title
stringlengths
2
223
body
stringlengths
496
195k
summary
stringlengths
34
1.83k
type
stringlengths
4
98
tags
stringlengths
2
1.52k
url
stringlengths
27
112
ละเอียดยิบ จ่ามู เผยความรู้สึกหลังผีบุกตีป้อมปืนแตกกระจุย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 3 ธ.ค. ว่า โชเซ มูรินโญ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสของ ปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาเปิดเผยความรู้สึกหลังเกมที่ทีมบุกไปเอาชนะ ปืนใหญ่ อาร์เซนอล 3-1 ในเกมลีกเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา,โดยในเกมดังกล่าว ลูกทีมของ มูรินโญ ออกนำไปก่อนถึง 2-0 จาก อันโตนิโอ วาเลนเซีย นาทีที่ 4, เจสซี ลินการ์ด นาทีที่ 11 ก่อนที่เจ้าถิ่นจะไล่ตีไข่แตกจาก อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ นาทีที่ 49 และทีมเยือนมาบวกเพิ่มได้อีกหนึ่งลูกจาก เจสซี ลินการ์ด คนเดิม นาทีที่ 63 แต่กระนั้นกลับมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คน หลังจาก พอล ป็อกบา โดนใบแดงในนาทีที่ 75 ของเกมการแข่งขัน,ล่าสุด มูรินโญ ออกมากล่าวว่า มันเป็นปรากฏการณ์ผมชอบวิธีการเล่นและการต่อสู้ของทีม แต่บางช่วงเวลา อาร์เซนอล ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ท้ายที่สุดแล้วผมควรได้รับการชื่นชม ผมไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษนักหรอกนะ เอาเป็นว่ามันน่าอัศจรรย์จริงๆ,แผนของเราคือให้ผู้เล่นทุกคนช่วยกันเล่นเกมรับ และตอบโต้กลับให้ได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับพยายามทำประตูทุกครั้งที่มีโอกาส และเรายังมีผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้เช่นกัน.
โชเซ มูรินโญ เทรนเนอร์ตราฝอยทองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาเปิดใจหลังเกมที่พาทีมบุกไปถล่ม อาร์เซนอล 3-1 เก็บสามแต้มสำคัญ จี้ฝูง 5 แต้มชั่วคราว
กีฬา,ฟุตบอลยุโรป
โชเซ มูรินโญ,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,อาร์เซนอล,พรีเมียร์ลีก,อาร์เซนอล 1-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/1142658
อภิสิทธิ์หวัง รธน.ใหม่จะไม่นิรโทษถึงความผิดที่ต้องอาศัยกระบวนการยุติธรรม
สังคมไม่เห็นการไม่ชำระสะสางระบบนิติรัฐนิติธรรม หรือ คสช. อยู่เหนือการวิจารณ์ ก็จะเกิดแรงกดดันทำให้ไม่อาจปรองดองสมานฉันท์ได้ ส่วน รธน.ฉบับใหม่ คงหนีไม่พ้นนิรโทษ คสช. ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ในสภาพความเป็นจริงสังคมไทยยอมรับตลอด โดยหวังว่าการนิรโทษกรรมจะไม่เผื่อแผ่ไปถึงการกระทำในความผิดอื่น ซึ่งจำเป็นต้องชำระสะสางในกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายต่อไป เพราะหากมีบทบัญญัติในลักษณะดังกล่าว ความยุ่งยากวุ่นวายในประเทศคงจะเริ่มต้นขึ้นอย่างแน่นอน เพราะต้องไม่ลืมว่าวิกฤตการเมืองครั้งนี้เกิดขึ้นจากประชาชนต่อต้านแนวความคิดการล้างผิดกับการกระทำ เช่น การทุจริตคอร์รัปชั่น หรือการใช้ความรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน21 ก.ค. 2557 - วันนี้ (21 ก.ค.) อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนบทความเผยแพร่ในเพจ Abhisit Vejjajiva หัวข้อ สู่ระยะที่ 2 ของคสช. : รัฐธรรมนูญชั่วคราวและการนิรโทษกรรม มีรายละเอียดดังนี้อีกเพียง 1 วันก็จะครบ 2 เดือนนับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ โดย คสช. ได้แบ่งขั้นตอนการบริหาร (Roadmap) ออกเป็น 3 ระยะ โดยขณะนี้เป็นที่คาดหมายว่าจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการในระยะที่ 2สองเดือนที่ผ่านมา ต้องถือว่าคสช.ประสบความสำเร็จในการนำบ้านเมืองกลับเข้าสู่ความสงบ มีการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ก่อความรุนแรง ผู้ครอบครองอาวุธสงคราม มีการเร่งรัดแก้ไขปัญหาที่ค้างคา เช่น การจ่ายเงินในโครงการจำนำข้าว สิ่งเหล่านี้เป็นความแตกต่างที่เป็นรูปธรรมจากสภาพบ้านเมืองก่อนการยึดอำนาจ ทำให้ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนบ่งบอกว่าสังคมมีความพึงพอใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไรก็ตาม การรัฐประหารก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญความจริงได้ว่าการทำให้ระบอบประชาธิปไตยสะดุดหยุดลง รวมถึงการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ แม้ว่าจะทำด้วยเจตนาให้เกิดความสงบ ทำให้ คสช. ต้องพบกับแรงกดดันทั้งจากในและต่างประเทศ ให้มีความชัดเจนว่าจะกลับเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยในภาวะปกติเมื่อใดและอย่างไร หากไม่นับบางกลุ่มที่สูญเสียอำนาจ และเคลื่อนไหวแสดงการต่อต้านอย่างเปิดเผย ต้องถือว่าสังคมไทยให้โอกาส คสช. ในการทำงานอย่างเต็มที่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะพึงพอใจให้ คสช. ใช้อำนาจอย่างเช่นในปัจจุบันตลอดไปสิ่งที่สังคมไทยคาดหวังที่จะเห็นต่อไป คือ การปฏิรูปประเทศ เพื่อให้ระบบการเมือง เศรษฐกิจและสังคมของไทยมีความโปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ การจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว และนำไปสู่การคืนอำนาจให้แก่ประชาชน จึงมีความคาดหมายว่า สภาพการจำกัดสิทธิเสรีภาพต่างๆ จะค่อยๆ ถูกผ่อนคลายลง และเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการมีรัฐบาลและสภานิติบัญญัติ รวมทั้งสภาปฏิรูป การแสดงความคิดเห็นต่างๆ โดยสุจริต จะสามารถกระทำได้มากขึ้นเพื่อสนับสนุนกระบวนการปฏิรูป โดยมองว่าหากจะต้องมีการใช้อำนาจโดย คสช. ก็น่าจะเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาความสงบ และชำระสะสางความไม่ถูกต้องทั้งหลาย ตั้งแต่ระดับเล็กๆ เช่น ปัญหาอิทธิพลรถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ จนถึงการทุจริตระดับชาติสำหรับประเด็นการบริหารโดยทั่วไปก็ดี หรือการออกคำสั่งหรือประกาศก็ดี ย่อมมีคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งคนที่ไม่เห็นด้วย ไม่ได้หมายความว่าต้องการสร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง หลายคนเป็นบุคคลที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจะเห็นการปฏิรูปประเทศประสบความสำเร็จ ซึ่งคนเหล่านี้ควรมีสิทธิที่จะได้นำเสนอมุมมองอย่างตรงไปตรงมา ผมก็ตั้งใจทำหน้าที่นี้ และขณะนี้ มีหลายประเด็นที่น่าห่วงใย โดยเฉพาะการดำเนินการของ คสช. ที่อาจจะไม่เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชน โดยจะทยอยนำเสนอเป็นประเด็นๆ ต่อไป โดยเฉพาะประกาศและคำสั่งที่ออกมานั้นมีสถานะเป็นกฎหมาย หากไม่มีการแก้ไข หลายกรณีจะต้องไปใช้สภานิติบัญญัติ หรือรัฐสภาในอนาคตเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะเป็นเรื่องยุ่งยากผมมองว่าปัญหาพื้นฐานประการหนึ่งคือ คสช. ให้น้ำหนักกับประเด็นความแตกแยก ดังที่ประกาศไว้ในวันยึดอำนาจ โดยมองข้ามมิติปัญหาอื่นๆ จึงตกอยู่ในกับดักว่าจะไม่อนุญาตให้มีการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างเลย และหวังว่าสภาพการณ์แบบนี้ จะสามารถนำไปสู่ความสามัคคีปรองดองในทุกระดับได้ โดยไม่ต้องสนใจประเด็นความถูกผิดของการกระทำต่างๆ ที่นำบ้านเมืองมาสู่วิกฤตความสงบที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะมีความยั่งยืนหรือไม่ ต้องพิสูจน์กันในภาวะที่ไม่มีการจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นและเคลื่อนไหว แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป หากสังคมเห็นว่าการไม่ชำระสะสางปัญหาระบบนิติรัฐนิติธรรมให้เกิดขึ้น หรือการทำงานของคสช.ต้องอยู่เหนือการวิพากษ์วิจารณ์โดยสิ้นเชิง ก็จะเกิดการสะสมแรงกดดันและสุดท้ายไม่อาจนำไปสู่ความสงบหรือความปรองดองสมานฉันท์ได้สำหรับรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่จะออกมานั้น ผมไม่ได้มีความคาดหวังอะไรมากนักเกี่ยวกับโครงสร้างครม. สภานิติบัญญัติ หรือสภาปฏิรูป เพราะทางเลือกของคสช.คงมีไม่มากนัก แต่สิ่งที่จะต้องจับตามอง คือในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หรือกฎหมายที่จะออกต่อไป คงหนีไม่พ้นที่จะมีบทบัญญัตินิรโทษกรรมให้ คสช. เอง ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติโดยทั่วไปเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่เป็นสภาพความเป็นจริงที่สังคมไทยยอมรับมาโดยตลอด แต่ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การนิรโทษกรรมนี้จะไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปถึงการกระทำในความผิดอื่น ซึ่งจำเป็นต้องชำระสะสางในกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายต่อไป เพราะหากมีบทบัญญัติในลักษณะดังกล่าว ความยุ่งยากวุ่นวายในประเทศคงจะเริ่มต้นขึ้นอย่างแน่นอน เพราะต้องไม่ลืมว่าวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นครั้งหลังนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ประชาชนเกือบทั้งหมดของประเทศต่อต้านแนวความคิดการล้างผิดกับการกระทำ เช่น การทุจริตคอร์รัปชั่น หรือการใช้ความรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนสำหรับประเด็นปัญหาการปฏิรูปประเทศด้านอื่นๆ ขอยกยอดเป็นวันหลังครับ
หัวหน้าพรรค ปชป. เขียนบทความระบุ ความสงบในปัจจุบันจะยั่งยืนหรือไม่ ต้องพิสูจน์กันในภาวะที่ไม่มีการจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นและเคลื่อนไหว เมื่อเวลาผ่านไป
การเมือง
การปฏิรูป,การปรองดองแห่งชาติ,คสช.,นิรโทษกรรม,รัฐธรรมนูญชั่วคราว,อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
https://prachatai.com/journal/2014/07/54676
สั่งตาย (1)
คนเชเชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซียโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปูติน ก่อนที่ปูตินจะเป็นนายกรัฐมนตรีรัสเซียเมื่อ พ.ศ.2542 ซะอีก,ตอนนี้ อูเครนรบกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน (ที่ตะวันตกบอกว่ารัสเซียหนุน) เชเชนคนไหนที่ถูกทางรัสเซียไล่ล่าก็จะไปหลบอยู่ที่อูเครน ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 มีการวางแผนลอบสังหารปูติน คนที่ถูกทางการรัสเซียกล่าวหาว่าลอบวางแผนก็คืออดัม ออสมาเยฟ ทหารอาสาช่วยกองทัพอูเครนชาวเชเชน,ออสมาเยฟอยู่ในเรือนจำอูเครนนาน 2 ปีครึ่ง ออกจากคุกมาแล้วก็ไม่ต้องถูกเนรเทศกลับไปที่รัสเซีย ออสมาเยฟแต่งงานกับอามีนา โยกูเยวา สาวชาวอูเครน,1 มิถุนายน 2560 นักหนังสือพิมพ์ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งสังหารออสมาเยฟ แต่พลาด แถมมือปืนที่อ้างว่าเป็นนักหนังสือพิมพ์โดนภรรยาของออสมาเยฟยิงตาย จากการสอบสวนของกระทรวงมหาดไทยอูเครนพบว่า คนที่จะเข้ามาฆ่าออสมาเยฟไม่ใช่เป็นคนฝรั่งส่งฝรั่งเศสอะไรดอก ทว่าเป็นพวกสปายสายลับชาวรัสเซียนี่เอง,ผู้อ่านท่านครับ คนที่โดนหมายหัวอย่างออสมาเยฟรอดยาก 30 ตุลาคม 2560 ออสมาเยฟและโอกูเยวากำลังขับรถข้ามทางรถไฟในเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงคีฟ ก็โดนคนร้ายซุ่มยิง โอกูเยวาภรรยาตายคาที่ ส่วนออสมาเยฟได้รับบาดเจ็บสาหัส,การตามไปฆ่าล้างแค้นกันในดินแดนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับพวกยุโรปตะวันออก แม้ว่าจะหนีไปในทวีปอเมริกาใต้ ปลอมตัวและไปซ่อนตัวอยู่ตามเมืองเล็กๆ ฝีไม้ลายมือของพวกสปายสายลับรัสเซียยังตามเอาขวานไปจามหัวจนตาย,ศุกร์ 15 กันยายน 2560 ผมตาม ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย เข้าไปคุยกับนายวิกเตอร์ ยูชเชงโก อดีตประธานาธิบดีอูเครน ที่กรุงคีฟ คุยกันมากมายหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งก็คืออาจารย์นิติภูมิธณัฐเอ่ยปากเชิญท่านเดินทางมาเยือนสวนผลไม้ที่จันทบุรี และวันจันทร์ที่ผ่านมานี่เองครับ ก็ได้รับข่าวว่า ท่านยูชเชงโกจะมาเยือนเมืองไทยในเดือนธันวาคม 2560 ขณะนี้กำลังฝากอาจารย์นิติภูมิธณัฐจัดโปรแกรมการเยือน,คนที่มีประสบการณ์ในการถูกรัสเซียไล่ล่า ผมว่าท่านยูชเชงโกรู้ซึ้งถึงแก่นมากที่สุด 6 กันยายน 2547 มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของอูเครน และหัวหน้าหน่วยรักษาความมั่นคงมาทานอาหารค่ำกับท่านยูชเชงโก ซึ่งตอนนั้นกำลังรณรงค์หาเสียงสมัครประธานาธิบดีแข่งกับนายยานูโควิช นายกรัฐมนตรีอูเครน ซึ่งเป็นคนที่รัสเซียสนับสนุน,ทานเสร็จปุ๊บ ยูชเชงโกก็ล้มป่วยปั๊บ ทั้งที่ตอนนั้นท่านอายุเพียง 50 ปี เป็นคนแข็งแรง เป็นผู้ที่มีรูปร่างหน้าตาดีที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค ขณะที่กำลังโคม่าอาการหนัก ญาติก็ต้องแอบนำท่านยูชเชงโกไปรักษาในต่างประเทศ แพทย์ชาวออสเตรียผู้รักษายืนยันว่า ท่านยูชเชงโกถูกวางยาพิษทีซีดีดีไดออกซิน เหล่าแพทย์ยุโรปตะวันตกพยายามรักษาอย่างสุดความสามารถ และยูชเชงโกก็รอดชีวิตมาได้,ทว่ายูชเชงโกคนใหม่หลังจากรอดตายจากการถูกวางยาพิษกลายเป็นคนเสียโฉม จากคนรูปหล่อมากกลายเป็นคนที่มีหน้าตาบวมฉุ เต็มไปด้วยแผลตะปุ่มตะปํ่า สีผิวก็เปลี่ยนไป ร่างกายก็อ่อนแอ,ฝ่ายรัฐบาลอูเครนในตอนนั้นออกมาบอกกับประชาชนคนอูเครนว่า ยูชเชงโกไม่ได้โดนยาพ้งยาพิษอะไรดอก ทว่าแกอาจจะไปกินปลาดิบ หรือไม่ก็ไปลอกหน้าเพื่อเสริมความหล่อ ก็อาจจะแพ้ครีม หรือยาบำรุงอะไรบางอย่าง จนเกิดอาการป่วยรุนแรง,ช่วงที่โดนยาพิษ ท่านยูชเชงโกหาเสียงเป็นประธานาธิบดีแข่งกับยานูโควิช คนของรัสเซีย ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียกลัวมากเรื่องที่ท่านยูชเชงโกจะชนะ,ปูตินถึงขนาดบินมาเยือนอูเครนถึง 2 ครั้ง มาพูดสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์ของอูเครนประกาศสนับสนุนยานูโควิช ปูตินส่งที่ปรึกษาทางการเมืองและสื่อมวลชนผู้เชี่ยวชาญด้านหาเสียงและการโฆษณาประชาสัมพันธ์มาช่วยยานูโควิชเต็มที่,แต่คะแนนยานูโควิชก็ไม่ดี,ยูชเชงโกก็เลยโดนมือดีวางยาพิษ,พรุ่งนี้ขออนุญาตมาต่อครับ.,นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย,[email protected]
อูเครนรบกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน (ที่ตะวันตกบอกว่ารัสเซียหนุน) เชเชนคนไหนที่ถูกทางรัสเซียไล่ล่าก็จะไปหลบอยู่ที่อูเครน ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 มีการวางแผนลอบสังหารปูติน
null
สั่งตาย,ลอบสังหาร,วิคเตอร์ ยูชเชงโก,เปิดฟ้าส่องโลก,นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1113652
ธนาธร ลุยทำหน้าที่ กมธ. ฉะงบ 64 ไม่สอดรับโควิด ส่อภาระผูกพันถึงลูกหลาน
วันที่ 8 ก.ค. 2563 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางมายังรัฐสภาเพื่อเข้าประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 นัดแรก โดยกล่าวว่า จะทำหน้าที่กรรมาธิการในพิจารณางบประมาณซึ่งคือภาษีของประชาชนให้มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด โดยตั้งแต่การออกพระราชกำหนดกู้เงินของรัฐบาล เงินที่รัฐบาลนำมาเยียวยาเพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูประเทศ ในการช่วยเหลือ SMEs และพยุงหุ้นกู้ จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท รวมถึงงบประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท ของงบประมาณปี 64 เป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะปัจจุบันเรากำลังเผชิญในวิกฤติสถานการณ์โคโรนาไวรัส หรือ โควิด-19 ที่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไร และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่ ดังนั้น การใช้งบประมาณทุกบาททุกสตางค์ที่เป็นภาษีของประชาชนจำเป็นต้องใช้ให้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากทรัพยากรมีอยู่จำกัด จะใช้งบประมาณแบบเดิมเหมือนแบบไม่มีวิกฤติไม่ได้นายธนาธร ระบุต่อไปว่า สิ่งหนึ่งที่กังวลคือกรอบการพิจารณาทำงบประมาณปี 64 เหมือนเดิม เหมือนกับปี 63 และเหมือนกับปี 62 ทั้งๆ ที่โจทย์เดิมยังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำทางรายได้ เศรษฐกิจถดถอย ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ดูแล้วมีแนวโน้มน้อยลง และมีปัญหาใหม่เข้ามาคือโคโรนาไวรัส แต่กลับไม่ใช้โอกาสนี้เปลี่ยนเเปลงรูปแบบการทำงบประมาณ ที่จะทำให้เรารับมือกับโควิด-19 ได้ ที่จะทำให้ประเทศของเราเดินไปข้างหน้าได้ อีกทั้ง มีงบประมาณหลายส่วนที่เห็นว่าไร้ประสิทธิภาพและไม่ตอบสนองต่อสภาวการณ์ในปัจจุบัน เชื่อว่าการที่ตนและพรรคก้าวไกลได้มาทำหน้าที่ในกรรมาธิการจะเป็นการเปิดโอกาสให้ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ หวังว่าข้อเสนอแนะของเราจะได้รับฟังจากผู้มีอำนาจ เพราะการใช้งบประมาณตามแบบที่เสนอมาในวาระที่ 1 ไม่ทำให้ประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้และจะเป็นภาระของลูกหลานทั้งนี้ มองว่าเงินกู้ไม่ใช่เรื่องไม่ดี ถ้ากู้แล้วเอามาใช้ลงทุนที่สร้างสรรค์ ที่ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ แต่ถ้าเอามาใช้โดยไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุด เอามาใช้เบี้ยหัวแตก เงินกู้นี้จะเป็นภาระให้กับคนรุ่นต่อไป ส่วนกรณีพรรคก้าวไกล เสนอชื่อตนเป็นกรรมาธิการวิสามัญ แล้วมี ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เห็นว่าไม่เหมาะสม และจะยื่นให้สภาตรวจสอบคุณธรรมจริยธรรมนั้น นายธนาธร กล่าวว่า คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกลุ่มบุคคลที่ไม่เห็นด้วยและมีความไม่พอใจเรื่องนี้ไปดำเนินการ ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้มีอะไรที่ผิดกฎหมาย และไม่จำเป็นหากใครจะนำไปเทียบเคียงกับกรณีบุคคลที่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองในอดีต สิทธิ์ที่ถูกตัดไปคือสิทธิ์ลงรับสมัครเลือกตั้ง สิทธิ์ในการเป็นสมาชิกพรรค แต่สิทธิ์ในฐานะพลเมืองไม่ได้ถูกตัด พวกเรายังมีสิทธิ์เต็มในฐานะพลเมืองที่จะแสดงออกทางความคิดเห็นทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจสำหรับแนวการขับเคลื่อนในการสรรหาผู้สมัครลงแข่งขันเลือกตั้งท้องถิ่นในนามของคณะก้าวหน้า นายธนาธร เผยว่า การเมืองท้องถิ่นต่างกับการเมืองระดับชาติ ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง พวกเราจึงชักชวนบุคคลที่มีเป้าประสงค์อยากเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมาช่วยกันทำงาน ไม่ต้องให้คนอื่นทำงาน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นลูกหลานของนักการเมือง เป็นคนมีนามสกุลใหญ่โต มีชื่อเสียงเงินทอง เอาคนธรรมดามาเป็น มาร่วมเปลี่ยนแปลงทางการเมืองร่วมกันในนามของคณะก้าวหน้าที่ไม่ใช่เป็นพรรคการเมืองนี่คือโอกาสที่ดีที่สุดนะครับ เราไม่ได้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นมาแล้วมากกว่า 7 ปี บางแห่งถึง 10 ปี ถ้าจะพูดถึงการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ไม่ต้องรอให้เลือกตั้งระดับชาติอีกครั้ง เปลี่ยนแปลงประเทศเริ่มได้ที่บ้านเกิดของตนเอง เริ่มได้ที่การเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมาถึง ผมขอชักชวนทุกคนที่เบื่อและทนไม่ไหวกับการที่บ้านเกิดของตนเองไม่ได้รับการพัฒนา อยากจะลุกขึ้นมาพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง ใช้โอกาสนี้มาทำงานร่วมกับพวกเรา
ธนาธร พร้อมนั่งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบ 64 ลุยทำหน้าที่อย่างดีที่สุด กังวลกรอบงบประมาณไม่ตอบโจทย์สถานการณ์โควิด-19 ซ้ำอาจเป็นภาระผูกพันถึงลูกหลาน
ข่าว,การเมือง
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ,ธนาธร,งบประมาณ 2564,งบปี 64,ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 64,เลือกตั้งท้องถิ่น,ข่าวการเมือง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1884761
หนุนเปิดผลสอบตากใบ-กรือเซะ
กรุงเทพฯ- 22 เม.ย.48นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีนายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ จะเปิดเผยผลสอบกรณีล้อมปราบในมัสยิดกรือเซะ และกรณีสลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ ในวันที่ 24 เมษายน 2548 ว่า ต้องชื่นชมการตัดสินใจของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ที่เห็นความสำคัญและความจำเป็นในการเปิดผลสอบสวนทั้ง 2 กรณี เพราะจะเป็นการไขกุญแจไปสู่ความจริง ซึ่งจะเป็นการสร้างต้นทุนความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น ลดความหวาดระแวงหรือความตงเครียดในพื้นที่ลงได้ระดับหนึ่ง หากจำเป็นต้องปกปิดในส่วนของบุคคล โดยเฉพาะประชาชนที่มาให้ปากคำเพื่อคุ้มครองความปลอดภัย คิดว่าทุกฝ่ายน่าจะรับได้ นายสุริยะใส กล่าวต่อไปว่า อยากเรียกร้องอย่าให้ซ้ำรอยการเปิดผลสอบเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่มีการขีดทับชื่อเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะนายทหารตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการสลายการชุมนุม ขีดทับสถานที่ หรือรถจีเอ็มซีทหารที่ขนผู้ชุมนุมออกไปจากถนนราชดำเนิน ขีดทับแผนขั้นตอนการสลายการชุมนุม จนเกิดความรุนแรงขึ้น สุดท้ายการเปิดผลสอบครั้งนั้นแทบจะหาความจริงไม่ได้ นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า ถ้าผลสอบกรือเซะและตากใบพาดพิง หรือระบุชื่อนายทหารตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ก็ไม่ควรปกปิดหรือขีดทับไว้ เพราะถือว่าคนเหล่านี้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมาย เมื่อทำเกินอำนาจหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบตามความเหมาะสม ถ้ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ว่าระดับไหนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องเยียวยากันอย่างเต็มที่ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ในฐานะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ จะเปิดเผยผลสอบทั้ง 2 กรณี น่าจะมีผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะทำให้ทุกฝ่ายทราบข้อเท็จจริงมากขึ้น เชื่อว่าจะไม่กระทบคนใดคนหนึ่งมากเกินไป เพราะเป็นการเปิดเผยภายใต้กรอบที่ชัดเจน นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ กล่าวว่า การเปิดเผยผลการสอบสวนกรณีกรือเซะและตากใบ น่าจะมีผลดีมากกว่า เพราะจะทำให้ฝ่ายต่างๆ เข้าใจ และหมดความเคลือบแคลงสงสัย เรื่องที่จะต้องดำเนินการต่อ คือ การดูแลให้เป็นไปตามข้อเสนอของคณะกรรมการสอบสวนทั้ง 2 กรณี สำหรับการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหาย ที่กำลังดำเนินการอยู่ ควรดูแลให้ทั่วถึง การแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ที่สำคัญ คือ หน่วยงานที่ลงไปทำงาน จะต้องทำตามข้อเสนอให้ดี การเปิดเผยข้อมูลจึงจะเป็นประโยชน์ รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 24 เม.ย ศกนี้ คณะกรรมการฯ จะเปิดผลสอบการสอบสวนกรณีกรือเซะและตากใบประมาณ 90 % ส่วนอีก 10% นั้นไม่เปิดเผยเนื่องจากเป็นข้อมูลที่อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งได้
กรุงเทพฯ- 22 เม.ย.48 นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีนายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ
สิ่งแวดล้อม
null
https://prachatai.com/journal/2005/04/3748
ตำรวจเผยยังไม่แจ้งข้อหา เดชา ฐานครอบครองกัญชา
วันนี้ (10 เม.ย.62) พ.ต.อ.อดิเศรษฐ์ บำรุง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสระแก้ว จ.สุพรรณบุรี เผยว่า พนักงานสอบสวนยังไม่ออกหมายเรียก นายเดชา ศิริภัทร กรรมการบริหาร-ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ มาให้ปากคำหรือรับทราบข้อกล่าวหา เพราะยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ของกลาง คือ กัญชา 200 ต้น และ สารสกัดน้ำมันกัญชา ถูกปลูก-ผลิตในที่ดินมูลนิธิข้าวขวัญจริงหรือไม่ ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานการจะตรวจสอบลายนิ้วมือต่างๆที่อยู่บนของกลางด้วย หากพบว่าเชื่อโยงกับนายเดชาจะออกหมายเรียกทันทีสำหรับการเดินทางกลับจากประเทศลาวของนายเดชาวันนี้ พ.ต.อ.อดิเศรษฐ์อ้างว่า ยังไม่ส่งเจ้าหน้าที่มาควบคุมตัวที่สนามบินดอนเมืองไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรสระแก้ว จ.สุพรรณบุรี เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ตามกระแสข่าว แต่หากนายเดชาติดต่อพนักงานสอบสวน ขอเข้าให้ปากคำและชี้แจงเรื่องกัญชา 200 ต้น และ น้ำมันกัญชา เจ้าหน้าที่พร้อมรับฟังเหตุผลและคำชี้แจงต่างๆน.ส.จินตนา โตสิตระกูล ทนายความ เผยว่า หลังจากนายเดชากลับมา ทีมกฎหมายจะหารือแนวทางต่อสู้คดีกันก่อน แต่ยืนยันว่านายเดชาเข้าพบพนักงานสอบสวน เพราะ เป็นเจ้าของพื้นที่มูลนิธิข้าวขวัญ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าการนำกัญชามาสกัดเอาน้ำมันออกมาเพื่อใช้ทางการแพทย์รักษาผู้ป่วยเท่านั้น และยังอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตครอบครองตามกฎหมายยาเสพติดให้โทษ 2562 มาตรา 22 ช่วงนิรโทษตั้งแต่ 19 ก.พ.- 19 พ.ค.
ผกก.สภ.สระแก้ว จ.สุพรรณบุรี เผย นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือออกหมายเรียกฐานมีกัญชา 200 ต้น และผลิตน้ำมันกัญชา ชี้ อยู่ระหว่างให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบของกลาง รวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน
อาชญากรรม
ข้าวขวัญ,กัญชา,น้ำมันสกัด,ThaiPBSnews
https://news.thaipbs.or.th/content/279173
หนุ่มพิการโดดห้างย่านรังสิตฯ รปภ.รีบนำส่งรพ. ก่อนเสียชีวิต
หนุ่มอยุธยา วัย 40 ปีถูกพบตกจากชั้น 2 ลงมาที่ชั้น G ห้างฯย่านรังสิต รปภ.รีบนำส่งรพ.ก่อนที่ตำรวจจะไปถึง สุดท้ายเสียชีวิต ในตัวพบบัตรผู้พิการ ยังไม่ทราบสาเหตุ แรงจูงใจ เพียงแต่มีคนเห็นลักษณะเหมือนมาเดินเที่ยวตามปกติ จู่ๆ ก็กระโดดลงมา  ,เวลา 21.30 น.วันที่ 15 มิ.ย. 61 พ.ต.ท.เกรียงไกร แสงยศ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนพลัดตกจากที่สูง ขณะนี้นอนหมดสติ อยู่เหตุเกิดบริเวณ ชั้นจี ภายในศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ และชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง ,อย่างไรก็ตาม เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไม่พบตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยได้รับแจ้งว่า ทางเจ้าหน้าที่ของห้าง ได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเปาโลรังสิตไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงถ่ายรูปที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลเปาโลรังสิต และได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฯว่าผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น ได้เสียชีวิตแล้ว ทราบชื่อนายอาทิตย์ สุวรรณารักษ์ อายุ 40 ปีอยู่บ้านเลขที่ 102/2 หมู่ 1 ตำบลพระแก้ว อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากการตรวจสอบในกระเป๋า พบบัตรประจำตัวผู้พิการของผู้เสียชีวิต ,ด้าน พ.ต.ท.เกรียงไกร แสงยศ สารวัตรสอบสวน สภ.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้ทำการตรวจสอบและสอบสวน ในเบื้องต้นทราบว่านายอาทิตย์ ผู้ตาย ได้เดินเที่ยวอยู่ภายในห้างฯ ตามปกติ ก่อนที่จะเดินมาตรงจุดเกิดเหตุ แล้วกระโดดลงมาจากชั้นที่ 2 ลงมาชั้น G ซึ่งมีความสูงประมาณ 6-7 เมตร ทางเจ้าหน้าที่ของห้างจึงเข้าช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วรีบนำตัวจึงส่งไปยังโรงพยาบาลเปาโลรังสิต แต่ผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังสอบสวนในเบื้องต้นเสร็จ จึงได้บันทึกภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน และจะเชิญตัวทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้างฯไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก และจะประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างอีกครั้ง ว่าเหตุเกิดอย่างไร ส่วนศพผู้เสียชีวิต ได้มอบให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งชันสูตร ยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ชันสูตรอีกครั้ง ก่อนมอบให้ญาติ  
หนุ่มอยุธยา วัย 40 ปี ถูกพบตกจากชั้น 2 ลงมาที่ชั้น G ห้างฯย่านรังสิต รปภ.รีบนำส่งรพ.ก่อนที่ตำรวจจะไปถึง สุดท้ายเสียชีวิต ในตัวพบบัตรผู้พิการ ยังไม่ทราบสาเหตุ แรงจูงใจ
ข่าว,ทั่วไทย
โดดห้าง,หนุ่มพิการ,หนุ่มพิการโดดฟ้าง,โดดห้างฆ่าตัวตาย,ศูนย์การค้าสเปลล์,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1309386
เจ๋งไปเลย พงศกร ซิ่งวีลแชร์ ซิวทองที่ 5 ให้ทัพพาราลิมปิกไทย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วันที่ 15 ก.ย. ว่า พงศกร แปยอ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอีกครั้ง หลังคว้าเหรียญทองที่ 5 ให้กับทัพพาราลิมปิกไทย จากกีฬา วีลแชร์ 800 เมตรชาย คลาส ที 53,ในการแข่งขัน วีลแชร์ 800 เมตรชาย คลาส ที 53 ในศึกพาราลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล รอบชิงชนะเลิศที่เพิ่งจบลงไป ผลปรากฏว่า พงศกร แปยอ พาวีลแชร์คู่ใจซิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคันแรก ด้วยเวลา 1 นาที 40.78 วินาที เอาชนะ ปิแอร์ แฟร์แบงค์ อันดับสองเพียง 0.19 วินาทีเท่านั้น,ส่งผลให้ พงศกร แปยอ คว้าเหรียญที่สามในศึกพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ โดยเป็นเหรียญทอง 2 เหรียญจาก วีลแชร์ 400 เมตร ประเภท T53 ชาย และ วีลแชร์ 800 เมตร ประเภท T53 ชาย รวมไปถึงเหรียญเงินจากวีลแชร์ เรซซิ่ง 100 เมตรชาย,และเหรียญทองของ พงศกร ทำให้ ทัพกีฬาไทยในศึกพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ เก็บเพิ่มเป็น 5 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน และ 4 เหรียญทองแดง ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 20 ของตารางเหรียญรวมแล้ว,เอไอเอส คว้าลิขสิทธิ์ครั้งแรก และหนึ่งเดียวในไทย ถ่ายทอดสดการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ ริโอ 2016 เชียร์ทัพนักกีฬาไทยสดตรงจากบราซิล เเละไฮไลต์กีฬาดังย้อนหลังผ่านแอป AIS PLAY เเละลูกค้า เอไอเอส ไฟเบอร์ ผ่านกล่อง AIS PLAYBOX เพิ่มเติม ,www.ais.co.th/rio2016/paralympics
พงศกร แปยอ นักวีลแชร์ทีมชาติไทยผงาดคว้าเหรียญทองที่ 2 ของตัวเอง และเป็นเหรียญที่ 5 ให้กับทัพกีฬาคนพิการไทยในศึกพาราลิมปิกเกมส์ 2016 หลังพาวีลแชร์คู่ใจซิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคันแรก ในประเภท 800 เมตรชาย คลาส ที 53
null
พาราลิมปิก,พาราลิมปิกเกมส์ 2016,พาราลิมปิกไทย,พงศกร แปยอ,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/724419
ดิว อริสรา เปิดตัวหนุ่มใหม่ทั้งที แต่งานนี้ทำคนโฟกัสผิดจุด
ก่อนหน้านี้เพิ่งจะโพสต์เศร้าๆ ว่าโดนคนที่ทำให้ยิ้มได้ ยึดเอารอยยิ้มไป จนคนเข้ามาให้กำลังใจนางร้ายคนสวย ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ มากมาย ล่าสุด นางร้ายสาวสวยไซส์มินิก็ได้โพสต์รูปตัวเอง พร้อมกับแคปชั่นที่แสนจะน่ารัก และเปิดตัวหวานใจคนใหม่ไปด้วยโดยสาวดิวเขียนแคปชั่นว่า ถึงรูปจะไม่ยิ้มแต่ตัวป๋มยิ้มแล้วคั๊บ รอยยิ้มที่โดนยึดได้คืนละคั๊บ ฟิล์ม-โฟ-โต้ บาย: @kdkjkdkd #kdkjแต่งานนี้หลังจากที่สาวดิวโพสต์รูปตัวเองที่ใส่ชุดคล้ายชุดนอน ที่โชว์ให้เห็นความเซ็กซี่ของนางร้ายสาว เรียกว่า ไม่มีคนสนใจเรื่องที่เจ้าตัวเปิดตัวหนุ่มคนใหม่เลย แต่กลับไปโฟกัสที่ความเซ็กซี่พริกร้อยเม็ดของสาวดิวแทนส่วนทางด้านอินสตาแกรมของหวานใจคนใหม่ของสาวดิว อริสรา นั้น บอกเลยว่า ถ่ายรูปได้สวยมากๆ และในอินสตาแกรมดังกล่าว ก็มีแต่รูปของสาวดิวเป็นส่วนใหญ่ และยังมีแคปชั่นที่หวานมากๆ อีกด้วยว่าแต่หนุ่มคนใหม่ของสาวดิวนั้น เป็นใครมาจากไหน อยากรู้รายละเอียดแบบเป๊ะเว่อร์คงต้องรอฟังคำตอบจากปากของสาวดิวเองน่าจะดีกว่า
ดิว อริสรา เปิดตัวหนุ่มคนใหม่ที่เป็นคนยึดรอยยิ้มไป แต่งานนี้คนโฟกัสอย่างอื่นแทน
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
ดิว อริสรา,อริสรา ทองบริสุทธิ์,ดิว อริสรา แฟน,ดิว อริสรา ความรัก,ดิว อริสรา เซ็กซี่,ข่าวดารา,อินสตาแกรมดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1820524
3 ศพ สังเวยพายุฤดูร้อน ปภ. เร่งช่วยเหลือ 19 จังหวัด บ้านพังเสียหาย
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 60 นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 14-21 มีนาคม 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 19 จังหวัด 55 อำเภอ 90 ตำบล 331 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4,137 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ เลย สกลนคร มหาสารคาม นครราชสีมา หนองคาย ร้อยเอ็ด ขอนแก่น และชัยภูมิ ภาคเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ พะเยา ภาคกลาง 6 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สุโขทัย ขัยนาท และกำแพงเพชร และภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4,137 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่ง ปภ. ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย,รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือน เป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้ง จ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต,ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ระยะนี้ประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง และลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ปภ. จึงประสานจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าวเตรียมรับมือพายุฝนฟ้าคะนอง โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย พร้อมจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจน แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุลมแรง อยู่ให้ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงในระยะนี้ไว้ด้วย ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป.
อธิบดี ปภ. เผย 19 จังหวัด ได้รับผลกระทบจากวาตภัย ประสานหน่วยงานเร่งให้การช่วยเหลือ พร้อมจ่ายค่าจัดการศพเหยื่อพายุฤดูร้อน 3 ราย เตือน ระมัดระวังยังมีฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง
ข่าว,ทั่วไทย
พายุฤดูร้อน,พายุฝน,วาตภัย,ปภ.,ฝนฟ้าคะนอง
https://www.thairath.co.th/news/local/891490
สมอ.สุ่มตรวจถังดับเพลิง หลังเกิดเหตุถังระเบิดเองโดยไม่ทราบสาเหตุ
ทีมข่าวไทยพีบีเอส ทดสอบมาตรฐานถังดับเพลิง โดยเลือกถังที่พร้อมใช้งาน ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับที่กทม.แจกให้ชุมชน แต่บริษัทนี้ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการของกทม. ซึ่งได้ทดสอบทั้งการแช่น้ำ แล้วนำไปเผาไฟทันที ตัวอย่างที่ 2 ทดสอบกรณีตัวถังเกิดแรงดัน ซึ่งตามเกณฑ์ของสำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จะต้องทนแรงดันได้ ไม่น้อยกว่าของ 4 เท่าของแรงดันการใช้งาน และ การทดสอบ ปล่อยถังดับเพลิงให้หล่นจากความสูง 8 เมตร ผลการทดสอบตามมาตรฐานถังดับเพลิงทั้ง 3 แบบ ไม่มีผลทำให้ถังดับเพลิงระเบิดขึ้นได้ขณะที่ นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เข้าชี้แจงคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (25 เม.ย.) โดยยืนยันว่าขณะนี้ กรุงเทพมหานคร เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวน กรณีถังดับเพลิงที่แจกให้ประชาชนจำนวน 10 ถัง ในเขตกรุงเทพมหานคร เกิดระเบิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยคณะกรรมาธิการ สอบถามถึงกระบวนการตรวจสอบของกรุงเทพมหานคร เพราะเห็นว่าการชี้แจงขั้นตอนการตรวจสอบของ สำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม วันนี้ ทำให้เห็นว่า อาจทำได้ไม่เต็มที่ส่วนการเรียกเก็บถังดับเพลิง หลังจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งด่วนให้เรียกเก็บถึงดับเพลิงที่แจกจ่ายประชาชนกว่า 95000 ถัง คืนมาทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ พบว่า หลายบ้าน ยังมีถังเพลิงดับติดตั้งอยู่ ขณะนี้ กรุงเทพมหานคร ส่งถังไปให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นำไปสู่ตรวจสอบแล้วกว่า 100 ถัง แต่ยังไม่ได้สรุปผลการตรวจสอบ ขณะเดียวกัน โรงงานซึ่งเป็นผู้ผลิต ก็ได้สุ่มทดสอบแล้วเช่นกัน แต่ผลออกมาไม่พบความผิดปกติ
สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สุ่มตรวจสอบถังดับเพลิงกว่า 100 ถัง แต่ยังไม่ข้อสรุป หลังเกิดเหตุการณ์ถังดับเพลิง ของกรุงเทพมหานคร ระเบิดขึ้นเอง จำนวน 10 ถัง โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งปลัดกรุงเทพมหานคร เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวน ขณะเดียวกัน ไทยพีบีเอส ได้ไปทดสอบถังดับเพลิง ตามสมมติฐานต่างๆ เพื่อหาคำตอบว่า จะทำให้เกิดระเบิดได้หรือไม่
สังคม
กรุงเทพมหานคร,ถังดับเพลิง,ปลัดกรุงเทพมหานคร,สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม,สุ่มตรวจสอบ
https://news.thaipbs.or.th/content/165120
ขาใครจ่อซังเต โกงหวย 30 ล้าน นั่งไทม์แมชชีนย้อนดูแต่ต้นจนถึงก่อนฟันผิด
ใกล้ถึงบทสรุปเข้าไปทุกนาที กับคดีอลเวง,หวย 30 ล้าน, ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเป็นคนแถลงบทสรุปในวันที่ 28 ก.พ. 61 คนทั้งประเทศติดตามกันมาประมาณ 2 เดือนเต็มๆ เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเงินก้อนใหญ่ ที่คนโลภเห็นแล้วตาลุกวาว อยากได้มาเข้ากระเป๋าตัวเอง จนทำให้เรื่องยืดเยื้อ พยานโผล่พรึ่บเต็มไปหมด,ถ้าอย่างนั้น มานั่งไทม์แมชชีนย้อนดูไปพร้อมกันว่า จุดเริ่มต้นของคดีที่เป็นกระแสไม่หยุด เป็นมาอย่างไรกว่าจะมาถึงปัจจุบัน หากจะเริ่มแต่แรกนั้น วันที่ 1 พ.ย. 2560 ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจเกษียณ ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 หมายเลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2560 จำนวน 5 ใบ ได้รับเงินรางวัล 30 ล้านบาท แต่แทนที่จะมีความสุขกับโชคใหญ่หล่นทับ ดีใจได้แค่เดือนเดียวก็เกิดเรื่องตามมา หรือแท้จริงนี่คือทุกขลาภ?,เพราะต่อมาในวันที่ 5 ธ.ค. 2560 นายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี ก็เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ว่า ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลหมายเลขที่ถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาทนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ว่าลอตเตอรี่นั้นหายไป เรื่องเริ่มยุ่งเหยิงตั้งแต่จุดนี้ เนื่องจากมีตัวละครเพิ่มมา,วันที่ 14 ธ.ค. 2560 ครูปรีชา พร้อมด้วย นางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. เพื่อให้ข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนของกองปราบปราม หลังจากก่อนหน้านี้ได้เชิญตัว ร.ต.ท.จรูญ ที่อ้างกรรมสิทธิ์เป็นผู้ถูกรางวัล 30 ล้านบาท มาสอบปากคำไปแล้ว,วันที่ 27 ธ.ค. 2560 ร.ต.ท.จรูญ พร้อม นางลาวัลย์ วิมูล ภรรยา และ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เดินทางเข้าพบ นายสมณ์ พรหมรส ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อตรวจเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอและลายนิ้วมือ ก่อนนำไปเปรียบเทียบกับลอตเตอรี่เจ้าปัญหา โดยผลตรวจดีเอ็นเอทั้งหมดจะทราบประมาณวันที่ 19 ม.ค. 2561,วันที่ 19 ม.ค. 2561 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดแถลงยืนยันไม่สามารถตรวจสอบดีเอ็นเอได้ เนื่องจากมีดีเอ็นเอหลายคนปะปนอยู่ แต่ได้ตรวจพบรอยนิ้วมือของ ร.ต.ท.จรูญ 2 รอย ทั้งนิ้วก้อยซ้ายและหัวแม่มือซ้าย ส่วน ครูปรีชา ยังไม่สามารถยืนยันรอยนิ้วมือได้ ผลตรวจได้สิ้นสุดแล้ว ซึ่งได้ส่งลอตเตอรี่ให้กับกองสลากฯ และส่งผลให้ตำรวจในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ดำเนินการต่อ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทนายษิทรา ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ว่า ตำรวจยังไม่ได้สรุปสำนวนคดีอาญา แม้จะมีการพิสูจน์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แล้ว นอกจากนี้ ยังเหลือคดีแพ่งเรื่องการอายัดทรัพย์สิน ซึ่งประเด็นนี้ก็ต้องไปพิสูจน์ในชั้นศาลต่อไป,วันที่ 31 ม.ค. 2561 พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นำแถลงคดีในช่วงบ่าย พร้อมเผยว่ามีพยานยืนยันว่า ร.ต.ท.จรูญ ก้มเก็บลอตเตอรี่จริง และแจ้งข้อหากับ ร.ต.ท.จรูญ ว่า ยักยอกทรัพย์ และรับของโจร,จนเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2561 ร.ต.ท.จรูญ เดินทางมากล่าวคำสัตย์สาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก และขอสาบานต่อหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกาญจนบุรี ว่า หากเป็นคนขโมยอย่างที่ถูกกล่าวหา ขอให้ไม่ตายดี ครอบครัวญาติพี่น้องฉิบหาย พร้อมสาปแช่งคนที่กลั่นแกล้งสร้างเรื่องโกหกด้วย ซึ่งในวันนั้น นางปณัญชยา สุขผล หรือ เจ๊เกียว ก็เดินทางมาสาบานด้วยว่า หากทำเป็นขบวนการขอให้มีอันเป็นไป และแพ้คดีความ,แน่นอนว่ามาถึงขนาดนี้คดีคงไม่จบง่ายๆ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 61 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มองเห็นถึงความวุ่นวายยุ่งเหยิง และอาจจะไปกันใหญ่ จึงสั่งให้มีการโอนคดีนี้มายังกองปราบปราม เพราะมีกระแสอย่างหนักว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ปฏิบัติงานไม่เป็นธรรม เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสามารถตอบคำถามของสังคมได้ อีกทั้งยังมีคลิปเสียงลับออกมาอีกหลายคลิป โดยอ้างว่าเป็นเสียงของ ครูปรีชา ที่คล้ายกับรับว่าตนเองไม่ได้ถูก รางวัลที่ 1 และมีตัวละครพยานบุคคลเพิ่มมาอีกไม่รู้กี่เจ๊ แถมมีข่าวลือตามมาอีกมากมาย,สอบปากคำแล้วสอบปากคำอีก สอบไปแล้วหลายปาก บางรายสอบซ้ำๆ เพื่อให้ได้ความกระจ่างและข้อเท็จจริง ซ้ำมีข่าวลืออีกครั้งว่า แท้ที่จริง ร.ต.ท.จรูญ คือเจ้าของหวย 30 ล้านตัวจริง งานนี้ ครูปรีชา ก็เต้นเร่าโวยขึ้นมาทันทีว่า ไม่ใช่เรื่องจริง และยืนยันว่าตัวเองต่างหากที่เป็นเจ้าของ และถ้าผลออกมาว่าเป็นเจ้าของจริงๆ จะมีใครขอโทษบ้างไหม,จนมาเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2561 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งย้ายด่วน พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการจังหวัดกาญจนบุรี เพราะมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมกับคดีดังสนั่นสะท้านวงการหวย ก่อนตามมาด้วยย้าย พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี อีกนาย,กระทั่งถึงวันนี้ ทั้ง ครูปรีชา และ ร.ต.ท.จรูญ ต่างคนก็ต่างยังมั่นใจว่าเป็นเจ้าของหวย 30 ล้านตัวจริงแน่นอน ส่วนตอนนี้ชาวบ้านร้านตลาด ชาวเน็ตทั้งหลาย ก็ได้แต่ตั้งตารอนับถอยหลัง ที่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงจะรู้ผลสรุปที่ติดตามกันมายาวนานแบบกระแสไม่มีแผ่ว ทั้งนี้ มีกูรูหลายๆ คนออกมาพูดถึงลักษณะท่าทาง การพูดการจาของทั้ง 2 ฝ่าย ว่า จริงๆ แล้วก็สามารถสังเกตได้ว่า ใครพูดจริง ใครโกหก เอาเป็นว่ารอไม่นาน อีกอึดใจเดียวเท่านั้น จะได้รู้กันว่ามหากาพย์การโกงหวย 30 ล้าน ให้เป็นของตัวเองนั้น ใครกันจะต้อง ,ติดคุก
คดีอลเวงหวย 30 ล้าน ใกล้ถึงบทสรุปเข้าไปทุกที มาย้อนดูจุดเริ่มต้นที่ทำให้ความยุ่งเหยิงตามมากว่า 2 เดือน สุดท้ายใครที่ต้องติดคุกเพราะโกหกได้เนียน จนอาจต้องให้รางวัลออสการ์
ข่าว,สังคม
หวย 30 ล้าน,ครูปรีชา,ลุงจรูญ,กองปราบ,แถลงหวย 30 ล้าน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/society/1215065
เก๋ เลเดอเรอร์ นางแบบเซ็กซี่ดังฆ่าตัวตาย
วานนี้ (8 ก.ย.2561) ร.ต.สุวิทย์ ขันแก้ว อายุ 58 ปี เข้าแจ้งความกับทางร.ต.อ.เอกฤทธิ์ รูปสะอาด รอง สว.(สอบสวน) สน.โชคชัย ว่าน.ส.กันยกร ศุภการค้าเจริญ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาว หรือ เก๋ เลเดอเรอร์ เสียชีวิต หลังเข้ารักษาตัวโรงพยาบาลลาดพร้าว เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมาภายหลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจสอบที่ รพ.ลาดพร้าว พบว่านางแบบสาว มีสภาพแผลแตกฉกรรจ์ที่ศีรษะ เบื้องต้นการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายตกจากอาคาร เลขที่ 756 ซอยร่วมน้ำใจ แยก 4 ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กทม. ตั้งแต่เมื่อเวลา 21.32 น.จากนั้นทางตำรวจได้เข้าตรวจสอบในห้องนอนที่อยู่บนชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว พบขวดยาฆ่าหญ้าที่ผู้ตายดื่มตกอยู่ในห้องน้ำ เบื้องต้น คาดว่าผู้ตายเครียดจึงตัดสินใจดื่มยาฆ่าหญ้า ก่อนกระโดดจากอาคารฆ่าตัวตาย ซึ่งการสอบพยานบุคคล ทราบว่าในคืนเกิดเหตุ ได้ยินเสียงดังที่ระเบียงชั้น 2 จึงพากันไปดูที่ห้องทำงานชั้น 3 พบน.ส.กันยกร นอนบาดเจ็บอยู่ที่ระเบียง จึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลส่วนหลักฐาน กล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุพบว่าน.ส.กันยกร กระโดดลงมาจากหน้าต่างห้องพักที่อา ศัยอยู่เพียงคนเดียว ในห้องพักพบยาฆ่าหญ้า บนพื้นห้องน้ำ และในห้องนอนจึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐานสำหรับ เก๋ เลเดอเรอร์ ผ่านการประกวดหลายเวที เป็นรองอันดับ 2 Miss World Next Top Model 2012 ตำแหน่งนางงามผิวสวย Miss Thailand World 2012 และชนะการประกวด Miss Super Car 2013 เริ่มโด่งดังจากการถ่ายแบบให้กิบนิตสารเพลย์บอย และถ่ายมิวสิกวิดีโอแนวเซ็กซี่นอกจากนี้ยังทำธุรกิจเกี่ยวกับความงามภายใต้ชื่อบริษัท เลเดอเรอร์ (ไทยแลนด์) จำกัดทั้งนี้ภายหลังการเสียชีวิตมีเพื่อนนางแบบเข้ามาแสดงความเสียใจกับครอบครัวผ่านทางไอจี @khunkaefamily ของเก๋เลเดอเรอร์ จำนวนมากต่อมาเวลา 10.00 น.ครอบครัวเข้ารับศพน.ส.กันยกร ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดนวลจันทร์ พร้อมปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน
นางแบบแนวเซ็กซี่ชื่อดัง เก๋ เลเดอเรอร์ เสียชีวิตแล้ว หลังเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลลาดพร้าวเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจสน.โชคชัยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ห้องพบมีขวดยาฆ่าแมลง สันนิษฐานกินยาฆ่าแมลง และกระโดดตกตึกจากสาเหตุความเครียด
อาชญากรรม
เก๋ เลเดอเรอร์,นางแบบ,Miss Thailand World 2012,กันยกร ศุภการค้าเจริญ,ข่าวไทยพีบีเอส,ฆ่าตัวตาย,โรคซึมเศร้า,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส
https://news.thaipbs.or.th/content/274477
เป็นงาน มันด์ซูคิช เชื่อ อัลเลกรี ช่วยเค้นฟอร์มได้แน่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 23 มิ.ย.ว่า มาริโอ มันด์ซูคิช ศูนย์หน้ารายใหม่ของทีมยูเวนตุส ออกโรงแสดงความมั่นใจในตัวกุนซือ มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี ว่าจะสามารถช่วยดึงศักยภาพความเป็นสุดยอดดาวยิงในตัวของเขา ออกมาแสดงให้กับทุกคนได้เห็นอย่างแน่นอนในฤดูกาลหน้า,หัวหอกชาวโครแอต วัย 29 ปี จรดปากกาเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด มาเป็นหนึ่งในขุนพลเบียงโคเนรี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และได้กล่าวว่า มั่นใจในตัวผู้จัดการทีมที่จะช่วยดึงศักยภาพในการถล่มประตู ให้แสดงออกมาได้เป็นอย่างดีภายใต้สีเสื้อของทีมยักษ์ใหญ่เเห่งเมื่องตูริน,ผมรู้ว่านี้คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และมียูเวนตุสก็มีแฟนบอลเป็นจำนวนมาก ผมมาที่นี่โดยหวังว่าจะทำผลงานให้ดีที่สุด ผมเชื่อว่าโค้ชเห็นในศักยภาพ และจะช่วยดึงสิ่งเหล่านั้นออกมาได้อย่างแน่นอน รวมถึงเพื่อนร่วมทีมหลายคนก็เคยเล่นด้วยกันมาก่อน เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาในการปรับตัวแต่อย่างใด,ทั้งนี้ กองหน้าทีมชาติโครเอเชีย ฝากผลงานในฤดูกาล 2014-2015 กับทีม แอตเลติโก มาดริด ไปทั้งหมด 20 ประตู จากทุกรายการที่ลงสนาม
มาริโอ มันด์ซูคิช หัวหอกใหม่ถอดด้ามของทีมม้าลายแห่งตูริน เชื่อมั่นว่า มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี จะสามารถช่วยดึงศักยภาพความเป็นสุดยอดดาวยิงของตัวเอง ให้ออกมาได้อย่างแน่นอนในการโชว์ลีลาบนแผ่นดินอิตาลี
null
มาริโอ มันด์ซูคิช,ย้ายทีม,แอตเลติโก มาดริด,ยูเวนตุส,มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี,ทีมชาติโครเอเชีย,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/506894
โฟตอนมอเตอร์ควงซีพีบุกตลาดไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation-BRF) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำระดับสูงและกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Chinas Belt and Road Initiative : BRF) โดยมีผู้นำระดับสูงสุดจากกว่า 40 ประเทศเข้าร่วมภายในงาน นายกง เยีย ช่ง ประธานกรรมการ โฟตอน มอเตอร์ กรุ๊ป และนายนพดล เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการ กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป) ได้ร่วมลงนามในสัญญาร่วมลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทด้านการผลิตและจำหน่ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านยานยนต์ รวมทั้งการบริหารงานด้านการตลาด ซึ่งการร่วมทุนในครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้ซีพีสามารถก้าวขึ้นสู่บริษัทยานยนต์ชั้นนำ 3 ลำดับแรกของประเทศไทย, ,นายนพดล กล่าวว่า บริษัทร่วมทุนใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ โฟตอน มอเตอร์ จะให้การสนับสนุนทางด้านการจำหน่ายเชิงพาณิชย์ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านพลังงานสำหรับยานยนต์ และเทคโนโลยีทางด้านการผลิต เทคโนโลยีด้านการเชื่อมโยงระบบการสื่อสารภายในตัวยานยนต์ ขณะที่ซีพีจะเป็นผู้รับผิดชอบด้านการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การจัดหาแหล่งเงินทุน และการสร้างประสบการณ์ให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เกี่ยวกับรถบรรทุกขนาดกลาง รถบรรทุก ขนาดหนัก รถบรรทุกเล็ก รถบัสโดยสาร และยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งโฟตอนได้อนุญาตให้ใช้แบรนด์สินค้า เครื่องหมายการค้า รวมถึงสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อเป็นการสนับสนุนซึ่งกันและกันในการทำธุรกิจร่วมกัน และยังเป็นการผสานเข้ากับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งทั้งสองบริษัทจะช่วยผลักดันส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เกิดการพัฒนาในอนาคต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation—BRF) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ กรุงปักกิ่ง
ข่าว,เศรษฐกิจ
โฟตอน มอเตอร์,ซีพี,ร่วมลงทุน,ยานยนต์,อุตสาหกรรมยานยนต์,รถบรรทุก
https://www.thairath.co.th/news/business/1557520
ไม่อนุญาตให้ขึ้นชมชั้น 1-2 พระเมรุมาศ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
วันนี้ (2 พ.ย.2560) กรณีกระทรวงวัฒนธรรม จัดทดสอบเข้าชมนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวานนี้( 1 พ.ย.) พบมีประชาชนบางส่วนกระทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ถ่ายภาพเซลฟี่ ภาพชูสองนิ้วกับพระเมรุมาศ หยิบเอาก้อนหิน ก้อนดิน ดอกไม้ ข้าวของในงานกลับบ้าน เนื่องจากคิดว่าเป็นของที่ระลึกและสัมผัสสิ่งของต่างๆที่นำมาจัดแสดงนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ทางคณะกรรมการฝ่ายจัดการนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ประชุมเพื่อพิจารณาผลการทดลองให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าชมนิทรรศการฯ จำนวน 3 รอบ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา และได้มีการประเมินผลการทดลอง และมีมติไม่อนุญาตให้ประชาชนขึ้นชมพระเมรุมาศบนบริเวณชั้น 1 และชั้น 2ทั้งนี้ประชาชนเดินชมความงดงามได้โดยรอบพระเมรุมาศ และอาคารประกอบต่างๆ เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และทุกคนสามารถถ่ายภาพได้ตามความเหมาะสม อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวการเปิดให้เข้าชมนิทรรศการฯ ยังพบปัญหาว่าการปล่อยคิวเข้ามาครั้งละ 5000 คนต่อ 1 ชั่วโมง ยังไม่สามารถควบคุมได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอในจุดต่างๆ และการเดินชมนิทรรศการฯที่ยังไม่เป็นระบบ
มติคณะกรรมการฝ่ายจัดการนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ไม่อนุญาตให้ประชาชนขึ้นชมพระเมรุมาศบนบริเวณชั้น 1 และชั้น 2 เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
สังคม
ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS,นิทรรศการ,พระเมรุมาศ
https://news.thaipbs.or.th/content/267402
สลด แม่เฒ่าวัย 71 หนาวตายคาบ้านพัก
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ธ.ค. มีรายงานว่า พ.ต.ท.สมศักดิ์ มูลสาร พงส ผนพ.สภ. โนนสะอาด จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุคนเสียชีวิตอยู่ที่บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 2 ต.โนนสะอาด อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี หลังแจ้งเหตุจึงรีบวิทยุแจ้งหน่วยกู้ภัยทาง 431 พร้อมออกไปยังสถานที่เกิดเหตุทันที พร้อมด้วย แพทย์หญิงกรวีกานต์ ศรีพงษ์วิวัฒน์ แพทย์ประจำโรงพยาบาลโนนสะอาด ร่วมชันสูตร,ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว สภาพเก่า โดยพบศพ นางจันที แก่นโนนสัง อายุ 71 ปี บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 2 ต.โนนสะอาด อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี สภาพศพไม่มีบาดแผลตามร่างกาย ร่างกายแข็งทื่อ เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 7-8 ชั่วโมง,สอบสวนทราบว่า ในคืนที่เกิดเหตุ ผู้ตายได้เข้านอนตามปกติ แต่เนื่องจากคืนที่ผ่านมาอากาศในพื้นที่ค่อนข้างหนาวเย็นจัด พอช่วงสายเพื่อนบ้านไม่เห็นนางจันที จึงไปร้องเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบ จึงขึ้นไปดูบนบ้าน พบว่าเป็นศพแล้ว,ด้าน แพทย์หญิง กรวีกานต์ กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิต เบื้องต้น คาดว่าอาจจะเกิดจากสภาวะอากาศหนาวเย็น ผู้ตายมีอายุมากแล้วจึงอาจทนความหนาวไม่ไหว กระทั่งเสียชีวิต
แม่เฒ่าชาวอุดรฯ วัย 71 ปี เสียชีวิตคาบ้านพัก ชันสูตรเบื้องต้น คาดสาเหตุมาจากอากาศหนาวเย็นจัด
ข่าว,ทั่วไทย
หนาวตาย,แม่เฒ่า,เสียชีวิต,อากาศหนาว,หนาวจัด,อุดรธานี,หญิงชรา,โนนสะอาด,ข่าวภูมิภาค,ไทยรัฐ
https://www.thairath.co.th/news/local/470381
ผอ.สิ่งแวดล้อมฯ ยืนยันหมอกควันใต้ไม่อันตราย-เกิดเป็นประจำทุกปี
สถานการณ์หมอกควันในภาคใต้ จากพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา จ.นราธิวาส และ จ.สตูล ล่าสุด เริ่มขยายวงกว้างมายัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จงจิตร์ นีรนาทเมธีกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันในตอนนี้ยังไม่น่ากังวลหากเทียบกับภาคเหนือ เพราะหากตรวจวัดสภาพจากกรมควบคุมมลพิษ พื้นที่หาดใหญ่ ยะลา นราธิวาส ยังอยู่ในะดับปานกลาง และหากเทียบกับที่ก่อนๆก็ยังไม่น่าเป็นห่วง เช่น คุณภาพอากาศจากการได้รับผลกระทบ ไม่เคยมีค่าเกิน 120 ซึ่งเป็นค่ามาตฐาน สำหรับประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเด็ก และผู้สูงอายุ หรือแพ้ฝุ่งละออง แนะนำว่าไม่ควรออกมาออกกำลังกายกลางแจ้งส่วนการเคลื่อนตัวของหมอกควัน ช่วงนี้เป็นช่วงมรสุม มิ.ย.-ก.ย. ทำให้หมอกควันเคลื่อนตัวมาจากเกาะสุมาตรามายังพื้นที่ภาคใต้อยู่แล้ว ประกอบกับตอนใต้ของไทยเป็นฤดูแล้ง มีการเผาป่า ถากถาง ทำให้มีหมอกควันมากขึ้น รวมทั้งไฟไหม้ในเกาะสุมาตราก็เพิ่มขึ้นด้วย หมอกควันในบ้านเราก็เลยเพิ่มขึ้น
จงจิตร์ นีรนาทเมธีกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันในตอนนี้ยังไม่น่ากังวล หากตรวจวัดสภาพจากกรมควบคุมมลพิษ พื้นที่หาดใหญ่ ยะลา นราธิวาส ยังอยู่ในะดับปานกลาง และหากเทียบกับที่ก่อนๆก็ยังไม่น่าเป็นห่วง
ภูมิภาค
นราธิวาส,ยะลา,สุมาตรา,หมอกควัน,หาดใหญ่,ออกกำลังกาย,เป็นประจำ,ใต้
https://news.thaipbs.or.th/content/92190
ศุลกากรแหลมฉบัง แถลงจับ เมล็ดฝิ่น ลอตมหึมา 170 ตัน มูลค่ากว่า 25 ล้าน
25 ล้าน,วันที่ 4 ต.ค. ที่ศูนย์เอกซเรย์ ศุลกากรแหลมฉบัง ตั้งอยู่ภายในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร ได้เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว จับกุมสินค้าผ่านแดน เมล็ดฝิ่น น้ำหนัก 170 ตัน มูลค่าของกลางกว่า 25 ล้านบาท ซึ่งสินค้าเมล็ดฝิ่นที่ตรวจพบมีสารเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 พร้อมด้วยสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจยาเสพติด (บช.ปส.) ด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง ด่านอาหารและยาท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือแหลมฉบัง,นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ตามที่กรมศุลกากร มีนโยบายในการปราบปรามสินค้านำเข้า-ส่งออก และผ่านแดน หลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อจำกัด การกระทำผิดกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง,ทั้งนี้ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จึงได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจยาเสพติด (บช.ปส.) ด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง ด่านอาหารและยาท่าเรือแหลมฉบัง ตรวจสอบตู้สินค้าผ่านแดน ตามใบขนสินค้าผ่านแดน จำนวน 6 ตู้คอนเทนเนอร์ สำแดงชนิดสินค้าเป็น WHITE POPPY SEEDS ปริมาณ 6,799 กระสอบ น้ำหนักโดยประมาณ 169,800 กิโลกรัม ประกอบใบแจ้งการนำผ่านตาม พ.ร.บ. กักพืช พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (แบบ พ.ก. 5-1) สำแดงสินค้านำผ่านเป็น เมล็ดควินัว (Quinoa seed) โดยมีประเทศกำเนิดอัฟกานิสถาน ต้นทางบรรทุกจากประเทศปากีสถาน ผ่านแดนประเทศไทย (ท่าเรือแหลมฉบัง-ด่านแม่สอด) ปลายทางประเทศพม่า,โดยจากการเอกซเรย์ตรวจพบสินค้ามีลักษณะเป็นเมล็ดพืชสีขาว โดยมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าสินค้าอาจเป็นของผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ศุลกากร จึงได้แจ้งกักสินค้าไว้ และทำการชักตัวอย่างให้สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง ตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ ผลการตรวจสอบของด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง พบสินค้าดังกล่าว ไม่ใช่เมล็ดควินัว ดังนั้นใบรับรองสุขอนามัยพืชที่กำกับมากับสินค้าจึงระบุชื่อวิทยาศาสตร์ไม่ถูกต้อง ในกรณีนี้ผู้ขอนำของผ่านแดนสำแดงชนิดสินค้าไม่ถูกต้องในแบบ พ.ก. 5-1 ตาม พ.ร.บ. กักพืช พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และผลการตรวจของสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. พบชนิดสินค้าเป็น เมล็ดฝิ่น มีสารกลุ่ม Volatile เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งในกรณีผ่านแดนต้องมีใบอนุญาตของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของประเทศที่ส่งออกนั้นมาพร้อมกับยาเสพติดและต้องแสดงใบอนุญาตดังกล่าวต่อพนักงานศุลกากร ทั้งนี้ ผู้ขอนำของผ่านแดนไม่ได้แสดงใบอนุญาตดังกล่าวต่อพนักงานศุลกากรแต่อย่างใด ซึ่งสินค้าของกลางที่จับกุมได้ในครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท,สำหรับสินค้าเมล็ดฝิ่นดังกล่าว เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ถือเป็นการยื่น หรือยอมให้ผู้อื่นยื่นใบขนสินค้าเอกสารหรือข้อมูล ซึ่งเกี่ยวกับการเสียอากรหรือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติไม่ถูกต้องหรือไม่บริบูรณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามหรือข้อจำกัดอันเกี่ยวกับของนั้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 202 มาตรา 244 และมาตรา 252 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดสินค้าของกลางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ศุลกากรแหลมฉบัง แถลงจับ เมล็ดฝิ่น 170 ตัน บรรจุในคอนเทนเนอร์ 6 ตู้ น้ำหนักกว่า 1.6 แสนกิโลกรัม สำแดงเท็จเป็นเมล็ดควินัว ต้นทางมาจากประเทศปากีสถาน ผ่านไทย ไปส่งปลายทางที่เมียนมา มูลค่ากว่า
ข่าว,ทั่วไทย
จับเมล็ดฝิ่น 170 ตัน,เมล็ดฝิ่น 170 ตัน,กรมศุลกากร,ศุลกากรแหลมฉบัง,สำแดงเท็จ,มูลค่า 25 ล้านบาท,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/east/1675275
เปิด 3 ชื่อเหมาะนั่งเลขาธิการ สมช.คนใหม่
ตำแหน่ง เลขาธิการ สมช. ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ทำหน้าที่นี้ ย่อมต้องเป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล หรือจากนายกรัฐมนตรี มากที่สุด เพราะสวมบทบาทวิเคราะห์ข้อมูลทางการข่าว และประเมินสถานการณ์ในทุกด้านให้กับรัฐบาล เพื่อตั้งรับและวางแผนเชิงรุก ให้ได้อย่างถูกทิศถูกทาง และแม้แต่จะถูกใจด้วยและอาจเป็นเหตุผลสำคัญของการแต่งตั้งแบบการข้ามห้วยของ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการ สมช. คนปัจจุบันที่มาจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย กับการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2558 ท่ามกลางกระแสว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ตัดสินใจเลือกพล.อ.ทวีป เนตรนิยม กำลังจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ และสืบเนื่องกับคำถามถึงผู้เหมาะสมที่จะนั่งเก้าอี้ตัวนี้ ในการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2560 ภายใต้ความไว้วางใจนั้น จะได้เลขาธิการ สมช. คนใหม่ ตามสภาวะที่ถูกเรียกว่า ตั้งคนข้ามห้วย หรือจะเลือกคนที่ได้ชื่อว่า เป็นลูกหม้อของ สมช. เองถ้าคำตอบเป็นลูกหม้อ คนในผู้เหมาะสมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ นายสมเกียรติ ศรีประเสริฐ รองเลขาธิการ สมช. ที่เพิ่งขยับขึ้นจากผู้ช่วยเมื่อปีที่แล้ว และแม้จะไม่ใช่บุคคลสายตรงของรัฐบาล หรือ คสช. แต่การเลือกสายพลเรือน ก็เป็นผลดีที่จะป้องกันเหตุ คลื่นใต้น้ำใน สมช. และบ่งชี้ ว่าถึงสถานการณ์ที่คุมได้แต่ก็ยังหักล้างเหตุผลช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ไม่ได้ จึงมีกระแสตั้งข้ามห้วยและมีชื่อ พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งนอกจากบทบาทหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงแล้ว ยังมีข้อมูลว่า เป็นนายทหารรุ่นน้องที่ใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณและยังมีชื่อของนายทหารสายยุทธการและฝ่ายอำนวยการอยู่ด้วย พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งคุณสมบัติตีคู่ ว่าความเหมาะสมอยู่ด้วย แต่จะเป็นใครใน 3 บุคคลนี้ นอกจาก พล.อ.ประวิตร จะตัดสินใจแล้ว ยังต้องขึ้นอยู่กับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. มีใครอยู่ในใจแล้วหรือไม่
การแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีนี้ ที่ต้องแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้พร้อมต่อการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 ตุลาคม และมีการคาดการณ์ว่า ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กำลังมีนายทหารเป็นตัวเลือกสำคัญ ไม่น้อยไปกว่าบุคคลที่เติบโตตามเส้นทางของ สมช.
