title
stringlengths 2
223
| body
stringlengths 496
195k
| summary
stringlengths 34
1.83k
| type
stringlengths 4
98
⌀ | tags
stringlengths 2
1.52k
⌀ | url
stringlengths 27
112
|
---|---|---|---|---|---|
มาคาโรว่า-ซัวเรซ คว้าแชมป์เทนนิสคู่ผสมยูเอส โอเพ่น | การแข่งขันเทนนิสยูเอส โอเพ่น ที่ฟลัชชิ่ง เมโดว์ส ประเทศสหรัฐอเมริกา รอบชิงชนะเลิศ ประเภทคู่ผสม วานนี้ (6 ก.ย.) เป็นการพบกัน เอคาเทริน่า มาคาโรว่า จากรัสเซีย กับ บรูโน่ ซัวเรซ จากบราซิล พบกับ เควต้า เพชเค่ จากสาธารณรัฐเช็ก กับ มาร์ซิน มัตคอฟสกี้ ปรากฎว่า มาคาโรว่า กับ ซัวเรซ ชนะ เควต้า เพชเค่ กับ มาร์ซิน มัตคอฟสกี้ คะแนน 6-7 ไทเบรก 8-106-1 และซุปเปอร์ไทเบรก 12-10ส่วนการแข่งขันประเภทชายเดี่ยว รอบ 8 คนสุดท้าย ดาวิด แฟร์แรร์ มือวางอันดับ 4 ของรายการจากสเปน ชนะยานโก้ ทิปซาเรวิช นักเทนนิส เซอร์เบีย 6-36-7 ไทเบรก 5-72-66-37-6 ไทเบรก 7-4 ทำให้แฟร์แรร์ ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับผู้ชนะระหว่างโนวัค โยโควิช นักเทนนิสเซอร์เบียมือวางอันดับ 2 ของรายการกับมาร์ติน เดล ปอโตร | เอคาเทริน่า มาคาโรว่า กับ บรูโน่ ซัวเรซ นักเทนนิสคู่ผสม ชนะ เควต้า เพชเค่ กับ มาร์ซิน มัตคอฟสกี้ คว้าแชมป์คู่ผสม เทนนิสยูเอส โอเพ่น | กีฬา | นักเทนนิสคู่ผสม,บรูโน่ ซัวเรซ,เทนนิสยูเอส โอเพ่น,เอคาเทริน่า มาคาโรว่า,แชมป์คู่ผสม | https://news.thaipbs.or.th/content/109712 |
เพื่อไทย เลือดไหลหนัก ไม่ต่ำกว่า 30 คน ซบ พลังประชารัฐ | เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ภายหลังพ้นเส้นกำหนดสำหรับผู้ประสงค์จะลงสมัคร ส.ส. ต้องเป็นสมาชิกพรรค 90 วัน ภายในวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามที่โรดแม็ปกำหนดจะมีการเลือกตั้ง วันที่ 24 ก.พ.62 ซึ่งในส่วนพรรคพลังประชารัฐ ได้มีบิ๊กเนม นักการเมืองระดับหัวแถวคนสำคัญจากพรรคต่างๆ ย้ายมาสังกัดจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 คน ซึ่งต้องยกผลงานให้กับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ในฐานะมือประสาน ได้ทำให้กระแสของพรรคมีความคึกคักลงไปในระดับชุมชน หมู่บ้าน อำเภอ ทั่วประเทศ และเพื่อให้การทำงานของพรรคสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งให้สอดคล้องกับ รัฐธรรมนูญปี 60 พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และกฎกติกาต่างๆ , ,อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทาง พรรคพลังประชารัฐ ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์ของพรรค โดยมี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค เป็นประธาน และแกนนำระดับหัวแถวของแต่ละกลุ่มแต่ละภาคร่วมเป็นคณะทำงาน เช่น นายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส.นครราชสีมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำสามมิตร นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้ากลุ่มชลบุรี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค เป็นต้น โดยมีหน้าที่วางกลยุทธ์การเลือกตั้งของพรรคในแต่ละช่วงให้สอดคล้องกับโรดแม็ปการเลือกตั้ง รวมถึงการสื่อสารนโยบายของพรรคออกไปสู่สาธารณะอย่างเป็นระบบ และให้สอดคล้องกับสภาพสังคมในแต่ละภูมิภาคอีกด้วย,นอกจากนี้ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพรรค ที่ 1/2561 แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้ง โดยให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นประธาน พร้อมด้วยกรรมการอีก 13 ราย ประกอบด้วย นายอนุชา นาคาศัย, นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข, นายภิญโญ นิโรจน์, นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว, นายเอกภาพ พลซื่อ, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์, นายธีระยุทธ วานิชชัง, นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช, นายบุญสิงห์ วรินทรักษ์, นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นกรรมการและโฆษก, น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นกรรมการและเลขานุการ และนายภิรมย์ พลวิเศษ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ,สำหรับจำนวนตัวเลขเบื้องต้นอดีต ส.ส.แบบแบ่งเขตจากพรรคต่างๆ ที่ย้ายเข้าพรรคพลังประชารัฐ พบว่าอดีต ส.ส.เพื่อไทย นำโด่งเข้าสมัครสมาชิกไม่ต่ำกว่า 30 คน อาทิ จากกลุ่มอดีต ส.ส.กำแพงเพชร ของ นายวราเทพ รัตนากร กลุ่มอดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ ของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ และกลุ่มอดีต ส.ส.นครราชสีมาของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นต้น,ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มีไม่ต่ำกว่า 20 คน อาทิ อดีต กปปส. และอดีต ส.ส.กทม. ทั้ง นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายสกลธี ภัทธิยกุล กลุ่มอดีต ส.ส.กาญจนบุรี นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ กลุ่มอดีต ส.ส.จันทบุรี นายธวัชชัย อนามพงษ์ นายแสนคม อนามพงษ์ ส่วนอดีตส.ส.พรรคภูมิใจไทย มีมาไม่ต่ำกว่า 5 คน ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน คือนพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ เป็นต้น. | พลังประชารัฐ กวาดบิ๊กเนมการเมือง พาก๊วนเข้าพรรคไม่ต่ำกว่า 100 คน เพื่อไทย แห่ซบ ไม่ต่ำกว่า 30 คน สนธิรัตน์ นั่งหัวหน้ายุทธศาสตร์ เตรียมตัวสู่โหมดเลือกตั้ง สมศักดิ์ นำทีมหาเสียง | เลือกตั้ง | เพื่อไทยซบพลังประชารัฐ,เพื่อไทยทะลักพลังประชารัฐ,เพื่อไทยเลือดไหล,พลังประชารัฐ,เลือกตั้ง | https://www.thairath.co.th/news/politic/1431398 |
ผู้นำชุมชน 66.1% เชื่อ รัฐโปร่งใส จัดสรรเงินกองทุนหมู่บ้าน | เมื่อวันที่ 7 ก.ย. รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพลล์ (Master Poll) เรื่อง มุมมองของแกนนำชุมชนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและความสำเร็จของกองทุนหมู่บ้าน/ชุมชน: กรณีศึกษาตัวอย่างแกนนำชุมชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,045 ตัวอย่าง โดยผลสำรวจการติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อมวลชนในรอบ 30 วันที่ผ่านมา พบว่า แกนนำชุมชนร้อยละ 58.6 ติดตามทุกวัน/เกือบทุกวัน ร้อยละ 27.1 ระบุติดตาม 3-4 วันต่อสัปดาห์ ร้อยละ 7.7 ระบุติดตาม 1-2 วันต่อสัปดาห์ ร้อยละ 5.8 ระบุติดตามเป็นบางสัปดาห์ ในขณะที่ร้อยละ 0.8 ระบุไม่ได้ติดตามเลย,เมื่อสอบถามความรู้สึกของแกนนำชุมชนต่อเศรษฐกิจของประเทศ จากการติดตามข้อมูลข่าวสารในรอบ 30 วันที่ผ่านมา พบว่า แกนนำชุมชนร้อยละ 53.3 ระบุรู้สึกเชื่อมั่นมากขึ้นที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา อย่างไรก็ตามแกนนำชุมชนร้อยละ 42.2 ระบุยังรู้สึกวิตกกังวลกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ ในขณะที่ร้อยละ 4.5 ระบุเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร,ส่วนความคิดเห็นของแกนนำชุมชนต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้นั้น พบว่า แกนนำชุมชนร้อยละ 31.8 ระบุเศรษฐกิจดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 28.5 ระบุดีเหมือนเดิม ร้อยละ 18.9 ระบุแย่เหมือนเดิม และร้อยละ 20.8 ระบุแย่ลง อย่างไรก็ตามเมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศในอีก 6 เดือนข้างหน้า ผลการสำรวจพบว่าแกนนำชุมชนประมาณ 2 ใน 3 หรือร้อยละ 68.2 ระบุเชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 14.8 ระบุดีเหมือนเดิม ร้อยละ 10.8 ระบุแย่เหมือนเดิม และ ร้อยละ 6.2 ระบุคิดว่าจะแย่ลงกว่านี้,นอกจากนี้ แกนนำชุมชนยังได้แสดงความคิดเห็นต่อแนวทางที่คิดว่ารัฐบาลควรใช้เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยร้อยละ 99.4 ระบุเห็นด้วยว่ารัฐบาลควรรณรงค์ปลูกฝังจิตสำนึกรักแผ่นดินอย่างจริงจัง ใช้สินค้าไทยบริโภคสินค้าไทย ร้อยละ 99.3 ระบุต้องเพิ่มความโปร่งใสในการใช้งบประมาณ และเพิ่มบทลงโทษขั้นสูงสุดสำหรับการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐฯ ร้อยละ 99.1 ระบุการสนับสนุนกลุ่มชาวบ้านสร้างสรรค์สินค้าท้องถิ่นให้มีมูลค่าทางตลาดมากขึ้น,ขณะที่ ร้อยละ 98.5 ระบุเห็นด้วยว่าควรมีการส่งเสริมการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างจริงจัง ร้อยละ 98.1 ระบุเห็นด้วยว่า ควรส่งเสริมและสนับสนุนการทำอาชีพเสริม เช่น การฝึกฝีมือแรงงาน การคัดสรรผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และน่าเชื่อถือมาช่วยงานการบริหารประเทศ และเร่งปรับภูมิทัศน์ และเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานของการคมนาคมให้เหมาะสมกับการเป็นเมืองท่องเที่ยวในสัดส่วนที่เท่ากัน นอกจากนี้ร้อยละ 97.8 ระบุเห็นด้วยว่าควรจัดให้มีหน่วยงานให้ความรู้ด้านการออม และร้อยละ 97.7 ระบุควรปรับสมดุลราคาสินค้าให้มีความสอดคล้องกับรายได้ค่าแรงขั้นต่ำ ตามลำดับ,ประเด็นสำคัญ คือ เมื่อสอบถามความคิดเห็นของแกนนำชุมชนเกี่ยวกับความพร้อมของหมู่บ้าน/ชุมชนของตนในการจัดสรรเงินกองทุนหมู่บ้านให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งผลการสำรวจพบว่าแกนนำชุมชนส่วนใหญ่คือร้อยละ 90.8 ระบุพร้อมแล้ว ในขณะที่ร้อยละ 3.6 ระบุยังไม่พร้อม โดยให้เหตุผลว่า จำนวนงบประมาณไม่เพียงพอกับความต้องการของชาวบ้าน ชาวบ้านมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน สภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านในหมู่บ้าน/ชุมชนยากลำบากมาก ชาวบ้านยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ทั้งนี้ แกนนำชุมชน ร้อยละ 5.6 ระบุไม่แน่ใจว่าพร้อมหรือไม่,สำหรับความเชื่อมั่นของแกนนำชุมชนต่องบประมาณภาครัฐที่จัดสรรลงไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นนั้น ผลการสำรวจพบว่า แกนนำชุมชนมากกว่าครึ่งหนึ่งคือร้อยละ 66.1 ระบุเชื่อมั่นว่าการจัดสรรดังกล่าวจะเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และเอื้อประโยชน์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง เพราะประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน มีการดำเนินงานที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมโดยชาวบ้านในพื้นที่ คณะกรรมการทำงานอย่างโปร่งใส มีการดำเนินงานเป็นระบบ มีระเบียบ รวมถึงมีความเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบ และเชื่อมั่นรัฐบาล ร้อยละ 9.9 ระบุไม่เชื่อมั่น เพราะเกรงว่าอาจจะมีการเล่นพรรคเล่นพวกอยู่ เอื้อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง กลัวเงินไม่ทั่วถึง ชาวบ้านยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินงานอย่างแท้จริง ทั้งนี้ แกนนำชุมชนร้อยละ 24.0 ระบุยังไม่แน่ใจ,ประเด็นสำคัญสุดท้ายเมื่อสอบถามความคิดเห็นของแกนนำชุมชน กรณีคนไทยควรทำอย่างไรในสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศ ซึ่งผลการสำรวจพบว่า แกนนำชุมชนส่วนใหญ่คือร้อยละ 87.8 ระบุคนไทยควรเสียสละแบ่งปันกันมากกว่า ในขณะที่ร้อยละ 12.2 ระบุควรต่างคนต่างอยู่เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดก่อน ตามลำดับ. | มาสเตอร์โพลล์เผย ผู้นำชุมชน 31.8% มองศก.รอบ 6 เดือน ดีขึ้น ส่วนใหญ่ 90.8% ยัน มีความพร้อมจัดสรรเงินกองทุนหมู่บ้าน ขณะที่ 66.1% เชื่อ รัฐดำเนินการโปร่งใส | null | กองทุนหมู่บ้าน,กระตุ้นเศรษฐกิจ,แกนนำชุมชน,จัดสรรเงินกองทุนหมู่บ้าน,เศรษฐกิจไทย,เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล,มาสเตอร์โพลล์,ผู้นำชุมชน,ความพร้อมจัดสรรเงินกองทุนหมู่บ้าน,ข่าวเศรษฐกิจ,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าว | https://www.thairath.co.th/content/523462 |
ประชาชนลุ่มน้ำอีสาน จี้รัฐถอด พ.ร.บ. น้ำ เหตุลิดรอนสิทธิชุมชน | เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน เสนอรัฐบาลถอดถอนร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ(ฉบับกรมทรัพยากรน้ำ) ออกจาการพิจารณา ชี้เป็นกฎหมายที่ให้อำนาจรัฐมากเกินไป และอาจกระทบสิทธิชุมชนเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2558 เวลา 10.00 น. เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน(กป.อพช.อีสาน) สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ และเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมตัวแทนชาวบ้านลุ่มน้ำมูล น้ำชี น้ำพอง แก่งละหว้า กว่า 50 คน ได้จัดแถลงข่าวต่อกรณีการผลักดันพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ โดยใช้ชื่อการแถลงข่าวครั้งนี้ว่า หยุดเหยียบย่ำ พ.ร.บ.น้ำ (ฉบับประชาชน)สิริศักดิ์ สะดวก ผู้ประสานงานเครือประชาชนลุ่มน้ำอีสานกล่าวว่า การป้องกันและการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง จะต้องให้คนในท้องถิ่นในลุ่มน้ำนั้นๆ เข้าไปมีส่วนร่วม แต่เนื้อหาในร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำน้ำ ฉบับของกรมทรัพยากรน้ำนี้ คือการรวบอำนาจ ให้อำนาจกับรัฐในการจัดสรรแล้วก็บริหารจัดการน้ำ และไม่ได้มีการเปิดให้ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ฉะนั้นฉบับกรมทรัพยากรน้ำจึงเป็นการลิดรอนสิทธิ์ในการจัดการทรัพยากรน้ำในชุมชนของคนลุ่มน้ำในอีสานอดย่างชัดเจนเขากล่าวต่อว่า หากร่าง พ.ร.บ. ฉะนั้นนี้ผ่านการพิจารณา เท่ากับเป็นการให้อำนาจรัฐในการบริหารจัดการน้ำ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ในมาตรา 6 ของร่างเขียนไว้ว่า รัฐจะมีอำนาจพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ โดยสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของแหล่งน้ำ หรือขยายพื้นที่ของแหล่งน้ำนั้นได้ เพราะฉะนั้นแค่เรื่องมาตรา 6 ของกรมทรัพยากรน้ำเป็นการให้อำนาจกับรัฐในการที่จะเปลี่ยนแปลงแหล่งน้ำต่าง ๆ โดยที่มีบทบังคับใดๆ ว่าต้องฟังเสียงประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นการปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าไปแสดงความคิดเห็น นอกจากนี้ยังละเลยเรื่องของการศึกษาผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วยผมมองว่าคนอีสานจะได้รับผลกระทบมากเพราะว่า วิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำมันเกี่ยวข้อง และสัมพันธ์โดยตรงซึ่งใครจะมาตัดขาดจากกันไม่ได้ นับตั้งแต่การดำรงชีวิตโดยการเกษตร และวิถีการหาปลา ฉะนั้นสิ่งที่ประชาชนต้องการคือ การบริหาร หรือการจัดการทรัพยากรน้ำ ที่พวกเรามีส่วนร่วมสิริศักดิ์ กล่าวเขากล่าวต่อไปว่า ในส่วนของภาคประชาชนเองได้มีความพยายามในการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ(ฉบับประชาชน) ซึ่งจะเป็นการการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น ในการบริหารจัดการน้ำที่เหมาะสมกับชุมชน และเป็นกฏหมายที่ให้คนในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังโดยที่ไม่เบี่ยงเบนจากหลักการของคนในท้องถิ่น ดังนั้นเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสานจึงมีข้อเสนอคือ ให้รัฐบาลถอดถอนร่างพระราชบัญญัติ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ(ฉบับกรมทรัพยากรน้ำ) ออกโดยทันที เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม หรือแสดงความคิดเห็น การที่จะนำร่างทรัพยากรน้ำ ฉบับกรมทรัพยากรน้ำไปพิจารณาถือว่าไม่มีความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน ในขณะที่เครือข่ายลุ่มน้ำในภาคอีสานยังสนับสนุนรูปแบบในการจัดการน้ำของชุมชนที่เข้าถึงทรัพยากร ในการอนุรักษ์ และฟื้นฟูระบบนิเวศในแต่ละท้องถิ่นนั้น ๆด้าน ปัญญา คำลาภ จากสมาคมคนทาม กล่าวว่า สถานการณ์ในพื้นที่ลุ่มน้ำมูล ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม 2558 เริ่มมีการขุดลอกแม่น้ำมูลในเขตอำเภอราศีไศล ซึ่งชาวบ้านและคนในพื้นที่ไม่มีใครรู้ว่าจะมีการขุดลอกแม่น้ำมาก่อน นอกจากชาวบ้านจะไม่รู้ข้อมูลแล้ว เทศบาล อบต. ผู้ใหญ่บ้าน อำเภอ ไม่รู้เรื่องมาก่อนเขากล่าวต่อว่า ทรัพยากรธรรมชาติริมฝั่งถูกทำลายโดยเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ จากริมฝั่งทามที่เคยอุดมสมบูรณ์มีป่าบุ่งป่าทามที่เป็นแหล่งหาอยู่หากินของคนในพื้นที่ หาของป่า หาไข่มดแดง หามันแซง หาหน่อไม้ และหาปลา ความอุดมสมบูรณ์เหล่านี้ เริ่มเปลี่ยนแปลงไปด้าน อกนิษฐ์ ป้องภัย กรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำ ของรัฐมีแนวโน้ม ที่จะพัฒนาแหล่งเก็บน้ำเพื่อตอบสนองการที่ภาคเมืองขยาย ตอบสนองเกษตรกรรมที่ใช้สารเคมี การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และตอบสนองต่อภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากโน้มการพัฒนาประเทศมันเป็นแบบไปในลักษณะนั้นเขากล่าวต่อว่า ประเด็นหนึ่งที่ภาคประชาชนมีความกังวลคือ การให้รัฐมีอำนาจมากเกินไป อาจจะมีการดำเนินโครงการต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยที่ไม่ฟังเสียงของประชาชน ฉะนั้นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นคือ การให้อำนาจกับประชาชนด้วย เพื่อที่จะออกแบบ และจัดสรรทรัพยากรน้ำร่วมกัน เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของภาคประชาชน หรือมีส่วนในการตัดสินใจในการทำโครงการของรัฐ หรือทำอย่างไรไม่ให้โครงการของรัฐเข้ามาละเมิดสิทธิชุมชนการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤติน้ำท่วม น้ำแล้ง ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในแต่ละลุ่มน้ำ เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความเสมอภาค และมีความเป็นธรรมอย่างยั่งยืน รวมทั้งการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำเพื่อให้ประชาชนลุ่มน้ำได้ดำรงวิถีชีวิตร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างปกติสุขทางเครือข่ายลุ่มน้ำภาคอีสานเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ(ฉบับประชาชน) เป็นร่างกฏหมายที่สร้างการมีส่วนร่วมในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกภูมิภาค และยังเป็นร่างกฎหมายที่ให้ความสำคัญในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งความหลากหลายทางวัฒนธรรมทางชีวภาพอย่างสมดุลยั่งยืนและเป็นธรรม ที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้คิดค้นรูปแบบการจัดการน้ำที่เหมาะสมกับนิเวศนั้นๆ เช่น รูปแบบการจัดการน้ำในภูมิภาคอีสานทั้งลุ่มน้ำมูน ลุ่มน้ำชี ซึ่งมีรูปแบบระหัดวิดน้ำ ฝายหินทิ้ง ระบบคันนา ระบบกุด แก่ง ห้วย เป็นต้น การบริหารจัดการน้ำจึงมีความยึดโยงกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม จารีตประเพณี และความเชื่อของแต่ละนิเวศที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามเมื่อประชากรเพิ่มจำนวนมากขึ้น ความต้องการใช้น้ำในภาคส่วนต่างๆ จึงเพิ่มสูงขึ้น แต่จะต้องมีการจัดสรรน้ำให้ทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียมตามต้นทุนน้ำที่มีอยู่และต้องไม่ทำลายระบบนิเวศของแหล่งน้ำด้วย จึงนำมาซึ่งการจัดการทรัพยากรน้ำสอดคล้องกับพื้นที่นั้นๆในขณะที่กรมทรัพยากรน้ำ มีความพยายามที่จะนำเสนอร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ อีกฉบับ เป็นร่างที่กล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำแบบรวมศูนย์อำนาจ ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนท้องถิ่นในฐานะผู้มีส่วนได้เสียเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามลุ่มน้ำ ตลอดจนให้อำนาจการจัดสรรทรัพยากรน้ำแก่รัฐมากเกินไป ซึ่งการยกรางพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ (ฉบับกรมทรัพยากรน้ำ) ซึ่งมีสาระสำคัญแตกต่างกันออกไปจากร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ(ฉบับประชาชน)อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะใน มาตรา 6 ได้ให้อำนาจแก่หน่วยงานรัฐสามารถพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ โดยการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของแหล่งน้ำหรือขยายพื้นที่ของแหล่งน้ำได้ แต่ถ้าเป็นการลดพื้นที่หรือให้เลิกใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องดำเนินการถอนสภาพตามประมวลกฎหมาย ซึ่งเป็นอีกมาตราที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศของลำน้ำโดยไม่ต้องศึกษาผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมเครือข่ายลุ่มน้ำภาคอีสาน เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ(ฉบับกรมทรัพยากรน้ำ) เป็นร่างที่ลิดรอนสิทธิชุมชน ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม จึงมีข้อเสนอต่อร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ (ฉบับกรมทรัพยากรน้ำ) ดังนี้1.ให้รัฐบาลถอดถอนร่างพระราชบัญญัติน้ำ (ฉบับกรมทรัพยากรน้ำ) ออกโดยทันที เนื่องจากในสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม และแสดงความคิดเห็น ย่อมทำให้ร่าง พ.ร.บ.น้ำ (ฉบับกรมทรัพยากรน้ำ)ไม่มีความชอบธรรม2.เครือข่ายลุ่มน้ำภาคอีสานยังสนับสนุนแนวทางและกระบวนการจัดการน้ำในรูปแบบของชุมชนที่เข้าถึงทรัพยากร อนุรักษ์ และฟื้นฟูระบบนิเวศในแต่ละท้องถิ่นนั้นๆ ดังปรากฏในร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ(ฉบับประชาชน) แต่ร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ(ฉบับกรมทรัพยากรน้ำ)มีความเบี่ยงเบนจากหลักการสำคัญดังกล่าวขอแสดงความนับถือเครือข่ายลุ่มน้ำภาคอีสาน22 ธันวาคม 2558น้ำ เป็นของประชาชนทุกคนรัฐจะรวบอำนาจบริหารจัดการไม่ได้ | เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน เสนอรัฐบาลถอดถอนร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ(ฉบับกรมทรัพยากรน้ำ) ออกจาการพิจารณา ชี้เป็นกฎหมายที่ให้อำนาจรัฐมากเกินไป และอาจกระทบสิทธิชุมชน เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2558 เวลา 10.00 | คุณภาพชีวิต,สิทธิมนุษยชน,สิ่งแวดล้อม | การบริหารจัดการน้ำ,ทรัพยากร,ปัญญา คำลาภ,พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ,สิริศักดิ์ สะดวก,อกนิษฐ์ ป้องภัย,เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน | https://prachatai.com/journal/2015/12/63146 |
รวบแก๊งค้ายา ซุกไอซ์ชุดชั้นใน ขึ้นเครื่องจากเชียงรายเข้า กทม. | เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 พ.ย.58 พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้ ผกก.สภ.แม่สาย จ.เชียงราย สืบทราบว่ามีแก๊งขนยาเสพติดจากชายแดนแม่สายไปส่งภาคใต้ จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สีหนาท นิลสุข รอง ผกก.ป. สภ.แม่สาย พ.ต.ต.เทคนิค จันสี สว.สส.สภ.แม่สาย วางแผนสืบสวนหาข่าวติดตามขบวนการไปถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ,พบนายวันชัย อินทนนท์ อายุ 39 ปี บ้าน เลขที่ 96 หมู่ 2 ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย และ น.ส.ธนพร ชูเกาะทวด อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 24 หมู่ 6 ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช กำลังเดินลงจากรถปิกอัพโตโยต้าสีเทา ทะเบียน บย 2775 เชียงราย เตรียมขึ้นเครื่อง ปลายทางกรุงเทพฯ ตรงตามที่สายรายงาน จึงเข้าแสดงตัวขอทำการตรวจค้น พบยาไอซ์ 3 ก้อน น้ำหนักรวม 422 กรัม ซุกซ่อนไว้ในชุดชั้นใน และกางเกงใน ของ น.ส.ธนพร,จากการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ซื้อยาไอซ์มาจากนายนเรศ บุญถา และนัดส่งมอบกันที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน สายห้วยไคร้-แม่สาย บ้านโป่ง ม.8 ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จึงควบคุมตัวไปตรวจค้นบ้านพักนายวันชัย ที่ ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน ที่หัวเตียงในห้องนอนพบยาไอซ์ 3 ก้อน น้ำหนักรวม 342 กรัม ยาบ้า 354 เม็ด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังขยายผลไปจับนายนเรศ บุญถา อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 49 ม.6 ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน ตรวจค้นพบยาไอซ์ 1 ถุง ยาบ้า 2 เม็ด ภายในบ้านเลขที่ดังกล่าว จึงแยกนายนเรศ ส่ง สภ.แม่จัน ดำเนินคดี ส่วนนายวันชัย และ น.ส.ธนพร ควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลต่อ,อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 และ มทบ.37 ฝ่ายปกครองจะร่วมกันแถลงข่าวที่ บก.ภ.เชียงราย อีกครั้งในวันที่ 15 พ.ย.นี้ | ตร.เชียงราย รวบแก๊งค้ายาซุกไอซ์ 422 กรัม ภายในชุดชั้นใน เตรียมขึ้นเครื่องจากเชียงรายเข้า กทม. เจ้าหน้าที่คุมสอบขยายผล | ข่าว,ทั่วไทย | ยาเสพติด,แก๊งค้ายา,ยาไอซ์,ซุกซ่อน,ชุดชั้นใน,เครื่องบิน,เที่ยวบิน,เชียงราย,กรุงเทพฯ,ขยายผล,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,ข่าวภูมิภาค,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/news/local/539452 |
เจาะลึก 5 สถิติที่ควรรู้ก่อนเกมบิ๊กแมตช์ ลิเวอร์พูล-สเปอร์ส (คลิป) | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 30 มี.ค. ว่า หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีโปรแกรมเปิดสนาม แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือน ไก่เดือยทอง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ในเกมลีกนัดที่ 32 ของฤดูกาล 2018-19 ในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคมนี้ เวลา 22.30 น. ตามเวลาประเทศไทย,สำหรับ 5 สถิติที่ควรรู้มีดังนี้,1. ลิเวอร์พูล แพ้ เพียงนัดเดียวจาก 24 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีกในบ้านบ้านที่พบกับ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ (ชนะ 15 เสมอ 8 แพ้ 1),2. แฮร์รี เคน ของ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ มีส่วนร่วม 4 ประตูจากการลงสนาม 4 นัดที่พบกับ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ (3 ประตู 1 แอสซิสต์),3. เมาริซิโอ โปเชตติโน กุนซือของ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ไม่เคยชนะ เยอร์เกน คลอปป์ ที่แอนฟิลด์ได้เลยตลอดการพบกัน 4 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ (ชนะ 0 เสมอ 2 แพ้ 2),4. ไม่มีนักเตะคนไหนที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้มากกว่า ซาดิโอ มาเน ของลิเวอร์พูล (9 ประตู),5. ซน เฮือง มิน ทำประตูไม่ได้ใน 5 นัดหลังสุดที่ลงเล่นให้กับ ทอตแนม ฮอตสเปอร์. | เจาะลึก 5 สถิติที่ควรรู้ระหว่าง ลิเวอร์พูล ที่เตรียมเปิดสนาม แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ในเกมลีกนัดที่ 32 ของฤดูกาล 2018-19 | กีฬา,ฟุตบอลยุโรป | ลิเวอร์พูล,ทอตแนม ฮอตสเปอร์,พรีเมียร์ลีก | https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/1531661 |
ถูกกว่าซื้อ ตปท. วศ.ทบ.ใช้ยางไทยผลิตหน้ากากกันแก๊สพิษใช้เอง | ,เมื่อวันที่ 19 ก.ค.60 พล.ต.วิโรจน์ ศิลาอาสน์ เจ้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารบก (วศ.ทบ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตนได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานต่างๆในกองทัพบก และเชิญ รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ นักวิชาการด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เข้าร่วมด้วย เพื่อมาหารือถึงการดำเนินการผลิตหน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ หรือหน้ากากกันแก๊สพิษขึ้นมาใช้เอง แทนการซื้อจากต่างประเทศ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการให้เร่งนำยางพาราในประเทศมาผลิตยุทโธปกรณ์ใช้เอง และในการเยี่ยมชมผลงานวิจัย ซึ่งนำไปจัดแสดงที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา นายกฯยังได้ย้ำเรื่องการผลิตยุทโธปกรณ์ใช้เอง โดยบอกว่าไปทำอะไรกันอยู่ เราทำได้เองและถูกกว่า โดยใช้วัสดุในประเทศ ใช้ยางพาราของเราผลิตและทำเลย โดยให้ของบประมาณกลางผลิตออกมาก่อน ดังนั้น วศ.ทบ.ของบประมาณกลางของรัฐบาลจำนวน 150 ล้านบาท เพื่อดำเนินการผลิตอย่างเร่งด่วน,พล.ต.วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกองทัพบกต้องสั่งซื้อหน้ากากป้องกันสารเคมีและแก๊สพิษ เพื่อนำมาใช้ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจากสารเคมีรั่วไหล จากต่างประเทศในปริมาณมากต่อปี และมีแนวโน้มว่าราคาหน้ากากจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น วศ.ทบ.จึงได้ทำวิจัยร่วมกับนักวิชาการจากมก.เพื่อดำเนินการผลิตหน้ากากฯ ขึ้นมาใช้เองเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยเบื้องต้นจะขอใช้งบฯ กลางของรัฐบาลประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อผลิตหน้ากากฯ จำนวน 50,000 อัน ราคาต่อชิ้นไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งถูกกว่าการไปสั่งซื้อจากต่างประเทศหลายเท่า เช่น สั่งซื้อจากประเทศเกาหลีชิ้นละ 20,000-60,000 บาท หากเปรียบเทียบกับราคาในปัจจุบันที่ต้องใช้เงินภาษีมากถึง 4,000 ล้านบาท,พล.ต.วิโรจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนการผลิตหน้ากากฯ จะเป็นขบวนการที่ผลิตในประเทศโดยโรงงานของคนไทย ตั้งแต่การขึ้นรูปหน้ากากฯ และการผลิตชิ้นส่วนไส้กรอง โดยมี วศ.ทบ.เป็นผู้ควบคุมมาตรฐานการผลิตให้สอดคล้องกับผลงานวิจัยและมาตรฐานหน้ากากฯ ขององค์การป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ และตรงตามความต้องการจริงของกำลังพลในกองทัพบก โดยจะจัดซื้อยางพาราจากชาวสวนยางของไทย เพื่อมาเป็นวัสดุในการผลิตหน้ากากฯ คาดว่า วศ.ทบ.จะเริ่มผลิตหน้ากากฯ และทดสอบจนผ่านมาตรฐานสามารถนำแจกจ่ายให้แก่กำลังพลในกองทัพบกได้ประมาณสิ้นปีนี้ ตามความต้องการของนายกฯ ที่ต้องการให้เร่งดำเนินการ, ,รายงานข่าว แจ้งว่า โครงการทุนวิจัยด้านพัฒนายุทโธปกรณ์ของกองทัพ เป็นความร่วมมือระหว่างทางกองทัพบก และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ สกอ.โดยมี รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ นักวิชาการด้านเคมี มก. และนายทหารจาก วศ.ทบ. เป็นหัวหน้าโครงการและผู้รับทุน แต่มีข่าวว่าขณะนี้โครงการดังกล่าวอาจจะต้องยุติ เนื่องจากมีนายทหารกลุ่มหนึ่งต้องการแปรงบฯ จากโครงการนี้ เพื่อไปจัดซื้อที่นอนยางจากต่างประเทศ | วศ.ทบ.เร่งผลิตหน้ากากกันแก๊สพิษจากยางพารา แทนการสั่งซื้อจาก ตปท. เหตุถูกกว่า คาดสิ้นปีผลิต ทดสอบมาตรฐาน นำแจกจ่ายกำลังพล ตามนโยบายนายกฯ | ข่าว,การเมือง | หน้ากากกันแก๊สพิษ,ยางพารา,วศ.ทบ.,ยุทโธปกรณ์,กองทัพ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1009767 |
2 ปี คอป.เสนอ 13 ข้อไขปมขัดแย้ง | เรื่อสถาบันกษัตริย์ สถาบันทหาร การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การนิรโทษกรรม ฯลฯ17 ก.ย.55 ที่โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ถนนรัชดา คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) แถลงข่าวถึงรายงานการศึกษาการค้นหาความจริงเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2553 ฉบับสมบูรณ์ หลังจากทำงานจนครบวาระ 2 ปี โดยภายหลังการนำเสนอที่มาของปัญหาในเชิงโครงสร้าง และข้อมูลรายละเอียดในประเด็นสำคัญของเหตุการณ์ความรุนแรงแล้ว ยังได้มีการนำเสนอข้อเสนอแนะของ คอป.ต่อทุกฝ่ายโดยแบ่งเป็น 13 ข้อ มีประเด็นสำคัญ ได้แก่ ขอให้ทุกฝ่ายไม่เผยแพร่ข้อมูลที่ยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังและความรุนแรงระหว่างกัน โดยหยิบเอาประเด็นบางส่วนเฉพาะที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตนเองมานำเสนอ นำหลักยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาปรับใช้ร่วมกับหลักกระบวนการยุติธรรมในทางอาญา หากจะมีกฎหมายนิรโทษกรรม จะต้ที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมถูกตั้งข้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดถือหลักประชาธิปไตย หลักธรรมาภิบาล และการเคารพสิทธิมนุษยชน หากมีปัญหาที่เกิดจากความบกพร่ รัฐบาลควรมีความมุ่งมั่นและมีเจตจำนงทางการเมืองในการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และแก้ไขปัญหาพื้นฐานของสังคมไทย โดยมีมาตรการทางกฎหมายหรือนโยบายที่ลดความเหลื่อมล้ำในรูปแบบต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการพัฒนาที่เสมอภาค การเร่งรัดให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชาชนยังมิได้รับทราบข้อมูลอย่างรอบด้าน อาจทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจ จึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปอย่างถูกต้องตามหลักการและกระบวนการที่กำหนด มีการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจัดให้มีเวทีสาธารณะหรือสานเสวนาเพื่ออภิปรายถกเถียงเกี่ยวกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และการใช้อำนาจขององค์กรตามรัฐธรรมนูญว่ามีปัญหาอย่างไรและควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไรขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการกล่าวอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อประโยชน์ในทางการเมืองไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม รัฐควรสนับสนุนให้สังคมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับสถานะและบทบาทของสถาบันกษัตริย์ที่สอดคล้องกับพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้กฎหมายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมือง รัฐบาลและรัฐสภาควรพิจารณาแก้ไขกฎหมายหมิ่นสถาบันซึ่งมีปัญหาในการบังคับใช้ที่มีการระวางโทษสูงเกินสัดส่วนของความผิด จำกัดดุลพินิจของศาลในการกำเนิดโทษที่เหมาะสม และการเปิดโอกาสให้บุคคลใดๆ สามารถกล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีได้ แต่ประเด็นนี้มีความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง รัฐจึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบด้วยความระมัดระวัง ในระหว่างที่ยังไม่มีการแก้ไขกฎหมายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐพึงระมัดระวังในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว โดยไม่ใช้อย่างกว้างขวางเกินไปกว่าที่กฎหมายบัญญัติเรียกร้องทุกฝ่ายหยุดใช้สื่อเพื่อปลุกระดมมวลชนหรือยั่วยุให้ใช้ความรุนแรง สื่อทุกแขนงต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมตามกรอบจรรยาบรรณวิชาชีพ นำเสนอข้อมูลอย่างครบถ้วนและรอบด้าน โดยไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง นอกจากนี้ สื่อควรเพิ่มบทบาทในการคลี่คลายวิกฤตความขัดแย้งในประเทศ โดยทำหน้าที่เป็นพื้นที่สาธารณะแก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ที่มีความเห็นในสายกลาง (moderates) เพื่อลดบทบาทของผู้ที่มีความเห็นแบบสุดโต่ง (extremists) ส่วนรัฐต้องไม่ปิดสื่อหรือเข้าไปมีอิทธิพลใดๆ ต่อสื่อ สนับสนุนการควบคุมกันเองและให้ประชาชนมีบทบาทในการตรวจสอบ เรียกร้องให้กองทัพและผู้นำกองทัพวางตัวเป็นกลาง งดเว้นการก่อรัฐประหาร ไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองและไม่แทรกแซงทางการเมืองอย่างเคร่งครัดไม่ว่าในทางใด นอกจากนี้ สังคมหรือกลุ่มการเมืองจะต้องไม่เรียกร้องหรือสนับสนุนให้กองทัพเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมือง โดยทุกฝ่ายต้องยึดหลักการว่ากองทัพต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง (Civilian control)เรียกร้องให้ผู้นำและผู้ร่วมชุมนุมใช้เสรีภาพในการชุมนุมด้วยความสงบ เรียบร้อย ไม่ใช้อาวุธ หรือสิ่งอื่นใดเยี่ยงอาวุธ ต้องยึดมั่นในวิถีทางสันติวิธีและไม่ใช้ความรุนแรงอย่างเคร่งครัด ขอให้รัฐบาลใช้ความระมัดระวังอย่างสูงต่อการนำกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงมาบังคับใช้เพื่อจัดการสถานการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน รัฐต้องไม่สั่งการให้ทหารควบคุมฝูงชน แต่ควรให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เรียกร้องให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชุมนุม ให้ความคุ้มครองและอำนวยความสะดวกแก่หน่วยแพทย์ พยาบาล การขนส่งทางแพทย์ หน่วยบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชุมนุม และขอให้ทุกฝ่ายใช้เครื่องหมายกาชาดอย่างถูกต้องเรียกร้องให้รัฐบาลและทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูหลักศีลธรรมและจริยธรรมเพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยให้มีสันติภาพและส่งเสริมสันติวิธี รัฐควรส่งเสริมให้สถาบันศาสนามีบทบาทในการลดความขัดแย้ง ยุติการใช้ความรุนแรง เยียวยาจิตใจผู้ที่ได้รับผลกระทบ ให้รัฐบาลและสื่อมวลชนนำเสนอและเผยแพร่รายงานฉบับสุดท้ายของ คอป. ซึ่งเป็นการเปิดเผยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้งรากเหง้าของความขัดแย้งและเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางในการสร้างความปรองดอง ให้ประชาชนและได้รับรู้อย่างกว้างขวาง=========================================================คอป. มีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่อาจกระตุ้นให้ความขัดแย้งยกระดับไปสู่การใช้ความรุนแรงได้ คอป.เห็นว่า สังคมไทยควรตระหนักว่าประเทศชาติได้รับความเสียหายและบอบช้ำจากปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคมมาเป็นเวลานานแล้ว และควรนำวิกฤตการณ์ความรุนแรงในอดีตมาเป็นบทเรียนเพื่อระลึกถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นและร่วมกันประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้ความประเทศต้องประสบกับเหตุการณ์ความรุนแรงอีก รวมทั้งช่วยกันนำพาสังคมไทยให้ก้าวข้ามความขัดแย้งไปสู่ความปรองดองคอป.ขอเรียกร้องให้รัฐและทุกภาคส่วนในสังคมนำข้อเสนอแนะของคอป.ไปปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดผลต่อการปรองดองอย่างเป็นรูปธรรม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม และไม่เลือกปฏิบัติตามเฉพาะข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น โดย คอป.มีข้อเสนอแนะอันเป็นแนวทางในการสร้างความปรองดองของชาติ ดังนี้คอป.เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันรักษาบรรยากาศของการปรองดอง ลดทัศนคติในการเอาชนะกันและประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรง รวมทั้งไม่เผยแพร่ข้อมูลที่ยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังหรือความรุนแรงระหว่างกัน โดยเฉพาะภาคการเมืองต้องไม่นำข้อได้เปรียบทางการเมืองหรือใช้พื้นที่ทางการเมืองเพื่อทำให้ประเด็นความขัดแย้งขยายตัวเพียงเพื่อความได้เปรียบเฉพาะหน้า ในการดำเนินกระบวนการปรองดอง รัฐบาลและภาคการเมืองต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยไม่พยายามรวบรัดหรือเร่งรัดกระบวนการปรองดอง อีกทั้งรัฐมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลและมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อให้ผู้ที่มีความเห็นที่แตกต่างกันได้มีพื้นที่ทำความเข้าใจร่วมกัน โดยเฉพาะในประเด็นที่เป็นรากเหง้าของปัญหาความขัดแย้งปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้หยั่งรากลึกถึงปัญหาที่โยงใยกันอย่างซับซ้อนในระดับโครงสร้างขั้นพื้นฐานทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง คอป.จึงขอให้ทุกฝ่ายเรียนรู้และทำความเข้าใจสาเหตุของความขัดแย้ง เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาพื้นฐานและก้าวข้ามความขัดแย้งไปสู่การปรองดอง สำหรับการเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความขัดแย้งและเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น คอป.มีความห่วงใยอย่างยิ่งว่า อาจมีข้อเท็จจริงไปขยายผลทำให้ปัญหาความขัดแย้งบานปลาย เช่น การเลือกเฉพาะข้อเท็จจริงเพียงบางส่วนที่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตนมานำเสนอต่อสาธารชนอย่างไม่รอบด้าน เพื่อโจมตีคู่ขัดแย้งฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการเปิดเผยข้อเท็จจริง คอป. จึงขอให้ทุกฝ่ายงดเว้นการกระทำที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในลักษณะดังกล่าวอนึ่ง แม้ คอป.จะสิ้นสุดวาระการดำเนินงานแล้ว กระบวนการปรองดองก็ต้องดำเนินต่อไปโดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย คอป.เห็นว่า รัฐควรส่งเสริมกลไกต่างๆ ซึ่งมีความเป็นกลาง เพื่อสนับสนุนให้กระบวนการปรองดองเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐควรสนับสนุนด้านงบประมาณโดยไม่แทรกแซงการทำงานของกลไกดังกล่าว ตัวอย่างเช่น การจัดตั้งเครือข่ายด้านการปรองดองในชาติซึ่งอาจเกิดจากการรวมกลุ่มของบุคคลซึ่งเป็นกลางและเป็นตัวแทนจากทุกภาคส่วนในสังคม ซึ่งประสงค์จะมีบทบาทนำในกระบวนการปรองดองตามวิถีประชาธิปไตยและแนวทางของสันติวิธีคอป.เห็นว่า ทุกฝ่ายควรทำความเข้าใจและนำหลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice) มาปรับใช้แบบองค์รวม โดยไม่เลือกเพียงมาตรการใดมาตรการหนึ่งที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตนมาใช้ และคำนึงว่าหลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านมิได้ยกเลิกกระบวนการยุติธรรมหลัก เพียงแต่เป็นกลไกที่ยืดหยุ่นเหมาะสมกับสภาพสังคมไทยที่กำลังก้าวผ่านความขัดแย้งไปสู่การปรองดอง การนำหลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านมาใช้เริ่มจากการเปิดเผยความจริงและสร้างกระบวนการเรียนรู้ความจริงในหมู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ความจริงที่เปิดเผยนี้จะนำไปสู่การดำเนินคดี การเยียวยา หรือการดำเนินการเพื่อแสดงความรับผิดชอบอย่างอื่นที่เหมาะสมคอป.เห็นว่าผู้กระทำความผิดต้องมีความรับผิดชอบตามกฎหมาย (accountability) โดยรัฐต้องนำตัวผู้กระทำผิดทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งต้องดำเนินไปอย่างเสมอภาคและไม่เลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม คอป.เห็นว่า การกระทำความผิดอาญาในระหว่างที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบหรือสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองสูงนั้น มีมูลเหตุประการหนึ่งมาจากความแตกต่างของอุดมการณ์ทางการเมืองและมีการปลุกเร้าให้เกิดความเคียดแค้น ซึ่งบางกรณีผู้กระทำความผิดมิใช่ผู้ร้ายหรืออาชญากรโดยกมลสันดาน ดังนั้น จึงควรนำหลักความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice) มาปรับใช้ร่วมกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญา (Criminal Justice) ที่มุ่งลงโทษทางอาญาแต่เพียงอย่างเดียว เพื่อฟื้นฟูสัมพันธภาพระหว่างคู่ขัดแย้งและอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกฝ่ายรัฐบาลต้องเยียวยาและฟื้นฟูเหยื่อและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทุกฝ่ายอย่างจริงจัง เป็นระบบ และต่อเนื่อง ครอบคลุมความเสียหายลักษณะต่างๆ โดยไม่จำกัดเฉพาะการเยียวยาด้วยตัวเงินเท่านั้น เช่น การฟื้นฟูสภาพจิตใจ การฟื้นฟูเกียรติยศของเหยื่อ การให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย เป็นต้น อีกทั้งรัฐบาลควรจัดทำบันทึกความทรงจำ จดหมายเหตุ หรือสร้างสัญลักษณ์ความทรงจำให้แก่สาธารณชน เพื่อเตือนใจให้ระลึกถึงเหตุการณ์ความรุนแรงเป็นบทเรียนที่ทุกฝ่ายจะร่วมกันป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ คอป.ขอให้รัฐเร่งเยียวยากลุ่มผู้ที่ถูกดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม โดยถูกตั้งข้อหารุนแรงเกินสมควรและไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราวด้วยจากข้อเท็จจริงและรากเหง้าของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ฝ่ายต่างๆ ย่อมมีส่วนรับผิดชอบไม่มากก็น้อย ผู้นำทุกฝ่ายโดยเฉพาะนายยกรัฐมนตรีที่บริหารประเทศขณะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง และ/หรือนายกรัฐมนตรีซึ่งบริหารประเทศในปัจจุบันควรแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำรัฐบาลต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยการกล่าวขอโทษต่อสาธารณชน (public apology) เนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นจากรัฐขาดกลไกที่มีประสิทธิภาพในการจัดการความขัดแย้งโดยสันติวิธี รวมทั้งแสดงเจตจำนงที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงขึ้นอีกในอนาคต คอป.ขอให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า การขอโทษเป็นเงื่อนไขจำเป็นที่จะนำไปสู่การปรองดอง ทั้งเป็นการเยียวยาโดยคำนึงถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรีของเหยื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองในสังคมไทย และช่วยรักษาบรรยากาศของการปรองดองในชาติคอป. เห็นว่าการเคลื่อนไหวเพื่อผลัคอป. เห็นว่าการนิรโทษกรรมจะต้คอป. ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติในช่วงที่ผ่านมา กระบวนการยุติธรรมถูกตั้งข้รัฐควรมีความเข้าใจที่ถูกต้คอป. ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดถืรัฐต้องนำหลักธรรมาภิบาล หรือระบบการบริหารจัดการที่ดี (good governance) มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้การบริหารปกครองประเทศ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยมีกลไกในการตรวจสอบและถ่วงดุรัฐต้องคุ้มครองและประกันสิทธิตราบใดที่รากเหง้าของปัญหาความขัดแย้งยังมิได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง โดยเฉพาะปัญหาพื้นฐานต่างๆ เช่น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การครอบครองทรัพยากรที่ไม่เท่าเทียมกัน การกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม เป็นต้น สังคมไทยจะอยู่ในสภาพที่มีความขัดแย้งซึ่งบ่มเพาะอยู่และอาจปะทุกลายเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงได้ คอป. จึงเห็นว่ารัฐบาลควรมีความมุ่งมั่นและมีเจตจำนงทางการเมืองในการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และแก้ไขปัญหาพื้นฐานของสังคมไทย โดยมีมาตรการทางกฎหมายหรือนโยบายที่ลดความเหลื่อมล้ำในรูปแบบต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการพัฒนาที่เสมอภาค ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างความเป็นธรรมในสังคม รวมถึงการมุ่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประชาชนและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ทั้งนี้ รัฐบาลควรคำนึงถึงสิทธิและเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยกระจายอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ริเริ่มและดำเนินการแทน ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยและการเมืองภาคประชาชนให้เข้มแข็งการเร่งรัดให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชาชนยังมิได้รับทราบข้อมูลอย่างรอบด้านและไม่เข้าใจกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจต่อกระบวนการดังกล่าวได้ คอป. จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล รัฐสภา ภาคการเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้องตระหนักว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเป็นไปโดยสอดคล้องกับหลักนิติธรรม หลักความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ และดำเนินไปอย่างถูกต้องตามหลักการและกระบวนการที่กำหนด ทั้งนี้ คอป. ขอย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยรัฐต้องให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้อง สามารถเข้าใจประเด็นปัญหาและความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอดจนให้ข้อคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้คอป.เห็นว่า รัฐต้องจัดให้มีเวทีสาธารณะหรือสานเสวนาเพื่ออภิปรายถกเถียงเกี่ยวกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และการใช้อำนาจขององค์กรตามรัฐธรรมนูญว่ามีปัญหาอย่างไรและควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลที่รอบด้าน และสามารถพิจารณาผลดีผลเสียรวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้อย่างรอบคอบ กระบวนการดังกล่าวจะทำให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่ประชาชนเป็นเจ้าของโดยแท้จริง โดยรัฐควรปลูกฝังให้ประชาชนเกิดความตระหนักว่าประชาชนเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ รู้สึกเคารพและหวงแหนรัฐธรรมนูญ บนพื้นฐานของความเข้าใจร่วมกันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถกระทำได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการที่รัฐธรรมนูญนั้นบัญญัติไว้การดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวโยงกับประเด็นและความขัดแย้งทางการเมือง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีส่วนทำให้ปัญหาความขัดแย้งบานปลายจนเกิดความแตกแยกของประชาชนและส่งผลร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และประเทศชาติ คอป. จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการกล่าวอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อประโยชน์ในทางการเมืองไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมและแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง นอกจากนี้ คอป. เห็นว่ารัฐควรสนับสนุนให้สังคมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับสถานะและบทบาทของสถาบันกษัตริย์ที่สอดคล้องกับพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และส่งเสริมให้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และให้มีเวทีให้บุคคลที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์โดยสันติวิธีคอป. ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้กฎหมายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกำจัดคู่ขัดแย้ง เพราะไม่ส่งผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และยังเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความปรองดอง คอป. เห็นว่ารัฐบาลและรัฐสภาควรพิจารณาแก้ไขกฎหมายหมิ่นสถาบันซึ่งมีปัญหาในการบังคับใช้ที่มีการระวางโทษสูงเกินสัดส่วนของความผิด จำกัดดุลพินิจของศาลในการกำเนิดโทษที่เหมาะสม และการเปิดโอกาสให้บุคคลใดๆ สามารถกล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีได้ แต่ประเด็นนี้มีความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง รัฐจึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบด้วยความระมัดระวังว่าจะไม่ทำให้ความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น โดยอาจศึกษาแนวทางจากประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมาปรับใช้ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขกฎหมายที่เหมาะสมในระหว่างที่ยังไม่มีการแก้ไขกฎหมายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐพึงระมัดระวังในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว โดยไม่ใช้อย่างกว้างขวางเกินไปกว่าที่กฎหมายบัญญัติ และไม่นำมาตรการทางอาญามาใช้อย่างเคร่งครัดจนเกินสมควรโดยขาดทิศทางและไม่คำนึงถึงความละเอียดอ่อนของคดี รัฐต้องส่งเสริมการใช้ดุลพินิจของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมให้เป็นไปในแนวทางที่เหมาะสมและเป็นเอกภาพ รวมถึงสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานร่วมกันอย่างบูรณาการโดยมีกลไกในการกำหนดนโยบายทางอาญาที่เหมาะสม สามารถจำแนกลักษณะคดี และกลั่นกรองคดีที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาจากความหนักเบาของพฤติกรรม เจตนาและสถานภาพของผู้กระทำ บริบทโดยรวมของสถานการณ์ รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินคดีโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดขึ้นจากการถวายพระเกียรติยศสูงสุดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสำคัญสื่อเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดความแตกแยก และทำให้ความขัดแย้งในสังคมยกระดับเป็นความรุนแรง โดยเฉพาะการนำเสนอของสื่อที่บิดเบือน กระตุ้นให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech) หรือให้ใช้ความรุนแรง คอป. ขอเรียกร้องทุกฝ่ายหยุดใช้สื่อเพื่อปลุกระดมมวลชนหรือยั่วยุให้ใช้ความรุนแรง สื่อทุกแขนงต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมตามกรอบจรรยาบรรณวิชาชีพ นำเสนอข้อมูลอย่างครบถ้วนและรอบด้าน โดยไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง นอกจากนี้ สื่อควรเพิ่มบทบาทในการคลี่คลายวิกฤตความขัดแย้งในประเทศ โดยทำหน้าที่เป็นพื้นที่สาธารณะแก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ที่มีความเห็นในสายกลาง (moderates) เพื่อลดบทบาทของผู้ที่มีความเห็นแบบสุดโต่ง (extremists) และมุ่งให้เกิดความรุนแรง นอกจากนี้ คอป. เห็นว่าองค์กรวิชาชีพสื่อควรมีมาตรการควบคุมสื่อและบุคลากรในวิชาชีพสื่อที่กระทำผิดมาตรฐานจรรยาบรรณอย่างจริงจัง และฝึกอบรมพนักงานถึงความสำคัญของอุดมการณ์และจริยธรรมในวิชาชีพ รวมถึงวิธีการปฏิบัติงานสื่อสารมวลชนในภาวะความขัดแย้งซึ่งมีการใช้ความรุนแรง ข้อควรปฏิบัติของสื่อมวลชนภาคสนาม และข้อควรคำนึงเกี่ยวกับการนำเสนอข่าวที่มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์รัฐต้องมีมาตรการเพื่อสนับสนุนการทำงานของสื่อให้เป็นไปอย่างอิสระ และสนับสนุนให้มีกลไกป้องกันการแทรกแซงและคุกคามสื่อด้วยอิทธิพลใดๆ และรัฐต้องแก้ปัญหาโครงสร้างความเป็นเจ้าของสื่อเพื่อป้องกันการครอบงำสื่อ และควรออกกฎหมายคุ้มครองบุคลากรในกิจการสื่อมวลชนให้สามารถนำเสนอข้อมูลข่าวสารได้โดยอิสระอย่างแท้จริง คอป.เห็นว่ารัฐรัฐต้องดำเนินการในการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เกี่ยวกับเสรีภาพสื่อมวลชนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เนื่องจากเป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์รัฐต้องไม่ใช้มาตรการปิดสื่อหรือเข้าไปมีอิทธิพลใดๆ ต่อสื่อ และต้องสนับสนุนการพัฒนากลไกในการควบคุมกันเองในทางมาตรฐานจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อมวลชน โดยปราศจากการแทรกแซง นอกจากนี้รัฐควรให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับบทบาทและความรับผิดชอบของสื่อ เพื่อให้ประชาชนมีบทบาทในการตรวจสอบสื่อมากกว่าเป็นเพียงผู้บริโภคสื่อ และในระยะยาวรัฐต้องส่งเสริมการจัดตั้งสมาคมคุ้มครองผู้บริโภคสื่อการแทรกแซงทางการเมืองของกองทัพและทหาร โดยเฉพาะการรัฐประหาร ส่งผลให้สังคมไทยขาดโอกาสเรียนรู้ที่จะจัดการความขัดแย้งทางการเมืองตามครรลองแห่งระบอบประชาธิปไตย และทำให้เกิดความไม่พอใจแก่กลุ่มที่เห็นว่าอำนาจอธิปไตย สิทธิ และผลประโยชน์ของตนถูกคุกคามจากการรัฐประหารโค่นล้มอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อันทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลายยิ่งขึ้น คอป.