sysid
stringlengths
1
6
title
stringlengths
8
870
txt
stringlengths
0
257k
736845
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก และตำบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. 2558
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก และตำบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๕๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแกและตำบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก และตำบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๕๘” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก และตำบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก และตำบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๕๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำ ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก และตำบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตรการอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๙๗ ก/หน้า ๗/๕ ตุลาคม ๒๕๕๘
734997
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. 2558
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๕๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการบรรเทาอุทกภัยย่านตาขาว จังหวัดตรัง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๕๘” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสองปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการบรรเทาอุทกภัยย่านตาขาว จังหวัดตรัง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๕๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการบรรเทาอุทกภัยย่านตาขาว จังหวัดตรัง ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๘ ปุณิกา/ผู้ตรวจ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๘๗ ก/หน้า ๓๒/๙ กันยายน ๒๕๕๘
732584
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2558
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำประแสร์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๘” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำประแสร์ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำประแสร์ ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค การป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ตลอดจนป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็มในพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรม สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๗๒ ก/หน้า ๒๒/๕ สิงหาคม ๒๕๕๘
732578
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. 2558
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. ๒๕๕๘” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. ๒๕๕๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๗๒ ก/หน้า ๑๙/๕ สิงหาคม ๒๕๕๘
731110
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พ.ศ. 2558
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๕๕๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำพรุพลีควาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๕๕๘” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำพรุพลีควาย มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๕๕๘ พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๕๕๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำพรุพลีควาย ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การเก็บกักน้ำและส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ปุณิกา - วิชพงษ์/ผู้ตรวจ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๖๑ ก/หน้า ๑/๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘
726308
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. 2558
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. ๒๕๕๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำคลองห้วยแร้ง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. ๒๕๕๘” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสองปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำคลองห้วยแร้ง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. ๒๕๕๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำคลองห้วยแร้ง ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันน้ำเค็มไม่ให้เข้าไปในพื้นที่เกษตรกรรม สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ วิชพงษ์/ผู้ตรวจ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๓๑ ก/หน้า ๔/๑๗ เมษายน ๒๕๕๘
722844
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลโนนสะอาด อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. 2558
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. ๒๕๕๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างทำนบดินและอาคารประกอบอื่นตามโครงการพัฒนากุดจับ - กุดหมากเห็บ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. ๒๕๕๘” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างทำนบดินและอาคารประกอบอื่นตามโครงการพัฒนากุดจับ - กุดหมากเห็บ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้อยู่ในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. ๒๕๕๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างทำนบดินและอาคารประกอบอื่นตามโครงการพัฒนากุดจับ - กุดหมากเห็บ ในท้องที่ตำบลโนนสะอาด อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑๐ ก/หน้า ๕๙/๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
697203
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังม่วง ตำบลคำพราน และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พ.ศ. 2556
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังม่วง ตำบลคำพราน และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีที่ ๖๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังม่วง ตำบลคำพราน และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลวังม่วง ตำบลคำพราน และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลวังม่วง ตำบลคำพราน และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลวังม่วง ตำบลคำพราน และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ในท้องที่ตำบลวังม่วง ตำบลคำพราน และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ เอกฤทธิ์/ผู้ตรวจ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนที่ ๙๙ ก/หน้า ๑/๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๖
695343
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2556
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีที่ ๖๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบฝั่งขวาตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบฝั่งขวาตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบฝั่งขวาตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ เอกฤทธิ์/ผู้ตรวจ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนที่ ๘๖ ก/หน้า ๑๙/๒ ตุลาคม ๒๕๕๖
690304
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีแก้ว อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร พ.ศ. 2556
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีแก้ว อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร พ.ศ. ๒๕๕๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีที่ ๖๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีแก้ว อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโพง (ตอนบน) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีแก้ว อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร พ.ศ. ๒๕๕๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโพง (ตอนบน) มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลศรีแก้ว อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีแก้ว อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร พ.ศ. ๒๕๕๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโพง (ตอนบน) ในท้องที่ตำบลศรีแก้ว อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ เอกฤทธิ์/ผู้ตรวจ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนที่ ๗๐ ก/หน้า ๑๐/๖ สิงหาคม ๒๕๕๖
683838
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. 2556
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๕๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีที่ ๖๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างเขื่อนทดนํ้าและระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๕๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างเขื่อนทดน้ำและระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๕๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างเขื่อนทดน้ำและระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการเก็บกักน้ำและส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖ เอกฤทธิ์/ผู้ตรวจ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนที่ ๒๘ ก/หน้า ๔/๒๒ มีนาคม ๒๕๕๖
683321
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. 2556
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. ๒๕๕๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีที่ ๖๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำห้วยทา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. ๒๕๕๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำห้วยทา มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. ๒๕๕๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำห้วยทา ในท้องที่ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานการส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนที่ ๒๓ ก/หน้า ๑๔/๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖
683317
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลวิเชตนคร ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลห้างฉัตร ตำบลหนองหล่ม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร ตำบลบ่อแฮ้ว ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมืองลำปาง และตำบลใหม่พัฒนา ตำบลลำปางหลวง ตำบลไหล่หิน ตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง พ.ศ. 2556
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลวิเชตนคร ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลห้างฉัตร ตำบลหนองหล่ม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร ตำบลบ่อแฮ้ว ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมืองลำปาง และตำบลใหม่พัฒนา ตำบลลำปางหลวง ตำบลไหล่หิน ตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง พ.ศ. ๒๕๕๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีที่ ๖๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลวิเชตนคร ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลห้างฉัตร ตำบลหนองหล่ม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร ตำบลบ่อแฮ้ว ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมืองลำปาง และตำบลใหม่พัฒนา ตำบลลำปางหลวง ตำบลไหล่หิน ตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการกิ่วคอหมา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลวิเชตนคร ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลห้างฉัตร ตำบลหนองหล่ม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร ตำบลบ่อแฮ้ว ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมืองลำปาง และตำบลใหม่พัฒนา ตำบลลำปางหลวง ตำบลไหล่หิน ตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง พ.ศ. ๒๕๕๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการกิ่วคอหมา มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลวิเชตนคร ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลห้างฉัตร ตำบลหนองหล่ม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร ตำบลบ่อแฮ้ว ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมืองลำปาง และตำบลใหม่พัฒนา ตำบลลำปางหลวง ตำบลไหล่หิน ตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลวิเชตนคร ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลห้างฉัตร ตำบลหนองหล่ม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร ตำบลบ่อแฮ้ว ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมืองลำปาง และตำบลใหม่พัฒนา ตำบลลำปางหลวง ตำบลไหล่หิน ตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง พ.ศ. ๒๕๕๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการกิ่วคอหมา ในท้องที่ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลวิเชตนคร ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลห้างฉัตร ตำบลหนองหล่ม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร ตำบลบ่อแฮ้ว ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมืองลำปาง และตำบลใหม่พัฒนา ตำบลลำปางหลวง ตำบลไหล่หิน ตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนที่ ๒๓ ก/หน้า ๑๑/๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖
677923
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาเกาะ อำเภอหล่มเก่า และตำบลน้ำเฮี้ย ตำบลฝายนาแซง ตำบลน้ำก้อ ตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. 2555
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาเกาะ อำเภอหล่มเก่า และตำบลน้ำเฮี้ย ตำบลฝายนาแซง ตำบลน้ำก้อ ตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาเกาะ อำเภอหล่มเก่า และตำบลน้ำเฮี้ย ตำบลฝายนาแซง ตำบลน้ำก้อ ตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำก้อ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาเกาะ อำเภอหล่มเก่า และตำบลน้ำเฮี้ย ตำบลฝายนาแซง ตำบลน้ำก้อ ตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำก้อ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลนาเกาะ อำเภอหล่มเก่า และตำบลน้ำเฮี้ย ตำบลฝายนาแซง ตำบลน้ำก้อ ตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาเกาะ อำเภอหล่มเก่า และตำบลน้ำเฮี้ย ตำบลฝายนาแซง ตำบลน้ำก้อ ตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำก้อ ในท้องที่ตำบลนาเกาะ อำเภอหล่มเก่า และตำบลน้ำเฮี้ย ตำบลฝายนาแซง ตำบลน้ำก้อ ตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร ตลอดจนการอุปโภคและบริโภค สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ปณตภร/ผู้ตรวจ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๑๑๐ ก/หน้า ๔๓/๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
677925
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2555
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย พ.ศ. ๒๕๕๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำตามโครงการปรับปรุงระบบหนองหลวง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย พ.ศ. ๒๕๕๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำตามโครงการปรับปรุงระบบหนองหลวง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย พ.ศ. ๒๕๕๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำตามโครงการปรับปรุงระบบหนองหลวง ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๙๒ ก/หน้า ๑/๒๘ กันยายน ๒๕๕๕
673673
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธารละหลอด อำเภอพิมาย และตำบลบิง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2555
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธารละหลอด อำเภอพิมาย และตำบลบิง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. ๒๕๕๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธารละหลอด อำเภอพิมายและตำบลบิง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างฝายและอาคารประกอบตามโครงการฝายบ้านขามตามุข อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลธารละหลอด อำเภอพิมาย และตำบลบิง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. ๒๕๕๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างฝายและอาคารประกอบตามโครงการฝายบ้านขามตามุข มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลธารละหลอด อำเภอพิมาย และตำบลบิง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลธารละหลอด อำเภอพิมาย และตำบลบิง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. ๒๕๕๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างฝายและอาคารประกอบตามโครงการฝายบ้านขามตามุข ในท้องที่ตำบลธารละหลอด อำเภอพิมาย และตำบลบิง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร ตลอดจนการอุปโภคและบริโภค สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๕ ชาญ/ผู้ตรวจ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๘๗ ก/หน้า ๑๐/๑๒ กันยายน ๒๕๕๕
673666
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ ตำบลบ้านโคก และตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. 2555