การเมือง
แต่งตั้ง,โยกย้าย,นายกรัฐมนตรี,สภาความมั่นคงแห่งชาติ,สมเกียรติ ศรีประเสริฐ,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS,สมช.,คสช.
https://news.thaipbs.or.th/content/264234
กรมฝนหลวง-ทอ.-ทบ. เปิดปฏิบัติการสู้ภัยแล้ง พรุ่งนี้
วันนี้ (15 ส.ค.2562) นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.2562) เครื่องบินจากกองทัพอากาศ (ทอ.) จำนวน 5 ลำ และกองทัพบ (ทบ.) จำนวน 1 ลำ จะขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงร่วมกับกรมฝนหลวงฯ จากที่กรมฝนหลวงฯ มีเครื่องบินอยู่จำนวน 23 ลำ เป็นของกรมฝนหลวงฯ จำนวน 21 ลำและ ทอ.จำนวน 2 ลำ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อนุมัติงบกลาง 30 ล้านบาททั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประสานเหล่าทัพต่าง ๆ ได้เพิ่มมาเป็นทั้งหมด 29 ลำ พร้อมส่งกำลังพล มาช่วยลำเลียงสารและบดสารมาจำนวนมากไปประจำการแต่ละหน่วย โดยช่วงแรกชุดมาเสริมปฏิบัติถึงสิ้นเดือน ก.ย.ซึ่งเป็นระยะเวลาสิ้นสุดของงบกลางนอกจากนี้รมช.เกษตรและสหกรณ์ ยังได้สั่งการให้พิจารณาชุดเสริมระดมช่วยพื้นที่ภาคอีสานโดยเครื่องบินของทอ.จำนวน 4 ลำ ไปปฏิบัติติภารกิจที่หน่วยฝนหลวงโคราช จ.นครราชสีมา และอีกจำนวน 1 ลำ ไปปฏิบัติติภารกิจที่หน่วยฝนหลวง จ.เชียงใหม่ สำหรับเครื่อง ทบ.ไปปฏิบัติติภารกิจที่หน่วยฝนหลวง จ.ลพบุรี เพราะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ต้องเร่งเติมน้ำในเขื่อนช่วยพื้นที่เกษตรประสบภัยแล้ง ขาดแคลนทั้งน้ำอุปโภค-บริโภคนายสุรสีห์ ระบุว่า ปัญหาภัยแล้งในบางพื้นที่คลี่คลายลงได้บ้างเนื่องจากมีฝนตกจากอิทธิพลลมมรสุมและการปฏิบัติการฝนหลวง ทั้งนี้น่าเป็นห่วงเขื่อนมีน้ำน้อยมากถึงเกือบ 200 แห่ง เป็นเขื่อนใหญ่ 19 แห่ง เขื่อนขนาดกลาง 170 แห่งโดยตั้งหน่วยฝนหลวง 11 หน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ เพื่อช่วงชิงสภาพอากาศทำฝนเติมน้ำเขื่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะในเรื่องฤดูฝนมีโอกาสอีกไม่มากนักจะหมดฝน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า ฤดูฝนจะหมดในช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้เท่านั้น จึงเร่งเติมน้ำเขื่อนเพื่อให้ใช้ถึงฤดูแล้งหน้า อย่างไรก็ตามโอกาสขาดแคลนน้ำก็มีความเสี่ยงอยู่สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวงล่าสุด อธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (14 ส.ค.2562)ได้ขึ้นทำฝนหลวง 9 หน่วย โดยหน่วย จ.พิษณุโลก ขึ้นบินทำฝนตกเล็กน้อยได้มีความชื้นบรรเทาช่วยเหลือพื้นที่เกษตรประสบภัยแล้ง ใน จ.กำแพงเพชร เพชรบูรณ์หน่วย จ.ตาก ขึ้นทำฝนเติมน้ำเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ทำให้มีฝนตกเล็กน้อย ส่วนหน่วย จ.ลพบุรี สามารถขึ้นปฏิบัติการช่วงชิงสภาพอากาศได้เป็นผลสำเร็จ มีฝนตกจำนวนมากเฉลี่ย 5 - 22 มม.ฝนตกบริเวณพื้นที่กว้างขวางของ จ.นครสวรรค์จ.อุทัยธานีจ.ชัยนาทจ.กำแพงเพชร และ จ.เพชรบูรณ์ เติมน้ำเขื่อนป่าสักฯ เขื่อนทับเสลา เขื่อนห้วยใหญ่ บึงบอระเพ็ด หน่วย จ.กาญจนบุรี เติมน้ำเขื่อนกระเสียว เขื่อนห้วยท่าเดื่อ ช่วยพื้นที่เกษตร จ.สุพรรณบุรีจ.อุทัยธานีจ.ชัยนาทสำหรับหน่วยฝนหลวง จ.ขอนแก่น ขึ้นปฏิบัติการช่วยพื้นที่เกษตร จ.ชัยภูมิ จ.กาฬสินธุ์ เขื่อนลำปาว หน่วย จ.อุบลราชธานี ขึ้นบินปฏิบัติการช่วยพื้นที่เกษตร อ.วารินชำราบ อ.สำโรง มีฝนตก และหน่วย จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ เร่งช่วยเติมน้ำบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเกษตร น้ำอุปโภค-บริโภค อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ขาดแคลนน้ำดิบผลิตประปาให้กับตัวเมือง และ รพ.สุรินทร์ หน่วยฝนหลวงภาคตะวันออก จ.สระแก้ว ทำฝนตก จ.ฉะเชิงเทรา เพิ่มน้ำลุ่มรับน้ำเขื่อนห้วยโสมง และภาคใต้ ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยพื้นที่ป่าพรุ จ.สงขลา ที่ยังมีไฟไหม้อยู่ พบว่า มีฝนตกไปในปริมาณเล็กน้อย สามารถช่วยดับไฟป่าได้ระดับหนึ่งนอกจากนี้ กรมฝนหลวงฯได้เร่งปฏิบัติการช่วยพื้นที่ประสบภัยแล้ง โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประกาศภัยแล้งเพิ่ม 10 จังหวัด 38 อำเภอ 270 ตำบล 2353 หมู่บ้าน ซึ่งศูนย์ป้องกันวิกฤติน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ ได้ติดตามสภาพฝนสะสมพบว่าภาคกลาง เริ่มมีความชื้นในดินมากขึ้น ประกอบกับแผนที่ปริมาณฝนตกของกรมกรมฝนหลวง เป็นฝนสะสม 1 สัปดาห์ พื้นที่มีความชื้นในดินมากขึ้นตอนกลางของประเทศ ได้ฝนมากพอสมควร การทำฝนหลวงประสบความสำเร็จ
กรมฝนหลวง-ทอ.-ทบ. ร่วมระดมทำฝนหลวงแก้ภัยแล้งทั่วประเทศ รัฐบาลไฟเขียวงบกลาง 30 ล้านบาท พร้อมส่งกำลังพลจำนวนมากช่วยบดสาร-ลำเลียงสารฝนหลวง เริ่มพรุ่งนี้ (16 ส.ค.2562)
เศรษฐกิจ
ฝนหลวง,แก้ปัญหาภัยแล้ง,ภัยแล้ง,เครื่องบินฝนหลวง,กระทรวงเกษตร,ธรรมนัส,ปฏิบัติการฝนหลวง
https://news.thaipbs.or.th/content/282936
โควิดระบาด ห้ามห้างค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ขึ้นราคาสินค้า ซ้ำเติมประชาชน
แล้วเมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้ทำหนังสือไปยังห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า รวมถึงร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศห้ามขึ้นราคาขายสินค้าซ้ำเติมความเดือดร้อนผู้บริโภคในช่วงนี้ ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประกอบกับ ช่วงนี้ราคาวัตถุดิบ และราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตสำคัญอยู่ในระดับที่ต่ำ หากผู้ประกอบการฝ่าฝืนหรือแอบฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับตอนนี้สถานการณ์สินค้าไทยไม่ได้มาจากต้นทุนที่สูง แต่มาจากความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น เพราะประชาชนชื้อมาเก็บไว้ในบ้าน ส่วนสาเหตุที่ทำหนังสือถึงห้าง ร้านค้า เพราะเป็นผู้จำหน่ายปลายทาง และเมื่อเช็กดูต้นทางแล้วต้นทุนไม่ได้เพิ่มขึ้น จึงมั่นใจว่าปลายทางจะจัดการได้เพื่อไม่ให้สินค้าปรับราคาขึ้นส่วนกรณีไข่ไก่ ปัจจุบันราคาหน้าฟาร์มสำหรับเบอร์ 3 ซึ่งเป็นขนาดที่ประชาชนบริโภคกันมากเฉลี่ยที่ 2.80 บาทต่อฟอง ดังนั้นราคาขายปลีกไม่ควรเกิน 3.40-3.50 บาทต่อฟอง หากเป็นไข่ไก่ขนาดอื่นบวกลบขนาดละ 20 สตางค์ (สต.) ต่อฟองผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การจำหน่ายไข่ไก่หลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายลง โดยมีปริมาณไข่ไก่บนขั้นวางเพิ่มขึ้น เพราะห้างหลายแห่งได้กำหนดปริมาณการขายไม่เกิน 2-3 แผงต่อ 1 ใบเสร็จ เพื่อที่จะให้ผู้บริโภคสามารถชื้อได้อย่างทั่วถึง โดยสาเหตุที่ปริมาณไข่ไก่ในหลายพื้นที่ได้คลี่คลาย มาจากนโยบายห้ามส่งออก 7 วัน และการดำเนินคดีกับผู้ที่ขายแพงตั้งแต่ฟาร์มไข่ไก่ พ่อค้าคนกลาง และแม่ค้า อย่างจริงจัง.
กรมการค้าภายใน ส่งหนังสือถึงห้างค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ห้ามขึ้นราคาสินค้า ซ้ำเติมประชาชนช่วงโควิดระบาด ฝ่าฝืนเจอคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท ส่วนไข่ไก่ขาดแคลน พบว่าหลายพื้นที่คลี่คลาย
ข่าว,เศรษฐกิจ
โควิด-19,ไข่แพง,ราคาไข่,ตุนไข่ไก่,ห้างค้าปลีก,ตุนสินค้า,ขึ้นราคาสินค้า,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/business/1806663
อันเช ยก พาร์ดิว เหมาะนั่งแท่นกุนซือสิงโตคำราม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วันที่ 9 ธ.ค. ว่า คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือมากประสบการณ์ชาวอิตาลี ชื่นชม และยกย่องในตัว อลัน พาร์ดิว ผู้จัดการทีม คริสตัล พาเลซ ว่ามีความเหมาะสมในการสืบทอดตำแหน่งนายใหญ่ทีมชาติอังกฤษคนต่อไปในอนาคต,โดยกุนซือชาวอังกฤษ วัย 54 ปี ตัดสินใจเข้ามารับเผือกร้อนในถิ่น เซลเฮิร์สต์ ปาร์ค เมื่อเดือนมกราคม ปี 2015 และสามารถพาทีม ดิ อีเกิลส์ กลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้ และเป็นผู้จัดการทีมสัญชาติผู้ดีที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในลีกอีกด้วยในขณะนี้,ซึ่ง คาร์โล อันเชลอตติ เผยว่า รู้สึกชื่นชมในฝีมือของผู้จัดการทีมรายนี้เป็นอย่างมาก และคิดว่าเจ้าตัวมีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะขึ้นมาขี่หลังสิงโตคนต่อไป หลังจาก รอย ฮอดจ์สัน ก้าวลงจากตำแหน่งในอนาคต,ถ้าทีมชาติอังกฤษต้องการหาผู้จัดการทีมคนต่อไปหลังจาก รอย ฮอดจ์สัน ผมคิดว่า พาร์ดิว คือคนที่มีฝีมือ และเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เขาเคยทำได้ดีในการคุมทีม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และในปัจจุบันกับ คริสตัล พาเลซ ด้วยเช่นกัน อันเชลอตติ กล่าวกับสำนักข่าว อินเดเพนเดนท์.
คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือมากประสบการณ์ชาวอิตาลี เชื่อว่า อลัน พาร์ดิว เหมาะสมที่จะเป็นตัวเลือกที่สำคัญในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนต่อไป
null
คาร์โล อันเชลอตติ,คริสตัล พาเลซ,อลัน พาร์ดิว,พรีเมียร์ลีก,ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/546418
ไปกันใหญ่ โรโฮ แจ้ง โซลชาร์ ขอลาทีมซัมเมอร์นี้โยง 2 สาเหตุหลัก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 26 พ.ค. ว่า มาร์กอส โรโฮ ปราการหลังชาวอาร์เจนตินาของ ปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นข่าว ได้แจ้งความจำนงต่อ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ถึงความประสงค์ที่จะหันหลังให้กับสโมสรในช่วงซัมเมอร์นี้,เป็นที่เข้าใจกันว่า มาร์กอส โรโฮ เคยมีช่วงที่โชว์ฟอร์มดีสั้นๆ ระหว่างที่จับคู่กับ ฟิล โจนส์ แต่ทว่าเมื่อได้รับบาดเจ็บหนัก เขาก็ไม่สามารถกลับคืนสู่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมหรือมาตรฐานที่เคยทำได้อีกเลย และก่อความผิดพลาดแบบเข้าตาในพักหลัง,ล่าสุดมีรายงานว่า อดีตเพลงแข้ง สปอร์ติง ลิสบอน ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวกับ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสาเหตุหลักๆ มาจากที่เขาต้องการลงสนามต่อเนื่อง อันส่งผลมาถึงสาเหตุที่สองนั่นคือต้องการกลับมามีชื่อติดทีมชาติอีกครั้ง หลังหลุดโผทัพฟ้าขาวชุดลุยศึก โคปา อเมริกา 2019,ตอนนี้ผมกำลังพยายามทำให้ตัวเองกลับไปฟิตสมบูรณ์และคืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง และพยายามไม่คิดถึงเรื่องการหลุดโผทีมชาติชุดลุยศึก โคปา อเมริกา ให้เครียดมากนัก โรโฮ กล่าว.
มาร์กอส โรโฮ แนวรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดทีมแดนผู้ดี ตกเป็นข่าว ได้แจ้งความจำนงต่อ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือชาวนอร์วีเจี้ยน ถึงความประสงค์ย้ายออกจากทีมซัมเมอร์นี้
กีฬา,ฟุตบอลยุโรป
มาร์กอส โรโฮ,โอเล กุนนาร์ โซลชาร์,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,พรีเมียร์ลีก
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/1576593
มาด้วยรักและหัวใจ คนบันเทิง หลั่งไหลมาพระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวง
อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์ ก็เดินทางมาพร้อมเปิดเผยว่า สำหรับวันนี้ผมก็มาทำหน้าที่เป็นจิตอาสาเก็บขยะครับ รวมถึงมาแจกริบบิ้นด้วย ซึ่งบรรยากาศที่ผมได้เห็นในวันนี้คือมันก็เป็นความตื้นตันในความโศกเศร้านะ ได้เห็นคนไทยรักกันสามัคคีกัน ยิ่งพอมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมันก็ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าทุกคนช่วยเหลือกันจริงๆ มันคือการปลอบใจซึ่งกันและกัน และมันก็คือสิ่งที่ดีที่สุดเลยครับในช่วงเวลานี้ ผมเชื่อมั่นว่าหลังจากนี้ต่อไปก็จะต้องมีคนไทยหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นจากต่างจังหวัดหรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกคนเดินทางกันมาเรื่อยๆ เลยครับ,ถ้าถามถึงคำพูดที่จะเอ่ยถึงพระองค์ท่านจริงๆ มีเยอะแยะมากมายเลยครับ แต่ว่าหลักๆ ก็คงจะยึดหลักคำสอนของท่านอย่างเช่น ความสามัคคี ที่ตอนนี้เราเห็นได้ชัดเลยว่าทุกคนกำลังหยิบขึ้นมาใช้หยิบขึ้นมาช่วยเหลือไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ส่วนเรื่องที่ผมนำมาปรับใช้กับตัวเอง ก็คงจะเป็นในภาพของหลอดยาสีฟันในตู้กระจกที่ถูกบีบจนไม่เหลือเนื้อยาสีฟันแล้ว ซึ่งภาพนั้นทำให้ผมเห็นชัดเลยว่าพระองค์ท่านทรงพอเพียงขนาดไหน ในขณะที่เราบีบยังไม่หมดดีเราก็ทิ้งแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ผมก็ทำตามท่านนะครับ คือภาพนั้นเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนเลย,สำหรับคำถามของชาวต่างชาติหลายคนที่อาจจะสงสัยว่าทำไมคนไทยถึงรักในหลวง ผมก็อยากจะบอกนะครับว่า คนที่เขาได้มาเห็นคนไทยทุกคนในตอนนี้เขาน่าจะสัมผัสถึงความรู้สึก สัมผัสถึงแววตาของคนไทย ณ ตอนนี้ได้ว่าคนไทยเรามีศูนย์กลางเดียวกันซึ่งก็คือพระองค์ท่าน ผมเชื่อว่าถ้าชาวต่างชาติได้เห็นเขาต้องได้อะไรดีๆ กลับไป รวมถึงได้ความประทับใจกลับไปแน่นอนครับ,ในส่วนของประชาชนคนไทยทุกคนที่กำลังโศกเศร้านะครับ ผมก็อยากจะให้ทุกคนเดินหน้าต่อไป สานต่อสิ่งที่พระองค์ท่านได้มีพระราชดำรัสไว้และนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเรา ผมอยากให้ทุกคนรักและสามัคคีแบบนี้กันต่อไปเรื่อยๆ ครับ,ด้านนักร้องนักแสดงสาว จันจิ จันจิรา จันทร์พิทักษ์ชัย เดินทางมาพร้อมกับจันทรา จันทร์พิทักษ์ชัย พี่สาวที่เป็นดีไซเนอร์ นำเอาริบบิ้นสีดำทั้งแบบผู้ชายและผู้หญิงมาแจกประชาชนบริเวณด้านข้างกระทรวงกลาโหม โดยจันจิได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า,ความจริงเป็นไอเดียของพี่สาว คือ นั่งทำกัน แล้วอยากแบ่งปันเราก็ส่งไปรษณีย์ไปให้หลายคนแล้ว วันนี้ก็ได้มาช่วยกันแจก เราทำสองแบบทั้งแบบผู้หญิงและแบบเรียบๆ ของผู้ชาย เผื่อไว้ใช้งานอื่นๆ ด้วย เห็นคนที่ได้รับเขาดีใจ ก็รู้สึกภูมิใจแทนพี่สาวที่เป็นคนต้นคิด สำหรับความรู้สึกต่อในหลวง เราเห็นท่านมาตั้งแต่เด็ก เรารักและเคารพเหมือนพ่อ ตอนทราบข่าวใจหาย หลังจากนี้ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ทำตามพ่อสอน เรื่องพอเพียง เรามีอุปกรณ์มีของเลยอยากเอาอุปกรณ์ที่มีอยู่มาทำแจกดีกว่า ที่มาวันนี้ประทับใจ เดินๆ อยู่มีคนเอาน้ำมาให้ เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศนะที่คนไทยรักกันขนาดนี้,ขณะที่พี่สาวจันจิกล่าวว่า เราเริ่มแจกกันตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว หลังจากนี้เราก็ทำไปเรื่อยๆ ตั้งใจจะแจกจ่ายตามต่างจังหวัดด้วยเพราะว่า คนในกทม.ได้เยอะแล้ว ตอนที่ทำอยู่เราก็เพลินๆ วันนี้ทำมาประมาณหนึ่ง คำสอนของพ่อที่นำมาใช้คือเรื่องพอเพียง ไม่ต้องใช้อะไรมากก็ใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่จำเป็นต้องฟุ่มเฟือย ของที่มีอยู่ เอามาใช้มาดัดแปลงให้เหมาะกับวิถีชีวิตของเราค่ะ
ยังคงมีคนบันเทิงเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระบรมมหาราชวัง รวมถึงไปเป็นจิตอาสา ที่บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวง
null
ในหลวงสวรรคต,พระเจ้าอยู่หัวสวรรคต,รัชกาลที่ 9 สวรรคต,สิ้นรัชกาลที่ 9,พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช,พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ,ประวัติในหลวง,รูปในหลวง,ภาพในหลวง,พระราชดำรัส,พระราชกรณียกิจ,ดารา,ดาราจิตอาสา,ดาราถวายสักการะ
https://www.thairath.co.th/content/760712
รบ.ตูนีเซีย ปราบผู้ชุมนุม-ประกาศเคอร์ฟิว อ้างเรื่องก่อการร้าย
ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กระทั่งล่าสุดในวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา กองกำลังทหารตำรวจได้เข้าล้อมปราบปรามผู้ชุมนุมตามที่ต่าง ๆ ในเมืองด้วยกระบอง แก็สน้ำตา และกระสุนจริง นอกจากนี้ทางรัฐบาลได้สั่งประกาศเคอร์ฟิวช่วงกลางคืน มีรายงานว่าญาติบางส่วนของประธานาธิบดีตูนีเซีย Zine el-Abidine Ben Ali ได้หนีออกจากประเทศเพื่อความปลอดภัยของตนเองไปแล้วในการชุมนุมแห่งหนึ่ง มีผู้เห็นเหตุการณ์รายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ยิงสังหารผู้ชุมนุม 4 ราย บ้างบอกว่าพบเห็นสไนเปอร์บนหลังคายิงเข้าใส่ฝูงชน กลุ่มนักสิทธิฯ ยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่แล้ว 30 ราย ก่อนหน้านี้ในช่วงบ่ายรัฐบาลก็ประกาศเคอร์ฟิวภายใต้เวลา 20.00 น. โดยประธานาธิบดี Ben Ali และเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนอื่น ๆ ยังได้กล่าวหาว่าเหตุความไม่สงบในครั้งนี้เป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ หรือไม่ก็กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง โดยอ้างความไม่พอใจจากการไม่มีงานทำ แต่จากรายงานข่าวพบว่า การประท้วงในครั้งนี้มีหลักฐานการอ้างถึงพระเจ้าหรือสิ่งที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลามน้อยมาก และผู้ชุมนุมบางคนบอกว่าข้อกล่าวหานี้ถือเป็นการดูแคลนพวกเขาพวกนั้นบอกว่าประชาชนเป็นผู้ก่อการร้าย แต่พวกเขา Ben Ali และครอบครัวเองนี่แหละที่เป็นผู้ก่อการร้ายตัวจริง นักศึกษาอายุ 18 คนหนึ่งกล่าวอย่างไรก็ตามในช่วงต้นของวันนี้รัฐบาลก็พยายามทำให้ผู้ชุมนุมสงบด้วยการสัญญาว่าจะเปลี่ยนตัว รมต. มหาดไทย ผู้เป็นเบื้องหน้าในการสั่งปราบปรามผู้ชุมนุม และสัญญาว่าจะปล่อยตัวนักโทษที่ถูกจับในการชุมนุม รวมถึงมีการสืบสวนการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่และการคอร์รัปชั่นในรัฐบาลแต่การสั่งปลด รมต. มหาดไทยก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชุนุมสงบลง พวกเขายังคงออกมาตามท้องถนนในเมืองและในย่านชุมชนของชนชั้นแรงงานในแถวชานเมืองด้วยนิวยอร์กไทม์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศตูนีเซียว่า เป็นประเทศที่มีความคล้ายคลึงยุโรปมากที่สุดในหมู่ประเทศทวีปแอฟริกาเหนือ มีชนชั้นกลางอยู่เป็นจำนวนมาก มีค่านิยมแบบเสรีนิยม กว้างขวางในเรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศ และมีสถานที่แบบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ขณะเดียวกันก็เป็นประเทศที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ให้คะแนนสูงจากการที่พวกเขาดำเนินการปราบปรามผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายอย่างรุนแรงนิวยอร์กไทม์รายงานอีกว่า ตูนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีรัฐบาลที่เน้นการปราบปรามมากที่สุดในภูมิภาคที่เต็มไปด้วยรัฐตำรวจ ประชาชนตกอยู่ภายใต้การจับจ้อง มีการละเมิดสิทธิเสรีภาพพลเมือง และมีการใช้วิธีการทรมาน จนกระทั่งพิษเศรษฐกิจของยุโรปใต้ลามมาถึง จนเกิดปัญหาการว่างงานและความไม่พอใจของประชาชนก็พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก 13-01-2011 New York Times
13 ม.ค. 2554 - หลังจากที่ชาวตูนีเซียอาศัยช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์กเรียกอย่างเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์เรียกรวมตัวกัน เพื่อประท้วงเรียกร้องแก้ปัญหาการว่างงานและประท้วงเรื่องอื่น ๆ โดยมีเหตุปะทะอยู่เนื่อง ๆ
ต่างประเทศ,สิทธิมนุษยชน
Zine al-Abidine Ben Ali,Zine el-Abidine Ben Ali,การปราบปรามผู้ชุมนุม,ตูนิเซีย,สไนเปอร์,แอฟริกา
https://prachatai.com/journal/2011/01/32639
มิใช่ตำแหน่งเทกระโถน
อย่าไปดูถูกว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่สำคัญ หรือเป็นตำแหน่งต่างตอบแทน ตำแหน่งเทกระโถน แต่เป็นตำแหน่งช่วยงานรัฐมนตรี,เหตุที่นายกรัฐมนตรีพูดถึงเรื่องนี้ เนื่องจากมีการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองกันอย่างมโหฬาร ทั้งตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี และรองโฆษกรัฐบาล ส่วนใหญ่เป็นไปตามเสียงต่อรองของบรรดาพรรคจิ๋วซึ่งมี ส.ส.แค่คนเดียว แต่ฉวยโอกาสเรียกร้องเมื่อรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ,คำว่า ที่ปรึกษาเทกระโถน เป็นคำพูดของ พล.ต.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2518-2519 จากผลการเลือกตั้งที่มีพรรคเล็กพรรคน้อยแห่เข้าสภา ไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมาก ต้องยอมให้พรรคกิจสังคมที่มี ส.ส.แค่ 18 คน เป็นแกนนำรัฐบาลผสมหลายพรรค เรียกว่าร้อยพ่อพันแม่,เหตุผลสำคัญที่มีพรรคเล็กพรรคน้อยเกิดขึ้นมากในยุคนั้น เนื่องจากความตื่นตัวทางการเมืองของคนไทยในยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หลังจากที่อยู่ใต้ระบอบเผด็จการยาวนานเกือบ 20 ปี คล้ายกับยุคปัจจุบัน ที่มีพรรคเกิดขึ้นและเดินเข้าสภาเกือบ 30 พรรค หลังจากอยู่ใต้เผด็จการ 5 ปี,รัฐบาลคึกฤทธิ์เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค แม้จะมีพรรคเล็กพรรคน้อยอยู่ด้วย แต่ไม่มีพรรค จิ๋ว ที่มี ส.ส.แค่คนเดียวอย่างในขณะนี้ แต่ก็มีการเรียกร้องขอตำแหน่งทางการเมือง ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาก็ยังดี นายกรัฐมนตรีจึงต้องตั้งคนของพรรคต่างๆเป็นที่ปรึกษา แต่ประชดว่า ที่ปรึกษาเทกระโถน ให้รัฐมนตรี,พรรคเล็กพรรคน้อยในยุคนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะรัฐธรรมนูญเป็นเหตุใหญ่ แต่เกิดจากการตื่นตัวทางการเมือง ต่างจากพรรคเล็กพรรคจิ๋วในขณะนี้ เกิดจากรัฐธรรมนูญ และการตีความรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้พรรคที่ได้คะแนนทั้งประเทศแค่ 3 หมื่นเศษ ก็ได้ ส.ส. แทนที่จะใช้คะแนน 7.2 หมื่นเป็นหลัก,จึงมีพรรคเล็กพรรคจิ๋วเกิดขึ้นมากมาย กลายเป็นคุณต่อพรรคพลังประชารัฐที่ได้ ส.ส.ไม่ถึง 120 แต่ต้องเป็นแกนนำรัฐบาล แม้จะดึงพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยเข้ามาก็ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่ง (251 เสียงขึ้นไป) จึงต้องคว้าบรรดาพรรคจิ๋วเข้าร่วมรัฐบาลผสม 19 พรรค และตอบแทนด้วยตำแหน่งที่ปรึกษา
นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองในหลายกระทรวง จะทยอยแต่งตั้งไปเรื่อยๆ คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยในสัปดาห์หน้า ขอให้มองว่าเป็นการตั้งคนเพื่อเข้าไปทำงาน
null
ตำแหน่งเทกระโถน,คึกฤทธิ์ ปราโมช,การเลือกตั้ง,พรรคจิ๋ว,พรรคพลังประชารัฐ,รัฐธรรมนูญ,บทบรรณาธิการ
https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/1638951
หวิดตายหมู่ คนขับปิกอัพหลับในตกร่องถนน คนงานบาดเจ็บ 6
เมื่อเวลา 07.40 น. วันที่ 6 มิ.ย. ร.ต.อ.เอนก บุญคงดี พนักงานสอบสวน สภ.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุบนถนนเพชรเกษม บริเวณจุดกลับรถบ้านนาวัลเปรียง หลักกิโลเมตรที่ 266+200 ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี และกู้ภัยสว่างเมธีธรรมสถาน สามร้อยยอด,ที่เกิดเหตุพบรถกระบะตอนครึ่ง ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน ฒพ 7016 กรุงเทพมหานคร ตกอยู่ในร่องกลาง ในสภาพตะแคงด้านขวา มีร่องรอยชนเสาไฟในร่องกลางจนหักกระเด็น รวมทั้งกล้องวงจรปิดพังเสียหายจำนวน 3 ตัว เครื่องยนต์สำหรับงานก่อสร้างกระเด็นออกมาจากรถกระจัดกระจาย ในรถพบผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนทั้งสิ้น 6 ราย เป็นชาย 5 ราย หญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งสองหน่วยงานได้เร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำทั้งหมดลำเลียงส่งโรงพยาบาลสามร้อยยอด,จากการสอบถาม นายนฤพล ชมภูพันธ์ อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถคันดังกล่าว เล่าว่า ตนเองพร้อมกับคนงานทั้งหมดออกมาจากจ.สมุทรปราการ ตั้งแต่กลางดึก กำลังเดินทางไปทำงานเกี่ยวกับซ่อมแซมถนนที่ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรู้สึกว่าวูบหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่รถชนเสาไฟในร่องกลางแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน และจะได้สอบสวนหาสาเหตุอีกครั้ง,สำหรับผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อต่อมามี 1. นายนฤพล ชมภูพันธ์ อายุ 21 ปี 2. นายพลวัตน์ แสงชัย 3. น.ส.ลมัย ยางนามอินทร์ อายุ 27 ปี 4. นายอุดมศักดิ์ สารการ อายุ 17 ปี 5. นายศักดิ์ดา แซ่ตั้ง 6. ด.ช.ทิวัตถ์ แดนกลาง อายุ 13 ปี.
รถปิกอัพรับคนงานก่อสร้างวิ่งจากสมุทรปราการ มุ่งหน้าประจวบคีรีขันธ์ ถึงกุยบุรีคนขับเกิดหลับใน ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ ทั้งคนงาน อุปกรณ์ก่อสร้างที่บรรทุกมากระเด็นตก มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 6 คน
null
ปิกอัพตกถนน,หลับใน,คนงานก่อสร้าง,บาดเจ็บ6คน,ถนนเพชรเกษม,สามกระทาย,กุยบุรี,ข่าวทั่วไทย,ข่าวสังคม,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/632827
ร.10 พระราชทานพวงมาลา วางหน้าหีบศพผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดปัตตานี
ในหลวงรัชกาลที่ 10 พระบรมวงศานุวงศ์พระราชทานพวงมาลา ตะกร้าสิ่งของพระราชทาน วางหน้าหีบศพอาสาสมัครทหารพรานชาวตรัง ที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดในปัตตานี,ที่ศาลาวัดไตรสามัคคี ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เวลา 19.00 น.วันที่ 23 กันยายน 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เชิญพวงมาลาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9,,สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ,สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ,ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงค์เธอ ,พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ,พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ,พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวนารีรัตน์ ,พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ,ไปวางที่หน้าหีบศพ อาสาสมัครทหารพรานปฐมพร คงสัย อายุ 22 ปี พลลาดตะเวน ชุดปฏิบัติการที่ 5 กองร้อยทหารพรานที่ 4412 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 เสียชีวิตจากเหตุคนร้าย ลอบวางระเบิดบริเวณถนนสาย 42 บ้านตะบิ้ง หมู่ที่ 1 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 22 ก.ย.2560 ขณะตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่ศาลาวัดไตรสามัคคี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับครอบครัวของาสาสมัครทหารพรานปฐมพร คงสัย ผู้เสียชีวิต,คุณแม่ดุษฎี คงสัย และญาติๆ ต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ขณะที่บรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีแขกเหรื่อและเพื่อนทหาร และข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ มาร่วมไว้ความอาลัยหลายร้อยคน.
ในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์พระราชทานพวงมาลา วางหน้าหีบศพอาสาสมัครทหารพรานชาวตรังที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดปัตตานี
ข่าว,ทั่วไทย
พวงมาลาพระราชทาน,รัชกาลที่ 10,ปัตตานี,3 จังหวัดชายแดนใต้,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1078937
ลูกๆ 82.34% กล้าบอกรักแม่ในวันแม่ ชี้เป็นสิ่งไม่น่าอายต่อผู้ให้กำเนิด
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ความในใจจากลูกที่มีต่อแม่ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 2560 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปทั่วประเทศ กระจาย ทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,246 หน่วยตัวอย่าง โดยเมื่อถามการพักอาศัยอยู่กับคุณแม่ในปัจจุบัน พบว่า ประชาชน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 56.10 ระบุว่า ไม่ได้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน และร้อยละ 43.90 ระบุว่า พักอาศัยอยู่ด้วยกัน,เมื่อถามว่าประชาชนมีการบอกรักกับคุณแม่ของท่านบ่อยมากน้อยเพียงใด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 28.17 ระบุว่า ไม่เคยบอกรักเลย รองลงมา ร้อยละ 21.43 ระบุว่า บอกรักนานๆ ครั้ง ในรอบ 1 เดือน ร้อยละ 20.95 ระบุว่า บอกรักนานๆ ครั้งในรอบ 1 ปี ร้อยละ 12.60 ระบุว่า บอกรักกันเป็นบางครั้ง 1-3 วัน/สัปดาห์ ร้อยละ 11.88 ระบุว่า บอกรักกันทุกวัน และร้อยละ 4.97 ระบุว่า บอกรักกันเกือบทุกวัน 4-6 วัน/สัปดาห์,ด้านความกล้าในการที่จะบอกรักคุณแม่เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ปี 2560 หากมีโอกาสได้อยู่ต่อหน้าหรือพูดคุยผ่านสื่อต่างๆ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.34 ระบุว่า กล้าบอกรัก เพราะมีความรักสนิทสนมกับคุณแม่และบอกรักกันเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าอาย เป็นสิ่งที่ดี แม่เป็นผู้ให้กำเนิด เป็นผู้มีพระคุณกับเรา ควรแสดงออกให้ท่านได้ทราบ และไม่จำเป็นต้องเป็นวันแม่เสมอไป,ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่เคยบอกรักคุณแม่มาก่อน คุณแม่อายุมากแล้ว ครั้งนี้จะบอกรักให้ได้ รองลงมาร้อยละ 16.29 ระบุว่า ไม่กล้าบอกรัก เพราะรู้สึกเขินหรืออาย แต่จะใช้การกระทำในการแสดงออก หรือการดูแลเอาใจใส่แทนมากกว่าคำพูด เช่น ซื้อของไปฝาก พาไปทานข้าว ดูแลค่าเลี้ยงดูหรือค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ขณะที่บางส่วนระบุว่า คุณแม่อายุมากแล้ว หรือไม่ได้มีความสนิทกับคุณแม่ คุณยายเป็นคนเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด และร้อยละ 1.37 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ,ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสิ่งที่ รัฐบาล องค์กรเอกชน หรือหน่วยงานต่างๆ ควรสนับสนุนให้สถาบันครอบครัวแสดงออกถึงความรักที่มีต่อกัน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 28.40 ระบุว่า เน้นการแสดงออกความรักด้วยการสนทนา การพูดคุยกันแบบเจอหน้ากัน มากกว่าการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ร้อยละ 26.14 ระบุว่า รณรงค์ให้สมาชิกในครอบครัวแสดงออกถึงความรักในรูปแบบต่างๆ และไม่จำเป็นต้องเป็นวันสำคัญเท่านั้น,นอกจากนี้ ร้อยละ 17.92 ระบุว่า จัดกิจกรรมเพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว เช่น กิจกรรมช่วยเหลือสังคม ร้อยละ 16.10 ระบุว่า ผลิตสื่อ เช่น ละครสั้น คลิปวิดีโอ โฆษณา ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้างความรัก ความเอาใจใส่ในครอบครัวผ่านสื่อต่างๆ ร้อยละ 8.99 ระบุว่าสนับสนุน หรือมอบรางวัล ครอบครัวที่เป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องของความรักของสมาชิกในครอบครัว ร้อยละ 0.91 อื่น ๆ ได้แก่ ภายในครอบครัวควรแสดงความรักต่อกันโดยไม่ต้องพึ่งรัฐบาล อยู่ที่จิตสำนึกแต่ละคนที่จะแสดงออก และเน้นบอกรักผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และร้อยละ 1.54 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ.
นิด้าโพล เผย คนส่วนใหญ่ 82.34% กล้าบอกรักแม่ในวันแม่ ชี้เป็นสิ่งไม่น่าอายต่อผู้ให้กำเนิด ขณะที่ 56.10% ระบุ ไม่ได้อยู่กับแม่ และ 16.29% บอกไม่กล้าบอกรัก เพราะอาย แต่จะซื้อของไปฝาก พาไปทานข้าว ดูแลเอาใจใส่มากกว่าคำพูด
ข่าว,สังคม
วันแม่,วันแม่2560,โพลวันแม่,บอกรักแม่,ลูกบอกรักแม่,การศึกษา
https://www.thairath.co.th/news/society/1035029
สื่อไทยเลว? อันคัตเบื้องลึกคนข่าว กอล์ฟ มิ้นท์ ภารกิจ #ถ้ำหลวง
นี่คือคำพูดที่เราสัมผัสได้ว่าเขาคิดแบบนั้นจริงๆ จาก ,กอล์ฟ - ทัศนัย โคตรทอง, และ ,มิ้นท์ - อรชพร ชลาดล, ผู้ประกาศข่าวไทยรัฐทีวี ,จากกรณีที่สื่อมวลชนโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกับภารกิจถ้ำหลวงที่ผ่านมา ,Thairath Talk ,มีโอกาสได้พูดคุยกับ 2 ผู้ประกาศข่าว กอล์ฟ ทัศนัย และ มิ้นท์ อรชพร ที่ได้ลงไปทำข่าวภาคสนาม คลุกฝุ่น คลุกโคลน กับการรายงานข่าวครั้งประวัติศาสตร์ ,13 ชีวิตติดถ้ำหลวง,ตลอดการรายงานข่าวหลายสิบวัน มีทั้งเหตุการณ์ความยากลำบาก กดดัน ตื่นเต้น ประทับใจ น้ำตาคลอ ที่มากกว่าการอ่านข่าวตามสคริปต์ในสตูดิโออย่างที่หลายคนเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพ ผู้ประกาศข่าว เราจะพาไปเปิดเบื้องหลัง เบื้องลึกว่าแท้จริงแล้วเขาทำอะไรกันบ้าง ,Thairath Talk : กว่าจะเป็นกอล์ฟ มิ้นท์ ไทยรัฐทีวี,กอล์ฟ :, เอาจริงๆ ไม่ได้อยากเป็นนะครับ เพราะว่าเรียนนิเทศศาสตร์มา อยากทำงานเบื้องหลังมากกว่า แต่ไปยื่นฝึกงานที่ช่อง 7 แล้วมันเต็ม เขาก็ได้ให้ไปฝึกฝ่ายข่าว ฝึกไปฝึกมาเขารับเข้าทำงานเลย แล้วทำจนถึงทุกวันนี้เข้าสู่ปีที่ 12 แล้วครับ,ตอนแรกเราไม่ได้ชอบข่าวอะ เราอยากทำรายการทีวี อยากเป็นโปรดิวเซอร์ แต่พอทำไปทำมามันใกล้ตัวเรานี่ เพราะทำเรื่องเศรษฐกิจมีเรื่องปากท้อง ค่ารถไฟ ค่ารถเมล์ ค่าหมู ค่าผัก อะไรทุกอย่างมันแพงมันก็เกี่ยวข้องกับเราหมด พอทำปุ๊บมันทำให้เราได้รู้เรื่องก่อนคนอื่นเขาแล้วก็เอามาปรับใช้กับตัวเองได้มากขึ้น ทำให้เราชอบก็เลยตั้งใจว่าจะเดินสายข่าวให้มันสุดไปเลย ดูซิว่ามันจะสุดตรงไหน,มิ้นท์ :, จริงๆ ไม่ต่างจากพี่กอล์ฟ แต่มิ้นท์ไม่ได้เรียนนิเทศฯ เป็นคนไม่ชอบดูข่าวคือมันน่าเบื่อ แต่ว่าชอบทำงานพิธีกร งานที่ได้เจอคนได้พูดได้ใช้ภาษา มิ้นท์ก็มาจากสายพิธีกรตอนนั้นก็ยังอยู่ช่อง 7 แต่ไม่เคยเจอพี่กอล์ฟ คือพี่กอล์ฟอยู่ฝ่ายข่าว นี่อยู่ฝ่ายรายการ ก็ทำสายพิธีกรมาโดยตลอด แล้วทีนี้พอดีเป็นช่วงที่กำลังเรียนอยู่แล้วพอเรียนจบปุ๊บก็เลยคิดว่าเราจะเป็นฟรีแลนซ์ไปอีกนานแค่ไหน แล้วพอดีไทยรัฐเขาขึ้นช่องทีวีดิจิตอลพอดี,เราก็มองว่ามันก็เป็นอีกสเตปหนึ่งของวงการทีวีก็เลยมาสมัครเพราะว่าคือใจก็รู้นะว่าทุกอย่างมันก็ยังไม่ชอบ ถามผมมันน่าเบื่อแต่มันคือสิ่งที่เราต้องรู้เพราะมันคือเรื่องรอบตัว เข้าใจว่าก็รู้สึกว่ายังไงก็ยังไม่ชอบข่าว รู้สึกว่ามันน่าเบื่อ แต่มันคือสิ่งที่เราต้องรู้เพราะมันคือเรื่องรอบตัวเรา ก็เลยรู้สึกว่ามาตรงนี้ดูแล้วกัน,Thairath Talk : เรียกตัวเองว่าเป็นคนข่าวตัวจริงได้หรือยัง ?,กอล์ฟ :, ผมว่าได้นะ เพราะคนข่าวตัวจริงในความคิดเรามันไม่ใช่คนที่แค่นั่งอยู่หน้าจอทีวี มันต้องเป็นคนที่พร้อมลงพื้นที่ทันทีที่มันมีสถานการณ์เกิดขึ้น เราก็เอาตัวเราไปอยู่ตรงนั้นให้เร็วที่สุดแล้วก็รายงานข่าวทันทีที่เราไปถึง แล้วก็ถูกต้องชัดเจน อันนี้คือคนข่าวตัวจริงครับ,มิ้นท์ :, มิ้นท์เป็นคนข่าวตัวจริงรุ่น Beginner คือมิ้นท์เพิ่งทำงานข่าวที่ไทยรัฐมา 4 ปี ประสบการณ์มิ้นท์ยังไม่เท่าพี่กอล์ฟ พี่กอล์ฟเขาลงพื้นที่มาเยอะ เจอข่าวมาหลายรูปแบบแล้ว อ่านข่าวมานาน ของมิ้นท์อาจมีประสบการณ์อ่านในสตูดิโอ ลงพื้นที่ไม่ค่อยบ่อยเท่าไร ก็ลงบ้าง เลยรู้สึกว่าเราอยู่ในขั้นตอนของการเติบโตไปเป็นคนข่าวตัวจริงอยู่,Thairath Talk : ภารกิจถ้ำหลวง,กอล์ฟ :, คือเราสองคนจะลงไปคนละเวลาแต่ที่เดียวกัน ผมไปตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องจนถึงวันที่พบทั้ง 13 คน แต่น้องมิ้นท์ไปต่อจากวันที่พบจนออกมาจากถ้ำ มาแตะมือกัน,Thairath Talk : ครั้งแรกไหมที่ลงออกไปคลุกฝุ่น คลุกโคลน ทำข่าวภาคสนาม,กอล์ฟ :, ถ้านับตั้งแต่ทำข่าวมาไม่ใช่ครั้งแรก เหตุการณ์แรกที่ลงก็คือชุมนุมทางการเมืองปี 53 ที่มีการเผาบ้านเผาเมือง 2 สี ทะเลาะวิวาทกันอันนั้นเป็นครั้งแรกที่ลงไป นับว่าประสบการณ์ที่ดี แล้วก็มีเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ปี 54 อันนั้นก็รายงานข่าวตั้งแต่นครสวรรค์ยันกรุงเทพมหานคร ทุกวันน้ำจะลดลงไป แล้วก็มาเหตุการณ์นี้ถ้ำหลวง,ถึงแม้มันจะเป็นแบบแค่ 10 กว่าวัน แต่เหตุการณ์นี้หนักเหนื่อยที่สุด เครียดที่สุดแล้วกดดันที่สุดเท่าที่เคยทำ เพราะมันไม่ใช่อยู่ในกรุงเทพฯหรือในประเทศไทย แต่มันเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกสนใจอยู่ครับ,มิ้นท์ :, จริงๆ ไม่ใช่ภารกิจแรก ภารกิจแรกไทยรัฐส่งไปเนปาลตอนแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ อันนั้นคลุกฝุ่นของจริง คลุกทั้งฝุ่น เดินขึ้นเขา 2 กิโลฯ อันนั้นน่าจะโหดกว่าอันนี้ อีกอย่างหนึ่งคือความกดดันอันนี้มิ้นท์มีไม่เท่าพี่กอล์ฟ เพราะของพี่กอล์ฟคือตอนที่ไม่รู้ว่าจะเจอไหม ไม่รู้ว่าจะเจอเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าจะรอดครบไหม คือตรงนั้นก็จะกดดันมากเพราะคนก็ติดตามเยอะ แต่ตอนมิ้นท์ไปคือเจอแล้ว แบบในสภาพที่แข็งแรงแล้วก็ปลอดภัยทั้ง 13 คน เหลือแค่ว่าเอาออกมายังไง มันกดดันน้อยกว่าเยอะ,Thairath Talk : วินาทีที่เจอทั้ง 13 คน,กอล์ฟ :, คือมันบอกเป็นความรู้สึกที่ยากที่จะบอก ณ ตอนนั้นกำลังรอเข้ารายการสดอยู่ ตามสคริปต์ที่เตรียมเอาไว้เพราะยังไม่รู้ว่าเจอแล้ว กำลังจะเข้าปุ๊บได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอยู่ที่บริเวณกองอำนวยการ คนเฮ หรือมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ก็เลยบอกช่างภาพตามพี่มา แล้วบอกข้างในว่าให้สดเดี๋ยวนี้เลย พี่คิดว่าต้องเจอแล้ว วิ่งไปปุ๊บผู้ว่าฯ บอกว่า เจอแล้ว,มิ้นท์ :, คือคนที่จะโยนให้พี่กอล์ฟสดคือมิ้นท์นี่แหละ แล้วเราก็ได้ยินข้างในพูดมา เราก็หูตั้งเลยอะไรๆ เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้าประมาณสัก 3 ทุ่มมีข่าวบอกว่าเจอแล้วแต่ไม่ครบ คือมันมีหลายกระแสมาก เราได้ยินเลยว่าแบบรอด 5 เราก็เป็นแบบยังไงกันแน่ เฟิร์มไม่เฟิร์ม พักหนึ่งข้างในบอกเจอแล้ว หูตั้งเลย มิ้นท์นะหูตั้ง จริงปะชัวร์ปะ ก็เลยโยนเข้าพี่กอล์ฟ,กอล์ฟ : ,พอรับมาก็ตั้งสติอยู่แป๊บนึงก่อนเพราะว่ามันตื้นตัน มันดีใจ มันรวมทุกอย่าง มันหลั่งไหลมาน้ำตามันจะไหลก็เลยแบบตั้งสติแป๊บนึงก่อน รวบรวมว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นคืออะไรแล้วก็พูด มีคนเอาไปโพสต์ว่าผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ มันคือเรื่องจริงนะ (หัวเราะ) มันจะร้องไห้ จะร้องแต่เราต้องคุมสติเพราะเรามีหน้าที่อยู่ มันร้องแต่ไม่อยากจะให้มันมีน้ำตาไหลออกมา,มิ้นท์ :, คือจะเกาหลีๆ หน่อยคือน้ำตาคลอ แต่น้ำตามันไม่หยดอะ (หัวเราะ) แต่มันแดง,กอล์ฟ :, แต่ตั้งใจพูดมากเพื่อให้คนไทยทั้งประเทศฟัง ว่าตอนนี้เจอหมูป่าทั้ง 13 คนแล้ว และ 13 คนรอดชีวิต เป็นประโยคที่ผมอยากพูดที่สุดตลอดหลายวันที่ผ่านมาแล้วก็ได้พูด เพราะว่าคนจะอินบ็อกซ์มาถามตลอด เจอรึยังๆ ครบหรือเปล่า อันนี้พูดเต็มปากแล้วเจอแล้วให้คนไทยทั้งประเทศที่ดูอยู่ได้รู้พร้อมกับเรา แล้วเราเข้าช่องแรกด้วยซ้ำไป ณ เวลานั้น ผมภูมิใจมาก แต่สุดท้ายมันก็กลั้นไม่อยู่ น้ำตามันก็ไหลออกมา,มันทําให้คนติดตามน้ำตาไหล คือเราเครียด เราเห็นหน้าพ่อแม่เขาอย่างมีความหวัง คนถามเราก็ข่าวลือมาว่าน้องรอดไม่ครบบ้างอะไรบ้าง เราก็เครียด เครียดมากแล้วเราก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าเจอหรือยัง แต่พอเขาบอกว่าเจอแล้ว มันเหมือนปลดความรู้สึกออกทั้งหมด,Thairath Talk : ตอนอยู่หน้าถ้ำหลวงแต่ละวันทำอะไรบ้าง,มิ้นท์ :, ตอนมิ้นท์ไปถึงคือเขาปิดหน้าถ้ำแล้ว คือตั้งแต่เจอน้องเขาก็กั้นไว้ ตอนที่มิ้นท์อยู่ที่สตูแล้วดูพี่กอล์ฟรายงาน ยังคิดเลยว่าพื้นที่มันกว้าง เดินไปทางนั้นที เดินไปทางนี้ที แต่พอไปถึงปุ๊บมันแค่นี้เอง ก็เลยถามเขาว่ามีแค่นี้เองหรอ เพราะมันดูกว้างมาก ความเป็นจริงคือพื้นที่มันไม่ได้กว้างเลยค่ะ  ,เล่าย้อนไปคือตอนแรกพี่ต๋อย (ต๋อย-ประณต วิเลปสุวรรณ ผู้บริหารไทยรัฐทีวี) โทรมาถามว่า มีความคิดว่าจะส่งไปเชียงรายอยากไปไหม คือในใจอยากไปมาก คือมิ้นท์อยากลงพื้นที่ รู้สึกว่าการลงพื้นที่มันคือข้อได้เปรียบของการเป็นนักข่าวมันทำให้เราได้เห็นอะไรหลายอย่างแล้วมันไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เจอหรือว่าสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ มิ้นท์ก็บอกพี่ต๋อยว่าไป มิ้นท์อยากไป,พอมิ้นท์ไปถึงแต่เช้าให้พี่กอล์ฟพาเซอร์เวย์ด้วยความที่หนึ่ง มิ้นมาจากสายพิธีกรใช่ไหมคะ มิ้นท์ไม่ค่อยได้ลงพื้นที่ Connection มิ้นท์เป็นศูนย์ คือพูดคำนี้ได้เลยคือเป็นศูนย์ พี่กอล์ฟยังมาจากสายข่าว เขายังรู้ว่ามันต้องทำยังไง เขาเคยลงพื้นที่มาก่อน มิ้นท์เคยลงพื้นที่แค่ไปเนปาลซึ่งมันต่างประเทศ Connection มันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่อันนี้มิ้นท์ต้องรู้จักคนพื้นที่ คนท้องถิ่นหรืออะไรบ้างหรืออย่างน้อยก็ให้พี่กอล์ฟพาไปแนะนำบ้าง แบบมาแตะมือกันตรงไหนหรืออะไรยังไงตรงไหน เต็นท์ข้าว เต็นท์หน่วยซีล เต็นท์ต่างประเทศ เต็นท์ PR ควรแต่งตัวแบบนี้,กอล์ฟ :, เราบอกข้อมูลไปแล้วว่า ต้องเตรียมอะไรมาบ้าง เสื้อผ้ายังไง มันฝนตกทั้งวันแล้วเดินกลับนี่ขี้โคลน ถ้าไม่มีรองเท้าบูตมันเน่า เสื้อผ้าบอกว่าอย่าใส่สีอื่นมา เอาสีดำมา เพราะมันซักไม่ออก ทุกวันนี้มันก็ซักไม่ออกมันก็กองอยู่ที่บ้านเป็นโคลนอยู่เลย (หัวเราะ),Thairath Talk : สิ่งที่ยากที่สุดในภารกิจนี้ ,มิ้นท์ :, สำหรับมิ้นท์รู้สึกว่ามันยากตรงที่ว่า ตั้งแต่เจอน้องข้อมูลหายากมาก คือเขาปิดหมด แถลงข่าว 2 รอบเช้าเย็น และเย็นบางทีก็ไม่ตรงเวลาด้วย หาข่าวจากที่ไหนก็ไม่ได้ ถึงแม้ว่าเราจะมีสิทธิ์ เราก็มีแบบเอาบางคนเขามี connection เรียกท่านหน่วยซีลบ้าง อะไรบ้าง คือเราก็พยายามถามแต่พูดไม่ได้ คือได้ยินคร่าวๆ ว่าตอนนี้เป็นแบบนี้ มีการวางแผนจะปฏิบัติแบบนี้ แต่เรารายงานไม่ได้เพราะว่าแหล่งข่าวเรามีปัญหา มันยากกับมิ้นท์ตรงที่ว่ารายงานอะไรดี พูดอะไรดี,อีกอย่างสำหรับมิ้นท์สิ่งที่ยากคือการสื่อสารให้คนที่เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น คนที่ดูทีวีอยู่ที่บ้านหรือคนที่ตามข่าว สื่อสารให้เขาเข้าใจจริงๆ ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นแบบไหน แล้วก็สู้กับความรู้สึกส่วนตัวของคนดูทุกๆ คนด้วย เพราะว่าแต่ละคนต่างคนต่างความคิด เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินว่าคนนี้ถูกหรือคนนี้ผิด เพียงแต่เราจะทำยังไงให้เขาเข้าใจตรงกันว่า ณ ตอนนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเป็นแบบไหน,กอล์ฟ :, เราสู้กับข่าวลือ อยู่ตรงนั้นมีแต่คนออกมาบอกเราเต็มไปหมดเลย เจอแล้วบ้าง คนที่อยู่ข้างนอกรู้เยอะกว่าเราด้วยซ้ำไป เราก็แบบเอ๊ะเราอยู่หน้าถ้ำเรายังไม่รู้เลย อันนี้คือสิ่งที่มันยากเพราะเราไม่รู้ว่ามันจริงรึเปล่านะ ถ้าเกิดมันจริงแล้วเราไม่มีขึ้นมาจะทำยังไง เราจะได้ออกอากาศรึเปล่า ความยากคือความถูกต้องของเนื้อหาที่มันออกเพราะว่ากระทบจิตใจพ่อแม่เขา กระทบจิตใจคนดู กระทบเรื่องของหลักสิทธิมนุษยชน กับเด็กๆ ทั้ง 13 คน มันต่อสู้ทั้งข่าวลือ ต่อสู้ทั้งความเร็วที่การออกอากาศ ต่อสู้กับตัวเองที่เราต้องประคองสติทุกอย่างเอาไว้ยังไงบ้าง อันนี้คือความยากที่สุดในการทำงานที่ถ้ำหลวง,Thairath Talk : ภารกิจนี้เต็ม 10 ให้ตัวเองเท่าไร,มิ้นท์ :, ให้ 8 สูงไปปะ มิ้นท์อยากให้ตัวเอง 8 เพราะว่ามิ้นท์ตั้งใจ ตั้งใจจริงๆ แล้วก็ถามว่าอยากกลับไปมีตรงไหนที่อยากกลับไปแก้ไหม ไม่มี มิ้นท์ว่ามิ้นท์รายงานครบ ได้ครบทุกมุม,Thairath Talk : เหตุการณ์ประทับใจ จดจำจนวันตาย รายงานข่าวครั้งประวัติศาสตร์,กอล์ฟ :, แน่นอนสำหรับผมวันที่เจอแล้ว อันนี้มันอยู่ในชีวิตผมจนตายแน่นอน แล้วผมจะเอาเรื่องราวพวกนี้เอาไปเล่าให้กับคนอื่นฟังได้ตลอดชีวิต เพราะว่าผมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ในคืนวันนั้น เพราะว่าต้องบอกว่าวันก่อนเจอกับวันที่เจอ 2 วันนั้นผมไม่ได้นอน ก่อนหน้าวันนั้นเราตื่นตี 5 มาทำงานแล้วเจอ ต้องทำมาตั้ง 3-4 ทุ่ม แล้วผมต้องลากยาวถึงอีกวันหนึ่ง เพื่อประเมินสถานการณ์ว่ามันจะยังไงต่อไป ไม่ได้นอนเลย 24 ชั่วโมง,สิ่งที่ประทับใจคือเมื่อเราได้อยู่ในนาทีประวัติศาสตร์ คือในนามของผู้สื่อข่าวไทยรัฐทีวี ที่ได้พูดออกไปว่าเจอทั้ง 13 คนแล้ว แล้วมันมีคนดูเยอะแยะมากมาย ดาราที่ครอปรูปเราตอนที่พูดแล้วเราร้องไห้ด้วย ร้องไห้อยู่แล้วหน้าเราเต็มไปหมดเลย เปิดเฟซบุ๊กมา ต้องขอบคุณคุณโอปอล์ด้วยที่แบบเอารูปเราไปโพสต์แล้วต้องให้เครดิตว่าเป็นไทยรัฐทีวี มันทำให้เราประทับใจมาก คือเราทำงานเราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะมีชื่อเสียง ว่ามันจะมีคนติดตาม ว่าเราจะดัง แต่ว่าเราคาดหวังแค่ว่าเราอยากจะบอกสิ่งที่เขาอยากรู้เท่านั้นเอง มันก็เลยกลายเป็นเราจะจดจำตลอดไป ว่าเราอยู่ในประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ว่าเราเป็นผู้สื่อข่าวถ้ำหลวง,มิ้นท์ :, ของมิ้นท์ก็คล้ายกับพี่กอล์ฟ เพราะว่าเราได้เข้าไปอยู่ตรงนั้น เราได้เห็นว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่ไม่ใช่ทุกคนจะได้อยู่ตรงนั้น ทั้ง 7 วันที่มิ้นท์อยู่ตรงนั้นก็คือมิ้นท์ประทับใจทุกวัน เพราะว่ามันคือการต่อสู้กับตัวเองของเราว่าวันนี้จะพูดอะไร วันนี้จะรายงานเรื่องไหน วันนี้เราจะเอาอะไรไปบอกคนอื่นในสถานการณ์ที่เราไม่รู้อะไรเลย,นักข่าวหน้าถ้ำความรู้ตอนนั้นไม่ได้ต่างจากคนดูที่บ้านเลย เพราะว่าเราไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยเหมือนกัน มันคือช่วงเวลาแต่ละวันที่มันเหนื่อยแต่มันไม่ทรมาน มันเหนื่อยแต่มันท้าทาย แล้วมันทำให้เราได้เห็นว่าเราข้ามขีดจำกัดตัวเองไปได้ เราทำได้ เราสามารถไปอีกก้าวหนึ่งได้ คือมันทำให้มิ้นท์ได้เรียนรู้ว่า มันไม่มีทางตัน ถ้าเราหายังไงมันก็เจอ มันก็ได้เป็น 7 วันที่แบบประทับใจ ,Thairath Talk : ในยุคที่สื่อมวลชนโดนถามหาจรรยาบรรณสื่อ มีเรื่องอะไรต้องระวังเป็นพิเศษไหม,กอล์ฟ :, ก่อนเราลงพื้นที่เราเตรียมรับเอาไว้แล้วกับเรื่องแบบนี้ เพราะว่าไม่ว่าจะทำอะไรไปแตะต้องตรงไหนนั้นก็จะมีดราม่ามีคำถามตามมามากมายเลยนะครับ ซึ่งเราก็จะระวังตัวเองไม่พูดในสิ่งที่เราไม่รู้ จะพูดก็ต่อเมื่อมีคนคนหนึ่งมาบอกว่าเขาพูดแบบนี้แล้วเราก็บอกว่าเขาพูดแบบนี้ เพราะถ้าเราพูดจากปากเราเอง คำถามคือคุณรู้ได้ยังไง ถูกหรือเปล่า,เราก็จะบอกว่าท่านผู้ว่าฯ พูดแบบนี้ หน่วยซีลพูดแบบนี้ ชาวบ้านพูดแบบนี้ แล้วเราก็รู้ว่าขอบเขตที่เราควรจะอยู่ทำอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง ถ้าเกิดว่าเจ้าหน้าที่เขาขอร้อง เราก็อยู่แค่นี้จุดที่เราอยู่ ถ้าผู้ชมเห็นตอนที่ผมรายงาน ถ้าผมเดินไปแล้วเข้าไม่ได้ผมก็จะไม่เข้า ผมจะไม่ดันทุรังเข้าไปเพื่อให้ได้ภาพที่เจ๋งกว่าคนอื่น เพราะว่ามันสดอยู่แล้ว คนดูอยู่แล้วก็ทำในขอบเขตที่เรามี แต่ว่าเราก็จะแบบพยายามหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด จะบอกช่างภาพว่าถ้าเข้าไม่ได้ไม่ต้องเข้าไป เอาตามที่เราสมควรจะทำก็พอ,มิ้นท์ :, มันยากตรงที่ว่ามันก็เป็นการแข่งขัน มันก็เป็นธุรกิจ ถึงแม้ว่าจะเป็นสื่อมันก็เป็นการแข่งขัน เราต้องยอมรับ แต่ในขณะเดียวกันมันต้องจัดลำดับความสำคัญว่า ณ ตอนนี้ชีวิตมันสำคัญกว่า 13 ชีวิตตรงนั้นสำคัญกว่า ถ้าเราทำอะไรที่นอกกรอบ หรือว่าแหกกฎจากที่เขาพยายามวางกรอบสื่อเอาไว้ แล้วมันมีความผิดพลาด เรารับผิดชอบไม่ได้,แล้วก็ที่มิ้นท์จะระวังมากคือจะพยายามไม่ใส่ความคิดเห็น เพราะว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และอีกอย่างหนึ่งคือในฐานะที่เราเป็นสื่อเรามีพื้นที่หน้าจอ คือ บางคนบอกว่า สื่อคือฐานันดรที่ 4 ใช่ปะคะ แต่จริงๆมิ้นท์ว่ามันไม่ใช่ มันคือการให้เราต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่นอีกเท่าหนึ่ง เพราะว่าพอเรามีพื้นที่หน้าจอที่เราสามารถพูดอะไรออกไปให้คนเป็นล้านคนฟังได้ นั่นคือโอกาสที่เราอาจจะยัดเยียดความคิดของเราให้เขาก็ได้ หรือเราจะส่งต่อความจริงหรือเราจะบอกข้อมูลกับเขาก็ได้ ซึ่งตรงนี้มันคือสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงมากๆ ว่าสิ่งที่เราพูดออกไปมันจะกระทบ มันจะมีผลหรือมันจะส่งผลในการโน้มน้าวหรือว่าอะไรใครได้บ้าง,กอล์ฟ :, ทำอะไรผิดพลาดนิดเดียวมันหนักมากในเวลานั้น มันจะกระทบไม่ใช่แค่เรานะ องค์กรเราด้วย,มิ้นท์ :, ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเองทั้งหมดที่พูดออกไป ถามตัวเองว่ารับไหวไหม ถ้าไหวก็ทำ แต่ถ้าไม่ไหวก็อย่าทำ,กอล์ฟ :, เพราะว่าถ้าเขาว่าเขาไม่บอกว่าทำไมทัศนัยว่าอย่างนั้น อรชพรว่าอย่างนี้ เขาบอกว่าไทยรัฐว่าอย่างนี้ มันเป็นภาพลักษณ์องค์กรซึ่งเราอะได้รับคำสั่งมา แล้วเราก็คํานึงถึงเสมอว่าเราจะไม่ทำผิด เราจะไม่พลาด เราต้องตรวจสอบให้มันถูกต้อง,Thairath Talk : สื่อไทยเลว เจอคำนี้เจ็บปวดไหม,มิ้นท์ :, มิ้นท์เคยเป็นคนหนึ่งตอนที่ยังไม่ได้อยู่ในวงการนี้ มิ้นท์มองว่าทำไมเราต้องทำขนาดนั้นด้วย สื่อมวลชนจำเป็นต้องทำขนาดนั้นจริงๆ ไหม อย่างที่ข่าวดาราหรือข่าวนักแสดงหรือข่าวใครเสียชีวิต บางทีมิ้นท์ก็รู้สึกว่าเกินไปไหม จำเป็นที่จะต้องได้ภาพขนาดนั้น จำเป็นที่จะต้องได้ชอตน้ำตาไหลขนาดนี้เลยไหม โดยที่เราไม่คำนึงถึงจิตใจของคนที่แบบไปอยู่ตรงนั้นมากไปหรือเปล่า,ซึ่งพอมิ้นท์เข้ามาอยู่ในวงการสื่อมันก็ยังคิดอยู่นะ แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนมันมีบางอันที่มิ้นท์รู้สึกว่า มันไม่จำเป็นต้องพูดคำนี้ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องถามคำถามนี้ก็ได้ ถามคําถามอื่นก็ได้ มันทำได้ แต่ว่าคุณต้องการอะไร สิ่งหนึ่งมิ้นท์ก็รู้สึกว่าคนดู คนไทยไม่ได้โง่นะคะ คนไทยรู้คนไทยดูคนดูเขารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เพราะฉะนั้นเราในฐานะสื่อทุกคนก็ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด หลีกเลี่ยงความผิดพลาดให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าพลาดไปแล้วก็ขอโทษและแก้ไข,Thairath Talk : อยากเป็นผู้ประกาศ ต้องทำยังไง,กอล์ฟ :, คืออย่างที่บอกตอนนี้ทีวีมันหลากหลายช่อง แล้วคนเป็นนักข่าว ผู้ประกาศมันเยอะแยะมากมายมหาศาลมาก แต่มันจะมีกี่คนที่คนจดจำได้ ว่านี้คือผู้ประกาศข่าวไทยรัฐทีวี มันน้อยคน ดังนั้นคนที่จะมาเป็นตรงนี้ก็ต้องสร้างความแตกต่างของตัวเองจากคนอื่น เราไม่ใช่แค่แบบมันแต่งหน้าทำผมแล้วไปนั่งอ่านข่าว ไม่มีคนจำหรอกครับ ดังนั้นต้องเริ่มศึกษาหาความรู้ เริ่มหาสไตล์เป็นของตัวเอง ว่าเราอยากเป็นคนหน้าจอนักข่าวแบบไหน อยากอยู่ในพื้นที่หน้าจอ หรือว่าอยากไปอยู่ในภาคสนาม,แล้วก็สร้างความแตกต่างของตัวเองให้มันโดดเด่นจากคนอื่น แต่ต้องโดดเด่นแบบดีๆ นะ ไม่ใช่เอาไปทางลบนะ คุณอยากให้คนจดจำคุณแบบไหนมากกว่า เพราะทุกวันนี้ถามว่าใครเป็นผู้ประกาศบ้าง ใครก็เป็นได้ทั้งนั้น แต่ผู้ประกาศคนไหนที่คนยอมรับว่า คุณคือคนข่าว คุณคือผู้ประกาศข่าวที่คนยอมรับ อันนี้มันสำคัญมาก ถ้าคุณอยากจะเป็นต้องเริ่มคิดตั้งแต่ตอนเรียน ว่าคุณจะทำตัวเองสร้างโปรไฟล์ตั้งแต่เริ่มต้นเรียนเลย ว่าอนาคตเราจะเป็นแบบไหนประมาณนั้น,มิ้นท์ :, ถ้าเราอยากเป็นผู้ประกาศข่าว อยากทำงานสายอาชีพนี้เป็นตัวเองให้ได้ก่อน มีไอดอลในใจได้แต่ไม่ต้องเป็นแบบเขา ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปเลียนแบบใคร เป็นตัวของตัวเอง แตกต่างที่สุดแล้ว ยอมรับตัวเองให้ได้ แล้วเป็นตัวเองออกมา การอ่านสำคัญมากอ่านอะไรก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่จำเป็นต้องอ่านข่าว ถ้าอ่านได้ก็ดี แต่ถ้าเราไม่ชอบ ชอบอ่านแมกกาซีน,คือการอ่านมันมีประโยชน์กับการเป็นผู้ประกาศข่าวมาก เพราะว่า หนึ่งมันทำให้เรามีคลังคำศัพท์เยอะ เมื่อเรามีคลังคำศัพท์เยอะเนี่ยเราจะไม่ตัน ถ้ามีอะไรผิดพลาดแล้วเราต้องด้นสด เราจะมีรูปประโยคอยู่ในหัวที่คุ้นเคย ว่าเคยอ่านผ่านอันนี้มา อยากให้ใฝ่รู้ ให้ตั้งคำถามกับหลายๆอย่าง อย่าแค่สงสัยอย่างเดียว ให้พยายามหาคำตอบ ถ้าไม่เข้าใจหาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าใจ หาให้ลึกที่สุดเท่าที่เราจะเข้าใจ รู้อะไรก็รู้ให้มันชัดเจน อย่ารู้แค่ผิวๆ,Thairath Talk : ผู้ประกาศแค่แต่งหน้าสวย นั่งสตู อ่านสคริปต์ ไม่ต้องรู้ลึก,กอล์ฟ & มิ้นท์ :, ผิด,มิ้นท์ :, ตอนแรกมิ้นท์ก็คิดแบบนั้น แต่คือเราก็รู้ว่าเราจะต้องรู้เรื่องข่าวแหละ การอ่านข่าวสำหรับมิ้นท์นะมันไม่ใช่การอ่าน มันคือการสื่อสาร มันคือการที่เราสื่อสารสารหนึ่ง หรือว่าเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้คนฟังเขาได้รู้ว่ามันมีอะไร เกิดขึ้นที่ไหน ใครทำอะไร ที่ไหนยังไง ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องที่เราพูดหรือว่าเรื่องที่เราเล่าไม่มีทางเลยที่คนฟังจะเข้าใจ มันคือการสื่อสาร มันไม่ใช่การพูดให้ฟัง หรือว่าแบบพูดปาวๆ แล้วคือใครจะฟังก็ฟัง ไม่ฟังไม่เป็นไรแล้วแต่เขา มันคือการสื่อสารเพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจแล้วเนี่ย มันเหมือนตกตั้งแต่แรกอะ อ่านไปเท่าไรคนไม่จำ คนก็ไม่เข้าใจและคนก็ไม่ฟัง คนก็รู้สึกว่าพูดอะไรอะ ฟังไม่รู้เรื่องเลย,กอล์ฟ :, คนจะเห็นว่าแค่แบบแต่งตัวสวยหล่อนั่งหน้าจอ แต่ก่อนที่เราจะมานั่งตรงนี้ โอ้โหมันก็หนักเราต้องทำการบ้าน ตื่นเช้ามาต้องอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ อ่านในเว็บไซต์ มาดูบท มาดูเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น บริบทของข่าวข่าวนั้น มันจะมีด้านไหนบ้าง เพื่อให้มันรอบด้านที่สุด เพื่อให้เราอย่าลืมว่าปัจจุบันนี้มันไม่ใช่แค่การอ่านข่าว วัฒนธรรมของการอ่านข่าว การบริโภคข่าวมันเปลี่ยนไป เป็นการเล่าข่าวมากขึ้น เป็นการเล่าพูดคุยกับคนดู,ดังนั้นอย่างเราต้องดูข้อมูลให้มันมากเพื่อที่เราเสริมเข้าไปให้ได้มากที่สุด ให้ข่าวนั้นมันกลมกล่อมที่สุด ทำการบ้านต้องหนักมาก ต้องดูข่าว กลับไปบ้านไม่ใช่เราจะนอนแบบไม่ทำอะไรเลยนะ ต้องดูทีวีดูช่องอื่นด้วย แล้วที่สำคัญถ้าเราพูดโดยเราไม่รู้จริง คนดูสมัยนี้เขาไม่ได้โง่แล้วนะ เขารู้แล้วว่าคุณพูด คุณรู้หรือเปล่า หน้าตาคุณ ท่าทางคุณ หมดนี้ที่มาคุณพูดมาก คุณรู้หรือเปล่า,มิ้นท์ :, บางทีคนอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นงานสบาย มาถึงก็มีคนแต่งหน้าทำผมให้ มีคนตัดชุดให้นั่ง รับอ่านสคริปต์หมดเวลากลับบ้านนะ จริงๆแล้วความรับผิดชอบสูงมากนะคะ พูดอะไรผิดไปหรือว่าคือถ้ามันมีปัญหาอะไรขึ้นมามันคือหน้าเราและเสียงเรา สมมติถ้าเขาจะฟ้องก็ฟ้องเรา ความรับผิดชอบที่ต้องแบกไว้มันสูงนะ เห็นว่าแบบแต่งตัวสวยนั่งสวยๆ อ่านข่าวไปจริงๆ แล้วมันมีมากกว่านั้นเยอะ,Thairath Talk : เปรียบเทียบผู้ประกาศข่าวเป็นอะไร,กอล์ฟ :, ผู้ประกาศข่าวเหมือน ซุปเปอร์แมน ถึงแม้เราจะมีพลังก็ตาม แต่เราต้องมีความรับผิดชอบที่มันยิ่งใหญ่มาก เหมือนเรามีโอกาสนั่งหน้าจอ แต่เรามีความรับผิดชอบตามมาที่มันแบบยิ่งใหญ่มาก เราผิดไม่ได้เลย บทเรียนมันราคาแพงมาก,มิ้นท์ :, โทรโข่ง ตั้งแต่ไหนแล้วมิ้นท์รู้สึกว่าสื่อคือสิ่งสำคัญมากนะคะในสังคม สื่อคือสิ่งที่จะทำให้คนได้รู้และเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ได้รู้ถึงความจริง ใช้คำนี้ดีกว่า สื่อควรจะนำเสนอแต่ความจริงเพื่อให้คนได้รู้ข้อมูลและข้อเท็จจริงทั้งหมด แล้วเขาจะไปตัดสิน หรือไปคิดยังไงตรงนั้นเป็นส่วนของเขา แต่เรามีหน้าที่ในการกระจายเสียง การกระจายข้อมูล ให้ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจเท่าเทียมกัน
