title
stringlengths 2
223
| body
stringlengths 496
195k
| summary
stringlengths 34
1.83k
| type
stringlengths 4
98
⌀ | tags
stringlengths 2
1.52k
⌀ | url
stringlengths 27
112
|
---|---|---|---|---|---|
รีดนาจิบคดี 1 MDB-รื้อเมกะโปรเจกต์ | นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เดินทางไปที่สำนักงานใหญ่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาเลเซีย (MACC) ที่เมืองปุตราจายา เมื่อ 22 พ.ค. ด้วยท่าทีผ่อนคลาย เพื่อให้การกรณีถ่ายโอนเงินต้องสงสัย 10.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 341 ล้านบาท) จากเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของกองทุนเพื่อการพัฒนา 1 เอ็มดีบี เข้าบัญชีตัวเอง โดย 1 เอ็มดีบีและเอสอาร์ซีตั้งขึ้นสมัยนาจิบ เพื่อชักชวนให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนด้านพลังงาน ก่อนถูกย้ายเข้าไปอยู่กระทรวงการคลังในปี 2555,ด้านนายโมห์ด ชูกรี อับดุลล์ หัวหน้าสำนักงาน MACC เผยว่า ในปี 2558 ตนเคยถูกข่มขู่คุกคาม ได้รับกระสุนปืนที่บ้าน ขอให้ลาออกก่อนเกษียณราชการ และถูกให้ไปอยู่แผนกฝึกอบรม แหล่งข่าวกรองก็ถูกจับกุม เพราะตนถูกกล่าวหาว่าร่วมวางแผนโค่นล้มรัฐบาลนาจิบขณะสืบสวนคดี 1 เอ็มดีบี ส่วนกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยว่า จะสืบสวนคดี 1 เอ็มดีบีต่อไป อนึ่ง สำนักข่าวเบอร์นามาเผยว่า รัฐบาลใหม่ของนายกฯ มหาธีร์ โมฮัมหมัด จะทบทวนโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ สมับนาจิบ รวมทั้งโครงการสร้างรางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมกับสิงคโปร์ และรางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกมูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ. | นาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ปราบปรามทุจริต เพื่อให้การกรณีโอนเงินต้องสงสัย จากหน่วยงานของกองทุน 1 เอ็มดีบี | ข่าว,ต่างประเทศ | นาจิบ ราซัค,มาเลเซีย,1 เอ็มดีบี,คอร์รัปชัน,มหาเธร์ โมฮัมหมัด | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1289074 |
นายกฯ ผลักดันตั้งศูนย์ข้อมูลน้ำแห่งชาติ | วันนี้ (3 ก.พ.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของศูนย์เมขลา กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดทำศูนย์ข้อมูลน้ำแห่งชาติ เพื่อให้มีศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำที่เป็นเอกภาพ และทุกหน่วยงานสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็วนายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า กรมทรัพยากรน้ำ มีแผนพัฒนาศูนย์เมขลาเป็นศูนย์ข้อมูลน้ำแห่งชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการเฝ้าระวังและเตือนภัยที่เกิดจากน้ำ และรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการพัฒนาระบบแผนที่ GIS ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารและสนับสนุนการตัดสินใจ ควบคู่กับการขับเคลื่อนไปสู่ Thailand 4.0 โดยพัฒนาระบบเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาชนและหน่วยงานต่างๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวก และรัฐบาลสามารถมีทางเลือกในการตัดสินและสั่งการแก้ปัญหาได้ทันทีทั้งนี้ สามารถพัฒนาเป็นศูนย์ข้อมูลน้ำแห่งชาติได้ทันทีที่เชื่อมโยงข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 35 หน่วยงาน โดยมีแบบจำลองของลุ่มน้ำยมภายในเดือนมิถุนายน 2560 ปรับปรุงโครงสร้างและระบบในส่วนต่างๆ และขยายผลให้มีแบบจำลองสนับสนุนการตัดสินใจครบทั้ง 25 ลุ่มน้ำ ภายในเดือนพฤษภาคม 2561 เพื่อให้มีข้อมูลและระบบตัดสินใจที่เป็นเอกภาพสำหรับการจัดการน้ำของประเทศครอบคลุมทุกมิติ คือ น้ำท่วม จัดสรรน้ำ ติดตามคุณภาพน้ำ ภัยพิบัติ และพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนนายวรศาสน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์ข้อมูลน้ำแห่งชาติ ช่วยให้เกิดประโยชน์ใน 4 ด้าน คือ 1.ระบบปฏิบัติการครอบคลุม 25 ลุ่มน้ำ ประกอบด้วย ระบบคาดการณ์น้ำและเตือนภัย ระบบการกักเก็บน้ำที่เหมาะสม และควบคุมการระบายน้ำให้เหมาะสม 2.แผนบริหารจัดการของทุกลุ่มน้ำ ประกอบด้วย คาดการณ์น้ำตลอดฤดูกาล กำหนดพื้นที่เพาะปลูก กำหนดพื้นที่ขุดลอกแม่น้ำลำคลอง และการจัดสรรน้ำ 3.การกำหนดยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย การกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำ การกำหนดผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน กำหนดเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ และการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4.การสื่อสารเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้กับประชาชน ที่เข้าถึงข้อมูลแบบ Real Time สามารถคาดการณ์ และเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันที ผ่านช่องทางต่างๆ และแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ | นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมศูนย์เมขลา กรมทรัพยากรน้ำ เพื่อผลักดันตั้งศูนย์ข้อมูลน้ำแห่งชาติ เชื่อมโยงข้อมูลของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาน้ำ | สิ่งแวดล้อม | ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS,ศูนย์เมขลา,กรมทรัพยากรน้ำ,ศูนย์ข้อมูลน้ำแห่งชาติ | https://news.thaipbs.or.th/content/259982 |
นายกฯ กำชับหน่วยงานเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย - ระบายน้ำท่วมขังต่อเนื่อง | วันที่ 14 ก.ย. 2562 ,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กถึงสถานการณ์,น้ำท่วม,ในหลายพื้นที่ โดยระบุว่า ,วันนี้ยังคงมีน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ผมกำชับหน่วยงานต่างๆ เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง เร่งจัดชุดบรรเทาสาธารณภัย ชุดหมอเดินเท้า เข้าดูแลผู้ได้รับผลกระทบ มีการจัดรถเคลื่อนย้าย เรือท้องแบน เครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำและเครื่องมือต่างๆ เข้าช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่เดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือโทรสายด่วน 1784 เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงครับ,ทางด้าน ,นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์, โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้บูรณาการหน่วยเกี่ยวข้องเพื่อเร่งระบายน้ำลดผลกระทบพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย ,จ.อุบลราชธานี, โดยหน่วงน้ำตอนบนลำน้ำชีเพื่อชะลอน้ำเหนือไม่ให้ไหลลงแม่น้ำมูล ลดการระบายน้ำเขื่อนตอนบนของลำน้ำชี ตั้งแต่เขื่อนวังยางขึ้นไป และเขื่อนลำปาว เพื่อชะลอน้ำที่ไหลลงแม่น้ำมูลให้น้อยลง รวมทั้ง ชะลอน้ำจากแม่น้ำมูลโดยลดการระบายน้ำเขื่อนราษีไศล ควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบด้านท้ายน้ำ พร้อมใช้เครื่องผลักดันน้ำ ขณะเดียวกัน เพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำลงแม่น้ำโขงได้เร็วขึ้น โดยติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 160 เครื่องที่ อ.โขงเจียม 100 เครื่อง และ อ.พิบูลมังสาหาร 60 เครื่อง ส่วนกองทัพบก ได้ระดมกำลังเพิ่มความแข็งแรงจุดคันกั้นน้ำต่างๆ พร้อมกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ,นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินการต่อเนื่องทั้งการเร่งระบายน้ำในแม่น้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงโดยเร็ว ตั้งแต่ช่วงท้าย อ.เมืองอุบลราชธานี พร้อมทั้งเร่งสูบน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำกลับเข้าสู่แม่น้ำสายหลักโดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังและลดปริมาณน้ำให้ถึงระดับตลิ่ง ณ สถานีวัดน้ำ M.7 อ.วารินชำราบ ภายใน 20-25 วัน ดูแลด้านสาธารณสุข คุณภาพน้ำ เส้นทางการจราจรทั้งทางบก และทางน้ำ รวมถึงความต้องการพื้นฐานของประชาชนประสบภัย. | พล.อ.ประยุทธ์ กำชับหน่วยงานต่างๆ เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง ด้านโฆษกรัฐบาล เผย เร่งระบายน้ำ สูบออกพื้นที่ท่วมขัง บรรเทาความเดือดร้อนชาวอุบลฯ | ข่าว,การเมือง | น้ำท่วม,น้ำท่วมอุบล,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,อุบลราชธานี,ระบายน้ำท่วม | https://www.thairath.co.th/news/politic/1660448 |
ภท.หวังพลังเงียบหนุน ปลื้มกระแสพรรคดี คาดได้เก้าอี้ ส.ส.ไม่ต่ำ 50 | เมื่อวันที่ 19 มี.ค.62 นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค นายเดชชาติ ปัทมภูวดล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ต้อนรับ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่เดินทางมาเข้าพบ เพื่อแสดงความขอบคุณและร่วมสนับสนุนนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงของพรรคภูมิใจไทย,โดย นายประพัฒน์ กล่าวว่า การเดินทางมายื่นข้อเสนอให้กับพรรรค 4 เรื่อง ได้แก่ 1. ตนอยากเห็นความคืบหน้าเรื่องกัญชาเสรี ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทย จึงขอเสนอเรื่องการวิจัยกัญชา กัญชง และกระท่อม อย่างเสรี ภายใต้กติกาที่กำหนด และระเบียบของกฎกระทรวงสาธารณสุขตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าและทัดเทียมอารยประเทศ เพราะเรื่องการวิจัยพัฒนาจะต้องไม่มีการปิดกั้น อีกทั้งกัญชาถือเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ และสามารถใช้รักษาโรคได้ ดังนั้นเราต้องทำการวิจัยให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น 2. เสนอเรื่องการสร้างเศรษฐกิจไม้ยืนต้น เช่น ไม้สัก ไม้ประดู่ รวมทั้งต้องมีกองทุนปลูกต้นไม้ โดยใช้งบประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยที่รัฐไม่ต้องออกค่าใช้จ่าย เพียงแต่อุดหนุนค่าส่วนต่างของดอกเบี้ยเท่านั้น 3. ขอให้โอนย้ายสภาเกษตรกรแห่งชาติ ออกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากปัจจุบันทำงานลำบาก จึงต้องการให้มีความเป็นอิสระ และ 4. เรื่องปาล์มน้ำมันที่ต้องพัฒนาเป็นพืชพลังงาน B20 และ B100 สำหรับใช้กับเครื่องจักรกลการเกษตร ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล ก็อยากให้สนับสนุนเรื่องเหล่านี้เช่นกัน,ด้าน นายสรอรรถ กล่าวว่า พรรคไม่มีปัญหากับข้อเสนอเหล่านี้ โดยเฉพาะการวิจัยพัฒนากัญชา เพราะสามารถทำได้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องปาล์มน้ำมันเป็นพืชพลังงานนั้น เป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้ว ขณะที่เรื่องกองทุนปลูกต้นไม้ พรรคจะรับไว้พิจารณา อะไรที่เป็นประโยชน์กับเกษตรกร พรรคจะให้ความร่วมมือและผลักดัน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและประโยชน์ ไม่ว่าในอนาคตพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรครัฐบาลหรือไม่ก็ตาม,เมื่อถามถึงหมัดเด็ดของพรรคภูมิใจไทย ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง นายสรอรรถ กล่าวว่า พรรคจะดำเนินการแบบดาวกระจาย โดยให้แกนนำพรรคไปเคาะประตูบ้านเพื่อพบปะประชาชน ซึ่งในวันที่ 23 มี.ค.จะมีการปล่อยคาราวานรถแยกไปตามเส้นทางต่างๆ ใน กทม. 4-5 เส้นทาง ก่อนที่ต้องจบการหาเสียงในเวลา 18.00 น. จึงต้องช่วงชิงและนำเสนอตัวต่อพี่น้องประชาชน เพื่อเป็นพรรคทางเลือก โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกชัดเจนแล้วว่า พรรคเราจะอยู่เหนือความขัดแย้ง พร้อมประสานขั้วต่างๆ ซึ่งในอนาคตจะมีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เราต้องไม่ทำให้เกิดความแตกแยก และทำงานร่วมกับทุกพรรคการเมืองได้ ดังนั้นถ้าไม่อยากเห็นความขัดแย้ง ขอให้ประชาชนเลือกพรรคภูมิใจไทย,เมื่อถามถึงข้อท้วงติงจากฝ่ายการเมือง ถึงการลงพื้นที่ในช่วงใกล้วันเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ว่า เป็นการหาเสียงให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสรอรรถ กล่าวว่า เราไม่ได้วิตกกังวล และอีกไม่กี่วันจะถึงวันเลือกตั้งแล้ว คิดว่าการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่มีผลอะไร เราไม่วิตกเรื่องคนอื่น แต่จะทำเรื่องตัวเองให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนให้ความสำคัญมาก เราคาดหวังว่าพลังเงียบจะสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย และตอนนี้กระแสพรรคเราดีกว่าการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา คาดว่าจะได้ที่นั่ง ส.ส.มากกว่าเดิม และคิดว่าไม่น้อยกว่า 50 ที่นั่ง แต่ทั้งหมดอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน,เมื่อถามถึงกรณี 5 พรรคการเมือง ร่วมประกาศพันธสัญญาลานโพธิ์ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 และยุทธศาสตร์ชาติ นายสรอรรถ กล่าวว่า พรรคจะยึดเรื่องปากท้องพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ เรื่องที่พูดกันนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้ตัวเอง ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สามารถทำได้ทันที ต้องใช้ระยะเวลา และแนวทางการแก้ไขลำบากมาก เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก หากเราพะวงแต่เรื่องนี้ ปัญหาปากท้องของประชาชนจะไม่ได้รับการแก้ไข | สรอรรถ รับข้อเสนอสภาเกษตรกรฯ ขยายวิจัยกัญชา-ตั้งกองทุนไม้ยืนต้น พร้อมย้ำหมัดเด็ดโค้งสุดท้ายเลือกตั้งของ ภูมิใจไทย ดำเนินการแบบดาวกระจาย | เลือกตั้ง | เลือกตั้ง62,หาเสียง,ภูมิใจไทย,สรอรรถ กลิ่นประทุม,เลือกตั้ง | https://www.thairath.co.th/news/politic/1523520 |
แม่น้องพลอย ขอตร.คุ้มกัน ออกหมายจับไอ้เอส สอบเอาผิด2เมีย-พ.อ. | ขณะที่ผู้กำกับโรงพักท่าเรือระบุ แม่เหยื่อแจ้งให้ดำเนินคดี พ.อ.และเมียทั้ง 2 คนของผู้ต้องหาแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด,สังคมยังเฝ้าจับตาคดีดังจะยังมีผู้อื่นอยู่เบื้องหลังหรือไม่ กรณีนางพัชรี ปั้นทอง อายุ 51 ปี มารดา น.ส.พลอยนรินทร์ หรือพลอย ผลิผล อายุ 25 ปี เข้าแจ้งตำรวจ สภ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ว่าลูกสาวถูกนายพลกฤต หรือเอส วิเศษ อายุ 29 ปี อดีตแฟนหนุ่มและอดีตทหารยศสิบเอก สังกัดศูนย์การทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี อุ้มตัวขึ้นรถเก๋งหายไปตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.57 ตลอดเวลากว่า 3 ปี คดีไม่มีความคืบหน้า ตำรวจอ้างว่านายพลกฤตหลบหนีไม่ทราบที่อยู่ กระทั่งนางพัชรีได้เข้าร้องเรียนสำนักนายกรัฐมนตรี และส่งเรื่องให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ดำเนินการ นำกำลังไล่ล่ากดดันจนนายพลกฤตยอมมอบตัวกับทหารพร้อมสารภาพว่า ได้ฆ่าน้องพลอยไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน นำศพไปเผาทิ้งในป่าเขากะบุด ริมถนนสายแสลงพัน-แก่งคอย หมู่ 2 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งคำให้การของผู้ต้องหาสอดคล้องกับคดีพบโครงกระดูกผู้หญิงถูกฆ่าเผาเมื่อปลายปี 57,ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ส.ค. พล.ต.ต.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ ผบก.ภ.จ.สระบุรี เรียกประชุมตำรวจผู้เกี่ยวข้องด้านคดี เพื่อแบ่งงานรวบรวมหาข้อมูลหลักฐานและพยานในคดีฆาตกรรม น.ส.พลอยนรินทร์ หรือพลอย ผลิผล ภายหลังจากที่นายพลกฤต วิเศษ ผู้ต้องหา รับสารภาพว่าฆ่าเผาน้องพลอยในพื้นที่ อ.แก่งคอย และผลตรวจดีเอ็นเอโครงกระดูกที่พบในป่าเขากะบุด ริมถนนสายแสลงพัน-แก่งคอย หมู่ 2 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 5 พ.ย.57 ตรงกับดีเอ็นเอของพ่อแม่น้องพลอย เพื่อเตรียมขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสระบุรี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหาซ่อนเร้น ปิดบัง อำพรางทำลายศพ,พล.ต.ต.ชัยรัตน์เปิดเผยว่า หลังจากตำรวจได้ทราบผลตรวจดีเอ็นเอของ น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล นางพัชรี ปั้นทอง และนายวิชา ผลิผล ทั้ง 3 คนพ่อแม่ลูกตรงกันอย่างไม่เป็นทางการ วันนี้ได้เรียกประชุมตำรวจ 2 โรงพัก คือ สภ.แก่งคอย และ สภ.หินซ้อน เพื่อแบ่งงานในการเร่งรัดทำสำนวนคดี รวมทั้งเร่งรวบรวมหาหลักฐานและพยานเพื่อขอหมายอนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสระบุรี ถ้าศาลฯอนุมัติหมายออกมา ตำรวจจะนำหมายศาลเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหากับนายพลกฤต ผู้ต้องหาที่ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ มทบ.11 ต่อไป ส่วนเรื่องผลดีเอ็นเอ ยังต้องรอเอกสารยืนยันอย่างเป็นทางการจากสถาบันนิติเวชก่อน หากได้รับมาแล้วจะเร่งดำเนินการทันที,ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 10.20 น. วันเดียวกัน นางพัชรี ปั้นทอง พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความ นำกระเช้าของขวัญและช่อดอกไม้ มามอบให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายเพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็วและแจ้งรายละเอียดให้ดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยหลังมอบกระเช้า นางพัชรีได้โผเข้ากอด พล.ต.ต.สุทธิ พร้อมกล่าวคำขอบคุณและร่ำไห้ด้วยความซาบซึ้งใจที่ช่วยคลี่คลายคดีจนสำเร็จ,นางพัชรีกล่าวว่า ไม่เชื่อว่านายพลกฤตจะกระทำเพียงคนเดียว เพราะได้ไปดูที่เผาศพแล้วพบว่ามีความยากลำบากในการเดินทางและเป็นสถานที่เปลี่ยว คาดว่าต้องมีคนร่วมลงมือมากกว่า 2 คน ต้องการให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกคน โดยต้องการให้ดำเนินคดีกับนายพลกฤตในข้อหาเจตนาฆ่า ปิดบังอำพรางซ้อนเร้นศพ ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการให้ดำเนินคดีในข้อหาให้ที่พักอาศัยกับผู้ต้องหาและพาผู้ต้องหาหลบหนี แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะแจ้งดำเนินคดีกับใครบ้าง ต้องรอผลตรวจพิสูจน์จากตำรวจก่อน อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณตำรวจและสื่อมวลชนที่ช่วยกันเสนอข่าวจนจับกุมผู้ต้องหาได้ สำหรับพยานหลักฐานที่ตนรวบรวมไว้ได้ให้ตำรวจไปหมดแล้ว พร้อมกันนี้ได้ร้องขอให้ตำรวจช่วยคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของตนด้วย เนื่องจากขณะนี้มีบุคคลลึกลับคอยติดตามทำให้รู้สึกหวาดกลัว,พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่การดำเนินคดีที่ล่าช้าเนื่องจากผู้ต้องหามีความรู้ด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างดี สามารถหลบหลีกการติดตามของเจ้าหน้าที่ได้ตลอด หลังจากที่ตนรับเรื่องร้องเรียนจากนางพัชรี ปั้นทอง เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เรียกพนักงานสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบถามข้อมูลจนสามารถติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 13 วัน ตามที่รับปากกับนางพัชรีไว้,ส่วนความคืบหน้าด้านคดี พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ แสนวงศ์สิริ ผกก.สภ.ท่าเรือ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ได้รับแจ้งจากนางพัชรี ปั้นทอง ให้ดำเนินคดีกับ พ.อ. นายทหารนอกราชการคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับนายพลกฤต หรือเอส วิเศษ รวมทั้งภรรยาของนายพลกฤตทั้ง 2 คน ขณะนี้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อหาดำเนินคดีในมาตรา 189 ช่วยเหลือให้ที่หลบซ่อนคนร้าย ซึ่งคนร้ายได้ก่อเหตุนอกพื้นที่ สภ.ท่าเรือ จึงต้องส่งหลักฐานให้แต่ละพื้นที่ดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ สภ.หินซ้อน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี อยู่ระหว่างเสนอศาลออกหมายจับนายพลกฤตในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้ว,เย็นวันเดียวกัน พล.ต.ต.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ ผบก.ภ.จ.สระบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดสระบุรี อนุมัติหมายจับนายพลกฤต หรือเอส วิเศษ ผู้ต้องหาฆ่า น.ส.พลอยนรินทร์ หรือพลอย ผลิผล ใน 2 ข้อกล่าวหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และซ่อนเร้นปิดบังอำพรางศพ จากนี้ตำรวจ สภ.แก่งคอยจะนำหมายศาลเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหากับนายพลกฤตต่อไป ส่วนจะรับตัวจากเจ้าหน้าที่ทหารกลับมาดำเนิน คดีที่ สภ.แก่งคอยได้ทันทีหรือไม่นั้น จะต้องรอคำสั่งการจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงก่อน เนื่องจากคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชนและสังคม | แม่น้องพลอย หอบกระเช้าเข้าขอบคุณผู้การฯอยุธยาทั้งน้ำตา ย้ำไม่เชื่อ ไอ้เอส จะลงมือเพียงลำพังวอนตำรวจดำเนินคดี ผู้เกี่ยวข้องให้ที่พักพิงและช่วยให้หลบหนี แถมร้องขอความคุ้มครองหลังมีบุคคลลึกลับเฝ้าติดตาม | ข่าว,อาชญากรรม | อุ้มฆ่า,อุ้มฆ่าน้องพลอย,สิบเอกอุ้มน้องพลอย,ออกหมายจับ,ข่าวหน้า1,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1039199 |
โบว์-น้องมะลิ บอกลา ก่อน ปอ สิ้นลม | หมอสุดยื้อ-โรคแทรก หลังรักษาตัวนาน 70 วันเคลื่อนศพกลับบุรีรัมย์ คนบันเทิง โพสต์อาลัย,สุดยื้อ ในที่สุดพระเอกดัง ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์ ก็จากไปอย่างสงบ หลังป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกรุนแรงเข้าขั้นวิกฤติ นอนรักษาตัวมา 2 เดือนเศษ ผอ.รพ.รามาฯ เผยสาเหตุที่ทำ ให้พระเอกดังเสียชีวิตมาจากโรคแทรกซ้อน จนยาที่ใช้รักษาไม่สามารถ ช่วยได้ ยืนยันไปแบบไม่ทรมาน และเรียกครอบครัวมากล่าวลาข้างเตียงจนถึงวินาทีสุดท้าย ด้านครอบครัวสหวงษ์ เคลื่อนศพ ปอ จาก รพ.กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดบุรีรัมย์ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติมิตร คนในวงการบันเทิง แฟนคลับ ร่ำไห้ระงม,หลังจากเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี มากว่าสองเดือน และมีข่าวลือออกมาในโลกออนไลน์เป็นระยะว่า พระเอกดัง ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์ เสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 ม.ค. ก็มีข่าวที่ช็อกประชาชนและแฟนคลับทั่วประเทศ เมื่อ รพ.รามาธิบดี ออกแถลงการณ์พระเอกหนุ่มเสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ,ทั้งนี้ที่หออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติโรคหัวใจ (CCU) ชั้น 9 อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งแต่เช้าวันที่ 18 ม.ค. ยังคงมีเหล่าแฟนคลับและผู้ที่ชื่นชอบในผลงานการแสดงของ ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์ ดาราชื่อดัง ที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกอย่างรุนแรง เดินทางมาสอบถามอาการและให้กำลังใจครอบครัวสหวงษ์ด้วยความเป็นห่วง โดยมีนางพิสมัย สหวงษ์ แม่ปอ นางแวนด้า หรือโบว์ สหวงษ์ ภรรยา พร้อมด้วยน้องมะลิ ด.ญ.พาขวัญ สหวงษ์ ลูกสาววัย 2 ขวบ รวมทั้ง อาน้ำอ้อย นายศรมนตรา พิชัยศรแผลง ผู้จัดการส่วนตัวพระเอกหนุ่ม คอยเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยช่วงสายทีมแพทย์ที่ให้การรักษา นำโดย นพ.มารุต จันทรา ผู้เชี่ยวชาญเวชบำบัดวิกฤติ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ เข้ามาตรวจในห้องซีซียู ก่อนออกมาพูดคุยสรุปอาการให้ญาติได้ฟัง,จากนั้นเวลา 10.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จู่ๆเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้นำแผ่นพลาสติกมาปิดกั้นบริเวณทางเดินหน้าห้องซีซียู และแจ้งสื่อมวลชนที่รอทำข่าวเพียงว่าจะมีการเคลื่อนย้ายคนไข้ในห้องดังกล่าวออกไป พร้อมกับให้ผู้สื่อข่าวย้ายออกไปที่หน้าลิฟต์อีกด้านหนึ่งเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย แต่ไม่นานนักก็เกิดกระแสข่าวลือออกมาในโลกออนไลน์ว่า ปอ-ทฤษฎี เสียชีวิตแล้ว ซึ่งสื่อส่วนใหญ่ที่เฝ้าติดตามทำข่าวอาการป่วยของปอยังคิดว่าเป็นข่าวปลอมที่ผู้ไม่หวังดีเคยปล่อยข่าวแบบนี้มาก่อนหน้าหลายครั้ง,และในเวลา 13.00 น. พี่เลี้ยงได้นำน้องมะลิ ลูกสาวปอ ที่เข้าไปในห้องซีซียูในช่วงสาย ออกมาเล่นหยอกล้อกับผู้สื่อข่าวได้บันทึกภาพความน่ารักน่าเอ็นดูของน้องมะลิเหมือนเช่นทุกวัน กระทั่งเวลา 14.19 น. นายน้ำอ้อย พร้อมด้วย นพ.มารุตเข้าไปในห้องซีซียูอีกครั้ง และไม่นานนักก็มีการส่งต่อข้อความผ่านโซเชียลมีเดียจากผู้ที่อ้างว่าเป็นของครูโรงเรียนไตรภูมิวิทยา ระบุนางพิสมัย สหวงษ์ มารดาของปอ โทรศัพท์บอกเพื่อนครูโรงเรียนไตรภูมิวิทยาว่า ลูกชายจากไปแล้ว รวมถึงขอให้เพื่อนครูช่วยจองศาลาวัด จึงเหมือนเป็นการยืนยันว่า ปอ-ทฤษฎี ได้เสียชีวิตจริง,อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ น้องมะลิ เดินทางถึง รพ.ในช่วงสายนั้น คาดว่ามีการเรียกครอบครัวทุกคนเข้าไปดูใจ ปอ เป็นครั้งสุดท้าย โดยเมื่อ น้องมะลิ เข้าไปในห้องซีซียูก็จะเรียกหา พ่อปอ เหมือนเช่นทุกครั้ง ก่อนที่พี่เลี้ยงจะอุ้ม น้องมะลิ ออกมาทักทายกับสื่อมวลชนเหมือนปกติ,กระทั่งเวลา 14.25 น.ทางโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ออกประกาศฉบับที่ 19 เรื่อง ชี้แจงอาการป่วยของ ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์ สรุปอาการและความคืบหน้าอาการป่วยจากไข้เลือดออกของนายทฤษฎี สหวงษ์ หรือปอ ตามที่ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.2558 ด้วยปัญหาไข้เลือดออกชนิดรุนแรง ทำให้เม็ดเลือดขาวถูกกระตุ้นอย่างมากจนทำลายเซลส์เม็ดเลือดอื่นๆ และมีภาวะตกเลือดอย่างมากในช่องเยื่อหุ้มปอดซ้าย ส่งผลให้ระบบหายใจล้มเหลว ภาวะตับวาย และภาวะไตวายเฉียบพลัน จำเป็นต้องให้การรักษาโดยการฟอกไตเทียม ใช้เครื่องพยุงการทำงานของปอดและหัวใจ และผ่าตัดเพื่อหยุดเลือดออกในช่องเยื้อหุ้มปอดซ้าย ระหว่างอยู่รักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยมีอาการแทรกซ้อนสำคัญเพิ่มเติมหลายประการได้แก่ภาวะหลอดเลือดแดงอุดตันที่ขา จำเป็นต้องตัดขาซ้าย ปอดทั้งสองข้างติดเชื้อและมีลมรั่วในเยื่อหุ้มปอดด้านซ้าย จำเป็นต้องผ่าตัดปอดซ้ายออก มีเลือดออกซ้ำๆ ในกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่มาโดยตลอด จำเป็นต้องส่องกล้องและผ่าตัดเพื่อหยุดเลือดออกเป็นระยะๆ ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2559 เป็นต้นมา ภาวะปอดขวาที่ติดเชื้อลุกลามขึ้น ทำให้อาการผู้ป่วยทรงกับทรุดมาโดยตลอด จนไม่ตอบสนองต่อการรักษาและถึงแก่กรรมอย่างสงบในวันที่ 18 ม.ค.2559 เวลา 11.50 น. ทางโรงพยาบาลจึงแจ้งมาให้ทราบทั่วกันและขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวสหวงษ์มา ณ ที่นี้ด้วย,ด้าน รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผอ.โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาถึงการเสียชีวิตของ ปอ-ทฤษฎี ที่เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของโรคไข้เลือดออกว่า สำหรับสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นมาจากภาวะแทรกซ้อนของโรค โดยมีอาการรุนแรง ซึ่งที่ผ่านมาภูมิต้านทานของผู้ป่วย รวมทั้งยาที่ทำการรักษายังไม่สามารถช่วยได้ เรียกว่า ไม่ตอบสนองต่อการรักษาเลย ทำให้ร่างกายฟื้นตัวไม่ทัน ประกอบกับช่วงหลังมีการอักเสบของปอด และพบปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงเมื่อผู้ป่วยเหลือปอดข้างเดียว คือข้างขวา และตัวปอดเองนอกจากเกิดการอักเสบแล้ว ก็ยังมีภาวะเลือดออกอีก ซึ่งไม่ขอลงในรายละเอียด แต่ทั้งหมดเป็นที่มาของอวัยวะหลายๆอย่างล้มเหลว ไม่ตอบสนองต่อการรักษา สำหรับช่วงวิกฤตินั้นพบว่าช่วง 1-2 วัน อาการผู้ป่วยทรุดมาก โดยแพทย์ได้ระดมผู้เชี่ยวชาญหลายๆส่วนช่วยกันดู รวมทั้งปรึกษากับครอบครัวว่า ภาวะขณะนี้ไม่ไหวแล้วคงต้องยอมรับ ทางครอบครัวก็ร่วมกันตัดสินใจว่าคงไม่สามารถฝืนอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งที่ช่วยกันต่อสู้มากว่า 2 เดือนเศษ โดยตลอดการรักษาที่ผ่านมา มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่ของปอ ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ คุณอา และภรรยา มีการฝ่าฟันอุปสรรค ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นระยะตลอด โดยพวกเราต้องร่วมกันตัดสินใจ เพราะหลายๆอย่างค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งแพทย์ได้ทำการรักษาอย่างเต็มที่,ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยมีสติรับรู้หรือไม่ รศ.นพ.สุรศักดิ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้สติยังรับรู้ แต่อยู่ในสภาพใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งหลายช่วงแพทย์ต้องให้ยาที่ทำให้คนไข้หลับ เพราะเวลาใส่ท่อหายใจจะไปบังคับการหาย ใจได้ อาจทำให้เกิดการต้านกัน ทางด้านวิชาการจึงต้องดูเป็นรายๆ ไป อย่างไรก็ตาม กรณีปอเสียชีวิตไม่ได้ทรมาน เพราะสติสัมปชัญญะค่อยๆลดลง และเสียชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้ก็รับรู้ และมีปฏิกิริยาตอบเป็นภาษากาย พยักหน้า ขยิบตา และในตอนท้ายก่อนที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิต ทีมแพทย์ได้ให้ครอบครัว โดยเฉพาะภรรยาและลูกสาว เข้าไปรอบเตียงผู้ป่วยและกล่าวลากัน ทั้งนี้ โรค ไข้เลือดออกเป็นสิ่งที่ต้องระวัง และป้องกันไว้ก่อนดีที่สุด ส่วนในกรณีปอโชคร้ายตรงเป็นซ้ำสอง จึงมีความรุนแรง,ต่อมาเวลา 14.45 น. นายน้ำอ้อย ผู้จัดการส่วนตัวปอ จึงได้ออกมาชี้แจงกับกองทัพสื่อที่รอติดตามข่าวถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของปอ-ทฤษฎี ด้วยใบหน้าเศร้าหมองดวงตาแดงก่ำเหมือนผ่านการร้องไห้ว่า ขอบคุณมากที่ทุกคนอุตส่าห์มา ปอเขาไปสบายแล้วเมื่อเวลา 11.50 น. เขาอยู่ที่นี่มา 70 วัน เขาสู้มาตลอดเราทราบดีว่า เขาสู้ ส่วนรายละเอียดการเคลื่อนศพในวันที่ 19 ม.ค. จะพาปอกลับไปที่บุรีรัมย์ ตั้งศพที่วัดกลาง ซึ่งเป็นบ้านเกิด ส่วนพิธีรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. สวดพระอภิธรรมเวลา 19.00 น. โดยจะสวดตั้งแต่วันอังคารที่ 19 ม.ค.ไปจนถึงวันเสาร์ที่ 23 ม.ค. และฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 24 ม.ค. ส่วนรายละเอียดอื่นๆจะแจ้งให้ทราบภายหลัง,ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง ผู้จัดการส่วนตัวปอ ที่พยายามข่มน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือตอบว่า เราพยายามเต็มที่ และทำใจรู้ว่าวันหนึ่งคงจะมาถึง ก็สู้กันมาตลอด ทนกันมาตลอด เขาไปสบายแล้วจริงๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่ดูแลปอมาหลายสิบปีมีอะไรอยากบอกปอหรือไม่ นายน้ำอ้อยตอบเพียงสั้นๆว่า ทุกอย่างบอกไปหมดแล้ว จากนั้นนายน้ำอ้อยขอตัวเดินกลับไปที่ห้องซีซียู,อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรามาฯ ได้นำร่างไร้วิญญาณของปอ-ทฤษฎี ออกจากห้องซีซียู ลงลิฟต์หน้าห้อง มาชั้นล่าง ก่อนนำขึ้นรถตู้ของโรงพยาบาล ไปเก็บไว้ในห้องสุดท้าย (ห้องดับจิต) ของโรงพยาบาล โดยมีนายสงวน นางพิสมัย พ่อแม่ปอ นางแวนด้า หรือโบว์ ภรรยา และญาติพี่น้อง ซึ่งอยู่ในอาการโศกเศร้าเดินทางมาด้วย ซึ่งทันทีที่ศพพระเอกดังมาถึงเจ้าหน้าที่ได้รีบนำเข้าไปภายในห้องทันที โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาล และประชาชนที่ทราบข่าว มายืนดูและร่วมส่งศพเป็นจำนวนมาก,จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่าในวันที่ 19 ม.ค. เวลา 08.00 น. ครอบครัวของพระเอกหนุ่มจะร่วมกันทำพิธีขอขมาศพ ก่อนเคลื่อนศพออกจากโรงพยาบาลรามาฯ กล้บบ้านเกิดที่ จ.บุรีรัมย์ ในเวลา 09.00 น. ซึ่งเมื่อถามเจ้าหน้าที่ประจำห้องสุดท้ายว่าจะต้องมีการชันสูตรศพปอหรือไม่ เจ้าหน้าที่คนเดิมบอกว่า ต้องรอคำสั่งจาก ผอ.รพ.รามาฯ เท่านั้น,ต่อมาเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรามาฯ ได้นำแผ่นพลาสติกที่ปิดกั้นที่บริเวณทางเดินเข้าห้องซีซียูออก หลังจากที่นำออกไป บรรดาผู้สื่อข่าวช่างภาพนับร้อยคนจากทุกสำนักข่าวก็ได้กรูกันเข้าไปหวังเก็บภาพครอบครัวสหวงษ์ แต่ปรากฏว่า ครอบครัวได้เก็บของต่างๆทั้งตุ๊กตา ดอกไม้ พระพุทธรูปที่มีคนนำมามอบให้ปอออกไปแล้ว ขณะที่หอผู้ป่วย 2 ชั้น 8 อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ โรงพยาบาลรามาฯ ซึ่งเป็นที่พักของครอบครัวสหวงษ์ใช้พักระหว่างที่ปอ รักษาตัว มีเหล่าบรรดาแฟนคลับที่สนิทเข้ามาแสดงความเสียใจกับนายน้ำอ้อยเป็นจำนวนมาก ส่วนครอบครัวสหวงษ์ รวมทั้ง น้องมะลิลูกสาวปอยังคงเก็บตัวอยู่ภายในห้อง โดยมีม่านผ้ากั้นไม่ให้มองเห็นด้านใน,ขณะที่ น.ส.รภัสลดา ทรัพย์สมบัติ แฟนคลับที่ใกล้ชิดพระเอกหนุ่ม กล่าวว่า ยังทำใจต่อการจากไปของปอไม่ได้ รู้ข่าวว่าปอทรุดลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เป็นห่วง โทรศัพท์สอบถามอาการกับนายน้ำอ้อย ทุกคนช่วยกันปลอบใจ ก่อนหน้านี้เหล่าเพื่อนๆ แฟนคลับเตรียมตัวจะจัดงานวันเกิดให้ปอในวันที่ 23 ม.ค. ที่จะถึงนี้ เตรียมทำเสื้อยืด สั่งเค้ก แต่ยังไม่ทันทำอะไร ปอมาจากไปเสียก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่า พ่อแม่ปอ เป็นอย่างไรบ้าง น.ส.รภัสลดาตอบว่า ครอบครัวสหวงษ์เข้มแข็งมาก อย่างโบว์รู้ว่าอาการปอทรุดลงตั้งแต่เมื่อวาน จนถึงบัดนี้ยังไม่ได้กินข้าวเลย จากนี้ทุกคนต้องทำใจและต้องอยู่กับมันให้ได้ ทุกคนทำดีที่สุดแล้ว อยากจะบอกปอเป็นครั้งสุดท้ายว่า ทุกคนรักปอมาก ไม่ต้องห่วงหลับให้สบาย,เวลา 18.25 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางแวนด้าหรือโบว์ ภรรยาของปอ-ทฤษฎี ได้เดินทางมาที่ชั้น 8 อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยโบว์สวมชุดเสื้อยืดคอโปโลสีดำ กางเกงดำ มีหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก แต่ก็ยังพอทำให้เห็นสีหน้าของโบว์ว่าค่อนข้างนิ่ง และทันทีที่ได้เห็นหน้า น้องมะลิ ลูกสาว ก็โผเข้าไปกอดและหอมแก้มลูกสาวที่ยังคงวิ่งเล่นซุกซนอย่างไร้เดียงสาอยู่บริเวณหน้าห้อง โดยพบว่า น้องมะลิ มีท่าทางงอแงกว่าทุกวันที่ผ่านมา จนพี่เลี้ยงต้องนำของเล่นมาหลอกล่อ รวมทั้งมีแฟนคลับที่ใกล้ชิดกับครอบครัวปอจำนวนหนึ่งคอยดูแลอยู่ตลอด,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประกาศของโรงพยาบาลแพร่สะพัดออกไป ทำให้แฟนคลับจำนวนมากพากันเดินทางมาที่หน้าห้องซีซียู บางรายถึงกับร่ำไห้ที่จู่ๆ ก็ต้องสูญเสียพระเอกหนุ่มอันเป็นที่รักอย่างไม่มีวันกลับ โดยนางสมพิศ บุญรักษา หนึ่งในแฟนคลับกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ไม่เคยคาดคิดเลยว่า ไข้เลือดออกจะทำให้ปอต้องเสียชีวิต ก่อนหน้านี้ติดตามผลงานมาโดยตลอด และเสียใจมากที่ปอต้องจากไปก่อนเวลาอันควร ขอให้ดวงวิญญาณของปอจงไปสู่สุคติด้วยเถอะ ด้าน น.ส.ปิยมาศ วัฒนาพร กล่าวว่า หลังรู้ข่าวตกใจมากติดตามเขามาตลอด ตั้งแต่พี่ปอป่วย ตอนแรกก็คิดว่าดีขึ้น รู้สึกสงสารมะลิกับโบว์ ภรรยาปอมาก ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวพี่ปอ ให้คิดซะว่าพี่ปอไปดีแล้ว ตนเสียดายพระเอกคนนี้มาก ชอบตั้งแต่เรื่องผู้ใหญ่ลี พี่ปอเป็นพระเอกอารมณ์ดีไม่ถือตัว เสียดายมาก ขณะที่น้องเต้ย พนักงานซีพีเฟรชมาร์ท กล่าวว่า ติดตามข่าวอาการป่วยของปอมาตลอด พอมาวันนี้ทราบข่าวก็รู้สึกใจหาย ก่อนหน้านี้มีลูกค้ามาถามก็ยังบอกเขาไปว่าข่าวลือ แต่พอรู้ว่าพี่ปอเสีย ก็แทบช็อก เพราะก่อนหน้านี้ดูจากข่าวอาการของแกดูเหมือนจะดีขึ้นแล้ว พูดคุยกับลูกกับภรรยาได้ แต่พอมาเป็นอย่างนี้ถือเป็นเรื่องเศร้ามาก ตนเป็นแฟนคลับของพี่ปอชื่นชอบผลงาน ต้มยำลำซิ่ง พ่อปลาไหล รู้สึกเสียใจมาก,นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่สภากาชาดไทยกรณีที่ปอ-ทฤษฎีได้ บริจาคดวงตาไว้ที่ศูนย์บริจาคดวงตา สภากาชาดไทย ว่ากรณีของปอ-ทฤษฎี สภากาชาดไทยไม่สามารถเอาดวงตาของปอไปให้กับคนไข้รายอื่นได้ แม้ว่าจะมีความประสงค์ที่ดีก็ตาม เนื่องจากปอ-ทฤษฎี มีสภาวะการติดเชื้อ ตามหลักการแล้วหากนำดวงตาไปให้คนอื่น จะทำให้คนที่รับดวงตาติดเชื้อไปด้วย ที่ผ่านมามีผู้บริจาคดวงตาและอวัยวะหลายคน ไม่สามารถนำไปใช้ได้ เพราะมีการติดเชื้อ และญาติไม่ได้โทรศัพท์แจ้งให้สภากาชาดทราบทันที เพราะต้องไปเก็บดวงตาภายใน 6 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีผู้บริจาคดวงตาลดน้อยลง แต่มีผู้รอรับการผ่าตัดเปลี่ยนดวงตามากถึง 8 พันคน,ด้านความรู้สึกของคนในวงการบันเทิง หลังทราบข่าวการจากไปของพระเอกคนดัง ก็พร้อมใจกันแสดงความไว้อาลัย แสดงความเสียใจ และให้กำลังใจครอบครัวสหวงษ์ โดยนางภัทรภร วรรณภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีวี ธันเดอร์ ผู้จัดละครเรื่อง สาวน้อยร้อยล้าน ที่กำลังออนแอร์ทางช่อง 3 อยู่ขณะนี้ กล่าวว่า เมื่อได้ยินข่าวก็ตกใจและเสียใจ แต่ต้องยอมรับความจริงว่าปอเขาอยู่กับเราไม่ได้จริงๆ ที่ผ่านมาตนได้ไปเยี่ยมปอมา 2 ครั้งล่าสุดก็ไปสวัสดีปีใหม่กับครอบครัวของปอ ยังเห็นสมาชิกครอบครัวปอทุกคนสภาพจิตใจดีมาก เพราะได้รับกำลังใจจากทุกคนที่เอาใจช่วย สำหรับเรื่องหลังจากนี้ตนจะเดินทางไป รพ.รามาฯเพื่อส่งศพปอในตอนเช้าวันที่ 19 ม.ค. ส่วนงานที่บุรีรัมย์คิดว่าจะเดินทางไปร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม ได้ยินข่าวว่านายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย รองกรรมการผู้จัดการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จะเป็นตัวแทนช่องเดินทางไปเป็นประธานงานสวดพระอภิธรรมศพของปอที่บุรีรัมย์,ด้าน เมญ่า-นนทวรรณ ทองเหล็ง มิสไทยแลนด์เวิลด์ปี 2014 ที่แสดงคู่กับ ปอ-ทฤษฎี ในละครเรื่องสาวน้อยร้อยล้าน ได้โพสต์ภาพถ่ายคู่กับปอในอินตาแกรมของเมญ่า maeyagirl พร้อมเขียนข้อความอาลัย และต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ เมญ่าได้กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวสหวงษ์ด้วย ตอนที่ทราบข่าวสติแทบไม่อยู่กับตัว เพราะว่าคืนก่อนที่พี่ปอจะเสีย ตนฝันว่าพี่ได้ส่งข้อความขอโทษเข้ามาไลน์กลุ่ม เกี่ยวกับเรื่องอะไรสักอย่าง ตอนนั้นรู้สึกเหมือนคาบเกี่ยวระหว่างความฝันกับความจริง ไม่คิดว่าฝันครั้งนี้เหมือนเป็นสัญญาณจากลา หากได้ทำอะไรเพื่อให้พี่ปอกลับมามีชีวิตก็จะทำ ก่อนหน้านี้หลายเดือน ตนได้ไปไหว้ศาลเจ้าแห่งหนึ่งใน จ.ระนอง ตนขับรถไป 5-6 ชั่วโมงกว่า เพื่อไหว้ขอพรต่ออายุขัยพี่ปอ สำหรับการร่วมงานกับพี่ปอ ครั้งแรกพอรู้ว่าจะเล่นละครด้วยกัน ก็รู้สึกตื่นเต้น พี่ปอถือเป็นพระเอกทั้งในจอและนอกจอ คอยให้คำแนะนำเรื่องการแสดงอยู่เสมอ และให้กำลังใจตลอด หากมีเรื่องใดที่รู้สึกไม่ยุติธรรมต่อน้องๆ พี่ปอก็จะออกมาปกป้องตลอด และเป็นคนที่มีจิตใจดี มีครั้งหนึ่งที่ไปถ่ายละครที่บ้านยายคำ เป็นช่วงที่พี่ปอคิวว่าง ตอนนั้นมีคุณยายกำลังขุดดิน พี่ปอก็เข้าไปแย่งจอบเพื่อจะมาขุดแทน,ด้านแพท-ณปภา ตันตระกูล นักแสดงสาวที่เคยร่วมงานกับปอเป็นคนแรก เมื่อครั้งเข้ามาอยู่ในชายคาช่อง 3 ก็ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยเมื่อบอกข่าวร้าย แพทก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนยอมรับว่าตกใจกับข่าวนี้มาก และเสียใจ เพราะพี่ปอเป็นคนดี ดีมากๆด้วย เราผูกพันกันมานับ 10 ปี ตั้งแต่เล่นละครเรื่องลิขสิทธิ์หัวใจทางช่อง 3 ซึ่งตอนนั้นตนเพิ่งอายุได้ 19 ปี ตอนนี้ตนอายุ 30 ปีแล้ว พี่ปอเป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง เจอหน้าครั้งใดก็จะทักทายด้วยความสนิทสนม เพราะเราทั้งคู่มีนิสัยติดดินเหมือนกัน พี่เขาจากพวกเราไปเร็วมาก เสียดายคนดีๆอย่างนี้ โดยก่อนหน้านี้ตนไปเยี่ยมพี่ปอที่ รพ.มาครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่เพิ่งย้ายมาได้ 1 อาทิตย์ ยังได้มีโอกาสเข้าไปในห้องได้เห็นพี่ปอด้วย ตอนนั้นพี่ปอยังมีน้ำมีนวลอยู่เลยเหมือนคนนอนหลับธรรมดา เพียงแต่มีสายระโยงระยางเท่านั้น หลังจากนั้นเป็นต้นมาเมื่อตนทำบุญครั้งใดก็จะอนุโมทนาบุญให้พี่ปอตลอด อธิษฐานขอให้บุญกุศลช่วยให้พี่ปอหายป่วย แต่ก็รู้ว่าพี่ปอสู้มาตลอด ขอให้ดวงวิญญาณพี่ปอไปสู่สุคติ หลังจากทราบข่าวตนก็ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังช่อง 3 เพื่อทราบรายละเอียดของงานศพ ซึ่งจะเคลียร์วันเพื่อไปร่วมงานต่อไป,ส่วน เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ซุปเปอร์สตาร์เมืองไทย เผยความรู้สึกว่า ขอแสดงความเสียใจกับคุณพ่อคุณแม่และครอบครัวของน้อง และแฟนๆ ของน้องทุกคนนะครับ พวกเราได้แต่ทำบุญให้และทำดีให้ปอ อีกอย่างเราต้องไม่ประมาทในวันเวลาที่เรามีชีวิตอยู่ อะไรที่เราระแวดระวังได้ก็ต้องระวังโรคร้ายต่างๆ มารอบตัว ให้ดูปอเป็นตัวอย่าง ถือว่าปอเป็นครูสอนเราให้เราควรจะระวังตัวอย่างไร อะไรเล็กๆ น้อยๆรอบตัว เพราะยุงตัวเดียวทำให้เราเสียชีวิตได้ ทำให้เราสูญเสียปอไป ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว พี่เบิร์ดจะสวดมนต์ให้ครับ,ขณะที่ จิ๊ก-เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ นักแสดงรุ่นพี่ที่เคยตกเป็นข่าวเมื่อปีกลายกรณีเพจปลอมนำภาพขณะแต่งหน้าศพคนอื่นมาใส่แล้วระบุว่าเป็น ศพปอ กล่าวว่า ตนรู้เสียใจเพราะปอเป็นน้องที่ทุกๆ คนรัก เป็นคนที่น่ารักมาก ตนและเพื่อนๆทุกคน ก็อยากจะเห็นปอเป็นครั้งสุดท้าย และจะเดินทางไปแต่งหน้าให้ปอ ที่ รพ.รามาฯ พร้อมกันนี้ก็ได้ให้กำลังใจครอบครัวของพระเอกหนุ่มว่า ทุกอย่างเราต้องก้าวเดินไปให้ได้,ขณะที่ในสื่อโซเชียลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอจีของคนในวงการบันเทิงและเพื่อนดารา อาทิ เคน-ภูภูมิ เอมี่ กลิ่นประทุม พจน์-อานนท์ พอร์ช-ศรัณย์ ใหม่-ดาวิกา หนุ่ม-คงกระพัน เจ-เจตริน เบลล่า-ราณี แก้ว-อภิรดี ฯลฯ ต่างพร้อมใจขึ้นภาพพระเอก ปอ-ทฤษฎี เป็นรูปขาวดำ และเขียน R.I.P.2521-2559 และคำไว้อาลัยพระเอกหนุ่มกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวสหวงษ์ ขอให้ปอไปสู่สุคติ ขอให้หลับให้สบาย ขณะที่ บุ๋ม-ปนัดดา ก็ได้โพสต์ภาพ ปอ นอนหลับมี น้องมะลิ ลูกสาวอยู่ในอ้อมกอด และโพสต์ข้อความว่า ขอให้น้องปอไปสู่สุคติ พวกเราจะทำความดีและจะช่วยดูแลมะลิให้นะน้องรัก พี่รักน้องมาก ดีใจที่ได้ร่วมงานกันมาแม้แต่เรื่องล่าสุดที่เราลุยยุงกันมา น้องสู้ถึงที่สุดแล้ว ขอให้น้องไปสบายนะ R.I.P. เช่นเดียวกับในเฟซบุ๊กของนายแบงก์ หมอดูที่เคยทัก เรื่องเจ้ากรรมนายเวรของปอว่าชื่อคุณมัด ก็ยังโพสต์ข้อความอโหสิกรรม และขอให้ไปสู่สุคติ หลังสื่อออกข่าวการเสียชีวิตของปอ,ขณะที่ในเฟซบุ๊กของนางกรุณา ชิดชอบ หรือ ซ้อต่าย ภรรยานายเนวิน ชิดชอบ ผู้บริหารสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สนิทชิดเชื้อกับ ปอ-ทฤษฎี มายาวนานได้โพสต์ข้อความไว้อาลัยปอ-ทฤษฎีว่า อาลัยพระเอกตัวจริงของเรา หลับให้สบายนะปอ พร้อมแสดงความชื่นชมในสิ่งที่ปอเคยทำให้คนในครอบครัวและรอบข้าง การจากไปของปอ นับเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของครอบครัวสหวงษ์และครอบครัวบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งนี้ นางกรุณา ซึ่งแทนตัวเองว่า อาต่าย ยังระบุด้วยว่า อาต่ายอยากจะให้ปอ หลับให้สบาย ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลกับมะลิ และโบว์ อาต่ายกับอาเนวิน จะดูแลให้ทุกๆเรื่อง อะไรที่อาต่ายช่วยได้ ทำได้ อาต่ายจะทำให้ทันที,ส่วนที่ จ.บุรีรัมย์ ผศ.เกรียงศักดิ์ ชูสุวรรณ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ดร.เชาว์ การวิชา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของ ผศ.สงวน สหวงษ์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์และเป็นบิดาของ ปอ-ทฤษฎี ได้เดินทางมาที่วัดกลางพระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อติดต่อจองศาลาวัดสำหรับประกอบพิธีรดน้ำศพและสวดพระอภิธรรมศพของ ปอ-ทฤษฎี โดยจองศาลา 2 ชื่อศาลาธรรมานุภาพไว้เรียบร้อยแล้ว โดย ผศ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์รับดำเนินการเรื่องจัดเตรียมศาลาและสถานที่เพื่อรอรับศพของปอ ขณะที่พระครูใบฎีกาทองคืน สุทธฺปญฺโญ พระลูกวัด วัดกลางพระอารามหลวง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลศาลา 2 กล่าวว่า หลังจองศาลาทางวัดพร้อมกับญาติของปอได้ช่วยกันทำความสะอาดและจัดเตรียมสถานที่ไว้รอแล้ว,ขณะเดียวกันเพื่อนของปอ สมัยที่เรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลมาด้วยกัน นำโดยนายอนุสรณ์ เหลืองชัยศรี นักธุรกิจเจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.บุรีรัมย์ นายชิษณุพงศ์ รัตนบรรณกิจ นายยุทธชัย พงศ์พณิช รองนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ พร้อมเพื่อนอีก 4-5 คนได้มาช่วยจัดเตรียมสถานที่ที่ศาลาวัด โดยนายยุทธชัย หนึ่งในเพื่อนของพระเอกดังที่เรียนมาด้วยกันได้สั่งให้หัวหน้าเทศกิจจัดเตรียมเต็นท์ เก้าอี้ ไฟฟ้าส่องสว่างมาติดตั้งภายในบริเวณงานพร้อมเปิดเผยว่า มาช่วยแบ่งเบางานจากมหาวิทยาลัยราชภัฏฯเนื่องจากคนน้อยทางเทศบาลเลยเข้ามาช่วยและในฐานะที่เป็นเพื่อนกันกับปอยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่,ส่วนที่บ้านสหวงษ์ เลขที่ 364/9 ถนนจิระ ซอยหมอยา ต.ในเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์ บ้านของปอ ถูกปิดเงียบมีแฟนละครที่ทราบข่าวการเสียชีวิตเดินทางแวะมาดูที่หน้าบ้านเป็นระยะๆ ส่วนเพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง รวมทั้งเพื่อนฝูงและคนสนิทต่างจับกลุ่มคุยกันและต่างแสดงความเสียใจต่อการจากไปของพระเอกนิสัยดี โดยนางศตนันท์ วรรณโกษิตย์ อายุ 67 ปี ข้าราชการบำนาญ ป้าของพระเอกปอ กล่าวว่า ทุกครั้งที่ปอกลับบ้านปอจะมาหาพูดคุยทุกครั้ง พอทราบข่าวการเสียชีวิตของปอรู้สึกเสียใจมาก ขอให้ปอไปสู่สุคติภพที่ดีเพราะปอทนเจ็บมานานกว่า 2 เดือนแล้ว,สำหรับประวัติของปอ-ทฤษฎี สหวงษ์ เป็นชาวบุรีรัมย์ เกิดเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2523 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม คณะวิทยาการจัดการ สาขาบริหารทรัพยากรมนุษย์ เริ่มทำงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ก่อนเข้าสู่วงการบันเทิงจากเป็นนายแบบ ตามด้วยถ่ายแบบ-ถ่ายโฆษณา แล้วเข้ามาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 จากการเรียกตัวของค่ายบางกอกดราม่า และมีผลงานละครเรื่องแรกในปี 2548 เรื่อง ลิขสิทธิ์หัวใจ จากนั้นก็มีงานละครต่อเนื่อง และมักโด่งดังกับบทหนุ่มที่คลุกคลีกับชาวบ้านตามต่างจังหวัด เช่น ผู้ใหญ่ลีกับนางมา, ทัดดาวบุษยา, ดาวเรือง ฯลฯ จนได้ฉายาว่า พระเอกภูธร โดยผลงานละครเรื่องล่าสุดคือ สาวน้อยร้อยล้าน ที่แสดงคู่กับเมญ่า-นนธวรรณ ทองเหล็ง มิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2557 ที่กำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้ทางช่อง 3 ทุกเย็นวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนชีวิตครอบครัว หลังคบหากับสาวนอกวงการชื่อโบว์-แวนด้า มากว่า 10 ปี ก่อนตัดสินใจจดทะเบียนสมรส โดยยังไม่มีพิธีแต่งงาน และมีพยานรักด้วยกัน 1 คนคือ น้องมะลิ ด.ญ.พาขวัญ สหวงษ์ ที่ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อปอ-ทฤษฎี ล้มป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกอย่างรุนแรง และถูกส่งต่อจาก รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง มารักษาตัวที่ รพ.รามาธิบดี มาตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.2558 กระทั่งเมื่อบ่ายวันที่ 18 ม.ค.2559 ทาง รพ.รามาฯออกแถลงการณ์ว่า ปอ-ทฤษฎี วัย 35 ปี เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 11.50 น. รวมเวลารักษาตัวใน รพ.รามาฯ 70 วัน,ต่อมาค่ำวันเดียวกัน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากแสดง ความเสียใจและให้กำลังใจครอบครัวของนายทฤษฎี สหวงษ์ หรือปอ ที่จากไปอย่างสงบในวันนี้ โดยได้เน้นย้ำไปถึงประชาชนว่าการดูแลรักษาสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ท่านนายกฯจึงอยากให้คนไทยทุกคนใส่ใจในสุขภาพอนามัยของตนเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และระมัดระวังป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออกที่แม้จะผ่านช่วงฤดูฝนมาแล้วก็ตาม แต่ยังมีการระบาดอยู่ ช่วงฤดูหนาวต่อเนื่องถึงฤดูร้อนก่อนเข้าฤดูฝน เป็น โอกาสสำคัญในการควบคุมป้องกันโรค ขอให้ประชาชน ร่วมกันกำจัดลูกน้ำยุงลายในบ้านพัก โรงเรียน วัด ชุมชน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการระบาดของโรคไข้เลือดออกในปี 2559 ได้ | สุดยื้อ ในที่สุดพระเอกดัง ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์ ก็จากไปอย่างสงบ หลังป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกรุนแรงเข้าขั้นวิกฤติ นอนรักษาตัวมา 2 เดือนเศษ | null | ข่าวหน้า1,ปอ ทฤษฎี สหวงษ์,ตัดขา ปอ ทฤษฎี,ปอ ทฤษฎี ป่วยหนัก,ตัดขา ปอ,ตัดเท้าปอ,ปอ ทฤษฎี ป่วย,อาการปอ ทฤษฎี,ปอ ทฤษฎี ป่วยโคม่า,ปอ ทฤษฎี ไข้เลือดออก,ปอ ทฤษฎี โคม่า,ภรรยาปอ ทฤษฎี,แฟนปอ ทฤษฎี,โบ แวนด้า แฟนปอ ทฤษฎี,โบว์ แวนด้า แฟนปอ ทฤษฎี,โบ แวนด้า ภรรยาปอ ทฤษฎี,โบว์ แวนด้า ภรรยา,โบ แวนดา,โบว์ แวนดา,โบ แวนด้า,โบว์ แวนด้า,ปอ ทฤษฎี,ลูก ปอ ทฤษฎี,ลูกสาว ปอ ทฤษฎี,น้องมะลิ ลูกปอ ทฤษฎี,น้องมะลิ ลูกสาว ปอ ทฤษฎี,แถลงอาการ ปอ ทฤษฎี,ประกาศอาการปอ ทฤษฎี,ปอ ทฤษฎี บริจาคเลือด,บริจาคเลือดให้ปอ ทฤษฎี,ปอ ทฤษฎี ร.พ.รามา,ปอ ทฤษฎี เลือดกรุ๊ปเอ,บริจาคเลือดให้ ปอ ทฤษฎี ที่ไหน,ปอ เป็นไข้เลือดออก,ไข้เลือดออก,ภาวะไตวาย,ปอ ไตวาย,ไตวายเฉียบพลัน,ปอ ทฤษฎีขอบริจาคเลือด,บริจาคเลือดกรุ๊ป เอ,เลือดกรุ๊ป เอ,ปอ เสียชีวิต,ข่าว,ข่าวบันเทิง,ไทยรัฐฉบับพิมพ์ | https://www.thairath.co.th/content/564735 |
บิ๊กไบค์ไม่เข้าโค้ง ชนรั้วบ้านทะลุไปทิ่มปิกอัพ หนุ่มลำพูนดับคาที่ | เวลา 03.30 น. วันที่ 7 มี.ค.61 ร.ต.อ.สวัสดิ์ อัฐวงศ์ รองสารวัตร ( สอบสวน) สภ.นิคมอุตสาหกรรมลำพูน ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนรั้วบ้านก่อนจะไปชนเข้ากับรถยนต์ชาวบ้านที่จอดในบ้าน เป็นเหตุให้คนขี่จักรยานยนต์เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดในบ้านเลขที่ 124 หมู่ 3 ต.มะเขือแจ้ อ.เมืองลำพูน,ที่เกิดเหตุพบเป็นทางโค้ง พบรถจักรยานยนต์ชนบิ๊กไบค์สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ชนกับรั้วบ้านซึ่งทำด้วยไม้ไผ่ สภาพรถพังยับ ก่อนไปพุ่งชนท้ายรถยนต์ที่จอดในบ้าน ห่างไปเล็กน้อยพบร่างชายคนหนึ่งกระเด็นนอนจมกองเลือดอยู่สภาพเลือดออกทางจมูก ทราบชื่อต่อมา คือ นาย ชัยวุฒิ มโนสาร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120 ม.15 ต.มะเขือแจ้ อ.เมืองลำพูน เจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลือปฐมพยาบาล แต่ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ,จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายน่าจะกลับจากทำธุระด้านนอกบ้าน และขับขี่รถด้วยความเร็วสูง มาตามถนนที่เกิดเหตุ ซึ่งเส้นทางค่อนข้างจะมืด อีกทั้งเป็นทางโค้ง ทำให้รถที่วิ่งด้วยความเร็วหลุดโค้งไปชนรั้วบ้านก่อนไถลชนรถยนต์ที่จอดอยู่ในบ้าน จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว. | หนุ่มลำพูนขี่จยย.คันใหญ่ กลับจากธุระตอนตีสาม เข้าโค้งในหมู่บ้าน แต่รถหลุดโค้งชนรั้วบ้าน ทะลุไปชนท้ายรถกระบะที่จอดในบ้าน เลือดทะลักออกจมูก ตายคาที่
| ข่าว,ทั่วไทย | บิ๊กไบค์,ชนรั้วบ้านตาย1,บิ๊กไบค์แหกโค้ง,แหกโค้งชนรั้ว,แหกโค้งตาย1,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/north/1221687 |
วรชิต แฮปปี้กระทุ้งชัย ขอบคุณโค้ช-เพื่อนร่วมทีมที่หนุนหลัง | วันที่ 21 มี.ค.60 วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ กองกลางทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี กล่าวขอบคุณความเชื่อมั่นจากทั้งเพื่อนร่วมทีมรวมถึง วรวุธ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่ส่งตนเองลงมาเป็นสำรอง ก่อนยิงประตูชัยช่วยทีมแซงชนะ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2-1 ในการแข่งขันดูไบคัพ นัดแรก วันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา,มิดฟิลด์ดาวรุ่งจาก ชลบุรี เอฟซี ถูกส่งลงมาเป็นสำรอง ก่อนที่นาทีที่ 86 เจ้าตัวจะรับบอลจาก สุประวีณ์ มีประทัง หลุดเข้าเขตโทษ แล้วแต่งเข้าขวาซัดเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม และเป็นประตูชัยให้ทีมแซงชนะเจ้าภาพไปในเกมนี้,ผมดีใจนะกับชัยชนะ ขอบคุณเพื่อนร่วมทีมและโค้ชที่เชื่อใจผม และผมก็แฮปปี้กับประตูนี้มาก,ความมั่นใจของผมกลับมามากขึ้น จากการได้เล่นในเกมล่าสุดให้กับสโมสรชลบุรีฯ ซึ่งจังหวะฟุตบอลที่ผมมั่นใจเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่ตัวผมก็ต้องพัฒนาตัวเองต่อไป วรชิต กล่าวทิ้งท้าย,โปรแกรมต่อไป ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี จะพบกับ ทีมชาติมาเลเซียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่เสมอ ทีมชาติจีน 1-1 วันที่ 23 มีนาคมนี้ เวลา 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย | วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ มิดฟิลด์ดาวรุ่งของ ชลบุรี เอฟซี ออกโรงกล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมทีมและโค้ชที่เชื่อใจจนทำประตูชัยในการแข่งขันดูไบ คัพ นัดแรก | กีฬา,ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์ | วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ,ชลบุรี เอฟซี,วรวุธ ศรีมะฆะ,ทีมชาติไทย,ช้างศึก ยู-23 | https://www.thairath.co.th/sport/trcheerthai/891941 |