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ ตำบลบ้านโคก และตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ ตำบลบ้านโคก และตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ ตำบลบ้านโคก และตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ ตำบลบ้านโคก และตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ ตำบลบ้านโคก และตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ ในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ ตำบลบ้านโคก และตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๕ ชาญ/ผู้ตรวจ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๘๗ ก/หน้า ๗/๑๒ กันยายน ๒๕๕๕
670536
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำปำ ตำบลควนมะพร้าว ตำบลตำนาน ตำบลท่าแค ตำบลร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง ตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์ และตำบลสมหวัง อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง พ.ศ. 2555
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำปำ ตำบลควนมะพร้าว ตำบลตำนาน ตำบลท่าแค ตำบลร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง ตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์ และตำบลสมหวัง อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง พ.ศ. ๒๕๕๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำปำ ตำบลควนมะพร้าว ตำบลตำนาน ตำบลท่าแค ตำบลร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง ตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์และตำบลสมหวัง อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบระบายน้ำตามโครงการพัฒนาและบรรเทาอุทกภัยเมืองพัทลุง (คลองระบายน้ำลำเบ็ด) จังหวัดพัทลุง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลลำปำ ตำบลควนมะพร้าว ตำบลตำนาน ตำบลท่าแค ตำบลร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง ตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์ และตำบลสมหวัง อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง พ.ศ. ๒๕๕๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบระบายน้ำตามโครงการพัฒนาและบรรเทาอุทกภัยเมืองพัทลุง (คลองระบายน้ำลำเบ็ด) จังหวัดพัทลุง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลลำปำ ตำบลควนมะพร้าว ตำบลตำนาน ตำบลท่าแค ตำบลร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง ตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์ และตำบลสมหวัง อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลลำปำ ตำบลควนมะพร้าว ตำบลตำนาน ตำบลท่าแค ตำบลร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง ตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์ และตำบลสมหวัง อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง พ.ศ. ๒๕๕๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบระบายน้ำตามโครงการพัฒนาและบรรเทาอุทกภัยเมืองพัทลุง (คลองระบายน้ำลำเบ็ด) จังหวัดพัทลุง ในท้องที่ตำบลลำปำ ตำบลควนมะพร้าว ตำบลตำนาน ตำบลท่าแค ตำบลร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง ตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์ และตำบลสมหวัง อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ชาญ/ผู้ตรวจ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๖๒ ก/หน้า ๔/๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕
670292
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. 2555
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. ๒๕๕๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำคลองห้วยแร้ง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. ๒๕๕๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสองปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำคลองห้วยแร้ง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. ๒๕๕๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำคลองห้วยแร้ง ในท้องที่ตำบลห้วยแร้ง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันน้ำเค็มไม่ให้เข้าไปในพื้นที่เกษตรกรรม สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๕๙ ก/หน้า ๔/๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕
670290
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. 2555
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำ ประตูเรือสัญจร และสถานีสูบน้ำคลองบางกรวย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำ ประตูเรือสัญจรและสถานีสูบน้ำคลองบางกรวย มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำ ประตูเรือสัญจร และสถานีสูบน้ำคลองบางกรวย ในท้องที่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตรการอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๕๙ ก/หน้า ๑/๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕
669652
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2555
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำระบายน้ำและอาคารประกอบคลองใหญ่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำระบายน้ำและอาคารประกอบคลองใหญ่ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากการสำรวจที่ดินเพื่อเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำระบายน้ำและอาคารประกอบคลองใหญ่ ยังไม่แล้วเสร็จ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ปณตภร/ผู้ตรวจ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๕๗ ก/หน้า ๑๐/๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๕
664904
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังโตนด อำเภอนายายอาม และตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2555
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังโตนด อำเภอนายายอาม และตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังโตนด อำเภอนายายอาม และตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำทุ่งเบญจา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังโตนด อำเภอนายายอาม และตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำทุ่งเบญจา มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลวังโตนด อำเภอนายายอาม และตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังโตนด อำเภอนายายอาม และตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำทุ่งเบญจา ในท้องที่ตำบลวังโตนด อำเภอนายายอาม และตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานการเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๒๘ ก/หน้า ๘/๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕
664820
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. 2555
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. ๒๕๕๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีที่ ๖๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. ๒๕๕๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. ๒๕๕๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๕ ปณตภร/ผู้ตรวจ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๒๖ ก/หน้า ๗/๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕
658373
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. 2554
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปีที่ ๖๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำห้วยขอนแก่น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๔” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำห้วยขอนแก่น มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๔ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำห้วยขอนแก่น ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร ตลอดจนการอุปโภคและบริโภค ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนที่ ๘๖ ก/หน้า ๑/๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
650381
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง และตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พ.ศ. 2554
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง และตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปีที่ ๖๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง และตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง และตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๔” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้อยู่ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง และตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง และตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๔ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง และตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน เก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณัฐวดี/ตรวจ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนที่ ๕๒ ก/หน้า ๑๓/๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๔
649010
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองใหญ่ ตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ และตำบลวังกระแจะ ตำบลหนองโสน อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. 2554
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองใหญ่ ตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ และตำบลวังกระแจะ ตำบลหนองโสน อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. ๒๕๕๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปีที่ ๖๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองใหญ่ ตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ และตำบลวังกระแจะ ตำบลหนองโสน อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ระบบส่งน้ำ และระบบระบายน้ำตามโครงการปรับปรุงตัวเขื่อนเพื่อเพิ่มความจุเขื่อนเขาระกำ จังหวัดตราด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลคลองใหญ่ ตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ และตำบลวังกระแจะ ตำบลหนองโสน อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. ๒๕๕๔” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ระบบส่งน้ำ และระบบระบายน้ำตามโครงการปรับปรุงตัวเขื่อนเพื่อเพิ่มความจุเขื่อนเขาระกำ จังหวัดตราด มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลคลองใหญ่ ตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ และตำบลวังกระแจะ ตำบลหนองโสน อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลคลองใหญ่ ตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ และตำบลวังกระแจะ ตำบลหนองโสน อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด พ.ศ. ๒๕๕๔ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำระบบส่งน้ำ และระบบระบายน้ำตามโครงการปรับปรุงตัวเขื่อนเพื่อเพิ่มความจุเขื่อนเขาระกำ จังหวัดตราด ในท้องที่ตำบลคลองใหญ่ ตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ และตำบลวังกระแจะ ตำบลหนองโสน อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน เก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภคตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ณัฐวดี/ตรวจ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนที่ ๓๕ ก/หน้า ๓๑/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔
649006
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2554
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปีที่ ๖๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำแม่สอย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๔” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำแม่สอย มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๔ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำแม่สอย ในท้องที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน เก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภคตลอดจนรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ณัฐวดี/ตรวจ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนที่ ๓๕ ก/หน้า ๒๘/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔
648989
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเทพนิมิต ตำบลหนองตาคง ตำบลทับไทร ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน และตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2554
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเทพนิมิต ตำบลหนองตาคง ตำบลทับไทร ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน และตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปีที่ ๖๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเทพนิมิต ตำบลหนองตาคง ตำบลทับไทร ตำบลโป่งนํ้าร้อน ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน และตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองพระพุทธ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเทพนิมิต ตำบลหนองตาคง ตำบลทับไทร ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน และตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๔” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองพระพุทธ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลเทพนิมิต ตำบลหนองตาคง ตำบลทับไทร ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน และตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเทพนิมิต ตำบลหนองตาคง ตำบลทับไทร ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน และตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๔ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองพระพุทธ ในท้องที่ตำบลเทพนิมิต ตำบลหนองตาคง ตำบลทับไทร ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน และตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุตสาหกรรม ตลอดจนการอุปโภคและบริโภคในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ณัฐวดี/ตรวจ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนที่ ๓๕ ก/หน้า ๒๕/๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔
648194
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง ตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน และตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2554
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง ตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน และตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปีที่ ๖๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง ตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน และตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี - พุมดวง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง ตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน และตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๔” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี - พุมดวง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง ตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน และตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง ตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน และตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๔ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี - พุมดวง ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง ตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน และตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภคตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ ณัฐวดี/ตรวจ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนที่ ๒๙ ก/หน้า ๑๖/๒๗ เมษายน ๒๕๕๔
648187
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน ตำบลท่าพญา และตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. 2554
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน ตำบลท่าพญา และตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๕๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปีที่ ๖๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน ตำบลท่าพญา และตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการขุดคลอง พร้อมก่อสร้างประตูระบายน้ำตามโครงการบรรเทาอุทกภัยย่านตาขาว จังหวัดตรัง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน ตำบลท่าพญา และตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๕๔” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการขุดคลองพร้อมก่อสร้างประตูระบายน้ำตามโครงการบรรเทาอุทกภัยย่านตาขาว จังหวัดตรัง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลบางด้วน ตำบลท่าพญา และตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน ตำบลท่าพญา และตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๕๔ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องขุดคลองพร้อมก่อสร้างประตูระบายน้ำตามโครงการบรรเทาอุทกภัยย่านตาขาว จังหวัดตรัง ในท้องที่ตำบลบางด้วน ตำบลท่าพญา และตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน เก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ ณัฐวดี/ตรวจ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนที่ ๒๙ ก/หน้า ๑๓/๒๗ เมษายน ๒๕๕๔
