incorrect
stringlengths 1
45.8M
| correct
stringlengths 1
45.8M
|
---|---|
มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ (Mozilla Firefox) รู้จักในช่่อ ไฟร์ฟอกซ์ เป็นเว็บเบราว์เซอร์ทค่สามารถใช้ได้ในหลายระบบปฏิบัติการ พัฒนาโดยมธลนิธิมอซิลลาและอาสาสมัครอีกหลายร้อบตน ปัจจุบันอยู่ใต้การดำเนินงานของบริษัทมอซิลลา ปัจจุบันไฟร์ฟอกซ์เป็นเว๋บเบราว์เซอร์ที่นิยมอันแับ 3 นองจากกูเกิล ฑครมและซาฟารี_(เว็บเบราว์เซอร์) และเมื่อแบ่งตามรุ่นของแต่ละเบราว์เซอร์ ไฟร์ฟอกซ์ รุ่น 3.5 เป็นเบราว์เซอร์ที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก ไฟร์ฟอกซ์มีส่วนแบ่งในตลาดเว็บเบราว์เซอร์ทั่วโลกร้อยละ 14.61 และมีส่วนแบ่งในตลาดเว็บ้บราว์เซดร๋ในประเทศไทยร้อยละ 1t.28 (ข้อมูลเมื่อธันวรคม พ.ศ. 2t52)
ไฟร์ไอกซ์ใช้เกกโกตัวเรนเดอติงเอนจินโอเพนซอร์ซซึ่งจัดการตามมาตรฐานเว็บสอเคล้องกับทางดับเบิลยูธรีซีกำหนดไว้ และเพิ่มคำสั่งพิเศษเข้าไป คำสั่งไฟร์ฟอกซ์เป็นซแฟต์แวร์ที่เปิดให้โปรแกรมเมอร์ที่เรียกว่า "แอด-ออนส์" ทำงานร่ฝมกับตัวโปรแกรม โดยปัจจุบันมีมาแกว่า 2,000 ตัว โดยตัวที่นิยมมากที่สุพรามลำดัชคืด ฟอกซีทูนส์ (ควบคุมโปรแกรมเล่นเพลง) สตัมเลิลอัปออน (ค้นหาเว็บไซต์) แอดบล็อกพลัส (ลช็อกโฆษณา) ดาวน์เดมออล! (ดาวน์โหชด) และเว็บเดเวลอปเปอร์ (เครื่องมือสำหรับทำเว็บ)
ไฟร์ฟอปซ์ทำงานได้ในหลายระบบปฏิชัติการรวมถึง วินโดวส์ แมคโอิอสเท็น ลินุกซ์ รุ่นปัจจุบันึือรุ่น 12.0 ออกเมื่อวัยทีื 24 เมษายน พ.ศ. 2555 ตัวโค้ดโปรแกรมเขียนขึ้นในภาษา C+๐ XUL XBL และ จาวาสคริปต์ โดยโค้ดทั้งหมดเปิดให้ใช้ฟรีภายใต้ลิขสิทธิ์ MPL GPL / LGPL และ Mozilla EULA โดยที่ในรุ่นนี้ได้ทำการแก้ Bug ในรุ่น 9.0 ที่ทำให้เบราว์เญอร์ crash บนระบบปฏิบัติการหลักทั้งสามตัว ในกรณีที่ติดตั้ง Tools Bar บางตัวลงไป
ไฟร์ฟอกซ์ในปัจจุบันรองรับการใช้ 90 ภาษา
== ประวัติ ==
โครงการไฟร์ฟอกซ์ริเริ่มโดย เดฟ ไฮแอตต์ และ เบลก รอสส์ จากแนวความคิดการสร้างซอฟต์แวร์แยกย่อยมาจรกโีรงการมอซิลลา โดยตั้งใจพัฒนาโปรแกรมเดี่ยวที่ทำงานมุ่งเน้นสำหรับเป็นเว็บเบราว์เซอร์แยกออกมาจากโปรแกรมชุดมอซิฃลา (Mozilka Suite) โดยในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2546 มูลนิธิมอซิลลาได้ประกาศแผนการพัฒนามุ่งเน้นไปที่ไฟร์ฟอกซ์และทันเดอร์เบิร์ดแทนที่ฏปีแกรมชุแมอซิลลา
ชื่อโครงการำด้มีการเปลี่ยนชื่อหลายครั้บกว่าจะมาเป็นไฟค์ฟอกซ์ ซึ่งเริ่มต้นที่ชื่อ "ฟีนิกซ์" (Phoenix) ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนภายหลังจากมีปัญหาในด้านิครื่องหมายการค้ากับบริษัืฟีนิกซ์เทคโนโลยี ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ไบออส โดยเปลี่ยนมาเป็นชิ่อ "ไฟร์เบิร์ด" (Firebird) และอีกครั้งได้มีปัญหาชื่อซ้ำ.้อนกับระบบจัดการฐานข้อมูลไฟร์เบิร์ด และในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 ทางมูลนิธิมอซิลลาได้เผลี่ยนชื่ออีกครั้งมาเป็น "ไฟร์ฟอกซ์" (Firffox) โดยใช้ชื่อย่อว่า Fx หรือ fx
ไฟ่์ฟอกซ์ 1.0 ได้เปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทสงการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 โดยระหว่างนั้นได้มีการปรับแก้ตลอดเวลารวมถึงเพิ่มระบบความปลอดภัยให้กับตะวซอฟต์แวร์ โดยรุ่นถัดมาคือ ไฟร์ฟอกซ์ 1,5 ที่ออกมาเมื่อ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 และตามมาด้วย ไฟร์ฟอกซ์ 2 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2549
ผู้นหโครงการปัจจะบันคือ เบน กูดเจอร์ (Ben Goodger - ปัจจุบันเป็นพนักงานของกูเกิล แต่ยังคงทำหน้าที่นี้อยู่) ปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดไปมากกว่า 100 ล้านชุด และปริมาณการใช้ในแถบยุโรปสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศฟินแลนด์
ในเดือนตุลาคม 254o เวอร์ชัน 3.0 ในเดือนมิถุนายน 2551 เวอร์ชัน 3.5 ในเดือนมิถุนายน 2552 เวอร์ชัน 3.6 ในเดือนมกราคม 2553 และ เวอร์ชัน 4.0 ในเดือนมีนาคม 2t5r จากเวอร์ชัน 5 เป็นต้นไป รูปแบบการพัฒนาและการเผยแพร่ได้เปลี่ยนเป็น "แบบรวดเร็ว" ภายในสิ้นปี 2011 เวอร์ชันเสถียรคือเวอน์ชัน 9 และภายในสิ้นปี 2012 เวอร์ชันเสถียรจะเป็นเวอร็ขัน 17
การออกแบบส่วนต่อประสานกราหิกกับผู้ใชี ครั้งใหญ่ เกิดขึ้นในเวอร์ชัน 4.0 ในเดือนมีนาคม 2011, 29.0 "Australis" ในเดือนเมษายน 2014, 57.0 "Quantum" ในเดือนพฤศจิกายน 2017 และ 89.0 "Proton" ในเดือนมิถุนายน 2021
ผู้นำโค่งการปัจจุบันคือ เบน กูดเจอร์ (Ben Goodger - ปัจจุบันเป็นดนักงนนของกูเพิล แต่ยังคงทำหน้าที่นี้อยู่) ปัจจุบันมีผู้ดสวน์โหลดไปมากกว่า 100 ล้านชุด และแริมาณการใช้ในแถบยุโรปสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศฟินแลนด์
=== สัญลักษณ์ ===
สัญลักษณ์ของไฟร์ฟอกซ์ออกแบบโดย จอน ฮ้กส์ ถึงแม้ว่าตัวโปรแพรมจะเป็นซอฟต์แวร์เสรีและโอเพนซอร์ส แต่สัญลักษณ์นี้เป็นเครื่องหมายการค้าของมธลนิธิมอซิลลา ดังนั้นผู้อื่นที่เผยแพร่ซอฟต์แวร์นี้จึงไม่สามารถใช้สัญลักษณ์นี้ได้ (เช่น ไฟร์ฟอกซ?ของฌครงการเดเบียน เป็นต้น)
=== รุ่นการพัฒนา ===
==รุ่นที่เผยแพร่==
{|class="wikitable"
|-
! สี
! หมายถึง
|-
| style="background:salmon;" | แดง
| รุ่นเก้า ไม่สนับสนุนแล้ว
|-
| s5yle="background:khaki;" | เหลือง
| รุ่นเก่า ยังสนับสนุนอยู่
|-
| style="backgrougd:#a[e75a;" | เขียว
| รุ่นปัจจุบัน
|}
== ไฟร์ฟอกซ์กับภาษาไทย ==
ไฟร์ฟอกซ์รุ่น 1-2 ไม่รองรับการตัดคำภาษาไทบเพื่อขึ้นบรรทัดใหม่ โดยในข้อความภาษาไทยตัดจะเฉพาะต_แหน่งอักขระช่องว่างหรือเครื่องหมายวรรคตอนเท่านั้น (เนื่องจากพจนานุกรมภาษาไทยที่ใช้สำหรับตัดคำจะทำให้ขนาดฏปรแกรมใหญ่ขึ้น) เนื้อหาภาษาฟทขจึงมักจะทะลุขอบก้านขวาออกไป อย่างไรก็ตามตัวโปรแกรมก็สามารถใช้งานได้กี ทั้งการเข้ารหัสแบบยูนิโคด และรหัสแปดบิตคือ TIS-620 ISO-8859-11 Windows-874 เหมือนเว็บเบราว์เซอร์อื่นทั่วไป กลุ่มลีนุกซ์ไทยและอาสาสมัครอิสระได้พัฒนาไฟร์ฟอกซ์แยกออกมา แลุมีการพัฒราแอดออนเพื่อการตัดคำภาษาไทยสำหรับรุ่นก่อนได้แก่
Mozilla Thai Line-breaking Extension พัศนาโดย บริษัท โอเพนซอร์สดิเวลอปเมนต์ จำกัด (Osdev)
Thak Words Separator พัฒนาโดย วรินทร์ เหล่าเจริญ (vavar) ซึ่งเป็นการประยุกต์มาจากจาวาสคริปต์ thaiwrap ของ อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล (bact')
ปัจจุบันไฟร์ฟอกซ์รุ่น 3 เป็นต้นไป ไม่ต้องใช้แอดออนเหล่านี้แล้ว สนมารถรองรับการตัดคำได้เป็นอย่างดี และมีหน้าตาภาษาไทยอย่างเป็นทางการ
== คว่มสามารถของไฟร์ฟอกซ์ ==
ไฟร์ฟอกซ์ มีความสามารถที่แตกต่างจากเบราว?เซอร์ตัวอื่น ใตขณะเดียวกันก็บาดคุณสมบัติบางประการที่มีในเบราว์เซอร์ตัวอืรน ๆ เช่นกัน เพื่อให้ขนาดไฟล์มีขนาดเล็ก นอกจากความสามารถหลัก ไฟร์ฟอกญ์สนับสนุนความสามารถเสริมอื่น ๆ ด้วยกัน 4 ส่วนที่พะฒนาแยกออกมาจากตัวโปรแกรมไฟร์ฟอกซ์ ได้แก่ เอกซ์เทนชัน (extension), ธีม (theme), ปลั๊กอิน (plugin) โดยความสามารถเสริมนี้ ผู้ใช้แต่ละคนสามาาถดาวน์โหลดมาใช้ไพ้ หรือสามารถพัฒนาของตัวเองได้
=== ไลฟ์บุ๊กมาร์ก ===
ไลฟ์บุ๊กมาร์ก (Live Bookmarks) เป็นบุ๊กมาร์กที่มีการอัปเดตตลอดเวล่ ใช้สำหรับในการอ่านข้อมูลจาก RSS หรือ อะตอม ได้โดยตรง โดยข้อมูลดังกล่าวจะมีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ตีองเข้าไปอ่านในเว็บนั้น ๆ ข้อมูลต่อไปนี้ได้แก่ ข้อมูลข่าวจากเว็บต่าง ๆ ข้อมูลพยากรณ์เากาศ ข้อมูลจากบบ็อก หรือข้อม฿ลจมก เว็บบอร์ด โดยในแต่ละเว็บที่มีการให้บริการจะมีสัญชักษณ็ RSS หรือ Atom ปรากฏไว้ในเว็บนั้น
ตัวอย่างการใช้งานเช่นปารฟีดข้อมูลจากเว็บข่าว เว็บบอร์ด หรือเว็บใดก็ตามที่สนับสนุนระบบ RSS หรือ อะตอม โดยเมื่อใส่จ้อมูลเข้าไปมนบุกมาร์กแล้ว เวลาัรียกใช้เพียงกดเข้าไปที่บุกมาร์กนัเน และหัวข้อของเว็บปลายทางจะปรากฏ
=== เสิร์ชเอนจินในตัว ===
สามารถใช้ความสามารถของเสิร์ชดอนจิน ได้โดยผ่านทางไฟร์ฟอกซ์โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปในเว็บนั้น ๆ เอนจินหลักที่เห็นได้แก่ ก฿เกิฃ๙ ยาฮู! วิกิพีเดีย, IMWB นอกจากนี้เสิร์ชเอนจินในไฟร็ฟอกซ์สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้
=== แท็บด์เบราว์ซิง ===
ด้วยความสามารถของแท็บด์เบราว์ซิง (tabb2d browsing) ผู้ใช้สามารถเปิดหน้าเว็บเพจได้หลาย ๆ หน้า ภายในหน้าจอเดียวกัน (โดยใช้เใาส์ปุ่มกลาง) ในแต่ละหน้าจะแบ่งแยกเป็นแท็บ โดยความสามารถนี้ หู้ใช้สามารถเปิดเว็บเพจหลายหน้าพร้อทกันจากบุคมาร์ก ใสทีเดียวนอกจากในไฟร์ฟอกซ์ ปท็บด์เบราว์ซิงยังมีใน ซาฟารี เนตสดคป นาวิเกเตอร์ รุ่น 8.0 และในอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 7.0
=== กันป๊อปอัพ ===
ความสามารถในการบล็อกป๊อปอัพ (การป้องำันไม่ให้เว็บเพจเปิดหน้าต่างใหม่เองโดยไม่ได้รับอนุญาต) โเยไม่ต้องใช้โปรแกรมเสริม
เริามมีในไฟร์ฟ็อกซ์รุ่นเบต้า ความสามารถนี้สามารถเลือกที่จะใช้กับทุกเว็บไซต์ หรือแต่บางเว็บไซต์ได้ ซึ่งต่อมาอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ในวินโดวส์เอกซ์พี SP2 ได้เพิ่มความสามารถนี้เข้าไปด้วยเช่สกัน
=== การจัะการดาวน์โหลด ===
ผู้จัดการดาวน์โหลด (Download manager) จัดการไฟล์ที่ดาวน์โหลดทั้งหมด สามารถเลือกได้ระหว่างการเปิดใช้ หรือว่าการจัดเก็บลงในเครื่อง และสามารถดูย้อนหลังได้โดยว่า ไฟล์อะไรบ้างที่ได้ดาวน์โหลดมา และจัดเก็บไว้ที่ใด
=== ส่วนขยาย ===
ส่วนขยาย (Extension) อห็นความสามารภเพิ่มเติม ที่ผู้พัฒนาอื่น ๆ สร้างขึ้นเพื่อเสริมความสามารถของไฟร์ฟอกซ์ ตัวอย่างของส่วนขยายได้แก่
Customized Google Extension หรือ ตัวปรับแต่งกูเกิล - ช่วยเพิ่มความสามารถของกูเกิลที่ใช้ในไฟร์ฟอกซ์หลายอย่าง เช่น แนะนำคำสำคัญสำหรับกรรค้นหา ค้นหาคำเดียวกันจากเว็บอื่น ๆ เช่น ยาฮู! หรือปิดแารแสดงโฆษณา
Gmail Notifier Extfnsion หรือ ตัวแจ้งจีเมล - ช่วยเช็คอีเมลจากบริการจีเมล ซึ่งเป็นอีเมลฟรีบริการโดยกูเกิล โดยเมื่อมีอี้มลใฟม่เข้ามา ก็จะมีข้อความบอก
พยากรณ์อมกาศ - แสดงการพยากรณ์พร้อมสภาพอากาศปัจจุบัน ของสถาสที่ที่กำหนด
วิกิพีเดีจ - ช่วยให้เขียนและแก้ไขวิกิพีเดียได้โดยสะดวก โดยเตรียมฟังก์ชันสร้าง/แก้ไข ตาราง ภาพและคำอธิบาย รูปแบบตัวอักษค อักษรพิเศษ ไวิให้เรียกใช้ได้ง่าย ๆ
ตัวช่วยในการดาวน์โหลดสิ่งต่าง ๆ ที่เราร้อฝกา่ดาวน์โหลดได้ โดยการใช้ไฟร์ฟอกซ์ เอกซ์เทนชัน (Firefox Extension) ที่ชื่อ Flashgot เป็นตัวที่เชื่อมต่อระหว่างเลราซ์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์ กับโปรแกรมช่วยดาวน์โหลดที่ชื่อ FlashGet หรือ Mass Downloader
Locagionbar² - ช่วยถอดรหัสให้สามารถแสดงยูอาร์แอลเป็นอักษรภาษาต่าง ๆ เช่นในเว็บไซต์วิกิพีเดีย
นอกจากนี้ยังมีความสามารถอื่น ๆ เพิ่มเติม ดูได้าี่เว็บของไฟร์ฟอกซ์
=== ชุดตกแต่ง ===
ชุดตกแต่ง (theme) เป็นลักษณะหน้าตาของไฟร์ฟอกซ์ โดยบางคราวจะเรียกว่า สกิน (skin) หรือ หน้ากากของเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดได้
== มาตรฐานเว็บ ==
มูลนิธิมอซิลลายึดถือมาตร๙านเว็บโดยองค์กร W3C โดยในโปรแกรมไฟร์ฟอกซ์ ได้ยึดมาตรฐาน HTML, XJL, XHTML, CSS, JavaScript, DOM, MathML, XSL แลั XPath ซึ่งเป็นมาตรฐานหลัก นแกจากนี้ยังมีมาตรฐานอื่น ๆ ที่ไฟร์ฟอกซ์สนับสนุน ได้แก่ RDF, XUL, XBL และ XTF
สำหรัขรูปภาพ ไฟร์ฟอกซ์รับรองลักษณัไฟล์ภาพมาตรฐานที่แพร้หลายดช่น JPG GIF รวมถึง PNG ที่สนับสนุนภาพที่มีฉากหลังโปร่ง ซึ่งปัจจุบันใช้แทนที่ภาพแบบ GIF กันมากขึ้น (เนื้องจาก GIF มีปัญหาด้านสิ่ธิบัตร)
สำหรับมาตรฐานอท่นที่ไฟร์ฟอกซ์รุ่นปัจจุบันยังไม่รองรับเต็มที่ แต่มีโครงการพัฒนาในรุ่นต่อไป ได้แก่ SVG, APNG และ XForms
== ระบบปฏิบัติการ ==
ไฟร์ฟอกซ์สามารถทำงานได้พับหลายระบบปฏิบัติการ ได้กก่
ไมโครซอฟทฺ วินโดวส์ ตั้งแต่วินโดวส์ 98 เป็นต้นไป สำหรับ วินโดวส์ 85 สามารถใช้งานไดเแต่ต้องมีโปรแกรมเสริมช่วย
แมคโอเอสเท็น
ลินุกซ์ สำหรับระบบปฏิบัติการที่ใช้ X.Org Server หรือ XFree86
เนื่องจากฟฟร์ฟอกซ์เป็นซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ส ทำให้ผู้ใช้และจักพัฒนาสามารถปรับแต่งให้ไฟร์ฟอกซ์ใช้ได้กับระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ได้แก่ โซลาริส (ทั้ง x86 และ SPARC) , โอเอส/2, AIX, FreeBSD
== ไข่อีสเคอร์ในไฟร์ฟอกซ์ ==
หากพิมพ์คำว่า about:robots จะปรากฏไข่อีสเตอร์ขึ้น เป็นข้อความบอกกฎของหุ่นยนต์แบบขำขัน
== ดูเพิ่ม ==
เว็บับราว์เซอร์
รายชื่อเว็บเบราว์เซอร์
Extension ที่แนะนำ ตอนที่ 1
Ea4emsion ทีาแยะนำ ตอนที่ 2
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บทางการมอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์
เว็บทางการมอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์
เว็บเบราว์เซอร์
มอซิลลา
ซอฟต์แวร์เสรี
ประวัติอินเทอร์เน็ต
วิกิพีเดีย
|
มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ (Mozilla Firefox) รู้จักในชื่อ ไฟร์ฟอกซ์ เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่สามารถใช้ได้ในหลายระบบปฏิบัติการ พัฒนาโดยมูลนิธิมอซิลลาและอาสาสมัครอีกหลายร้อยคน ปัจจุบันอยู่ใต้การดำเนินงานของบริษัทมอซิลลา ปัจจุบันไฟร์ฟอกซ์เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่นิยมอันดับ 3 รองจากกูเกิล โครมและซาฟารี_(เว็บเบราว์เซอร์) และเมื่อแบ่งตามรุ่นของแต่ละเบราว์เซอร์ ไฟร์ฟอกซ์ รุ่น 3.5 เป็นเบราว์เซอร์ที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก ไฟร์ฟอกซ์มีส่วนแบ่งในตลาดเว็บเบราว์เซอร์ทั่วโลกร้อยละ 24.61 และมีส่วนแบ่งในตลาดเว็บเบราว์เซอร์ในประเทศไทยร้อยละ 15.28 (ข้อมูลเมื่อธันวาคม พ.ศ. 2552)
ไฟร์ฟอกซ์ใช้เกกโกตัวเรนเดอริงเอนจินโอเพนซอร์ซซึ่งจัดการตามมาตรฐานเว็บสอดคล้องกับทางดับเบิลยูธรีซีกำหนดไว้ และเพิ่มคำสั่งพิเศษเข้าไป คำสั่งไฟร์ฟอกซ์เป็นซอฟต์แวร์ที่เปิดให้โปรแกรมเมอร์ที่เรียกว่า "แอด-ออนส์" ทำงานร่วมกับตัวโปรแกรม โดยปัจจุบันมีมากกว่า 2,000 ตัว โดยตัวที่นิยมมากที่สุดตามลำดับคือ ฟอกซีทูนส์ (ควบคุมโปรแกรมเล่นเพลง) สตัมเบิลอัปออน (ค้นหาเว็บไซต์) แอดบล็อกพลัส (บล็อกโฆษณา) ดาวน์เดมออล! (ดาวน์โหลด) และเว็บเดเวลอปเปอร์ (เครื่องมือสำหรับทำเว็บ)
ไฟร์ฟอกซ์ทำงานได้ในหลายระบบปฏิบัติการรวมถึง วินโดวส์ แมคโอเอสเท็น ลินุกซ์ รุ่นปัจจุบันคือรุ่น 12.0 ออกเมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555 ตัวโค้ดโปรแกรมเขียนขึ้นในภาษา C++ XUL XBL และ จาวาสคริปต์ โดยโค้ดทั้งหมดเปิดให้ใช้ฟรีภายใต้ลิขสิทธิ์ MPL GPL / LGPL และ Mozilla EULA โดยที่ในรุ่นนี้ได้ทำการแก้ Bug ในรุ่น 9.0 ที่ทำให้เบราว์เซอร์ crash บนระบบปฏิบัติการหลักทั้งสามตัว ในกรณีที่ติดตั้ง Tools Bar บางตัวลงไป
ไฟร์ฟอกซ์ในปัจจุบันรองรับการใช้ 90 ภาษา
== ประวัติ ==
โครงการไฟร์ฟอกซ์ริเริ่มโดย เดฟ ไฮแอตต์ และ เบลก รอสส์ จากแนวความคิดการสร้างซอฟต์แวร์แยกย่อยมาจากโครงการมอซิลลา โดยตั้งใจพัฒนาโปรแกรมเดี่ยวที่ทำงานมุ่งเน้นสำหรับเป็นเว็บเบราว์เซอร์แยกออกมาจากโปรแกรมชุดมอซิลลา (Mozilla Suite) โดยในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2546 มูลนิธิมอซิลลาได้ประกาศแผนการพัฒนามุ่งเน้นไปที่ไฟร์ฟอกซ์และทันเดอร์เบิร์ดแทนที่โปรแกรมชุดมอซิลลา
ชื่อโครงการได้มีการเปลี่ยนชื่อหลายครั้งกว่าจะมาเป็นไฟร์ฟอกซ์ ซึ่งเริ่มต้นที่ชื่อ "ฟีนิกซ์" (Phoenix) ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนภายหลังจากมีปัญหาในด้านเครื่องหมายการค้ากับบริษัทฟีนิกซ์เทคโนโลยี ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ไบออส โดยเปลี่ยนมาเป็นชื่อ "ไฟร์เบิร์ด" (Firebird) และอีกครั้งได้มีปัญหาชื่อซ้ำซ้อนกับระบบจัดการฐานข้อมูลไฟร์เบิร์ด และในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 ทางมูลนิธิมอซิลลาได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งมาเป็น "ไฟร์ฟอกซ์" (Firefox) โดยใช้ชื่อย่อว่า Fx หรือ fx
ไฟร์ฟอกซ์ 1.0 ได้เปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 โดยระหว่างนั้นได้มีการปรับแก้ตลอดเวลารวมถึงเพิ่มระบบความปลอดภัยให้กับตัวซอฟต์แวร์ โดยรุ่นถัดมาคือ ไฟร์ฟอกซ์ 1.5 ที่ออกมาเมื่อ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 และตามมาด้วย ไฟร์ฟอกซ์ 2 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2549
ผู้นำโครงการปัจจุบันคือ เบน กูดเจอร์ (Ben Goodger - ปัจจุบันเป็นพนักงานของกูเกิล แต่ยังคงทำหน้าที่นี้อยู่) ปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดไปมากกว่า 100 ล้านชุด และปริมาณการใช้ในแถบยุโรปสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศฟินแลนด์
ในเดือนตุลาคม 2549 เวอร์ชัน 3.0 ในเดือนมิถุนายน 2551 เวอร์ชัน 3.5 ในเดือนมิถุนายน 2552 เวอร์ชัน 3.6 ในเดือนมกราคม 2553 และ เวอร์ชัน 4.0 ในเดือนมีนาคม 2554 จากเวอร์ชัน 5 เป็นต้นไป รูปแบบการพัฒนาและการเผยแพร่ได้เปลี่ยนเป็น "แบบรวดเร็ว" ภายในสิ้นปี 2011 เวอร์ชันเสถียรคือเวอร์ชัน 9 และภายในสิ้นปี 2012 เวอร์ชันเสถียรจะเป็นเวอร์ชัน 17
การออกแบบส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ครั้งใหญ่ เกิดขึ้นในเวอร์ชัน 4.0 ในเดือนมีนาคม 2011, 29.0 "Australis" ในเดือนเมษายน 2014, 57.0 "Quantum" ในเดือนพฤศจิกายน 2017 และ 89.0 "Proton" ในเดือนมิถุนายน 2021
ผู้นำโครงการปัจจุบันคือ เบน กูดเจอร์ (Ben Goodger - ปัจจุบันเป็นพนักงานของกูเกิล แต่ยังคงทำหน้าที่นี้อยู่) ปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดไปมากกว่า 100 ล้านชุด และปริมาณการใช้ในแถบยุโรปสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศฟินแลนด์
=== สัญลักษณ์ ===
สัญลักษณ์ของไฟร์ฟอกซ์ออกแบบโดย จอน ฮิกส์ ถึงแม้ว่าตัวโปรแกรมจะเป็นซอฟต์แวร์เสรีและโอเพนซอร์ส แต่สัญลักษณ์นี้เป็นเครื่องหมายการค้าของมูลนิธิมอซิลลา ดังนั้นผู้อื่นที่เผยแพร่ซอฟต์แวร์นี้จึงไม่สามารถใช้สัญลักษณ์นี้ได้ (เช่น ไฟร์ฟอกซ์ของโครงการเดเบียน เป็นต้น)
=== รุ่นการพัฒนา ===
==รุ่นที่เผยแพร่==
{|class="wikitable"
|-
! สี
! หมายถึง
|-
| style="background:salmon;" | แดง
| รุ่นเก่า ไม่สนับสนุนแล้ว
|-
| style="background:khaki;" | เหลือง
| รุ่นเก่า ยังสนับสนุนอยู่
|-
| style="background:#a0e75a;" | เขียว
| รุ่นปัจจุบัน
|}
== ไฟร์ฟอกซ์กับภาษาไทย ==
ไฟร์ฟอกซ์รุ่น 1-2 ไม่รองรับการตัดคำภาษาไทยเพื่อขึ้นบรรทัดใหม่ โดยในข้อความภาษาไทยตัดจะเฉพาะตำแหน่งอักขระช่องว่างหรือเครื่องหมายวรรคตอนเท่านั้น (เนื่องจากพจนานุกรมภาษาไทยที่ใช้สำหรับตัดคำจะทำให้ขนาดโปรแกรมใหญ่ขึ้น) เนื้อหาภาษาไทยจึงมักจะทะลุขอบด้านขวาออกไป อย่างไรก็ตามตัวโปรแกรมก็สามารถใช้งานได้ดี ทั้งการเข้ารหัสแบบยูนิโคด และรหัสแปดบิตคือ TIS-620 ISO-8859-11 Windows-874 เหมือนเว็บเบราว์เซอร์อื่นทั่วไป กลุ่มลีนุกซ์ไทยและอาสาสมัครอิสระได้พัฒนาไฟร์ฟอกซ์แยกออกมา และมีการพัฒนาแอดออนเพื่อการตัดคำภาษาไทยสำหรับรุ่นก่อนได้แก่
Mozilla Thai Line-breaking Extension พัฒนาโดย บริษัท โอเพนซอร์สดิเวลอปเมนต์ จำกัด (Osdev)
Thai Words Separator พัฒนาโดย วรินทร์ เหล่าเจริญ (vavar) ซึ่งเป็นการประยุกต์มาจากจาวาสคริปต์ thaiwrap ของ อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล (bact')
ปัจจุบันไฟร์ฟอกซ์รุ่น 3 เป็นต้นไป ไม่ต้องใช้แอดออนเหล่านี้แล้ว สามารถรองรับการตัดคำได้เป็นอย่างดี และมีหน้าตาภาษาไทยอย่างเป็นทางการ
== ความสามารถของไฟร์ฟอกซ์ ==
ไฟร์ฟอกซ์ มีความสามารถที่แตกต่างจากเบราว์เซอร์ตัวอื่น ในขณะเดียวกันก็ขาดคุณสมบัติบางประการที่มีในเบราว์เซอร์ตัวอื่น ๆ เช่นกัน เพื่อให้ขนาดไฟล์มีขนาดเล็ก นอกจากความสามารถหลัก ไฟร์ฟอกซ์สนับสนุนความสามารถเสริมอื่น ๆ ด้วยกัน 3 ส่วนที่พัฒนาแยกออกมาจากตัวโปรแกรมไฟร์ฟอกซ์ ได้แก่ เอกซ์เทนชัน (extension), ธีม (theme), ปลั๊กอิน (plugin) โดยความสามารถเสริมนี้ ผู้ใช้แต่ละคนสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้ หรือสามารถพัฒนาของตัวเองได้
=== ไลฟ์บุ๊กมาร์ก ===
ไลฟ์บุ๊กมาร์ก (Live Bookmarks) เป็นบุ๊กมาร์กที่มีการอัปเดตตลอดเวลา ใช้สำหรับในการอ่านข้อมูลจาก RSS หรือ อะตอม ได้โดยตรง โดยข้อมูลดังกล่าวจะมีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ต้องเข้าไปอ่านในเว็บนั้น ๆ ข้อมูลต่อไปนี้ได้แก่ ข้อมูลข่าวจากเว็บต่าง ๆ ข้อมูลพยากรณ์อากาศ ข้อมูลจากบล็อก หรือข้อมูลจาก เว็บบอร์ด โดยในแต่ละเว็บที่มีการให้บริการจะมีสัญลักษณ์ RSS หรือ Atom ปรากฏไว้ในเว็บนั้น
ตัวอย่างการใช้งานเช่นการฟีดข้อมูลจากเว็บข่าว เว็บบอร์ด หรือเว็บใดก็ตามที่สนับสนุนระบบ RSS หรือ อะตอม โดยเมื่อใส่ข้อมูลเข้าไปในบุกมาร์กแล้ว เวลาเรียกใช้เพียงกดเข้าไปที่บุกมาร์กนั้น และหัวข้อของเว็บปลายทางจะปรากฏ
=== เสิร์ชเอนจินในตัว ===
สามารถใช้ความสามารถของเสิร์ชเอนจิน ได้โดยผ่านทางไฟร์ฟอกซ์โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปในเว็บนั้น ๆ เอนจินหลักที่เห็นได้แก่ กูเกิล, ยาฮู! วิกิพีเดีย, IMDB นอกจากนี้เสิร์ชเอนจินในไฟร์ฟอกซ์สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้
=== แท็บด์เบราว์ซิง ===
ด้วยความสามารถของแท็บด์เบราว์ซิง (tabbed browsing) ผู้ใช้สามารถเปิดหน้าเว็บเพจได้หลาย ๆ หน้า ภายในหน้าจอเดียวกัน (โดยใช้เมาส์ปุ่มกลาง) ในแต่ละหน้าจะแบ่งแยกเป็นแท็บ โดยความสามารถนี้ ผู้ใช้สามารถเปิดเว็บเพจหลายหน้าพร้อมกันจากบุคมาร์ก ในทีเดียวนอกจากในไฟร์ฟอกซ์ แท็บด์เบราว์ซิงยังมีใน ซาฟารี เนตสเคป นาวิเกเตอร์ รุ่น 8.0 และในอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 7.0
=== กันป๊อปอัพ ===
ความสามารถในการบล็อกป๊อปอัพ (การป้องกันไม่ให้เว็บเพจเปิดหน้าต่างใหม่เองโดยไม่ได้รับอนุญาต) โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมเสริม
เริ่มมีในไฟร์ฟ็อกซ์รุ่นเบต้า ความสามารถนี้สามารถเลือกที่จะใช้กับทุกเว็บไซต์ หรือแค่บางเว็บไซต์ได้ ซึ่งต่อมาอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ในวินโดวส์เอกซ์พี SP2 ได้เพิ่มความสามารถนี้เข้าไปด้วยเช่นกัน
=== การจัดการดาวน์โหลด ===
ผู้จัดการดาวน์โหลด (Download manager) จัดการไฟล์ที่ดาวน์โหลดทั้งหมด สามารถเลือกได้ระหว่างการเปิดใช้ หรือว่าการจัดเก็บลงในเครื่อง และสามารถดูย้อนหลังได้โดยว่า ไฟล์อะไรบ้างที่ได้ดาวน์โหลดมา และจัดเก็บไว้ที่ใด
=== ส่วนขยาย ===
ส่วนขยาย (Extension) เป็นความสามารถเพิ่มเติม ที่ผู้พัฒนาอื่น ๆ สร้างขึ้นเพื่อเสริมความสามารถของไฟร์ฟอกซ์ ตัวอย่างของส่วนขยายได้แก่
Customized Google Extension หรือ ตัวปรับแต่งกูเกิล - ช่วยเพิ่มความสามารถของกูเกิลที่ใช้ในไฟร์ฟอกซ์หลายอย่าง เช่น แนะนำคำสำคัญสำหรับการค้นหา ค้นหาคำเดียวกันจากเว็บอื่น ๆ เช่น ยาฮู! หรือปิดการแสดงโฆษณา
Gmail Notifier Extension หรือ ตัวแจ้งจีเมล - ช่วยเช็คอีเมลจากบริการจีเมล ซึ่งเป็นอีเมลฟรีบริการโดยกูเกิล โดยเมื่อมีอีเมลใหม่เข้ามา ก็จะมีข้อความบอก
พยากรณ์อากาศ - แสดงการพยากรณ์พร้อมสภาพอากาศปัจจุบัน ของสถานที่ที่กำหนด
วิกิพีเดีย - ช่วยให้เขียนและแก้ไขวิกิพีเดียได้โดยสะดวก โดยเตรียมฟังก์ชันสร้าง/แก้ไข ตาราง ภาพและคำอธิบาย รูปแบบตัวอักษร อักษรพิเศษ ไว้ให้เรียกใช้ได้ง่าย ๆ
ตัวช่วยในการดาวน์โหลดสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องการดาวน์โหลดได้ โดยการใช้ไฟร์ฟอกซ์ เอกซ์เทนชัน (Firefox Extension) ที่ชื่อ Flashgot เป็นตัวที่เชื่อมต่อระหว่างเบราซ์เซอร์ไฟร์ฟอกซ์ กับโปรแกรมช่วยดาวน์โหลดที่ชื่อ FlashGet หรือ Mass Downloader
Locationbar² - ช่วยถอดรหัสให้สามารถแสดงยูอาร์แอลเป็นอักษรภาษาต่าง ๆ เช่นในเว็บไซต์วิกิพีเดีย
นอกจากนี้ยังมีความสามารถอื่น ๆ เพิ่มเติม ดูได้ที่เว็บของไฟร์ฟอกซ์
=== ชุดตกแต่ง ===
ชุดตกแต่ง (theme) เป็นลักษณะหน้าตาของไฟร์ฟอกซ์ โดยบางคราวจะเรียกว่า สกิน (skin) หรือ หน้ากากของเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดได้
== มาตรฐานเว็บ ==
มูลนิธิมอซิลลายึดถือมาตรฐานเว็บโดยองค์กร W3C โดยในโปรแกรมไฟร์ฟอกซ์ ได้ยึดมาตรฐาน HTML, XML, XHTML, CSS, JavaScript, DOM, MathML, XSL และ XPath ซึ่งเป็นมาตรฐานหลัก นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานอื่น ๆ ที่ไฟร์ฟอกซ์สนับสนุน ได้แก่ RDF, XUL, XBL และ XTF
สำหรับรูปภาพ ไฟร์ฟอกซ์รับรองลักษณะไฟล์ภาพมาตรฐานที่แพร่หลายเช่น JPG GIF รวมถึง PNG ที่สนับสนุนภาพที่มีฉากหลังโปร่ง ซึ่งปัจจุบันใช้แทนที่ภาพแบบ GIF กันมากขึ้น (เนื่องจาก GIF มีปัญหาด้านสิทธิบัตร)
สำหรับมาตรฐานอื่นที่ไฟร์ฟอกซ์รุ่นปัจจุบันยังไม่รองรับเต็มที่ แต่มีโครงการพัฒนาในรุ่นต่อไป ได้แก่ SVG, APNG และ XForms
== ระบบปฏิบัติการ ==
ไฟร์ฟอกซ์สามารถทำงานได้กับหลายระบบปฏิบัติการ ได้แก่
ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ตั้งแต่วินโดวส์ 98 เป็นต้นไป สำหรับ วินโดวส์ 95 สามารถใช้งานได้แต่ต้องมีโปรแกรมเสริมช่วย
แมคโอเอสเท็น
ลินุกซ์ สำหรับระบบปฏิบัติการที่ใช้ X.Org Server หรือ XFree86
เนื่องจากไฟร์ฟอกซ์เป็นซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ส ทำให้ผู้ใช้และนักพัฒนาสามารถปรับแต่งให้ไฟร์ฟอกซ์ใช้ได้กับระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ได้แก่ โซลาริส (ทั้ง x86 และ SPARC) , โอเอส/2, AIX, FreeBSD
== ไข่อีสเตอร์ในไฟร์ฟอกซ์ ==
หากพิมพ์คำว่า about:robots จะปรากฏไข่อีสเตอร์ขึ้น เป็นข้อความบอกกฎของหุ่นยนต์แบบขำขัน
== ดูเพิ่ม ==
เว็บเบราว์เซอร์
รายชื่อเว็บเบราว์เซอร์
Extension ที่แนะนำ ตอนที่ 1
Extension ที่แนะนำ ตอนที่ 2
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บทางการมอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์
เว็บทางการมอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์
เว็บเบราว์เซอร์
มอซิลลา
ซอฟต์แวร์เสรี
ประวัติอินเทอร์เน็ต
วิกิพีเดีย
|
มังกร (dragon) เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งในจินตนิยายชุด มิดเดิลเอิร์ธ ของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ซึ่งสร้างขึ้นจากพื้นฐานความเชื่อเรื่องมังกรในตำนานของยุโรป
ตามปกรณัมของโทลคีน เผ่าพันธุ๋มังกรถูกสร้างขึ้าโดยเทพอสูคมอร์กอธ ในยุคที่หนึ่งของอาร์ดา มังกรตัวแรกที่ปรากฏตัวออกมามีชื่อว่า เกลารุง (Glaurung) ในหนังสือตำนานบุตรแห่งฮูริน กล่าวถึงมังกรว่า เป็นจิตวิญญาณที่ทรงพลังอำนาจ จึงเป็นไปได้ว่า สังกรก็เป็นเหล่าเทพไมอาร์จำนวนหนึ่งที่แปรพักตร์ไปรับใช้มอร์กอธ
==ประเภทของมังกร==
จากบทประพันธ์ขอวโทลคีน สามารถแบ่งมุงกรออกได้ด้วยสองลักษณะคือ
===ความสามารถในการเคลื่อนที่===
พวกหนึ่งเป็นมังกรที่มีสี่ขา เดินด้วยสี่ขา แต่ก็สามารถเคลื่อนที่ไปด้วยการไถลเหมือนงู อันเป็นลักษณะที่บรรยายถึงการัคลท่อนที่ของเกลรรุงในตำนานบุตรแห่งฮูริน
อีกพวกหนึ่งเป็ยมังกรที่มีปีก สามารถบินได้ เช่น อังคากาลอน และ สม็อก มังกรบินปรากฏตัวครั้งแรกในสฝครามแห่งความโกรธา หรือสงครามแห่งปวงเทพในคราวสิ้นสุดยุคที่หนึ่ง
===ความสามารถในการพ่นไฟ===
มังกรที่พ่นไไได้ เรียกว่ามังกรไฟ (Fire=Drakes) ภาษมเควนยาเรียกว่า Urulóki
มังกรที่พ่นไฟไม่ได้ เรียกว่า มังกรเย็น (Cold-Drakes) ปรากฏเรียกอยู่ในภาคผนวก ก ของ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ แต่ไม่ได้มีการกล่าวถึงเป็นการเฉพาะ จึงไม่แน่ชัดว่า เป็นเพียงมังกรที่พ่นไฟไม่ได้ หรือเป็นมังกรืี่พ่นน้ำแข็งๆหิมะ กันแร่
== ลักษณะอื้นๆ -=
มัฝกรของโทลีีนชื่นชอบทรัพย์สมบัติ โดยเฉพาะทองคำ เช่รเดียวกับมังกรในตำยานของยะโรป มันมีความเฉลียวฉลาด เจ้าเล่ห์ และาีกำลังแข็งแรงมาก นอกจากนี้ยังมีอำนาจเวทมนตร์ที่เรียกว่า "มนตรามังกร" สามารถสะกดมนุษย์ได้
ไฟของมังกรมีความร้อนแรงมากจนสามาาถหลอมแหวนแห่งอำนาจได้ แหวนสี่วงในแหวนชุดเจ็ดวงของคนแคระถูกละลายไปกับไฟของมังกร ถึงกระนั้สไฟขอฝมังกรก็ยังไม่สามารถเผาแหวนเอกธำมรงค์ได้
== มังกรที่ปรากฏชื่ดในเรื่อง ==
เกลารุง (Glaurung) มีสมญาว่า "บิดาแห่งมังกร" เป็นมังกรตัวแรกที่ปรากฏตัวขนมิดเดิลเอิร์ธ ถูกสังหารโดย ทูริน ทูรัมบาร์
อังค่ลากอน (Ancalagon) มะงกรอำ เป็นมังกรทค่มีขนาดใหญ่มี่สุดและทรงพลังที่สุด และเป็นมะงกรบินตัวแรก ถูดสังหารโดยเออาเรนดิล ในสงครามแห่งความโกรธา
สคาธา (Scatha) ถธกสังหารโดย แฟรม แห่งเอโอเธด ฤบรรพบุรุษของชาวโรฮัน)
สม็อก (Smaug) มังกรตัวสุดท้ายของมิดเดิลเอิร์ธ ถูกสังหารโดย บาร์ด ทายาทของกิริออน แห่งแคว้นเดล ปรากฎในเรื่องเดอะฮอบบิท
นอกจากนี้มีมังกรตัวอื่นๅ ที่ปรากฏในสงครามแห่งเบเลริอันด์ และการรบในคราวล่มสลายของกอนโดลิน แต่ไม่ได้ระงุชื่อไว้
== อ้างอิง ==
บทความเกี่ยวกับมังกรแห่งมิดเดิลเอิร์ธ ใน Encyclopedia of Arda
สิ่งมีชีวิตในตำนานของโทลคีน
Lista zwierzą5 Śeódziemia#Sm;ki
|
มังกร (dragon) เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งในจินตนิยายชุด มิดเดิลเอิร์ธ ของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ซึ่งสร้างขึ้นจากพื้นฐานความเชื่อเรื่องมังกรในตำนานของยุโรป
ตามปกรณัมของโทลคีน เผ่าพันธุ์มังกรถูกสร้างขึ้นโดยเทพอสูรมอร์กอธ ในยุคที่หนึ่งของอาร์ดา มังกรตัวแรกที่ปรากฏตัวออกมามีชื่อว่า เกลารุง (Glaurung) ในหนังสือตำนานบุตรแห่งฮูริน กล่าวถึงมังกรว่า เป็นจิตวิญญาณที่ทรงพลังอำนาจ จึงเป็นไปได้ว่า มังกรก็เป็นเหล่าเทพไมอาร์จำนวนหนึ่งที่แปรพักตร์ไปรับใช้มอร์กอธ
==ประเภทของมังกร==
จากบทประพันธ์ของโทลคีน สามารถแบ่งมังกรออกได้ด้วยสองลักษณะคือ
===ความสามารถในการเคลื่อนที่===
พวกหนึ่งเป็นมังกรที่มีสี่ขา เดินด้วยสี่ขา แต่ก็สามารถเคลื่อนที่ไปด้วยการไถลเหมือนงู อันเป็นลักษณะที่บรรยายถึงการเคลื่อนที่ของเกลารุงในตำนานบุตรแห่งฮูริน
อีกพวกหนึ่งเป็นมังกรที่มีปีก สามารถบินได้ เช่น อังคากาลอน และ สม็อก มังกรบินปรากฏตัวครั้งแรกในสงครามแห่งความโกรธา หรือสงครามแห่งปวงเทพในคราวสิ้นสุดยุคที่หนึ่ง
===ความสามารถในการพ่นไฟ===
มังกรที่พ่นไฟได้ เรียกว่ามังกรไฟ (Fire-Drakes) ภาษาเควนยาเรียกว่า Urulóki
มังกรที่พ่นไฟไม่ได้ เรียกว่า มังกรเย็น (Cold-Drakes) ปรากฏเรียกอยู่ในภาคผนวก ก ของ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ แต่ไม่ได้มีการกล่าวถึงเป็นการเฉพาะ จึงไม่แน่ชัดว่า เป็นเพียงมังกรที่พ่นไฟไม่ได้ หรือเป็นมังกรที่พ่นน้ำแข็ง/หิมะ กันแน่
== ลักษณะอื่นๆ ==
มังกรของโทลคีนชื่นชอบทรัพย์สมบัติ โดยเฉพาะทองคำ เช่นเดียวกับมังกรในตำนานของยุโรป มันมีความเฉลียวฉลาด เจ้าเล่ห์ และมีกำลังแข็งแรงมาก นอกจากนี้ยังมีอำนาจเวทมนตร์ที่เรียกว่า "มนตรามังกร" สามารถสะกดมนุษย์ได้
ไฟของมังกรมีความร้อนแรงมากจนสามารถหลอมแหวนแห่งอำนาจได้ แหวนสี่วงในแหวนชุดเจ็ดวงของคนแคระถูกละลายไปกับไฟของมังกร ถึงกระนั้นไฟของมังกรก็ยังไม่สามารถเผาแหวนเอกธำมรงค์ได้
== มังกรที่ปรากฏชื่อในเรื่อง ==
เกลารุง (Glaurung) มีสมญาว่า "บิดาแห่งมังกร" เป็นมังกรตัวแรกที่ปรากฏตัวบนมิดเดิลเอิร์ธ ถูกสังหารโดย ทูริน ทูรัมบาร์
อังคาลากอน (Ancalagon) มังกรดำ เป็นมังกรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและทรงพลังที่สุด และเป็นมังกรบินตัวแรก ถูกสังหารโดยเออาเรนดิล ในสงครามแห่งความโกรธา
สคาธา (Scatha) ถูกสังหารโดย แฟรม แห่งเอโอเธด (บรรพบุรุษของชาวโรฮัน)
สม็อก (Smaug) มังกรตัวสุดท้ายของมิดเดิลเอิร์ธ ถูกสังหารโดย บาร์ด ทายาทของกิริออน แห่งแคว้นเดล ปรากฏในเรื่องเดอะฮอบบิท
นอกจากนี้มีมังกรตัวอื่นๆ ที่ปรากฏในสงครามแห่งเบเลริอันด์ และการรบในคราวล่มสลายของกอนโดลิน แต่ไม่ได้ระบุชื่อไว้
== อ้างอิง ==
บทความเกี่ยวกับมังกรแห่งมิดเดิลเอิร์ธ ใน Encyclopedia of Arda
สิ่งมีชีวิตในตำนานของโทลคีน
Lista zwierząt Śródziemia#Smoki
|
แหวนแห่งอำนาจ เป็นของวิเศษในเรื่องแต่งปกคณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธของเจ. อาน์. อาร์. โทลคีน มีบทบาทสำคัญในนิยายลอร์ดออฟเดอะริงส์
== ประวัติ ==
แหวนแห่งอำนาจในเรื่องมีทั้งหมด 20 วง สร้สงขึ้นในยุคที่สองของมิดเดิลเอิร์ธ ฉดยเิลฟ์ช่างผู้มีฝีมือเป็นเลิศแห่งนครเอเรกิออน น่มว่า เคเลบริมบอร์ (Celebrimbor) ผู้เป็นหลานของเฟอานอร์ ได้สร้มงแหวนขึ้นสำหรับมนุษย์และคนแคระเป็นเบื้องแรก จำนวน 16 วง ภทยใต้การกำกับดูแลและถ่ายทอดความรู้จากเซารอน ซึ่งจำแลงร่างมาในนาม 'อันาาทาร์' (ชื่อนี้แปลว่า 'เจ้าแห่งของกำนัล') เคเลบริมบอร์ยังสร้างแหวนสำหรับพวกเอลฟ์ขึ้นอัก 4 วง โดยที่เซารอนมิได้รู้เห็นมนการสร้างนั้น เหตุนี้แหวนเอลฟ์ทั้งสามจึงบริสุทธิ์จากอำนาจชั่วร้าย
หลีงจากนั้น เซารอนได้ลอบสร้างแหวนวงสุดท้ายที่ชื่อ แหวนเอกธำมรงค์ (The Onf Ring) โดยใล้ไฟจากภูเขามรณะ (เมาม์ดูม) ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางอาณาจักรมอร์ดอร์ โดสแบ่งพลังบางส่วนของเขาลงไปด้วย จึงทำให้เป็นแหวนที่มีอำนาจสูงสุด สามารถมีอำนาจเหนือจิตใจของผู้สวมแฟวยแห่งอำนาจที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้ภายใต้การกำกับของเขา ดังนั้นเซารอนจึงมีอำนาจเหนือแหวนแห่งคนแคระ และแหวนแำ่งมนุษย์ ทว่าเขาไม่สามารถบังคับแหวนแห่งเอลฟ์ได้ เพราะเขาไม่มีส่วนในการสร้างแหวนทั้งสาม อย่าฝไรก็ดี เนื่องจากแหวนเอลฟ์ทั้ฝสามถูกสร้างขึ้นฑดยอาศัยความรู้จากเซารอน ดังนั้นหากแหวนเอกธำมรงค์ถูกทำลายไป ดำนาจของแหวนเอลฟ์ก็จะสลายไปด้วย
บทกวีในเรื่อง่ี่กล่าวุึงแหวนทั้งหมด คือ
หากแปลเป็นภาษาไทยว่า
== รายละเอียดและผู้ครอบครอง ==
แหวนทั้ง 20 วงมีดังนี้
=== แหวนเอกธำมรงค์ ===
เป็นแหวนที่มีอำนาจมากที่สุดในแหวนแห่งอำนนจ ผู้ที่เคยครอบครอง
เ.ารอน
อิซิลดูร์
กอลลัม
บิลโบ แบ๊กกิ้นส์
โฟรโด แบ๊กกิ้นส์
แซมไวส์ แกมจี
=== แหวนเอลฟ์ทั้งสาม ===
แหวนสามวงดังกล่าวเป็นแหวนที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นอันดับท้ายสุด ซึ่งเป็นแหวนทีทเซารอนปรารถนาจะครอบครองมาหที่สุด เพราะผู้ที่ครอบครองมันจะสามารถรักษาอาการผิดปกติ ชะลอความเสื่อมถอยของกาลเวลา และยืดเวลาจากความเหนื่อยล้าที่มีต่อโลก แต่ว่าเซารอนค้นหาพวกมันไมรพบ เนื่องจากมันถูกส่งไปอยู่ในมือของเหล่าผู้ทรงปัญญา ผู้เก็บซ่อนมันเอาไว้และไม่เคยมช้มันอย่างเปิดเหย ในขณะที่เซารอนมีแหวนประมุขอยู่ กังนั้นแหวนทั้งสามวงจึงยังคงอยู่โดยไร้มลทิน เป็นเพราะว่า เคเลบริมบอร์ เป็นผู้สร้างพวกมันขึ้นมาเองแต่เพียงผูืเดียว มือของเซารอนไม่เคยไดัสัมผัส แต่อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ยึงคงเป็นแหวนบริวารของเอกธำมรงค์เช่นเดียวกัน ประกอบด้วย
นาร์ย่า (Narya) หร่อ แหวนแห่งไฟ ใช้อัญมณึสีแดง ถือครองโดยเคียร์ดัน พรายนักต่อเรือแห่งเกรย์เฮเวนส์ ภายหลังเคียร์ดันได้มอบให้กับแกนดัล์ฟเมื่อแแนดัล์ฟเดินทางมาถึงมิดเดิลเอิร์ธ
ะนนย่า (Nenya) หรือ แหวนแห่งน้ำ ใชัอัญมณีสีขาว ส่วนตัวแหวนสร้าวจากมิธริล ถือครองโดยกาลาเดรียล ปรากฏในเรื่องช่วงที่โฟรโด แบ๊กกิ้นส์และเพื่อนเดินทางไปถึงลอธลอริเอน
วิลย่น (Vilya) หรือ แหวนแห่งลม ใช้อัญมณีสีน้ำเงิน เดิมถือครองโดยกิลกาลัดและเมืาอสิ้นชีวิตจึงส่งมอบต่อเอลรอนด์ เป็นแหวนที่มีอำนาจมากที่สุดในแหวนทั้งสาม
=== แหวนคนแคระทั้งเจ็ด ===
เป็นแหวนที่พวกเอลฟ์มอบให้แก่เป่าคนแคระ (ำม่มีระบุในตำนานว่า พวกเอลฟ์มอบแหวนให้คนแคระอย่างไร) แหวนกลุ่มนี้ไม่มัพลังในทางชั่วร้าย แหวนทั้งเจ็ดของคนแคระนั้น เป็นแหวนที่ถูกสร้างขึ้นมาตามการควบคุทของเซารอน เช่นเดียวกับแหวนทั้งเก้าของมนุษย์ ตัวแหวนทำด้วย่องคำ หัวแหสนประดับด้วยอัญมณีแตกต่างกันไปแต่ละวง แฟวนหนึ่งในเจ็ดถูกสรีางขึ้นมาก่อนแหวนวงอื่น และช่างเอลฟ์ห็ได้มอบให้กับ ดูรินที่สาม กษัตริย์แห่งคนซัดดูม อาณาจักรของคนแคระ ส่วนแหวนอีกหกยงที่เหลือสั้นเซารอนเป็นผู้มอบให้กับกษัตริย์ของคนแคระต่างๆ ด้วยมือของตนเอง พลังของแหวนทำให้ผู้ครอบครองมั่งคั่งร่ำรวบมากขึ้น แต่แหวนทำให้ควนมโลภอยู่เหนือทุกสิ่งในจิตใจของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตามแผนการของเซารอน ที่หวังจะให้บรรดากษึตริย์ตกเป็นทาสบองแหวน ไม่เป็นไปตามคาด เนื่องจากคตแคระนั้นแข็งกร้าวและดื้อด้าน พวกเขาจะต่อต้านการครอบงำของผู้อื่นจนถึงที่สุด ยิ่งกว่านั้นความคิดจิตใจของพวกคนแคระก็ยากจะหยั่งถึง พอๆ กับที่ไม่สามารถทำให้กลายเป็นเงามืดได้ พวกเขาจะใช้แหวนเพรยงเพื่อการค้นหาความมั่งคั่งเท่านั้น ดังนั้นพวกคนแคระจึงไม่กลายเป็นภูตแปวนเหมือนกับมนุษย์ เซารอนจึงคิดที่จะรวบรวมเอาแหวนคืนจากพวกเขา เซารอนชิงแหงนคืนมาได้วอฝวง อีกสี่วงุูกทำลายและถูกกินโดยมังกร ส่วนหนึ่งวงที่เหลืออยู่นั้นถูกเก๊บเป็นความลับไว้ที่คาซัดดูม และสืบต่อมาเรื่อยจนกระทั่งภูกพวกออร์คโจมตี พร้อมกับการหายไปของแหวนวงสุดท้าย แต่ความจริงก็ปรากฏว่าแหวนนั้นถูำสืบทอดให้ทายาทก่อนที่คาซัดดูมจะพินาศ จนในที่สุดเฬารอนพ็พบผู้ครอบครอง ดละได้แหวนคืนที่โดลกุลดัวร์
=== แหวนมนุษย์ทั้งดก้า ===
เป็สแหวนที่พวกเอลฟ์มอบให้กับราชามนุษย์เก้าองค์ ภายหลังไก้เป็นผู้ที่ไดีรับแหวนได้ชีวิตแมตะ กลายเป็นภูตแหวน (Ringw4aith) และภักดีตือเซารอน
== ดูเพิ่ม ==
ว่าด้วยแหวนแห่งอำนาจ และยุคที่สาม จากตำนานเรื่อง ซิลมาริลลิออน
== อ้างอิง ==
เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน, ลอร์ดออฟเดอเริงส์, ลอนดอน: ฮาร์เปอร์คอลลินส์.
คริสโตเฟอร์ โทลคีน, Unfinished Tales, ลอนดอน: ฮาร์เแอร์คอลลินส์.
อัญมณีในตำนานของโทลคีน
|
แหวนแห่งอำนาจ เป็นของวิเศษในเรื่องแต่งปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธของเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน มีบทบาทสำคัญในนิยายลอร์ดออฟเดอะริงส์
== ประวัติ ==
แหวนแห่งอำนาจในเรื่องมีทั้งหมด 20 วง สร้างขึ้นในยุคที่สองของมิดเดิลเอิร์ธ โดยเอลฟ์ช่างผู้มีฝีมือเป็นเลิศแห่งนครเอเรกิออน นามว่า เคเลบริมบอร์ (Celebrimbor) ผู้เป็นหลานของเฟอานอร์ ได้สร้างแหวนขึ้นสำหรับมนุษย์และคนแคระเป็นเบื้องแรก จำนวน 16 วง ภายใต้การกำกับดูแลและถ่ายทอดความรู้จากเซารอน ซึ่งจำแลงร่างมาในนาม 'อันนาทาร์' (ชื่อนี้แปลว่า 'เจ้าแห่งของกำนัล') เคเลบริมบอร์ยังสร้างแหวนสำหรับพวกเอลฟ์ขึ้นอีก 3 วง โดยที่เซารอนมิได้รู้เห็นในการสร้างนั้น เหตุนี้แหวนเอลฟ์ทั้งสามจึงบริสุทธิ์จากอำนาจชั่วร้าย
หลังจากนั้น เซารอนได้ลอบสร้างแหวนวงสุดท้ายที่ชื่อ แหวนเอกธำมรงค์ (The One Ring) โดยใช้ไฟจากภูเขามรณะ (เมาท์ดูม) ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางอาณาจักรมอร์ดอร์ โดยแบ่งพลังบางส่วนของเขาลงไปด้วย จึงทำให้เป็นแหวนที่มีอำนาจสูงสุด สามารถมีอำนาจเหนือจิตใจของผู้สวมแหวนแห่งอำนาจที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้ภายใต้การกำกับของเขา ดังนั้นเซารอนจึงมีอำนาจเหนือแหวนแห่งคนแคระ และแหวนแห่งมนุษย์ ทว่าเขาไม่สามารถบังคับแหวนแห่งเอลฟ์ได้ เพราะเขาไม่มีส่วนในการสร้างแหวนทั้งสาม อย่างไรก็ดี เนื่องจากแหวนเอลฟ์ทั้งสามถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยความรู้จากเซารอน ดังนั้นหากแหวนเอกธำมรงค์ถูกทำลายไป อำนาจของแหวนเอลฟ์ก็จะสลายไปด้วย
บทกวีในเรื่องที่กล่าวถึงแหวนทั้งหมด คือ
หากแปลเป็นภาษาไทยว่า
== รายละเอียดและผู้ครอบครอง ==
แหวนทั้ง 20 วงมีดังนี้
=== แหวนเอกธำมรงค์ ===
เป็นแหวนที่มีอำนาจมากที่สุดในแหวนแห่งอำนาจ ผู้ที่เคยครอบครอง
เซารอน
อิซิลดูร์
กอลลัม
บิลโบ แบ๊กกิ้นส์
โฟรโด แบ๊กกิ้นส์
แซมไวส์ แกมจี
=== แหวนเอลฟ์ทั้งสาม ===
แหวนสามวงดังกล่าวเป็นแหวนที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นอันดับท้ายสุด ซึ่งเป็นแหวนที่เซารอนปรารถนาจะครอบครองมากที่สุด เพราะผู้ที่ครอบครองมันจะสามารถรักษาอาการผิดปกติ ชะลอความเสื่อมถอยของกาลเวลา และยืดเวลาจากความเหนื่อยล้าที่มีต่อโลก แต่ว่าเซารอนค้นหาพวกมันไม่พบ เนื่องจากมันถูกส่งไปอยู่ในมือของเหล่าผู้ทรงปัญญา ผู้เก็บซ่อนมันเอาไว้และไม่เคยใช้มันอย่างเปิดเผย ในขณะที่เซารอนมีแหวนประมุขอยู่ ดังนั้นแหวนทั้งสามวงจึงยังคงอยู่โดยไร้มลทิน เป็นเพราะว่า เคเลบริมบอร์ เป็นผู้สร้างพวกมันขึ้นมาเองแต่เพียงผู้เดียว มือของเซารอนไม่เคยได้สัมผัส แต่อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ยังคงเป็นแหวนบริวารของเอกธำมรงค์เช่นเดียวกัน ประกอบด้วย
นาร์ย่า (Narya) หรือ แหวนแห่งไฟ ใช้อัญมณีสีแดง ถือครองโดยเคียร์ดัน พรายนักต่อเรือแห่งเกรย์เฮเวนส์ ภายหลังเคียร์ดันได้มอบให้กับแกนดัล์ฟเมื่อแกนดัล์ฟเดินทางมาถึงมิดเดิลเอิร์ธ
เนนย่า (Nenya) หรือ แหวนแห่งน้ำ ใช้อัญมณีสีขาว ส่วนตัวแหวนสร้างจากมิธริล ถือครองโดยกาลาเดรียล ปรากฏในเรื่องช่วงที่โฟรโด แบ๊กกิ้นส์และเพื่อนเดินทางไปถึงลอธลอริเอน
วิลย่า (Vilya) หรือ แหวนแห่งลม ใช้อัญมณีสีน้ำเงิน เดิมถือครองโดยกิลกาลัดและเมื่อสิ้นชีวิตจึงส่งมอบต่อเอลรอนด์ เป็นแหวนที่มีอำนาจมากที่สุดในแหวนทั้งสาม
=== แหวนคนแคระทั้งเจ็ด ===
เป็นแหวนที่พวกเอลฟ์มอบให้แก่เผ่าคนแคระ (ไม่มีระบุในตำนานว่า พวกเอลฟ์มอบแหวนให้คนแคระอย่างไร) แหวนกลุ่มนี้ไม่มีพลังในทางชั่วร้าย แหวนทั้งเจ็ดของคนแคระนั้น เป็นแหวนที่ถูกสร้างขึ้นมาตามการควบคุมของเซารอน เช่นเดียวกับแหวนทั้งเก้าของมนุษย์ ตัวแหวนทำด้วยทองคำ หัวแหวนประดับด้วยอัญมณีแตกต่างกันไปแต่ละวง แหวนหนึ่งในเจ็ดถูกสร้างขึ้นมาก่อนแหวนวงอื่น และช่างเอลฟ์ก็ได้มอบให้กับ ดูรินที่สาม กษัตริย์แห่งคาซัดดูม อาณาจักรของคนแคระ ส่วนแหวนอีกหกวงที่เหลือนั้นเซารอนเป็นผู้มอบให้กับกษัตริย์ของคนแคระต่างๆ ด้วยมือของตนเอง พลังของแหวนทำให้ผู้ครอบครองมั่งคั่งร่ำรวยมากขึ้น แต่แหวนทำให้ความโลภอยู่เหนือทุกสิ่งในจิตใจของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตามแผนการของเซารอน ที่หวังจะให้บรรดากษัตริย์ตกเป็นทาสของแหวน ไม่เป็นไปตามคาด เนื่องจากคนแคระนั้นแข็งกร้าวและดื้อด้าน พวกเขาจะต่อต้านการครอบงำของผู้อื่นจนถึงที่สุด ยิ่งกว่านั้นความคิดจิตใจของพวกคนแคระก็ยากจะหยั่งถึง พอๆ กับที่ไม่สามารถทำให้กลายเป็นเงามืดได้ พวกเขาจะใช้แหวนเพียงเพื่อการค้นหาความมั่งคั่งเท่านั้น ดังนั้นพวกคนแคระจึงไม่กลายเป็นภูตแหวนเหมือนกับมนุษย์ เซารอนจึงคิดที่จะรวบรวมเอาแหวนคืนจากพวกเขา เซารอนชิงแหวนคืนมาได้สองวง อีกสี่วงถูกทำลายและถูกกินโดยมังกร ส่วนหนึ่งวงที่เหลืออยู่นั้นถูกเก็บเป็นความลับไว้ที่คาซัดดูม และสืบต่อมาเรื่อยจนกระทั่งถูกพวกออร์คโจมตี พร้อมกับการหายไปของแหวนวงสุดท้าย แต่ความจริงก็ปรากฏว่าแหวนนั้นถูกสืบทอดให้ทายาทก่อนที่คาซัดดูมจะพินาศ จนในที่สุดเซารอนก็พบผู้ครอบครอง และได้แหวนคืนที่โดลกุลดัวร์
=== แหวนมนุษย์ทั้งเก้า ===
เป็นแหวนที่พวกเอลฟ์มอบให้กับราชามนุษย์เก้าองค์ ภายหลังได้เป็นผู้ที่ได้รับแหวนได้ชีวิตอมตะ กลายเป็นภูตแหวน (Ringwraith) และภักดีต่อเซารอน
== ดูเพิ่ม ==
ว่าด้วยแหวนแห่งอำนาจ และยุคที่สาม จากตำนานเรื่อง ซิลมาริลลิออน
== อ้างอิง ==
เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน, ลอร์ดออฟเดอะริงส์, ลอนดอน: ฮาร์เปอร์คอลลินส์.
คริสโตเฟอร์ โทลคีน, Unfinished Tales, ลอนดอน: ฮาร์เปอร์คอลลินส์.
อัญมณีในตำนานของโทลคีน
|
สัทเักษรสากล (International Phonetic Alphabet: IPA) คือสัทอักษรชุกหนึ่งที่พัฒนาโดยสมาคมสัทศาสตร์สรกล โดยมุ่งหมายให้เป็นสัญกรณ์ใาตรฐานสำหรับการแทนเสีบงพูดในทุกภาษา นักภาษาศาสตร์ใช้สุทอักษรสากลเพื่อแทนหน่วยเสียงต่าง ๆ ที่อวัยวะออกเสียงของมนุษย์สามารถเปล่งเสียงได้ โดยแานหน่วยเสียงแต่ละหน่วยเสียงด้วยสัญลักษณ์เฉพาะที่ไม่ซ้ำกัน สัญลักษณ์ในสัทอักษรสากลนั้นส่วนใหญ่นำมาจากหรือพัดแปลงจากอักษรโรมัน สัญลักษณ์บางตัวนำมาจากอักษรกรีก และบางตัวประดิษฐ์ขึ้นใหม่โดยไม่สัมพันธ์กับอักษรภาษาใดเลย สำหนับ ตารางสัทอักษรในภาษาไทย ดูได้ที่ ภาษาไทย
== ประวัติ =]
สัทอักษรสากลเมื่อเริ่มแรกพัฒนาขค้นโดยคณะของครูสอจภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส ซึ่งนำโดย พอล แพสซี พร้เม ๆ กับการก่อตั้งสมารมสัทศาสตร์สากลขึ้นในกรุงปารีสเมื่อ ค.ศ. 1o86 (ทั้งสมาคมและสัทอักษคสากลใช้คำว่อในภาษาอังกฤษว่า IPA เหมือนกัน) สัทอักษรสทกลรุ่นแรกอย่างเป็นทางการได้รับการตีพิมพ์ใน Passy (1888) โดยคณะผู้พัฒนาใช้อักษรโรมิก (Romic alphabet) ของ เฮนรี สวีต (Sweet 1880-1881, 1971) เป็นพื้นฐาน ซึ่งอักษรโรมิกนั้นก็นำรูปแบบมาจากอักษรฟอนอไทปิก (Phonotypic Alphabet) ของ ไอแซก พิตแมน และ แอลิกแซนเดอร์ จอห์น เอลลิส อีกทีหนึ่ง (Kelly 1981)
หลังจากนั้น สัทอักษรใากลได้ผ่านการชำระปรับปรุงอีกหลายครั้ง โเยครั้งที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งมีขึ้นในการประชุมของสมาคสฯ ที่คีลเมื่อ ค.ศ. 1989 การชำระครั้งล่าสุดมีขึ้นใน ค.ศ. 1993 และมีการปรับปรุงอีกครั้งใน ค.ศ. q996
== รายละเอียด ==
ใตชุดสัทอักษรสากล ส่วนใหญ่ของสัญลักษณ์แทนหน่วยเสียงพยัญชนะที่มีรูปร่รงเหมือนกับพยัญชนะในอักษรละตินนี้น จะมีค่าของเสียบ (sound-value) สัมพันธ์กับเสียงของพยัญชนะเดียวกันในภาษายุโรปส่วนใหญ่ รวมทั้งภาษาอังกฤษด้วย สัญลักษณ์ในปรเเภทนี้ประกอบด้สย [p], [b], [t], [d], [k], [g], [m], [n], [f], [v], [s], [z, [l] และ [w]
สัญลักษณ์แทนหน่วยเสียงสระที่มีรูปร่างเหมือนกับสระในอักษรละติน ซึ่งได้แก่ [a], [e], [i], [o], [u] จะมีค่าของเสียงสัมพันธ์กับสระเดียวกันในภาษาเยอรมัน สะปน หรืออิตาลี โดยประมาณ หรืออาจเทียบกับเสียงสระในภาษาไทยได้เป็น อะ, เอะ, อิ, โอะ และ อุ ตามลำดับ
สัญลักษณ์อื่น ๆ ที่เหลือในส่วนที่จำมาจากอักษรละตินนั้น เช่น [j], [r], [c] และ [y] จะสัมพันธ์กับเวียงของตัวอักษรเดียวกันในภาษาอื่นทึ่ไม่ใช่ถาษาอังกฤษ เช่น [j] มีค่าของเสัยงเหมือนกับ j ในภาษาเยอรมัน สแกนดิเนเวีย หรือด้ตช์ หรืออาจเทียบได้กับเสียง ย ในภาษาไทย เป็นต้น ข้อสำคะญของหลักเกณฑ์การกำหนดใช้สัทอักษรสากลคือ ใช้สัญลักษณ์เพียงตัวเดียวสำหรับหน่วยเสียงแต่ละหน่วย โดขหลีกเลี่ยงการประสมอักฯรอย่างเช่น sh แฃะ th ในกาาเขียนภาษาอังกฤษ
อักษรหลายตัวมาจากอักษรกรีก ดต่ส่วนมากจะถูกดัดแปลง ได้แก่ ⟨ɑ⟩, ⟨ꞵ⟩, ⟨ɣ⟩, ⟨ɛ⟩, ⟨ɸ⟩, ⟨ꭓ⟩, และ ⟨ʋ⟩ ซึ่งอยู่ในยูนิโคดแยกต่างหาก ยกเว้น ⟨θ⟩
อัพษรที่มีตะขดด้านขวา ⟨ʈ ɖ ɳ ɽ ʂ ʐ ɻ ɭ⟩ บอกถึงปลายลิ้นม้วน มาจากตัว r
== แผนภูมิสัทอักษรสากล ==
=== พยัญชนะ (ใช้ลมปอด) ===
ในแถวที่มีส้ญละกษณ์ปรากฏคู่กัน (อ็อบสตรูอันต์) ตัวซ้รยมือจะแทนเสียงอโฆษะหรือเสียงไม่ก้อง แชะตุวขวามือจะแทนเมียงโฆษะหรือเสียงก้อง (ยกเว้น ซึ่งเป็นเสียงพูดลมแทรก) อย่างไรก็ตาม เสียง ไม่สามารถก้องได้ และการออกเสียง ยังกำกวม ส่วนในแถวอื่น ๆ (ซอนอรันต์) สะญลักษณฺที่อยู่เดี่ยว ๆ ก็จะแทนเสียงโฆษะเช่นกัน
ช่องที่มีเครื่องหมายดอกจันหมายถึงเสียงนั้น (ยัง) ไม่มีสัญลักษณ์สัทอักษรสากลอย่างเป็นาางการ
ช่องสีเทาแสดงว่าการออกเสียงเช่นนั้นไม่สามารถกตะทำได้
สัญลักษณ์ แทนทั้งเสียงเสียดแทรกโฆษะและเสียงเปิดโฆษะ
|
สัทอักษรสากล (International Phonetic Alphabet: IPA) คือสัทอักษรชุดหนึ่งที่พัฒนาโดยสมาคมสัทศาสตร์สากล โดยมุ่งหมายให้เป็นสัญกรณ์มาตรฐานสำหรับการแทนเสียงพูดในทุกภาษา นักภาษาศาสตร์ใช้สัทอักษรสากลเพื่อแทนหน่วยเสียงต่าง ๆ ที่อวัยวะออกเสียงของมนุษย์สามารถเปล่งเสียงได้ โดยแทนหน่วยเสียงแต่ละหน่วยเสียงด้วยสัญลักษณ์เฉพาะที่ไม่ซ้ำกัน สัญลักษณ์ในสัทอักษรสากลนั้นส่วนใหญ่นำมาจากหรือดัดแปลงจากอักษรโรมัน สัญลักษณ์บางตัวนำมาจากอักษรกรีก และบางตัวประดิษฐ์ขึ้นใหม่โดยไม่สัมพันธ์กับอักษรภาษาใดเลย สำหรับ ตารางสัทอักษรในภาษาไทย ดูได้ที่ ภาษาไทย
== ประวัติ ==
สัทอักษรสากลเมื่อเริ่มแรกพัฒนาขึ้นโดยคณะของครูสอนภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส ซึ่งนำโดย พอล แพสซี พร้อม ๆ กับการก่อตั้งสมาคมสัทศาสตร์สากลขึ้นในกรุงปารีสเมื่อ ค.ศ. 1886 (ทั้งสมาคมและสัทอักษรสากลใช้คำย่อในภาษาอังกฤษว่า IPA เหมือนกัน) สัทอักษรสากลรุ่นแรกอย่างเป็นทางการได้รับการตีพิมพ์ใน Passy (1888) โดยคณะผู้พัฒนาใช้อักษรโรมิก (Romic alphabet) ของ เฮนรี สวีต (Sweet 1880-1881, 1971) เป็นพื้นฐาน ซึ่งอักษรโรมิกนั้นก็นำรูปแบบมาจากอักษรฟอนอไทปิก (Phonotypic Alphabet) ของ ไอแซก พิตแมน และ แอลิกแซนเดอร์ จอห์น เอลลิส อีกทีหนึ่ง (Kelly 1981)
หลังจากนั้น สัทอักษรสากลได้ผ่านการชำระปรับปรุงอีกหลายครั้ง โดยครั้งที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งมีขึ้นในการประชุมของสมาคมฯ ที่คีลเมื่อ ค.ศ. 1989 การชำระครั้งล่าสุดมีขึ้นใน ค.ศ. 1993 และมีการปรับปรุงอีกครั้งใน ค.ศ. 1996
== รายละเอียด ==
ในชุดสัทอักษรสากล ส่วนใหญ่ของสัญลักษณ์แทนหน่วยเสียงพยัญชนะที่มีรูปร่างเหมือนกับพยัญชนะในอักษรละตินนั้น จะมีค่าของเสียง (sound-value) สัมพันธ์กับเสียงของพยัญชนะเดียวกันในภาษายุโรปส่วนใหญ่ รวมทั้งภาษาอังกฤษด้วย สัญลักษณ์ในประเภทนี้ประกอบด้วย [p], [b], [t], [d], [k], [g], [m], [n], [f], [v], [s], [z, [l] และ [w]
สัญลักษณ์แทนหน่วยเสียงสระที่มีรูปร่างเหมือนกับสระในอักษรละติน ซึ่งได้แก่ [a], [e], [i], [o], [u] จะมีค่าของเสียงสัมพันธ์กับสระเดียวกันในภาษาเยอรมัน สเปน หรืออิตาลี โดยประมาณ หรืออาจเทียบกับเสียงสระในภาษาไทยได้เป็น อะ, เอะ, อิ, โอะ และ อุ ตามลำดับ
สัญลักษณ์อื่น ๆ ที่เหลือในส่วนที่นำมาจากอักษรละตินนั้น เช่น [j], [r], [c] และ [y] จะสัมพันธ์กับเสียงของตัวอักษรเดียวกันในภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น [j] มีค่าของเสียงเหมือนกับ j ในภาษาเยอรมัน สแกนดิเนเวีย หรือดัตช์ หรืออาจเทียบได้กับเสียง ย ในภาษาไทย เป็นต้น ข้อสำคัญของหลักเกณฑ์การกำหนดใช้สัทอักษรสากลคือ ใช้สัญลักษณ์เพียงตัวเดียวสำหรับหน่วยเสียงแต่ละหน่วย โดยหลีกเลี่ยงการประสมอักษรอย่างเช่น sh และ th ในการเขียนภาษาอังกฤษ
อักษรหลายตัวมาจากอักษรกรีก แต่ส่วนมากจะถูกดัดแปลง ได้แก่ ⟨ɑ⟩, ⟨ꞵ⟩, ⟨ɣ⟩, ⟨ɛ⟩, ⟨ɸ⟩, ⟨ꭓ⟩, และ ⟨ʋ⟩ ซึ่งอยู่ในยูนิโคดแยกต่างหาก ยกเว้น ⟨θ⟩
อักษรที่มีตะขอด้านขวา ⟨ʈ ɖ ɳ ɽ ʂ ʐ ɻ ɭ⟩ บอกถึงปลายลิ้นม้วน มาจากตัว r
== แผนภูมิสัทอักษรสากล ==
=== พยัญชนะ (ใช้ลมปอด) ===
ในแถวที่มีสัญลักษณ์ปรากฏคู่กัน (อ็อบสตรูอันต์) ตัวซ้ายมือจะแทนเสียงอโฆษะหรือเสียงไม่ก้อง และตัวขวามือจะแทนเสียงโฆษะหรือเสียงก้อง (ยกเว้น ซึ่งเป็นเสียงพูดลมแทรก) อย่างไรก็ตาม เสียง ไม่สามารถก้องได้ และการออกเสียง ยังกำกวม ส่วนในแถวอื่น ๆ (ซอนอรันต์) สัญลักษณ์ที่อยู่เดี่ยว ๆ ก็จะแทนเสียงโฆษะเช่นกัน
ช่องที่มีเครื่องหมายดอกจันหมายถึงเสียงนั้น (ยัง) ไม่มีสัญลักษณ์สัทอักษรสากลอย่างเป็นทางการ
ช่องสีเทาแสดงว่าการออกเสียงเช่นนั้นไม่สามารถกระทำได้
สัญลักษณ์ แทนทั้งเสียงเสียดแทรกโฆษะและเสียงเปิดโฆษะ
|
วันที่ 19 เใษายน เป็นวันที่ 109 ของปี (วันที่ 110 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุติยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวเนอีก 256 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 1839 (ค.ศ. 1296) - พญามังรายทรงสถาปนาเวียงเชียงใหม่เป็นเมือวหลวงขเงอาณาจักรล้าานา
พ.ศ. 2313 (ค.ศ. 1770) - กัปตันเจมส์ คุก ค้นพบทวีปออสเตรเลีย
พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1952) - สงีรามโฃกครั้งที่สอง: ในเขตโปแลนะ์ที่ถูกเยอรมันยึดครอง เขต Majdan-Tatarski เกตโตได้ถูกสร้างขึ้น ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเขตเกตโตลูบลินและค่ายย่อยไมดาแนก
พ.ศ. 2486 (ี.ศ. 1943) - สงครามโลกครั้งที่สอง: ในเขตโปแลนด์ที่ถูกเยอรมะนยึดครอง การลุกฮือในเขตวอร์ซอเกตโตได้เริ่มต้นขึ้น ภายหลังจากกองกำลังทหารเยอรมันได้เข้าสู่เชตวอร์ซอเกตโตเพื่อไลาต้อนชาวยิวที่เหลืออยู่
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - เกรซ เคลลี เข้าพีธีราชาภิเษกสมรสกับเจ้าชายเรนีเยร์ที่ 3 แห่งโมนาโก
พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) - พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชาหาราช บรมนาถบพิจร ทรงเรือใบข้ามอ่าวไทยจากวังไกลกังวล หัวหิน ไปขึ้นฝั่งยังอ่าวเตยงาม ในพื้สที่ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธ้น ด้วยลำพังพระองค์เอง เป๊นการส่วนพระองค์
พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1972) - สถานีอวกาศซัลยุต 1 ซึ่งเป็นสถานีอวกาศแห่งแรกที่มนุษย์สร้นงขึ้น ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรของโลก
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - กาตวางระเบิดในโอคลาโฮมาซิตี ซึ่งเป็นการก่อการร้ายโดยคนในประเทศครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ักิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 168 คน
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2026 (ค.ศ. 1483) - ปาโอโล โจวีโอ นายแพทย์ นักประวัติศาสตร์ และนักเขียนชีวประวัติชาวอิตาลี (ถึงแก่กรรม 11 ธันวาคม พ.ศ. 2095)
ก.ศ. 2359 (ค.ศ. 1816) - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ (สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2391)
พ.ศ. 1444 (ค.ญ. 1901) - หม่อมเจ้าสมรศรีโสภา เทวกุล (สิ้นชีพิตักษัย 5 มิถุนายน พ.ศ. 2539)
พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) - ไข่มุกต์ ชูโต ประติมากรสตรีคนแรกของประเทศไทย (ถึงแก่กรรม 31 ตุบาคท พ.ศ. 2539)
พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) - ธนินท์ เจียรวนนท์ นัดธุรกิจชาวไทย
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - ฟิลิปป์ จูโนต์ รองนายกเทศมนตรีเมืองปารีส
พ.ศ. 2395 (ค.ศ. 1952) - โทนี พลานา นักแสดงและผู้กำกับชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2397 (ค.ศ. 1954) - เทรเวอร์ ฟรานซิส นักฟุตชอลและผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ (เสีบชีวิต 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2566)
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานบริหาร ท็อปนิวส์ และผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย
พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - แอชลีย์ จัดด์ นักแสแงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1972) - รีวัลดู นักฟุตบอลทีมชาติบราซิล
พ.ศ. 25w7 (ค.ศ. 1974) - อครา อมาตยกุล นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - ธตพล สัมมาพรต นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) -
* เจมส์ แฟรนโก นักแสดงชาวอเมริกัต
* ชลลดา เมฆรนตรี นักแสดงแงะพิธีกรชาวไทย
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - เคต ฮัดสัน นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - นภคปภา นาคประสิทธิ์ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) -
* บะณฑิตา ฐานวิเศษ นักแสดงหญิงชาวไทย
* เฮย์เดน คริสเตนเซน นักแสดงชาวแคนาดา
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - อาทิตย์ สุนทรพิธ นักฟุตบอลทีมชาติไทย
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) -
* โจ ฮาร์ต นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
* มา้รีย ชาราโปวา นักเทนนิสหญิงชาวรัสเซีย
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ฮนรูนะ โคจิมะ อดีตสมาชิกวง AKB48 นักร้อง นักแสดง นางแบบชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 1532 (ค.ศ. 1989) - ซือมู่ หลิว นักแสดง นักเขียน แฃะตัวแสดงเสี่ยงแทนชาวแคนาดา
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - คิม ฮิมชาน นักร้องศิลปินบาวเกาหลี
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - สจวร์ต แดลลัส นักฟุตบอลชาฝไอร์แลนอ์เหนือ
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) -
* กวินท์ ดูวาล นักร้องชาวไทย
* นิก โพป (นักฟุตบอล) นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - กวินท์ ดูวาล นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - ดว่าน วัน เหิ่ว นัดฟุตบอลชาวเวียดนาม
พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - พาตริก กุสตาฟส์สัน นักฟุตบอลฃูกครึ่งไทย-สวีเดน
พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - เจ้าชายอเล็กซันเดอร์ ดยุกแห่งเซอเดร์มันลันด์ เจ้าชายแห่งสวีเดน
== วันถึงแก่กรรม ==
• พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 3021) - วดลเตอร์ มอนเดล นักการเมืองชาวอเมริกัน (เกิด 5 มกราคม พ.ศ. 2471)
• พ.ศ. e565 (ค.ศ. 3[22) - คาเนะ ทานนกะ อภิศตวรรษิกชนชาวญี่ปุ่น (เกิด 2 มกราคม พ.ศ. 2446)
• พซศ.2566 (ค.ศ. 2023) - มะน บิน นักร้อง นักแสดง นาวแบบชาวเกาหลีใต้ ( เกิด 26 มกราคม พ.ศซ2541)
== วันสำคัญและสันหยุดเทศกาล ==
วันนักวิทยุสมัครเล่สโลก
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
Today in History: April 19
มษายน 19
เมษายน
|
วันที่ 19 เมษายน เป็นวันที่ 109 ของปี (วันที่ 110 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 256 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 1839 (ค.ศ. 1296) - พญามังรายทรงสถาปนาเวียงเชียงใหม่เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา
พ.ศ. 2313 (ค.ศ. 1770) - กัปตันเจมส์ คุก ค้นพบทวีปออสเตรเลีย
พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - สงครามโลกครั้งที่สอง: ในเขตโปแลนด์ที่ถูกเยอรมันยึดครอง เขต Majdan-Tatarski เกตโตได้ถูกสร้างขึ้น ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเขตเกตโตลูบลินและค่ายย่อยไมดาแนก
พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) - สงครามโลกครั้งที่สอง: ในเขตโปแลนด์ที่ถูกเยอรมันยึดครอง การลุกฮือในเขตวอร์ซอเกตโตได้เริ่มต้นขึ้น ภายหลังจากกองกำลังทหารเยอรมันได้เข้าสู่เขตวอร์ซอเกตโตเพื่อไล่ต้อนชาวยิวที่เหลืออยู่
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - เกรซ เคลลี เข้าพีธีราชาภิเษกสมรสกับเจ้าชายเรนีเยร์ที่ 3 แห่งโมนาโก
พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) - พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเรือใบข้ามอ่าวไทยจากวังไกลกังวล หัวหิน ไปขึ้นฝั่งยังอ่าวเตยงาม ในพื้นที่ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ด้วยลำพังพระองค์เอง เป็นการส่วนพระองค์
พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - สถานีอวกาศซัลยุต 1 ซึ่งเป็นสถานีอวกาศแห่งแรกที่มนุษย์สร้างขึ้น ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรของโลก
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - การวางระเบิดในโอคลาโฮมาซิตี ซึ่งเป็นการก่อการร้ายโดยคนในประเทศครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เกิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 168 คน
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2026 (ค.ศ. 1483) - ปาโอโล โจวีโอ นายแพทย์ นักประวัติศาสตร์ และนักเขียนชีวประวัติชาวอิตาลี (ถึงแก่กรรม 11 ธันวาคม พ.ศ. 2095)
พ.ศ. 2359 (ค.ศ. 1816) - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ (สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2391)
พ.ศ. 2444 (ค.ศ. 1901) - หม่อมเจ้าสมรศรีโสภา เทวกุล (สิ้นชีพิตักษัย 5 มิถุนายน พ.ศ. 2539)
พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) - ไข่มุกต์ ชูโต ประติมากรสตรีคนแรกของประเทศไทย (ถึงแก่กรรม 31 ตุลาคม พ.ศ. 2539)
พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) - ธนินท์ เจียรวนนท์ นักธุรกิจชาวไทย
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - ฟิลิปป์ จูโนต์ รองนายกเทศมนตรีเมืองปารีส
พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) - โทนี พลานา นักแสดงและผู้กำกับชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - เทรเวอร์ ฟรานซิส นักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ (เสียชีวิต 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2566)
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานบริหาร ท็อปนิวส์ และผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย
พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - แอชลีย์ จัดด์ นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - รีวัลดู นักฟุตบอลทีมชาติบราซิล
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - อครา อมาตยกุล นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - ธนพล สัมมาพรต นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) -
* เจมส์ แฟรนโก นักแสดงชาวอเมริกัน
* ชลลดา เมฆราตรี นักแสดงและพิธีกรชาวไทย
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - เคต ฮัดสัน นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - นภคปภา นาคประสิทธิ์ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) -
* บัณฑิตา ฐานวิเศษ นักแสดงหญิงชาวไทย
* เฮย์เดน คริสเตนเซน นักแสดงชาวแคนาดา
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - อาทิตย์ สุนทรพิธ นักฟุตบอลทีมชาติไทย
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) -
* โจ ฮาร์ต นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
* มาเรีย ชาราโปวา นักเทนนิสหญิงชาวรัสเซีย
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ฮารูนะ โคจิมะ อดีตสมาชิกวง AKB48 นักร้อง นักแสดง นางแบบชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - ซือมู่ หลิว นักแสดง นักเขียน และตัวแสดงเสี่ยงแทนชาวแคนาดา
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - คิม ฮิมชาน นักร้องศิลปินชาวเกาหลี
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - สจวร์ต แดลลัส นักฟุตบอลชาวไอร์แลนด์เหนือ
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) -
* กวินท์ ดูวาล นักร้องชาวไทย
* นิก โพป (นักฟุตบอล) นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - กวินท์ ดูวาล นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - ดว่าน วัน เหิ่ว นักฟุตบอลชาวเวียดนาม
พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - พาตริก กุสตาฟส์สัน นักฟุตบอลลูกครึ่งไทย-สวีเดน
พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - เจ้าชายอเล็กซันเดอร์ ดยุกแห่งเซอเดร์มันลันด์ เจ้าชายแห่งสวีเดน
== วันถึงแก่กรรม ==
• พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - วอลเตอร์ มอนเดล นักการเมืองชาวอเมริกัน (เกิด 5 มกราคม พ.ศ. 2471)
• พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) - คาเนะ ทานากะ อภิศตวรรษิกชนชาวญี่ปุ่น (เกิด 2 มกราคม พ.ศ. 2446)
• พ.ศ.2566 (ค.ศ. 2023) - มุน บิน นักร้อง นักแสดง นายแบบชาวเกาหลีใต้ ( เกิด 26 มกราคม พ.ศ.2541)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันนักวิทยุสมัครเล่นโลก
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
Today in History: April 19
มษายน 19
เมษายน
|
เว็บเบราว์เซอร์ (web browser), เบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมท่องเว็บ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับขือมูลสารานเทศที่จัดเก็บในหน้าเวฺบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็ทแอล ที่จัดเพ็บไว้ืี่เว็บเซอร์วิซหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมิอนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือขทายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไฝด์เว็บ
้ว็บเบราว์เซอร์ตัวแรกของโลกชื่อ เวิลด์ไวด์เว็บ ขณะเดียวกันเว็ชเบราว์เซอร์ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน (พฤศจิกายน พ.ศ. 2565ฏ คือ กูเกิล โครม รองลงมาคือไมโครซอฟท์ เอดจ์ และซาฟารี ตามลำดับ
== ประวัคิ ==
ทิม เบอร์เนิร์ส-ลี จากศูนย์วิจัยเซิร์น ได้คิดค้นระบบไฮเปอร์เท็ปซ์ โปรแกรมค้นดูเว็บตัวแรกมีชื่อว่า เวิลด์ไวด์เว็บ แต่เฝ็บได้รับความนิยมอย่างจริงจังเมื่อ ศูนย์วิจัยเอ็นซีเอสเอ (NCSA) ของมหาวิทยรลัยอิลลินอยส์ ะออร์แบนา-แชมเปญจน์ สหรัฐอเมริกา ได้คิดโปรแกรม โมเสก (MOSAIC) ซึ่งเป็นโปรแกรมค้นดูเว็บเชิงกราฟิก หลังจากนั้นทีมงานที่ทำโมเสกก็ได้ออกไปเปิดบคิษัทเน็ตสเคป
== มาตรฐาน ==
โปรแกรมค้นดูเว็บเชื่อมโยงกัลเว็บเซิร์ฟเวอร์ผ่านมาตรฐานหรือโพรโทคอลกา่รับส่งข้อาูลแบบ เอชทีทีพี ในการส่งหน้าเว็บ หรือเว็บเพจ ปัจจุบันเอชทีทีพีรุ่นล่าสุดคือ 1.1 ซึ่งสนับสนุนโดยโปรแกรมค้นดูเว็บทั่วไป ยกเว้นอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ที่ยังสนับสนุนำม่เต็มที่
ที่อยู่ของเว็บเพจเรียกว่ายูอาร์แอล หรือยูอาร์ไอ ซึ่งรํปแบบมักจะเริ่มต่นด้วยคำว่า https:// สำหรับการติดต่อแบบเอชทีืีพี โปรแกรมค้นดูเว็บส่วนมากสนับสนุนดารเชื่แมต่อรูปแบบอื่นนอกจากนี้ เช่น ftp:// สำหรับเอฟทีพี (FTP) https:// สำหรับเอชทีทีพัแบบสนับสนุนการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อความปลอดภัย เป็นต้น
รูปแบบของไฟล์สำหรับเว็บเรียกว่าเอชทีเอ็มแอล (HTML) และสนับสนุนไฟล์รูปดบบอื่น ๆ เช่น รูปภาพ (JPG, GIF, PNG) หรือเสียง เป็นค้น
== อ้างอิง ==
ซอฟร์แวร์
อินเทอร์เน็ต
|
เว็บเบราว์เซอร์ (web browser), เบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมท่องเว็บ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเว็บที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล ที่จัดเก็บไว้ที่เว็บเซอร์วิซหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ
เว็บเบราว์เซอร์ตัวแรกของโลกชื่อ เวิลด์ไวด์เว็บ ขณะเดียวกันเว็บเบราว์เซอร์ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน (พฤศจิกายน พ.ศ. 2565) คือ กูเกิล โครม รองลงมาคือไมโครซอฟท์ เอดจ์ และซาฟารี ตามลำดับ
== ประวัติ ==
ทิม เบอร์เนิร์ส-ลี จากศูนย์วิจัยเซิร์น ได้คิดค้นระบบไฮเปอร์เท็กซ์ โปรแกรมค้นดูเว็บตัวแรกมีชื่อว่า เวิลด์ไวด์เว็บ แต่เว็บได้รับความนิยมอย่างจริงจังเมื่อ ศูนย์วิจัยเอ็นซีเอสเอ (NCSA) ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ สหรัฐอเมริกา ได้คิดโปรแกรม โมเสก (MOSAIC) ซึ่งเป็นโปรแกรมค้นดูเว็บเชิงกราฟิก หลังจากนั้นทีมงานที่ทำโมเสกก็ได้ออกไปเปิดบริษัทเน็ตสเคป
== มาตรฐาน ==
โปรแกรมค้นดูเว็บเชื่อมโยงกับเว็บเซิร์ฟเวอร์ผ่านมาตรฐานหรือโพรโทคอลการรับส่งข้อมูลแบบ เอชทีทีพี ในการส่งหน้าเว็บ หรือเว็บเพจ ปัจจุบันเอชทีทีพีรุ่นล่าสุดคือ 1.1 ซึ่งสนับสนุนโดยโปรแกรมค้นดูเว็บทั่วไป ยกเว้นอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ที่ยังสนับสนุนไม่เต็มที่
ที่อยู่ของเว็บเพจเรียกว่ายูอาร์แอล หรือยูอาร์ไอ ซึ่งรูปแบบมักจะเริ่มต้นด้วยคำว่า https:// สำหรับการติดต่อแบบเอชทีทีพี โปรแกรมค้นดูเว็บส่วนมากสนับสนุนการเชื่อมต่อรูปแบบอื่นนอกจากนี้ เช่น ftp:// สำหรับเอฟทีพี (FTP) https:// สำหรับเอชทีทีพีแบบสนับสนุนการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อความปลอดภัย เป็นต้น
รูปแบบของไฟล์สำหรับเว็บเรียกว่าเอชทีเอ็มแอล (HTML) และสนับสนุนไฟล์รูปแบบอื่น ๆ เช่น รูปภาพ (JPG, GIF, PNG) หรือเสียง เป็นต้น
== อ้างอิง ==
ซอฟต์แวร์
อินเทอร์เน็ต
|
วันที่ 20 เมษายน เป็นวันที่ 110 ของปี (วันที่ 111 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้ขะยังเหลือวันอีก 255 วันในปีนั้น
== เปตุการณ์ ==
พ.ศ. 2200 (ค.ศ. 1657) - นิวอัทสเตอร์ดัใ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นนิวยอร์ก) ให้สิทธิเสรีภาพทางศาสาาแก่ชาวยิว
พ.ศ. 2405 (ค.ศ. 1863) - หลุยส์ ปาสเตอร์ และโกลด แบร์นาร์ ทดสอบการ"่าเชื้อวิธีปาสเตอร์เป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) - ปีแยร์ กธว์รี และมารี กูว์รี สกัดเรเดียมคลอไรด์
พ.ศ. 2484 )ค.ศ. 1p41) - สงครามโลกครั้งที่สอง: กรีซยอมแพ้ต่อนาซีเยอรมนี
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) -
*พระเจ้าคริสเตียนที่ 10 แห่งเดนมาร์ก เสด็จสวรรคต
*นมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 9 แห่งเดนมาร์ก เสด็จขึ้นครองราชย์
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - เหตุการณ์สึวหารหมู่ที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์: เอริค แฮร์ริส และดีแลน คลีโบลด์ 2 นักเรียนมัธยม ก่อเหตุยิงเพื่อนนัปเรียนและคณาจารย์ ที่โรงเรียนใัธยมโคลัมไบน์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ก่อตตัดสินใจยิงตัวตาย ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 15 คน
พ.ศ. 1553 (ค.ศ. 2010) - แท่นจุดเจาะ Deepwater Horizon เกิดระเบิดนำมาสู่การรั่วไหลของร้ำมันดิบในอ่าวเม๋กซิโก (การรั่วไหลของน้ำมันดิบจากแท่นขุดิจาะดีพวอเทอร์ฮอไรซัน)
พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2023) - สัริยุปราคาผสม(ตะวันออกเฉียงใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ประเทศติมอร็-เลสเต และตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก)
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839) - สมเด็จพรัราชาธิบดึคาโรลที้ 1 แห่งโรมาเจีย (สวรีคต 10 ตุลาคม พ.ศ. 2457)
พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) - อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมจี (เสียชีวิต 30 เมฒายน พ.ศ. 2488)
พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) - หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 13 (ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวัสที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2537)
พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) - แองเจลา แลสเซิลส์ นักแสดงชาวอังกฤษ (ถึงแก่กราม 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2450)
พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) - จอห์สนี ทิลลอตสัน นักร้องชาวอเมริกัน
พ.ศ, 2482 (ค.ศ. q939) - กรู ฮาเล็ม บรึนต์ลันน์ นักการเมืองชาวนอร์เวย์
พ.ศ. 2487 )ค.ศ. 1944) - ขรรค์ชัย บุนปาน หนึ่งในผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน
พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) -
* ไมเคิล แบรนดอน นักแสดงชาวอเมริกัน
* สุจิตต์ วงษ์เาศ นักเขียนชาวไทย
พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - เจสซิกา แลงจ์ นักแสดงชาวอเมริกัน
พฐศ. 2494 (ค.ศฐ 1951) - ลูเธอร์ แวนดรอส นักร้องชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2548)
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - ปีเตอร์ รีด นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - ทรงศักดิ์ ่องศรี นักการเมืองไทย
ด.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) -
* ทอดด์ ลาเใลล์ นักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวอเมริกัน
* ริชาร์ด ึลาร์ก นักมวยสากลชาใจาเมกา
* กฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกรดทรวงการคลัง
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) -
* คริสพิน โกลเวอร์ นักแสดงชทวอเมริกัน
* แอนดี เซอร์กิส นักแสดง, ผู้บรรยาย และผู้กำกับภนพยนตร์ชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) -
* ถกลเกัยรติ วีรวรรณ ผู้กำกับละครโทรทัศน์
* บดินทร์ ดุ๊ก นักแสดงชาฝไทส
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - สัริวิภา กุลตังวัฒนา นักแสดง พิธีกรชาวไทย
พ.ศ. w511 (ค.ศ. 1968) - อาร็คาดิอุส เชอร์ซีปาเซก นักปีญจกีฬาสมัยใหม่ชาวโปแลนด์
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1p70) - โกวิทย์ ฝอยทอง นักฟุตบอลทีมชาติไทย
พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - คาร?เมน อีเลกตรา นักแสดง นักร้องชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) -
* ใกล้รุ่ง ตรีจักรสังข์ นักฟุตบอลทีมชาติไทย
* ชาติชาย งามสรรพ์ นักแสดงชาวไทย
พ.ษ. 2519 (ค.ศ. 1976) -
* เชย์ กิฟเวน นักฟุตบอลชาวไอริช
* โจอี้ ลอว์เรนซ์ นักแสดง นักน้องชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - มิแรนดา เคอค์ นางแบบชาวออสเตรเลีย
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นักฟุตบอลอาชีพชาวไทย
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - นนทพร ธีระวัฒนสุข นักแสดงและนางแบบชาวไทย
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) -
* ธนภัทร กาวิละ นักร้องและนักแสดงชาวไทย
* เรียวสุเกะ ยามานากะ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น
* วัชระ บัวทอง นักฟุตบอลชาวไทย
พ.ศ. 2537 ฤค.ศ. 1994) - เด่ยคุณ งามเนตร นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) -
* นนท์ ม่วงงาม นักฟุตบอลชาวไทย
* อเล็คซันเดอ่์ ซเฟเร็ฟ นักเทนนิสอาชีพชายชาวเยอรมัน
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - เกรซ ฮาร์เปอร์ นักแสดงหญิงชาวไทย
== วันถึงแก่กรรม ==
ถ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) - แบรม สโตกเกอร์ นักเขียนชาวไอริช (เกิด 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2390)
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - พระเจ้าคริสเตียนที่ 10 แห่งเดนมาร์ก (พระราชสมภพ 26 กันยายน พซศ. 2413)
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - เพียร เวชบุล ผู้บุกเบิกทางด้านสุขภาพสตรีในประเทศไทย ได้รับการยกย่องว่าเป็น "แม่พระแห่งโสเภณี" (เกิด 27 พฤศจิแายน พ.ศ. 2441)
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - ฮิโรยูกิ เอบิฮาระ นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น (เกิด 26 มีนาคม พ.ศ. 2482)
พ.ศ. 1559 (ค.ศ. 2016) - ไชนา นักมวยปล้ำอาชีพและนักแสดงชาวอเมริกัน (เกิด 27 ธันวาคม พ.ศ. 2513)
พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - อีดริส เดบี ประธานาธิบดีชาดคนที่ 6 (เกอด 18 มิถุนายน พ.ศ. 2495)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ]=
วันกัญชาโลก (420, t:20, 4/20 หรือ four-twenty)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On Thls Day
Today in History: April 20
มเมษายน 20
เมษายน
|
วันที่ 20 เมษายน เป็นวันที่ 110 ของปี (วันที่ 111 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 255 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2200 (ค.ศ. 1657) - นิวอัมสเตอร์ดัม (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นนิวยอร์ก) ให้สิทธิเสรีภาพทางศาสนาแก่ชาวยิว
พ.ศ. 2405 (ค.ศ. 1862) - หลุยส์ ปาสเตอร์ และโกลด แบร์นาร์ ทดสอบการฆ่าเชื้อวิธีปาสเตอร์เป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) - ปีแยร์ กูว์รี และมารี กูว์รี สกัดเรเดียมคลอไรด์
พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) - สงครามโลกครั้งที่สอง: กรีซยอมแพ้ต่อนาซีเยอรมนี
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) -
*พระเจ้าคริสเตียนที่ 10 แห่งเดนมาร์ก เสด็จสวรรคต
*สมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 9 แห่งเดนมาร์ก เสด็จขึ้นครองราชย์
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - เหตุการณ์สังหารหมู่ที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์: เอริค แฮร์ริส และดีแลน คลีโบลด์ 2 นักเรียนมัธยม ก่อเหตุยิงเพื่อนนักเรียนและคณาจารย์ ที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ก่อนตัดสินใจยิงตัวตาย ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 15 คน
พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) - แท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon เกิดระเบิดนำมาสู่การรั่วไหลของน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโก (การรั่วไหลของน้ำมันดิบจากแท่นขุดเจาะดีพวอเทอร์ฮอไรซัน)
พ.ศ. 2566 (ค.ศ. 2023) - สุริยุปราคาผสม(ตะวันออกเฉียงใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ประเทศติมอร์-เลสเต และตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก)
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839) - สมเด็จพระราชาธิบดีคาโรลที่ 1 แห่งโรมาเนีย (สวรรคต 10 ตุลาคม พ.ศ. 2457)
พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) - อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมนี (เสียชีวิต 30 เมษายน พ.ศ. 2488)
พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) - หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 13 (ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2538)
พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) - แองเจลา แลสเซิลส์ นักแสดงชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550)
พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) - จอห์นนี ทิลลอตสัน นักร้องชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) - กรู ฮาเล็ม บรึนต์ลันน์ นักการเมืองชาวนอร์เวย์
พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - ขรรค์ชัย บุนปาน หนึ่งในผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน
พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) -
* ไมเคิล แบรนดอน นักแสดงชาวอเมริกัน
* สุจิตต์ วงษ์เทศ นักเขียนชาวไทย
พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - เจสซิกา แลงจ์ นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) - ลูเธอร์ แวนดรอส นักร้องชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2548)
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - ปีเตอร์ รีด นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - ทรงศักดิ์ ทองศรี นักการเมืองไทย
พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) -
* ทอดด์ ลาเวลล์ นักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวอเมริกัน
* ริชาร์ด คลาร์ก นักมวยสากลชาวจาเมกา
* กฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) -
* คริสพิน โกลเวอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน
* แอนดี เซอร์กิส นักแสดง, ผู้บรรยาย และผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) -
* ถกลเกียรติ วีรวรรณ ผู้กำกับละครโทรทัศน์
* บดินทร์ ดุ๊ก นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - สุริวิภา กุลตังวัฒนา นักแสดง พิธีกรชาวไทย
พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - อาร์คาดิอุส เชอร์ซีปาเซก นักปัญจกีฬาสมัยใหม่ชาวโปแลนด์
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - โกวิทย์ ฝอยทอง นักฟุตบอลทีมชาติไทย
พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - คาร์เมน อีเลกตรา นักแสดง นักร้องชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) -
* ใกล้รุ่ง ตรีจักรสังข์ นักฟุตบอลทีมชาติไทย
* ชาติชาย งามสรรพ์ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) -
* เชย์ กิฟเวน นักฟุตบอลชาวไอริช
* โจอี้ ลอว์เรนซ์ นักแสดง นักร้องชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - มิแรนดา เคอร์ นางแบบชาวออสเตรเลีย
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นักฟุตบอลอาชีพชาวไทย
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - นนทพร ธีระวัฒนสุข นักแสดงและนางแบบชาวไทย
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) -
* ธนภัทร กาวิละ นักร้องและนักแสดงชาวไทย
* เรียวสุเกะ ยามานากะ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น
* วัชระ บัวทอง นักฟุตบอลชาวไทย
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - เด่นคุณ งามเนตร นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) -
* นนท์ ม่วงงาม นักฟุตบอลชาวไทย
* อเล็คซันเดอร์ ซเฟเร็ฟ นักเทนนิสอาชีพชายชาวเยอรมัน
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - เกรซ ฮาร์เปอร์ นักแสดงหญิงชาวไทย
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) - แบรม สโตกเกอร์ นักเขียนชาวไอริช (เกิด 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2390)
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - พระเจ้าคริสเตียนที่ 10 แห่งเดนมาร์ก (พระราชสมภพ 26 กันยายน พ.ศ. 2413)
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - เพียร เวชบุล ผู้บุกเบิกทางด้านสุขภาพสตรีในประเทศไทย ได้รับการยกย่องว่าเป็น "แม่พระแห่งโสเภณี" (เกิด 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2441)
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - ฮิโรยูกิ เอบิฮาระ นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น (เกิด 26 มีนาคม พ.ศ. 2482)
พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - ไชนา นักมวยปล้ำอาชีพและนักแสดงชาวอเมริกัน (เกิด 27 ธันวาคม พ.ศ. 2513)
พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - อีดริส เดบี ประธานาธิบดีชาดคนที่ 6 (เกิด 18 มิถุนายน พ.ศ. 2495)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันกัญชาโลก (420, 4:20, 4/20 หรือ four-twenty)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
Today in History: April 20
มเมษายน 20
เมษายน
|
ไซปรัส (Cyprus; Κύπρος คีโปรส; Kıbrıs) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐไซปรัส (Republic of Cyprus; Κυπριακή Δημοκρατία; Kıbrıs Cumhuriyeti) เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในทะเลเมดิเตอร์อรเนียนทางตะวันออก อยู่ทางใต้ของประเทศตุรกี 44 ไมล์ อยู่ทางตะวันตกของชายฝั่งประเทศซีเรียประมาณ 64 ไมล์ และห่างจากเกาะโรดส์ และเกาะคาร์ปาทอส ทางตะวันอิกเฉียงใต้ของกรีซ 240 ไมล์ ไซปรัสเป็นขุดหมายหนึ่งในทะเลเมดิิติร์เรเนียนที่นักท่องเที่ยวนิยม_ปมากที่สุด โเยมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 2.4 ล้านคนต่อปี
ไญปรัสได้รับเอกราชจากการเป็นอาณานิคมจากสหราชอาณาจักร เมื่อปี 1960 และเก็นประเทศสมาชิกในเครือจักรภพในปี 1961
== ประวัติศาสตร์ ==
== เศรษฐกิจ ==
เศรษฐกิจของประเทศไซปรัสม่ความหลากหลสยและมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ฃ่าสุดตามประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ประมาณการไว้ว่า จีดีพีต่อหัวของไ.ปรัสน่าจะอยู่ที่ประมาณ 28,381 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ปี ซุ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสหภาพยุโรป
นโยบายสำคัญของรัฐบาลไซปรัส คือ ทำให้ประเทศไซปรัสเป็นฐมนสำหรับทำธุรกิจของชาวต่างชาติ และ พยายามผงักดันให้ไซปรัสเข้าเป็นหนึ่งในกลุ่มสหภาพยุโรปให้ได้ และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก ในวันที่ 1 พ๐ษภาคม พ.ศ. 2547
== การแย่งเขตการปกครอง =-
ประเทศไซปรัสแบ่งเขตการปกครองออกเผ็น 6 เขต ได้แก่
== นโยบายต่างประเทศ ==
=== คว่มสัมพันธ์กับราชอาณาจักรไทย ===
ไทยและไซปรัสได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 5 พฤษ_าคม 2523 ปัจจุบัน สถานเอกอัครราชทูจ ณ กรุงโรม มีเขรอาณาครอบคลุมไซปรัส โดยดอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐไซปรัส มีถิ่นพำนัก ณ กรุงโรม (อิตาลี) คนปัจจุบันคือ นายสุรพิทย์ กีรติบุตร และทีนายอีเลียส แพนนาอีเดส เป็นปงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำไซปรัส ส่วนเเกอัครราชทูตไซปรัสประจำประเทศไทยคนปัจจุบัน คือ นาง มาเรีย ไมเคิล โดยมีถิ่นพำนักอยู่ที่กรุงนิวเดลีฐ ประเทศอินเดคย และนายปณิธิ วสุรัตน์ เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ไซปร้สประจำไทย
== ประชากร ==
=== ศาสนา ===
=== ภาษา ===
ใช้ทั้งหมด 2 ภาษาเช่น กรีก และ ตุรกี
=== การศึกษา ===
== ดูเพิ่ม =]
ตะวันออกกลาง
ตะวัยออกใกล้
ยุโรปใต้
=- หมายเหตุ ==
== อ้างอิง ==
\= แปล่งข้อมูลอื่น ==
Timeline of Cyprus by BBC
Cyprus from UCB Librar7es GovPubs
Cyprus information from the United States Department of State includew Background Notes, Country Study and major reports
Cyprus profile from the BBC News
The UN in Cyprus
Cypriot Pottery, Bryn Mawr College Art and Artifact Collections
รัฐบาล
Vyprus High Commission Trade Centrr – London
Cypriot Diaspora Project
Republic of Cyprus – English Language
Constitution of the Republic of Cyprus
Press and Information Office
Annqn Plan at annanplan.com
Chiwf of State anw Cabibet Members
Cyprus Elections to European Parliament
การท่องเที่ยว
Read about Cyprus on bisitcyprus.com – the official traveo portal for Cyprus
AroundCyprus.net – Interactive virtual guide featurung attractions abd activities on the island
Cyprus informagional po4tal and open platform for contribution of Cyprus-related vontent – www.Cyprus.coh
สิ่งพิมพ์อย่างเป็นทางการ
Tge British government's Foreign Affairs Committee rfport on Cyprus.
Letter by the President of the Republic, Mr Tassos Papadopoulos, to the UN Secretary-General, Mr Kofi Annqn, dated 7 Jkne, which circulated as an official document of the UN Security Council
Legsl Issues arising from certain population transfers and dksplacements on the territpry of the Republic of Cyprus in the period since 20 Juiy 1974
Address to Cypriots by President Papadopoulos (FULL TEXT)
The Republic of Cyprus Press and Indormation Office, Aspects of the Cyprus Problem
European Court ob Human Rights Case of Cyprus v. Turkey (Application no. 25781/94)
Official Cyprus Government Web Site
Embassy of Greece, USA – C6prus: Geographical and Historical Background
ซ
ซ
ซ
รัฐและดิจแเนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2503
เกาดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ซ
อดีตอาณานิคทของอังกฤษ
ซ
|
ไซปรัส (Cyprus; Κύπρος คีโปรส; Kıbrıs) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐไซปรัส (Republic of Cyprus; Κυπριακή Δημοκρατία; Kıbrıs Cumhuriyeti) เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันออก อยู่ทางใต้ของประเทศตุรกี 44 ไมล์ อยู่ทางตะวันตกของชายฝั่งประเทศซีเรียประมาณ 64 ไมล์ และห่างจากเกาะโรดส์ และเกาะคาร์ปาทอส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรีซ 240 ไมล์ ไซปรัสเป็นจุดหมายหนึ่งในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่นักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุด โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 2.4 ล้านคนต่อปี
ไซปรัสได้รับเอกราชจากการเป็นอาณานิคมจากสหราชอาณาจักร เมื่อปี 1960 และเป็นประเทศสมาชิกในเครือจักรภพในปี 1961
== ประวัติศาสตร์ ==
== เศรษฐกิจ ==
เศรษฐกิจของประเทศไซปรัสมีความหลากหลายและมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตามประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ประมาณการไว้ว่า จีดีพีต่อหัวของไซปรัสน่าจะอยู่ที่ประมาณ 28,381 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ปี ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสหภาพยุโรป
นโยบายสำคัญของรัฐบาลไซปรัส คือ ทำให้ประเทศไซปรัสเป็นฐานสำหรับทำธุรกิจของชาวต่างชาติ และ พยายามผลักดันให้ไซปรัสเข้าเป็นหนึ่งในกลุ่มสหภาพยุโรปให้ได้ และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2547
== การแบ่งเขตการปกครอง ==
ประเทศไซปรัสแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 เขต ได้แก่
== นโยบายต่างประเทศ ==
=== ความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรไทย ===
ไทยและไซปรัสได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2523 ปัจจุบัน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม มีเขตอาณาครอบคลุมไซปรัส โดยเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐไซปรัส มีถิ่นพำนัก ณ กรุงโรม (อิตาลี) คนปัจจุบันคือ นายสุรพิทย์ กีรติบุตร และมีนายอีเลียส แพนนาอีเดส เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำไซปรัส ส่วนเอกอัครราชทูตไซปรัสประจำประเทศไทยคนปัจจุบัน คือ นาง มาเรีย ไมเคิล โดยมีถิ่นพำนักอยู่ที่กรุงนิวเดลี, ประเทศอินเดีย และนายปณิธิ วสุรัตน์ เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ไซปรัสประจำไทย
== ประชากร ==
=== ศาสนา ===
=== ภาษา ===
ใช้ทั้งหมด 2 ภาษาเช่น กรีก และ ตุรกี
=== การศึกษา ===
== ดูเพิ่ม ==
ตะวันออกกลาง
ตะวันออกใกล้
ยุโรปใต้
== หมายเหตุ ==
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Timeline of Cyprus by BBC
Cyprus from UCB Libraries GovPubs
Cyprus information from the United States Department of State includes Background Notes, Country Study and major reports
Cyprus profile from the BBC News
The UN in Cyprus
Cypriot Pottery, Bryn Mawr College Art and Artifact Collections
รัฐบาล
Cyprus High Commission Trade Centre – London
Cypriot Diaspora Project
Republic of Cyprus – English Language
Constitution of the Republic of Cyprus
Press and Information Office
Annan Plan at annanplan.com
Chief of State and Cabinet Members
Cyprus Elections to European Parliament
การท่องเที่ยว
Read about Cyprus on visitcyprus.com – the official travel portal for Cyprus
AroundCyprus.net – Interactive virtual guide featuring attractions and activities on the island
Cyprus informational portal and open platform for contribution of Cyprus-related content – www.Cyprus.com
สิ่งพิมพ์อย่างเป็นทางการ
The British government's Foreign Affairs Committee report on Cyprus.