ขอเรียกร้องให้กองทัพและผู้นำกองทัพวางตัวเป็นกลาง งดเว้นการก่อรัฐประหาร ไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมืองและไม่แทรกแซงทางการเมืองอย่างเคร่งครัดไม่ว่าในทางใด นอกจากนี้ สังคมหรือกลุ่มการเมืองจะต้องไม่เรียกร้องหรือสนับสนุนให้กองทัพเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมือง โดยทุกฝ่ายต้องยึดหลักการว่ากองทัพต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง (Civilian control) อีกทั้ง รัฐและกองทัพต้องสร้างทหารอาชีพที่มีความรู้ความสามารถ และปลูกฝังจิตสำนึกให้ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย และตรวจสอบได้ตามหลักธรรมาภิบาล นอกจากนี้ คอป.เห็นว่ารัฐควรตั้งผู้ตรวจการกองทัพ (Ombudsman) แห่งรัฐสภาด้วยการใช้กำลังทหารเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศมักนำไปสู่ความรุนแรง คอป.เห็นว่ารัฐต้องไม่ใช้กำลังทหารเข้าแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศและการชุมนุมของประชาชนโดยเด็ดขาด เนื่องจากลักษณะของกองทัพไม่เหมาะสมต่อการแก้ไขปัญหาภายในประเทศและการควบคุมฝูงชน รัฐต้องปรับปรุงระบบการควบคุมและกำกับอาวุธของกองทัพให้มีประสิทธิภาพและมีมาตรการขจัดปัญหาอาวุธที่ผิดกฎหมาย การค้าอาวุธ และมาตรการเพื่อลดอาวุธในมือประชาชน หรือลุ่มองค์กรอาชญากรรมต่างๆ นอกจากนี้ กองทัพต้องมีมาตรการที่เข้มงวดและได้ผลในด้านการป้องกันและด้านวินัยต่อพฤติกรรมของทหารนอกแถวที่มีบทบาทกับกลุ่มการเมือง กลุ่มอิทธิพล และผลประโยชน์ต่างๆ ธุรกิจสีเทาหรือธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้เกียรติภูมิของกองทัพเสื่อมเสีย โดย คอป.เห็นว่า รัฐควรแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ.๒๔๗๖ ให้สามารถลงโทษทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ทหารได้ทุกระดับเสรีภาพในการชุมนุมเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ต้องได้รับการรับรองจากรัฐ แต่การใช้เสรีภาพดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย คอป.ขอเรียกร้องให้ผู้นำและผู้ร่วมชุมนุมใช้เสรีภาพในการชุมนุมด้วยความสงบ เรียบร้อย ไม่ใช้อาวุธ หรือสิ่งอื่นใดเยี่ยงอาวุธ ต้องยึดมั่นในวิถีทางสันติวิธีและไม่ใช้ความรุนแรงอย่างเคร่งครัด งดเว้นพฤติกรรมหรือการใช้ถ้อยคำที่กระตุ้นให้เกิดความเกลียดชัง หรือใช้ความรุนแรง รวมทั้งพฤติกรรมที่ท้าทาย หรือยั่วยุให้เจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชุมนุมใช้ความรุนแรง คอป.เห็นว่าผู้นำการชุมนุมต้องแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่มีการชุมนุมโดยละเมิดกฎหมายและมีการใช้ความรุนแรงขึ้น ในขณะเดียวกัน คอป.ขอให้ประชาชนที่มิได้เข้าร่วมการชุมนุมมีความอดทนอดกลั้นต่อการใช้เสรีภาพดังกล่าว และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ร่วมชุมนุมด้วยการแสดงความไม่พอใจหรือใช้ความรุนแรงคอป.ขอให้รัฐบาลใช้ความระมัดระวังอย่างสูงต่อการนำกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง เช่น พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.๒๔๕๗ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ.๒๕๕๑ มาบังคับใช้เพื่อจัดการสถานการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่สอดคล้องกับหลักของความได้สัดส่วนหรือพอสมควรแก่เหตุ และอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและสังคมส่วนรวมได้ นอกจากนี้ รัฐต้องไม่สั่งการให้ทหารควบคุมฝูงชน แต่ควรให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน ซึ่งได้รับการฝึกอบรมการควบคุมฝูงชนมาเป็นการเฉพาะ ในกรณีที่มีการละเมิดหลักสกลในการชุมนุม รัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบและขอโทษต่อกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้น รวมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริง เยียวยาเยื่อ และนำตัวผู้ที่ต้องรับผิดชอบเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในการประกันเสรีภาพในการชุมนุม รัฐต้องคุมครองความปลอดภัยของผู้ชุมนุมจากการแทรกแซงทางหรือประทุษร้ายโดยบุคคลที่สามที่เป็นปรปักษ์หรือต่อต้านการชุมนุมที่ดำเนินไปโดยสงบ ตลอดจนมีหน้าที่อำนวยความสะดวกต่อประชาชนที่ไม่ได้ร่วมชุมนุม รัฐบาลควรจัดทำแผนปฏิบัติการยุติการชุมนุมและมาตรการควบคุมฝูงชนโดยไม่ใช้ความรุนแรง เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ในการยุติการชุมนุมที่เหมาะสมและเพียงพอ ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตามหลักการสากลอย่างเคร่งครัด และประเมินความพร้อมของเจ้าหน้าที่ทั้งก่อนและหลังการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีที่มีบุคคลที่ติดอาวุธแอบแฝงอยู่กับผู้ชุมนุมเพื่อใช้ความรุนแรง รัฐอาจใช้เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นการเฉพาะปฏิบัติการต่อเป้าหมายอย่างแม่นยำเพียงเท่าที่จำเป็นตามหลักความสมควรแก่เหตุ ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ประเมินแล้วว่าการปฏิบัติการจะเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่น จะต้องหยุดปฏิบัติการทันทีคอป.เห็นว่ารัฐควรส่งเสริมให้เกิดบรรทัดฐานของการชุมนุมที่ปราศจากการใช้ความรุนแรง โดยจัดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความคิดเห็น หากจะมีการกำหนดกติกาหรือการตรากฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุมสาธารณะในอนาคต ก็ต้องสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ โดยคำนึงถึงประเภทและลักษณะของการชุมนุมด้วย โดยรัฐอาจศึกษากรณีต่างประเทศเพื่อมาปรับใช้ให้เหมาะสมคอป. ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชุมนุม ให้ความคุ้มครองและอำนวยความสะดวกแก่หน่วยแพทย์ พยาบาล การขนส่งทางแพทย์ หน่วยบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชุมนุม และขอให้ทุกฝ่ายใช้เครื่องหมายกาชาดอย่างถูกต้อง โดยรัฐต้องบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการใช้เครื่องหมายกาชาดอย่างจริงจัง นอกจากนี้ รัฐควรสร้างความเข้าใจกับสังคมเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และความสำคัญของหน่วยแพทย์หรือใช้หน่วยแพทย์เป็นเครื่องมือในการสร้างความขัดแย้ง อนึ่ง คอป. เห็นว่าการให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์และสาธารณสุขต้องตั้งอยู่บนหลักการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสากลอย่างเป็นกลางและไม่เลือกปฏิบัติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมทางการแพทย์และเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนรัฐบาลต้องแจ้งเตือนและประสานงานกับหน่วยแพทย์ พยาบาล และหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเกี่ยวกับการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในการจัดการเหตุการณ์ความรุนแรงหรือสลายการชุมนุม รัฐบาลควรฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ซึ่งควบคุมฝูงชนให้เข้าใจมาตรฐานในการคุ้มครองและอำนวยความสะดวกแก่หน่วยแพทย์ พยาบาล และหน่วยบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งจัดให้มีสวัสดิการและฟื้นฟูเยียวยาบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และบรรเทาสาธารณภัย และเชิดชูเกียรติของบุคลากรที่เสียชีวิตด้วยคอป. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูหลักศีลธรรมและจริยธรรมเพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยให้มีสันติภาพและส่งเสริมสันติวิธี รัฐควรส่งเสริมให้สถาบันศาสนามีบทบาทในการลดความขัดแย้ง ยุติการใช้ความรุนแรง เยียวยาจิตใจผู้ที่ได้รับผลกระทบ และสร้างทัศนคติที่เอื้อต่อสันติภาพ บุคลากรทางด้านศาสนาทุกศาสนาควรเพิ่มบทบาทในการลดการใช้ความรุนแรง ส่งเสริมสันติภาพและการจัดการความขัดแย้งโดยสันติวิธี ทั้งนี้ สถาบันศาสนาควรแสดงออกถึงความเป็นกลางในการแสดงธรรมหรือคำสอน โดยพึงละเว้นจากการข้องเกี่ยวกับการชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง เพื่อมิให้กระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนต่อสถาบันศาสนาในระหว่างที่ประเทศชาติกำลังเผชิญกับปัญหาความแตกแยกในสังคมคอป. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและสื่อมวลชนนำเสนอและเผยแพร่รายงานฉบับสุดท้ายของ คอป. ซึ่งเป็นการเปิดเผยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้งรากเหง้าของความขัดแย้งและเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางในการสร้างความปรองดอง ให้ประชาชนและได้รับรู้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ต้องตรงกันต่อเหตุการณ์และสาเหตุของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และรับทราบแนวทางในการแก้ไขปัญหา เพื่อร่วมกันนำพาประเทศชาติไปสู่ความปรองดองอย่างยั่งยืน | นอกเหนือจากการแถลงรายงานการศึกษาข้อเท็จจริงเหตุการณ์เม.ย.-พ.ค.53 ฉบับสมบูรณ์แล้ว ในรายงานรวมทั้งในแถลงข่าวของ คอป.ยังมีส่วนของข้อเสนอแนะต่อทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม | การเมือง,สิทธิมนุษยชน | ข้อเสนอ,คอป. | https://prachatai.com/journal/2012/09/42692 |
เกาหลีใต้หวั่นโควิด สุดร้าย อาจหลบซุกในเซลล์ พบ 51 ผู้ป่วยติดเชื้อรอบ 2 | เมื่อ 7 เมษายน 63 เว็บไซต์เดอะ ซัน รายงาน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในเกาหลีใต้กำลังหวั่นวิตก ถึงศักยภาพของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 อาจซุกซ่อนอยู่ในเซลล์ของร่างกายและทำให้ผู้ติดเชื้อหวนกลับมาแสดงอาการป่วยได้อีกครั้ง หลังจากเจ้าหน้าที่พบว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคโควิด 19 ถึง 51 รายในเมืองแทกู ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการระบาดของเชื้อโควิดในเกาหลีใต้ ได้รับการตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ผลจากการตรวจวินิจฉัยไม่พบเชื้อโควิดอยู่ในผู้ป่วยเหล่านี้แล้ว จนสามารถออกจากการถูกกักตัวทีมเจ้าหน้าที่ด้านโรคระบาดวิทยาจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติเกาหลีใต้ได้พบว่า จากการติดตามวิจัยผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 พบว่ามีผู้ป่วย 51 คน จากเมืองแทกู ซึ่งได้รับการรักษาจนหายจากอาการป่วยและตรวจไม่พบเชื้อแล้ว จนสามารถพ้นจากการถูกกักตัว ต่อมา กลับถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาอีกครั้งนั้นไม่เชื่อว่าผู้ป่วยเหล่านี้มีการติดเชื้อครั้งใหม่ แต่สันนิษฐานว่าเชื้อไวรัสอาจซุกซ่อนอยู่ในเซลล์ร่างกายในระดับที่ไม่สามารถตรวจพบเจอและต่อมาเชื้อโควิดได้กลับมาแสดงปฏิกิริยาและทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยอีกครั้งอย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ พอล ฮันเตอร์ ศาสตราจารย์ด้านโรคติดต่อที่มหาวิทยาลัย อีสต์ แอนเกลีย ได้กล่าวกับ MailOnline ว่า เขาเห็นด้วยที่ว่าผู้ป่วยเหล่านี้ไม่ได้เกิดการติดเชื้อโควิดอีกครั้ง แต่ก็ไม่คิดว่า เชื้อโควิดมีการซ่อนอยู่ในเซลล์จนกลับมาแสดงอาการอีกรอบ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว เขาคิดว่าสิ่งที่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ ตัวอย่างที่นำมาตรวจสอบหาเชื้อโควิดเกิดความผิดพลาดที่ได้ค่าลบ ไม่พบเชื้อ ซึ่งโดยปกติแล้ว การตรวจหาเชื้อโควิดในคนไข้ จะต้องตรวจสองครั้ง ก่อนที่ผู้ป่วยรายนั้นจะได้รับอนุญาตให้ออกจากการกักตัวทั้งนี้ เกาหลีใต้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด ด้วยการใช้มาตรการกักกันตัวที่เข้มงวดและดำเนินการตรวจคัดกรองผู้ต้องสงสัยติดเชื้อทั่วทั้งประเทศ จนทำให้อัตราการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดช้าลง โดยถึงแม้เกาหลีใต้เคยเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดอย่างรุนแรงในตอนแรก แต่ต่อมาสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ จนยอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิดในเกาหลีใต้ อยู่ที่ 10284 ราย และเสียชีวิต 186 ศพ | ทีมวิจัยเกาหลีใต้วิตก เชื้อโควิด-19 อาจซ่อนอยู่ในเซลล์ในระดับที่ตรวจหาไม่เจอ และกลับมาแสดงอาการป่วยใหม่อีกรอบ หลังพบผู้ป่วยโควิด 51 คน กลับมาติดเชื้อซ้ำสอง ทั้งที่หายป่วยตรวจไม่พบเชื้อแล้ว | ข่าว,ต่างประเทศ | โควิด-19,ไวรัสโคโรน่า,ไวรัสโคโรนา,COVID-19,เกาหลีใต้ | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1814349 |
ปปป.สอบปากคำเพิ่มคดี เปรมชัย ติดสินบนเจ้าหน้าที่ | วันนี้ (7 มี.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รองผู้บังคับการ ปปป.เดินทางไปที่ จ.กาญจนบุรี เพื่อสอบสวนนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก และพยานที่อยู่ในเหตุการณ์กรณีที่มีการแจ้งความในคดีนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก พยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ เบื้องต้น นัดหมายกันที่ทางหลวงไทรโยค จ.กาญจนบุรี เวลา 13.00 น. ส่วนวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.) จะนัดหมายเข้าไปจำลองสถานการณ์ในสถานที่จริงสำหรับการสอบสวน จะลงในรายละเอียดต่างๆ ว่า ขณะนั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง และดูองค์ประกอบของกฎหมาย ตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้ร้องได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษว่ามีเหตุผลหรือไม่ สถานการณ์ที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร โดยต้องจำลองสถานการณ์ว่าขณะที่มีการติดสินบนเกิดช่วงใด มีการเสนอสินบนระหว่างเขียนบันทึกจับกุมหรือไม่ หากมีน้ำหนักมากพอ จะพิจารณาออกหมายเรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหา สำหรับการที่มีผู้ร้องทุกข์ว่ามีการให้สินบน สามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคลิปเสียงแต่อย่างใดส่วนภาพรวมการดำเนินคดีนายเปรมชัย กับพวก คดีร่วมกันล่าสัตว์ป่า และข้อหาอื่นๆ ซึ่งตำรวจระบุว่าจะส่งสำนวนคดีให้อัยการภายในวันที่ 26 มีนาคมนี้ โดยนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรอบระยะเวลาการพิจารณาคดีว่า การพิจารณาสั่งคดีของอัยการโดยทั่วไป หากสำนวนการสอบสวนของตำรวจครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประเด็น ก็จะใช้ระยะเวลาพิจารณาไม่เกิน 1 เดือน แต่หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอความเป็นธรรม อัยการต้องหยิบประเด็นที่ขอมา พิจารณาประกอบด้วย หากสำนวนการสอบสวนไม่ครบถ้วนอัยการ ก็จะส่งสำนวนคืนให้ตำรวจไปสอบสวนเพิ่ม หากเกิดความล่าช้า ก็จะมีหนังสือแจ้งเตือนให้เร่งสอบสวนโดยเร็ว หากปล่อยให้ล่าช้าโดยไม่มีเหตุสมควรก็เข้าข่ายมีความผิดปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ส่วนกรณีผู้ต้องขังอยู่ระหว่างการฝากขังก็ต้องพิจารณาให้ทันภายในกรอบระยะเวลาฝากขังครั้งสุดท้าย โดยระเบียบการสอบสวนกำหนดว่า ตำรวจต้องส่งสำนวนให้อัยการภายใน 12 วัน ก่อนครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้าย เพื่อให้พนักงานอัยการมีเวลาพิจารณา | ทีมสอบสวน บก.ปปป.เตรียมลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เพื่อสอบปากคำหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และพยานในคดีนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก พยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ | อาชญากรรม | เปรมชัย กรรณสูต,เปรมชัย,ล่าสัตว์ป่า,เสือดำ,ล่าสัตว์,ป่าทุ่งใหญ่,ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/270800 |
มอบตัวแล้ว ชนลุง 56 ปี ตาย ขณะซ้อมปั่นเพื่อแม่ที่ชลบุรี | จากเหตุการณ์เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา นายธงชัย สุดศรี อายุ 56 ปี ชาวบ้าน หมู่ 3 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ที่ปั่นรถจักรยานสองล้อ ถูกรถยนต์ชนตายในชุดเสื้อสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีขาว–ดำ รองเท้าผ้าใบสีฟ้า อยู่ข้างเสาไฟฟ้าริมถนน หมู่ 2 ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี โดยผู้ตายได้ซ้อมปั่นจักรยานเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมปั่นเพื่อแม่ ในวันที่ 16 ส.ค.58 หลังจากได้สมัครร่วมโครงการปั่นเพื่อแม่ของ จ.ชลบุรี เข้ารับเข็มกลัดและเสื้อพระราชทานลำดับที่ 6446,ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุ บันทึกภาพขณะผู้ตายกำลังขี่รถอยู่คนเดียว พอผ่านรัศมีกล้องไปได้มีรถเก๋งสีขาวยังไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนวิ่งตามหลังผู้ตาย ซึ่งคาดว่ารถเก๋งคันที่เห็นในกล้องอาจจะเป็นคันก่อเหตุ ขณะเดียวกัน นายคมสัน เอกชัย ผวจ.ชลบุรี ได้สั่งให้ พล.ต.ต.นิติพงศ์ เนียมน้อย ผบก.ภ.ชลบุรีกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนขับรถคันก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ พร้อมกับบอกให้รีบเข้ามอบตัวเสีย โทษหนักจะได้เป็นเบา ถ้าจะคิดหนีต่อไป ก็คงถูกตำรวจตามจับตัวได้อยู่ดี,จนที่สุด เมื่อเวลา 17.15 น. วันที่ 14 ส.ค. นายพิพัฒน์ พรหมเด่น อายุ 24 ปี ชาวบ้าน หมู่ 1 ต.น้ำหนาว อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ คนขับรถชน นายธงชัย สุดศรี ได้ให้ นายไพบูลย์ แย้มเอม ประธานสภาทนายความ จ.ชลบุรี พาเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบช.ภ.2 โดยมี พล.ต.ต.นิติพงศ์ เนียมน้อย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ปรัชญา ประสานสุข รอง.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงสกุล ผกก.สภ.เสม็ด พ.ต.อ.ตุลวุฒิ วิมาลา พงส.ผทค.หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เสม็ด พ.ต.ท.ประทีป ทองดี พงส.สภ.เสม็ด เจ้าของคดี ร่วมรับตัว,อย่างไรก็ตาม การเข้ามอบตัวของผู้ต้องหารายนี้ เจ้าหน้าที่เกรงจะถูกรุมประชาทัณฑ์จากญาติผู้เสียชีวิต จึงวางแผนหลอกญาติและนักข่าว โดยให้ผู้ต้องหานั่งรถสายตรวจของ สภ.เสม็ด มายัง บช.ภ.2 มีตำรวจสายตรวจ รถจักรยานยนต์นำหน้าและมีรถกระบะประกบหลัง เข้าไปจอดที่หน้าหอประชุม ภ.2 มีตำรวจทำทีล้อมรถคุ้มกันให้ดูสมจริงสมจัง แต่ให้ผู้ต้องหานั่งรถอีกคันไปจอด จากนั้นผู้ต้องหาและทนายความลงเดินขึ้นทางด้านหลัง บช.ภ.2,ต่อมา พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบช.ภ.2 ได้เปิดแถลงข่าวภายในห้องประชุมชั้น 2 บช.ภ.2 ว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ขับรถชน นายธงชัย เสียชีวิตจริง อ้างว่ามองไม่เห็นผู้ตายขี่รถจักรยาน และขอยอมรับผิดชอบชดใช้ทุกอย่าง ซึ่งวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาแล้วจะปล่อยตัวไปชั่วคราว เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามอบตัวเองตามกฎหมายใหม่,สำหรับ นายพิพัฒน์ พรหมเด่น ผู้ต้องหาไม่ยอมเปิดปากตอบคำถามผู้สื่อข่าว มีเพียงนายไพบูลย์ แย้มเอม ประธานสภาทนายความ จ.ชลบุรี กล่าวว่า บิดาของผู้ต้องหาอยู่ จ.เพชรบูรณ์เขตติดต่อ จ.ขอนแก่น ทางบิดาผู้ต้องหาได้เข้าพบสภาทนายความ จ.ขอนแก่น จากนั้นทางประธานสภาทนายความ จ.ขอนแก่น ได้ขอให้ตนในฐานะเป็นประธานสภาทนายความ จ.ชลบุรี พาผู้ต้องหาเข้ามอบตัว ส่วนในเรื่องรายละเอียด ผู้ต้องหาได้ให้ถ้อยคำไว้กับพนักงานสอบสวนแล้ว. | มอบตัวแล้ว คนขับรถยนต์ชนลุงที่ชลบุรี ขณะขี่จักรยานซ้อมปั่นเตรียมร่วมกิจกรรม ปั่นเพื่อแม่จนเสียชีวิตคาที่ เป็นหนุ่มเพชรบูรณ์อายุ24ปีให้ประธานสภาทนายความฯพาเข้าพบผบช.ภ.2 อ้างมองไม่เห็น พร้อมรับผิดชอบ และชดใช้ให้ทุกอย่าง | ข่าว,ทั่วไทย | ปั่นเพื่อแม่,ชนคนตาย,ชนคนปั่นจักรยาน,ธงชัย สุดศรี,มอบตัว,สภ.เสม็ด,ชลบุรี,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ซ้อมปั่นเพื่อแม่,ชนแล้วหนี,ขับรถชนคนตาย,อุบัติเหตุ | https://www.thairath.co.th/news/local/518330 |
ครูหนุ่มเมืองคอน พาภรรยาเที่ยว กระบะคว่ำอัดเสาไฟ ตัวเองดับ | เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 13 เมษายน 2558 ร.ต.อ.สุขสันต์ ยิ้มแย้ม พนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร รับแจ้งเหตุรถยนต์พลิกคว่ำมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่ถนนเพชรเกษม หมู่ 8 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ รุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร,จุดเกิดเหตุเป็นถนนเส้นทางโค้ง ช่องทางขาขึ้นพบรถกระบะ 4 ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน ฆย 2007 กรุงเทพมหานคร พลิกหงายล้ออยู่ในร่องกลางถนน ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง สภาพด้านหน้าพังยับเยิน หลังคายุบ ที่นั่งเบาะข้างคนขับ มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน ทราบชื่อ นางมยุรี ทุ่งสว่าง อายุ 42 ปี อยู่หมู่ 7 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ศีรษะแตกมีบาดแผล หน่วยกู้ภัยช่วยนำร่างออกมาปฐมพยาบาล ก่อนนำส่งโรงพยาบาลท่าแซะ,ส่วนคนขับเสียชีวิตคาที่ ร่างถูกอัดก๊อบปี้ติดคาอยู่กับเบาะนั่ง เจ้าหน้าท่ีกู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมานานกว่า 20 นาที ทราบชื่อ นายเจษฎา ทุ่งสว่าง อายุ 45 ปี อยู่ ต.ปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ปัจจุบันรับราชการครู โรงเรียนเทศบาลปากพนัง 1 อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช สภาพโชกไปด้วยเลือด คอหัก มีบาดแผลฉกรรจ์เหอวะหวะทั่วตัว,สอบสวน ทราบว่า นายเจษฎา ผู้ตาย ได้ขับรถคันดังกล่าวเดินทางมาจาก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อจะไปเยี่ยมญาติและฉลองสงกรานต์ที่เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร และเป็นบ้านเกิดของนางมยุรี ภรรยา ที่ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวหลายวัน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ เป็นทางโค้งอันตราย มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ถนนลื่น รถเสียหลักพุ่งตกลงในร่องกลางถนนชนกับเสาไฟฟ้าจนล้ม ก่อนที่รถจะไถลพลิกคว่ำหลายตลบ จนหงายท้องล้อชี้ฟ้า เป็นเหตุให้นายเจษฎา คนขับ ถูกอัดก๊อบปี้เสียชีวิตคาที่ ส่วนภรรยาได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกดังกล่าว | เศร้าพ่อพิมพ์ ร.ร.เทศบาลปากพนัง ขับรถพาภรรยาเที่ยวสงกรานต์กรุงเทพฯ เมื่อถึงทางโค้ง เจอฝนตกถนนลื่นจนพลิกคว่ำหลายตลบอัดเสาไฟฟ้าดับคาที่ ร่างอัดก๊อบปี้คาพวงมาลัย ส่วนเมียบาดเจ็บจากแรงกระแทกเล็กน้อย | ข่าว,ทั่วไทย | น่าเศร้า พ่อพิมพ์,คศ.3,รร.เทศบาลปากพนัง,ขับรถ,ภรรยา,เที่ยวสงกรานต์,กรุงเทพฯ,เส้นทางโค้ง,ฝนตก,ถนนลื่น,พลิกค่ำ,ดับอนาถ,เมียบาดเจ็บ,แรงกระแทก,เจษฎา ทุ่งสว่าง | https://www.thairath.co.th/news/local/492839 |
อภิสิทธิ์เสนอไม่ลงเลือกตั้ง-แลกทุกฝ่ายรับแผนปฏิรป | พร้อมยื่นเงื่อนไขหากทุกฝ่ายทำตามนี้-อภิสิทธิ์จะไม่ลงเลือกตั้ง-ไม่รับตำแหน่งทางการเมือง2 พ.ค. 2557 - ตามที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยแพร่คำแถลง อภิสิทธิ์เดินหน้าหาคำตอบให้ประเทศ เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา พร้อมเสนอให้พาประเทศไปสู่การปฏิรูปและเป็นการปฏิรูปภายใต้รัฐธรรมนูญ ตามหลักการประชาธิปไตย มีกระบวนการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูป และระบุว่าจะนำเสนอแนวคิดต่อฝ่ายต่างๆ รวมทั้งพรรครัฐบาล พรรคการเมือง และผู้ชุมนุมทุกฝ่ายนั้น ล่าสุดเมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) ภายหลังเดินสายหารือกับฝ่ายต่างๆ อภิสิทธิ์ได้เผยแพร่คำแถลงล่าสุดทางเฟซบุ๊คของเขาเสนอว่าจะไม่ลงเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต่อไป หากทุกฝ่ายยอมรับข้อเสนอปฏิรูปของเขา โดยมีรายละเอียดการแถลงดังนี้วันนี้ขอถือโอกาสเรียนพี่น้องสื่อมวลชน และพี่น้องประชาชนว่า หลังจากที่ได้ไปพบปะกับฝ่ายต่างๆ ที่ผมเห็นว่ามีความจำเป็นและจะเป็นประโยชน์ในการจัดทำข้อเสนอ ที่เป็นทางเลือกหรือเป็นทางออกให้กับประเทศไทย จากวิกฤติในปัจจุบัน ก็ขอถือโอกาสนี้มาสรุปให้เห็นภาพความสำคัญ ความจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องแสวงหาทางออก และหลักการสำคัญที่จะมีอยู่ในทางออกนั้น ก่อนที่ผมจะได้ไปเขียนข้อเสนอนี้ลงไปในรายละเอียด แล้วก็มาแถลงข่าวถึงรายละเอียดทั้งหมดที่เป็นรูปธรรม เป็นขั้นเป็นตอนอีกครั้งหนึ่งไม่เกินวันเสาร์นี้ประเด็นแรกที่อยากจะขอย้ำครับ ผมพบปะมาทุกฝ่าย ทุกฝ่ายมีแต่ความวิตกกังวล ห่วงใยในสถานการณ์ปัจจุบัน ทุกฝ่ายรับรู้ ถึงสภาพความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จากปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่ได้รับการแก้ไข จากความเครียดที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางการเมือง จากความกังวลที่มองไม่เห็นว่าอนาคตที่รออยู่ข้างหน้านั้นจะดีกว่าปัจจุบันอย่างไร แต่ในขณะที่ทุกฝ่ายมีความวิตกกังวล มีความทุกข์ มีความเดือดร้อน มีความห่วงใยเช่นนี้ ทางเดินที่เราเห็นอยู่จากฝ่ายต่างๆ ในปัจจุบันนั้น ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทางหนึ่งก็ชัดเจนว่ารัฐบาลบอกว่าประเทศจะเดินหน้านั้นให้ทุกคนไปเลือกตั้งโดยเร็ว ไม่ว่าสภาพความขัดแย้งความไม่เรียบร้อยในบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร และก็ยังคงมีเป้าหมายในการที่จะรักษาอำนาจให้นานที่สุด รวมทั้งมีการกล่าวว่าหากมีการตัดสินในคดีความที่เป็นผลลบต่อรัฐบาลเองก็จะใช้วิธีในการไปขอพระบรมราชวินิจฉัย นี่คือทางเลือกที่รัฐบาลกำลังเสนอให้กับพี่น้องประชาชน และประเทศไทยในปัจจุบันอีกด้านหนึ่งในส่วนของ กปปส. ก็ประกาศชัดเจนว่าจะมีการเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 13 - 14 พ.ค. แล้วก็ประกาศว่ามีเป้าหมายในการที่จะยึดคืนอำนาจมาให้แก่พี่น้องประชาชนประการที่ 3 ในขณะที่ กปปส. ได้ประกาศความเคลื่อนไหว กลุ่ม นปช. ก็ได้มีการประกาศเคลื่อนไหวใหญ่เช่นเดียวกัน และก็มีคนจำนวนมากคาดการณ์ หรือกังวลว่าการเคลื่อนไหวของมวลชนอาจจะนำไปสู่ความรุนแรง ความสูญเสีย และในที่สุดก็อาจจะย้อนรอยปี 2549 ที่เกิดการปฏิวัติ รัฐประหารขึ้น เพื่อจะป้องกัน หรือยับยั้งความรุนแรง และความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นด้านที่ 4 ก็มีบางฝ่ายที่ตั้งความหวังว่า คดีความบางคดีจะสามารถเป็นคำตอบให้กับประเทศได้ โดยที่บรรยากาศขณะนี้ก็เห็นชัดเจนว่า มีแนวโน้มว่าถ้าคดีความออกมาทางหนึ่งทางใด ฝ่ายที่ไม่พอใจก็อาจจะปลุกระดมให้เกิดปัญหาความขัดแย้งที่ตามมาจากผลของการวินิจฉัยคดีนั้น หรือในกรณีที่คำวินิจฉัยของศาลไม่สามารถให้คำตอบที่เป็นที่ยอมรับชัดเจนว่าจะเดินหน้าประเทศได้อย่างไร ก็ย่อมมีโอกาสจะนำมาสู่ความขัดแย้งเช่นเดียวกันเพราะฉะนั้นทางเลือกโดยรัฐบาลก็ดี โดยกปปส. ก็ดี โดยปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการปะทะกันของมวลชนก็ดี โดยที่จะเกิดขึ้นจากคดีความก็ดี หรือทางเลือก ทางออกอื่นๆ ที่มีการพูดกันเช่น ที่เสนอโดยคณะรัฐบุคคล ผมเห็นว่าล้วนแล้วแต่ยังมีความเสี่ยงและอาจจะไม่สามารถให้คำตอบให้กับประเทศไทยได้เลยข้อเสนอที่ผมพยายามจัดทำ แล้วก็จะได้นำเสนอต่อไปนี้ จึงต้องการที่จะหยุดยั้ง ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายดังต่อไปนี้ประการที่ 1 ไม่ต้องการจะเห็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับชีวิต หรือเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนอีกต่อไป คงไม่ต้องขยายความครับ เพราะว่าผมเชื่อว่า พี่น้องคนไทยทุกคนก็คงไม่ประสงค์ที่จะเห็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นประการที่ 2 ผมไม่ต้องการเห็นการสูญเสียประชาธิปไตย หรือการเดินออกนอกรัฐธรรมนูญ เพราะผมก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนั้นสุดท้ายก็จะไม่สามารถที่จะสะสางปัญหาต่างๆ ได้จริง และกลับจะเป็นการผูกปมความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตได้ประการที่ 3 ที่ผมต้องการหลีกเลี่ยงก็คือการดึงเอาสถาบันต่างๆ ซึ่งพึงจะอยู่ หรือที่ประชาชนเทิดทูนให้อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองตกเข้ามาอยู่ในวังวนของความขัดแย้งทางการเมืองด้วย ไม่ว่าจะเป็นศาล แล้วก็แน่นอนที่สุดก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์ข้อเสนอของผมจึงอยู่บนพื้นฐานของการตอบโจทย์ให้กับประเทศไทยที่ได้กล่าวมา แล้วก็จึงมีหลักการสำคัญก็คือ1. ประเทศจะเดินหน้าไปได้ด้วยดีต้องเข้าสู่การปฏิรูป แต่ต้องเป็นการปฏิรูปที่มีทั้งความชอบธรรม มีการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย เป็นไปตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เป็นการปฏิรูปที่ประชาชนมั่นใจว่าใครที่มีผลประโยชน์และจะมาต่อต้านขัดขวางการปฏิรูปเช่นกรณีของนักการเมือง การปฏิรูปนั้นจะต้องมั่นคงและมีหลักประกันการคุ้มครองว่า จะถูกคนที่มีสูญเสียผลประโยชน์นั้นมาขัดขวางได้2. จากการผลักดันการปฏิรูป ซึ่งต้องเริ่มต้นทันที แต่ไม่สามารถที่จะจบลงได้ก่อนการเลือกตั้ง ข้อเสนอผมก็จะต้องมีคำตอบเกี่ยวกับช่วงเปลี่ยนผ่านทั้งก่อน และหลังการเลือกตั้ง เรื่องรัฐบาล เรื่องสภา ตามหลักการที่กล่าวมาทั้งหมด3. ในข้อเสนอของผมนั้น ก็จะต้องมีจุดหนึ่งที่จะต้องมีการเลือกตั้ง ในระยะเวลาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว เมื่อเงื่อนไขการเลือกตั้งพร้อม นั่นก็คือการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม สุจริต เที่ยงธรรม เลือกตั้งที่ประชาชน และพรรคการเมืองทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วม ยอมรับ ประสบความสำเร็จในการนำไปสู่การมีสภา และการมีรัฐบาล4. ในข้อเสนอของผม ไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัว ส่วนกลุ่มของใคร ใดๆ ทั้งสิ้น อะไรที่เป็นปัญหาคดีความตามกฎหมาย ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายเท่านั้นผมจึงเรียนว่าข้อเสนอที่จะได้นำเสนอในอีกวัน สองวันข้างหน้า ความสำคัญชัดเจน หลักการชัดเจน เป้าหมายชัดเจน แต่จะประสบความสำเร็จได้นั้นก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายให้การยอมรับข้อเสนอนี้ ผมพูดตั้งแต่วันแรกว่าข้อเสนอในลักษณะนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่วางลงมาแล้วจะถูกใจฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด แต่ผมก็มั่นใจว่าเป็นข้อเสนอที่ยึดประโยชน์ส่วนรวม มีเหตุผล หลักการ รองรับที่ทำให้ใครก็ตามที่จะปฏิเสธนั้น ต้องมี และให้เหตุผลที่ดีแก่สังคมว่าทำไมจึงจะไม่ยอมรับข้อเสนอดังกล่าวแต่แน่นอนครับ เมื่อข้อเสนอมันไม่ถูกใจใครก็ตาม สิ่งที่ผมกำลังทำก็คือ ผมกำลังต้องไปขอ ขอทุกฝ่ายให้พิจารณาข้อเสนอของผม และยึดเอาประโยชน์สูงสุดของประเทศของส่วนรวมเป็นหลัก ตามแนวทางหลักการที่ผมพูดมาทั้งหมด ซึ่งผมเชื่อว่าไม่มีใครปฏิเสธแต่เมื่อผมก็จะต้องไปขอทุกฝ่าย ผมก็มีคำถามที่ผมต้องตอบกับประชาชน และสังคมเหมือนกัน เพราะผมก็พูดมาโดยตลอดว่า ผมก็ไม่ใช่เป็นกลาง ผมก็ไม่ใช่คนกลาง และผมก็ยอมรับว่าผมก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา และเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทในการนำพาประเทศชาติบ้านเมืองมาสู่จุดนี้ ผมจึงต้องตอบคำถามแก่สังคมว่า แล้วในข้อเสนอของผม ในแผนของผมนี้ ตัวผมอยู่ตรงไหน หรือผมได้ประโยชน์อะไรหรือเปล่า เพื่อความชัดเจน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าข้อเสนอที่ผมจัดทำทั้งหมดนี้เป็นข้อเสนอที่อยู่บนพื้นฐานของความจริงใจที่จะให้บ้านเมืองมีทางออกผมขอประกาศอย่างชัดเจนว่า หากทุกฝ่ายยอมรับข้อเสนอผม ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต่อไป ผมจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าในการเดินตามแผนหรือข้อเสนอของผมทั้งหมดตลอดทาง ผมจะไม่มีสถานะ ตำแหน่งใดๆ ทางการเมืองทั้งสิ้น แต่จะเป็นเพียงประชาชนคนหนึ่งที่จะสนับสนุนให้การปฏิรูปที่เกิดขึ้นตามแนวทางของผมนี้ประสบความสำเร็จผมย้ำอีกครั้งครับ ผมทำงานนี้ ผมขอบคุณที่หลายฝ่ายได้ให้ความสนใจ และให้โอกาสผมทำงานมา วันนี้ผมย้ำการขอโอกาสให้กับประเทศ ผมจะจัดทำข้อเสนอ วางทางเลือกให้ทุกฝ่ายได้พิจารณาด้วยเหตุด้วยผล ด้วยการไตร่ตรอง ด้วยความรอบคอบ และทุกท่านจะได้สบายใจว่าแผนทั้งหมดที่ผมทำนั้น ผมจะไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ ที่จะได้อะไรจากแผนนี้นอกจากในฐานะประชาชนคนไทยว่า จะได้เห็นประเทศเดินหน้าปฏิรูปบนความสงบ ขอบคุณครับ | หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสนอประเทศจะเดินหน้าได้ต้องมีการปฏิรูปที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และมีการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับ | การเมือง | การปฏิรูป,การปรองดองแห่งชาติ,การเลือกตั้งทั่วไป 2557,พรรคประชาธิปัตย์,อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | https://prachatai.com/journal/2014/05/52980 |
2 คู่ค้ารายใหญ่ช่วยเหลือเกษตรกรแบบยั่งยืน ผู้บริโภคตรวจสอบแหล่งปลูกได้ด้วยระบบ QR Code | เสริมสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน,อนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรานทะเล กรุ๊ป เผยว่า โครงการนี้มีแนวคิดมาจากแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเน้นให้ต้นน้ำคือเกษตรกร รู้จักทำเกษตรกรรมอย่างมีองค์ความรู้ เพื่อสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด ช่วยเหลือเกษตรกรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยให้ชาวบ้านปลูกผักอย่างพอประมาณ ในพื้นที่ทำกินของพวกเขา ทั้งปลูกเพื่อกินและขาย ดังนั้น ผักที่ได้จึงเสมือนปลูกไว้กินเอง คือไม่มีสารเคมี ไม่มีสารตกค้าง มีความปลอดภัย ผู้บริโภคที่ซื้อไปรับประทานก็วางใจได้ สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งผลิตในทุกๆประเภทของผักด้วยระบบ QR Code ทำให้มั่นใจได้ว่า เป็นผักที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ ไม่ทำร้ายสุขภาพแน่นอนนอกจากนี้ ยังยึดหลักมีเหตุผล คือมีองค์ความรู้ในการปลูกอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องชนิดของพันธุ์พืชที่จะปลูก โดยเลือกจากผักที่ผู้บริโภคนิยม เช่น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักบุ้ง ซึ่งตลาดมีความต้องการสูงมาก การพัฒนาและปรับปรุงดินให้มีความเหมาะสม ตลอดจนการดูแลรักษา เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ สด สะอาด และขนาดเหมาะสม,นอกจากนี้ ยังฝึกให้ชาวบ้านมีภูมิคุ้มกัน ซึ่งหมายถึงการเตรียมตัวให้พร้อมในสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่นเรื่องภัยแล้ง หรือฝนขาดช่วง มีการวางแผนด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยขณะนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 100 ราย ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออก เฉียงเหนือ. | เพราะตระหนักดีว่าการทำธุรกิจต้องเดินควบคู่ไปกับการทำประโยชน์เพื่อสังคม พรานทะเล กรุ๊ป จึงผนึกกำลังกับ เทสโก้ โลตัส จัดทำโครงการ เกษตรแบบยั่งยืน จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้เกษตรกร | ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง | พรานทะเล,เทสโก้ โลตัส,เกษตรแบบยั่งยืน จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ,ช่วยเหลือเกษตรกร,เกษตรกร,อนุรัตน์ โค้วคาสัย,ข่าวสตรี,ข่าวไทยรัฐ,ไทยรัฐฉบับพิมพ์,ข่าว | https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/562052 |
กนง.ขึ้นดอกเบี้ยที่ 1.75% ชี้เศรษฐกิจในประเทศ โตต่อเนื่อง | เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.50% เป็น 1.75% ต่อปี โดยให้มีผลทันที โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องตามแรงส่งของอุปสงค์ในประเทศ แม้อุปสงค์ต่างประเทศชะลอลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลาย และเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสะสมความเปราะบางในระบบการเงินในอนาคต,นอกจากนี้ เห็นว่านโยบายการเงินที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องมานานในช่วงที่ผ่านมามีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวให้เศรษฐกิจขยายตัวในระดับที่สอดคล้องกับศักยภาพและกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ กรรมการส่วนใหญ่จึงเห็นควรว่าความจำเป็นในการพึ่งพานโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับที่ผ่านมาลดน้อยลง และเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน และเพื่อสร้างขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินสำหรับอนาคต,ส่วนอีก 2 เสียง เห็นว่าปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนจากต่างประเทศปรับสูงขึ้นและอาจส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป จึงควรรอประเมินความชัดเจนของผลกระทบจากปัจจัยภายนอกและความยั่งยืนของแรงส่งจากปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศไปอีกระยะหนึ่ง ประกอบกับมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินที่ดำเนินการไปได้ดูแลความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินในบางจุดไปแล้ว,อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระดับที่สอดคล้องกับศักยภาพ แม้การส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอลงและมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจจะกระทบต่อแนวโน้มการขายตัวเศรษฐกิจ ขณะที่การท่องเที่ยวชะลอลง โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน แต่เริ่มมีสัญญาณปรับดีขึ้น ส่วนการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวตามรายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตรที่ปรับดีขึ้นและกระจายตัวมากขึ้น รวมทั้งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐเพิ่มเติม แม้รายได้ครัวเรือนภาคเกษตรลดลงบ้างและยังมีแรงกดดันจากหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง,ทั้งนี้ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจะยังมีความเหมาะสมในระยะข้างหน้า และจะติดตามการพัฒนาขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมในระยะต่อไป. | ตามคาด กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาเป็น 1.75% มีผลทันที ชี้ได้แรงส่งจากเศรษฐกิจในประเทศ ขยายตัวต่อเนื่อง ส่วน 2 เสียง ห่วงปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศที่ไม่แน่นอน | ข่าว,เศรษฐกิจ | ขึ้นดอกเบี้ย,กนง.ขึ้นดอกเบี้ย,ดอกเบี้ย,มติกนง.,ดอกเบี้ยนโยบาย,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/1449026 |
ธีรศิลป์ เผยยังเจ็บแต่ขอสู้ก่อน พร้อมยอมรับหาก ราเยวัช ตัดชื่อทิ้ง | วันที่ 9 มิ.ย. 60 เจ้ามุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทยของทีม กิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ออกโรงเปิดใจถึงความพร้อมของตนเอง หลังเข้าแคมป์เก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกับนักเตะทีมชาติไทย เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงสนามพบกับ ยูเออี,โดย ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทย เดินทางมารายงานตัว พร้อมกับลงฝึกซ้อมเบาๆ ร่วมกับเพื่อนๆ ทีมชาติไทย ไปแล้วเมื่อช่วงเย็นวานนี้ แม้จะมีอาการบาดเจ็บที่บริเวณหลังอยู่ก็ตาม,กองหน้าวัย 29 ปี ได้กล่าวถึงสภาพร่างกายล่าสุดของตัวเองว่า ยอมรับว่ายังมีอาการบาดเจ็บครับ แต่ไม่ถึงขั้นไม่ไหว เลยตัดสินใจเข้ามาอยู่กับทีมก่อน สุดท้ายถ้าไม่เป็นประโยชน์ต่อทีมโค้ชน่าจะตัดสินใจได้ครับ,ผมก็เหมือนนักเตะคนอื่นที่เข้ามาเป็นตัวเลือก ส่วนจะใช้หรือไม่ใช้ขึ้นอยู่กับโค้ช ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของโค้ช ตอนนี้ยังไม่ได้คุยโดยตรงกับโค้ช แต่หมอน่าจะคุยคร่าวๆ แล้วว่าอาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง ต้องทำยังไงบ้างครับ ส่วนตอนนี้ยังไม่มั่นใจเท่าไรครับว่าจะพร้อมแค่ไหน คงต้องดูอาการวันต่อวัน,กองหน้าทีมชาติไทย กล่าวต่อไปว่า เรื่องอาการบาดเจ็บแบบนี้มันแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน บางคนอาจเจ็บแล้วถอน ซึ่งมันก็อาจไม่ไหวจริงๆ หรืออย่างผมเข้ามาแล้วอาจไม่ไหวจริงๆ ก็ได้ ผมว่าเรื่องนี้มันแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่ละเคสมากกว่า,ผมเชื่อว่าทีมชาติทุกคนอยากเล่นอยู่แล้ว ซึ่งทีมชาติไทยมันเป็นของทุกคน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่ของผม ไม่ใช่ของนักฟุตบอลคนใดคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นทีมชาติควรมีตัวเลือกที่พร้อมที่สุด อย่างผมถ้าไม่เต็มร้อย โค้ชก็มีตัวเลือกคนอื่นอยู่แล้ว หรือเข้ามาแทนผมก็ไม่มีปัญหาครับ เป็นปกติอยู่แล้วที่มีคนเจ็บต้องมีคนที่พร้อมกว่าเข้ามา เป็นเรื่องดีกว่าอยู่แล้วที่จะมีคนที่พร้อมกว่าเข้ามาแทนครับ,แน่นอนว่าผมอยากช่วยทีม ผมไม่รู้หรอกว่าจะเหลือเวลาเล่นกับทีมชาตินานเท่าไร ผมยังดีใจทุกครั้งที่มีชื่อติด ไม่รู้ว่าครั้งไหนจะเป็นครั้งสุดท้ายบ้าง เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่มีโอกาส ผมอยากรักษาโอกาสนั้นให้ดีที่สุดครับ กองหน้าทีมชาติไทย กล่าวปิดท้าย,สำหรับทีมชาติไทย จะเก็บตัวอยู่ที่เกียรติธานี คันทรี คลับ ก่อนจะตัดตัวผู้เล่นให้เหลือ 23 คนสุดท้าย ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 กลุ่มบี นัดที่ 8 พบกับทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในวันที่ 13 มิถุนายน 2560 จะแข่งขันกัน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น. ถ่ายทอดสด ทางช่อง 7 สี | ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกเบอร์หนึ่งของทีมชาติไทย จากค่าย เอสซีจี เมืองทองฯ เปิดใจถึงความพร้อมของตัวเอง หลังเข้าแคมป์เก็บตัวฝึกซ้อมกับทีมชาติไทย | กีฬา,ฟุตบอลไทย | ทีมชาติไทย,ช้างศึก,ธีรศิลป์ แดงดา,เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด,ฟุตบอลทีมชาติไทย | https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/967688 |
ชาวนาอุบลฯออเดอร์ล้น เร่งสีข้าวส่งลูกค้ารายเบิ้ม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร | ชั่วโมงเดียวเกลี้ยง ,วันที่ 8 พ.ย.59 ที่ศาลากลางบ้านสะพือ ต.ตระการพืชผล อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี กลุ่มชาวบ้านที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา กว่า 10 คนมารวมตัวช่วยกันตากข้าวเปลือก สีข้าว และบรรจุข้าวสารหอมมะลิใส่ถุงพลาสติกถุงละ 5 กิโลกรัม เพื่อนำส่งขายให้ลูกค้าตามคำสั่งซื้อที่ขณะนี้มีประชาชนให้ความสนใจอุดหนุนข้าวสารจากชาวนาโดยตรงเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในลูกค้าที่สั่งซื้อก็คือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสั่งผ่านนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในพื้นที่ ให้จัดหาข้าวสารจากชาวนา ส่งไปวางจำหน่ายในกรุงเทพฯ,นางพิสมัย เนตรแสง อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 6 ต.ตระการพืชผล อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี หนึ่งในกลุ่มชาวบ้านสะพือ ที่นำข้าวเปลือกมารวมกลุ่มสีเป็นข้าวสารขาย เผยว่า ปัจจุบันราคาข้าวเปลือกถูกมากจน พวกตนที่ทำนาปลูกข้าวขาย ไม่อยากนำข้าวเปลือกไปขายให้โรงสี จึงหันมารวมกลุ่มนำข้าวเปลือกที่เกี่ยวมาใช้ลานกลางบ้านเป็นพื้นที่ตากข้าว โชคดีมีโรงสีชุมชน จึงมีที่สีข้าวกันเอง ไม่ต้องเอาไปจ้างใคร ข้าวสารที่สีออกมาเป็นข้าวสารหอมมะลินำมาบรรจุถุงขาย กิโลกรัมละ 20 บาท ช่วงแรกนำไปวางขายในตัวเมืองตามหน้าธนาคาร หาบขายในย่านชุมชนบ้าง พร้อมให้หมายเลขโทรศัพท์กับลูกค้าไว้ หากสนใจจะอุดหนุนข้าวเพิ่มเติม สามารถโทรสั่งซื้อให้ไปส่งได้โดยตรงได้ถึงที่ โดยมีลูกค้าสนใจอุดหนุนเป็นจำนวนมาก มียอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น,หนึ่งในนั้นมียอดสั่งซื้อจากอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ให้นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาเป็นตัวแทนรับซื้อให้บรรจุถุงข้าวสารหอมมะลิ ถุงละ 5 กิโลกรัม ราคา 100 บาท ส่งไปให้วางจำหน่ายในกรุงเทพฯ โดยคาดว่าจะเร่งสีข้าวให้ได้ประมาณ 2 ตัน เพื่อจะได้มีเงินไปใช้หนี้ค่าจ้างเกี่ยวข้าว และนำมาใช้จ่ายในครัวเรือนต่อไป ชาวนาบ้านสะพือ กล่าว,ด้านนายชูวิทย์ เผยว่า จากการที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้ลงมาให้กำลังใจชาวนาในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และนำข้าวสารจากชาวนาไปวางขายหน้าทางเข้าห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5 พ.ย.) จำนวน 10 ตัน ขายหมดภายใน 1 ชั่วโมง ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรี จะรับซื้อข้าวจากชาวนาไปวางขายที่กรุงเทพฯอีก ตนจึงเป็นสื่อกลางประสานรับข้าวจากชาวนาไปขายให้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งหนทางในการช่วยเหลือชาวนาในช่วงที่ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ หากทุกคน ทุกหน่วยงานช่วยเหลือกันไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือภาคเอกชน ชาวนาจะผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน. | ชาวนาบ้านสะพือ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เร่งสีข้าวสารหอมมะลิ ส่งลูกค้าที่สั่งซื้อหลังนำไปนั่งขายในเมืองแล้วมีออเดอร์จำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือลูกค้ารายใหญ่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ซื้อไปขายหน้าห้างฯแฟชั่นไอส์แลนด์ 10 ตัน | ข่าว,ทั่วไทย | ข้าว,ราคาข้าว,ข้าวราคาตก,ยิ่งลักษณ์ซื้อข้าว,ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,ชาวนาอุบล,อุบลราชธานี | https://www.thairath.co.th/news/local/777382 |
ผู้สมัคร ส.ส.ในต่างจังหวัด เร่งลงพื้นที่ขอคะแนนเสียง | คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดน่าน เร่งตรวจสอบเอกสารและข้อมูลเตรียมพร้อมจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ โดยมีผู้มาลงทะเบียน 2099 คน นายมงคล สิทธิวีระกูล ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดน่านเปิดเผยว่า ได้เพิ่มการเข้มงวดทุกขั้นตอนตั้งแต่การติดตั้งข้อมูลผู้สมัครไปจนถึงการส่งหีบบัตรโดยมั่นใจว่า จะไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นส่วนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในโครงการจัดสรรที่ดินของสหกรณ์เคหะสถานสีหราชเดโชชัยจำกัด ในจังหวัดพิษณุโลกกว่า 100 คน เรียกร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ เพราะพื้นที่ที่อาศัยอยู่ในเขตรับผิดชอบของตำบลบ้านคลอง อำเภอเมืองพิษณุโลก แต่รายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกลับอยู่ในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก ขณะที่สีสันหาเสียงเริ่มเข้มข้นมากขึ้นเช่น ที่จังหวัดศรีสะเกษ นายสมเกียรติ ไตรสรณปัญญา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ลงทุนเรียกคะแนนเสียงด้วยการร่วมทำนาในแปลงนาสาธิตกับนักเรียนโรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษพร้อมกับชูนโยบายพรรคเช่นเดียวกับนายวิสันต์ เดชเสน ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคชาติไทยพัฒนา จังหวัดยโสธร ที่ออกหาเสียงด้วยการขึ้นรถไถนาพบปะเกษตรกรชาวสวนยางพาราบ้านคึมยาว ตำบลสร้างมิ่ง อำเภอเลิงนกทา ซึ่งเขตนี้การแข่งขันค่อนข้างสูงไม่ต่างจากผู้สมัครพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นายประเสริฐ บุญชัยสุข ลงพื้นที่พบปะกลุ่มผู้สูงอายุในตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง โดยยังคงชูนโยบายเพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรา คนพิการ และ สร้างบ้านพักผู้สูงอายุทั่วประเทศตำรวจจังหวัดพัทลุงตรวจค้นและพื้นที่ ยึดกระสุนปืนสงครามเอ็ม 16 และ อาก้า พร้อมผู้ต้องหาสองคนคือนายโกเมศ นุ้ยขาว และ นายศราวุธ นุ้ยเกลี้ยง ส่วนที่จังหวัดสงขลาผู้สัมครจากพรรคเพื่อไทยเขต 3 ลงพื้นที่หาเสียงที่ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ โดยเน้นการแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักก่อนที่จะเปิดเวทีปรายศรัยใหญ่ของพรรคในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเปิดเวทีเสวนาสัญจรหัวข้อทำไมต้องโหวตโน และ โหวตโนแล้วจะได้อะไรโดยมีนายสมเกียรติ์ วงศ์ไพบูลย์ เป็นหนึ่งในวิทยากร ระบุว่า แต่ละพรรคเล่นการเมืองเพื่อความอยู่รอดการโหวตโนจะทำให้ประชาชนได้การเมืองที่ใสสะอาดในอนาคตส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทยยังคงลงพื้นที่หาเสียงต่อเนื่อง โดยวันนี้ได้หาเสียงที่ตลาดสดเทศบาลเมืองนครพนม โดยชูนโยบายต่อยอดกองทุนหมู่บ้าน พักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี และ ให้เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดทั้งปีก่อนที่จะเดินทางต่อไปไหว้พระธาตุพนมเพื่อความเป็นสิริมงคล | บรรยากาศการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายแต่ละจังหวัดยังคงเป็นไปอย่างเข้มข้น ขณะที่ กกต.น่านมั่นใจว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นจะไม่มีการทุจริต | ภูมิภาค | Election54,ผู้สมัคร ส.ส.ในต่างจังหวัด,พรรคการเมืองใหม่,หาเสียงต่างจังหวัด | https://news.thaipbs.or.th/content/14579 |
ตร.ชลบุรีไล่ล่าแก๊งยา ยิงยางแตกยังขับหนีไกล 10 กม. ตกข้างทางสิ้นฤทธิ์ | เจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ สภ.พานทอง ล่อซื้อยาเสพติด คนร้ายไหวตัวทัน กระโดดขึ้นเก๋ง BMW ชักปืนยิงเปิดทางหนี ตร.ยิงยางสกัดยังไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ ดวลสนั่นไล่ล่ากว่า 10 กิโลเมตร สุดท้ายจนมุม เก๋งเสียหลักตกข้างทาง ตร.คุมตัวได้พร้อมของกลาง ไอซ์ 3 กรัม ,เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 13 ก.ย. นี่คือภาพเหตุการณ์ที่ชาวบ้านใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายไว้ได้ ขณะที่ พ.ต.ต.ชัชชัย คชาโภชน์ สว.( สืบสวน ) สภ.พานทอง พร้อมชุดสืบสวนให้สายลับเข้าล่อซื้อยาบ้ากับ นายกฤษดา สืบมี อายุ 26 ปี ชาว จ.ชลบุรี โดยนัดหมายกับสายลับส่งยาเสพติดกันที่บริเวณ ริมถนนศุขประยูร หน้าวัดหนองตำลึง หมู่ 5 ต.หนองตำลึง อ.พานทอง จ.ชลบุรี,ซึ่งขณะที่กำลังส่งยาเสพติดนั้น นายกฤษดา ได้ไหวตัวทัน จึงขับรถเก๋งยี่ห้อ BMW สีดำ ทะเบียน กพ 7654 ชลบุรี แหกวงล้อมเฉี่ยวชนกับรถยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำทะเบียน กจ 3901 ฉะเชิงเทรา ของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเสียหาย แล้วขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยิงสกัดยางล้อหลังด้านขวาแตก แต่นายกฤษดา ก็ยังขับหลบหนีต่อไปได้ โดยหนีไปทางหลังห้างโลตัส สาขาถนนศุขประยูร ลัดมาถนนเส้น บ้านไร่ - หนองกาน้ำ จนมาถึงช่วงวัดห้วยยาง หมู่ 5 ต.หนองหงส์ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร,ตลอดระยะทางนายกฤษดา ได้ชักอาวุธปืนยิงสวนออกมาจากรถ กระทั่งถึงทางโค้ง รถเก๋งได้เสียหลักหมุนพลิกคว่ำ ตกลงในป่าข้างทาง นายกฤษดา พยายามวิ่งหลบหนี ต่อแต่ไม่รอด ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้พร้อมอาวุธปืนขนาด 11 มม.1 กระบอก ลูกกระสุนปืนอยู่ในรังเพลิง ค้นในรถพบยาไอซ์อีก 1 ถุง แบ่งเป็น 3 ถุงละ 1 กรัม รวม 3 กรัม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวส่ง ร.ต.อ.ประกาศ ยะติ รอง สว.(สอบสวน) ดำเนินคดีในข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย และครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย. | เจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ สภ.พานทอง ล่อซื้อยาเสพติด คนร้ายไหวตัวทัน กระโดดขึ้นเก๋ง BMW ชักปืนยิงเปิดทางหนี ตร.ยิงยางสกัดยังไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ ดวลสนั่นไล่ล่ากว่า 10 กิโลเมตร สุดท้ายจนมุม เก๋งเสียหลักตกข้างทาง คุมตัวได้พร้อมของกลาง | ข่าว,อาชญากรรม | ชลบุรี,ไล่ล่า,แก๊งยา,ยาไอซ์,ยิงยางสกัด,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1069264 |
วรชัย ซัด เอาคู่ขัดแย้งมาเป็นอนุ กก. ทำขับเคลื่อนปรองดองเกิดยาก | วันที่ 11 ก.พ. เมื่อเวลา 15.00 น. นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงคณะกรรมการเตรียมการสร้างความปรองดอง ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นผู้ขับเคลื่อนว่า การสร้างความปรองดองตอนแรกเห็นว่า พล.อ.ประวิตร จะให้ทหารที่ฝ่ายประชาธิปไตยมองว่า เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งมาขับเคลื่อน เราก็มองว่าการปรองดองเดินหน้าได้ยากแล้ว แต่นี่ยังเอา นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ซึ่งเรามองว่าเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายประชาธิปไตย มาเป็นที่ปรึกษาอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองอีก เมื่อคนที่จะขับเคลื่อนการปรองดอง มีแต่คนที่มีส่วนได้เสียกับการยึดอำนาจ แต่ไม่มีฝ่ายประชาธิปไตยเลย อย่างนี้ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.บอกว่า อย่าสนใจที่ตัวบุคคลให้มองที่ผลของงานนั้น ถ้าคนเป็นคู่ขัดแย้งมาเป็นอนุกรรมการ เขาก็มีมุมมองของเขาฝ่ายเดียว ดังนั้นก็ควรเอาคู่ขัดแย้งทั้งหมดที่มีส่วนทำให้เกิดปัญหาเข้าร่วมเป็นอนุกรรมการด้วยจะดีกว่า หรือไม่เช่นนั้นก็นำผลการศึกษาที่รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายก่อนหน้านี้มาดำเนินการเสียเลย. | นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ซัด เอาคู่ขัดแย้งมาเป็นอนุ กก. เชื่อทำขับเคลื่อนปรองดองเกิดขึ้นได้ยาก | null | วรชัย,คู่ขัดแย้ง,อนุกรรมการปรองดอง,ขับเคลื่อนปรองดองเกิดยาก,เพื่อไทย | https://www.thairath.co.th/content/856664 |