Thairath Talk เปิดใจคนข่าว กอล์ฟ - ทัศนัย โคตรทอง และ มิ้นท์ - อรชพร ชลาดล ผู้ประกาศข่าวไทยรัฐทีวี กับภารกิจถ้ำหลวง
บันเทิง
ถ้ำหลวง,กอล์ฟ ทัศนัย โคตรทอง,มิ้นท์ อรชพร ชลาดล,ผู้ประกาศข่าว,Thairath Talk
https://www.thairath.co.th/entertain/1341111
ช่วยสาวไทยในเบลเยียมหาพ่อแม่แท้ๆ พบเลขบ้านในสูติบัตรไม่มีที่พักอาศัย
จากกรณี น.ส.น้อยหน่า สีระบุตร อายุ 34 ปี ซึ่งชาวเบลเยียมมาขอรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม จากสถานสงเคราะห์บ้านเด็กอ่อนพญาไท โดยไปใช้ชีวิตอยู่เมืองดิสท์ ประเทศเบลเยียม ได้ขอความช่วยเหลือให้ไทยรัฐ ช่วยประกาศติดตามหาพ่อแม่ชาวไทยผู้ที่ให้กำเนิด โดยมีสูติบัตรใบเกิดระบุ บิดาคือ นายประสงค์ สีระบุตร มารดาคือ นางสมพร สอนหนูน้อย อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่ 1 ต.ท่าระหัด อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ตามที่ไทยรัฐได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ,ขอกอดสักครั้งในชีวิต สาวไทยกำพร้าตามหาพ่อ-แม่ ,ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อม นายวสุรัตน์ เสือเมือง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.ท่าระหัด โดย นายวสุรัตน์ เผยว่า จากการนำทะเบียนราษฎรกลางประจำหมู่บ้านมาตรวจสอบ พบว่า บ้านเลขที่ 105 อยู่ในบัญชีลำดับที่ 659 เป็นชุมชนที่อยู่ด้านหลังวัดมเหยงคณ์ ระบุชื่อ นายคมสันต์ วิหกทอง เกิดเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2519 บุตรนายวงศ์ นางลัดดา วิหกทอง เป็นผู้อาศัยอยู่คนเดียว โดยย้ายเข้ามาตั้งแต่ปี 2536 ปัจจุบันไม่มีบ้านคนแล้ว เป็นทะเบียนลอยอยู่ ส่วนตัว นายคมสันต์ ไม่ทราบหลักแหล่งว่าไปอยู่ที่ไหน ซึ่งจากการที่ นสพ.ไทยรัฐ นำเสนอข่าวไป พบว่าชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน,ด้าน นายศรีนวล กลิ่นหรั่น อายุ 75 ปี บ้านเลขที่ 104 หมู่ 1 ต.ท่าระหัด ภายในชุมชนหลังวัดมเหยงคณ์ ซึ่งเป็นบ้านเลขที่ที่อยู่ใกล้เคียงที่สุด เผยว่า อยู่ที่นี่มาหลายสิบปี ยังไม่เคยเห็นบ้านเลขที่ 105 มาปลูกอาศัยอยู่ที่นี่เลย ซึ่งบ้านเลขที่ 104-1, 104-2 และบ้านเลขที่ 106 ทั้งหมดเป็นกลุ่มบ้านญาติพี่น้องตนทั้งสิ้น ส่วนชื่อและนามสกุลของ นางสมพร และ นายประสงค์ ที่ระบุในข่าวก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ซึ่งจากการสอบถามบรรดาญาติทุกคนก็ไม่มีใครรู้จักเลยสักคน คงต้องไปเช็กย้อนความเป็นมาของบ้านเลขที่ดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเป็นมาอย่างไร ถึงได้มีการใช้ชื่อและบ้านเลขที่นี้ไปแจ้งในใบสูติบัตรเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่บ้านหลังดังกล่าวไม่ได้มีการปลูกสร้าง เป็นเพียงทะเบียนบ้านลอยๆ เท่านั้น.
หาเบาะแสพ่อแม่ชาวสุพรรณฯ ผู้ให้กำเนิดสาวไทย ขอให้ไทยรัฐตามหาหลังถูกรับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมชาวเบลเยียม ใช้ชีวิตอยู่ ตปท. พบบ้านเลขที่ระบุในสูติบัตรเป็นแค่ทะเบียนลอย ในชุมชนหลังวัดมเหยงคณ์ ไม่มีบ้านคนปลูกอาศัยอยู่
ข่าว
สาวตามหาพ่อแม่,สาวไทยในเบลเยียมตามหาพ่อแม่,หาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด,บุตรบุญธรรมชาวเบลเยียม,ชุมชนวัดมเหยงคณ์
https://www.thairath.co.th/news/906982
จนท.หนองคายขอแรงท้องถิ่นช่วย ล่าตัวคนร้ายหลบหนี เชื่อยังอยู่ในพื้นที่
จากกรณีที่นายธีรภัทร ร่างกาย อายุ 37 ปี ชาวตำบลเหล่าต่างคำ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ผู้ต้องหาคดียาเสพติดหลบหนีขณะถูกเบิกตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมภายใน สภ.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย โดยมี น.ส.บุษกร ผาทอง อายุ 19 ปี ชาว ต.เหล่าต่างคำ แฟนสาว ขี่รถจักรยานยนต์พาหลบหนี เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 09.08 น. วันที่ 6 ก.ค.63 หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเดื่อ สภ.เหล่าต่างคำ และชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคายได้ระดมกำลังออกค้นหา แต่ก็ยังไม่หาตัวไม่พบ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้า วันนี้ (9 ก.ค.63) เข้าสู่เป็นวันที่ 4 ของการติดตามตัวผู้ต้องหา พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ผบก.ภ.จ.หนองคาย พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จำรัสประเสริฐ รองผบก.ภ.จ.หนองคาย ได้ประชุมติดตามการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติงานที่ห้องประชุม ศปก.สภ.เหล่าต่างคำ อ.โพนพิสัย พร้อมทั้งยังได้ทำใบปลิวรูปหน้าของผู้ต้องหาทั้งสองคน ระบุรางวัลนำจับ 30000 บาท ให้ตำรวจนำไปกระจายให้ประชนแจ้งเบาะแส อีกทั้งยังได้ประสานงานกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และท้องถิ่นช่วยเป็นกำลังเสริมให้กับเจ้าหน้าที่ พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ยังได้มอบเงินให้กับตำรวจคนละ 300 บาท เป็นขวัญกำลังใจไว้ใช้จ่ายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ด้วยล่าสุด มีชาวบ้านแจ้งเบาะแสว่าพบขวดน้ำและเศษขยะในป่าบ้านนาตาล ต.เหล่าต่างคำ เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและเก็บหลักฐานไว้ก่อนจะนำส่งตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอว่าใช่ผู้ต้องหาที่ติดตามตัวอยู่หรือไม่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่าทั้งสองคนอยู่ในพื้นที่ ต.เหล่าต่างคำ เนื่องจากไม่มีเงินติดตัวพอที่จะหลบหนีไปในพื้นที่ห่างไกล โดยเจ้าหน้าที่ได้ล็อกพื้นที่ ต.เหล่าต่างคำ ตรวจสอบบุคคลเข้าออกอย่างเข้มข้น.
จนท.ตำรวจหนองคาย ตามล่าผู้ต้องหาหลบหนีวันที่ 4 ทำใบปลิวรางวัลนำจับให้ตำรวจแจ้งเบาะแส ประสานขอกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และท้องถิ่นช่วยหา คาดยังอยู่ในพื้นที่ ชาวบ้านพบร่องรอยขวดน้ำเก็บส่งตรวจดีเอ็นเอ
ข่าว,อาชญากรรม
คนร้ายหลบหนี,ผู้ต้องหาหลบหนี,สภ.บ้านเดื่อ,ตามหาคนร้าย,ธีรภัทร ร่างกาย,อ.โพนพิสัย,หนองคาย,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/crime/1885956
เครือข่ายคนทำงานด้านเด็กเร่ร่อนเรียกร้องแก้กฎระเบียบกองทุนคุ้มครองเด็ก
ในเวทีเสวนา บทบาทของสื่อกับงานช่วยเหลือเด็กเร่ร่อน ที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก และเครือข่ายองค์กรด้านเด็กเร่ร่อน จัดขึ้น โดยเครือข่ายทำงานด้านเด็กเร่ร่อน สะท้อนว่า หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้ ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ ยังเข้าใจไม่ตรงกัน และสับสนต่อแนวทางปฏิบัติในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะเรื่องสถานะบุคคลที่ล่าช้า ส่งผลให้เด็กเร่ร่อนไม่ได้รับสิทธิ สวัสดิการ และการศึกษาขณะที่ ขวัญวงศ์ พิกุลทอง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสงคราม ยอมรับว่า การแก้ปัญหาสถานะบุคคลมีความซับซ้อน เจ้าหน้าที่เข้าใจแนวปฏิบัติที่แตกต่างกัน ทั้งๆ ที่มีกฎหมายรองรับการทำงาน จึงเสนอให้แต่ละหน่วยงานอบรม ทำความเข้าใจเจ้าหน้าที่เพื่อให้การขับเคลื่อนงานทำได้อย่างรวดเร็วนอกจากนี้ยังมีข้อเสนอเรื่องงบประมาณเพื่อสนับสนุนการทำหน้าที่ของเครือข่าย องค์กรที่ทำงานด้านเด็กเร่ร่อน โดย นางทองพูล บัวศรี ครูข้างถนนจากมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ต้องการให้ปรับแก้กฎระเบียบกองทุนคุ้มครองเด็ก ให้สามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายรายหัวเด็กเร่ร่อน ทั้งค่าพาหนะ ค่าอาหารกลางวัน และค่ารักษาพยาบาล เพราะปัจจุบันมูลนิธิแต่ละแห่งประสบปัญหาด้านงบประมาณอย่างมากสำหรับการสร้างแรงจูงใจให้กับครูข้างถนน ได้รับคำยืนยันจากนายชาญวิทย์ ทัพสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ว่า จะผลักดันข้อเสนอที่ต้องการให้บรรจุครูข้างถนน เข้าสู่ระบบครูการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ ครู กศน. ด้วยการฝึกอบรมวิชาชีพครูเพิ่ม เพื่อนำไปสู่การออกใบประกอบวิชาชีพครู ซึ่งจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการคุรุสภาเพื่อพิจารณาต่อไป
เครือข่ายคนทำงานด้านเด็กเร่ร่อน เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแก้กฎระเบียบกองทุนคุ้มครองเด็ก เพื่อให้สามารถนำเงินมาใช้เป็นจ่ายรายหัว และสนับสนุนการทำงาน หลังประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้เร่งผลักดันสถานะบุคคล เพื่อให้เด็กเร่ร่อนเข้าถึงสิทธิ สวัสดิการ และการศึกษา
สังคม
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ,มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก,เด็กเร่ร่อน
https://news.thaipbs.or.th/content/132437
รัฐธรรมนูญที่คนไทยปรารถนา
ที่ยั่งยืนของชาติตลอดไปอย่างประเทศที่เจริญแล้วเสียที คำถามและความหวังที่ประชาชนรอคอยนี้จะเกิดขึ้นเป็นจริงได้หรือไม่ ก็อยู่ที่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของการเมืองการปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ ความจริงใจ จริยธรรม และ เที่ยงธรรมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเขียนกติกาทางการเมืองในเวลานี้เป็นสำคัญความรู้และความเข้าใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นสูงสุดมากกว่าอำนาจ ทั้งนี้ เพราะเป็นการพ้นวิสัยที่อำนาจจะสามารถดลบันดาล ลิขิตการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้ได้อย่างใจ ถ้าเรารู้จักคิดสักหน่อยว่าการเมืองล้วน ๆ โดยปราศจากความสัมพันธ์อื่น ๆ ไม่ว่าทางเศรษฐกิจ การค้า สังคมและวัฒนธรรม นั้นมีน้อย หรือเกือบแทบไม่มีเลย สุดแต่ว่าเราจะเชื่อมโยงมันได้หรือไม่ ดังนั้นใครที่พกพาสูตรสำเร็จว่าจะแก้ปัญหาการเมืองจากอำนาจการเมืองล้วน ๆ ขอให้เตรียมใจผิดหวังได้เลยเพราะเป็นการยากที่เราจะอาศัยกติกาการเมืองบางด้าน ไปตอบโจทย์อย่างอื่น เช่น ในด้านเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตการกินดีอยู่ดีของประชาชนได้ในเวลานี้ สังคมการเมืองไทยเรากำลังจะอยู่ระหว่างการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มี ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานร่างฯ ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาปฏิรูปฯ มีอันต้องตกไปพร้อม ๆ กับสภาปฏิรูปการเมือง จนต้องมีคณะกรรมการยกร่าง รธน. กลุ่มใหม่ขึ้นมาอีกกลุ่มนำโดย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นัยว่าจะนำร่างรัฐธรรมนูญใหม่นี้ให้ประชาชนโหวตผ่านการออกเสียงลงประชามติว่า จะยอมรับให้เป็นรัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดเป็นกรอบกติกาการเมืองของประเทศต่อไปในระยะยาวหรือไม่ เราจึงต้องรอดูว่าร่างรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นอย่างไรประชาชนจะรับหรือไม่รับในกติกาทางการเมืองดังกล่าว ด้วยเหตุผลอย่างไร หรือถ้าจะต้องตรวจสอบคุณภาพความเหมาะสมของรัฐธรรมนูญจะดีหรือไม่ มีเครื่องมือชี้วัดหรือประเมินร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวอย่างไร การประเมินการชี้วัดที่ว่านี้คงไม่ใช่จะต้องตัดสินใจเหมือนการประกวดนางงาม หรือการประกวดภาพถ่าย หากแต่ประชาชนจำต้องรู้เท่าทันกฎกติกาที่ร่างมาจริง ๆ ว่า มีที่มาที่ไป เบื้องหน้าเบื้องหลัง มีความถูกต้อง บนฐานความรู้ความเข้าใจการเมืองการปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ และ เป้าหมายสำคัญทางประชาธิปไตยที่สร้างสรรค์อย่างไร นอกจากสาระอื่น ๆ ที่ถูกกำหนดในร่างรัฐธรรมนูญนี้แล้ว ในจำนวนนี้การตรวจสอบหลักการพื้นฐานที่แสดงออกจากร่างรัฐธรรมนูญ น่าจะช่วยเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจได้ในระดับหนึ่ง ในที่นี้ผมเห็นว่าการบริหารจัดการบ้านเมืองทั้งทางการปกครองเศรษฐกิจและสังคมของชาติ จำเป็นต้องมีกฎกติกา หรือ มีขื่อ แป ภาษาบ้าน ๆ ของเรา ที่อาจอยู่ในรูปกฎเกณฑ์ที่เป็นลายลักอักษร หรือ จารีตประเพณีทางการเมืองที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ซึ่งกอปรเป็นหลักการและเหตุผลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับกฎกติกาที่ว่านั้นคือ การปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น เรามีรัฐธรรมนูญไว้เพื่อการจำกัดอำนาจรัฐเป็นสรณะ บนพื้นฐานที่อำนาจอยู่ที่ประชาชน ทั้งนี้ก็เพื่อให้การใช้อำนาจดังกล่าวนั้น หลุดพ้นจากการตัดสินใจโดยอำเภอใจ (arbitrary) ไม่มีกฎ ไม่มีเกณฑ์ หรือ เป็นกฎเกณฑ์ที่ไม่ถูกต้อง มาอยู่ภายใต้กฎกติกาซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ที่ถูกต้องและเห็นพ้องร่วมกันด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้รัฐธรรมนูญจึงเป็นตัวสร้างหลักประกัน ส่งต่อให้หลักการทางกฎหมายสำคัญอื่น ๆสามารถบังคับใช้ให้ได้ผลเช่น หลักนิติธรรม (rule of law) หลักการเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน (human rights) หรือ สิทธิขั้นมูลฐานของพลเมือง (basic rights) หลักทั่วไปเกี่ยวกับความยุติธรรม (principle of justice and fairness) หลักประกันความเป็นอิสระของศาล (basic principle on the independence of judiciary) หลักการแบ่งแยกอำนาจและตรวจสอบถ่วงดุล (checks and balances and separation of power) และหลักอื่น ๆ อีกมากมายที่มุ่งและตอบสนองต่อการเป็นหลักประกันในการใช้อำนาจ และ จำกัดอำนาจ ความในข้อนี้ จึงอย่าได้เข้าใจผิด แปลความผิด หรือวินิจฉัยผิดๆว่า เจ้าตัวรัฐธรรมนูญ เป็นตัวให้กำเนิดหลักการสำคัญ ๆ ที่ว่ามานี้ เพราะจะทำให้การใช้กฎหมายเบี่ยงเบนหรือผิดเพี้ยน แบบศรีธนญชัย ในการบัญญัติหรือไม่บัญญัติหรือให้เกิดความคลุมเครือในการวินิจฉัย เช่นอย่างกรณีการบัญญัติสิทธิในข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเคยมีการวินิจฉัยตีความว่า ประชาชนมีสิทธิที่จะรู้ในข้อมูลข่าวสาร แต่กฎหมายไม่บอกว่าทางราชการจะต้องส่งมอบข้อมูลข่าวสารที่ขอ เป็นต้น ทำให้เกิดข้อกังขาขาดมาตรฐานหรือไม่มีมาตรฐาน หรือข้อกังขาเรื่องสองมาตรฐาน อย่างที่กล่าวอ้างกันมาในอดีต หลักการสำคัญที่ว่านี้ อย่างไรเสีย เป็นสิ่งที่มีอยู่ (existing) หรืออาจเรียกว่าถูกฝังไว้ในสังคม (embedded) ที่ศาลและองค์กรทางการเมืองมีหน้าที่ต้องนำมาพิจารณาปรับใช้ ในฐานะที่เป็นหลักการสำคัญทางกฎหมาย จะอ้างไม่รู้ไม่เห็น ว่าไม่มี ไม่เคยปฏิบัติ หรือ รัฐธรรมนูญไม่บัญญัติไว้ไม่ได้ฉะนั้นโดยฐานะของรัฐธรรมนูญ หากมีลักษณะที่ขยายเพิ่มอำนาจรัฐเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนไร้ขอบเขตข้อจำกัด และ ไม่นำพา ก่อให้เกิดหลักประกัน ให้หลักการสำคัญที่กล่าวข้างต้นนี้สามารถบรรลุผลได้ เป็นต้นว่าการเขียนรัฐธรรมนูญจำกัดเขตอำนาจ (jurisdiction) และทำลายความเป็นอิสระของศาล ลดอำนาจศาลลงจนทำให้ศาลขาดความสามารถ (competence) หรือ ก่อตั้งอำนาจพิเศษให้สถาบันการเมือง กลุ่มหรือบุคคลใด ๆ มีอำนาจพิเศษก้าวก่ายเหนืออำนาจของอีกฝ่ายซึ่งมีลักษณะที่ขัดหรือสวนทาง กับหลักการแบ่งแยกอำนาจและถ่วงดุลนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้อย่างถูกต้อง ทั้งยังถือเป็นการบิดเบือนการใช้อำนาจรัฐ (abuse of power) ที่จะต้องรับผิดชอบกับประชาชนในท้ายที่สุดสังคมวิทยาทางการเมืองไทย เราจะเคยได้ยินวาทะกรรมทางการเมืองที่ว่า ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ สภาพปัญหาและความเป็นจริงทางการเมืองของไทย เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ดังนั้นจึงต้องจำเป็นมีกฎกติกาเฉพาะพิเศษ หรือ ปฏิเสธความเป็นสากลและประชาธิปไตย จนเข้าไปรุกราน ล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของพลเมือง ทุบทิ้งทำลายหลักการรัฐธรรมนูญ สร้างมายาคติความเชื่อในเรื่อง ความยุติธรรมตามที่เขียน หรือ ความยุติธรรมตามกฎหมาย ปราศจากการจำแนกแยกแยะถึงความถูกต้องของ กฎหมาย ที่ถูกต้อง และ คำสั่ง ที่ถูกต้อง บังคับได้ เป็นอย่างไรการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดกฎกติกาทางการเมือง ที่ผู้เขียน เขียนกติกาให้คนอื่นปฏิบัติหรือบังคับให้ยึดถือปฏิบัติ ที่อ้างความเป็นพิเศษเฉพาะของสังคมการเมืองไทย ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักสากลนั้น อาจเป็นความเบี่ยงเบนในการใช้อำนาจ ละเลยความคิดและหลักการที่ถูกต้องเป็นเหตุเป็นผล และมีแนวโน้มที่นำไปสู่การบิดเบือนการใช้อำนาจ (abuse of power) หยุดยั้งการพัฒนาการเมืองและประชาธิปไตยของประเทศในท้ายที่สุดทั้งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เมื่ออำนาจดังกล่าวถูกนำไปใช้โดยศาลที่ถูกจัดตั้งขึ้น เพราะสังคมโลกอย่างปัจจุบัน ยุคความเป็นรัฐแบบนานาชาติ (multi state nations) ที่มีความผูกสัมพันธ์ในพันธะกรณีระหว่างประเทศ (International obligations) นั้น เป็นเรื่องยากและพ้นวิสัยเป็นไปไม่ได้ที่รัฐชาติจะคงใช้วัฒนธรรมทางกฎหมายที่เบี่ยงเบนผิดเพี้ยนที่ว่านี้ได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องรับผิดชอบอีกต่อไป ในประการสำคัญกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้นคือการนำไปสู่สภาวะ การขาดความน่าเชื่อถือในกฎหมายและการใช้กฎหมายของประเทศในระยะยาว เพียงเพื่อแลกกับความต้องการที่จะหลบหลีกบังคับใช้ให้การเมืองแบบไทย ๆ มีฐานะเป็นกติการัฐธรรมนูญใหม่ของประเทศไทย โดยคิดสั้น ๆ ไม่คำนึงถึงว่า วันหนึ่งเมื่อข้อพิพาทขัดแย้งนั้น ๆ ไปตกอยู่ในเขตอำนาจทางกฎหมายนานาชาติ (International jurisdiction) อื่น ๆ แล้ว จะใช้อ้างได้โดยถูกต้อง และ ยอมรับได้หรือไม่การอ้างหลักการพิเศษเฉพาะ หรือ sui generis เพื่อดำรงรักษาความเป็นไทย ๆ ที่จะสร้างขึ้นมาในทางการเมืองนั้น อาจกล่าวอ้างได้ในระดับระหว่างประเทศ แต่มิใช่บนพื้นฐานโดยอำเภอใจ (arbitrary basis) หากแต่จะต้องครอบคลุมถึงเป้าหมายปลายทาง ในหนทางที่ดี ทั้งยังเป็นการพัฒนาหลักการพื้นฐานแต่เดิมให้ดี มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยความสุจริต (bona fide) มากกว่าการสนองตอบต่อผลประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดตามอำเภอใจ หรือ เจตนาที่จะหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ที่คับแคบในทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงอนาคตอันตรายและภัยคุกคามที่ซ่อนเร้นน่ากังขาต่อประเทศไทย ซึ่งมีความสลับซับซ้อนและยากต่อการเข้าใจเผชิญหน้าท้าทาย นับแต่ต้นศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสถานะและบทบาทของรัฐชาติ (Nation State) อันเป็นผลสืบเนื่องจากกระบวนการจัดระเบียบโลกใหม่ หรือ New World Order ให้เข้าสู่ระบบเสรีนิยมยุคใหม่ผ่านกระบวนการโลกาภิวัตน์(globalization process) และ การโลกาภิวัตน์ทางสงคราม (globalization of Wars) ในภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองหลายแห่งของโลก ซึ่งประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแยกไม่ออกยังผลที่มีนัยสำคัญต่อรัฐชาติยุคใหม่ที่จำเป็นต้องปรับตัว ทบทวน และเปลี่ยนแปลง ให้มีความสามารถเผชิญและรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเช่นที่ว่านี้ได้ โดยจำต้องเพิ่มบทบาทและสถานะพื้นที่สาธารณะทางการเมือง ให้มีนัยตอบสนองต่อการตัดสินใจบนฐานความรู้ให้ได้จริง ๆ เท่านั้น ชาติถึงจะอยู่รอดได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งนี้เนื่องจากปัจจัยด้านลบที่ล้าหลังของระบบราชการ ปัญหาคอรัปชั่น และ ความไม่โปร่งใสในการตัดสินใจในนโยบายสาธารณะ การขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของพรรคการเมือง สถาบันนิติบัญญัติ ศาลและตุลาการ รวมถึงปัญหาเรื่องสิทธิเสรีภาพที่ดำรงอยู่ในสังคมการเมืองไทย ซึ่งจะเป็นอุปสรรค์ที่จะนำชาติเข้าเผชิญบนความเสี่ยงนี้ได้อย่างเท่าทัน มีอำนาจต่อรองที่ดี นวัตกรรมใหม่ทางรัฐธรรมนูญถ้าจะมีและพัฒนาก่อร่างสร้างขึ้นมาใหม่ ในความเห็นของผมที่ดีที่สุดคือ การแบ่งพื้นที่และกำหนดสถานะใหม่ทางการเมือง ซึ่งแน่นอนไม่อาจเกิดขึ้นแบบมาตรการ กลไก แบบสูตรสำเร็จ หากแต่จำต้องพิจารณาเชื่อมโยงส่วนต่าง ๆ นอกระบบราชการ ให้เข้ามาทำงานร่วมกันอย่างเหมาะสม ผสมผสานเข้ากับสถาบันองค์กรทางการเมืองที่มีอยู่ให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีความรอบคอบรัดกุม เพื่อประคับประคองนำประเทศสู่จุดมุ่งหมายและแนวทางแห่งความเป็นกลางและสันติธรรมซึ่งเป็นกรอบใหญ่ให้ได้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ทำ ๆ กันมา จะออกมาในรูปแบบใด มีเนื้อหาสาระอย่างไรไม่อาจทราบได้ คงอีกไม่นานก็จะตกอยู่ในมือประชาชน เพื่อพิจารณาร่วมกันจะรับหรือไม่รับ ในปีพุทธศักราชใหม่ 2559 ที่กำลังจะมาถึง จากประสบการณ์การเรียนรู้ของเราที่ผ่านมาคิดว่า ประชาชนอย่างเรา ๆ คงจับต้นชนปลาย พอมองออกว่า วิกฤติรัฐธรรมนูญ วิกฤติทางการเมือง และ ความวุ่นวายทางสังคมการเมืองที่นำชาติมาติดกับดักในเวลานี้ มาจากสาเหตุใด เมื่อได้มีการเลือกแล้วในทางการเมืองการปกครองที่ยึดการปกครองโดยรัฐธรรมนูญเป็นหลัก จึงจำเป็นที่จะต้องรู้ฐานคิดที่สำคัญของรัฐธรรมนูญ ปัจจัยแวดล้อมที่สำคัญซึ่งรัฐธรรมนูญจะต้องสร้างหลักประกัน ให้เกิดมรรคผลในการควบคุมการใช้อำนาจ ในประการสำคัญที่จำเป็นต้องกำหนดสถานะบทบาททางการเมืองใหม่ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับการเปลี่ยนผ่านของรัฐชาติสมัยใหม่ให้ได้ ทั้งสามประเด็นข้างต้นนี้ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำ ถ้าเราต้องการพัฒนาการเมืองไทยให้เจริญก้าวหน้ากันจริง ๆ เว้นเสียแต่เราต้องการเพียง เล่นการเมือง เพื่อเป็นเกมส์การเมืองที่ต่างฝ่ายต่างต้องการเข้ามาเล่น ในขณะที่โอกาสของคนในชาติถูกจับมาเป็นเชลยศึก ระวังอย่าให้ใครมาว่าทีหลังว่า ประเทศเรากำลังเดินเข้าสู่รัฐที่ล้มเหลว (failure state) ก็แล้วกัน
ในความรู้สึกร่วมกันของประชาชน เมื่อกล่าวถึง การเมืองไทย ต่างมีความรู้สึกนึกคิดที่เหมือนและคล้ายๆกัน ต่อความหวังที่ว่าเมื่อไหร่การเมืองของประเทศไทยจะดี พัฒนา มีความมั่นคงเป็นหลักเป็นฐาน
การเมือง
การเปลี่ยนผ่านทางการเมือง,รัฐธรรมนูญ,เจริญ คัมภีรภาพ
https://prachatai.com/journal/2016/01/63323
ธปท.มองบวกเศรษฐกิจไทย หากได้รัฐบาลใหม่ มิ.ย. ขับเคลื่อนตามเป้า
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ.ว่า ภาคการก่อสร้างที่ชะลอตัวลง รวมทั้งการส่งออกที่ยังหดตัวต่อเนื่อง,ภาพรวมในช่วงต่อไปนั้น ตามที่ประมาณการไว้ว่าปีนี้จะโตที่ 3.8% นั้น ประเมินความเสี่ยงไว้ว่า การเลือกตั้งจะดำเนินการได้ต่อเนื่อง ไม่มีการเลือกตั้งใหม่หรือความรุนแรง และจะมีรัฐบาลใหม่ภายในเดือน มิ.ย. ซึ่งหากเป็นตามเหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะยังขยายตัวได้ตามเป้าหมาย แต่หากมีรัฐบาลใหม่ได้เร็วกว่าที่คาดจะช่วยลดความเสี่ยงของความไม่แน่นอนได้ และจะทำให้การใช้จ่ายของภาคเอกชนขยายตัวได้ดีขึ้น โดย ธปท.คาดว่า ในช่วงต่อไป การท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาครัฐและเอกชน จะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่อาจจะมีภาคการส่งออกที่ ธปท.ยังไม่เป็นแนวโน้มของการฟื้นตัวในครึ่งปีแรก โดยคาดว่าการส่งออกในไตรมาสแรกของไทยจะออกมาติดลบ แต่จะเริ่มกลับมาดีขึ้นได้ในครึ่งปีหลัง,ทั้งนี้ สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.3% จากระยะเดียวกันของปีก่อน มาจากรายได้ของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ของปีนี้.
ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีพระเอกสำคัญจากการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว ขณะที่การลงทุนชะลอตัวลงเล็กน้อยจาก
ข่าว,เศรษฐกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทย,ธปท.,เศรษฐกิจไทย,รัฐบาลใหม่,ตัวเลขเศรษฐกิจไทย,ติดลบ,ดอน นาครทรรพ,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/business/1533140
พรุ่งนี้แล้ว ศาลนัดสืบพยาน ศรีวราห์- หัวหน้าวิเชียร คดีเสือดำ
เมื่อวันที่ 26 พ.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีอัยการจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นางนที เรียมแสน จำเลย ที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้ตกเป็นจำเลยคดีอาญาหมายเลขดำที่ 219/2567 ใน 6 ข้อหา,คือ 1. ฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ฐานร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3. ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4. ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต 5. ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย และ 6. ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต,ต่อมาวันที่ 27 ส.ค.61 ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้นัดสืบพยานโจทก์เป็นฝ่ายแรก รวม 10 นัด คือวันที่ 27-28-29-30 พ.ย. วันที่ 6-7 ธ.ค. วันที่ 11-12-13 ธ.ค.และวันที่ 18 ธ.ค.2561 โดยพยานโจทก์มีทั้งหมด จำนวน 32 ปาก จากนั้นศาลจังหวัดทองผาภูมิ นัดสืบพยานจำเลยที่มีอยู่ จำนวน 17 ปาก รวม 6 นัด คือวันที่ 19-20-21-25-26-27 ธ.ค.2561,ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ย.) เวลา 09.00 น. จะเป็นการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ เป็นนัดแรก และบุคคลที่จะเดินทางมาสืบพยานตามหมายเรียกพรุ่งนี้ 2 ปาก คือ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. และนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ส่วนความคืบหน้าจะเป็นอย่างไร พรุ่งนี้ (27 พ.ย.) จะรายงานให้ทราบต่อไป.
พรุ่งนี้ดีเดย์ ศาลจังหวัดทองผาภูมินัดสืบพยานโจทก์ คดีเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวรฯ 2 ปากแรก คือ บิ๊กปู-ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล และหัวหน้า วิเชียร
ข่าว,ทั่วไทย
คดีเสือดำ,ฆ่าเสือดำ,ศรีวราห์,หัวหน้าวิเชียร,ศาลจังหวัดทองผาภูมิ,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1430158
พล.ต.ต.วิชัย ระบุไม่หนักใจ หลังเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ กรณีการเสียชีวิต 91 ศพ
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองจเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 91 ศพ ระหว่างการชุมนุมทางการเมือง ปี 2553 พร้อมเปิดเผยว่า ในวันนี้ (15ต.ค.55) เข้าให้ปากคำในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ และหัวหน้าชุดเจรจาต่อรองในขณะนั้น โดยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ ประจำการอยู่หลายจุด และไม่รู้สึกหนักใจกับการเข้าให้ปากคำครั้งนี้ เพราะก่อนหน้าที่ เคยให้ข้อมูลกับ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. ไปแล้วสำหรับกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่มิชอบมีมูลความผิดทางวินัย ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ร่วมกับพวก ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต จับกุมผู้กล่าวหา แล้วบีบบังคับให้ใช้หนี้เจ้าหนี้พนัน พล.ต.ต. วิชัย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินการยื่นฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้จำนวน 3 คน และศาลได้ประทับรับฟ้องไว้แล้ว แต่ ป.ป.ช. ไม่นำมาประกอบการพิจารณา โดยจากนี้ไปจะดำเนินการไปตามขั้นตอน และจนถึงขณะนี้เรื่องที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ก็ยังไม่ส่งมาถึงตน แต่ตนได้ลาออกจากราชการก่อน
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ และหัวหน้าชุดเจรจาต่อรอง ในการชุมนุมทางการเมือง ช่วงปี 2553 พร้อมระบุไม่หนักใจ เนื่องจากเคยให้ข้อมูลกับคณะกรรมการ คอป.ไปแล้ว
การเมือง
91ศพ,กรมสอบสวนคดีพิเศษ,คอป.,ดีเอสไอ,พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ,สลายการชุมนุม
https://news.thaipbs.or.th/content/118443
บิ๊กตู่ ชวนคนไทยลอยสิ่งอัปมงคลออกนอกปท. สร้างความสุขให้คนในชาติ
บิ๊กตู่ เป็นประธานนำถก ครม. ชวนคนไทยร่วมงานลอยกระทง สร้างความสุขให้กับประเทศ วอน อย่าเพิ่งตำหนิรัฐทำงานไม่ดี ขณะที่ บิ๊กเต่า ชง ครม.ยกเลิกการประชุมรัฐภาคีฯ ที่ฝรั่งเศส หวั่นเสียงครหาใช้งบเกินเหตุ ส่วนบ่ายนี้หลังถก ครม.เสร็จ นายกฯ เตรียมบินตรงประชุมเอเปค ที่มะนิลา ระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย. นี้,เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 58 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ติดเข็มกลัด ริบบิ้นสีขาว ให้แก่นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์ และแสดงเจตจำนงในการร่วมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ภายใต้แนวคิด อาเซียนร่วมใจ ไร้ความรุนแรง,นอกจากนี้ ทางเจ้ากรมแพทย์ทหารบก ได้นำคณะนักเรียนแพทย์ทหาร นักเรียนพยาบาล และศิลปินดารา เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงาน วันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า และเชิญชวนร่วมบริจาคสมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ขณะที่ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม นำคณะเข้าพบ เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมส่งเสริมประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2558,โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ลอยกระทงปีนี้ขอให้ส่งความอัปมงคลลอยออกไป ในสิ่งที่ไม่ดีเอาออกไปให้หมด ทั้งสังคมและประเทศ ให้ทุกคนร่วมกันสร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับคนไทยในประเทศ ถือเป็นมิติใหม่ในการขับเคลื่อน อย่าเอาแต่สนุกอย่างเดียว แต่ต้องแบ่งปันด้วย การเล่นต้องมีขอบเขต อย่าให้เดือดร้อนใคร เจ้าหน้าที่ก็จะต้องทำงานหนักให้สังคมปลอดภัย เพราะเป็นช่วงความสุขต่อเนื่องในช่วงหยุดยาว และเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว  ซึ่งเชื่อมโยงเรื่องความปลอดภัย และความเชื่อมั่นต่างๆ ทั้งหมด คนไทยทั้งหมดจะต้องช่วยกัน ถ้ามีเหตุผลวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็บอกมา อะไรที่ยังไม่สมบูรณ์ก็บอก แต่อย่าเพิ่งติว่าสิ่งที่รัฐบาลทำมันผิดทั้งหมด ซึ่งตนไม่อยากให้คิดอย่างนั้น แต่บางครั้งมันก็จำเป็นที่ต้องทำ นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมยังได้แจกกระดาษที่มีคิวอาร์โค้ด แสดงวิธีการพับกระทงดอกบัว แต่ นายกรัฐมนตรี ได้นำมาพับเป็นรูปเรือแทน พร้อมกับนำไปวางบนศีรษะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และบอกว่าเป็นหมวกแทนก็ได้,สำหรับวาระการประชุม ครม.ที่น่าสนใจ อาทิ กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอแผนปฏิบัติการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วน (แอกชั่นแพลน) ในปี 2558-2559 รวม 20 โครงการ มูลค่ากว่า 1,799,177 ล้านบาท รวมถึงจะเสนอบันทึกผลการประชุมร่วมเพื่อความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 8 ให้ ครม.เห็นชอบด้วย ขณะที่ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จะรายงาน ครม. เรื่องการขอยกเลิกการเดินทางของเจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากไทยทั้งสิ้น 81 คน จาก 27 หน่วยงาน ไปประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 11 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-11 ธ.ค. นี้ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณค่าเดินทางไป-กลับ ประมาณ 20 ล้านบาท จึงเกรงว่าการเดินทางไปในครั้งนี้ สังคมอาจจะมองว่าเป็นการใช้งบประมาณเกินเหตุ ในขณะที่ประเทศกำลังยากจน และมีปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ จึงจะยกเลิกการเดินทางไปดังกล่าว แต่จะมอบให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส เป็นผู้ร่วมประชุมฯ และกล่าวถ้อยแถลงแทน,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ และภริยา จะเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาตินินอย อาคีโน กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 23 ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย.นี้
บิ๊กตู่ เป็นประธานนำถก ครม. ชวนคนไทยร่วมงานลอยกระทง สร้างความสุขให้กับประเทศ วอนอย่าเพิ่งตำหนิรัฐทำงานไม่ดี ขณะที่ บิ๊กเต่า ชง ครม.ยกเลิกการประชุมรัฐภาคีฯ ที่ฝรั่งเศส หวั่นเสียงครหาใช้งบเกินเหตุ
null
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,ประชุมคณะรัฐมนตรี,ประชุมครม.,นายกฯ เป็นประธานประชุม ครม.,การประชุม ครม.วันนี้,ครม.,วันลอยกระทง,นายกฯชวนคนไทยเที่ยวงานลอยกระทง,วาระครม.,ประชุมเอเปค,นายกฯร่วประชุมเอเปค,ฟิลิปปินส์,บิ๊กตู่,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง
https://www.thairath.co.th/content/539970
ก๋วยเตี๋ยวกั๊ดโคตร ร้านเด็ดเมืองพะเยา กินเก่งแค่ไหนก็ถ้วยเดียวจอด
เมื่อวันนี้ 2 ก.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจ ร้านอาหารบ้านเตี๋ยวไก่ตุ๋นยาจีน ของนายดนัย(แรม) บุญธรรม อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 135/1 บ้านป่าแดง หมู่ 3 ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกสูง เปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยว ไก่ตุ๋น ข้าวซอย และอื่นๆ หลายรายการ โดยใช้ชื่อกั๊ดโคตร (โคตรอิ่มหรืออิ่มโคตร) บ้านเตี๋ยวไก่ตุ๋นยาจีนที่มีลูกค้ามารับบริการทุกวัน หยุดเพียงวันอาทิตย์ ซึ่งเจ้าของร้านทำอาหารเอง อดีตเป็นกุ๊กมือหนึ่ง มาก่อนกว่า 20 ปี ร้านอาหารแสงจันทร์ มีชื่อแห่งหนึ่งของ จ.พะเยา หลังจากเลิกเป็นกุ๊ก ออกมาเปิดร้านบ้านเตี๋ยวไก่ ได้ 3 ปี จนมีลูกค้ามากินทุกวันเพราะมีรสชาติอร่อย ราคาไม่แพง กินถ้วยเดียวอิ่ม,นายดนัย กล่าวว่า ก่อนจะมาเปิดบ้านเตี๋ยวไก่ยาจีน เคยทำงานเป็นกุ๊กร้านอาหารแสงจันทร์มาก่อนกว่า 20 ปี ต่อมาได้มาเปิดร้านเอง ชื่อบ้านเตี๋ยวไก่ หรือร้านกั๊ดโคตร (โคตรอิ่ม) ได้เปิดขายมา 3 ปี จะขายก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น ข้าวซอย ข้าวมันไก่ ขนมจีน และอาหารอื่น ที่ได้รับการถ่ายทอดมาคุณแม่แสงจันทร์  แล้วมาทำขายราคาถ้วยละ 35-40 บาท ขายทุกวันหยุดเพียงวันอาทิตย์วันเดียว รายได้กว่าพันบาทต่อวัน ,เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าของวลีเด็ด กั๊ดโคตร กล่าวอีกว่า ใช้ไก่ทั้งน่องและตีนไก่ตกวันละ 40 กิโลกรัม คุณภาพของไก่ที่สดนำมาตุ๋นยาจีนกับสูตรของทางร้านตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อที่จะให้เนื้อไก่และขาไก่เปื่อยยุ่ยได้ที่พร้อมทาน เนื่องจากร้านเปิดตั้งแต่ 08.00 น. และปิดเวลา 14.00 น. แต่ส่วนใหญ่จะหมดก่อนเวลา เนื่องจากลูกค้าต่างทยอยเข้าร้านตลอดทั้งวันทำให้ไก่หมดเร็วเนื่องจากรสชาติและราคานั้นถูกปากแถมอร่อยไม่เป็นสองรองใครและที่สำคัญใช้ถ้วยใบใหญ่ๆ ใส่อาหาร ทำให้ลูกค้ากินแล้วอิ่มหรือกั๊ด หรือกั๊ดโคตร หรือโคตรกั๊ด (โคตรอิ่ม-อิ่มโคตร) เพียงถ้วยเดียวจบ,จากการสังเกตพบว่าหลังจากร้านเปิดร้านจะมีบรรดาลูกค้าเข้ามารับประมาณไม่ขาดสายตลอดทั้งวันจนกว่าร้านขายหมด นับว่าเป็นร้านบ้านเตี๋ยวไก่ตุ๋นยาจีน แห่งเดียวในจังหวัดพะเยาที่มีเพียงแห่งเดียวในจังหวัด ที่ใช้ชื่อกั๊ดโคตร หรืออิ่มโคตร หรือโคตรอิ่ม ซึ่งเป็นวลีของเจ้าของร้านเองแล้วเอามาเป็นชื่อร้านด้วย จนเป็นชื่อร้าน ที่แปลกตา ของนักกินทั่วไปดังกล่าว.
ก๋วยเตี๋ยวกั๊ดโคตร (โคตรอิ่ม) ร้านอร่อยเมืองพะเยา กับเมนูเด็ด ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นยาจีน 1 เดียว ขายมา 3 ปี จนมีลูกค้ามากินทุกวันเพราะมีรสชาติอร่อย ราคาไม่แพง ถ้วยใหญ่กินอิ่ม สั่งถ้วยเดียวจอดป้ายลุกไม่ขึ้น
ข่าว,ทั่วไทย
ก๋วยเตี๋ยวไก่,ก๋วยเตี๋ยวกั๊ดโคตร,พะเยา,ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นยาจีน,โคตรอิ่ม,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1058182
รณรงค์เสนอปัญหาและนโยบายสิทธิสตรีเนื่องในวันสตรีสากล
วันนี้ (8 มี.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรีและภาคีเครือข่ายร่วมกิจกรรมขบวนรณรงค์เนื่องในวันสตรีสากล เดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อนำเสนอปัญหาและนโยบายสิทธิสตรี โดยในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิดความมั่นคงของผู้หญิง คือความมั่นคงของชาติสำหรับข้อเรียกของปีนี้ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านๆ มา คือเน้นการนำเสนอนโยบายสิทธิสตรีที่ยึดโยงกับการแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวัน อย่างขบวนของกลุ่มผู้หญิงที่ใส่ชุดคลุมท้อง และมีหมวก 120 วัน คือการแสดงออกถึงข้อเรียกร้องขอให้รัฐให้ความสำคัญกับผู้หญิงในการดูแลบุตร ขยายวันลาคลอดจากที่กำหนดไว้ 90 วัน ซึ่งพวกเขาเห็นว่ายังไม่เพียงพอกับการดูแลเด็กเล็กที่เป็นวัยสำคัญต้องได้รับการดูแลเพื่อการพัฒนาอย่างสมบูรณ์และใกล้ชิดจากมารดา ให้ขยายเพิ่มมากขึ้นเป็น 120 วัน ซึ่งสอดคล้องกับการต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 183 ว่าด้วยสิทธิการคุ้มครองความเป็นมารดานอกจากนี้ รัฐต้องจัดให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนอย่างทั่วถึง มีคุณภาพและปรับเปลี่ยนเวลาเปิด - ปิดศูนย์ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนทำงาน รัฐต้องกำหนดสัดส่วนผู้หญิงในการตัดสินใจของคณะกรรมการทุกมิติและทุกระดับอย่างน้อย 1 ใน 3 รัฐต้องให้เงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า 0-6 ปี รัฐต้องให้คนพิการเข้าถึงสิทธิและการบริการเท่าเทียมกับคนทั่วไป รัฐต้องจัดให้มีพื้นที่ปลอดภัยให้กับผู้หญิงและเด็กใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และในพื้นที่สาธารณะ และรัฐต้องเคารพสิทธิการพัฒนาของประชาชนและผู้หญิงต้องมีส่วนร่วมในการจัดการฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมน.ส.นิไลมล มนตรีกานนท์ ประธานกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี เปิดเผยว่า แม้ข้อเรียกร้องบางส่วนจะถูกขับเคลื่อนแล้ว เช่น เงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็ก และศูนย์เด็กเล็กก่อนวัยเรียน แต่ยังผลักดันได้ไม่ทั่วถึง สาเหตุสำคัญเป็นเพราะขาดการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในการเข้าไปเสนอปัญหาและแนวนโยบายในการแก้ไขล่าสุด กลุ่มเครือข่ายสตรีได้เคลื่อนขบวนถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว โดยกลุ่มสตรีที่เข้าร่วมกิจกรรมจะนำเสนอปัญหาและแนวทางการแก้ไขของแต่ละภาคส่วนผ่านเวทีจำลอง พรรคบูรณาการแรงงานสตรี รวมถึงร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ และข้อเรียกร้องวันสตรีสากลในปีนี้
กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรีและภาคีเครือข่ายจัดขบวนรณรงค์เพื่อเสนอปัญหาและนโยบายสิทธิสตรี เนื่องจากวันนี้ (8 มี.ค.) เป็นวันสตรีสากล เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สังคม
วันสตรีสากล,สิทธิสตรี,กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี,พรรคบูรณาการแรงงานสตรี,ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส
https://news.thaipbs.or.th/content/270831
ตกปลาเจอศพ สาวลอยอืดในบึง สภาพคล้ายถูกฆ่า
หนุ่มนครปฐมไปตกปลาในบึงใหญ่ ได้กลิ่นเหม็นโชยมากับสายลม เคยออกตามหาต้นตอ ปรากฏว่าเป็นศพหญิงสาว ตายมาประมาณ 5 วันจนขึ้นอืด มีรอยคล้ายถูกแทงและตีที่หัว จนกะโหลกร้าว ตำรวจยังไม่สรุปว่าถูกฆาตกรรม รอผลตรวจจากนิติเวชฯ  ,เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ส.ค. 58 ร.ต.ท.ชัยวัฒน์ ศุภสิริมงคล ร้อยเวร สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพหญิงเสียชีวิตลอยอืดอยู่ใน บึงลาดโพธิ์ซึ่งเป็นบึงสาธารณะในพื้นที่หมู่ 2 ต.หนองดินแดง อ.เมืองนครปฐม หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวน แพทย์เวร รพ.ศูนย์นครปฐม และมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม,ที่เกิดเหตุเป็นบึงบ่อทรายเก่า พื้นที่ร่วม 40 ไร่ บริเวณริมขอบบึงมีต้นกกขึ้นหนาทึบ พบศพหญิง อายุประมาณ 20-25 ปี ลอยติดพงหญ้าส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว สภาพคว่ำหน้าสวมกางเกงขาสั้นสีชมพู สวมเสื้อยืดสีครีม ด้านหน้าสกรีนภาษาอังกฤษ ว่าเลิฟ ถลกขึ้นเห็นเสื้อชั้นในสีชมพู จึงให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิ นำศพขึ้นมาในสภาพชิ้นเนื้อหลุดหายไปบางส่วนโดยเฉพาะบริเวณแขน ขา และหนังศีรษะหลุดหมดเห็นกะโหลก มีรองเท้าหูหนีบสีขาวลายชมพูสวมอยู่ข้างขวาข้างเดียว แต่เมื่อพลิกศพยังพบบาดแผลเหมือนถูกแทงด้วยมีดเป็นแผลลึกที่ไหปลาร้าขวา 2 แผล จากการตรวจสอบของแพทย์ พบว่ามีรอยถูกตีด้วยของแข็งที่ศีรษะจนกะโหลกร้าว เสียชีวิตมาประมาณ 5-6 วัน,จากการตรวจบริเวณที่เกิดเหตุ พบรองเท้าหูหนีบพื้นเรียบสีขาวลายชมพูอีกข้าง ตกอยู่ที่พงหญ้าริมบึง ห่างประมาณ 5 เมตร ไม่พบเอกสารใดๆ อยู่ในตัว จึงให้นำศพส่งพิสูจน์ยังสถาบันนิติเวชฯ เพื่อตรวจหาสาเหตุการตาย และร่องรอยของบาดแผลว่าเป็นบาดแผลจากการถูกฆาตกรรม หรือเกิดจากสัตว์ในน้ำแทะกิน,นายชัยณรงค์ ทับเครือ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 6 ต.วังเย็น อ.เมืองนครปฐม ผู้พบศพและเป็นผู้แจ้งตำรวจ เผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับเพื่อนได้ชวนกันมาตกปลาในบึงแห่งนี้ โดยมากันแต่เช้า เพราะในบึงมีปลาชุกชุม ระหว่างที่ตกปลาอยู่ เมื่อมีลมพัดมาทีไรก็จะได้กลิ่นเหม็นโชยมาด้วย จึงได้เดินไปตามกลิ่น ยิ่งเดินเข้าใกล้กลิ่นยิ่งแรง เลยเอาไม้ไปเขี่ยดูตามซอกหญ้าคาที่ขึ้นอยู่ริมบึง ปรากฏว่าเมื่อเขี่ยหญ้าออก พบศพหญิงสาวเสียชีวิตอยู่ในบึง ตนคิดว่า น่าจะเป็นศพคนที่มาเล่นน้ำในบึงแล้วจมน้ำตาย จึงรีบโทรแจ้งตำรวจ แต่เมื่อดูอีกทีจึงเห็นว่า ศพมีรอยเหมือนถูกแทง,ทางด้าน รตท.ชัยวัฒน์ ศุภสิริมงคล ร้อยเวร กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่า การเสียชีวิตนั้นเกิดจากการฆาตกรรมหรือจมน้ำ ต้องรอผลจากนิติเวชฯ ก่อน และก็ยังไม่ทราบว่า เป็นหญิงคนไทยหรือต่างชาติ แต่ในการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีบาดแผลหลายแห่งตามร่างกายและเสียชีวิตมานานหลายวันจนขึ้นอืด เอามือแตะเนื้อจะเปื่อยยุ่ย ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงก็ไม่มีใครเคยเห็นหญิงที่เสียชีวิตมาก่อน หากเป็นการฆาตกรรมน่าจะฆ่าจากที่อื่นแล้วนำมาทิ้งในบึง เพราะเป็นบึงใหญ่และมีหญ้ารกขึ้นอยู่ตามริมบึง ขณะนี้ได้ให้ตำรวจตรวจสอบว่า มีการแจ้งความคนหายในท้องที่ใดหรือไม่ และให้ไปตรวจสอบตามโรงงานที่มีชาวเมียนมาทำงานอยู่ว่า มีใครหายหรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางการสืบสวนต่อไป.