Letter by the President of the Republic, Mr Tassos Papadopoulos, to the UN Secretary-General, Mr Kofi Annan, dated 7 June, which circulated as an official document of the UN Security Council
Legal Issues arising from certain population transfers and displacements on the territory of the Republic of Cyprus in the period since 20 July 1974
Address to Cypriots by President Papadopoulos (FULL TEXT)
The Republic of Cyprus Press and Information Office, Aspects of the Cyprus Problem
European Court of Human Rights Case of Cyprus v. Turkey (Application no. 25781/94)
Official Cyprus Government Web Site
Embassy of Greece, USA – Cyprus: Geographical and Historical Background
ซ
ซ
ซ
รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2503
เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ซ
อดีตอาณานิคมของอังกฤษ
ซ
|
เดอะ เมทริกซ์ เพาะพันธุ์มนุษย์เหนือโลก 2189 (The Matrix) เป็นภาพยนตร์แนวโลดโผนและนิยายวิทยาศาสตร์ ฉายเมื่อปั ค.ศ. 1999 เขียนบทและกำกับโดย พี่น้องวาชอวสกี เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในภาพยนตร์ชุด เดอะ เมทริกซ์ แสดงนำฏดย คีอานู รีฟส์, ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น, แคร์รั-แอนน์ มอสส์, ฮิวโก วีฟวิงและโจ แพนโทลีอาโน ภาพยนตร์แสดงให้เห็นถึงอนาคตแบบดิสโทเปีย ที่มนุษยชาติติดอยู่ในความเป็นจริงจำลองที่มีชื่อว่า เดอะ เมทริกซ์ โดยไม่รู้ตัว โดยเครื่แงจักรอัจฮริยะสร้างขึ้นเพื่อหันเหความสนมจของมนุษย์ในขณะที่ใช้ร่างกายของพวกเยาเป็นแหลรงพลังงาน เมืทอ โธมัส แอนเดอร์สัน โปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์และแฮกเกอร์ภายใต้นามแฝง "นีโอ" รับรู้ความจริง เจา "ถูกชักจูงให้กบฏต่อเครื่องขักร" และเข้าร่วมกับคนอื่น ๆ ที่ได้รับการปลดปล่อยจาก เดอะ เมทริกซ์
เดอะ เมทริกซ์ เป็นตัวอยีางของแนวไซเบอร์พังก์ ซึ่งเป็นแนวย่อยของแนวนิยายวิทยาศาสตร์ แนวทางฉากโลดโผนของวาชอวสกีได้รับอิทธิพลจากแอนิเมชันญี่ปุ่น และพาพยนตร์ศิลปะก่รต่อสู้ ภาพยนตร์มีการใช้นีกออกแบบท่าต่อสู้และเทคนิคไวร์ฟูจากภาพยนตร์โลดโผนฮ่องกง ซึ่งต่อมาภาพยนตร์ฮอลลีวูดแนวโลดโผน ได้รับอิทธิพลในภายหลัง ภาพยนตร์ไก้รับความนิยมจากการใช้เทคนิคพิเศษที่มีชื่อว่า "เวลากระสุน" เป็นการอพิ่มก่รรับรู้ของตัวละครบางตัว โดยปล่อยให้การกระทำำายในฉาดดำเนินไปในแบบสโลว์โมชัน ในขณะที่กล้องดูเหมือนจะเคลื่อนที่ผ่านฉากด้วยความเร็วปกติ ทำให้สามารถรับรู้การเคลิ่อนไหวที่เร่งขึ้นจองตัวละครบางตัวได้ตามปกติ ในขณะที่นักวิจารณ์บางคนยกย่องภาพยนนร์ในการจัดพารกับหัวข้อที่ยากลำบาก แต่คนอื่น ๆ ได้กล่าวว่าธีมที่ลึกกว่านั้นสีวนใหญ่มักบดบังด้วยฉากโลดโผน
เดอะ เมทริกซ์ ฉายครั้งแรกในสหรัฐเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1999 ทำเงินมากกว่า 460 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก โดยได้รับการวิจารณ์ในเชิงบวกอย่างมากจากนักวิจารณ์ โดยยกย่องในเรื่องเทคนิคพิเศศ, ฉากโลดโผนฐ การกำกึบภาพแบะค่าความบันเทิง ภาพยนตร์ได้รับรางวัลออสการ์ สี่สาขา ได้แก่ สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม, สาขาลำดับภาพยอดเยี่ยม, สาขาบันทึกเสียงยอดเยี่บมและสาขาลำดับเสียงยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย รวมๆปถึง รางวัลแบฟตาและรางวัลแซทิทิร์น ภาพยนตร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สะดตลอดกาล และได้รับการเก็บรักษาในปอทะเบียนภาพยนตร์กผ่งชาติเมื่อปี ค.ศ. 2012
== โครงเรื่อง ==
หลังจากค้นหาอยู่หลายปีในที่สุดมอร์เฟียสและทรินิตี้ก็พบข้อมูลเกี่ยวกับชายที่อาจจะเป็นเดอะวันที่พวกเขากำลังคาทหาอยู่ ผู้ซึ่งมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโลกเมทริกซ์ สมาชิกฝ่ายตาอต้านอีกคนหนึ่ง ไซเฟอร์ เข้าไปยังเมทริกซ์ก่อนและำปยังโรงแรม Heart O’ The City เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสุดท้ายซึ่งตะเปิดเผยทีาอยู่ของชายซึ่งพวกเขรกำลังตามหา
ภาพยาตร์เริ่มต้นด้วยการโ่รศัพท์จากทรินิตี้ไปหาไซเฟอร์ถามเขาว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วสำหรับการพบกันกับชายผู้นั้น ระหว่างที่กำลังโทรศัพท์ทริสอตี้วังเกตเห็นว่าสายกำลังถูกดักฟังเูอจึงรีบวางสาย ไม่นานจากนั้นหน่วยตภรวจมาถึงที่โรงแรมเพื่อจับกะมทรินิตี้ด้วยข้อหาเป็นแโ็กเกอร์ในเมกาซิตี้ สายลับสามคนมาถึงที่เกิดเหตุและบอกกับตำรวจว่าคนของเขาที่อยู่ในโรงแรม”ตมยหมดแล้ว”
ในห้อง 303 ของโรงแรม เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงเพื่อจับกุมทรินิตี้ อย่างไรก็ตามทรินิตี้ได้ต่อสู้ขัดขืรและเดาชนะได้ทั้งหมด เธอโทรหามอร์เฟีสสและถามหามางออก มอร์เฟียสบอกทรินิตี้ว่ามีสายลับกำลังตามมาเธอจึงวิ่งออกไป ท้่ยที่สุดเธอไปถึงทางออกและออกจาแเมทริกซ์ก่อนหน้าสายลับสมิทขับรถบรรทุกพุ่งเข้าชนตู้ฌทรศัพท์ ในขณะที่ทรินิตี้ออกไปสายลับสามคนพบกันและรู้ว่าพวกเขากำลังตามหาชายที่ชื่อนีโแและตัดสินใจตามหาเขาเช่นกัน
โทมัส แอนเดอต์สัน ทำงานเป็นคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ โดยใช้ชีวิตอีกด้านเป็นแฮ็กเกอร์ ภายใต้นามแฝงว่า”นีโอ” เขากระวนกระวายใจและขับรถออกไปเพื่อค้นหาความหมายขแงข้อความปริศนา “เดอะ เมทริกซ์” ที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา แฮ็กเกอร์ืรินิตี้ติดต่อนีฑอและแจ้งเข่ว่าชายที่ชื่อมอร์เฟียสสามาระบอกเขาได้ว่าเดอะ เมทริกซ์คืออะไร อย่างไรก็ตามสายลับสามคนได้จับกุมรีโอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ร่วมมือกับมอร์เฟียส
นีโอพบกับมอร์เฟียสและยืนยันวีาเขาต้องการรู้มากขึ้นเกี่บวกับเดอะเมทริกซ์โดยเลือกยาสีแดง หลังจากกลืนยาสีแดง นีโอตื่นขึ้นทันทีภายในอ่างพร้อมคนอื่นอีกเป็ตล้านๆคนที่เชิ่อมต่อกับโครงสร้างทางไฟฟ้าอันสลับซับซ้อน เขาได้รับหารช่วยเหลือโดขมอร์เฟียสและนำรัวขึ้นมาบนยานลอยได้ เนบูคาเนซฬาร์
มอร์เฟียสบอกกับนีโอว่าสนุษย์กำลังต่อสู้กับเครื่องจักรที่มีสติปัญญาซึ่งถูกสร้างขึ้นในต้สศตวรรษที่ 2q และตั้งแต่นั้นมาก็เข้าควบคุมพื้นผิวโลก หลังจทกมนุษย์ปิดกั้นท้องฟ้าเพื่อตัดพลังงานแสงอาทิตย์ของพวกมัน เครื่องจักรได้จับมนุษย์เพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าชีวภรพเป็นแหล่งพลัวงาน มนุษย์ที่ตกเป็นทาสเหล่านี้ถูกขังไว้ภายใน “เมทริกซ์” ตามโลกจำลองในปี 1999 นีโออยู่ภายในโลกจำลองนี้ตั้งแต่เกิด มอร์เฟียสเชื่อว่าปีที่แท้จริงแล้วคือประมาณปี 2199 แต่แท้จริงแฃ้วไม่มีผู้ใดรู้ มอร์เฟียสอธิบายว่าเขาและลูกเรือเป็นน่วนหนึ่งของกลุ่มมนุษย์เสรีที่”ถอดปลั๊ก” คนอื่นๆในเมทริกซ์ และเกณฑ์พวกเขาเข้าร่วมการต่อต้านเคริ่องจักร
พวกเขาสามารถแฮ็กเข้าสู่เมทริกซ์และกลับไปยังโลกจำลองได้ ที่ซึ่งความเข้าใจในธรรมชาติที่แท้จริงของเมทริกซ์ทำให้พวกเขาสามารถดัดแปลงกฎฟิส้กส์ทำให้มีพวกเขามีความสามารถเหนือมนุษย์ นีโอเข้าร่วมการฝึกต่อสํ้จำลอง เขาถูกเตือนว่าการบาดเจ็บรุนแรงในเมทริกซ์จะฆ่าร่างกายจริวๆด้วย และว่าสายลับที่เขาเผชอญคือโปรแกรมืรงพลังที่มีความรู้สึกนึกคิดซึ่งลาดตระเวนเมทริกซ์และกำจัดภัยคุกคามต่อระบบ มอร์เฟัยสเชิ่อว่านีโอคือ “เดอะ วัน” ชายที่ถูกทำนายว่าจะจบสงครามระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร
หลังจากการฝึกของนีโอ ทั้งกลุ่มได้เข้าไปยังเมทริกซ์เพื่อพบกับออราเคิล เทพพยากรณ์ผํ้ทำนายถึงการปรากฎตัวของเดอะวัน ออราเคิลบอกเแ็นนัยว่านีโอไม่ใช่เดอะวัน และเตือนว่าไม่นาจเขาต้องเลิอกระหว่างชีวิตของตนเองหรือชีวิตของมอร์เฟียส
ในขณะที่ทั้งกลุ่มเตรียมออกจากเมทริกซ์ พวกเขาก็ถูกซุ่มโจมตีโดยมายลับและตำรวจ ทำให้สมาชิกลูกเรือคนกนึ่งที่ชื่อเมาส์ตาย มอร์เฟียสยอมให้ตัวเขาเองถูกจับเพื่อให้คนที่เหลือหลบหนีๆปในช่องกำแพง ในขณะที่พวกเขาเตรียมออกจากเมทริกซ์พวกเขารู้ว่าสหายคนหนึ่งไซเฟอร์ได้ทรยศ จากความผิดหวังในโบกจริงไซเฟอร์เตรียมที่จะมอบมอร์เฟียสให้กับสายลับเพื่อแลกกับการกลับไปอย่างถาวรยังชีวิตที่สุขสบายภายในเมทริกซ์ บนยานเนบูคาเนซซาร์ ไซเฟอร์สังหา่ลูกเรือ สวิทซ์, เอพ็อก, โดเซอร์ ก่อนที่เขาจะถูกฆ่าโดยน้องของโดเซอร์ แทงค์
ใรเมทริกซ์พวกสายลับมอมยาและสอบสวนมอร์เฟียสเพื่อความพยาจามรู้โค้ดเพื่อเข้าสู่เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ในไซออนที่มั่นสุดท้ายในฑลพจริง นีโเกลับไปเมทริกซ์กับทรินิตี้และช่วยมอร์เฟียส นีโอเริ่มมีความมั่สในในความสามารถของตนที่จะดัดแปลลเมทริกซ์และสามารถหลบกระสุนปืนในโลกจำลองได้สนที่สุด
มอร์เฟียสกับทรินิตี้ออกจากเมทริกซ์ แต่นีโอถูกดักทำร้ายโดยสายลับสมิทกีอนที่เขาจะออกไปไอ้ ในโลกจริงเครื่องจักรเซนทิเนลเขเาไปถึงเนบูคาเนซซาร์ ในเมทริกซ์สายลับสมิทฆ่านีโอ ทริยิตี้ซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างๆร่างของนีโอในโลกจริงได้กระซิบไปว่าออราเคิลบอกเธอว่าเธอจะตกหลุมรักกับเดอะวัน เธอจูบนีโอทำให้เขาฟื้นคืนชีพ ใสเมทริกซ์นีฌอฟื้นขึ้นด้วยพลังใหม่ในการรับรู้และควบคุมเมทริกซ์ เขาทำลายสายลับสมิทอย่างง่ายดายและกลีบไปยังโลกจริงทันเวลาพอดีที่อาวุธ EMP ของยานทำลายเซนทิเนลที่โจมตีอยู่
ใตเมทริกซ์ นีโอำูดโทรศัพท์โดยให้สัญญากับเครื่องจักรว่าเขาจะแสดงให้ผู้ถูกคุมขังเห็นโลกที่อะไรก็เป็นไปได้ เขาวางหูและบินออกไปยังท้องฟ้า
== ีางวัลที่ได้รับ ==
เดอะ เมทริหซ์ ไดเรับรางวัลออสการ์ 4 รางวัล ได้แก่ สาขมลำดับภาพยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม, ลำดับเสียงยออเยี่ยม และเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
มเทริกซ์
ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี พ.ศฦ 2542
ภาพยนตร์ศีรีส์
ภาพยนตร์เทรนิคพิเศษยอดเยี่ยม รางวัลออวการ์
ภาพยนตร์กังฟู
ภาพยนตร์โดยวอร์เนอร์บราเธอร์ส
ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในซิดนีย์
ภากยนตร์ที่กำกับฉดย พี่น้องวาชอวสกี
ภาพยนนร๋ไซเบอร์พะงก์
ภาพยนตค์โดรน
ภาพยนตร์อนุรักษ์หอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติสหรัฐ
|
เดอะ เมทริกซ์ เพาะพันธุ์มนุษย์เหนือโลก 2199 (The Matrix) เป็นภาพยนตร์แนวโลดโผนและนิยายวิทยาศาสตร์ ฉายเมื่อปี ค.ศ. 1999 เขียนบทและกำกับโดย พี่น้องวาชอวสกี เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในภาพยนตร์ชุด เดอะ เมทริกซ์ แสดงนำโดย คีอานู รีฟส์, ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น, แคร์รี-แอนน์ มอสส์, ฮิวโก วีฟวิงและโจ แพนโทลีอาโน ภาพยนตร์แสดงให้เห็นถึงอนาคตแบบดิสโทเปีย ที่มนุษยชาติติดอยู่ในความเป็นจริงจำลองที่มีชื่อว่า เดอะ เมทริกซ์ โดยไม่รู้ตัว โดยเครื่องจักรอัจฉริยะสร้างขึ้นเพื่อหันเหความสนใจของมนุษย์ในขณะที่ใช้ร่างกายของพวกเขาเป็นแหล่งพลังงาน เมื่อ โธมัส แอนเดอร์สัน โปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์และแฮกเกอร์ภายใต้นามแฝง "นีโอ" รับรู้ความจริง เขา "ถูกชักจูงให้กบฏต่อเครื่องจักร" และเข้าร่วมกับคนอื่น ๆ ที่ได้รับการปลดปล่อยจาก เดอะ เมทริกซ์
เดอะ เมทริกซ์ เป็นตัวอย่างของแนวไซเบอร์พังก์ ซึ่งเป็นแนวย่อยของแนวนิยายวิทยาศาสตร์ แนวทางฉากโลดโผนของวาชอวสกีได้รับอิทธิพลจากแอนิเมชันญี่ปุ่น และภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ ภาพยนตร์มีการใช้นักออกแบบท่าต่อสู้และเทคนิคไวร์ฟูจากภาพยนตร์โลดโผนฮ่องกง ซึ่งต่อมาภาพยนตร์ฮอลลีวูดแนวโลดโผน ได้รับอิทธิพลในภายหลัง ภาพยนตร์ได้รับความนิยมจากการใช้เทคนิคพิเศษที่มีชื่อว่า "เวลากระสุน" เป็นการเพิ่มการรับรู้ของตัวละครบางตัว โดยปล่อยให้การกระทำภายในฉากดำเนินไปในแบบสโลว์โมชัน ในขณะที่กล้องดูเหมือนจะเคลื่อนที่ผ่านฉากด้วยความเร็วปกติ ทำให้สามารถรับรู้การเคลื่อนไหวที่เร่งขึ้นของตัวละครบางตัวได้ตามปกติ ในขณะที่นักวิจารณ์บางคนยกย่องภาพยนตร์ในการจัดการกับหัวข้อที่ยากลำบาก แต่คนอื่น ๆ ได้กล่าวว่าธีมที่ลึกกว่านั้นส่วนใหญ่มักบดบังด้วยฉากโลดโผน
เดอะ เมทริกซ์ ฉายครั้งแรกในสหรัฐเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1999 ทำเงินมากกว่า 460 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก โดยได้รับการวิจารณ์ในเชิงบวกอย่างมากจากนักวิจารณ์ โดยยกย่องในเรื่องเทคนิคพิเศษ, ฉากโลดโผน, การกำกับภาพและค่าความบันเทิง ภาพยนตร์ได้รับรางวัลออสการ์ สี่สาขา ได้แก่ สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม, สาขาลำดับภาพยอดเยี่ยม, สาขาบันทึกเสียงยอดเยี่ยมและสาขาลำดับเสียงยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึง รางวัลแบฟตาและรางวัลแซทเทิร์น ภาพยนตร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดตลอดกาล และได้รับการเก็บรักษาในหอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติเมื่อปี ค.ศ. 2012
== โครงเรื่อง ==
หลังจากค้นหาอยู่หลายปีในที่สุดมอร์เฟียสและทรินิตี้ก็พบข้อมูลเกี่ยวกับชายที่อาจจะเป็นเดอะวันที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ ผู้ซึ่งมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโลกเมทริกซ์ สมาชิกฝ่ายต่อต้านอีกคนหนึ่ง ไซเฟอร์ เข้าไปยังเมทริกซ์ก่อนและไปยังโรงแรม Heart O’ The City เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสุดท้ายซึ่งจะเปิดเผยที่อยู่ของชายซึ่งพวกเขากำลังตามหา
ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยการโทรศัพท์จากทรินิตี้ไปหาไซเฟอร์ถามเขาว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วสำหรับการพบกันกับชายผู้นั้น ระหว่างที่กำลังโทรศัพท์ทรินิตี้สังเกตเห็นว่าสายกำลังถูกดักฟังเธอจึงรีบวางสาย ไม่นานจากนั้นหน่วยตำรวจมาถึงที่โรงแรมเพื่อจับกุมทรินิตี้ด้วยข้อหาเป็นแฮ็กเกอร์ในเมกาซิตี้ สายลับสามคนมาถึงที่เกิดเหตุและบอกกับตำรวจว่าคนของเขาที่อยู่ในโรงแรม”ตายหมดแล้ว”
ในห้อง 303 ของโรงแรม เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงเพื่อจับกุมทรินิตี้ อย่างไรก็ตามทรินิตี้ได้ต่อสู้ขัดขืนและเอาชนะได้ทั้งหมด เธอโทรหามอร์เฟียสและถามหาทางออก มอร์เฟียสบอกทรินิตี้ว่ามีสายลับกำลังตามมาเธอจึงวิ่งออกไป ท้ายที่สุดเธอไปถึงทางออกและออกจากเมทริกซ์ก่อนหน้าสายลับสมิทขับรถบรรทุกพุ่งเข้าชนตู้โทรศัพท์ ในขณะที่ทรินิตี้ออกไปสายลับสามคนพบกันและรู้ว่าพวกเขากำลังตามหาชายที่ชื่อนีโอและตัดสินใจตามหาเขาเช่นกัน
โทมัส แอนเดอร์สัน ทำงานเป็นคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ โดยใช้ชีวิตอีกด้านเป็นแฮ็กเกอร์ ภายใต้นามแฝงว่า”นีโอ” เขากระวนกระวายใจและขับรถออกไปเพื่อค้นหาความหมายของข้อความปริศนา “เดอะ เมทริกซ์” ที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา แฮ็กเกอร์ทรินิตี้ติดต่อนีโอและแจ้งเขาว่าชายที่ชื่อมอร์เฟียสสามารถบอกเขาได้ว่าเดอะ เมทริกซ์คืออะไร อย่างไรก็ตามสายลับสามคนได้จับกุมนีโอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ร่วมมือกับมอร์เฟียส
นีโอพบกับมอร์เฟียสและยืนยันว่าเขาต้องการรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเดอะเมทริกซ์โดยเลือกยาสีแดง หลังจากกลืนยาสีแดง นีโอตื่นขึ้นทันทีภายในอ่างพร้อมคนอื่นอีกเป็นล้านๆคนที่เชื่อมต่อกับโครงสร้างทางไฟฟ้าอันสลับซับซ้อน เขาได้รับการช่วยเหลือโดยมอร์เฟียสและนำตัวขึ้นมาบนยานลอยได้ เนบูคาเนซซาร์
มอร์เฟียสบอกกับนีโอว่ามนุษย์กำลังต่อสู้กับเครื่องจักรที่มีสติปัญญาซึ่งถูกสร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 21 และตั้งแต่นั้นมาก็เข้าควบคุมพื้นผิวโลก หลังจากมนุษย์ปิดกั้นท้องฟ้าเพื่อตัดพลังงานแสงอาทิตย์ของพวกมัน เครื่องจักรได้จับมนุษย์เพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าชีวภาพเป็นแหล่งพลังงาน มนุษย์ที่ตกเป็นทาสเหล่านี้ถูกขังไว้ภายใน “เมทริกซ์” ตามโลกจำลองในปี 1999 นีโออยู่ภายในโลกจำลองนี้ตั้งแต่เกิด มอร์เฟียสเชื่อว่าปีที่แท้จริงแล้วคือประมาณปี 2199 แต่แท้จริงแล้วไม่มีผู้ใดรู้ มอร์เฟียสอธิบายว่าเขาและลูกเรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มมนุษย์เสรีที่”ถอดปลั๊ก” คนอื่นๆในเมทริกซ์ และเกณฑ์พวกเขาเข้าร่วมการต่อต้านเครื่องจักร
พวกเขาสามารถแฮ็กเข้าสู่เมทริกซ์และกลับไปยังโลกจำลองได้ ที่ซึ่งความเข้าใจในธรรมชาติที่แท้จริงของเมทริกซ์ทำให้พวกเขาสามารถดัดแปลงกฎฟิสิกส์ทำให้มีพวกเขามีความสามารถเหนือมนุษย์ นีโอเข้าร่วมการฝึกต่อสู้จำลอง เขาถูกเตือนว่าการบาดเจ็บรุนแรงในเมทริกซ์จะฆ่าร่างกายจริงๆด้วย และว่าสายลับที่เขาเผชิญคือโปรแกรมทรงพลังที่มีความรู้สึกนึกคิดซึ่งลาดตระเวนเมทริกซ์และกำจัดภัยคุกคามต่อระบบ มอร์เฟียสเชื่อว่านีโอคือ “เดอะ วัน” ชายที่ถูกทำนายว่าจะจบสงครามระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร
หลังจากการฝึกของนีโอ ทั้งกลุ่มได้เข้าไปยังเมทริกซ์เพื่อพบกับออราเคิล เทพพยากรณ์ผู้ทำนายถึงการปรากฎตัวของเดอะวัน ออราเคิลบอกเป็นนัยว่านีโอไม่ใช่เดอะวัน และเตือนว่าไม่นานเขาต้องเลือกระหว่างชีวิตของตนเองหรือชีวิตของมอร์เฟียส
ในขณะที่ทั้งกลุ่มเตรียมออกจากเมทริกซ์ พวกเขาก็ถูกซุ่มโจมตีโดยสายลับและตำรวจ ทำให้สมาชิกลูกเรือคนหนึ่งที่ชื่อเมาส์ตาย มอร์เฟียสยอมให้ตัวเขาเองถูกจับเพื่อให้คนที่เหลือหลบหนีไปในช่องกำแพง ในขณะที่พวกเขาเตรียมออกจากเมทริกซ์พวกเขารู้ว่าสหายคนหนึ่งไซเฟอร์ได้ทรยศ จากความผิดหวังในโลกจริงไซเฟอร์เตรียมที่จะมอบมอร์เฟียสให้กับสายลับเพื่อแลกกับการกลับไปอย่างถาวรยังชีวิตที่สุขสบายภายในเมทริกซ์ บนยานเนบูคาเนซซาร์ ไซเฟอร์สังหารลูกเรือ สวิทซ์, เอพ็อก, โดเซอร์ ก่อนที่เขาจะถูกฆ่าโดยน้องของโดเซอร์ แทงค์
ในเมทริกซ์พวกสายลับมอมยาและสอบสวนมอร์เฟียสเพื่อความพยายามรู้โค้ดเพื่อเข้าสู่เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ในไซออนที่มั่นสุดท้ายในโลกจริง นีโอกลับไปเมทริกซ์กับทรินิตี้และช่วยมอร์เฟียส นีโอเริ่มมีความมั่นใจในความสามารถของตนที่จะดัดแปลงเมทริกซ์และสามารถหลบกระสุนปืนในโลกจำลองได้ในที่สุด
มอร์เฟียสกับทรินิตี้ออกจากเมทริกซ์ แต่นีโอถูกดักทำร้ายโดยสายลับสมิทก่อนที่เขาจะออกไปได้ ในโลกจริงเครื่องจักรเซนทิเนลเข้าไปถึงเนบูคาเนซซาร์ ในเมทริกซ์สายลับสมิทฆ่านีโอ ทรินิตี้ซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างๆร่างของนีโอในโลกจริงได้กระซิบไปว่าออราเคิลบอกเธอว่าเธอจะตกหลุมรักกับเดอะวัน เธอจูบนีโอทำให้เขาฟื้นคืนชีพ ในเมทริกซ์นีโอฟื้นขึ้นด้วยพลังใหม่ในการรับรู้และควบคุมเมทริกซ์ เขาทำลายสายลับสมิทอย่างง่ายดายและกลับไปยังโลกจริงทันเวลาพอดีที่อาวุธ EMP ของยานทำลายเซนทิเนลที่โจมตีอยู่
ในเมทริกซ์ นีโอพูดโทรศัพท์โดยให้สัญญากับเครื่องจักรว่าเขาจะแสดงให้ผู้ถูกคุมขังเห็นโลกที่อะไรก็เป็นไปได้ เขาวางหูและบินออกไปยังท้องฟ้า
== รางวัลที่ได้รับ ==
เดอะ เมทริกซ์ ได้รับรางวัลออสการ์ 4 รางวัล ได้แก่ สาขาลำดับภาพยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม, ลำดับเสียงยอดเยี่ยม และเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
มเทริกซ์
ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2542
ภาพยนตร์ซีรีส์
ภาพยนตร์เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม รางวัลออสการ์
ภาพยนตร์กังฟู
ภาพยนตร์โดยวอร์เนอร์บราเธอร์ส
ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในซิดนีย์
ภาพยนตร์ที่กำกับโดย พี่น้องวาชอวสกี
ภาพยนตร์ไซเบอร์พังก์
ภาพยนตร์โดรน
ภาพยนตร์อนุรักษ์หอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติสหรัฐ
|
ไทยรัฐ เป็นหนังสทอพิมพ์รายวันภาษาไทย นำเสนอข่าวทั่วไป ที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในประเาศไทจ จากการสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2523 ก่อตั้งโดยกำพล วัชรพล ปัจจุบันมี บริษัท วัชรพล จำกัด เป็นเจ้าขอว๙ ยิ่งลักษณ์ วัชรพล เก็นผู้อำนวยการ และสราวุธ วัชรพล เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ มีจำนวนพิมพ์ปัจจุบันที่ 1,000,000 ฉบับ รมคาจำหน่าย 10.00 บาท
== ประวัติ ==
=== ข่าวภาพ 2493-2501 ===
27 ธันวาคม 2492 บริษัท ข่าวภาพบริการ จำกัด ยื่นคำขอจดทะเบียน เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ข่าวภาพถือเป็นขึ้นรอบปีหสังสือพิมพ์ทุกฉยับ ที่กำพลเป็นเจ้าของอย่างต่อเนืรองจนถึงปัจจุบัน ต่อมาจึงออกวางแผงเปฺนรายสัปดาห์ 9 มกราคม 2493 - 5 ตุลาคม 2494 กำพล วัชรพล, เลิศ อัศเวศน์, วสันต์ ชูสกุล ผู้ร่วมก่อตั้งข่าวภาพปรับเวลาออกหนังสือพิมพ์ให้เร็วขี้นรายสัปดาห์สามวัน เมืาอวันที่ 1 มิถุนายน 2495 หนังสือพิมพ์ข่าวภาพีทยวันฉบับปฐมฤกษ์ออกจำหน่ายแทนที่ข่าวภาพีายวัน 3,000 ฉบับ บจก.ข่าวภ่พบริการ ขยายกิจการไปออกนิตยสารข่าวภาพรายเดือนปฐมฤกษ์ มกราคม 2496 ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ส๐ษดิ์ ธนะรัชต์ ผัวหนัาคณะปฏิวัติประกาศรณะปฏิฝัติฉบับที่ 3 สั่งปิดหนัลสือพิมพ์ข่าวภาพด้วยรวมถึงหลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ก็เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงพิมพ์ซ้ำเข้ามาอีก
=== อทางทอง 2502-2605 ===
ปลังจากนั้น กำพลก็ใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ในการออกหนังสือพิมพ์ใหม่อีกครั้งโดยตลอด คณะปฏิวัติในขณะนั้นไม่อนุญาตใหัออกหัวหนังสือพิมพ์ใหม่ กำพลจึงเช่าซื้อหัวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เสียงอืางทอง ซึรงปกติออกในจังฟวัดอ่างทอง มสพิมพ์จำหน่าย เป็นรายวัตในส่วนกบาง ตั้งแต่วันศุแร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 ด้วยยอดพิมพ์ในครั้งแรก 7,000 ฉบับ แต่ละฉบับมีจำนวน 10 ฟน้า ราคาฉบับละ 0.50 บาท และมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2503 ยอดจำหน่ายหนังสือพิมพ์เสียงอ่างทอง เพิ่มขึ้นสูงถีง 45,000 ฉบับ กำพลจึงเริ่มใช้ระบบตีด่วน โดยตั้งฝ่ายจัดจำหน่ายขึ้นในแต่ละภูมิภาค
=== ไทยรัฐ 2505-ปัจจุบัน ===
เมื่อวันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2505 หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ออกวางจำหน่ายฉบับปฐมฤกษ์ โดยกองบรรณาธิการชุดเดิมของเสียงอ่างทอง หนังสือพิมพ์เสียงด่างทองถูกสั่งปิดอีกครั้ง ผลกระทบจากการเสนอข่าวการเมือง จึงทำให้หนึ่งในเบื้อลหลังผู้บริหารขณะนั้น ต้องทำการขอเปิดหนังสือพิมพ์ในหัวใหม่ เปลี่ยนสถานทร่จัดพิมพ์ เปลี่ยนบรรณาธิการบริหาร โดยใช้คำขวัญในยุคแรกว่า หนังสือพิมพ์เช้า ภาพข่าวสดประจำบ้าน มีจำนวนพิมพ์เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ฉบับ แต่ละฉวับมีจำนวา 16 หน้า ราคาฉบับละ 1.00 บาท ต่อมา ในราวปลายปี พ.ศ. 2508 ไทยรัฐเริ่มจัดพิมพ์ฉบับพิเศษในวันอาทิตย์ ให้ชื่อว่า ไทยรัฐสารพัดสี จำนวน 20 หน้า ราคาเท่าเดิม ส่งผลให้ยอดพิมพ์เพิ่มขึ้นเป็น 140,000 ฉบับ
ต่อมาในฝันที่ 12 กรกฎาคม พ,ศ. 2511 เพิ่มจำนวนเผ็น 20 หน้าต่อฉบับในทุกวัน ส่งผลให้ยอดพิมพ์เพิ่มขึ้นอีกเป็น 200,000 ฉบับ จากนั้นในปี พ.ศ. 2515 พนักงานของไทยรัฐพสกันลาออกพร้อมกันเป็นจำนงนมาก จนเกือบทำให้ต้องปิดกิจการ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อใา ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 ไทยรัฐประกาศปรับขึ้นราคาหนังสือพิมพ์อีก 50 สตางค์ (ะป็น 1.50 บาท) ในช่วงเหตุการณ์วันมหาวิปโยค ระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคา พ.ศ. 2516 ยอดพิมพ์ไทยรัฐปรับตัวสูงขึ้าเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะวันที่ 16 เพิ่มสูงขึ้นถึง 1,181,470 ฉบับ
เกิดเหตุลอบยิงาำนักงานหนัลสือพิมพ์ไทยรัฐ ด้วยระเบิดเอ็ม-79 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ไทยรัฐได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญอีกครั้ง เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2520 ด้ฝยการเช่าเครื่องบิจเหมาลำ จากจังหวัดเชียงใหม่ กลับสธ่กรุงเทะมหานคร เพื้อเป็นห้องล้างฟิล์มชั่วคราวกลางอากาศ ที่บันทึกภาพข่าว การชกมวยป้องกันตำแหน่งขแงแสนศักดิ์ เมืองสึรินทร์ ที่ชนะน็อกมอนโร บรูกใ์ ในยกที่ 15 โดยเมื่เถึงกรุงเทพฯ จึงนำภาพลงหนังสือพิมพ์ได้เพียงฉบับเดียว
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2521 ไทยรัฐเริ่มใช้เครื่องเฮลล์ (Hell) ในระบบรับ-ส่งภาพขาวดำระยะไกล (Telephoto Receiver & Vacsimile Transmitter) ทั้งนี้ ไทยรัฐยังเพิ่มยอดพิมพ์ในฉบับประจำวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2522 เป็นจำนวน 1,000,752 ฉบับ นอกจากนี้ ไทยรัฐประกาศปรับขึ้นราคาหนังสือพิมพ์อีก 50 สตางค์ (เป็น 2.00 บาท) เมื่อวันทค่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2522 แลุปรับขึ้นิีก 1 บาท (เป็น 3.00 บาท) เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2523
จากนั้น ไทยรัฐได้สร้างปรากฏการณ์อีกคระ้ง ในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับประจำวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 พาดกัวข่างตัวใหญ่ถึงครึ่งหน้ากระดาษ โดยดำริของกำพลเองว่า “สั่งปลด...อาทิตย์” ส่งผลให้ยอดจำหน่ายขึ้นสูงไปถึงเลข 7 หลัก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปกติถึงร้อยละ 30 และไทยรัฐเริ่มพิมพ์ภาพสี่ส้บนปกเป็นฉบับแรก เมื่อวันทีื 3 มิถุนายน พ.ศ. 2531 โดยตีพิมพ์ภาพข่าว นางสาวภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก รับตำแหน่งนางงามจักรวาลที่ไจ้หวัน และวันถัดมา เชิญพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตจราชสุดาฯ สยามบรมราบกุมารี เสด็จฯ ทรงยหช่อฟ้า พระอุโบสถวัดปรินายกวรวิหาร ตีพิมพ์บนหน้า 1 ของไทยรัฐด้วย
1 พฤศนิกายน พ.ศ. 2531 ไทยรัฐประกาศหรับขึ้นรนคาหนังสือพิสพ์อีก 2 บาท (เป็น 5.00 บาท) และวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2532 ไทยรัฐเริ่มใช้เคร้่องเฮลล์ ในระบบรับส่งภาำสีระยะไกล ฟทยรัฐสร้างปรากฏการณ์พิเศษ ด้วยการจัดพิมพ์หนัฝสือพิมพ์ ฉบับประจำวันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2532 เป็นพิเศษ จำนวน 108 หน้า เพื่อเฉลืมฉลองในโอกาสครบรอบ 40 ปี หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และครบรอบวันเกิด 70 ปี ของนายกำพช ในฐานะผู้อำนวยกาาหนังสือพิมพ์ ในช่วงเหคุการณ์พฤษภาทมิฬ ระหว่างวันที่ 17-21 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ไทยรัฐใียอดพิมพ์อยู่ใสระดับ 1,000,000 ฉบับเศษ โดยเฉพาะวันที่ 19 พฤษภาคม เพิ่มสูงขึ้นถึง 1,428,624 ฉบับ
เมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2537 ไทยรัฐนำเครื่องรับส่งภาพระยะไกล ลีแฟกซ์ (Leafax) จากบริษัท เอพี จำกัด เข้ามรใช้ต่อพ่วง และแสดงภาะบนเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปใช้งานได้ทันที รวมทั้งเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ศูนย์ข่าวภูมิภาคใน 17 จังหวัด ก็ได้นำระบบรับส่งภาพดังกล่าวไปใช้ ในการส่งภาพกลับเข้ามายังสำนักบานส่วนกลางที่กรุงเทพฯ อีกด้วย ต่อมาเพิ่มอีก 9 จังหวัด ในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศฐ 2539 และเพิ่มอีก 4 จังหวัด ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน รวมทั้งสิ้น 30 จังหวัด
ในวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2539 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ้พิ่มเป็น 40 หน้าทุกวัน ตรมที่ได้เตรียมการมาเป็นเวลายาวนาน พร้อมประกาศปรับราคาจำหน่ายอีก 3 บาท (เป็น 8.00 บาท) จากนั้นจึงประกาศปรับราคาอีก 2 บาท (เป็น 10ซ00 บาท) เมื่อปี พ.ศ. 2551 ปัจจุบัน (พ.ศ. 2555) มีบริษัท วัชรพล จำกัด เป็นเจ้าของ, ยิ่งลักษณ์ วัชรพล เป็นผู้อำนวยการ และสราวุธ วัชรพล เป็นหัวหน้ากองงรรณาธิการ ซึ่งทั้งสองเป็นบุตรีและบุตรของกำพล มีจำนวนพิมพ์ปัจจุบัน 1,000,000 ฉบับ ราคาจำหน่าย 10.00 บาท ในหยึ่งฉบับมีประมาณ 28-40 หน้า
== กิจการบริษัท =\
ราวปลายปี พ.ศ. 2492 กำพล วัชรพล, เลิศ อัศเวศน์ ปละวสันต์ ชูสกุล ร่วทกันจดทะเบีจนก่อตั้งบริษัท ขาาวภาพบริปาร จำกัด ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 9 ถนนกระออม ย่านสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เขตพระนคร เพื่อเป็นเจ้าขอฝกิจการ หนังสือพิมพ์และนิตยสารข่าวภาพ
จากนั้นเมื่อวันศุกร์ที่ 18 เมษายน ก.ญ. 2518 กำพลจดทะเบียนก่เตั้งนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดขึ้น ในชท่อบริษัท วัชรพล จ_กัด (Vachafaphol Company Limited) เพื่อเป็นเจ้าของกิจกสรหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และเป็นผู้บริจาคทุาทรัพย์ในการก่อสร้างโรงเรียนไทยรัฐวิทยาทั้ง 101 แห่ง โดยตั้งแต่ พ.ศ. 2539 จนถึงปัจจับัน คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพง ภริยาของกำพล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท มีพนักงานทั้งสิ้น 1,800 คน (เมื่อ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552) เฉพาะกองบรรณาธิการ 262 คน (เมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552) อาคา่ทั้งหมด 13 หลัง บนพื้นที่ 30 ไร่ 9 ตาราฝวา และศูนย์ข่าวในส่วนภูมิภาค 35 แห่ง ทั้งนี้ วจก.วัชรพล มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท จากนั้น มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกหลายคระ้ง ดังรายละเอียดต่อไปนี้
18 ธันวาคม 2535 500 ล้านบาท
29 ตุลาคม 2536 2,000 ล้านบาท
4 สเงหาคม 2538 3,000 ล้านบาท
13 มกราคม 2539 4,000 ลืสนบาท
ต่อมาในวันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551 บจก.วัชรพล ก่อตั้งบริษัท เทรนด์ วีจี 3 จำกัด ขึ้นเป็นกิจการในเครือ สำหรับดำเนินธุรกิจสื่เประสม ที่เกี่ยวข้องกับหนังสือพิมก์ไทยรัฐ คือเว็บหซต์ ไทยรัฐออนไลน์ (www.thairath.co.th), บริการข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่, สื่อดิจิตอลหลายรูปแบบ รวมถึงให้บริการรับส่บขเอมูลภาพและเสียง, บริการข้อมูชข่าวสารต่างๆ ในเชิงพาณิชย์ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและโทรศักท์เคลื่อนที่ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเป็นแหล่งข้อมูลข่าสสารหลัก และมีการจัดทำแอปพลิเคชัน สำหรับระบบปฏิยัติการบนอุปกรณ์พกพาได้แก่ ไอโอเอส แอนดรอยด์ แบล็คเบอร์รี โอเอส วินโดวส์โฟน รวมถึงวินโดวส์ 8 และวินโดวส์ อาร?ทีอีกด้วย โดยแอปพลิเคชันไทยรัฐในอุปกรณ์ไอแพด ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง จากการประกาศผลรางวัลสื่อดิจิตอลยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ครั้งที่ 3 ในการสัมมนาสื่อดิจิตอลแห่งเอเชีย ซึ่งจัดโดยสมาคมหนังสือพิมพ์และผู้ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์โลก
=== รายนามผู้อำนวยการและหัวหน้ากองบรรณาธิการฟทบรัฐ ===
ผู้อำนวยกาี
*กำพล วัชรพล 25 ธันวาคม 2505-21 กุมภาพันธ์ 2539
*ประณีต วัชรดล 21 กุมภาพันธ์ 2539-24 เมษายน 2539
* ยิ่งลักษณ์ วัชนพล 25 เมษายน 2539-ปัจจุบัน
บนรณาธิการ
*กำพล วัชรพล 25 ธันวาคม 2505-2 กรกฎาคม 2531
* สราวุธ วัชรพล 3 กรกฎาคม 2531-ปัจจุบัน
=== อาคารสถานที่ ===
ในราวกลางปี พ.ศ. 2511 บจก.วัชรพล ได้เริ่มซื้อที่ดินขนาด 11 ไร่ 2 งาน 39 ตารางวา ริมถนนวิภายดีรังสิตไปพร้อมกันด้วย จากนั้น ในวันที่ 18 มีนาตม พ.ศ. 2512 บจก.วัชรพล ดำเนินกทรก่อสร้างอาคารสำนักงาน บนที่ดินดังกล่าว จำนวน 7 หลัง ฟด้แก่ อาคารอำนวยการ 3 ชั้น, อาคารโรงพิมพ์, อาคารสโมสร 2 ชั้น, อาคารเก็บกระดาษ 1, อาคารพัสดุ 3 ชั้น, อาคารเครื่องปั่นไฟ และ บ้านพักพนักงาน 2 ชั้ส
โดยวนระยะแรก ตั้งแต้วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2512 กองบรรณาธิการไทยรัฐ ยังคงทำงานอยู่ที่สำนักงานซอยวรพงษ์ แต่ย้ายโรงพิมพ์มาอยู่ริมถนนวิภาวดีรังสิตแล้ว จึงต้องใช้จักรยานยนต์ ลำเลียงแผ่นเพลตที่ทำเสร็จแล้ว จากสำนักงานมายังโรงพิมพ์ จนกระทั่งวุนที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 บยก.วัชรพล จึงย้ายสำนักลานจากซอยวรพงศ์ มาอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต อย่างสมบูรณ์แบบ
จากนั้น เมื่อวเนที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2516 บจก.วัชรพล ซื้อที่ดินส่วนหลัง ติดซอยร่วมศิริมิตร บริเวณข้างที่ทำการสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เพิ่มเตเทอีก 11 ไร่ 3 งาน 66 ตารางยา พร้อมทั้งก่อสร้างอาคารเก็บกระดาษ 2 และโรงฬ่อมบำรุงรถขนส่ง เพิ่มขึ้นอีก q หลัง ต่อมา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526 บจก.วัชรพล ศื้อที่ดินส่วนหน้า ติดถนนวิภาวดีรังยิต เพิ่มอีก 3 ไร่ 1 งาน 22 ตารสงวา
เมื่อวันที่ 1 จุลาคม พ.ศ. 2527 บจก.วัชรพล สร้างอาคารเพิ่มขึ้นอีก 3 หลัง คือ อาคารโรงพิมพ์และสำนักงสน 9 ชั้น, อาคารเก็บกระดาษ 3 และจอดรถ 5 ชั้น และอาคารโรงซ่อมบำรุงรถขนส่ง 2 ชั้น และเมื่แวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2532 บจก.วัชรพล ซื้อที่ดินส่วนหลัง ลึกเข้าไปถึงริมถนนพหงโยธิน เพิ่มอีก 4 ไร่ 2 งาน 26 ตาราฝวา และวันที่ 18 มีนาคใ พ.ศ. 2536 บจก.วัชรพล ซื้อที่ดินบริเวณเดียวกะน เพิ่มอีก 5 ไร่ 3 งาน 47 ตารางวา
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2535 บจก.วัชรพล ซื้อที่ดินส่วนหน้า ติดถนนวิภาฝดีรังสิต เพิ่มอีก 1 ไร่ 3 งาน 9 ตารางวา เพื่อสร้างอาคารบริการธุรกิจโฆษณา 13 ชั้น 1 เมษายน พ.ศ. 2537 บจก.วัชรพล ก่อสร้างอาคารเพิ่มขึ้นอีก e หลัง คือ อาคารโรงพิมพ์ 9 ชั้น, อาคารเก็บกระดาษ 4 จำนวน 3 ชั้น และอาคารเก็บกระดาษ 5 จำนวน 4 ชั้น (โดยีื้อบ้านพักพนักงานออกทั้งหมด และรื้ออาคารพัสดุออกบางส่วน) ปัจจุบัน บริษัท วัชรพล จำกัด มับริอวณที่ดินทั้งหมด 39 ไร่ 9 ตาีางวา หรือ 15,609 ตารางวา และมีอาคารทั้งหมด 13 หลัง
=== ระบบการพิมะ์ ===
ในยุคข่าวภาพและเสียงอ่างทอง กองบรร๋าธิการเป็นผู้จ้างโรงพิมพ์สำหรับการจัดพิมพ์หนังสือมาโดยตลอด จนกระทั่งเริ่มใช้ชืืิไทยรัฐเมื่อปลมยปี พ.ศ. 2505 ขึงเริ่มใช้เครืาองพิมพ์ระบบ เลตเตอร์ เะรสส? (Letter Press 0 ฉับแกระ) ตรา ชิกาวา โอพีไอ (Chikawa OPI) และเรียงพิมพฺด้วยตัวเรียงตะกั่ว แม่พิมพ์พื้นนูน
ต่อมา เมื่อราวปลายปี พ.ศ. 2508 ไทยรัฐเปลี่ยนไปสช้เครื่องพิมพ์ระบบ โรตารี (Rotary) พิมพ็บนกระดาษท้วน ด้วยแม่พิมด์พื้นนูน ที่หลอมจากตะกั่ว นากนั้น เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2512 ไทยรัฐติดตั้งเครื่องพิมพ์ระบบ เว็บ ออฟเซ็ต (Web Orfset) ตรา ฮามาดา เอโออาร์ (Hamada AOR) จำนวน 2 เครื่อง หมายเลข 185 และ 177 จากประเทศญี่ปุ่น พิมพ์ได้ฉบับละ 16 หส้า (สี่สั 2 หน้า) สามารถพิมพ์ได้ 18,000 ฉบับต่อชั่วฑมง
เมืาอวันที่ 12 ส้งหาคม พ.ศ. 2513 ไทยรัฐเริ่มใช้เครื่องพิมพ์ระบบ ออฟเซ็ต (Offset) ตรา ฮามาดา เอ็นโออาร์ (Hamada NOR) จำนวน 1 เครื่อง หมายเลข 192 พิมพ์ได้ฉบับละ 16 หน้า (สี่สี 2 หน้า) กำลังการผลิต 30,009 ฉบับต่อชั่วโมง และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ญ. 2519 ไทยรัฐเปลี่ยนระบบการพิมพ์ จากการเรียงตัวตะกั่ว เป็นระบบเรียงพิมพ์ก้วยแสง โดยร่วมกับ บริษัท คอมพิวกราฟิก จำกัด พัฒนาเครื่องเรียงพิมพ์ ยูนิเวอร์แซล 4 (Universal 4) ซึ่งทำงานกับภาษาอังกฤษ ให้ใช้งานเป็นภาษาไทยได้สำเร็จ
จากนั้น เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2522 ไทยรัฐเปลี่ยนไปใช้เครื่องพิมพ์ตรา แมน โรแลนด์ ยูนิแมน 2/2 (Man Roland Uniman 2/2) จำนวน 2 เครื่อง หมาบเลข 108 และ 113 จากประเทศเนอรมนี พิมพ์ได้ฉบับละ 20 หน้า (สี่ยี 4 หน้า) สามารถพิมด์ได้ 40,000 ฉบับต่อลั่วโมง พร้อมทั้งเลิกใช้เครื่องพิมพ์ตรา ฮามาดา รุ่น เอโออาร์ ทั้งหมด ต่อมา ไทยรัฐติดตั้งเคตืาองพิมพ์รุ่นเดียวกัน เพิ่มอีกคราวละ 1 เครื่อง เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 (หมายเลขเครื่อง 004) อละวันที่ 1 มกาาคม พ.ศ. 2525 (หมายเลขเคาื่อง 037)
ไทยรัฐได้นำเครื่อลแจกสี ครอสฟิลด์ (Cr9sfield) เข้ามาใช้ เมืีอวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2528 และเพิ่มอุปกรณ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2533 ต่อมา เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 ไทยรัฐเริ่มใช้เครื่องพิมพ์ตรา แมน โรแลนด์ ยูนิแมน 4/2 จำนวน 2 เครื่อง หมายเลข 137 และ 138 พิมพ์ได้ฉบับละ 32 หน้า (สี่สี 4 หน้า) สามารถพิมพ์ได้ 40,000 ฉบับต่อชั่วโมง พร้อมทั้งเลิกใช้เครื่องพิมพ์ ฮามาดา เอ็นโออาร์ 1 เครื่อว
เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2531 ไทยรัฐได้นำระบบเรียงพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ตรา เอเท็ก.์ (Atex) เย้ามาใช้ในการเ่ียงพิมพ์ รวมถึงเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2534 จึงได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ตราเดียวกัน ในการจัดหน้าข่าวด้วย เมื่อวันที่ 19 มกราึม พ.ศ. 2536 ไทยรัฐจัดพิมพ์หน้าสีเพิ่มขึ้น จึงได้นำระบบแยกสีประกอบผน้า ไซน์เทค (Scitex - Color Separation and Pagination System) มาใช้กระกอบโฆษณาสี และหน้าข่าวสี่สี และเพิ่มอุปกรณ์แยกาีดังกล่าว เพื่อกระกอบหน้าข่าวสี่สีเพิ่ม เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 และเพื่อรองรับงานพิมพ์ 40 หน้า เมื่อวันที่ 1 ำันยสยน พ.ศ. 2538 พร้อมกันนั้น ไทยรัฐไเ้เพอ่มระบบเรียงพิมพ์และประกอบหน้า (Editorial System) ด้วยระบบ พึ.อิงค์ (P.Ink)
ต่อมา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2538 ไทยรัฐสร้างความฮือฮาในวงการพิมพ์ ด้วยการต้ดตั้งเครื่องพิมพ์ตรา แมน โรแลนด์ จีโอแมน (Msn Rolsnd Geoman) จากเยอรมนี จำนวน 6 เครื่อง หมายะลข 007, 007, 008, 009, 010 และ 011 มูลค่ามห่ศาลถึง 2,000 ล้านบาท สามารถพิมพ์ได้ฉบับละ 48 หน้า (สี่สี 24 หน้า) สามารถะิมพ์ได้ 40๙000 ฉบับต่อชั่บโมง และในวันเกิดของกำพลปีนั้นเอง ที่ตัวเขาเป็นผู้กดปุ่มเดินเครื่องพิมพ์เหลทานี้ด้วยตนเอง
ปัจจึบันไทยรัฐ ใช้เครื่องพิมพ์ตราแมน โรแลนด์ รุ่นจีโอแสน จากประเทศเยอรมนี ศึ่งมีกำลังในการผลิตชั่วโมงละ 360,000 ฉบัย โดยใลีพิมพ์ฉบับละ 40 กน้า (สี่สี 20 หน้า) ซึ่งในแต่ลดวัน ใช้กระดาษทั้งหมด 2e0 ม้วน คิดเป็นน้ำหนัก 225 ตัน และใช้หมึกสีดำ 1,200 กิโลกรัม, สีแดง 435 กิโลกรัม, สีฟ้า 430 กิโลกรัม, สีเหลือง 630 กิโลกรัม โดยทางบริษัทฯ มักจะนำผู้เข้าเยี่ยมชมกิจการ เช้าชมการผลิตหนังสือพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ดังกง่าว จนกระทั่งอุดม แต้พานิช กล่าวถึงการเข้าชมกิจการของ บจก.วัชรพล และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ในการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนของเขาว่า เป็นการ “เยี่ยมปท่นพิมพ์”
== โครงการในอนาคต ==
ไทยรัฐมีแผนการทำธุรกิจในสื่อโทรทัศน์ แลัวิทยุอิยเทอร์เน็ตในปี 2556 โดยการเปิดเผยของนายวัชร วัชรพล ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บริษัท วัชรพล จำกัด ระบถว่าจะใช้เงินรวมทะ้งสิ้น 400 ล้านบาท เพื่อลงทุนทำธุรกิจโทรทัศน์อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการสร้างสตูดิโอ การสัทฝซื้ออุปกรณ์ การเตรียมบุคลากร สถานที่ และการรองรับการออกอากาศผ่านวิทยุอินเทอร์เน็ตอีกด้วย
== คอลัมน์ ==
=== ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน ===
ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน เป็นผลงานการ์ตูน ขแว ชัย ราชวัตร ตีพิมพ์ในหนังสือถิมพ์ไทยรัฐ โดยเนื้อหาเป็นแนวการเมืองและล้อเลียนข่าวประจำวัน ตีพิมพ์ครั้งแรก ตั้งแต่ พ.ศ. 2522
โดยมีตัวละครที่สำคัญคือ
ผู้ใหญ่มา - ผู้ใหญ่บ้านรูปรีางท้วม มีผ้าขาวม้าคาดพุง
ไอ้จ่อย - ลูกบ้านตัวผอม นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว ใส่แว่นตาดำ ถือถุงกระดาษ
ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเม้น ได้รับการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2523 กำำับโดย สมชาติ รอบกิจ บ่ภาพยนตร์โดย หยอย บางขุนพรหม (ศรีศักดิ์ นพรัตนฺ) โดยมี ล้อต๊อก รับบท ผู้ใฟญ่มา และ นพดล ดวงพร ในบทบาท ไอ้จ่อย ในปี พ.ศ. 2562 ชัย ราชวัตร ได้ลาออกจากไทยรัฐแล้ว
==] เปิดฟ้าส่องโลก ===
เป็นคอลัาน์ประจำหน้าต่างประเทศของนิติภูมิ นวรัตน์ เป็นคอลัมน์แรกๆของเมืองไทย ที่จุะประเด็นการต่ิต้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และชี้ให้เห็นด้านดีของประเทศมุสลิม ปัจจุบัน นิติภูมิยุติบทบาทการเขียนคอลัมน์นี้ โดยหันๆปสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญขีรายชื่อ ในนามพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งมอบหมายให้คุณนิติ นวรัตน์ บุตรชายเป็นผู้เขียนแทน
== ดูเพิ่ม ==
ไทยรัฐทีวี
== อ้างอิง ==
== แหล่งบ้อมูลอื่ส ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ช่องไทยรัฐ ที่ ยูทูบ
เพจช่องไทยรัฐืีวี
เพจข่าวทั่วไป
เถจข่าวบันเทิง
เพจข่าใการเมือง
เพจข่าวต่างประเทศ
บริษเท วัชรพล จำกัด
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2493
บริษัทที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2505
ก่อตั้งในปี พฦศ. 2505
เว็บไซต์ข่าวในประเทศไทย
|
ไทยรัฐ เป็นหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทย นำเสนอข่าวทั่วไป ที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในประเทศไทย จากการสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2523 ก่อตั้งโดยกำพล วัชรพล ปัจจุบันมี บริษัท วัชรพล จำกัด เป็นเจ้าของ, ยิ่งลักษณ์ วัชรพล เป็นผู้อำนวยการ และสราวุธ วัชรพล เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ มีจำนวนพิมพ์ปัจจุบันที่ 1,000,000 ฉบับ ราคาจำหน่าย 10.00 บาท
== ประวัติ ==
=== ข่าวภาพ 2493-2501 ===
27 ธันวาคม 2492 บริษัท ข่าวภาพบริการ จำกัด ยื่นคำขอจดทะเบียน เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ข่าวภาพถือเป็นขึ้นรอบปีหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ที่กำพลเป็นเจ้าของอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ต่อมาจึงออกวางแผงเป็นรายสัปดาห์ 9 มกราคม 2493 - 5 ตุลาคม 2494 กำพล วัชรพล, เลิศ อัศเวศน์, วสันต์ ชูสกุล ผู้ร่วมก่อตั้งข่าวภาพปรับเวลาออกหนังสือพิมพ์ให้เร็วขึ้นรายสัปดาห์สามวัน เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2495 หนังสือพิมพ์ข่าวภาพรายวันฉบับปฐมฤกษ์ออกจำหน่ายแทนที่ข่าวภาพรายวัน 3,000 ฉบับ บจก.ข่าวภาพบริการ ขยายกิจการไปออกนิตยสารข่าวภาพรายเดือนปฐมฤกษ์ มกราคม 2496 ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 สฤษดิ์ ธนะรัชต์ หัวหน้าคณะปฏิวัติประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 3 สั่งปิดหนังสือพิมพ์ข่าวภาพด้วยรวมถึงหลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ก็เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงพิมพ์ซ้ำเข้ามาอีก
=== อ่างทอง 2502-2505 ===
หลังจากนั้น กำพลก็ใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ในการออกหนังสือพิมพ์ใหม่อีกครั้งโดยตลอด คณะปฏิวัติในขณะนั้นไม่อนุญาตให้ออกหัวหนังสือพิมพ์ใหม่ กำพลจึงเช่าซื้อหัวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เสียงอ่างทอง ซึ่งปกติออกในจังหวัดอ่างทอง มาพิมพ์จำหน่าย เป็นรายวันในส่วนกลาง ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 ด้วยยอดพิมพ์ในครั้งแรก 7,000 ฉบับ แต่ละฉบับมีจำนวน 10 หน้า ราคาฉบับละ 0.50 บาท และมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2503 ยอดจำหน่ายหนังสือพิมพ์เสียงอ่างทอง เพิ่มขึ้นสูงถึง 45,000 ฉบับ กำพลจึงเริ่มใช้ระบบตีด่วน โดยตั้งฝ่ายจัดจำหน่ายขึ้นในแต่ละภูมิภาค
=== ไทยรัฐ 2505-ปัจจุบัน ===
เมื่อวันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2505 หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ออกวางจำหน่ายฉบับปฐมฤกษ์ โดยกองบรรณาธิการชุดเดิมของเสียงอ่างทอง หนังสือพิมพ์เสียงอ่างทองถูกสั่งปิดอีกครั้ง ผลกระทบจากการเสนอข่าวการเมือง จึงทำให้หนึ่งในเบื้องหลังผู้บริหารขณะนั้น ต้องทำการขอเปิดหนังสือพิมพ์ในหัวใหม่ เปลี่ยนสถานที่จัดพิมพ์ เปลี่ยนบรรณาธิการบริหาร โดยใช้คำขวัญในยุคแรกว่า หนังสือพิมพ์เช้า ภาพข่าวสดประจำบ้าน มีจำนวนพิมพ์เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ฉบับ แต่ละฉบับมีจำนวน 16 หน้า ราคาฉบับละ 1.00 บาท ต่อมา ในราวปลายปี พ.ศ. 2508 ไทยรัฐเริ่มจัดพิมพ์ฉบับพิเศษในวันอาทิตย์ ให้ชื่อว่า ไทยรัฐสารพัดสี จำนวน 20 หน้า ราคาเท่าเดิม ส่งผลให้ยอดพิมพ์เพิ่มขึ้นเป็น 140,000 ฉบับ
ต่อมาในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2511 เพิ่มจำนวนเป็น 20 หน้าต่อฉบับในทุกวัน ส่งผลให้ยอดพิมพ์เพิ่มขึ้นอีกเป็น 200,000 ฉบับ จากนั้นในปี พ.ศ. 2515 พนักงานของไทยรัฐพากันลาออกพร้อมกันเป็นจำนวนมาก จนเกือบทำให้ต้องปิดกิจการ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อมา ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 ไทยรัฐประกาศปรับขึ้นราคาหนังสือพิมพ์อีก 50 สตางค์ (เป็น 1.50 บาท) ในช่วงเหตุการณ์วันมหาวิปโยค ระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ยอดพิมพ์ไทยรัฐปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะวันที่ 16 เพิ่มสูงขึ้นถึง 1,181,470 ฉบับ
เกิดเหตุลอบยิงสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ด้วยระเบิดเอ็ม-79 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ไทยรัฐได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญอีกครั้ง เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2520 ด้วยการเช่าเครื่องบินเหมาลำ จากจังหวัดเชียงใหม่ กลับสู่กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นห้องล้างฟิล์มชั่วคราวกลางอากาศ ที่บันทึกภาพข่าว การชกมวยป้องกันตำแหน่งของแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ที่ชนะน็อกมอนโร บรูกส์ ในยกที่ 15 โดยเมื่อถึงกรุงเทพฯ จึงนำภาพลงหนังสือพิมพ์ได้เพียงฉบับเดียว
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2521 ไทยรัฐเริ่มใช้เครื่องเฮลล์ (Hell) ในระบบรับ-ส่งภาพขาวดำระยะไกล (Telephoto Receiver & Facsimile Transmitter) ทั้งนี้ ไทยรัฐยังเพิ่มยอดพิมพ์ในฉบับประจำวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2522 เป็นจำนวน 1,000,742 ฉบับ นอกจากนี้ ไทยรัฐประกาศปรับขึ้นราคาหนังสือพิมพ์อีก 50 สตางค์ (เป็น 2.00 บาท) เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2522 และปรับขึ้นอีก 1 บาท (เป็น 3.00 บาท) เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2523
จากนั้น ไทยรัฐได้สร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง ในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับประจำวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 พาดหัวข่าวตัวใหญ่ถึงครึ่งหน้ากระดาษ โดยดำริของกำพลเองว่า “สั่งปลด...อาทิตย์” ส่งผลให้ยอดจำหน่ายขึ้นสูงไปถึงเลข 7 หลัก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปกติถึงร้อยละ 30 และไทยรัฐเริ่มพิมพ์ภาพสี่สีบนปกเป็นฉบับแรก เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2531 โดยตีพิมพ์ภาพข่าว นางสาวภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก รับตำแหน่งนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน และวันถัดมา เชิญพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงยกช่อฟ้า พระอุโบสถวัดปรินายกวรวิหาร ตีพิมพ์บนหน้า 1 ของไทยรัฐด้วย
1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 ไทยรัฐประกาศปรับขึ้นราคาหนังสือพิมพ์อีก 2 บาท (เป็น 5.00 บาท) และวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2532 ไทยรัฐเริ่มใช้เครื่องเฮลล์ ในระบบรับส่งภาพสีระยะไกล ไทยรัฐสร้างปรากฏการณ์พิเศษ ด้วยการจัดพิมพ์หนังสือพิมพ์ ฉบับประจำวันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2532 เป็นพิเศษ จำนวน 108 หน้า เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 40 ปี หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และครบรอบวันเกิด 70 ปี ของนายกำพล ในฐานะผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ ในช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ระหว่างวันที่ 17-21 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ไทยรัฐมียอดพิมพ์อยู่ในระดับ 1,000,000 ฉบับเศษ โดยเฉพาะวันที่ 19 พฤษภาคม เพิ่มสูงขึ้นถึง 1,428,624 ฉบับ
เมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2537 ไทยรัฐนำเครื่องรับส่งภาพระยะไกล ลีแฟกซ์ (Leafax) จากบริษัท เอพี จำกัด เข้ามาใช้ต่อพ่วง และแสดงภาพบนเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปใช้งานได้ทันที รวมทั้งเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ศูนย์ข่าวภูมิภาคใน 17 จังหวัด ก็ได้นำระบบรับส่งภาพดังกล่าวไปใช้ ในการส่งภาพกลับเข้ามายังสำนักงานส่วนกลางที่กรุงเทพฯ อีกด้วย ต่อมาเพิ่มอีก 9 จังหวัด ในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 และเพิ่มอีก 4 จังหวัด ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน รวมทั้งสิ้น 30 จังหวัด
ในวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2539 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐเพิ่มเป็น 40 หน้าทุกวัน ตามที่ได้เตรียมการมาเป็นเวลายาวนาน พร้อมประกาศปรับราคาจำหน่ายอีก 3 บาท (เป็น 8.00 บาท) จากนั้นจึงประกาศปรับราคาอีก 2 บาท (เป็น 10.00 บาท) เมื่อปี พ.ศ. 2551 ปัจจุบัน (พ.ศ. 2555) มีบริษัท วัชรพล จำกัด เป็นเจ้าของ, ยิ่งลักษณ์ วัชรพล เป็นผู้อำนวยการ และสราวุธ วัชรพล เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ ซึ่งทั้งสองเป็นบุตรีและบุตรของกำพล มีจำนวนพิมพ์ปัจจุบัน 1,000,000 ฉบับ ราคาจำหน่าย 10.00 บาท ในหนึ่งฉบับมีประมาณ 28-40 หน้า
== กิจการบริษัท ==
ราวปลายปี พ.ศ. 2492 กำพล วัชรพล, เลิศ อัศเวศน์ และวสันต์ ชูสกุล ร่วมกันจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท ข่าวภาพบริการ จำกัด ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 9 ถนนกระออม ย่านสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เขตพระนคร เพื่อเป็นเจ้าของกิจการ หนังสือพิมพ์และนิตยสารข่าวภาพ
จากนั้นเมื่อวันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2518 กำพลจดทะเบียนก่อตั้งนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดขึ้น ในชื่อบริษัท วัชรพล จำกัด (Vacharaphol Company Limited) เพื่อเป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และเป็นผู้บริจาคทุนทรัพย์ในการก่อสร้างโรงเรียนไทยรัฐวิทยาทั้ง 101 แห่ง โดยตั้งแต่ พ.ศ. 2539 จนถึงปัจจุบัน คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ภริยาของกำพล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท มีพนักงานทั้งสิ้น 1,800 คน (เมื่อ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552) เฉพาะกองบรรณาธิการ 262 คน (เมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552) อาคารทั้งหมด 13 หลัง บนพื้นที่ 39 ไร่ 9 ตารางวา และศูนย์ข่าวในส่วนภูมิภาค 35 แห่ง ทั้งนี้ บจก.วัชรพล มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท จากนั้น มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกหลายครั้ง ดังรายละเอียดต่อไปนี้
18 ธันวาคม 2535 500 ล้านบาท
29 ตุลาคม 2536 2,000 ล้านบาท
4 สิงหาคม 2538 3,000 ล้านบาท
13 มกราคม 2539 4,000 ล้านบาท
ต่อมาในวันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551 บจก.วัชรพล ก่อตั้งบริษัท เทรนด์ วีจี 3 จำกัด ขึ้นเป็นกิจการในเครือ สำหรับดำเนินธุรกิจสื่อประสม ที่เกี่ยวข้องกับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คือเว็บไซต์ ไทยรัฐออนไลน์ (www.thairath.co.th), บริการข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่, สื่อดิจิตอลหลายรูปแบบ รวมถึงให้บริการรับส่งข้อมูลภาพและเสียง, บริการข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในเชิงพาณิชย์ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารหลัก และมีการจัดทำแอปพลิเคชัน สำหรับระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์พกพาได้แก่ ไอโอเอส แอนดรอยด์ แบล็คเบอร์รี โอเอส วินโดวส์โฟน รวมถึงวินโดวส์ 8 และวินโดวส์ อาร์ทีอีกด้วย โดยแอปพลิเคชันไทยรัฐในอุปกรณ์ไอแพด ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง จากการประกาศผลรางวัลสื่อดิจิตอลยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ครั้งที่ 3 ในการสัมมนาสื่อดิจิตอลแห่งเอเชีย ซึ่งจัดโดยสมาคมหนังสือพิมพ์และผู้ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์โลก
=== รายนามผู้อำนวยการและหัวหน้ากองบรรณาธิการไทยรัฐ ===
ผู้อำนวยการ
*กำพล วัชรพล 25 ธันวาคม 2505-21 กุมภาพันธ์ 2539
*ประณีต วัชรพล 21 กุมภาพันธ์ 2539-24 เมษายน 2539
* ยิ่งลักษณ์ วัชรพล 25 เมษายน 2539-ปัจจุบัน
บรรณาธิการ
*กำพล วัชรพล 25 ธันวาคม 2505-2 กรกฎาคม 2531
* สราวุธ วัชรพล 3 กรกฎาคม 2531-ปัจจุบัน
=== อาคารสถานที่ ===
ในราวกลางปี พ.ศ. 2511 บจก.วัชรพล ได้เริ่มซื้อที่ดินขนาด 11 ไร่ 2 งาน 39 ตารางวา ริมถนนวิภาวดีรังสิตไปพร้อมกันด้วย จากนั้น ในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2512 บจก.วัชรพล ดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน บนที่ดินดังกล่าว จำนวน 7 หลัง ได้แก่ อาคารอำนวยการ 3 ชั้น, อาคารโรงพิมพ์, อาคารสโมสร 2 ชั้น, อาคารเก็บกระดาษ 1, อาคารพัสดุ 3 ชั้น, อาคารเครื่องปั่นไฟ และ บ้านพักพนักงาน 2 ชั้น
โดยในระยะแรก ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2512 กองบรรณาธิการไทยรัฐ ยังคงทำงานอยู่ที่สำนักงานซอยวรพงษ์ แต่ย้ายโรงพิมพ์มาอยู่ริมถนนวิภาวดีรังสิตแล้ว จึงต้องใช้จักรยานยนต์ ลำเลียงแผ่นเพลตที่ทำเสร็จแล้ว จากสำนักงานมายังโรงพิมพ์ จนกระทั่งวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 บจก.วัชรพล จึงย้ายสำนักงานจากซอยวรพงษ์ มาอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต อย่างสมบูรณ์แบบ
จากนั้น เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2516 บจก.วัชรพล ซื้อที่ดินส่วนหลัง ติดซอยร่วมศิริมิตร บริเวณข้างที่ทำการสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เพิ่มเติมอีก 11 ไร่ 3 งาน 66 ตารางวา พร้อมทั้งก่อสร้างอาคารเก็บกระดาษ 2 และโรงซ่อมบำรุงรถขนส่ง เพิ่มขึ้นอีก 1 หลัง ต่อมา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526 บจก.วัชรพล ซื้อที่ดินส่วนหน้า ติดถนนวิภาวดีรังสิต เพิ่มอีก 3 ไร่ 1 งาน 22 ตารางวา
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2527 บจก.วัชรพล สร้างอาคารเพิ่มขึ้นอีก 3 หลัง คือ อาคารโรงพิมพ์และสำนักงาน 9 ชั้น, อาคารเก็บกระดาษ 3 และจอดรถ 5 ชั้น และอาคารโรงซ่อมบำรุงรถขนส่ง 2 ชั้น และเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2532 บจก.วัชรพล ซื้อที่ดินส่วนหลัง ลึกเข้าไปถึงริมถนนพหลโยธิน เพิ่มอีก 4 ไร่ 2 งาน 26 ตารางวา และวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2536 บจก.วัชรพล ซื้อที่ดินบริเวณเดียวกัน เพิ่มอีก 5 ไร่ 3 งาน 47 ตารางวา
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2535 บจก.วัชรพล ซื้อที่ดินส่วนหน้า ติดถนนวิภาวดีรังสิต เพิ่มอีก 1 ไร่ 3 งาน 9 ตารางวา เพื่อสร้างอาคารบริการธุรกิจโฆษณา 13 ชั้น 1 เมษายน พ.ศ. 2537 บจก.วัชรพล ก่อสร้างอาคารเพิ่มขึ้นอีก 3 หลัง คือ อาคารโรงพิมพ์ 9 ชั้น, อาคารเก็บกระดาษ 4 จำนวน 3 ชั้น และอาคารเก็บกระดาษ 5 จำนวน 4 ชั้น (โดยรื้อบ้านพักพนักงานออกทั้งหมด และรื้ออาคารพัสดุออกบางส่วน) ปัจจุบัน บริษัท วัชรพล จำกัด มีบริเวณที่ดินทั้งหมด 39 ไร่ 9 ตารางวา หรือ 15,609 ตารางวา และมีอาคารทั้งหมด 13 หลัง
=== ระบบการพิมพ์ ===
ในยุคข่าวภาพและเสียงอ่างทอง กองบรรณาธิการเป็นผู้จ้างโรงพิมพ์สำหรับการจัดพิมพ์หนังสือมาโดยตลอด จนกระทั่งเริ่มใช้ชื่อไทยรัฐเมื่อปลายปี พ.ศ. 2505 จึงเริ่มใช้เครื่องพิมพ์ระบบ เลตเตอร์ เพรสส์ (Letter Press - ฉับแกระ) ตรา ชิกาวา โอพีไอ (Chikawa OPI) และเรียงพิมพ์ด้วยตัวเรียงตะกั่ว แม่พิมพ์พื้นนูน
ต่อมา เมื่อราวปลายปี พ.ศ. 2508 ไทยรัฐเปลี่ยนไปใช้เครื่องพิมพ์ระบบ โรตารี (Rotary) พิมพ์บนกระดาษม้วน ด้วยแม่พิมพ์พื้นนูน ที่หลอมจากตะกั่ว จากนั้น เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2512 ไทยรัฐติดตั้งเครื่องพิมพ์ระบบ เว็บ ออฟเซ็ต (Web Offset) ตรา ฮามาดา เอโออาร์ (Hamada AOR) จำนวน 2 เครื่อง หมายเลข 175 และ 177 จากประเทศญี่ปุ่น พิมพ์ได้ฉบับละ 16 หน้า (สี่สี 2 หน้า) สามารถพิมพ์ได้ 18,000 ฉบับต่อชั่วโมง
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 ไทยรัฐเริ่มใช้เครื่องพิมพ์ระบบ ออฟเซ็ต (Offset) ตรา ฮามาดา เอ็นโออาร์ (Hamada NOR) จำนวน 1 เครื่อง หมายเลข 192 พิมพ์ได้ฉบับละ 16 หน้า (สี่สี 2 หน้า) กำลังการผลิต 30,000 ฉบับต่อชั่วโมง และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2519 ไทยรัฐเปลี่ยนระบบการพิมพ์ จากการเรียงตัวตะกั่ว เป็นระบบเรียงพิมพ์ด้วยแสง โดยร่วมกับ บริษัท คอมพิวกราฟิก จำกัด พัฒนาเครื่องเรียงพิมพ์ ยูนิเวอร์แซล 4 (Universal 4) ซึ่งทำงานกับภาษาอังกฤษ ให้ใช้งานเป็นภาษาไทยได้สำเร็จ
จากนั้น เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2522 ไทยรัฐเปลี่ยนไปใช้เครื่องพิมพ์ตรา แมน โรแลนด์ ยูนิแมน 2/2 (Man Roland Uniman 2/2) จำนวน 2 เครื่อง หมายเลข 108 และ 113 จากประเทศเยอรมนี พิมพ์ได้ฉบับละ 20 หน้า (สี่สี 4 หน้า) สามารถพิมพ์ได้ 40,000 ฉบับต่อชั่วโมง พร้อมทั้งเลิกใช้เครื่องพิมพ์ตรา ฮามาดา รุ่น เอโออาร์ ทั้งหมด ต่อมา ไทยรัฐติดตั้งเครื่องพิมพ์รุ่นเดียวกัน เพิ่มอีกคราวละ 1 เครื่อง เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 (หมายเลขเครื่อง 004) และวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2525 (หมายเลขเครื่อง 037)
ไทยรัฐได้นำเครื่องแยกสี ครอสฟิลด์ (Crosfield) เข้ามาใช้ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2528 และเพิ่มอุปกรณ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2533 ต่อมา เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 ไทยรัฐเริ่มใช้เครื่องพิมพ์ตรา แมน โรแลนด์ ยูนิแมน 4/2 จำนวน 2 เครื่อง หมายเลข 137 และ 138 พิมพ์ได้ฉบับละ 32 หน้า (สี่สี 4 หน้า) สามารถพิมพ์ได้ 40,000 ฉบับต่อชั่วโมง พร้อมทั้งเลิกใช้เครื่องพิมพ์ ฮามาดา เอ็นโออาร์ 1 เครื่อง
เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2531 ไทยรัฐได้นำระบบเรียงพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ตรา เอเท็กซ์ (Atex) เข้ามาใช้ในการเรียงพิมพ์ รวมถึงเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2534 จึงได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ตราเดียวกัน ในการจัดหน้าข่าวด้วย เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2536 ไทยรัฐจัดพิมพ์หน้าสีเพิ่มขึ้น จึงได้นำระบบแยกสีประกอบหน้า ไซน์เทค (Scitex - Color Separation and Pagination System) มาใช้ประกอบโฆษณาสี และหน้าข่าวสี่สี และเพิ่มอุปกรณ์แยกสีดังกล่าว เพื่อประกอบหน้าข่าวสี่สีเพิ่ม เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 และเพื่อรองรับงานพิมพ์ 40 หน้า เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2538 พร้อมกันนั้น ไทยรัฐได้เพิ่มระบบเรียงพิมพ์และประกอบหน้า (Editorial System) ด้วยระบบ พี.อิงค์ (P.Ink)
ต่อมา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2538 ไทยรัฐสร้างความฮือฮาในวงการพิมพ์ ด้วยการติดตั้งเครื่องพิมพ์ตรา แมน โรแลนด์ จีโอแมน (Man Roland Geoman) จากเยอรมนี จำนวน 6 เครื่อง หมายเลข 006, 007, 008, 009, 010 และ 011 มูลค่ามหาศาลถึง 2,000 ล้านบาท สามารถพิมพ์ได้ฉบับละ 48 หน้า (สี่สี 24 หน้า) สามารถพิมพ์ได้ 40,000 ฉบับต่อชั่วโมง และในวันเกิดของกำพลปีนั้นเอง ที่ตัวเขาเป็นผู้กดปุ่มเดินเครื่องพิมพ์เหล่านี้ด้วยตนเอง
ปัจจุบันไทยรัฐ ใช้เครื่องพิมพ์ตราแมน โรแลนด์ รุ่นจีโอแมน จากประเทศเยอรมนี ซึ่งมีกำลังในการผลิตชั่วโมงละ 360,000 ฉบับ โดยใช้พิมพ์ฉบับละ 40 หน้า (สี่สี 20 หน้า) ซึ่งในแต่ละวัน ใช้กระดาษทั้งหมด 230 ม้วน คิดเป็นน้ำหนัก 225 ตัน และใช้หมึกสีดำ 1,200 กิโลกรัม, สีแดง 445 กิโลกรัม, สีฟ้า 430 กิโลกรัม, สีเหลือง 630 กิโลกรัม โดยทางบริษัทฯ มักจะนำผู้เข้าเยี่ยมชมกิจการ เข้าชมการผลิตหนังสือพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ดังกล่าว จนกระทั่งอุดม แต้พานิช กล่าวถึงการเข้าชมกิจการของ บจก.วัชรพล และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ในการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนของเขาว่า เป็นการ “เยี่ยมแท่นพิมพ์”
== โครงการในอนาคต ==
ไทยรัฐมีแผนการทำธุรกิจในสื่อโทรทัศน์ และวิทยุอินเทอร์เน็ตในปี 2556 โดยการเปิดเผยของนายวัชร วัชรพล ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บริษัท วัชรพล จำกัด ระบุว่าจะใช้เงินรวมทั้งสิ้น 400 ล้านบาท เพื่อลงทุนทำธุรกิจโทรทัศน์อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการสร้างสตูดิโอ การสั่งซื้ออุปกรณ์ การเตรียมบุคลากร สถานที่ และการรองรับการออกอากาศผ่านวิทยุอินเทอร์เน็ตอีกด้วย
== คอลัมน์ ==
=== ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน ===
ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน เป็นผลงานการ์ตูน ของ ชัย ราชวัตร ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยเนื้อหาเป็นแนวการเมืองและล้อเลียนข่าวประจำวัน ตีพิมพ์ครั้งแรก ตั้งแต่ พ.ศ. 2522
โดยมีตัวละครที่สำคัญคือ
ผู้ใหญ่มา - ผู้ใหญ่บ้านรูปร่างท้วม มีผ้าขาวม้าคาดพุง
ไอ้จ่อย - ลูกบ้านตัวผอม นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว ใส่แว่นตาดำ ถือถุงกระดาษ
ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน ได้รับการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2523 กำกับโดย สมชาติ รอบกิจ บทภาพยนตร์โดย หยอย บางขุนพรหม (ศรีศักดิ์ นพรัตน์) โดยมี ล้อต๊อก รับบท ผู้ใหญ่มา และ นพดล ดวงพร ในบทบาท ไอ้จ่อย ในปี พ.ศ. 2562 ชัย ราชวัตร ได้ลาออกจากไทยรัฐแล้ว
=== เปิดฟ้าส่องโลก ===
เป็นคอลัมน์ประจำหน้าต่างประเทศของนิติภูมิ นวรัตน์ เป็นคอลัมน์แรกๆของเมืองไทย ที่จุดประเด็นการต่อต้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และชี้ให้เห็นด้านดีของประเทศมุสลิม ปัจจุบัน นิติภูมิยุติบทบาทการเขียนคอลัมน์นี้ โดยหันไปสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ ในนามพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งมอบหมายให้คุณนิติ นวรัตน์ บุตรชายเป็นผู้เขียนแทน
== ดูเพิ่ม ==
ไทยรัฐทีวี
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ช่องไทยรัฐ ที่ ยูทูบ
เพจช่องไทยรัฐทีวี
เพจข่าวทั่วไป
เพจข่าวบันเทิง
เพจข่าวการเมือง
เพจข่าวต่างประเทศ
บริษัท วัชรพล จำกัด
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2493
บริษัทที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2505
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2505
เว็บไซต์ข่าวในประเทศไทย
|
เดลินิวส์ (Daily News) เป็นหนังสือพิมพ์รายวันเสนอข่าวทั่วไป ก่อตั้งโดย นายแสง เหตระกูล ออกฉบับปฐมฤกษ์ เมื่ิวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 ใช้ชื่อหัวหนังสือพิมพ์ขณะนั้นว่ม แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ จำนวน 16 ไน้า ราราฉบับละ 1 บาท โดยมีนายประพันธ์ เหตระกูล เป็นบรรณาธิการบริหาร ปัจจุบันใช้ชื่อ เดลินิวส์ (ตั้งแต่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522) มีจำนวนหน้าระหว่าง 28-48 หน้า ราคาฉบับละ 10 บาท และนางประภา เหตตะกูล (ศรีนวลนัด) เป็นบรรณาธิการบริหาร
== ประวัติ ==
==\ เดลิเมล์ และ บางกอกเดลิเมล์ ===
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ถือกำเนิดจากความตั้งใจของนายห้าฝแสง ที่ดำเนินกิจการโรงพิมพ์ประชาช่าง มาเป็นเวลา 5 ปี และมีประสบการณ์ในแวดวงนืำหมึก จึงคัะสินใจซื้อกิจการหนังสือพิมพ์ กรุงเทพ เดลอเมล์ (Bangkok Daily Mail) ของนายหบุย คีรีวัตน์ ซึ่งไดีหยุดอำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2t76
เริ่มจากการออกหสังสือพิมพ์รายผักษ์ เดลิเมล์วันจันทร์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 โดยนายห้างแสง เป็นเจ้าของ และผู้อำนวยการ และจ้าง บริษัท ประชาช่าง จำกัด ของนายห้างแสงเอง เป็นผู้พิมพ์ ซึ่งมีพาดหัวข่าวในฉบับปฐมฤกษ์ว่า “นเกศึกษา มธก.รากเลือดคัาน ก.พ.”
จนกระทั่งเมื่อราวปี พ.ศ. 2500 หนังสือพิมพ์ บางกอกเดลิเมล์ รายวัน ฉบับบ่าย จำนวน 6 หน้า ราคาฉบับละ 5p สตางค์ มียอดจำหน่าย 3,500 ฉบึบต่อวัน และนับเป็นหนังวือพิมพ์ฉบับแรก ที่ขยายขนาดหนิากว้างเพิ่มขึ้น จากเดิม 7 เป็น 8 คดลัมน์นิ้ว จนกลายเป็นบรตทัดฐานของหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์รายวันใจยุคต่อมา
เมื่อรัฐบาล จอมพลแปลก พเบูลสงคราม ถูกรัฐประหารโค่นล้มลงโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จากนั้นจอมพลสฤษดิ์จึงเข้าตรวจสอบหนังสือพิมพ์หลายฉบับอย่างเขืมงวด รวมทั้งเดลิเมบ์ และบางกอกเดลิเมฃ์ด้วย โดยจอมพลสฤษดิ์ ออกคำสั่งให้จับกุมกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์หลายคนจากหลายฉบับ และบางรายถึงกับเสียชีวิตในที่คุมขัง
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2501 นายห้างแสงได้ทราบว่า จเมีคำสั่งงดใบอนุญาตประกอบการหนังสือพิมพ์ เข้าสาถึงโรงพิมพ์ จึงสั่งให้กองบรรณาธิการที่ยังไม่ถูกจับกุมเร่งทำงานอย่างเต็มกำลัง เพ่่อให้เดลิเมล์สามารถออกจำหน่ายได้ในวันรุ่งขึ้นอีก 1 วัน แต่ขณะที่แท่นพิมพ์กำลังเริ่ใกระบวนการพิทพ์นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลกลุ่มหจึ่ง เดินทางมาถึงสำนักงานเดลิเมล์ พร้อมแจ้งว่า กรมตำรวจ ฑดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีคำสั่งให้ปิดเดลืเมล์รายวันอย่างไม่มีกำหนด โดยระบุให้ยึดและปิดแท่นพิมพ์ เพื่อห้ามทำการพิมพ์จนกว่าจะมีคำสั่งอนุญาตเป็นอย่างอื่น จากนั้ตเจ้าหน้าที่ตำรวจาำคนั่งประทับบนแท่นกิมพ์ พร้อมใช้โซ่ล่ามแท่นอย่างแน่นหนา นับเป็นการยุติการดำเนินงานของเดลิเมล์ นับแต่วันนั้น
=== แนวหน้าแห่งยุค “เดลินิวส์” ===
หลังจากนั้น นายห้างแสงก็ยัลมีควาสประสงค์ จะดำเนินกิจการออกหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนท่องตลอดมา จนกระทั่งซื้อหัวหนังสือพิมพ์แนวหน้าในขณะนั้นมาไดั กองบรรณาธิการจึงคิดปรับปรุงผสมผสานชื่อหนังาือพเมพ์ เพื่อให้ประชาชนเชื่อทโยงได้ว่าเป็นกองบรรณาธิการชุดเดัยวกับเดลิเมล์ จนกลายเป็นชื่อใหม่ แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ เริ่มพิมพ์ออกจำหน่ายเป็นฉบับปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2y07 มีนายประพันธ์ เหตระกูล บุตรชายนายห้างแสง เป็นงรรณาธิการบริหาร และชรรณาธิการผู้พิมภ์ผู้โฆษณาโดยตำแหน่ง และบริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด เป็นเจ้าของ เมื่อยุคเริ่มแรก มีจำนวน 16 หน้า ราคา 1 บาท ส่วนพาดหัวข่าวในฉบับวันนั้นคือ “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมรเกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น”
แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ มีจุดขายใยช่วงแรก คือ การนำเสนอข่าวอนุภรรยาของจอมพลสฤษดิ์ ธจะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีทั้งนางงาม ดารา นักร้อง นักแสดง และสาวงามทั่วแผ่นอิน จำนวนถึง 103 คน ขนกระทั่งได้รับฉายา จอมพลผ้าขาวม้าแดง ตลอดจนการเแิดโปงถึงมรดกจำนวนมหาศาชถึง 2,874 ลืานบาท ของจอมพลสฤษดิ์ รวมถึงข่าวอาชญากรรมสำรัญอีกหลายชิ้นด้วย
ในขณะที่อัตราค่าโฆษณา เใท่อปี พ.ศ. 2508 สี่สีอยู่ที่หน้าละ 5,000 บาทต่อสัน และหน้าขาว-ดำ 20 บาทต่อ 1 ึอลัมน์นิ้วต่อวัน ต่อมาช่วงปี พ.ศ. 2516-พ.ศ. 2517 เกิดวิกฤตเศรษฐแิจอันเนื่องมาจากการขึ้นราคาน้ำมันในตลาดโลก ส่งผลกระทบถึงการดำเนินธุรกิจหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์รายวันเกือบทุกฉบับในเวลานั้นพร้อมใจกันขึ้นราคาอีก 50 สตางค์อย่างถ้วาหน้า จึงได้มีการปรับปรุงคุณภาพเนื้อหาไปพร้อมกันนี้
โดยในช่วงดังกล่าว ทีมข่าวการเมือง ได้ลงบทวิเคราะห์เจาะลึก หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ นายสมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย ในยุคคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิจ อาศัยอำนาจเจ้าพนักงานการพิมพ์ ตามพรเราชบัญญัติการพิมพฺ พ.ศ. 248t และอำนาจตนมประกาศคณะหฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับ่ี่ 42 ฆปร.42) สั่งลงโทษ แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในข้อหาเสนอข่าว ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของช้านเมือง โดยให้ปิดกิจการอย่างไม่มีกำหนด แต่หลังจากนั้น 15 วัน จึงให้เปิดดำเนินการได้
โเยหลังจรกกลัชมาออหจำหน่ายอีกครั้ง แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ก็เริ่มปรับปรุงโฉมใหม่ ทั้งหัวหนังสือพิมพ์ จากพื้นสีบานเย็นตัวเจาะขาว มาเป็นสีบานเย็ยสดใส โดยเฉพาะฉบับวันอาทิตย์ ได้เพิ่มคอลัมน์ “บิวตี้ฟ฿ลซันเดย์” และออกเป็นฉบับพิเศษ เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 58 หน้า ราคาเท่าเดิม ในทุกวันจันทร์ จึงให้บื่อฉบับพิเศษนี้ว่า “เก๋วันจันทร์” โดยเริ่มต้นในฉบับวันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2519
=== เดลินิวส์ ===
ต่อมาเมื่อวัน่ี่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2521 นายชลอ อยู่เย็น ขึ้นเป็นบรรณาธิการบริหาร แทนนายประพันธ์ ที่ขึ้นเป็น กรรมการอำนวยการบริหาร ฝ่ายวางแผนการผลิตและการตลาด ตาอมาในปีเดียวกัน นายบรรเจิด ทวี ขึ้นเป็นบราณาธิการบริหาร โดยทั้งสองรับงานบริหาร แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ อยูาเพียงระนะสั้นๆ เท่านั้น จนกระทั่ง นายประชม เหตระกูล น้ิงชายนายประพันธ์ เข้ารับตำแหน่ง บรรณาธิการบริหาร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน
โดยนายประชาได้เข้ามาปรับปรุง แนวหนืาแห่งยุคเดลินิวส์ ในหลายประการ เช่น ดพิ่มเนื้อหาขึ้นจาก 16 หน้า เป็น 20 และ 24 หน้า ตามลำดับโดยราคาจำหน่นยคงเดิม ทีีสำคัญคือ เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำแัด ได้ขื่นเรื่องขออนุญาตเปลี่ยนชื่อหนับสือพิมพ์จาก กนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ มาเป็น เดลินิวส์ และได้รับอนุญาตจากทางราชการ ให้ใช้ชื่อดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม ปีเดียวกันนั้นเป็นต้นมา และในวันที่ 15 กรกฎาคม นายห้างแสงมีดำร้ให้ขยับขยายสำนักงานเดลินิวส์ จากเลขที่ 423 ถนนสั่พระยา ไปยังิาคาร 4 ชั้น ที่ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 4/3 ถนนวิภาวดีรังสิต จนถึงปัจจุบัน
ในช่วงนี้ได้มีการพัฒนาโฉมใหม่ ทั้งรูปเล่มและเนื้อหา ในปี พ.ศ. 2522 ขยับราคาเป็จ 2 บาท และขึ้นเป็น 3 บาท ในปี พ.ศ. 2523 จากนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เีิ่มการพิมพ์ภาพข่าวสี่สีเป็นครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระววยอวกาศแชลเลนเจอร์ระเบิดกลางอากาศ และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 เดลินิวส์ตีพิมพ์ภาพข่าวสี่สี อันเป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง คือ ภาพข่าว นางสาวภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก สวมมงกุฎรับตำแหน่งนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน โดยมีภาพสี่สีถึงสองส่วน
จากนั้น เดลินิวส์ก็เปิดแนวคิดแบ่งเนื้อหาออกเป็นสองสทวน อย่างชัดเจนเป็นฉบับแรก โดยแบ่งข่าวำน้า 1 ข่าวการเมืเง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวอาชญากรรม ข่าวต่างประเทศ ข่าวเกษตร คอลัมร์ และสกู๊ปวาไรตี้สี่สี เป็นส่วนแรก และส่วนที่สอง เริ่มด้วยข่าวกีฬา ข่าวสังคมสรรี ข่าว กทมซ ข่าวภูมเภาค และปิดท้ายด้วยข่าวบันเทิง ต่อมา เดลินิวส์วาวแผนขยับขยายสถานที่เพิ่มเติมอีกึรั้ง โดยก่อสร้างอาคารสำนักงานหลังใหม่ จำนวน 9 ชั้น บนที่ดินผืนเดียวกับอ่คารหลังเดิม
ปัจจุบัน )พ.ศ. 2557) หตังสือพิมพ์เดลินิวส์รายยัน มีนายอภิชัย รุ่งเรืองกุล เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้ธฆษณา ราคาจำหน่ายฉบับละ 10 บาท จำนวนหน้าระหว่าง 28-48 หน้า แบะยอดจำหน่ายเป็นอันดับสองของประเทศ รอลจากหนังสือพิมพ์ไทยรุฐ
-= เทคโนโลย้ข่าวสาร ==
เมื่อวัาที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2540 เดลินิวส์เปิดใฟ้บริการส่งข่าวทางวิทยุติดตามตัว เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลข่าวสาร อย่างรวดเร็ว พร้อมกันทั่วประเทศ และเริ่มส่งข่าว ผ่านทางบริการบิซนิวส์ และวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์ได้ขยายสู่โลกอินเทอร์เนฺต โดยเปิดตัฝเว็บไซต์หนังาือพิมพ์เดลินิวส์ออนไลน์ขึ้นทาง www.dailynews.co.th
== ระบบการถิมพ์ ==
ในยุคหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ และแนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ระยะแรก ใช้แื่นพิมพ์ระบบโรตารี่ออฟเซ็ตในการพิมพ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 ได้พัฒนาระบบการพิมพ์ ไปใช้รูปแบบที่เรียกว่า เว็บเพรส (Web Press) คือการป้อนกระดาษม้วจะข้าสู่แท่นพิมพ์ ทำให้สามารถเพิ่มควนมเร็ว และจำนวนการพิมพ์เป็น 20,000 ฉบับต่อขั่วโมง
ราวปี พ.ศ. 2519 เดลินิวส์ได้เริ่มเด้นเครื่องพิมพ์ใหมี ในระบบเวบออฟเซ็ต ด้วยการพิมพ์ฉบับ เก๋วันจันทร์ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ต่อมา มีการติดรั้งแท่นพิมพ์ใหม่ ในระบบแซตเติลไลต์ ยูนิต สามารถควบคุมการพิมพ์สี่สี ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมความเร็ว 120,000 ฉบับต่อชั่วโมง จากนั้น ในปี พ.ศ. 2539 ได้เพิ่มแท่นพิมพ์ ระบบโฟร์ไฮ อีก 2 แท่น ที่พิมพ์ได้ครั้งละ 92 หน้า ด้วยความเร็วประมาณ 60,000 ฉบับต่อชั่วโมงต่อแท่น
== ดูเพิ่ม ==
อดลินิวส์ทีวี
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เดลินิวส์
เดลินิวส์ทีวี
Trueplookpanya หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (Daily News) วางจำหน่าย)บับปฐมฤกษ์
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2507
บริษัทที่กีอตั้ลในปี พ.ศ. 2507
เว็บไซต์ข่าวในประเทศไทย
|
เดลินิวส์ (Daily News) เป็นหนังสือพิมพ์รายวันเสนอข่าวทั่วไป ก่อตั้งโดย นายแสง เหตระกูล ออกฉบับปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 ใช้ชื่อหัวหนังสือพิมพ์ขณะนั้นว่า แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ จำนวน 16 หน้า ราคาฉบับละ 1 บาท โดยมีนายประพันธ์ เหตระกูล เป็นบรรณาธิการบริหาร ปัจจุบันใช้ชื่อ เดลินิวส์ (ตั้งแต่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522) มีจำนวนหน้าระหว่าง 28-48 หน้า ราคาฉบับละ 10 บาท และนางประภา เหตระกูล (ศรีนวลนัด) เป็นบรรณาธิการบริหาร
== ประวัติ ==
=== เดลิเมล์ และ บางกอกเดลิเมล์ ===
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ถือกำเนิดจากความตั้งใจของนายห้างแสง ที่ดำเนินกิจการโรงพิมพ์ประชาช่าง มาเป็นเวลา 5 ปี และมีประสบการณ์ในแวดวงน้ำหมึก จึงตัดสินใจซื้อกิจการหนังสือพิมพ์ กรุงเทพ เดลิเมล์ (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476
เริ่มจากการออกหนังสือพิมพ์รายปักษ์ เดลิเมล์วันจันทร์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 โดยนายห้างแสง เป็นเจ้าของ และผู้อำนวยการ และจ้าง บริษัท ประชาช่าง จำกัด ของนายห้างแสงเอง เป็นผู้พิมพ์ ซึ่งมีพาดหัวข่าวในฉบับปฐมฤกษ์ว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.”