630452
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี และตำบลสระลงเรือ ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา ตำบลรางหวาย ตำบลดอนตาเพชร ตำบลพนมทวน ตำบลหนองโรง ตำบลทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. 2553
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี และตำบลสระลงเรือ ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา ตำบลรางหวาย ตำบลดอนตาเพชร ตำบลพนมทวน ตำบลหนองโรง ตำบลทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นปีที่ ๖๕ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี และตำบลสระลงเรือ ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา ตำบลรางหวาย ตำบลดอนตาเพชร ตำบลพนมทวน ตำบลหนองโรง ตำบลทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการชลประทานเมืองกาญจนบุรี - พนมทวน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี และตำบลสระลงเรือ ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา ตำบลรางหวาย ตำบลดอนตาเพชร ตำบลพนมทวน ตำบลหนองโรง ตำบลทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการชลประทานเมืองกาญจนบุรี - พนมทวน มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี และตำบลสระลงเรือ ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา ตำบลรางหวาย ตำบลดอนตาเพชร ตำบลพนมทวน ตำบลหนองโรง ตำบลทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี และตำบลสระลงเรือ ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา ตำบลรางหวาย ตำบลดอนตาเพชร ตำบลพนมทวน ตำบลหนองโรง ตำบลทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการชลประทานเมืองกาญจนบุรี - พนมทวน ในท้องที่ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี และตำบลสระลงเรือ ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา ตำบลรางหวาย ตำบลดอนตาเพชร ตำบลพนมทวน ตำบลหนองโรง ตำบลทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร ตลอดจนการอุปโภคและบริโภค ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ นันท์นภัสร์/ตรวจ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ วิมล/ปรับปรุง ๑๑ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนที่ ๓๙ ก/หน้า ๑๘/๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓
595351
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. 2551
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๕๑ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นปีที่ ๖๓ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างเขื่อนแควน้อย ระบบส่งน้ำ และระบบระบายน้ำตามโครงการเขื่อนแควน้อย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๕๑” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างเขื่อนแควน้อย ระบบส่งน้ำ และระบบระบายน้ำตามโครงการเขื่อนแควน้อย มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลกภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๕๑ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างเขื่อนแควน้อย ระบบส่งน้ำ และระบบระบายน้ำตามโครงการเขื่อนแควน้อย ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน เก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๖ มกราคม ๒๕๕๒ วิมล/ปรับปรุง ๑๑ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนที่ ๑๓๘ ก/หน้า ๑๑๑/๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๑
595288
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองพลับ และตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2551
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองพลับ และตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นปีที่ ๖๓ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองพลับและตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองพลับ และตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลหนองพลับ และตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองพลับ และตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล ในท้องที่ตำบลหนองพลับ และตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน เก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๖ มกราคม ๒๕๕๒ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนที่ ๑๓๗ ก/หน้า ๓๔/๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๑
568442
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองขลุง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวงพุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลอง ขลุง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองขลุง ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน เก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๙ มกราคม ๒๕๕๑ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๙๘ ก/หน้า ๓๗/๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๐
568440
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่ายและตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำระบายน้ำและอาคารประกอบคลองใหญ่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวงพุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำระบายน้ำและอาคารประกอบคลองใหญ่ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่ายและตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำระบายน้ำและอาคารประกอบคลองใหญ่ ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลบ้านค่าย ตำบลชากบก ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย และตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภคตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๙ มกราคม ๒๕๕๑ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๙๘ ก/หน้า ๓๔/๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๐
568238
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะพง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวงพุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะพง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะพง ในท้องที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๑ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๘๙ ก/หน้า ๖๘/๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๐
566110
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลำรูใหญ่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลำรูใหญ่ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลำรูใหญ่ ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการเก็บกักน้ำไว้เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภค บริโภค และเพื่อการผลิตน้ำประปา ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๗๖ ก/หน้า ๑/๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
564411
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ ตำบลโคกแสมสาร อำเภอโคกเจริญ ตำบลมหาโพธิ ตำบลสระโบสถ์ ตำบลนิยมชัย ตำบลทุ่งท่าช้าง อำเภอสระโบสถ์ ตำบลดงมะรุม ตำบลหนองแขม ตำบลวังจั่น ตำบลเกาะแก้ว ตำบลโคกสำโรง ตำบลคลองเกตุ ตำบลเพนียด ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง และตำบลเขาแหลม ตำบลห้วยหิน ตำบลม่วงค่อม ตำบลชัยบาดาล ตำบลมะกอกหวาน อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ ตำบลโคกแสมสาร อำเภอโคกเจริญ ตำบลมหาโพธิ ตำบลสระโบสถ์ ตำบลนิยมชัย ตำบลทุ่งท่าช้าง อำเภอสระโบสถ์ ตำบลดงมะรุม ตำบลหนองแขม ตำบลวังจั่น ตำบลเกาะแก้ว ตำบลโคกสำโรง ตำบลคลองเกตุ ตำบลเพนียด ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง และตำบลเขาแหลม ตำบลห้วยหิน ตำบลม่วงค่อม ตำบลชัยบาดาล ตำบลมะกอกหวาน อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ ตำบลโคกแสมสาร อำเภอโคกเจริญ ตำบลมหาโพธิ ตำบลสระโบสถ์ ตำบลนิยมชัย ตำบลทุ่งท่าช้าง อำเภอสระโบสถ์ ตำบลดงมะรุม ตำบลหนองแขม ตำบลวังจั่น ตำบลเกาะแก้ว ตำบลโคกสำโรง ตำบลคลองเกตุ ตำบลเพนียด ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง และตำบลเขาแหลม ตำบลห้วยหิน ตำบลม่วงค่อม ตำบลชัยบาดาล ตำบลมะกอกหวาน อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการจัดหาน้ำเพื่อการเกษตรจังหวัดลพบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกับมาตรา ๕ วรรคสามและมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวงพุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลโคกเจริญ ตำบลโคกแสมสาร อำเภอโคกเจริญ ตำบลมหาโพธิ ตำบลสระโบสถ์ ตำบลนิยมชัยตำบลทุ่งท่าช้าง อำเภอสระโบสถ์ ตำบลดงมะรุม ตำบลหนองแขม ตำบลวังจั่น ตำบลเกาะแก้ว ตำบลโคกสำโรง ตำบลคลองเกตุ ตำบลเพนียด ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง และตำบลเขาแหลม ตำบลห้วยหิน ตำบลม่วงค่อม ตำบลชัยบาดาล ตำบลมะกอกหวาน อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการจัดหาน้ำเพื่อการเกษตรจังหวัดลพบุรี มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ ตำบลโคกแสมสาร อำเภอโคกเจริญ ตำบลมหาโพธิ ตำบลสระโบสถ์ ตำบลนิยมชัย ตำบลทุ่งท่าช้าง อำเภอสระโบสถ์ ตำบลดงมะรุม ตำบลหนองแขม ตำบลวังจั่น ตำบลเกาะแก้ว ตำบลโคกสำโรง ตำบลคลองเกตุ ตำบลเพนียด ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง และตำบลเขาแหลม ตำบลห้วยหิน ตำบลม่วงค่อม ตำบลชัยบาดาล ตำบลมะกอกหวาน อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ ตำบลโคกแสมสาร อำเภอโคกเจริญ ตำบลมหาโพธิ ตำบลสระโบสถ์ ตำบลนิยมชัย ตำบลทุ่งท่าช้าง อำเภอสระโบสถ์ ตำบลดงมะรุม ตำบลหนองแขม ตำบลวังจั่น ตำบลเกาะแก้ว ตำบลโคกสำโรง ตำบลคลองเกตุ ตำบลเพนียด ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง และตำบลเขาแหลม ตำบลห้วยหิน ตำบลม่วงค่อม ตำบลชัยบาดาล ตำบลมะกอกหวาน อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการจัดหาน้ำเพื่อการเกษตร จังหวัดลพบุรี ในท้องที่ตำบลโคกเจริญ ตำบลโคกแสมสาร อำเภอโคกเจริญ ตำบลมหาโพธิ ตำบลสระโบสถ์ ตำบลนิยมชัย ตำบลทุ่งท่าช้าง อำเภอสระโบสถ์ ตำบลดงมะรุม ตำบลหนองแขม ตำบลวังจั่น ตำบลเกาะแก้ว ตำบลโคกสำโรง ตำบลคลองเกตุ ตำบลเพนียด ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง และตำบลเขาแหลม ตำบลห้วยหิน ตำบลม่วงค่อม ตำบลชัยบาดาล ตำบลมะกอกหวาน อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตรตลอดจนการอุปโภคและบริโภคในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๐ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๗๐ ก/หน้า ๑๒/๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๐
561346
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาขาม อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาขาม อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาขาม อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการประตูระบายน้ำน้ำก่ำตอนล่าง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลนาขาม อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการประตูระบายน้ำน้ำก่ำตอนล่าง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลนาขาม อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาขาม อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพน พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดุข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการประตูระบายน้ำน้ำก่ำตอนล่าง ในท้องที่ตำบลนาขาม อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนมเพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๐ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๔๖ ก/หน้า ๓๗/๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๐
559745
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกลัดหลวงอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยผาก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยผาก มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยผาก ในท้องที่ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรีเพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๓๑ ก/หน้า ๒๗/๖ กรกฎาคม ๒๕๕๐
559743
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าข้าม ตำบลเขาดิน ตำบลบางผึ้ง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางหัก อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าข้าม ตำบลเขาดิน ตำบลบางผึ้ง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางหัก อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าข้าม ตำบลเขาดิน ตำบลบางผึ้ง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางหัก อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างคันกั้นน้ำตามโครงการชลประทานฉะเชิงเทรา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลท่าข้าม ตำบลเขาดิน ตำบลบางผึ้ง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางหัก อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างคันกั้นน้ำตามโครงการชลประทานฉะเชิงเทรา มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลท่าข้าม ตำบลเขาดิน ตำบลบางผึ้ง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางหัก อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าข้าม ตำบลเขาดิน ตำบลบางผึ้ง อำเภอบางประกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางหัก อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างคันกั้นน้ำตามโครงการชลประทานฉะเชิงเทราในท้องที่ตำบลท่าข้าม ตำบลเขาดิน ตำบลบางผึ้ง อำเภอบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางหัก อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันไม่ให้น้ำเค็มไหลเข้าสู่พื้นที่การเกษตร ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ วิมล/ปรับบปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๓๑ ก/หน้า ๒๔/๖ กรกฎาคม ๒๕๕๐
559741
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองแหน ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม ตำบลคู้ยายหมี อำเภอสนามชัยเขต และตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองแหน ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม ตำบลคู้ยายหมี อำเภอสนามชัยเขต และตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองแหน ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม ตำบลคู้ยายหมี อำเภอสนามชัยเขต และตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการคลองสียัด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองแหน ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม ตำบลคู้ยายหมี อำเภอสนามชัยเขต และตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการคลองสียัด มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลหนองแหน ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม ตำบลคู้ยายหมี อำเภอสนามชัยเขต และตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองแหน ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม ตำบลคู้ยายหมี อำเภอสนามชัยเขต และตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการคลองสียัด ในท้องที่ตำบลหนองแหน ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม ตำบลคู้ยายหมี อำเภอสนามชัยเขต และตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทราเพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๓๑ ก/หน้า ๒๑/๖ กรกฎาคม ๒๕๕๐
558952
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลออนใต้ ตำบลร้องวัวแดง ตำบลแช่ช้าง ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลออนใต้ ตำบลร้องวัวแดง ตำบลแช่ช้าง ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลออนใต้ ตำบลร้องวัวแดง ตำบลแช่ช้าง ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบผันน้ำตามโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลออนใต้ ตำบลร้องวัวแดง ตำบลแช่ช้าง ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบผันน้ำตามโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลออนใต้ ตำบลร้องวัวแดง ตำบลแช่ช้าง ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลออนใต้ ตำบลร้องวัวแดง ตำบลแช่ช้าง ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบผันน้ำตามโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวง ในท้องที่ตำบลออนใต้ ตำบลร้องวัวแดง ตำบลแช่ช้าง ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๓๒ ก/หน้า ๒๕/๙ กรกฎาคม ๒๕๕๐
535070
