปลง
หรือรื้อถอนบรรดาสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน
มาตรา ๓๔ ห้ามมิให้ผู้ใดขุด
ลอก ทางน้ำชลประทานอันจะทำให้เสียหายแก่การชลประทานหรือปิดกั้นทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี
มาตรา ๓๕
เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งห้ามมิให้ผู้ใดชักหรือใช้น้ำในทางน้ำชลประทานในเมื่อเห็นว่าจะเป็นเหตุที่จะก่อให้เกิดการเสียหายแก่ผู้อื่น
หมวด ๔
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๓๖[๘] ผู้ใดไม่ชำระค่าชลประทานตามความในมาตรา ๘
หรือฝ่าฝืนกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในมาตรา ๑๔ หรือฝ่าฝืนมาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง มาตรา
๒๓ มาตรา ๒๕ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งซึ่งได้สั่งตามความในมาตรา ๒๐ วรรคสอง
หรือมาตรา ๒๔ หรือฝ่าฝืนข้อห้ามข้อจำกัดหรือเงื่อนไข ซึ่งอธิบดีกำหนดตามความในมาตรา
๑๖ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
ในคดีความผิดตามมาตรา
๘ และมาตรา ๑๔
ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๓๗[๙] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๘ มาตรา ๓๐ หรือมาตรา
๓๑ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๓๘[๑๐]
ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งซึ่งออกตามความในมาตรา ๒๑ หรือมาตรา ๓๕ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๓๙[๑๑] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๗
มีความผิดต้องระวางโทษปรับเรียงตามตัวสัตว์ตัวละห้าบาทขึ้นไป
แต่ไม่เกินตัวละห้าสิบบาท
ถ้าเป็นกรณีที่มีผู้นำจับผู้กระทำผิด
ให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาล ในกรณีเช่นนี้ให้ศาลมีอำนาจสั่งจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาล
แต่ถ้าคดีถึงที่สุดโดยคำสั่งของพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนและเปรียบเทียบคดีอาญา
ให้พนักงานเปรียบเทียบดังกล่าวจ่ายเงินสินบนจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่ง
และในกรณีที่มีผู้นำจับหลายคน ให้แบ่งเงินสินบนนั้นให้ได้รับคนละเท่า ๆ กัน
มาตรา ๔๐[๑๒] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา
๒๙ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๔๑[๑๓] ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ หรือมาตรา
๓๔ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสองปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
หมวด ๕
การรักษาพระราชบัญญัติ
มาตรา ๔๒
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล
ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑.[๑๔] บัญชีอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗[๑๕]
มาตรา
๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
โดยที่พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งประกาศใช้อยู่ในขณะนี้
ยังมีข้อความขาดตกบกพร่องอยู่หลายประการไม่เหมาะสมแก่การดำเนินงาน
และการควบคุมการชลประทานหลวง ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง
จึงเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นการเหมาะสมแก่กาลสมัยยิ่งขึ้น
วศิน/ผู้จัดทำ
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๒
ปิติวรรณ/ปรับปรุง
๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๓
อรญา/ตรวจ
๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๙/ตอนที่ ๖๒/หน้า ๑๖๗๖/๒๒ กันยายน ๒๔๘๕
[๒] มาตรา
๑๐ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๓] มาตรา
๑๓ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๔] มาตรา
๑๔ ข. แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๕] มาตรา
๒๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๖] มาตรา
๒๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๗] มาตรา
๒๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๘] มาตรา
๓๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๙] มาตรา
๓๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๑๐] มาตรา
๓๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๑๑] มาตรา
๓๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๑๒] มาตรา
๔๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๑๓] มาตรา
๔๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๑๔] บัญชีอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่
๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
[๑๕]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๑/ตอนที่ ๖๔/หน้า ๑๔๘๓/๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๗ |
301342 | พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๔๙๗
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ.
๒๔๙๗
เป็นปีที่ ๙ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดั่งต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗
มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา
๑๐ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๑๐ ทวิ เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ให้ดำเนินการเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เว้นแต่ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในหมวดนี้
เพื่อประโยชน์แห่งการออกพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
จะออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะเวนคืนไว้ก่อนก็ได้
ในพระราชกฤษฎีกานั้น
ให้ระบุ
ก.
ความประสงค์ที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ข.
เจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ค.
กำหนดเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะต้องเวนคืน
ให้มีแผนที่หรือแผนผังประเมินเขตบริเวณที่ดินที่คิดว่าจะต้องเวนคืนติดไว้ท้ายพระราชกฤษฎีกานั้น
แผนที่หรือแผนผังที่กล่าวนี้ให้ถือเป็นส่วนแห่งพระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกาเช่นว่านี้มีอายุสองปี
หรือตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกานั้น แต่ต้องไม่เกินกว่าห้าปีแล้วแต่จะเห็นว่าจำเป็นเพื่อทำการสำรวจที่ดินที่เจาะจงต้องเวนคืนนั้น
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในมาตรานี้
ให้ถือว่าเป็นพระราชกฤษฎีกาออกตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ด้วย
มาตรา ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา
๑๓ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๑๓ ทวิ เมื่อเห็นสมควรให้โอนการชลประทานหลวงในท้องที่ใดหรือในเขตโครงการชลประทานหลวงใด
ให้เป็นการชลประทานส่วนราษฎร ก็ให้กระทำได้โดยออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตการชลประทานหลวงที่จะโอนไปนั้น
เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศการโอนดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าการชลประทานหลวงที่โอนไปนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรตามกฎหมายว่าด้วยการชลประทานราษฎร์นับตั้งแต่วันที่ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาเป็นต้นไป
มาตรา ๕ ให้ยกเลิกความใน
ข. ของมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
ข. กำหนดอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
ซึ่งจะเรียกเก็บจากบรรดาผู้ใช้เรือแพที่ผ่านประตูน้ำ ประตูระบายน้ำ
หรือผ่านทำนบโดยทางสาลี่ และเรียกเก็บจากบรรดาผู้ใช้เรือยนตร์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างส่งคนโดยสารหรือรับจ้างลากจูงเรือแพเป็นประจำในทางน้ำนั้น
แต่ต้องไม่เกินอัตราในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ กับกำหนดการยกเว้นการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงทางน้ำชลประทานแก่เรือบางประเภทตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา
๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๒๓ ห้ามมิให้ผู้ใดเพาะปลูกหรือปลูกสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดรุกล้ำทางน้ำชลประทาน
ชานคลอง เขตคันคลอง หรือเขตพนัง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทานให้กระทำได้ตามเงื่อนไขและกำหนดเวลาที่อนุญาตนั้น