ไปไหว้ พะวอ ที่แม่สอด นับถอยหลังปิดเมืองช็อป | กลายมาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่แม้แต่ที่ดินแปลงเล็กๆก็ราคาทะลุหลักหลายล้านแล้ว,ก่อนถึงแม่สอดราว 17 กิโลเมตร ต้องผ่านศาลเจ้าพ่อพะวอ คนแม่สอดบอกว่า มาแม่สอดแล้ว ต้องไปไหว้ศาลพะวอ เพราะถือเป็นอีกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก,พะวอ เป็นใครพี่คนหนึ่งในคณะของเราตั้งคำถาม และนั่นเป็นจุดเริ่มให้ต้องหาคำตอบ,พะวอเป็นชายชาตินักรบชาวกะเหรี่ยง ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงแต่งตั้งให้มีศักดิ์ฐานะเป็นนายด่านแม่ละเมา เมืองหน้าด่านของไทย ในรัชสมัยของพระองค์ท่าน คอยดูแลรักษาหาข่าวแจ้งเหตุ เมื่อมีเหตุหรือข้าศึกศัตรูรุกล้ำแดนมา โดยด่านแม่ละเมานั้นเป็นด่านแรกของไทย เป็นเส้นทางเดินทัพ และเส้นทางการค้าในสมัยโบราณนับพันๆปี ว่ากันว่าพม่าจะยกทัพมาตีไทย จะเดินทัพมาได้เพียงสองทางเท่านั้นคือ เมื่อเคลื่อนทัพจากกรุงหงสาวดีมาแล้ว จะมาตั้งชุมนุมจัดกระบวนทัพที่เมืองเมาะตะมะ แล้วเดินเลาะเลียบเชิงเขาตะนาวศรีผ่านด่านแม่ละเมา ทางหนึ่ง กับยกทัพข้ามช่องแคบที่แม่น้ำกษัตริย์ หรือที่เรียกกันว่า ด่านเจดีย์สามองค์ อีกทางหนึ่ง,ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว พม่าจะยกทัพผ่านด่านแม่ละเมามากกว่าด่านเจดีย์สามองค์ เพราะต้องการตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ เพื่อตัดกำลังฝ่ายเหนือเสียก่อนแล้วค่อยยกทัพไปตีกรุงศรีอยุธยา,และเมื่อปีมะแม พุทธศักราช 2318 กองทัพพม่าเคลื่อนทัพมายังไทยเพื่อเข้าตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ พะวอได้นำกำลังไพร่พลที่มีเพียงหยิบมือเดียว เข้าหาญปะทะกับข้าศึกศัตรูอย่างกล้าหาญ และเด็ดเดี่ยวจนถึงแก่ชีวิตหมดทุกคน ณ ยุทธภูมิด่านแม่ละเมา กลายเป็นตำนานเล่าขาน ถึงความเสียสละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยไว้อย่างหวงแหน วิญญาณของท่านได้วนเวียนสถิตเป็นเทพยดารักษาเมืองมาตราบเท่าทุกวันนี้,นั่นจึงเป็นที่มาว่า ทำไมจึงต้องแวะสักการะศาลเจ้าพ่อพะวอเพราะท่านคือผู้ที่มีบุญคุณอย่างยิ่งต่อแผ่นดินนั่นเอง ภายในศาลมีรูปหล่อของเจ้าพ่อพะวอ ซึ่งประชาชนนิยมนำพวงมาลัยไปแขวนไว้ตรงมือของท่าน และด้วยเหตุที่ท่านเป็นนักรบ จึงชอบเสียงปืน ดังนั้น เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อท่านของผู้เดินทางผ่านไปมาหลายคนที่ได้ไปสักการะมักจุดประทัดถวาย หรือบางคนที่ขับรถผ่านก็สักการะท่านด้วยการบีบแตรรถ,จากศาลพะวอ เข้าสู่แม่สอด จุดหมายแรกของเราคือ ตลาดริมเมย แหล่งช็อปปิ้งสินค้าสารพัด เป็นตลาดชายแดนที่อยู่ตรงข้ามกับอำเภอเมียวดีของพม่า สินค้าหลายอย่างก็มาจากฝั่งพม่า เช่น รูปแกะสลักไม้ อัญมณี รวมไปถึงของพื้นเมืองอย่าง หน่อไม้แห้ง ปลาแห้ง ปลาหัวยุ่ง เห็ดหอม ถั่วเครื่องหนัง ผ้าซาติน ฯลฯ หลายอย่างราคาถูกกว่ากรุงเทพฯ แต่หลายอย่างก็ไม่ถูกนัก,จากริมเมย กลับเข้าสู่ที่พัก พี่หน่อง ธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฎฐ์ ผอ.ททท.สำนักงานตาก แนะนำให้เข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ วัดไทยวัฒนาราม ซึ่งแม้จะเป็นวัดไทยใหญ่ แต่ก็รวมเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นศิลปะของชาติพันธุ์ในพม่า ทั้งมอญ ไทยใหญ่ และพม่า มารวมไว้ในที่เดียวกัน ทั้ง วิหารสีทอง ที่โดดเด่นด้วยศิลปะแบบพม่า มีลวดลายแกะสลัก,สีทองลงบนพื้นผนังสีแดง ล้อมด้วยกำแพงสีแดง ใกล้ๆกันมีรูปปั้นหงส์สีทอง สัญลักษณ์ของมอญ โดดเด่นเป็นตระหง่าน หน้า พระเจดีย์โกนาวิน เจดีย์เก้ายอด ทรงมอญ สีทองสุกปลั่งทรงเครื่อง สวมฉัตร มีระฆังรอบฉัตร และเสาหงส์ อันเป็นลักษณะของศิลปะมอญ และเป็นที่มาของชื่อเมืองหลวงของรัฐมอญ ว่า หงสาวดีด้วย,นอกจากนี้ ยังมี พระมหามัยมุนี จำลอง เหมือนกับที่มัณฑะเลย์ พระนอนองค์ใหญ่ เหมือนพระนอนตาหวานในพม่า แถมด้วย นัตโบโบจี หรือ เทพทันใจ ที่ศาลาด้านหน้าของวัด,วันรุ่งขึ้น ผอ.ททท.ตาก ต้อนรับด้วยโรตีโอ่งขึ้นชื่อของแม่สอด ก่อนจะเชิญชวนให้กลับมาเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 8-10 มิ.ย.2561 นี้ เพราะจะมีกิจกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของแม่สอด นั่นก็คือ งาน Thailand Shopping & Dining Paradise 2018 @ Mae Sot เป็นมหกรรมลดกระหน่ำทั้งเมืองแม่สอดตลอดเดือน ม.ย.-ส.ค.2561,เรียกว่าปิดเมืองช็อปกันเลยทีเดียว เพราะสินค้า ร้านอาหาร และ บริการต่างๆในแม่สอด จะพากันลดราคาเพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและพม่าให้มาเยือนในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้ที่ต่อยอดจากการท่องเที่ยวอีกด้วย,ก่อนกลับ กทม. แวะจิบกาแฟที่ร้าน แม่สอดวิว 360 องศา ร้านกาแฟสุดชิคที่เต็มไปด้วยสีสันของการตกแต่งร้าน ทั้งด้วยวิวที่ต้องบอกว่าสุดยอดแล้ว ยังมีบรรดาฮีโร่ในดวงใจไม่ว่าจะเป็น ซุปเปอร์แมน แบทแมน สไปเดอร์แมน ให้เราได้ถ่ายรูปคู่ด้วย,ถ้าจะให้พูดถึงแม่สอดในวันนี้ ต้องบอกว่านางเป็นสาวที่กำลังเนื้อหอมอย่างที่สุด ทั้งธุรกิจ การค้า การลงทุน นักท่องเที่ยวต่างมุ่งหน้าสู่เมืองชายแดนแห่งนี้,พูดแบบไทยๆก็ต้องบอกต่อไปว่าหัวกระไดไม่แห้งกันเลยทีเดียวเชียวล่ะ | เราเดินทางจากจังหวัดตากมุ่งหน้าสู่อำเภอแม่สอด ที่ทุกวันนี้ ความเจริญได้ถาโถมเข้าสู่อำเภอชายแดน ไกลปืนเที่ยง ซึ่งเคยเต็มไปด้วยโรคระบาด ทุรกันดาร เมื่อ 20 กว่าปีก่อน | null | แม่สอด,ตาก,พะวอ,ไหว้พระ,เที่ยวตามตะวัน,เที่ยว | https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/1296901 |
ไทยตอนบนรวมถึง กทม. ยังเจอฝน ภาคใต้ตกมากขึ้น | วันที่ 9 พ.ค. หลายจุดหลายพื้นที่ทั่วไทย ยังคงต้องเผชิญกับ สถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าร้องฟ้าผ่า อย่างในกรุงเทพมหานคร ก็มีหลายเขต ที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถึงแม้ว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดพายุฤดูร้อนในบริเวณตอนบนอย่างมวลอากาศเย็น หรือบริเวณความกดอากาศสูงที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนก่อนหน้านี้จะอ่อนกำลังลงแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังคงมีอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ นั่นก็คืออิทธิพลของลมตะวันออกเฉียงใต้ และลมใต้ ที่มีการพัดนำความชื้นเข้าปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน จึงทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ยังคงมีฝนฟ้าคะนอง เกิดขึ้นได้ในระยะนี้,นอกจากนี้ พื้นที่ภาคใต้ในสัปดาห์นี้ มีสองปัจจัยที่จะทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น และตกหนักบางแห่ง โดยปัจจัยแรก คือลมตะวันออกพัดปกคลุมพื้นที่ภาคใต้ และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญเลยก็คือหย่อมความกดอากาศต่ำ บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ที่ปกคลุมบริเวณประเทศมาเลเซีย มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลอันดามัน จึงทำให้ภาคใต้ของไทยส่วนมากบริเวณทางตอนล่างของภาคจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนมากกว่าบริเวณภาคอื่นๆ,โดยจากการตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมเช้านี้ พบว่าพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน เป็นเมฆชั้นต่ำและเมฆชั้นสูง ตรวจไม่พบกลุ่มฝน ส่วนภาคอีสาน มีเมฆ เป็นบางส่วน เป็นเมฆชั้นต่ำและชั้นสูง ตรวจพบกลุ่มฝนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ในขณะที่ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นบางส่วน โดยเป็นเมฆชั้นต่ำ และเมฆชั้นสูง ตรวจพบกลุ่มฝนบริเวณ จ.ตราด และภาคใต้ มีเมฆบางส่วน เป็นเมฆชั้นต่ำ และชั้นสูง ตรวจพบกลุ่มฝนบริเวณ จ.สตูล สงขลา ยะลา นราธิวาส,ส่วนภาพรวมสภาพอากาศทั่วประเทศวันนี้, เป็นดังนี้,ภาคเหนือ อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา ขอนแก่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส,ภาคกลาง อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส,ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร,กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส | ประเทศไทยตอนบนรวมถึง กทม. ยังมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้ ฝนตกมากขึ้นบริเวณตอนล่างของภาค | ข่าว,ทั่วไทย | พยากรณ์อากาศ,อุตุนิยมวิทยา,ฝนตก,ร้อน,อุณหภูมิ | https://www.thairath.co.th/news/local/935590 |
ผบ.ทบ.เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ชายแดนใต้ ช่วงสงกรานต์ | พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวก่อนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ว่า วันนี้ (10 เม.ย.) จะลงไปเน้นย้ำการทำงานตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการกำชับเจ้าหน้าที่ดูแลความ สงบเรียบร้อยเข้มงวดยิ่งขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์และเพิ่มมาตรการดูแลความ ปลอดภัยในชุมชนเมือง ขณะเดียวกันจะไปอวยพรปีใหม่ไทยในโอกาสเทศกาลสงกรานต์กับกำลังพล พร้อมย้ำการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศส่วนการที่สภาความมั่นคงแห่งชาติเลื่อนกำหนดการพูดคุยตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็น.ครั้งต่อไปเห็นว่า ไม่ควรมองเรื่องการพูดคุยกับกลุ่มเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นเพียงแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการตรวจเยี่ยมการทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการรับฟังบรรยายสรุปการทำงานในรอบ 6 เดือน และประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่ กอ. รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมย้ำแนวทางขับเคลื่อนการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และแผนการปฏิบัติงานในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2556 และจะเดินทางไปมัสยิดกลาง จังหวัดยะลา เพื่อพบปะมวลชนและผู้นำศาสนาในท้องถิ่น | ผู้บัญชาการทหารบก กำชับเพิ่มมาตรการเข้มดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำไม่ควรให้ความสำคัญกับการพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็น.เป็นพิเศษ เพราะเป็นเพียงแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหา | ภูมิภาค | กลุ่มบีอาร์เอ็น.,จังหวัดชายแดนภาคใต้,นายกรัฐมนตรี,ผู้บัญชาการทหารบก,เทศกาลสงกรานต์ | https://news.thaipbs.or.th/content/161223 |
สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เตรียมยกระดับฟุตบอลไทย | วันนี้ (23 ธ.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 3 บริษัทดูแลฟุตบอลระดับโลกอย่าง แอสไพร์ อะคาเดมี่ ที่พัฒนาระบบเยาวชนของกาตาร์ บริษัท อีโคโน ที่ดูแลภาพรวมวงการฟุตบอลญี่ปุ่น พัฒนาระบบเยาวชนปารีส แซงต์ แชร์แมง รวมถึงบริษัท ซ็อคนา ที่ดูแลระบบเยาวชนเรอัล มาดริด ได้เสนอตัวดูแลระบบฟุตบอลไทย ตั้งแต่ระดับเยาวชนจนถึงทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งจะเดินทางไปดูงานในช่วงต้นปีหน้า โดยตอนนี้เหลือเพียงแค่การตัดสินใจว่าจะเลือกบริษัทใดพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เปิดเผยว่า สาเหตุที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต้องการให้บริษัทดูแลฟุตบอลเข้ามาดูแลทีมชาติไทย เพื่อให้นักเตะไทยทุกชุดอายุวางนโยบายในรูปแบบเดียวกัน ตั้งแต่เยาวชนจนถึงทีมชาติชุดใหญ่ รวมถึงผู้ฝึกสอนคนไทยที่จะได้เรียนรู้แนวทางการสอนจากโค้ชระดับโลกส่วนความเคลื่อนไหวของชลบุรี เอฟซี จบอันดับ 5 ในไทยลีก และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอคัพ ล่าสุด เทิดศักดิ์ ใจมั่น กุนซือของทีมที่ยืนยันว่าในฤดูกาลใหม่ทีมชลบุรี จะเน้นไปที่การผลักดันเยาวชนให้ขึ้นมาสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องตัวผู้เล่นมากนัก โดยมีเป้าหมายคือการจบอันดับ 1 ใน 4 ของไทยลีก และคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ชลบุรี เอฟซี เดินทางไปอุ่นเครื่องเสมอ พะเยา เอฟซี 1-1 ในโครงการตามรอยพ่อ เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และได้ทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ใน 4 โครงการหลวงตามพระราชดำริยัง 3 ภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมเปิดคลินิกสอนฟุตบอล และมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนในพื้นที่ขาดเเคลน | นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ วางนโยบายเตรียมใช้บริษัทระดับโลกที่บริหารเกี่ยวกับฟุตบอลเข้ามาดูแลทีมชาติไทยทั้งระบบ เพื่อยกระดับวงการฟุตบอลไทย | กีฬา | ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ,บริษัทระดับโลก,ฟุตบอล,ทีมชาติไทย,ฟุตบอลไทย,ชลบุรี เอฟซี | https://news.thaipbs.or.th/content/258984 |
คุม ไผ่ ดาวดิน ขึ้นศาลทหาร สอบพยานโจทก์ ค้านประกันแกนนำติดคดี ม.112 | คุมตัว ไผ่ ดาวดิน กลุ่มดาวดิน ขึ้นศาลทหาร มทบ.23 ขอนแก่น สอบพยานโจทก์ ในคดีฐานขัดคำสั่ง หัวหน้า คสช. ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน
นอกจากนี้ มีคำสั่งถอนประกันผู้ต้องหา ที่ถูกคุมขังเรือนจำกลางขอนแก่น คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์,เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ก.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ศาล มทบ.23 จ.ขอนแก่น ได้มีการเบิกตัว นายจตุรภัทร บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ผู้ต้องหาตามความผิดฐานขัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.จากการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป เหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 58 หลังพนักงานอัยการศาล มทบ.23 นัดสอบพยานโจทก์ในวันนี้เป็นครั้งแรก ท่ามกลางกลุ่มให้การสนับสนุนที่เดินทางมาร่วมให้กำลังใจผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก โดยที่ พล.ต.อัครเดช บุญเทียม ผบ.มทบ.23 พร้อมด้วย พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หน.ชุดปฏิบัติการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น (กกล.รส.จว.ขอนแก่น) และกำลังสารวัตรทหาร ทำการวางกำลังรอบบริเวณพื้นที่ศาล เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงหรือสถานการณ์ใดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
,โดยในการนัดสืบพยานโจทก์ของ ศาล มทบ.23 วันนี้ได้เบิกตัว พ.อ.สุรศักดิ์ สำราญบำรุง หน.ฝ่ายการข่าว มทบ.23 ในขณะนั้น ในฐานะฝ่ายโจทก์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในขณะนั้น ได้เข้าให้ปากคำกับศาลทหาร พร้อมทั้งการเบิกตัวผู้ต้องหามาให้ปากคำในการสืบพยานโจทก์ในครั้งนี้เช่นกัน โดยคดีความดังกล่าวเกิดขึ้นจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 58 ซึ่งผู้ต้องหาในคดีนี้มีทั้งหมด 7 คน และถูกออกหมายจับทั้งหมดในคดีเดียวกัน ประกอบด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, นายอภิวัฒน์ สุนทรารักษ์, นายพายุ บุญโสภณ, นายภานุพงษ์ ศรีธนานุวัฒน์, นายสุวิชชา พิทังกร, นายศุภชัย ภูครองพลอย และ นายวสันต์ เสตสิทธิ์ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมชุมนุมประท้วงการรัฐประหารครบ 1 ปี ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น
,มี พ.อ.สุรศักดิ์ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ได้มีคำสั่งให้ชุดปฏิบัติการ ซึ่งประกอบด้วย พ.ท.พิทักษ์พล และ พ.ต.ท.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ รอง ผกก.(ป.) สภ.เมืองขอนแก่น ขณะนั้น ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 คน โดยทำการควบคุมตัว นายจตุรภัทร์ ไว้ได้แล้ว และ ศาล มทบ.23 ได้อนุญาตให้ประกันตัว นายจตุภัทร์ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 59 ด้วยหลักทรัพย์เป็นเงินสด 10,000 บาทในการประกันตัว และมีคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมือง และการออกนอกประเทศ
,ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการสอบพยานโจทก์ วันนี้ ศาล มทบ.23 มีคำสั่งถอนประกันผู้ต้องหาทันที เนื่องจากผู้ต้องหาถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำกลางขอนแก่น ในคดีความผิดประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงขอเบิกตัวมาขึ้นศาลเพื่อสอบพยานนัดแรก ขณะที่พยานฝ่ายโจทก์อีก 2 คน คือ พ.ท.พิทักษ์พล และ พ.ต.ท.อนุศักดิ์ ไม่พร้อมในวันนี้ ศาล มทบ.23 จะมีการสอบพยานใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ดี ขณะนี้ตุลาการศาลและพนักงานอัยการทหาร อยู่ในระหว่างการสอบพยาน โดยห้ามมีเพียง พ.อ.สุรศักดิ์ และ นายจตุรภัทร์ รวมทั้งทนายความอยู่ในห้องพิจารณาคดี และห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวหรือผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ารับฟัง หรือสังเกตการณ์แต่อย่างใด ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง. | คุมตัว ไผ่ ดาวดิน กลุ่มดาวดิน ขึ้นศาลทหาร มทบ.23 ขอนแก่น สอบพยานโจทก์ ในคดีฐานขัดคำสั่ง หัวหน้า คสช. ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน
นอกจากนี้มีคำสั่งถอนประกันผู้ต้องหา ที่ถูกคุมขังเรือนจำกลางขอนแก่น คดี ม.112 | ข่าว,ทั่วไทย | ไผ่ ดาวดิน,7 แกนนำ,กลุ่มดาวดิน,ศาลทหาร มทบ.23,ขัดคำสั่งหัวหน้า คสช.,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1017880 |
ไทยถก AIPA ย้ำจุดยืนสัมพันธ์ จีน-อาเซียน พร้อมร่วมมือทุกมิติ | ทำเศรษฐกิจอาเซียนเท่าเทียม-ทำกฎหมายส่งเสริม ปชต.-เป็นประโยชน์ต่อสังคม,เมื่อวันที่ 29 ส.ค.62 พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน ครั้งที่ 40 ว่า การประชุมจะมีไปจนถึงวันที่ 30 ส.ค.นี้ ซึ่งภาพรวมการประชุมตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดี ตัวแทนของประเทศต่างๆให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งในส่วนของตนนั้น ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ผู้รายงานการประชุม ในฐานะเป็นคณะผู้แทนรัฐสภาไทย ที่ร่วมประชุมหารือกับรัฐสภาประเทศผู้สังเกตการณ์ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการประชุมคณะนี้มี นายสรอรรถ กลิ่นประทุม เป็นประธานฯ การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ได้รับความร่วมมือจากประเทศจีน และประเทศผู้สังเกตการณ์อื่นทุกประเทศเป็นอย่างดี ทั้งนี้การหารือกับประเทศผู้สังเกตการณ์จากประเทศจีน ซึ่งรัฐสภาไทยได้เสนอให้มีความร่วมมือด้านกฎหมาย ด้านกฎระเบียบระหว่างประเทศสมาชิกสมัชชารัฐสภาอาเซียน และระหว่างสมัชชารัฐสภาอาเซียน กับรัฐสภาประเทศผู้สังเกตการณ์ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี,นอกจากนี้ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอาเซียน ที่มีมาอย่างยาวนานและเป็นไปด้วยดีนั้น ได้มีการหารือถึงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีน-อาเซียน โดยให้มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากประเทศจีนเป็นคู่ค้าสำคัญของอาเซียนมายาวนาน และอาเซียนยังได้รับการยอมรับว่า เป็นคู่ค้าที่ใหญ่เป็นอันดับสองของจีน รวมทั้งยังมีความร่วมมือระหว่างอาเซียน-จีนในประเด็นการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค ผ่านกรอบการทำงานระดับภูมิภาค เช่น การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน กับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ADMM Plus) และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum-ARF) ซึ่งเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ที่สะท้อนผ่านวิสัยทัศน์ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่าง จีน-อาเซียนในปี พ.ศ.2573,พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า จีนนับว่ามีความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกแห่งสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) มาอย่างยาวนานและมั่นคง โดยจีนได้เข้าร่วมประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 ซึ่ง AIPA เองได้แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ สำหรับความร่วมมือทวิภาคีกับจีน และความช่วยเหลือด้านการพัฒนาจากประเทศจีนในด้านต่างๆ เช่น ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน การลงทุน การขจัดความยากจน และการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ One Belt, One Road (OBOR) หรือเส้นทางสายไหมศตวรรษ 21 ที่ริเริ่มโดยจีน ที่จะช่วยให้การจัดทำแผนแม่บท ว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (MPAC) ประสบความสำเร็จ,ขณะที่ นายสรอรรถ กล่าวว่า การประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน หรือ AIPA เป็นเวทีที่ ส.ส.ของแต่ละประเทศ ทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน มาหารือและถกเถียงร่วมกันในประเด็นต่างๆ ผ่านการประชุมคณะกรรมาธิการด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เพื่อนำไปสู่การผลักดันให้มีการพัฒนาทุกด้านของอาเซียนที่สอดคล้องกัน เช่น เสนอให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียนที่เท่าเทียมกัน ส่วนด้านกฎหมายของแต่ละประเทศ ต้องมีการผลักดันไปในทิศทางที่สนับสนุนประชาธิปไตย ความเท่าเทียม และสันติภาพ นอกจากนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับบทบาทของ AIPA ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีความตระหนักรู้แ ละเป็นพันธมิตรในการผลักดันข้อริเริ่มต่างๆ การเร่งรัดกระบวนการนิติบัญญัติ เพื่อให้ความตกลงต่างๆของอาเซียนมีผลบังคับใช้โดยเร็ว และการทำให้กฎหมายของประเทศสมาชิกอาเซียน มีความสอดคล้องกันเพื่อประโยชน์ของสังคม | สรอรรถ-เศรษฐพงค์ นำทีมประชุมร่วม AIPA-จีน ย้ำจุดยืนสัมพันธ์ จีน-อาเซียน แนบแน่นยาวนาน พร้อมร่วมมือพัฒนา การเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม-ทำกฎหมายให้สอดคล้อง ระบุทุกประเทศพร้อมร่วมมือ | ข่าว,การเมือง | AIPA,ประชุมรัฐสภาอาเซียน,จีน-อาเซียน,อาเซียน,ไทย-อาเซียน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1648323 |
พิราบ นำโรค แค่กระพือปีกเสี่ยงปอดอักเสบ | วันนี้ (21 ก.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งทุกจังหวัดจัดระเบียบการให้อาหารนกในพื้นที่สาธารณะ เช่น สวนสาธารณะ วัด รวมทั้งพื้นที่ส่วนบุคคลที่ส่งผลกระทบต่อผู้พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง หลังได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนว่าหลายพื้นที่ปล่อยปละละเลย และมีการให้อาหารนกเป็นประจำ ส่งผลให้จำนวนนกเพิ่มขึ้น สร้างความรำคาญและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคไทยพีบีเอสออนไลน์ พบข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหะนำโรค โดย รศ.สุพรรณ สุขอรุณ หัวหน้าภาควิชาจุลทรรศน์ศาสตร์คลินิก คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุถึงการศึกษาการกระจายของเชื้อชนิดก่อโรคในมูลนกชนิดต่างๆ ได้แก่ นกพิราบ กา นกปากห่าง นกแก้ว ซึ่งเก็บรวบรวมมาจาก 13 แหล่งที่มีนกเหล่านี้ชุกชุมพบว่า ในมูลนกพิราบมีเชื้อ Cryptococcus neoformans ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ สูงถึงร้อยละ 9.09จากการติดตามศึกษาวิจัยมูลนกต่างๆ พบว่ามีมากขึ้นในแหล่งชุมชน อาจเป็นผลมาจากการแหล่งอาหารในธรรมชาติน้อยลง ส่งผลให้นกเข้ามาอาศัยอยู่ใกล้มนุษย์มากขึ้น ขณะเดียวกันมนุษย์มีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อง่ายขึ้น เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งอุบัติการณ์ของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องมีมากขึ้นในปัจจุบันเช่นเดียวกับ สพ.ญ.ปราณี พาณิชย์พงษ์ ที่ให้ข้อมูลผ่านทาง ระบุว่า การโปรยอาหารให้นกพิราบบินมากินตามสถานที่ต่างๆ ที่มีฝูงนกอาศัยอยู่ ถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งแต่กลับเป็นภัยเงียบที่คนส่วนใหญ่อาจนึกไม่ถึงสำหรับการอยู่ใกล้ชิดนกพิราบอาจทำให้ได้รับเชื้อโรคคลามัยดิโอซีสหรือโรคไข้นกแก้วซึ่งเกิดจากเชื้อ Chalamydia psittaci หรือปัจจุบันเรียกเป็น Chlamydophila psittaci เป็นโรคที่ติดต่อระหว่างนกด้วยกัน และทำให้เกิดโรคได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด รวมถึงแมวและคน อีกโรคหนึ่งที่พบได้และทำให้คนเสียชีวิตมาแล้ว คือ โรคสมองอักเสบจากเชื้อราคริปโตคอคคัส (Cryptococcal meningitis) หรือ Cryptococcosis ซึ่งเกิดจากเชื้อคริปโตคอคคัส นีโอฟอร์มาน (Cryptococcal neoformans) เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่เจริญเติบโตได้ง่ายและพบในมูลนกพิราบระวังคนภูมิคุ้มกันต่ำเสี่ยงติดเชื้อรา 1000 เท่าโรคนี้ติดต่อได้ในสัตว์ เช่น แมว สุนัข ปศุสัตว์ รวมถึงคน แต่การติดต่อระหว่างคนสู่คนเกิดขึ้นได้ยากมากอาจมีอาการป่วยอย่างเฉียบพลันหรืออาจเป็นแบบเรื้อรัง เกิดโรคที่ผิวหนังเป็นตุ่ม หนอง ผื่น แพ้ คัน อาจแสดงอาการสมองอักเสบ อาการอื่นๆ เช่น ตาอักเสบ โพรงจมูกอักเสบ ข้ออักเสบ นอกจากนั้นยังมีรายงานการพบเชื้อไข้หวัดนก (H5N1) ในนกพิราบที่ตกลงมาตายอีกด้วยสำหรับโรคอื่นๆ อย่างโรคปอดอักเสบ ท้องเสีย แพ้อาการหรือเครียด เนื่องจากหมัดจากนกพิราบ คนมีความเสี่ยงในการเกิดโรคดังกล่าวต่ำ และมักเกิดในต่างประเทศ ส่วนมากจะเกิดกับบุคคลที่มีอาชีพซึ่งเกี่ยวข้องและใกล้ชิดกับนกพิราบ โดยมีโอกาสสัมผัสกับแหล่งอาศัยและมูลนกได้ง่าย รวมถึงผู้ที่มีความบกพร่องทางภูมิคุ้มกันโรคในเด็กและผู้สูงอายุอาจมีความเสี่ยงต่อการติดโรคมากกว่าคนปกติถึง 1000 เท่า โดยเฉพาะโรคจากเชื้อราที่พบในมูลขับถ่ายของนกพิราบ หากต้องสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดนกพิราบควรมีผ้าปิดจมูก และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังสัมผัสสัตว์ ทำความสะอาดเก็บกวาดมูลนกอย่าให้หมักหมมเพราะจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อราขณะที่ช่วยยืนยันว่า มูลของนกพิราบและฝุ่นที่เกิดจากการกระพือปีกก่อให้เกิดมลภาวะด้านกลิ่น และอาจเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน ไม่ว่าจะเป็นตัวไรนก พยาธิ ไวรัสตับอักเสบบี เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดอักเสบเฉียบพลัน ปอดบวม ไข้กาฬหลังแอ่น โรคไข้หวัดนก โรคเชื้อราในปอดจากนก ซึ่งเกิดจากเชื้อรา Cryptococcosis ซึ่งอาศัยอยู่ตามตัวนก และพบบ่อยที่สุดในนกพิราบ และสิ่งที่น่ากังวล คือ เชื้อราชนิดนี้มีความทนทานต่อยารักษาโรคมูลนกพิราบเสี่ยงโรค-ทำลายบ้านเรือนทั้งนี้ คนทั่วไปสามารถติดเชื้อราชนิดนี้โดยตรงจากการสัมผัสนกพิราบ สิ่งคัดหลั่งจากนกที่เป็นโรค เช่น มูล น้ำมูก น้ำตา น้ำลายของนก ซึ่งแม้จะไม่ใช่ผู้เลี้ยงนกพิราบแต่การเข้าไปอยู่กลางฝูงนก ขณะโปรยอาหารและนกกระพือปีกบินถลาไป-มา เชื้ออาจจะเข้าสู่จมูก ทำให้เกิดโรคเชื้อราในปอด และระบบทางเดินหายใจของคนได้ โดยเฉพาะนกที่อาศัยทำรัง และบินวนเวียนอยู่ใกล้บริเวณที่อยู่อาศัย เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่เชื้อโรคได้ ซึ่งโรคส่วนใหญ่มักจะเป็นแล้วรักษาไม่หาย หรือบางโรคอาจตายโดยเฉียบพลันไม่อาจรักษาได้ทันนอกจากนำเชื้อโรคและสร้างความรำคาญแล้ว การถ่ายมูลของนกยังก่อให้เกิดความสกปรก ส่งกลิ่นเหม็น และทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งก่อสร้าง วัสดุอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ เนื่องจากในมูลนกส่วนที่เห็นเป็นสีขาวมีกรดยูริก ซึ่งสามารถกัดกร่อนโลหะ ทำให้เกิดสนิมได้อ่านข่าวเพิ่มเติม | นายกรัฐมนตรี สั่ง กทม.จัดระเบียบการให้อาหารนกพิราบในที่สาธารณะ หวั่นนกเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค เนื่องจากมูล-น้ำลายนกพิราบเสี่ยงต่อโรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบและเพียงแค่นกพิราบกระพือปีกก็เสี่ยงเป็นโรคปอดอักเสบได้ | สังคม | นกพิราบ,เยื่อหุ้มสมองอักเสบ,ปอดอักเสบ,เชื้อรา,Cryptococcosis,ไข้หวัดนก (H5N1),ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/274693 |
อันตรายจากไวรัสซิกาที่ไม่บ่งบอกจากภายนอก | เช่น ทารกมีศีรษะเล็กกว่าปกติ ซึ่งไวรัสซิกาเป็นเชื้อที่ติดต่อได้ทางยุงลายและเพศสัมพันธ์ โดยกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดคือสตรีตั้งครรภ์,นักวิจัยได้ทำการศึกษากับลิงกัง เนื่องจากลิงมีการตั้งครรภ์ใกล้เคียงกับมนุษย์ โดยทดลองกับแม่ลิงกังที่ติดเชื้อไวรัสซิกาที่มีทารกลิงทั้งหมด 5 ตัว นักวิจัยพบว่ามี 1 ใน 5 ของทารกในครรภ์ของลิงแสดงความผิดปกติทางร่างกายในระยะเริ่มต้น แต่หลังจากนั้นทีมได้ใช้วิธีสแกน MRI ด้วยคลื่นวิทยุร่วมกับคลื่นสนามแม่เหล็กแรงสูงเพื่อถ่ายภาพเนื้อเยื่อ อวัยวะ และโครงสร้างอื่นๆ ภายในร่างกาย พบว่าสมองของทารก 4 ใน 5 ตัวไม่ได้มีการพัฒนาเท่าที่ควร,นักวิจัยอธิบายว่า ไวรัสซิกาสามารถทำให้เกิดความเสียหายระหว่างพัฒนาการของทารกในครรภ์หรือในวัยเด็ก โดยอาจยังไม่ปรากฏอาการอย่างชัดเจนในหลายๆปี แต่จริงๆแล้วอาจกำลังเกิดความช้าในระบบประสาทเกี่ยวกับการเรียนรู้ ที่สำคัญคือทารกและเด็กจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น กลายเป็นโรคจิตเภทที่มีความผิดปกติทางความคิด (Schizophrenia) รวมถึงมีภาวะสมองเสื่อมขั้นต้น ซึ่งนักวิจัยหวังว่าผลวิจัยครั้งนี้จะเป็นสิ่งเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการคิดค้นผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสซิกาต่อไป. | เมื่อเร็วๆนี้นักวิจัยจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในสหรัฐอเมริกาออกมาเตือนว่า ทารกที่ติดเชื้อไวรัสซิกานั้นอาจมีความบาดเจ็บเสียหายในสมองอย่างรุนแรง แม้ว่าจะไม่ได้แสดงอาการออกมาก็ตาม | ข่าว,สังคม | ไวรัสซิกา,ทารกติดเชื้อไวรัสซิกา,สตรีตั้งครรภ์,ทารกในครรภ์,ยุงลาย,สุขภาพ | https://www.thairath.co.th/news/society/1203205 |
แว้นกรุงเก่าโหด ฆ่าพ่อค้าราดหน้า เบิ้ลเครื่องรถโดนด่า วนมายิง 2 รอบ | วันที่ 8 มิ.ย. ร.ต.ท.สายัณห์ อินดวง รอง สว.สอบสวน สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุยิงกันที่บริเวณตลาดแกรนด์ ซอย 6 หมู่ 1 ต.ธนู อ.อุทัย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ. อนุสรณ์ วะยาคำ ผกก.สภ.อุทัย พ.ต.อ.ภัทรภัทร นุชยวง ผกก.สส.ภ.จ. พระนครศรีอยุธยา แพทย์เวร รพ.อุทัยและหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ รุดไปตรวจสอบ,ที่เกิดเหตุเป็นย่านสถานบันเทิงบริเวณหลังร้านอาหารโต้รุ่ง พบกองเลือดนองพื้น ส่วนคนเจ็บคือ นายสุนทร รอดตัว อายุ 39 ปี บ้านเดิมอยู่ ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี เจ้าของร้านราดหน้า ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ใต้ราวนมซ้าย 1 นัด ใต้รักแร้ซ้าย 1 นัด ข้อมือขวา 1 นัด และหลังทะลุด้านหน้า 1 นัด เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ และกู้ชีพรพ.พระนครศรีอยุธยาช่วยปั๊มหัวใจแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล แต่คนเจ็บเสียชีวิตระหว่างทาง,ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. 7 ปลอก และหัวกระสุนชนิดเดียวกันตกอยู่ 2 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน,จากการสอบสวน นางเบญจวรรณ ลอยมา อายุ 41 ปี ภรรยานายสุนทร บอกว่าตนและสามีเปิดร้านขายราดหน้า 2 ร้าน ตนขายที่ตึกแถวส่วนสามีขายที่ตลาดโต้รุ่ง ขณะเกิดเหตุ สามีกำลังเดินออกจากตึกแถว เพื่อไปเก็บของที่ร้านในตลาดโต้รุ่งห่างกันประมาณ 30 เมตร ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดหันไปดูเห็นคนล้มลง ไม่นึกว่าเป็นสามี แต่พอวิ่งไปดูพบว่าสามีถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่จะเสียชีวิต ซึ่งสามีไม่เคยมีเรื่องกับใคร ค้าขายอย่างเดียว จึงขอให้ตำรวจตามจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะเหิมเกริมมาก ไม่เกรงกลัวอะไรเลย ขนาดคนพลุกพล่านอย่างนี้ ยังกล้ากระทำผิด,ขณะที่มีพยานที่เห็นเหตุการณ์ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุมีเด็กแว้นขี่จักรยานยนต์เข้ามาเบิ้ลเครื่องหน้าร้านราดหน้า ผู้ตายจึงตะโกนด่า จากนั้นเด็กแว้นได้ขี่รถหายไปสักพัก ก่อนจะมีวัยรุ่น 2 คนขี่จักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ไม่ทราบสี และทะเบียน วิ่งมาด้านหลังร้าน คนซ้อนท้ายชักปืนออกมาลั่นกระสุนใส่นายสุนทร 3 นัดล้มลง จากนั้นขี่ออกไป ก่อนที่จะวนกลับมายิงซ้ำอีก 4 นัด แล้วเร่งเครื่องจักรยานยนต์หนีไปทางถนนสายเอเชีย เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยุสกัดจับแต่ยังไร้วี่แวว จึงได้เปิดดูกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว เพื่อตามจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. | พ่อค้าราดหน้าตลาดโต้รุ่ง อ.อุทัย อยุธยา ชะตาขาด กำลังเก็บของดันมีเด็กแว้นมาเบิ้ลเครื่องรถเลยตะโกนด่า พักเดียวโดนยิง 3 นัดล้มลง ก่อนที่จะวนรถมายิงซ้ำอีก 4 นัด สิ้นใจระหว่างทางไปรพ. เมียวอนตร.ตามจับคนร้ายให้ได้ | null | ฆ่าพ่อค้าราดหน้า,ยิงพ่อค้า,เด็กแว้นโหด,แว้นกรุงเก่า,สุนทร รอดตัว,ตลาดโต้รุ่ง,อุทัย,อยุธยา,ข่าวทั่วไทย,ข่าวสังคม,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวอาชญากรรม,แว้นเบิ้ลเครื่อง | https://www.thairath.co.th/content/634424 |
WHO ชี้เชื้อโควิด ดูเหมือนมีต้นกำเนิดจากค้างคาว ไม่ได้หลุดจากห้องแล็บ | โฆษกองค์การอนามัยโลก แถลงจากหลักฐานที่หามาได้ทั้งหมดในขณะนี้ บ่งชี้ดูเหมือนเชื้อไวรัสโควิด-19มีต้นกำเนิดจากค้างคาว และไม่ได้ถูกดัดแปลงทางพันธุกรรมหรือหลุดออกมาจากห้องแล็บแห่งใดเมื่อ 21 เมษายน 63 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ฟาเดลา ชาอิบ โฆษกองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถึงต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ว่า จากหลักฐานที่สามารถหาได้ทั้งหมดในขณะนี้ บ่งชี้ เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ มีต้นกำเนิดอยู่ในค้างคาว ในประเทศจีน ช่วงปลายปี2562 และเชื้อโควิด-19 ไม่ใช่เป็นเชื้อไวรัสที่เกิดจากการดัดแปลงทางพันธุกรรม หรือสร้างขึ้นในห้องแล็บแห่งใดแห่งหนึ่งหรือในที่อื่นๆ แต่อย่างใดขณะที่โฆษกองค์การอนามัยโลกยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีความแน่ชัดว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถกระโดดข้ามเครื่องกีดขวางทางสายพันธุ์มาสู่มนุษย์ได้อย่างไร แต่ตอนนี้มีความแน่ชัดว่ามีสัตว์เป็นตัวกลางในการติดเชื้อจากค้างคาวและแพร่เชื้อมาสู่คนทั้งนี้ การออกมาระบุถึงต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลกว่ามาจากค้างคาว มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตด้วยโรคโควิดมากที่สุดอันดับหนึ่งของโลก กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า รัฐบาลสหรัฐฯกำลังพยายามสืบหาข้อมูลเพื่อที่จะชี้ชัดว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้หลุดรอดออกมาโดยอุบัติเหตุจากห้องแล็บแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดหรือไม่ | โฆษกองค์การอนามัยโลก แถลงจากหลักฐานที่หามาได้ทั้งหมดในขณะนี้ บ่งชี้ดูเหมือนเชื้อไวรัสโควิด-19 มีต้นกำเนิดจากค้างคาว และไม่ได้ถูกดัดแปลงทางพันธุกรรมหรือหลุดออกมาจากห้องแล็บแห่งใด | ข่าว,ต่างประเทศ | โควิด-19,ไวรัสโคโรน่า,ไวรัสโคโรนา,ไวรัสอู่ฮั่น,ต้นกำเนิดเชื้อโควิด,องค์การอนามัยโลก,WHO | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1826813 |
คนไทยใช้ถุงสายรุ้งได้เหมือนเดิม ยัน ไม่ละเมิดแบรนด์ระดับโลก | เตือนผู้ประกอบการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา กันคนหัวใสฉกไปใช้ประโยชน์,วันที่ 8 มี.ค. 59 นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยถึงกรณีกระเป๋ารุ่นใหม่ของแบรนด์ดัง Balenciaga มีลวดลายคล้ายถุงพลาสติกใส่ของที่พ่อค้าแม่ค้าของไทยนิยมใช้ว่า กระเป๋าที่มีลวดลายดังกล่าว มีใช้ในประเทศไทยมาก่อน และใช้อย่างแพร่หลายมานานแล้ว ดังนั้น หากจะมีการกล่าวหาว่าไทยละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากระเป๋าแบรนด์ดังกล่าวคงไม่ได้ ขณะเดียวกัน คนไทยจะฟ้องร้องแบรนด์ดังกล่าวละเมิดไทยก็คงไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้ผลิตออกใช้เป็นคนแรก อีกทั้งถุงพลาสติกของไทยก็ไม่ได้มีแบรนด์,นอกจากนี้ หากพิจารณาให้ดีแล้ว ถุงพลาสติกของไทยและกระเป๋าแบรนด์ดังกล่าวไม่เหมือนกันเลย เพราะผลิตจากวัสดุต่างกัน โดยกระเป๋าแบรนด์ Balenciaga น่าจะทำจากหนัง แต่ของไทยเป็นพลาสติก ส่วนสีและรูปทรงก็ต่างกัน ที่สำคัญถุงพลาสติกรูปแบบนี้มีใช้อย่างแพร่หลายในประเทศเพื่อนบ้านของไทยเช่นเดียวกัน,มีคนมาถามเหมือนกันว่าไทยจะฟ้องละเมิดได้หรือไม่ บอกไว้เลยว่า ไม่ได้ เพราะกระเป๋าลายแบบนี้ มีขายทั่วไป ทั้งในไทย ประเทศเพื่อนบ้าน และในจีน ที่สำคัญถุงแบบนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของแบรนด์ ใครๆ ก็ผลิตออกมาได้ ,สำหรับข้อกังวลของผู้ประกอบการที่มีความเป็นห่วงว่าจะสามารถใช้ถุงพลาสติกแบบนี้ต่อไปได้หรือไม่นั้น นางนันทวัลย์ กล่าวว่า ยืนยันว่า ยังคงใช้ได้ต่อไป หรือถ้าอยากจะถือไปยุโรปก็ได้ ไม่มีความผิด เพราะไม่ได้ไปก๊อปปี้แบรนด์ Balenciaga เพราะตามหลักการแล้ว การก๊อปปี้ต้องทำเหมือนจนคนเข้าใจผิดว่าเป็นแบรนด์นั้นๆ แต่นี่ไม่เหมือน และมีความแตกต่างชัดเจน,ถ้าจะบอกว่าถุงของไทยเป็นของก๊อป ก็ต้องทำแบบเหมือนกันเด๊ะๆ ของเค้าเป็นหนัง ของเราก็ต้องเป็นหนัง ถึงจะเรียกว่าสินค้าก๊อปปี้ แต่นี่ไม่ใช่เลย จึงอยากขอเตือนผู้ประกอบการไทย เมื่อผลิตอะไรออกมาขายแล้ว จำเป็นต้องจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นเมื่อของขายดี แล้วคนอื่นทำเลียนแบบ ตัวเจ้าของเองอาจเสียโอกาสทางธุรกิจได้ นางนันทวัลย์ กล่าว. | กรมทรัพย์สินทางปัญญา ยัน คนไทยใช้ถุงพลาสติกใส่ของได้เหมือนเดิม ไม่ถือละเมิดกระเป๋าแบรนด์ดัง เหตุ มีใช้ในไทยอย่างแพร่หลายมาก่อน ระบุ ไทยฟ้องละเมิดไม่ได้ เหตุมีขายทั่วไป ไม่มีใครเป็นเจ้าของแบรนด์ | null | ถุงพลาสติกไทย,Balenciaga,กรมทรัพย์สินทางปัญญา,นันทวัลย์ ศกุนตนาค,กระเป๋าไทยคล้ายแบรนด์ดัง,ละเมิดลิขสิทธิ์,ของก๊อป,จดทะเบียน,ทรัพย์สินทางปัญญา,ข่าว,ข่าวเศรษฐกิจ,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/587761 |
นศ.ราชภัฎเลย อดจัดเตะบอลสัมพันธ์ในสาขา เหตุผู้ใหญ่ไม่สบายใจ คาดเหตุจัดวันเดียวกับ วิ่งไล่ลุง | นักศึกษา สาขาวิชาฟิสิกส์ ม.ราชภัฎเลย ถูกขอให้เลิกงานกีฬาสัมพันธ์ ในสาขาวิชาอาจารย์อ้างเหตุผู้ใหญ่ไม่สบายใจ คาดเหตุจัดวันเดียวกับ วิ่งไล่ลุง13 ม.ค.2563 วานนี้ (12 ม.ค.63) เนื่องในวันที่มีการจัดกิจกรรม วิ่งไล่ลุง ทั้งในกรุงเทพฯ และหลายจังหวัดนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า วันดังกล่าว ที่สนามกีฬา อบต. เมือง นักศึกษา สาขาวิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยราชภัฎเลย จัดกิจกรรมกีฬาสัมพันธ์ ในสาขาวิชาของนักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 ซึ่งมีกีฬาเช่น ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล เปตองและแชร์บอล ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดปี โดยปีนี้เป็นปีที่ 8 แล้ว แต่กลับถูกขอให้ยกเลิกกิจกรรมดังกล่าว โดยอาจารย์อ้างถึงเพื่อความสบายใจของผู้ใหญ่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว (สงวนชื่อ-นามสกุล) เปิดเผยกับประชาไทว่า กิจกรรมนี้เป็นงานกีฬาสัมพันธ์ในสาขาวิชาธรรมดา ไม่มีนัยทางการเมืองจัดทุกปีช่วงเดือน ม.ค. เป็นเหมือนกิจกรรมสัมพันธ์และงานปีใหม่ด้วยปีนี้เป็นปีที่ 8 แล้ว โดยได้กำหนดวันจัดมาตั้งแต่ไว้ประมาณกลางเดือน ธ.ค.แล้วแหล่งข่าวเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะถูกสั่งให้เลิกกิจกรรมด้วยว่าจริงๆ จะเชิญอาจารย์ทุกท่านของสาขามาเปิดในตอนช่วงก่อนเปิดงานประมาณ 8 โมงนิดๆ ช่วงรอพิธีเปิด มีการลงทะเบียน มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ น่าจะเป็นตำรวจ แต่ไม่ได้แสดงตน มาถามกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมอะไร ขออนุญาตหรือยัง มาถาม 2-3 เที่ยว และชุดที่มาสอบถามข้อมูบมีมากกว่า 1 ชุดต่อมาก่อนเปิดงาน 9 โมง มีสายโทรเข้ากับอาจารย์ที่เป็นคนดูแลและจะเป็นประธานเปิดพิธี สังเกตเห็นสีหน้าอาจารย์ที่รับโทรศัพท์ไม่สู้ดี โดยไม่ทราบว่าคุยอะไรกัน และไม่ทราบว่าคุยกับใคร จากนั้นอาจารยน์ไม่ถึง 20 นาที อาจารย์ท่านนี้ ก็มาบอกคนจัดงานว่าให้ยกเลิกและเก็บของ จนทำให้นักศึกษาต้องเก็บของยกเลิกกิจกรรม โดยจะหาวันจัดใหม่อีกทีแหล่งข่าว ระบุว่าอาจารย์ที่ขอให้ยุติกิจกรรมนั้นไม่ได้บอกเหตุผล บอกเพียงว่าเพื่อความสบายใจโดยมีการพาดพิงถึงผู้ใหญ่และเพื่อความปลอดภัยของนักศึกษาเองจึงให้เลือนไปก่อน ซึ่งตนมองว่าอาจจะเป็นกิจกรรมของนักศึกษาจึงอาจถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ นอกจากนี้ตามกำหนดการ ช่วงเที่ยง จะมีการแจกข้าวกลางที่พวกตนซื้อกันมาและกินร่วมกัน แต่ก็ถูกขอให้แยกย้าย ไม่ให้อยู่กินร่วมกัน อีกทั้งกิจกรรมตอนเย็นมีการกินเลี้ยงหมูกะทะและจับฉลาก ก็ไม่ให้ต่อโต๊ะ ต้องไม่ใส่เสื้อเหมือนกัน เดิมจะมีการกินที่ร้าน จึงยกเลิกกิจกรรมหมด โดยจะหาวันใหม่จัดแทนนักศึกษาผู้ร่วมงานอีกคน(สงวนชื่อ-นามสกุล) ให้ความเห็นว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมวิ่งไล่ลุง เพราะทุกปีก็จัดที่นี่ จัดราบรื่นตลอด ปกติก็ไม่มีทหารหรือตำรวจมาลงพื้นที่ ส่วนตัวก็คิดว่าเป็นผลพวงจากการจัดงานวิ่งไล่ลุง นอกจากนี้ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนจัดงานก็มีการเวรยามตำรวจ 2-3 ท่าน นั่งที่หน้ามหาลัย โดยที่ปกติมักไม่ได้ตั้ง | นักศึกษา สาขาวิชาฟิสิกส์ ม.ราชภัฎเลย ถูกขอให้เลิกงานกีฬาสัมพันธ์ ในสาขาวิชา อาจารย์อ้างเหตุผู้ใหญ่ไม่สบายใจ คาดเหตุจัดวันเดียวกับ วิ่งไล่ลุงแฟ้มภาพ navylive.dodlive.mil13 ม.ค.2563 วานนี้ (12 | การเมือง,การศึกษา,สิทธิมนุษยชน,กีฬา | วิ่งไล่ลุง,กีฬาสัมพันธ์,มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย,เตะบอล | https://prachatai.com/journal/2020/01/85896 |
4 หน่วยงานเร่งพิสูจน์ไฟปริศนาที่จันทบุรี เชื่ออีกไม่ถึงเดือนรู้ผล | กรณีเกิดไฟปริศนาลุกไหม้เผาเสื้อผ้า ที่นอน หมอน มุ้ง เครื่องใช้ไฟฟ้า ของชาวบ้าน บ้านวังไม้แดง หมู่ 6 ต.สามพี่น้อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61 จนถึงปัจจุบัน ได้รับความเสียหายเดือดร้อน 5 ครอบครัว ประกอบด้วย บ้านนายเสถียร สังฆธรรม อายุ 44 ปี เลขที่ 51 หมู่ 6 ต.สามพี่น้อง อ.แก่งหางแมว ถูกไฟไหม้มากถึง 200 ครั้ง บ้านนายนที สรรพศรี (ญาติ) หลังที่ 2 ถูกไฟไหม้ 5 ครั้ง บ้านนางภาพิมล สรรพศรี เลขที่ 45/1 ถูกไฟไหม้ 20 ครั้ง และบ้านนายณรงค์ สังฆธรรม บ้านเลขที่ 51/1 ถูกไฟไหม้เกิน 10 ครั้ง และล่าสุดบ้านนายอำนาจ สังฆธรรม อายุ 43 ปี เลขที่ 48 เกิด 1 ครั้ง ซึ่งทุกหลังคาเรือนล้วนเป็นญาติพี่น้องกัน ต่างพากันหวาดระแวงจนไม่เป็นอันกินอันนอน โดยทาง ดร.กานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ รอง ผวจ.จันทบุรี ได้เร่งให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาขุดเจาะสำรวจ หาที่มาของไฟปริศนา ตามข่าวที่เคยนำเสนอไปนั้น,ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 9 ระยอง กรมน้ำบาดาล นำรถบรรทุกเครื่องขุดเจาะ มาขุดเจาะรอบบริเวณบ้านนายเสถียร จำนวน 3 บ่อ โดยบ่อที่ 1 มีความลึก 40 เมตร บ่อที่ 2 ลึก 30 เมตร และบ่อที่ 3 มีความลึก 10 เมตร โดย จนท.กรมธรณีวิทยาได้เก็บดิน หินที่ขุดเจาะขึ้นมาจากพื้นดินในระดับความลึกทุกๆ 50 เซนติเมตรไว้เป็นตัวอย่างเพื่อนำกลับไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ จำนวน 12 ตัวอย่าง และจะรู้ผลประมาณ 1 เดือน และกรมควบคุมมลพิษได้ใช้เครื่องมือตรวจเก็บค่า อากาศ ก๊าซ และสารต่างๆ เป็นตัวอย่างนำกลับไปตรวจห้องแล็บเช่นเดียวกัน จะรู้ผลภายใน 2 อาทิตย์ ส่วนบ่อที่ขุดเจาะนั้น จนท.ได้ผสมปูนซีเมนต์เทปิดทับตั้งแต่ก้นบ่อถึงปากบ่อทั้ง 3 ไว้แล้ว,ด้าน นายสุริยพงศ์ ทรงศิริ นายก อบต.สามพี่น้อง กล่าวว่า ชาวบ้านรู้สึกพอใจระดับหนึ่งที่หน่วยงานราชการเข้ามาดูแลไม่ทอดทิ้ง ส่วนผลการตรวจพิสูจน์คงต้องรอผลจากทั้ง 2 หน่วยงานยืนยันมาอย่างเป็นทางการ ส่วนกรมธุรกิจพลังงาน จะเร่งนำเครื่องตรวจจับควันมาติดตั้งให้กับบ้านผู้เสียหายทั้ง 5 หลังให้เร็วที่สุด เพื่อคอยเตือน หากมีควันหรือไฟติดขึ้นมาเครื่องจะส่งเสียงเตือนทันที. | 4 หน่วยงานเร่งพิสูจน์คลายปมไฟปริศนาไหม้บ้านที่จันทบุรี โดย จนท.จากกรมธรณีวิทยาได้เก็บดิน หินที่ขุดเจาะขึ้นมาไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ ยันไม่ถึงเดือนน่าจะรู้ผล | ข่าว,ทั่วไทย | ไฟไหม้บ้าน,ไฟปริศนา,จันทบุรี,กรมธรณีวิทยา,เก็บตัวอย่างดิน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/east/1294464 |
แม่ผมเป็นอิสระ น้องมิวสิค โผเข้ากอดบุพการี เป็นครั้งแรก | วันนี้ที่รอคอย น้องมิวสิคได้แม่คืนมา ปล่อยตัวจากเรือนจำยะลา เพราะเจ้าทุกข์ไม่ติดใจเอาความ พ่อเมืองกาฬสินธ์ุ จัดให้ควักกระเป๋าจ่ายค่าเดินทางทั้งหมด ภาพสุดซึ้ง 2 แม่ลูกโผกอดกันครั้งแรก พากันกลับบ้านเรา,จากกรณีนางประไพนี อาทิกร อายุ 57 ปี ชาว อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์ดำรงธรรม อ.เขาวง ในโอกาสเดินทางตรวจราชการที่ อ.เขาวง เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2560 หลัง น.ส.วารีรัตน์ สำเร็จงาน อายุ 37 ปี ลูกสาว ถูกคุมขังในเรือนจำ จ.ยะลา ซึ่งน้องมิวสิค ลูกชายของน.ส.วารีรัตน์ ได้เขียนจดหมายระบายความในใจถึงแม่ สร้างความสะเทือนใจให้กับเพื่อนบ้านที่พบเห็น กระทั่งนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่เรือนจำ จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ประสานงานกับเรือนจำ จ.ยะลา เปิดวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้น้องมิวสิคได้พบแม่ พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือเต็มที่,ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2561 ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ มอบหมายให้นายเทพรัตน์ ตันตยานนท์ นายอำเภอเขาวง จัดรถตู้พาน้องมิวสิค และญาติไปรับ น.ส.วารีรัตน์ ที่สนามบิน จ.อุดรธานี หลังถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ จ.ยะลา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา จากการประสานงานของปลัดกระทรวงยุติธรรม และเจ้าทุกข์ ไม่ติดใจเอาความ ทั้งทางอาญา และทางแพ่ง,ทันทีที่น้องมิวสิค มาถึงสนามบิน ได้นั่งรอแม่อย่างตื่นเต้นใจจดใจจ่อด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับซื้อขนม มันฝรั่ง และลูกอมมาฝากแม่ และเมื่อเครื่องบิน ไลออนแอร์ 990 หาดใหญ่-อุดรธานี มาถึง ทาง น.ส.วารีรัตน์ ได้เดินออกมาจากประตูทางออกผู้โดยสาร ทั้งน้องมิวสิค และน.ส.วารีรัตน์ ได้วิ่งโผเข้ากอดซึ่งกันและกัน ด้วยความดีใจและร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ ท่ามกลางความดีใจของเจ้าหน้าที่และประชาชนที่อยู่ในสนามบิน ก่อนจะจูงมือพากันขึ้นรถตู้กลับบ้านที่ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งจะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญตามประเพณีของชาวผู้ไท โดยมีนางประไพนี รออยู่ที่บ้าน,น.ส.วารีรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ดีใจเป็นที่สุดที่ได้เจอหน้าลูกชายและได้เจอแม่ ต้องขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน และกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์, ปลัดกระทรวงยุติธรรม, เรือนจำ จ.ยะลา, เรือนจำ จ.กาฬสินธุ์, เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานยุติธรรม ทั้ง 2 จังหวัด ตลอดจนสื่อมวลชนที่ช่วยเหลือในครั้งนี้ ซึ่งตนเองยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีฉ้อโกงและยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของตนเอง อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนจะทำหน้าที่แม่และหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด,ด้านนายไกรสร กล่าวว่า กำหนดเดิมทางสำนักงานยุติธรรม จ.ยะลา จะพา น.ส.วารีรัตน์ ขึ้นรถมาส่งที่บ้าน จ.กาฬสินธุ์ แต่เนื่องจากระยะทางไกล ประกอบกับน้องมิวสิค คิดถึงแม่มาก ส่วนนางประไพนี ก็คิดถึงลูก เพราะไม่เจอหน้ากันนาน ตนจึงให้ขึ้นเครื่องบินจาก จ.ยะลา มาลงที่ จ.อุดรธานี โดยออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด พร้อมกับมอบหมายให้นายอำเภอเขาวง จัดรถตู้พาน้องมิวสิค และญาติมารับ น.ส.วารีรัตน์ ที่สนามบิน จ.อุดรธานี,สำหรับการให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้อยู่ในโครงการกาฬสินธุ์แฮปปี้เนส โมเดล กาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งเป็นนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน ของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตนได้กำชับให้ทางอำเภอเขาวง ดูแลครอบครัวนี้อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย การจัดหาปัจจัยเพื่อสร้างอาชีพ การประกอบอาชีพ เช่น พันธุ์เป็ด พันธุ์ไก่ และกระบือ เพื่อนำไปเลี้ยงสร้างรายได้ รวมทั้งการดูแลเรื่องทุนการศึกษาของน้องมิวสิค เพราะเท่าที่พูดคุยน้องมิวสิคเป็นเด็กที่เรียนดี และอยากเรียนสูงๆ โตขึ้นในอนาคตอยากเป็นวิศวกร ซึ่งทุกคนต่างดีใจกับ น.ส.วารีรัตน์ ที่ได้รับการปล่อยตัวออกมา และดีใจกับน้องมิวสิคที่ได้พบหน้าแม่ โดยทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะคอยช่วยเหลืออย่างเต็มที่. | วันนี้ที่รอคอย!! น้องมิวสิคได้แม่คืนมา ปล่อยตัวจากเรือนจำยะลา เพราะเจ้าทุกข์ไม่ติดใจเอาความ พ่อเมืองกาฬสินธ์ุ จัดให้ควักกระเป๋าจ่ายค่าเดินทางทั้งหมด ภาพสุดซึ้ง 2 แม่ลูกโผกอดกันครั้งแรก | ข่าว,ทั่วไทย | น้องมิวสิค,น้องมิวสิคพบแม่,แม่น้องมิวสิคติดคุกยะลา,ปล่อยตัวแม่น้องมิวสิค,น้องมิวสิคกอดแม่,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1234951 |
หมดครึ่งแรก ซาอุฯบุกนำไทย 1-0 รอลุ้นกันต่อ | วันที่ 23 มี.ค. 60 ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบี นัดที่ 6 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ทีมชาติไทย อันดับบ๊วยของกลุ่ม มี 1 แต้ม จาก 5 นัด พบกับ ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย จ่าฝูงของกลุ่ม ที่มี 10 แต้ม จาก 5 นัด โดยนัดแรกที่พบกัน ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ชนะ 1-0,ในช่วง 15 นาทีของครึ่งแรก เกมส่วนใหญ่ยังคู่คี่สูสี แม้ว่าซาอุฯจะครองบอลได้มากกว่า แต่ยังเจาะแนวรับไทยไม่เข้า โดยเกมในแดนกลางส่วนใหญ่จะเป็นทีมเยือนที่ตัดบอลจากเจ้าบ้านได้แทบตลอด 20 นาที ผ่านไป จึงยังเสมอกันอยู่ 0-0,ถึงนาทีที่ 26 นาวาฟ อัล อาเบด ผ่านบอลให้กับ โมฮัมหมัด อัล ซาห์ลาวี หลุดไปซัดให้ซาอุฯ ขึ้นนำ 1-0 พอเสียประตู แข้งช้างศึกหวังทวงประตูตีเสมอให้ได้ แต่จังหวะครองบอลโต้กลับ ยังไม่สัมฤทธิ์ผล,ช้างศึกมีลุ้นในนาทีที่ 41 จากจังหวะที่ สิโรจน์ ฉัตรทอง ได้บอลในเขตโทษ ก่อนตวัดยิงทันที บอลพุ่งเฉียดเสาออกหลังไปพอสมควร ทำให้หมดครึ่งแรก ซาอุฯยังนำอยู่ 1-0 , ,รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม,ไทย : กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน และ ทริสตอง โด, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, อดิศร พรหมรักษ์, ประทุม ชูทอง, ปกเกล้า อนันต์, จักรพันธ์ แก้วพรม, ชนาธิป สรงกระสินธ์,ธีรศิลป์ แดงดา, สิโรจน์ ฉัตรทอง,ซาอุฯ :อัล โมไซเล็ม, อัล ฮาบรี, ฮาวซาวี, อ๊อตห์มาน, อัล ฟาราจ, อัล เชห์รี, อัล ซาห์ลาวี, อัล ไคบรี, อัล ชาห์รานี, อัล จัสซิม, อัล อาเบด | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบี นัดที่ 6 จบครึ่งแรกไปแล้ว และเป็นทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ที่ได้ประตูนำทีมชาติไทย 1-0 ในนาทีที่ 26 | กีฬา,ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์ | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก,ผลบอล,ทีมชาติไทย,ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย,ช้างศึก | https://www.thairath.co.th/sport/trcheerthai/894060 |