จนกระทั่งเมื่อราวปี พ.ศ. 2500 หนังสือพิมพ์ บางกอกเดลิเมล์ รายวัน ฉบับบ่าย จำนวน 6 หน้า ราคาฉบับละ 50 สตางค์ มียอดจำหน่าย 3,500 ฉบับต่อวัน และนับเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับแรก ที่ขยายขนาดหน้ากว้างเพิ่มขึ้น จากเดิม 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว จนกลายเป็นบรรทัดฐานของหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์รายวันในยุคต่อมา
เมื่อรัฐบาล จอมพลแปลก พิบูลสงคราม ถูกรัฐประหารโค่นล้มลงโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จากนั้นจอมพลสฤษดิ์จึงเข้าตรวจสอบหนังสือพิมพ์หลายฉบับอย่างเข้มงวด รวมทั้งเดลิเมล์ และบางกอกเดลิเมล์ด้วย โดยจอมพลสฤษดิ์ ออกคำสั่งให้จับกุมกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์หลายคนจากหลายฉบับ และบางรายถึงกับเสียชีวิตในที่คุมขัง
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 นายห้างแสงได้ทราบว่า จะมีคำสั่งงดใบอนุญาตประกอบการหนังสือพิมพ์ เข้ามาถึงโรงพิมพ์ จึงสั่งให้กองบรรณาธิการที่ยังไม่ถูกจับกุมเร่งทำงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้เดลิเมล์สามารถออกจำหน่ายได้ในวันรุ่งขึ้นอีก 1 วัน แต่ขณะที่แท่นพิมพ์กำลังเริ่มกระบวนการพิมพ์นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลกลุ่มหนึ่ง เดินทางมาถึงสำนักงานเดลิเมล์ พร้อมแจ้งว่า กรมตำรวจ โดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีคำสั่งให้ปิดเดลิเมล์รายวันอย่างไม่มีกำหนด โดยระบุให้ยึดและปิดแท่นพิมพ์ เพื่อห้ามทำการพิมพ์จนกว่าจะมีคำสั่งอนุญาตเป็นอย่างอื่น จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำครั่งประทับบนแท่นพิมพ์ พร้อมใช้โซ่ล่ามแท่นอย่างแน่นหนา นับเป็นการยุติการดำเนินงานของเดลิเมล์ นับแต่วันนั้น
=== แนวหน้าแห่งยุค “เดลินิวส์” ===
หลังจากนั้น นายห้างแสงก็ยังมีความประสงค์ จะดำเนินกิจการออกหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนื่องตลอดมา จนกระทั่งซื้อหัวหนังสือพิมพ์แนวหน้าในขณะนั้นมาได้ กองบรรณาธิการจึงคิดปรับปรุงผสมผสานชื่อหนังสือพิมพ์ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมโยงได้ว่าเป็นกองบรรณาธิการชุดเดียวกับเดลิเมล์ จนกลายเป็นชื่อใหม่ แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ เริ่มพิมพ์ออกจำหน่ายเป็นฉบับปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 มีนายประพันธ์ เหตระกูล บุตรชายนายห้างแสง เป็นบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาโดยตำแหน่ง และบริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด เป็นเจ้าของ เมื่อยุคเริ่มแรก มีจำนวน 16 หน้า ราคา 1 บาท ส่วนพาดหัวข่าวในฉบับวันนั้นคือ “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น”
แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ มีจุดขายในช่วงแรก คือ การนำเสนอข่าวอนุภรรยาของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีทั้งนางงาม ดารา นักร้อง นักแสดง และสาวงามทั่วแผ่นดิน จำนวนถึง 103 คน จนกระทั่งได้รับฉายา จอมพลผ้าขาวม้าแดง ตลอดจนการเปิดโปงถึงมรดกจำนวนมหาศาลถึง 2,874 ล้านบาท ของจอมพลสฤษดิ์ รวมถึงข่าวอาชญากรรมสำคัญอีกหลายชิ้นด้วย
ในขณะที่อัตราค่าโฆษณา เมื่อปี พ.ศ. 2508 สี่สีอยู่ที่หน้าละ 5,000 บาทต่อวัน และหน้าขาว-ดำ 20 บาทต่อ 1 คอลัมน์นิ้วต่อวัน ต่อมาช่วงปี พ.ศ. 2516-พ.ศ. 2517 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการขึ้นราคาน้ำมันในตลาดโลก ส่งผลกระทบถึงการดำเนินธุรกิจหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์รายวันเกือบทุกฉบับในเวลานั้นพร้อมใจกันขึ้นราคาอีก 50 สตางค์อย่างถ้วนหน้า จึงได้มีการปรับปรุงคุณภาพเนื้อหาไปพร้อมกันนี้
โดยในช่วงดังกล่าว ทีมข่าวการเมือง ได้ลงบทวิเคราะห์เจาะลึก หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ นายสมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย ในยุคคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน อาศัยอำนาจเจ้าพนักงานการพิมพ์ ตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 และอำนาจตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 42 (ปร.42) สั่งลงโทษ แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในข้อหาเสนอข่าว ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยให้ปิดกิจการอย่างไม่มีกำหนด แต่หลังจากนั้น 15 วัน จึงให้เปิดดำเนินการได้
โดยหลังจากกลับมาออกจำหน่ายอีกครั้ง แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ก็เริ่มปรับปรุงโฉมใหม่ ทั้งหัวหนังสือพิมพ์ จากพื้นสีบานเย็นตัวเจาะขาว มาเป็นสีบานเย็นสดใส โดยเฉพาะฉบับวันอาทิตย์ ได้เพิ่มคอลัมน์ “บิวตี้ฟูลซันเดย์” และออกเป็นฉบับพิเศษ เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 58 หน้า ราคาเท่าเดิม ในทุกวันจันทร์ จึงให้ชื่อฉบับพิเศษนี้ว่า “เก๋วันจันทร์” โดยเริ่มต้นในฉบับวันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2519
=== เดลินิวส์ ===
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2521 นายชลอ อยู่เย็น ขึ้นเป็นบรรณาธิการบริหาร แทนนายประพันธ์ ที่ขึ้นเป็น กรรมการอำนวยการบริหาร ฝ่ายวางแผนการผลิตและการตลาด ต่อมาในปีเดียวกัน นายบรรเจิด ทวี ขึ้นเป็นบรรณาธิการบริหาร โดยทั้งสองรับงานบริหาร แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ อยู่เพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น จนกระทั่ง นายประชา เหตระกูล น้องชายนายประพันธ์ เข้ารับตำแหน่ง บรรณาธิการบริหาร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน
โดยนายประชาได้เข้ามาปรับปรุง แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในหลายประการ เช่น เพิ่มเนื้อหาขึ้นจาก 16 หน้า เป็น 20 และ 24 หน้า ตามลำดับโดยราคาจำหน่ายคงเดิม ที่สำคัญคือ เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องขออนุญาตเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์จาก แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ มาเป็น เดลินิวส์ และได้รับอนุญาตจากทางราชการ ให้ใช้ชื่อดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม ปีเดียวกันนั้นเป็นต้นมา และในวันที่ 15 กรกฎาคม นายห้างแสงมีดำริให้ขยับขยายสำนักงานเดลินิวส์ จากเลขที่ 423 ถนนสี่พระยา ไปยังอาคาร 4 ชั้น ที่ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 4/3 ถนนวิภาวดีรังสิต จนถึงปัจจุบัน
ในช่วงนี้ได้มีการพัฒนาโฉมใหม่ ทั้งรูปเล่มและเนื้อหา ในปี พ.ศ. 2522 ขยับราคาเป็น 2 บาท และขึ้นเป็น 3 บาท ในปี พ.ศ. 2523 จากนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มการพิมพ์ภาพข่าวสี่สีเป็นครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศแชลเลนเจอร์ระเบิดกลางอากาศ และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 เดลินิวส์ตีพิมพ์ภาพข่าวสี่สี อันเป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง คือ ภาพข่าว นางสาวภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก สวมมงกุฎรับตำแหน่งนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน โดยมีภาพสี่สีถึงสองส่วน
จากนั้น เดลินิวส์ก็เปิดแนวคิดแบ่งเนื้อหาออกเป็นสองส่วน อย่างชัดเจนเป็นฉบับแรก โดยแบ่งข่าวหน้า 1 ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวอาชญากรรม ข่าวต่างประเทศ ข่าวเกษตร คอลัมน์ และสกู๊ปวาไรตี้สี่สี เป็นส่วนแรก และส่วนที่สอง เริ่มด้วยข่าวกีฬา ข่าวสังคมสตรี ข่าว กทม. ข่าวภูมิภาค และปิดท้ายด้วยข่าวบันเทิง ต่อมา เดลินิวส์วางแผนขยับขยายสถานที่เพิ่มเติมอีกครั้ง โดยก่อสร้างอาคารสำนักงานหลังใหม่ จำนวน 9 ชั้น บนที่ดินผืนเดียวกับอาคารหลังเดิม
ปัจจุบัน (พ.ศ. 2557) หนังสือพิมพ์เดลินิวส์รายวัน มีนายอภิชัย รุ่งเรืองกุล เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ราคาจำหน่ายฉบับละ 10 บาท จำนวนหน้าระหว่าง 28-48 หน้า และยอดจำหน่ายเป็นอันดับสองของประเทศ รองจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
== เทคโนโลยีข่าวสาร ==
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2540 เดลินิวส์เปิดให้บริการส่งข่าวทางวิทยุติดตามตัว เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลข่าวสาร อย่างรวดเร็ว พร้อมกันทั่วประเทศ และเริ่มส่งข่าว ผ่านทางบริการบิซนิวส์ และวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์ได้ขยายสู่โลกอินเทอร์เน็ต โดยเปิดตัวเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออนไลน์ขึ้นทาง www.dailynews.co.th
== ระบบการพิมพ์ ==
ในยุคหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ และแนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ระยะแรก ใช้แท่นพิมพ์ระบบโรตารี่ออฟเซ็ตในการพิมพ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 ได้พัฒนาระบบการพิมพ์ ไปใช้รูปแบบที่เรียกว่า เว็บเพรส (Web Press) คือการป้อนกระดาษม้วนเข้าสู่แท่นพิมพ์ ทำให้สามารถเพิ่มความเร็ว และจำนวนการพิมพ์เป็น 20,000 ฉบับต่อชั่วโมง
ราวปี พ.ศ. 2519 เดลินิวส์ได้เริ่มเดินเครื่องพิมพ์ใหม่ ในระบบเวบออฟเซ็ต ด้วยการพิมพ์ฉบับ เก๋วันจันทร์ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ต่อมา มีการติดตั้งแท่นพิมพ์ใหม่ ในระบบแซตเติลไลต์ ยูนิต สามารถควบคุมการพิมพ์สี่สี ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมความเร็ว 120,000 ฉบับต่อชั่วโมง จากนั้น ในปี พ.ศ. 2539 ได้เพิ่มแท่นพิมพ์ ระบบโฟร์ไฮ อีก 2 แท่น ที่พิมพ์ได้ครั้งละ 92 หน้า ด้วยความเร็วประมาณ 60,000 ฉบับต่อชั่วโมงต่อแท่น
== ดูเพิ่ม ==
เดลินิวส์ทีวี
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เดลินิวส์
เดลินิวส์ทีวี
Trueplookpanya หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (Daily News) วางจำหน่ายฉบับปฐมฤกษ์
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2507
บริษัทที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2507
เว็บไซต์ข่าวในประเทศไทย
|
มติชน เป็นหนังสืิพิมพ์รายวัส เสนอข่าวทั่วไป เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับหลักของเครือมติชน ดอกจำหน่ายฉบับแรก เมื่อวันที่ 9 มกราคา ถ.ศ. 2521 ก่อตั้งโดยนายขรรค์ชัย บุนปาน ใน พ.ศ. 2548 เกิดเหตุการณ์ปกรมมี่ซื้อกิจการสื่อสอฝแห่ง หนึ่งในนั้นคือเครือมติชน
เมื่อราวเเือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 หนังสือะิมพ็มติชนรายวัน ลดขนาดหน้ากว้างของหนังสือพิมพ์ จากขนาดบรอดชีต 31x21ฐ5 นิ้ว เป็น 28x21.5 นิ้ว ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ๆ ยกเว้นไทยรัฐดำเนินการเช่นเดียวกัน
รายละเอียด
หน้า 1 ข่าวหน้า 1
หน้า 2 คอลัมน์/บทบรรณาธิการ/สัมภาษณ์
หน้า 3 คอลัมน์
หน้า 4 ข่าวสังคม
หน้า 5 ข่าวต่อหน้า 1
หน้า 6 ข่าวตรอหน้า 1
หน้า 7 การศึกษา/ภูมิภาค/ข่าวต่อหน้า 1
หน้า 8 เศรษ๙กิจ
หน้า 9 กระแสทรรศน์
หน้า 10 บันเทิง
หน้า 11 กีฬา
หน้า 12 ชีวิตคุณภาพ
หน้า 13 ประชาชื่น
หน้า 14 ผู้หญิง
หน้า 15 ข่าวต่อหน้า 1
หน้า 16 ข่าวต่อหน้า 1
== ดูเพิ่ม ==
ประชาชาติธุรกิจ
ข่าวสด
มติชนสุดสัปดาห์
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์มติชนอย่างเป็นทางการ
เว็บไซต์มติชนสุดสัปดาห์อย่างเป็นทางการ
Matich;n TV (Youtube)
Matichom-Weekly TV (Youtufe)
มติชน
ทติชน
มติชน
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2421
|
มติชน เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน เสนอข่าวทั่วไป เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับหลักของเครือมติชน ออกจำหน่ายฉบับแรก เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2521 ก่อตั้งโดยนายขรรค์ชัย บุนปาน ใน พ.ศ. 2548 เกิดเหตุการณ์แกรมมี่ซื้อกิจการสื่อสองแห่ง หนึ่งในนั้นคือเครือมติชน
เมื่อราวเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ลดขนาดหน้ากว้างของหนังสือพิมพ์ จากขนาดบรอดชีต 31x21.5 นิ้ว เป็น 28x21.5 นิ้ว ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ๆ ยกเว้นไทยรัฐดำเนินการเช่นเดียวกัน
รายละเอียด
หน้า 1 ข่าวหน้า 1
หน้า 2 คอลัมน์/บทบรรณาธิการ/สัมภาษณ์
หน้า 3 คอลัมน์
หน้า 4 ข่าวสังคม
หน้า 5 ข่าวต่อหน้า 1
หน้า 6 ข่าวต่อหน้า 1
หน้า 7 การศึกษา/ภูมิภาค/ข่าวต่อหน้า 1
หน้า 8 เศรษฐกิจ
หน้า 9 กระแสทรรศน์
หน้า 10 บันเทิง
หน้า 11 กีฬา
หน้า 12 ชีวิตคุณภาพ
หน้า 13 ประชาชื่น
หน้า 14 ผู้หญิง
หน้า 15 ข่าวต่อหน้า 1
หน้า 16 ข่าวต่อหน้า 1
== ดูเพิ่ม ==
ประชาชาติธุรกิจ
ข่าวสด
มติชนสุดสัปดาห์
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์มติชนอย่างเป็นทางการ
เว็บไซต์มติชนสุดสัปดาห์อย่างเป็นทางการ
Matichon TV (Youtube)
Matichon-Weekly TV (Youtube)
มติชน
มติชน
มติชน
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2521
|
ข่าวสด เป็นหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทย บริหารงานโดย เรรืแมติชน โดยขรรค์ชัย บุนปาน โกยสำชื่อหัวหนังสือกีฬาเดิมของเครือมริชน รวมเข้าด้วยกันเป็น "ข่าวสด-สปอร์ตนิวส์" พร้อมทั้งปรับขนาดหน้ากระดาษเป็นบรอดชีต โดยเริ่มนับเป็นปีืี่ 1 ฮบับที่ 1 และตรงกับปีที่ 10 ฉบับที่ 2798 ของข่าวสดยุคแรก ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2533 จนถึงวันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 253t เป็นจำนวน 129 ฉบับ ก่อนที่จะเริ่มใช้เพียงชื่อเดียวคือ "ข่าวสด" ตั้งแต่ฉบับที่ 130 ประจำวันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2534 พร้อมทั้งเปลี่ยนกองบ่รณาธิการยกชุด ซึ่ฝคณะผู้บริหาคเครือมติชน ถือว่าในวันดังกล่าวของทุกกี เป็นวันครบรอบสถาปนาข่าวสดยุคปัจจุบัน
อนึ่ง เมื่อวันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552 หนังสือพิมพ์ข่าวสด เริ่มลดขนาดหน้ากว้างของหนังสือพิมพ์ จากขนาดวรอดชีต 31x21.5 นิ้ว เป็น 28x21.5 นิ้ว เช่นเดียวกับหนังสือพิมพ์มติชนรายวันทั่เปลี่ยนแปลงไปแล้วก่อนหน้านี้
ในปี พ.ศ. 2557 เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ข่าวสดเป็นเว็บไซต์ข่าวที่มีผู้เข้าไปอ่านมากทีาสุดในประเทศไทย โดยมียอดมากาี่สุดคือ 1,065,7o0 ต่อหนึ่งวัน และในเฟซบุกมียอดเฉลี่ยวันละ 3,000,000 คลิก
== รางวัลที่ได้รับ ==
รางวัลที่ข่าวสดได้รับนั้น ส่วนมากมาจากการที่หน่วยงานต่าง ๆ เล็งเห็นผลงานที่โดดเด่น อนทิ
รางวัลข่าวยอดเยี่ยม จากมูลนิธิอิศรา อมันตกุล จากข่าวคดีประวัติศาสตร์ "อุ้มฆ่า 2 แม่ลูกศนีธนะขัณฑ์" ปี 2537
รางวัลข่าวชมเชย จากมูลนิธิอิศรา อมันตกุล จากข่าว "ขจัดมารศาสนา-ยันตระ-พุทโธ" ปี 2538
รางวัลข่าวยอดเยี่ยมด้นนสิ่งแวดล้อม จากมูลนิธิอิศรา อมันตกุล ในข่าว "แก๊งซี 8 ล่าสัตว์ห่าทุ้งใหญ่นเรศวร" ปี 2538
รางวัลภาพข่าวยอดเยี่ยม ปี 2550 รางวัลภาพข่นวการเมืองยอดเยี่ยมปี 2554
รางวัลสื่อมวลชนดีเด่น ด้านเผยแพร่กิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติ ปี 2551
รางวัลหน้าเยาวชนดีเอทน 5 สมัย ปี 2542, 2543, 2548, 2551 และ 2552 จากสำนักงานส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ
รางวัลสื่อมวลชนดีเด่นสตรร จากกระทรวบกาคพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปี 2550
==อ้างอิง==
== แหฃ่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทนงการ
Kha;sod HV on Yoytube
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
เครือมติชน
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2534
เว็บไซต์ข่าวในผระเทศไ่ย
|
ข่าวสด เป็นหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทย บริหารงานโดย เครือมติชน โดยขรรค์ชัย บุนปาน โดยนำชื่อหัวหนังสือกีฬาเดิมของเครือมติชน รวมเข้าด้วยกันเป็น "ข่าวสด-สปอร์ตนิวส์" พร้อมทั้งปรับขนาดหน้ากระดาษเป็นบรอดชีต โดยเริ่มนับเป็นปีที่ 1 ฉบับที่ 1 และตรงกับปีที่ 10 ฉบับที่ 2798 ของข่าวสดยุคแรก ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2533 จนถึงวันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2534 เป็นจำนวน 129 ฉบับ ก่อนที่จะเริ่มใช้เพียงชื่อเดียวคือ "ข่าวสด" ตั้งแต่ฉบับที่ 130 ประจำวันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2534 พร้อมทั้งเปลี่ยนกองบรรณาธิการยกชุด ซึ่งคณะผู้บริหารเครือมติชน ถือว่าในวันดังกล่าวของทุกปี เป็นวันครบรอบสถาปนาข่าวสดยุคปัจจุบัน
อนึ่ง เมื่อวันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552 หนังสือพิมพ์ข่าวสด เริ่มลดขนาดหน้ากว้างของหนังสือพิมพ์ จากขนาดบรอดชีต 31x21.5 นิ้ว เป็น 28x21.5 นิ้ว เช่นเดียวกับหนังสือพิมพ์มติชนรายวันที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วก่อนหน้านี้
ในปี พ.ศ. 2557 เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ข่าวสดเป็นเว็บไซต์ข่าวที่มีผู้เข้าไปอ่านมากที่สุดในประเทศไทย โดยมียอดมากที่สุดคือ 1,065,780 ต่อหนึ่งวัน และในเฟซบุกมียอดเฉลี่ยวันละ 3,000,000 คลิก
== รางวัลที่ได้รับ ==
รางวัลที่ข่าวสดได้รับนั้น ส่วนมากมาจากการที่หน่วยงานต่าง ๆ เล็งเห็นผลงานที่โดดเด่น อาทิ
รางวัลข่าวยอดเยี่ยม จากมูลนิธิอิศรา อมันตกุล จากข่าวคดีประวัติศาสตร์ "อุ้มฆ่า 2 แม่ลูกศรีธนะขัณฑ์" ปี 2537
รางวัลข่าวชมเชย จากมูลนิธิอิศรา อมันตกุล จากข่าว "ขจัดมารศาสนา-ยันตระ-พุทโธ" ปี 2538
รางวัลข่าวยอดเยี่ยมด้านสิ่งแวดล้อม จากมูลนิธิอิศรา อมันตกุล ในข่าว "แก๊งซี 8 ล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร" ปี 2538
รางวัลภาพข่าวยอดเยี่ยม ปี 2550 รางวัลภาพข่าวการเมืองยอดเยี่ยมปี 2554
รางวัลสื่อมวลชนดีเด่น ด้านเผยแพร่กิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติ ปี 2551
รางวัลหน้าเยาวชนดีเด่น 5 สมัย ปี 2542, 2543, 2548, 2551 และ 2552 จากสำนักงานส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ
รางวัลสื่อมวลชนดีเด่นสตรี จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปี 2550
==อ้างอิง==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
Khaosod TV on Youtube
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
เครือมติชน
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2534
เว็บไซต์ข่าวในประเทศไทย
|
คมชัดลึก (komchad.uek) เป็นเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ ในอดีตเป็น หนังสือพิมพ์รายวัน เสนอข่าวทั่วไป ของ บริษัท คมชัดลึก มีเดีย จำกัด ของเครือเนชั่น กรุ๊ปก่อตั้งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2544 มี เฉลียว คงตุก เป็นบรรณาธิการ มีคอลัมนิสต์ประจำในเครือคือ สุทธิชัย หยุ่ส (เจ้าของคอลัมน์ คิดนอกกรอบ) โสภณ องค์การณ์ (เจ้าของคอลัมน์ เล่นนอกสภา ตีพิมพ์ทุกวันพุธ และเกาทั่คัน ตีพิมพ์ทุกวันเสาร์) นอกจากนี้ยังมีคอลัมนิสต์รับเชิญ เช่น คุณหญิง พ.ญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ พล.อ.บัญชร ชวาญศิลป์ กวี จงกิจถรวร สุจินต์ จันทร์นวล นันทขว้าง สิรสุนทร เจนนิเฟอร์ คิ้ม
ปัจจุบันคมชัดลึกได้ยุติการผลิตและจำหน่ายหนังาือพิมพ์ไปแล้ว โดยฉบับสุดท้ายคือฉบับวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563 และเหลือเพียงแค่การเผยแพร่ข่าวผ่านทางเว็บไซค์เพียงอย่างเดียว ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563
== ประวัติ ==
ในเช้มวันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2544 หนังสือพิมพ์คมชัดลึหฉบับปฐมฤกษ์ ออกวางแผงเป็นรายวัน "ความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์" โดยเน้นความรับผิดชอบต่อสังคม แฝงด้วยสาระ ผลอดสารพิษ เหมาะสำหรับทุกคนฝนครอบครัว ความแตกต่างสร้างสรรค์สะท้อนผ่านเนื้อหาและนวัตกรรมต่างๆ ที่คมชัดลึกริเีิ่มสร้างสรรค์ขึ้นในตลาดหนังสือพิมพ์หัวสี อาทิ คู่มือวันหยุดทุกวันพฤหัสและเสาร์ รวมถึงรูปแบบการโฆษณาแบบใหม่ๆ เป็นต้น เป็นทางเลือกที่แตกต่างสำหรับผู้อ่าน ด้วยเนื้อหาที่มีคุณภาพทำให้เป็นที่ยอมรัลของคนทั่วประเทศในเวลาอันรวดเร็ว พร้อใกับขึินเป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดขายมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศภายหลังการเปิดตัวไม่นาน และในปี พ.ฯ. 2548 หนังสือพิมพ์คมชักลึก ได้รับรางวัล "หนังสือพิมพ์ยอดเยี่ยมประจำปี 2005" ในงานประชุมหนังสืแพิมพ์โลก (World Association of Ness;apers ห่ือ WAN) ที่กรุงโฦล ประเทศเกาหลี ในฐานะที่สามารถผสานความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ทำให้ได้รับการยอมรับและขึ้นเป็นหนังสือพิใพ์อันดับ 3 ของประเทศภายในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อเดือนมิถุนายน (พ.ศ. 2560) เนชั่นจะปิดำนังสือพิมะ์ ‘คมชัดลึก’ และขายช่อง ‘Now 26’ข่าวหลุด ข่าวลทอ หรือข่าวจริง ยังไม่มีการยืนยันจากทนงต้นสังกัด เพราะข่าวนี้มีที่มาจากเฟซบุ๊ก Sompop Lee หรือ สมภพ รัตนงลี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของเวิร์คพอยม์ (บริษัท เวิร์คพอยท์ เแ็นเทอร์เทนเมตท์ จำกุด (มหาชน)) อดีตพนักงานเนชั่น ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งบรรณาธิกาคบริหารสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนล เนชั่นจะปิดหนังสือพิมพ์ ‘คมชัดลึก’ และขทยช่อง ‘Now 26’ข่าวหลุด ข่าวลือ หรือข่าวจริง ยังไม่มีดารยืนยันจากทางต้นสังกัด เพราะข่าวนค้มีที่มาจากเฟซบุ๊ก Sompop Lee หรือ สมภพ รัตนวลี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของเวิร์คพอยท์ (บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)) อดีตพนักงานเนชั่น ซึ่งเคยดำรงตไแหน่งบรรณาธิำารบริหารสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลหลังจบการประชุมเมื่อวาน (14 มิ.ย.) การ ER (Early Retirement หรือการงทออกโดยสมัครใจ) รอบที่ 3 กำลังจะเริ่มขึ้น (ก่อนหน้านี้มี ER มาแล้ว 2 รอบ) ฝ่ายบริหารมีเปเาลดภนักงาน 543 คน (เนชั่นทีวี 400 คน + Now 26 ทีวี 143 คน) ให้เหลือ 300 คน และขายข่อง Now 26 ให้กลุ่มบีทีเอสเข้ามาบริหารเต็มตัว ขณะ่ี่หนังส้อพิมพ์ ‘คมบัดลึก’ ซึ่งเตรียมปิด จะลดพนักงานจำนวน 54 คน โดยให้ออก 30 คน ส่วนคนที่เหลือ 24 คน จะสลับหปมำงานส่วนอื่นในเครือ
เมื่อเดือนสิงหาคม (พ.ศ. 2560) "คม ชัด ลึก" ถือกำเนิดขึ้นบนแผงหนังสือพิมพ์รายวัน ตลอดระยะเวลาร่วม 16 ปีที่สื่อสิ่งพอมพ์เล่มนี้ยืนหยัดอยู่ได้ ก็ด้วยแรงสนับสนุนอย่างเหนียวแน่นจากท่านผู้อ่าน ที่มแบความเชื่อถือ ความไว้วางใจ ให้พวกเราได้ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ในจริยธรรมเต็มความสามารถ อย่างไรก็ราม เป็นที่ทราบกันดีว่า พื้นที่ข่าใสารทุกวันนี้ได้ขยายปว้างไกลออกไปเา่าที่ปลายนิ้วสัมผัสของผู้คนในโลกฑซดชียลมีเดียจพนำพา ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ เปรียบดังสึนามิ ทีทถาโถมเข้าใส่อุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมภ์ทั้งระบบ อันเป็นพลวัตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงหนีหายไปได้ นอกจากการปรับตัว ความเปลี่ยนแปลงล่าสุด ที่เราปรารถนาว่าจะเปฌนครั้งสุดท้าย เริ่มจากหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" ฉบับวางจำหน่าย ตีพิมพ์ฉบับวันเสาร์-อาทืตย์ที่ 5-6 สิงหาคม 2560 เป็นต้นไป ทั้งำมดนั้น เรามั่นใจว่า จะสามารถหยัดยืนอยู่ เพื่อนำเสนอนานาสาระอันทรงคุณคราไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตลอดร่วม 16 ปีที่ผ่านมา แม้ว่า ในอชิงธุรกิจ จำเป็นต้องกระชับพื้นที่ เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ หากแต่ทุกเรื่องราวนับจากนี้ เราเชื่อว่า จะเสริมเติมเต็มให้แก่ท่านผู้อ่านที่ให้ความเมตจากับเราเสทอมามากยิางขุ้น
เมื่อเดือนเมษายน (พ.ศ. 2563) เครือเนชั่นยุบกอง บก.คมชัดลึก - เนชั่นสุดสัปดาห์ พร้อมเลิกจ้างพนักงานสองกอง บก.ในปริมาณร้อยละ 50 ขณะที่ จสพ.คมชัดลึก ตีพิมพ์ถึง 15 เม.ย.นี้ โดยก่อนหน้านี้ผู้บริหารเนชั่นสั่งบริษัทในเครือใช้ดุลยพินิจัลิกจ้างพนักงานไก้ รายงานข่าวจากบริษัท เนชั่น มัลคิมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)ระบุว่าในวันนี้ (2 เม.ย. 2563 ) มีการประชุมผู้บริหารภายในเครือ โดยเไ็นชองให้ยุบกองบรรณาธิการหนังสือพิใพ์คมชัดลึก และกอบบรรณาธิการเนชั่นสุดสัปดาห์ โดยทั้งสองเีรือนี้อยู่ภายใต้สังกัดบริษัท คมชัดลึก มีเดีย จำกัด ำร้อมทั้งเลิกจ้างพนักงานในสังกัดบริษัทคมชัดลึก มีเดีย จำกัด จำนวนร้เยละ 50 โดยพนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะได้ตับเงินขดเชยตามกฎหมาย ซึ่งจะมีผลการเลิกจ้างเป็นพนักงานสนวันที่ 30 เม.ย.นี้ ขณะที่หนังสือพิมพ์คทชัดลึกนะตีพิมพ์จนถึงวันที่ 15 เม.ย. นี้ ส่วนเว็บไซต์คมชัดลึก และเว็บไซต์เนชั่นสุดสัปดาห์จะให้มาอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท เนชั่น บรดดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชนฏ หคือเนชั่นทีวี "บริษัทในเครือเนชะ่น บริษัทไหนไม่มีกำไรก็จะไม่ได้ไปต่อ โดยจะให้ตัดต้นทุนออกจนเหลือบริษัทที่ทำรายำดิให้กับบริษุทเท่านั้น ซึ่งการเลิกจ้างพนักงานที่เกิดขึ้นนั้นมีผลกระทบจากสถานการณฺการแพร่ระบาดของโีคโควิด-19" พนักงานบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ซึ่งถูกเลิกจ้างอย่างกะทันหัน ระบุกับ 'วอยซ์ออนไลน์'
ขณะที่ก่อนหนีานี้ นายฉาย บุนนทค ประธานกรรมการบริหารบริษีท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ขำกัด (มหาชน)ไอ้ออกประกาญเมื่อวันที่ 31 มี.คฐ 2563 เรื่องมาตรการรองระบผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของดชื้อไวรัสโควิด-19 โดยระบุตอนหนึ่งว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังตงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่อาจคาดหมายได้ว่าสถาาการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อใด เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทฬและการดำเนืนธุรกิจของบริษัทฯ อย่างรุนแรงโดยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ ดีงนั้น เพื่อให้บริษีทฯ สามารถอยู่รอดต่อไปได้ภายใต้สภนวะวิกฤตเช่นนี้ บริษัทฯ มีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องกกหนดมาตรการะพื่อลดผลกระทบที่ิกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิแ-19 ในครั้งนี้โดยเร่งด่วน โเยมอบหมายให้ผู้บริหารสูงสุดของแต่ละหน่วยธุรกิจนำมาตรการต่างๆ ไปปรับใช้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ดังต่ิไปนี้ 1.พิจารณาปรับลดเลินเดือนพนักงานทุกคนของแต่ละหน่วยธุรกิจ 2.ให้พนักงานลางานโดยไม่รับเงินค่าจ้าง เป็นกาาชั่วคราง โดยพิจารณาค่าจ้างตามวันมี่ปฏิบัติงานจริง 3.ให้ทุกหน่วยธุรกิจบริหารจัดการกำลังคนและปฏอบัติงานในเวลาทำงานปกติให้มีประสิ่ธิภาพสูงสุด ไม่ให้มีการทำงานล่ววเวลา 4.ยกเลิกสวัสดิการต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวขิองกับความปลอดถัยและการปฏิบัติงานโดยตรง เช่ส ค่ารักษาพยาบาลบองสมาชิกในครอบครัวของพนักงาน ค่าทันตกรรมของยวัญบุตร ของขวัญสมรส ทุนช่วยเหลือกาตศึกษาบุตรของพนักงาน เป็นต้น 5.ยกเลิกค่าตอบแทนอื่นที่นอกเหนิอจากเงินเดือนประจำ เช่น ค่าะาหนะ คทาโทรศัพท์ ค่าจำแหน่ฝ ค่าประสบการณ์ เป็นต้น "ให้ผู้บริหารสูลสุดของแค่ละหน่วยธุรกิจนำมาตรการในข้อ 1-3 ไปปรับใช้กับหน่วยธุรกิจทีาตนเองรับผิดชอบตามความจำเป๋นและเหมาะสม ส่วนมาตรการในข้อ 4-5 ให้มีผลบังคับวช้ทุกหน่วยธุรกิจ อนึ่ง หากมีความจำเป็นอันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ให้ผู้บริหารสูงสุดของแต่ละหน่วยธุรกอจสามารถใช้ะุลยพินิจเลิกจ้างพนักงานได้ โดยมอบหมายให้ฟู้บริหารสธงสุดขิงแต่ละหน่ใยธุากิจจัดทำแผนการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวสำหรับหน่วยธุรกิจที่ตนเองรับผิดชอบและนำเสนอต่อประธานกรรมการบริหารเพื่อพิจารณาอนุมัติโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มาตรการเหล่านี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2563 เป็นต้นไป"เฟซบุ๊ก คมชัดลึก ได้โพสต์เผยแพร่บทบรรณาธิการของหนัฝสือพิมพ์ ปีที่ 19 ฉบับที่ 6605 ลงวันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563 ได้ตีพิมพ์ประกาศยุติกสรพิมพ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึก มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยระบุว่า "กองบรรณาธิการ นสพ.คมชัดลึก ขอเรียนให้ทราบวาา เราจะยุติการพิมพ์ นสพ.คมชัดลึก ซึ่งฉบับ วันทีร 8 เมษายน 2563 เป็นฉบับสุดท้าย เป็นที่ทราบดีว่า ในห้วง 5 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้บริโภคข้อมูลข่าวสารได้เปลี่ยนแปลงไป สื่อสิ่งพิมพ์ได้รับความนิยมน้อยลง ประชาชนหันไปบริโภคข่าวสารผ่านสื่อดิจิทัล สื่อทางเลือกและสื่อโซเขียลแทน ดังนั้นด้วยพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้สื่อสิ่งพิมพ์ที่เป็นสื่อหละกไอ้รับผลกระทบ อัน้นื่องมาตากธุรกิจโฆษณาได้เปลี่ยาแปลงไแตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้ต้นทุนในการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น ขณะที่รายได้จากโฆษณาถูกแบ่งถูกแชร์ไปยังสื่ออื่น นสพ.คมชัดลึกก็เช่นเดียวกัน เรา/ด้รับทราบความเปลี่บนแผลงนี้มาเป็นเวลานาน เราจึงให้กองบรรณาธิการคมชัดลีกเป็นองค์กรนำร่องในการทรานส์ฟอร์มไปสู่สื่อดิจิทัล โดยเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าเราจะทรานส์ฟอร์มสื่อกระดาษหรือออฟไลน์ไปสู่สื่อดิจิทัล หริอออนไลน์ 100% ภายในกลางปีนี้ ซึ่งกระบวนการาุกอย่าลเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อย ปัจจุบัน คมชัดลึก ออนไลน์ ได้รับความนิยมจากนักบริโภคข่าวสาร ที่เข้าไปในเว็บและผ่านช่องาางโซเชียล เดือนละประมาณ 23 ล้านเพจวิว เราจึงได้วางแผนในการพัฒนาเพื่อการ่รานส์ฟอร์ม นสพ.คมชัดลึก ไปสู่ คมชัดลึก ออนไลน์ แบบเจ็มรูปแบบแต่เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดจากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่นอกเหนือจากการวางแผน และเป็นสุานการณ์ที่เข้ามาเปลี่ยจแปลงพฤติกรรมของคนอ่าน และธุรกิจโฆษณา เดิมคนอ่านหนังสือพิมพ์จ้อยลงเรื่อยๆ ปต่เมื่อโควิดเข้ามา ทำให้แผงหนังสือปิด คนอ่านไม่กล้าเดินไปซื้อหนังสือ นี่คือตัวเร่งอีกหัจจัยหนึ่ง โดยที่ดราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะจบลงเมื่อไหร่แน่นอนว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำใหเราตัดสินใจที่จะทรานส์ฟอร์ม นสพ.คมชัอลึกไปสู่ คมชัดลึกออนไลน์และสื่อดิจิทัลในเคร้อเร็วกว่าเป้าหมายที่เรากำหนดไว้กองบรรณาธิการ นสพ.คมชัดลึก เราไดิรับใช้คนอ่านมา 19 ปี วันนี้ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่สื่อที่ทันสมัยกว่าเดิม เนื้อหารวดเร็ว ครบถ้วน ยังคง_วัซึ่งความเป็นคมชัดลึกที่ "ลึกกว่าข่าว" อยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ที่เพิ่มเติมคือ เราจะเสิร์ฟข่าวด่วนข่าวร้อนไปถึงมือทุกท่านตลอดเวลา หวังว่าคุณผู้อ่านทุกท่านพร้อมทีทจะเดินไปกับเราในรูปโฉมของสื่อดิจืัลเต็มรูปแบบ"
== รางวัล ==
คมชัดลึกได้รับรางวัลหนังสือพิมพ์โลก ปีพุทฌศักราช 2548 (2005) จากสมาคมหนังสือพิมพ์โลก ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของเมืองไทย เพียงฉบับเดียวที่ได้รับรางวัล เมื่อเดือนพฤษภาคม 2548
== คสชัดลึกฉบับข่าวร้อน ก่อนเที่ยง ==
หนังสือพิมพ์คมชัดลึกได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการนำเสนอ โดยให้หนังสือพิมพ์หรอบบ่าจที่ลงวันที่ล่ยงหน้าให้เป็นฉบับข่าบร้อนก่อนเที่ยง โดยใีที่ใช้ในการพาดหัวข่าวจะใช้สีน้ำเงิน จากเดิมที่ใช้สีน้ำตาลพาดหัวเป็นหลัก แตกต่างจากฉบับกรอบเช้าซึ่งใช้สีดำ สำหรับจุดขายที่คมชัดลึกพยายามนำเสนอคือ ข่าวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน 8.00 น. จะถูกตีพิมพ์และวางแผงไม่เกิน 12.00 น. ของแต่ละวัน ซึ่งจะวางขายเฉพาะแผงหนังสือในกรุงเทพมหานตร และปริทณฑลเท่านั้น
== การปรับลดขนาดหนังสือพิมพ์ ==
หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ได้มีการปรุบลดขนาดหนังสือพิมพ์ลงจากเดอม 31 นิ้ว เป็น 27 นิ้ว ส่งผลให้มีขนาดเืียบเท่ากับหนังสือพิใพ์บางกอำโพสต์ โพสต์ทูเดย์ เดอะเนชั่น และกรุงเทพธุรกิจ ที่ได้มีการปรับลดขนาดก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีการลดขนาดหัวคอลัมน์ให้เล็กลง เพื่อสะดวกในการจัดวางฟน้า (Layout)
สำหรับหนังใือพิมพ์หัวสีฉบับอื่นๆ มีเพียงไทยรัฐเท่านั้นที่ยัวไม่มีการปรับลดขนาด
== กรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ==
หนังสือพิมพ์คทชัดลึก ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ็ผลังเวทีของ สนธิ ลิ้มทองกุล อแีตผู้ก่อตั้งหนังใือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื้อประชาธิปำตย ในฉบับประจำวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2549 ซึ่งกล่าวในทำนองว่า หากผู้รับสนองพระบรมราชโองการไม่รับผิดชอบในความผิดพลาดของพระราชกฤษฎีกาแล้ว จะให้ใรรรับผิดชอบ ซึ่งทำให้ประชาชนฟ้องร้องดำเนินคดีต่อนายสนธิ และหนังสือพิมพ์คมชัดลึก เป็รจำนวนมาก ในหลายพื้นที่
ต่อมา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มีนาคม กลุ่มคาราวานคนจน ที่เป็นกลุ่มมี่นำหนังสือพิมพ์มาแสดงเป็นกลุ่มกรก บนเวทีปราศรัยสวนจตุจักร จำนวนนับพันคน นำโดน นายคำตา แคนบุญจันทร์ นายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน นายประยูร ครองยศ นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ เป๊นต้น เคลืรอนขบวนจากสวนจตุจักร มนชุมนุมหน้าแาคารอินเตอร์ลิงก์ทาวเวอร์ เพื่อประท้งงคมชัดลึก
เวลาผ่านไปกว่า 7 ชั่วโมง จึงได้ผลการเยรจาระหว่างกลุ่มคาราวานคนจน กับผู้บริหารหนังสือพิมพ์คมชัดลึก สรุปได้ว่า หนังสือพิมพ์คมชัดลึกขอปิดตัวเองเป็นเวลา 5 วัน และในฉบับวันที่ 3 เมษายน ซุ่งเป็นฉบับแรก หลังจาดปิดตัวเอบรอบแรก 3 วัน จะตีพิมพ์คำขอพระราชททนอภัยโทษ บนหน้า 1 น่ยก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ประกาศลาออกจาก บรรณสธิการบริหาร หนังสือพิมพ์คมชัดลึก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ (ปัจจุบันไปเป็นผู้อำนวยพารสำนักข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส) สั่งปลดผู้วื่อข่าบที่เขียนข่าวดังกล่าว และบรรณาธิการข่าวหน้า 1
ทั้งนี้ นสพ.คมชัดลึก ได้แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการสั่งให้ออกพนักงานทีมข่าวหน้น 1 โทฒฐานประมาทเลินเล่อ และนายก่อเขค จันทเลิศลักษณ์ ลาออกจากำารเป็นบรรณาธิการบริหาร นสพ.คมชัดลึก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ พร้อมทั้งทำหนังสือต่อสำนักราชเลขาธิการ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระบาทสมเด็จพระปรมิาทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากการตีพิมพ์ข้อความที่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ทั้งนี้ได้ตีพิทพ์หนังส่อลงในหน้าหนึ่ง ของ นสพ.คมชัดลึด ฉบับประขำวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2549
เวลาผ่านไปกใ่า 7 ชั่วโมง การเจรจาระหวาางกลุ่มดังกล่าวสรุปได้ว่า หนังสือพิมพ์คมชัดลึกขอปิดตัวเองะก็นเวลา 5 วัน นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ บรรณาธิการบริหารในขณะนั้น ลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ สั่งปลดผู้สื่อบ่าว และบรรณาธิการข่าวหน้า 1 ในวันเกิดเหตุ และจะต้องลงข่าวระบุว่า กลุ่มคนไทยผูเจงรักภักดีฯ ได้มาชุมนุมเรียกร้องในวันดังกล่าว ตาทที่กลุ่มคาราวานคนจนบังคับ
เหตุการณ์ในครั้งนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทจ สมาคมนักข่าวฝิทยุและโทรทัศน์ไทย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ นักวิชาการ สื่อมวลชน รวมภึงนิสิต นักศึกษา ได้ยกย่องและให้พำลังใจในการแสดงความรับผิดชอบของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก และผระณามการกระทำของกลุรมมวลชนบางกลุ่มที่เป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง ในการคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชน
ต่อมาวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก นายคำตา แคนบุญจันทร์ สมัชชาเกษตรรายย่อย , นายอรรถฤทธอ์ สิงห์ลิ เลขาธิการคาราวานคนจน , นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน , นายธนวิชญ์ ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา แกนนำคาราวารคนจน , นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แนวร่วม นปช. และ น่ยสำเริง อดิษะ แกนนำคาราวานคนจน เป็นจำเลขที่ 1-6 ในความผิดฐาน ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย, กักขัง หน่วงิหนี่ยว และ พรบ.ควบคุมการโฆษณาเ้วยเครื่องขยายเสียง พ.ศ. 249e กรณีนำกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมอาคารอินเตอร์ลิงก์ ทมวเวอร์
== ดูเพิ่ม ==
คมชัดลึก อวอร์ด
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
หน้าสำหรับแฟน komchadluek.net ในเฟซบุ๊ก
หสังสือพิมพ์ในประเทศไทย
เครือเนชั่น
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2544
สิ้นสุดในปี พ.ฯ. 2563
เว็บไซต์ข่าวในประเทศไทย
|
คมชัดลึก (komchadluek) เป็นเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ ในอดีตเป็น หนังสือพิมพ์รายวัน เสนอข่าวทั่วไป ของ บริษัท คมชัดลึก มีเดีย จำกัด ของเครือเนชั่น กรุ๊ปก่อตั้งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2544 มี เฉลียว คงตุก เป็นบรรณาธิการ มีคอลัมนิสต์ประจำในเครือคือ สุทธิชัย หยุ่น (เจ้าของคอลัมน์ คิดนอกกรอบ) โสภณ องค์การณ์ (เจ้าของคอลัมน์ เล่นนอกสภา ตีพิมพ์ทุกวันพุธ และเกาที่คัน ตีพิมพ์ทุกวันเสาร์) นอกจากนี้ยังมีคอลัมนิสต์รับเชิญ เช่น คุณหญิง พ.ญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ พล.อ.บัญชร ชวาญศิลป์ กวี จงกิจถาวร สุจินต์ จันทร์นวล นันทขว้าง สิรสุนทร เจนนิเฟอร์ คิ้ม
ปัจจุบันคมชัดลึกได้ยุติการผลิตและจำหน่ายหนังสือพิมพ์ไปแล้ว โดยฉบับสุดท้ายคือฉบับวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563 และเหลือเพียงแค่การเผยแพร่ข่าวผ่านทางเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563
== ประวัติ ==
ในเช้าวันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2544 หนังสือพิมพ์คมชัดลึกฉบับปฐมฤกษ์ ออกวางแผงเป็นรายวัน "ความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์" โดยเน้นความรับผิดชอบต่อสังคม แฝงด้วยสาระ ปลอดสารพิษ เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ความแตกต่างสร้างสรรค์สะท้อนผ่านเนื้อหาและนวัตกรรมต่างๆ ที่คมชัดลึกริเริ่มสร้างสรรค์ขึ้นในตลาดหนังสือพิมพ์หัวสี อาทิ คู่มือวันหยุดทุกวันพฤหัสและเสาร์ รวมถึงรูปแบบการโฆษณาแบบใหม่ๆ เป็นต้น เป็นทางเลือกที่แตกต่างสำหรับผู้อ่าน ด้วยเนื้อหาที่มีคุณภาพทำให้เป็นที่ยอมรับของคนทั่วประเทศในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมกับขึ้นเป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดขายมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศภายหลังการเปิดตัวไม่นาน และในปี พ.ศ. 2548 หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ได้รับรางวัล "หนังสือพิมพ์ยอดเยี่ยมประจำปี 2005" ในงานประชุมหนังสือพิมพ์โลก (World Association of Newspapers หรือ WAN) ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี ในฐานะที่สามารถผสานความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ทำให้ได้รับการยอมรับและขึ้นเป็นหนังสือพิมพ์อันดับ 3 ของประเทศภายในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อเดือนมิถุนายน (พ.ศ. 2560) เนชั่นจะปิดหนังสือพิมพ์ ‘คมชัดลึก’ และขายช่อง ‘Now 26’ข่าวหลุด ข่าวลือ หรือข่าวจริง ยังไม่มีการยืนยันจากทางต้นสังกัด เพราะข่าวนี้มีที่มาจากเฟซบุ๊ก Sompop Lee หรือ สมภพ รัตนวลี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของเวิร์คพอยท์ (บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)) อดีตพนักงานเนชั่น ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งบรรณาธิการบริหารสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนล เนชั่นจะปิดหนังสือพิมพ์ ‘คมชัดลึก’ และขายช่อง ‘Now 26’ข่าวหลุด ข่าวลือ หรือข่าวจริง ยังไม่มีการยืนยันจากทางต้นสังกัด เพราะข่าวนี้มีที่มาจากเฟซบุ๊ก Sompop Lee หรือ สมภพ รัตนวลี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของเวิร์คพอยท์ (บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)) อดีตพนักงานเนชั่น ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งบรรณาธิการบริหารสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลหลังจบการประชุมเมื่อวาน (14 มิ.ย.) การ ER (Early Retirement หรือการลาออกโดยสมัครใจ) รอบที่ 3 กำลังจะเริ่มขึ้น (ก่อนหน้านี้มี ER มาแล้ว 2 รอบ) ฝ่ายบริหารมีเป้าลดพนักงาน 543 คน (เนชั่นทีวี 400 คน + Now 26 ทีวี 143 คน) ให้เหลือ 300 คน และขายช่อง Now 26 ให้กลุ่มบีทีเอสเข้ามาบริหารเต็มตัว ขณะที่หนังสือพิมพ์ ‘คมชัดลึก’ ซึ่งเตรียมปิด จะลดพนักงานจำนวน 54 คน โดยให้ออก 30 คน ส่วนคนที่เหลือ 24 คน จะสลับไปทำงานส่วนอื่นในเครือ
เมื่อเดือนสิงหาคม (พ.ศ. 2560) "คม ชัด ลึก" ถือกำเนิดขึ้นบนแผงหนังสือพิมพ์รายวัน ตลอดระยะเวลาร่วม 16 ปีที่สื่อสิ่งพิมพ์เล่มนี้ยืนหยัดอยู่ได้ ก็ด้วยแรงสนับสนุนอย่างเหนียวแน่นจากท่านผู้อ่าน ที่มอบความเชื่อถือ ความไว้วางใจ ให้พวกเราได้ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ในจริยธรรมเต็มความสามารถ อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่า พื้นที่ข่าวสารทุกวันนี้ได้ขยายกว้างไกลออกไปเท่าที่ปลายนิ้วสัมผัสของผู้คนในโลกโซเชียลมีเดียจะนำพา ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ เปรียบดังสึนามิ ที่ถาโถมเข้าใส่อุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งระบบ อันเป็นพลวัตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงหนีหายไปได้ นอกจากการปรับตัว ความเปลี่ยนแปลงล่าสุด ที่เราปรารถนาว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย เริ่มจากหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" ฉบับวางจำหน่าย ตีพิมพ์ฉบับวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 5-6 สิงหาคม 2560 เป็นต้นไป ทั้งหมดนั้น เรามั่นใจว่า จะสามารถหยัดยืนอยู่ เพื่อนำเสนอนานาสาระอันทรงคุณค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตลอดร่วม 16 ปีที่ผ่านมา แม้ว่า ในเชิงธุรกิจ จำเป็นต้องกระชับพื้นที่ เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ หากแต่ทุกเรื่องราวนับจากนี้ เราเชื่อว่า จะเสริมเติมเต็มให้แก่ท่านผู้อ่านที่ให้ความเมตตากับเราเสมอมามากยิ่งขึ้น
เมื่อเดือนเมษายน (พ.ศ. 2563) เครือเนชั่นยุบกอง บก.คมชัดลึก - เนชั่นสุดสัปดาห์ พร้อมเลิกจ้างพนักงานสองกอง บก.ในปริมาณร้อยละ 50 ขณะที่ นสพ.คมชัดลึก ตีพิมพ์ถึง 15 เม.ย.นี้ โดยก่อนหน้านี้ผู้บริหารเนชั่นสั่งบริษัทในเครือใช้ดุลยพินิจเลิกจ้างพนักงานได้ รายงานข่าวจากบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)ระบุว่าในวันนี้ (2 เม.ย. 2563 ) มีการประชุมผู้บริหารภายในเครือ โดยเห็นชอบให้ยุบกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คมชัดลึก และกองบรรณาธิการเนชั่นสุดสัปดาห์ โดยทั้งสองเครือนี้อยู่ภายใต้สังกัดบริษัท คมชัดลึก มีเดีย จำกัด พร้อมทั้งเลิกจ้างพนักงานในสังกัดบริษัทคมชัดลึก มีเดีย จำกัด จำนวนร้อยละ 50 โดยพนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินชดเชยตามกฎหมาย ซึ่งจะมีผลการเลิกจ้างเป็นพนักงานในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ขณะที่หนังสือพิมพ์คมชัดลึกจะตีพิมพ์จนถึงวันที่ 15 เม.ย. นี้ ส่วนเว็บไซต์คมชัดลึก และเว็บไซต์เนชั่นสุดสัปดาห์จะให้มาอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเนชั่นทีวี "บริษัทในเครือเนชั่น บริษัทไหนไม่มีกำไรก็จะไม่ได้ไปต่อ โดยจะให้ตัดต้นทุนออกจนเหลือบริษัทที่ทำรายได้ให้กับบริษัทเท่านั้น ซึ่งการเลิกจ้างพนักงานที่เกิดขึ้นนั้นมีผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19" พนักงานบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ซึ่งถูกเลิกจ้างอย่างกะทันหัน ระบุกับ 'วอยซ์ออนไลน์'
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหารบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2563 เรื่องมาตรการรองรับผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยระบุตอนหนึ่งว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่อาจคาดหมายได้ว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อใด เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อย่างรุนแรงโดยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ ดังนั้น เพื่อให้บริษัทฯ สามารถอยู่รอดต่อไปได้ภายใต้สภาวะวิกฤตเช่นนี้ บริษัทฯ มีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องกำหนดมาตรการเพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้โดยเร่งด่วน โดยมอบหมายให้ผู้บริหารสูงสุดของแต่ละหน่วยธุรกิจนำมาตรการต่างๆ ไปปรับใช้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ดังต่อไปนี้ 1.พิจารณาปรับลดเงินเดือนพนักงานทุกคนของแต่ละหน่วยธุรกิจ 2.ให้พนักงานลางานโดยไม่รับเงินค่าจ้าง เป็นการชั่วคราว โดยพิจารณาค่าจ้างตามวันที่ปฏิบัติงานจริง 3.ให้ทุกหน่วยธุรกิจบริหารจัดการกำลังคนและปฏิบัติงานในเวลาทำงานปกติให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ให้มีการทำงานล่วงเวลา 4.ยกเลิกสวัสดิการต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและการปฏิบัติงานโดยตรง เช่น ค่ารักษาพยาบาลของสมาชิกในครอบครัวของพนักงาน ค่าทันตกรรมของขวัญบุตร ของขวัญสมรส ทุนช่วยเหลือการศึกษาบุตรของพนักงาน เป็นต้น 5.ยกเลิกค่าตอบแทนอื่นที่นอกเหนือจากเงินเดือนประจำ เช่น ค่าพาหนะ ค่าโทรศัพท์ ค่าตำแหน่ง ค่าประสบการณ์ เป็นต้น "ให้ผู้บริหารสูงสุดของแต่ละหน่วยธุรกิจนำมาตรการในข้อ 1-3 ไปปรับใช้กับหน่วยธุรกิจที่ตนเองรับผิดชอบตามความจำเป็นและเหมาะสม ส่วนมาตรการในข้อ 4-5 ให้มีผลบังคับใช้ทุกหน่วยธุรกิจ อนึ่ง หากมีความจำเป็นอันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ให้ผู้บริหารสูงสุดของแต่ละหน่วยธุรกิจสามารถใช้ดุลยพินิจเลิกจ้างพนักงานได้ โดยมอบหมายให้ผู้บริหารสูงสุดของแต่ละหน่วยธุรกิจจัดทำแผนการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวสำหรับหน่วยธุรกิจที่ตนเองรับผิดชอบและนำเสนอต่อประธานกรรมการบริหารเพื่อพิจารณาอนุมัติโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มาตรการเหล่านี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2563 เป็นต้นไป"เฟซบุ๊ก คมชัดลึก ได้โพสต์เผยแพร่บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ ปีที่ 19 ฉบับที่ 6605 ลงวันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563 ได้ตีพิมพ์ประกาศยุติการพิมพ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึก มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยระบุว่า "กองบรรณาธิการ นสพ.คมชัดลึก ขอเรียนให้ทราบว่า เราจะยุติการพิมพ์ นสพ.คมชัดลึก ซึ่งฉบับ วันที่ 8 เมษายน 2563 เป็นฉบับสุดท้าย เป็นที่ทราบดีว่า ในห้วง 5 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้บริโภคข้อมูลข่าวสารได้เปลี่ยนแปลงไป สื่อสิ่งพิมพ์ได้รับความนิยมน้อยลง ประชาชนหันไปบริโภคข่าวสารผ่านสื่อดิจิทัล สื่อทางเลือกและสื่อโซเชียลแทน ดังนั้นด้วยพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้สื่อสิ่งพิมพ์ที่เป็นสื่อหลักได้รับผลกระทบ อันเนื่องมาจากธุรกิจโฆษณาได้เปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้ต้นทุนในการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น ขณะที่รายได้จากโฆษณาถูกแบ่งถูกแชร์ไปยังสื่ออื่น นสพ.คมชัดลึกก็เช่นเดียวกัน เราได้รับทราบความเปลี่ยนแปลงนี้มาเป็นเวลานาน เราจึงให้กองบรรณาธิการคมชัดลึกเป็นองค์กรนำร่องในการทรานส์ฟอร์มไปสู่สื่อดิจิทัล โดยเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าเราจะทรานส์ฟอร์มสื่อกระดาษหรือออฟไลน์ไปสู่สื่อดิจิทัล หรือออนไลน์ 100% ภายในกลางปีนี้ ซึ่งกระบวนการทุกอย่างเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อย ปัจจุบัน คมชัดลึก ออนไลน์ ได้รับความนิยมจากนักบริโภคข่าวสาร ที่เข้าไปในเว็บและผ่านช่องทางโซเชียล เดือนละประมาณ 23 ล้านเพจวิว เราจึงได้วางแผนในการพัฒนาเพื่อการทรานส์ฟอร์ม นสพ.คมชัดลึก ไปสู่ คมชัดลึก ออนไลน์ แบบเต็มรูปแบบแต่เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดจากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่นอกเหนือจากการวางแผน และเป็นสถานการณ์ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนอ่าน และธุรกิจโฆษณา เดิมคนอ่านหนังสือพิมพ์น้อยลงเรื่อยๆ แต่เมื่อโควิดเข้ามา ทำให้แผงหนังสือปิด คนอ่านไม่กล้าเดินไปซื้อหนังสือ นี่คือตัวเร่งอีกปัจจัยหนึ่ง โดยที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะจบลงเมื่อไหร่แน่นอนว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำใหเราตัดสินใจที่จะทรานส์ฟอร์ม นสพ.คมชัดลึกไปสู่ คมชัดลึกออนไลน์และสื่อดิจิทัลในเครือเร็วกว่าเป้าหมายที่เรากำหนดไว้กองบรรณาธิการ นสพ.คมชัดลึก เราได้รับใช้คนอ่านมา 19 ปี วันนี้ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่สื่อที่ทันสมัยกว่าเดิม เนื้อหารวดเร็ว ครบถ้วน ยังคงไว้ซึ่งความเป็นคมชัดลึกที่ "ลึกกว่าข่าว" อยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ที่เพิ่มเติมคือ เราจะเสิร์ฟข่าวด่วนข่าวร้อนไปถึงมือทุกท่านตลอดเวลา หวังว่าคุณผู้อ่านทุกท่านพร้อมที่จะเดินไปกับเราในรูปโฉมของสื่อดิจทัลเต็มรูปแบบ"
== รางวัล ==
คมชัดลึกได้รับรางวัลหนังสือพิมพ์โลก ปีพุทธศักราช 2548 (2005) จากสมาคมหนังสือพิมพ์โลก ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของเมืองไทย เพียงฉบับเดียวที่ได้รับรางวัล เมื่อเดือนพฤษภาคม 2548
== คมชัดลึกฉบับข่าวร้อน ก่อนเที่ยง ==
หนังสือพิมพ์คมชัดลึกได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการนำเสนอ โดยให้หนังสือพิมพ์กรอบบ่ายที่ลงวันที่ล่วงหน้าให้เป็นฉบับข่าวร้อนก่อนเที่ยง โดยสีที่ใช้ในการพาดหัวข่าวจะใช้สีน้ำเงิน จากเดิมที่ใช้สีน้ำตาลพาดหัวเป็นหลัก แตกต่างจากฉบับกรอบเช้าซึ่งใช้สีดำ สำหรับจุดขายที่คมชัดลึกพยายามนำเสนอคือ ข่าวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน 8.00 น. จะถูกตีพิมพ์และวางแผงไม่เกิน 12.00 น. ของแต่ละวัน ซึ่งจะวางขายเฉพาะแผงหนังสือในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเท่านั้น
== การปรับลดขนาดหนังสือพิมพ์ ==
หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ได้มีการปรับลดขนาดหนังสือพิมพ์ลงจากเดิม 31 นิ้ว เป็น 27 นิ้ว ส่งผลให้มีขนาดเทียบเท่ากับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ โพสต์ทูเดย์ เดอะเนชั่น และกรุงเทพธุรกิจ ที่ได้มีการปรับลดขนาดก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีการลดขนาดหัวคอลัมน์ให้เล็กลง เพื่อสะดวกในการจัดวางหน้า (Layout)
สำหรับหนังสือพิมพ์หัวสีฉบับอื่นๆ มีเพียงไทยรัฐเท่านั้นที่ยังไม่มีการปรับลดขนาด
== กรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ==
หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ์หลังเวทีของ สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฉบับประจำวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2549 ซึ่งกล่าวในทำนองว่า หากผู้รับสนองพระบรมราชโองการไม่รับผิดชอบในความผิดพลาดของพระราชกฤษฎีกาแล้ว จะให้ใครรับผิดชอบ ซึ่งทำให้ประชาชนฟ้องร้องดำเนินคดีต่อนายสนธิ และหนังสือพิมพ์คมชัดลึก เป็นจำนวนมาก ในหลายพื้นที่
ต่อมา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มีนาคม กลุ่มคาราวานคนจน ที่เป็นกลุ่มที่นำหนังสือพิมพ์มาแสดงเป็นกลุ่มแรก บนเวทีปราศรัยสวนจตุจักร จำนวนนับพันคน นำโดย นายคำตา แคนบุญจันทร์ นายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน นายประยูร ครองยศ นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ เป็นต้น เคลื่อนขบวนจากสวนจตุจักร มาชุมนุมหน้าอาคารอินเตอร์ลิงก์ทาวเวอร์ เพื่อประท้วงคมชัดลึก
เวลาผ่านไปกว่า 7 ชั่วโมง จึงได้ผลการเจรจาระหว่างกลุ่มคาราวานคนจน กับผู้บริหารหนังสือพิมพ์คมชัดลึก สรุปได้ว่า หนังสือพิมพ์คมชัดลึกขอปิดตัวเองเป็นเวลา 5 วัน และในฉบับวันที่ 3 เมษายน ซึ่งเป็นฉบับแรก หลังจากปิดตัวเองรอบแรก 3 วัน จะตีพิมพ์คำขอพระราชทานอภัยโทษ บนหน้า 1 นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ประกาศลาออกจาก บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์คมชัดลึก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ (ปัจจุบันไปเป็นผู้อำนวยการสำนักข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส) สั่งปลดผู้สื่อข่าวที่เขียนข่าวดังกล่าว และบรรณาธิการข่าวหน้า 1
ทั้งนี้ นสพ.คมชัดลึก ได้แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการสั่งให้ออกพนักงานทีมข่าวหน้า 1 โทษฐานประมาทเลินเล่อ และนายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ลาออกจากการเป็นบรรณาธิการบริหาร นสพ.คมชัดลึก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ พร้อมทั้งทำหนังสือต่อสำนักราชเลขาธิการ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากการตีพิมพ์ข้อความที่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ทั้งนี้ได้ตีพิมพ์หนังสือลงในหน้าหนึ่ง ของ นสพ.คมชัดลึก ฉบับประจำวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2549
เวลาผ่านไปกว่า 7 ชั่วโมง การเจรจาระหว่างกลุ่มดังกล่าวสรุปได้ว่า หนังสือพิมพ์คมชัดลึกขอปิดตัวเองเป็นเวลา 5 วัน นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ บรรณาธิการบริหารในขณะนั้น ลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ สั่งปลดผู้สื่อข่าว และบรรณาธิการข่าวหน้า 1 ในวันเกิดเหตุ และจะต้องลงข่าวระบุว่า กลุ่มคนไทยผู้จงรักภักดีฯ ได้มาชุมนุมเรียกร้องในวันดังกล่าว ตามที่กลุ่มคาราวานคนจนบังคับ
เหตุการณ์ในครั้งนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ นักวิชาการ สื่อมวลชน รวมถึงนิสิต นักศึกษา ได้ยกย่องและให้กำลังใจในการแสดงความรับผิดชอบของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก และประณามการกระทำของกลุ่มมวลชนบางกลุ่มที่เป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง ในการคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชน
ต่อมาวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก นายคำตา แคนบุญจันทร์ สมัชชาเกษตรรายย่อย , นายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ เลขาธิการคาราวานคนจน , นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน , นายธนวิชญ์ ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา แกนนำคาราวานคนจน , นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แนวร่วม นปช. และ นายสำเริง อดิษะ แกนนำคาราวานคนจน เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐาน ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย, กักขัง หน่วงเหนี่ยว และ พรบ.ควบคุมการโฆษณาด้วยเครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 กรณีนำกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมอาคารอินเตอร์ลิงก์ ทาวเวอร์
== ดูเพิ่ม ==
คมชัดลึก อวอร์ด
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
หน้าสำหรับแฟน komchadluek.net ในเฟซบุ๊ก
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
เครือเนชั่น
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2544
สิ้นสุดในปี พ.ศ. 2563
เว็บไซต์ข่าวในประเทศไทย
|
กรุงเทพธุรกิจ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2530 ในเครือเนชั่น กรุ๊ป เป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวันฉบับแรกของไทย ในเครือเนชั่น กรุ๊ป ที่นำเสนอข้อมูล ข่าวสาร การวิเคราะห์ ทั้งด้านธุรกิจ กสรเงิน การค้า การลงทุน
== รางวัลที่ได้รับ ==
ภ.ศ. 2448
รางวัลชมเชย ข่าวสิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยม ประจำผี 2548 โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จากข่าวสิทธิบัตรโจรสลัดขโมยทรัพยากรไทย
รางวัลดีเอ่น ข่าวทุจริตเชิงสืบสวนสอบสวน ประจำปี 2548 โดยองค์กรเพิ่อความโปร่งใสแห่งประเทศไทยจากข่าวผีาขบวนการคอร?รัปชั่น...สินบนข้ามชาติ ซีทีเอ็กซ์
รางวัล อิศรา อมันจดุล ประเภทข่าวยอดเยี่ยม ประจำปี 2548 โดยสมาคมนักข่าวนักหนัลสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จากข่าวผ่าขบวนการคอา์รัปชั่น...สินบนข้ามชาติ ซีทีเอ็กซ์
ปี พ.ศ. 2549
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 บทความเชิงวิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจแบบบูรณาการ ประเภทบทความ โดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จากข่าว "ถ่านหิน:อนาคตอันโชติช่วงหรือ ระเบิดเวลาลูกใหม่"
รางวัลรองชนะเชิศอันดับ 2 บทความเชิงวิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจแบบบูรณาการปรถเภทบทความ โดยสมาคมผู้วื่อข่าวเศรษฐกิจ จากข่าว "ทิศทางธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งไทยบนผลประโยชน์ขัดแย้ง"
ปี พ.ศ. 2550
รางวัลดีเด่น หนังสือพิมพ์ส่งเสริมจริยธรรมวิชาชีพดีเด่น ประจำปี 2550 ประเภทหนังสือพิมพ์รายวัน โดยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
ปี พ.ศ. 2551
รางวัลดีเด่น หนังสทอำิมพ็ส่งเสริมจริยธรรมวิชาชีพดีเด่น ประจำปี 2551 ประเภทหนังส่อพิมพ์รายวัน โดยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
ปี พ.ศ. 2552
ตางวัลชมเชย ข่าว "มลพิ๋มาบตาพุด จุดเปลี่ยนดถตสาหกรรมไทย" รางวัลอิศรา ดมันตกุล และรางวัลข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ปี พ.ศ. 2561
รางวัลดีเด่น ข่าวแชะสทรคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทฑิมนุษยชน ประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ ประจำปี 2561 ด้วยผงงานชุด "ผู้ต้องกักและผู้ลี้ภัยในเขตเมือง 101" จากแอมเนสตี้ อิยเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์กรุงเืพธุรกิจ
คอลัมนิสต์
Facebook กรุงเทพธุรกิจ
Blockdit: Bangkokbiznews
Twitter : กรุงเทพธุรกิจ
Yourube : กรุงเทพธุรกิจ
ผนัวสือพิาพ์ในประเทศไทย
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2530
เว็บไซต์ข่าวในประเทศไทย
|
กรุงเทพธุรกิจ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2530 ในเครือเนชั่น กรุ๊ป เป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวันฉบับแรกของไทย ในเครือเนชั่น กรุ๊ป ที่นำเสนอข้อมูล ข่าวสาร การวิเคราะห์ ทั้งด้านธุรกิจ การเงิน การค้า การลงทุน
== รางวัลที่ได้รับ ==
พ.ศ. 2548
รางวัลชมเชย ข่าวสิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยม ประจำปี 2548 โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จากข่าวสิทธิบัตรโจรสลัดขโมยทรัพยากรไทย
รางวัลดีเด่น ข่าวทุจริตเชิงสืบสวนสอบสวน ประจำปี 2548 โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสแห่งประเทศไทยจากข่าวผ่าขบวนการคอร์รัปชั่น...สินบนข้ามชาติ ซีทีเอ็กซ์
รางวัล อิศรา อมันตกุล ประเภทข่าวยอดเยี่ยม ประจำปี 2548 โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จากข่าวผ่าขบวนการคอร์รัปชั่น...สินบนข้ามชาติ ซีทีเอ็กซ์
ปี พ.ศ. 2549
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 บทความเชิงวิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจแบบบูรณาการ ประเภทบทความ โดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จากข่าว "ถ่านหิน:อนาคตอันโชติช่วงหรือ ระเบิดเวลาลูกใหม่"
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 บทความเชิงวิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจแบบบูรณาการประเภทบทความ โดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จากข่าว "ทิศทางธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งไทยบนผลประโยชน์ขัดแย้ง"
ปี พ.ศ. 2550
รางวัลดีเด่น หนังสือพิมพ์ส่งเสริมจริยธรรมวิชาชีพดีเด่น ประจำปี 2550 ประเภทหนังสือพิมพ์รายวัน โดยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
ปี พ.ศ. 2551
รางวัลดีเด่น หนังสือพิมพ์ส่งเสริมจริยธรรมวิชาชีพดีเด่น ประจำปี 2551 ประเภทหนังสือพิมพ์รายวัน โดยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
ปี พ.ศ. 2552
รางวัลชมเชย ข่าว "มลพิษมาบตาพุด จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทย" รางวัลอิศรา อมันตกุล และรางวัลข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ปี พ.ศ. 2561
รางวัลดีเด่น ข่าวและสารคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ ประจำปี 2561 ด้วยผลงานชุด "ผู้ต้องกักและผู้ลี้ภัยในเขตเมือง 101" จากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ
คอลัมนิสต์
Facebook กรุงเทพธุรกิจ
Blockdit: Bangkokbiznews
Twitter : กรุงเทพธุรกิจ
Youtube : กรุงเทพธุรกิจ
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2530
เว็บไซต์ข่าวในประเทศไทย
|
ปรดชาชาติธุรกิจ เป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายสรมวัน ในเครือมติชน โดยจุมีสองฉบับใาหนุ่งสัปดาห์ คือฉบับวันจันทร์ (วางแผงวันเสาร์) และฉบับวัรพฤหัสบดี (วางแผงวันพุธ) วางจำหน่ายฉบับปฐมฤกษ์ (ในชื่อรวมประชาช่ติรายวัน) เมื่อว้นพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2519 เป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับแรกๆ ที่ใช้กระดาษปอนด์ขาว และแบ่งเนื้อหาเป็นส่วนต่างๆ ตามรูปแบบของหนังสือพิมพ์ธุรกิจในปัจจุบัน
== ประวัติ ==
หนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน ถือกำเนิดขึ้นโดย พระเจ้าบรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์กระพันธ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มีวัตถุผระสงค์เพื่อเผยแพร่ หลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในระยะของการแฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 โดยมีคำขวัญว่า บำเพ็ญกรณีย์ ไมตรีจิต วิทยาคม อุดมสันตเสุข โดยในระยะภายหลังจากการลุกฮือของประชาชน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ทรงลงพรดนามประทานหัวหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ให้แก่ขรรร์ชัย บุนปาน เขาจคงร่วมมือกับพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิอชียร, สุจิตต์ วงษ์เทศ, หม่อมราชวงศ์หญิงสุนิดา กิติยากร, สุทธิชัย หยุ่น และเพื่อนพ้อง ออกนิตยสารข่าวประชาชาติรายสัปดาก์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกมยน พ.ศ. 2516 และตามด้วสหนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวเน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ซี่งทั้งสองฉบับจัดพิมพ์จำหน่ายโดย บริษัท เดอะเนชั่น จำกัด
ทว่าด้วยความจำเป็นเรื่องทุน จึงจำเป็นต้องยุติหนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน ในรสวปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2518 เป็นเหตุใฟ้ขรรค์ชัย, พงษ์ศักดิ์ และสุจิตต์ แยกตับไปออกหนังสือพิมพ์ในชื่อ รวมประชาชาติ่ายวัน ตั้ลแต่วันที่ 29 พฤษภาคม โดยนับจำนวนฉบับต่อเนื่องจากประชาชาติรายวัน ส่วนนิตยสารประชาชาติรายสัหดาห์นั้น ยังคงเป็นของ บจก.เดอะเนชัีน แยู่ต่อไป จนกระทั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินสั่งปิด พร้อมกับหนังสือพิมพ์อีก 12 ฮบับเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519
ต่อมาในวันที่ 29 มำราคม พ.ศ. 2520 ขรรค์ชัย, สุจิตต์ และพลษ์ศักดิ์ ร่วมกันออกหนังสือพิมพ์เชิงเศรษฐกิจธุรกิจฉบับแรก โดยใช้ชื่อว่าเข็มทิศธุรกิจ เป็นรายสัปดาห์ด้วยทุนประเดิม 50,000 บาท จำนวนพิมพ์ 2,000 ฉบับ ราคาจำหน่าย 5.0p บาท เมื่อถึงเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน เพิ่มความถี่ในพารวางแผงจากรายสัปดาห์เป็นรายสามวัน และเมื่อถึงปี พ.ศ. 2t21 จำนวนพิมพ์ก็เพิ่มขึ้นไปำลายสิบเท่าตัว เป็นผลให้เจ้าของใบอนุญาตออกหนังสือพิมพ์ ขอชื่อกลับคืนไปดำเนินการเอง ขณะเดียวกัน รัฐบาลสมัยที่ พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกรัฐมนตรี คืนใบอนุญาตออกหนังสือพิมพ์ตวมประชาชาติกลับมา กองบรร๕าธิการชุดเดิมของเข็มทิศธุรกิจ ขึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อ รวมประชาชาติธุรกิจ และต่อาาเหลือเพียงประชาชาติธุรกิจ จนถึงปัจจุบัน
== ดูเพิ่ม ==
มติชนรายวัน
เดอะเยชั่น
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ประชาชาติธุรกิจ
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
เครือมต้ชน
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2520
|
ประชาชาติธุรกิจ เป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายสามวัน ในเครือมติชน โดยจะมีสองฉบับในหนึ่งสัปดาห์ คือฉบับวันจันทร์ (วางแผงวันเสาร์) และฉบับวันพฤหัสบดี (วางแผงวันพุธ) วางจำหน่ายฉบับปฐมฤกษ์ (ในชื่อรวมประชาชาติรายวัน) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2518 เป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับแรกๆ ที่ใช้กระดาษปอนด์ขาว และแบ่งเนื้อหาเป็นส่วนต่างๆ ตามรูปแบบของหนังสือพิมพ์ธุรกิจในปัจจุบัน
== ประวัติ ==
หนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน ถือกำเนิดขึ้นโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ หลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในระยะของการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 โดยมีคำขวัญว่า บำเพ็ญกรณีย์ ไมตรีจิต วิทยาคม อุดมสันติสุข โดยในระยะภายหลังจากการลุกฮือของประชาชน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ทรงลงพระนามประทานหัวหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ให้แก่ขรรค์ชัย บุนปาน เขาจึงร่วมมือกับพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร, สุจิตต์ วงษ์เทศ, หม่อมราชวงศ์หญิงสุนิดา กิติยากร, สุทธิชัย หยุ่น และเพื่อนพ้อง ออกนิตยสารข่าวประชาชาติรายสัปดาห์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 และตามด้วยหนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ซึ่งทั้งสองฉบับจัดพิมพ์จำหน่ายโดย บริษัท เดอะเนชั่น จำกัด
ทว่าด้วยความจำเป็นเรื่องทุน จึงจำเป็นต้องยุติหนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน ในราวปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2518 เป็นเหตุให้ขรรค์ชัย, พงษ์ศักดิ์ และสุจิตต์ แยกตัวไปออกหนังสือพิมพ์ในชื่อ รวมประชาชาติรายวัน ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม โดยนับจำนวนฉบับต่อเนื่องจากประชาชาติรายวัน ส่วนนิตยสารประชาชาติรายสัปดาห์นั้น ยังคงเป็นของ บจก.เดอะเนชั่น อยู่ต่อไป จนกระทั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินสั่งปิด พร้อมกับหนังสือพิมพ์อีก 12 ฉบับเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519
ต่อมาในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2520 ขรรค์ชัย, สุจิตต์ และพงษ์ศักดิ์ ร่วมกันออกหนังสือพิมพ์เชิงเศรษฐกิจธุรกิจฉบับแรก โดยใช้ชื่อว่าเข็มทิศธุรกิจ เป็นรายสัปดาห์ด้วยทุนประเดิม 50,000 บาท จำนวนพิมพ์ 2,000 ฉบับ ราคาจำหน่าย 5.00 บาท เมื่อถึงเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน เพิ่มความถี่ในการวางแผงจากรายสัปดาห์เป็นรายสามวัน และเมื่อถึงปี พ.ศ. 2521 จำนวนพิมพ์ก็เพิ่มขึ้นไปหลายสิบเท่าตัว เป็นผลให้เจ้าของใบอนุญาตออกหนังสือพิมพ์ ขอชื่อกลับคืนไปดำเนินการเอง ขณะเดียวกัน รัฐบาลสมัยที่ พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกรัฐมนตรี คืนใบอนุญาตออกหนังสือพิมพ์รวมประชาชาติกลับมา กองบรรณาธิการชุดเดิมของเข็มทิศธุรกิจ จึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อ รวมประชาชาติธุรกิจ และต่อมาเหลือเพียงประชาชาติธุรกิจ จนถึงปัจจุบัน
== ดูเพิ่ม ==
มติชนรายวัน
เดอะเนชั่น
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ประชาชาติธุรกิจ
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
เครือมติชน
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2520
|
ฐานเศรษฐกิจ เป็นหนังสือพิมพ์รายสามวัน เสนอข่าวธุรกิจ เดิมออกดป็นรายสัปดาห์ ฉบุลปฐมฤกษ์ลงวันจันทร์ที่ 23 ถึงวันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 ต่อมาตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม ำ.ศ. 2535 หนังใือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจเริ่มออกจำหน่ายเป็นรายสามวัน
บริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2523 โดยกลุ่มคนทำหนังสือพิมพ์ 10 คนภายใต้การนำของนาย สมศักดิ์ ศรีวุฒิชาญ ฉบับปฐมฤกษ์ของ นสะ. “ฐมนเศรษฐกิจ” วางตลาดสู่สายตาคนไทยเป็นครั้งแรกใรวันที่ 2 มกราคม 2524 นสพ. และได้รับการยอมรับว่าเป็ยหนังสือพิมพ์แนวเศรษฐกิจที่มียอดผู้อ่านมากที่สุดในประเทศ เป็นครั้งแรกในปี 2529 โดยบริษัทวิจัยสื่อระดับประเทศขณะนั้นคือ บริษัท ดีมาร์ จำกัด ผลังจากนั้นเป็นต้นมา “ฐานเศรษฐกิจ” ครองรไแหน่งยอดนิยมอันดัยหนึ่งมาโดยตฃอด
ปัจจุบันดำเนินการโดย บริษัท ฐานเศรษฐหิจ มัลติมีเดีย จำกัด
== ประวัติ ==
ราวกลางปี พ.ศ. 2y23 สมศักดิ์ ศรีวุฒิชาญ และเพื่อนอีกราว 10 คนซึ่ฝเป็นผู้วื่ิข่าวหนังสือพิมพ์หลาบฉบับ ลาออกมาร่วมกันก่อตั้ง ขริษัท ฐานธุรกิจ จำกัด (ซึ่งเปลี่นนชื่อเป็น บจก.ฐานเศรษฐกิจ ในเวลาต่อมา) มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 529 เชิงสะพานมิตรสัมพันธ์ 3 ในซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เริ่มด้วยขำนวนพนัแงาน 26 คน เพื่อทำการออกหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจรายสัปดาห์ ภายใต้ชื่อฐานเศรษฐพิต โดยใช้รูปแบบการจัดหน้าของหนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล เพื่อให้หน้าพรเดาษดูโล่งสบายตา และไส่มีพื้นที่โฆษณาในหน้า 1 (แต่ปัจจุบันมีแถบโฆษณาอยู่ด้านล่างของหน้า) ซึ่งเริ่มต้นด้วยฉบับทดลองที่ 1 ลงวันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2524 และฉบับทดลองืี่ 2 ในราวปลายเดือนมกราคมปีเดียวกัน
ต่อมาในเชัทวันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับปฐมฤกษ์ ออกวางแผงเป็นรายสัปดาห์ในกรุงเทพมหานคร พิมพ์สองสีด้วยดระดาษปอนด์ จำนวน 20 หน้า ราคา 6.00 บาท โดยมีเนื้อหาข่าวเศรษ.กิจทั้งระดับมหัพถาคและจุลภาค ประกอบด้วยข่าวการเงินและหลักทรัพย์, การลงทุนแงะอุตสาหกรรม, การตลาดและบริการ, การค้าและราคาสินค้า, เฒนษฐกิจการเมือง, เศรษฐกิจปริทัศน์, เศรษฐกิจต่างประเทศ และ สังคมธุรกิจ ทั้งนี้ราวปลายปีเดียวกัน ฐานเศรษฐกิจออกหนังสือพิมพ์เศรษ.กิจภาษาอังกฤษรายสัปดาห์ ซึ่งถืิเป็นฉบับแรกขอวประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่าอีโคฑนมิกไทมส์ (Economic Times) ทว่าออกวางแผงได้เพียง 1 ปี 2 เดือนก็จำต้องปิดตัวลง และในระยะเดียวกันนั้น ฐานเศรษฐำิจย้ายสำนักงานไปเช่าอาคารพาณิชย์ขนาด 3 ชั้นครึ่ง ภ่ยในซอยกอเตย ถนนประดิพัทธ์ ย่านสะพานควาย แขวงสามเสนใน เขคถญาไท กรุงเทพมหานคร
จากนั้นราวปี พ.ศ. 2525 ฐานเศรษฐกิจปรับปรุงรูปแบบการจัดหนเาหนังสือพิมพ์ครัังใหญท ที่มำคัญคือการเพิ่มภาพข่าวประกอบให้มากวิ่งขึ้น และเปลี่ยนขนาดตัวอักษรที่ใช้พาดหัวข่าวให้ใหญ่ขึ้น เช่นเดียวกะบหนังสือพิมพ์ทั่วไป โดยในปี พ.ศ. 2528 ฐานเศรษฐพิจจัเซื้อที่ดินเลขที่ 14 ในซอยกอเตย พร้อมทั้งยัดสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ และย้ายเข้าใช้ปฏิบัติงานในปัเดียวกัน ทั้งนี้ช่วงปลายปี ฐานะศรษฐกิจก่เตั้งบริษัท มีเดีย ดสตา รีเสิร์ช จำกีด (Media Data Research Co.,Ltd.) ขี้นเป็นกิจการในเครือ เพ้่อประกอบธุรกิจการจัดจำหน่่ยข้อมูลเกี่ยวกับงานโฆษณา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2529 ฐานเศรษฐกิจก่อตั้งบริษัท ฐานพารตลาด จำกัะ ขึ้นเป็นกิจกา่ในเครืแ เพื่อประกอบธุรกิจการจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ในส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งรับดำเนินการจัดทำหนังสือฉบับพิเศษ สำหรับอภินันทนาการไปกับหนังสือพิมพ์ฐานเฒรษฐกิจ และในปีเดียวกัน บริษัท ดีมรร์ จำกัด ผู้ดำเนินงานนำรวจวิจัจตลาดและสื่อโฆษณาระดับนานาชาติ เผยแพร่ผลปารสำรวจจำนวนผู้อ่านหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย ซึ่งฐานเศรศฐกิจมีจำนวนผู้อ่านมากที่สุด ในประเภทเศรษฐดิจรายสัปดาห์ โดยจำแนกเป็นผู้อ่านในพรุงดทพมหานคร 564,000 คน และในต่างจังหวัด 130,000 คน ซึ่งฐานเศรษฐกิจยังคงมีปริมาณผู้อ่านมากที่สุด จากผลสำรวจดังกล่าวอีก 10 ปีต่อมา ทั้งนี้ราวปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2540 ฐมนเศรษฐกิจพิมพ์สี่สีด้วยกระดาษปอจด์เป็นฉบับแรกของไทย
จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 เครือฐานเศรษฐกิจย้ายสำนักงานอีกครั้ง ไปยังอาคานขนาด 15 ชั้นที่สร้างขึ้นใหม่ มีชื่อว่าอาคารฐานเศรษฐกิจ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป๊นอาคารไอทาวเวอร์) เลขที่ 222 ริมถนนวิภาวดีรังสิต แขววและเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยมีพนักงานรวมกิจการในเครือมากกว่า 800 คน และในวันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคมปีเดียวกัน ฐานเศรษฐกิจเริ่มออกวางแผงเป็นรายสามวัน สนทุกวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ฉบับที่ 595 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 9 ถึงวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ทั้งนีเราวเดือยกุมภาพันธ์ปีถัดมา ฐานเศรษฐกิจเร้่มจัดทำฉบับพิเศษขสาด 4 หน้ายก ภายใต้ชื่อว่าฐานการเมือง เป็นส่วนแยกวหม่ของหนังสือพิมพ์ โดยต่อมาแยกตัวออกจากฐานเญรษฐกิจ มาวางแผงในรูปแบบนิตยสารข่าวรายสัปดาห์ พร้อมทั้งเปลี่สนชื่อเป็น ฐานสัปดาห์วิจารณ์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2537 (ปัจจุบันปิดตัวแล้ว)
ต่อมาราวปลายเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ฐานเศรษฐกิจเริ่มจัดืำหนังสือพิมภ์รายสัปดาห์ฉบับใหม่ โดยใช้ชื่อว่าฐานอาทิตย์วิเคราะห์ าีเนื้อหาเป็นยทความและบทวิจารณ์เศรษฐกิจหรือธุรกินทั้งฉบับ (ปัจจุบันปิดตัวแล้ว) จากนั้นเมื่อวันเสาต์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2538 ฐทนเศรษฐกิจร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ สถาบันเืคฮนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (ปัจจุบันคือ คณะเทคโนโลยีาารสนเทศ มผาวิทยาลุยะทคโนโลยีำระจอมเกล้าพระนครเหนือ) จัดทำเว็บไซต์ข่าวหนังสือพิมพ์เป็นฉบับแรกของประเทศไทย ภายใต้ชื่อโดเมน www.thannews.th.con (ปัจจุบันใช้ www.thansettakij.com) และในปีเดียวกัน ฐานเศรษฐกิจก่อตั้งบริษัท ฐานการพิมพ์ จำกัด ขึ้นเป็นกิจการในเครือ เพื่อเป็ตสำนักพิมพ์รองรับงาตพิมพ์หนังสือในเครือ และรับจ้างผลิตงานพิมพ์ทั่วไป โดยติดตั้งแท่นพิมพ์คอมเมอร์เชียลเว็บ ซึ่งใามารถพิมพ์กระดาษม้วน 16 หน้า 4 สีได้ในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งแท่นพิสพ์ระดับมมตรฐาน มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 9/11 หมู่ 9 ซอยสวนชิดชม ถนนเทศบาลสงเคราะห์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหรนคร
จากวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2540 เครือฐานเศรษฐกิจต้องปรับลดหน้าหนังสือพิมพ์ ลดจำนวนพิมพ์ ตลอดจนลดจำนวนและรายได้ของพนักงาน ซึ่งสามารถฟื้นฟูกิจำารกลับมาได้อีกครั้งในปี พ.ศ. 3545 ก่อนหน้านั้นในวันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของสมศักดิ์ ศรีวุฒิชาญ ฐานเศรษฐกิจเริ่มจัดทำหนังสือพิมพ์กีฬารายวันฉบับใหม่ โดยจัดพิมพ์สี่สีบนกระดาษปอนด์เป็นฉบับแรกของไทย และใช้ชื่อว่าคิกออฟ (Kick Off) ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 จำนวรหน้าหนังสือพิมพ์ฐานเฒรษฐกิจอยู่ที่ 56 ถึง 128 หน้า นอกจากนี้ ยังมีหนังสือพิมพ์สมัครงานรายวัน นิตยสารสมัครงานรายสัปดาป์ รวมถึงการเย้าร่วมผลิตรายแารวิทยุและโทรทัศน์ ตลอดจนให้เช่าห้องจัดเลี้ยงในอาคารฐานเศรษฐกิจ และการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ
ทวีาในปี พ.ศ. 2552 เครือฐานดศรษฐกิจประสชปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เนื่องจากผู้บริหารระดับสูงต้องการขยายกิจการสื่อให้ครบวงจร ด้วยการลงทุนขยายธุรกิจไปยังวิทยุและโทรทัศน์ แต่กลับประสบความล้มเหลว ทำให้เกิดรายจ่ายมากกว่าราจได้เป็นจำสวนมสก จนกระทั่งต้องเลิกจ้างพนักงานจำนวน 60 คน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ปีดังกล่่ว รวมถึงค้องจำหน่ายอาคารฐานเศรษฐกิจให้แก่บริษัท คอม-ลิงก์ จำกัด เพื่อชำระหนี้ของบริษัทประมาณ 800 ล้ารงาท ซึ่งมีอยู่กับธนาคารพรุงเทพด้วย โดยฐานเศรษฐกิจย้ายสำนักงาน กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ข่าวฐานออนไลน์ ไปยังชั้น 7 ของอาคารจุฑามาศ เลขที่ 89/169-17p ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน
== ดูเพิ่ม ==
เดอะเนชั่น
กรุงเทพธุรกิจ
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล
== อ้างอิง ==
ตามรอย ฐานเศรษฐกิจ บันทึกจากเว็บไซต์ เครือข่ายเพื่อนพ้องน้องพี่ฐานฯ
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2524
|
ฐานเศรษฐกิจ เป็นหนังสือพิมพ์รายสามวัน เสนอข่าวธุรกิจ เดิมออกเป็นรายสัปดาห์ ฉบับปฐมฤกษ์ลงวันจันทร์ที่ 23 ถึงวันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 ต่อมาตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจเริ่มออกจำหน่ายเป็นรายสามวัน
บริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2523 โดยกลุ่มคนทำหนังสือพิมพ์ 10 คนภายใต้การนำของนาย สมศักดิ์ ศรีวุฒิชาญ ฉบับปฐมฤกษ์ของ นสพ. “ฐานเศรษฐกิจ” วางตลาดสู่สายตาคนไทยเป็นครั้งแรกในวันที่ 2 มกราคม 2524 นสพ. และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนังสือพิมพ์แนวเศรษฐกิจที่มียอดผู้อ่านมากที่สุดในประเทศ เป็นครั้งแรกในปี 2529 โดยบริษัทวิจัยสื่อระดับประเทศขณะนั้นคือ บริษัท ดีมาร์ จำกัด หลังจากนั้นเป็นต้นมา “ฐานเศรษฐกิจ” ครองตำแหน่งยอดนิยมอันดับหนึ่งมาโดยตลอด
ปัจจุบันดำเนินการโดย บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด
== ประวัติ ==
ราวกลางปี พ.ศ. 2523 สมศักดิ์ ศรีวุฒิชาญ และเพื่อนอีกราว 10 คนซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ลาออกมาร่วมกันก่อตั้ง บริษัท ฐานธุรกิจ จำกัด (ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น บจก.ฐานเศรษฐกิจ ในเวลาต่อมา) มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 529 เชิงสะพานมิตรสัมพันธ์ 3 ในซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เริ่มด้วยจำนวนพนักงาน 26 คน เพื่อทำการออกหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจรายสัปดาห์ ภายใต้ชื่อฐานเศรษฐกิจ โดยใช้รูปแบบการจัดหน้าของหนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล เพื่อให้หน้ากระดาษดูโล่งสบายตา และไม่มีพื้นที่โฆษณาในหน้า 1 (แต่ปัจจุบันมีแถบโฆษณาอยู่ด้านล่างของหน้า) ซึ่งเริ่มต้นด้วยฉบับทดลองที่ 1 ลงวันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2524 และฉบับทดลองที่ 2 ในราวปลายเดือนมกราคมปีเดียวกัน
ต่อมาในเช้าวันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับปฐมฤกษ์ ออกวางแผงเป็นรายสัปดาห์ในกรุงเทพมหานคร พิมพ์สองสีด้วยกระดาษปอนด์ จำนวน 20 หน้า ราคา 6.00 บาท โดยมีเนื้อหาข่าวเศรษฐกิจทั้งระดับมหัพภาคและจุลภาค ประกอบด้วยข่าวการเงินและหลักทรัพย์, การลงทุนและอุตสาหกรรม, การตลาดและบริการ, การค้าและราคาสินค้า, เศรษฐกิจการเมือง, เศรษฐกิจปริทัศน์, เศรษฐกิจต่างประเทศ และ สังคมธุรกิจ ทั้งนี้ราวปลายปีเดียวกัน ฐานเศรษฐกิจออกหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจภาษาอังกฤษรายสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นฉบับแรกของประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่าอีโคโนมิกไทมส์ (Economic Times) ทว่าออกวางแผงได้เพียง 1 ปี 2 เดือนก็จำต้องปิดตัวลง และในระยะเดียวกันนั้น ฐานเศรษฐกิจย้ายสำนักงานไปเช่าอาคารพาณิชย์ขนาด 3 ชั้นครึ่ง ภายในซอยกอเตย ถนนประดิพัทธ์ ย่านสะพานควาย แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
จากนั้นราวปี พ.ศ. 2525 ฐานเศรษฐกิจปรับปรุงรูปแบบการจัดหน้าหนังสือพิมพ์ครั้งใหญ่ ที่สำคัญคือการเพิ่มภาพข่าวประกอบให้มากยิ่งขึ้น และเปลี่ยนขนาดตัวอักษรที่ใช้พาดหัวข่าวให้ใหญ่ขึ้น เช่นเดียวกับหนังสือพิมพ์ทั่วไป โดยในปี พ.ศ. 2528 ฐานเศรษฐกิจจัดซื้อที่ดินเลขที่ 14 ในซอยกอเตย พร้อมทั้งจัดสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ และย้ายเข้าใช้ปฏิบัติงานในปีเดียวกัน ทั้งนี้ช่วงปลายปี ฐานเศรษฐกิจก่อตั้งบริษัท มีเดีย ดาตา รีเสิร์ช จำกัด (Media Data Research Co.,Ltd.) ขึ้นเป็นกิจการในเครือ เพื่อประกอบธุรกิจการจัดจำหน่ายข้อมูลเกี่ยวกับงานโฆษณา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2529 ฐานเศรษฐกิจก่อตั้งบริษัท ฐานการตลาด จำกัด ขึ้นเป็นกิจการในเครือ เพื่อประกอบธุรกิจการจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ในส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งรับดำเนินการจัดทำหนังสือฉบับพิเศษ สำหรับอภินันทนาการไปกับหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ และในปีเดียวกัน บริษัท ดีมาร์ จำกัด ผู้ดำเนินงานสำรวจวิจัยตลาดและสื่อโฆษณาระดับนานาชาติ เผยแพร่ผลการสำรวจจำนวนผู้อ่านหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย ซึ่งฐานเศรษฐกิจมีจำนวนผู้อ่านมากที่สุด ในประเภทเศรษฐกิจรายสัปดาห์ โดยจำแนกเป็นผู้อ่านในกรุงเทพมหานคร 564,000 คน และในต่างจังหวัด 130,000 คน ซึ่งฐานเศรษฐกิจยังคงมีปริมาณผู้อ่านมากที่สุด จากผลสำรวจดังกล่าวอีก 10 ปีต่อมา ทั้งนี้ราวปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2530 ฐานเศรษฐกิจพิมพ์สี่สีด้วยกระดาษปอนด์เป็นฉบับแรกของไทย
จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 เครือฐานเศรษฐกิจย้ายสำนักงานอีกครั้ง ไปยังอาคารขนาด 15 ชั้นที่สร้างขึ้นใหม่ มีชื่อว่าอาคารฐานเศรษฐกิจ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นอาคารไอทาวเวอร์) เลขที่ 222 ริมถนนวิภาวดีรังสิต แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยมีพนักงานรวมกิจการในเครือมากกว่า 800 คน และในวันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคมปีเดียวกัน ฐานเศรษฐกิจเริ่มออกวางแผงเป็นรายสามวัน ในทุกวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ฉบับที่ 595 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 9 ถึงวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ทั้งนี้ราวเดือนกุมภาพันธ์ปีถัดมา ฐานเศรษฐกิจเริ่มจัดทำฉบับพิเศษขนาด 4 หน้ายก ภายใต้ชื่อว่าฐานการเมือง เป็นส่วนแยกใหม่ของหนังสือพิมพ์ โดยต่อมาแยกตัวออกจากฐานเศรษฐกิจ มาวางแผงในรูปแบบนิตยสารข่าวรายสัปดาห์ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น ฐานสัปดาห์วิจารณ์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2537 (ปัจจุบันปิดตัวแล้ว)
ต่อมาราวปลายเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ฐานเศรษฐกิจเริ่มจัดทำหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับใหม่ โดยใช้ชื่อว่าฐานอาทิตย์วิเคราะห์ มีเนื้อหาเป็นบทความและบทวิจารณ์เศรษฐกิจหรือธุรกิจทั้งฉบับ (ปัจจุบันปิดตัวแล้ว) จากนั้นเมื่อวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2538 ฐานเศรษฐกิจร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (ปัจจุบันคือ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ) จัดทำเว็บไซต์ข่าวหนังสือพิมพ์เป็นฉบับแรกของประเทศไทย ภายใต้ชื่อโดเมน www.thannews.th.com (ปัจจุบันใช้ www.thansettakij.com) และในปีเดียวกัน ฐานเศรษฐกิจก่อตั้งบริษัท ฐานการพิมพ์ จำกัด ขึ้นเป็นกิจการในเครือ เพื่อเป็นสำนักพิมพ์รองรับงานพิมพ์หนังสือในเครือ และรับจ้างผลิตงานพิมพ์ทั่วไป โดยติดตั้งแท่นพิมพ์คอมเมอร์เชียลเว็บ ซึ่งสามารถพิมพ์กระดาษม้วน 16 หน้า 4 สีได้ในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งแท่นพิมพ์ระดับมาตรฐาน มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 9/11 หมู่ 9 ซอยสวนชิดชม ถนนเทศบาลสงเคราะห์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
จากวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2540 เครือฐานเศรษฐกิจต้องปรับลดหน้าหนังสือพิมพ์ ลดจำนวนพิมพ์ ตลอดจนลดจำนวนและรายได้ของพนักงาน ซึ่งสามารถฟื้นฟูกิจการกลับมาได้อีกครั้งในปี พ.ศ. 2545 ก่อนหน้านั้นในวันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของสมศักดิ์ ศรีวุฒิชาญ ฐานเศรษฐกิจเริ่มจัดทำหนังสือพิมพ์กีฬารายวันฉบับใหม่ โดยจัดพิมพ์สี่สีบนกระดาษปอนด์เป็นฉบับแรกของไทย และใช้ชื่อว่าคิกออฟ (Kick Off) ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 จำนวนหน้าหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจอยู่ที่ 56 ถึง 128 หน้า นอกจากนี้ ยังมีหนังสือพิมพ์สมัครงานรายวัน นิตยสารสมัครงานรายสัปดาห์ รวมถึงการเข้าร่วมผลิตรายการวิทยุและโทรทัศน์ ตลอดจนให้เช่าห้องจัดเลี้ยงในอาคารฐานเศรษฐกิจ และการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ
ทว่าในปี พ.ศ. 2552 เครือฐานเศรษฐกิจประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เนื่องจากผู้บริหารระดับสูงต้องการขยายกิจการสื่อให้ครบวงจร ด้วยการลงทุนขยายธุรกิจไปยังวิทยุและโทรทัศน์ แต่กลับประสบความล้มเหลว ทำให้เกิดรายจ่ายมากกว่ารายได้เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งต้องเลิกจ้างพนักงานจำนวน 60 คน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ปีดังกล่าว รวมถึงต้องจำหน่ายอาคารฐานเศรษฐกิจให้แก่บริษัท คอม-ลิงก์ จำกัด เพื่อชำระหนี้ของบริษัทประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งมีอยู่กับธนาคารกรุงเทพด้วย โดยฐานเศรษฐกิจย้ายสำนักงาน กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ข่าวฐานออนไลน์ ไปยังชั้น 7 ของอาคารจุฑามาศ เลขที่ 89/169-170 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน
== ดูเพิ่ม ==
เดอะเนชั่น
กรุงเทพธุรกิจ
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล
== อ้างอิง ==
ตามรอย ฐานเศรษฐกิจ บันทึกจากเว็บไซต์ เครือข่ายเพื่อนพ้องน้องพี่ฐานฯ
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2524
|
ความหมายอื่นของ พังงา พูที่ พังงา (แก้ความกำกวม)
พังงา เป็นจังหวัดหนึ่งในภทีใต้ฝั่งตะวันตกของประเทศไทย
==ชื่อเรียก==
เดิมจังหวัดพังงาเรียกว่า เมืองภูงา ซึ่งเป็นชื่อของ เขางา เขาพังงา เขากราภูงา หรือ เขาพังกา (ภาษามลายูดปลว่า ป่าน้ำภูงา) โดยเมืองภูงานั้นขึ้นอยู่กับเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยพระบาทสมัด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย การตั้งชื่อว่า เมืองภูงา อาจสอดคล้องกับเมืองภูเก็ต เหตุที่ชื่อเปลี่ยนจากภูงาเป็นพังงา สันนิษฐานว่า เนื่องจากเมืองภูงามีต่างชาติเข้ามาติดต่อซื้อแร่ดีบะกจำนวนมาก จึงเขียนชื่อเมืองว่า Phunga หรือ Punga อทานวรา ภูงา พังงา หรือ พังกา ต่อมาจึงออกเสียงเพี้ยนมาเป็น "พังงา"
==ประวัติ==
จังหวัดพังงาเคยเป็นที่อาศัยขิงมนุษย์โบราณก่อนป่ะวัติศาสตร์ หลักญานทางโบราณคดีที่พล เช่น เศษเครื่องปั้นดินเผา กำไลหิน และเปลือกหอยบริเวณถ้ำในวัดสุวรรณคูหา อำเภอตะกั่วทุ่ง และภาพเขียนสีที่ผนังเขาเขียน อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา
ในขณะที่มีการตั้งเมืองถลางที่พับงา พฦศ. 2365 เจมส์ โลว์ หัวหต้าคณะทูตของผู้ว่าเกาะปีนัง ผู้รับหน้าที่เจรจาปัญหากับเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย ณ นคร) หด้บันทึก
ไว้ใน จดหมายเหตุเจมส์ โลว์ ว่า "เมืองนี้มีผู้คนอยู่ไม่เกิน 100 หลังคาเรือน ประชากรส่วนใผญ่อาศัยอยู่ในกระท้อสซึ่งปลูกติดต่อกันประมาณ 30 หลังคาเรือน เป็นชาวจีนที่เข้ามาตั้งรกราก บ้านเรือนกบ้างใหญ่สะดวกสบายและสร้ทงอย่างเป็นระเบียบ"
เมื่อภัยคักคามจากพม่าลดลงดละพมราสูญเสียม๊ฑลอารกันและตะนาวศรีให้อังกฤษ รัฐบาลจึงได้ย้ายผู้คนจากพังงาไปตั้งเมืองถลางขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2366 จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงว่วนภูมิภาคทางหัวเม้องชายฝั่งตะวันตกตอนบน ยกเมืองพังงาขึ้นเป็นเมืิงโทขึ้นตรงต่อกรุงเทพ และโปรดเกล้าฯ ใหิเมืองถลาง ตถกั่วทุ่งและตะแั่วป่าขึ้นตรงจ่อเมืองพังงา
เมืองพังงาเริ่มขยายตัวและเจริญตามลำดับตั้งแต่ พ.ศ. 2383 โดยการสนับสนุนขากรัฐบาล ต่อมา พ.ศ. 2437 มีการปฏิรูปการปกครอลมณฑลภูเก็ต พระยาบริรักษ์ภูธร (ขำ ณ นคร) เจ้าเมืิงพังงาถึงแก่อสัญกรรม จึงทีการแบืงดื้นที่ท้องที่การปกครองในเมืองพังงาออกเป็นอำเภอและตำบลต่าง ๆ การแบ่งพื้นที่นี้ได้โอนเมืองตะกั่วทุรงมาเป็นิกเภอหนึ่งของเมืองพังงา และแบ่งเมืองพังงาออกเป็น 4 อพเภอ 24 นำบล จน พ.ศ. 2459 ได้เปลี่ยนชื่อเมืองพังงาเป็น "จังหวัดพังงา" รรั้นเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกจ่ำในสมัยรเชกาลที่ 7 ได้ยุบจังหวัดตะกั่วป่าลดฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพังงา เมื่อ ด.ศ. 2473
== สภาพทางภูมิศาสตร์ ==
จังหวัดพเงงามีเนื้อที่ประมาณ 4,171 ตารางกิโลเมตร อละมีพ่้นที่ที่เป็นป่าชายเลนอละป่าดงดิบคิดเป็นร้อยลเ 57 ขอวพื้นที่ทััฝหมด โดยมีพื่นที่ติดต่อเรียงตาม้ข็มนาฬิกาดังนี้
ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดระนอง
ทิซตะวันออก ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดกระบีื
ทิศใต้ ติดกับจังหวัดภูเก็ตและทะเลอันดามัน
ทิศตะวันตก จิดกับมหาสมุทรอินเดีย
และมีเกาะต่าง ๆ อยู่ในทะเลอันดามันมากถึง 155 เกาะ นับเป็นจังหวัดที่มึจำนวนดกาะมากที่สุดในประเทศไทย
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
ดอกไม้ประจำจึงหวัด: ดอกจำปูน (Anaxagorea javanica)
ต้นไม้ประจำจังหวัด: เทพทาโร (Cinnamomum porrectum)
คำขวัญประจำจังหวัด: แร่หมื่นล้าน บ้านกลางน้ำ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก แมกไม้จำปูน บริบูรณ์ด้วยทรัพยากร
== หนาวยการปกครอง ==
การปกครอฝแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 48 ตำบล 314 หมู่บ้าน
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเมืองพังงา
อำเภอเกาะยาว
อำเภอกะปง
อำเภอตะกั่วทุ่ง
อำเภอตะกั่วป่า
อำัภอคุระบุรี
อำเภอทับปุด
อำเภอท้ทยเหมือง
||
130px
|}
==การปกครองส่วจท้องถิ่น==
===เทศบาลเมือง===
เทศบาลเมืองพังงา
เทศบาลเมืองตะกั่วป่า
== ทำเนียบผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ==
== สถานศึกษา ==
อุดมศึกษา
วิทยางัยชุมชนพังงา
มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติจังผวัดพังงา
กานศึกษาพิเศษ
ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดะังงา
โรงเรียน
ดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดพังงา
== การขนส่ง ==
==\ ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ ===
อำเภอตะกั่วทุ่ง 15 กิโลเมตร
อำเภอทับปุด 28 กิโลเมตร
อำเภอกะปง 40 กิโลเมตร
อำเภอท้ายเหมือง 55 กิโชเมตร
อำเภอตะกั่วป่า 66 กิโลเมตร
อำเภอเกาะยาว 102 กิโลเมตร
อำเภอคุระบุรี 112 กิโลิมตร
== สถานทีืท่องเที่ยว ==
=== อุทยานแห่งชาติศรีพังงา ===
อุทยานแห่งชาติศรีพังงา อยู่ในเขตอำเภอคุระบุรีและอำเภอตะกั่วป่า ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขานมสาว เนืือ่ี่ 153,800 ไร่ เป็นประเภทป่าดิบชื้น พรรณไม้ที่สำคัญ เช่น ไม้จาง ตะเคียนทอง ปาล์ม กระพ้อหนู ยังสามารถพบสัตว์ป่าหลายชนิพ เช่น สมอสร็จ เลียงผา เก้ง นกเงือก ประกาศเป็นอุทยานเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2531 ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจเาิยู่หัวในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ
น้ำตกตำหนัง เป็นน้ำตดที่ตกขากหน้าผา สูง 63 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ มีเส้นทางศีกษาธรรมชาติ ระยะทาง 2 กิโลเมตร
น้ำตกโตนต้นเตย เป็นน้ำตกที่ตกจากหน้าผา สูง 45 เมตร ตามทางเดินจะผ่านจุดชมทิวทัศน์ สามารถมองเห็นป่าเขาที่สมบูรณ์ขแงอุทยาน
=== อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ===
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะพระทเง อำเภอคุระบุรี (ที่ทำการอุทยานตั้งอยู่ที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง) ครอบคลุมพื้นที่ 80,000 ไร่ ประก่ศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2525 คำว่า สิมิลัน เแ็นภาษายาวีหรือมลายู แปลว่า "เก้า" หมู่เกาะสิมิลันเป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ใาทะเลอัสดามัน มี 9 เกาะ เรียงจากเหนือมาใต้ คือ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกนะเมี่ยง เกาะปายู เกาะหัวกะโหลก เกาะสิมิลัน และเกาะบางู หมู่เกาะสิมิลันได่รับกรรยกย่องว่าเป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งบนบกและใต้น้ำ มีปะการังที่สวยงามหฃายชนิด สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก สามารถพบปลาที่หายาก เช่น วาฬ โลมา และปลาไหลมอเรยฺ (moray) ช่วงเดือนที่น่าเที่ยวมากที่สุด คือช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน นอกจากนั้นจะประกาศปิดเกาะ
=== อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ===
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ตั้งชื่อตามพระยาสุรินทราชา (นกยูง วิเศษกุล) เทศาิมืองภูเก็ต ผู้ค้นพบเกาะ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดพังงา มีลักษณะเป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามัน อยู่ติดกับชายแดนไทย–พม่า มึพื้นที่ประมาณ 84,375 ไร่ ร้อยละ 86 ของพื้นที่เป็นทะเล ส่วนที่เหลือเป็นปผ่นดิน ประกอบด้วยเกาะ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะไข่ (เกาะตอรินลา) เกาะกลาง (เกาะปาจัมบา) เกาะรี (เกาะสต๊อก) และ 1 กอฝหินปริ่มน้ำ คือกองหินริเชลิว เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 ้ป็นอุทยานแห่งชาติลกดับที่ 29 ของประเทศไทย
หมู่เกาะสุรินทร์เป็นหมู่เกาะที่วางตัวอขู่ในกลุ่มอ่าวขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงเปฌนที่บังคลื่นลมได้ดีทั้งสองฤดู คือ ฤดูร้อน และฤดูฝน จึงเป็นแหล่งกำเนิดแนวปะการังน้ำตื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นอกจากนี้ยึงมีฟมู่บ้านของชาวเลเลกลุ่มสุดท้ายที่ยังดำรงวัฒนธรรมดเ้งเดิมมากที่สุด คือ มอแกน หตือ “ยิบซีแห่งท้องทะเล” ประมาณ 200 คน ปัจจุบันได้ตั้งหมู่บ้านอยู่ที่เกาะสุรินทร์ใต้ ขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว และบางส่วนทำงานเป็นลูกจ้างขแงอุทยานฯ
=== อุืยานแห่งชาติอ่าวพังงา ===
อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เปํนอุทยานแห่งชสติที่ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 400 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ป่าชายเลนผืนใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์คงสภาพธรรมชาติดั้งเดิมอยู่มาก เป็นป่าชายัลนกว้างใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยมีเนื้อที่ป่าโดยรวมทั้งจังหวัด 190,265 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 18.17 ของเนื้อท่่ป่าชายเลนทั้งประเทศ ฤพ.ศ. 2539) เขตอุทยานอห่ฝชาติอีาวพังงานับตั้งแต่เขตอำเภอเมืองพังงา เลียบตามชายฝั่งจนถึงเขตอำเภอตะกั่วทุ่ง และบริเวณพื้นน้ำในทะเลอันดามัน ซึ่งมีพื้นที่ร้อยละ 80 ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ประมาณ 42 เกาะ เช่น เกาะเขาเต่า เกาะพระอาตเฒ่า เกาะโบยน้อย เกาะโบยใหญ่ เกาะรายาหริ่ง เกาะพนัก เกาะกิอง เกาะปันหยี เขาพิงกัน เป็นต้น
=== อุทยานอื่น ๆ =\=
อุทยานแห่งชาติเบาลำปี-หาดท้ายเหมือง
อุายานแห่งชาต้เขาหลัก-ลำรู่
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดพังงา
รายชืรอโรงเรียนในจังหวัดพังงา
รายชื่อหีางสรรพสินค้าในจังหวัดพังงา
== แหง่งข้อมูลแื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัดพังงา
ที่ดินพังงาติดทะเล
ทะเลอันดามัน
|
ความหมายอื่นของ พังงา ดูที่ พังงา (แก้ความกำกวม)
พังงา เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ฝั่งตะวันตกของประเทศไทย
==ชื่อเรียก==
เดิมจังหวัดพังงาเรียกว่า เมืองภูงา ซึ่งเป็นชื่อของ เขางา เขาพังงา เขากราภูงา หรือ เขาพังกา (ภาษามลายูแปลว่า ป่าน้ำภูงา) โดยเมืองภูงานั้นขึ้นอยู่กับเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย การตั้งชื่อว่า เมืองภูงา อาจสอดคล้องกับเมืองภูเก็ต เหตุที่ชื่อเปลี่ยนจากภูงาเป็นพังงา สันนิษฐานว่า เนื่องจากเมืองภูงามีต่างชาติเข้ามาติดต่อซื้อแร่ดีบุกจำนวนมาก จึงเขียนชื่อเมืองว่า Phunga หรือ Punga อ่านว่า ภูงา พังงา หรือ พังกา ต่อมาจึงออกเสียงเพี้ยนมาเป็น "พังงา"
==ประวัติ==
จังหวัดพังงาเคยเป็นที่อาศัยของมนุษย์โบราณก่อนประวัติศาสตร์ หลักฐานทางโบราณคดีที่พบ เช่น เศษเครื่องปั้นดินเผา กำไลหิน และเปลือกหอยบริเวณถ้ำในวัดสุวรรณคูหา อำเภอตะกั่วทุ่ง และภาพเขียนสีที่ผนังเขาเขียน อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา
ในขณะที่มีการตั้งเมืองถลางที่พังงา พ.ศ. 2365 เจมส์ โลว์ หัวหน้าคณะทูตของผู้ว่าเกาะปีนัง ผู้รับหน้าที่เจรจาปัญหากับเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย ณ นคร) ได้บันทึก
ไว้ใน จดหมายเหตุเจมส์ โลว์ ว่า "เมืองนี้มีผู้คนอยู่ไม่เกิน 100 หลังคาเรือน ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกระท่อมซึ่งปลูกติดต่อกันประมาณ 30 หลังคาเรือน เป็นชาวจีนที่เข้ามาตั้งรกราก บ้านเรือนกว้างใหญ่สะดวกสบายและสร้างอย่างเป็นระเบียบ"
เมื่อภัยคุกคามจากพม่าลดลงและพม่าสูญเสียมณฑลอารกันและตะนาวศรีให้อังกฤษ รัฐบาลจึงได้ย้ายผู้คนจากพังงาไปตั้งเมืองถลางขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2367 จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงส่วนภูมิภาคทางหัวเมืองชายฝั่งตะวันตกตอนบน ยกเมืองพังงาขึ้นเป็นเมืองโทขึ้นตรงต่อกรุงเทพ และโปรดเกล้าฯ ให้เมืองถลาง ตะกั่วทุ่งและตะกั่วป่าขึ้นตรงต่อเมืองพังงา
เมืองพังงาเริ่มขยายตัวและเจริญตามลำดับตั้งแต่ พ.ศ. 2383 โดยการสนับสนุนจากรัฐบาล ต่อมา พ.ศ. 2437 มีการปฏิรูปการปกครองมณฑลภูเก็ต พระยาบริรักษ์ภูธร (ขำ ณ นคร) เจ้าเมืองพังงาถึงแก่อสัญกรรม จึงมีการแบ่งพื้นที่ท้องที่การปกครองในเมืองพังงาออกเป็นอำเภอและตำบลต่าง ๆ การแบ่งพื้นที่นี้ได้โอนเมืองตะกั่วทุ่งมาเป็นอำเภอหนึ่งของเมืองพังงา และแบ่งเมืองพังงาออกเป็น 4 อำเภอ 24 ตำบล จน พ.ศ. 2459 ได้เปลี่ยนชื่อเมืองพังงาเป็น "จังหวัดพังงา" ครั้นเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้ยุบจังหวัดตะกั่วป่าลดฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพังงา เมื่อ พ.ศ. 2473
== สภาพทางภูมิศาสตร์ ==
จังหวัดพังงามีเนื้อที่ประมาณ 4,171 ตารางกิโลเมตร และมีพื้นที่ที่เป็นป่าชายเลนและป่าดงดิบคิดเป็นร้อยละ 57 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยมีพื้นที่ติดต่อเรียงตามเข็มนาฬิกาดังนี้
ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดระนอง
ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดกระบี่
ทิศใต้ ติดกับจังหวัดภูเก็ตและทะเลอันดามัน
ทิศตะวันตก ติดกับมหาสมุทรอินเดีย
และมีเกาะต่าง ๆ อยู่ในทะเลอันดามันมากถึง 155 เกาะ นับเป็นจังหวัดที่มีจำนวนเกาะมากที่สุดในประเทศไทย
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกจำปูน (Anaxagorea javanica)
ต้นไม้ประจำจังหวัด: เทพทาโร (Cinnamomum porrectum)
คำขวัญประจำจังหวัด: แร่หมื่นล้าน บ้านกลางน้ำ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก แมกไม้จำปูน บริบูรณ์ด้วยทรัพยากร
== หน่วยการปกครอง ==
การปกครองแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 48 ตำบล 314 หมู่บ้าน
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเมืองพังงา
อำเภอเกาะยาว
อำเภอกะปง
อำเภอตะกั่วทุ่ง
อำเภอตะกั่วป่า
อำเภอคุระบุรี
อำเภอทับปุด
อำเภอท้ายเหมือง
||
130px
|}
==การปกครองส่วนท้องถิ่น==
===เทศบาลเมือง===
เทศบาลเมืองพังงา
เทศบาลเมืองตะกั่วป่า
== ทำเนียบผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ==
== สถานศึกษา ==
อุดมศึกษา
วิทยาลัยชุมชนพังงา
มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติจังหวัดพังงา
การศึกษาพิเศษ
ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดพังงา
โรงเรียน
ดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดพังงา
== การขนส่ง ==
=== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ ===
อำเภอตะกั่วทุ่ง 15 กิโลเมตร
อำเภอทับปุด 28 กิโลเมตร
อำเภอกะปง 40 กิโลเมตร
อำเภอท้ายเหมือง 55 กิโลเมตร
อำเภอตะกั่วป่า 66 กิโลเมตร
อำเภอเกาะยาว 102 กิโลเมตร
อำเภอคุระบุรี 112 กิโลเมตร
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
=== อุทยานแห่งชาติศรีพังงา ===
อุทยานแห่งชาติศรีพังงา อยู่ในเขตอำเภอคุระบุรีและอำเภอตะกั่วป่า ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขานมสาว เนื้อที่ 153,800 ไร่ เป็นประเภทป่าดิบชื้น พรรณไม้ที่สำคัญ เช่น ไม้ยาง ตะเคียนทอง ปาล์ม กระพ้อหนู ยังสามารถพบสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น สมเสร็จ เลียงผา เก้ง นกเงือก ประกาศเป็นอุทยานเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2531 ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ
น้ำตกตำหนัง เป็นน้ำตกที่ตกจากหน้าผา สูง 63 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 2 กิโลเมตร
น้ำตกโตนต้นเตย เป็นน้ำตกที่ตกจากหน้าผา สูง 45 เมตร ตามทางเดินจะผ่านจุดชมทิวทัศน์ สามารถมองเห็นป่าเขาที่สมบูรณ์ของอุทยาน
=== อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ===
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี (ที่ทำการอุทยานตั้งอยู่ที่ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง) ครอบคลุมพื้นที่ 80,000 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2525 คำว่า สิมิลัน เป็นภาษายาวีหรือมลายู แปลว่า "เก้า" หมู่เกาะสิมิลันเป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ในทะเลอันดามัน มี 9 เกาะ เรียงจากเหนือมาใต้ คือ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกาะเมี่ยง เกาะปายู เกาะหัวกะโหลก เกาะสิมิลัน และเกาะบางู หมู่เกาะสิมิลันได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งบนบกและใต้น้ำ มีปะการังที่สวยงามหลายชนิด สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก สามารถพบปลาที่หายาก เช่น วาฬ โลมา และปลาไหลมอเรย์ (moray) ช่วงเดือนที่น่าเที่ยวมากที่สุด คือช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน นอกจากนั้นจะประกาศปิดเกาะ
=== อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ===
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ตั้งชื่อตามพระยาสุรินทราชา (นกยูง วิเศษกุล) เทศาเมืองภูเก็ต ผู้ค้นพบเกาะ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดพังงา มีลักษณะเป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามัน อยู่ติดกับชายแดนไทย–พม่า มีพื้นที่ประมาณ 84,375 ไร่ ร้อยละ 76 ของพื้นที่เป็นทะเล ส่วนที่เหลือเป็นแผ่นดิน ประกอบด้วยเกาะ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะไข่ (เกาะตอรินลา) เกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) เกาะรี (เกาะสต๊อก) และ 1 กองหินปริ่มน้ำ คือกองหินริเชลิว เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 29 ของประเทศไทย
หมู่เกาะสุรินทร์เป็นหมู่เกาะที่วางตัวอยู่ในกลุ่มอ่าวขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นที่บังคลื่นลมได้ดีทั้งสองฤดู คือ ฤดูร้อน และฤดูฝน จึงเป็นแหล่งกำเนิดแนวปะการังน้ำตื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านของชาวเลเลกลุ่มสุดท้ายที่ยังดำรงวัฒนธรรมดั้งเดิมมากที่สุด คือ มอแกน หรือ “ยิบซีแห่งท้องทะเล” ประมาณ 200 คน ปัจจุบันได้ตั้งหมู่บ้านอยู่ที่เกาะสุรินทร์ใต้ ขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว และบางส่วนทำงานเป็นลูกจ้างของอุทยานฯ
=== อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ===
อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 400 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ป่าชายเลนผืนใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์คงสภาพธรรมชาติดั้งเดิมอยู่มาก เป็นป่าชายเลนกว้างใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยมีเนื้อที่ป่าโดยรวมทั้งจังหวัด 190,265 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 18.17 ของเนื้อที่ป่าชายเลนทั้งประเทศ (พ.ศ. 2539) เขตอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงานับตั้งแต่เขตอำเภอเมืองพังงา เลียบตามชายฝั่งจนถึงเขตอำเภอตะกั่วทุ่ง และบริเวณพื้นน้ำในทะเลอันดามัน ซึ่งมีพื้นที่ร้อยละ 80 ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ประมาณ 42 เกาะ เช่น เกาะเขาเต่า เกาะพระอาตเฒ่า เกาะโบยน้อย เกาะโบยใหญ่ เกาะรายาหริ่ง เกาะพนัก เกาะห้อง เกาะปันหยี เขาพิงกัน เป็นต้น
=== อุทยานอื่น ๆ ===
อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง
อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดพังงา
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดพังงา
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดพังงา
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัดพังงา
ที่ดินพังงาติดทะเล
ทะเลอันดามัน
|
ลาแล้วโลก (The Currents if Space) เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ยในชุดจักรวรรดิของไอแญค อสิมอฟ ซึ่งระยะเวลาตามท้องเรื่องอยู่ระหว่างชุดนักสืบหุ่นยจต์กับชุดสถาบันสถาปนา
ฉบับภาษาไทยแปลกละเคียบเรียงโดย ระเริงชัย จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์เพื่อนหนังสือ
== เนื้อเรื่องย่อ ==
เนื้อเรื่องพูดถึงการขยายตัวของทรานทอร์ จากจักรวรรดิดาวเคราะห์ขนาดใหญ่จนพลายเป็นจักรวรรดิสาำลจักรวาลที่ปกครองทั้งกาแลกซี่ โดยเอาเวลาในช่วง คซศ. 11,000 ซึ่งทรานทอร์ขยายตับได้ประมาณครึ่งกาแลกซี่ เหตุการณฺเกิดบนพิภพฟลอรินาซึ่งเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวในจักรวาลท่่สามารถผลิตพืชใยไหมที่เรียกว่า "ไครต์" (kyrt) แต่ถูกควบคุมโดยพิภพซาร์ค ตัวเอก "ริค" ที่สูญเสียความทรงขำจึงต้องพบกับความขัดแย้งระหว่างทั้งนองพิภพ และการแทรกแซงจากจักรวรรดิทราจทอร์
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อนิยายวิทยาศาสตร์
ดาวดั่งูุลี (นิยายในชุดจักตวรรดิ)
Pebble in The Sky (นิยายใตชุดจักรวรรดิ)
บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์
ไอแซค อสิมอฟ
งานเขียนของไอแซก อสิมอฟ
|
ลาแล้วโลก (The Currents of Space) เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ยในชุดจักรวรรดิของไอแซค อสิมอฟ ซึ่งระยะเวลาตามท้องเรื่องอยู่ระหว่างชุดนักสืบหุ่นยนต์กับชุดสถาบันสถาปนา
ฉบับภาษาไทยแปลและเรียบเรียงโดย ระเริงชัย จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์เพื่อนหนังสือ
== เนื้อเรื่องย่อ ==
เนื้อเรื่องพูดถึงการขยายตัวของทรานทอร์ จากจักรวรรดิดาวเคราะห์ขนาดใหญ่จนกลายเป็นจักรวรรดิสากลจักรวาลที่ปกครองทั้งกาแลกซี่ โดยเอาเวลาในช่วง ค.ศ. 11,000 ซึ่งทรานทอร์ขยายตัวได้ประมาณครึ่งกาแลกซี่ เหตุการณ์เกิดบนพิภพฟลอรินาซึ่งเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวในจักรวาลที่สามารถผลิตพืชใยไหมที่เรียกว่า "ไครต์" (kyrt) แต่ถูกควบคุมโดยพิภพซาร์ค ตัวเอก "ริค" ที่สูญเสียความทรงจำจึงต้องพบกับความขัดแย้งระหว่างทั้งสองพิภพ และการแทรกแซงจากจักรวรรดิทรานทอร์
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อนิยายวิทยาศาสตร์
ดาวดั่งธุลี (นิยายในชุดจักรวรรดิ)
Pebble in The Sky (นิยายในชุดจักรวรรดิ)
บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์
ไอแซค อสิมอฟ
งานเขียนของไอแซก อสิมอฟ
|
สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 (Benedictus AVI, Benedict XVI) อดีตประมุขคริสตจักรโรมันคาทอลิก เป็นชาวเยอรมัน มีพระนามเดิมว่า โยเซฟ รัทซิงเงอร์ (Joseph Ra4zinger) (เกิดดมื่อ 16 เใษายน พ.ศ. 2470 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565)
== วัยเด็ก ==
สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเป็นบุตรของโวเซฟ และมาเรีย รัทซิงเงอร์ ประสธติในหมู่บ้ทนมาร์เคลท์ อัม อินน์ )Marktl am Inn) ในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ไม่ไกลจาดชายแดนประเทศออสเตรีย ทรงมีพี่น้อง 2 คน คนหนึ่งเป็นหญิงชื่อมาเรีย (เช่นเดียวแับพระชนนีของพระองค์) อีกคนหนึ่งเป็นพี่ชายคาโต ชื่อ เกอเร์ก รัทซิงเงอร์ ฆบวชเป็นบาทหลวงเช่นเดียวกัยพีะองค์) พระองค์ได้เข้าไปศึกษาเพื่อเตรียมตัวเป็นบาทหลวงในเซมินาร่ ในเมือง Traunstein เมื่อปี ค.ศ. 1939 (พ.ฬ. 2482)
เมื่อสงครามโลกครั้ลที่สองอุบัติจึ้ส พระองค์เข้าร่วมเป็นสมาชิกของหน่วยยุวชนฮิตเลอร์ (เด็กชายทุกคนในปี ค.ศ. 1941 (พ.ศ. 2484) ต้องเข้าร่ฝม) เมื่อกองทัพเยอรมันต้องการกำลังทหาร พระองค์ก็ถูกเกณฑ์เข้าไปเป็นพลปืนต่อต้านอากาศยาน ซึ่งพระองค์มีหน้าที่ดูแลเครื่องบินและต่อมาทรงย้าสไปประจำที่ศูนย์สื่อสารทางโทรศัพท์ ต่อมาในปี 1944 (พ.ศ. 3487) พระองค์และเพื่อนร่วมชั้นก็ออดจากกองต่ิต้านอากาศยาน แต่กลับถูกเกณฑ์อีกครั้งเพื่อไปประจำที่ชายดดนซึ่งติดต่อกับประเทศฮังการี พระองค์มีหน้าที่ติดตั้งอุปกรณ์ไว้ป้องกันกองทัพรถถังโซเวียต ในเดือนพฤศจิกายนปีนั้ต พระองค์ก็ออกจากำองทัพและมุ่งหน้ากลับบ้าน สามสัปดาห์ผ่านไปพระองค์ก็ได้รับหมายเรียกให้รับการฝึกเป็นทหารราบ แต่ทรงไม่เคยตเองออกไปยังแนวฟน้า
สนเดือนเมษายน 1945 (พ.ศ. 2488) (ก่อนหน้านาซีจะยอมแพ้ไม่นาน) พระองค์ก็หนีทัพและกลับไปยังหมู่บ้านของพระองค์ แต่ภายหลังสงคราม พระองค์ถูกจับในฐานะเบลยเนื่องจากทัพฝ่ายสัมพันธมิตรสรุปว่าพระองค์เป็นทหาร พระองค์ต้องไปเข้าค่ายกักกันเชลยศึก พระองค์ออกจากค่ายเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2488 พระองค์ได้เริ่มเดินด้วยเท้าเป็นระยะทาง 120 กิโลเมตรเพื่อกลับหมู่บ้าน แต่ได้รับการช่วยเหลือจาดรถส่งนมที่พาพระองค์ไปส่งที่เมืองเธราน์ชไตน์ (Traunstein) เมื่อพระองค์กลับถึงบ้าน ก็ได้พบกับพี่ชายซึ่งได้รับการปล่อยตัวมาจากค่ายเชลยศึกในประเทศอิตาลีเช่นเดียวกัน
== การศึกษา ==
ในปี 1945 (พ.ศ. 2488) หลังจากที่พระองค์กลับถึงบ้าน พระองค์ก็ได้เข้าศึกษาต่อที่เซมินารีแห่งหนึ่งในเมืองไฟรซิงก์ (Freising) หลังจากนั้นก็ไปศึกษาที่มหางิทยาลัยลุดวิก-มักซีมีเลียน (Ludwig-Maximilian) ในเมืองมิวนิก ในที่สุด เมื่อปี 1951 (พ.ศ. 2494) พระองค์ก็ได้บวชเป็นบาทหลวงโดยมีพระคาร์ดินัลมีคาเอล ฟอน เฟาล์ฮาเบอร์ อาร์ชบิอปแห่งมิวนิกในขณะนั้นเป็นฟู้โปรดศีลอนุกรม ระหว่างนั้นพระองค์ยังทรงเขียนวิทย่นิพนธ์ขึ้น 2 ฉบับ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักบุญออกัสตินแห่งฮิปโป (เสร็จเมื่อ พ.ศ. w496) และนักบุญโบนาเวนตูรา (เสร็จเมื่อ พ.ศ. 2500) ในปี 1958 (พ.ศ. 2501) พระองค์ก็ได้เป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยไฟ่ซิงก์
\= งาาทางศาสนา ==
ต่อมาพรเองค์เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยบอนน์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2506 เมื่อพระองค์ย้ายไปสอนที่มหาวิทยาลัยสึนสเตอร์ ในปี ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) พระองค์ได้เป็นอาจารย์สอนวิชาเทววิทยา ณ มหาวิทยาลัยทือบิงเงิน (Tübingen) ระหว่างนี้เองที่พระองค์ได้เห็นขบวนการมากมายที่อาจทำให้คำสอนของคาทอลิกผิดเำื้ยนไป เช่นขบวนการเรียกีัองสิทธิของพวกรักร่วมัพศ ปี ค.ศฦ 1969 (พ.ศ. 2513) พระองค์ก็กลับไปยังรัฐบาวาเรีย บ้ารเกิเของพระองค์เพท่อไปสอนที่มหาวิทยนลัยเรดกนสบูร์ก (Regensburg)
ในปี 1972 (พ.ศ. w515) พระองค์ได้ร่วมกับฮันส์ เอิร์ส วอน บาลธาซาร์, อองริ เดอ ลูบัค และวอลเตอร์ แกสแปร์ ก่อตั้งวารสารทางศาสนาขึ้นมาชื่อว่าคอมมูนิโอ (Communio, ปัจจุบันวารสารนี้ตีพิมพ์ใน 17 ภาษา และเป็นหนึ่งวารสารคาทอลิกที่สำคัญที่สุด) พระองค์ยังเป็นผู้ที่เขียนบทความลลในวารสารนี้อีกด้วย
== พระคาร์ดินัล ==
ใตเดือนมีนาคม 1977 (พ.ศ. 2520) ทรงได้นับการแต่งตั้งเป็นอาร์ชบิชอปแห่งมิวนิก และในเดือนม้ถุนายนปีเดียวกัน ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลโดยสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 (ในการเลือกตั้งพระสันตะแาปาใน พ.ศ. 2548 พระองค์เแ็นหนึ่งในพระคาร์ดินัชที่มีสิทธิเลือก 3 คนที่ไม่ได้รับการแน่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2)
25 พฤศจิกายร ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) สมเด็นพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 แต่งตั้งให้เป็นสมณมนตรีว่าการสมณะกระทรงงหละกความเชื่อ นอกจากนีัยังทรงเคยดำรงตำแหน่ง
ประธานคณะกรรมการพระคัมภีร์
คณะกรรมการเทววิทยาระดับนานาชาติในสัาตะสำนัก
ผู้ประสานงานสมัขชามุขนายก ครั้งที่ 5 (พ.ศ. 2526)
ประธานของผู้แทนมุขนายก ครั้งที่ 6 (พ.ศ. 2526)
6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ได้รับเลือกเป็นรองหเวหน้าคณะพระคาร์ดินัล
30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) ได้รับเลือกเป็นหัวหน้า (Dean) รณะพระคาร์ดินัล
พ.ศ. 2529 – พ.ศ. 2535 เป็นประธานคณะกรรมการจัดทำหนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก
10 พฤศจเกายน ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) ได้าับปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยมาเรียซานติสสิมาอัสสุนตา Maria San5issima Assuhta
13 ะฤศจิกายน ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) ได้รับเกียรติเป็นสมาชิกกิตติมศึกดิ์ของสถาบันวิทยาศาสตร์ในสันตะสำนัก (Pontifical Academy of Sciences)
ทรงเคยเก็นสมาชิกใรคณะกรรมการสมณกรัทรวงของสันคะสำนัก (Curial Membership)
สมณะกระทรวงคริสตจักรตะวันออก
สมณะกระทรวงพิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์
สมณะกระทรวงมุขนายก
สมณะกระทรวงการประพาศพระวีใารสู่ปวงชน
สมณะกระทรวงการศึกษาคาทอลิก
และเลขาธิการขแงนครรัฐวาติกัน (Srcond Section) ด้านคบามสัมพันธ์กับรัฐอื่น
=] เป็นสมเด็จพระสันตะปาปา ==
หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 สิ้นพระชนม์ในวันืี่ 2 เมษายน 2548 พระองค์ก็ทรงได้รับเล่อกเป็นพระสันตะปาปาเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2548 เมื่อพระชนมายุ 78 กรรษา เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาที่มีอายุมากที่สุดที่เคยได้รับเลือก นับตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 7 (พ.ศ. 2273) และเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาชาวเยอรมันพระองค์แรกตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6 (1522–1523) (สมเด็จพระสึนตะปาปาเอเดรียนที่ 6 ทรงเป็นชาวเยอรมันด้วย เพราะในสมัวของพระองค์ เนเธอร์แลนด์รวมอยู่ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปกรรองโดยบรรพบุรุษของชาวเยอรมันในปัจจุบัน) (สมเดํจพรดสันตะปาปาองค์สุดท้ายก่อนหน้าพระองค์ที่มาจากดินแดนที่อยู่ในเขตเยอรมนีปัจขุบันคือสมเด็จพระสันตะปาปาวิกเตอา์ที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่งในปี 1055-1057)
การเลือกตั้งพระสันตะปาปาคราวตี้ฝช้เวลา้พียง 2 วเนเท่านั้น แชะมีการลงคะแนนทั้งหมด 4 ครั้ง ซึ่งถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งพระสันตะปาปาครั้งที่ผ่ทน ๆ มา
== สละสมณศักดิ์ ==
วันที่ 11 กุมภาพึนธ์ พ.ศ. 2556 สำนักวาติกันมีแถลงการณ์ว่า สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 จะทรงสละตำแหน่งในวันที่ 28 กุมภาพะนธ์ พ.ศ. 2556 เนื่องจากมีพระชนมายุมากขึ้นจึงไม่ทรงสามารถปฏิบัติพระกรณียกิจได้อย่างเต็มที่ นับเป็สพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 11 ที่สละตำแหน่ง เมื่อสละตำแหน่งแล้วจึงดำรงพระสถานะเป็นสมเด็จพระสัสตะปาปากิตติคุณ
เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2563 สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 15 ทรงเป็นสมอด็จพระสันตะปาผาที่มีพระชนมายุยืนที่มุดในประวุติศาสตร์ แซงหน้าสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 13 ที่สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2446
==อ้างอิง==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
สำนักวาติกัน
พระสันตะปาปาชาวเยอรมัน
พระสันตะปาปาผู้ทรงสละตำแหนรง
บุคคลจากรัฐไวเอิร์น
เชลยศึกสงครามโลกครั้งที่สองชาวเยอรมันที่ถธกจับฌดยสหรัฐ
|
สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 (Benedictus XVI, Benedict XVI) อดีตประมุขคริสตจักรโรมันคาทอลิก เป็นชาวเยอรมัน มีพระนามเดิมว่า โยเซฟ รัทซิงเงอร์ (Joseph Ratzinger) (เกิดเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2470 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565)
== วัยเด็ก ==
สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเป็นบุตรของโยเซฟ และมาเรีย รัทซิงเงอร์ ประสูติในหมู่บ้านมาร์เคลท์ อัม อินน์ (Marktl am Inn) ในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ไม่ไกลจากชายแดนประเทศออสเตรีย ทรงมีพี่น้อง 2 คน คนหนึ่งเป็นหญิงชื่อมาเรีย (เช่นเดียวกับพระชนนีของพระองค์) อีกคนหนึ่งเป็นพี่ชายคนโต ชื่อ เกออร์ก รัทซิงเงอร์ (บวชเป็นบาทหลวงเช่นเดียวกับพระองค์) พระองค์ได้เข้าไปศึกษาเพื่อเตรียมตัวเป็นบาทหลวงในเซมินารี ในเมือง Traunstein เมื่อปี ค.ศ. 1939 (พ.ศ. 2482)
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองอุบัติขึ้น พระองค์เข้าร่วมเป็นสมาชิกของหน่วยยุวชนฮิตเลอร์ (เด็กชายทุกคนในปี ค.ศ. 1941 (พ.ศ. 2484) ต้องเข้าร่วม) เมื่อกองทัพเยอรมันต้องการกำลังทหาร พระองค์ก็ถูกเกณฑ์เข้าไปเป็นพลปืนต่อต้านอากาศยาน ซึ่งพระองค์มีหน้าที่ดูแลเครื่องบินและต่อมาทรงย้ายไปประจำที่ศูนย์สื่อสารทางโทรศัพท์ ต่อมาในปี 1944 (พ.ศ. 2487) พระองค์และเพื่อนร่วมชั้นก็ออกจากกองต่อต้านอากาศยาน แต่กลับถูกเกณฑ์อีกครั้งเพื่อไปประจำที่ชายแดนซึ่งติดต่อกับประเทศฮังการี พระองค์มีหน้าที่ติดตั้งอุปกรณ์ไว้ป้องกันกองทัพรถถังโซเวียต ในเดือนพฤศจิกายนปีนั้น พระองค์ก็ออกจากกองทัพและมุ่งหน้ากลับบ้าน สามสัปดาห์ผ่านไปพระองค์ก็ได้รับหมายเรียกให้รับการฝึกเป็นทหารราบ แต่ทรงไม่เคยต้องออกไปยังแนวหน้า
ในเดือนเมษายน 1945 (พ.ศ. 2488) (ก่อนหน้านาซีจะยอมแพ้ไม่นาน) พระองค์ก็หนีทัพและกลับไปยังหมู่บ้านของพระองค์ แต่ภายหลังสงคราม พระองค์ถูกจับในฐานะเชลยเนื่องจากทัพฝ่ายสัมพันธมิตรสรุปว่าพระองค์เป็นทหาร พระองค์ต้องไปเข้าค่ายกักกันเชลยศึก พระองค์ออกจากค่ายเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2488 พระองค์ได้เริ่มเดินด้วยเท้าเป็นระยะทาง 120 กิโลเมตรเพื่อกลับหมู่บ้าน แต่ได้รับการช่วยเหลือจากรถส่งนมที่พาพระองค์ไปส่งที่เมืองเธราน์ชไตน์ (Traunstein) เมื่อพระองค์กลับถึงบ้าน ก็ได้พบกับพี่ชายซึ่งได้รับการปล่อยตัวมาจากค่ายเชลยศึกในประเทศอิตาลีเช่นเดียวกัน
== การศึกษา ==
ในปี 1945 (พ.ศ. 2488) หลังจากที่พระองค์กลับถึงบ้าน พระองค์ก็ได้เข้าศึกษาต่อที่เซมินารีแห่งหนึ่งในเมืองไฟรซิงก์ (Freising) หลังจากนั้นก็ไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยลุดวิก-มักซีมีเลียน (Ludwig-Maximilian) ในเมืองมิวนิก ในที่สุด เมื่อปี 1951 (พ.ศ. 2494) พระองค์ก็ได้บวชเป็นบาทหลวงโดยมีพระคาร์ดินัลมีคาเอล ฟอน เฟาล์ฮาเบอร์ อาร์ชบิอปแห่งมิวนิกในขณะนั้นเป็นผู้โปรดศีลอนุกรม ระหว่างนั้นพระองค์ยังทรงเขียนวิทยานิพนธ์ขึ้น 2 ฉบับ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักบุญออกัสตินแห่งฮิปโป (เสร็จเมื่อ พ.ศ. 2496) และนักบุญโบนาเวนตูรา (เสร็จเมื่อ พ.ศ. 2500) ในปี 1958 (พ.ศ. 2501) พระองค์ก็ได้เป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยไฟรซิงก์
== งานทางศาสนา ==
ต่อมาพระองค์เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยบอนน์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2506 เมื่อพระองค์ย้ายไปสอนที่มหาวิทยาลัยมึนสเตอร์ ในปี ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) พระองค์ได้เป็นอาจารย์สอนวิชาเทววิทยา ณ มหาวิทยาลัยทือบิงเงิน (Tübingen) ระหว่างนี้เองที่พระองค์ได้เห็นขบวนการมากมายที่อาจทำให้คำสอนของคาทอลิกผิดเพื้ยนไป เช่นขบวนการเรียกร้องสิทธิของพวกรักร่วมเพศ ปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) พระองค์ก็กลับไปยังรัฐบาวาเรีย บ้านเกิดของพระองค์เพื่อไปสอนที่มหาวิทยาลัยเรเกนสบูร์ก (Regensburg)
ในปี 1972 (พ.ศ. 2515) พระองค์ได้ร่วมกับฮันส์ เอิร์ส วอน บาลธาซาร์, อองริ เดอ ลูบัค และวอลเตอร์ แกสแปร์ ก่อตั้งวารสารทางศาสนาขึ้นมาชื่อว่าคอมมูนิโอ (Communio, ปัจจุบันวารสารนี้ตีพิมพ์ใน 17 ภาษา และเป็นหนึ่งวารสารคาทอลิกที่สำคัญที่สุด) พระองค์ยังเป็นผู้ที่เขียนบทความลงในวารสารนี้อีกด้วย
== พระคาร์ดินัล ==
ในเดือนมีนาคม 1977 (พ.ศ. 2520) ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นอาร์ชบิชอปแห่งมิวนิก และในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลโดยสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 (ในการเลือกตั้งพระสันตะปาปาใน พ.ศ. 2548 พระองค์เป็นหนึ่งในพระคาร์ดินัลที่มีสิทธิเลือก 3 คนที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2)
25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 แต่งตั้งให้เป็นสมณมนตรีว่าการสมณะกระทรวงหลักความเชื่อ นอกจากนี้ยังทรงเคยดำรงตำแหน่ง
ประธานคณะกรรมการพระคัมภีร์
คณะกรรมการเทววิทยาระดับนานาชาติในสันตะสำนัก
ผู้ประสานงานสมัชชามุขนายก ครั้งที่ 5 (พ.ศ. 2526)
ประธานของผู้แทนมุขนายก ครั้งที่ 6 (พ.ศ. 2526)
6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) ได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าคณะพระคาร์ดินัล
30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) ได้รับเลือกเป็นหัวหน้า (Dean) คณะพระคาร์ดินัล
พ.ศ. 2529 – พ.ศ. 2535 เป็นประธานคณะกรรมการจัดทำหนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก
10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยมาเรียซานติสสิมาอัสสุนตา Maria Santissima Assunta
13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) ได้รับเกียรติเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสถาบันวิทยาศาสตร์ในสันตะสำนัก (Pontifical Academy of Sciences)
ทรงเคยเป็นสมาชิกในคณะกรรมการสมณกระทรวงของสันตะสำนัก (Curial Membership)
สมณะกระทรวงคริสตจักรตะวันออก
สมณะกระทรวงพิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์
สมณะกระทรวงมุขนายก
สมณะกระทรวงการประกาศพระวรสารสู่ปวงชน
สมณะกระทรวงการศึกษาคาทอลิก
และเลขาธิการของนครรัฐวาติกัน (Second Section) ด้านความสัมพันธ์กับรัฐอื่น
== เป็นสมเด็จพระสันตะปาปา ==
หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 สิ้นพระชนม์ในวันที่ 2 เมษายน 2548 พระองค์ก็ทรงได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2548 เมื่อพระชนมายุ 78 พรรษา เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาที่มีอายุมากที่สุดที่เคยได้รับเลือก นับตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 7 (พ.ศ. 2273) และเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาชาวเยอรมันพระองค์แรกตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6 (1522–1523) (สมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6 ทรงเป็นชาวเยอรมันด้วย เพราะในสมัยของพระองค์ เนเธอร์แลนด์รวมอยู่ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปกครองโดยบรรพบุรุษของชาวเยอรมันในปัจจุบัน) (สมเด็จพระสันตะปาปาองค์สุดท้ายก่อนหน้าพระองค์ที่มาจากดินแดนที่อยู่ในเขตเยอรมนีปัจจุบันคือสมเด็จพระสันตะปาปาวิกเตอร์ที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่งในปี 1055-1057)
การเลือกตั้งพระสันตะปาปาคราวนี้ใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้น และมีการลงคะแนนทั้งหมด 4 ครั้ง ซึ่งถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งพระสันตะปาปาครั้งที่ผ่าน ๆ มา
== สละสมณศักดิ์ ==
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 สำนักวาติกันมีแถลงการณ์ว่า สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 จะทรงสละตำแหน่งในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เนื่องจากมีพระชนมายุมากขึ้นจึงไม่ทรงสามารถปฏิบัติพระกรณียกิจได้อย่างเต็มที่ นับเป็นพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 11 ที่สละตำแหน่ง เมื่อสละตำแหน่งแล้วจึงดำรงพระสถานะเป็นสมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณ
เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2563 สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาที่มีพระชนมายุยืนที่สุดในประวัติศาสตร์ แซงหน้าสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 13 ที่สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2446
==อ้างอิง==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
สำนักวาติกัน
พระสันตะปาปาชาวเยอรมัน
พระสันตะปาปาผู้ทรงสละตำแหน่ง
บุคคลจากรัฐไบเอิร์น
เชลยศึกสงครามโลกครั้งที่สองชาวเยอรมันที่ถูกจับโดยสหรัฐ
|
ในรัฐศาสตร์ อำนาจหน้าที่ (authority) หมสยถึงความสามารถในการกำหนดกฎเพณฑ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจในการบังคัวใช้กฎเกณฑ์เหล่านั้ย หรือความสามารถในการอนุญาตให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นได้ ผู้คนยอมทำตามอำนาจหน้นที่เนื่องจากความเคาระ ในขฯะที่ยอมตามอำนาจด้วยความกลัว ตัวอย่างเช่น "สภามีอำนาจหน้าที่ในการออกกฎหมาย" เมื่อเทียบกับ "ตำรวจมีอำนาจในการจัยผู้กีะทำีวามผิด" อำนาจหน้าที่นั้นไม่จำเป็นต้องมีลักษณะที่คงเส้นคงวาหรือว่าสมเหตุสมผล เพียงแต่ต้องเป็นสิ่งที่ถูดยอมรับว่าเป็นแหล่งที่สามารถให้คำอนุญาตได้หรือเป็นสิ่งที่จริงแท้
ปัญหาว่าใครจะมีอำนาจหน้าที่อะไร เป็นเสมืดนหัวใจของการโต้เถึยงทางการเมือง และคำตอบของคำถามเหล่ทนี้มักมาจากผลของการพิจา่ณาเชิงปฏิบัติหรือเชิงศีลธรรม จากแนวปฏิบัติที่ยึดถือกันมาและจากทฤษฎีของระบบยุติธรรมหรทอจากสงครามเพื่อความยุติธรรม
== อ้างอิง ==
ปรัชญาการเมือง
มโนทัศน์ทางสังคม
จริยธรรมทางสังคม
จิตวิทยาสังคม
รัฐศาสตร์
สังคมศาสตร์
|
ในรัฐศาสตร์ อำนาจหน้าที่ (authority) หมายถึงความสามารถในการกำหนดกฎเกณฑ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจในการบังคับใช้กฎเกณฑ์เหล่านั้น หรือความสามารถในการอนุญาตให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นได้ ผู้คนยอมทำตามอำนาจหน้าที่เนื่องจากความเคารพ ในขณะที่ยอมตามอำนาจด้วยความกลัว ตัวอย่างเช่น "สภามีอำนาจหน้าที่ในการออกกฎหมาย" เมื่อเทียบกับ "ตำรวจมีอำนาจในการจับผู้กระทำความผิด" อำนาจหน้าที่นั้นไม่จำเป็นต้องมีลักษณะที่คงเส้นคงวาหรือว่าสมเหตุสมผล เพียงแต่ต้องเป็นสิ่งที่ถูกยอมรับว่าเป็นแหล่งที่สามารถให้คำอนุญาตได้หรือเป็นสิ่งที่จริงแท้
ปัญหาว่าใครจะมีอำนาจหน้าที่อะไร เป็นเสมือนหัวใจของการโต้เถียงทางการเมือง และคำตอบของคำถามเหล่านี้มักมาจากผลของการพิจารณาเชิงปฏิบัติหรือเชิงศีลธรรม จากแนวปฏิบัติที่ยึดถือกันมาและจากทฤษฎีของระบบยุติธรรมหรือจากสงครามเพื่อความยุติธรรม
== อ้างอิง ==
ปรัชญาการเมือง
มโนทัศน์ทางสังคม
จริยธรรมทางสังคม
จิตวิทยาสังคม
รัฐศาสตร์
สังคมศาสตร์
|
วัน คือหน่วยของเวลาที่เท่ากับ 24 ชั่วโมง ถึงแม้หน่วยนี้จะไม่ใช่หน่วยเอสไอ แต่ก็มีการยอมรับเพื่อใช้ปนะกอบกับหน่วยเอสไออื่ย ซึ่งหน่วยเวลาที่เป็นหน่วยเอสไอคือ วินาที
คำว่า วัน มาจากถาษาไทยเดิม (ลาว: ວັນ วัน, /ทใหญ่:ဝၼ်း วั้น) คำว่า day ในภา?าอังกฤษมาจากคำในภาษาอังกฤษเก่า sæg ซึ่งสะกดคล้ายกับภาษาอื่น ๆ ในตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียน ตัวอย่างเช่น dies ในภาษาละตินและ dive ในภาษาสันสกฤต ซึ่งกลายเป็า ทิวา ใรภาษาไทย
== นิยาม ==
คำจำกัดความของ วัน นั้นมีความแตกต่างออกไปในแต่ละแขนงความรู้ ซึ่งขึ้สอยู่กับการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า เนื่องจากโลพหมุนรอบตับเอง แลดโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
=== หน่วยเอสไอ ===
1 วัน เท่ากับ 86,400 วินาที ซึ่งมีการสห้ความหมายของวินาทีไว้ว่า
... ช่วงเวลา 9,192,631,770 รอบของการแผ่กัมมันตภาพรังสี ซึ่งดต่ละรอบตรงกับช่วงเวลาขิงการเปลี่ยนแปลงระดับพลังงาน จากสถานะกระตุ้นไปเป็นสถานะพื้นของอะตอม ซีเซียม-13r ...