ผู้ฝ่าฝืนนอกจากจะได้รับโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ศาลจะสั่งให้นำสิ่งที่รุกล้ำไปให้พ้นทางน้ำชลประทาน
ชานคลอง เขตคันคลอง หรือเขตพนัง แล้วแต่กรณีก็ได้
มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา
๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๒๕
ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นการกีดขวางแก่ทางน้ำชลประทาน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานเป็นการชั่วคราว
ผู้ฝ่าฝืนนอกจากจะได้รับโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ศาลจะสั่งให้นำสิ่งกีดขวางไปให้พ้นทางน้ำชลประทานก็ได้
เพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน
อธิบดีมีอำนาจที่จะสั่งเจ้าพนักงานให้นำสิ่งกีดขวางไปให้พ้นทางน้ำชลประทาน
แล้วคิดค่าใช้จ่ายเอาจากเจ้าของหรือผู้ครอบครอง หากไม่ปรากฏผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเอาสิ่งกีดขวางนั้นขายทอดตลาด เพื่อเอาเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย ถ้ามีเงินเหลือจากค่าใช้จ่ายให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา
๒๖ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๒๖ ห้ามมิให้ผู้ใดขุดคลองหรือทางน้ำมาเชื่อมกับทางน้ำชลประทาน
หรือมาเชื่อมกับทางน้ำอื่นที่เชื่อมกับทางน้ำชลประทาน หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหล
อันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทาน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมาย
ผู้ฝ่าฝืนนอกจากจะได้รับโทษตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ศาลจะสั่งให้ปิดถมคลองหรือทางน้ำนั้นมิให้น้ำรั่วไหลต่อไปก็ได้
เพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดแก่การชลประทาน
อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำการดังกล่าวในวรรคแรกปิดถมทางน้ำนั้นหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อมิให้น้ำรั่วไหลได้ต่อไป
หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งให้เจ้าพนักงานจัดการได้ทันที และถ้าจำเป็นจะต้องใช้ที่ดินเพื่อการนี้
ก็ให้มีอำนาจใช้ที่ดินริมคลองหรือริมทางน้ำนั้นได้เท่าที่จำเป็น ค่าใช้จ่ายในการนี้รวมทั้งค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้ให้แก่เจ้าของที่ดิน
ให้คิดเอาจากผู้ฝ่าฝืนทั้งสิ้น
คลองหรือทางน้ำใดที่ทำให้น้ำในทางน้ำชลประทานรั่วไหลอันอาจก่อให้เกิดการเสียหายแก่การชลประทานมา
ก่อนวันใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้ เมื่ออธิบดีเห็นสมควรก็ให้มีอำนาจดำเนินการตามความในวรรค
๒ ได้โดยอนุโลม
มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในมาตรา
๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๓๖ ผู้ใดไม่ชำระค่าชลประทานตามความในมาตรา
๘ หรือฝ่าฝืนกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในมาตรา ๑๔ หรือฝ่าฝืนมาตรา ๒๐ วรรค ๑ มาตรา ๒๓
มาตรา ๒๕ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งซึ่งได้สั่งตามความในมาตรา ๒๐ วรรค ๒ หรือมาตรา ๒๔
หรือฝ่าฝืนข้อห้ามข้อจำกัดหรือเงื่อนไข ซึ่งอธิบดีกำหนดตามความในมาตรา ๑๖ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
ในคดีความผิดตามมาตรา
๘ และมาตรา ๑๔ ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๐ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๗
แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๓๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๘
มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๑๑
ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๓๘ ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งซึ่งออกตามความในมาตรา
๒๑ หรือมาตรา ๓๕ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๑๒
ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๓๙ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๗
มีความผิดต้องระวางโทษปรับเรียงตามตัวสัตว์ตัวละห้าบาทขึ้นไป แต่ไม่เกินตัวละห้าสิบบาท
ถ้าเป็นกรณีที่มีผู้นำจับผู้กระทำผิด
ให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาล ในกรณีเช่นนี้ให้ศาลมีอำนาจสั่งจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาล
แต่ถ้าคดีถึงที่สุดโดยคำสั่งของพนักงานผู้มีหน้าที่สอบสวนและเปรียบเทียบคดีอาญา ให้พนักงานเปรียบเทียบดังกล่าวจ่ายเงินสินบนจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่ง
และในกรณีที่มีผู้นำจับหลายคน ให้แบ่งเงินสินบนนั้นให้ได้รับคนละเท่า ๆ กัน
มาตรา ๑๓
ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๔๐ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา
๒๖ วรรค ๑ หรือมาตรา ๒๙ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๑๔
ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๔๑ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๒
มาตรา ๓๓ หรือมาตรา ๓๔ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสองปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือ โดยที่พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งประกาศใช้อยู่ในขณะนี้
ยังมีข้อความขาดตกบกพร่องอยู่หลายประการไม่เหมาะสมแก่การดำเนินงาน และการควบคุมการชลประทานหลวง
ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง จึงเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นการเหมาะสมแก่กาลสมัยยิ่งขึ้น
บัญชีอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
เลขที่
รายการ
อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
ครั้งละ
บาท
สต.
๑.
๒.
๓.
ในกรณีผ่านประตูน้ำ
ประตูระบาย หรือ ทำนบโดยทางสาลี่
เรือยนต์
หรือเรือกลไฟ
ก.
ขนาดกว้างไม่เกิน ๑.๐๐ เมตร
คิดอัตราความยาวของเรือ เมตรละ
ข.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๑.๐๐ เมตร แต่ไม่เกินกว่า ๒.๐๐
เมตร คิดอัตราความยาวของเรือ เมตรละ
ค.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๒.๐๐ เมตรขึ้นไป
คิดอัตราความยาวของเรือ เมตรละ
เศษของเมตรถ้าถึงครึ่งให้นับเป็น
๑.๐๐ เมตร ถ้าต่ำกว่าให้ปัดทิ้ง
เรือชนิดอื่น
ๆ นอกจากเรือยนต์และเรือกลไฟ
ก.
ขนาดกว้างไม่เกิน ๑.๕๐ เมตร ลำละ
ข.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๑.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๒.๐๐ เมตร
ลำละ
ค.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๒.๐๐ เมตร แต่ไม่เกินกว่า ๒.๕๐
เมตร ลำละ
ง.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๒.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๓.๐๐ เมตร
ลำละ
จ.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๓.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๓.๕๐ เมตร
ลำละ
ฉ.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๓.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๔.๐๐ เมตร
ลำละ
ช.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๔.๐๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๕.๐๐ เมตร
ลำละ
ซ.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๕.๐๐ เมตร แต่ไม่เกินกว่า ๖.๐๐
เมตร ลำละ
ฌ.
ขนาดกว้างตั้งแต่ ๖.๐๐ เมตรขึ้นไปคิดอัตราเพิ่มขึ้นเมตรละ
เศษของเมตรสำหรับ ฌ
ถ้าถึงครึ่งให้นับเป็น ๑.๐๐ เมตร ถ้าต่ำกว่าให้ปัดทิ้ง
แพต่าง ๆ ตารางเมตรละ
๑
๑
๒
-
๑
๒
๔
๖
๘
๑๐
๒
-
-
๕๐
-
๕๐
๕๐
-
-
-
-
-
-
๒๕
เลขที่
รายการ
อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานครั้งละ
บาท
สต.
๔.
๕.
เศษของตารางเมตร
ถ้าถึงครึ่งให้นับเป็น ๑.๐๐ ตารางเมตร ถ้าต่ำกว่าให้ปัดทิ้ง
ในกรณีที่ไม่ได้ผ่านประตูน้ำ
ประตูระบาย หรือทำนบ โดยทางสาลี่
เรือยนต์หรือเรือกลไฟที่เดินรับจ้างส่งคนโดยสาร
หรือรับจ้างลากจูง
เรือแพเป็นประจำในทางน้ำชลประทานประเภท ๑
และประเภท ๒ ให้เรียกเก็บค่าบำรุงทางน้ำชลประทานในอัตราแรงม้าละไม่เกิน ๒๕ บาท
ต่อปี ยกเว้นเรือที่มีกำลังต่ำกว่าห้าแรงม้า
อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานตามบัญชีเลขที่
๑ , ๒, ๓ ข้างบนนี้
ใช้เรียกเก็บสำหรับเรือแพที่ผ่านในเวลาปกติที่ทางราชการได้กำหนดไว้ ถ้าจะขอผ่านในเวลาพิเศษจะต้องเสียค่าบำรุงทางน้ำชลประทานเป็น
๓ เท่าของอัตราปกติ
พรพิมล/แก้ไข
๑๒ กันยายน ๒๕๔๔
A+B (C)
พัชรินทร์/แก้ไข
๗ มกราคม ๒๕๔๘
วศิน/แก้ไข
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๒
จุฑามาศ/ปรับปรุง