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งน้าว และตำบลแดนชุมพล อำเภอสอง จังหวัดแพร่ พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งน้าว และตำบลแดนชุมพล อำเภอสอง จังหวัดแพร่ พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งน้าว และตำบลแดนชุมพล อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งน้าว และตำบลแดนชุมพล อำเภอสอง จังหวัดแพร่ พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สอง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลทุ่งน้าว และตำบลแดนชุมพล อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งน้าว และตำบลแดนชุมพล อำเภอสอง จังหวัดแพร่ พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สองในท้องที่ตำบลทุ่งน้าว และตำบลแดนชุมพล อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานและการเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร ตลอดจนการอุปโภคและบริโภคในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ โสรศ/ผู้จัดทำ ๔ เมษายน ๒๕๕๐ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๑๗ ก/หน้า ๑๔/๒๖ มีนาคม ๒๕๕๐
533635
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. 2550
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๐ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลำรูใหญ่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลำรูใหญ่ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลำรูใหญ่ ในท้องที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการเก็บกักน้ำไว้เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภค บริโภค และเพื่อการผลิตน้ำประปา ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือ ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ โสรศ/ผู้จัดทำ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๐ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๑๖ ก/หน้า ๓๒/๑๙ มีนาคม ๒๕๕๐
521405
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลบางโฉลง และตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2549
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง และตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ๒๕๔๙ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นปีที่ ๖๑ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง และตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบระบายน้ำตามโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลบางโฉลง และตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ๒๕๔๙” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบระบายน้ำตามโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลบางโฉลงและตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง และตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ๒๕๔๙ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบระบายน้ำตามโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ในท้องที่ตำบลบางโฉลง และตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วัชศักดิ์/ผู้จัดทำ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๑๒๑ ก/หน้า ๒/๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙
510344
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปะเหลียน ตำบลแหลมสอม และตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. 2549
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปะเหลียน ตำบลแหลมสอม และตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๔๙ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นปีที่ ๖๑ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปะเหลียน ตำบลแหลมสอม และตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการประตูระบายน้ำคลองปะเหลียน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลปะเหลียน ตำบลแหลมสอม และตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๔๙” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการประตูระบายน้ำคลองปะเหลียน มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลปะเหลียน ตำบลแหลมสอม และตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปะเหลียน ตำบลแหลมสอม และตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. ๒๕๔๙ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการประตูระบายน้ำคลองปะเหลียน ในท้องที่ตำบลปะเหลียน ตำบลแหลมสอม และตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ พัชรินทร์/ผู้จัดทำ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๙๖ ก/หน้า ๑/๒๒ กันยายน ๒๕๔๙
492421
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชุมแสง ตำบลพลงตาเอี่ยม ตำบลวังจันทร์ อำเภอวังจันทร์ และตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2549
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชุมแสง ตำบลพลงตาเอี่ยม ตำบลวังจันทร์ อำเภอวังจันทร์ และตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๔๙ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นปีที่ ๖๑ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชุมแสง ตำบลพลงตาเอี่ยม ตำบลวังจันทร์ อำเภอวังจันทร์ และตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการประแสร์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลชุมแสง ตำบลพลงตาเอี่ยม ตำบลวังจันทร์ อำเภอวังจันทร์ และตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๔๙” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการประแสร์ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลชุมแสง ตำบลพลงตาเอี่ยม ตำบลวังจันทร์ อำเภอวังจันทร์ และตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการประแสร์ ในท้องที่ตำบลชุมแสง ตำบลพลงตาเอี่ยม ตำบลวังจันทร์ อำเภอวังจันทร์ และตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภคตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ นันทนา/ผู้จัดทำ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๕๕ ก/หน้า ๑/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๙
492120
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสวนแตง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ตำบลวังน้ำเย็น ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอบางปลาม้า และตำบลบางพลับ ตำบลต้นตาล ตำบลบางตะเคียน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. 2549
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสวนแตง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ตำบลวังน้ำเย็น ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอบางปลาม้า และตำบลบางพลับ ตำบลต้นตาล ตำบลบางตะเคียน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. ๒๕๔๙ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นปีที่ ๖๑ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสวนแตง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ตำบลวังน้ำเย็น ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอบางปลาม้า และตำบลบางพลับ ตำบลต้นตาล ตำบลบางตะเคียน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างคันกั้นน้ำและอาคารประกอบตามโครงการก่อสร้างคันกั้นน้ำฝั่งซ้ายคลองระบายใหญ่สองพี่น้อง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลสวนแตง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ตำบลวังน้ำเย็น ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอบางปลาม้า และตำบลบางพลับ ตำบลต้นตาล ตำบลบางตะเคียน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. ๒๕๔๙” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างคันกั้นน้ำและอาคารประกอบตามโครงการก่อสร้างคันกั้นน้ำฝั่งซ้ายคลองระบายใหญ่สองพี่น้อง มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลสวนแตง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ตำบลวังน้ำเย็น ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอบางปลาม้า และตำบลบางพลับ ตำบลต้นตาล ตำบลบางตะเคียน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสวนแตง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ตำบลวังน้ำเย็น ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอบางปลาม้า และตำบลบางพลับ ตำบลต้นตาล ตำบลบางตะเคียน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. ๒๕๔๙ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างคันกั้นน้ำและอาคารประกอบตามโครงการก่อสร้างคันกั้นน้ำฝั่งซ้าย คลองระบายใหญ่สองพี่น้อง ในท้องที่ตำบลสวนแตง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ตำบลวังน้ำเย็น ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอบางปลาม้า และตำบลบางพลับ ตำบลต้นตาล ตำบลบางตะเคียน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย รวมทั้งใช้เป็นทางสัญจรลำเลียงผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ พัชรินทร์/ผู้จัดทำ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๕๔ ก/หน้า ๑๖/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๙
492116
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. 2549
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. ๒๕๔๙ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นปีที่ ๖๑ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการปรับปรุงพนังกั้นลำน้ำและก่อสร้างอาคารประกอบตามโครงการปรับปรุงพนังกั้นลำน้ำยัง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. ๒๕๔๙” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการปรับปรุงพนังกั้นลำนํ้าและก่อสร้างอาคารประกอบตามโครงการปรับปรุงพนังกั้นลำน้ำยัง มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. ๒๕๔๙ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงพนังกั้นลำน้ำและก่อสร้างอาคารประกอบตามโครงการปรับปรุงพนังกั้นลำน้ำยัง ในท้องที่ตำบลวังหลวง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ตลอดจนป้องกันอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอนได้สองปี จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ พัชรินทร์/ผู้จัดทำ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๕๔ ก/หน้า ๑๓/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๙
492108
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ และตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม พ.ศ.2549
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ และตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๔๙ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นปีที่ ๖๑ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่และตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการประตูระบายน้ำบ้านตับเต่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ และตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๔๙” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสามปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการประตูระบายน้ำบ้านตับเต่า มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ และตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ และตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๔๙ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการประตูระบายน้ำบ้านตับเต่า ในท้องที่ตำบลหนองเทาใหญ่ และตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ พัชรินทร์/ผู้จัดทำ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๕๔ ก/หน้า ๑๐/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๙
492101
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าหลวง และตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. 2549
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าหลวง และตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๔๙ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นปีที่ ๖๑ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าหลวงและตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการสร้างฝายตามโครงการฝายท่าระม้า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลท่าหลวง และตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๔๙” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการสร้างฝายตามโครงการฝายท่าระม้า มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลท่าหลวงและตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าหลวง และตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. ๒๕๔๙ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องสร้างฝายตามโครงการฝายท่าระม้า ในท้องที่ตำบลท่าหลวง และตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน เป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่เพาะปลูกในฤดูแล้ง และการอุปโภคบริโภค ตลอดจนส่งน้ำให้กับเกษตรกรรมสวนผลไม้ที่อยู่ในเขตชลประทาน ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ พัชรินทร์/ผู้จัดทำ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๕๔ ก/หน้า ๗/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๙
467551
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลบางโฉลง ตำบลบางปลา อำเภอบางพลีและตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2548
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี และตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ๒๕๔๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นปีที่ ๖๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี และตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบระบายน้ำ ตามโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี และตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ๒๕๔๘” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบระบายน้ำตามโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลบางโฉลง ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี และตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางโฉลง ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี และตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ.๒๕๔๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบระบายน้ำตามโครงการระบายน้ำ บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ในท้องที่ตำบลบางโฉลง ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี และตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน เก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร อุตสาหกรรม การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยตรงอันเป็นการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ นันทนา/ผู้จัดทำ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ วิมล/ปรับปรุง ๙ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๑๑๒ ก/หน้า ๑๖/๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
467543
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลดีลัง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลหนองบัว ตำบลช่องสาริกา ตำบลชอนน้อย อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี พ.ศ. 2548
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลดีลัง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลหนองบัว ตำบลช่องสาริกา ตำบลชอนน้อย อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นปีที่ ๖๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลดีลัง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลหนองบัว ตำบลช่องสาริกา ตำบลชอนน้อย อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เพื่อก่อสร้างงานระบบคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำตามโครงการสูบน้ำพัฒนานิคม - แก่งคอย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลดีลัง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลหนองบัว ตำบลช่องสาริกา ตำบลชอนน้อย อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการก่อสร้างงานระบบคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำ ตามโครงการสูบน้ำพัฒนานิคม - แก่งคอย มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลดีลัง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลหนองบัว ตำบลช่องสาริกา ตำบลชอนน้อย อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑ แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลดีลัง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลหนองบัว ตำบลช่องสาริกา ตำบลชอนน้อย อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรมชลประทานจะดำเนินการก่อสร้างงานระบบคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำ ตามโครงการสูบน้ำพัฒนานิคม - แก่งคอย ในท้องที่ตำบลดีลัง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลหนองบัว ตำบลช่องสาริกา ตำบลชอนน้อย อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เพื่อประโยชน์ในการส่งน้ำสำหรับการประกอบเกษตรกรรม การอุปโภคบริโภค และการบรรเทาอุทกภัยบริเวณพื้นที่ลุ่มในฤดูฝน ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ นันทนา/ผู้จัดทำ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๔๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๑๑๒ ก/หน้า ๑๓/๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