ร่างทรงถูกเชือดคอ สิ้นใจแล้ว 2 สาวเผยนาทีช่วย ใช้ผ้าอุดเลือดพุ่งจากคอ | จากกรณี ลูกเจ้าของสำนักทรง แค้นพี่เลี้ยงร่างทรงพ่อ มาต่อว่าด่าแม่ จึงเกิดโมโหและไม่พอใจ คว้ามีดพกยาว 5 นิ้ว ปาดคอเลือดกระฉูด ทำคอหวิดขาด ก่อนที่คนเจ็บจะวิ่งไปตามถนนแล้วไปนอนจมกองเลือด กระทั่งมีพลเมืองดีมาช่วยเหลือ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น, (,ลูกคนทรงเจ้าแค้น ถูกพี่เลี้ยงด่าแม่ โมโหคว้ามีดปาดคอเกือบขาด,),ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2562 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก รพ.ทุ่งสง ว่า นายบ่าว ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง ผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อเวลา 07.30 น.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่จะได้เก็บศพเอาไว้รอญาติมาติดต่อ เนื่องจากผู้ตายไม่มีชื่อจริง ไม่มีหลักฐานใดๆ ในตัว และตลอดเวลาที่ผู้ตายเข้ารักษาตัว นายยันยงค์ จันทรัตน์ เจ้าของสำนักทรง และภรรยา ผู้ปกครองของมือมีด ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ ได้เป็นผู้ที่ดูแลผู้ตายอย่างใกล้ชิด จนเสียชีวิตลง,ทั้งนี้ จากการสอบถาม น.ส.ทิพย์หทัย บู่ตั้ง อายุ 22 ปี และ น.ส.จุรีวรรณ หล่อพันธ์ อายุ 29 ปี พนักงานขายน้ำมันของปั๊ม พีที ทุ่งใหญ่ เล่าเหตุการณ์นาทีที่พี่เลี้ยงร่างทรงถูกเชือดคอ วิ่งมาขอความช่วยเหลือบริเวณปั๊มน้ำมันว่า ขณะที่กำลังทำงานอยู่นั้นได้มีพลเมืองดีวิ่งมาแจ้งว่า มีคนนอนเลือดพุ่งออกจากลำคออยู่บนถนน ตนจึงวิ่งไปทันทีเพื่อช่วยเหลือ เมื่อไปถึงพบว่าที่ลำคอของผู้ได้รับบาดเจ็บมีเลือดพุ่งเหมือนท่อน้ำแตก จึงหาอุปกรณ์ใกล้ตัวมาช่วยทำแผล ,ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ จึงเหลือบสายตาไปเห็นลุงคนหนึ่งมีผ้าขาวม้าคาดเอว จึงขอมาเช็ดเลือดให้คนเจ็บ แต่เลือดยังพุ่งไม่หยุด จึงใช้ผ้าขาวม้าพันคอจนเลือดเปียกโชกไปทั้งผืนผ้า ก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง,ที่ผ่านมาไม่เคยพบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ตอนแรกก็ตกใจมาก และไม่มีถุงมือสวม แต่ในใจคิดว่าเขายังไม่ตาย เราต้องช่วยเหลือให้เต็มที่ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร และมีความภูมิใจที่ได้ทำอย่างเต็มที่ และทำดีที่สุดแล้ว. | เปิดใจ 2 สาวฮีโร่ ช่วยร่างทรงถูกเชือดคอ เลือดกระฉูดเต็มตัว บอกต้องทำให้เต็มที่ ขณะที่ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตแล้ว ช่วงเช้าวันนี้ | ข่าว,ทั่วไทย | ร่างทรง,นครศรีธรรมราช,เชือดคอ,เสียชีวิต,ช่วยเหลือ,ฮีโร่,ช่วยชีวิต,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1624651 |
MARIO RUN ลุงหนวดตะลุยดินแดนแห่งใหม่บนมือถือ | เพราะจะมาในรูปแบบเกมมือถือ ที่เราสามารถนำไปเล่นที่ไหนก็ได้ แถมแข่งขันกับคนอื่นได้อีก แฟนลุงหนวดงานนี้พลาดไม่ได้แล้ว,รูปแบบการเล่น,World Tour :, ในส่วนนี้เราจะได้เล่นเป็น Mario ที่จะวิ่งไปข้างหน้าตลอดเวลา ผ่านสิ่งกีดขวางต่างๆ ด้วยการวิ่งและกระโดด งานนี้ตัวร้ายอย่าง Bowsers ยังคงมาสร้างความสนุกให้กับเราเช่นเคย,Toad Rally :, เรารู้จักกันดีกว่าตัวละคร Toad เป็นเจ้าแห่งความเร็ว งานนี้จึงได้จัดการแข่งขันให้พวกเราได้เข้าร่วมสนุกกัน งานนี้เพื่อนๆ จะสามารถท้าแข่งขันกับทุกคนแบบ Online เลยทีเดียว วิ่งกันแบบตัวต่อตัว ใครทำคะแนนมากกว่าก็ชนะไป,Kingdom Builder :, ทุกคนมีอาณาจักรเป็นของตัวเอง ซึ่งเราจะสามารถสร้างให้เป็นในรูปแบบที่ตัวเองชอบ โดยการปลดล็อกสิ่งของต่างๆ ก็จะทำให้สามารถเข้าเล่นด่านพิเศษได้อีกด้วย งานนี้ได้สร้างอาณาจักรเป็นของตัวเอง คิดไม่ออกเลยว่าแต่ละคนจะออกมาเป็นอย่างไร,ตัวเกมจะวางจำหน่ายบนมือถือในวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ราคาในประเทศไทย 349 บาท,https://itunes.apple.com/us/app/super-mario-run/id1145275343?mt=8,ส่วน Android ก็ต้องอดใจรอกันไปก่อน แต่คาดว่าจะตามมาแน่นอน,ที่มา - COMPGAMER ,www.compgamer.com | แฟนเกมค่าย Nintendo ต้องร้องว้าว เพราะงานนี้มีข่าวดีเกี่ยวกับเกมระดับตำนานอย่าง Mario RUN ที่ครั้งนี้ลุงหนวดไม่ได้ออกมาผจญภัยธรรมดาๆ อย่างที่เราคุ้นเคยกัน | null | เก๋าเกม,COMPGAMER,MARIO RUN,มือถือ,Nintendo | https://www.thairath.co.th/content/809731 |
วิษณุ-ประจินเชื่อพ.ร.บ.สื่อมีทางออก หลัง บิ๊กตู่ ถกนายกฯนักข่าว | เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 3 พ.ค.60 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนว่า ได้รับตัวร่างพ.ร.บ.ฯ แล้ว ได้อ่านแบบผ่านๆ และเห็นว่าร่างฯ ที่ผ่านการพิจารณาจากสปท.จะต้องผ่านการปรับปรุงก่อนที่จะส่งมาที่คณะรัฐมนตรี เบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ตัวร่างฯ ฉบับดังกล่าวแล้ว ส่วนการจัดทำกฎหมายให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 หากผู้เสนอร่างฯ ยังไม่ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น รัฐบาลก็จะเป็นผู้ดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ซึ่งกฎหมายฉบับนี้อยู่วาระการปฏิรูปประเทศ รัฐบาลจะเป็นผู้เสนอร่างกฎหมายนี้ไปยังสนช. รัฐสภา โดยรัฐบาลจะพิจารณาปรับปรุงให้เกิดความสมบูรณ์ แต่ต้นเรื่องมาจาก สปท. และหลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันว่าการดำเนินการหลังจากนี้จะเชิญตัวแทนสื่อร่วมให้ความคิดเห็น โดยยังไม่มีกรอบการดำเนินการที่ชัดเจน เนื่องจากว่าขณะนี้ตัวกฎหมายยังไม่ได้ส่งมาจาก สปท. และไม่ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมาย เพราะอาจจะกลายเป็นว่ามีการตั้งประเด็นไว้ก่อน ทั้งนี้ก็จะยึดการพิจารณาตามจดหมายเปิดผนึกที่ทางองค์กรสื่อได้ยื่นต่อนายกฯ ด้วย,นายวิษณุ กล่าวว่า นายกฯ พอใจหลังจากที่ได้พูดคุยกับนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เชื่อว่าสามารถหารือกันได้แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย และในฐานะที่เป็นรองนายกฯ ด้านกฎหมาย ก็ได้จัดการรับฟังความคิดเห็นในกฎหมายฉบับต่างๆ ที่มีความขัดแย้ง ยอมรับว่าบางประเด็นแก้ไขได้ และบางประเด็นไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ที่สุดทุกฝ่ายอยู่กันได้ความสามัคคีปรองดอง แต่ประเด็นใดที่มีความสำคัญเกินกว่ามาตรการทางกฎหมายก็จะเข้าสู่เวทีปรองดองของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ แต่ถ้าเรื่องใดเป็นเรื่องของกฎหมายขั้นตอนตามหลักนิติศาสตร์นิติธรรม และนิติรัฐ ตนก็สามารถช่วยเหลือแก้ไขได้,ด้าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวให้กำลังใจสื่อมวลชนเนื่องในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกว่า ขอให้สื่อทำหน้าที่เป็นกระจกเงาและให้ทำงานที่เป็นประโยชน์กับสังคมและช่วยกันทำให้ประเทศเดินหน้า เมื่อถามถึงกรณีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ที่สื่อมวลชนไม่เห็นด้วยกับการที่มีตัวแทนภาครัฐเข้าไปอยู่ในสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ โดยมีอำนาจออกใบอนุญาตให้สื่อมวลชน พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ตนติดตามปัญหาอยู่ในฐานะฝ่ายบริหาร ซึ่งร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวยังเหลือขั้นตอนการพิจารณาจากรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เล่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ได้ตอบรับจะดูแลสื่อมวลชนไปแล้ว และมอบให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ไปหารือกับกระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการกฤษฎีกา,ขอให้สื่อมวลชนรอผล ส่วนตัวไม่ขอออกความเห็นว่าควรจะมีตัวรัฐเข้าไปมีอำนาจในการออกใบอนุญาตหรือไม่ แต่ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวยังมีกลไกตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ต้องรับฟังความเห็นของประชาชน จึงเชื่อว่าจะมีทางออกที่ดีทั้งสองฝ่ายระหว่างรัฐบาลกับสื่อมวลชน พล.อ.อ.ประจินกล่าว. | วิษณุ เตรียมเชิญสื่อถกร่างพ.ร.บ.คุมสื่อ เผย บิ๊กตู่ พอใจหลังคุยนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ เชื่อจะถ้อยทีถ้อยอาศัย ขณะที่ บิ๊กจิน ให้กำลังใจสื่อเนื่องในวันสื่อมวลชนโลก เชื่อมีทางออกระหว่างรัฐกับสื่อปมร่างพ.ร.บ.คุมสื่อ
| ข่าว,การเมือง | จัดระเบียบสื่อ,สื่อมวลชน,วิษณุ เครืองาม,พ.ร.บ.ควบคุมสื่อ,ก.ม.สื่อ | https://www.thairath.co.th/news/politic/929953 |
มิว-นิษฐา ควง ไฮโซเซนต์ ร่วมทริปร่วมสวีต เที่ยวภูเก็ตกับแก๊งเพื่อน | ตะลุ่งตุ้งแช่,หมวยแซบ รายงานข่าวซ่าส์ ณ บัดนี้,เนื้อหาโดน ใจ คว้าชัยไปแล้วครึ่งหนึ่ง บวกกับละคร เมีย 2018 ช่องวัน สนุกครบรส LINE TV ประกาศความสำเร็จ เมีย 2018 ไต่สู่ความพีกยอดวิวรวมล่าสุดพุ่งแตะ 160 ล้านวิว เบียดแซงทุกคอนเทนต์ นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้งที่มาเรื่อยๆ แต่ยอดวิวมาเพียบ.,กลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี 7 ปีที่รอคอย ลีโอ พรีเซนต์ส แคลช อะเวค คอนเสิร์ต คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกในรอบ 7 ปี วงแคลช บัตรหมดแล้ว บัตร Early Bird หมดเกลี้ยงภายในครึ่งวัน บัตรยืน VIP หมดตั้งแต่ 1 นาทีแรก นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็น พลังรัก ของแฟนๆ ที่รอไปชม ใครมีบัตรกำไว้ให้แน่น แล้วไปมันส์กับแคลช วันเสาร์ที่ 15 ก.ย. ที่ ไบเทค บางนา HALL 98.,บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ร่วมกับ อมรินทร์ พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง สรรค์สร้างกิจกรรมรักการอ่านส่งมอบหนังสือ 52 โรงเรียนผ่านโครงการ ส่งความรู้ สร้างความสุข เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนไทยทั่วประเทศได้มีโอกาสในการอ่าน หนังสือที่ดีมีคุณภาพ โดยมีทูตนักอ่านบุกโรงเรียนทุกภูมิภาคเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการอ่านให้กับน้องๆ วันอังคารที่ 7 ส.ค.พบ ฌอห์ณ จินดาโชติ ที่ โรงเรียนวัดจุฬามณี จ.พระนครศรีอยุธยา และ วันพฤหัสบดีที่ 9 ส.ค.พบ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ที่ โรงเรียนสาธิตชุมชนสมเด็จย่า จ.เชียงใหม่ ติดตามได้ที่ ,www.TheHappyRead.com,ซุ่มสร้างภาพยนตร์สั้น หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา ซุ่มสร้างภาพยนตร์สั้น เรื่อง 080808 faithfully yours (080808 เฟธฟูลลี ยัวส์) สื่อเรื่องราวของความรัก ความซื่อสัตย์และความศรัทธา เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี แบรนด์ Asava โดยได้ผู้กำกับฝีมืออินเตอร์ เป็นเอก รัตนเรือง เปิดตัว 8 ส.ค.2561 ที่โรงแรมดุสิตธานี.,หลังประกาศลงไอจีไปทำศัลยกรรม แก้ไขหน้าอกที่เกาหลี จ๊ะ อาร์สยาม ก็โดนพวกเกรียนไอจีด่าในคอนเมนต์ว่า พลาสติก จน จ๊ะ ทนไม่ไหว วอนหยุดดราม่า ถ้าไม่ชอบก็ ไม่ต้องมาแอบส่องในไอจี เจอ แฟนคลับจ๊ะ รุมประนามคนที่ออกมาต่อว่าจ๊ะ จนเกรียนต้องปิดไอจีหนีหายไปเลย.,ผ่างผ่างงง ถึงเป็นภาพหมู่ ถ่ายรวมกับคนเยอะๆ แต่ก็สัมผัสได้ว่า ทริปเที่ยวทะเลภูเก็ตกับแก๊งเพื่อน ของ มิว-นิษฐา จิรยั่งยืน กับ ไฮโซเซนต์-ธราภุช คูหาเปรมกิจ มันพิเศษสุดๆ ร่วมเฟรมร่วมทริปร่วมสวีตแบบนี้ ช่วยคอนเฟิร์มอีกแรงว่า สถานะมันขยับสู่คำว่าแฟน,หมวยแซบ | ผ่างผ่างงง ถึงเป็นภาพหมู่ ถ่ายรวมกับคนเยอะๆ แต่ก็สัมผัสได้ว่า ทริปเที่ยวทะเลภูเก็ตกับแก๊งเพื่อน ของ มิว-นิษฐา จิรยั่งยืน กับ ไฮโซเซนต์-ธราภุช คูหาเปรมกิจ มันพิเศษสุดๆ | null | มิว นิษฐา,มิว นิษฐา แฟน,มิว ไฮโซเซนต์,จ๊ะ อาร์สยาม,ซุบซิบกับหมวยแซบ,ดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1349281 |
สทศ.รับ รู้ตัวคนนำมือถือเข้าสอบ GAT | กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพกระดาษคำตอบวิชาแบบวัดความถนัดทั่วไปผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยในการจัดสอบ เนื่องจากมีการนำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องสอบได้นั้น,เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงาน รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ได้รับข้อมูลและทำการตรวจสอบแล้ว โดยแจ้งว่า สทศ. ได้ตรวจสอบกรณีที่มีการโพสต์หัวกระดาษคำตอบวิชาความถนัดทั่วไป (GAT ตอนที่ 1) เผยแพร่ลงบน Social Media และได้ทราบชื่อผู้กระทำการดังกล่าวแล้ว โดยพบว่าสนามสอบที่อยู่ในความดูแลของศูนย์สอบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สทศ. ได้มอบหมายให้ศูนย์สอบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในพฤติกรรมและเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่ง สทศ. จะดำเนินการตามประกาศสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เรื่อง ข้อปฏิบัติสำหรับผู้เข้าสอบในการทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป (GAT) และวิชาความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) ประจำปีการศึกษา 2558 ประกาศ ณ วันที่ 29 กันยายน 2557 และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ,รศ.ดร.สัมพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการฝ่าฝืนข้อปฏิบัติของประกาศฯ กรณีนี้ ในเบื้องต้น สทศ. จะพิจารณาไม่ตรวจกระดาษคำตอบในรายวิชาดังกล่าว และจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถาบันทดสอบทางการศึกษาเพื่อพิจารณาตามระเบียบต่อไป. | ผอ.สทศ. ตรวจสอบกรณีนำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องสอบแล้ว พบเป็นสนามสอบในศูนย์สอบ ม.เชียงใหม่ เบื้องต้นจะไม่ตรวจกระดาษคำตอบวิชาดังกล่าว พร้อมนำเรื่องเข้าบอร์ด สทศ. ต่อไป | null | มือถือ,ข้อสอบ,สนามสอบ,GAT,ภาพหลุด,โซเชียล,ศูนย์สอบ,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,สทศ.,ข่าวการศึกษา,ทุจริต,โกงข้อสอบ,รักษาความปลอดภัย,อินเทอร์เน็ต,โซเชียลเน็ตเวิร์ก | https://www.thairath.co.th/content/465215 |
ระบบสาธารณสุขประเทศไทย อย่างยั่งยืนไม่มีทางเป็นไปได้ | มีคุณภาพและให้ความสุขทั้งคนไข้ ทั้งพนักงาน ทั้งนี้ต้องใช้เงินเพิ่มมากเพราะงบสาธารณสุขประเทศเราน้อยมากถ้าเทียบกับสิ่งที่ประชาชนต้องการหมอและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องการที่จะมีเวลาในการอธิบายอย่างเพียงพอ ในการสร้างความเข้าใจ ในการป้องกันตนเองก่อนเกิดโรค (primary prevention) และเมื่อเกิดโรคไปแล้ว (secondary prevention) และโรคขณะที่เป็นอยู่,ทั้งนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี ความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้ป่วย (doctor-patient relationship) ลดการฟ้องร้อง และทำให้คนไข้สามารถดูแลตัวเองได้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนซึ่งจะลดจำนวนคนป่วยหนักในอนาคตหรือเน้นคุมค่าใช้จ่ายโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงในโรงพยาบาลของรัฐโดยเฉพาะในต่างจังหวัด และทำให้เกิดการ บริการแบบต่ำกว่ามาตรฐาน (sub– standard) โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และตามมาด้วยการฟ้องร้องของคนไข้?,ตัวปัญหา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายประเทศในส่วนสาธารณสุข โดยที่ประเทศไทยงบน้อยอยู่แล้ว และมีส่วนที่ยังขาดเงินอีกมหาศาล สปสช.ควรจะช่วยหาเงินเข้าโรงพยาบาล ไม่ใช่ลดค่าใช้จ่าย เพราะแค่นี้ก็ขาดแคลนอยู่แล้ว,เมื่อคนไม่สามารถมีชีวิตที่แข็งแรงก็ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและกระทบต่อเศรษฐกิจ นอกจากนั้นคนไข้และญาติเข้าถึงข้อมูล และการรักษาใหม่ หรือการตรวจและรักษาแบบสมบูรณ์แบบตามมาตรฐานของต่างประเทศ (gold standard) ซึ่งแน่นอนจะทำให้ค่าหัวเพิ่มขึ้นปีต่อปีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสิ่งที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้รับไปคือ ก้อนหินไม่ใช่ดอกไม้,เงินไม่พอ เมื่อเทียบกับสิ่งที่คนไข้ต้องการ ไม่สามารถซื้ออุปกรณ์ใหม่ได้เพราะเงินได้มาเป็นค่าหัว เป็นครั้งไประบบการคิด การจ่าย สปสช.เป็นคนจัดการ ทุกอย่าง ตั้งแต่ตั้งกฎเกณฑ์การวินิจฉัย การรักษา ค่าใช้จ่ายในการดูแลตายตัว และยังได้มีการตัดเงิน และไม่จ่ายตามจริง เมื่อเงินหมดปลายปีโรงพยาบาลยังโดนหักค่าหัว,ในเมื่อ สปสช. มโนเอาเอง ไม่อิงตามจริงที่เกิดขึ้น ไม่มีบรรทัดฐาน ต้องให้ทุกสิ่งอย่างคงที่ทั้งปีไม่ได้ลืมตาดูความเป็นจริงที่ผู้ป่วยเพาะบ่มโรคมาเนิ่นนาน จากระบบการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพถูกละเลยจนเลอะเลือนมาตลอด 17-18 ปีมีแต่การโหมประโคมความสำเร็จ เงินหยิบมือเดียว ประเทศไทยช่วยได้ทั้งประเทศ,เราลอกแบบจากอังกฤษ เงิน 200,000 ล้านบาท เขาใช้เดือนเดียว ทั้งๆที่มีระบบเป็นขั้นเป็นตอนในการป้องกัน ดูแล รักษาเงินเท่ากัน ประเทศไทยต้องใช้ 1 เดือน,ระบบการเงินโรงพยาบาลลำบากติดตัวแดงเถือก เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่อยากอยู่ เงินเดือนน้อย ที่พักก็ไม่ดี จ่ายเงินเดือนผู้ให้บริบาลช้า และให้ทำงานเกินมนุษย์ปกติจะทำได้ ทั้งระยะเวลาที่ต้องทำต่อเนื่อง และภาระงานที่มีหมอตรวจคนป่วยนอกทีละ 50-70 คน ผู้ป่วยในหนักหมด ขนาดหายใจไม่ได้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจยังต้องอยู่หอผู้ป่วยธรรมดา เพราะไอซียูเต็มเอี้ยด,หมอจบใหม่กลับรับบทหนักสุด ยากสุด แม้จบมานาน มีประสบการณ์ก็ไม่รอด คนป่วยซับซ้อนเรียงเป็นแถว ใครจะคิดออก ตั้งแต่การวางแผนวินิจฉัย ซึ่งแน่นอนการตรวจแต่ละอย่างซับซ้อนขึ้น ราคาแพง จนถึงขั้นตอนการรักษา… พยาบาลยิ่งน่าสงสารกว่า ดูแลทุกอย่าง งานล้านแปด,ทั้งนี้ สปสช.ยังปฏิบัติตัวเป็นเจ้าหนี้แทนที่จะเป็นลูกหนี้ และเป็นทั้งตัวออกกฎระเบียบ จ่ายเงินและตรวจสอบ (provider purchaser regulator) ซึ่งแท้จริงต้องมีการแยกออกจากกัน ตามที่ต้องเป็นและแม้จะกำหนดในการปฏิรูประบบสาธารณสุขแล้วก็ตาม,ถ้าจะแก้ปัญหาระยะสั้น ต้องมีเงินก้อนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และบูรณะสิ่งก่อสร้างอย่างน้อย 10% ของงบปีที่แล้วของโรง– พยาบาล เพิ่มเงินต่อค่าหัวอีกหัวละ 10% ในปีแรกและอย่างน้อย 5% ในปีถัดๆไป งบบูรณะส่วนของแพทย์และพยาบาล จ่ายเงินตรงเวลาสำคัญมากเพราะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ (positive reinforcement)เปิดสถิติและสถานการณ์จริงให้สาธารณะเพื่อความโปร่งใส และให้ประชาชนทั่วประเทศทราบสถานการณ์ ส่วนโรงพยาบาลต้องออกมาชี้จุดปัญหาการจ่ายเงินและการหักค่าหัวคิวจาก สปสช.,ผู้อำนวยการทุกโรงพยาบาลจะต้องออกมาชี้แจงทันทีเมื่อมีปัญหา อย่ากลัวเจ้านายในกระทรวง ไม่ห่วงลูกน้อง ไม่ห่วงคนป่วยที่ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่หรือ,ถ้าจะแก้ระยะกลางและยาว เปลี่ยนวิสัยทัศน์ สปสช. จากคนคุมการใช้จ่ายให้น้อย เป็นคนหาเงินเข้าโรงพยาบาลให้มากที่สุด วิสัยทัศน์ของ สปสช. ณ ตอนนี้ นึกตามประเทศ เช่น อเมริกา ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ในต่างจังหวัดของประเทศไทย ที่รักษาฟรี เจ้าหน้าที่จะรักษา 10 คน หรือ 100 คน ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเข้าตัว ความเป็นจริง เปลี่ยน วิสัยทัศน์คงไม่ได้ ต้องล้างคนเหล่านี้ให้หมด และรื้อระบบใหม่,การส่งเสริม การควบคุมและป้องกันโรค (Primary prevention) ต้องเข้มข้น เงินที่ สสส. เอามาโฆษณาต่อต้านเหล้า บุหรี่ ต้องเอาให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลนให้หมด ภารกิจอื่นที่ทำดีอยู่แล้ว ต่อต้านสารเคมีพิษติดตาม ระบบยาก็ทำต่อไป ไม่เช่นนั้นในอนาคตเงินเท่าไหร่ก็รับไม่ไหว,และมีมูลนิธิเข้าไปช่วยเรื่องการเรี่ยไรบริจาคเงิน เข้าโรงพยาบาลของแต่ละโรงพยาบาลโดยตรงไม่ใช่ ส่งกลับเข้ากระทรวงคนที่ต้องจัดการคือองค์กรและในการประชุมเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2561 ในคณะกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข องค์กร สปสช. กรมบัญชีกลาง ยังไม่เข้าใจในสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น,การวางแผนเรื่องงบประมาณ เรื่องนโยบาย วิธีการยังทำบนโต๊ะ ทั้งนี้ ต้องลงไปในโรงพยาบาล ศูนย์ โรงพยาบาลรัฐ และดูความยากลำบาก ในการวินิจฉัยและการรักษาโดยเงินที่จ่ายไปในการช่วยชีวิต แม้จะทำดีที่สุดแล้วยังช่วยไม่ได้มาก และแน่นอนที่ใช้ไปเกินกว่าที่กำหนดไว้,นอกจากนั้นในส่วนของการบริบาลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หมอ พยาบาลจะต้องแก้ไขโดยให้มีพี่เลี้ยงที่มีความรู้ประสบการณ์ความชำนาญประกบอยู่ตลอดเพื่อให้การรักษาตรงเป้าที่สุดและประหยัดที่สุด,แต่ต้องเรียนว่าหมอเองดูผู้ป่วยที่โรงพยาบาลขณะนี้คิดอยู่ตลอดว่าคนไข้อยู่ตรงหน้าจะวินิจฉัยอย่างไร จะรักษาอย่างไรให้ประหยัดที่สุด หมอเองอายุเท่านี้ ประสบการณ์มากหลาย ยังทำไม่ได้เลยครับ,ขณะนี้ 2562 ระบบยังเลว,คนถือและคุมระบบเลวยิ่งกว่า,หมอดื้อ | แจงกันตั้งแต่ 2561 จน 2562 ทำไมเราจึงเปลี่ยนแปลงไม่ได้เรากำลังมีวิสัยทัศน์ (Vision for the future) ผิดหรือเปล่า?อยากให้ระบบสาธารณสุขไทยเป็นอย่างไร? | ข่าว,ทั่วไทย | ระบบสาธารณสุข,สาธารณสุขไทย,เจ้าหน้าที่สาธารณสุข,คนไข้,สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ,สุขภาพหรรษา,หมอดื้อ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/1614235 |
ข้อสอบโอเน็ตวิชาวิทยาศาสตร์ ม.6 มีปัญหา | นายสัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการ สทศ.ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ สทศ. พบปัญหาข้อสอบโอเน็ตของนักเรียนชั้น ม.6 ในวิชาวิทยาศาสตร์ ชุดที่ 200 อาทิ ตัวเลือกซ้ำ เลขข้อหาย เรียงลำดับข้อไม่ถูก ซึ่งมีมากกว่า 30 ข้อ รวมกว่า 40 คะแนน จึงให้สนามสอบรวบรวมกระดาษคำตอบชุดที่มีการคลาดเคลื่อน เพื่อทำการตรวจสอบ โดยตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งยืนยันว่าหากเป็นความผิดพลาดที่เกิดจาก สทศ. ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเด็กนักเรียนที่เข้าสอบทุกคนสำหรับภาพรวมการสอบโอเน็ตชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ ไม่พบปัญหาการทุจริต และมีแนวโน้มจำนวนนักเรียนขาดสอบลดลง นักเรียนตั้งใจสอบมากขึ้น เพราะผลสอบโอเน็ตจะถูกบรรจุไว้ในระเบียนแสดงผลการเรียน รวมถึงจะถูกไปใช้ประกอบการพิจารณาคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อส่วนนักเรียนที่ขาดสอบ เพราะเหตุสุดวิสัย สทศ.จะเปิดให้ยื่นใบสมัครสอบรอบพิเศษ ในระดับชั้น ป.6 ม.3 และ ม.6 ในวันที่ 6-7 มีนาคม ยื่นสมัครได้ทางไปรษณีย์หรือด้วยตนเองที่ สทศ. ในวันที่ 11-19 กุมภาพันธ์ โดยนักเรียนต้องแสดงหลักฐานยืนยันเหตุสุดวิสัยให้ชัดเจน | หลังจากเกิดความผิดพลาดของข้อสอบโอเน็ต วิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้น ม.3 จนสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือ สทศ. ต้องประกาศยกคะแนนให้เด็ก ม.3 ทั่วประเทศ เนื่องจากคำตอบไม่ตรงกับโจทย์นั้น ล่าสุด เกิดปัญหาขึ้นกับข้อสอบโอเน็ต วิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้น ม.6 อีก | สังคม | ข้อสอบ,นักเรียน,ม.6,วิทยาศาสตร์,สทศ.,โอเน็ต | https://news.thaipbs.or.th/content/146098 |
Timeline: ปั้นนโยบายช่วยชาวนา เป็น อาชญากรรมจำนำข้าว | ใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องใกล้เข้ามาอีกเพียงไม่กี่อึดใจสำหรับคำพิพากษาคดีจำนำข้าว ซึ่งจะมีการชี้ขาดโดยคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 โดยคดีดังกล่าวอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ในข้อหากระทำความผิดต่อตำแหน่งราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ประกอบกับฐานความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 จากกรณีปล่อยปละละเลยไม่ยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวซึ่งทำให้รัฐได้รับความเสียหายมูลค่า 5 แสนล้านบาทไม่ว่าผลของคำพิพากษาจะออกมาในรูปแบบใดก็ตาม แต่นัยสำคัญอย่างหนึ่งคือคดีนี้จะเป็นคดีที่ถูกจดจำในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย และอาจกลายเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินใจดำเนินนโยบายของรัฐบาลต่อไปในอนาคต ดังที่ อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เคยให้สัมภาษณ์กับประชาไทไว้ว่าผมคิดว่า ในที่สุดแล้ว ไม่ว่าคดียิ่งลักษณ์จะออกมาอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราต้องมองข้ามไปให้ไกลกว่านั้นก็คือว่า คดียิ่งลักษณ์เป็นตัวชี้อนาคตสังคมไทย คือท้ายสุดแล้ว รัฐพันลึกจะคุมสังคมไทย เขาอาจจะอยู่อีก 10 ปี 20 ปี หรืออย่างที่อาจารย์เสกสรรค์ (ประเสริฐกุล) บอกว่าคงอยู่อีกนาน สังคมไทยจะเผชิญหน้ากับกลุ่มคณาธิปไตยภายใต้ฉากประชาธิปไตย และคณาธิปไตยกลุ่มนี้คือคณาธิปไตยที่ครองอำนาจในสังคมไทยมาเนิ่นนาน และประสงค์ที่จะครองต่อไปให้ยาวนานที่สุด สังคมไทยควรต้องคิดเรื่องนี้กันให้มาก แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นประชาไทชวนย้อนมองที่มาที่ไปที่เกิดขึ้นจากจุดเริ่มต้นโครงการจำนำข้าว สู่การนำเรื่องเข้าพิจารณากระบวนการยุติธรรม ก่อนจะถึงวันพิพากษาหลังจากชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้เข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ภารกิจหนึ่งที่รัฐบาลรับปากว่าจะทำให้สำเร็จเพราะเป็นหนึ่งในนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปคือ การผลักดันโครงการรับจำนำข้าว ท่ามกลางกระแสการตั้งคำถามต่อความเสี่ยง และความเสียหายของรัฐ จากการดำเนินนโยบายดังกล่าวผ่านไปได้ราวปีเศษนับจากวันที่ 7 ตุลาคม 2554 วันแรกที่มีการเริ่มดำเนินนโยบาย ถึงวันที่ หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ได้ยื่นเรื่องต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลโดยสมศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมา ป.ป.ช. ได้ติดตามนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล และมีข้อมูลว่าการดำเนินการก่อให้เกิดปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะการทุจริตเชิงนโยบาย ทั้งยังได้ให้ข้อเสนอแนะกับรัฐบาลไปแล้ว พรรคการเมืองใหม่เห็นว่า การใช้คำว่ารับจำนำเป็นนโยบายที่ไม่ถูกต้องตามความหมายที่แท้จริง นอกจากนี้ ยังขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 84 ว่าด้วยรัฐต้องสนับสนุนเศรษฐกิจแบบเสรีและเป็นธรรม นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ไต่สวนกรณีโครงการรับจำนำข้าวอีกคือ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงเวลาห่างกันประมาณ 1 ปีจากการยื่นเรื่องไปยัง ป.ป.ช. ในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้เมื่อวันที่ กรรมการ ป.ป.ช.แถลงภายหลังการประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุมมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ตามที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยื่นคำร้องมา เนื่องจากเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ โดยมีกรรมการ ป.ป.ช. 3 คน ประกอบด้วยตน และ ร่วมกันรับผิดชอบ วิชา มหาคุณ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ได้แถลงความคืบหน้าในกระบวนการไต่สวนว่า นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ และรักษาการผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจรายสาขาด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมชนบท สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้นำข้อมูลที่ทีดีอาร์ไอ ลงพื้นที่เก็บข้อมูลทำวิจัยเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว แล้วพบความผิดปกติ โดยเฉพาะใบส่งมอบข้าว มามอบให้กับอนุกรรมการไต่สวน ตอนนี้ข้อมูลเกี่ยวกับทุจริตโครงการรับจำนำข้าว อยู่ในมือ ป.ป.ช. เป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการไต่สวน และยังทำให้สามารถขยายผลได้ โดยหลังจากนี้ จะมีการไต่สวนผู้รับซื้อข้าวให้ครบ และคาดว่า ประมาณกลางเดือนมกราคม คณะทำงานคงสรุปได้ว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้หรือไม่ต่อมาเมื่อวันที่ ป.ป.ช. มีมติแจ้งข้อกล่าวหากับ บุญทรง เตริยาภิรมย์ พร้อมพวกรวม 15 ราย ในข้อหาทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หลังจากไต่สวนพบว่า ไม่มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ กับทางประเทศจีนจริงตามที่สัญญากล่าวอ้าง ซึ่งไม่ปรากฏว่ารัฐวิสากิจของประเทศจีนที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายได้รับมอบหมายจากทางการประเทศจีน และไม่มีการส่งข้าวออกนอกราชอาณาจักรไทยทั้งนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติเห็นชอบตามอนุคณะกรรมการเสนอ ให้ไต่สวนเพิ่มเติมยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) โดยเห็นว่าได้ละเลย ไม่ระงับยับยั้ง การดำเนินการโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่ทราบข้อท้วงติงและความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในฝั่งความเคลื่อนไหวการเมืองบนท้องถนน เมื่อวันที่ แกนนำ กปปส.เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้นำมวลชนเดินทางมาถึงสำนักงานใหญ่ ธนาคารออมสิน ตามที่ เลขาธิการ กปปส.ประกาศบนเวทีเมื่อคืนวันที่ 19 มกราคม 2557โดยเมื่อเดินทางไปถึง ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสิน และรองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล ออกแถลงการณ์กับผู้สื่อข่าวในนามของสหภาพฯ โดยระบุว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่าธนาคารออมสินปล่อยกู้ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้น ทางสหภาพฯ ขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่า หากมีการปล่อยกู้ดังกล่าวจริง ต่อมา ป.ป.ช. มีมติให้ดำเนินการไต่สวน ยิ่งลักษณ์ ในกรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ที่ก่อให้เกิดความเสียหายที่เห็นได้อย่างชัดเจน รวมทั้ง โดยให้รวมสองกรณีไว้ในคราวเดียวกันคือ การไต่สวนเพื่อชี้มูลความผิดตามมาตรา 157 และการพิจารณาคำร้องกรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 146 คน ร้องขอให้ถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่ง จากการดำเนินการนโยบายรับจำนำข้าวที่ผิดพลาด ส่งผลขาดทุนกระทบต่อการส่งออกข้าว และ ในวันที่ ป.ป.ช. มีมติเรียก ยิ่งลักษณ์ มาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 โดยระบุความผิดของผู้ถูกกล่าวหาว่า(โดยยิ่งลักษณ์ได้ส่งทนายความเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแทน จากนั้น ป.ป.ช. มีมติขยายเวลาให้ยิ่งลักษณ์เข้าชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 31 มีนาคม 2557)ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการหรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นการจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 178 อันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนออกจากตําแหน่งตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 270 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานข่าว พิเชษฐ์ เพชรรัตน์ ชาวนาอำเภอราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา เกิดความเครียดกินยาฆ่าแมลงจนเกือบหมดถัง กว่าครอบครัวจะเห็นและนำส่งโรงพยาบาล พิเชษฐ์ ก็เสียชีวิตแล้วพี่ชายผู้ตาย เผยว่าพิเชษฐ์ ได้ไปกู้ยืมเงินจาก ธกส.เพื่อต่อทุนเกือบ 200000 บาท หวังจะได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล จำนวน 170000 บาท มาใช้หนี้ แต่เกือบ 5 เดือน ยังไม่ได้เงิน ทำให้เงินที่กู้ยืมมาเริ่มหมด สุดท้ายหาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้ จึงคิดสั้นฆ่าตัวตายซึ่งศพได้นำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดจระเข้ตาย และได้ฌาปนกิจศพไปเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา แกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ พร้อมด้วย ประธานเครือข่ายชาวนาไทย และ ผู้ประสานงานชาวนา นำชาวนาจำนวนหนึ่งเดินทางมายังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อทวงถามความคืบหน้าในการดำเนินการทวงเงินค่าจำนำข้าวจากรัฐบาล รวมทั้งเอาผิดต่อ ยิ่งลักษณ์ กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ภายหลังจากที่มายื่นเรื่องเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่เลขานุการอัยการสูงสุด และวินัย ดำรงค์มงคลกุล ผู้ตรวจการอัยการ มาให้คำตอบเรื่องดังกล่าว ว่าการดำเนินการขาดเอกสารจากชาวนา อาทิ ใบประทวนข้าว จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการคืบหน้าได้เมื่อมวลชนได้รับคำตอบเช่นนี้ก็ไม่พอใจ ต่างส่งเสียงตะโกนด่า และเป่านกหวีดขับไล่ ทำให้พุทธะอิสระต้องขอให้เงียบเสียง พร้อมประกาศว่าการกระทำของ อัยการสูงสุดเหมือนไม่ให้ความสำคัญปัญหาชาวนาถูกโกง เพราะยื่นเรื่องไว้กว่า 2 สัปดาห์แล้ว ยิ่งลักษณ์ เข้าชี้แจงข้อกล่าวหา โดยชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรมีความยาว 151 หน้า สาระสำคัญที่ได้ชี้แจงต่อ ป.ป.ช. คือ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมชี้ว่า ขณะเดียวกันยิ่งลักษณ์ ขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.สอบพยานเพิ่มเติมอีก โดยอ้างว่าแต่ละคนล้วนเป็นบุคคลที่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมด สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการ ที่มาของโครงการ รวมไปถึงผลดีระหว่างดำเนินโครงการว่าเป็นอย่างไร รวมทั้งขอขยายเวลาส่งเอกสารเพิ่มเติมหลังจากการยื่นขอให้ไต่สวนพยานเพิ่มเติม 11 ปาก ก็มีการยื่นขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. สืบพยานเพิ่มอีกถึงสองครั้ง รวมพยานที่ยิ่งลักษณ์มอบหมายให้ทนายความคือ บัญชา ปรมีศณาภรณ์ และนรวิชญ์ หล้าแหล่ง เข้ายื่นขอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีทั้งสิ้น 17 ปากทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาความเหมาะสม และมิติด้านข้อมูลที่พยานแต่ละคนจะมาให้ปากคำแล้ว เพื่อลดความซ้ำซ้อนด้านข้อมูลจึงมีมติอนุมัติให้มีการสืบพยานเพิ่มเพียง 4 ปาก คือ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ยรรยง พวงราช รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และมีมติไม่ลงตรวจสอบสต๊อกข้าวเพิ่มเติมตามคำร้องของยิ่งลักษณ์ท้ายที่สุดวันที่ หลังจากวันที่ ได้ตัดสินความผิดให้ถอดถอนยิ่งลักษณ์กรณีโยกย้าย เพียงหนึ่งวัน ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ในการชี้มูลความผิดฐานละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ชี้มูลให้ถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และถัดมาถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เข้ายึดอำนาจการปกครองในวันที่ ป.ป.ช. มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับยิ่งลักษณ์ ซึ่งได้มาจากการแต่งตั้งโดย คสช. ลงมติถอดถอนยิ่งลักษณ์ จากการกรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว ด้วยคะแนนเสียง 190-8 เสียง และงดออกเสียง 8 เสียง บัตรเสีย 3 เสียง สำหรับการดำเนินคดีความทางอาญากับยิ่งลักษณ์นั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ โดย ได้ยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2554มาตรา 123/1ซึ่งละเลยไม่ยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ต่อมาอีกหนึ่งเดือนองค์คณะผู้พิพากษา มีคำสั่งประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 โดยองค์คณะผู้พิพากษาซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาประกอบด้วย1.ไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา2.วิรุฬห์ แสงเทียน ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา3.ธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา4.ธนสิทธ์ นิลกำแหง ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา5.ศิริชัย วัฒนโยธิน รองประธานศาลฎีกา6.ชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา7.วีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา8.อุบลรัตน์ ลุยวิกกัย ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา9.ธานิศ เกศวพิทักษ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาต่อมาวันที่ ศาลออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีความครั้งแรก โดยยิ่งลักษณ์ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และพร้อมสู้คดี วีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา ในฐานะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้กับ ยิ่งลักษณ์ ฟัง มีใจความโดยสรุปว่า ระหว่างเดือนสิงหาคม 2554 – เดือนพฤษภาคม 2557 จำเลยดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 รวมถึงเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ คดีนี้จำเลยได้ดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวเปลือก รวม 5 โครงการ ได้แก่ ข้าวนาปี 2554/2555 ข้าวนาปรัง 2555 ข้าวนาปี 2555/2556 ข้าวนาปรัง 2556 และข้าวนาปี 2556/2557ระหว่างดำเนินการตามนโยบายนี้ มีข้อทักท้วงทั้งก่อนและระหว่างดำเนินการจากหลายหน่วยงาน ทั้ง ว่านโยบายนี้มีแนวโน้มจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อคุณภาพข้าว บิดเบือนกลไกตลาด และเกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งจำเลยและคณะรัฐมนตรี จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบระมัดระวัง ทั้งในการกำหนดราคารับจำนำอย่างสมเหตุสมผล และมีมาตรการป้องกันความเสียหายจากการทุจริตและระบบเศรษฐกิจของประเทศ ศาลออกนั่งบัลลังก์ เริ่มกระบวนการตรวจหลักฐานและพยานบุคคล พยานเอกสารของฝ่ายโจทก์และจำเลย ทั้งนี้ศาลได้อ่านคำร้องของจำเลยขอให้ศาลรอการพิจารณาคดีไว้ชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาฯ แต่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองและได้ทำความเห็นส่งไปให้ศาลปกครองพิจารณา ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ.2542 มาตรา 10 แล้ว โดยโจทก์ได้รับสำเนาและคัดค้านว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาฯ ไม่ได้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครององค์คณะฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 9 (1) บัญญัติให้ศาลมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่มีมูลแห่งคดีเป็นการกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ตามกฎหมายอื่น แม้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 จะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 24/2557 ก็ยังให้ พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาฯ มีผลใช้บังคับต่อไปเมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้อง กล่าวหาจำเลยเกี่ยวกับความรับผิดในการปฏิบัติหน้าที่และขอให้ลงโทษทางอาญา ซึ่งตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 11 (1)-(9) ไม่มีกรณีใดเลยที่ให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญา ส่วนที่ทนายจำเลย ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2558 คัดค้านพยานบุคคล 23 ปาก และพยานเอกสารของโจทก์ โดยอ้างว่าโจทก์เพิ่มเติมพยานโดยไม่สุจริต มุ่งเอาเปรียบจำเลยโดยไม่เป็นธรรม เพราะเป็นพยานหลักฐานที่ไม่มีการไต่สวนมาก่อน จึงขอให้ศาลไม่รับบัญชีพยานดังกล่าวเข้าสู่สำนวนองค์คณะฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาฯ มาตรา 5 ให้ศาลยึดรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณาคดี แต่ก็ให้อำนาจศาลไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร โดยศาลมีอำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคล หรือเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำ และจำเลยก็มีสิทธิ์นำพยานเข้าไต่สวนเพื่อหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้อยู่แล้ว ต่อมาวันที่ ศาลได้กำหนดให้อัยการโจทก์นำพยานไต่สวนทั้งหมด 14 ปาก ส่วนพยานจำเลยมีทั้งหมด 42 ปาก ขณะที่การไต่สวนพยานเริ่มต้นนัดแรกในวันที่ 15 มกราคม 2559 และสิ้นสุดลงในวันที่ 29 กรกฎาคม 2560อย่างไรก็ตามในวันที่ ยิ่งลักษณ์ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกไปเผชิญสืบโรงสีข้าว และคลังข้าวจังหวัดอ่างทอง 16 แห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปตรวจแล้วไม่พบความเสียหาย เพื่อตรวจสอบให้พบความจริงว่า ข้าวเสียหรือไม่นั้น ยิ่งลักษณ์ ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามาตรา 5 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 ขัดหรือแย้งกับมาตรา 235 วรรค 6 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 หรือไม่ ขณะที่รัฐธรรมนูญที่เพิ่งประกาศใช้บัญญัติว่า การพิจารณาของศาลฎีกาฯ ให้นำสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. เป็นหลักในการพิจารณา และกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้ศาลมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ ในการพยานหลักฐานเข้าไต่สวน จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ยิ่งลักษณ์ แถลงปิดคดี โดยระบุตอนหนึ่งว่า และตลอดเวลาที่ดิฉันได้นั่งรับฟังการพิจารณาคดีนี้ นับตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2559 และสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2560 รวมการไต่สวนของศาลในคดีนี้ทั้งหมด 26 นัด เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือนที่ดิฉันไม่เคยขาดนัดพิจารณาคดีของศาลแม้แต่สักครั้งเดียว ทั้งนี้เพราะด้วยความเคารพต่อทุกท่านที่เป็นองค์คณะในการพิจารณาคดีนี้ หากมีถ้อยคำใดที่ดิฉันเปิดใจกล่าวอย่างตรงไปตรงมานั้น ดิฉันไม่ได้มีเจตนาอื่นใดและไม่ได้ประสงค์จะใส่ร้ายหรือใส่ความผู้ใด เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าว เดิมเป็นวีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา แต่แจ้งขอถอนตัวจากองค์คณะหลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นประธานศาลฎีกา จึงเปลี่ยนเจ้าของสำนวนใหม่เป็นชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา | ชวนสำรวจเส้นทางการปลุกปั้นนโยบายช่วยชาวนา เป็น อาชญากรรมจำนำข้าว ไล่เรียงไทม์ไลน์ก่อนถึงวันพิพากษาคดีประวัติศาสตร์อีกหนึ่งคดี ซึ่งคำพิพากษาอาจส่งผลต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในอนาคต | การเมือง,สิทธิมนุษยชน | กปปส.,กล้านรงค์ จันทิก,คสช,จำนำข้าว,ถาวร เสนเนียม,นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม,นิพนธ์ พัวพงศกร,บุญทรง เตริยาภิรมย์,ป.ป.ช.,ประมนต์ สุธีวงศ์,พุทธะอิสระ,ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,ระวี รุ่งเรือง,ลิขิต กลิ่นถนอม,วิชา มหาคุณ,สถาพร หลาวทอง,สนช.,สมศักดิ์ โกศัยสุข,สุเทพ เทือกสุบรรณ,อัยการสูงสุด,โครงการรับจำนำข้าว | https://prachatai.com/journal/2017/08/72943 |
ปวีณา จี้คดี ไฟดูด ด.ญ.6 ขวบสาหัส ในลานกีฬาคลองเตย-ไร้คนรับผิดชอบ | เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 ส.ค. ที่ สน.ท่าเรือ กทม. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วยนายธงชัย ศรีใส อายุ 27 ปี พนักงานส่งเอกสารบริษัทแห่งหนึ่ง พ่อของน้องพั๊นซ์ และนางปราณี อ้นแสง อายุ 51 ปี ย่าของน้องพั๊นซ์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สมบัติ แก่นวิจิตร ผกก.สน.ท่าเรือ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีที่เด็กหญิงวรรณการต์ ศรีใส หรือน้องพั๊นซ์ อายุ 6 ขวบ ลูกสาวของนายธงชัย ถูกไฟฟ้าดูดบริเวณเสาไฟฟ้าภายในลานกีฬาชุมชนวัดคลองเตยใน 3 แขวงและเขตคลอง เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากยังไม่มีหน่วยงานใดออกมารับผิดชอบกรณีที่เกิดขึ้น,นางปวีณา กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ส.ค.59 นายธงชัย ศรีใส เข้าร้องเรียนกับทางมูลนิธิฯ เพื่อขอความเป็นธรรมกรณี เด็กหญิงวรรณการต์ ศรีใส หรือน้องพั๊นซ์ อายุ 6 ขวบ ลูกสาวคนโต ถูกไฟฟ้าจากเสาสปอตไลต์ภายในลานกีฬาชุมชนวัดคลองเตยใน 3 ดูดจนอาการสาหัส และรักษาตัวอยู่ห้องไอซียู รพ.จุฬาฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุได้เดินทางแจ้งความไว้ที่ สน.ท่าเรือ แล้วแต่จนถึงวันนี้ คดีความยังไม่มีความคืบหน้า และยังไม่มีหน่วยงานใดออกมารับผิดชอบ,ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยตามสนามเด็กเล่น ลานกีฬาชุมชนทั่วประเทศเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่มาใช้บริการ ทำกิจกรรม ซึ่งได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบว่าใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ เพื่อต่อไปจะได้เป็นบรรทัดฐานและขอฝากให้เป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตระหนักและช่วยกันสอดส่องตรวจสอบไฟฟ้า อุปกรณ์ทุกอย่าง เพื่อหาทางป้องกันดีกว่าปล่อยให้วัวหายแล้วล้อมคอก,ด้าน นายธงชัย กล่าวว่า ตนมีลูกสาว 2 คน น้องพั๊นซ์เป็นคนโตกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.1 โรงเรียนวัดคลองเตยใน ส่วนคนเล็กชื่อน้องพราว อายุ 3 ขวบ ก่อนหน้านี้ตนได้แยกทางกับภรรยาและรับเป็นฝ่ายเลี้ยงลูกสาวทั้ง 2 คน ทุกวันตนต้องออกไปทำงาน แต่จะมีนางปราณี อ้นแสง อายุ 51 ปี แม่ของตนและพี่สาวอีกคนมาช่วยเลี้ยงลูก ช่วงเย็นวันเกิดเหตุน้องพั๊นซ์กลับจากโรงเรียน ย่าก็พาไปเล่นที่ลานกีฬาตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน ขณะที่วิ่งเล่นอยู่ได้ถือแก้วน้ำเดินไปพิงเสาไฟฟ้าที่อยู่กลางลาน จู่ๆ เกิดล้มหน้าคว่ำลงกับพื้น เด็กที่อยู่บริเวณนั้นก็คิดว่าน้องพั๊นซ์แกล้งลงไปนอน กระทั่งย่าเห็นเข้าไม่รู้ว่าหลานเป็นอะไรรีบวิ่งมาจับหลานจะพยุงให้ลุกขึ้นกลับถูกกระแสไฟในตัวน้องพั๊นซ์ดูดจึงรีบผลักออกด้วยความตกใจ ก่อนจะวิ่งไปตามญาติที่อยู่บริเวณใกล้เคียงมาช่วย,ตอนนั้นน้องพั๊นซ์หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ญาติต้องช่วยกันปั๊มหัวใจจนร่างกระตุกขึ้นมา และช่วยผายปอดตลอดเวลาที่ซ้อนรถจักรยานยนต์ไปส่งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 นอกจากนี้ ตามร่างกายยังมีรอยไหม้ที่แผ่นหลัง ขา และนิ้วเท้าเป็นแผลพุพองขนาดใหญ่ อาการวิกฤติอยู่หลายวัน ก่อนที่แพทย์จะส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา,นายธงชัย กล่าวด้วยว่า ตนคิดว่า ลานกีฬาหรือสวนสาธารณะควรจะเป็นที่ที่ปลอดภัย เพราะไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ไปใช้เป็นที่วิ่งเล่น ออกกำลังกาย พักผ่อน แต่กลับมีกระแสไฟฟ้ารั่วเกิดขึ้น หลังเกิดเหตุมีชาวบ้านพูดกันมากว่า ก่อนหน้านี้หลายคนก็รู้มาว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่ว แต่ก็ไม่มีการแก้ไข หรือกั้นเขตอันตราย จนกระทั่งเกิดเหตุกับลูกสาวตน ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ตนจึงอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรม และฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ขอให้น้องพั๊นซ์เป็นคนสุดท้ายที่ต้องมาเกิดเหตุสลดเช่นนี้,ขณะที่ พ.ต.อ.สมบัติ แก่นวิจิตร ผกก.สน.ท่าเรือ กล่าวในส่วนของการดำเนินคดี ว่า หลังจากเกิดเหตุ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบ ส่วนพนักงานสอบสวนได้สอบพยานไปแล้วหลายปาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ทราบ เพื่อหาผู้ที่มีส่วน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบ หากพบว่าผู้ใดกระทำความผิด ก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป,จากนั้น นางปวีณา พร้อมด้วยนายธงชัยและนางปราณี ลงพื้นที่ชี้จุดเกิดเหตุพร้อมกับจำลองเหตุการณ์ให้สื่อมวลชนดู พร้อมทั้งเข้าพบ น.ส.บุรัสกร บุญญติพงษ์ อายุ 42 ปี คณะกรรมการชุมชน ซึ่งเปิดเผยว่า ทางชุมชนวัดคลองเตยใน 3 ได้จัดสร้างลานกีฬาเพื่อสุขภาพพร้อมกับประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าเข้ามาติดตั้งไฟสปอตไลต์ให้ตั้งแต่แรก หลังจากนั้นระยะประมาณ 5 ปี สายไฟฟ้าตามเสาไฟเกิดชำรุดจึงแก้ไขซ่อมแซมกันเอง จนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ช่วยเหลือทางครอบครัวผู้ประสบเหตุ เป็นเงินจำนวน 5,000 บาทแล้ว. | ปวีณาพาพ่อและย่าติดตามความคืบหน้าคดีด.ญ. 6 ขวบ ถูกไฟฟ้าดูดขณะไปเดินเล่นในลานกีฬาชุมชนย่านคลองเตย ผ่านไปเกือบครึ่งเดือน ยังอาการสาหัส อยู่ห้องไอซียูรพ.จุฬาฯ แต่ในทางคดียังหาคนรับผิดไม่ได้ ขณะที่กก.ชุมชน ยันจ่ายไปแล้ว5พัน | null | ไฟดูดเด็ก,คดีไฟดูดเด็ก6ขวบ,สน.คลองเตย,ปวีณา หงสกุล,มูลนิธิปวีณา,กทม,ข่าวทั่วไทย,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/687872 |
แกนนำ กปปส.พบภาคเอกชน 7 องค์กร | นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำ กปปส.ทั้งที่เวทีนางเลิ้ง และเวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย และเวทีกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณเข้าหารือกับองค์กรภาคเอกชน 7 องค์กร คือ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมตลาดทุน และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย โดยเลขาธิการ กปปส.ยื่นข้อเสนอเรียกร้องให้ 7 องค์กรภาคเอกชนไม่ยอมรับการทำงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมทำงานกับ กปปส.ในการปฏิรูปประเทศตามแนวทางของ กปปส. โดยมองว่าภาคเอกชนนั้นเป็นคนกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับ โดยยืนยันว่าเป้าหมายต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในประชุมได้มีการถามคำถามจากภาคเอกชนมายังนายสุเทพว่าจะมีรูปแบบวิธีการอย่างไรในการปฏิรูปประเทศ เพราะว่ามีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งออกมาแล้ว แต่นายสุเทพยืนยันว่าต้องไม่มีการเลือกตั้ง โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่นายสุเทพจะเดินทางกลับ ส่วนภาคเอกชนนั้นก็มีการหารือกันต่อเนื่องต่อไป ก่อนที่จะมีการนัดหมายประชุมกันอีกครั้งร่วมกับกลุ่มตัวแทนสาขาวิชาชีพอื่นๆ อีก 20 สาขา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ส่วนสถานการณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งกลุ่ม คปท.ตัดไฟของทำเนียบรัฐบาลไปแล้ว เพื่อกดดันให้ตำรวจถอนกำลังออกจากทำเนียบรัฐบาล หลังจากที่ก่อนหน้านี้เกือบจะมีความวุ่นวาย เมื่อมีเสียงดังขึ้น 2 ครั้ง บริเวณที่มีการเผชิญหน้ากันอยู่ และมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น.ที่ผ่านมา ได้มีการประสานนำแพทย์ และพยาบาลรวม 6 คน ออกจากพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อออกมาแล้ว ทีมพยาบาลที่ออกมายืนยันว่าพื้นที่ในทำเนียบรัฐบาลนั้นถูกตัดไฟฟ้าไปแล้วจริง และจะไม่มีทีมพยาบาลกลับเข้าไปผลัดเวรด้านใน ทำเนียบรัฐบาลอีก และในวันพรุ่งนี้ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าไปในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลอีกด้วยส่วนกำลังตำรวจ จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ได้ถอนกำลังออกมา หลังจากที่มีการประสานงานกันก่อนหน้านี้มาแล้วว่าจะให้ตำรวจออกทางประตู 1 ของทำเนียบรัฐบาล แต่ว่าตำรวจนั้นจะออกทางประตู 7 จึงยังไม่สามารถตกลงกันได้ | แกนนำ กปปส.หารือกับ 7 องค์กรภาคเอกชน เพื่อเรียกร้องให้สนับสนุนแนวทางการเคลื่อนไหว โดยให้ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามกดดันให้ตำรวจถอนกำลังออกจากทำเนียบรัฐบาล | การเมือง | #ElectionTH,กปปส.,คปท.,ชุมนุม,ตำรวจ,ทำเนียบรัฐบาล,ภาคเอกชน,เลือกตั้ง,แกนนำ | https://news.thaipbs.or.th/content/211505 |
ประกาศ 27 นักตบสาวไทย ชุดอุ่นเครื่องเกาหลีใต้ 2 นัด | วันนี้ (26 มี.ค.2562) สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลเเห่งประเทศไทย ประกาศ 27 รายชื่อนักกีฬาชุดอุ่นเครื่อง โคเรีย-ไทย โปรวอลเลย์บอล ซูเปอร์ เเมตช์ โดยนักกีฬาส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นจากทีมชาติชุดใหญ่จากปีที่แล้ว พร้อมเสริมด้วยผู้เล่นที่ทำผลงานยอดเยี่ยม จากศึกไทยแลนด์ลีกและไทย-เดนมาร์ก ซูเปอร์ลีก เข้าเก็บตัวที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาเเห่งประเทศไทยนำโดย 7 เซียนในตำนาน อย่าง ปลื้มจิตร์ ถินขาว นุศรา ต้อมคำ อรอุมา สิทธิรักษ์ มลิกา กันทอง วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ ขาดเพียงแต่ วรรณา บัวเเก้ว ที่ปัจจุบันเป็นทีมงานสต๊าฟโค้ชทีมชาติไทย ส่วน ชัชชุอร โมกศรี ที่เล่นในลีกของญี่ปุ่นจะกลับมาซ้อมกับทีมในเดือนพฤษภาคมหลังจากนี้ ทีมวอลเลย์สาวไทย เตรียมลงเเข่ง โคเรีย-ไทย โปร วอลเลย์บอล ออล สตาร์ ซูเปอร์ แมตช์ 2 นัด ในวันที่ 5 เมษายน ที่จังหวัดนครราชสีมา และวันที่ 7 เมษายน ที่อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก ตามด้วย เนชั่นลีก ในเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนมิถุนายน รวมทั้งคัดเลือกโอลิมปิก โซนโลก ในวันที่ 2-4 สิงหาคม ที่โปเเลนด์ ชิงเเชมป์เอเชีย ในวันที่ 17-25 สิงหาคม ที่เกาหลีใต้ และซีเกมส์ ในเดือนธันวาคม ที่ฟิลิปปินส์ เเละคัดเลือกโอลิมปิกโซนเอเชีย ในเดือนมกราคมปี 2563 | ปลื้มจิตร์ ถินขาว เเละนุศรา ต้อมคำ นำทีมชาติไทย เตรียมลงเเข่งวอลเลย์บอลรายการพิเศษ 2 นัด กับ เกาหลีใต้ ในเดือนเมษายนนี้ | กีฬา | วอลเลย์บอล,ทีมชาติไทย,ปลื้มจิตร์ ถินขาว,ทีมวอลเลย์สาวไทย,โคเรีย-ไทย โปรวอลเลย์บอล ออลสตาร์ ซูเปอร์แมตช์,ชุดอุ่นเครื่อง,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/278769 |