หนุ่มนครปฐมไปตกปลาในบึงใหญ่ ได้กลิ่นเหม็นโชยมากับสายลม เคยออกตามหาต้นตอ ปรากฏว่าเป็นศพหญิงสาว ตายมาประมาณ 5 วันจนขึ้นอืด มีรอยคล้ายถูกแทงและตีที่หัว จนกะโหลกร้าว ตร.ยังไม่สรุปว่าถูกฆาตกรรม รอผลตรวจจากนิติเวชฯ
ข่าว,ทั่วไทย
เจอศพ,ศพผู้หญิง,ศพในบึง,ตกปลาเจอศพ,ศพขึ้นอืด,บึงลาดโพธิ์,นครปฐม,อาชญากรรม,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/news/local/516634
เกาะสมุย-ชุมพร ยังเผชิญน้ำท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(6 ธ.ค.2559) ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องจนน้ำจากบนภูเขาไหลมาเติมเต็มความจุของพรุเฉวง ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และน้ำไหลทะลักข้ามถนนออกมาท่วมในพื้นที่ถนนเลียบชายหาดเฉวงซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของเกาะสมุย ทำให้จุดดังกล่าวมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นสูงประมาณ 40-50 เซนติเมตรทำให้การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยทหารจากกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวิภาดีรังสิต ลงพื้นที่ไปช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ขับขี่รถผ่านประตูระบายน้ำพรุเฉวง เพราะปกติแล้วจุดนี้ แค่มีน้ำเอ่อล้นข้ามออกมาจากพรุเฉวงสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตรก็จะทำให้ไม่สามารถมองเห็นถนนที่ใช้สัญจรได้ ส่วนที่อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ขณะที่ฝนตกหนัก บริเวณ ต.บ้านใต้ อ.เกาะสมุย ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่น้ำหนักประมาณ 20 ตันไหลลงมาจากภูเขา ขวางถนน และกระแทกกับเขาไฟฟ้า ทำให้เสาไฟฟ้า ล้มลงมาขวางถนนอีก 4 ต้น เจ้าหน้าที่ต้อง ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง ถึงจะเปิดเส้นทางส่วนสถานการณ์ที่จ.ชุมพร ระดับน้ำในคลองหลายแห่ง เริ่มมีปริมาณมาก โดยเฉพาะที่คลองชุมพร ซึ่งมีต้นน้ำมาจากตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง มีชาวบ้านได้รับความเดือนร้อนแล้ว 61 หมู่บ้านฝนที่ตกสะสมหลายวันทำให้น้ำในคลองชุมพร เออล้นเข้าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ ต.บ้านนา ต.ขุนกระทิง ได้รับความเดือดร้อน ชาวบ้านในอยู่ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมบอกว่า ทั้งสองตำบลนี้ มักจะเกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี ปีละ 2-3 ครั้งเนื่องจากคลองชุมพรเป็นคลองที่แคบ เวลาเกิดฝนตกหนักในเขต ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง น้ำก็จะไหลมาลงท่วมตอนล่างของคลองชาวบ้านในต.ขุนกระทิง และต.บ้านนา ที่ปลูกบ้านและทำการเกษตรริมแนวคลอง ต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ จัดงบประมาณมาทำคันกันคลองเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนสำหรับภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดชุมพรเกิดขึ้นแล้ว ใน 3 อำเภอ คือ อ.ทุ่งตะโก อ.สวี และ อ.เมือง รวม 20 ตำบล 61 หมู่บ้านประชาชนได้รับความเดือดร้อน 42 คน 12 ครัวเรือน ที่พักเสียหาย 12 หลัง
ย่านเศรษฐกิจของเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี น้ำยังท่วมสูง 40 เซนติเมตร ขณะที่ชุมพร ยังต้องจับตาหลังระดับน้ำในคลองชุมพรเริ่มสูงขึ้นจากฝนที่ตกหนัก
ภัยพิบัติ
ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,น้ำท่วม,เกาะสมุย,สุราษฎร์ธานี,ชุมพร,น้ำท่วมภาคใต้
https://news.thaipbs.or.th/content/258435
ฮือฮา ชาวนานครสวรรค์ ปลูกข้าวอักษรทรงพระเจริญในนา2ไร่สวยงามมาก
สร้างสรรค์ ชาวนา จ.นครสวรรค์ ไอเดียเก๋หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวให้เป็นตัวอักษร ทรงพระเจริญ BIKE FOR MOM ในเนื้อที่นา 2 ไร่ ล่าสุดข้าวที่ปลูกไว้ สามารถมองเห็นอักษรได้ชัดเจน และสวยงามสำหรับ โดยตั้งใจจะถวายในวันแม่ 12 สิงหา ด้วย,เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวนาในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.บางพระหลวง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เร่งตกแต่งและซ่อมแซมต้นข้าวในแปลงนา หลังจากได้หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวให้เป็นตัวอักษรคำว่า ทรงพระเจริญ BIKE FOR MOM บนเนื้อที่ไร่นาจำนวน 2 ไร่เศษ หรือประมาณ 32x104 เมตร เมื่อช่วงวันที่ 9 มิ.ย.59 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงครองราชย์ 70 ปี และถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 โดยล่าสุดนั้นต้นข้าวที่ปลูกไว้มีอายุได้ 20 วันแล้ว ซึ่งสามารถมองเห็นเป็นตัวอักษร ได้อย่างชัดเจน ทำได้รับความสนใจ จากผู้ที่สัญจรผ่านไป-มาบริเวณดังกล่าว เป็นอย่างมาก,ขณะที่นายจีรพงษ์ จูอาภรณ์ อายุ 46 ปี บอกว่า ตนเอง เคยปลูกข้าวเป็นอักษรคำว่า ทรงพระเจริญ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เนื่องจากสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยในปีนี้เป็นปีมหามงคล จึงได้ปลูกข้าวเพื่อถวายพระพรอีกครั้ง โดยเริ่มปลูกเป็นอักษรคำว่า ทรงพระเจริญ BIKE FOR MOM และจะมีกิจกรรมปั่นจักรยานในวันแม่ เพื่อถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบด้วย ทั้งนี้ข้าวที่ปลูกไว้ จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ในกลางเดือนกันยายน และจะนำเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งหมด ไปแจกชาวนาเพื่อการเพาะปลูกในฤดูต่อไป.
สร้างสรรค์!! ชาวนา จ.นครสวรรค์ ไอเดียเก๋หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวให้เป็นตัวอักษร ทรงพระเจริญ BIKE FOR MOM ในเนื้อที่นา 2 ไร่ ล่าสุดข้าวที่ปลูกไว้ สามารถมองเห็นอักษรได้ชัดเจน และสวยงาม โดยตั้งใจจะถวายในวันแม่ 12 สิงหา
null
ปลูกข้าว,ปลูกข้าวเป็นตัวอักษร,ทรงพระเจริญ,BIKE FOR MOM,ชาวนานครสวรรค์,จีรพงษ์ จูอาภรณ์,ต.บางพระหลวง,ปลูกข้าวถวายพระพร,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย
https://www.thairath.co.th/content/650142
เพลงเรือหน้าน้ำ
กังวานแว่วหวานของคำร้องทำนอง ไม่ได้บอกนัย ความทุกข์โศกหมองเศร้าของน้ำท่วมเอาไว้ หน้าน้ำเหนือ เรียกกันว่า หน้าน้ำ เป็นฤดูกาลความสุขสนุกสนาน เอาด้วยซ้ำ,คนที่ถ่ายทอดเรื่องเพลงพื้นบ้าน ยายทองหล่อ ทำเลทอง อายุ 85 ปี แม่เพลงฉ่อย ชาวบางขุนทิพย์อำเภออุทัย คำ สมัยก่อน ที่ยายทองหล่อใช้ เห็นจะต้องย้อนหลังไปถึง 70 ปี 100 ปี,ถึงหน้าน้ำ เดือน 11 เดือน 12 ชาวบ้านต่างลงเรือไปไหว้พระกัน ด้วยเป็นเวลาทอดกฐิน ผ้าป่า น้ำเจิ่งนองท่วมทุ่ง ไปไหนมาไหนก็อาศัยเรือกันแทบทั้งนั้น,งานวัดแต่ละงานต่างคนต่างสนุกกันเต็มที่ บ้างก็นุ่งแดงบ้างก็หุ่มเขียว เป็นลำๆ พายไปจอดกันแออัดที่หน้าวัด แลดูครึกครื้นยิ่งนัก,ไปถึงวัดค่ำ จุดตะเกียงเจ้าพายุตะเกียงลานสว่าง จะทอดทุ่นว่าเพลงกันหน้าวัด หรือจะพายไปว่าเพลงไปก็ได้,เพลงที่ร้องในยามนั้น เพราะร้องกันในเรือ เขาเรียกกันว่า เพลงเรือ,พ่อเพลงสวมหมวกสานแม่เพลงสวมงอบ นั่งร้องกลางลำคนอื่นที่เป็นลูกคู่ช่วยพาย และร้องรับ,ร้องออกไปแล้ว ถ้าหญิงยอมเล่นด้วย ก็ตอบรับกลับมา ถ้าไม่เล่นด้วยก็เฉยเสีย ฝ่ายชายต้องพายไปหาลำอื่น,ธรรมเนียมเพลงเรือยังมีอีก เมื่อเพลงคู่ใดชอบใจถ้อยคำน้ำเสียง และกิริยาวาจาต่อกัน มักแลกผ้าเช็ดหน้า ผ้าสไบ และมักกระทั่งแลกแหวน เป็นของมัดจำ,นี่คือเครื่องหมายพบกันวันหน้า จะเล่นด้วยกันอีก,แม้ลำใดไปก่อน เป็นคู่เล่นกับลำอื่นอยู่ หากลำเจ้ามัดจำมาถึง ก็ต้องละมาหาคู่มัดจำเดิม,ถ้าเป็นระดับชั้นครู ก็มีคนมาลอยลำเกาะเรือฟังกันแน่นขนัด ทั้งฟังได้เป็นคืนๆ,คู่เรือที่เล่นดึกแล้วเลิก ธรรมเนียมเขาให้ฝ่ายชายพายเรือไปส่งฝ่ายหญิงถึงบ้าน ในคืนฟ้าโปร่งเดือนหงาย เป็นบรรยากาศที่หวานชื่นไม่น้อย ภายหลังออกพรรษาไปไม่นาน หนุ่มสาวก็ได้ออกเรือนไปหลายคู่,ความสนุกในหน้าน้ำนอกจากเรื่องรัก ยังมีกระทั่งเรื่องเรือเพลงผี เล่าไปขนลุกไป,บ้านเรือนแบบชนบท ใต้ถุนสูงโล่ง สร้างแบบสมัยใหม่ลานบ้านเคยจอดเรือ เป็นที่จอดรถ,ความเปลี่ยนแปลงมากมาย ฟังเพลงน้ำเหนือบ่าตอนนี้ คงไม่ไพเราะเหมือนเดิมอีกแล้ว.,กิเลน ประลองเชิง
คนรุ่นผมคุ้นเสียงเพลง ทูล ทองใจ ร้อง น้ำเหนือหลากมา ไหลบ่าพัดวนเจิ่งพ้นตลิ่ง จำคำร้องเก่า เดือน 11 น้ำนอง เดือน 12 น้ำทรง เดือนอ้าย เดือนยี่ น้ำก็รี่ไหลลง กันได้ทั้งนั้น
null
ชักธงรบ,กิเลน ประลองเชิง,เพลงเรือหน้าน้ำ,เพลงเรือ,เพลงพื้นบ้าน
https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/1117344
กรณ์ ประกาศลาออกจาก ประชาธิปัตย์
เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2563 นายกรณ์ จาติกวณิช ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ขณะร่วมงานเลี้ยงปีใหม่ หลังจากมีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะไปจัดตั้งพรรคการเมืองร่วมกับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ โดยนายกรณ์ได้พูดคุยกับ ส.ส.ที่มาร่วมงานปีใหม่ ถึงการตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และจะยื่นหนังสือลาออกในวันนี้ (15 ม.ค.)การประกาศลาออกของนายกรณ์ เกิดขึ้นเมื่อช่วง 18.00 น.ในงานเลี้ยงปีใหม่ที่เพื่อน ส.ส.กลุ่มคนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จัดขึ้น มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 50 คน อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค และ รมช.สาธารณสุข นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค โดยไม่ปรากฎว่ามี ส.ส.ที่ใกล้ชิดกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค มาร่วมงานนี้ในงานเลี้ยงปีใหม่ นายกรณ์ได้ร้องเพลง รักเธอเสมอ และหลั่งน้ำตา จนเพื่อน ส.ส.หลายคนร้องไห้ตามไปด้วย ขณะที่นายพนิช วิกิจเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถึงกับเอ่ยปากว่า พรรคเราเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และเมื่อร้องจบเพลง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินเข้าไปสวมกอดให้กำลังใจนายกรณ์ขณะที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวให้กำลังใจ ส.ส.ทุกคน ขอให้รักษาจิตวิญญาณและอุดมการณ์อย่างมั่นคง ซึ่งจะช่วยให้แก้ปัญหาสถานการณ์ยากๆ ที่เกิดขึ้นได้ โดยตนยังยินดีรับใช้สมาชิกทุกคนบน 2 เงื่อนไขคือ ไม่เกินแรงของตน และอย่าให้ทำในสิ่งที่ไม่เชื่อหรือขัดกับความคิด ความเชื่อ อุดมการณ์ของตนเองสำหรับเหตุผลการลาออกของนายกรณ์ครั้งนี้ คาดว่าเกิดจากความผิดหวังต่อคณะผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบัน ที่ปิดกั้นบทบาทของนายกรณ์ และดึงนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค และไม่เคยหารือเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจและงานของพรรค และที่ยื่นใบลาในช่วงนี้เพื่อต้องการให้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ผ่านสภาให้เรียบร้อยก่อน
นายกรณ์ จาติกวณิช ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หลังร่วมงานกับพรรคมานาน 15 ปี โดยจะยื่นหนังสือลาออกวันนี้ (15 ม.ค.)
การเมือง
กรณ์ จาติกวณิช,กรณ์ลาออกประชาธิปัตย์,พรรคประชาธิปัตย์,อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
https://news.thaipbs.or.th/content/287981
เยียวยาเกษตรกร กลุ่มแรก 8.33 ล้านราย รับเงิน 5000 บาท พรุ่งนี้
เตรียมจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกร รายละ 5000 บาทต่อเดือน กลุ่มแรก 8.33 ล้านราย ตั้งแต่ 15 พ.ค. ผ่านช่องทางของธ.ก.ส. แนะอีก 1.67 ล้านราย รีบขึ้นทะเบียนในอีก 2 วันเฟซบุ๊กเพจ ไทยคู่ฟ้า โพสต์ข้อความ ระบุ สำหรับน้องเกษตรกรที่ประสงค์ร่วมโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 รายละ 5000 บาท/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน (พ.ค. – ก.ค. 63) ล่าสุด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยัน เยียวยาเกษตรกรกลุ่มแรกที่ลงทะเบียนในโครงการฯ และผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้ว โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 63 เป็นต้นไป จำนวน 8.33 ล้านราย ผ่านกลไกของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ส่วนเกษตรกรกลุ่มที่ 2 คือ เกษตรกรที่อยู่ระหว่างขึ้นทะเบียนเกษตรกร ราว 1.67 ล้านราย ขอให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พ.ค. 63 เพื่อรับเงินเยียวยาภายในเดือน พ.ค. 63อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรรายใดไม่เข้าเกณฑ์การรับสิทธิ์การช่วยเหลือเยียวยาครั้งนี้ เช่น ไม่สามารถเพาะปลูกได้ในปีการผลิต 2563/64 ทางกระทรวงเกษตรฯ จะมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มนี้ในอนาคต แต่ขอให้เร่งขึ้นทะเบียน หรือปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบันภายในวันที่กำหนดนอกจากนี้ ทางกระทรวงก็เตรียมจัดตั้ง ศูนย์รับเรื่องอุทธรณ์ฯ เพื่อเป็นช่องทางให้คำปรึกษาและให้การช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่ได้รับการเยียวยาจากสาเหตุต่าง ๆ อีกด้วย.อ่าน เยียวยาเกษตรกรwww.เยียวยาเกษตรกร.com เปิดวิธีตรวจสอบผลการโอนเงิน กรอก 2 ที รู้เลยเงินเข้าวันไหนเกษตรกรเช็กสถานะรับเงิน 5 พัน ผ่าน www.เยียวยาเกษตรกร.com ได้แล้ว
เตรียมจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกร รายละ 5000 บาทต่อเดือน กลุ่มแรก 8.33 ล้านราย ตั้งแต่ 15 พ.ค. ผ่านช่องทางของ ธ.ก.ส. แนะอีก 1.67 ล้านราย รีบขึ้นทะเบียนในอีก 2 วัน
ข่าว,เศรษฐกิจ
ลงทะเบียนเกษตรกร,ลงทะเบียนเกษตรกรรับเงินเยียวยา,เงินเยียวยาเกษตรกร,เยียวยาเกษตรกร,www.เยียวยาเกษตรกร.com,ตรวจสอบลงทะเบียนเงินเยียวยาเกษตรกร,รับเงินเยียวยาเกษตรกร,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/business/1843816
นศ.ค้านฝากขัง ไม่ประกัน
เรียกร้อง-ศาลทหาร ไต่สวนอย่างเปิดเผย โยนหินโหวตลับรธน.,คณะกรรมการสิทธิฯจับเข่าคุยผู้ปกครอง กลุ่มดาวดิน พ่อแม่เด็กโวย จนท.ทำเกินเหตุจับลูกเข้าห้องขังโดยไม่ไต่สวน ทนายท้าพิสูจน์หลักฐานคนบงการ หมอนิรันดร์ นัด 8 ก.ค. ซักถามทหาร-ตร. พนักงานสอบสวนเข้าเรือนจำสอบปากคำ 14 นศ. กลุ่มเอ็นดีเอ็มแถลงผ่านทีมทนาย ย้ำปฏิเสธอำนาจศาลทหาร ไม่ขอประกันตัว ลั่นจะปล่อยตัวต้องไม่มีมลทิน 7 ก.ค. ทนายความจ่อยื่นคัดค้านฝากขังผัดสอง ยกเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ยื่นขอศาลทหารไต่สวนเปิดเผย บิ๊กป๊อก ยัน คสช.ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับเด็ก ประยุทธ์ ไม่ตำหนิบอก นศ. พลังบริสุทธิ์ ฉะนักการเมืองชี้นำกดดันประเทศ สันติบาลเช็กยิบเครือข่ายหนุนหลังก๊วนนักศึกษา สปช.รอถกนอกรอบก่อนโหวต รธน.วันชัย แย้มสมาชิกเล็งชงปิดประตูโหวตลับ,กรณีกลุ่ม 14 นักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่ยอมยื่นประกันตัว โดยอ้างไม่ยอมรับศาลทหารนั้น ล่าสุดทีมทนายความเตรียมยื่นคัดค้านการขอฝากขังผัดที่สอง,คสช.ยันไม่ใช่คู่ขัดแย้งกลุ่ม นศ.,เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 ก.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงข้อเรียกร้องจากหลายภาคส่วนให้รัฐบาลพิจารณาปล่อยตัว 14 นักศึกษาดาวดินที่ถูกคุมขังว่า เราถือว่ากลุ่มนักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์หากเคลื่อนไหวโดยไม่มีอะไรแอบแฝง แต่เมื่อสืบสวนแล้วพบว่าเคลื่อนไหวเพราะมาจากการจัดตั้งก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย อยากสร้างความเข้าใจว่าเรื่องนี้มีปัญหากันอยู่เดิม รัฐบาล คสช.เข้ามาหยุดสถานการณ์และภาวะที่เดินไม่ได้ ทาง คสช.และรัฐบาลปัจจุบันจึงไม่ใช่คู่กรณีกับเรื่องดังกล่าว เรื่องของเรื่องคือมีการขัดแย้งเกิดขึ้นในประเทศไม่สามารถหาทางออกได้ เมื่อเราเข้ามาหยุดสถานการณ์ เข้ามาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จก็เลือกตั้งกัน ทุกอย่างเดินไปตามโรดแม็ป,กสม.หารือผู้ปกครอง นศ.ดาวดิน,เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กสม.ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิการเมืองและสิทธิพลเมือง เชิญผู้ปกครองของ 14 นักศึกษาที่ถูกจับกุมและตัวแทนภาคประชาชนที่กลุ่มดาวดินเคยร่วมงานในพื้นที่มาหารือ ตามมติ กสม.ที่ให้เข้าตรวจสอบ 14 นักศึกษา กรณีถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและกรณีที่นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดานายจตุภัทร์หรือไผ่ ดาวดินยื่นคำร้องให้ กสม. ตรวจสอบ ทั้งนี้นายวิบูลย์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมที่กรุงเทพฯเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ให้จัดก็ไม่ได้จัด คิดว่าต่อรองกันแล้ว ก็เห็นตำรวจทหารนั่งดู สุดท้ายกลับมาจับบอกว่าเป็นเรื่องคดีเก่าใช้มาตรา 116 ก็งง เพราะคิดว่าไม่เข้าข่าย เลือกใช้กฎหมายหรือไม่ เด็กเขาไม่ยอมรับเพราะไม่ถือว่าเป็นกฎหมาย ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วมีคนเกเรมาออกกฎหมายให้คนเชื่อถือแล้วมาไล่จับมาตรา 116 กับเด็ก ถ้าตีความกันเฟ้อสังคมจะอยู่ได้อย่างไร ทำกับเด็กเกินกว่าเหตุหรือไม่ ขอย้ำว่าอย่าเอาเรื่องการเมืองไปแตะหรือสีสันวรรณะเข้าไปแตะ ไผ่ มาบอกเองว่ามีทุกสี ทุกพรรค พยายามเข้าไปแตะเขา เขาบอกเขาไม่เอา,วอนปล่อยตัว-อย่าโยงการเมืองหนุน,นางเรวดี สิทธิสุราษฎร์ มารดานายรัฐพล ศุภโสภณ หรือบาส กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค. มีทหารนอกเครื่องแบบไม่มีการแสดงบัตรไปพบ เชิญ ไปพบผู้บังคับบัญชาระดับสูง ตนไม่ไปเพราะรู้สึกไม่น่าไว้วางใจและไม่ปลอดภัย เขาถามให้ช่วยอะไรลูกตนก็อยากให้ช่วยปล่อย เพราะเด็กไม่ใช่กบฏ ไม่ได้นิยมความรุนแรง แค่ต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องตามวาระ ไม่ต้องการใครครอบงำความคิด การทำกิจกรรมของเขาไม่ต้องการมวลชน ไม่ต้องการนักการเมืองมาอยู่เบื้องหลัง เขาไม่เคยเรียกร้องมวลชนไปร่วมไม่ว่าสีไหน 10 ปีมานี้สังคมประเทศเราแย่ เด็กเห็นและคับข้องใจ สนใจการเมือง ไม่ต้องมาทำลายกันขนาดนี้ อย่าทำลายโดยจับยัดคุก อยากเรียกร้องให้ปล่อยเขา อย่ายัดข้อหาเกินกว่าเหตุ อย่าขังโดยไม่มีกระบวนการสอบสวน เจ้าหน้าที่บอกให้เซ็นชื่อแล้วจะไม่ตั้งข้อหา กลับมีหมายเรียก ผู้ใหญ่รับปากแล้วทำไมเสียคำพูด,ท้าพิสูจน์มีคนชักใยเบื้องหลัง,นายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ ทนายความกลุ่มนักศึกษากล่าวว่า การกระทำของ 14 คน ไม่น่าเข้าข่ายมาตรา 116 เพราะแสดงออกตามวาระทางการเมือง กรณีที่ระบุว่านักศึกษามีคนเสื้อแดง หรือขั้วอำนาจเก่าอยู่เบื้องหลัง ถ้าเป็นจริงเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐ พิสูจน์ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ยืนยันได้แล้วค่อยตั้งข้อหา ไม่ใช่ดำเนินการด้วยข้อสันนิษฐาน หากข้อมูลแบบนี้ผ่านโซเชียลออนไลน์อาจคลาดเคลื่อนจนเข้าใจผิดกับกลุ่มนักศึกษาได้ว่าถูกจับเพราะมีเจตนาล้มรัฐบาลเพื่อกลับสู่อำนาจเดิม ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้กสม.ควรสืบเสาะข้อเท็จจริงและแถลงต่อสังคม,ป้อง นศ.เป็นฮีโร่ช่วยชาวบ้าน,ขณะที่กลุ่มชาวบ้านที่กลุ่มดาวดินเคยเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ากลุ่มนักศึกษาเหล่านี้เข้าไปให้ความรู้กฎหมายชุมชน สิทธิชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านรู้สิทธิตัวเองและลุกขึ้นมาเรียกร้องกับภาครัฐ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่เคยมีการปลุกระดม เหมือนเป็นพระเอกมาช่วยเหลือชาวบ้าน นอกจากนี้ ยังประณามทหารไม่มีความยุติธรรมที่จับกุมโดยใช้กฎหมายที่แรงเกินกว่าเหตุ,8 ก.ค. นัดซักถามทหาร-ตร.,นพ.นิรันดร์กล่าวว่า ขอสรุป 3 ประเด็นคือ 1.กสม.ตรวจสอบการทำงานของกลุ่มดาวดินที่ทำงานกับชาวบ้านมาโดยตลอดซึ่งถือเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนจนได้รับรางวัลจาก กสม.อยากให้มีการนำเสนอเรื่องนี้ด้วย เพราะมีการสาดโคลนกันไปต่างๆนานาเนื่องจากไม่เข้าใจข้อเท็จจริง 2.วันที่ 8 ก.ค. เวลา 10.00 น. จะเชิญทหาร ตำรวจและสภา ทนายความเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง และ 3.จะตรวจสอบกรณีค้นรถทนายความของกลุ่มดาวดินว่าเป็นไปโดยชอบหรือไม่,ระแวงทหารแฝงตัวเก็บข้อมูล,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างรับฟังความคิดเห็นมีเจ้าหน้าที่แต่งกายคล้ายทหารรายหนึ่งเข้ามาในห้องประชุม จนทำให้ นพ.นิรันดร์พักการประชุมและให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวแนะนำตัว ซึ่งระบุว่าเป็น รปภ.ของบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพฯและบริหารสินทรัพย์อื่นของรัฐตามนโยบาย ถูกสั่งให้สังเกตการณ์และบันทึกการประชุมทำให้นพ.นิรันดร์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดย นพ.นิรันดร์กล่าวว่า ขอให้เลขานุการสอบถามบริษัทธนารักษ์ฯที่ส่งคนมาครั้งนี้เพราะไม่มีการขออนุญาต ถือเป็นการ แทรกแซงและดูถูกการทำงานของ กสม.ถ้าต้องรู้การทำงานเรารายงานให้ได้ และขอให้เจ้าหน้าที่กลับไปรายงานผู้บังคับบัญชาให้ถูกต้อง หากข้อมูลผิดเพี้ยนจะดำเนินการฟ้องร้องแน่นอน,มาร์ค จี้ รบ.โชว์หลักฐานหวั่นบานปลาย,นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการฝากขัง 14 นักศึกษาต่อต้านรัฐบาล คสช.ว่า เป็นห่วงว่าการที่รัฐบาลระบุว่ามีคนอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ นักศึกษากลุ่มนี้ โดยยังไม่นำหลักฐานที่ชัดเจนมาเปิดเผยต่อสาธารณชน อาจผลักนักศึกษาที่บริสุทธิ์ไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง ไปอยู่ฝ่ายตรงกันข้าม หรือไปฝักใฝ่การเมืองขั้วใดขั้วหนึ่ง รัฐบาลควรแยกแยะให้ดี ต้องยอมรับว่าฝ่ายต่อต้านโดยบริสุทธิ์ใจมีจริง เรื่องจะได้ไม่ลุกลามบานปลาย อย่างไรก็ตาม มีขบวนการหากิน กับประชาธิปไตย มีผลประโยชน์การเมืองแอบแฝงอยู่จึงอยากให้รัฐบาลและ คสช.แยกแยะให้ได้ ระหว่างคนที่เคลื่อนไหวโดยสุจริตกับคนที่มีผลประโยชน์แอบแฝง วางกติกาที่ชัดเจนว่าถ้าแสดงออกที่ไม่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐทำได้ โดยระบุให้ชัดว่าถ้ามีเบื้องหลังก็ให้มีความผิด,อ๋อย ซัด คสช.หลงทางปรองดอง,นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ผู้รับผิดชอบบางคนถูกใช้ให้ไปหาทางทำให้ผู้ที่มักแสดงความเห็นต่างกับภาครัฐแสดงความเห็นให้น้อยลง ขัดแย้งต่อหน้าที่การสร้างความปรองดอง จากประสบการณ์การที่นักศึกษาที่กล้าหาญ ถึงขั้นยอมลำบากตามอุดมการณ์เพื่อบ้านเมือง จะถูกใครจูงจมูกไม่ใช่เรื่องง่าย ควรตรวจสอบให้ชัดเจน ไม่ใช่กล่าวหาลอยๆ จะทำให้เกิดความเกลียดชังเปล่าๆ กรณีนักศึกษา 14 คน กำลังจะมีผลกระทบต่อการสร้างปรองดองไม่น้อย ความขัดแย้งในสังคมที่ทับถมมากขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุที่สำคัญ คือการใช้กฎหมาย โดยตั้งข้อกล่าวหารุนแรงมีโทษจำคุกถึง 10 ปี ดำเนินคดีในศาลทหาร ไม่เป็นตามหลักนิติธรรมการบอกว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ต้องอย่าลืมว่าปัจจุบัน คสช.จะสั่งอะไรก็เป็นกฎหมายได้ ความจริงการจะปล่อยตัวนักศึกษา 14 คน ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ต้องใช้มาตรา 44 เพียงแต่คำสั่งอะไรที่ไม่ชอบธรรมก็แก้เสีย ไม่ตั้งข้อหาร้ายแรงเกินกว่าเหตุ ไม่ใช้เวลาสอบสวนนาน ไม่ต้องขอฝากขังให้ยืดเยื้อ ไม่จำเป็นต้องนิรโทษ ตนกำลังจะจัดทำข้อเสนอแนวทางสร้างความปรองดองส่งให้ คสช.,พงส.สอบปากคำ 14 แกนนำ นศ.,วันเดียวกัน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง สถานที่คุมขัง 14 นักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ หรือเอ็นดีเอ็ม เจ้าหน้าที่ทัณฑสถานหญิงกลางได้ย้าย น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว นักศึกษา ม.ประสานมิตร ไปรักษาตัวที่ รพ.ราชทัณฑ์ หลังมีอาการปวดร่างกายซีกซ้าย ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เดินทางเข้าขอสอบปากคำนักศึกษาเอ็นดีเอ็มในเรือนจำพิเศษ โดยมีทีมทนายเข้าร่วมรับฟังการสอบสวนด้วย โดยตลอดทั้งวันยังคงมีกลุ่มคณะอาจารย์ ญาติ และเพื่อนของนักศึกษาเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง อาทิ น.ส.ประภา เพชรมีศรี น.ส.ประทับจิต นีละไพจิตร น.ส.งามศุกร์ รัตนเสถียร อาจารย์ประจำศูนย์สิทธิมนุษยชนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล นายธีระ สุธีวรางกูล น.ส.สาวตรี สุขศรี และนายปูนเทพ ศิรินุวงศ์ คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการ นักศึกษา มธ. นายชำนาญ จันทร์เรือง ประธานแอมนาสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ข้อมูลติดตามสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น,ศูนย์สันติ ม.มหิดล จี้ยุติข่มขู่คุกคาม,จากนั้น น.ส.ประทับจิต นีละไพจิตร ในฐานะตัวแทนสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล นำจดหมายเปิดผนึกมาอ่านหน้าป้ายเรือนจำพิเศษ ใจความว่า ขอสนับสนุนหลักการการเคลื่อนไหวของขบวนการประชาธิปไตยใหม่และกลุ่มดาวดิน เพราะเป็นการเรียกร้องขั้นพื้นฐานที่จะนำสังคมไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย สันติ และปรองดอง เราเป็นห่วงการจับกุมนักศึกษา 14 คน รวมทั้งการข่มขู่คุกคามครอบครัวเพื่อนฝูง ตลอดจนครูบาอาจารย์ของนักศึกษากลุ่มนี้เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ขอเรียกร้องดังนี้ 1. ขอให้หน่วยงานความมั่นคงยุติการติดตามข่มขู่ คุกคาม ครอบครัว และเพื่อนนักศึกษา สร้างความหวาดผวาว่าอาจตกเป็นเป้าหมายจับกุม 2. ขอให้คดีของขบวนการประชาธิปไตยใหม่และกลุ่มดาวดิน เข้าสู่กระบวนการปกติในศาลพลเรือน 3. ขอให้สังคมไทยรับฟังความเห็นที่แตกต่างของพี่น้องร่วมสังคม ด้วยความอดทนอดกลั้น ไม่ด่วนตัดสิน,ปริญญา แนะไม่ควรขอฝากขังต่อ,นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เรื่องการเรียนของ นศ.ที่อยู่ในเรือนจำนั้นไม่มีปัญหา มธ.จะอนุโลมให้เป็นกรณีพิเศษ ถือว่าเป็นเหตุที่ไม่ได้เกิดเพราะความบกพร่องของนักศึกษา ในวันที่ 7 ก.ค.ที่ครบกำหนดฝากขังผัดแรก พนักงานสอบสวนไม่ควรขออำนาจศาลฝากขังผัดที่สอง เพราะพฤติกรรมของ นักศึกษาไม่ได้คิดจะหลบหนี ควรให้โอกาสไปต่อสู้คดีนอกคุก สิ่งที่เด็กเหล่านี้ทำเป็นเพียงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่ควรนำพวกเขามาขังรวมกับนักโทษที่ศาลพิพากษาแล้ว อีกทั้งศาลทหารตามหลักมีไว้ใช้กรณีมีกฎอัยการศึกยามศึกสงครามหรือตัดสินบุคลากรในกองทัพ กรณี 14 นักศึกษาต้องขึ้นศาลทหาร เพราะคำสั่งของ คสช. ต้องถูกสังคมตั้งคำถาม ถ้า คสช.ไม่ต้องการถูกวิจารณ์ ควรนำคดีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ,นศ.ย้ำถ้าจะปล่อยต้องไม่มีคดีติดตัว,จากนั้นเวลา 11.30 น. กลุ่มนักศึกษากลุ่มเอ็นดีเอ็ม 13 คน ในเรือนจำพิเศษ ที่ถูกแยกขังตามแดนต่างๆ ถูกเรียกตัวมายังห้องเยี่ยม โดยนายทรงธรรม แก้วพัสพฤกษ์ นักศึกษา ม.เทคโนโลยีสุวรรณภูมิ ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวผ่านกรงขังว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค. มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เดินทางมาสอบถามข้อมูล ตั้งแต่ถูกควบคุมตัวจากการจัดกิจกรรมหน้าหอศิลป์เมื่อวันที่ 22 พ.ค.จนถึงก่อนเข้าเรือนจำว่ามีการละเมิดเรื่องใดบ้าง ส่วนตัวพอใจกับบทบาทของ กสม.ระดับหนึ่ง แต่ในการหารือครั้งนี้ที่น่าสนใจคือมีอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมเจรจาและได้พูดคุยกับกลุ่มนักศึกษาด้วย พวกเราชี้แจงไปว่าหากจะปล่อยตัวก็ไม่ควรต้องมีข้อแม้หรือมีคดีติดตัว เพราะแน่นอนว่าออกไปกลุ่มนักศึกษาก็ยังคงต้องเคลื่อนไหวต่อ ถ้ามีคดีจะขัดขวางการเคลื่อนไหวของเรา,โต้ยอมติดคุกหวังปั่นกระแส,ด้านนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ แกนนำกลุ่มดาวดิน นักศึกษานิติศาสตร์ ม.ขอนแก่น กล่าวว่า จากที่ฟังทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่เข้ามาร่วมพูดคุยเหมือนพยายามอยากให้พวกเราประกันตัว เพื่อออกไปสู้คดีข้างนอก แต่กลุ่ม นศ.ให้เหตุผลไปว่าหากประกันก็จะเท่ากับว่ายอมรับข้อกล่าวหา พวกเราประเมินสถานการณ์และหารือกันแล้วว่า จะยังคงยืนกรานไม่ประกันตัวในการฝากขังผัดแรกแน่นอน ส่วนการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นข้างนอกเรือนจำนั้น ยืนยันว่าที่พวกเรายอมติดคุกไม่ได้เพื่อหวังให้เกิดกระแสเรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกเรา แต่หวังที่จะให้คนที่ออกมาเรียกร้อง ได้รู้สึกถึงคุณค่าและหลักการของสิทธิความเป็นมนุษย์ ยอมรับว่าการแยกแดนนั้นทำให้รู้สึกเหงาบ้าง แต่ทุกคนยังมีกำลังใจที่ดี,ทนายจ่อยื่นคัดค้านฝากขังผัดสอง,ต่อมา 12.30 น. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนักศึกษากลุ่มเอ็นดีเอ็ม พร้อมทีมทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวหน้าเรือนจำพิเศษว่า กลุ่มนักศึกษาได้ฝากข้อความจากเรือนจำว่า พวกเขาขอปฏิเสธอำนาจของศาลทหารและไม่ขอประกันตัว เพราะมองว่าพวกเขาเป็นพลเรือน ไม่จำเป็นต้องขึ้นศาลทหาร แต่ทุกคนพร้อมที่จะสู้คดีในศาลพลเรือน ที่ไม่ขอประกันตัวเพราะเชื่อว่าการอยู่ในเรือนจำ จะทำให้สังคมเห็นว่าการถูกลิดรอนเสรีภาพนั้นเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ในวันที่ 7 ก.ค.ครบกำหนดที่พนักงานสอบสวนขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก ทั้งหมดต้องถูกเบิกตัวไปขึ้นศาลทหาร เพื่อขออำนาจศาลทหารฝากขังผัดที่สอง ทีมทนายจะยื่นคัดค้านการขอฝากขังของพนักงานสอบสวน เพราะเห็นว่านักศึกษาไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนี หากศาลพิจารณาไม่อนุญาตให้ฝากขังต้องปล่อยตัวทันที โดยกระบวนการของคดีจะดำเนินต่อ ถ้าศาลสั่งให้ปล่อยตัวในวันดังกล่าว ทุกคนต้องยอมเดินออกจากเรือนจำ,ยก 14 ตุลาขอศาลทหารไต่สวนเปิดเผย,นายกฤษฎางค์กล่าวอีกว่า กลุ่มนักศึกษายังได้ฝากให้ทีมทนายยื่นคำร้องต่อศาลทหาร หากมีการพิจารณาคดีและไต่สวนกลุ่มนักศึกษาขอให้เป็นการกระทำในแบบเปิด คือให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ารับฟังได้ ซึ่งแนวปฏิบัตินี้ศาลทหารเคยอนุญาตมาแล้ว ในสมัยที่พิจารณาคดี นศ.ยุค 14 ตุลาฯ แต่หากศาลทหารไม่ยอมรับ ทาง นศ.บอกว่าพวกเขาจะมีมาตรการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปเช่นกัน อย่างไรก็ตาม คดีนี้ทีมทนายไม่รู้สึกหนักใจในการต่อสู้คดี แต่ถ้าจะมีเรื่องหนักใจก็คือการที่ทีมทนายถูกคุกคาม รวมทั้งการที่พ่อแม่ของ นศ.ที่ถูกทหารไปหาที่บ้านเท่านั้น ซึ่งทาง นศ.ได้ฝากมาว่าเรื่องนี้พ่อแม่ไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ นศ.แต่อย่างใด,มวลชนทยอยร่วม โพสต์อิสรภาพ,ช่วงเย็นที่ทางเดินสกายวอล์ก หน้าสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ สี่แยกปทุมวัน กลุ่มพลเมืองโต้กลับนัดหมายมวลชนที่เห็นต่างกับ คสช.รวมตัวกันทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ใช้ชื่อ โพสต์อิสรภาพ เขียนข้อความลงบนกระดาษโพสต์อิทเรียกร้องให้ปล่อยตัว 14 นักศึกษากลุ่มเอ็นดีเอ็ม ก่อนหน้าที่กิจกรรมจะเริ่มขึ้น พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน พ.อ.สุวิทย์ เกตุศรี ผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 1 พ.ท.ภาสกร กุลรวิวรรณ ผบ.ม.พัน. 1 พล.ม.2 รอ. พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารรัฐธรรมนูญ นำกำลังทหารชุดนอกเครื่อง-แบบสนธิกำลังกับตำรวจ สน.ปทุมวัน นำโดย พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน และตำรวจ บก.น.6 นำแผงรั้วเหล็กปิดกั้นพื้นที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพ สกัดกั้นมวลชนไม่ให้เข้าใช้พื้นที่ ส่วนทางเดินสกายวอล์ก ตำรวจนำแผงเหล็กกั้นกลางทางเดินปิดยึดพื้นที่ฝั่งหันมาทางหอศิลป์ฯไว้ อนุญาตให้ใช้เฉพาะพื้นที่ฝั่งศูนย์การค้ามาบุญครอง ขณะเดียวกันกลุ่มมวลชนคนค้านการรัฐประหารทยอยมารวมตัวเพิ่มขึ้น มีทั้งกลุ่มนักศึกษา กลุ่มคนเสื้อแดง มีแกนนำ เช่น นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษา มธ. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง นางสุดสงวน สุธีสร อดีตอาจารย์มธ.นักวิชาการคนเสื้อแดง นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดานายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน,จนท.ปรับแผนไม่จับ–ถ่ายรูปคู่ชื่นมื่น,กระทั่งเวลา 18.00 น. นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษา มธ. เริ่มแจกกระดาษโพสต์อิทให้มวลชนราว 200 คนที่มาร่วมเขียนข้อความ ก่อนนำไปติด บนบอร์ดยิปซั่ม 7 แผ่นที่อยู่ฝั่งศูนย์การค้ามาบุญครอง มีข้อความเรียกร้องปล่อยตัวนักศึกษาและข้อความโจมตี คสช. โดยเจ้าหน้าที่ปรับแผนใหม่ไม่จับกุม แต่ให้ทหาร ตำรวจ นอกเครื่องแบบหลายสิบคนแฝงตัวปะปนเข้าไปถ่ายภาพกิจกรรมและใบหน้าผู้เข้าร่วมเก็บไว้เป็นหลักฐาน แม้มีมวลชนบางคนคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ตะโกนไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แต่ก็ไม่ถูกจับ นับเป็นครั้งแรกหลังมีการรัฐประหาร ที่การจัดกิจกรรมในพื้นที่รับผิดชอบของ พล.ม.2 รอ.ไม่มีการจับกุมผู้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์แม้แต่รายเดียว โดยเฉพาะที่สร้างความฮือฮา คือเมื่อ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารรัฐธรรมนูญ ซึ่งเคยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแนวร่วมคนเสื้อแดงนับสิบคน ได้เข้าพูดคุยกับนางสุดสงวน สุธีสร นักวิชาการเสื้อแดงอย่างเป็นกันเอง พร้อมถ่ายภาพ ร่วมกันทำสัญลักษณ์ชูมือเหนือหัวคู่กันเป็นรูปหัวใจ หรือเรียกเป็นภาษาเกาหลีว่า ซารังเฮโย ด้วย,นายกฯเสียงอ่อย นศ.พลังบริสุทธิ์,เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.กล่าวผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติตอนหนึ่งว่า เรื่องความขัดแย้งในพื้นที่ต่างๆ ต้องยุติให้ได้โดยเร็ว ต้องขอร้องทุกกลุ่ม ถ้าเราจะเอาประชาธิปไตยทันทีแก้ปัญหาทั้งหมดภายในระยะเวลาเร่งด่วน มันทำไม่ได้ทั้งสิ้น กลุ่มนักศึกษานั้นตนจะไม่ไปตำหนิ ถือว่าเป็นพลังบริสุทธิ์ น่าจะทำประโยชน์ให้บ้านนี้เมืองนี้ได้อีกมากในอนาคต ขอให้ใช้ในระยะเวลาที่ถูกต้อง อย่าไปเชื่อมั่นว่าใครมาบิดเบือน สร้างความเข้าใจที่ผิดๆ ตนไม่เคยปฏิเสธคำว่าประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง แต่ที่ผ่านมามีปัญหาก็ต้องแก้ให้ได้ก่อน จะได้ไม่ต้องไปสิ้นเปลืองงบประมาณ เสียเวลากับการควบคุมอำนาจ ฝากถึงทุกกลุ่มที่มองว่าประชาธิปไตยประเทศมีปัญหานั้น ไม่จริงทั้งหมด อยากขอให้ทุกคนเดินตามโรดแม็ป คดีที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหากว่ายอมรับกันพูดจากันรู้เรื่อง เราจะหาทางดูแล แต่อย่าให้ต้องทำให้กฎหมายเสียหายไปมากกว่านี้เลย,ซัดนักการเมืองชี้นำกดดันประเทศ,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า เรื่องการรับฟังความคิดเห็น มีการเปิดเวทีการเสนอแนะเพื่อปฏิรูปประเทศไทย เริ่มจากรายการ เดินหน้าปฏิรูป เริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 1 ก.ค. เชิญทั้ง สปช. นักวิชาการ นักการเมือง และอดีตรัฐมนตรี มาร่วมพูดคุยเป็นเรื่องๆ เพื่อมาดูว่ารัฐบาลปัจจุบันทำอย่างไร ในอดีตเป็นอย่างไร ประชาชนจะได้เป็นผู้ตัดสินว่าความคิดของใครถูกหรือผิด ไม่เช่นนั้นก็เถียงกันอยู่อย่างนี้ แล้วก็ไล่ล่าฆ่าฟันกันไม่จบเสียที จะตำหนิติติงอะไรตนไม่โกรธ แต่ต้องมีเหตุผลมาสู้หรือมายืนยัน ไม่ใช่ตนอยากสืบทอดอำนาจ เพียงแต่ต้องการให้ประเทศไทยมีที่ยืนอยู่ในโลกใบนี้ วันนี้เรื่องการกดดันจากต่างประเทศก็เบาบางลงไป เว้นแต่ว่าคนของเราเองโดยเฉพาะอดีตนักการเมือง ก็อยากถามว่าอยากเห็นประเทศไทยอยู่ตรงไหน จะเอาชนะคะคานตนโดยประเทศเสียหายแล้วได้กลับมาเป็นรัฐบาล แล้วจะปกครองบริหารใคร ในเมื่อประเทศล้มเหลวไปแล้ว,สันติบาลเช็กเครือข่ายหนุนเอ็นดีเอ็ม,วันเดียวกัน พล.ต.ต.สราวุฒิ การพานิช ผบก.ส.1 ผู้รับผิดชอบด้านการข่าว มีหนังสือสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยข่าว สังกัดกองกำกับการสันติบาล ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ที่มีอาจารย์และนักวิชาการลงชื่อในแถลงการณ์เรียกร้องให้ปล่อยตัว 14 นักศึกษา ให้เข้าไปตรวจสอบว่ามีการแอบอ้างชื่อหรือไม่ และมีแนวคิดทางลบต่อรัฐบาลหรือไม่ พร้อมให้สืบว่ากลุ่มหรือองค์กรในประเทศที่ออกมาเรียกร้อง สนับสนุน และเกี่ยวข้อง มีประวัติ พฤติการณ์การเคลื่อนไหว ความเชื่อมโยงกับนักศึกษากลุ่มอื่นอย่างไร มีแนวโน้มการเคลื่อนไหวทิศทางไหน มีความขัดแย้งปัญหาด้านการเมืองของประเทศมากน้อยแค่ไหน มีแนวการดำเนินการต่อประเทศอย่างไร อีกทั้งให้สืบสวนการเคลื่อนไหวของ น.ส.พุทธิดา ไชยนันต์ นศ.ปริญญาโท ม.เชียงใหม่ว่ามีศักยภาพความเป็นผู้นำมากน้อยแค่ไหนด้วย,สปช.รอถกนอกรอบลงมติ รธน.,อีกเรื่อง เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) แถลงผลการประชุมวิป สปช.ว่า ที่ประชุม สปช.กำหนดวาระการพิจารณาวาระปฏิรูป 37 วาระ ทุกวันจันทร์ถึงวันพุธ ให้เสร็จสิ้นไม่เกินวันที่ 19 ส.ค. และวันที่ 22 ส.ค.เวลา 11.59 น. กมธ.ยกร่างฯ จะส่งร่างรัฐธรรมนูญให้ สปช.พิจารณาประกอบการตัดสินใจลงมติโหวตรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 5-7 ก.ย. คาดว่าสมาชิก สปช.จะต้องหารือนอกรอบเรื่องโหวตรัฐธรรมนูญไม่เกินวันที่ 7 ก.ย.แน่นอน คาดว่าจะต้องหารือกรณี สปช.จะเสนอคำถามประชามติหรือไม่ควบคู่ไปด้วย ถ้ามีสมาชิกเสนอคำถามต้องอภิปรายและลงมติ จากนั้นจะมาลงมติโหวตรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ กมธ.ยกร่างฯขอความร่วมมือ สปช.ให้คณะ กมธ.ปฏิรูป 18 คณะ ส่งตัวแทนร่วมเป็นอนุ กมธ.จัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง และจะเชิญผู้ยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 8 กลุ่ม เข้ารับฟังคำชี้แจงว่าได้แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ประเด็นใดบ้าง เพราะเหตุใด,เผยสมาชิกเล็งชงขอโหวตลับ,นายวันชัยกล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ท้วงติงการแสดงความเห็นคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ก็คงต้องเพลาๆ ลงก่อน เพราะสมาชิกหลายคนบอกว่าให้รอดูร่างรัฐธรรมนูญสุดท้าย 1 เสียงของตนจะโหวตคว่ำหรือไม่ ยังไม่ขอบอกตอนนี้ แต่เห็นว่ารัฐธรรมนูญต่อให้ดีวิเศษวิโสขนาดไหน ถ้าห้วงเวลาไม่ได้ บ้านเมืองไม่สงบ จะรีบเลือกตั้งไปทำไม ถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีส่วนไหนที่ปราบปรามการทุจริตได้หรือไม่ ต้องรอดูตอนสุดท้าย ถ้าพบว่าเป็นของไม่ดีก็ไม่เอา อย่างไรก็ตาม ทราบว่าขณะนี้มีสมาชิกบางคนจะเสนอให้การโหวตเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นการลงมติลับ อ้างว่าจะเป็นตัวของตัวเองในการตัดสินใจ แต่ตนไม่เห็นด้วยเพราะการลงมติจะต้องเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบ,โพลร้อยละ 49 ให้ผ่านประชามติ,ด้านนายประชา เตรัตน์ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลสรุปจากแบบสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในโครงการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญว่า จากการที่ กมธ.ยกร่างฯ ร่วมกับ กมธ.การมีส่วนร่วม และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน สปช. ดำเนินการสอบถามประชาชนในโครงการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญระหว่างวันที่ 27 เม.ย.-27 พ.ค. 58 ใน 4 ภาค รวม 12 จังหวัด เก็บแบบสอบถามได้ 9,356 คน พบว่าร้อยละ 52 เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญเหมาะสมแล้ว ร้อยละ 27 ระบุต้องปรับปรุง ภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญร้อยละ 60 พอใจ ร้อยละ 6 ไม่พอใจ ทั้งนี้ร้อยละ 54 ให้คะแนน 8-10 คะแนนและร้อยละ 6 ให้ 0-4 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 ส่วนถ้ามีการลงประชามติเพื่อรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 49 ระบุว่ารับแน่นอน ร้อยละ 28 ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 3 ไม่รับ โดยจุดเด่นของร่างฯ อันดับหนึ่งคือ เรื่องความเป็นพลเมือง อันดับสอง เรื่องสิทธิเสรีภาพ และอันดับสาม เรื่องปฏิรูปและปรองดอง,ดักคออย่าย้อนนิรโทษเหมาเข่ง,นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและหัวหน้า พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวทางนิรโทษกรรมของคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สปช.ว่า ถ้ารัฐบาลหรือ คสช.จะเดินหน้าควรจำกัดขอบเขตนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุมโดยสุจริตเท่านั้น อย่าย้อนไปสู่การนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งให้ทั้งคดีทุจริตหรือคดีอาญาที่รุนแรงหรือมาตรา 112 อีก ควรดำเนินการในส่วนของประชาชนที่ร่วมชุมนุมก่อน เพราะมีคนจับประชาชนเป็นตัวประกัน หวังจะได้รับนิรโทษกรรมไปพร้อมๆกัน ซึ่งรูปแบบกระบวนการสำนึกผิดก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร หวังว่าจะมีการตัดอำนาจคณะกรรมการปรองดองฯออกจากร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลมีท่าทีชัดเจนในเรื่องนี้ และคิดต่อไปว่าถ้าจะนิรโทษฯจนถึงปี 2557 ว่าจะทำอย่างไรกับผู้ที่ถูกดำเนินคดีในปี 2557-2558 ด้วย ขอฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ว่าอยากให้ตัดสินใจเรื่องการออกกฎหมายให้กับประชาชนที่ชุมนุมโดยบริสุทธิ์ โดยปล่อยให้คดีอาญาที่รุนแรง หรือคดีทุจริตเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม,บวรศักดิ์ จี้สื่อตีกรอบจริยธรรม,เมื่อเวลา 09.45 น. ที่ห้องประชุมอิศรา อมันตกุล อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติจัดสัมมนา หัวข้อ กฎหมายใหม่พลิกโฉมสื่อไทย โดยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง อนาคตสื่อไทยหลังรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า วันนี้สื่อโซเชียลมีเดียไปเร็วกว่าสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ เพราะมีผู้สื่อข่าวถึง 65 ล้านคน แล้วจะทำจริยธรรมกันอย่างไร ประเด็นที่ท้าทายวันนี้จึงเป็นเรื่องความเป็นอิสระเกินไปหรือไม่ของสื่อมวลชนนิรนาม หรือความไม่รับผิดชอบของสื่อมวลชนนิรนามในไลน์ เฟซบุ๊ก ขอให้ผู้ที่รับผิดชอบสื่อฯช่วยกันคิด,นายบวรศักดิ์ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราว่า ที่กังวลว่า กมธ.ยกร่างฯจะแก้ไขตามคำขอของ ครม.มากกว่าฝ่ายอื่นนั้น ไม่ได้แก้ไขตามที่ ครม.เสนอมาทั้งหมด แต่ ครม.รับผิดชอบการบริหารราชการแผ่นดิน เราก็ต้องให้ความสำคัญมากกว่าเป็นปกติ แต่ไม่ได้หมายความว่าคำขออื่นๆจะไม่สำคัญ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่คงไม่ยาวกว่ารัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 คงจะ เหลือประมาณ 300 มาตรา,บิ๊กตู่ เยือนญี่ปุ่นย้ำตามโรดแม็ป,สำหรับภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นครั้งที่ 7 ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเวลา 10.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่โรงแรมอิมพีเรียล โฮเต็ล พล.อ.ประยุทธ์ ได้หารือกับนายฮิโระยูกิ อิชิเกะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) จากนั้นเวลา 11.30 น.ร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันระหว่างผู้นำกับกลุ่มสมาชิกมิตรภาพรัฐสภาแม่โขง-ญี่ปุ่น แล้วเข้าร่วมสัมมนา Mekong-Five Economic Forum โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสุนทรพจน์ต่อภาคเอกชนญี่ปุ่นตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีความสงบมั่นคง การดำเนินชีวิตของประชาชน การลงทุนทำธุรกิจเป็นปกติ อยู่ในโรดแม็ปขั้นที่ 2 เตรียมเข้าสู่ขั้นที่ 3 ที่กำลังร่างรัฐธรรมนูญและจะมีการทำประชามติช่วงต้นปี 59 จากนั้นถึงจะมีการเลือกตั้ง ส่งต่อวาระการปฏิรูปประเทศให้รัฐบาลในอนาคตต่อไป,ปลื้มเข้าเฝ้าฯ จักรพรรดิรอบ 2,ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ไปเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระจักรพรรดิอะคิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ ที่พระราชวังอิมพีเรียล ร่วมกับผู้นำประเทศลุ่มน้ำโขง โดย พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีนาถ ถวายพระพรให้ทั้งสองพระองค์มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง โดยนายกฯสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานพระราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯเป็นครั้งที่ 2 ในนามของรัฐบาล และชาวไทย ขอถวายพระพรให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงและทรงพระเกษมสำราญ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้พบหารือกับนายทาดาโมริ โอชิมา ประธานสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่น และนายมาซากิ ยามาซากิ ประธานวุฒิสภาญี่ปุ่น ตามลำดับ ก่อนร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นายชินโซ อาเบะ นายกฯญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพ,สื่อยุ่นตีปี๊บญี่ปุ่นทุ่มลงทุนเต็มที่,สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโตเกียวเมื่อ 3 ก.ค. ระบุว่า ช่วงสุดสัปดาห์นี้ นายชินโสะ อาเบะ นายกฯญี่ปุ่น มีกำหนดร่วมประชุมกับผู้นำกลุ่มชาติ แม่โขง ไฟว์ ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา ไทยและเวียดนาม ในนามการประชุมสุดยอดประจำปี ญี่ปุ่น-แม่โขง ครั้งที่ 7 เน้นความร่วมมือพัฒนาสร้างเครือข่ายระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานคุณภาพสูง ทั้งนี้รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มความพยายามขึ้นอีก 1 เท่าตัว หวังลงทุนสร้างถนน เครือข่ายระบบรถไฟฟ้า และโรงผลิตกระแสไฟฟ้าเทคโนโลยีญี่ปุ่นไปสู่ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่แถบแม่น้ำโขง ขณะที่หนังสือ,พิมพ์นิคเกอิ ระบุบริษัทญี่ปุ่น 3 แห่ง ได้ลงทุนโครงการใหญ่ในประเทศไทย มูลค่า 947 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 32,000 ล้านบาท ในโครงการสร้างรถไฟเชื่อมกรุงเทพฯกับต่างจังหวัด โดยบริษัทซูมิโตโมะ รับงานก่อสร้าง บริษัทฮิตาชิ จัดการเรื่องรถไฟ 130 ขบวน และบริษัทมิตซูบิชิ จัดการดูแลเรื่องระบบกับสัญญาณต่างๆ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มลงทุนของญี่ปุ่นในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต้องเผชิญคู่แข่งสำคัญคือจีนที่กำลังแผ่อิทธิพลในภูมิภาคนี้อย่างมาก,วิชา ฉะอดีต รมต.เตะถ่วงคดีเยียวยา,เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมนภาลัย จ.อุดรธานี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ประสานพลังการสื่อสารเพื่อขับเคลื่อนเครือข่ายต้านการทุจริตในระดับจังหวัด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) โดยนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวตอนหนึ่งว่าตราบใดที่ประชาชนยังไม่เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย คอยจับผิดคนอื่น ประเทศคงไป ไม่รอด คนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ยังถูกครอบงำว่า ป.ป.ช.มีสองมาตรฐานหรือไม่ แต่ยืนยันว่า ป.ป.ช.ติดตามคดีทุกฝ่ายไม่ว่าฝ่ายใด,นายวิชาให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีการแจ้งข้อกล่าวหาอดีต ครม.รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง ระหว่างปี 2548-2553 โดยมิชอบว่า ป.ป.ช.จะส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ที่ยังไม่ได้มารับทราบข้อกล่าวหาทางไปรษณีย์ หลังจากนั้นผู้ถูกกล่าวหาจะมีเวลา 15 วัน หลังจากได้รับหนังสือทางไปรษณีย์ ต้องมาแก้ข้อกล่าวหาต่อไป โดยขอขยายเวลาแก้ข้อกล่าวหาได้ 2 ครั้งครั้งละ 15 วัน หากใครไม่มาถือว่า ไม่ติดใจแก้ข้อกล่าวหา ส่วนที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมว.ไอซีที ยื่นฟ้องศาลว่าคณะอนุกรรมการไต่สวนเป็นปรปักษ์นั้น ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องนี้ฟังไม่ขึ้น จึงให้ดำเนินการต่อไป คงอยากให้ ป.ป.ช.มีเรื่องติดขัดทำให้คดีหยุดชะงัก แต่คงไม่เป็นอุปสรรคอะไร ผู้ถูกกล่าวหาพยายามถ่วงเวลาก็ไม่มีผลในการไต่สวน,เชิญลูก นพ.เหวงให้ข้อมูลสลายแดง,นายวิชากล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าคดีการสลายการชุมนุมทางการเมืองกลุ่ม นปช. เมื่อเดือน เม.ย.-พ .ค.53 นั้น ล่าสุด นพ.เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แจ้งว่า มีข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีดังกล่าว เป็นข้อมูลจากคณะกรรมการร่วมชันสูตรพลิกศพที่เสียชีวิตเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะกันในวันที่ 10 เม.ย.53 ที่มี นพ.สลักธรรม โตจิราการ บุตรชายเข้าไปร่วมในคณะกรรมการชุดดังกล่าว และอยากให้ข้อมูลดังกล่าวต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน เพราะเห็นว่าหากรับฟังข้อมูลจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านเดียวอาจไม่ครบถ้วน ซึ่งคณะอนุกรรมการไต่สวนพิจารณาแล้วเห็นว่า ให้เชิญ นพ.สลักธรรม มาให้ข้อมูล โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนจะทำหนังสือเชิญภายใน 2-3 วันนี้,คนสนิทยัน ป๋าเปรม แข็งแรงดี,วันเดียวกัน พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ในฐานะนายทหารคนสนิทพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐ บุรุษกล่าวถึง กรณีที่มีกระแสข่าวทางโซเชียลว่า พล.อ.เปรมป่วยหนักว่า ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้น สุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง วันที่ 2 ก.ค. ยังเป็นตัวแทนพระองค์เชิญพวงมาลาและน้ำหลวงอาบศพบุคคลสำคัญที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ วันก่อนต้อนรับรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ และวันที่ 3 ก.ค. เวลา 15.00 น.ไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เพื่อถวายพรในโอกาสคล้ายวันประสูติ ที่พระราชวังสวนจิตรลดา ไม่รู้ว่าหวังผลอะไร มีการปล่อยข่าวลักษณะนี้เป็นประจำช่วงสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว เพราะมีกลุ่มที่จ้องโจมตีมาตลอด,ด้าน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สนช.ในฐานะอดีตนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรมกล่าวยืนยันว่า พล.อ.เปรม ยังแข็งแรงมีสุขภาพดีตามอายุ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค. พล.อ.เปรมยังนั่งจิบกาแฟดูข่าวอย่างสบายใจดี ไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วง ยังสบายดี อยากฝากขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงท่าน,รัฐบาลรู้แล้วต้นตอกลุ่มปล่อยข่าว,นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหมกล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงรู้แหล่งที่มาของข่าวเหล่านี้แล้ว หลายครั้งชัดเจนว่ายึดโยงกันทั้งในและต่างประเทศ ต้องดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้ปล่อยข่าวตื่น ตระหนกอีก โดยหน่วยข่าวรายงานนายกฯ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และ ผบ.ทบ.รับทราบแล้ว
คณะกรรมการสิทธิฯจับเข่าคุยผู้ปกครอง กลุ่มดาวดิน พ่อแม่เด็กโวย จนท.ทำเกินเหตุจับลูกเข้าห้องขังโดยไม่ไต่สวน ทนายท้าพิสูจน์หลักฐานคนบงการ หมอนิรันดร์ นัด 8 ก.ค. ซักถามทหาร-ตร. พนักงานสอบสวนเข้าเรือนจำสอบปากคำ 14 นศ.