453488
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2547
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๔๗ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นปีที่ ๕๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะทะ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๔๗” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสร้างอ่างเก็บน้ำทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะทะ มาตรา ๕ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องสร้างอ่างเก็บน้ำ ทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะทะ ในท้องที่ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เพื่อประโยชน์ในการเก็บกักน้ำไว้ใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค และเพื่อการผลิตน้ำประปา ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ญาณี/พิมพ์ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๘ ธัญกมล/ศุภสรณ์/ตรวจ ๒๒ เมษายน ๒๕๔๘ วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนที่ ๗๖ ก/หน้า ๗ /๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๗
441967
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. 2547
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๔๗ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นปีที่ ๕๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เพื่อก่อสร้างเขื่อนแควน้อย ระบบส่งน้ำ และระบบระบายน้ำ ตามโครงการเขื่อนแควน้อย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๔๗” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทองและตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระอำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ๒๕๔๗ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องก่อสร้างเขื่อนแควน้อย ระบบส่งน้ำ และระบบระบายน้ำ ตามโครงการเขื่อนแควน้อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่ตำบลคันโช้ง ตำบลบ้านยาง ตำบลท่างาม ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม ตำบลบ้านกลาง ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกุล ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง และตำบลบ้านป่า ตำบลมะขามสูง ตำบลปากโทก ตำบลหัวรอ ตำบลดอนทอง ตำบลสมอแข ตำบลอรัญญิก ตำบลในเมือง ตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ มยุรี/พิมพ์ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๗ ศุภสรณ์/ธัญกมล/ตรวจ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๔๗ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนที่ ๕๒ ก/หน้า ๑/๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๗
439178
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังกระโจม ตำบลดงละคร ตำบลศรีจุฬา อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะโพธิ์ ตำบลเกาะหวาย ตำบลปากพลี ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก พ.ศ. 2547
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังกระโจม ตำบลดงละคร ตำบลศรีจุฬา อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะโพธิ์ ตำบลเกาะหวาย ตำบลปากพลี ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก พ.ศ. ๒๕๔๗ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นปีที่ ๕๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังกระโจม ตำบลดงละคร ตำบลศรีจุฬา อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะโพธิ์ ตำบลเกาะหวาย ตำบลปากพลี ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก เพื่อก่อสร้างและปรับปรุงระบบส่งน้ำตามโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครนายก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเขื่อนคลองท่าด่านอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลวังกระโจม ตำบลดงละคร ตำบลศรีจุฬา อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะโพธิ์ ตำบลเกาะหวาย ตำบลปากพลี ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก พ.ศ. ๒๕๔๗” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลวังกระโจม ตำบลดงละคร ตำบลศรีจุฬา อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะโพธิ์ ตำบลเกาะหวาย ตำบลปากพลี ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลวังกระโจม ตำบลดงละคร ตำบลศรีจุฬา อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะโพธิ์ ตำบลเกาะหวาย ตำบลปากพลี ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก พ.ศ. ๒๕๔๗ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างและปรับปรุงระบบส่งน้ำตามโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครนายก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเขื่อนคลองท่าด่านอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่ตำบลวังกระโจม ตำบลดงละคร ตำบลศรีจุฬา อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะโพธิ์ ตำบลเกาะหวาย ตำบลปากพลี ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก เพื่อประโยชน์ในการส่งน้ำจากเขื่อนคลองท่าด่าน ลงแม่น้ำนครนายกไปยังเขื่อนนายกให้กับพื้นที่เกษตรกรรมและเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัย ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ พรพิมล/พิมพ์ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๗ พัชรินทร์/อรดา/ตรวจ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๗ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๒๑/ตอนที่ ๓๘ ก/หน้า ๓๔/๑๗ มิถุนายน ๒๕๔๗
439176
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2547
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๔๗ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นปีที่ ๕๙ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองบางเหนียวดำ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๔๗” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๔๗ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องสร้างอ่างเก็บน้ำทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองบางเหนียวดำ ในท้องที่ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา และเพื่อการอุปโภคบริโภค ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ พรพิมล/พิมพ์ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๗ พัชรินทร์/อรดา/ตรวจ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๗ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนที่ ๓๘ ก/หน้า ๓๑/๑๗ มิถุนายน ๒๕๔๗
416112
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาชะอัง และตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาชะอัง และตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาชะอัง และตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เพื่อก่อสร้างคลองระบายน้ำพนังตัก - บ้านหูรอ และประตูระบายน้ำท่าตะเภา ตามโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพรอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสามและมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาชะอัง และตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อก่อสร้างคลองระบายน้ำพนังตัก – บ้านหูรอ อยู่ในท้องที่ตำบลนาชะอัง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร มีส่วนกว้างหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อก่อสร้างประตูระบายน้ำท่าตะเภา อยู่ในท้องที่ตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร มีส่วนแคบที่สุดห้าสิบเมตร และส่วนกว้างที่สุดสามร้อยเจ็ดสิบเมตร ทั้งนี้ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาชะอัง และตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องก่อสร้างคลองระบายน้ำพนังตัก - บ้านหูรอ และประตูระบายน้ำท่าตะเภา ตามโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร อันเนื่องมาจากพระราชดำริในท้องที่ตำบลนาชะอัง และตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เพื่อเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ มยุรี/พิมพ์ ๕ มกราคม ๒๕๔๗ สุนันทา/อรดา/ตรวจ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๗ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๑๐๖ ก/หน้า ๑๒/๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๖
414095
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เพื่อขุดลอกคลองละมุ ตามโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพรอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๔ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องขุดลอกคลองละมุ ตามโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพรอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่ตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เพื่อประโยชน์ในการผันน้ำส่วนหนึ่งจากคลองท่าแซะลงสู่หนองใหญ่ ในการนี้ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอนได้อีกสองปี จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ปิติวรรณ/จัดทำ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ อรญา/ตรวจ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๑๑๓ ก/หน้า ๑๔/๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๖
396425
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองไม้ปล้อง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรีพ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองไม้ปล้อง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่เพาะปลูกในฤดูฝนและฤดูแล้ง ช่วยบรรเทาอุทกภัย และเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมทั้งเป็นแหล่งเพาะและขยายพันธุ์ปลาน้ำจืด ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ มณฑาทิพย์/พิมพ์ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ มณฑาทิพย์/แก้ไข ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๖ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๖๑ ก/หน้า ๔/๔ กรกฎาคม ๒๕๔๖
396281
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 309 สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (วังน้อย) - สิงห์บุรี ที่บ้านบางแก้ว และที่บ้านตลาดหลวง พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๙ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (วังน้อย) - สิงห์บุรี ที่บ้านบางแก้ว และที่บ้านตลาดหลวง พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๙ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (วังน้อย) - สิงห์บุรี ที่บ้านบางแก้ว และที่บ้านตลาดหลวง ในท้องที่อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๖๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐ และมาตรา ๕๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๙ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (วังน้อย) - สิงห์บุรี ที่บ้านบางแก้ว และที่บ้านตลาดหลวง พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง มีส่วนแคบที่สุดสิบเมตร และส่วนกว้างที่สุดห้าสิบเมตร ทั้งนี้ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๙ สายแยกทาหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (วังน้อย) - สิงห์บุรี ที่บ้านบางแก้ว และที่บ้านตลาดหลวง พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๙ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (วังน้อย) - สิงห์บุรี ที่บ้านบางแก้ว และที่บ้านตลาดหลวงในท้องที่อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุภาพร/พิมพ์ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๖ สุภาพร/แก้ไข ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๖ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๕๗ ก/หน้า ๑๖/๑๙ มิถุนายน ๒๕๔๖
396274
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านบึง (ขยาย) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่คลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านบึง (ขยาย) ในท้องที่ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เพื่อประโยชน์ในการเก็บกักน้ำไว้ใช้สำหรับพื้นที่เพาะปลูก การอุปโภคและบริโภค และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด ตลอดจนบรรเทาอุทกภัยที่เกิดขึ้นได้ ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุภาพร/พิมพ์ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ สุภาพร/แก้ไข ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๖ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๕๗ ก/หน้า ๔/๑๙ มิถุนายน ๒๕๔๖
396259
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลละหาร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลละหาร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลละหาร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง เพื่อก่อสร้างระบบผันน้ำอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ - อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ตามโครงการคลองใหญ่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลละหาร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลละหาร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลละหาร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างระบบผันน้ำอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ - อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ตามโครงการคลองใหญ่ ในท้องที่ตำบลละหาร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง เพื่อประโยชน์ในการส่งน้ำให้กับพื้นที่เกษตร อุตสาหกรรม และการอุปโภค บริโภค รวมทั้งพัฒนาลุ่มน้ำระยองให้เป็นแหล่งน้ำเสริมอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลด้วย ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุภาพร/พิมพ์ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ สุภาพร/แก้ไข ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๖ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑]ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๕๗ ก/หน้า ๑๐/๑๙ มิถุนายน ๒๕๔๖
396250
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อก่อสร้างอาคารประตูระบายน้ำท่าพญา ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอาคารประตูระบายน้ำท่าพญา ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อประโยชน์ในการเก็บกักน้ำไว้สำหรับใช้ในการเกษตร อุปโภค บริโภค และเพื่อป้องกันน้ำทะเลไม่ให้ไหลเข้าแม่น้ำปากพนัง อีกทั้งช่วยระบายน้ำออกสู่ทะเลได้โดยตรง อันเป็นการบรรเทาอุทกภัย ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุภาพร/พิมพ์ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ สุภาพร/แก้ไข ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๖ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๕๗ ก/หน้า ๑/๑๙ มิถุนายน ๒๕๔๖
396224