ฟานกัล รับ 6 เดือนท้ายหลุมผี หัวเกือบขาด ยกแชมป์ FA เจ๋งสุดในอาชีพ | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 18 ม.ค. ว่า หลุยส์ ฟานกัล อดีตกุนซือดัตช์แมน ยอมรับว่า 6 เดือนสุดท้ายกับผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันเป็นเรื่องยากลำบากอย่างแท้จริง เนื่องจากต้องเสี่ยงกับการโดนไล่ออกเปรียบเสมือนหัวหลุดจากบ่าอยู่ทุกเมื่อ,อดีตเทรนเนอร์วัย 65 ปีเพิ่งประกาศรีไทร์จากการเป็นกุนซืออย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ โดยแชมป์สุดท้ายที่เขาทำได้ในการเป็นผู้จัดการทีมนั่นคือแชมป์เอฟเอคัพกับผีแดง และถ้วยนี้เอง ฟานกัล ก็ยกให้เป็นถ้วยแชมป์ที่ยิ่งใหญ่สุดในอาชีพของเขา,หกเดือนสุดท้ายที่ยูไนเต็ด มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก ฟานกัล กล่าวผ่าน เดอะ เทเลกราฟ นั่นคือเหตุผลที่ว่าถ้วยเอฟเอคัพที่ผมได้ ผมพิจารณาแล้วว่าคือถ้วยแชมป์ที่ยิ่งใหญ่สุดในอาชีพ,เมื่อผมถูกเสนอชื่อมาท่ามกลางความเสี่ยงอันใหญ่หลวง หัวของผมก็อยู่ในบ่วงบาศเกือบจะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่เป็นเวลา 6 เดือน,ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ผมได้รับการคาดหวังว่าจะต้องกระตุ้นนักเตะในทุกๆวัน และจุดไคลแม็กซ์ของรอบชิงเอฟเอคัพเลยก็คือ เหลือผู้เล่น 10 คนแต่ยิงประตูชนะในช่วงต่อเวลาได้,การผ่านเรื่องราวทั้งหมดมานั้นพร้อมกับจากไปด้วยถ้วยรางวัลมันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากสำหรับผม | หลุยส์ ฟานกัล อดีตกุนซือจอมปรัชญาของ ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่า 6 เดือนสุดท้ายในโรงละครแห่งความฝันเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง พร้อมกับยกแชมป์เอฟเอคัพคือถ้วยแชมป์ที่ยิ่งใหญ่สุดในอาชีพ | null | พรีเมียร์ลีก,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,หลุยส์ ฟานกัล,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/838300 |
บุกยิงหนุ่มเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำดับ หน้าบ้านที่สุไหงโก-ลก | เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 28 พ.ย. 59 พ.ต.ท.สมศักดิ์ นันทะวงศ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดหน้าบ้านเช่าเลขที่ 84 ถ.ประชาวิวัฒน์ ซอย 21 เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเซิ่งหมู่ธารน้ำใจสุไหงโก-ลก และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดไปตรวจสอบ,ที่เกิดเหตุ พบศพนายอดุลย์ กสิวรรณ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/9 ม.5 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ที่ข้างประตูหน้าบ้าน โดยสวมกางเกงชั้นในเพียงตัวเดียว และมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด .38 ที่หน้าอกซ้าย 1 นัด และศีรษะ 1 นัด รวม 2 นัด เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง,จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำในคดียาเสพติด และได้มาเช่าบ้านที่เกิดเหตุอาศัยอยู่เพียงลำพัง โดยชาวบ้านในละแวกจุดเกิดเหตุให้การว่า ก่อนที่ผู้ตายจะถูกยิงเสียชีวิต ได้มีชายฉกรรจ์ 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาหาผู้ตาย โดยมีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงหน้าบ้านพัก จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 2 นัด ออกมาดูพบผู้ตายถูกยิงเสียชีวิต ส่วนชายฉกรรจ์นั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว, ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่คาดว่า น่าจะมาจากปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษต่อไป. | เกิดเหตุคนร้ายยิงหนุ่มเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำดับหน้าบ้านเช่าที่ อ.สุไหงโก-ลก พยานเผยเห็นชายต้องสงสัยขี่ จยย.มาหา ก่อนมีการโต้เถียงกัน และมีเสียงปืนดังขึ้น ตร.เร่งตามตัวสอบ | null | ยิงอดีตนักโทษ,สุไหงโก-ลก,นราธิวาส,ขัดแย้งส่วนตัว,ทะเลาะวิวาท | https://www.thairath.co.th/content/795617 |
กล้านรงค์ลาออกจากอนุฯ ป.ป.ช | นายกล้านรงค์ จันทิก อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการในคณะอนุกรรมการไต่สวนทุกคณะที่เคยทำหน้าที่อยู่ทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงตำแหน่งประธานอนุกรรมการงานป้องกันเสริมสร้างค่านิยมความซื่อสัตย์เพียงคณะเดียวเท่านั้นนายกล้านรงค์ระบุถึงสาเหตุการลาออกครั้งนี้ว่า เป็นผลมาจากไม่มีเวลาที่จะทำหน้าที่ได้ เพราะที่ผ่านมายังไม่มีการแต่งตั้งให้ เป็นที่ปรึกษาของกรรมการป.ป.ช. ซึ่งส่วนตัวมีความยินดีที่จะช่วยงานไต่สวนของคณะกรรมการป.ป.ช. เบื้องต้นทราบเพียงว่าประธาน ป.ป.ช. ได้รวมระเบียบแต่งตั้งตนและได้มีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการแล้ว แต่ติดขัดในส่วนใดนั้นไม่ทราบ และเมื่อไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากรรมการป.ป.ช. จึงเห็นว่า ควรลาออกจากอนุกรรรมการต่างๆ ที่เคยทำหน้าที่ ขณะที่งานไต่สวนโดยเฉพาะกรณีโครงการจำนำข้าว มีนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. ดูแลต่อไปแล้ว | อดีตกรรมการป.ป.ช. ลาออกจากกรรมการในอนุกรรมการทุกคณะ เนื่องจากไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของกรรมการ ป.ป.ช. จึงเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่ต่อไป | การเมือง | กล้านรงค์ จันทิก,ป.ป.ช,ลาออก | https://news.thaipbs.or.th/content/209516 |
หมอทวีศิลป์ เตือน ปชช. เบาใจได้ แต่ไว้วางใจไม่ได้ แม้ติดเชื้อเป็น 0 | หมอทวีศิลป์ โฆษก ศบค. เตือน ปชช. เบาใจได้ แต่ไว้วางใจไม่ได้ แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ เหลือ0 ยันยังต้องปฏิบัติตัว New Normal โดยเคร่งครัด ชี้ ต้องทำความสะอาด ตู้ปันสุข เพราะป้องกันเป็นแหล่งแพร่เชื้อวันที่ 13 พ.ค. นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กล่าวถึงคำถามของผู้สื่อข่าว ที่ว่า เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อในวันนี้เป็น 0 คือไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มแล้ว เราก็สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติแล้วใช่หรือไม่ ยืนยัน ยังไม่สามารถสรุปแบบนั้นได้นะครับ ว่า เมื่อตัวเลขติดเชื้อเป็น 0 แล้ว หมายถึงภายในประเทศปลอดภัยแล้ว เพราะวันนี้แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ เป็น 0 แต่พรุ่งนี้ก็อาจพบมีคนติดเชื้ออีกครั้งก็ได้ เหมือนกับสถานการณ์ในต่างประเทศ อย่างจีน หรือเกาหลีใต้ ที่กลับมาพบผู้ติดเชื้ออีกครั้ง เพราะฉะนั้นอย่างที่บอก เบาใจได้ แต่ไว้วางใจไม่ได้ คนไทยทุกคนก็ยังต้องปฏิบัติตัวป้องกันการติดเชื้อ โดยเคร่งครัดต่อไปส่วนกรณี ตู้ปันสุข หวั่นเป็นที่แพร่เชื้อโรค นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผมก็เห็นจากข่าวเหมือนกันว่า มีคนเข้าไปเอาของบริจาค แล้วค่อนข้างแออัด ก็มีความเป็นห่วงเหมือนกัน ท่านที่ไปรับของบริจาค ก็ควรทำตามขั้นตอนที่บอกไปแล้วว่า ต้องล้างมือ-ใส่หน้ากาก และยืนรอคิวเว้นระยะด้วยส่วนคนที่ดูแลตู้ปันสุข ท่านก็ต้องทำความสะอาดพื้นผิวตู้ซะหน่อย ด้วยการนำน้ำยาเช็ดให้สะอาด รอให้แห้ง แล้วจึงนำของบริจาคไปวางได้ ที่สำคัญ ต้องไม่เกิดความแออัด โดยต้องหลีกเลี่ยงจากการแออัดด้วยวันนี้ ชื่นชมตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็น 0 แต่ขอให้ประชาชนยังคงทำตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ให้เป็น New Normal ใหม่ ในชีวิตประจำวันต่อไป โฆษก ศบค. กล่าว. | หมอทวีศิลป์ โฆษก ศบค. เตือน ปชช. เบาใจได้ แต่ไว้วางใจไม่ได้ แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ เหลือ 0 ยันยังต้องปฏิบัติตัว New Normal โดยเคร่งครัด ชี้ ต้องทำความสะอาด ตู้ปันสุข | ข่าว,การเมือง | โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,ตู้ปันสุข,ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน,ศบค.,ติดเชื้อเป็น 0 วันแรก,ไฮไลต์ไวรัสโคโรน่า,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1843049 |
เปิดตัวแอปพลิเคชัน พจนานุกรมราชบัณฑิตฯ และ อ่านอย่างไร เขียนอย่างไร | น.ส.กนกวลี ชูชัยยะ เลขาธิการราชบัณฑิตยสภา กล่าวว่า พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เป็นหนังสืออ้างอิงที่มีความสำคัญซึ่งประมวลคำที่มีใช้ในภาษาไทยกว่า 43000 คำ พร้อมให้คำอ่าน ความหมายและที่มาของคำ เพื่อให้การเขียนหนังสือไทยมีมาตรฐานเดียวกันไม่ลักลั่น ส่วน อ่านอย่างไรและเขียนอย่างไร ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เป็นหนังสือที่รวบรวมคำภาษาไทยที่มักมีผู้อ่านผิดและเขียนผิดโดยให้คำอ่านอย่างถูกต้องและคำที่เขียนอย่างถูกต้อง สำนักงานราชบัณฑิตยสถาเห็นว่าหนังสือทั้ง 2 เล่ม มีความสำคัญและมีประโยชน์แก่ประชาชน และมีผู้ใช้ประโยชน์ในการอ้างอิงเป็นจำนวนมากมาโดยตลอด สำนักงานราชบัณฑิตยสภาจึงได้นำข้อมูลจากหนังสือทั้ง 2 เล่ม มาพัฒนาเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ตโฟน (smart phone) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้นดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) อธิบายว่าแอปพลิเคชันพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตฯ นี้จะแสดงผลการใช้งาน 2 รูปแบบ คือ รูปแบบหมวดอักษรและรูปแบบการค้นคำ ผู้ใช้สามารถค้นคำได้ทั้งจากตัวอักษรตั้งต้นและจากส่วนหนึ่งของคำ ทั้งยังค้นคำจากประวัติการใช้งานของผู้ใช้เองได้ด้วย ส่วนแอปพลิเคชันอ่านอย่างไรและเขียนอย่างไร ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้ 2 หมวด คือ (1) หมวดอ่านอย่างไร เพื่อทราบคำอ่านที่ถูกต้องและ (2) หมวดเขียนอย่างไร โดยพิมพ์คำที่ต้องการทราบคำอ่านหรือการสะกดคำลงไป แม้ว่าผู้ใช้สะกดคำผิด แอปพลิเคชันนี้ก็แนะนำการสะกดคำที่ถูกต้องให้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังค้นคำจากประวัติการใช้งานของผู้ใช้เองได้เช่นเดียวกันผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันทั้ง 2 โปรแกรมนี้ ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS Version 7 iOS Version 8 Android และ Windows Mobile | สำนักงานราชบัณฑิตยสภาร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดตัวแอปพลิเคชัน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 และ อ่านอย่างไรและเขียนอย่างไร ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ช่วยให้คนไทยใช้ภาษาไทยได้ง่ายผ่านเครื่องมือสื่อสารพกติดตัว เปิดให้ดาวน์โหลดทั้งในระบบ iOS Version 7 iOS Version 8 Android และ Windows Mobile | วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี | Android และ Windows Mobile,iOS Version 8,สำนักงานราชบัณฑิตยสภาร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดตัวแอปพลิเคชัน | https://news.thaipbs.or.th/content/5365 |
เจออีก ออสเตรียช่วยผู้อพยพอัดแน่นในรถตู้ 26 คน | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของประเทศออสเตรียสกัดรถมินิแวนคันหนึ่งที่ในเทศบาล เบราเนาอัมอินน์ ติดชายแดนเยอรมนีทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และช่วยเหลือผู้อพยพภายในรถคันนี้ได้ 26 คน รวมทั้งเด็ก 3 คน ผู้มีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง ขณะที่ตำรวจจับกุมคนขับรถชาวโรมาเนียด้วย,โฆษกตำรวจเปิดเผยต่อสำนักข่าวบีบีซีในวันเสาร์ว่า เด็กๆ ทั้ง 3 คนอายุระหว่าง 5-6 ขวบ อัดกันอยู่ท้ายรถร่วมกับผู้อพยพคนอื่นๆ ซึ่งเป็นชาวซีเรีย, แอฟริกาและบังกลาเทศ โดยเด็กทุกคนป่วยหนักและเกือบไม่ได้สติแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล อาการของเด็กๆ ก็ดีขึ้นจนพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องอยู่ในโรงพยาบาลอีกสักระยะ,อนึ่ง ก่อนหน้านี้ตำรวจออสเตรีย ได้พบศพผู้อพยพอย่างน้อย 71 ศพ ในสภาพเน่าอืดอยู่หลังรถบรรทุกแช่เย็น ที่จอดอยู่บนไหล่ทาง บนถนนมอเตอร์เวย์ สาย A4 ใกล้เมืองพาร์นดอร์ฟ ทางภาคตะวันออกของประเทศออสเตรีย และใกล้ชายแดนฮังการี เมื่อเช้าวันพฤหัสฯ ที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยในจำนวนนี้เป็นชาย 59 คน หญิง 8 คน และเด็กอีก 4 คน,จากนั้นตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกระดับล่างของขบวนการลักลอบขนส่งมนุษย์ข้ามพรมแดนบัลแกเรีย-ฮังการีได้ 4 คน โดยทั้งหมดถูกส่งตัวขึ้นศาลเมืองเคชเคเมตเมื่อวันเสาร์ | ตำรวจออสเตรียช่วยเหลือผู้อพยพ 26 คน ที่อัดแน่นอยู่ในรถมินิแวนคันหนึ่ง ขณะที่รถคันนี้กำลังเดินทางหมายข้ามชายแดนไปเยอรมนีเมื่อวันศุกร์ | null | ออสเตรีย,มินิแวน,เทศบาลเบราเนาอัมอินน์,ชายแดน,เยอรมนี,ผู้อพยพ,ขาดน้ำ,โรมาเนีย,ข่าว,ข่าวต่างประเทศ,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/521661 |
ผกก.สภ.เสิงสาง ยืนยัน หนังสือนายดาบลาเคารพธงชาติไปส่งเมียน้อยไม่จริง | จากกรณีที่มีการนำภาพหนังสือบันทึกชี้แจงถึงผู้บังคับบัญชา ของดาบตำรวจนายหนึ่งที่ สภ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ที่ชี้แจงกรณีที่ตัวเองไม่ได้ไปเข้าแถวเคารพธงชาติ และรับฟังการมอบนโยบายของผู้บังคับบัญชาทุกวันอังคาร โดยเนื้อหาระบุว่า,ข้าพเจ้าขอรายงานชี้แจงกรณีไม่มาเข้าแถวเคารพธงชาติทุกวันอังคาร เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 60 เวลา 08.00 น. ที่หน้า สภ.เสิงสาง เพื่อเคารพธงชาติ เพื่อกล่าวคำปฏิญาณและรับฟังคำชี้แจงของผู้บังคับบัญชานั้นขอเรียนชี้แจงว่า ในวันเวลาดังกล่าว ข้าพเจ้าต้องเดินทางไปส่งภรรยานอกสมรสไปทำธุระส่วนตัว ซึ่งปกปิดเป็นความลับภรรยาปัจจุบันเป็นเวลานานแล้ว และต้องจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่ไปส่งจะทำให้ภรรยานอกสมรสเคือง อาจจะนำมาซึ่งความเสียหายหนีไปปันใจให้ชายอื่นได้ ในการขาดรวมแถวครั้งนี้ ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อราชการแต่อย่างใด ขณะที่มีผู้บังคับบัญชาที่รับเรื่อง ลงความเห็นเป็นลายมือว่า ดาบตำรวจคนดังกล่าว ชี้แจงมีเหตุผล สมเป็นลูกผู้ชายตัวจริง เห็นควรอนุญาต จนเป็นที่กล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง และมีการแชร์หนังสือบันทึกข้อความนี้สนั่นโลกโซเชียล,จากเหตุการณ์ดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องนี้ไปยัง พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ สุขเจริญ ผกก.สภ.เสิงสาง ได้เปิดเผยว่าหนังสื่อดังกล่าวไม่ใช่ของจริง เรื่องดังกล่าวขณะนี้กำลังตรวจสอบ เบื้องต้นรายชื่อของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระบุอยู่ภายในบันทึกข้อความนั้นมีจริง คือ ด.ต.อำนวย หวายฟ้า ตำแหน่ง ผบ.หมู่(ป.) สภ.เสิงสาง และ พ.ต.ต.พรภิรมย์ ล้อมกระโทก ตำแหน่ง สว.(สอบสวน) ซึ่งได้เรียกตัวมาสอบถามแล้ว ทั้ง 2 คนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นเกี่ยวกับบันทึกข้อความที่มีการเผยแพร่ออกมาดังกล่าว,ผกก.สภ.เสิงสาง กล่าวอีกว่า อีกทั้งจากการตรวจสอบภาพหนังสือดังกล่าว พบว่ามีหลายจุดที่ไม่เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนของการรายงาน เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำบันทึกชี้แจงจะต้องส่งเรื่องถึงผู้บังคับบัญชาโดยตรง กรณีนี้ถ้าจะถูกต้องก็ต้องเขียนรายงานไปถึง รอง ผกก.ป. หรือ สวป.ตามลำดับ ก่อนที่หนังสือจะส่งมาถึงผู้กำกับสถานี แต่หนังสือดังกล่าวกลับแทงเรื่องผ่านไปหาพนักงานสอบสวน ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดขั้นตอนอย่างเห็นได้ชัด,พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนหนังสือฉบับนี้ใครเป็นคนทำขึ้นมา วัตถุประสงค์เพื่ออะไร และใครนำไปโพสต์หรือแชร์ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และอยากวอนให้ผู้บริโภคสื่อทุกคนเข้าใจ และตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง ก่อนที่จะโพสต์หรือแชร์ เนื่องจากอาจจะถูกฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมายได้. | ผกก.สภ.เสิงสาง ชี้แจง หนังสือชี้แจงของดาบตำรวจที่ไม่ไปเข้าแถวเคารพธงชาติเพราะไปรับส่งเมียน้อย ไม่ใช่เรื่องจริง ชี้ หลายจุดไม่ถูกต้องตามขั้นตอน เตรียมตรวจสอบหาตัวผู้ทำ และนำไปโพสต์ลงโซเชียลมาดำเนินคดี | ข่าว,ทั่วไทย | สภ.เสิงสาง,นครราชสีมา,หนังสือชี้แจง,ไปรับ-ส่ง,เมียน้อย,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1037502 |
นายกฯไม่ท้อเดินหน้าแก้ปัญหาค้ามนุษย์ต่อ แม้ไทยถูกจัดอันดับเทียร์ 3 | วันนี้ (31 ก.ค.2558) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ คืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2558 โดยมีเนื้อหาดังนี้ สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่านในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมคิดว่าหลายท่านคงได้เห็นข่าวการที่มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากไปเข้าแถวรอรับเสื้อและเข็มกลัดพระราชทาน เพื่อจะเตรียมการเข้าร่วมกิจกรรม Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่ นะครับ ก็เป็นที่น่ายินดีคนจำนวนมากมายที่ไปเข้าแถวรอคอยตั้งแต่ 02.00 น.จนกระทั่งบางทีก็ถึงบ่ายเพราะฉะนั้นก็จะแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถนะครับ แล้วร่วมกิจกรรมของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาส วันแม่ของแผ่นดิน แล้วก็แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของปวงชนชาวไทยของเราด้วยนะครับ ก็อย่าลืมเตรียมร่างกาย อุปกรณ์ ในเรื่องของความปลอดภัยศึกษากติกา มารยาทในการปั่นจักรยานกันนะครับ สมเด็จพระบรมฯ ท่านทรงเป็นห่วงมากในเรื่องนี้นะครับ เรื่องความปลอดภัยของพวกเราทุกคนนะครับจะได้มีความสุขกัน แล้วก็ในในวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม ที่กำลังจะมาถึงนี้ทุกคนก็คงจะได้ร่วมกิจกรรมที่ว่านั้นด้วยความสุขนะครับเมื่อต้นสัปดาห์ ที่ผ่านมานั้นได้มีการออกรายงานประจำปี ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ในเรื่อง สถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ประจำปี 2558 ซึ่งรัฐบาลได้ติดตามและรับทราบผลก่อนหน้านี้แล้วนะครับ ซึ่งเราไม่รู้สึกท้อ ไม่ผิดหวังใด ๆ เราต้องมีความหวังนะครับ อย่าไปผิดหวังในเรื่องใดทั้งสิ้น เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับในกติกาของสากลนะครับ รัฐบาลไทยก็จะเดินหน้าต่อไปนะครับในเรื่องของการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ เพราะว่าเราก็ต้องสงสารคนเหล่านี้ที่ถูกหลอกลวงที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ มีผู้ได้รับผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมดนะครับรัฐบาลนี้ถือว่าเป็น วาระแห่งชาติ เราต้องมีหน้าที่ต่อประชาชนทั่วไปทั้งโลก นะครับ ไม่เฉพาะคนไทยด้วยกันเท่านั้นเอง เราก็พร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกองค์กร ในการที่จะมีการปราบปรามการค้ามนุษย์ อย่างจริงจัง ให้หมดไปจากแผ่นดินไทย ให้ได้ แล้วก็สนับสนุนในเรื่องของการต่อต้านแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในอาเซียนทั้งหมดด้วย ในฐานะที่เราเป็นประเทศอาเซียนด้วยกัน เพราะวันนี้เราว่าบ้านเมืองเรานั้นมีปัญหาหลายอย่าที่ต้องแก้ไขนะครับเพราะงั้นถ้าใครจะมาว่าเราอย่างไรก็ตามเราก็อย่าท้อแท้นะครับ เราก็ต้องยึดมั่นในเจตนาของเราในสิ่งที่เราต้องทำให้เพื่อประเทศไทยและเพื่อให้สังคมไทยนั้นปลอดภัยแล้วก็ไม่เสียชื่อเสียงของต่างประเทศด้วยนะครับ เรื่องความเข้าใจนั้นเป็นเรื่องที่ยากนะครับ ที่จะต้องอธิบายกัน แต่ถ้าคนไทยด้วยกัน ฟัง แล้วก็คิดนะครับ ใคร่ครวญให้ดีการที่เราจะทำอะไรให้ใครเขายอมรับได้ ก็ต้องพิสูจน์ทราบให้เขาเห็นให้ได้ก่อนนะครับ เขาจะได้เข้าใจเรานะครับ การจัดลำดับของเราใน Tier 3 ก็เราได้รับมาแล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วนะครับ เพราะงันวันนี้เราก็ทำอะไรหลายอย่างที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะงั้นการที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้กำหนดมาแล้ว ก็เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกานะครับเราก็ทำของเราเรารู้อยู่แล้วว่ามันดีขึ้น ไม่ดีขึ้นอย่างไรนะครับ เราผมไม่ไหมายความว่าเราไม่มีความพยายามในการแก้ปัญหาแต่เพียงแต่ว่าผลการดำเนินการนั้นไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำในช่วงที่เขามาดู แล้วอย่าลืมว่าเขามาดูในช่วงต้น ๆ ที่เราเพิ่งแก้ไขไป วันนี้เราแก้ไขมาหลายเดือนแล้ว แล้วก็ถ้ามันเลยไปอีกนี่มันก็ต้องดีขึ้น วันนี้ก็ชัดเจนขึ้นหลายอย่าง การลงโทษเจ้าหน้าที่ การลงโทษผู้เกี่ยวข้อง 100 กว่ารายนะครับ เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ประเทศอื่นเขาน้อยกว่าเรามาก คดีความก็นำเข้าสู่ขบวนการพิจารณานะครับ วันนี้เราต้องแก้ไขให้ได้ทั้งระบบโดยเร็วนะครับ เพราะงั้นถ้าหากว่าเรามี ความพยายามอย่างชัดเจนแล้ว วันหน้าเราก็จะได้มีผลงานปรากฏออกมาแล้วการยกระดับขึ้นมาเป็น Tier 2 ได้ในอนาคตโดยเร็วนะครับ ในส่วนของปัญหาที่มีซับซ้อนกันอยู่มีหลายเรื่องด้วยกันนะครับ ทั้งค้ามนุษย์ ICAO เหล่านี้ แล้วก็ IUU นี่ ก็เช่นเดียวกัน ปัญหาเดียวกัน เพราะงั้นถ้าจะตัดสินยังไงก็เรื่องของเขา เราก็ต้องทำของเราให้ดีที่สุด แล้วกัน เพื่อคนไทย เพื่อทรัพยากรไทย เพื่อสิทธิมนุษยชน ดูแลทุกคนในโลกใบนี้นะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาเซียนด้วยกันนะครับ ที่มีผลกระทบโดยรวมทั้งสิ้นนะครับ ใครจะว่าเราก็แก้ไข ใครชมเราเราก็ดีใจชื่นใจ แล้วก็เก็บไว้เงียบๆ นะ เพราะปัญหาหลายอย่างมันทับซ้อนกันอยู่นะ เรารู้ตัวเองเราดีอยู่แล้ว ก็ขอความร่วมมือนะครับ ความร่วมแรงร่วมใจจากพี่น้องประชาชน คนไทยทุกคนนะ ก็อย่าพูดกันถึงเรื่องนี้อีกเลยนะครับ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลแล้วก็ส่วนที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ประกอบการ รวมทั้งแรงงานด้วย ก็อย่าตกเป็นเหยื่อเขานะครับ ก็ต้องซื่อสัตย์ต่อกันนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ใกล้ตัวเรามากนะครับ ประเทศเรามีผลกระทบหลายอย่าง การค้า การลงทุนต่างๆ มันต้องทำให้สิ่งเหล่านี้มันหายไปให้ได้จากสังคมไทยนะนะครับก็ขอเน้นย้ำเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้นะ ว่ารัฐบาลไทยมุ่งมั่นต่อไปนะครับทุกเรื่อง การต่อต้านการค้ามนุษย์ IUU ICAO อะไรต่างๆก็แล้วแต่ที่มันมีปัญหาทับซ้อนมายาวนานจากหลายๆ รัฐบาลที่ผ่านมา รัฐบาลนี้จะจริงจังทุกเรื่องนะครับ ให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมของโลก และการรักษาความมั่นคงของประเทศ บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทั้งคนไทยและคนอาเซียนทั้งหมด นะครับ ก็ขอร้องให้ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ต้องเข้าใจเรานะ เรากำลังแก้ปัญหาอยู่แล้วก็มีการขยายความร่วมมือกับนานาประเทศด้วย องค์การระหว่างประเทศ ชี้แจง ทำความเข้าใจส่งหลักฐาน ผลการดำเนินงานให้อย่างต่อเนื่องนะครับในส่วนที่รัฐบาลให้ความเร่งด่วนอีกอันหนึ่งก็คือ การแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจนะครับ วันนี้เราจำเป็นต้องวางรากฐานการสร้างความเข้มแข็งในภาคเศรษฐกิจ แล้วก็เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคตให้ได้ ทั้งนี้ ก็จะทำให้ประเทศไทยนั้นซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรมมายาวนานนั้นแล้วเราก็ต้องพึ่งพาการส่งออก เป็นสำคัญในเรื่องของการรายได้ที่เข้ามาสู่รัฐนะครับ เพราะงั้นเราต้องแสวงประโยชน์จาก ภูมิรัฐศาสตร์ ที่เรามีอยู่แล้วเดิมในการเชื่อมโยงในการจะสร้างผลประโยชน์ ร่วมกันของไทยและของมิตรประเทศ เข้ากับภูมิภาคหลายๆภูมิภาคด้วยกัน ทิศทางเดียวกัน เกื้อกูลซึ่งกันและกันนะครับ เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้วย เราก็ต้องหันมามองตัวเองก่อนว่าจะทำยังไงให้ถึงจุดนั้นได้ ก็ต้องทำความเข้าใจนะครับ แล้วก็จัดระบบ ระเบียบ ต่างๆ ให้ได้ กฎหมาย พันธกรณี ขีดความสามารถของเราเอง เราก็มุ่งเน้นการลงทุนโดยเอกชนไทยก่อนนะครับ ต่างประเทศเราก็มาเสริมให้นะครับ แต่มันจำเป็นนะ ถ้าเราไม่เอาต่างประเทศมาเลยก็ไม่ได้ เพราะงั้นเราก็ต้องดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักอยู่แล้วนะครับ แล้วก็ประชาชนโดยรวม ในการแข่งขันในเรื่องด้านเศรษฐกิจนี้วันนี้ถ้าจะเห็นสังเกตดูจะเห็นว่าทุกประเทศเขาปรับรูปแบบการทางด้านธุรกิจใหม่แล้ว เป็นเศรษฐกิจแนวใหม่นะครับ คือไม่พึ่งพากิจการที่มีรายได้อย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวเช่นพึ่งการส่งออกอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ ต้องไปดูใน คลัสเตอร์ อื่นๆ ด้วย การท่องเที่ยว การลงทุนในเรื่องของการขนส่งขั้นพื้นฐานอะไรต่างๆ เราต้องเชื่อมโยงทั้งหมด มันจะทำให้ทุกคนเพิ่มการลงทุนมา เมื่อลงทุนมาก็มีภาษี มีผลประโยชน์ที่มันเป็นธุรกิจต่อเนื่อง มันต่อเนื่องเชื่อมโยงกันหมด น้เรามีศักยภาพหลายอย่างเป็นภูมิรัฐศาสตร์ตรงกลางเรามีเส้นทางการคมนาคมที่ถือว่าดีมากในอาเวียนในวันนี้นะครับตรงกลางแล้วเราพัฒนาไปสู่การทันสมัยอีกด้วย รถไฟ รถไฟฟ้าอะไรก็แล้วแต่นะครับนอกจากนั้นแล้วเรามีศักยภาพหลายอย่าง เรื่องผลิตผลทางการเกษตรเรื่องการรักษาพยาบาลเรื่องการท่องเที่ยว เรื่องการอุตสาหกรรมสิ่งทอนะครับ อุตสาหกรรมเกี่ยวกับเรื่องเครื่องสำอางเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพรนะครับ แล้วก็การบริการต่างๆ นะ เพราะงั้นเหล่านี้ มันต้องเอามาหาว่าจะทำกันยังไงให้มันเกิดประโยชน์สูงสุด มีรายได้เข้าประเทศมาก มันจะได้ไปลด ในกรณีที่เศรษฐกิจโลก มันมีปัญหา นะครับ ทำให้รายได้เราตกต่ำ ถ้าพึ่งการส่งออกอย่างเดียว แล้วก็ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการเกษตรกรรมด้วยนะ มีปัญหาหมด เราได้ตั้งคณะทำงานแล้วนะครับ คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ก็ได้หารือนะครับร่วมกับภาคเอกชน กำหนดแนวทางการดำเนินงาน เป็นแผนปฏิบัติการ 6 ด้าน คือ1) ด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค เน้นการแสวงหาพันธมิตรและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการสร้างความสอดคล้องในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศนะครับ2) ก็คือด้านการพัฒนาคลัสเตอร์ ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ที่ผมกล่าวไปแล้วเมื่อสักครู่ เช่น ภาคการเกษตร ท่องเที่ยว การบิน การรักษาพยาบาล นำมาเชื่อมโยงกัน และผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกัน ในระดับท้องถิ่น – ประเทศ – ภูมิภาคให้มันเกื้อกูลต่อกันนะครับ3) คือการพัฒนาเชิงศักยภาพ ประกอบด้วยการจัดทำศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Center) เพื่อจะให้มีการพัฒนาการเข้าถึงเทคโนโลยี อย่างทั่วถึง เพื่อส่งเสริมการนำไปใช้ประโยชน์ ในด้านการค้า-การลงทุน-อุตสาหกรรม การส่งเสริมประสิทธิภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการบริหารจัดการขยะมูลฝอย และการวิจัยและพัฒนา ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐ-เอกชน-สถาบันการศึกษาเราอยากให้มีการจัดตั้ง ศูนย์วิจัย ซึ่งมีทั้งในส่วนของ สถาบันการศึกษา และในส่วนของ ศูนย์ส่งเสริมการลงทุน ภาคเอกชน ร่วมกับสถานศึกษาในปัจจุบันของรัฐอยู่แล้วในปัจจุบันนี้ด้วยนะครับมันจะได้ใช้เงินที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน แล้วก็สามารถที่จะบังคับวิถีได้ว่าเราจะเดินหน้าประเทศไปอย่างไร วิจัยเรื่องอะไร แล้วนำสู่การผลิตในเรื่องอะไร ให้ชัดเจนขึ้นนะครับ4) คือในเรืองของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เราต้องปฏิรูปการศึกษาให้ผลิตคน ให้ตรงกับความต้องของตลาดแรงงาน รวมทั้ง การพัฒนาฝีมือแรงงาน ทั้งด้านทักษะวิชาชีพ รวมความถึง ด้านภาษาอังกฤษ ภาษาเพื่อนบ้าน หรือภาษาของประเทศที่มาลงทุนในบ้านเรานะครับมีหลายประเทศ หลายภาษาด้วยกัน เพื่อจะรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานในปีหน้านี้นะครับ ในการลงทุนของประชาคมอาเซียน ด้วยนะครับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้วางรากฐานการปฏิรูปด้านการศึกษาของประเทศไว้แล้วนะครับ ใช้คำว่า เน้นการ สร้างคนดี มีคุณธรรม คนดีนี่บางทีตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนนะจะดียังไงอีกเอาง่ายๆ มีคุณธรรมแล้วกัน รู้อะไรดีไม่ดี ถึงจะเป็นคนดี ถ้าเป็นคนดีแล้วไม่รู้อะไรดี ไม่ดีก็คงไม่ใช่ ผมเลยให้เตอมคำว่ามีคุณธรรมเข้าไปด้วย ดีก็ทำ ไม่ดีก็อย่าทำ แล้วก็ห้ามคนอื่นเขา ไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่ดีด้วย5) ก็คือการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ อาทิ มาตรการอำนวยความสะดวก – ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) วันนี้ก็ก้าวหน้าไปตามลำดับนะครับ ในทุกกิจกรรมการให้บริการภาครัฐ สำหรับประชาชนทั่วไป ก็ดูแลเจ้าหน้าที่เขาด้วยนะครับ เพราะว่าเหน็ดเหนื่อยเรื่อง เข้ามาวันๆ เป็นหลายร้อย หลายพันเรื่อง รวมๆ กันแล้วเป็นจะหลายอสนเรื่องแล้วตอนนี้นะ เพราะงั้นก็จะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้ง การพัฒนากระบวนการทางศุลกากร อาทิ การขึ้นทะเบียนผู้เสียภาษี การเชื่อมโยงบัตรประชาชนกับข้อมูลการเสียภาษี 6) คือการจัดการข้อมูลภายใต้แผนปฏิบัติการ เพื่อบริหารจัดการข้อมูล ในการที่จะสื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูลภาครัฐ สร้างความรู้ – ความเข้าใจ ในลักษณะเชิงรุก เพื่อจะใช้ในการบูรณาการ และก็เพื่อสร้างความประสานสอดคล้องเกื้อกูลซึ่งกันและกันในทุกมิติที่กล่าวมาครับเราต้องยอมรับว่าประเทศไทยนั้นเป็นประเทศเกษตรกรรม มีพี่น้องเกษตรกรเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้การที่จะยกระดับประเทศจากประเทศเกษตรกรรมอย่างเดียว ให้พัฒนาไปเป็นประเทศ อุตสาหกรรมการเกษตร หรืออื่นๆ นั้น ทรัพยากร น้ำ นับว่ามีความสำคัญยิ่ง เพราะงั้นเราจำเป็นที่จะต้องสร้างความยั่งยืนความมั่นใจโดยการบริหารจัดการน้ำ ที่เหมาะสม ปัจจุบันคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ของรัฐบาล ระยะแรกเป็นของ คสช. นะครับวันนี้ได้ส่งแผนมาแล้ว และก็ปรับปรุงแผนดังกล่าวในการประชุมไปเรียบร้อยแล้วนะครับ ก็ได้รับช่วงแผนยุทธศาสตร์มาจากของ คสช.นะครับ ที่เราทำไว้ ในเรื่องของ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2558-2569 ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (คสช.) นะครับ โดยให้กระทรวง หน่วยงานปกติของรัฐ ได้มีการบูรณาการ ขับเคลื่อน แผนน้ำ ทั้งหมด ทั้ง 6 เรื่อง และ 12 กิจกรรม อันที่จริงแล้วหน่วยงานเหล่านี้ก็ทำงานมากับ คสช. ด้วยตลอดอยู่แล้ว วันนี้เพีงแต่ปรับให้มันตรง ตรงเข้ามาในกรอบของรัฐบาลเท่านั้นเองนะครับ ก็ต่อเนื่องกันนั่นแหละไม่ได้ขัดแย้งอะไรกันเลย เราก็ต้องครอบคลุมทั้ง 6 เรื่องนะครับ น้ำทุกประเภท ทั้ง 12 กิจกรรม มากว่าเราจะไปมุ่งเน้นการป้องกันน้ำท่วมอย่างเดียวนะ หรือขาดน้ำอย่างเดียว มันต้องแก้ทั้ง ทุกกิจกรรมนั่นแหละ 6 ยุทธศาสตร์ด้วยกันนะเพราะงั้นเราจะประกอบด้วย ประปาหมู่บ้าน ให้ครบ ของชุมชน ของโรงเรียน การขุดสระน้ำในไร่นา การบริหารแหล่งน้ำในและนอกเขตชลประทาน การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การพัฒนาแห่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร ช่วยภัยแล้ง การขุดลอกลำน้ำสายหลัก การป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมือง การฟื้นฟูผืนป่า รวมทั้ง การทำพื้นที่ป้องกันและลดการพังทลายนะครับ เหล่านนี้เป็นต้นนะครับก็หลายเรื่องที่เราเอาปัญหาที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมามีน้ำท่วมนะครับ ช่วงแรกๆ ท่วมครั้งที่แล้วนะมหาศาล เสียหายมาก เราก็เอาอันนั้นมาแก้ไขหมดนะเพียงแต่ต้องใช้เวลาใช้งบประมาณเดินไปตามสเต็บ ตามขั้นตอนของเราตามโรดแมปของเรานะครับ การดำเนินงานในระยะเร่งด่วนครั้งนี้ วันนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นมาโดยที่เราก็คาดการณ์ไว้แล้วว่ามันจะเกิด แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมากขนาดนี้ เผอิญมันเป็นเรื่องของ เอลนินโญ เข้ามาด้วยนะเพราะงั้นทุกประเทศเดือดร้อนหมดรอบบ้านเราเดือดร้อน เว้นเมียนมาอย่างเดียวที่ฝนตกนะ เพราะป่าไม้เขายังดีอยู่มั้งนะ เพรางั้นเราต้องเตรียมการให้พร้อมรับมือปัญหาภัยแล้วให้ได้ นะครับ ในปีนี้ และในอนาคตนะครับ อันนี้เป็นงานเร่งด่วนนะเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้สำหรับระยะปานกลางและระยะยาว ที่ถึงปี 69 นั่นก็ ได้จัดให้มีคณะอนุกรรมการที่เหมาะสมให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้ม – ติดตาม – ประเมินสถานการณ์น้ำ ในการที่กำหนดนโยบายในระดับชาติ ทั้งในด้าน อุปสงค์และอุปทาน ให้มีความสอดคล้องกันก็เป็นไปตามสถานการณ์ของภูมิอากาศโลกด้วยนะ ต้องการศึกษาความเป็นไปได้ พร้อมทั้งจัดทำข้อเสนอใหม่ ๆ สำหรับการบริหารจัดการน้ำ ทั้งระบบ อย่างบูรณาการ อาทิ(1) การนำน้ำจากฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานครมาใช้ให้มากขึ้น เพื่อแทนการใช้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา (2) การตัดน้ำโดยตรงจากแม่น้ำเจ้าพระยาลงไปที่คลองสำแล ที่จะสามารถช่วยลดน้ำที่จะผลักดันน้ำเค็มเพื่อรักษาระบบนิเวศน์(3) การหาแหล่งน้ำต้นทุนมาเพิ่มให้การประปานครหลวง (4) การกำหนดมาตรการ – ข้อพิจารณาในการใช้ น้ำก้นอ่าง (Dead Storage) ในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ที่มีรวมกันราว 7500 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อมีความจำเป็น (5) การเจรจา – ทำความตกลง ในการขอผันน้ำ จากแม่น้ำสาละวิน – เมย – โขง ในฤดูน้ำหลาก มาใช้ประโยชน์สูงสุดภายในประเทศ ด้วยนะครับรัฐบาลต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยในทุกกลุ่มที่ยังประสบปัญหาปากท้องโดยรัฐบาลนี้ ได้เดินหน้ากองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งจะเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ของกองทุนฯ ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ เป็นวันแรก เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ช่วงอายุ 15 – 60 ปี ราว 30 ล้านคนนะครับ ซึ่งประกอบอาชีพอิสระไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญของรัฐ หรือกองทุนเอกชนที่มีนายจ้างจ่ายสมทบ เช่น เกษตรกร ค้าขาย รับจ้างทั่วไป คนขับรถแท็กซี่ แม่บ้าน สถาปนิก แพทย์ ทนายความ ลูกจ้างรายวัน ลูกจ้างชั่วคราว นักการเมือง (ส.ส.) นักการเมืองท้องถิ่น นักเรียน นิสิต นักศึกษา เป็นต้น รวมทั้ง ผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณ แต่ยังไม่มีระบบใด ๆ รองรับด้วยนะครับ โดยหวังสร้าง นิสัยการออม ทุกช่วงวัยที่เป็นนโยบายของรัฐบาลโดยรัฐจะช่วยจ่าย เงินสมทบ ให้ส่วนหนึ่งและเมื่อผู้ออมมีอายุครบ 60 ปี ก็จะได้รับเงินบำนาญเป็น รายเดือนตลอดชีพ ถือเป็นการสร้างหลักประกันให้กับชีวิตในยามที่ไม่มีรายได้ประจำนับเป็นส่วนหนึ่งของการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามสอบถามข้อมูล เงินสะสม – เงินสมทบจากภาครัฐ – อัตราผลตอบแทนต่างๆ และสมัครเข้าร่วมกองทุนฯ ได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขาทั่วประเทศครับผมได้รับรายงานความคืบหน้า ในการเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการคลังและในส่วน คสช. ในส่วนของกระทรวลกลาโหมก็มาช่วยกันนะครับ ผนึกกำลังกันทำอยู่ ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องจากการสำรวจภาระหนี้สินของเกษตรกร ทั้งหนี้ใน – นอกระบบ มีเกษตรกรที่เป็นหนี้ทั้งหมดนะครับ ณ 10 กรกฎาคม 58 จำนวนประมาณ 1.6 ล้านราย มูลหนี้ ราว 400000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละ 240000 บาท จากนั้น ก็จะดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมในรูปแบบการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ ทั้งในด้านกฎหมาย การไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ และการปลดเปลื้องหนี้สิน ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกษตรกรต้องสูญเสียสิทธิ หรือกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเอง เช่น1) ศูนย์ประสานการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นะครับ จะเป็นหน่วยงานหลัก ในการบูรณาการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ทุกประเภท2) กลุ่มลูกหนี้นอกระบบที่จำเป็นเร่งด่วนได้ ให้ ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการโดยกรมบังคับคดีกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งเป็นหนี้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม หรือเจ้าหนี้ผู้มีอิทธิพล หรือเครือข่ายเพื่อจะให้การช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย เสร็จแล้ว จัดส่งให้แก่กระทรวงเกษตรเพื่อปลดเปลื้องหนี้สินต่อไป3) กลุ่มลูกหนี้นอกระบบที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน ก็ได้ให้ กองทุนหมุนเวียน กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรและ กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบดำเนินการแล้วก็จะให้การช่วยเหลือไกล่เกลี่ย ประนอมหนี้ ปลดเปลื้องหนี้สินต่อไป4) คือกลุ่มลูกหนี้ในระบบ ให้กระทรวงการคลัง ได้กำหนดมาตรการให้แก่สถาบันการเงินและสหกรณ์ ดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้ดังกล่าวครับทั้งนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้โดยเร็ว กลไกหลักที่สำคัญในพื้นที่ คือ คณะอนุกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน (อชก.) ส่วนจังหวัดและอำเภอ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดจะดำเนินการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ในแต่ละพื้นที่ ตามจำนวนที่สำรวจไว้แล้วและคัดกรองหนี้สินดังกล่าว ส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามกระบวนการต่อไปนะครับ รวมทั้ง ให้จัดทำแผนปฏิบัติการเจรจาหนี้ให้ครบทุกราย ภายใน 31 สิงหาคม 58 ตามลําดับความจำเป็น เร่งด่วนของหนี้นะครับ ให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้นะ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ไม่ใช้หนี้ ก็จะให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุดในช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ทางกระทรวงสาธารณสุขได้จัดงาน เมืองสุขภาพดี วิถีชุมชน ซึ่งก็มีประชาชน ทั้งไทยและต่างประเทศ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากให้ความสนใจผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ดูแลสุขภาพตนเองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ เกาหลี จีน กัมพูชา ปัจจุบันมียอดขายและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากน้ำมันเปลือกส้มโอและมะกรูด เครื่องดื่มสมุนไพร และเครื่องสำอาง วันนี้มีผู้มาเที่ยวงาน มากกว่า 95000 คนแล้วนะครับ และมียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพกว่า 22 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในร้านนวดและสปา มีบริการนวดแผนโบราณด้วยนะครับ กดจุด ตอกเส้น ตรวจวัดอีคิว ตรวจคัดกรองอัลไซเมอร์ ตรวจวัดไขมันในร่างกาย เรียกว่า ครบวงจร เลยนะครับ ที่นี่ข้างทำเนียบนี่แหละนะเดือนหน้า ตั้งแต่วันที่ 3 - 23 สิงหาคม 2558 นั้นก็จะมีการจัดตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ในเรื่องของการจัดงาน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ของขวัญแด่แม่ นะครับ ให้ตรงกับเดือนสิงหาคมโดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะมีการ เชื่อมโยงกิจกรรมร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม และกรุงเทพมหานคร เพื่อจะจัดงานร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องใน วันแม่แห่งชาติ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้า ที่เป็นผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาของไทยในอดีต จนถึงปัจจุบันที่เราได้มีผลงานสร้างสรรค์มาเป็นจำนวนมาก มีนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่รู้นะ บางอย่าเราคิดมาแล้วเพียงแต่ว่าเราต้องทำให้ไปสู่การผลิตให้ได้ การส่งออกให้ได้ สร้างแบรนด์ของเราเองบ้างอะไรบ้างนะครับมันก็จะทำให้ประเทศไทยมีรายได้มากขึ้นนะ เป็นการพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมในวันนี้ แล้วก็อนาคตในวันหน้านะครับ ไม่งั้นก็เหมือนเดิมนะ เศรษฐกิจก็ตกๆๆ อยู่อย่างนี้ ถ้าเราไม่ทำอะไรใหม่ๆนะ เราจะต้องยกระดับกระบวนการคิด วิจัย พัฒนาไปสู่กระบวนการผลิต และไปสู่ตลาด ในลักษณะเป็นอุตสาหกรรมนะครับ โดยคงคุณค่า คุณภาพที่ดี แล้วก็เป็นความพึงพอใจถูกใจผู้บริโภค ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่อไปในนะครับ หลายอย่างมีอนาคตนะครับเพราะงั้นผมเห็นว่าเป็นโอกาสดีนะในห้วงวันสำคัญนี้นะครับ วันแม่ของแผ่นดินนี่ อยากให้บรรดาคุณลูกนะ ที่มีความกตัญญูในการ ในการสรรหาของขวัญให้คุณแม่นี่ก็ขอให้มาร่วมรับชมจักหาสิ่งของเหล่านั้นได้นะครับ แล้วมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินี นาถด้วย นิทรรศการงานศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อาทิ เช่นผลิตภัณฑ์งานเป่าแก้ว ผลิตภัณฑ์ตุ๊กตาชาววัง ผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผา ผลิตภัณฑ์งานวาดภาพสีน้ำมัน และนิทรรศการของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ขาดไม่ได้ ถือเป็นนโยบายของรัฐบาล คือ ให้เป็นกิจกรรมการที่ให้คำปรึกษา แนะนำ ในการที่จะพัฒนาธุรกิจการบริหารจัดการธุรกิจมีความรู้ต่างๆให้นะครับ สร้างเถ้าแก่ใหม่นะ ในการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์การดีไซน์ผลิตภัณฑ์นะครับให้น่าซื้อน่าใช้นะ แล้วในเรื่องของการยกระดับและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้วย ทุกงานนะเวลารัฐบาลจัดนี่ทุกกระทรวงก็ให้เป็นเรื่องของการจัดงานแสดงด้วยให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจด้วย แล้วก็ในส่วนของรัฐ หรือของพาณิชย์ต่างๆ ก็มาให้การสนับสนุนนะครับ ธนาคารต่างๆ ให้การสนับสนุนแหล่งเงินทุน ส่งเสริมธุรกิจ SMEs หรือธุรกิจ Social Business นะครับ แล้วก็สอนในเรื่องการทำแผนธุรกิจ ซึ่งก็ต้องเป็นลักษณะที่เป็นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แล้วมีภูมิคุ้มกันที่ดีด้วยนะครับไม่งั้นเราก็จะบริหารธุรกิจแบบเดิมๆ แบบครอบครัว ซึ่งวันนี้ไม่ได้แล้ว มันต้องมีGood Governance นะครับ การกำกับดูแลกิจการที่ดีด้วย เราจะมีการให้บริการภายในงานด้วยนะครับ ก็ขอเชิญทุกท่านมาร่วมงานนะครับ ทั้งพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการข้าราชการ ช่วยมาร่วมกิจกรรมในงานนี้ด้วยนะครับแล้วก็ไปขยายผลความสำเร็จ ถ้าเราไม่เพิ่มพูนเรียนรู้ ความรู้ใหม่ๆ มันก็จะอยู่แค่เดิม ข้าราชการก็รู้เท่าเดิมย้ำต้องได้ข้อยุติสร้างโรงไฟฟ้าหรือไม่แต่วันนี้รัฐบาลก็พยายามที่จะขับเคลื่อนสิ่งที่เป็นเรื่องใหม่ๆนะครับ ความทันสมัย เทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเกษตร อุตสาหกรรมอะไรก็แล้วแต่ มันต้องใช้ความรู้ใหม่ ๆ นะครับ เพราะงั้นผมก็ศึกษาด้วยอะไรด้วยถามผู้รู้บ้างนะไม่ใช่คิดเอาแต่ตัวเอง ผมไม่ใช่คนแบบนั้นก็ต้องศึกษาถ้าอะไรทำได้ก็ทำ ถ้ามีปัญหาสั่งไปแล้วไม่ถูกผมก็ไม่ได้ไปฝืนให้ทำอยู่แล้วล่ะนะ ทุกอย่างที่สั่งไปแล้วนี่ผมต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากทุกคนใน ครม. นะครับ ผมบอกแล้วว่าผมริเริ่มให้ได้ แต่ถ้ามันผิดท่านก็อย่าปล่อยให้ผมทำผิดซินะเป็นเรื่องของท่านนะ เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติต้องยืนยันว่าทำได้หรือไม่ได้ อย่างเช่นปัญหาในเรื่องของพลังงานในเรื่องของโรงไฟฟ้าอะไรเหล่านี้ผมว่าก็ต้องทำให้มันชัดเจนได้ข้อยุตินะว่าจะยังไงกันต่อไป ผมไม่ได้หมายความว่าผมไปดันทุรังต้องทำให้ได้หรือไม่ได้ไม่ใช่ผมยังไม่ได้พูดถึงเลย อย่าไปตีความกันผิดๆ ถูกๆ นะ ก็เพียงแต่รับฟัง นะแล้วก็หาทางออกกันให้ได้แล้วกันนะเพื่อประโยชน์ของชาติในอนาคตนะครับ ถ้าไม่ได้จะไปทำที่ไหน ทำอะไรแทนก็ต้องตอบกันมาให้ชัดเจนทั้ง 2 ฝ่ายนะครับ แล้วก็มีบุคคลที่ 3 มาด้วย เราจะไม่ปิดกั้นใครทั้งสิ้นนะครับ ก็เข้ามาเถิดนะ ก็ฝากข้าราชการในพื้นที่ด้วยนะครับเรื่องอื่น ๆ ก็เป็นเรื่องของการเร่งในเรื่องของการปฏิรูปการศึกษาก็ได้สั่งการไปแล้วในเรื่องเชิงโครงสร้างในระยะแรกว่าทำยังไง เด็กจะมีความสุข ผู้ปกครองมีความสุข แล้วก็ครูมีความสุขนะ หนี้สินครูก็ดูอยู่ด้วยนะคับวันนี้กระทรวงศึกษาก็ไปปรับในเรื่องของการใช้จ่าย หนี้ กยศ. ด้วย หนี้ครูด้วย การกู้เงินต่างๆก็ทำกันทั้งหมดนะเรื่องเศรษฐกิจมันพอดีมากับภัยแล้งเข้ามาอีกนะ ก็เหมือนกับโรคซ้ำ กรรมซัด หรือเปล่าไม่รู้นะ แต่ธรรมดา ถ้าเราเผชิญหน้าแบบนี้บ่อย ๆ เราจะเข้มแข็งเองนะปัญหาว่าเราเตรียมตัว เตรียมใจเราได้แค่ไหนแล้วเราทนได้แค่ไหนเพราะเราไม่เคยยังไงพอมีปัญหาปุ๊บก็ไป อุดๆ กันไป วันนี้มันต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ ถ้าแก้แบบเดิมก็เป็นแบบเก่า แล้วเงินทองเราก็ใช้จ่ายล่วงหน้าไปซะมากมาย วันนี้ก็ต้องอดทนนะเข้าใจด้วยผมไม่เคยคิดอะไรโดยไม่นึกถึงคนรายได้น้อยเลย ทุกเรื่อง เราจำเป็นต้องส่งเสริมทุกอันแหละ จะเป็นธุรกิจต่อเนื่อง มีงานมีการเพิ่มมีรายได้ไปถึงคนรับจ้างอะไรก็ว่าไป ถ้าไม่มาช่วยกันตรงนี้ อย่างเดียวมันไปไม่ได้ เอาเงินไปให้ ไปใช้จ่าย แล้วก็หมดเหมือนเดิม นะให้ตามความจำเป็น ตามความเดือดร้อนในเรื่องของภัยแล้งนะครับ ก็มีปัญหากันอยู่พอสมควรถึงแม้จะมีฝนตกอยู่บ้างก็คือน้ำไหลลงอ่างก็มากขึ้น แต่ก็เปรียบเทียบกับที่เราจ่ายในเรื่องของการจ่ายน้ำ มันก็ยังใกล้ๆกัน เพราะว่าน้ำเหล่านี้ไม่ใช่จากท่อไปตรงโน้นตรงนี้ได้ มันมาด้วยสายระบบส่งน้ำทางเปิดนะเพราะงั้นต้องแก้กันด้วยระบบส่งน้ำกันคราวหน้าอีก แต่วันนี้ก็อยากจะบอกทุกกระทรวงทบวงกรมว่าถ้ามีงบประมาณเหลือ งบประมาณเรื่องของการจ้างงาน ก็ลองไปขุดเพิ่มเติมดูซิว่าตรงไหนพร้อมจะขุดเก็บกักน้ำไว้ได้ ก็ขุดซะตอนนี้ ผมเป็นห่วงนะ ถ้าเกิดระยะต่อไป ถ้าฝนแล้งอีก หรือทิ้งช่วงอีก ทำยังไง ก็มีผลกระทบกับการปลูกพืชในครอปสอง อีกนั้นแหละ มันก็จะเกิดผลกระทบแบบครอป 1 เพราะงั้น ฝากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตร หรือกระทรวงที่เกี่ยวข้องนะครับไปดูด้วยว่าเราจะทำยังไงกับครอปสอง ต่อไปนี่ แก้ปัญหายังไงนะ ในเรื่องของการจ้างงานก็สั่งไปแล้วนะ เมื่อวานเข้า ครม. ไปแล้ว อนุมัติเงินทองไปแล้ว ก็เดี๋ยวเขาจะไปจ้างงานในพื้นที่ให้ได้ ในพื้นที่ที่เดือดร้อนนะ ไม่เดือดร้อนก็คงไม่ได้นะ เพราะไปสร้างให้เกิดงานเกิดขึ้นนะครับ แต่ก็ให้ไปทุกจังหวัดนั่นแหละ มากน้อยตามความจำเป็นอันที่สองก็คือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการปลูกพืช กระทรวงเกษตรก็รับไป อันแรกนั่นมหาดไทยอันที่สามก็คือการเตรียมการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการเพาะปลูกพืช กำลังสำรวจอยู่นะ เราจะไม่ใช้ว่าตีคลุมไปหมด มันไม่ได้ เพราะงั้นใครเสียหายก็เดี๋ยวว่ากัน ใครไม่เสียหายก็ต้องสู่ไปนะ สู้ไปนะครับ เราต้องเตรียมการในครอปหน้าให้ได้ด้วยนะเรื่องต่อไปเรื่องการขี่จักรยาน ปั่นเพื่อแม่ นะครับ Bike for Mom ก็ขอบคุณนะครับ ของคุณ ทุกคนคงเตรียมร่างกายไว้ให้พร้อมนะแล้วก็ระมัดระวังนะครับช่วงนี้ฝนตกการฝึกซ้อมอะไรต่างๆ ก็ระวังนะครับ เดี๋ยวจะไม่ได้ร่วมกิจกรรมวันจริง เพราะป่วย ไม่ได้ ต้องระมัดระวังนะ อย่าให้ล้มนะ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มกุฎราชกุมาร ท่านทรงเป็นห่วงกังวลเรื่องนี้นะครับ ให้เกิดความปลอดภัย และให้เกิดความสุขในวันที่ 16 นะครับ ในวันที่ 2 ก็จะมีการซ้อม ผมก็ต้องไปตรวจความเรียบร้อย นะในเส้นทางในจุดต่างๆ ก็พยายามจะให้มีผลกระทบเรื่องการจราจรให้น้อย ที่สุดแล้วกันนะครับ ผมก็จะเร่งเวลาให้เร็วขึ้นนะ ก็เป็นการภายในนะครับ อย่าถือว่าเป็นกิจกรรมหลักเลย กิจกรรมหลัก อยู่วันที่ 16 โน่นนะครับ ถวายพระเกียรติท่านไปนะครับ วันที่ 16 เรื่องสุดท้ายเรื่องการท่องเที่ยวนะครับวันหยุดราชการนี่ วันนี้ก็หยุดหลายวัน 4 วันนะ 4วัน ผมก็ห่วงเรื่องเหมือนเดิมอุบัติเหตุ ขี่รถ ขับรถ ดื่มสุรา อะไรทำนองนี้นะ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุ ผมฝากไว้คำหนึ่งแล้วกัน ในปีนี้นะ ถ้าหากว่าคนที่ชอบกินเหล้า แล้วขับรถ ขับรถเร็วนะ ถ้าท่านไม่รักชีวิตท่านเอง ท่านก็นึกถึงคนอื่นเขาบ้างนะ ให้รู้ว่าคนอื่นเขารักชีวิตเอยู่นะ เพราะงั้นท่านไม่รักของท่านก็ไม่เป็นไรหรอก แต่คนอื่นเขารักชีวิตเขา อย่าทำให้เขายาดเจ็บสูญเสีย เป็นความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัวเขา นะตัวท่านเองผมไม่รู้จะว่ายังไงนะ ห้ามไปห้ามมาก็หลายครับแล้วก็ไม่ดีขึ้นเท่าไรนะ ท่านไม่รักตัวท่านเองก็ไม่เป็นไรหรอกนะ อย่าทำความเสียหายกับชาติบ้านเมือง ให้กับคนอื่นๆ เขาเท่านั้นเองนะครับ ให้รู้ว่าชีวิตนั้นมีค่าแค่ไหน อย่างไรนะครับ ขอบคุณนะครับ ขอให้มีความสุขในวันหยุดราชการหลายวันขอให้ปลอดภัยนะครับ และขอให้ฝนตกเยอะๆ น้ำลงเขื่อนเยอะๆ นะ พืชไร่พืชสวนต่างๆ ประมงน้ำจืดอะไรก็แล้วแต่ก็ขอให้ได้ผ่านพ้นภัยดังกล่าวเหล่านี้ให้ได้โดยเร็วนะครับ | นายกฯไม่ท้อขอเดินหน้าแก้ปัญหาค้ามนุษย์ต่อแม้ไทยถูกจัดอันดับการค้ามนุษย์ในเทียร์3 พร้อมพัฒนาระบบขนส่งโครงสร้างพื้นฐานดึงเงินทุนเข้าประเทศ นอกจากนี้ยังเดินหน้ากองทุนการออมแห่งชาติ หวังลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเร่งสางหนี้ให้เกษตรกร 1.6 ล้านราย วงเงิน 4 แสนล้านบาท ยืนยันพร้อมรับฟังทุกฝ่ายแต่ต้องต้องได้ข้อสรุปในการสร้างโรงไฟฟ้า | การเมือง | กองทุนการออมแห่งชาติ,ค้ามนุษย์,นายกรัฐมนตรี,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,พลังงาน,โรงไฟฟ้า | https://news.thaipbs.or.th/content/4024 |
ตร.ถูกยิงหัวผ่านฟ้าฯ เสียชีวิตแล้ว เหตุระเบิดบิ๊กซีราชดำริ เด็กตาย 2 ผู้ใหญ่ 1 | ที่ผ่านมาได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 12.30 น.14.00 น. สถิติผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดบริเวณหน้าห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ วานนี้(23 ก.พ.) เสียชีวิต 3 คน ประกอบด้วย นางสาวฐิพาพรรณ สุวรรณมณี อายุ 59 ปี (รพ.พญาไท 1) เด็กชายกรวิชญ์ ยศอุบล อายุ 4 ปี (รพ.รามาธิบดี) และเด็กหญิงพัชรากร ยศอุบล อายุ 6 ปี (รพ.รามาธิบดี) โดยมีผู้บาดเจ็บ 21 รายรายงานด้วยว่า เวลา 12.30 น. ที่ห้องประชุม มีการแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวโดย รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี แถลงว่า เหตุการณ์ระเบิดเมื่อวานนี้ มีผู้เสียชีวิต 2 รายคือ ด.ช.กรวิชญ์หรือน้องเดน ส่วนดญ.พัชราภร หรือน้องเค้ก เสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 6.25 น. นอกจากนี้ ด.ช.โยธิน หรือน้องฟลุค ยังมีอาการสาหัสเนื่องจากถูกกระแทกเข้าที่หน้าอก มีอาการปอดฉีก แต่มีสัญญาณดีขึ้น ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 4 ราย เป็นชาวเวียดนาม 1 ราย มีอาการปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ การชันสูตรพบว่าเด็กทั้งสองคนมีบาดแผลจากระเบิดเต็มตัว ด.ช.กรวิช มีสะเก็ดระเบิดบริเวณหลังด้านซ้ายทะลุท้อง ไตและหัวใจ ทำให้เลือดออกจำนวนมาก ส่วนด.ญ.พัชราภรณ์ สะเก็ดระเบิดเข้าที่ศรีษะ ช่องท้อง และพบสะเก็ดระเบิดในสมอง โดยทั้งหมดเก็บเป็นหลักฐานส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บรวบรวมต่อไป ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบต่อไปว่าเป็นระเบิดชนิดไหน โดยญาติสามารถเคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศลได้เลยไม่มีต่อรูปคดีนายทีปกร ยศอุบล กล่าวถึงสภาพจิตใจของครอบครัวทุกคนขณะนี้ อยู่ในอาการช็อค โดยเฉพาะพ่อของเด็ก เมื่อทราบว่าลูกคนโตเสียชีวิตไปอีกคนเมื่อช่วงเช้า เพราะแม่ของเด็กมีอายุมากแล้วไม่สามารถมีลูกได้อีก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงทำให้ทางครอบครัวเสียใจมากทางครอบครัวไม่เคยเดินทางไปร่วมชุมนุมทางการเมืองเลย วันนั้นเด็กทั้งสองคนไปเที่ยวซื้อของกับคุณแหม่มน้าสาว แม่ของด.ช.โยธิน หรือ น้องฟลุค ชะแอบรัม ที่ขณะนี้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส โดยที่ไม่ได้เข้าไปร่วมชุมนุม ซึ่งขณะนี้คุณแหม่มเองก็ยังช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่จึงไม่ได้พูดคุยอะไรมาก แต่ผมขอให้น้องทั้งสองคนเป็นคนสุดท้ายที่จะเสียชีวิตจากเหตุการณ์รุนแรงไม่อยากให้มีใครต้องเสียชีวิตอีก นายทีปกร กล่าวนายทนากร ยศอุบล บิดาของเด็กที่เสียชีวิตกล่าวว่า เป็นการสูญเสียที่ไม่รู้จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการทำใจ ลูกผมเป็นเด็กบริสุทธิ์ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่มากเกินไป หากไม่เกิดกับคนใกล้ตัวของตัวเองไม่มีทางรู้ว่าจะเสียใจขนาดไหน ผมและภรรยายังทำใจไม่ได้ ทุกวันนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นเรื่องที่ไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดกับครอบครัวผมเมื่อคืนผมรอที่โรงพยาบาลทั้งคืน ภาวนาว่าให้ผมเหลือลูกอีกสักคนแม้จะไม่เต็มร้อยแต่ก็ขอให้เขารอด แต่สุดท้ายก็ไม่ ผมอยากวิงวอนให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็วที่สุด อยากให้ลูกของผมเป็นอุทาหรณ์ว่าเด็กไม่รู้เรื่องเลย ทำไมต้องมาโดนแบบนี้ ผมไม่เคยอยากให้ลูกผมเป็นอะไร แค่อยากให้มีความสุขเท่านั้น แม้เราจะมีกินบ้างไม่มีกินบ้างแต่ก็มีความสุข ตอนนี้ผมเจ็บมากๆ เจ็บที่สุดแต่ก็ไม่ได้โทษใคร นายทนากร กล่าวและว่า ตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งความ แต่ขอรับน้องทั้งสองคนไปประกอบพิธีทางศาสนาก่อนด้านนางนารีรัตน์ ชะแอบรัม อายุ 33 ปี มารดาของด.ช.โยธิน หรือน้องฟลุค ซึ่งเป็นน้าสาวของเด็ก 2 รายที่เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตาว่า อยากให้เรื่องทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน ขอให้ได้หลานคืนมา วันที่เกิดเหตุไม่ได้ไปร่วมชุมนุมเพียงแต่พาเด็กๆ ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า ไปกินข้าวเท่านั้น กำลังจะกลับบ้านก็เกิดเหตุระเบิดขึ้น ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุดเพราะอยู่ระหว่างขึ้นรถตุ๊กๆ โดยที่เด็กทั้ง 3 คนขึ้นไปนั่งรออยู่อย่างไรก็ตาม คณะแพทย์ได้กล่าวประณามการกระทำของกลุ่มคนที่ก่อเหตุความรุนแรง และเตือนให้หลีกเลี่ยงพาเด็กไปร่วมชุมนุม เนื่องจากเด็กช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รวมทั้งหากเกิดอุบัติเหตุหรือได้รับบาดเจ็บ เด็กจะทนต่อความเจ็บปวดได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ รายงานว่า เมื่อ เวลา 01.45 น. วันที่ 24 ก.พ. เกิดเสียงปืนดังบริเวณฝั่งตรงข้ามบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถ.แจ้งวัฒนะ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ ส.อ.นพดล วัฒนะวงค์คีรี สังกัด กอง สพบ. พล.ปตอ. มีบาดแผลโดนยิงตรงแขนซ้าย ขาขวา และเท้าซ้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิ ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะขณะที่เวลา 23.30 น. วันที่ 23 ก.พ. มีรายงานว่า ที่บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก หน้าห้างบิ๊กซี สาขาแจ้งวัฒนะ ซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์ราชการ พื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. แจ้งวัฒนะ ได้เกิดเสียงดังคล้ายอาวุธปืนขึ้นประมาณ 4-5 นัด แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ มีผู้พบเห็นชายวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ เข้ามาชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาด ยิงใส่บริเวณแนวบังเกอร์ที่ทางการ์ด กปปส. ได้ทำเอาไว้ แต่กระสุนไม่ถูกผู้ใด จากนั้นคนร้ายได้เร่งเครื่องหลบหนีไป ใช้ถนนเส้นทางเลียบคลองประปา | 24 ก.พ.2557 ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ได้รับแจ้งจากศูนย์ส่งกลับ โรงพยาบาลตำรวจว่าส.ต.ต.ศราวุฒิ ชัยปัญหา ผู้บาดเจ็บจากเหตุขอคืนพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 57 | การเมือง | กรวิชญ์ ยศอุบล,ทนากร ยศอุบล,ทีปกร ยศอุบล,นพดล วัฒนะวงค์คีรี,พัชรากร ยศอุบล,พาพรรณ สุวรรณมณี,ศราวุฒิ ชัยปัญหา,สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ,เหตุปะทะสะพานผ่านฟ้า,เหตุระเบิดบริเวณหน้าห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ | https://prachatai.com/journal/2014/02/51946 |