๑๑ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๗๑/ตอนที่ ๖๔/หน้า ๑๔๘๔/๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๗ |
318521 | พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 | พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ
การชลประทานหลวง
พุทธสักราช ๒๔๘๕
ไนพระปรมาภิไธยสมเด็ดพระเจ้าหยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเหร็ดราชการแทนพระองค์
(ตามประกาสประธานสภาผู้แทนราสดร
ลงวันที่ ๔ สิงหาคม
พุทธสักราช ๒๔๘๐
และวันที่ ๑๖ ธันวาคม
พุทธสักราช ๒๔๘๔)
อาทิตย์ทิพอาภา
ปรีดี พนมยงค์
ตราไว้ นะ วันที่ ๑ กันยายน
พุทธสักราช ๒๔๘๕
เปนปีที่ ๙ ไนรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราสดรลงมติว่า
สมควนส่งเสริมและควบคุมการชลประทานหลวงไห้ดำเนินไปด้วยดี
จึงมีพระบรมราชโองการไห้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราสดร
ดังต่อไปนี้
ข้อความเบื้องต้น
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ไห้เรียกว่า
พระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธสักราช ๒๔๘๕
มาตรา ๒[๑] ไห้ไช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาสไนราชกิจจานุเบกสาเปนต้นไป
มาตรา ๓ ห้ามมิไห้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติรักสาคลอง
ร.ศ. ๑๒๑ มาไช้สำหรับทางน้ำชลประทานตามความไนพระราชบัญญัตินี้
ไห้ยกเลิกบันดากดหมาย
กด และข้อบังคับอื่น ๆ ไนส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วไนพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ไนพระราชบัญญัตินี้
การชลประทาน หมายความว่า กิจการที่รัถบาลจัดทำเพื่อส่งน้ำจากทางน้ำหรือแหล่งน้ำไปไช้ไนการเพาะปลูก
และหมายความถึงการป้องกันการเสียหายแก่การเพาะปลูกอันเกี่ยวกับน้ำกับทั้งรวมถึงการคมนาคมทางน้ำซึ่งหยู่ไนเขตชลประทานนั้นด้วย
ทางน้ำชลประทาน หมายความว่า ทางน้ำที่รัถมนตรีได้ประกาสตามความไนมาตรา
๕ ว่าเปนทางน้ำชลประทาน
เขตชลประทาน หมายความว่า เขตที่ดินที่ทำการเพาะปลูกซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
เขตงาน หมายความว่า เขตที่ดินที่ไช้ไนการส้างและการบำรุงรักสาการชลประทานตามที่เจ้าพนักงานได้สแดงแนวเขตไว้
ประตูน้ำ หมายความว่า สิ่งที่ส้างขึ้นไนทางน้ำเพื่อไห้เรือแพผ่านทางน้ำที่มีระดับต่างกันได้
ทำนบ หมายความว่า สิ่งที่ส้างขึ้นไนทางน้ำเพื่อกั้นไม่ไห้น้ำไหลผ่านหรือข้ามไป
ฝาย หมายความว่า สิ่งที่ส้างขึ้นเพื่อทดน้ำไนทางน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน
โดยไห้น้ำที่เหลือจากความต้องการท้นขึ้นแล้วไหลข้ามไปได้
เขื่อนระบาย หมายความว่า สิ่งที่ส้างขึ้นเพื่อทดหรือกักน้ำไนทางน้ำอันเปนที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทาน
โดยมีช่องปิดเปิดได้
ประตูระบาย หมายความว่า สิ่งที่ส้างขึ้นไนทางน้ำเพื่อทด
กัก กั้น หรือระบายน้ำนะที่อื่นอันมิไช่ที่มาแห่งน้ำซึ่งจะส่งเข้าสู่เขตชลประทานโดยมีช่องปิดเปิดได้
ท่อเชื่อม หมายความว่า สิ่งที่ส้างขึ้นเพื่อไห้น้ำไหลลอดหรือข้ามสิ่งกีดขวาง
สพานทางน้ำ หมายความว่า สิ่งที่ส้างขึ้นเพื่อไห้น้ำไหลข้ามทางน้ำหรือที่ต่ำ
ปูม หมายความว่า สิ่งที่ส้างขึ้นเพื่อบังคับน้ำไห้ไหลผ่านจากทางน้ำไนระดับหนึ่งตกไปสู่ทางน้ำอีกระดับหนึ่ง
คันคลอง หมายความว่า มูนดินที่ถมขึ้นเปนคันยาวไปตามแนวคลอง
ชานคลอง หมายความว่า พื้นที่ระหว่างขอบตลิ่งกับเชิงคันคลอง
พนัง หมายความว่า สิ่งที่ส้างขึ้นเปนคันยาวไปตามพื้นดิน
เพื่อป้องกันอุทกภัย
เจ้าพนักงาน หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน
ซึ่งมีหน้าที่ปติบัติงานเกี่ยวกับการชลประทาน และหมายความรวมถึงบุคคลซึ่งอธิบดีได้แต่งตั้งตามความไนพระราชบัญญัตินี้ด้วย
นายช่างชลประทาน หมายความว่า เจ้าพนักงานผู้เปนหัวหน้าควบคุมการก่อส้างหรือการบำรุงรักสาการชลประทาน
อธิบดี หมายความว่า อธิบดีกรมชลประทาน
รัถมนตรี หมายความว่า รัถมนตรีผู้รักสาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๕ เพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้
ทางน้ำชลประทานแบ่งออกเปน ๔ ประเภท คือ
ประเภท
๑
ทางน้ำที่ไช้ไนการส่ง ระบาย กัก หรือกั้นน้ำเพื่อการชลประทาน
ประเภท
๒
ทางน้ำที่ไช้ไนการคมนาคมแต่มีการชลประทานร่วมหยู่ด้วย ฉเพาะพายไนเขตที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
ประเภท
๓
ทางน้ำที่สงวนไว้ไช้ไนการชลประทาน
ประเภท
๔
ทางน้ำอันเปนอุปกรน์แก่การชลประทาน
ไห้รัถมนตรีประกาสไนราชกิจจานุเบกสาว่าทางน้ำไดเปนทางน้ำชลประทาน
และเปนประเภทได
มาตรา ๖ นายช่างชลประทานมีอำนาดไช้พื้นที่ดินที่ปราศจากสิ่งปลูกส้างซึ่งหยู่ไนเขตการชลประทานได้เปนครั้งคราวตามระยะเวลาที่จำเปนแก่การชลประทาน
โดยแจ้งเปนหนังสือไห้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นซาบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดไช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๗
ไนกรนีฉุกเฉินเพื่อป้องกันอันตรายอันอาดเกิดแก่การชลประทาน นายช่างชลประทานมีอำนาดที่จะไช้ที่ดินหรือสิ่งของของบุคคลไดๆไนที่ไกล้เคียงหรือไนบริเวนที่อาดเกิดอันตรายได้เท่าที่จำเปน
แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้นต้องชดไช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๘ รัถมนตรีมีอำนาดไห้เรียกเก็บค่าชลประทานจากเจ้าของที่ดินที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานไนเขตชลประทานได้ไนอัตราไม่เกินไร่ละห้าสิบสตางค์ต่อปี
โดยออกกดกะซวงกำหนดเขตที่ที่จะเรียกเก็บอัตราค่าชลประทานและการยกเว้น
ผู้ที่ต้องเสียค่าชลประทานมีหน้าที่ต้องนำค่าชลประทานไปชำระนะที่ว่าการอำเพอท้องที่
พายไนเวลาที่เจ้าพนักงานจะได้กำหนดโดยประกาสไห้ซาบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
มาตรา ๙ เพื่อไห้ได้รับประโยชน์จากการชลประทาน
ถ้าไม่สามารถจะทำได้โดยวิธีอื่น ไห้เจ้าของที่ดินที่หยู่ห่างทางน้ำหรือแหล่งน้ำไดมีสิทธิทำทางน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นได้
ไนเมื่อนายช่างชลประทาน ข้าหลวงประจำจังหวัด หรือนายอำเพอได้อนุญาตและกำหนดไห้โดยกว้างรวมทั้งที่ทิ้งดินด้วยไม่เกินสิบเมตร
แต่ต้องไช้ค่าสินไหมทดแทนไห้แก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำนั้นผ่าน
ไนการที่จะไห้อนุญาตและกำหนดทางน้ำนั้น
ไห้คำนึงถึงประโยชน์ของเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่ทางน้ำผ่าน และไห้กำหนดไห้ทำตรงที่ที่จะเสียหายแก่เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินนั้นน้อยที่สุด
หมวด ๒
การก่อส้าง
มาตรา ๑๐
เจ้าพนักงานมีอำนาดที่จะเข้าไปไนที่ดินของบุคคลได ๆ เพื่อทำงานสำหรวดตรวดสอบอันเกี่ยวกับการชลประทานได้
ไนเมื่อได้แจ้งเปนหนังสือไห้ซาบล่วงหน้าตามสมควน แต่ถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้น ต้องชดไช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๑๑
ไนการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขุดหรือขยายทางน้ำชลประทานประเภท ๒ ถ้าที่ดินของผู้ไดที่ถูกขุดหรือขยายทางน้ำนั้น
ถูกเวนคืนไม่เกินหนึ่งไนสิบของที่ดินทั้งหมดและที่ดินส่วนที่เหลือหยู่มีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า
๕ ไร่ ก็ไม่จำต้องไห้เงินค่าทำขวันแก่เจ้าของที่ดินผู้นั้น แต่ถ้าเกินกว่าหนึ่งไนสิบ
ก็ไห้คิดเงินค่าทำขวันไห้ฉเพาะส่วนที่เกินกว่าหนึ่งไนสิบ
ไนกรนีที่ที่ดินที่เหลือหยู่มีเนื้อที่ต่ำกว่า
๕ ไร่ ถ้าเจ้าของที่ดินประสงค์จะเวนคืนไห้ทั้งหมด ก็ไห้กรมชลประทานรับไว้โดยคิดเงินค่าทำขวันไห้
มาตรา ๑๒
เจ้าพนักงานมีอำนาดที่จะเข้าครอบครองและไช้ที่ดินที่ได้เวนคืนตามกดหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อทำประโยชน์ไนการชลประทานได้แม้จะยังมิได้ชำระเงินค่าทำขวัน
แต่เจ้าพนักงานต้องแจ้งไห้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินซาบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ไนกรนีที่ไม่สามารถส่งแจ้งความไห้ถึงเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้
ไห้แจ้งโดยวิธีปิดแจ้งความไว้นะที่ดินนั้น และเมื่อครบกำหนดสี่สิบห้าวันนับแต่วันปิดแจ้งความแล้ว
ไห้เจ้าพนักงานเข้าครอบครองและไช้ที่ดินนั้นได้
หมวด ๓
การบำรุงรักสา
มาตรา ๑๓
อธิบดีมีอำนาดแต่งตั้งบุคคลที่มิไช่เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานไห้เปนเจ้าพนักงานมีอำนาดหน้าที่ฉเพาะดูแลรักสาเขตทางน้ำชลประทานและสิ่งก่อส้างได้
โดยประกาสไนราชกิจจานุเบกสา
มาตรา ๑๔
รัถมนตรีมีอำนาดออกกดกะซวงเพื่อดำเนินการดังต่อไปนี้
ก.