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลเมืองใหม่ อำเภอราชสาส์น ตำบลเมืองเก่า ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม ตำบลท่าทองหลาง ตำบลเสม็ดใต้ อำเภอบางคล้า ตำบลหัวสำโรง ตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว ตำบลคลองขุด ตำบลสิบเอ็ดศอก ตำบลแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลท่าข้าม ตำบลสระสี่เหลี่ยม ตำบลหัวถนน ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม ตำบลโคกขี้หนอน อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเมืองใหม่ อำเภอราชสาส์น ตำบลเมืองเก่า ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน ตำบลหนองแหน อำเภอเมืองพนมสารคาม ตำบลท่าทองหลาง ตำบลเสม็ดใต้ อำเภอบางคล้า ตำบลหัวสำโรง ตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว ตำบลคลองขุด ตำบลสิบเอ็ดศอก ตำบลแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลท่าข้าม ตำบลสระสี่เหลี่ยม ตำบลหัวถนน ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม ตำบลโคกขี้หนอน อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเมืองใหม่ อำเภอราชสาส์น ตำบลเมืองเก่า ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน ตำบลหนองแหน อำเภอเมืองพนมสารคาม ตำบลท่าทองหลาง ตำบลเสม็ดใต้ อำเภอบางคล้า ตำบลหัวสำโรง ตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว ตำบลคลองขุด ตำบลสิบเอ็ดศอก ตำบลแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลท่าข้าม ตำบลสระสี่เหลี่ยม ตำบลหัวถนน ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม ตำบลโคกขี้หนอน อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ตามโครงการคลองสียัด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเมืองใหม่ อำเภอราชสาส์น ตำบลเมืองเก่า ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม ตำบลท่าทองหลาง ตำบลเสม็ดใต้ อำเภอบางคล้า ตำบลหัวสำโรง ตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว ตำบลคลองขุด ตำบลสิบเอ็ดศอก ตำบลแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลท่าข้าม ตำบลสระสี่เหลี่ยม ตำบลหัวถนน ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม ตำบลโคกขี้หนอน อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลเมืองใหม่อำเภอราชสาส์น ตำบลเมืองเก่า ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม ตำบลท่าทองหลาง ตำบลเสม็ดใต้ อำเภอบางคล้า ตำบลหัวสำโรง ตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว ตำบลคลองขุด ตำบลสิบเอ็ดศอก ตำบลแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลท่าข้าม ตำบลสระสี่เหลี่ยม ตำบลหัวถนน ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม ตำบลโคกขี้หนอน อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเมืองใหม่ อำเภอราชสาส์น ตำบลเมืองเก่า ตำบลท่าถ่านตำบลเกาะขนุน ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม ตำบลท่าทองหลางตำบลเสม็ดใต้ อำเภอบางคล้า ตำบลหัวสำโรง ตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว ตำบลคลองขุด ตำบลสิบเอ็ดศอก ตำบลแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ตำบลท่าข้าม ตำบลสระสี่เหลี่ยม ตำบลหัวถนน ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม และตำบลโคกขี้หนอน อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรมชลประทานจะดำเนินการก่อสร้างระบบส่งน้ำและก่อสร้างระบบระบายน้ำตามโครงการคลองสียัด ในท้องที่ตำบลเมืองใหม่อำเภอราชสาส์น ตำบลเมืองเก่า ตำบลท่าถ่าน ตำบลเกาะขนุน ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม ตำบลท่าทองหลาง ตำบลเสม็ดใต้ อำเภอบางคล้า ตำบลหัวสำโรง ตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว ตำบลคลองขุด ตำบลสิบเอ็ดศอก ตำบลแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลท่าข้าม ตำบลสระสี่เหลี่ยม ตำบลหัวถนน ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม ตำบลโคกขี้หนอน อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เพื่อประโยชน์ในการส่งน้ำสำหรับการประกอบเกษตรกรรม การอุปโภคบริโภค และการบรรเทาอุทกภัยบริเวณพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำ ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ มณฑาทิพย์/พิมพ์ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๖ มณฑาทิพย์/แก้ไข ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๖ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๖๔ ก/หน้า ๗/๙ กรกฎาคม ๒๕๔๖
396215
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลหินตั้ง ตำบลศรีนาวา ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมืองนครนายกและตำบลเกาะหวาย ตำบลเกาะโพธิ์ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหินตั้ง ตำบลศรีนาวา ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะหวาย ตำบลเกาะโพธิ์ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหินตั้ง ตำบลศรีนาวา ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะหวาย ตำบลเกาะโพธิ์ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก เพื่อก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาลุ่มน้ำนครนายกตอนบนตามโครงการเขื่อนคลองท่าด่านอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลหินตั้ง ตำบลศรีนาวา ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะหวาย ตำบลเกาะโพธิ์ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลหินตั้ง ตำบลศรีนาวา ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะหวาย ตำบลเกาะโพธิ์ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหินตั้ง ตำบลศรีนาวา ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมืองนครนายกและตำบลเกาะหวาย ตำบลเกาะโพธิ์ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาลุ่มน้ำนครนายกตอนบน ตามโครงการเขื่อนคลองท่าด่านอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่ตำบลหินตั้ง ตำบลศรีนาวา ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมืองนครนายก และตำบลเกาะหวาย ตำบลเกาะโพธิ์ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก เพื่อประโยชน์ในการเก็บกักน้ำไว้ใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับพื้นที่เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนช่วยบรรเทาอุทกภัย ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ มณฑาทิพย์/พิมพ์ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๖ มณฑาทิพย์/แก้ไข ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๖ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๖๔ ก/หน้า ๔/๙ กรกฎาคม ๒๕๔๖
389794
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งปรัง ตำบลเสาเภา ตำบลฉลอง ตำบลเทพราช และตำบลเปลี่ยน อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งปรัง ตำบลเสาเภา ตำบลฉลอง ตำบลเทพราช และตำบลเปลี่ยน อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งปรัง ตำบลเสาเภา ตำบลฉลอง ตำบลเทพราช และตำบลเปลี่ยน อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำ ตามโครงการฝอยคลองท่าทน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลทุ่งปรัง ตำบลเสาเภา ตำบลฉลอง ตำบลเทพราช และตำบลเปลี่ยน อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลทุ่งปรัง ตำบลเสาเภา ตำบลฉลอง ตำบลเทพราช และตำบลเปลี่ยน อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช มีส่วนกว้างหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร ทั้งนี้ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลทุ่งปรัง ตำบลเสาเภา ตำบลฉลอง ตำบลเทพราช และตำบลเปลี่ยน อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำ ตามโครงการฝายคลองท่าทน ในท้องที่ตำบลทุ่งปรัง ตำบลเสาเภา ตำบลฉลอง ตำบลเทพราช และตำบลเปลี่ยน อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อประโยชน์ในการส่งน้ำให้กับพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อการอุปโภค บริโภค และการบรรเทาอุทกภัยบริเวณพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำ ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ พรพิมล/พิมพ์ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ พรพิมล/แก้ไข ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๖ A+B วิมล/ปรับปรุง ๘ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๕๕ ก/หน้า ๒๔/๑๗ มิถุนายน ๒๕๔๖
388110
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลไผ่หูช้าง ตำบลหินมูล ตำบลบางหลวง ตำบลบางเลน และตำบลดอนตูม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่หูช้าง ตำบลหินมูล ตำบลบางหลวง ตำบลบางเลน และตำบลดอนตูม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่ หูช้าง ตำบลหินมูล ตำบลบางหลวง ตำบลบางเลน และตำบลดอนตูม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เพื่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำ ตามโครงการแม่กลองใหญ่ ระยะที่ ๓ (ระบายน้ำ) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลไผ่หูช้าง ตำบลหินมูล ตำบลบางหลวง ตำบลบางเลน และตำบลดอนตูม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลไผ่หูช้าง ตำบลหินมูล ตำบลบางหลวง ตำบลบางเลน และตำบลดอนตูม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลไผ่หูช้าง ตำบลหินมูล ตำบลบางหลวง ตำบลบางเลนและตำบลดอนตูม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐมพ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำ ตามโครงการแม่กลองใหญ่ ระยะที่ ๓ (ระบายน้ำ) ในท้องที่ตำบลไผ่หูช้าง ตำบลหินมูล ตำบลบางหลวง ตำบลบางเลน และตำบลดอนตูม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เพื่อกิจการชลประทานในการเก็บกักน้ำเพื่อส่งและระบายน้ำให้พื้นที่ทำการเกษตร และการอุปโภคบริโภค ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุภาพร/พิมพ์ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๔๖ เนติมา/พัชรินทร์ ผู้จัดทำ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ วิมล/ปรับปรุง ๕ กันยายน ๒๕๕๗ [๑]ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๔๗ ก/หน้า ๑/๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๖
385869
พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลเวียงสระ ตำบลบ้านส้อง ตำบลทุ่งหลวง และตำบลเขานิพันธ์ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี้ พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงสระ ตำบลบ้านส้อง ตำบลทุ่งหลวง และตำบลเขานิพันธ์ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงสระ ตำบลบ้านส้อง ตำบลทุ่งหลวง และตำบลเขานิพันธ์ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อก่อสร้างฝายทดน้ำและระบบส่งน้ำ ตามโครงการฝายคลองเทวดา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงสระ ตำบลบ้านส้อง ตำบลทุ่งหลวง และตำบลเขานิพันธ์ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลเวียงสระ ตำบลบ้านส้อง ตำบลทุ่งหลวง และตำบลเขานิพันธ์ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกา นี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงสระ ตำบลบ้านส้อง ตำบลทุ่งหลวง และตำบลเขานิพันธ์อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องก่อสร้างฝายทดน้ำและระบบส่งน้ำ ตามโครงการฝายคลองเทวดา ในท้องที่ตำบลเวียงสระ ตำบลบ้านส้อง ตำบลทุ่งหลวง และตำบลเขานิพันธ์ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประโยชน์ในการส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรมและเพื่อการอุปโภคบริโภคของราษฎรในพื้นที่โครงการและพื้นที่ใกล้เคียง ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ จารุวรรณ/แก้ไข ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๖ สุนันทา/นวพร/พัลลภ จัดทำ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๖ วิมล/ปรับปรุง ๕ กันยายน ๒๕๕๗ [๑]ราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๓๓ก/หน้า ๒๒/๒๒เ เมษายน ๒๕๔๒
385366
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการห้วยแม่ประจันต์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่บทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกา ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรีพ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการห้วยแม่ประจันต์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อประโยชน์ในการเก็บกักน้ำไว้ใช้สำหรับพื้นที่เพาะปลูก การอุปโภค บริโภค และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืด ตลอดจนช่วยบรรเทาอุทกภัย ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุภาพร/พิมพ์ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เนติมา/พัชรินทร์ ผู้จัดทำ ๓ มิถุนายน ๒๕๔๖ วิมล/ปรับปรุง ๕ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๒๖ ก/หน้า ๑/๒๖ มีนาคม ๒๕๔๖
384733
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลโพธิไพศาล อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนครตำบลโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์ และตำบลวังตามัว อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. 2546
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพธิไพศาล อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ตำบลโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์ และตำบลวังตามัว อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๔๖ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปีที่ ๕๘ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพธิไพศาล อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ตำบลโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์ และตำบลวังตามัว อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยหินชะแนนใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพธิไพศาล อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ตำบลโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์ และตำบลวังตามัว อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลโพธิไพศาล อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ตำบลโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์ และตำบลวังตามัว อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพธิไพศาล อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ตำบลโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์ และตำบลวังตามัว อำเภอเมืองนครพนม จังหวัด นครพนมพ.ศ. ๒๕๔๖ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องสร้างอ่างเก็บน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยหินชะแนนใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่ตำบลโพธิไพศาล อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ตำบลโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์ และ ตำบลวังตามัว อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์ในการเก็บกักน้ำสำหรับการเกษตร การอุปโภคบริโภค และบรรเทาการเกิดอุทกภัย ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุภาพร/พิมพ์ ทรงยศ/สราวุฒิ จัดทำ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๖ วิมล/ปรับปรุง ๕ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๒๒ ก/หน้า ๑๔/๑๔ มีนาคม ๒๕๔๖
437965
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสลุง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลมะนาวหวาน และตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พ.ศ. 2545
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสลุง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลมะนาวหวาน และตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ๒๕๔๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นปีที่ ๕๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสลุง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลมะนาวหวาน และตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เพื่อก่อสร้างระบบคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำ ตามโครงการสูบน้ำพัฒนานิคม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกสลุง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลมะนาวหวาน และตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ๒๕๔๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลโคกสลุง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลมะนาวหวาน และตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลโคกสลุง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลมะนาวหวาน และตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ๒๕๔๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรมชลประทานมีโครงการจะก่อสร้างระบบคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำ ตามโครงการสูบน้ำพัฒนานิคม ในท้องที่ตำบลโคกสลุง ตำบลพัฒนานิคม ตำบลมะนาวหวาน และตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เพื่อประโยชน์ในการส่งน้ำและระบายน้ำให้กับพื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่ในเขตชลประทาน ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วิมล/ปรับปรุง [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๙๓ ก/หน้า ๗/๒๐ กันยายน ๒๕๔๕
326596
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยป่าหวาย อำเภอพระพุทธบาท ตำบลหนองบัว ตำบลสร่างโศก ตำบลบ้านครัว อำเภอบ้านหมอ ตำบลหัวปลวก ตำบลท่าช้าง ตำบลพระยาทด ตำบลบ้านยาง ตำบลงิ้วงาม ตำบลต้นตาล ตำบลเริงราง ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ ตำบลบ้านธาตุ ตำบลสองคอน ตำบลเตาปูน อำเภอแก่งคอย ตำบลห้วยบง ตำบลบ้านแก้ง ตำบลผึ้งรวม ตำบลเขาดินพัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลดาวเรือง ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. 2545