นักธุรกิจญี่ปุ่นร้องทหาร ถูกผู้มีอิทธิพลหลอกขายที่ดินปลอมบนเกาะพยาม | จากกรณี พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 รับผิดชอบพื้นที่จ.ชุมพร-ระนอง ได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ นำโดย พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารยุทธโยธา บก.ควบคุม มทบ.44 พร้อมกำลังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่เกาะพยาม ตำบลเกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง ตรวจสอบกรณีการร้องเรียนผู้มีอิทธิพล และกลุ่มนายทุนบุกรุกสร้างบังกะโล รีสอร์ท ริมทะเล กว่า 100 แห่ง อยู่ในเขตที่ดิน ส.ป.ก.และป่าสงวนแห่งชาติ และถูกผู้มีอิทธิพลออกโฉนดชุมชนหลอกขายแก่นักลงทุนและชาวบ้าน มูลค่านับร้อยล้านบาทนั้น,ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 15 พ.ย.59 นางชิโยโก๊ะ คาเวน อายุ 52 ปี นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เจ้าของบริษัทนำเที่ยวและที่พัก เข้าร้องเรียนต่อชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ มทบ.44 พร้อมนำเอกสารหลักฐานมามอบให้โดยระบุว่า ตนเองพร้อมสามีชื่อ นายคริสโตเฟอร์ โคเวน ชาวสหรัฐอเมริกา ได้ซื้อที่ดินจำนวน 3 แปลง รวมเนื้อที่ 60 ไร่ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท บริเวณอ่าวใหญ่ หมู่ 1 เกาะพยาม มาจากนักการเมืองท้องถิ่นและชาวบ้านในพื้นที่โดยทำเป็นสัญญาซื้อขายในนามบริษัท ซี ซี คอนซัลแทนส์ จำกัด ของตนเอง,ทั้งนี้เป็นสัญญาซื้อขายโอนสิทธิครอบครองและสิทธิครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตามหลักฐาน ภ.ท.บ.5 มาตั้งแต่กลางปี พ.ศ.2544 เพื่อสร้างบ้านพัก ธุรกิจนักท่องเที่ยว โดยมีอดีตผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่งรับปากยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวสามารถออกโฉนดชุมชนเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองได้ และต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจรังวัดขอบเขตเพื่อออกโฉนดชุมชนให้โดยเสียค่าใช้จ่ายรวมหลักแสนบาท ต่อมาได้มีเจ้าพนักงานที่ดินมาตรวจสอบสภาพที่ดินและได้รับคำชี้แจงว่าที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.2540 และที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ฉบับที่ 625 ประกาศเมื่อ พ.ศ.2516 ออกตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507,นางชิโยโก๊ะ กล่าวว่า จากนั้นตนถูกข่มขู่เรื่อยมามีชายฉกรรจ์ขับรถจักรยานยนต์ถือปืนยาวมาวนเวียนหน้าบ้านพักให้ตนกลัวเพื่อให้ตนออกไปจากที่ดินที่ซื้อมา เคยไปแจ้งความที่ สภ.ปากน้ำระนองตำรวจแค่ลงบันทึกข้อความไว้เป็นหลักฐาน จนถึงวันนี้ก็ยังถูกข่มขู่อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากทราบว่าที่ดินแปลงที่ตนซื้อสิทธิการครอบครองมานั้น มีการซื้อขายซ้ำซ้อนกันหลายทอด ซึ่งยังมีผู้ประสบชะตากรรมแบบเดียวกับตนอีกหลายรายแต่ไม่รู้จะไปพึ่งพาหน่วยงานใด อีกทั้งถูกข่มขู่ทำให้เกิดความกลัว จนทราบว่ามีทหาร คสช.ลงพื้นที่จึงมาร้องเรียนดังกล่าว,พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว หัวหน้าชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งให้ลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อตรวจสอบเก็บข้อมูลและพิสูจน์ทราบซึ่งพบมีทั้งกลุ่มผู้มีอิทธิพล นายทุนสร้างรีสอร์ท บังกะโล บ้านพักตากอากาศในเขต สปก. ป่าสงวน การซื้อขายสิทธิครอบครองในที่ดินซ้ำซ้อนจนเกิดกรณีพิพาทในหมู่ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะการออกโฉนดชุมชนที่มีผู้มีอิทธิพลทำกันเองซึ่งไม่ได้อยู่ในสาระบบราชการ แล้วเรียกเก็บผลประโยชน์ ค่าเดินสำรวจ 2,000 บาทต่อไร่ ค่ารังวัด ครั้ง 10,000 บาท ค่าออกโฉนดชุมชน 20,000 บาทต่อไร่ คิดเป็นรายได้นับ 100 ล้าน ทำกันเป็นขบวนการ,ขณะนี้มีผู้มาร้องเรียนถูกหลอกขายที่ดินด้วยโฉนดชุมชนแล้วจำนวน 8 ราย รวมทั้ง นางชิโยโก๊ะ ที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดกล้าออกมาร้องเรียนเนื่องจากกลัวอิทธิพล ซึ่งความจริงแล้วมีเป็นร้อยราย คาดว่าจากนี้ไปจะมีคนกล้าออกมามากขึ้น ซึ่งตนได้สรุปข้อมูลหลักฐานและปัญหาทั้งหมดบนเกาะพยามให้กับ พล.ต.อุดมวิทย์ ทราบแล้ว ส่วนจะมีมาตรการอย่างไรจะทราบหลังจากมีการประชุมทุกหน่วยงานรัฐเกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในวันที่ 17 พ.ย.นี้. | นักธุรกิจญี่ปุ่นร้อง คสช.ชุดเฉพาะกิจ มทบ.44 ถูกผู้มีอิทธิพลหลอกขายโฉนดชุมชนปลอมบนเกาะพยาม แฉมีจำนวนมาก รับผลประโยชน์นับร้อยล้าน | ข่าว,ทั่วไทย | อุดมวิทย์ อโนวัลย์,นักธุรกิจญี่ปุ่น,มทบ.44,โฉนดชุมชนปลอม,กวาดล้างผู้มีอิทธิพล,ชิโยโก๊ะ คาเวน,ม.44 ปฏิรูปที่ดิน,เกาะพยาม,โฉนดปลอม,ระนอง | https://www.thairath.co.th/news/local/784391 |
จีนเตือนภัยขั้น สีแดง ในเมืองอู่ฮั่น ยอดเหยื่อน้ำท่วมพุ่ง 186 ศพ | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการจีนประกาศเตือนภัยขั้นสีแดงที่เมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีประชากรถึง 10 ล้านคน ในมณฑลหูเป่ยแล้วเมื่อวันพุธ หลังจากพายุเขตร้อนทำให้เกิดฝนตกหนักในชั่วข้ามคืน และทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่หลายส่วนของเมือง ประชาชนจำนวนหนึ่งติดอยู่ในบ้าน ในขณะที่ระบบขนส่ง, ไฟฟ้า และประปา ได้รับผลกระทบอย่างหนัก,สำนักงานอุตุนิยมวิทยาจีนออกคำเตือนขั้นสีแดงเมื่อวันพุธ และคาดว่าจะเกิดฝนและลมกระโชก รวมทั้งน้ำท่วมพื้นที่ทั้งในชนบทและในเมือง ขณะที่สื่อของจีนรายงานว่า เมืองอู่ฮั่น ซึ่งอยู่ตามแนวแม่น้ำแยงซี เผชิญฝนตกหนักตลอดทั้งสัปดาห์ ได้รับปริมาณน้ำฝนสูงถึง 1.8 ฟุต มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง ถนนและสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งถูกน้ำท่วม ขณะที่บริการรถไฟก็ถูกยกเลิกด้วย,ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง แห่งประเทศจีน เดินทางลงพื้นที่ในมณฑลหูเป่ย เพื่อควบคุมดูแลปฏิบัติการช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ ในขณะที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ออกคำสั่งให้กองทัพยกระดับความพยายามบรรเทาทุกข์ทั่วประเทศ,อีกด้านหนึ่งที่มณฑลอานฮุย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากกรมท่องเที่ยวในเขตอูฮู ว่า จระเข้จำนวนหนึ่งหลบหนีออกจากฟาร์มเลี้ยงระหว่างที่เกิดน้ำท่วม โดยขณะนี้พวกเขากำลังพยายามยืนยันให้แน่ชัดว่ามีจระเข้หลุดออกมากี่ตัว,ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนเผชิญฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมใน 26 มณฑลของประเทศ กระทบประชาชนมากกว่า 32 ล้านคน ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้วมากถึง 186 ราย และมีผู้สูญหายอีก 45 คน บ้านเรือนพังเสียหายมากกว่า 56,000 หลัง และประชาชนกว่า 1.4 ล้านคนต้องย้ายที่อยู่ | ทางการจีนประกาศเตือนภัยขั้นสีแดงที่เมืองอู่ฮั่น หลังเผชิญฝนตกหนักที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตำรวจในมณฑลอานฮุยในได้รับแจ้งว่ามีจระเข้หลุดจากฟาร์มด้วย | null | น้ำท่วม,ฝนตกหนัก,ดินถล่ม,เมืองอู่ฮั่น,มณฑลหูเป่ย,สำนักงานอุตุนิยมวิทยา,จีน,เตือนภัยขั้นสีแดง,หลี่ เค่อเฉียง,สี จิ้นผิง,พายุเขตร้อน,จระเข้หลุด,ข่าว,ข่าวต่างประเทศ,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/656879 |
กสทช.-เมโทรซิสเต็มส์ฯ ร่วมจัดงานวันเด็ก มอบสิ่งของพร้อมความรู้ | เมื่อวันที่ 9 ม.ค. มีรายงานว่า หลายหน่วยงานด้านโทรคมนาคมและไอซีทีได้ร่วมจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น โดย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ สำนักงาน กสทช. เปิดบ้านจัดงานวันเด็กแห่งชาติปี 2559 ตะลุย คลื่นมหาสนุก วันแสนสุขของหนูๆ ปี 4 ตอน เด็กไทยหัวใจอาเซียน ขึ้น ณ สำนักงาน กสทช. ถนนพหลโยธิน 8 (ซอยสายลม) กรุงเทพฯ เปิดโอกาสให้เด็กๆ เข้าเยี่ยมชมห้องประมูล 4G ที่ใช้ในการประมูลครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย พร้อมพบประสบการณ์ใหม่ในการทดลองเป็นผู้ร่วมแถลงข่าวการประมูล,นอกจากนั้น เด็กๆ จะได้สนุกสนานพร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน มีกิจกรรมการแสดงบนเวที เช่น การประกวดเต้น Cover Dance การแสดงมายากล โชว์การแสดงสัตว์ รวมทั้ง ไฮไลต์ความสนุกด้วยเครื่องเล่น อาทิ บ้านลมมหาสนุกขนาดใหญ่ สระลูกบอลน้ำ (Water Ball) ม้าหมุน วัวกระทิง แต่งหน้าคัพเค้ก พร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมายภายในงานทั้ง เครื่องเล่นเกม Playstation 4 จักรยานพับได้ Tablet และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย,นายฐากร กล่าวต่อว่า วัตถุประสงค์ในการจัดงานวันเด็กของ กสทช. เพื่อให้กิจกรรมนี้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะช่วยกระตุ้นให้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนที่จะเติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าในอนาคต ,รวมถึงส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้รับความสนุกสนาน มีเวทีแสดงออกในทางสร้างสรรค์ ตระหนักถึงสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมส่วนรวม ,พร้อมทั้งได้รับความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน,มีรายงานเพิ่มเติมว่า บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการด้านไอซีที จัดกิจกรรม MSC สานฝัน ปันรอยยิ้ม มอบของขวัญให้กับ 2 โรงเรียนในเขตชุมชน ได้แก่ โรงเรียนคชเผือกอนุสรณ์ และโรงเรียนคลองมะขามเทศ เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2559 เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมาด้วย. | กสทช.ร่วมจัดงานวันเด็กแห่งชาติที่สำนักงานซอยสายลม กทม. ด้านเมโทรซิสเต็มส์ฯ จัดกิจกรรม MSC สานฝัน ปันรอยยิ้ม ให้กับเด็กๆ ในโรงเรียน | null | วันเด็ก59,วันเด็ก,วันเด็กแห่งชาติ,งานวันเด็ก,กิจกรรมวันเด็ก,เด็ก,เยาวชน,กสทช.,ฐากร ตัณฑสิทธิ์,เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/560381 |
ร้องมูลนิธิปวีณาฯ คดีข่มขืน-ทารุณฯ ปี59 พุ่ง เหยื่ออายุน้อยสุด 2 เดือน | เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 ธ.ค. 59 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ถนนรังสิตนครนายก คลอง 7 ปทุมธานี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี (องค์กรสาธารณประโยชน์) แถลงสรุปผลการดำเนินงานการช่วยเหลือสังคม เด็ก และสตรี ผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมในรูปแบบต่างๆ ประจำปี 2559 โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2559 มูลนิธิปวีณาฯ ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ทั้งสิ้น จำนวน 9,157 เรื่อง ทั้งข่มขืน/อนาจาร, ล่อลวงค้าประเวณี, ทำร้ายร่างกาย, คนหาย, ปัญหาครอบครัว ฯลฯ โดยปัญหาที่มูลนิธิปวีณาฯ ให้ความสำคัญ และจะเข้าช่วยเหลือทันทีคือ ข่มขืน/อนาจาร, ค้ามนุษย์/ค้าประเวณี ประมง ขอทาน, ทารุณกรรม/ทำร้ายร่างกาย/กักขัง และ ปัญหาครอบครัว ,ทั้งนี้ พบว่าคดีข่มขืนในปี 2559 มี 681 ราย ซึ่งสถิติขึ้นสูงกว่าปีที่แล้ว ถึง 23 ราย ช่วงอายุของผู้เสียหาย น้อยที่สุดเป็นเด็กหญิง อายุ 1 ปี 5 เดือน โดยผู้กระทำเป็นพ่อเลี้ยง ขณะนี้ถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว และผู้เสียหายที่อายุมากที่สุด เป็นหญิงชราอายุ 78 ปี ผู้กระทำเป็นเพื่อนบ้าน ขณะนี้ถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว ส่วนเรื่องค้ามนุษย์ หรือค้าประเวณี มูลนิธิปวีณาฯ รับเรื่องราวร้องทุกข์ถึง 176 ราย เฉลี่ยรับเรื่องร้องทุกข์เดือนละ 15 ราย ปัญหานี้ได้ลดลงจากปีที่แล้ว 24 ราย เนื่องจากรัฐบาลได้หันมาแก้ไขปัญหาและปราบปรามอย่างจริงจังมากขึ้น แต่ทั้งนี้ยังคงมีเหยื่อหญิงสาวทั้งที่สมัครใจและถูกล่อลวง ร้องขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ซึ่งประเทศที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีมากที่สุด คือ บาห์เรน, เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ตามลำดับ ,ส่วน เรื่องทารุณกรรม/ทำร้ายร่างกาย/กักขัง มูลนิธิปวีณาฯ รับร้องทุกข์ถึง 939 ราย เฉลี่ยรับเรื่องร้องทุกข์วันละ 3 ราย สถิติสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว 212 ราย แบ่งเป็น เด็ก ถูกทำร้ายร่างกายและทารุณกรรม ซึ่งเด็กที่ถูกทำร้ายร่างกายอายุต่ำสุด 2 เดือน ผู้ทำร้ายคือ พ่อ สาเหตุเพราะติดยาเสพติด, ผู้หญิง ถูกทำร้ายร่างกายและทารุณกรรม ซึ่งผู้หญิงถูกทำร้ายร่างกายอายุมากสุด 84 ปี ผู้ทำร้ายคือ ลูกสาว ส่วนสาเหตุการกระทำความรุนแรง ทารุณกรรม กักขัง ส่วนใหญ่เกิดจาก ความเครียด, เมาสุรา, เสพยาเสพติด, หึงหวง และปัญหาครอบครัว มูลนิธิฯ รับเรื่องราวร้องทุกข์ถึง 1,540 ราย ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วกว่า 1 เท่าตัว ส่วนใหญ่สาเหตุมาจากปัญหาจากยาเสพติด, ปัญหาจากการฟ้องหย่า, ปัญหาจากการแย่งบุตร, ปัญหาจากการท้องแล้วไม่รับผิดชอบ และปัญหาจากการไม่ส่งเสียหรือดูแลบุตร และครอบครัว ,ด้านนางปวีณา กล่าวว่า มูลนิธิปวีณาฯ ต้องขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ร่วมกับมูลนิธิฯ ทำการช่วยเหลือสังคมด้วยดีตลอดมา โดยเฉพาะประชาชน พลเมืองดี ที่ได้ช่วยแจ้งเบาะแสมากขึ้น มีส่วนช่วยเหลือสังคมเป็นอย่างมาก สุดท้าย เนื่องในโอกาสปีใหม่ 2560 ในนามมูลนิธิปวีณาหงสกุลฯ ขออวยพรให้คนไทยทุกคนพร้อมทั้งครอบครัว สุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีครอบครัวที่อบอุ่นเข้มแข็ง นำไปสู่ชีวิตที่มั่นคง ช่วยทำความดี ช่วยเหลือสังคม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ต่อไป. | มูลนิธิปวีณาฯ แถลงผลการช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่างๆ พบคดีข่มขืนและทำร้ายร่างกายในครอบครัว ปี 59 สูงขึ้นกว่าปีก่อน โดยเหยื่อคดีข่มขืนอายุน้อยสุดเพียง 1 ปี 5 เดือน ส่วนคดีทำร้ายร่างกาย อายุน้อยสุด 2 เดือน โดยฝีมือพ่อแท้ๆ | null | มูลนิธิปวีณาฯ,ร้องเรียน,คดีข่มขืน,ทำร้ายร่างกาย,สถิติ | https://www.thairath.co.th/content/820506 |
ทัวร์จีนอาละวาด ไฟลท์ดีเลย์ 10 ชม. ลุกขึ้นร้องเพลงชาติประท้วงกลางดอนเมือง (ชมคลิป) | ชาวเน็ตจีนแห่แชร์คลิป หลังมีผู้เผยแพร่ผ่าน Sina Weibo สื่อโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อวานที่ผ่านมา (5 ก.ย.) ขณะนักท่องเที่ยวจีนจำนวนหนึ่ง เกิดไม่พอใจที่เที่ยวบินออกเดินทางล่าช้า จึงลุกขึ้นร้องตะโกนโวยวาย พร้อมร้องเพลงชาติจีนระบายความโกรธแค้น,ตามรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่นในจีน ระบุว่า เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย เที่ยวบินจากสนามบินดอนเมืองไปยังเมืองฉงชิ่ง เกิดความล่าช้า ต้องเลื่อนออกไปกว่า 10 ชม. ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งไม่พอใจอย่างมาก โดยในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังแจ้งรายละเอียดให้ทราบว่าเครื่องบินจะสามารถออกเดินทางได้อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น และขอให้นักท่องเที่ยวออกไปจากอาคารผู้โดยสารขาออก ก็มีผู้โดยสารชาวจีนประมาณ 30 คน ลุกขึ้นตะโกนด่าทอ และร้องเพลงชาติจีน จนเจ้าหน้าที่ต้องมานำตัวพวกเขาออกไป,หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็เกิดกระแสวิพาษ์วิจารณ์สนั่นโลกโซเชียลจีน ว่าเป็นความอับอายที่ไม่ควรกระทำ และเป็นกิริยาที่ดูไม่เหมาะสมอย่างมาก ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีกระแสที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เดินทางเข้ามาในไทย โดยสิ่งที่มาพร้อมกันก็คือปัญหาจากพฤติกรรมต่างๆ ที่คนไทยต้องรับมืออยู่เนืองๆ | ชาวเน็ตจีนแห่แชร์คลิป นักท่องเที่ยวจีนจำนวนหนึ่ง เกิดไม่พอใจที่เที่ยวบินออกเดินทางล่าช้า ลุกขึ้นร้องตะโกนโวยวาย พร้อมร้องเพลงชาติจีนระบายความโกรธแค้นที่สนามบินดอนเมือง | null | จีน,ทัวร์จีน,ดอนเมือง,ร้องเพลงชาติ,ทัวร์ร้องเพลงชาติ,เพลงชาติจีน,ประท้วง,สนามบิน,สนามบินดอนเมือง,สายตรวจโซเชียล,ไฟล์ทดีเลย์,ไทยรัฐ,เวยป๋อ,ไทยรัฐออนไลน์,คลิปเด็ด,คลิปดัง,คลิป,Thairath | https://www.thairath.co.th/content/523378 |
ชี้ บริษัท RPS คือ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจระลอกใหม่ แต่หากเลี่ยงไม่ได้ กฟภ. เขตควรถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% | มีสิทธิ์ใช้ทรัพย์สินทั้งหมดของ กฟภ. แม้ท้ายสุดอาจจะหนีรูปแบบบริษัทไม่ได้ แต่เสนอให้การไฟฟ้าในเขตนั้นๆ ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50%สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา รายงานว่าได้มีการส่งต่อหนังสือสั่งการและข้อความต่างๆ ในไลน์กลุ่มของเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส) โดยหนังสือดังกล่าวลงนามโดยนายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หนังสือเลขที่ กฟผ.910000/45142 ลงวันที่ 8 พ.ค. 2561 เรื่อง ขอหารือเรื่องการบริหารจัดการกิจการด้านพลังงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีเนื้อหาว่าสืบเนื่องจากการประชุมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2561 นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำเสนอรายงานสถานการณ์ความมั่นคงทางพลังงาน และการบริหารจัดการกิจการด้านพลังงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อที่ประชุม ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบการนำเสนอรายงานสถานการณ์ความมั่นคงทางพลังงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และข้อเสนอแนวทางการบริหารจัดการใหม่และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกระทรวงพลังงานสนับสนุนผ่านกองทุนอนุรักษ์พลังงาน และนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ดำเนินการให้เร็ว เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลาการบริหารงานของรัฐบาลนี้ให้ได้ ในการนี้เพื่อสนองนโยบายรัฐบาล และเกิดการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม กฟผ. จึงใคร่ขอเรียนหารือในเรื่องดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยจะมอบหมายให้ รองผู้ว่าการนโยบายและแผน (คุณพัฒนา แสงศรีวิโรจน์) เป็นผู้ประสานในรายละเอียดและกำหนดการนัดหมายจะขอบคุณยิ่งซึ่งภายหลังได้มีการส่งต่อหนังสือฉบับดังกล่าวไปอย่างกว้างขวาง สร้างความไม่สบายใจให้กับเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีแนวโน้มว่าจะถูกแปรรูปเป็นบริษัทในอนาคตอันใกล้นี้ และได้มีการส่งต่อข้อความของสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคภาคใต้ เขต 3 (สร.กฟภ.ต.3)ทั้งนี้ในเรื่องดังกล่าวทางสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่เตรียมออกมาคัดค้านแล้ว โดยเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2561 รายงานว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ส่งหนังสือชี้แจ้งข้อเท็จจริงแนวทางการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้โดยระบุว่าตามที่มีการนำเสนอข่าวแนวทางการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) สร้างความไม่สบายใจให้เจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ดังกล่าวด้วยเข้าใจว่าจะถูกแปรรูปเป็นบริษัทในอนาคตนั้นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ขอเรียนชี้แจงว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยินดีสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนในการผลิตกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) และพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีความมั่นคงและทันสมัย (Smart Grid) เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ สำหรับการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ดังกล่าวการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีโครงสร้างพื้นฐานระบบไฟฟ้าและระบบการให้บริการที่ได้มาตรฐานอยู่แล้วต่อมาในวันที่ 4 มิ.ย. 2561 รายงานว่าที่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.ยะลา บรรดาผู้บริหาร พนักงาน และเจ้าหน้าที่จำนวน 150 คน ได้แต่งกายชุดสีดำถือป้ายคัดค้านนโยบายการแปรรูป การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็น บริษัท RPS (Regional Power System Company) โดยมีนายสมชาย อักษรภักดิ์ ประธานสหภาพแรงงาน กฟภ.ภาคใต้ เขต 3 อ่านแถลงการณ์คัดค้าน โดยมีข้อความว่าตามที่มีกระแสข่าวเรื่องการจัดตั้งบริษัท RPS หรือ Regional Power System Company เพื่อบริหารจัดการด้านพลังงานไฟฟ้า โดยอ้างความต้องการพลังงานไฟฟ้าและความมั่นคงต่อระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้า โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยถือหุ้นในอัตรา 24.5% และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคถือหุ้นในอัตรา 24% และกลุ่มทุนในนามของวิสาหกิจชุมชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถือหุ้นในอัตรา 51% นั้นเราชาวพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคขอแสดงเจตนารมณ์คัดค้านการกระทำดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำการโดยเร่งรีบรวบรัด ไม่โปร่งใส ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ หรือให้โอกาสให้พนักงานหรือส่วนเกี่ยวข้องของการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาครวมทั้งภาคประชาชนได้มีโอกาสได้ชี้แจง แสดงเหตุผล หรือรับทราบปัญหา ข้อดีข้อเสีย ของโครงการดังกล่าวแต่อย่างไรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ปัจจุบันสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนให้แก่ประกอบกิจการตาม พ.ร.บ.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ.2503 โดยมิได้แสวงหาผลกำไรหรือประโยชน์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ยัง วัตถุประสงค์ที่จะต้องบริการประชาชน ในด้านสาธารณูปโภค อำนวยความสะดวกให้ประชาชน มีกระแสไฟฟ้าในการดำรงชีวิตในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การบริหารจัดการด้านพลังงานไฟฟ้าเป็นอีกพื้นที่ หนึ่งที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่ได้มีผลกำไรจากการประกอบกิจการ แต่ยังคงเต็มใจที่ดำเนิน กิจการต่อไปเนื่องจากพลังงานไฟฟ้าสาธารณูปโภคหลัก ที่ต้องบริการให้ ความสะดวกแก่ ประชาชนผู้ใช้ไฟอย่างทั่วถึงและถึงแม้ไม่มีกำไรในพื้นที่นี้ แต่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็ยังคง บริหารจัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟในพื้นที่ได้ตามปกติ หากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกกำหนดให้อยู่ในรูปแบบของบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องคำนึงถึงผลกำไรเป็นหลัก เมื่อไม่มีผลกำไร การขึ้นค่ากระแสไฟย่อมเกิดขึ้นได้ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลอาจให้ การอุดหนุนในช่วงต้นของการดำเนินการ แต่ภายหน้าเมื่อต้องการผลกำไร การขึ้นค่ากระแสไฟฟ้าย่อมเกิดขึ้น ความเดือดร้อน จึงไปตกอยู่กับประชาชนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ต้องสูญเสียหรือเสียหายอย่างไรบ้างกับการกระทำครั้งนี้ คือผู้ใช้ไฟฟ้าจำนวนประมาณ 500000 ราย ต้องโอนให้กับบริษัท RPS บริษัท RPS ชุบมือเปิบจากรายได้ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ได้ รับผู้ใช้ไฟ และนำรายได้ไปบริหารจัดการอย่างไร จะส่งต่อให้รัฐหรือนำไปบริหารกิจการสร้างกำไรให้ตนเอง ซึ่งเรายังไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ 51% ของบริษัท RPS เป็นใคร และทำผลประโยชน์เพื่อชุมชนจริงหรือไม่ หรือจะทำกำไรเข้ากระเป๋าตนเองและหากบริหารขาดทุนจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ระบบจำหน่าย สายส่ง สถานีไฟฟ้า อาคารสำนักงาน และทรัพย์สินทุกอย่าง จะต้องให้บริษัท RPS ใช้ประโยชน์ ซึ่งเบื้องต้นทราบเพียงว่าจะจ่ายผลตอบแทนเป็นค่าเช่าในการดำเนินการให้ แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซึ่งไม่รู้ว่าจะดำเนินการไปได้แค่ไหน คุ้มทุนที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ลงทุนไปอย่างไรประชาชนได้อะไรหรือสูญเสียหรือเสียหายอย่างไร คือ ผลกระทบค่าไฟฟ้าที่อาจต้องขึ้นค่ากระแสไฟฟ้า หากการบริหารจัดการของหาบริษัท RPS ไม่มีผลกำไร แต่หากยังคงเป็นการบริหารจัดการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ถึงอย่างไรก็ยังคงต้องบริการประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ต่อไป หากมีการจัดตั้งบริษัท จะมีการจัดตั้งโรงไฟฟ้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ที่คาดล่วงหน้าได้ว่าวัตถุดิบหลักในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ไม้ ยางพารา ซึ่งไม่นานคงจะต้องหมดไป ดังนั้นวัตถุดิบที่จะนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าอาจเป็นอื่นที่มีอันตรายต่อสุขภาพ ประชาชน มลภาวะ มลพิษที่จะเกิดต่อชุมชนติดตามมาพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เกิดผลกระทบอย่างไร คือพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบอยู่แล้ว ต้องการขวัญกำลังใจ ความมั่นคงในการปฏิบัติงานจะถูกควบคุม ลิดรอนสิทธิสวัสดิการใดๆ หรือไม่ ณ ปัจจุบันนี้ ยังมีคำตอบจากผู้บริหารหรือจากผู้คิดโครงการนี้ขึ้นมา พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงขอคัดค้านโครงการอัปยศ ที่จะสร้างความเดือดร้อน วุ่นวาย ให้กับประชาชนและพนักงาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างสุดความสามารถและจะคัดค้านการจัดตั้งบริษัท RPS อย่างเป็นรูปธรรมและทุกภาคส่วนต่อไปนายสมชาย อักษรภักดิ์ ประธานสหภาพแรงงาน กฟภ.ภาคใต้ เขต 3 ยังระบุกับ Nation TV ไว้ว่าวัตถุประสงค์ของกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อต้องการให้รัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นของประชาชน อยู่ต่อกับประชาชนต่อไปหลังจากมีข่าวจะแปรรูปเป็นบริษัท ในส่วนของพนักงานเองก็มีความรู้สึก เพราะรัฐวิสาหกิจนั้นจะมีนายจ้างคือรัฐบาล และประชาชนคือเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมด พวกเราในนามของพนักงานได้ถูกคัดเลือกโดยประชาชนมาบริหาร ดำเนินการทั้งหมดเพราะฉะนั้นทุกวันนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ก็เป็นของประชาชนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่จะโอนไปในรูปของบริษัท ที่ผ่านมาเราจะเห็นการแปรรูปเป็นบริษัทน้ำมัน ซึ่งทุกวันนี้เมื่อไปอยู่ในรูปของบริษัทเอกชน อำนาจการต่อรองก็ยาก ต้องรอรับผลกรรมอย่างเดียว ไฟฟ้าก็เช่นกันต้องอยู่ต่อกับประชาชน เพราะเราไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์กับประชาชน แต่ถ้าเมื่อไหร่ถ้าการไฟฟ้าไปอยู่ในมือของเอกชน ก็ต้องแบกรับภาระกำไรขาดทุน หากมีต้นทุนสูงขึ้นก็จะต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นแน่นอน ซึ่งยังไม่ทราบแน่นอนว่าบริษัท RPS ที่จะตั้งขึ้นมาจะรับผิดชอบหรือเปล่า ในฐานะสหภาพแรงงาน และผู้บริหารทั้งหมดเป็นห่วง เพราะจะให้ไฟฟ้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปลายด้ามขวานไปอยู่เป็นบริษัท แต่ในอีก 70 กว่าจังหวัดยังอยู่กับการไฟฟ้า จึงเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ผลเสียที่เราจะพบแน่หากมีการแปรรูปเป็นบริษัทคือ ปัจจุบันผลการประกอบการในพื้นที่ขาดทุน ไฟฟ้าจะต้องแบกรับภาระ เอาผลเฉลี่ยจากที่อื่นที่มีกำไรมาช่วย 3 จังหวัดใต้ การขยายเขตไฟฟ้าในพื้นที่ไกลๆ ค่าตัดต้นไม้ก็ไม่คุ้มกับค่าไฟที่ได้รับ หากวันไหนแปรรูปเป็นบริษัท เชื่อได้เลยว่าการลงทุนแบบนี้ไม่มีอย่างแน่นอน เพราะบริษัทต้องลดต้นทุน และต้องขึ้นค่าไฟแน่นอน ส่วนกำไรที่ได้จะนำเข้ารัฐอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามตนเองได้รับทราบว่า ท่านนายกรัฐมนตรีรับทราบเรื่องนี้แล้ว และได้สั่งให้ชะลอ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี หลังจากวันนี้ไปการเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงานนั้น ทางสหภาพแรงงาน ก็จะขอดูทิศทางของรัฐบาล จะออกไปในทิศทางใดอีกครั้ง นายสมชาย กล่าวและเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา รายงานว่านายสมชาย อักษรภักดิ์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (สร.กฟภ.) ภาคใต้ เขต 3 กล่าวว่าทาง สร.กฟภ.ภาคใต้ จะติดตามการหารือและแนวทางจากรัฐโดยเฉพาะประเด็นการโอนย้ายชื่อผู้ใช้ไฟในพื้นที่ทั้งหมด 500000 ราย ที่ปัจจุบันเป็นลูกค้า กฟภ.ไปสังกัดบริษัท RPS หากดำเนินการจริงจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เพื่อคัดค้านนโยบายดังกล่าวแน่นอนเพราะผู้ใช้ไฟเหล่านี้จะมีความเสี่ยงในอนาคตเรายังคัดค้านประเด็นนี้โดยพนักงานในพื้นที่จะแต่งชุดดำจนถึงสิ้นเดือนนี้และเตรียมแผนคู่ขนานไว้แล้วด้วยการล่ารายชื่อคนร่วมค้านใน 6 จังหวัดภาคใต้เพื่อเตรียมไว้ระหว่างรอความชัดเจนจากนโยบายรัฐบาลหากยังเดินหน้าต่อเราจะเคลื่อนไหวใหญ่ ซึ่งปัญหาของพนักงาน กฟภ. 3 จังหวัดใต้ที่มีประมาณกว่า 7 หมื่นคนเราเองมองว่าไม่ใช่ปัญหาแต่เราห่วงว่าผู้ใช้ไฟจะเสี่ยงมากกว่า นายสมชายกล่าวส่วนนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) กล่าวว่าทางฝ่ายบริหารได้ชี้แจงเบื้องต้นกับ สร.กฟผ. ถึงนโยบายการจัดตั้งบริษัท RPS มาจากนโยบายรัฐบาลเพื่อสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้าแต่รายละเอียดและขั้นตอนต่างๆ ที่ชัดเจนนั้นยังต้องรอดูการดำเนินงานซึ่งทาง สร.กฟผ.เองก็ติดตามประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเช่นกันด้านไพบูลย์ แก้วเพทาย แห่งสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง ได้ระบุไว้ในข่าวลูกจ้างสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ประจำเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2561 ว่ารัฐบาลที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัย ไม่เคยหยุดนิ่งต่อแผนและนโยบาย การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะกิจการด้านไฟฟ้าเพียงจะนำเสนอออกมาในรูปแบบใด เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อต้านคัดค้าน โดยนับตั้งแต่ปี 2546 ที่มีการจัดตั้งบริษัทขึ้นเพื่อผลิตกระแสไฟป้อนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชื่อ บริษัทผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จํากัด (District Cooling System and Power Plant Co.Ltd. หรือ DCAP) โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โดยมีสัดส่วน 35:35:30 ซึ่งบริษัทนี้ทำหน้าที่ในการผลิตไฟฟ้าและจำหน่ายไฟฟ้า รวมถึงจำหน่ายน้ำเป็นสำหรับระบบปรับ อากาศให้แก่อาคารต่างๆ ในบริเวณการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต่อมารัฐบาลพยายามแปรรูปด้วยวิธีการแบ่งพื้นที่เขตจำหน่ายไฟฟ้าออกเป็นหลายๆ บริษัท ทั้งนี้การไฟฟ้านครหลวงจะแปรรูปจากการไฟฟ้านครหลวงเขตเป็นบริษัทจำหน่ายไฟฟ้า เซตละหนึ่งบริษัท ส่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ก็จะแปรรูปการไฟฟ้าระดับจังหวัดเป็นบริษัทจำหน่ายไฟฟ้า จังหวัดละหนึ่งบริษัท ทั้ง กฟน. และ กฟภ. ก็จะเหลือเพียงการบริหารเสาสาย หรือ ระบบสายส่งและสายจำหน่าย แต่ถูกต่อต้านคัดค้านอย่างหนักโครงการนี้จึงถูกยกเลิกไปแผนและนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจด้านกิจการไฟฟ้าถูกพับเก็บไประยะหนึ่ง แต่แนวคิดแปรรูปไม่เคยเปลี่ยน ขณะนี้รัฐบาลได้พยายามรื้อฟื้นการแปรรูปหรือแปรสภาพกิจการด้านไฟฟ้าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการแอบอ้างว่าปฏิรูปพลังงานให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ แผนงานและกิจกรรมที่รัฐบาลพยายามดำเนินการอยู่ในขณะนี้ มีดังนี้ ข้อ 1. การรวบกิจการด้านไฟฟ้าเข้ามาอยู่ในกระทรวงเดียวกัน ด้วยการให้ กฟน.และ กฟภ. มารวมอยู่ในกระทรวงพลังงาน เช่นเดียวกับ กฟผ. ปตท. และอื่นๆ เพื่อรวมกิจการที่มีภารกิจเดียวกันมาอยู่ในที่เดียวกัน โดยอ้างเหตุว่าอยู่หลายหน่วยงานทำให้ล่าช้า ไม่บูรณาการด้านข้อมูลการผลิตและการรับซื้อไฟฟ้าจากรายเล็ก การรวมกันทําให้มีการประสานกรณีปัญหาไฟฟ้ากับหรือเหตุฉุกเฉินและไม่ซ้ำซ้อนในการลงทุน รวมทั้งอ้างเหตุผลว่า ทุกวันนี้ก็อยู่ภายใต้การกำกับ(regulator) ในเรื่องอัตราค่าบริการและมาตรฐานการบริการอยู่แล้ว การรวบเอา 3 การไฟฟ้ามาอยู่ภายใต้การกำกับเดียวกันในกระทรวงพลังงานนั้น ถือเป็นแผนเบื้องต้นเพื่อการแปรรูปกิจการด้านไฟฟ้าอย่างเป็นระบบและเป็นขั้นตอน เหตุผลต่างๆ เป็นเพียงข้ออ้าง เพราะกระบวนการผลิตไฟฟ้ากับการจำหน่าย (ขายไฟฟ้า) ก็เป็นคนละลักษณะงานอยู่แล้ว แต่ที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กับระบบการผลิตก็คือ ด้านเทคนิคของระบบส่ง (สายส่ง) และระบบจำหน่าย (สายจำหน่าย) เท่านั้นดังนั้นจึงไม่จำเป็นใดๆ ที่ต้องรวบมาอยู่ด้วยกัน เพราะที่ผ่านมากิจการจำหน่ายไฟฟ้าของ กฟน. และ กฟภ. ก็บริหารได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว กิจการจำหน่ายไฟฟ้าเป็นกิจการซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริการประชาชน เป็น ภารกิจในการบ้าบัดทุกข์บำรุงสุข การสังกัดอยู่กับกระทรวงมหาดไทยจึงสามารถบูรณาการในเชิงพื้นที่และการอำนวยความสะดวกกรณีฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าอยู่กับกระทรวงพลังงานอย่างแน่นอน เพราะภารกิจหลักของกระทรวงพลังงานนั้นไม่มีหน้าที่หลักด้าน การบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการที่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่มีจิตวิญญาณด้านบริการประชาชน จึงมักไม่ใส่ใจดูแลทุกข์สุขของประชาชน อย่างเช่น ราคาน้ำมันแพงก็ไม่ใส่ใจ เป็นต้น เรียกว่าไม่เคยเห็นหัวประชาชนข้อ 2. แผนการก่อตั้งบริษัท RPS นี่คือ แผน เบื้องต้นที่สอดคล้องกับการปฏิรูปกิจการพลังงานโดยรวมกิจการ ไฟฟ้าให้มารวมอยู่ในกระทรวงพลังงาน บริษัท RPS (Regional Power System Company) จึงถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อ บริหารจัดการด้านพลังงานไฟฟ้าในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส โดยการร่วมทุน 3 ฝ่าย คือ กฟผ. กฟภ. และกระทรวงพลังงาน ตามแนวทางประชารัฐซึ่งเป็นแผน PDP ฉบับใหม่ที่ จัดทําโดย กฟผ. และกระทรวงพลังงาน ผลจากแผนดังกล่าวทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าจำนวน 500000 คน ของ กฟภ.ต้องถูกโอนไปอยู่กับบริษัททันที และมีสิทธิ์ใช้ทรัพย์สินทั้งหมดของ กฟภ.โดยจ่ายค่าบริการ ส่วนพนักงาน กฟภ.ยังไม่มีแผนชัดเจนในการบริหารจัดการบุคลากรซึ่งอาจต้องถูกโอนย้ายไปอยู่บริษัท เรื่องนี้สมาชิกสหภาพแรงงาน กฟภ.ร่วมกับผู้บริหารทุกเขตพื้นที่ร่วมเคลื่อนไหวคัดค้านและขอให้ชะลอแผนการดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่าจะเกิดความชัดเจนและข้อ 3. แผนก่อตั้งบริษัทผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในโครงการศูนย์คมนาคมพหลโยธิน (สถานีกลางบางซื่อ) โดยขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการโครงการศูนย์คมนาคมแห่งใหม่ ซึ่งจะกลายเป็นศูนย์กลางคมนาคมระบบรางของอาเซียนในอนาคต การจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโครงการนี้จะมีการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ เหมือนสนามบินสุวรรณภูมิและพื้นที่สาม จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามแนวทางประชารัฐซึ่งเป็นแผน PDP ฉบับใหม่ที่จัดทำโดย กฟผ. และกระทรวงพลังงาน จากแผนงานและนโยบายของรัฐบาล กระทรวงพลังงานพยายามอย่างยิ่งที่จะแปรรูปและแปรสภาพกิจการไฟฟ้า โดยการวางแผนปฏิรูปพลังงาน และก่อตั้งบริษัทผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าขึ้นมา ด้วยการแตกย่อยพื้นที่ที่ละจุด เพื่อลดบทบาทและลดขนาดของกิจการ (Downsizings) กฟน.และ กฟภ ลง ซึ่งตามแผนการปฏิรูประบุไว้ชัดเจนว่า ปัจจุบันนโยบายภาครัฐในหลายประเทศ มุ่งที่จะเพิ่มบทบาทของภาคเอกชน และส่งเสริมให้มีการแข่งขัน กันมากยิ่งขึ้นในระบบไฟฟ้า โดยในขั้นแรกกำหนดให้มีการเพิ่มบทบาทเอกชนในการผลิตไฟฟ้า เพื่อลดภาระการลงทุนของรัฐ และเพิ่มการแข่งขัน และต่อไปในระยะยาว กำหนดให้การไฟฟ้าให้สิทธิ์บุคคลอื่น (Third Party Access) ผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าอิสระหรือผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไปเข้ามาใช้ประโยชน์จากระบบส่งและระบบจำหน่ายของการไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้ไพบูลย์ยังระบุไว้ว่าเราคงต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยนแปลงทุกวันด้วยผลกระทบจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงโลก หรือ Disruptive Technologies รวมถึงนวัตกรรม (Innovation) ในรูปแบบใหม่ๆ กิจการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งก็คงต้องเปลี่ยน แปลงไปด้วย มิเช่นนั้นก็คงถูกโลกที่เปลี่ยนแปลงนั้นมาท้าลายเราในอนาคตเหมือนกับหลายธุรกิจขณะนี้ แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นเราต้องเป็นคนกำหนดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่ก่อให้เป็นผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิทธิผลประโยชน์ของ องค์กรและพนักงานรวมถึงคำนึงถึงผลประโยชน์ของสังคมโดยส่วนรวม การก่อตั้งบริษัทเพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าขึ้นในพื้นที่เขตจำหน่ายของ กฟน. และ กฟภ. ก็คือการแปรรูปกิจการแบบหนึ่ง โดยค่อยๆ ตัดตอนพื้นที่เขตจำหน่ายออกไปเรื่อยๆ เป็นการลดขนาดลดบทบาทต่อไปก็ จะมีบริษัทเกิดขึ้นนับสิบนับร้อยแห่งเหมือนแผนนโยบายในอดีต จนสุดท้ายกิจการก็จะเหลือเพียง การบริหารจัดการระบบ สายส่งและระบบสายจำหน่ายของการไฟฟ้าทั้งสองแห่ง ที่มีรายได้จากค่าบริการสายส่ง (Wheeling Charge)ไพบูลย์สรุปว่าเพื่อให้สอดคล้องกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป เราอาจต้องยอมรับรูปแบบการก่อตั้งบริษัท ซึ่งเป็นการดำเนินการทั้งการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ดังนั้นถ้าบริษัทอยู่ในพื้นที่เขตจำหน่ายของการไฟฟ้าใด ก็ให้การไฟฟ้านั้น ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% และมีกิจการไฟฟ้าอีกสองแห่งเข้าร่วมทุน แต่ต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป มิใช่ดำเนินการแบบยกทั้งสามจังหวัด ซึ่งมีผลกระทบค่อนข้างรุนแรงต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ส่วนการรวมกิจการสามไฟฟ้าไปไว้ในกระทรวงพลังงานทั้งหมดเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น และทางสหภาพแรงงานทั้งสามแห่งจะต้องทำการคัดค้านอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการบริการประชาชนและสังคมโดยส่วนรวม | สหภาพแรงงาน กฟภ. ค้าน บริษัท RPS สุดตัว ด้านผู้คร่ำหวอดวงการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจชี้รัฐฟื้น การแปรรูป หากสำเร็จผู้ใช้ไฟกว่า 500000 คน ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ต้องถูกโอนไปอยู่กับบริษัทฯ นี้ | คุณภาพชีวิต,แรงงาน,เศรษฐกิจ,สังคม | กฟน.,กฟผ.,กฟภ.,การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ,จังหวัดชายแดนใต้,บริษัท RPS,พลังงาน,ไฟฟ้า | https://prachatai.com/journal/2018/06/77509 |
แพ้นัดแรก บุรีรัมย์บุกพ่ายเชียงราย 0-1 แต่ยังนำฝูงไทยลีก | การแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2018 นัดที่ 11 วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2561 กว่างโซ้งมหาภัย สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เปิดสนามสิงห์ สเตเดียม รับการมาเยือนของทีมแชมป์เก่าและทีมจ่าฝูง ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด,เริ่มเกมครึ่งแรกเป็นไปอย่างสูสี จนถึงนาทีที่ 18 เจ้าถิ่นมาได้ลุ้นประตูจากจังหวะที่ พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะซัดเต็มข้อด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งตรงกรอบ แต่เข้ามือ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นายทวารทีมเยือน ,ถึงนาทีที่ 23 แชมป์เก่าได้เสียวบ้าง เมื่อ ดิโอโก หลุยส์ ซานโตได้บอลในเขตโทษ ก่อนซัดไปติดเท้าของ ฉัตรชัย บุตรพรม นายทวารเจ้าถิ่น ก่อนที่บอลจะเด้งมาเข้าทาง สุภโชค สารชาติ วิ่งเข้ายิงเต็มข้อ บอลไปติด ชัยวัฒน์ บุราญ อย่างน่าเสียดาย,อีก 12 นาทีต่อมา เชียงรายได้เตะมุมทางขวา ศิวกรณ์ เตียตระกูล เปิดบอลโค้งไปกลางประตู วิคเตอร์ คาร์โดโซ แทรกตัวโขกบอลเข้าประตูไป กว่างโซ้งมหาภัย ออกนำ 1-0,จากนั้นในนาทีที่ 43 ปราสาทสายฟ้า ได้ฟรีคิก จักรพันธ์ แก้วพรม เปิดบอลไปที่เสาแรก ดิโอโกโดดหลบบอล ก่อนที่บอลจะไปโดนกองหลังเฉี่ยวเสาออกหลังไปแบบได้เสียว ทำให้จบครึ่งแรก เชียงราย ยูไนเต็ด นำอยู่ 1-0,เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 50 เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูที่ 2 เมื่อศิวกรณ์ได้สับไก บอลพุ่งไปตรงตัว ศิวรักษ์พอดี,อีก 16 นาทีต่อมา ปราสาทสายฟ้า ได้ฟรีคิกกึ่งกลางสนาม กรกช วิริยอุดมศิริ เปิดบอลไปที่เสาซ้าย ดิโอโกโฉบเข้าโหม่งติดมือฉัตรชัยแบบน่าเสียดาย,ถึงนาทีที่ 72 ปราสาทสายฟ้าเกือบได้ประตูตีเสมอ ดิโอโก เปิดบอลเข้าไปในกรอบ 6 หลา เอ็ดการ์ บรูโน ดา ซิลวา ได้โขกเหน่งๆ บอลเหินข้ามคานออกไปแบบน่าเสียดาย,อีก 12 นาทีต่อมา ทีมเยือนได้ฟรีคิกทางซ้าย จักรพันธ์เปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ ผู้เล่นเชียงรายโขกสกัดมาเข้าทาง ศศลักษณ์ ไหประโคน วอลเลย์จังหวะเดียว บอลพุ่งแฉลบแข้งเจ้าถิ่นออกหลังไป,จากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม ทำให้จบเกม เชียงราย ยูไนเต็ด เฉือนชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-0 ส่งผลให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แพ้ในลีกนัดแรก มี 26 คะแนน จาก 11 นัด แต่ยังนำจ่าฝูงต่อไป,ส่วนผลคู่อื่นมีดังนี้,โปลิศ เทโร ชนะ สุโขทัย เอฟซี 2-1,นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ชนะ พัทยา ยูไนเต็ด 2-0,สุพรรณบุรี เอฟซี เสมอ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 2-2 | วิคเตอร์ คาร์โดโซ โขกประตูชัยให้ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เปิดบ้านเฉือนชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-0 ในศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 นัดที่ 11 | กีฬา,ฟุตบอลไทย | ผลบอล,โตโยต้า ไทยลีก 2018,ไทยลีก,บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด,สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด | https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/1262229 |
วู้ดบอล กีฬายอดฮิต ของคนมีไฟในวัยชรา | จากยอดสัดส่วนผู้สูงอายุไทยของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) ชี้ให้เห็นว่า มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ปี พ.ศ. 2553 มีผู้สูงอายุร้อยละ 11.9 และในอีก 20 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2573) จะเพิ่มมากกว่า 2 เท่าตัว อยู่ที่ร้อยละ 25 ซึ่งถือเป็น สังคมผู้สูงอายุ อย่างเต็มตัว ขณะที่ประชากรวัยแรงงานที่เกื้อหนุนดูแลผู้สูงอายุนั้นลดน้อยลง มีประชากรแรงงานเฉลี่ย 6 คน ต่อการดูแลผู้สูงอายุ 1 คน และจะลดเหลือเพียง 2 คนในปี พ.ศ.2573 ซึ่งจะส่งผลให้คนวัยแรงงานมีภาระเกื้อหนุนดูแลเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้สูงอายุนั้นมีอายุยืนขึ้นข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวสะท้อนให้เห็นความสำคัญที่จำเป็นต้องหันมาให้ความสำคัญและใสใจสุขภาพของผู้สูงวัยมากขึ้น ให้ผู้สูงวัยสามารถดูแลตนเองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยืนยาวนอกจากนี้การประเมินผู้สูงอายุไทยยังระบุว่า ร้อยละ 21.5 หรือ 1 ใน 4 ของผู้สูงอายุทั้งหมด ประเมินสุขภาพตนเองว่าไม่ดี และ พ.ศ.2553 ยังมีผู้สูงอายุที่พิการอีกกว่า ร้อยละ 22.1 หรือเกือบ 1 ใน 4 ของผู้สูงอายุทั้งหมดหากวันนี้อยากให้ผู้สูงวัยมีสุขภาพดี ชมรมผู้สูงอายุตำบลวังน้ำคู้ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ตำบลศูนย์เรียนรู้สุขภาวะชุมชน โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) มีคำตอบ นั่นคือ การเล่น วู้ดบอล กีฬายอดฮิตของคนมีไฟในวัยชรา เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และยังสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินให้แก่ผู้สูงวัยอีกด้วยกีฬาวู้ดบอลของชมรมผู้สูงอายุตำบลวังน้ำคู้ เป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากผู้สูงอายุ เพราะเป็นกีฬาที่สร้างความสนุกสนาน โดย วู๊ดบอล จะใช้อุปกรณ์การเล่น 3 ชิ้น คือ ไม้ตี ลูกวู๊ดบอลที่ทำด้วยไม้ และประตู วิธีเล่นก็ง่ายๆ คล้ายๆ กอล์ฟ คือต้องมีก๊วน ต้องเดิน ต้องตีลูก แต่แทนที่จะให้ลงหลุมเปลี่ยนมาตีเข้าประตูเล็กๆ แทน ชะเอม คงสัมฤทธิ์ อดีตข้าราชการครูวัย 70 ปี หรือประธานชมรมผู้สูงอายุตำบลวังน้ำคู้ กล่าวซึ่งชะเอม เล่าต่อว่า กีฬาวู้ดบอล เป็นเกมกีฬาที่มาจากไต้หวัน เนื่องจากปัจจุบันการพัฒนาและส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ถูกจัดอยู่ในนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในทุกชุมชน โดยภาครัฐเร่งผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จึงเกิดการรวมกลุ่มกันจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุขึ้น เป้าหมายคือรวบรวมผู้สูงอายุ สู่ระบบการดูแลรักษาสุขภาพ โดยสร้างพื้นที่ของสังคมผู้สูงอายุในชุมชนให้มากขึ้น โดยหลักๆ การดำเนินงานของชมรมผู้สูงอายุส่วนใหญ่เน้นเรื่องเชิงรุก คือการดูแลป้องกันความเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้นเป็นสำคัญชมรมผู้สูงอายุตำบลวังน้ำคู้ อยากปรับยุทธศาสตร์จากการดูแลสุขภาพเชิงรับมาเป็นเชิงรุก จึงได้นำกีฬาวู้ดบอลมาเผยแพร่ เริ่มเล่นกันมาตั้งแต่ปี 2550 โดยวิทยากรของจังหวัดมาให้ความรู้และจัดฝึกอบรม เพื่อส่งเสริมสุขภาพยามชรา ที่สำคัญคือทางชมรมฯ ต้องการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้มีร่างกายแข็งแรงกีฬาชนิดนี้ถือว่ามีความเหมาะสมกับผู้สูงอายุ เพราะเป็นกีฬาที่ไม่มีแรงปะทะจากการเล่นไม่เป็นอันตรายกับผู้สูงอายุ จึงเป็นกีฬาที่เหมาะสมและได้รับความนิยม ทั้งยังสร้างนักกีฬาดาวรุ่งวัยชราไปแล้วหลายคน ซึ่งที่เคยได้เป็นตัวแทนของจังหวัดส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันกีฬา วู้ดบอล ในระดับประเทศด้วยนอกจากกีฬาชนิดนี้จะสร้างความนิยมแก่ผู้สูงวัยที่รักสุขภาพร่างกายแล้ว กีฬาชนิดนี้ยังเสริมสร้างสุขภาพจิตใจให้แจ่มใสได้ข้อดีของ วู้ดบอล ทำให้ร่างกายแข็งแรง และเรายังได้พะปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ทั้งยัง มีการแข่งขัน โดยมีรางวัลจากการชนะการแข่งขันเล็กๆ น้อยๆ ติดปลายนวม เช่น น้ำอัดลม ขนมนมเนย เป็นต้น ชะเอม กล่าวอย่างไรก็ตาม ชะเอมยังได้กล่าวว่า ชมรมเกิดขึ้นจากการสนับสนุนของ อบต.และสถานีวังน้ำคู้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต รวมทั้งการจัดสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่จำนวนราว 600 คน มีการจัดกิจกรรมประชุมพบปะพูดคุยกันทุกวันที่ 23 ของเดือน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมฟังเทศน์ ตรวจสุขภาพ ทัศนศึกษาให้กับผู้สูงอายุร่วมกันขณะนี้กีฬาชนิดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น หากแต่ยังแพร่กระจายความนิยมไปยังกลุ่มเด็กวัยเรียนและคนวัยหนุ่มสาวด้วยทางชมรมเคยเข้าไปขอใช้สนามของโรงเรียนต่างๆ ในการจัดแข่งขัน เด็กที่มาช่วยเหลือกิจกรรมชมรมเป็นกรรมการ เริ่มเห็นถึงความสนุกสนานของการเล่น จึงหันมาเริ่มเล่น วู้ดบอล กันเยอะขึ้น และจริงจังมากขึ้น จึงแพร่หลายลุกลามไปถึงเด็กวัยเรียนและคนวัยหนุ่มสาวผู้สูงวัยจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและมีสุขภาพจิตดี สามารถเกิดขึ้นได้หากผู้สูงวัยหรือผู้ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ความชราหันมาสนใจ และใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพกันไว้ก่อนแก้ ดีกว่าแย่เป็นโรคภัยรุมเร้าในยามชรา วู้ดบอลนั้นมีดี เสริมสร้างสุขภาพดีทั้งกายและจิตใจ ทำให้ผู้สูงวัยนั้นมีไฟแรงสูงเลยทีเดียว | ความชราแม้ไม่อยากให้มา แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อไม่สามารถหยุดวันเวลาที่จะคงความหนุ่ม-สาวไว้ได้ การทำความเข้าใจและเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ จึงเป็นทางออกที่ดีเพื่อเป็นการชลอความชราให้มาเยือนเราช้าลง | กีฬา | กีฬายอดฮิต,ความหนุ่ม-สาว,ผู้สูงอายุไทย,มูลนิธิสถาบันวิจัย,วัยชรา,วู้ดบอล,เสริมสร้างร่างกาย | https://news.thaipbs.or.th/content/77738 |
ส.บอลส่ง 2 ดาวรุ่งช้างศึกยู-19 ร่วมโครงการ ASIAN ELEVEN | วันที่ 11 มิ.ย.62 สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ส่งสองนักฟุตบอลชายทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เข้าร่วมฝึกซ้อมในโครงการ ASIAN ELEVEN ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันของ เจแปน ฟาวเดชั่น ศูนย์เอเชีย, สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น, เจลีก และสมาคมฟุตบอลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างวันที่ 13-24 มิถุนายน 2562 ณ ศูนย์ฝึก เจ วิลเลจ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น,สำหรับนักเตะจากไทยที่ได้รับการคัดเลือกคือ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว จากชลบุรี เอฟซี และ ณัชชา พรมสมบูรณ์ จากพัฒนา เอฟซี ร่วมกับนักเตะจากประเทศอื่นๆ ในอาเซียนทั้ง อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์, บรูไน, กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม และติมอร์ เลสเต,โดย หนึ่ง ชาญณรงค์ กล่าวว่า ผมก็รู้สึกดีใจที่ได้โอกาสในครั้งนี้ ก็จะพยายามทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาพัฒนาตัวเอง และเพื่อต่อยอดไปช่วยสโมสร รวมถึงทีมชาติไทยในอนาคต ก็จะพยายามทำเต็มที่,ด้าน มิว ณัชชา พรมสมบูรณ์ กล่าวว่า ผมรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก สำหรับโอกาสที่จะไปญี่ปุ่นในครั้งนี้ ซึ่งนี้ก็ถือเป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมสองคนไปญี่ปุ่น หลังก่อนหน้านี้ได้ไปแข่งขันฟุตบอลรายการ Jenesys ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ในระหว่างฝึกซ้อมและแข่งขันที่นั่น เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ที่ได้รับมา จะช่วยให้ผมสามารถก้าวจากการเป็นนักฟุตบอลระดับสมัครเล่น ไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ในอนาคต,สำหรับนักกีฬาทั้งสองคน จะร่วมกับนักเตะอาเซียนที่ถูกคัดเลือกรวม 20 คน เข้าร่วมฝึกซ้อมกับสตาฟฟ์โค้ชชาวญี่ปุ่น และทำการแข่งขันฟุตบอลรายการ Japan Fun Cup ที่สนาม เจ วิลเลจ จังหวัดฟุกุชิมา พร้อมกันนี้ยังได้พบปะพูดคุยกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และชมการแข่งขันฟุตบอลเจลีก ระหว่าง คาวาซากิ ฟรอนทาเล ที่จะเปิดบ้านพบกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ที่สนามโทะโดะโระคิ ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้. | ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว กับ ณัชชา พรมสมบูรณ์ คือสองดาวรุ่งไทยที่ถูกคัดเลือก ให้เดินทางไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับแข้งอนาคตไกลจากทั่วอาเซียน | กีฬา,ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์ | สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย,ช้างศึก,ทีมชาติไทยยู-19,ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว,ณัชชา พรมสมบูรณ์ | https://www.thairath.co.th/sport/trcheerthai/1589293 |