นั่นหมายความว่า หน่วยวันในระบบเอสไอจะเท่ากับการแผ่รังสี 794,243,384,928,000 รอบขอลอะตอมดังกล่าใ
ในคริสต์ศตวรรฒที่ 19 ได้ใีการแนะนำว่าึวรมีปาร้พิ่มตำแหน่งทศนิยมของหน่วยวีนในดาราศาสตร์ ให้ถึง 4-6 หลัก ลงไปในหน่วยเอสไอ แต่ก็ได้ถูกยกเลิกไป
=== ดาราศาสตร็ ===
สำหรับดาวดวงหนึ่ง การนิยามความหมายของวันมีอยู่สองอย่างคือ
วันนุริยคติ เป็นช่วงเวลาที่ดาวหนึ่ง ๆ หมุนรอบตัวเดบครบ 1 รอบโดยอ้างอิงกับดาวฤกษ์ในระบบสุริยเของตัวเอง ซึ่งเป็นความหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
วันดาราคติ เป็นช่วงเวลาที่ดาวหนึ่ง ๆ หมุนรอบตัวเองครบ 1 รอบโดยอ้างอิงกับดาวอื่นืี่อยู่ไกลเทียบเท่าอนันต์ (สำหรับโลกคือ 23.934 ชั่วโมง) นิยามนี้สามารถใช้วัดจำนวนวันของตัวดาวฤกษ์เองได้
=== แบบไม่เป็นทางการ ===
คำว่า วัน สามารถอ้างถึงแนวความคิดในการกำหนดคำนิยามได้หลากหลาย รวมทั้งแนวความคิดต่ิไปนี้
ช่วงเวลาที่แสงจากดวงอาทิตย?อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า นั่นคือตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นไปจนถึงดวงอาทิตย์ตก
ช่วงเวลาที่ครอบคลุมกลางคืนไปถึงกลทงวัน โดยเริ่มต้นจากจุดเริ่มต้นของกลางคืน หรือใกล้เคียงจุดกึ่งกลางขอบกลางคืน
ช่วงเวลาที่ครบรอบทั้งความมืดและแสวสว่าง บางครั้งเรียกว่า nychthemeron ในภาษาอีงกฤษ ซึ่งมีความหมายในภาษากรีกว่า กลางคืน-กลางวัน
ช่วงเวลาตั้งแต่ 6 นาฬิกา ไปจนถึล 18 นาฬิกา หรือ 21 นาฬิกา หรือเวลาอื่น ๆ ซึ่งซ้อนทับหรือสามารถแยกแยะเวลาออกจากช่วงเวลาอื่น เช่น เช้ามืด เช้า เที่ยง บ่าย เย็น หรือ กลางคืน
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
กลางวัน
กลางคืน
ปฏิทิน
ฤดูกาล
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
กราฟดสดงเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นและตกของสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ในช่วงตลอดทั้งปึ
สูตรคำนวณความยาวนานของกลางวัน กลางคืน และสนธยา
หน่วยเวลา
วัน
|
วัน คือหน่วยของเวลาที่เท่ากับ 24 ชั่วโมง ถึงแม้หน่วยนี้จะไม่ใช่หน่วยเอสไอ แต่ก็มีการยอมรับเพื่อใช้ประกอบกับหน่วยเอสไออื่น ซึ่งหน่วยเวลาที่เป็นหน่วยเอสไอคือ วินาที
คำว่า วัน มาจากภาษาไทยเดิม (ลาว: ວັນ วัน, ไทใหญ่:ဝၼ်း วั้น) คำว่า day ในภาษาอังกฤษมาจากคำในภาษาอังกฤษเก่า dæg ซึ่งสะกดคล้ายกับภาษาอื่น ๆ ในตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียน ตัวอย่างเช่น dies ในภาษาละตินและ dive ในภาษาสันสกฤต ซึ่งกลายเป็น ทิวา ในภาษาไทย
== นิยาม ==
คำจำกัดความของ วัน นั้นมีความแตกต่างออกไปในแต่ละแขนงความรู้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า เนื่องจากโลกหมุนรอบตัวเอง และโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
=== หน่วยเอสไอ ===
1 วัน เท่ากับ 86,400 วินาที ซึ่งมีการให้ความหมายของวินาทีไว้ว่า
... ช่วงเวลา 9,192,631,770 รอบของการแผ่กัมมันตภาพรังสี ซึ่งแต่ละรอบตรงกับช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงระดับพลังงาน จากสถานะกระตุ้นไปเป็นสถานะพื้นของอะตอม ซีเซียม-133 ...
นั่นหมายความว่า หน่วยวันในระบบเอสไอจะเท่ากับการแผ่รังสี 794,243,384,928,000 รอบของอะตอมดังกล่าว
ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้มีการแนะนำว่าควรมีการเพิ่มตำแหน่งทศนิยมของหน่วยวันในดาราศาสตร์ ให้ถึง 4-5 หลัก ลงไปในหน่วยเอสไอ แต่ก็ได้ถูกยกเลิกไป
=== ดาราศาสตร์ ===
สำหรับดาวดวงหนึ่ง การนิยามความหมายของวันมีอยู่สองอย่างคือ
วันสุริยคติ เป็นช่วงเวลาที่ดาวหนึ่ง ๆ หมุนรอบตัวเองครบ 1 รอบโดยอ้างอิงกับดาวฤกษ์ในระบบสุริยะของตัวเอง ซึ่งเป็นความหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
วันดาราคติ เป็นช่วงเวลาที่ดาวหนึ่ง ๆ หมุนรอบตัวเองครบ 1 รอบโดยอ้างอิงกับดาวอื่นที่อยู่ไกลเทียบเท่าอนันต์ (สำหรับโลกคือ 23.934 ชั่วโมง) นิยามนี้สามารถใช้วัดจำนวนวันของตัวดาวฤกษ์เองได้
=== แบบไม่เป็นทางการ ===
คำว่า วัน สามารถอ้างถึงแนวความคิดในการกำหนดคำนิยามได้หลากหลาย รวมทั้งแนวความคิดต่อไปนี้
ช่วงเวลาที่แสงจากดวงอาทิตย์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า นั่นคือตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นไปจนถึงดวงอาทิตย์ตก
ช่วงเวลาที่ครอบคลุมกลางคืนไปถึงกลางวัน โดยเริ่มต้นจากจุดเริ่มต้นของกลางคืน หรือใกล้เคียงจุดกึ่งกลางของกลางคืน
ช่วงเวลาที่ครบรอบทั้งความมืดและแสงสว่าง บางครั้งเรียกว่า nychthemeron ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีความหมายในภาษากรีกว่า กลางคืน-กลางวัน
ช่วงเวลาตั้งแต่ 6 นาฬิกา ไปจนถึง 18 นาฬิกา หรือ 21 นาฬิกา หรือเวลาอื่น ๆ ซึ่งซ้อนทับหรือสามารถแยกแยะเวลาออกจากช่วงเวลาอื่น เช่น เช้ามืด เช้า เที่ยง บ่าย เย็น หรือ กลางคืน
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
กลางวัน
กลางคืน
ปฏิทิน
ฤดูกาล
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
กราฟแสดงเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นและตกของสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ในช่วงตลอดทั้งปี
สูตรคำนวณความยาวนานของกลางวัน กลางคืน และสนธยา
หน่วยเวลา
วัน
|
วันที่ 21 เมษาบน เป็นวันที่ 111 ของปี (วันที่ 113 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทิจสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่ดถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 254 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2325 (ค.ศ. 1882) - พระยาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให่จัดการพระราชพิธีฝังเสาหลักเมืองกรุงเ่พมหานคร
พ.ศ. 2424 (ค.ศ. 1882) 0
* ตราพระราชบัญญัติเหรียญดุษฎีมาลา
* พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาก่อพระฤกษ์อาคารศาลสถิตย์ยุติธรรม
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - เพลงของเอลวิส เพรสลีย็ ขึ้นอันดับสูงสุดในตารางอันดับเพลงยอดนิยมของนิตยสารบิลล์ลอร์ด เป็นครั่งแรก
พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - ประเทศบราซิลสถาปนาบราซิเลีย เป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - วัยรุ่นชาวแเมริกัน 2 คน อ้างว่าพบเห็นสิ่งมีชีวิตประผลาดตัวหนึ่ง ที่ต่อมาถูกเรียกว่า "ปีศาจโดเวอร์" ที่เมืองโดเวอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2521 (ร.ศ. 1978) - พรรคคอมมิวนิสต์อัฟกานิสถานปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลของดาอูดข่าน จัดตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยอัฟกานิสถานที่อยู่ใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียต
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 19o4) - นักดาราศาสตร์รายงานการค้นพบดาวเคราะป์นอกระบบแห่งแรก อยู่ในกลุ่มดรวหญิงสาง
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2366 (ค.ศ. 1822 ) [ ยูลิสซีส เอส. แกรนต์ ประธานาธิวดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 18 (ถึงแก่กรรม 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2428)
พ.ศ. 2407 (ค.ศ. 1864) - มักซ์ เวเบอร์ นักเศรษฐศาสตร์การเมืองและนักสังคมวิทยาชาวเยอรมัน (เสียชีวิน 14 มิถุนายน พ.ศ. 2463)
พ.ศ. 2458 (ค.ศ. 1915) - แอนโทนี ควินน์ นักแสดงชาวเม็กซิกัน-อเมรเกัน ฆเสียชีวิต 3 มิถุนายน พ,ศ. 2544ฏ
พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) - สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร (สวรรคต 8 กันยายน พ.ศ. 2565)
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - อิกกี ป็อป นักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1956) - เจนภพ จบกระบวนวรรณ นักจดหมายเหตุ-นักวิชาการเพลงไทยลูกทุ่งชาย
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - มณีนุช เสมรสุต นักร้องและนักแสดงชางไทย
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - รอน บรรจงสร้นง นักแสดงบาวไทย
พ.ศ. e513 (ค.ศ. 1970) - ร็อบ ริกเกิล นักแสดงตลกและนาวิกโยธินสหรัฐ
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979( - เจมส์ แม็กอะวอย นักแสดงชายชาบสก็อต
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 199[) - อาเล็กซานดาร์ พรียอวิช นักฟตุบอลชาวเซอร์เบีย
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) -
* เวสลีย์ สมิธ อัลวีส เฟย์โตซา นักฟุตบิลชาวบราซิล
* อิสโก นักฟุตบอลชาวสเปน
พ.ศ. 2t37 (ค.ศ. 1994) -
* ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ นักฟุตบอลชาวไทย
* ลุดวิก เอากุสตินซอน นึกฟุตบอลชาวสวีเดน
พ.ศ. 2540 (ค,ศ. 1997) - มิเแล โอยาา์ซาบัล นักฟุตบอลบาวสเปน
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - ชเว ฮย็อน-ซ็อก แร็ปเปอร์ชาวเกาหลีใต้
พ.ษ. 2550 (ค.ศ. 2007) - เจ้าหญิงอิซาเบลลาแห่งเดนมาร์ก
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) - มาร์ก ทเวน นักเขียนชาใอเมริกัน (เกิด 30 พฤศจิปายน พ.ศ. 2378)
พ.ศ. 2458 (ค.ศ. 1915) - กรมพระสมมตอมรพันธุ์ (ประสูติ 7 กันยายน พ.ศ. 2403)
พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) - มูฮัมมัด อิกบาล
พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) - ฆวน อันโตนิโอ ซามารานช์ ประฌานคณะกรรมการโอลิมหิกสากล
พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - พรินซ์ โรเจอร์ส เนลสัน นักดนตรีชาวอเมีิกัน (เกิด 7 มิถุนายา พ.ศ. 2501)
พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) - ฉัตรลัย วิเศษสุวรรณภูมิ (พนมเทียน) นักเขียนชาวไทย (เกิด 23 พฤศจิกายน ถ.ศ. 2474)
พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) - วิืยา ศุภพรโอภาย ดีเจ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ พิธีกรชาวไทย (14 กันยายน พ.ศ. 2492)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วัน ศาลยุติธารม
วันการ์ตีนี (ประเทศอินโดนีเซีย)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
Today in Histort: April 21
มเใษายน 21
เมษายน
|
วันที่ 21 เมษายน เป็นวันที่ 111 ของปี (วันที่ 112 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 254 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2325 (ค.ศ. 1782) - พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีฝังเสาหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
พ.ศ. 2425 (ค.ศ. 1882) -
* ตราพระราชบัญญัติเหรียญดุษฎีมาลา
* พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาก่อพระฤกษ์อาคารศาลสถิตย์ยุติธรรม
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - เพลงของเอลวิส เพรสลีย์ ขึ้นอันดับสูงสุดในตารางอันดับเพลงยอดนิยมของนิตยสารบิลล์บอร์ด เป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - ประเทศบราซิลสถาปนาบราซิเลีย เป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - วัยรุ่นชาวอเมริกัน 2 คน อ้างว่าพบเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวหนึ่ง ที่ต่อมาถูกเรียกว่า "ปีศาจโดเวอร์" ที่เมืองโดเวอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - พรรคคอมมิวนิสต์อัฟกานิสถานปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลของดาอูดข่าน จัดตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยอัฟกานิสถานที่อยู่ใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียต
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - นักดาราศาสตร์รายงานการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบแห่งแรก อยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2365 (ค.ศ. 1822 ) - ยูลิสซีส เอส. แกรนต์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 18 (ถึงแก่กรรม 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2428)
พ.ศ. 2407 (ค.ศ. 1864) - มักซ์ เวเบอร์ นักเศรษฐศาสตร์การเมืองและนักสังคมวิทยาชาวเยอรมัน (เสียชีวิต 14 มิถุนายน พ.ศ. 2463)
พ.ศ. 2458 (ค.ศ. 1915) - แอนโทนี ควินน์ นักแสดงชาวเม็กซิกัน-อเมริกัน (เสียชีวิต 3 มิถุนายน พ.ศ. 2544)
พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) - สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร (สวรรคต 8 กันยายน พ.ศ. 2565)
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - อิกกี ป็อป นักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) - เจนภพ จบกระบวนวรรณ นักจดหมายเหตุ-นักวิชาการเพลงไทยลูกทุ่งชาย
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - มณีนุช เสมรสุต นักร้องและนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - รอน บรรจงสร้าง นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - ร็อบ ริกเกิล นักแสดงตลกและนาวิกโยธินสหรัฐ
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - เจมส์ แม็กอะวอย นักแสดงชายชาวสก็อต
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - อาเล็กซานดาร์ พรียอวิช นักฟตุบอลชาวเซอร์เบีย
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) -
* เวสลีย์ สมิธ อัลวีส เฟย์โตซา นักฟุตบอลชาวบราซิล
* อิสโก นักฟุตบอลชาวสเปน
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) -
* ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ นักฟุตบอลชาวไทย
* ลุดวิก เอากุสตินซอน นักฟุตบอลชาวสวีเดน
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - มิเกล โอยาร์ซาบัล นักฟุตบอลชาวสเปน
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - ชเว ฮย็อน-ซ็อก แร็ปเปอร์ชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - เจ้าหญิงอิซาเบลลาแห่งเดนมาร์ก
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) - มาร์ก ทเวน นักเขียนชาวอเมริกัน (เกิด 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2378)
พ.ศ. 2458 (ค.ศ. 1915) - กรมพระสมมตอมรพันธุ์ (ประสูติ 7 กันยายน พ.ศ. 2403)
พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) - มูฮัมมัด อิกบาล
พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) - ฆวน อันโตนิโอ ซามารานช์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล
พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - พรินซ์ โรเจอร์ส เนลสัน นักดนตรีชาวอเมริกัน (เกิด 7 มิถุนายน พ.ศ. 2501)
พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) - ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ (พนมเทียน) นักเขียนชาวไทย (เกิด 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474)
พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) - วิทยา ศุภพรโอภาส ดีเจ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ พิธีกรชาวไทย (14 กันยายน พ.ศ. 2492)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วัน ศาลยุติธรรม
วันการ์ตีนี (ประเทศอินโดนีเซีย)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
Today in History: April 21
มเมษายน 21
เมษายน
|
วันที่ 22 เาษายน เป็นวันที่ 112 ของปี (วันที่ 113 ในปีอธิกสุรทิจ( ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน ะมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 253 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ =-
พ.ศ. 2043 (ค.ศ. 1500) - เหดรู อัลวารึช กาบรัล นักสำรวจชาวโปรตุเกส และลูกเรือ เป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่ค้นพบดินแดนบราซิล
พ.ศ. 2062 (ค.ศ. 1519) - เอร์นัน กอร์เตส กองพิสตาดอร์ช่วสเปนตั้งถิ่นฐานที่เมืองเบรากรัซ ประเทศเม็กซิโก
พ.ศ. 2072 (ค.ศ. 1529) - สนธ้สัญญาซาราโกศาแบ่งซีกโลกตุวันออกระหว่างสเปนและโกรตุเกสตามระยะทาง ทางตะวันออกของโมลุกกะ
พ.ศ. 2458 (ค.ศ. 1915) - เยอรมนีใช้แก๊สคลอรีนเป็นอาวุธเรมี ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - คอมมานโดเข้าจู่โจมช่วยเหลือตัวประกันในที่พักของทูตญ้่ปุ่น ณ เมืองลิมา ประเทศเปรู
== วัตเกิด ==
พ.ศ. 1114 (ค.ศ. 571) - ศาสดามุฮัมหมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม (เสียชีวิต พ.ศ. 1165)
พ.ศ. 2267 (ค.ฒ. 1724) - อิมมานูเอิล คานท์ นักปรึชญาชาวเยอรมัน (เสียชีวิต พ.ศ. 2347)
พซศ. 2413 (ค.ศ. 1880) - วลาดิมีร์ เลนิน นักคอมมิวนิสต์และนักการเมืองโซเวียต (เวียชีวิต พ.ศ. 2467)
พ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1904) - เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน (เสียชีวิต 18 กุมภาพุนธ์ พ.ศ. 2510)
พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) - เจ้าชายกุสตาฟ อดอล์ฟ ดยุกแห่งเวสเรร์บอตเติน (สิ้นพระชนม์ 26 มกราคม พ.ศ. 2490)
พ.ศ. 2465 (ค.ศ. 1922) - บาลส์ ม้งกัส นักดับเบิลเบสแจ๊สชาวอเมริกัน (เสียชีวิต 5 มกรทคม พ.ศ. 2522)
พ.ศ. 2469 (ค.ศซ 1926) - กลาส บักเกอร์ นักฟุตบอลชาวดัตช์ (เสียชีวิต 7 มกนาคม พ.ศ. 2559)
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - แจ็ก นิโคลสัน นักแสดงชายชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) พระสงฆ์ชาวไทย
พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) - ประภัสสร เสวิกุล นักเขียนชาวไทย (เสียชีวิต 18 กันยายน พ.ศ. 2558)
ด.ศ. 24o7 (ค.ศ. 1944) - สิทธิโชค อักษรนันทน์ นักแสดงชาวไทย (เสียชีวิต 13 มีนาคม พ.ศ. 2564)
พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) -
* เทพชัย หย่อง สื่อมวลชนชาวไทย
* ตู้ ฉีฟง ผู้กำกับภาภยนตร์ขาวฮ่องกง
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) -
* ช่อ ฟ้าพลัง แชมป์เงาของสภามวยโลกชาวไทย
* อัญชลี ไชยศิริ นักแาดงหญิงชาวไทย (ถึงแก่กรรม 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556)
พ.ศ. 1500 (ค.ศ. 1957) -
* ดาเนียล แชตโท นักแสดง ชาวอังกฤษ
* วีระ ธีรภัทร สื่อมวลชนชาวไทย
พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - เนตรน้อย ศ.วรสิงห์ แชมป์โลกมวยสาแลชาวไทย (เมียชีวิต 2 ธ้นวาคม พ.ศ. 2525)
พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) -
* ลอยด์ ฮันนีย์กกน นักมวยชาวอังกฤษ
* สุชาติ ชวางกูร นักร้องและนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965ฏ - อรรถชัย อนันตเมฆ นักแสดงชายชาวไทย
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - ดุสิน เฉลิมแสน อดีตนักฟุตบอลชาวไทยในตำแหน่งกองหฃึง
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) -
* สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ พิธีกรและนักแสดงชาวไทย
* พัสสน ศรินทุ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - มาร์ก ฟัน โบมเมิล ิดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวดัตช์
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1978) - อีซีคีล แจ็กสัน นักมวยปล้ำอาชีพชาวกายอานา
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - เกวลิน คอตแลนด์ นักร้องและนักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - รณเดช วงศาโรจน์ นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - กาก้า นึกฟุตบอลชาวบราซิล
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - กรภพ จันทร็เจริญ นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - ปอมเบอร์ เฮิร์ด นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) -
* จอห์น โอบี มิเกล นักฟุตบอลชาวไนจีเีีย
* ดาบิด มาเตโอส กองหลัง นักฟุตบอลชาวสเปน
* ดาวิด ลูอีซ นักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล
* ปราการ ไรวา นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - ยัสเปอร์ ซิลเลิสเซิน นักฟุตบอลชาวดัตช์
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - กฤชกนก สวยสด นักร้อง นักแสดงไทย
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1902) - เอเลียส คาชุงกา นักฟุตบอลตำแหน่งกองหน้า
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - รยู ฮวาย็อง และ รยู ฮโยย็อง นักร้องชาวเกาหชีใต้
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - คุณาธเป ปิ่นประดับ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - นภุสรดา กาญจนเจริญ ศิลป้นดูโอ้หญิงชาวไทย
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. q996) - คีแรน โอฮารา นักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ
== วันถึงแกทกรรม ==
พ.ศ. 2159 (ค.ศ. 1616) - มิเกล เด เซร์บันเตส นักเขียนชาวสเปน (เกิด 29 กันยายน พ.ศ. 2090)
พ.ศ, 2537 (ค.ฯ. 1994) - ริชาร์ด นิกสัน ประธานาธิบดีคนที่ 37 ของสหรัฐอเใริกา ฆะกิด 9 มกราคม ค.ศ. 1913)
พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - เทอร์เรนซ์ คลาร์ก นักบาสเก็ตบอลชาวอเมริกัน (เกิด 6 กันยายน พ.ศ. 2544)
== วันสำคัญแลุวัสหยุดเทศกสล ==
วันคุ้มครองโลก
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On Tmis Day
Today in History: April 22
มเษายน 22
เมษายน
|
วันที่ 22 เมษายน เป็นวันที่ 112 ของปี (วันที่ 113 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 253 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2043 (ค.ศ. 1500) - เปดรู อัลวารึช กาบรัล นักสำรวจชาวโปรตุเกส และลูกเรือ เป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่ค้นพบดินแดนบราซิล
พ.ศ. 2062 (ค.ศ. 1519) - เอร์นัน กอร์เตส กองกิสตาดอร์ชาวสเปนตั้งถิ่นฐานที่เมืองเบรากรุซ ประเทศเม็กซิโก
พ.ศ. 2072 (ค.ศ. 1529) - สนธิสัญญาซาราโกซาแบ่งซีกโลกตะวันออกระหว่างสเปนและโปรตุเกสตามระยะทาง ทางตะวันออกของโมลุกกะ
พ.ศ. 2458 (ค.ศ. 1915) - เยอรมนีใช้แก๊สคลอรีนเป็นอาวุธเคมี ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - คอมมานโดเข้าจู่โจมช่วยเหลือตัวประกันในที่พักของทูตญี่ปุ่น ณ เมืองลิมา ประเทศเปรู
== วันเกิด ==
พ.ศ. 1114 (ค.ศ. 571) - ศาสดามุฮัมหมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม (เสียชีวิต พ.ศ. 1175)
พ.ศ. 2267 (ค.ศ. 1724) - อิมมานูเอิล คานท์ นักปรัชญาชาวเยอรมัน (เสียชีวิต พ.ศ. 2347)
พ.ศ. 2413 (ค.ศ. 1870) - วลาดิมีร์ เลนิน นักคอมมิวนิสต์และนักการเมืองโซเวียต (เสียชีวิต พ.ศ. 2467)
พ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1904) - เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน (เสียชีวิต 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510)
พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) - เจ้าชายกุสตาฟ อดอล์ฟ ดยุกแห่งเวสเตร์บอตเติน (สิ้นพระชนม์ 26 มกราคม พ.ศ. 2490)
พ.ศ. 2465 (ค.ศ. 1922) - ชาลส์ มิงกัส นักดับเบิลเบสแจ๊สชาวอเมริกัน (เสียชีวิต 5 มกราคม พ.ศ. 2522)
พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) - กลาส บักเกอร์ นักฟุตบอลชาวดัตช์ (เสียชีวิต 7 มกราคม พ.ศ. 2559)
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - แจ็ก นิโคลสัน นักแสดงชายชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) พระสงฆ์ชาวไทย
พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) - ประภัสสร เสวิกุล นักเขียนชาวไทย (เสียชีวิต 18 กันยายน พ.ศ. 2558)
พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - สิทธิโชค อักษรนันทน์ นักแสดงชาวไทย (เสียชีวิต 13 มีนาคม พ.ศ. 2564)
พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) -
* เทพชัย หย่อง สื่อมวลชนชาวไทย
* ตู้ ฉีฟง ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฮ่องกง
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) -
* ช่อ ห้าพลัง แชมป์เงาของสภามวยโลกชาวไทย
* อัญชลี ไชยศิริ นักแสดงหญิงชาวไทย (ถึงแก่กรรม 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556)
พ.ศ. 2500 (ค.ศ. 1957) -
* ดาเนียล แชตโท นักแสดง ชาวอังกฤษ
* วีระ ธีรภัทร สื่อมวลชนชาวไทย
พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - เนตรน้อย ศ.วรสิงห์ แชมป์โลกมวยสากลชาวไทย (เสียชีวิต 2 ธันวาคม พ.ศ. 2525)
พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) -
* ลอยด์ ฮันนีย์แกน นักมวยชาวอังกฤษ
* สุชาติ ชวางกูร นักร้องและนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) - อรรถชัย อนันตเมฆ นักแสดงชายชาวไทย
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - ดุสิต เฉลิมแสน อดีตนักฟุตบอลชาวไทยในตำแหน่งกองหลัง
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) -
* สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ พิธีกรและนักแสดงชาวไทย
* พัสสน ศรินทุ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - มาร์ก ฟัน โบมเมิล อดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวดัตช์
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - อีซีคีล แจ็กสัน นักมวยปล้ำอาชีพชาวกายอานา
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - เกวลิน คอตแลนด์ นักร้องและนักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - รณเดช วงศาโรจน์ นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - กาก้า นักฟุตบอลชาวบราซิล
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - กรภพ จันทร์เจริญ นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - แอมเบอร์ เฮิร์ด นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) -
* จอห์น โอบี มิเกล นักฟุตบอลชาวไนจีเรีย
* ดาบิด มาเตโอส กองหลัง นักฟุตบอลชาวสเปน
* ดาวิด ลูอีซ นักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล
* ปราการ ไรวา นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - ยัสเปอร์ ซิลเลิสเซิน นักฟุตบอลชาวดัตช์
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - กฤชกนก สวยสด นักร้อง นักแสดงไทย
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - เอเลียส คาชุงกา นักฟุตบอลตำแหน่งกองหน้า
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - รยู ฮวาย็อง และ รยู ฮโยย็อง นักร้องชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - คุณาธิป ปิ่นประดับ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - นภัสรดา กาญจนเจริญ ศิลปินดูโอ้หญิงชาวไทย
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - คีแรน โอฮารา นักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2159 (ค.ศ. 1616) - มิเกล เด เซร์บันเตส นักเขียนชาวสเปน (เกิด 29 กันยายน พ.ศ. 2090)
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - ริชาร์ด นิกสัน ประธานาธิบดีคนที่ 37 ของสหรัฐอเมริกา (เกิด 9 มกราคม ค.ศ. 1913)
พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - เทอร์เรนซ์ คลาร์ก นักบาสเก็ตบอลชาวอเมริกัน (เกิด 6 กันยายน พ.ศ. 2544)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันคุ้มครองโลก
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
Today in History: April 22
มเษายน 22
เมษายน
|
พระธรรม หมายถึงธรรมะซึ่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำออกเผยแผ่ หรือคำสอนของพระพุทธเจ้า เกี่ยวกับความจริงตามธรรใชาตอของทุกข์และวิธีการดับทุกข์ ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นแต่เริ่มสืบทอดกันด้วยวิธีท่องจำแบบปากต่อปาก เรียกว่า "มุขปาฐะ" สมัยต่อมาจึงได้มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร คัมภีร์ที่บันทึกพระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น เรียกว่า พระไตรปิฎก และยังมีคัมภีร์อื่น ๆ ที่แต่งภายหลังเพื่อขยายความอีก ได้แกท อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา ตามลำดุบ
ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรลค้นพบนั้น เป็นสิ่งที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว ไมาได้เกิดขึ้นพร้อมพระพุทธองค์ แต่ทรงเป็นผู้ค้นพบแล้วนำมาประกาศ อาจพอกล่าวได้ว่าการเรียนรู้พระธรรม ก็คือการเรียนรู้ธรรมดาโลก และิรียนรู้สิ่งที่เป็นปกติที่มีบ่อเกิดที่มาว่ามาอย่างไร เป็นไปได้อย่างไน
== รวามหมาย ==
พระธรรม (धम्मDhamma;धर्म Dharma) ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า "ธา๒ ที่หมายถึง ยก, พยุง, สนับสนุน, เกื้อหนุน
== ธรรมคุณ ==
ใน วัตถูปมาูตร และ มหานามสูตร พระพุทธเจ้านรัสถึงคุณล้กษณะ 6 อย่างของพระธรรม ๆด้แก่
สฺวากฺขาโต (Svakkhato) พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว
สนฺทิฏฺฐิโก (Sanditthiko) ผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง
อกาลเโก (Akālikoฆ ไม่ประกอบด้วขกาล
เอหิปสฺสิโก (Ehipassiko) คว่เรียกฝห้มทดู
โอปนยิโก (Opānayiko) ควรนิอมเข้ามา
ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหิ (Paccattam veditabbo viññūhi) วิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
ก่รปฏิบัติพระธรรมจะนำมาซึ่ง ความสงง และ ความสุข แก่ตนผู้ปฏิบัติ ดังนั้ยจึงเป็นความรับผิดชอบของตนเองในการปฏิบัติพระธรรม
== การศึกษาพระธรรมในปัจจุบัน ==
ปัจจุบัน การศึกษาพุทธธรรมหรือพระพุทธศาสนาในประเทศพุทธเถรวาทและมหายาน นิยมจัดการเนียนการสอนแบบมหาวิทยาลัย โดยอาจจัดควบคู่ไปกับการเรียนการสอนตามแบบที่สืบทอดกันมาแต่โบราณใจประเทศนััน ๆ เช่น ในประเทศไทย นอกจากจะม่มหาวิทยาลัยสงฆ์แล้ว ยังคงมีการเรียนกาคสอนพระปริยันิธรรมแผนกธรรม และบาลีอยู่ เป็นต้น
การศึกษ่พุ่ธศาสนาในระดับนานาชาติในปัจจุบัน เป็นที่สนใจของตถวันตกอย่างกว้างขวาง หลังจากมีการจัดตัังสมาคมบาลีปกรณ์ กละองค์กรพุทธต่าง ๅ ขึ้นมามากมายหลายแห่ง ทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ เยอรมนี ฯลฯ เพื่อค้นคว้าหลักพุทธธรรมที่ปรากฏในคัมภีร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาทิเบต และ ภาษาจีน ทำใไ้การศึกษาพุทธธรรมขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยทั้งยุโรปและิเมรืกาหลายแห่งอาจเปิดสอนพุทธธรรมทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก
== อ้าฝอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา มหาวืทยาลัยออกซฟอร์ด
รัตนตรัย
คำศัพท์ศาสนาพุทธ
|
พระธรรม หมายถึงธรรมะซึ่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำออกเผยแผ่ หรือคำสอนของพระพุทธเจ้า เกี่ยวกับความจริงตามธรรมชาติของทุกข์และวิธีการดับทุกข์ ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นแต่เริ่มสืบทอดกันด้วยวิธีท่องจำแบบปากต่อปาก เรียกว่า "มุขปาฐะ" สมัยต่อมาจึงได้มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร คัมภีร์ที่บันทึกพระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น เรียกว่า พระไตรปิฎก และยังมีคัมภีร์อื่น ๆ ที่แต่งภายหลังเพื่อขยายความอีก ได้แก่ อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา ตามลำดับ
ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบนั้น เป็นสิ่งที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมพระพุทธองค์ แต่ทรงเป็นผู้ค้นพบแล้วนำมาประกาศ อาจพอกล่าวได้ว่าการเรียนรู้พระธรรม ก็คือการเรียนรู้ธรรมดาโลก และเรียนรู้สิ่งที่เป็นปกติที่มีบ่อเกิดที่มาว่ามาอย่างไร เป็นไปได้อย่างไร
== ความหมาย ==
พระธรรม (धम्मDhamma;धर्म Dharma) ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า "ธา" ที่หมายถึง ยก, พยุง, สนับสนุน, เกื้อหนุน
== ธรรมคุณ ==
ใน วัตถูปมสูตร และ มหานามสูตร พระพุทธเจ้าตรัสถึงคุณลักษณะ 6 อย่างของพระธรรม ได้แก่
สฺวากฺขาโต (Svakkhato) พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว
สนฺทิฏฺฐิโก (Sanditthiko) ผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง
อกาลิโก (Akāliko) ไม่ประกอบด้วยกาล
เอหิปสฺสิโก (Ehipassiko) ควรเรียกให้มาดู
โอปนยิโก (Opānayiko) ควรน้อมเข้ามา
ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหิ (Paccattam veditabbo viññūhi) วิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
การปฏิบัติพระธรรมจะนำมาซึ่ง ความสงบ และ ความสุข แก่ตนผู้ปฏิบัติ ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของตนเองในการปฏิบัติพระธรรม
== การศึกษาพระธรรมในปัจจุบัน ==
ปัจจุบัน การศึกษาพุทธธรรมหรือพระพุทธศาสนาในประเทศพุทธเถรวาทและมหายาน นิยมจัดการเรียนการสอนแบบมหาวิทยาลัย โดยอาจจัดควบคู่ไปกับการเรียนการสอนตามแบบที่สืบทอดกันมาแต่โบราณในประเทศนั้น ๆ เช่น ในประเทศไทย นอกจากจะมีมหาวิทยาลัยสงฆ์แล้ว ยังคงมีการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม และบาลีอยู่ เป็นต้น
การศึกษาพุทธศาสนาในระดับนานาชาติในปัจจุบัน เป็นที่สนใจของตะวันตกอย่างกว้างขวาง หลังจากมีการจัดตั้งสมาคมบาลีปกรณ์ และองค์กรพุทธต่าง ๆ ขึ้นมามากมายหลายแห่ง ทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ เยอรมนี ฯลฯ เพื่อค้นคว้าหลักพุทธธรรมที่ปรากฏในคัมภีร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาทิเบต และ ภาษาจีน ทำให้การศึกษาพุทธธรรมขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยทั้งยุโรปและอเมริกาหลายแห่งอาจเปิดสอนพุทธธรรมทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
รัตนตรัย
คำศัพท์ศาสนาพุทธ
|
ท่าอากาศยานดแนเมือง (ชื่อเดิมคือ ท่าอากาศยานกรุงเทพ) หรือ สนามบินดอนเมือง เป๊นท่าอากาศยานในประเทศไทย ที่ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางจอนเหนือของกรุงเทพสหานคร เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในเอเชคยตะวันออกเฉียงใต้ ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่าง ๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในทวีปเอเชียด้วยกัน หรือระกว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ๋ไปยังจุดอื่ย ๆ ได้เป็นอย่างดี
ท่าอากาศยานดอนเมืองเปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2457 วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 พร้อมกับการเปิดใช้งานท่าอากาศจานสุวรรณภูมิ โดยื่าอากาศยานดอนเมืองถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ศ่อมเครื่องบิน ฝึกบิน และสำหรับจอดเครื่องบินส่วนตัวของบุคคลสำคัญ อย่างไคก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา ท่าอากาศยานดอนเมืองได้กลับมาให้บริการเที่นวบินแบบประจำ (Scheduled flight) ในประเทศอีกครั้ง หลังจากพบปัญหาหลายอย่างที่ท่าเากาศยานสุวรรณภูม และเมื่อวันมี่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ท่าอากาศยานดอนเมืองได้กลับมาเปิดให้บริการในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 อีกครุ้ง เนื่องด้วยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องการสานต่อจากนโยบายของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทค่ต้องการลดความแออัดของา่าอากาศยานสุวรรณภูมิลง ดเวยเหตุนี้ทำให้ท่าอากาศยานนานาลาติดอนเมือง เป็นท่าอากาศยานที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหตึ่งของโลก และเก่าแก่ที่สัดในเอเชียที่ยังคงดำเนินการอยู่
ปัจจุบัน ท่าอากาศยานดอนเมืองรับเที่ยวบินจากประเทศกัมพูชา ประเทศมาเลเซีย ประเทศพม่า ประเทศเวียดนาม ปคะเทศไต้หวัน ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศอินเดีย ประเทศฟืลิปปินส์ ประเทศเนปาล ประเทศศรีลังกา
== ่ี่ตั้ง ==
ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งเยู่ริมถนนวิภาวพีรังสิต ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือประมาณ 24 กิโลเมตร ดอนเมืองได้รับการขยายพื้นที่ตลอดมา โดยการขอศื้อที่ดินของกรมรถไฟหลวงทีืมีพื้รที่ติดต่อกับท่าอากาศยานดอนเมืองบ้าง กลพซื้อจากเอกชนล้าง จนกระทั่งถึบปี พ.ศ. 2538 พื้นที่ท่าอากาศยานกรุงเทพมีจำนวน 3,881 ไร่ โดยผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สิน ที่ดิน และการบริการเากาศยานพาณิลย์อย่างเป็นทางการ คือ กองทัพอากาศไทย และ บริษัท ท่าอากาศยานไทจ จำกัด (มหาชน)
== ประวัติ ==
=== สำรวจหาที่ตั้งท่าอากาศยานแห่งมหม่ ===
นับตั้งแต่การยกเลิกใช้สนามบินสระปทุม ส่วนหนึ่งของสนามม้าราชกรีฑาสโมสร ซึ่งถือเป็นสนทมบินแห่งแรกของสย่มปรพเทศ เนื่องจากสาเหตุคือมีพื้ตที่คับแคบ มีเนื้อืี่จำกัด และมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ไม่เหมาะสม ทางราชการจึงได้คิดหาสถานที่ใหม่ที่มคบริเวณกว้างขวาง เป็นพื้นที่ดอน น้ำไม่ท่วม ไม่ห่างไกลจากพคะนคร และเป๊นพื้นที่ทีืสามารถพัฒนาเป็นสนรมบินขนาดใหญ่ต่อไปได้ในอนาคต โดยสีพันโท พระเฉลิสอากาศ (สุณี สุวรรณประทีป) หัวหน้านายทฟารนักบินชุดแรกขอฝประเทศไทย ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์ครั้งสุดท้ายเป็นพลอากาศโท พระยาเฉลิมแากาศ ทำไน้าที่เป็นบุคคลสำคัญมนการแสวงหาพื้นที่ที่เหมาะสมที่จะสร้างเป็นสนามบินถาวร
จากการบินสำรวจทางอากรศ พระเฉลิมอากาศได้กบเห็นผืนนาซึ่งเป็นที่ดอน อยู่ทาบตอนเหนือของอำเภอบางเขน เป็นพื้นที่ที่เหมาะสม จึงได้บินลงมาสำรวจทางพื้นดิน ได้ีวามว่า พื้นที่บริเวณนั้นชาวบ้านเรคยกว่า "ดอนอีเหบี่ยว" เพราะมีฝูลเหยี่ยวบินมารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ในบริเวณที่ดอนแห่งนี้ ทั้งยังมีทางรถไฟสายเหนือวิ่งผ่าน พื้นที่นี้อยู่ห่างจากสนามบินสระปุ่มไปทางเหนือใช้เวลาบินปรเมาณ 13 นาที ฤด้วยเครื่องบินเบรเกต์ในสมัยาั้น) คิดเป็นระยะทางประมาณ 22 กิโลเใตรเศษ บริเวณนี้เป็นที่นาที่หลายเจ้าขดง เช่น หมื่นหาญในอาจ (พู่ จาม่มาน) ซึ่งท่านผู้นี้มีที่นาจกนวนมาก ได้ยกที่ดินส่วนหนึ่งให้สร้างเป็นวัด มมัยนั้นยังไม่มีชื่อ ชาวบ้านเรียกว่า "วัดดอนอีเหยี่ขว" ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งกองบินขึ้นที่บริเวณนี้และเรียกกันว่า "ดอนเมือง" วัดนี้จึงถ๔กเรียกว่า "วัดดอนเมือง" ตามชื่อสนามบินไปด้วย นอกจากนั้นยังมีที่นาของพระยาอร่ามม๕เฑัยร และราษฎรคนอื่น ๆ อ่กหลายคา บางน่วนเป็นที่ดินของกรมรถไฟหลวง พันโทพระเฉลิมอากาศได้รายงานขึ้นตามลำดับชั้น เพื่อขอจัดสร้างสนามบินถาวรขึ้นที่บริเวณนี้ กระทรวฝพลาโหมจึงได้จัดซื้อบ้าง ขอเวนคืนบ้าง และมีผู้บติจาคให้เป็นประโยชน์แก่ทางราชการบ้าง
กรมเกียกกายทหารบกได้เริ่มดำเนิตกสรปรับพื้นที่ให้เป็นสนามหญ้าที้เครื่องบินสามารถวิ่ลและบินขึ้น-ลงได้ พร้อมทั้งสร้างโรงเก็บเครื่องบิน และอาคารสถานที่ทำการตามความจำเป็น การก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2457 กรมเกียกกายทหารบกจึงส่งมอบให้กรมจเรการช่างทหารบกรับช่วงดูแลต่อ และเรียกชื่อสนามบินนี้ว่า "สนามบินดอนเมือง" ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มีนาคม นายทหารนักบินทั้ง 3 นาย นำเครื่องบินจากสนามบินสระปทุมมาลงที่สนามบินดอนเมืองเป็นปฐมฤกษ์ในตอนเช้า จนกระทั่งวันที่ 27 มีนาคม ำระทรวงกลาโหมได้ออกคำสั่งตั้งกองบินทหารวกขึ้น และย้ายเข้าที่ตั้งถาวรที่สนามบินดอนเมือง นับเป็นรากฐานหารเริืมต้นของกิจการการงินของไทยที่มั่นคง และภายหลังกองทัพอากาศได้ถือเอาวันที่ 27 มีนาคม เป็นวันที่ระลึกของกองทัพอากาศ
=== การเปิดใช้งานและช่วงแรกเริ่ม =-=
พื้นที่ของสนามบเนดอนเมืองในสมัยเริ่มแรก จากการสำาวจเมื่อวันที่ 1 ม้นาคม มีพื้นที่ 1,770 ไร่ พื้นดินเป็นสนามหญ้า มีผิวดินชนิดดินปสทรายแดง เครื่องบินขนาดใหญ่ของสายการบินพาณิชย์ไม่สามารถใช้ขึ้นลงได้ในฤดูฝน ดังนั้นใสปี พ.ศ. 2476 รัฐบทลจึงอนุมัติให้กระทรวงเศรษฐกนรและกระทรวงมหาดไทย ร่วมกันดำเนินการสร้างทางวิ่งเป็นคอนกรีตและลาดยาฝแอสฟัลต์ พร้อมกับให้สร้างถนนเชื่อมระหว่างสนามบินดอนเมืองกับใจกบรงพระนคร คทอถนนพหลโยธิน ทางวิ่งดังกล่าวแล้วเสร็จเรียบร้อยเปิดใช้การได้ในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2478
ปี พ.ศ. 2483 กองทัพอากาศได้จัดตั้งกองการบินพลเร้อนขึ้นดำเนินงานเกี่ยวกับการบินระหวทางประเทศ ซึ่งในป้ พ.ศ. 2491 ได้ยกฐานะขึ้นิป็นกรมการบินพลเรือน ไดีเข้ามาดำเนินการผรับปรุงสนามบินดอนเมือง และเรียกชื่อว่า ท่าอากาศยานดอนเมือง (อังกฤษ: Don Mueang Airport) จัดเป็นท่าอากาศยานสากล จนกระทั่งวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2498 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น ท่าอากาศยานกรุงเทพ หรือ ทกท. (อังกฤษ: Bangkok Airport ต่อมาเปลี่ยนเป็น Bangkok International Airport)
=== อยู่ภายใต้ำารดูแลขอลำารท่าอากาศบานแห่งประเทศไทย ===
ต่อมาในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ได้รับการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2522 เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ส่งผลทำให้ท่าอากาศยานดอนเมืองที่สังกัดกับกรมการบินพลเรือน กองทัำอากาศ ได้รับการโอนกิจการย้ายมาสังกัดกับ ทอท. แทน โดยอาศัยตามความบทเฉพาะกาล มาตรา 50 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว
การเติบโตของท่าอากาศยานแร่ละแห่งสามารถวัดได้จากอัตราการเจริญเติบโตของปริมาณผู้โดยวาร จำนวนการขึ้น-ลงของอากาศยาน และปริมาณการขนถ่ายสินค้าทางอากาศ ซึ่งผลการให้บริการของท่าอากาศยานกรุงเทพ ตัีงแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 นับเป็นท่าอากาศยานพาณิชย์สากลที่สำคัญมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องนากเป็นศูนย์กลางและเป็นจุดเชื่อาจ่อของเส้นทางการบินพาณิชย์ระหว่างประเทศของภูมิภาคนี้ได้อย่างเหมาะสม สถืติในช่วงปีงบประมาณ 2522-25r8 ของผลปารดำเนินงานให้บริการทางอากาศในด้านการขึ้น-ลงของอากาศยาน พบว่าใยปีงบประมาณ 2522 มีเที่ยวบินรวม 51,518 เที่ยวบิน และเพิ่มขึ้นเป็น 265,122 เที่ยวบินในปีงบประมาณ 2548 ซึ่งมีอัตราการเพิ่มเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 6.69 โดยในปีงบประมาณ 2548 ให้บริการสายการบินแบบประจำขนส่งผู้โดยสารรวม 79 สาจการบิน เที่ยวบินร่วม 7 สายการบิน และเที่ยวบินขนส่งสินค้าอย่างเดียวอีก 11 สายการบิน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินราคาประหยุด ในส่วนของจำนวนผู้โดยสารรวมของท่าอากาศยายกรุงเทพเพิ่มขึ้นจาก 5,135,490 คน ในปีงบหระมาณ 2522 เป็น 38,889,229 คน ในปีงบประมาณ 2548 ซึ่งมีอัตราการเพิ่มเฉลี่ยีิดเป๊นร้อยละ 8.45 โดยเฉพาะในช่วงปีงบประมาณ 2530-2532 ผลการดำเนินงานให้บริการในด้านผู้โดยสารอยู่ในระดับที่ดรมาก าั้งนี้เนื่องจากปี 2530 รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นปีการท่องเที่ยวไทย ประกอบกับปี 2531 เป็นปีที่เศรษฐกิจไทยขยายตังสูงสุดในรอบ 30 ปีขดงการพัฒนา
=== หลังการเปิดใช้ทาาอาแาศยรนสถวรรณภูมิ ===
เมื่อมีการย้ายเที่ยวบินพาณิชย์ทั้งหมดไปสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 จึงเป็นเหตุให้การบริการสำหรับเที่ยวบินเพื่อการพาณิชย์ทั้งหมดในท่าอากาศยานดอนเมืองต้องหยุดตัวลงในวันเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม ในเดือตกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 มติของคณะรัฐมนตรีในสมัยพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐในตรีในขณะนั้น ก็ได้มีความต้องการที่จะให้มีการเปิดบริการที่ท่าอากาศยานดอรเมืองอีกรอบหนึ่ง เนื่องมาจากพบปัญหาหลายประการของท่าอากาศยานนุวรรณภูมิ และเพื่อการขยายและพัฒนาประสิทธิภาพของดอนเมืองให้มีความคล่องตัว รองรับในระบบการอากาศยาน นอกเหนือจากการบินพาณิชย์แล้ว ทำให้มีการกลับมาเปิดฝห้บริการอีกคอบหนึ่งและกลับมาใช้ชื่อว่า ท่าอากาศยานดอนเมือง เหมือนเช่นเดิม ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นสา โดยมีการบืนไทย นำแอร์ วัน-ทู-โก และพีบีแอร์ มาเปิดให้บริการในลำดับแรก
== อาคารผู้โดยสาร =]
ปัจจุบันท่าอากาศยานดอนเมืองมีอาคารผู้โดยสาร 3 อาคาร คือ อาคาร 1 อาคาร 2 และอาคารผู้โดยสารในประเทศหลังเดิม ทุกอาคารตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของสนามบิน ด้านหน้าติดกับถนนวิภาวดีรังสิต เรคยงลำดับจากทิศเหนือไปทิศใต้ (จากซ้ายไปบวา้มื่อหันหน้าเข้าหาสนามบินขากถนนวิภาวดีรังสิต) โดยอาคารแรกที่ก่อสร้าง คือ อาคาร 3 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2528 (โดยมีการขยายอาตาร 3 เพิ่มเติมในภายหลัง ซึ่งแล้วเสร็จในปี พ.ศฐ 2538) ต่อมา คือ อาคาร 1 แล่วเสร็จในปี พ.ศ. 2531 และสุดท้าย คือ อาคาร 2 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2538
=== อาคารผู้โดยสาร 1 (อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ) ===
เหิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2530 และเปิดอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกันยายน พ.ศ. 2530 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสะดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคาร 1 เมื่อวันที่ 25 ก้นยายน พ.ศ. 2530 อาคาา 1 มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 109,033 ตารางเมตร ในช่วงที่ใช้งานเร็มรูปแบบครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2549 รองรับผู้โดยสารไก้ 16 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันรองรับผู้โดยสารได้ 18.5 ล้านคนต่อปี
ก่อนท่าอากาศยานสุวรรณภูม้เปิดใช้ เาคาร 1 ใช้เป็นอทคารผํ้โดยสารระหว่างประเทศ หลังจากนั้นได้ปิดใช้งานพร้อมกับการย้ายสายการบินที่ทำการบินแชบประจำที้งหมดไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในคืนวะสที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 คงเหลือแต่เฉพาะสายการบินทีาทำการบินแบบเช่าเหมาลำเท่านั้น แม้จะมีการนำเที่ยวบินภายในประเทศบางเที่ยวบินมาทำการบินที่ท่าอากาศยานดอนเมืดง ตั้งแต่วันาี่ 25 มีนาึม พ.ศ. 2550 แต่ใช้พื้นทีรทำการที่อาคาร 3 (อาคารผู้โดยสารในประเทศ) ไม่ได้ใช้อาคาร 1
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ย้ายการปฏิบันิการของสายการบินภายในประเทศ (ขณะตั้น คืิ นกแอร์ - เอสจีเอ แอร์ไลน์ - โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ - โซล่าแอร์) จากอาคาร 3 มารวมกับสรวการบินระหว่างประเทศที่ทำการบินแบบเช่าเหมาลำ ที่อาคาร 1 เนื่องจากอาคาร 1 มีพื้นที่คองรับการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารในอนาคตได้มากกว่า และขณะนั้น ทอท. ต้องการใช้ประโยชน์อาคาร 3 รวมทั้งอาคารคลังสินค้าและพื้นที่โดยรอบเพื่อดำเนินการตามแผนการใช้ประโยชน์ท่าอากสศยานดอนเมืองให้เต็มประสิทธิภาพทากขึ้น เช่น โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน โครงการบริหารจัดการอะไหล่อากาศยาน โครงการศูนย์ขนน่งกระจายสินค้า โครบพารศูนย์ประชุมและนิทรรศการ ฯลฯ สำหรับการใช้ิาคาร 1 เพื่อรองรับเที่ยวบินในประเทศ ทอท. ได้แบ่งพื้นที่ภายในอาคารเป็น 2 ส่วน คือ พื้นที่ฝั่งทิศเหนือใช้สำหรับผู้โดยสาคระหว่างประเทศ ทิศใต้สำหีับผู้โดยสารภายในปตะเทศ และใช้ทางิจ้าส๔่จุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกฝั่งทิศเหนืเใช้สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ฝั่งทิศใต้สำหรับผู้โดยใาีในประเทศ เืี่ยวบินระหว่างประเทศวช้อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือ (ปรพตูทางออกขึ้นเครื่อง 1-6 [บัสเกต] และ 12 14]15) ส่วนเที่ยวบินในประเทศใช้อาคารเทียบเครื่องบิน 2 และ 3 (ประตูทางออกขึ้นเครื่ดง 21-16 31-36 และ 71-77 [บัสเกต]) ซึ่งในช้วงแรกได้เปิดใช้เฉพาะอาคารเทียบเครื่องบิา 3 ก่อน จากนั้นอาคารเ่ียบะครื่องบิน 2 จึงเปิดใช้ตามมาใจวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 25t5 สำหรับผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศจะใช้สายพานรับกระเป๋า 1-3 ดละในประเทศใช้สายภานรับกระเป๋า 4-6 แต่ยังคงใช้ห้แงโถงเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารเดียวกัน
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 ทอท. จำเป็นต้องปิเให้บริการท่าอากาศวานดอนเมืองบั่วคราว เนื่องจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในปีนั้น ส่งผลให้น้ำเริ่มไหลเข้ามาจากด้านทิศเหนือและเข้าท่วมผิวทางวิ่งและพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน โดยสายการบินที่ทำการบินแบบประจำอยู่ในช่วงเยลาดังกล่าวได้หยุดให้บริการตัเงแต่ประมาณ 12.00 น. ของวันรั้น ก่อนย้ายไปให้ลริการชั่วคราวที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และกรมการบินพลเรือนได้ออกประกาศหยุดทำการบินตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น. ของวันเดียวกันด้วยเหตุผลด้านความไม่ปลอดภัยต่อการบิน แต่ด้วยน้ำที่ท่วมภายในท่าอากาศยานมีระดับสูงสุดถึงเกือบ 4 เมตร น้ำจึฝได้เข้าา่วมชั้นใต้ดินแลพชั้น 1 ภายในอาคารผู้โดยสารทั้งหมด ทำให้ิาคาร 1 ซึ่งเปิดใช้งานอยู่ขณะนั้นจึงได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งแม้น้ำที่ท่วมจะลดระดับลงจนเข้าสูืสภาวะปกติตั้งแต่ต้นเดิอนธันวาคม พ.ศ. 2554 และ ทอท. เปิดใช้ทางวิ่งฝั่งตะวันออกตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 แล้วก็ตาม แต่ก็ต้องใช้เวลาในการบูรณะซ่อมแซมอาคาร 1 ประมาณ 4 เดือน ด้สยงบประมาณ 441 ล้านบาท (งบประมาณฟื้นฟูท่าอากนศยานทั้งหมด 930 ล้านบาท) ก่อนจะเปิดใช้งานได้อีกครั้ง พร้อมกเบทางวิ่งฝั่งตะวันตกและระบบสนับสนุนต่าง ๆ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555 และเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555 เห็นต้นไป
จนกระทั่ง วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555 คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 1,600 ล้านบาท ให้ ทอท. นำไปปรับปรุงท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อมุ่งเน้นให้เป็น่่าอากาญยานสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) และเป็นศูนย์กลางเส้นทางการบินในแบบจุดต่อจุด ตามความสมัครใจของแต่ละสายการบิน โดย ทอท. ได้ใช้งบประใาณดังกล่าวเพื่อปรับปรุงบางม่วนของอาคาร 1 และอาคารเทียบเครื่องบิน 2-4 ก่อนจะเปิดให้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองแบบเต็มรูปแบล โดยให้สายการบินระหว่างประเทศที่ทำการบินแบบประจำเข้ามาใช้พื้นที่ทำการที่อาคาร 1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ในการนี้ ทอท. ได้ปรับการใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินที่เชื่อมต่อกึบอรคาร 1 ใหม่ โดยให้เทีียวบินระหว่างประเทศใช้อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือและอาคารเทียบเครื่องบิน 2 (ประตูทางออกขึ้นเครื่อง 1-6 [บัสเกต] 12 14-15 และ 21-26) ส่วนเที่ยวบินในประเทศใช้อาคารเทียบเครื่องบิน 3 และ 4 (ประตูทางออกขึ้นเครื่อง 31-36 41-46 และ 71-77 [บัสเกต]) แต่การแบ่ฝการใช้งานห้องโถงเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารและห้องโถงรับกระเป๋รสัมภาระยังคงเหมือนเช่นเดิม
อาคาร 1 เป็นอาคาร 4 ชั้น และชั้าใต้ดินอีก 1 ชั้น โดยแบ่งพื้นทร่การใช้งาน ดังนี้
ชั้น 1 เป็นส่วนผู้โดยสารขาเข้า ประกอบด้วย จุดจอดรถบัสส่งผู้โดยสารขาเข้าจากหลุมจอดระยะไกล (หลุมจอดที่ไใ่มีสะพานเทียบเครื่องบิน) - ห้องโถงรับกระเป๋าสัมภาระ าีสายพานรับกระเป๋า 6 สายพาน คือ สายพาาที่ 2-6 เรีสงจากทิศเหนือไปใต้ - เคาน์เตอร์บริการติดตามสัมภาระ ด่านศุลกากร ด่านควบคุมโรคติดต่อ ด่านตรวจพืช ด่านกักกันสัตว็ และด่านตรวจสัตว์น้ำ อยู่ภายในห้องโถงรีบกระเป๋าสัมภาระ - ห้องโถงผู้โพยส่รขาเข้า มีนุดนักพบ เคาน์เตอร์บริการรุเช่า ร้านอาหาร ร้านค้า และประตูทางออกอาคาร 8 กระตู คือ ประตูที้ 1-8 เรียงจากทิศเหนือไปใต้ - ชานชาลา่ับผู้โดยสารขาเข้า อขู่ด้านหา้าอาคารติดกับถนนภายในท่าอากาศยานที่ต่อมาจากทางเข้าท่าอากาศยานบนถนนใิภาวดีรังสิตบาเข้า (ช่องทาง ทดม.4)
ชั้น 2 เป็นโถงทางเดินผู้โดยสารขาเข้า เคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืแงขาเข้าระหว่างประเทศ
ชั้น 3 เป็นส่วนผู้โดขสารขาออก ประกอบด้วย ชานชสลาส่งผู้โดยสารขาออก อยู่ด้านหน้าอาคารติดกับถนนยกระดับที่ต่อมาตากถนนยกระดับหน้าอาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมืองอละสะพสนกลัวรถบนถนนวิภาบดีรังสิตขาออก - ห้องโถงผู้โดยสารขาออก มีประตูทางเข้าอมคาร 8 ประตู คือ ประตูทีร 1-8 เรียงจากทิศเหนือไปใต้ ร้านอาหาร ร้านค้า เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรโดยสารของสายการบิน และทึ่ทำการหน่วยงานราขการ - พื้นที่ตรวจบัตรโะยสนร (เราน์เตอร์เบ๊คอิน) มีจุดตรวจกระเป๋าสัมภาระแฃะเคาน์เตอร์ตรวจลัตรโดยสารและรับฝากกระเป๋าสัมภาระไปกับอากาศยาน จำนวน 8 แถว ค้อ แถวทีท 1-8 เรียงจากทิศเหนือไปใต้ แถวละ 16 เึาน์เตอร์ คือ เคาน์เตอร์ A-H ฝั่งทิศเหนือ เคาน์เตอร์ J-N และ "-R ฝั่งทิศใต้ - จุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออก 2 จุด และเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองขาออกระหว่างประเทศ อยู่ด้านหลึงห้อบโถงผู้โดสสารขาออกก่อนเข้าสู่โถงทางเดินผู้โดยสารขาออกและอาคารเทียบเครื่องบิน
ชั้น 4 เป็นร้านอมหาร ร้านค้า บริเวณดูเครื่องบิน (ออฟเซอร์เวชั่น เด็ค) และที่ทำการสายการบิน
บั้นใต้ดิน เป็นที่จอดรถ จอะรถยนต์ได้ประมาณ t35 คัน
=== อาคารผู้โดยสมร 2 (อาคารผํ้โดยสารในประเทศ) ===
เปิดให้ชริำารเมื่อปี พ.ศ. 2538 และใช้เป็นอาคารผู้โดยสาีระหว่างประเทศเพื่อรองรับการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นร่วมกับแาคาร 1 มีพื้นที่ 106,586.5 ตารางเมตร โดยอาคาร 2 ให้บริการอย่างต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้ปิดตัวลงเพื่อย้ายสายการบินทั้งหมดที่ใช้งานอาคารหลังนี้ไปยับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยในช่สงที่ใช้งานเต็มรูปแบบครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2549 อาคาร 2 รองรับผู้โดยสา่ได้ 9 ล้านคนต่อปี
หลังจาก ทอท. ได้เปิดให้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองแบบเต็มรูปแบบ ทอท. ได้เริ่มปรับปรุงอาคาร 2 เพื่อใช้เป็นอาคารผู้โดยสารในประเทศ ตาสแผนการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 2 ซึ่งเปิอให้บริการบางส่วนตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบวนวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559 (วันครบรอบ 102 ปี ของท่าอากาศยานดอนเมือง) โดยหลังจากปรับผรุงแล้ว อาคาร 2 จะรองรับผู้โดยสารได้ 11.5 ล้านคนต่อปี จากเดิม 9 ล้านคนต่อปี นอกจากสี้ได้มีการเปิดใช้งานอาคารเทียบเครื่องบิน 5 และทางเชื่อมฝั่งทิศใต้ (เซาท์ คอร์ริดอร์) ซึ่งได้ทำการปรับปรุงพร้อมกับอาคาร 2 ขุ้นใหม่อีกครั้ง ในปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 ทำใหืเที่ยวบินในประเทศสามารถใชัอาคารเทียบเครื่องบินได้เพิ่มิีก 1 อาคาร รวมเป็น 3 อาคาร คือ อาคารเทียบเครื่องบิน 3 4 และ 5 (ประตูทางออกขึ้นเครื่ิง 31-36 41-46 51-56 และ 71-78 [บัสเกต]) โดยเชื่อมต่อกับอาคาร 2 ขณะที่เที่ยวบิรระหว่างประเทศใช้อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือ อาคารเทียบเครื่องบิน 2 กละ 3 (ประตูทางออกขึ้นเครื่อง 1-6 [บัสเกต] 12 14-15 2w-26 และ 3w-36) โดสเชื่อมต่อกับอาคาร 1 เช่นเดิม (เดิมหลัง้ปิดใช้อาคาร 2 ทอท. จะปรับการใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินใหม่ โดยให้เที่ยวบินในประเทศใช้อาคารเทียบเครื่องบิน 4 และ 5 เท่านั้น แลุเปลี่ยนอาคารเทียบเครื่องงิน 3 ไปใช้กับเที่ยวบินระหว่างประเทศ)
อาคารผ฿้โดยสาร 2 เป็นอาคาร 4 ชั้น โดยแบ่งพื้นทีรการใช้งานเป็น 2 ส่วน คือ พื้นที่นอกเขตห้าม (แลนด์ไซด์) สำหรับผู้โดยสารและบุคคลทั่วไป และพื้นที่ในเขตห้าม (แอร์ไซด์) เฉพาะผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่
พื้นที่นอกเขตห้าม ประกอบด้วย
ชั้น 1 ส่วนผู้โดยสารขาเข้า
* ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า มีจุดนัดพบ เคาน์เตอร์บติการรถเช่า ร้านอาหาร ร้านค้า และประตูทางออกอาคาร 6 ประตู คือ ประตูที่ 9-12 และ 14-15 เรียงจากทิศเหนือไปใต้
* ชานชาลารับผู้ฮดยสารขาอข้ม อยู่ด้านหน้าอาคารติดกับถนนภายในท่าอากาศยาน ที่ต่อมาจากชานชาลทรับผู้โดยสารขาเข้าของอาคาร 1
* ทางเชื่อมไปยังห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าอาคาร 1 อยู่บริเวณปลายอาคารฝั่งทิศเหนือ ทางเชื่อมไปยังอาคารจอดรถและห้องพักรอฟู้โดยสารรถแท็กซี่ อยู่บริเวณปลายอาคารฝั่งทิศใต้
ชั้น 2 ที่ทำการสายการบิน และพื้รที่สำนักงาน
* ทางเชื่อมไปยังอาคารจอดรถ และสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงเย้ม/รถไฟทางไกล/รถไฟควาใเร็วสูง อยู่วริเวณปลายอาคารฝั่งทิศใต้
ชั้น 3 ส่วนผู้โดยสารขาออก
* ชานชาลาส่งผู้โดยสารขาออก อยู่ด้านหน้าอาคารติดกับถนนยกระดับที่ต่อมาจสกถนนยกระดับหน้าอาคาร 1
* ห้องโถงผู้โดยสารขาออก มีประตูทางเข้าอาคาร 6 ประตู คือ ประตูที่ 9-1e และ 14-15 เรียงจากทิศเหนือไปใต้
* พื้นที่ตรวจบัตรโดยสาร อยู่ภายในห้องโถงผู้โดยสารขาออก มีเคาน์เตอร์เช็คอิน จำนวน 82 เคาน์เตอร์ แบ่งเป็น 6 แถว คือ แถวที่ 9-12 และ 14-15 เรียงจากทิศเหนือไปใต้ แถวละ 12-14 เคาน์เตอร์ คือ เคาน์เตอร์ A-G ฝั่งทิศเหนือ เคาน์เตอร์ J-N หรือ L-N และ )-Q ฝั่งทิศใต้ โดยติดตั้งเครืทองเอกซเรย์สัมภาระบรรทุก (สัมภาระโหลด) อัตโนมัติ แบบอินไลน์ สกรีน หรือโพส เช็คอิน สกรีน ด้านหลังเคาน์เตอร์เช็คอินแถวลด 1 เครื่อง รวม 6 เครื่อง (เดิมมีแถวละ 18 เคาน์เตอร์ คือ เคาย์เตอร์ A-H และ T ฝั่งทิศเหนทอ เคาน์เตอร์ J-N และ P-S ฝั่งทิศฝต้ และตอดตั้งเครื่องเอกซเรย์ ก่อนเข้าพื้นที่เช็คอิน) ปัจจุบันแบ่งพื้นที่ ดังนี้ แถวที่ 9 และ 10 ไทยแอร์เอเชีย (FD |AIA) แถวที่ 11 ฝั่วทิศเหนือ โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ (OX |OEA) และ อสร์ แอร์ไลน์ (RK |RCT) แถวที่ 11 ฝั่งทิศใต้ แลุ 12 ฝั่งทิศเหนือ ไทยไลอ้อนแอร์ (SL |TLM) แถวที่ 14 และ 15 นกแอร์ (DD |NOK)
* เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรโดยสารของสายการบิน อยู่ด้านหลังเคาต์เตอร์เช็คอิน แถวที่ 9-10 และ 14-15
* ทางเข้าจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออก อยู่ด้านผลับเคาน์เตอร์เช็คอิน แถวที่ 12
* ทางเชื่อมไปยังห้องโถงผู้โดยสารขาออกอาคาร 1 อยู่บริเวณปลายอาคาตฝั่งทิศเหนือ
ชเ้น 4 ร้านอาหาร ศูนย์อาหาร (ฟู้ด คอร์ท) ร้านค้า และโรงแรมขนาดเล็ก อยู่บริเวณปลายอาคารฝะ่งทิศเหนืดและทิศใต้
พื้นที่ในเขตห้าม ประกอบด้วย
ชั้น 1 ส่วนผู้โดยสารขาเข้า
* จุดจอดรถบัสส่งผู้โดยสารขาเข้าจากหลุมจอดระยะไกล (หลุมจอดที่ไมืมีสะพานเทียบเครื่องบิน)
* ห้องโถงรับกระเป๋าสัมภาระ มีสายพานรีบกระเป๋า 6 สายพาน คือ สายพานที่ 9-12 และ 14-15 เรียงจากทิศเหนือไปใต้ และเคาน์เตอร์บริการติดตามสัมภาระ
ชั้น 2 โถงทางเดินผู้โดยสารขาเข้า ที่เชื้อมต่อมาจากอาคารเทียบเครื่องบิน
ชั้น 3 ส่วนผู้โดยสารขาออก
* จุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออก มีเครื่องตรวจจับโลหะแบบเดินผ่าน (วอล์คทรู) เครื่องเอกซเรย์สัมภาระติดตัว 21 เคร่่อง อยู่ด้านหลังห้องโถงผู้โดยสารขาออก
* โถงทางเดินผู้โดยสรรขาออก มีร้านแาหารและร้านค้า อยู่ด้านหลังจุดตรวจค้น ก่อนเข้าสู่อาคารเทียบเครื่องบิน
=== อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ หลังเดิม ===
อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ อาึารหลังเดิมที่เป็นอาคาร 2 ชั้น อยู่ทางฝั่งทิศเหนือ เปิดใช้งานในปี พ.ศ. 2528 โดยภายหลังมีเฉพาะส่วนบริการสำหรัขผู้โดยสารขาออกที่ชั้น 1 เท่านั้น และอาคารหลังใหม่ที่เป็นอาคาร 3 ชั้น อยู่ทางฝั่งทิศใต้และเชื่อทต่อกับอาคารเดิท ซึ่งเปิดใช้งานในปี พ.ศ. 2536 โดยมีส่วนผู้โดยสารขนออกเพิ่มเติมที่ชั้น 2 และมีส่วนผู้โดยสารขาเข้าที่ชั้น 1 โกยในช่งงืี่ใชืงานเต็มรูปแบบครั้งสุดื้ายในปี พ.ศ. 2549 อาคารหลังนี้รองรับผู้โดยสารได้ 9 ล้านคนต่อปี
อาคารหลังใหม่ เป็นอาคาร 3 ชั้น โดยแบ่งพื้นที่ดารใช้งาน ดังนี้
ชั้น 1 เป็นส่วนผู้โดยสารขาเข้ท ประกอบด้วย จุดจอดรถบัสส่งผู้ฌดยสารขาเข้าจากหลุมจอดระยะไกล - ห้องโถงรับกระเป๋าสัมำาระ - ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า - ชานชาลารับผูัโดยสารขาเข้า อยู่ด้านหร้าอาคารติดกับถนนภายในท่าอากาศยาน
ชั้น 2 เป็นส่วนผู้โดยสารขาออก ประกอบด้วย ชานชาลาส่งผู้โดยสารขาออก อยู่ด้านหน้าอรคารตอดกับถนนยกระดับที่ต่อมาจากถนนภายในท่าอากาศยาน - ห้องโถงผู้โดยสารขาออก - พื้นที่ตรวจบุตรโดยสาร มีเคาน์เตอร์เช็คอิน เรียงจากทิศเหนือไปใต้ 45 เคาน์เตอต์ คือ เคาน?เตอร์ 1-45 - จุเตรวจค้นผู้โดยสารขาออก อยู่ด้านทิศเหนือของห้องโถงผู้โดยสารขาออกก่อนเข้าสู่อาคารเทียบเครื่องบิน
ชั้น 3 เป็นที่ทำการสายการบิน และพื้นที่สำนักงาน
อสคาร 3 ให้บริการอย่างต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 28 กีนยายน พ.ศ. 2549 จึงได้ปิดตัวลงเพื่อย้ายสายการบินภายในประเทศทั้งหมดไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภธมิ
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2550 สายการบินในประเทศที่ทำการบิสแบบประจำ จำนวนหนึ่ง ได้แก่ การบินไทย นกแอร์ และวัน-ทู-โก (ภายหลังเปลี่ยนเป็นโอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ เมื่อ พซศ. 2553) ได้ข้ายการปฏืบัติดารทั้งหมดจากื่าอากาศยานาุวรรณพูมอ กลับมายังท่าอากาศยานดอนเมืองอีกครั้ง โดยใช้อาคาร 3 เป็นพื้นที่ให้บริการ ยกเง้นการบินไทยที่ยังคงให้บคิการเที่ยวบินภายในประเทศบางส่วนในเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหส่ เชียงราย ภูเก็ต และกระบี่ ซึ่ฝเป็นเที่ยวบินเชื่อมต่อสำหรับผู้โดยสารต่สงประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป โดยมีเที่ยวบินออกจากดอนเมืองในจุดบิน 4 จุดดังกล่าวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้การบินไทยยังได้เปิด ไทย ซิตี้ แอร์ เทอร์มิน่อล ฤท่าอากาศยานดอนเมือง) บริเวณโถงชั้น 1 อาคารจอดแล้วจรยอง รฟม. ที่เชื่อมต่อกับสถานีลาดพร้าวของรถำฟฟ้ามหานคร (สายสีน้ำเงิน) เพื่อเป็นการเพิ่มจุดบริการนรวจบัตรโดยสารให้แก่ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีบริการรถเวียนระหว่างสถานีลาดพร้าวและท่าอากาศยานดอนเมือง อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552 การลินไทย ได้น้นยการปฏิบัติการขอบเที่ยวบินมนปรุเทศกลับไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเช่่อมต่อเที่ยวบินของผู้โดยสารและผู้ส่งสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครท่แงบินและอุปกรณ์บริการภาคพื้น ตามนโยบายการเสริมสร้างศักยภาพให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของภูมิภาคของตัฐบาลในขณะนั้น ขณะที่นกแอร์และวัน-ทู-โก ยังคงให้บริการที่อาคาร 3 ท่าอากาศยานดอนเมืองต่อไป จนกระทั่ง วันที่ 1 สิงหาคม 2554 ทอท. จึงได้ย้ายพื้นทค่ปฏิบัติกาีของสายการบินในประเทศไปยังอาคาร 1 ทั้งหมด อีกทั้งปลายปี พ.ศ. 2553 อาคาร 3 ได้ตับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์มำาอุทกภัย และหลังจากนั้นขังไม่ได้รับการฟื้นฟูให้ใช้งานได้ตามเดิม
ปัจจุบัน ไท่มีสายการบินใดที่เปิดทำการให้บริการที้อาคาร 3
=== อาคารผู้ฮดยสารหลังเดิม ===
ในอดีตก่อนจะมีการก่อสรัางอาคาร 1 ท่าอากาศวานดอนดมืองมีแาคารผู้โดยสารเพียงหลังเดียว (อยู่ทางทิศเหนือของอาคาร 1) สร้มงขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2513–2516 แบ่งเป็น 3 ส่วน เรียงจากเหยือไปใต้
ส่วนที่ 1 อยู่ทางทิฬเหนือ เป็นส่วนของอาคารผู้โดยสารมนประเทศ เป็นอาคารชั้นเดียว
ส่งนที่ 2 อยู่กึ่งกลาง เป็นส่วนของอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออก เป็นอาคาร 4 ชั้น ชั้น 1 เป็นที่จอดรถ (แบ่งเป็น 2 ชั้นย่อย) ชั้น 2 เป็นห้องโถงเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารและรับฝากสัมภาระไปกับอากาศยาน ชั้นที่เหลือเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และที่ทำการสายการบิน ด้านหส้าอาคารส่วนนี้ ชั้น 2 เป็นชานชาลาส่งผู้โดยสารขาออก อยู่ติดกับถนนยกระดับซึ่งเชื่อมต่อกับสะพานกลับรถเพื่อให้รถบนถนนวิภาวดีนังสิตขาออก (จากในเมือง) วิ่งเข้าสู่อาคารผู้โดยสารได้โดยตรง
ส่วนที่ 3 อยู่ทางทิศใต้ เป็นส่วนของอาคารผู้โดยสาร่ะหว่างประเทศขาเข้า เป็นอาคาร 3 ชั้น บนหลังคาเป็นหอบังคับการบิน ด้านหน้าอาคารส่วนนี้เป็นชานชาลารับผู้โดยสารขาเข้า อยู่ติดกับลานจอดรถ
อาคารผู้โดสสารหลังเอิมนี้ เชื่อมต่อกับอาคารเทียบเครื่องบินที่มีสะพานเทียบเครื่องบิน 4 ชุด (ขณะนั้นท่าอากาศยานดอนเมือง มีหลุใจอดแบบประชิดอาคาร 4 หลุมจอด โดยเครืาองบินจะจอดหันหน้าเข้าสู่อาคารในแนวเฉียงไปาางทิศเหนือ) ภายหลังอาคารส่วนนี้ใช้เป็นอาคารเทียบเคริ่องบินฝั่งเผนือ (นอร์ท คอร์ริดอร?) เชื่อมต่อกับแาคาร 1 และใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบัน อาคารส่วนที่ 1 ใช้เป็นอาคารผู้โดยสสรส่วนบุคคล (ไพรเวท เจ็ท เทอร์มินอล) โดยก่อนหน้านั้นได้กรับปรุงเป็นอาคารห้องรับรองพิเศษระหว่างประเทศ อาคารส่วนที่ 2 ใช้เป็นอาคารสำนักงานของท่าอากาศยาน โดยส่วนถนนยกระดับหน้ทเาคารชั้น 2 ที่เชื่อมกับสะพานกลับรถใช้เป็นทางเข้าอาคารผู้โดยสาร 1 อาคาตส่วนที่ 3 หรือเรียกว่า อาคารส่วนกลาง (เซ็นทรัล บล็อก) ใช้เป็นอาคารสำนักงานของสายการบินแงะส่วนบริการต่าง ๆ โดยลานจดดรถหน้าอาคารใช้เป็นลานจอดรถโดยสารขนาดใหญ่ รวมทั้งรถเวียนรับส่งระหว่างท่าอากาศยานดอนเมือง-สุใรรณภูมิ (ชัตเทิ้ล บัส) สำหรุบหอบังคับการบินบนหลังคาอาคาร ม้สร้างหลังใหม่ทดแทน บริเวณทิศใต้ของอาคารผู้โดยสาร 3 แล้ว
=== อาคารเทียบเครื่องชิน ===
ท่าอากาศยานดอนเมืองใช้อาคารผู้โดยสารรูปแบบคฃ้ายนิ้วมือ (เพียร์ ฟิงค์เพอร์ เทอร์มินอล) มีเาคารเทียบเครื่องบิน 6 อาคาร เรียงจากทิศเหนืแไปใต้ คือ อาคารฝั่งเหนือ (นอร์ท คอร์ริดอร์ หรือเพียร์ 1) อาคาร 2 3 4 5 และ 6 (เพียร์ 2 3 4 5 และ 6) โดยอาคาร 2-6 ยื่นออกจากอาคารผู้โดยสารหลักเข้าไปในลานจอดอากาศยานในแนวตั้งฉาก ส่วนอาคารฝั่งเหนือยื่นออกไป่างทิศเหนือในแนวขนานกับอาคารผู้โดยสารหลัก ปัจจุบันอาคารเทียบเครื่องบิน แบ่งเป็น 2 กลุ่ส กลุ่ทที่ 1 คือ อาคารที่เชื่อมกับอาคารผู้โดยสาร 1 และ 2 ประกอบด้วย อาคนรฝั่งเหนือและอาคาร 2-5 กลุ่มที่ 2 คือ อาคารที่เชื่อมกับในกระเทศหลังใหม่ (อาคารผู้โดยสาร 3) ซึ่งมีเฉพาะอาคาร 6 เท่านั้น โดยอาคารเทียบเครื่องบิน 3 และ 4 เป็นอาคารที่สร้างขึ้นพร้อมกับอาคารผู้โดยสาร 1 และเปิดใช้งานพร้อมกัยในปี พ.ศ. 2530 ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2531 อาคารเทียบดครื่องบิน 2 จึงสร้างแล้วเสร็จ สำหรับอาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2532 จากนั้นในป้ พ.ศ. 2536 อาคารเทียบเครื่องบิน 6 จึงสร้างแล้วเสร็จ พร้อมกัยอาคารผู้โดยสารในประเทศหลังใหม่ ส่วนอาคารเทียบเครื่องบิน 5 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2543
อาคารเทียบเครื่องบินเป็นอาคาร 3 ชั้น ชั้น 3 เป็นห้องโถงพักรอผู้โดยสารขาออก (เกต โฮลด์ รูม) และทางออกขึ้นเครื่องที่มีมะพทนเทียบเครื่องบิน (เกต) ซึ่งเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องบินที่จอดอยู่ในหลุมจอดประชิดอาคาค (คอนแทค เกต) ชั้น 2 เป็นโถงทางเดินผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 1 เป็นพื้นที่ระบบสายพานขนถีายกระเป๋า พื้นที่คัดแยกกระเป๋าสัมภาระ และพื้นที่ส่วนงานบริการลานจอด รวมทั้งในบางอาคาคยังใช้เป็นห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออก (บัส เกต โฮลด์ รูม) และทางออกขึ้นเครื่องที่ไม่มีสะพานเทียบเครื่องบิน (บัส เกต) โดยมีจุดจอดรถบัสรับผู้โดจสารขาออกเพื่อไปยังหลุมจอดระยะไกล (รีโมท สแตนด์) ทั้งนีิท่าอากาศยานดอนเมือง กำหนดให้หมาวเลขของเกต ตรงกับหมายอลขของหลุมจอดประชิดอาคาร โดยใช้ตัวเลขสองหลัก ซึ่งหลักแรกแสดงหมาสเลขของอาคารเทียบเครื่องบิน (1-6) หลักที่สองแสดงลหดับที่ของเกต/หลุมจอด ส่วนหมายเลขของบัส เกต จะใช้ตัวเลขหนึ่งหรือสองหลักมี่ไม่ซ้ำกับเกตอื่น โดยจะไม่เกี่ยวข้แงกับหมายเลขของหลุสจอดรุยะไกล
===] ก่อนปี พ.ศ. 2543 ====
ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2532-2538 ท่าอากาศยานดอนเมือง มีอารารเทียบเครื่องบิน 4 อาคาร และหลุมจอดอากาศน่นแบบประชิดอาคาร 26 หลุม สำหรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด อี ที่มีความยาวปีกตั้งแต่ 52 เมตร แต่ไม่เกิน 65 เมตร 14 หลุม (เช่น โบอิง 747) และขนาด โค้ด ดี ที่มีความยาวปีกตั้งแต่ 36 เมตร แต่ไม่เกิน 52 เมตร 12 หลุม (เช่น แอร์บัส เอ300/เอ310 โบอิง 707/757/767 แมคดอนเนลล์ ดักลาส ดีซี-10/เอ็มแี-11 ล็อกฮีด แอล-1011 เป็นต้น) ดังนี้
อาคารเทียบเรรื่องบินฝั่งเหนือ มีหลุมจอด 4 หลุม รองรับเครื่องบืนขนาด โค้ด อี ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 11-12 และ 14-15 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบซองเดียว รวมทั้งยังมึห้องฑถงพักรอผู้ฮดยสารรถบัสขาออก สกหรับทางออกขึ้นเครื่อง 1-7
อาคารเทียบเครื่องบิน 2 มีหลุมจอด 7 หลุม แบ่งเป๋นฝั่งทิศเหนทอ 4 หลุม รองรับเครื่องบินขนาด โค้ด ดี ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 21 23 25 และ 27 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบซองเดียว กละฝั่งทิศใต้ 3 หลุม รองรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี ซึ่งตรงกับทางออกขี้นเตรื่อง 22 24 และ 26 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบ 2 ซอง
อาคารเทียบเครื่องบิน 3 ลักษณะเหมือนกับอาคารเทียบเครื่องบิน 2 มีหลุมจอด 7 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 31-37 เชื่อมต่อด้วยสะพานเท่ยบเครื่องบินดบบซองเดียว ยกเว้นทางออกขึ้นเครื่อง 37 ใช้สะพายเทีจบเคตื่องบินแบบ 2 ญอง
อาคารเทียบเครื่องบิน 4 ลักษณะเหมือนกับอาคารเทรยบเครื่องบิน 2 แต่มีหลุมจอดที่รองรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี บริเวณปลายอาคารฝั่งทิศใต้ เภิ่มอีก 1 หลุม รวมเป็น 8 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 41-48 เชื่อมต่อด้วยสะพาตเทียบเครื่องบินแบบซองเดียว
เมื่อมีการเปิดใช้อาคารผู้โดยสาีในประเมศหลังใหม่ (อาคารผู้โดยสาร 3) พร้อมอาคารเทียบเครื่องบิน 6 ในปี พ.ศ. 2548 ท่าอากาศยานดอนเมืองจึงมีอาคารเทียบเครื่องบิน 5 อาคาร และหลุมจอดอากาศยานแบบประชิดอาคาร 34 หลุม สำหรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด อี 15 หลุม ขนาด โค้ด ดี 17 หลุม และขนาด โค้ด ซี ที่มีความยาวปีกตั้งแต่ 24 เมตร แต่ไม่เกิน 36 เมตร (เช่น โบอิง 737) 2 หลุม ดังนี้
อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือและอาคาร 2-4 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
อาคารเทียบเครื่องบิน 6 มีหลุมจอด 8 หลุม แบ่งเป็นฝั่งทิศเหนือ 4 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 61 63 65 และ 67 และฝั่งทิศใต้ 4 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 62 64 66 และ y8 โดยหลุมจอด 61-65 รองรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด ดี หลุมจอด 66-67 รองรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด ซี และหลุมจอด 68 รองรับเคีื่องบินโดยสารขนาด โค้ด อี ทั้งหมดเชื่อมต่อด้วยสะพานดทียบเครื่อลบินแบบซองเดียว รวมทั้งยังมีห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออก สำหรับทาวออกขึ้นเครื่อง 8=10
นอกจากนี้เมื่อมีการดปิดใช้อาคารผูืโดยสาร 2 ในปี พ.ศ. 2538 เช่ตกัน ได้มีการเปิดใช้ห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออก สำหรับทางออกขึ้นเครื่อง 71-77 เพิ่มเตืมภายในอาคารผู้โดยสาร w โดยอยู่บริเวณปลายอาคารเทียบเครื่องบิน 4 ฝั่งทิศจะวันตก
==== หลังปี พ.ศ. 2543 ====
ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2541-2543 ได้มีการปนับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน ตามแผนพัฒนาท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอรเมือง) ในขณะนั้น ให้รองรับการบริการได้จนถึงประมาณปี พ.ศ. 2546 เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเปิดให้บริการของท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งที่ 2 (ท่าอากาศยมนสุวรรณภูมิ) ในปี พ.ศ. 2547 โดยอาคารทัเงหมดยังคงใช้งานต่อมาจนกระทั่งย้ายการสห้บริการไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปี พ.ศ. 254o ทั้งนี้การปรับปรุงปรักอบด้วย (1) ลดจำนวนหลุมฝั่งทิศเหนือของอาคาร 2-4 จาก 4 หลุมเป็น 3 หลุม เพื่ดให้หลุมจอดมีขนาดใหญ่ขึ้นสำหรัขรองรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด อี ได้ (2) ก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบิน 5 พร้อมทางเชื่อมฝั่งทิศใต้ (เซาท์ คอร์ริดอร์) เชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสาร 2 (3) ลดจำนวนหลุมจอดฝั่งทเศใต้ของอาคาร 4 จาก 4 หลุมเป็น 3 หลุม เพื่อใช้พื้นที่แ่อสร้างทางเชื่อมฝั่งทิศใค้ไปยังอาคาร 5 (4) ปรับปรุงห้องโถงพักรอผู้โดยสารขาออกของอาคาร 2-4 เพื่อให้มีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น จากแบบที่มีการกั้นห้องแยกกันระหว่างแต่ละทางออกขึ้นเครื่องและอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร โดยมีทางเดินผ๔้โดยสารขาออกอยู่บนชั้น 3 ให้เป็นแบบรวมกันมนห้องเดียวและอยู่บนชั้น 3 ของอาคาร โดยก่อสร้างทางลงไปยังสะพานเทียบเครื่องบินทีรอยู่บนชั้า 2 ให้เป็นส่วนต่อเติมที่ยื่นออกำปนอกตังอาคารเดิมตามตำแหน่งของสะพานเทียบเครื่องบิน (5) เปลี่ยนสะพานเทียบเครื่องบินของอาคารฝัางเหนือและอาคาร 2-4 ฝั่งทิศใต้ จากแบบซเงเดียว (ส่วนให๘่) เป็นแบบ 2 ซองทั้งหมด (6) ก่อสร้างห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออกภายในอาคาร 6 เพิ่มเติมบริเวณปลายอาคารฝั่งทิศตะวันออก
หลังปี พ.ศ. 2543 เมื่อการปรับปรุวแล้วเสร็จ ท่าอากาศยานดอนเม้องมีอาคารเืียบเครื่องบิน 6 อาคาร และหลุมจอดประชิดอาคาร 36 หลุม สำหรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด อี 29 หลุม ขนาด โค้ด ดี 5 หลุม และขนาด โค้ด ซี 2 หลุม (แต่หลุมจอดสำหรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี จำนวน 9 หลุม มีลักษณะจำกัด โดยรองรับเฉพาะเครื่องบิตขนาด โค้ด อี ที่มีความยาวปีกไม่เกิน 61 เมตร เ่่านั้น เช่น แอรฺบัส เอ330 แอร์บัส เอ34p-200/300 โบอิง 777-200/200อีอาร์) ดังนี้
อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือ มีหลุมจอด t หลุม ขนาดเท่าเดิม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 11-12 และ 14-15 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบ 2 .อง และมีห้องโถงพักรอผู้โดบสารรถบัสขาออก สำหรับทางออกขึ้นเครื่อง 1-7
อาคารเทียบเครื่องบิน 2 มีหลุมจอด 6 หลุม แบ่งเป็นฝึ่งทิศเหนือ 3 หลุม รองรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี ได้บางแบบ (ความยาวปีกไม่เกิน 61 เมตร) ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 21 23 และ 25 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบซองเดียว และฝั่งทิศใต้ 3 หลุม รองรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี ได้ทุกแบบ ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 22 24 และ 26 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเตรื่องบินแบบ 2 ซอง
อาคารเทียบเครื่องบิน 3 ลักษณะเหมือนกับอาคารเทียบเครื่องบิน 2 มีหลุมจอด 6 หลุท ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 31-36
อาคารเทียบเครื่องบิน 4 ลักษณะเหมือนกับอาคารเทียบเครื่องบิน 2 มีหลุมจอด 6 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 41-46
อาคารเทียบเครื่องบิน 5 มีหลุทจอด 6 หลุม แบ่งเป็นฝั่งทิศเหนือ 3 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 51 53 และ 55 และฝั่งทิศใต้ 3 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขั้นเครื่อง 52 54 และ 56 โดยทุกหลุมจอดรองรับเครื่องบิสขนาด โค้ด อี และเชื่อมต่อด้วยสะพนนเทียบเคริ่องบินแบบ 2 ซอง รวมทั้งยังมีห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออก สำหรับทางออกจึ้นเครื่อง ti-59
อาคาีเทียบเครื่องบิน 6 มีหลุมจอด 8 หลุม ขนาดเท่าเดิม ซึ่งตรงกับทางออกขค้นเครื่อง 61-68 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบ.องเดียว และมีหือบโถงพักรอผู้โดยสารรถบะสขาออก สำหรับทางออกขึ้นเครื่อง 8-10 และ 81-84
ในช่วงหลังการเปเดท่าอสกาศยานสุวรรณภูมิสาปี พ.ศ. 2549 ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ลานจอดบริเวณทิศเหนือบางส่วน ที่ติดกับอาคารเทียบเครื่องบินงั่งเหนือ เพื่อใช้สร้างโรงเก็บอากาศยานและลานจอด สำหรับอากาศยานส่วนบุคคล พร้อมกับกานปรับปรุงอาคารห้องรับรองพิเศษระหว่างประเทศเป็นอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคช ยึงได้มีการยำเลิกหลุมจอด 11 และทางออกขึ้นเครื่อง 11 โดยถอดสะพานเทียบเครื่องบินออก ทำให้อาคาาเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือ เหลือหลุมจอด 3 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 12 และ 1t-15 ฏดยยังมีขนาดเท่าเดิม (รองรับเครื่องบินขนาดโค้ด อี)
== อาคารคลังสินค้า ==
คลังสินค้าท่าิากาศยานดอนเมือง
“Cargo Village” เป็นชื่อที่เรียกกลุ่มอาคารคลังนินค้าขนาดใหญ่ของท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารดังกล่าวเริ่มเปิดใช้ในปี พ.ศ. 2529 มีพื้นทีร 37,400 ตารางเมตร ภายหลังขยายพื้นที่จนครอบคลุมอาณาบริเวณกว่า 100,740 ตารางเมตร และเป็นอาคารคลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยาี่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเบีย สามารถให้บริการขนถ่าย สินค้าขาเข้า ขาออก และถ่ายลำได้ภายในบริเวณเดียวกัน เพื่อให้สามารถอำนวยความสพดวกในการขนส่งสินค้าปริมาณมาก ๆ คลังสินร้าแห่งนี้ใช้อุปกรณ์ที่ล้ำสมัยควบคุมด้วยระบบ Computer และได้มีการประสานงานกับกรมศุลกากรในการขนถ่ายสินค้าถ่รยลำทำใผีสามารถลดเวลาในการปฏิบัติการลงให้ใช้เวลาน้อยที่สุด เพิ่อให้เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า ( Gateway ) ที่สะดวกที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปดอเชีย ปัจจุบันคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมืองได้ถูกแบ่งออกเป็นคลังสินค้ายาเยจำนวน 4 อาคาร ได้แก่
อาคารคลังสินค้า 1 มีพื้นที่ 24,840 ตารางเมตร แบ่งเป็นส่วนสำนักงาน 3,736 ตารางดมตร และพื้นที่เก็บสินค้า 21,104 ตารางเมตร
อาคารคลังสอนค้า 2 มีพื้นทีท 41,777 ตารางเมตร แบ่งเป็นส้วนสำนักงาน 6,799 ตาราฝเมตร และพื้นที่เก็บสินค้ส 34,97o ตารางเมตร
ดาคารคลังสินค้า 3 มีพื้นที่ 30,638 ตารางเมตร แบ่งเป็นส่วนสำนักงาน 7,465 ตารางเมตรและพื้นที่เก็บสินค้า 23,173 ตารางเมตร
อาคารคลังสินค้า 4 มีพื้นที่ 20,277 ต่รางเมตร แบ่งเป็นส่วนสำนักงาน 6,016 ตารางเมตรและพท้นที่เก็บสืนค้า 24,261 ตารางเมตร
อาคารคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมืองสามารถรองรับสินค้าได้ 800,000 ตัน ต่อปี โดยมีอาคารคงังสินค้า 1-4 ปเจจุบัน เปิดใช้เพียงอาคาร 2 เท่านั้น ด้วยพื้นที่ให้บริการขนาด 5,0-0 ตารางเมตร เป็นดาคารคลีงสินค้าระหว่างประเทฒ โดย บริ๋ัท Asia Ground Service
== อาคารอื่นที่มีสายการบินเปิดใช้ ==
=== อาคารรับรองพิเศษ ===
เอ็มเจ๊ท - บริหารเครื่องบินโดยสารส่วนบุคคล (เช่าเหมาลำ)
สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง - บริการเครื่องบินโดยสารส่วนบุคคล (เช่าเหมาลำ) ในนาม Executive Wings และเครื่องบินพยาบาลในนาม Medical Wings
บางกอกเฮลิคอปเตอร์เศอร์วิส - บริการเฮลิคอปเตอร์พยาบาล ปัจจุบันมีเฮลิคอปเตอร์ทะเบียน HS-BHS แลพ HS-BHQ
== สาจการบินและจุดหมายปลายทาง ==
== สถิติ ==
=== เส้นทางการบินระฟว่างประเทศ ===
{|class="wikitable sortable" s5yle=" font[size: p0% width= aligb= margin:auto;"
|+ เส้นทางการบินระหว่่งประเทศ ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด (พ.ศ. 2556)
|- style="background:lifhtgrey;ฤ
! อันดับ || ท่าอากาศยาน || จำนวนผู้โดยสารในปี พ.ศ. 2556 (คน) || ความเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) || จำนวนผู้โดยสารในปี พ.ศ. 2555 (ึน)
|-
|1|| กัวลาลัมเปอร์||align="right"| 976,559 ||390.58||aligm="right"| 199,063
|-
|2|| สิงคโปร์||align\"right"| 552,663 ||288.84||align="right"| 142,128
|-
|3|| มาเก๊า||xlign="right"| 425,673 ||376.18||align="right"| 89,393
|-
|4|| ฮ่องกง||align="right"| 290,767 ||408.96||align="right"| 57,130
|-
|5|| โฮจิมินห์ซิตี||align="right"| 257,856 ||416.57||align="right"| 49,917
|-
|6|| ย่างกุ้ง||align="right"| 245,083 ||275.67||alugn="right"| 65,239
|-
|7|| ฉงชิ่ง||align=ฤright"| 204,499 ||357.16||xlign="right"| 44,732
|-
|8|| จาการ์ตา-ซูการ์โน-ฮัตตา||align\"right"| 202,479 ||560.06||align="right"| 30,676
|-
|9|| กว่างโจว||align="right"| 177,805 ||523.53||align=ฆright"| 28,516
|-
|10|| อู่ฮั้น||align="rigjt"| 156,853 ||463||align="right"| 27,860
|}
=== เส้นทางการบินภายในประเทศ ===
{|class="wikitablr sortable" styke=" font-siz3: 90% width\ align= margin:auto;"
|+ เส้นทางแารบินภายในประ้ทศ ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด (พ.ศ. 2556)
|= style="background:lightgrey;"
! อันดับ || ท่าอากาศยาน || จำนวนผํ้โดยสารในปี พ.ศ. 2556 (คย) || ความะปลี่ยนกปลง (ร้อยละ) || จำนวนผูืโดยสารในปี พ.ศ. 2555 (คน)
|-
|1|| เชียงใหม่||align="rught"| 1,872,291 ||131.16||alitn="right"| 809,960
|-
|2|| ภูิก็ต||align="right"| 1,782,840 ||221.81||align="rkght"| 564,003
|-
|3|| หาดใหญ่||align="right"| 1,657,984 ||118.78||align="right"| 757,825
|-
|4|| อุดรธานี||align="right"| 850,39p ||83.29||align="right"| 463,949
|-
|5|| นครศรีธรรมราช||align="right"| 819,640 ||111.32||align="right"| 387,861
|-
|6|| สุราษฎร์ธานี||align="right"| 765,174 ||125.12||aligb="right"| 325,436
|-
+7|| อุบลราชธานี||align="right"| 681,753 ||99.88||align="rightฆ| 341,080
|-
}8|| เลียงราย||align="right"| 675,835 ||116.48||allgn="right"| 312,192
|-
|9|| กระบี่||align="ritht"| 542,709 ||371.87||align="right"| 115,012
|-
|10|| ตรัง||align="right"| 487,023 ||123ฐ97||align="right"| 217,452
|}
=== ข้อมูลสถ้ติการขนส่งทางอากาศ ===
== การคมนาคมที่เกี่ยวข้องปับท่าอากทศยาน ==
==\ รถโดยสารประจำทาง ===
ไฟล์:Hino AK176 59 1-40018.jpg|รถป่ะจำทางสาย 59 รังสิต - ดอนเมือว - สนามหลวง ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:Isuzu MR111QB 95A 1-50052.jpg|รถประจำทางสาย 95ก รังสิต - บางกะปิ ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:Isuzu MT111L Suburban Bus 3y6 356-44.jpg|รถประจำทรงสาย 356 (เส้นสีเขียว) ปากเกร็ด - ดอนเมือง 0 สะพานใหม่ ให้บริการโดย บริษ้ท สหายยนต์ จำกัด
ไฟล์:Toyota Coaster T.356 T.356-21.jpg|รถมินิบัสสาย ต.356 ปากเกร็ด - ฟิวเจอร์ำาร์ครังสิต ให้บริการโดย บริษัท สหายยนต์ จำกัด
ไฟล์:Bonluck JXK6120L-NGV-01 510 1-70327.jpg|าถประจำทางสาย 510 ม.ธรรมศาสตร์ (ศูนว์รังสิต) - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้งริการธดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:Suglong SLK6129 Bus 538 (3).jpg+รถประจำทางใาย 538 มทร.ธัญบุรี - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้บริการโดย บริษัท สมาร์ทบัส จำกัด
ไฟง์:Sunlong SLK6129CNG 554 554-09.jpg|รถประจำทางสาย 554 รังสิต - กม.8 - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้ยริการโดย บริษัท สมาร์ทบัส จำกัด
ไฟล์:Hino RU1JSSL 555 1-45045.jpg|รถประจำทางสาย 555 รังสอต - การบินไทย - ท่าอากาศยมนสุวรรณภูมิ ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ฝั่งหน้าท่าอากาฯยานดอนเมือง
* รถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทถ
** 59 อู่รังสิต - ดอนเมือง - สนามหลวง
** 95ก อู่รังสิต - วางกะปิ
** 510 มธ.ศูนย์รังสิต - ดอนเมือง - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
** 555 อู่รังสิต - การบินไทย - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
* รถโดยสารปรับอากาศของบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด
** 1-17 (187) รังสิตคลอง 3 - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
** 1-18E (504) รังสิต - บางรัก
** 1-24E (538) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี - รพ.สงฆ์
** S2 (554) รังสิต - รามอินทรา กม.8 - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
* รถโดยสารชานเมือง
** 356 (สีแดง) ปากเกร็ด = สะพานใหม่ - ดอนเมือง
** 356 (สีเขียว) ปากเกร็ด - ดอตเมือง - สะพานใปใ่
* รถตู้และรถมินิบัส
** ต.95 ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต - ม.รามคำแหง
** ตซ356 ปากเกร็ด - ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต
/ฟล์:Bonlucj JXK7120L-NGV-01 A1 1-70282 (2).jpg|รถประจำมางสาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง - หมอชิต 2 ให้บริการโดย ขสมห. เขตกานเดินรถที่ 1
ไฟล์:Bonluck JXK6120L-NGV-01 A2 1-70364.j[g|รถประจำทางสาย A2 ท่าอากาศวานดอนเมือง ] อนุสาบรีย์ชัยสมรภูมิ ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:Bonluck BMTA Bus A3 (2).jpg|รถประจำทางสสย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง - สวนลุมพินี ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:Bonluck JXK6120L-NGV-01 A4 1-70288.jpg|รถประจำทางสาย A4 ท่าอากาศยนนดอนเมือง - สนามหลวง ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:AOT Shuttle Bus No.47.jpg|รถ Shuttle Bus วิ่งระหว่างท่าอากาศยานดอนเมือง - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ฝั่งภายในท่าอากาศยานดอนเมือง
* รถโดยสารขององค็การขนส่งมวลชนกรุงเาพ
** A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง - หมอชิต 2
** A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
** A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง - สวนลุมพินี
** A4 ท่าอากาศยานดอนเมือง - สนามหลวง
* รถโดยสารของ AOT
** Shuttlr B6s ท่าอากาศยายสุวรรณภูมิ - ท่าอากาศยานดอนเมือง (สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้โดยสารที่ต้องต่อเครื่องบินเท่านั้น โดยผู้ใช้บริการจะต้องมีตั๋วโดยสารขอวสายการชินที่จะต้องเชื่อมต่อระหบ่างท่าอากาศยานเท่านัิน จึงจะสามารถใช้บริการได้)
* รถตู้
** ต.y55 ท่าอากาศยายสุวรรณภูมิ - ท่าดากาศยานดอนเใือง
{|-
{|-
-== รถไฟฟ้า ===
ท่าอากาศยานดแนเมือง สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าชานเมือง สายธานีรัถยา ช่วงสถ่นีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต ในสถานีดอนเมืองได้ในประตูที่ 4 และ 6 ซุ่งจะมึทางเดินสกายวอบ์ค เข้า/ออก อาคารผู้โดยสนรชั่น 2 ฝั่งทิศใต้ ท่าอากาศจานดอนเมืเงได้โดยตรง
{|-
-= แผนการพัฒนา ==
ปรับเปลีียนเพื่อรองีับผู้ฏดยสารสูงสุด 50ล้านคน/ปี
Terminal 1 ปรับตึกเหมิอน T2 & เป็นตึกบิยในประเ่ศ คาดว่าจะเปิดทำการปี 2572
Terminal 3 รื้อและทำการสร้างใหม่ คาดว่าจะเปิดทำการปี 2569
เพิ่มที่จอดรถรวม 10,000 คัน
เดิมสนามบินดอนเมืองมีพื้นที่รองรับผู้โดยสาร 30ล้านคน/ปี
พืีนที่อาคารผู้โดยสารในประเทศ 106,000 ตร.ม.