ฎีกายืนสั่ง อดีต รมต.-ส.ส.พท. และ ปชป. จ่ายเงินคืน 22 ล. | เมื่อวันที่ 26 ก.พ.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางกรรณิกา ธรรมเกษร, นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต รมช.สาธารณสุข และอดีตรองหัวหน้าพรรคเพี่อไทย, น.ส.อรดี สุทธศรี, นายธวัชชัย อนามพงษ์, นายมงคล บุพศิริ, นางพิมพา จันทร์ประสงค์ อดีต รมช.คมนาคม, นายณรงค์กร ชวาลสันติ, นายไชยวัฒน์ ติณรัตน์, นางลาวัณย์ ตันติกุลพงศ์, นายกมล จิระพันธุ์วาณิช, นายดนัยฤทธิ์ หรือดนัยพัชร์ วัชราภรณ์, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายธีรพันธ์ วีระยุทธวัฒนะ, นายประชา หรือกำนันเซี๊ยะ โพธิพิพิธ, นายศิริชัย ฉัตรชัยพลรัตน์, นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร, นายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์, นายประภาส วีระเสถียร, นายเกรียง กัลป์ตินันท์, นายศักดิ์ชัย จินตะเวช, นายวิทยา บันทุปา และทันตแพทย์หญิงกรองกาญจน์ วีสมหมาย ซึ่งเป็น อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1-22 เพื่อเรียกเงินประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนอย่างอื่น ขณะดำรงตำแหน่ง ส.ส. คืนจากจำเลยทั้ง 22 คน ,จากกรณีที่จำเลยทั้งหมด ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ปี 2544 โดย กกต.ได้รับความร้องเรียนว่า จำเลยทั้งหมดดำเนินการเลือกตั้งโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม เป็นการฝ่าฝืน มาตรา 44 และ 45 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2541 กกต.จึงจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ มีผลทำให้จำเลยทั้ง 22 คน สิ้นสภาพการเป็น ส.ส.นับแต่วันที่ กกต.มีคำสั่งให้จัดการเลือกตั้งใหม่ ขณะดำรงตำแหน่ง ส.ส. จำเลยทั้ง 22 คน เงินประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนอย่างอื่นไปจากโจทก์ จำเลยจึงต้องคืนเงินทั้งหมดให้โจทก์,ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้ง 22 คน ให้คืนเงินแก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 1 คืนเงิน 1,561,810.93 บาท จำเลยที่ 2 คืนเงิน 1,484,453.21 บาท จำเลยที่ 3 คืนเงิน 1,621,052.95 บาท จำเลยที่ 4 คืนเงิน 1,703,863.47 บาท จำเลยที่ 5 คืนเงิน 1,615,139.87 บาท จำเลยที่ 6 คืนเงิน 1,496,398.67 บาท จำเลยที่ 7 คืนเงิน 1,575,882.33 บาท จำเลยที่ 8 คืนเงิน 1,616,673.50 บาท จำเลยที่ 9 คืนเงิน 1,539,426.60 บาท จำเลยที่ 10 คืนเงิน 1,540,787.71 บาท จำเลยที่ 11 คืนเงิน 1,813,958.13 บาท จำเลยที่ 12 คืนเงิน 1,501,181.96 บาท จำเลยที่ 13 คืนเงิน 1,674,491.24 บาท จำเลยที่ 14 คืนเงิน 292,114.95 บาท จำเลยที่ 15 คืนเงิน 372,164.59 บาท จำเลยที่ 16 คืนเงิน 413,594.83 บาท จำเลยที่ 17 คืนเงิน 320,584.71 บาท จำเลยที่ 18 คืนเงิน 387,605.72 บาท จำเลยที่ 19 คืนเงิน 179,493.47 บาท จำเลยที่ 20 คืนเงิน 447,820.70 บาท จำเลยที่ 21 คืนเงิน 1,590,035.83 บาท จำเลยที่ 22 คืนเงิน 2,139,798.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน,ต่อมาจำเลยที่ 10, 11, 20, 22 ยื่นฎีกา ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญฯ ปี 2540 มาตรา 97 บัญญัติว่า การออกจากตำแหน่งของ ส.ส.หรือ ส.ว.ภายหลังสมาชิกภาพสิ้นสุดลง หรือ ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งสิ้นสุดลงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ให้คืนเงินประจำตำแหน่งและผลตอบแทนอย่างอื่นที่ผู้นั้นได้รับมาเนื่องจากการดำรงตำแหน่งกังกล่าว เมื่อจำเลยที่ 10, 11, 20, 22 ออกจากตำแหน่งเพราะเหตุได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องคืนเงินประจำตำแหน่งและผลตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมา รวมทั้งค่าเบี้ยประชุม ค่าพาหนะเดินทางมาทำหน้าที่ ส.ส. เงินที่จ่ายให้ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว และผู้ช่วยดำเนินงานของ ส.ส.ทั้งหมด คืนให้แก่โจทก์ด้วย จึงพิพากษายืนให้จำเลยทั้ง 22 คน คืนเงินแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ. | ศาลฎีกาพิพากษายืน อดีตรัฐมนตรี - ส.ส.เพื่อไทย และประชาธิปัตย์ 22 คน จ่ายเงินประจำตำแหน่ง-เบี้ยประชุมกว่า 22 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย คืน สนง.เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หลังพ้นตำแหน่งเหตุเลือกตั้งปี 44 ไม่สุจริต | null | ศาลสั่งส.ส.เพื่อไทยจ่ายเงินคืน,ศาลฎีกาพิพากษา,อดีตรมต.-อดีตส.ส.เพื่อไทย,คืนเงินประจำตำแหน่ง,เบี้ยประชุม22ล้าน,พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง,เลือกตั้งใหม่2544,ข่าว,ข่าวการเมือง,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/582970 |
วิ่งมาดีๆยางแตก กระบะคนงานเสียหลัก พลิกหงายท้อง ตาย 1 เจ็บ 5 | เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 3 ส.ค.60 พ.ต.ท.เนรมิตร นนสะเกตุ รองผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองหนองคาย รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถพลิกคว่ำบริเวณถนนมิตรภาพ ขาออก จ.หนองคาย ช่วงหน้าสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลหนองคาย หน่วยกู้ภัยประจักษ์และอาสากู้ภัย 191 ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย,ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง มีแค็บ ทะเบียน บน 1482 หนองคาย พลิกคว่ำล้อชี้ฟ้าอยู่ร่องกลางถนน ชนอัดต้นไม้ข้างทางจนหักไปหนึ่งต้น ข้าวของกระจัดกระจาย สภาพรถพังเสียหาย ยางแตก ใกล้กันพบศพ นางสาวเบ็ญ รักขะเสน อายุประมาณ 35 ปี ศีรษะแตกจากแรงกระแทกกับปูนร่องกลางถนน นอนหงายเสียชีวิตคาที่ นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 คน เจ็บเล็กน้อย 3 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลหนองคาย,จากการสอบถาม นางไอ่ รักขะเสน อายุ 67 ปี มารดาของนางสาวเบ็ญ ผู้ตาย ทราบว่า ทั้ง 5 คน เป็นคนในครอบครัวทั้งหมด ผู้ตายเป็นลูกสาว ผู้บาดเจ็บเป็นลูกเขย และหลานชายหลานสาว ทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง โดยมีนายจ่อย ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง เป็นนายจ้าง แต่ละวันนายจ่อย จะขับรถคันดังกล่าวมารับพวกลูกหลานไปทำงานก่อสร้างในตัวเมืองหนองคาย หลังเลิกงาน 17.00 น. ก็จะมาส่งที่บ้าน โดยทุกคนจะนั่งหลังกระบะ วันนี้เห็นค่ำแล้วทุกคนยังไม่ถึงบ้าน ก็นั่งรอ กระทั่งมีคนไปบอกว่าลูกสาวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต จึงรีบออกมาดู,เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า นายจ่อยซึ่งเป็นคนขับจะขับรถมาด้วยความเร็ว พอมาถึงที่เกิดเหตุ ยางรถด้านหลังฝั่งซ้ายแตก ทำให้รถเสียหลักชนอัดต้นไม้บริเวณร่องกลางถนน ทำให้รถพลิกคว่ำ คนงานก่อสร้างที่นั่งอยู่หลังกระบะกระเด็นออกจากรถได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว. | รถกระบะผู้รับเหมา พาคนงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน กลับบ้านหลังเลิกงาน ระหว่างทางยางแตก รถเสียหลักพลิกคว่ำชนต้นไม้ คนงานหญิงนั่งหลังกระบะ ร่างกระเด็นกระแทกร่องปูนกลางถนนดับคาที่ เจ็บอีก 5 ราย ที่หนองคาย | ข่าว,ทั่วไทย | รถชน,กระบะยางแตก,คนงานก่อสร้าง,กระบะพลิกคว่ำ,หนองคาย,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1026700 |
มะกันตั้งข้อหาคนงานเรือนจำ ฐานช่วย 2 ฆาตกรแหกคุกลอยนวล | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลสหรัฐฯ ตั้งข้อหานาง จอยซ์ มิตเชล พนักงานของทัณฑสถาน คลินตัน ทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ก ฐานมอบเครื่องมือเจาะหรือตัดให้แก่นักโทษคดีฆาตกรรม 2 คน ช่วยเหลือให้ทั้งคู่หลบหนีออกจากเรือนจำแห่งนี้สำเร็จเมื่อสัปดาห์ก่อน และจนถึงบัดนี้ตำรวจก็ยังตามจับตัวพวกเขาไม่ได้,นางมิตเชลถูกนำตัวขึ้นศาลในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 มิ.ย.) และถูกตั้งข้อหาอุกฉกรรจ์ฐานนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำ และข้อหาลหุโทษ ฐานช่วยเหลือก่ออาชญากรรม โดยศาลระบุว่า จำเลยตั้งใจนำ ใบเลื่อย, สิ่ว, เครื่องตอก และหัวไขควง ซึ่งเป็นของต้องห้าม เข้าไปในทัณฑสถานคลินตันอย่างผิดกฎหมาย โดยเธอนำสิ่งของเหล่านั้นเข้าไปในเรือนจำเมื่อวันที่ 1 พ.ค. และหากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง นางมิตเชลจะต้องโทษจำคุกสูงสุด 8 ปี,ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของเรือนจำพบว่านาย ริชาร์ด แมตต์ อายุ 48 ปี และนายเดวิด สวีต อายุ 34 ปี นักโทษคดีฆาตกรรม หายตัวไปเมื่อเวลาประมาณ 5:30 น. วันเสาร์ที่ 6 มิ.ย. ระหว่างการนับจำนวนนักโทษที่ทัณฑสถานคลินตัน ในเมืองแดนเนโมรา โดยจากการสืบสวนพบว่า ชาย 2 คนนี้ใช้เครื่องมือกลเจาะกำแพงเหล็กและหลบหนีไปทางท่อระบ่ายน้ำจนไปโผล่ที่ท่อระบายน้ำนอกเรือนจำ,หลังเกิดเหตุ ตำรวจตั้งสมมติฐานว่า เป็นไปไม่ได้ที่นักโทษทั้ง 2 คนจะหลบหนีสำเร็จหากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากคนใน จึงเริ่มการสืบสวนและพบว่า นางมิตเชลมีบทบาทอย่างมากในการวางแผนการหลบหนีอุกอาจครั้งนี้ โดยเธอเป็นผู้จัดหาเครื่องมือซึ่งใช้ในการหลบหนี โทรศัพท์มือถือของเธอยังถูกใช้ติดต่อหาคนรู้จักของนายแมตต์ แต่ไม่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้โทร,ขณะเดียวกัน ลีล มิตเชล สามีของนางมิตเชล และทำงานในแผนกซ่อมบำรุงของทัณฑสถานคลินตันตั้งแต่ปี 2005 ก็กำลังถูกสอบสวนเช่นกัน แต่ไม่ได้ถูกจับกุมหรือถูกตั้งข้อหาใดๆ ตำรวจยังสืบสวนหาความสัมพันธ์ระหว่างนางมิตเชลกับนักโทษหลบหนีทั้ง 2 คนด้วย,อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งระดับท้องถิ่นและรัฐ รวมทั้งตำรวจจากรัฐบาลกลาง กำลังออกค้นหานักโทษหลบหนีทั้ง 2 คน โดยพวกเขาค้นหาโดยตามรอยเบาะแสกว่า 700 ชิ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสุนัขดมกลิ่นพบกลิ่นของทั้ง 2 คนที่ปั๊มแก๊สแห่งหนึ่งซึ่งมีร้านแซนด์วิชของ ซับเวย์ ทำให้เชื่อว่าพวกเขามาคุ้ยหาอาหารจากถังขยะที่นี่ และเดินทางต่อไปทางตะวันออกยังเมืองคาดีวิลล์,อนึ่ง นายแมตต์ได้รับการพิพากษาว่ามีความผิดจริงในข้อหาฆาตกรรม 3 กระทง, ลักพาตัว 3 กระทง และชิงทรัพย์ 2 กระทง หลังจากเขาก่อเหตุลักพาตัวชายคนหนึ่งและทำร้ายจนถึงแก่ความตายเมื่อเดือน ธ.ค. 1997 และถูกลงโทษจำคุก 25 ปีเป็นอย่างน้อย ขณะที่นายสวีตต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีการภาคทัณฑ์ หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงในข้อหาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนา ในคดีฆาตกรรมรองนายอำเภอเขต บรูม เคาน์ตี รัฐนิวยอร์ก เมื่อเดือน ก.ค. 2002 | ศาลสหรัฐฯตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่หญิงของเรือนจำในรัฐนิวยอร์ก ฐานช่วยเหลือฆาตกร 2 คนหลบหนีออกจากทัณฑสถานคลินตัน เมื่อสัปดาห์ก่อน | null | ศาล,สหรัฐ,ตั้งข้อหา,ทัณฑสถาน,ทัณฑสถานคลินตัน,เรือนจำ,แหกคุก,รัฐนิวยอร์ก,ช่วยเหลือ,นักโทษ,คดีฆาตกรรม,ฆาตกร,หลบหนี,เจาะกำแพง,มุดท่อระบ่ายน้ำ,ข่าว,ข่าวต่างประเทศ,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/504940 |
ด.ช.10ขวบ เสียขวัญ หลับสนิทในบ้าน ไม่รู้ไฟไหม้ชั้นบน โชคดีคนช่วยทัน | เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 6 เม.ย. 2561 ร.ต.อ.สำราญ ม่วงศรีเมืองดี รองสว. (สอบสวน) สภ.มโนรมย์ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท รับแจ้งเหตุไฟไหม้ มีเด็กติดอยู่ภายในบ้านเลขที่ 48 หมู่ 4 ต.วัดโคก จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูจังหวัดชัยนาท พร้อมประสานขอรถดับเพลิงจากป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาทและเทศบาลตำบลหางน้ำสาคร เข้าระงับเหตุ,ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูน ชั้นล่างพบ ด.ช.พรพิพัฒน์ เกษเพ็ชร อายุ 10 ขวบ นอนอยู่ จึงรีบนำตัวออกมาจากในบ้าน ส่วนชั้นบนนั้น ไฟกำลังไหม้อย่างหนัก เจ้าหน้าที่จึงเร่งใช้น้ำฉีดเพื่อดับเพลิง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงไฟจึงสงบ,จากการตรวจสอบภายในบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างถูกเพลิงไหม้จนข้าวของเสียหายทั้งหลัง รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ และของมีค่า ถูกไฟเผาจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม ค่าเสียหายประมาณ 5 แสนบาท,จากการสอบถาม ด.ช.พรพิพัฒน์ ที่อยู่ในอาการตื่นตระหนก ทราบว่า ช่วงเกิดเหตุได้นอนอยู่ที่ชั้นล่าง ได้ยินเสียงระเบิดดังตูม ก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าพ่อ หรือคนข้างบ้านจุดประทัดเล่น จึงนอนต่อ จนมีคนมาอุ้มออกมาข้างนอกแล้วก็เห็นว่าไฟกำลังลุกไหม้ที่ชั้นบน,เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า สาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ น่าจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจร,ด้าน นางเติมพร เกษเพ็ชร อายุ 59 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ช่วงเวลา 07.00 น. ตนและลูกออกมาทำงานตามปกติ ทิ้งให้หลานอยู่คนเดียว พอมาถึงที่ทำงานก็มีคนโทรมาบอกว่า บ้านไฟไหม้จึงรีบกลับมาดู ในใจนั้นไม่ได้ห่วงข้าวของหรืออะไร ห่วงก็แต่หลานชายเท่านั้น พอมาเห็นหน้าหลานก็โล่งใจ แต่ก็เครียดเพราะไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาซ่อมแซมบ้าน และซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้า รวมไปถึงอุปกรณ์ซ่อมแอร์ของลูก ซึ่งเป็นเครื่องมือใช้ทำมาหากิน ที่ถูกไฟไหม้จนหมด. | ด.ช. 10 ขวบ เสียขวัญ ร้องไห้ไม่หยุด หลังคนช่วยอุ้มออกมาจากบ้านพัก ขณะหลับสนิท จนไม่รู้ไฟไหม้บ้าน ญาติรู้ข่าวรีบกลับมาดู เห็นหลานปลอดภัย ถึงกับโล่ง! | ข่าว,ทั่วไทย | ไฟไหม้บ้าน,ชัยนาท,เด็ก10ขวบ,อยู่บ้านคนเดียว,หลับสนิท,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1249489 |
ตูน บอดี้สแลมวิ่งถึง กรุงเทพฯแล้ว ยอดบริจาคล่าสุดกว่า 400 ล้าน | วันนี้ (3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตูน บอดี้สแลม และทีมวิ่งโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ได้ออกวิ่งตั้งแต่เวลา 02.00 น. โดยผ่าน 2 จังหวัดคือ จ.ราชบุรี และ จ.นครปฐม ซึ่งในเวลาประมาณ 16.30 น. ตูน บอดี้สแลม ได้วิ่งมาถึงเขตรอยต่อระหว่าง อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม และ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ กทม.ได้จัดพิธีต้อนรับอย่างอบอุ่นมีทั้งนักวิ่งที่รอวิ่งตามและขบวนกลองยาวและเมื่อขบวนนักวิ่งถึงจุดเช็กพอยต์ เซตที่ 4 ที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้การต้อนรับและมอบเงินบริจาคให้กับตูน บอดี้สแลมด้วยตูน บอดี้สแลม ได้เปิดเผยด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างอิดโรยว่า ตอนนี้ทุกส่วนของร่างกายได้รับบาดเจ็บ ทั้งแขน ขา เข่า แต่หัวใจยังแข็งแรงอยู่ทำให้ยังลุยต่อได้และยังขอโทษทุกคนที่ตัวเขาไม่สามารถถ่ายเซลฟี่ ไม่สามารถรับมอบเงินบางคนระหว่างทาง ไม่สามารถเซ็นให้กับเด็กๆ ทุกคนส่วนการสิ่งวันนี้ยังคงเหลืออีก 2 เซต ซึ่งมีระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นการวิ่งจากเขตทวีวัฒนาไปยังสำนักงานบำรุงทางธนบุรี เขตบางพลัด และต่อเซตสุดท้ายที่ คิงส์พาวเวอร์ ซอยรางน้ำ ส่วนยอดเงินบริจาคในการวิ่งวันที่ 33 ยอดเงินล่าสุดอยู่ที่ 421 ล้านบาทแล้ว | วันนี้ (3 ธ.ค.) ตูน บอดี้สแลม กำลังจะทำสถิติใหม่ให้กับตัวเองด้วยการวิ่ง 2 วันด้วยระยะทางเกือบ 150 กิโลเมตร ซึ่งล่าสุดได้วิ่งถึง กรุงเทพฯ แล้ว | สังคม | ราชบุรี,นครปฐม,ก้าวคนละก้าว,ตูน บอดี้สแลม,วิ่ง,อัศวิน,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/268220 |
กลุ่มนักร้อง นักดนตรีเรียกร้อง ศบค. ปลดล็อคอาชีพ หลังมีรายได้ 0 บาท มา 3 เดือนแล้ว | 18 มิ.ย. 2563 มีรายงานว่า กลุ่มนักร้อง นักดนตรี ได้เดินทางไปยังหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อขอให้ปลดล็อคอาชีพกลุ่มคนดนตรี สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ เนื่องจากการประกาศคลายล็อคเฟส 4 เมื่อวันที่ 15 ม.ย.ที่ผ่านมา ยังคงไม่ให้มีการจัดการแสดงหรือเล่นดนตรีสดตามสถานบันเทิงและร้านอาหาร จึงทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับผลกระทบไม่มีรายได้พรพรรณ เภตรารัตน์ นักดนตรีอิสระ ตัวแทนกลุ่ม เปิดเผยว่า ต้องการให้ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. พิจารณาให้นักดนตรีได้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ เนื่องจากได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะนับตั้งแต่มีประกาศให้สถานบันเทิงหยุดประกอบกิจการเมื่อวันที่ 18 มี.ค. จนถึงวันนี้เป็นเวลา 3 เดือนแล้วที่ ผู้ประกอบอาชีพนักร้อง นักดนตรีไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ทั้งนี้หากมีการพิจารณาปลดล็อคก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ขณะที่นักดนตรีอีกหลายคน ระบุว่า เงินเก็บที่มีกำลังจะหมดไป หลายคนเดือนชนเดือน และต้องดูแลครอบครัว บางคนถูกไล่ที่อยู่ รถถูกยึด เพราะหยุดเกิน 3 เดือน มีแต่รายจ่าย ไม่มีรายได้ ทุกคนเลยเกิดความกดดัน จึงออกมาเรียกร้องสิทธิในครั้งนี้ เนื่องจากมีกลุ่มคนดนตรีในประเทศ กว่า 1 แสนคน ที่ได้รับผลกระทบ และขอโอกาสให้ได้ประกอบอาชีพภายใน 7 วัน เพื่อจะหารายได้มาใช้จ่ายในส่วนที่ค้างอยู่ด้านสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เบื้องต้นวันนี้ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้ และจะดำเนินการนำเสนอตามขั้นตอนต่อไปที่มาจาก: | ที่มาภาพจาก เฟซบุ๊กแฟนเพจ กลุ่มนักดนตรีเพื่อชีวิตแห่งศตวรรษที่ 21 - Music Activist 2118 มิ.ย. 2563 มีรายงานว่า กลุ่มนักร้อง นักดนตรี ได้เดินทางไปยังหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล | การเมือง,สิทธิมนุษยชน,คุณภาพชีวิต | นักร้อง นักดนตรี,สถานบันเทิง,ศบค.,ไวรัสโควิด-19 | https://prachatai.com/journal/2020/06/88201 |
สมศักดิ์ เข็น กรวัชร์ นั่งเก้าอธิบดีดีเอสไอ เรียบร้อยมติ ครม. | กราดยิงเมืองโคราช โดยช่วยเหลือแล้ว 55 ราย ขณะเดียวกันสั่งเดินหน้าตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดเพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์นายทุนและเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพเมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 28 เม.ย.63 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า วันนี้ประชุม ครม.แบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มี 2 ประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงคือ 1. การเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเหตุการณ์ จ่าคลั่ง กราดยิงกลางเมืองนครราชสีมา ตนได้สอบถามไปยังนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ทราบว่า การจ่ายเงินเยียวยามีความคืบหน้าไปมากแล้วมีผู้เสียชีวิต 30 ราย ช่วยเหลือเยียวยาไปแล้ว 27 ราย เป็นเงิน 2940000 บาท งดจ่าย 1 ราย จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา (ผู้ก่อเหตุ) และชะลอจ่าย 2 ราย อยู่ระหว่างรอผลการสอบสวนคือ (พ.อ.อนันต์โรจน์ กระแส ผู้บังคับบัญชา และนางอนงค์ มิตรจันทร์ แม่ยาย)ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 68 ราย พิจารณาให้ความช่วยเหลือแล้ว 55 ราย แบ่งเป็นอนุมัติเยียวยาแล้ว 47 ราย เป็นเงิน 1433586.50 บาท งดจ่าย 8 ราย เพราะไม่เข้าเกณฑ์ตามกฎหมาย และอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสาร 13 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นในการช่วยเหลือเหยื่ออาญาทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บ จำนวน 4373586.50 บาทนอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังสั่งการให้เดินหน้าในการตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติด โดยขอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ปปง. กรมสรรพากร ดีเอสไอ และสำนักงานอัยการสูงสุด ได้บูรณาการภายใต้แนวทางของกระทรวงยุติธรรมที่ได้มอบหมายไว้เพื่อขยายผลการปราบปรามยาเสพติดไปสู่การยึดทรัพย์นายทุนและเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพนายสมศักดิ์กล่าวนอกจากนี้ นายสมศักดิ์ เผยอีกว่า ยังได้เสนอต่อที่ประชุม ครม.ว่าบริษัทประกันภัยที่มีมูลค่าประกันภัยกว่า 20000 ล้านบาทต่อปี ควรช่วยเหลือสังคมเนื่องจากมาตรการเคอร์ฟิวทำให้ประชาชนอาศัยอยู่กับบ้านอุบัติเหตุทางรถยนต์บนท้องถนนก็ลดลงการเจ็บป่วยน้อยลงบริษัทประกันควรคืนส่วนหนึ่งของเบี้ยประกันเพื่อช่วยสังคมอีกทาง จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานที่ดูแลไปประชุมหารือและดำเนินการให้เหมาะสมอยู่จากนั้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เปิดเผยด้วยว่า ในที่ประชุมวันนี้ คณะรัฐมนตรียังมีมติแต่งตั้ง พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ขึ้นดำรงตำแหน่ง อธิบดีดีเอสไอสำหรับประวัติ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภาปร เกิด 9 มีนาคม 2504 จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปี 2535 และเป็นสารวัตรสอบสวน สภ.อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี จากนั้นเติบโตมาในเส้นทางงานสืบสวนสอบสวน ปี 2545 นั่งตำแหน่งรองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการกองปราบปราม ต่อมาเมื่อมีการก่อตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ในปี 2547 ได้โอนย้ายมาอยู่หน่วยงานใหม่ระดับกรม ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ตำแหน่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 7 สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ปี 2555 เป็นผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ปี 2560 ขยับดำรงตำแหน่งรองอธิบดีดีเอสไอ วันที่ 15 ต.ค.62 ครม.มีมติแต่งตั้ง นั่งผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมวันที่ 20 ก.พ.63 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม เป็นรักษาราชการในตำแหน่ง อธิบดีกรม ดีเอสไอ เนื่องจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ มีอาการป่วย ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ต่อมา พ.ต.อ.ไพสิฐ ขอลาออกจากราชการต่อมาวันที่ 26 มี.ค.2563 กระทรวงยุติธรรม มีการยกเลิกคำสั่งแต่งตั้ง พ.ต.ท.กรวัชร์ จากตำแหน่ง รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ จนล่าสุดเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2563 ครม.แต่งตั้ง พ.ต.ท.กรวัชร์ เป็นอธิบดีดีเอสไอคนล่าสุดผลงานทำคดีสร้างชื่อของ พ.ต.ท.กรวัชร์ คดีสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ จ้างวานฆ่ากำนันยูร-ประยูร สิทธิโชติ คดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี คดีระเบิดกลางตัวเมืองนครสวรรค์ คดีบุกรุกป่า อ.กะปง จ.พังงา เกี่ยวพันกับนายวัฒนา อัศวเหม คดีรถยนต์หรูจดประกอบเลี่ยงภาษี และคดีการหายตัวไปของพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย. | สมศักดิ์ เผย ครม. มีมติแต่งตั้ง กรวัชร์ นั่งเก้าอธิบดีดีเอสไอ คนใหม่ แทน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง ที่ขอลาออกเนื่องจากมีอาการป่วย พร้อมเผยนายกฯ ห่วงใยการเยียวยาผู้บาดเจ็บจากเหตุ จ่าคลั่ง | ข่าว,ทั่วไทย | อธิบดีดีเอสไอ,ตั้งอธิบดีดีเอสไอ,กรมสอบสวนคดีพิเศษ,มติ ครม.,สมศักดิ์ เทพสุทิน,เยียวยาจ่าคลั่ง,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1832308 |
ทหารรวบชาวเขาลอบขนเฮโรอีน-ยาบ้า คาด่านสกัดแม่ฟ้าหลวง | เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 4 ธ.ค.58 พ.อ.อดุลย์ ลอยฟ้า ผบ.กรม.ทพ.31 ได้รับรายงานว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากตะเข็บชายแดนตรงข้าม บ.แม่โจ๊ก ฝั่งพม่า อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย จึงสั่งการให้ ร.อ.ธงชัย วันมหาใจ ผบ.ร้อย.ทพ.3105 นำกำลังตั้งจุดตรวจสกัดชั่วคราว ตามเส้นทางผ่านเข้าพื้นที่ชั้นบนถนนเทอดไท-หัวแม่คำ บ.ม้งเก้าหลัง.ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง ต่อมาได้มีรถจักรยานยนต์ 4 คัน ขับขี่ออกมาจากชายแดนพอพ้นถนนโค้งเจอด่านตรวจสกัด รถจักรยานยนต์ 4 คันได้เร่งเครื่องฝ่าด่านไปทาง บ.เทอดไท,เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามไปประมาณ 300 เมตร สามารถจับนายจะสือ จะแส ชาวเขาเผ่ามูเซอ อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 111 บ.แม่คำน้อย หมู่ 18 ต.เทอดไท อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พร้อมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สปาร์ค 125 สีแดง ไม่มีหมายเลขทะเบียน, รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 110 สีเทาดำ ทะเบียน ขทต 454 เชียงราย และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 สีเทาดำ ทะเบียน ขตต 862 เชียงราย ส่วนอีก 2 คน หลบหนีเข้าป่าหายไป และสามารถหลบหนีไปได้ จากการตรวสอบที่เกิดเหตุพบกระสอบปุ๋ย 1 ใบ บรรจุเฮโรอีน 7 ถุง บรรจุในกล่องกระดาษน้ำหนักรวม 3.5 กก. ยาบ้า 800 เม็ด จึงยึดไว้เป็นของกลาง,จากนั้น พ.อ.อดุลย์ ลอยฟ้า พ.อ.จักเรศ ศิริพงษ์ เสธ.ฉก.ม.2 พ.ท.อนุวัช ปัญญานันท์ ผบ.ควบคุม ฉก.ม.2 พ.ต.ท.กรกช แสนป้อ สว.สส.สภ.แม่ฟ้าหลวง และ ปส.เชียงราย ได้ร่วมกันแถลงว่า เฮโรอีนที่จับได้เป็นเฮโรอีนชนิดผงฟู ตราสิงโตเหยียบลูกโลก มีราคาซื้อขายสูงถึง กก.ละ 2 ล้านบาท เป็นที่นิยมในยุโรปมาก ซึ่งกำลังติดตามขยายผลถึงขบวนการใหญ่และแก๊งรับจ้างขนยาในพื้นที่. | ทหารพราน 31 ตั้งด่านสกัดเส้นชายแดนไทย-พม่า บริเวณ อ.แม่ฟ้าหลวง พบ 4 จยย.แก๊งชาวเขาพยายามเร่งเครื่องหนี สามารถตามจับได้หนึ่งราย พร้อมกระสอบปุ๋ยบรรจุเฮโรอีน 3.5 กก. และยาบ้าอีก 800 เม็ด | ข่าว,ทั่วไทย | ชาวเขาขนยาเสพติด,ชาวเขาเผ่ามูเซอ,ขนเฮโรอีน3.5กก.,ยาบ้า800เม็ด,เฮโรอีนตราสิงโตเหยียบลูกโลก,ทหารพราน31,อดุลย์ ลอยฟ้า,ผบ.กรม.ทพ.31,ธงชัย อันมหาใจ,ผบ.ร้อย.ทพ.3105,ด่านสกัดบ้านแม่โจ๊ก,ถนนเทอดไท-หัวแม่คำ,ชายแดนไทย-พม่า,จะสือ จะแส,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย | https://www.thairath.co.th/news/local/544524 |
อดีตเด็กกำพร้าคนไทย ไปโตในสหรัฐฯ ตามเจอครอบครัวที่พลัดพรากนาน 40 ปี | ครั้ง,วันที่ 22 มิ.ย. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนามบินนานาชาติอุบลราชธานี นายทองลา ขันคำ อายุ 83 ปี บ้านอยู่ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี พร้อมด้วย นางคำภา บุญตั้ง อายุ 57 ปี ลูกสาวคนโต มาเฝ้ารอรับ นางจันทรา เมอร์เซดิ เนเบอร์ ฟิเชอร์ อายุ 47 ปี ลูกสาวคนเล็กที่พลัดพรากจากกันมานานกว่า 40 ปี ซึ่งเดินทางจากสหรัฐอเมริกามาถึงประเทศไทย,นายทองลา ขันคำ อายุ 83 ปี เล่าว่า ตนมีความจำเป็นที่ต้องเอาลูกไปให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะไม่มีปัญญาเลี้ยง ประกอบกับขณะนั้นมีลูกสาวคนโตวัย 10 ขวบ เป็นภาระที่ต้องเลี้ยงดูอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งเมียมาตายขณะคลอดลูกก็ไม่รู้ว่าจะเอานมที่ไหนมาเลี้ยงดู ตนเป็นแค่ชาวนาหาเช้ากินค่ำ พอลูกอายุได้ 3 วัน จึงเอาไปมอบให้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในตัวเมืองอุบลราชธานี,แต่พอผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ ไปดูลูกอีกครั้งปรากฏมีครอบครัวชาวต่างชาติรับไปเลี้ยงดูแล้ว ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เจอหน้ากันอีก จนปลายปี 61 มีจดหมายส่งมาที่บ้านบอกชื่อ จันทรา เมอร์เซดิ เนเบอร์ ฟิเชอร์ อาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ก็แน่ใจทันทีเลยว่าเป็นลูกสาวของตัวเอง และเฝ้ารอจนได้พบกันในวันนี้,ทางด้าน นางจันทรา เมอร์เซดิ เนเบอร์ ฟิเชอร์ อายุ 47 ปี ปัจจุบันเป็นครู อยู่รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ตนอยากตามหาครอบครัวชาวไทยมานานแล้วแต่ไม่กล้า เพราะวัฒนธรรมต่างกัน โชคดีที่สามีสนับสนุนให้ช่วยค้นหาครอบครัวผู้ให้กำเนิด จึงตัดสินใจดำเนินการตามหา โดยจ้างนักสืบเอกชนสืบหาให้ตามใบเกิดที่มีเพียงอย่างเดียวที่จะเป็นหลักฐานทำให้ได้พบกับครอบครัวชาวไทย พ่อผู้ให้กำเนิดที่แท้จริง,ทั้งนี้ เมื่อรู้ว่าพ่อและพี่สาวยังมีชีวิตอยู่ก็รู้สึกดีใจ แต่ก็กลัวว่าทั้งสองจะยอมรับตนไหมเพราะไม่เจอกันนาน ทั้งความแตกต่างของวัฒนธรรมและภาษาไทยที่ตนไม่รู้เรื่องเลยต้องใช้ล่ามในการแปล แต่เมื่อเจอกันจริงๆ ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นก็รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาเจอครอบครัวผู้ให้กำเนิด และไม่เคยรู้สึกโกรธพ่อเลยที่นำตนไปฝากไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะทำให้ตนมีโอกาสในชีวิตที่ดีในวันนี้ ต้องขอบคุณพ่อด้วยซ้ำ,อย่างไรก็ตาม ภายหลัง นายทองลา ผู้เป็นพ่อ และนางคำภา พี่สาว ได้ทำพิธีผูกข้อมือรับขวัญ นางจันทรา พร้อมต้อนรับกลับบ้านสู่ครอบครัวที่ผู้ให้กำเนิดด้วยความอบอุ่นอีกครั้ง. | สุดซึ้ง อดีตเด็กกำพร้าคนไทยไปโตในสหรัฐฯ พลัดพรากจากครอบครัวนานกว่า 40 ปี ได้กลับมาตามหาผู้ให้กำเนิด พร้อมเผยไม่เคยรู้สึกโกรธที่ถูกนำไปฝากเลี้ยงบ้านเด็กกำพร้า ดีใจที่ได้เจอครอบครัวอีก | ข่าว,สังคม | เด็กกำพร้า,พลัดพราก,สาวสหรัฐ,ตามหาญาติ,อุบลราชธานี,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/society/1597691 |
พ่อขายบ้านรักษาลูก ชาวเน็ตหวังเกิดปาฏิหาริย์กับ พญ.ชนกสุดา ชี้ ชื่อนี้มีความหมาย | เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกออนไลน์ได้แห่แชร์ข้อความและรูปภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก CmuAlumni Cmu ที่ได้ลงเรื่องราวของคุณพ่อท่านหนึ่ง ประกาศขายบ้านเพื่อหาค่ารักษาพยาบาลให้ลูกสาวคือ พญ.ชนกสุดา มนะเกษตรธาร หรือ หมอไผ่ ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังคงรักษาตัวอยู่ห้องไอซียู โดยผู้โพสต์ระบุข้อความทั้งหมดว่า,ร่วมด้วย ช่วยแชร์ค่ะ คุณหมอไผ่ พญ.ชนกสุดา มนะเกษตรธาร รหัส 520710021 ประสบอุบัติเหตุ รถทัวร์ชนเก๋ง คุณพ่อต้องการขายบ้านเพื่อนำเงินมารักษาค่ะ ขอพี่ๆใจบุญ ช่วยน้องหมอไผ่ ด้วยครับ,คุณพ่อคุณหมอไผ่ ประกาศขายบ้าน เหตุเพราะน้องอินเทิร์น 2 พญ.ชนกสุดา Intern 2 ประสบอุบัติเหตุ รถทัวร์ชนเก๋ง ที่ อ.จุน E1Vt M1 Refer มา Er รพ.พะเยา เมื่อเดือน มกราคม ที่ผ่านมา และมีประกาศขอเลือดเป็นระยะ โชคไม่ดี คุณหมอได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่ รพ.พะเยา ทำ CT brian พบมีภาวะเลือดคั่งในสมอง และสมองบวม ศัลยแพทย์สมองได้ทำการ ผ่าตัดให้ แล้ว แต่ ยังไม่รู้สึกตัว ยังนอนอยู่ที่ ICU รพ.พะเยา,น่าเสียดายว่าคุณหมอจบใหม่ ตั้งใจเรียนมาตั้ง 6 ปี ทำงานได้เพียงปีที่ 2 ต้องมาประสบเคราะห์กรรม จากอุบัติเหตุรถยนต์ น่าสงสารครอบครัว คือคุณพ่อคุณแม่มากนะครับ แทนที่ลูกหมอจะได้โอกาสดูแลคุณพ่อคุณแม่ ตอนนี้คุณพ่อต้องประกาศขายบ้านมาดูแลลูกสาว ที่เป็นหมอ บ้านที่กรุงเทพ ใน KC HOME หลังดังกล่าว (ตามรูป) คุณพ่อขอขายเอาเงินมาดูแลลูกสาว พี่ๆท่านใดพอช่วยเหลือได้ ช่วยพิจารณาด้วยนะครับ,สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้คือ แม้การรักษาพยาบาลฟรี ไม่ได้แปลว่าครอบครัวจะไม่มีค่าใช้จ่ายนะครับ การดูแลคนป่วย แม้เพียงการเฝ้า (ลางานมาเฝ้า) การเดินทางไปมา ของ ญาติ และผู้ดูแล รวมถึงตัวคนไข้ ทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย นอกเหนือจาก สิทธิ ไม่ว่าข้าราชการ 30 บาท หรือประกันสังคม แต่เราอาจไม่ได้พูดถึงกันนะครับ,ขอท่านผู้ใจบุญช่วยพิจารณา ซื้อบ้านของคุณพ่อคุณหมอไผ่ รพ.พะเยา รายนี้ด้วยครับ หรือเพียงช่วยแชร์ให้ถึงคนที่ต้องการก็เป็นบุญแล้วครับ ขออนุโมทนาครับ หมออิทธพร 4/4/2560,ต่อมา ผู้สื่อข่าวไทยรัฐจังหวัดเชียงใหม่ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เมื่อไปสอบถามเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล พบว่าคุณพ่อได้พา พญ.ชนกสุดา มนะเกษตรธาร มาพักรักษาตัวอยู่ที่ ชั้น 7 หอผู้ป่วยกึ่งวิกฤต Sub Icu Neuro ตึกอาคารเฉลิมพระบารมี เมื่อผู้สื่อข่าวได้แจ้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เพื่อประสานขอพบกับคุณพ่อ และญาติคนไข้ แต่ทางญาติๆ ไม่สะดวกที่จะให้ข่าวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่คุณพ่อประกาศขายบ้าน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้,ทั้งนี้ ในโลกออนไลน์ยังคงแชร์เรื่องราวดังกล่าวเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในเว็บไซต์ ,PANTIP, ซึ่งสมาชิกต่างร่วมอวยพรให้เกิดปาฏิหาริย์กับทางครอบครัว และรู้สึกเห็นใจผู้เป็นพ่อซึ่งรักลูกสาวคนนี้มาก เพราะชื่อของลูกสาว ชนกสุดา มีความหมายในภาษาไทยว่า ลูกสาวของพ่อ. | ความรักของพ่อ! ประกาศขายบ้านหาเงินรักษาลูกสาว หลังประสบอุบัติเหตุนานกว่า 3 เดือนแต่ยังนอนรักษาตัวในห้องไอซียู ชาวเน็ตหวังเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับครอบครัว เชื่อพ่อรักลูกมาก เพราะชื่อ ชนกสุดา มีความหมายว่า ลูกสาวของพ่อ | ข่าว,ทั่วไทย | พ่อ,ขายบ้าน,รักษาลูกสาว,ชนกสุดา มนะเกษตรธาร | https://www.thairath.co.th/news/local/north/908606 |
บิ๊กตู่ พร้อมแจงซักฟอกตั้งแต่ 16 ก.ย. โยนถามสภาประชุมลับหรือไม่ | ,วันที่ 3 ก.ย. 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการกำหนดวันอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่า เป็นเรื่องของสภาและเป็นเรื่องของรัฐบาล ซึ่งตนเองได้กำหนดแล้ว ยืนยันว่าพร้อมไปชี้แจงตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. เป็นต้นไป ต้องขอเวลาให้ทำงานด้วยในช่วงนี้ และย้ำว่าไม่ได้ขัดแย้งกับใคร ขณะเดียวกันขอให้ระมัดระวังการพูดจา เพราะวันนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ,ขณะที่การอภิปรายควรจะเป็นการประชุมลับหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะลับหรือไม่ตนเองไม่ทราบ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาร่วมกัน และเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ไปว่ากันมา ขณะเดียวกันวันนี้ได้ให้ประสานกับ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงวันและเวลาที่ตนเองพร้อมที่สุด แล้วแต่สภาจะว่าอย่างไร ส่วนในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการขอให้เป็นการประชุมลับหรือไม่ ก็ต้องพิจารณาร่วมกันว่าควรจะลับหรือไม่ และที่บอกว่าลับ ก็ไม่เห็นเคยลับจริงสักครั้ง เพราะคนที่เข้าไปข้างในก็นำมาพูดข้างนอก จึงไม่มีลับ ขณะเดียวกัน ตนเองก็ต้องระมัดระวังการพูดด้วย เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะไปชี้นำได้อย่างไร ดังนั้นขอให้เห็นใจตนเองด้วย,วันนี้มีงานที่ต้องเร่งรัดหลายเรื่อง และให้ความสำคัญทุกเรื่อง ขอว่าอย่านำมาเป็นประเด็นมากนัก เพราะวันนี้ประเด็นมีจำนวนมากอยู่แล้ว หลายเรื่องก็อยู่ในกระบวนการแล้วก็ว่ากันตามกระบวนการ ส่วนตัวไม่ไปขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น แต่ขอให้เห็นใจกันด้วย เพราะทุกวันก็ทำงานไม่ได้หยุดอยู่แล้ว ขอเวลาให้แก้ปัญหาให้ประชาชนด้วย เรื่องดังกล่าวก็ให้ความสำคัญ เมื่อเวลาเหมาะสมตนเองก็พร้อมไปชี้แจง ส่วนจะมั่นใจหรือไม่ว่าจะใช้เวลาอภิปรายจบภายใน 1 วัน ไม่ทราบ จะซักอะไรกันมากมายหรือไม่ ก็ไม่รู้,ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวได้ถามนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่ นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล หรือ ซินแสภาณุวัฒน์ ออกมาทำนายว่า ดวงของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังดีอยู่ และจะดูแลบ้านเมืองไปอีก 2 สมัย หรือ 8 ปี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่สงสารผมบ้างหรืออย่างไร ก่อนจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที. | บิ๊กตู่ พร้อมแจงซักฟอก 16 ก.ย.เป็นต้นไป โยนสภาพิจารณาร่วมถก ลับ-ไม่ลับ แขวะ ที่ผ่านมาคนในก็ไปพูดข้างนอกตลอด อย่านำมาเป็นประเด็นมากนัก ชี้ มีหลายเรื่องต้องเร่งรัด ขอความเห็นใจทำงานทุกวัน | ข่าว,การเมือง | ประชุมสภา,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,นายกรัฐมนตรี,อภิปราย,ถวายสัตย์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1652145 |
จ.นราธิวาส ยังมีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ - กยท.ตรังเร่งช่วยเหลือชาวสวนยาง | วันนี้ (26 ม.ค.2560) เจ้าหน้าที่การยางแห่งประเทศไทย สาขาเมืองตรัง ลงพื้นที่รับแจ้งข้อมูลสวนยางพาราที่ประสบอุทกภัยในช่วงเดือนธันวาคม 2559 - มกราคม 2560 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง โดยมีชาวบ้านจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อนจากสวนยางพาราถูกน้ำท่วม เดินทางเข้าแจ้งข้อมูล โดยขณะนี้พื้นที่ ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง ถือเป็นพื้นที่ที่ประชาชนเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมขังบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรมากที่สุด เพราะพนังกั้นน้ำแตก น้ำจึงทะลักเข้าท่วมพื้นที่มาแล้วถึง 2 ครั้ง ทำให้ประชาชนทั้ง 8 หมู่บ้าน กว่า 800 คน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักส่วนที่ จ.นราธิวาส บางพื้นที่ยังมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่ม ซึ่งเป็นที่รองรับน้ำ จากพื้นที่สูง เช่น อ.สุไหงปาดี ยังมีน้ำท่วม ชาวบ้านหลายครอบครัวอยู่อย่างยากลำบาก ยังไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ชาวบ้านที่ถนนถูกน้ำท่วมสูงต่างพากันพายเรือออกมารับข้าวกล่องที่เจ้าหน้าที่ทำมาแจกจ่ายให้ เนื่องจากยังไม่สามารถประกอบอาหารภายในบ้านได้ บางคนต้องเดินลุยน้ำมารับข้าวกล่อง เป็นระยะทางไปกลับกว่า 2 กิโลเมตรส่วนบริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลสาบสงขลา หรืออุทยานนกน้ำคูขุด อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชื่อดังของจังหวัด วันนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมและลงเรือไปดูนก อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่มีฝนตกต่อเนื่อง น้ำในทะเลสาบสงขลาปรับตัวสูงขึ้น และมีคลื่นบางครั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจไม่เดินทางเข้ามา ส่งผลกระทบต่อชาวประมงที่นำเรือประมงมาเป็นเรือนำเที่ยวให้นักท่องเที่ยวล่องไปชมนก ขาดรายได้ในส่วนนี้ไป | ชาวบ้านใน อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ต้องเดินลุยน้ำออกมารับข้าวกล่อง ระยะทางไปกลับกว่า 2 กิโลเมตร เนื่องจากสภาพบ้านเรือนถูกน้ำท่วม ไม่สามารถหุงหาอาหารได้ ด้านเจ้าของสวนยางใน จ.ตรัง ที่เสียหายจากน้ำท่วม เข้าแจ้งยอดความเสียหายกับเจ้าหน้าที่การยางแห่งประเทศไทย | ภัยพิบัติ | ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,น้ำท่วมภาคใต้,น้ำท่วมใต้,น้ำท่วม,อุทกภัย,ภาคใต้,ยาง,ยางพารา,นราธิวาส,ตรัง,อุทยานนกน้ำคูขุด,สงขลา,ทะเลสาบสงขลา | https://news.thaipbs.or.th/content/259798 |
สิงห์สองล้อ EP.2 เจาะตลาด 3 ค่ายยักษ์ เปิดทริคขี่บิ๊กไบค์เซฟตี้ชีวิต | หลังจากที่ได้นำเสนอปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนไทยเกิดกระแสนิยมในการขี่รถจักรยานยนต์คันใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า บิ๊กไบค์ ในตอนที่แล้วนั้น วันนี้ จะขอนำเสนอเรื่องยอดขายของค่ายรถยักษ์ใหญ่ 3 ค่ายดัง ได้แก่ ฮอนด้า ยามาฮ่า และดูคาติ รวมไปถึงมีกูรูเรื่องการขี่รถบิ๊กไบค์มาให้คำแนะนำในการขี่รถอย่างถูกวิธี และในตอนสุดท้ายนี้ สิ่งที่ใครหลายคนอยากเห็นมากที่สุด นั่นคือ ทางออกของการแก้ปัญหาอุบัติเหตุรถบิ๊กไบค์ จะต้องใช้กลยุทธ์ข้อใดบ้างที่จะทำให้สถิติอุบัติเหตุลดลง ,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์, มีคำตอบมาให้,เปิดยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ 151 ซีซีขึ้นไป,ทีมข่าวฯ ได้ค้นหาสถิติจำนวนรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก โดยความจุกระบอกสูบมากที่สุดที่กรมการขนส่งฯ เก็บสถิติไว้อยู่ในประเภท 151 ซีซีขึ้นไป มีตัวเลขดังนี้,ปี 2556, ได้แก่ ฮอนด้า 44,179 คัน คาวาซากิ 13,014 คัน ดูคาติ 2,367 คัน เอสวายเอ็ม 1,946 คัน เวสป้า 1,358 คัน โดยรวมทั้งหมดจากทุกค่าย 69,787 คัน,ปี 2557, ได้แก่ ฮอนด้า 20,740 คัน คาวาซากิ 12,255 คัน เวสป้า 4,063 คัน ดูคาติ 2,766 คัน คีย์เวย์ 2,691 คัน โดยรวมทั้งหมดจากทุกค่าย 48,716 คัน,ปี 2558, ได้แก่ ฮอนด้า 16,409 คัน คาวาซากิ 12,566 คัน ยามาฮ่า 7,369 คัน เวสป้า 5,337 คัน ดูคาติ 2,984 คัน โดยรวมทั้งหมดจากทุกค่าย 54,475 คัน,ส่อง 3 ค่ายยักษ์ใหญ่ แห่งวงการสิงห์สองล้อ,ค่ายปีกนกยักษ์ใหญ่ ที่มียอดขายรถจักรยานยนต์สูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ได้เปิดเผยถึงรุ่นยอดนิยม โดย ,นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย, กล่าวว่า ,ตระกูล CBR รุ่น CBR-650 ราคาประมาณ 300,000 บาท และ CBR-500 ราคาประมาณ 200,000 บาท เป็นรุ่นยอดนิยมที่สุด, ส่วนเหตุผลที่ CBR เป็นที่นิยม เนื่องจากราคาในแบบ 650 ซีซี ซึ่งเครื่องเป็นแบบ 4 สูบเรียง เสียงจะเพราะ สมรรถนะดี ในราคา 3 แสนบาท ถือว่าเป็นรถที่ซื้อแล้วคุ้มค่า รวมถึงดีไซน์ตัวรถและระบบการขาย แบบ 6S คือ Sales, Service, Spare Parts, Second Hand, Safety Riding และ Society ที่ค่อนข้างครบวงจร จึงเป็นจุดขายของค่ายนี้,สำหรับยอดขายบิ๊กไบค์ของค่ายฮอนด้า จะนับตั้งแต่ความจุของเครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี ขึ้นไป โดย,ในปี 2558 ที่ผ่านมานั้น, ,มียอดขายบิ๊กไบค์อยู่ที่ 6,900 คัน นั่งครองตำแหน่งผู้นำตลาดอันดับหนึ่ง, และในปีนี้ คาดว่าจะขายได้ประมาณ 12,000 คัน,ขณะที่ ค่ายยักษ์ใหญ่ประเทศเดียวกันอย่างยามาฮ่า ได้เผยถึงยอดขายบิ๊กไบค์ปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน โดย ,นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้จัดการส่วนพัฒนาธุรกิจรถจักรยานยนต์นำเข้า ฝ่ายวางแผนการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, เผยว่า ,รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของค่ายยามาฮ่า เป็นรุ่น MT-07 ราคา 299,000 บาท, ส่วนสาเหตุที่ได้รับความนิยม เนื่องจากว่า MT-07 ตัวรถค่อนข้างเล็ก กระชับ คล่องตัว และมีน้ำหนักเบา ขณะเดียวกันก็มีกำลังเครื่องสูง โดยรวมทั้งสเปก ขนาด รูปทรง ราคา มีความคุ้มค่าคุ้มราคาจึงเป็นรุ่นยอดนิยม,ส่วนยอดขายบิ๊กไบค์ของค่ายยามาฮ่า จะนับตั้งแต่ความจุของเครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี ขึ้นไป ซึ่งปี 2557 มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1,150 คัน, ส่วนปีล่าสุด 2558 ที่ผ่านมา มียอดขาย 1,555 คัน, และคาดว่ายอดขายในปีนี้ตั้งไว้ให้โตประมาณ 30-35% คือ 2,100 คัน,ด้าน สองล้อสัญชาติยุโรปอย่าง ดูคาติ ก็ฮอตไม่แพ้ฝั่งเอเชียเช่นกัน โดย ,นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด หรือ ดูคาติไทยแลนด์, กล่าวถึงรุ่นยอดนิยมของดูคาติว่า ,รุ่นที่นิยมที่สุดเป็นรุ่น Monster ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4.8 แสนบาท, ส่วนสาเหตุที่นิยมจะเป็นเรื่องของการดีไซน์ รวมทั้งมอนสเตอร์เป็นรถประเภท Naked bike ซึ่งเหมาะสำหรับขี่ในเมือง เข้าถึงได้ง่าย ด้วยความสูงของรถที่ไม่ได้สูงและน้ำหนักรถที่ไม่ได้หนักมาก ทำให้การขับขี่สะดวก,บอสใหญ่แห่งดูคาติไทยแลนด์ เผยถึงตัวเลขการจดทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบก,ปี 2558 อยู่ที่ประมาณ 3,000 คัน, และย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 อยู่ที่ประมาณ 2,800 กว่าคัน ส่วนยอดขายในปี 2559 นี้ คาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมน่าจะซบเซาลง เนื่องจากโดนพิษเศรษฐกิจ,ผู้เชี่ยวชาญ แนะ ทักษะพื้นฐานการขี่บิ๊กไบค์ที่ถูกวิธี,นายสุรชัย พันธ์เพิ่มพูน ผู้ดำเนินรายการทีวีมอเตอร์ไซเคิล, และเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการรถสองล้อมาอย่างยาวนาน เปิดเผยถึงทักษะของการขี่บิ๊กไบค์ว่า ,สายตาถือเป็นส่วนสำคัญ, ,เมื่อรถเข้าโค้งสายตามองทางไหนรถก็จะไปทางนั้น, ,กฎของการเข้าโค้งที่สำคัญที่สุด คือ ห้ามมองออกนอกโค้ง ให้มองเฉพาะในโค้งเท่านั้น, ,และถ้าขี่ทางตรงต้องมองให้ไกล อย่ามองเพียงใกล้ๆ, เพราะหากเจอหลุม หิน หรือท่อนไม้จะหลบไม่ทัน ขี่ไปชนอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ อีกทั้งการมองทะลุกระจกรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน หากขี่ตามท้ายรถยนต์ที่มีความทึบ อย่างเช่น รถตู้ ผู้ขี่จะมองไม่เห็นด้านหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้น จึงควรวิ่งอยู่ด้านซ้ายหรือด้านขวาของรถยนต์ เพื่อมองเห็นได้ในระยะไกล รวมทั้งทำให้มีระยะในการเบรกมากขึ้น,ถัดมาเป็นเรื่องของการใช้เบรก โดยเบรกหน้าอยู่ที่มือข้างขวา เบรกหลังอยู่ที่เท้าข้างขวา และเบรกเครื่องยนต์ หรือ เอนจิ้นเบรก (Engine Brake) คือ การใช้เกียร์ต่ำช่วยให้หน่วงความเร็วของรถต่ำลง,นายสุรชัย อธิบายเพิ่มเติมว่า,ขณะที่ รถแต่ละประเภทจะมีการใช้เบรกที่แตกต่างกัน รถสปอร์ตที่มีความเร็วสูงจะมีการใช้เบรกหน้าที่มากกว่าเบรกหลัง ในอัตราส่วน 80 ต่อ 20 หรือ 70 ต่อ 30 หรือ 60 ต่อ 40 ซึ่งรถแต่ละคันนั้นจะมีการออกแบบเบรกที่ไม่เหมือนกัน,รถบางรุ่นที่มีความเร็วสูงมาก ยึดเบรกหน้าเป็นแบบคู่ หรือมีหัวปั๊มที่บีบการเบรก เพื่อชะลอรถที่เร็วให้ช้าลง และปั๊มที่บีบการเบรกอาจจะมีถึงข้างละสี่ลูกสูบ รวมสองข้างเป็นแปดลูกสูบ ส่วนเบรกหลังมีลูกสูบเดียว หรือสองสูบเท่านั้น จะเห็นได้ว่ารถสปอร์ตที่มีความเร็วสูงจะมีดิสก์เบรกหน้าสองข้าง ข้างละสี่ลูกสูบ ปั๊มการเบรกขนาดใหญ่ แต่เบรกหลังมีเพียงหนึ่งหรือสองลูกสูบและปั๊มเบรกเล็กกว่า เพราะว่ารถสปอร์ตนั้น จะต้องใช้เบรกหน้ามากกว่าเบรกหลัง จะออกแบบเบรกหน้าที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า,ส่วนรถประเภททัวริ่งไบค์ที่ใช้ในการท่องเที่ยว เบรกหน้าเป็นเบรกคู่เช่นเดียวกัน มีลูกสูบที่มากเหมือนเดิม แต่เบรกหลังจะมีลูกสูบใหญ่ขึ้น ประสิทธิภาพเบรกหลังทำได้มากขึ้น ถ้าเป็นทัวริ่งแบบครุยเซอร์ (Touring Cruiser bike) สไตล์อเมริกัน การเบรกหลังจะมีขนาดใหญ่ จำนวนสูบเบรกหลังใหญ่ ประสิทธิภาพดีขึ้น แต่น้ำหนักรถสูง ท่านั่งไม่ได้ก้มขี่ ฉะนั้น รถประเภทนี้จะมีประสิทธิภาพเบรกหลังสูง เพื่อชะลอความเร็วรถได้มากขึ้น อัตราส่วนเบรกหน้ากับหลังใช้เบรกประมาณ 50 ต่อ 50 หรือบางครั้ง 60 ต่อ 40,อีกทักษะหนึ่งคือการนั่งเพื่อเข้าโค้งอย่างถูกวิธี โดยจะมีทั้งหมด 4 แบบหลักๆ ได้แก่,Lean Out, ,ผู้ขับขี่จะเอียงตัวสวนทางกับการเข้าโค้ง, รถเอียงไปทางซ้ายผู้ขับขี่จะเอียงตัวไปทางขวา โดยการเข้าโค้งประเภทนี้จะพบมากในการขับขี่รถวิบาก เพราะจะสามารถควบคุมรถเมื่อเกิดการลื่นไถล,Lean With ผู้ขับขี่และรถจะเอียงไปเท่าๆ กันในทิศทางเดียวกัน, เป็นการเข้าโค้งแบบปกติที่สามารถเปลี่ยนทิศทางและควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย เป็นท่าเข้าโค้งแบบมาตรฐาน,Lean In ผู้ขับขี่จะเอียงไปในทิศทางเดียวกับโค้ง แต่เอียงมากกว่าตัวรถเล็กน้อย,Hang On เป็นท่าที่ต้องขยับสะโพก ทิ้งน้ำหนักตัวเข้าหาในโค้ง, การเข้าโค้งประเภทนี้จะทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถค่อนข้างยาก ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานปกติ ส่วนมากจะใช้ในสนามแข่งรถทางเลียบ,ทั้ง 4 แบบข้างต้นนี้ มีผลในการเข้าโค้งที่ไม่เหมือนกัน และทักษะทั้งหมดนี้ หากผู้ขับขี่สามารถทำได้ทั้ง 4 แบบ จะสามารถใช้งานได้ตรงตามวัตถุประสงค์การออกแบบรถจักรยานยนต์ หรือตรงตามการใช้งาน ไม่ว่าจะวิ่งด้วยความเร็วต่ำ ความเร็วสูง สามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด, ผู้คร่ำหวอดวงการรถสองล้อ ให้คำแนะนำ,เมา ทะเลาะกับแฟน ห้ามออกซิ่งเด็ดขาด,นายชาติชาย แซ่ลิ้ม, หรือ ,อาจารย์โฮ้ อดีตนักแข่งจักรยานยนต์ที่ผันตัวมาเปิดโรงเรียนสอนขี่รถนามว่า Ho Racing School, ได้แนะนำพื้นฐานการขี่บิ๊กไบค์ที่ถูกต้องว่า อันดับแรก ผู้ขับขี่จะต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ทั้งหมวกกันน็อกที่สามารถคลุมคางได้ เสื้อคลุม การ์ดศอก การ์ดหลัง การ์ดเข่า ถุงเท้า รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อจะดีกว่ารองเท้าผ้าใบธรรมดา และไม่ควรใส่รองเท้าแตะเด็ดขาด เพราะเมื่อมีเหงื่อออกเท้าจะลื่นออกจากรองเท้า,เมื่อมีอุปกรณ์ป้องกันครบแล้วนั้น จะต้องเรียนรู้การขี่บิ๊กไบค์ที่ถูกต้องรู้จักสมรรถภาพของรถที่ซื้อ โดยส่วนใหญ่เมื่อซื้อรถจากค่ายต่างๆ จะแถมคอร์สเรียนขับขี่ให้ด้วย ฉะนั้น ผู้ขับขี่ควรจะไปเรียนรู้ รู้จักวิธีการขับขี่อย่างปลอดภัย รู้ลิมิตของรถ,ข้อห้ามสำคัญในการขับขี่บิ๊กไบค์คือ การเมา หรือมีปัญหาที่ทำงาน ทะเลาะกับแฟน อย่าขี่เด็ดขาด เป็นอันตรายแน่นอน เพราะจะมัวคิดแต่ปัญหาอยู่ตลอดเวลาทำให้ไม่มีสติไม่มีสมาธิในการขับรถ, อาจารย์โฮ้ แนะนำทิ้งท้าย,เจาะลึก ทางออกแก้ปัญหาอุบัติเหตุ บิ๊กไบค์,หลังจากรถบิ๊กไบค์มียอดจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ด้วยความแรงของรถส่งผลให้สถิติอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน สำหรับการแก้ปัญหาเพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุนั้น ,ดร.ทวีศักดิ์ แตะกระโทก อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา ม.นเรศวร, ได้วิจัยเรื่องใบขับขี่ของรถบิ๊กไบค์ โดย ดร.ทวีศักดิ์ ได้อธิบายถึงเรื่องดังกล่าวว่า ,ปัญหาอุบัติเหตุของบิ๊กไบค์อาจเกิดจากระบบใบขับขี่ที่ไม่ได้แยกตามลักษณะความเสี่ยง,เหมือนที่ญี่ปุ่นจะแบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่ 1. รถขนาดเล็กไม่เกิน 50 ซีซี 2. รถตั้งแต่ 51-125 ซีซี 3. รถตั้งแต่ 126-400 ซีซี และ 4. รถตั้งแต่ 400 ซีซี ขึ้นไป หรืออย่างไต้หวันจะแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. รถที่ต่ำกว่า 50 ซีซี 2. รถตั้งแต่ 50-250 ซีซี และ 3. รถตั้งแต่ 250 ซีซี ขึ้นไป การสอบใบขับขี่ก็จะมีความยากตามประเภทนั้นๆ ตรงกันข้ามกับประเทศไทยที่ไม่ได้แบ่งประเภทไว้ ฉะนั้น เด็กที่มีใบขับขี่ก็สามารถขี่รถบิ๊กไบค์ที่มีซีซีสูงได้ทันที,นอกจากการแก้ไขที่การทำใบขับขี่แล้วนั้น ,บริษัทหรือค่ายรถต่างๆ จะต้องมีการจัดอบรมให้กับลูกค้าก่อน, หากลูกค้ายังไม่เข้าใจระบบรถหรือยังขี่ไม่เป็นต้องส่งไปฝึกอบรมกระทั่งขี่เป็นก่อน จึงจะยอมปล่อยรถให้ลูกค้าได้ ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถมาซื้อรถได้แม้ว่าเขาจะขี่ไม่เป็นก็ตาม,ดร.ทวีศักดิ์ เสนอทางออกปัญหาอุบัติเหตุว่า,อ่านเพิ่ม,สิงห์สองล้อ EP.1 ส่องวิถีไบเกอร์ ไขปมซิ่งชนสนั่นเมือง,ทีมข่าวเฉพาะกิจ | เผยยอดขายของค่ายรถยักษ์ใหญ่ 3 ค่ายดัง แนะการขี่บิ๊กไบค์อย่างถูกต้องจากกูรูผู้คร่ำหวอดในวงการสองล้อ รวมถึงทางออกของการแก้ปัญหาอุบัติเหตุรถบิ๊กไบค์ จะต้องใช้กลยุทธ์ใดบ้าง วันนี้ มีคำตอบ | null | บิ๊กไบค์,รถบิ๊กไบค์,Big Bike,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์,ซื้อบิ๊กไบค์เงินผ่อน,ขี่บิ๊กไบค์,ซื้อ-ขายบิ๊กไบค์,ประเภทบิ๊กไบค์,บิ๊กไบค์มีกี่ประเภท,บิ๊กไบค์ล้ม,อุบัติเหตุบิ๊กไบค์,ค่านิยม บิ๊กไบค์,กระแสบิ๊กไบค์,รถมอเตอร์ไซค์,ข่าว,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/581371 |
พล.อ.ประวิตร ปัดข่าวเกณฑ์คนหนุนโรงไฟฟ้ากระบี่ | วันนี้( 15ก.พ.2560) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระ ทรวงกลาโหม ปฏิเสธข่าวรัฐบาลเตรียมเกณฑ์คนไปชุมนุมเพื่อสนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน จังหวัดกระบี่ ในวันที่ 16 ก.พ.นี้เชื่อว่าหากมีการสนับสนุนโครงการก็เป็นความต้องการของประชาชนเอง ส่วนที่มีเอกสารเผยแพร่ออกมานั้น อาจเป็นเอกสารที่ใครก็ทำขึ้นได้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(14 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี( ครม.) ขอไม่ให้ผู้คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในจ.กระบี่ เดินทางมาชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพราะผิดกฎหมาย และควรรอผลการพิจารณา ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ แต่วันนี้ กลับมีการเผยแพร่เอกสารที่ระบุว่า ออกโดยรักษาการปลัดอำเภอคลองท่อม จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.นี้ ส่งถึงกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ้างข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี จากการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2559 ถึงนโยบายของรัฐบาลที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน โดยหนังสือฉบับนี้ได้ขอให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน นำมวลชนหมู่บ้านละ 20 คน ไปรวมตัวเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมา | พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธรัฐบาล สั่งให้สนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในจ.กระบี่ หลังมีการเผยแพร่เอกสารที่มีเนื้อหา เป็นการประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เกณฑ์คนไปร่วมชุมนุมสนับสนุนโครงการในวันที่ 16 ก.พ.นี้ | การเมือง | พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,นายกรัฐมนตรี,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ,รัฐมนตรีว่าการกระ ทรวงกลาโหม,โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่,กำนัน,ผู้ใหญ่บ้าน,อ.คลองท่อม,กระบี่,โรงไฟฟ้า | https://news.thaipbs.or.th/content/260231 |