null
ข่าวหน้า1,ฝากขัง,อนุพงษ์ เผ่าจินดา,นักศึกษาดาวดิน,นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ,เรวดี สิทธิสุราษฎร์,แสงชัย รัตนเสรีวงษ์,คนเสื้อแดง,อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,จาตุรนต์ ฉายแสง,ไทยรัฐฉบับพิมพ์
https://www.thairath.co.th/content/509301
สถ.ไขข้อข้องใจ แจงสอบผู้บริหารท้องถิ่น ปม ผอ.-รอง ผอ.สถานศึกษา
เมื่อวันที่ 13 พ.ย.60 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในฐานะประธานอนุกรรมการสรรหาข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นให้ดำรงตำแหน่งสายงานผู้บริหารท้องถิ่น เปิดเผยว่า จากที่คณะอนุกรรมการฯ ได้ประกาศรับสมัครข้าราชการ/พนักงานเทศบาล/พนักงานส่วนตำบล เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสายงานผู้บริหาร โดยในส่วนของตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ได้แก่ ตำแหน่งผู้อำนวยการ/ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา ประกาศกำหนดว่า ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งที่ ก.จ., ก.ท.และ ก.อบต.กำหนดในวันสมัครนั้น,ปรากฏว่ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ที่มาตรฐานกำหนดตำแหน่งกำหนดไว้ว่า ต้องผ่านการพัฒนาตามหลักสูตรผู้บริหารสถานศึกษาที่ ก.จ. ก.ท. หรือ ก.อบต. กำหนด ซึ่งกรณีดังกล่าวถ้าผู้สมัครมีคุณสมบัติด้านคุณวุฒิ ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง และได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาแล้ว แต่ยังไม่ผ่านการพัฒนาตามหลักสูตรผู้บริหารสถานศึกษา ว่าจะสมัครเข้ารับการคัดเลือกและบรรจุแต่งตั้งได้หรือไม่ จึงขอแจ้งว่า ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน แม้ไม่ผ่านการพัฒนาตามหลักสูตรผู้บริหารสถานศึกษาก็สามารถสมัครสอบคัดเลือก/คัดเลือกได้,อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบบรรจุแต่งตั้ง ก.ท.ได้มีมติกำหนดแนวทางปฏิบัติไว้แล้ว ในการประชุมครั้งที่ 2/2557 เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2557 โดยกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอขอบรรจุแต่งตั้งผู้ผ่านการคัดเลือกภายในกำหนดอายุบัญชี โดยให้ ก.จ.จ., ก.ท.จ. หรือ ก.อบต.จังหวัด ให้ความเห็นชอบการบรรจุแต่งตั้งแบบมีเงื่อนไขว่า จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งได้ต่อเมื่อผ่านการพัฒนาตามหลักสูตรที่กำหนดโดยมีหนังสือรับรองจากหน่วยฝึกอบรม (สพบ.) เป็นหลักฐานหากเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งนั้น ก็ให้แต่งตั้งผู้นั้นรักษาการไปพลางก่อน นอกจากนี้ตามมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการสอบคัดเลือกและการคัดเลือกข้าราชการ/พนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2560 ประกาศลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 ข้อ 23 ก็ได้กำหนดหลักการไว้เช่นกันว่า หากผู้นั้นยังไม่ผ่านการฝึกอบรม ก็ให้แต่งตั้งผู้นั้นรักษาการในตำแหน่งที่จะได้รับการแต่งตั้งไปพลางก่อน และให้เข้ารับการฝึกอบรมในโอกาสแรกที่มีการเปิดอบรมในหลักสูตรนั้นนั่นเอง,อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวด้วยว่า ข้าราชการส่วนท้องถิ่น สามารถติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับการสรรหาข้าราชการส่วนท้องถิ่นให้ดำรงตำแหน่งสายงานผู้บริหารได้ ทางเว็บไซต์กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น www.dla.go.th หรือ facebook fanpage : สำนักงาน ก_กลาง ได้อีกทางหนึ่งด้วย
หายข้องใจ อธิบดีท้องถิ่น แจงชัด อยากสอบสายงานผู้บริหารท้องถิ่น ตำแหน่งผู้อำนวยการหรือรองผู้อำนวยการสถานศึกษา แต่ยังไม่ผ่านการพัฒนาตามหลักสูตรผู้บริหารสถานศึกษา ก็สมัครสอบได้
ข่าว,ทั่วไทย
สุทธิพงษ์ จุลเจริญ,กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น,ท้องถิ่น,สอบผู้บริหารท้องถิ่น,สอบ ขรก.ท้องถิ่น,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1124990
เปิดตัวไทยเทเนี่ยมคนที่ 4 เจร็อก ตำนานแร็ปเปอร์ของเมืองไทย (คลิป)
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า จูเนียร์ วัชร วัชรพล ทายาทของเจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่ปัจจุบันนั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ บริษัท เทรนด์ วีจี 3 เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกวงฮิปฮอปอย่าง AA CREW ผู้บุกเบิกวงการเพลงแร็ปในเมืองไทยขึ้นมาล่าสุด JROC หรือ จูเนียร์ วัชร วัชรพล ได้มานั่งพูดคุยกับ โต้ง ทูพี ในรายการทูพี เอ็กซ์ เจร็อก ทางช่องยูทูบPEEPZCO ซึ่ง JROC ก็ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเข้ามาเป็นแร็ปเปอร์ และจุดเริ่มต้นของวงการเพลงแร็ปของเมืองไทย พร้อมกับแต่งเพลงแร็ปร้องร่วมกับ โต้ง ทูพี อีกด้วย วันนี้เป็นเกียรติกับรายการ และใครจะรู้ว่าไทยเทเนี่ยม มี 4 คน และนี่คืออีก 1 คน JROC AA CREW กี่ปีแล้ว? 25 ปีกว่าแล้วนะ เกิน 20 ปีย่อมาจากอะไร? มีคำย่อเยอะมาก ประมาณ ARTISTIC ASIAN ASTONISH ASIAN เป็นรวมพลคนเอเชียนAA เปลี่ยนวงการฮิปฮอปไทยจริงๆ เป็นรากฐานของฮิปฮอปไทยสมัยนี้เลย? ตัวพี่เริ่มจากการเป็นดีเจ อยากเป็นดีเจก่อน แต่ก่อนชื่อ BIG JR แล้วเห็นพี่ขัน ดีเจ โอ้โห ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้จักกัน เจอที่สีลม ซอย 4 แล้วเราก็ไปคุย ว่าเราก็พยายามจะเป็นดีเจอยู่ ตอนนั้นนับหัวกันได้ไม่เกิน 5 คน เป็นสังคมเล็กๆ ไปๆ มาๆ คิดว่าไม่รอดแน่กับการเป็นดีเจ (หัวเราะ)มันยากเหรอ? พอได้แร็ปแล้วมันแบบ เฮ้ย มันใช่กว่า เออ มาเอาดีทางนี้ดีกว่าความรู้สึกที่เริ่มทำ EP AA เริ่มขึ้นมาได้ไง? เราก็ทำเพลงๆ กันเนี่ยแหละ แล้วก็เอามารวมกันเป็นของพวกเราเอง แล้วเราก็คิดว่ามันปล่อยได้ เราก็ขายกันบนดินนี่แหละ ไม่ต้องมีค่ายมีอะไร เราก็ปั๊มซีดีขายกันเองพอวางขายคนฟังแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? มันก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว โดยที่เราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะไปขนาดนั้น ร้านนี้ 100 แผ่น หมดๆ สั่งเพิ่มอีก จาก 100 เป็น 200 ก็หมด แล้วตอนนั้นมันมีเทปด้วย ไม่ได้มีแค่ซีดี หน้าปกสีดำ แล้วเป็นตราคล้ายๆ ซุปเปอร์แมนสีเหลือง AAไอดอลเรื่องแร็ป ยกให้ใครเป็นนัมเบอร์วัน? เรียกได้ว่าพ่อเลยดีกว่า NOTORIOUS B.I.G คนเดียวเท่านั้น JAY-Z เป็นน้าเพลงไหนที่ทำให้เปลี่ยนชีวิตมารักฮิปฮอป? นึกไม่ออกถ้าเป็นเพลง เอาเป็นแผ่นเสียงแรกที่ซื้อตอนนั้นก็ยังไม่รู้จักศิลปินฮิปฮอปอะไรมากเลย ว่าใครเป็นใคร เจ๋งไม่เจ๋ง แต่จำได้ว่าแผ่นแรกที่ซื้อมาคือ SNOOP DOGGY DOGG นั่นคือแผ่นแรกแต่ว่าพอเราฟังไปเรื่อยๆ แล้วก็เริ่มอินกับฟัง EAST COAST มากกว่า เราจะอินกับ NEW YORKที่เรามาอินแล้วรู้สึกแบบ มันใช่เรามากกว่า ก็จะเป็นสายพวก NEW YORK ก็จะเป็น BIGGIE เป็น NAS เป็น WUTANG MOBB-DEEPJAY-Z หรือ NAS ที่มาจาก NEW YORK ด้วยกัน ใครเป็นนัมเบอร์วัน? มันเป็นเหมือนแบบ รักพี่เสียดายน้อง แต่ให้ JAY-Z ก่อน เพราะว่าอย่างอื่นที่เค้าทำด้วย ทำเพื่อสังคม ทำธุรกิจ เค้าล้ำจริงๆ เมียเค้าสวยกว่าด้วยคำจำกัดความของ JROC สไตล์เป็นไง? บอกไม่ถูกเหมือนกัน ไม่เคยกำหนดสไตล์ของตัวเอง แต่มักจะชอบบอกว่า ดุ อะไรอย่างนี้แต่ความจริงเราไม่ได้เจตนาจะดุ ไม่ได้ดุดัน แต่มันเป็นของมันเองอาจจะเป็นเรื่องของจังหวะมากกว่า เราจะค่อนข้างจะจุกจิกจู้จี้ ค่อนข้างเรื่องมาก เริ่มตั้งแต่การเลือกบีทแล้ว อย่างวันนี้เราจะมาทำเพลงกันใช่มั้ย ก็ไปหักคอพี่เค้ามาเพราะว่าพี่คนนี้เค้ารู้สไลต์เรา รู้ว่าชอบแบบไหน คนนั้นคือ ขันเงิน ก็ไปหักคอพี่ขันมา ให้พี่ขันทำบีทมาให้JROC มาทั้งที บีทมันต้องไม่ธรรมดา? เค้ากดให้เราใหม่เลยนะ ไม่ใช่บีทในสต๊อกเค้านะ กดให้ใหม่เลย เพลง OG ที่เพิ่งออกไป คนได้ฟัง JROC กับ KH แร็ปกันครั้งแรกในรอบ 10 ปี? หลายปี ส่วนตัวเป็นคนชอบบีท ยุค 90 อาจจะโตมาแล้วก็ฟังมาในยุคนั้น เค้าจะเรียกฮิปฮอปยุค 90 ว่า GOLDEN ERA HIPHOP มันคือยุคทองของฮิปฮอป เฟื่องฟู แพร่กระจาย แล้วก็เรียล และดิบมากขันก็โตมาในยุคเดียวกันก็บอกว่า เราลุยกันแบบนี้ดีกว่า เอามา SPIT กันล้วนๆ ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรอยากฟังบีทที่พี่ขันทำให้เพื่อรายการนี้แล้ว? วันนี้เค้าก็ถามว่าเอาไง จะฮาร์ดมั้ย ก็บอกว่าอาจจะไม่ได้ฮาร์ดมาก เดี๋ยวผู้ชมอาจจะงง บอกเอาผ่อนคลายหน่อย สมัยก่อนฮิปฮอปมันไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยนี้ เวลาแต่งเพลง เขียนในหนังสือจะดีกว่า เพราะเวลาเขียนจะมีเทคนิค ขีดเส้นตรงนั้นตรงนี้อยากจะฝากอะไรบ้าง? อยากจะให้น้องๆ ที่อยากจะทำเพลง ทำเถอะ ลุกขึ้นมาทำ มันไม่เสียหายอะไร ฝึกฝนไป สักวันคุณอาจได้มานั่งข้าง TWOPEE ตรงนี้
โต้ง ทูพี เปิดตัวไทยเทเนี่ยมคนที่ 4 เจร็อก วัชร วัชรพล ที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าเค้าคือต้นตำนานแร็ปเปอร์ของเมืองไทย
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
JROC,เจร็อก,จูเนียร์ วัชร วัชรพล,โต้ง ทูพี,แร๊ปเปอร์,เพลงฮิปฮอป,นักร้อง
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1860236
แฟนวอลเล่ย์บอลแห่ต้อนรับทีมสาวไทยแน่นสนามบิน
แฟนวอลเล่ย์บอลเดินทางไปรอต้อนรับทีมวอลเล่ย์บอลสาวไทยที่กลับมาถึงเมืองไทยแน่นขนัด ถึงแม้ผลงานในเวิลด์แกรนด์ แชมเปี้ยนคัพจะแพ้ไปถึง 5 นัด ชนะเพียงนัดเดียว และมี 4 คะแนน แต่เป็นผลงานที่ดีกว่าครั้งที่แล้วเมื่อ 4 ปีก่อน ที่ไทยคว้าอันดับ 6 สำหรับรายการต่อไปที่ทีมไทยจะลงสนามคือซีเกมส์ในเดือนหน้า ก่อนหน้านี้ทางทีมเผยว่าจะไม่ใช้ผู้เล่นชุดใหญ่แต่ล่าสุดยืนยันแล้วว่าจะขนชุดใหญ่ไปแน่นอน ซึ่งวิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ กัปตัน ทีมไทยพูดถึงการเตรียมตัวว่าถึงแม้จะมีเวลาน้อยและอาจจะไม่ได้รวมทีมซ้อม อย่างเต็มที่เพราะหลายคนต้องเล่นลีกอาชีพแต่มั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหา ในขณะที่โค้ชอ๊อด มองไปถึงโอลิมปิกที่บราซิลในปี 2016 โดยเชื่อมั่นในทีมชุดนี้ว่าจะเข้ารอบสุดท้ายได้แน่อนชัยชนะเหนือรัสเซียครั้งแรกในการพบกัน 11 ครั้งถือเป็นนัดประวัติศาสตร์ของทีมสาวไทย ซึ่งทำให้สมาคมต้องเร่งวางแผนสำหรับปูทางสู่โอลิมปิก ซึ่งในปีหน้าจะเป็นโอกาสในการสร้างทีมชุดเยาวชนเพือ่ไปแข่งขิงแชมป์โลก ส่วนเอเชี่ยนเกมส์ที่เกาหลีใต้จะยังใช้ชุดใหญ่ โดยทั้ง 2 ชุดจะถูกนำมาประเมิณศักยภาพเพื่อรวมทีมสำหรับโอลิมปิกที่บราซิล
แฟนวอลเล่ย์บอลสาวไทยแห่ต้อนรับ หลังคว้าอันดับ 5 จากรายการเวิลด์แกรนด์ แชมเปี้ยนคัพ ด้วยการชนะรัสเซียในนัดสุดท้าย บรรยากาศการต้อนรับการกลับบ้านของทีมสาวไทยเป็นไปอย่างคึกคัก ในขณะที่โค้ชอ๊อด มั่นใจว่าทีมไทยมีโอกาสได้ไปแข่งโอลิมปิกที่บราซิล
กีฬา
ทีมชาติไทย,วอลเล่ย์บอล,เวิลด์แกรนด์ แชมเปี้ยนคัพ,โอลิมปิก
https://news.thaipbs.or.th/content/207664
น้ำไม่แห้งดั่งรักไม่มีหมด อ.หนองฮี ปรับปรุง บ่อพันขัน รับวันวาเลนไทน์
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 59 ดร.สุริยะ วิริยะสวัสดิ์ ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด ในฐานะ ผช. ผบก.อส.จ.รอ. เป็นประธานเปิดงาน สัปดาห์วัน อส.อ.หนองฮี-ประชารัฐ เนื่องในวันคล้ายวัน อส.ประจำปีนี้ ที่บ้าน หมู่ 12 ต.เด่นราษฎร์ อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด ต่อจากนั้นมีชาวบ้าน ข้าราชการของ อ.หนองฮี พร้อมด้วย ทหาร มทบ.ที่ 27 และ ชพท.ร.16 พัน 1 เข้าสมทบจากการประสานงานของ นาย ธนิต พันธ์หินกอง นายอำเภอหนองฮี ร่วมกันพัฒนา ปรับแต่งบริเวณรอบบ่อพันขัน ที่เป็นหลุมลึก และกว้างขนาดพอดีกับขันน้ำ ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ฟุต ,สำหรับ บ่อพันขัน เกิดอยู่กลางแผ่นหินทรายขนาดใหญ่ มาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว น้ำในบ่อเป็นน้ำจืดที่สะอาด สามารถใช้ดื่มได้เพียงบ่อเดียว นอกจากนั้นที่อยู่รอบบริเวณบ่อพันขัน น้ำในบ่อเป็นน้ำเค็มทั้งหมด เพราะในสมัยโบราณในบริเวณที่เกิดบ่อพันขัน เป็นแหล่งผลิตเกลือสินเธาว์อยู่ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ บ่อพันขันถึงแม้จะเป็นหลุมขนาดเล็ก แต่ปริมาณน้ำที่ซึมออกมา มีตลอดทั้งวันคืน ตักขึ้นมาไม่หมด จึงทำให้เรียกว่า บ่อพันขัน ,นายอำเภอหนองฮี กล่าวว่า การพัฒนารอบบริเวณบ่อพันขันครั้งนี้ เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอหนองฮี และเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะไปร่วมกิจกรรมวันแห่งความรัก ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ซึ่งจะเป็นสถานที่รับใบจดทะเบียนสมรส ซึ่งคู่สมรสได้จดทะเบียนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะต้องการให้คู่สมรสเกิดความรู้สึกว่า ความรักในคู่สมรส มีไม่หมดคล้ายน้ำที่ซึมออกมาในบ่อพันขัน.
ชาวบ้าน และ นอภ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด ร่วมกันพัฒนา ปรับปรุง บ่อพันขัน เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น และต้อนรับวันแห่งความรัก 14 ก.พ.จะใช้เป็นที่จดทะเบียนสมรสแก่คู่รัก ให้รู้สึกว่า รักไม่มีหมดดั่งน้ำซึมอยู่ในบ่อไม่มีแห้ง
null
บ่อพันขัน,วันแห่งความรัก,วันวาเลนไทน์,บ่อน้ำจืด,แหล่งท่องเที่ยว,อ.หนองฮี,สุริยะ วิริยะสวัสดิ์,ธนิต พันธ์หินกอง,พัฒนาปรับปรุงพื้นที่,ร้อยเอ็ด,จดทะเบียนสมรส,คู่สมรส,คู่รัก,ความรักไม่มีหมด,ข่าวทั่วไทย,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/574721
ไม่รอด วาสนา-ปริญญา อดีต กกต. คดีจ้างพรรคเล็ก ลต. ฎีกายืนส่งคุกทันที
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 พ.ค. ที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่ อ.1464/2549 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายปริญญา นาคฉัตรีย์, นายวีระชัย แนวบุญเนียร อดีต กกต. (เสียชีวิตแล้ว) เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 มาตรา 24 และ 42 กรณีที่ไม่เร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ข้อร้องเรียนกล่าวหาพรรคไทยรักไทย ว่าจ้างพรรคการแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทย ลงรับสมัครเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. 2549 โดยพลัน ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและการวินิจฉัย พ.ศ. 2542 มาตรา 37, 48 จำเลยให้การปฏิเสธ,ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 เม.ย.59 ที่ผ่านมา ศาลได้นัดฟังคำพิพากมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่นายปริญญา จำเลยที่ 2 มอบอำนาจให้ทนายความ ยื่นคำร้องขอเลื่อนนัด พร้อมใบรับรองแพทย์ รพ.พระมงกุฎเกล้า ระบุว่าป่วยเป็นลำไส้อักเสบ เข้ารับการรักษาตัววันที่ 19 เม.ย. แต่ศาลได้พิจารณาพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 แล้วเห็นว่าลักษณะประวิงคดี จึงให้ออกหมายจับจำเลยมาฟังคำพิพากษาอีกครั้งและปรับนายประกัน เต็มจำนวนหลักทรัพย์ประกัน 1.2 แสนบาท โดยให้ยกคำร้องขอเลื่อนนัดของจำเลยที่ 2,สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิด จำคุก คนละ 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งคนละ 10 ปี ซึ่งในวันนี้ จำเลยทั้งสองมาศาล,ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษโดยอ้างว่าทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากมาย จนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ เห็นว่าการที่จำเลยได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง แสดงว่าได้รับความไว้วางใจและต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง แต่จำเลยกลับทำตรงกันข้าม วินิจฉัยไม่เป็นธรรมเอื้อประโยชน์ให้พรรคไทยรักไทย จึงไม่ควรรอการลงโทษที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน จำคุกจำเลยทั้งสองคน เป็นเวลา 2 ปี ไม่รออาญา พร้อมกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี,ภายหลังมีคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งถือเป็นที่สุด เจ้าพนักงานได้เข้าควบคุมตัวจำเลย นำตัวไปที่เรือนจำเพื่อรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาทันที.
ศาลฎีกาพิพากษายืน สั่งจำคุก 2 ปี ไม่รออาญา พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ-ปริญญา นาคฉัตรีย์ อดีต กกต. พร้อมถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ส่งตัวเข้าเรือนจำทันที สอบสวนกรณีทรท.จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้งปี 49 ล่าช้า
null
จำคุก2ปี,ฎีกายืน,ศาลฎีกา,วาสนา เพิ่มลาภ,ปริญญา นาคฉัตรีย์,จำคุกวาสนา,อดีตกกต.,ศาลอาญา,อาชญากรรม,กทม,ข่าวทั่วไทย,ข่าวสังคม,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/631122
พรรคพลังประชาธิปไตย ลั่นไม่ยอมรับผลการทำประชามติจอมปลอม
ได้เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ โดยอ้างถึงผลการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง ของ กกต. ปรากฏตามสื่อมวลชนนั้นพรรคพลังประชาธิปไตย ซึ่งได้เคยประกาศคว่ำบาตร (Boycott) ประชามติไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อคราวการประชุมพรรคการเมืองที่จัดขึ้นโดย กกต. ในวันที่ 19 พ.ค. 2559 นั้น บัดนี้จึงขอประกาศเจตนารมณ์ของพรรคฯ ในการไม่ยอมรับผลการทำประชามติจอมปลอมที่ผ่านมา ทั้งกระบวนการและผลคะแนนที่ กกต.ได้แถลงต่อสื่อมวลชน ด้วยเหตุผลดังนี้1. ร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงที่ กกต.นำมาอ้างนั้น มีที่มาไม่ชอบธรรม ประชาชนไม่มีส่วนร่วม เนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตย2. กฎหมายประชามติที่บังคับใช้ ไม่เป็นมาตรฐานสากลและไม่เป็นธรรม มัดมือมัดเท้าผู้มีความเห็นต่างอย่างสิ้นเชิง3. กลไกของเผด็จการและอำนาจรัฐ ตลอดจนใช้งบประมาณด้วยความฉ้อฉล เอื้อให้ผลคะแนนเป็นตามที่ฝ่ายผู้มีอำนาจต้องการ 4. ระหว่าง 3 เดือนที่ผ่านมา มีการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน และใช้อำนาจรัฐที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จับกุม คุมขัง ดำเนินคดีประชาชน นิสิต นักศึกษา นักวิชาการ ที่มีความเห็นต่างอย่างน่าอับอาย เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกอนึ่ง ในรัฐเผด็จการทุกประเทศทั่วโลก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน มีการจัดการและกล่าวอ้างการทำประชามติจอมปลอมมาใช้เป็นเครื่องมืออยู่บ่อยครั้ง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ตน และเผด็จการเหล่านั้นก็ไม่เคยแพ้ในประชามติจอมปลอมที่จัดทำขึ้นเลยพรรคพลังประชาธิปไตย ขอประกาศสนับสนุนการมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ของประชาชน นิสิต นักศึกษา นักวิชาการ กลุ่มองค์กรประชาชน ที่เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อสิทธิดังกล่าว พร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างบรรดาของเหยื่อการคุกคาม จับกุม คุมขัง และขอเรียกร้องให้ยกเลิกการดำเนินคดีและคืนเสรีภาพให้ผู้ถูกคุมขังจากผลพวงประชามติจอมปลอมนี้
10 ส.ค. 2559พรรคพลังประชาธิปไตย ได้ออกแถลงการณ์ ของพรรคพลังประชาธิปไตย ประกาศไม่ยอมรับผลการทำประชามติจอมปลอม (Fake Referendum) โดยระบุว่า ตามที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
ประชามติ,ประชามติจอมปลอม,พรรคพลังประชาธิปไตย
https://prachatai.com/journal/2016/08/67382
ยิงดับข้างผับ ช่างโรงกลึง
ฝีมือกลุ่มอริตามสางแค้น บิ๊กแป๊ะ สั่งตามล่าตัวให้ได้จนมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันอีกครั้ง ตำรวจสืบรู้ตัวมือปืนโหดแล้ว ยังหลบหนีหัวซุกหัวซุนอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ บิ๊กแป๊ะ สั่งเร่งลากคอมาดำเนินคดีด่วนเหตุยิงกันเสียชีวิตบริเวณลานจอดรถผับดังรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 15 มี.ค. ร.ต.อ.ถิรายุ วงศ์สิงห์ รอง สว. (สอบสวน) สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตบริเวณลานจอดรถตลาดอีคิวไนท์ ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถหลังตลาดพบศพนายธนบดี สารสุวรรณ อายุ 23 ปี อาชีพช่างกลึง อยู่เลขที่ 115/1 หมู่ 5 ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี สภาพศพนอนหงายสวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าผ้าใบสีดำ ถูกยิงบริเวณท้ายทอยกระสุนฝังใน 2 นัด สีข้างซ้ายทะลุแผ่นหลังซ้ายอีก 1 นัด รวม 3 นัดนายพงกร การบรรจง อายุ 27 ปี เพื่อนผู้ตาย เผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับผู้ตายและเพื่อนประมาณ 10 คน เข้าไปดื่มกินที่ร้านรถนิยม@ ตลาดอีคิวไนท์ ระหว่างนั้นกระทบกระทั่งกับวัยรุ่นโต๊ะข้างๆเรื่องผู้หญิง ขณะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมีการ์ดของร้านเข้ามาห้ามจนถูกลูกหลง แต่เจรจาไกล่เกลี่ยกันได้จนเหตุการณ์สงบลงแยกย้ายกันกลับ แต่ปรากฏว่ากลุ่มการ์ดไม่พอใจเดินตามออกมายังลานจอดรถใช้ปืนยิงใส่ 3-4 นัด ถูกนายธนบดีล้มลงเสียชีวิต แล้วหลบหนีไปขึ้นรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ สีเทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน และรถกระบะไม่ทราบรุ่น สี และทะเบียน หลบหนีไปด้าน ร.ต.อ.ถิรายุ วงศ์สิงห์ เผยว่า เบื้องต้นฝ่ายสืบสวนดำเนินการตรวจสอบกล้องวงจรปิด หาเบาะแสมือปืนผู้ลงมือก่อเหตุ จากนั้นจะเชิญกลุ่มเพื่อนผู้ตายที่ดื่มกินภายในสถานบันเทิงมาสอบปากคำอย่างละเอียด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไปต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล นายขันตี สารสุวรรณ อายุ 50 ปี บิดาพร้อมญาติ เดินทางมารับศพนายธนบดี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า นายขันตีกล่าวว่า ปกติลูกชายอยู่ที่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เพิ่งขึ้นมากรุงเทพฯทำงานกับญาติแถวบางบอนได้ประมาณ 2 อาทิตย์ เมื่อวานได้เงินมาจึงไปฉลองกัน ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น ที่ได้ยินจากลูกพี่ลูกน้องที่ไปกินด้วยกัน ไม่มั่นใจว่า คนร้ายเป็นคู่กรณีที่มีเรื่องกันหรือการ์ดดูแลร้าน เนื่องจากถูกยิงจากด้านหลังและจุดนั้นมืด จะนำศพลูกไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเสาธง อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรีขณะที่ พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 สั่งการให้เร่งประชุมฝ่ายสืบสวนที่ สน.ท่าข้าม ตั้งแต่เช้า สนธิกำลังระหว่างฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม และ กก.สส.บก.น.9 หารือแนวทางคลี่คลายคดีร่วมกัน ตนกำชับให้แบ่งงานตรวจสอบกล้องวงจรปิด และติดตามพยานทั้งในที่เกิดเหตุและพยานบุคคลของคู่กรณีที่มีปัญหากันในร้านมาสอบปากคำ ทราบว่าปมการสังหารเกิดจากกลุ่มผู้ตายเคยมีเรื่องกับกลุ่มมือปืนมาก่อน คาดว่าจะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้เร็วๆนี้ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนทราบตัวมือปืนที่ก่อเหตุเเล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่การ์ดในผับ เป็นเพียงลูกค้าที่สนิทสนมกับกลุ่มการ์ดเท่านั้น หลังก่อเหตุมือปืนยังกบดานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมและล่าตัวมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน ส่วนสาเหตุที่ทำให้ทั้ง 2 พวกตะลุมบอนก่อนเกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต เนื่องจากก่อนหน้านี้กลุ่มนายธนบดีผู้ตาย เคยมีเรื่องวิวาทกับกลุ่มของมือปืนมาแล้ว เหตุเกิดที่อื่นไม่ใช่ภายในร้าน เมื่อ 2 ฝ่ายโคจรมาพบกันอีกทำให้มีปัญหายิงกันเสียชีวิตพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.สั่งการให้เร่งสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความรอบคอบ รวดเร็วและเป็นธรรม อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงผู้ก่อเหตุเป็นสำคัญ พร้อมเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเร่งคลี่คลายคดีติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน
วัยรุ่นเดือด มีเรื่องตะลุมบอนกันในผับดังตลาดอีคิวไนท์ไม่พอ สุดเหี้ยมตามมายิงทะลุท้ายทอยตายคาลานจอดรถ 1 ศพ สอบพบทั้ง 2 กลุ่มเป็นอริเก่าเคยมีเรื่องกันมาก่อน มาพบกันในผับโดยบังเอิญ
ข่าว,ทั่วไทย
ข่าวหน้า1,ยิงข้างผับ,คู่อริยิงกันตาย,ช่างโรงกลึง,วัยรุ่นยิงกัน,ธนบดี สารสุวรรณ,ข่าววันนี้,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1795774
ปั้น ห่วงใช้เงินผิดทาง
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเฟสแรกวงเงิน 130,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ใช้ยาแรงที่สุดและฉีดยาที่ตรงจุด โดยการใส่เงินให้กับกองทุนหมู่บ้าน เนื่องจากในระบบไม่มีเงินหมุนเวียน ไม่เกิดกิจกรรมการค้าขาย ส่วนมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เป็นมาตรการระยะยาวต้องดำเนินการไปต่อ การทำงานของรัฐบาลถือว่ามีทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันต้องมีเงินหัวเชื้อ กระตุ้นกำลังซื้อในระดับตำบลให้ผู้มีรายได้น้อยมีเงินใช้จ่าย กระตุ้นการค้าขายให้เกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง ถ้าไม่ใช้เงินที่ผิดประเภท โดยที่ผ่านมาประชาชนมีภาระหนี้มาก การค้าขายไม่ขยับและคาดว่านโยบายนี้สามารถนำเงินไปใช้ได้เลย แต่ต้องไม่นำไปชำระหนี้ส่วนตัว,สำหรับมาตรการที่ออกมา ไม่มีผลทำให้หนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น เนื่องจากเงินที่ใส่เข้าไป รัฐบาลเป็นผู้รับภาระแทนประชาชน และเป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งถือว่าจำเป็นส่วนหนี้ครัวเรือนจะปรับตัวลดลง ก็เมื่อเศรษฐกิจกลับภาวะปกติ ประชาชนมีรายได้มากขึ้น,ก็สามารถนำเงินมาชำระหนี้ได้มากขึ้น,ส่วนอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เชื่อว่าในปีนี้จะขยายตัวได้ 2.5-3% ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเฟสแรกและในระยะต่อไปจะมีผลดีต่อเศรษฐกิจตามลำดับ ส่วนสินเชื่อคาดว่าปีนี้จะขยายตัว 5-6% ซึ่งเป็นไปตามจีดีพีที่ขยายตัว 2.5-3% ถือเป็นอัตราการขยายตัวที่มีเสถียรภาพ และหากสินเชื่อขยายตัวสูงกว่าอัตราดังกล่าว ก็จะมีความเสี่ยงเกิดขึ้น กระนั้นหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นจะสามารถรับมือได้ ไม่เหมือนช่วง 20 ปีก่อน.
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเฟสแรกวงเงิน 130,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ใช้ยาแรงที่สุดและฉีดยาที่ตรงจุด
null
บัณฑูร ล่ำซำ,มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ,กองทุนหมู่บ้าน,หนี้ภาคครัวเรือน,ข่าวเศรษฐกิจ
https://www.thairath.co.th/content/522600
มูนคุยทรัมป์-ผู้นำจีน-ญี่ปุ่น รับมือโสมแดง
เมื่อ 11 พ.ค. ประธานาธิบดีมูน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ ประกาศแผนว่าจะย้ายที่ทำงานจากทำเนียบ บลู เฮาส์ ซึ่งใช้เป็นที่พำนักของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ทุกคนตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนายมูนมีแผนจะย้ายไปอยู่บริเวณจัตุรัสควางฮวามุนใจกลางกรุงโซล พื้นที่ที่ประชาชนนับล้านคน ชุมนุมประท้วงขับไล่อดีตประธานาธิบดีหญิง ปัก กึน-เฮ แต่ยังคงใช้ทำเนียบบลู เฮาส์ในโอกาสสำคัญ ทั้งนี้เพื่อติดต่อพูดคุยกับประชาชนได้ตลอดเวลา รวมถึงตั้งเวทีอภิปรายสรุปประเด็นสำคัญโดยตรงต่อสื่อมวลชน ตามแนวทางของนายมูนเพื่อพยายามเป็นผู้นำติดดินให้มากขึ้น,วันเดียวกัน นายมูนได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น เพื่อพยายามกำหนดกรอบมาตรการจัดการรับมือโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและกระชับสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน เช่น กรณีจีนไม่พอใจที่รัฐบาลเก่าอนุมัติให้สหรัฐฯติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธพิกัดสูง (THAAD) เพราะจีนถือว่าถูกคุกคามด้านความมั่นคง นายมูนแจ้งกับนายสีว่าจะส่งคณะผู้แทนไปเยือนจีนหารือวิกฤติเกาหลีเหนือและการติดตั้งระบบธาด ส่วนญี่ปุ่นนายมูนกับอาเบะเห็นชอบร่วมมือใกล้ชิดเพื่อจัดการวิกฤติเกาหลีเหนือเช่นกัน.
นายมูน แจ-อิน ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ หารือทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐฯ, จีน และ ญี่ปุ่น เพื่อพยายามกำหนดกรอบมาตรการจัดการรับมือโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ รวมทั้งกระชับสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ข่าว,ต่างประเทศ
มูน แจ อิน,เกาหลีเหนือ,ระบบป้องกันขีปนาวุธ,THAAD,คุยโทรศัพท์
https://www.thairath.co.th/news/foreign/938552
ผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ เบรกชาวบ้านเตรียมเดินทางยื่นคัดค้านโรงงานน้ำตาล+โรงไฟฟ้าชีวมวล
ขณะมาตรวจราชการในพื้นที่ อ.ราศีไศล จ.ศรีสะเกษ23 ก.พ. 2560 เมื่อเวลา เวลา 10.30 น. สิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมด้วย ผบ.กกล.รส.จ.อจ. ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ได้เชิญ อิสรา แก้วดี แกนนำพร้อมด้วยกลุ่มคัดค้านโรงงานน้ำตาล-โรงไฟฟ้าชีวมวล หรือกลุ่มรักบ้านเกิดตำบลน้ำปลีกผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเรียกแกนนำชาวบ้านเข้าพูดคุยในวันนี้สืบเนื่องจาก กลุ่มรักบ้านเกิดตำบลน้ำปลีก ได้เตรียมการที่จะไปยื่นหนังสือคัดค้านการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่กำลังจะเกิดขึ้นในพื้นที่ ต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ อ.ราศีไศล จ.ศรีสะเกษ ในวันพรุ่งนี้ (24 ก.พ.)โดยในวันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจ ในข้อกังวลต่างๆ ของชาวบ้าน พร้อมขอให้ยื่นหนังสือคัดค้านฯ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญโดยตรง และได้ทำความเข้าใจให้กลุ่มคัดค้านฯ ได้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งมีกำหนดประชุมจัดทำ EIA ในวันที่ 10 มี.ค. 2560อย่างไรก็ตาม ผู้คัดค้านฯ ยังไม่ตัดสินใจที่จะเดินทางไปยื่นหนังสือฯ ต่อนายกรัฐมนตรี ที่ อ.ราศีไศล จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 24 นี้หรือไม่ โดยระบุว่าจะมีการหารือกันอีกครั้งผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มคัดค้านฯ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือให้กับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2559 โดยก่อนเดินทางไปยื่นหนังสือได้มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ปลัดจังหวัด ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาสอบถามกับแกนนำชาวบ้านว่า จะ ไปยื่นหนังสือที่หน่วยงานใดบ้าง ยื่นเรื่องอะไรและเดินทางไปจำนวนกี่คน พร้อมชี้แจงกับชาวบ้านว่าการเดินทางไปยื่นหนังสือกับส่วนกลางไม่มีประโยชน์ เพราะอย่างไรหนังสือก็ต้องถูกส่งกลับมาที่จังหวัดอยู่ดีสำหรับพื้นที่ที่จะมีการดำเนินการก่อสร้างโรงงานน้ำตาล โรงไฟฟ้าชีวมวล นั้นอยู่ใกล้กับลำน้ำเซบาย ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาย่อยของแม่น้ำมูนมีต้นกำเนิดที่อำเภอเลิงนกทา ไหลผ่าน จังหวัด ยโสธร อำนาจเจริญ และไหลลงสู่แม่น้ำมูนที่อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี มีความยาวประมาณ 200 กิโลเมตร ชุมชนในท้องถิ่นต่างใช้ประโยชน์ทั้งด้านประมง เกษตรกรรม อุปโภคการดำเนินการเพื่อเตรียมการก่อสร้าง ยังอยู่ในกระบวนการขออนุญาตตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ จากการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ครั้งที่ 1 ชาวบ้านในพื้นที่ได้ให้ข้อมูลว่า ในเวทีไม่มีการนำเสนอข้อกังวลใจของประชาชนต่อที่ประชุม และกระบวนการดำเนินโครงการตั้งแต่เริ่มต้นของโรงงานน้ำตาล และโรงไฟฟ้า ทางบริษัทไม่ชี้แจงให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับรู้ข้อมูลที่เป็นจริง อีกทั้งยังไม่การพูดคุยถึงเรื่องผลกระบที่อาจจะเกิดขึ้นขณะที่ ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์แม่น้ำลำเซบายตำบลเชียงเพ็ง ซึ่งเป็นอีกกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งชาวบ้านกังวลว่า อาจจะได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2559 มีทีมงานมวลชนสัมพันธ์ของบริษัทมาแจกผ้าห่มแก่ชาวบ้าน ในตำบลเชียงเพ็ง แต่ชาวบ้านไม่รับไว้โดยให้เหตุผลว่าการที่บริษัทนำผ้าห่มมาแจกเพื่อหวังผลประโยชน์ในการตั้งโรงงานเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเรียบเรียงบางส่วนจาก:
กลุ่มคัดค้านฯ โรงงานน้ำตาล-โรงไฟฟ้าชีวมวล โดนผู้ว่าราชการ จ.อำนาจเจริญ เรียกคุย หลังทราบเรื่องกลุ่มฯ เตรียมเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านฯ การก่อสร้างโรงงานน้ำตาล และโรงไฟฟ้า ต่อนายกรัฐมนตรี พรุ่งนี้
คุณภาพชีวิต,สิทธิมนุษยชน,สิ่งแวดล้อม,สังคม
กลุ่มรักบ้านเกิดตำบลน้ำปลีก,จังหวัดอำนาจเจริญ,สิริรัฐ ชุมอุปการ,อนุรักษ์แม่น้ำลำเซบายตำบลเชียงเพ็ง,อิสรา แก้วดี,โรงงานน้ำตาล,โรงไฟฟ้าชีวมวล
https://prachatai.com/journal/2017/02/70234
ชื่นชมตำรวจ รับแจ้งความถึงที่ คนเจ็บถูกรถชน นอนมาท้ายกระบะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียล มีการแชร์ภาพ พ.ต.ท.กีรติ ตรีวัย รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.บางกล่ำ ยกเก้าอี้ลงมานั่งรับแจ้งความให้กับประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุรถชน ถึงท้ายรถกระบะ บริเวณบันไดทางขึ้น สภ.บางกล่ำ เนื่องจากบาดเจ็บขาหักทั้งสองข้าง และดามเหล็ก ไม่สามารถขึ้นไปแจ้งความบนสถานีตำรวจได้,กลายเป็นภาพประทับใจ ได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชน และมีการแชร์ต่อๆ กันไปในสังคมออนไลน์ ในการทำหน้าที่บริการประชาชนของนายตำรวจระดับรองผู้กำกับท่านนี้,จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่โรงพัก พบ พ.ต.ท.กีรติ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดย พ.ต.ท.กีรติ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา มีหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ได้มาแจ้งความเรื่องถูกรถชน แต่สภาพที่เห็น ต้องนอนมาหลังรถกระบะ และขาหักทั้งสองข้าง ต้องดามเหล็ก ไม่สามารถขึ้นไปแจ้งความบนโรงพักได้ ตนจึงได้นำเก้าอี้มานั่งรับแจ้งความที่ท้ายรถกระบะเพื่อให้ได้รับความสะดวกที่สุด ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่และให้บริการประชาชนอย่างดีที่สุด แต่มีลูกน้องมาเห็นจึงได้รูปเอาไว้และแชร์ต่อเพจของ สภ.บางกล่ำ กระทั่งมีการแชร์ต่อๆ กันไป ,พ.ต.ท.กีรติ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องให้บริการประชาชนอย่างดีที่สุดในทุกกรณีไม่ว่าชาวบ้านจะมาในสภาพไหนก็ต้องให้ได้รับความสะดวกและอำนวยความยุติธรรมให้ซึ่งคดีนี้ก็จบด้วยดีมีการเจรจาตกลงค่าเสียหายกันทั้งสองฝ่าย.
ภาพประทับใจ รองผู้กำกับ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา ยกเก้าอี้มารับแจ้งความให้ชาวบ้านถึงท้ายรถกระบะ หลังบาดเจ็บ จากรถชน เพิ่งออกจากโรงพยาบาล
ข่าว,สังคม
รับแจ้งความถึงที่,รองผู้กำกับ,สภ.บางกล่ำ,สงขลา,คนเจ็บ ถูกรถชน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/society/1443245
จีนเปิดตัวเฮลิคอปเตอร์ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
จีนนำเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ในกิจการพลเรือนรุ่นล่าสุดมาเปิดตัวต่อตลาดการบิน หลังได้รับการรับรองจากหน่วยงานการบินพลเรือนเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวเป็นเฮลิคอปเตอร์รุ่น AC 313 หนัก 13 ตัน เป็นเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดของเอเชีย พัฒนาและผลิตโดยบริษัทอุตสาหกรรมการบินจีน ซึ่งเป็นของรัฐบาล ใช้เวลาในการวิจัยพัฒนานานถึง 4 ปี และเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ในกิจการพลเรือนลำแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินในกลุ่ม A ที่ระดับความสูง 4500 เมตรสำหรับจุดมุ่งหมายของการสร้างเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ลำนี้ก็เพื่อใช้ในปฏิบัติการณ์กู้ภัย การป้องกันไฟป่า การขนส่ง การให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์ รวมทั้งท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจ โดยเฮลิคอปเตอร์ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอย่างครบครัน รวมทั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าและระบบป้องกันการพุ่งชนนก ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ของจีน
เทคโนโลยีการบินของจีนก้าวล้ำขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีการเปิดตัวเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ที่สุดในเอเชียต่อตลาดการบิน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก
ต่างประเทศ
จีน,เอเชีย,เฮลิคอปเตอร์
https://news.thaipbs.or.th/content/57738
อย่างโหด หมาจรจัดรวมฝูง ตระเวนล่าเหยื่อ กัดหมู 4 ตัว กระชากกินไส้
วันที่ 23 เมษายน 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านหนองสระปลา หมู่ 8 ต.หนองสระปลา อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ว่า มีชาวบ้านที่เลี้ยงหมูต้องสูญเสียหมูที่เลี้ยง หลังจากถูกสัตว์เข้าไปกัดลูกหมูในคอกขังที่ทำไว้อย่างแข็งแรงตายไป 4 ตัว บางตัวเหลือแต่หัว บางตัวเหลือสันหลัง ทุกตัวถูกกัดท้องเพื่อกินอวัยวะภายในช่องท้องจนหมด ชาวบ้านจึงเกรงว่าจะเป็นเสือ เพราะเคยได้ยินว่ามีเสือหลุดออกจากกรงเมื่อหลายปีก่อน และหายไปอย่างไร้ร่องรอย บางคนเชื่อว่าเป็น ตัวเงินตัวทองที่เคยเห็นในหนองน้ำ แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นฝูงหมาจรจัด,ที่ฟาร์มหมูของ นายสวัสดิ์ ท้าวเนาว์ อายุ 68 ปี เลขที่ 106 หมู่ 8 ต.หนองสระปลา อ.หนองหาน จ.อุดรธานี มี ร.ต.อ.พลังกร สิรินิกร รอง สวป. สภ.หนองหาน ไปตรวจสอบพบลูกหมูถูกสัตว์กัดทำร้ายตาย 4 ตัว เป็นหมูคอกเดียวกัน อายุได้ 1 เดือน ไม่ทราบว่าเป็นสัตว์อะไรมากัดเหลือแต่หัว 1 ตัว นอกนั้นถูกกัดท้องกินอวัยวะภายในจนหมดเหลือแต่ซี่โครง อีก 3 ตัว ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านกับเรื่องที่เกิดขึ้น,นายสวัสดิ์ กล่าวว่า ตนเลี้ยงหมูมาหลายสิบปี ไม่ได้นอนเฝ้า หมูที่เลี้ยงไม่รู้ว่ากี่รุ่นไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย จึงไม่ทราบจริงๆ ว่ามีอะไรมากัด หรือมาทำร้ายถึงในคอก เหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรก ซึ่งตนมาถึงคอกหมูเวลา 6 โมงเช้า เจอคอกหมูในสภาพพังเสียหาย ส่วนลูกหมูหายไป 4 ตัว จึงเดินตามหา พบซากหมูตายในต่างสถานที่กัน ซึ่งหมู่รุ่นนี้มีด้วยกัน 6 ตัว เพิ่งมีอายุได้ 1 เดือนเต็ม ตนกำลังจะให้เลิกกินนมแม่ และจะขุนขายในราคาตัวละ 1,500 บาท แต่ถูกสัตว์มากัดกินไป 4 ตัว เหลือ 2 ตัว หมูแม่พันธ์ุคงตกใจมากที่เห็นลูกๆ ถูกทำร้ายตายไปต่อหน้าต่อตา ตามตัวของแม่หมูเองก็มีรอยขีดข่วนเต็มไปหมด,ด้าน นายทวี บุญสิทธิ์ อายุ 75 ปี ราษฎรบ้านหนองสระปลา ได้มาดูเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ พร้อมกล่าวว่า ตนเชื่อว่าน่าจะเป็นฝูงหมาจรจัด เพราะเคยเห็นหมาจรจัด มีอยู่ด้วยกัน 5-6 ตัว ทุกตัวมีท่าทางดุร้ายมาก ไม่มีเจ้าของ ไปกันเป็นกลุ่ม เคยจะเข้าไปที่กระท่อมนาของตน แต่หมาที่ตนเลี้ยงเอาไว้ไม่ยอมให้เข้าและได้ต่อสู้กัน กระทั่งหมาฝูงนี้ล่าถอยออกไป และเมื่อเดือนก่อนหมากลุ่มนี้ได้เข้าไปกัดที่ขาวัวของเพื่อนบ้านอีกคนหนึ่ง แต่เจ้าของลุกมาช่วยชีวิตวัวไว้ได้  ,เช่นเดียวกับ นายสุรัญ ตอนเหนือ กล่าวว่า เชื่อว่าน่าจะเป็นฝูงหมาจรจัดที่หิวโซมาเจอลูกหมู จึงได้เข้ามากัดเพื่อกินเป็นอาหาร และจะว่าไปแล้วสัตว์ในหมู่บ้าน เคยถูกหมาดุฝูงนี้รุมกัดมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีใครไปแจ้งความ หรือแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ญาติของตนก็เจอ เลี้ยงเป็ดไว้ ปรากฏว่าเป็ดหายไปอย่างไร้ร่องรอย.
ชาวบ้านที่อุดรธานีมีอันต้องผวา เมื่อลูกหมูในคอกถูกสัตว์เขี้ยวคมเข้ามากัดตายไป4ตัว ตัวหนึ่งหัวหาย ที่เหลือถูกกระชากลากไส้กินเกลี้ยง มีบางคนบอกอาจเป็นเสือ แต่ส่วนใหญ่ชี้ไปที่ฝูงหมาจรจัดหิวโซ ที่กัดและกินทุกอย่างที่ขวางหน้า
ข่าว,ทั่วไทย
หมาจรจัดกัดกินหมู,กัดหมูตาย4ตัว,หมาจรจัด,ผวาเสือ,อุดรธานี
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/920925
คุมได้แล้ว ไฟไหม้สายพานลำเลียงสินค้า ที่ศรีราชา ไร้ เจ็บ ตาย
ไฟไหม้ที่ท่าเรือบริษัท ฟิวเจอร์พอร์ท ศรีราชา ควันดำพวยพุ่งขึ้นสูงหลายสิบเมตร สาเหตุจากสายพานลำเลียงสินค้าขึ้นจากเรือเกิดการเสียดสีและเกิดความร้อน ล่าสุดเพลิงสงบแล้ว ไร้เจ็บ ตาย,เวลา 16.40 น. วันที่ 11 พ.ค. ห้องวิทยุสื่อสาร สภ.ศรีราชา ได้รับแจ้งมีเพลิงลุกไหม้ที่ท่าเรือบริษัท ฟิวเจอร์พอร์ท จำกัด เลขที่ 88 ม.4 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ข้างศรีราชาฮาร์เบอร์ หลังจากทราบเหตุจึงรายงานให้ พ.ต.อ.ภพพล จักกะพาก ผกก.สภ.ศรีราชา ทราบพร้อมประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองศรีราชา เทศบาลนครแหลมฉบัง เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ไปช่วยดับไฟที่กำลังลุกโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง และประสานไปยัง นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชาให้ทราบเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้,เบื้องต้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุมาจากสายพานลำเลียงพืชขึ้นจากเรือเข้าสู่โกดัง เกิดแรงเสียดสีจนเพลิงลุกไหม้ มีกลุ่มควันสีดำพุ่งสูงขึ้นกว่า 50 เมตร ล่าสุด ช่วง 18.20 น. เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งระดมดับเพลิง,ล่าสุด19.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพลิงที่ไหม้จนท.ใช้เวลาประมาณกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต,จากการสอบถาม นายธานี รัตนานนท์ นายกเทศมนตรีเมืองศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเบื้องต้น คาดว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรประกอบกับสินค้าเป็นเปลือกไม้ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้สินค้าและสายพานลำเลียง ระยะทาง 300 เมตร โดยค่าเสียหายเบื้องต้นเกือบล้านบาท,อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะทำการสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น อีกครั้ง และต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงให้แน่ชัด ต่อไป.
ไฟไหม้ที่ท่าเรือบริษัท ฟิวเจอร์พอร์ท ศรีราชา ควันดำพวยพุ่งขึ้นสูงหลายสิบเมตร สาเหตุจากสายพานลำเลียงสินค้าขึ้นจากเรือเกิดการเสียดสีและเกิดความร้อน ล่าสุดเพลิงสงบแล้ว ไร้เจ็บ ตาย
ข่าว,ทั่วไทย
ไฟไหม้,ไฟไหม้ท่าเรือ,ไหม้สายพาน,ฟิวเจอร์พอร์ท,ศรีราชา
https://www.thairath.co.th/news/local/central/938403
กระบะหนีไล่ล่าพุ่งตกถนน คนขับทิ้งรถหนี เจอยาบ้า7.8ล้านเม็ด ไอซ์2กระสอบ
เมื่อเวลา 21.45 น. วันที่ 18 พ.ค. 61 พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาค 3 สืบทราบว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติดลำเลียงยาบ้าจากชายแดน เข้าพื้นที่ชั้นใน จึงสั่งการให้ทหารทุกหน่วยในพื้นที่กองทัพภาค 3 ดำเนินการเฝ้าระวังออกตรวจเข้มข้น,กระทั่งขณะที่กองบังคับการควบคุมพื้นที่พิเศษรอยต่อ 4 อำเภอ จังหวัดเชียงราย นำกำลังตั้งจุดตรวจสกัดบนถนนสายดอยหลวง-เวียงเชียงรุ้ง บ้านป่าสักงาม หมู่ที่ 9 ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย พบรถกระบะโตโยต้า วีโว้ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ต่อโครงเหล็กด้านข้าง บรรทุกของมาเต็มคันรถ มีผ้าใบคลุมมิดชิด วิ่งผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงให้สัญญาณเรียกให้จอด เพื่อขอทำการตรวจค้น,แต่รถคันดังกล่าวเมื่อเห็นด่านตรวจทหาร กลับเร่งเครื่องขับรถแหกด่านไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ล่าติดตามไปอย่างกระชั้นชิด กระทั่งห่างจากด่านตรวจ 350 เมตร รถกระบะคันดังกล่าวได้เสียหลักพุ่งตกลงข้างทาง จากนั้นคนบนรถไม่ทราบจำนวน ได้เปิดประตูรถวิ่งหลบหนีหายไปท่ามกลางความมืด เจ้าหน้าที่ได้ไล่ติดตามไป แต่ไม่ทัน,จากการเข้าตรวจค้นที่กระบะท้ายรถ พบยาบ้า 39 กระสอบ จำนวนรวม 7,800,000 เม็ด ยาไอซ์ 2 กระสอบ (อยู่ระหว่างตรวจนับน้ำหนัก) จึงยึดเป็นของกลาง นำไปที่หน่วยเฉพาะกิจทหารม้าที่ 3(ฉก.ม.3) ค่ายเม็งรายมหาราชเชียงราย และจะทำการแถลงข่าวเวลา 10.00 น. ของวันที่ 19 พ.ค. ที่ ฉก.ม.3 โดยมี พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาค 3 เป็นผู้แถลง.