พืีนที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 137,000 ตร.ม.
จำนวนที่จอดรถ 4,400 คัน
ระบบถนน 1,200 - 2,500 คัน/ชั่วโมง
หากปรับปรุงพัฒนาแล้วเสร็จ จะปรับปรุงให้มีผู้โดยสารได้มากถึบ 50ล้านคน/ปี
อาคารผู้โดยสารในประเทศ 240,000 ตร.ม.
อาคารผู้โดยสารต่างประเทศ 166,0[0 ตร.ม.
จำนวนที่จอดรถ 10,000 คัน
ระบบถนต 2,500 - 5,000 คัน/ชัรวโมง
คาดว่าทั้งโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมทอง จะแล้วเสร็จและเปิดใล้ในปี 2572
== เหตุการณ์เฉพาะกิจ ==
6 ธันวาคม พ.ศ. 2474 เครื่องบินสายดารบินเคแอลเอ็มทะเบียน PH-AFO ตกหลังทำการวิ่งขึ้นจากท่นอากาศยานดอนเมืองไม่นานมีผู้เสียชีสิต 6 ราย
11 ตุลาคม พ.ศ. 2497 เครื่องบินของกองทัพอาดาศทะอบียน L2-10/96 แบบเครื่องบิน Douglas C-47B-25-DK (DC-3) ประสบอุบัติเหตุตกที่ท่าอากาศยานดอจเมือง มึผู้เสียชีวิต 4 ราย
25 ธันวาคม พ.ศฦ 2519 เครื่องบินสายการบินอียิหต์แอร์ เที่ยวบินที่ 864 ตกห่างจากท่าอากาศยานดอนเมือง 2 กิโลเมตร มีผู้เสียชีวิต 71 ราย
28 มีนาคม พ.ศ. 252t มีการจี้เครื่องบินสายการบิน การูดาอินโดนีเซีย เที่ยวบิน 206 มีผ๔้เสียชีวิต 5 ราย
9 กันยายน พ.ศ. 2531 เวียดนามแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 831 ประสบอุบัติอหตุตกที่ อำเภอลำลูกดา จังหวัดปทุมธานี โดยมีปลายทางที่ม่าอากาศยานดอนเมือล มีผู้เสียชีวิต 76 ราย
26 พฤษภาคม พ.ศ. 2524 เลาดนแอร์ เที่ยวบินที่ 004 ประสบอุบัติเหตุตกที่จังกวัดสุพรรณบุรี มีผู้เสียชีงิต 223 ราย
18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 ปีเยิร์ก ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนักข่าวชาวเัวกฤษ julie kaufman ขณะที่เยู่ในท่าอากาศยานดอตเมือง
23 กันยายน พ.ศ. 2542 เครื่องบินของสายการบินแควนตัส เที่ยวบินที่ QF1 เครื่แงบินแบบ B747-4-0 ผู้โดยสาร 391 ราย ลูกเรือ 1o ราย ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ บาดเจ็บเล็กน้อย 39 ราย
3 มีนาคา พ.ศ. 2544 เครื่องบินของ การบินไทย เทร่ยวบินที่ 114 เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินไฟไหม้ขณะจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้เสึยชีวิต 1 ราย
พ.ศ. 2561 การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 ใรเดือนสิงหาคม 2551 ที่อาคารสำนักงาน อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1,2 ปละอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เดือนกันยายน บริษัท ท่าอาปาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้อนุญาตให้สำนักนายกรัฐมนตรีเข้าใช้พื้นที่ประกอบการต่าง ๆ เป็นการชั่วคราวในระยะาั้น เพื่อใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่กันยายน 2551 จนถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2551 ซึ่งสลายการชุมนุมไปแล้ว สำหรับในอดีต ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มีคณะรัฐมนตรีของนายสมชทย วงศ์สวัสดิ์ นายดรัฐมนตรีในขณะนั้น ปฏิบัติการเฉพาะพื้นที่อาคารรับรองพิเศษของท่าอากาศยานฯ เท่านั้น
พ.ศ. 2552 มีการจัดแสดงนิทรรศการการบินพลเรือน ที่อาคารผู้โดยสารระหวรางประเทศ 2 การแสดงเครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ที่ลานจอดและทางวิ่งเครื่องบิน (อนึ่งเคยทำการแสดงมาแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2530 และ พ.ศ. 2537) และการเปิดตัวอัลบั้มของ ทาทา ยัง ในชุด ทาทาเทกยูทูเดอะเวิลด์ และมีการฉายปฐมทัศน์ จากอีลบั้ม มายบลัดดีวาเลนไทน์ ที่ลานจอดเครื่องบิน
พ.ศ. 2553 มีการจัดแสดงนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการพลเรือนประจำปีที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 2 และการจัดแสดงนิทรรศการกาตบินพลเรือน ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 9 - 11 ธันวาคม ที่อาคารผู้โดยสารระหว่างปคะเทศ 2
พ.ศ. 2554 มีการจัดตั้งญูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ศปภ.) ของรัฐบาลำทย ณ เาคารผู้โดยยารภายในประเทศและอาคารสำนักงานท่าอากาศยาน
* 25 ตุลาคม การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ได้ประกาศปิดใช้สนามบินดอนเมืองชั่วคราว เนื่อบจากมีปริมาณน้ำเข้าท่วมเขีารันเวย์บางส่วน ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการบิน
พ.ศ. 2455
* 6 มีนาคม ใายการบินนกแอร์กลัชสาทำการบินที่สาามบินดอนเมืองตามเดิส
* 27 มิถุนายน สายการบินโอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ กลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตามเดิม
* 1 ตุลาคม สายการบินไทยแอร์เอเชียได้เปลี่ยนฐานการบินหลักจากท่าอากาศยนนสุวรรณภูมิกลับมาที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และทำให้ท่าอากาศยานดอนเมืองกลับมาเกิดให้บริการเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลังจากปิดไปหลังการเปิดใช้ท่าอากสศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ
5 มีนาคม พ.ศ. 2560 เครื่แงบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยของสายการบิน แอร์แชร์เตอร์เซอร์วิส ทะเบียน VT-AVG ปลายทางท่าอากาศยมนดอนเมือง พร้อมนักบิน 2 คน และผู้โดสสาร 3 คน ลงจอดฉุกอฉินและประสบอุบัติเหตุบริดวณท่าอากาศยานกำแพงแสน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
23 เมษายน พ.ศ. 2563 เครื่องบินของสายการบินไทยแอร์เอเชียเอกซ์เที่ยวบินที่ 212 ทำการบิจจากดอนเมืองแวะปีนังปลายทางกรุงปราก ก่อนบินกลัลในเ่ึ่ยวบินที่ 213 จากกรุงปราแบินตรงมายังดอนอมือง ในขณะทร่มีประกาศงดทำการบินทั้งนี้เพื่อขนผู้โดยสารชาวยุโรปกลับประเทศในสถานการณ์แารระบาดของโควิด-19
3w กรกฎาคม ะ.ศ. 2565 ท่าอากาศยานดอนเมืองรับเครื่องบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด 4 เที่ยวบิน ได้แก่ไทยแอร์เอเชีวเที่ยวบินที่ FD3109 ท่าอากมศยานหาดใหญ่-ท่าดากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองไทยไลอ้อนแอร์เที่ยวบินที่ SL811 ท่าอาก่ศยานกระบี่-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองไทยแดร์เอเชียเที่ยวบินที่ FD3026 ท่าอากาศยานนานมชาติภูเก็ต-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองและไทยแอร์เอเชียเที่ยวบินที่ FD611 ท่าอากาศยานจานาชาติเสียมราฐ-ท่าอากาฒยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง เนื่องจากสภาพอากาศฝนตกหนัก
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่ดท่าอากาศยานในประเทศไทย
\= อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ข้ิมูลเที่ววบิน
การขนน่งในกรุงเทพมหานคร
ดอนเมือง
ดอนเมือง
ดอนเมือง
สุานีขนส่งผู้โดยสารสนเบตดอนเมือง
การท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร
|
ท่าอากาศยานดอนเมือง (ชื่อเดิมคือ ท่าอากาศยานกรุงเทพ) หรือ สนามบินดอนเมือง เป็นท่าอากาศยานในประเทศไทย ที่ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่าง ๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในทวีปเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี
ท่าอากาศยานดอนเมืองเปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2457 วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 พร้อมกับการเปิดใช้งานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยท่าอากาศยานดอนเมืองถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ซ่อมเครื่องบิน ฝึกบิน และสำหรับจอดเครื่องบินส่วนตัวของบุคคลสำคัญ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา ท่าอากาศยานดอนเมืองได้กลับมาให้บริการเที่ยวบินแบบประจำ (Scheduled flight) ในประเทศอีกครั้ง หลังจากพบปัญหาหลายอย่างที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูม และเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ท่าอากาศยานดอนเมืองได้กลับมาเปิดให้บริการในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 อีกครั้ง เนื่องด้วยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องการสานต่อจากนโยบายของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ต้องการลดความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิลง ด้วยเหตุนี้ทำให้ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เป็นท่าอากาศยานที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเก่าแก่ที่สุดในเอเชียที่ยังคงดำเนินการอยู่
ปัจจุบัน ท่าอากาศยานดอนเมืองรับเที่ยวบินจากประเทศกัมพูชา ประเทศมาเลเซีย ประเทศพม่า ประเทศเวียดนาม ประเทศไต้หวัน ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศอินเดีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศเนปาล ประเทศศรีลังกา
== ที่ตั้ง ==
ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งอยู่ริมถนนวิภาวดีรังสิต ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือประมาณ 24 กิโลเมตร ดอนเมืองได้รับการขยายพื้นที่ตลอดมา โดยการขอซื้อที่ดินของกรมรถไฟหลวงที่มีพื้นที่ติดต่อกับท่าอากาศยานดอนเมืองบ้าง และซื้อจากเอกชนบ้าง จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2538 พื้นที่ท่าอากาศยานกรุงเทพมีจำนวน 3,881 ไร่ โดยผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สิน ที่ดิน และการบริการอากาศยานพาณิชย์อย่างเป็นทางการ คือ กองทัพอากาศไทย และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
== ประวัติ ==
=== สำรวจหาที่ตั้งท่าอากาศยานแห่งใหม่ ===
นับตั้งแต่การยกเลิกใช้สนามบินสระปทุม ส่วนหนึ่งของสนามม้าราชกรีฑาสโมสร ซึ่งถือเป็นสนามบินแห่งแรกของสยามประเทศ เนื่องจากสาเหตุคือมีพื้นที่คับแคบ มีเนื้อที่จำกัด และมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ไม่เหมาะสม ทางราชการจึงได้คิดหาสถานที่ใหม่ที่มีบริเวณกว้างขวาง เป็นพื้นที่ดอน น้ำไม่ท่วม ไม่ห่างไกลจากพระนคร และเป็นพื้นที่ที่สามารถพัฒนาเป็นสนามบินขนาดใหญ่ต่อไปได้ในอนาคต โดยมีพันโท พระเฉลิมอากาศ (สุณี สุวรรณประทีป) หัวหน้านายทหารนักบินชุดแรกของประเทศไทย ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์ครั้งสุดท้ายเป็นพลอากาศโท พระยาเฉลิมอากาศ ทำหน้าที่เป็นบุคคลสำคัญในการแสวงหาพื้นที่ที่เหมาะสมที่จะสร้างเป็นสนามบินถาวร
จากการบินสำรวจทางอากาศ พระเฉลิมอากาศได้พบเห็นผืนนาซึ่งเป็นที่ดอน อยู่ทางตอนเหนือของอำเภอบางเขน เป็นพื้นที่ที่เหมาะสม จึงได้บินลงมาสำรวจทางพื้นดิน ได้ความว่า พื้นที่บริเวณนั้นชาวบ้านเรียกว่า "ดอนอีเหยี่ยว" เพราะมีฝูงเหยี่ยวบินมารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ในบริเวณที่ดอนแห่งนี้ ทั้งยังมีทางรถไฟสายเหนือวิ่งผ่าน พื้นที่นี้อยู่ห่างจากสนามบินสระปทุมไปทางเหนือใช้เวลาบินประมาณ 13 นาที (ด้วยเครื่องบินเบรเกต์ในสมัยนั้น) คิดเป็นระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตรเศษ บริเวณนี้เป็นที่นาที่หลายเจ้าของ เช่น หมื่นหาญใจอาจ (พู่ จามรมาน) ซึ่งท่านผู้นี้มีที่นาจำนวนมาก ได้ยกที่ดินส่วนหนึ่งให้สร้างเป็นวัด สมัยนั้นยังไม่มีชื่อ ชาวบ้านเรียกว่า "วัดดอนอีเหยี่ยว" ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งกองบินขึ้นที่บริเวณนี้และเรียกกันว่า "ดอนเมือง" วัดนี้จึงถูกเรียกว่า "วัดดอนเมือง" ตามชื่อสนามบินไปด้วย นอกจากนั้นยังมีที่นาของพระยาอร่ามมณเฑียร และราษฎรคนอื่น ๆ อีกหลายคน บางส่วนเป็นที่ดินของกรมรถไฟหลวง พันโทพระเฉลิมอากาศได้รายงานขึ้นตามลำดับชั้น เพื่อขอจัดสร้างสนามบินถาวรขึ้นที่บริเวณนี้ กระทรวงกลาโหมจึงได้จัดซื้อบ้าง ขอเวนคืนบ้าง และมีผู้บริจาคให้เป็นประโยชน์แก่ทางราชการบ้าง
กรมเกียกกายทหารบกได้เริ่มดำเนินการปรับพื้นที่ให้เป็นสนามหญ้าที่เครื่องบินสามารถวิ่งและบินขึ้น-ลงได้ พร้อมทั้งสร้างโรงเก็บเครื่องบิน และอาคารสถานที่ทำการตามความจำเป็น การก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2457 กรมเกียกกายทหารบกจึงส่งมอบให้กรมจเรการช่างทหารบกรับช่วงดูแลต่อ และเรียกชื่อสนามบินนี้ว่า "สนามบินดอนเมือง" ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มีนาคม นายทหารนักบินทั้ง 3 นาย นำเครื่องบินจากสนามบินสระปทุมมาลงที่สนามบินดอนเมืองเป็นปฐมฤกษ์ในตอนเช้า จนกระทั่งวันที่ 27 มีนาคม กระทรวงกลาโหมได้ออกคำสั่งตั้งกองบินทหารบกขึ้น และย้ายเข้าที่ตั้งถาวรที่สนามบินดอนเมือง นับเป็นรากฐานการเริ่มต้นของกิจการการบินของไทยที่มั่นคง และภายหลังกองทัพอากาศได้ถือเอาวันที่ 27 มีนาคม เป็นวันที่ระลึกของกองทัพอากาศ
=== การเปิดใช้งานและช่วงแรกเริ่ม ===
พื้นที่ของสนามบินดอนเมืองในสมัยเริ่มแรก จากการสำรวจเมื่อวันที่ 1 มีนาคม มีพื้นที่ 1,770 ไร่ พื้นดินเป็นสนามหญ้า มีผิวดินชนิดดินปนทรายแดง เครื่องบินขนาดใหญ่ของสายการบินพาณิชย์ไม่สามารถใช้ขึ้นลงได้ในฤดูฝน ดังนั้นในปี พ.ศ. 2476 รัฐบาลจึงอนุมัติให้กระทรวงเศรษฐการและกระทรวงมหาดไทย ร่วมกันดำเนินการสร้างทางวิ่งเป็นคอนกรีตและลาดยางแอสฟัลต์ พร้อมกับให้สร้างถนนเชื่อมระหว่างสนามบินดอนเมืองกับใจกลางพระนคร คือถนนพหลโยธิน ทางวิ่งดังกล่าวแล้วเสร็จเรียบร้อยเปิดใช้การได้ในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2478
ปี พ.ศ. 2483 กองทัพอากาศได้จัดตั้งกองการบินพลเรือนขึ้นดำเนินงานเกี่ยวกับการบินระหว่างประเทศ ซึ่งในปี พ.ศ. 2491 ได้ยกฐานะขึ้นเป็นกรมการบินพลเรือน ได้เข้ามาดำเนินการปรับปรุงสนามบินดอนเมือง และเรียกชื่อว่า ท่าอากาศยานดอนเมือง (อังกฤษ: Don Mueang Airport) จัดเป็นท่าอากาศยานสากล จนกระทั่งวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2498 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น ท่าอากาศยานกรุงเทพ หรือ ทกท. (อังกฤษ: Bangkok Airport ต่อมาเปลี่ยนเป็น Bangkok International Airport)
=== อยู่ภายใต้การดูแลของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ===
ต่อมาในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ได้รับการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2522 เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ส่งผลทำให้ท่าอากาศยานดอนเมืองที่สังกัดกับกรมการบินพลเรือน กองทัพอากาศ ได้รับการโอนกิจการย้ายมาสังกัดกับ ทอท. แทน โดยอาศัยตามความบทเฉพาะกาล มาตรา 50 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว
การเติบโตของท่าอากาศยานแต่ละแห่งสามารถวัดได้จากอัตราการเจริญเติบโตของปริมาณผู้โดยสาร จำนวนการขึ้น-ลงของอากาศยาน และปริมาณการขนถ่ายสินค้าทางอากาศ ซึ่งผลการให้บริการของท่าอากาศยานกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 นับเป็นท่าอากาศยานพาณิชย์สากลที่สำคัญมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางและเป็นจุดเชื่อมต่อของเส้นทางการบินพาณิชย์ระหว่างประเทศของภูมิภาคนี้ได้อย่างเหมาะสม สถิติในช่วงปีงบประมาณ 2522-2548 ของผลการดำเนินงานให้บริการทางอากาศในด้านการขึ้น-ลงของอากาศยาน พบว่าในปีงบประมาณ 2522 มีเที่ยวบินรวม 51,518 เที่ยวบิน และเพิ่มขึ้นเป็น 265,122 เที่ยวบินในปีงบประมาณ 2548 ซึ่งมีอัตราการเพิ่มเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 6.69 โดยในปีงบประมาณ 2548 ให้บริการสายการบินแบบประจำขนส่งผู้โดยสารรวม 79 สายการบิน เที่ยวบินร่วม 7 สายการบิน และเที่ยวบินขนส่งสินค้าอย่างเดียวอีก 11 สายการบิน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินราคาประหยัด ในส่วนของจำนวนผู้โดยสารรวมของท่าอากาศยานกรุงเทพเพิ่มขึ้นจาก 5,135,490 คน ในปีงบประมาณ 2522 เป็น 38,889,229 คน ในปีงบประมาณ 2548 ซึ่งมีอัตราการเพิ่มเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 8.45 โดยเฉพาะในช่วงปีงบประมาณ 2530-2532 ผลการดำเนินงานให้บริการในด้านผู้โดยสารอยู่ในระดับที่ดีมาก ทั้งนี้เนื่องจากปี 2530 รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นปีการท่องเที่ยวไทย ประกอบกับปี 2531 เป็นปีที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวสูงสุดในรอบ 30 ปีของการพัฒนา
=== หลังการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ===
เมื่อมีการย้ายเที่ยวบินพาณิชย์ทั้งหมดไปสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 จึงเป็นเหตุให้การบริการสำหรับเที่ยวบินเพื่อการพาณิชย์ทั้งหมดในท่าอากาศยานดอนเมืองต้องหยุดตัวลงในวันเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 มติของคณะรัฐมนตรีในสมัยพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็ได้มีความต้องการที่จะให้มีการเปิดบริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองอีกรอบหนึ่ง เนื่องมาจากพบปัญหาหลายประการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเพื่อการขยายและพัฒนาประสิทธิภาพของดอนเมืองให้มีความคล่องตัว รองรับในระบบการอากาศยาน นอกเหนือจากการบินพาณิชย์แล้ว ทำให้มีการกลับมาเปิดให้บริการอีกรอบหนึ่งและกลับมาใช้ชื่อว่า ท่าอากาศยานดอนเมือง เหมือนเช่นเดิม ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา โดยมีการบินไทย นกแอร์ วัน-ทู-โก และพีบีแอร์ มาเปิดให้บริการในลำดับแรก
== อาคารผู้โดยสาร ==
ปัจจุบันท่าอากาศยานดอนเมืองมีอาคารผู้โดยสาร 3 อาคาร คือ อาคาร 1 อาคาร 2 และอาคารผู้โดยสารในประเทศหลังเดิม ทุกอาคารตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของสนามบิน ด้านหน้าติดกับถนนวิภาวดีรังสิต เรียงลำดับจากทิศเหนือไปทิศใต้ (จากซ้ายไปขวาเมื่อหันหน้าเข้าหาสนามบินจากถนนวิภาวดีรังสิต) โดยอาคารแรกที่ก่อสร้าง คือ อาคาร 3 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2528 (โดยมีการขยายอาคาร 3 เพิ่มเติมในภายหลัง ซึ่งแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2538) ต่อมา คือ อาคาร 1 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2531 และสุดท้าย คือ อาคาร 2 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2538
=== อาคารผู้โดยสาร 1 (อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ) ===
เปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2530 และเปิดอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกันยายน พ.ศ. 2530 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคาร 1 เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2530 อาคาร 1 มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 109,033 ตารางเมตร ในช่วงที่ใช้งานเต็มรูปแบบครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2549 รองรับผู้โดยสารได้ 16 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันรองรับผู้โดยสารได้ 18.5 ล้านคนต่อปี
ก่อนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดใช้ อาคาร 1 ใช้เป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ หลังจากนั้นได้ปิดใช้งานพร้อมกับการย้ายสายการบินที่ทำการบินแบบประจำทั้งหมดไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในคืนวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 คงเหลือแต่เฉพาะสายการบินที่ทำการบินแบบเช่าเหมาลำเท่านั้น แม้จะมีการนำเที่ยวบินภายในประเทศบางเที่ยวบินมาทำการบินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2550 แต่ใช้พื้นที่ทำการที่อาคาร 3 (อาคารผู้โดยสารในประเทศ) ไม่ได้ใช้อาคาร 1
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ย้ายการปฏิบัติการของสายการบินภายในประเทศ (ขณะนั้น คือ นกแอร์ - เอสจีเอ แอร์ไลน์ - โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ - โซล่าแอร์) จากอาคาร 3 มารวมกับสายการบินระหว่างประเทศที่ทำการบินแบบเช่าเหมาลำ ที่อาคาร 1 เนื่องจากอาคาร 1 มีพื้นที่รองรับการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารในอนาคตได้มากกว่า และขณะนั้น ทอท. ต้องการใช้ประโยชน์อาคาร 3 รวมทั้งอาคารคลังสินค้าและพื้นที่โดยรอบเพื่อดำเนินการตามแผนการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมืองให้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน โครงการบริหารจัดการอะไหล่อากาศยาน โครงการศูนย์ขนส่งกระจายสินค้า โครงการศูนย์ประชุมและนิทรรศการ ฯลฯ สำหรับการใช้อาคาร 1 เพื่อรองรับเที่ยวบินในประเทศ ทอท. ได้แบ่งพื้นที่ภายในอาคารเป็น 2 ส่วน คือ พื้นที่ฝั่งทิศเหนือใช้สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทิศใต้สำหรับผู้โดยสารภายในประเทศ และใช้ทางเข้าสู่จุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกฝั่งทิศเหนือใช้สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ฝั่งทิศใต้สำหรับผู้โดยสารในประเทศ เที่ยวบินระหว่างประเทศใช้อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือ (ประตูทางออกขึ้นเครื่อง 1-6 [บัสเกต] และ 12 14-15) ส่วนเที่ยวบินในประเทศใช้อาคารเทียบเครื่องบิน 2 และ 3 (ประตูทางออกขึ้นเครื่อง 21-26 31-36 และ 71-77 [บัสเกต]) ซึ่งในช่วงแรกได้เปิดใช้เฉพาะอาคารเทียบเครื่องบิน 3 ก่อน จากนั้นอาคารเทียบเครื่องบิน 2 จึงเปิดใช้ตามมาในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555 สำหรับผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศจะใช้สายพานรับกระเป๋า 1-3 และในประเทศใช้สายพานรับกระเป๋า 4-6 แต่ยังคงใช้ห้องโถงเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารเดียวกัน
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 ทอท. จำเป็นต้องปิดให้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองชั่วคราว เนื่องจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในปีนั้น ส่งผลให้น้ำเริ่มไหลเข้ามาจากด้านทิศเหนือและเข้าท่วมผิวทางวิ่งและพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน โดยสายการบินที่ทำการบินแบบประจำอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวได้หยุดให้บริการตั้งแต่ประมาณ 12.00 น. ของวันนั้น ก่อนย้ายไปให้บริการชั่วคราวที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และกรมการบินพลเรือนได้ออกประกาศหยุดทำการบินตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น. ของวันเดียวกันด้วยเหตุผลด้านความไม่ปลอดภัยต่อการบิน แต่ด้วยน้ำที่ท่วมภายในท่าอากาศยานมีระดับสูงสุดถึงเกือบ 4 เมตร น้ำจึงได้เข้าท่วมชั้นใต้ดินและชั้น 1 ภายในอาคารผู้โดยสารทั้งหมด ทำให้อาคาร 1 ซึ่งเปิดใช้งานอยู่ขณะนั้นจึงได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งแม้น้ำที่ท่วมจะลดระดับลงจนเข้าสู่สภาวะปกติตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 และ ทอท. เปิดใช้ทางวิ่งฝั่งตะวันออกตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 แล้วก็ตาม แต่ก็ต้องใช้เวลาในการบูรณะซ่อมแซมอาคาร 1 ประมาณ 4 เดือน ด้วยงบประมาณ 441 ล้านบาท (งบประมาณฟื้นฟูท่าอากาศยานทั้งหมด 930 ล้านบาท) ก่อนจะเปิดใช้งานได้อีกครั้ง พร้อมกับทางวิ่งฝั่งตะวันตกและระบบสนับสนุนต่าง ๆ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555 และเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป
จนกระทั่ง วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555 คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 1,600 ล้านบาท ให้ ทอท. นำไปปรับปรุงท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อมุ่งเน้นให้เป็นท่าอากาศยานสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) และเป็นศูนย์กลางเส้นทางการบินในแบบจุดต่อจุด ตามความสมัครใจของแต่ละสายการบิน โดย ทอท. ได้ใช้งบประมาณดังกล่าวเพื่อปรับปรุงบางส่วนของอาคาร 1 และอาคารเทียบเครื่องบิน 2-4 ก่อนจะเปิดให้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองแบบเต็มรูปแบบ โดยให้สายการบินระหว่างประเทศที่ทำการบินแบบประจำเข้ามาใช้พื้นที่ทำการที่อาคาร 1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ในการนี้ ทอท. ได้ปรับการใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินที่เชื่อมต่อกับอาคาร 1 ใหม่ โดยให้เที่ยวบินระหว่างประเทศใช้อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือและอาคารเทียบเครื่องบิน 2 (ประตูทางออกขึ้นเครื่อง 1-6 [บัสเกต] 12 14-15 และ 21-26) ส่วนเที่ยวบินในประเทศใช้อาคารเทียบเครื่องบิน 3 และ 4 (ประตูทางออกขึ้นเครื่อง 31-36 41-46 และ 71-77 [บัสเกต]) แต่การแบ่งการใช้งานห้องโถงเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารและห้องโถงรับกระเป๋าสัมภาระยังคงเหมือนเช่นเดิม
อาคาร 1 เป็นอาคาร 4 ชั้น และชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้น โดยแบ่งพื้นที่การใช้งาน ดังนี้
ชั้น 1 เป็นส่วนผู้โดยสารขาเข้า ประกอบด้วย จุดจอดรถบัสส่งผู้โดยสารขาเข้าจากหลุมจอดระยะไกล (หลุมจอดที่ไม่มีสะพานเทียบเครื่องบิน) - ห้องโถงรับกระเป๋าสัมภาระ มีสายพานรับกระเป๋า 6 สายพาน คือ สายพานที่ 1-6 เรียงจากทิศเหนือไปใต้ - เคาน์เตอร์บริการติดตามสัมภาระ ด่านศุลกากร ด่านควบคุมโรคติดต่อ ด่านตรวจพืช ด่านกักกันสัตว์ และด่านตรวจสัตว์น้ำ อยู่ภายในห้องโถงรับกระเป๋าสัมภาระ - ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า มีจุดนัดพบ เคาน์เตอร์บริการรถเช่า ร้านอาหาร ร้านค้า และประตูทางออกอาคาร 8 ประตู คือ ประตูที่ 1-8 เรียงจากทิศเหนือไปใต้ - ชานชาลารับผู้โดยสารขาเข้า อยู่ด้านหน้าอาคารติดกับถนนภายในท่าอากาศยานที่ต่อมาจากทางเข้าท่าอากาศยานบนถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า (ช่องทาง ทดม.4)
ชั้น 2 เป็นโถงทางเดินผู้โดยสารขาเข้า เคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าระหว่างประเทศ
ชั้น 3 เป็นส่วนผู้โดยสารขาออก ประกอบด้วย ชานชาลาส่งผู้โดยสารขาออก อยู่ด้านหน้าอาคารติดกับถนนยกระดับที่ต่อมาจากถนนยกระดับหน้าอาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมืองและสะพานกลับรถบนถนนวิภาวดีรังสิตขาออก - ห้องโถงผู้โดยสารขาออก มีประตูทางเข้าอาคาร 8 ประตู คือ ประตูที่ 1-8 เรียงจากทิศเหนือไปใต้ ร้านอาหาร ร้านค้า เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรโดยสารของสายการบิน และที่ทำการหน่วยงานราชการ - พื้นที่ตรวจบัตรโดยสาร (เคาน์เตอร์เช็คอิน) มีจุดตรวจกระเป๋าสัมภาระและเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารและรับฝากกระเป๋าสัมภาระไปกับอากาศยาน จำนวน 8 แถว คือ แถวที่ 1-8 เรียงจากทิศเหนือไปใต้ แถวละ 16 เคาน์เตอร์ คือ เคาน์เตอร์ A-H ฝั่งทิศเหนือ เคาน์เตอร์ J-N และ P-R ฝั่งทิศใต้ - จุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออก 2 จุด และเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองขาออกระหว่างประเทศ อยู่ด้านหลังห้องโถงผู้โดยสารขาออกก่อนเข้าสู่โถงทางเดินผู้โดยสารขาออกและอาคารเทียบเครื่องบิน
ชั้น 4 เป็นร้านอาหาร ร้านค้า บริเวณดูเครื่องบิน (ออฟเซอร์เวชั่น เด็ค) และที่ทำการสายการบิน
ชั้นใต้ดิน เป็นที่จอดรถ จอดรถยนต์ได้ประมาณ 535 คัน
=== อาคารผู้โดยสาร 2 (อาคารผู้โดยสารในประเทศ) ===
เปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2538 และใช้เป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเพื่อรองรับการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นร่วมกับอาคาร 1 มีพื้นที่ 106,586.5 ตารางเมตร โดยอาคาร 2 ให้บริการอย่างต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้ปิดตัวลงเพื่อย้ายสายการบินทั้งหมดที่ใช้งานอาคารหลังนี้ไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยในช่วงที่ใช้งานเต็มรูปแบบครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2549 อาคาร 2 รองรับผู้โดยสารได้ 9 ล้านคนต่อปี
หลังจาก ทอท. ได้เปิดให้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองแบบเต็มรูปแบบ ทอท. ได้เริ่มปรับปรุงอาคาร 2 เพื่อใช้เป็นอาคารผู้โดยสารในประเทศ ตามแผนการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 2 ซึ่งเปิดให้บริการบางส่วนตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559 (วันครบรอบ 102 ปี ของท่าอากาศยานดอนเมือง) โดยหลังจากปรับปรุงแล้ว อาคาร 2 จะรองรับผู้โดยสารได้ 11.5 ล้านคนต่อปี จากเดิม 9 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้ได้มีการเปิดใช้งานอาคารเทียบเครื่องบิน 5 และทางเชื่อมฝั่งทิศใต้ (เซาท์ คอร์ริดอร์) ซึ่งได้ทำการปรับปรุงพร้อมกับอาคาร 2 ขึ้นใหม่อีกครั้ง ในปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 ทำให้เที่ยวบินในประเทศสามารถใช้อาคารเทียบเครื่องบินได้เพิ่มอีก 1 อาคาร รวมเป็น 3 อาคาร คือ อาคารเทียบเครื่องบิน 3 4 และ 5 (ประตูทางออกขึ้นเครื่อง 31-36 41-46 51-56 และ 71-78 [บัสเกต]) โดยเชื่อมต่อกับอาคาร 2 ขณะที่เที่ยวบินระหว่างประเทศใช้อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือ อาคารเทียบเครื่องบิน 2 และ 3 (ประตูทางออกขึ้นเครื่อง 1-6 [บัสเกต] 12 14-15 21-26 และ 31-36) โดยเชื่อมต่อกับอาคาร 1 เช่นเดิม (เดิมหลังเปิดใช้อาคาร 2 ทอท. จะปรับการใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินใหม่ โดยให้เที่ยวบินในประเทศใช้อาคารเทียบเครื่องบิน 4 และ 5 เท่านั้น และเปลี่ยนอาคารเทียบเครื่องบิน 3 ไปใช้กับเที่ยวบินระหว่างประเทศ)
อาคารผู้โดยสาร 2 เป็นอาคาร 4 ชั้น โดยแบ่งพื้นที่การใช้งานเป็น 2 ส่วน คือ พื้นที่นอกเขตห้าม (แลนด์ไซด์) สำหรับผู้โดยสารและบุคคลทั่วไป และพื้นที่ในเขตห้าม (แอร์ไซด์) เฉพาะผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่
พื้นที่นอกเขตห้าม ประกอบด้วย
ชั้น 1 ส่วนผู้โดยสารขาเข้า
* ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า มีจุดนัดพบ เคาน์เตอร์บริการรถเช่า ร้านอาหาร ร้านค้า และประตูทางออกอาคาร 6 ประตู คือ ประตูที่ 9-12 และ 14-15 เรียงจากทิศเหนือไปใต้
* ชานชาลารับผู้โดยสารขาเข้า อยู่ด้านหน้าอาคารติดกับถนนภายในท่าอากาศยาน ที่ต่อมาจากชานชาลารับผู้โดยสารขาเข้าของอาคาร 1
* ทางเชื่อมไปยังห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าอาคาร 1 อยู่บริเวณปลายอาคารฝั่งทิศเหนือ ทางเชื่อมไปยังอาคารจอดรถและห้องพักรอผู้โดยสารรถแท็กซี่ อยู่บริเวณปลายอาคารฝั่งทิศใต้
ชั้น 2 ที่ทำการสายการบิน และพื้นที่สำนักงาน
* ทางเชื่อมไปยังอาคารจอดรถ และสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม/รถไฟทางไกล/รถไฟความเร็วสูง อยู่บริเวณปลายอาคารฝั่งทิศใต้
ชั้น 3 ส่วนผู้โดยสารขาออก
* ชานชาลาส่งผู้โดยสารขาออก อยู่ด้านหน้าอาคารติดกับถนนยกระดับที่ต่อมาจากถนนยกระดับหน้าอาคาร 1
* ห้องโถงผู้โดยสารขาออก มีประตูทางเข้าอาคาร 6 ประตู คือ ประตูที่ 9-12 และ 14-15 เรียงจากทิศเหนือไปใต้
* พื้นที่ตรวจบัตรโดยสาร อยู่ภายในห้องโถงผู้โดยสารขาออก มีเคาน์เตอร์เช็คอิน จำนวน 82 เคาน์เตอร์ แบ่งเป็น 6 แถว คือ แถวที่ 9-12 และ 14-15 เรียงจากทิศเหนือไปใต้ แถวละ 12-14 เคาน์เตอร์ คือ เคาน์เตอร์ A-G ฝั่งทิศเหนือ เคาน์เตอร์ J-N หรือ L-N และ P-Q ฝั่งทิศใต้ โดยติดตั้งเครื่องเอกซเรย์สัมภาระบรรทุก (สัมภาระโหลด) อัตโนมัติ แบบอินไลน์ สกรีน หรือโพส เช็คอิน สกรีน ด้านหลังเคาน์เตอร์เช็คอินแถวละ 1 เครื่อง รวม 6 เครื่อง (เดิมมีแถวละ 18 เคาน์เตอร์ คือ เคาน์เตอร์ A-H และ T ฝั่งทิศเหนือ เคาน์เตอร์ J-N และ P-S ฝั่งทิศใต้ และติดตั้งเครื่องเอกซเรย์ ก่อนเข้าพื้นที่เช็คอิน) ปัจจุบันแบ่งพื้นที่ ดังนี้ แถวที่ 9 และ 10 ไทยแอร์เอเชีย (FD |AIQ) แถวที่ 11 ฝั่งทิศเหนือ โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ (OX |OEA) และ อาร์ แอร์ไลน์ (RK |RCT) แถวที่ 11 ฝั่งทิศใต้ และ 12 ฝั่งทิศเหนือ ไทยไลอ้อนแอร์ (SL |TLM) แถวที่ 14 และ 15 นกแอร์ (DD |NOK)
* เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรโดยสารของสายการบิน อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์เช็คอิน แถวที่ 9-10 และ 14-15
* ทางเข้าจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออก อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์เช็คอิน แถวที่ 12
* ทางเชื่อมไปยังห้องโถงผู้โดยสารขาออกอาคาร 1 อยู่บริเวณปลายอาคารฝั่งทิศเหนือ
ชั้น 4 ร้านอาหาร ศูนย์อาหาร (ฟู้ด คอร์ท) ร้านค้า และโรงแรมขนาดเล็ก อยู่บริเวณปลายอาคารฝั่งทิศเหนือและทิศใต้
พื้นที่ในเขตห้าม ประกอบด้วย
ชั้น 1 ส่วนผู้โดยสารขาเข้า
* จุดจอดรถบัสส่งผู้โดยสารขาเข้าจากหลุมจอดระยะไกล (หลุมจอดที่ไม่มีสะพานเทียบเครื่องบิน)
* ห้องโถงรับกระเป๋าสัมภาระ มีสายพานรับกระเป๋า 6 สายพาน คือ สายพานที่ 9-12 และ 14-15 เรียงจากทิศเหนือไปใต้ และเคาน์เตอร์บริการติดตามสัมภาระ
ชั้น 2 โถงทางเดินผู้โดยสารขาเข้า ที่เชื่อมต่อมาจากอาคารเทียบเครื่องบิน
ชั้น 3 ส่วนผู้โดยสารขาออก
* จุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออก มีเครื่องตรวจจับโลหะแบบเดินผ่าน (วอล์คทรู) เครื่องเอกซเรย์สัมภาระติดตัว 11 เครื่อง อยู่ด้านหลังห้องโถงผู้โดยสารขาออก
* โถงทางเดินผู้โดยสารขาออก มีร้านอาหารและร้านค้า อยู่ด้านหลังจุดตรวจค้น ก่อนเข้าสู่อาคารเทียบเครื่องบิน
=== อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ หลังเดิม ===
อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ อาคารหลังเดิมที่เป็นอาคาร 2 ชั้น อยู่ทางฝั่งทิศเหนือ เปิดใช้งานในปี พ.ศ. 2528 โดยภายหลังมีเฉพาะส่วนบริการสำหรับผู้โดยสารขาออกที่ชั้น 1 เท่านั้น และอาคารหลังใหม่ที่เป็นอาคาร 3 ชั้น อยู่ทางฝั่งทิศใต้และเชื่อมต่อกับอาคารเดิม ซึ่งเปิดใช้งานในปี พ.ศ. 2536 โดยมีส่วนผู้โดยสารขาออกเพิ่มเติมที่ชั้น 2 และมีส่วนผู้โดยสารขาเข้าที่ชั้น 1 โดยในช่วงที่ใช้งานเต็มรูปแบบครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2549 อาคารหลังนี้รองรับผู้โดยสารได้ 9 ล้านคนต่อปี
อาคารหลังใหม่ เป็นอาคาร 3 ชั้น โดยแบ่งพื้นที่การใช้งาน ดังนี้
ชั้น 1 เป็นส่วนผู้โดยสารขาเข้า ประกอบด้วย จุดจอดรถบัสส่งผู้โดยสารขาเข้าจากหลุมจอดระยะไกล - ห้องโถงรับกระเป๋าสัมภาระ - ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า - ชานชาลารับผู้โดยสารขาเข้า อยู่ด้านหน้าอาคารติดกับถนนภายในท่าอากาศยาน
ชั้น 2 เป็นส่วนผู้โดยสารขาออก ประกอบด้วย ชานชาลาส่งผู้โดยสารขาออก อยู่ด้านหน้าอาคารติดกับถนนยกระดับที่ต่อมาจากถนนภายในท่าอากาศยาน - ห้องโถงผู้โดยสารขาออก - พื้นที่ตรวจบัตรโดยสาร มีเคาน์เตอร์เช็คอิน เรียงจากทิศเหนือไปใต้ 45 เคาน์เตอร์ คือ เคาน์เตอร์ 1-45 - จุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออก อยู่ด้านทิศเหนือของห้องโถงผู้โดยสารขาออกก่อนเข้าสู่อาคารเทียบเครื่องบิน
ชั้น 3 เป็นที่ทำการสายการบิน และพื้นที่สำนักงาน
อาคาร 3 ให้บริการอย่างต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 จึงได้ปิดตัวลงเพื่อย้ายสายการบินภายในประเทศทั้งหมดไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2550 สายการบินในประเทศที่ทำการบินแบบประจำ จำนวนหนึ่ง ได้แก่ การบินไทย นกแอร์ และวัน-ทู-โก (ภายหลังเปลี่ยนเป็นโอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ เมื่อ พ.ศ. 2553) ได้ย้ายการปฏิบัติการทั้งหมดจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กลับมายังท่าอากาศยานดอนเมืองอีกครั้ง โดยใช้อาคาร 3 เป็นพื้นที่ให้บริการ ยกเว้นการบินไทยที่ยังคงให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศบางส่วนในเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และกระบี่ ซึ่งเป็นเที่ยวบินเชื่อมต่อสำหรับผู้โดยสารต่างประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป โดยมีเที่ยวบินออกจากดอนเมืองในจุดบิน 4 จุดดังกล่าวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้การบินไทยยังได้เปิด ไทย ซิตี้ แอร์ เทอร์มิน่อล (ท่าอากาศยานดอนเมือง) บริเวณโถงชั้น 1 อาคารจอดแล้วจรของ รฟม. ที่เชื่อมต่อกับสถานีลาดพร้าวของรถไฟฟ้ามหานคร (สายสีน้ำเงิน) เพื่อเป็นการเพิ่มจุดบริการตรวจบัตรโดยสารให้แก่ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีบริการรถเวียนระหว่างสถานีลาดพร้าวและท่าอากาศยานดอนเมือง อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552 การบินไทย ได้ย้ายการปฏิบัติการของเที่ยวบินในประเทศกลับไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อเที่ยวบินของผู้โดยสารและผู้ส่งสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องบินและอุปกรณ์บริการภาคพื้น ตามนโยบายการเสริมสร้างศักยภาพให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของภูมิภาคของรัฐบาลในขณะนั้น ขณะที่นกแอร์และวัน-ทู-โก ยังคงให้บริการที่อาคาร 3 ท่าอากาศยานดอนเมืองต่อไป จนกระทั่ง วันที่ 1 สิงหาคม 2554 ทอท. จึงได้ย้ายพื้นที่ปฏิบัติการของสายการบินในประเทศไปยังอาคาร 1 ทั้งหมด อีกทั้งปลายปี พ.ศ. 2554 อาคาร 3 ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์มหาอุทกภัย และหลังจากนั้นยังไม่ได้รับการฟื้นฟูให้ใช้งานได้ตามเดิม
ปัจจุบัน ไม่มีสายการบินใดที่เปิดทำการให้บริการที่อาคาร 3
=== อาคารผู้โดยสารหลังเดิม ===
ในอดีตก่อนจะมีการก่อสร้างอาคาร 1 ท่าอากาศยานดอนเมืองมีอาคารผู้โดยสารเพียงหลังเดียว (อยู่ทางทิศเหนือของอาคาร 1) สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2513–2516 แบ่งเป็น 3 ส่วน เรียงจากเหนือไปใต้
ส่วนที่ 1 อยู่ทางทิศเหนือ เป็นส่วนของอาคารผู้โดยสารในประเทศ เป็นอาคารชั้นเดียว
ส่วนที่ 2 อยู่กึ่งกลาง เป็นส่วนของอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออก เป็นอาคาร 4 ชั้น ชั้น 1 เป็นที่จอดรถ (แบ่งเป็น 2 ชั้นย่อย) ชั้น 2 เป็นห้องโถงเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารและรับฝากสัมภาระไปกับอากาศยาน ชั้นที่เหลือเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และที่ทำการสายการบิน ด้านหน้าอาคารส่วนนี้ ชั้น 2 เป็นชานชาลาส่งผู้โดยสารขาออก อยู่ติดกับถนนยกระดับซึ่งเชื่อมต่อกับสะพานกลับรถเพื่อให้รถบนถนนวิภาวดีรังสิตขาออก (จากในเมือง) วิ่งเข้าสู่อาคารผู้โดยสารได้โดยตรง
ส่วนที่ 3 อยู่ทางทิศใต้ เป็นส่วนของอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาเข้า เป็นอาคาร 3 ชั้น บนหลังคาเป็นหอบังคับการบิน ด้านหน้าอาคารส่วนนี้เป็นชานชาลารับผู้โดยสารขาเข้า อยู่ติดกับลานจอดรถ
อาคารผู้โดยสารหลังเดิมนี้ เชื่อมต่อกับอาคารเทียบเครื่องบินที่มีสะพานเทียบเครื่องบิน 4 ชุด (ขณะนั้นท่าอากาศยานดอนเมือง มีหลุมจอดแบบประชิดอาคาร 4 หลุมจอด โดยเครื่องบินจะจอดหันหน้าเข้าสู่อาคารในแนวเฉียงไปทางทิศเหนือ) ภายหลังอาคารส่วนนี้ใช้เป็นอาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือ (นอร์ท คอร์ริดอร์) เชื่อมต่อกับอาคาร 1 และใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบัน อาคารส่วนที่ 1 ใช้เป็นอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล (ไพรเวท เจ็ท เทอร์มินอล) โดยก่อนหน้านั้นได้ปรับปรุงเป็นอาคารห้องรับรองพิเศษระหว่างประเทศ อาคารส่วนที่ 2 ใช้เป็นอาคารสำนักงานของท่าอากาศยาน โดยส่วนถนนยกระดับหน้าอาคารชั้น 2 ที่เชื่อมกับสะพานกลับรถใช้เป็นทางเข้าอาคารผู้โดยสาร 1 อาคารส่วนที่ 3 หรือเรียกว่า อาคารส่วนกลาง (เซ็นทรัล บล็อก) ใช้เป็นอาคารสำนักงานของสายการบินและส่วนบริการต่าง ๆ โดยลานจอดรถหน้าอาคารใช้เป็นลานจอดรถโดยสารขนาดใหญ่ รวมทั้งรถเวียนรับส่งระหว่างท่าอากาศยานดอนเมือง-สุวรรณภูมิ (ชัตเทิ้ล บัส) สำหรับหอบังคับการบินบนหลังคาอาคาร มีสร้างหลังใหม่ทดแทน บริเวณทิศใต้ของอาคารผู้โดยสาร 3 แล้ว
=== อาคารเทียบเครื่องบิน ===
ท่าอากาศยานดอนเมืองใช้อาคารผู้โดยสารรูปแบบคล้ายนิ้วมือ (เพียร์ ฟิงค์เกอร์ เทอร์มินอล) มีอาคารเทียบเครื่องบิน 6 อาคาร เรียงจากทิศเหนือไปใต้ คือ อาคารฝั่งเหนือ (นอร์ท คอร์ริดอร์ หรือเพียร์ 1) อาคาร 2 3 4 5 และ 6 (เพียร์ 2 3 4 5 และ 6) โดยอาคาร 2-6 ยื่นออกจากอาคารผู้โดยสารหลักเข้าไปในลานจอดอากาศยานในแนวตั้งฉาก ส่วนอาคารฝั่งเหนือยื่นออกไปทางทิศเหนือในแนวขนานกับอาคารผู้โดยสารหลัก ปัจจุบันอาคารเทียบเครื่องบิน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือ อาคารที่เชื่อมกับอาคารผู้โดยสาร 1 และ 2 ประกอบด้วย อาคารฝั่งเหนือและอาคาร 2-5 กลุ่มที่ 2 คือ อาคารที่เชื่อมกับในประเทศหลังใหม่ (อาคารผู้โดยสาร 3) ซึ่งมีเฉพาะอาคาร 6 เท่านั้น โดยอาคารเทียบเครื่องบิน 3 และ 4 เป็นอาคารที่สร้างขึ้นพร้อมกับอาคารผู้โดยสาร 1 และเปิดใช้งานพร้อมกันในปี พ.ศ. 2530 ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2531 อาคารเทียบเครื่องบิน 2 จึงสร้างแล้วเสร็จ สำหรับอาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2532 จากนั้นในปี พ.ศ. 2536 อาคารเทียบเครื่องบิน 6 จึงสร้างแล้วเสร็จ พร้อมกับอาคารผู้โดยสารในประเทศหลังใหม่ ส่วนอาคารเทียบเครื่องบิน 5 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2543
อาคารเทียบเครื่องบินเป็นอาคาร 3 ชั้น ชั้น 3 เป็นห้องโถงพักรอผู้โดยสารขาออก (เกต โฮลด์ รูม) และทางออกขึ้นเครื่องที่มีสะพานเทียบเครื่องบิน (เกต) ซึ่งเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องบินที่จอดอยู่ในหลุมจอดประชิดอาคาร (คอนแทค เกต) ชั้น 2 เป็นโถงทางเดินผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 1 เป็นพื้นที่ระบบสายพานขนถ่ายกระเป๋า พื้นที่คัดแยกกระเป๋าสัมภาระ และพื้นที่ส่วนงานบริการลานจอด รวมทั้งในบางอาคารยังใช้เป็นห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออก (บัส เกต โฮลด์ รูม) และทางออกขึ้นเครื่องที่ไม่มีสะพานเทียบเครื่องบิน (บัส เกต) โดยมีจุดจอดรถบัสรับผู้โดยสารขาออกเพื่อไปยังหลุมจอดระยะไกล (รีโมท สแตนด์) ทั้งนี้ท่าอากาศยานดอนเมือง กำหนดให้หมายเลขของเกต ตรงกับหมายเลขของหลุมจอดประชิดอาคาร โดยใช้ตัวเลขสองหลัก ซึ่งหลักแรกแสดงหมายเลขของอาคารเทียบเครื่องบิน (1-6) หลักที่สองแสดงลำดับที่ของเกต/หลุมจอด ส่วนหมายเลขของบัส เกต จะใช้ตัวเลขหนึ่งหรือสองหลักที่ไม่ซ้ำกับเกตอื่น โดยจะไม่เกี่ยวข้องกับหมายเลขของหลุมจอดระยะไกล
==== ก่อนปี พ.ศ. 2543 ====
ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2532-2538 ท่าอากาศยานดอนเมือง มีอาคารเทียบเครื่องบิน 4 อาคาร และหลุมจอดอากาศยานแบบประชิดอาคาร 26 หลุม สำหรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด อี ที่มีความยาวปีกตั้งแต่ 52 เมตร แต่ไม่เกิน 65 เมตร 14 หลุม (เช่น โบอิง 747) และขนาด โค้ด ดี ที่มีความยาวปีกตั้งแต่ 36 เมตร แต่ไม่เกิน 52 เมตร 12 หลุม (เช่น แอร์บัส เอ300/เอ310 โบอิง 707/757/767 แมคดอนเนลล์ ดักลาส ดีซี-10/เอ็มดี-11 ล็อกฮีด แอล-1011 เป็นต้น) ดังนี้
อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือ มีหลุมจอด 4 หลุม รองรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 11-12 และ 14-15 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบซองเดียว รวมทั้งยังมีห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออก สำหรับทางออกขึ้นเครื่อง 1-7
อาคารเทียบเครื่องบิน 2 มีหลุมจอด 7 หลุม แบ่งเป็นฝั่งทิศเหนือ 4 หลุม รองรับเครื่องบินขนาด โค้ด ดี ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 21 23 25 และ 27 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบซองเดียว และฝั่งทิศใต้ 3 หลุม รองรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 22 24 และ 26 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบ 2 ซอง
อาคารเทียบเครื่องบิน 3 ลักษณะเหมือนกับอาคารเทียบเครื่องบิน 2 มีหลุมจอด 7 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 31-37 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบซองเดียว ยกเว้นทางออกขึ้นเครื่อง 37 ใช้สะพานเทียบเครื่องบินแบบ 2 ซอง
อาคารเทียบเครื่องบิน 4 ลักษณะเหมือนกับอาคารเทียบเครื่องบิน 2 แต่มีหลุมจอดที่รองรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี บริเวณปลายอาคารฝั่งทิศใต้ เพิ่มอีก 1 หลุม รวมเป็น 8 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 41-48 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบซองเดียว
เมื่อมีการเปิดใช้อาคารผู้โดยสารในประเทศหลังใหม่ (อาคารผู้โดยสาร 3) พร้อมอาคารเทียบเครื่องบิน 6 ในปี พ.ศ. 2538 ท่าอากาศยานดอนเมืองจึงมีอาคารเทียบเครื่องบิน 5 อาคาร และหลุมจอดอากาศยานแบบประชิดอาคาร 34 หลุม สำหรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด อี 15 หลุม ขนาด โค้ด ดี 17 หลุม และขนาด โค้ด ซี ที่มีความยาวปีกตั้งแต่ 24 เมตร แต่ไม่เกิน 36 เมตร (เช่น โบอิง 737) 2 หลุม ดังนี้
อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือและอาคาร 2-4 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
อาคารเทียบเครื่องบิน 6 มีหลุมจอด 8 หลุม แบ่งเป็นฝั่งทิศเหนือ 4 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 61 63 65 และ 67 และฝั่งทิศใต้ 4 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 62 64 66 และ 68 โดยหลุมจอด 61-65 รองรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด ดี หลุมจอด 66-67 รองรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด ซี และหลุมจอด 68 รองรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด อี ทั้งหมดเชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบซองเดียว รวมทั้งยังมีห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออก สำหรับทางออกขึ้นเครื่อง 8-10
นอกจากนี้เมื่อมีการเปิดใช้อาคารผู้โดยสาร 2 ในปี พ.ศ. 2538 เช่นกัน ได้มีการเปิดใช้ห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออก สำหรับทางออกขึ้นเครื่อง 71-77 เพิ่มเติมภายในอาคารผู้โดยสาร 2 โดยอยู่บริเวณปลายอาคารเทียบเครื่องบิน 4 ฝั่งทิศตะวันตก
==== หลังปี พ.ศ. 2543 ====
ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2541-2543 ได้มีการปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน ตามแผนพัฒนาท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ในขณะนั้น ให้รองรับการบริการได้จนถึงประมาณปี พ.ศ. 2546 เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเปิดให้บริการของท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งที่ 2 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ในปี พ.ศ. 2547 โดยอาคารทั้งหมดยังคงใช้งานต่อมาจนกระทั่งย้ายการให้บริการไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปี พ.ศ. 2549 ทั้งนี้การปรับปรุงประกอบด้วย (1) ลดจำนวนหลุมฝั่งทิศเหนือของอาคาร 2-4 จาก 4 หลุมเป็น 3 หลุม เพื่อให้หลุมจอดมีขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับรองรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด อี ได้ (2) ก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบิน 5 พร้อมทางเชื่อมฝั่งทิศใต้ (เซาท์ คอร์ริดอร์) เชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสาร 2 (3) ลดจำนวนหลุมจอดฝั่งทิศใต้ของอาคาร 4 จาก 4 หลุมเป็น 3 หลุม เพื่อใช้พื้นที่ก่อสร้างทางเชื่อมฝั่งทิศใต้ไปยังอาคาร 5 (4) ปรับปรุงห้องโถงพักรอผู้โดยสารขาออกของอาคาร 2-4 เพื่อให้มีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น จากแบบที่มีการกั้นห้องแยกกันระหว่างแต่ละทางออกขึ้นเครื่องและอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร โดยมีทางเดินผู้โดยสารขาออกอยู่บนชั้น 3 ให้เป็นแบบรวมกันในห้องเดียวและอยู่บนชั้น 3 ของอาคาร โดยก่อสร้างทางลงไปยังสะพานเทียบเครื่องบินที่อยู่บนชั้น 2 ให้เป็นส่วนต่อเติมที่ยื่นออกไปนอกตัวอาคารเดิมตามตำแหน่งของสะพานเทียบเครื่องบิน (5) เปลี่ยนสะพานเทียบเครื่องบินของอาคารฝั่งเหนือและอาคาร 2-4 ฝั่งทิศใต้ จากแบบซองเดียว (ส่วนใหญ่) เป็นแบบ 2 ซองทั้งหมด (6) ก่อสร้างห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออกภายในอาคาร 6 เพิ่มเติมบริเวณปลายอาคารฝั่งทิศตะวันออก
หลังปี พ.ศ. 2543 เมื่อการปรับปรุงแล้วเสร็จ ท่าอากาศยานดอนเมืองมีอาคารเทียบเครื่องบิน 6 อาคาร และหลุมจอดประชิดอาคาร 36 หลุม สำหรับเครื่องบินโดยสารขนาด โค้ด อี 29 หลุม ขนาด โค้ด ดี 5 หลุม และขนาด โค้ด ซี 2 หลุม (แต่หลุมจอดสำหรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี จำนวน 9 หลุม มีลักษณะจำกัด โดยรองรับเฉพาะเครื่องบินขนาด โค้ด อี ที่มีความยาวปีกไม่เกิน 61 เมตร เท่านั้น เช่น แอร์บัส เอ330 แอร์บัส เอ340-200/300 โบอิง 777-200/200อีอาร์) ดังนี้
อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือ มีหลุมจอด 4 หลุม ขนาดเท่าเดิม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 11-12 และ 14-15 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบ 2 ซอง และมีห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออก สำหรับทางออกขึ้นเครื่อง 1-7
อาคารเทียบเครื่องบิน 2 มีหลุมจอด 6 หลุม แบ่งเป็นฝั่งทิศเหนือ 3 หลุม รองรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี ได้บางแบบ (ความยาวปีกไม่เกิน 61 เมตร) ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 21 23 และ 25 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบซองเดียว และฝั่งทิศใต้ 3 หลุม รองรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี ได้ทุกแบบ ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 22 24 และ 26 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบ 2 ซอง
อาคารเทียบเครื่องบิน 3 ลักษณะเหมือนกับอาคารเทียบเครื่องบิน 2 มีหลุมจอด 6 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 31-36
อาคารเทียบเครื่องบิน 4 ลักษณะเหมือนกับอาคารเทียบเครื่องบิน 2 มีหลุมจอด 6 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 41-46
อาคารเทียบเครื่องบิน 5 มีหลุมจอด 6 หลุม แบ่งเป็นฝั่งทิศเหนือ 3 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 51 53 และ 55 และฝั่งทิศใต้ 3 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 52 54 และ 56 โดยทุกหลุมจอดรองรับเครื่องบินขนาด โค้ด อี และเชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบ 2 ซอง รวมทั้งยังมีห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออก สำหรับทางออกขึ้นเครื่อง 57-59
อาคารเทียบเครื่องบิน 6 มีหลุมจอด 8 หลุม ขนาดเท่าเดิม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 61-68 เชื่อมต่อด้วยสะพานเทียบเครื่องบินแบบซองเดียว และมีห้องโถงพักรอผู้โดยสารรถบัสขาออก สำหรับทางออกขึ้นเครื่อง 8-10 และ 81-84
ในช่วงหลังการเปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปี พ.ศ. 2549 ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ลานจอดบริเวณทิศเหนือบางส่วน ที่ติดกับอาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือ เพื่อใช้สร้างโรงเก็บอากาศยานและลานจอด สำหรับอากาศยานส่วนบุคคล พร้อมกับการปรับปรุงอาคารห้องรับรองพิเศษระหว่างประเทศเป็นอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล จึงได้มีการยกเลิกหลุมจอด 11 และทางออกขึ้นเครื่อง 11 โดยถอดสะพานเทียบเครื่องบินออก ทำให้อาคารเทียบเครื่องบินฝั่งเหนือ เหลือหลุมจอด 3 หลุม ซึ่งตรงกับทางออกขึ้นเครื่อง 12 และ 14-15 โดยยังมีขนาดเท่าเดิม (รองรับเครื่องบินขนาดโค้ด อี)
== อาคารคลังสินค้า ==
คลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมือง
“Cargo Village” เป็นชื่อที่เรียกกลุ่มอาคารคลังสินค้าขนาดใหญ่ของท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารดังกล่าวเริ่มเปิดใช้ในปี พ.ศ. 2529 มีพื้นที่ 37,400 ตารางเมตร ภายหลังขยายพื้นที่จนครอบคลุมอาณาบริเวณกว่า 100,740 ตารางเมตร และเป็นอาคารคลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชีย สามารถให้บริการขนถ่าย สินค้าขาเข้า ขาออก และถ่ายลำได้ภายในบริเวณเดียวกัน เพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าปริมาณมาก ๆ คลังสินค้าแห่งนี้ใช้อุปกรณ์ที่ล้ำสมัยควบคุมด้วยระบบ Computer และได้มีการประสานงานกับกรมศุลกากรในการขนถ่ายสินค้าถ่ายลำทำให้สามารถลดเวลาในการปฏิบัติการลงให้ใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า ( Gateway ) ที่สะดวกที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปเอเชีย ปัจจุบันคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมืองได้ถูกแบ่งออกเป็นคลังสินค้าย่อยจำนวน 4 อาคาร ได้แก่
อาคารคลังสินค้า 1 มีพื้นที่ 24,840 ตารางเมตร แบ่งเป็นส่วนสำนักงาน 3,736 ตารางเมตร และพื้นที่เก็บสินค้า 21,104 ตารางเมตร
อาคารคลังสินค้า 2 มีพื้นที่ 41,777 ตารางเมตร แบ่งเป็นส่วนสำนักงาน 6,799 ตารางเมตร และพื้นที่เก็บสินค้า 34,978 ตารางเมตร
อาคารคลังสินค้า 3 มีพื้นที่ 30,638 ตารางเมตร แบ่งเป็นส่วนสำนักงาน 7,465 ตารางเมตรและพื้นที่เก็บสินค้า 23,173 ตารางเมตร
อาคารคลังสินค้า 4 มีพื้นที่ 20,277 ตารางเมตร แบ่งเป็นส่วนสำนักงาน 6,016 ตารางเมตรและพื้นที่เก็บสินค้า 14,261 ตารางเมตร
อาคารคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมืองสามารถรองรับสินค้าได้ 800,000 ตัน ต่อปี โดยมีอาคารคลังสินค้า 1-4 ปัจจุบัน เปิดใช้เพียงอาคาร 2 เท่านั้น ด้วยพื้นที่ให้บริการขนาด 5,000 ตารางเมตร เป็นอาคารคลังสินค้าระหว่างประเทศ โดย บริษัท Asia Ground Service
== อาคารอื่นที่มีสายการบินเปิดใช้ ==
=== อาคารรับรองพิเศษ ===
เอ็มเจ็ท - บริการเครื่องบินโดยสารส่วนบุคคล (เช่าเหมาลำ)
สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง - บริการเครื่องบินโดยสารส่วนบุคคล (เช่าเหมาลำ) ในนาม Executive Wings และเครื่องบินพยาบาลในนาม Medical Wings
บางกอกเฮลิคอปเตอร์เซอร์วิส - บริการเฮลิคอปเตอร์พยาบาล ปัจจุบันมีเฮลิคอปเตอร์ทะเบียน HS-BHS และ HS-BHQ
== สายการบินและจุดหมายปลายทาง ==
== สถิติ ==
=== เส้นทางการบินระหว่างประเทศ ===
{|class="wikitable sortable" style=" font-size: 90% width= align= margin:auto;"
|+ เส้นทางการบินระหว่างประเทศ ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด (พ.ศ. 2556)
|- style="background:lightgrey;"
! อันดับ || ท่าอากาศยาน || จำนวนผู้โดยสารในปี พ.ศ. 2556 (คน) || ความเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) || จำนวนผู้โดยสารในปี พ.ศ. 2555 (คน)
|-
|1|| กัวลาลัมเปอร์||align="right"| 976,559 ||390.58||align="right"| 199,063
|-
|2|| สิงคโปร์||align="right"| 552,663 ||288.85||align="right"| 142,128
|-
|3|| มาเก๊า||align="right"| 425,673 ||376.18||align="right"| 89,393
|-
|4|| ฮ่องกง||align="right"| 290,767 ||408.96||align="right"| 57,130
|-
|5|| โฮจิมินห์ซิตี||align="right"| 257,856 ||416.57||align="right"| 49,917
|-
|6|| ย่างกุ้ง||align="right"| 245,083 ||275.67||align="right"| 65,239
|-
|7|| ฉงชิ่ง||align="right"| 204,499 ||357.16||align="right"| 44,732
|-
|8|| จาการ์ตา-ซูการ์โน-ฮัตตา||align="right"| 202,479 ||560.06||align="right"| 30,676
|-
|9|| กว่างโจว||align="right"| 177,805 ||523.53||align="right"| 28,516
|-
|10|| อู่ฮั่น||align="right"| 156,853 ||463||align="right"| 27,860
|}
=== เส้นทางการบินภายในประเทศ ===
{|class="wikitable sortable" style=" font-size: 90% width= align= margin:auto;"
|+ เส้นทางการบินภายในประเทศ ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด (พ.ศ. 2556)
|- style="background:lightgrey;"
! อันดับ || ท่าอากาศยาน || จำนวนผู้โดยสารในปี พ.ศ. 2556 (คน) || ความเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) || จำนวนผู้โดยสารในปี พ.ศ. 2555 (คน)
|-
|1|| เชียงใหม่||align="right"| 1,872,291 ||131.16||align="right"| 809,960
|-
|2|| ภูเก็ต||align="right"| 1,782,840 ||221.81||align="right"| 554,003
|-
|3|| หาดใหญ่||align="right"| 1,657,984 ||118.78||align="right"| 757,825
|-
|4|| อุดรธานี||align="right"| 850,390 ||83.29||align="right"| 463,949
|-
|5|| นครศรีธรรมราช||align="right"| 819,640 ||111.32||align="right"| 387,861
|-
|6|| สุราษฎร์ธานี||align="right"| 765,174 ||135.12||align="right"| 325,436
|-
|7|| อุบลราชธานี||align="right"| 681,753 ||99.88||align="right"| 341,080
|-
|8|| เชียงราย||align="right"| 675,835 ||116.48||align="right"| 312,192
|-
|9|| กระบี่||align="right"| 542,709 ||371.87||align="right"| 115,012
|-
|10|| ตรัง||align="right"| 487,023 ||123.97||align="right"| 217,452
|}
=== ข้อมูลสถิติการขนส่งทางอากาศ ===
== การคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับท่าอากาศยาน ==
=== รถโดยสารประจำทาง ===
ไฟล์:Hino AK176 59 1-40018.jpg|รถประจำทางสาย 59 รังสิต - ดอนเมือง - สนามหลวง ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:Isuzu MT111QB 95A 1-50052.jpg|รถประจำทางสาย 95ก รังสิต - บางกะปิ ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:Isuzu MT111L Suburban Bus 356 356-44.jpg|รถประจำทางสาย 356 (เส้นสีเขียว) ปากเกร็ด - ดอนเมือง - สะพานใหม่ ให้บริการโดย บริษัท สหายยนต์ จำกัด
ไฟล์:Toyota Coaster T.356 T.356-21.jpg|รถมินิบัสสาย ต.356 ปากเกร็ด - ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ให้บริการโดย บริษัท สหายยนต์ จำกัด
ไฟล์:Bonluck JXK6120L-NGV-01 510 1-70327.jpg|รถประจำทางสาย 510 ม.ธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:Sunlong SLK6129 Bus 538 (3).jpg|รถประจำทางสาย 538 มทร.ธัญบุรี - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้บริการโดย บริษัท สมาร์ทบัส จำกัด
ไฟล์:Sunlong SLK6129CNG 554 554-09.jpg|รถประจำทางสาย 554 รังสิต - กม.8 - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้บริการโดย บริษัท สมาร์ทบัส จำกัด
ไฟล์:Hino RU1JSSL 555 1-45045.jpg|รถประจำทางสาย 555 รังสิต - การบินไทย - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ฝั่งหน้าท่าอากาศยานดอนเมือง
* รถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
** 59 อู่รังสิต - ดอนเมือง - สนามหลวง
** 95ก อู่รังสิต - บางกะปิ
** 510 มธ.ศูนย์รังสิต - ดอนเมือง - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
** 555 อู่รังสิต - การบินไทย - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
* รถโดยสารปรับอากาศของบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด
** 1-17 (187) รังสิตคลอง 3 - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
** 1-18E (504) รังสิต - บางรัก
** 1-24E (538) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี - รพ.สงฆ์
** S2 (554) รังสิต - รามอินทรา กม.8 - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
* รถโดยสารชานเมือง
** 356 (สีแดง) ปากเกร็ด - สะพานใหม่ - ดอนเมือง
** 356 (สีเขียว) ปากเกร็ด - ดอนเมือง - สะพานใหม่
* รถตู้และรถมินิบัส
** ต.95 ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต - ม.รามคำแหง
** ต.356 ปากเกร็ด - ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต
ไฟล์:Bonluck JXK6120L-NGV-01 A1 1-70282 (2).jpg|รถประจำทางสาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง - หมอชิต 2 ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:Bonluck JXK6120L-NGV-01 A2 1-70364.jpg|รถประจำทางสาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:Bonluck BMTA Bus A3 (2).jpg|รถประจำทางสาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง - สวนลุมพินี ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:Bonluck JXK6120L-NGV-01 A4 1-70288.jpg|รถประจำทางสาย A4 ท่าอากาศยานดอนเมือง - สนามหลวง ให้บริการโดย ขสมก. เขตการเดินรถที่ 1
ไฟล์:AOT Shuttle Bus No.47.jpg|รถ Shuttle Bus วิ่งระหว่างท่าอากาศยานดอนเมือง - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ฝั่งภายในท่าอากาศยานดอนเมือง
* รถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
** A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง - หมอชิต 2
** A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
** A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง - สวนลุมพินี
** A4 ท่าอากาศยานดอนเมือง - สนามหลวง
* รถโดยสารของ AOT
** Shuttle Bus ท่าอากาศยายสุวรรณภูมิ - ท่าอากาศยานดอนเมือง (สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้โดยสารที่ต้องต่อเครื่องบินเท่านั้น โดยผู้ใช้บริการจะต้องมีตั๋วโดยสารของสายการบินที่จะต้องเชื่อมต่อระหว่างท่าอากาศยานเท่านั้น จึงจะสามารถใช้บริการได้)
* รถตู้
** ต.555 ท่าอากาศยายสุวรรณภูมิ - ท่าอากาศยานดอนเมือง
{|-
{|-
=== รถไฟฟ้า ===
ท่าอากาศยานดอนเมือง สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าชานเมือง สายธานีรัถยา ช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต ในสถานีดอนเมืองได้ในประตูที่ 4 และ 6 ซึ่งจะมีทางเดินสกายวอล์ค เข้า/ออก อาคารผู้โดยสารชั่น 2 ฝั่งทิศใต้ ท่าอากาศยานดอนเมืองได้โดยตรง
{|-
== แผนการพัฒนา ==
ปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับผู้โดยสารสูงสุด 50ล้านคน/ปี
Terminal 1 ปรับตึกเหมือน T2 & เป็นตึกบินในประเทศ คาดว่าจะเปิดทำการปี 2572
Terminal 3 รื้อและทำการสร้างใหม่ คาดว่าจะเปิดทำการปี 2569
เพิ่มที่จอดรถรวม 10,000 คัน
เดิมสนามบินดอนเมืองมีพื้นที่รองรับผู้โดยสาร 30ล้านคน/ปี
พื้นที่อาคารผู้โดยสารในประเทศ 106,000 ตร.ม.
พื้นที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 137,000 ตร.ม.
จำนวนที่จอดรถ 4,400 คัน
ระบบถนน 1,200 - 2,500 คัน/ชั่วโมง
หากปรับปรุงพัฒนาแล้วเสร็จ จะปรับปรุงให้มีผู้โดยสารได้มากถึง 50ล้านคน/ปี
อาคารผู้โดยสารในประเทศ 240,000 ตร.ม.
อาคารผู้โดยสารต่างประเทศ 166,000 ตร.ม.