ชำนาญ จันทร์เรือง: สิ่งที่เวทีเสวนาครบรอบ 5 ปี รัฐประหาร 19 กันยาไม่ได้พูด | พร้อมทั้งชี้โทษภัยของการรัฐประหารครั้งนี้ บ้างก็ถึงกับออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ร่วมกันต่อต้านการรัฐประหารที่จะเกิดมีขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งเรียกร้องให้องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยหรือตัดสินคดีมิให้ถือว่าการกระทำรัฐประหารเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งการเป็นรัฏฐาธิปัตย์ดังเช่นที่ศาลฎีกาเคยมีคำวินิจฉัยไว้ ทั้งที่ไม่มีปรากฏอยู่ในบทบัญญัติของกฎหมายใด ในทางตรงข้าม บางเวทีก็มีการพูดถึงผลที่คาดไม่ถึงของการรัฐประหารครั้งนี้ ซึ่งก็คือการที่ประชาชนมีจิตสำนึกหรือมีความตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น มีส่วนร่วมในการเมืองภาคประชาชนมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการออกมาเรียกร้องทางการเมืองหรือการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเลือกพรรคการเมืองที่ตนเองชื่นชอบ จนทำให้เข้าใจว่าได้ชัยชนะต่อฝ่ายอำมาตย์หรือฝ่ายอำนาจเก่าได้แล้ว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นอย่างเช่นที่ว่าแล้วจริงๆ ล่ะหรือ จริงอยู่เมื่อมองเผินๆ ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะประชาชนออกมาแสดงเจตนารมณ์ว่าไม่ต้องการการปกครองโดยรัฐบาลที่มาจากการจัดตั้งในค่ายทหาร ไม่ต้องการรัฐบาลที่มีผลพวงจากการรัฐประหารไม่ว่าจะเป็นผลของการเลือกตั้งในปี 2550 หรือ 2554 ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วฝ่ายอำมาตย์หรือฝ่ายอำนาจเก่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือฝ่ายทหารนั้นได้เรียนรู้ประสบการณ์อย่างมากมายไม่ว่าจากเหตุการณ์เมษา 52 หรือ พฤษภา 53 ว่าวิธีที่จะจัดการกับกระบวนการเสื้อแดงนั้นจะจัดการอย่างไร ทั้งๆ ที่รัฐบาลไหนก็ตามทั่วโลกถ้ามีคนตายจำนวนมากขนาดนี้ไม่มีทางที่อยู่ในอำนาจต่อไปได้ แต่ของไทยเรารัฐบาลกลับอยู่ต่ออย่างหน้าตาเฉย มิหนำซ้ำกองทัพซึ่งเป็นเครื่องไม้เครื่องมือหลักในการจัดการกับผู้ชุมนุมกลับเพิ่มพลังต่อรองไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายหรืองบประมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย โดยที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนไม่กล้าหือ แฟ้มภาพ: ประชาไท แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดที่ผมจะชี้ให้เห็นก็คือ การ ฮั้ว กันระหว่างกลุ่มอำนาจเก่ากับรัฐบาลที่ประชาชนเลือกเข้าไปบริหารประเทศ แต่ก่อนที่จะแสดงให้เห็นว่ามีการฮั้วกันอย่างไร นั้น ผมขอนำเอาคำจำกัดความที่เสาวลักษณ์ เชฎฐาวิวัฒนา (2539) ได้อธิบายความหมายของคำว่า ฮั้ว ในทางธุรกิจ ไว้ในคู่มือไขปริศนาดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผมจะยกตัวอย่างต่อไป การฮั้ว (Collusion) คือ การทำข้อตกลงในทางลับระหว่างบริษัทตั้งแต่สองบริษัทขึ้นไป ที่ประกอบธุรกิจประเภทเดียวกันหรือมีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อให้ทั้งสองบริษัทได้ประโยชน์มากกว่าบริษัทอื่นๆ หรือมากกว่าที่ควรจะได้รับ ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือก็คือการแบ่งกันกินนั่นเอง เพราะเป็นการทำข้อตกลงในทางลับระหว่างบริษัทตั้งแต่สองบริษัทขึ้นไปที่ประกอบธุรกิจประเภทเดียวกันหรือมีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อให้ทั้งสองบริษัทได้ประโยชน์มากกว่าบริษัทอื่นๆ หรือมากกว่าที่ควรจะได้รับ การฮั้วกันเกิดขึ้นในธุรกิจทุกระบบไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และอาจจะถูกต้องตามกฎหมายหรือผิดกฏหมายก็ได้แล้วแต่การยอมรับของสังคม และข้อกฎหมายในประเทศแต่ละประเทศ เช่น การกำหนดราคาและปริมาณการผลิตน้ำมันร่วมกันของกลุ่มโอเปค เป็นต้น ฉะนั้น เมื่อหันกลับมาพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันในโอกาสครบรอบ 5 ปีของการรัฐประหาร 19 กันยาแล้วจะเห็นได้ว่า แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงข้างมากมาอย่างถล่มทลายถึงกว่า 15 ล้านเสียง สามารถตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากเด็ดขาดถึง 300 เสียง แต่ต้อง ฮั้ว กับกลุ่มอำนาจเก่าที่ห้ามเอาคนนั้นหรือคนกลุ่มโน้นเป็นรัฐมนตรี เพื่อแลกกับความสะดวกในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล ตลอดจนการ ฮั้ว กับกลุ่มอำนาจเก่าที่ทำให้ผลการสรรหาคณะกรรมการ กสทช.กลายเป็น กสทบ.ไป เพราะมีแต่ทหารเข้าไปยึดครองจำนวนมากรวมทั้งตำแหน่งประธานและรองประธาน ในส่วนกรรมการที่เหลือส่วนใหญ่ก็เป็นภาคธุรกิจที่เป็นพันธมิตรกับนายทุนของรัฐบาล ฉะนั้น จึงอย่าไปหวังว่าจะสามารถไปจัดระเบียบคลื่นความถี่ของทหารหรือคลื่นความถี่บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย คงทำได้เฉพาะคลื่นวิทยุชุมชนตัวเล็กตัวน้อยเท่านั้น มีการ ฮั้ว กันระหว่างแกนนำเสื้อแดงให้ละทิ้งอุดมการณ์ของการเป็นการเมืองภาคประชาชนด้วยการปูนบำเหน็จในตำแหน่งข้าราชการการเมือง ซึ่งทำให้เกิดการแปลกแยกระหว่างกลุ่มที่เคยเรียกตนเองว่าไพร่กลับกลายเป็นอำมาตย์ จนมีผลทำให้การตรวจสอบของการเมืองภาคประชาชนของกลุ่มคนเสื้อแดงอ่อนแอลง เพราะแกนนำกลายเป็นเครื่องมือของอำมาตย์ที่ ฮั้วกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนเสื้อแดงยังถูกจองจำอยู่ในเรือนจำอีกเป็นจำนวนร้อย มีการ ฮั้ว กันระหว่างรัฐบาลและผู้สนับสนุนกับกลุ่มอำนาจเก่าในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ของรัฐบาล สื่อออนไลน์หรือเครือข่ายสังคมของกลุ่มที่สนับสนุนตนเมื่อครั้งเป็นฝ่ายค้านให้เปลี่ยนแปลงจุดยืนของตนเองโดยหลับหูหลับตาโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสิ่งที่ตัวเองเคยไม่เห็นด้วย เช่น การโฆษณาอุดมการณ์ล้าหลังคลั่งชาติทั้งหลาย เป็นต้น เบื้องหน้าฉากของการเมืองในปัจจุบันอาจจะดูเหมือนว่ากำลังต่อสู้ยื้อยุดฉุดกระชากอำนาจกันระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับกลุ่มอำมาตย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกลุ่มทหาร แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังฉากเต็มไปด้วยการ ฮั้ว กันอย่างมหาศาล ปล่อยให้ประชาชนตาดำๆ ที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยทำตาปริบๆ ถูกหลอกไปวันๆ 0000000000000000000 หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 21 กันยายน 2554 | ผมติดตามการเสวนาเนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปี ของการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 ในหลายๆ เวที ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ออกไปในทิศทางที่ไม่เห็นด้วย | การเมือง | ชำนาญ จันทร์เรือง,การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549,คนเสื้อแดง,นปช.,รัฐประหาร | https://prachatai.com/journal/2011/09/37020 |
แรงจัดทะลุจีน สิงโต-คริส รักเราแค่พี่น้อง? | ในมหาลัย เป็นละครฟอร์มเล็ก ไม่น่าจะเด่นแต่ตอนนี้ดังจริง คริส พีรวัส แสงโพธิรัตน์ รับบทเป็น อาทิตย์ และ สิงโต ปราชญา เรืองโรจน์ เล่นเนียนเป็น ก้องภพ ขึ้นแท่นเป็นพระเอกคู่ฮอตฉ่าไปแล้ว จากโซตัสเดอะซีรีส์ Sotus The Series พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง ที่ออนแอร์ทางช่องวัน ONE ผลงานของผู้กำกับไฟแรงจริง ลิท ผดุง สมาจาร ,(คลิกชม),รักกันจริงๆ แต่รักแบบพี่น้อง,ฝากบอกไปถึงแฟนๆ ซีรีส์หน่อย ให้เลิกมโนแจ่มได้แล้ว ที่จะให้คริสและสิงโตเป็นแฟนกันในชีวิตจริงๆ คริสพูดก่อนเลย? (ยิ้มเขินเล็กน้อย) ก็ถ้าอยากจะจิ้นก็จิ้นกันต่อไปได้ครับ แต่ว่าความจริงก็เป็นพี่น้องกันครับ (ยิ้มอ่อนๆ) จริงเหรอๆ แค่พี่น้องกันเท่านั้น? ครับ เป็นพี่น้องกันครับ สิงโตก็บอกไปได้เลย หยุดเพ้อเจ้อกับพวกเราได้แล้ว? (หัวเราะดังแบบสะใจ) ก็เอาที่เขาสบายใจเลยครับ ถ้ามันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร มันไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ (ยิ้ม) น่าจะสร้างปัญหาเล็กๆ ให้แฟนคลับอยู่นะ เพราะเพ้อกันไม่หยุด? (ยิ้ม) เราเป็นพี่น้องกันครับ เราก็เล่นกันอยู่บ่อยๆ แบบนี้มานานแล้วครับ พอเราสนิทกันปุ๊บเราก็เล่นกันอย่างนี้ครับ อย่างเขาไม่ตอบไลน์เลย ก็เลยไปทักในโซเชียลว่าตอบไลน์บางก็ดีนะ (ทำเสียงอ้อนๆ เสียงเล็กเสียงน้อย) อะไรยังงี้ เราก็เล่นกันอย่างนี้มานานแล้วครับ เห็นมาหลายคู่แล้วนะ เล่นกันไปเล่นกันมา ระวังเถอะ จะรักกันจริงๆ นะ? (สิงโตยิ้มแล้วบอกว่า) จริงๆ เราก็รักกันครับ รักกันในสภาพพี่น้อง เพราะคณะที่เราเรียน มหาลัยเราค่อนข้างปลูกฝังเรื่องรักพี่รักน้อง พี่น้องต้องรักกันดูแลซึ่งกันและกันเนอะ? ใช่ครับ ,(คลิกชม), ,รักก้องภพสุดหัวใจเลย,มีหลายซีนโดนใจคนดูเลย ตอนที่เล่นละครด้วยกัน คริสคิดว่าก้องภพเป็นก้องภพ คือแอบคิดว่าก้องภพเป็นสิงโต? ก็เป็นก้องภพครับ เพราะเราเวิร์กช็อปกันลึกสุดๆ เลยครับ สิงโตรีบพูดต่อ ต้องเวิร์กช็อปต้องเอาหน้าชนกัน จ้องๆ กันเลย (ยิ้ม) ในเรื่องพี่อาทิตย์รักก้องภพใช่มั้ย? ครับ รักมากสุดหัวใจเลยครับ (ยิ้ม) รักนะแต่ไม่แสดงออกมากเพราะเราเป็นพี่ว้าก ต้องรักษาฟอร์มของรุ่นพี่? ใช่ครับ, (คลิกชม), ,โดนใจจนจิ้นแตก ,ในซีรีส์คริสชอบฉากจิ้นไหนมากๆ ที่สุดๆ? ผมชอบฉากไปรับน้องที่ทะเลครับ เพราะมันทำให้ผมนึกถึงตัวเอง เคยพาน้องๆ ไปรับน้องที่ทะเลเหมือนกัน ชอบมาก (ลากเสียงยาวเหยียด) ฉากสะพานดาวที่จะให้เกียร์น้องก็ชอบครับ เราได้เห็นความรักใคร่กลมเกลียวของน้อง ชอบๆ ฉากนี้ครับ แล้วฉากจูบกันล่ะคริสว่ายังไง ชอบป่ะ? แฟนๆ น่าจะชอบ (ยิ้ม) อีกหนึ่งฉากที่ชอบคือ ตอนปีหนึ่งชิงธงได้แล้ว ผมไปหลบร้องไห้ที่หลังสแตนด์ แล้วผูกข้อมือให้ก้องภพฉากนี้ก็ชอบมาก คือเรามองว่าถ้ามีรุ่นน้องคนหนึ่งที่มาเห็นเราในช่วงเราร้องไห้ เราเป็นพี่ว้ากอะ แล้วเราร้องไห้อยู่ เดี๋ยวผมซับน้ำตาให้นะพี่ คือตอนที่ร้องไห้เราร้องไห้จริงๆ เราซึ้งเลย มันมีฉากแบบนี้จริงๆ ตอนที่เราเป็นพี่ว้ากในมหาลัยเหมือนกัน ผมเคยว้าก แล้วร้องไห้จริงๆ ร้องไห้จริงๆ นะครับ,สิงโตชอบฉากไหนสุดๆ บ้าง? ฉากประกวดดาวเดือนมหาลัยมันเป็นบทที่ยาวมาก ถึงเวลาเล่นจริงๆ สิงถ่ายคนเดียวมีคนมานั่งดูจริงๆ คนเยอะมาก คนจ้องมาที่ผมคนเดียว เกร็งมากจำบทไม่ค่อยได้เลยด้นบทสดเอง เอาความรู้สึกที่เราเคยรู้สึก มาพูดเองบวกเข้าไปบ้าง อีกฉากที่ชอบมาก เฮ้ย เป็นฉากที่เราอินและชอบมากครับ เป็นฉากร้องไห้ริมระเบียง อาทิตย์ตัดสายทิ้ง เรารู้สึกว่าทั้งเรื่องก้องภพเป็นคนที่เข้มแข็งตลอดเหมือนเป็นฮีโร่ตลอด เราเหมือนได้เห็นอีกมุมหนึ่งของตัวละคร จริงๆ ผู้ชายคนหนึ่งก็มีมุมที่อ่อนแอได้เหมือนกัน เลยรู้สึกว่ามันได้เปิดเผยมุมมองอีกด้านหนึ่งของตัวละครที่เป็นฮีโร่ แต่จริงๆ แล้วในบางเรื่องที่ละเอียดอ่อน มันก็มีโมเมนต์ (moment) แบบนี้ด้วยเหมือนกัน,พี่ว้ากเว่อร์ เล่นแรงให้กราบเท้า,ในละครเล่นเป็นพี่ว้ากสุดโหด ในชีวิตจริงช่วงเรื่องมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ คริสก็เป็นพี่ว้ากจริงๆ ด้วย? ตอนนั้นผมเป็นพี่ว้าก ก็สั่งให้รุ่นพี่ปี 2 ไปกราบเท้าน้องปี 1 น้องกราบเท้าไง แล้วรุ่นพี่รุ่นน้องก็ร้องไห้กันหมด ก็ไม่ได้กราบ แค่ยกมือไหว้เฉยๆ มีคุกเข่าคลานเข่าไปหาน้องอะ รุ่นพี่ก็ร้องไห้เยอะมาก ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ เราอินมากเลยจับความรู้สึกนี้มาเล่น การสั่งให้รุ่นพี่มากราบเท้ารุ่นน้องเป็นการเตรียมกันมาก่อน เล่นละครกันนั่นเอง? คือปี 2 จะเตรียมกันเอง แต่ผมไม่รู้ว่าน้องร้องไห้เป็นการเล่นละคร ผมไม่รู้เลย เพราะผมไม่มีสิทธิ์คุยกับน้อง ผมไม่รู้ว่าน้องเตรียมการอะไรกันมา พอหลังจากจบว้ากวันนั้น น้องเข้ามาบอก เฮ้ย พี่ใจเย็นๆ นะ คือพวกน้องเตรียมกันมา ร้องไห้เมื่อกี้นั้น คือการแสดงละคร อ้าว เหรอๆ โอเคๆ ก็เพิ่งรู้หลังจากนั้น ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างคนต่างเตรียมกันมาแสดงละคร ไม่ใช่จริงๆ ต้องให้ไปกราบเท้ากัน? ใช่ครับ,ทำดีเด่นต้องชมผู้กำกับ,ลิท ผดุง สมาจาร ผู้กำกับโซตัสเดอะซีรีส์ Sotus The Series พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง กับประเด็นอวยแรงนี้ ที่ผู้กำกับสามารถทำออกมาได้ดี คริสบอกเลยว่า ชอบความครีเอตของเขา ฉากบางอย่างเขาคิดเอง เช่น ฉากก้องภพประกวดดาวเดือนจะมีช่วงไฟดับ ในนิยายไม่ได้มีบอกว่าไฟดับแล้วต้องทำยังไงบ้าง พี่ลิทเลยคิดว่า ให้คนดูหยิบแฟลชโทรศัพท์ขึ้นมา เออ มันก็ทำให้ดูสวยขึ้นครับ แล้วก็ชอบการทำการบ้านของพี่ลิทครับ ทำการบ้านมาเยอะมาก เขาเข้าใจตัวละครหมดเลย คริสจะแสดงได้ดีต้องไปเรียนการแสดงมาก่อนให้ดีด้วย? รวมๆ เรียนการแสดง 2-3 เดือน เวิร์กช็อปรวมประมาณ 2 ครั้ง มีเวิร์กช็อปแยกแค่เฉพาะเราสองคนโดยเฉพาะ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ติดๆ กันหลายวันครับ,สิงโตฉีกยิ้มกว้างแล้วพูดอย่างคล่องแคล่วว่า จากการเวิร์กช็อปทำให้สนิทกันไวมาก ส่วนพี่ลิทผู้กำกับก็ชอบครับ (เสียงสูงสุดๆ) พี่ลิทเป็นผู้กำกับที่ใจเย็นมาก และก็ละเอียดอ่อนมาก ช่วงก่อนจะเริ่มถ่ายจะมีการเวิร์กช็อป เขาจะเห็นมุมมองของตัวละคร คือจะมองไปในทางเดียวกัน เคยโดนวีนมั้ย แบบว่าทำไมเล่นไม่ได้ดั่งใจ? พี่ลิทแทบไม่วีนเลย ไม่มีเลยครับ,แฟนคลับคลั่งหนัก,บัตรมีตแอนด์กรี๊ด (MEET / GREET / EAT / ว้าก WITH SOTUS THE SERIES) ที่จะจัดขึ้นโรงหนังสกาลา หมดเกลี้ยงไวมาก คริสรู้สึกยังไง? ตอนแรกก็คิดว่า มีตแอนด์กรี๊ดจะเต็มมั้ยว้า สุดท้ายก็เต็ม เพิ่มรอบก็เต็มอีก ตอนแรกจะจัดรอบเดียววันจองบัตรแฟนคลับมาเยอะมาก เลยเปิดจองบัตรอีกรอบหนึ่ง ก็ขายหมดภายในวันนั้นเลยหมดทั้งสองรอบเลย ก็ขอบคุณที่ติดตามและชื่นชอบครับ ดีใจที่ทุกคนอยากมา จะพยายามทำให้มีความสุขมากที่สุดครับ จะมีอะไรเด็ดๆ ในงานวันนั้นบ้าง? ก็คงจะเป็นร้องเพลงคู่กัน แต่ไม่บอกว่าร้องเพลงอะไร รอดูกันเองนะครับ มีตแอนด์กรี๊ดที่จีนไปถึงไหนแล้ว? ยังไม่ขายบัตร รอทางโปรโมตเตอร์ก่อนว่าจะจัดการอย่างไร ที่ตกลงไว้จะไปที่เซี่ยงไฮ้ก่อนครับ แฟนคลับจีนเยอะมาก อยากให้คริสลองวิเคราะห์หน่อย ทำไมแฟนคลับจีนจึงเยอะขนาดนี้? คงเป็นเพราะประเทศบ้านเขา ปิดกั้นเรื่องนี้ (ชายรักชาย) เขาเลยมาเสพประเทศเรา ,กล้าพูด ถ้ารู้จักจะหลงรัก ,ถ้าแกรมมี่จะจับสิงโตไปเป็นนักร้องจริงๆ พร้อมมั้ย? แค่หายใจยังเพี้ยนเลยครับ (ยิ้ม) ก็ต้องฝึกฝนกันได้ ฝึกจริงๆ จะไหวป่ะ? ไม่ไหวครับ (หัวเราะ) ถ้าจะเป็นนักร้องจริงๆ คงต้องเรียนเยอะมากๆ (ยิ้ม) คริสน่าจะไหวเพราะชอบดนตรี ชอบเล่นตีกลองอยู่แล้ว? ผมชอบเล่นดนตรีครับ ถ้าจะเป็นนักร้องจริงๆ ก็ต้องเรียนอยู่ดี เพราะเราก็ร้องมั่วๆ ซั่วๆ ไป จริงๆ ตีกลองผมชอบทำเป็นงานอดิเรก ถ้าจะทำงานจริงชอบร้องเพลงมากกว่าครับ มั่นใจเลยว่าเสียงดี? ไม่มั่นใจครับ แต่เรียนก็น่าจะเป็นไปได้ คริสเป็นพระเอกที่หล่อเด้งจริง? ก็รู้สึกดีครับที่มีคนชมครับ ขอบคุณมากที่คิดว่าผมหล่อครับ (ยิ้มเขินหน้าดำหน้าแดง) ไม่หล่อมากนักแต่น่ารักและมีเสน่ห์สุดๆ ก็ต้องสิงโต? ก็รู้ตัวครับว่าตัวเองไม่ได้หล่อครับ อาจจะไม่หล่อมากนัก แต่ถ้ารู้จักจะรักนะครับ (ยิ้มขี้เล่น),สิงโตมาเล่นเป็นเกย์ ก้องภพบทชายรักชาย คุณพ่อมีว่าอะไรมั้ย? ไม่ว่าอะไรครับ พ่อบอกว่าอะไรที่มีความสุขก็ทำไป คุณพ่อใจดีมากครับ (ยิ้ม) เรื่องหน้าอย่ามาเล่นบทเกย์อีกนะ คุณพ่อขอร้องไม่โอเคเลย? โอ ไม่ครับๆ ไม่ๆ ขนาดแค่เรื่องนี้พ่อก็ยังเอาตัวอย่างทีเซอร์ เทรลเลอร์ ให้ไปญาติๆ พี่ป้าน้าอาดูกันหมดเลยครับ คริสรีบพูดทันทีว่า โอโห ของผมเห่อหนักกว่าพี่สิงโตอีกครับ คุณพ่อดูซีรีส์สดตลอดเลยครับ ไม่เคยพลาดเลยสักตอน สี่ทุ่มวันเสาร์คุณพ่อจะนั่งรอดูหน้าจอแล้ว,คุณพ่อของคริสซีเรียสมากๆ ลูกชายมาเล่นเป็นเกย์? ไม่ๆๆๆ คุณพ่อจะดูๆๆๆ แล้วจะตามติดคอมเมนต์ทุกวีกๆๆๆ นี่คริสเล่นอย่างงี้ๆๆๆ คุณพ่อจะไม่ชมครับ เพราะเข้าใจว่าอะไรที่ดี คนอื่นจะชมไปหมดแล้ว คุณพ่อจะพูดแต่ข้อเสีย เช่น ซีนนี้ไม่ได้นอนก่อนไปถ่ายใช่มั้ย ทำไมหน้าโทรมจังเลย จะโดนเรื่องหน้าโทรมบ่อยมากครับ และก็เรื่องบุคลิกจะชอบติ คุณพ่อเป็นคนที่ซีเรียสเรื่องบุคลิกมาก (ลากเสียงยาว) แล้วก็คำพูดที่ดูไม่เป็นธรรมชาติในบางตอนครับ พ่อก็ติๆๆ พูดๆๆ ไปเรื่อยๆๆ ผมก็ครับๆๆๆ คุณพ่ออยากให้อยู่ในทางนี้อยู่ในวงการบันเทิง เขาชอบครับ คุณพ่อเป็นเจ๊ดันนะคะ? (หัวเราะ) เป็นเจ๊ดัน ,โฟโต้บุ๊ก (THE OFFICIAL PHOTOBOOK OF KRIST - SINGTO KISSING) ที่กำลังทำๆ กันอยู่ คริสพูดถึงการทำงานนี้ให้ฟังหน่อย? โห ถ่ายแบบเสื้อผ้าหลายชุดมากครับ จะได้เห็นภาพถ่ายแบบอันซีน Unseen ต่างๆ ที่ทุกคนไม่เคยเห็นแน่ๆ มีจำนวนจำกัดครับ โฟโต้บุ๊กเราจะมีทั้งภาพและเรื่องราว จะเจาะทั้งวัยเด็กวัยโตวัยเรียน มีบทสัมภาษณ์ทั้งของคริสและสิงโตเลยครับ สิงโตพูดต่อว่า อายตัวเองเบาๆ (ยิ้มน่าหยิก) มีถ่ายแบบชุดว่ายน้ำด้วยกัน? ไม่ใช่ครับ ก็จะเป็นภาพในแบบที่ไม่เคยเห็นครับ,จูบครั้งแรกกับผู้ชายของสิงโต ก็คือกับจูบกับน้องคริสในละครนี้แหละ? (หัวเราะ) ต้องถามน้องคริสครับ ว่าผมเป็นจูบแรกของคุณหรือเปล่า (ยิ้มแรงๆ) คริสบอกตรงๆ เลยว่า โอโห ผมผ่านมาแล้วหลายปาก กับผู้ชายนะที่เพื่อนกันนี่แหละ คือพวกผมเล่นกันค่อนข้างรุนแรงมากจริงๆ ก็เล่นกันสนุกๆ เป็นผู้ชายเหมือนกันหมดครับ สนุกๆ คือเล่น Truth or Dare เคยเล่นมั้ยครับ คือหมุนขวดปุ๊บ ให้เล่าความจริงมา ถ้าไม่อยากเล่าก็ให้เปลี่ยนเป็นการกระทำแทน ผมก็จะโดนว่า อ๊ะ งั้นมึงไปจูบปากมันดิ ก็เป็นความน่ากลัวไป เล่นกันแบบนี้ตั้งแต่เรียนมหาลัยปี 1? ใช่ครับ,รักเราไม่จำกัดเพศ,เรื่องแฟนของคริสเป็นยังไงบ้าง? กับคนที่มีความสัมพันธ์จริงๆ ผมจะปิดไว้ สรุปเลยตอนนี้คริสมีแฟนแล้ว? ,(ยิ้มเขินนิดหน่อย) ก็มีคนคุยๆ กันอยู่, กับสาวใสนอกวงการ หรือว่าเป็นนางเอกช่องดัง? (สิงโตหัวเราะเสียงดังแทรกขึ้นมาก่อน) เป็นคนนอกวงการครับ เมื่อไหร่คริสจะเปิดเผยชัดๆ? มันอยู่ในช่วงการคุยกันครับ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ครับ อยู่ในช่วงทดลองงานรักเนอะ จะผ่านโปรหรือไม่? ครับ แล้วช่วงที่คริสเรียนมหาลัยมีสาวๆ หนุ่มๆ เข้ามาจีบเยอะ? ไม่มีครับ คือหลายคนจะรู้ว่าคริสมีคนที่คุยอยู่แล้ว สิงโตชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่? ถ้าเกิดในละครก็ชอบผู้ชายครับ แมนๆ คุยกันกับพี่อาทิตย์ครับ ในชีวิตจริงล่ะครับ? ยังไม่มีครับ โสดมานานพอสมควร แฟนผมไม่มีครับ (ยิ้ม) ตกลงสิงโตชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย? ,อย่าโฟกัสเรื่องผู้หญิงหรือผู้ชายดีกว่าครับ เพราะถ้าเราจะรักใครสักคน ถ้ารู้สึกรักมันไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดอายุอยู่แล้วครับจนกว่าจะเจอคนๆ นั้นจริงๆ ดูดีมั้ยครับ (หัวเราะดัง),ช่วงอยู่มหาลัยมีคนมาจีบสิงโตเยอะนะ? ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามายุ่งครับ เพราะเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูงพอสมควร ชอบเดินคนเดียวในมหาลัย ใส่หูฟังเพลง ไม่สนโลก จริงเหรอ โลกส่วนตัวสูงขนาดนั้นเลย? ใช่ครับ ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว เจอผมได้ตามร้านกาแฟ ร้านเค้ก นั่งอ่านหนังสือนั่งฟังเพลงคนเดียวครับโลกส่วนตัวสูง ทำไมสิงโตโลกส่วนตัวสูงจัง ทำไมถึงไม่อยากจะคบใครเป็นเพื่อน? อ๋อ ไม่ครับ ผมเพื่อนเยอะมาก แต่จะมีโมเมนต์ส่วนตัวเยอะ ขี้เกียจรอใครขี้เกียจไปพร้อมใครก็เลยไปคนเดียว แต่ว่าถ้าเพื่อนนัด ก็จะไปกับเพื่อนเป็นกรุ๊ปใหญ่เลยครับ ผมมีเพื่อนหลายกลุ่มครับ เพื่อนกรุ๊ปพี่ว้าก กรุ๊ปเล่นเกม กรุ๊ปเรียน ด้วยความที่เราเป็นคนที่คนรู้จักเยอะมาก,แฟนคลับจิตใจดีงาม,แฟนคลับคริสเคยมีมาแบบน่ากลัวมั้ย? ไม่มีครับ แฟนคลับน่ารักมากครับ ส่วนมากจะเอาพวกเสื้อผ้า รองเท้า ของกินมาให้ครับ เยอะมากมหาศาล แฟนคลับจะรู้กันอยู่แล้วว่าผมชอบอะไร เพราะจะมีประวัติลงในเว็บ แฟนคลับรู้ดียิ่งกว่าพ่อแม่อีก? ครับ แล้วสิงโตล่ะมีแฟนคลับแปลกๆ เข้ามาบ้างหรือไม่? แฟนคลับแปลกๆ ของผมไม่มีนะครับ ส่วนใหญ่จะแบบไม่กล้าเข้ามาถ่ายรูป ไม่กล้าเข้ามาทัก กลัวสิงโตกัด? ไม่กัดนะครับ ถึงกัดก็ฉีดยาแล้วครับ ไม่ดุๆ (ยิ้มสดใส). | พระเอกเก่าถอยไปก่อน พระเอกใหม่มาแรงชัด สองพระเอกหน้าใหม่มาแรงเกินใคร ในโซตัสเดอะซีรีส์ Sotus The Series พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง เรื่องรักของรุ่นพี่รุ่นน้อง | null | คริส สิงโต โซตัส,ก้องภพ อาทิตย์ โซตัสพี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง,คริส พีรวัส แสงโพธิรัตน์,สิงโต ปราชญา เรืองโรจน์,ลิท ผดุง สมาจาร ผู้กำกับโซตัสเดอะซีรี่ส์ | https://www.thairath.co.th/content/808287 |
ย้อนตำนาน ไอ้ด่าง โคตรจระเข้ ล่าคนเป็นอาหาร ไล่กัดเรือชาวบ้านสุดดุร้าย | ย้อนกลับไปเมื่อช่วงนี้ (ตุลาคม) พ.ศ. 2507 ข่าวจระเข้ขนาดใหญ่ลอยขึ้นในคลองบางมุด จ.ชุมพร ไล่กัดกินคนตามตลิ่งเริ่มแพร่สะพัดขึ้น และจากเสียงร่ำลือของคนใช้เรือสัญจร ได้กลายเป็นข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์,29 ตุลาคม พ.ศ.2507 หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ได้ลงภาพแผนที่สังเขปของคลองบางมุด พร้อมคาดการณ์ว่าเป็นเส้นทางที่จระเข้ยักษ์ หรือ ไอ้ด่าง ออกอาละวาดท่องเที่ยวล่าคนเป็นภักษาหาร,จนวันหนึ่ง ณ หมู่บ้านหนองไก่ปิ้ง ตำบลนาขา อำเภอหลังสวน ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟควนหินมุ้ย โคตรไอ้เคี่ยม ก็ได้ปรากฏโฉมในรอบหลายปี ,โดยได้ไล่กัดคนอาบน้ำ และเดินอยู่ตามริมตลิ่ง รวมไปถึงไล่กัดเรือขึ้น-ล่องสัญจรไปมาในคลองด้ว,ย,จากการคาดการณ์ของสื่อในสมัยนั้น ระบุว่า จระเข้ยักษ์ตัวนี้ มีลักษณะคอด่างสีขาวตัดกับส่วนหน้า ลำตัวดำสนิท ไม่มีตะไคร่น้ำจับ ชาวบ้านขนานนามว่า ไอ้ด่าง มีขนาดยาวตั้งแต่หัวจรดท้ายถึง 4 วาเศษ เฉพาะส่วนหัวยาวประมาณ 2 ศอกเศษ ,ลำตัวใหญ่กว่าถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร และเมื่อมันกินคนแล้ว มันจะอิ่มและซ่อนตัวนาน 15 วัน แล้วค่อยออกไปหาเหยื่อรายใหม่,นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ในอดีต ยังบรรยายถึงอุปนิสัยของมันไว้เสร็จสรรพว่า เป็นพันธุ์ ไอ้เคี่ยม หรือ พันธุ์ ทองหลาง อยู่ได้ทั้งน้ำกร่อยและน้ำเค็ม มีตีนเป็ดเป็นพืดแผ่เต็มระหว่างเล็บของมันเพื่อง่ายในการออกทะเลอย่างรวดเร็ว และเป็นพันธุ์ที่ดุร้ายมาก ชอบกินคน,หากได้กินเนื้อคนแล้วก็จะหากินอยู่เรื่อยๆ เช่นเดียวกับเสือ, หนังสือพิมพ์ในสมัยนั้นวาดภาพไอ้ด่าง,จากนั้น เรือนับร้อยลำก็มุ่งตรงไปที่คลองบางมุด นักล่ามากวิชา ทั้งเวทมนตร์ คาถา อาวุธมากมาย ทั้งฉมวก ไฟฟ้า ปืน อวน กระทั่งระเบิดก็เอามาใช้ ทั้งนี้ นักล่าจระเข้แต่ละคนก็จะมีความถนัดแตกต่างกัน และมีที่มาจากหลายจังหวัด เช่น ปัตตานี ร้อยเอ็ด อ่างทอง สุราษฎร์ธานี เป็นต้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขณะที่นักล่ากำลังตามหาไอ้ด่างอยู่นั้น,ไอ้ด่าง ก็โผล่ขึ้นกลางลำน้ำ หลังจากนักล่าหย่อนระเบิดกระป๋องลงไปนับสิบลูก ไอ้เคี่ยมพุ่งพรวดงาบเรือรวมถึงขาชาวบ้าน ที่พลาดเป้าไปเพียงแค่คืบ เมื่อเห็นดังนั้น ปืนทุกกระบอกก็หันมาเล็งใส่ ไอ้ด่าง สุดท้ายมันก็หนีไปได้,เวลาผ่านไปนับเดือน ก็มีการตั้งรางวัล 8,000 บาท หากผู้ล่ารายใดสามารถปราบมันได้ ขณะเดียวกัน คลองบางมุด ที่เคยคึกคักด้วยผู้คน ก็เริ่มจะทิ้งร้าง การไล่ล่าเพชฌฆาตจากน้ำเค็มที่อยู่ในน้ำกร่อยได้ ก็ประสบปัญหา เพราะตอนนั้นเป็นช่วงอุทกภัย หนำซ้ำทะเลยังหนุนสูงอีก การจะหาตัวมันให้ได้เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย,วันที่ 20 พฤศจิกายน 2507 ก็เป็นวันปราชัยของเพชฌฆาตเงียบตัวนี้ สิบเอกจำนง พิมาน พร้อมเพื่อนทหาร รวมกัน 4 นาย ได้แกะรอยไล่ล่าตัวมันมา 2 วันเต็ม กระทั่งตามไปถึง วัง ที่มันใช้กบดานอยู่ เมื่อรู้แน่ชัดแล้ว จึงหย่อนด้วยระเบิด C-3 ที่บรรจุในกระป๋องตูมระเบิดลูกแรกทำให้ ไอ้ด่าง รู้ตัวและพยายามจะหนี สิบเอกจำนง กับพวก ไม่รอช้า หย่อนระเบิดไปอีก ตูมตูม ระเบิดลูกหนึ่งโดนกลางหลังไอ้ด่างทำให้กระดูกสันหลังของมันหัก จากนั้นก็ช่วยกันล่ามไว้กับเรือ และลากมันขึ้นมา ,ไอ้ด่าง ค่อยๆ สิ้นใจตายอย่าง สิ้นชื่อ,หลังจากมันตาย ชาวบ้านก็ช่วยกันลากไอ้ด่างมาขึ้นฝั่งที่ อ.สวี ชาวบ้านที่รู้ข่าวก็แห่มามุงดูกันยกใหญ่ เมื่อผ่าท้องมันดูก็ต้องตกตะลึงเพราะภายในมีกะโหลกมนุษย์อยู่ 2 หัว นอกจากนี้ ยังมีกระสุนปืนรวมอยู่ด้วย ต่อมา ได้มีการซื้อขายซาก ไอ้ด่าง ในราคา 7,000 บาท จากนั้นได้นำซากมันเข้ากรุงเทพฯ จากการซื้อต่อในราคา 23,000 บาท และ,ได้มีการเปิดให้ผู้คนได้ชม คิดคนละ 1 บาท คาดว่าสามารถหาเงินจากซากไอ้ด่างนับแสนบาท, ขณะที่ คนหัวใส แอบอ้างว่า มี ไอ้ด่าง นำมาโชว์เพื่อหากิน เจ้าของตัวจริงก็ถึงกับต้องไปแจ้งความ แต่เอาผิดไม่ได้เพราะเจ้าทุกข์ตัวจริงอย่าง ไอ้ด่าง สิ้นชีพไปแล้ว อย่างไรก็ดี จากการวัดตั้งแต่หัวจรดหาง พบว่า ไอ้ด่างมีความยาวประมาณ 9 ศอก หรือ 425 ซม. | ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ย้อนเรื่องเล่าคลาสสิกที่ผู้คนยังคงนึกถึง สำหรับจระเข้ยักษ์กินคน ไอ้ด่าง บางมุด ตำนานนักล่าแห่งสายน้ำ ณ คลองบางมุด อ.หลังสวน จ.ชุมพร
| ข่าว,ทั่วไทย | จระเข้น้ำเค็ม,จระเข้กินคน,ไอ้ด่าง,ไอ้ด่างบางมุด,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1054707 |
ผู้ค้าพระเครื่องร้อง DSI ถูกโกงกว่า 300 ล้านบาท | กลุ่มผู้ค้าพระเครื่อง จากสนามพระเครื่องพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน นำเอกสารถูกฉ้อโกงจากการค้าพระเครื่องให้นายพิสิษฐ์ นวพรลักษมี เจ้าของธุรกิจร้ายขายเครื่องเสียงรถยนต์ ย่านพระประแดง หรือชื่อเรียกในวงการพระว่า เล็ก ตั้งเจริญ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินการ หลังพบความเสียหายมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาทด้านนายวิฑูรย์ บัวระหงษ์ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า นายพิสิษฐ์ เข้ามาในวงการพระเครื่องสนามพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วานได้กว่า 1 ปี เริ่มแรกสร้างความน่าเชื่อถือ และมีบุคคลที่ตลาดพระเครื่องรู้จักให้การรับรอง ซึ่งนายพิสิษฐ์ จะเช่าพระครั้งละหลักล้านบาท และแต่ละครั้งจะจ่ายเงินสด หรือหากเป็นเช็ค ก็ไม่เคยมีปัญหา แต่เมื่อเดือนสิงหาคมร้านต่างๆ ไม่สามารถนำเช็คของนายพิสิษฐ์ไปขึ้นเงินได้พร้อมกันหลายสิบล้านบาท และไม่สามารถติดต่อได้ แต่เมื่อสอบถามไปยังนายพิสิษฐ์ จะใช้วิธีการต่อรองให้เช่าพระคืน เพื่อจะได้เงินส่วนต่าง หรือบางครั้งจะนำพระของร้านแรกไปจำนำ เมื่อได้เงินมาไปจ่ายให้อีกเจ้าจนกลายเป็นลูกโซ่ทั้งนี้ พระเครื่องที่ถูกนายพิสิษฐ์ นำไปมีตั้งแต่ราคาองค์ละหลักแสนบาท จนถึงหลักล้านบาท เช่นเหรียญมงคลบพิตร มูลค่า 500000 บาท เหรียญทองคำหลวงปู่ทิม มูลค่าเกือบ 5 ล้านบาทขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเสษจะรับเรื่องไว้พิจารณา เบื้องต้นคดีฉ้อโกง จัดอยู่ในคดีพิเศษอยู่แล้ว ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะขอตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น หากเข้าข่ายการกระทำความผิดในลักษณะการฉ้อโกงประชาชน ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย | ผู้ค้าพระเครื่องกว่า 10 ราย ยื่นหนังสือให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินคดีฉ้อโกงกับเจ้าของธุรกิจเครื่องเสียงรถยนต์ ย่านพระประแดง หลังผู้ถูกกล่าวหาเช่าพระเครื่อง และสั่งจ่ายเช็คที่ไม่สามารถขึ้นเงินได้ มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท | อาชญากรรม | DSI,ผู้ค้าพระเครื่อง,พระ,โกง | https://news.thaipbs.or.th/content/54485 |
รถไฟตกรางในนิวยอร์กครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ เจ็บ 1 | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุรถไฟโดยสารจากรัฐนิวเจอร์ซี ตกรางระหว่างเดินทางไปยังสถานีรถไฟเพนซิลเวเนีย ในนครนิวยอร์ก ในชั่วโมงเร่งด่วนของวันจันทร์ที่ 3 เม.ย. ทำให้ต้องอพยพผู้โดยสารลงจากรถไฟ และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1 คน นับเป็นเหตุรถไฟตกรางครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นที่สถานีแห่งนี้ในรอบ 2 สัปดาห์,พยานผู้อยู่ในเหตุการณ์บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า รถไฟของสำนักงานขนส่งรัฐนิวเจอร์ซีขบวนนี้ กำลังเดินทางจากเมืองเทรนตัน ก่อนที่ขบวนรถจะเกิดอาการสั่นสะเทือนและหยุดลง โดยเขามองออกมาจากขบวนรถและเห็นล้อรถไฟที่ได้รับความเสียหายด้วย แต่ไม่แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น,หลังเกิดเหตุ สำนักงานขนส่งรัฐนิวเจอร์ซีออกมาเปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และพวกเขาได้หยุดบริการรถไฟทั้งขาเข้าและขาออกจากสถานีรถไฟเพนซิลเวเนียแล้ว,ทั้งนี้ นี่นับเป็นเหตุรถไฟตกรางครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นบริเวณสถานีรถไฟเพนซิลเวเนียในรอบ 2 สัปดาห์ โดยเมื่อ 24 มี.ค. รถด่วย อาเคลา ของบริษัทรถไฟ แอมแทรค ซึ่งกำลังวิ่งช้าๆ ตกรางและเฉี่ยวกับรถไฟโดยสารของสำนักงานขนส่งรัฐนิวเจอร์ซี ที่สถานีรถไฟเพนซิลเวเนีย ทำให้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยหลายคน | เกิดเหตุรถไฟตกรางที่สถานีรถไฟเพนซิลเวเนียในนครนิวยอร์กเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ เมื่อวันจันทร์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ขณะที่สาเหตุกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวน | ข่าว,ต่างประเทศ | รถไฟตกราง,นิวยอร์ก,นิวเจอร์ซี,ชั่วโมงเร่งด่วน,อพยพ | https://www.thairath.co.th/news/foreign/903997 |
แกนนำ | ประชาไท พบกับ นายรุสดี ยูโซะ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2547 ขณะที่ชายผู้นี้ เดิน ทางมาร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนคนหาย ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส วันนั้น นอกจาก นายรุสดี ยูโซะ จะมาพร้อมกับเพื่อนผู้ต้องหาอีก 3 คนแล้ว ยังมี พ่อ ของผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุอีก 1 คน และ พ่อ ของผู้เสียชีวิตในขณะขนย้ายอีก 2 คน ร่วมเดินทางมาร้องเรียนด้วย นายรุสดี ยูโซะ ถูกตั้งข้อหาครอบครองอาวุธปืน วัตถุระเบิด เป็นแกนนำการชุมนุม ทำร้ายเจ้าหน้าที่ และทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ตอนนี้ อยู่ในระหว่างการประกันตัว ซึ่งต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันถึง 250000 แสนบาท ขณะนี้ นายรุสดี ยูโซะ พร้อมกับเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคราวเดียวกันนี้ และได้รับการประกันตัวพร้อมกันอีก 9 คน จึงต้องไปรายงานตัวต่อศาลจังหวัดนราธิวาสทุก 12 วัน โดยมีกำหนดการรายงานตัวครั้งต่อไป วันที่ 2 ธันวาคม 2547 คนในหมู่บ้านเดียวกับ นายรุสดี ยูโซะ ถูกจับทั้งหมด 38 คน เสียชีวิตในที่ชุมนุม 1 คน คือ นายมะกอเซ็ง มามะ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102/1 หมู่ที่ 5 ตำบลศาลาใหม่ เสียชีวิตขณะขนย้ายไปค่ายอิงคยุทธบริหารอีก 4 คน นอกจากนี้ ยังมีคนจากหมู่บ้านใกล้กันเสียชีวิตอีก 1 คน คือ นายเปาซี เจ๊ะมามะ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ที่ 3 ตำบลศาลาใหม่ นายรุสดี ยูโซะ บอกกับ ประชาไท ว่า
. บ้านผมอยู่ห่างจากโรงพักตากใบประมาณ 5 กิโลเมตร ผมออกจากบ้านตอน 10 โมงเช้า จะไปซื้อกับข้าวกับขนมหวานที่ตลาดชายแดนตาบา ไว้แก้บวชตอนเย็น เพราะในช่วงเดือนบวช ตลาดตากใบไม่เปิดขายตอนเช้า ขับมอเตอร์ไซค์ไปคนเดียว ถึง 3 แยกตากใบ มีตำรวจกับทหาร ตั้งด่านตรวจ แล้วเรียกให้จอด พอเขาตรวจแล้วไม่เห็นมีอะไร เขาก็ปล่อย ผมขับมอเตอร์ไซค์ต่อไปจนถึงตลาดตากใบ พอขับรถผ่านด้านหลังที่ว่าการอำเภอตากใบ เห็นคนยืนอยู่มาก ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เลยเลี้ยวมอเตอร์ไซค์ เข้าไปจอดในตลาด แล้วเดินไปหน้าโรงพักตากใบ เจอคนรู้จักคนหนึ่ง เขาถามผมว่า มาทำไม ผมบอกว่า เห็นคนเยอะเลยเข้ามาดู ตอนนั้น เห็นคนยืนพูดโต้ตอบกันไปมา ตรงลานหน้าโรงพัก ผมเองไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ซักพัก ผมเห็นตำรวจกับทหารเข้ามามากขึ้นทุกที คนก็เข้ามามุงมากขึ้นทุกที เลยติดอยู่ที่นั่น ออกมาไม่ได้ จนมีการฉีดน้ำสลายการชุมนุม ผมก็ถูกจับไปด้วย ไปอยู่ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร 2 คืน ที่นั่นเขาให้ผมพิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้น นำไปควบคุมตัว ที่ค่ายทหารที่สุราษฎร์ธานี อยู่ที่นั่นอีก 3 คืน ถูกย้ายไปอยู่ที่นั่นทั้งหมด 190 คน ที่สุราษฎร์ธานี มีเจ้าหน้าที่เข้ามาสอบปากคำด้วย พอสอบหมดทั้ง 190 คน เขาก็นำกลับมาที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร พวกเรากลับมาถึงประมาณ 8 โมงเช้า มานั่งรวมกันที่เรือนจำทหาร จากนั้น ทหารก็มาเรียกชื่อแยกออกมา 58 คน มีชื่อผมด้วย เขาบอกว่าจะสอบปากคำเพิ่มเติม เขาให้ผมพิมพ์ลายนิ้วมือ แล้วเรียกไปให้ตำรวจสอบปากคำทีละคน พวกตำรวจมาด้วยกัน 15 นาย พอเขาเรียกชื่อผม ผมก็เข้าไป เขาอ่านอะไรให้ฟังไม่ทราบ ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาอ่านไม่ค่อยชัด ขณะที่พวกเราบางคน ไม่เข้าใจภาษาไทยเลยก็มี พออ่านเสร็จเขาถามว่า จะสารภาพหรือปฏิเสธ ผมบอกปฏิเสธ เท่าที่ทราบทั้ง 58 คนปฏิเสธหมดเลย บางคนไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่พอเห็นคนอื่นปฏิเสธก็ปฏิเสธกับเขาด้วย จากนั้น เขาก็ให้เซ็นชื่อทันที พวกเราเซ็นชื่อลงบนกระดาษหนาประมาณ 3 แผ่น ตรงด้านขวาล่าง มีรอยประทับตราสีแดงอยู่ด้วย ผมไม่รู้ว่าเป็นตราอะไร แล้วก็ไม่ได้อ่านด้วยว่า เป็นหนังสืออะไร เพราะตอนนั้นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว สอบเสร็จประมาณ 6 โมงเย็น เจ้าหน้าที่มาบอกว่า สรุปแล้วไม่มีอะไร คืนนี้กลับบ้านได้ พอเซ็นชื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตำรวจก็ออกไป ต่อมา ก็มีผู้ชายเข้ามา 5 คน ผู้หญิง 2 คน บอกว่า เป็นทนายความมาจากรุงเทพฯ เขาบอกชื่อทุกคน แต่ผมจำชื่อไม่ได้สักคน ถ้าจำไม่ผิด เขาบอกว่ามาจากสภาทนายความ เขาถามว่า เซ็นชื่ออะไรไปบ้างหรือเปล่า พวกเราบอกเขาไปว่า เซ็นชื่อไปแล้ว เขาก็บอกว่าทำไมถึงรีบเซ็นชื่อ พวกคุณถูกจับหมดแล้วนะ พอได้ยินดังนั้นแหละ ผมถึงกับขาสั่น ไม่นึกว่าจะตกเป็นผู้ต้องหา คิดว่า ต่อไปนี้ ต้องเข้าไปอยู่ในคุกแน่ๆ บางคนกลัวติดคุก สั่นไปทั้งตัว พอพวกทนายความออกไป ทหารก็ปิดประตูเรือนจำล็อกแล้วปิดไฟ ได้ยินแต่เสียงหมาเห่าอยู่ข้างนอก ผมนอนไม่หลับทั้งคืนเลย พอวันรุ่งขึ้น เขาจึงนำตัวไปส่งที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส ไปถึงเจ้าหน้าที่ให้ถ่ายรูปติดหมายเลขด้วย อยู่ที่นั่น 5 คืน ญาติถึงมาบอกว่า ได้ประกันตัวแล้ว หลักทรัพย์ค้ำประกันคนละสองแสนห้าหมื่นบาท อยู่ที่นั่น คนคุมนักโทษอยากรู้ว่า พวกเราเป็นแกนนำจริงหรือเปล่า ก็เข้ามาถาม ผมบอกว่า ผมจบ ป. 4 โรงเรียนปูลาเจะมูดอ ไม่มีความรู้อะไรเลย ทำอาชีพเลี้ยงปลา ตอนนี้ ปลาตายหมดแล้ว จะไปเป็นแกนนำได้อย่างไร ชีวิตนี้ ผมยังไม่เคยเห็นอาวุธสงคราม ระเบิดก็ไม่เคยเห็น แล้วผมจะใช้อาวุธเป็นเหมือนกับพวกผู้ก่อการร้ายได้อย่างไร คงจะเป็นเพราะพูดจาฉะฉาน บุคลิกภาพผิดแผกแตกต่างไปจากลักษณะของชาวบ้าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั่วไป กระมัง | นายรุสดี ยูโซะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134/1 หมู่ที่ 5 ตำบลศาลาใหม่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส คือ หนึ่งใน 58 ผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมระหว่างเข้าร่วมชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ | สิ่งแวดล้อม | null | https://prachatai.com/journal/2004/11/1321 |
พระธาตุ ชัยยะมงคลวงศ์วริศ ทรุดพังถล่มไม่ทราบสาเหตุ | วันนี้ (26ส.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุ พระธาตุชัยยะมงคลวงศ์วริศ ล้มพังลงมาเสียหายทั้งองค์ ยอดเม็ดน้ำค้างของยอดฉัตร จนถึงบัวรองปรีของพระธาตุ ตกลงมาหัก ตัวยอดฉัตรของพระธาตุทางวัดได้เก็บรักษาไว้ และได้ปิดล้อมสถานที่เป็นเขตอันตราย พร้อมกับแจ้งสำนักพระพุทธศาสนาเข้ามาตรวจสอบพระรุ่งอรุณ กะตะธัมฺโม พระลูกวัดชัยมงคล แจ้งว่า เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 ส.ค. 2562 ได้มีเสียงดังสนั่น บริเวณหลังวัด ต่อจากนั้น ได้มีช่างก่อสร้างรั้วสำนักงานขนส่ง อ.พาน มาแจ้งว่าจึงได้ล้อมพื้นที่ขององค์พระธาตุไว้ เป็นเขตอันตราย รอการประสานงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสำรวจซึ่งเช้าวันนี้ ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ใกล้วัดชัยมงคล ได้ร่วมกัน ออกสำรวจความเสียหาย และถ่ายภาพความเสียหายขององค์พระธาตุ เพื่อรายงาน ไปยังเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และแจ้งไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลสันติสุข รวมถึงรายงานไปยัง วัดห้วยปลากั้ง ซึ่งเป็นเจ้าภาพ ในการก่อสร้างพระธาตุแห่งนี้ ส่วนสาเหตุ ยังคงต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบสำหรับพระธาตุแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2557 ในช่วงขณะที่ พระครูธรรมภาณพินิต ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอพาน และเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ โดยมีหลวงพ่อพบโชค แห่งวัดห้วยปลากั้ง สนับสนุนในการก่อสร้าง โดยหลังจากนี้คณะกรรมการวัด แจ้งว่า กำลังดำเนินการสำรวจความเสียหาย และแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำการบูรณะองค์พระธาตุต่อไป | พระสงฆ์และชาวบ้านวัดชัยมงคล อ.พาน จ.เชียงราย ร่วมกันสำรวจความเสียหายของ พระธาตุชัยยะมงคลวงศ์วริศ หลังจากเกิดทรุดตัวล้มพังลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ | ภูมิภาค | พระธาตุชัยยะมงคลวงศ์วริศ,เกิดความเสียหาย,เขตอันตราย,พระธาตุทรุด | https://news.thaipbs.or.th/content/283389 |
เก็บความเสวนา หลัง 14 ตุลา: คำถามทำไมคนเดือนตุลาเปลี่ยนไป และใครคือชายขอบของคนตุลา | กนกรัตน์ เลิศชูสกุล เสนอคำถามคนตุลาเปลี่ยนหรือเราเข้าใจผิดเอง Tyrell Haberkorn เสนอประวัติศาสตร์คนชายขอบประวัติศาสตร์นิพนธ์เดือนตุลาวิจารณ์โดยประจักษ์ ก้องกีรติคำถามหลักของงานชิ้นนี้เริ่มต้นจาก คำถามยอดฮิตของคนในยุคสมัยความขัดแย้งเหลืองแดงที่ว่า ทำไมคนเดือนตุลาฯ จึงเปลี่ยนไป จากที่คนเดือนตุลาซึ่งเป็นแรงบันดาลใจทางการเมือง กลับกลายมาอยู่ในขั้วตรงข้ามทางการเมือง ภาพคนเดือนตุลาที่มีความเป็นกลุ่มก้อน เป็นฝ่ายก้าวหน้า เป็นฝ่ายซ้าย เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เป็นนักต่อสู้กับเผด็จการเพื่อความเป็นธรรมของสังคม กลายเป็นกลุ่มคนที่มีความแตกแยก แบ่งขั้ว มีความขัดแย้งแตกต่างจากภาพที่เคยเห็นในอดีตงานศึกษาชิ้นนี้พยายามก้าวข้ามการอธิบายแบบง่ายๆ ว่า เป็นเรื่องผลประโยชน์และความไร้เดียงสาทางการเมือง โดยพยายามนำเสนอคำอธิบายที่หลากหลายเมื่อถามว่า ทำไมคนเดือนตุลาฯ จึงเปลี่ยนไป คำอธิบายตั้งต้น คือ จริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้เปลี่ยน แต่พวกเราต่างหากที่เข้าใจผิดว่าพวกเขาเปลี่ยน ทั้งที่ความจริงพวกเขาเหมือนเดิม คือมีความหลากหลาย เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และขัดแย้งกันมาตลอดทั้งด้านความคิดและกระบวนการในการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่เราเข้าใจผิดไปตามภาพกระแสภายหลัง ในการรับรู้ของคนวงกว้างที่ถูกสร้างขึ้น เมื่อความจริงปรากฏขึ้นเราจึงคิดว่าเขาเปลี่ยน คำถามสำคัญของงานศึกษานี้คือ เราไปเข้าใจว่าเขาเปลี่ยนได้อย่างไร กระบวนการที่ทำให้เราเข้าใจอย่างนั้นคืออะไรในความเป็นจริง ภาพการปรากฏตัวของคนเดือนตุลาคมที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือ ประวัติศาสตร์เดือนตุลาฉบับประชาธิปไตย นั้นเป็นเรื่องที่ใหม่มาก เพิ่งลงหลักปักฐานในทศวรรษที่ 30 ความจริงในช่วงต้นที่พวกเขาออกมาจากป่าเมื่อทศวรรษ 2520 คนเหล่านี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จในการวมตัวกัน การรวมตัวในช่วงแรกเป็นลักษณะแบ่งแยก ไม่มีเป้าหมายทางการเมืองชัดเจน เน้นการรักษาและสานต่อเครือข่ายเพื่อนเก่า มีลักษณะเป็นการชุมนุมศิษย์เก่าเพื่อเยียวยา รักษาบาดแผลทางการเมือง ภาพในความรับรู้ของสังคมช่วงนั้นคือการเป็น ฝ่ายซ้ายผู้พ่ายแพ้สาเหตุที่ไม่ประสบความสำเร็จในการวมตัว คือ 1.บรรยากาศทางการเมืองไม่เป็นมิตร อยู่ในช่วงการล่มสลายของ พคท.ใหม่ๆ ถูกจับตาโดยรัฐ จึงกลายเป็นอุปสรรค์ในการสานต่อกิจกรรมทางการเมือง 2.ปัญหาโครงสร้างและเครือข่ายของกลุ่มนักศึกษาในยุค 70-80 ซึ่งหลวมและกระจายอำนาจ 3.ความขัดแย้งทางการเมืองของฝ่ายซ้ายด้วยกันเอง ที่เริ่มตั้งแต่ช่วง 14 ตุลา มาจนออกจากป่า ทำให้ไม่สามารถหาข้อสรุปถึงปัญหาในอดีตและทิศทางในอนาคตร่วมกันได้มาถึงปีทศวรรษที่ 1990 (พ.ศ.2533-2542) คนเดือนตุลาค่อยๆ ประสบความสำเร็จในกลับการมารวมตัวกันในลักษณะเครือข่ายทางการเมือง รื้อฟื้นความภาคภูมิใจทางประวัติศาสตร์การเมืองในยุค 1970 (2513-2522) และประสบความสำเร็จในการสร้างการยอมรับจากสาธารณะ พวกเขาไม่ได้อยู่ในฐานะ ฝ่ายซ้ายผู้พ่ายแพ้ แต่กลายเป็น คนเดือนตุลา วีระบุรุษประชาธิปไตย แห่งทศวรรษที่ 1970 งานเฉลิมฉลอง 14 ตุลา และ 6 ตุลา กลายเป็นงานเฉลิมฉลองประชาธิปไตยระดับชาติเนื่องมาจากเงื่อนไข คือ 1.บริบททางการเมืองเปลี่ยน สิ้นสุดยุคสงครามเย็น มีการล่มสลายของ พคท.ทำให้รัฐบาลเลิกมองนิสิตนักศึกษาในฐานะภัยคุกคามทางการเมือง มีการเปิดเสรีทางการเมือง จากประชาธิปไตยครึ่งใบสู่ประชาธิปไตยเต็มใบ ชนชั้นกลางประสบความสำเร็จในการต่อต้านการกลับมาของระบอบทหารในยุคพฤษภาทมิฬ มีการเติบโตของขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาสังคม การปฏิรูปการเมือง เหล่านี้ช่วยสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่กระตุ้นและเชื้อเชิญให้คนเดือนตุลากลับเข้ามามีบทบาททางการเมืองและ 2.ความสำเร็จของคนเดือนตุลาที่ก้าวสู่สถานภาพทางการเมืองและสภานะภาพทางสังคมในรูปแบบใหม่ ในฐานะ นักวิชาการผู้มีชื่อเสียง นักการเมืองดาวรุ่ง นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และเป็นนักเขียน นักแสดง นักร้องที่มีชื่อเสียง สถานภาพใหม่นี้กลายเป็นฐานอำนาจแบบใหม่ทั้งด้านวิชาการและการสื่อสารต่อสาธารณะเงื่อนไขที่สร้างอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนใหม่ของคนเดือนตุลา มีกระบวนการ 3 อย่าง ที่เกิดขึ้นคู่ขนานกันตลอดช่วง 30 ปี และมาประสบความสำเร็จในช่วงทศวรรษ 2530 คือ 1.การนำเสนอประวัติศาสตร์เหตุการณ์ 14 ตุลา และ 6 ตุลา ในนามของประชาธิปไตย 2.การเลือกนำเสนอภาพลักษณ์และมรดกทางวัฒนธรรมฝ่ายซ้าย ในมุมมองที่สังคมยอมรับได้ และ 3.การสร้างความเป็นสถาบันให้กับความเป็นคนเดือนตุลาผ่านการรื้อล้างประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยเดือนตุลามีจำนวนวัน 31 วัน แต่มีวันสำคัญ 2 วัน วันแรก 14 ตุลา (2516) เป็นวันที่ระบอบเผด็จการล่มสลาย หลังจากประชาชนเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยที่กรุงเทพฯและทุกจังหวัด อีกวันหนึ่งคือ 6 ตุลา (2519) ซึ่งเป็นวันแห่งความรุนแรง เจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มขวาจัดบุกโจมตีสังหารนักศึกษาที่ชุมนุมกันอยู่ที่ธรรมศาสตร์ และมีรัฐประหารโดยกองทัพ เผด็จการกลับมา เดือนตุลาจึงหมายถึงการเริ่มต้นและสิ้นสุดของช่วงเวลาพิเศษแห่งการเปลี่ยนแปลงสังคมและการเมืองไทยทั้ง 14 ตุลา และ 6 ตุลา หากพิจารณาเฉพาะทั้ง 2 เหตุการณ์ในแง่การบันทึกประวัติศาสตร์ หรือการวิเคราะห์วิจารณ์ประวัติศาสตร์ เราจะไม่อาจเข้าใจถึงประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างหลากหลายที่เกิดขึ้นช่วงนั้น แม้ 14 ตุลา จะเป็นครั้งแรกที่ประชาชนจำนวนมากออกมาเต็มถนน แต่เหตุการณ์ที่กรุงเทพฯ ในวันนั้นไม่ได้ให้ภาพสมบูรณ์ของการทำให้ระบอบเผด็จการล้มลงหรือประชาธิปไตยเกิดขึ้น ส่วน 6 ตุลา ก็เกิดการนองเลือดอันขึ้นในที่อื่นๆ นอกจากกรุงเทพฯ หลังจากการรัฐประหารการที่เน้นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสองวันนั้นที่กรุงเทพฯ ที่เดียวทำให้กรณีอื่นๆ ในที่อื่นๆ ถูกตัดออก และทำให้ประวัติศาสตร์ของสองวันนั้นในกรุงเทพฯ กลายเป็นประวัติศาสตร์ชาติ ทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถนนเป็นพื้นที่สำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลง และนักศึกษาและคนกรุงเป็นผู้กระทำเกิดให้การเปลี่ยนแปลงนี้บทความนี้เล่าถึงและวิเคราะห์ชีวิตของประชาชน 3 คน ที่อยู่ชายขอบประวัติศาสตร์นิพนธ์เดือนตุลา ให้ชัดเจนว่าทั้งสามไม่ได้อยู่ชายขอบของประวัติศาสตร์เดือนตุลา แต่อยู่ชายขอบการเขียนประวัติศาสตร์ที่เน้นกรุงเทพฯ เน้นนักศึกษา และเน้นเหตุการณ์ใหญ่ๆมีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ 1.ทำให้สิ่งที่ถูกนับว่าเป็นประวัติศาสตร์เดือนตุลาขยายกว้างกว่าเดิม 2.เขียนประวัติศาสตร์ที่แสดงว่า การเปลี่ยนแปลงสังคมเป็นสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ทีเดียว การเปลี่ยนรูปสังคมและการเมืองเริ่มต้นตอนที่ประชาชนตั้งคำถามเกี่ยวกับระบอบระบบเก่า การเขียนประวัติศาสตร์โดยใช้เลนส์ชีวิตบุคคลทำให้เรามองและเข้าใจได้ และ 3.ยืนยันว่าชีวิตบุคคล 3 คนนี้ไม่ใช่มีแค่รายละเอียดน่าสนใจ แต่เป็นส่วนหนึ่งที่พลาดไม่ได้ หากเราจะเข้าใจการเปลี่ยนรูปแห่งเดือนตุลาก็ควรทำให้ประวัติศาสตร์นิพนธ์ช่วงนี้เปลี่ยนขยาย ทั้งเนื้อหาและกรอบคิดคนแรก อาจารย์องุ่น มาลิก ผู้เป็นแรงผลักให้หลายคนเกิดมีจิตสำนึกทางสังคมและการเมือง เกิดและเติบโตขึ้นในครอบครัวเศรษฐีที่กรุงเทพฯ จบปริญญาโทจิตวิทยาจากสหรัฐอเมริกา อาจารย์องุ่นขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อสอนจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อปี 2507 ตอนที่อายุ 51 ปีแล้ว และได้รวมกับอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ จัดตั้งให้นักศึกษาไปซ่อมแซมวัดฝายหินซึ่งอยู่ติดมหาวิทยาลัย โครงการดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นขยายการเคลื่อนไหวของนักศึกษาและความสนใจของอาจารย์องุ่นต่อกิจกรรมนักศึกษาก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลา อาจารย์องุ่นได้ลงมือร่วมทำวารสารสิ่งพิมพ์และกลุ่มละครของนักศึกษา และเป็นสมาชิกสภาอาจารย์ และหลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลา อาจารย์องุ่นเข้าร่วมในงานกิจกรรมการเคลื่อนไหวสังคมและการเมืองที่ต่อต้านอำนาจที่ไม่ชอบธรรมอย่างเต็มที่ อีกทั้งได้มีส่วนร่วมในการผลักดัน พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าที่ด้วย ต่อมาเมื่อเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา อาจารย์องุ่นถูกกักขังภายใต้อำนาจของคำสั่งที่ 22 ที่ออกเมื่อวันที่ 13 ต.ค.19 โดยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ร่วมกับครู ชาวนาชาวไร่ นักศึกษา และข้าราชการ อีก 40 คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อสังคมทางการเมืองคนที่ 2 หมออภิเชษฐ์ นาคเลขา แพทย์หนุ่มจากกรุงเทพฯ ที่เลือกไปทำงานเป็นแพทย์สาธารณสุขประจำที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ในปี 2517 จากการที่เกิดจิตสำนึกก้าวหน้าและร่วมต่อสู้เพื่อความยุติธรรม โดยหมออภิเชษฐ์เป็นตัวอย่างชัดๆ ของจินตนาการของสังคมที่ดีกว่าในช่วงระหว่าง 14 ตุลาและ 6 ตุลา ในฐานะข้าราชการที่ทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งมีการเคลื่อนไหว 14 ตุลา เป็นแรงบันดาลใจสิ่งที่ทำให้หมออภิเชษฐ์ถูกจับตาคือ ความร่วมมือกับประชาชนเพื่อปราบทุจริตใน อ.พร้าว ทำให้ถูกขู่ฆ่า และถูกเขียนจดหมายร้องเรียนว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ต่อมาเย็นวันหนึ่งในเดือน พ.ค.2518 มีการจัดงานฉายสไลด์ของของประชาชนและการเคลื่อนไหว 14 ตุลา ที่ห้องสมุดชุมชน ในคืนนั้นบ้านของบ้านนายอำเภอพร้าวถูกเผา ต่อมาจึงตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ เพราะห่วงความปลอดภัยของคนที่อยู่ใกล้ชิด และไม่มีโอกาสกลับไปรับราชการ จนเสียชีวิตเมื่อเดือน พ.ย.2549คนที่ 3 คือพ่อหลวงอินถา ศรีบุญเรือง ปัญญาชนชาวนาจากภาคเหนือที่ต่อสู้เพื่อ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่านา เขาเข้าร่วมการเคลื่อนไหวก้าวหน้าครั้งแรกตอนนักศึกษาประท้วงเรียกร้องให้กองทัพอเมริกาออกจากประเทศในเดือน ก.ค.2516 ต่อมาในเดือน ก.ย.2517 พ่อหลวงอินถานำกลุ่มชาวนาสารภีเข้าร่วมการชุมนุมที่กลางเมืองเชียงใหม่ และได้รับเลือกเป็นตัวแทนเดินทางไปร่วมการชุมนุมที่กรุงเทพฯ ตอนที่สหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทยก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2517 เขาถูกเลือกเป็นรองประธานระดับชาติและประธานภาคเหนือความสำเร็จประการแรกของสหพันธ์ฯ คือการประกาศใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่านา พ.ศ.2517 ที่ให้จำนวนข้าวที่ต้องจ่ายเป็นค่าเช่านาเดิมลดลง และทำให้ชาวนาไม่ต้องขึ้นอยู่กับอำเภอใจของเจ้าของที่ดิน ช่วง 8 เดือนระหว่างการผ่าน พ.ร.บ.ดังกล่าว ในเดือน ธ.ค.2517 จนถูกสังหารในเดือน ก.ค.2518 พ่อหลวงอินถาเดินทางไปทุกอำเภอในเชียงใหม่เพื่อคุยแลกเปลี่ยนกับชาวนาเรื่องสิทธิใหม่ที่ได้จาก พ.ร.บ.นี้ทั้งนี้ พ่อหลวงอินถา ถูกข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่เคยหยุดการเคลื่อนไหว และหลังจากนั้นถูกสังหาร ตำรวจสามารถจับผู้ต้องหาได้แต่ก็ปล่อยตัวในเวลาต่อมา อีกทั้งเจ้าหน้าที่รัฐยังปฏิเสธความสำคัญและบทบาททางการต่อสู้ทางการเมืองของพ่อหลวงอินถาด้วยบทสรุป ไม่ใช่เหตุการณ์14 ตุลา และ 6 ตุลาไม่มีความสำคัญ เพราะทั้งสองเหตุการณ์มีความหมายต่อชีวิตของแทบทุกคนในช่วงนั้น รวมทั้งบุคคลทั้งสามด้วย แต่การเน้นแต่ 2 เหตุการณ์ ทำให้ประวัติศาสตร์เดือนตุลาไม่สมบูรณ์ การมองและเขียนประวัติศาสตร์โดยเลนส์ของชีวิตบุคคลทำให้เราได้เห็นและเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและระดับต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนรุ่นหลังๆที่ไม่ใช่เป็นแค่ผู้อ่านประวัติศาสตร์แต่เป็นนักต่อสู้ที่อยากเปลี่ยนสังคมเช่นกัน ตั้งคำถามต่องานศึกษา การรื้อฟื้นและการก่อร่างสร้างตัวของความเป็นคนเดือนตุลา กับคำถามที่ว่า ทำไมคนเดือนตุลาฯ เปลี่ยนไป แต่ทำไมไม่มีการตั้งคำถามแบบเดียวกันนี้กับคนรุ่นอื่นๆ หรือนักต่อสู้รุ่นอื่นๆ แม้แต่ในกลุ่มคนพฤษภา 35 ซึ่งก็มีความคิดไปคนละทิศละทาง ทำไมคนเดือนตุลาจึงกลายเป็นจำเลยทางประวัติศาสตร์ของสังคมและในทางวิชาการ ทั้งที่ ในประวัติศาสตร์ทุกคนเปลี่ยน และในทุกสังคมด้วยงานศึกษานี้กำลังศึกษาในสิ่งที่ความจริงแล้วเป็นกระบวนการปกติในประวัติศาสตร์ของทุกสังคม โดยเฉพาะการต่อสู้ที่มีคนจำนวนมากเข้าร่วม ไม่มีทางที่ทุกคนจะเห็นตรงกันตั้งแต่ต้น และแน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปทุกคนเปลี่ยนได้ โดยเฉพาะเมื่อเหตุการณ์เกิดมา 40 ปีแล้ว จากคนหนุ่มสาวที่เคยเคลื่อนไหวมาเป็นคนวัย 60 ซึ่งคาดหวังให้ความคิดเหมือนเดิมไม่ได้สิ่งที่อยากชวนคิดต่อ คือ มุมมองเปรียบเทียบกับสังคมอื่นๆ ว่ามีประสบการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหรือไม่ เช่น คนหนุ่มสาวที่ลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในฝรั่งเศส อเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ จากงานศึกษาของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (ANU) ศึกษาขบวนการนักศึกษาญี่ปุ่นในปี 1960 ที่เปลี่ยนไป โดยสัมภาษณ์อดีตนักศึกษาฝ่ายซ้ายซึ่งกลายมาเป็นนักคิดคนสำคัญของฝ่ายขวาที่มีชื่อเสียงในสังคมผู้ให้สัมภาษณ์ได้ตั้งคำถามว่าการเปลี่ยนนั้นผิดตรงไหน การคิดว่าเปลี่ยนแปลงไม่ดีนั้นมีจุดเริ่มจากความเข้าใจทางปรัชญาที่ว่า สิ่งแรกเริ่มดีกว่า เป็นความบริสุทธิ์ ส่วนการเปลี่ยนคือการถูกปนเปื้อน โดยตัวเขาคิดว่าตัวตนในปัจจุบันกำลังทำสิ่งที่ดีกว่าสิ่งที่ทำในอดีต มีความถูกต้อง และสำคัญกว่าในแง่นี้ หากศึกษาคนตุลาที่ไปเป็นเสื้อเหลือง แสดงให้เห็นว่าจากมุมของเขา เขาก็ยังคงต่อสู้เพื่อสังคม แต่อุดมการณ์ที่ต่อสู้เป็นคนละชุดกับอุดมการณ์ของคนเดือนตุลาที่อยู่ฝั่งเสื้อแดง เป็นคนละชุดกับตัวตนของเขาในอดีต และในขณะเดียวกันก็มีคนเดือนตุลาที่ไม่ได้สนใจการเมืองแล้วด้วยกรอบการศึกษาแม้จะสรุปว่าคนเดือนตุลาไม่ได้เปลี่ยน เราเข้าใจผิดเอง ส่วนตัวคิดว่าความจริงมีหลายกรณีที่เปลี่ยน และคำถามที่สำคัญกว่าคือเปลี่ยนแล้วผิดตรงไหน ผิดเพราะมีการเอาชุดอุดมการณ์ของเราไปวิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินเขาหรือไม่การที่งานศึกษา พูดถึงการเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ แล้วทำให้ 14 ตุลา และ 6 ตุลา กลายเป็นประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ทำให้คนอ่านรู้สึกว่าการเขียนประวัติศาสตร์ใหม่เช่นนี้ผิด แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ผิดที่เราจะตีความว่า 14 ตุลา และ 6 ตุลา คือส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย มีคุณูปการสร้างประชาธิปไตยในสังคมไทย เพียงแต่เราให้คำนิยามประชาธิปไตยอย่างไร อุดมการณ์แบบ พคท.ไม่ได้เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือมันเป็นประชาธิปไตยอีกรูปแบบหนึ่ง อาจต้องคุยในรายละเอียดแต่งานศึกษาเขียนราวกับจะทำให้ความเป็นซ้าย ความเป็น พคท.กับประชาธิปไตยเป็นคนขั้วตรงข้ามกัน ส่วนตัวไม่เห็นด้วย และทำให้เกิดคำถามว่าการต่อสู้แบบซ้ายไม่มีส่วนในการสร้างประชาธิปไตยขึ้นมาหรือส่วนงานศึกษาของ Tyrell ที่ศึกษา ชีวิตคน 3 คน คือ อาจารย์องุ่น มาลิก หมออภิเชษฐ์ นาคเลขา และพ่อหลวงอินถา ศรีบุญเรือง ตั้งคำถามว่า คนเดือนตุลา หมายถึงใครบ้าง ทั้ง 3 คน คือคนเดือนตุลาหรือไม่ เมื่อทั้ง 3 ต่างก็เกิดความตื่นตัวเข้าร่วมต่อสู้ทางสังคมจากเหตุการณ์เดือนตุลา และถึงที่สุดคนเดือนตุลาเป็นแค่กลุ่มนักศึกษาหรือเปล่า ไม่ได้รวมกรรมการ ชาวนา หรือครูที่มาทำงานเพื่อสังคมเอาไว้ด้วย เมื่อพูดถึงคนเดือนตุลาเรานับรวมใครและไม่นับรวมใครบ้างงานศึกษาเป็นการศึกษาชีวิตของคนที่ไม่ถูกโฟกัสมาก่อน และเห็นด้วยกับคำวิจารณ์ที่ว่าประวัติศาสตร์นิพนธ์เดือนตุลามีศูนย์กลางกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ และอย่างที่หากคนวิพากษ์วิจารณ์คือเป็นประวัติศาสตร์ของธรรมศาสตร์ แม้แต่ประวัติศาสตร์นักศึกษาก็มีการตั้งคำถามว่าสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ อยู่ที่ไหน จึงไปศึกษาตัวละครอื่นๆ ไปรื้อฟื้นคนเหล่านี้ขึ้นมา แต่ถึงที่สุดแล้วคนเหล่านี้อาจไม่ใช่คนชายขอบที่ไม่มีตัวตนจริงๆ ทุกท่านมีตัวตนทางสังคม ไม่ถึงกับเป็นชายขอบ ยังมีคนที่เป็นชายขอบกว่านี้ที่เราไม่รู้จักเลย ตรงนี้คงเป็นหน้าที่ของนักประวัติศาสตร์ที่อยากศึกษาคนตัวเล็กตัวน้อยจริงๆจริงที่ประวัติศาสตร์ตุลากีดกันและละเลยคนจำนวนมากไป แต่ส่วนตัวมองว่าปัญหาของ 14 ตุลา และ 6 ตุลา ไม่ใช่เรื่องปัญหาของชายขอบ แต่เป็นปัญหาเรื่องศูนย์กลางที่ศึกษาไม่ได้ กลายเป็นข้อบกพร่องของประวัติศาสตร์ 14 ตุลา และ 6 ตุลา เพราะคนที่มีบทบาทมากหลายคน หลายกลุ่มที่อยู่ตรงศูนย์กลางกลับถูกทำให้พูดถึงไม่ได้อย่างสมบูรณ์ เราจึงไม่สามารถเข้าใจ 14 ตุลา และ 6 ตุลาได้อย่างสมบูรณ์ความขัดแย้งในหมู่ชนชั้นนำในช่วงนั้น ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความสำคัญต่อการเกิดขึ้นของ 14 ตุลา และมันจบลงตรงที่ 6 ตุลา นั้นแหละเป็นประวัติศาสตร์ที่เป็นประวัติศาสตร์ชายขอบ ในความหมายที่มันไม่เคยถูกศึกษา เจาะลึก อย่างจริงจัง ซึ่งไม่ใช่เพราะมันไม่มีความสำคัญ แต่เราไม่ได้รับอนุญาตให้พูดถึงได้ ประจักษ์ กล่าวในที่สุดการสัมมนา หลัง 14 ตุลา จัดโดย สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ร่ามกับ คณะกรรมการ 14 ตุลา เพื่อประชาธิปไตยสมบูรณ์ในวันที่ 5-6 ตุลาคม 2556 ณ ห้องประกอบ หุตะสิงห์ ชั้น 3 ตึกอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ดูกำหนดการที่ | กนกรัตน์ เลิศชูสกุล เสนอคำถามคนตุลาเปลี่ยนหรือเราเข้าใจผิดเอง Tyrell Haberkorn เสนอประวัติศาสตร์คนชายขอบประวัติศาสตร์นิพนธ์เดือนตุลาวิจารณ์โดยประจักษ์ ก้องกีรติ กนกรัตน์ เลิศชูสกุล: | การเมือง,การศึกษา | 14 ตุลาคม 2516,6 ตุลาคม 2519,Tyrell Haberkorn,กนกรัตน์ เลิศชูสกุล,คนเดือนตุลา,ประจักษ์ ก้องกีรติ,สัมมนาหลัง 14 ตุลา | https://prachatai.com/journal/2013/10/49098 |