คนร้ายควบกระบะแหกจุดตรวจ ที่เชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งไล่ล่า จนรถคนร้ายพุ่งตกถนน คนขับทิ้งรถหนี ค้นท้ายกระบะเจอยาบ้า 7.8 ล้านเม็ด ไอซ์ 2 กระสอบ
ข่าว,อาชญากรรม
ยาบ้า,ยาไอซ์,ชายแดน,เชียงราย,ซิ่งแหกด่าน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/crime/1285831
ปีใหม่อุทยาน ให้เข้าฟรี
ห้ามสิบล้อขึ้น ใช้สะพานเดชา แก้รถติดหนึบ,ตำรวจภาค 5 สนองนโยบาย สตช. เปิดโครงการรับฝากบ้านไว้กับตำรวจ ช่วงหยุดยาวส่งท้าย ปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ เผยมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ ช่วยให้การป้องกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการให้ไปติดต่อแจ้งความประสงค์ได้ที่สถานีตำรวจในเขตรับผิดชอบ ส่วนที่ จ.นครสวรรค์ ตำรวจมีมาตรการสั่งห้ามรถบรรทุกตั้งแต่สิบล้อขึ้นไปข้ามสะพานเดชาติวงศ์อย่างเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.ถึงวันที่ 5 ม.ค.60 เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดช่วงปีใหม่ ขณะที่ชาวม้งทั่วโลกเตรียมจัดงานปีใหม่ตรงวันที่ 29 ธ.ค. ตามประเพณี โดยพร้อมใจกันแสดงความจงรักภักดี งดจัดงานรื่นเริง เพื่อแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช,นักท่องเที่ยวยังคงแห่เที่ยวชมความสวยงามของธรรมชาติและสัมผัสอากาศหนาวเย็นบนยอดดอย ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. นายรุ่ง หิรัญวงษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวบนยอดดอย อินทนนท์ เพื่อสัมผัสอากาศหนาว ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และทะเลหมอกอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น อุณหภูมิยอดดอย 6 องศาเซลเซียส ที่กิ่วแม่ปาน 9 องศาฯ และบริเวณที่ทำการอุทยานฯ 13 องศาฯ,ส่วนที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นายบัญชา รามศิริ หัวหน้าอุทยานฯ เปิดเผยว่า บริเวณจุดชมวิวกิ่วลม มีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์ พักแรมเต็มกลางลานที่จัดไว้ เพื่อรอชมทะเลหมอกกันคึกคัก โดยช่วงเช้าสภาพท้องฟ้าเปิด มีทะเลหมอกสวยงาม ทั้งฝั่ง อ.แม่แตง และ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนสภาพอากาศบนดอยยังหนาวเย็น อุณหภูมิ 13 องศาฯ,ที่ จ.เชียงราย โดยเฉพาะพื้นที่ อ.เวียงแก่น อากาศยังคงหนาวเย็นต่อเนื่อง มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวสัมผัสอากาศหนาว และชมทะเลหมอก ตามยอดดอยสูงแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังกันคึกคัก ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น อุณหภูมิประมาณ 8—10 องศาฯ ขณะที่ประชาชนที่อาศัยบนพื้นที่สูง ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าอยู่รวมกันหลายเผ่า ประกอบอาชีพการเกษตร ทำไร่ทำสวน มีฐานะยากจน ขณะนี้ขาดแคลนเครื่องกันหนาว ต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนนำเสื้อผ้าและสิ่งของมาบริจาคช่วยเหลือดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา,นายทวีศักดิ์ ยอดมณีบรรพต กำนัน ต.ปอ อ.เวียงแก่น และประธานชมรมม้งแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันปีใหม่ของชาวม้งตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 2 ปีนี้ตรงกับวันที่ 29 ธ.ค. ชาวม้งทั่วโลก จะจัดงานปีใหม่ ถือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมา เป็นการรวมญาติ ที่บางคนอยู่ต่างพื้นที่ จะเดินทางกลับมาบ้านเพื่อพบปะญาติผู้ใหญ่ มีการไหว้บรรพบุรุษ ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะถึงวันปีใหม่ 1 วัน จะมีการทำความสะอาดบ้านเรือนจนถึงเที่ยงคืน ที่ย่างเข้าสู่วันใหม่ จะมีการยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด รับปีใหม่ จากนั้นนำไก่ต้ม 2 ตัว ไข่ต้มตามจำนวนคนในครอบครัว ตั้งบนแท่นบูชากลางบ้าน พร้อมจุดตะเกียงตั้งไว้ตลอด เพื่อบูชาขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์,วันปีใหม่ของชาวงม้งถือเป็นวันพิเศษที่หนุ่มสาวรอคอย จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงาม เพื่อเข้าพิธีเลือกคู่ โดยใช้วิธีโยนลูกช่วง ฝ่ายหญิงจะทำลูกช่วง ทำจากผ้าเป็นลูกกลมๆแล้วให้หญิงสาวที่ผ่านการแต่งงานแล้วนำลูกช่วงของตนไปมอบให้ชายที่ตนพึงใจ แล้วบอกว่าเป็นของตน จากนั้นฝ่ายชายจะนำลูกช่วงไปโยนเล่นกับหญิงสาวเจ้าของลูกช่วง ในช่วงนี้จะมีการเกี้ยวพาราสีกันเป็นที่สนุกสนาน หลังจากปีใหม่ผ่านไป คู่หนุ่มสาวจะจัดพิธีแต่งงานกันตามประเพณี แต่ปีใหม่ของชาวม้งในปีนี้ ชมรมฯได้มีมติให้แต่ละหมู่บ้านงดงานรื่นเริง เพื่อแสดงความอาลัยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชเสด็จสวรรคต แต่ให้คงไว้ในประเพณีที่สืบทอดมายาวนาน ให้จัดได้ตามความเหมาะสม,ด้านการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ในช่วงปีใหม่ ที่ จ.พิษณุโลก นายสุพจน์ ศิริลักษณ์ รอง ผอ.แขวงทางหลวงพิษณุโลก เขตที่ 2 (วังทอง) เปิดเผยว่า เส้นทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก ตั้งแต่ช่วงสี่แยกอินโดจีน ถึงเขตติดต่อ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ระยะทางกว่า 90 กม. ขณะนี้มีการปรับปรุงพื้นผิวถนนเป็นระยะๆ ทำให้การจราจรอาจไม่สะดวก โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ จะมีประชาชนใช้เส้นทางดังกล่าวเดินทางกลับภูมิลำเนา ควรขับรถด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วง กม.ที่ 60-70 หรือบริเวณก่อนถึงแยกบ้านแยง มักเกิดอุบัติเหตุเป็นประจำ ส่วนการปรับปรุงเส้นทางคาดจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือน ม.ค.2560,ที่ จ.นครสวรรค์ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ เตรียมบังคับใช้มาตรการ ห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อ ขึ้นไปข้ามสะพานเดชาติวงศ์ อย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันปัญหาการจราจรที่ติดขัดช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. ถึงวันที่ 5 ม.ค.60 ยกเว้นรถโดยสารสาธารณะ และรถของทางราชการ โดยให้ไปใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองหมายเลข 122 แทน เพื่อลดปัญหาการจราจรที่ติดขัด และลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 1 พันบาท,ส่วนสภาพอากาศหนาวที่ จ.เลย เช้าวันเดียวกัน อากาศหนาวเย็น อุณหภูมิลดฮวบจากเดิมประมาณ 4-6 องศา ที่ อ.ด่านซ้าย และ อ.ภูกระดึง อุณหภูมิ 13-14 องศาฯ ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อุณหภูมิ 10.2 องศาฯ อุทยานแห่งชาติภูเรือ อุณหภูมิ 9.5 องศาฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง อ.ภูเรือ อุณหภูมิ 10 องศาฯ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยทะเลหมอก หนาเป็นคลื่น ขณะที่ชาวบ้านต้องออกมาก่อกองไฟล้อมวงผิงไฟ เพื่อคลายความหนาวเย็นสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ส่วนเด็กนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านด่านซ้าย ต้องใส่เสื้อหนาว และทำกิจกรรมหน้าเสาธงชาติ ก่อนเข้าห้องเรียน,วันเดียวกัน พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รรท.ผบช.ภ.5 พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รรท.ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ นำกำลังไปตรวจเยี่ยมที่ร้านสมจิตร์แอร์ ถนนมหิดล ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ที่เข้าร่วมโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ ในช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ พล.ต.ต.พูลทรัพย์ กล่าวว่า โครงการรับฝากบ้านไว้กับตำรวจของตำรวจภูธรภาค 5 เป็นไปตามนโยบายของ ผบ.ตร.ที่จะให้กำลังตำรวจทั่วประเทศ ได้ดูแลทรัพย์สินของประชาชนในห้วงวันหยุดยาว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 3 ม.ค. 60 โดยในพื้นตำรวจภาค 5 ใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ขณะนี้มีประชาชนเข้าโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจแล้วกว่า 200 ราย และในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ทั้ง 38 โรงพัก มีประชาชนเข้าร่วมโครงการแล้ว 127 ราย จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยตรวจตรา ดูแลบ้านให้ ขณะโครงการรับฝากบ้านไว้กับตำรวจตำรวจภูธรภาค 5 มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ช่วยให้การป้องกันมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยนำแอพพลิเคชั่นไลน์ มาใช้หลังจากที่ตำรวจสายตรวจมาตรวจตู้แดงที่หน้าบ้านพัก ก็จะส่งไลน์ไปให้เจ้าของบ้านทราบ และหากเจ้าของบ้านต้องการสื่อสารกับตำรวจในท้องที่ ก็สามารถส่งข้อความทางไลน์มาสอบถามได้ ส่วนประชาชนยังสามารถเข้าร่วมโครงการได้ตลอดโดยให้ไปแจ้งความประสงค์ได้ที่สถานีตำรวจในเขตรับผิดชอบ,ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทีมนางรองปลอดภัย เตรียมความพร้อมป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ รพ.นางรอง เจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงนางรอง ทีมกู้ภัย นักเรียน และประชาชน แสดงจำลองเหตุการณ์ บริเวณหน้าหมวดการทางนางรอง ถนนสายนางรอง-บุรีรัมย์ ต.ถนนหัก เกิดอุบัติเหตุรถชน มีผู้บาดเจ็บกว่า 25 ราย นายแพทย์กฤติยา อู่วิเชียร หัวหน้าศัลยแพทย์ รพ.นางรอง กล่าวว่า การซ้อมแผนวันนี้เป็นการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ รพ.นางรอง เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น จะสามารถลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลได้ในเวลาอันรวดเร็ว และให้การดูแลรักษาได้ทันท่วงที,ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.บางกระเจ้า ต.บางกระเจ้า อ.เมืองสมุทรสาคร พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา รรท.ที่ปรึกษา (สบ10) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.-4 ม.ค.60 เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ภายใต้แนวคิด ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม กลับบ้านปลอดภัย มีวินัย มีน้ำใจ รักษากฎจราจร พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า ตามที่ สตช.มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศอำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหาการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา ทำให้จำนวนรถที่สัญจรบนถนนเพิ่มขึ้น ได้กำชับให้รณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตราย ทั้งเรื่องการประชาสัมพันธ์ การอำนวยความสะดวกการจราจร และการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย ฉลองเทศกาลปีใหม่กันอย่างมีความสุข,นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า กรมอุทยานฯ ยกเว้นค่าบริการเข้าอุทยานฯ สำหรับคนไทยและยานพาหนะ ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.-1 ม.ค.2560 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน รวมถึงเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนด้านการนันทนาการและการพักผ่อนหย่อนใจในอุทยานฯ โดยให้อยู่ในความควบคุมดูแลของหัวหน้าอุทยานฯ ในการรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และให้อุทยานฯทุกแห่งจัดตั้งศูนย์บริการและช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.-1 ม.ค.2560,ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รรท.รอง ผบช.น. ดูแลงานจราจร พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบก.จร. แถลงข่าวเปิดโครงการช่วงเทศกาลปีใหม่ 4 โครงการ อาทิ 1.โครงการตรวจสภาพรถก่อนเดินทาง 14 จุด รอบกรุงเทพมหานคร เป็นจุดบริการตรวจเช็กซ่อมบำรุงรถยนต์ก่อนออกเดินทาง 2.โครงการทำดีมีข้าวให้ นำข้าวที่ซื้อจากชาวนาโดยตรง ให้ 88 สน.แจกให้แก่ผู้ขับขี่ที่ไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร เช่น สวมหมวกกันน็อก คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่โทรศัพท์ขณะขับขี่ เมาไม่ขับ 3.โครงการปีใหม่รีเซ็ตใบสั่ง เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ถูกออกใบสั่ง และยึดใบขับขี่ มาเสียค่าปรับในช่วงระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. ถึงวันที่ 4 ม.ค.2560 อัตราต่ำสุดที่กฎหมายกำหนดไว้แต่ไม่น้อยกว่า 100 บาท 4.โครงการ Police i lert U เป็นการนำเทคโนโลยี มาปรับใช้สนับสนุนงาน จราจร เช่น เกิดอุบัติเหตุ รถชน รถเสีย การจราจรติดขัด ฯลฯ สามารถแจ้งเหตุ ระบุตำแหน่งที่เกิดเหตุ เพื่อความสะดวกและให้บริการประชาชนได้รวดเร็วทันเหตุการณ์,ต่อมาช่วงบ่าย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. (ปป.1) พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา รรท.รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สน.มีนบุรี เปิด โครงการประชารัฐร่วมใจ ฝากบ้านไว้กับตำรวจในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 และแอพพลิเคชั่น ช่วยชีวิต Police I lert u.,พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า ก่อนออกจากบ้าน ควรสำรวจความเรียบร้อย อาทิ กลอนประตู หน้าต่างและปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น หรือหลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ แต่ควรเปิดไฟทิ้งไว้ รวมทั้งสำรวจกล้องวงจรปิด ภายในตัวบ้านว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ และต้องสามารถบันทึกภาพได้ถึงนอกตัวบ้าน หากคนร้ายลงมือก่อเหตุขโมยทรัพย์สินจะสามารถจับภาพยานพาหนะ และเส้นทางการหลบหนีได้ ต่อมาเดินทางมายังหมู่บ้านมิลตันเรสซิเดนซ์ ถนนรามอินทรา เขตมีนบุรี กทม. บ้านของ น.ส.เขมนิจ จามิกรณ์ หรือแพนเค้ก นักแสดงชื่อดัง มีนางนวลนง จามิกรณ์ มารดา ให้การต้อนรับ น.ส.เขมนิจกล่าวว่า เป็นโครงการที่ดี ส่วนโครงการแอพพลิเคชั่น ช่วยชีวิต Police I lert u. ถือว่ามีประโยชน์ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น สามารถส่งข้อความ หรือกดปุ่มแจ้งเตือนขอความช่วยเหลือผ่านทางแอพ จะแจ้งพิกัดระบุตำแหน่งของตัวเอง ที่มีการขอความช่วยเหลือ ส่งข้อมูล ไปยังสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้เคียง เข้าไปให้การช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที,ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐบาล แถลงภายหลังการประชุม ครม. ว่ากระทรวงต่างๆได้รายงานมาตรการ อำนวยความสะดวกประชาชนในช่วงวันหยุด 4 วัน เทศกาลปีใหม่ อาทิ กระทรวงกลาโหมให้หน่วยงานซึ่งมีที่ตั้งติดถนนสายหลัก ตั้งจุดอำนวยความสะดวกทางจราจรให้ประชาชนจำนวน 443 จุด ทั่วประเทศ พร้อมทั้งเปิดพิพิธภัณฑ์ในพื้นที่หน่วยทหารต่างๆ ให้ประชาชนเที่ยวชมได้ฟรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดพื้นที่ขายสินค้าทางการเกษตร จำนวน 95 จุดทั่วประเทศ ให้ประชาชนที่สัญจรสามารถแวะพักได้ตามจุดต่างๆ กระทรวงคมนาคมได้จัดเตรียมของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนทั้งหมด 56 โครงการ อาทิ กิจกรรมไหว้พระ 9 วัดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ที่ให้บริการรถเมล์ฟรีระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.59-3 ม.ค.60 ยกเว้นการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษบูรพาวิถี เพิ่มจำนวนและความถี่ของขบวนรถเพื่อรองรับความต้องการของผู้โดยสารเป็นต้น ขณะที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ฝากประชาสัมพันธ์ ว่าวันที่ 1 ม.ค. พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระพุทธรูปที่สำคัญของประเทศจำนวน 10 องค์อีกด้วย
ตำรวจภาค 5 สนองนโยบาย สตช. เปิดโครงการรับฝากบ้านไว้กับตำรวจ ช่วงหยุดยาวส่งท้าย ปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ เผยมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ ช่วยให้การป้องกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข่าว,ทั่วไทย
ปีใหม่อุทยาน ให้เข้าฟรี,โครงการรับฝากบ้านไว้กับตำรวจ,เชียงใหม่,การจราจร,ข่าวหน้า1
https://www.thairath.co.th/news/local/823061
นอภ.ตะพานหิน จ.พิจิตร เร่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแม่น้ำน่านรับมือภัยแล้ง
วันนี้ (23 พ.ย.2559) นายสมศักดิ์ โพธิ์ศรีทอง นายอำเภอตะพานหิน จ.พิจิตร พร้อมด้วยฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ประมงได้ร่วมกันลงเรือเพื่อปฏิบัติภารกิจตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อมและความสะอาดของแม่น้ำน่านในเขตความรับผิดชอบ เนื่องจากแม่น้ำน่านถือเป็นแหล่งน้ำหลักในการนำน้ำมาใช้เพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตร ซึ่งผลจากการตรวจลำน้ำน่านในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อตักเตือนผู้ทำอาชีพหาปลาในแม่น้ำน่านให้ใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดนายสมศักดิ์ โพธิ์ศรีทอง นายอำเภอตะพานหิน ได้กล่าวว่า แม่น้ำน่านในเขตตะพานหินยังคงมีสภาพความเป็นธรรมชาติ กล่าวคือ สองฝั่งแม่น้ำน่านชาวบ้านยังคงใช้วิถีชีวิตแบบคนชนบทที่ต้องพึ่งพาแม่น้ำทั้งใช้ปลูกพืชผักสวนครัว รวมถึงในแม่น้ำน่านยังมีฝูงปลาชุกชุมให้สามารถจับมาเป็นอาหารหรือเป็นอาชีพได้ ข้อดีอีกอย่างหนึ่ง คือไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ รวมถึงพื้นที่ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออกก็ยังได้พึ่งพาน้ำในลำน้ำน่านแห่งนี้ โดยใช้เครื่องสูบน้ำด้วยพลังงานไฟฟ้าสูบน้ำไปใช้เพื่อการเกษตร ส่วนแนวตลิ่งก็มีหลายจุดถูกน้ำกัดเซาะ ซึ่งมองเห็นแนวทางว่าจะต้องนำโครงการปลูกหญ้าแฝกที่เป็นโครงการตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนอกจากนี้ ยังมองเห็นว่ามีประชาชนบางครัวเรือนที่ยังมักง่ายนำขยะมาทิ้งริมแม่น้ำ ซึ่งอาจก่อให้เกิดมลภาวะในอนาคต แนวทางแก้ไขเรื่องนี้ก็จะได้สั่งการให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึง อสม. อบต. และเทศบาลที่มีพื้นที่รับผิดชอบในจุดที่แม่น้ำน่านไหลผ่านว่าต้องลงพื้นที่เตือนชาวบ้าน ห้ามทิ้งขยะหรือสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำ หรือต้องแนะนำการกำจัดขยะมูลฝอยแบบขุดหลุมฝังกลบและคัดแยกขยะให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ รวมถึงในท้องถิ่นต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บขยะของชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำ เพราะว่าทุกคนล้วนต้องใช้น้ำในแม่น้ำน่านมาทำเป็นน้ำประปาเพื่อเป็นน้ำกินน้ำใช้ ดังนั้น การอนุรักษ์และรักษาแม่น้ำน่านจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นของคนไทยทุกคน
นายอำเภอตะพานหิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.พิจิตร ล่องเรือเร่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแม่น้ำน่านรับมือภัยแล้งเพื่อน้ำกินน้ำใช้
ภูมิภาค
ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,นายอำเภอตะพานหิน,พิจิตร,แม่น้ำน่าน,ภัยแล้ง
https://news.thaipbs.or.th/content/258030
ตำรวจร่วมกับผู้ประกอบการรถตู้หารือลดอุบัติเหตุ
ตำรวจทางหลวงและตัวแทนผู้ประกอบการรถตู้ ที่ให้บริการ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หารือและให้ความรู้วินัยการจราจร เพื่อลดการเกิดอุบัติและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่ใช้บริการ โดยเฉพาะคิวรถตู้ที่ให้บริการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพราะมีนักศึกษานิยมใช้บริการเป็นจำนวนมากซึ่งจากสถิติการจับกุมรถตู้ที่ขับขี่ด้วยความเร็วในเส้นทางกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่า มีรถตู้ที่ขับด้วยความเร็วเกินกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งในเส้นด้านขวา จำนวนสิ้น 150 คัน ซึ่งล้วนแล้วเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการเกิดอุบัติเหตุดังนั้นตำรวจจึงเตรียมนำกฎหมายมาบังคับใช้และลงโทษกับผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้ขับขี่ตระหนักถึงชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสาร โดยตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ ตำรวจทางหลวงจะให้ผู้ขับขี่รถตู้โดยสารสาธารณะที่วิ่งในเส้นทางวงแหวนกาญจนาภิเษกและเส้นทางมอเตอร์เวย์ลงบันทึกเวลาตั้งแต่รถออกจากคิวต้นทางจนถึงจุดหมายปลายทาง เพื่อคำนวณหาค่าเฉลี่ยอัตราความเร็วในการขับขี่ตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นการสร้างวินัยในการขับขี่และสร้างความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารส่วนมาตรการของกรมขนส่งทางบกที่จะให้รถตู้ติดเครื่องจีพีอาร์เอส เพื่อจำกัดการใช้ความเร็ว ไม่ให้ขับเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ตอบรับในการให้ความร่วมมือกับมาตรการดังกล่าว ซึ่งผู้ประกอบการบางส่วน ได้ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมความเร็วไปบ้างแล้วบางส่วน โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะส่งสัญญาณเตือนภายในรถโดยสาร หากผู้ขับขี่ใช้ความเร็วสูง
ผู้ประกอบการรถตู้ที่ให้บริการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นำร่องหารือทิศทางการขับขี่ปลอดภัยร่วมกับตำรวจทางหลวง รวมทั้งหาทางป้องกันอุบัติเหตุก่อนวันที่ 1 เม.ย.จะเริ่มมีการบังคับติดตั้งเครื่องจีพีอาร์เอส ในรถตู้ทุกคัน เพื่อตรวจสอบความเร็ว
สังคม
ขับขี่,จีพีอาร์เอส,ปลอดภัย,ผู้ประกอบการรถตู้,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,อุบัติเหตุ
https://news.thaipbs.or.th/content/73834
ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์: การปราบปรามที่ไร้พรมแดนของไทย
ทำให้นักวิชาการต้องออกมาปกป้องตนเองและความสัตย์จริงทางวิชาการต่อการกระทำของรัฐบาลไทยที่ถือเป็นการคุกคาม จะเห็นได้ว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างมากกับการจำกัดการถกเถียงทางวิชาการในเรื่องบางเรื่อง โดยเฉพาะหากประเด็นนั้นขัดแย้งกับผลประโยชน์ของรัฐ ดังจะเห็นจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการต่างๆเพื่อบังคับให้นักวิชาการจำนวนมากต้องปฏิบัติตามกรอบที่รัฐบาลอนุญาตเท่านั้น ในขณะที่การควบคุมนักวิชาการในเมืองไทยเป็นเรื่องง่ายด้วยการใช้กลไกของรัฐที่มีประสิทธิภาพ เช่นในกรณีของอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่รัฐบาลไทยอ้างว่าการถกเถียงเรื่องสถาบันกษัตริย์เป็น ภัยต่อความมั่นคง แต่การควบคุมนักวิชาการต่างประเทศเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนกว่ามาก สถานทูตไทยทั่วโลกได้รับคำสั่งให้เฝ้าระวังนักวิชาการที่คิดเห็นต่างไปจากอุดมการณ์ทางการเมืองของรัฐไทย และให้ใช้กลไกระหว่างรัฐ กดดันสถาบันทางวิชาการและนักวิชาการที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยในต่างประเทศด้วย การที่เจ้าหน้าที่รัฐทำให้บุคคลเหล่านี้กลายเป็น ศัตรูของรัฐ ออกจะดูเป็นวิธีที่ง่ายเกินไปหน่อย เห็นได้ชัดว่าตัวแทนรัฐบาลไทยในต่างประเทศไม่สามารถแยกออกระหว่างการอภิปรายถกเถียงที่เป็นเหตุเป็นผล กับการกระทำที่ยั่วยุปลุกปั่นมุ่งโค่นล้มชาติได้ เจ้าหน้าที่รัฐเหล่านี้อาจไม่ทราบว่าพวกเขาไม่มีอำนาจเหนืออธิปไตยในที่อื่นๆนอกจากดินแดนไทย สถาบันทางวิชาการที่อื่นในโลกส่วนใหญ่เป็นอิสระและไม่รับคำสั่งจากรัฐบาลของตนเองทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำสั่งจากรัฐบาลต่างชาติ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถูกตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถึงแม้จะยืนยันว่าการวิพากษ์วิจารณ์ของเขาเรื่องสถาบันกษัตริย์เป็นไปในเชิงวิชาการและไม่ได้ละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ตาม ต่อกรณีนี้ได้มีนักวิชาการทั้งไทยและต่างประเทศเข้าร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของรัฐบาลซึ่งถูกมองว่า เป็นสัญญาณสุดท้ายที่ส่อถึงเสรีภาพในการแสดงออกที่ย่ำแย่ลงในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์ทางวิชาการนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่จนปัจจุบัน เขาก็ยังไม่มีท่าทีใดๆต่อกรณีของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล สิ่งที่เกิดขึ้นกับสมศักดิ์ เป็นส่วนหนึ่งของการพยายามเข้าไปแทรกแซงเสรีภาพทางวิชาการของรัฐบาลไทยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2549 เมื่อรัฐบาลไทยทราบว่าสำนักพิมพ์ของมหาวิทยาลัยเยลวางแผนที่จะตีพิมพ์หนังสือของพอล แฮนด์ลีย์ที่ชื่อ The King Never Smiles รัฐบาลไทยก็ได้ว่าจ้างอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เพื่อล็อบบี้ไม่ให้มหาวิทยาลัยเยลตีพิมพ์หนังสือดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บุชก็ไม่สามารถยับยั้งการตีพิมพ์ได้เนื่องจากผู้บริหารสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเยลกล่าวว่าเนื้อหาในหนังสือของแฮนด์ลีย์เป็นงานศึกษาทางวิชาการ และงานทางวิชาการจะต้องปลอดจากการแทรกแซงทางการเมือง จากสหรัฐอเมริกามาสู่ออสเตรเลีย รัฐบาลไทยก็พยายามใช้มาตรการกดดันสถาบันทางวิชาการที่ถูกมองว่ามี ทัศนคติที่ต่อต้านสถาบัน ในการสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้งของเว็บไซต์นิวแมนดาลา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางวิชาการที่มีชื่อเสียงและเปิดพื้นที่ให้มีการถกเถียงทางวิชาการในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย(ANU) พบว่ารัฐบาลไทยไม่พอใจเป็นอย่างมากต่อเนื้อหาที่ถูกมองว่าไม่เหมาะสมต่อบางสถาบัน เว็บไซต์นิวแมนดาลาเปิดเผยว่าสถานทูตไทยในแคนเบอร์ราได้ใช้มาตรการกดดันมหาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ทั้งต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลออสเตรเลีย และกดดันให้ทีมงานของเว็บไซต์หยุดส่งเสริมการพูดคุยใน ประเด็นละเอียดอ่อนเกี่ยวกับประเทศไทย การล็อบบี้ในประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นผ่านทางสถาบันออสเตรเลีย-ไทย ซึ่งเป็นสภาบันทวิภาคีที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ก่อตั้งในปี 2005 ผู้ก่อตั้งของเว็บไซต์นิวแมนดาลาเปิดเผยในระหว่างการสัมภาษณ์ว่า สถานทูตไทยกล่าวต่อประชาคมบางส่วนในมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียว่า พวกเขาจะไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐบาลไทยหรือเจ้าหน้าที่ในประเทศไทย หากพวกเขามาจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว นอกจากนี้ นักเรียนไทยทั้งใน ANU และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ถูกเตือนว่าไม่ให้ติดต่อกับนิวแมนดาลา และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์นิวแมนดาลาจะไม่ได้รับการต้อนรับในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ารัฐบาลไทยได้เสนอเงินจำนวนหนึ่งเพื่อก่อตั้งสถาบันไทยศึกษาใน ANU โดยมีเงื่อนไขชัดเจนว่านิวแมนดาลาต้องยุติกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล แต่สุดท้าย ANU ก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว และเงินสนับสนุนดังกล่าวก็ไปลงที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์นแทน กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นล้วนแสดงให้เห็นว่าสถาบันทางวิชาการไทยและต่างประเทศ ได้ตกเป็นเหยื่อในกระบวนการดำรงรักษาอำนาจของรัฐบาลไทย นักวิชาการไทยและต่างประเทศต่างรู้สึกรังเกียจต่อ ความริเริ่มในระดับสากล ของรัฐบาลไทยในการจำกัดการอภิปรายทางวิชาการประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตการเมืองไทย การจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างซึ่งๆหน้าเช่นนี้ ยิ่งแต่จะตอกย้ำว่าข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยของไทยเป็นจริงและถูกต้องมากเพียงใด บางทีโฆษกรัฐบาล นายปณิธาณ วัฒนายากร ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นนักวิชาการนั้น อาจจะสามารถช่วยให้คำแนะนำต่อรัฐบาลประชาธิปัตย์ได้โดยเฉพาะในช่วงก่อนการเลือกตั้ง หากรัฐบาลต้องการแสดงความจริงใจในการเคารพเสรีภาพในการแสดงออก เพื่อทำให้บรรยากาศทางวิชาการเป็นไปได้อย่างเปิดกว้างและเสรี
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ความขัดแย้งทางการเมืองได้รุกเข้ามาสู่ชุมชนทางวิชาการในประเทศไทยอย่างชัดเจน
การเมือง,ต่างประเทศ,สิทธิมนุษยชน,การศึกษา
กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ,นวมณฑล,นิวแมนดาลา,ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์,มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย,เสรีภาพทางวิชาการ,เสรีภาพในการแสดงออก
https://prachatai.com/journal/2011/06/35257
กับเบียดินีฮีโร่ นักบุญถอนขนหงส์ขาว 1-0 ถีบเวสต์บรอมตกชั้น
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017/18 ประจำวันที่ 8 พ.ค. เกมหนีตายระหว่าง หงส์ขาว สวอนซี ซิตี้ เปิดสนามลิเบอร์ตี สเตเดียมพบกับ นักบุญ เซาแธมป์ตัน ,เกมในครึ่งแรกทั้งสองทีมแลกหมัดกันอย่างเมามันแต่ไม่มีประตูเกิดขึ้น เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0,เข้าสู่ครึ่งหลัง นักบุญ ทำได้ดีกว่าโดยมีโอกาสใกล้เคียงถึงสองรอบจาก ชาร์ลีย์ ออสติน แต่ ลูคัส ฟาเบียนสกี นายด่านเจ้าบ้านก็เซฟได้หมด,จนกระทั่งนาทีที่ 72 ความพยายามของนักบุญก็เป็นผลเมื่อได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกเตะมุมบอลเลยมาถึง เชน ลอง โขกตั้งให้ โรเมอู ตั้งให้ ชาร์ลีย์ ออสติน วอลเลย์ติดเซฟ ฟาเบียนสกีอีกรอบแต่คราวนี้บอลมาเข้าทาง กับเบียดินี ตามซ้ำดาบสองเข้าไป,เวลาที่เหลือแม้ หงส์ขาว จะเดินหน้าลุยหนักแต่ทวงประตูคืนไม่สำเร็จ จบเกมการแข่งขัน เซาแธมป์ตัน บุกไปเอาชนะ สวอนซี ซิตี้ 1-0 แทบจะการันตีรอดตกชั้นแล้ว หลังจากขึ้นไปอยู่ที่ 16 นำหน้า หงส์ขาว โซนตกชั้น 3 แต้มแต่ประตูได้เสียดีกว่า 9 ลูกกับเกมที่เหลือ 1 นัด อีกทั้งยังส่ง เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ตกชั้นอย่างเป็นทางการ
นักบุญ เซาแธมป์ตัน หนีตายใกล้สำเร็จหลังบุกไปเอาชนะ หงส์ขาว สวอนซี ซิตี้ 1-0 จากประตูชัยของ มาโนโล กับเบียดินี
กีฬา,ฟุตบอลยุโรป
พรีเมียร์ลีก,เซาแธมป์ตัน,สวอนซี ซิตี้,นักบุญ,หงส์ขาว
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/1276559
เครือข่าย 7 จังหวัดอีสานปกป้องปราสาทบายแบก
เครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทยอีสานใต้ - ตะวันออก และเครือข่ายประชาชนอาสาปกป้องแผ่นดินไทย ในจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สระแก้วจันทบุรี และตราดร่วมชุมนุมปราศรัยบริเวณปราสาทบายแบก รอยต่อชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านสายโท 5 ใต้ ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อประกาศเจตนารมณ์คัดค้านอำนาจศาลโลก และไม่ยอมรับคำตัดสินกรณีพิพาทพื้นที่ทับซ้อนชายแดนไทย - กัมพูชา รวมทั้งเพื่อแสดงพลังสิทธิบนอธิปไตย บริเวณปราสาทบายแบก หลังสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา อ้างในวารสารการท่องเที่ยวฉบับหนึ่งว่าปราสาทบายแบกเป็นของกัมพูชาที่ค้นพบใหม่ขณะที่ฝ่ายความมั่นคง จังหวัดศรีสะเกษ ยืนยันว่าจะไม่มีการตั้งด่านสกัดการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทย กรณีเขาพระวิหารและมนฑลบูรพา เพื่อแสดงพลังคัดค้านอำนาจของศาลโลกกรณีปราสาทพระวิหาร บริเวณหน้าศาลหลักเมือง อำเภอกันทรลักษ์ ในวันพรุ่งนี้ หลังแกนนำยืนยันว่าจะชุมนุมอย่างสันติ และจะไม่เคลื่อนการชุมนุมไปใกล้แนวชายแดนไทย - กัมพูชา
เครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทยอีสานใต้ - ตะวันออก 7 จังหวัด เปิดเวทีปราศรัยบริเวณปราสาทบายแบก อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อประกาศเจตนารมณ์ค้านอำนาจศาลโลก หลังนายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา
ภูมิภาค
กัมพูชา,ชุมนุม,นายกรัฐมนตรี,บุรีรัมย์,ปกป้อง,ปราสาทบายแบก,พิพาท,ศาลโลก,อีสาน
https://news.thaipbs.or.th/content/149165
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 241 นายพลเล็กสีกากี ดำรงตำแหน่งต่างๆ
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 58 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 16 หน้า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จำนวน 241 ราย ตามรายชื่อดังต่อไปนี้ ,http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/E/311/1.PDF,สำหรับรายชื่อข้าราชการตำรวจ เบื้องต้น 10 ราย ประกอบด้วย,1. พลตํารวจตรี กรเอก เพชรไชยเวส รองจเรตํารวจ (สบ 7) ดํารงตําแหน่ง รองผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง,2. พลตํารวจตรี กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รองผู้บัญชาการ ตํารวจภูธรภาค 6 ดํารงตําแหน่ง รองผู้บัญชาการ ตํารวจภูธรภาค 7,3. พลตํารวจตรี ขจรศักดิ์ ปานสาคร รองจเรตํารวจ (สบ 7) ดํารงตําแหน่ง รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 4,4. พลตํารวจตรี จตุรงค์ โชติดํารงค์ รองผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ดํารงตําแหน่งรองผู้บัญชาการ สํานักงานยุทธศาสตร์ตํารวจ,5. พลตํารวจตรี จารุวัฒน์ ไวศยะ รองจเรตํารวจ (สบ 7) ดํารงตําแหน่ง รองผู้บัญชาการตํารวจนครบาล,6. พลตํารวจตรี จํานงค์ รัตนกุล รองจเรตํารวจ (สบ 7) ดํารงตําแหน่ง รองผู้บัญชาการสํานักงานส่งกําลังบํารุง,7. พลตํารวจตรี ชลิต ถิ่นธานี รองจเรตํารวจ (สบ 7) ดํารงตําแหน่ง รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 8,8. พลตํารวจตรี ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ รองผู้บัญชาการ สํานักงานยุทธศาสตร์ตํารวจดํารงตําแหน่ง รองผู้บัญชาการ ตํารวจภูธรภาค 6,9. พลตํารวจตรี ธณัท วงศ์สุวรรณ รองจเรตํารวจ (สบ 7) ดํารงตําแหน่ง รองผู้บัญชาการศึกษา,10. พลตํารวจตรี ธนพล สนเทศ รองผู้บัญชาการตํารวจปราบปรามยาเสพติด ดํารงตําแหน่ง รองผู้บัญชาการตํารวจนครบาล,นอกจากนี้ ยังมีรายชื่อ พลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8  ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ระดับนายพลเล็ก จำนวน 241 ราย…
null
โปรดเกล้าฯนายพลตำรวจ,นายพลเล็กสีกากี,แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ,นายพลตำรวจ214ราย,ราชกิจจานุเบกษา,ข้าราชการตำรวจ,พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ,ตำรวจระดับรองผู้บัญชาการ,รองผู้บัญชาการ,ปวีณ พงศ์สิรินทร์,นครบาล,ตำแหน่งตำรวจ,พลตำรวจตรี,แต่งตั้งระดับพลตำรวจตรี,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ราชกิจจานุเบกษา 25 พ.ย.
https://www.thairath.co.th/content/542013
ไล่ออก อดีต ผอ.โรงเรียน ให้เด็กกินขนมจีนราดน้ำปลา
จากกรณีมีการแชร์คลิปเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียนบ้านท่าใหม่ ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี กินเส้นขนมจีนคลุกน้ำปลาเป็นอาหารกลางวัน ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 มีคำสั่งย้ายนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ ไปช่วยราชการ พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.2562วันที่ 15 พ.ค.2562 นายชุมพล ศรีสังข์ ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีมติไล่ออกนายสมเชาว์ ตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ในความผิด 6 ข้อหา โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.2561 ขณะนี้ส่งผลวินิจฉัยและมติการสอบสวนวินัยร้ายแรงไปที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาแล้ว ซึ่งนายสมเชาว์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งภายใน 30 วันสำหรับมูลความผิดของนายสมเชาว์ ที่คณะกรรมการตรวจขสอบมีทั้งสิ้น 10 ประเด็น เป็นประเด็นวินัยร้ายแรง 5 เรื่อง ประกอบด้วย ทุจริตอาหารกลางวัน การจัดซื้อจัดจ้างระบบไฟฟ้า การขายผลผลิตปาล์มน้ำมันของโรงเรียน อนุญาตให้ขายน้ำอัดลมในโรงเรียน และโครงการจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างถนนคอนกรีตภายในบริเวณโรงเรียน ส่วนความผิดวินัยไม่ร้ายแรง 1 เรื่อง คือ โครงการก่อสร้างอาคารที่ดำเนินการเปลี่ยนวัสดุบางรายการ โดยไม่ชี้แจงข้อได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งผิดระเบียบการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนอีก 4 เรื่อง เช่น การเลี้ยงปลาดุก การเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ การปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักครู และซ่อมแซมระบบไฟฟ้า ไม่เข้าข่ายความผิดวินัย
คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีมติไล่ออกอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ ให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่มิถุนายน 2561 หลังตรวจสอบกรณีทุจริตอาหารกลางวันเด็กอนุบาล ซึ่งมีการแชร์คลิปเด็กกินขนมจีนราดน้ำปลา เป็นอาหารกลางวัน
สังคม
ขนมจีนคลุกน้ำปลา,โรงเรียนบ้านท่าใหม่,บ้านท่าใหม่,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS
https://news.thaipbs.or.th/content/280086
รวมเรื่องคิดบวกสไตล์ บิ๊กป้อม หลังถูกโห่ในโมโตจีพี
โห่ต้อนรับที่โมโตจีพี,ยังสนั่นโซเชียล เมื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไปเยือนบุรีรัมย์ ร่วมงานโมโตจีพี 2018 เมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) บางคนบอกว่าได้ยินเสียงโห่ไล่ แต่บิ๊กป้อมบอกว่าเป็นเสียงโห่ต้อนรับ,พล.อ.ประวิตร ถือได้ว่าคิดบวกสุดๆ จากคำให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ในเช้าที่ผ่านมา (8 ต.ค.) ว่า เขาโห่ต้อนรับ ไม่ได้โห่ไล่ โห่ให้รองนายกฯ ถ้าโห่ไล่ก็ต้องถูกขว้างสิ่งของใส่ เขาจะมาโห่ไล่ทำไม ไปทำงานให้เขา ก็ได้ยินเพราะเสียงดัง ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไร ก็รู้สึกปกติ ส่วนที่โซเชียลระบุว่าเป็นการโห่ไล่นั้น ยืนยันว่าเขาต้อนรับอย่างดี,4 รมต.ตั้งพรรคไม่ลาออกเพราะมีงานค้างอยู่,เรื่องที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันที่ผ่านมา คือกรณี 4 รัฐมนตรีในรัฐบาลคสช.ตั้งพรรคพลังประชารัฐ พร้อมเลือกตั้ง ท่ามกลางคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่,พล.อ.ประวิตร กล่าวชี้แจงแทนไว้เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องของ 4 รัฐมนตรี และเขาก็ทำตามกฎหมาย ซึ่งทุกอย่างก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ถามว่าจะมาสร้างมาตรฐานอะไรกันตอนนี้ การที่ 4 รัฐมนตรียังไม่ลาออก เนื่องจากจะต้องทำงานให้เสร็จก่อน เพราะงานที่ค้างคายังมีอยู่อีกมาก,นักท่องเที่ยวจีนลด เพราะโลว์ซีซั่น,อีกเรื่องที่บิ๊กป้อมคิดบวก หาเหตุผลได้ในอีกมุม คือหลังจากเกิดเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตจนนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตจำนวนมาก และล่าสุดยังเกิดเหตุ รปภ.สนามบินดอนเมืองทำร้ายนักท่องเที่ยวจีน จนยอดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลง และนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาระบุว่ารู้สึกเหมือนจีนให้ใบเหลืองการท่องเท่ียวไทย,แต่เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ว่า เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุทั้งนั้น …เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องแก้ปัญหากันไป ทางการจีนพอใจกับการแก้ปัญหาของเรา และช่วงนั้นเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่ต่อไปนี้จะเป็นช่วงไฮซีซั่นก็คงจะดีขึ้น,ไม่โมโห ถูกทักษิณทิ้งบอมบ์ เกาะโต๊ะขอเก้าอี้ผบ.ทบ.,ประเด็นนี้กลายเป็นบอมบ์กลางโลกโซเชียล เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาทวีตวันที่ 19 ก.ย.ว่าตอนนี้ขึงขัง ต่างจากที่เคยอ่อนหวานมาเกาะโต๊ะ ขอเก้าอี้ผบ.ทบ. หลังจากบิ๊กป้อมบอกให้นายทักษิณไปเคลียร์คดี เมื่อเห็นนายทักษิณโพสต์ในวาระครบ 12 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย.2549,พล.อ.ประวิตร เจอบอมบ์นี้บดขยี้ และได้แต่ยิ้มเมื่อเจอสื่อ มีคำสั้น ๆ ที่พูดจากปากแค่ว่า เขาก็พูดไปเอง หลังจากที่ให้ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมาให้ความเห็นแทนว่า พล.อ.ประวิตร เห็นข่าวแล้วไม่ได้รู้สึกโกรธหรือโมโหอะไร เพราะทราบว่าประชาชนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ต้นเหตุมาจากอะไร ดังนั้นอย่าไปพูดแค่เพียงปลายเหตุ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแต่ละคน,นาฬิกาหรูของเพื่อน ความจริงคือความจริง,และเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และยังต้องมีเหตุผลที่เป็นบวก เพื่ออธิบายได้อย่างหนักแน่น คือเรื่องนาฬิกาที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าทำบิ๊กป้อมไม่แจงบัญชีทรัพย์สิน เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร มีวิธีคิดและวิธีการชี้แจงกับสาธารณชน เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่บ่งบอกความบริสุทธิ์ใจและคิดบวกของพี่ใหญ่ในรัฐบาลคสช.อย่างดีว่า ผมบริสุทธิ์ใจ ใครจะคิดยังไง จะตามกระแสก็คิดไป เพราะความจริง คือความจริง ไม่มีวันหนีความจริงไปได้,และยังได้พูดถึงเพื่อนผู้ล่วงลับที่ให้ยืมนาฬิกามาใส่อีกว่า ปัฐวาทเขารวยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาก็เอานาฬิกามาให้ผมใส่มา 20-30 ปีแล้ว ใส่แล้ว เก่าเบื่อก็ส่งคืนไป เวียนเรือนใหม่มาใส่ ผมก็ทำแบบนี้มานานมาแล้ว เขาไม่ได้ให้ แค่เอามาให้ใส่ เรื่องนี้บิ๊กป้อมจึงย้ำเสมอว่า นาฬิกาหรูคืนไปหมดแล้ว
จากงานโมโตจีพี 2018 ที่เถียงกันว่า มีเสียงโห่ไล่ หรือโห่ต้อนรับกันแน่ แต่สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่พี่ใหญ่คสช.คนนี้ คิดบวกสุดๆ
ข่าว,การเมือง
บิ๊กป้อม,โมโตจีพี 2018,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ,โห่ไล่,ข่าวร้อน
https://www.thairath.co.th/news/politic/1392593
ศอ.บต.มั่นใจสถานการณ์ชายแดนใต้จะดีขึ้น
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นในเขตรอยต่อ 4 อำเภอ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประกอบด้วยทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ในอำเภอกะพ้อและอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา ประชุมร่วมกันเพื่อวางมาตรการเชิงรุกกดดัน กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ใช้เขตรอยต่อของทั้ง 3 จังหวัดในการหลบซ่อน ที่ประชุมระบุว่าจะทำงานร่วมกันทั้งทางการข่าว การปฎิบัติการเชิงรุก ซึ่งเชื่อว่าจะลดการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามในพื้นที่ดังกล่าวได้นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนปีนี้ การทำงานด้านการพัฒนามีความคืบหน้าไปมาก เนื่องจากทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รายได้ของประชาชนในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 จาก 60370 บาทเป็น 68105 บาทต่อคนนอกจากนี้ การทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นโดยเฉพาะตำรวจ ทหาร ที่เป็นด้านความมั่นคง ก็มีความเป็นเอกภาพมากขึ้น จึงเชื่อว่าการทำงานของ ศอ.บต.เดินมาถูกทางแล้ว
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้แถลงผลงานรอบ 6 เดือนของปีนี้ โดยระบุว่าสามารถพัฒนาความเป็นอยู่ประชาชนให้ดีขึ้น ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในเขตรอยต่อ 4 อำเภอ ในพื้นที่ 3 จังหวัดใต้วางมาตรการเชิงรุกกดดันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ใช้เขตรอยต่อหลบซ่อน
ภูมิภาค
ชายแดน,นราธิวาส,ปัตตานี,ภาคใต้,มาตรการ,ยะลา,ศอ.บต.,เชิงรุก
https://news.thaipbs.or.th/content/24465
สจ.ใจบุญมุ่งมั่นเก็บขยะขายสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้
เผยสร้างมาแล้วหลายหลัง ทั้งในจังหวัดอ่างทองและใกล้เคียง โดยเก็บขยะขาย นำเงินสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้โดยร่วมกับผู้ใจบุญในท้องที่ ทั้งหน่วยงานราชการ และประชาชน โดยครั้งนี้ได้นำเงินจากการขายขยะสมทบกับผู้บริจาคสร้างบ้านให้นางสมัยรัตน์ มิ่งขวัญ อายุ 71 ปี บ้านเลขที่ 21 ถนนเทศบาล 5 ต.ตลาดหลวง อ.เมือง จ.อ่างทอง,นางกชพรเปิดเผยว่า ทราบว่านางสมัยรัตน์ ซึ่งแก่ชรามากแล้วมีอาชีพขายของอยู่ภายในตลาดอ่างทอง เช่าบ้านสภาพผุพังจะพังมิพังแหล่ อยู่กับลูกชายสองคน มีรายได้เพียงเล็กน้อย ตนจึงได้ลงมือเก็บขยะตามสถานที่ต่างๆแล้วนำไปขายได้เงินมาประมาณ 10,000 บาท ทางโรงสีเพ็ชรสยาม ได้มอบเงินสมทบอีกจำนวน 20,000 บาท และนายชัย สุวพันธ์ นายกเทศมนตรีเมืองอ่างทอง ได้มอบเงินในการซื้อกระเบื้องมุงหลังคาบ้าน โดยทางวิทยาลัยเทคนิคได้ส่งนักเรียนช่างก่อสร้างมาช่วยในการปลูกบ้านให้นางสมัยรัตน์ อีกด้วย ขณะที่นายพยุง พูลทอง ครูแผนกช่างก่อสร้าง วิทยาลัยเทคนิคกล่าวว่า ทางวิทยาลัยเทคนิคอ่างทองได้นำนักเรียนช่างก่อสร้าง ปวช. ชั้นปี 3 จำนวน 7 คน ช่วยสร้างบ้านโดยลงมือปฏิบัติงานจริงของนักเรียน พร้อมได้ช่วยเหลือในการสร้างบ้านครั้งนี้,ทางด้านนางสมัยรัตน์ได้กล่าวขอบคุณผู้ใจบุญทุกคนที่มีส่วนในการสร้างบ้านให้ตนเองได้อยู่อาศัยอย่างมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต โดยนางกชพร (ส.จ.แดง) ผู้ใจบุญที่เก็บขยะสร้างบ้านให้ประชาชนผู้ยากไร้ทั้งการปลูกใหม่และการซ่อมแซมบ้านให้กว่า 20 หลังคาเรือนทั้งในจังหวัดอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียง คงมี ส.จ.หญิงเพียงคนเดียวในประเทศไทย ที่ลงมือเดินเก็บขยะไปทุกแห่งแล้วนำไปขายเองพร้อมดำเนินการช่วยเหลือความทุกข์ยากของชาวบ้านที่ไร้ที่อยู่อาศัย ทั้งในจังหวัดอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียงให้ได้มีความสุขต่อไป.
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาง กชพร จิตรพิทักษ์เลิศ (แดง) สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง เขตอำเภอไชโย จ.อ่างทอง ส.จ.ผู้ใจบุญ ที่ออกเดินเก็บขยะขายหาเงินสมทบร่วมกับผู้ใจบุญ สร้างบ้านให้ผู้ยากไร้
null
กชพร จิตรพิทักษ์เลิศ,แดง,เก็บขยะ,อำเภอไชโย,สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง,ส.จ.,ชัย สุวพันธ์,อ่างทอง,สร้างบ้าน,ผู้ยากไร้,ข่าว,ทีมข่าวภูมิภาค,ไทยรัฐฉบับพิมพ์
https://www.thairath.co.th/content/538843
น้ำตาล สวยเปรี้ยวเข้าตาสื่อตากาล็อก ประกวดมิสยูนิเวิร์สที่ฟิลิปปินส์
ได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ทั้งสื่อมวลชนและแฟนคลับนางงามเริ่มทำงานกันทันที โดย missuniverse_fanpage ที่รายงานผ่านทาง IG รวมทั้ง Miss Universe Poll Fanpage ต่างทำหน้าที่แมวมองอย่างรวดเร็วทันใจ โดย Miss Universe Poll Fanpage เปิดโหวตนางงามที่สวยโดนใจ จัด Peples Choice อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งอัพเดตล่าสุด Top 5 ของ Peoples Choice ได้แก่ สาวงามอินโดนีเซีย, สาวไทย น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2016 เบียดขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ตามด้วยสาวงามจากเมียนมา, สาวงามจากคูราเซา และอันดับ 5 มิสฟิลิปปินส์ ประเทศเจ้าบ้าน,สำหรับ น้ำตาล-ชลิตา นอกจากจะสวยจับใจแฟนคลับนางงามทั่วโลกแล้ว ยังเป็นที่ สนใจของสื่อต่างชาติ ตั้งแต่วันเดินทางไปประกวด ซึ่งเว็บไซต์ www. MIRROR.CO.UK ได้รายงานการเตรียมตัวของ น้ำตาล ที่จัดหนักจัดเต็ม ขนกระเป๋าเสื้อผ้าติดตัวไปถึง 17 ใบ รวมน้ำหนักถึง 300 กก. และเมื่อไปถึงโรงแรมคอนราด ที่พักระหว่างการเก็บตัวที่ฟิลิปปินส์ น้ำตาล ก็ได้รับความสนใจจากเหล่าแฟนคลับตากาล็อกที่มารอขอถ่ายภาพ ซึ่ง น้ำตาล ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ ด้วยการสวมชุดบารอง ตากาล็อก (ชุดประจำชาติของผู้ชายฟิลิปปินส์) ที่ตัดเย็บด้วยผ้าใยสับปะรด ที่ออกแบบตัดเย็บโดยร้าน SURFACE,สำหรับกิจกรรมในช่วงแรกๆ ของสาวงามผู้เข้าประกวดยังเป็นการทำความรู้จักซึ่งกันและกัน และเตรียมความพร้อมโดยให้ช่างเสริมสวยของกองประกวดทดลองแต่งหน้า ทำผมบรรยากาศจึงเป็นไปอย่างชิลล์ๆ.
เวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2016 ครั้งที่ 65 เริ่มคึกคักแล้ว เมื่อสาวงามผู้เข้าประกวดทั้ง 86 คน เดินทางถึงประเทศฟิลิปปินส์ สถานที่จัดการประกวดในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ประเทศฟิลิปปินส์
ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง
น้ำตาล ชลิตา,ชลิตา ส่วนเสน่ห์,มิสยูนิเวิร์ส,มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2016,ฟิลิปปินส์
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/837280
นพดล เตือน กรธ.อย่าเขียน รธน.ที่เว้นวรรค ประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 13 มี.ค.59 นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า กรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ควรใช้โอกาสมีค่านี้ เขียนรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ให้เป็นมรดกแก่คนไทยและไม่ใช่เป็นของขวัญให้ใคร และต้องแน่วแน่ไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดัน ที่จะทำให้เกิดการเว้นวรรคประชาธิปไตยในหลายประเด็น เช่นการมี ส.ว.สรรหา 5 ปี เพราะแม้สมมติว่าเรามีรัฐรรมนูญที่ดี (ซึ่งจะดีได้ต้องแก้ไขร่างในหลายประเด็น) ไทยก็ยังคงมีปัญหาใต้ภูเขาน้ำแข็งอีกมากที่ต้องแก้ไขในอนาคต เช่น ปัญหาการไม่เคารพผลเลือกตั้งและการตัดสินใจของประชาชน ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายให้สอดคล้องหลักนิติธรรม ปัญหาการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ความง่ายในการสร้างสถานการณ์ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง การแบ่งสีแบ่งฝ่ายที่ไม่เห็นแนวโน้มลดลง ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นหลุมดำที่เราต้องไม่ให้ประเทศตกลงไปอีก 
   
,ผมจึงขอเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องได้มองถึงอนาคตของลูกหลานที่จะเติบโตในบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตย และคนไทยมีเสรีภาพ อย่ามองเพียงการเขียนรัฐธรรมนูญที่สนองความต้องการเฉพาะหน้า แต่ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยในระยะยาว เพราะถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยจะเปลืองงบประมาณ หลายพันล้าน ในการจัดการออกเสียงประชามติ นายนพดล กล่าว.
นพดล แนะ กรธ.เขียน รธน.ให้เป็น ประชาธิปไตย เพื่อเป็นมรดกแก่คนไทย ขออย่าหวั่นแรงกดดันจากผู้มีอำนาจ วอนผู้เกี่ยวข้องมองถึงอนาคตบ้านเมือง
null
ร่างรัฐธรรมนูญ,แก้ไขร่างฯ,นพดล ปัทมะ,อดีต รมว.ต่างประเทศ,ข้อเสนอแก้ไขร่างฯ,ประชาธิปไตย,ที่มา ส.ว.,ส.ว.เปลี่ยนผ่านฯ,ส.ว.ลากตั้ง,ส.ว.แต่งตั้ง,เว้นวรรค ปชต.,นิติธรรม,ประชามติ,พรรคเพื่อไทย,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง
https://www.thairath.co.th/content/590179
คนดวงเฮง มาแก้บน ฤาษีเณร ไม่พลาดได้ เลขเด็ด อ่างน้ำมนต์เสี่ยงโชค
คอหวยแห่เข้าแก้บน พ่อปู่ฤๅษีพรหมเมศ และ กุมารเจ้าสัวเฮง ไม่ลืมแวะส่อง เลขเด็ด อ่างน้ำมนต์ ฤๅษีเณร เพื่อนำไปเสี่ยงโชคงวดนี้วันที่ 23 ก.พ. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศช่วงเช้าของวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุด ภายในอาศรมฤาษีเณร ธาตุพุทธคุณ บริเวณริมถนนสายบางปะอิน-บางบัวทอง ใกล้กลับศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ม.4 ต.โพแตง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีประชาชนกว่า 3000 คน เดินทางมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ปู่ฤๅษีพรหมเมศ ที่สูง 34 เมตร กุมารเจ้าสัวเฮง และเทพทันใจ อย่างต่อเนื่องขณะที่ นางญาณิศา อ่อนละม้าย อายุ 40 ปี อาชีพแม่บ้าน กล่าวว่า วันนี้ได้นำประทัด 1000 นัด น้ำแดง 9 แพ็ก มาแก้บนพ่อปู่ฤๅษีพรหมเมศและกุมารเจ้าสัวเฮง หลังในงวดที่ผ่านมาตนและครอบครัวถูกรางวัลเลขท้ายสองตัว เลข 94 จากตัวเลขในอ่างน้ำมนต์ฤๅษีเณร ธาตุพุทธคุณ จำนวน 8 ใบ รับเงิน 16000 บาท โดยเคยเข้ามาที่อาศรมแห่งนี้แล้ว 3 ครั้ง โดยทุกครั้งก็กลับไปเสี่ยงโชคก็ได้รับโชคทุกงวดแต่งวดนี้ได้ถูกหลายใบ รับเงินเยอะกว่าทุกครั้งจึงรีบมาแก้บนวันนี้ และได้เดินไปส่องดูตัวเลขที่ลอยเหนือผิวน้ำภายในอ่างน้ำมนต์ฤๅษีเณร ปรากฏเป็นตัวเลขลอยอยู่เหนือน้ำแยกออกตัวเลขเดียวคือเลข 9 ลอยอยู่ที่บริเวณขอบอ่างน้ำมนต์ ซึ่งตัวเลขจะลอยวนเวียนไปเรื่อยไม่อยู่กับที่ ส่วนตัวเลขที่เห็นชัดเจน คือเลข 20 และ 387ขณะที่ ประชาชนได้ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพภายในอ่างน้ำมนต์หลายๆ มุมเอาไว้ดูตัวเลขจากน้ำตาเทียนสีแดง ซึ่งสรุปตัวเลขทั้งหมดมีเลข 0 2 3 7 8 9 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเกิดจาก อาจารย์ฤๅษีเณร ธาตุพุทธคุณ ได้ทำพิธีจรดตัวเลขเรียกว่า เลขโสฬสสะระตะ เป็นพิธีกรรมโบราณจากการสอบถาม นายปฏิยุทธิ์ ดาวเหนือ พ่อค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำที่อาศรมฤาษีเณร กล่าวว่า ในนี้มีประชาชนมาเสี่ยงโชคกันจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่คนเข้ามาแก้บนและมาขอเลขเด็ดจากกุมารเจ้าสัวเฮงและปู่ฤๅษีพรหมเมศ โดยตัวเลขที่มีประชาชนหากันจำนวนมากคือ เลข 20 29 387 จึงมาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลในแผงของตนกันจำนวนมาก.อ่าน ตรวจหวยตรวจหวย 1/3/63 | ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 มีนาคม 2563ชมถ่ายทอดสดการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 มีนาคม 2563เปิด 10 อันดับ เลขเด็ด ขายดี แม่ค้าหวยบอก เลขดัง หมดแผงแล้วเปิด สถิติหวย ออกวันที่ 1 มี.ค. คนตาดีพบ เลขเด็ด 97 ออกซ้ำ 2 รอบโค้งสุดท้ายหวย เลขเด็ด งวด 01/03/63 ลุ้นได้ที่ไทยรัฐทีวี-ไทยรัฐออนไลน์
คอหวยแห่เข้าแก้บน พ่อปู่ฤๅษีพรหมเมศ และ กุมารเจ้าสัวเฮง ไม่ลืมแวะส่องตัวเลข อ่างน้ำมนต์ ฤๅษีเณร เพื่อนำไปเสี่ยงโชคงวดนี้
ข่าว,สังคม
หวยไทยรัฐ1-3-63,เลขเด็ด,หวย 1 มีนาคม 2563,หวยฤาษีเณร,ตรวจหวย 1 มีนาคม 2563,ตรวจหวย1-3-63,หวย
https://www.thairath.co.th/news/society/1778275
รวบหนุ่มวัย 32 ใช้อีโต้ฟันเพื่อนคอเกือบขาดดับสยอง คาดโรคประสาทกำเริบ
เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 26 ก.พ. 61 ร.ต.อ.จีรพันธ์ คงพูล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เหนือคลอง จ.กระบี่ รับแจ้งมีเหตุคนถูกฆาตกรรมในลำห้วยริมป่าละเมาะ พื้นที่หมู่ 7 ต.เหนือคลอง เดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกระบี่ ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเทศบาลตำบลเหนือคลอง หน่วยกู้ภัยประชาสันติสุขเหนือคลอง ที่เกิดเหตุพบศพ นายอดิสร ใจตรง อายุ 26 ปี ชาว ต.เหนือคลอง มีบาดแผลถูกฟันนับสิบแผล โดยเฉพาะที่ลำคอด้านหลังจนเกือบขาด ตามแขน ลำตัว และใบหน้าเป็นแผลเหวอะหวะ,ส่วนผู้ลงมือเป็นเพื่อนของผู้ตาย หลังเกิดเหตุกลับไปที่บ้านซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร เจ้าหน้าที่ตามไปจับกุมไว้ได้ โดยผู้ต้องหาไม่ได้ขัดขืน ทราบชื่อ นายสมนึก เรือทอง อายุ 32 ปี ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่า ตรวจค้นพบอาวุธที่ใช้ก่อเหตุคือมีดอีโต้ปลายตัด ยาวประมาณ 40 ซม. มีเลือดเปื้อน,สอบสวนทราบว่า ผู้ตายและผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนกัน มักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ วันเกิดเหตุผู้ตายมาที่บ้านของผู้ก่อเหตุ แต่เกิดการทะเลาะกัน ประกอบกับผู้ก่อเหตุมีอาการทางประสาทต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดโมโหจนคุมสติไม่อยู่ และอากาศร้อนอบอ้าว จึงลงมือไล่ฟันผู้ตายจนเสียชีวิตสยอง.