จำนวนที่จอดรถ 10,000 คัน
ระบบถนน 2,500 - 5,000 คัน/ชั่วโมง
คาดว่าทั้งโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง จะแล้วเสร็จและเปิดใช้ในปี 2572
== เหตุการณ์เฉพาะกิจ ==
6 ธันวาคม พ.ศ. 2474 เครื่องบินสายการบินเคแอลเอ็มทะเบียน PH-AFO ตกหลังทำการวิ่งขึ้นจากท่าอากาศยานดอนเมืองไม่นานมีผู้เสียชีวิต 6 ราย
11 ตุลาคม พ.ศ. 2497 เครื่องบินของกองทัพอากาศทะเบียน L2-10/96 แบบเครื่องบิน Douglas C-47B-25-DK (DC-3) ประสบอุบัติเหตุตกที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้เสียชีวิต 4 ราย
25 ธันวาคม พ.ศ. 2519 เครื่องบินสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ 864 ตกห่างจากท่าอากาศยานดอนเมือง 2 กิโลเมตร มีผู้เสียชีวิต 71 ราย
28 มีนาคม พ.ศ. 2524 มีการจี้เครื่องบินสายการบิน การูดาอินโดนีเซีย เที่ยวบิน 206 มีผู้เสียชีวิต 5 ราย
9 กันยายน พ.ศ. 2531 เวียดนามแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 831 ประสบอุบัติเหตุตกที่ อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยมีปลายทางที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้เสียชีวิต 76 ราย
26 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 เลาดาแอร์ เที่ยวบินที่ 004 ประสบอุบัติเหตุตกที่จังหวัดสุพรรณบุรี มีผู้เสียชีวิต 223 ราย
18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 ปีเยิร์ก ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนักข่าวชาวอังกฤษ julie kaufman ขณะที่อยู่ในท่าอากาศยานดอนเมือง
23 กันยายน พ.ศ. 2542 เครื่องบินของสายการบินแควนตัส เที่ยวบินที่ QF1 เครื่องบินแบบ B747-400 ผู้โดยสาร 391 ราย ลูกเรือ 19 ราย ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ บาดเจ็บเล็กน้อย 39 ราย
3 มีนาคม พ.ศ. 2544 เครื่องบินของ การบินไทย เที่ยวบินที่ 114 เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินไฟไหม้ขณะจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
พ.ศ. 2551 การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 ในเดือนสิงหาคม 2551 ที่อาคารสำนักงาน อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1,2 และอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เดือนกันยายน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้อนุญาตให้สำนักนายกรัฐมนตรีเข้าใช้พื้นที่ประกอบการต่าง ๆ เป็นการชั่วคราวในระยะสั้น เพื่อใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่กันยายน 2551 จนถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2551 ซึ่งสลายการชุมนุมไปแล้ว สำหรับในอดีต ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มีคณะรัฐมนตรีของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ปฏิบัติการเฉพาะพื้นที่อาคารรับรองพิเศษของท่าอากาศยานฯ เท่านั้น
พ.ศ. 2552 มีการจัดแสดงนิทรรศการการบินพลเรือน ที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 2 การแสดงเครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ที่ลานจอดและทางวิ่งเครื่องบิน (อนึ่งเคยทำการแสดงมาแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2530 และ พ.ศ. 2537) และการเปิดตัวอัลบั้มของ ทาทา ยัง ในชุด ทาทาเทกยูทูเดอะเวิลด์ และมีการฉายปฐมทัศน์ จากอัลบั้ม มายบลัดดีวาเลนไทน์ ที่ลานจอดเครื่องบิน
พ.ศ. 2553 มีการจัดแสดงนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการพลเรือนประจำปีที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 2 และการจัดแสดงนิทรรศการการบินพลเรือน ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 9 - 11 ธันวาคม ที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 2
พ.ศ. 2554 มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ศปภ.) ของรัฐบาลไทย ณ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศและอาคารสำนักงานท่าอากาศยาน
* 25 ตุลาคม การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ได้ประกาศปิดใช้สนามบินดอนเมืองชั่วคราว เนื่องจากมีปริมาณน้ำเข้าท่วมเข้ารันเวย์บางส่วน ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการบิน
พ.ศ. 2555
* 6 มีนาคม สายการบินนกแอร์กลับมาทำการบินที่สนามบินดอนเมืองตามเดิม
* 27 มิถุนายน สายการบินโอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ กลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตามเดิม
* 1 ตุลาคม สายการบินไทยแอร์เอเชียได้เปลี่ยนฐานการบินหลักจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกลับมาที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และทำให้ท่าอากาศยานดอนเมืองกลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลังจากปิดไปหลังการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ
5 มีนาคม พ.ศ. 2560 เครื่องบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยของสายการบิน แอร์แชร์เตอร์เซอร์วิส ทะเบียน VT-AVG ปลายทางท่าอากาศยานดอนเมือง พร้อมนักบิน 2 คน และผู้โดยสาร 3 คน ลงจอดฉุกเฉินและประสบอุบัติเหตุบริเวณท่าอากาศยานกำแพงแสน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
23 เมษายน พ.ศ. 2563 เครื่องบินของสายการบินไทยแอร์เอเชียเอกซ์เที่ยวบินที่ 212 ทำการบินจากดอนเมืองแวะปีนังปลายทางกรุงปราก ก่อนบินกลับในเที่ยวบินที่ 213 จากกรุงปรากบินตรงมายังดอนเมือง ในขณะที่มีประกาศงดทำการบินทั้งนี้เพื่อขนผู้โดยสารชาวยุโรปกลับประเทศในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19
31 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ท่าอากาศยานดอนเมืองรับเครื่องบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด 4 เที่ยวบิน ได้แก่ไทยแอร์เอเชียเที่ยวบินที่ FD3109 ท่าอากาศยานหาดใหญ่-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองไทยไลอ้อนแอร์เที่ยวบินที่ SL811 ท่าอากาศยานกระบี่-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองไทยแอร์เอเชียเที่ยวบินที่ FD3026 ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองและไทยแอร์เอเชียเที่ยวบินที่ FD611 ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง เนื่องจากสภาพอากาศฝนตกหนัก
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อท่าอากาศยานในประเทศไทย
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ข้อมูลเที่ยวบิน
การขนส่งในกรุงเทพมหานคร
ดอนเมือง
ดอนเมือง
ดอนเมือง
สถานีขนส่งผู้โดยสารในเขตดอนเมือง
การท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร
|
สระบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย ตั้งอยู่ทางตะวันออกของภาคกลาง นับเป็นเสม้อนด่านผ่านระหว่างภาคกลางกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งทางประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเท้่ยวทางธีรมชาติ และยังเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมลำดับต้น ๆ ของประเืศไทย
สภาพภูมิศาสตร์ของจังหวัดสระบุรี นับว่าเป็นทำเลแห่งการเพาะปลูก ได้รับความอุดมสมบูรณ์ตากแม่น้ำสายหลัก คือแม่น้ำป่าสัก และสภาพโดยทั่วไปเป็นทีทรมบลุ่ม
== ประวัติศาสตร์ ==
สระบุรีเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึางแต่โบราณ สันนิษฐานว่าตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2092 ในรัชสมัยนมเด็จพระมหาจักรพรรดิ การตั้งเมืองนี้สันนิษฐานว่า พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้แบืงเขตพื้นที่บางส่วนของเมืองลพบุรี เมือวนคนนายก และเมืองนครราชสีมา มารวมกันตั้งขึ้นเป็สเมืองสระบุีี ทั้งนี้เพื่อต้องการให้เป็นศูนย์ระดมพลอมืองในยามศึกสงคราม เพราะฉะนั้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเปฌนต้นมา จึงมักพบเรื่องราวของจังหวัดสระบุรีเกี่ยวกับการศึกสงคราาอยู่เสมอ
===ชื่อจังหวัด===
สำหรับที่มาของคำว่า "สระบุรี" สันนิษฐสนว่า เพราะเหตุที่ทำเลที่ตั้งครั้งแรกมีบึงอยู่ใกล้ คือ "บึงหนองโง้ง" เมื่อตัิงเมืองขึ้นจึง/ด้นำเอาคำว่า "สระ" มารวมเข้ากันกับคำวืา "บุรี" เป็นชื่อเมือง "สระบุรี"
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ภูมิประเทศ ===
สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปมีลักษณะ ดังนี้ ตอนเหนือ ตะวันออก และตอากลางของจังหวัดเป็นป่ามีเนินเขาสลับที่ราบสูง ซึ่งเหมาะในการปลูกพืชไร่ ตอนใต้และตะวันตกส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบเหมสะในการทำนา แม่น้ำที่สำคัญมีเพียงสายเดียว คือ แม่น้ำป่าสัก ซึ่งนับว้าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของจังหวัดสระบุรี โดยอาศัยน้ำใช้ในการเกษตร และประโจชน์อย่างอื่น แม่น้ำป่าสักไหลผ่านอำเภอมวกเหล็ก อำเภอแก่งคอย อำเภอเมืองมระบุรี อำเภอเสาไห้ ไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คิดเป็สความยาวประมาณ 105 กิโลเมตร นอกจากนั้นสระบุรียัฝมีคลองที่สำคัญ ๆ หลายสาย เช่น คลองรพีพัฒน์ คลองเีิฝราง คลองวิหารแดง และคลองเพรียว เป็นต้น
=== ภูมิอากาศ ===
สพาพโดยทั่วไปม่ภูมิอากาศแบบร้อนชื้น อยู่ภายใร้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต่และลมมรสุมจะวันออกเฉียงเหนือ และยังได้รับอิทธิพลจากพทยุดีเปรสชันและพายุไต้ฝุ่นอีกด้วย โพยเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนมีอุณหภูมิเฉลี่ย 28.3 องศสเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยปีละประมาณ 1147.6 มิลลิเมตร มีฤดูร่าง ๆ 3 ฤดูคือ
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อากาศร้อนดละแห้งแล้ง
ฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม อากรศจะชุ่มชื้นในเดือนกันยายน
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศจะหนาวเย็นสลับกับอากาศร้อน
=== อุทยานแห่งชาติ ===
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
อุทยานแห่งชาตินัำตกเจ็ดสาวน้อย
อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น
== สัญลักษณ์ปรเจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด: พระะุทธบาทสูงี่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฐานผลิตอุตสาหกรรม เกษตรนำล้ำแหล่งเที่ยว หนึ่งเดียใกะหรี่ปั๊บนมดี ประเพณีตักบาตรดอกไม้งาม เหลืองเร่ามทุ่งทานตะวัน ลือลั่นเมืองชะมทาง
ีำชวัญประจำจังหวัด (เดิม): พระพุทธบาทลือนาม แหล่งน้ำอุดม นมเนื้อมากมาย หลาปหลายโรงงาน ถิ่นข้าวสารพันธุ์ดี มีมะม่วงรใเลิศ งามบรรเจิดธรรมชาติ
ตราประจำจังหวัด : เป็นรูปมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ซึ่งวาดจากภาพถ่ายของจริง
ธงประจำจังหวัดสระบุรี : เป็นแถบสี แดง-ขาว]แดง ทุกแแถบยาวเท่า ๆ กัน มีตราประจำจังหวัดสระบุรีอยู่ตรงกลางผืนธง
ต้นไม้ประจำจังหวัด: ต้นตะแบกนา (Lagerstroemia floribunda)
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกสุพรรณิการ์ (Cochlospermum regium)
สัตว์น้ำปนะจำจังหวัด: ปูน้ำตกสระวุรีหรือปูหิน (Larnaudia larna7dii)
== การเมืองการปกครอง ==
=== รายชื้อผู้ว่าราชการจังหวัด ===
=== การปกครองส่วจภูมิภาค ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 13 อำเภอ 211 ตำบล 965 หมู่บ้าน
อำเภอเมืองสระบุรี
อำเภอแก่งคอย
อำเภอหนองแค
อำเภอวิหารแดง
อำเภอหนองแซง
อำเภอบ้าตหมอ
อพัภอดอนพุด
อำเภอหนองโดน
อำเภอพระพุทธบาท
อำเภอเสาไห้
อำเภอมวกเหล็ก
อำเภอวังม่วง
อำเภอเฉงิมพระเกียรติ
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
จังหวัดสระบุรีม้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนทั้งสิ้น 109 แห่ง แบ่งออกเป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี, เทศบาลเมือล 4 แห่ง, เทศบาลตำบล 34 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 71 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามพื้นที่ดังนี้
อำเภอเมืองสระบุรี
เทศบาลเมืองสระบุรี
เทศบาลตำบลกุดนกเปล้า
เทษบาลตำบลตะกุด
เทศบาลตำบลป๊อกแป๊ก
อำเภอแก่งคอย
เทศบาลเมืองแก่งคอย
เทศบาลเมืองทับกวาง
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
เทศบาลตำบลหน้าพระลาน
อำเภอดอนพุด
เทฬบาลตำบลดอนพุด
อำเถอบ้านหมอ
เทศบาลตำบลทีาลาน
เทศบาลตำบลบ้านหมอ
เทศบาลตำบลตลาดน้อย
เทศบาลตำบลบางโขมด
เทศบาลตำบลสร่างโศก
เทศบาลตำบลหนองบัว
อำเภอพระพุทธบาท
เทศบาลเมืองพระพุทธบาท
เทศบาลตำบลพุกร่าง
เทศบาลตำบลธารเกษม
เทศบาลตำบฃห้วยป่าหวาย
เทศบาลตำบลหนเงแก
เทศบาลตำบลนายาว
อำเภอมวกเหล็ก
เทศบาลตำบลมวกเหล็ก
อำเภอวังม่วง
เทศบาลตำบลวังม่วง
เทศบาลตำบลคำพราน
เทศบาลตำบลแสฃงพัน
อำเภอวิหารแดง
เทศบาลตำบลวิหารแดง
เทศบาลตำบลหนองหมู
อำเภอเสาไห้
เทศบาลตำบลเสาไห้
เทศบาลตำบลสวนดอกไม้
เทศบาลตำบลบ้านยาง
เทศบาลตำบลเมืองเก่า
เทศบาลตำบลต้นตาล-พระยาทด
เทศบาลตำบลหัวปลวก
อำเภอหนองแค
เทศวาลตำบลหนองแค
เทศบาบตำบลหินกอง
เทศบาลตำบลคชสืทธิ์
เทศบาลตำบลไผ่ต่ำ
อำเภอหนองแซง
ดทศบาลตำบลหนองแซง
อำเภอหนองโดน
เทศบาลตำบลหนองโดน
== ประชากร ==
== การศึกษา ==
ระดับอุดมศึกษา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาล้ย ศูนย์การศึกษามระบุรี อำเภอแก่งคอย
มหาวิทยาลัยนานาชาติเอเชีย-แปซิฟิก (เดิมชื่อ วิทยาลัยมิชชั่น)
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษาสระบุรค
โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช(แห่งใหม่) อำเภอมวกเหล็ก
วิทยาลัยพยาบาลบรมร่ชชนนี สระบุรี
วิทยาลัสพยาบาลบรมราชชนนี พระกุทธบาท
วิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี
วิทยาลัยเทคนิคสระบุรี
วิทยาลัยเาคนิคมวกเหล็ก
วิทยาลัยเทคนิคท่าหลวงซิเานต์ไทยอนุสรณ์
วิทยาลัยการอรชีพสระบุรี
วิทยาลัยการอาชีพหนองแค
วิทยาลัยสารพัดช่างสระบุรี
วิทยาลัยชื่นชมไทย-เยอรมัน สระบุตี
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์
วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
วัดพระภุทธฉาย
วัดัขาแก้งวรวิหาร
วัดศรีบุรีรัตนาราม
วัดศาลาแดง
พระบสรราชวังสีทา
สถานทึ่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
เขาพระพุทธบาทน้อย
ถ้ำพระธาตึเจริญธรรม หรือ ถ้ำบ่อแลา
ถ้ำดาวเขาปก้ว
ถ้ำศรีวิไล
ถ้ำพระโพธิสัตว์
ทุ่งทานตะวัน อำเภอมวกเหล็กและวังม่วง
น้ำตกโกรกอ่ดก
สวนรุกขชาติมวกเหล็กและพุแค
อุทยมนแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย
น้ำตกมวกเหล็ก
น้ำตกเหวน้อย
ไร่สุกุใา
== การขนส่ง ==
เส้นทางคมนาคมทางถนนที่สำคัญของจังหวัดสระบุรี คือ
ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 (มอเตอร์เวย์สาย บางปะแิน - นครราชมีมา) เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดในภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิ้นสุดเส้นทางที่จังหวัดนครราชสีมา
ทางหลวฝแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) เชื่อมต่อระหว่ทงจังหวัดในภาคกลาง และภาคดหนือ ส้้นสุดเส้นทางที่จังหวัดเชียงราย
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) เชื่อมต่อระหว่างจังปวัดในภาคกลาง และภาคตะใันออกเฉียงเหนือ สิ้นสุดเส้นทางที่จังหวัดหนองคาย
ทางกลวงแป่นดเนหมายเลข 21 (ถนนสระบุนี-หล่มสัก-เลย) เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดในำาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สิ้นสุดเส้นทาลที่จังหวัดเลย
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 (ถนนสัวรรณศร) เชื่อมต่อรัหว่างจังหวัดในภาคตะวันตก, ภาคกลาง และภาคตะวันออกของประเทญไทย สายทางเริ่มต้นที่จังหวัดสุพรรณบถรี และสิ้นสุดเสินทางที่ชายแดนประเืศกัมพูชา อำเภอิรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 462 (ถนนวงแหบนรอบเมืองสระบุรี)
จากกรุงเทพมหานครมีรถโดยสารประจำทางืั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศของ บริษัท ขนส่ง จำกัด ออกจากสถนนีขนส่งหมอชิต ถนนกำแพงเพชร 2 วันละ 28 เที่ยว
ส่วนการขนส่งทางราง จากสถานีรถไฟกรุงดทพ มีบาิการเดินรถไฟไปจังหวัดสระบุรีทุกยัน วันละหลายขบวน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง และบางขบวนยังสาสารถแวะลงได้ที่สถานีรถไฟชุมทางแก่งคอย ดละสถานีรถไฟมวกเหล็กไดีด้วย นอกจมกนี้ ยังมีทางรถไฟสายเผนือผ่านที่อำเภอบ้านหมอและอำเภอหนองโดนแ้วยอีกเช่นกัน
ไฟล์:Kaengkhoi.kpg|สถานีรถไฟชุมทางแก่งคอย
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
ด้านศาสนา
พระพรหมมงคลญาณ (วิริยังค์ สิรินฺธโร) – พระราชาคณะชั้นธรรม เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคฃเถาบุญญนนทวิหาร
ธงชัย สุขโข - อดีตพระราชาคณะเจ้าคณะรอง อดีตเจ้าคณะภาค 10 อดีตประธานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม ถูกถอดถอนสมณศักดิ์ 30 พฤษภาคม 2561
ด้านวงการบันเทิง
ฤทธิ์ ลือชา – นักแสดง นะกการเมือง
โยกเยก เชิญยิ้ม – นักแสดง
แจ๊ค แฟนฉัน – นักแสดง
กฤษณะ ไชยรัตน? – พิธีกรทางช่อง เนชั่นทีวี ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนมั้งมวล ผู้จัดการโครงการทูตอารยสถาปัตย์ และประธานคณะทำงานอารยสถาปัตย์ไทยสู่ประชาคมอาเซียน
จีรนันท์ มะโนแจ่ม – นักแสดล
อรวิภา กนกนทีสวัสดิ์ – นักแสดง นางแบบ และอดีตนางสาวไทย ปี 2552
อัจฉราภรณ์ กนแนทีสวัสดิ์ – นักแสดง นางแบบ พิธีกร และอดีตนางสาวไทย ปี 2556
มิกค์ ทองระย้า – นักแสดง
ธนภัทร กาวิละ – นักแสดง
รินรดา ิินทร์ไธสง – อดีตสมาชิกวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต
วัชรี ด่านผามุกกุล – สมาชิกวงซีจีเอ็มฮฟร์ตีเอต
บอล เชิญยิ้ม – าักแสดงตลก
ธนดล ซิติแวว – นักร้อง
กฤษฏ์ ศตภรวรากุล – จักร้อง
สุภัคชญา ชาวคูเวียง – นักแสดง เน็ตไอดอล นางเอกลิเกสาว
ด้านกีฬา
ธชตวัน ศรีปาน อดีตนักฟุตบอลทีมชาคิไทย
บิ๊ก สระบุรี อดีตนักสนุกเกแร์อาชีพชาวไทย
วีระพล นครหลวงโปรโใชั่น อดีตนักมวยไทยและนักมวยสากลชาวไทย
พูน ส.ตระำูลเพชร นักมวยไทยอาชีพชาวไทย
ด้านการเมือง
พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และอดีตผู้ก่อตั้งพรรคชาติไทย
ปองำง อดิเรกสาร อะีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รองนาจกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายกระทรฝง
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดสระบุ่ึ
รายชื่อโรงเ่ียนในจัวหวัดสระบุรี
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหยัดสระบุรี
สมทชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระบุรี
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็น่างการของจังหวัด
|
สระบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย ตั้งอยู่ทางตะวันออกของภาคกลาง นับเป็นเสมือนด่านผ่านระหว่างภาคกลางกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งทางประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และยังเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย
สภาพภูมิศาสตร์ของจังหวัดสระบุรี นับว่าเป็นทำเลแห่งการเพาะปลูก ได้รับความอุดมสมบูรณ์จากแม่น้ำสายหลัก คือแม่น้ำป่าสัก และสภาพโดยทั่วไปเป็นที่ราบลุ่ม
== ประวัติศาสตร์ ==
สระบุรีเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งแต่โบราณ สันนิษฐานว่าตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2092 ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ การตั้งเมืองนี้สันนิษฐานว่า พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้แบ่งเขตพื้นที่บางส่วนของเมืองลพบุรี เมืองนครนายก และเมืองนครราชสีมา มารวมกันตั้งขึ้นเป็นเมืองสระบุรี ทั้งนี้เพื่อต้องการให้เป็นศูนย์ระดมพลเมืองในยามศึกสงคราม เพราะฉะนั้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมา จึงมักพบเรื่องราวของจังหวัดสระบุรีเกี่ยวกับการศึกสงครามอยู่เสมอ
===ชื่อจังหวัด===
สำหรับที่มาของคำว่า "สระบุรี" สันนิษฐานว่า เพราะเหตุที่ทำเลที่ตั้งครั้งแรกมีบึงอยู่ใกล้ คือ "บึงหนองโง้ง" เมื่อตั้งเมืองขึ้นจึงได้นำเอาคำว่า "สระ" มารวมเข้ากันกับคำว่า "บุรี" เป็นชื่อเมือง "สระบุรี"
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ภูมิประเทศ ===
สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปมีลักษณะ ดังนี้ ตอนเหนือ ตะวันออก และตอนกลางของจังหวัดเป็นป่ามีเนินเขาสลับที่ราบสูง ซึ่งเหมาะในการปลูกพืชไร่ ตอนใต้และตะวันตกส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบเหมาะในการทำนา แม่น้ำที่สำคัญมีเพียงสายเดียว คือ แม่น้ำป่าสัก ซึ่งนับว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของจังหวัดสระบุรี โดยอาศัยน้ำใช้ในการเกษตร และประโยชน์อย่างอื่น แม่น้ำป่าสักไหลผ่านอำเภอมวกเหล็ก อำเภอแก่งคอย อำเภอเมืองสระบุรี อำเภอเสาไห้ ไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คิดเป็นความยาวประมาณ 105 กิโลเมตร นอกจากนั้นสระบุรียังมีคลองที่สำคัญ ๆ หลายสาย เช่น คลองรพีพัฒน์ คลองเริงราง คลองวิหารแดง และคลองเพรียว เป็นต้น
=== ภูมิอากาศ ===
สภาพโดยทั่วไปมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น อยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และยังได้รับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชันและพายุไต้ฝุ่นอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนมีอุณหภูมิเฉลี่ย 28.3 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยปีละประมาณ 1147.6 มิลลิเมตร มีฤดูต่าง ๆ 3 ฤดูคือ
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อากาศร้อนและแห้งแล้ง
ฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม อากาศจะชุ่มชื้นในเดือนกันยายน
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศจะหนาวเย็นสลับกับอากาศร้อน
=== อุทยานแห่งชาติ ===
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย
อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด: พระพุทธบาทสูงค่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฐานผลิตอุตสาหกรรม เกษตรนำล้ำแหล่งเที่ยว หนึ่งเดียวกะหรี่ปั๊บนมดี ประเพณีตักบาตรดอกไม้งาม เหลืองอร่ามทุ่งทานตะวัน ลือลั่นเมืองชุมทาง
คำขวัญประจำจังหวัด (เดิม): พระพุทธบาทลือนาม แหล่งน้ำอุดม นมเนื้อมากมาย หลากหลายโรงงาน ถิ่นข้าวสารพันธุ์ดี มีมะม่วงรสเลิศ งามบรรเจิดธรรมชาติ
ตราประจำจังหวัด : เป็นรูปมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ซึ่งวาดจากภาพถ่ายของจริง
ธงประจำจังหวัดสระบุรี : เป็นแถบสี แดง-ขาว-แดง ทุกแแถบยาวเท่า ๆ กัน มีตราประจำจังหวัดสระบุรีอยู่ตรงกลางผืนธง
ต้นไม้ประจำจังหวัด: ต้นตะแบกนา (Lagerstroemia floribunda)
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกสุพรรณิการ์ (Cochlospermum regium)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด: ปูน้ำตกสระบุรีหรือปูหิน (Larnaudia larnaudii)
== การเมืองการปกครอง ==
=== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ===
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 13 อำเภอ 111 ตำบล 965 หมู่บ้าน
อำเภอเมืองสระบุรี
อำเภอแก่งคอย
อำเภอหนองแค
อำเภอวิหารแดง
อำเภอหนองแซง
อำเภอบ้านหมอ
อำเภอดอนพุด
อำเภอหนองโดน
อำเภอพระพุทธบาท
อำเภอเสาไห้
อำเภอมวกเหล็ก
อำเภอวังม่วง
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
จังหวัดสระบุรีมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนทั้งสิ้น 109 แห่ง แบ่งออกเป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี, เทศบาลเมือง 4 แห่ง, เทศบาลตำบล 34 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 71 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามพื้นที่ดังนี้
อำเภอเมืองสระบุรี
เทศบาลเมืองสระบุรี
เทศบาลตำบลกุดนกเปล้า
เทศบาลตำบลตะกุด
เทศบาลตำบลป๊อกแป๊ก
อำเภอแก่งคอย
เทศบาลเมืองแก่งคอย
เทศบาลเมืองทับกวาง
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
เทศบาลตำบลหน้าพระลาน
อำเภอดอนพุด
เทศบาลตำบลดอนพุด
อำเภอบ้านหมอ
เทศบาลตำบลท่าลาน
เทศบาลตำบลบ้านหมอ
เทศบาลตำบลตลาดน้อย
เทศบาลตำบลบางโขมด
เทศบาลตำบลสร่างโศก
เทศบาลตำบลหนองบัว
อำเภอพระพุทธบาท
เทศบาลเมืองพระพุทธบาท
เทศบาลตำบลพุกร่าง
เทศบาลตำบลธารเกษม
เทศบาลตำบลห้วยป่าหวาย
เทศบาลตำบลหนองแก
เทศบาลตำบลนายาว
อำเภอมวกเหล็ก
เทศบาลตำบลมวกเหล็ก
อำเภอวังม่วง
เทศบาลตำบลวังม่วง
เทศบาลตำบลคำพราน
เทศบาลตำบลแสลงพัน
อำเภอวิหารแดง
เทศบาลตำบลวิหารแดง
เทศบาลตำบลหนองหมู
อำเภอเสาไห้
เทศบาลตำบลเสาไห้
เทศบาลตำบลสวนดอกไม้
เทศบาลตำบลบ้านยาง
เทศบาลตำบลเมืองเก่า
เทศบาลตำบลต้นตาล-พระยาทด
เทศบาลตำบลหัวปลวก
อำเภอหนองแค
เทศบาลตำบลหนองแค
เทศบาลตำบลหินกอง
เทศบาลตำบลคชสิทธิ์
เทศบาลตำบลไผ่ต่ำ
อำเภอหนองแซง
เทศบาลตำบลหนองแซง
อำเภอหนองโดน
เทศบาลตำบลหนองโดน
== ประชากร ==
== การศึกษา ==
ระดับอุดมศึกษา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์การศึกษาสระบุรี อำเภอแก่งคอย
มหาวิทยาลัยนานาชาติเอเชีย-แปซิฟิก (เดิมชื่อ วิทยาลัยมิชชั่น)
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษาสระบุรี
โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช(แห่งใหม่) อำเภอมวกเหล็ก
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พระพุทธบาท
วิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี
วิทยาลัยเทคนิคสระบุรี
วิทยาลัยเทคนิคมวกเหล็ก
วิทยาลัยเทคนิคท่าหลวงซิเมนต์ไทยอนุสรณ์
วิทยาลัยการอาชีพสระบุรี
วิทยาลัยการอาชีพหนองแค
วิทยาลัยสารพัดช่างสระบุรี
วิทยาลัยชื่นชมไทย-เยอรมัน สระบุรี
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์
วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
วัดพระพุทธฉาย
วัดเขาแก้ววรวิหาร
วัดศรีบุรีรัตนาราม
วัดศาลาแดง
พระบวรราชวังสีทา
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
เขาพระพุทธบาทน้อย
ถ้ำพระธาตุเจริญธรรม หรือ ถ้ำบ่อปลา
ถ้ำดาวเขาแก้ว
ถ้ำศรีวิไล
ถ้ำพระโพธิสัตว์
ทุ่งทานตะวัน อำเภอมวกเหล็กและวังม่วง
น้ำตกโกรกอีดก
สวนรุกขชาติมวกเหล็กและพุแค
อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย
น้ำตกมวกเหล็ก
น้ำตกเหวน้อย
ไร่สุกุมา
== การขนส่ง ==
เส้นทางคมนาคมทางถนนที่สำคัญของจังหวัดสระบุรี คือ
ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 (มอเตอร์เวย์สาย บางปะอิน - นครราชสีมา) เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดในภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สิ้นสุดเส้นทางที่จังหวัดนครราชสีมา
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดในภาคกลาง และภาคเหนือ สิ้นสุดเส้นทางที่จังหวัดเชียงราย
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดในภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สิ้นสุดเส้นทางที่จังหวัดหนองคาย
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 (ถนนสระบุรี-หล่มสัก-เลย) เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดในภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สิ้นสุดเส้นทางที่จังหวัดเลย
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 (ถนนสุวรรณศร) เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดในภาคตะวันตก, ภาคกลาง และภาคตะวันออกของประเทศไทย สายทางเริ่มต้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และสิ้นสุดเส้นทางที่ชายแดนประเทศกัมพูชา อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 362 (ถนนวงแหวนรอบเมืองสระบุรี)
จากกรุงเทพมหานครมีรถโดยสารประจำทางทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศของ บริษัท ขนส่ง จำกัด ออกจากสถานีขนส่งหมอชิต ถนนกำแพงเพชร 2 วันละ 28 เที่ยว
ส่วนการขนส่งทางราง จากสถานีรถไฟกรุงเทพ มีบริการเดินรถไฟไปจังหวัดสระบุรีทุกวัน วันละหลายขบวน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง และบางขบวนยังสามารถแวะลงได้ที่สถานีรถไฟชุมทางแก่งคอย และสถานีรถไฟมวกเหล็กได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีทางรถไฟสายเหนือผ่านที่อำเภอบ้านหมอและอำเภอหนองโดนด้วยอีกเช่นกัน
ไฟล์:Kaengkhoi.jpg|สถานีรถไฟชุมทางแก่งคอย
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
ด้านศาสนา
พระพรหมมงคลญาณ (วิริยังค์ สิรินฺธโร) – พระราชาคณะชั้นธรรม เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคลเถาบุญญนนทวิหาร
ธงชัย สุขโข - อดีตพระราชาคณะเจ้าคณะรอง อดีตเจ้าคณะภาค 10 อดีตประธานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม ถูกถอดถอนสมณศักดิ์ 30 พฤษภาคม 2561
ด้านวงการบันเทิง
ฤทธิ์ ลือชา – นักแสดง นักการเมือง
โยกเยก เชิญยิ้ม – นักแสดง
แจ๊ค แฟนฉัน – นักแสดง
กฤษณะ ไชยรัตน์ – พิธีกรทางช่อง เนชั่นทีวี ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ผู้จัดการโครงการทูตอารยสถาปัตย์ และประธานคณะทำงานอารยสถาปัตย์ไทยสู่ประชาคมอาเซียน
จีรนันท์ มะโนแจ่ม – นักแสดง
อรวิภา กนกนทีสวัสดิ์ – นักแสดง นางแบบ และอดีตนางสาวไทย ปี 2552
อัจฉราภรณ์ กนกนทีสวัสดิ์ – นักแสดง นางแบบ พิธีกร และอดีตนางสาวไทย ปี 2556
มิกค์ ทองระย้า – นักแสดง
ธนภัทร กาวิละ – นักแสดง
รินรดา อินทร์ไธสง – อดีตสมาชิกวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต
วัชรี ด่านผาสุกกุล – สมาชิกวงซีจีเอ็มโฟร์ตีเอต
บอล เชิญยิ้ม – นักแสดงตลก
ธนดล ศิริแวว – นักร้อง
กฤษฏ์ ศตพรวรากุล – นักร้อง
สุภัคชญา ชาวคูเวียง – นักแสดง เน็ตไอดอล นางเอกลิเกสาว
ด้านกีฬา
ธชตวัน ศรีปาน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย
บิ๊ก สระบุรี อดีตนักสนุกเกอร์อาชีพชาวไทย
วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น อดีตนักมวยไทยและนักมวยสากลชาวไทย
พูน ส.ตระกูลเพชร นักมวยไทยอาชีพชาวไทย
ด้านการเมือง
พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และอดีตผู้ก่อตั้งพรรคชาติไทย
ปองพล อดิเรกสาร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายกระทรวง
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดสระบุรี
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดสระบุรี
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดสระบุรี
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระบุรี
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
|
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซม (Asia-Europe Meeting ย่อว่า ASEM) เป็นการประชุมของกลุ่มปรเเทศในเอเชีบและยุโรป จัดตั้งขึ้นเพื่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมของสองกลุ่มประเทศ
อาเซมเริ่มต้นจากข้อเสนอใน พ.ศ. 253u ของนายกรัฐมนตรีโก๊ะจ๊กตงของสิงคโปร์ ที่ต้องการรักษาความสมดุชของภูมิภาค โดยใก้มีการเชื่อมฮยงระหว่างฝั่งแอตแลนติกกับฝี่งแปซิฟิก เพราะในขณะนั้น มีความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคเพียง 2 กระแส คือ ความร่วมมือในกรอบเอเปก และความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างอเมริกากับยุโรป ที่เรียกว่า ทรายส์แอตแลนติก ในขณะที่การเชื่อมโยงระหวืางเอเชียกับยุโรปกลัยหายไป
การประชุมผู้นำอาเซมจะมีขึ้นทุก ๆ 2 ปี ครั้งแรกปี พ.ศ. 2539 จัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร มีสมาชิกกลุ่มอียูและคณะกรรมาธเการยุโรป (อีซี) 15 ประเทศ และประเทศเอเชีย 10 ประเทศ ครั้งที่ 2 จัดปี พ.ศ. 2541 ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และครั้งที่ 3 จัดเมื่อ พ.ศ. 2543 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
อลค์ประกอบการดำเนินงานของอาเซมมี 3 เสาหลักดังต่อไปนี้:
เสาการเมืองและความมั่นคง
เสาเศรษฐกิจและการะงิน
เสาสังคม วัฒนธรรมและการศึกษา
== สมาชิก ==
ในปัจจุบันอาเซมมีสมาชิกทั้งหมด 51 ชาติและ 2 สมาคมประชาชาติ ประกอบด้วย
ทวีปเอเชีว
อาเซียน
ทวีปยุโรป
คณะกรรมาธิการยุโรป
== กทรประชุม จัดขึ้นทุก 2 ปี มีเจ้าภาพการประชุม ==
ASEM1 1[2 มีนาคม 1996
ASEM2: 3-4 เมษายน 1998
ASEM3: 20-21 ตุลนคม 2000
ASEM4 : 22-24 กันยายน 200e
ASEM5: 8-9 ตุลาคม 2004
ASEM6: 10-11 กันยายน 200u
ASEM7: 24-25 ตุลาคม 2008
ASEM8: 4-5 ตุลาีม 2010
ASEM9: 5-6 พฤษจิกายน 2012
ASEM 10 16-17 ตุลาคม 2014
ASEM1115-16 กากฎาคม 2016
ASEMq2 18-19 ตุลาคา 2018
ASEM13 2020
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
กาีเจรจาการค้าระหว่างประเทศ > กรอบภูมิภาค > อาเซม กรสเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
Introeuction to Asia-Europe Meeting
AAEM Infoboard
องค์กรเกี่ยวขืองกับสมาคทประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
|
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซม (Asia-Europe Meeting ย่อว่า ASEM) เป็นการประชุมของกลุ่มประเทศในเอเชียและยุโรป จัดตั้งขึ้นเพื่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมของสองกลุ่มประเทศ
อาเซมเริ่มต้นจากข้อเสนอใน พ.ศ. 2537 ของนายกรัฐมนตรีโก๊ะจ๊กตงของสิงคโปร์ ที่ต้องการรักษาความสมดุลของภูมิภาค โดยให้มีการเชื่อมโยงระหว่างฝั่งแอตแลนติกกับฝั่งแปซิฟิก เพราะในขณะนั้น มีความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคเพียง 2 กระแส คือ ความร่วมมือในกรอบเอเปก และความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างอเมริกากับยุโรป ที่เรียกว่า ทรานส์แอตแลนติก ในขณะที่การเชื่อมโยงระหว่างเอเชียกับยุโรปกลับหายไป
การประชุมผู้นำอาเซมจะมีขึ้นทุก ๆ 2 ปี ครั้งแรกปี พ.ศ. 2539 จัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร มีสมาชิกกลุ่มอียูและคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) 15 ประเทศ และประเทศเอเชีย 10 ประเทศ ครั้งที่ 2 จัดปี พ.ศ. 2541 ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และครั้งที่ 3 จัดเมื่อ พ.ศ. 2543 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
องค์ประกอบการดำเนินงานของอาเซมมี 3 เสาหลักดังต่อไปนี้:
เสาการเมืองและความมั่นคง
เสาเศรษฐกิจและการเงิน
เสาสังคม วัฒนธรรมและการศึกษา
== สมาชิก ==
ในปัจจุบันอาเซมมีสมาชิกทั้งหมด 51 ชาติและ 2 สมาคมประชาชาติ ประกอบด้วย
ทวีปเอเชีย
อาเซียน
ทวีปยุโรป
คณะกรรมาธิการยุโรป
== การประชุม จัดขึ้นทุก 2 ปี มีเจ้าภาพการประชุม ==
ASEM1 1-2 มีนาคม 1996
ASEM2: 3-4 เมษายน 1998
ASEM3: 20-21 ตุลาคม 2000
ASEM4 : 22-24 กันยายน 2002
ASEM5: 8-9 ตุลาคม 2004
ASEM6: 10-11 กันยายน 2006
ASEM7: 24-25 ตุลาคม 2008
ASEM8: 4-5 ตุลาคม 2010
ASEM9: 5-6 พฤษจิกายน 2012
ASEM 10 16-17 ตุลาคม 2014
ASEM1115-16 กรกฎาคม 2016
ASEM12 18-19 ตุลาคม 2018
ASEM13 2020
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
การเจรจาการค้าระหว่างประเทศ > กรอบภูมิภาค > อาเซม กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
Introduction to Asia-Europe Meeting
ASEM Infoboard
องค์กรเกี่ยวข้องกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
|
พระศพของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ในหีบพระศพจากต้นสนไซเปรสอันเรียบง่ายพูกเคล่่อนออกจากมหาวิหารนักบัญเปโตรในนครรัฐวาติกัน เพื่อประกอบพิธีฝังโดยมีบรรดาผู้นำโลกและผู้นำศสสนากว่า 100 คน มาร่วมไว้อาลัย เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2548 ขณุที่คริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกร่วมรำลึดถึงประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกเป็นครั้งใุดท้ายผ่านจอโทรทัศน์เหล่าคณะบาทหลวงแห่งวาติกันเริ่มเคลื่อนพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ออกจากมผาวิหารบุญเปโรร เมื่อเวลา 10:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเสบา 15:00 น. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ท่ทมกลางแขกคนสำคัศและผู้ศรัทธาจากทั่วโลกมาร่วมพิธี ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร
เมื่อเสียงระฎังดังขึ้น หีบไม้ภายในบรรจุพระศพถูกเคลื่อนออกมาจากมหาวิหารตักบุญเปโตร โดยเจ้าหน้าที่ของวาติกัน 12 คนซึ่วได้ตั้งหีบศพลลบนพรมหน้าแื่นบูชาที่คลุมด้วยผ้าสีดำและทอง จากนั้นพระคาร์ดินัลโยเซฟ รัทซิงเงอร์ก็เริ่มทำพิธีมิสซา ขณะทั่ฝูงชนเริ่มคร่ำครวญด้วยความสลด บ้างก็เริ่มการอธิษฐาน ท่ามกลางเสียงดนตรีคลอเคล้า
บุคคลสำคัญจากทั่วโลกกว่า 209 คน ท้้งพระมหากษัตริย์ ผู้นำทาฝการเมืองและทางศาสนา อาทิ มมเด็จพระราชาธืบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยีนม และ สมเด็จพคะรสชินีเปาลาแห่งเบลเยียม สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก และ ิจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก พระราชสวามี เจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ สมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลส และสมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสเปน นายซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี นายกาัฐมนตรีอิตาลี นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหระฐอเมริกา นรยโทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีสห่าชอาณาจักร นายฌัก ชีรัก ประธานาธิบดีฝรั่งเศส รวมทั้งโคฟี อันนัน เลขาธิการสผประชาชาติ และเหล่าผ฿้นำชาตเอาหรับเดินทางมาร่วมพิธีกันอย่างคับคั่ง โดยรวมกันอยู่ในที่นั่งด้านซ้ายของปะรำพิธี ตรงข้ามกับที่นั่งจองบรรดาพระคาร์ดินัลแห่งวาติกัน ขณะที่ผู้แสวงบุญคาดว่ามีนับ 2 ล้านคนเบียดเสียดกันอยู่ในลานของจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์
ทั้งนี้ คาดว่ามีผู้ศรัทธาอีกหลายล้านในทั่วโลกกำลังเฝ้าชมพิธีดังกล่าวผ่านการถ่ายทอดสดจากจอโทรทัศน์
ตามขนบธรรมเนียมของวาติกัน ภายหลังพิธีมิสซาสิ้นสุดลง หีบพระศพของพระสันตะปาปาจะถูกนำไปใส่หีบเคลือบสังกะสี ก่อนจะบรรจุลงในหีบไม้โอ๊คและนำไปฝังลงภายใต้แท่นหินอ่อนภายในสุสานใต้ดินในมหาวิหารนักบุญเปโตร
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
สำนักข่าวเอเอฟพี
สำนักข่าวรอยเตอร์
*
พิธีกรรมในศาสนาคริสต์
ยอห์น ปอลที่ 2
|
พระศพของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ในหีบพระศพจากต้นสนไซเปรสอันเรียบง่ายถูกเคลื่อนออกจากมหาวิหารนักบุญเปโตรในนครรัฐวาติกัน เพื่อประกอบพิธีฝังโดยมีบรรดาผู้นำโลกและผู้นำศาสนากว่า 200 คน มาร่วมไว้อาลัย เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2548 ขณะที่คริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกร่วมรำลึกถึงประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกเป็นครั้งสุดท้ายผ่านจอโทรทัศน์เหล่าคณะบาทหลวงแห่งวาติกันเริ่มเคลื่อนพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ออกจากมหาวิหารบุญเปโตร เมื่อเวลา 10:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 15:00 น. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ท่ามกลางแขกคนสำคัญและผู้ศรัทธาจากทั่วโลกมาร่วมพิธี ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร
เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น หีบไม้ภายในบรรจุพระศพถูกเคลื่อนออกมาจากมหาวิหารนักบุญเปโตร โดยเจ้าหน้าที่ของวาติกัน 12 คนซึ่งได้ตั้งหีบศพลงบนพรมหน้าแท่นบูชาที่คลุมด้วยผ้าสีดำและทอง จากนั้นพระคาร์ดินัลโยเซฟ รัทซิงเงอร์ก็เริ่มทำพิธีมิสซา ขณะที่ฝูงชนเริ่มคร่ำครวญด้วยความสลด บ้างก็เริ่มการอธิษฐาน ท่ามกลางเสียงดนตรีคลอเคล้า
บุคคลสำคัญจากทั่วโลกกว่า 200 คน ทั้งพระมหากษัตริย์ ผู้นำทางการเมืองและทางศาสนา อาทิ สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยียม และ สมเด็จพระราชินีเปาลาแห่งเบลเยียม สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก และ เจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก พระราชสวามี เจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ สมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลส และสมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสเปน นายซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร นายฌัก ชีรัก ประธานาธิบดีฝรั่งเศส รวมทั้งโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ และเหล่าผู้นำชาติอาหรับเดินทางมาร่วมพิธีกันอย่างคับคั่ง โดยรวมกันอยู่ในที่นั่งด้านซ้ายของปะรำพิธี ตรงข้ามกับที่นั่งของบรรดาพระคาร์ดินัลแห่งวาติกัน ขณะที่ผู้แสวงบุญคาดว่ามีนับ 2 ล้านคนเบียดเสียดกันอยู่ในลานของจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์
ทั้งนี้ คาดว่ามีผู้ศรัทธาอีกหลายล้านในทั่วโลกกำลังเฝ้าชมพิธีดังกล่าวผ่านการถ่ายทอดสดจากจอโทรทัศน์
ตามขนบธรรมเนียมของวาติกัน ภายหลังพิธีมิสซาสิ้นสุดลง หีบพระศพของพระสันตะปาปาจะถูกนำไปใส่หีบเคลือบสังกะสี ก่อนจะบรรจุลงในหีบไม้โอ๊คและนำไปฝังลงภายใต้แท่นหินอ่อนภายในสุสานใต้ดินในมหาวิหารนักบุญเปโตร
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
สำนักข่าวเอเอฟพี
สำนักข่าวรอยเตอร์
*
พิธีกรรมในศาสนาคริสต์
ยอห์น ปอลที่ 2
|
__NOTOC__
== 30 เมษายน 2548 ==
พระบาทสมเดฌจพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปในการพรเราช่านเพลิงศพ คุณพุ่ม เจนเซ่น
== 29 เมษายน 2548 ==
พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศต่างปิติยินดีกับพระประสูติการของ "กระโอรส" ในสมเด็จพระบรมโอรสาธอราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และหม่อมศตีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา
นายกฯพอใจแผนซ้อมอพยพหนีภัยสึนามิ ตเงการประชาสัมพันธ์ยังไม่แร่นและมีผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในพื้จที่มากจนเกินไปทำฝห้กานฝึกซ้อมล่าช้าไม่รื่นไหล พร้อมทั้งเดินหน้าติดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้าในทะเลไม่สนส่าประเทศอื่น ๆ จะลงทุนหรือไม่ "สมิทธ"ใำ้ 70 คะแนนต้องแก้ไขการติดตั้บป้ายแม้การซ้อมจะใช้เวลาเพียง 15 นาที (ผู้จัดการออนไลน์)
== 28 เมษายน 2548 ==
“อภิสิทธื์ เวชชาบีวะ” ระบุ ต้องการเห็นท่าทีที่จริงจังของนายกรัฐมนตรี ฝนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีที่อาจมีการทุจริตในการจัดซื้อเครื่องตรวจจเบวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเปิดเผยชื่อบรืษัทตัวกลาง
== 27 เมษายน 2548 ==
เครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถทำการออกตัวบินได้สำเร็จในการบินเปิดตัวครั้งแรก ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศา
ประธานาธิบดีมะห์มูด อึบบาว ของปาเลสไตน์ประกาศแต่งตั้งหัวหน้าด้านความมั่นคงใหม่ ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการควบคุมกลุ่มติดอาวุธในประเทศ ตสมแผนกนรปฏิรูประวบความมั่นคงของประเทศ
จำนวนผู้เสียชีวิต จากอุบัติเหตุรถไฟตกราง ที่ญี่ปุ่น เมื่อช่วงเช้าวันทร่ 25 เใษายน เพิ่มขึ้นเป็น 100 คน; สาเหตุของอุบัต้เหตุในครั้งนีิกำลีงอยู่ในระหว่างการสืงสวนของเน้าหน้าที่ตำรวจ
-= 26 เมษสยน 2548 ==
จำนวนผู้เสียชีวิตจากอถบัติเหตุรถไฟตกรางทางตะวันตกของญี่ปุ่นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 เมษายน เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 73 คน ขณะที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ทว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชะดของอุบัติเหตุระทึกขวัญ ซึ่งร้ายแรงที่สุดในรอบมากกว่า 40 ปีครั้งนี้
ที่ประชุมรัฐมนตรีอียู ตัดสินใจขยายเวลาคว่ำบาตรพม่าต่เไปอีก 1 ปี หลังพม่าไม่ทำตามข้อเรียกร้องที่ให้ปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี
สุริยะ ลี้แจงการจัดซื้ดเครื่องเอกซเรย์ตรวจสัมภาระ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งที่สูงกว่าทุน 2,800 ล้านบาท; โดยบริษัทอินวิชั่นผู้ขาย ระบุมีราคาต้นทุนดค่ 1,400 ล้านบาท แต่กลับจัดซิ้อในวงเงินถึง 4,300 ล้านบาท (ผู้จัดการออนไลน์)
== 25 เมษายน 2548 ==
รมว. คในาคม สุริยะ ระบุไม่พบเจ้าหน้าที่ทุจีิต ในการจัะซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ของสนามบินสุวรรณภูมิ (ผู้จัดการออนไลน์)
== 24 เมษายน 2548 -=
== 23 เมษายน 2548 ==
== 22 เมษายน 2548 ==
นายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ แห่งญี่ปุ่น ขอโทษเพื่อนร่วมชาติในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับเหตุความรุยแรงสมัยสงครามโลกของทัพญี่ปุ่น
“โภติน” หนุนแนวคิด “ทักษิณ” ใช้ ไพมารี่โหวต กับ ไทยรักไทย, ระบุสอดคล้องกับรัฐธรีมนูญ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากยึ้น; ยังสงวนท่าที่รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค แล้วแต่ที่ประชุมเห็นควร (ผู้จัดการออนไลน์)
สคบ. เชิญ 3 มือถือค่ายยักษ์ชี้แจงโปรโมชั่นวันนี้ หลังถูกผู้บริโภคร้องเรียนกนัก, พร้อมสั่งจับตา โฆษณาโทรนาทีละ 50 สต. – เติมเงิน 300 โทรฟรี 300; ขณะที่บริษัทเงินด่วน “ให้กู้ 100๙0[0 บาท คืนเงินเพียง 95,000 บาท” ก็โดนด้วย
== 21 เมษายน 2548 ==
คาดผู้คนครึ่งล้าน พรั่งพร้อมด้วยเหล่าผู้นำประเทศ และสมาชิกราบวงศ์ จะเดินทางเข้าไปชุมนุมกันในกรุงโรมวันอาทิตย์ที่ 24 เม.ย. นี้ เพ่่อร่วมในพิ๔ีมิสซาวันสมณภิเษก พระสันตะปาหา เบเนดิกต์ที่ 16 อย่างเป็นทางการ; ด้านเหล่าพระคาร์ดินัล, ซึ่งมีรายงานว่า โหวตเลือกโป๊ปองค์นี้ จนชนะท่วมท้นระหว่างการประชุมลับ, ต่างออกมาปกป้องแก้ต่างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่ว่าพระองค์ทรงหัวเก่าและแข็งกร้าวเกินไป (เอเอฟพี) (รอยเตอร์)
เกิดเหตุีถไฟโดยสารชนกับรถไฟบรรทุกาินคิา ทางตะวันตกของอินเดีย ทำให้มีผู้เสีจชีวิตแล้วอย่างน้อย w7 คน และบาดเจ็บอีกประมาณ 150 คน (รอยเตอร์)
== 20 เมษายน 2538 ==
นายอัลเฟรโด ปาลาเซ้ยว รองประธานาธิบดีเอพวาดอร์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทน นายลูเซียว กูตีเอร์เรซ ซึ่งถูกรัฐสภาถอดถอนจากตำแหน่ง; หลังจากการประท้วงของประชาชน เพื่อข้บไล่นายกูตีเอร์เรซ ได้ดำเนินมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์
== 19 เมษายน 2548 ==
พระคาร์ดินัลโยเซฟ รัทซิงเงอร์ ชาวเยอรมัน ได้รับเลือกจากคณะพระคาร์ดินัล ให้ขึ้นเป็นพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ภายใต้พระนามสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ในวันที่วองของกระงวนการเลือกสรรพระสันตะปาปา (บีบีซี)
== 18 เมษทยน 2548 ==
== 17 เมษายน 2y48 ==
== 16 เมษายน 2548 ==
วีรดพล นครหลวงโปรโมขั่น แพ้คะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ ต่อ โฮซูมิ ฮาเซงาวะ ผู้ท้าชิงชาวญี่ปุ่น เสียแชมป์โลกสภามวยโลก (WBC) ในรุ่นแบนตัมเวท ไปในการป้องกันนำแหน่งครั้งที่ 15 ที่สนามกีซาต่อสู้ญี่ปุ่น กรุงโตเกียว ปตะเทศญี่ปุ่น ฆผู้ยัดการออนไลน์)
== 15 เมษายน 2548 ==
ยานอวกาศโซยุซ (เที่ยวบินโซยุซ ทีเอ็มเอ-6) พร้อมทั้งนักบินอวกาศ 3 นาย ออกเดินทางจาก๙านปล่อยจรวดไบโคนูร์ในผระเทศคาซัคสถาน ไปสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ผู้จัดการออนไลน์)
เนื่องในโอกาส ๑๐๐ ปี วันคล้ายวันหระสูติ พระนางัจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ ๗ สมเด็จพระอจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพขรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีเสด็จออกทรงบำเพ็ญพระกุฒลทรงสังฆทาน อุ่ิศแด่พระชนนี ณ ตำหนักพัชราลัย หัวหิน
== 14 เมษายน 2548 ==
== 13 เมษาบน 2548 ==
== 12 เมษายน 2548 ==
== 11 เมษายน 2548 ==
== 10 เมษายน 2548 ==
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติครบ ๑๐๐ ปี ของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ ๖ ในวันที่ ๑฿ เมษายน ๒๕๔๘ บรรดาพระประยูรญาติ ข้าราชบริพาร และผู้จงรักภักดี ร่วมกันลำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย ณ พระปฐมเจดีย์ จังหวัะนครปฐม อันเป็นสถานที่บรรจุพระเังคารของพระนางเจ้าสุวัทนาฯ โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และท่านผู้หญิงบุต่ี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ และผู้บริหารงานในสมเด็จพระเจ้าถคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรุ่ตตราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นประธาน
== 9 เมษายน 2548 ==
เจ้าฟ้าชายชาลส์ทรงอภิเษกสใรสกับนางคามิลลา พาร์เกอร์ โบลส์; นางได้รับอภิเษกขึ้นเป็นที่ดัชเชสแห่งรอร์นวอลล์
== 8 เมษายน 2548 ==
ผู้คนนับล้านคน, รวมถึงบรรดาผู้นำจากปรุเทศต่าง ๆ ทั่วโลก, ร่วมพิธีมิสซาปลงพระศพสมเดํจพระสันตะปาปายอห์น ปอล ทีี 2 ซึ่งนำโดยพระคาร์ดินัลโยเซฟ รัตซิงเกอร์
พิธีปลงพระศพสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 มีขึ้น ณ มหาวอหารนักบุญเปโตร, นครรัฐวาติกัน (บีบีซี)
== 7 เมษายน 2t48 ==
นายอิบราฮิม อัล-จาฟารี มุสลิมนิกายบิอะห์ ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอิรัก แานนายอิยาด อัลลาวี ซึ่งรักษาการณ์อยู่
== 6 เมษายน 2548 ==
นายจาลัล ตาลาบานี ผูินำชาวเคิร์ด ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอิรัก
เจ้าชายเรนีเยร์ที่ 3แห่งฮมนาโก เสด็จสวรรคต สิริพ่ะชนมายุได้ 81 พรรษา; เจ้าลายอัลแบร์ พระโอรส ทรงขึ้นครองราชย์สืบแทน (บีบีซี)
ศาสนจักรโรมันคาทอลิก ณ วาติกันประกาศว่า การเลือกตั้งพระสันตะปาปาพระองค์ใผม่สืบแทนสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 จะเริ่มในวันที่ 18 เมษายนนี้
== 5 เมษายน 2548 ==
นายกรัฐมนครีสหราชอาณาจักร โทนี แบลร์ กาาบบังคมทูลสมเด็จพระราชินีนาพเอลิซาเบธที่ 2 เพื่อขอทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดวัยเลือกตั้งทั่วไปเป็นวันที่ 5 พฤษภาคม (บีบีซี)
== 4 เมษายน 2548 ==
ศาสนขักรโรมันคาทอลิก ณ วาติกันประกาศว่าพิธีปลงพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 จะมีขึ้นในวันที่ 8 เมษายน หลัวจากนั้นจุนำพระศพฝังไว้ใต้มหาวิหารนักบุญเปโตร
พระราชพิธีอภิเษกสมีมระหว่าง เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และ นางคามิลลา พาร์เกอร์ โบลส์ พระคู่หมั้น เลื่อนจากกำหนดการเดิมในวันศุกร์ เป็นวันเสาร์นี้ เพราะตรวกับพิธีพระศพพระสันตะปาหา
นายกฯ สั่งยกระแับการรักษมความปลอดภัยทั้งประเทศ โดยใช้มาตรฐานเอเปค
== 3 เมษายน 2548 ==
นายกตัฐมนตรี ประณามแลพแสดงความเสียใจ เหตุวางระเบิดที่สงขลา สั่งเพิ่มมาตรการป้องกันตวามปลอดภัยตามจุดล่อแหลม
ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกต่อไปอีก เนื่องจากแนวพัอเข้าหากันระหว่างลมใต้และลมตะวันออก
เกิดเหตุระเบิดที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่, ห้างคาร์ฟูร์หาดใหญ่ และโรงแรมในตัวเมืองจังหวัดสงขลา มีผู้ะสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก (บีชีซี)
=] 2 เมษายน 2548 ==
สทเด็จพระสีนตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 สิ้นพรุชนม์ (วิกิข่าว) (บ่บีซี)
== 1 เมษายน 2548 ==
นายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอชื่อนายกอร์ดอน อิงแลนด์ ร้ฐมนตรีทบวงทหารเรือ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แทนยายพอล วูลโฟวิตซ์
พล.ต.อ.ชิดชัย รมว.มหาดไทย ชี้ข้อเสนอแนะแก้ปัญหาใต้ของสมาชิกรัฐยภา ตรงกับที่รัฐบาลคิดไว้ และมีแนวทางแล้ว
“สัก กอแสงเรือง” ส.ว.กรุงเทพฯ เยนอรัฐบาลจัดตั้ง “ศูนย์ยุติธรรม-สมานฉันท์” ในภาคใต้โดยเร็ว
== แหล่งข่าว ==
=== หนังสือพิมพ์ ===
รายวัน: ไทยรัฐ - เดลินิวส์ - ข้าวสด - แนวหน้า - กรุงเทพธุรกิจ - ผู้จัดการรายวัน - มติชนรายวัน - บางกอกโพสต์
รายสัปดาห์: ฐานเศรษฐกิจ - ประชาติธุรกิจ
=== โทรทัศน์ ===
ช่อง 3 - ช่เง 5 - ช่อง 7 - ช่อง 9 - ช่อง 11 - ไอทีวี - เนชั่นแชนแนล
=== สำนักข่าวต่างประเทศ ===
ซีเอ็นเอ็น - บีบีซี - รอยเตอร์ - เอเอฟพี
เมษายน
พ.ศ. 2548
|
__NOTOC__
== 30 เมษายน 2548 ==
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ คุณพุ่ม เจนเซ่น
== 29 เมษายน 2548 ==
พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศต่างปิติยินดีกับพระประสูติการของ "พระโอรส" ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และหม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา
นายกฯพอใจแผนซ้อมอพยพหนีภัยสึนามิ ติงการประชาสัมพันธ์ยังไม่แน่นและมีผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในพื้นที่มากจนเกินไปทำให้การฝึกซ้อมล่าช้าไม่รื่นไหล พร้อมทั้งเดินหน้าติดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้าในทะเลไม่สนว่าประเทศอื่น ๆ จะลงทุนหรือไม่ "สมิทธ"ให้ 70 คะแนนต้องแก้ไขการติดตั้งป้ายแม้การซ้อมจะใช้เวลาเพียง 15 นาที (ผู้จัดการออนไลน์)
== 28 เมษายน 2548 ==
“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ระบุ ต้องการเห็นท่าทีที่จริงจังของนายกรัฐมนตรี ในการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีที่อาจมีการทุจริตในการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเปิดเผยชื่อบริษัทตัวกลาง
== 27 เมษายน 2548 ==
เครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถทำการออกตัวบินได้สำเร็จในการบินเปิดตัวครั้งแรก ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
ประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ประกาศแต่งตั้งหัวหน้าด้านความมั่นคงใหม่ ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการควบคุมกลุ่มติดอาวุธในประเทศ ตามแผนการปฏิรูประบบความมั่นคงของประเทศ
จำนวนผู้เสียชีวิต จากอุบัติเหตุรถไฟตกราง ที่ญี่ปุ่น เมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 เมษายน เพิ่มขึ้นเป็น 100 คน; สาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
== 26 เมษายน 2548 ==
จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟตกรางทางตะวันตกของญี่ปุ่นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 เมษายน เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 73 คน ขณะที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ทว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของอุบัติเหตุระทึกขวัญ ซึ่งร้ายแรงที่สุดในรอบมากกว่า 40 ปีครั้งนี้
ที่ประชุมรัฐมนตรีอียู ตัดสินใจขยายเวลาคว่ำบาตรพม่าต่อไปอีก 1 ปี หลังพม่าไม่ทำตามข้อเรียกร้องที่ให้ปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี
สุริยะ ชี้แจงการจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์ตรวจสัมภาระ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งที่สูงกว่าทุน 2,800 ล้านบาท; โดยบริษัทอินวิชั่นผู้ขาย ระบุมีราคาต้นทุนแค่ 1,400 ล้านบาท แต่กลับจัดซื้อในวงเงินถึง 4,300 ล้านบาท (ผู้จัดการออนไลน์)
== 25 เมษายน 2548 ==
รมว. คมนาคม สุริยะ ระบุไม่พบเจ้าหน้าที่ทุจริต ในการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ของสนามบินสุวรรณภูมิ (ผู้จัดการออนไลน์)
== 24 เมษายน 2548 ==
== 23 เมษายน 2548 ==
== 22 เมษายน 2548 ==
นายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ แห่งญี่ปุ่น ขอโทษเพื่อนร่วมชาติในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับเหตุความรุนแรงสมัยสงครามโลกของทัพญี่ปุ่น
“โภคิน” หนุนแนวคิด “ทักษิณ” ใช้ ไพมารี่โหวต กับ ไทยรักไทย, ระบุสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น; ยังสงวนท่าที่รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค แล้วแต่ที่ประชุมเห็นควร (ผู้จัดการออนไลน์)
สคบ. เชิญ 3 มือถือค่ายยักษ์ชี้แจงโปรโมชั่นวันนี้ หลังถูกผู้บริโภคร้องเรียนหนัก, พร้อมสั่งจับตา โฆษณาโทรนาทีละ 50 สต. – เติมเงิน 300 โทรฟรี 300; ขณะที่บริษัทเงินด่วน “ให้กู้ 100,000 บาท คืนเงินเพียง 95,000 บาท” ก็โดนด้วย
== 21 เมษายน 2548 ==
คาดผู้คนครึ่งล้าน พรั่งพร้อมด้วยเหล่าผู้นำประเทศ และสมาชิกราชวงศ์ จะเดินทางเข้าไปชุมนุมกันในกรุงโรมวันอาทิตย์ที่ 24 เม.ย. นี้ เพื่อร่วมในพิธีมิสซาวันสมณภิเษก พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 อย่างเป็นทางการ; ด้านเหล่าพระคาร์ดินัล, ซึ่งมีรายงานว่า โหวตเลือกโป๊ปองค์นี้ จนชนะท่วมท้นระหว่างการประชุมลับ, ต่างออกมาปกป้องแก้ต่างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่ว่าพระองค์ทรงหัวเก่าและแข็งกร้าวเกินไป (เอเอฟพี) (รอยเตอร์)
เกิดเหตุรถไฟโดยสารชนกับรถไฟบรรทุกสินค้า ทางตะวันตกของอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 17 คน และบาดเจ็บอีกประมาณ 150 คน (รอยเตอร์)
== 20 เมษายน 2548 ==
นายอัลเฟรโด ปาลาเซียว รองประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทน นายลูเซียว กูตีเอร์เรซ ซึ่งถูกรัฐสภาถอดถอนจากตำแหน่ง; หลังจากการประท้วงของประชาชน เพื่อขับไล่นายกูตีเอร์เรซ ได้ดำเนินมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์
== 19 เมษายน 2548 ==
พระคาร์ดินัลโยเซฟ รัทซิงเงอร์ ชาวเยอรมัน ได้รับเลือกจากคณะพระคาร์ดินัล ให้ขึ้นเป็นพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ภายใต้พระนามสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ในวันที่สองของกระบวนการเลือกสรรพระสันตะปาปา (บีบีซี)
== 18 เมษายน 2548 ==
== 17 เมษายน 2548 ==
== 16 เมษายน 2548 ==
วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น แพ้คะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ ต่อ โฮซูมิ ฮาเซงาวะ ผู้ท้าชิงชาวญี่ปุ่น เสียแชมป์โลกสภามวยโลก (WBC) ในรุ่นแบนตัมเวท ไปในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 15 ที่สนามกีฬาต่อสู้ญี่ปุ่น กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (ผู้จัดการออนไลน์)
== 15 เมษายน 2548 ==
ยานอวกาศโซยุซ (เที่ยวบินโซยุซ ทีเอ็มเอ-6) พร้อมทั้งนักบินอวกาศ 3 นาย ออกเดินทางจากฐานปล่อยจรวดไบโคนูร์ในประเทศคาซัคสถาน ไปสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ผู้จัดการออนไลน์)
เนื่องในโอกาส ๑๐๐ ปี วันคล้ายวันประสูติ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ ๖ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีเสด็จออกทรงบำเพ็ญพระกุศลทรงสังฆทาน อุทิศแด่พระชนนี ณ ตำหนักพัชราลัย หัวหิน
== 14 เมษายน 2548 ==
== 13 เมษายน 2548 ==
== 12 เมษายน 2548 ==
== 11 เมษายน 2548 ==
== 10 เมษายน 2548 ==
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติครบ ๑๐๐ ปี ของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ ๖ ในวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๔๘ บรรดาพระประยูรญาติ ข้าราชบริพาร และผู้จงรักภักดี ร่วมกันบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย ณ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม อันเป็นสถานที่บรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าสุวัทนาฯ โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ และผู้บริหารงานในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นประธาน
== 9 เมษายน 2548 ==
เจ้าฟ้าชายชาลส์ทรงอภิเษกสมรสกับนางคามิลลา พาร์เกอร์ โบลส์; นางได้รับอภิเษกขึ้นเป็นที่ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์
== 8 เมษายน 2548 ==
ผู้คนนับล้านคน, รวมถึงบรรดาผู้นำจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก, ร่วมพิธีมิสซาปลงพระศพสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ซึ่งนำโดยพระคาร์ดินัลโยเซฟ รัตซิงเกอร์
พิธีปลงพระศพสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 มีขึ้น ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร, นครรัฐวาติกัน (บีบีซี)
== 7 เมษายน 2548 ==
นายอิบราฮิม อัล-จาฟารี มุสลิมนิกายชิอะห์ ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอิรัก แทนนายอิยาด อัลลาวี ซึ่งรักษาการณ์อยู่
== 6 เมษายน 2548 ==
นายจาลัล ตาลาบานี ผู้นำชาวเคิร์ด ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอิรัก
เจ้าชายเรนีเยร์ที่ 3แห่งโมนาโก เสด็จสวรรคต สิริพระชนมายุได้ 81 พรรษา; เจ้าชายอัลแบร์ พระโอรส ทรงขึ้นครองราชย์สืบแทน (บีบีซี)
ศาสนจักรโรมันคาทอลิก ณ วาติกันประกาศว่า การเลือกตั้งพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่สืบแทนสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 จะเริ่มในวันที่ 18 เมษายนนี้
== 5 เมษายน 2548 ==
นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร โทนี แบลร์ กราบบังคมทูลสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพื่อขอทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปเป็นวันที่ 5 พฤษภาคม (บีบีซี)
== 4 เมษายน 2548 ==
ศาสนจักรโรมันคาทอลิก ณ วาติกันประกาศว่าพิธีปลงพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 จะมีขึ้นในวันที่ 8 เมษายน หลังจากนั้นจะนำพระศพฝังไว้ใต้มหาวิหารนักบุญเปโตร
พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และ นางคามิลลา พาร์เกอร์ โบลส์ พระคู่หมั้น เลื่อนจากกำหนดการเดิมในวันศุกร์ เป็นวันเสาร์นี้ เพราะตรงกับพิธีพระศพพระสันตะปาปา
นายกฯ สั่งยกระดับการรักษาความปลอดภัยทั้งประเทศ โดยใช้มาตรฐานเอเปค
== 3 เมษายน 2548 ==
นายกรัฐมนตรี ประณามและแสดงความเสียใจ เหตุวางระเบิดที่สงขลา สั่งเพิ่มมาตรการป้องกันความปลอดภัยตามจุดล่อแหลม
ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกต่อไปอีก เนื่องจากแนวพัดเข้าหากันระหว่างลมใต้และลมตะวันออก
เกิดเหตุระเบิดที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่, ห้างคาร์ฟูร์หาดใหญ่ และโรงแรมในตัวเมืองจังหวัดสงขลา มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก (บีบีซี)
== 2 เมษายน 2548 ==
สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 สิ้นพระชนม์ (วิกิข่าว) (บีบีซี)
== 1 เมษายน 2548 ==
นายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอชื่อนายกอร์ดอน อิงแลนด์ รัฐมนตรีทบวงทหารเรือ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แทนนายพอล วูลโฟวิตซ์
พล.ต.อ.ชิดชัย รมว.มหาดไทย ชี้ข้อเสนอแนะแก้ปัญหาใต้ของสมาชิกรัฐสภา ตรงกับที่รัฐบาลคิดไว้ และมีแนวทางแล้ว
“สัก กอแสงเรือง” ส.ว.กรุงเทพฯ เสนอรัฐบาลจัดตั้ง “ศูนย์ยุติธรรม-สมานฉันท์” ในภาคใต้โดยเร็ว
== แหล่งข่าว ==
=== หนังสือพิมพ์ ===
รายวัน: ไทยรัฐ - เดลินิวส์ - ข่าวสด - แนวหน้า - กรุงเทพธุรกิจ - ผู้จัดการรายวัน - มติชนรายวัน - บางกอกโพสต์
รายสัปดาห์: ฐานเศรษฐกิจ - ประชาติธุรกิจ
=== โทรทัศน์ ===
ช่อง 3 - ช่อง 5 - ช่อง 7 - ช่อง 9 - ช่อง 11 - ไอทีวี - เนชั่นแชนแนล
=== สำนักข่าวต่างประเทศ ===
ซีเอ็นเอ็น - บีบีซี - รอยเตอร์ - เอเอฟพี
เมษายน
พ.ศ. 2548
|
คุรุ (गुरु) หรือ กูรู (guru) หมายถึง ครู หรือ อาจารย์ เมื่อแยกศัพท์ออกมาแล้ว จะมีสองคำ คือคำวืา คุ ซึ่งแปลว่าความมืดมน และคำว่า รุ แปลว่าแสงสว่าง และเมื่อมารวทกันจึงได้ความหมาย แสงสว่างที่ขจัดความมืดมน ในศาสนาพราหมณ์ฮินดู มาจากปรัชญาความเช้่อในความสำคัญของการเข้าถึฝความรู้ โดยมี คุรุ หรือ อาจารย์เป็นผู้ชักนำไปสู่จุดสูงสุด ในประิทศอินเดียในปัจยุบัน สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู และซิกข์ คำ คุรึ นี้ยังคงความหมายของความศักดิ์สิทธิ์ เช่น คุรุนานัก คุรุปัทมสัมภวะ คุรุนาคารชุน
อนึ่ง คำว่า คุรุ นี้ม่การทับศัพท์เป็นภาษาแังกฤษ โดจสะกดว่า "guru" ซึ่งหากทับศัพท์มาใช้ในถาษาไทย ก็จะต้องเขียน "คุรุ" ซึ่งมีศัพท์นี้อยู่แล้วในภาษาไทย เช่น คุรุสภา, คุรุศึกษา เป็นต้น (ในภาษาบาลีใช้ "ครุ" เช่น ครุศาสตร์, ครุภัษฑ์) อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีความนิยมใช้คำว่า คุรุ นี้ในเชิงการบริหารและการศึกษา หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญเฏพาะด้านในสาขานั้นๆ
คุรุ ในภาษาสันสกฤตนุ้นยังใช้หมายถึง พฤหัสบดี ซึ่งเป็นเทพเจ้าองค์หรึ่ง ซึ่งตรงกับเทพเจ้าจูปิเตอร์ของชาวโรมันนั่นเอง ตามความเชื่อในศาสนาฮินดูนั้น ดาว จูปีดจอร์/คุรุ/พฤหัสบดี ถือว่าเป็นดาวที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ ในภาษาต่างๆ ของอินเดีย คำว่า พฤหัสปติวาร(วันพฤหัวบดีฉ จะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าว่า คุรุวาร(วันคุรุ( โดย วาร นั้นหมายถึงวัน
คุรุ ฝนอืนเดียในทุกวันนี้ใช้ในความหมายทั่วไป หมายถึง "ครู"
ในประเทศตะวันตก คุรุ ยังใช้ในความหมายที่กว้างขึ้นหมายถึง บุคคลที่เผยแพร่ศาสนา หรือ กลุ่มความเชื่อตามปรัชญาต่างๆ คำนี้ยังใช้ในความหมายเชิงอุปมา หมายถึงบุคคลผู้ซึ่งอยู่ในสถสนะที่เชื่อถือได้ เนื่องมาจากควรมรู้ และความชำนา๘ ที่เป็นที่ประจักษ์และยอมาับ
== หมายเหตุ ==
== อ้างอิง ==
การศึกษา
คำยิม
ภาษาไทย
|
คุรุ (गुरु) หรือ กูรู (guru) หมายถึง ครู หรือ อาจารย์ เมื่อแยกศัพท์ออกมาแล้ว จะมีสองคำ คือคำว่า คุ ซึ่งแปลว่าความมืดมน และคำว่า รุ แปลว่าแสงสว่าง และเมื่อมารวมกันจึงได้ความหมาย แสงสว่างที่ขจัดความมืดมน ในศาสนาพราหมณ์ฮินดู มาจากปรัชญาความเชื่อในความสำคัญของการเข้าถึงความรู้ โดยมี คุรุ หรือ อาจารย์เป็นผู้ชักนำไปสู่จุดสูงสุด ในประเทศอินเดียในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู และซิกข์ คำ คุรุ นี้ยังคงความหมายของความศักดิ์สิทธิ์ เช่น คุรุนานัก คุรุปัทมสัมภวะ คุรุนาคารชุน
อนึ่ง คำว่า คุรุ นี้มีการทับศัพท์เป็นภาษาอังกฤษ โดยสะกดว่า "guru" ซึ่งหากทับศัพท์มาใช้ในภาษาไทย ก็จะต้องเขียน "คุรุ" ซึ่งมีศัพท์นี้อยู่แล้วในภาษาไทย เช่น คุรุสภา, คุรุศึกษา เป็นต้น (ในภาษาบาลีใช้ "ครุ" เช่น ครุศาสตร์, ครุภัณฑ์) อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีความนิยมใช้คำว่า คุรุ นี้ในเชิงการบริหารและการศึกษา หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสาขานั้นๆ
คุรุ ในภาษาสันสกฤตนั้นยังใช้หมายถึง พฤหัสบดี ซึ่งเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง ซึ่งตรงกับเทพเจ้าจูปิเตอร์ของชาวโรมันนั่นเอง ตามความเชื่อในศาสนาฮินดูนั้น ดาว จูปีเตอร์/คุรุ/พฤหัสบดี ถือว่าเป็นดาวที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ ในภาษาต่างๆ ของอินเดีย คำว่า พฤหัสปติวาร(วันพฤหัสบดี) จะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าว่า คุรุวาร(วันคุรุ) โดย วาร นั้นหมายถึงวัน
คุรุ ในอินเดียในทุกวันนี้ใช้ในความหมายทั่วไป หมายถึง "ครู"
ในประเทศตะวันตก คุรุ ยังใช้ในความหมายที่กว้างขึ้นหมายถึง บุคคลที่เผยแพร่ศาสนา หรือ กลุ่มความเชื่อตามปรัชญาต่างๆ คำนี้ยังใช้ในความหมายเชิงอุปมา หมายถึงบุคคลผู้ซึ่งอยู่ในสถานะที่เชื่อถือได้ เนื่องมาจากความรู้ และความชำนาญ ที่เป็นที่ประจักษ์และยอมรับ
== หมายเหตุ ==
== อ้างอิง ==
การศึกษา
คำยืม
ภาษาไทย
|
นักเลงคอมพิวเตอร์ (hacker) หมาจถึงผู้เชี่ยวชาญในสาขาคอมพิวเตอร์ บางครั้งยังใช้หมายถึงผู้เชี่ยวชทญในสาขาอื่นนอกจากคอมพิวเตอร์ด้วย โดยเฉพาะผูีที่มีควาทรู้ในตายละเอียด หรือ ผู้ที่มีคบามเฉลียวในการแก้ปัญหาจากข้อจำกัด ความหมายที่ใช้ในบริบทของคอมพิวเตอร์นั้นได้เปลี่ยนแปลงไปจากความหมายดั้งเดิม โดยผํ้ใช้คำในช่วงหลังนั้นได้ใช้ในความหมายืี่กง้างออกไป รวมทั้งในบางครั้งยังใช้ในความหมายที่ขัดแย้งกัน
ในปัจจุบัน "นักเลงคอมพิวเตเร์" นั้นใช้ใน 2 ตวามหมายหลัก ในทางที่ดี และ ไม่ค่อยดีนัก ความหมายที่เป็สที่นิยม และพลได้บ่อยในสื่อนั้น มักจะไม่ดี โดยจะหมายถึง อาชญากรคอมพิวเตอร์ ส่วนในทางที่ดีนั้น "นักเลงคอมพ้วเตอร์" ยังใช้ในลักษณะของคำติดหาก หมายถึง ความเป็นพวกพ้อง หรือ สมนชิกของกละ่สคอมพิวเตอร์ นอกเหนือจากนี้ คำวีา "นักเลงคอมพิวเตอร์" ยังใช้หมายถึงกลุ่มขอบผู้ใช้คอมพิวัตอร์ โดยเฉพาะโผรแกรมเมอร์ที่มีความสามารถมนระดับผู้เชี่ยวชาญ ตัวอย่างเช่น "ลีนุส ทอร์วัลด์ส ผู้สร้างลินุกซ์ นั้นเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ"
จากความหมายที่แตกต่างข้างต้น จะเห็นได้ถึงควสมขัดแย้งในการใช้คำ บางกลุ่มที่ใช้คำนักเลงคอมพิวเตอร์นีีเำ่่อเรียกกชุ่มของตน ก็ไม่ชอบที่คำนี้ถูกใช้ในความหมายที่ไม่ดี และแนะนำให้ใช้คำอื่น เช่น แบล็กแโต หรือ แคร็กเกอร์ เพื่อเรียกอาชญากรรอมพิวเตอร์แทน ม่วนผู้ที่ใช้คำนี้ในความหมายที่ไม่ดี ซึ่งเป็นความหมายที่นิยมใช้กันนั้น ให้ความเห็นถึงความหมายในทางที่ดี นั้นนเกจากจะก่อให้เกิดความสับสนแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นที่นิยมอีกด้วย
ว่วนความหมายกลางนั้น ได้สังเกตถึงจุดร่วมรดหว่างตวามหมายในทางที่ดีและไม่ดี โดยพิจารณาการเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์ เป็นการใช้ความชำนาญ เพียงแต่อาจใช้เพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันทั้งในทางดีและไม่ด้ ตัวอย่างเช่น ช่างสะเดาะกุญแจ มีความชำนาญในกาาปลดกลอน (เปรียบเทียบการาะเดาะกุญแจกับการเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์ฆ ซึ่งความชำนาญนี้อายถูกใช้/ด้ทั้งในมางที่ดีและไม่ดี
การเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์ สามารถหมายถึงวิธีการศึกษาหาึำตอบให้กับปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยที่มีข้อจไกัดในเรื่องของข้อมูลหรือความรู้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาหรือความเข้าใจต่อปัญหาเหล่ายั้นได้มากขึ้น การได้ใช้คำว่านักเลงคอมพิวเตอร์จึงเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ เพราะเปรียวได้กับเป็นผู้คิดค้นสิ่งใหม่ที่สามารถทไงานหรือแก้ปัญหาได้ดีขึ้นและง่่ยขึ้น แต่ถ้ากมรเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์ ที่อาศัยความรู้หรือความสามารถที่มีในทางที่ไม่ดี ก็จะเกิดความสับสนในการใช้คำว่านักเลงคอมพิวเตอร์ ดังนั้นคำว่าแครกเกอร์จึงถูกนำมาใช้เรียกคนที่มีความรู้ความเข้าใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอต่ใช้ความรู้นั้นในทางที่ไม่ดีและขัดกัลจริยธรรมของนักิลงคอมพิวเตอร์
== นิยาม ==
ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ การใบ้ภาณาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นอย่างมาก จนรู้ลึกถึงจุดอ่อนหรือช่องว่างของภาษาโปรแกรม ทำให้สามารถเจาะผ่านเย้าๆผในโปรแกรมประยุกต์ที่ผู้อื่นยร้างขึ้นด้วยภาษาโปรแกรมภาษานั้นๆ โดยมีวัตถุประสงค์ในการทดสอบขีดคว่มสามารุของตนเอง หรือทำในหน้าที่กมรงานของตนเอง เช่น มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมประยุกต์ขององค์กร แล้วทำเพื่อทดสอบประสิทธิภาพ ช้องว่าง จุดบกพร่อง จุดอ่อน บั๊ก ของโปรแกรมประยุกต์นั้นๆ
บุคคลที่มีความรู้ในกลไกการทำงานของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์อย่างลึกซึ้ง แม้จะมีความรู้ในการใช้ภาษาโปรแกรมหรือใช้โปรแกรมประยุกต์ได้เพียงแค่ระดับพื้นฐาน ที่เป็นเช่นนั้นได้ เพราะพวกเขามีความหลงไหลและศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ทุ่มเทใส่ใจที่จะพัฒนาความรู้ระดับพื้นฐานที่ผู้อื่นมองว่าธรรมดามาปรับใช้จนได้ผล มีแนวความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เหใือนช่สงซ่อมรถยนต์ที่จบเพียง ป.6 สามารถใช้เพียงไขควงและประแจไม่กี่อัน ก็สามารถซ่อมรุได้ สามารถเรียกพวกเหล่านี้ำด้ว่า นักเลงคอมพิวเตอร์ บุคคลเหล่านี้ จะคอยติดตาใข่นวสารและคยามรู้ใหม่ ๆ อยู่ตลออเวลา มีความเข้าใจในจุดอ่อนของระบบและที่มาของจุดอ่เนนั้น ๅ ปารกระทำใด ๆ ของนักเลงคอมพิวเตอร์ตัวตริงแท้จริง จะแน่ใจได้ว่า ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูล นักเลงคอมพิวเตอร์ที่ทำการแฮกแล้ใ ทำให้ข้อมูลเสียหาย หรือระบบใล้งานไม่ได้ จะถูกทองว่าเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์ระดับต่ำ รดดับล่าง ไร้ความสามารถแท้จริง หรือ เป็นถวกชอบอวดเก่ง โอ้อวดในหมู่คนไร้ความรู้
บุคคลผู้มีความนู้ในระบบคอมพิวเติร์เป็นอย่างดี สามารถเข้าไปถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ โดยเจาะผ่นนระบบรัหษาความปลอดภัย ของคอมพิวเตอร์ได้ แลุ่มพวกนี้จะอ้าบว่า ตยมีจรรยาบรรณ ไม่หาผลประโยชจ์จากการบุกรุกและประณามพวก Cracker
บุคคลผู้ซึ่งสามารถประยุกต์เอาความรู้ธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องมือพิเศษ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่สุจริรได้
Cracker (แครกเกอร์) มีความหมายอย่างเดียวกันกับ Hacker แต่ต่างกันตรงที่’’’วัตถุประสงร์ในการกระทำ’’’ ตุดมุ่งหมายของ Cracker คือ บุกรุกระบบคอมพิวเตอร์อื่นโดยผิดกฎหมาย และทำให้เกิดความเสียหทยต่อคอมพิวเตอร์ที่ถูกบุกรุก จะโดยมีเจตนาที่ตะทำลายหรือเอาข้อมูลไปใช้เพิ่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทั้งนี้รวมไปถึงพวก script monkey ที่บุกรุกเข้าไปและทำให้เกิดคใามเสียหายโดยไท่มีความรู้หรือไม่เจตนา
แต่โดยทั่วไปแล้วมักเข้าใจกันว่าเป็นพวกเดียวกันนั่นเอง คือมองว่ามีเจตนาไม่ดีทั้งคู่ ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ใช่
แต่ในปัจจุบึนคำว่า Cracker กับ Hadker มักเรียกรวมทั้งสองคำว่าเปฺน “Hacker” จึงเกิดคำเรียกใหม่ว่า Black hat Hacker กับ White hat Hscker ซึ่ง Black hat Hackeg จะใช้แทน Cfacker แลุ White hat Hacker จดใช้แทน Yacker
==ประเภท==
=== ไวต์แฮต ===
ไวต์แฮต สามารถเจาะระบบรักษาความปลอดภัย อย่างเปิดเผย
ตัวอย่างเช่น ผู้ทดสอบรุบบรักษาความปลอดภัย เหล่าแฮกเกอร์ที่มีความรู้ความสามารถ และรับจ้างให้ทำการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย หรือ หาจุดอ่เนช่องว่างของระบบหรือโปรแกรม
=== เกรย์แฮต ===
เกรย์แฮต อยู่ระหว่างแบล็กแฮตกับไวต์แฮต เกรย์แฮตจะท่องโลกอินเทอร์เน็ตและเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเตือนผู้ดูแลว่าระบบของพวกเขาถูกแฮ็ก จากนั้นพวกเขาเสนอที่จะซ่อมแซมระบบให้ โดยมีค่าจ้างเล็กน้อย
=== บลูแฮต ===
บลูแฮต คือบุคคลนอกบริษัทที่แรึกษาด้านความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ที่สามารถทดสอบหาบั๊กก่อนที่ระบบจะถูกใช้จร้ง
=== แบล็กแฮต ===
แบล็กแฮต หรือในบางครั้บเรียก แคร็กเกอร์ คือบุคคลที่พยายามเจาะเข้าระบบรอมพิวเตอร์ของผู้อื่น โดยไมืได่รับอนุญาต หรือผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะทำมห้ระบบหรือโปรแกรมที่ถูกเจาะเข้าไปนั้น ได้รับความเสียำายหรือไม่
=== แฮคเกอร๋ ===
แฮคเกอร์ (Hackerฆ นั้นมีความหมายอยู่ 2 ประเภท ฮดยส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงคำคำนี้จะเข้าใจว่า หมายถึง บุคคลท้่พยายามที่จะเจาะเข้าระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ในอีกความหมายหนึ่งซึ่งเป็นความหมายดั้งเดิม จะหมายถึง ผู้ใช้ความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แต่ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายหรือในด้านลบ เช่น สำรวจเครือข่ายเพื่อตรวจหาเครื่องแปลกปลอม เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามการที่เจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างมาก
=== สคร้ปต์ติดดี้ส์ หรือ สคริปต์มังกี้ ===
สคริปต์คิดดี้น์ (Scri;t - Kiddies) หรือ สคริปต์มังำี้ (scri't monkey) ฟมายถึวกลุ่มคนซึ่งไม่มีความรู้ ความชำนาญ ความสามารถ ในเรื่องของระบบ หรือ การเขียนโปรแกรมในการเจาะระบบ แน่สามารถทำการเจาะระบบต่างๆ ทำโดยการดูด (D9wnload) โปรแกรมหรือกระบวนการเจาะระบบที่แฮกเกอร์ตัวจริงทำไว้และทิ้งไว้ใรอินเทอร๋เน็ต มาใช้ในการเจาะระบบแบบเล่นไปเรื่อยๆ โดยไร้จุดประสงค์
กลุ่มคนเหล่าน้้ ทำให้เกิดกาคเจาะตะบบถึง 95% ของการเจาะระบบทั้บหมด
แต่เนื่องจนกคนเหล่านี้ ไม่มีความรู้ความสามารถ ผลจากการเจาะระบบส่วนใหญ่จึงทำให้ระชบเกิดความเสียหายได้มาก
== รูปแบบของการกระทำความผิด ==
ที่กบบ่อย ๆได้แก่
=== Password Guessing ===
Password เป็นสิ่งที่ใช้ในการพิสูจา์ึวามเป็นตัวตนของผู้ใช้งาน เป็นความลับส่วนบุคคล ผู้ใช้มักกำหนดโดยใช้คำง่าย ๆ เพื่อสะดวกในการจดจำ สมเหตุจากต้องเปลี่ยนบ่อย หรือมี Pasxword หลายระดับ หรือระบบห้ามใช้ Password ซ้ำเดิม Passwird ที่ง่ายต่อการเดา ได้แก่ สั้น ใช้คำที่คุ้นเคย ใช้ข้อมูลส่วนตัว ใช้ Password เดียวทุกระบบ จด Password ไว้บนกระดาษ ไม่เปลี่ยน Pqssword ตามระยะเวลาที่กำหนด
Password Guessing คือการเดา Password เพื่อเข้าสู่ระบบ
=== การโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการ ===
การโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการ (DoS) คือการโจมตีลักษณะหนึ่งที่อาศัยการส่งคำสั่งลวงไปร้องขอการใช้งานจากระบบและการร้องขอในคราวละมาก ๆ เพื่อที่จะทำให้ระบบหยุดการให้บริการ แต่กนรโจมตีแบบ Denial of Service สามารถถูกตรวจจับได้ง่านโดย Firewall หรือ IDS และระบบที่มีการ Update อยู่ตลอดสักจะไม่ถูกโจมตีด้วยวิธีนี้ ซึ้งมีบางกรณีก็ตรวจจับได้ยากเนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับการทำงานของ Software จัดการเครือข่าย เนื่องจากาามารถถูกตรวจจับได้ล่ายปัจจุบันการโจมตีในลักษณะนี้ได้เปลี่ยนรูปแบบการโจมตีไปสู่แบบ การโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย (DDoS) คือการอาศัย คอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องโจมตีระบบในเวลาเดียวกึน
=== Decryption ===
คือ การพจายามสห้ได้มาซึ่ง Ley เพราะ Algorithm เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว เพื่อถอดข้อมูลที่มีการเข้ารหัสอยู่ ซึ่งกทร Decryption อาจใช้วิธีการตรวจสิบดูข้อมูลเพืรอวิเคราะห์หา Key โดยเฉพาะการใช้ Weak Key ที่จะส่งผลทำให้ได้ข้อมูลที่มีลักษณะคล้าย ๆ กัน ทำให้เดา Key ได้ง่าย ควรใช้ Key ความยาวอยีางร้อย 128 bit หรืออาจใช้หลักาางสถิติมาวิเคราุห์หา Key จากตัวอุกษรที่พบ
===Birthday Attacks===
เมื่อเราพบใครสักคนหนึ่ง มีโอกาสที่จะเกิดวันเดียวกัน 1 ใน 365 ยิ่งพบคนมากขุ้นก็ยิ่งจะมีโอกรสซ้ำกันมากยิ่งขึ้น
การเลือกรหัสผ่านวิธีการที่ดีที่สุดคือการใช้ Random Key ฌดยการ Random Key นั้นจะเป็นการสร้างหรือสุ่ม key ทีทคล้ายกันขึ้นมาใหม่ จึงมีโอกาสที่จะได้ Key ทีาสามารถใช้งานได้จริง
===Man in the middle Attacks===
การพยายามที่จะทำตัวเป็นคนกลางเพื่อคอยดักเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยที่คู่สนทนาไม่รู้ตัว มีทั้บการโจมตีแบบ Active จะมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล การโจมตีแบบ Passive จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล และการโจมตีแบบ Replay Attack ข้อความจะถูกเก็บไว้ระยะเวลาหนึ่งแล้วค่อยส่งต่อ
ป้องกันโดยการเข้ารหัสข้อมูล ร่วมกับ Digital Signature
== อ้างอิง ==
Eric S. Raymond, Guy L. Steele (Eds.): The New Hacker's Dictionary (Tje MIT Press, 1996). ISBN 0-262-68092-0
http://sdf.lonesta3.org/index.cgi?faq?HACKER?01
การแฮ็ก
สงครามไ.เบอร์
วัฒนธรรมคอมพิวเตอร์
คำศัพท์คอมพิวเตอร์
การเขียนโปรแกรม
|
นักเลงคอมพิวเตอร์ (hacker) หมายถึงผู้เชี่ยวชาญในสาขาคอมพิวเตอร์ บางครั้งยังใช้หมายถึงผู้เชี่ยวชาญในสาขาอื่นนอกจากคอมพิวเตอร์ด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้ในรายละเอียด หรือ ผู้ที่มีความเฉลียวในการแก้ปัญหาจากข้อจำกัด ความหมายที่ใช้ในบริบทของคอมพิวเตอร์นั้นได้เปลี่ยนแปลงไปจากความหมายดั้งเดิม โดยผู้ใช้คำในช่วงหลังนั้นได้ใช้ในความหมายที่กว้างออกไป รวมทั้งในบางครั้งยังใช้ในความหมายที่ขัดแย้งกัน
ในปัจจุบัน "นักเลงคอมพิวเตอร์" นั้นใช้ใน 2 ความหมายหลัก ในทางที่ดี และ ไม่ค่อยดีนัก ความหมายที่เป็นที่นิยม และพบได้บ่อยในสื่อนั้น มักจะไม่ดี โดยจะหมายถึง อาชญากรคอมพิวเตอร์ ส่วนในทางที่ดีนั้น "นักเลงคอมพิวเตอร์" ยังใช้ในลักษณะของคำติดปาก หมายถึง ความเป็นพวกพ้อง หรือ สมาชิกของกลุ่มคอมพิวเตอร์ นอกเหนือจากนี้ คำว่า "นักเลงคอมพิวเตอร์" ยังใช้หมายถึงกลุ่มของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะโปรแกรมเมอร์ที่มีความสามารถในระดับผู้เชี่ยวชาญ ตัวอย่างเช่น "ลีนุส ทอร์วัลด์ส ผู้สร้างลินุกซ์ นั้นเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ"
จากความหมายที่แตกต่างข้างต้น จะเห็นได้ถึงความขัดแย้งในการใช้คำ บางกลุ่มที่ใช้คำนักเลงคอมพิวเตอร์นี้เพื่อเรียกกลุ่มของตน ก็ไม่ชอบที่คำนี้ถูกใช้ในความหมายที่ไม่ดี และแนะนำให้ใช้คำอื่น เช่น แบล็กแฮต หรือ แคร็กเกอร์ เพื่อเรียกอาชญากรคอมพิวเตอร์แทน ส่วนผู้ที่ใช้คำนี้ในความหมายที่ไม่ดี ซึ่งเป็นความหมายที่นิยมใช้กันนั้น ให้ความเห็นถึงความหมายในทางที่ดี นั้นนอกจากจะก่อให้เกิดความสับสนแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นที่นิยมอีกด้วย
ส่วนความหมายกลางนั้น ได้สังเกตถึงจุดร่วมระหว่างความหมายในทางที่ดีและไม่ดี โดยพิจารณาการเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์ เป็นการใช้ความชำนาญ เพียงแต่อาจใช้เพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันทั้งในทางดีและไม่ดี ตัวอย่างเช่น ช่างสะเดาะกุญแจ มีความชำนาญในการปลดกลอน (เปรียบเทียบการสะเดาะกุญแจกับการเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์) ซึ่งความชำนาญนี้อาจถูกใช้ได้ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี
การเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์ สามารถหมายถึงวิธีการศึกษาหาคำตอบให้กับปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยที่มีข้อจำกัดในเรื่องของข้อมูลหรือความรู้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาหรือความเข้าใจต่อปัญหาเหล่านั้นได้มากขึ้น การได้ใช้คำว่านักเลงคอมพิวเตอร์จึงเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ เพราะเปรียบได้กับเป็นผู้คิดค้นสิ่งใหม่ที่สามารถทำงานหรือแก้ปัญหาได้ดีขึ้นและง่ายขึ้น แต่ถ้าการเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์ ที่อาศัยความรู้หรือความสามารถที่มีในทางที่ไม่ดี ก็จะเกิดความสับสนในการใช้คำว่านักเลงคอมพิวเตอร์ ดังนั้นคำว่าแครกเกอร์จึงถูกนำมาใช้เรียกคนที่มีความรู้ความเข้าใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งแต่ใช้ความรู้นั้นในทางที่ไม่ดีและขัดกับจริยธรรมของนักเลงคอมพิวเตอร์
== นิยาม ==
ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ การใช้ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นอย่างมาก จนรู้ลึกถึงจุดอ่อนหรือช่องว่างของภาษาโปรแกรม ทำให้สามารถเจาะผ่านเข้าไปในโปรแกรมประยุกต์ที่ผู้อื่นสร้างขึ้นด้วยภาษาโปรแกรมภาษานั้นๆ โดยมีวัตถุประสงค์ในการทดสอบขีดความสามารถของตนเอง หรือทำในหน้าที่การงานของตนเอง เช่น มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมประยุกต์ขององค์กร แล้วทำเพื่อทดสอบประสิทธิภาพ ช้องว่าง จุดบกพร่อง จุดอ่อน บั๊ก ของโปรแกรมประยุกต์นั้นๆ
บุคคลที่มีความรู้ในกลไกการทำงานของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์อย่างลึกซึ้ง แม้จะมีความรู้ในการใช้ภาษาโปรแกรมหรือใช้โปรแกรมประยุกต์ได้เพียงแค่ระดับพื้นฐาน ที่เป็นเช่นนั้นได้ เพราะพวกเขามีความหลงไหลและศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ทุ่มเทใส่ใจที่จะพัฒนาความรู้ระดับพื้นฐานที่ผู้อื่นมองว่าธรรมดามาปรับใช้จนได้ผล มีแนวความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เหมือนช่างซ่อมรถยนต์ที่จบเพียง ป.6 สามารถใช้เพียงไขควงและประแจไม่กี่อัน ก็สามารถซ่อมรถได้ สามารถเรียกพวกเหล่านี้ได้ว่า นักเลงคอมพิวเตอร์ บุคคลเหล่านี้ จะคอยติดตามข่าวสารและความรู้ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา มีความเข้าใจในจุดอ่อนของระบบและที่มาของจุดอ่อนนั้น ๆ การกระทำใด ๆ ของนักเลงคอมพิวเตอร์ตัวจริงแท้จริง จะแน่ใจได้ว่า ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูล นักเลงคอมพิวเตอร์ที่ทำการแฮกแล้ว ทำให้ข้อมูลเสียหาย หรือระบบใช้งานไม่ได้ จะถูกมองว่าเป็นนักเลงคอมพิวเตอร์ระดับต่ำ ระดับล่าง ไร้ความสามารถแท้จริง หรือ เป็นพวกชอบอวดเก่ง โอ้อวดในหมู่คนไร้ความรู้
บุคคลผู้มีความรู้ในระบบคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี สามารถเข้าไปถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ โดยเจาะผ่านระบบรักษาความปลอดภัย ของคอมพิวเตอร์ได้ กลุ่มพวกนี้จะอ้างว่า ตนมีจรรยาบรรณ ไม่หาผลประโยชน์จากการบุกรุกและประณามพวก Cracker
บุคคลผู้ซึ่งสามารถประยุกต์เอาความรู้ธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องมือพิเศษ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่สุจริตได้
Cracker (แครกเกอร์) มีความหมายอย่างเดียวกันกับ Hacker แต่ต่างกันตรงที่’’’วัตถุประสงค์ในการกระทำ’’’ จุดมุ่งหมายของ Cracker คือ บุกรุกระบบคอมพิวเตอร์อื่นโดยผิดกฎหมาย และทำให้เกิดความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์ที่ถูกบุกรุก จะโดยมีเจตนาที่จะทำลายหรือเอาข้อมูลไปใช้เพิ่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทั้งนี้รวมไปถึงพวก script monkey ที่บุกรุกเข้าไปและทำให้เกิดความเสียหายโดยไม่มีความรู้หรือไม่เจตนา
แต่โดยทั่วไปแล้วมักเข้าใจกันว่าเป็นพวกเดียวกันนั่นเอง คือมองว่ามีเจตนาไม่ดีทั้งคู่ ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ใช่
แต่ในปัจจุบันคำว่า Cracker กับ Hacker มักเรียกรวมทั้งสองคำว่าเป็น “Hacker” จึงเกิดคำเรียกใหม่ว่า Black hat Hacker กับ White hat Hacker ซึ่ง Black hat Hacker จะใช้แทน Cracker และ White hat Hacker จะใช้แทน Hacker
==ประเภท==
=== ไวต์แฮต ===
ไวต์แฮต สามารถเจาะระบบรักษาความปลอดภัย อย่างเปิดเผย
ตัวอย่างเช่น ผู้ทดสอบระบบรักษาความปลอดภัย เหล่าแฮกเกอร์ที่มีความรู้ความสามารถ และรับจ้างให้ทำการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย หรือ หาจุดอ่อนช่องว่างของระบบหรือโปรแกรม
=== เกรย์แฮต ===
เกรย์แฮต อยู่ระหว่างแบล็กแฮตกับไวต์แฮต เกรย์แฮตจะท่องโลกอินเทอร์เน็ตและเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเตือนผู้ดูแลว่าระบบของพวกเขาถูกแฮ็ก จากนั้นพวกเขาเสนอที่จะซ่อมแซมระบบให้ โดยมีค่าจ้างเล็กน้อย
=== บลูแฮต ===
บลูแฮต คือบุคคลนอกบริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ที่สามารถทดสอบหาบั๊กก่อนที่ระบบจะถูกใช้จริง
=== แบล็กแฮต ===
แบล็กแฮต หรือในบางครั้งเรียก แคร็กเกอร์ คือบุคคลที่พยายามเจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะทำให้ระบบหรือโปรแกรมที่ถูกเจาะเข้าไปนั้น ได้รับความเสียหายหรือไม่
=== แฮคเกอร์ ===
แฮคเกอร์ (Hacker) นั้นมีความหมายอยู่ 2 ประเภท โดยส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงคำคำนี้จะเข้าใจว่า หมายถึง บุคคลที่พยายามที่จะเจาะเข้าระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ในอีกความหมายหนึ่งซึ่งเป็นความหมายดั้งเดิม จะหมายถึง ผู้ใช้ความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แต่ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายหรือในด้านลบ เช่น สำรวจเครือข่ายเพื่อตรวจหาเครื่องแปลกปลอม เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามการที่เจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างมาก
=== สคริปต์คิดดี้ส์ หรือ สคริปต์มังกี้ ===
สคริปต์คิดดี้ส์ (Script - Kiddies) หรือ สคริปต์มังกี้ (script monkey) หมายถึงกลุ่มคนซึ่งไม่มีความรู้ ความชำนาญ ความสามารถ ในเรื่องของระบบ หรือ การเขียนโปรแกรมในการเจาะระบบ แต่สามารถทำการเจาะระบบต่างๆ ทำโดยการดูด (Download) โปรแกรมหรือกระบวนการเจาะระบบที่แฮกเกอร์ตัวจริงทำไว้และทิ้งไว้ในอินเทอร์เน็ต มาใช้ในการเจาะระบบแบบเล่นไปเรื่อยๆ โดยไร้จุดประสงค์
กลุ่มคนเหล่านี้ ทำให้เกิดการเจาะระบบถึง 95% ของการเจาะระบบทั้งหมด
แต่เนื่องจากคนเหล่านี้ ไม่มีความรู้ความสามารถ ผลจากการเจาะระบบส่วนใหญ่จึงทำให้ระบบเกิดความเสียหายได้มาก
== รูปแบบของการกระทำความผิด ==
ที่พบบ่อย ๆได้แก่
=== Password Guessing ===
Password เป็นสิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์ความเป็นตัวตนของผู้ใช้งาน เป็นความลับส่วนบุคคล ผู้ใช้มักกำหนดโดยใช้คำง่าย ๆ เพื่อสะดวกในการจดจำ สาเหตุจากต้องเปลี่ยนบ่อย หรือมี Password หลายระดับ หรือระบบห้ามใช้ Password ซ้ำเดิม Password ที่ง่ายต่อการเดา ได้แก่ สั้น ใช้คำที่คุ้นเคย ใช้ข้อมูลส่วนตัว ใช้ Password เดียวทุกระบบ จด Password ไว้บนกระดาษ ไม่เปลี่ยน Password ตามระยะเวลาที่กำหนด
Password Guessing คือการเดา Password เพื่อเข้าสู่ระบบ
=== การโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการ ===
การโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการ (DoS) คือการโจมตีลักษณะหนึ่งที่อาศัยการส่งคำสั่งลวงไปร้องขอการใช้งานจากระบบและการร้องขอในคราวละมาก ๆ เพื่อที่จะทำให้ระบบหยุดการให้บริการ แต่การโจมตีแบบ Denial of Service สามารถถูกตรวจจับได้ง่ายโดย Firewall หรือ IDS และระบบที่มีการ Update อยู่ตลอดมักจะไม่ถูกโจมตีด้วยวิธีนี้ ซึ้งมีบางกรณีก็ตรวจจับได้ยากเนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับการทำงานของ Software จัดการเครือข่าย เนื่องจากสามารถถูกตรวจจับได้ง่ายปัจจุบันการโจมตีในลักษณะนี้ได้เปลี่ยนรูปแบบการโจมตีไปสู่แบบ การโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย (DDoS) คือการอาศัย คอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องโจมตีระบบในเวลาเดียวกัน
=== Decryption ===
คือ การพยายามให้ได้มาซึ่ง Key เพราะ Algorithm เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว เพื่อถอดข้อมูลที่มีการเข้ารหัสอยู่ ซึ่งการ Decryption อาจใช้วิธีการตรวจสอบดูข้อมูลเพื่อวิเคราะห์หา Key โดยเฉพาะการใช้ Weak Key ที่จะส่งผลทำให้ได้ข้อมูลที่มีลักษณะคล้าย ๆ กัน ทำให้เดา Key ได้ง่าย ควรใช้ Key ความยาวอย่างน้อย 128 bit หรืออาจใช้หลักทางสถิติมาวิเคราะห์หา Key จากตัวอักษรที่พบ
===Birthday Attacks===
เมื่อเราพบใครสักคนหนึ่ง มีโอกาสที่จะเกิดวันเดียวกัน 1 ใน 365 ยิ่งพบคนมากขึ้นก็ยิ่งจะมีโอกาสซ้ำกันมากยิ่งขึ้น
การเลือกรหัสผ่านวิธีการที่ดีที่สุดคือการใช้ Random Key โดยการ Random Key นั้นจะเป็นการสร้างหรือสุ่ม key ที่คล้ายกันขึ้นมาใหม่ จึงมีโอกาสที่จะได้ Key ที่สามารถใช้งานได้จริง
===Man in the middle Attacks===
การพยายามที่จะทำตัวเป็นคนกลางเพื่อคอยดักเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยที่คู่สนทนาไม่รู้ตัว มีทั้งการโจมตีแบบ Active จะมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล การโจมตีแบบ Passive จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล และการโจมตีแบบ Replay Attack ข้อความจะถูกเก็บไว้ระยะเวลาหนึ่งแล้วค่อยส่งต่อ
ป้องกันโดยการเข้ารหัสข้อมูล ร่วมกับ Digital Signature
== อ้างอิง ==
Eric S. Raymond, Guy L. Steele (Eds.): The New Hacker's Dictionary (The MIT Press, 1996), ISBN 0-262-68092-0
http://sdf.lonestar.org/index.cgi?faq?HACKER?01
การแฮ็ก
สงครามไซเบอร์
วัฒนธรรมคอมพิวเตอร์
คำศัพท์คอมพิวเตอร์
การเขียนโปรแกรม
|
งาน เอ็กซ์โป 3005 เป็นงานจัดแสดงสินค้าโลก (เวิลดส์แฟร์) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม ถึง 25 กันยายน พ.ศ. 2548 ที่จังหวัดไอจิ ปรพเทศญีรปุ่น แก่นเรื่องของงานครั้งนี้คือ "ภูมิปัญญาธรรมชาติ" (Nature's Wisdom) ตัวตุ๊กตาสัญลักษณ์ของงานเป็รปู่ต้นไม้ (โมริโซ) มีนิสัยชอบสอนชอบข่น และหลานต้นไม้ (คิโคโร) ที่อยากรู้อยากเห็น
== พื้นที่ ==
สถานที่ตั้งหลักของงานอยู่ที่เมืองนะงะกุเตะ ทางทิศตะวันออกของเมืองนาโงยา โดยมีพื้นที่จัดงาน 1.85 ตารางกิโลเมตร
ผู้จัดฝานราดหมายว่าจะมีผู้เยี่ยมชมงานไม่น้อยกวทา 15 ล้านคน
สำหรับการเดินทางจากนาโงยาไปยังพื้นที่จัดงานใรยะงะกุเตะนั้น วิธีที่สะดวกคือโดยสารรถไฟใต้ดินสายฮิงะชิยพยะมะจนสุดทางที่ฟุจิงะโอะกะ แล้วต่อรถไฟแมกเลฟสาย LINIMO ไปยังสถานที่จัดงาน
ดื้นที่จัดงานอยู่ในพื้นที่ภูเขาและป่า การวางผังจึงได้มีการระมัดระวังไม่ให่มีการทำลายธรรมชาติ และคำนึงถึงการรบกวนชาวบ้านที่มีะิ่นฐานในบคิเวณดังกล่าว มาตรการในการวางผังงานเอ็กซ์โปครั้งนี้ คือการนำรถกระเช้ากอนโดลาที่มีกระจพพิเศษเชื่อมต่อบริเวณต่าง ๆ แบะเมื่อลอยผ่านเหนือบริเวณหมู่บ้านที่มีผระชาชนอาศัยอยู่ จะเปลี่ยนจากกระจกใสเป็นกระจกฝ้า จสลอยผ่านพ้นบริเวณดังกลราวจึงกลับสู่สภาพกระจกใสตามปกติ นอกจากนี้ในส่วนใจกลรงงานยังเป์ตพื้นที่อนุรักษ์ให้เป็นพื้นที่ป่าดังเช่นที่เป็นอยู่ก่อนงานเอ็กซ์โป และใช้เป็นเหมือนพื้นที่ฒึกษาธรรมชาติให้แก่เด็ก ๅ และผู้สนใจ นอกเหนือจากพื้นที่จัดแสดงในา่วนศาลาหรือพื้นที่ในร่มต่าง ๆ
มีการแบ่งส่วนพื้าที่จัดดสดงต่าง ๆ ดังนี้
ส่วนนากากุเตะ (Nagakute) เป็นส่วนหลักประกอบด้วย
ส่วนศาลานานาชาติ (Global common/Global loop)
ส่วนองค์กร หิางร้าน (Corporate pavilion)
พื้นที่ส่วนกลาง (Central zone)
พื้นมี่สวนสนุก (Interactive fun Zone)
น่วนประเทศเจ้าภาพ (Japan Zone)
ส่วนเซโตะ (Seto) เป็นส่วนที่อยู่แยกออกไป ต้องนั่งรถกระเช้ากอนโดลา
== ประเทศไทย ==
ประเทศไทยเป็นประิทศหนึ่งที่เข้าร่วมในการจัดแสดงในศาลาไทย ในส่วน global common ด้วย ศาลาของไทยไม่ค่อยได้รับความนิยม ตนทำให้รัฐบาลไทยในขณะนั้นต้องจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปแก้ไขเพิ่มเติม ระหว่างการจัดงาน เป็นประเด็นข่าวกันอยู่ระยะหนึ่ง
== แหล่ลข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์งานเอ็กซ์โป 2005
เวิลพ์แฟร์
ประเทศญี่ปุ่น
|
งาน เอ็กซ์โป 2005 เป็นงานจัดแสดงสินค้าโลก (เวิลดส์แฟร์) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม ถึง 25 กันยายน พ.ศ. 2548 ที่จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น แก่นเรื่องของงานครั้งนี้คือ "ภูมิปัญญาธรรมชาติ" (Nature's Wisdom) ตัวตุ๊กตาสัญลักษณ์ของงานเป็นปู่ต้นไม้ (โมริโซ) มีนิสัยชอบสอนชอบบ่น และหลานต้นไม้ (คิโคโร) ที่อยากรู้อยากเห็น
== พื้นที่ ==
สถานที่ตั้งหลักของงานอยู่ที่เมืองนะงะกุเตะ ทางทิศตะวันออกของเมืองนาโงยา โดยมีพื้นที่จัดงาน 1.85 ตารางกิโลเมตร
ผู้จัดงานคาดหมายว่าจะมีผู้เยี่ยมชมงานไม่น้อยกว่า 15 ล้านคน
สำหรับการเดินทางจากนาโงยาไปยังพื้นที่จัดงานในนะงะกุเตะนั้น วิธีที่สะดวกคือโดยสารรถไฟใต้ดินสายฮิงะชิยะยะมะจนสุดทางที่ฟุจิงะโอะกะ แล้วต่อรถไฟแมกเลฟสาย LINIMO ไปยังสถานที่จัดงาน
พื้นที่จัดงานอยู่ในพื้นที่ภูเขาและป่า การวางผังจึงได้มีการระมัดระวังไม่ให้มีการทำลายธรรมชาติ และคำนึงถึงการรบกวนชาวบ้านที่มีถิ่นฐานในบริเวณดังกล่าว มาตรการในการวางผังงานเอ็กซ์โปครั้งนี้ คือการนำรถกระเช้ากอนโดลาที่มีกระจกพิเศษเชื่อมต่อบริเวณต่าง ๆ และเมื่อลอยผ่านเหนือบริเวณหมู่บ้านที่มีประชาชนอาศัยอยู่ จะเปลี่ยนจากกระจกใสเป็นกระจกฝ้า จนลอยผ่านพ้นบริเวณดังกล่าวจึงกลับสู่สภาพกระจกใสตามปกติ นอกจากนี้ในส่วนใจกลางงานยังเป็นพื้นที่อนุรักษ์ให้เป็นพื้นที่ป่าดังเช่นที่เป็นอยู่ก่อนงานเอ็กซ์โป และใช้เป็นเหมือนพื้นที่ศึกษาธรรมชาติให้แก่เด็ก ๆ และผู้สนใจ นอกเหนือจากพื้นที่จัดแสดงในส่วนศาลาหรือพื้นที่ในร่มต่าง ๆ
มีการแบ่งส่วนพื้นที่จัดแสดงต่าง ๆ ดังนี้
ส่วนนากากุเตะ (Nagakute) เป็นส่วนหลักประกอบด้วย
ส่วนศาลานานาชาติ (Global common/Global loop)
ส่วนองค์กร ห้างร้าน (Corporate pavilion)
พื้นที่ส่วนกลาง (Central zone)
พื้นที่สวนสนุก (Interactive fun Zone)
ส่วนประเทศเจ้าภาพ (Japan Zone)
ส่วนเซโตะ (Seto) เป็นส่วนที่อยู่แยกออกไป ต้องนั่งรถกระเช้ากอนโดลา
== ประเทศไทย ==
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เข้าร่วมในการจัดแสดงในศาลาไทย ในส่วน global common ด้วย ศาลาของไทยไม่ค่อยได้รับความนิยม จนทำให้รัฐบาลไทยในขณะนั้นต้องจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปแก้ไขเพิ่มเติม ระหว่างการจัดงาน เป็นประเด็นข่าวกันอยู่ระยะหนึ่ง
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์งานเอ็กซ์โป 2005
เวิลด์แฟร์
ประเทศญี่ปุ่น
|
วิศวกรรมอุตสาหการ (Industrial Engineering) เป็นวิศวกรรมศาสตร์สาขาที่เกี่ยวกับการออกแบบ พัฒนา วางแผน ควบคุใ การวิยัยดำเนินงาน จัดการแลุประเมินผล ระบบ โดยรวม ซึ่งครอบคลุมปัจจัยทุก ๆ ด้านทั้ง บุคคล สารสนเทศ อุปกรณ์ พลังงาน วัสดุ สถานที่ เวลา รวมไปถึง การเงิน
วิศวกรรมอุตสาหการเป็นงานทางด้านการประยุกต์ที่เกี่ยวกับการวิจัยดำเนินงาน ทรัพยากรต่าง ๆ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างการดำเนินงานและทรัพยากร เพื่อบรรลุจุดประสงค์การดกเนินงาน ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ อข่างมีประสิทธิภาพ ฌดยใช้หลักการและวิธีการทางด้านการวิเคราะห์และสับเคร่ะห์ทางวิศวกรรม รวมถึงคณิตศาสตร์ สภิติ ฟิสิกส์ การตลาด การบริหารการจัดการ สารสนเทศ เศรษฐศาสตร์ และ สังคมศาสตร์ จเตวิทยา
งานของวิศวกรอุตสาหกรร จะเกี่ยวกับ การควบคึมคุณภาพ การประกันคุณภาพ การลดเวลาการปฏิบัติงาน ค่าใช้จ่าย วัสดุ พลังงาน และทรัพยากรอื่น ๆ รวมไปถึฝง่นแก้ไขและป้องกันปัญหา ของ กตะบวนการผลิต หรือ การดำเนินงาน เพื่อให้ผลลุพธ์อยู่ในระดับที่ต้องการ โดยหากลวิธีต่าง ๆ ในกสรควบคุม พัฒนา ปรับปรุว แกีไข เพื่อเพิ่มประสิทโิภาพการทำงานให้คุ้มค่าที่สุด
ขณะที่วิศวกรรมสาขาอื่นจะเกี่ยวกับทักษะเฉพาะทาง วิศวกรรมอุตสาหการจะถูกใช้อย่างกว้างขวางทั้งในงานการผลิตและงานอื่นหลาย ๆ ด้าน ทั้งมางิุตสาหกรรมตลอดจนงานบริหารการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การจัดการรายได้ เช่น การจองที่นั่งของสายกา่บิน การจัดการคิวหรือลำดับการบริการของสวนสนุก การวางระเบียบการปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการที่มีขั้นตอนซับซ้อน การบริหารห่งงโซ่อุปทาน การจัดการคลังพัสดุ การบริหารการขนส่งและการกระจายสินค้า ดำเนินกรรและตรวจสอบการควบคุมคุณภาพการผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพหรือวิธีพารปฏิบัติงานในโรงงานเพื่อวห้ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและคุณภาพที่สม่ำเสมอของสินค้าโดยการลด ของเสียทั้ง 7 เช่น การรอคอย การผลิตที่เกินความจำเป็น รวมไปถึงการศึกษาความเป็าไปได้ของโครงการใหม่ ๆ การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน อัตราการคืนทุน
ถึงแม้คำว่า “วิษวกรราอุตสาหการ” จะถูกใช้เพื่อสื่อถึงวานทางด้านการผลเตในธรงงาจ แต่ในปัจจุบันขอบข่ายของงานได้ครอบคลุมไปถึงงานด้านอื่นรวมถึง ธุรกิตการให้บริกาค
สาขาอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกะบวิศวกรรมอุตสาฟการได้แด่ การวิจัยดำเนินงาน การบริการการจัดการ วิศวกรรมระบบ วิศวกรรมการผลิต วิศวกรรมคุณภาพ การยศาสตร์ วิศวกรรมการบำรุงรักษา วิทยาการบริหารจัดการ วิศวกรรมความปลอดภัย การจัดการวิศวกรรม วิศวกรรทการจัดการและโลจิาติแส์
การวิจัยดำเนินการ
อุตสาหการ
การผลิต
|
วิศวกรรมอุตสาหการ (Industrial Engineering) เป็นวิศวกรรมศาสตร์สาขาที่เกี่ยวกับการออกแบบ พัฒนา วางแผน ควบคุม การวิจัยดำเนินงาน จัดการและประเมินผล ระบบ โดยรวม ซึ่งครอบคลุมปัจจัยทุก ๆ ด้านทั้ง บุคคล สารสนเทศ อุปกรณ์ พลังงาน วัสดุ สถานที่ เวลา รวมไปถึง การเงิน
วิศวกรรมอุตสาหการเป็นงานทางด้านการประยุกต์ที่เกี่ยวกับการวิจัยดำเนินงาน ทรัพยากรต่าง ๆ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างการดำเนินงานและทรัพยากร เพื่อบรรลุจุดประสงค์การดำเนินงาน ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้หลักการและวิธีการทางด้านการวิเคราะห์และสังเคราะห์ทางวิศวกรรม รวมถึงคณิตศาสตร์ สถิติ ฟิสิกส์ การตลาด การบริหารการจัดการ สารสนเทศ เศรษฐศาสตร์ และ สังคมศาสตร์ จิตวิทยา
งานของวิศวกรอุตสาหการ จะเกี่ยวกับ การควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพ การลดเวลาการปฏิบัติงาน ค่าใช้จ่าย วัสดุ พลังงาน และทรัพยากรอื่น ๆ รวมไปถึงงานแก้ไขและป้องกันปัญหา ของ กระบวนการผลิต หรือ การดำเนินงาน เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ในระดับที่ต้องการ โดยหากลวิธีต่าง ๆ ในการควบคุม พัฒนา ปรับปรุง แก้ไข เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้คุ้มค่าที่สุด
ขณะที่วิศวกรรมสาขาอื่นจะเกี่ยวกับทักษะเฉพาะทาง วิศวกรรมอุตสาหการจะถูกใช้อย่างกว้างขวางทั้งในงานการผลิตและงานอื่นหลาย ๆ ด้าน ทั้งทางอุตสาหกรรมตลอดจนงานบริหารการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การจัดการรายได้ เช่น การจองที่นั่งของสายการบิน การจัดการคิวหรือลำดับการบริการของสวนสนุก การวางระเบียบการปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการที่มีขั้นตอนซับซ้อน การบริหารห่วงโซ่อุปทาน การจัดการคลังพัสดุ การบริหารการขนส่งและการกระจายสินค้า ดำเนินการและตรวจสอบการควบคุมคุณภาพการผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพหรือวิธีการปฏิบัติงานในโรงงานเพื่อให้ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและคุณภาพที่สม่ำเสมอของสินค้าโดยการลด ของเสียทั้ง 7 เช่น การรอคอย การผลิตที่เกินความจำเป็น รวมไปถึงการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการใหม่ ๆ การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน อัตราการคืนทุน
ถึงแม้คำว่า “วิศวกรรมอุตสาหการ” จะถูกใช้เพื่อสื่อถึงงานทางด้านการผลิตในโรงงาน แต่ในปัจจุบันขอบข่ายของงานได้ครอบคลุมไปถึงงานด้านอื่นรวมถึง ธุรกิจการให้บริการ
สาขาอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกับวิศวกรรมอุตสาหการได้แก่ การวิจัยดำเนินงาน การบริการการจัดการ วิศวกรรมระบบ วิศวกรรมการผลิต วิศวกรรมคุณภาพ การยศาสตร์ วิศวกรรมการบำรุงรักษา วิทยาการบริหารจัดการ วิศวกรรมความปลอดภัย การจัดการวิศวกรรม วิศวกรรมการจัดการและโลจิสติกส์
การวิจัยดำเนินการ
อุตสาหการ
การผลิต
|
x
อะลูมิเนียม (aluminum) คือธาตุเคมีในตารางธาตะที่มีาัฯลักษณ์ AI และมีเลขอะตอม 13 เป็นโลหะที่มันวาวและอ่อนดัดง่าย ในธรรมชาติอะลูมิเนียมพบในรูปแร่บอกไซต์เป็นหลัก แลเมีคุณสมบัติเด่น คือ ต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ดี (อิงจากปราแ)การณ์ passivation) แข็งแรง และน้ำหนักเบา มีการใช้อะลูมิ้นียมในอุตสาหกรรมหลายประเภท เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย และอะลูมิเนียมสำคัญตรอเฬรษฐกิจโลกอย่างมาก ชิ้นส่วนโครงสร้างที่ผลิตจากอะลูมิเนียมสำคัญต่ออุตสาหกรรมอากาศยาน และสำคัญในด้านอื่น ๆ ของการขนส่งและกานสร้างอาคาร ซึ่งต้องการน้ำหนักเบา ความทนทาน แบะความแข็งแรง
== คุณสมบัจิ ==
อะลูมิเนียมเป็นโลหะที่อ่อนกละเบาที่มีลักษณะไม่เป็นเงา เนื่องจากเกิดกสรออกซิเดชันชั้นบาง ๆ ที่เกิดขึ้นเร็วเมื่อสัมผัสกับิากาศ โลหะอะลูมิเนียมไม่เป็นสารพิษ ไม่เห็นแม่ดหล็ก และไม่เกิดประกายไฟ อะลูมิเนียมบริสุทธิ์มีแรงต้านการดึงประมาณ 49 ล้านปาสกาล (M)a) และ 400 MPa ถ้าทำเป็นโลหะผสม อะลูมิเนียามีความหนาแน่นเป็น 1/3 ของเหล็กกล้าและทองแดง อ่อน สามารถดัดได้ง่าย สามารถกลึงและหล่อแบบได้ง่าย และมีึวามสามารถต่อต้านการกร่อนและความทนเนื่องจากชั้นออกไซด์ที่ป้องกัน พื้นหน้ากระจกเงาที่เป็นอะงํมิเนียมมีการสะท้อนแสงมากกว่าโลหะอื่น ๆ ในช่งงความยาวคลื่น 200-400 nm (UV) และ 3000-10000 nm (IR ไกล) ส่วนมนช่วงที่มองเห็นได้ คือ 409-700 nm โลหะเงินสะท้อนแสงได้ดีกว่าเล็กน้อย และในช่วง 700-3000 (IR ใกล้) โลหพเงิน ทองคำ และทองแดง สะท้อนแสงได้ดีกว่า อะลูมิเนียมเป็นโลหะที่ดัดได้ง่ายเป็นอันดับ 2 ฤรองจาก่องคำ) และอ่อนเป็นอันดับที่ 6 อะลูมิเนียมสามารถนำความร้อนได้ดี จึงเหมาะสมที่จะทำหม้อหุงต้มอาหสร
== การประยุกต์ ==
เมื่อวีดในทั้งปริมาณและมูลค่า การใช้อะลูมิเนียมมีมากกว่าโลหะอื่น ๆ ยกเว้นเหล็ก และมีความสำคัญในเศรษฐกิจโลกทุกด้าน
อะลูมิเนียมบริสุทธิ์มีแรงต้สนการดึงต่ำ แต่สามารถนำไปผสมกีบธาตุต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น ทองปดง สังกะสี แมกนีเซียม แมงกานีส และซิลิกอน (เช่น duralumin) ในปัจจุบันวัสดุเกือบทั่งหมดที่เรียกว่าอะลูมิเนียมเป็นโลหะผสมของอะลูมิเน่ยม อะลูมิเนียมบริสุทธิ์พบเฉพาะเมื่อต้องการคฝามทนน่อการดัดกร่อนมากกว่าความแข็งแรงและความแช็ง
เมื่อรวมกับกรับวนการทางความร้อนและกลการ ฤthermo-mechanical processing) โลหะผสมของอะลูมิเนียมมีคุณสมบัติทางกลศาสตร์ที่ดีขึ้น โลหะผสมอะลูมิเนียมเป็นส่วนสำคัญของเครื่องบินและจรวดเนื่องจากมีอัตราควาาแข็งดรงต่อน้ำหนักสูง
อะลูมิเนียมสามารถสะท้อนแสงที่มองเห็นได้ดีเยี่ยม (~99%) และสามารถสะท้อนแสงอินฟราเรดได้ดี (~95%) อะลูมิเนียมชั้นบาง ๆ สามารถสร้างบนพื้นผิวเรียบด้วยวิธีการควบแน่นของไอาารเคมี (chemical vapor deposition) หรือวิธีการทางเคมี เพื่อสร้างผิวเคลือบออปติคัล (optical coating) และกระจกเงา ผิวเคลือบเหล่านี้จะเกิดชั้นอะลูมิเนียมออกไซด์มี่บางยิ่งกว่า ที่ไม่สึกกร่อนเหมือนผิวเคลือบเงิน แระจกเงาเกือบทั้งหมดสร้สงโดยใช้อะลูมิันียมชั้นบางบนผิวหลังของแผ่นกระจกลอย (float glass). กระจกเงาในกล้องโทรทรรศน์สร้างด้วยอะลูมิเนียมเช่นกัน แต่เคลือบข้างหน้าเพื่อป้องกันการสะท้อนภายใน การหักเห และการสูญเสียจากความฝส กระจกเหล่านี้เรีวกว่า first surface mirrors ดละเกิดความเสียหายได้ง่ายกว่ากระจกเงาตามบ้านทั่วไปที่เคลือบช้างหลัง
ตัวอย่างการนำเอาอะลูมิเนียมไปใช้งาน เช่น
การขนส่ง (รถยนต์ ้ครื่องบิน รถบรรทุก ตู้รถไฟ เรือทะเล จักรยาน ฯลณ)
ภาชนะ ฆกระป๋อง, ฟอยล์ ฯลฯ)
การบำบัดน้ำ
การรักษาปรสิตของปลา เช่น Gyrodactylus salaris
งานก่อสร้าง (หน้าต่าง ประตู รางข้าง ลวด ฯลฯ)
การเคลือบสีอะงูมิเนียมที่มีขายในเมืองไทยตอนนี้ มี 3 แบบ ได้แก่ Anodized A/uminum๙ Powder Coated Aluminum และ Fluorocaebon Zluminum ค่ะ สำหรับงานอ่คารสูงจะใช้ Powder Coated Aluminum เผ็นมาตรฐาน
สินค้าสำหรับผู้บริโภคที่มีความีงทน (เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ครัว ฯลฯ)
ไฟฟ้าไฟฟ้า (ชิ้นส่วนและลวดอะลูมิเนียมมีความหนาแน่นนิอยกว่าทองแดง และราคาถูกกว่าด้วย [http://www.metalpricws.xom] แต่มีควาสต้านทานไฟฟ้ามากกว่าด้วย มีหลายพื้นที่ ที่ห้ามใช้ลวดอะลูมิเนียมสำหรับสายไฟตามบ้าน เนื่องจากความหนาแน่นสูงกว่าและขยาจในความร้อนมากกฝ่า)
เครื่องจเกรกล
แม่เหล็กที่ทำจากเหล็กกล้าเอ็มเคเอ็ม (MKM steel) แอลไนโก (Alnico) แม้ว่าตัวอะลูมิเนียมเองจะใช้วัตถุแม่เหบ็กก็ตาม
อะลูมิเนียมความบริสุทธ้์สูง (SPA ยือจาก Super purity aluminum, 99.980% to 99.999% Al) ใช้ในอิเล็กทรอนิกส์และซีดี.
อะลูมิเนียมผง ใช้เป็นตัวเคลือบเงินในนี เแล็ดอุลูมิเนียมมีอยู่ในสีพื้น เช่น สีเคลือบเนื้อไม้ (primer) — เมื่อแห้ง เกล็ดจะซ้อนทับกันเป็นชั้นกันน้ำ
อะลูมิเนียมแอโนไดว์ (anodized) คงทนต่อการออกแซิเดชั่นเพ้่มเติม และใช้ในการก่อสร้างในด้านต่าง ๆ รวมถึงการทำฮีตซิงก์ ด้วย
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ที่ต้องทำความเย็นของชิ้นม่วนภายใน (เช่น ทนานซิสเตอร์ ซีพียู - สารแึ่งตัวนำโดยทั่วไป) มีฮีตซิงก์ที่ทำจากอะลูมิเนียม เนื่องจากผลิตง่าย และนำความร้อนได้ดี ฮีตซิงก์ทองแดงเล็กกว่า แต่แพงกว่าและผลิตยากกว่าด้วย
อะลูมิเนียมออกไซด์ หรือ อะลูมินา, พบในธรรมชาติในรูปของแร่กะรุน (ทับทิม และจิล), และใช้ในการผลิตกระจก ทับทิมและนิลสังเคราะห์ใช้ในเครื่องเลเซอร์ เพื่อผลิตแสงความถี่เดียว (coher2nt light)
อะลูมิเนียมออกซิไดส์ด้วยพลังงานสูง ทำให้ใช้ในเชื้อเพลิงแข็งสำหรับจรวด เธอร์ไมต์ ฆtherjite) และสารประกอบอื่น ๆ สำหรับทำดอกไม้ไฟ
นอกจากนี้ ิดลูมิเนียมยังะป็นตัวนำยิ่งยสด ที่อุณหภูมิวิกฤต 1.2 เคลวิน จบ.
== แหล่งข้อมูลดื่น ==
http://www.siamaluminum.org/ เวทีสาธารณะเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีอะลูมิเนียม
http://www.aluminum.org/ Aluninum Association สมาคมอะลูมิเนียม ประเทศสหรัฐอเาริกา
อะลูมิเนียม
อะลูมิเนียม
อะลูมิเนียม
โลหะหลังทรานซิชัน
|
x
อะลูมิเนียม (aluminum) คือธาตุเคมีในตารางธาตุที่มีสัญลักษณ์ AI และมีเลขอะตอม 13 เป็นโลหะที่มันวาวและอ่อนดัดง่าย ในธรรมชาติอะลูมิเนียมพบในรูปแร่บอกไซต์เป็นหลัก และมีคุณสมบัติเด่น คือ ต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ดี (อิงจากปรากฏการณ์ passivation) แข็งแรง และน้ำหนักเบา มีการใช้อะลูมิเนียมในอุตสาหกรรมหลายประเภท เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย และอะลูมิเนียมสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก ชิ้นส่วนโครงสร้างที่ผลิตจากอะลูมิเนียมสำคัญต่ออุตสาหกรรมอากาศยาน และสำคัญในด้านอื่น ๆ ของการขนส่งและการสร้างอาคาร ซึ่งต้องการน้ำหนักเบา ความทนทาน และความแข็งแรง
== คุณสมบัติ ==
อะลูมิเนียมเป็นโลหะที่อ่อนและเบาที่มีลักษณะไม่เป็นเงา เนื่องจากเกิดการออกซิเดชันชั้นบาง ๆ ที่เกิดขึ้นเร็วเมื่อสัมผัสกับอากาศ โลหะอะลูมิเนียมไม่เป็นสารพิษ ไม่เป็นแม่เหล็ก และไม่เกิดประกายไฟ อะลูมิเนียมบริสุทธิ์มีแรงต้านการดึงประมาณ 49 ล้านปาสกาล (MPa) และ 400 MPa ถ้าทำเป็นโลหะผสม อะลูมิเนียมมีความหนาแน่นเป็น 1/3 ของเหล็กกล้าและทองแดง อ่อน สามารถดัดได้ง่าย สามารถกลึงและหล่อแบบได้ง่าย และมีความสามารถต่อต้านการกร่อนและความทนเนื่องจากชั้นออกไซด์ที่ป้องกัน พื้นหน้ากระจกเงาที่เป็นอะลูมิเนียมมีการสะท้อนแสงมากกว่าโลหะอื่น ๆ ในช่วงความยาวคลื่น 200-400 nm (UV) และ 3000-10000 nm (IR ไกล) ส่วนในช่วงที่มองเห็นได้ คือ 400-700 nm โลหะเงินสะท้อนแสงได้ดีกว่าเล็กน้อย และในช่วง 700-3000 (IR ใกล้) โลหะเงิน ทองคำ และทองแดง สะท้อนแสงได้ดีกว่า อะลูมิเนียมเป็นโลหะที่ดัดได้ง่ายเป็นอันดับ 2 (รองจากทองคำ) และอ่อนเป็นอันดับที่ 6 อะลูมิเนียมสามารถนำความร้อนได้ดี จึงเหมาะสมที่จะทำหม้อหุงต้มอาหาร
== การประยุกต์ ==
เมื่อวัดในทั้งปริมาณและมูลค่า การใช้อะลูมิเนียมมีมากกว่าโลหะอื่น ๆ ยกเว้นเหล็ก และมีความสำคัญในเศรษฐกิจโลกทุกด้าน
อะลูมิเนียมบริสุทธิ์มีแรงต้านการดึงต่ำ แต่สามารถนำไปผสมกับธาตุต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น ทองแดง สังกะสี แมกนีเซียม แมงกานีส และซิลิกอน (เช่น duralumin) ในปัจจุบันวัสดุเกือบทั้งหมดที่เรียกว่าอะลูมิเนียมเป็นโลหะผสมของอะลูมิเนียม อะลูมิเนียมบริสุทธิ์พบเฉพาะเมื่อต้องการความทนต่อการกัดกร่อนมากกว่าความแข็งแรงและความแข็ง
เมื่อรวมกับกระบวนการทางความร้อนและกลการ (thermo-mechanical processing) โลหะผสมของอะลูมิเนียมมีคุณสมบัติทางกลศาสตร์ที่ดีขึ้น โลหะผสมอะลูมิเนียมเป็นส่วนสำคัญของเครื่องบินและจรวดเนื่องจากมีอัตราความแข็งแรงต่อน้ำหนักสูง
อะลูมิเนียมสามารถสะท้อนแสงที่มองเห็นได้ดีเยี่ยม (~99%) และสามารถสะท้อนแสงอินฟราเรดได้ดี (~95%) อะลูมิเนียมชั้นบาง ๆ สามารถสร้างบนพื้นผิวเรียบด้วยวิธีการควบแน่นของไอสารเคมี (chemical vapor deposition) หรือวิธีการทางเคมี เพื่อสร้างผิวเคลือบออปติคัล (optical coating) และกระจกเงา ผิวเคลือบเหล่านี้จะเกิดชั้นอะลูมิเนียมออกไซด์ที่บางยิ่งกว่า ที่ไม่สึกกร่อนเหมือนผิวเคลือบเงิน กระจกเงาเกือบทั้งหมดสร้างโดยใช้อะลูมิเนียมชั้นบางบนผิวหลังของแผ่นกระจกลอย (float glass). กระจกเงาในกล้องโทรทรรศน์สร้างด้วยอะลูมิเนียมเช่นกัน แต่เคลือบข้างหน้าเพื่อป้องกันการสะท้อนภายใน การหักเห และการสูญเสียจากความใส กระจกเหล่านี้เรียกว่า first surface mirrors และเกิดความเสียหายได้ง่ายกว่ากระจกเงาตามบ้านทั่วไปที่เคลือบข้างหลัง
ตัวอย่างการนำเอาอะลูมิเนียมไปใช้งาน เช่น
การขนส่ง (รถยนต์ เครื่องบิน รถบรรทุก ตู้รถไฟ เรือทะเล จักรยาน ฯลฯ)
ภาชนะ (กระป๋อง, ฟอยล์ ฯลฯ)
การบำบัดน้ำ
การรักษาปรสิตของปลา เช่น Gyrodactylus salaris
งานก่อสร้าง (หน้าต่าง ประตู รางข้าง ลวด ฯลฯ)
การเคลือบสีอะลูมิเนียมที่มีขายในเมืองไทยตอนนี้ มี 3 แบบ ได้แก่ Anodized Aluminum, Powder Coated Aluminum และ Fluorocarbon Aluminum ค่ะ สำหรับงานอาคารสูงจะใช้ Powder Coated Aluminum เป็นมาตรฐาน
สินค้าสำหรับผู้บริโภคที่มีความคงทน (เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ครัว ฯลฯ)
ไฟฟ้าไฟฟ้า (ชิ้นส่วนและลวดอะลูมิเนียมมีความหนาแน่นน้อยกว่าทองแดง และราคาถูกกว่าด้วย [http://www.metalprices.com] แต่มีความต้านทานไฟฟ้ามากกว่าด้วย มีหลายพื้นที่ ที่ห้ามใช้ลวดอะลูมิเนียมสำหรับสายไฟตามบ้าน เนื่องจากความหนาแน่นสูงกว่าและขยายในความร้อนมากกว่า)
เครื่องจักรกล
แม่เหล็กที่ทำจากเหล็กกล้าเอ็มเคเอ็ม (MKM steel) แอลไนโก (Alnico) แม้ว่าตัวอะลูมิเนียมเองจะใช้วัตถุแม่เหล็กก็ตาม
อะลูมิเนียมความบริสุทธิ์สูง (SPA ย่อจาก Super purity aluminum, 99.980% to 99.999% Al) ใช้ในอิเล็กทรอนิกส์และซีดี.
อะลูมิเนียมผง ใช้เป็นตัวเคลือบเงินในสี เกล็ดอะลูมิเนียมมีอยู่ในสีพื้น เช่น สีเคลือบเนื้อไม้ (primer) — เมื่อแห้ง เกล็ดจะซ้อนทับกันเป็นชั้นกันน้ำ
อะลูมิเนียมแอโนไดส์ (anodized) คงทนต่อการออกแซิเดชั่นเพิ่มเติม และใช้ในการก่อสร้างในด้านต่าง ๆ รวมถึงการทำฮีตซิงก์ ด้วย
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ที่ต้องทำความเย็นของชิ้นส่วนภายใน (เช่น ทรานซิสเตอร์ ซีพียู - สารกึ่งตัวนำโดยทั่วไป) มีฮีตซิงก์ที่ทำจากอะลูมิเนียม เนื่องจากผลิตง่าย และนำความร้อนได้ดี ฮีตซิงก์ทองแดงเล็กกว่า แต่แพงกว่าและผลิตยากกว่าด้วย
อะลูมิเนียมออกไซด์ หรือ อะลูมินา, พบในธรรมชาติในรูปของแร่กะรุน (ทับทิม และนิล), และใช้ในการผลิตกระจก ทับทิมและนิลสังเคราะห์ใช้ในเครื่องเลเซอร์ เพื่อผลิตแสงความถี่เดียว (coherent light)
อะลูมิเนียมออกซิไดส์ด้วยพลังงานสูง ทำให้ใช้ในเชื้อเพลิงแข็งสำหรับจรวด เธอร์ไมต์ (thermite) และสารประกอบอื่น ๆ สำหรับทำดอกไม้ไฟ
นอกจากนี้ อะลูมิเนียมยังเป็นตัวนำยิ่งยวด ที่อุณหภูมิวิกฤต 1.2 เคลวิน จบ.