กาละแมร์ ถูกตัดต่อคลิปอย่ากลัวโควิด-19 เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง | หลังจากที่พิธีกรฝีปากกล้า กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศเจอดราม่าในโลกโซเชียล จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อยู่ในขณะนี้ กับคลิปที่มีออกมาว่า อย่ากลัวโควิด-19 เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ ล่าสุด สาวกาละแมร์ได้รีบออกมาเคลียร์ประเด็นดราม่าร้อนๆ เรื่องนี้ผ่านทางอินสตาแกรมของตัวเองว่า22 มีนาคม 63 สวัสดีค่ะทุกท่าน จากกรณีคลิปความยาว 1 นาที ที่แชร์ในโลกโซเชียลนั้น แมร์ขอชี้แจงดังนี้ค่ะ คลิปดังกล่าวมาจากคลิปที่แมร์ไลฟ์ทาง แฟนเพจกาละแมร์ เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม เป็นคลิปที่ถูกตัดให้เหลือแค่ 1 นาที จากคลิปเต็มยาวเกือบ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งพอถูกตัดตอนมาจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปมากในคลิปที่ถูกตัดมามีคำพูดที่จับไปเป็นประเด็นว่า แมร์บอกว่า ไม่ต้องกลัวโควิด-19 เพราะเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ซึ่งเป็นผลให้เกิดความเข้าใจผิดนั้น แมร์ขอชี้แจงนะคะว่า ถ้าฟังเนื้อหาที่แมร์พูดก่อนหน้านั้น จะรู้ว่าแมร์กำลังแชร์ประสบการณ์ในการดำเนินชีวิต โดยต้องการสื่อสารไปที่แฟนเพจที่เป็นคนทำงานหรือทำธุรกิจที่อาจจะท้อแท้ในตอนนี้อยู่ว่าอย่าเพิ่งหมดหวัง ให้ทำใจให้ดี มองหาโอกาสในวิกฤติให้เจอ พวกเราจะต้องจับมือกันและสู้ไปด้วยกันและในประเด็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แมร์เชื่อว่าหลายคนมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้เรามีกำลังใจ และเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล เราให้อิสระกันและกันเสมอค่ะ ย้ำอีกครั้งนะคะว่า หากสิ่งที่แมร์พูดและทำให้เกิดความเข้าใจผิดไป ต้องขอโทษและขออภัยจากใจ แต่ด้วยเจตนาของแมร์ไม่ได้มีความตั้งใจแบบนั้นจริงๆ ค่ะสิ่งที่แมร์ห่วงที่สุดคือ ปากท้องคนไทยทุกคน อยากให้กำลังใจทุกคนรวมทั้งคุณหมอ พยาบาล ทุกอาชีพทุกคนที่ทำเพื่อสังคมตอนนี้ สถานการณ์นี้แมร์ก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน จึงหาวิธีทำใจให้เบิกบาน ปรับการทำงานให้เราอยู่รอด และเล่าประสบการณ์ของเราผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของเรา ทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ แมร์เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ กาละแมร์. | กาละแมร์ พัชรศรี แจงถูกตัดต่อคลิปที่กำลังเป็นดราม่าอยู่ในตอนนี้ ขอโทษที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | กาละแมร์ พัชรศรี,กาละแมร์ ดราม่า,พัชรศรี เบญจมาศ,ข่าวดารา,อินสตาแกรมดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1801219 |
โรฮิงญา: ชีวิตที่ห้องกัก 3 ตม.ระนอง | พ.ต.ท.สมชาย จิตสงบ รองผู้กำกับตม.ระนองให้ข้อมูลว่าที่ห้องกักตม.จ.ระนองรับตัวชาวโรฮิงญามาจากคุระบุรี จำนวน 22 คนเมื่อเช้าได้มีคนมาตัดผม และทำความสะอาดพื้นด้วยการราดคลอรีน และนำตัวผู้ต้องกัก 5 คน (อายุ 15 ปี 2 คน อายุ 18-20 และ 36 ปี)นายยอมีน ฮูเซน อายุ 36 ปี เล่าว่าพวกเขามาจากเมืองมีบุง และเมืองปกจู้หรือปกโจ้ อาระกันหรือยะไข่ ตั้งแต่ออกมา 45 วัน อยู่ในเรือ 9 วัน เรือยอนต์ 25 แรงม้า ลงมาอยู่กัน 102 คน เหตุผลที่หนีออกมาเพราะ คนในครอบครัวล้วนถูกทุบตีทำร้ายจากคนของรัฐยะไข่ คนทั้งในและนอกหมู่บ้านต้องหนีขึ้นภูเขาเมื่อบ้านเรือถูกเผาไม่เหลือแม้แต่เสา วันที่ 23 ตุลาคม 2555 (10/10/2012) เวลาสิบโมงเช้าถูกล้อมไว้ทั้งหมู่บ้าน และฆ่าในตอนกลางคืน สู้กันตายไป 27 คน ถูกยิงด้วยธนูตาบอดอีก 13 คน ทั้งหมู่บ้านมีคน 3900 – 4000 คน UNHCR สร้างเตนท์ให้อยู่ ไม่มีอาหารให้กิน ทนไม่ไหว แอบไปจับปลาในคลอง พวกยะไข่กับตำรวจของยะไข่ก็คอยทำร้าย ฆ่า UNHCR ส่งเจ้าหน้าที่ดูช่วงสั้นๆ หลังจากนั้นทหารและตำรวจเข้าไปแทน ชาวโรฮิงญา 4000 คนตายไปมาแล้ว เหลืออยู่ไม่เท่าใด ญาติพี่น้องตายเป็นร้อย เหลือรอดอยู่ 3 คน พ่อแม่แก่มากแล้วยังมีชีวิตอยู่ตอนที่หนีขึ้นไปอยู่บนภูเขา จนถึงทุกวันนี้ ยังมีทหารล้อมอยู่ ต้องคลานหนีออกมาตอนกลางคืน ได้หาเรือลำเล็กหนีออกไปส่งที่เมืองปกจู๊ก่อน ตอนที่ลงเรือหนีออกมา พวกยะไข่ยังเอาเรือออกมาชนมีคนตกน้ำ ก็เอาเหล็กแหลมแทงจนตายพวกเราต้องการไปประแทศมาเลเซีย เพราะมีคนรู้จักอยู่ที่โน่นแล้ว จะช่วยให้ออกไปทำงานหาเงินได้จนถึงขณะนี้ มีชาวโรฮิงญาที่ต้องกักอยู่ในด่านตม. 4 รายเสียชีวิต เนื่องจากติดเชื้อในกระแสเลือดในโรงพยาบาล ตามวันเวลา ดังนี้1) วันที่ 19 มีนาคม 2556 มูฮัมหมัด ฮุนเซน อายุ 30 ปี เสียชีวิตที่รพ.หาดใหญ่2) วันที่ 3 พค. 2556 มูฮัมหมัด แวแมราน อายุ 17 ปี เสียชีวิตที่รพ.หาดใหญ่3) วันที่ 10 พค. 2556 ซากอรีม อายุ 25 ปี เสียชีวิตที่รพ.สะเดา4) วันที่ 10 พค. 2556 นายรูปีฟิก อายุ 20 ปี เสียชีวิตที่รพ.พิบูลมังสาหารอนึ่ง การ ระบาย คนจากห้องกัก มี 2 ชั้น คือ 1. ระบายจากปาดัง -สะเดา -พังงา-ระนอง ซึ่งเป็นที่ที่ถูกจับจำนวนมาก ไปยังด่านที่มีห้องกัก(แต่มีคนไม่มาก) เช่น กาญจนบุรี ด่านสิงขร ตราด เชียงราย หนองคาย สักแห่งละ120 คน ถ้าด่านเหล่านี้รับไม่ไหว ก็ไปสู่กระบวนการต่อไป 2. ระบายต่อ ไปด่านเล็กๆแห่งละ 20 คน เช่น ระยอง อยุธยา ที่อุบล มุกดาหาร ก็มี | วันที่ 1 กุมภาพันธุ์ 2556 พ.ต.ท.สมชาย จิตสงบ รองผู้กำกับตม.ระนองให้ข้อมูลว่าที่ห้องกักตม.จ.ระนองรับตัวชาวโรฮิงญามาจากคุระบุรี จำนวน 22 คนเมื่อเช้าได้มีคนมาตัดผม และทำความสะอาดพื้นด้วยการราดคลอรีน | คุณภาพชีวิต,ต่างประเทศ,สิทธิมนุษยชน,วัฒนธรรม | กสม.,เกศริน เตียวสกุล,โรฮิงญา | https://prachatai.com/journal/2013/06/47403 |
กก.สิทธิฯ ลงพื้นที่รับหนังสือลงมติไม่เอาเหมืองถ่านหิน | ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-11 มี.ค.48กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงพื้นที่เวียงแหง เปิดเวทีสาธารณะพร้อมรับหนังสือประชามติแต่ละหมู่บ้าน ให้ยุติโครงการพัฒนาเหมืองเวียงแหง นายวสันต์ พานิช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ก่อนนั้น เคยเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และได้มีการตกลงอย่างชัดเจนแล้วว่า ก่อนดำเนินการใดๆ ต้องมีการยกร่างกระบวนการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม(EIA)ให้ชัดเจนก่อน จะมีการจัดจ้างให้นักวิชาการที่ทำEIA ลงพื้นที่ อีกทั้ง ยังเคยเข้าพบกับ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ประธานอนุกรรมการบริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งได้ยืนยันว่า หากว่าการดำเนินงานโครงการพัฒนาเหมืองเวียงแหง ไม่คุ้มทุน ทำแล้วมีปัญหา ไปเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนในชุมชน และไม่ใช่ความต้องการของชาวบ้าน ก็จะให้ยุติโครงการ แต่ล่าสุด ทาง กฟผ.กลับทำการว่าจ้าง นักวิชาการ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) เป็นผู้ทำการศึกษา EIA ทั้งๆ ที่ การร่างระเบียบยังไม่ออกมาเรียบร้อย ยังไม่เสร็จสิ้น ทำไมถึงเร่งมีการศึกษา โดยนำเงินภาษีของประชาชน กว่า 17 ล้านบาท มาว่าจ้าง มช.แทน จนทำให้คนเวียงแหงมีความขัดแย้งกันรุนแรง นายวสันต์ กล่าว นางสุนี ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าทาง องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ได้เคยนำปัญหาดังกล่าว ไปประชุมเพื่อหาทางแก้ปัญหาดังกล่าวหรือไม่ แต่ก็อยากให้ เร่งดำเนินการประชุมโดยด่วน เพื่อลงมติอบต. เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หาก มติ อบต.ออกมาไม่เห็นชอบ กฟผ.ก็ต้องยุติโครงการ และสามารถติดประกาศที่ อบต. และที่ว่าการอำเภอ เพื่อให้ประชาชนรับทราบภายใน 20 วัน ซึ่ง ทาง กฟผ.ต้องยุติโครงการ แต่หาก อบต.มีมติเห็นชอบ ชาวบ้าน ประชาชนที่ไม่เห็นด้วย ก็สามารถร่วมกันยื่นคัดค้านโดยใช้การทำประชาพิจารณ์ต่อไปได้ นางสุนี กล่าว หลังจากนั้น นายอ่อง จองเจน กำนันตำบลเปียงหลวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอเวียงแหง พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน จาก 14 หมู่บ้าน ได้เข้ายื่นหนังสือการลงประชามติของหมู่บ้าน ให้กับนายวสันต์ พานิช และนางสุนี ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นฉันทามติของแต่ละหมู่บ้าน ทั้งนี้ ในหนังสือประชามติ ได้ระบุว่า ขอให้มีการยุติ การศึกษารายงานผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) และจะไม่ขอเข้าร่วม ให้ความร่วมมือที่เกี่ยวกับการศึกษารายงานผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม งานที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาเหมืองเวียงแหงอย่างสิ้นเชิง และขอให้ยุติโครงการพัฒนาเหมืองเวียงแหงทันที นายวสันต์ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่รับหนังสือประชามติของชาวบ้านที่คัดค้านโครงการพัฒนาเหมืองเวียงแหง ก็จะแจ้งให้ตัวแทนกรรมการบริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตัวแทนของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน และตัวแทนกฟผ. รวมทั้งตัวแทนการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้รับทราบ ให้เห็นถึงมติของชาวบ้านว่า ไม่เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีมติที่ชัดเจนว่า ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อชาวบ้านไม่เอา อีกทั้งยังทำให้เห็นว่า หากมีการดำเนินการต่อไป ก็จะสร้างความขัดแย้งระหว่างชุมชนอีกด้วย ซึ่งการตัดสินใจนั้น คงจะขึ้นอยู่กับทาง กฟผ. และกรรมการบริหารของ กฟผ. ว่าจะเอายังไงต่อไป และคิดว่าจะมีการดำเนินการจัดเวทีสาธารณะในลักษณะนี้ โดยประสานงานกับตัวแทนของทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มาร่วมแสดงความคิดเห็นกันอีกครั้งหนึ่ง ที่ จ.เชียงใหม่ อีกครั้งหนึ่ง นายวสันต์ กล่าว | ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-11 มี.ค.48 กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงพื้นที่เวียงแหง เปิดเวทีสาธารณะพร้อมรับหนังสือประชามติแต่ละหมู่บ้าน ให้ยุติโครงการพัฒนาเหมืองเวียงแหง นายวสันต์ พานิช | สิ่งแวดล้อม | null | https://prachatai.com/journal/2005/03/3129 |
รถไฟฟ้ารางเบา แก้ปัญหารถติดเชียงใหม่ | เมื่อวันที่ 6 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพการจราจรบริเวณหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ปริมาณรถหนาแน่นหากเข้าสู่ช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ถนนสายนี้จึงเป็นหนึ่งในเส้นทางสายสีแดง และเป็นเส้นทางนำร่องที่จะมีการทำโครงการรถไฟฟ้ารางเบาขึ้น จากหน้าโรงพยาบาลนครพิงค์ไปจนถึงบริเวณแยกแม่เหียะสมานสามัคคี ระยะทางรวมประมาณ 12 กิโลเมตรนางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการก่อสร้างของรถไฟฟ้ารางเบาใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในทางเลือก ในการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว แต่ก่อนที่จะมีการก่อสร้างควรที่จะมีการพูดคุยกับชาวบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังส่วนอีกข้อกังวลคือการเชื่อมต่อของระบบขนส่งสาธารณะ รศ.บุญส่ง สัตโยภาส อดีตผู้จัดการโครงการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 1 กล่าวว่า ปัจจุบันการจราจรเชียงใหม่เริ่มเข้าสู่วิกฤต มีปริมาณรถหนาแน่น ดังนั้นการเพิ่มรถไฟรางเบามาเป็นตัวเลือกในการเดินทาง จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากจุดจอดแต่ละสถานีจะเชื่อมโดยรถขนส่งมวลชนที่มีอยู่ในปัจจุบัน และใช้วิธีการเดินเท้า เนื่องจากจุดจอดแต่ละแห่งใกล้แหล่งกิจกรรมสำคัญในตัวเมืองเชียงใหม่สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ สายสีแดง เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเบา (Light Rail Transit) รูปแบบโครงสร้างทางวิ่งผสมระดับใต้ดินและระดับดิน มีแนวเส้นทางตามแนวเหนือ-ใต้ ระยะทางประมาณ 12.54 กิโลเมตร จำนวน 12 สถานี คาดว่าจะเก็บค่าใช้บริการอยู่ที่ 15-25 บาท | การกระจุกตัวของความเจริญและการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ จ.เชียงใหม่ เผชิญกับปัญหารถติดไม่ต่างจากกรุงเทพฯ | เศรษฐกิจ | รถไฟรางเบา,เชียงใหม่,แก้ปัญหาการจราจร,ThaiPBSnews | https://news.thaipbs.or.th/content/279809 |
สัมภาษณ์ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ เนื่องใน วันครู | สำหรับศิโรตม์ เป็นผู้เขียนหนังสือเรื่องแรงงานวิจารณ์เจ้า และประชาธิปไตยไม่ใช่ของเรา เคยเป็นบรรณาธิการวารสารวิถีทรรศน์ชุดโลกาภิวัตน์ ล่าสุดศิโรตม์เพิ่งแปลหนังสือเรื่อง รัฐศาสตร์ไม่ฆ่า ปัจจุบันเป็นนักวิชาการรับเชิญที่โครงการสิทธิมนุษยชนศึกษาและการพัฒนา มหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วัฒนธรรมมหาวิทยาลัยไทยไม่คิดถึงการอยู่ร่วมกันของคณาจารย์และนักศึกษาในฐานะชุมชนทางปัญญา แต่เป็นโครงสร้างลำดับขั้นที่อาจารย์มีสถานะสูงสุด ส่วนชนชั้นในหมู่คณาจารย์จะเป็นอย่างไร ก็เป็นอีกกรณีอย่าลืมว่าเมืองไทยเรียกการบรรยายว่า ไปสอน เรียกนักศึกษาว่า ลูกศิษย์ เรียกผู้บรรยายว่า อาจารย์ คำเหล่านี้มีความหมายทางวัฒนธรรมไม่น้อยกว่าความหมายตามตัวอักษร การแทนคำว่า ไปสอน ด้วยคำว่า ไปนำสัมมนา แทน ลูกศิษย์ ด้วย เพื่อนร่วมงาน หรือแทน อาจารย์ ด้วย คุณ เปลี่ยนลำดับชั้นทางวัฒนธรรมในสถานศึกษาได้รุนแรงจนไม่มีใครยอมแน่นอนประจักษ์พยานของทัศนะบูชาครูจนล้นเกินคือการจำกัดสิทธินักศึกษาในการยืมหนังสือห้องสมุด เราพูดกันมากว่านักศึกษาไม่เข้าห้องสมุด แต่ที่ไม่มีใครพูดคืออาจารย์มีสิทธิยืมหนังสือได้มากและในเวลานานกว่านักศึกษาจนเหลือเชื่อ หลายมหาวิทยาลัยไม่มีระบบให้ผู้ยืมเรียกคืนหนังสือด้วยซ้ำ ผลก็คือโอกาสในการอ่านหนังสือของนักศึกษาถูกพรากไปด้วยข้ออ้างง่ายๆ ว่าถึงอย่างไรนักศึกษาก็ไม่อ่าน คำตอบแบบนี้จะไม่มีทางเกิดได้เลยถ้าเลิกคิดว่าคณาจารย์เข้าถึงตัวบทศักดิ์สิทธิ์ได้เหนือคนปกติ และมองนักศึกษาเป็นสมาชิกชุมชนวิชาการไม่น้อยกว่าบรรดาคณาจารย์ควรคลายความวิตกว่ามหาวิทยาลัยและนักวิชาการเป็นพวกหัวนอกในหอคอยงาช้าง เพราะที่จริงแล้ว มหาวิทยาลัยไทยไกลจากความเป็นหอคอยงาช้างสุดกู่ เราไม่เคยสนความรู้ที่ใช้งานและขายไม่ได้ การอุดมศึกษาของไทยเน้นการผลิตความรู้เชิงเทคนิคเพื่อประโยชน์ทางวัตถุที่จับต้องได้ภายใต้วัฒนธรรมการเรียนรู้แบบศักดินาที่แสนจะเป็นไทยมาโดยตลอดการผสมผสานความเหลวไหลแบบไทยกับพลังของสถาบันสมัยใหม่เป็นบุคลิกของการอุดมศึกษาไทยในปัจจุบันนักวิชาการหลายรายทำงานบนโลกทัศน์ตายตัวว่าด้วยความอ่อนแอทางเศรษฐกิจสังคมของชาวนาและทัศนะศักดินาย้อนยุคของคนจนในชนบท งานอย่างสองนคราประชาธิปไตย การเมืองไทยกับพัฒนาการรัฐธรรมนูญ การเมืองภาคประชาชนในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย หรืองานของรังสรรค์และประเวศหลายชิ้นมีลักษณะคล้ายๆ กันในแง่ที่ถึงที่สุดแล้วมองสังคมไทยสมัยใหม่ผ่านแว่นหลายแบบที่ทำให้เห็นภาพคนจนชนบทเฉพาะด้านการล่มสลายของสังคมชาวนา มองแต่ความจำเป็นที่พวกเขาต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายอุปถัมภ์ของอำนาจท้องถิ่น และถึงที่สุดคือไม่เชื่อว่าคนกลุ่มนี้มีวิธีของเขาในการต่อรองกับสังคมสมัยใหม่ต่างๆ นานาในมุมนี้ ชาวนาในชนบทต้องมีนายคุ้มหัวไม่ต่างจากไพร่โบราณมีมูลนายต้นสังกัด คนเหล่านี้ตัดสินใจทางการเมืองโดยอิสระไม่ได้ ผู้แทนจากการเลือกตั้งของพวกเขาจึงไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนในความหมายที่แท้จริง… การมองชาวนาและคนจนชนบทแบบนี้ทำให้คนฝั่งนี้ดีใจแทบคลั่งกับวาทกรรมพระราชอำนาจ รัฐประหาร 19 กันยา รัฐธรรมนูญ 2550 ขบวนการพันธมิตร ตุลาการวิบัติ ฯลฯ พวกเขาจัดวางการเมืองและวาทกรรมหลงยุคนี้เป็นส่วนหนึ่งของการต้านพลังทุน…ในจารีตทางปัญญาของไทย ครูไม่ได้เป็นแค่ผู้รู้ที่พร้อมด้วยศาสตร์และศิลป์แขนงต่างๆ ครูไม่ได้หมายถึงแค่ปัจเจกชนที่ร่ำเรียนจนมีคุณวุฒิมีวุฒิบัตรทางการศึกษาเยอะแยะเต็มไปหมด ครูที่เราคาดหวังตามอุดมคติในจารีตแบบนี้คือผู้บรรลุความรู้ชั้นสูงจนมีสัจธรรมสูงสุดในมือ ครูคือปราชญ์ ครูเป็นอภิมนุษย์ที่การมีความรู้แยกไม่ออกจากการมีบุญบารมีบางอย่าง ครูถูกนับถือ หรือจะพูดว่าถูกคาดหวังก็ได้ ว่ามีศีลธรรมสูงส่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปยิ่งคิดถึงสังคมก่อนสมัยใหม่ ก็ยิ่งเห็นภาพครูผู้ทรงบารมีมากขึ้น โหราศาสตร์และไสยศาสตร์ซึ่งเป็นความรู้สำคัญของอดีตสังคมจึงบังคับให้ครูมีพรตเหนือมนุษย์ หาไม่แล้ว วิชาความรู้จะหายไปโปรดอย่าคิดว่าสองเรื่องนี้ไม่ใช่ความรู้และเลอะเทอะเหลวไหล คำนำของรัชกาลที่ 5 ในพระราชพิธีสิบสองเดือนกล่าวไว้ชัดๆ ว่าราชสำนักไทยถือว่าไสยศาสตร์และคติพราหมณ์เป็นส่วนหนึ่งของราชประเพณีมาช้านาน ถึงจะรู้ว่าสองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพุทธศาสนาเลยก็เถอะอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ถูกยกย่องในแง่ความเป็นครูคืออาจารย์ที่มีคุณสมบัติภายในบางแบบ นั่นคือสอนศิษย์ให้เป็นคนดี ฝากงาน หาทุนวิจัย ส่งไปเรียนต่อ ช่วยเหลือผู้อื่น เอื้อเฟื้อต่อชุมชน รักความเป็นธรรม ฯลฯ ความซาบซึ้งแบบนี้ทำให้นักศึกษาบางคนเคลิบเคลิ้มขนาดเห็นอาจารย์เป็นผู้ให้กำเนิดอีกราย ที่นับญาติกับอาจารย์ของอาจารย์ว่าเป็นลูกศิษย์หลานศิษย์แบบไทยๆ เลยก็มีคนที่อึดอัดกับการไหว้ครูในมหาวิทยาลัย ไม่ต้องแปลกใจ พิธีนี้ยักยอกอุดมคติจารีตมาใช้ในสถาบันการศึกษาสมัยใหม่ ความประดักประเดิดและเข้ากันไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดา มีนักศึกษาที่ปกติกี่คนมองอาจารย์มหาวิทยาลัยเหมือนครูที่สอนเราสมัยประถมหรือมัธยมอุดมคติเรื่องครูแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง คตินี้เกี่ยวแน่ถ้าคิดถึงมันในบริบทสังคมที่แบ่งลำดับชั้น ยอมรับความสัมพันธ์แบบไม่เท่าเทียมระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อยที่เห็นว่าผู้น้อยเป็นติ่งของผู้ใหญ่ ไพร่เป็นติ่งของกษัตริย์และมูลนาย และนักวิชาการรุ่นจิ๋วต้องใต้สังกัดนักวิชาการรุ่นใหญ่ ในที่สุดคตินี้แยกไม่ออกกับโลกทัศน์ทางการเมืองหลงยุคแบบศักดินาโบราณทำไมอุดมคติแบบนี้ยืนยงได้? คำตอบคือสังคมมีพิธีกรรมตอกย้ำความสูงส่งของครูไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็น พิธีไหว้ครู พิธีครอบครู ฯลฯ ขณะเดียวกัน พิธีนี้ก็เป็นสัญลักษณ์ว่าครูได้ถ่ายทอดคุณสมบัติภายในบางอย่างให้เรา เรารับคุณสมบัตินี้จากครู เราเป็นส่วนหนึ่งของครูไปตลอดชีวิต เราเป็นหนี้ครูเพราะครูให้ชีวิตที่วิเศษ ครูคือประทีป ครูมีสถานะกึ่งเทพ อวตารอยู่ในเราตลอดเวลาถ้าถามว่าตะวันตกไหว้ครูมั้ย เท่าที่รู้คือไม่มี มีการเคารพในฐานะ mentor แต่ไม่ธรรมดาแน่ถ้าใครไหว้ใครเยี่ยงเทพ ครูที่ผมเคารพมากคนนึงคือบาร์บาร่า อันดาย่า เป็นครูที่ดีจนทำให้รู้ว่าอาจารย์ที่ดีต้องเป็นแบบนี้ ความเป็นครูแบบนี้ไม่ได้เกิดจากศีลธรรมส่วนบุคคล แต่จากการอ่านงานทุกบรรทัด ตรวจทุกย่อหน้า ช่วยแก้ทุกข้อความ วิจารณ์แบบช่วยให้เราคิดได้ถี่ถ้วนรอบด้านมากขึ้น ไม่ใช่วิจารณ์เพื่อให้ตัวเองดูมีภูมิ วิจารณ์เพื่อสรุปว่าข้าพเจ้าเท่านั้นที่ฉลาดและรู้มากที่สุด เหมือนที่คนบางจำพวกในบ้านเราเข้าใจว่าคือการวิจารณ์ที่ดีสำหรับโลกตะวันตก ครูคือปัญญาชน ครูคือวิชาชีพ ความเป็นครูคือการประกอบอาชีพประเภทหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับการมีศีลธรรมพิเศษหรือมีบุญบารมี ครูจึงไม่วิเศษวิโสกว่าอาชีพอื่น และในครูด้วยกันก็ไม่มีวรรณะต่างกันระหว่างครูโรงเรียนอนุบาลกับอาจารย์มหาวิทยาลัย ไม่มีชนชั้นระหว่างอาจารย์จบปริญญาเอกจากต่างประเทศกับครูประถมที่จบวิทยาลัยการศึกษาธรรมดาๆความเป็นปัญญาชนคืออะไร? ปัญญาชนแบบตะวันตกไม่ใช่คุณสมบัติภายในอย่างเดียว ด้านหนึ่งเป็นเรื่องของอาชีพ แต่อีกด้าน ก็เป็นเรื่องของการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนทางปัญญา ชุมชนนี้หมายถึงสถาบันการศึกษา หมายถึงกลุ่มนักอ่าน หมายถึงห้องสมุด หมายถึงการทำงานเผยแพร่ความคิด หมายถึงการค้นคว้าและเขียน หมายถึงการเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณะ หมายถึงการเป็นส่วนหนึ่งของการถกเถียงทั้งวงกว้างและแคบในเรื่องที่ตัวเองสนใจฟังเหมือนปัญญาชนไม่ต้องมีศีลธรรม แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ความเป็นปัญญาชนในโลกตะวันตกแยกไม่ออกกับศีลธรรมในความหมายของสถาบันศาสนา สถาบันวิชาการมหาศาลเกิดจากศาสนิกชนเพื่อเผยแพร่ศาสนา การศึกษาสมัยใหม่เป็นส่วนหนึ่งของสถาบันภูมิปัญญาแบบเทววิทยาตั้งแต่แรก แต่พอนานเข้าก็แยกทางกัน สู้กัน บางแห่งก็เดินเป็นเส้นขนานกันอย่างสิ้นเชิง บางแห่งก็ถือเป็นกิจกรรมทางโลกที่ศาสนิกชนสนับสนุนโดยสถานศึกษาไม่มีภารกิจเผยแพร่ศาสนาอีกต่อไปมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนใหญ่ๆ ในโลกเยอะแยะที่ศาสนจักรก่อตั้ง แต่ทุกวันนี้มีการสอนศาสนาอยู่นิดเดียว หรือหลายที่ก็ไม่มีเลย และที่มีก็ไม่ได้สอนการบำเพ็ญภาวนาหรือปลูกฝังศีลธรรมตามหลักศาสนา แต่เป็นการเรียนในแง่เทววิทยาสถานศึกษาในโลกตะวันตกเป็นเรื่องการครอบงำแน่ แต่วัฒนธรรมการวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองก็มีฐานที่เข้มแข็งด้วย ความรู้ที่ตั้งคำถามกับความรู้เก่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมความรู้อย่างแยกกันแทบไม่ได้ แนวคิดที่ตั้งคำถามกับปัญญาชนและระบบการศึกษามีเยอะแยะเต็มไปหมด คำว่าปัญญาชนสำหรับนักคิดหลายคนแล้วชักชวนให้หันหลังให้ความเป็นปัญญาชนด้วยซ้ำไปมาร์กซ์พูดมานานแล้วว่าปัญญาชนเป็นโครงสร้างส่วนบนที่เผยแพร่อุดมการณ์เพื่อการกดขี่ขูดรีดระหว่างชนชั้น กรัมชี่บอกว่าปัญญาชนทำให้เกิดสามัญสำนึกว่าการขูดรีดในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องปกติ อัลธูแซร์มองสถานศึกษาและสถานทางปัญญาเกือบทั้งหมดในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของกลไกรัฐ ปัญญาชนทำหน้าที่เดียวกับทหารและตำรวจ แต่คนละเฉดคนละมุม แนวคิดเรื่องวาทกรรมของฟูโกต์ก็ชี้ให้เห็นอันตรายของวาทกรรมที่ปัญญาชนบางประเภทสร้างขึ้น นักคิดแนวหลังอาณานิคมอย่างซาอิดและคนอื่นๆ เห็นว่าสภาพจิตแบบอาณานิคมนั้นเกี่ยวแน่กับความรู้ที่ปัญญาชนสร้างขึ้น มีการศึกษาภาพถ่าย ดนตรี หนัง ฯลฯ เต็มไปหมดที่ชี้ว่าปัญญาชนสร้างระบอบความรู้ที่อันตรายสรุปให้สั้นก็คือเป็นเรื่องธรรมดามากที่จะเกิดการโจมตีว่าแท้จริงแล้วปัญญาชนเป็นตัวการตอกตรึงผู้คนให้อยู่ในโครงข่ายอำนาจตลอดเวลาถ้ามองวัฒนธรรมครูในมุมนี้ ปัญญาชนไทยนั้นแสนจะเป็นไทยมากกว่าที่ตัวเองคิด ปัญญาชนแนวจารีตนั้นไม่ปฏิเสธความเป็นไทยของตัวเองแน่ๆ ส่วนปัญญาชนแนววิพากษ์ก็เสพติดคติบูชาครูไม่ต่างกัน ครูพูดเรื่องมาร์กซ์อย่างไร ก็ว่าตามนั้น เขาสอนฟูโกต์แบบไหน ก็จำมันแบบนั้น เขาวิจารณ์สถาบันแบบไหน เราก็สูดคำวิจารณ์นั้นเข้าไปเต็มปอด เขาตั้งคำถามกับใคร เราก็ตั้งคำถามทำนองเดียวกัน กลายเป็นวิพากษ์วิจารณ์โลกได้ทั้งโลกเพื่อกราบครูบาอาจารย์ไว้เหนือหัวตลอดเวลากำเนิดของสถาบันอุดมศึกษาไทยกับตะวันตกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้สำคัญมากต่อการทำความเข้าใจบุคลิกของการศึกษาและปัญญาชนนักวิชาการไทยกล่าวโดยย่อแล้ว การศึกษาในโลกตะวันตกในความหมายกว้างๆ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยรัฐ เหตุผลทางการเมืองสมัยใหม่ สถานศึกษาไม่ใช่สถานที่สาธารณะ และการศึกษาก็ไม่ใช่สาธารณกิจ ในทางตรงกันข้าม การศึกษาเป็นเรื่องของผู้มีอันจะกิน คนกลุ่มนี้รุ่มรวยจนไม่ผิดปกติที่จะศึกษาเพื่อแสงสว่างทางปัญญาล้วนๆ วิชาความรู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของสถานศึกษาตะวันตกตั้งแต่ต้นคือปรัชญา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ นิรุกติศาสตร์ เทววิทยา วรรณคดี อีกนัยคือวิชาที่เน้นแสวงหาพุทธิปัญญาโดยไม่สนใจอรรถประโยชน์ของความรู้โดยตรงความร่ำรวยของการศึกษาตะวันตกทำให้สถานศึกษาเป็น หอคอยงาช้าง ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษรที่น่าภาคภูมิใจโดยแท้ คือเป็นชุมชนของชนผู้รักในความรู้ซึ่งไม่จำเป็นต้องตอบคำถามว่าจะเอาความรู้ไปใช้ประโยชน์อย่างไรการศึกษาสมัยใหม่ของไทยไม่มีประวัติแบบนี้ ของอีกหลายประเทศที่ภาษาอาณานิคมเรียกง่ายๆ ว่า โลกที่สาม ส่วนใหญ่ก็เช่นกัน ในด้านหนึ่ง ประเทศกลุ่มนี้ยากไร้จนลงทุนกับการเรียนสาขาที่ ไม่จำเป็น ไม่ได้แน่ๆ การศึกษาในสังคมแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรัฐในความหมายแคบ การศึกษาเกิดขึ้นเพื่อผลิตบุคลากรแบบที่ชนชั้นปกครองเห็นว่าจำเป็น ส่วนการอุดมศึกษาก็ยิ่งชัดว่าเกิดเพื่อผลิตข้าราชบริพารและมหาดเล็กมาตั้งแต่ต้น จากนั้นก็คือเป็นโรงเรียนผลิตข้าราชการ ผลิตนักเทคนิคเพื่อการ พัฒนา ประเทศ และท้ายที่สุดก็คือการผลิตทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับตลาดและวิชาชีพที่สังคมทุนนิยมต้องการงานเขียนเรื่องปฏิรูปการศึกษาของอ.เสน่ห์ จามริก อ้างเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีบ่อยมากเรื่องการศึกษาเพื่อให้ทุกคนเป็นคนเท่ากัน แต่ความเท่ากันในที่นี้หมายถึงการเป็นพลเมืองของรัฐอย่างเซื่องๆ คนเท่ากันได้ในความหมายที่ทุกคนเป็นกำลังแรงงานหรือทรัพยากรมนุษย์เพื่อราชการและตลาดทุนนิยม ไม่ใช่เท่ากันในฐานะความเท่าเทียมทางการเมืองชนชั้นปกครองให้ความสำคัญกับการศึกษาในแง่อรรถประโยชน์และวิชาชีพมาโดยตลอด สาขาวิชาที่ท่านชายและราชนิกูลในอดีตนิยมไปเรียนในต่างประเทศคือวิศวกรรม การทหาร และการแพทย์มีน้อยมากที่จะเรียนทางละคร ภาษา หรือปรัชญา คณะที่มีการเรียนการสอนเป็นแห่งแรกๆ ในประเทศไทยคือนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ เพราะสองคณะสร้างคนไปปกครองท้องถิ่นและประชาชนในนามรัฐบาลกลาง สร้างข้าราชการมหาดไทย ผู้พิพากษา ตำรวจ ฯลฯ จะเป็นรัฐบาลของกษัตริย์หรือรัฐบาลในระบอบรัฐธรรมนูญก็ตามคณะที่เก่าแก่ไล่เลี่ยกันคือคณะอย่างเศรษฐศาสตร์ และบัญชี สองสาขานี้เป็นวิชาชีพสำหรับสังคมสมัยใหม่โดยแท้ แพทยศาสตร์ก็เช่นกัน โรงเรียนแพทย์ยุคต้นเกิดเพื่อบริการผู้ป่วยซึ่งส่วนใหญ่คือชนชั้นสูงในกรุงเทพชั้นใน ในทางกลับกัน การเรียนปรัชญา ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วรรณคดี คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ สุนทรียศาสตร์ ฯลฯ ไม่เคยเป็นเรื่องสำคัญในการอุดมศึกษาไทย รวมทั้งในโลกทัศน์ที่คนไทยมีต่อการศึกษาเองเมื่อเป็นแบบนี้นานเข้า วิชาอย่างประวัติศาสตร์หรือภูมิศาสตร์ก็มีสภาพใกล้ตาย หลายมหาวิทยาลัยพูดถึงการยุบภาควิชาประเภทนี้ มีนักศึกษาระดับหัวกะทิน้อยมากที่เลือกเรียนสังคมศาสตร์หรือมนุษยศาสตร์ ขณะที่วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์เป็นคณะคะแนนต่ำสุดในสายวิทยาศาสตร์มาเป็นเวลานานกรณีวิทยาศาสตร์นั้นน่าสนใจ เพื่อนที่นับถือคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเป้าหมายของการตั้งโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์คือการสร้างนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ รัฐบาลทุ่มงบไปมากมายก็เพราะเหตุนี้ แต่พอเปิดโรงเรียนไปสักพัก เด็กกลับไปสอบเข้าหมอเข้าวิศวะไปหมด กลายเป็นว่าการสร้างโรงเรียนไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาความขาดแคลนนักวิทยาศาสตร์ แต่ไปสร้างลูกจ้างให้โรงพยาบาลเอกชนกับโรงงานอุตสาหกรรม โรงเรียนกลายเป็นเตรียมอุดมหรือสวนกุหลาบแห่งใหม่โดยปริยายอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ควรได้เครดิตจากคำพูดที่พูดไว้เป็นเวลาสิบปีๆ แล้วถึงการขาดความเป็นเลิศทางวิชาการและลักษณะลุ่มหลงในเทคนิควิทยาของการอุดมศึกษาไทย แต่นอกจากประเด็นนี้ อุดมศึกษาไทยยังมีปัญหาเรื่องอื่นด้วย นั่นคือทัศนะที่มีต่อตัวการศึกษาเองการศึกษาไทยยุคก่อนสมัยใหม่คือการศึกษาแบบพระ จริงอยู่ว่านี่ไม่ใช่ฐานของการศึกษาสมัยใหม่ในปัจจุบัน แต่เป็นไปได้หรือไม่ว่าวัฒนธรรมการเรียนรู้แบบโบราณมีผลต่อการศึกษาสมัยใหม่มากกว่าที่เราคิด นั่นคือวัฒนธรรมการเรียนที่เน้นความสำคัญของการรู้ตัวบทศักดิ์สิทธิ์เพื่อเข้าถึงความจริงสูงสุด รู้พระไตรปิฎก อ่านบาลี อ่านชาดก อ่านพระเวท อ่านคัมภีร์โบราณ ฯลฯ เพื่อเข้าใจ จักรวาลวิทยา ของความจริงทั้งหมดที่คัมภีร์เขียนไว้เป็นกุญแจไขโลกความรู้ของเราวัฒนธรรมความรู้แบบนี้อ่อนแอลงหรือไม่ในระบบมหาวิทยาลัย? คำตอบคือมีบ้าง แต่ไม่มากนักประเด็นสำคัญคือราชบัณฑิตโบราณสร้างเขตอำนาจของตัวด้วยวิธีผูกขาดการเข้าถึงตัวบทมาโดยตลอด ความรู้ถ่ายทอดโดยการสอนตัวต่อตัวและรุ่นต่อรุ่น การอ่านไม่ใช่ส่วนสำคัญในระบบการศึกษาไทย แต่คือการสอนและฟังคำบรรยายให้ครบถ้วนต่างหาก วัฒนธรรมนี้แทบไม่เปลี่ยนในสมัยนี้ แม้การเข้าถึงความรู้จะง่ายขึ้นโดยการพิมพ์และวิทยาการสมัยใหม่ แต่การอ่านก็ไม่ใช่หัวใจของวิธีแสวงความรู้แบบไทยอยู่ดี ทัศนะคติว่าครูบาอาจารย์คือผู้ทรงภูมิธรรมไม่เคยจางหายไป อาจเปลี่ยนรูปไปบ้าง แต่ไม่เสื่อมคลายนักจากเดิมวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยไทยไม่คิดถึงการอยู่ร่วมกันของคณาจารย์และนักศึกษาในฐานะชุมชนทางปัญญา แต่เป็นโครงสร้างลำดับขั้นที่อาจารย์มีสถานะสูงสุด ส่วนชนชั้นในหมู่คณาจารย์จะเป็นอย่างไร ก็เป็นอีกกรณีอย่าลืมว่าเมืองไทยเรียกการบรรยายว่า ไปสอน เรียกนักศึกษาว่า ลูกศิษย์ เรียกผู้บรรยายว่า อาจารย์ คำเหล่านี้มีความหมายทางวัฒนธรรมไม่น้อยกว่าความหมายตามตัวอักษร การแทนคำว่า ไปสอน ด้วยคำว่า ไปนำสัมมนา แทน ลูกศิษย์ ด้วย เพื่อนร่วมงาน หรือแทน อาจารย์ ด้วย คุณ เปลี่ยนลำดับชั้นทางวัฒนธรรมในสถานศึกษาได้รุนแรงจนไม่มีใครยอมแน่นอนประจักษ์พยานของทัศนะบูชาครูจนล้นเกินคือการจำกัดสิทธินักศึกษาในการยืมหนังสือห้องสมุด เราพูดกันมากว่านักศึกษาไม่เข้าห้องสมุด แต่ที่ไม่มีใครพูดคืออาจารย์มีสิทธิยืมหนังสือได้มากและในเวลานานกว่านักศึกษาจนเหลือเชื่อ หลายมหาวิทยาลัยไม่มีระบบให้ผู้ยืมเรียกคืนหนังสือด้วยซ้ำ ผลก็คือโอกาสในการอ่านหนังสือของนักศึกษาถูกพรากไปด้วยข้ออ้างง่ายๆ ว่าถึงอย่างไรนักศึกษาก็ไม่อ่าน คำตอบแบบนี้จะไม่มีทางเกิดได้เลยถ้าเลิกคิดว่าคณาจารย์เข้าถึงตัวบทศักดิ์สิทธิ์ได้เหนือคนปกติ และมองนักศึกษาเป็นสมาชิกชุมชนวิชาการไม่น้อยกว่าบรรดาคณาจารย์ประเด็นที่น่าสนใจเรื่องการศึกษากับประชาธิปไตยคือการศึกษาไทยสร้างประชาธิปไตยได้แค่ไหน และองค์ความรู้ของนักวิชาการเอื้อต่อประชาธิปไตยอย่างไร ประเด็นแรกสำคัญแต่ตอบให้ดีได้ยาก จนไม่อยากตอบในตอนนี้ ประเด็นที่สองสำคัญและอยู่ในวิสัยที่จะตอบได้ในปัจจุบันเราทุกคนรู้ว่ารัฐประหาร 19 กันยา ทำให้นักวิชาการฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยโจมตีอีกฝ่ายว่าเป็นพวกรับใช้เผด็จการ ไม่เข้าใจประชาธิปไตย ได้ประโยชน์จากรัฐประหาร ฯลฯ คำโจมตีนี้ถูกต้องแน่ แต่ก็น่าสงสัยว่าเป็นคำอธิบายที่รอบด้านจริงหรือ ปัญญาชนที่เชียร์ คมช. และคลั่งพระราชอำนาจหลายคนไม่ได้ตำแหน่งอะไร คำอธิบายเรื่องความไม่เข้าใจประชาธิปไตยน่าจะใช้ไม่ได้กับบางคนในกลุ่มนี้ที่ศึกษาประชาธิปไตยเป็นงานหลักด้วยซ้ำสำหรับคนกลุ่มนี้ ท่าทีการเมืองช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เกิดจากปัจจัยอัตวิสัย ในทางตรงข้าม พวกเขาหันหลังให้ประชาธิปไตยเพราะความรู้เรื่องการเมืองไทยบางแบบ ในแง่นี้ เผด็จการแบบไทยใต้เสื้อคลุมวาทกรรมประชาธิปไตยแบบไทยๆ เป็นผลผลิตของความเข้าใจสังคมและการเมืองไทยที่มีลักษณะทางประวัติศาสตร์อย่างน้อยสี่เรื่องด้วยกันนักวิชาการหลายรายทำงานบนโลกทัศน์ตายตัวว่าด้วยความอ่อนแอทางเศรษฐกิจสังคมของชาวนาและทัศนะศักดินาย้อนยุคของคนจนในชนบท งานอย่างสองนคราประชาธิปไตย การเมืองไทยกับพัฒนาการรัฐธรรมนูญ การเมืองภาคประชาชนในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย หรืองานของรังสรรค์และประเวศหลายชิ้นมีลักษณะคล้ายๆ กันในแง่ที่ถึงที่สุดแล้วมองสังคมไทยสมัยใหม่ผ่านแว่นหลายแบบที่ทำให้เห็นภาพคนจนชนบทเฉพาะด้านการล่มสลายของสังคมชาวนา มองแต่ความจำเป็นที่พวกเขาต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายอุปถัมภ์ของอำนาจท้องถิ่น และถึงที่สุดคือไม่เชื่อว่าคนกลุ่มนี้มีวิธีของเขาในการต่อรองกับสังคมสมัยใหม่ต่างๆ นานาในมุมนี้ ชาวนาในชนบทต้องมีนายคุ้มหัวไม่ต่างจากไพร่โบราณมีมูลนายต้นสังกัด คนเหล่านี้ตัดสินใจทางการเมืองโดยอิสระไม่ได้ ผู้แทนจากการเลือกตั้งของพวกเขาจึงไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนในความหมายที่แท้จริงมีคำอธิบายหลายแบบว่าทำไมปัญญาชนนักวิชาการคิดแบบนี้ นักวิชาการสังคมศาสตร์จำนวนมากรับทฤษฎีระบบอุปถัมภ์ของนักมานุษยวิทยาที่ศึกษาชุมชนหมู่บ้านไทยตั้งแต่ทศวรรษ 1960 มาใช้อย่างไม่แยกแยะ ไม่ตระหนักด้วยซ้ำว่านักวิชาการตั้งคำถามถึงการเมืองของทฤษฎีนี้ขนาดไหน ไม่ว่าจะที่ถามโดยนักวิชาการฝรั่ง หรือโดยนักวิชาการไทยรุ่นก่อนสิบสี่ตุลา อย่างวารินทร์ วงศ์หาญเชาว์ หรือฉลาดชาย รมิตานนท์ ซึ่งเขียนเรื่องนี้ไว้มากมายความคิดที่ไม่ใช่ทฤษฎีวิชาการนัก แต่มีอิทธิพลกับปัญญาชนสูงอย่างความคิดชุมชนนิยม หรือแนวคิดเอนจีโอที่มองชาวนาตามทฤษฎีนารอดนิคอย่างอ้อมๆ ก็มองชาวนาและคนชนบทไม่ต่างจากนี้ ดูเผินๆ แล้วสองแนวคิดเชื่อมั่นในศักยภาพของชนบท แต่แท้จริงแล้วมีสมมติฐานเหมือนกับกลุ่มแรก นั่นคือชาวนาและคนจนชนบทไม่สามารถคิดวิธีต่อรองกับอำนาจรัฐและทุนนิยมด้วยตัวเอง จึงจำเป็นต้องรวมความเคลื่อนไหวเพื่อประกอบสร้างความเป็นชุมชน หรือเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายนักพัฒนาเอกชนเพื่อป้องกันภัยคุกคามของระบบอุปถัมภ์ท้องถิ่นและทุนเอกชน ปัญญาชนจำนวนมากปฏิเสธการศึกษาความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมในสังคมทุนนิยมสมัยใหม่ รวมทั้งผลที่ความเปลี่ยนแปลงนี้มีต่อความเข้าใจการเมือง กล่าวอีกนัยคือการแบ่งแยกระหว่างปริมณฑลทางเศรษฐกิจกับปริมณฑลทางการเมืองนี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาปฏิเสธการพัฒนา ในทางตรงข้าม ทัศนะต่อการพัฒนาเป็นฐานทางปัญญาฐานหนึ่งของปัญญาชนไทยทุกฝ่าย ปัญหาคือแทบทั้งหมดเห็นการพัฒนาราวกับวัตถุในพิพิธภัณฑ์ที่เป็นอดีตไปแล้ว ปัญญาชนกระแสหลักพูดถึงการพัฒนาราวยาสารพัดโรค ขณะที่ปัญญาชนทวนกระแสวิจารณ์การพัฒนาเยี่ยงยาพิษ ทั้งสองกลุ่มนี้เหมือนกันคือไม่ค่อยประเมินว่าสังคมไทยในช่วงหลังทศวรรษ 2530 โดยเฉพาะโลกาภิวัตน์ได้เปลี่ยนไปขนาดไหน และความเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อความเข้าใจการเมืองอย่างไรหนึ่งในคนที่อธิบายเรื่องนี้ไว้มากที่สุดคือนักประวัติศาสตร์อย่างนิธิที่ในช่วงทศวรรษ 2530 พูดเรื่องนี้ไว้ในงานหลายชิ้น พูดให้ง่ายที่สุดก็คือทศวรรษนี้เกิดสภาพที่ชนบทซึ่งเคยถูกขูดรีดโดยรัฐราชการเพื่อการพัฒนาเมืองและภาคอุตสาหกรรมตามแบบทุนนิยมสมัยใหม่ กลายเป็นชนบทที่ปรากฏคนกลุ่มใหม่ๆ และชนชั้นนำทางเศรษฐกิจการเมืองท้องถิ่นหน้าใหม่ที่ต่อรองกับราชการ และแย่งชิงทรัพยากรจากส่วนกลางผ่านการขยายตัวของประชาธิปไตยรัฐสภาในระดับชาติ การปกครองตนเองระดับท้องถิ่น รวมทั้งขบวนการทรัพยากรของชาวบ้านพื้นที่ต่างๆนอกจากนิธิแล้ว นักรัฐศาสตร์และนักมานุษยวิทยาหลายรายศึกษาสังคมหมู่บ้านจนพบการแตกตัวทางชนชั้น การเกิดชาวนาไร้ที่ดินและแรงงานรับจ้างภาคเกษตร การโยกย้ายประชากรชนบทสู่เมือง การแบ่งขั้วระหว่างคนในหมู่บ้าน ฯลฯ ซึ่งเปลี่ยนชนบทและสังคมไทยสู่ภูมิประเทศใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม แต่นี่ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของรัฐศาสตร์และมานุษยวิทยาไทยแน่นอนว่าการพัฒนาทำให้ชาวนาอ่อนแอ แต่ปัญญาชนอคติเองจนไม่เห็นการปรับตัวของภาคชนบทแทบทั้งหมดเพื่อต่อรองกับรัฐและทุนนิยมโดยอาศัยประชาธิปไตยสมัยใหม่เป็นเครื่องมือ พวกเขารับไม่ได้กับสภาพที่นักการเมืองบ้านนอกคุมการจัดสรรทรัพยากรของชาติระดับต่างๆ พวกเขาดูถูกผู้แทนราษฎรว่าไม่มีการศึกษา ไม่มีชาติตระกูล เป็นเจ๊กบ้านนอก ฯลฯ สร้างวาทกรรมวิชาการโจมตีว่าคนพวกนี้เป็นทุนสามานย์ เป็นนักเลือกตั้ง เป็นการเมืองอุปถัมภ์เจ้าพ่อท้องถิ่น โดยไม่ตระหนักว่านี่คือกระบวนการเปลี่ยนผ่านการเมืองจากอำนาจของระบบราชการครั้งสำคัญอคติทางวิชาการย้อนยุคแบบนี้คลอดอวิชชาทางการเมืองที่ปัญญาชนไม่น้อยรับความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่มาพร้อมกับการขยายตัวของประชาธิปไตยไม่ได้ เสี้ยนหาพลังอะไรก็ได้ที่ปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงนี้ หลายรายหันไปหาวาทกรรมชาตินิยมก่อนที่จะจบด้วยการอัญเชิญตัวเองเป็นไรฝุ่นของอำนาจลายครามจนรักประชาชนถึงขั้นเห็นคนนับล้านเป็นศัตรูในปัจจุบัน ปัญญาชนไทยไม่คิดถึงสังคมในฐานะที่เป็นหน่วยในการศึกษาที่สำคัญโดยตัวเอง อันที่จริง พูดให้ถูกกว่าก็คือความคิดว่าสังคมคืออะไร เป็นเรื่องที่แทบไม่ปรากฏในปัญญาชนไทยหลายฝ่ายด้วยซ้ำ ปัญญาชนไทยศึกษาการเมืองหรือเศรษฐกิจเอาไว้มหาศาล ขณะที่งานศึกษาการจัดตั้งทางสังคม ชีวิตทางสังคม ความคิดทางสังคม ประวัติศาสตร์สังคม ฯลฯ มีอยู่หยิบมือเดียววงวิชาการไทยเห็นสังคมเป็นส่วนหนึ่งของการเมือง ปัญญาชนส่วนมากสนใจความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองส่วนยอดโดยไม่มองความเคลื่อนไหวมูลฐานในสังคม แม้กระทั่งเรื่องใกล้ตัวและร่วมสมัยอย่างเรื่องเสื้อเหลืองเสื้อแดง การศึกษาพื้นฐานทางสังคมของคนกลุ่มนี้ก็มีน้อยมาก นอกจากงานของพฤกษ์ เถาถวิล กับของนักศึกษาปริญญาเอกปริญญาโทไม่กี่คนเราไม่มีคนอย่างอีริค ฮอบส์บอว์ม ที่ศึกษาว่าการขยายตัวของทุนนิยมสู่ชนบทเปลี่ยนโลกทรรศน์ชาวนาอังกฤษอย่างไร เราแทบไม่รู้เรื่องการรวมตัวของคนกลุ่มต่างๆ ในสังคม คนจนเมืองและกรรมกรโรงงานห้องแถวเข้าใจตัวเองแบบไหน? อินเตอร์เน็ตสร้างเครือข่ายความคิดใหม่อย่างไร? คนรักเพศเดียวกันมีความคิดทางการเมืองอนุรักษ์หรือเสรีกว่าคนเพศอื่น? แม้กระทั่งชนชั้นสูงที่เชิดชูกันนักหนา ความรู้เรื่องวิถีชีวิต การจัดตั้ง และวงศ์วานว่านเครือ ของคนเหล่านี้ก็มีจำกัดเหลือเกินสภาพแบบนี้เกี่ยวแน่กับการที่ปัญญาชนผลิตคำอธิบายการเมืองไทยวนเวียนกับโครงเรื่องไม่กี่ชนิด ผู้มีการศึกษามากรายอธิบายการเมืองลึกซึ้งเท่าสภากาแฟและหนังสือพิมพ์ ปัญญาชนเหลืองอธิบายแดงว่าถูกทักษิณซื้อ ปัญญาชนแดงมองว่าเหลืองถูกประธานองคมนตรีใช้ ฝ่ายแรกถือว่าทักษิณคือตัวแสดงหลักของการเมืองไทย ฝ่ายหลังว่าคือสถาบัน ทุกฝ่ายคิดว่าความขัดแย้งจะยุติถ้าไม่มีฝ่ายอื่น ส่วนพวกขาวดีแต่เอาคำขวัญเรื่องความสามัคคีแบบทหารมาแพ้คกิ้งว่ารักพ่ออย่าทะเลาะกันในแง่นี้แล้ว ปัญญาชนทุกฝ่ายเหมือนกันตรงที่เชื่อว่าคนไม่เกิน 4-5 คน อยู่เบื้องหลังการต่อสู้ทางการเมืองในรอบหลายปี ปัญญาชนหมกมุ่นทำให้การเมืองเป็นเรื่องของการวางแผนและการสมคบคิดลับๆ สถานการณ์สลับซับซ้อนในช่วงไม่กี่ปีถูกอธิบายด้วยวิธีคิดซึ่งวิ่งวนรอบทฤษฎี conspiracy ที่ตื้นเขินและไม่ยังให้เกิดปัญญา ทั้งที่มีเรื่องชวนคิดเยอะไปหมด เช่น กระบวนการทางสังคมในการจรรโลงอำนาจของเครือข่ายราชนิกูล แดงขยายตัวอย่างไรในสภาพที่ถูกรัฐปิดกั้นทุกมิติ ฯลฯอาจารย์ทามาดะเคยปาฐกถาว่าการเมืองไทยมีปัญหาเพราะชนชั้นนำไม่เข้าใจประชาธิปไตย ถ้าอย่างนั้น ปัญหาหนึ่งของปัญญาชนไทยคือการหันหลังให้สังคมจนปั่นหัวตัวเองเป็นกองโฆษณาชวนเชื่อว่าไม่มีใครรักประชาธิปไตยเท่าชนชั้นนำ ลองอ่านตำราประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองไทยฉบับมาตรฐานหลายเล่มก็จะเห็นประเด็นนี้เอง ความหมกมุ่นกับทฤษฎีอำนาจบริสุทธิ์และความเข้าใจว่าเป้าหมายของประชาธิปไตยคือการสร้างสถาบันการเมืองในฐานะอวตารของอำนาจแบบนี้ จะเรียกอำนาจนี้ว่าอำนาจแบบเทวราชาหรืออะไรก็ตาม ความหมายโดยรวมคือการคิดถึงอำนาจผ่านบุคลิกของอำนาจว่าคือความสุจริต มีศีลธรรม ปราศจากโลภจริต สมถะ บำเพ็ญตบะ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เป็นอำนาจบริสุทธิ์ที่อยู่เหนือผลประโยชน์ทางโลกทุกชนิด ศักดิ์สิทธิ์จนอยู่เหนือบรรทัดฐานทางการเมืองทั้งหมด จึงต้องอ้างอิงอำนาจนี้ในการล้มล้างหรือสถาปนาบรรทัดฐานตลอดเวลาแน่นอนว่าคติเรื่องอำนาจแบบนี้มาจากการผสมผสานความคิดเรื่องกษัตราธิราชของพุทธเถรวาทกับพราหมณ์-ฮินดู ประชาธิปไตยเป็นส่วนย่อยในจักรวาลวิทยานี้ ทัศนะนี้ยัดเยียดกรอบการคิดว่าประชาธิปไตยคือสถาบันการเมืองซึ่งเฉพาะคนดีเท่านั้นที่สามารถมีอำนาจ ดีในที่นี้พูดให้ชัดคือมีศีลธรรม มีการศึกษา มีเวสสันดรจริต และมีชาติตระกูล ความดีแบบเพ้อเจ้อเลื่อนเปื้อนนี้ดูดสถาบันการเมืองสมัยใหม่ให้อยู่ใต้อุดมการณ์ยุคสังคโลกจนเป็นอวตารของฝ่ายหลังได้อย่างน่ามหัศจรรย์การดึงประชาธิปไตยออกจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจสังคมในแต่ละจังหวะของประวัติศาสตร์คือความสำเร็จครั้งสำคัญของอนุรักษ์นิยมไทย คำอธิบายประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยเป็นตัวอย่างของสังวาสข้ามสายพันธุ์ระหว่างอุดมการณ์โบราณกับสถาบันสมัยใหม่ได้ดีที่สุด ปัญญาชนจำนวนมากคิดเรื่องประชาธิปไตยผ่านฉากจบของเหตุการณ์อย่าง 14 ตุลา และพฤษภา 35 แต่ไม่เห็นว่าเหตุการณ์นี้เป็นส่วนยอดของความเปลี่ยนแปลงมูลฐานหลายอย่าง ประชาธิปไตยกลายเป็นสถาบันที่ไม่สัมพันธ์กับชนชั้น การแย่งชิงผลประโยชน์ ลักษณะของรัฐ การจัดพวกทางประวัติศาสตร์ระหว่างพลังฝ่ายต่างๆ และการช่วงชิงจัดสรรทรัพยากรของสังคมในนามของอำนาจบริสุทธิ์ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกลายเป็นการล้มหรือสถาปนาบรรทัดฐานอะไรก็ได้เพื่อต่อชีวิตอุดมการณ์ชราให้เสื่อมสภาพช้าลงไปอีก ไม่ว่ารัฐประหาร ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตุลาการภิวัตน์ หรือตั้งรัฐบาลที่ผู้นำไม่ได้มาจากเสียงข้างมากของประชาชนอันที่จริง ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องของจุดหมาย แต่คือเงื่อนไข ประชาธิปไตยไม่มีความหมายหยุดนิ่ง แต่เปลี่ยนได้ตามความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย กรอบกว้างๆ คือการเมืองแบบประชาธิปไตยเป็นภาวะการเมืองแบบเปิดที่คนทุกกลุ่มสู้เพื่อสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ไม่รู้จบ ประโยชน์ส่วนตัวของปัจเจก ของกลุ่ม ของชนชั้น คือพื้นฐานของประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่อุปสรรค ในทางตรงข้าม การอ้างส่วนรวมในนามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐ ชาติ ความสงบสุข ความมั่นคง องค์รวม จิตใหญ่ ฯลฯ เป็นฐานสำคัญของวาทกรรมปฏิปักษ์ประชาธิปไตยที่ต้องระวังอันตรายทุกกรณีสถาบันการเมืองแบบประชาธิปไตยสำคัญเพราะยึดโยงกับเงื่อนไขการเมืองแบบเปิด หาไม่แล้ว สถาบันประชาธิปไตยก็คือผ้าห่อซากอนุรักษ์นิยมอำมาตยาธิปไตย มีนับครั้งไม่ถ้วนที่อำนาจนอกระบบและอำนาจเหนือระบบทรงเครื่องแบบรัฐสภาจนดูเหมือนประชาธิปไตยอยู่ในภาวะปกติ เส้นแบ่งระหว่างประชาธิปไตยกับปฏิปักษ์ประชาธิปไตยคือการมีการเมืองแบบเปิดที่ไม่มีคนกลุ่มไหนชี้นำการตัดสินใจทางการเมืองทุกชนิดได้ล่วงหน้าโดยปราศจากการต่อสู้แข่งขันอย่างเท่าเทียมกันระหว่างคนทุกกลุ่มทุกเหล่าทุกชนชั้นในอาณาบริเวณสาธารณะ พรรคการเมืองและรัฐสภาสำคัญต่อประชาธิปไตย แต่การปกครองโดยพรรคการเมืองและรัฐสภาไม่เท่ากับประชาธิปไตยในทุกกรณีขอทิ้งท้ายว่าที่กล่าวมานี้ไม่ใช่การปกป้องปัญญาชนฝ่ายต้านประชาธิปไตย แต่คือการชวนให้คิดว่าความไม่เป็นประชาธิปไตยในปัญญาชนมีรากลึกกว่าความไม่เข้าใจหรือการได้ประโยชน์ทางวัตถุอย่างตื้นๆ นี่ไม่ใช่ทางออกของการสร้างประชาธิปไตย แต่คือการตั้งข้อสังเกตว่าประชาธิปไตยในปัจจุบันถูกกำหนดกรอบโดยวาทกรรมความรู้ที่มีลักษณะเฉพาะทางประวัติศาสตร์อย่างไรแน่นอนว่าการสร้างประชาธิปไตยอยู่ในระนาบการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ใช่การต่อสู้ทางความรู้ แต่ความรู้ก็สำคัญมากต่อการทำให้ประชาธิปไตยมีเสถียรภาพในระยะยาวปัญญาชนไม่ใช่ชนชั้น จุดยืนของพวกเขาไม่ได้ถูกกำหนดโดยลักษณะทางชนชั้นล้วนๆ ปัญญาชนชนชั้นเดียวกันที่คิดเรื่องการเมืองต่างนั้นมีนับไม่ถ้วน ครอบครัวเดียวกันแล้วเห็นต่างกันก็มาก แต่ปัญญาชนก็ไม่ใช่อิสรชนที่ก่อรูปความคิดหรือจุดยืนได้อิสระ ปัญญาชนในความหมายของบุคคลที่กินเงินเดือนหรือค่าตอบแทนจากสถาบันอุดมศึกษานั้น มีชีวิตกับวัฒนธรรมความรู้แบบไทย งานประจำ การประชุม กรอกใบประเมินคุณภาพการศึกษา เป็นกรรมการชุดต่างๆ เขียนแผนพัฒนาโครงการ ถูกนักศึกษาบูชากราบไหว้ สัมพันธ์กับข้าราชการใต้วัฒนธรรมศักดินา อยู่ในเครือข่ายอุปถัมภ์กับคณาจารย์อาวุโส ฯลฯแบบแผนในชีวิตประจำวันอย่างนี้นี้ทำให้ปัญญาชนนักวิชาการเป็นส่วนหนึ่งของระบบราชการและวาทกรรมที่มีรากในประวัติศาสตร์มากกว่าที่คิด ทั้งหมดนี้เกี่ยวแน่กับความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยของปัญญาชนไทย | อรรคพล สาตุ้ม สัมภาษณ์ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ เนื่องในวันครู 16 ม.ค. โดยชวนสนทนาในเรื่องวัฒนธรรมความรู้ การศึกษา และปัญญาชนไทย และทำไมนักวิชาการจึงสน (และไม่สน) ประชาธิปไตย? | การเมือง,การศึกษา,ขีดเส้นใต้ | ปัญญาชน,ปัญญาชนไทย,ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์,อรรคพล สาตุ้ม | https://prachatai.com/journal/2010/01/27481 |
กลุ่มผู้ชุมนุมรอยกระดับการชุมนุมวันที่ 9 ธ.ค.นี้ | ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ขณะนี้ ผู้ชุมนุมหลายคนยังคงพักผ่อนตามอัธยาศัย ส่วนกิจกรรมบนเวที ผู้ดำเนินรายการได้เล่าข่าว และแนวทางการต่อสู้ของกลุ่ม กปปส.ที่จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคมนี้ ในเวลา 9.39 น. ซึ่งจะเป็นเวลาที่ผู้ชุมนุม กปปส.ทุกเวทีจะรวมพลังต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย โดยแนวทางการต่อสู้จะเดินขบวนไปถนนทุกสาย เพื่อมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อประกาศเอาอำนาจคืน ทั้งนี้ ผู้ชุมนุม กปปส.ได้เชิญชวนให้ผู้ชุมนุมมารวมตัวกันในเย็นวันอาทิตย์ เพื่อที่จะร่วมกิจกรรมในวันอาทิตย์พร้อมกันด้านคณะเสนาธิการร่วมกองทัพธรรมประชาชนได้ยกเลิกการเคลื่อนตัว เพื่อไปปิดกระทรวงต่างๆ ในวันนี้ แต่ในระหว่าง 1-2 วันนี้ กองทัพธรรมจะระดมมวลชนที่กลับบ้านกลับมาให้มากที่สุด คาดว่าในช่วงเย็นวันอาทิตย์ และเช้าวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม จะมีมวลชนออกมารวมตัวกันจำนวนมาก คณะทำงานเสนาธิการกองทัพธรรมประชาชนบอกว่าการรวมตัวกันกับผู้ชุมนุม กปปส.ทุกเวที ในวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคมนี้อาจมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นกับมวลชน จึงได้เตรียมแผนที่จะป้องกันมวลชนไม่ให้ได้รับอันตราย ส่วนจุดที่มวลชนจะเคลื่อนขบวนผ่าน ขณะนี้ ต้องรอผลสรุปร่วมกันกับ กปปส.อีกครั้ง รวมทั้งจะหารือมาตรการกดดันรัฐบาล เพื่อให้การเคลื่อนขบวนประสบผลสำเร็จส่วนการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาประสานที่แกนนำ คปท.เมื่อเช้านี้ เพื่อขอให้ผู้ชุมนุมเปิดพื้นที่ให้ตำรวจอรินทราชเข้าพื้นที่ไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อรักษาความปลอดภัยในการจัดงานสโมสรสันนิบาต และพิธีถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่เวลา 16.00 น. วันนี้ บริเวณทำเนียบรัฐบาล ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เชิงสะพานอรทัย และชมัยมรุเชฐ ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่ชุมนุมกลุ่ม คปท.บนถนนพิษณุโลก ส่วนการเคลื่อนไหวชุมนุมวันนี้ยังไม่มีการเคลื่อนขบวนไปไหนส่วนการชุมนุมกลุ่ม กปปส. ขณะนี้ เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีแกนนำหลักของเวทีเดินทางมาที่นี่ ซึ่งผู้ชุมนุมบอกว่าในช่วงเย็นของวันนี้จะรอฟังคำแถลงการณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงแนวทางการต่อสู้ในวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคมนี้ | บรรยากาศการชุมนุมตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ผู้ชุมนุมบางส่วนที่ยังคงปักหลักพักผ่อนตามอัธยาศัย ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุม กปท. และ คปท.ยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนขบวนไปไหน เพื่อรอมวลชนมาสมทบที่จะเตรียมยกระดับการชุมนุมอีกครั้ง ในวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคมนี้ | การเมือง | กปท.,กปปส.,คปท.,ชุมนุม,ยกระดับ | https://news.thaipbs.or.th/content/210698 |
สนุกกับการแต่งตัว ค้นหาสไตล์ที่ใช่ | สนุกกับการแต่งตัวในทุกโอกาส กับแฟชั่นสุดชิค Misty Mynx แฟชั่นแบรนด์ชั้นนำในเครือยัสปาล ซึ่งได้เปิดตัวคอลเลกชั่นล่าสุด The Mynx Spirit Autumn/ Winter 2015 พร้อมฉลองช้อปใหม่ ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ คอลเลกชั่นของสาว มิงซ์ ในฤดูกาลนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากเสน่ห์ความงดงามของแฟชั่นยุค 70s ช่วงต้นที่ยังคงกลิ่นอายโบฮีเมียนจากยุค 60s อยู่เต็มเปี่ยม จึงได้เห็นการออกแบบประดับพู่ ผ้าลูกไม้โครเชต์ และลายพิมพ์ฟลอรัลแบบ ต่างๆ เข้ากับสีสันของธรรมชาติ อย่างสีเขียวใบไม้ สีขาวปุยเมฆ สีฟ้าน้ำทะเล และเพิ่มพลังด้วยสีส้ม เหลือง น้ำเงิน และทอง นอก จากนี้ ยังเติมความหรูหราด้วยเทคนิคการตกแต่งด้วยมืออย่างการปักเลื่อมเป็นลวดลาย ผสานสไตล์โมเดิร์น สาวๆสามารถเลือกสไตล์ที่ใช่สำหรับตัวเองได้ 3 ไลน์คือ Resort wear สวยโก้หรู, Casual wear ชิคเก๋ไก๋ และ Movement สุดฟิต สำหรับคนรักการออกกำลังกาย,อีกหนึ่งแบรนด์แฟชั่น เดอะ แพร์รอต (The Parrot) ที่มาในคอนเซปต์ all day fashion ซึ่งสามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส ตั้งแต่ทำงานไปจนถึงปาร์ตี้แฮงเอาต์กับเพื่อนๆ คอลเลกชั่นล่าสุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความแตกต่าง หรือ In contrast ซึ่งเปรียบเสมือนหญิงสาวที่มีสองบุคลิกที่ต่างกันสุดขั้ว บุคลิกที่ซ่อนอยู่ภายในเป็นเสน่ห์ที่ชวนหลงใหล โดยมีทั้งหมด 4 ลุคคือ Dramatic ตัวแทนแห่งเสน่ห์อันลึกลับ, Classic Clean ตัวแทนความเรียบคลาสสิก, Professional ตัวแทนความภูมิฐานน่าเชื่อถือ และ Playful ตัวแทนความสดใส ขี้เล่น แต่ละลุคได้ดึงความโดดเด่นของสาวๆให้สะท้อนผ่านการ แต่งตัวในสไตล์ของตัวเอง มองหาสไตล์ที่ใช่ได้ที่ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเซน. | สนุกกับการแต่งตัวในทุกโอกาสกับแฟชั่นสุดชิค Misty Mynxแฟชั่นแบรนด์ชั้นนำในเครือยัสปาล ซึ่งได้เปิดตัวคอลเลกชั่นล่าสุด The Mynx Spirit Autumn/Winter2015พร้อมฉลองช้อปใหม่ ที่ชั้น1 ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ | ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง | ข่าวหน้าสตรี,ข่าวไลฟ์สไตล์,Misty Mynx,นเครือยัสปาล,คอลเลกชั่นล่าสุด,เอ็มควอเทียร์,มิงซ์,แฟชั่นยุค 70s,บฮีเมียน,The Parrot,ข่าว,ข่าวสตรี | https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/fashion/519597 |
ช็อก ชายาเจ้านครดูไบ หลบหนีพระสวามี ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เยอรมนีแล้ว | (ภาพAFP),สื่ออังกฤษ เผย เจ้าหญิงฮายา พระชายาชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม เจ้านครดูไบ ได้ทรงหลบหนีจากพระสวามี ไปอยู่เยอรมนีแล้ว พร้อมทั้งพาโอรส ธิดาไปด้วย เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่,เมื่อ 29 มิ.ย.62 เว็บไซต์ ,เดอะ ซัน, รายงาน เจ้าหญิงฮายา พระชายาของชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม เจ้านครดูไบ ได้ทรงหลบหนีจากพระสวามี พร้อมทั้งนำทรัพย์สินราว 31 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,200 ล้านบาท) ไปประทับอยู่ที่เยอรมนี เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว หลังจาก ไม่มีใครพบเห็นเจ้าหญิงฮายาเลยตั้งแต่ ก.พ.62 โดยคาดว่าเจ้าหญิงฮายา ซึ่งทรงพาโอรสและธิดาไปอยู่ที่เยอรมนีด้วยนั้น ได้ดำเนินการยื่นขอลี้ภัยอยู่ในเยอรมนีทันที พร้อมกับยื่นคำฟ้องขอหย่าขาดจากชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูมด้วย,เดอะ ซัน รายงานว่า การตัดสินพระทัยจากพระสวามี ไปอยู่ที่เยอรมนีของเจ้าหญิงฮายา ได้ก่อให้วิกฤติทางการทูตระหว่างเยอรมนีกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งชีคโมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม ทรงดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม ทรงร้องขอให้เจ้าหน้าที่เยอรมนีในนครเบอร์ลินส่งตัวเจ้าหญิงฮายา พระชายา พระชันษา 45 ปี พร้อมทั้งโอรส ซาเยด พระชันษา 7 ปี และธิดา อัล จาลิลา พระชันษา 11 ปี กลับมายังสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ทว่าทางการเยอรมนีปฏิเสธที่จะทำตามคำร้องขอของโมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัลมักตูม ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเยอรมนียังกล่าวว่าจะให้การอารักขาคุ้มกันเจ้าหญิงฮายา โอรสและธิดาด้วย,เจ้าหญิงฮายาเคยเปิดเผยกับพระสหายสนิทว่า พระองค์เลือกที่จะหนีมาอยู่ที่เยอรมนี เพราะไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่สหราชาอาณาจักร (UK) เกรงว่าอาจส่งตัวเธอกลับไปยังดูไบ เนื่องจากชีคโมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม ทรงเป็นเจ้าของสนามแข่งม้าแห่งหนึ่งใน UK ที่มีมูลค่ากว่า 9,000 ล้านปอนด์,เดอะ ซัน เผยด้วยว่า ชีคโมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม ได้ทรงประณามพระชายาผ่านทางอินสตาแกรม ว่า ทรยศ และไปกับคนที่ติดต่อด้วยใช่ไหม? ทั้งนี้ ข่าวเจ้าหญิงฮายา ทรงหลบหนีจากชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม นับเป็นข่าวร้ายในครอบครัวของพระองค์ครั้งที่ 2 หลังจากปีที่แล้ว มีข่าวใหญ่ เจ้าหญิงลาติฟา โมฮัมเหม็ด อัลมักตูม พระธิดาองค์หนึ่งของชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม ได้พยายามหลบหนีออกจากดูไบ ทว่าถูกติดตามจับตัวกลับมาได้,อ่านข่าว,เจ้าหญิงฮายา วางแผนหนีจากดูไบหลายเดือนแล้ว หลังรู้ความลับ พระสวามี,เปิดพระประวัติ ชายาเจ้านครดูไบ หนี กรงทอง พระสวามี ประณามลั่น ทรยศ,เจ้าหญิงดูไบ ถูกเก็บตัวเงียบ หลังวางแผนหนี 7 ปีอย่างกับหนังเจมส์บอนด์ | สื่ออังกฤษ เผย เจ้าหญิง ฮายา พระชายาชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม เจ้านครดูไบ ได้ทรงหลบหนีจากพระสวามี ไปอยู่เยอรมนีแล้ว พร้อมทั้งพาโอรส ธิดาไปด้วย เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ | ข่าว,ต่างประเทศ | ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัลมักตูม,เจ้านครดูไบ,เจ้าหญิงฮายา,พระชายาหนี,เยอรมนี | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1603068 |