ซาร่า โพสต์เศร้า น้อยใจชีวิต เจ็บซ้ำๆ แผลไม่เคยแห้ง | หลังจากที่มีแชตหลุดที่อ้างว่าป็นของหนุ่ม คริสเตียน หวานใจของ ซิงเกิลมัม ซาร่า คาซิงกินี คุยกับหญิงสาว พร้อมนัดให้ไปเจอเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และสาวซาร่าก็ยังเก็บตัวเงียบไม่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด,จนกระทั่งล่าสุด สาวซาร่าได้เคลื่อนไหวในอินสตาแกรม ซึ่งข้อความที่สาวซาร่าลงในอินสตาแกรมดูจะย้ำชัดสถานะความสัมพันธ์กับหวานใจหนุ่ม คริสเตียน ว่าน่าจะเลิกรากันไปแล้ว โดยข้อความที่สาวซาร่าโพสต์มีดังนี้,Having a good heart can put you in some fucked up situations (การมีจิตใจที่ดีสามารถทำให้คุณตกอยู่ในสถานการณ์แย่ๆ ได้) พร้อมแคปชั่นว่า Stop taking advantage of my kindness Im just kind of tired of being used. And taken advantage of. It seems like no one really sees the value of a genuinely kind and caring person anymore. So please stop. (หยุดใช้ประโยชน์จากความใจดีของฉัน ฉันแค่เบื่อที่จะถูกใช้ และฉกฉวยประโยชน์ ดูเหมือนไม่มีใครเห็นคุณค่าจิตใจและความห่วงใยของฉันเลย ดังนั้นโปรดหยุด),ก็ไม่เข้าใจว่าเคยไปทำอะไรใครหนักหนาในชาตินี้ ไปทำโกรธเคืองกันฉันใด น้อยใจชะตาชีวิต ที่ต้องเจอกับอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยไปเห็นใจลูกบ้าง ลูกเหนื่อย แผลของลูกไม่เคยแห้ง ช้ำแล้วช้ำอีกจนตัวลูกพรุนไปหมดแล้ว ลูกเชื่อมั่นในบุญบาปมาเสมอ เมตตาลูกบางเถิด ลูกไม่อยากให้หัวใจตัวเองหมดศรัทธา.ลูกกราบวิงวอนขอร้อง | ซาร่า คาซิงกินี อดีตภรรยาของ ไมค์ พิรัชต์ โพสต์เศร้าตัดพ้อชีวิต หลังมีกระแสข่าวเลิกแฟนหนุ่ม คริสเตียน | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | ซาร่า คาซิงกินี,ซาร่า คริสเตียน,ซาร่า คริสเตียน เลิก,ซาร่า คาซิงกินี ความรัก,คริสเตียน แฟนซาร่า,อินสตาแกรมดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1539343 |
จุกนั้นสำคัญไฉน เรื่องของจุกปิดฝาไวน์ที่แก่กว่าอเมริกา คุณรู้ดีแค่ไหนกัน | ทุกครั้งที่เราทะเลาะกับการเปิดขวดไวน์ จะดึงขึ้น ดึงลง บิดซ้าย บิดขวา ใช้อวัยวะอื่นๆ ดัน แต่ท้ายสุดแล้วเมื่อผ่านขวากหนามที่กั้นบางๆ ระหว่างคุณกับน้ำองุ่นอัศจรรย์ได้ถูกเปิดออก เสียง ป๊อป และความสุขก็หลั่งไหลไปทั่วร่างราวกับเป็นรางวัลของผู้ที่พยายาม (เว้นแต่คุณจะดื่มไวน์จากกล่องน่ะนะ…) ว่าแต่เจ้า ขวากหนาม ที่กั้นอยู่นั้น แท้จริงแล้วคุณรู้จักมันดีเพียงไหนกัน แม้จะเห็นหน้าค่าตาอยู่เป็นนิจ แต่หารู้ไม่ว่าเรื่องราวของมันอาจอัศจรรย์ใจกว่านั้น (มาก)นอกจากคนเราแล้ว เคยทราบไหมว่าต้นไม้ทุกต้นมี เปลือกนอก กับเขาด้วย และเปลือกของต้นโอ๊ก (Quercus suber) นั้นเป็นที่นิยมที่สุด และถูกนำมาทำเป็นจุกก๊อกสำหรับปิดขวดไวน์ ซึ่งต้นโอ๊กนี้เติบโตในแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีแสงแดดจัดจ้า ฝนไม่ชุก และมีความชื้นสูง และประเทศยอดฮิตที่ผลิตจุกไวน์ที่คุณเห็นนั้น ได้แก่ สเปน แอลจีเรีย โปรตุเกส โมร็อกโก ฝรั่งเศส อิตาลี และตูนิเซีย ฯลฯและการเก็บเกี่ยวเปลือกนอกของไม้นั้นทำกันมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณโน่น และเช่นเดียวกับไวน์ที่ทำจากองุ่น จุกก๊อกที่เราเห็นนั้นก็นำมาจากสิ่งมีชีวิตที่หายใจได้ไม่แพ้มนุษย์ และในวัฏจักรของอุตสาหกรรมไวน์ที่หมุนอย่างรวดเร็ว แต่เปลือกไม้โอ๊กนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับตัวสลอธหรือเหล่าต้นไม้ใน The Lord of the Rings สักนิด ตรงที่ค่อยๆ ขยับและโตทีละนิดจนโอบรอบทั้งต้น ต้นไม้ที่มีอายุขัยถึง 200 ปีแต่ละต้นนี้มอบจุกก๊อกให้มนุษย์วงไวน์ได้ดื่มด่ำชื่นชมไวน์อร่อยๆ ได้เป็นพันๆ ขวดหากได้รับการดูแลรักษาอย่างทะนุถนอมเมื่อต้นไม้ที่มีสุขภาพดีมีอายุราวๆ 25 ปี คนเก็บเปลือกไม้จะใช้ขวานค่อยๆ แกะผิวบริเวณด้านนอกของต้นไม้ออกโดยไม่ทำลายเนื้อไม้ด้านในให้เสียหาย จากนั้นแผ่นไม้จะถูกนำมาทำให้แห้ง จัดเรียง และแปรรูป และในการทำฝาปิดขวดไวน์นั้นแผ่นไม้จะถูกนำมาต้มเสียก่อนเพื่อขจัดสิ่งสกปรก (เช่น สารเคมีที่อาจปนเปื้อนบนผิวไม้) จากนั้นก็นำมาตากให้แห้งจนได้ที่ก่อนจะนำมาอัดให้เข้ากับฝาขวด ขณะที่ต้นไม้ที่ถูกลอกเปลือกออกค่อยๆ ผลิตเปลือกใหม่เป็นวงจรของธรรมชาติ ซึ่งมักใช้เวลาอย่างต่ำ 9 ปีด้วยกันจึงจะกลับมาเป็นเช่นเดิมว่าแต่ทำไมน้องจุกจากไม้โอ๊กนั้นถึงพิเศษกว่าเปลือกไม้ของเพื่อนๆ ต้นไม้ตระกูลอื่นอย่างมะค่า ต้นสน หรือกระทั่งต้นสักล่ะ นั่นก็เพราะ วิวัฒนาการ อันน่าทึ่งของน้องโอ๊กที่ธรรมชาติพัฒนาขึ้นเพื่อให้ปกป้องตัวเองจากสภาพอากาศที่อาจโหดร้ายในป่าแถบเมดิเตอร์เรเนียน เนื่องจากเผชิญกับความแห้งแล้งประจำ รวมถึงไฟป่าและอุณหภูมิที่ผันผวนบ่อย เปลือกไม้ที่อยู่รอบๆ นี้เปรียบเสมือน หนังกำพร้า ของต้นไม้ที่ทำจากเซลล์ที่กันน้ำเพื่อป้องกัน หนังแท้ ที่อยู่ข้างใน และคุณสมบัติที่ว่านี้หาใช่ว่าจะพบได้จากต้นไม้ชนิดอื่นๆ เพราะมีน้ำหนักเบา ทนต่อการเน่าเปื่อย ทนต่อเปลวไฟ ทั้งยังทนเหล่าปลวก กันแก๊สและของเหลว และมีความอ่อนนุ่มอีกต่างหาก สิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้เปลือกต้นโอ๊กกลายเป็นวัตถุดิบชวนฝันของการผลิตไวน์ เฟอร์นิเจอร์ ไปจนรองเท้าและพื้นปูบ้านทีเดียว ที่น่าทึ่งขั้นกว่าคือ เปลือกไม้โอ๊กนั้นถูกนำมาปิดฝาไวน์มาตั้งแต่ 400 ปีก่อน (แก่กว่าประเทศยิ่งใหญ่ของโดนัลด์ ทรัมป์ เสียอีกเธอ) และถือเป็นวัสดุที่ยอดเยี่ยมแก่การนำมาปิดฝาน้ำองุ่นชวนเพลินอันล้ำค่าที่บรรพบุรุษเราอุตส่าห์บ่มๆ กัน นั่นก็เพราะมีสารธรรมชาติที่คล้ายขี้ผึ้ง หรือ suberin ซึ่งสารนี้ช่วยป้องกันไม่ให้ของเหลวหรือแก๊สผ่าน และทนต่อการเน่าเปื่อย ทั้งยังเหมาะแก่การ เอจ (Age) ไวน์จากโครงสร้างโมเลกุลที่ให้อากาศจำนวนน้อยผ่านเข้าออกที่เสริมให้ไวน์พัฒนากลิ่นและรสชาติและเพิ่มความซับซ้อน (Complex)ยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปนอกเหนือจากผลผลิตที่มาจุกอยู่บนขวดไวน์ที่เราเห็น ป่าที่ปลูกต้นโอ๊กหนาแน่นอย่างในโปรตุเกส สเปน โมร็อกโก และตูนิเซีย ก็มีส่วนสำคัญอย่างมากในเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะในพื้นที่แห้งแล้งอย่างทะเลทรายในโมร็อกโก หรืออะเล็นไตย์ฌู (Alentejo) ของโปรตุเกส ป่าที่ผลิตก๊อกที่เราโยนๆ ทิ้งกันนี่แหละ ที่ช่วยโอบกอดหน้าดินเอาไว้ ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เช่น แมวยักษ์อย่างลิงซ์ไอบีเรียและนกอินทรีหัวไหล่ขาวอีกด้วยนะ น่าอัศจรรย์ดีไหมล่ะ ถึงกระนั้นเมื่อเวลาผ่านไป อุตสาหกรรมไวน์ก็พัฒนาขึ้น โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการปิดฝาไวน์เช่นกัน เช่น ฝาสังเคราะห์ต่างๆ หรือ ฝาเกลียว (Screw Cap) ที่พัฒนาคุณภาพจนเทียบเท่ากับฝาธรรมชาติได้ทีเดียว ซึ่งใครที่หาว่า ไวน์ที่บรรจุขวดด้วยฝาเกลียวไม่ดีเยี่ยมเท่าเทียมกับไวน์จุกคอร์ก เราขอบอกเลยว่าคุณคิดผิดเสียแล้ว… เพราะไวน์ที่มาจากฝั่งโลกใหม่อย่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่ปิดปากขวดด้วยฝาเกลียวสำหรับหมุน แท้จริงแล้วผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าไวน์ในจุกไม้แม้แต่น้อย ทั้งยังสามารถเก็บได้โดยไม่ทำให้ไวน์เสีย (ทั้งยังไม่ได้ก่อสนิมดังที่หลายคนคิดด้วยนะ) ประเทศแถบออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ถือเป็นผู้เริ่มการปฏิวัติวงการไวน์ในยุคนี้ในการเปลี่ยนจุกคอร์กมาเป็นฝาเกลียว และปัจจุบันแลดูเหมือนออสเตรเลียจะนำหน้าหันมาใช้ฝาเกลียวมากที่สุดตามสัดส่วนพื้นที่ในการทำไวน์ที่มากกว่านิวซีแลนด์อีก และสำหรับออสเตรเลีย ผู้ผลิตไวน์ต่างๆ ก็หันมาใช้ฝาเกลียวนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัญหาน้ำไวน์ที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อไหลซึมออกมา จนทำให้ผู้ผลิตหันมาพึ่งฝาเกลียว ผลดีก็คือไม่ว่าจะตะแคงมุมไหน ไวน์ก็ไม่มีน้ำไหลออกมาแน่นอน แถมยังเหมาะกับประเทศแถบเมืองร้อน (อย่างบ้านเรา) ให้เก็บได้อย่างปลอดภัยดังนั้นการจะบอกว่า ว้าย ไม่เอานะไวน์ฝาเกลียว ทำให้คุณอาจพลาดรสอร่อยภายในไปเสียแล้ว อย่าหาว่าเราไม่เตือน ดังที่เขาบอกว่า Dont Judge a Book by its Cover. ดังนั้นอย่ารีบตัดสินไวน์จากจุกกันก่อนเป็นดีและนอกเหนือจากนักพัฒนาไวน์ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการเก็บรักษาไวน์ให้อร่อยล้ำไม่ว่าจะเปิดช่วงเวลาใดแล้ว ก็ต้องขอบคุณเหล่าชาวสวนผู้พิถีพิถันเก็บเกี่ยวเปลือกไม้ชนิดนี้ที่ปกปักดูแลต้นโอ๊กที่นำมาทำจุกไวน์นี้อย่างดีมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งพวกเขาตั้งปณิธานที่จะทำเช่นนั้นต่อไปเพื่อความยั่งยืนของผืนป่า (และเพื่อนักดื่มไวน์อย่างพวกเรา)ผืนป่าที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโปรตุเกสมีกฎหมายคุ้มครองตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และผลการศึกษาจากปี 2007 ยังสรุปอีกว่า ขั้นตอนการผลิตจุกไม้ธรรมชาตินั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่าการผลิตพลาสติกนั่นแปลว่าอะไรรู้ไหม แปลว่ายิ่งเปิดขวดก็ยิ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับโลก ทั้งยังสนับสนุนความยั่งยืนอีกด้วยน่ะสิทีนี้รออะไรล่ะ จะบิดหรือจะดึงก็ตาม เรามาเปิดขวดไวน์กันเถอะอ่านเรื่อง 5 วิธีเปิดขวดไวน์แบบไม่ต้องง้อที่เปิด เพื่อไวน์เราทำได้ ได้ที่นี่ภาพประกอบ:อ้างอิง: | จุกก๊อกที่เราเห็นนั้นก็นำมาจากสิ่งมีชีวิตที่หายใจได้ไม่แพ้มนุษย์ และในวัฏจักรของอุตสาหกรรมไวน์ที่หมุนอย่างรวดเร็ว เปลือกไม้โอ๊กนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเหล่าต้นไม้ใน The Lord of the Rings สักนิด ตรงที่ค่อยๆ ขยับและโตทีละนิดจนโอบรอบทั้งต้น และต้นไม้ที่มีอายุขัยถึง 200 ปีแต่ละต้นมอบจุกก๊อกให้มนุษย์วงไวน์ได้ดื่มด่ำชื่นชมไวน์อร่อยๆ ได้เป็นพันๆ ขวดหากได้รับการดูแลรักษาอย่างทะนุถนอมไวน์ที่มาจากฝั่งโลกใหม่อย่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่ปิดปากขวดด้วยฝาเกลียวสำหรับหมุน แท้จริงแล้วผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าไวน์ในจุกไม้แม้แต่น้อย ทั้งยังสามารถเก็บได้โดยไม่ทำให้ไวน์เสีย และเหมาะกับสภาพอากาศร้อนได้ดีกว่าอีกด้วยต้นไม้ที่ถูกลอกเปลือกออก ค่อยๆ ผลิตเปลือกใหม่เป็นวงจรของธรรมชาติ ซึ่งมักใช้เวลาอย่างต่ำ 9 ปีด้วยกันจึงจะทำการลอกเปลือกใหม่ได้ | null | null | https://thestandard.co/jacobscreek-wine-corks/ |
องค์กรวิชาชีพข่าววิทยุโทรทัศน์เรียกร้อง ช่อง 3 ยุติบทบาท สรยุทธ | แถลงการณ์ร่วมเรื่อง การทบทวนการทำหน้าที่ของพิธีกรข่าว ของ 2 องค์กรมีข้อความดังนี้จากการที่ศาลอาญาได้มีเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 ให้จำคุกนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และกรรมการผู้จัดการบริษัท ไร่ส้ม จำกัด เป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน ในข้อหาที่เกี่ยวกับการทุจริตค่าโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และต่อมานายสรยุทธได้รับอนุญาตให้ประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ คำพิพากษาดังกล่าวได้ก่อให้เกิดกระแสเรียกร้องให้นายสรยุทธยุติการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในเวลาต่อมาผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ได้มีมติให้นายสรยุทธทำหน้าที่ต่อไป โดยนายสุรินทร์ กฤตยา-พงศ์พันธุ์ ปฏิบัติการแทนรักษาการกรรมการผู้จัดการบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด หรือสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ให้เหตุผลว่าเนื่องจากกรณีนี้ได้เกิดขึ้นก่อนนายสรยุทธมาร่วมงานกับสถานี และคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดนั้นสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพที่มีสมาชิกระดับบุคคลและระดับองค์กรของของสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุต่างๆ ทั่วประเทศ ได้ร่วมหารือถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นประกอบกับความคิดเห็นและปฏิกิริยาของส่วนต่างๆ ในสังคม และมีความเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีผลกระทบไม่ใช่เฉพาะต่อความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อวงการสื่อมวลชนไทยในภาพรวมซึ่งกำลังอยู่ในภาวะที่ถูกสังคมตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบและจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ ถึงแม้กรณีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์ แต่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นการพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมว่ามีหลักฐานเพียงพอว่า นายสรยุทธ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นความผิดทั้งทางด้านอาญาและด้านจริยธรรม เพราะฉะนั้นสังคมจึงมีความคาดหวังว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จะแสดงความรับผิดชอบและเป็นตัวอย่างในการวางมาตรฐานจริยธรรมด้วยการให้นายสรยุทธ ยุติบทบาทหน้าจอ อย่างน้อยเป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะสิ้นสุดสื่อมวลชนไทยได้ยึดมั่นในหลักการของการกำกับและดูแลกันเองเพื่อสร้างหลักประกันสำหรับเสรีภาพในการรายงานข้อมูลข่าวสารและแสดงความคิดเห็นมาตลอด แต่จุดยืนของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ต่อกรณีนายสรยุทธ ทำให้หลักการของการกำกับดูแลกันเองของสื่อถูกตั้งคำถามมากขึ้น และเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับความพยายามของกลุ่มคนที่ต้องการให้มีกลไกที่มีอำนาจทางกฎหมายในการควบคุมและลงโทษสื่อที่ละเมิดจริยธรรมสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จึงขอเรียกร้องให้ผู้บริหารของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทบทวนการทำหน้าที่ของนายสรยุทธ เพื่อเป็นแบบอย่างในการสร้างบรรทัดฐานด้านจริยธรรมให้แก่วงการสื่อมวลชนไทย | สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องให้ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นตัวอย่างในการวางรากฐานจริยธรรมสื่อมวลชนด้วยการให้นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ยุติบทบาทชั่วคราว | อาชญากรรม | สภาวิชาชีพข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย,สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย,แถลงการณ์,พักงานสรยุทธ,แถลงการณ์สมาคมนักข่าว,ไร่ส้ม,จำคุกสรยุทธ,ช่อง 3,ผู้บริหารช่อง 3,ยุติบทบาท,สุรินทร์ กฤตยา-พงศ์พันธุ์,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/250570 |
โชเฟอร์หนุ่ม นอนทับมือถือ ดับปริศนาร่างไร้ร่องรอย เชื่อไฟช็อต | ตายไม่รู้ตัว ,เวลา 07.00 น. วันที่ 3 ธ.ค.62 พ.ต.ต.สุวิทย์ ซุยจรูญ พนักงานสอบสวน สภ.ระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบำเพ็ญ ว่าพบศพผู้เสียชีวิตภายในห้องพัก ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี,ที่เกิดเหตุ ภายในห้องพัก พบศพ นายบัญฑิต หิรัญวงศ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 ม.12 ต.โคกโสก อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ เป็นพนักงานขับรถส่งสินค้าของบริษัทแห่งหนึ่งในเขตนิคมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี นอนเสียชีวิตโดยมีผ้าขนหนูปิดไว้เพียงผืนเดียว ไม่สวมเสื้อ ที่บริเวณหัวนอนมีการเสียบปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ไว้ โดยร่างของผู้เสียชีวิตนอนทับอยู่ ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต น่าจะเกิดจากกระแสไฟฟ้าจากโทรศัพท์,จากการสอบสวน นายรัตนชัย เพชรเภรี เพื่อนร่วมห้องนอน ทราบว่า ในช่วงค่ำตนเองได้มาส่งผู้ตายที่ห้องตอน 3-4 ทุ่ม จากนั้นออกรถไปวิ่งงานอีกรอบ กลับเข้ามาประมาณเที่ยงคืน ผู้ตายยังนอนปกติ จนประมาณตี 3 ตนเองตื่นลุกเข้าห้องน้ำยังได้ยินเสียงกรนของผู้ตายอยู่เลย แต่พอตอนเข้าไปปลุกเพื่อนพบว่า เสียชีวิตไปแล้ว จึงแจ้งตำรวจ ซึ่งหลังพลิกศพ ได้ส่งไปยังโรงพยาบาลศรีมหาโพธิ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป | หนุ่มวัย 28 ปี พนักงานขับรถบริษัทฯที่ปราจีนบุรี เสียชีวิตปริศนา สภาพนอนทับ โทรศัพท์มือถือ เสียบปลั๊กชาร์จไฟ เพื่อนร่วมห้องบอก ตีสามยังได้ยินเสียงกรน แต่พอเช้าไปเรียกไม่ตื่น คาดไฟช็อต | ข่าว,ทั่วไทย | โทรศัพท์ไฟรั่ว,ชาร์จมือถือไฟรั่ว,นอนทับโทรศัพท์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1716925 |
โอซากะ-วอซเนียคกี ควงแขนเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกไชน่า โอเพ่น | วันที่ 3 ต.ค. 2562 การแข่งขันเทนนิสเอทีพีทัวร์ และดับเบิลยูทีเอทัวร์ รายการ ไชน่า โอเพ่น 2019 ที่เนชั่นแนล เทนนิสเซนเตอร์ ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งเป็นการแข่งขันในรอบควอเตอร์ ไฟนอล หรือรอบก่อนรองชนะเลิศ ,โดยไฮไลต์ของการแข่งขันวันนี้อยู่ในประเภทหญิงเดี่ยว นาโอมิ โอซากะ นักหวดสาววัย 21 ปี มือ 4 ของโลก จากญี่ปุ่น เจอกับงานไม่ยากนัก ไล่ต้อนเอาชนะ แอลิสัน ริสก์ จากสหรัฐฯ 2 เซตรวด 6-4 และ 6-0 ส่งผลให้ โอซากะ ก้าวเท้าเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ไปรอพบคู่ชนะระหว่าง เบียงกา อันเดรสคู มือ 5 ของโลก (แคนาดา) ที่จะพบกับ เจนนิเฟอร์ เบรดี (สหรัฐฯ) ที่จะเริ่มแข่งขันกันในเวลา 18.30 น. ของวันนี้ ,ส่วน คาโรไลน์ วอซเนียคกี มือ 19 ของโลก จากเดนมาร์ก ก็ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้เช่นกัน หลังเอาชนะ คาเทชินา ซิเนียโควา จากสาธารณรัฐเช็ก 2 เซตรวด 7-5 และ 6-4 เข้าไปพบ ดาเรีย คาซัตคินา จากรัสเซีย ที่ปราบเพื่อนร่วมชาติอย่าง เอคาเทรินา อเล็กซานโดรวา 2-0 เซต 6-4 และ 6-3,ขณะที่ประเภทชายเดี่ยวที่มีเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะที่ 733,990 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 22 ล้านบาท) โดยเป็น สเตฟานอส ซิซิปาส ดาวรุ่งวัย 21 ปี มือ 7 ของโลก จากกรีซ ใช้ความสดเอาชนะ นิโคลอซ บาซิลาชวิลี จากจอร์เจีย 2-1 เซต 4-6, 6-3 และ 6-2 เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศไปพบกับ จอห์น อิสเนอร์ นักหวดชาวอเมริกัน ที่เอาชนะ แดน อีแวนส์ จากสหราชอาณาจักร 2-0 เซต 7-6 (ไทเบรก 7-3) และ 7-5. | นาโอมิ โอซากะ และ คาโรไลน์ วอซเนียคกี สองนักเทนนิสสาวมือดังของโลก กอดคอกันเข้าสู่รอบควอเตอร์ ไฟนอล ในศึกเทนนิส ไชน่า โอเพ่น 2019 | กีฬา,กีฬาอื่นๆ | นาโอมิ โอซากะ,คาโรไลน์ วอซเนียคกี,ไชน่า โอเพ่น 2019,สเตฟานอส ซิซิปาส,จอห์น อิสเนอร์ | https://www.thairath.co.th/sport/others/1674570 |
ซัมมิตประวัติศาสตร์ ทรัมป์ & คิม จอง-อึน | หลังทรัมป์ประกาศว่าพร้อมเจรจากับคิม จอง อึน แบบตัวต่อตัวเป็นครั้งแรก,คาดว่าการเจรจาระหว่างทรัมป์กับคิม จอง-อึน จะมีขึ้นในเดือนพ.ค.นี้ หลังคิม จอง-อึน เจรจากับประธานาธิบดีมูน แจ-อินแห่งเกาหลีใต้ครั้งแรกในเดือน เม.ย. ซึ่งจะจัดขึ้นที่ พื้นที่ความมั่นคงร่วม (JSA) ในเขตปลอดทหาร (DMZ) ที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งแบ่งแยกพรมแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ออกจากกัน,JSA เป็นจุดเดียวในเขต DMZ ที่กองทัพเกาหลีเหนือกับกองทัพเกาหลีใต้และกองบัญชาการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นำโดยสหรัฐฯ ตั้งมั่นเผชิญหน้ากันอยู่ จึงเหมาะมากที่จะเป็นเวทีเจรจา เพราะทั้งทรัมป์และคิม จอง-อึน ยังอยู่ในเขตปลอดภัยของตัวเอง และไม่ถูกมองว่ายอมสยบให้อีกฝ่าย ถ้า JSA ซึ่งเคยเป็น สัญลักษณ์สงครามเกาหลี ถูกเลือก จะกลายเป็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ไปโดยปริยายด้วย,ตัวเก็งอีกแห่งคือ เกาะเจจู ทางตอนใต้คาบสมุทรเกาหลี ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายทั้งทางเรือและเครื่องบิน เกาะเจจูยังมีจิตวิญญาณที่เกิดจากโศกนาฏกรรมสงครามเกาหลี อีกทั้งมีธรรมชาติสวยงาม ขณะที่รู้กันว่าคิม จอง-อึน ก็ไม่กลัวการเดินทางด้วยเครื่องบิน ต่างจากคิม จอง-อิล ผู้บิดา,เกาะเจจูยังเป็นสถานที่จัดการประชุม สันติภาพและความมั่งคั่ง ประจำปีในเดือน พ.ค. ซึ่งเกาหลีใต้หวังดึงดูดผู้นำนานาชาติเข้าสู่ประเทศ ภาพลักษณ์ เกาะสันติภาพ จึงเหมาะสมลงตัวเช่นกัน,อีกสถานที่ที่เป็นไปได้คือ บางประเทศในยุโรป โดยเฉพาะ สวีเดน และ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นชาติผู้ไกล่เกลี่ย ทั้งยังเป็นสมาชิกสำคัญของ คณะกรรมการกำกับดูแลชาติเป็นกลาง (NNSC) ที่ช่วยกำหนดทิศทางความสัมพันธ์เกาหลีเหนือ-ใต้ นับตั้งแต่มีข้อตกลงสงบศึกในปี 2496 ด้วย,สวีเดนยังเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของสหรัฐฯในเกาหลีเหนือ ขณะที่ในวัยเด็ก คิม จอง-อึน และพี่น้องยังเคยไปเข้าโรงเรียนชนชั้นสูงในสวิตเซอร์แลนด์ แม้ในอัตชีวประวัติ เขาไม่ยอมรับเรื่องนี้เป็นทางการ แต่เป็นไปได้ว่าคิม จอง-อึน จะไม่ยอมไปที่ยุโรปเพื่อหลีกเลี่ยงภาพลักษณ์ว่าเคยอยู่ในชาติทุนนิยมตะวันตก,นอกจากนี้ สถานที่ใน เอเชีย ก็มีความเป็นไปได้ รวมทั้งกรุงปักกิ่งในจีน, สิงคโปร์, กรุงฮานอยในเวียดนาม แม้กระทั่งกรุงอูลานบาตอร์ในมองโกเลีย ซึ่งมีสายสัมพันธ์และไม่ห่างจากเกาหลีเหนือมากนัก,จีนเป็น พี่ใหญ่ พันธมิตรสำคัญที่สุดของเกาหลีเหนือมายาวนาน เคยเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาปัญหาเกาหลีเหนือมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่ปี 2546 โดยมีสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีเหนือและใต้เข้าร่วม แต่หลังๆ ความสัมพันธ์เย็นชาลงมาก เพราะเกาหลีเหนือดื้อดึงพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธโดยไม่ฟังเสียงเตือนจากจีน,แต่ ทรัมป์อาจไม่เห็นด้วยที่จะใช้กรุงปักกิ่ง เพราะกลัวจีนคู่แข่ง แย่งซีน การเจรจาครั้งนี้ ส่วนกรุงเปียงยาง หรือกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีความเป็นไปได้น้อย เพราะไม่มีใครอยากข้ามถิ่นเข้าไปในดินแดนของศัตรู ซึ่งอาจถูกมองว่า ยอมสยบ ให้อีกฝ่าย และตั้งแต่ขึ้นกุมอำนาจในปี 2554 คิม จอง-อึน ยังไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศเลย,นางเมเดลีน ออลไบรท์ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ เคยเดินทางไปเจรจากับนายคิม จอง-อิล ผู้นำโสมแดงคนก่อน ในกรุงเปียงยางเมื่อปี 2543 ส่วนอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ และบิล คลินตันแห่งสหรัฐฯ ก็เคยไปเยือนกรุงเปียงยาง แต่การเยือนของนางออลไบรท์ถูกโจมตีว่าเป็นการยอมรับระบอบการปกครองอันกดขี่โหดร้ายของเกาหลีเหนือ สหรัฐฯ จึงอาจหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกโจมตีเช่นนั้นอีก,ดังนั้น สถานที่ เป็นกลาง จึงน่าจะลงตัวที่สุด,นอกจากเรื่องสถานที่ ประเด็นการเจรจา ก็ถูกจับตามองไม่แพ้กัน ซึ่งนอกจากจะกดดันให้โสมแดงปลดอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ แลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรแล้ว คาดว่าจะมีเรื่องอื่นๆพ่วงไปด้วย รวมทั้งเรื่องการรวมญาติชาวเกาหลีเหนือ-ใต้ที่พลัดพรากกันตั้งแต่ยุคสงคราม โดยปัจจุบันมีคนเกาหลีใต้กว่า 75,000 คนที่แก่ชราใกล้เสียชีวิตโดยไม่มีโอกาสพบญาติพี่น้องในเกาหลีเหนือ หลังการรวมญาติครั้งก่อนในปี 2558,นอกจากนี้ ยังมีเรื่องชาวต่างชาติจำนวนมากถูกจับติดคุกในเกาหลีเหนือ รวมทั้งชาวเกาหลีใต้อย่างน้อย 6 คน ชาวอเมริกัน 3 คน เกาหลีเหนือยังยอมรับว่าลักพาตัวชาวญี่ปุ่นไปอย่างน้อย 13 คนในทศวรรษ 1970-1980 เพื่อช่วยฝึกสายลับของตน และอาจมีมากกว่านั้น ซึ่งญี่ปุ่นจี้ให้สะสางเรื่องนี้โดยด่วน,แต่เรื่องที่น่าจะคุยกันง่ายกว่าคือ การแลกเปลี่ยนด้าน เศรษฐกิจ หลัง นิคมอุตสาหกรรมแกซอง ในเกาหลีเหนือ ซึ่งบริษัทเกาหลีใต้เข้าไปลงทุนและจ้างคนงานเกาหลีเหนือกว่า 55,000 คน ถูกปิดไปในปี 2559 ทำให้เกาหลีเหนือขาดแหล่งรายได้สำคัญ และการแลกเปลี่ยนด้าน วัฒนธรรม ซึ่งจะช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นทันที คล้ายกรณีเกาหลีเหนือส่งคณะนักกีฬาและผู้แทนด้านวัฒนธรรมไปร่วมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในเกาหลีใต้เดือนที่แล้ว,ส่วนแนวทางเจรจา การ แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง คือวิถีทางที่ดีที่สุด,บวร โทศรีแก้ว | ทั่วโลกกำลังลุ้นว่าการเจรจาสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กับนายคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคู่อริ จะมีขึ้นได้จริงหรือไม่และที่ไหนกันแน่ | null | ทรัมป์ เจรจา เกาหลีเหนือ,คิม จอง-อึน,โดนัลด์ ทรัมป์,การเจรจาครั้งประวัติศาสตร์,7วันรอบโลก,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1230742 |
ศาลแพ่งมีนบุรี นำร่อง ศาลดิจิทัล ไต่สวนคดีออนไลน์ สะดวก-ไม่ต้องเสี่ยงโควิด | ศาลแพ่งมีนบุรี นำร่อง ศาลดิจิทัล ทดลองไต่สวนคดีจัดการมรดกออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนไม่ต้องเดินทางมาศาล ลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 คู่ความสามารถแจ้งความประสงค์ผ่านโปรแกรม nextTWO โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มวันที่ 21 เม.ย. นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันสถาปนาศาลยุติธรรมครบรอบ 138 ปี ศาลแพ่งมีนบุรีได้นำร่องศาลดิจิตอล โดยร่วมลงนามข้อตกลง (MOU) กับบริษัทเน็ค ทู สเต็ปส์ จำกัด ในการร่วมมือทดลองและพัฒนาโปรแกรม nextTWO เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและสนับสนุนการปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ ของศาลแพ่งมีนบุรี รวมถึงการพิจารณาพิพากษาคดีผ่านระบบออนไลน์โดยจะเริ่มจากโครงการทดลองไต่สวนคดีจัดการมรดกออนไลน์ของศาลแพ่งมีนบุรี เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ประชาชน ไม่ต้องเดินทางมาศาล ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้อีกด้วยสำหรับคู่ความที่ต้องการใช้บริการไต่สวนคดีจัดการมรดกออนไลน์สามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ต่อเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการนัดไต่สวนออนไลน์ ผ่านโปรแกรม nextTWO โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด คาดว่าจะสามารถเริ่มโครงการนี้ได้ภายในเดือน มิ.ย.63 | ศาลแพ่งมีนบุรี นำร่อง ศาลดิจิทัล ทดลองไต่สวนคดีจัดการมรดกออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ไม่ต้องเดินทางมาศาล ลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 คู่ความสามารถแจ้งคะสงค์ผ่านโปรแกรม | ข่าว,อาชญากรรม | ศาลดิจิดอล,โครงการศาลดิจิดอล,ไต่สวนคดีออนไลน์,ศาลยุติธรรม,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1826939 |
กาซอร์ลา-ชิรูด์ คนละตุง ปืนใหญ่ บุกเชือด เรือใบ 2-0 | การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2014-2015 ประจำวันอาทิตย์ที่ 18 ม.ค. เกมไฮไลต์อยู่ที่สนาม เอติฮัด สเตเดียม เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 2 เปิดรังรับการมาเยือนของ ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ทีมอันดับ 6,เกมนี้ มานูเอล เปเยกรินี กุนซือแมนฯซิตี้ ส่ง เฟอร์นานโด คุมแดนกลางกับ แฟร์นันดินโญ ส่วนแนวรุกมี เซร์คิโอ อเกวโร เป็นทีเด็ด ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซนอล ส่ง ซานติ กาวอร์ลา บัญชาเกมแดนกลางกับ อาร์รอน แรมซีย์ ส่วนแนวรุกวาง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ อเล็กซิส ซานเชซ ลงล่าตาข่าย ,เปิดฉากครึ่งแรกมาถึง น.18 อาร์เซนอล เกือบขึ้นนำ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด แชมเบอร์เลน ลุยขึ้นมาทางขวาก่อน เปิดเข้ากรอบเขตโทษให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ โฉบมาโขกที่เสาแรกหลุดกรอบไปนิดเดียว,ถึง น.24 อาร์เซนอล ได้จุดโทษเมื่อ นาโช มอนเรอัล โดน แว็งซ็องต์ กอมปานี ทำฟาล์วในเขตโทษและเป็น ซานติ กาซอร์ลา รับหน้าที่สังหารไม่พลาด พา อาร์เซนอล ขึ้นนำ 1-0,จากนั้นรูปเกมในช่วงครึ่งแรกเป็น แมนฯซิตี้ ที่ครองบอลได้มากกว่าแต่ยังหาจังหวะทำประตูไม่ได้ จบครึ่งแรก อาร์เซนอล บุกมานำ แมนฯซิตี้ ไปก่อน 1-0,กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง น.47 แมนฯซิตี้ เกือบตีเสมอ เซร์คิโอ อเกวโร กดเรียดจากหน้าเขตโทษ ดาวิด ออสปินา นายด่านอาร์เซนอล ปัดออกไปได้,จากนั้น น.67 อาร์เซนอล นำห่าง 2-0 จากจังหวะที่ ซานติ กาซอร์ลา เปิดฟรีคิกเข้ากรอบเขตโทษให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ สอดมาโขกเข้าไปอย่างสวยงาม,ต่อมา น.72 เป็นโอกาสของอาร์เซนอล อเล็กซิส ซานเชซ แตะหลบ แฟรงค์ แลมพาร์ด ก่อนซัดด้วยขวาจากนอกเขตโทษ แต่ โจ ฮาร์ท นายด่านแมนฯซิตี้ ทุบออกมาได้ ,เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำประตูเพิ่มกันไม่ได้ จบเกม อาร์เซนอล บุกไปชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 เก็บเพิ่มเป็น 39 คะแนน ขึ้นไปอยู่ที่ 5 ของตาราง ส่วน แมนฯซิตี้ มี 47 แต้ม รั้งอันดับ 2 เช่นเดม ตามหลัง เชลซี ทีมจ่าฝูงอยู่ 5 คะแนน,รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม,แมนเชสเตอร์ ซิตี้,:โจ ฮาร์ท,มาร์ติน เดมิเคลิส,แว็งซ็องต์ กอมปานี,กาแอล กลิชี,พาโบล ซาบาเลตา,เฟอร์นานโด,แฟร์นันดินโญ,เจมส์ มิลเนอร์,ดาบิด ซิลบา,เฆซุส นาบาส,เซร์คิโอ อเกวโร,อาร์เซนอล,:ดาวิด ออสปินา,แพร์ แมร์เตซัคเกอร์,โลร็องต์ กอสซิแอลนี,นาโช มอนเรอัล,เฮคเตอร์ เบเยริน,ซานติ กาซอร์ลา,ฟรานซิส โกเกอร์แลง,อาร์รอน แรมซีย์,อเล็กซิส ซานเชซ,โอลิวิเยร์ ชิรูด์,ผลอีกคู่,เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ชนะ ฮัลล์ ซิตี้ 3-0 | ซานติ การ์ชอลา และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ทำคนละ 1 ประตู ช่วยให้ ปืนใหญ่ อาร์เซนอล บุกไปชนะ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 คว้า 3 แต้ม ขยับขึ้นที่ 5 ของตาราง | null | พรีเมียร์ลีก,พรีเมียร์ลีก2014,แมนเชสเตอร์ ซิตี้,อาร์เซนอล,ผลบอล,ข่าวกีฬา | https://www.thairath.co.th/content/475594 |
ปส.แถลงจับ 2 คดีรวด แก๊งรถตู้ขนยาลอตใหญ่ ไอซ์ 200 กิโลฯ ยัดซองชาจีน | เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 มี.ค.62 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป)/ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส., พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. เจ้าหน้าที่ป.ป.ส. และชุดหน่วยสยบไพรี ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญจำนวน 2 คดี,คดีที่ 1 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พ.ย.61 เวลาประมาณ 12.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 6, กำลังทหาร ป.พัน 4 และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. จับกุมตัวนายณภัทรหรือ เอ็ม หรือมน ศรีเหรา อายุ 40 ปี พร้อมพวกรวม 17 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1,792,000 เม็ด ยาไอซ์ 3 กก. เคตามีน 1 กก. รถตู้จำนวน 3 คัน รถยนต์ 1 คัน สมุดบัญชี 3 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง บ้านพร้อมที่ดินจำนวน 2 หลัง โดยสามารถจับกุมได้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์,พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวต่อว่า การจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่าจะมีการขนยาเสพติดจำนวนมากมาทางรถตู้ จึงได้ให้รถทุกคันเข้าเครื่องสแกนจนตรวจพบว่ายาเสพติดถูกซุกซ่อนอยู่ในรถตู้ยี่ห้อฮุนได รุ่นเอช 1 สีเทา หมายเลขทะเบียนป้ายฟ้า ฮล 7270 กรุงเทพมหานคร รถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 33-5969 กรุงเทพมหานคร โดยมีนายกฤษณะ หรือมอส ฉิมมิ อายุ 38 ปี และนายชัยมงคล หรือเอส เสามั่น อายุ 40 ปี เป็นผู้ขับขี่รถตู้ตามลำดับ และมีนายณภัทร นั่งร่วมมาด้วย จึงได้ควบคุมตัวไว้ และทำการสืบทราบจนสามารถขยายผลจับกุมเครือข่ายได้ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป,คดีที่ 2 เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส.บช.ปส. ร่วมกับ กก.3 บก.สกส. บช.ปส. จับกุมตัวผู้ต้องหา 3 คน คือ 1. นายณัฐพล โพธิ์ศรีทอง อายุ 27 ปี 2. น.ส.ศิริพร จารุบูรณ์ อายุ 26 ปี 3. นายคมกริช เปี่ยมคลัง อายุ 26 ปี พร้อมของกลาง ยาไอซ์แบบเกล็ดน้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว รุ่น REVO หมายเลขทะเบียน 2ฒง 6586 กรุงเทพ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง บัตร VISA และ บัตร DEBIT CARD จำนวน 3 ใบ สมุดบัญชีเงินฝาก จำนวน 1 เล่ม โดยสามารถจับกุมได้บริเวณลานจอดรถยนต์หริดารีสอร์ท เลขที่ 180 ม.12 ต.ล้อมแรด อ.เถิน จ.ลำปาง ต่อเนื่องบริเวณปั๊มน้ำมันพีที เลขที่ 157 ม.12 ต.ล้อมแรด อ.เถิน จว.ลำปาง,พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ม.ค. เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ ด้าน จ.เชียงราย เข้าไปพื้นที่ตอนในของประเทศไทย โดยใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเป็นพาหนะ และเช่ารถยนต์ในพื้นที่เพื่ออำพรางตน ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในลักษณะมีการนำทางและตรวจสอบเส้นทางสัญจรให้กับผู้ร่วมขบวนการลำเลียงยาเสพติด,พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวต่อว่า ต่อมา บก.ขส.บช.ปส. ได้สืบสวนข้อมูลทราบว่ามีกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดในพื้นที่ ฝั่งธนบุรี กทม. และพื้นที่ จ.นครปฐม ซึ่งน่าเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ โดยใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อ TOYOTA สีขาว หมายเลขทะเบียน 2ฒง 6586 กรุงเทพ เป็นพาหนะ จึงได้ตรวจสอบผ่านกล้องระบบอ่านแผ่นป้ายทะเบียน (Licende plate) ของ บช.ปส. พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ TOYOTA สีขาว หมายเลขทะเบียน 2ฒง 6586 กรุงเทพ เข้ามาในพื้นที่ จ.เชียงราย และได้จัดชุดเฝ้าระวังสะกดรอยติดตามดูพฤติการณ์ เพื่อคอยดูว่าจะมีรถร่วมขบวนลำเลียงยาเสพติดตามมาอีกหรือไม่,พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อมาได้พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน กบ 1188 เชียงราย มีลักษณะบรรทุกของหนักขับผ่านจุดสังเกตการณ์มุ่งหน้า อ.สบปราบ จ.ลำปาง จึงได้สะกดรอยไป พบรถยนต์คันดังกล่าวได้เข้าไปจอดที่หริดารีสอร์ท เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าตรวจค้นรถยนต์ พบว่าด้านหลังรถยนต์มีถุงพลาสติกสีดำที่ห่อหุ้มกระสอบปุ๋ย จำนวน 13 กระสอบ ภายในพบซองชาบรรจุยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์) จำนวน 200 ซอง จึงยึดไว้เป็นของกลาง,เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป. | เฉลิมเกียรติ นำแถลงผลงานตำรวจ บช.ปส. จับ 2 คดียาเสพติดรายสำคัญ ทั้งขบวนการรถตู้ลักลอบขนยาบ้า 1.7 ล้านเม็ด และยาไอซ์ 200 กิโลฯ ยัดซองชาจีนตบตาเจ้าหน้าที่ส่งขายนายทุน กทม. | ข่าว,อาชญากรรม | จับยาบ้า,ขนยาบ้า,ไอซ์,จับไอซ์,ปส.,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1517148 |
คาดพระสงฆ์ชุมนุมกันหลักหมื่นต้าน ปฏิรูป-จัดการทรัพย์สินวัดและพระภิกษุ | รายงาน ว่า พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) ที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการนัดชุมนุมสวดเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อคัดค้านรายงานและข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตราการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน ที่ให้มีการจัดการทรัพย์สินของวัดและพระภิกษุรวมถึงเสนอให้ปรับปรุงกฎมหาเถรสมาคม(มส.)ฉบับที่ 24 พ.ศ.2541 ว่าด้วยการแต่งตั้งและถอดถอนพระสังฆาธิการ ว่า พระสงฆ์และฆราวาสจะมาร่วมกันสวดมนต์ในวันที่ 31 มีนาคมแน่นอน โดยจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็น 10000 รูป / คน จากเดิม 5000 รูป / คน ถึงแม้จะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ แต่ทางสนพ.ยืนยันว่าจะไม่ถอยอีกแล้วแหล่งข่าวจาก สนพ.กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตัวแทนรัฐบาลได้เข้าหารือผู้แทน มส.เพื่อหาทางออกกรณีที่พระสงฆ์ระบุว่าจะออกมาสวดมนต์ ทำให้มส.ต้องเชิญตัวแทนสนพ.เข้าหารือ แต่ก็ไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ ทางผู้แทนมส.จึงต้องเชิญผู้แทนสนพ.มาหารืออีกรอบ แต่ครั้งนี้สนพ.ปฏิเสธ | เว็บไซต์มติชนรายงาน ว่า พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) ที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) | การเมือง,วัฒนธรรม | คณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตราการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา,สภาปฏิรูปแห่งชาติ | https://prachatai.com/journal/2015/03/58639 |
ปฏิบัติการกู้ซากเรือยังประสบปัญหา | เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าและนักประดาน้ำพยายามจมโป๊ะบริเวณซากเรือบรรทุกน้ำตาลทราย ที่ล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณตำบลภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม เพื่อสูบน้ำออกและให้อากาศยกลำเรือขึ้นมาเหนือน้ำ ก่อนจะลากไปไว้ในที่ซึ่งสามารถกู้เรือได้ง่ายขึ้น แต่จนถึงขณะนี้ปฏิบัติการนี้ยังไม่สามารถทำได้ เพราะเครื่องจักรยังไม่สามารถนำโป๊ะไปวางตามตำแหน่งบริเวณท้องเรือที่กำหนดไว้ได้ รวมทั้งกระแสน้ำที่ยังไหลค่อนข้างแรงอย่างต่อเนื่อง ด้านนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยอมรับว่าขณะนี้มีความยากลำบากในการกู้ซากเรือ จากแผนซึ่งหลายหน่วยงานได้ร่วมกำหนดไว้ แต่จะไม่ละความพยายามและไม่ยุติการกู้เรือ โดยจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) ว่าจะดำเนินการกู้ซากเรือต่อหรือไม่ และหากต้องยุติการกู้ ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขอความร่วมมือจากกองทัพบก กองทัพเรือ และ บริษัทเอกชน ที่มีความชำนาญด้านการขุดเจาะในทะเล เพื่อหาวิธีและเครื่องมือทันสมัย ไปกู้ซากเรืออีกครั้ง ส่วนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางจนกัดเซาะตลิ่งเสียหาย 5 ครอบครัว และได้รื้อถอนบ้านไปแล้ว จังหวัดจะหารือถึงแนวทางให้การช่วยเหลือในวันจันทร์นี้ | ปฏิบัติการกู้ซากเรือน้ำตาลทรายที่ล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่มีสัญญาณว่าจะสามารถกู้ซากเรือขึ้นมาได้ เพราะอุปกรณ์หลักที่ใช้จมเพื่อช่วยยกลำเรือยังประสบปัญหาวางไม่ตรงตำแหน่ง | ภูมิภาค | กองทัพบก,กองทัพเรือ,กู้เรือ,ซากเรือ,อยุธยา,เรือน้ำตาล,โป๊ะ | https://news.thaipbs.or.th/content/15409 |
สุรนันทน์ ยันนายกฯไม่มีแนวคิดปรับครม. ชมจตุพร-อภิวันท์เหมาะนั่งรมต. | นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ที่มีชื่อของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายปกรณ์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เข้ามาเป็นรัฐมนตรีนั้น ยืนยันนายกรัฐมนตรียังไม่มีแนวคิดที่จะปรับครม.ในขณะนี้ ส่วนตัวเห็นว่า บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมที่จะเป็นรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรียังไม่มีแนวคิดที่จะปรับครม.เพราะในเดือนนี้ยังมีภารกิจสำคัญหลายเรื่อง ทั้งการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย- แปซิฟิค ครั้งที่ 2 และการเข้าร่วมประชุมที่ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการเตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรีอินเดีย และภารกิจเดินทางไปประเทศศรีลังกา-เมาดีฟ ดังนั้น ในระหว่างเดือนพ.ค.และมิ.ย.จะยังไม่มีการปรับ ครม.อย่างแน่นอนส่วนที่มีกระแสข่าวดังกล่าวออกมาในขณะนี้ เห็นว่า ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ แต่ยอมรับว่ามีความคิดที่แตกต่างกัน หลายคนอาจเห็นว่าถึงเวลาที่ต้องปรับระบบการทำงาน และกระแสข่าวนี้ก็ออกมาจากฝ่ายตรงข้าม ที่ต้องการสร้างความไม่มั่นคงให้กับรัฐบาล ทั้งนี้ การปรับ ครม.ก็เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียวส่วนที่มีรายชื่อนายจตุพรและพ.อ.อภิวันท์ที่จะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น นายสุรนันทน์ กล่าวย้ำว่า บุคคลทั้งสองมีความรู้ความสามารถ และเชื่อว่าสามารถเป็นรัฐมนตรีได้ แต่ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่มีแนวคิดที่จะปรับครม. แต่หากมีแนวคิดที่จะปรับจริง เชื่อว่าบุคคลเหล่านี้จะเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการพิจารณา | เลขาธิการนายกรัฐมนตรียืนยัน นายกรัฐมนตรียังไม่มีแนวคิดปรับคณะรัฐมนตรีในขณะนี้ ส่วนกระแสข่าวนายจตุพรและพ.อ.อภิวัทน์จะมาเป็นรัฐมนตรีนั้น เห็นว่าทั้งสองเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ | การเมือง | สุรนันทน์ ปรับครม. นายกรัฐมนตรี จตุพร พ.อ.อภิวันท์ | https://news.thaipbs.or.th/content/170497 |
บิ๊กป้อม เชื่อชาวนาไม่รวมตัวกดดันราคาข้าว แจงขายปุ๋ย แค่พูดเล่น | เมื่อวันที่ 1 พ.ย.59 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาล ที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อ้างในการเรียกคืนบัตรประจำตัวสื่อมวลชนว่า การจัดระเบียบสื่อ เป็นเรื่องของสำนักนายกรัฐมนตรีไม่เกี่ยวข้องกับตน ตนดูแลในส่วนของความปลอดภัยของทำเนียบรัฐบาลทั้งหมด เช่น การเข้า-ออกเราพัฒนาระบบการรักษาความปลอดภัยมานานแล้ว แต่คิดว่ายังไม่ได้มาตรฐาน ต่างประเทศที่ตนไปดูงานเขาเข้มงวดมากกว่านี้ อย่างตอนไปประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ประเทศอินเดีย กว่าจะเข้าไปได้มีหลายขั้นตอน การยกระดับการรักษาความปลอดภัยของทำเนียบจะต้องทำไปเรื่อยๆ แต่ผู้สื่อข่าวไม่ต้องกลัวอะไร,เมื่อถามว่า นางยุวดี ธัญญสิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ไม่สามารถเข้ามาปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดว่ามีการทำผิดระเบียบอะไร เห็นท่านนายกฯ บอกว่าเป็นการทำตามระเบียบ สื่อก็ต้องมีสังกัด,นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอข่าว ที่ตนพูดให้การขายปุ๋ยแทนข้าวที่มีราคาตกต่ำว่า ตนพูดเล่นกับผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร พูดส่วนตัวนอกวงสัมภาษณ์ สื่อบอกว่าปุ๋ยราคาแพงกว่าข้าว ตนจึงพูดเล่นไปว่าให้ไปขายปุ๋ย ที่ไปเขียนกันก็เลอะเทอะไปหมด ส่วนมาตรการช่วยเหลือชาวนาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าจะช่วยบูรณาการในภาพรวม โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นคนดำเนินการ,เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ระบุว่า มีนักการเมืองร่วมกับโรงสีกดราคาข้าวให้ต่ำลง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด จากนี้จะส่งให้ คสช. ผู้ว่าราชจังหวัด ตำรวจ เข้าไปตรวจสอบ เพราะมีรายงานข่าวบางส่วนว่าจะมีชาวนารวมตัวกันกดดันเรื่องราคาข้าว แต่ยังไม่ชัดเจน ตนยืนยันว่าชาวนาจะรวมตัวกันไม่ได้ วันนี้ ครม.ได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือราคาข้าวแล้ว รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาอยู่ จะไปเคลื่อนไหวอะไร แต่ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลยก็ว่าไปอย่าง ส่วนนักการเมืองยังไม่พบความเคลื่อนไหว. | ประวิตร สั่งตรวจสอบปัญหาข้าว หลังมีข่าวชาวนาอาจเคลื่อนไหวกดดันรัฐเรื่องราคา เชื่อปมข้าวยังไม่กลายเป็นการเมือง แจงข่าวไล่ชาวนาขายปุ๋ย แค่พูดเล่น | null | ข้าว,ราคาข้าว,ชาวนา,ประวิตร วงษ์สุวรรณ,มาตรการช่วยชาวนา,ราคาข้าวตกต่ำ,ขายปุ๋ย,ปัญหาราคาข้าว,มาตรกาจัดระเบียบสื่อฯ,สื่อทำเนียบฯ,จำนำข้าว | https://www.thairath.co.th/content/770716 |
เงินตราคลื่นมหันตภัย ร้ายกว่าซึนามิ | เมื่อฉันชี้แจงว่าเป็นใคร มาจากไหน สตรีเจ้าของคำถามก็รัวคำถามกลับมาอีกครั้ง เป็นนักข่าวจริงเหรอ ขอดูบัตรนักข่าวหน่อย แล้วจะถ่ายรูปไปทำไร จะมาหาใครที่นี่ ฉันตอบคำถามพลางควักนามบัตรออกส่งให้ นึกขันๆ ในใจว่า นี่ถ้าหากเจ้าของคำถามยังคงยืนยัน นอนยันขอดูบัตรนักข่าวละก็ ฉันคงแย่ เพราะอย่าว่าแต่นักข่าวเองเลย แม้แต่บก.ของฉันตอนนี้ก็ยังไม่มีบัตรอย่างว่าเลย นางล่อมาขวัญ หนุนอนันต์ คือ ชื่อของสตรีเจ้าของคำถาม เธอเล่าว่าหลังเหตุการณ์ซึนามิมีผู้คนมากมายลงไปในพื้นที่ สำหรับที่บ้านของเธอ ต.กำพวน กิ่งอ.สุขสำราญ จ.ระนอง ก็ไม่ต่างจากที่อื่นๆทั้งข่าวของและเงินบริจาคไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย ที่บ้านฉันเป็นอู่ต่อเรือ หลังคลื่นยักษ์มีคนมาว่าจ้างให้ต่อเรือคือ ชมรมจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นคนมุสลิมมาจากประเทศคูเวต เขาจะเอาเรือที่ต่อเสร็จส่งไปภูเก็ตเพื่อบริจาคให้ชาวประมงพื้นบ้านที่เรือเสียหาย เพื่อเป็นการทำบุญช่วยเหลือผู้ประสบภัยนางล่อมาขวัญกล่าว เธอกล่าวต่อว่า การต่อเรือของเธอขึ้นที่บ้านมีหลายคนในชุมชนตั้งคำถาม โดยเฉพาะจากชาวบ้านที่อยู่ชมรมประมงพื้นบ้านหาดประพาส ต.กำพวน กิ่งอ.สุขสำราญ จ.ระนอง เขาว่าฉันเอาเงินบริจาค มาหมุนเพื่อต่อเรือขาย นางล่อมาขวัญกล่าวและเล่าถึงกิจการต่อเรือว่า เรือที่ต่อเป็นเรือประมงพื้นบ้าน หรือที่เรียกว่า เรือหัวโทง ซึ่งเป็นเรือที่ชาวประมงใช้ออกทะเลจับปลาได้ในน้ำตื้นและทะเลลึกเรือที่ต่อมีขนาด 21 ตัวกง ฉันจ้างช่างมาจากภูเก็ต 3 คน ค่าจ้างต่อเรือต่อคนในหนึ่งลำตกราว 12000 บาท ยังไม่รวมค่าไม้และค่าวัสดุอื่นๆอีกเธอกล่าวและเล่าต่อว่า จนถึงขณะนี้ที่บ้านเธอต่อเรือเสร็จสิ้นไปแล้ว 21 ลำ มันเป็นธุรกิจในครัวเรือน ญาติๆ พี่ๆ น้องๆ ต่างก็มาช่วยกันต่อเรือ และแบ่งค่าใช้จ่ายกัน แต่ก็มีบางคนมาให้ร้ายว่า เราเอาเงินที่เขาบริจาคมาต่อเรือ ความจริงไม่ใช่ เพราะเราช่วยกันทำกันในครัวเรือนก่อนจะเอาออกขายนางล่อมาขวัญกล่าว ใกล้กันนั้นที่บ้านห้องแถว ดัดแปลงเป็นที่ทำการชมรมประมงพื้นบ้าน กียา หาญกิจ ซึ่งอยู่ในละแวกนั้น กล่าวกับฉันว่า ใครไปใครมา ที่อู่ต่อเรือนั้นเขาก็ระแวงทั้งนั้นแหละ ส่วนจะระแวงเรื่องอะไรไม่อยากจะพูดให้เป็นบาปเสียเปล่า เธอคนนี้กล่าวกับฉันว่า เหนืออู่ต่อเรือมีการติดป้าย ต่อเรือหัวโทงช่วยเหลือคนผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ แต่สิ่งที่ชาวบ้านที่นี่เห็นคือ มีการเอาเงินที่บริจาคมาต่อเรือ และนำเรือดังกล่าวไปขายต่ออีกทีหนึ่ง เรือขนาด 21 ตัวกง ลำหนึ่งขายได้ไม่ต่ำกว่า 40000-50000 บาท ทั้งที่คนบริจาคเขาตั้งใจบริจาคเงินมาให้ต่อเรือแล้วมอบให้คนที่เรือพังหลังคลื่นยักษ์ ไม่ใช่ต่อเรือไปขายพวกเรือพังนางกียากล่าว เธอกล่าวอีกว่า การต่อเรือดังกล่าวเป็นเสมือนธุรกิจในครอบครัวของผู้ต่อไปแล้ว โดยมีการจ้างแรงงานพม่าเข้ามาช่วยต่อเรืออีกด้วย ในขณะที่ทางชาวประมงพื้นบ้านที่นี่ต่างช่วยกันต่อเรือเอง คนที่นี่ช่วยกันต่อเรือเล็ก ที่เรียกว่าเรือพีช กับเรือหัวโทง 21 ตัวกง เราไม่ได้ต่อขายเพราะเจ้าของเรือมาช่วยกันลงแรงต่อเรือกันเอง คนที่เดือดร้อนจากคลื่นยักษ์มาทำงานกันเอง ให้ค่าแรงบ้าง ทำกับข้าวเลี้ยงบ้างแล้วแต่กำลังที่มีนางกียากล่าว เธอเอ่ยขึ้นอีกว่า ขณะที่ตนและชาวบ้านที่นี่ช่วยกันต่อเรือ แต่อีกกลุ่มกลับอ้างว่าได้เอาคนที่เดือดร้อนจากคลื่นยักษ์มาช่วยต่อเรือเพื่อสร้างรายได้ให้ ทั้งที่ไม่เป็นความจริงเขาต่อกันเอง คนงานก็เป็นพม่า รายได้เขาก็แบ่งในครอบครัวเอง ทั้งที่เขาไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์ด้วยซ้ำ อย่างนี้จะเรียกว่าช่วยเพิ่มรายได้คนที่โดนคลื่นได้ไง กียากล่าวกับฉันในตอนท้ายถึงเงินบริจาคว่า แม้จะมีการบริจาคมากแต่หากไม่มีการตรวจสอบและจัดการไม่ดีจะทำให้เงินกระจายไปไม่ถึงคนที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง --------------------------- ฉันเดินทางต่อไป อ.เมือง จ.ระนอง ก่อนจะข้ามฟากไป เกาะเหลา เกาะเล็กซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวมอแกน พี่วิกกี้พรานทะเล บนเกาะแห่งนี้ขับเรือมารับ เราใช้เวลาเดือนทางจากฝั่งมาถึงเกาะเหลาราวๆ 20 นาที พี่วิกกี้เล่าว่าที่เกาะเหลาเป็นพื้นที่ปลายๆ คลื่นๆ จึงไม่ได้รับความเสียหายมาก แต่กระนั้นเรือที่จอดริมฝั่งและเครื่องมือที่ประกอบอาชีพประมงก็พังพินาศเสียหายหมด ฉันนึกสงสัย จะเป็นยังไงหากพรานทะเล ขาดเรือและเครื่องมือคู่ใจ แรกๆ ไม่มีใครมา เราหาหอยบนฝั่ง ไปไหนไม่ได้ ไม่มีเรือ พี่วิกกี้ตอบเหมือนรู้ใจ และเล่าต่อ มีผลทำให้ฉันต้องเงี่ยหูฟัง แต่อาจเป็นเพราะภาษาที่ยากในการสื่อสารบวกกับเสียงเรือวิ่งผ่านลมแรง ทำให้ฉันจับใจความได้มั่งไม่ได้มั่ง ส่วนที่ฉันจับใจความได้คือ พี่วิกกี้บอกว่า หลังเกิดคลื่นยักษ์ไม่นานก็มีคนมาที่เกาะ มีคนบริจาคของมากมาย แต่ก็มีชาวไทยบนฝั่งที่ไปอยู่บนเกาะทำหน้าที่เป็นนายหน้ารับของและรับเงินบริจาคแทนพวกชาวบ้านบนเกาะเพราะการสื่อสารที่ไม่เข้าใจบวกกับความกลัวบุคคลภายนอกแล้ว ทำให้มีเจ้าแม่เกาะเกิดขึ้น ฉันถามพี่วิกกี้ว่ารู้สึกยังไง ที่ข้าวของรวมทั้งเงินบริจาคที่คนอื่นๆ ตั้งใจให้ชาวบ้านบนเกาะถูก หยิบสิบออกไป พี่วิกกี้ก็คงฟังฉันรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง เขาตอบว่า คนไม่ดี เราไม่อยากยุ่ง เขาอยากได้ให้เขาไป เขาเอาไม่หมด เราได้ที่เหลือก็ยังดี พี่นาเจ้าหน้าที่อาสาสมัครจากองค์พัฒนาเอกชนซึ่งมาทำงานอยู่บนเกาะเหลา เล่าถึงชาวบ้านที่นี่ว่าฟังแล้วก็เหมือนนิทาน คนที่นี่เคยถูกปล้นทั้งหมู่บ้านด้วยหนังสติ๊กมาแล้ว ฉันฟังแล้วก็งง พี่นาจึงขยายเรื่องว่า เคยมีชาวบ้านบนฝั่งมาปล้นชาวมอแกนที่นี่ทั้งหมู่บ้านด้วยหนังสติ๊ก คนที่นี่เขาก็ปลดสร้อยทองให้ไปทั้งบ้าน แต่ก็คงขายไม่ได้เพราะชาวบ้านเล่าว่าเป็นทองปลอม พี่นาเล่า พี่นากล่าวว่า ชาวบ้านที่นี่ก็ไม่ต่างจากชาวมอแกนที่อื่นๆ คือ เมื่อเกิดปัญหาเขาก็หนีมากกว่าคิดสู้ หรือเผชิญความยุ่งยาก พวกเขาเป็นพรานทะเล เก่งกาจเรื่องหาสัตว์น้ำ แต่หาใช่นักรบ เมื่อฉันถามถึงเจ้าแม่เกาะ พี่นากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจนักว่า ก่อนที่จะมา เพิ่งทราบว่ามีชาวบ้านจากที่อื่นซึ่งไปอยู่บนเกาะเป็นนายหน้ารับสิ่งของและเงินบริจาคให้ชาวบ้านแทน ต่อเมื่อองค์กรพัฒนาเอกชนลงไปในพื้นที่ และทำหน้าที่ประสานงาน ฟื้นฟูและช่วยเหลือชาวบ้านที่นี่ ก็โดนมองว่ามายุยงให้คนที่นี่แตกแยก และทำให้คนที่นี่ลืมวิถีตนเอง ไม่แปลกที่เราจะโดนโจมตีจากผู้ที่เสียผลประโยชน์ แต่เป็นเรื่องน่าเสียใจที่ผู้ซึ่งได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์จริงๆไม่ได้เป็นผู้ที่เข้าถึงการได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง เพราะผลประโยชน์กลับไปตกอยู่กับคนที่ไม่ได้รับผลกระทบด้วยวิธีการมือใครยาว สาวได้สาวเอา พี่นากล่าว องค์กรเอกชนที่นี่มีปัญหาเรื่องการจัดการเงินที่ได้รับบริจาคมาแหล่งข่าวเล่าให้ฉันฟังถึง รายละเอียดความผิดพลาดในการบริหารเงิน จำนวนมากที่หลั่งไหลมาจากการบริจาค จนนำไปสู่การบริหารงานที่ผิดพลาดในองค์กร | คุณเป็นใคร มาจากไหน น้ำเสียงที่ส่อว่าระแวงสงสัยสำเนียงปักษ์ใต้ดังขึ้น ขณะที่ฉันกำลังยืนเก้ๆ กังๆ ถ่ายรูปเรือประมงที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ในอู่ต่อเรือ เมื่อฉันชี้แจงว่าเป็นใคร มาจากไหน | สิ่งแวดล้อม | null | https://prachatai.com/journal/2005/04/3829 |
วันจ่ายสารทจีน ตลาดโรงเกลือไม่คึกคัก แม่ค้าโอดครวญขายไม่ดีเหมือนปีก่อน | เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 62 พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.จิรัสย์ ขนิษฐวงศ์สกุล รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับ ร.อ.เตชทัต เฉลิมจิตต์ ผบ.ร้อย ทพ.1201(ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1201) บูรณาการกำลังร่วมกันตั้งจุดตรวจค้นบริเวณจุดตรวจบุคคลประจำยานพาหนะ ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าและออกเมืองโดยผิดกฎหมาย อีกทั้งเป็นการสกัดกั้นการลักลอบนำสินค้าต้องห้ามเข้ามาในประเทศไทย,เนื่องพบว่าวันนี้เป็นวันจ่ายในเทศกาลสารทจีน ทำให้มีชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนจำนวนมาก ใช้ยานพาหนะทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลและรถ จยย.ขับขี่ข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทยเพื่อหาซื้อเครื่องเซ่นไหว้และผักผลไม้ ที่ตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แล้วบรรทุกผักและผลไม้ใส่รถเข็นล้อเลื่อนนำออกไปฝั่งกัมพูชา เพื่อนำไปไหว้เจ้าและบรรพบุรุษในวันสารทจีน 15 ส.ค.62,ส่วนบรรยากาศที่ตลาดค้าผัก ผลไม้ ในตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กลับไม่คึกคักเท่าที่ควร บรรยากาศการค้าขายผักและผลไม้กลับเงียบเหงา มีพ่อค้า แม่ค้าทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชานำผัก ผลไม้ ขนมเข่ง ขนมเทียน พร้อมทั้งเครื่องเซ่นไหว้ นำออกมาวางจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก แต่กลับไร้คนซื้อ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาบ่นอุบว่าสารทจีนปีนี้การค้าซบเซามาก ในรอบ 20 ปี ไม่เคยซบเซาขนาดนี้,นางจำณี ซาง อายุ 32 ปี ชาวกัมพูชา แม่ค้าค้าส่งผักและผลไม้ ในตลาดโรงเกลือ เผยว่าในเทศกาลสารทจีนปีนี้ การค้าขายผักและผลไม้ที่ใช้สำหรับไหว้เจ้าในเทศกาลสาร์ทจีน ขายไม่ดี ตลาดซบเซามาก ชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนมาซื้อผักผลไม้ไปไหว้เจ้าลดลงเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่บ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดีจึงซื้อเครื่องไหว้เจ้าลดลงไปด้วย ที่ผ่านมาเทศกาลสารทจีนทุกๆ ปีขายดีกว่านี้มาก ปีนี้การค้าขายหายไปกว่า 50% ถึงแม้ราคาผักและผลไม้จะไม่มีการขึ้นราคาก็ตาม,ส่วนแม่ค้าชาวไทยที่ทำขนมเข่ง ขนมเทียน ซึ่งเป็นเครื่องเซ่นไหว้ในเทศกาลสารทจีน ก็บ่นว่าขายไม่ดี ชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนมาซื้อลดลงกว่าทุกๆ ปี โดยบอกว่าทำขนมเข่ง ขนมเทียนมาขายในเทศกาลทั้งตรุษจีนและสารทจีน ในตลาดโรงเกลือมา 20 ปี ไม่เคยพบว่าตลาดโรงเกลือจะซบเซาได้ขนาดนี้ | ตม.สระแก้ว คุมเข้ม ชาวกัมพูชาที่มีเชื้อสายจีน แห่เข้ามาซื้อเครื่องเซ่นไหว้ฝั่งโรงเกลือ ในเทศกาลสารทจีน แต่บรรยากาศในตลาดสุดเงียบเหงา แม่ค้าต่างโอดครวญ ขายไม่ดีเหมือนปีที่ผ่านมา | ข่าว,ทั่วไทย | วันสารทจีน,วันจ่ายสารทจีน,ตลาดโรงเกลือ,สระแก้ว,กำลังซื้อลดลง,ขายไม่ดี,เครื่องเซ่นไหว้,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/east/1637758 |