กำหนดการไช้เรือแพไนทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท ๒
ข.
กำหนดอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน ซึ่งจะเรียกเก็บจากบันดาผู้ไช้เรือแพผ่านประตูน้ำไนทางน้ำนั้น
แต่ต้องไม่เกินอัตราไนบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้
ค.
กำหนดเครื่องมือและวิธีที่จะไช้ไนการจับสัตวน้ำตลอดจนกำหนดเขตหวงห้ามจับสัตวน้ำไนทางน้ำชลประทาน
เพื่อป้องกันการเสียหายแก่การชลประทาน
มาตรา ๑๕
พายไนบังคับแห่งมาตรา ๑๑ เพื่อประโยชน์แห่งการชลประทาน อธิบดีมีอำนาดปิด กั้น
หรือเปิดน้ำ ขุด ซ่อม หรือดัดแปลงแก้ไขทางน้ำชลประทานทั้งหมด หรือแต่บางส่วนตามระยะเวลาที่จำเปน
หรือจะจัดไห้มีสิ่งก่อส้างขึ้นไนทางน้ำนั้นก็ได้ และมีอำนาดวางระเบียบปติบัติเพื่อความปลอดภัยหรือเพื่อประโยชน์ของการชลประทานโดยประกาสการปิดหรือเปิดและระเบียบนี้ไนหนังสือพิมพ์รายวันและปิดไว้นะที่ชุมนุมชนไนท้องถิ่นตามแต่จะเห็นสมควนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
ไนกรนีฉุกเฉิน
อธิบดีมีอำนาดดำเนินการตามความไนวัคก่อนไปก่อนประกาสได้
มาตรา ๑๖
อธิบดีมีอำนาดที่จะห้าม จำกัด หรือกำหนดเงื่อนไขไนการไช้เรือ แพ การไช้น้ำ การระบายน้ำ
หรือการอื่น ไนทางน้ำชลประทานประเภท ๔ โดยประกาสไนหนังสือพิมพ์รายวันและปิดไว้นะที่ชุมนุมชนไนท้องถิ่นตามแต่จะเห็นสมควน
มาตรา ๑๗
กำนัน ผู้ไหย่บ้าน หรือเทสมนตรีไนท้องที่ซึ่งหยู่ไนเขตชลประทานมีหน้าที่ดูแลรักสาคันคลองและทางน้ำชลประทานอันหยู่ไนเขตท้องที่หรือเขตเทสบาลนั้น
มาตรา ๑๘
อธิบดีมีอำนาดยกเว้นการเก็บค่าชลประทานแก่กำนัน ผู้ไหย่บ้าน และเทสมนตรี ตามที่บัญญัติไว้ไนมาตราก่อน
หรือผู้ที่กำนัน ผู้ไหย่บ้าน หรือเทสมนตรีจะได้ระบุนามไห้เปนผู้ได้รับการยกเว้นแทนทั้งหมด
หรือแต่บางส่วนไนอัตรา ดังต่อไปนี้
ก.
กำนัน และเทสมนตรีคนละห้าสิบไร่
ข.
ผู้ไหย่บ้าน คนละยี่สิบห้าไร่
มาตรา ๑๙
ไนการขุดซ่อมทางน้ำชลประทาน ถ้าไม่มีที่เททิ้งมูนดิน ก็ไห้มีอำนาดเททิ้งมูนดินไนที่ดินที่ไกล้เคียงได้ตามความจำเปน
แต่ทั้งนี้ถ้าทำไห้เสียหายแก่พืชผลหรือสิ่งปลูกส้างซึ่งมีหยู่ไนขณะนั้นแล้ว ต้องไช้ค่าสินไหมทดแทน
มาตรา ๒๐
เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำ ระบายน้ำ หรือสูบน้ำเข้าไปไนที่ดินแห่งไดเพื่อประโยชน์ไนการเพาะปลูก
ห้ามมิไห้ผู้ไดปิดกั้นน้ำไว้ด้วยวิธีได ๆ จนเปนเหตุไม่ไห้น้ำไหลไปสู่ที่ดินไกล้เคียงหรือปลายทาง
ถ้าเห็นสมควน
เจ้าพนักงานหรือนายอำเพอหรือผู้ทำการแทนนายอำเพอมีอำนาดที่จะสั่งเปนหนังสือไห้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูก
ไห้เปิดสิ่งที่ปิดกั้นน้ำไว้ตามที่จะกำหนดไห้หรือจัดการเปิดเสียเองก็ได้ ไนการนี้เจ้าพนักงานหรือนายอำเพอหรือผู้ทำการแทนนายอำเพอมีอำนาดเข้าไปไนที่ดินแห่งหนึ่งแห่งได
เพื่อตรวดและจัดการดังกล่าวแล้ว
มาตรา ๒๑
เมื่อเจ้าพนักงานได้ส่งน้ำหรือสูบน้ำเข้าไปไนที่ดินแห่งไดเพื่อประโยชน์ไนการเพาะปลูก
เจ้าพนักงานหรือนายอำเพอหรือผู้ทำการแทนนายอำเพอมีอำนาดสั่งไห้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้ทำการเพาะปลูกบนพื้นที่ดินพายไนบริเวนที่จะได้รับน้ำนั้นกะทำหย่างหนึ่งหย่างไดพายไนระยะเวลาที่จะได้กำหนดไห้
เพื่อกักน้ำนั้นไว้ไม่ไห้ไหลไปเสียเปล่าจนเปนเหตุไห้ที่ดินข้างเคียงไม่ได้รับน้ำตามที่ควน
มาตรา ๒๒
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินรายไดไม่ปติบัติตามความที่บัญญัติไนมาตรา ๒๐
วัค ๑ หรือไม่ปติบัติตามคำสั่งตามความไนมาตรา ๒๐ วัค ๒ หรือมาตรา ๒๑ นอกจากจะถูกลงโทสตามที่บัญญัติไว้ไนพระราชบัญญัตินี้แล้ว
เจ้าพนักงานมีอำนาดที่จะจัดหาแรงงานเข้าทำแทน และคิดค่าจ้างแรงงานตามอัตราไนท้องถิ่นจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นได้แล้วแต่กรนี
มาตรา ๒๓
ห้ามมิไห้ผู้ไดเพาะปลูกหรือปลูกส้างสิ่งหนึ่งสิ่งไดไนทางน้ำชลประทาน หรือรุกล้ำทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเปนหนังสือจากนายช่างชลประทาน
มาตรา ๒๔
ถ้ามีต้นไม้ไนที่ดินของผู้ไดรุกล้ำทางน้ำชลประทานหรือทำไห้เสียหายแก่ทางน้ำชลประทาน
ไห้เจ้าพนักงานมีอำนาดสั่งไห้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นตัดหรือนำต้นไม้นั้นไปไห้พ้นเสียได้
มาตรา ๒๕
ห้ามมิไห้ผู้ไดกะทำหย่างหนึ่งหย่างไดอันเปนการกีดขวางแก่ทางน้ำชลประทาน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเปนหนังสือจากเจ้าพนักงานเปนการชั่วคราว
มาตรา ๒๖
ห้ามมิไห้ผู้ไดกะทำหย่างหนึ่งหย่างไดอันเปนเหตุไห้น้ำไนทางน้ำชลประทานรั่วไหล
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเปนหนังสือจากเจ้าพนักงาน
มาตรา ๒๗
ห้ามมิไห้ผู้ไดนำหรือปล่อยสัตวพาหนะลงไปไนทางน้ำชลประทานประเภท ๑ และประเภท
๒ หรือเหยียบย่ำคันคลอง ชานคลอง หรือบริเวนสิ่งก่อส้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน เว้นแต่ไนที่ที่ได้กำหนดอนุญาตไว้หรือได้รับอนุญาตเปนหนังสือจากเจ้าพนักงาน
มาตรา ๒๘
ห้ามมิไห้ผู้ไดทิ้งมูนฝอย ซากสัตว ซากพืช เถ้าถ่านหรือสิ่งปติกูลลงไนทางน้ำชลประทาน
หรือทำไห้น้ำเปนอันตรายแก่การเพาะปลูก หรือการบริโภค
มาตรา ๒๙
ห้ามมิไห้ผู้ไดทำไห้ประตูน้ำ ฝาย เขื่อนระบาย ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม
สพานทางน้ำ ปูม เสา หรือสายโทรสัพท์ ที่ไช้ไนการชลประทานเสียหายจนอาดเกิดอันตรายหรือขัดข้องแก่การไช้สิ่งที่กล่าวนั้น
มาตรา ๓๐
ห้ามมิไห้ผู้ไดกะทำการหย่างหนึ่งหย่างไดอันจะทำไห้เสียหายแก่คันคลอง ชานคลอง
ทำนบ พนัง หรือหมุดระดับหลักถานที่ไช้ไนการชลประทาน
มาตรา ๓๑
ห้ามมิไห้ผู้ไดกะทำการหย่างหนึ่งหย่างไดอันจะเปนการกีดขวางแก่แนวทางที่ได้สำหรวดไว้
หรือเขตงาน หรือทำไห้แนวทางที่ได้สำหรวดไว้ หรือหมุดหมายสแดงเขตงานคลาดเคลื่อนหรือสูญหาย
มาตรา ๓๒
ห้ามมิไห้ผู้ได นอกจากเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ ปิดหรือเปิดประตูน้ำ เขื่อนระบาย
ประตูระบาย ท่อน้ำ ท่อเชื่อม สพานทางน้ำ หรือปูม
มาตรา ๓๓
ห้ามมิไห้ผู้ได นอกจากนายช่างชลประทานหรือผู้ที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดี ทำการแก้ไข
เปลี่ยนแปลง หรือรื้อถอนบันดาสิ่งก่อส้างอันเกี่ยวกับการชลประทาน
มาตรา ๓๔
ห้ามมิไห้ผู้ไดขุด ลอก ทางน้ำชลประทานอันจะทำไห้เสียหายแก่การชลประทานหรือปิดกั้นทางน้ำชลประทาน