ช็อก นักสู้ UFC ผันไปชกมวย โดนนับ 5 รอบ ก่อนหลับกลางอากาศ อาการโคม่า (คลิป) | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 18 มิ.ย. ว่า ทิม เฮก อดีตนักสู้ UFC ชาวแคนาดาที่ผันตัวมาต่อยมวยสากลอาชีพสิ้นลายพ่ายราบคาบต่อ อดัม เบรดวูด จนต้องถูกหามตัวส่งโรงพยาบาลที่สังเวียน ชอว์ คอนเฟเรนซ์ เซนเตอร์ ประเทศแคนาดา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา,กำปั้นวัย 34 ปีเสียท่าโดน เบรดวูด ชกนับแปดถึงสามครั้งในยกแรกและอีกสองครั้งในยกสอง ก่อนจะโดนฮุคด้วยขวาอีกรอบหลับกลางอากาศร่างกายและศีรษะของเขากระแทกสังเวียนหมดสติผู้ตัดสินสั่งยุติการชกทันทีพร้อมกับชูมือให้ เบรดวูด เอาชนะในไฟต์นี้,ถึงแม้ว่า ทิม เฮก จะลุกขึ้นยืนและเดินออกจากสังเวียนไปได้ แต่เขาก็ล้มลงหลังเวทีจนต้องถูกหามตัวส่งไปยังโรงพยาบาล โรยัล อเล็กซานเดอร์ ในเมืองเอ็ดมอนตันอย่างเร่งด่วน,ล่าสุดแฟนกำปั้นทั่วโลกต้องส่งกำลังใจเนื่องจากเจ้าตัวอยู่ห้องไอซียู มีอาการโคม่าเข้าขั้นวิกฤติ ซึ่ง โคดี คราห์น เพื่อนสนิทของเขาได้โพสต์ลงเฟสบุ๊คส่วนตัวอัพเดตอาการบาดเจ็บของ ทิม เฮก ประมาณว่า,ปัจจุบันเขามีอาการโคม่า เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดความดันในสมองของเขา เนื่องจากเราไม่ใช่ครอบครัวของเขา ทีมแพทย์จึงไม่สามารถบอกอะไรเราได้มาก ผมจะไปโรงพยาบาลโรยัล อเล็กซ์ บ่ายวันนี้เพื่อไปดูอาการเขาหากครอบครัวของเขาอนุญาตให้ผมได้เข้าไปเยี่ยม,เหตุการณ์นี้ถือเป็นอุทธาหรณ์สำหรับนักสู้ UFC ที่ผันตัวไปชกมวยสากลอาชีพ และเกิดขึ้นก่อนที่ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ นักสู้ UFC เช่นเดียวกันเตรียมขึ้นชกมวยอาชีพเผชิญหน้ากับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์จูเนียร์ กำปั้นไร้พ่ายระดับตำนานในวันที่ 26 สิงหาคมนี้,>>> ,คลิกชมคลิป กำปั้นแคนาดาหลับกลางอากาศ, <<< | สุดช็อก! อดีตนักสู้ UFC ที่ผันตัวไปต่อยมวยสากลอาชีพ เจอหมัดบินของคู่ชกหลับกลางอากาศ ก่อนจะถูกนำตัวหามส่งโรงพยาบาลล่าสุดอาการโคม่า
| กีฬา,มวย/MMA | มวยสากล | https://www.thairath.co.th/sport/boxing-mma/976897 |
โชเฟอร์หลับใน เทกระจาดผู้โดยสาร 23 คนบาดเจ็บระนาว | วันที่ 11 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ไพทูรย์ สุขุมวัฒนะ ผกก. สภ.ท่าสองยาง จ.ตาก รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่จุดตรวจป้อมตำบลแม่สอง อ.ท่าสอง แจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุหมู่ที่บริเวณเส้นทางหลวงสาย 105 ท่าสองยาง-แม่สองตำบลแม่สอง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลท่าสองยางและ อปพร.ท่าสองยาง รุดไปตรวจสอบ,ที่เกิดเหตุพบรถกระบะสีน้ำเงิน โตโยต้า บจ 1038 ตาก นอนตะแคงพลิกคว่ำอยู่ข้างทาง ใกล้ที่เกิดเหตุพบร่างผู้โดยสารอายุระหว่าง 16-35 ชายหญิง จำนวน 23 คน กระจัดกระจายตามถนนหลวง ได้รับบาดเจ็บร้องครวญครางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้ช่วยกันนำร่างผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทยอยส่งโรงพยาบาลชุมชน และบางส่วนนำส่งโรงพยาบาลท่าสองยางในเวลาต่อมา,เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถาม นายจอนนี่ อายุ 48 ปื คนขับรถแจ้งว่า ขับรถมาตามถนนสายดังกล่าวเกิดหลับในขึ้นมาเมื่อสะดุ้งขึ้นมาดึงพวงมาลัยรถไม่ทัน ตกลงไปในข้างทางเสียหลักพลิกคว่ำ ส่งผลทำให้ผู้โดยสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักกีฬาชาวบ้านกะเหรี่ยงชายแดนที่กำลังจะเดินทางไปยังสถานที่จัดการแข่งขัน ได้รับบาดเจ็บ มีสาหัส อยู่ 2 ราย คือนายจ่อเท อายุ 18 ปี และนายจะดี อายุ 20 ปี นอกนั้นบาดเจ็บเล็กน้อย 21 คนแพทย์ได้ทำการรักษาและให้กลับบ้านได้ | โชเฟอร์หลับในดึงพวงมาลัยรถไม่ทัน พลิกคว่ำเทกระจาด บนบริเวณเส้นทางหลวงสาย 105 ท่าสองยาง-แม่สองตำบลแม่สอง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก มีผู้โดยสารบาดเจ็บระนาว 21 คน สาหัส 2 คน | null | ภาคเหนือ,ตาก,ภูมิภาค,ท่าสองยาง,รถกระบะ,หลับใน,รถคว่ำ,บาดเจ็บ,สาหัส,กะเหรี่ยง | https://www.thairath.co.th/content/462719 |
เชอร์วูด ดึง เปตรอฟ ร่วมทีมสต๊าฟโค้ชวิลลาแล้ว | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 5 มี.ค. ว่า ทิม เชอร์วูด ผู้จัดการทีม สิงห์ผยอง แอสตัน วิลลา สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จัดการดึง สติลิยัน เปตรอฟ อดีตนักเตะเก่าของทีม เข้ามารับหน้าที่เป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชของทีมชุดใหญ่เรียบร้อยแล้ว,สำหรับ เปตรอฟ วัย 35 ปี ค้าแข้งกับวิลลามานานถึง 6 ปี ก่อนจะถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2012 อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาต่อสู้กับโรคร้ายจนหายขาดแล้ว และกลับมาร่วมงานกับอดีตต้นสังกัดอีกครั้งในฐานะสต๊าฟโค้ชทีมชุดใหญ่ ,เชอร์วูด กล่าวว่า ผมไม่ได้นำเขามาเป็นแค่ผู้นำโชคของทีมหรอกนะ เขาเป็นคนที่มีความคิด,มีเทคนิคต่างๆมากมาย และยังมีพรสวรรค์อีกด้วย ผมต้องการให้เขามาอยู่ที่นี่โดยเร็วที่สุด สแตนมีที่ว่างที่สโมสรแห่งนี้เสมอขณะที่ผมเป็นผู้จัดการทีมอยู่,ทั้งนี้ แอสตัน วิลลา ขยับพ้นโซนตกชั้นได้แล้ว หลังจากเอาชนะ เวสต์บรอมวิช ไป 2-1 เมื่อคืนวันอังคาร,(ภาพจาก ,www.mirror.co.u,k) | ทิม เชอร์วูด กุนซือทีมแอสตัน วิลลา จัดการดึง สติลิยัน เปตรอฟ อดีตมิดฟิลด์กัปตันทีมสิงห์ผยอง เข้ามาเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชของทีมชุดใหญ่แล้ว | null | พรีเมียร์ลีก,แอสตัน วิลลา,สติลิยัน เปตรอฟ,ทิม เชอร์วูด,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/485216 |
ลำปาง 2 เกลอหนุ่ม ชวนกันโดดน้ำเล่น คลายร้อน เชือกขาด จมน้ำดับ 1 | เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 18 มี.ค.61 พ.ต.ท.พงษ์นิรันดร์ เจริญค้า สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งฝาย อ.เมือง จ.ลำปาง รับแจ้งเหตุคนจมน้ำเสียชีวิต ที่บริเวณถนนทางหลวงชนบท ลป.4033 ซึ่งเป็นถนนเลียบคันคลองชลประทาน สายพระเจ้าทันใจ – บ้านแคร่ เขตบ้านพระเจ้าทันใจ หมู่ 3 ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์ รพ.ลำปาง หน่วยกู้ภัยสมาคมกู้ภัยต้นธงชัยลำปาง และชุดปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยใต้น้ำ นทีลำปาง สมาคมกู้ภัยลำปาง,ที่เกิดเหตุ เป็นคลองชลประทาน ซึ่งมีกระแสน้ำไหลแรงและลึกเกือบ 2 เมตร นักประดาน้ำใช้เวลาค้นหานานกว่า 30 นาที จึงพบร่างของนายธนดล คำกุณะ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 799/2 หมู่ 15 ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งไปติดอยู่ที่กอหญ้าใต้น้ำ ห่างไปจากสะพานจุดที่เกิดเหตุเกือบ 1 กิโลเมตร จึงนำร่างผู้ตายขึ้นมาบนฝั่งในสภาพไม่สวมเสื้อใส่กางเกงขาสั้นสีดำ เพื่อให้แพทย์ชันสูตรพลิกศพท่ามกลางชาวบ้านที่มามุงดูเป็นจำนวนมาก,สอบสวนนายวัฒนา เหลืองบุษราคัม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 หมู่ 12 ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง เพื่อนของผู้ตายทราบว่า ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน โดยช่วงเย็นมักจะชักชวนกันไปเข้าฟิตเนตเพื่อเล่นกล้าม แต่ช่วงนี้อากาศร้อน จึงชวนกันมากระโดดน้ำเล่นที่บริเวณดังกล่าว โดยได้มาเล่น เป็นวันที่ 2 ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่มาเล่นกระโดดน้ำเล่นที่จุดดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 17.00 น. จากนั้นก็จะผลัดกันกระโดดลงจากสะพาน โดยจะนำเชือกไนล่อนไปผูกไว้กับราวสะพานแล้วนำมาถือไว้เพื่อดึงตัวกลับขึ้นมาบนฝั่ง ระหว่างที่นายธนดลกระโดดเล่นน้ำเป็นครั้งที่ 3 เชือกเกิดขาดทำให้ร่างของธนดลจมหายไปกับกระแสน้ำ ตนจึงได้รีบกระโดดลงไปช่วยเพื่อนแต่คว้าร่างของนายธนดลไว้ไม่ทัน และจมน้ำหายไปกับกระแสน้ำจึงแจ้งตำรวจดังกล่าว แล้วจึงส่งนักประดาน้ำค้นหา จนเจอร่างผู้เสียชีวิต | 2 เกลอหนุ่ม ที่ลำปาง ชวนกันมากระโดดน้ำเล่นที่สะพานคลองชลประทาน เพื่อคลายร้อน เชือกเกิดขาดจมน้ำดับอนาถ 1 เพื่อน เผย มาเล่นน้ำเป็นวันที่ 2 | ข่าว,ทั่วไทย | 2 เกลอหนุ่ม,โดดน้ำเล่น,ตลองชลประทาน,เชือกขาด จมดับ1,ลำปาง,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/north/1231992 |
กำไล EM ประสบความสำเร็จ | ชุดแรกกว่า 5,000 เครื่อง เช่าจากเอกชนประมาณ 80 ล้านบาท ใช้ในศาลชั้นต้น 164 แห่ง,บทบาทของกำไลข้อเท้าที่เห็นเด่นชัดในช่วงสงกรานต์ กรมคุมประพฤติประสานงานกับสำนักงานศาลยุติธรรม ใช้อุปกรณ์มอนิเตอร์ติดตามดูพฤติการณ์ผู้ต้องหาคดีเมาแล้วขับและเหล่าเด็กซิ่ง สามารถจำกัดเวลาขับรถได้,ใครฝ่าฝืนคำสั่งศาล เจ้าหน้าที่จะรู้ทันที แล้วโทร.ไปเตือนให้เลิกฝ่าฝืน,นายปุณณพัฒน์ มหาลี้ตระกูล ฐานะประธานกรรมการบริหารและจัดการระบบควบคุมการปล่อยตัวชั่วคราวและการบังคับตามคำสั่งศาลโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บอกว่า ตอนนี้กำไลอีเอ็มสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 3 เมตร และมีระบบ GPS,กำไลข้อเท้ายังเป็นเบาะแสให้ตำรวจติดตามตัวคนร้ายได้ เนื่องจากเคยมีผู้ต้องหากระทำผิดซ้ำขณะยังสวมกำไลอีเอ็มอยู่ เจ้าหน้าที่นำภาพถ่ายมาให้ศูนย์ฯช่วยติดตามจนพบคนร้ายนำไปสู่การจับกุม,ผ่านมาเกือบสิ้นปี ศาลสั่งใช้งานไป 5,374 ครั้ง กรมควบคุมความประพฤติใช้ 304 ครั้ง เป็นคดียาเสพติด 38% ความผิดลักวิ่งชิงปล้น 21% การกระทำผิดตามกฎหมายจราจรทางบก 16% ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 13% ความผิดเกี่ยวกับร่างกาย (ฆ่าหรือพยายามฆ่า) 8% และความผิดเรื่องอาวุธปืน 4%,ศาลมีอำนาจกำหนดระยะเวลาที่ต้องสวมกำไลอีเอ็ม แต่สำหรับการใช้คุมประพฤติจะมีระยะเวลา 15 วัน,หลังจากใช้งานมามีผู้ต้องหาเพียง 2% ที่หลบหนี ตามจับกุมได้แล้ว 37 คน,ขณะนี้มีกระแสความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าศาลชั้นต้นบางแห่ง ผู้พิพากษาใช้ดุลพินิจจำคุก แต่รอการลงโทษจำเลยที่กระทำผิดซ้ำซากหลายครั้งและไม่สั่งใช้กำไลอีเอ็ม,ทำให้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ มองว่าไม่เด็ดขาด สับสนว่าหลังพิพากษาแล้วไม่ใส่กำไลข้อเท้าได้หรือไม่?,ความจริงแล้วการใช้กำไลอีเอ็มในชั้นคุมประพฤติ ไม่ต้องฟังว่าผู้ต้องหายินยอมหรือไม่ ต่างกับชั้นพิจารณาที่เป็นดุลพินิจ จะต้องได้รับความยินยอมก่อน นายปุณณพัฒน์กล่าว,ดูจากผลการใช้งาน กำไลข้อเท้าประสบความสำเร็จพอสมควรนะครับ,สหบาท | ศาลยุติธรรมนำกำไลข้อเท้า (EM) มาใช้ตั้งแต่เดือน มี.ค.61 สำหรับผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ไม่มีเงินเพียงพอวางหลักทรัพย์ประกันตัว เพราะกำไลข้อเท้าไม่ต้องเสียเงินวางเป็นหลักประกันหรือวางเพียงเล็กน้อย | null | กำไลข้อเท้า,กำไล EM,กำไลอีเอ็ม,ส่องตำรวจ,สหบาท | https://www.thairath.co.th/news/local/1439540 |
ออกหมายจับแล้ว ไชยา ไอ้โหดเดนนรก ฆ่าพ่อ ข่มขืนแม่ | ,จากกรณีโซเชียล โพสต์และแชร์เรื่องราวเตือนภัย รวมทั้งให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสของนายไชยา อายุ 31 ปี ชาว ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเมื่อครั้งเป็นเยาวชน เคยก่อเหตุฆ่าพ่อตัวเองจนเสียชีวิตและถูกจำคุก เมื่อพ้นโทษออก ได้ก่อเหตุข่มขืนแม่ของตัวเอง เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.61 จากนั้นได้หลบหนีไป ผู้เป็นแม่ของนายไชยา ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.แม่โป่ง โดยมี ร.ต.อ.ธนาวุฒิ เสมอ เป็นเจ้าของคดี ส่วนนายไชยา ยังคงหลบซ่อนตัวและวนเวียนอยู่ในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด ซึ่งพื้นที่เป็นป่าเขา,ล่าสุด เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 14 ม.ค.62 พ.ต.ท.สถิตชัย นิตยวัน สว.สภ.แม่โป่ง หน.ชุดไล่ล่า ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้ทางศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกหมายจับนายไชยา บุคคลอันตรายรายนี้แล้วในฐานความผิด 2 ข้อหา คือทำร้ายร่างกายบุพการีจนได้รับบาดเจ็บ และข่มขืนกระทำชำเราบุพการี ซึ่งงพนักงานสอบสวนต้องรอผลการตรวจร่างกายของแพทย์ รพ.ดอยสะเก็ดมาประกอบคดีอีกครั้ง ,ส่วนของการติดตามล่าตัว นายไชยา พบมีประวัติโชกโชน เคยถูกจับดำเนินคดีในศาลเยาวชนฯ ตั้งแต่อายุ 13 ปี เข้าออกคุกมาหลายครั้งจนมาก่อคดีทำร้ายและข่มขืนแม่ เนื่องจาก นายไชยาติดสุราอย่างหนัก ขณะนี้ ทราบจากชาวบ้านว่า นายไชยายังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ป่ารอบๆหมู่บ้าน และยังลงมาหาอาหารตามห้างนาของชาวบ้าน ก่อนที่จะขโมยปืนของชาวบ้านหลบหนีไปด้วย,ขณะนี้ ตำรวจ สภ.แม่โป่ง ได้ประสานขอกำลังสนับสนุนจากตำรวจ บก.สส.ภ. 5 ร่วมในการลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหา หากชาวบ้านในพื้นที่รอบๆ อ.ดอยสะเก็ด อ.แม่ออน อ.สันกำแพง ที่อยู่ติดพื้นที่ป่าติดที่คาดว่า ผู้ต้องหาจะใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว ให้ตำรวจได้ทุกโรงพัก หรือโทร. 191 ได้เลย | ศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับ ไชยา หน่มดอยสะเก็ดบุคคลสุดอันตราย ฆ่าพ่อบังเกิดเกล้า ติกคุกออกมา ก่อกรรมทำเวร ทำร้าย ข่มขืนแม่ผู้ให้กำเนิด พบยังวนเวียนอยู่ในพื้นที่ ออกมาขออาหารตามห้างนา | ข่าว,ทั่วไทย | ข่มขืนแม่,ฆ่าพ่อ,ฆ่าพ่อข่มขืนแม่,ออกหมายจับข่มขืนแม่,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/north/1469384 |
30 ม.ค.ทุบสะพานคลองมอญสร้างใหม่ กำหนดแล้วเสร็จ 6 เดือน | สายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ บนถนนจรัญสนิทวงศ์ จำนวน 2 จุด โดยจุดแรกบริเวณแยกไฟฉาย เพื่อก่อสร้าง Cement Column เสริมความแข็งแรงของผนังอุโมงค์ทางลอดแยกไฟฉาย เพื่อรองรับน้ำหนักโครงสร้างทางวิ่งและสถานีรถไฟฟ้า ส่วนแผนจัดการจราจรระหว่างก่อสร้าง จะปิดฝั่งละ 1 ช่องทาง ทางชิดอุโมงค์ทางลอด คงเหลือฝั่งละ 2 ช่องทาง บางช่วงอาจจะเบี่ยงการจราจรมาวิ่งใต้โครงสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 1 ช่องทาง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณจราจร จะใช้เวลาก่อสร้าง 4-5 เดือน เมื่อเสร็จแล้วจึงส่งมอบพื้นที่ให้ กทม.ก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดต่อไป ส่วนเรื่องค่าก่อสร้าง รฟม.รับผิดชอบเองทั้งหมด,นายวิทยากล่าวว่า อีกจุดบริเวณสะพานข้ามคลองมอญ ใกล้กับซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่ง กทม.มีแผนและตั้งงบประมาณที่จะทุบรื้อสะพานก่อนแล้ว เนื่องจากท้องสะพานชำรุดเสียหาย โดยมอบให้ รฟม.รับผิดชอบก่อสร้างแทน ซึ่งวิธีการก่อสร้างจะปิดการจราจรเพื่อทุบรื้อสะพานออกแล้วสร้างใหม่ทดแทนทีละ 1 ช่องทาง จากทั้งหมด 6 ช่องทาง เริ่มจากฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าแยกเสร็จแล้วจะขยับทำในช่องทางถัดไปจนครบทั้ง 2 ฝั่ง ใช้เวลาก่อสร้าง 6 เดือน ทั้งนี้ ในวันที่ 26 ม.ค.นี้ รฟม. ได้เชิญ กทม. ตำรวจ ร่วมแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียด ณ บริเวณพื้นที่ก่อสร้างใกล้แยกไฟฉายให้ทราบอีกครั้ง. | รฟม.จูงมือ กทม. ตำรวจ แถลงข่าวแผนจัดจราจรปิดถนนจรัญฯ ทุบสะพานมอญ ทั้งนี้ นายวิทยา พันธุ์มงคล ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า วันที่ 30 ม.ค.นี้ รฟม.เตรียมปิดการจราจรสำหรับก่อสร้างรถไฟฟ้า | ข่าว,ทั่วไทย | ก่อสร้างรถไฟฟ้า,รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน,อุโมงค์ทางลอด,แยกไฟฉาย,สะพานข้ามคลองมอญ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1187110 |
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศกร้าว ไม่เห็นด้วยทรัมป์ใช้ทหารปราบม็อบ | เว็บไซต์ The Hill สื่อสหรัฐฯ รายงานวันที่ 3 มิ.ย. ว่า นายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ให้ความเห็นกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติปราบจลาจล (Insurrection Act) ส่งกำลังทหารสลายการชุมนุมที่เกิดขึ้นหลายเมืองทั่วประเทศว่า เขาไม่สนับสนุนการใช้กำลังทหารในการดูแลความสงบเรียบร้อยในประเทศรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงข่าวโดยเชื่อว่า การใช้กำลังจากกองกำลังพิทักษ์ชาติ (National Guard) ซึ่งเป็นกองกำลังสำรองของรัฐ เป็นแนวทางที่ดีที่สุดแล้วในการจัดการกับสถานการณ์ในประเทศนายเอสเปอร์ยังกล่าวด้วยว่า การให้ความเห็นในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม แต่ยังกล่าวในฐานะอดีตนายทหารและอดีตสมาชิกของกองกำลังพิทักษ์ชาติ ที่มองว่าการใช้กำลังทหารควรทำก็ต่อเมื่อเป็นทางเลือกสุดท้าย หรือเป็นเหตุการณ์จำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้สถานการณ์ยังไม่อยู่ในจุดนั้น จึงขอไม่สนับสนุนการใช้พระราชบัญญัติปราบจลาจลโดยการประท้วงที่ลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ กว่า 1 สัปดาห์ มีจุดเริ่มต้นจากการเสียชีวิตของ นายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่ถูกตำรวจผิวขาวจับกุมโดยใช้เข่ากดลงไปที่คอนานถึงเกือบ 9 นาที ซึ่งผลชันสูตรล่าสุดยืนยันว่า เขาเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ และเป็นการฆาตกรรม โดยในตอนนี้มีการร้องขอกำลังจากกองกำลังพิทักษ์ชาติเข้าควบคุมสถานการณ์แล้วอย่างน้อย 29 รัฐ และมีผู้ประท้วงถูกจับกุมอย่างน้อย 9300 คน. | รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ค้านทรัมป์ ยืนยันไม่เห็นด้วยใช้ทหารปราบม็อบ ขณะที่ล่าสุดมีผู้ประท้วงถูกจับแล้วอย่างน้อย 9300 คน | ข่าว,ต่างประเทศ | ประท้วงสหรัฐ,ม็อบสหรัฐ,กระทรวงกลาโหม,เพนตากอน,โดนัลด์ ทรัมป์,ไม่ใช้ทหาร,ปราบม็อบ | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1860701 |
เตือนเพิ่ม 35 จว.ฝนตกต่อเนื่อง อีสานท่วมได้อีก บึงกาฬ ร.ร.อนุบาลอ่วม | เวลา 12.00 น. วันที่ 30 ส.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ในระยะนี้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร ตาก เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย,สำหรับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังคงมีฝนตกและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในช่วงบ่ายถึงค่ำ,ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา ,ที่ จ.บึงกาฬ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน ทำให้น้ำระบายไม่ทันหลายจุด ทะลักเข้าท่วมบริเวณโรงเรียนอนุบาลสาสนสิทธิ์อำนวย หมู่ 1 ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง มีน้ำท่วมขังตั้งแต่ทางเข้า จนถึงห้องเรียน โดยเฉพาะห้องเรียนอนุบาลเด็กเล็กที่อยู่ชั้นล่าง ทำให้อุปกรณ์การเรียนการสอนทั้งหนังสือและโต๊ะนักเรียนตลอดทั้งที่นอนเปียกน้ำ ทั้งครูและนักเรียนต้องช่วยกันยกอุปกรณ์การเรียนการสอนสมุด หนังสือ ขนย้ายออกไปเก็บในที่สูง,ขณะเดียวกัน นายวรสิทธ์ สังขพันธุ์ ปลัดฝ่ายป้องกันบึงโขงหลง พร้อมด้วย ร.อ.ชัยพร เขื่อนพงศ์ ผบ.ร้อย 1331 นำกำลังเข้าช่วยเหลือทางโรงเรียนขนย้ายกล่องนมที่ยังไม่เปียกน้ำขึ้นที่สูง,ทางด้านนายสุปรณิช อุดมเพ็ญ ผอ.โรงเรียนอนุบาลสาสนสิทธิ์อำนวย เผยว่าภาคเรียนนี้น้ำท่วมโรงเรียน 2 ครั้งแล้ว ช่วงเดือนมิถุนายนเปิดเทอมใหม่ครั้ง 1 ส่วนครั้งนี้หนักมากกว่าคราวก่อน เนื่องจากห้องเรียนชั้นอนุบาล 4 ห้อง ชั้น ป.5 อีก 3 ห้อง รวมถึงห้องเรียนอาเซียน ห้องกีฬา ห้องประชุมและโรงอาหารถูกน้ำท่วมสูงถึงหัวเข่า นักเรียนกว่า 600 คน รวมทั้งครูต้องวุ่นวายจัดห้องเรียนกันใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้สั่งปิดการเรียนการสอน เนื่องจากยังไม่ถึงจุดวิกฤติ ส่วนเด็กเล็กชั้นอนุบาลมีนักเรียน 105 คน เมื่อผู้ปกครองมาส่งเห็นน้ำไหลแรงมาก เกรงจะเป็นอันตรายต่อบุตรหลานก็พากลับบ้านไปก่อน. | กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ล่าสุด สภาพอากาศช่วงปลายเดือน ส.ค.มรสุมยังหนัก ประเทศไทยตั้งแต่เหนือถึงใต้ มีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่งใน 35 จังหวัด ภาคอีสานที่บึงกาฬ น้ำทะลักเข้าโรงเรียนอนุบาล ต้องขนของหนีกันโกลาหล | null | น้ำท่วม,ฝนตกหนัก,เตือนฝนตก,น้ำท่วมบึงกาฬ,น้ำท่วมโรงเรียน,มรสุม,อุตุ,พยากรณ์อากาศ | https://www.thairath.co.th/content/706500 |
ขับช้าแช่ขวา นิยายอมตะบนถนนของประเทศไทย | อุบัติเหตุและจำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนนในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นทุกปีจนติดอันดับสองของโลก เป็นเครื่องชี้วัดการขับขี่อันย่ำแย่ของคนไทยหลายๆ คน เรื่องดังกล่าวสมควรที่ผู้เกี่ยวข้องและผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทยต้องหันมาใส่ใจก่อนที่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นกับตัวของคุณเอง กฎจราจรที่ถูกละเลยจากการขับแบบตามใจฉัน ขับช้าแช่คาอยู่ในเลนรถเร็ว สมาธิของคนขับไม่ได้มุ่งไปที่ความปลอดภัยและการคิดคำนึงถึงส่วนรวมมากกว่าคิดถึงแต่ตัวเอง ฉันจะวิ่งแบบนี้แหละใครจะทำไม อยากไปเร็วก็หาทางแซงเอาเอง อันนี้เป็นวิธีคิดที่ผิดและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากการขับแบบไม่แคร์สังคมหรือไม่ใส่ใจต่อกฎหมายจราจร เจ้าหน้าที่เองก็ต้องเข้มงวดกวดขันบังคับใช้กฎหมายให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ,อุบัติเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นทุกวัน ทำให้การใช้รถใช้ถนนในประเทศนี้เต็มไปด้วยอันตราย เลนขวาสุดนั้นเป็นเลนรถเร็ว และมีไว้สำหรับรถที่วิ่งเร็วใช้แซงรถช้า หากถนนโล่งอยู่ในสภาวะปกติ ไม่ได้มีรถวิ่งจนเต็มทุกช่องทาง เมื่อรถที่ขับเร็วกว่าแซงผ่านทางช่องขวาเรียบร้อยก็ต้องกลับมาวิ่งที่เลนกลางตามกฎข้อบังคับด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นวินัยจราจรที่ถูกละเลยมานานแสนนาน แนวคิดเก่าๆ ที่คิดกันว่า ควรจะขับอยู่ในเลนตัวเอง ไม่ควรเปลี่ยนเลนไปมาซึ่งที่จริงก็ถูก แต่ไม่ทั้งหมด ในเมื่อคุณใช้ความเร็วต่ำกว่ารถคันอื่น แต่ดันไปวิ่งคาอยู่ในเลนรถเร็วช่องขวาสุด กลายเป็นไปขวางทางรถที่แล่นเร็วกว่า บางคนก็ขับแบบมองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว กระจกมองหลังไม่เคยคิดที่จะหันไปมองว่าความช้าของตนเองทำให้มีรถวิ่งตามหลังยาวเป็นขบวนรถไฟ ทั้งๆ ที่ข้างหน้าก็โล่ง แต่ไม่คิดจะหลบให้ใคร,ไม่ว่าจะขับรถอะไร จะเป็นรถกระบะ รถเก๋ง หรือแม้แต่รถบรรทุกล้อเยอะ สิ่งที่พบเห็นบ่อยสุดๆ ก็คือการขับโดยใช้เลนขวาวิ่งกันอย่างสบายใจเฉิบ โดยเฉพาะรถพ่วงที่ชอบใช้เลนขวาสุดแซงรถพ่วงด้วยกันเอง หรือรถกระบะบรรทุกสิ่งของที่เกินกว่า โดยไม่เคยสนใจไยดีว่ารถข้างหลังที่ตามมาจะติดกันเป็นขบวนเนื่องจากมีรถคันโตขับช้าแช่อยู่ในเลนขวาเพียงแค่คันเดียว กว่าจะแซงพ้นก็เล่นเอารถหลังขับตามท้ายกันนับสิบๆ คัน พ่อเจ้าประคุณที่ไม่รู้ประสีประสากับการใช้ช่องทางให้ถูกต้องกับความเร็ว แม้ถนนจะโล่งก็ยังขับแค่ 80-100 แล้วคาขวาสุดจนรถที่เร็วกว่าต้องใช้ช่องทางด้านซ้ายแซง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดและอันตรายมาก คนที่ขับเร็วกว่าพยายามเลี่ยงการทะเลาะวิวาทด้วยการแซงทางซ้ายแบบรูดยาวก็ยิ่งอันตรายเนื่องจากเป็นช่องทางที่มีรถใหญ่ล้อเยอะวิ่งอยู่เป็นจำนวนมาก,รถที่ตามหลังพวกขับช้าอยู่ขวาสุด บางคนพยายามหาทางแซง แต่ถูกรถช้าบังช่องทางขวาไว้หมดก็ใช้การยกไฟสูง หนักหน่อยออกแนวโมโหก็บีบแตรไล่ คนที่ไม่เคยแคร์สังคมแล้วออกมาใช้รถใช้ถนนร่วมกับผู้อื่นก็ยังคงทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ยังนิ่งเฉยขับแช่อยู่ขวาคาที่เดิม บางคนมีแนวความคิดประหลาดเหมือนกับไม่แยแสต่อสังคมส่วนรวม คิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลัก ฉันจะขับแบบนี้ใครจะทำไม ก็เสียภาษีเหมือนกัน จะแช่อยู่ขวาพวกคุณก็ต้องหาทางแซงซ้ายกันเอาเองซิ จะขับไปตรงๆ แบบนี้แหละมีอะไรหรือเปล่า หากคิดได้แค่นี้ขอบอกตามตรงว่าไม่น่ามาขับรถเลยจริงๆ นะครับ,กระจกมองหลังซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในการใช้รถ ถูกละเลยจากพวกประสาทนิ่ง ประสาทช้า หรือไม่มีสมาธิจดจ่อกับการขับ แม้จะขับแต่ใจล่องลอยไปคิดถึงเรื่องอื่นจนเกิดอุบัติเหตุก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นฝ่ายผิด ขับช้าแช่ขวา วิ่งหวานเย็นอยู่ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนเลนด้านขวาสุดของทางแบบไฮเวย์ข้ามจังหวัด หรือแม้แต่บนทางด่วนในกรุงเทพฯ ก็มีให้เห็นทุกวัน เลนขวาซึ่งเป็นเลนรถเร็วกลายเป็นที่อยู่ของเต่าที่ใช้คลานบนถนน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ทุกเมื่อจากการแซงในช่องทางจราจรด้านซ้ายซึ่งไม่ใช่เลนที่จะเอาไว้แซง คนเหล่านี้ไม่เคยแม้แต่จะมองกระจกหลังหรือสังเกตดูการขับของตัวเองว่าช้าจนรถเลนซ้ายแซงผ่านไปนับสิบๆ คันก็ยังขับคาอยู่ในเลนรถเร็วเหมือนเดิม,ขับช้าแบบคลานหรือบรรทุกมาเต็มเหนี่ยวแล้วไม่ชอบเปลี่ยนเลน หรือขับอยู่ในเลนซ้ายสุดซึ่งเป็นเลนของรถบรรทุก หรือรถที่ขับช้ามันสะเทือนจากถนนที่พังยับ ขอแช่ขวายาวๆ มีให้เห็นทุกวัน โดยเฉพาะรถกระบะที่บรรทุกมาเต็มเหนี่ยวจนวิ่งไม่ออก แต่ไม่อยากวิ่งอยู่ในเลนรถช้า รถหลังยกไฟสูงก็ยังไม่หลบ แถมยังยกไฟเลี้ยวขวาคาไว้ราวกับจะบอกรถคันข้างหลังว่าไม่หลบนะ หาทางไปเอาเองสิ เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวและเป็นการขับที่ห่วยสุด ทั้งผิดกฎหมายจราจรและทำให้รถเคลื่อนตัวไม่สะดวก แถมยังเกิดอันตรายได้ง่ายๆ,เมื่อรถคันที่เร็วกว่าต้องใช้เลนซ้ายในการแซง บางรายขับคาติ่งอยู่ขวา แถมยังเบรกใส่รถคันข้างหลังด้วยความโมโหเมื่อถูกยกไฟสูงหรือบีบแตรไล่เพื่อขอให้หลบ เมื่อไม่หลบแล้วยังขับแบบกั๊กไม่ยอมให้รถที่เร็วกว่าแซงในเลนที่ถูกต้อง รถที่จะแซงบางคันเป็นคนใจร้อนเจ้าอารมณ์ที่ชอบพกพาอาวุธปืนติดตัวไปด้วย เมื่อยกไฟก็แล้ว บีบแตรก็แล้วไม่เกิดอะไรขึ้น ก็ยิ่งไปสร้างความโกรธให้กับคนเหล่านี้มากยิ่งขึ้นจนเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวโมโห ตามมาด้วยการไล่ปาดไล่เบียดจนตกถนน หรือบานปลายเลยเถิดหนักข้อมากยิ่งขึ้นจากอารมณ์ที่ขุ่นมัวลุกลามไปจนถึงขั้นงัดเอาอาวุธปืนที่ติดตัวออกมาไล่ยิงกันจนบาดเจ็บเสียชีวิตไปแล้วก็หลายราย,เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเกือบทุกวันจากคลิป VDO ที่ได้จากกล้องติดรถที่กำลังแพร่ระบาดในโลกโซเชียล เป็นการประจานนิสัยของการขับรถสุดแย่ที่ไม่ควรลอกเลียนแบบ เมื่อใช้รถร่วมทางกับผู้อื่น ควรมีน้ำใจคิดคำนึงถึงคนอื่นให้มากกว่าตัวเอง เป็นเรื่องที่สมควรกระทำเพื่อสังคมส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อความสะดวกสบายตามใจตัว คิดว่าฉันจะขับแบบไหนก็ได้แล้วยังไงมีอะไรหรือเปล่า??? ไม่สนใจรถรารอบๆ ตัวเองแม้แต่น้อย ซึ่งตามหลังมาเป็นแพเนื่องจากช่องทางซ้ายมีรถเต็มทุกช่องทาง ใบขับขี่ที่ได้มาจากกรมขนส่งฯ ก็ลืมนึกถึงการอบรมบ่มสันดานก่อนที่จะต้องสอบใหม่เพื่อต่ออายุใบขับขี่ นักขับบางคนเดินออกจากกรมขนส่งทางบกไปแล้วก็ลืมเลยว่าควรจะขับอย่างไรถึงจะถูกกฎจราจร ทั้งๆ ที่เพิ่งจะผ่านการเรียนรู้วิธีการขับรถที่ถูกต้องถูกกฎจราจร,สุดท้าย การแช่อยู่ในเลนขวาแล้วไปเจอเอานักเลงโตเข้าก็เกิดเรื่องเกิดราวตามมาด้วยคดีความหรือการสูญเสียที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นแม้แต่น้อย หากมีน้ำใจคิดถึงคนอื่นมากกว่าคิดถึงความสะดวกสบายของตัวเอง เมื่อเห็นว่ารถซ้ายเริ่มที่จะแซงคุณขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ควรที่ยกไฟเพื่อเปลี่ยนเลนเข้าช่องทางเลนกลางให้คนที่ขับเร็วกว่าเขาแซงผ่านไปจะได้ไม่อันตราย เปลี่ยนมาขับเลนกลางให้เหมาะกับความเร็วที่ใช้ ซึ่งควรจะมองไมล์ว่าคุณวิ่งแค่ 80-100 Km/h เท่านั้น ไม่ควรไปเกะกะเขาในช่องทางรถเร็ว นอกจากจะช่วยลดอุบัติเหตุแล้ว หากรถเยอะวิ่งกันเกือบเต็มทุกช่องทางก็ยังช่วยให้สภาพการจราจรไหลลื่นคล่องตัวมากยิ่งขึ้น อย่าให้ใครมองคุณว่าเป็นตัวถ่วงสังคมอีกเลย แค่หลบให้ทางคนอื่นเขาแซงผ่านไป คงไม่ทำให้ถึงกับกระอักเลือดหรือชักดิ้นชักงอคารถหรอกครับ.,อาคม รวมสุวรรณ,E-Mail ,[email protected],Facebook ,https://www.facebook.com/chang.arcom,https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/ | ขับช้าคาเลนขวา พารถเร็วแซงเลนซ้าย ไม่มีวันหมดไปจากถนนของประเทศไทย | ข่าว,ยานยนต์ | ขับช้าคาเลนขวา,ขับปลอดภัย,ขับรถมีน้ำใจให้กับผู้ร่วมทาง,อาคม รวมสุวรรณ | https://www.thairath.co.th/news/auto/tips/1637448 |
เลื่อนไต่สวนการตายเหยื่อกระสุน พ.ค.53 ประจวบ-เกียรติคุณ-ด.ช.คุณากร | 28 พ.ค. 55 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีการนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของนายประจวบ ประจวบสุข และนายเกียรติคุณ ฉัตรวีระสกุล ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อเดือนพฤษภาคม 53 ซึ่งกรณีของนายประจวบนั้น นายสยาม ประจวบสุข น้องชายผู้ตายได้เบิกความยืนยันว่าเป็นตัวผู้ตายจริง ส่วนกรณีของนายเกียรติคุณนั้นมีการเลื่อนนัด อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยรูปการของสองคดีนี้มีความคล้ายกันศาลจึงได้เลื่อนการไต่สวนคดีทั้งสองนี้ออกไปเป็นวันที่ 3 ก.ย. 55 เพื่อที่จะพิจารณาเรื่องการรวมคดีทั้งสองเข้าด้วยกันทั้งนี้ เกียรติคุณ ฉัตรวีระสกุล อายุ 25 ปี ประกอบอาชีพขับมอร์เตอร์ไซด์ ส่วนประจวบ ประจวบสุข อายุ 42 ปี เป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมกลุ่ม นปช. ทั้งคู่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณใต้ทางด่วนพระราม 4 ในวัน 16 พ.ค. 53ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญาติของเกียรติคุณซึ่งมาร่วมรับฟังการไต่สวนการตาย กล่าวว่าเกียรติคุณมิได้เป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมแต่ในวันที่เกิดเหตุเกียรติคุณได้ขับรถมอเตอร์ไซด์ไปส่งผู้โดยสารบริเวณนั้นจึงถูกยิงเสียชีวิตส่วนที่ศาลอาญา รัชดา มีการนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ อายุ 12 ปี ซึ่งศาลเลื่อนนัดการพิจารณาเป็นวันที่ 20 ก.ค. 29 ต.ค. และ 5 พ.ย. นี้ เนื่องจากพยานปากแรกๆ คือ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษก ศอฉ.ติดภารกิจไม่สามารถมาศาลได้ ทั้งนี้ อัยการได้ยื่นบัญชีพยานทั้งหมดประมาณ 50 ปากผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในคำร้องขอไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ด.ช.คุณากร ระบุว่า ระหว่างที่ทหารปิดถนนราชปรารภ และติดป้ายเขตกระสุนจริง วันที่ 15 พ.ค.53 เวลา 00.01 น. นายสมร ไหมทอง ได้ขับรถตู้เข้ามาในเขตดังกล่าวเพื่อกลับบ้านพัก ผ่านถนนราชปรารภ มุ่งหน้าแยกมักกะสัน เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศโทรโข่งให้หยุดรถ นายสมรก็ยังขับต่อไป จึงระดมยิงใส่รถตู้จนนายสมร ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่ท้อง ขณะที่ลูกกระสุนยังไปถูก ด.ช.คุณากร ที่ออกมาเดินอยู่บริเวณริมถนนราชปรารภใกล้ปากซอยโรงภาพยนตร์โอเอ ซึ่งอยู่ติดกับแอร์พอร์ตลิงก์มักกะสันอันเป็นที่ตั้งของหน่วยทหาร เป็นเหตุให้ ด.ช.คุณากรเสียชีวิต ขอให้ศาลได้ไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ใด เมื่อใด และทราบถึงสาเหตุ พฤติการณ์การตาย แลขอให้องค์กรสงเคราะห์มุสลิมนานาชาติ แห่งราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง ซึ่งเป็นผู้อุปการะด.ช.คุณากร เนื่องจาก ด.ช.คุณากรเป็นเด็กกำพร้า บิดาเสียชีวิตและมารดาหายสาบสูญ | 28 พ.ค. 55 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีการนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของนายประจวบ ประจวบสุข และนายเกียรติคุณ ฉัตรวีระสกุล ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม | การเมือง,สิทธิมนุษยชน | การสลายการชุมนุม,คุณากร ศรีสุวรรณ,ชันสูตรพลิกศพ,ประจวบ ประจวบสุข,เกียรติคุณ ฉัตรวีระสกุล,เหยื่อสถานการณ์,ไต่สวนการตาย | https://prachatai.com/journal/2012/05/40714 |
สมาคมค้าปลีกรุกหนักดิวตี้ฟรี จี้ บิ๊กตู่ ผุดสัมปทานหลายราย | ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกับนางรวิฐา พงศ์นุชิต นายกสมาคมการค้าร้านค้าปลอดอากรไทย ยื่นหนังสือกับนายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยนายวรวุฒิ กล่าวว่า เช่น หมวดเครื่องสำอาง หมวดสุรา และบุหรี่ หมวดสินค้าแฟชั่น พร้อมจัดตั้งจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะในสนามบิน และลดอัตราอากรขาเข้าสำหรับสินค้านำเข้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้นในระดับภูมิภาค และจะช่วยเพิ่มรายได้จากอุตสาหกรรมค้าปลีกท่องเที่ยว คิดเป็นจำนวนเงินปีละ 270,000 ล้านบาท,ที่ผ่านมาการเปิดประมูลสัมปทานธุรกิจร้านค้าปลอดอากรของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ใช้ระบบสัมปทานรายเดียว ซึ่งเป็นการผูกขาดและทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ขณะที่ระบบสัมปทานหลายราย ใช้ในหลายประเทศทั่วโลกและได้รับการยอมรับทั่วไป เพราะเป็นระบบที่มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ให้สัมปทานและผู้ใช้บริการสนามบิน เช่น สนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้,ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลยังไม่ได้หารือกันในเรื่องการเปิดประมูลสัมปทานธุรกิจร้านค้าปลอดอากร โดยจะให้ทางคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณาก่อน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในอำนาจของกระทรวงคมนาคมที่จะต้องพิจารณาก่อนแล้วค่อยเสนอเข้ามา โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้. | ต้องการให้รัฐบาลทบทวนหลักเกณฑ์การให้สัมปทานธุรกิจร้านค้าปลอดอากร โดยให้เปลี่ยนจากระบบสัมปทานรายเดียว มาใช้ระบบสัมปทานหลายรายตามหมวดหมู่สินค้าแทน | ข่าว,เศรษฐกิจ | ดิวตี้ฟรี,สมาคมผู้ค้าปลีกไทย,ร้านค้าปลอดอากรไทย,ร้านค้าปลอดอากร,ท่าอากาศยานไทย | https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1473219 |
ปรับร่าง พ.ร.บ.อุ้มบุญเพิ่มสิทธิรับรู้รากเหง้าเด็ก | จากการเสวนา ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (ฉบับที่) พ.ศ จัดโดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ร่วมกับคณะอนุกรรมการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับเด็กให้เป็นไปตามมาตรฐานของรัฐธรรมนูญและอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก นายสุรสิทธิ์ แสงวิโรจนพัฒน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักประธานศาลฎีกา กล่าวว่า,พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 บังคับใช้มา 4 ปี ยังมีบางประเด็นที่เป็นข้อบกพร่อง จึงต้องปรับแก้ให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง ประเด็นสำคัญที่ปรับเพิ่มในร่างใหม่คือ สิทธิของเด็กที่เกิดจากเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ในการรับรู้ข้อมูลผู้บริจาคอสุจิ หรือไข่ เมื่ออายุครบ 15 ปี ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลและอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่มีสิทธิจะรับรู้รากเหง้าตนเอง,นายวันชัย รุจนวงศ์ อัยการอาวุโส กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้รองรับผู้ที่มีบุตรยาก โดยไม่ประสงค์ให้เป็นการค้า จึงต้องมีมาตรการควบคุมดูแลโดยแพทยสภาและกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังต้องดูแลสิทธิของทุกฝ่ายทั้งเด็ก พ่อแม่ที่ประสงค์จะมีบุตร หญิงที่รับตั้งครรภ์ รวมถึงผู้บริจาคอสุจิ หรือ ไข่ต้องควบคุมกระบวนการไม่ให้เป็นไปในทางการค้า. | พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 บังคับใช้มา 4 ปี ยังมีบางประเด็นที่เป็นข้อบกพร่อง | ข่าว,สังคม | อุ้มบุญ,พ.ร.บ.อุ้มบุญ,พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก,สิทธิเด็ก,มีบุตรยาก,สุรสิทธิ์ แสงวิโรจนพัฒน์,วันชัย รุจนวงศ์,สุขภาพ | https://www.thairath.co.th/news/society/1502805 |
ไทยพาณิชย์ แจงไม่มีนโยบายยกเลิกสมุดบัญชีเงินฝาก | วันนี้ (2 ธ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เผยแพร่ข้อความระบุว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ ชี้แจงไม่มีนโยบายยกเลิกสมุดบัญชีเงินฝากตามที่มีการเผยแพร่ข่าวธนาคารไทยพาณิชย์ เล็งเลิกสมุดเงินฝาก ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 2 มกราคม 2562 นั้น ธนาคารฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ธนาคารฯ ไม่ได้มีนโยบายที่จะยกเลิกสมุดบัญชีเงินฝากแต่อย่างใด แต่ธนาคารฯ กำลังพัฒนาทางเลือกเพิ่มเติมให้กับลูกค้าในกรณีที่ไม่สะดวกหรือลืมนำสมุดบัญชีเงินฝากมาที่สาขา โดยลูกค้าสามารถใช้ SCB Easy Mobile Banking Application ในการยืนยันตัวตนผ่าน Digital Passbook ในการทำธุรกรรมได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงสามารถดูรายการของธุรกรรม รวมถึงขอสเตทเมนท์ผ่านทาง SCB Easy ได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วยทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ ขอยืนยันว่า ลูกค้ายังคงสามารถใช้สมุดบัญชีเงินฝากได้ตามปกติ และธนาคารไม่มีนโยบายที่จะยกเลิกสมุดเงินฝากแต่อย่างใด | ธนาคารไทยพาณิชย์ ยืนยัน ไม่มีนโยบายยกเลิกใช้สมุดบัญชีเงินฝาก แต่ธนาคารกำลังพัฒนาทางเลือกเพิ่มเติมให้กับลูกค้าในกรณีที่ไม่สะดวกหรือลืมนำสมุดบัญชีเงินฝากมาที่สาขา | สังคม | ไทยพาณิชย์,สมุดบัญชีเงินฝาก,บุ๊กแบงก์,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/276720 |
ชาวพุทธมาเลย์ นำผ้าพระบฏแห่รอบพระบรมธาตุเมืองนคร สร้างมงคลชีวิต | เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 59 นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 15-16 เม.ย.ที่ผ่านมา ชาวมาเลเซียที่นับถือศาสนาพุทธ จากรัฐปีนัง เคดาห์หรือไทรบุรี และเปอร์ลิส ซึ่งเดินทางด้วยรถบัส รถตู้ และรถยนต์ส่วนบุคคล ประมาณ 1,500 คน เดินทางมายังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อกราบไหว้สักการะองค์พระบรมธาตุเจดีย์ หรือพระบรมธาตุเมืองนคร โดยมีการนำผ้าพระบฏผืนยาวสีเหลือง ที่เขียนชื่อ-นามสกุลของตนเอง เดินเป็นริ้วขบวนจากลานโพธิ์แห่รอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ และภายในวิหารทับเกษตร รวมทั้งสักการะพระพุทธรูปภายในวิหารทรงม้า และร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว,นอกจากนี้ ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ได้พาบุตรหลานกว่า 30 คน มาบรรพชาอุปสมบทที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ด้วย ซึ่งได้ปฏิบัติต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี หลังจากบรรพชาอุปสมบทแล้วก็จะเดินทางกลับไปจำวัดที่วัดต่างๆ ในประเทศมาเลเซียต่อไป,ทั้งนี้ ชาวมาเลเซียดังกล่าว ส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีนและเชื้อสายไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ทางภาคเหนือของมาเลเซีย มีความตั้งใจเดินทางมาทำบุญที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ด้วยพลังของความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่ละคนมีความเชื่อว่า ถ้าได้กราบไหว้สักการะพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ปีละครั้ง ในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. จนครบ 9 ครั้ง จะทำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง เจริญก้าวหน้าในการประกอบอาชีพ มีโชคลาภ และชีวิตครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งถือเป็นประเพณีและความเชื่อที่คนกลุ่มดังกล่าวได้ปฏิบัติต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี. | พุทธศาสนิกชนชาวมาเลเซีย กว่า 1,500 คน เดินทางร่วมแห่ผ้าพระบฏรอบองค์พระบรมธาตุ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช เชื่อ สักการะครบ 9 ครั้ง ชีวิตรุ่งเรือง ขณะบางส่วนนำบุตรหลานมาบวช ก่อนกลับไปจำวัดที่มาเลย์ | null | พระบรมธาตุเมืองนคร,องค์พระบรมธาตุเจดีย์,วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร,ชาวพุทธมาเลย์,นครศรีธรรมราช,สักการะองค์พระบรมธาตุเจดีย์,แห่ผ้าพระบฏ,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวไทยรัฐ,ข่าวทั่วไทย | https://www.thairath.co.th/content/606772 |
นรกจะกินกบาล โจรซุ่มในวิหารหลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ลักเงินบริจาค | เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ม.ค. 59 พ.ต.ท.พฤหัส สังข์ประเสริฐ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน พ.ต.อ.วิรัช ทองไทย นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 หัวหน้าพิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดินทางไปตรวจสอบบริเวณวิหารหลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก พระอารามหลวง ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้งจากพระลูกวัดว่า ตู้บริจาคที่อยู่ภายในวิหารหลวงพ่อเปี่ยมหายไปจำนวน 2 ตู้,เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เห็นภาพชายสวมหมวกปิดบังใบหน้า อายุประมาณ 25 – 30 ปี กำลังเข้ารื้อสิ่งของภายในวิหาร ส่วนประตูและหน้าต่างไม่พบร่องรอยการถูกงัดแงะ เจ้าหน้าที่จึงเก็บหลักฐานลายนิ้วมือในที่เกิดเหตุ ต่อมา พบว่าตู้บริจาคถูกทิ้งอยู่หน้าห้องน้ำหลังสำนักงานวัดเกาะหลัก 1 ใบ และภายในห้องน้ำอีก 1 ใบ สภาพถูกงัดจนสลักกุญแจหลุดออก ภายในเหลือเพียงเศษเหรียญบาท ส่วนใบที่อยู่ในห้องน้ำเป็นตู้ไม้ คนร้ายได้ทุบผนังตู้พัง มีธนบัตรใบละ 20 บาท ตกอยู่ที่พื้น 2 ใบ,สอบถาม พระสมุ ต๋อย ตะปะสิโธ พระลูกวัดที่ทำหน้าที่ดูแลสำนักงานวัดเกาะหลัก บอกว่าได้รับแจ้งจากประชาชนที่มาไหว้หลวงพ่อเปี่ยมในช่วงเช้าว่ามีตู้บริจาคหายไป จึงได้ออกไปค้นหาและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งภายในวิหารไม่มีร่องรอยการงัดแงะ และทุกครั้งที่ปิดประตูในช่วงเย็น พระที่ทำหน้าที่เวรประจำวันจะตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนว่ามีการลงกลอนหน้าต่างและประตู สันนิษฐานว่าคนร้ายอาจรู้ช่องทางภายในวัดเป็นอย่างดี หรือแอบเข้ามาซ่อนตัวภายในวิหาร ก่อนที่พระจะปิดประตูก็เป็นได้ โดยคืนที่ผ่านมาประมาณ 23.00 น. พระลูกวัดได้ยินเสียงสุนัขเห่าหลายตัวเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ได้เอะใจว่าจะมีขโมยขึ้นวัด,ทั้งนี้ ในตู้มีประมาณ 1 หมื่นบาท โดยทุกวันที่ 25 ของเดือน จะมีเจ้าหน้าที่จากธนาคารมาไขตู้บริจาค ซึ่งแต่ละเดือนจะได้เงินบริจาคระหว่าง 1-2 หมื่นบาท. | หัวขโมยไม่กลัวนรกกินกบาลแอบเข้าไปในวิหารหลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก เกจิดังจ.ประจวบฯ อุ้มตู้บริจาคไป2ตู้งัดเอาเงินแล้วทิ้งไว้ในห้องน้ำ เชื่อเป็นคนที่รู้ช่องทางเป็นอย่างดี หรือเข้าไปแอบอยู่ รอจนพระปิดวิหารแล้วค่อยออกมาก่อเหตุ | null | ลักเงิน,ลักเงินตู้บริจาค,หลวงพ่อเปี่ยม,วิหารหลวงพ่อเปี่ยม,วัดเกาะหลัก,ลักตู้บริจาค,ประจวบคีรีขันธ์,ข่าว,ไทยรัฐ,ข่าวทั่วไทย,ข่าวภูมิภาค,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/565975 |
ประวุฒิ ยันไม่พบ อ๊อด พยุงวงศ์ เคลื่อนไหวเมืองกาญจน์ | พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีศาลออกหมายจับชายต่างชาติ ตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกได้ขณะเข้าไปภายในศาลทหารฯ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่มีการฝากขัง นายอาเดม คาราดัก หรือ บิลาล โมฮัมเหม็ด ผู้ต้องหาในคดีระเบิดราชประสงค์ โดยยืนยันว่าเป็นชายต่างชาติ ไม่ทราบสัญชาติ ไม่ทราบชื่อ และยังไม่รู้จุดประสงค์ ในการเข้าไปภายในศาลทหารฯ โดยขณะนี้ได้ประสานส่งหมายจับชายคนดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และด่านชายแดนทั้งหมดแล้ว เพื่อติดตามตัว และเมื่อช่วงเย็นวานนี้พนักงานสอบสวนได้เข้าสอบปากคำ นายอาเดม เพิ่มเติม และ นายอาเดม ได้ยืนยันกรณีจุดต่างๆ ที่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพมาก่อนหน้านี้ ว่าเป็นความจริง ซึ่งจากนี้หากตำรวจยังมีข้อสงสัยจะเข้าไปสอบปากคำ นายอาเดม เพิ่มเติม,โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่พบข้อมูล ว่า นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว ผู้ต้องหาชาวไทยที่ยังหลบหนี มีการเคลื่อนไหวที่จังหวัดกาญจนบุรี ตามกระแสข่าว และได้ตรวจสอบไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ยังไม่พบข้อมูล ทั้งนี้ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนเฝ้าสังเกตการณ์แล้ว ส่วนจะมีการเรียกนายประกัน และทนายความของ นายอ๊อด มาสอบสวนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน,ขณะที่การติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของ นางวรรณา สวนสันต์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นจากข้อมูลพบว่ามีผู้ต้องหาในคดีนี้หลบหนีออกนอกประเทศแล้วจำนวน 4 คน และหากตำรวจมีหลักฐานชัดเจน ก็จะขอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีเพิ่มเติม | โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผย ไม่พบข้อมูล อ๊อด พยุงวงศ์ เคลื่อนไหวที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมเร่งติดตามตัวชาวต่างชาติ ที่ศาลออกหมายจับ กรณีเข้าไปภายในศาลทหาร | ข่าว,ทั่วไทย | อ๊อด พยุงวงศ์,ระเบิดราชประสงค์,ระเบิดแยกราชประสงค์,ระเบิดพระพรหม,ขบวนการบึม,ล่าอ๊อด พยุงวงศ์,ชายต้องสงสัย,ศาลทหาร,หลบหนี,ผู้ต้องหาคดีระเบิด,ยงยุทธ พบแก้ว,ผู้ต้องหาชาวไทย,ประวุฒิ ถาวรศิริ,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/news/local/529729 |
ศาลฝรั่งเศสดำเนินคดี ซาร์โกซี ใช้งบหาเสียงเกิน | แหล่งข่าวในศาลฝรั่งเศสเผยเมื่อ 7 ก.พ.ว่า ผู้พิพากษาสั่งดำเนินคดีนายนิโกลาส์ ซาร์โกซี อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสช่วงปี 2550-2555 ในข้อหาใช้เงินหาเสียงเลือกตั้งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในปี 2555 ซึ่งเขาพ่ายแพ้ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ 22.5 ล้านยูโร (ราว 850 ล้านบาท) โดยให้บริษัท ประชาสัมพันธ์ บิกมาลิยง ทำบัญชีค่าใช้จ่ายปลอม และจะมีผู้ถูกดำเนินคดีร่วมกับเขาอีก 13 คน ถ้าศาลตัดสินว่าผิดจริงซาร์โกซีอาจรับโทษจำคุก 1 ปี,ด้านนายฟรองซัวส์ ฟิยง อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 62 ปี ผู้แทนพรรครีพับลิกันฝ่ายขวาไปชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีฝรั่งเศสในเดือน พ.ค.แถลงขออภัยประชาชนกรณีใช้เงินรัฐบาลจ้างภริยาและลูกชาย 2 คนนั่งเก้าอี้ผู้ช่วยในรัฐสภา แต่ทั้งหมดไม่ได้ทำงานจริง โดยนางเพเนโลป ภริยานายฟิยง รับรายได้กว่า 680,000 ยูโร หรือ 26.2 ล้านบาท ขณะดำรงตำแหน่ง 15 ปีครึ่ง ลูกชายอีก 2 คนรับค่าจ้าง 84,000 ยูโร หรือกว่า 3 ล้านบาท ขณะรับตำแหน่งในปี 2548-2550,ฟิยงระบุการกระทำดังกล่าวเพื่อความเชื่อมั่นระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ไม่ผิดกฎหมาย แต่เป็นความผิดพลาดบกพร่อง ชาวฝรั่งเศสอาจยอมรับได้ในวัน นั้น แต่วันนี้ประชาชนไม่ยอมรับ ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนต้องการให้ฟิยงลาออก แต่เขาปฏิเสธ. | ผู้พิพากษาฝรั่งเศสดำเนินคดีนายนิโกลาส์ ซาร์โกซี อดีตประธานาธิบดี ในข้อหาใช้เงินหาเสียงเลือกตั้งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในปี 2555 ซึ่งเข้าแพ้ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด | null | นิโกลาส์ ซาร์โกซี,อดีตประธานาธิบดี,ฝรั่งเศส,ดำเนินคดี,ใช้เงินหาเสียงเกิดกำหนด | https://www.thairath.co.th/content/853593 |
คนร้ายลองยิง M79ในงานของดีเมืองบาเเจะ เจ็บ 17 | เกิดเหตุคนร้าย ลอบยิงระเบิด เอ็ม 79 เข้าไปภายในงานของดีเมืองบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 ก.ย.) จำนวน 2 ลูก ทำให้เจ้าหน้าที่ที่่ดูแลรักษาความปลอดภัยบาดเจ็บ 5 นาย และชาวบ้านบาดเจ็บ 12 คน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจุดที่คนร้ายยิงระเบิดอยู่ที่พิกัดใด พร้อมสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย และเจ้าหน้าที่ ได้รับแจ้งมีเหตุลอบเผารถแบ๊คโฮ ที่รับจ้างเข้าไปขุดดิน ในพื้นที่บ้านปอเนาะ หมู่ที่ 6 ตำบลสุวารี อำเภอบาเจาะ ในจังหวัดนราธิวาส ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า เป็นการสถานการณ์หรือเรื่องสวนตัวขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (30 ก.ย.) นางเยาวมาลย์ สุขเขิน และน.ส.พัชยา สุขเขิน บุตรสาว ถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง ขณะขับรถไปทำธุระ บริเวณถนนสาย 410 บ้านกูแบปุโรง หมู่ที่ 5 ตำบลบันนังสตา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา โดยล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างสอบสวน | คนร้ายลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ภายในงานของดีเมืองบาเเจะ จังหวันราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ และชาวบ้านบาดเจ็บรวม 17 คน ส่วนในจังหวัดยะลาชาวบ้านถูกคนร้ายยิง บาดเจ็บ 2 คนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา | ภูมิภาค | งานของดีเมืองบาเเจะ,จังหวันราธิวาส,ยะลา,ยิงระเบิดเอ็ม 79 | https://news.thaipbs.or.th/content/115100 |
ไทยติดอันดับที่ 62 จากการจัดอันดับภาษาอังกฤษใน 70 ประเทศทั่วโลก | สำนักงานจัดอันดับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ EF (Education First) ได้เสนอรายงานดัชนีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษครั้งที่ 5 (5th EF English Proficiency Index (EF EPI) โดยการทดสอบจากประชากรจำนวน 910,000 คน ในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ จำนวน 70 ประเทศ รายงานสรุปทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค รวมถึงแนวโน้มการเรียนภาษาอังกฤษ และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างความชำนาญในการใช้ภาษาอังกฤษ กับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ (English proficiency and their economic competitiveness),นายมินห์ ทราน ผู้อำนวยการ EF กล่าวว่า EF EPI เป็นการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญจำนวนมาก เพื่อใช้ในการกำหนดนโยบายทางการศึกษา การตัดสินใจในการลงทุน และการฝึกหัดในห้องเรียน เรารู้สึกตื่นเต้นที่ในปีนี้ EF EPI ได้ทำการผสมผสานข้อมูลกับมาตรฐานการทดสอบภาษาอังกฤษ EF Standard English Test (EFSET) เป็นการทดสอบภาษาอังกฤษตามมาตรฐานการทดสอบภาษาอังกฤษแบบอิสระครั้งแรกของโลก,ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ 62 นำหน้าการ์ตา มองโกเลีย คูเวต อิรัก อัลจีเรีย ซาอุดีอาระเบีย กัมพูชา และลิเบีย โดยมีสิงค์โปร์อันดับ 12 ของโลก และเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย มาเลเซียอันดับ 14 ของโลก และอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชีย อินเดีย เกาหลี และเวียดนาม ได้ลำดับ 3, 4, และ 5 ตามลำดับในภูมิภาคเอเชีย | สำนักงานจัดอันดับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ เผยดัชนีทักษะภาษาอังกฤษชุดใหม่ โดยไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 62 จาก 70 ประเทศที่มีการสำรวจ | null | สำนักงานจัดอันดับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ,EF,Education First,ดัชนี,ทักษะ,ภาษาอังกฤษ,ภาษาแม่,ข่าว,ข่าวต่างประเทศ,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/536930 |
ครม.เห็นชอบหลักการให้ผู้สูงอายุฐานะดีสละสิทธิ์รับเบี้ยยังชีพ | วันนี้ (23 พ.ค.2560) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลมีหลายโครงการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีปลดล็อคข้อขัดข้องด้านกฎหมายในการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงเปิดให้หน่วยงานเสนอขอใช้อำนาจตามมาตรา 44 แก้ไขในช่วงที่ต้องเร่งรัดขับเคลื่อนการปฏิรูปปนะเทศครม.เห็นชอบหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ผู้สูงอายุผู้ที่มีฐานะดีในจำนวนผู้สูงอายุ 10.3 ล้านคน สละสิทธิ์การรับเบี้ยผู้สูงอายุเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยจำนวน 3.5 ล้านคน คาดว่าอาจจะได้งบประมาณ 4000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะนำเข้ากองทุนผู้สูงอายุ ทั้งนี้ผู้สละสิทธิสามารถขอคืนสิทธิ์ในการรับเบี้ยผู้สูงอายุในภายหลังได้พล.ท.สรรเสริญระบุว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมออกคำสั่งตามมาตรา 44 ภายในสัปดาห์นี้ เรื่องขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ระหว่างรอการตราร่างพระราชบัญญัติพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกตราเป็นกฎหมาย โดยกำหนดหัวข้อในดำเนินการไว้ 3 ประเด็น คือ การทำวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมๅ(EIA) การลดขั้นตอนการร่วมลงทุนโดยให้คณะกรรมการนโยบายอีอีซีอนุมัติ และข้อยกเว้นข้อกฎหมายกรณีการถือครองหุ้นของหน่วยซ่อมอากาศยานที่เดิมกำหนดให้ต้องมีคนสัญชาติไทยถือหุ้นร้อยละ 50ขณะที่ พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ให้ทุกหน่วยงานทั้งกองทัพ กระทรวงมหาดไทย กรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมให้ความช่วยเหลือประชาชนในการบรรเทากรณเกิดสาธารณภัยในช่วงฤดูฝน ทั้งกระสอบทราย และอาสาสมัครช่างเคลื่อนที่เร็ว พร้อมปรับปรุงเส้นทางการสัญจร รวมถึงให้สำรวจต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา รอบกรุงเทพมหานคร และทำเนียบรัฐบาลนอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกำชับการเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย เฝ้าระวังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่หน่วยงานราชการ คัดกรองบุคคล ระบบไฟสว่าง กล้องซีซีทีวีดูมุมให้เหมาะสมต่อเส้นทางสัญจร ให้สังเกตบุคคลต้องสงสัย และฝากย้ำให้ประชาชนเข้าใจและรู้เท่าทันถึงสถานการ์การก่อเหตุวางระเบิดจากกลุ่มไม่หวังดีในช่วงเศรษฐกิจไทยกำลังเติบโต พร้อมขอความร่วมมือไม่ส่งภาพคลิปเหตุการณ์ โดยในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ค.2560)นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในจังหวัดสงขลาเพื่อไปบรรยายพิเศษหัวข้อการขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ในภาคใต้ขณะที่ผลการประชุม ครม.วันนี้ ที่ประชุมเห็นชอบหลักการร่างพระราชกำหนด หรือ ร่าง พ.ร.ก.2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.ก.เรือไทย และ ร่าง พ.ร.ก.การเดินเรือไทย ที่เป็นการร่างขึ้นมาใหม่โดยได้นำบทบัญญัติจากกฎหมายเดิมในปี 2456 และ 2481 มารวมไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ที่ตัวแทนจากสหภาพยุโรปจะมาตรวจประเมินการทำประมงในเดือนกรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ยังเห็นชอบการเว้นภาษีสรรพสามิตและการลดอัตราภาษีน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้ในกรณีน้ำมันที่ใช้เป็นต้นทุนการทำวัสดุ หรือ น้ำมันที่ผ่านการบำบัดมาใช้ใหม่ ทั้งนี้เห็นชอบหลักการแก้ไขความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากไทยให้ประเทศนิวซีแลนด์เพิ่มทุกปีประเภทสินค้า ไขมันเนยร้อยละ 10 หางนมร้อยละ 20 และเนยแข็งร้อยละ 10 | ครม.เห็นชอบหลักการให้ผู้สูงอายุฐานะดี สละสิทธิ์การรับเบี้ยผู้สูงอายุ เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยจำนวน 3.5 ล้านคน คาดได้งบประมาณเพิ่ม 4000 ล้านบาท | การเมือง | สรรเสริญ แก้วกำเนิด,คณะรัฐมนตรี,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,มาตรา 44,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/262750 |