บาสไทยหืดจับ ไล่เฉือนชนะมองโกเลีย 87-86 ประเดิมชัยเอเชียนเกมส์ | กีฬาเอเชียนเกมส์ 2018 ที่ประเทศอินโดนีเซีย วันอังคารที่ 14 สิงหาคม เป็นการแข่งขันบาสเกตบอลทีมชาย รอบแรก กลุ่มเอ ทีมชาติไทย ลงสนามนัดแรกพบกับ ทีมชาติมองโกเลีย,เริ่มควอเตอร์แรก เกมค่อนข้างสูสีกัน โดยทั้งสองทีมผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่หลังจากนั้น ไทยอาศัยเกมสวนกลับเร็ว ผสมกับส่องไกลที่แม่นยำ ทำแต้มขึ้นนำ 26-14 คะแนน,ควอเตอร์สอง มองโกเลียแก้เกมมาดี ทำให้ไทยต้องขอเวลานอกเพื่อเบรคเกมเร็ว และเป็นผลดี ไทยกลับมาโชว์เกมรุกที่ดุดันอีกครั้ง พร้อมกับทำแต้มทิ้งระยะห่างไปไกลเป็นเลขสองหลัก แต่ในช่วงท้ายเกม มองโกเลียทำได้ดีขึ้น ก่อนที่ไทยจะนำอยู่ 45-43 คะแนน,ควอเตอร์สาม มองโกเลียทำแต้มพลิกขึ้นนำไทยครั้งแรกของเกม แต่นำไม่นานนัก ไทยใช้ความแม่นยำของ ชิดชัย อนันติ จนสามารถพลิกกลับขึ้นน พร้อมทิ้งระยะห่างเล็กน้อย หลังจากนั้นรูปเกมหยุดค่อนข้างบ่อยเพราะการฟาวล์ของทั้งสองทีม ไทยยังนำ 68-62 คะแนน,ควอเตอร์สี่ ไทยยังทำแต้มทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ แต่ไทยกลับมาทำเสียฟาวล์บ่อยครั้ง เป็นโอกาสให้มองโกเลียทำแต้มไล่จี้ติดมาเรื่อยๆ จนถึงวินาทีสุดท้ายของเกม มองโกเลียบุกขึ้นมาแต่ชูตไม่ลง ส่งผลให้ไทยเฉือนเอาชนะไปแบบฉิวเฉียด 87-86 คะแนน คว้าชัยนัดแรกได้สำเร็จ โดยไทยได้ 2 แต้ม ส่วนมองโกเลีย ได้ 1 แต้ม,สำหรับนัดที่ 2 ไทย จะพบกับ เจ้าภาพ อินโดนีเซีย วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม | ทีมชาติไทย เหนื่อยสุดๆ กว่าจะเฉือนเอาชนะ ทีมชาติมองโกเลีย ไปแบบสุดมัน 87-86 คว้าชัยนัดแรกของศึกบาสเกตบอลทีมชาย กีฬาเอเชียนเกมส์ 2018 | กีฬา,เอเชียนเกมส์ | บาสเกตบอล,บาสเกตบอลทีมชาย,ทีมชาติไทย,เอเชียนเกมส์ 2018,เอเชียนเกมส์ | https://www.thairath.co.th/sport/asiangame/1354294 |
เก๋งหลุดโค้งฟาดเสาไฟฟ้า ปากซอยนวมินทร์ 67 ปั๊มหัวใจยื้อไม่สำเร็จ ตาย1 | เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. ร.ต.อ.วิโรจน์ สุชาติ รอง สว.(สอบสวน) สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุ รถเก๋งเฉี่ยวชนเสาไฟฟ้า มีผู้เสียชีวิต บนถนนนวมินทร์ บริเวณปากซอยนวมินทร์ 67 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง,ที่เกิดเหตุ เป็นถนนสองเลน และเป็นช่วงโค้งอันตราย บริเวณกลางถนนพบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีน้ำเงินแต่งซิ่ง หมายเลขทะเบียน 4 กส 683 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าและด้านข้างฝั่งซ้ายพังยับเยิน จนประตูข้างหลุดออก เศษชิ้นส่วนรถและกระจกกระจัดการจายไปทั่วบริเวณ ห่างไปประมาณ10 เมตร พบศพ นายณรงค์ เล็กวิชัย 41 ปี ชาว กทม. สภาพศพมีบาดแผลแตกที่ศีรษะ และตามแขนขา นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน,สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถเก๋งคันดังกล่าว นั่งกันมาทั้งหมด 3 คน และขับมาด้วยความเร็ว กำลังจะมุ่งหน้าสี่แยกนวมินทร์ เมื่อมาถึงยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางโค้ง รถเกิดเสียหลักหลุดโค้ง ทำให้รถฝั่งซ้ายฟาดเข้ากับเสาไฟฟ้าอย่างแรง เป็นเหตุให้ นายณรงค์ ที่นั่งอยู่ด้านหลังได้รับบาดเจ็บ กระทั่งหมดสติ เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ช่วยกันงัดร่างออกมาปั๊มหัวใจยื้อชีวิต แต่ไม่สำเร็จ เสียชีวิตในเวลาต่อมา,เบื้องต้น เจ้าหน้าได้นำตัวผู้ขับขี่ และผู้ที่โดยสารมาด้วย มาสอบปากคำอย่างละเอียด พร้อมเตรียมตรวจหาวงจรปิดบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุที่เกิดขึ้น ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนศพได้ส่งไปผ่าพิสูจน์ที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนส่งมอบให้ญาติ รับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป. | รถเก๋งเสียหลักหลุดโค้ง ฟาดเสาไฟฟ้า บริเวณปากซอยนวมินทร์ 67 คนนั่งมาด้านหลังสาหัสจนหมดสติ ปั๊มหัวใจยื้อไม่สำเร็จ เสียชีวิต อีก 2 คนรอด | ข่าว,ทั่วไทย | รถชนเสาไฟฟ้า,ซอยนวมินทร์ 67,เก๋งแต่งซิ่ง,หลุดโค้ง,ยื้อชีวิตไม่ได้,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1142600 |
แรงไม่หยุดทะลุจีน 8 เมือง สิงโต-คริส รอจิ้นใหม่ในโซตัสเอส | โซตัสเดอะซีรีส์ SOTUS The Series พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง ผลงานกำกับของ ลิท ผดุง สมาจาร ,(คลิกดู), ซีรีส์จบไปพักใหญ่แล้วนะ แต่กระแสความฮอตฮิตติดใจยังกระจายไปจีนอยู่ ล่าสุดก็มีคิวไปโชว์ตัวที่เมืองเฉิงตู จีน อีกครั้งแล้ว รวมทั้งหมดที่ไปมีตแอนด์กรี๊ดที่จีนมาก็ 6 ครั้งแล้วใน 8 เมืองใหญ่ ,(คลิกดู) ,คริส-สิงโต ปังมากๆ กับการเป็นคู่รักใน โซตัสเดอะซีรีส์ SOTUS The Series พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง ซึ่งเป็นซีรีส์เกย์คุณภาพอีกเรื่องของไทย ที่ไม่ได้เจาะจงขายฉากเสียวอย่างไร้เหตุผล แต่มุ่งนำเสนอความรักละมุนละไมที่ซ่อนอยู่ในใจลึกๆ ได้อย่างงดงามลงตัวยิ่ง, คริส-สิงโต แสดงเด่นเข้าขาดี มีเคมีที่ลงตัวกันมากๆ แฟนซีรีส์ทั้งในและต่างประเทศ จึงหลงใหลระเบิดกรี๊ดกันไม่หยุด ยิ่งได้เจอตัวจริงๆ จะพบความน่ารักน่าชิดใกล้เป็นทวีคูณ จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้งคู่จะบินไปๆ มาๆ ที่จีนอยู่เรื่อยๆ,กระแสความแรงเว่อร์ของคริส สิงโต บอกดังๆ เลยว่าไม่ธรรมดา แกรมมี่ไม่โง่พอที่จะปล่อยไป จึงจับทั้งคู่มาสานต่อความฟินแหลกใน โซตัสภาค 2 หรือโซตัสเอส Sotus S โดย ลิท ผดุง สมาจาร ผู้กำกับคนเดิม จะกลับมาตั้งใจทำงานคุณภาพทะลุจออีกครั้ง,โจ้ นครินทร์ นาคปรีชา โปรดิวเซอร์โซตัสเอส, เปิดใจกับบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ เรื่องราวจะเป็นช่วงเวลา 2 ปีต่อมา หลังจากที่ภาคแรกครับ ในช่วงที่ก้องภพ อยู่ปี 3 เป็นพี่ว้าก และอาทิตย์ที่เรียนจบไปพึ่งเริ่มทำงาน โดยทั้ง 2 คนต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไปด้วยกัน คาดว่าจะออกอากาศได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ครับ ส่วนโซตัสเอส Sotus S ตัว S ย่อมาจากอะไรนั้น ต้องให้คนดูไปเดากันเองก่อนนะครับ อดใจรออีกหน่อย เชื่อแน่ว่าแฟนคลับ คริส-สิงโต ต้องไม่ยอมพลาด โซตัสเอส Sotus S อย่างแน่นอน. | เป็นอีกคู่จิ้นฟินไกลจริง คริส พีรวัส แสงโพธิรัตน์ รับบทเป็นอาทิตย์ และ สิงโต ปราชญา เรืองโรจน์ เป็นก้องภพ จากซีรีส์ชายรักชาย | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | คริส พีรวัส แสงโพธิรัตน์,สิงโต ปราชญา เรืองโรจน์,สิงโต คริส Most Favorite TV Series of The Year,คริส สิงโต ไปจีน,กอสซิป | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1007834 |
สิ้น บี.บี. คิง ปิดตำนานราชาเพลงบลูส์ | นอกจากเสียงร้องจะสื่อถึงความผิดหวังของชายที่ถูกหญิงคนรักตีจาก เสียงกีตาร์อันบาดลึกในเพลง The thrill is gone ยังช่วยให้ผู้ฟังสัมผัสถึงความเจ็บปวดในรักที่ไม่สมหวังได้ลึกซึ้งกว่าการบรรยายเป็นถ้อยความใดๆ สำเนียงเหล่านี้คือทักษะในการเล่าเรื่องผ่านเสียงกีตาร์ อันเป็นเอกลักษณ์ของไรลีย์ บี. คิง หรือ บี.บี. คิง ตำนานมือกีตาร์ ที่ทั้งวงการยกย่องให้เป็นราชาแห่งดนตรีบลสู์ จิตวิญญาณในดนตรีบลูส์ของ บี.บี. คิง มาจากประสบการณ์ร่วมร้องเพลงในโบสถ์และการใช้แรงงานในไร่ฝ้ายตั้งแต่วัยเด็ก เสียงร้องเพลงของคนงานไร่ฝ้ายส่งอิทธิพลต่อรูปแบบการร้องและเล่นดนตรีของเขาในเวลาต่อมา เอกลักษณ์ในการดันสายและสั่นสายกีตาร์ไฟฟ้าได้อย่างบาดลึกและน่าฟัง ทำให้ บี.บี. คิง ได้รับการยกย่องให้เป็นต้นแบบของดนตรีแนวอิเล็กทริก บูลส์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับมือกีตาร์รุ่นหลัง ที่ต่อมาจะกลายเป็นผู้เปลี่ยนโฉมหน้าดนตรีร็อก ทั้ง จิมมี เฮนดริกซ์ จอร์จ แฮร์ริสัน เอริค แคลปตัน จนถึง สตีวี เรย์ วอห์น เกือบ 70 ปีในเส้นทางดนตรี บี.บี. คิง ฝากผลงานอันเป็นที่ยอมรับไว้มากมาย ทั้งการคว้ารางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ ถึง 15 ครั้ง ถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 10 มือกีตาร์ยอดเยี่ยมตลอดกาลของนิตยสาร Rolling Stone ถึง 2 ครั้ง และยังมีโอกาสเปิดการแสดงต่อหน้าผู้นำระดับโลกมาแล้วหลายครั้ง ทั้งการร่วมร้องเพลงกับประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า และเคยมอบลูซีล กีตาร์กิ๊บสันคู่ใจ ให้แก่สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 มาแล้ว แม้วัยจะล่วงเลยจนต้องเปิดการแสดงด้วยการนั่งเล่นกีตาร์มาหลายปี แต่บี.บี. คิงก็ยังคงเปิดการแสดงอย่างต่อเนื่องถึงปีละกว่า 250 รอบจนถึงวัย 80 ปี แต่ปัญหาสุขภาพจากโรคความดันและเบาหวาน ทำให้เขาเคยเป็นลมกลางเวทีมาแล้วในคอนเสิร์ตที่เมืองชิคาโกเมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่มือกีตาร์คนดังจะเสียชีวิตระหว่างนอนหลับที่บ้านพักด้วยวัย 89 ปีแม้บี.บี. คิงจะเคยกล่าวว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเพียงการสานต่อตำนานเพลงบลูส์ที่ศิลปินยุคก่อนสร้างสรรค์เอาไว้ แต่ผลงานของเขาก็มีส่วนสำคัญที่ส่งให้ดนตรีบลูส์ได้รับการเผยแพร่ไปยังผู้ฟังทั่วโลก ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าแม้บ้านเกิดของเขาอย่างรัฐมิสซิสซิปปีจะเป็นแหล่งกำเนิดเพลงบลูส์ แต่ตราบที่ความทุกข์ยากยังเกิดขึ้นกับผู้คนทั่วโลก เพลงบูลส์ก็จะยังคงขับขานเพื่อบรรเทาความเศร้าใจแก่ผู้ฟัง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีที่มาจากที่ใดก็ตาม | วงการดนตรีโลกเกิดการสูญเสียอีกครั้ง เมื่อ บี.บี. คิง มือกีตาร์ผู้เป็นสัญลักษณ์ของวงการเพลงบลูส์มาเกือบ 70 ได้เสียชีวิตลงแล้ว ถือเป็นการปิดฉากชีวิตของนักดนตรีผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาผู้ทำให้ดนตรีบลูส์ได้รับความนิยมไปทั่วโลก | ศิลปะ-บันเทิง | ตำนานมือกีตาร์,บี.บี. คิง,บี.บี. คิง เสียชีวิต,ราชาเพลงบลูส์,วงการเพลงบลูส์,ไรลีย์ บี. คิง | https://news.thaipbs.or.th/content/1662 |
เจอศพหนุ่มสุโขทัย ลื่นตกไปตายติดคาซอกหิน น้ำตกโตนงาช้าง | วันที่ 30 พ.ค. นายสมชัย แสงแก้ว หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง พร้อมเจ้าหน้าที่ และญาติของพี่น้องของ นายสุริยา เกลากลึง อายุ 18 ปี ชาว จ.สุโขทัย นักท่องเที่ยวที่สูญหายไป ขณะขึ้นไปเที่ยวบนชั้น 3 ของน้ำตกโตนงาช้าง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ได้ออกค้นหาอีกครั้ง โดยทำพิธีขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขาเพื่อให้เปิดทางหาตัวนายสุริยาให้พบ ใช้เวลาในการค้นหานานกว่า 2 ชั่วโมง,ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่พบร่างของ นายสุริยา จมอยู่ในแอ่งน้ำระหว่างชั้น 2 กับชั้น 3 โดยถูกกระแสน้ำพัดร่างเข้าไปอยู่ในซอกหิน ซึ่งเป็นจุดเดียวกันกับที่นักประดาน้ำของมูลนิธิกู้ภัยลงงมค้นหาเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความเสียใจของญาติพี่น้องที่ไปร่วมค้นหา,จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำร่างขึ้นมาจากแอ่งน้ำ นำศพส่งไปยังโรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียด เบื้องต้นคาดว่า ระหว่างที่นายสุริยา ขึ้นไปเล่นน้ำบนชั้น 3 อาจก้าวพลาด ประกอบกับโขดหินบริเวณหน้าผามีสภาพลื่น ทำให้พลัดตกลงไปในแอ่งน้ำที่ไหลเชี่ยวจากระดับความสูงประมาณ 30 เมตร และขณะเกิดเหตุไม่มีใครเห็น ทำให้จมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว,นายสมชัย แสงแก้ว หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามดูแลนักท่องเที่ยวอย่างดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกจะห้ามนักท่องเที่ยวขึ้นไปเล่นน้ำบนชั้น 3 และชั้น 4 ของน้ำตกอย่างเด็ดขาด เพราะเส้นทางลาดชันและโขดหินมีสภาพลื่น อาจเกิดอันตรายและเสี่ยงกับการเกิดน้ำป่าไหลหลากในกรณีฝนตกหนัก ซึ่งจะเกิดน้ำป่าได้ภายในเวลา 20 นาที. | เจอแล้วศพหนุ่มวัยรุ่นชาวสุโขทัยที่ขึ้นไปเที่ยวบนน้ำตกโตนงาช้าง อ.หาดใหญ่ แล้วหายไปหาตัวไม่เจอ ญาติทำพิธีขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขาขอให้เปิดทาง ก่อนที่ จนท.จะพบศพติดคาซอกหินระหว่างชั้น 2 กับชั้น 3 คาดลื่นพลัดตกลงไปไม่มีใครเห็น | null | เจอศพ,จมน้ำตก,น้ำตกโตนงาช้าง,สุริยา เกลากลึง,หาดใหญ่,สงขลา,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย,ข่าวสังคม | https://www.thairath.co.th/content/628596 |
ยึดทรัพย์ 100 ล้านบาท แก๊งมันทุกเม็ด | รวบ 4 ลูกสมุนคอยฟอกเงินตบตาปล่อยกู้พนันออนไลน์,ตำรวจ ปส.เปิดปฏิบัติการสยบไพรี 63/1 จู่โจมบุกค้นบ้านเครือข่ายยานรกแก๊ง ,มันทุกเม็ด, ย่าน จ.สมุทรปราการ รวบตัวผู้ต้องหาได้ 4 คน หลบหนีไปได้ 2คน ทั้งหมดทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารรับโอนค่ายาเสพติดนำมาฟอกเงิน ตรวจยึดทรัพย์สินทั้งเงินสด ทองคำ สมุดบัญชีธนาคาร รถยนต์หรู นาฬิกาข้อมือ และรถ จยย.รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ อ้างเป็นเงินจากการเล่นพนันที่บ่อนปอยเปตและรับหวยใต้ดิน,ปฏิบัติการบุกทลายเครือข่ายยาเสพติดแก๊ง มันทุกเม็ด ครั้งนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 16 ต.ค. เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี บช.ปส. เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามแผนสยบ ไพรี 63/1 ตัดเส้นทางการเงินเครือข่ายมันทุกเม็ด จู่โจมเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 129/72 หมู่บ้านชัยพฤกษ์ ซอยทรัพย์บุญชัย 28 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ หลังสืบทราบว่า เป็นบ้านของนายนฤพล ภาพพิธี และนางปัทมา บัวทอง สามีภรรยาผู้ร่วมกระบวนการที่เชื่อมโยงกับแก๊งมันทุกเม็ด มีหน้าที่เปิดบัญชีรับเงินโอนค่ายาเสพติดและทำธุรกรรมฟอกเงิน,ภายในบ้านพบเพียงพ่อและแม่ของนายนฤพล ส่วนนายนฤพลทราบว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เดินทางไปรักษาตัวที่ รพ.สมิติเวช กรุงเทพฯ มีนางปัทมา ภรรยาเดินทางไปด้วยกัน เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังอีกชุดไปจับกุมตัวทั้งคู่ไว้ได้ ก่อนเชิญตัวนางปัทมากลับมาที่บ้านหลังดังกล่าว ส่วนนายนฤพลอายัดตัวไว้ก่อนคุมตัวไปที่ รพ.ตำรวจ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวนางวิมล ชื่นชมวัฒนา ผู้ต้องหาเครือข่ายเดียวกันได้ที่บ้านย่าน ต.ท้ายบ้าน มาสอบสวนขยายผลด้วย จากการตรวจค้นในบ้านพบเงินสดกว่า 18 ล้านบาท ทองคำน้ำหนัก 40 บาท นาฬิกาข้อมือ 10 เรือน บัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆ 16 บัญชี รวมจำนวนเงิน 25 ล้านบาท รถยนต์หรู 9 คัน และรถ จยย. 4 คัน จากนั้นได้ดำเนินการยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 100 ล้านบาท,ต่อมาเวลา 09.30 น. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 พล.ท.กิตติธัช บุพศิริ ผอ.ศปป.2 กอ.รมน. เดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าวพร้อมร่วมกันแถลงผลการจับกุม พล.ต.ท.ชินภัทรกล่าวว่า สืบเนื่องจาก บก.ปส.3 กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สืบสวนติดตามพฤติการณ์ของนักค้ายาเสพติดรายสำคัญเครือข่ายนายปัณณวิชญ์ ประทุม หรือโก๋แก่ หัวหน้าแก๊งมันทุกเม็ด ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับคดียาเสพติดไปอยู่กับชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้าน โดยกลุ่มนายปัณณวิชญ์ได้จำหน่ายยาเสพติดโดยใช้โซเชียลเป็นช่องทางติดต่อกับลูกค้า ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า ก.โก๋มันทุกเม็ด จากการสืบสวนทราบว่า นายปัณณวิชญ์รับยาเสพติดมาจากกลุ่มเครือข่ายนายวีระ หมื่นจะดา ผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในภาคเหนือและเป็นหัวหน้าคอยควบคุมการขายยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง แม้ว่านายปัณณวิชญ์จะหลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ปรากฏข้อมูลว่ายังมีการสั่งการให้บุคคลในเครือข่ายขายยาเสพติดโดยใช้การสื่อสารทางโซเชียลอย่างต่อเนื่อง,ผบช.ปส.เผยต่อไปว่า ในห้วงที่ผ่านมา บก.ปส.3 ได้จับกุมนายมงคล หอมนาน กับพวก พร้อมของกลางยาบ้า 500,000 เม็ด ปรากฏพยานหลักฐานในคดีว่านายพงษ์พัฒน์ นิยมธรรมนิตย์ หรือบิว เป็นคนขายยาเสพติด โดยได้รับสั่งการจากนายปัณณวิชญ์ มีการชำระค่ายาเสพติดผ่านระบบธนาคารชื่อบัญชีนายศักดิ์ชัย กันต่าย บัญชีดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนจำนวนมากและมีการถอนโอนไปยังบัญชีอื่นๆที่สำคัญ 3 บัญชี ตรวจสอบทั้ง 3 บัญชีมีการทำธุรกรรมและมีเงินหมุนเวียนจำนวนมากเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่านายศักดิ์ชัยกับพวกทำหน้าที่ฟอกเงินให้กับกลุ่มนายปัณณวิชญ์และอาจจะทำธุรกิจเงินผ่อนหรือการพนันออนไลน์อันเป็นการทำธุรกรรมอำพรางร่วมกันในการรับโอนเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือการกระทำความผิดอื่นอันเป็นลักษณะการฟอกเงิน พนักงานสอบสวน บช.ปส.จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับกุม 6 คน ถูกจับกุมแล้ว 4 คนคือ นางวิมล ชื่นชมวัฒนา นายนฤพล ภาพพิธี นางปัทมา บัวทอง และนายมงคล หอมนาน ยังหลบหนี 2 คนคือนายศักดิ์ชัย กันต่าย และนายพงษ์พัฒน์ นิยมธรรมนิตย์,สอบสวนนางปัทมาอ้างว่า เงินทั้งหมดเป็นรายได้จากการเล่นการพนันที่บ่อนปอยเปต รับหวยใต้ดิน และเล่นพนันออนไลน์ ขณะที่นางวิมลให้การว่า ไม่ทราบว่าเงินทั้งหมดเป็นของใคร มีหน้าที่เพียงไปเบิกเงินจากธนาคารมาให้นางปัทมาซึ่งเป็นเพื่อนกันเท่านั้น แต่ละครั้งจะเบิกมาครั้งละไม่เกิน 5 ล้านบาท นำมาให้นางปัทมาที่บ้านหลังดังกล่าว ทำมาแล้วประมาณ 1 ปี ได้ค่าจ้างเดือนละ 1.5 หมื่นบาท ตำรวจคุมตัวทั้งหมดไปดำเนินคดี | ตำรวจ ปส.เปิดปฏิบัติการสยบไพรี 63/1 จู่โจมบุกค้นบ้านเครือข่ายยานรกแก๊ง มันทุกเม็ด ย่าน จ.สมุทรปราการ รวบตัวผู้ต้องหาได้ 4 คน | ข่าว,ทั่วไทย | แก๊งมันทุกเม็ด,ยึดทรัพย์,สยบไพรี,สมุทรปราการ,เครือข่ายยาบ้า,ฟอกเงิน,ข่าวหน้า1,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1683875 |
จาย ลุ้นชิงดำศึกยูซีไอ แทร็ก เวิลด์คัพ สนามที่ 4 ล่าตั๋วโอลิมปิก | หลังมีนักปั่นร่วมชิงชัยเพียง 26 คน พลเอกเดชา ชี้หากเข้าชิงฯ ได้จะมีคะแนนสะสมเพิ่มขึ้น 325-500 คะแนน โอกาสคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว จะเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น,วันที่ 6 ธ.ค.62 พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า จากการที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ส่งนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทยไปแข่งขันจักรยานประเภทลู่รายการ ยูซีไอ แทร็ก เวิลด์ คัพ 2019-2020 ทั้ง 6 สนาม ซึ่งการแข่งขันในสนามที่ 4 ที่เมืองเคมบริดจ์ ประเทศนิวซีแลนด์ แข่งขันระหว่างวันที่ 6-8 ธ.ค. ทีมนักปั่นไทยมีเพียง ทีเจ จาย อังค์สุทธาสาวิทย์ ลงแข่งในประเภทคีริน ประชาชนชาย,พลเอกเดชา กล่าวว่า ล่าสุด ฝ่ายเทคนิคของสมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลปรากฏว่าในสนามที่ 4 นี้ มีนักกีฬาจักยานลงแข่งขันเพียง 26 คนเท่านั้น โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ฮีต และละฮีตจะคัดเลือกเอาผู้ที่ได้อันดับ 1 และ 2 ผ่านเข้ารอบไปจำนวน 8 คน ขณะที่ผู้แพ้ ก็จะได้ไปแข่งขันรอบแก้ตัวอีกครั้ง ซึ่งจะแบ่งเป็น 4 ฮีตอีกเช่นกัน แต่คัดเอาเพียงอันดับ 1 ของแต่ละฮีต เข้ารอบอีก 4 คน รวมทั้งสิ้น 12 คนที่จะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ เมื่อเทียบกับสนามที่แล้ว ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง มีนักกีฬาเข้าแข่งขันมาถึง 41 คน ในรอบแรกต้องแบ่งออกเป็น 6 ฮีต โดย จาย ได้อันดับที่ 9 มาครอง,เมื่อดูรายชื่อของนักกีฬาในแต่ละฮีตก็ไม่หนักเท่าไร จาย น่าจะผ่านได้ตั้งแต่รอบแรก และคาดว่ามีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ 6 คนสุดท้ายได้ หาก จาย ทำได้สำเร็จ อย่างน้อยก็จะมีคะแนนสะสมอันดับโลกเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 325-500 คะแนน ทำให้ความหวังในการได้สิทธิ์ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น โดยจายจะลงแข่งขันในวันเสาร์ที่ 7 ธ.ค. นี้ โดยรอบแรกจะเริ่มเวลาประมาณ 08.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ผมจึงขอแรงใจพี่น้องประชาชนชาวไทยส่งมาเชียร์ จาย ให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย พลเอกเดชา กล่าว,สำหรับ จาย ล่าสุด มีคะแนนสะสมโลกอยู่อันดับที่ 10 มี 2,000 คะแนน ส่วนคะแนนสะสม โอลิมปิก แรงกิ้ง ของประเทศไทย อยู่อันดับที่ 17 มี 2,005 คะแนน. | จาย อังสุทธาสาวิทย์ มีลุ้นเข้ารอบชิงชนะเลิศประเภทคีริน ประชาชนชาย ในศึกจักรยานลู่รายการ ยูซีไอ แทร็ก เวิลด์ คัพ 2019-2020 สนามที่ 4 ที่ประเทศนิวซีแลนด์ | กีฬา,กีฬาอื่นๆ | เสธ.หมึก,พล.อ.เดชา เหมกระศรี,จาย อังค์สุทธาสาวิทย์,โอลิมปิก 2020,ยูซีไอ แทร็ก เวิลด์ คัพ 2019-2020,จักรยานประเภทลู่,จักรยานคีริน | https://www.thairath.co.th/sport/others/1720760 |
แดนสยามฉลาดกว่าจะชนะวีระพลเล็ก | กวางเพชร–สองฝั่งโขง–ร้อยปอนด์–ดี,เวทีลุมพินี วันศุกร์ที่ 8 มี.ค. (วันนี้) เป็นรายการมวย ศึกทรูโฟร์ยู+ศึกเกียรติเพชร จัดโดยโปรโมเตอร์ เสี่ยชุ้น พีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ คู่มวยคู่คี่ ทรูโฟร์ยู ถ่ายทอดสดเวลา 18.00-20.00 น. เก็บค่าดู 400–800–2,000 บาท ชัย ศิษย์ อ.บี้ ขอวิจารณ์ไปตามฝีมือดังนี้,ร้อยปอนด์ พยัคฆ์อรุณ มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าแม่นยำรุนแรงฉลาด จะชนะ มีโชค ป.เอี่ยมเฮง 117 ป.,สองฝั่งโขง เอฟ.เอ.กรุ๊ป มวยแข็งแกร่งเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอด จะชนะ เจริญฤทธิ์ ราไวย์มวยไทย 119 ป.,กวางเพชร มวยหูหนุ่มบางกระดี่ (แพ้ทีเคโอ ใกล้รุ่ง ศศิประภายิม ยก 3 ที่ รดน.) มวยเก่าแข็งแกร่งเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดเก๋าเกมกว่า จะชนะ บัลลังก์เงิน อ.ยุทธชัย (ชนะทีเคโอ กระบุรี บ้านไร่กางเขนดง ยก 3 ที่ ลพน.) มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกแม่นยำรุนแรงฉลาดแต่เสียดสียืดเยื้อกระดูกเป็นรองท้ายๆ 113 ต่อ 114 ป.,แดนสยาม ครูดามยิมส์ (ชนะคะแนน ศักดิ์ศรี เกียรติหมู่ 9 ที่ ลพน.) มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฉลาดกว่า จะชนะ วีระพลเล็ก เอ็กซินดิคอนยิมส์ (ชนะคะแนน ปานเพชร ไฟต์เตอร์มวยไทย ที่ ลพน.) มวยแข็งแกร่งเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดแต่ช้ากว่า 116 ต่อ 117 ป.,แสนไกร (ส.ไกรเวช) ส.สละชีพ มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฉลาดกว่า จะชนะ เพชรเอก (ฟ้ามีชัย ส.เพชรจำรัส) เกียรติจำรูญ 104 ป.,อรรถชัย ร.ร.กีฬาลำปาง มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตี รุนแรงมีฮึดตลอด จะชนะ หยกคีรี ทีเอ็นมวยไทย 112 ป.,กล้าผจญ ลูกบ้านใหม่ มวยทรหดเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกปล้ำตีรุนแรงเก๋าเกมกว่า จะชนะ อิทธิพล สิงห์มาวิน 108 ป.,แดนพิชิต พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฉลาดหลักเหลี่ยมดีกว่า จะชนะ แสนชัยน้อย ทนายมิเชล 116 ป.,หนึ่งธรณีร.ร.กีฬาลำปาง มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีคล่อง จะชนะ ต้นกล้า มวยหูเสือล็อกเก้า 100ป.,ชัย ศิษย์อาจารย์บี้ | เวทีลุมพินี วันศุกร์ที่ 8 มี.ค. (วันนี้) เป็นรายการมวย ศึกทรูโฟร์ยู+ศึกเกียรติเพชร จัดโดยโปรโมเตอร์ เสี่ยชุ้น พีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ คู่มวยคู่คี่ ทรูโฟร์ยู | null | มวย,พีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์,เวทีลุมพินี,ทรูโฟร์ยู,เสี่ยชุ้น,ชี้มวยเด็ด,ชัย ศิษย์อาจารย์บี้ | https://www.thairath.co.th/sport/boxing-mma/1513520 |
ไม่อยากให้เสียใจ | กรณีสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจไล่ออกรองผู้จัดการสมาคม ซึ่งควบตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบัญชีด้วย หลังตรวจพบปลอมแปลงเอกสารทางการเงิน เพื่อกระทำความผิดอาญาฐานลักทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสาร เบียดบังเอาเงินในบัญชีสมาคมฯไปนับสิบล้านบาท โดยอยู่ในกระบวนการแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีอาญาจนถึงที่สุด และเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งทั้งหมด,ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่และเป็นกรณีตัวอย่างให้บรรดาเจ้านายทั้งหลายว่า อย่าให้ความไว้วางใจใครมากเกินไป และควรตั้งอยู่ในความ ไม่ประมาท เรื่องเงินเรื่องทอง ต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วน,ตอนเกิดเรื่อง สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจได้คุยกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่ดูแลบัญชีให้ แบงก์เล่าว่าเจอเคสแบบนี้เยอะมาก ทั้งเลขาโกงเจ้านาย และฝ่ายบัญชีโกงเงินบริษัท,ฉะนั้น อย่าให้ฝ่ายบัญชีกับการเงินเป็นคนเดียวกัน อย่าได้เซ็นเอกสารการเงินไว้ล่วงหน้าก่อนกรอกตัวเลข หรือเวลากรอกตัวเลขและตัวหนังสือ ก็ต้องขีดหน้า-ขีดหลังให้ชัด อย่าให้มีช่องว่างไว้,พอคุยกับทนาย ทนายก็ยืนยันว่า คดีแบบนี้มีเยอะมาก ล้วนแต่เป็นคนไว้ใจและทำงานกันมานาน จนรู้ช่องทาง จึงห้ามไว้ใจคนจนเกินไป ห้ามให้ถือบุ๊กแบงก์ และต้องตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบัญชีตลอด,เพราะคนเรารู้หน้า ไม่รู้ใจ ยิ่งเป็นพวกติดหวย แทงบอล หรือ เล่นแชร์ลูกโซ่ ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม เชิญให้ออกไปเสีย ไม่เช่นนั้นก็อาจจะต้องเสียใจแบบสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ. | ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่และเป็นกรณีตัวอย่างให้บรรดาเจ้านายทั้งหลายว่า อย่าให้ความไว้วางใจใครมากเกินไป และควรตั้งอยู่ในความ ไม่ประมาท เรื่องเงินเรื่องทอง ต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วน | ข่าว,เศรษฐกิจ | สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ,ยักยอกทรัพย์,ไล่ออก,ฉ้อโกง,พนักงาน,ปลอมแปลงเอกสารทางการเงิน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/business/1542810 |
ม.มหิดล ริเริ่มสอนกู้ชีพออนไลน์ พร้อมเตรียมเปิดศูนย์ฝึกตั้งเป้า นศ.ทุกคนทำ CPR เป็น | เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม การศึกษาจึงต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง โดยจำเป็นต้องเพิ่มทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ให้กับนักศึกษา ทั้งในด้านความรู้เกี่ยวกับโลก ตลอดจนความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการเป็นพลเมืองที่ดีรัฐบาลกำหนดให้วันที่ 26 ธ.ค. ของทุกปีเป็นวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ เพื่อให้ทุกฝ่ายรำลึกถึงวันที่ประเทศไทยได้ประสบภัยพิบัติครั้งรุนแรง และกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบจากภัยพิบัติ จะได้ร่วมกันเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติ และดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ซึ่งหลายคนรอดพ้นจากนาทีวิกฤติของชีวิตจากการทำ CPR (Cardiopulmonary resuscitation) หรือการกู้ชีพจากการเป็นมหาวิทยาลัยไทยที่ดีที่สุดทางด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ ปี 2020 จากการจัดอันดับของTimes Higher Education (THE) มหาวิทยาลัยมหิดลคาดหวังให้นักศึกษาทุกคนสามารถทำ CPR หรือการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานได้ ตามดำริของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ที่มองว่าการทำ CPR เป็นทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่21 สำหรับนักศึกษา โดยสามารถนำความรู้ด้านสุขภาพ ไปทำหน้าที่พลเมืองที่ดีของสังคมได้มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นสถาบันที่เกิดจากการเป็นโรงเรียนแพทย์ เป็นความคาดหวังของคนในสังคมในเรื่องของการแพทย์ เราจึงคิดริเริ่มให้นักศึกษาทุกคนได้เรียนรู้การทำCPR หรือกู้ชีพเบื้องต้น เพื่อทำประโยชน์ต่อสังคม ช่วยเหลือผู้ป่วยที่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ซึ่งอาจเสียชีวิตได้โดยไม่รู้ตัวหากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกวิธีในเบื้องต้นได้ทันท่วงที โดยเราจะเป็นที่แรกที่ตั้งเป้าว่านักศึกษาทุกคนจะต้องผ่านการอบรม CPR ขั้นพื้นฐาน โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นนักศึกษาแพทย์ แต่อย่างน้อยได้เรียนรู้วิธีการที่จะช่วยชีวิตผู้ประสบภัยยามฉุกเฉินได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งรวมถึงความสามารถในการใช้เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจชนิดอัตโนมัติ AED ที่อยู่ใกล้ตัวด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ กล่าวผู้ช่วยศาสตราจารย์ เรืออากาศโท ทันตแพทย์ชัชชัย คุณาวิศรุต รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเสริมว่า กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้พัฒนาพื้นที่หอพักนักศึกษามหิดล (ศาลายา) ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 โดยได้มีการเตรียมจัดสร้างห้อง Mahidol BLS (Basic Life Support) Training Centerไว้เพื่อเป็นพื้นที่ฝึกการกู้ชีพเบื้องต้นให้กับนักศึกษาฝึกทำCPR และใช้เครื่อง AED โดยจะมีอุปกรณ์ที่ช่วยในการฝึกช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานพร้อมติดตั้ง ได้แก่ หุ่นฝึกช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน จำนวน 30 ชุด และอุปกรณ์แสดงผลจำนวน 6 ชุด รวมทั้งเครื่อง AED ใน 4 แบบ รวมจำนวน 30 เครื่อง ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปลายเดือนมกราคม 2563 และจะเสร็จสิ้นประมาณปลายเดือนมีนาคม2563เรามีวิชา กู้ชีพ กู้ใจ ใครๆ ก็ทำได้ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเองแบบออนไลน์ เป็นรายวิชาที่สอนการกู้ชีพขั้นพื้นฐานและวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยเนื้อหาวิชากล่าวถึงหลักความปลอดภัยก่อนเข้าช่วยเหลือผู้ป่วย การกู้ชีพขั้นพื้นฐานรวมทั้งการใช้เครื่อง AED ได้อย่างถูกต้อง เป็นวิชาที่จะทำให้ใครๆ ก็สามารถให้การช่วยชีวิต หรือปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ เปิดให้ผู้สนใจทั่วไปลงทะเบียนฟรีที่www.thaimooc.org ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เรืออากาศโททันตแพทย์ชัชชัย คุณาวิศรุต กล่าวนอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉิน หรือ Mahidol University Emergency Response Team (MUERT) ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายาโดย นายสรวิชญ์ วัชรกิจไพศาล ซึ่งปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลและเป็นนักศึกษาประจำหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉิน ได้เล่าถึงการทำงานของหน่วยว่า มีนักศึกษาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์มาประจำหน่วยหมุนเวียนเปลี่ยนเวรกันตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากสาขาวิชาที่เรียนเกี่ยวกับด้านการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินโดยตรง โดยมีทำงานกันเป็นระบบ และประสานงานร่วมกับศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 ซึ่งทุกคนในทีมพร้อมที่จะให้การดูแลเบื้องต้นแก่ผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที ก่อนที่จะมีการส่งต่อไปรักษายังสถานพยาบาลที่เหมาะสมต่อไปหลักการทำ CPR เบื้องต้น เริ่มจากการประเมินผู้ป่วยว่ารู้สึกตัวหรือไม่ ด้วยการปลุกดังๆ และขอความช่วยเหลือ โดยโทร 1669 เพื่อเรียกแพทย์ฉุกเฉิน และขอเครื่อง AED มาใช้กระตุ้นหัวใจผู้ป่วย ระหว่างรอให้กดหน้าอกปั๊มหัวใจผู้ป่วยไปด้วย โดยวางส้นมือ 2 ข้าง ซ้อนกันกลางกระดูกหน้าอกกดลึก 5 - 6 ซม. ด้วยความเร็ว 100 - 120 ครั้ง/นาที ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าทีมช่วยเหลือจะมาถึง ซึ่งการใช้เครื่อง AED ให้ติดแผ่นนำไฟฟ้าบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้าด้านขวา และชายโครงด้านซ้าย และทำตามคำแนะนำของเครื่อง โดยระหว่างติดแผ่นนำไฟฟ้า ห้ามสัมผัสตัวผู้ป่วยซึ่งจากการบอกเล่าของนักศึกษารายหนึ่งที่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นจนหมดสติไปในขณะวิ่งออกกำลังที่สนามกีฬา และได้รับการช่วยเหลือจนรอดชีวิตด้วยการทำ CPR ประกอบกับการใช้เครื่อง AED เมื่อประมาณต้นปี 2562 ยืนยันว่า CPR เป็นเรื่องใกล้ตัว อาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถึงเเม้จะเป็นผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอก็สามารถเสี่ยงต่ออาการดังกล่าวได้ ซึ่งการฝึก CPR เปรียบเสมือนยาสามัญประจำบ้านที่สามารถต่อลมหายใจของใครหลายคนได้จริงๆ | 22 ธ.ค. 2562 งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา รายงานว่าโลกในศตวรรษที่ 21 มีความแตกต่างจากโลกในศตวรรษที่ผ่านมาในทุกด้าน | สังคม,การศึกษา,คุณภาพชีวิต | มหาวิทยาลัยมหิดล,สุขภาพ,CPR,การแพทย์ฉุกเฉิน | https://prachatai.com/journal/2019/12/85635 |
ททท.เปิดตัว ขุมทรัพย์ท่องเที่ยวไทย ดัน ศก.ฐานราก มุ่งสู่ความยั่งยืน | เมื่อวันที่ 21 ส.ค.62 น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประธานการแถลงข่าว กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะที่เป็นหน่วยงานด้านการส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวไทย จึงได้สร้างกลยุทธ์ดำเนินการส่งเสริมด้านการตลาด และประชาสัมพันธ์สินค้า และบริการด้านการท่องเที่ยวไทย เพื่อให้ตลาดท่องเที่ยวของประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ได้สร้างเม็ดเงินและความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศกว่า 3.08 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก,ทั้งนี้ในการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง ททท.จึงพลิกโฉมกลยุทธ์การนำเสนอขายสินค้าท่องเที่ยว ด้วยการเจียระไนแหล่งท่องเที่ยวเดิม และค้นหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ภายใต้กระบวนการพัฒนาแบบ 360 องศา เพื่อเป็นการกระจายข้อมูลด้านการท่องเที่ยวใหม่ๆ และก่อให้เกิดการเดินทางในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเปิดตัวโครงการ ขุมทรัพย์ท่องเที่ยวไทย (Tourism Treasures Throughout Thailand) ที่จะใช้เป็นแผนในการดำเนินงานของ ททท.ในช่วงครึ่งปีหลังนี้,สินค้าท่องเที่ยวภายใต้กระบวนการพัฒนาแบบ 360 องศา นี้แบ่งตามประเภทสินค้าการท่องเที่ยว ได้แก่,ประเภทที่ 1 สินค้าท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ ป่าไม้ เส้นทางเดินป่า หาดทราย ชายทะเล เป็นต้น โดยแต่ละภูมิภาคต่างมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลาย ซึ่งในปัจจุบันมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว และพร้อมสร้างประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน,ประเภทที่ 2 สินค้าท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวที่มีอัตลักษณ์ การท่องเที่ยวชุมชน ที่สร้างประสบการณ์ (Local Experience) รวมถึงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นไทยอย่างสมบูรณ์,ประเภทที่ 3 สินค้าท่องเที่ยวเชิงมูลค่า เป็นกลุ่มสินค้าท่องเที่ยวที่สร้างมูลค่า และเกิดรายได้จากการใช้บริการ เช่น การท่องเที่ยวของคู่แต่งงาน-ฮันนีมูน, การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม การท่องเที่ยวทางน้ำสไตล์หรูหรา ล่องเรือยอร์ชชมทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามัน เป็นต้น,ประเภทที่ 4 สินค้าท่องเที่ยวความสนใจพิเศษ (Niche Market) เช่น ท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงอาหาร ท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ เช่น Music Festival ขณะนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่จัดมหกรรมดนตรีระดับนานาชาติได้โดดเด่น และถูกใจชาวต่างชาติ โดยได้เดินทางมาท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ พร้อมกับร่วมกิจกรรมนันทนาการไปพร้อมๆกัน,กลยุทธ์นี้จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วไทยไปได้ทุกวันมากขึ้น กระจายรายได้ทางการท่องเที่ยวสู่ชุมชน นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม โดยที่ผ่านมา ททท.ได้ดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยอย่างรอบด้าน ทั้งด้าน Demand และ ด้าน Supply ในส่วนของ Demand ได้กระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยว และผลักดันให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวอย่างลึกซึ้งถึงระดับชุมชน ผ่านกิจกรรมการตลาดและสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ,สำหรับด้าน Supply มีการเตรียมความพร้อมด้วยการลงพื้นที่ ดำเนินการวิเคราะห์และวิจัยตลาด ส่งเสริม และสร้างสรรค์แหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน สร้างเครือข่ายและองค์กรเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนที่เกี่ยวข้อง จัดอบรมมอบองค์ความรู้ด้านการตลาดแก่คนในชุมชน และยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการในท้องถิ่น สามารถนำไปต่อยอดและสร้างอัตลักษณ์แก่สินค้าท่องเที่ยว พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน,กิจกรรมของโครงการขุมทรัพย์ท่องเที่ยวไทย นอกจากการสร้างเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ การเจาะลึกถึงพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ โครงการนี้ยังมีการจัดทำแหล่งข้อมูลทางเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/tourismtreasures โดยร่วมกับ TikTok ผู้นำด้านแอปพลิเคชั่นวีดีโอ ที่มีผู้ใช้งานกว่าพันล้านคนทั่วโลก ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยเผยแพร่วีดีโอกิจกรรมขุมทรัพย์ท่องเที่ยวไทย ไปยังนักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมจัดทำ Content นำเสนอขุมทรัพย์ท่องเที่ยว และการสร้างระบบขุมทรัพย์ท่องเที่ยวที่เหมาะกับผู้ใช้งานแต่ละคน,ททท.หวังว่าโครงการ ขุมทรัพย์ท่องเที่ยว หรือ Tourism Treasures Throughout Thailand จะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทย ไปได้ทุกวัน ขยายตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ สร้างโอกาสให้กับแหล่งท่องเที่ยวในทุกจังหวัดของประเทศไทย ยกระดับสินค้าการท่องเที่ยว สร้างมูลค่าเพิ่มด้านการท่องเที่ยว มีช่องทางการตลาดที่จะหารายได้เพิ่มจากการท่องเที่ยว เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งและยั่งยืน สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมชมได้ที่ www.tourismthailand.org/tourismtreasures | ททท.เปิดตัว ขุมทรัพย์ท่องเที่ยวไทย พลิกโฉมสินค้าท่องเที่ยว ดันเศรษฐกิจตั้งแต่ฐานราก สร้างความเข้มแข็ง กระจายรายได้ทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำให้ประชาชน | ข่าว,ทั่วไทย | ททท.,การท่องเที่ยว,ท่องเที่ยว,ท่องเที่ยวไทย,เที่ยวชุมชน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/1643060 |
กรมสุขภาพจิตห่วงคนไทยเสี่ยงเป็นโรคติดการพนัน | จากการสำรวจตัวอย่างกลุ่มผู้หญิงช่วงอายุต่ำกว่า 20 ปีและ 20 ปีขึ้นไป จำนวน 1000 คนพบว่า ร้อยละ 62.5 เคยเล่นการพนัน แม้รู้ว่าผิดกฎหมาย โดยในกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เคยพนันบอลแล้วร้อยละ 40.6 และเมื่อแยกตามอาชีพพบว่ากลุ่มว่างงานมีจำนวนมากที่สุดร้อยละ 75 รองลงมาคือข้าราชการรัฐ วิสาหกิจ ร้อยละ 70 ขณะที่นักเรียนนักศึกษาอยู่ที่ร้อยละ 49 โดยมีสาเหตุเพื่อความสนุกมากถึงร้อยละ 55 รองลงมาคือเล่นตามเพื่อนหรือแฟนร้อยละ 53 และชอบความตื่นเต้นร้อยละ 46 นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 23 ยืนยันว่า มีคนในครอบครัวเล่นพนันบอล และร้อยละ 23 เข้าถึงแหล่งพนันบอลได้ง่ายมาก โดยร้อยละ 20 จะติดตามอัตราการต่อรอง วิเคราะห์ ผลการแข่งขัน ร้อยละ 16 พูดคุยผลการแข่งขันและอัตราต่อรอง ร้อยละ 13 เคยคิดหาเงินด้วยการพนันบอล ซึ่งผลกระทบจากการติดตามการแข่งขันพบว่าร้อยละ 48 ป่วย เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ ร้อยละ 41 ต้องหยุดงานหรือเรียน ร้อยละ 31 มีหนี้สิน ร้อยละ 16 ถูกทำร้ายร่างกาย ร้อยละ 15 ใช้หนี้ด้วยการค้ายาเสพติดและขายบริการทางเพศและร้อยละ 11 เคยพยายามฆ่าตัวตาย ขณะที่ผลสำรวจของกรุงเทพโพลมหาวิทยาลัยกรุงเทพ พบว่า ร้อยละ 27.5 มีความคิดที่จะเล่นพนันบอล โดยพบมากในกลุ่มอายุ 15-25 ปีร้อยละ 10.1 รองลงมาอายุ 26-35 ปี ร้อยละ 8.9 และอายุ 36-46 ปีร้อยละ 5.6 โดยจำนวนเงินที่คาดว่าจะเล่นแต่ละครั้ง มีตั้งแต่ 50 บาท ถึง 500 บาท ในขณะที่กรมสุขภาพจิตได้แสดงความเป็นห่วงว่าคนไทยมีความเสี่ยงต่อการเป็น โรคติดพนัน (Pathological Gambling) มาก ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม และระบบสารเคมีในสมองผิดปกติ ทำให้บุคคลรู้สึกตื่นเต้นและสนุกสนานอยู่กับการเล่นพนัน แต่อีก 2 สาเหตุสำคัญ ก็คือ สิ่งแวดล้อม และสิ่งยั่วยุต่าง ๆ โดยเฉพาะการนำเสนอของสื่อมวลชน ที่มีการวิเคราะห์เกมการเล่นของแต่ละทีม และทำนายแนวโน้มผลการแข่งขัน จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดการอยากเล่นพนันมากขึ้น โดยโรคติดพนันถือเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ที่ผู้ป่วยไม่สามารถต่อต้านแรงกระตุ้น หรือความต้องการของตัวเองได้ และจะหมกมุ่นอยู่กับการเล่นพนัน ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในด้านต่าง ๆ สำหรับวิธีการรักษาในกลุ่มที่เริ่มติดพนัน ควรใช้จิตสังคมบำบัด ด้วยการให้คำแนะนำ ให้กำลังใจและดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ส่วนในกลุ่มที่ป่วยเป็นโรคติดพนันแล้ว จะต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัดจากสถาบันจิตเวช เพื่อรักษาให้หายขาด ส่วนนายจะเด็ด เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง | กรมสุขภาพจิตขอสื่อมวลชนงดการนำเสนอข่าว ที่มีการวิเคราะห์เกมการเล่นและทำนายแนวโน้มผลการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 เกรงจะกระตุ้นให้เกิดการเล่นพนันมากขึ้น ขณะที่เครือข่ายครอบครัว เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ปัญหาการพนันฟุตบอลอย่างจริงจัง หลังสำรวจพบ ผู้หญิงในทุกกลุ่มอาชีพเกินร้อยละ 60 เคยเล่นพนันบอล และเป็นนักศึกษาถึงร้อยละ 49 | สังคม | กรมสุขภาพจิต,ผลสำรวจ,พนันบอล,ฟุตบอลยูโร 2012,โรคติดการพนัน | https://news.thaipbs.or.th/content/90210 |
หาม ศรเพชร ส่ง รพ.ด่วน วูบคาคอนเสิร์ตที่อ่างทอง | เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 1 ม.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ศรเพชร ศรสุพรรณ ได้เกิดอาการอาเจียนเป็นเลือด วูบแล้วสลบลงไปขณะที่จะขึ้นทำการแสดงงานประจำปี วัดเรไร ต.สีบัวทอง อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ทางด้านลูกสาวลูกชายและนักแสดงในคณะศรเพชร ได้เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลแสวงหา เนื่องจากอาการศรเพชรมีอาการอาเจียนเป็นเลือด ทางโรงพยาบาลแสวงหาจึงนำตัวส่งต่อโรงพยาบาลอ่างทองเพื่อทำการรักษา,น.ส.เพ็ญพรรณ คล้ายละมั่ง อายุ 32 ปี ลูกสาว เปิดเผยว่า ศรเพชร ศรสุพรรณ หรือ ชื่อจริง นายบุญทัน คล้ายละมั่ง อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 161/59 ซอยจรัญ 27 แขวงบางขุนพรหม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ได้รับว่าจ้างในการแสดงงานประจำปีขึ้นปีใหม่ที่วัดเรไร ต.สีบัวทอง อ.แสวงหา จ.อ่างทอง และในเวลา 10.00 น.วันนี้ (1 ม.ค.58) ขณะที่จะขึ้นทำการแสดงนั้นศรเพชร ได้เกิดการอาเจียน เป็นเลือดหลายครั้งจนสลบลงไป ทางลูกๆ พร้อมนักแสดงในวงจึงได้เร่งนำส่งโรงพยาบาลแสวงหา เนื่องจากมีการเสียเลือดเยอะทางโรงพยาบาลแสวงหาจึงนำตัวส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลอ่างทอง,ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ช่วงปลายปี2553 ศรเพชร ศรสุพรรณ ได้ล้มป่วยเข้ารักษาตัวที่รพ.ศิริราช แพทย์ตรวจพบก้อนเนื้อในกระเพาะอาหาร อาการหนักจนต้องผ่าตัด และทางครอบครัวได้ประกาศรับบริจาคเลือดกรุ๊ปบี เนกาทีฟ (B negative) จากนั้นในช่วงปี2555 หลังจากแข็งแรงขึ้น ศรเพชร ได้กลับมารับงานอีก โดยเจ้าตัวบอกว่า มีงานแทบทุกวัน จนกระทั่งล่าสุดอาการกำเริบจนถึงขั้นอาเจียนเป็นเลือดดังกล่าว,สำหรับ ศรเพชร เป็นนักร้องเชียร์รำวงของคณะดำ แดนสุพรรณโดยมีนายเลี้ยง กันชนะ เป็นผู้ชักนำเข้าวงการเพลงลูกทุ่ง ต่อมาได้ โผผิน พรสุพรรณ เพลงแรกที่สร้างชื่อเสียงให้อย่างมาก คือ เพลงข้าวไม่มีขาย ที่ทำให้เขาได้รับรางวัล นักร้องดีเด่นเสาอากาศทองคำ จาก ส.ส.ส. ปี พ.ศ. 2518 ส่วนเพลงที่เป็นที่รู้จักกันมากก็อย่างเช่นหยิกแกมหยอก, เข้าเวรรอ, มอเตอร์ไซค์ทำหล่น, ไอ้หวังตายแน่, ใจจะขาด, อภัยให้เรียม, เสียดายเรียม, เสียน้ำตาที่คาเฟ่, รักมาห้าปี เป็นต้นแต่ที่ดังสุดๆ ก็คือ เข้าเวรรอ และมอเตอร์ไซค์ทำหล่น หลายคนคงจำได้ว่าท่อนแรกของเพลงนี้ที่ร้องว่า แฟนของใคร มอเตอร์ไซค์ทำหล่น หรืออีกเพลงหนึ่งที่ตลกคาเฟ่ชอบเอาไปเล่นกันนั่นคือ ใจจะขาดแล้วเอ๊ย. | หามนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ศรเพชร ศรสุพรรณ ส่งโรงพยาบาล หลังอาเจียนเป็นเลือด วูบสลบ ขณะจะขึ้นแสดงงานประจำปีวันปีใหม่ วัดเรไร อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ลูกน้องในวงเกาะติดอย่างใกล้ชิด | ข่าว,ทั่วไทย | ศรเพชร ศรสุพรรณ,ศรเพชร,วูบ,อาเจียนเป็นเลือด,นักร้องลูกทุ่ง,ลูกทุ่ง,แสวงหา,อ่างทอง,บุญทัน คล้ายละมั่ง,วัดเรไร,ไทยรัฐ | https://www.thairath.co.th/news/local/472307 |
พิชัย ย้อน สมคิด ดูการเติบโตของเพื่อนบ้าน ก่อนบอก ศก. ไทยฟื้น | วันที่ 24 ก.ย.59 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ดูแลเศรษฐกิจ ออกมาบอกว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 โตได้ 3.5% จากฐานปีก่อนๆ ที่ต่ำ เป็นประเทศเดียวในโลกที่ทำได้ ก็อยากให้นายสมคิด ได้ไปดูเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน ในไตรมาส 2 ที่โตสูงกว่าไทยมาก เช่น ลาว โต 7% เขมร โต 6.9% พม่า โต 8% เวียดนาม โต 5.6% อินโดนิเซีย โต 5.18% ฟิลิปปินส์ โต 7% มาเลเซีย โต 4% เป็นต้น ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ ปีก่อนๆ ก็โตกว่าไทยมาก นายสมคิดน่าจะทราบดีว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยมาจากฐานที่ต่ำมากในปีก่อนๆ ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ควรภูมิใจ เพราะการจะทำให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่องทุกปีแบบประเทศเพื่อนบ้านทำได้ยากกว่ามาก โดยไอเอ็มเอฟ บอกเลยว่า ไทยยังโตต่ำกว่าศักยภาพมาก,อีกทั้งล่าสุด ไอเอ็มเอฟยังห่วงอีกว่า การลงทุนในภาคเอกชน ทั้งในประเทศและจากต่างประเทศของไทยหดหายไปมาก และจะเป็นปัญหาในอนาคต ซึ่งตรงกับที่ตนเคยเตือนมาโดยตลอด และเห็นด้วยว่า การช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานรากเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อช่วยเหลือประชาชนส่วนใหญ่ และอยากให้มีแผนงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง,ทั้งนี้ เศรษฐกิจจะไม่สามารถขยายตัวตามศักยภาพและต่อเนื่องได้เลย ถ้ากลจักรทางเศรษฐกิจยังไม่สามารถขับเคลื่ยนได้ครบโดยเฉพาะการลงทุนและการส่งออกที่มีสัดส่วนของจีดีพีสูงและยังไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวแต่อย่างใด โดยกระทรวงการคลังเริ่มกังวลว่าเศรษฐกิจเริ่มแผ่วแล้ว และธนาคารแห่งประเทศก็ห่วงว่าเศรษฐกิจอาจจะโตไม่ได้ตามที่คาดหวังไว้,ดังนั้น จึงอยากให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดโดยด่วน อย่าหลงคิดว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว และใครก็ตามที่บอกว่าเศรษฐกิจดีแล้วก็อยากให้ไปสอบถามประชาชนส่วนใหญ่ เพราะหากดูจากทุกผลการสำรวจ จะพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก | พิชัย แนะ สมคิด ดูการเติบโตของประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนบอกไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่ทำได้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่อง ยากกว่าการขยายตัวจากฐานเดิมที่ต่ำ ย้ำ เศรษฐกิจยังไม่ดี เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ถูกจุด | null | พิชัย นริพทะพันธุ์,อดีต รมว.พลังงาน,สมคิด จาตุศรีพิทักษ์,เศรษฐกิจไทย,การเติบโตของเศรษฐกิจไทย,จีดีพี,ไอเอ็มเอฟ,ลงทุน,ส่งออก,เศรษฐกิจฐานราก | https://www.thairath.co.th/content/732685 |
ฟอร์บส์: สิงคโปร์รวยที่สุดอันดับสามในโลก | ได้จัดให้ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่รวยที่สุดอันดับสามของโลก รองมาจากการ์ตาและลักเซมเบิร์กตามลำดับ การจัดลำดับดังกล่าวของฟอร์บส์ ใช้สถิติที่คำนวณจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF โดยดูจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ต่อหัวต่อปี (GDP (PPP)) ที่ปรับตามความเท่าเทียมของอำนาจซื้อ ฟอร์บส์จัดให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่รวยที่สุดอันดับที่สาม ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี การผลิตและการเงินที่มี GDP (PPP) ต่อปีสูงถึง 56700 ดอลลาร์สรัฐ ในขณะที่ประเทศการ์ตาซึ่งรวยที่สุดในโลก มี GDP (PPP) อยู่ที่ 88000 ดอลลาร์สหรัฐ จากการที่มีทรัพยากรแหล่งน้ำมันใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของโลก การ์ตามีประชากรราว 1.7 ล้านคน ส่วนประเทศที่รวยที่สุดเปนอันดับสอง คือ ลักเซมเบิร์ก ที่มีประชากรราว 5 แสนคน มี GDP (PPP) อยู่ที่ 81000 ดอลลาร์สหรัฐ ด้วยการเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่มีความได้เปรียบด้านการหลบเลี่ยงภาษี เนื่องจากมีกฎหมายที่ปกปิดความลับทางการธนาคาร อย่างไรก็ตาม ฟอร์บส์อ้างคำพูดของผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ Gian Luca Clementi แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ว่าตัวเลขดังกล่าวนั้นต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมีปัจจัยหลายด้าน เช่น คุณภาพของสินค้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ที่จะทำให้การเปรียบเทียบตัวเลขจีดีพีไม่ตรงตามความเป็นจริง ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ติดสิบอันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ในอันดับ 6 - 10 ตามลำดับ ส่วนประเทศที่ยากจนที่สุดของโลก ฟอร์บส์จัดให้ประเทศในทวีปแอฟริกาที่มีความเปราะบางทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ได้แก่ บูรุนดิ (Burundi) ไลบีเรีย และสาธารณรัฐคองโก ยากจนที่สุด โดยมีจีดีพีต่อหัวต่อปีอยู่ที่ 400 386 และ 312 ดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ | นิตยสารฟอร์บส์จัดอันดับประเทศที่รวยที่สุดในโลก เผยสิงคโปร์รวยสุดอันดับสามรองจากการ์ตาและลักเซมเบิร์ก ตามมาด้วยนอร์เวย์และบรูไน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐอเมริกา | คุณภาพชีวิต,ต่างประเทศ,เศรษฐกิจ | การกระจายรายได้,ความยากจน,ความเหลื่อมล้ำ,บรูไน,ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ,ฟอร์บส์,รายได้ต่อหัว,ลักเซมเบิร์ก,สิงคโปร์,เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | https://prachatai.com/journal/2012/02/39422 |