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี
มาตรา ๓๕
เจ้าพนักงานมีอำนาดสั่งห้ามมิไห้ผู้ไดชักหรือไช้น้ำไนทางน้ำชลประทานไนเมื่อเห็นว่าจะเปนเหตุที่จะก่อไห้เกิดการเสียหายแก่ผู้อื่น
หมวด ๔
บทกำหนดโทส
มาตรา ๓๖
ผู้ไดฝ่าฝืนมาตรา ๒๐ วัค ๑ มาตรา ๒๕ หรือมาตรา ๒๘ หรือไม่ปติบัติตามคำสั่งตามมาตรา
๒๔ มีความผิดต้องระวางโทสจำคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าสิบบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๗
ผู้ไดฝ่าฝืนมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๖ มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑ มีความผิดต้องระวางโทสจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๘
ผู้ไดฝ่าฝืนกดกะซวงซึ่งออกตามมาตรา ๑๔ หรือฝ่าฝืนข้อห้าม ข้อจำกัด หรือเงื่อนไขซึ่งอธิบดีกำหนดตามความไนมาตรา
๑๖ หรือไม่ปติบัติตามคำสั่งซึ่งได้สั่งตามมาตรา ๒๐ วัค ๒ มาตรา ๒๑ หรือมาตรา ๓๕ มีความผิดต้องระวางโทสจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๙
ผู้ไดฝ่าฝืนมาตรา ๒๗ มีความผิดต้องระวางโทสปรับเรียงตามตัวสัตว ตัวละไม่เกินสิบบาท
มาตรา ๔๐
ผู้ไดฝ่าฝืนมาตรา ๒๙ มีความผิดต้องระวางโทสจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
มาตรา ๔๑
ผู้ไดฝ่าฝืนมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ หรือมาตรา ๓๔ มีความผิดต้องระวางโทสจำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หมวด ๕
การรักสาพระราชบัญญัติ
มาตรา ๔๒
ไห้รัถมนตรีว่าการกะซวงกเสตราธิการรักสาการตามพระราชบัญญัตินี้ และไห้มีอำนาดออกกดกะซวงเพื่อปติบัติการไห้เปนไปตามพระราชบัญญัตินี้
กดกะซวงนั้น
เมื่อได้ประกาสไนราชกิจจานุเบกสาแล้วไห้ไช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัถมนตรี
บัญชีอัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทานตามความไนมาตรา
๑๔
เลขที่
รายการ
อัตราค่าบำรุงทางน้ำชลประทาน
ครั้งละ
บาท
สตางค์
๑.
๒.
๓.
เรือยนต์หรือเรือกลไฟ
ก.
ขนาดกว้างไม่เกิน ๑ เมตร
คิดอัตราตามความยาวของเรือเมตรละ
ข.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๑ เมตร แต่ไม่เกิน ๒ เมตร
คิดอัตราตามความยาวของเรือเมตรละ
ค.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๒ เมตร ขึ้นไป
คิดอัตราตามความยาวของเรือเมตรละ
เสสของเมตรถ้าเกินกว่าครึ่งไห้นับเปน ๑
เมตร ถ้าไม่เกินให้ปัดทิ้ง
เรือชนิดอื่น
ๆ นอกจากเรือยนต์หรือเรือกลไฟ
ก.
ขนาดกว้างไม่เกิน ๑ เมตร ลำละ
ข.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๑ เมตร แต่ไม่เกิน ๑.๕๐ เมตร
ลำละ
ค.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๑.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๒ เมตร
ลำละ
ง.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๒ เมตร แต่ไม่เกิน ๒.๕๐ เมตร
ลำละ
จ.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๒.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๓ เมตร
ลำละ
ฉ.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๓ เมตร แต่ไม่เกิน ๓.๕๐ เมตร
ลำละ
ช.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๓.๕๐ เมตร แต่ไม่เกิน ๔ เมตร
ลำละ
ซ.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๔ เมตร แต่ไม่เกิน ๕ เมตร ลำละ
ฌ.
ขนาดกว้างเกินกว่า ๕ เมตร แต่ไม่เกิน ๖ เมตร ลำละ
แพต่าง
ๆ ตารางเมตรละ
เสสของตารางเมตร
ถ้าเกินกว่าครึ่งไห้นับเป็น ๑ ตารางเมตร ถ้าไม่เกินไห้ปัดทิ้ง
๑
๒
๓
๔
๕
๓๐
๔๐
๕๐
๑๐
๒๕
๕๐
๗๐
๐๕
พรพิมล/แก้ไข
๑๒ กันยายน ๒๕๔๔
A+B (C)
พัชรินทร์/แก้ไข
๗ มกราคม ๒๕๔๘
วศิน/แก้ไข
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๒
จุฑามาศ/ปรับปรุง
๑๑ มกราคม ๒๕๕๖
[๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม
๕๙/ตอนที่ ๖๒/หน้า ๑๖๗๖/๒๒ กันยายน ๒๔๘๕ |
820902 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโป่งนก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. 2561 | พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโป่งนก
อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ
พ.ศ. ๒๕๖๑
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่
๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีที่ ๓
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโป่งนก อำเภอเทพสถิตจังหวัดชัยภูมิ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑
วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้
ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโป่งนก
อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลโป่งนก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโป่งนก
อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. ๒๕๖๑
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร
จังหวัดชัยภูมิ ในท้องที่ตำบลโป่งนก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปวันวิทย์/จัดทำ
๗ มีนาคม ๒๕๖๒
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๙๘ ก/หน้า ๔๖/๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ |
820900 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองบ่มกล้วย อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี และตำบลกะบกเตี้ย อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท พ.ศ. 2561 | พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองบ่มกล้วย
อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
และตำบลกะบกเตี้ย
อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท
พ.ศ. ๒๕๖๑
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่
๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองบ่มกล้วย อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
และตำบลกะบกเตี้ย อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยหนองโรงจังหวัดชัยนาท
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา
๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองบ่มกล้วย
อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี และตำบลกะบกเตี้ย อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท พ.ศ.
