dhamma-scholar-book / 25 /250026.csv
uisp's picture
init upload
c5b6280
raw
history blame
3.21 kB
Book,Page,LineNumber,Text
25,0026,001,"เป็นหัวหน้า, มอบให้มีอำนาจในการดูแลความสงบของหมู่ จัดการ "
25,0026,002,ปักปันเขตแดนให้แก่กันอย่างถูกต้อง จึงชื่อว่ากษัตริย์ ซึ่งแปลว่า
25,0026,003,"หัวหน้าแห่งการนา, และชื่อว่าราชา เพราะให้หมู่ชนพอใจในการ"
25,0026,004,ปกครอง. เช่นนี้เราจะเห็นได้ว่า ยิ่งโบราณขึ้นไปเท่าใด ความเป็น
25,0026,005,พระราชาอย่างมีอำนาจเด็ดขาดยิ่งหาได้ยากเท่านั้น พระราชาโดยมาก
25,0026,006,ย่อมทรงปกครองตามธรรมนูญของหมู่. แต่เมื่อถอยลงมาหาปัจจุบัน
25,0026,007,ก็พบการปกครองที่พระราชามีอำนาจเด็ดขาดมากขึ้น และพบว่า
25,0026,008,มีอำนาจเด็ดขาดอย่างที่ควรเรียกว่า สมบูรณาญาสิทธิราชเป็นครั้งแรก
25,0026,009,ในยุคอุปนิษัทกับยุคพุทธกาล เช่น ในแคว้นมคธ รัชกาลพระเจ้า
25,0026,010,พิมพิสาร ในยุคเดียวกันนั้นเอง มีการปกครองโดยสามัคคีธรรมอยู่
25,0026,011,หลายแคว้น เช่นวัชชีและมัลละเป็นต้น และต่อมาจะพบพระราชา
25,0026,012,ที่มีอำนาจที่เด็ดขาดที่สุด กว้างขวางที่สุด และเป็นธรรมที่สุดคือพระ
25,0026,013,เจ้าอโศกมหาราช แห่งอินเดียในศตวรรษที่ ๓ ของพุทธศักราช.
25,0026,014,"เมื่อสังเกตจากบาลี, จะพบนามที่เป็นคำสำหรับเรียกผู้ปกครอง"
25,0026,015,แผ่นดิน ว่ามีต่าง ๆ กันเป็นชั้น ๆ พอที่จะหยั่งทราบถึงลักษณะการ
25,0026,016,ปกครองในสมัยนั้นได้บ้างเป็นเค้า ๆ คือคำว่า มหาราช<sup>๑</sup> ราชา<sup>๒</sup>
25,0026,017,และราชัญญะ<sup>๓</sup> ลงมาจนถึงการเรียกนามพวกนั้น ๆ อย่างลอย ๆ<sup>๔</sup>