เลขาฯศาล รับ เด็ก-เยาวชน ก่อคดียาเสพติดจำนวนมาก หลังพบช่องว่างของ ก.ม. | จากกรณีที่ปัจจุบันกลุ่มนักค้ายาเสพติดนิยมใช้เด็กและเยาวชนเป็นผู้ขนส่งยาบ้าคราวละมากๆ เพราะเมื่อเด็กถูกจับก็จะเข้าสู่ระบบกฎหมายวิธีพิจารณาคดีเยาวชน คือนำไปบำบัดฟื้นฟู และไม่มีประวัติการกระทำความผิด จึงสบช่องทำให้เด็กเข้าสู่วงจรการค้ายามากขึ้น,นายอธิคม อินทุภูติ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เผยว่า ยอมรับว่าขณะนี้มีรายงานจากศาลทั่วประเทศว่า มีเด็กและเยาวชนถูกจับในฐานมียาเสพติดไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นจำนวนผู้ต้องและจำเลยที่มากผิดปกติ เนื่องจากแก๊งยาเสพติดใช้เด็กร่วมในการกระทำความผิด บางคดีจับยาได้จากเด็กถึง 4 แสนเม็ด เรื่องนี้อาจเป็นเพราะคนร้ายสบช่องว่า กฎหมายวิธีพิจารณาคดีเด็กได้มีขั้นตอนและวิธีการสำหรับเด็กที่แตกต่างไปจากผู้ใหญ่ที่กระทำความผิดมาก อย่างน้อยก็เรื่องการประกันตัว,จากการหารือและมีหนังสือให้คำแนะนำผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีเด็กและเยาวชนว่า ถ้าพบพฤติการณ์ว่ามีเด็กร่วมกระทำความผิดและมีพฤติการณ์ร้ายแรงเหมือนผู้ใหญ่ ก็ต้องใช้ความเคร่งครัดในการพิจารณาพิพากษาและกำหนดโทษ บางครั้งอาจจะต้องกำหนดโทษเสมอผู้กระทำผิดที่เป็นผู้ใหญ่ นอกจากคดียาเสพติดแล้ว ยังพบในคดีค้ามนุษย์ และคดีอุกฉกรรจ์อื่นๆ อีกด้วย นายอธิคม กล่าว,ด้าน ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง อุปนายกฝ่ายบริหารและโฆษกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมป์ เผยว่า การที่จะลงโทษเด็กเสมอผู้ใหญ่นั้น ให้คำนึงถึงเจตนาที่แท้จริงของเด็กด้วยว่า มีความรู้สำนึกในการกระทำหรือไม่ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนหิ้วมาคือยาบ้า ถ้าไม่มีถือว่าไม่มีเจตนากระทำความผิด และเด็กเป็นเพียง เครื่องมือในการกระทำความผิด ของแก๊งค้ายาเสพติด ดังนั้นแก๊งค้ายาจึงเป็นผู้ลงมือกระทำความผิดโดยอ้อม แต่เด็กไม่ผิด,ว่าที่ พ.ต.สมบัติ กล่าวว่า แม้เด็กไม่ผิด แต่ก็ยังถูกควบคุมตัวเข้าสู่กระบวนการตามระบบวิธีพิจารณาความคดีเยาวชนไปก่อน คงต้องถูกสอบสวนเพื่อตรวจสอบสักระยะเด็กอาจถูกกระทบบ้าง จะให้เบี่ยงออกไปจากกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเลยคงไม่ได้ มันต้องเข้าเงื่อนไขประเภทคดี และอัตราโทษคดีนั้นๆ แต่คดียาเสพติดเป็นคดีนโยบายรัฐ ดังนั้นคนในกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบต้องช่วยกันตรวจสอบ ปัจจุบันกฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติดได้แก้ไขใหม่แล้ว เปิดโอกาสให้ผู้ครอบครองเพื่อเสพแต่ถูกจับข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย ได้พิสูจน์ตนเองว่ามีเจตนาซื้อมาเพื่อเสพเท่านั้น เพราะกฎหมายเดิมปิดปาก เพราะใครมียาในปริมาณที่กำหนดให้ถือเด็ดขาดว่าจำหน่าย. | เลขาฯศาล เผยคดียาเสพติดปัจจุบัน เด็ก-เยาวชน ถูกจับ กระทำความผิดจำนวนมาก พบก.ม.มีช่องว่างการกระทำระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ แนะบางครั้งต้องกำหนดโทษเท่าผู้ใหญ่ ขณะที่โฆษกสภาทนายฯ การลงโทษขอให้คำนึงถึงเจตนา เพราะเด็กอาจเป็นเครื่องมือ | null | คดียาเสพติด,เด็กต้องคดียาเสพติด,ช่องว่างกฏหมายคดียา,อธิคม อินทุภูติ,สมบัติ วงศ์กำแหง | https://www.thairath.co.th/content/870927 |
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เคยกินไดโนเสาร์ | ถึงการพัฒนาความหลากหลายทางชีวภาพที่น่าอัศจรรย์ของสัตว์เลี้ยงลูก ด้วยนมซึ่งครอบครองระบบนิเวศเป็นจำนวนมากทีมวิจัยนำโดยนักธรณีศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทือบิงเงิน ในเยอรมนี ได้ศึกษาซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลกระดูกซี่โครงต้นคอของไดโนเสาร์ชนิดคอยาว ที่ขุดพบจากทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน และนี่น่าจะเป็นหลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่ระบุว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในยุคแรกๆกินเนื้อไดโนเสาร์เมื่อประมาณ 160 ล้านปีก่อน เนื่องจากค้นพบรอยกัดเล็กๆของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยในชิ้นส่วนกระดูกของไดโนเสาร์กลุ่มซอโรพอด (sauropod) ไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 20 เมตร มีคอยาว หนักหลายพันกิโลกรัม ซึ่งรอยกัดแทะมีลักษณะคล้ายรอยกัดจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในปัจจุบันอย่างสัตว์จำพวกฟันแทะหรือหนูรอยกัดบนกระดูกหรือเนื้อในกระเพาะอาหารนั้นหายากมาก เพราะหลักฐานอื่นๆที่มีอยู่ก่อนหน้านี้จะมาจากยุคครีเตเชียส อายุมากที่สุดก็ประมาณ 100 ล้านปี นั่นทำให้การค้นพบหลักฐานใหม่ที่เก่าแก่ราว 160 ล้านปีมีความพิเศษมาก ร่องรอยนี้จึงถือเป็นหลักฐานที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชีววิทยาของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคแรกๆในจีน. | สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคแรกๆ แม้จะอยู่ร่วมยุคกับไดโนเสาร์มานานกว่า 160 ล้านปี แต่โดยเฉลี่ยแล้วสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในยุคนั้นน่าจะมีน้ำหนักประมาณ 100 กรัม เมื่อไม่นานมานี้ มีนักวิจัยได้ล่วงรู้ | ข่าว,ต่างประเทศ | โลกโศภิน,สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม,ทีมวิจัย,ไดโนเสาร์,ระบบนิเวศ,ทือบิงเงิน,ชิ้นส่วนกระดูกของไดโนเสาร์,การศึกษา | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1907553 |
ผู้การฯ กรุงเก่ารุดตรวจบ้านพลุระเบิดลั่นห้ามผลิตเด็ดขาด (ชมคลิป) | เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ธ.ค.2557 พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.อนุสรณ์ กัณวเศรษฐ รอง ผบก.ภ.จว.อย.และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 75 ม.3 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากเกิดเหตุพลุระเบิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 13 ธ.ค.2557 ที่ผ่านมาจนทำให้นางสายพิญ เสมอภักดิ อายุ 49 ปี ได้รับแรงระเบิดเสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บ 1 รายนั้น ความคืบหน้าหลังจากที่ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณโดยรอบมีบ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง รถยนต์อีก 3 คันและจุดที่นางสายพิญเสียชีวิตนั้นเป็นจุดที่สร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 5x5 เมตร ปลูกแยกต่างหากใช้เป็นที่ผลิตทำพลุและดินระเบิดลูกไข่ก๊องเสียหายทั้งหลัง,นางอรพรรณ์ เสมอภักดิ อายุ 26 ปี บุตรสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อช่วงเวลาที่เกิดเหตุตนเองเลี้ยงลูกอยู่ในบ้าน และมารดา (ผู้เสียชีวิต) ได้บอกตนว่าจะเดินเข้าไปเก็บสิ่งของที่อยู่ในอาคารที่เกิดเหตุ สักพักก็ได้ยินเสียงระเบิดอย่างรุนแรงจนทำให้บ้านสั่นสะเทือนไปทั้งหลังจน ข้าวของกระจัดกระจาย หลังจากนั้นตนเองก็รีบวิ่งออกมานอกบ้าน ก็เลยรู้ว่าแม่ของตนเองถูกแรงระเบิดเสียชีวิตแล้ว ทำให้ครอบครัวตนต้องเสียเสาหลักของครอบครัวไปอีกคน หลังจากที่ต้องสูญเสียพ่อ ไปเมื่อ 10 ปี ก่อนจากสาเหตุพลุระเบิดเหมือนกัน และตนเองก็จะเลิกอาชีพนี้โดยเด็ดขาดไม่หันกลับมาทำอีกต่อไป,ด้าน พล.ต.ต เสริมคิด กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการลักลอบผลิตทำพลุ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจพื้นที่บริเวณ บ้านเกาะ และพื้นที่ใกล้เคียงโดยรอบ และสั่งห้ามผลิตพลุโดยเด็ดขาด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เป็นครั้งแรก และการเกิดเหตุแต่ละครั้งจะมีผู้เสียชีวิตผู้ได้รับบาดเจ็บ บ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก หลังจากลงมาดูพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพบว่าอาคารดังกล่าวใช้ เก็บวัสดุที่ผลิตทำพลุลูกไข่ก๊องและดินระเบิด เป็นจำนวนมาก คาดว่าผู้เสียชีวิตในช่วงที่เกิดเหตุน่าจะกำลังผลิตทำพลุอยู่แล้วเกิดการเสียดสีทำให้เกิดความร้อนจึงเป็นเหตุให้เกิดเหตุระเบิดขึ้นได้. | ผบก.พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ดูบ้านพลุระเบิดที่ ม.3 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา พบบ้านหลังดังกล่าวลักลอบผลิตพลุ และคาดว่าเหตุระเบิดเกิดจากการเสียดสีทำให้เกิดความร้อนจนระเบิด สั่งห้ามชาวบ้านในพื้นที่ผลิตเด็ดขาด | ข่าว,ทั่วไทย | พลุระเบิด,ลักลอบผลิต,ทำพลุ,เสริมคิด สิทธิชัยกานต์,ต.บ้านเกาะ,อ.พระนครศรีอยุธยา,พระนครศรีอยุธยา,ดินระเบิด,ลูกไข่ก๊อง,อรพรรณ์ เสมอภักดิ,ข่าวทั่วไทย,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/news/local/469038 |
กลุ่มลูกเหรียงโชว์โมเดล ให้เด็กสร้างพื้นที่ปลอดภัย เตรียมขยายอีก 60 ชุมชนชายแดนใต้ | Please พร้อมขยายอีก 60 ชุมชน วันเด็กปีนี้ เด็กขอพื้นที่ปลอดภัยจากสถานการณ์ความรุนแรง ยาเสพติดและความรุนแรงในครอบครัวเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2559 ที่ห้องประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา สมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพแห่งชายแดนใต้ หรือกลุ่มลูกเหรียง ร่วมกับกองทุนรวมคนไทยใจดี (BKIND) จัดงาน ขอพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กและเยาวชนเป็นของขวัญวันเด็ก โดยมีเด็กและเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วมประมาณ 1000 คนงานมีซุ้มต่างๆ ให้เด็กๆ ได้เล่นเกมแลกของรางวัล แต่ที่น่าสนใจคือการจัดซุ้มพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนใน 4 ตำบลของจังหวัดยะลา คือซุ้มของ ต.ปุโรง อ.กรงปินัง ต.ท่าสาป อ.เมือง ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา ต.วังพญา อ.รามัน เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้กระบวนการสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนของตำบลนอกจากนี้มีการแจกของขวัญให้เด็กและเยาวชนที่ร่วมงานประมาณ 5000 ชิ้น โดย 2000 ชิ้นเป็นของบริษัทพอดี พานิช ของนายอุดม แต้พานิช (โน้ตอุดม) นักเดี่ยวไมโครโฟนชื่อดังของประเทศไทย ซึ่งนายอุดมมาร่วมงานนี้ด้วยแบบเซอร์ไพรส์ ซึ่งสร้างสีสันและความสนุกสนามให้เด็กๆ และเยาวชนพอสมควรทั้งนี้ นางสาวสุวรา แก้วนุ้ย อาจารย์และนักวิจัยจากสถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนาธรรมภาคใต้ (CSCD) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นผู้นำเสนอผลการดำเนินโครงการพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน (Peace Please) ใน 4 พื้นที่นำร่อง ได้แก่ ต.ปุโรง ต.บาโงยซิแน ต.ท่าสาป และ ต.วังพญา จ.ยะลาโดยนางสาวสุวรา นำเสนอว่า เหตุไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปี 2547 – 2559 มีเด็กได้รับผลกระทบ 544 ราย เสียชีวิต 84 ราย บาดเจ็บ 462 ราย กำพร้าประมาณ 5000 คน นอกจากโรงเรียนและหนังสือเรียนถูกทำลายจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเด็กที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจอีกจำนวนมาก ต่อมา สมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพแห่งชายแดนใต้ดำเนินโครงการ Peace Please นำร่องโดยเลือก 4 พื้นที่เป็นโมเดล(ตัวอย่าง)ในการสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนโดยชุมชนมีส่วนร่วมนางสาวสุวรา กล่าวว่า การดำเนินโครงการ Peace Please ที่ผ่านมา ที่ ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา ได้เกิดสภาเด็กและเยาวชน ต.บาโงยซิแน ส่วนที่ ต.ท่าสาป อ.เมือง มีการเชิญผู้นำศาสนาและผู้ทำงานวัฒนธรรมในชุมชนมาร่วมกันสร้างพื้นที่ปลอดภัยในชุมชน ขณะที่ ต.ปุโรง อ.กรงปินัง ได้สร้างความเข้าใจในสร้างพื้นที่ความปลอดภัยผ่านกิจกรรมกีฬาและกิจกรรมอบรมจริยธรรมของชุมชน และ ที่ ต.วังพญา อ.รามัน ได้สร้างพื้นที่ปลอดภัยผ่านกิจกรรมฝึกอาชีพของชุมชนนางสาววรรณกนก เปาะอีแตดาโอ๊ะ นายกสมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพแห่งชายแดนใต้ (กลุ่มลูกเหรียง) กล่าวว่า การจัดงาน ขอพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กและเยาวชนเป็นของขวัญวันเด็ก ครั้งนี้ เพื่อนำเสนอพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนตามที่สมาคมฯได้ดำเนินการโครงการ Peace Pleaseในปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นของขวัญแก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่พื้นที่ปลอดภัยในมุมมองของเราคือ ทุกส่วนในชุมชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ร่วมกันคิดและกำหนดพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนในชุมชนขึ้นมา เพราะหากมีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนมากยิ่ง จะทำให้เด็กและเยาวชนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นางสาววรรณกนก กล่าวนางสาววรรณกนก กล่าวอีกว่า ปีนี้โครงการ Peace Please ขยายไปอีก 30 ชุมชน และในปีหน้าจะขยายอีก 30 ชุมชน ซึ่งโครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปีนางสาวยุสรี เยาะลีมา นักเรียนชั้น ม.4 ในฐานะสมาชิกสภาเด็กและเยาวชน ต.บาโงซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา กล่าวว่า ในฐานะเยาวชนในพื้นที่อยากให้มีพื้นที่ปลอดภัยให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ ไม่เฉพาะพื้นที่ปลอดภัยจากเหตุรุนแรงในพื้นที่เท่านั้น แต่รวมถึงปลอดภัยจากยาเสพติดและความรุนแรงในครอบครัวด้วยจากการที่ตำบลของตัวเองได้ดำเนินการสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน ดิฉันคิดว่าอนาคตจะต้องมีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีหลายหน่วยงานพยายามสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน โดยการให้ความรู้ที่เกี่ยวกับสิทธิเด็กและเยาวชน เพื่อให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ได้มีความรู้ในสร้างพื้นที่ปลอดภัย นางสาวยุสรี กล่าวนางสาวสุรีย์ กูเต๊ะ นักเรียนโรงเรียนมุสลิมศึกษา ต.พร่อน อ.เมือง จ.ยะลา กล่าวว่า ในวันเด็กปีนี้อยากให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ต้องมีพื้นที่ปลอดภัยจากเหตุการณ์ความรุนแรง ต้องมีพื้นที่ปลอดภัยจากยาเสพติด และต้องมีพื้นที่ปลอดภัยจากความรุนแรงในครอบครัว เพราะสิ่งเหล่านี้ ทำให้เด็กและเยาวชนสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ในอนาคต | กลุ่มลูกเหรียงจัดงาน ขอพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กและเยาวชนเป็นของขวัญวันเด็ก เด็กเข้าร่วมคับคั่งรับแจกของขวัญเพียบ พร้อมโชว์โมเดล 4 ชุมชนนำร่องให้เด็กและชาวบ้านร่วมสร้างพื้นที่ปลอดภัย ตามโครงการ Peace | คุณภาพชีวิต,ความมั่นคง | Peace Please,กลุ่มลูกเหรียง,ชายแดนใต้,พื้นที่ปลอดภัย,สมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพแห่งชายแดนใต้,เด็ก | https://prachatai.com/journal/2016/01/63372 |
ทอมโชกุน ปูดอีก จัดทริปล่องเรือหรู ใจป๋าแจกรางวัลเพียบ ไอโฟน7 ทองคำ | เครดิตภาพ : สมาชิกที่ไปล่องเรือ,ยังไม่หมด เวลล์ เอฟเวอร์ ของ โชกุน จัดทริปล่องเรือสำราญหรู ประกวดแฟนซี มีสมาชิกกว่า 500 คนตบเท้าเข้าร่วม แถมเจ้าตัวโชว์ป๋าแจกไม่อั้น เงิน 1 แสน ไอโฟน7 และทองคำจำนวนมาก ส่วนทางด้านคดี ล่าสุดตำรวจเตรียมออกหมายจับ 8 ผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมที่ มทบ.11,จากกรณี ซินแสโชกุน หรือ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ กรรมการบริหาร บริษัท เวลล์ เอฟเวอร์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งถูกจับกุมได้ที่ จ.ระนอง ระหว่างหลบหนี ภายหลังจัดทัวร์ญี่ปุ่นแบบขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำแล้วลอยแพผู้เสียหายนับพันคน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้ถูกคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ล่าสุดยังมีอดีตกรรมการของบริษัท หอบหลักฐานพบตำรวจ แสดงความบริสุทธิ์ใจ ระบุตกเป็นเหยื่อถูกลอยแพเหมือนกัน ส่วนยอดผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 218 ราย คาดทั่วประเทศมีมากกว่า 1 พันราย ส่วนคดีกระทำผิด ม.112 อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน,ส่วนความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ 16 เม.ย.60 ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน ได้ร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี รวมทั้งรายละเอียดการสอบสวนในประเด็นต่างๆ ตามที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ได้สั่งการไว้,พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป.กล่าวว่า วันนี้ได้เรียกพนักงานสอบสวนมาประชุม เพื่อมาสรุปผลการสอบสวน และการรวบรวมหลักฐานทางคดีทั้งหมด หลังจากที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความที่กองปราบปรามไปแล้วกว่า 200 ราย รวมถึงกลุ่มที่เป็นแม่ข่ายเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว 6 ราย ซึ่งจากหลักฐานทั้งหมดที่ได้มาก็กำลังเร่งรัด เพื่อจะสรุปสำนวนเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในส่วนที่เหลือ,พล.ต.ต.สุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่มีการกล่าวอ้างถึงหญิงสาวชาวฮ่องกงรายหนึ่งที่ซินแสโชกุนกล่าวอ้างว่า เป็นนายทุนที่คอยหนุนหลังนั้น ในขณะนี้อยู่ในการสอบสวนว่ามีข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร แต่ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นกล่าวอ้างขึ้นมาลอยๆ ของผู้ต้องหามากกว่า อย่างไรก็ตามในประเด็นนี้จะต้องตรวจสอบในประเด็นให้ชัดเจนอีกครั้ง,รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับกลุ่มผู้ต้องหา ที่พนักงานสอบสวนจะขอออกหมายจับเพิ่มเติมในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน น่าจะเป็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ มทบ.11 ทั้ง 8 ราย ประกอบด้วย น.ส.ทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ อายุ 35 ปี นางมณฑญาณ์ นิรันดร หรือ จันทร์ฉาย นาคฤทธิ์ อายุ 55 ปี นายก้องศรัณย์ แสงประภา อายุ 22 ปี นางประนอม พลานุสนธิ์ อายุ 40 ปี นางณิชมน แสงประภา อายุ 64 ปี นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์ อายุ 35 ปี น.ส.สุดารัตน์ อเนกนวล อายุ 25 ปี และนายโกวิท ช่วยสัตว์ อายุ 30 ปี ซึ่งทั้งหมดทางทหารจะนำตัวมาส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในวันที่ 18 เม.ย.นี้อีกด้วย,มีรายงานว่า สำหรับอีกหนึ่งกิจกรรมที่ซินแสโชกุนจัดขึ้นเพื่อล่อใจสมาชิกให้มาร่วมลงทุนคือ การล่องเรือสำราญ โดยใช้ชื่อบริษัทเวลล์ เอฟเวอร์ จำกัด ที่มี น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ น.ส.ศรัณย์พัชร์ กิติขจรพัชร์ หรือ ซินแสโชกุน เป็นเจ้าของบริษัท ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ด้วยการชักชวนบรรดาสมาชิกมาร่วมงานกว่า 500 คน ทั้งนี้กิจกรรมล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ท่าเรือริเวอร์ซิตี้ ซินแสโชกุนอ้างว่าเป็นการพบปะของกลุ่มนายทุนเหล่าสมาชิก โดยมีโปรแกรมขึ้นเรือไวท์ออร์คิด ริเวอร์ครูซส์ White Orchid River Cruise ที่ท่าเรือดังกล่าวเวลา 18.00 น. กิจกรรมภายในเรือ ได้มีชิงรางวัลมากมาย ทั้งในส่วนของการประกวดชุดแฟนซีเครื่องแต่งกายดีเด่น และจับรางวัลแจกให้กับผู้โชคดีที่มาร่วมงาน มีของรางวัลมากมาย อาทิ ไอโฟน7 พลัส 4 เครื่อง ทองคำจำนวนมากและการประกวดชุดแฟนซี ผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล 1 แสนบาท ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับบรรดาสมาชิกที่เข้ามาสมัครใหม่ให้เกิดความเชื่อถือในตัวบริษัท,ทั้งนี้มีรายงานว่า ภายในเรือสำราญ ซินแสโชกุน ได้มีการพูดคุยถึงแผนชักชวนเหล่าสมาชิกให้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น พร้อมระบุอีกว่าหากทริปญี่ปุ่นประสบความสำเร็จ จะพาเหล่าสมาชิกทั้งหมดเดินทางไปประเทศไต้หวัน และประเทศมัลดีฟส์ รวมทั้งได้มีการพูดถึงบริษัทอลิเชี่ยน ด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างการประสานเรียกตัวแทนของบริษัทอลิเชี่ยนเข้าให้ปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร. | ยังไม่หมด! เวลล์ เอฟเวอร์ ของ โชกุน จัดทริปล่องเรือสำราญหรู ประกวดแฟนซี มีสมาชิกกว่า 500 คนตบเท้าเข้าร่วม แถมเจ้าตัวโชว์ป๋าแจกไม่อั้น เงิน 1 แสน ไอโฟน7 และทองคำจำนวนมาก ส่วนทางด้านคดี ล่าสุดตำรวจเตรียมออกหมายจับ | ข่าว,อาชญากรรม | ทัวร์ญี่ปุ่น,ซินแสโชกุน,โชกุน,ทอมโชกุน,ทริปล่องเรือหรู | https://www.thairath.co.th/news/crime/915030 |
จับแล้ว ฟ่าน ปิงปิง ข้อหาเลี่ยงภาษี | วันนี้ (10 ก.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเงียบหายไปนานกว่า 3 เดือน เว็บไซต์ Securities Daily ระบุว่า ฟ่าน ปิงปิง นางเอกสาว วัย 36 ปีอยู่ภายใต้การควบคุมตัวและกำลังเข้าสู่การพิจารณาคดี เกี่ยวกับการเลี่ยงภาษีและมีแนวโน้มว่าอาจมีส่วนพัวพันกับการทุจริตปล่อยสินเชื่ออีกด้วย แต่หลังเผยแพร่ข่าวได้ไม่นาน รายงานชิ้นนี้ก็ถูกถอดออกไปสำหรับคดีของฟ่าน ปิงปิง เริ่มต้นเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดย Cui Yongyuan โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ของจีน เปิดเผยการทำสัญญา 2 ฉบับหรือสัญญาหยิน-หยางกับนางเอกสาว โดยฉบับแรกมีมูลค่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อีกฉบับมีมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งฟ่าน ปิงปิง นำเฉพาะสัญญาฉบับแรกไปยื่นต่อสรรพากร แต่นางเอกสาวปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ พร้อมตั้งทีมทนายความสู้คดี โดยระหว่างนั้นก็ยังโพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ Weibo อย่างสม่ำเสมอ กระทั่งวันที่ 2 มิ.ย.ก็ไม่มีใครทราบความเคลื่อนไหวของฟ่าน ปิงปิงอีกขณะที่เว็บไซต์ ET Today ระบุว่า ฟ่าน ปิงปิงถูกควบคุมตัวเมื่อปลายเดือน มิ.ย. และได้รับการปล่อยตัวอีก 2 วันถัดมา ก่อนถูกจับอีกครั้งช่วงต้นเดือน ส.ค.จนถึงเวลานี้ ขณะที่ข่าวจาก Apple Daily ของฮ่องกง ระบุว่า มีผู้พบนางเอกสาวที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง Los Angeles เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า รัฐบาลจีนได้แจ้งไปยังสื่อต่างๆ ให้ยุติการนำเสนอเรื่องสัญญาหยินหยาง หากแต่ยังมีหนังสือพิมพ์อิสระบางฉบับ เช่น The Economic Observer รายงานเรื่องนางเอกสาวและน้องชายที่ถูกสอบสวนและห้ามเดินทางออกนอกประเทศ แต่ไม่นานข่าวก็หายไปจากโลกออนไลน์ล่าสุด ภาพยนตร์เรื่องUnbreakable Spirit ที่ฟ่าน ปิงปิง ร่วมแสดงก็ถูกถอดชื่อออกไปแล้ว รวมทั้งแบรนด์หรูอีกมากมายที่ต่างยกเลิกสัญญาโฆษณา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าเส้นทางบนถนนสายบันเทิงของฟ่าน ปิงปิง อาจสิ้นสุดลงแล้วก็เป็นได้ทั้งนี้ ตามรายงานของ Forbes ระบุว่า ฟ่าน ปิงปิง เป็นนักแสดงที่มีรายได้สูงสุดของจีนนานถึง 4 ปีติดต่อกัน โดยมีรายได้เฉลี่ยปีละ 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ | สื่อจีน ยืนยัน ฟ่าน ปิงปิง นางเอกสาวอันดับ 1 ของจีน ถูกจับกุมตัว ข้อหาเลี่ยงภาษี หลังหายตัวนาน 3 เดือน และถูกตรวจสอบการทำสัญญา 2 ฉบับ แต่ยื่นสรรพากรเพียงฉบับเดียว | ศิลปะ-บันเทิง | ฟ่าน ปิงปิง,FanBingbing,จีน,ภาษี,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/274508 |
อุเทนเบรกฝ่ายการเมืองรณรงค์คว่ำร่าง รธน. แนะให้ ปชช.คิดเอง | เมื่อวันที่ 30 ส.ค.58 นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ที่แสดงท่าทีไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญจัดทำเสร็จ และกำลังเข้าสู่การลงมติของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า โดยส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญในหลายประเด็น โดยเฉพาะในส่วนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) และการได้มาซึ่ง ส.ส.และ ส.ว. แต่ขณะเดียวกันก็มองว่าฝ่ายการเมืองไม่ควรออกมาแสดงท่าที หรือเรียกร้องให้มีการลงประชามติเพื่อรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ควรอยู่เฉยๆ มองดูห่างๆ เพราะอาจถูกกล่าวหาว่าออกมาเคลื่อนไหว เนื่องจากมีส่วนได้ส่วนเสีย ต้องการความได้เปรียบในการเลือกตั้ง ที่สำคัญหากร่างรัฐธรรมนูญผ่าน สปช. และการลงประชามติไปได้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็จะบอกว่าประชาชนสนับสนุนและเห็นดีด้วย จึงเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในทางกลับกันหากผลประชามติไม่เห็นชอบ ก็อาจจะถูกนำมาอ้างว่าไม่ต้องการเลือกตั้ง ไม่ต้องการนักการเมือง และยังอยากให้ คสช.อยู่บริหารประเทศต่อไป
, หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าว,นอกจากนี้ นายอุเทน ยังกล่าวฝากไปถึง สปช.ด้วยว่า อยากให้สปช.คิดไตร่ตรองให้ดีถึงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ การร่างออกมาในลักษณะนี้ ที่มีหลายมาตราเปิดทางให้หัวหน้า คสช.สืบอำนาจต่อไป ซึ่งจะทำให้ คสช.เป็นเป้าโจมตีและหมดความสง่างาม โดยที่คสช.เองอาจไม่ทราบก็เป็นได้ ส่วนตัวยังเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ว่าต้องการเห็นบ้านเมืองสุขสงบร่มเย็น แต่เกรงว่าจะเสียคน เพราะมีพวกช่างคิดช่างประจบมากเกินไป ที่สำคัญรัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ จึงต้องไตร่ตรองให้มากคิดให้หนักก่อนรับหรือไม่รับ ต้องนึกถึงผลประโยชน์ชาติมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะหากมีการประกาศใช้ก็จะถือเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศที่สำคัญไปอีกหลายปี ดังนั้น สปช.จึงควรคิดถึงสิ่งที่ดีที่สุดต่อประเทศชาติ มากกว่าใบสั่งของใครหรือเป็นการตอบแทนที่ คสช.แต่งตั้งเข้ามา รวมทั้งความหวังที่จะได้มีงานทำต่อในยุคของคสช.
, หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าว. | อุเทน เบรกฝ่ายการเมืองรณรงค์คว่ำร่าง รธน. แนะให้ ปชช.คิดเอง เชื่อเป็นการวางหมากจับ ปชช.เป็นตัวประกัน ชี้คว่ำ-ไม่คว่ำก็เข้าทางคสช. วอนสปช.ตรองให้หนักก่อนโหวต
| null | ร่างกฎหมาย,คว่ำร่างรธน.,กมธ.ยกร่างฯ,คว่ำ-ไม่คว่ำ,คสช.,สปช.,อุเทน ชาติภิญโญ,คว่ำร่าง รธน.,ร่างรัฐธรรมนูญ,คปป.,ประชามติ,พล.อ.ประยุทธ์,ข่าว,ข่าวการเมือง,ไทยรัฐออนไลน์,รณรงค์คว่ำร่าง รธน. | https://www.thairath.co.th/content/521752 |
รักษาการดีดีการบินไทย ยืนยัน ไร้การเมืองแทรกแซง กรณีปลด ปิยสวัสดิ์ | คณะกรรมการบริษัทการบินไทย ออกแถลงการณ์ 5 หน้ากระดาษ ชี้แจงปมเลิกจ้างนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ คือการจัดซื้อเครื่องบิน นิว เจนเนอเรชั่น ของการบินไทย 12 ลำ ที่มีกำหนดรับมอบในอีก 6 ปีข้างหน้านายโชคชัยปัญญายงค์ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งชี้แจงแทนนายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการ ระบุว่า เมื่อเดือนมีนาคมคณะกรรมการเห็นควรให้พิจารณาการจัดซื้อ เนื่องจากบริษัทเพิ่งฟื้นจากวิกฤตน้ำท่วม พร้อมทั้งควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีแต่นายปิยสวัสดิ์ เห็นว่าคณะรัฐมนตรีชุดที่แล้ว อนุมัติไว้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเสนอใหม่ รวมถึงถือเป็นอำนาจของบอร์ดและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ที่จะตัดสินใจ แต่ท้ายที่สุดนายปิยสวัสดิ์ ยอมนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ตามที่ประธานเห็นควรพร้อมกันนี้นายโชคชัยยังยืนยันว่า ไม่มีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะที่กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจฯ การบินไทย ที่อยู่ร่วมฟังไม่พอใจ เพราะเห็นว่าไม่ได้มีการระบุเหตุผลที่ชัดเจน จึงจะยื่นหนังสือให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ เพื่อสั่งให้นายอำพน เปิดเวทีชี้แจง และเห็นว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องบินก็ควรต้องร่วมรับผิดชอบด้วย โดยเฉพาะนายโชคชัย ที่แถลงแทนประธานบอร์ดวันนี้ (25 พ.ค.) ควรร่วมรับผิดชอบในฐานะดูแลด้านการวางกลยุทธ์ของบริษัท | การเลิกจ้างนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด มหาชน ยังคงได้รับการจับตามองถึงสาเหตุที่แท้จริงของการเลิกจ้าง โดยมีการเชื่อมโยงถึงปมจัดซื้อเครื่องบินฝูงใหม่ ซึ่งในวันนี้ (25 พ.ค.) รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ออกมาชี้แจงปมปัญหา และยืนยันไม่มีการเมืองแทรกแซง | เศรษฐกิจ | การบินไทย,บอร์ด,ปิยสวัสดิ์,แจง | https://news.thaipbs.or.th/content/87276 |
นิด้า ชี้ ช็อปช่วยชาติกระตุ้นใช้จ่ายระยะสั้น แนะดึงจีนย้ายฐานเข้าไทย | นิด้า ชี้ มาตรการช็อปช่วยชาติ ลดหย่อนภาษี 30,000 บาท กระตุ้นใช้จ่ายแค่ช่วงสั้น ไม่ยั่งยืน คนรายได้สูงได้ประโยชน์กว่าคนจน แนะรัฐเร่งโครงสร้างเพิ่มฐาน พร้อมดึงนักลงทุนจากจีน ย้ายฐานการผลิตมาตั้งในไทยเพื่อเป็นฐานการส่งออก หลังจีนโดนกำแพงภาษีกีดกันการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เชื่อช่วยกระตุ้น ศก.ได้ดีกว่า ,เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 59 รศ.ดร.มนตรี โสคติยานะรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับนักบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า การที่กระทรวงการคลัง เสนอนโยบายการลดหย่อนภาษี ด้วยการออกมาตรการช็อปช่วยชาติ ที่ขยายวงเงินการนำมาลดหย่อนภาษีจากเดิม 15,000 บาท เพิ่มเป็น 30,000 บาท แม้จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนให้เกิดขึ้น แต่จะเป็นเพียงผลในระยะสั้นและไม่มีความยั่งยืน เนื่องจากการกำหนดเวลาเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีนั้น เป็นเพียงการเลื่อนเวลาให้เกิดการซื้อสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าวมากเป็นพิเศษ แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดเม็ดเงินใหม่ในระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว จะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง มากกว่ากลุ่มที่มีรายได้น้อย และมีสินค้าเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการนี้ เช่น โทรศัพท์มือถือและยานพาหนะ ซึ่งเป็นสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายภายในประเทศทั้งสิ้น,ทั้งนี้ การดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ได้ผลในระยะยาวนั้น ภาครัฐควรเร่งดำเนินการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดิน เพื่อสร้างงานและสร้างรายได้ รวมถึงบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดีกว่าการออกมาตรการช็อปช่วยชาติ เนื่องจากขณะนี้ภาคการผลิตของไทยได้ส่งสัญญาณชะลอตัว ด้วย Capacity Utilization ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 64.89 ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตและการลงทุนของไทยยังรอปัจจัยเชิงบวกที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโต,รศ.ดร.มนตรี กล่าวว่า นอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการขับเคลื่อนการลงทุนของภาครัฐแล้ว ประเทศไทยยังต้องฉวยโอกาสที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ จะตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนสูงถึง 45% ทำให้ผู้ประกอบการในประเทศจีนจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษี ดังนั้นไทยจึงควรใช้ช่วงเวลานี้ในการดึงดูดนักลงทุนและภาคการผลิตของประเทศจีนเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งหากไทยได้กลายเป็นฐานการผลิตสินค้าให้แก่ประเทศจีน เพื่อป้อนตลาดโลกแล้วนั้น ย่อมส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไทยขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการสร้างงานที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และนับเป็นปัจจัยบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยได้ในที่สุด,ในอดีตไทยเคยประสบความสำเร็จในการดึงนักลงทุนชาวญี่ปุ่น มาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยมาแล้ว หลังจากที่สหรัฐฯ เสียดุลการค้ากับประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก จนทำให้สินค้าญี่ปุ่นโดนกีดกันสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ไทยมีนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนของญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานการผลิตไทย และครั้งนี้ก็มีความคล้ายคลึงกัน หากเราสามารถดึงนักลงทุน หรือย้ายภาคการผลิตจากจีนมายังประเทศไทยได้ จะทำให้เศรษฐกิจของไทยสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น,อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่ด้วยนโยบายของภาครัฐที่พยายามเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี ประกอบกับความได้เปรียบในเรื่องของทำเลที่ตั้งของประเทศที่อยู่ศูนย์กลางอาเซียนที่สามารถเชื่อมการค้าและการส่งออกผ่าน AEC อย่างเป็นรูปธรรม จะทำให้ประเทศไทยมีความได้เปรียบและมีจุดเด่นเพียงพอที่จะดึงดูดนักลงทุนจากจีนเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวอย่างยั่งยืน | นิด้า ชี้ มาตรการช็อปช่วยชาติ ลดหย่อนภาษี 30,000 บาท กระตุ้นใช้จ่ายแค่ช่วงสั้น ไม่ยั่งยืน คนรายได้สูงได้ประโยชน์กว่าคนจน แนะรัฐเร่งโครงสร้างเพิ่มฐาน พร้อมดึงนักลงทุนจากจีน ย้ายฐานการผลิตมาตั้งในไทยเพื่อเป็นฐานการส่งออก | null | นิด้า,ช็อปช่วยชาติ,มาตรการลดหย่อนภาษี,กระตุ้นเศรษฐกิจ,มนตรี โสคติยานะรักษ์ | https://www.thairath.co.th/content/796051 |
เขาใหญ่ แจ้งความนักท่องเที่ยวพาหมาเที่ยวอุทยาน | วันนี้ (7 ก.ค.2563) กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kit Kantakit โพสต์ข้อความพร้อมภาพเหตุการณ์คนจูงหมาเดินเล่น โดยระบุว่าเขาใหญ่ เปิดมาได้ 5 วัน สรุปมันก็เข้ามาแบบเดิมอีก ห้ามเอาสัตว์เลี้ยง (หมา) ขึ้นเขาใหญ่ ก็มีคนแอบเอาขึ้นกัน แถมเอาลงมาเดินจูงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ขนาดหน้าด่านตรวจ COVID-19 ยังมีขึ้นมาให้เห็น ถ้าไม่มีสามัญสำนึกกันขนาดนี้อย่ามาเที่ยวกันเลยครับ อยู่บ้านเลี้ยงหมากันเถอะ ปล.ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ผู้โพสต์คือ นายกันฐกิตฐ์ ทิพย์ทองพูน อาสาสมัครช่างภาพเขาใหญ่ กล่าวว่า ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้รับภาพมาจากกลุ่มนักอนุรักษ์บนเขาใหญ่ ที่ไปเจอเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยที่เห็นและถ่ายภาพได้มีหมาอย่างน้อย 3 ตัวที่พบนักท่องเที่ยวแอบลักลอบนำขึ้นไปบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทั้งที่มีระเบียบบังคับอยู่แล้วว่าห้ามนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดขึ้นไป เพราะเสี่ยงต่อการเกิดโรคจากสัตว์บ้านสู่สัตว์ป่าภาพ:เฟซบุ๊ก Kit Kantakitแห่เซลฟี่ในโป่งสัตว์ป่า-เมินระเบียบนายกันฐกิตฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการนำสุนัขขึ้นไปเขาใหญ่ พบว่าจุดยอดนิยมที่มักจะนำไปถ่ายรูปและเดินเล่น อยู่แถวอ่างเก็บน้ำสายศร ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ต้นมะม่วง เพราะบริเวณนี้มีชายป่า และพื้นที่ให้สุนัขเดินเล่นได้ ซึ่งนอกจากจะมีสุนัขแล้ว ก่อนหน้านี้เคยได้ยินว่ามีการนำงูหลาม งูเหลือมเข้ามาในพื้นที่ เรื่องนี้แม้จะมีการเตือน แต่อยากให้ทางอุทยานฯ ประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงมากกว่านี้ รวมทั้งบอกเรื่องบทลงโทษ และควรปรับจริงจังกับกลุ่มที่ฝ่าฝืนระเบียบขณะที่ช่วงวันหยุดยาว ยังพบพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ฝ่าฝืนแนวทางการปฎิบัติในการเที่ยวอุทยานฯ เช่น การลงไปถ่ายรูปในโป่ง แถวพื้นที่โป่งทุ่งกวาง และโป่งชมรมเพื่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เพราะโป่ง เป็นพื้นที่มีสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง และสัตว์อื่นๆจะลงมากินเกลือแร่ในโป่ง หากมีคนเข้าไปจะทำให้มีกลิ่นคน แปลกปลอมเข้าไปจนสัตว์ป่าไม่กล้าเข้ามาใช้พื้นที่สำหรับโทษของการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 21 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 47 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100000 บาทภาพ:เฟซบุ๊ก Narin Pinเช็กด่วนกฎ-ข้อห้ามเที่ยวอุทยานต้องขณะที่ พ.ต.นรินทร์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่นำหลักฐานภาพถ่าย ทะเบียนรถของนักท่องเที่ยวไปแจ้งความเอาผิดที่ สภ.นครนายก ข้อหาฝ่าฝืนนำสัตว์เข้าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพราะถือว่าจงใจแอบลักลอบพาสัตว์เลี้ยงเข้าพื้นที่ ทั้งที่มีการเตือนอยู่แล้ว ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวที่รู้ตัวเองว่าอยู่ในภาพที่ปรากฎในสื่อสังคมออนไลน์ ขอให้มารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนด้วยทั้งนี้ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช เผยแพร่ข้อห้าม ดังนี้ขณะที่สัตวแพทย์ ระบุว่าการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปอุทยาน เช่น หากไปถ่ายมูลไว้ และมีสัตว์ป่ามากิน อาจเสี่ยงจะติดโรคจากสัตว์เลี้ยง และทำให้สัตว์ป่ามีสุขภาพอ่อนแออ่าน | หัวหน้าอุทยานเขาใหญ่ นำหลักฐานทะเบียนรถที่สายสืบโซเชียลแจ้งพิกัด พบนักท่องเที่ยวพาน้องหมาจูงเดินเล่นในอุทยานแห่งชาติ ข้อหาฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 10000 บาท เตือนให้เคารพกติกา ขณะที่ยังเจอนักท่องเที่ยวลงไปเซลฟี่ในโป่งสัตว์ป่า เตือนกระทบสัตว์ป่าเข้ามาใช้พื้นที่ | สิ่งแวดล้อม | หมาขึ้นเขาใหญ่,เขาใหญ่,สัตว์เลี้ยง,กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช | https://news.thaipbs.or.th/content/294346 |
หนุ่มปวส.ดับคาที่ ขี่จยย.ชนท้ายเก๋ง จอดให้เพื่อนเมารถได้อาเจียน | เมื่อ
เวลา 03.30 น. วันที่ 11 ธ.ค. 60 ร.ต.อ.ธนโชค ชินณะวงศา รอง สว.สอบสวน สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้รับแจ้งมีรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถเก๋ง มีผู้เสียชีวิตที่ถนนเพชรเกษม กม.43 หมู่ 3 ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม
,ที่เกิดเหตุเลยแยกเข้า อ.นครชัยศรี 500 เมตร เป็นฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ เลนซ้ายสุดพบรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน 4 กล 1488 กรุงเทพมหานคร สภาพท้ายรถพังเสียหาย กระจกหลังแตก ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟไอ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 กฎ 4193 สุพรรณบุรี สภาพพังยับเยิน และพบศพ นายยุทธภูมิ พึ่งจะแย้ม อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 426 หมู่ 9 ต.บางตาเถร อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี นักศึกษา ปวส.วิทยาลัยเทคโนย่านหนองแขม (วิทยาลัยเทคโนโลยีหมู่บ้านครู) สภาพศพคอหัก ศีรษะแตก นอนหงายเสียชีวิตอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ จึงให้มูลนิธินำศพชันสูตรที่ รพ.นครชัยศรี,
จากการสอบถาม น.ส.รอยพิมพ์ นันทพรหม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/2 หมู่ 8 ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีษะเกษ คนขับรถเก๋ง เล่าว่า ตนกำลังขับรถกลับบ้านพัก ที่ จ.สมุทรปราการ โดยมาด้วยกันกับเพื่อนอีก 3 คน ถึงที่เกิดเหตุเพื่อนที่นั่งมามีอาการเมารถ ให้จอดรถเพื่ออาเจียน จึงจอดรถได้ประมาณ 10 นาที ก็มีรถมาชนท้ายเต็มแรง จึงรีบลงมาดูพบว่ามีรถจักรยานยนต์มาชนท้าย คนขับนอนนิ่ง จึงโทรแจ้งตำรวจ
,ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า ผู้ตายขับรถมาด้วยความเร็วสูง ซึ่งไม่ทันเห็นรถเก๋งที่จอดอยู่ ทำให้พุ่งชนจนเสียชีวิต ซึ่งได้ถ่ายภาพเป็นหลักฐาน รวมถึงสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์และผู้ขับขี่รถยนต์ เพื่อหาสาเหตุอุบัติเหตุและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป. | หนุ่มนักศึกษาปวส. ขี่จยย.ชนท้ายรถเก๋งตายคาที่ สาวขับเก๋งเล่าสุดระทึก สาเหตุมาจอดรถข้างทาง เพื่อให้เพื่อนที่นั่งมาด้วยที่เกิดอาการเมารถได้อาเจียน ไม่คาดคิดจะมีรถจยย.พุ่งชนท้ายอย่างแรงจนดับสลด | ข่าว,ทั่วไทย | หนุ่มปวส.ขี่จยย.ชนท้ายรถเก๋ง,อุบัติเหตุ จักรยานยนต์,ชนท้ายรถเก๋ง,นครชัยศรี,นครปฐม,ข่าวเหตุ | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1149835 |
ผู้ดีผุดแผนสำรอง หวั่นเบร็กซิตแบบไม่มีข้อตกลง-ทหารพร้อมเคลื่อนพล | สำนักข่าว ,บีบีซี, รายงานว่า คณะรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรตัดสินใจวางแผนเพื่อเตรียมความพร้อมเผื่อในกรณีที่พวกเขาออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือการเบร็กซิต ในวันที่ 29 มี.ค. 2562 โดยที่สภาผู้แทนราษฎรไม่ยอมรับข้อตกลงเบร็กซิตที่เห็นชอบร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ กับสหภาพยุโรป,สหราชอาณาจักรเหลือเวลาอีกราว 100 วันจะถึงวันที่พวกเขาต้องออกจากสหภาพยุโรป แต่ส.ส.จำนวนมากยังคงต่อต้านข้อตกลงถอนตัวของรัฐบาล โดยการอภิปรายและลงมติเห็นชอบข้อตกลงนี้จะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนมกราคม ทำให้เหล่าคณะรัฐมนตรีจัดการประชุมฉุกเฉินในวันอังคารที่ 18 ธ.ค. และเห็นชอบร่วมกันว่า การเตรียมความพร้อมสำหรับการเบร็กซิตโดยไม่มีข้อตกลง มีความสำคัญที่สุดในเชิงปฏิบัติ แต่ในเชิงภาพรวมพวกเขายังต้องการให้ข้อตกลงเบร็กซิตผ่านมติ,รัฐบาลวางแผนจัดงบประมาณจำนวน 2 พันล้านปอนด์แบ่งให้กับกระทรวงต่างๆ พวกเขายังส่งจดหมายไปถึงบริษัทต่างๆ จำนวน 140,000 แห่งเพื่ออัพเดตสถานการณ์ว่าพวกเขาควรทำเช่นไร โดยรัฐบาลเห็นชอบว่าธุรกิจต่างๆ ควรใช้แผนการรับมือกรณีเบร็กซิตโดยไม่มีข้อตกลงของพวกเขาเอง ขณะที่ข้อมูลด้านสรรพากรและศุลกากร จะถูกส่งให้บริษัทต่างๆ ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อแจ้งว่าเรื่องพรมแดนอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลง,ส่วนบรรดาผู้บริโภคก็ได้รับคำแนะนำให้ทำตัวให้คุ้นเคยกับคำแนะนำที่รัฐบาลประกาศไปเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ตั้งแต่การจองตั๋วเครื่องบินไปถึงการใช้บัตรเครดิต โดยจะมีการแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า,ทั้งนี้ ตามแผนการล่าสุด กรณีเบร็กซิตโดยไม่มีข้อตกลง กระทรวงการคลังจะมอบงบประมาณจำนวน 480 ล้านปอนด์จากทั้งหมด 2 พันล้านปอนด์ให้กับกระทรวงมหาดไทย เพื่อช่วยเหลือในการส่งเจ้าหน้าที่พิทักษ์ชายแดนและเพื่อเพิ่มความมั่นคงของชาติ ส่วนกระทรวงการเกษตร, อาหารและสิ่งแวดล้อม จะได้รับงบฯ 410 ล้านปอนด์ เพื่อรับประกันเรื่องการค้าปลา, ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารและสารเคมีไม่ให้ติดขัด,ขณะที่กรมศุลกากรและสรรพากรจะได้รับงบประมาณ 375 ล้านปอนด์ เพื่อจ้างเจ้าหน้าที่เพิ่มอีก 3,000 คนเพื่อรับมือกับงานด้านศุลกากรที่จะเพิ่มมากขึ้น และลงทุนเพื่อเทคโนโลยีใหม่ๆ บริเวณชายแดน ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม บอกกับสภาผู้แทนราษฎรว่า เจ้าหน้าที่กองทัพเอาไว้ 3,500 นายรวมทั้งเจ้าหน้าที่ด้านการขนส่ง, วิศวกร และทหารราบ พร้อมเคลื่อนพลทุกเมื่อหากจำเป็นเพื่อช่วยเหลือรัฐบาล | ครม.สหราชอาณาจักรคิดแผนสำรอง กรณีพวกเขาต้องแยกทางกับสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนในชะตากรรมของข้อตกลงเบร็กซิตของนายกฯ เมย์ | ข่าว,ต่างประเทศ | สหราชอาณาจักร,ทหาร,เบร็กซิต,ไม่มีข้อตกลง,สหภาพยุโรป | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1448561 |
บุรีรัมย์จ่อเปิด 3 หมู่บ้านที่ถูกสั่งปิด หลังไม่พบการติดโควิด-19 เพิ่ม | เมื่อวันที่ 8 เม.ย.63 ที่ห้องประชุมสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ ได้ประชุมติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานราชการ กับภาคเอกชน และร่วมหารือแนวทางมาตรการป้องกัน เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยที่ประชุมมีการรายงานว่า พบว่าทุกภาคส่วนได้ดำเนินการตามมาตรการของรัฐ และกระทรวงสาธารณสุข อย่างเข้มข้น ขณะที่ ประชาชนส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการ ที่กระทรวงสาธารณสุข กำหนดอย่างเคร่งครัดเช่นกัน ทำให้ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ไม่มียอดผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นแต่อย่างใดยังอยู่ที่ 13 รายเท่าเดิมในที่ประชุมของคณะกรรมการโรคติดต่อฯ ยังได้มีการหารือเกี่ยวกับการพิจารณาเปิดพื้นที่ 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ 7 บ้านหัวถนน ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด หมู่ 7 บ้านตากอง และหมู่ 12 บ้านสระกลาง ต.หนองตะครอง อ.ละหานทราย ที่มีมติสั่งปิดเป็นพื้นที่ควบคุมก่อนหน้านี้เป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงระบาดของโรคโควิด-19 ขณะนี้ ไม่พบการกระจายเชื้อในพื้นที่ทั้ง 3 หมู่บ้านเพิ่ม และประชาชนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ดังนั้นหากครบตามกำหนด 14 วัน ก็จะพิจารณาเปิดพื้นที่ทั้ง 3 หมู่บ้านให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ แต่ประชาชนก็ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดจะต้องกักตัว 14 วันด้วยเช่นเดียวกัน และทั้งจังหวัดมีผู้เข้าเกณฑ์ต้องกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วันรวมกว่า 30000 คนผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ขณะนี้ที่ไม่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถือเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากทุกภาคส่วนดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มข้น และประชาชนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง เมื่อออกนอกบริเวณบ้าน และให้เว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อที่เราจะเอาชนะเชื้อโควิด-19 ให้หมดไปจากบุรีรัมย์. | ผวจ.บุรีรัมย์ เผยจ่อเปิด 3 หมู่บ้าน ที่ถูกสั่งปิดให้ได้ใช้ชีวิตตามปกติ หลังไม่พบโควิด-19 กระจายเพิ่ม ชมทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี โดยทั้งบุรีรัมย์มีผู้เข้าเกณฑ์ต้องกักตัวที่บ้านกว่า 30000คน | ข่าว,ทั่วไทย | โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,COVID-19,ผู้ป่วยโควิด-19,บุรีรัมย์,ธัชกร หัตถาธยากูล,ปิดหมู่บ้าน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1815314 |
ธนกร มั่นใจ ชิมช้อปใช้ เฟส 2 โว ดัน 10 ล้านคน สู่โลกดิจิตอล | วันที่ 11 ต.ค. นาย,ธนกร วังบุญคงชนะ, เลขานุการ รมว.คลัง กล่าวว่า หลังจากที่มีการออกมาตรการ, ชิมช้อปใช้ ,เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลมีการเก็บข้อมูลการทำงานและปัญหาที่พบมาโดยตลอด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงาน เฟส 2 ยืนยันว่า ในเบื้องต้น การใช้งานระบบอาจจะมีปัญหาเนื่องจากเป็นของใหม่สำหรับสังคมไทย ซึ่งต้องให้ความรู้ความเข้าใจ ในการใช้งาน ,Digital Banking, แต่หลังจากที่ได้มีการเปิดใช้งานไประยะหนึ่ง ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่ ทั้งในแง่การลงทะเบียนที่มีคนให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมมากทุกวัน ประชาชนเรียนรู้การดำเนินงานของระบบ และทำความเข้าใจสังคมไร้เงินสด ไปพร้อมๆ กัน ที่สำคัญ ทำให้ชาวบ้าน 10 ล้านคน ได้เข้าใจการใช้ระบบไอทีเข้าสู่โลกดิจิตอล,นายธนกร กล่าวอีกว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีการพัฒนาระบบตลอดเวลา เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา และทำความเข้าใจกับประชาชนในการใช้งาน ระบบไม่ได้มีการล่ม แต่อาจจะมีปัญหาบ้างในช่วงต้น ซึ่งจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ภาครัฐ มั่นใจว่า เฟส 2 ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ทุกอย่างจะสามารถรองรับความต้องการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาทุกอย่างน่าจะมีน้อยลง และประชาชนจะสามารถวางแผนเพื่อใช้ประโยชน์จากมาตรการได้ดีขึ้น เงินที่จะลงสู่ระบบเศรษฐกิจก็น่าจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ เป็นเพียง 1 ในหลากหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แผนการดูแลเศรษฐกิจในระยะปานกลางและระยะยาว นั้น รัฐบาลจะเร่งผลักดันทุกโครงการเพื่อพยุงเศรษฐกิจของประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก. | ธนกร เลขานุการ รมว.คลัง มั่นใจ ชิมช้อปใช้ เฟส 2 ไร้ปัญหา ชี้ ประชาชนเข้าใจ ใช้งานระบบต่างๆ คล่องขึ้น โว ผลักดันชาวบ้าน 10 ล้านคน เข้าสู่โลกดิจิตอล เชื่อ ปัญหาต่างๆ จะลดน้อยลง | ข่าว,การเมือง | ชิมช้อปใช้,ธนกร วังบุญคงชนะ,พปชร.,ชิมช้อปใช้เฟส2,โลกดิจิตอล,เลขานุการ รมว.คลัง,Digital Banking,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1680275 |
เมียนมาห้ามผู้แทนองค์การสหประชาชาติเข้าประเทศ | นายบินาลี ยิลดิริม นายกรัฐมนตรีตุรกี เดินทางไปยังค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในเมืองคอกซ์ บาซาร์ ของบังกลาเทศ พร้อมทั้งประณามรัฐบาลเมียนมาที่ก่อเหตุ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชาวโรฮิงญานายกรัฐมนตรีตุรกี ระบุว่า ทหารเมียนมาพยายามทำลายชุมชนชาวโรฮิงญา และกลั่นแกล้งด้วยการเผาบ้านเรือน หมู่บ้าน ข่มขืน ละเมิดทางเพศผู้หญิงและสังหารชาวโรฮิงญา พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลก ร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นว่า ชาวโรฮิงญาจะกลับภูมิลำเนาในรัฐยะไข่ ได้อย่างปลอดภัยด้านองค์การแพทย์ไร้พรมแดน เปิดเผยว่า มีชาวโรฮิงญาอย่างน้อย 6700 คน ถูกสังหาร ช่วงระหว่างวันที่ 25 ส.ค. - 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่องค์การสหประชาชาติ ระบุว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐส่วนนางยางฮี ลี ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมา เปิดเผยว่า รัฐบาลเมียนมาไม่อนุญาตให้เธอเข้าประเทศ ซึ่งมีกำหนดเยือนรัฐยะไข่เดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ทำให้รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจดังกล่าว พร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่า อาจกำลังเกิดเหตุโศกนาฎกรรมที่น่ากลัวในรัฐยะไข่ขณะที่รัฐบาลเมียนมา ชี้แจงว่า การสั่งห้ามนางลีเข้าประเทศ เนื่องจากนางลีรายงานสถานการณ์ในรัฐยะไข่ด้วยความไม่ยุติธรรม มีอคติและลำเอียง ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเมียนมา | นายกรัฐมนตรีตุรกีประณามรัฐบาลเมียนมา กรณีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ขณะที่รัฐบาลเมียนมาสั่งห้ามผู้แทนสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมาเข้าประเทศ | ต่างประเทศ | เมียนมา,ยูเอ็น,โรฮิงญา,ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์,องค์การแพทย์ไร้พรมแดน,ยางฮี ลี,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/268719 |
ชาวอัฟกายังประท้วงสหรัฐเผาคัมภีร์อัลกุรอ่านเป็นวันที่ 4 | การประท้วงกรณีที่มีการเผาคัมภีร์อัลกุรอ่านที่ฐานทัพของสหรัฐอเมริกาในเมืองบากรัมประเทศอัฟกานิสถาน ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 4 แล้ว โดยวานนี้ ( 24 ก.พ.) ชาวอัฟกันในหลายเมืองออกมาเดินขบวนประท้วง ทั้งในกรุงคาบุล เมืองเฮรัต เมืองโคสต์เมืองจาลาลาบัด และ เมืองกาซนี่ โดยที่เมืองเฮรัตทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บ 50 คน เนื่องจากตำรวจยิงปืนใส่กลุ่มผู้ประท้วงเพื่อสลายการชุมนุม และมีผู้เสียชีวิตจากเมืองอื่นอีก 5 คนรวมเป็น 12 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 23 คน รวมถึงทหารอเมริกัน 2 นายด้วยแม้ทางสหรัฐอเมริกาจะขอโทษอัฟกานิสถานต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังมีชาวอัฟกันจำนวนมากไม่พอใจ และต้องการให้มีการนำคนก่อเหตุมาลงโทษ ขณะที่กลุ่มก่อการร้ายตอลีบานได้เรียกร้องให้ทหารอัฟกันจับปืนขึ้นมาสังหาร ทุบตี และจับ ทหารของนาโต้ | ชาวอัฟกานิสถานจำนวนมากในหลายเมืองยังคงประท้วงกรณีที่มีการเผาคัมภีร์อัลกุรอ่านที่ฐานทัพสหรัฐอเมริกาในเมืองบากรัม โดยวานนี้ ( 24 ก.พ.) มีผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงในการประท้วงเพิ่มขึ้นอีกกว่า 10 คน | ต่างประเทศ | คัมภีร์อัลกุรอ่าน,ชาวอัฟกา,ฐานทัพ,ประท้วง,สหรัฐฯ,อัฟกานิสถาน | https://news.thaipbs.or.th/content/68434 |