๒๕๖๑
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยหนองโรงจังหวัดชัยนาท
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลหนองบ่มกล้วย อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี และตำบลกะบกเตี้ย
อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาทภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองบ่มกล้วย
อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี และตำบลกะบกเตี้ย อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท พ.ศ.
๒๕๖๑
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยหนองโรง
จังหวัดชัยนาท ในท้องที่ตำบลหนองบ่มกล้วย อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
และตำบลกะบกเตี้ย อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปวันวิทย์/จัดทำ
๗ มีนาคม ๒๕๖๒
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๙๘ ก/หน้า ๔๓/๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ |
820882 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าช้าง และตำบลบุ่งมะแลง อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2561 | พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าช้าง
และตำบลบุ่งมะแลง
อำเภอสว่างวีระวงศ์
จังหวัดอุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๖๑
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่
๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีที่ ๓
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าช้าง และตำบลบุ่งมะแลง อำเภอสว่างวีระวงศ์
จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างสถานีสูบน้ำพร้อมระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำสถานีสูบน้ำบุ่งมะแลงใต้
จังหวัดอุบลราชธานี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา
๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้
ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าช้าง
และตำบลบุ่งมะแลง อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างสถานีสูบน้ำพร้อมระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำสถานีสูบน้ำบุ่งมะแลงใต้
จังหวัดอุบลราชธานี
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลท่าช้างและตำบลบุ่งมะแลง อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าช้าง
และตำบลบุ่งมะแลง อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. ๒๕๖๑
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างสถานีสูบน้ำพร้อมระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำสถานีสูบน้ำบุ่งมะแลงใต้
จังหวัดอุบลราชธานี ในท้องที่ตำบลท่าช้างและตำบลบุ่งมะแลง อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปวันวิทย์/จัดทำ
๗ มีนาคม ๒๕๖๒
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๙๘ ก/หน้า ๔๐/๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ |
851774 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองปรือ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. 2561 | พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองปรือ
อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี
พ.ศ. ๒๕๖๑
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่
๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีที่ ๓
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองปรือ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อย
(อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) จังหวัดกาญจนบุรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา
๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้
ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองปรือ
อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อย (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ)
จังหวัดกาญจนบุรี
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลหนองปรือ อำเภอหนองปรือ
จังหวัดกาญจนบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองปรือ
อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๖๑
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อย
(อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) จังหวัดกาญจนบุรี ในท้องที่ตำบลหนองปรือ อำเภอหนองปรือ
จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค
ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปวันวิทย์/จัดทำ
๗ มีนาคม ๒๕๖๒
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๙๘ ก/หน้า ๓๗/๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ |
809252 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลคลองแดน ตำบลท่าบอน ตำบลตะเครียะ ตำบลบ้านใหม่ ตำบลปากแตระ ตำบลระโนด ตำบลพังยาง ตำบลระวะ ตำบลวัดสน ตำบลบ่อตรุ อำเภอระโนด ตำบลโรง ตำบลเชิงแส ตำบลกระแสสินธุ์ อำเภอกระแสสินธุ์ ตำบลชุมพล ตำบลดีหลวง ตำบลคลองรี ตำบลสนามชัย ตำบลกระดังงา ตำบลคูขุด ตำบลจะทิ้งพระ ตำบลบ่อดาน ตำบลท่าหิน ตำบลบ่อแดง ตำบลวัดจันทร์ อำเภอสทิงพระ และตำบลบางเขียด ตำบลม่วงงาม อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา พ.ศ. 2561 | พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบ้านนา ตำบลขุนกระทิง
ตำบลตากแดด ตำบลบางหมาก และตำบลทุ่งคา
อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร
พ.ศ. ๒๕๖๑
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบ้านนา ตำบลขุนกระทิง ตำบลตากแดด ตำบลบางหมาก และตำบลทุ่งคา อำเภอเมืองชุมพร
จังหวัดชุมพร เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างคลองผันน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
เมืองชุมพร จังหวัดชุมพร
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบ้านนา ตำบลขุนกระทิง ตำบลตากแดด ตำบลบางหมาก และตำบลทุ่งคา อำเภอเมืองชุมพร
จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา ๔
ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างคลองผันน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร
จังหวัดชุมพร
มาตรา ๕
ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๖
เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลบ้านนา ตำบลขุนกระทิง ตำบลตากแดด ตำบลบางหมาก และตำบลทุ่งคา อำเภอเมืองชุมพร
จังหวัดชุมพร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๗
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
เอกสารแนบท้าย
๑.
แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบ้านนา ตำบลขุนกระทิง ตำบลตากแดด ตำบลบางหมาก และตำบลทุ่งคา อำเภอเมืองชุมพร
จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๖๑
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างคลองผันน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร
จังหวัดชุมพร ในท้องที่ตำบลบ้านนา ตำบลขุนกระทิง
ตำบลตากแดด ตำบลบางหมาก และตำบลทุ่งคา อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ
และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปุณิกา/จัดทำ
๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑
[๑]
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๓๓ ก/หน้า ๑๑๔/๑๓ พฤษภาคม
๒๕๖๑ |
850268 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลท่าจำปา ตำบลท่าอุเทน และตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม พ.ศ. 2561 | พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าจำปา
ตำบลท่าอุเทน และตำบลโนนตาล
อำเภอท่าอุเทน
จังหวัดนครพนม
พ.ศ. ๒๕๖๑
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่
๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีที่ ๓
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าจำปา ตำบลท่าอุเทน และตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำห้วยทวย
จังหวัดนครพนม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม
และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าจำปา ตำบลท่าอุเทน และตำบลโนนตาล
อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี
มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำห้วยทวยจังหวัดนครพนม
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลท่าจำปา ตำบลท่าอุเทน และตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน
จังหวัดนครพนม ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าจำปา ตำบลท่าอุเทน และตำบลโนนตาล
อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนมพ.ศ. ๒๕๖๑
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำห้วยทวย
จังหวัดนครพนมในท้องที่ตำบลท่าจำปา ตำบลท่าอุเทน
และตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
วิวรรธน์/จัดทำ
๑
สิงหาคม ๒๕๖๑
นุสรา/ตรวจ
๑๙
ตุลาคม ๒๕๖๑
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๕๓ ก/หน้า ๔๘/๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑ |
809248 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลรับร่อ และตำบลหินแก้ว อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พ.ศ. 2561 | พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลรับร่อ
และตำบลหินแก้ว
อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
พ.ศ. ๒๕๖๑
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ
วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีที่ ๓
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลรับร่อ และตำบลหินแก้ว อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำบ้านหาดแตง
จังหวัดชุมพร
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา
๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลรับร่อ และตำบลหินแก้ว อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำบ้านหาดแตง
จังหวัดชุมพร
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลรับร่อ และตำบลหินแก้ว อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลรับร่อ
และตำบลหินแก้ว อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๖๑
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำบ้านหาดแตง
จังหวัดชุมพร ในท้องที่ตำบลรับร่อ และตำบลหินแก้ว อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตรการอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
วิวรรธน์/จัดทำ
๑
สิงหาคม ๒๕๖๑
นุสรา/ตรวจ
๑๙
ตุลาคม ๒๕๖๑
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๕๓ ก/หน้า ๔๕/๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑ |
809246 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร พ.ศ. 2561 | พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลวังจิก
อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร
พ.ศ. ๒๕๖๑
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ
วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีที่ ๓
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลวังจิกอำเภอโพธิ์ประทับช้าง
จังหวัดพิจิตร เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการฝายบ้านวังจิก จังหวัดพิจิตร
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม
และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง
จังหวัดพิจิตร พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี
มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการฝายบ้านวังจิกจังหวัดพิจิตร
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังจิก
อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร พ.ศ. ๒๕๖๑
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการฝายบ้านวังจิก
จังหวัดพิจิตร ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค
ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
วิวรรธน์/จัดทำ
๑
สิงหาคม ๒๕๖๑
นุสรา/ตรวจ
๑๙
ตุลาคม ๒๕๖๑
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๕๓ ก/หน้า ๔๒/๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑ |
809243 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลนาโยงเหนือ ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง ตำบลนาโยงใต้ตำบลนาบินหลา ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง และตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง พ.ศ. 2561 | พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลนาโยงเหนือ
ตำบลนาข้าวเสีย
อำเภอนาโยง
ตำบลนาโยงใต้ ตำบลนาบินหลา ตำบลบ้านควน
ตำบลโคกหล่อ
อำเภอเมืองตรัง และตำบลทุ่งค่าย
อำเภอย่านตาขาว
จังหวัดตรัง
พ.ศ. ๒๕๖๑
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ
วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีที่ ๓
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลนาโยงเหนือ ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง ตำบลนาโยงใต้
ตำบลนาบินหลา ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่ออำเภอเมืองตรัง และตำบลทุ่งค่าย
อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการขุดขยายคลองผันน้ำและก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการคลองระบายน้ำคลองลำเลียง
จังหวัดตรัง
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม
และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลนาโยงเหนือ ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง ตำบลนาโยงใต้ ตำบลนาบินหลาตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง
และตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการขุดขยายคลองผันน้ำและก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการคลองระบายน้ำคลองลำเลียง
จังหวัดตรัง
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลนาโยงเหนือ ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง ตำบลนาโยงใต้ ตำบลนาบินหลา
ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง และตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว
จังหวัดตรัง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑.
แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโยงเหนือ
ตำบลนาข้าวเสีย ตำบลนาโยง ตำบลนาโยงเหนือ ตำบลนาบินหลา ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ
อำเภอเมืองตรัง และตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๖๑
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องขุดขยายคลองผันน้ำและก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการคลองระบายน้ำคลองลำเลียง
จังหวัดตรัง ในท้องที่ตำบลนาโยงเหนือ ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง ตำบลนาโยงใต้
ตำบลนาบินหลา ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง และตำบลทุ่งค่าย
อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
วิวรรธน์/จัดทำ
๑
สิงหาคม ๒๕๖๑
นุสรา/ตรวจ
๑๙
ตุลาคม ๒๕๖๑
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๕๓ ก/หน้า ๓๙/๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑ |
783494 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. 2560 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม
ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ
ตำบลวังเมือง
อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง
อำเภอชุมตาบง
จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว
อำเภอสว่างอารมณ์
จังหวัดอุทัยธานี
พ.ศ. ๒๕๖๐
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ
วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
เป็นปีที่ ๒
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง
อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง
อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับ มาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช
๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์
ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี
พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์
มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง
อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์
และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว
ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว
อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. ๒๕๖๐
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากการสำรวจที่ดินเพื่อเวนคืน ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว
ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว
อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. ๒๕๕๕
เพื่อก่อสร้างระบบส่งน้ำ และระบบระบายน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์
ยังไม่แล้วเสร็จ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม
ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง
อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์
จังหวัดอุทัยธานี เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ
๑๕ สิงหาคม
๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๘๒ ก/หน้า ๔/๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ |
783492 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวัดหลวง ตำบลไร่หลักทอง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก ตำบลหมอนนาง อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2560 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลวัดหลวง
ตำบลไร่หลักทอง ตำบลบ้านช้าง
ตำบลนาวังหิน
ตำบลนาเริก ตำบลหมอนนาง อำเภอพนัสนิคม
และตำบลท่าบุญมี
อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี
พ.ศ. ๒๕๖๐
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ
วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
เป็นปีที่ ๒
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลวัดหลวง ตำบลไร่หลักทอง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก
ตำบลหมอนนาง อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำ พร้อมอาคารประกอบฝั่งซ้ายตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง
รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชลบุรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕)
พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวัดหลวง
ตำบลไร่หลักทอง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก ตำบลหมอนนาง อำเภอพนัสนิคม
และตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบฝั่งซ้ายตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง
รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชลบุรี
มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลวัดหลวง ตำบลไร่หลักทอง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก
ตำบลหมอนนาง อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลวัดหลวง ตำบลไร่หลักทอง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก
ตำบลหมอนนาง อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี พ.ศ.
๒๕๖๐
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างคลองส่งน้ำ
และคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบฝั่งซ้ายตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง
รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชลบุรี
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ
๑๕ สิงหาคม
๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๘๒ ก/หน้า ๑/๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ |
783391 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
พ.ศ. 2560
| พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม
ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก
ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน
ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า
ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง
ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง
ตำบลด่านแม่คำมัน อำเภอลับแล ตำบลวังแดง
ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง
ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน
ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง
ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ
ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน
อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่
อำเภอศรีสัชนาลัย
ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ
อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย
และตำบลตลุกเทียม
ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์
ตำบลวงฆ้อง
อำเภอพรหมพิราม
จังหวัดพิษณุโลก
พ.ศ. ๒๕๖๐
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒ สิงหาคม
พ.ศ. ๒๕๖๐
เป็นปีที่ ๒
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา
ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง
ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย
ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย
ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร
จังหวัดสุโขทัย และตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง
อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างเขื่อนทดน้ำและระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก
จังหวัดอุตรดิตถ์
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช
๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด
ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ
ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน อำเภอลับแล
ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน
ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์
ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร
ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ
ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา
๒[๑]
พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓
พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างเขื่อนทดน้ำและระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก
จังหวัดอุตรดิตถ์
มาตรา
๕
ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน
ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน อำเภอลับแล
ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง
ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ
ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่
อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ
อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์
ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลงิ้วงาม
ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน อำเภอลับแล
ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน
ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน
อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ
ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย
และตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม
จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๖๐
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างเขื่อนทดน้ำและระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก
จังหวัดอุตรดิตถ์ ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา
ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ
ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน
อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย
ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง
ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ
ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย
และตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม
จังหวัดพิษณุโลก เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการเก็บกักน้ำและส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและบริโภค
ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ภวรรณตรี/จัดทำ
๑๖ สิงหาคม
๒๕๖๐
พิมพ์มาดา/ตรวจ
๑๖ สิงหาคม
๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๘๓ ก/หน้า ๑๑/๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ |
783351 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. 2560 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลปากช่อง
ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด
อำเภอหล่มสัก
จังหวัดเพชรบูรณ์
พ.ศ. ๒๕๖๐
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐
เป็นปีที่ ๒
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก
จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำห้วยขอนแก่น (ระยะที่
๓)
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา
๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้
ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก
จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำห้วยขอนแก่น (ระยะที่
๓)
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด
อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก
จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๖๐
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำห้วยขอนแก่น
(ระยะที่ ๓) ในท้องที่ตำบลปากช่อง
ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก
จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ภวรรณตรี/จัดทำ
๒๖ มิถุนายน
๒๕๖๐
ชวัลพร/ตรวจ
๒๖ กรกฎาคม
๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๖๕ ก/หน้า ๘๒/๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๐ |
776694 | พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตําบลท่าข้าม อําเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2560 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าข้าม
อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
พ.ศ. ๒๕๖๐
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๗ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๕๖๐
เป็นปีที่ ๒
ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าข้าม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง
รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชลบุรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา
๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช
๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าข้าม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง
รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชลบุรี
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลท่าข้าม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลท่าข้าม
อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๖๐
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง
รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชลบุรี
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและบริโภคตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
พรวิภา/ภวรรณตรี/จัดทำ
๑๖ พฤษภาคม
๒๕๖๐
วิชพงษ์/ตรวจ
๑๙ พฤษภาคม
๒๕๖๐
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๕๒ ก/หน้า ๕/๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ |
755810 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. 2559 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด
และตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ
พ.ศ. ๒๕๕๙
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ สิงหาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙
เป็นปีที่ ๗๑
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโคกสะอาดและตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำพระอาจารย์จื่อ
(ลำเชียงทา) จังหวัดชัยภูมิ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕
วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ.
๒๕๕๙
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำพระอาจารย์จื่อ
(ลำเชียงทา) จังหวัดชัยภูมิ
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลโคกสะอาดและตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโคกสะอาด และตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ.