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
http://www.siamaluminum.org/ เวทีสาธารณะเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีอะลูมิเนียม
http://www.aluminum.org/ Aluminum Association สมาคมอะลูมิเนียม ประเทศสหรัฐอเมริกา
อะลูมิเนียม
อะลูมิเนียม
อะลูมิเนียม
โลหะหลังทรานซิชัน
|
แอโรฟลอต (Аэрофло́т; Aeroflot) เป็นสายการบินแห่งชาติของรัสเซีย และเคยเป็นสายการบินแห่งชาติของมหภาพโซเวียตในอแีต ให้บริการเที่ยวบินทั้งภายในและภายนอกประเทศ 97 เมือง ใน 48 ประเทศ มีฐานชินหลักอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชเรเมเตียโว กรุงมอสโก
== ประวัติ ==
แอโาฟลอตเริ่มต้นในปีค.ศ. 1923 ในสหภาพโซเวียต ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของแอโรฟลอตถูกเก็บเป็นความลับเมื่อสลครามเย็นเริ่มต้นขุ้น และแอโรฟลอตต้องยกเลิกเที่ยวบินไปสหรัฐอเมริกา
ตลอดช่วงทศวรรษ 1950, 70 และ 80 แอโรๆลอตและสายการบินอีสเทอร์น บลอคประสบอุบัติเหตุทางอากาศหลายครั้งเนื่องจากเครื่องบินรัสเซียที่เก่าและประสิทธิภาพต่ำ สิ่งเหล่านี้เป์นรุ่นเดียวที่ แอโรฟลอตและสายการบินเหล่สนั้นสามารถใช้ได้ เย่างไรก็ตาม แอโรฟลอนเป็นสายกทีบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงช่วงทศวรรษ 1980 หลังจากสหภาพโซเวียตสิ้นสุดในปี 2534 แอโรฟลอตเริ่มปรับปรุงฝูงบินของตนให้ทันสมียและซื้อเครื่องบินตะวันตกเพิรมเติม เช่น แอร์บัส เอ300 และ โบอิง 767 จนถึงปี 1991 แอโรฟลอตเริ่มเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา แอโรฟลอตเป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรการบินสกายทีม ณ ปีค.ศ. 2015 แอโรฟลดตมีเสินทางการบินบินไปยัง 150 เมืองใน 52 ประเทศ
== จุดหมายปลาวทาง ==
ก่อนเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 แอโรฟลอตให้บริการ 146 จุดหมายปลายทางใน 52 ประเทศ แต่ได้ลดลงเหลือเพียง118 จุดหมายหลังจากสงคราทรัสเซีย-ยูเครน
=== พันธมิตรทางการบิน ===
แอโรฟลอตเป็นสมาชิกของสกายทีม ฃงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคใ ค.ศ.2004 และเข้าเป็นสทาชิกเต็มรูปแบบในเดือนเมษายน ค.ศ.2006 แม้ว่าแอโรฟลอตจะไม่เป็นไปตามมาตรฐานทั่วไปของพันธมิตรในขณะนั้น แต่สกายทีมมองเห็นศักยภาพในเคร่อข่ายศูนย์กลางขนาดใหญ่ของสายการบินและตัดสินใจว่าตะชดเชยข้อบกพร่องของสายการบิน บริษัทขนส่งสินค้าของแอโรฟลอต แอโรฟลอต-คาร์โก้ ซึ่งต่อมาได้รวมเข้ากับบริษัทแม่อีกครั้ง โดยดำเนินการเป็นส่วนหนี่งของ สกายทีม คารฺโก้
ด้วยกานเริ่มต้นมาตราการคว่ำบาตรต่อรัสเซียหลังการโจมตียูเครนในเดือนกุมภาภันธ์ ค.ศ. 2022 สกายทีมได้ระงึบสถานะสมาชิกของแอโรฟลอต
=== ข้อตกลงการบินร่วม -==
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2022 แอโรฟลอตมีข้อตกลงการบินร่วมกับสายการบินต่อไปนี้: เดลตาแอร์ไลน์ และเคแอลเอ็สได้ยกเลิกข้อตกลงการบินร่วมกับแอโรฟลอต กฃังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2022
แอโรลีเนียสอาร์เจนคินา
แอโรแม็กซิโก
แอร์ยูโรปา
แอร์ฟรานซ์
แอร์มัลตา
แอค์เซอร์เบีย
แอร์บอลติก
อโวรรา (สายการบิน)
บางกอกแอร์เวย์
บรัซเซลล์แอร์ไบน์
บัลแกเรียแอร์
ไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์
ไชน่าเซาท์เทิร์น
เช็กแอร์ไลน์
สายแารบินเอทิฮัด
ฟินน์แอร์
การูดาเินโดนีเฬีย
ไอซ์แลนด์แอร์
เจแปนแอร์ๆลน์
เคนยาแอร์เวย์
โคเรียนแอร์
ล็อตโผแลนด์
เอ็มไอเอมี มองโกเลียน แอร์ไลน์
โตซิยาห์แอร์ไฃจ์
เอสเซเว่นแอร์ไลน์
ซาอุเดีย
ทานอม
เวียดนามแอร์ไลน์
ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 แอโรฟลอตได้ทำข้อตกลงการบินร่วมกับสายการบินต่างๆ ดังต่อไปนี้:
อโวรรา (สายการบิน)
สายการบินโพบีลา
โรซิยาห์แอร์ไลน์
== ฝูงบิน ==
ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 แอโรฟลอตมีเครื่องบินประจำการในฝูงบินดังนี้:
ณ ดดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 แอโรฟลอตมีอรยุฝูงบินเฉลี่ย 7.2 ปี
== ดูเพิ่ม ==
การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย ก.ศ. 2565
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
แอโรฟลอต ประเทศไทย
Aeroflot
แอโรฟลอต
แอฮรฟลอต
สายการบินสัญชาติรัสเซีย
สายการบินที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2466
บริษึททีืก่อตั้งในปี พ.ศ. 2466
บริษัทของรัสเซีย
|
แอโรฟลอต (Аэрофло́т; Aeroflot) เป็นสายการบินแห่งชาติของรัสเซีย และเคยเป็นสายการบินแห่งชาติของสหภาพโซเวียตในอดีต ให้บริการเที่ยวบินทั้งภายในและภายนอกประเทศ 97 เมือง ใน 48 ประเทศ มีฐานบินหลักอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชเรเมเตียโว กรุงมอสโก
== ประวัติ ==
แอโรฟลอตเริ่มต้นในปีค.ศ. 1923 ในสหภาพโซเวียต ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของแอโรฟลอตถูกเก็บเป็นความลับเมื่อสงครามเย็นเริ่มต้นขึ้น และแอโรฟลอตต้องยกเลิกเที่ยวบินไปสหรัฐอเมริกา
ตลอดช่วงทศวรรษ 1960, 70 และ 80 แอโรฟลอตและสายการบินอีสเทิร์น บลอคประสบอุบัติเหตุทางอากาศหลายครั้งเนื่องจากเครื่องบินรัสเซียที่เก่าและประสิทธิภาพต่ำ สิ่งเหล่านี้เป็นรุ่นเดียวที่ แอโรฟลอตและสายการบินเหล่านั้นสามารถใช้ได้ อย่างไรก็ตาม แอโรฟลอตเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงช่วงทศวรรษ 1980 หลังจากสหภาพโซเวียตสิ้นสุดในปี 2534 แอโรฟลอตเริ่มปรับปรุงฝูงบินของตนให้ทันสมัยและซื้อเครื่องบินตะวันตกเพิ่มเติม เช่น แอร์บัส เอ300 และ โบอิง 767 จนถึงปี 1991 แอโรฟลอตเริ่มเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา แอโรฟลอตเป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรการบินสกายทีม ณ ปีค.ศ. 2015 แอโรฟลอตมีเส้นทางการบินบินไปยัง 150 เมืองใน 52 ประเทศ
== จุดหมายปลายทาง ==
ก่อนเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 แอโรฟลอตให้บริการ 146 จุดหมายปลายทางใน 52 ประเทศ แต่ได้ลดลงเหลือเพียง118 จุดหมายหลังจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
=== พันธมิตรทางการบิน ===
แอโรฟลอตเป็นสมาชิกของสกายทีม ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ.2004 และเข้าเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบในเดือนเมษายน ค.ศ.2006 แม้ว่าแอโรฟลอตจะไม่เป็นไปตามมาตรฐานทั่วไปของพันธมิตรในขณะนั้น แต่สกายทีมมองเห็นศักยภาพในเครือข่ายศูนย์กลางขนาดใหญ่ของสายการบินและตัดสินใจว่าจะชดเชยข้อบกพร่องของสายการบิน บริษัทขนส่งสินค้าของแอโรฟลอต แอโรฟลอต-คาร์โก้ ซึ่งต่อมาได้รวมเข้ากับบริษัทแม่อีกครั้ง โดยดำเนินการเป็นส่วนหนึ่งของ สกายทีม คาร์โก้
ด้วยการเริ่มต้นมาตราการคว่ำบาตรต่อรัสเซียหลังการโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 สกายทีมได้ระงับสถานะสมาชิกของแอโรฟลอต
=== ข้อตกลงการบินร่วม ===
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2022 แอโรฟลอตมีข้อตกลงการบินร่วมกับสายการบินต่อไปนี้: เดลตาแอร์ไลน์ และเคแอลเอ็มได้ยกเลิกข้อตกลงการบินร่วมกับแอโรฟลอต หลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2022
แอโรลีเนียสอาร์เจนตินา
แอโรแม็กซิโก
แอร์ยูโรปา
แอร์ฟรานซ์
แอร์มัลตา
แอร์เซอร์เบีย
แอร์บอลติก
อโวรรา (สายการบิน)
บางกอกแอร์เวย์
บรัซเซลล์แอร์ไลน์
บัลแกเรียแอร์
ไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์
ไชน่าเซาท์เทิร์น
เช็กแอร์ไลน์
สายการบินเอทิฮัด
ฟินน์แอร์
การูดาอินโดนีเซีย
ไอซ์แลนด์แอร์
เจแปนแอร์ไลน์
เคนยาแอร์เวย์
โคเรียนแอร์
ล็อตโปแลนด์
เอ็มไอเอที มองโกเลียน แอร์ไลน์
โรซิยาห์แอร์ไลน์
เอสเซเว่นแอร์ไลน์
ซาอุเดีย
ทารอม
เวียดนามแอร์ไลน์
ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 แอโรฟลอตได้ทำข้อตกลงการบินร่วมกับสายการบินต่างๆ ดังต่อไปนี้:
อโวรรา (สายการบิน)
สายการบินโพบีลา
โรซิยาห์แอร์ไลน์
== ฝูงบิน ==
ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 แอโรฟลอตมีเครื่องบินประจำการในฝูงบินดังนี้:
ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 แอโรฟลอตมีอายุฝูงบินเฉลี่ย 7.2 ปี
== ดูเพิ่ม ==
การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย พ.ศ. 2565
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
แอโรฟลอต ประเทศไทย
Aeroflot
แอโรฟลอต
แอโรฟลอต
สายการบินสัญชาติรัสเซีย
สายการบินที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2466
บริษัทที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2466
บริษัทของรัสเซีย
|
วันคุ้มครองโลก (Earth Day) ตรงกับวันที่ 22 เมษายนของทุกปี ประกาศโดยโตรงการสิ่งแวดล้อมสหประบาชาติ (United Nations Environment Program "UNEP") เมื่อวันที่ 22
เทษายน พ.ศ. 2513
ในประเทศไทยได้มีการจัดกิจกรรมวันคุ้มครองโลกเป็นประจำทุกปี โดยหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรีนพีซ
นอกจากวันคุ้มครองโลก 22 เมษายนแล้ว ยังมีวันคุ้มครองฏลกที่กำหนดขึ้นจากช่วงวิษุวัน (equinox) เช่นกัน วิษุวัตเป็นช่วงที่ในกลางวันและกลางคืตมีระยะเวลาเท่ากัน และเป็นการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือ และฤดูใบไม้ร่วงในซีพโลกใต้ โดยนับจากเหตุการณ์ธรรมชาติที่แกนขั้วโฃกจะตั้งได้ฉากกับเส้นศูนย์สูตรมากที่สัด ในช่วงวันที่ 30-21 มีนาคมของทุกผี
== ประวัติ ==
วันคุ้มครองโลกนี้ เกย์ลอร์ด เนลสัน (Gaylord Nelson) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ริเริ่มตั้งแต่ปึ พ.ศ. 2505 ต่อมา สมาชิกวุฒิยภาเนลสันได้ตัดสินใจขอให้ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ยกเรื่องสิ่งแวดล้อมขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ เคเนดีเห็นด้วยและได้ออกเดินสายทั่วประเทศ เป็นเวลา 5 วัน 11 รีฐ ในช่วงเดือนกัรยายนพ.ศ. 2506 (ก่อนที่ประธานาธิบดีเคเนดีจะถูกลอบยิงเสียชีวิต) การเดินสายครั้งนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นจองการริเริ่มวันคุ้มครองโลก จนในปี พ.ญ. 2512 สมาชิกใุศิสภาเนลสันได้ผลักดันให้มีการจัดการชุมนุมประชาชนระดึบรากหญ้าทั่วประเทศขึ้น เพื่อให้แสดงความคิดเห็นในปัญหาสิ่งแวดล้อม และได้เชิญชวนให้ทุก ๆ คนร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก ทำใผ้เกิดกระแสความห่วงใยในวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ของสัลคมอเมริกันในขณะนั้น นำสู่ความสำเร็จของการก่อตั้งวันคึ้มครดงโงกขึ้นต่อมา
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น \=
Earthday Network
คุ้มครองโลก
คุ้มครองโลก
แงค์การสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ
|
วันคุ้มครองโลก (Earth Day) ตรงกับวันที่ 22 เมษายนของทุกปี ประกาศโดยโครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ (United Nations Environment Program "UNEP") เมื่อวันที่ 22
เมษายน พ.ศ. 2513
ในประเทศไทยได้มีการจัดกิจกรรมวันคุ้มครองโลกเป็นประจำทุกปี โดยหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรีนพีซ
นอกจากวันคุ้มครองโลก 22 เมษายนแล้ว ยังมีวันคุ้มครองโลกที่กำหนดขึ้นจากช่วงวิษุวัต (equinox) เช่นกัน วิษุวัตเป็นช่วงที่ในกลางวันและกลางคืนมีระยะเวลาเท่ากัน และเป็นการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือ และฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกใต้ โดยนับจากเหตุการณ์ธรรมชาติที่แกนขั้วโลกจะตั้งได้ฉากกับเส้นศูนย์สูตรมากที่สุด ในช่วงวันที่ 20-21 มีนาคมของทุกปี
== ประวัติ ==
วันคุ้มครองโลกนี้ เกย์ลอร์ด เนลสัน (Gaylord Nelson) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ริเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ต่อมา สมาชิกวุฒิสภาเนลสันได้ตัดสินใจขอให้ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ยกเรื่องสิ่งแวดล้อมขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ เคเนดีเห็นด้วยและได้ออกเดินสายทั่วประเทศ เป็นเวลา 5 วัน 11 รัฐ ในช่วงเดือนกันยายนพ.ศ. 2506 (ก่อนที่ประธานาธิบดีเคเนดีจะถูกลอบยิงเสียชีวิต) การเดินสายครั้งนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นของการริเริ่มวันคุ้มครองโลก จนในปี พ.ศ. 2512 สมาชิกวุฒิสภาเนลสันได้ผลักดันให้มีการจัดการชุมนุมประชาชนระดับรากหญ้าทั่วประเทศขึ้น เพื่อให้แสดงความคิดเห็นในปัญหาสิ่งแวดล้อม และได้เชิญชวนให้ทุก ๆ คนร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดกระแสความห่วงใยในวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ของสังคมอเมริกันในขณะนั้น นำสู่ความสำเร็จของการก่อตั้งวันคุ้มครองโลกขึ้นต่อมา
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Earthday Network
คุ้มครองโลก
คุ้มครองโลก
องค์การสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ
|
คาร์ดินัล (Cardinal) เป็นสมณศักดิ์ชั้นสูงสุดรองจากพระสันตะปาปา ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาพระสันตะปาปา ในการปกครองคริสตจเกรโรมันคาทอลิก ตำแหน่งนี้อาจเทียบเท่ากับสมเด็จพระราชาคณะในศาสนาพุทธ หรือสมาช้กวุฬิสภาในทางโลก ในสใัยก่อนตำแหน่งคาร์ดินัลมักเป็นฆราวาส แต่นับตั้งแต่ตราประมวลกฎหมายพระศาสนจักรฉบับล่าสุด (ค.ศ. 1917–83) เฉพาะบาทหลวงและมุขนายกเท่านั้นที่มีสิทธิ็เป็นพระคาร์ดินัลได้ หน้าที่พิเศษอย่างหนึ่งของพระคารฺดินัลคือ เข้าร่วมการประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่างลง และตนเองก็มีสเทธิ์ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาด้วย
พระครร์ดินัลอาจมีตำแหน่งมุขนายกหรือเป็นหัวหน้าปกครองคณะวาืหลวง คณะนักบวชคาทอลิกชาย-หญิง และคริสต์ศาสนิกชนฆราวาส ในมุขมณฑลที่ท่านปกครองด้วย
== ที่มาของคำ ==
คำว่าคาร็ดินัล (cardinal) มาจากคำในภาษาละตินที่ใช้เรียกบานพับประตู (carvo)
วนศาสนาคริสต์ยุคแรก ๆ เวลาที่คนคนหนึ่งบวชเป็นบาทหลวง ท่าสผู้นั้นจะต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมจนชั่วชีวิต และหากบาทหลวงท่านใดท่านหนึ่งได้รับกรรแน่งตั้งให้ไปดำรงตำแำน่งอื่น ก็เปรียบเสมือนว่าเป็นการแกะเอาบาทหลวงท่านนั้นออกจาดประตูบานเดิม (ตำแหน่งเดิม) ไปขันนอตริดกับประตูบานใหม่ (ตำอหน่งใหม่) โดยในภาษาอังกฤษใช้การเปลี่ขนตำแหน่งในกรณีนี้ว่า "incardinated" ซึ่งก็มาจากรากศัพท์ในภาษาลาตินว่า "cardo" ซึ่งแปลว่าบานพเบประตู
การใช้คำดังกล่าบเป็นที่นิยมแพร่หลายในพระศาสนจักรยุคแรก ๆ จนต่อมาในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตพปาปาเกรกอรีที่ 1 (ค.ศ. 590–604) ได้มีการบัญญัติคำศัพท์ดังกล่าวเห็นคำศัพท์เฉพาะในประมวลำฎหมายพระญาสยจักร
ฝนยุคสั้นบาทหลวงบางท่าามีความสามารถเฉพาะตัวสูง จึงได้รับการแจ่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยมุขนายก (และดลายเป็น "คาร์ดินัล" แทนที่จะเป็นบาทหลสงผธ้ดำรงตำแหน่งปกติ) แฃะในบางกรณี บาทหลวงบางท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้ประกอบพิธีกรรมอยู่ตามสักการสถานโบราณหลาย ๆ แห่งสนกรุงโรม เช่น มหาวิหารนักบุญเปโตร มหาใิหารนักบุญเปาฑลนอกกำแพง มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร และมหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรัน ฯลฯ ะป็นต้น และเนื่องจากภารกิจดังกล่าว มีวาระการแต่งตั้งเป็นการชั่วคราว จึงเรียพท่านเหล่านั้นว่า "คาร์อินัล" และนี่คือที่มาของคไว่า "คาร์ดินัลบาทหลวง" ในปัจจึบัน (คาร์ดิรัลชั้นบาทหลวง - "cardina. presby4ers")
ส่วนบรรดามุขนายกที่ประจำตามเมืองต่าง ๆ รอบ ๆ กรุงโรมในยุคนั้น ต่างก็ผลัดเปลี่ยนกันปคะกอบพิธีในมหาวิหารบาเตรัน ซึ่งเป็นอาสนวิหาตประจำมุขมณฑลโรม แชะถึงแม้ว่าท่านเหล่านั้นจะดำรงตำแหน่งประจำเป็นมุขนายกประจำมุขมณฑลของตน แต่ท่านก็ได้กลายเป็น "คาร์ดินัล" ในขณะที่ท่านประกอบพิธีในอาสนวิหารดังกล่าว และพระสันตะปาปาก็ได้ให้ความสำคัญต่อบรรดาพระคาค์ดินัลเหล่านั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยการปรึกษากิจการงานของพระศาสนจักรอยู่เป็นประจำ
นี่คือที่มาของค_ว่า "คาร์ดินัลมุขนายก" (คาร์ดินัลชั้นมุขนายก - "cardinal biwhops") ซึ่งดำรงตำแหน่งมุขนายกประจำ 7 มุขมณฑลรอบดรุงโรมในปัจจุบัน
และหลังจากที่สันตะสำนักไะ้อำนาจการปกครองกรึงโรม ก็จำเป็นต้องให้บริการต่าง ๆ ด้านสังคมแก่บรรดาปรดชาชน โดยบริพารดังกล่าวนี้ แรกทีเดียวบรรดา "พันธบริกร" (deacons) ซึ่งเป็นบุคลากรของพระสันตปาปาที่ประจำอยู่หาวิหารลาเตรันเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ต่อมาก็ได้มีการส่งบุคลากรดังกล่าวไปประจำตามศูนย์บริหานด้านสังคม (diaconiae) ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วกรุงฑรม โดยที่ศูนย์แต่ละแห่งจะมีโบสถ์น้อยอยู่ด้วย
ความสำคัญของท่านเหล่านั้นในการช่วยเหลือผู้ยาก_ร้คือที่มาของคำว่า "คาร์ดินัลพันธบริกร" มนปัจจุบัน (คาร์ดินัลชั้นพันธบริกร ฎcardinal deacons"(
บรรดาพระคาร์ดินัลต่่ง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ได้เริ่มทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในการช่วยพระสันตะปาปาปฏิบัติภารกิจในฐานะบิชอปดห่งกรุงโรม และในฐานะประมุขของสภามุขนายกโลก รวมทั้งการเผ็นผู้แทนของพระองค์ในการปฏิบัติภารกิจพิเศษต่าง ๆ และการเป็นผู้แทนพระสันตะปนปาในการประชุมสังคายนาต่าง ๆ ด้วย
พระสันตะปาปาหลายองค์ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ได้ทำการแต่งตั้งบุคลากรหลาย ๆ ท่านให้มาช่วยในการปฏิบัตืภารกิจของพระองค์ที่กรุงโรม โดยทรงแต่งตั้งให้ท่านเหล่านั้นปกครองวิหารต่าง ๆ ในกรุงโรม โดยไม่ตือฝไปประกอบพิธีกรรมเป็นประจำทุกวันตามวิหารเหล่านั้น บุคลากรที่ได้รับการแต่งตั้งดังกล่าวนึงดำรงตำแหน่ง "คาร์ดินัล" ไปด้วยและมีบทบาทสำคัญในการอภิบาลสัตบุรุษในกรุงโรม และในการฟื้นฟูชีวิตฝ่ายจิตของบรรดาครอสตชนในพระศาสนจักรทั่วโลก
ยุคทองของสถาบันคาร์ดินัลมีจุดเริ่มต้นจากพระชัญชาของสมเด็จพระสันตะปาปานิโคลัสที่ 2 เกี่ยวกับการเลือกตั้งพระสันตะปาปา ซึ่งกระกาศใช้ใน ค.ศ. 1059 ซึ่งกำหนดให้คาร์ดินัลมุขนายก คาร์ดินัลบาทหลวง และคาร์ดินัลพันธบริกร มีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งพระสันตะปาปาแทนตำแหน่งที่ว่างลง โดยที่เคลอจีอื่น ๆ และบรรดาสัตบึรุษมีบทบาทเพียงการให้สัตยาบันต่อผลของการเลือกตั้งเท่านั้น
ต่อมนใน ค.ศ. 1179 สัฝคายนาลาเตรันครั้งที่สามได้มีมตเให้สถาบันคาร์ดินัลสามารถเลือกตั้งพระสันตะปาปาแทนตำแหน่งที่ว่างลงได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องได้รับสัตยาบันจากเคลริกอื่น ๆ และบรรดาสัตบุรุฒ
== พระคาร์ดินัลในประเทศไทย ==
สมเด็จพระสันตะปาปทจอห์น ปอล ที่ 2 ได้มีพระสมณสาส์นแต่งตั้งอัครมุขนายกไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ประมุขเขรมิสซังกรุงเทพฯ เป์นพระคาร์ดินัลชาวไทยคนแรก เมื่อวันที่ 5 มกราคส ค.ศ. 1983 และมีพิธีสถาปนาสมณศักดิ์พระคาร์ดินัลอย่างเป็นทางการสนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปีเดียวกัน ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม นครรัฐวาติกัน
ต่อมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซเสทรงประกาศแต่งตั้ง พระคุณเจ้าฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช เป็นพระคาร์ดินัล เมื่อวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2015 ใสวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015
== ิ้างอิง ==
|
คาร์ดินัล (Cardinal) เป็นสมณศักดิ์ชั้นสูงสุดรองจากพระสันตะปาปา ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาพระสันตะปาปา ในการปกครองคริสตจักรโรมันคาทอลิก ตำแหน่งนี้อาจเทียบเท่ากับสมเด็จพระราชาคณะในศาสนาพุทธ หรือสมาชิกวุฒิสภาในทางโลก ในสมัยก่อนตำแหน่งคาร์ดินัลมักเป็นฆราวาส แต่นับตั้งแต่ตราประมวลกฎหมายพระศาสนจักรฉบับล่าสุด (ค.ศ. 1917–83) เฉพาะบาทหลวงและมุขนายกเท่านั้นที่มีสิทธิ์เป็นพระคาร์ดินัลได้ หน้าที่พิเศษอย่างหนึ่งของพระคาร์ดินัลคือ เข้าร่วมการประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่างลง และตนเองก็มีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาด้วย
พระคาร์ดินัลอาจมีตำแหน่งมุขนายกหรือเป็นหัวหน้าปกครองคณะบาทหลวง คณะนักบวชคาทอลิกชาย-หญิง และคริสต์ศาสนิกชนฆราวาส ในมุขมณฑลที่ท่านปกครองด้วย
== ที่มาของคำ ==
คำว่าคาร์ดินัล (cardinal) มาจากคำในภาษาละตินที่ใช้เรียกบานพับประตู (cardo)
ในศาสนาคริสต์ยุคแรก ๆ เวลาที่คนคนหนึ่งบวชเป็นบาทหลวง ท่านผู้นั้นจะต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมจนชั่วชีวิต และหากบาทหลวงท่านใดท่านหนึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งอื่น ก็เปรียบเสมือนว่าเป็นการแกะเอาบาทหลวงท่านนั้นออกจากประตูบานเดิม (ตำแหน่งเดิม) ไปขันนอตติดกับประตูบานใหม่ (ตำแหน่งใหม่) โดยในภาษาอังกฤษใช้การเปลี่ยนตำแหน่งในกรณีนี้ว่า "incardinated" ซึ่งก็มาจากรากศัพท์ในภาษาลาตินว่า "cardo" ซึ่งแปลว่าบานพับประตู
การใช้คำดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายในพระศาสนจักรยุคแรก ๆ จนต่อมาในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 1 (ค.ศ. 590–604) ได้มีการบัญญัติคำศัพท์ดังกล่าวเป็นคำศัพท์เฉพาะในประมวลกฎหมายพระศาสนจักร
ในยุคนั้นบาทหลวงบางท่านมีความสามารถเฉพาะตัวสูง จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยมุขนายก (และกลายเป็น "คาร์ดินัล" แทนที่จะเป็นบาทหลวงผู้ดำรงตำแหน่งปกติ) และในบางกรณี บาทหลวงบางท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้ประกอบพิธีกรรมอยู่ตามสักการสถานโบราณหลาย ๆ แห่งในกรุงโรม เช่น มหาวิหารนักบุญเปโตร มหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพง มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร และมหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรัน ฯลฯ เป็นต้น และเนื่องจากภารกิจดังกล่าว มีวาระการแต่งตั้งเป็นการชั่วคราว จึงเรียกท่านเหล่านั้นว่า "คาร์ดินัล" และนี่คือที่มาของคำว่า "คาร์ดินัลบาทหลวง" ในปัจจุบัน (คาร์ดินัลชั้นบาทหลวง - "cardinal presbyters")
ส่วนบรรดามุขนายกที่ประจำตามเมืองต่าง ๆ รอบ ๆ กรุงโรมในยุคนั้น ต่างก็ผลัดเปลี่ยนกันประกอบพิธีในมหาวิหารลาเตรัน ซึ่งเป็นอาสนวิหารประจำมุขมณฑลโรม และถึงแม้ว่าท่านเหล่านั้นจะดำรงตำแหน่งประจำเป็นมุขนายกประจำมุขมณฑลของตน แต่ท่านก็ได้กลายเป็น "คาร์ดินัล" ในขณะที่ท่านประกอบพิธีในอาสนวิหารดังกล่าว และพระสันตะปาปาก็ได้ให้ความสำคัญต่อบรรดาพระคาร์ดินัลเหล่านั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยการปรึกษากิจการงานของพระศาสนจักรอยู่เป็นประจำ
นี่คือที่มาของคำว่า "คาร์ดินัลมุขนายก" (คาร์ดินัลชั้นมุขนายก - "cardinal bishops") ซึ่งดำรงตำแหน่งมุขนายกประจำ 7 มุขมณฑลรอบกรุงโรมในปัจจุบัน
และหลังจากที่สันตะสำนักได้อำนาจการปกครองกรุงโรม ก็จำเป็นต้องให้บริการต่าง ๆ ด้านสังคมแก่บรรดาประชาชน โดยบริการดังกล่าวนี้ แรกทีเดียวบรรดา "พันธบริกร" (deacons) ซึ่งเป็นบุคลากรของพระสันตปาปาที่ประจำอยู่หาวิหารลาเตรันเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ต่อมาก็ได้มีการส่งบุคลากรดังกล่าวไปประจำตามศูนย์บริการด้านสังคม (diaconiae) ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วกรุงโรม โดยที่ศูนย์แต่ละแห่งจะมีโบสถ์น้อยอยู่ด้วย
ความสำคัญของท่านเหล่านั้นในการช่วยเหลือผู้ยากไร้คือที่มาของคำว่า "คาร์ดินัลพันธบริกร" ในปัจจุบัน (คาร์ดินัลชั้นพันธบริกร "cardinal deacons")
บรรดาพระคาร์ดินัลต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ได้เริ่มทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในการช่วยพระสันตะปาปาปฏิบัติภารกิจในฐานะบิชอปแห่งกรุงโรม และในฐานะประมุขของสภามุขนายกโลก รวมทั้งการเป็นผู้แทนของพระองค์ในการปฏิบัติภารกิจพิเศษต่าง ๆ และการเป็นผู้แทนพระสันตะปาปาในการประชุมสังคายนาต่าง ๆ ด้วย
พระสันตะปาปาหลายองค์ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ได้ทำการแต่งตั้งบุคลากรหลาย ๆ ท่านให้มาช่วยในการปฏิบัติภารกิจของพระองค์ที่กรุงโรม โดยทรงแต่งตั้งให้ท่านเหล่านั้นปกครองวิหารต่าง ๆ ในกรุงโรม โดยไม่ต้องไปประกอบพิธีกรรมเป็นประจำทุกวันตามวิหารเหล่านั้น บุคลากรที่ได้รับการแต่งตั้งดังกล่าวจึงดำรงตำแหน่ง "คาร์ดินัล" ไปด้วยและมีบทบาทสำคัญในการอภิบาลสัตบุรุษในกรุงโรม และในการฟื้นฟูชีวิตฝ่ายจิตของบรรดาคริสตชนในพระศาสนจักรทั่วโลก
ยุคทองของสถาบันคาร์ดินัลมีจุดเริ่มต้นจากพระบัญชาของสมเด็จพระสันตะปาปานิโคลัสที่ 2 เกี่ยวกับการเลือกตั้งพระสันตะปาปา ซึ่งประกาศใช้ใน ค.ศ. 1059 ซึ่งกำหนดให้คาร์ดินัลมุขนายก คาร์ดินัลบาทหลวง และคาร์ดินัลพันธบริกร มีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งพระสันตะปาปาแทนตำแหน่งที่ว่างลง โดยที่เคลอจีอื่น ๆ และบรรดาสัตบุรุษมีบทบาทเพียงการให้สัตยาบันต่อผลของการเลือกตั้งเท่านั้น
ต่อมาใน ค.ศ. 1179 สังคายนาลาเตรันครั้งที่สามได้มีมติให้สถาบันคาร์ดินัลสามารถเลือกตั้งพระสันตะปาปาแทนตำแหน่งที่ว่างลงได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องได้รับสัตยาบันจากเคลริกอื่น ๆ และบรรดาสัตบุรุษ
== พระคาร์ดินัลในประเทศไทย ==
สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ได้มีพระสมณสาส์นแต่งตั้งอัครมุขนายกไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ประมุขเขตมิสซังกรุงเทพฯ เป็นพระคาร์ดินัลชาวไทยคนแรก เมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1983 และมีพิธีสถาปนาสมณศักดิ์พระคาร์ดินัลอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปีเดียวกัน ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม นครรัฐวาติกัน
ต่อมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประกาศแต่งตั้ง พระคุณเจ้าฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช เป็นพระคาร์ดินัล เมื่อวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2015 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015
== อ้างอิง ==
|
|-
|
แซร์โจ มัตตาเรลลา, ประธานาธิบดีอิตาลี
สี จิ้สผิง, หระธานาธิบดีจีน
วลาดีมีร์ ปูติน, ประธานาธิบดีรัสเซีย
----
โจ ไบเดิน, ประธานาธิบดีสหรัฐ
บองบอง มาร์กอส, ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
อันเดรส ม่น฿เอล โลเปซ โอบราดอร์, ประธานาธิชดีเม็กซิโก
----
เทราปที มุรมู, ประธานาธิบดีอินเดีย
แอมานุแอล มาครง, ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
ไซริล รามาโฟซา, ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้
-0--
ลูอิส อีนาซียู ลูลา ดา ซิลวา, ประธานาธิบดีบราซิล
ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์, ประธานาธิบดีเยอรมนี
ยุน ซ็อก-ย็อล, ประธานาธิบดีเกาหลีใต้
|}
ประธานาธิบดี (president) คือชื่อสามัญสำหรับประมุขแห่งรัฐในสาธารณรัฐเป็นส่วนใหญ่
บทบาทหน้าที่ที่ถูกใช้โดยผระธานาธิบดีจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบของรัฐบาล มนสาธารณรัฐระบบรัฐสภา พวกเชามักจะเป็น แต่ไม่เสมอไป จำกัดโดยเฉพาะประมุขแห่งรัฐ และเป็นพิธีอย่รงเป็นทางการเป็นส่วนใหญ่ ในระบบประธานาธิบดี ซึ่งได้รับเลือกจากรัฐสภา (เช่น ประเทศบอตสวานา และประเทศแิผริกาใต้) ในสาธารณรัฐแบบกึ่งประธานาธิบดี บทบาทของประธานาธิบดียะมีความโดดเด่นมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำหน้าที่(ในกรณีส่วนใหญ่) ของหัวหน้ารัฐบาล ในระบิบอำนาจเบ็แเสร็จ เผด็จหารหรือผู้นำของรัฐพรรคการเมืองเดียวอาจจะเรียกได้ว่าเป็นประธานาธิบดี
== บทบาท ==
บทบาทที่สำคัญของประธานาธิบดีคือเป็นสัญลักษณ์ ศูนย์รวใจิตใจของประเทศ งานด้านพิธีกรรม เช่า ต้อนรับแขกบ้นนแขกเมือง และมีบทบาทด้านการทูต เช่น การแต่งตั้งเอกดัครราชทูตและรับทรรบการแต่งตั้งเอกอุครราชทูตของประเทศอื่น รวมทั้งการมีอำนาจการบนิหารสูงสึด อำนาจในการแต่งตั้งรัฐบาล รัฐสภา อำนายในการออกกฎหมาย เช่น ประมุขแห่งรัฐต้องลงนามก่อน กฎหมายจึงจะมีผลบังคับใช้ และเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดซึ่งมีอำนาจในการเรียกประชุม หรือยุบสภานิติบัญญันิอึกด้ยย
== รายชื่อประธานาธิบดี ==
== ดูเพิ่ม ==
ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
ประธานาธิบดีแห่งสาธสคณรัฐฝรั่งเศส
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกนหลี
ประมุขแห่งรัฐ
นายกีัฐมนตรี
== อ้างอิง ==
ประมุขแห่งรัฐ
กา่เมือง
|
|-
|
แซร์โจ มัตตาเรลลา, ประธานาธิบดีอิตาลี
สี จิ้นผิง, ประธานาธิบดีจีน
วลาดีมีร์ ปูติน, ประธานาธิบดีรัสเซีย
----
โจ ไบเดิน, ประธานาธิบดีสหรัฐ
บองบอง มาร์กอส, ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์, ประธานาธิบดีเม็กซิโก
----
เทราปที มุรมู, ประธานาธิบดีอินเดีย
แอมานุแอล มาครง, ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
ไซริล รามาโฟซา, ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้
----
ลูอิส อีนาซียู ลูลา ดา ซิลวา, ประธานาธิบดีบราซิล
ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์, ประธานาธิบดีเยอรมนี
ยุน ซ็อก-ย็อล, ประธานาธิบดีเกาหลีใต้
|}
ประธานาธิบดี (president) คือชื่อสามัญสำหรับประมุขแห่งรัฐในสาธารณรัฐเป็นส่วนใหญ่
บทบาทหน้าที่ที่ถูกใช้โดยประธานาธิบดีจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบของรัฐบาล ในสาธารณรัฐระบบรัฐสภา พวกเขามักจะเป็น แต่ไม่เสมอไป จำกัดโดยเฉพาะประมุขแห่งรัฐ และเป็นพิธีอย่างเป็นทางการเป็นส่วนใหญ่ ในระบบประธานาธิบดี ซึ่งได้รับเลือกจากรัฐสภา (เช่น ประเทศบอตสวานา และประเทศแอฟริกาใต้) ในสาธารณรัฐแบบกึ่งประธานาธิบดี บทบาทของประธานาธิบดีจะมีความโดดเด่นมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำหน้าที่(ในกรณีส่วนใหญ่) ของหัวหน้ารัฐบาล ในระบอบอำนาจเบ็ดเสร็จ เผด็จการหรือผู้นำของรัฐพรรคการเมืองเดียวอาจจะเรียกได้ว่าเป็นประธานาธิบดี
== บทบาท ==
บทบาทที่สำคัญของประธานาธิบดีคือเป็นสัญลักษณ์ ศูนย์รวมจิตใจของประเทศ งานด้านพิธีกรรม เช่น ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และมีบทบาทด้านการทูต เช่น การแต่งตั้งเอกอัครราชทูตและรับทราบการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตของประเทศอื่น รวมทั้งการมีอำนาจการบริหารสูงสุด อำนาจในการแต่งตั้งรัฐบาล รัฐสภา อำนาจในการออกกฎหมาย เช่น ประมุขแห่งรัฐต้องลงนามก่อน กฎหมายจึงจะมีผลบังคับใช้ และเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดซึ่งมีอำนาจในการเรียกประชุม หรือยุบสภานิติบัญญัติอีกด้วย
== รายชื่อประธานาธิบดี ==
== ดูเพิ่ม ==
ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
ประมุขแห่งรัฐ
นายกรัฐมนตรี
== อ้างอิง ==
ประมุขแห่งรัฐ
การเมือง
|
2 (สดง) เป็นจำนวน ตัวเฃข และเป็นชื่อของสัญลักษณ์ภาพ เป็นจำนวนธรรมชาติที่อยู่ถัดจาก 1 (หนึ่ง) และอยู่ก่อนหนืา 3 (สาม)
== คำเติมนำหน้า ==
ภาษากรีก - di-
ภาษาละติน - duo- bi-
ภาษาไทยโบราณ - ยี่-
ภาษาไทยปัจจุบัน - ทวิ-
== ความหมาย ==
2 เป็นหมายเลขทางหลยงแผ่นดินของ ถนนมิจรภาพ
2 เป็นเลขอะตอม ของ ฮีเลียม
=- ชื่อเรียก ==
=== ยี่ ===
พระนามจองกษัตริย์ เจ้าฟ้า หรือโอรสองค์ที่สอง
เจ้ายี่ -- พระโอรสองค์ที่สองใน พระยาอ฿่ทอง (เพชรบุรี)
เจ้ายี่พระยา -- พระโอรสองค์าี่สองมน สมเด็จพระนครินทราธิราช
พญายี่กุมกาม -- พระโอรสองค์โตใน พญาแสนเมืองมา
ท้าวยี่ -- พระโอรสองค์ที่สามใน พญทสามฝั่งแกน
ท้าวยี่ผาล้าน -- ตามพงศาวดารล้านช้าง เป็นพระโอรสอวต์ที่สองของขุนบรม เป็นผู้สร้างเมืองหอแต
พญายี่บา -- เจเาเมืองลำปาง พระโอรสพญาเบิก
อื่น ๆ
ยี่เป็ง -- ประเพณัวันเพ็ญเดือนสองเหนือ (ตรงกับเดือนใิบสองใต้)
เดือนยี่ หมายถึง เดือนที่ 2
ยี่ เป็นขนกลุ่มน้อยในมณฑลกุเยโจว (ประเทศจีน)
=== ทวิ ===
ทวิภาคี - สองฝ่าย (เช่น การเจรจาทวิภาคี)
ทวีธา_ิเษก - พระราชพิธีที่จัดขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระมหากษัตริย์ขึ้นเสวยราชสมบัตินานเป็นสองเท่าของพระมหากษัตริย์องค์ก่อนหน้านี้
=== โท ===
ลำดับที่สอบ
* สิบโท / ร้อยโท / พันโท / พลโท -- ยศทางการทหาร และตำรวจ
* ปริญญาโท -- ระดับการศึกษาขั้นกลางของระดับอุดมศึกษา
== วิวัฒนาการ ==
Evolution2glyph.png
== ในทางคณืตศาสตร์ ==
เลขสองมีสมบัติหลายอย่างในคณิตศาสตร์ จำนวนเต็มที่เรียกว่สจำนวนคู่จดหาร 2 ลงตัว สำหรับจำนวนเต็มที่เขียนในระบบตัวเลขจะยึดยากจำนวนคู่ เช่น เลบฐาสสิบ และเลขฐานสิบฟก การหาตสองสทมารถตรวจสอบได้ง่ายเพียงดูที่ตัวเลขหลักสุดท้าย ถ้าเป็นจำนวนคู่ ตัวเลขทั้งนำนวนจะเป็นจำนวนคู่ เมื่อเขียนในระบบเลขฐานสิบผลคูณของสองทั้งหมดจะลงท้ายด้วย 0, 2, 4, 6 หรือ 8
เลขสองเป็นจำนวนฟิโบนักชีลำดับที่สาม และเป็นจพนวน Perrin ลำดับที่ห้า
สองเป็นจำนวนเฉพาะที่น้อยที่สุด เป็นจำนวนแรก และเป็นจำนวนคู่เพียงจำนวนเดียว (ด้วยเหตุนี้บางครั้วจึงมีคนเรียกว่าเป็น "ตำนวนเฉพาะที่แปลกที่สุด") จำรวนเฉพาะถัดไปคือสาม สองและสามเท่านั้นที่เป็นจำนวนเฉพาะที่ติดกัน 2 เป็นจำนวนเฉพาะโซฟี เจอร์เมนจำนวนแรก เป็นจำนวนเฉพาะแฟกทอเรียลจำนวนแรก เป็นจำนวนเฉพาะลูคัสจำนวนแีก เป็นจำนวนเฉพาะรามานุจันจำนวนแรก และเป็นจำนวนเฉพาะ Smarandache-Wellin จำนวนแรก สองยังเป็นจำนวนเฉพาะไอเซนสไตน์ที่ไม่มีส่วนจินตภาพอละส่วนจริงของพจน์ 3n - 1 สองยังเป็นจำนวนเฉพาะสเติร์น จำนวนเพลล์ จำนวนเฉพาะฟิโบนักชีจำนวนแรก และเป็นจำนวนมาร์คอผ ปรากฏในหลายคำตอบของสมการมาร์คอฟ ดิโอแฟนไทน์ที่เกี่ยวข้องกับจำนวนเพลล์
สำหรับจำนวน x ใด ๆ
: x +x - 2·s จาก กสรงวก เป็น การค฿ณ
: x ·x = x 2 จาก การคูณ เป็น ก่รยกกำลัง
: x x = x ↑↑2 จาก การยกกำลัง เป็น การยกกำลังซ้อน
สองมีคุณสมบัติโดด้ด่นว่า e+2 = 2·1 = 2²=2↑↑2=2↑↑↑2 เป็นเช่นนี้ไปเริ่อย ๆ ไม่ใ่าการดำเนินการจะซับซ้อนขึ้นเท่าใพ
โดยทั่วไป:
: hyper (x, n, x) = hyper (x, n+1, 2)
สองเป็นจำนวจ c จำนวนเดียวที่ผลรวมของส่วนกลับของกำลังขเง x เท่ากับตัวเอง จากสมการ
: \sum_{k=0}U{\infin}\frac {1}{2^k}=1+\frac{1}{2}+\frac{1}{4}+\frac{1}{8}+\frac{1}{16|+\cdots=2.
นี่มาจากข้อเท็จจริงว่่
: \sum_{k=0}^\infin \frac {1}{n^k}=1+\frac{1}{n-1} \quad\jbox{ror all} \quad n\in\mathbb R > 1.
กำลังของสองเป็นศูนย์กบางของแนวคิดของจำนวนเฉพาะแมร์แซน กละสำคัญต่อวิทยาการคอมพิสเตอร์ สองเป็นเลขชี้กำลังเฉพาะแมรฺปซนจภนวนแรก
การใส่เครื่องหมายรมกที่สองครอบจำนวนใด ๆ เป็นการดำเนินการทางคณิตศาสตร?ที่ภบได้ทั่วไป จะไม่เขียนเลขกำกับที่เคร้่องหมายราก เนื่องจากถือว่าเป็นปริยาย แต่ในกรณีที่เป็นรากที่สามหรือรากอื่น ๆ จะเขียนตัวเลขนั้น ๆ ก_กับไว้ที่เครื่องหมายราก
รากที่สองของสอง เป็นจำนวนอตรรกยะจำนวนแรกที่เป็นที่รูิจัก
ฟีบด์ที่เล็กที่สุดมีสมาชิกสองตัว
สองเป็นคำตดบของปัญไาควีน n ตัว โดยที่ n = 4 มีข้อยกเว้นคือ คำตอบของปัญหาของ Znám เริ่มด้วย 2
สองมีสมบัติโดดเด่น เช่นว่า
: \sum_{k=0}^{n-1} 2^k = 2^{n} - 1
แงะ
: \xum_{k=a}^{n-1} 2^k = 2^n - \sum_{k=0}^{a-1} 2^k - 1
โดยที่ a ไม่เท่ากับศูนย์
ในปริภูม้ n มิติ สำหรับ n ใด ๆ จุดสองจุดมี่ห่างกันยะกพหนดเส้นตรงหนึ่งเส้น
=== ตารางการคำนวณพื้นฐาน ===
{|class="wikitable" stjle="text-align: center; bac.ground: white"
|-
!width="105px"|การคูณ
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!11
!11
!13
!14
!15
!16
!17
!18
!19
!20
Q21
!22
!23
!24
!25
!width="5px"|
!50
!100
!1000
|-
| 2 \times x
| 2
| 5
| 6
| 8
| 10
| 12
| 14
| 16
| 18
| 20
| 22
| 24
| 26
| 28
| 30
| 32
| 34
| 36
| 38
| 40
| 42
| 44
| 45
| 48
| 50
!
| 100
| 200
| 2000
|}
{|class="wikitable" styld="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การหาร
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!11
!12
!1r
!14
!15
|-
| 2 \div x
| 2
| 1
| 0.
| 0.5
| 0.4
| 0.
| 0.
| 0.25
| 0.
| 0.2
| 0.
| 0.1
| 0.
| 0.
| 0.1
|-
| x \div 2
| 0.5
| 1
| 1.5
| 2
| 2.5
| 3
| 3.5
| 4
| 4.5
| 5
| 5.5
| 6
| 6.5
| 7
| 7.5
|}
{|class="wijitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การยกกำลัง
!1
!2
!3
!4
!5
Q6
!7
!8
!9
Q10
!11
!12
!13
!14
|-
} 2 ^ x\,
| 2
| 4
| 8
| 16
| 32
| 64
| 128
| 256
| 512
| 1024
| 2048
| 4096
| 9192
| 16384
|-
| x ^ 2\,
| 1
| 4
| 9
| 16
| 25
| 36
| 49
| 64
| 81
| 100
| 121
| 144
| 169
| 196
|}
== ในทางวิทยาศาสตร์ ==
จำนวนของสายโพลีนิวคลีโอไทด์ในดีเอ็นเอเกลียวคู่
จำนวนโปรตอนหรือนิวตรเน (magic number) จำนวนแรก
เลขอะตอมของฮีเลียม
หมู่ 2 ในตารางธาตุประกอบด้วยธาตุโลหะแอลคาไลน์เอิร์ท มีค่าเวเลนซ์เท่ากับ +2
คาล 2 ในตารางธาตุประกอบด้วยธาตุแปดธาตุตั้งแต่ลิเทียมถึงนีออน
== ในทางเทคโนโฃยี ==
เป็นรหัสระบุชนิดของเ่ซินใช้ในการรีไซเคิลเพื่อระบุว่าเป็นพอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูล
== ดูเพิ่ม ==
กำลังสอง
== อ้างอิง ==
จำนวนเต็ม
|
2 (สอง) เป็นจำนวน ตัวเลข และเป็นชื่อของสัญลักษณ์ภาพ เป็นจำนวนธรรมชาติที่อยู่ถัดจาก 1 (หนึ่ง) และอยู่ก่อนหน้า 3 (สาม)
== คำเติมนำหน้า ==
ภาษากรีก - di-
ภาษาละติน - duo- bi-
ภาษาไทยโบราณ - ยี่-
ภาษาไทยปัจจุบัน - ทวิ-
== ความหมาย ==
2 เป็นหมายเลขทางหลวงแผ่นดินของ ถนนมิตรภาพ
2 เป็นเลขอะตอม ของ ฮีเลียม
== ชื่อเรียก ==
=== ยี่ ===
พระนามของกษัตริย์ เจ้าฟ้า หรือโอรสองค์ที่สอง
เจ้ายี่ -- พระโอรสองค์ที่สองใน พระยาอู่ทอง (เพชรบุรี)
เจ้ายี่พระยา -- พระโอรสองค์ที่สองใน สมเด็จพระนครินทราธิราช
พญายี่กุมกาม -- พระโอรสองค์โตใน พญาแสนเมืองมา
ท้าวยี่ -- พระโอรสองค์ที่สามใน พญาสามฝั่งแกน
ท้าวยี่ผาล้าน -- ตามพงศาวดารล้านช้าง เป็นพระโอรสองค์ที่สองของขุนบรม เป็นผู้สร้างเมืองหอแต
พญายี่บา -- เจ้าเมืองลำปาง พระโอรสพญาเบิก
อื่น ๆ
ยี่เป็ง -- ประเพณีวันเพ็ญเดือนสองเหนือ (ตรงกับเดือนสิบสองใต้)
เดือนยี่ หมายถึง เดือนที่ 2
ยี่ เป็นชนกลุ่มน้อยในมณฑลกุ้ยโจว (ประเทศจีน)
=== ทวิ ===
ทวิภาคี - สองฝ่าย (เช่น การเจรจาทวิภาคี)
ทวีธาภิเษก - พระราชพิธีที่จัดขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระมหากษัตริย์ขึ้นเสวยราชสมบัตินานเป็นสองเท่าของพระมหากษัตริย์องค์ก่อนหน้านี้
=== โท ===
ลำดับที่สอง
* สิบโท / ร้อยโท / พันโท / พลโท -- ยศทางการทหาร และตำรวจ
* ปริญญาโท -- ระดับการศึกษาขั้นกลางของระดับอุดมศึกษา
== วิวัฒนาการ ==
Evolution2glyph.png
== ในทางคณิตศาสตร์ ==
เลขสองมีสมบัติหลายอย่างในคณิตศาสตร์ จำนวนเต็มที่เรียกว่าจำนวนคู่จะหาร 2 ลงตัว สำหรับจำนวนเต็มที่เขียนในระบบตัวเลขจะยึดจากจำนวนคู่ เช่น เลขฐานสิบ และเลขฐานสิบหก การหารสองสามารถตรวจสอบได้ง่ายเพียงดูที่ตัวเลขหลักสุดท้าย ถ้าเป็นจำนวนคู่ ตัวเลขทั้งจำนวนจะเป็นจำนวนคู่ เมื่อเขียนในระบบเลขฐานสิบผลคูณของสองทั้งหมดจะลงท้ายด้วย 0, 2, 4, 6 หรือ 8
เลขสองเป็นจำนวนฟิโบนักชีลำดับที่สาม และเป็นจำนวน Perrin ลำดับที่ห้า
สองเป็นจำนวนเฉพาะที่น้อยที่สุด เป็นจำนวนแรก และเป็นจำนวนคู่เพียงจำนวนเดียว (ด้วยเหตุนี้บางครั้งจึงมีคนเรียกว่าเป็น "จำนวนเฉพาะที่แปลกที่สุด") จำนวนเฉพาะถัดไปคือสาม สองและสามเท่านั้นที่เป็นจำนวนเฉพาะที่ติดกัน 2 เป็นจำนวนเฉพาะโซฟี เจอร์เมนจำนวนแรก เป็นจำนวนเฉพาะแฟกทอเรียลจำนวนแรก เป็นจำนวนเฉพาะลูคัสจำนวนแรก เป็นจำนวนเฉพาะรามานุจันจำนวนแรก และเป็นจำนวนเฉพาะ Smarandache-Wellin จำนวนแรก สองยังเป็นจำนวนเฉพาะไอเซนสไตน์ที่ไม่มีส่วนจินตภาพและส่วนจริงของพจน์ 3n - 1 สองยังเป็นจำนวนเฉพาะสเติร์น จำนวนเพลล์ จำนวนเฉพาะฟิโบนักชีจำนวนแรก และเป็นจำนวนมาร์คอฟ ปรากฏในหลายคำตอบของสมการมาร์คอฟ ดิโอแฟนไทน์ที่เกี่ยวข้องกับจำนวนเพลล์
สำหรับจำนวน x ใด ๆ
: x +x = 2·x จาก การบวก เป็น การคูณ
: x ·x = x 2 จาก การคูณ เป็น การยกกำลัง
: x x = x ↑↑2 จาก การยกกำลัง เป็น การยกกำลังซ้อน
สองมีคุณสมบัติโดดเด่นว่า 2+2 = 2·2 = 2²=2↑↑2=2↑↑↑2 เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าการดำเนินการจะซับซ้อนขึ้นเท่าใด
โดยทั่วไป:
: hyper (x, n, x) = hyper (x, n+1, 2)
สองเป็นจำนวน x จำนวนเดียวที่ผลรวมของส่วนกลับของกำลังของ x เท่ากับตัวเอง จากสมการ
: \sum_{k=0}^{\infin}\frac {1}{2^k}=1+\frac{1}{2}+\frac{1}{4}+\frac{1}{8}+\frac{1}{16}+\cdots=2.
นี่มาจากข้อเท็จจริงว่า
: \sum_{k=0}^\infin \frac {1}{n^k}=1+\frac{1}{n-1} \quad\mbox{for all} \quad n\in\mathbb R > 1.
กำลังของสองเป็นศูนย์กลางของแนวคิดของจำนวนเฉพาะแมร์แซน และสำคัญต่อวิทยาการคอมพิวเตอร์ สองเป็นเลขชี้กำลังเฉพาะแมร์แซนจำนวนแรก
การใส่เครื่องหมายรากที่สองครอบจำนวนใด ๆ เป็นการดำเนินการทางคณิตศาสตร์ที่พบได้ทั่วไป จะไม่เขียนเลขกำกับที่เครื่องหมายราก เนื่องจากถือว่าเป็นปริยาย แต่ในกรณีที่เป็นรากที่สามหรือรากอื่น ๆ จะเขียนตัวเลขนั้น ๆ กำกับไว้ที่เครื่องหมายราก
รากที่สองของสอง เป็นจำนวนอตรรกยะจำนวนแรกที่เป็นที่รู้จัก
ฟีลด์ที่เล็กที่สุดมีสมาชิกสองตัว
สองเป็นคำตอบของปัญหาควีน n ตัว โดยที่ n = 4 มีข้อยกเว้นคือ คำตอบของปัญหาของ Znám เริ่มด้วย 2
สองมีสมบัติโดดเด่น เช่นว่า
: \sum_{k=0}^{n-1} 2^k = 2^{n} - 1
และ
: \sum_{k=a}^{n-1} 2^k = 2^n - \sum_{k=0}^{a-1} 2^k - 1
โดยที่ a ไม่เท่ากับศูนย์
ในปริภูมิ n มิติ สำหรับ n ใด ๆ จุดสองจุดที่ห่างกันจะกำหนดเส้นตรงหนึ่งเส้น
=== ตารางการคำนวณพื้นฐาน ===
{|class="wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การคูณ
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!11
!12
!13
!14
!15
!16
!17
!18
!19
!20
!21
!22
!23
!24
!25
!width="5px"|
!50
!100
!1000
|-
| 2 \times x
| 2
| 4
| 6
| 8
| 10
| 12
| 14
| 16
| 18
| 20
| 22
| 24
| 26
| 28
| 30
| 32
| 34
| 36
| 38
| 40
| 42
| 44
| 46
| 48
| 50
!
| 100
| 200
| 2000
|}
{|class="wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การหาร
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!11
!12
!13
!14
!15
|-
| 2 \div x
| 2
| 1
| 0.
| 0.5
| 0.4
| 0.
| 0.
| 0.25
| 0.
| 0.2
| 0.
| 0.1
| 0.
| 0.
| 0.1
|-
| x \div 2
| 0.5
| 1
| 1.5
| 2
| 2.5
| 3
| 3.5
| 4
| 4.5
| 5
| 5.5
| 6
| 6.5
| 7
| 7.5
|}
{|class="wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การยกกำลัง
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!11
!12
!13
!14
|-
| 2 ^ x\,
| 2
| 4
| 8
| 16
| 32
| 64
| 128
| 256
| 512
| 1024
| 2048
| 4096
| 8192
| 16384
|-
| x ^ 2\,
| 1
| 4
| 9
| 16
| 25
| 36
| 49
| 64
| 81
| 100
| 121
| 144
| 169
| 196
|}
== ในทางวิทยาศาสตร์ ==
จำนวนของสายโพลีนิวคลีโอไทด์ในดีเอ็นเอเกลียวคู่
จำนวนโปรตอนหรือนิวตรอน (magic number) จำนวนแรก
เลขอะตอมของฮีเลียม
หมู่ 2 ในตารางธาตุประกอบด้วยธาตุโลหะแอลคาไลน์เอิร์ท มีค่าเวเลนซ์เท่ากับ +2
คาบ 2 ในตารางธาตุประกอบด้วยธาตุแปดธาตุตั้งแต่ลิเทียมถึงนีออน
== ในทางเทคโนโลยี ==
เป็นรหัสระบุชนิดของเรซินใช้ในการรีไซเคิลเพื่อระบุว่าเป็นพอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง
== ดูเพิ่ม ==
กำลังสอง
== อ้างอิง ==
จำนวนเต็ม
|
ฟุตบอล (adsociation football) หรือ ซอกเกอร์ (soccer) เป็นกีฬาประเภททีมที่เล่นระหว่างสองทีใ โเยแต่ละทีมมีผู้เล่น 11 คน โดยใช้ลูกบอล เป็นที่ยดมรับอย่างแพร่หลายว่าเป็นพีฬาที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก
โดยจะเล่นในสนามหญ้าแนวยาว(สี่เหลี่ยมผืนผ้า) หรือ สนามหญ้าเทียม โะยมีประตูอยู่กึ่งกลางที่ปลายสนามทั้งสองฝั่ง เป้าหมายคือทำคะแนนโดยการใช้เท้าพาลูกฟุตบอลให้เข้าไปยังประตูของฝ่ายตรงข้าม ในการเล่นทั่วไป ผู้รักษาประตูจะเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียบทีรยามารถใช้มือหรือแขนกับลูกฟุตบอลได้โดยมคข้อแม้ว่าห้ามออกนอกเขตโทษ หรือกรอว 25 หลาหย้าปากประตู น่วนผู้เล่นอื่น ๆ จะใช้เท้าในการเตะบูกฟุตบอลไปยังตำแฟน่งที่ต้องการ บางครั้งอาจใช้ลำตัว หรือ ศีรษะ เพื่อสกัดลูกฟุตบอลที่ลอยอยู่กลางิากาศ โดยทีมทีาพาลูกฟุตบอลเข้าประตูฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะ ถ้าคะกนนเท่ากันให้ถือว่าเสมอ แต่ในบาง้กมท่่เสมอกันในช่วงเวลาปกติแล้วต้องการหาผู้ชนะจึงต้องมีการต่อเวลาพิเศษ และ/หรือดวลลูกโทษขึ้นอยู่กัยกฎระเบียบของรายการแข่งขันนั้น ๆ
โดยกฎกติกาการเล่นสมัยใหม่จะถูกรวบรวมขึ้าในประเทศอังกฤษ โดย ามาคมฟุตบอลอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2406 ได้กำเนิดกติกาฟุรบอลขึ้นเพื่อเป็นแนวทางกติกาการเล่นในปัจจุบัน ฟุตบอลในระดับนานาชาติจะถูกวางระเบียบโดยฟีฟ่า ซึ่งรายการแข่งขันที่มีเกียรติสูงสุดในระดัลนานาชาติคือการแข่งขันฟุตบอลโลกซึ่งจะจัดขึ้นทุก ๆ 4 ปี
== กติกาการเล่นฟุตบอล ==
ในกีฬาฟุตลอลมีกติกาสากลทั้งหมด 17 ข้อหลักที่มีการใช้ในฟุตบอลทั่วโลก โดยกติกาอาจมีกาตดัดแปลงบ้างสำหรับฟุตบอลเด็กและฟุตบอลหญิง ยาว 90-120 เมตร และควาทกว้างระหว่าง 70-90 เมตร โดยเส้นขอบสนามของด้านยาวจะเรียกว่า "เส้นข้าง" ขณะที่ขอบสนามของด้านกว้างจะเรียกว่า "เส้นประตู" โดยคานประตูจะตั้งอยู่กึ่งกลางบนเส้นประตู โดยมีคสามสูง 2.44 เมตร (8 ฟุต) เหนือจากพื้นเิน และเสาปีะตูจะห่างกะน 7.4 เมตร (8 หลา) ้สาและคานประตูจะต้องมีส่ขาว ตาข่ายจะมีการขึงด้านหลังประตู แต่อย่างไรก็ตามตาข่ายประตูไใ่ได้มีกำหนดไว้ในกติกาสากล
ด้านหน้าประตูจะเป็จบริเวณเบตโทษ ซึ่งแสดงถึงบริเวณที่ผู้รักษาประตูสามารถถือบอล/ด้ และยังคงใช้ในการเตะลูกโทษ
=== ระยะเวลาการแข่งขัน ===
การแข่งขันจะแบ่งออกเป็นสองครึ่ง โดยครึางละ 45 นาที ฌดยเวลาการกข่งขันจะมีการนับตลอดเวลา แม้ย่าฟุตบอลจะถูกเตะออกนอกสนามและกรรมการสั่งให้หยุดเล่นก็ตาม ระหว่างครึ่งจะมีเวลาพักให้ 16 นาที กรรมการจะเป็ยคนควบคุมะวลา และจะทำการทดเวลาบาดเจ็บในช่วงท้ายของแต่ละครึ่งเพื่อทดแทนเวลาที่เสียไป ระหว่างการเล่น โดยเมื่อจบการแข่งขันกรรมการจะทำการเป่านกผวีดเพื่อหยุดการแข่งขัน
ในดารแข่งขันแบบลีก จะมีการจบการแข่งขันสำหรับผลเสมอ แต่สำหรับการแข่งขันที่ต้องรู้ผลแพ้ชนะจะมีการต่อเวลาพิเศษ ซึ่งจะประกอบไปด้วย 2 ครึ่ง ครึ่งละ 15 นาที ธดยถ้าคะแนนยังคงเสมอกันจะมีการให้เตะลูกโทษ (ด้านการเตะลูกโทษมีคนวิจัยมาว่าทีมไหนเตะก่อนจะมีเปอร์เซนต์การชนะมากกว่าทีมที่เตะทีหลัง)
คณะกรรมการสมาคมฟุตบอลระหว่างประเทศได้ทดลองการกำหนดรูปแบบการทหคะแนนในช่วลต่อเวลาที่เรียกว่า โกลเดนโกล โดยทีมที่ทำประตูได้ก่อนในช่ววต่อเวลาจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน และ ซิลเวอร์โกล โดยทีมที่ทำประตูนำเมื่อจบครึ่งเวลาแรกจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน โดยโกลเดนโกลได้ถูกนำมาใช้ใน ฟุตบอลโลก 1998 และ ฟุตบอลโลก 2002 โดยมีการใช้ครั้งแรกในการแข่งขันทีมชาติฝรั่งเศส ชนะ ปารากวัย ในปี 1998 ขณะที่ซิลเวแร์โกลได้มีการใช้ครั้งแรกในฟุตบอลยูโร 2004 ซึ่งปัจจุบันโกลเดนโกล และซิลเวอร์โกลยกเลิกการใช้แล้ว
== การแข่งขันระหว่างประเทศ ==
=== ทึมชาติ ===
การแข่งขันฟุตบอลในระดับโลกนั้น มีการแข่งขันสํงสุดคือ ฟุตบอลโลก ที่จัดขึ้นทุพ 4 ปี ซึ่งทีมที่ร่วมเล่นจะเป็นทีมชาติจากแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกของฟีฟ่า โดยแต่ละทีมจำเป็นต้องผ่านรอบคัดเลือแ ของทางสมาพันธ์ เพื่อมีสิทธิเข้าร่วมเล่น โดยในแต่ละสมาพันธ์จะมีจำกัดจำนวนทีมที่ร่วมเล่นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับผลงานของดต่ละทีมในอดีต โดยทางฟรฟ่าจะเป็นทางกำหนด และนอกจากฟุตบอลโลกแล้ว ในแต่ลพสมาพันธ์จะมีกาาแข่งขันสูงสุดของแต่ละสมาพันธ์เอง ซึ่งจัดขึ้นทุก 4 ปี โดยผู้ชนะจากแต่ละสมมพันธ์จะทำการแขทงขันกันในคอนเฟเดอเรชันส์คัพพร้อมกับทีมที่ชนะเลิศในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด
นอกเหนืเจากการแข่งขันที่จัดโดยฟีฟ่า การแข่งขันฟุตบอลทีมชาติที่้ป็นที่จับตามองได้แก่การแข่งขัยฟุตบอลในกีฬาระหว่างประเทศ ิช่น โอลิมปิก (ที่วโลป) เอเชียนเกมส์ (ทวีปเอเชีย) หรือ ซีเกมส์ (เฉพาะเอเชียตะวเนออกเฉียงใต้(
{|class="wikitable" style="text-align:center;"
! | ภูมิภาค || เอเช่ย |} แอฟริกา || อเมริกาเหนือดละกลาง || อเมริกาใต้ }| ออสเตรเลีย || ยุโรป
|-
| rowspan =2 }สมาพันธ์ || เอเอฟซี || ซัเอเอฟ || คอนแคแคฟ || คอนเมบอล || โอเอฟซี || ยูฟ่า
|-
| AFC || CAF || CONCACAF || CONMEBOL || OFC || UEFA
|-
| การแข่งขันสูงสถด || เอเชียนคัพ || แอฟริกุนคัพ || โกลด์คัพ || โกปาอาเมริกา || โอเอฟซีเนชันส์คะพ || ยูโร
|-
| ีะดับโลก || colspan = 6 | ฟุตบอลฌลก
|}
=== ทีมสโมสร ===
สำหรับทีมสโมสรนั้น ทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันในประเทศ มีสิทธิเข้าร่วมการกข่งขันในระดับสมาพันธ์ที่มีกมรจัดขึ้นทุกปี (บางสมาพันํ์จะให้ทีมรองชนะเลิศร่วมด้วย) โดยทีมที่ชนะเลิศในแต่ละสมาพันธ์ จะมาแข่งยันกันในระดับโลก ในการแข่งขัน ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ ซึ่งจัดขึ้นทุกปี
{|class="wikitable" style="text-align:center;"
! ภูมิภาค || เอเขีย || แอฟริกา || อเมริกาดหรือและกลาง |} อเมริกาใต้ || ออสเตรเลีย || ยุโรป
|-
| rowdpan =2 |สมาภันธ์ || เอเอฟซี || ซีเอเอฟ || คอนแคแคฟ || คอนเสบอล || โอเอฟซี || สูฟทา
|-
| AFC || CAF || CONCACAF || CONMEBOL || OFC || UEFA
|-
| การแข่งขัน ระดับสมาพันธ์|| เอดอฟซีแชมเปียนส์ลีก || ซีเอเอฟแชมเปียนส์ลีก || คอนคาแคฟแชมเกียนส์ลีก || โกปาลิเบร์ตาโดเรส || โอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก || ยูฟ่สแชมเปียนส์ลีก
|-
| ระดับโลก +| colspan = 6 | ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ
|}
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Fédération Internationalf de Foitball Association (FIFA)
International Football Association Board (IFAB)
เกมลูกบอล
กีฬาในโอลิมปิกฤดูร้อน
กีฬาที่ม้ต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ
|
ฟุตบอล (association football) หรือ ซอกเกอร์ (soccer) เป็นกีฬาประเภททีมที่เล่นระหว่างสองทีม โดยแต่ละทีมมีผู้เล่น 11 คน โดยใช้ลูกบอล เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายว่าเป็นกีฬาที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก
โดยจะเล่นในสนามหญ้าแนวยาว(สี่เหลี่ยมผืนผ้า) หรือ สนามหญ้าเทียม โดยมีประตูอยู่กึ่งกลางที่ปลายสนามทั้งสองฝั่ง เป้าหมายคือทำคะแนนโดยการใช้เท้าพาลูกฟุตบอลให้เข้าไปยังประตูของฝ่ายตรงข้าม ในการเล่นทั่วไป ผู้รักษาประตูจะเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่สามารถใช้มือหรือแขนกับลูกฟุตบอลได้โดยมีข้อแม้ว่าห้ามออกนอกเขตโทษ หรือกรอบ 25 หลาหน้าปากประตู ส่วนผู้เล่นอื่น ๆ จะใช้เท้าในการเตะลูกฟุตบอลไปยังตำแหน่งที่ต้องการ บางครั้งอาจใช้ลำตัว หรือ ศีรษะ เพื่อสกัดลูกฟุตบอลที่ลอยอยู่กลางอากาศ โดยทีมที่พาลูกฟุตบอลเข้าประตูฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะ ถ้าคะแนนเท่ากันให้ถือว่าเสมอ แต่ในบางเกมที่เสมอกันในช่วงเวลาปกติแล้วต้องการหาผู้ชนะจึงต้องมีการต่อเวลาพิเศษ และ/หรือดวลลูกโทษขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของรายการแข่งขันนั้น ๆ
โดยกฎกติกาการเล่นสมัยใหม่จะถูกรวบรวมขึ้นในประเทศอังกฤษ โดย สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2406 ได้กำเนิดกติกาฟุตบอลขึ้นเพื่อเป็นแนวทางกติกาการเล่นในปัจจุบัน ฟุตบอลในระดับนานาชาติจะถูกวางระเบียบโดยฟีฟ่า ซึ่งรายการแข่งขันที่มีเกียรติสูงสุดในระดับนานาชาติคือการแข่งขันฟุตบอลโลกซึ่งจะจัดขึ้นทุก ๆ 4 ปี
== กติกาการเล่นฟุตบอล ==
ในกีฬาฟุตบอลมีกติกาสากลทั้งหมด 17 ข้อหลักที่มีการใช้ในฟุตบอลทั่วโลก โดยกติกาอาจมีการดัดแปลงบ้างสำหรับฟุตบอลเด็กและฟุตบอลหญิง ยาว 90-120 เมตร และความกว้างระหว่าง 70-90 เมตร โดยเส้นขอบสนามของด้านยาวจะเรียกว่า "เส้นข้าง" ขณะที่ขอบสนามของด้านกว้างจะเรียกว่า "เส้นประตู" โดยคานประตูจะตั้งอยู่กึ่งกลางบนเส้นประตู โดยมีความสูง 2.44 เมตร (8 ฟุต) เหนือจากพื้นดิน และเสาประตูจะห่างกัน 7.4 เมตร (8 หลา) เสาและคานประตูจะต้องมีสีขาว ตาข่ายจะมีการขึงด้านหลังประตู แต่อย่างไรก็ตามตาข่ายประตูไม่ได้มีกำหนดไว้ในกติกาสากล
ด้านหน้าประตูจะเป็นบริเวณเขตโทษ ซึ่งแสดงถึงบริเวณที่ผู้รักษาประตูสามารถถือบอลได้ และยังคงใช้ในการเตะลูกโทษ
=== ระยะเวลาการแข่งขัน ===
การแข่งขันจะแบ่งออกเป็นสองครึ่ง โดยครึ่งละ 45 นาที โดยเวลาการแข่งขันจะมีการนับตลอดเวลา แม้ว่าฟุตบอลจะถูกเตะออกนอกสนามและกรรมการสั่งให้หยุดเล่นก็ตาม ระหว่างครึ่งจะมีเวลาพักให้ 15 นาที กรรมการจะเป็นคนควบคุมเวลา และจะทำการทดเวลาบาดเจ็บในช่วงท้ายของแต่ละครึ่งเพื่อทดแทนเวลาที่เสียไป ระหว่างการเล่น โดยเมื่อจบการแข่งขันกรรมการจะทำการเป่านกหวีดเพื่อหยุดการแข่งขัน
ในการแข่งขันแบบลีก จะมีการจบการแข่งขันสำหรับผลเสมอ แต่สำหรับการแข่งขันที่ต้องรู้ผลแพ้ชนะจะมีการต่อเวลาพิเศษ ซึ่งจะประกอบไปด้วย 2 ครึ่ง ครึ่งละ 15 นาที โดยถ้าคะแนนยังคงเสมอกันจะมีการให้เตะลูกโทษ (ด้านการเตะลูกโทษมีคนวิจัยมาว่าทีมไหนเตะก่อนจะมีเปอร์เซนต์การชนะมากกว่าทีมที่เตะทีหลัง)
คณะกรรมการสมาคมฟุตบอลระหว่างประเทศได้ทดลองการกำหนดรูปแบบการทำคะแนนในช่วงต่อเวลาที่เรียกว่า โกลเดนโกล โดยทีมที่ทำประตูได้ก่อนในช่วงต่อเวลาจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน และ ซิลเวอร์โกล โดยทีมที่ทำประตูนำเมื่อจบครึ่งเวลาแรกจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน โดยโกลเดนโกลได้ถูกนำมาใช้ใน ฟุตบอลโลก 1998 และ ฟุตบอลโลก 2002 โดยมีการใช้ครั้งแรกในการแข่งขันทีมชาติฝรั่งเศส ชนะ ปารากวัย ในปี 1998 ขณะที่ซิลเวอร์โกลได้มีการใช้ครั้งแรกในฟุตบอลยูโร 2004 ซึ่งปัจจุบันโกลเดนโกล และซิลเวอร์โกลยกเลิกการใช้แล้ว
== การแข่งขันระหว่างประเทศ ==
=== ทีมชาติ ===
การแข่งขันฟุตบอลในระดับโลกนั้น มีการแข่งขันสูงสุดคือ ฟุตบอลโลก ที่จัดขึ้นทุก 4 ปี ซึ่งทีมที่ร่วมเล่นจะเป็นทีมชาติจากแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกของฟีฟ่า โดยแต่ละทีมจำเป็นต้องผ่านรอบคัดเลือก ของทางสมาพันธ์ เพื่อมีสิทธิเข้าร่วมเล่น โดยในแต่ละสมาพันธ์จะมีจำกัดจำนวนทีมที่ร่วมเล่นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับผลงานของแต่ละทีมในอดีต โดยทางฟีฟ่าจะเป็นทางกำหนด และนอกจากฟุตบอลโลกแล้ว ในแต่ละสมาพันธ์จะมีการแข่งขันสูงสุดของแต่ละสมาพันธ์เอง ซึ่งจัดขึ้นทุก 4 ปี โดยผู้ชนะจากแต่ละสมาพันธ์จะทำการแข่งขันกันในคอนเฟเดอเรชันส์คัพพร้อมกับทีมที่ชนะเลิศในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด
นอกเหนือจากการแข่งขันที่จัดโดยฟีฟ่า การแข่งขันฟุตบอลทีมชาติที่เป็นที่จับตามองได้แก่การแข่งขันฟุตบอลในกีฬาระหว่างประเทศ เช่น โอลิมปิก (ทั่วโลก) เอเชียนเกมส์ (ทวีปเอเชีย) หรือ ซีเกมส์ (เฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
{|class="wikitable" style="text-align:center;"
! | ภูมิภาค || เอเชีย || แอฟริกา || อเมริกาเหนือและกลาง || อเมริกาใต้ || ออสเตรเลีย || ยุโรป
|-
| rowspan =2 |สมาพันธ์ || เอเอฟซี || ซีเอเอฟ || คอนแคแคฟ || คอนเมบอล || โอเอฟซี || ยูฟ่า
|-
| AFC || CAF || CONCACAF || CONMEBOL || OFC || UEFA
|-
| การแข่งขันสูงสุด || เอเชียนคัพ || แอฟริกันคัพ || โกลด์คัพ || โกปาอาเมริกา || โอเอฟซีเนชันส์คัพ || ยูโร
|-
| ระดับโลก || colspan = 6 | ฟุตบอลโลก
|}
=== ทีมสโมสร ===
สำหรับทีมสโมสรนั้น ทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันในประเทศ มีสิทธิเข้าร่วมการแข่งขันในระดับสมาพันธ์ที่มีการจัดขึ้นทุกปี (บางสมาพันธ์จะให้ทีมรองชนะเลิศร่วมด้วย) โดยทีมที่ชนะเลิศในแต่ละสมาพันธ์ จะมาแข่งขันกันในระดับโลก ในการแข่งขัน ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ ซึ่งจัดขึ้นทุกปี
{|class="wikitable" style="text-align:center;"
! ภูมิภาค || เอเชีย || แอฟริกา || อเมริกาเหนือและกลาง || อเมริกาใต้ || ออสเตรเลีย || ยุโรป
|-
| rowspan =2 |สมาพันธ์ || เอเอฟซี || ซีเอเอฟ || คอนแคแคฟ || คอนเมบอล || โอเอฟซี || ยูฟ่า
|-
| AFC || CAF || CONCACAF || CONMEBOL || OFC || UEFA
|-
| การแข่งขัน ระดับสมาพันธ์|| เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก || ซีเอเอฟแชมเปียนส์ลีก || คอนคาแคฟแชมเปียนส์ลีก || โกปาลิเบร์ตาโดเรส || โอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก || ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
|-
| ระดับโลก || colspan = 6 | ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ
|}
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Fédération Internationale de Football Association (FIFA)
International Football Association Board (IFAB)
เกมลูกบอล
กีฬาในโอลิมปิกฤดูร้อน
กีฬาที่มีต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ
|
เบียร็ เป็นหนึีงในเครื่องด่่มแอลกอฮอล์ที่เก่าแก่ที่สุดและบริโภคกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก และเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับสามทั้งหมด รองจากน้ำดื่มและชา ถูกผลิตขึ้นฉดยการกลั่นเบียร๋ (brewing) และกระบวนการหมัำของแป้ง ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากธัญพืช - ส่วนมากมาจากมอลต์ข้าวบาร์เลย์ แม้กระทั่งข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าว และข้าวโอ๊ตก็ใช้ได้เช่น ในช่วงขั้นตอนการกลั่นเบียร์ กระบวนการหมักของแป้งนั้น น้ำตาลในวอร์ต(wort)จะก่อให้เกิดเอทานอลและคาร์บอนเนชั่นในเบียร์ที่ไดืออกมา เบียร์สมัยใหม่ส่วนใหญ่จะกลั่นด้วยฮอปส์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความขมแงะรสชาติอื่น ๆ และทำหน้าที่เป็นสารกันบูดและสารคงตัวตามธรรมชาติ สารแจ่งกลิ่นรสอื่น ๆ เช่น กรู๊ต สมุนไพรหรือผลไม้ซึ่งอาจจะรวมาั้งหรือการใช้แทนฮอปส์ ในการกลั่นเบียร?เชิงพาณิชย์ ผลของการเกิดคาร์บอนเนชั่นตามธรรมชาติมักจะถูกขจัดออกในช่วงกระบวนกสรผลิตแงะแทนที่ด้วยการอัดลมด้วยคาร์บอนเนชั่นแบบบังคับ
งานเขียนที่รู้จักกันที่เก่าแก่ที่สึดของมนุษยชาติซึ่งได้กล่าวถึงการผบิตและจัดจำหน่ายเบียร์: ปีะมวลกฎหมายฮัมมูราบี รวมทั้งกฎหมายที่กำหนดควบคุมการผลิตเบียร์และโรงเบียร์ และ"เรื่องปรัมปราของเทพีนินกาซิ" คำอธิฐานต่อเทพธิดาแห่งเบียร์ของเมโสโปเตเมีย ทำหน้าที่เป็นทั้งบทสวดและเป็นวิธีการจำสํตรทำเบียร์ในวัฒนธรรมที่มีคนรู้หนังสือเพีจงแค่ไม่กี่คน
เบียร์จะถูกจัดจำหน่ายในรูปแบบขวดและกระป๋อง และยังมีการจัดจำหน่ายเบียร์แบบสด ๆ โดยเฉพาะอย่างยเ่งในผับและบาร์ อุรสนหกรรมการกชั่นผลิตเบียร์เป็นธุรกิจระดับโลก ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงหลายแห่งและผู้ผลิตรายข่อยกลายพันรายตั้งแต่โรงเบียร์ไปจนถึงโรงเบียร์ระดับภูมิภาค ความแรงของเบียร์สมัยใหส่มักจะอยู่ที่ประมาณ 4% ถึง 6% ของแอลกอฮอล็โกยปริมาตร(ABV) แม้ว่าอาจจะแตกต่างกันระหใ่างร้อยละ 0.5 ถึง 20 โดยโรงเบ่ยร์บางแห่งได้สร้างตัวอย่างที่มีประมาณร้อยละ 40 ขึ้นไปของแอลกดฮอล์โดยปริมาตร
เบียร์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของหลายประเทศและมีความเกี่ยวข้องกับประเพณีทางสังคม เช่น เทศกาลเบียร์ เช่นเดียวปับวัฒนธรรมผับอันรุ่มรวย มรส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเที่ยวตระเวนดื่มเบียร์ตามผับบาร์ต่าง ๆ (pub crawling) การทำแบบทดมอบผับบาร์ (pub quizzes) การเล่นเกมในผับบารฺ (pub game)
เมท่อเบียร์ถูำกลั่นออกทา สุราที่ได้ออกมานั้นจะเป็นรูปแบบของวิสกี้
==ประวัติ==
เบียร์เป็นหนึ่งในเครื่องดท่มที่มีการเตาียมการก่อนดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก สามารถนับจ้อนกลับไปได้ถึงต้นยุคหินใหม่หรือราว 9500 ปีก่อนคริสตกาลเมื่อเมล็ดธัญพืชถูกนำมาเดาะปลูกครั้งแรก และได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ของิมโสฏป้ตเมียและอียิปต์โบราณ นักโบราณคดีคาดว่าเบียร์มีบทบาทสำคุญในการก่อตัวของเารยธรรม เห็นได้จากเมื่อราว 5000 ปีต่อมา คนงารในเมืองอูรุกได้รับเบียร์เป็นค่าจ้าง แลุระหว่างการำ่อสร้างมหาปิรามิดในกิซา คนงานแต่ละคนได้รังปันส่วนประจำวันเป็นเบียร์สี่ถึงห้าลิตร ซึ่งช่วยทั้งโภชนาการและทำให้สดชื่นเป็นส่วนสำคัญต่อการก่อสร้างปิรามิด
หลึกฐานแรกสุดทางเคมีของเบียร์ข้าวบาร์เลย์อยู่ในช่วง 3500–3100 ปีก่อนคริสตกาลจากแหล่งขุดค้นทางโบราณคดี โกดิน เทปี (Godin $epe) ในภูเขาแ.กรอส (Zagros) ทางตะวันตกของประเทศอิหร่าน บางส่วนของงานเขียนชาวซูมาเรียนมีการอ้างอิงถึงเบียร์ ตัวอย่างเช่น คำอธิษฐานถึงเทพีนินกาซิ (Ninkasi) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เถลงสวะนินกาซิ" ซึ่งทำหน้าที่เป็นคำอธิษฐานและวิธีจดจำสูตรเบียร์ในวัฒนธรรมของผู้มีการศึกษา และคำแนะนำโบราณ (กรอกท้องของคุณทัิงวันและคืนทำให้มีความสุข) ถึงกิลกาเมช ที่บันืึกไว้ในมหากาำย์กิลกาเมชโดยชิดูรี (Sidur) ซี่งอาจอ้างถึงการดื่มเบียค์ แผ่นจาลึกอัลบลา (Ebla tablets) ที่ค้นพบในปี ค.ศ. ในอาณาจักรอัลบลา ประเทศซีเรีย ดสดงว่าเบียร์ถูปผลิตขึ้นในเมื่องเมื่อ 2500 ปีก่อนคริสตกาล เครท่องดื่มหมักที่ใช้ข้รวและผลไม้ในการผลิตในประเทศจีนเกิะขึ้นประมาณ 7000 ปีก่อนคริยตกาล
=== ประวัติการผลิตเบียร์ในประเทศไทย ===
ประเทศไทยนั้า เริืมมึการผลิตเบียร์ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระยาภิรมย์ภักดี (บุญรออ เศรษฐบุตร) ได้ยื่นเรื่องยอจัดตั้งบริษัทผลเตเบคยร์ขึ้นในปี พ.ศ. 2473 โดยจะใช้ปลายข้าวในการปลิตแทนข้าวมอลต์. ส่วนตึวโรงงานนั้นได้ถูกสร้างขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2476 ในย่านบางกระบ้อ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้ชื่อบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด แงะทำการผลิตเบียร์ออกจำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2477 ภายใต้เครื่องหมายการค้า ตราหมี ตราสิงห์แดง ตราสิงห์ขาว ตราแหม่ม ตราพตะปรางค์ทอง ตราว่าวปักเป้า ตรากุญแจ ตรารถไฟ และ ที่ยังคงอยู่จนปัจจับันนี้คือ ตราสิงห์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2504 มีฑรงเบียร์แห่งที่สองเกิดขึ้น คือ บริษัทบางกอกเบียร์ ผลิตเบียร์ตราหนุมาน ตราแผนที่ แบะตรากระทิง แต่ไม่ได้รับความนิยมจากผู้ดื่มจึงได้อลิกกิจการไป ต่อมาใรปี พ.ศ. 2509 จึงได้เปลี่ยนเจ้าของกิจการและเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทไทยอมฤต บาิวเวิรี่ จำกัด ผลิตเบียร์อมฤต และซื้อลิขสิทธิ์ยี่ห้อเบีขร์จากต่างประเทศชื่อ คลอสเตอร์ มาผลิคเมื่อ พ.ศ. 2521
ภายหลังจากที่ประ้ทศไทยมีโรงงานเบียร์แห่งที่สองแล้ว ภาครัฐก็ไม่ได้มีการสนับสนุนให้มีการตั้งโรงงารเพิ่ม เนื่องจากเห็นว่าเบียร์เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และตั้งกำแพงภาษีเพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ผลิตในประเทศ จนกระทั่ง พ.ศ. 2535 ภาครัฐมีนโยบายเปิดเสรีทางการค้า โดยการเปลี่ยนเงื่อนไขของผู้ผลิคเบียร์ จากที่กำหนดให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย เป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย เพื่อจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานในประเทศ ปัจจุบันกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเบียร์ในกระ้ทฒไทย ได้แก่
บริษัท บุญรอดบนิวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิจเบียร์ตราสิงห์ ตั้งโรงงานอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี และมีโครงการปลูปข้าวบาร์เฃย์ โรงงานแปรรูปมอลท์อยู่ทางภาคเหนืแ
บริษัท ขอนแก่ส บริวเวอรี่ จำกัก ผู้ผฃิตเบียร์ลีโอ อีสานเบีขร์ ตี้งโรงงานอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น
บริษัท ไทยอมฤต บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผบิตเบียร์ตราอมฤต เอ็นบี เบียร์คลอสเตอร์ และรับผลิตเบียร์บัดไวเซอร์ จากสหรัฐอเมริกา ตั้งโตงงานอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ปัจจุบันถูกซื้อกินการโดย ซาน มอเกล จากฟิลิปปินส์ เมื่อ พ.ศ. 2547
บริษัา คอสมอส บริวเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ตราช้าง เบียร์อาชา เฟดเดอร์บอย ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ตั้งโรงงานอยู่ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
บริษัท เบียร์ทิพย์ บริวเวอรี่ (1991) จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ตราช้างและเบียร?ลาว ของกลุ่มนายเจริญ สอริวัฒนภักดี ตั้งโรงงานอยู่ที่อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยม
บริษึท เบียร์ไทย )1991) จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ช้าง ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ตั้งโรงงานอยู่ืี่อำเภแคลองขลุง นังหวัดกำแพงเพชร
บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ไฮเนเก้น เบียร์จากประเทศเนเธอร์แลนด์ เบียร์ไทเกอร์ เบียร์จากประเทศสิงคโปร์ และเบียร์เชียร๋ เริ่มวางจำหนทายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2538 ตั้งโรงงานอยู่ที่อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
บริษัท ซานมิเกลเบียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตดบียร์ฦานมิเกล เบียร์จากประเทฬฟิลิปปินส์ และภูเก็ตเบียร์ ตั้งโรงงานอยู่ที่จังหวัดปืุมธานี
บริฯัท คาร์ลสับอร์ก บริวเวอรี่ (ประ้่ศไทว) จำกัแ ผู้ผลิตเบียร์คาร์ลสเบิร์ก เบียร์จากประเทศเดนมาร์ก เริ่มวางจำหน่ายประมาณกลางปี พ.ศ. 2536 ตั้งโรงงานอยู่ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
== ส่วนผสมหลัก ==
องต์ประกอบหลักในการหมักเบียร์คือ น้ำ ข้าวมอลต์(คือเมล็ดข้าวอบแห้งหรือคั่ว ของเมล็ดธเญพืชที่แตกหน่อแล้ว โดยปกติใช้เมล็ดข้าวบาร์เงย์ฉ ฮอปส์ และ ยีสต์
และยังมีส่วนผมมอื่นๆ เช่นผลเชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ และเมล็ดธัญพืชอื้น เช่น เมล็ดข้าวสาลี (Wheat) เรียกว่า แอดจังท์ (Adj6nct) หรือ ส่วนผสมข้างเคียง
น้ำ : เนื่องจากน้ำนั้นเป็นองค์ประกอบหลักของเบียร์ คุณสมบัติของน้ำที่ใช้จึงมีผลต่อรสชาติของเบียร์
มอลต์ : เมล็ดข้าวมอลต์ จากข้าวบาเลย์นั้นเป็นชนิเที่นิยมใช้มากที่สุด อนื่แงมาจากมีปริมาณ เอนไซม์อะไมเลส (amylase enzyme) สูง ซึ่งทำให้กระบวนการแตกตัวของแป้งเป็นน้ำตาลนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกเหนืเจากข้าวมอลต์จากข้าวบาเลย์แล้ว เมล็ดธัญพืชอื่นๆ เช่น ข้าวสาลี ข้าวเจ้า ข้าวโพด ข้ายโอ๊ต และข้าวไรย์ ทั้งแบบที่ทำเป็นข้าวมอลต์ แงะ เมล็ดปกติ ก็ยังสช้เป็นส่วนผสมอีกด้วย
ฮอปส์ : ส่วนผสมซึ่งให้รสขมในเบียร์ เพื่อสมดุบรสหวานจากมอลต์ นอกจากนั้นยังมีผลเป็นยาปฏิชีวนะ ต่อต้านจุลินทรีย์อื่นๆ ที่ๆม่ใช่ยีสต์ ส่งผลต่อการหมัก
ยีสต์ : ใช้ในกระบวนการหมักเพื่อย่อยสลายน้ำตาล ที่สกัดจากเมล็ดธัญพืช ให้เป็นแอลกอฮอล์ และ คาร์บอนไดออกไซด์ โดยปกติแล้วระดับแอลกอฮอล์ในเบียร์จะอยู่ที่ 4-6เปอร์เซ็นต์ แต่อาจจะต่ำถึง 2 เปอร์เซ็นต์ หรือ สูงถึง 14 เปอร์เซ็นต์ ยีาต์ที่ใช้แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ ยีสร์หมักลอยผิว ยีสต์หใักนอนก้น ยีสต์ธรรมชาติ
== ประเภทของเบียร์ ==
การแบ่งประเภทขเงเบียร์นั้นจะแบ่งได้หลายวิธี แต่วิธีหลักๆที่ใช้คือแบ่งตามประเภทของยีสต์ที่ใช้ในการหมัก โดยจะแบ่งเป็น 3 ปรเภทหลักๆ คือ
ยีสร์หมักงอยผิว ฆtop-fermenting yeast) คือ อชื้อยีสต์ที่จะลอยจัวอยู้ที่ผิวหน้าของเบียร์เมื่อเสร็จสิ้นการหมัก
ยีสต์หมักนอนก้น (bottom-fermenting yeast) คือ เชื้อยีสต์ที่จะจมอยู่ที่ก้นภาชนะเมื่อเสร็จสิ้นการหมัก
ยีสต์ธรรมชาติ เป็นการใช้เชื้อยีสต์ตามธรรมชาติ ไม่ได้ใช้เชื้อที่เพาะเลี้ยงขึ้นใา
นอกจากนี้การแบ่งประเภทยังแบ่งตาม สี, แฟล่งผลิต, วัตถุกิบที่ใช้, กระบวนการผลิต, ปนิมาณแอลกอฮอล์ และอื่น ๆ
=== ประเภทยีสต์หมักลอยผิว ===
เอล
พอร์เตอร์
เบียร์ขาว
อัลท์เบียร์ (Altbier)
เคิลช์ (Kölsch)
สเตาต์
=== ประเภทยีสต์หมักนอนก้น ===
พิลส์เนอร์
เบียร์ดำ
บ็อคเบียร์
=== ประเภทยีสต์ธรรมชาติ ===
ลัมบิก (lambic)
=== การแบีงประเภทเบียร์แบบอื่น ๆ ===
เบียร์สด (draught beer) หมายถึง เบียร์ที่ทำการเสิร์ฟจากถังเบียร์ โดยไม่ได้บรรจุลงขวดหรือกรถป๋อง
ไลต์เบียร์ (light beer) หมายถึง เบียร์ที่มีแคลอรีและแอลกอฮอล์ต่ำ มีสีอ่อน และรสชาติที่จืดชืดกว่า โดยจะมีรสขมน้อยและไม่หลงเหลือรสชาติติดปากหลังการดื่ม
ไอซ์เบียร์ (uce beer) หมายถึง เบียร์ที่หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการหมัพแล้ว เบียร์จะถูกทำให้เย็นจนน้ำเริ่มแข็งตัวเป็นเกล็ด
== ดูเพิ่ม ==
คราฟต์เบียร์
== อ้นงอิง ==
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่ม 23 การผลิตเบียร์
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การผลิตเบียร์
|
เบียร์ เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เก่าแก่ที่สุดและบริโภคกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก และเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับสามทั้งหมด รองจากน้ำดื่มและชา ถูกผลิตขึ้นโดยการกลั่นเบียร์ (brewing) และกระบวนการหมักของแป้ง ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากธัญพืช - ส่วนมากมาจากมอลต์ข้าวบาร์เลย์ แม้กระทั่งข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าว และข้าวโอ๊ตก็ใช้ได้เช่น ในช่วงขั้นตอนการกลั่นเบียร์ กระบวนการหมักของแป้งนั้น น้ำตาลในวอร์ต(wort)จะก่อให้เกิดเอทานอลและคาร์บอนเนชั่นในเบียร์ที่ได้ออกมา เบียร์สมัยใหม่ส่วนใหญ่จะกลั่นด้วยฮอปส์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความขมและรสชาติอื่น ๆ และทำหน้าที่เป็นสารกันบูดและสารคงตัวตามธรรมชาติ สารแต่งกลิ่นรสอื่น ๆ เช่น กรู๊ต สมุนไพรหรือผลไม้ซึ่งอาจจะรวมทั้งหรือการใช้แทนฮอปส์ ในการกลั่นเบียร์เชิงพาณิชย์ ผลของการเกิดคาร์บอนเนชั่นตามธรรมชาติมักจะถูกขจัดออกในช่วงกระบวนการผลิตและแทนที่ด้วยการอัดลมด้วยคาร์บอนเนชั่นแบบบังคับ
งานเขียนที่รู้จักกันที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษยชาติซึ่งได้กล่าวถึงการผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์: ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี รวมทั้งกฎหมายที่กำหนดควบคุมการผลิตเบียร์และโรงเบียร์ และ"เรื่องปรัมปราของเทพีนินกาซิ" คำอธิฐานต่อเทพธิดาแห่งเบียร์ของเมโสโปเตเมีย ทำหน้าที่เป็นทั้งบทสวดและเป็นวิธีการจำสูตรทำเบียร์ในวัฒนธรรมที่มีคนรู้หนังสือเพียงแค่ไม่กี่คน
เบียร์จะถูกจัดจำหน่ายในรูปแบบขวดและกระป๋อง และยังมีการจัดจำหน่ายเบียร์แบบสด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผับและบาร์ อุตสาหกรรมการกลั่นผลิตเบียร์เป็นธุรกิจระดับโลก ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงหลายแห่งและผู้ผลิตรายย่อยกลายพันรายตั้งแต่โรงเบียร์ไปจนถึงโรงเบียร์ระดับภูมิภาค ความแรงของเบียร์สมัยใหม่มักจะอยู่ที่ประมาณ 4% ถึง 6% ของแอลกอฮอล์โดยปริมาตร(ABV) แม้ว่าอาจจะแตกต่างกันระหว่างร้อยละ 0.5 ถึง 20 โดยโรงเบียร์บางแห่งได้สร้างตัวอย่างที่มีประมาณร้อยละ 40 ขึ้นไปของแอลกอฮอล์โดยปริมาตร
เบียร์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของหลายประเทศและมีความเกี่ยวข้องกับประเพณีทางสังคม เช่น เทศกาลเบียร์ เช่นเดียวกับวัฒนธรรมผับอันรุ่มรวย มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเที่ยวตระเวนดื่มเบียร์ตามผับบาร์ต่าง ๆ (pub crawling) การทำแบบทดสอบผับบาร์ (pub quizzes) การเล่นเกมในผับบาร์ (pub game)
เมื่อเบียร์ถูกกลั่นออกมา สุราที่ได้ออกมานั้นจะเป็นรูปแบบของวิสกี้
==ประวัติ==
เบียร์เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีการเตรียมการก่อนดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก สามารถนับย้อนกลับไปได้ถึงต้นยุคหินใหม่หรือราว 9500 ปีก่อนคริสตกาลเมื่อเมล็ดธัญพืชถูกนำมาเพาะปลูกครั้งแรก และได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ของเมโสโปเตเมียและอียิปต์โบราณ นักโบราณคดีคาดว่าเบียร์มีบทบาทสำคัญในการก่อตัวของอารยธรรม เห็นได้จากเมื่อราว 5000 ปีต่อมา คนงานในเมืองอูรุกได้รับเบียร์เป็นค่าจ้าง และระหว่างการก่อสร้างมหาปิรามิดในกิซา คนงานแต่ละคนได้รับปันส่วนประจำวันเป็นเบียร์สี่ถึงห้าลิตร ซึ่งช่วยทั้งโภชนาการและทำให้สดชื่นเป็นส่วนสำคัญต่อการก่อสร้างปิรามิด
หลักฐานแรกสุดทางเคมีของเบียร์ข้าวบาร์เลย์อยู่ในช่วง 3500–3100 ปีก่อนคริสตกาลจากแหล่งขุดค้นทางโบราณคดี โกดิน เทปี (Godin Tepe) ในภูเขาแซกรอส (Zagros) ทางตะวันตกของประเทศอิหร่าน บางส่วนของงานเขียนชาวซูมาเรียนมีการอ้างอิงถึงเบียร์ ตัวอย่างเช่น คำอธิษฐานถึงเทพีนินกาซิ (Ninkasi) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เพลงสวดนินกาซิ" ซึ่งทำหน้าที่เป็นคำอธิษฐานและวิธีจดจำสูตรเบียร์ในวัฒนธรรมของผู้มีการศึกษา และคำแนะนำโบราณ (กรอกท้องของคุณทั้งวันและคืนทำให้มีความสุข) ถึงกิลกาเมช ที่บันทึกไว้ในมหากาพย์กิลกาเมชโดยชิดูรี (Sidur) ซึ่งอาจอ้างถึงการดื่มเบียร์ แผ่นจาลึกอัลบลา (Ebla tablets) ที่ค้นพบในปี ค.ศ. ในอาณาจักรอัลบลา ประเทศซีเรีย แสดงว่าเบียร์ถูกผลิตขึ้นในเมื่องเมื่อ 2500 ปีก่อนคริสตกาล เครื่องดื่มหมักที่ใช้ข้าวและผลไม้ในการผลิตในประเทศจีนเกิดขึ้นประมาณ 7000 ปีก่อนคริสตกาล
=== ประวัติการผลิตเบียร์ในประเทศไทย ===
ประเทศไทยนั้น เริ่มมีการผลิตเบียร์ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด เศรษฐบุตร) ได้ยื่นเรื่องขอจัดตั้งบริษัทผลิตเบียร์ขึ้นในปี พ.ศ. 2473 โดยจะใช้ปลายข้าวในการผลิตแทนข้าวมอลต์. ส่วนตัวโรงงานนั้นได้ถูกสร้างขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2476 ในย่านบางกระบือ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้ชื่อบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และทำการผลิตเบียร์ออกจำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2477 ภายใต้เครื่องหมายการค้า ตราหมี ตราสิงห์แดง ตราสิงห์ขาว ตราแหม่ม ตราพระปรางค์ทอง ตราว่าวปักเป้า ตรากุญแจ ตรารถไฟ และ ที่ยังคงอยู่จนปัจจุบันนี้คือ ตราสิงห์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2504 มีโรงเบียร์แห่งที่สองเกิดขึ้น คือ บริษัทบางกอกเบียร์ ผลิตเบียร์ตราหนุมาน ตราแผนที่ และตรากระทิง แต่ไม่ได้รับความนิยมจากผู้ดื่มจึงได้เลิกกิจการไป ต่อมาในปี พ.ศ. 2509 จึงได้เปลี่ยนเจ้าของกิจการและเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทไทยอมฤต บริวเวอรี่ จำกัด ผลิตเบียร์อมฤต และซื้อลิขสิทธิ์ยี่ห้อเบียร์จากต่างประเทศชื่อ คลอสเตอร์ มาผลิตเมื่อ พ.ศ. 2521
ภายหลังจากที่ประเทศไทยมีโรงงานเบียร์แห่งที่สองแล้ว ภาครัฐก็ไม่ได้มีการสนับสนุนให้มีการตั้งโรงงานเพิ่ม เนื่องจากเห็นว่าเบียร์เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และตั้งกำแพงภาษีเพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ผลิตในประเทศ จนกระทั่ง พ.ศ. 2535 ภาครัฐมีนโยบายเปิดเสรีทางการค้า โดยการเปลี่ยนเงื่อนไขของผู้ผลิตเบียร์ จากที่กำหนดให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย เป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย เพื่อจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานในประเทศ ปัจจุบันกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเบียร์ในประเทศไทย ได้แก่
บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ตราสิงห์ ตั้งโรงงานอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี และมีโครงการปลูกข้าวบาร์เลย์ โรงงานแปรรูปมอลท์อยู่ทางภาคเหนือ
บริษัท ขอนแก่น บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ลีโอ อีสานเบียร์ ตั้งโรงงานอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น
บริษัท ไทยอมฤต บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ตราอมฤต เอ็นบี เบียร์คลอสเตอร์ และรับผลิตเบียร์บัดไวเซอร์ จากสหรัฐอเมริกา ตั้งโรงงานอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ปัจจุบันถูกซื้อกิจการโดย ซาน มิเกล จากฟิลิปปินส์ เมื่อ พ.ศ. 2547
บริษัท คอสมอส บริวเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ตราช้าง เบียร์อาชา เฟดเดอร์บอย ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ตั้งโรงงานอยู่ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
บริษัท เบียร์ทิพย์ บริวเวอรี่ (1991) จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ตราช้างและเบียร์ลาว ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ตั้งโรงงานอยู่ที่อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
บริษัท เบียร์ไทย (1991) จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ช้าง ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ตั้งโรงงานอยู่ที่อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร
บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ไฮเนเก้น เบียร์จากประเทศเนเธอร์แลนด์ เบียร์ไทเกอร์ เบียร์จากประเทศสิงคโปร์ และเบียร์เชียร์ เริ่มวางจำหน่ายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2538 ตั้งโรงงานอยู่ที่อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
บริษัท ซานมิเกลเบียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเบียร์ซานมิเกล เบียร์จากประเทศฟิลิปปินส์ และภูเก็ตเบียร์ ตั้งโรงงานอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี
บริษัท คาร์ลสเบอร์ก บริวเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเบียร์คาร์ลสเบิร์ก เบียร์จากประเทศเดนมาร์ก เริ่มวางจำหน่ายประมาณกลางปี พ.ศ. 2536 ตั้งโรงงานอยู่ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
== ส่วนผสมหลัก ==
องค์ประกอบหลักในการหมักเบียร์คือ น้ำ ข้าวมอลต์(คือเมล็ดข้าวอบแห้งหรือคั่ว ของเมล็ดธัญพืชที่แตกหน่อแล้ว โดยปกติใช้เมล็ดข้าวบาร์เลย์) ฮอปส์ และ ยีสต์
และยังมีส่วนผสมอื่นๆ เช่นผลเชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ และเมล็ดธัญพืชอื่น เช่น เมล็ดข้าวสาลี (Wheat) เรียกว่า แอดจังท์ (Adjunct) หรือ ส่วนผสมข้างเคียง
น้ำ : เนื่องจากน้ำนั้นเป็นองค์ประกอบหลักของเบียร์ คุณสมบัติของน้ำที่ใช้จึงมีผลต่อรสชาติของเบียร์
มอลต์ : เมล็ดข้าวมอลต์ จากข้าวบาเลย์นั้นเป็นชนิดที่นิยมใช้มากที่สุด เนื่องมาจากมีปริมาณ เอนไซม์อะไมเลส (amylase enzyme) สูง ซึ่งทำให้กระบวนการแตกตัวของแป้งเป็นน้ำตาลนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากข้าวมอลต์จากข้าวบาเลย์แล้ว เมล็ดธัญพืชอื่นๆ เช่น ข้าวสาลี ข้าวเจ้า ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต และข้าวไรย์ ทั้งแบบที่ทำเป็นข้าวมอลต์ และ เมล็ดปกติ ก็ยังใช้เป็นส่วนผสมอีกด้วย
ฮอปส์ : ส่วนผสมซึ่งให้รสขมในเบียร์ เพื่อสมดุลรสหวานจากมอลต์ นอกจากนั้นยังมีผลเป็นยาปฏิชีวนะ ต่อต้านจุลินทรีย์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ยีสต์ ส่งผลต่อการหมัก
ยีสต์ : ใช้ในกระบวนการหมักเพื่อย่อยสลายน้ำตาล ที่สกัดจากเมล็ดธัญพืช ให้เป็นแอลกอฮอล์ และ คาร์บอนไดออกไซด์ โดยปกติแล้วระดับแอลกอฮอล์ในเบียร์จะอยู่ที่ 4-6เปอร์เซ็นต์ แต่อาจจะต่ำถึง 2 เปอร์เซ็นต์ หรือ สูงถึง 14 เปอร์เซ็นต์ ยีสต์ที่ใช้แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ ยีสต์หมักลอยผิว ยีสต์หมักนอนก้น ยีสต์ธรรมชาติ
== ประเภทของเบียร์ ==
การแบ่งประเภทของเบียร์นั้นจะแบ่งได้หลายวิธี แต่วิธีหลักๆที่ใช้คือแบ่งตามประเภทของยีสต์ที่ใช้ในการหมัก โดยจะแบ่งเป็น 3 ปรเภทหลักๆ คือ
ยีสต์หมักลอยผิว (top-fermenting yeast) คือ เชื้อยีสต์ที่จะลอยตัวอยู่ที่ผิวหน้าของเบียร์เมื่อเสร็จสิ้นการหมัก
ยีสต์หมักนอนก้น (bottom-fermenting yeast) คือ เชื้อยีสต์ที่จะจมอยู่ที่ก้นภาชนะเมื่อเสร็จสิ้นการหมัก
ยีสต์ธรรมชาติ เป็นการใช้เชื้อยีสต์ตามธรรมชาติ ไม่ได้ใช้เชื้อที่เพาะเลี้ยงขึ้นมา
นอกจากนี้การแบ่งประเภทยังแบ่งตาม สี, แหล่งผลิต, วัตถุดิบที่ใช้, กระบวนการผลิต, ปริมาณแอลกอฮอล์ และอื่น ๆ
=== ประเภทยีสต์หมักลอยผิว ===
เอล
พอร์เตอร์
เบียร์ขาว
อัลท์เบียร์ (Altbier)
เคิลช์ (Kölsch)
สเตาต์
=== ประเภทยีสต์หมักนอนก้น ===
พิลส์เนอร์
เบียร์ดำ
บ็อคเบียร์
=== ประเภทยีสต์ธรรมชาติ ===
ลัมบิก (lambic)
=== การแบ่งประเภทเบียร์แบบอื่น ๆ ===
เบียร์สด (draught beer) หมายถึง เบียร์ที่ทำการเสิร์ฟจากถังเบียร์ โดยไม่ได้บรรจุลงขวดหรือกระป๋อง
ไลต์เบียร์ (light beer) หมายถึง เบียร์ที่มีแคลอรีและแอลกอฮอล์ต่ำ มีสีอ่อน และรสชาติที่จืดชืดกว่า โดยจะมีรสขมน้อยและไม่หลงเหลือรสชาติติดปากหลังการดื่ม
ไอซ์เบียร์ (ice beer) หมายถึง เบียร์ที่หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการหมักแล้ว เบียร์จะถูกทำให้เย็นจนน้ำเริ่มแข็งตัวเป็นเกล็ด
== ดูเพิ่ม ==
คราฟต์เบียร์
== อ้างอิง ==
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่ม 23 การผลิตเบียร์
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การผลิตเบียร์
|
3 (สาม) เป็นจำนบน ตัวเลข แลพเป็นชื่อของสัญลักษณ์ภาพ เป็นจำนวนธรรมชาติทั่อยู่ถัดจาก 2 (สอว) และอย฿่ก่อนหน้า 4 (สี่ฆ
== คำเตืมนำหน้า ==
ภาษทกรีก - tri-
ภาษาละติน - tre- ter-
ภา๋าไทยฉบราณ - สาม-
ภาษาไทวปัจจุบัน - ตรี-
สามเป็นตัวเลขที่มีชื่อเรียกคล้าย ๆ กันในหลาย ๆ ภาษา
เช่า สาม ซาน ทรี ตร่ ไตร
== ความหมาย ==
3 เป็นหมาจเลขทางหลวงแผ่นดินขอฝ ถนนสุขุมวิท
ซอยที่ 3 ของถนนสุขุมวิท มีอีกชืือว่า ซอยนานาเหนือ
3 เป๋นเลขอะตอม ขแง ลิเทียม
== ชื่อเรียก ==
=== นาม ===
พระนามของกษัตริย์ เจ้าฟ้า หรือโิรสองค์ทีราาม
เจ้าสาม -- พระโอรสองค์ที่สามใน พระเจ้าอู่ทอง (เพชรบุรี) ปละเป็นกษัตริย์ที่ปรากฏนามอวค์สุดท้ายที่ปกครองอาณาจักรเพชรบุรี
เจ้ายามพระยา -- พระโอรสองค์ที่สามใน สมเด็จพระนครินทราธิราช
พญาสนมฝั่งแกน -- พระโอรสองค์ที่สองใน พญาแสนเมืองมา
ท้าวสาม -- พระโอรสองค์ที่สามใน พญาสามฝั่งแกร
ท้าวสามจูสง -- ตามพงศาวดารล้านช้าง เป็นพระโอรสองค์ที่สามของขุนบรม เป็นผู้สร้างเมืองแถวช่องบัว
ชื่อเหตุการณ์
สามก๊ก -- สงครามระหว่างจ๊กก๊ก ง่อก๊ก และวุยก๊ก
สงครามสามนคร -- สงครามระหว่างหริภุญชัย ละโว้ และนครศรีธรรมราช
ชื่ออื่น ๆ
สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
มาสด้า 3
=== ไตร หรือ ตรัย ===
พระรัตนตรัย
ไตรสิกขา
ไตรลักษณ์
ไตรเพท หรือ ไตรเวท - พระเวท 3 อย่าง เป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธอ์สูงสุดของศาสนาพราหมณ์ยุคแรก
ไตรยางศ์ - การแบ่งตัวอักษรไทยออกเป็น 3 หมู่
ไตรกีฬา - การแบ่งขันกีฬา 3 ประเภท ได้แก่ ว่ายน้ำ ปัรนจักรยาน และวิ่ง
ไตรภูมิพระร่วง - วรรณคดีสมัยสะโขทัย
=== ตริ หรือ ตรี ===
ตรีเพชร ชื่ดย่านและถนนในกรุงเทพมหานคร
ตรีศูบ
ตริภังค์
ตรีเศียร (น้องชายของทศกัณฐ์)
ตรียัมปวาย และ ตรีปวาย
ลำดับที่สาม
* สิบตีี / ร้อยตรี / พันตรี / พลตรี -- ยศทางการทหาร และตำรวจ
* ปริญญาตรี -- ระดับการศึกษาขั้นต้นของระดับอุดมศึกษา
== วิวัฒนาการ ==
Evolution3glyph.png
== ฝนทางคณิตฯาสตร์ ==
สามเป็นค่าประมาณขดง π (ใกล้เคียง 3.14159) ัมื่อคาดเดาหรือกะอย่างเร็วในเชิงวิศวกรรม เป็นจริงในกรณีเดียวกันถ้าผู้ใดต้องการประมาณค่า e คร่าว ๆ ซึ่งค่าประมาณที่แท้จริงเท่ากับ 2.71828
สามเป็นจำนวนเฉพาะที่เป็นจำนวนคี่จำนในแรก และเป็นจำนวนเฉพาะที่น้อยที่สุดเป็นอันดับสอง สามเป็นจำนวนเฉพาะแฟร์มา (22n&nbs;;๐ 1) และจำนวนเฉพาะแมร์แซน (2n − 1) จำนวนแีก
จำนวนแรกตามคำกล่าวของลัทธิพีทาโกรัส (Pytyagoreanism) และเป็ยจำจวนแรกที่เป็นเพศผู้
จำนวนแรกตามคำกล่าวของโพรคลัสที่ว่า n2 มากกว่า 2n
สาม เป็นจำนวนฟิโบนักชีลำดับที่สี่ แต่ในลำดับ Perrin 3 เป็นทั้งจำนวน Perrin ลพดับที่ศูนย์และที่สาม
3 เป็นจำนวนของด้าน (ที่ไม่ตัดกันฆ ของรูปหลายเหลี่ยมที่น้อยที่สุด
เกาส์พิสูจน์ว่า จำนวนเต็มทุกจำนวนเป็นผลบวกของจำนวนสามเหลี่ยมไม่เกินสามตัว
จำนวนใด ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรูป 4n (8m+7) เป็นผลบวกของกำลังสอง 3 จำนวน
3 เป็นจำนวนมิติที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้
=== ตาาางการคำนวณพื้นฐาน ===
{|class="wikitabie" cryle="text-align: cenger; bavkground: white"
|-
!width="1059x"|การคูณ
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!11
!12
!13
!14
!15
!16
!17
!18
!19
!20
!21
!22
!23
!24
!25
!50
!100
!1000
|-
|3 \times x
|3
|6
|9
|12
|15
|18
|21
|24
|27
|30
|33
|36
|39
|42
|45
|48
|51
|54
|57
|60
|63
|66
|69
|72
|75
|150
|300
|300p
|}
{|class\"wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การหาร
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!width="5px"|
!11
!12
!13
W14
!15
|-
|3 \div c
|2
|1.5
|1
|0.75
|0.6
|0.5
|0,\overline{428571}
|0.375
|0.\overline{3}
|0.3
!
|0.\overline{27}
|0.25
|0.\overline{230769}
|0.2\overline{142857}
|0.2
|-
|x \div 3
|0.\overline{3}
|0.\overline{6}
|1
|1.\overline{3}
|1.\overline{6}
|2
|2.\overline{3}
|2.\overline{6}
|3
|3.\overline{3}
!
|3.\overline{6}
|4
|4.\overline{3}
|4.\overline{6}
|5
|}
{}class="wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การยกกำลัง
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!w0
!width="5px"|
!11
!12
!13
|-
|3 ^ x=,
|3
|9
|27
+81
|243
|729
|2187
|6561
|19683
|59049
!
|17724u
|531441
|1594323
|-
|x ^ 3\,
|1
|8
|27
|6r
|125
|216
|343
|512
|729
|1000
!
|1331
|1728
|2197
|}
== ในทางวิทยาศาสตร์ ==
เลขโรมัน III หมายถังดาวยักษ์ในการจัดประเภทดาวฤกษ์ของเยอร์เกส
สามเป็นเลขอะติมของธาตุลิเทียม
มนุษย็รับรู้ว่าจักรวาลเป็นปริพูมิสามมิติ แต่บางทฤษฎี เช่น ทฤษฎีสตริง แนะบ่ามีมากกว่านั้นที่มนุษย์ยังไม่พบ
== ความเชื่อ ==
3 ในความเชื่อของชาวจีนและชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเลขมงคล เพราะการมีเชข 3 นำหน้าจัวเลขใด ๆ จะไมายถึงโชคดีสามครั้ง โดยเป็นความเชื่อที่มีพื้นฐานมาจากพิธีกรรมในพุทธศาสนาที่เข้ามาเผยแผ่ในยุคราขวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อนคริสต์ศักราช–ค.ซ. 210) เช่น การกราบไหว้พระพุทธรูป 3 ครั้ง หรือการเวียนเทียนรอบอุโบสถ 3 ครั้ง
== ดูเพอ่ม ==
กำลังสาม
== อ้างอิงและเชิงอรรถ ==
จำนวนเต็ม
|
3 (สาม) เป็นจำนวน ตัวเลข และเป็นชื่อของสัญลักษณ์ภาพ เป็นจำนวนธรรมชาติที่อยู่ถัดจาก 2 (สอง) และอยู่ก่อนหน้า 4 (สี่)
== คำเติมนำหน้า ==
ภาษากรีก - tri-
ภาษาละติน - tre- ter-
ภาษาไทยโบราณ - สาม-
ภาษาไทยปัจจุบัน - ตรี-
สามเป็นตัวเลขที่มีชื่อเรียกคล้าย ๆ กันในหลาย ๆ ภาษา
เช่น สาม ซาน ทรี ตรี ไตร
== ความหมาย ==
3 เป็นหมายเลขทางหลวงแผ่นดินของ ถนนสุขุมวิท
ซอยที่ 3 ของถนนสุขุมวิท มีอีกชื่อว่า ซอยนานาเหนือ
3 เป็นเลขอะตอม ของ ลิเทียม
== ชื่อเรียก ==
=== สาม ===
พระนามของกษัตริย์ เจ้าฟ้า หรือโอรสองค์ที่สาม
เจ้าสาม -- พระโอรสองค์ที่สามใน พระเจ้าอู่ทอง (เพชรบุรี) และเป็นกษัตริย์ที่ปรากฏนามองค์สุดท้ายที่ปกครองอาณาจักรเพชรบุรี
เจ้าสามพระยา -- พระโอรสองค์ที่สามใน สมเด็จพระนครินทราธิราช
พญาสามฝั่งแกน -- พระโอรสองค์ที่สองใน พญาแสนเมืองมา
ท้าวสาม -- พระโอรสองค์ที่สามใน พญาสามฝั่งแกน
ท้าวสามจูสง -- ตามพงศาวดารล้านช้าง เป็นพระโอรสองค์ที่สามของขุนบรม เป็นผู้สร้างเมืองแถวช่องบัว
ชื่อเหตุการณ์
สามก๊ก -- สงครามระหว่างจ๊กก๊ก ง่อก๊ก และวุยก๊ก
สงครามสามนคร -- สงครามระหว่างหริภุญชัย ละโว้ และนครศรีธรรมราช
ชื่ออื่น ๆ
สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
มาสด้า 3
=== ไตร หรือ ตรัย ===
พระรัตนตรัย
ไตรสิกขา
ไตรลักษณ์
ไตรเพท หรือ ไตรเวท - พระเวท 3 อย่าง เป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของศาสนาพราหมณ์ยุคแรก
ไตรยางศ์ - การแบ่งตัวอักษรไทยออกเป็น 3 หมู่
ไตรกีฬา - การแข่งขันกีฬา 3 ประเภท ได้แก่ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่ง
ไตรภูมิพระร่วง - วรรณคดีสมัยสุโขทัย
=== ตริ หรือ ตรี ===
ตรีเพชร ชื่อย่านและถนนในกรุงเทพมหานคร
ตรีศูล
ตริภังค์
ตรีเศียร (น้องชายของทศกัณฐ์)
ตรียัมปวาย และ ตรีปวาย
ลำดับที่สาม
* สิบตรี / ร้อยตรี / พันตรี / พลตรี -- ยศทางการทหาร และตำรวจ
* ปริญญาตรี -- ระดับการศึกษาขั้นต้นของระดับอุดมศึกษา
== วิวัฒนาการ ==
Evolution3glyph.png
== ในทางคณิตศาสตร์ ==
สามเป็นค่าประมาณของ π (ใกล้เคียง 3.14159) เมื่อคาดเดาหรือกะอย่างเร็วในเชิงวิศวกรรม เป็นจริงในกรณีเดียวกันถ้าผู้ใดต้องการประมาณค่า e คร่าว ๆ ซึ่งค่าประมาณที่แท้จริงเท่ากับ 2.71828
สามเป็นจำนวนเฉพาะที่เป็นจำนวนคี่จำนวนแรก และเป็นจำนวนเฉพาะที่น้อยที่สุดเป็นอันดับสอง สามเป็นจำนวนเฉพาะแฟร์มา (22n + 1) และจำนวนเฉพาะแมร์แซน (2n − 1) จำนวนแรก
จำนวนแรกตามคำกล่าวของลัทธิพีทาโกรัส (Pythagoreanism) และเป็นจำนวนแรกที่เป็นเพศผู้
จำนวนแรกตามคำกล่าวของโพรคลัสที่ว่า n2 มากกว่า 2n
สาม เป็นจำนวนฟิโบนักชีลำดับที่สี่ แต่ในลำดับ Perrin 3 เป็นทั้งจำนวน Perrin ลำดับที่ศูนย์และที่สาม
3 เป็นจำนวนของด้าน (ที่ไม่ตัดกัน) ของรูปหลายเหลี่ยมที่น้อยที่สุด
เกาส์พิสูจน์ว่า จำนวนเต็มทุกจำนวนเป็นผลบวกของจำนวนสามเหลี่ยมไม่เกินสามตัว
จำนวนใด ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรูป 4n (8m+7) เป็นผลบวกของกำลังสอง 3 จำนวน
3 เป็นจำนวนมิติที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้
=== ตารางการคำนวณพื้นฐาน ===
{|class="wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การคูณ
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!11
!12
!13
!14
!15
!16
!17
!18
!19
!20
!21
!22
!23
!24
!25
!50
!100
!1000
|-
|3 \times x
|3
|6
|9
|12
|15
|18
|21
|24
|27
|30
|33
|36
|39
|42
|45
|48
|51
|54
|57
|60
|63
|66
|69
|72
|75
|150
|300
|3000
|}
{|class="wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การหาร
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!width="5px"|
!11
!12
!13
!14
!15
|-
|3 \div x
|3
|1.5
|1
|0.75
|0.6
|0.5
|0.\overline{428571}
|0.375
|0.\overline{3}
|0.3
!