แคร์ทำไม?? สะบัดบ๊อบ ซิงเกิ้ลมัม เลี้ยงลูกคนเดียวสวยๆ | มีให้เห็นมากขึ้นในสังคมไทย ต่างจากเมื่อก่อนที่การเป็นซิงเกิ้ลมัมมันน่าอับอาย แต่ในปัจจุบันเมื่ออีกฝ่ายไม่สามารถดูแลผู้หญิงและเด็กได้ ผู้หญิงจะทนอยู่ทำไม ยอมอยู่คนเดียวและเลี้ยงลูกเองคนเดียวแลจะดูสบายใจกว่า อย่างคนในวงการบันเทิงที่เห็นได้ชัด บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ เลยขอรวบรวมเหล่าบรรดาคุณแม่คนบันเทิง ที่ผันตัวเองมาเป็น ซิงเกิ้ลมัม ทั้งแบบตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ว่าจะมีใครกันบ้าง,คุณแม่ลูกสองผู้เด็ดเดี่ยว พลอย พลอยพรรณ ทวีรัตน์ ถึงแม้เรื่องราวกับสามี ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย แต่สาวพลอยก็ไม่แคร์ ขอเดินหน้าต่อไปเพื่อลูกน้อยทั้งสอง น้องแพนเตอร์และน้องพูม่า ทั้งกำหนดลิขิตชีวิตตัวเองด้วยการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูก ถ้ามัวแต่รอคอยให้สามีกลับบ้าน กลับมาทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว ก็น่าจะเป็นเรื่องยาก เพราะที่ผ่านมา ปีเตอร์เคยบอกกับสื่อว่า เรื่องนี้ขอให้เป็นเรื่องภายในครอบครัว และจะขอเคลียร์กันเองภายในครอบครัวเท่านั้น ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว ที่พลอยยังไร้การติดต่อของปีเตอร์ อีกทั้งไม่รู้ว่าสามีตัวเองไปอยู่ที่ใดของมุมโลก ทุกวันนี้พลอยก็ยังคงทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ให้กับแพนเตอร์และพูม่า พาไปเที่ยวกันสามคนแม่ลูกโดยไร้เงาสามี อีกทั้งกลับไปเป็นแอร์โฮสเตสเหมือนเดิม พร้อมกับขายของและรับงานอีเวนต์เพื่อหาค่านมลูกต่อไป,คุณแม่ยังสาวอีกคน ซาร่า คาซิงกินี แม่คนสวยของน้องแม็กซ์เวลล์ จากนางแบบอนาคตไกลที่ต้องทิ้งงานที่หลายคนใฝ่ฝัน มาทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกชายสุดหล่อวัยน่ารักแบบไม่มีกั๊ก ไม่ว่าซาร่าจะไปไหนก็จะเห็นแม็กซ์เวลล์ไปด้วย ตัวติดกันตลอด 24 ชั่วโมง แม้ซาร่าจะเลี้ยงลูกคนเดียว โดยไร้เงาพ่อ แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย แถมออกจะดูแฮปปี้กับการเลี้ยงลูกซะด้วยซ้ำ น้องแม็กซ์เวลล์ก็เป็นเด็กที่สุขภาพจิตใจดี หัวเราะร่าเริงยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังได้เชื้อพ่อและแม่มาเต็ม เห็นกล้องทีไรแม็กซ์เวลล์ก็จะเก๊กหล่อให้กล้องทันทีแบบไม่มีพลาด น่ารักจ้ำม่ำขนาดนี้ ใครจะทิ้งได้ลงเนอะแม็กซ์เนอะ,ซิงเกิ้ลมัมลูกสองอย่างสาว ตุ๊ก ชนกวนันท์ หลังผ่านมรสุมชีวิตรักครั้งใหญ่กับอดีตสามี บ๊วย เชษฐวุฒิ ก็ไม่ได้ทำให้แม่คนนี้ยอมท้อต่ออุปสรรคแม้แต่น้อย ด้วยปัญญาต่างๆ นานาที่ถาโถมเข้ามา แต่เธอก็ลุกขึ้นสู้ เดินหน้าทำงานหาเงินเก็บตังค์เพื่อผ่อนจ่ายค่าบ้านที่เหลือกว่า 7 ล้าน ซึ่งตอนนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับผู้หญิงคนนี้ ที่สาวตุ๊กสามารถผ่อนจ่ายได้หมดภายในเวลาไม่นาน แม้จะทำงานหนักกว่าเดิมเพิ่มหลายเท่า แต่ตุ๊กก็ยังสามารถเลี้ยงลูกทั้งสอง น้องแพรวและน้องภูมิ ได้เป็นอย่างดี โดยไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด ส่วนเรื่องหัวใจของตุ๊กตอนนี้มีแต่คำว่างานและลูกเท่านั้น ถึงจะมีคนเข้ามาจีบ แต่ทุกคนก็คือเพื่อน,ลูกชายคนเดียว น้องฑี ฑีฆายุ กำลังโตวันโตคืนฉายแววหนุ่มหล่อขั้นซุปตาร์เลยทีเดียว ทำเอาคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างสาว แอนนี่ บรู๊ค ถึงขั้นยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว แต่กว่าจะผ่านมาได้ขนาดนี้ แม่แอนนี่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมานับครั้งไม่ถ้วน เจอคลื่นมรสุมก้อนใหญ่ถาโถมกว่าจะผ่านไปได้อย่างทุลักทุเล เรื่องคดีความต่างๆ จบไปแล้ว จะเหลือก็แต่ที่สองแม่ลูกดูแลซึ่งกันและกัน ทุกวันนี้แอนนี่ก็ยังคงขายของตามตลาดนัด แม้จะเหนื่อยบ้างแต่ก็ไม่เคยท้อ เพื่อลูกชายตัวเอง ส่วนน้องฑีฆายุนับวันก็ยิ่งโตยิ่งหล่อ ทำเอาป้าๆ น้าๆ อาๆ ที่ติดตามมาแต่เด็กหลงรักหัวปักหัวปำเลยทีเดียว,คุณแม่ยังสาวไอดอลเด็กแนว ไอด้า ไอรดา ศิริวุฒิ กับน้องลัลลาเบล ลูกสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่เวลาไปไหนมาไหนก็เหมือนพี่สาวกับน้องสาวซะมากกว่า ตอนนี้ลัลลาเบลโตขึ้นมาก ด้วยความที่ไอด้าต้องแยกทางกับแอมมี่ ไชยอมร อดีตสามี ทำให้มีผลกระทบต่อลัลลาเบล เพราะลัลลาเบลติดพ่อมาก ไอด้ายอมรับว่าลูกสาวตนเองมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย และเอาแต่ใจมาก ทำให้ถึงขั้นต้องไปพบจิตแพทย์เพื่อดูแลสภาพจิตใจ และไอด้าต้องดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ชนิดที่ว่าแม่ลูกตัวติดกันเลยทีเดียว พลังความรักแม่ลูกคู่นี้สูงมาก,บีม วรานิษฐ์ จิราโรจน์เจริญ ลูกสาวคนโตของอดีตดาราตลกชื่อดังผู้ล่วงลับ ดี๋ ดอกมะดัน แม้ชีวิตครอบครัวจะไม่เป็นดั่งฝัน หลังจากที่แยกทางกับอดีตแฟนไม่เท่าไหร่ บีมก็รู้ตัวว่าตั้งท้อง แต่เธอก็ตั้งใจแล้วว่าจะเลี้ยงลูกเอง โดยไม่ไปรบกวนอดีตแฟน ทั้งๆ ที่ทางฝ่ายโน้นพร้อมรับผิดชอบโดยการแต่งงาน แต่บีมก็ปฏิเสธและยืนยันว่าการแต่งงานไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง จนกระทั่งวันที่บีมคลอดลูกชาย น้องโซล เจ้าตัวก็ไม่ต้องให้อดีตแฟนเซ็นรับรองบุตร ส่วนเรื่องการเลี้ยงดู บีม น้องสาว และคุณแม่ต่างก็ช่วยกันดูแล เพราะแม่บอกว่า หลานคนเดียวแม่เลี้ยงได้ และค่าเลี้ยงดูนั้นก็แล้วแต่เห็นสมควรว่าฝ่ายชายจะว่ายังไง ไม่มีการเรียกร้องใดๆ ทั้งนั้น,อีกหนึ่งซิงเกิ้ลมัมรุ่นใหญ่ หมู พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ นักแสดงเจ้าบทบาท ที่ครั้งหนึ่งเธอยอมรับว่ามีชีวิตด้านครอบครัวที่ล้มเหลว ไม่เป็นไปดั่งที่ใจคิด แต่หมูก็ลุกขึ้นสู้และไม่หันกลับไปมองด้วยสุขภาพจิตที่ดีเลิศ มองโลกในแง่ดี และที่สำคัญกำลังใจในชีวิต น้องนาย ณภัทร เสียงสมบุญ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่เธอยอมทำงานหนักก็เพื่อคนนี้ คอยสนับสนุนและสานฝันลูกชายในเส้นทางวงการนักกีฬากอล์ฟมืออาชีพและวงการบันเทิง ตอนนี้น้องนายโตมาเป็นหนุ่มรูปหล่อที่สาวๆรุมกรี๊ด เป็นนายแบบสุดหล่อ จนแม่ภูมิใจเป็นอย่างมาก เวลาลูกไปทำงานที่ไหน หรือแม่ไปทำงานที่ไหน ต่างก็จะเห็นสองคนนี้เป็นเงาของกันและกัน | คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือ ซิงเกิ้ลมัม คำนี้คงไม่มีใครอยากเป็น และกว่าที่ใครหลายคนจะผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ มันยากลำบากยิ่งนัก การที่แม่คนเดียวจะเลี้ยงลูกให้โตมาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ซึ่งในปัจจุบันซิงเกิ้ลมัม | null | ซิงเกิ้ลมัม,คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว,ดาราเลี้ยงลูกคนเดียว,ดาราแม่เลี้ยงเดี่ยว,ดาราซิงเกิ้ลมัม,ดารา,นักแสดง,ลูก,ลูกดารา,คุณแม่ยังสาว,ข่าว,ข่าวบันเทิง,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/529546 |
เอสเอ็มอี-เกษตรเสี่ยงเอ็นพีแอล | ธปท.มั่นใจปล่อยสินเชื่อปีนี้พุ่ง อานิสงส์ 4 จี-ปีแห่งการลงทุน,นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2558 ที่ผ่านมาสินเชื่อรวมขยายตัว 4.3% ชะลอลงจากปีก่อนหน้าที่ 5% ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าและภาคธุรกิจขนาดใหญ่หันไประดมทุนผ่านตลาดทุนแทนการกู้เงินจากธนาคาร แต่ในปีนี้สินเชื่อมีแนวโน้มโตได้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มสินเชื่อที่เสี่ยงจะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ในกลุ่มสินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อภาคเกษตร,แนวโน้มสินเชื่อในปี 2559 น่าจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จากการปล่อยกู้การลงทุน 4 จี บวกกับปีนี้เป็นปีแห่งการลงทุนตามที่รัฐบาลระบุไว้ ที่สำคัญอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้ดีขึ้น ธปท.คาดว่าจะโต 3.5% สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่คาดไว้ 2.8% นายดอนกล่าว,ทั้งนี้ในปี 2558 ที่ผ่านมาระบบธนาคารพาณิชย์มีผลกำไรจากการดำเนินงาน 370,000 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่ 345,000 ล้านบาท เพิ่มจากรายได้ดอกเบี้ยปล่อยสินเชื่อเป็นสำคัญและอีกส่วนมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ขยายตัวได้ดีขึ้น,ด้านนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารในเดือน ม.ค.2559 มีกำไรสุทธิ 190 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เพิ่มขึ้น 5,743 ล้านบาท หรือ 1,877 ราย โดยมียอดสินเชื่อคงค้าง 90,181 ล้านบาท หรือ 70,934 ราย ปล่อยกู้เฉลี่ยรายละ 1.27 ล้านบาท ส่วนเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้านบาท เนื่องจากลูกหนี้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรเช่น ยาพาราและข้าวมีรายได้ลดลง ส่งผลให้เป็นเอ็นพีแอลมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้ปรับปรุงการชำระหนี้และยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป. | นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2558 ที่ผ่านมาสินเชื่อรวมขยายตัว 4.3% | null | สินเชื่อเอสเอ็มอี,สินเชื่อภาคเกษตร,ดอน นาครทรรพ,ธนาคารแห่งประเทศไทย,ธนาคารพาณิชย์,เอ็นพีแอล,สินเชื่อคงค้าง,ปล่อยสินเชื่อ,ข่าว,ข่าวเศรษฐกิจ,ไทยรัฐฉบับพิมพ์ | https://www.thairath.co.th/content/576745 |
บิ๊กตู่ ขออย่าเชื่อคำบิดเบือน พร้อมปลุก ปชช.หยุดวงจรฉ้อโกง | เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและ คสช. ที่ผ่านมาเป็นเรื่องน่ายินดี ที่ได้รับรายงานว่ามีความสอดคล้องกับคำแนะนำของธนาคารโลก เรื่องการพัฒนาประเทศอย่างมีระบบ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ถือว่ามาถูกทาง โดยเน้น 4 มาตรการหลัก,อาทิ การสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยด้วยการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและทักษะให้กับแรงงานทั้งระบบ การเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับองค์กรภาครัฐ เพื่อให้การปฏิรูปประเทศบรรลุผลสำเร็จ ทั้งนี้การทำงานของรัฐบาลให้สัมฤทธิผล ต้องติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือความเข้าใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ดังนั้นความปรองดองในพจนานุกรมของตน ไม่ได้หมายความเพียงการลบล้างความขัดแย้งทางการเมือง และการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในอดีต แต่ครอบคลุมไปถึงการขจัดเงื่อนไขประเด็นปัญหาข้อสงสัยข้อกังวลใจในโครงการต่างๆ ตามนโยบายรัฐบาล จนนำไปสู่ความเข้าใจ ไว้ใจ ร่วมมือ หรือการมีส่วนร่วม ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ให้สามารถขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศต่อไปได้ โดยปราศจากการต่อต้าน ความขัดแย้ง และมีผลประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ขอให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ สร้างภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยนำเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ไปร่วมกันทำงานในพื้นที่ศึกษาเรียนรู้ร่วมกันให้ได้ ให้เกิดความรักความสามัคคีไปได้ด้วยกัน,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลพยายามแก้หนี้นอกระบบ ลดภาระหนี้สินครัวเรือน แต่จะให้รัฐบาลช่วยทั้งหมดโดยไม่ต้องชำระคืนเป็นไปไม่ได้ อย่าไปเชื่อผู้บิดเบือนว่ารัฐบาลนี้มาสร้างหนี้ไม่ช่วยเหลือ ต้องไปดูว่าหนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ อยากจะทราบว่าวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ รัฐบาลต่อไปจะมีวิธีการอย่างไรที่ดีกว่านี้ และยั่งยืนได้มากกว่าหรือจะเข้ามาแบบเดิม ช่วยเหลือโดยไม่คำนึงปัญหาที่จะตามมา ทั้งนี้มีการป้องกันไม่ให้ใช้งบประมาณในการสร้างนโยบายประชานิยมเต็มรูปแบบ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการมีธรรมาภิบาลของทุกรัฐบาล ยืนยันรัฐบาลนี้เข้ามาแก้ปัญหา ไม่ใช่มาสร้างปัญหา,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนประเทศคือการทุจริต เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ ทั้งนี้การทุจริตอาจมาในรูปแบบที่เกี่ยวกับกิจการสีเทา ซึ่งเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่บางกลุ่ม ใช้กฎหมายที่ถืออยู่ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ แม้ปัญหาแบบนี้จะมีมานาน แต่วันนี้ถึงเวลาที่ต้องหยุดวงจรคอร์รัปชันให้ได้ ตนคิดว่าแก้ไขได้ โดยการสร้างจิตสำนึกให้กับทุกคน,รัฐบาลและ คสช. ยอมรับว่าการปราบปรามการทุจริต การจัดระเบียบสังคม และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจหดตัว อาจจะเนื่องจากเม็ดเงินจากการประกอบธุรกิจสีเทา ซึ่งเดิมมีเป็นจำนวนมาก เมื่อมีการปราบปรามก็จะมีผลสะท้อนทางลบต่อตัวเลขเงินที่หมุนเวียนทางเศรษฐกิจ และอาจทำให้เกิดปัญหากับผู้มีรายได้น้อย เพราะว่าบางคนอยู่ในห่วงโซ่นี้มาโดยตลอด บางคนมักง่ายในการหาเงิน หมดก็หาใหม่ก็ต้องทำผิดกฎหมาย วันนี้สิ่งที่เคยชินทำไม่ได้ เลยรู้สึกเดือดร้อนจนนักการเมืองที่ไม่ดีนัก ออกมาพูดบิดเบือน โจมตีนโยบายการจัดระเบียบบ้านเมือง ว่าสร้างความลำบากให้กับผู้มีรายได้น้อย เพื่อหวังผลทางการเมือง แล้วข้อเท็จจริงมันคืออะไร ทำไมเราไม่สร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว | นายกฯ ชี้ปรองดองไม่ใช่แค่การลบล้างความขัดแย้งทางการเมือง แต่ต้องขจัดเงื่อนไขปัญหาข้อกังวลใจ ตามนโยบายรัฐ นำสู่ความเข้าใจ ปราศจากการต่อต้าน ย้ำเข้ามาแก้ไขไม่ใช่สร้างปัญหา ขออย่าเชื่อคนบิดเบือนว่า รบ.มาสร้างหนี้ | ข่าว,การเมือง | รายการศาสตร์พระราชาฯ,รายการนายกฯ,นายกฯ,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,รัฐบาล | https://www.thairath.co.th/news/politic/960848 |
เกรซ-เจี๊ยบ ซัดกันนัว ตบรัวจั่วด้วยสากใน เริงริตา EP.11 | เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร งานนี้ เกรซ–กาญจน์เกล้า สาวแซ่บในละคร เริงริตา อ่อยจนได้เรื่อง โดน เจี๊ยบ–ชมพูนุช บุกตบ แหม แต่เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกะ เกรซ โดยฉากนี้เป็นตอนที่ กานดา (เจี๊ยบ) บุกไปอาละวาด ริตา(เกรซ) ที่บ้านด้วยความโมโห หลังจากรู้ความจริงว่า ริตา พยายามอ่อย ธวัช (กิ๊ฟ–วรรธนะ) สามีของเธอ ทั้งคู่เปิดศึกทะเลาะตบตีกันอย่างหนัก ก่อนที่ ระวี (สมาร์ท-กฤษฎา) จะเข้ามาห้ามปักหลักถ่ายทำที่บ้านย่านเชียงรากน้อย 2 สาว เกรซ กับ เจี๊ยบ สนิทกันอยู่แล้วเพราะเป็นศิษย์เก่าวิก 7 สีทั้งคู่ ดังนั้น พอซักซ้อมสักพักก็เข้าใจพร้อมถ่ายจริงทันที เริ่มที่ เกรซ นั่งจิบชาร้อนชิลๆอยู่ที่สนามหญ้า จู่ๆ เจี๊ยบ ก็เดินถือสากกะเบือเปื้อนพริกเข้ามาพร้อมกับเงื้อมือฟาด แต่ เกรซ หลบทันเลยทำให้ เจี๊ยบ เสียหลักสากกะเบือหลุดมือเซจะล้ม เกรซ รีบกระชากผม เจี๊ยบ จนหน้าหงายแล้วตบๆๆๆ เจี๊ยบ ดิ้นสู้ก่อนจะตบสวนกลับ เกรซ ฉวยจังหวะคว้าเค้กโปะเข้าเต็มหน้า เจี๊ยบ แล้วจับหัว เจี๊ยบ กดกับโต๊ะ คว้ากาน้ำชาเทราดใส่ เจี๊ยบ ร้องกรี๊ดๆ ดิ้นจนหลุดแล้วพุ่งเข้าตบ เกรซ ทั้งคู่ซัดกันนัวเนียแลกตบไปมา ยื้อยุดกันชุลมุน จังหวะนั้น สมาร์ท เข้ามาเห็นพอดี เกรซ รีบเอาสากกะเบือยัดใส่มือ เจี๊ยบ พอ เจี๊ยบ ได้สากก็รัวตี เกรซ ใหญ่เลย สมาร์ท เลยเข้าใจว่า เจี๊ยบ ตัวร้าย ส่วน เกรซ แสนดีน่าสงสาร งานนี้ เจี๊ยบ พลาดจริงๆ เสียผัวแล้วยังมาเสียชื่ออีกตามชมกันคืนนี้ 20.30 น. ทางช่อง GMM25 และรับชมย้อนหลังทาง Viu.>> อ่านเรื่องย่อนิยายทุกเรื่อง คลิกที่นี่ << | เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร งานนี้ เกรซ–กาญจน์เกล้า สาวแซ่บในละคร เริงริตา อ่อยจนได้เรื่อง โดน เจี๊ยบ–ชมพูนุช บุกตบ แหม แต่เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกะ เกรซ | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | เริงริตา,เกรซ กาญจน์เกล้า,เจี๊ยบ ชมพูนุช,ฉากตบ,เบื้องหลังละคร,เริงริตา EP.11,นิยาย,ละคร | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1911487 |
รู้ให้ซึ้ง ก่อนทำศัลยกรรมตา | ในฐานะผู้นำด้านศัลยกรรมความงามอันดับหนึ่งของเกาหลี โรงพยาบาลวอนจิน ระบุว่า การทำศัลยกรรมดวงตา คืออวัยวะแรกที่ดาราเกาหลีนิยมทำกัน เพราะช่วยเปลี่ยนใบหน้าให้สวยขึ้นในพริบตา โดยดารานิยมทำตาสองชั้น และแก้ไขกล้ามเนื้อตาให้ตาโตขึ้น สำหรับสาวเกาหลีทั่วไป ก็นิยมทำศัลยกรรมดวงตาเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะสาววัยเลข 3 เมื่ออายุมากขึ้น ต้องเผชิญกับปัญหาหนังตาตก และหางตาหย่อนคล้อย,นอกจากปัญหาคลาสสิกเดิมๆแล้ว ดร.ปาร์ค วอนจิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวอนจิน ซึ่งมาเปิดให้บริการที่ชั้น 4 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี บอกเล่าถึงเทรนด์การทำศัลยกรรมดวงตาว่า การแก้ไขดวงตาให้มีขนาดเท่ากัน เป็นอีกหนึ่งเทรนด์การทำศัลยกรรมดวงตาที่กำลังมาแรง ปกติคนเราจะมีตาซ้ายและขวาไม่เท่ากัน ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น กล้ามเนื้อที่ใช้ในการลืมตาอ่อนแรง อาจเป็นตั้งแต่เกิด หรือเป็นเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากกล้ามเนื้ออ่อนล้าตามวัย อีกสาเหตุคือ ปริมาณไขมันที่ตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน ทำให้หนังตาข้างหนึ่งอูมกว่าอีกข้าง จนดูเหมือนตาข้างหนึ่งเป็นตาสองชั้น แต่อีกข้างเป็นตาชั้นเดียว กระนั้น ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ทำ ให้สามารถแก้ไข ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด เพื่อให้มีดวงตาสวยงามสมดุลทั้งสองข้าง โดยดวงตาที่สวยงามในทัศนะของศัลยแพทย์ ต้องมีอัตราส่วนทองคำ คือ ดวงตาที่มีขนาดสมดุลรับกับใบหน้า มีความกว้างระหว่างตาทั้งสองข้าง 30-34 มม. ระยะห่างระหว่างคิ้วกับตาไม่ควรแคบ หรือห่างเกินไป ถ้ายิ่งห่างจะยิ่งทำให้ตาดูเล็ก ขณะที่ตำแหน่งของดวงตา จากหัวคิ้วผ่านตาด้านในถึงด้านปีกจมูก และด้านนอกของคิ้วถึงด้านนอกของดวงตา ควรเชื่อมต่อเป็นเส้นตรงระนาบเดียวกัน ส่วนปลายหางตาควรเป็นเส้นตรงจากหัวตา และชี้ขึ้นเล็กน้อย,สำหรับเทคนิคการทำศัลยกรรมเพื่อให้ได้ ดวงตาทองคำ ดร.ปาร์ค ชี้ว่า เทคนิคที่เหมาะกับสาวเอเชีย ซึ่งมีรูปหน้าค่อนข้างกว้างคือ การผ่าตัดเปิดหางตา เพื่อขยายขอบตาด้านข้างให้กว้างขึ้น แต่ถ้าใครอยากมีดวงตากลมโตดูแบ๊วขึ้น ก็เหมาะกับเทคนิคเพิ่มความสูงของดวงตา กรณีที่มีปัญหาคิ้วกับตากว้างเกินไป สามารถแก้ไขด้วยการทำตาสองชั้น แต่ถ้าดวงตาทั้งสองข้างห่างกันเกินไป แนะนำให้ทำศัลยกรรมเปิดหัวตา. | การทำตาสองชั้น เพื่อเปลี่ยนสาวหมวยเป็นสาวมั่น ถือเป็นเทรนด์ยอดฮิตของสาวเอเชีย แต่นอกจากปัญหาเรื่องตาชั้นเดียวแล้ว อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของสาวๆยังรวมถึงขนาดตาสองข้างไม่เท่ากัน ทำให้ดูไม่เป๊ะ | ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง | ศัลยกรรม,ศัลยกรรมตา,โรงพยาบาลวอนจิน,ทำตาสองชั้น,ปาร์ค วอนจิน,ศัลยกรรมตาสองชั้น,ไทยรัฐ,หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ | https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/fashion/732199 |
ญาติ นรต.ที่เสียชีวิตจากเหตุกระโดดร่ม เข้าร้องเรียน หลัง 2 ปีคดีไม่คืบหน้า | วันนี้ (4 เม.ย.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุรงค์ ติรสุวรรณสุข และนายสาทร พุทธชัยยงค์ ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นบิดาของนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 69 ที่เสียชีวิตขณะฝึกอบรมกระโดดร่มตามหลักสูตรกระโดดร่ม โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2557 เข้าร้องเรียนต่อ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หลังผ่านมา 2 ปี แต่คดีไม่คืบหน้านายสาทร เปิดเผยว่า สำนวนคดีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวนในพื้นที่ และญาติพยายามติดตามทวงถาม แต่ได้รับคำตอบว่าคดีนี้ต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมพ.ต.อ.ดุษฎี เปิดเผยว่า คดีนี้ผู้ได้รับความเสียหายเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ทางกระทรวงยุติธรรมจะรับเรื่องร้องเรียนเพื่อหาทางช่วยเหลือ พร้อมแนะนำให้เข้าพบกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วยสำหรับเหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2557 ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนเข้ารับการฝึกอบรมกระโดดร่ม ภายในพื้นที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จ.นครปฐม ซึ่งเมื่อมีการสอบสวนพบว่าอุบัติเหตุเกิดจากลวดสลิงที่ใช้สำหรับเป็นตัวกระตุกร่มขาด ทำให้ส่งผลให้ร่มไม่กางต่อมามีสืบสวนและมีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวม 11 คน ในข้อหา กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเป็นบริษัทเอกชนที่เข้ามาติดตั้งสายสลิง รวมถึงตำรวจด้วย ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อหา | ญาติของนักเรียนนายร้อยตำรวจที่เสียชีวิตขณะฝึกอบรมหลักสูตรกระโดดร่ม เข้าร้องเรียนกับรองปลัดกระทรวงยุติธรรม หลังผ่านมา 2 ปี แต่คดีไม่มีความคืบหน้า | อาชญากรรม | ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,นักเรียนนายร้อยตำรวจ,ตำรวจ,กระโดดร่ม,นรต.,นายร้อยตำรวจ | https://news.thaipbs.or.th/content/251470 |
200 ปีงานเขียนดังของ เจน ออสเทน | ภาพผู้คนแต่งกายย้อนยุคในสมัยรีเจนซีราวต้นศตวรรษที่ 19 ช่วงที่ยุโรปออกล่าอาณานิยม หาใช่เหล่านักแสดงในกองถ่ายภาพยนตร์ย้อนยุค แต่เป็นกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า Janeites หรือ นักอ่านผู้คลั่งไคล้งานวรรณกรรมคลาสสิกของ เจน ออสเทน นักเขียนหญิงชาวอังกฤษ มารวมตัวกันในงานฉลองเพื่อย้อนรำลึกวิถีชีวิตชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 19 ทั้งงานเลี้ยงน้ำชาจนถึงงานเต้นรำ ถูกบรรยายเอาไว้อย่างโดดเด่นในงานเขียนชื่อดังเมื่อ 200 ปีที่แล้วผลงานประพันธ์ที่โด่งดังที่สุดของ เจน ออสเทน คือ เรื่อง สาวทรงเสน่ห์ หรือ Pride and Prejudice ซึ่งสะท้อนภาพชีวิตชนชั้นสูงในอังกฤษช่วงศตวรรษที่ 19 ขณะที่นิยายส่วนใหญ่ในห้วงเวลานั้นเต็มไปด้วยงานเขียนเพ้อฝันเกี่ยวกับอัศวิน ในโอกาสครบรอบ 200 ปี ของการตีพิมพ์ผลงานนี้ พิพิธภัณฑ์ Jane Austen House Museum ซึ่งในอดีตคือบ้านพักของนักเขียนหญิง ได้จัดแสดงของสะสมหายาก ทั้ง Pride and Prejudice ฉบับพิมพ์ครั้งแรก โต๊ะที่เธอใช้เขียนหนังสือ รวมถึงจดหมายที่เธอระบุว่า Pride and Prejudice เป็นงานเขียนที่เธอรักที่สุดความเป็นอมตะของเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรักและชนชั้นที่เข้าถึงใจผู้คนทุกยุคทุกสมัย ทำให้ผลงานของเธอได้รับความนิยมจนถึงทุกวันนี้ โดยสมาคมผู้จัดพิมพ์ของอังกฤษประเมินว่าปีที่แล้วหนังสือของเธอถูกจำหน่ายไปถึง 132000 เล่ม โดยตัวแทนของสำนักพิมพ์ Penguin ยอมรับว่างานเขียนของออสเทนได้รับความนิยมในอันดับ 1 เมื่อเทียบกับผลงานของนักเขียนใหญ่ทั้ง ชาร์ลส์ ดิกเคนส์ จอร์จ ออร์เวลล์ หรือ แม้แต่ เชคสเปียร์ส แม้ออสเทน จะมีงานประพันธ์เพียง 6 เรื่อง แต่ผลงานเหล่านั้นได้กลายเป็นขุมทรัพย์ ด้านแรงบันดาลใจที่สำคัญของศิลปินยุคหลัง ทั้งการดัดแปลงเป็นผลงานงานภาพยนตร์ในเรื่อง Sense and Sensibility Pride and Prejudice และ Emma หรือนำเรื่องราวของเธอมาดัดแปลง ทั้ง Becoming Jane ที่เล่าถึงชีวิตของนักเขียนสาวBride and Prejudice หนังร่วมสมัยเวอร์ชั่นบอลลีวูด และ Austenland ที่เล่าถึงชาวอเมริกันยุคใหม่ผู้กลับไปสู่โลกย้อนยุคในสมัยของออสเทน เช่นเดียวกับนักเขียนไม่น้อยที่นำแรงบันดาลใจของ Pride and Prejudice ไปต่อยอดในแนวทางที่แหวกแนว ทั้ง Death Comes to Pemberley ที่นำเสนอตอนต่อในแนวฆาตกรรมอำพราง หรือ Pride and Prejudice and Zombies ที่เล่าถึงศตวรรษที่ 19 ที่อังกฤษถูกรุกรานด้วยอมนุษย์ ซึ่งประสบความสำเร็จจนต้องตีพิมพ์ภาคต่อมาแล้ว | แม้ Pride and Prejudice ผลงานที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ เจน ออสเทน นักเขียนชาวอังกฤษ จะมีอายุยาวนานถึง 200 ปี แต่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความเป็นอมตะของงานเขียนที่วิพากษ์ประเด็นทางสังคมอย่างลึกซึ้ง | ศิลปะ-บันเทิง | 200 ปี,Janeites,Pride and Prejudice,งานเขียน,งานเต้นรำ,งานเลี้ยงน้ำชา,นักอ่าน,อังกฤษ,เจน ออสเทน | https://news.thaipbs.or.th/content/143214 |
เมื่อพนักงานนิตยสาร สปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด เตรียมตั้งสหภาพแรงงาน | ท่ามกลางความวุ่นวายสับสนที่เกิดขึ้นที่แบรนด์อันเป็นตำนานสืบเนื่องมาแห่งนี้24 ม.ค. 2563 พนักงานสปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด (Sports Illustrated-SI) ประกาศความตั้งใจของพวกเขาในการจัดตั้งสหภาพแรงงานเมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค. 2563 เพื่อหาความคุ้มครองที่ดีขึ้นในสถานที่ทำงาน ท่ามกลางความวุ่นวายสับสนที่เกิดขึ้นที่แบรนด์อันเป็นตำนานสืบเนื่องมาแห่งนี้สหภาพแรงงานเป็นตัวแทนของพนักงานราว 80 คนในส่วนของสิ่งพิมพ์ ดิจิตัล และวิดีโอ โดยพนักงานของนิตยสารสปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพแรงงาน เดอะ นิวส์กิลด์ แห่งนิวยอร์ก (The NewsGuild of New York) อยู่ก่อนแล้ว แต่พนักงานส่วนดิจิตัลยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพแรงงานนิวส์กิลด์ ในปัจจุบัน ทั้งพนักงานในส่วนสิ่งพิมพ์และดิจิตัล ของนิตยสารสปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด จะถูกรวมอยู่ในสหภาพแห่งใหม่นี้ ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานที่จะอยู่กับสหภาพแรงงานเดอะ นิวส์กิลด์ทั้งนี้ เดอะ นิวส์กิลด์ แห่งนิวยอร์ก เป็นสหภาพแรงงานของคนทำงานในวิชาชีพสื่อมวลชน มีสมาชิกทั้งสื่อสิงพิมพ์ สื่อดิจิตัล สื่อวิทยุ สหภาพแรงงานนี้เป็นตัวแทนสมาชิกประมาณ 3000 คน ซึ่งเป็นนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ที่ทำงานในสื่อแห่งต่างๆ ที่มีฐานอยู่ในเมืองนิวยอร์ก ()ในเดือน ต.ค. 2562 บริษัท แมเว่น (Maven) บริษัทสตาร์ทอัพซึ่งมีฐานที่อยู่ที่เมืองซีแอตเทิลได้เข้ามาซื้อกิจการและเข้ามาเป็นเจ้าของนิตยสารสปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด โดยซื้อกิจการจากกลุ่มนิตยสารเครือแมริดิธ (Meredith) และในทันทีทันใด ได้เลิกจ้างพนักงานประมาณ 40 คน ยุทธศาสตร์ของบริษัทเมเว่น สำหรับนิตยสารสปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ท คือได้มีการการจ้างคนทำงานแบบเหมาช่วงตามสัญญา (contractor) ประมาณ 200 คน เพื่อเพิ่มรายงานข่าวกีฬาท้องถิ่นในนิตยสารสปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด โดยในเรื่องนี้ สหภาพแรงงานให้ความเห็นว่า จะทำให้เกิดผลกระทบที่เป็นลบต่อ ความน่าเชื่อถือ ของพวกเขาการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้กระทำโดยผู้บริหารชุดใหม่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้ทำให้ชื่อเสียงของสปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด และสุขภาพในระยะยาวของนิตยสารฉบับนี้ ตกอยู่ในความเสี่ยง สหภาพแรงงานกล่าวในแถลงการณ์พนักงาน 20 กว่าคน ซึ่งสูญเสียงานของตนไป เป็นผู้หญิงและคนผิวสี ทำให้เรามีตัวแทนในโลกที่เรารายงานข่าวน้อยลง มากไปกว่านั้น การบริหารโดยการสั่งการของบริษัท แมเว่น ที่เริ่มให้มีเครือข่ายของทีมนักข่าวบนแพลตฟอร์มของสปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด โดยไม่มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบและการกำกับดูแลอย่างเพียงพอ ได้ทำให้เกิดผลที่เป็นข้อผิดพลาดไปแล้ว ซึ่งทำลายความน่าเชื่อถือของเราอย่างรุนแรง ทั้งนี้ บริษัท แมเว่น มิได้ตอบสนองต่อการขอให้มีการให้ความเห็นในเรื่องนี้แต่อย่างใดกล่าวโดยสรุปสั้นๆ คือ หลังจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท แมเว่น ในเดือน ต.ค. 2562 แล้ว พนักงานได้ใช้ทวีตเตอร์ถามเจ้าของดั้งเดิมให้อธิบายข้อตกลงทางธุรกิจนี้ให้กระจ่างกลุ่มนิตยสารเครือแมริดิธเข้าซื้อกิจการสปอร์ตส อิลลัลเตรเต็ดมาจาก Time Inc. และต่อมาขายให้กับกลุ่ม Authentic Brands Group ในปี 2561 มูลค่า 110 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่กลุ่มนิตยสารเครือแมริดิธ (Meredith) ได้ตีพิมพ์นิตยสารและเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนกระทั่งบริษัท แมเว่น เข้าซื้อกิจการและได้มาซึ่งสิทธิในการบริหารบริษัท แมเว่น ยังเป็นเจ้าของเว็บไซต์ข่าวการเงิน TheStreet ซึ่งก่อตั้งในปี 2560 โดย James Heckman และเขาได้แต่งตั้ง Ross Levinsohn ผู้ที่เคยทำงานกับ Fox และ Yahoo มาดูแลสปอร์ต อิลลัสเตรเต็ด ซึ่งในช่วงที่ Levinsohn เป็นประธานกรรมการบริหารหนังสือพิมพ์ลอสแอนเจลิสไทมส์ (Los Angeles Times) เขาถูกให้ลาพักโดยไม่จ่ายเงินเดือนในปี 2561 ในเรื่อง พฤติกรรมที่ถูกตั้งคำถาม ในอดีตของเขา ซึ่งเขาปฏิเสธความพยายามในการรวมกลุ่มตั้งสหภาพแรงงานไม่ใช่เป็นเพียงการตอบสนองต่อเรื่องความเป็นเจ้าของของบริษัทแมเว่น (Maven) เพียงอย่างเดียว แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สื่อหลายบริษัทได้มีการตั้งจัดตั้งสหภาพแรงงาน ซึ่งรวมถึง Vox Media Hearst และ NBC Newsสหภาพแรงงาน เดอะ นิวส์กิลด์ ได้ทำหน้าที่เป็นพลังในการรักษาเสถียรภาพที่สปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด มาตั้งแต่ยุคประสบความสำเร็จอย่างสูงของ Henry Luce ผู้ก่อตั้ง Jack Dickey รองบรรณาธิการใหญ่ของสปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด กล่าว โดยได้อ้างอิงถึงผู้ก่อตั้งนิตยสารฉบับนี้ความคุ้มครองพื้นฐานต่างๆ ได้ถูกเขียนไว้ในข้อตกลงกับสหภาพแรงงานที่มีมายาวนานสำหรับพนักงานสิ่งพิมพ์ ความคุ้มครองพื้นฐานดังกล่าวได้อำนวยความสะดวกให้แก่อาชีพสื่อมวลชนของเรา และสร้างความมั่นคง ด้วยการทำให้สปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด เป็นสถานที่ทำงานที่น่าทำงานมากที่สุด เมื่อเราเปิดหน้าต่อไปสู่ยุคใหม่ มันเป็นสิ่งสำคัญที่นักข่าวทุกคนที่นี่จะได้รับความคุ้มครองเหล่านั้นเหมือนเดิมSusan DeCarava ประธานสหภาพแรงงานเดอะ นิวส์กิลด์ กล่าวว่า สหภาพแรงงานได้เป็น ตัวแทนอย่างภาคภูมิใจ ของพนักงานสิ่งพิมพ์ที่สปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ดมาหลายทศวรรษพนักงานพร้อมกันกับเสียงในสถานที่ทำงานของพวกเขาที่ได้รับการคุ้มครองตามข้อตกลง ได้ลงทุนในอนาคตของสื่อของพวกเขา เราจะยืนหยัดด้วยกันในการเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารแสดงความเชื่อใจต่อพนักงานของเขา และเคารพสื่อที่มีความเป็นสัญลักษณ์แห่งนี้ ด้วยการตระหนักถึงสหภาพแรงงานโดยเร็ว DeCarava กล่าวในแถลงการณ์ | พนักงานของ สปอร์ตส อิลลัสเตรเต็ด (Sports Illustrated) นิตยสารกีฬาชื่อดัง ประกาศความตั้งใจตั้งสหภาพแรงงาน เพื่อหาความคุ้มครองที่ดีขึ้นในสถานที่ทำงาน | แรงงาน,ต่างประเทศ | สหรัฐอเมริกา,สหภาพแรงงาน,สื่อมวลชน,นิตยสาร,Sports Illustrated | https://prachatai.com/journal/2020/01/86066 |
กวีประชาไท: ตุลาตุลา | แสงไฟยังสาดฉายสู่ยอดโดมแต่ไร้สิ่งซึ่งโหมจิตใจข้าเงียบงันท่าพระจันทร์เจ้าพระยาสายลมเดือนตุลายะเยียบเย็นไม่มีบทกวีไว้อาลัยประชาธิปไตยยังไม่เห็นจิตวิญญาณแตกกระสานซ่านเซ็นคนยังคงยืนเด่นอย่างเดียวดายเพื่อมวลประชาเพื่อประชาชนกลายเป็นคำพร่ำบ่นไร้จุดหมายวีรชนเสรีชนตกตายลมตุลายังแล้งร้ายยังร้าวรานสี่สิบปีสิบสี่ตุลาผ่านพ้นวันเวลาไม่เปลี่ยนผ่านไม่มีหรอกสังคมอุดมการณ์ต่างหมอบราบกราบคลานเป็นธรรมดาประวัติศาสตร์ประวัติสัตว์ชัดเจนแล้ว?ยินเสียงแว่ว รู้ใช่ไหมใครสั่งฆ่าหนาวเหน็บนักสายลมเดือนตุลาจะเชื่อมั่นศรัทธาท้าทายใครตุลาตุลาราชดำเนินผ่านฟ้าสะท้านไหวบทสุดท้ายปลายทางยังห่างไกลประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์ร่วมรำลึก สี่สิบปี สิบสี่ตุลา*ภาพจาก เว็บไซต์มติชน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1292412196&grpid=&catid= | แสงไฟยังสาดฉายสู่ยอดโดมแต่ไร้สิ่งซึ่งโหมจิตใจข้าเงียบงันท่าพระจันทร์เจ้าพระยาสายลมเดือนตุลายะเยียบเย็น ไม่มีบทกวีไว้อาลัยประชาธิปไตยยังไม่เห็นจิตวิญญาณแตกกระสานซ่านเซ็นคนยังคงยืนเด่นอย่างเดียวดาย | การเมือง,วัฒนธรรม | 40 ปี 14 ตุลาคม 2516,กวีประชาไท,ทางเท้า | https://prachatai.com/journal/2013/10/49147 |
แทค คุยโว ภารัน ไข่ใหญ่ไม่เสียชื่อลูกพ่อ | แม่เบลล์ ตื้นตันน้ำตารื้นเข้าใจโมเมนต์ รักแรกพบ,ทั้งเห่อ ทั้งตื่นเต้นหนักมากจนเก็บอาการไม่อยู่ สำหรับ ,แทค–ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม, กลายเป็น คุณพ่อป้ายแดง ไปเรียบร้อย หลังจาก ,เบลล์–อดิราภ์ เองตระกูล, (โรจนวุฒิธรรม) ภรรยาสาว คลอดทายาทตัวน้อย น้องภารัน ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ซึ้งหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ทันที ถึงขั้นกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่,โดย แทค เผยว่า,วินาทีแรกที่ผมเห็นหน้าลูก อยู่ดีๆในหัวผมก็นึกว่านักวิทยาศาสตร์ที่บอกว่าสเปิร์มตัวแรกที่แข็งแรงที่สุดเข้าไปอยู่ในนั้นและไม่น่าเชื่อ 9 เดือน ที่เด็กอยู่ในท้องแม่จะโตมาได้ขนาดนี้ และแปลกผมเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้คุณหมอเค้าไม่ตีก้นเด็กเพื่อให้ร้องแล้ว แต่จะสะกิดนิดนึงแค่นั้นภารันก็ส่งเสียงร้องทันที ผมเรียกชื่อลูก ภารัน ลูกหลับใส่ผมเลยนะ และมีลืมตาข้างนึงยิ้มให้ พอผมเอามือจับเค้าก็หลับต่อ หลังจากนั้นเค้าพาภารันไปเข้าตู้อบ ผมเห็นเค้าบิดไปบิดมา ขยับตัวตลอดเวลา ถีบตลอดเวลา จะคล้ายๆผมเหมือนกันนะเป็นคนอยู่ไม่นิ่ง,แทคดูรวมๆ ภารันเหมือนเราตรงไหนบ้าง ,จมูก แก้ม พีกสุดไข่น้องตั้งโด่ง ไข่ใหญ่ แค่นี้ล่ะผมสบายใจแล้ว ไม่เสียชื่อเป็นลูกผมเลย (หัวเราะ),ความหมายของชื่อภารัน แปลว่ามีเสน่ห์ เป็นความตั้งใจด้วยหรือเปล่า ,ผมตั้งชื่อว่าภารัน มาจาก ภรัณยู ตอนตั้งชื่อนี้ยังไม่รู้ความหมาย แต่พอมาดูกันทีหลังว่าลงล็อกคือดี ที่เลือกผ่าคลอดเพราะกลัวว่าถ้าเกิดเบลล์เจ็บท้องตอนกลางคืนจะฉุกละหุก แล้วดูฤกษ์วันนี้เป็นวันดี และเกิดวันอังคารด้วย คนโบราณเค้าบอกเด็กเกิดวันอังคารจะดวงแข็ง,ได้อุ้มลูกกันหรือยัง ,ยังไม่กล้าอุ้ม คอยังไม่แข็งได้แค่แหย่เล่นๆ กลัวไปจับแล้วลูกเจ็บ,เตรียมของให้ลูกขนาดไหน,ของเล่นมีครบหมดแล้ว กลัวมากลูกจะเล่นเซเลอร์มูนอะไรยังไงนี้ (หัวเราะ),ส่วนทางด้านแม่มือใหม่ สาวเบลล์ ได้เปิดใจเช่นกันว่า ,ตอนเห็นหน้าลูกชายแวบแรกน้ำตาไหลเลย ตอนอยู่ในห้องคลอดเบลล์จับมือพี่แทคแน่นเลยลุ้นเพราะกลัวไปหมด เบลล์ไม่เคยผ่าตัดมาก่อน เลยไม่รู้ใครตื่นเต้นกว่ากัน,ลูกร้องเสียงดังขนาดไหน ,ร้องพอเป็นพิธีคืออยากให้อุ้ม ซึ่งคุณพ่อได้เป็นคนอุ้มลูกคนแรกก่อน มองหน้าลูกแล้วภารันเหมือนพี่แทคตอนเด็กมากๆ โชคดีลูกมีผมดกดำ อันนี้เหมือนเบลล์เพราะพี่แทคจะผมบาง หัวเถิกได้พี่แทคเลยค่ะ พี่แทคยังไม่ค่อยกล้าอุ้มลูกกลัวทำลูกหล่น เบลล์ก็ยังไม่กล้าอุ้มค่ะ,ความรู้สึกที่ลูกกินนมเราครั้งแรก ,เห็นหน้าลูกแล้วตื้นตันเพราะรอมา 9 เดือน ใครที่เราไม่รู้จักแต่เรารักเค้ารักตั้งแต่แรก เข้าใจความรู้สึกโมเมนต์นั้นเลยค่ะ และโชคดีหลังจากคลอดมีน้ำนมเลย ตอนแรกก็กังวลไปสารพัด,เห็นว่าชื่อภารันทำแม่แอบกลุ้มใจเล็กๆ ,(หัวเราะ) มีพระที่คุณตานับถือดูดวงให้ค่ะ ท่านบอกดีทุกอย่างเลย เสียอยู่อย่างเดียวเจ้าชู้เล่นเอาเบลล์อึ้งๆไปนิดนึง แม่ต้องปวดหัวแน่ๆ เบลล์จำได้ตอบพระท่านว่ายังไงก็ได้ขอแค่อย่าถูกถอนหงอกแล้วกันและบอกกับลูกว่าเลี้ยงง่ายๆ อย่างอแงกับแม่ คุณตาคุณยายแวะมาเยี่ยมตั้งแต่วันแรกเลย ส่วนปู่ย่าจะบินมาเยี่ยมวันนี้ค่ะ. | ทั้งเห่อ ทั้งตื่นเต้นหนักมากจนเก็บอาการไม่อยู่ สำหรับ แทค–ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม กลายเป็น คุณพ่อป้ายแดง ไปเรียบร้อย หลังจาก เบลล์–อดิราภ์ เองตระกูล (โรจนวุฒิธรรม) ภรรยาสาว คลอดทายาทตัวน้อย | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | แทค ภรัณยู,เบลล์ อดิราภ์,น้องภารัน ลูกชายแทค ภรัณยู,คุณพ่อป้ายแดง,คุณแม่ป้ายแดง,คลอดลูกชาย,รักแรกพบ,ดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1574643 |
พยานปากสุดท้าย เลื่อนให้ปากคำเเผนชิงตัว บรรยิน | วันนี้ (11 ก.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการสืบสวนคดีชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำเลยคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา วันนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก นายณัฐพล นรการ หรือ ท๊อป พยานปากสำคัญในคดีเข้าให้ปากคำล่าสุด พ.ต.ท.ภิรมย์ เมืองไสย รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า นายท๊อป ได้ติดต่อขอเลื่อนเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน โดยอ้างว่าติดภารกิจส่วนตัว และจะขอเข้าให้ข้อมูลในสัปดาห์หน้าพร้อมกับทนายความ อย่างไรก็ตาม หากนายท๊อปยังไม่กำหนดวันนัดครั้งต่อไปที่แน่นอน พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาออกหมายเรียกครั้งที่ 2สำหรับนายท๊อป เป็นพยานปากสุดท้ายที่พนักงานสอบสวนจะเรียกมาสอบปากคำ ซึ่งนายท๊อปอ้างว่าได้รับฟังข้อมูลแผนการชิงตัว พ.ต.ท.โทบรรยิน จาก นายสุธน ทองศิริ หรือ โจ ซึ่งเคยได้รับการประกันตัวจากทนายความออกมา อีกทั้ง นายท๊อป เคยเป็นอดีตผู้ต้องขังแดน 6 ในเรือนจำ ที่เดียวกับ พ.ต.ท.บรรยินอ่านข่าวเพิ่มเติมซึ่งอาจมีข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์ และหากตำรวจสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จจะไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.บรรยิน ภายในเรือนจำบางขวางภายในสัปดาห์หน้าคดีนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 20 ปาก โดยมีพยานปากสำคัญ เช่น พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ อดีต ส.ส.จังหวัดนครสวรรค์ นายกรณ์ กันเที่ยง ทนายความนายของนายโจ นายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์บุตรชายเเละภรรยาของ พ.ต.ท.บรรยิน | นายท๊อปพยานลูกน้องคนสนิท พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา และวางแผนหลบหนีออกจากเรือนจำ เลื่อนให้ปากคำกองปราบปราม คดีชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน อ้างว่าติดภารกิจเเละจะมาให้ข้อมูลพร้อมกับทนายความสัปดาห์หน้า | อาชญากรรม | พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์,แหกคุก,ชิงตัวบรรยิน,พยาน | https://news.thaipbs.or.th/content/294478 |
รู้สึกเหมือนมีรถบรรทุกวิ่งผ่าน แผ่นดินไหว 4.6 ใกล้ภูเก็ต ชาวเลอพยพ | ภายหลังจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้แจ้งว่า เมื่อเวลา 04.18 น. วันที่ 6 พ.ค. 58 ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวในทะเล ขนาด 4.6 ลึก 4 กิโลเมตร บริเวณตอนใต้เกาะยาว ทางทิศตะวันออกของเกาะภูเก็ต (ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 18 กม.) รู้สึกสั่นไหวหลายพื้นที่ใน จ.พังงา ภูเก็ต และกระบี่ เบื้องต้นไม่มีรายงานการเตือนภัยสึนามิ,ขณะที่ นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผวจ.ภูเก็ต เผยว่า ได้รับรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวศูนย์กลางอยู่บริเวณเกาะยาว จ.พังงา รับรู้ถึงแรงสั่นไหว ได้นานประมาณ 2-3 วินาที ระดับน้ำทะเลยังอยู่ในระดับปกติ ซึ่งอยู่ในขั้นของการเฝ้าระวัง โดยยังไม่มีการเตือนภัยใดๆ จากศูนย์เตือนภัยพิบัติฯ ,อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่กำลังนอนหลับอยู่ในบ้านและอาคารต่างๆ ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นไหวของการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ได้เหมือนกับมีรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งผ่านอาคาร ราวๆ 5-6 วินาที โดยเฉพาะประชาชนที่มีที่อยู่อาศัยด้านทิศตะวันออกของ จ.ภูเก็ต หรือใกล้กับศูนย์กลางจะสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้มาก เช่น พื้นที่ ต.เกาะแก้ว อ.เมือง ต.ป่าคลอก ต.เทพกระษัตรี ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของเกาะภูเก็ต,นอกจากนี้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่สูง หรืออยู่บนอาคาร ที่มีความสูงเกิน 2 ชั้นขึ้นไป จะรับรู้การเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้ได้อย่างชัดเจนเช่นกัน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย,ขณะเดียวกัน ที่หมู่บ้านชาวไทยใหม่ หรือชาวเล บ้านแหลมตุ๊กแก ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นหนึ่งจุดที่รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนชาวบ้านหลายครอบครัวต้องหอบหิ้วลูกเด็กเล็กแดง คนชรา และสิ่งของเครี่องใช้ที่จำเป็น ออกจากบ้านไปยังโรงเรียนบ้านเกาะสิเหร่ ต.รัษฎา ซึ่งเป็นจุดใช้ในการอพยพกรณีเกิดภัยพิบัติสึนามิ ห่างจากหมู่บ้านราว 2 กม. ก่อนที่จะได้รับการยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบ และกลับเข้าบ้านของตนเองเมื่อเกือบรุ่งเช้า ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ยังอยู่ในอาการตกใจ,ชาวบ้านคนหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า ครั้งนี้ถือว่ามีการสั่นไหวรุนแรงกว่าครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้ต้องรีบออกจากหมู่บ้านไปยังจุดปลอดภัย แต่เมื่อได้รับการยืนยันว่าไม่มีผลกระทบ และไม่เกิดคลื่นยักษ์สึนามิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงกลับที่บ้านตามเดิม แต่ยังคงมีการเก็บสัมภาระและกระเป๋า ของมีค่าไว้ก่อน เผื่อเกิดแผ่นดินไหวอีก โดยชาวไทยใหม่บางคนได้ไปเฝ้าอยู่ที่ชายหาดเพื่อคอยสังเกตระดับน้ำทะเลบริเวณชายหาดแหลมตุ๊กแก หลายรายยังกังวล เนื่องจากในบ้านมีทั้งเด็ก และคนชราที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้,ส่วนที่ จ.กระบี่ นายกีรติ เนื้อน้อย ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนคอนโดฯ กลางเมืองกระบี่ เล่าว่า นอนพักอยู่ที่ชั้น 4 ของตึก สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้อย่างชัดเจน โดยรับรู้ว่ามีแรงสั่น และสิ่งของเครื่องใช้บางอย่างโยกไปมา ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่น เกาะพีพี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.กระบี่ เบื้องต้นยังไม่มีการแตกตื่น หรืออพยพแต่อย่างใด. | แผ่นดินไหวในทะเลใกล้เกาะยาว จ.พังงา ขนาด4.6 ช่วงเช้ามืดวันที่ 6พ.ค.คนภูเก็ตนอนหลับอยู่ในบ้าน บอกรู้สึกเหมือนมีรถบรรทุกวิ่งผ่านนานราว5-6วินาที ส่วนชาวเลแหลมตุ๊กแกตกใจพาลูกหลานคนชรา อพยพไปอยูในศูนย์หลบภัยสึนามิ
| ข่าว,ทั่วไทย | แผ่นดินไหว,ภูเก็ต,แรงสั่นสะเทือน,4.6,จุดศูนย์กลาง,ข่าว,สำนักแผ่นดินไหว,กรมอุตุนิยมวิทยา,ข่าวภูมิภาค,ไทยรัฐออนไลน์,พังงา,กระบี่,เกาะพีพี,ชาวเล | https://www.thairath.co.th/news/local/497102 |
เตรียมเฮ จ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดถึง 6 ขวบ ทันที หลัง ครม.ไฟเขียว | เมื่อวันที่ 23 ม.ค.62 นางเทพวัลย์ ภรณวลัย รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) เปิดเผยระหว่างร่วมเวทีวิพากษ์ผลการศึกษาการดำเนินงานการจ่ายเงินอุดหนุน เพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด สู่ความพร้อมการถ่ายโอนภารกิจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถึงโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ว่า เป็นโครงการที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2558 ที่จ่ายเงินอุดหนุนให้เด็กแรกเกิดในครอบครัวยากจนเดือนละ 400 บาท เป็นเวลา 12 เดือน และในปีต่อมาได้เพิ่มวงเงินเป็นเดือนละ 600 บาท รวมทั้งเพิ่มเวลาเป็น 36 เดือน ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาที่จะขยายระยะเวลาเป็น 6 ปี ตามเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ,หาก ครม.เห็นชอบก็สามารถดำเนินการได้ทันทีกับเด็กที่เกิดใหม่ รวมถึงจะมีการจ่ายเงินย้อนหลังให้กับเด็กที่เพิ่งสิ้นสุดการรับเงินอุดหนุน 0-3 ปี ไปเมื่อตุลาคม 2561 เพื่อให้ได้รับสิทธิ์การขยายฐานเวลาเป็น 6 ปี คาดว่า ครม.จะพิจารณาและมีมติเห็นชอบเร็วๆนี้,นางเทพวัลย์ กล่าวย้ำว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี แม่และเด็กที่เข้าร่วมโครงการได้รับประโยชน์ เพราะจากการประเมินผลพบว่า เด็กที่อยู่ในโครงการมีภาวะโภชนาการที่ดี สามารถเข้าถึงบริการทางสังคมต่างๆเพิ่มมากขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการที่แม่สามารถนำเงินไปใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูก เป็นค่ารถไปหาหมอ ซื้ออาหาร เสื้อผ้า และของเล่นที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็กด้วย. | กรมกิจการเด็กและเยาวชน พร้อมจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดทันที หลัง ครม.มีมติอนุมัติ พร้อมย้อนหลังให้เด็กที่เคยรับอยู่แล้วมา 3 ปี กรณีขยายอายุเป็น 6 ปี พอใจยกระดับคุณภาพชีวิตแม่และเด็กไทยดีขึ้น | ข่าว,ทั่วไทย | เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด,กรมกิจการเด็กและเยาวชน,เด็กแรกเกิด,เงินอุดหนุน,เงินเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1478190 |
นายกรับเชิญ | จากหวงตี้พิชิตซือหยิว ต่อด้วยยี่ยิงดวงอาทิตย์เก้าดวง มาถึงยุคกุ่นและหยูขจัดอุทกภัย,ยุคสมัยเหล่านี้ ไม่มีการสืบสานทายาท หาคนมาเป็นผู้นำยาก เจอคนเก่งคนดี ก็รีบยกเก้าอี้ให้,นิทานจีนที่ผมเล่าต่อไปนี้ เดาเอาได้ว่า เกิดขึ้นในยุคนิทานปรัมปรา,แว่นแคว้นหนึ่ง นายกรัฐมนตรีตายท่านอ๋องมองซ้ายมองขวา หาคนเก่งคนดี ใกล้ๆตัว ถูกใจเท่าคนเก่าไม่ได้,ถามมาถามไป มีคนเก่งคนดีอยู่คนหนึ่ง แต่ตอนนั้น ปลีกวิเวกไปอยู่ไกลถึงในป่า จึงสั่งคนให้ไปตาม,ถึงตัวแล้ว เสนอเงื่อนไข นอกจากเก้าอี้นายก ยังมีข้าวของเงินทองแถมมากมาย แต่คนเก่งคนนั้นส่ายหน้าไม่เอาท่าเดียว,คนของท่านอ๋องกลับไป ยังไม่ทันคล้อยหลัง คนเก่งคงส่ายหน้าจนเหนื่อย แต่ที่เหนื่อยกว่าคือหู,เขารีบวิ่งไปคุกเข่าที่ริมลำธาร วักน้ำล้างหูเป็นการใหญ่,ขณะนั้น คนเลี้ยงควายคนหนึ่ง จูงควายมากินน้ำ เขาเลือก ทำเลใต้น้ำ,เหลือบมาเห็นเข้า ก็ร้องถาม เฮ้ ล้างหูทำไม อะไรนักหนา,นายกตาย ชายผู้นั้นตอบ เขามาชวนให้ไปเป็นนายก เรื่องอัปรีย์สีกระบาล พรรค์นี้ ทำให้ข้าต้องมานั่งล้างหู เจ้าของควายตกใจ ไม่ได้การ เดี๋ยวควายของข้าจะต้องพลอยอัปรีย์ตามไปด้วย,ว่าแล้ว เขาก็จูงควายออกจากลำธารนั้นไป,เรื่องเล่าในสมัยนิทานปรัมปรา แสดงว่าผู้คนสมัยนั้น นิยม แสวงหาความสงบสุขในป่าเขากันมากกว่าอยู่กับความสับสนวุ่นวายอยู่ในเมือง,การมีโอกาสรับเชิญ ขึ้นไปเสวยอำนาจ จึงเป็นเรื่องน่าชิงชังน่ารังเกียจ,แต่ถ้าเป็นนิทานพม่า ในสมัยโบราณ สมัยที่มีเรื่องเล่า ราชรถมาเกย คงไล่หลังสมัยปรัมปราไม่นานเก้าอี้นายกรัฐมนตรี มีความสำคัญน้อยกว่าการเป็นเจ้าของไร่แตงกวา,กาลครั้งหนึ่ง มีนายกคนหนึ่ง เหนื่อยกับงานบริหารบ้านเมืองนัก ก็ขอเวลาพัก ชวนลูกน้องคนสนิทไปเที่ยวป่า,การเที่ยวให้สนุก ก็ต้องเดินคนเดียวพอหิวน้ำ เจอไร่แตงกวา ความหิวไม่ทันถามว่าของใคร คว้าแตงกวาเข้าปาก เจ้าของ ไร่แตงกวามาเห็นพอดี ก็ไม่ถามอีกว่าใคร,คว้าจอบไล่ตีนายกตาย,ลูกน้องนายกตามมาถึง ก็ถาม ตีเขาทำไม ขโมยแตงกวากิน ไม่บอกเจ้าของ รู้หรือไม่ เขาเป็นนายก เจ้าของไร่แตงกวาตอบ ไม่รู้,ลูกน้องนายกบอก เจ้าตีนายกตาย เจ้าก็ต้องเป็นนายกแทน,เจ้าของไร่แตงกวาโวย ข้าปลูกแตงกวาไว้ตั้งมาก ข้าทิ้งไร่ไปไม่ได้หรอก จนเมื่อลูกน้องนายกเสนอว่า ถึงเป็นนายกก็ยังทำไร่แตงกวาต่อไปได้,นิทานพม่าเรื่องนี้ก็จบลง ตรงเมืองพม่าเวลานั้น ได้นายกคนใหม่ เรียกกันทั่วไปว่านายกแตงกวาหวาน,ราวสี่พันปีที่แล้ว หลังจีนเข้ายุคราชวงศ์ เมื่อนายกหยูตาย อี้คนเก่งคนดีที่วางตัวไว้ ถูก ฉี่ โอรสหยูฆ่า แล้วฉี่ก็ขึ้นสู่อำนาจ เริ่มราชวงศ์เซี่ย ระบบสืบอำนาจจากพ่อไปถึงลูก,นิทานจีน พม่า กระทั่งนิทานไทย เรื่องเล่าทำนองนี้ ก็ไม่มีเล่ากันอีก.,กิเลน ประลองเชิง | ความรู้จาก แลหลังแดนมังกร (สำนักพิมพ์นานมี) อาจารย์ถาวร สิกขโกศล เรียกยุคดั้งเดิม เมื่อสี่–ห้าพันปีที่แล้ว ว่า ยุคตำนานปรัมปรา | null | แลหลังแดนมังกร,นายกรับเชิญ,ถาวร สิกขโกศล,นายกรัฐมนตรี,นิทานปรัมปรา,ชักธงรบ,กิเลน ประลองเชิง | https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/1582346 |
สวยแกร่ง แห่แชร์ภาพ ทหารหญิงกองกำลังสหรัฐฯ ร่วมทีมค้นหา13ชีวิตติดถ้ำ | จากกรณีปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิต นักฟุตบอลเยาวชน ทีม หมูป่าอะคาเดมีแม่สาย จ.เชียงราย 12 คน และโค้ชผู้ฝึกสอนอีก 1 คน สูญหาย และคาดว่าติดอยู่ในถ้ำหลวง มาตั้งแต่เย็นวันเสาร์ที่ 23 มิ.ย.ว่า ขณะที่ ทหารทีมค้นหาและกู้ภัยจากกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก (USPACOM) จำนวน 30 นาย พร้อมอุปกรณ์ ที่ช่วยในการเจาะผนังถ้ำ ซึ่งมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการค้นหาผู้สูญหาย ร่วมกับทีมกู้ภัยและทหาร ตลอดจนหน่วยซีลกองทัพไทย ค้นหา 13 ชีวิตติดถ้ำหลวงแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น,ทั้งนี้ โลกโซเชียลได้แชร์ภาพทหารหญิงหนึ่งในทีมค้นหา และว่าเป็นทหารที่สวย และไม่คิดว่า สาวสวยแบบนี้ จะเป็นทหารหญิงที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในกองกำลังทหารสหรัฐฯ ซึ่งจากการตรวจสอบทราบชื่อคือ เจสสิกา เทต เจ้าหน้าที่สื่อสารทีมค้นหาและกู้ภัย ปฏิบัติการพิเศษกองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก,โดย เจสสิกา เทต เปิดเผยว่า ,จนถึงวันนี้เราทำงานประสานความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยของไทย ซึ่งเป็นคนที่ทำงานในพื้นที่ ซึ่งเราต้องการทำให้แน่ใจว่า ได้อำนวยความช่วยเหลือที่ดีที่สุดให้พวกเขาได้ ซึ่งตนไม่ขอลงรายละเอียดเกี่ยวกับขนาดของทีม แต่บอกได้ว่า เราสามารถปฏิบัติการได้ 24 ชั่วโมง เรามีคนมากพอที่จะทำงานตรงนี้ ที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือทางการไทยในการค้นหาและช่วยเหลือ , 13 ชีวิตติดในถ้ำหลวง,นักดำน้ำระดับโลก ดำค้นหา 13 ชีวิตทีมหมูป่า นาน 2 ชม.,ทีมทหารมะกัน ลงพื้นที่หาจุดเจาะถ้ำ สื่อนอกเกาะติดหา13 ชีวิตติดถ้ำหลวง,หมวกลอยน้ำมา เป็นของน้องไตตั้น 1 ใน 13 ชีวิต ติดถ้ำหลวง,เจอโพรงอากาศ ทีมค้นหาพบอีกจุดใช้โดรนสำรวจ ไม่ยันเชื่อมถึงโถงถ้ำหลวง (คลิป),นักภูมิศาสตร์เผยแผนที่ถ้ำหลวง 3 มิติ หวังเป็นประโยชน์ช่วย 13 ชีวิต (คลิป) | ชาวเน็ตแห่แชร์ ภาพทหารหญิง ทีมค้นหาและกู้ภัยจากกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก ร่วมทีมค้นหา 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง ยันปฏิบัติการได้ 24 ชั่วโมง | ข่าว,สังคม | ถ้ำหลวง,เด็กติดถ้ำ,ทหารหญิง,ทีมค้นหา,ข่าวโซเชียล,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/society/1321635 |
สมคิด แนะพรรคการเมืองแข่งนโยบาย-เลือกคนดี | เมื่อวานนี้ (3 พ.ค.2561) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยถึงกรณีการจัดตั้งพรรคการเมืองเตรียมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ว่า สถานการณ์ในอนาคตจำเป็นต้องมีความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนประเทศ และที่ผ่านมา ผลงานของรัฐบาลเป็นไปด้วยดีและเพียงพอ แต่หากมีใครทำงานได้ดีกว่าก็ขึ้นอยู่กับประชาชนจะตัดสินใจเลือกในอนาคตต่อไป ส่วนการเมืองหลังจากนี้ มองว่า จะต้องมีคนรุ่นใหม่ และนักการเมืองเดิมผสมผสานกัน พร้อมยืนยันว่าไม่เคยคิดตั้งพรรคการเมือง แต่ยอมรับว่าจะสนับสนุนนายกรัฐมนตรี หากตัดสินใจทำงานต่อนายสมคิด กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้กำลังอยู่ในระดับที่ดี เพราะระดับความความเชื่อมั่นสูงสุดในรอบ 4 ปี แต่สิ่งสำคัญหลังจากนี้ คือการปฏิรูปประเทศ ทั้งโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การพัฒนาดิจิทัล และระบบฐานข้อมูลกลาง ดังนั้น หากพรรคการเมืองใช้เวลากำหนดนโยบายที่ดี และหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาก็จะเป็นสิ่งที่ดีในการบริหารประเทศต่อไป พร้อมย้ำว่าหากการเมืองคิดแต่เรื่องการเมือง หรือโจมตีฝ่ายตรงข้ามก็จะไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน เหมือนกรณีที่นายกรัฐมนตรีเคยระบุว่าไม่ได้ดูดนักการเมือง แต่หากมีคนย้ายบ้าน แสดงว่าบ้านที่อยู่แล้วไม่มีความสุข จึงต้องพัฒนาบ้านของตัวเองที่ทำให้คนไทยฝากความหวังได้ | รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ยืนยันไม่เคยพูดถึงการตั้งพรรคการเมือง แต่ยอมรับว่าพร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากตัดสินใจเล่นการเมือง พร้อมแนะพรรคการเมืองคัดเลือกคนดีและคิดนโยบายใหม่เตรียมเลือกตั้ง | การเมือง | สมคิด จาตุศรีพิทักษ์,พรรคการเมือง,แข่งนโยบาย,เลือกคนดี,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,คสช.,ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/272022 |
ขุนคลัง ค้านหัวชนฝาชะลอภาษีที่ดิน ลั่นทำให้เสร็จใน รบ.ชุดนี้ | เมื่อวันที่ 12 มี.ค. มีรายงานว่า ทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งชะลอภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยังไม่ได้รับทราบด้วยตนเองว่านายกรัฐมนตรีสั่งให้ชะลอการจัดเก็บภาษีที่ดิน แต่หากนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดเช่นนั้นจริง อาจจะต้องทำหนังสือชี้แจงว่าไม่เห็นด้วยกับการชะลอเรื่องออกไป เพราะการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวไม่ใช่กรณีเร่งด่วน แต่เป็นเรื่องระบบที่จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องในอนาคต ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะมีผลบังคับใช้ หรือในปี 60,ทั้งนี้ ยอมรับว่าคงยังไม่มีการนำเสนอร่างกฎหมายภาษีที่ดินฯ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ เนื่องจากยังมีรายละเอียดอีกมากที่จะต้องทบทวนให้รอบคอบ โดยเฉพาะผู้ที่จะได้รับความเดือดร้อนจากการจัดเก็บภาษีดังกล่าว จึงต้องกลับไปดูรายละเอียดให้ออกมาดีที่สุด และยืนยันว่าจะผลักดันการจัดเก็บภาษีที่ดินฯ ให้สำเร็จภายในรัฐบาลชุดนี้แน่นอน แต่หากนายกรัฐมนตรี เห็นว่าควรจะชะลอ อาจจะต้องพักสักครู่ แต่อย่างไรก็ต้องกลับมาเดินหน้าต่อ,ผมหยุดเรื่องนี้ไม่ได้ การบริหารภาคการคลัง การเดินหน้าเรื่องภาษีที่ดินฯ เป็นกำหนดการที่ผมต้องดู ใครจะมาห้ามผมก็ไม่ได้ ส่วนตัวผมเป็นคนค่อนข้างแข็ง แต่ก็มีความยืดหยุ่นอยู่ในตัว หากนายกฯ สั่งให้ชะลอจริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ. | ขุนคลัง ยังไม่รู้บิ๊กตู่ สั่งชะลอภาษีที่ดิน ลั่นเดินหน้าทำให้สำเร็จในรบ.ชุดนี้ จ่อทำหนังสือคัดค้านให้ชะลอ รับยังไม่ชงเรื่องเข้า ครม. ต้องทบทวนให้รอบคอบ ไม่ให้คนเดือดร้อน | null | ภาษีที่ดิน,ขุนคลัง,ชะลอภาษีที่ดิน,คลัง,สมหมาย ภาษี,ค้านชะลอภาษีที่ดิน,สิ่งปลูกสร้าง,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,บิ๊กตู่,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ภาษี,ลดภาษี,ขึ้นภาษี,ค่าครองชีพ,ของราคาถูก,ของขึ้นราคา,ของแพง | https://www.thairath.co.th/content/486556 |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.