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยป่าหวาย อำเภอพระพุทธบาท ตำบลหนองบัว ตำบลสร่างโศก ตำบลบ้านครัว อำเภอบ้านหมอ ตำบลหัวปลวก ตำบลท่าช้าง ตำบลพระยาทด ตำบลบ้านยาง ตำบลงิ้วงาม ตำบลต้นตาล ตำบลเริงราง ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ ตำบลบ้านธาตุ ตำบลสองคอน ตำบลเตาปูน อำเภอแก่งคอย ตำบลห้วยบง ตำบลบ้านแก้ง ตำบลผึ้งรวง ตำบลเขาดินพัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลดาวเรือง ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๔๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นปีที่ ๕๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยป่าหวาย อำเภอพระพุทธบาท ตำบลหนองบัว ตำบลสร่างโศก ตำบลบ้านครัว อำเภอบ้านหมอ ตำบลหัวปลวก ตำบลท่าช้าง ตำบลพระยาทด ตำบลบ้านยาง ตำบลงิ้วงาม ตำบลต้นตาล ตำบลเริงราง ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ ตำบลบ้านธาตุ ตำบลสองคอน ตำบลเตาปูน อำเภอแก่งคอย ตำบลห้วยบง ตำบลบ้านแก้ง ตำบลผึ้งรวง ตำบลเขาดินพัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลดาวเรือง ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เพื่อก่อสร้างระบบคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำ ตามโครงการสูบน้ำแก่งคอย - บ้านหมอ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยป่าหวาย อำเภอพระพุทธบาท ตำบลหนองบัว ตำบลสร่างโศก ตำบลบ้านครัว อำเภอบ้านหมอ ตำบลหัวปลวก ตำบลท่าช้าง ตำบลพระยาทด ตำบลบ้านยาง ตำบลงิ้วงาม ตำบลต้นตาล ตำบลเริงราง ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ ตำบลบ้านธาตุ ตำบลสองคอน ตำบลเตาปูน อำเภอแก่งคอย ตำบลห้วยบง ตำบลบ้านแก้ง ตำบลผึ้งรวง ตำบลเขาดินพัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลดาวเรือง ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๔๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลห้วยป่าหวาย อำเภอพระพุทธบาท ตำบลหนองบัว ตำบลสร่างโศก ตำบลบ้านครัว อำเภอบ้านหมอ ตำบลหัวปลวก ตำบลท่าช้าง ตำบลพระยาทด ตำบลบ้านยาง ตำบลงิ้วงาม ตำบลต้นตาล ตำบลเริงราง ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ ตำบลบ้านธาตุ ตำบลสองคอน ตำบลเตาปูน อำเภอแก่งคอย ตำบลห้วยบง ตำบลบ้านแก้ง ตำบลผึ้งรวง ตำบลเขาดินพัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลดาวเรือง ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลห้วยป่าหวาย อำเภอพระพุทธบาท ตำบลหนองบัว ตำบลสร่างโศก ตำบลบ้านครัว อำเภอบ้านหมอ ตำบลหัวปลวก ตำบลท่าช้าง ตำบลพระยาทด ตำบลบ้านยาง ตำบลงิ้วงาม ตำบลต้นตาล ตำบลเริงราง ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ ตำบลบ้านธาตุ ตำบลสองคอน ตำบลเตาปูน อำเภอแก่งคอย ตำบลห้วยบง ตำบลบ้านแก้ง ตำบลผึ้งรวง ตำบลเขาดินพัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลดาวเรือง ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๔๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรมชลประทานมีโครงการจะก่อสร้างระบบคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำ ตามโครงการสูบน้ำแก่งคอย – บ้านหมอ ในท้องที่ตำบลตำบลห้วยป่าหวาย อำเภอพระพุทธบาท ตำบลหนองบัว ตำบลสร่างโศก ตำบลบ้านครัว อำเภอบ้านหมอ ตำบลหัวปลวก ตำบลท่าช้าง ตำบลพระยาทด ตำบลบ้านยาง ตำบลงิ้วงาม ตำบลต้นตาล ตำบลเริงราง ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ ตำบลบ้านธาตุ ตำบลสองคอน ตำบลเตาปูน อำเภอแก่งคอย ตำบลห้วยบง ตำบลบ้านแก้ง ตำบลผึ้งรวง ตำบลเขาดินพัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลดาวเรือง ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เพื่อประโยชน์ในการส่งน้ำและระบายน้ำให้กับพื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่ในเขตชลประทาน ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุกัญญา/พิมพ์ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๙ สุนันทา/ฐิติพงษ์/ตรวจ A+B ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๕ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๙๓ ก/หน้า ๑๐/๒๐ กันยายน ๒๕๔๕
327565
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาทุ่ง และตำบลท่ายาง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. 2545
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาทุ่ง และตำบลท่ายาง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๔๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นปีที่ ๕๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาทุ่ง และตำบลท่ายาง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เพื่อก่อสร้างคลองผันน้ำบ้านดอนทรายแก้ว และก่อสร้างคลองผันน้ำท่านางสังข์ - บ้านบางตุ่ม ในท้องที่ตำบลนาทุ่ง และตำบลท่ายาง ตามโครงการบรรเทาอุทกภัยจังหวัดชุมพร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาทุ่ง และตำบลท่ายาง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๔๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลนาทุ่ง และตำบลท่ายาง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาทุ่ง และตำบลท่ายาง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พ.ศ. ๒๕๔๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องก่อสร้างคลองผันน้ำบ้านดอนทรายแก้ว และคลองผันน้ำท่านางสังข์ - บ้านบางตุ่ม เพื่อประโยชน์ในการบรรเทาอุทกภัยในเขตพื้นที่ตำบลท่ายาง และตำบลนาทุ่ง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ตามโครงการบรรเทาอุทกภัยจังหวัดชุมพร ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุกัญญา/พิมพ์ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๙ สุนันทา/ฐิติพงษ์/ตรวจ A+B ๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๕ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๘๓ ก/หน้า ๑๓/๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๕
326274
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางประหัน อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 2545
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางปะหัน อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๔๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นปีที่ ๕๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางปะหัน อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อก่อสร้างประตูระบายน้ำ โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางปะหัน อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๔๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลบางปะหัน อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางปะหัน อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๔๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำ โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช เพื่อประโยชน์ในการเก็บกักน้ำไว้ใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค ป้องกันอุทกภัยและเป็นแหล่งน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมทั้งการเพาะปลูกพืชผักสวนครัว ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุกัญญา/พิมพ์ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๙ สุนันทา/ฐิติพงษ์/ตรวจ A+B ๗ กรกฎาคม ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๕ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๘๓ ก/หน้า ๑๐/๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๕
326271
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไทรงาม และตำบลบางไทรป่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม พ.ศ. 2545
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไทรงาม และตำบลบางไทรป่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ๒๕๔๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นปีที่ ๕๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไทรงาม และตำบลบางไทรป่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เพื่อก่อสร้างอาคารประกอบคันกั้นน้ำ พร้อมสถานีสูบน้ำ ตามโครงการแม่กลองใหญ่ ระยะที่ ๓ (บางเลน) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไทรงาม และตำบลบางไทรป่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ๒๕๔๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลไทรงาม และตำบลบางไทรป่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไทรงาม และตำบลบางไทรป่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ๒๕๔๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องก่อสร้างอาคารประกอบคันกั้นน้ำ พร้อมสถานีสูบน้ำ ตามโครงการแม่กลองใหญ่ ระยะที่ ๓ (บางเลน) ในท้องที่ตำบลไทรงาม และตำบลบางไทรป่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เพื่อประโยชน์ในการป้องกันน้ำจากแม่น้ำท่าจีนไหลเข้าพื้นที่ในฤดูน้ำหลาก และระบายน้ำส่วนเกินออกจากพื้นที่ ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุกัญญา/พิมพ์ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๙ สุนันทา/ฐิติพงษ์/ตรวจ A+B ๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๕ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๘๓ ก/หน้า ๗/๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๕
327562
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพระซอง อำเภอนาแก และตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม พ.ศ. 2545
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพระซอง อำเภอนาแก และตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๔๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นปีที่ ๕๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพระซอง อำเภอนาแก และตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม เพื่อก่อสร้างประตูระบายน้ำบ้านนาบัว ตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา ๕ วรรคสาม และมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๔๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพระซอง อำเภอนาแก และตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม พ.ศ. ๒๕๔๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี มาตรา ๔ ให้อธิบดีกรมชลประทานเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๕ เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่ตำบลพระซอง อำเภอนาแก และตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพระซอง อำเภอนาแก ตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม พ.ศ. 2545 (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากมีความจำเป็นจะต้องก่อสร้างประตูระบายน้ำบ้านนาบัว ตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่ตำบลพระซอง อำเภอนาแก และตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม เพื่อช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรที่อาศัยอยู่ในบริเวณสองฝั่งลำน้ำบังในจังหวัดนครพนม ที่มีน้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูกเกิดความเสียหายในฤดูฝนเป็นประจำทุกปี และจะขาดแคลนน้ำทำการเกษตร รวมทั้งอุปโภคบริโภคในฤดูแล้ง ในการนี้สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ สุกัญญา/พิมพ์ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๙ สุนันทา/ฐิติพงษ์/ตรวจ A+B ๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๙ วิมล/ปรับปรุง ๕ กันยายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนที่ ๘๓ ก/หน้า ๔/๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๕
873880
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานกระบี่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2563
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานกระบี่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเขียว จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ถึงกิโลเมตรที่ ๕.๓๗๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๒ ให้ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสายซอย ๑ ซ้าย ของท่อส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเขียว จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ถึงกิโลเมตรที่ ๒.๐๗๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๓ ให้ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเขียว จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๗๔๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๔ ให้ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสายซอย ๑ ขวา ของท่อส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเขียว จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ถึงกิโลเมตรที่ ๒.๖๒๐ ในท้องที่ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานกระบี่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าน้ำชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานกระบี่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิวรรธน์/จัดทำ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ สุภาทิพย์/ตรวจ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๑๐๖ ก/หน้า ๗/๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓
873878
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดมน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2563
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดมน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๓ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแขม อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๖๑๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแขม อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๒ ให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๔ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแขม อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่ ๒.๙๒๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแขม อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดมน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๓ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย และทางน้ำชลประทานคลองซอย ๔ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิวรรธน์/จัดทำ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ สุภาทิพย์/ตรวจ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๑๐๖ ก/หน้า ๕/๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓
873876
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานประจวบคีรีขันธ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2563
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานประจวบคีรีขันธ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยอ่างหิน จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงกิโลเมตรที่ ๘.๒๐๐ ในท้องที่ตำบลบ่อนอก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๒ ให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ซ้าย ของอ่างเก็บน้ำคลองบึง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงกิโลเมตรที่ ๑๑.๔๔๐ ในท้องที่ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานประจวบคีรีขันธ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานประจวบคีรีขันธ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิวรรธน์/จัดทำ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ สุภาทิพย์/ตรวจ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๑๐๖ ก/หน้า ๓/๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓
873874
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายทดน้ำคลองบางสะพาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2563
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายทดน้ำคลองบางสะพาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานฝายทดน้ำคลองบางสะพาน จากศูนย์กลางฝายคลองบางสะพาน กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลร่อนทอง และตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปทางเหนือน้ำถึงกิโลเมตรที่ ๑.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลร่อนทอง และตำบลทองมงคล อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปทางท้ายน้ำถึงกิโลเมตรที่ ๑.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลร่อนทอง และตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายทดน้ำคลองบางสะพานเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายทดน้ำคลองบางสะพาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิวรรธน์/จัดทำ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ สุภาทิพย์/ตรวจ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๑๐๖ ก/หน้า ๑/๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓
869056
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำน้ำแหง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2563
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำน้ำแหง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี ให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำน้ำแหง ในท้องที่ตำบลนาน้อย และตำบลบัวใหญ่ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำน้ำแหง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิวรรธน์/จัดทำ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๓ สถาพร/ตรวจ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๘๐ ก/หน้า ๒๘/๕ ตุลาคม ๒๕๖๓
869054
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2563
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต ในท้องที่ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิวรรธน์/จัดทำ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ สถาพร/ตรวจ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๘๐ ก/หน้า ๒๖/๕ ตุลาคม ๒๕๖๓