ตำรวจ สภ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ตามจับตัวหนุ่มวัย 32 ปี ก่อเหตุใช้มีดอีโต้ฟันเพื่อนวัย 26 ปี เหวอะหวะทั้งตัว ดับสยองลำคอเกือบขาด คาด อาการโรคประสาทกำเริบ
ข่าว,ทั่วไทย
ฆ่าคนตาย,ฆ่าเพื่อน,ฟันคอ,มีดอีโต้,กระบี่,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1214377
ตำรวจของประชาชน : ผ่าโครงสร้างยกเครื่องสีกากียุคปฏิรูป
,หากเอ่ยถึงต้นธารกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ประชาชนย่อมส่องไปที่ตำรวจ เพราะมือหนึ่งถือปืน อีกมือหนึ่งถือกฎหมาย,ยิ่งเกิด คดีแพะ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเกิดวาทกรรม คุกมีไว้ขังคนจน ย่อมสะท้อนศรัทธาตำรวจเสื่อมทรุด,จนต้องเร่งปฏิรูป เพื่อเป็นหลักประกันให้ทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย ได้ความยุติธรรมโดยเท่าเทียมและเสมอภาคถ้วนหน้า,สังคมคาดหวังเอาไว้สูงมากต่อคณะกรรมการปฏิรูปด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ที่มีอำนาจหน้าที่แก้ไข ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับหน้าที่ อำนาจ ภารกิจและการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ ตามรัฐธรรมนูญ ในหมวดการปฏิรูปประเทศ,ซึ่งกำหนดให้ปรับปรุงระบบการสอบสวนคดีอาญา ให้มีการตรวจสอบและถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการสอบสวนคดีอาญา การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย ต้องคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน,โครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โฉมหน้าใหม่ใกล้คลอดแล้ว จะตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและเป็นที่พึ่งของประชาชนตามสโลแกน บริการดุจญาติ พิทักษ์ราษฎร์ดุจครอบครัว ได้แค่ไหน,ติดตามมุมคิดของ นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร หนึ่งในคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านอำนาจและภารกิจของตำรวจ เปิดใจให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ว่า ตามโครงสร้างใหม่เปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น,โดยกำหนดขั้นบันไดการถ่ายโอนภารกิจให้หน่วยงานอื่น ภารกิจที่ต้องดำเนินภายใน 3 ปี,ประกอบด้วยด้านการจราจร เฉพาะการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การกวดขันวินัยจราจร การบังคับใช้กฎหมายจราจร ด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและสรรพสามิต,ด้านการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค,การสืบสวน ตรวจค้น การจับกุม การสอบสวนคดีอาญาในความผิดตามกฎหมายนั้นๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้รับมอบภารกิจในหน่วยงานหลักกับด้านนั้นๆ รับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมาย,ภารกิจที่ดำเนินการภายในเวลาไม่เกิน 5 ปี เช่น ด้านการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง ขนส่งและรถยนต์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจทางหลวง,เฉพาะภารกิจที่เกี่ยวกับการสืบสวน การขออนุมัติศาลตรวจค้น การจับกุม การสอบสวนคดีอาญาในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง ขนส่งและรถยนต์ในเขตพื้นที่รับผิดชอบตำรวจทางหลวง กระทรวงคมนาคม รับผิดชอบ,ด้านการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ ด้านการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว การสืบสวน ตรวจค้น การจับกุม การสอบสวนคดีอาญาในความผิดตามกฎหมายนั้นๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้รับมอบภารกิจในหน่วยงานหลักกับด้านนั้นๆ รับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเป็นภารกิจที่ต้องเตรียมความพร้อม,ขณะที่ภารกิจที่สมควรให้หน่วยที่เกี่ยวข้องปฏิบัติร่วมกับตำรวจ มีทั้งด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบนขบวนรถไฟ ด้านการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี,ส่วนปัญหาการใช้อำนาจหน้าที่ของตำรวจ อาจสุ่มเสี่ยงกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน เช่น การจับกุม ตรวจค้น บางครั้งทำให้เดือดร้อนเกิด คดีแพะ ชาวบ้านมีเรื่องกับตำรวจย่อมเสียเปรียบทุกประตู,ฉะนั้นต้องมีระบบรับเรื่องร้องเรียนตำรวจ เพื่อสร้างความไว้วางใจแก่สาธารณชน,โดยตั้ง คณะกรรมการอิสระพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ 11 คน (กอ.ตร.) ผสมระหว่างกรรมการ อิสระกับสำนักงานจเรตำรวจ,ประกอบด้วยจเรตำรวจแห่งชาติ รองจเรตำรวจแห่งชาติไม่เกิน 2 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ 8 คน ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) 4 คน และ,ผู้ที่ไม่เคยเป็นตำรวจ 4 คน,กรอบหน้าที่อำนาจที่กำหนดเอาไว้ เชื่อมั่นจะให้ความเป็นธรรมกับสาธารณชนได้แน่นอน เริ่มตั้งแต่การแต่งตั้งกรรมการอิสระ ซึ่งเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ การใช้วิธีการสืบสวนสอบสวน และมีบทลงโทษ,พร้อมเพิ่มการบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัวในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานจเรตำรวจ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน เป็นกองบัญชาการที่ได้รับ การกระจายอำนาจแบบบูรณาการ,ทำให้แต่ละกองบัญชาการของบประมาณได้ด้วยตัวเอง ตำรวจที่เข้ามาทำงานในกองบัญชาการได้เติบโตตามความรู้ความสามารถภายในกองบัญชาการ การย้ายข้ามกองบัญชาการไม่ควรทำ จะทำได้ต้องเป็นประโยชน์ต่อราชการตำรวจจริงๆ และต้องมีหลักเกณฑ์จากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.),และยังมีคณะกรรมการติดตามตรวจสอบการบริการงานตำรวจที่ดีประจำจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน มีผู้แทนจากผู้บริหารท้องถิ่น ภาคประชาสังคมเข้ามาช่วยดูแลระบบงานตำรวจในระดับจังหวัดให้มีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยมีคณะกรรมการระดับสถานี เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนการปฏิบัติงาน แทนคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจในระดับจังหวัดระดับสถานี (กก.ตร.),การปฏิรูปสถานีตำรวจก็จำเป็น ซึ่งจะจัดรูปแบบผูกพันกับคดีที่เกิดขึ้น เพื่อจัดอัตรากำลังแต่ละสถานีให้เหมาะสม อาวุธยุทโธปกรณ์ครบ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพิสูจน์หลักฐาน,ทีมข่าวการเมือง ถามว่า ภาคประชาชนต้องการให้แยกงานสอบสวนจากตำรวจ เพื่อสร้างหลักประกันความเป็นอิสระ ให้อัยการตรวจสอบควบคุมการสอบสวนคดีสำคัญ การแต่งตั้งโยกย้ายต้องยึดหลักอาวุโสทุกตำแหน่ง ให้ตำรวจสังกัดจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายในจังหวัด ยุบตำรวจภาค 1-9 เพื่อกระจายกำลังพลไปประจำโรงพัก นายมนุชญ์ บอกว่า ในหลายประเด็นมีการเสนอ,แต่คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจยังไม่เห็นความจำเป็น ผมจึงเสนอขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สนับสนุนการบริหารงานของตำรวจ ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น ผอ.รมน.จังหวัด,เพราะปัจจุบันสถิติอาชญากรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เช่น คดีค้ายาเสพติดรายใหญ่ การฉ้อโกงประชาชน อาวุธสงคราม การค้ามนุษย์ การฟอกเงิน มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น,อาชญากรรมเหล่านี้ส่วนใหญ่ทำเป็นขบวนการหรือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ,ถ้าหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมไม่ประสานและร่วมมือกันอย่างจริงจัง ย่อมยากที่จะบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชน ก็อาจมีผลต่อความมั่นคงของชาติ อาจเป็นช่องทางให้พวกก่อการร้ายได้,เหมือนที่เรามีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชุดเฉพาะกิจกระทรวงมหาดไทย (ฉก.) ก็ทำให้ตำรวจถูกปฏิรูปโดยไม่รู้ตัว,ส่วนอำนาจการสอบสวน จะแยกแท่งนี้ออกมา อาจไม่มียศหรือเป็นข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถ หรือจะเปิดสอบต่างหากต่อไป ในชั้นนี้ยังมียศ ต่อไปอาจจะไม่มียศ,คนคาดหวังสูงต่อการปฏิรูปตำรวจ เกิดอะไรขึ้นโครงสร้างใหม่ที่กำลังจะออกมาถึงไม่เป็นไปตามความต้องการของสังคม นายมนุชญ์ บอกว่า คงเกิดจากหลายปัจจัย,หนึ่งในนั้นคือโครงสร้างของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ แต่ละประเด็นต้องฝ่าดงแข้งในที่ประชุม,แต่ภาพรวมก็เปลี่ยนแปลงเยอะมาก อย่างน้อยในอนาคต ตำรวจจะถูกควบคุมมากขึ้นโดยสาธารณชน,สุดท้ายเมื่อส่งข้อเสนอแนะและร่างกฎหมายให้คณะรัฐมนตรี (ครม.),ก็วัดใจ ครม. จะเอาอย่างไรกับการปฏิรูปตำรวจ.,ทีมการเมือง
ยุติธรรมขจัดความเหลื่อมล้ำ เป็นหัวใจการปฏิรูปสังคม หากเอ่ยถึงต้นธารกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ประชาชนย่อมส่องไปที่ตำรวจ เพราะมือหนึ่งถือปืน อีกมือหนึ่งถือกฎหมาย ยิ่งเกิด คดีแพะ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ข่าว,การเมือง
กระบวนการยุติธรรม,ตำรวจ,ปฏิรูปตำรวจ,วิเคราะห์การเมือง,ทีมการเมือง,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1213115
EU หนุน 82 ล้านคุ้มครองเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการโยกย้ายถิ่นฐานในไทย
สหภาพยุโรปสนับสนุนงบ 82 ล้านบาทเพื่อปกป้องคุ้มครองเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการโยกย้ายถิ่นฐานในประเทศไทย12 มี.ค.2562 องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย สหภาพยุโรป องค์การยูนิเซฟ และรัฐบาลไทย ได้ประกาศความเป็นพันธมิตรเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิของเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการโยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาในประเทศไทย โดยสหภาพยุโรปได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 2.3 ล้านยูโร หรือประมาณ 82 ล้านบาทให้แก่ยูนิเซฟ ประเทศไทยในการดำเนินงานเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งต่อนโยบายและการปฏิบัติการสำหรับเด็กข้ามชาติหรือเด็กผู้โยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาในประเทศไทย และเด็กไร้สัญชาติในประเทศไทยการประกาศความเป็นพันธมิตรครั้งนี้มีผู้แทนเกือบ 100 คนจากภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน สหภาพยุโรป และองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วม อีกทั้งมีการอภิปรายเกี่ยวกับข้อท้าทายในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิของเด็กผู้โยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาในประเทศไทย และร่วมหารือถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายและนโยบายที่เปิดโอกาสให้เด็กทุกคนรวมถึงเด็กข้ามชาติหรือเด็กผู้โยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาในประเทศไทยได้เข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานที่จำเป็น ไม่ว่าเรื่องการศึกษา สุขภาพ และการคุ้มครองเด็ก แต่ในทางปฏิบัติ เด็กกลุ่มนี้จำนวนมากยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพเหล่านั้นเนื่องจากหลากหลายสาเหตุ เช่น การถูกเลือกปฏิบัติ ความยากจน การย้ายถิ่นที่อยู่บ่อยครั้ง บริการที่ไม่ครอบคลุม ตลอดจนการขาดความรู้และความตระหนักในการเข้าถึงบริการเหล่านั้นเปียร์ก้า ตาปิโอลา เอกอัครราชทูต สหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่า เด็กทุกคน ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นเด็กผู้โยกย้ายถิ่นฐานหรือไม่ จะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครอง ได้เข้าถึงการศึกษา การดูแลสุขภาพและสุขอนามัย บริการทางสังคมและกฎหมาย ตลอดจนการเยียวยาทางจิตใจ และนี่คือสิ่งที่สหภาพยุโรปมุ่งมั่นที่จะดำเนินการ โดยร่วมมือกับพันธมิตรอย่างเช่นยูนิเซฟและรัฐบาลไทย เราจะร่วมมือกันสร้างความเข้มแข็งของระบบการคุ้มครองเด็กของประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเด็กคนใดถูกทิ้งไว้ข้างหลังองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานได้ประมาณการว่า ในพ.ศ. 2561 มีเด็กผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐานอาศัยอยู่ในประเทศไทยราว 300000 – 400000 คน โดยเด็ก ๆ จำนวนมากยังไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐ นอกจากนี้ ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยชี้ว่า มีเด็กไร้สัญชาติราว 145000 คนที่ได้ลงทะเบียนกับรัฐแล้วโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีนโยบายที่ก้าวหน้ามาก ซึ่งให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานที่จำเป็น โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นเด็กสัญชาติไทย เด็กโยกย้ายถิ่นฐานที่ไม่ได้ลงทะเบียน หรือเด็กไร้สัญชาติ ภารกิจหลักของเราตอนนี้ก็คือการลดช่องว่างระหว่างนโยบายที่มีอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของเด็กผู้โยกย้ายถิ่นฐาน การสนับสนุนจากสหภาพยุโรปในครั้งนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าวให้มีประสิทธิผลมากขึ้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเด็กจะได้รับการปกป้องคุ้มครองสิทธิ และสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบตามสิทธิอันพึงมีของพวกเขาการร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรปและยูนิเซฟ จะส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งของระบบคุ้มครองเด็กในระดับชาติ ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้สามารถระบุ ส่งต่อ และให้การช่วยเหลือเด็กผู้โยกย้ายถิ่นฐานที่อยู่ในภาวะเปราะบาง เพื่อให้พวกเขาเข้าถึงการช่วยเหลือทางสังคมและทางกฎหมาย การให้คำปรึกษา ตลอดจนการจดทะเบียนเกิดได้ความร่วมมือนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อยุติการกักตัวเด็กด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการอพยพย้ายถิ่นฐาน พร้อมเสริมสร้างความเข้มแข็งในมาตราการทางเลือกอื่น ๆ ในการดูแลเด็กแทนการกักตัวในสถานกักคนต่างด้าวเข้าเมือง เช่น ระบบพ่อแม่อุปถัมภ์ และการอุปการะดูแลแบบเครือญาติแก่เด็กผู้โยกย้านถิ่นฐานโดยลำพังหรือไม่ได้อยู่กับพ่อแม่นอกจากนี้ ยังมุ่งให้เด็กผู้โยกย้ายถิ่นฐานและเด็กไร้สัญชาติได้เข้าถึงบริการด้านการศึกษาและการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น โดยจะร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อระบุถึงข้อท้าทายที่ทำให้เด็ก ๆ ไม่ได้เข้าเรียน ไม่ว่าจะเป็นข้อท้าทายในการเดินทางมาโรงเรียน และข้อจำกัดทางภาษา พร้อมรณรงค์ให้เกิดการทำต้นแบบที่ดี เพื่อให้มั่นใจว่าระบบการศึกษาและโรงเรียนได้รวมและตอบสนองต่อความจำเป็นของเด็ก ๆ เหล่านี้ ในขณะเดียวกัน ยูนิเซฟกำลังพัฒนารูปแบบการประกันสุขภาพทางเลือกที่มีราคาเหมาะสม เพื่อประกันว่าจะไม่มีเด็กโยกย้ายถิ่นฐานและครอบครัวใด ต้องตกหล่นจากการรักษาพยาบาลที่จำเป็น อีกทั้ง จะมีการเก็บข้อมูลและหลักฐานเพื่อให้ทราบถึงจำนวนเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการย้ายถิ่นและผลกระทบที่เกิดขึ้น และพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อตรวจสอบบริการต่าง ๆ ที่จัดสรรให้สำหรับเด็กกลุ่มนี้สหภาพยุโรปได้สนับสนุนงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 10.5 ล้านยูโร (ประมาณ 379 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนองค์การยูนิเซฟในการดำเนินงานปกป้องคุ้มครองสิทธิของเด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และเอเชียกลางจำนวน 8 ประเทศ ได้แก่ คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน ไทย บังกลาเทศ มาเลเซีย เมียนมาร์ และอุซเบกิสถาน เงินทุนนี้ครอบคลุมระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี โดยมุ่งหวังให้การดำเนินการนี้เข้าถึงเด็ก ๆ ที่อพยพโยกย้ายถิ่นฐาน หรือถูกบังคับให้พลัดถิ่นไม่ว่าภายในประเทศ หรือข้ามพรมแดน
สหภาพยุโรปสนับสนุนงบ 82 ล้านบาทเพื่อปกป้องคุ้มครองเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการโยกย้ายถิ่นฐานในประเทศไทยเครดิตภาพ: ยูนิเซฟ/สุขุม ปรีชาพานิช12 มี.ค.2562 องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย รายงานว่า เมื่อวันที่ 12
สังคม,สิทธิมนุษยชน,คุณภาพชีวิต
การโยกย้ายถิ่นฐาน,สหภาพยุโรป,เด็ก,องค์การยูนิเซฟ
https://prachatai.com/journal/2019/03/81476
ยกเครื่องบริบทประเทศไทย สร้างคนไทยพันธุ์ใหม่ Disruptor ชู นวัตกรรม-ปัญญาประดิษฐ์ ขับเคลื่อน
นั้น,ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ดูจะเป็นบุคคลที่ตอบโจทย์ข้างต้นได้ดีที่สุด และถูกต้องที่สุด ทั้งด้วยคุณวุฒิ ตำแหน่ง และประสบการณ์งานที่ทำ,ศ.ดร.สุชัชวีร์ หรือ พี่เอ้ ของนักศึกษา สจล.ได้ตำแหน่งศาสตราจารย์จาก มหาวิทยาลัยแมสซาชูเสตต์ (MIT : Massachusetts Institute of Technology) มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก เมื่ออายุ 38 ปี เป็นผู้ออกแบบรถไฟใต้ดินสายแรกของประเทศไทยตั้งแต่อายุ 20 ปี ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อที่ MIT เป็นอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และออกแบบก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาที่กำลังจะแล้วเสร็จอีกไม่นานนี้,ขณะเดียวกันก็ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีสถาบันการศึกษาที่ผลิตวิศวกรที่ดีที่สุดอันดับต้นของประเทศในช่วงอายุ 40 ปีเศษจนถึงปัจจุบัน เขาก็ยังคงเป็นอธิการบดีที่อายุ 45 ปีน้อยที่สุดในหมู่อธิการบดีมหาวิทยาลัยในประเทศไทยด้วยกัน,ทีมเศรษฐกิจ มีโอกาสพบและสัมภาษณ์ พี่เอ้ ด้วยเหตุผลเพราะ เขายังคงมีความมุ่งมั่น (Passion) ในการเป็น Game Changer ที่ต้องการสร้างกลยุทธ์เพื่อเป็นผู้คุมเกมในการเปลี่ยนแปลงบริบทของประเทศไทยครั้งใหญ่ ที่จะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว,เมื่อต้องเอาประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นตัวตั้ง แล้วปรับเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็น Disruptors ผู้เปลี่ยนแปลง มิใช่ ผู้ถูกเปลี่ยนแปลง หรือถูกโลกแห่งเทคโนโลยี บังคับ ให้ต้องเปลี่ยนแปลงเช่นที่กำลังเป็นอยู่ในทุกวันนี้,ไปฟัง ศ.ดร.สุชัชวีร์ พูดถึงแนวคิด และวิธีการในการเป็น ผู้เปลี่ยนแปลง ของเขากันดีกว่า,ศ.ดร.สุชัชวีร์ เริ่มบทสนทนากับเราว่า การจะผลักดันนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ให้ก้าวพ้นประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูงขึ้นได้จริงๆ มีหนทางเดียวที่จะทำได้คือ การพัฒนา นวัตกรรม หรือเทคโนโลยีที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยมีมูลค่าเพิ่มเพื่อที่จะได้ขายของน้อยชิ้น แต่ได้ราคาแพงขึ้น,ประเทศไทยยังตามหลังประเทศอื่นอยู่มาก ทางออกคือการหาพี่เลี้ยงที่ดีที่สุดมาช่วย หากเรายังมัวแข่งกับตัวเอง การพัฒนาจะไม่ไปไหน แต่ถ้าเราบอกว่าอยากสู้กับประเทศสิงคโปร์ให้ได้ ยกตัวอย่าง สู้ให้ได้ภายใน 10 ปี ประเทศไทยก็ต้องมีพี่เลี้ยงที่เหนือกว่าสิงคโปร์ให้ได้,ความคิดนี้ทำให้ สจล. จับมือ มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน (Carnegie Mellon University : CMU) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 2 ของ สหรัฐฯในด้านวิศวกรรมศาสตร์ และยังเป็นแหล่งสร้างสรรค์งานนวัตกรรมระดับโลกมากมาย ตั้งแต่ระบบ Cloud (คลังเก็บข้อมูล) หุ่นยนต์ที่ปฏิบัติการในอวกาศ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ซึ่งทำหน้าที่ช่วยหน่วยสืบสวนคดีอาญาของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (FBI) ในการค้นหาใบหน้าของผู้ก่อการร้าย เป็นต้น,การจับมือกันกับคาร์เนกี เมลลอน ก็เพื่อจัดตั้งสถาบันร่วมระดับอุดมศึกษาภายใต้ชื่อ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL University) ซึ่งจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งเดียวในอาเซียนที่สร้างนักวิจัยระดับโลก ยกระดับการแข่งขันของประเทศด้านเศรษฐกิจโดยใช้นวัตกรรมเป็นตัวนำ จากเทคโนโลยีของ คาร์เนกี เมลลอน และอาจารย์ของสถาบันที่จะเดินทางมาทำวิจัยร่วมกันในประเทศไทย,ที่จริงทางมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์ก็ติดต่อคาร์เนกี เมลลอนไป พร้อมยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจเช่นเดียวกับไทยเรา แต่สุดท้ายเขารับข้อเสนอประเทศไทย เพราะเขาบอกว่า เด็กไทยไม่เคยทำให้ผิดหวัง ทั้งเด็กที่ได้ทุนเล่าเรียนหลวง Kings Scholarship และใช้ทุนส่วนตัว ซึ่งจบจากมหาวิทยาลัยนี้แล้วถึง 300 คน ถือว่าเป็นเด็กที่มีคุณภาพมากที่สุด,ผมภูมิใจมาก เพราะประเทศไม่เคยชนะสิงคโปร์เลย คนของเขาก็ได้ที่หนึ่งทั้งคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ แต่สุดท้ายเราสามารถดึงมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน มาสอนที่ประเทศไทยได้ แสดงให้เห็นว่าถ้าตั้งใจสู้แล้ว เราไม่แพ้ใครในโลกจริงๆ,สำหรับมหาวิทยาลัย CMKL นี้ ได้เริ่มเปิดรับสมัครนักศึกษานำร่องไปแล้วในปี 2561 โดยเปิดสอนสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ในระดับปริญญาเอก ระยะเวลา 5 ปี,ส่วนระดับปริญญาโทมีหลักสูตรสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์กับ สาขาวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ระยะเวลาเรียน 2 ปี มุ่งเน้นในเรื่องของงานวิจัยเป็นหลัก,ส่วนระดับปริญญาตรี ในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ขณะนี้ได้ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย สร้างหลักสูตรใหม่ในโครงการ บัณฑิตพันธุ์ใหม่ ซึ่งจะเรียนเกี่ยวกับหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ หลักสูตรภาษาไทย 4 ปี เปิดรับสมัครเด็กพันธุ์ใหม่รุ่นแรกไปแล้ว จะเริ่มสอนในเดือน ส.ค.นี้,ส่วนหลักสูตรนานาชาติกำลังร่างกันอยู่ และเป็นครั้งแรกที่จะมีหลักสูตรหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ในไทย ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มได้ในปีหน้า,สำหรับหลักสูตรปริญญาโทจะเรียน 1 ปี ที่คาร์เนกี เมลลอน แล้วกลับมาเรียนที่ สจล.,ส่วนปริญญาเอกจะเรียนในไทย 2 ปี โดยหลักสูตรเหมือนกันทุกอย่าง ซึ่งในแต่ละปีมีผู้สมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน หลายหมื่นคน แต่รับได้เพียง 10 กว่าคนเท่านั้น สำหรับปริญญาเอก,แต่ประเทศไทยจะได้โควตาไปเรียนร่วมกับนักศึกษาที่คาร์เนกี เมลลอนโดยตรง,คนที่เรียนหลักสูตร CMKL จะกลับมาทำวิจัยเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมของประเทศไทยว่าจะเดินไปในทิศทางใด และเป็นคนที่จะต่อสู้กับการแข่งขันของโลกได้ โดยอาจารย์จากคาร์เนกี เมลลอน จะเป็นพี่เลี้ยงเพื่อแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมของไทยให้ด้วย,แต่ละปีไทยส่งเด็กไปเรียนเมืองนอกไม่น้อย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เด็กไทยไปทำวิจัยแล้วไปเป็นลูกมือของบริษัทต่างชาติ หรือของอาจารย์ต่างประเทศที่รับใช้บริษัทต่างๆอยู่ แล้วช่วงเวลา 4-5 ปีนั้น ก็หมดไปกับการทำวิจัยให้ต่างชาติ พอกลับมาก็นับศูนย์เริ่มต้นใหม่ ได้ทักษะทำวิจัยเท่านั้น แต่จะเอามาต่อยอดลำบาก,ส่วนโครงการนี้ เราจะไปนำความรู้เขากลับมาจากปริญญาโท 1 ปี ปริญญาเอก 2 ปี แต่สามารถเริ่มต้นทำงานวิจัยในไทยได้ทันที มาแก้โจทย์ให้ประเทศไทยเลย นี่คือข้อแตกต่าง,สำหรับสถาบันอุดมศึกษาไทย ศ.ดร.สุชัชวีร์ยังเชื่อมั่นว่าสู้ได้ แต่จำเป็นต้องปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนใหม่ โดยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีวิศวกรรม ถ้าอยู่เฉยๆจะเท่ากับล้าหลังลงไปเรื่อยๆ,ถ้าเราอยากสร้างคนไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า ก็ต้องพยายามพยากรณ์คนไทยในอีก 10 ปีว่าจะเป็นอย่างไร อีก 10 ปีต่อไปโลกจะไม่มีการเรียนการสอนในสาขาใดสาขาหนึ่ง นักสื่อสารมวลชนจะต้องทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ คนจะต้องเข้าใจเรื่องคลังข้อมูล BIG DATA ปัญญาประดิษฐ์,หมอจะต้องอ่านฟิล์มเอกซเรย์คู่กับหุ่นยนต์ ศัลยแพทย์ต้องผ่าตัดร่วมกับหุ่นยนต์ วิศวกรจะไม่มีโยธาสร้างตึก สร้างไฟฟ้าอย่างเดียวอีกแล้ว,ทุกอาชีพจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่เช่นนั้นจะแข่งขันไม่ได้เลย นี่คือจุดตายของประเทศไทย,สถานการณ์ประเทศไทยในด้านการศึกษาเทคโนโลยีขณะนี้มีลักษณะเหมือน กบต้ม คือ เอากบมาใส่หม้อต้ม พอน้ำเริ่มร้อนขึ้นจนถึงจุดกบก็จะหงายท้องตาย,นอกเหนือจากระบบการศึกษาไทยแล้ว ระบบสาธารณสุขไทยก็ถือเป็นระเบิดเวลาอีกลูกหนึ่ง เพราะอุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกอย่าง ตั้งแต่เตียง รถเข็น เครื่องเอกซเรย์ เข็มฉีดยา ยกเว้นถุงมือยาง นำเข้าจากต่างประเทศหมด ในขณะที่คนไทยอายุยืนขึ้น คนเกิดน้อยลง แต่งบประมาณส่วนใหญ่ไปอยู่ที่การนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีเหล่านี้,เพราะฉะนั้น จึงต้องคิดหลักสูตรใหม่ขึ้นมา แล้วเปิดคณะแพทยศาสตร์ของ สจล. เพื่อสร้างแพทย์และวิศวกรให้อยู่ในคนคนเดียวกัน,เราจะสร้างแพทย์ที่เป็นที่พึ่งของคนไทย หรือแพทย์นวัตกร แพทย์นักวิจัย สร้างองค์ความรู้ ให้เราพึ่งพาตัวเองได้ และลดการนำเข้าลง นี่คือสิ่งที่แตกต่าง,สำหรับคณะนี้จะเป็นหลักสูตรระดับปริญญาตรี เรียนแบบนานาชาติใช้เวลาเรียน 6 ปี นักเรียนแพทย์เมื่อเข้ามาจะเรียนแพทย์ควบคู่กับวิศวะเพื่อรักษาคน มีการทำวิจัยอย่างเข้มข้น โดยมีอาจารย์ของคณะวิศวกรรมมาสอนพื้นฐาน และแพทย์ต้องเรียนทางด้านเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ โดยมีบุคลากรระดับปริญญาเอกหรือ Professer ที่มีความพร้อมจะถ่ายทอดองค์ความรู้มากกว่า 30 คนเข้ามาสอน,ผมต้องขอบคุณแพทยสภาที่ให้การสนับสนุนมาตลอด ขณะนี้มหาวิทยาลัยอื่นๆ เริ่มเห็นด้วยกับแนวทางนี้แล้ว ว่านี่คือเทรนด์ของแพทย์ยุคใหม่ ไม่เช่นนั้นแพทย์จะถูกทดแทนด้วยหุ่นยนต์ ดังนั้น แพทย์ในปัจจุบันต้องถูกสอนให้ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ได้ และต้องเข้าใจเทคโนโลยี 100% จึงจะสามารถเอาชนะหุ่นยนต์ที่ไม่มีวันเหนื่อยได้ด้วย,สจล.ยังได้ตั้ง สถาบันวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ ที่ชื่อว่า Smart City Innovative Research Academy (SCIRA) ขึ้น เพื่อบูรณาการนวัตกรรมทุกด้าน ทั้งทางด้านคอมพิวเตอร์ คมนาคม และน้ำ ไว้ด้วยกัน ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง โดยขณะนี้เราโฟกัสเรื่องน้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาที่คนกรุงเทพฯคิดว่าไม่สามารถแก้ไขได้,แต่ผมการันตีว่าความสามารถด้านวิศวกรรม สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ในแบบเบ็ดเสร็จ,เทคโนโลยีที่จะนำมาแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ก็คือการสร้าง แก้มลิงใต้ดิน ตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั่นเอง,เพราะโครงสร้างกรุงเทพฯ คือ แอ่งกระทะ ถนนต่ำกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยต่ำกว่าถนน โดยเฉพาะแถวรามคำแหงต่ำกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา 2.50 เมตร เมื่อฝนตกลงมาน้ำระบายไม่ได้ เพราะท่อระบายน้ำอยู่สูงกว่าซอย สูงกว่าถนน และเป็นเช่นนี้เกือบทุกแห่ง ทั้งถนนอโศก สุขุมวิท พระราม 4,ดังนั้นสิ่งที่จะแก้ปัญหาได้ คือการทำแก้มลิงไว้ใต้ดิน,เมื่อฝนตกลงมาซอยในอโศก สุขุมวิท พระราม 4 เราจะทำบ่อพักน้ำเพื่อยิงตรงเข้ามา โดยเราเสนอให้ใช้บึงเก็บน้ำของโรงงานยาสูบเป็นพื้นที่รับน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมขังโซนสุขุมวิท อโศก พระราม 4 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็มีการสร้างแก้มลิงเก็บกักน้ำไว้ใต้ดิน และสามารถเก็บน้ำได้มากถึง 350,000 ลูกบาศก์เมตร,ที่เก็บน้ำของโรงงานยาสูบ ผมกำลังคำนวณพื้นที่อยู่ว่า ถ้าทำแก้มลิงใต้ดินโดยใช้หลักการและเทคโนโลยีเดียวกับการสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ใช้งบลงทุนที่น้อยกว่าหลายเท่า เพราะใช้ประโยชน์แค่เก็บรับน้ำ ไม่ได้ให้เป็นที่ไว้รองรับคนเหมือนสถานีรถไฟฟ้าเพียง 40,000 ลูกบาศก์เมตร ก็สามารถรับมือกับปัญหาได้แล้ว,อีกพื้นที่ที่อยากให้พัฒนาเป็นแก้มลิงใต้ดิน คือ ใต้บริเวณพื้นที่ของสวนจตุจักรเพื่อแก้ไขน้ำท่วมขังในเขตจตุจักร ลาดพร้าว วิภาวดี บางซื่อ พหลโยธิน โดยใช้วิธีเปิดหน้าดินเป็นช่องเล็กๆ แล้วก็ใช้เครื่องไปเจาะคว้านดินด้านใน วิธีการนี้ยังไม่มีปัญหาเรื่องของการเวนคืนที่ดินอีกด้วย,เทียบกับการบริหารจัดการน้ำของ กทม.ในเวลานี้ ซึ่งสำนักการระบายน้ำใช้เงินมากถึงปีละประมาณ 10,000 ล้านบาทแล้ว คุ้มกว่าเยอะ,รูปแบบที่นำเสนอนี้ เป็นการแก้ไขในแบบเบ็ดเสร็จ ภายใต้โครงสร้างที่มีแผ่นคอนกรีตรับแรง ส่วนด้านบนก็ยังเป็นบึง หรือสระเก็บน้ำเหมือนปกติทั่วไป ซึ่งที่ญี่ปุ่นด้านบนเขาทำเป็นสนามกีฬา แต่ที่เราคิดเป็นแบบครบวงจร ซึ่งก็มีในส่วนของตรอกซอยต่างๆที่อาจมีน้ำท่วมให้เห็นเป็นประจำ ก็สามารถทำแบบแก้มลิงใต้ดินได้เช่นกัน,เพราะซอยส่วนใหญ่อยู่ต่ำกว่าท่อระบายน้ำ ก็ทำเป็นแก้มลิงซอยเป็นระบบบ่อแบบปิด ซึ่งถนนในแต่ละซอยตามกฎหมายก็ต้องกำหนดให้มีพื้นที่อย่างน้อย 6 เมตร บวกกับพื้นที่ฟุตปาท คือ กว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร ลึก 8 เมตร ก็สามารถแก้ไขที่น้ำท่วมใน ซอยได้ น้ำไหลจากถนนใหญ่มาก็จะไหลเข้าแก้มลิงในซอยก่อนไม่ได้ไหลไปท่วมซอยทันที,หากเป็นซอยที่ยาวอย่าง โชคชัย 4 ก็อาจสร้างแก้มลิงใต้ดินหลายจุดได้ เพียงปิดถนนฝั่งเดียว และใช้เวลาก่อสร้างไม่นานก็จะเปิดให้รถวิ่งได้เหมือนเดิม,เรายังคิดซับซ้อนกว่านั้น คือช่วงเดือน มี.ค.–ต.ค. น้ำประปาจะมีรสชาติกร่อย เพราะน้ำทะเลหนุนเข้ามามาก ทำให้น้ำประปามีปัญหา เราจะใช้แก้มลิงที่เก็บไว้ใต้ดินมาใช้ทำน้ำประปาด้วยก็ได้ เป็นการทำครั้งเดียวได้ใช้ประโยชน์ถึง 2 ต่อ,สำหรับเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ที่จะมาช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไทยนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากเมื่อ 20 ปี ขณะที่ผมเรียน MIT ผมทำวิจัยเรื่องปัญญาประดิษฐ์เป็นคนแรกของโลกในเรื่องการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน,วันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามาก รู้จักตัวเราเองมากกว่าคนในครอบครัว หรือถึงขั้นรู้จักตัวเราเองมากกว่าตัวเราเองด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีของที่ส่งมา เราคิดว่าเราไม่ชอบ แต่พอส่งมาเราเกิดความรู้สึกชอบและอยากได้ ซึ่งผมเป็นคนที่ไม่เคยคิดว่าจะซื้อของออนไลน์ในประเทศไทยเลย แต่ทุกวันนี้สั่งซื้อเป็นประจำ เพราะปัญญาประดิษฐ์จับทางเราถูกว่าเราชอบอะไร จึงนำเสนอสิ่งเหล่านั้นให้ตลอด,แต่ที่น่ากลัวกว่าคือ คนไทยส่วนใหญ่จะชินกับการเป็นผู้ซื้อมาใช้อย่างเดียว วันนี้การยึดครองประเทศไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธแล้ว แต่เป็นการใช้เทคโนโลยีความทันสมัยเข้ามายึดครองตลาดถึงตัวเลย,ประเทศและคนไทยวันนี้ จะต้องให้ความสำคัญในการสร้างคน และบุคลากรที่มีความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์เข้ามาสู้กับต่างชาติให้ได้ อย่างที่เรามีการผนึกกำลังกับมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะนำมาช่วยเสริมการต่อสู้ได้,ดูตัวอย่างจากประเทศจีนที่มีการทำแบบคู่ขนานก็ได้ เมื่อเขาไม่ให้ Facebook เข้าประเทศ เขาก็พัฒนาแอปพลิเคชันให้เป็น WECHAT ของตัวเอง และพัฒนามาจนทุกวันนี้ คนจีนสามารถใช้จ่ายเงินได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องพกเงินสดติดตัว แต่ของประเทศไทย เรากลับปล่อยไปเลย,สิ่งสำคัญคือ เราจะลุกขึ้นมาสู้หรือไม่ หรือจะปล่อยไหลไปเช่นนี้?,แม้การต่อสู้จะยังไม่รู้ว่าอนาคตจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่ระหว่างทางที่สู้มันจะเกิดการพัฒนาคนไปด้วยกัน และคนพวกนี้จะออกไปพัฒนาความสามารถตนด้านต่างๆ ทั้งในวงการแพทย์ วิศวกร การศึกษา พลังงาน เป็นต้น,เหมือนตอนอเมริกาบอกจะไปเหยียบดวงจันทร์ ผลปรากฏระหว่างทางที่คิดค้นจะไปดวงจันทร์ ก็ได้ระบบเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยและดีที่สุด มาได้เสื้อที่ทนไฟใช้ในวงการแข่งขันรถยนต์ ได้อาหารที่มีขนาดเล็ก แต่ให้แคลอรีสูงเพื่อนำไปช่วยคนป่วยโรคเบาหวาน หรือลดความอ้วนได้,แม้ในประเทศไทยจะยังไม่เกิด แต่ก็ยังไม่สายที่จะรีบลงมือทำ แต่จะให้มหาวิทยาลัยทำอย่างเดียว คงไม่สำเร็จ เพราะเรามีภารกิจมากมาย ทั้งต้องสอนบ่มเพาะคนให้ออกมาเป็นคนที่ดีและมีความรู้ ก็เหนื่อยแล้ว โดย เฉพาะอาจารย์ในประเทศไทย มีการสอนมากกว่าอาจารย์ในต่างประเทศหลายเท่า,เช่นเดียวกัน หากจะคิดทำงานวิจัยแข่งกับ Google Line Facebook ก็ควรเปิดให้มีการวิจัยที่มีศักยภาพจริงๆ เพราะต้องใช้การสนับสนุนที่มากมาย ทั้งงบประมาณ ที่สำคัญต้องมีพี่เลี้ยงที่ชำนาญด้วยจะยิ่งเป็นผลดี,จึงเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง อาจจะต้องหาคนรับผิดชอบเหมือนเป็น Project Manager เพื่อคอยควบคุมดูแล,ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เขียน จดหมายเปิดผนึกไปถึง แฟรงคลิน ดีรูสเวลต์ ประธานาธิบดี คนที่ 32 ของอเมริกา ว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จะทำ ระเบิดขีปนาวุธที่มีกำลังทำลายล้างสูง หากสำเร็จเมื่อไร สัมพันธมิตรจะแพ้สงครามทันที,รัฐบาลอเมริกาตัดสินใจตั้งทีมเฉพาะกิจเรื่องนี้ขึ้นมาทันที โดยมีนักวิทยาศาสตร์อายุเพียง 38 ปี ชื่อ ดร.เจ.โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ และรวบรวมนักวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ 6,000 คน กับคนงานอีก 130,000 คน มาช่วยกันทำโครงการแมนฮัตตัน เพื่อสร้างระเบิดปรมาณูจนสำเร็จภายใน 3 ปี โดยไม่เคยทำมาก่อน,ผมอยู่ในแวดวงการศึกษา รับรู้ดีว่ามีอาจารย์หลายท่านอึดอัด และอยากจะทำให้ประเทศมีศักยภาพในการแข่งขันได้ เพราะเชื่อว่าคนไทยเก่งและมีความสามารถ ทั้งยังมีพลังที่จะทำได้ไม่แพ้ ใครในโลก แต่ไม่ค่อยชอบออกมาสู้ด้วยกัน สิ่งสำคัญอยู่ที่การจัดการ และความมุ่งมั่นมากกว่า และผมก็พยายามเสนอให้ภาครัฐรับรู้อยู่ตลอดเวลา,ในการวิจัยที่จะทำให้ปัญญาประดิษฐ์มีประสิทธิภาพ อาจ ต้องใช้เงินลงทุนที่สูง โดยเฉพาะกับคน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้น คุ้มค่า โดยเฉพาะการได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลในทุกด้าน ตั้งแต่การจับจ่ายใช้สอย จนถึงความสามารถในการซื้อ รายได้ อายุ การศึกษา เป็นต้น,ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์สามารถคาดเดาความน่าจะเป็นได้เอง เพราะมันสามารถหาข้อมูลจากทั่วทุกมุมโลกมาปะติดปะต่อกันได้ มันรู้พฤติกรรมการใช้เงินของเรา รู้จักการเดินทางไปไหนต่อไหนของเรา ก็ปะติดปะต่อได้หมด แต่จะต้องใช้คนมาช่วยวิเคราะห์เรื่องราวสอนให้,สิ่งเหล่านี้อาจแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนที่ถูกมองข้าม หรือถูกละเลยได้ เพราะรัฐจะเลือกข้อมูลที่เป็นความต้องการเฉพาะให้เด็กแต่ละคนได้ และเข้าถึงพื้นที่ต่างๆที่เด็กเหล่านั้น,อยู่ได้,สิ่งนี้เท่ากับช่วยพัฒนาเด็กไทยมากกว่า 10 ล้านคน ไม่ให้ ถูกทอดทิ้ง หรือละเลยได้,ถ้ารัฐบาลพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ขึ้น ประเทศไทยเราจะไม่มีเด็กสักคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง.,ทีมเศรษฐกิจ
ในหมู่คนเจน Y ที่คาดหวังกันว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ของประเทศที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงบริบททางสังคมที่ดูจะล้าหลังในสายตาของพวกเขาให้ก้าวไปสู่สังคมของโลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมขั้นสูง
ข่าว,เศรษฐกิจ
เทคโนโลยี,นวัตกรรม,ปัญญาประดิษฐ์,สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์,สกู๊ปเศรษฐกิจ,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/business/1298201
เช็คสเปียร์ สุดผิดหวัง จิ้งจอกสยาม โดนไก่บุกถล่มคาบ้าน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วันที่ 19 พ.ค. ว่า เคร็ก เช็คสเปียร์ ผู้จัดการทีม จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับ รู้สึกผิดหวังที่ทีมของเขาเปิดสนามคิงเพาเวอร์ สเตเดียม แพ้ให้กับ ไก่เดือยทอง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ไป 1-6 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา,เกมนี้  สเปอร์ส ได้ประตูจาก แฮร์รี เคน เหมาคนเดียว 4 ประตู ในนาทีที่ 25,63,88 และ 90+2  ส่วนอีก 2 ประตูได้จาก ซอน เฮือง มิน นาทีที่ 36,71 ขณะที่เลสเตอร์ ได้ประตูเดียวจาก เบน ชิลเวลล์ นาทีที่ 59,พวกเขาเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม ในครึ่งหลังการโดนประตูที่ 3 เป็นเรื่องน่าผิดหวังสำหรับผม ผมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่น แต่ผมมองไม่เห็นเลยว่าเราจะกลับมาเล่นในแบบที่เราเคยเล่นได้ ผมคิดว่าช่วง 10-15 แรกของครึ่งหลัง เราทำได้ดีจริงๆ เราทำให้พวกเขาเจอปัญหา สิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับผมก็คือตอนที่เราโดนลูกที่ 3 ผมไม่เห็นว่าทีมของเรานั้นตั้งรับได้ดีพอ จากนั้นเกมมันก็ดูเหมือนว่าจะตกไปอยู่กับฝ่ายเดียว และพวกเขาก็ดูเหมือนจะได้ประตูทุกครั้งที่เปิดเกมรุกเข้ามา มันเป็นผลการแข่งขันที่ยากจะยอมรับ แต่เราต้องกลับมาให้ได้ ในวงการฟุตบอลเมื่อคุณเจออุปสรรคเหล่านี้คุณต้องฮึดขึ้นมา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมวันพรุ่งนี้ผมจะบอกกับนักเตะว่า เราจะไม่จบในอันดับที่ต่ำว่านี้ เช็คสเปียร์ กล่าว
เคร็ก เช็คสเปียร์ กุนซือของเลสเตอร์ ซิตี้ ระบุ รู้สึกผิดหวังที่ทีมของเขาเปิดบ้านพ่ายให้กับ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ไป 1-6 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา
กีฬา,ฟุตบอลยุโรป
เคร็ก เช็คสเปียร์,เลสเตอร์ ซิตี้,ทอตแนม ฮอตสเปอร์,พรีเมียร์ลีก
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/945812
ซาลาห์ซัดปิด หงส์แดง ตะแคงฟ้า ไล่โขยก แฮร์ธา 3-0
วันที่ 30 ก.ค.60 มีการแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่อง คู่ที่น่าสนใจเป็นการเจอกันระหว่าง แฮร์ธา เบอร์ลิน เปิดสนาม โอลิมเพียชตาดิโอน ต้อนรับการมาเยือนของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล,เปิดฉากเริ่มเกม ทั้ง แฮร์ธา เบอร์ลิน และ ลิเวอร์พูล มีจังหวะทำเกมรุกสลับเข้าใส่กันเป็นระลอก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต่างฝ่ายต่างยังไม่มีโอกาสจะแจ้งที่ใกล้เคียงไปสู่ประตูขึ้นนำ,กระทั่งนาทีที่ 15 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหกวะที่ อดัม ลัลานา ตักบอลนิ่มๆ ไปให้กับ โดมินิก โชลังเก โขกเล่นทางบอลเสียบเสาขวามือเข้าไปอย่างหมดจด,เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 38 ลิเวอร์พูล ได้ประตูหนีห่างไปเป็น 2-0 คราวนี้เป็น ซาดิโอ มาเน จ่ายให้จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม พังประตูได้สำเร็จ หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้ จบครึ่งแรก แฮร์ธา เบอร์ลิน ตามหลัง หงส์แดง ลิเวอร์พูล 0-2,เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 61 ลิเวอร์พูล นำห่างไปเป็น 3-0 เมื่อ ฟิลิปเป คูตินโญ ตักบอลสวยๆ บริเวณกลางสนามไปให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กระทุ้งเข้าไปอีกดอก,ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้ จบเกม หงส์แดง ลิเวอร์พูล เอาชนะ แฮร์ธา เบอร์ลิน 3-0,ผลการแข่งขันคู่อื่นที่น่าสนใจ,อาร์เซนอล ชนะ เบนฟิก้า 5-2 (เอมิเรตส์ คัพ 2017)
ลิเวอร์พูล ยอดทีมจากเมืองผู้ดี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม หลังบุกไปเอาชนะ แฮรืธา เบอร์ลิน ถึงถิ่น 3-0 ในเกมอุ่นเครื่องนัดพิเศษที่สนาม โอลิมเพียชตาดิโอน
กีฬา,ฟุตบอลยุโรป
ผลบอล,อุ่นเครื่อง,ลิเวอร์พูล,แฮร์ธา เบอร์ลิน
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/1020150
พระเอกตาเล็ก หลงเมียรัก น้องไม้ยมก โงหัวไม่ขึ้น เปย์หนัก ไม่ยอมเรียน
ทำเอาแฟนคลับที่มีส่วนช่วยผลักดันให้มาอยู่ตรงจุดนี้ได้ ถึงกับส่ายหัวไปกับพฤติกรรมติดแฟนของพระเอกตาเล็ก หนุ่มหล่อจากเวทีประกวดร้องเพลงชื่อดังระดับประเทศ จะไม่ไห้แฟนคลับเริ่มเอือม และเริ่มยี้ได้อย่างไร ก็พ่อหนุ่มขวัญใจเล่นเปิดตัวสาวคนใหม่ น้องไม้ยมก แบบโจ่งแจ้ง โชว์สวีตหวานไม่ถนอมความรู้สึกกันแบบนี้,หนำซ้ำที่พระเอกตาเล็ก ยังเรียนไม่จบซะที ไม่ใช่ว่าทำงานหนักจนไม่มีเวลาไปเรียนนะจ๊ะ แต่เป็นเพราะว่า HE ติดแฟนสาวร่วมค่ายมาก แค่ น้องไม้ยมก ยกหูโทรตามตัวปุ๊บ พ่อพระเอกก็ต้องรีบบึ่งไปหา ไปเฝ้าแฟนสาวปั๊บ ทำตัวติดกันยิ่งกว่าตังเม ส่วน น้องไม้ยมก น่ะเหรอ เรียนจบรับปริญญาไปเรียบร้อยแล้วจ้า แต่พระเอกตาเล็กก็ยังอยู่ที่เดิม ยิ่งทำให้แม่ๆ สายเปย์ยิ่งไม่พอใจ รักกันทำไมไม่สนับสนุนส่งเสริมกันให้ทำแต่เรื่องๆ ดี,ยิ่งถ้าพูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ของพระเอกด้วยแล้ว หามาได้จากการทำงานที่ไม่ค่อยจะมีได้เท่าไร ก็ยังเอามาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ซื้อของไร้สาระมาประดับบารมีของตัวเอง ไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบเอาไว้ใช้ในยามที่ไม่มีงาน,เพราะทำตัวติดแฟน ไม่สนใจการเรียนอย่างนี้ บรรดาแฟนคลับแม่ๆ สายเปย์ก็เริ่มถอยห่าง เสียอกเสียใจที่พระเอกตาเล็กที่พวกตนรักนักหนา เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ไม่น่ารักเหมือนสมัยที่คบกับแฟนเก่า,หากยังรักกันแบบไม่มีสติ พากันทำในสิ่งที่ไม่สมควร ไม่ผลักดัน และส่งเสริมกันอย่างนี้ คาดว่าอีกไม่นานเส้นทางในวงการบันเทิงของพระเอกตาเล็กคงดับวูบไป ส่วนแฟนสาว น้องไม้ยมกนั้นคงไม่ต้องพูดถึง เพราะทุกวันนี้ก็แทบไม่มีงาน ไม่มีคนรู้จักอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เป็นแฟนของพระเอกคนนี้.
พระเอกตาเล็ก จากเวทีประกวดชื่อดัง ติดแฟนหนัก ไม่ยอมไปเรียนให้จบ
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
อักษรย่อ,พระเอกติดแฟน,พระเอกตาเล็ก,น้องไม้ยมก,กอสซิป
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1027366
ต้องแกร่งแค่ไหน เจ้าสาว ขอเปลี่ยนจากงานแต่งเป็นงานฉลอง แม่เลี้ยงเดี่ยว (คลิป)
เฟซบุ๊ก, Raiwin Wutthiitsarawat , ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า กำลังจะไปร้องเพลงงานแต่งเย็นนี้ และนี่คือสารล่าสุดจากเจ้าสาว ไอ้น้อง โคตรเท่ จัดไป ลิสเพลงรักฉีกทิ้งให้หมด ดิวงานไว้ถึงเที่ยงคืนแต่จะอยู่เป็นเพื่อนยันฟ้าส่าง,โดยข้อความของโพสต์ของเจ้าสาว ระบุว่า ,ขอโทษทุกคนด้วย ที่เหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นแต่ก็น่าเกิดขึ้น งานแต่งวันนี้ และพรุ่งนี้เราขออนุญาตยกเลิกทั้งหมด และขออภัยแขกทุกคนที่เดินทางมางาน และขอบคุณมากๆ จริงๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่มางานเราที่ร้านยังมีงานเหมือนเดิม เพราะทุกอย่างเดินหน้ามาแล้ว ยกเลิกไม่ได้ งั้นก็ไปต่อ แค่เปลี่ยนจากงานแต่งเป็น งาน Single Mom Party เพื่อนทั้งหลาย เรายังไปต่อ ใครไม่สะดวกมา ก็ต้องมาแล้วก็ได้นะคะ เพราะมันเกิดขึ้นแบบคาดไม่ถึงเหมือนกัน สิ่งที่ทำได้ คือ ยิ้มรับอย่างเดียว,ขณะเดียวกันเจ้าของเฟซบุ๊ก ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า งานแต่งที่จะมี ยกเลิกหมด เมื่อคืนกลายเป็นปาร์ตี้ Single mom ส่วนงานเช้าที่จะจัดในโรงแรมวันนี้ (16 มี.ค.) น้องเค้าก็เอาอาหารไปบริจาคค่ะ นอกจากนี้ เจ้าของเฟซบุ๊ก ยังได้โพสต์คลิปวิดีโอในงานเลี้ยง และผู้หญิงในคลิป คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าสาว,(คลิป คลิก,ที่นี่,),ทั้งนี้มี ชาวโซเชียลได้แสดงความคิดเห็น พร้อมส่งกำลังใจผ่านเฟซบุ๊กไปยังสาวคนดังกล่าว เช่น,หญิงปอย ศรี, : ชีวิตซิงเกิลมอมดีกว่ามีผู้ชายห่วยๆ อยู่ในชีวิต ยี่สิบเท่าค่ะ ผ่านช่วงนี้ไปได้ ชีวิตจะสดใสมาก สู้ๆ ฝากเปน 1 กำลังใจค่ะ,Titikun Junrattanamanee, : เป็นกำลังใจให้ค่ะ รักตัวเองและลูกให้มากๆ เก็บมันเป็นประสบการณ์แล้วก้าวเดินต่อไป สู้ๆ ค่ะ,Jarmmy Wongsa, : สุด ครับเชื่อว่าต่อจากนี้ไปไม่ว่าอะไรที่มันเข้ามาในชีวิตคุณถึงมันจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน มันจะกลายเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับคุณเลยครับ สู้ๆ นะครับ,Wiphusit Srisopa, : กอดครับ แล้วเป็นกำลังใจให้ ถ้ามีแล้วมันไม่ดี สู้ไม่มีซะดีกว่า,Sitthiporn Aekies, : ฝากบอกเจ้าสาวด้วยน่ะ อีน้อง เอ็งสุดยอดมาก ดูแลลูกให้ดี ขอเป็นกำลังใจให้ สู้เว้ย อีน้อง,Rattiya PT Mooa, : อ่านแล้วรู้สึกได้ว่า วันนี้อาจเป็นวันที่เลวร้าย ยากที่จะผ่านไป แต่เชื่อว่า วันต่อๆ ไป จะเป็นวันที่ดีมากๆ สำหรับ single mom คนนี้ค่ะ สู้ๆ นะคะ,Wanwisa Jiamwijit, : ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจเล็กๆ นะคะ กราบหัวใจเจ้าของงานมาก และยินดีกับชีวิตใหม่ที่กำลังจะดีกว่าเดิมจากหัวใจที่เข้มแข็งของเจ้าของงานค่ะ สู้ๆ นะคะ,Sarita Chinda-in, : เป็นกำลังใจให้คุณแม่ single mom มือใหม่นะคะ แรกๆ อาจทุลักทุเลนิดนึง แต่เชื่อเถอะค่ะเมื่อตัวน้อยของคุณแม่ออกมา ความสุขรอและความรักแบบไม่มีเงื่อนไขใดกำลังรออยู่ข้างหน้า เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นนะคะ สู้ๆ ค่า กอดๆ น้า,(ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Raiwin Wutthiitsarawat)
ซ่อนน้ำตาไว้ในรอยยิ้ม เจ้าสาว ขอเปลี่ยนจากงานแต่งเป็นงานฉลอง แม่เลี้ยงเดี่ยว ระบุ เรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่เคยคาดคิด ทำได้อย่างเดียวคือยิ้มรับไว้
ข่าว,สังคม
ยกเลิกงานแต่งงาน,เจ้าบ่าวเทงานแต่ง,ข่าวโซเชียล,Single Mom,เจ้าบ่าวเบี้ยวงานแต่ง,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/society/1521318
แพทริเซีย เลือกงาน เบรกเรียนโทพร้อม พีช
เผยหวานใจไม่งอแง เชื่อไร้ปัญหาระยะห่าง,หลังนางเอกดัง แพทริเซีย กู๊ด เรียนจบปริญญาตรี ก็ออกมาเผยว่ามีแพลนจะควงหวานใจ พีช-พชร จิราธิวัฒน์ ไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษด้วยกัน ล่าสุดเจอ แพทริเซีย มาร่วมงานเปิดบูติกแห่งใหม่ NARS 979 Boutique Siam Center ที่ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ เลยถามถึง,แพลนเรียนต่อปริญญาโทว่าไปถึงไหนแล้ว?,ตอนนี้ล่มแล้วค่ะ จริงๆแล้วมีงานคุยยาวถึงปลายปี คือถ้าจะไปเรียนต่อก็ต้องไปช่วงเดือน ก.ย. ซึ่งไม่น่าจะทันค่ะ คือพอมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เราก็ไม่อยากเสียดายโอกาส ณ ตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ทำงาน 7 วัน เราก็รู้สึกว่าอยากทำงานจริงๆ อีกอย่างช่วงเดือน ต.ค. ก็มีงานด้วย ซึ่งหนูมองว่ายากที่จะไปเรียนแล้วบินกลับมา,โปรเจกต์เรียนต่อปริญญาโทคิดว่าอีกนานมั้ย?,จริงๆไม่อยากให้ห่างมาก เพราะตอนนี้เรายังอยู่ในวัยที่กระตือรือร้นอยากเรียนอยู่ เดี๋ยวดูอีกทีปีหน้า เพราะเค้าเริ่มเรียนกันจริงๆปีหน้าค่ะ,แพลนของ พีช-พชร ยังไปเรียนต่อต่างประเทศเหมือนเดิมมั้ย?,เท่าที่คุยล่าสุดเหมือนพี่พีชก็จะยังไปอยู่นะคะ ยังเรียนและพร้อมสอบอยู่ ไม่ได้รอเรานะคะ เค้าก็เรียนของเค้าทุกอาทิตย์ ถ้าเค้าตั้งใจทำอะไร เค้าทำจริงค่ะ,ชีวิตเราเปลี่ยนเลยมั้ย?,เราก็ต้องสามารถปรับเปลี่ยนได้อยู่แล้ว เราไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น (ยิ้ม),กลัวว่าจะพักยาวเลยมั้ย?,ใช่ ก็พยายามบอกตัวเองให้ไม่ให้เกินปีหน้า,ขอเก็บเงินก่อน?,อยากทำงาน กำลังสนุกกับงานตรงนี้ค่ะ,หรือเราจะเรียนต่อปริญญาโทที่ไทยไปก่อนมั้ย?,ใช่ หนูก็ดูมหาวิทยาลัย คอร์สเรียนปริญญาโทที่เมืองไทยไว้อยู่ อาจ จะเป็นไป ได้ ถ้าปีหน้าไม่ไปอังกฤษ อาจอยู่ที่ไทย,ต้องวางแผนการทำงานใหม่มั้ย?,คือดูงานแล้วก็พยายาม เอาการเรียนให้เวิร์กกับงานได้ แต่ก็มีความฝันที่อยากจะไปเรียนปริญญาโทอยู่ แต่อาจจะศึกษาก่อนว่าเรียนที่ไหน เหมาะกับเรามากที่สุด,บอกพีชรึยังเค้าว่ายังไงบ้าง?,บอกเค้าแล้วค่ะว่าเราไม่น่าจะไปได้นะ เพราะหนูแอบรู้สึกว่าถ้าไปแล้วต้องบินกลับมาทำงานบ่อยๆ คงเปลืองค่าตั๋วมาก คิดว่ารอก่อน ดีกว่าค่ะ ซึ่งเค้าก็เข้าใจว่าเราให้ความสำคัญกับงานตอนนี้มาก แล้วเค้าก็สนับสนุน คือก็ไม่ได้ถึงกับงอแง เค้าเข้าใจหนูมากๆ,กลัวมีปัญหาเรื่องระยะห่างมั้ย?,หนูยังไม่คิดถึงตรงนั้นเลยค่ะ รอให้เค้าไปก่อนค่อยว่ากัน.
หลังนางเอกดัง แพทริเซีย กู๊ด เรียนจบปริญญาตรี ก็ออกมาเผยว่ามีแพลนจะควงหวานใจ พีช-พชร จิราธิวัฒน์ ไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษด้วยกัน
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
แพทริเซีย กู๊ด,พีช พชร จิราธิวัฒน์,เรียนปริญญาโท,เรียนต่ออังกฤษ,ระยะห่าง,ทำงาน,พักยาว,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1515870
ไทยแชมป์ส่งออกขนมขบเคี้ยว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกขนมขบเคี้ยวจากแป้งข้าว เช่น ขนมปังกรอบ และบิสกิต อันดับ 1 ของโลก ส่วนอันดับ 2 และ 3 คือ เยอรมนี และสวีเดน เนื่องจากผู้บริโภคหันมาสนใจสินค้าที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติมากขึ้น และหลายๆประเทศ โดยเฉพาะประเทศคู่ความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ของไทยลด และเลิกภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากไทย จึงทำให้นำเข้าเพิ่มขึ้น ซึ่งสร้างรายได้เข้าประเทศปีละจำนวนมาก ที่สำคัญ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพราะสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าเกษตรแปรรูปสำคัญของไทย ที่นำข้าวมาพัฒนาต่อยอดและสอดแทรกนวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และสร้างรายได้ให้เกษตรกร4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) ไทยส่งออกสินค้าขนมขบเคี้ยวจากแป้งข้าว 13000 ตัน มูลค่า 41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 9% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนในปี 2562 ส่งออกได้รวม 42000 ตัน มูลค่า 129 ล้านเหรียญฯ โดยมีประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ด้วยเป็นตลาดส่งออกสำคัญ โดยเฉพาะอาเซียน มีมูลค่าส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ 13 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 8% มีฟิลิปปินส์ และลาว เป็นตลาดส่งออกหลัก รองลงมาคือ ออสเตรเลีย มูลค่า 4 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 24% ญี่ปุ่น 3 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 29%ทั้งนี้ นับตั้งแต่เอฟทีเอแต่ละฉบับมีผลใช้บังคับเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกขนมขบเคี้ยวจากแป้งข้าวไปยังประเทศคู่เอฟทีเอเพิ่มขึ้นมาก เช่น ส่งออกไปอาเซียน เพิ่มขึ้น 2727% จีน เพิ่ม 1633% ออสเตรเลีย เพิ่ม 124% โดยเอฟทีเอส่งผลให้สินค้าขนมขบเคี้ยวจากแป้งข้าวของไทยมีแต้มต่อด้านราคา เพราะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ซึ่งคู่เอฟทีเอของไทย 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ฮ่องกง ชิลี และเปรู ไม่เก็บภาษีนำเข้าจากไทยแล้ว เหลือเพียงที่คงภาษีนำเข้า 0.6% แต่จะเหลือ 0% ในเดือน พ.ค.2565 ซึ่งขนมขบเคี้ยวจากแป้งข้าวของไทยเป็นที่ยอมรับจากตลาดต่างประเทศ ทั้งในด้านคุณภาพและรสชาติ ผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับคุณภาพมาตรฐานด้านสุขอนามัย รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ทั้งรสชาติและบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม แข็งแรง พกพาสะดวก.
ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกขนมขบเคี้ยวจากแป้งข้าว เช่น ขนมปังกรอบ และบิสกิต อันดับ 1 ของโลก ส่วนอันดับ 2 และ 3 คือ เยอรมนี และสวีเดน
ข่าว,เศรษฐกิจ
ขนมขบเคี้ยว,ส่งออกขนมขบเคี้ยว,ความตกลงการค้าเสรี,ส่งออกขนม,เอฟทีเอ,สินค้าเกษตรแปรรูป,ข่าววันนี้
https://www.thairath.co.th/news/business/1865896
เลือกตั้ง 2562 : ปปง.ตั้งศูนย์ปฏิบัติงานการเลือกตั้ง ป้องกันซื้อเสียง
วันนี้ (20 มี.ค.62) พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้วันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค.62 เป็นวันเลือกตั้ง ส.ส. และรัฐบาลได้ประกาศให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ตามภูมิลำเนาของตน พร้อมทั้งกำหนดให้การซื้อสิทธิขายเสียงและการทุจริตในการเลือกตั้งเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติที่ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดทั้งนี้ ปปง.ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อดำเนินการประสานและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ซึ่งตามมาตรา 73 วรรคหนึ่งและวรรคสาม บัญญัติให้เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินศูนย์ดังกล่าว มีหน้าที่เป็นศูนย์กลางประสานรับ-ส่ง เรื่องจาก กกต.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง การรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์เกี่ยวกับพฤติกรรม การกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. และรวบรวมข้อมูลหรือหลักฐานเพื่อขยายผลในการดำเนินการตามกฎหมาย และรับหรือส่งรายงานหรือข้อมูลเกี่ยวกับคดีเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องพล.ต.ต.ปรีชา กล่าวว่า ตามมาตรา 73 พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.2561 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(1) จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด(2) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใดปปง.จึงขอแจ้งให้ผู้ที่ลงสมัคร ส.ส.ระมัดระวังการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองหรือการหาเสียงทุกรูปแบบ ในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากจะเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งอาจถูกยึดและอายัดทรัพย์ได้นอกจากนี้หากบุคคลใดมีพฤติการณ์ในการโอนหรือรับโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดก็อาจต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20000 - 200000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับทั้งนี้ นอกจากจะถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินแล้ว ผู้กระทำความผิด ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ หรือนอมินี ที่รับโอนทรัพย์สินจากผู้กระทำความผิดทุกคนก็ยังอาจต้องถูกลงโทษจำคุกในความผิดฐานฟอกเงินด้วย
ปปง.ตั้งศูนย์ปฏิบัติงานการเลือกตั้ง ส.ส.เพื่อรับเรื่องการกระทำผิดกฎหมายเรื่องตั้ง จาก กกต.ในการดำเนินคดีผู้กระทำผิด เตือนผู้สมัคร ส.ส.กระทำผิดอาจถูกอายัด-ยึดทรัพย์สิน
การเมือง
เลือกตั้ง2562,ปปง.,ฟอกเงิน,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส
https://news.thaipbs.or.th/content/278536
สาง-ปัญหากัญชา ชนวน สิทธิบัตร
รมว.พาณิชย์ยันมี ทางออก แล้ว สรุปสัปดาห์หน้า,รมว.พาณิชย์ โดดแก้ปัญหาจดสิทธิบัตร สารสกัดจากกัญชา ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการรับคำขออย่างละเอียด เหตุเป็นเรื่องเก่าที่ค้างมาไม่ต่ำกว่า 8 ปี พร้อมมอบฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเชิงลึก หามาตรการดำเนินการต่อที่ต้องถูกกฎหมายและเกิดประโยชน์สูงสุด ขีดเส้นได้ข้อสรุปสัปดาห์หน้า แต่ยังไม่เคาะยกเลิกคำขอหรือไม่ หลังมีคนอื่นขอแล้วนักวิจัยไทยสามารถยื่นจดได้ด้วย หากเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่ไม่ซ้ำกับสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับสิทธิบัตรไปแล้ว แต่ย้ำแม้ได้สิทธิบัตร ก็ใช้หรือขายไม่ได้ในไทย เพราะกัญชายังไม่ถูกปลดล็อกให้ถูกกฎหมาย ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข แจงนักวิจัยเดินหน้าศึกษากัญชาต่อได้ องค์การเภสัชกรรมไม่ฟ้องกรมทรัพย์สินทางปัญญา ชี้ไม่ใช่ทางออก หันหน้าหารือกันดีกว่า,การยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรสารสกัดจาก ,กัญชา,ของบริษัทต่างชาติ ที่กลายเป็นปัญหาระดับชาตินั้น เมื่อวันที่ 15 พ.ย. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ได้สั่งการให้นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการรับคำขอจดสิทธิบัตร สารสกัดจากกัญชา ของกรมทรัพย์สินทางปัญญาอย่าง ละเอียด เพราะเป็นการยื่นคำขอมาหลายปีแล้ว หรือไม่ต่ำกว่า 8 ปี ได้ขอให้ฝ่ายกฎหมายเข้ามาดูเชิงลึกถึงวิธีการพิจารณาคำขอตามที่มีผู้ให้ข้อคิดเห็นเข้ามา ดูต่อว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยใช้ขั้นตอนตามกฎหมายให้เกิดประโยชน์สูงสุด กำหนดให้สรุปผลภายในสัปดาห์หน้าและกระทรวงจะชี้แจงราย ละเอียดเกี่ยวกับการจดสิทธิบัตรต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 20 พ.ย.,เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนสนใจ ผมไม่ได้ปล่อย ผมทำมาตั้งแต่เกิดเรื่อง ตรวจสอบเป็นการภายในมา 2-3 วันแล้ว เพราะถือเป็นความรับผิดชอบในการ บริหาร ตอนนี้พอจะเห็นแนวทางแก้ไขปัญหาแล้ว แต่อยากให้ชัดเจนในเรื่องข้อกฎหมาย จึงได้ตั้งคณะกรรมการและให้ฝ่ายกฎหมายเข้ามาดูอีกครั้ง ผมขีดเส้นให้ได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า บอกได้ว่ามีข่าวดีแน่ แต่เร็วไปที่จะตอบว่าจะยกเลิกคำขอได้เลยหรือไม่ ขอให้ชัดเจนก่อน นายสนธิรัตน์กล่าว,รมว.พาณิชย์กล่าวด้วยว่า กรณีของเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นผู้รับคำขอจดสิทธิบัตร หากพบว่ามีความบกพร่อง หรือมีความผิด ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ต้องพิจารณาถึงสาเหตุและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ รวมถึงประเด็นทางกฎหมายประกอบด้วย เพราะในความเป็นจริง เจ้าหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตร เมื่อมีผู้มายื่นต้องรับไว้ก่อน จากนั้นจะมีผู้ตรวจสอบมาตรวจสอบคำขอซ้ำอีกครั้ง ขั้นตอนนี้จึงจะรู้ว่าเป็นการยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์อะไร,นายสนธิรัตน์กล่าวอีกว่า คำขอสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับสารสกัดจากกัญชาดังกล่าว ต้องแยกระหว่างคำขอจดสิทธิบัตรกัญชาที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ และคำขอจดสิทธิบัตรที่ใช้สารสกัดจากกัญชาเป็นส่วนประกอบ สารสกัดจากกัญชาจดสิทธิบัตรเพื่อขอรับความคุ้มครองในไทยไม่ได้แน่นอน เพราะตามกฎหมายสิทธิบัตรของไทย มาตรา 9 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า จุลชีพ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดจากพืชและสัตว์ ไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ แต่หากเป็นคำขอที่ใช้สารสกัดจากกัญชาเป็นส่วนประกอบในการผลิตเป็นสิ่งอื่นๆ เช่น ยารักษาโรค เป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ สามารถยื่นจดได้ และแม้จะได้สิทธิบัตรคุ้มครอง แต่นำมาใช้ในไทยไม่ได้ เพราะกฎหมายไทยยังไม่ปลดล็อกให้ใช้กัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 อยู่,การรับจดสิทธิบัตรกรณีใช้สารสกัดจากกัญชา มาเป็นส่วนประกอบจนกลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ สามารถทำได้ เพราะเป็นหลักสากล ใครเข้ามายื่นจดก็ต้องรับคำขอไว้พิจารณา หากได้รับการจดสิทธิบัตร ไม่ได้หมายความว่า คนอื่นจะเอาสารสกัดจากกัญชาไปใช้ไม่ได้ นักวิจัยไทยสามารถนำไปใช้วิจัย นำไปคิดค้นได้ หากได้สูตรใหม่หรือได้สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ก็นำมายื่นจดสิทธิบัตรได้ แต่ไม่ใช่ไปเอาสูตรเดิมที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วมายื่นจด แบบนี้ไม่ได้ เพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิบัตรของผู้ที่ได้รับจดไปแล้ว หากไทยปลดล็อกให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายแล้ว รัฐบาล รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ จะส่งเสริมให้นักวิจัย นักประดิษฐ์ไทย ที่คิดค้นสูตรยา หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆจากกัญชา ให้นำมาจดทะเบียนสิทธิบัตรเพื่อขอรับความคุ้มครองได้ เชื่อว่ากัญชาจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยได้ รมว.พาณิชย์กล่าว,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาของกรมทรัพย์สินทางปัญญา คือ การมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอในการพิจารณา คำขอรับจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะสิทธิบัตร และไม่มีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละเรื่อง เช่น ไม่มี นักวิทยาศาสตร์ เภสัชกร นักเคมี ที่จะพิจารณาตรวจสอบคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตร จึงเกิดปัญหาคำขอสิทธิบัตรคั่งค้างจำนวนมาก เมื่อมีผู้ยื่นคำขอ เจ้าหน้าที่อาจรับคำขอไว้ก่อน หากเป็นคำขอที่ถูกต้อง เอกสารครบถ้วน จากนั้นจึงจะส่งคำขอนั้นไปให้ผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรพิจารณาต่อ กรณีของสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา เจ้าหน้าที่ก็รับคำขอเอาไว้ และคำขอนั้นยังไม่ได้รับการตรวจสอบจนถึงปี 59 เพราะขาดแคลนผู้ตรวจสอบสิทธิบัตร แต่รัฐบาลชุดนี้ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหา โดยเพิ่มข้าราชการในตำแหน่งผู้ตรวจสอบสิทธิบัตร ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ จึงทำให้คำขอที่ยื่นไว้ตั้งแต่อดีตได้รับการพิจารณา และได้รับการประกาศ โฆษณา จนเป็นที่มาของการโต้เถียงในเรื่องการจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา,สำหรับการยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรสารสกัดกัญชาดังกล่าว มีผู้ยื่นคำขอทั้งสิ้น 11 คำขอยื่นมาตั้งแต่ปี 45-55 โดยมีผู้ประกอบการที่ยื่นคำขอหลักๆ 4-5 ราย บางรายยื่น 6 คำขอ บางรายยื่น 2-3 คำขอ และล่าสุด ได้ละทิ้งคำขอ 2 คำขอ อยู่ระหว่างการตรวจสอบการประดิษฐ์ 5 คำขอ และประกาศโฆษณารอให้ผู้ขอยื่นตรวจสอบ 4 คำขอ,วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ที่จะออกมา ต้องเรียกว่าเป็นการคลายล็อกกัญชา เพื่อให้วิจัยและผลิตเป็นยารักษาโรคได้ ดังนั้น กฎหมายจะอนุญาตให้นำกัญชามาใช้เฉพาะประโยชน์ทางการแพทย์ ได้เสนอไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยขอเวลา 5 ปีในการวิจัยพัฒนากัญชาทางการแพทย์ ต้องกระทำโดยหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่ร่วมกับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น ระยะเวลาดังกล่าวเราสามารถพัฒนาสายพันธุ์ สารสกัดออกมาเป็นยาได้ หากต่างชาติจะเข้ามาจะสามารถผลิตได้ในคุณภาพที่เท่ากัน แต่มีราคาที่ถูกกว่า จะทำให้เกิดประโยชน์ทั้งผู้ป่วยและเศรษฐกิจของประเทศ กรณีที่มีการเรียกร้องให้องค์การเภสัชกรรมฟ้องดำเนินคดี กรมทรัพย์สินทางปัญญา ส่วนตัวเห็นว่าหากฟ้องร้องกันเอง คงไม่ใช่ทางออก ต้องไปคุยกันก่อนเพื่อประโยชน์ของคนไทยโดยรวม,ผู้สื่อข่าวถามกรณีมีนักวิจัยต่างๆหรือแม้แต่มหาวิทยาลัยรังสิตจะพัฒนาต่อได้หรือไม่ เมื่อขณะนี้ไม่ชัดเจนเรื่องสิทธิบัตร นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า หากจะวิจัยไม่มีข้อห้าม ทำได้ เพียงแต่หากจะมาใช้ในคนต้องรอร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดฯก่อน เมื่อออกมาก็จะใช้ได้ ส่วนมหาวิทยาลัยรังสิตถือเป็นเอกชนก็มาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐได้ ดำเนินการได้ตามพ.ร.บ.ฯ ที่จะออกอีก ทั้งนี้ผลงานวิจัย ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับประเทศต่างๆเราปรับได้ อย่างสูตรต่างๆ ก็ปรับได้ แต่ต้องก่อให้เกิดประโยชน์ในการรักษาโรค,ขณะที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ในวันที่ 16 พ.ย. เวลา 11.00 น. นายกสภาการแพทย์แผนไทย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และภาคีเครือข่าย จะเข้าหารือร่วมกับ นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิตเกี่ยวกับสิทธิบัตรกัญชาว่า จะขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างไร ที่สำนักงานอธิการบดี การหารือครั้งนี้จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของมหาวิทยาลัยรังสิตเข้าร่วมด้วย เช่น คณะเภสัชศาสตร์ ซึ่งเป็นทีมวิจัยน้ำมันกัญชาของมหาวิทยาลัย และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต,ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการปลดล็อกกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ว่า ขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของ สนช.แต่ยังไม่สามารถออกมามีผลบังคับใช้ได้ เพราะเป็นกฎหมายที่ใหญ่และยาวมาก ไม่แน่ใจว่าจะแล้วเสร็จทันในสมัยนี้หรือไม่ เท่าที่ทราบยังไม่มีความคืบหน้าเท่าไร หรืออาจจะเสร็จไม่ทันในสภาชุดนี้ เมื่อมีการเรียกร้องอยากใช้น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ จึงได้ตัดเอาเฉพาะบางส่วนในกฎหมายยาเสพติด เป็นเฉพาะเรื่องของกัญชาเพียงอย่างเดียว และเสนอเป็นร่าง พ.ร.บ.แก้ไขกฎหมายยาเสพติดบางมาตราที่เกี่ยวข้องกับกัญชา มีการขอความเห็นจากรัฐบาล รัฐบาลจึงรับร่างดังกล่าวมาเข้าที่ประชุม ครม.ไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ 13 พ.ย. โดยให้ความเห็นชอบและเห็นว่าควรให้นำกลับเข้าสู่ สนช.ได้ คาดว่าในวันพุธหน้าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.,ส่วนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการจัดงานแสดงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชาชื่องาน เอ็มเจบีซ คอน ปี 2018 จัดเป็นปีที่ 9 ที่คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ นครลาสเวกัส รัฐเนวาดา ระหว่างวันที่ 14-16 พ.ย.นับเป็นงานที่ใหญ่มากเนื่องจากปีนี้รัฐเนวาดาและรัฐอื่นๆอีกรวม 18 รัฐ ออกกฎหมายให้ปลูกกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย จึงทำให้มียาและผลิตภัณฑ์จากกัญชาจากบริษัทต่างๆมาโชว์กว่า 1,000 บริษัท วันแรกมีผู้เข้าชมงานกว่า 200,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกัน ชาวแคนาดา และประเทศที่อนุญาตให้นำกัญชามาสกัดทำยารักษาโรคได้ การจัดงานปีนี้มีกลุ่มนักธุรกิจจากประเทศไทยให้ความสนใจไปร่วมลงทุนผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมกัญชากับบริษัทในสหรัฐอเมริกาด้วย ได้แก่ กลุ่มของนายทอม เครือโสภณ และนายแก่นฟ้า แสงเมือง นักวิชาการด้านสมุนไพรไทย เจ้าของสถานบำบัดสุขภาพแก่นฟ้า อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี,นายทอมเปิดเผยว่า การรวมกลุ่มนักธุรกิจไทยมาติดต่อร่วมลงทุนกับบริษัทในสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ เห็นว่าธุรกิจเกี่ยวกับกัญชามีอนาคต ไม่อยากให้คนไทยตกขบวน จึงนำกลุ่มมานำร่อง เซ็นสัญญากับบริษัทไอโซดิอัล ผลิตยารักษามะเร็ง อัลไซเมอร์ พาร์กินสันและโรคอื่นๆ โดยจะมีส่วนผสมของสมุนไพรไทยกับสารสกัดจากกัญชา รวมทั้งการปลูกกัญชา ลงทุนก้อนแรก 180 ล้านบาท และยังเซ็นสัญญากับบริษัทคัลติเวทที่ได้ใบอนุญาตจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสารสกัดจากกัญชาหลายร้านในสหรัฐฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายด้วย,ด้านนายแก่นฟ้า แสงเมือง นักวิชาการด้านสมุนไพรไทย เปิดเผยว่า ตนกับลูกศิษย์วิจัยกัญชามานานแล้ว ใช้สารสกัดจากกัญชาเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ ผสมกับสมุนไพรไทย ทดลองรักษาคนป่วยที่เป็นมะเร็งได้ผลตอบรับดี เมื่อสหรัฐฯมีการออกกฎหมายให้ปลูกกัญชาได้ ลูกศิษย์จึงแนะนำมาลงทุนผลิตยาในสหรัฐฯ จึงเชิญชวนนักธุรกิจไทยเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทในสหรัฐฯ เนื่องจากมีโรงงานทำได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาลงทุนทำใหม่ ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาที่สามารถรักษาได้มากขึ้น
รมว.พาณิชย์ โดดแก้ปัญหาจดสิทธิบัตร สารสกัดจากกัญชา ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการรับคำขออย่างละเอียด เหตุเป็นเรื่องเก่าที่ค้าง
ข่าว,สังคม
กัญชา,จดสิทธิบัตร,จดสิทธิบัตรกัญชา,สารสกัดจากกัญชา,ข่าวหน้า1,กฏหมาย
https://www.thairath.co.th/news/society/1422135
มันแน่ ไทยรัฐทีวีถ่ายสด ศึกสังเวียนเดือดที่อินโดฯ 27 ส.ค. นี้
ไทยรัฐทีวี ถ่ายทอดสด ศึกสังเวียนเดือด ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เวลา 21.00 น. 27 ส.ค.นี้ คู่เอกในรุ่นเวลเตอร์เวท หลุยส์ ซานโต๊ส นักสู้ชาวบราซิล พบ อิกอร์ ซาวิริด จากคาซัคสถาน ใครชนะจะได้ไปท้าชิงแชมป์โลกกับ เบน อาร์คเรน เจ้าของเข็มขัดชาวอเมริกัน,วันที่ 27 ส.ค. ศึกสังเวียนเดือด One Championship Titles and Titans ที่จาการ์ตา คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ประเทศอินโดนีเซีย วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคมนี้ คู่เอกในรุ่นเวลเตอร์เวท เป็นการพบกันระหว่าง หลุยส์ ซานโต๊ส นักสู้ชาวบราซิล ดวลเดือดกับ อิกอร์ ซาวิริด นักสู้อดีตแชมป์รุ่นมิดเดิลเวทชาวคาซัคสถาน ไทยรัฐทีวีถ่ายทอดสด เริ่มเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย,สำหรับรายการสังเวียนเดือดในครั้งนี้ จะมีการขึ้นสังเวียนสู้กันทั้งหมด 9 คู่ โดยคู่เอกของรายการคือการพบกันระหว่าง หลุยส์ ซานโต๊ส เจ้าของสถิติลงแข่ง 73 ครั้ง ชนะ 62  แพ้ 9 เสมอ 1 ชาวบราซิล กับ อิกอร์ ซาวิริด เจ้าของสถิติลงแข่ง 12 ครั้ง ชนะ 10 แพ้ 2 ชาวคาซัคสถาน ซึ่งมีความสำคัญเพราะถ้าใครชนะจะได้ไปท้าชิงแชมป์โลกในรุ่นเวลเตอร์เวท กับ เบน อาร์คเรน เจ้าของเข็มขัดแชมป์ชาวอเมริกัน ไทยรัฐทีวีถ่ายทอดสด รับประกันความมัน ความดุเดือด อย่างแน่นอน,โปรแกรมการแข่งขันคู่อื่นมีดังนี้,รุ่นมิดเดิลเวท:มาร์ซิน ปรานช์นิโอ (โปแลนด์) พบ เจค บัตเลอร์ (สหรัฐอเมริกา),รุ่นเฟเธอร์เวท:วินเซนต์ ลาโตเอล (เนเธอร์แลนด์) พบ เอ็ดเวิร์ด เคลลี (ฟิลิปปินส์),รุ่นไลต์เวท:เซย์กิด กูซีน อาร์สลานอลเยฟ พบ เจียตบูซิไบ เฮาลัน (จีน),รุ่นเฟเธอร์เวท: ซามิ อามิน (อียิปต์) พบ แอนโธนีย์ เอ็นเกเลน (เนเธอร์แลนด์),รุ่นเฟเธอร์เวท:โยฮัน มุลลา ลีโกโว (อินโดนีเซีย) พบ ซู โนโต (อินโดนีเซีย),รุ่นแบนตัมเวท:คาซีย์ ซุยเร (สหรัฐอเมริกา) พบ ซี บิน (จีน),รุ่นเวลเตอร์เวท: ดิยัตมิโก วาลูโย (อินโดนีเซีย) พบ อิสลาม ซาเยด (อียิปต์),รุ่นแบนตัมเวท:มาริโอ ซัตยา วิราวาน (อินโดนีเซีย) พบ เบอร์นาร์ด โซเรียโน (ฟิลิปปินส์)
ไทยรัฐทีวี ถ่ายทอดสด ศึกสังเวียนเดือด ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เวลา 21.00 น. 27 ส.ค.นี้ คู่เอกรุ่นเวลเตอร์เวท หลุยส์ ซานโต๊ส นักสู้ชาวบราซิล พบ อิกอร์ ซาวิริด จากคาซัคสถาน ใครชนะจะได้ไปชิงแชมป์โลกกับ เบน อาร์คเรน
null
ศึกสังเวียนเดือด,หลุยส์ ซานโต๊ส,อิกอร์ ซาวิริด,เบน อาร์คเรน,วัน แชมเปียนชิพ,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/703430
แกะรอยเงินกู้พิสดาร ไม่เสียดอกเบี้ย-ไม่ต้องค้ำประกัน
นางหนูดวน จันทร์สมบัติ ชาวบ้านดงเค็งสะแบง ต.ปอภาร อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิก ชมรมพัฒนาอาชีพแห่งประเทศไทย ซึ่งมีชื่อเดิมว่า ศูนย์วิสาหกิจชุมชน เวียงคำฟ้ากระนวน ตั้งอยู่ใน จ.ขอนแก่น นอกจากเธอแล้ว ยังมีเพื่อนบ้านอีกกว่า 20 ที่สมัครเป็นสมาชิกชมรมฯ เนื่องจากเชื่อว่าจะสามารถกู้เงิน 1 ล้านบาท เพื่อมาชดใช้หนี้สินในครัวเรือนได้ นางหนูดวนบอกว่า โครงการกู้เงินนี้ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และใช้เพียงเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนจำนวน 10 ชุด ในการสมัคร พร้อมกับค่าดำเนินการ 100 บาทเมื่อทำเอกสารเสร็จแล้ว เงินจะโอนเข้าบัญชีให้ 1 ล้านบาท จะหักดอกเบี้ยล่วงหน้า (ค่าบำรุงชมรม) 10 ปี จำนวน 1 แสนบาท เงิน 1 ล้านบาท หักไว้ 1 แสนบาท ก็จะเหลือ 9 แสนบาท เธอให้ข้อมูลพร้อมกับยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่เธออาจถูกนำเอกสารสำคัญไปดำเนินการโดยมิชอบ แต่ก็ยอมเสี่ยงข้อมูลจากชมรมพัฒนาอาชีพแห่งประเทศไทยอ้างว่า มีนายทุนคนหนึ่งในต่างประเทศต้องการปล่อยเงินกู้ กว่า 3.6 แสนล้านบาท โดยไม่คิดดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ต่อมานายอินทัช สารพันธ์ ชาว จ.ขอนแก่น ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานกรรมการชมรมฯ ได้จัดทำโครงการเพื่อขอเงินก้อนนี้มาปล่อยกู้ให้กับสมาชิก โดยชมรมฯ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการและหัวหน้าสายดำเนินการเปิดรับสมัครสมาชิกในจังหวัดต่างๆ สายละ 100 คน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2559 และปัจจุบันอ้างว่ามีสมาชิก 100000 คนทั่วประเทศ และเตรียมทำสัญญาเงินกู้กว่า 1 แสนล้านบาท ภายในเดือนตุลาคม 2559 นายอินทัช สารพันธ์ ประธานกรรมการชมรมพัฒนาอาชีพแห่งประเทศไทยเคยให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้องผมมั่นใจครับ เพราะผมคุยกับแหล่งทุนชัดเจนแล้วครับ แต่เราเปิดเผยไม่ได้ ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ผมยังไม่รู้ว่าผมจะโดนข้อหาหลอกลวงตรงไหน แต่ถ้าทางราชการมาทำแบบนี้ผมก็กลัวเหมือนกันว่าจะไม่ได้เงินมา นายอินทัชระบุขณะที่ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงทั้งใน จ.ขอนแก่น อุดรธานี อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ ได้ประกาศแจ้งเตือนว่าการดำเนินการของชมรมนี้ อาจเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน แต่เบื้องต้นยังไม่พบการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทย ที่แจ้งเตือนประชาชนให้พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจกู้เงินในลักษณะนี้ พร้อมยืนยันว่าคำกล่าวอ้างของชมรมฯ ที่ว่าเงินทุนจากต่างประเทศนับแสนล้านบาทผ่านการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ไม่เป็นความจริง แต่เป็นการแอบอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ประชาชนหลงเชื่อ
แม้ว่าหลายหน่วยงานจะเตือนให้ประชาชนพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจกู้เงินจากชมรมพัฒนาอาชีพแห่งประเทศไทย จ.ขอนแก่น ที่อ้างว่ามีเงินทุนกว่า 3 แสนล้านบาทพร้อมปล่อยกู้โดยไม่คิดดอกเบี้ย ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ยังมีหลายคนที่สนใจจะกู้เงินดังกล่าว
ภูมิภาค
เงินกู้,ไม่เสียดอกเบี้ย,ชมรมพัฒนาอาชีพแห่งประเทศไทย,ขอนแก่น,1 ล้านบาท,กู้เงิน,หลอกลวง,อินทัช สารพันธ์,แหล่งทุนต่างประเทศ,คำเตือน,ธนาคารแห่งประเทศไทย,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS
https://news.thaipbs.or.th/content/256598
ระทึก ไต้หวันแผ่นดินไหว 6.1
วันที่ 18 เม.ย.62เวลา 12.01 น. ตามเวลาประเทศไทย กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานแผ่นดินไหวที่ไต้หวัน ขนาด 6.1 ลึกจากผิวดิน 27 กม.ต่อมามีรายงานจาก CWB EARTHQUAKE REPORT ว่ามีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีก 3 ครั้งที่เมืองฮัวเหลียนสื่อท้องถิ่นรายงานว่า แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นสามารถรับรู้ได้ทั่วประเทศ ขณะที่ทางการสั่งปิดทางหลวงที่เชื่อมระหว่างอี๋หลานและฮวาเหลียน เนื่องจากหินพังถล่มลงมากีดขวางการจราจร โดยเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นด้านเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ รายงานอ้างอิงสำนักข่าวกลางไต้หวัน ว่ามีการประกาศหยุดระบบรถไฟใต้ดินของกรุงไทเปชั่วคราวขณะที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ รายงานแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ห่างจากประเทศไทยประมาณ 2000 กม. ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งนี้สำนักข่าว Taiwan News เผยภาพความเสียหายของอาคารแห่งหนึ่งที่ไทเป พบมีฝ้าเพดานล่วงหล่นที่พื้น จำนวนมาก and systems shut down after damage reported to building on Taipeis Changan East Road. ทั้งนี้ไต้หวันเคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ขนาด 6.4 ที่เมืองไถหนาน เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2559 แรงสั่นสะเทือนทำให้อาคารถล่มหลายหลัง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คนและ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2561 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ขนาด 6.4 ที่เมืองฮัวเหลียน ทางชายฝั่งตะวันออกของไต้หวัน หลังจากเกิดแผ่นดินไหวมีอาฟเตอร์ช็อกเกินขึ้นต่อเนื่องเกินกว่า 200 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน บาดเจ็บ 265 คน
เกิดแผ่นดินไหวที่ไต้หวัน ขนาด 6.1 ลึกจากผิวดิน 27 กม. แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงตึกสูงในกรุงไทเป และมีรายงานรถไฟใต้ดินหยุดเดินรถชั่วคราว
ต่างประเทศ
แผ่นดินไหว,ไต้หวัน,ThaiPBSnews
https://news.thaipbs.or.th/content/279352
สุดสงสาร เจ้าหมูหนัก 150 กก. โดดลงรถบรรทุก คาด หนีตายขณะไปโรงเชือด
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 เมษายน 2561 เจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยศีลธรรมบ้านบึงจุดบ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบสุกรตัวใหญ่ ตกหล่นอยู่บนถนนสาย 331 ฝั่งขาเข้าตำบลบ่อวิน ม.4 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงนำกำลังไปช่วยเหลือ,ที่เกิดเหตุ พบสุกรเพศเมีย น้ำหนักกว่า 150 กิโลกรัม นอนอยู่บนดินริมถนน อยู่ในสภาพอิดโรย เนื่องจากอากาศที่ร้อนจัด ทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย จึงได้นำเสื่อมากางเป็นผ้าใบและนำน้ำมารดตลอดเวลา และพยายามนำขึ้นมาเพื่อขึ้นรถกระบะ นำไปปล่อย แต่ก็ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ จึงได้ประสานงานไปยังเจ้าของรถเครน พรอำไพขนส่ง เพื่อขอความช่วยเหลือที่ต้องใช้รถเครนมาบรรทุกใส่ยกหลังรถ และนำไปปล่อยที่วัดพันเสด็จใน หลังจากที่ได้ความอนุเคราะห์จากพระครูปลัดสัมพันธ์ พิพัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพันเสด็จใน ในการให้สถานที่นำมาปล่อยไว้ชั่วคราว,จากการสอบถาม นายวิเชียร พูดไพเราะ อายุ 52 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่า ตนเองได้เห็นสุกรตัวดังกล่าว วิ่งตกลงมาจากรถบรรทุกไม่ทราบชนิด แล้วสุกรตัวดังกล่าวได้วิ่งอยู่บนถนน ตนจึงได้ไล่ต้อนให้ลงข้างทาง ก่อนที่จะประสานงานให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมาทำการช่วยเหลือ
กู้ภัยระดมกำลังช่วยหมู น้ำหนักกว่า 150 กิโลกรัม หลังกระโดดลงจากรถ คาดหนีตายจากรถบรรทุกกลางทาง ขณะไปโรงเชือด ต้องประสานรถเครนมายกเพื่อไปปล่อยชั่วคราวที่วัด
ข่าว,ทั่วไทย
หมูโดดหนีตาย,หมูน้ำหนัก 150 กก.,สุกรหล่นบนถนน,รถเครนมายก,วัดพันเสด็จใน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/east/1249776
ดีเซลลด เจ๊เกียว ลั่นไม่ได้หายตัว ส่อไม่หั่นค่าตั๋ว จ่อพบ รมว.คมนาคม
ขณะที่เรือคลองแสนแสบ หั่นราคาลง 1 บาท,เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ภายหลังราคาน้ำมันดีเซลล่าสุด ปรับลดลงเหลือ 26.89 บาทต่อลิตร ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ได้โทรศัพท์ไปสอบถาม นางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร และเจ้าของสัมปทานรถโดยสารประจำทางรายใหญ่ของไทย โดยนางสุจินดา ยังไม่ยืนยันว่า จะลดราคาค่าโดยสารหรือไม่ โดยระบุ จะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.อ.อ.ประจิน จั่นตองในเร็วๆ นี้ พร้อมจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ทั้งนี้ ปัจจุบันอัตราค่าโดยสารตามประกาศของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน คิดตามอัตราที่ 12 คือ ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 23.50-24.71 บาท อีกทั้งที่ผ่านมา น้ำมันดีเซลเคยขึ้นถึงลิตรละ 30 กว่าบาท และรัฐบาลไม่ยอมให้ขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งต้องแบกรับภาระราคาน้ำมันในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดังนั้น จะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม,ส่วนที่มีการโจมตีว่า เมื่อน้ำมันดีเซลลดราคาลง แต่เจ๊เกียว กลับหายตัวไปไม่ออกมาเรียกร้องขึ้นราคาค่าโดยสารเหมือนช่วงน้ำมันขึ้นราคานั้น ขอยืนยันตนเองไม่ได้หายตัวไปไหน หากน้ำมันลดราคาลงก็ต้องลด แต่ปัจจุบันคิดอัตราค่าโดยสาร ตามประกาศของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบก โดยอิงกับราคาน้ำมันดีเซลที่ประมาณ 25 บาทต่อลิตร ถามว่าต้องแบกรับภาระราคาน้ำมันที่ผ่านมาเท่าใด ซึ่งจะมีการแถลงข่าวเพื่อชี้แจงให้ทราบ,ด้านนายจุฬา มานพสุข อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.57 เป็นต้นไป เรือโดยสารในคลองแสนแสบลดราคาลงระยะละ 1 บาท จากช่วง 10-20 บาท เหลือ 9-19 บาท เนื่องจากการลดราคาน้ำมันเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้กับกรมเจ้าท่า ที่กำหนดว่าถ้าราคาดีเซลต่ำกว่า 29 บาท จะลด 1 บาท แต่ถ้าเกิน 33 บาท จะปรับขึ้น 1 บาท ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยา และเรือข้ามฟาก จะพิจารณาทบทวนราคาต่อไป
ดีเซลลด แต่ เจ๊เกียว ส่อแววไม่ลดค่าตั๋ว อ้างอัตราปัจจุบันอิงตามราคาดีเซล ลิตรละ 25 บาทตามที่กรรมการควบคุมขนส่งทางบกประกาศ โอดต้องแบกรับภาระค่าน้ำมันมานาน จ่อเข้าพบ รมว.คมนาคม เปิดแถลงสื่อ ยันไม่ได้หายไปไหนตามที่ถูกโจมตี
null
เจ๊เกียว,ลดราคาค่าตั๋ว,น้ำมันลดราคา,ลิตรละ25บาท,สุจินดา เชิดชัย,รถโดยสาร,ขึ้นค่าโดยสาร,ดีเซลลดราคา,น้ำมัน,เรือคลองแสนแสบ,กรมเจ้าท่า,คมนาคม
https://www.thairath.co.th/content/469410
ประชาคมมอ.ชูธงต้านผู้บริหารตัดไม้สร้างตึก
สงขลา- 21 เม.ย.48เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 เมษายน 2548 กลุ่มรักษ์ มอ. ซึ่งกำลังรณรงค์คัดค้านผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่จะใช้พื้นที่สีเขียวสร้างตึกไอที ได้จัดงานเลี้ยงน้ำชา คืนความรักให้ต้นไม้ ที่สวนป่าตรงข้ามลานจอดรถคณะวิทยาการจัดการ โดยมีผู้มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การแสดงเดี่ยวแซกโซโฟน นายคมสันต์ วงค์วรรณ์ ฟังนิทานเรื่อง ความรักของต้นไม้ โดยกลุ่มละครการศึกษา มานี มานะ อ่านบทกวี - ปลูกต้นไม้ร่วมกัน โดยตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เสวนาเรื่อง ๙๐ ต้น(ไม้) = ๑ ตึกไอที? โดยกลุ่มรักษ์ มอ. การแสดงหุ่นเงาเรื่อง Swimmy โดยกลุ่มละครการศึกษา มานี มานะ และสอนวาดภาพด้วยสีชอล์ก โดยนายภาณุ พิทักษ์เผ่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2548 กลุ่มรักษ์ ม.อ. ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และนายกสภามหาวิทยาลัย เรียกร้องให้ทบทวนการใช้พื้นที่สีเขียวสร้างตึกไอที พร้อมแนบรายชื่อผู้คัดค้านรวม 1336 คน สำหรับจดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าว มีเนื้อหา ดังต่อไปนี้ 1. ตามที่มหาวิทยาลัยชี้แจงเรื่องงบประมาณว่า ด้วยนโยบายของรัฐบาลต้องการสนับสนุนให้หน่วยงานมีศูนย์กลางรวมเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ จึงได้ให้งบประมาณเป็นกรณีพิเศษในปีนี้ ในวงเงินประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งต้องใช้งบประมาณให้หมดสิ้นตามงวดปี โดยเฉพาะปีแรกนี้ต้องจ่ายภายใน กันยายน 2548 ให้หมด 60 ล้านบาท ไม่เช่นนั้นเงินส่วนนี้จะถูกยกไปไว้ปีหน้า และกระทบเงินงบประมาณปีหน้าที่จะได้มาใหม่ ทำให้มหาวิทยาลัยต้องรีบจ้างบริษัทออกแบบให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 4 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากต้องอาศัยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาคารนี้ ได้แก่ หอสมุดกลาง หน่วยทะเบียนกลาง ศูนย์คอมพิวเตอร์ สำนักวิจัย และคณะวิทยาศาสตร์ กลุ่มรักษ์ มอ. เข้าใจในข้อจำกัดเรื่องเวลาการใช้เงินงบประมาณ แต่เห็นว่าแม้จะมีเวลาจำกัด เราก็ไม่ควรละเลยความรอบคอบ และความถูกต้องในมิติอื่นที่นอกเหนือการใช้เงินให้ทัน มิฉะนั้นแล้วการตัดสินใจที่รีบร้อนกำลังสร้างปัญหาใหม่ซึ่งอาจมีผลเสียมากกว่าการใช้เงินประมาณไม่ทันตามงวดปี นอกจากนี้คำชี้แจงของมหาวิทยาลัยยังไม่กระจ่างว่า ถ้าใช้เงินไม่ทันแล้วต้องถูกยกเงินส่วนนี้ไปไว้ในปีงบประมาณหน้านั้น มันจะทำให้มหาวิทยาลัยเสียหายอย่างไรบ้าง มากน้อยขนาดไหน และถ้าเรามีเหตุผลเพียงพอ การอธิบายความล่าช้าให้หน่วยเหนือเข้าใจเป็นสิ่งจะกระทำไม่ได้เลยหรือ 2. การที่มหาวิทยาลัยชี้แจงเหตุผลในข้อ 2 นี้ ว่า ระยะแรกสถานที่ก่อสร้างตกลงกันไว้ บนที่บริเวณลานจอดรถ ระหว่างตึกฟิสิกส์ และคณะทรัพย์ช่องระหว่างอาคารคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม และโรงอาหารฟิสิกส์ แต่ด้วยความต้องการที่มีจำนวนมากจึงทำให้บริษัทไม่สามารถออกแบบในพื้นที่ทีกำหนดได้ และทำให้วงเงินก่อสร้างสูงกว่างบประมาณที่ได้ ทำให้เมื่อรูปแบบเสร็จไม่สามารถก่อสร้างบนพื้นที่จริงได้ และการปรับรูปทรงเพื่อให้วางอาคารได้ จะทำให้ต้องรื้อโรงอาหารฟิสิกส์ ซึ่งจะก่อไห้เกิดปัญหาต่อสถานที่รับประทานอาหารของบุคคลากรและนักศึกษาเป็นจำนวนมาก การที่จะให้บริษัทปรับเปลี่ยนรูปแบบในเวลาจำกัดไม่สามารถทำได้ทันในการหาบริษัทเพื่อก่อสร้างให้ทันในปีนี้ได้ และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบบก็จะเกิดขึ้นมาก ทั้งหมดเป็นคำอธิบายที่คลุมเครือมาก จนไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้ไม่สามารถสร้างในที่กำหนดเดิมได้ เพราะในเมื่อ ก่อนที่ ม.อ.จะจัดจ้างให้บริษัทนี้ (บริษัทแปลน) มาออกแบบโดยวิธีประกวดแบบนั้น ม.อ.ในฐานะผู้ว่าจ้างจะต้องกำหนดโจทย์ (Terms of Reference: TOR) ให้แก่บริษัทออกแบบก่อนเสมอ ซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติปกติที่พึงกระทำ และที่สำคัญคือ ผู้ว่าจ้างต้องระบุตำแหน่งพื้นที่หรือผังพื้นที่ และจะต้องมีจำนวนวงเงินงบประมาณก่อสร้างให้ หาไม่แล้วสถาปนิกจะไม่สามารถออกแบบได้ตามวัตถุประสงค์ ฉะนั้น การอ้างว่าเพราะความต้องการที่มีจำนวนมากจึงทำให้บริษัทไม่สามารถออกแบบในพื้นที่ที่กำหนดได้ และทำให้วงเงินก่อสร้างสูงกว่างบประมาณที่ได้ ฯลฯ จึงเป็นข้ออ้างที่ยังเป็นคำถามสำหรับทุกคน หรือทางมหาวิทยาลัยกำลังบอกว่าการจัดจ้างออกแบบครั้งนี้ ม.อ.ไม่ได้กำหนดโจทย์ที่เป็นสาระสำคัญดังกล่าวไว้ล่วงหน้าให้แก่บริษัทผู้ออกแบบ และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง มหาวิทยาลัยก็ต้องตอบคำถามแก่ประชาคม ม.อ.ให้ได้ว่า ทำไมถึงไม่ทำ? 3. ข้อนี้มหาวิทยาลัยได้อธิบายวิธีการตรวจรับงานว่า การตรวจรับแบบซึ่งกำหนดไว้ในแต่ละงวด จะใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบลักษณะอาคาร และพื้นที่ที่เป็นไปตามความต้องการของหน่วยงาน และตรวจสอบความถูกต้องในแต่ละด้านแสดงว่ามหาวิทยาลัยกำลังชี้แจงให้ประชาคม ม.อ. เห็นว่า ในฐานะผู้ว่าจ้าง ม.อ. เราได้มีระบบการตรวจรับงานที่ดีมาก โดยกระทำอย่างละเอียดถี่ถ้วนรอบคอบ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อรักษาประโยชน์ของ ม.อ. อย่างเต็มความสามารถแล้ว ถ้าอย่างนั้นการที่มหาวิทยาลัยอธิบายในข้อ 2 ว่ามีปัญหาที่บริษัทออกแบบไม่สามารถออกแบบในพื้นที่ที่กำหนดได้และทำให้วงเงินก่อสร้างสูงกว่างบประมาณที่ได้นั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อ ม.อ. มีระบบตรวจรับงานที่ดีอย่างที่มหาวิทยาลัยอ้างไว้ในข้อนี้ ทั้งนี้แต่ละข้อที่มหาวิทยาลัยกำลังชี้แจงนั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องเดียวกันทั้งสิ้น 4. มหาวิทยาลัยได้ชี้แจงว่า เนื่องจากเมื่อรูปแบบเสร็จเรียบร้อย พบว่า อาคารที่ก่อสร้างจริง แม้จะสร้างได้แต่ทำให้เกิดปัญหากับอาคารรอบด้าน ซึ่งจะเป็นปัญหายิ่งกว่าการย้ายไปสร้างบริเวณอื่น ระยะแรกได้มีการมองหาสถานที่อื่นที่พอจะก่อสร้างได้ มีทั้งหมด 3 แห่ง คือ1. บริเวณตลาดเกษตรของคณะทรัพย์ที่ข้างรั้วปุณณกัณฑ์2. บริเวณสวนป่าข้างสระว่ายน้ำ บริเวณสามแยกหน้าคณะวิทยาศาสตร์3. บริเวณสวนป่าข้างลานจอดรถสำนักงานอธิการบดี ฟังแล้วมีคำถามข้อแรกว่า ทำไมกรรมการตรวจรับการจ้างในครั้งนี้ จึงยอมรับงานแบบแปลนที่พอจะนำไปสร้างจริงกลับมีปัญหากับอาคารรอบด้านเช่นนี้ได้ ทั้งๆ ที่มหาวิทยาลัยได้อ้างไว้ในข้อ 3 เองว่า มหาวิทยาลัยมีวิธีการตรวจรับแบบที่ดี เป็นขั้นเป็นตอน ละเอียดรอบคอบแล้ว และคำถามที่สองก็คือ มีผู้รับผิดชอบต่อเรื่องนี้หรือไม่ แล้วใครหรือฝ่ายใดจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และคำถามสุดท้ายในประเด็นนี้คือ ทำไมมหาวิทยาลัยเลือกแก้ปัญหาด้วยวิธีง่ายๆ โดยการย้ายสถานที่ก่อสร้างเช่นนี้ นอกจากนี้เรามียังความเห็นต่อประเด็นการย้ายสถานที่ว่า การย้ายสถานที่ก่อสร้างโดยใช้แปลนเดิมที่ออกแบบไว้สำหรับที่หนึ่งไปสร้างอีกที่หนึ่งนั้น ในกรณีที่เป็นอาคารขนาดใหญ่ เป็นตึกสูง เป็นอาคารในสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัย สถาปนิกจะต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญๆ อีกหลายอย่างที่นอกเหนือจากหน้าที่ของอาคาร ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมใกล้เคียง ตำแหน่งที่ตั้งและทิศทางของอาคาร ตลอดจนความงดงามทางสถาปัตยกรรมของอาคารซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง และด้านของอาคารที่เป็นมุมมองจากภายนอกได้เป็นต้น 5. มหาวิทยาลัยได้อธิบายว่าทำไมไม่เลือกพื้นที่ตลาดเกษตรว่า จากการพิจารณาพื้นที่บริเวณคณะทรัพย์พบว่า ปัญหาอยู่ที่ไม่เป็นศูนย์กลางสำหรับนักศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณใกล้เคียงหอสมุดกลางเดิม และการย้ายที่ศูนย์คอมพิวเตอร์มาอยู่บริเวณนี้จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสถานที่มาบริเวณนี้สูงมาก โดยเฉพาะการลากสายไฟเบอร์คอมพิวเตอร์จะเสียค่าใช้จ่ายมาก นอกจากนี้บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ของคณะทรัพย์ การเจรจาเพื่อตกลงเรื่องสถานที่จะไม่สามรถทำได้ในเวลาอันจำกัด ซึ่งไม่สามารถจัดจ้างบริษัทได้ทันในการก่อสร้างปีนี้ 6. มหาวิทยาลัยให้เหตุผลที่ไม่เลือกบริเวณสวนป่าข้างสระว่ายน้ำว่า จากการพิจารณาพื้นที่บริเวณสามแยกข้างสระน้ำ พบว่าพื้นที่เป็นลักษณะต่างระดับมาก ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับพื้นที่มาก และบริเวณนั้นเป็นแหล่งที่มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่นทำให้เกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้น หากมีการก่อสร้างอาคารใหญ่บริเวณนั้น และหากก่อสร้างบริเวณนั้น ก็ต้องตัดต้นไม้หลายต้นเช่นเดียวกัน 7. มหาวิทยาลัยอธิบายเหตุผลว่าทำไมจึงเลือกบริเวณสวนป่าข้างลานจอดรถสำนักงานอธิการบดีเป็นที่ก่อสร้างว่า การพิจารณาพื้นที่บริเวณลานจอดรถข้างสำนักงานอธิการบดี ซึ่งเป็นพื้นที่ราบกว่า และเป็นบริเวณที่การจราจรไม่คับคั่งมาก เมื่อเทียบกับบริเวณสามแยกข้างสระน้ำ และศูนย์ที่อยู่ใกลคณะที่เป็นแหล่งรองรับนักศึกษาปี 1 ที่เป็นส่วนกลางเกือบทั้งหมด ทั้งคณะศิลปศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ คณะวิทยาศาสตร์ และอยู่ใกล้หอพักนักศึกษา และศูนย์กิจกรรมนักศึกษา รวมถึงใกล้ศูนย์คอมพิวเตอร์เดิม ทำให้การทำงานและการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องราคาน้อยที่สุดเมื่อเทียบพื้นที่อีก 2 แห่ง แต่มีปัญหาต้องตัดต้นไม้ที่มีอยู่ ซึ่งตามรูปแบบเมื่อก่อสร้างเสร็จ จะต้องปลูกต้นไม้เพิ่มในบางส่วน และในการก่อสร้างให้ใช้วิธีตัดต้นไม้ให้น้อยที่สุด และอาจใช้วิธีชลอต้นไม้บางต้นไม้บางต้นตามความจำเป็น การตัดสินใจเลือกบริเวณนี้เป็นส่วนที่สามารถทำได้ในเวลาสั้นและเร็วที่สุด ในการให้บริษัทสำรวจพื้นที่ใหม่ และปักผังก่อสร้าง ทั้งสามข้อข้างต้น (ข้อ 5 - 7) คือ เหตุผลในการตัดสินใจเลือกสถานที่ก่อสร้างใหม่ที่ย้ายสถานที่เดิม (บริเวณลานจอดรถระหว่างตึกฟิสิกส์ และคณะทรัพย์) ที่มหาวิทยาลัยเห็นว่าบริเวณสวนป่าข้างลานจอดรถสำนักงานอธิการบดีเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในบรรดาสามทางเลือกที่มหาวิทยาลัยมีอยู่ โดยมหาวิทยาลัยได้ให้น้ำหนักกับเรื่องต้นทุนในการก่อสร้างว่า ที่นี่ราคาถูกที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องค่าใช้จ่ายการวางสายไฟเบอร์ออพติค การที่อ้างว่าถ้าสร้างที่ทางเลือกอื่นแล้ว จะทำให้มีต้นทุนมากนั้น ไม่ใช่การคิดวิเคราะห์อย่างใช้เหตุใช้ผลเชิงวิชาการ เราควรมองสองด้านทั้งผลดี (benefits) และผลเสีย (costs) ของแต่ละทางเลือก ไม่เฉพาะประโยชน์ที่วัดเป็นตัวเงินได้ (tangible) เท่านั้น แต่ต้องมองถึงประโยชน์ที่ไม่สามารถตีค่าทางตลาดได้ (intangible) ด้วย ซึ่งต้องพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมดก่อน จึงนำมาเปรียบเทียบกัน เพื่อเลือกทางเลือกที่ให้ผลดีสุทธิสูงสุด การจะเทียบว่าต้นทุนวางสายไฟเบอร์ออพติคของทางเลือกบริเวณตลาดเกษตรของคณะทรัพย์สูงกว่า ทางเลือกสวนป่าข้างลานจอดรถสำนักงานอธิการบดีนั้น ขอให้มหาวิทยาลัยชี้แจงต้นทุนดังกล่าวของสองทางเลือกนี้เป็นตัวเงินที่ชัดเจน กลุ่มฯ และประชาคม ม.อ. ต้องการรู้ว่า การตัดสินใจเลือกของมหาวิทยาลัยเพื่อประหยัดส่วนต่างเงินลงทุนจำนวนนี้นั้น จะเทียบได้กับคุณค่าและประโยชน์ของสวนป่าบริเวณดังกล่าวที่จะมีอยู่ตลอดไปได้หรือไม่ หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่าเงินที่เราประหยัดได้นั้นมันคุ้มกันหรือไม่ กับการที่เราจะต้องสูญเสียสวนป่าที่มีคุณค่าส่วนนี้ไป 8. ข้อสุดท้ายมหาวิทยาลัยได้สรุปว่าได้ทำเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว ขณะนี้มหาวิทยาลัยสามารถเปิดซองประมูล และได้บริษัทผู้จะก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว และเงินงบประมาณตามเงินงวด เพื่อจะลงสร้างให้ทันตามปีงบประมาณที่กำหนดซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในเดือนพฤษภาคม ถึง มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป และต้องใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี เราเห็นว่ายังไม่มีอะไรสายเกินไป สำหรับการตัดสินใจที่คำนึงผลในระยะยาว ที่ผ่านการช่วยกันคิดช่วยกันมองของคนในสังคม ม.อ. กลุ่มรักษ์ ม.อ. รู้สึกห่วงใยต่ออนาคตของมหาวิทยาลัยของเรา เพราะเคยมีปัญหาเกิดขึ้นหลายครั้งเนื่องจากการตัดสินใจที่ขาดข้อมูลที่และขาดการรับฟังความเห็นจากประชาคม ตัวอย่างเช่น การสร้างรางสาธารณูปโภคทั่ววิทยาเขต เพื่อนำสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์จากเสาลงสู่ใต้ดิน ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์เนื่องจากความผิดพลาดทางวิชาการ ทางกลุ่มฯเชื่อว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าให้โอกาสแก่ประชาคมได้มีส่วนร่วม ที่สำคัญคือไม่มีใครรับผิดชอบต่อการตัดสินใจที่ผิดพลาดดังกล่าวเลย และตัวอย่างล่าสุด ก็คือ การละเมิดแผนแม่บทในกรณีเลือกสร้างตึกไอทีในครั้งนี้ ทั้งที่บริเวณพื้นที่สวนป่าแหล่งนี้ได้ถูกประกาศไว้แล้วว่าให้เป็นพื้นที่สีเขียวและส่วนบริหารของมหาวิทยาลัย กลุ่มรักษ์ ม.อ. ขอเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยทบทวนการเลือกสวนป่าเพื่อใช้สร้างตึกไอที เราขอวิงวอนให้ท่านใช้วิจารณญาณใช้สติ เพื่อยุติแนวคิดที่จะใช้ต้นไม้ใหญ่ใช้ธรรมชาติไปเพื่อแก้ปัญหาการสร้างตึกใหม่ เราเรียกร้องให้ท่านเปิดรับฟังความคิดเห็นในวงกว้างจากประชาคม ม.อ. เราเชื่อมั่นว่าพลังบริสุทธิ์แห่งธรรมชาติ จะนำมาซึ่งทางออกที่ถูกต้อง ที่สร้างความก้าวหน้า และสันติสุขให้สังคม ม.อ. ตลอดไป
สงขลา- 21 เม.ย.48 เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 เมษายน 2548 กลุ่มรักษ์ มอ.
สิ่งแวดล้อม
null
https://prachatai.com/journal/2005/04/3713
ชะตากรรมต่อไป หนุ่มพลเมืองดีช่วยสาวถูกข่มขืน ได้งาน นักการ ฟรีที่พัก
ความคืบหน้ากรณี นายทิพกร ทองขาว อายุ 30 ปี หรือต้น ซึ่งเป็นพลเมืองดีที่เข้าไปช่วยเหลือเด็กหญิงอายุ 15 ปี ที่กำลังจะถูกตาวัย 68 ปี ข่มขืนในป่าในพื้นที่หมู่ 3 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าได้ถูกนายจ้างไล่ออกจากงานที่เป็นพนักงานส่งน้ำดื่ม ซึ่งนายทิพกร สงสัยว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากการที่เขาไปเป็นพยานและทำให้ส่งน้ำให้ลูกค้าไม่ทัน รวมทั้งกรณีเอารถคันใหม่ไปส่งน้ำแต่กลับมาล่าช้าทำให้เถ้าแก่ไม่พอใจ ,(อ่าน เจ๊บอกเสียเวลาส่งของ หนุ่มพลเมืองดีช่วยสาวจะถูกข่มขืน โดนไล่ออกจากงาน),ล่าสุด วันนี้ (4 ธ.ค.) นายทิพกร หนุ่มพลเมืองดี ได้เดินทางมายัง สภ.หาดใหญ่ พร้อมกับ นางวันดี ทองขาว อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นแม่ และ นางสาวชญานุตน์ ทองขาว น้องสาว เพื่อเข้าพบกับ พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผู้กำกับการ สภ.หาดใหญ่ เพื่อพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นพยาน, สาเหตุของการถูกไล่ออกจากงาน และการให้ความช่วยเหลือเรื่องงานทำ,พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.หาดใหญ่ เปิดเผยกับ,ทีมข่าวเจาะประเด็น,ว่า ภายหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับ นายทิพกร พลเมืองดีแล้วนั้น ได้ข้อสรุปว่า นายทิพกร ตอบตกลงคำแนะนำจาก ผกก.สภ.หาดใหญ่ ที่จะทำงานเป็น ,เจ้าหน้าที่นักการ คอยดูแลทำความสะอาดบริเวณโดยรอบ สภ.หาดใหญ่ โดยมีที่พักให้อยู่ฟรี เงินเดือนใกล้เคียงกับที่ทำงานเก่า อีกทั้งยังมีเวลาเหลือไปรับงานอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีก, พ.ต.อ.กิตติชัย กล่าว.
ผกก.สภ.หาดใหญ่ เผยหนุ่มพลเมืองดีได้งานใหม่แล้ว อาชีพ นักการ เงินเดือนใกล้เคียงที่เก่า มีที่พักให้ เหลือเวลาไปรับงานเสริมเพิ่มเติม
ข่าว,ทั่วไทย
พลเมืองดี,ไล่ออก พลเมืองดี,ช่วยคนถูกข่มขืน,ข่าวร้อน,ตาข่มขืนหลาน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1437123
นายกรัฐมนตรี ระบุไม่รู้จัก วันเฉลิมหายตัวในกัมพูชา
ความคืบหน้าการติดตามตัวนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ที่พักอาศัยอยู่ประเทศกัมพูชา ถูกอุ้มหายตัวไป วันนี้ (9 มิ.ย.2563)น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวนายวันเฉลิม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่หายตัวไปในประเทศกัมพูชา เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมขอให้ทางการนำตัวน้องชายกลับมาอย่างปลอดภัยโดยเร็วนายรังสิมันต์ โรม โฆษกคณะกรรมาธิการ ฯ ระบุว่า จะนำเรื่องการหายตัวไปของ นายวันเฉลิม เข้าหารือต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ในวันพรุ่งนี้ (10 มิ.ย.) โดยสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลประสานกัมพูชาเข้าช่วยเหลือเพื่อให้ได้รับความปลอดภัยขณะเดียวกันการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ จะยื่นกระทู้ถามสดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งเป็นร่างกฏหมายที่เสนอโดยประชาชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระนายกรัฐมนตรี ระบุไม่รู้จัก วันเฉลิมด้านพล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันความพร้อมที่จะช่วยติดตามการหายตัวไปของนายวันเฉลิม โดยได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานกับทางการกัมพูชา เพื่อดำเนินการแล้วแต่ยืนยันว่ายังไม่ได้ประสานเป็นการส่วนตัว กับ พล.อ.เตีย บัณห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมของกัมพูชา และย้ำว่า การดำเนินการใด ๆ จะไม่ก้าวล่วงกิจการภายใน โดยจะต้องยอมรับ และเคารพในกลไกตรวจสอบของกัมพูชาทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ระบุว่า แต่ละประเทศก็มีกลไกในการตรวจสอบของแต่ละประเทศ เพียงแต่ว่าจะให้ไปสอบถามความร่วมมือ จึงได้ให้ข้อมูลทางกัมพูชาไป ซึ่งเราก็ไม่ได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงอยากขอความเป็นธรรมให้เจ้าหน้าที่ไทยด้วยนอกจากนี้ขอให้ครอบครัวนายวันเฉลิมต้องให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาในนายวันเฉลิมไปอยู่ที่ใดมาก่อน แล้วทำไมถึงไปมีข่าวที่ประเทศกัมพูชาได้ ซึ่งก็ต้องมีการสอบสวนและติดตามอ่าน
นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานกับทางการกัมพูชา เพื่อติดตามตัว นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างอยู่ในประเทศกัมพูชา แต่ย้ำไม่ก้าวล่วง และต้องเคารพกติกาของกัมพูชา
การเมือง
วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์,กัมพูชา,นายกรัฐมนตรี
https://news.thaipbs.or.th/content/293460
ประเดิมความแซ่บ เพลิงนาง EP.1 พลอย โดนประจานเขียนรถด่าแรง
แซ่บสะท้านทรวงสุดๆ ตอนนี้ไม่มีละครเรื่องไหนแรงเท่า เพลิงนาง ช่องอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ผลิตโดย CHANGE2561 อีกแล้ว ล่าสุดกลายเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์ในโลกออนไลน์ หลังมีภาพเด็ด สาว พลอย-เฌอมาลย์ ผู้รับบทสาวแรง พลับพลา แห่งยุค 2020 ใช้ผู้ชายเปลืองเหมือนกระดาษทิชชู ถูกพ่นสีรถเบนซ์เขียนด่าด้วยคำวิจารณ์สุดแรงว่า อี_าน จนแฟนคลับนางเอกดังอดเป็นห่วง สาวพลอย กันสุดๆงานนี้ได้รับการเฉลยแล้วว่าเป็นหนึ่งในฉากเด็ดปฐมฤกษ์ละครดังแห่งปี เพลิงนาง ที่เล่าเรื่องตอนแรกว่าทำไมตัวละคร พลับพลา ถึงได้ฉาวโฉ่ ใช้ชีวิตเร่าร้อนเหมือนเปลวไฟเช่นนี้ โดยกองละครยกกองกันไปถ่ายที่ลานจอดรถ วัดผาสุกมณีจักร ย่านเมืองทองธานี เปิดเรื่องด้วยความฉาวเพื่อดึงดูดแฟนละครให้ได้ติดตามกันตั้งแต่ตอนแรก ที่สำคัญยังได้ ผู้กำกับหญิงมากฝีมือ ติ๊ก-วศินี คุณะนิติสาร คุมเข้มการผลิต ดึงพลังอินเนอร์ดราม่าควีนตัวแม่ สาวพลอย ปล่อยน้ำตาพรั่งพรู พร้อมฉีดสเปรย์พ่นสีรถด้วยตัวเอง ณ จุดนี้บอกเลยว่าไม่ควรพลาด เพลิงนาง ตั้งแต่ตอนแรก เริ่ม 15 สิงหาคม 2563 ทุกช่วงเวลา สุดสัปดาห์ช่อง 34 ละครดีสี่ทุ่ม (หลังจบรายการทุบโต๊ะข่าว) ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34>> อ่านเรื่องย่อนิยายทุกเรื่อง คลิกที่นี่ <<
แซ่บสะท้านทรวงสุดๆ ตอนนี้ไม่มีละครเรื่องไหนแรงเท่า เพลิงนาง ช่องอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ผลิตโดย CHANGE2561 อีกแล้ว หลังมีภาพเด็ด สาว พลอย-เฌอมาลย์ ผู้รับบทสาวแรง พลับพลา
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
เพลิงนาง,เพลิงนาง EP.1,เพลิงนาง เรื่องย่อ,พลอย เฌอมาลย์,อมรินทร์ทีวี,นิยาย,ละคร
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1903452
ผู้ว่าราชการจังหวัดเกษียณ
ระดับสูงว่างเพียง 12 อัตรา,1 อธิบดี ที่เกษียณ คือ ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรม การปกครอง 2 ผู้ตรวจราชการกระทรวง ที่เกษียณ คือ 1.นายปิยะ วงศ์ลือชา 2.นายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงศ์,9 ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่เกษียณ คือ 1.นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง 2.นายนิกร สุกใส ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร 3.นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ 4.นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว 5.นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร 6.นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ 7.นางสุกานดา วรเชษฐบัญชา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม 8.นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ 9.นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา,ที่เหลือเป็นนักบริหารระดับต้น คือ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แก่ 1.นายจิรศักดิ์ ศรีคชา รอง ผวจ.หนองคาย 2.นายชาญศักดิ์ ถวิล รอง ผวจ.พังงา 3.นางณิทฐา แสวงทอง รอง ผวจ.ตรัง 4.นายธีรชัย ทศรฐ รอง ผวจ.สุพรรณบุรี 5.นายธีรวัฒน์ สุดสุข รอง ผวจ.ระยอง 6.ว่าที่ร้อยตรี นิรันดร์ ดุจจานุทัศน์ รอง ผวจ.นครราชสีมา 7.นายบำรุง รื่นบรรเทิง รอง ผวจ.ลพบุรี 8.นายประจวบ กันธิยะ รอง ผวจ.ลำปาง 9.นายประจวบ อาจารพงษ์ รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน 10.นายประจินต์ ธารศิริสิน รอง ผวจ.สมุทรสงคราม 11.นายประมวล มุ่งมาตร รอง ผวจ.อ่างทอง 12.นายพงษ์ศักดิ์ คารวานนท์ รอง ผวจ.พังงา 13.นายพรชัย ถมกระจ่าง รองผวจ.เลย,14.นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ รอง ผวจ.ศรีสะเกษ 15.นายไพโรจน์ แก้วแดง รอง ผวจ.กำแพงเพชร 16.นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ รอง ผวจ.นครศรีธรรมราช 17.นายมนัส ขันใส รอง ผวจ.เชียงใหม่ 18.นายมานิต อนรรฆมาศ รอง ผวจ.อุตรดิตถ์ 19.นายเมธี สุพรรณฝ่าย รอง ผวจ.สกลนคร 20.นายยงยุทธ สิงห์ธวัช รอง ผวจ.สมุทรสงคราม 21.นายรัฐฐะ สิริธรังศรี รอง ผวจ.อ่างทอง 22.นายวัชรพงษ์ โพธิ์สูง รอง ผวจ.น่าน 23.นายวิสิษฎ์ พวงเพชร รอง ผวจ.ชลบุรี 24.เรือโทศตวรรษ อนันตกูล รอง ผวจ.ชลบุรี 25.นายสมเกียรติ ตันตระกูล รอง ผวจ.ลำปาง 26.นายสมโภช โชติชูช่วง รอง ผวจ.กระบี่ 27.นายสมศักดิ์ จันทรสมบัติ รอง ผวจ.พิจิตร 28.นายสัญชัย ขจรเวหาศน์ รอง ผวจ.ปราจีนบุรี 29.นายสำราญ นันทนีย์ รองผวจ.ชัยนาท 30.นายสุมิตร เกิดกล่ำ รอง ผวจ.สุโขทัย 31.นายสุรชัย มณีประกร รอง ผวจ.พิษณุโลก,ในสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยยังมีตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูงเกษียณด้วย คือ 1.นายนราวุฒิ จันทร์ทอง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครพนม 2.นางสาวมยุรี เพ็ชร์พนมพร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสระบุรี 3.ว่าที่ร้อยตำรวจตรีรัชพล วงศ์สวัสดิ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดยะลา 4. นายสง่า บัวระดก หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงราย 5.นายสถาพร พงษ์นาค หัวหน้าสำนักงานจังหวัดหนองคาย 6.นางสุพิตรา สิงหะพล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดพัทลุง 7.นางสาวหงษ์ทอง อภิวงศ์ปัญญา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสกลนคร 8.นายอำนวย เกิดแก้ว หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี 9.นายเอกชัย รัตนโสภา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดมหาสารคาม,ถึงผู้ว่าฯจะเกษียณน้อยแต่ตำแหน่งรองผู้ว่าฯกลับว่างมากถึงกว่า 30 อัตรา ทำให้การเลื่อนไหลเป็นไปคล่องตัวพอสมควร.,ซี.12
ปีนี้นับเป็นปีที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเกษียณอายุราชการไม่มากนักคือมีเพียง 9 ราย และเมื่อนับรวมกับผู้ตรวจราชการกระทรวงและอธิบดีกรมการปกครองเกษียณด้วยแล้วทำให้มีตำแหน่งสำหรับนักบริหาร
null
ผู้ว่าราชการจังหวัด,เกษียณอายุราชการ,ผู้ว่าราชการจังหวัดเกษียณอายุ,เกษียณอายุ,เกษียณ,มุมข้าราชการ,ซี.12,ราชการ
https://www.thairath.co.th/news/politic/1646895
อนาคตตลาดมือถือไทย หลังการประมูลคลื่นครั้งใหม่ ใครรุ่ง ใครร่วง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ออกประกาศเรื่องการขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคม ย่าน 895-905 MHz/940-950 MHz โดยเชิญชวนผู้สนใจติดต่อขอรับเอกสารการประมูลได้จนถึงวันที่ 17 พฤษภาคม และกำหนดให้ยื่นเอกสารและวางหลักประกันการประมูลในวันที่ 18 พฤษภาคม จากนั้นจะจัดประมูลในวันที่ 27 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ในคำสั่งดังกล่าว ได้กำหนดราคาตั้งต้นการประมูลที่ 75654 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาชนะประมูลเดิม รวมถึงกำหนดหลักประกันการประมูล 3783 ล้านบาท ซึ่งก็คือประมาณร้อยละ 5 ของราคาตั้งต้นนั่นเอง และยังได้ขยายระยะเวลาคุ้มครองมิให้ซิมดับไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนหรือจนกว่าจะออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ชนะการประมูล แล้วแต่กรณีใดจะถึงกำหนดก่อน ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าหากจัดประมูลหลังเหตุการณ์ซิมดับ มูลค่าคลื่นอาจจะต่ำลงกว่าเดิม จนอาจไม่มีผู้เข้าร่วมประมูล การขยายระยะเวลาครั้งนี้จึงเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้บริโภคที่จะได้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และประโยชน์โดยตรงต่อรัฐที่จะได้รายได้ไม่ต่ำกว่าเดิมแม้ปรากฏว่าภายหลังคำสั่งและประกาศดังกล่าว หลายฝ่ายเริ่มห่วงกังวลต่อการประมูลครั้งใหม่นี้ในหลายประเด็น ได้แก่ ราคาตั้งต้นการประมูลที่สูงจะมีผู้เข้าร่วมประมูลหรือไม่ การเปิดโอกาสให้กลุ่มทรูซึ่งชนะการประมูลไปแล้วหนึ่งล็อตเข้าร่วม หากชนะในครั้งนี้อีกจะเกิดการผูกขาดคลื่นความถี่ 900 MHz หรือไม่ ค่ายมือถือที่ไม่เข้าร่วมหรือไม่ชนะการประมูลครั้งใหม่จะหมดอนาคตในตลาดมือถือไทยหรือไม่แต่เหนืออื่นใด การเลือกวิธีการประมูลแทนที่จะใช้อำนาจเบ็ดเสร็จจัดสรรคลื่นให้กับค่ายหนึ่งค่ายใดที่เสนอตัวขอรับคลื่นต่อจากผู้ทิ้งคลื่น สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อความโปร่งใสและการแข่งขันในการจัดสรรคลื่น ซึ่งเป็นจุดแข็งของวิธีการประมูลคลื่นความถี่ แม้ว่าในที่สุดผู้เสนอตัวอาจเป็นผู้ชนะการประมูลก็ได้ แต่เป็นการชนะบนความโปร่งใสและการเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันอย่างเต็มที่ และลดความคลางแคลงหรือคำครหาที่อาจเกิดตามมาได้ในประเด็นเรื่องราคาตั้งต้นการประมูลที่สูงนั้น น่าจะมาจากการให้ความสำคัญกับความเสียหายต่อรัฐหากจะกำหนดราคาต่ำลง และยังให้ความเป็นธรรมกับผู้ชนะการประมูลที่มาชำระเงินแล้วว่า ผู้ชนะครั้งใหม่จะมีภาระต้นทุนในระดับเดียวกัน ไม่ใช่ผู้ชนะครั้งใหม่ได้คลื่นในราคาถูกลงมาก ซึ่งในระยะยาวส่งผลให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขันราคาคลื่นที่สูงในครั้งก่อนเกิดจากปัจจัยการมีผู้เล่นรายใหม่เข้าร่วมแข่งขันในการประมูล ทำให้ทุกรายยืนหยัดเสนอราคาเกิน 70000 ล้านบาท แต่ครั้งนี้ไม่น่าจะมีรายใหม่เข้าร่วม เพราะมีเวลาเตรียมตัวประมูลจำกัดมาก ความดุเดือดในการประมูลก็คงลดลงมาก แต่น่าจะยังมีผู้เข้าร่วมประมูลในระดับราคาที่สูงนี้ ด้วยปัจจัย 2 ประการ คือ1) ความจำเป็นของผู้ให้บริการรายเก่าซึ่งก็คือกลุ่มเอไอเอส ที่ต้องจัดการปัญหาซิมดับของผู้บริโภคกว่า 7 ล้านเลขหมาย ซึ่งแม้ว่าจะหามาตรการอื่นมาแก้ขัด แต่ประสบผลสำเร็จไม่มากเท่าที่ควร จนในที่สุดต้องเสนอตัวขอรับคลื่นที่ถูกทิ้งในราคาชนะประมูลเดิม และเมื่อมีการขยายระยะเวลาคุ้มครองมิให้ซิมดับ ก็ไม่น่าแปลกใจถ้าจะเห็นกลุ่มเอไอเอสเข้าร่วมประมูลในราคาที่เสนอตัวไว้ นอกจากนั้น หากปล่อยให้คู่แข่งถือครองคลื่นเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจนในเรื่องคุณภาพสัญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือไม่อดทนต่อความช้าของการรับส่งข้อมูลอีกต่อไป2) ความต้องการชิงส่วนแบ่งการตลาดของค่ายมือถือที่กวาดคลื่นทุกย่านจากการประมูลทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นย่าน 2100 1800 และ 900 MHz ซึ่งก็คือกลุ่มทรูนั่นเอง แต่ก็คงต้องจับตาดูว่าในที่สุดกลุ่มทรูจะตัดสินใจอย่างไร โดยมีโอกาสเกิดได้ทั้งสองด้าน คือ เข้าร่วมประมูล เพราะต้นทุนที่จะเพิ่มก็มีเพียงแค่ต้นทุนค่าคลื่นหากชนะประมูล ส่วนต้นทุนโครงข่าย 900 MHz อย่างไรเสียก็ต้องลงทุนตามข้อกำหนดการประมูลที่ชนะไปก่อนแล้ว และหากชนะก็ยังอาจช่วงชิงผู้บริโภคกว่า 7 ล้านเลขหมายที่ยังคงใช้งานเฉพาะคลื่น 900 MHz เท่านั้นเข้ามาเป็นลูกค้าของตนแต่การชนะประมูลครั้งใหม่นี้ ก็หมายความว่า หนี้ที่เกิดจากการประมูลคลื่น 1800 และ 900 MHz ของค่ายนี้ในระยะเวลาประมาณครึ่งปีที่ผ่านมา จะสูงถึงเกือบสองแสนล้านบาท ถ้าไม่นับประโยชน์จากการครอบครองคลื่น 900 MHz แต่เพียงผู้เดียวแล้ว ก็อาจเป็นภาระที่หนักเกินความจำเป็น เพราะไม่ว่าจะชนะหรือไม่ กลุ่มทรูก็มีคลื่นแทบทุกย่านไว้ให้บริการในแทบทุกพื้นที่ของประเทศไทยได้อยู่แล้ว และในอนาคตก็น่าจะยังคงมีการประมูลคลื่นย่าน 800 และ 700 MHz ซึ่งเป็นโอกาสของค่ายอื่นที่จะช่วงชิงคลื่นความถี่ย่านต่ำกว่า 1 GHz อยู่ดี การผูกขาดคลื่นความถี่ย่านต่ำกว่า 1 GHz จึงไม่อาจเกิดขึ้นได้จริง ส่วนการช่วงชิงลูกค้าที่ซิมจะดับนั้น การแจกซิมฟรีแจกเครื่องฟรีที่ทำอยู่ในปัจจุบันก็ใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าการชนะประมูลคลื่นหลายเท่าตัว ด้วยสมมติฐานนี้ จึงเป็นไปได้ว่ากลุ่มทรอาจที่จะเข้าหรือไม่เข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ ก็เป็นไปได้ทั้งสองทาง คำตอบสุดท้ายจึงอยู่ที่วันที่ 18 พฤษภาคมว่า กลุ่มทรูจะมายื่นเอกสารและวางหลักประกันหรือไม่ส่วนกลุ่มดีแทคนั้น เป็นรายแรกที่ออกจากการประมูลครั้งที่ผ่านมา และหลังจากประมูลไม่ชนะ ก็ได้ลงทุนเพิ่มเติมบนคลื่นภายใต้สัมปทานที่มีอยู่เดิม การประมูลครั้งใหม่นี้ แม้จะไม่เข้าร่วมประมูลก็จะไม่ส่งผลเปลี่ยนแปลงต่อแผนธุรกิจที่วางไว้ แต่หากเข้าร่วมก็จะเพิ่มความเข้มข้นของการแข่งขันในการประมูล ทั้งนี้ หากเจ้าตัวคาดการณ์ว่าจะไม่ชนะประมูลตั้งแต่แรกแต่เข้าร่วมประมูล ต้นทุนดอกเบี้ยที่เกิดจากการวางหลักประกันการประมูล 3873 ล้านบาท ก็จะเสียเปล่าไปไม่น้อย จึงคาดได้ว่า คงไม่มีใครมาประมูลเล่นๆ ถ้าเข้าร่วมคือเอาจริง ถ้าไม่เอาจริงก็คงไม่เข้าร่วม และกลุ่มดีแทคเองยังมีโอกาสช่วงชิงคลื่น 1800 MHz ที่จะสิ้นสุดสัมปทานในอีกสองปีข้างหน้ารวมประมาณ 50 MHz ซึ่งเพียงพอที่จะจัดสรรได้ไม่น้อยกว่า 2 ใบอนุญาต โอกาสทางธุรกิจจึงยังเปิดกว้างอยู่ และการประกาศลงทุนเพิ่มหลังไม่ชนะการประมูลเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็สะท้อนว่า ตลาดมือถือของไทยในสายตากลุ่มดีแทคยังน่าลงทุนอยู่ นอกจากนี้ใบอนุญาตของคลื่น 2100 MHz ก็ยังมีอายุถึงปี 2570 จึงไม่มีเหตุผลที่กลุ่มดีแทคจะถอนตัวจากตลาดมือถือแต่อย่างใด แม้หากในท้ายที่สุดจะตัดสินใจไม่เข้าร่วมประมูลในครั้งใหม่นี้ก็ตามแต่ไม่ว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมูลมากน้อยเพียงใด คาดการณ์ได้ว่าการประมูลจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และรัฐจะได้รายได้จากการประมูลคลื่นครั้งใหม่ไม่ต่ำกว่าเดิม เพียงแต่หากมีผู้เข้าร่วมประมูลมากราย รายได้ก็อาจจะเพิ่มขึ้นได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายคงต้องยอมรับความจริงว่าราคา 75654 ล้านบาทนี้ คือราคาที่เกิดจากการแข่งขันอย่างดุเดือดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเป็นราคาที่สูงมากแล้ว โอกาสที่จะเห็นราคาสูงมากขึ้นไปกว่านี้ คงมีไม่มากนักภารกิจต่อเนื่องที่ กสทช. ต้องดำเนินการหลังจากสร้างให้เกิดการแข่งขันในการประมูลแล้ว คือการสร้างให้เกิดการแข่งขันในการให้บริการภายหลังการประมูลด้วย ซึ่งสิ่งที่ต้องลงมือทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การจัดทำโรดแมปการจัดสรรคลื่นความถี่ และหากจะป้องกันการผูกขาดการถือครองคลื่นก็ต้องกำหนดเพดานการถือครองคลื่นความถี่ทั้งในระดับภาพรวม (Overall Spectrum Cap) และในระดับย่านความถี่ (Band Cap) โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านความถี่ต่ำกว่า 1 GHz ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นด้านความครอบคลุมพื้นที่ให้บริการ ตลอดจนการส่งเสริมให้เกิดการให้บริการข้ามโครงข่าย (Roaming) ภายในประเทศ ดังนั้นแม้ว่าจะมีรายใดถือครองคลื่นย่านใดย่านหนึ่งไปทั้งย่าน ค่ายมือถือรายอื่นก็ยังสามารถเปิดบริการผ่านระบบโรมมิ่งได้อยู่ดีนอกจากนี้ หากจะส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในตลาดมือถือ ก็จำเป็นต้องส่งเสริมให้เกิดผู้ให้บริการรายใหม่ รวมถึงผู้ให้บริการมือถือบนโครงข่ายเสมือน (MVNO) เพิ่มขึ้น ซึ่งในต่างประเทศพิสูจน์แล้วว่า ในกรณีไม่สามารถเพิ่มผู้ให้บริการมือถือรายใหม่ แต่การเพิ่มผู้ให้บริการ MVNO ก็สามารถเพิ่มการแข่งขันในตลาดมือถือและเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้เช่นกันและถึงที่สุดหากยังห่วงกังวลกันว่าจะเกิดการผูกขาดในตลาดมือถือและส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค มาตรการที่ กสทช. จะต้องนำออกมาใช้ คือ การกำหนดผู้มีอำนาจเหนือตลาดและมาตรการเฉพาะในการกำกับดูแล และหากเห็นว่ามีการกำหนดค่าบริการที่เอาเปรียบผู้บริโภค กสทช. ก็สามารถกำหนดอัตราขั้นสูงของค่าบริการมือถือเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคได้อีกทางหนึ่งด้วยสรุปได้ว่าการใช้อำนาจในการจัดประมูลคลื่นครั้งใหม่ น่าจะเป็นการแก้ปัญหา มากกว่าการก่อปัญหา และทำให้รัฐไม่เสียประโยชน์ เป็นการกู้สถานการณ์และจำกัดความเสียหายที่เกิดจากการทิ้งคลื่น อย่างไรก็ตาม หากเกิดผลกระทบบางประการก็ยังมีมาตรการในการจัดการผลกระทบที่มีประสิทธิภาพ และการจัดประมูลครั้งนี้จะไม่ทำให้ค่ายมือถือค่ายใดต้องออกไปจากตลาดมือถือเมืองไทยอย่างแน่นอน
ในที่สุดคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งที่ 16/2559 เรื่องการประมูลคลื่นความถี่เพื่อกิจการโทรคมนาคม เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา และในวันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
ไอซีที,เศรษฐกิจ
กสทช.,คลื่นความถี่,ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา,โทรศัพท์มือถือ
https://prachatai.com/journal/2016/04/65347