กกต.สรุปยอดใช้สิทธิเลือกตั้ง 74.69% ยันไม่มีธงแจกใบแดงให้พรรคใดเป็นพิเศษ | เพื่อไทย 7.92 ล้าน อนาคตใหม่ 6.27 ล้าน ประชาธิปัตย์ 3.95 ล้าน ระบุที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะมีความชัดเจนหลังประกาศผลเลือกตั้ง 9 พ.ค. พร้อมระบุว่าไม่มีธงใบเหลืองใบแดงให้พรรคใดเป็นพิเศษ28 มี.ค. 2562 สำนักประชาสัมพันธ์ กกต. คำแถลงของ กกต. โดย กฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งร.ต.อ. มนูญ วิเชียร์นิตย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนงานสืบสวนสอบสวน และกิตติพงษ์ บริบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติซึ่งเปิดเผยว่ามีผู้มาใช้สิทธิ 38268375 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด 51239639 คน หรือมาใช้สิทธิ 74.69% ในจำนวนนี้มีบัตรดี 35532645 ใบ (92.85%) บัตรเสีย 2130327 ใบ (5.57%) มีบัตรไม่ประสงค์จะลงคะแนน 605392 ใบ (1.58%)ส่วนเรื่องเหตุทุจริตการเลือกตั้ง ขณะนี้ กกต. รับคำร้องไว้ 186 เรื่อง ในส่วนนี้ กกต.จะมีการดำเนินการ ตรวจมูลกรณี และตั้งกรรมการมาไต่สวน โดยไม่มีการตั้งธงว่าจะให้ใบเหลืองใบแดงจำนวนเท่าไหร่ หรือให้พรรคไหนทั้งนี้ กกต. เปิดเผยคะแนนรายเขต และคะแนนรวมพรรคการเมือง ดังนี้พรรคพลังประชารัฐ 8433137 คะแนนพรรคเพื่อไทย 7920630คะแนนพรรคอนาคตใหม่ 6265950คะแนนพรรคประชาธิปัตย์ 3947726 คะแนนพรรคภูมิใจไทย 3732883 คะแนนพรรคเสรีรวมไทย 826530 คะแนนพรรคชาติไทยพัฒนา 782031คะแนนพรรคเศรษฐกิจใหม่ 485664คะแนนพรรคประชาชาติ 485436 คะแนนพรรคเพื่อชาติ 419393คะแนนพรรครวมพลังประชาชาติไทย 416324 คะแนนพรรคชาติพัฒนา 252044 คะแนนพรรคพลังท้องถิ่นไทย 213129 คะแนนพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 136597 คะแนนพลังปวงชนไทย 81733 คะแนนพลังชาติไทย 73871 คะแนนและพรรคอื่นๆคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจริงๆ ต้องได้คะแนน ส.ส.แบ่งเขตเต็ม 100% ก่อน ถ้ามีการประกาศผลเลือกตั้งในวันที่ 9 พฤษภาคม วันนั้นก็จะเห็นจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมทั้งจะมีการเลือกตั้งใหม่ในบางเขตด้วย | คณะกรรมการการเลือกตั้งสรุปจำนวนผู้มาใช้สิทธิอยู่ที่ 38268375 คน หรือ 74.69% รับคำร้องทุจริตเลือกตั้ง 186 เรื่อง ยืนยันไม่มีการตั้งธงใบเหลืองใบแดง พร้อมเปิดเผยคะแนนดิบ 100% พลังประชารัฐ 8.43 ล้าน | การเมือง | เลือกตั้ง 62,เลือกตั้ง,คณะกรรมการการเลือกตั้ง,กกต.,ผลการเลือกตั้ง | https://prachatai.com/journal/2019/03/81760 |
เพจ Red Skull ไลฟ์สดหนุ่มหัวเกรียน ชาวเน็ตคาดคงเป็นแอดมิน โหลกแดง | เมื่อเวลา 18.26 น. ของวันที่ 1 ธ.ค. 61 แฟนเพจเฟซบุ๊ก ,Red Skull, ได้ไลฟ์สดพร้อมมีการพูดคุยกับบรรดาลูกเพจ พร้อมบรรยายว่า ,สวัสดีลูกเพจที่รักทั้งหลาย ,โดยการพูดคุยมีดังนี้ ผมเป็นแอดมินคนที่ 3,999 วันนี้อารมณ์ดีไม่อยากเกรี้ยวกราด ต่อไปก็จะไลฟ์สดทุกวัน ,โดยบรรดาลูกเพจได้โพสต์ข้อความถามอย่างต่อเนื่องว่า เป็นคนในเครื่องแบบหรือไม่ บรรยากาศเหมือนอยู่ในค่ายทหาร และผู้ชายคนดังกล่าวก็ได้บอกว่า ช่วงนี้ฝึกหนัก หรือ ต้องปิดหน้าไว้ เปิดหน้าเดี๋ยวอันตราย พร้อมทั้งเปิดเพลง ครางชื่ออ้ายแน บอกพร้อมจะเต้นแล้วขอเพลงได้นะ ผมอยู่เพจนี้มานานแล้ว กล้ามาหาไหมผมอยู่ภาคใต้ วันนี้อาจจะไลฟ์สัก 1 ชั่วโมง,ผู้สื่อข่าวรายงวาน เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 61 ที่ผ่านมาทางแฟนเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวก็มีการไลฟ์สด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแอดมินอีกคนหนึ่งที่ดูแลแฟนเพจ โหลกแดง โดยลูกเพจบางคนบอกว่า เมื่อวานไม่ใช่คนนี้ ปกติถ่ายช่วงล่าง วันนี้ถ่ายช่วงบน เป็นต้น ,อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้แฟนเพจชื่อดัง เช่น แหม่มโพธิ์ดำ, drama-addict, อยากดังเดี๋ยวจัดให้ และเพจอื่นๆ ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง หลังมีกระแสข่าวว่า กบคนเลี้ยงหมา หรือแอดมินเพจ Ninja And The Gang ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นแอดมินแฟนเพจสายดาร์กอย่าง Red Skull โดยแฟนเพจดังกล่าวกำลังมีข้อพิพาทกับแฟนเพจชื่อดัง ซึ่งกำลังจะมีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ | เพจ Red Skull ไลฟ์สด หนุ่มหัวเกรียนคล้ายทหาร ชาวเน็ตคาดคงเป็นแอดมิน โหลกแดง | ข่าว,สังคม | โหลกแดง,แอดมินโหลกแดง,แอดมินเพจโหลกแดง,แอดมินเพจRed Skull,Red Skull,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/society/1434588 |
สเปรย์น้ำแร่ 13 ยี่ห้อ ตัวไหนที่ควรมี สำหรับหน้าร้อน | สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าอากาศบ้านเรามันร้อนจริงๆ ร้อนถึงขนาดที่ว่าแค่ก้าวออกจากบ้านเมคอัพก็จะละลายแล้ว และสิ่งที่สาวๆ อย่างเราจะขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ สเปรย์น้ำแร่ ที่จะช่วยให้ความรู้สึกเย็นสดชื่น ให้ความชุ่มชื้นสบายผิว นอกจากจะช่วยบำรุงและลดการระคายเคืองแล้ว ยังต้องช่วยล็อคเมคอัพให้อยู่นานๆ อีกด้วย วันนี้อ๊อฟเลยจะมารีวิวสเปรย์น้ำแร่ทั้งหมดที่เคยใช้มา เดี๋ยวเรามาดูกันว่าตัวไหนควรมีติดกระเป๋าไว้ ,หลายคนคงคุ้นเคยกับแบรนด์นี้อยู่แล้ว ซึ่งสเปรย์น้ำแร่ที่ผลิตออกมาก็คือน้ำแร่จริงๆ แบบเดียวกับแบบดื่มเลย ถ้าใครชอบดื่มน้ำแร่อยู่แล้ว เอาตัวนี้มาฉีดหน้าก็จะรู้สึกได้ แค่ความสดชื่น และความชุ่มชื่นของผิวนิดหน่อย แต่ไม่ได้ช่วยให้เมคอัพติดทนนานมากเท่าไร ,เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่าสมูทอีก็มีสเปรย์น้ำแร่กับเค้าด้วย ตัวนี้ทำได้ดีเกินคาด เพราะนอกจะให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดีมากแล้ว ตัวนี้ฉีดบ่อยๆ ผิวยิ่งใส หน้ายิ่งเนียน รูขุมขนกระชับขึ้นอีกด้วย ,ใครที่ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำตัวนี้ความเข้มข้นสูงมากเพราะเป็นไฮยารูลอนที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว เป็นสเปรย์น้ำแร่ที่มีละอองน้ำอนุภาคไมโคร พอลองฉีดแล้วรู้เลยว่าละอองละเอียดมาก ผ่านไปหลายชั่วโมงหน้าก็ยังชุ่มชื้นอยู่แต่ไม่ได้มากเหมือนตอนฉีดใหม่ๆ โดยรวมคือดีงาม ,น้ำแร่ตัวนี้อุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญถึง 15 ชนิด ช่วยปลอบประโลมผิว ลดอาการผิวแห้ง แสบแดง คันได้ค่อนข้างดี เวลาอากาศร้อนๆ ฉีดแล้วเย็นสบายผิวดีมาก เรื่องทำให้คสอ.ติดทนยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ หนักไปเรื่องความลดการอักเสบของผิวมากกว่า ,จุดเด่นของตัวนี้ อ๊อฟให้เรื่องบรรเทาการแพ้ ผดผื่น การระคายเคืองและอักเสบของผิว เพราะเค้ามีแร่ธาตุซิลิเนียม นอกจากจะฉีดให้สดชื่นแล้ว เวลาแสบหน้าเนื่องจากตากแดดนานๆ ตัวนี้ทำได้ดีเลย สดชื่นเย็นสบายผิวมาก ,ตัวนี้เป็นสเปรย์น้ำแร่ที่ฉีดแล้วฟินมาก เพราะละอองสเปรย์ละเอียดแบบสุดๆ ไปเลย ฉีดแล้วชุ่มชื่นผิวดีมาก ผิวแห้งผิวแพ้ง่ายตัวนี้ใช้ได้ดีเลย ,ตัวนี้ชอบถึงต้องมีทั้งขวดเล็กขวดใหญ่ติดไว้เพราะฉีดแล้วสดชื่นมาก ละอองที่ฉีดออกมาก็ละเอียด เวลาผิวอักเสบมาฉีดตัวนี้บรรเทาอาการได้ดีมาก ฉีดแล้วเมคอัพไม่ไหลเยิ้ม เหมือนเป็นสเปรย์น้ำแร่เอนกประสงค์ยังไงยังงั้น ,ปกติชอบอะไรที่เป็นส่วนผสมนมๆ เคยใช้ครีมอาบน้ำกับโลชั่นแล้วชอบมาก เลยไปซื้อสเปรย์น้ำแร่ของ Beauty Buffet มาลองดู ละอองสเปรย์ค่อนข้างใหญ่ เลยไม่ประทับใจเท่าไหร่ เอาไว้ฉีดก่อนแต่งหน้าเป็นบางครั้งบางคราว ,ถ้าใครเคยใช้เจลว่างหางจระเข้ของแบรนด์นี้ อยากจะบอกว่าเค้ามีสเปรย์น้ำแร่แล้วนะ แถมทำออกมาได้ดีด้วย เหมาะกับอากาศร้อนๆ อย่างบ้านเรามาก เพราะมีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ที่ช่วยลดอาการแสบร้อนของผิว เวลาโดนแดดได้ แถมยังให้ความชุ่มชื่นกับผิวได้ดีอีกด้วย ,จุดเด่นของสเปรย์น้ำแร่ตัวนี้อ๊อฟว่าเด่นในเรื่องช่วยให้เมคอัพเซตติดทนได้ดีขึ้น มากกว่าการบำรุงและให้ความชุ่มชื้นกับผิว ฉีดแล้วเมคอัพไม่ไหลเยิ้ม แถมราคาและแพคเกจก็ยังน่ารักอีกด้วย ,โอกุม่าสเปรย์น้ำแร่อันโด่งดัง แบรนด์นี้โด่งดังมากเพราะสรรพคุณเค้าเยอะเหลือเกิน แต่ก่อนใช้บ่อยมาก เพราะใช้แล้วดีจริง แต่เดี๋ยวนี้ใช้น้อยลงเพราะมีตัวอื่นน่าใช้มากกว่า และที่สำคัญราคาของแบรนด์อื่นถูกกว่าเยอะเลย ,สเปรย์น้ำแร่ธรรมชาติ 100% ที่เหมือนกับเอเวียง แต่จุดเด่นของตัวนี้คือน้ำแร่ที่พ่นออกมา ละเอียดมาก เมื่อสเปรย์ทับเครื่องสำอาง ละอองที่ละเอียดมากๆ จะกระจายบนใบหน้าได้ อย่างทั่วถึงโดยที่ไม่จับตัวเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ เวลาที่เราทาแป้งก็จะไม่เป็นคราบ และละอองละเอียดก็ได้ดีขึ้นด้วย ,สุดท้ายเป็นสเปรย์น้ำแร่ที่ให้ความสดชื่นได้ดีอีกตัวเพราะช่วยเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวได้ดีมาก แต่คนที่ผิวมันอาจจะไม่ชอบเพราะตัวนี้ฉีดแล้วจะเหนอะๆ ผิวนิดนึง เนื่องจากมันเป็นเจลว่านหางจระเข้ที่มาในรูปแบบสเปรย์ แต่ถ้าคนผิวแห้งฉีดแล้วน่าจะชอบเพราะเวลาฉีดผิวจะดูฉ่ำๆ , รีวิวจากคอมมูนิตี้จีบัน : iloveaday , ที่มาของเนื้อหา Jeban.com | สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าอากาศบ้านเรามันร้อนจริงๆ ร้อนถึงขนาดที่ว่าแค่ก้าวออกจากบ้านเมคอัพก็จะละลายแล้ว และสิ่งที่สาวๆ อย่างเราจะขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ สเปรย์น้ำแร่ | ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง | jeban,สเปรย์น้ำแร่,น้ำแร่,น้ำแร่ฉีดหน้า,ความงาม | https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/beauty/1526076 |
แค่ยกมือขอโทษ ผัวเมียเจ้าของหวย 18 ล้าน พร้อมอโหสิกรรมหนุ่มนางรอง | จากกรณี หวยหายที่นางรอง นายวิทยา ธนทรัพย์สิน อายุ 44 ปี เสี่ยรับเหมาเจ้าของร้านธนทรัพย์กระจกอลูมิเนียม อยู่ใน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และ นางศิริขวัญ ธนทรัพย์สิน ภรรยา ได้นำสลากกินแบ่งรัฐบาลซึ่งถูกรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 16 ส.ค. 60 ไปขึ้นเงินรางวัลคนละ 6 ล้านบาท โดยนายวิทยาบอกว่าถูกลอตเตอรี่ จำนวน 3 คู่ เป็นเงิน 18 ล้านบาท ซึ่งลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าวซื้อมาจากพ่อค้าเดินเร่ขายที่ร้านตำแหลก เยื้องกับ รพ.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ขณะที่แวะรับประทานส้มตำ,ขณะที่ นายพันธุ์ศักดิ์ เสือชุมแสง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 5 ต.หัวถนน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าพบ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ผบก.ภ.จ.บุรีรัมย์ ภายหลังเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนว่า ตนเองถูกรางวัลที่ 1 งวดที่ 16 สิงหาคม 2560 หมายเลข 715431 จำนวน 2 ใบ เป็นเงิน 12 ล้านบาท แต่สลากฯ ที่เก็บไว้ที่บ้านหายไป และได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.นางรอง เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 60 โดยสงสัยว่าลอตเตอรี่ที่ นายวิทยา และภรรยานำไปขึ้นเงินนั้น จะเป็นของตน,นำมาซึ่งข้อพิพาท และการตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ขอความร่วมมือกองสลากฯ นำลอตเตอรี่ดังล่าาวไปตรวจดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือแฝง จนเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้ทราบผลตรวจเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่ว่า ไม่พบลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอของ นายพันธุ์ศักดิ์ เสือชุมแสง ผู้แจ้งความ ซึ่ง พ.ต.อ.สมภพ สังข์กรทอง ผกก.สภ.นางรอง ได้นัดทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคู่กรณีคือ นายพันธุ์ศักดิ์ เสือชุมแสง ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ และ นายวิทยา ธนทรัพย์สิน ชาว จ.ร้อยเอ็ด มารับฟังผลพร้อมกันในวันที่ 12 ธ.ค. 60 ที่ สภ.นางรอง,พ.ต.อ.สมภพ เผยว่า ขณะนี้พอจะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการว่า ไม่มีลายนิ้วมือของบุคคลใดแล้ว ส่วนข้อสงสัยของประชาชนทั่วไป ที่ว่าจะมีการตั้งข้อหาอะไรหรือไม่นั้น ให้ดูที่เจตนาของผู้แจ้งความ และทางผู้ถูกกล่าวอ้างว่าติดใจเอาความต่อหรือไม่ ส่วนทางตำรวจได้ช่วยเหลือตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ทุกฝ่ายสงสัย ให้เกิดความชัดเจนแล้ว,ทางด้าน นายวิทยา ธนทรัพย์สิน และ นางขวัญศิริ ธนทรัพย์สิน สองสามีชาว อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ที่ยืนยันมาตลอดว่า ตนเองเป็นเจ้าของลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ที่ถูกรางวัล 3 ใบ ได้เงินทั้งสิ้น 18 ล้านบาท ภายหลังได้ทราบข่าวผลการตรวจเบื้องต้น ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกดีใจที่ความจริงได้ปรากฏออกมาให้เห็น ประชาชนที่ติดตามข่าว และสงสัยในเรื่องนี้ ก็จะได้คลายข้อสงสัยว่าใครคือเจ้าของลอตเตอรี่ใบที่นำไปขึ้นรางวัล,ในวันที่ 12 ธ.ค. 2560 หลังจากไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง และรับทราบผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอแล้ว ถ้าหากคู่กรณียังไม่ยอมรับในผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอก็คงจะบังคับไม่ได้ หากจะดำเนินการทางคดีต่อไป ก็พร้อมที่จะพิสูจน์ความจริง และหากคดีถึงที่สุดแล้วเราเป็นผู้บริสุทธิ์ เราอาจจะฟ้องคืนก็ได้ แต่หากยอมรับในผลการพิสูจน์ครั้งนี้ ขอเพียงคู่กรณียกมือขอโทษเท่านั้นก็พอใจแล้ว เรื่องต่างๆ จะจบลงเพียงเท่านี้ สองผัวเมีย กล่าวยืนยัน | ผัวเมียร้อยเอ็ดเจ้าของหวยรางวัลที่ 1 ค่า 18 ล้าน เผยดีใจที่ทราบผลเบื้องต้นว่า ไม่มีดีเอ็นของฝ่ายคู่กรณี หากยังติดใจก็พร้อมพิสูจน์ แต่ถ้าจะให้จบ แค่ยกมือขอโทษก็พอ ขณะที่ตำรวจชี้ความผิดแจ้งความเท็จต้องดูที่เจตนา | ข่าว,ทั่วไทย | หวยหาย,พิสูจน์หวยหาย,ขโมยลอตเตอรี่,ตรวจดีเอ็นเอ,หวย,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1148032 |
เผยเบื้องลึกแท้จริง นางเอก จ. เลิก ไฮโซ ก. เพราะมือที่ 3 คนนี้ | หลังจากมีข่าวเป็นระลอกว่า นางเอก จ. เลิกไฮโซ ก. เรียบร้อย ล่าสุดข่าวล่ามาเร็ว เผยสาเหตุที่นางเอก จ. สุดทนจนโนสน โนแคร์ ขอเทไฮโซ ก. เพราะฝ่ายชายแอบไปมีผู้หญิงใหม่ แล้วกิ๊กใหม่ก็โทรระราน จนนางเอก จ. สุดจะลำไย,โดยระหว่างที่คบกัน นางเอก จ. จะเป็นคนไม่ชอบปาร์ตี้เที่ยวกลางคืน เพราะนางเหนื่อยขี้เกียจไป แต่ไฮโซ ก. จะมีกลุ่มเพื่อนเที่ยวที่ปาร์ตี้กันเกือบทุกคืน ซึ่ง นางเอก จ. ก็ปล่อยให้ฝ่ายชายไปคนเดียว ปล่อยไปปล่อยมาไม่นาน ก็โป๊ะเชะ ไฮโซ ก. มีผู้หญิงใหม่ เป็นเพื่อนของเพื่อนในแวดวงไฮโซนั่นแหละ,แรกๆ นางเอก จ. ก็ยังไม่รู้เรื่อง จนหลังๆ เรื่องเริ่มมาเข้าหู เท่านั้นไม่พอฝ่ายผู้หญิงใหม่ก็โทรมาประกาศตัวว่า รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร ฉันนี่ละคนที่ไฮโซ ก. จะแต่งงานด้วยเขาพาฉันไปพบคุณพ่อคุณแม่แล้วและปีหน้าเราแต่งงานกันนะยะหล่อน,งานนี้นางเอก จ. สุดจะลำไย เลยจัดการเท ไฮโซ ก. ให้ไปครองคู่ชู้ชื่นกันให้สมใจอยาก ส่วนสาวผู้หญิงใหม่นั้นจะเป็นใครก็เดากันเองนะจ๊ะๆ. | นางเอก จ. เท ไฮโซ ก. เรียบร้อย! สุดลำไยปล่อยกิ๊กใหม่ โทรระรานไม่เลิก | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | นางเอก จ.,ไฮโซ ก.,นางเอก จ. คือใคร,อักษรย่อดารา,นางเอก จ . เลิก ไฮโซ ก.,กอสซิป | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1046304 |
ตร.เรียกสอบ 2 รายหาสาเหตุช้างป่าละอูตาย สัตวแพทย์ผ่าซากพิสูจน์-จนท.คาดถูกไฟช็อต | วันนี้ (16 ก.ค.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีช้างป่าตายพร้อมกัน 3 ตัว บริเวณริมบ่อน้ำ หมู่ 1 บ้านเฉลิมเกียรติพัฒนา ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตัว โดยตัวแรกเป็นช้างป่าเพศผู้ อายุประมาณ 10 ปี มีงายาวประมาณ 30เซนติเมตร ตัวที่ 2เป็นช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ 6-7 ปี และตัวที่ 3 เป็นลูกช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ 1 ปี โดยในที่เกิดเหตุ พบกองอุจจาระของช้างด้วย ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายล่าสุดช่วงเย็นวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายซากช้างป่าทั้ง 3 ตัวมาที่หน่วยพิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ 7 เพื่อผ่าพิสูจน์ซาก โดยทีมสัตวแพทย์เก็บชิ้นเนื้ออวัยวะภายใน อาหารในกระเพาะ เพื่อส่งพิสูจน์ที่สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ และคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์เบื้องต้นจากการผ่าพิสูจน์ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ ต้องส่งตรวจอย่างละเอียด ภายหลังผ่าพิสูจน์ซากช้างครบทั้ง 3 ตัว เจ้าหน้าที่ได้ใช้รถแบคโฮ นำร่างช้างลงไปฝังในหลุมที่เตรียมไว้ พร้อมทั้งโรยปูนขาวเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคด้วยสัตวแพทย์หญิงเนตรนภา วิทิตธรรมคุณ สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานฯ กล่าวว่า จากผ่าพิสูจน์ช้างทั้ง 3 ตัว พบสิ่งผิดปกติเหมือน มีเลือดออกในช่องอกเป็นจำนวนมาก และตับก็มีความผิดปกติ และเราจะเก็บอาหารในกระเพาะไปตรวจหาสารพิษในอาหารด้วยผู้สื่อข่าวถามว่า ปกติลักษณะนี้จะเกิดจากโรคที่เป็นอยู่ก่อนแล้วหรือว่าเพิ่งเกิดขึ้น สพ.ญ.เนตรนภากล่าวว่า ถ้าจากการดูเบื้องต้น อาหารค่อนข้างเยอะทั้ง 3 ตัว แสดงว่ายังกินได้อยู่ ไม่ใช่ป่วยกินอะไรไม่ได้เลย แสดงว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้อยู่ดีๆก็ตายขณะที่นายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 เพชรบุรี ตั้งประเด็นการตายของช้างไว้ 2 ประเด็น คือ กินสารพิษ ซึ่งจะต้องตรวจพิสูจน์ทางห้องวิจัย และไฟฟ้าช็อต สำหรับที่เกิดเหตุพบว่าเป็นของเอกชนจากนอกพื้นที่ ซึ่งมากว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้าน รวมกว่า 200 ไร่ เพื่อทำรีสอร์ทผมให้น้ำหนักสองข้างเท่าๆกัน รออย่างเดียวคือผลการชันสูตรซากช้างนี่คืออะไร ถ้าไม่ใช่สารเคมีก็กระแสไฟฟ้าอย่างเดียว เพราะเรามีการสแกนแล้วไม่พบโลหะหรืออย่างอื่นด้านนายประวัติศาสตร์ จันทน์เทศ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี สันนิษฐานว่า การตายของช้างอาจเกิดจากการถูกไฟฟ้าช็อต เนื่องจากมีการตรวจพบลวด หลักไม้ ซึ่งได้มีการนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไปปกติถ้าถูกสารพิษสัตว์จะไม่ตายทันที ก่อนตายจะต้องทุรนทุราย ฉะนั้นบริเวณนั้นจะต้องถูกกวาดไปด้วยเท้าของเขา แต่ลักษณะนี้คือ ตอนแรกผมยังคิดว่าเกิดจากฟ้าผ่าด้วยซ้ำไป เพราะเหมือนล้มตึงลงไป มีอีกอย่างก็คือไฟฟ้าช็อตล่าสุดมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองพลับ พบหลักฐานสำคัญคือลวด เชือก และไม้หลัก จึงนำมาเป็นหลักฐานประกอบคดี พร้อมกันนี้ ได้เรียกสอบปากคำผู้ต้องสงสัย 2 ราย ซึ่งเป็นคนงานในพื้นที่ใกล้เคียงมาให้ข้อมูล โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหานอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองพลับ ว่า ช้างทั้ง 3 ตัวไม่ได้ตายโดยธรรมชาติ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าทั้งสารเคมี หรือ ถูกไฟฟ้าช็อต ซึ่งเพื่อให้ทางตำรวจติดตามสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป | ตำรวจเรียกสอบผู้ต้องสงสัย 2 ราย ว่าเกี่ยวข้องกับการตายของช้างป่าละอูหรือไม่ ด้านสัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายของช้างป่าละอูทั้ง 3 ตัว เบื้องต้นพบเลือดออกในช่องอกจำนวนมาก และต้องส่งส่วนอวัยวะตรวจทางห้องวิจัย คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกันตำรวจได้เรียกสอบปากคำผู้ต้องสงสัย แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา | สิ่งแวดล้อม | ช้างป่า,ป่าละอู,วางยาพิษ,อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน,ไฟช็อต | https://news.thaipbs.or.th/content/3582 |
รถพ่วงจอดไหล่ทางให้เมียเข้าห้องน้ำ สาวเคราะห์ร้ายขี่จยย.พุ่งชนท้ายดับ | เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 17 ธ.ค. ร.ต.ท.( หญิง )กมลวรรณ ตังสุรัตน์ รอง สว.( สอบสวน ) สภ.เมืองชลบุรี รับแจ้งเหตุจักรยานยนต์ ชนท้ายรถพ่วง บนถนนคู่ขนานสุขุมวิท ขาเข้าเมืองชลบุรี หมู่ 3 ต.คลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี มีผู้เสียชีวิต จึงไปตรวจสอบพบร่างน.ส.วัลลี หาวัน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 5 ต.หนองแซง อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ทำงานบริษัท เทพนิมิต มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เสียชีวิตในสภาพกระดูกหักใบหน้ามีแผลฉกรรจ์ ร่างคาอยู่บนรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สกุ๊ปปี้ไอ สีส้ม ทะเบียน 1 กง 8732 ขอนแก่น ชนติดคาท้ายรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งจอดริมทางหน้าปั้มแก๊สเอ็นจีวี,ด้านนายเสนาะ รอดคล้าย อายุ 47 ปี คนขับรถพ่วง กล่าวว่า ได้บรรทุกอาหารแช่แข็งส่งต่างประเทศ จาก อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จะไปส่งที่ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อถึงที่เกิดเหตุทางภรรยาจะเข้าห้องน้ำจึงจอดชิดไหล่ทางคู่ขนาน โดยภรรยายังไม่ทันลงจากรถได้ยินเสียงดังโครม จึงลงไปดูพบว่าผู้ตายขี่มาชนท้ายจนเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายเสนาะไปสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป. | สาวขอนแก่นเคราะห์ร้าย มาทำงานเมืองชล มอเตอร์ไซค์เสียหลักชนท้ายพ่วง 18 ล้อ ที่จอดไหล่ทางอย่างจัง เสียชีวิตคาที่ ร่างห้อยอยู่บนรถ โชเฟอร์ อ้างจอดให้เมียเข้าห้องน้ำ | ข่าว,ทั่วไทย | ชนท้ายพ่วง,มอเตอร์ไซค์ชนท้ายรถพ่วง,สาวดับคาที่ชนท้ายพ่วง,ชนท้ายพ่วงจอดไหล่ทาง,รถพ่วงจอดริมถนน,ข่าวเหตุ | https://www.thairath.co.th/news/local/east/1155018 |
MWG ชี้รัฐควรมีมาตรการส่งเสริมจ้างงานต่อเนื่อง-ชดเชยตามกฎหมายแรงงานข้ามชาติ | หรือชดเชยตามกฎหมายในช่วงระยะเวลาการปิดงานชั่วคราวของผู้ประกอบการที่จ้างแรงงานข้ามชาติ23 มี.ค. 2563 เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group - MWG) ออกแถลงการณ์ด่วนเรื่อง ข้อเสนอมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในการจัดการแรงงานข้ามชาติ โดยระบุว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้น ทำให้แต่ละประเทศมีมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งมาตรการการควบคุมพื้นที่เสี่ยงโดยการปิดสถานประกอบการจำนวนหนึ่ง การระงับกิจกรรมที่ทำให้เกิดการรวมผู้คนจำนวนมากของรัฐบาล รวมไปถึงการปิดด่านชายแดนทั้งของไทยและประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อควบคุมการเดินทางของผู้คน และการแพร่ระบาดของโรคมาตรการดังกล่าวแม้จะมีความจำเป็น แต่ก็เกิดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนและเศรษฐกิจในระดับฐานราก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อการดำเนินการต่อใบอนุญาตทำงานของแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยตามมติคณะรัฐมนตรี 20 สิงหาคม 2562 การระงับการนำเข้าแรงงานกลุ่ม MoU จากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงผลกระทบต่อการจ้างงานในรูปแบบการจ้างงานตามฤดูกาลหรือไปกลับในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งการต้องปิดกิจการชั่วคราวของหลาย ๆ สถานประกอบการ และการปิดการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในบางส่วน ทำให้แรงงานข้ามชาติจำนวนมากไม่สามารถดำเนินการขออยู่ต่อ หรือไม่มีความมั่นคงในการจ้างงานในสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้แรงงานข้ามชาติได้เดินทางกลับประเทศต้นทางจำนวนมาก จนเกิดสภาพแออัดในสถานีขนส่ง และด่านชายแดนซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดการระบาดของโรคในวงกว้างกระจายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด และประเทศต้นทางได้มากขึ้น จากสถานการณ์ที่น่ากังวลใจดังกล่าว ทางเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติซึ่งได้ทำงานใกล้ชิดกับแรงงานข้ามชาติและกลุ่มประชากรข้ามชาติ จึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้มาตรการด้านการจ้างงานและการตรวจคนเข้าเมือง1. ขอให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ออกมาตรการในการผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติ หรือคนต่างชาติที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตซึ่งไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทาง หรือไปขอขยายการอยู่ต่อไปประเทศไทยได้รับการผ่อนผันให้อยู่ต่อในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว และยกเว้นโทษปรับในกรณีอยู่อาศัยเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต2. มีมาตรการที่ให้แรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยตามข้อตกลงเรื่องการจ้างงาน (MoU) ซึ่งครบเงื่อนไขและกำลังจะครบเงื่อนไขในการทำงานในประเทศไทยสี่ปี สามารถขออนุญาตอยู่ต่อและทำงานในประเทศไทยเป็นการเฉพาะ โดยไม่ต้องใช้เงื่อนไขการเว้นระยะเวลาในการหยุดพัก 30 วัน ทั้งนี้เพื่อลดการเดินทางข้ามประเทศของแรงงานข้ามชาติ3. มีมาตรการพิเศษสำหรับแรงงานข้ามชาติที่อยู่ระหว่างการดำเนินการนำเข้าตาม MoU ในลักษณะการนำเข้าแรงงานที่เกิดทำงานกับนายจ้างอยู่แล้ว (MoU Return) โดยที่ตัวแรงงานข้ามชาติจำนวนหนึ่งยังอยู่ในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ยังติดขั้นตอนในการรอการดำเนินการจากประเทศต้นทาง ในกรณีที่มีเอกสารยืนยันจากประเทศต้นทางแล้ว ให้มีมาตรการพิเศษที่จะดำเนินการต่อโดยสถานเอกอัคราชทูตของประเทศต้นทางในประเทศ ขอรับการตรวจลงตราวีซ่า และออกใบอนุญาตทำงานในท้องที่ที่แรงงานทำงานอยู่ ทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบต่อนายจ้างและแรงงานข้ามชาติ ตลอดจนการลดการเดินทางอันจะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคได้ง่ายขึ้น4. มีมาตรการขยายระยะเวลาในการดำเนินการในการต่ออายุใบอนุญาตทำงานในลักษณะ MoU พิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี 20 สิงหาคม 2562 ออกไปก่อน รวมทั้งผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติสามารถอยู่ต่อและทำงานได้ระหว่างรอการดำเนินการ รวมทั้งพิจารณาผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติที่ยังไม่สามารถยื่นเนมลิสต์ตามขั้นตอนดังกล่าว เนื่องจากนายจ้างใหม่ยังไม่สามารถแจ้งเข้าได้โดยเงื่อนไขระยะเวลาการหานายจ้างใหม่ภายใน 15 วัน ซึ่งมีความสับสนในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถแจ้งเข้ากับนายจ้างใหม่และยื่นขอดำเนินการตามเงื่อนไขของมติคณะรัฐมนตรี 20 สิงหาคม 2562 ต่อไป เพื่อลดผลกระทบในการไม่สามารถนำเข้า MoU และการต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง ทั้งนี้คาดการณ์มีแรงงานกลุ่มดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 500000 คน5. ขยายระยะเวลาในการตรวจลงตราเข้าออกของแรงงานข้ามชาติ กรณีจ้างงานแบบไปกลับหรือตามฤดูกาลในพื้นที่ชายแดน ตามมาตรา 64 ของพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ฯ ซึ่งได้รับอนุญาตทำงานครั้งละไม่เกิน 90 วัน แต่จะต้องตรวจลงตราเข้าออกทุก 30 วัน โดยมีมาตรการผ่อนผันให้ดำเนินการตรวจลงตราเข้าออกทุก 90 วันตามใบอนุญาตทำงาน จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลาย6. จากมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้สถานประกอบการหลายแห่งจะต้องปิดกิจการชั่วคราว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของแรงงานข้ามชาติ รัฐบาลควรมีมาตรการส่งเสริมให้ยังมีการจ้างงานต่อเนื่อง หรือชดเชยตามกฎหมายในช่วงระยะเวลาการปิดงานชั่วคราวของผู้ประกอบการที่จ้างแรงงานข้ามชาติ รวมทั้งผ่อนผันมาตรการการเปลี่ยนย้ายนายจ้างที่มีเงื่อนไขตามมาตรา 51 ของพระราชกำหนดการบริหารการทำงานของคนต่างด้าว ฯ โดยใช้อำนาจตามมาตรา 14 ของพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ โดยการยกเว้นการใช้มาตรา 50 51 52 และ 53 ของพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯเป็นการ ชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคและผลกระทบจะคลี่คลาย เพื่อให้เกิดการจ้างงานที่ยืดหยุ่นและสอดคล้องกับลักษณะการจ้างงานมากขึ้นมาตรการด้านการสาธารณสุขและการควบคุมโรค1. การหลีกเลี่ยงการเดินทางของประชาชนและแรงงานข้ามชาติในช่วงการป้องกันการแพร่ระบาดเป็นเรื่องจำเป็น แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องมีการเดินทางโดยเฉพาะการเดินทางข้ามประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการในการตรวจคัดกรองและเฝ้าระวังป้องกันโรคในการเดินทาง รวมทั้งประสานการทำงานกับประเทศต้นทางในเรื่องการเฝ้าระวัง และการติดตามร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดขนาดใหญ่ของโรค2. ปัจจุบันแรงงานข้ามชาติและประชากรข้ามชาติยังไม่มีหลักประกันสุขภาพที่ดูแลโดยหน่วยงานราชการไทยเป็นจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุขควรจะนำประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง การตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว พ.ศ. 2562 และประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง การตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558 มาดำเนินการขายประกันสุขภาพให้แก่แรงงานข้ามชาติหรือประชากรข้ามชาติอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดต่อตามแนวทางประกาศทั้งสองฉบับ และเพื่อลดความเสี่ยงของการเข้าสู่การรักษาพยาบาลของผู้ป่วยที่เป็นประชากรข้ามชาติที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป3. ด้วยภาษายังเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการสื่อสารกับแรงงานและประชากรข้ามชาติ ส่งผลให้ข้อมูลและมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ ไม่สามารถสื่อสารไปถึงแรงงานข้ามชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจทำให้เกิดการสับสนและตื่นตระหนก ทั้งนี้ขอให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ดำเนินการจัดทำเอกสารประกาศที่สำคัญเป็นภาษาเมียนมา กัมพูชา และลาว โดยเฉพาะประกาศเรื่องการตรวจและรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และแนวทางการป้องกันควบคุมโรคด้วยตนเอง เพื่อสื่อสารต่อแรงงานข้ามชาติและประชากรข้ามชาติต่อไปเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ เชื่อมั่นว่ามาตรการที่เอื้อต่อแรงงานข้ามชาติและประชากรข้ามชาติ ความร่วมมือของทุกภาคส่วน จะนำพาให้ประเทศไทยและภูมิภาคนี้ข้ามพ้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยดีด้วยความเคารพในสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ | เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (MWG) เสนอมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในการจัดการแรงงานข้ามชาติ รัฐบาลควรมีมาตรการส่งเสริมให้ยังมีการจ้างงานต่อเนื่อง | สังคม,แรงงาน,สิทธิมนุษยชน | COVID-9,เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ,Migrant Working Group,MWG,แรงงานข้ามชาติ | https://prachatai.com/journal/2020/03/86884 |
ทอท.ทวงหนี้บินไทย3 พันล้าน ยื่นคำขาดย้ายออกเหตุเล็งขยายดอนเมือง | เหตุจะทำสำนักงานใหม่ รองรับขยายดอนเมือง ส่วนแผนพัฒนาสนามบินดอนเมืองเฟส 3 มูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาท คาดเดือน เม.ย.นี้ได้ข้อสรุป,นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือเร่งรัดให้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ชำระหนี้ค่าเช่าพื้นที่ 100,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) บริเวณฝ่ายช่างด้านทิศเหนือ สนามบินดอนเมือง เพื่อทำเป็นอาคารสำนักงานและศูนย์ซ่อมอากาศยาน รวมเป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านบาทแล้ว โดยการบินไทยรับทราบว่า ทอท.จะใช้พื้นที่ดังกล่าว หากไม่ชำระหนี้ก็ต้องย้ายออก ซึ่งการบินไทยพร้อมย้ายออก แต่ยังไม่ระบุวัน เวลาที่จะย้ายออกอย่างชัดเจน ดังนั้น ทอท.ได้ให้การบินไทยไปปรับแผนการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว โดยหากพื้นที่ส่วนใดไม่ได้ใช้ประโยชน์ ก็ขอให้คืน ทอท.มาก่อน เพราะ ทอท. มีแผนพัฒนาสนามบินดอนเมืองระยะที่ 3 (เฟส 3) และต้องใช้พื้นที่มาเป็นอาคารสำนักงาน ทอท.,หากการบินไทยยังไม่ชำระหนี้ ทอท.จะทำหนังสือเร่งรัดทวงหนี้เป็นระยะๆ โดยพื้นที่ฝ่ายช่างและศูนย์ซ่อม ที่การบินไทยไม่ได้ใช้งาน เพราะสนามบินดอนเมืองไม่มีเครื่องบินของการบินไทย และไทยสมายล์บินขึ้น-ลง หากมีการซ่อม ก็จะเป็นการซ่อมเครื่องบินขนาดหนัก ซ่อมใหญ่ ประกอบกับ การบินไทยมีศูนย์ซ่อมที่สนามบินสุวรรณภูมิ และมีแผนจะเปิดศูนย์ซ่อมที่สนามบินอู่ตะเภา ทอท.จึงให้การบินไทยปรับพื้นที่คืน ขณะนี้การบินไทยอยู่ระหว่างทำแผนการใช้พื้นที่ และคืนพื้นที่ให้ ทอท. จากปัจจุบัน การบินไทยใช้พื้นที่ และวางอุปกรณ์เครื่องจักร กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ตามแนวเหนือใต้ของสนามบิน,นายนิตินัย กล่าวต่อถึงแผนพัฒนาขยายขีดความสามารถสนามบินดอนเมืองเฟส 3 ช่วงที่ 1 (ปี 60-65) มูลค่ากว่า 32,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้ ทอท.อยู่ระหว่างปรับแผนขยายสนามบินดอนเมืองเฟส 3 ใหม่ คาดว่า เดือน เม.ย. 61 จะได้ข้อสรุปทั้งหมดว่าแผนใดควรดำเนินการก่อน หรือหลัง และโครงการใดจะใช้การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี),ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนขยายขีดความสามารถสนามบินดอนเมืองเฟส 3 ช่วงที่ 1 มูลค่ากว่า 32,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 ช่วง 3 กลุ่มงาน ได้แก่ 1. กลุ่มงาน Airside เช่น งานก่อสร้างขยายลานจอดอากาศยานด้านทิศเหนือ พร้อมทางขับเชื่อม และระบบเติมน้ำมันอากาศยาน, งานปรับปรุงหลุมจอดอากาศยานด้านทิศเหนือ พร้อมระบบเติมน้ำมันอากาศยาน, งานปรับปรุงหลุมจอดอากาศยานด้านทิศใต้ พร้อมระบบเติมน้ำมันอากาศยาน, งานปรับปรุงพื้นที่ด้านทิศเหนือเพื่อรองรับอาคารซ่อมบำรุงอากาศยาน, งานปรับปรุงพื้นที่ด้านทิศใต้เพื่อรองรับอาคารซ่อมบำรุงอากาศยาน, งานก่อสร้างอาคารสถานีย่อยระบบเติมน้ำมันอากาศยาน เป็นต้น,2.กลุ่มงานอาคารผู้โดยสาร และอาคารสนับสนุน เช่น งานก่อสร้างขยายอาคารเทียบเครื่องบินด้านทิศเหนือ พร้อมติดตั้งสะพานเทียน 3 ชุด, งานปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1, อาคารเทียบเครื่องบินด้านทิศเหนือ และอาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 2-4, งานปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศเดิม และอาคารเทียบเครื่องบิน หมายเลข 6 พร้อมติดตั้งสะพานเทียบ 8 ชุด เป็นต้น และ 3.กลุ่มงานระบบสาธารณูปโภค งานปรับปรุงระบบถนนภายในสนามบินดอนเมือง, งานปรับปรุงระบบระบายน้ำภายใน และงานปรับปรุงระบบพักขยะ เป็นต้น. | ทอท. ยันส่งหนังสือทวงหนี้ การบินไทย ค้างค่าเช่าใช้พื้นที่สนามบินดอนเมือง 3 พันล้านบาทแล้ว ลั่นถ้าไม่ใช้หนี้ ต้องรีบย้ายออก และเร่งคืนพื้นที่ไม่ได้ใช้งานจริง | ข่าว,เศรษฐกิจ | ทอท.,ทวงหนี้ การบินไทย,การบินไทย,เช่าพื้นที่สนามบิน,สนามบินดอนเมือง,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1220577 |
รมว.ยุติธรรม เร่งรัดเบิกจ่ายเยียวยา เหยื่อ-จำเลย คดีอาญาทั่วประเทศ | เมื่อวันที่ 13 มี.ค.63 ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุม Video Conference กับสำนักงานยุติธรรมจังหวัด 76 จังหวัด เพื่อติดตามเร่งรัดการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายประสาร มหาลี้ตระกูล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม และยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ เข้าร่วมโดย นายสมศักดิ์ฯ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับยุติธรรมจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา เนื่องจากยังเบิกจ่ายไม่ได้ตามเป้าหมายเท่าที่ควร ซึ่งต้องเบิกจ่ายให้ได้มากกว่าร้อยละ 54 เมื่อสิ้นไตรมาส 2 คือเดือน มี.ค.63 แต่ปัจจุบันดำเนินการไปได้เพียงร้อยละ 40.57 เป็นจำนวนเงิน 182 ล้านบาท ซึ่งต้องเร่งขับเคลื่อนให้ได้ตามเป้าหมายอีกประมาณร้อยละ 16.43 เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เป็นจำนวนเงิน 76 ล้านบาท ภายในเดือน มี.ค.63ที่ผ่านมายังมีกรณีที่ค้างการพิจารณาและการเบิกจ่ายอยู่จำนวน 3415 ราย เป็นเงินกว่า 177 ล้านบาท ขอให้ทุกจังหวัดไปติดตามให้ประชาชนมารับเงินเยียวยาในส่วนนี้ และรีบให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน โดยนำเสนอคณะอนุกรรมการฯประจำจังหวัดให้พิจารณาโดยเร็ว หากกรณีไหนยังค้างอยู่ เพื่ิอให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย และการช่วยเหลือประชาชนที่รวดเร็ว ทั่วถึง และเป็นธรรม ตามนโยบายที่ตนวางไว้ นายสมศักดิ์ กล่าวนายสมศักดิ์ฯ กล่าวต่ออีกว่า ตนได้เน้นย้ำการช่วยส่งเสริม เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับกฎหมายเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา รวมถึงบทบาทภารกิจของกระทรวงยุติธรรมด้วย พร้อมทั้งให้กำลังใจทุกจังหวัดในการทำงานให้กับประชาชน และช่วยกันขับเคลื่อนงานของกระทรวงยุติธรรม เพื่ออำนวยความยุติธรรมและสร้างความเป็นธรรม ให้เกิดขึ้นกับสังคมไทยต่อไป | รมว.ยุติธรรม เร่งรัดช่วยเหลือเยียวยา ผู้เสียหาย-จำเลย คดีอาญาทั่วประเทศ หลังเบิกจ่ายไตรมาส 2 ไม่ได้ตามเป้า สั่ง ยธ.76 จังหวัด เบิกจ่ายเงิน 177 ล้านบาท | ข่าว,ทั่วไทย | เยียวยา,คดีอาญา,เหยื่อคดีอาญา,จ่ายเยียวยาคดีอาญา,สมศักดิ์ เทพสุทิน,รมว.ยุติธรรม,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1794574 |
หากเกิดเบื่อขึ้นมา จะรับมือกับมันได้ไหม? | ว่ากันว่า ความเบื่อนั้นเป็นอารมณ์ด้านลบอย่างนึง คนเราสามารถอ้างได้ว่า ตัวเองเบื่ออะไรก็ได้ที่ส่งผลต่อภาวะจิตใจของเราในเวลานั้นๆ เช่น บางรายเบื่ออาหาร เกิดไม่อยากทานหรือไม่เจริญอาหารขึ้นมาซะงั้น ทั้งนี้ เพราะแม่ครัวปรุงอาหารที่ทำให้รู้สึกว่าไม่อร่อยเอาซะเลยให้คุณทาน,รึเปล่า? ซึ่งทางแก้ไขก็ง่ายมาก เมื่อรู้สึกเบื่ออาหารเมื่อไหร่ ขอให้คุณนึกถึงอาหารที่ตัวเองชอบจากร้านที่ท่านคิดว่า เค้าทำอาหารที่คุณชอบได้อร่อยสะใจ แล้วก็ตรงไปทานร้านนั้นทันที อาการเบื่ออาหารของคุณก็จะหมดไป แต่หากคุณยังมัวทานอาหารที่ไม่อร่อยต่อไป ความเบื่อก็อาจทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆก็ได้,บางคนเกิดเบื่อเพื่อนขึ้นมา ก็หาทางออกด้วยการไม่พูดกับเค้าก็เป็นได้ อ้อแล้วหวังว่าคุณจะเบื่อแค่เพื่อนบางคนเท่านั้นนะ คงไม่ได้เบื่อเพื่อนทุกคนแน่ๆใช่ปะ เพราะขืนเบื่อเพื่อนทุกคน มันจะเป็นอาการที่สาหัสไปแล้วมั้ง,ดังนั้น หากคุณเบื่อเพื่อนบางคน จึงขี้เกียจคุยด้วย (ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับการที่คุณเป็นคนพูดน้อยนะเพราะคนละอย่างกัน) หากเบื่อเพื่อนที่ไม่ค่อยสนิทก็คงไม่มีอะไร บางทีเค้าอาจไม่ทันรู้ด้วยซ้ำไปว่าคุณกำลังเบื่อเค้า แต่เพราะเพื่อนเป็นสิ่งมีชีวิต ถ้าเค้าไม่ได้เป็นคนช่างสังเกต ว่า คุณกำลังเบื่อเค้าก็แล้วไป แต่ถ้าต่อให้เป็นเพื่อนไม่ค่อยสนิทก็เหอะ กลับจับความรู้สึกของคุณออกว่า คุณกำลังเบื่อและพยายามหนีหน้าไม่ยอมพูดด้วย เค้าอาจอยากพูดคุยขอเคลียร์ใจกับคุณก็ได้ พอคุยกันแล้วก็คงหายเบื่อเพื่อนซะทีนะ,นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้คุณเบื่อหรือเซ็งกับสิ่งต่างๆได้อีกเยอะ บางคนอยู่ดีๆก็เบื่อแฟนขึ้นมาก็มี หรือบางทีเกิดเบื่อชีวิตเอาซะดื้อๆ,เหตุนี้เราต้องหาวิธีมาขจัดความเบื่อหรือความเซ็งให้พ้นๆไป เช่น,1.เมื่อคุณเบื่อหรือเกิดอาการเซ็ง ลองชวนเพื่อน 2-3 คนไปหาอาหารอร่อยๆ ทานกันสิ จะรออะไร โดยคุณกับเพื่อนๆ จะใช้วิธีการค้นหาร้านอาหารที่ได้รับการการันตีว่า อร่อยจริง อร่อยจัง จากอากู๋ หรือกูเกิลก็ได้ หรือดูจากรายการที่พาไปทานอาหารอร่อยซึ่งมีหลายรายการทางโทรทัศน์และทางยูทูบ ก็เลือกเอาสักร้านหรือ 2 ร้าน แล้วก็นัดกันไปทานซะเลย,2.หากิจกรรมใหม่ๆทำ เช่น จากเคยดูแต่โทรทัศน์ตลอด หันมาอ่านหนังสือบ้างก็ได้,3.ออกเดินทางไปเที่ยวก็ดีนะ จากเคยหมกตัวอยู่กับบ้านก็ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวบ้าง อาจทำให้คุณหายเบื่อก็ได้นะ.,คนสมถะ | คุณเคยเกิดความรู้สึกเบื่ออะไรสักอย่างไหม? ถ้าเคยละก็ ไม่ต้องตกใจไป เพราะเชื่อเลยว่า ใครต่อใครก็ต้องเคยเบื่ออะไรสักอย่าง หรือบางครั้งคนเดียวนี่แหละแต่เบื่อหลายอย่างในเวลาเดียวกันก็มี | ไลฟ์สไตล์,ไลฟ์ | วิธีขจัดความเบื่อ,ประทีปส่องใจ,คนสมถะ,เซ็ง | https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1434331 |
หาดใหญ่-เชียงราย ร่วมเครือข่ายเมืองในเอเชียเพื่อฟื้นฟูเมืองจากผลกระทบโลกร้อน | เมืองในไทยคือเทศบาลนครเชียงรายและหาดใหญ่จะร่วมกับอีก 8 เมืองในเอเชียปรับตัวสู้โลกร้อนเครือข่ายเมืองในภูมิภาคเอเชียเพื่อการฟื้นตัวจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Asian Cities Climate Change Resilience Network – ACCCRN)ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ประกอบด้วยเมืองในประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย ไทยและเวียดนาม ประกาศวานนี้ (14 ธ.ค.)ว่า 2 เมืองในไทยจะร่วมกับอีก 8 เมืองในเอเชียที่ได้รับการคัดเลือกแล้วเทศบาลนครเชียงรายและหาดใหญ่จะเข้าร่วมกับ เมือง Surat เมือง Indore และเมือง Gorakphur ในประเทศอินเดีย เมือง Bandar-Lampung และเมือง Semarang ในประเทศอินโดนีเซีย และเมือง Da Nang เมือง Can Tho และเมือง Quy Nhon ในเวียดนามโครงการ ACCCRN ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความริเริ่มในการสนับสนุนการฟื้นตัวจากผลกระทบจากภาวะโลกร้อนของมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ด้วยงบประมาณ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2380 ล้านบาท) โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเมืองที่ได้รับการคัดเลือกให้พัฒนายุทธศาสตร์ในการรับมือกับความเสี่ยงและอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ทั้งนี้โดยจะมีการพัฒนาการดำเนินการต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง เช่น บ้านเรือนที่สอดรับกับภูมิอากาศและการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นพันธมิตรของเครือข่ายในไทยประกอบด้วยสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และ ศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center – ADPC)จากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรในเอเชีย ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกจำนวน 1700 ล้านคนใน 30 ปีข้างหน้า อีกทั้งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้นจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ทำให้คาดได้ว่าภูมิภาคเอเชียจะประสบกับความเสี่ยงที่หลากหลายอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนใน 2-3 ทศวรรษข้างหน้าเป็นที่คาดว่าผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจะครอบคลุมไปถึงความรุนแรงมากขึ้นของพายุชายฝั่งและน้ำท่วมที่เกิดจากฝนที่ตกผิดจากภาวะปกติ รวมทั้งภัยแล้งเป็นระยะๆทางด้านเศรษฐกิจ ผลผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของภูมิภาคเกิดจากเมืองต่างๆ การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ของมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์บริษัทที่ปรึกษาแมคเค็นซี่และบริษัทประกันภัย Swiss Re พบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาถึง 19 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศภายใน 21 ปีข้างหน้าการขยายตัวของเมืองจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาพื้นฐานเรื่องความแออัดของประชากรที่ยากจน ไม่มีที่อยู่อย่างเหมาะสมและขาดสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านกายภาพและสังคม ในพื้นที่ที่ต้องเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติจากสภาวะโลกร้อน นายอัศวิน ดายาล กรรมการผู้จัดการมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ในเอเชีย กล่าวมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์มีความมุ่งมั่นที่จะให้การฟื้นตัวของเมืองเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินงานของเราเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในทศวรรษข้างหน้า และเราจะลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเมืองต่างๆ เหล่านี้มีความปลอดภัย มีความสามารถฟื้นตัวและมีชีวิตชีวา ผมขอขอบคุณสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และ ADPC ที่ได้ช่วยให้มูลนิธิมีสามารถเลือกเมืองที่เข้มแข็งสองเมืองในประเทศไทย และทำให้โครงการ ACCCRN สามารถประกาศเมืองที่จะดำเนินการได้เต็มตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 10 เมือง ทั่วเอเชียในขณะที่ ดร.จำเนียร วรรัตน์ชัยพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และผู้อำนวยการโครงการ ACCCRN ในส่วนของสถาบันฯ เปิดเผยว่า เหตุผลที่เลือกเทศบาลนครเชียงรายเพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความมุ่งมั่นและกระตือรือร้นที่จะดำเนินการในเรื่องสิ่งแวดล้อม ถึงแม้เชียงรายจะเป็นเมืองค่อนข้างเล็ก แต่ก็มีความเชื่อมโยงกับพื้นที่ชนบทที่แนบแน่น แล้วก็ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอีกด้วยดร.จำเนียรกล่าวต่อว่า ในอนาคต เชียงรายคงจะขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นประตูสู่การท่องเที่ยวและการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว และจีน เราหวังว่าความสำเร็จในการรักษาระบบนิเวศของเมืองไว้ได้จะเป็นมาตรการสำคัญของเมืองต่างๆ ในลุ่มแม่น้ำโขงในการรับมือกับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนสำหรับหาดใหญ่ ซึ่งได้รับเลือกในฐานะเมืองขนาดใหญ่ในภาคใต้ของไทยก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญเช่นกันและเคยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากน้ำท่วมในปี 2543 และล่าสุดที่ผ่านมาในปีนี้ แม้ทางการจะได้เริ่มดำเนินมาตรการต่างๆ แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะดึงองค์กรท้องถิ่นอื่นๆ เข้ามาร่วมและช่วยกันขยายผลให้สามารถช่วยเหลือชาวบ้านยากจนที่อาศัยอยู่รอบๆ เทศบาลนครหาดใหญ่ได้อีกนายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นการคุกคามที่ใหญ่มาก ทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วม เทศบาลหาดใหญ่พร้อมจะดำเนินโครงการนี้ร่วมกับทุกหน่วยงานอย่างเต็มที่ทั้งนี้ ในปี 2553 นายไพรจะเข้ารับตำแหน่งเป็นนายกสโมสรสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยซึ่งมีเทศบาล 1327 แห่งทั่วประเทศเป็นสมาชิก ถือเป็นโอกาสอันดียิ่งที่จะขยายผลของโครงการ ACCCRN ไปยังเทศบาลอื่นทั่วประเทศไทยตลอดจนเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ต่อไป | เครือข่ายเมืองในภูมิภาคเอเชียเพื่อการฟื้นตัวจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ ACCCRNซึ่งเป็นเครือข่ายที่ประกอบด้วยเมืองในประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย ไทยและ เวียดนาม ประกาศวันนี้ว่า 2 | สิ่งแวดล้อม | การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ,ภาวะโลกร้อน,สงขลา,หาดใหญ่,เชียงราย | https://prachatai.com/journal/2009/12/26997 |
ผู้ว่าฯ นครปฐม ออกประกาศห้ามเจ้าหน้าที่ยึดของบริจาคแจกเอง | จากกรณีหญิงนำโจ๊กหมูจำนวน 250 ถุง ไปแจกให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 บริเวณพระปฐมเจดีย์ และถูกเจ้าหน้าที่เทศบาลนครปฐมเข้าระงับการแจกพร้อมนำอาหารดังกล่าวไปแจกในชุมชนอื่นล่าสุด ระบุว่าจังหวัดนครปฐมได้มีประกาศจังหวัดนครปฐมกรณีการบริจาคสิ่งของให้กับประชาชนในช่วงนี้ โดยให้ผู้ประสงค์ที่จะบริจาคแจ้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อย่างน้อย 1 วัน เพื่อจะได้ช่วยจัดระเบียบในการแจก โดยให้แจ้งชนิดและจำนวนของที่จะบริจาค และจำนวนบุคคลที่ร่วมบริจาคภาพ : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐมนอกจากนี้ ให้อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำหนดสถานที่สำหรับแจกจ่ายสิ่งของอย่างน้อยพื้นที่ละ 1 แห่ง กรณีดำเนินการนอกสถานที่ที่กำหนดไว้ ให้พิจารณาอำนวยความสะดวกตามความเหมาะสมภาพ : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐมทั้งนี้ สำหรับผู้บริจาคและผู้รับบริจาคจะต้องสวมหน้ากากอนามัย มีสถานที่ล้างมือ และควบคุมดูแลให้มีการเว้นระยะห่างอ่าน | ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ออกประกาศจังหวัดให้ผู้ประสงค์บริจาคสิ่งของประสานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อย่างน้อย 1 วัน เพื่อช่วยจัดระเบียบเว้นระยะห่าง ย้ำเจ้าหน้าที่ห้ามยึดของแจกเอง | สังคม | COVID-19,COVID19,โควิด-19,ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019,โควิด19,ปอดอักเสบ,ไวรัสโคโรนา 2019,พ.ร.ก.ฉุกเฉิน,นครปฐม | https://news.thaipbs.or.th/content/291503 |
คลังสรุปเสียหายจำนำข้าว 1.78 แสนล. ปู อ่วม ต้องชดใช้ 3.57 หมื่นล. | วันที่ 24 ก.ย.59 นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง เปิดเผยว่า ได้สรุปความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นทั้งหมด 1.78 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ในมาตราที่ 8 ระบุว่าในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นำหลักเรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับ และเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น จึงส่งผลทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นคิดเป็น 20% ของความเสียหายทั้งหมดของโครงการ หรือคิดเป็นมูลค่า 3.57 หมื่นล้านบาท ซึ่งเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมาตนได้ลงนามในหนังสือสรุปรับรองความเสียหายไปแล้ว ถือว่าสิ้นสุดความรับผิดชอบในส่วนของตน,อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะส่งข้อมูลให้กระทรวงการคลัง และสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ขณะที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ หากไม่เห็นด้วย สามารถยื่นศาลปกครองขอเพิกถอนยกเลิกคำสั่งดังกล่าวได้ แต่หากไม่มีการยื่นขอเพิกถอนคำสั่ง จะเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ต่อไป,ส่วนประเด็นที่มีการนำนโยบายรับจำนำข้าวมาเป็นนโยบายหาเสียงนั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นความผิด เนื่องจากยังไม่มีการทำให้เกิดความเสียหาย แต่เป็นความผิดที่เกิดขึ้นในด้านผู้บังคับบัญชาในการเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีหน้าที่ต้องระมัดระวังความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ส่วนความรับผิดชอบอีก 80% ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมดนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรับไปดำเนินการซึ่งต้องเร่งยื่นเรื่องดำเนินการ ตามกฎหมายภายใน ก.พ. 2560 ซึ่งคดีนี้มีอายุความ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2554-2564,ตัวเลขความเสียหายที่ออกมาอาจจะไม่ตรงกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดจากโครงการรับจำนำข้าวที่มีนายจิรชัย มูลทองโร่ย เป็นประธานได้สรุปความเสียหายในโครงการดังกล่าวไว้ที่ 2.8 แสนล้านบาท เนื่องจากกระบวนการในการพิจารณาความเสียหายแตกต่างกัน,สำหรับการพิจารณาความเสียหายในครั้งนี้ เป็นการพิจารณาความเสียหายเฉพาะ 2 โครงการ คือ โครงการรับจำนำข้าว ฤดูกาลผลิต ปี 55/56 และ 56/57 จากทั้งหมด 4 โครงการ เนื่องจากในช่วงที่มีการดำเนินโครงการนั้น ได้มีหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งหนังสือเตือนถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในลักษณะชี้แนะให้ทราบถึงประเด็นปัญหา และหาแนวทางป้องกันแก้ไข,นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้ทำหนังสือชี้แจงและเสนอความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ ดังกล่าวว่าอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณ 2 แสนล้านบาท และการกู้เงินถึง 4 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นหลักฐานที่แน่ชัดว่าโครงการเกิดความเสียหายแล้ว ซึ่งตามวินัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องมีการท้วงติงหรือสั่งระงับโครงการ แต่กลับไม่ดำเนินการยับยั้ง รวมถึงคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ก็ได้ชี้แจงไปยังรัฐบาลในขณะนั้นว่าโครงการรับจำนำข้าวจะทำให้เกิดความเสียหาย โดยจากประเด็นดังกล่าวเป็นเหตุผลทำให้เข้าใจว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จงใจให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวทั้ง 2 โครงการ | คลัง ปิดบัญชีความเสียหายคดีจำนำข้าว 1.78 แสนล้าน ในส่วน ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ 3.57 หมื่นล้าน เหตุจงใจที่ไม่ระงับยับยั้งต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น และไม่ทบทวนโครงการ ชี้หากไม่เห็นด้วย สามารถยื่นศาลปกครอง ขอเพิกถอนยกเลิกคำสั่ง | null | คดีจำนำข้าว,ค่าเสียหายคดีจำนำข้าว,คลัง,ตัวเลขความเสียหายจำนำข้าว,กรมบัญชีกลาง,มนัส แจ่มเวหา,ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,ยึดทรัพย์,นโยบายรับจำนำข้าว,ยิ่งลักษณ์ ชดใช้จำนำข้าว,สตง.,ป.ป.ช. | https://www.thairath.co.th/content/733000 |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.