869052
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองตรอน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2563
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองตรอน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองตรอน ในท้องที่ตำบลน้ำไคร้ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองตรอน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิวรรธน์/จัดทำ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ สถาพร/ตรวจ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๘๐ ก/หน้า ๒๔/๕ ตุลาคม ๒๕๖๓
869050
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2563
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำบ้านเพชร จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านเพชร อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ถึงกิโลเมตรที่ ๑๑.๔๖๓ ในท้องที่ตำบลบ้านแท่น อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๒ ให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำบ้านเพชร จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลสามสวน อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ ถึงกิโลเมตรที่ ๑.๐๒๖ ในท้องที่ตำบลสามสวน อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๓ ให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำบ้านเพชร จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านเพชร อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ถึงกิโลเมตรที่ ๘.๑๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแท่น อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๔ ให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำบ้านเพชร จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแท่น อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ ถึงกิโลเมตรที่ ๒.๘๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแท่น อำเภอบ้านแท่น จังหวัดภัยภูมิ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๕ ให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๒ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำบ้านเพชร จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแท่น อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ ถึงกิโลเมตรที่ ๒.๓๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแท่น อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิวรรธน์/จัดทำ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ สถาพร/ตรวจ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๘๐ ก/หน้า ๒๑/๕ ตุลาคม ๒๕๖๓
869048
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานนครนายก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2563
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานนครนายก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ทางน้ำชลประทานคลองยาง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก และตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ถึงกิโลเมตรที่ ๑๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลปากพลี อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก และตำบลโคกไม้ลาย อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๒ ให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาคลองยาง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลโคกกรวด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ถึงกิโลเมตรที่ ๕.๗๕๐ ในท้องที่ตำบลเกาะหวาย อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๓ ให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายคลองยาง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ถึงกิโลเมตรที่ ๖.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลโคกไม้ลาย อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานนครนายก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานเพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิวรรธน์/จัดทำ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ สถาพร/ตรวจ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๘๐ ก/หน้า ๑๙/๕ ตุลาคม ๒๕๖๓
869046
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2563
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่ตำบลเกาะจันทร์ ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ และตำบลวัดสุวรรณ ตำบลธาตุทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิวรรธน์/จัดทำ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ สถาพร/ตรวจ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๘๐ ก/หน้า ๑๗/๕ ตุลาคม ๒๕๖๓
862219
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2563
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๓[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา จากกิโลเมตรที่ ๕๙.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลพยุหะ และตำบลน้ำทรง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ถึงกิโลเมตรที่ ๗๙.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลยางตาล และตำบลโกรกพระ อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ พิไลภรณ์/จัดทำ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ สุภาทิพย์/ตรวจ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๕๐ ก/หน้า ๑/๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓
836002
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองอู่ตะเภา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2561
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองอู่ตะเภา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๑[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวงพุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานคลองอู่ตะเภา จากกิโลเมตรที่ ๒๔.๐๐ ในท้องที่ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ถึงกิโลเมตรที่ ๓๔.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ วิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองอู่ตะเภาเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๑ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองอู่ตะเภา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวงพุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ชญานิศ/จัดทำ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๓ ปริญสินีย์/ตรวจ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๗๔ ก/หน้า ๑/๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๒
830516
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำป่าสัก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2562
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำป่าสัก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๒[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวงพุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำป่าสัก จากด้านเหนือของเขื่อนพระราม ๖ กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กิโลเมตรที่ ๑๐๘.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และตำบลคำพราน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ กฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำป่าสักเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ.๒๕๖๒ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำป่าสัก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ชญานิศ/ธนบดี/จัดทำ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๔๑ ก/หน้า ๒๐/๓ เมษายน ๒๕๖๒
810565
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานจันทบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2561
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานจันทบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๑[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำจันทบุรี จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าช้าง อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าหลวง อำเภอมะขาม และตำบลพลับพลา อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๒ ให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำจันทบุรี จากกิโลเมตรที่ ๑๘.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าหลวงและตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ถึงกิโลเมตรที่ ๒๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลวังแซ้ม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ วิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานจันทบุรีเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๑ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานจันทบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ปุณิกา/จัดทำ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๕๘ ก/หน้า ๓/๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑
810563
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาราชบุรีฝั่งขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2561
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาราชบุรีฝั่งขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๑[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๙ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลวังมะนาว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ถึงกิโลเมตรที่ ๑๐.๐๕๑ ในท้องที่ตำบลวันดาว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๒ ให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๙ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ขวา ของแม่น้ำแม่กลอง จากกิโลเมตรที่ ๑๐.๐๕๑ ในท้องที่ตำบลวันดาว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ถึงกิโลเมตรที่ ๑๑.๙๐๘ ในท้องที่ตำบลวัดประดู่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ วิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาราชบุรีฝั่งขวาเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๑ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาราชบุรีฝั่งขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานเพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ปุณิกา/จัดทำ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๕๘ ก/หน้า ๑/๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑
788618
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำที่ 1 เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2560
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำที่ ๑ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำที่ ๑ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน และตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงกิโลเมตรที่ ๒๑.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำที่ ๑ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำที่ ๑ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๑ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๑๑๑ ก/หน้า ๕/๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐
788613
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาภาษีเจริญ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2560
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาภาษีเจริญ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ทางน้ำชลประทานคลองน้อย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ถึงกิโลเมตรที่ ๔.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ข้อ ๒ ให้ทางน้ำชลประทานคลองไหหลำ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๔๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาภาษีเจริญ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาภาษีเจริญ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๑ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๑๑๑ ก/หน้า ๓/๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐
788611
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 13 เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2560
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๓ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๓ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบึงน้ำรักษ์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ถึงกิโลเมตรที่ ๒๕.๘๗๕ ในท้องที่แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๓ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๓ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๑ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๑๑๑ ก/หน้า ๑/๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐
788395
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยทรายสว่าง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2560
กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยทรายสว่าง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยทรายสว่าง ในท้องที่ตำบลสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยทรายสว่าง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๐ นุสรา/ตรวจ ๑ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๐๙ ก/หน้า ๑/๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐
786112
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบางสมัคร - ต้นโพธิ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2560
กฎกระทรวง กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบางสมัคร - ต้นโพธิ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวงพุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานคลองบางสมัคร - ต้นโพธิ์ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลพิมพา อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๗.๓๐๐ ในท้องที่ตำบลบางเกลือ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบางสมัคร – ต้นโพธิ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบางสมัคร - ต้นโพธิ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ปวันวิทย์/ภวรรณตรี/จัดทำ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๙๔ ก/หน้า ๑๓/๑๔ กันยายน ๒๕๖๐
786108
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองข้างคันกั้นน้ำสายบางขนาก - ท่าไข่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2560
กฎกระทรวง กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองข้างคันกั้นน้ำสายบางขนาก - ท่าไข่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวงพุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานคลองข้างคันกั้นน้ำสายบางขนาก - ท่าไข่ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบางขนาก อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๒๓.๒๕๐ ในท้องที่ตำบลบางขวัญ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองข้างคันกั้นน้ำสายบางขนาก - ท่าไข่เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองข้างคันกั้นน้ำสายบางขนาก - ท่าไข่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ปวันวิทย์/ภวรรณตรี/จัดทำ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๙๔ ก/หน้า ๑๑/๑๔ กันยายน ๒๕๖๐
786102
กฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองโยง - คลองบางใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. 2560
กฎกระทรวง กฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองโยง - คลองบางใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวงพุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ทางน้ำชลประทานคลองโยง - คลองบางใหญ่ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลลานตากฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ถึงกิโลเมตรที่ ๒๐.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบางแม่นาง และตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ตามแนวเขตแผนที่ท้ายกฎกระทรวงนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองโยง – คลองบางใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ๒๕๖๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองโยง - คลองบางใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ และเนื่องจากมาตรา ๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานต้องกำหนดโดยกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ ปวันวิทย์/ภวรรณตรี/จัดทำ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๙๔ ก/หน้า ๙/๑๔ กันยายน ๒๕๖๐