๒๕๕๙
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำพระอาจารย์จื่อ
(ลำเชียงทา) จังหวัดชัยภูมิ ในท้องที่ตำบลโคกสะอาดและตำบลหนองบัวระเหว
อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค
ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปริยานุช/จัดทำ
๑๘ สิงหาคม
๒๕๕๙
วิศนี/ตรวจ
๒๓ สิงหาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๖๗ ก/หน้า ๖๐/๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ |
754658 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย พ.ศ. 2559 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลนาด้วง
อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย
พ.ศ. ๒๕๕๙
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๗ กรกฎาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙
เป็นปีที่ ๗๑
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำฝั่งขวาพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลิ้นควาย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕
วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย พ.ศ. ๒๕๕๙
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำฝั่งขวาพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลิ้นควาย
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย พ.ศ. ๒๕๕๙
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำฝั่งขวาพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลิ้นควาย
ในท้องที่ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค
ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ชวัลพร/ปริยานุช/จัดทำ
๒๒ กรกฎาคม
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๕๙ ก/หน้า ๑๖/๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙ |
753133 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี และตำบลบ้านนา ตำบลเมืองเก่า ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. 2559 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลแก่งดินสอ
อำเภอนาดี และตำบลบ้านนา ตำบลเมืองเก่า
ตำบลบ่อทอง
อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี
พ.ศ. ๒๕๕๙
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๓
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
เป็นปีที่ ๗๑ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี และตำบลบ้านนา ตำบลเมืองเก่า
ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดปราจีนบุรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)
พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑
วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี และตำบลบ้านนา ตำบลเมืองเก่า ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี
จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๙
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดปราจีนบุรี
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี และตำบลบ้านนา ตำบลเมืองเก่า ตำบลบ่อทอง
อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี และตำบลบ้านนา ตำบลเมืองเก่า ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี
จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๙
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี ในท้องที่ตำบลแก่งดินสอ
อำเภอนาดี และตำบลบ้านนา ตำบลเมืองเก่า ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุตสาหกรรม
การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
วิศนี/ปริยานุช/จัดทำ
๒๙ มิถุนายน
๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๓๐ มิถุนายน
๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๕๕ ก/หน้า ๓๗/๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ |
748529 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม และตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม พ.ศ. 2559 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโพนสว่าง
อำเภอศรีสงคราม และตำบลนาคูณใหญ่
ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
พ.ศ. ๒๕๕๙
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙
เป็นปีที่ ๗๑
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม และตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำบ้านหนองบัวพร้อมระบบส่งน้ำ
จังหวัดนครพนม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕
วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม และตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า
จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๕๙
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำบ้านหนองบัวพร้อมระบบส่งนํ้า
จังหวัดนครพนม
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม และตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม และตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า
จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๕๙
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำบ้านหนองบัวพร้อมระบบส่งน้ำ
จังหวัดนครพนม ในท้องที่ตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม และตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า
ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ
และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปริยานุช/จัดทำ
๔ เมษายน ๒๕๕๙
ชวัลพร/ตรวจ
๔ เมษายน ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๙ ก/หน้า ๑๓/๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙ |
747245 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม พ.ศ. 2559
| พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่
อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม
พ.ศ. ๒๕๕๙
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๔ มีนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙
เป็นปีที่ ๗๑
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่
อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำประตูระบายน้ำบ้านนาบัว
จังหวัดนครพนม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕
วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๕๙
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสองปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำประตูระบายน้ำบ้านนาบัว
จังหวัดนครพนม
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๕๙
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำประตูระบายน้ำบ้านนาบัว
จังหวัดนครพนม ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปุณิกา/ปริยานุช/จัดทำ
๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๒ ก/หน้า ๑๐/๑๑ มีนาคม ๒๕๕๙ |
747243 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ และตำบลควนลัง ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พ.ศ. 2559 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบางเหรียง
อำเภอควนเนียง ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ
และตำบลควนลัง ตำบลหาดใหญ่
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
พ.ศ. ๒๕๕๙
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๔ มีนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๙
เป็นปีที่ ๗๑ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกลํ่า และตำบลควนลัง
ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่
(ระยะที่ ๒) จังหวัดสงขลา
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)
พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช
๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ และตำบลควนลัง ตำบลหาดใหญ่
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๕๕๙
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่
(ระยะที่ ๒) จังหวัดสงขลา
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ และตำบลควนลัง
ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ และตำบลควนลัง
ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๕๕๙
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่
(ระยะที่ ๒) จังหวัดสงขลา ในท้องที่ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง ตำบลบางกล่ำ
อำเภอบางกล่ำ และตำบลควนลัง ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปุณิกา/ปริยานุช/จัดทำ
๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙
นุสรา/ตรวจ
๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๓/ตอนที่ ๒๒ ก/หน้า ๗/๑๑ มีนาคม ๒๕๕๙ |
742161 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2558 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าเคย
ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง
และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย
ตำบลท่าข้าม
ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พ.ศ. ๒๕๕๘
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๖ ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๕๘
เป็นปีที่ ๗๐
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย
ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน
อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี พุมดวง
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕
วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย
ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน
อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๘
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี พุมดวง
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย
ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน
อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย
ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน
อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๘
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากการสำรวจที่ดินเพื่อเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง ตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน
ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน
และตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๔
เพื่อก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี พุมดวง
ยังไม่แล้วเสร็จ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลท่าเคย
ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร
ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ
และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปริยานุช, วริญา/จัดทำ
๒๘ ธันวาคม
๒๕๕๘
วิชพงษ์/ตรวจ
๔ มกราคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑๒๓ ก/หน้า ๑๐/๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ |
742157 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ อำเภอโคกเจริญ และตำบลดงดินแดง อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี พ.ศ. 2558 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ
อำเภอโคกเจริญ และตำบลดงดินแดง
อำเภอหนองม่วง
จังหวัดลพบุรี
พ.ศ. ๒๕๕๘
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๖ ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๕๘
เป็นปีที่ ๗๐
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ อำเภอโคกเจริญ และตำบลดงดินแดง อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่
(ไพศาลี)
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕)
พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ อำเภอโคกเจริญ และตำบลดงดินแดง อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี
พ.ศ. ๒๕๕๘
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ (ไพศาลี)
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ อำเภอโคกเจริญ และตำบลดงดินแดง อำเภอหนองม่วง
จังหวัดลพบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ อำเภอโคกเจริญ และตำบลดงดินแดง อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี
พ.ศ. ๒๕๕๘
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้
คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่
(ไพศาลี) ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ อำเภอโคกเจริญ และตำบลดงดินแดง อำเภอหนองม่วง
จังหวัดลพบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปริยานุช, วริญา/จัดทำ
๒๘ ธันวาคม
๒๕๕๘
วิชพงษ์/ตรวจ
๔ มกราคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑๒๓ ก/หน้า ๗/๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ |
742151 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองตรุด ตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง พ.ศ. 2558 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองตรุด
ตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลบางรัก
อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง
พ.ศ. ๒๕๕๘
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๖ ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๕๘
เป็นปีที่ ๗๐
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองตรุด
ตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง
จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง
จังหวัดตรัง
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช
๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้
ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองตรุด ตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง
พ.ศ. ๒๕๕๘
มาตรา
๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา
๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง
จังหวัดตรัง
มาตรา
๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลหนองตรุด ตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง
จังหวัดตรัง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา
๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองตรุด ตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง
พ.ศ. ๒๕๕๘
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง
จังหวัดตรัง ในท้องที่ตำบลหนองตรุด ตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง
จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค
ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปริยานุช, วริญา/จัดทำ
๒๘ ธันวาคม
๒๕๕๘
วิชพงษ์/ตรวจ
๔ มกราคม ๒๕๕๙
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑๒๓ ก/หน้า ๔/๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ |
739632 | พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร พ.ศ. 2558 | พระราชกฤษฎีกา
พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลวาใหญ่
อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร
พ.ศ. ๒๕๕๘
ภูมิพลอดุลยเดช
ป.ร.
ให้ไว้ ณ
วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘
เป็นปีที่ ๗๐
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำประตูระบายน้ำลำน้ำยาม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑
วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑[๑] พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวาใหญ่
อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร พ.ศ. ๒๕๕๘
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี
มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำประตูระบายน้ำลำน้ำยาม
มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
อยู่ในท้องที่ตำบลวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร
ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
[เอกสารแนบท้าย]
๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร พ.ศ. ๒๕๕๘
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
หมายเหตุ
:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการระบบส่งน้ำประตูระบายน้ำลำน้ำยาม
ในท้องที่ตำบลวาใหญ่ อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค
ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ปริยานุช/จัดทำ
๑๖ พฤศจิกายน
๒๕๕๘
ปุณิกา/ตรวจ
๑๔ ธันวาคม
๒๕๕๘
[๑] ราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑๐๖ ก/หน้า ๑๙/๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.