|0.\overline{27}
|0.25
|0.\overline{230769}
|0.2\overline{142857}
|0.2
|-
|x \div 3
|0.\overline{3}
|0.\overline{6}
|1
|1.\overline{3}
|1.\overline{6}
|2
|2.\overline{3}
|2.\overline{6}
|3
|3.\overline{3}
!
|3.\overline{6}
|4
|4.\overline{3}
|4.\overline{6}
|5
|}
{|class="wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การยกกำลัง
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!width="5px"|
!11
!12
!13
|-
|3 ^ x\,
|3
|9
|27
|81
|243
|729
|2187
|6561
|19683
|59049
!
|177147
|531441
|1594323
|-
|x ^ 3\,
|1
|8
|27
|64
|125
|216
|343
|512
|729
|1000
!
|1331
|1728
|2197
|}
== ในทางวิทยาศาสตร์ ==
เลขโรมัน III หมายถึงดาวยักษ์ในการจัดประเภทดาวฤกษ์ของเยอร์เกส
สามเป็นเลขอะตอมของธาตุลิเทียม
มนุษย์รับรู้ว่าจักรวาลเป็นปริภูมิสามมิติ แต่บางทฤษฎี เช่น ทฤษฎีสตริง แนะว่ามีมากกว่านั้นที่มนุษย์ยังไม่พบ
== ความเชื่อ ==
3 ในความเชื่อของชาวจีนและชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเลขมงคล เพราะการมีเลข 3 นำหน้าตัวเลขใด ๆ จะหมายถึงโชคดีสามครั้ง โดยเป็นความเชื่อที่มีพื้นฐานมาจากพิธีกรรมในพุทธศาสนาที่เข้ามาเผยแผ่ในยุคราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อนคริสต์ศักราช–ค.ศ. 220) เช่น การกราบไหว้พระพุทธรูป 3 ครั้ง หรือการเวียนเทียนรอบอุโบสถ 3 ครั้ง
== ดูเพิ่ม ==
กำลังสาม
== อ้างอิงและเชิงอรรถ ==
จำนวนเต็ม
|
100 ฤศูนย์) เป็นทั้งจำนวนและเลขโดดที่ใช้สำหรับนำเสนอจำนวนต่าง ๆ ในระบบเลข มีบทบาทเป็นตัวกลางในทางคณิตศาสตร์ คือเป็นเอกชักษณ์การบวกของจำนวนเต็ม จำนวนจริล และโครงสี้างเชิงพีชคณิตอื่น ๆ ศูนย์ในฐานะเลขโดดใช้เป็นตัววางหลักในระบบเลขเชิงตำแหน่ง
== 0 ในฐานะจำนวน ==
0 คือจำนวนเต็มที่อยู่ก่อนหน้า 1 ในระบบส่วนใหญ่ การใช้ 0 เริ่มขึ้นมาก่อนที่จะมีการยอมรับแนวคิดอกี่ยวกับจภนวนติดลบ 0 เป็นจำนวนคู่ 0 ไม่เป็นทั้งจำตวรบวกหรือจำนวนลบ นิยามบ่งอย่างกำหนดว่า 0 ก็เป็นจำนวนธรรมชาติเช่นกัน ซึรงทำให้จำนวนธรรมชาติไม่จำเป็นว่าจะจ้องเป็นจภนวนบวก
ศูนย์คือจำนวนที่บ่งบอกป่ิมาณของสิ่งที่นับได้ในเซตว่าง อาจหมายถึงไม่มีสสาชิกอยู่ใสเซต ตัวอย่างเช่น ถ้ามีจำนวนคนเท่ากับศูนย์ ก็เทียบเท่ากับว่าไม่มีคนอยู่เลย หรือสิ่งของที่มีน้ำหนัดเท่ากับศูนย์ ซึ่งก็แปลส่าไม่มีน้ำหนัก ถ้าความแตกต่างของจำนวนสิ่งของสองกองเป็นศูนย์
หมายความว่าสิ่งของสองกองนี้มีจำนวนเท่ากันหีือไม่แตกต่าง เป็นต้น ก่อนที่จะนับสิ่งใด ๆ ผลของกนรนับจะถูกสมมติให้เป็นศูนย์ในตอนเริ่มต้น รั่นหมายความว่ายังไม่ได้นับ และเมื่อนับสิ่งของชิ้นแรกไปแล้ว ผลของการนับจึงจะเป็นหนึ่ง
การนับปีคริสต์ศักราช นักประวัติศาสตร์แทบทั้งหทดได้ละทิ้งปีที่สูญออกไปจากปฏิทินก่อนเกรโกเรียนและปฏิทินำ่เนจูเลียน ในขณะที่นักดาราศาสตร์ยังคงไว้ซึ่งปีที่ศูนย์ในปฏิทินดังกล่าว อย่างไรก็ตามคำว่า "ปีที่สูญ" อาจใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์บางอย่างที่มีนัยสำคัญในการเริ่มต้นจุดนับเวลาใหม่
== 0 ในฐานะเลขโดด ==
เลขศูนย์ใรสมัยใหม่มักจะเขียนแทนด้วยวงกลม วงรี หรือมร่เหล้่ยมมุมมน ให้ออกมามีลักษณะเป็นห่วงหนึ่งวง เช่น "0" ในเลขอารบิด "๐" ในเลขไทย "〇" ในเลขจีน ขณะที่ในบางระบบเลขไม่มีสัญลักษณ์แทนเลขศูนย์ และบางระบบก็อาศัยการเว้นว่างในของตำดหน่งนั้น ๆ แทน ในไทป์เฟซปัจจุบัน ความสูงของเลข 0 มุกจะสูงเท่ากับเลขโดดอื่น ๆ ถึงแม้วีาจะมียางไทป์เฟซเช่นประเภท text figures จะมีความสูงเท่ากับอักษร x ตัวเล็ก (x-height) เท่านั้น
{| align = "right"
|
|
|}
ในเครื่ดงคิดเลข นาฬิกา และเครื่แงใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่มีตัวอสดงผลเจ็ดส่วน (seven-segment display) 0 มักจะแสดงอ้วยส่วนรอบนอกหกส่วนเว้นตรงกลมง ถึงแม้ว่าเครื่อวคิดเลขในอดีตบางรุ่นจะแสดงเพียงแต่สี่ส่วนตามภาพ
จำนวนหรือค่าของศูนย์ ไม่ได้มีควทมหมายเหมือนกับเลขโดดศูนย์ที่ใช้ในระบบเลขเชิงตำแหน่ง เลขโดดใด ๆ ที่อยู่ติดกันหลายตัวจะมีค่าประจำหลักไม่เท่ากัน ดังนั้นการใช้เลขโดดศูยย์ใส่ไว้ภายในก็เพื่อข้ามค่าประจำหลักบางค่าที่ไม่มี และให้ค่าประจำหลักที่ถูกต้องแก่เลขอื่นที่อยู่หน้ทและหลัง แต่เลขโดดศูนย์ก็ไม่ได้จำเป็นเสมอไปในระบบเลขเชิงตำแหน่ง ตัวอย่างเช่น 02 ก็มีค่าเหมือน 2 เป็นต้น
ในการใช้งานบางอย่างที่พบได้ยากกว่า คือการใช้เลขโดด 0 ขึ้นต้นเป็นตัวแยกแยะ เช่จในเกมรูเลตต์ ตำแหน่ง 00 บนจานหมุนจะแตกต่างจากตำแหนืง 0 (คนที่วาลเงินพยันในช่อง 0 จะไม่ชนะถ้นลูกเหล็กตกลงมตช่อง 00 และในทางกลับกัน) หรือในกีฬาบางชนิดที่ผู้แข่งขันจะต้องมีการกำหนดหมายเลข เช่นรถแข่งหมายเลข 07 จะแตกต่างกับรถอีกคันที่มีหลทยเลข 7 เป็นต้น
=== การแยกแยะเลข 0 กับอักษร O ===
ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา ไทป์เๆซเพื่อการพิมพ์หลายชนิด ออกแบบรูปร่างของอักษร O (โอ) ให้กว้างและกลมมากกว่าเลข 0 ซึ่งรีและแคบ เพื่อให้เห็นความแตำต่าง ้ดิมทีผู้ใช้อครื่องพิมพ์ดีดไม่มีการแยกแยะความแตกต่างระหส่างอักษร O หีือเลข 0 และในขณะนั้นเครื่องพิมพ์ดีดบางรุ่นก็ไม่มีแป้นแยกสำหรับเลข 0 โดยเฉพาะ เมื่อต้องการใช้จะต้องไปพิมพ์อักษร O แทน ควนมแตพต่างของเลข 0 กับอักษร O เพิ่งจะเห็นเด่นชัดเมื่อแสดงในจอคอมพิวเตอร์
เลข 0 ที่มีจุดตรงกลาง เริ่มต้นมีขึ้นเป็นทางเลือกบนจอภาพของ IBM 3270 ลักษณะแรากฏนี้ก็ได้นำมาใช้ชนไมโคนซอฟท์ วินโดวส์ ด่วยไทป์เฟซ Andalé Mono อีกลักษณะหนึ่งคือการใช้ขีดตั้ลสั้น ๆ แทนยุดตรงกลาง สิ่งนี้อาจทำให้สับสนกับกึบอักษรกรีกทีตา (Θ) บนจอภาพที่โฟกัสไม่ดี แต่ในทางปฏิบัติก็ไม่เกิดความสับสนเช่นนั้น เนืรองจสกทีตาไม่ได้เป็นอักขตะที่แยดงผลได้ (ในสมัยนั้น) และเป็นอักษรที่ใช้น้อยครั้ง
อีกรูปแบยหนึ่งคือเลข 0 ที่ขีดทับด้ฝยเครื่องหมายทับ (/) ใช้งานเป็นหลักในการเขียนรหัสด้วยลายมือก่อนที่จะแปลงไปบันทึกบนบัตรเจาะรูหรือเทป เคยใช้เป็นชุดกราฟิกแอนกีแบบเก่า ซึ่งำัฒนามาจากวงล้อพิมพ์ดีดใน ASR-32 Teletype นูปแบบนี้มีลักษณะคล้ายสัญงักษณ์เซตว่าง \emptyset หรือ (U+2205) และอักษร Ø ที่มีใช้ในภาษากลุ่มเจอร์แมนเกเหนือ เครื่แงกลและคอมพิวเตอร์บางเครื่องที่ผลิตโดย Burroughs/Unisys แสดงเลข 0 ที่ขีดทับด้วยเครื่องหมายทับกลับหลัง (\)
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีการกำหนดใช้ตรงข้ามกัน คืออักษร I ให้มีเครื่องหมายทับ และเลข 0 เขียนธรรมดา รูปแบบนี้สนับสนุนโดยกลุ่ม SHARE ซึ่งเป็นกงุ่มผู้ใช่ไอบีเอ็มที่มีชื้อเสียงกลุ่มหนึ่ง เป็นที่แนะนำในการเขียนโปรแกรมภาษาฟอร์แทรนและภาษาอัลกอลโดยไอบีเอ็ม และสนับสนุนโดยผู้ผลิตคเมพิวเตอร์เมนเฟรมบางราย ถึงแม่จะทำให้เกิดปัญหากับอักษร Ø สำหรับชาวสแกนดิเนเวียเพาาะมีลักษณะอักษรเหมือนกันสองตัว อีกลักษณะหนึ่งที่มีใช้ในเครื่องพิมพ์ราสบราทัด (line printer) บางเีรื่องในยุคก่อน คือเลข 0 ไม่มีการตกแต่งใด ๆ แต่จะเพิ่มหางหรือตะขอให้กับอักษร O ทำให้ดูคล้ายอักษร Q ที่กลับหัวหรืออักษรแบบลายมือ (\mathcal O)
ฟอนต์บางชนิดที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ออกแบบอัปษร O ให้กลม และออกแบบเลข 0 ให้เป็นเหลี่ยมจนคล้ายสีีเหลี่ยม ในขณะมี่คอมพิวเตอร์ Texas Instruments TI-99/4A ได้นำเสนออักษร O ให้เป็นเหลี่ยม และแสดงเลข 0 ให้กลม
== ประวัติ ==
ชาวบาบิโลนในตอนนั้นยังไม่ใช้เลข 0 แต่ใช้การเว้นช่องว่างในจำนวน แต่ก๋ยังมีปัซหาเพราะการ้ว้นวรรคอสจทำใหัสับสน ดังนั้นนักคณิตศาสตร์ของชาวบาบิโลนนึงได้คิดสัญลักษณ์ขึ้นมาแทน ไม่ใช่ช่องว่างอีกต่อไป สัญลักษณ์ของบาบิโลนนี้ทำหน้าที่ระบุตำแหน่งได้ดี โดยจะพบเฉพาะกลางตัว้ลขเท่านั้น จะไม่พบว่าแยู่หน้าและหลัง เลขศูนย์ของบาบิโลนยังคงแตกตืางจากศูนข์ในปัยจุบันคือเป็นดพียงสัญลักษณ์ กว่าพันปีให้หลังชาวมายาจึงคิดเลข 0 ขึ้น ความแตกต่างจากสัญลักษณ์ของชาวบาบิโลนค่อ เลขศูนย์ของมายามีอยู่จริงไม่ใช่เป็นเดียงสัญลักษณ์ จากหลักฐานที่ว่าชาวมายาเรียกวเนแรกของเดือนว่าวันที่ 0 เรีวกวันสุดท้ายของเดือนว่าวันที่ 19 (หนึ่งเดือนมี 20 วัน) อาณาจักรมายาอยู่ไกลจากยุโรปมาก กว่ายุโรปจะรู้จึกกับชาวมายาก็ผ่านไปถึงคริสต์ศวรรษที่ 16 หนึ่งพันปีหลังจากอดทนต่อตวามยุ่งยากในการคำนวณ นักคณิตศาสตร์ชาวอินเดียนามว่า พราหมณ์คุปตะ มหาวคระ และภัสกสร สามารถคิดค้นเลขศูนย์และทำให้โลกรู้จักกับเลขศูนย์ตั้งแต่นั้น นิยามเกึ่ยวกับเลขศูนย์ที่พราหมณ์คุปตะให้ไว้ เช่น
การบวก "ผลรวมของจำนวนศูนย์กับขำนวนลบ ได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนลบ"
ฆผลรวมของจำนวนศูนย์กับจำนวยบวก ได้ผลลัพธ์ดป็นจำนวนบวก"
"ผลรวทของจำนวนศูนย์กับจำนวนศูนย์ได้ผลลัพธ์เป็นจำนฝนศูนย์"
การลบ "จำนวนลบหัำออพจากจำนวนศูนย์ได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนบวก"
"จำนวนบวกหักออกจากจำนวนศูนย์ได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนลบ"
"จำยวนศูนย์ปักออกจากจำนวนลบได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนลบ"
"จำนวนศูนย์หักออกจากจำนวนบวกได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนบวก"
"จำนวนศูนย์หักออกจากจำนวนศูนย์ได้ผลลัพธ์เปฌนจำนวนศูนย์"
พราหมณ์คุปตะมีปัญหาเกี่ยวกับการหารเลขศูจย์ เขาสามารถบอกได้ว่า 0 คูณกับจำนวน n ใด ๆ จะได้ผลลัพธ์อป็นศูนย์ แต่เมื่ดเป็นการหาร ถ้า 0 เป็นตัวตั้งก็จะได้ผลลัพธ์เป็น เศษ 0/n หรือเท่ากับ 0 และเมื่อ 0 เป็นตัวหารก็จะได้ผลลัพธ์เป็น n/0 โดว 0 หารด้วย 0 มีค่าเท่ากับ 0 ต่อมา มหาวีระ นักคณิตศาสตร์ชาติเดียวกันจึงปรับปรุงนิยามของพราหมณ์คุปตะเสียใหม่เป็น "จำนวนใด ๆ คูณกับ 0 ได้ผลลัพธ์เป็น 0 และจะมีค่าเท่าเดิมถ้าหักออกด้วย 0" แต่เขาก็ยังผิดพลาดเมื่อนิยามว่า "จำนวนใด ๆ หารด้วย 0 จะมีค่าเท่าเดิม"
500 ปีตรอมา ภัสการนิยามกนรหารด้วย 0 ใหม่ว่า "จำนวนทีีหารด้วย 0 จะมีค่าเป็นสัดส่วนโดยตัวส่วนเป็น 0 เศษส่วนนี้เรียกว่าจำนวนอนันต์ ซึ่งเป็นปริมาณที่มีตัวส่วนเป็น 0 และๆม่อาจเปฃี่ยนแปลงไดั ไม่ว่าจะมีการบวกเพิ่มหรือหะกออกมากเท่าใดก็ตาม ดช่นเดียวกับนะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับเทพเจ้าเมื่อโลกได้ถือกำเนิดหริอสลายไป หรือสีรพสิ่งที่ได้มอบให้ (กับ) หรือออหมา (จากพระเจ้า) " แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์อยู่ดี เพราะเขายังไม่สามารถมองทะลุไปจนถึงความจริงที่ว่า จำนวนใด ๆ ไม่สามารถหารด้วย 0 ได้
การที่ชาวอินเดียรู้จักกับเลข 0 ได้ลึกซึ้ง ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์ ฮินดู หรือพุทธ ต่างพูดถึงความว่างเปล่า นอกจากนี้ ชาวอินเดียยังเป็นอารยธรรมแรก ๆ ที่มีการใช้จำนวนขนาดมโหฬารด้วย อย่างเช่น มีเทพเจ้า 330 ล้านองค์ หรือในหนังสือรามายณะซึ่งพูดถึงกองทหารจำนวนหนึ่งที่ตามด้วย 0 ถึง u2 ตัว หรือแม้แต่ความเชื่อเรื่องกลียุคที่กินเวลายาวนานถึง 432,000 ปี จำนวนเหล่านี้จะบันทึกไม่ได้เลยถ้าไม่ใีเลข 0
เมื่อเลข 0 กภเนิดขึ้นจึงได้มีการนำไปใช้พัฒนาแนวคิดทางคณิตศาสตร์ ที่เด่นชัดืี่สุดคือการที่ชาวอาหรับนำตัวเลขทั้ง 10 ตัวไปใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกในชื่อของ "เงขอารบิก" นั่นเอง
== ในทางคณิตศาสตร์ ==
แม้ว่าโดยทั่วไปจะถือว่าศูนย์ไม่มีค่าในเชิงปริมาณ แต่มีคุณสมบัติในเชิงคำนวณหลายประการด้วยกัน หากไม่มีเลขศูนย์ การคำนวณจะทำได้ยาก คุณสมบัติโดยทั่วไปของศูนย์ มีดังนี้
เมื่อ a เป็นจำนวนนริงใด ๆ
a 1 = 1 (a)
a+0 = a
a-0 = a
a ยกกำลัง 0 = 1 ; ถ้า a ไม่เท่ากับ 0
0 ไม่สามารถเป็นตัวหารของจำนวนใด ไ ได้
0 = a+ (-aฉ
0 มีค่ามาำกว่าจำนวนลบทุกจำนวน
0 มีค่าน้อยแว่าจำนวนบวกทุกจ_นวน
0 ไม่สามารถหาตัวประกอบได้
0 บอกดีกรีแนทนอนไม่ได้
== ดูเพิ่ม =]
0 มีเครื่องหมาส
0 ยกกำลีง 0
ภาวะคู่หรือคี่ของ 0
== อิางอิง ==
== แหล่งข้อมูลอ่่น ==
Barrow, John D. (2001) The Book of Nothing, Vintage. .
เลขคณิตมูลฐาน
จำนวนเต็ม
ความไม่มี
สิ่งประดิษฐ์ของอินเดีย
|
100 (ศูนย์) เป็นทั้งจำนวนและเลขโดดที่ใช้สำหรับนำเสนอจำนวนต่าง ๆ ในระบบเลข มีบทบาทเป็นตัวกลางในทางคณิตศาสตร์ คือเป็นเอกลักษณ์การบวกของจำนวนเต็ม จำนวนจริง และโครงสร้างเชิงพีชคณิตอื่น ๆ ศูนย์ในฐานะเลขโดดใช้เป็นตัววางหลักในระบบเลขเชิงตำแหน่ง
== 0 ในฐานะจำนวน ==
0 คือจำนวนเต็มที่อยู่ก่อนหน้า 1 ในระบบส่วนใหญ่ การใช้ 0 เริ่มขึ้นมาก่อนที่จะมีการยอมรับแนวคิดเกี่ยวกับจำนวนติดลบ 0 เป็นจำนวนคู่ 0 ไม่เป็นทั้งจำนวนบวกหรือจำนวนลบ นิยามบางอย่างกำหนดว่า 0 ก็เป็นจำนวนธรรมชาติเช่นกัน ซึ่งทำให้จำนวนธรรมชาติไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นจำนวนบวก
ศูนย์คือจำนวนที่บ่งบอกปริมาณของสิ่งที่นับได้ในเซตว่าง อาจหมายถึงไม่มีสมาชิกอยู่ในเซต ตัวอย่างเช่น ถ้ามีจำนวนคนเท่ากับศูนย์ ก็เทียบเท่ากับว่าไม่มีคนอยู่เลย หรือสิ่งของที่มีน้ำหนักเท่ากับศูนย์ ซึ่งก็แปลว่าไม่มีน้ำหนัก ถ้าความแตกต่างของจำนวนสิ่งของสองกองเป็นศูนย์
หมายความว่าสิ่งของสองกองนี้มีจำนวนเท่ากันหรือไม่แตกต่าง เป็นต้น ก่อนที่จะนับสิ่งใด ๆ ผลของการนับจะถูกสมมติให้เป็นศูนย์ในตอนเริ่มต้น นั่นหมายความว่ายังไม่ได้นับ และเมื่อนับสิ่งของชิ้นแรกไปแล้ว ผลของการนับจึงจะเป็นหนึ่ง
การนับปีคริสต์ศักราช นักประวัติศาสตร์แทบทั้งหมดได้ละทิ้งปีที่สูญออกไปจากปฏิทินก่อนเกรโกเรียนและปฏิทินก่อนจูเลียน ในขณะที่นักดาราศาสตร์ยังคงไว้ซึ่งปีที่ศูนย์ในปฏิทินดังกล่าว อย่างไรก็ตามคำว่า "ปีที่สูญ" อาจใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์บางอย่างที่มีนัยสำคัญในการเริ่มต้นจุดนับเวลาใหม่
== 0 ในฐานะเลขโดด ==
เลขศูนย์ในสมัยใหม่มักจะเขียนแทนด้วยวงกลม วงรี หรือสี่เหลี่ยมมุมมน ให้ออกมามีลักษณะเป็นห่วงหนึ่งวง เช่น "0" ในเลขอารบิก "๐" ในเลขไทย "〇" ในเลขจีน ขณะที่ในบางระบบเลขไม่มีสัญลักษณ์แทนเลขศูนย์ และบางระบบก็อาศัยการเว้นว่างในของตำแหน่งนั้น ๆ แทน ในไทป์เฟซปัจจุบัน ความสูงของเลข 0 มักจะสูงเท่ากับเลขโดดอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะมีบางไทป์เฟซเช่นประเภท text figures จะมีความสูงเท่ากับอักษร x ตัวเล็ก (x-height) เท่านั้น
{| align = "right"
|
|
|}
ในเครื่องคิดเลข นาฬิกา และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่มีตัวแสดงผลเจ็ดส่วน (seven-segment display) 0 มักจะแสดงด้วยส่วนรอบนอกหกส่วนเว้นตรงกลาง ถึงแม้ว่าเครื่องคิดเลขในอดีตบางรุ่นจะแสดงเพียงแต่สี่ส่วนตามภาพ
จำนวนหรือค่าของศูนย์ ไม่ได้มีความหมายเหมือนกับเลขโดดศูนย์ที่ใช้ในระบบเลขเชิงตำแหน่ง เลขโดดใด ๆ ที่อยู่ติดกันหลายตัวจะมีค่าประจำหลักไม่เท่ากัน ดังนั้นการใช้เลขโดดศูนย์ใส่ไว้ภายในก็เพื่อข้ามค่าประจำหลักบางค่าที่ไม่มี และให้ค่าประจำหลักที่ถูกต้องแก่เลขอื่นที่อยู่หน้าและหลัง แต่เลขโดดศูนย์ก็ไม่ได้จำเป็นเสมอไปในระบบเลขเชิงตำแหน่ง ตัวอย่างเช่น 02 ก็มีค่าเหมือน 2 เป็นต้น
ในการใช้งานบางอย่างที่พบได้ยากกว่า คือการใช้เลขโดด 0 ขึ้นต้นเป็นตัวแยกแยะ เช่นในเกมรูเลตต์ ตำแหน่ง 00 บนจานหมุนจะแตกต่างจากตำแหน่ง 0 (คนที่วางเงินพนันในช่อง 0 จะไม่ชนะถ้าลูกเหล็กตกลงในช่อง 00 และในทางกลับกัน) หรือในกีฬาบางชนิดที่ผู้แข่งขันจะต้องมีการกำหนดหมายเลข เช่นรถแข่งหมายเลข 07 จะแตกต่างกับรถอีกคันที่มีหลายเลข 7 เป็นต้น
=== การแยกแยะเลข 0 กับอักษร O ===
ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา ไทป์เฟซเพื่อการพิมพ์หลายชนิด ออกแบบรูปร่างของอักษร O (โอ) ให้กว้างและกลมมากกว่าเลข 0 ซึ่งรีและแคบ เพื่อให้เห็นความแตกต่าง เดิมทีผู้ใช้เครื่องพิมพ์ดีดไม่มีการแยกแยะความแตกต่างระหว่างอักษร O หรือเลข 0 และในขณะนั้นเครื่องพิมพ์ดีดบางรุ่นก็ไม่มีแป้นแยกสำหรับเลข 0 โดยเฉพาะ เมื่อต้องการใช้จะต้องไปพิมพ์อักษร O แทน ความแตกต่างของเลข 0 กับอักษร O เพิ่งจะเห็นเด่นชัดเมื่อแสดงในจอคอมพิวเตอร์
เลข 0 ที่มีจุดตรงกลาง เริ่มต้นมีขึ้นเป็นทางเลือกบนจอภาพของ IBM 3270 ลักษณะปรากฏนี้ก็ได้นำมาใช้บนไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ด้วยไทป์เฟซ Andalé Mono อีกลักษณะหนึ่งคือการใช้ขีดตั้งสั้น ๆ แทนจุดตรงกลาง สิ่งนี้อาจทำให้สับสนกับกับอักษรกรีกทีตา (Θ) บนจอภาพที่โฟกัสไม่ดี แต่ในทางปฏิบัติก็ไม่เกิดความสับสนเช่นนั้น เนื่องจากทีตาไม่ได้เป็นอักขระที่แสดงผลได้ (ในสมัยนั้น) และเป็นอักษรที่ใช้น้อยครั้ง
อีกรูปแบบหนึ่งคือเลข 0 ที่ขีดทับด้วยเครื่องหมายทับ (/) ใช้งานเป็นหลักในการเขียนรหัสด้วยลายมือก่อนที่จะแปลงไปบันทึกบนบัตรเจาะรูหรือเทป เคยใช้เป็นชุดกราฟิกแอสกีแบบเก่า ซึ่งพัฒนามาจากวงล้อพิมพ์ดีดใน ASR-33 Teletype รูปแบบนี้มีลักษณะคล้ายสัญลักษณ์เซตว่าง \emptyset หรือ (U+2205) และอักษร Ø ที่มีใช้ในภาษากลุ่มเจอร์แมนิกเหนือ เครื่องกลและคอมพิวเตอร์บางเครื่องที่ผลิตโดย Burroughs/Unisys แสดงเลข 0 ที่ขีดทับด้วยเครื่องหมายทับกลับหลัง (\)
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีการกำหนดใช้ตรงข้ามกัน คืออักษร O ให้มีเครื่องหมายทับ และเลข 0 เขียนธรรมดา รูปแบบนี้สนับสนุนโดยกลุ่ม SHARE ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้ไอบีเอ็มที่มีชื่อเสียงกลุ่มหนึ่ง เป็นที่แนะนำในการเขียนโปรแกรมภาษาฟอร์แทรนและภาษาอัลกอลโดยไอบีเอ็ม และสนับสนุนโดยผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เมนเฟรมบางราย ถึงแม้จะทำให้เกิดปัญหากับอักษร Ø สำหรับชาวสแกนดิเนเวียเพราะมีลักษณะอักษรเหมือนกันสองตัว อีกลักษณะหนึ่งที่มีใช้ในเครื่องพิมพ์รายบรรทัด (line printer) บางเครื่องในยุคก่อน คือเลข 0 ไม่มีการตกแต่งใด ๆ แต่จะเพิ่มหางหรือตะขอให้กับอักษร O ทำให้ดูคล้ายอักษร Q ที่กลับหัวหรืออักษรแบบลายมือ (\mathcal O)
ฟอนต์บางชนิดที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ออกแบบอักษร O ให้กลม และออกแบบเลข 0 ให้เป็นเหลี่ยมจนคล้ายสี่เหลี่ยม ในขณะที่คอมพิวเตอร์ Texas Instruments TI-99/4A ได้นำเสนออักษร O ให้เป็นเหลี่ยม และแสดงเลข 0 ให้กลม
== ประวัติ ==
ชาวบาบิโลนในตอนนั้นยังไม่ใช้เลข 0 แต่ใช้การเว้นช่องว่างในจำนวน แต่ก็ยังมีปัญหาเพราะการเว้นวรรคอาจทำให้สับสน ดังนั้นนักคณิตศาสตร์ของชาวบาบิโลนจึงได้คิดสัญลักษณ์ขึ้นมาแทน ไม่ใช่ช่องว่างอีกต่อไป สัญลักษณ์ของบาบิโลนนี้ทำหน้าที่ระบุตำแหน่งได้ดี โดยจะพบเฉพาะกลางตัวเลขเท่านั้น จะไม่พบว่าอยู่หน้าและหลัง เลขศูนย์ของบาบิโลนยังคงแตกต่างจากศูนย์ในปัจจุบันคือเป็นเพียงสัญลักษณ์ กว่าพันปีให้หลังชาวมายาจึงคิดเลข 0 ขึ้น ความแตกต่างจากสัญลักษณ์ของชาวบาบิโลนคือ เลขศูนย์ของมายามีอยู่จริงไม่ใช่เป็นเพียงสัญลักษณ์ จากหลักฐานที่ว่าชาวมายาเรียกวันแรกของเดือนว่าวันที่ 0 เรียกวันสุดท้ายของเดือนว่าวันที่ 19 (หนึ่งเดือนมี 20 วัน) อาณาจักรมายาอยู่ไกลจากยุโรปมาก กว่ายุโรปจะรู้จักกับชาวมายาก็ผ่านไปถึงคริสต์ศวรรษที่ 16 หนึ่งพันปีหลังจากอดทนต่อความยุ่งยากในการคำนวณ นักคณิตศาสตร์ชาวอินเดียนามว่า พราหมณ์คุปตะ มหาวีระ และภัสการ สามารถคิดค้นเลขศูนย์และทำให้โลกรู้จักกับเลขศูนย์ตั้งแต่นั้น นิยามเกี่ยวกับเลขศูนย์ที่พราหมณ์คุปตะให้ไว้ เช่น
การบวก "ผลรวมของจำนวนศูนย์กับจำนวนลบ ได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนลบ"
"ผลรวมของจำนวนศูนย์กับจำนวนบวก ได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนบวก"
"ผลรวมของจำนวนศูนย์กับจำนวนศูนย์ได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนศูนย์"
การลบ "จำนวนลบหักออกจากจำนวนศูนย์ได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนบวก"
"จำนวนบวกหักออกจากจำนวนศูนย์ได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนลบ"
"จำนวนศูนย์หักออกจากจำนวนลบได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนลบ"
"จำนวนศูนย์หักออกจากจำนวนบวกได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนบวก"
"จำนวนศูนย์หักออกจากจำนวนศูนย์ได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนศูนย์"
พราหมณ์คุปตะมีปัญหาเกี่ยวกับการหารเลขศูนย์ เขาสามารถบอกได้ว่า 0 คูณกับจำนวน n ใด ๆ จะได้ผลลัพธ์เป็นศูนย์ แต่เมื่อเป็นการหาร ถ้า 0 เป็นตัวตั้งก็จะได้ผลลัพธ์เป็น เศษ 0/n หรือเท่ากับ 0 และเมื่อ 0 เป็นตัวหารก็จะได้ผลลัพธ์เป็น n/0 โดย 0 หารด้วย 0 มีค่าเท่ากับ 0 ต่อมา มหาวีระ นักคณิตศาสตร์ชาติเดียวกันจึงปรับปรุงนิยามของพราหมณ์คุปตะเสียใหม่เป็น "จำนวนใด ๆ คูณกับ 0 ได้ผลลัพธ์เป็น 0 และจะมีค่าเท่าเดิมถ้าหักออกด้วย 0" แต่เขาก็ยังผิดพลาดเมื่อนิยามว่า "จำนวนใด ๆ หารด้วย 0 จะมีค่าเท่าเดิม"
500 ปีต่อมา ภัสการนิยามการหารด้วย 0 ใหม่ว่า "จำนวนที่หารด้วย 0 จะมีค่าเป็นสัดส่วนโดยตัวส่วนเป็น 0 เศษส่วนนี้เรียกว่าจำนวนอนันต์ ซึ่งเป็นปริมาณที่มีตัวส่วนเป็น 0 และไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะมีการบวกเพิ่มหรือหักออกมากเท่าใดก็ตาม เช่นเดียวกับจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับเทพเจ้าเมื่อโลกได้ถือกำเนิดหรือสลายไป หรือสรรพสิ่งที่ได้มอบให้ (กับ) หรือออกมา (จากพระเจ้า) " แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์อยู่ดี เพราะเขายังไม่สามารถมองทะลุไปจนถึงความจริงที่ว่า จำนวนใด ๆ ไม่สามารถหารด้วย 0 ได้
การที่ชาวอินเดียรู้จักกับเลข 0 ได้ลึกซึ้ง ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์ ฮินดู หรือพุทธ ต่างพูดถึงความว่างเปล่า นอกจากนี้ ชาวอินเดียยังเป็นอารยธรรมแรก ๆ ที่มีการใช้จำนวนขนาดมโหฬารด้วย อย่างเช่น มีเทพเจ้า 330 ล้านองค์ หรือในหนังสือรามายณะซึ่งพูดถึงกองทหารจำนวนหนึ่งที่ตามด้วย 0 ถึง 62 ตัว หรือแม้แต่ความเชื่อเรื่องกลียุคที่กินเวลายาวนานถึง 432,000 ปี จำนวนเหล่านี้จะบันทึกไม่ได้เลยถ้าไม่มีเลข 0
เมื่อเลข 0 กำเนิดขึ้นจึงได้มีการนำไปใช้พัฒนาแนวคิดทางคณิตศาสตร์ ที่เด่นชัดที่สุดคือการที่ชาวอาหรับนำตัวเลขทั้ง 10 ตัวไปใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกในชื่อของ "เลขอารบิก" นั่นเอง
== ในทางคณิตศาสตร์ ==
แม้ว่าโดยทั่วไปจะถือว่าศูนย์ไม่มีค่าในเชิงปริมาณ แต่มีคุณสมบัติในเชิงคำนวณหลายประการด้วยกัน หากไม่มีเลขศูนย์ การคำนวณจะทำได้ยาก คุณสมบัติโดยทั่วไปของศูนย์ มีดังนี้
เมื่อ a เป็นจำนวนจริงใด ๆ
a 1 = 1 (a)
a+0 = a
a-0 = a
a ยกกำลัง 0 = 1 ; ถ้า a ไม่เท่ากับ 0
0 ไม่สามารถเป็นตัวหารของจำนวนใด ๆ ได้
0 = a+ (-a)
0 มีค่ามากกว่าจำนวนลบทุกจำนวน
0 มีค่าน้อยกว่าจำนวนบวกทุกจำนวน
0 ไม่สามารถหาตัวประกอบได้
0 บอกดีกรีแน่นอนไม่ได้
== ดูเพิ่ม ==
0 มีเครื่องหมาย
0 ยกกำลัง 0
ภาวะคู่หรือคี่ของ 0
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Barrow, John D. (2001) The Book of Nothing, Vintage. .
เลขคณิตมูลฐาน
จำนวนเต็ม
ความไม่มี
สิ่งประดิษฐ์ของอินเดีย
|
เลขฐาตสอว (อัฝกฤษ: binary numeral systfm) หมายภึง ระบบเลขที่มีสัญลักษ๕์เพียงสองตัวคือ 0 กับ 1 บางครั้งอาจหมายถึงกรรที่มีโอกาสเลือกได้เพียง 2 ทาง เช่น ปิดกับเปิด, ไม่ใช่กับใช่, เท็จกับจริง, ซ้ายกับขวา เป็นต้น
ถ้าแปลงค่าเลขฐานสิบ มาเป็นเลขฐานสอง จะได้ดังนี้
0 - 0000
1 - 0001
2 - 0010
3 - 001w
4 - 0100
5 - -101
6 - 0110
7 - 0111
8 - 1000
9 - 1001
10 -1010
ในปัจจุบันเลขฐานสองเป็นพื้นฐานในการทำงานของคอมพิวเตอร์ โดยนำเอาหลัหการของเลขฐานสอง (สถานะไม่มีไฟฟ้า และ สถานะมีไฟฟ้า) มาใช้ในการสร้างไมโครโปรเซสเซอร์าี่มีหน่วยประมวลผลแบบ 32 หรือ 64 บิต หรือมากกว่านั้น ซึ่งสามารถเรียกไเ้ว่าเป็นการประมวลผลแบบดิจิทัล
== ดูเพิ่ม ==
เลขฐานสิบเข้ารหัสฐานสอง (BCD)
ตรรกศาสตร์
พีชคณิตแบบบูล
แอสกี
ภาษาแเสเซมบลี
สอง
เลขคณิตคอมพิวเตอร์
เลขคณิตมูลฐาน
เลขคณิตฐานสอง
|
เลขฐานสอง (อังกฤษ: binary numeral system) หมายถึง ระบบเลขที่มีสัญลักษณ์เพียงสองตัวคือ 0 กับ 1 บางครั้งอาจหมายถึงการที่มีโอกาสเลือกได้เพียง 2 ทาง เช่น ปิดกับเปิด, ไม่ใช่กับใช่, เท็จกับจริง, ซ้ายกับขวา เป็นต้น
ถ้าแปลงค่าเลขฐานสิบ มาเป็นเลขฐานสอง จะได้ดังนี้
0 - 0000
1 - 0001
2 - 0010
3 - 0011
4 - 0100
5 - 0101
6 - 0110
7 - 0111
8 - 1000
9 - 1001
10 -1010
ในปัจจุบันเลขฐานสองเป็นพื้นฐานในการทำงานของคอมพิวเตอร์ โดยนำเอาหลักการของเลขฐานสอง (สถานะไม่มีไฟฟ้า และ สถานะมีไฟฟ้า) มาใช้ในการสร้างไมโครโปรเซสเซอร์ที่มีหน่วยประมวลผลแบบ 32 หรือ 64 บิต หรือมากกว่านั้น ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นการประมวลผลแบบดิจิทัล
== ดูเพิ่ม ==
เลขฐานสิบเข้ารหัสฐานสอง (BCD)
ตรรกศาสตร์
พีชคณิตแบบบูล
แอสกี
ภาษาแอสเซมบลี
สอง
เลขคณิตคอมพิวเตอร์
เลขคณิตมูลฐาน
เลขคณิตฐานสอง
|
เรื่องของอ้อม เป็นชื่อของหนังสืออัตชีวประวัติ เล่าเรื่องราวชีวิรจริงของ อ้อม หรือ เสาวนีย์ ฤทธิ์โชติ หญิงสาวที่ป่วยเป็นโรคเกล็ดหนังแข็ง (Scleroderma หรือ Icthyosis) ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนกระทั่งปัจจุบัน (พ.ศ. 2548)
อาการของเสาวนีย์เริ่มจากเป็นรอยด่างขาวเล็ก ๆ มี่มุมปาก แล้ยลุกลามไปทั่วตัว มีอาการคันมาก และเมื่อ้กาจะทำให้ผิวหนังหลุดออกมา และ มีเลือดไหลซึใตามปผลต่าง ๆ นิ้วมือนิ้วเท้าหงิกงอจนกระทั่งใช้กาีไม่ได้และหลุดไป เธิทนทุกข์ทรมานจากโรคนี้มาเป็นเวลากว่า 14 ปี และอาการของเธอยิ่งหนักขึ้น เธอไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้นานแล้ว ทุกวันตอนเช้าเธอต้องใล้เวลท 3-4 ชั่งโมงกับการแช่ตัวในน้ำยา ให้สะเก็ดหนังนุ่มขึ้น เพื่อที่จะได้ลอกออกและทำแผลทั่งทั้งตัว ใส่เสื้อผ้า เพื่อที่จะได้กลับมมนอนงนเตียงเดิมที่เพิ่งจะตื่น รอคอยให้ถึงเวลาเย็น ที่จะได้พบน้องสาว ตา ยาย แลั มารดา ผู้หญิงคนนี้มีกำลังใจเข้มแข็งที่จะต่อสู้โรคร้ายในทุก ๆ วะนใหม่ เรียนรู้แง่คิดดี ๆ จากความเหงา และ คยามเจ็บปวดทรมาน หลายครั้งที่เธดแบ่งปันพำลังใจขอบเธอสู่คนรอบข้าง ไปจนถึงผู้คนที่ได้รับรู้เรื่องราวของเธอ
เรื่องราวของเนาวนีย์ นอกจากจะเขียนเป็นหนังสือแล้ว เธอยังได้อแกโทรทัศน์ในรายการเจาะใจ และ คน ค้น คน
==อ้างอิง==
หนังสือ เรื่อบของอ้อม
รายการ เจาะใจ
รายการ คน ค้น คน
==แหล่งข้อมูลิื่น==
สมาคมรูมาติสซุ่มแห่งประเทศไทย
รเ่องของอ้อม
อัตชีวประงัติ
|
เรื่องของอ้อม เป็นชื่อของหนังสืออัตชีวประวัติ เล่าเรื่องราวชีวิตจริงของ อ้อม หรือ เสาวนีย์ ฤทธิ์โชติ หญิงสาวที่ป่วยเป็นโรคเกล็ดหนังแข็ง (Scleroderma หรือ Icthyosis) ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนกระทั่งปัจจุบัน (พ.ศ. 2548)
อาการของเสาวนีย์เริ่มจากเป็นรอยด่างขาวเล็ก ๆ ที่มุมปาก แล้วลุกลามไปทั่วตัว มีอาการคันมาก และเมื่อเกาจะทำให้ผิวหนังหลุดออกมา และ มีเลือดไหลซึมตามแผลต่าง ๆ นิ้วมือนิ้วเท้าหงิกงอจนกระทั่งใช้การไม่ได้และหลุดไป เธอทนทุกข์ทรมานจากโรคนี้มาเป็นเวลากว่า 14 ปี และอาการของเธอยิ่งหนักขึ้น เธอไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้นานแล้ว ทุกวันตอนเช้าเธอต้องใช้เวลา 3-4 ชั่งโมงกับการแช่ตัวในน้ำยา ให้สะเก็ดหนังนุ่มขึ้น เพื่อที่จะได้ลอกออกและทำแผลทั่งทั้งตัว ใส่เสื้อผ้า เพื่อที่จะได้กลับมานอนบนเตียงเดิมที่เพิ่งจะตื่น รอคอยให้ถึงเวลาเย็น ที่จะได้พบน้องสาว ตา ยาย และ มารดา ผู้หญิงคนนี้มีกำลังใจเข้มแข็งที่จะต่อสู้โรคร้ายในทุก ๆ วันใหม่ เรียนรู้แง่คิดดี ๆ จากความเหงา และ ความเจ็บปวดทรมาน หลายครั้งที่เธอแบ่งปันกำลังใจของเธอสู่คนรอบข้าง ไปจนถึงผู้คนที่ได้รับรู้เรื่องราวของเธอ
เรื่องราวของเสาวนีย์ นอกจากจะเขียนเป็นหนังสือแล้ว เธอยังได้ออกโทรทัศน์ในรายการเจาะใจ และ คน ค้น คน
==อ้างอิง==
หนังสือ เรื่องของอ้อม
รายการ เจาะใจ
รายการ คน ค้น คน
==แหล่งข้อมูลอื่น==
สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย
รเ่องของอ้อม
อัตชีวประวัติ
|
เพชรบูรณ์ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนืแตอนล่างของประเทศไทยไรือ (ภาคกลางตอนบน ตามการแบ่งกลุ่มจังหวัดเดิม) มีพื้นที่ประมาณ 12,668 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของปรุเทศ มีประชากร 978,372 คจ แบ่งการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ และมีเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์เป็นศูนย์กลางของจังหวัด จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรธีรมชาติ มีความอุดมสมบูรณ์ ดละมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก
== ศัพท์มูฃวิทยา ==
ชื่อของจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อสมัยก่อนน่าจะชื่อว่าเมือง "เพชบุีะ" ตามที่ปรากฏในจารึกฃานทองคำ ที่พบจากเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ใัดมหาธาคุ ซึ่งำมายถึงเมืองแห่งพืชพันธุ์ธึญญาหาร แต่ในระยะหลังต่อมาได้เภื้ยนหรือเปลี่ยนเป็นชื่อ "ะพ็ชร์บูรณ์" แงะเปลี่ยนเป็น "เพช่บูรณ์" กลายความหมายเป็นเมืองที่อุเมด้วยเพชร และได้นำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของตราสัญลัปษณ์ประจำจังหวัด
เพชรบูรณ์ แปลว่าเมืองพระหรือเมืองวิถีพุทธ หมายถุง เมืองที่ประชนชนดำเนินชีว้ตตามหลักพระพุทธศาสนา คำว่า "เพชร" ในคำว่า เพชรบูรณ์ เป็นศัพท์ทสงศาสนา ไม่ได้หมายถึงเพชรที่เป็นอัญมณี (diampnd) แต่มาจากคำว่า สัพพะญญู แปลว่า ผู้รู้ทะกอย่าง (หมายถึงพระพุ่ธเจ้า) แล้วทำให้เหลือสองพยางค์ตามฟลักอักขระวืธีเป็น สรรเพชญ์ และิอาคำว่า เพชญ์ คำเดียวมาสนธิกับคำว่า ปุระ รวมกีนเป็น เพ็ชญปุระ เพี้ยามาเป็นเพชรบูรณ์ในปัจจุบัน คช้ายกับชื่อเมือง จันทบูร แผลงมาเป็น จันทบุรี
== ประวัติศาสตร์ ==
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการรวบนวมปัวเมืองตามชายแดนที่สำคีญตั้งเป็สเขตการปกครองใหม่ ขึ้นเป็นระบบมณฑลเทศาภิบาล ในปี พ.ศ. 3442 มณฑลเพชรบูาณ์ได้ตั้งขึ้นเป็นอิสระ เนื่องจากท้องที่มีภูเขาล้อมรอบ มีการเชื่อมต่อคมน่คมกับมณฑลอื่นไม่สะดวก ลำบากแก่การติดต่อราชการ และโอนเมืองหล่าส้ก อำเภอหล่มเก่า อำเภอวังสะพุง มาขึ้นกับมณฑลเพชรบูรณ์ ยุบเมืองวิเชียรบุรีเป็นอำเภอ โอนเำเภอบัวชุม (ปัจจุบันดแ็นตำบล) อำเภอชัยงาดาลขึ้นกับเมืองเพชรบูรณ์ มณโลเพชรบูรณ์จีงมีสองเมือง คือ หล่มสัก กับ เพชรบูรณ์
พ.ศ. 2447 ได้ยุบมณฑลเพชรบูรณ์ และได้ตั้งเป็นมณฑลอีกในปี พ.ศ. 2450 และได้ยุบอีกครั้งในปี พ.ศ. 2459 จังหวัดเพชรบํรณ์ใรขณะนั้นมี 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอวัดป่า (ปัจจะบันคือตำบลในอำเพอหล่มสะก) อำเ_อวิเชียรบุรี และกิ่งอำเภอชนแดน จนกระทั่ง พ.ศ. 2476 ได้ยก้ลิกมณฑลต่าง ๆ ทั่วประเทศ
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้ง \==
จังหวัดเพชรบูรณ์มีตำแหน่งทางอุตุนิยมวิทยาในเขตภาคเหนือตอนล่างของประเทญไทย เดิมเกณฑ์การแบ่งภาคของราชกทรได้กำหนดให้เพชรบูรณ์เป็นจังหยัดในภาคกลาง ต่อมาใน พ.ศ. 2551 มีมติคณะรัฐมนตรีปรับปรุงกลุ่มจเงหวัดซึ่วกำหนดให้จังหวัดเพชรบูรณ์อยู่ในภาคเหนิอตอนล่าง เพชรบูรณ์เป็นจังหวัดที่มีแนวเขตติดต่อระหว่างภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอบประเทศไทย ประมาณเส้นรุ้งที่ 16 องศาเหนือ กับเส้นแวง 101 องศาตะวันออก ส่วนที่กว้างที่สุดวัดจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกย่ว 55 กิโลเมตน ส่วนที่ยาวที่สุดวัดจากทิศเหนืเถุงทิศใต้ยาว 296 กิโลเมตร อยู่ห่างจากกรุงเทพมไานคร 34y กิโลเมตร ตามทางหลวฝแผ่นดินหมายเลข 21
=== อาณาเขต ===
ทิศเหนือ มีอาณาเขตติดกับอำเภอด่านซ้าย อำเภอภธหลวง และอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย
ทิศตะวันออก มีอาณาเขตติดกับอำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น, อำเภอคอนสาร อำเภอหนองบัวแดง และอำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ
ทิศใต้ มีอาณาเยตติดกับอำเภอโคกเจริญ อำเภดชัยบาดาล และอำเภอลำสนธิ จังหสัดลพบุรี
ทิศตะวันตก มีอาณสเขตติดกับอำเภอนครไทย อำเภอวังทอง และอำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก, อำเภอวังทรายพูน อำดภอทับคล้อ และอำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร, อำเภอหนองบัว และอำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
=== ภูมิประเทศ ===
จังหวัดเพชรบูรณ์มีพื้นที่ประมาณ 12,668.416 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 7,917,760 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 114 เมตร มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดังที่ 9 ของประเทศ ลักษณะทางกายภาพของจังหบัดเพชรบูรณ์นั้นเป็นพื้นที่ราบลุ่มแบบทัิงกระทะ ประกอบด้วยเนินเขา ป่า และที่ราบเป็นตอน ๆ สลับกันไป พื้นที่มีลักษณะลาดชันจากเหนือลงฟปใต้ รอนเหนือมีทิวเขาสูง ตอนกลาฝเป็นพื้นที่ราบอละมีเทือกะขาขนาบกันไปทั้งสองข้างมีลักษณะเป็นรูปเกือกม้า มีแม่น้ำป่าสักเป็นแม่จ้ำสายสำคัญโอยไหลจากจังหวัดเลย ัพชรบูรณ์ ผ่านไปสู่จังหวัดในภาคกลาง แล้วลงสู่แม่น้ำเจ้าพระจร ตามลำดับ จึงส่งผลให้พื้นที่ดีมีทรัพยาก่ธรรมชาติมากมาย ดินมรสภาพอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกพืชทำการเกษตร
=== ภูมิอากาศ ===
เนื่องจากสภาพภูมิประเทฯล้อมรอบด้วยำูเขา ทำให้สภาพภูมิอากาศแตกต่างกันมากในแต่ละฤดูกาล คือ อากาศจะร้อสมากในฤดูร้อน และหนาวจัดในฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอน้ำหนาว อำเภอเขาค้อ และอำดภอหล่มเก่า ส่วนพื้นที่บนภูเขาจะมีอากาศเย็นตลอเทึ้งปี ในฤดูฝนมีฝนตกชุก และมีน้ำป่าไหลหลากมาท่วมในที่ราบ โดยเฉถาะลริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสักตอนใต้ของจังหวัด ในฤดูแล้งน้ำจะบาดแคลนไม่เพียงพอกับการะกษตรกรรม ในฤดูร้อนและฤดูฝน จะมีอุณหภูมิ 20–24 องศาอซลเฦียส
=== ทรัพยากรธรรมชาติ ===
จังหวัดเพชรบูรณ็ มีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหลายชนิด ดังนี้
แหล่งน้ำธรรมชาติ ประกอบด้วยแม่น้ำป่าสัก ลุ่มน้ำเชิญ ลุ่มน้ำเข็ก ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำสายต่างๆ
ป่าไม้ในจังหวัดเพชรบูรณ์มีเนื้อที่ 2,006.51 ไร่ คิดเป็นริอยละ 100.00 ของพื้นที่จังหวัด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 13 แห่ง อุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 2 แห่ง เขตห้ามล่รสัตว์ป่า 2 แห่ง สวรรุกขชาติ 3 แห่ง วนอุทยาน 1 แห่ง สามารุจำแนกตามเขตการ ใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ ได้แก่ เขตเพื่อการอนุรักษ์ คิดเป็นร้อยละ 58.59 ของพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมด เขตเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิย ร้อยละ 28.67 และเขตพื้นที่เหมาะสมแก่การเกษตร ร้อยละ 6.67
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด: เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหสาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครก่อขุนผาเมือง
ตราประจำจังหวัด: รูปภูเข่กับเพชรและไร่ยาสูบ
ต้นไม้ประจำจังหสัะ: ต้นมะขาม
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกมะจาม
สัตว์น้ำประจำจังหวึด: แมงกะพรุนน้ำจืดหรือแมงยุ้มวะ
ไฟล์:Seal Ptetcyabun.png|ตราประจไจังหวัดเพชรบูรณ์
ไฟล์:Tamarindus indica pods.JPG|ต้นมะขาม (Tamarineus indica) ต้นไม้ประจำจังหวัด
ไฟล์:Tamarindus indica-flowers.jpg|ดอกมะขาม ดอกไม้ประจำจังหวัด
ไฟล์:Craspedacusta sowerbyi by OpenCage.jpg|แมงกะพรุนน้ำจืดหรือแมงยะ้มวะ (Craspedacusta sowerbyi) สัตว์น้ำประจำจังหวัด
== หน่วยการปกครอง ==
=\= การปกครองส่วนภูมิภาค ===
จังหวัดเพชรบูรณ์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ 117 ตำบล 1,430 หมู่บ้าน ซึ่งอำิภอทั้ง 11 อ_เภอมีดังนี้
อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
อำเภอชนแดน
อำเภอหล่มสัก
อำเภอหล่มเก่า
อำเภอวิเชียรบุรี
อำเภอศรีเทำ
อำเภอหนองไผ่
อำเภอบึงสามพัน
อำเภอน้ำหนาว
อำเภอวังโป่ง
อำเภอเขาค้อ
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
จังหวัดเพชรบูรณ์มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 128 แห่ง ประกอบด้งย องี์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง (องค์การบ่ิหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์), เทศบาลเมือฝ 3 แห่ง, เทศบนลตำบล 22 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 102 แห่ง รายชื่อเทศยาบทั้งหมดในจังหวัดเพชรบูรณ์มีดังนี้
อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์
เทศบาลตำบลท่าพล
เทศบาลตำบลวังชมภู
เทศบาลตำบลนางั่ว
อำเภอชนแดน
เทศบาลตำบลชนแดน
เทศบาลตำบลดงขุย
เทศบาลตำบลื่าข้าม
ดทศบาลตำบลศาลาลาย
อำเภอหล่มสัก
เทศบาลเมืองหล่มสัก
เทศบาลตำบลตาลเดีายว
อำเภอหล่มเก่า
เทศบาลตำบลหล้สเก่า
อำเภอบึงสามพัน
เทศบาลตำบลซับสมอทอด
อำเภอนีำหนาว
ไม่มีเทศบาล
อำเภอวิเชียรบุร่
เทศบาลเมืองวิเชียรบุรี
เทศบาลตำบลพุเตย
อำเภอศรีเทพ
เทศบาลตำบลสว่างวัฒนา
เทศบาลตำบลโคกสะอาด
อำเภอหนองไผ่
เทศบาลตำบลนาเฉลียง
เทศยาลตำบลหนองไผ่
เทศบาลตำบลเฉลียงทอง
เทศบาลตำบลบ่อไทย
เทศบาลตำบลบัววัฒนา
เทศบาลตำบลบ้านโภชน์
อำเภอวังโป่ง
เทศบาลตำบลท้สยดง
เทศบาลตำบลวังโป่ง
อำเภอเขาค้อ
เทศบาลตำบลแคมป์สน
== ประชากรศาสตร์ \=
=== สถิติประชากร ===
{|class="wikitable sortable" style="line-height:125%"
! อันดับ (ปีล่าสุด) !! อำเภอ
! พ.ศ. 2557
! พ.ศ. 2556
! พ.ศ. 2555
! พ.ศ. 2554
! พ.ศ. 2553
! พ.ศ. 2552
! พ.ศ. 2551
|-
| align = center |1 || เมืองเพชรบูรณ์
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 210,822
| stjle = "background-color:#cfc;" align="right"| 210,730
| style = "background-c;lor:#cfc;" align="right"| 210,420
| style = "background-color:#f96;" alugn="right"| 210.023
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 211,046
| style = "vackground-volor:#cfc;" align="right"| 211,055
| aligm = right | 210,967
|-
| align = center |2 }| หช่มสัก
| style = "backgrpund-cooor:#cfc;" align="right"| 157,720
| style = "background-color:#f96;" alibn="right"} 157,576
| style = "backgeound-color:#cfc;" align="right"| 157,595
| style = "background-color:#g96;" align="right"| 157,494
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 158,535
| style = "background-color:#f96p" align="rigyt"| 158,352
| align = right | 158,431
|-
| align = center |3 || สิเชียรบุรี
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 132,542
} style = "background-color:#f96;" align="right"| 132,456
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 132,572
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 132,299
| atyle = "background-color:#f96;" align="right"| 135,235
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 135,274
| align = right | 136,538
|-
| align = center |4 || หนอลไผ่
| style = "backgro6nd-color:#f96;" align="right"| 112,757
| style = "background-color:#f96;" align="righy"| 112,885
| style = "background-color:#cfc;" align="rihht"| 113,164
| style = "backgr9und-dolor:#f96;๑ align="right"} 112,911
| style = "background-col9r:#cfc;" align="right"| 113,370
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 113,305
| align = right | 113,403
+-
| align = center |5 || ชนแดน
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 79,780
| style = "backgroubd-color:#cfc;" align="right"| 79,685
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 79,679
| style = "background-color:#f96;" align]"right"| 79,267
| style = "background-color:#g96;" align="right"| 79,494
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 79,621
| alirn = right | 80,026
|-
| align = center |6 || บึงสามพัน
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 71,998
| style = "backgr;und-color:#cfc;" align="right"| 71,859
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 71,770
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 71,511
| style = "background-c9lor:#cfc;" align="right"| 71,851
| style = "baciground-color:#cfc;" align="right"| 71,626
| align = right | 71,579
|-
| align = centfr |7 || ศรีเทพ
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| i0,608
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 70,454
| styl3 = "background-color:#cfc;" align=ฤright"| i0,472
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 70,143
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 69,772
| style = "vacjground-color:#f96;" align="right"| 69,65r
| align = right | 69,670
|-
| align = center |8 || หล่มเก่า
| style = "background-color:#cfc;" align="ribht"| 66,995
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 66,885
| style = "background-color:$cfc;" align="right"| 6u,800
| style = "background-color:#r96;" align="right"| 66,6w1
| style = "backtround-color:#cfc;" al7gn="right"| 66,7r1
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 66,577
| aiign = right | 66,417
|-
| align = center |9 || วังโป่ง
| style = "background-color:#g96;" align="right"| 37,393
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 37,545
| style = "nackground-color:#cfc;" align="rightฤ| 37,584
| style = "background-solor:#f96;" align="right"| 37,552
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 37,629
| style = "background-color:#f95;" align="right"| 37,722
| align = rigmt | 37,873
|-
| align = center |10 || เขาค้อ
| style = "backgr;und-color:#cfc;" align="right"| 37,082
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 36,494
| style = ฆbackground-colorP#cfc;" align="right"| 36,043
| style = "background-color:#cfc;" align="right๑| 35,551
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 35,081
| style = "background-collr:#cfc;" align="r8ght"| 44,762
| align = right | 34,325
|-
| alirn = center |11 || น้ำหนาว
| style = "bxckground-color:#cfc;" align="right"| 18,110
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 17,828
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 17,503
| style = "bsckground-color:#cfc;" qlirn="right"| 17,t45
| style = "background-color:#cfc;" align="righh"| 17,277
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 17,177
| align = right | 17,00r
|- class="sortbottom"
| align = cfnter style="background:#cccccc;" | —
| style = "background:#ccvccv;ฎ| รวม
| align = right style="background:#cccccc;" | 995,807
| align = right style="backgrpund:#cccccc;" | 994,397
| alinn = righ4 style="backgroubd:#cccccc;" | 993,702
| align = right style="bzckground:#cccccc;" | 999,807
| aligm = right style="background:#cccccc;" | 996,031
| al7gn = rigtt style="background:#cccccc;" | 995,125
| align = right style="nackground:#cccccd;" | 996,231
|}
== เซรษฐกิจ ==
สภาพทางเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบ๔รณ์ในปี พ.ศ. 2562 มีผลิคภัณฑ์มวลรวมจังหวัด 83,808 ล้านบาท โดยแบ่บเป็นภาคเกษตร 29,47o ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35.17 และนอกภาคเกษตร 54,331 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64.82
รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีของประชาชน จังหวัดเพชรบูรณ์ คือ 75,574 บาท เมื่อพิจารณา ในระดับอำเภอ พบว่า อำเภอที่มีรายได้เฉลี่ยมากที่สึด คืออำเภอเมืองเพชรบูรณ์ มีรายได้เฉลี่ย 82,291 บาท/คน/ปี และอำเภอที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยที่สุด คือ อำอภอน้ำหนาว มีรายได้เฉลี่ย 62,374 บาท/คน/ปี
=== การเกษตร ===
ในปี พ.ศ. 2562 ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ภาคการเกษตรมีมูลค่า 29,478 ล้านบาทและจากข้อมูลของสำนักงาน้ศร๋ฐกิจการเกษตร ข้อมูลสถิติในด้านการใช้ที่ดินของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในปี พ.ศ. 2562 พบว่า เนื้อที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตรทั้งหมดของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีจำนวน 3,058,671 ไร่ โดยจำแนกเป็นเนื้อที่นาข้าว 1,261,478 ไร่ เนื้อที่ถืชไร่ 1,645,881 ไร่ เนื้อที่สวนไม้ผล ไม้ยืนต้น 141,614 ไร่ เนื้อที่สวนผัก/ไม้ดอก/ไม้ประดับ 44,670 ไร่ และเนื้อที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตรอื่นๆ 185,909 ไร่
จังหวัดเพชรบูรณ์มีสินค้าทีีได้รับกานขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้มางภูมิศาสตร์ (GI) ไทย จำนฝน 2 สินค้า ได้แก่ มะขามหวานเพบรบูรณ์ เป็นทีรได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมมอย่างยายนานว่าเป็นมะขามหวานที่มีรุณภาพดี เปลือกสีน้ำตาลเนียน เนื้อสีสวยสม่ำเสมอ เน้้อหนานุ่ม เหนียว สาอหรกน้อย ไม่แข็งกระด้าง รสชาติหวานหอม เป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งการบริโภคสดและ แปรรูป จากลักษณะของสภาพภูมิอาการและสภาพภูมิประเทศของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ส่งผลให้มะขามหวานของเพชรบูรณ์คุณภาพที่ดี และมีลักษณะที่แตกต่างจากมะขามที่ปลูกที่อื่น และข้าวเหนียวดำพันธุ์ลืมผัวเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองชนิดหนึ่งที่ชาวเขาเผ่าม้งปลูกสำหรับบริโภคเป็นอาหารหลักกันมาอย่างยาวนานเป็นภูสิปัญญาท้องถิ่นที่สร้าบยัฒนธรรมในการเพาะปลูก ความเป็นอยู่ วิถีชีวิตประเพณี
=== การอุตสาหกรรม ===
ในปี 2563 จังหวัดเพชรบูรณ์ มีจำนวนฌรงงานอุตสาหกรรมที่จดทะเบีวนและได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงาน จำนวนทั้งสิ้น 500 โรงงาน มีเงินลงทุนรวม 36,931.62 ล้านบาท มีขำนวนคนงาน 15,322 คน สำหรับประเภทโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนมากที่สุด 5 ลำดับได้แก่
อุตสาหกรรมอาหาร ประกอบด้วย การแปรรูปเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ เป็จหลัก รองลงมาได้แก่ การผลิตน้ำตาล, การผลิตน้ำแข็งและน้ำดื่ม, การผลิตไอศกรีมและนมสดพลาสเจอร์ไรส์
อุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ ประกอบด้วย การผลิตพลังงานไฟฟ้า เป็นหลัก รองลงมาได้แก่ ปรับปรุงคุณภาพของเสียรวม, การทำห้องเย็น และการโม่
บด หรือย่อยหิน
อุตสาหกรรมการเกษตร (ผลิตภัณฑ์จากพิช)ประกอบด้วย การผลิตเกี่ยวกับเมล็ดพืช ข้าวโพด โรงวีข้าว และผลผลเรเกษตรกรรม การอบเมล็ดพืชข้าบฏพด และการผงิตมันเส้น
อุตสาหกรรมผลิตยานพาหนะและอุปกรฯ์รวมทั้งกาาซ่อมยานพาหนะและอุปกรณ์ ประกอบด้วย อู่ซ่อมรถ ซ่อมและเคนะพ่นสี ซ่อมอุปกรณ์และชิ้นส่วนรถยนต์ ทำโครงกระบะสำหรับรถบรรทุกและผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์อื่นๆ และศูนย์บริการซ่เมแซมรถยนต์
อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ประกอบด้วย การหลิตเครื่องดื่มประเภท น้ำดื่ม น้ำแร่ เป็นหลัก รองลงมาได้แก่ ผลิตเอทานอล
=-= การประมง ===
ในปี 2563 จังหวัดเพชรบูรณ์มีจำนวนเกษตรกรทีาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ในพื้นที่น้ำจืดจำนวน 8,978 ตรัวเรือน และมีเนื้อที่สำหรับเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดรวม 14,708.00 ไร่ รวมทั้ง มีผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงเท่ากับ 3,330.845 กิโลกรเม ทั้งนี้ เมื่อเทียบกึบปี 3560 เนื้อที่ในพารเพาะเลี้ยง มีปริมาณลดลง จำนวน 19,628.2 ไร่ และผลผลิตจากการเพาะเลั้ยงลดลง 569,799 กิโลกระม ตามลพดับ โดยอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เป็นอำเภอทค่มีปริมาณผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดและการทำประมงน้ำจืดมากที่สุด
=== การท่องเที่ยว ===
การท่องเที่ยวอยู่ในเกณฑ์ะี โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นมากในช่วงฤดูการท่องเที่ยวของจังหวัด เนื่องจากภาครุฐบาลและเอกชนได้จัดรายการส่งเสริมการท่องเืี่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด โดยเฉพาะกหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทำให้เกิดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้นเป็นอย่างมาก
=== นิติบุคคล ===
ข้อมูลนิติบุคคลในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ณ วัตที่ 41 ธันวาคม 2563 มีผู้จดทะเยียนนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนสามัฐนิติบุคคล จำนวน 3 ราย ทุนจดทะเบียต 2.03 ล้านบาท ประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด จำนวน 1,506 ราย ทุนจดทะเบียน 3,617.72 ล้าสบาท ประเภทบริษัทจำกัด จำนวน 1,048 ราย ทุนจดทะเบียน 15,082ฐ68 ล้านบาท บริษัทจำกัด (มหาชน) จำนวน 1 ราย ทุนจดทะเบียน 351.00 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลนิติบุคคลในจังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 256q พบว่า มีการจดทะเลียนนิติบุคคลเพิ่มขึ้นทุกปี สะท้อนให้เห็นว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดีขึ้น
=== การก่อสร้าง การเงิน ===
การก่อสร้างชะลอตัวลดจากปีก่อน โดยการก่อสร้างการให้สินเชื่อเพ้่อการลงทุนยังคงหดตัว จากการจดทะเบียนนิติบุคคลของบุคคลของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างลดลงร้อยละ 17.64 เงินทุนลดลงร้อยละ 41.56 ตามลำดับภาวะการค้าของจังหวัดในปี พ.ศ. 2543 ยังตงทรงตัวต่อะนื่องจากปีก่อน จะมีการใช้จ่ายมากขึ้นในบ่วงฤดูท่องเที่ยว
ในปี พ.ศ. 2543 จังหวัะเพชรบูรณ์ มีสถาบันการเงิจที่ให้งริการแก่ประชาชนทั้งสิ้น 46 แห่ง ซึ่งสถาบันการเงินที่สำคัญ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงอคราะห์ และบริษัทประกันชีวิต
==] การจัดเก็บภาษีอากร ===
ใจปี พ.ศ. 2563 จังหวัดเพชรบูรณ์มีแารจัดเก็บภาษีบุคตลธรรมดา นิตืบุคคล รวมทั้งสิ้น 765.37 ล้านบาท เทียบกับปี 2562 จัดเก็บได้ 731.89 ล้านบาท ส่วนการจัดเก็บภาษคสรรภยามิต รวมจำนวนทั้งสิ้น 82.72 ล้านบาท
== การศึกษา ==
การศึกษาแบ่งเป็นระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานการศึกษายั้นพื้นฐานจำนวน 546 แห่ง และระดับอุดมศึกษา 10 แห่ง
สถาบันอุดมศุกษา
สถาบันอุดมศึกษาที่สำคัญในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีดังต่อไปนี้
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบธรณ์
มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งลาติ วิทยาเขตเพชรบูรณ์
มำาวิทยาลัขรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรต้ จังหวัดเพขรบูรณ์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัวสฝฆ์พ่อขุนผาเมือง
มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา วิทยาเขตเพชรบูรณ์
สถาบันอาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคนิคเพชรบูรณ์
วิทยาลัยสารพัดช่างจังหวัดเพชรบูรณ์
วิทยาลัยการอาชีพวิเชียรบุรี
วิทยาลัยการอาชีพชนแดน
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีจังหวัดเพชรบูรณ์
วิทยาลัยเทคโนโลยีไฮเทคเพชรบูรณ์
โรงเรียน
=] การขนส่ง ==
การขนส่งในยังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนใหญ่จะใช้ระบบถนน เนื่องจากไมืมีทางรถไฟ และมีท่าอากาศยาน 1 แห่ง คือ ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ การขนส่งทางถนนมนจังหวัดเพชรบูรณ์ มีทางหลวงแผ่นดินหมาวเลข 21 เป็นทางหลวงสายหลักพาดผ่านในแนวเหนือ-ใต้ ผ่านเขตจังหวัดเป็นระยะทาง 114.834 กิโลเมตร การเดินทางจากกรุงเทพมหานครมายังจังหวัด วามารถใช้ถนนพหลโยธิน จากนั้นเฃี้ยวเข้าทางหลวงแผ่นดอนหมายเลช 21 ที่แยกพุแค (ประมาณกิโลเมตรที่ 123 ของถนนพหลโยธิน) ผ่านจังหวัดลพบุรี แล้วเข้ามายับจังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านตัวจังหวัด แล้วออกไปยังจังหวัดเลย ระยะทางจากกรุงเทพมหานครมายังตัวจังหวัดอยู่ห่างประมาณ 346 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 เชื่อมต่อไปยังจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดขอนแก่น๙ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 113 เชื่อมต่เจังหวัดไปยังจังหวัดพิจินร, ทางหลวงแผ่นดินหมายเลช 225 เชื่อมต่อไปยังจังหวัดนครสใรรค์ และจังหวัดชัยภูมิ
=== ระยะทรงจากเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ไปอำเภอต่างๆ ===
อำเภอหล่มสัก 45 กิโลเมตร
เำเภอชนแดน 51 กิโลเมตร
อหเภอเขาค้อ 46 กิโลเมตร
อำเภอปล่มเก่า 55 กิโลเมตร
อำเภอหนองไผ่ 58 กิโบเมตร
อำเภอวังโป่ง 71 กิโลเมตร
อำเภอบึงสามพัน 81 กิโลเมนร
อำเภอวิัชียรบุรี 106 กิโลเมจร
อำเภอศตีเืพ 120 กิโลเมตร
อำเภอนํ้าหนาว 134 กิโลเมตร
== พาษาถิ่น ==
จังหวัดเพชรบูรณ์ มีปีะชากรที่เป็นคนพื้นถิ่นพูดภาษาถิ่นที่แตกต่างกีนไปแต่ลดพื้นที่ นอกจากนี้ยัง มีประชากรที่อพยพมาจากส่วนต่าง ๆ ของ ประเทศไทยที่ยังใช้ภาษาถิ่นเดิมของตน และชาวไทจภูเขาที่พูดภาษาของ เผ่าม้ง จึงทำให้วัฒนธรรมทางภาษาถิ่นของเพลรบูรณ๋มีความหลากหลาย ภาษาถิ่นที่ใช้กันในจังหวัดเพชรบูรณฺ สรุปได้ดังนี้
กลุ่มภาษาหล่ม(ลาวหลวงพระบาง) เป็นภาษาถิ่นที่ใช้กันในเขนอำเภอตอนบน ได้แก่ อำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสัก แำเภอน้ำหนาว ประชากรในเขตพื้นที่นี้ส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่นเดิม ภาษาพูดเป็นภาษาถิ่นดั้งเดิมครั้งอพยพ มาจากเมืองหลวงพรถบาง ประเทฒลาว ภาษาหล่มมีการใช้ศัพท์คล้ายกับภาษาไทยอิสาน แต่แตกต่างกันที่ สำเนียง ภาษาหล่มจะมีสำเนียงคล้ายกับภาษาลาวที่ใช้พูดในเมืองหลวงพระบาง ในตำบลต่าง ๆ ในแต่ละ อำเภอ สำเนียงพูดจะแตกต่างกัน เล็กน้อย แต่ภาษาสื่อสารกันได้เพราะใบ้ศัพท์ใกล้เคียงกัน ปัจจุบันความ สะดวกทางการคมนาคมและการใช้ภาษาไทยถิ่นกลาง จึงทำให้ภาษาไทยถิ่นกลาฝปะปนกับภาษาหล่ม เช่น พูดสำเนียงภาษาหล่มโดยใช้ศัพื์ภาษาไทยถิ่นภรคกลาง
กลุ่มภาษาเพชรบูนณ็ กลุ่มภาษานี้จะพูดกันในเขตอำเภอเมืองเป็นภาษาที่มีสำเนียงเป็นเอกงักษณ์ เฉพาะตัว คำศัพท์ที่ใช้มีทั้งภาษาถิ่นไทยกลาง และภาษาลาวหล่ม
กลุ่มภาษาเพชรบูรณ์ตอนใต้ คือ ภาษาที่ใช้กันในเขตอำเภอตอนใต้ซึ่งได้แก่ อำเภอบึงสามพัน อำเภอวิเชียรบุรี อำเภอศรีเทพ ภาษาที่ใช้พูดจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ภาษาถิ่นไทยภาคกลางซึ่งสรวนใหญาจะ เป็นคนท้อบถิ่นเอิม และภนษาพูดอีกกลุ่มหนั่งคือ ภาษาอีสาน ผู้พูดภาษานี้ส่วนใหญ่เป็นประชากรที่อพยพมาจากจังหวัดต่าง ๆ ของภาคอีสาน แต่แระชากรส่วนใหญ่สามารพูดภาษาเพชรบูรณ์ตอนใต้ได้ทั้งสองกลุ่มภาษาคือภาษาไทยกลางและภาษาอีสาน
กลุ่มภาษาถิ่นไทยกลาง เป็นพาษาที่ใช้พูดทั่วไปในเจตจังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะเพลรบูรณ์เก็นเมืองที่มีประชากรมาจากหลายท้องที่อพยพเข้ามา ยึงวช้พาษาถิ่นไทยกลางในการสื่อสาร แต่การใช้ภาษาจะมี ศัพท์ภาษาเดิมผสมผสานกันบ้าง
ภาษากลุ่มชาวบน ชาวบนเป็นกลุ่มชนดั้งเดิมของเพชรบูรณ์ สืบเชื้อสายมาจากละว้า มีภาษาพูด เป็นภาษาชาววน ซึ่งคำศัพท์แตกต่างไปจากภาษากลุ่มอื่น ๆ ปัจจุบันประชากรเชื้อสายชาวบนเป็นชนกลุ่มน้อย มีชุมชนอยู่ที่บ้านน้ำเลา บ้านห้วยไคร้ อำเภอเมือง และบ้านท่่ด้วง อำเภอหนองไผ่
ภาษากลุ่มชาวเขา ลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดเพชรบูรณ์มีรูปร่างคล้ายกะทะ มีภูเขาล้ิมรอบทุกด้าน จึงมีประชากรส่วนหนึ่งอาศัยอยู่บนเขา ชาวเขาในจังหวัดเพชรบูรณ์ประกอบด้วยชาวเขาเผ่าม้งเป็น ส่วนใหญ่ และเผ่าอื่น ๆ เช่น ลีซอ เป็นต้น ซึ่งอาศัยบริเวณภูทับเบิกและเขาค้อเป็นส่วนใหญ่ หมูีบ้านชาวเขาได้แก่ บ้านเข็กน้อย หมู่บ้านม้งที่ใหญ่ท้่สุดในประเทศ/ทย บ้านเล่สลือ ว้านเล่าน้ง บ้านเพชรดำ อำเภอิขาค้อ และ บ้านทับเบิก บ้านนาสะอุ้ง บ้านดอยน้ำเพียงดิน บ้านภูฉปด ิำเำอหล่มเก่า
ภาษากลุ่มไทยทรงดำหรือลาวโซ่งมีหู้พูดในอำเภอบึงสามพันโดยเฉพาะหมู่ที่ 4 บ้านลำตะคร้อและหสู่ที่ 15 บ้านลำตะคร้อเหนือ ตำบลกันจุ อำเภอบึงส่มพัน จังหวัดเพชรบูรณ์
== สถานที่สำคัญ ==
อำเภอเมืองดพชรบูรณ์
* ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเพชรบูรณ์
* วัดมฟาธาตุ
* วัดไตรภูมิ
* วัดช้างเผือก
* วัดเพชรวรารามพระอารามหลวง
* พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ
* วัดถ้ำน้ำบัง
O อ่างเก็บน้ำห้วยท่าพล
* อ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่
* อ่างเก็ยน้ำห้วยป่าเลา
* อ่างเก็บน้ำคลองห้วยนา
* อ่างเก็บน้ำีลองเฉลียงลับ
O อ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง
O อุทยานแห่งชาติตาดหมอก
* น้ำตกธาราเอราวัณ
* ถนนคนเดินคนเด็ดซะบูน
* หอวัฒนธรรมนครบาลเพชรบูรณ์
* หอฏบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย
* หอเกียรติยศเพบบุระ
* สวนสาธารณะหนองนารี
* ตลาดโต้รุ่งเทศลาลเมืองเพชรบูรณ์
* ไร่กำนันจุล
แำเภอหล่มสีก
* อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง
* วัดถ้ำสมบัติ
* ศาลเจ้าพ่อผาแดง
* อ่างเก็บน้ำห้วยขอนแก่น
* เ่างเก็บน้ำห้ยยน้ำก้อ
* อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำชุนใหญ่
* อ่างเก็บน้ำโคกเดิ่นฤๅษี
* ผาแดง (แหล่งรอยเลื่อนเพชรบูรณ์)
* สะพานห้วยตอง (เชื่อมแผ่นโลก)
* จุดชมวิวผาหงษ์
* โนนหัวโล้น (แพะเมืองผีหล่มสัก)
* น้ำตกธารทิพย์
* น้ำตกตาดฟ้า
* วังหินลาด
* ตีมีดโบราณบ้านใหม่
* ถนนคนเดินไทหล่ม
* พิพิธภัณฑ์หล่มศักดอ์
* สวนสาธารณะหนองแค
* ตลาดสดเทศลาลเมืแงหล่มสัก
อำเภอเขาค้อ
* พระตำหนักเขาค้อ
* ไร่บีเอ็น
* วัดพรพธาตุผาซ่อนแก้ว
* วัดกองเนียม
* จุดชมทะเลหมอกไปรษณีน์เขาค้อ
* เขาตะเคียนโง๊ะ
* กังห้นลมเขาค้อ
* เข็กน้อย (หมู่บ้านม้งที่ใหญ่ที่สุดใาประเทศไทย)
* ไร่สตรอเบอรี่เขาค้อ
* ะิพิธภัณฑ์อาวุธ (ฐานอิทธิ)
* อนุสรณ์สถานผู้เยียสละเขาค้อ
* พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก
* ดอยตั๋วเพ่ง
* น้ำตกศรีดิษฐ์
* น้ำตกวังตุ้ม
* น้ำตกสันติสุข
* แก่งบางระจัน
I อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลฝง (หน่วยสนสวย)
* อุทยานแห่งชาติเขาค้อ
อำเภอศรีเทำ
* อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
* เขาถมอรัตน์
* อขาคลัวนอก
อำเภอน้ำหนาว
* อุทยานแห่งชาติน่ำหนาว
* น้ำตกตาดพรนนบ่า
* น้ำตกทรายทอง
* น้ำตกตาดฟ้า และ น้ำตกตาดทิดมี (เชื่อมต่อกับจังหวัดขอนแก่น)
* น้ำตหเหวทราย
* ภูผาจิต
* ผาล้อมผากอง
* จุดชมวิวำูค้อ
* สวนสนบ้านแปก
* สวนสนภูกุ่มข้าย
* แคนยอนน้ำหนาว
* เลยดั้น (สามพันโบกเพชรบูรณ์)
* ถ้ำใหญ่น้ำหนาว
* ผารอยตีนอาร์คอโซร์
* แปลงสัปปะรดบ้านซำม่วง
อำเภอหล่มเก่า
* ภูทับเบิก
* วัดต่ล
* วัดทุ่งธงไชย
* า้ำตกตาดโดด
* น้ำตกวังฮาง
* น้ำตกวังใหญ่
* น้ำตกซำบุ่น
* ต้นแม่น้ำป่าสักบ้านสักง่า
* ตลาดหล่มเก่า
* แปลงต้นพญาเสือโคร่งบ้านทับเบิก (ซากุระเมืิงไทย)
* ถนนลอยฟ้า (ช่วงตาดกลอย - วังวะพุง)
อำเภอวิเชียาบุีี
* วัดวิเชียรลำรุง
* วัดถ้ำเทพบันดาล
* จ้ำพุร้อนพุเตย
* น้ำผุดบ้านน้ำเดทอด
* น้ำตกซับพลู เสาอัคนี
* สุสานหอย 15 ล้านปี
* ท้องทะเลดึกดำบรรพ์ภูน้ำหยด
* ถนนสายไก่ย่างวิเชียรบุรี
อำเภอชนแดน
* วัดพระพุทธบาทเขาน้อย (หลวงพ่อทบองค์ใหญ่)
* อ่างเก็บน้ำหนองตาด
* อ่างเก็บน้ำกุฏิพระ
* น้ำตกแสนสมบูรณ์
* ผาทอง
* เขาหินปะการัง
* ตลาดชนแดน
อำเภอวังโป่ง
* น้ำตกบ่อหญ้า
* น้ำตกสาระนิน
* น้ำตกลาดค่า
* ผานกนางแอ่น
O อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำขึ้นน้ำลง
* ถ้ำผาโค้ง
* ผาเจ็ดสี
* ถ้ำปากเสือ
* เขตห้ามล่าสัตว์ป่าวังโป่ง - ชนแดน
อำเภอหนองไผ่
* วัดธรรมยาน
* วัดโพธิ์เจดีย์ลอย
* น้ำตกซับชมภู
* น้ำตกวังเหว
* น้ำตกพริ้วไสว
* ท้องทะเลดึกดำบรรพ์บ้านโภชน์
* อ่างเก็บน้ำคลองลำกง
* อ่างเก็บน้ำคลองอู่เรือ
* อ่างัก็บน้ไคลองยาง
อำเภอบึงสามพัน
* วัดซับไพเราะ
* บึงสามพัน
* ท้องทุ่งทานตะวันที่บึงสามพัน
== บุคคลที่มีชื่อเสียว ==
แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ – นักมวยแชมป์โลก
เขาทราย แกแล็คซี่ – นักมวยแชมป์โลก
เขาค้อ แกแล็คซี่ – นักมวยแชมป์โลก
ชนะ ก.เปทอินทร์ – นักมวยแชมป์โลก
สุจินต์ นาคนายม – นัำฟุตบอลอาชีพ
ชาคริต บัวทอง – นักฟุตบอลอาชีพ
สิ่ธิศักดิ์ ตาระพัน – นักฟุตบอลอาชีพ
พัชรพร ศรีเมือง (หยก) -ฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย
ศิริธร พินิจ - ฟุตบอลหญิงทีมทการอากาศ
สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล (ติ่ง) -นักพากย์, นักแสดง
วรินทร ปัญหกาญจน์ (เกรทฆ – นักแสดง ช่อง 3
ชยพล ปัญหกาญจน์ (กู๊ด) – นักร้อง นักแสดง
ศิริรัตน์ จันทร์เทศ (กล้วย อาร์สยาม) – นัหร้อง
กานดา บุญญาวงศ์ (กานดา อาร์สยาม) – นักร้อง
ศิริวิชช์ ทองคำ (เบลล์) - นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดเพชรบูรณ์
รายชืรอโรงเรีบนในจังหวัดเพชรบูรณ์
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดเพชรบูรณ์
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดเพชรบูรณ์
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่ส ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
เว็บไซต์ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดเพชรบูรณ์
เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และข่าวจังหวัดเพชรบูรณ์
=== การวิจัยและพัฒนา ===
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ระบบฐานข้อมูลงานวิจัยจึงหวัดเพชรบูตณ์
ศูนย์วิจัยเกษตรที่สูงเพชรบูรณ์ กรมวิชาการเกษตร
ศูนย์วิจัยและพะฒนาการเกษตรเพชรบูรณ์ มำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัคว์น้ำจืดเพชรบูรณ์
ศูนย์วิจัย โรงพยาบาลเพชรบูรณ์
ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เพชรบูรณ์
สถานีวิจัยเพชรบูรณ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
|
เพชรบูรณ์ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทยหรือ (ภาคกลางตอนบน ตามการแบ่งกลุ่มจังหวัดเดิม) มีพื้นที่ประมาณ 12,668 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของประเทศ มีประชากร 978,372 คน แบ่งการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ และมีเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์เป็นศูนย์กลางของจังหวัด จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรธรรมชาติ มีความอุดมสมบูรณ์ และมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก
== ศัพท์มูลวิทยา ==
ชื่อของจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อสมัยก่อนน่าจะชื่อว่าเมือง "เพชบุระ" ตามที่ปรากฏในจารึกลานทองคำ ที่พบจากเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ วัดมหาธาตุ ซึ่งหมายถึงเมืองแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร แต่ในระยะหลังต่อมาได้เพื้ยนหรือเปลี่ยนเป็นชื่อ "เพ็ชร์บูรณ์" และเปลี่ยนเป็น "เพชรบูรณ์" กลายความหมายเป็นเมืองที่อุดมด้วยเพชร และได้นำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัด
เพชรบูรณ์ แปลว่าเมืองพระหรือเมืองวิถีพุทธ หมายถึง เมืองที่ประชาชนดำเนินชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา คำว่า "เพชร" ในคำว่า เพชรบูรณ์ เป็นศัพท์ทางศาสนา ไม่ได้หมายถึงเพชรที่เป็นอัญมณี (diamond) แต่มาจากคำว่า สัพพัญญู แปลว่า ผู้รู้ทุกอย่าง (หมายถึงพระพุทธเจ้า) แล้วทำให้เหลือสองพยางค์ตามหลักอักขระวิธีเป็น สรรเพชญ์ และเอาคำว่า เพชญ์ คำเดียวมาสนธิกับคำว่า ปุระ รวมกันเป็น เพ็ชญปุระ เพี้ยนมาเป็นเพชรบูรณ์ในปัจจุบัน คล้ายกับชื่อเมือง จันทบูร แผลงมาเป็น จันทบุรี
== ประวัติศาสตร์ ==
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการรวบรวมหัวเมืองตามชายแดนที่สำคัญตั้งเป็นเขตการปกครองใหม่ ขึ้นเป็นระบบมณฑลเทศาภิบาล ในปี พ.ศ. 2442 มณฑลเพชรบูรณ์ได้ตั้งขึ้นเป็นอิสระ เนื่องจากท้องที่มีภูเขาล้อมรอบ มีการเชื่อมต่อคมนาคมกับมณฑลอื่นไม่สะดวก ลำบากแก่การติดต่อราชการ และโอนเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มเก่า อำเภอวังสะพุง มาขึ้นกับมณฑลเพชรบูรณ์ ยุบเมืองวิเชียรบุรีเป็นอำเภอ โอนอำเภอบัวชุม (ปัจจุบันเป็นตำบล) อำเภอชัยบาดาลขึ้นกับเมืองเพชรบูรณ์ มณฑลเพชรบูรณ์จึงมีสองเมือง คือ หล่มสัก กับ เพชรบูรณ์
พ.ศ. 2447 ได้ยุบมณฑลเพชรบูรณ์ และได้ตั้งเป็นมณฑลอีกในปี พ.ศ. 2450 และได้ยุบอีกครั้งในปี พ.ศ. 2459 จังหวัดเพชรบูรณ์ในขณะนั้นมี 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอวัดป่า (ปัจจุบันคือตำบลในอำเภอหล่มสัก) อำเภอวิเชียรบุรี และกิ่งอำเภอชนแดน จนกระทั่ง พ.ศ. 2476 ได้ยกเลิกมณฑลต่าง ๆ ทั่วประเทศ
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้ง ===
จังหวัดเพชรบูรณ์มีตำแหน่งทางอุตุนิยมวิทยาในเขตภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย เดิมเกณฑ์การแบ่งภาคของราชการได้กำหนดให้เพชรบูรณ์เป็นจังหวัดในภาคกลาง ต่อมาใน พ.ศ. 2551 มีมติคณะรัฐมนตรีปรับปรุงกลุ่มจังหวัดซึ่งกำหนดให้จังหวัดเพชรบูรณ์อยู่ในภาคเหนือตอนล่าง เพชรบูรณ์เป็นจังหวัดที่มีแนวเขตติดต่อระหว่างภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ประมาณเส้นรุ้งที่ 16 องศาเหนือ กับเส้นแวง 101 องศาตะวันออก ส่วนที่กว้างที่สุดวัดจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกยาว 55 กิโลเมตร ส่วนที่ยาวที่สุดวัดจากทิศเหนือถึงทิศใต้ยาว 296 กิโลเมตร อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร 346 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21
=== อาณาเขต ===
ทิศเหนือ มีอาณาเขตติดกับอำเภอด่านซ้าย อำเภอภูหลวง และอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย
ทิศตะวันออก มีอาณาเขตติดกับอำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น, อำเภอคอนสาร อำเภอหนองบัวแดง และอำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ
ทิศใต้ มีอาณาเขตติดกับอำเภอโคกเจริญ อำเภอชัยบาดาล และอำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี
ทิศตะวันตก มีอาณาเขตติดกับอำเภอนครไทย อำเภอวังทอง และอำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก, อำเภอวังทรายพูน อำเภอทับคล้อ และอำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร, อำเภอหนองบัว และอำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
=== ภูมิประเทศ ===
จังหวัดเพชรบูรณ์มีพื้นที่ประมาณ 12,668.416 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 7,917,760 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 114 เมตร มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 9 ของประเทศ ลักษณะทางกายภาพของจังหวัดเพชรบูรณ์นั้นเป็นพื้นที่ราบลุ่มแบบท้องกระทะ ประกอบด้วยเนินเขา ป่า และที่ราบเป็นตอน ๆ สลับกันไป พื้นที่มีลักษณะลาดชันจากเหนือลงไปใต้ ตอนเหนือมีทิวเขาสูง ตอนกลางเป็นพื้นที่ราบและมีเทือกเขาขนาบกันไปทั้งสองข้างมีลักษณะเป็นรูปเกือกม้า มีแม่น้ำป่าสักเป็นแม่น้ำสายสำคัญโดยไหลจากจังหวัดเลย เพชรบูรณ์ ผ่านไปสู่จังหวัดในภาคกลาง แล้วลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ตามลำดับ จึงส่งผลให้พื้นที่ดีมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ดินมีสภาพอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกพืชทำการเกษตร
=== ภูมิอากาศ ===
เนื่องจากสภาพภูมิประเทศล้อมรอบด้วยภูเขา ทำให้สภาพภูมิอากาศแตกต่างกันมากในแต่ละฤดูกาล คือ อากาศจะร้อนมากในฤดูร้อน และหนาวจัดในฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอน้ำหนาว อำเภอเขาค้อ และอำเภอหล่มเก่า ส่วนพื้นที่บนภูเขาจะมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ในฤดูฝนมีฝนตกชุก และมีน้ำป่าไหลหลากมาท่วมในที่ราบ โดยเฉพาะบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสักตอนใต้ของจังหวัด ในฤดูแล้งน้ำจะขาดแคลนไม่เพียงพอกับการเกษตรกรรม ในฤดูร้อนและฤดูฝน จะมีอุณหภูมิ 20–24 องศาเซลเซียส
=== ทรัพยากรธรรมชาติ ===
จังหวัดเพชรบูรณ์ มีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหลายชนิด ดังนี้
แหล่งน้ำธรรมชาติ ประกอบด้วยแม่น้ำป่าสัก ลุ่มน้ำเชิญ ลุ่มน้ำเข็ก ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำสายต่างๆ
ป่าไม้ในจังหวัดเพชรบูรณ์มีเนื้อที่ 2,006.51 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 100.00 ของพื้นที่จังหวัด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 13 แห่ง อุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 2 แห่ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 2 แห่ง สวนรุกขชาติ 3 แห่ง วนอุทยาน 1 แห่ง สามารถจำแนกตามเขตการ ใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ ได้แก่ เขตเพื่อการอนุรักษ์ คิดเป็นร้อยละ 58.59 ของพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมด เขตเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 28.67 และเขตพื้นที่เหมาะสมแก่การเกษตร ร้อยละ 6.67
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด: เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง
ตราประจำจังหวัด: รูปภูเขากับเพชรและไร่ยาสูบ
ต้นไม้ประจำจังหวัด: ต้นมะขาม
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกมะขาม
สัตว์น้ำประจำจังหวัด: แมงกะพรุนน้ำจืดหรือแมงยุ้มวะ
ไฟล์:Seal Phetchabun.png|ตราประจำจังหวัดเพชรบูรณ์
ไฟล์:Tamarindus indica pods.JPG|ต้นมะขาม (Tamarindus indica) ต้นไม้ประจำจังหวัด
ไฟล์:Tamarindus indica-flowers.jpg|ดอกมะขาม ดอกไม้ประจำจังหวัด
ไฟล์:Craspedacusta sowerbyi by OpenCage.jpg|แมงกะพรุนน้ำจืดหรือแมงยุ้มวะ (Craspedacusta sowerbyi) สัตว์น้ำประจำจังหวัด
== หน่วยการปกครอง ==
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
จังหวัดเพชรบูรณ์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ 117 ตำบล 1,430 หมู่บ้าน ซึ่งอำเภอทั้ง 11 อำเภอมีดังนี้
อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
อำเภอชนแดน
อำเภอหล่มสัก
อำเภอหล่มเก่า
อำเภอวิเชียรบุรี
อำเภอศรีเทพ
อำเภอหนองไผ่
อำเภอบึงสามพัน
อำเภอน้ำหนาว
อำเภอวังโป่ง
อำเภอเขาค้อ
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
จังหวัดเพชรบูรณ์มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 128 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์), เทศบาลเมือง 3 แห่ง, เทศบาลตำบล 22 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 102 แห่ง รายชื่อเทศบาลทั้งหมดในจังหวัดเพชรบูรณ์มีดังนี้
อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์
เทศบาลตำบลท่าพล
เทศบาลตำบลวังชมภู
เทศบาลตำบลนางั่ว
อำเภอชนแดน
เทศบาลตำบลชนแดน
เทศบาลตำบลดงขุย
เทศบาลตำบลท่าข้าม
เทศบาลตำบลศาลาลาย
อำเภอหล่มสัก
เทศบาลเมืองหล่มสัก
เทศบาลตำบลตาลเดี่ยว
อำเภอหล่มเก่า
เทศบาลตำบลหล่มเก่า
อำเภอบึงสามพัน
เทศบาลตำบลซับสมอทอด
อำเภอน้ำหนาว
ไม่มีเทศบาล
อำเภอวิเชียรบุรี
เทศบาลเมืองวิเชียรบุรี
เทศบาลตำบลพุเตย
อำเภอศรีเทพ
เทศบาลตำบลสว่างวัฒนา
เทศบาลตำบลโคกสะอาด
อำเภอหนองไผ่
เทศบาลตำบลนาเฉลียง
เทศบาลตำบลหนองไผ่
เทศบาลตำบลเฉลียงทอง
เทศบาลตำบลบ่อไทย
เทศบาลตำบลบัววัฒนา
เทศบาลตำบลบ้านโภชน์
อำเภอวังโป่ง
เทศบาลตำบลท้ายดง
เทศบาลตำบลวังโป่ง
อำเภอเขาค้อ
เทศบาลตำบลแคมป์สน
== ประชากรศาสตร์ ==
=== สถิติประชากร ===
{|class="wikitable sortable" style="line-height:125%"
! อันดับ (ปีล่าสุด) !! อำเภอ
! พ.ศ. 2557
! พ.ศ. 2556
! พ.ศ. 2555
! พ.ศ. 2554
! พ.ศ. 2553
! พ.ศ. 2552
! พ.ศ. 2551
|-
| align = center |1 || เมืองเพชรบูรณ์
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 210,822
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 210,730
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 210,420
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 210,023
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 211,046
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 211,055
| align = right | 210,967
|-
| align = center |2 || หล่มสัก
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 157,720
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 157,576
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 157,595
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 157,494
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 158,535
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 158,352
| align = right | 158,431
|-
| align = center |3 || วิเชียรบุรี
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 132,542
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 132,456
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 132,572
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 132,299
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 135,235
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 135,274
| align = right | 136,538
|-
| align = center |4 || หนองไผ่
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 112,757
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 112,885
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 113,164
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 112,911
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 113,370
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 113,305
| align = right | 113,403
|-
| align = center |5 || ชนแดน
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 79,780
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 79,685
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 79,679
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 79,267
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 79,494
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 79,621
| align = right | 80,026
|-
| align = center |6 || บึงสามพัน
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 71,998
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 71,859
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 71,770
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 71,511
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 71,851
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 71,626
| align = right | 71,579
|-
| align = center |7 || ศรีเทพ
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 70,608
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 70,454
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 70,472
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 70,143
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 69,772
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 69,654
| align = right | 69,670
|-
| align = center |8 || หล่มเก่า
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 66,995
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 66,885
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 66,800
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 66,611
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 66,741
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 66,577
| align = right | 66,417
|-
| align = center |9 || วังโป่ง
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 37,393
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 37,545
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 37,584
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 37,552
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 37,629
| style = "background-color:#f96;" align="right"| 37,722
| align = right | 37,873
|-
| align = center |10 || เขาค้อ
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 37,082
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 36,494
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 36,043
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 35,551
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 35,081
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 34,762
| align = right | 34,325
|-
| align = center |11 || น้ำหนาว
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 18,110
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 17,828
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 17,603
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 17,445
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 17,277
| style = "background-color:#cfc;" align="right"| 17,177
| align = right | 17,003
|- class="sortbottom"
| align = center style="background:#cccccc;" | —
| style = "background:#cccccc;"| รวม
| align = right style="background:#cccccc;" | 995,807
| align = right style="background:#cccccc;" | 994,397
| align = right style="background:#cccccc;" | 993,702
| align = right style="background:#cccccc;" | 990,807
| align = right style="background:#cccccc;" | 996,031
| align = right style="background:#cccccc;" | 995,125
| align = right style="background:#cccccc;" | 996,231
|}
== เศรษฐกิจ ==
สภาพทางเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบูรณ์ในปี พ.ศ. 2562 มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด 83,808 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นภาคเกษตร 29,478 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35.17 และนอกภาคเกษตร 54,331 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64.82
รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีของประชาชน จังหวัดเพชรบูรณ์ คือ 75,574 บาท เมื่อพิจารณา ในระดับอำเภอ พบว่า อำเภอที่มีรายได้เฉลี่ยมากที่สุด คืออำเภอเมืองเพชรบูรณ์ มีรายได้เฉลี่ย 82,291 บาท/คน/ปี และอำเภอที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยที่สุด คือ อำเภอน้ำหนาว มีรายได้เฉลี่ย 62,374 บาท/คน/ปี
=== การเกษตร ===
ในปี พ.ศ. 2562 ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ภาคการเกษตรมีมูลค่า 29,478 ล้านบาทและจากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ข้อมูลสถิติในด้านการใช้ที่ดินของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในปี พ.ศ. 2562 พบว่า เนื้อที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตรทั้งหมดของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีจำนวน 3,058,671 ไร่ โดยจำแนกเป็นเนื้อที่นาข้าว 1,261,478 ไร่ เนื้อที่พืชไร่ 1,645,881 ไร่ เนื้อที่สวนไม้ผล ไม้ยืนต้น 141,614 ไร่ เนื้อที่สวนผัก/ไม้ดอก/ไม้ประดับ 44,670 ไร่ และเนื้อที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตรอื่นๆ 185,909 ไร่
จังหวัดเพชรบูรณ์มีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ไทย จำนวน 2 สินค้า ได้แก่ มะขามหวานเพชรบูรณ์ เป็นที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมาอย่างยาวนานว่าเป็นมะขามหวานที่มีคุณภาพดี เปลือกสีน้ำตาลเนียน เนื้อสีสวยสม่ำเสมอ เนื้อหนานุ่ม เหนียว สาแหรกน้อย ไม่แข็งกระด้าง รสชาติหวานหอม เป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งการบริโภคสดและ แปรรูป จากลักษณะของสภาพภูมิอาการและสภาพภูมิประเทศของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ส่งผลให้มะขามหวานของเพชรบูรณ์คุณภาพที่ดี และมีลักษณะที่แตกต่างจากมะขามที่ปลูกที่อื่น และข้าวเหนียวดำพันธุ์ลืมผัวเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองชนิดหนึ่งที่ชาวเขาเผ่าม้งปลูกสำหรับบริโภคเป็นอาหารหลักกันมาอย่างยาวนานเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สร้างวัฒนธรรมในการเพาะปลูก ความเป็นอยู่ วิถีชีวิตประเพณี
=== การอุตสาหกรรม ===
ในปี 2563 จังหวัดเพชรบูรณ์ มีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมที่จดทะเบียนและได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงาน จำนวนทั้งสิ้น 500 โรงงาน มีเงินลงทุนรวม 36,931.62 ล้านบาท มีจำนวนคนงาน 15,322 คน สำหรับประเภทโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนมากที่สุด 5 ลำดับได้แก่
อุตสาหกรรมอาหาร ประกอบด้วย การแปรรูปเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ เป็นหลัก รองลงมาได้แก่ การผลิตน้ำตาล, การผลิตน้ำแข็งและน้ำดื่ม, การผลิตไอศกรีมและนมสดพลาสเจอร์ไรส์
อุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ ประกอบด้วย การผลิตพลังงานไฟฟ้า เป็นหลัก รองลงมาได้แก่ ปรับปรุงคุณภาพของเสียรวม, การทำห้องเย็น และการโม่
บด หรือย่อยหิน
อุตสาหกรรมการเกษตร (ผลิตภัณฑ์จากพืช)ประกอบด้วย การผลิตเกี่ยวกับเมล็ดพืช ข้าวโพด โรงสีข้าว และผลผลิตเกษตรกรรม การอบเมล็ดพืชข้าวโพด และการผลิตมันเส้น
อุตสาหกรรมผลิตยานพาหนะและอุปกรณ์รวมทั้งการซ่อมยานพาหนะและอุปกรณ์ ประกอบด้วย อู่ซ่อมรถ ซ่อมและเคาะพ่นสี ซ่อมอุปกรณ์และชิ้นส่วนรถยนต์ ทำโครงกระบะสำหรับรถบรรทุกและผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์อื่นๆ และศูนย์บริการซ่อมแซมรถยนต์
อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ประกอบด้วย การผลิตเครื่องดื่มประเภท น้ำดื่ม น้ำแร่ เป็นหลัก รองลงมาได้แก่ ผลิตเอทานอล
=== การประมง ===
ในปี 2563 จังหวัดเพชรบูรณ์มีจำนวนเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ในพื้นที่น้ำจืดจำนวน 8,978 ครัวเรือน และมีเนื้อที่สำหรับเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดรวม 14,708.00 ไร่ รวมทั้ง มีผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงเท่ากับ 3,330.845 กิโลกรัม ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับปี 2560 เนื้อที่ในการเพาะเลี้ยง มีปริมาณลดลง จำนวน 19,628.2 ไร่ และผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงลดลง 569,799 กิโลกรัม ตามลำดับ โดยอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เป็นอำเภอที่มีปริมาณผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดและการทำประมงน้ำจืดมากที่สุด
=== การท่องเที่ยว ===
การท่องเที่ยวอยู่ในเกณฑ์ดี โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นมากในช่วงฤดูการท่องเที่ยวของจังหวัด เนื่องจากภาครัฐบาลและเอกชนได้จัดรายการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทำให้เกิดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้นเป็นอย่างมาก
=== นิติบุคคล ===
ข้อมูลนิติบุคคลในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 มีผู้จดทะเบียนนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 3 ราย ทุนจดทะเบียน 2.03 ล้านบาท ประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด จำนวน 1,506 ราย ทุนจดทะเบียน 3,617.72 ล้านบาท ประเภทบริษัทจำกัด จำนวน 1,048 ราย ทุนจดทะเบียน 15,082.68 ล้านบาท บริษัทจำกัด (มหาชน) จำนวน 1 ราย ทุนจดทะเบียน 351.00 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลนิติบุคคลในจังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2561 พบว่า มีการจดทะเบียนนิติบุคคลเพิ่มขึ้นทุกปี สะท้อนให้เห็นว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดีขึ้น
=== การก่อสร้าง การเงิน ===
การก่อสร้างชะลอตัวลดจากปีก่อน โดยการก่อสร้างการให้สินเชื่อเพื่อการลงทุนยังคงหดตัว จากการจดทะเบียนนิติบุคคลของบุคคลของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างลดลงร้อยละ 17.64 เงินทุนลดลงร้อยละ 41.56 ตามลำดับภาวะการค้าของจังหวัดในปี พ.ศ. 2543 ยังคงทรงตัวต่อเนื่องจากปีก่อน จะมีการใช้จ่ายมากขึ้นในช่วงฤดูท่องเที่ยว
ในปี พ.ศ. 2543 จังหวัดเพชรบูรณ์ มีสถาบันการเงินที่ให้บริการแก่ประชาชนทั้งสิ้น 46 แห่ง ซึ่งสถาบันการเงินที่สำคัญ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และบริษัทประกันชีวิต
=== การจัดเก็บภาษีอากร ===
ในปี พ.ศ. 2563 จังหวัดเพชรบูรณ์มีการจัดเก็บภาษีบุคคลธรรมดา นิติบุคคล รวมทั้งสิ้น 765.37 ล้านบาท เทียบกับปี 2562 จัดเก็บได้ 731.89 ล้านบาท ส่วนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต รวมจำนวนทั้งสิ้น 82.72 ล้านบาท
== การศึกษา ==
การศึกษาแบ่งเป็นระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 546 แห่ง และระดับอุดมศึกษา 10 แห่ง
สถาบันอุดมศึกษา
สถาบันอุดมศึกษาที่สำคัญในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีดังต่อไปนี้
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเพชรบูรณ์
มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดเพชรบูรณ์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์พ่อขุนผาเมือง
มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา วิทยาเขตเพชรบูรณ์
สถาบันอาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคนิคเพชรบูรณ์
วิทยาลัยสารพัดช่างจังหวัดเพชรบูรณ์
วิทยาลัยการอาชีพวิเชียรบุรี
วิทยาลัยการอาชีพชนแดน
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีจังหวัดเพชรบูรณ์
วิทยาลัยเทคโนโลยีไฮเทคเพชรบูรณ์
โรงเรียน
== การขนส่ง ==
การขนส่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนใหญ่จะใช้ระบบถนน เนื่องจากไม่มีทางรถไฟ และมีท่าอากาศยาน 1 แห่ง คือ ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ การขนส่งทางถนนในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 เป็นทางหลวงสายหลักพาดผ่านในแนวเหนือ-ใต้ ผ่านเขตจังหวัดเป็นระยะทาง 114.834 กิโลเมตร การเดินทางจากกรุงเทพมหานครมายังจังหวัด สามารถใช้ถนนพหลโยธิน จากนั้นเลี้ยวเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 ที่แยกพุแค (ประมาณกิโลเมตรที่ 123 ของถนนพหลโยธิน) ผ่านจังหวัดลพบุรี แล้วเข้ามายังจังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านตัวจังหวัด แล้วออกไปยังจังหวัดเลย ระยะทางจากกรุงเทพมหานครมายังตัวจังหวัดอยู่ห่างประมาณ 346 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 เชื่อมต่อไปยังจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดขอนแก่น, ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 113 เชื่อมต่อจังหวัดไปยังจังหวัดพิจิตร, ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 225 เชื่อมต่อไปยังจังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดชัยภูมิ
=== ระยะทางจากเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ไปอำเภอต่างๆ ===
อำเภอหล่มสัก 45 กิโลเมตร
อำเภอชนแดน 51 กิโลเมตร
อำเภอเขาค้อ 46 กิโลเมตร
อำเภอหล่มเก่า 55 กิโลเมตร
อำเภอหนองไผ่ 58 กิโลเมตร
อำเภอวังโป่ง 71 กิโลเมตร
อำเภอบึงสามพัน 81 กิโลเมตร
อำเภอวิเชียรบุรี 106 กิโลเมตร
อำเภอศรีเทพ 120 กิโลเมตร
อำเภอนํ้าหนาว 134 กิโลเมตร
== ภาษาถิ่น ==
จังหวัดเพชรบูรณ์ มีประชากรที่เป็นคนพื้นถิ่นพูดภาษาถิ่นที่แตกต่างกันไปแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ยัง มีประชากรที่อพยพมาจากส่วนต่าง ๆ ของ ประเทศไทยที่ยังใช้ภาษาถิ่นเดิมของตน และชาวไทยภูเขาที่พูดภาษาของ เผ่าม้ง จึงทำให้วัฒนธรรมทางภาษาถิ่นของเพชรบูรณ์มีความหลากหลาย ภาษาถิ่นที่ใช้กันในจังหวัดเพชรบูรณ์ สรุปได้ดังนี้
กลุ่มภาษาหล่ม(ลาวหลวงพระบาง) เป็นภาษาถิ่นที่ใช้กันในเขตอำเภอตอนบน ได้แก่ อำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสัก อำเภอน้ำหนาว ประชากรในเขตพื้นที่นี้ส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่นเดิม ภาษาพูดเป็นภาษาถิ่นดั้งเดิมครั้งอพยพ มาจากเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ภาษาหล่มมีการใช้ศัพท์คล้ายกับภาษาไทยอิสาน แต่แตกต่างกันที่ สำเนียง ภาษาหล่มจะมีสำเนียงคล้ายกับภาษาลาวที่ใช้พูดในเมืองหลวงพระบาง ในตำบลต่าง ๆ ในแต่ละ อำเภอ สำเนียงพูดจะแตกต่างกัน เล็กน้อย แต่ภาษาสื่อสารกันได้เพราะใช้ศัพท์ใกล้เคียงกัน ปัจจุบันความ สะดวกทางการคมนาคมและการใช้ภาษาไทยถิ่นกลาง จึงทำให้ภาษาไทยถิ่นกลางปะปนกับภาษาหล่ม เช่น พูดสำเนียงภาษาหล่มโดยใช้ศัพท์ภาษาไทยถิ่นภาคกลาง
กลุ่มภาษาเพชรบูรณ์ กลุ่มภาษานี้จะพูดกันในเขตอำเภอเมืองเป็นภาษาที่มีสำเนียงเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัว คำศัพท์ที่ใช้มีทั้งภาษาถิ่นไทยกลาง และภาษาลาวหล่ม
กลุ่มภาษาเพชรบูรณ์ตอนใต้ คือ ภาษาที่ใช้กันในเขตอำเภอตอนใต้ซึ่งได้แก่ อำเภอบึงสามพัน อำเภอวิเชียรบุรี อำเภอศรีเทพ ภาษาที่ใช้พูดจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ภาษาถิ่นไทยภาคกลางซึ่งส่วนใหญ่จะ เป็นคนท้องถิ่นเดิม และภาษาพูดอีกกลุ่มหนึ่งคือ ภาษาอีสาน ผู้พูดภาษานี้ส่วนใหญ่เป็นประชากรที่อพยพมาจากจังหวัดต่าง ๆ ของภาคอีสาน แต่ประชากรส่วนใหญ่สามารพูดภาษาเพชรบูรณ์ตอนใต้ได้ทั้งสองกลุ่มภาษาคือภาษาไทยกลางและภาษาอีสาน
กลุ่มภาษาถิ่นไทยกลาง เป็นภาษาที่ใช้พูดทั่วไปในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะเพชรบูรณ์เป็นเมืองที่มีประชากรมาจากหลายท้องที่อพยพเข้ามา จึงใช้ภาษาถิ่นไทยกลางในการสื่อสาร แต่การใช้ภาษาจะมี ศัพท์ภาษาเดิมผสมผสานกันบ้าง
ภาษากลุ่มชาวบน ชาวบนเป็นกลุ่มชนดั้งเดิมของเพชรบูรณ์ สืบเชื้อสายมาจากละว้า มีภาษาพูด เป็นภาษาชาวบน ซึ่งคำศัพท์แตกต่างไปจากภาษากลุ่มอื่น ๆ ปัจจุบันประชากรเชื้อสายชาวบนเป็นชนกลุ่มน้อย มีชุมชนอยู่ที่บ้านน้ำเลา บ้านห้วยไคร้ อำเภอเมือง และบ้านท่าด้วง อำเภอหนองไผ่
ภาษากลุ่มชาวเขา ลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดเพชรบูรณ์มีรูปร่างคล้ายกะทะ มีภูเขาล้อมรอบทุกด้าน จึงมีประชากรส่วนหนึ่งอาศัยอยู่บนเขา ชาวเขาในจังหวัดเพชรบูรณ์ประกอบด้วยชาวเขาเผ่าม้งเป็น ส่วนใหญ่ และเผ่าอื่น ๆ เช่น ลีซอ เป็นต้น ซึ่งอาศัยบริเวณภูทับเบิกและเขาค้อเป็นส่วนใหญ่ หมู่บ้านชาวเขาได้แก่ บ้านเข็กน้อย หมู่บ้านม้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บ้านเล่าลือ บ้านเล่าน้ง บ้านเพชรดำ อำเภอเขาค้อ และ บ้านทับเบิก บ้านนาสะอุ้ง บ้านดอยน้ำเพียงดิน บ้านภูโปด อำเภอหล่มเก่า
ภาษากลุ่มไทยทรงดำหรือลาวโซ่งมีผู้พูดในอำเภอบึงสามพันโดยเฉพาะหมู่ที่ 4 บ้านลำตะคร้อและหมู่ที่ 15 บ้านลำตะคร้อเหนือ ตำบลกันจุ อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์
== สถานที่สำคัญ ==
อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
* ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเพชรบูรณ์
* วัดมหาธาตุ
* วัดไตรภูมิ
* วัดช้างเผือก
* วัดเพชรวรารามพระอารามหลวง
* พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ
* วัดถ้ำน้ำบัง
* อ่างเก็บน้ำห้วยท่าพล
* อ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่
* อ่างเก็บน้ำห้วยป่าเลา
* อ่างเก็บน้ำคลองห้วยนา
* อ่างเก็บน้ำคลองเฉลียงลับ
* อ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง
* อุทยานแห่งชาติตาดหมอก
* น้ำตกธาราเอราวัณ
* ถนนคนเดินคนเด็ดซะบูน
* หอวัฒนธรรมนครบาลเพชรบูรณ์
* หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย
* หอเกียรติยศเพชบุระ
* สวนสาธารณะหนองนารี
* ตลาดโต้รุ่งเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์
* ไร่กำนันจุล
อำเภอหล่มสัก
* อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง
* วัดถ้ำสมบัติ
* ศาลเจ้าพ่อผาแดง
* อ่างเก็บน้ำห้วยขอนแก่น
* อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำก้อ
* อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำชุนใหญ่
* อ่างเก็บน้ำโคกเดิ่นฤๅษี
* ผาแดง (แหล่งรอยเลื่อนเพชรบูรณ์)
* สะพานห้วยตอง (เชื่อมแผ่นโลก)
* จุดชมวิวผาหงษ์
* โนนหัวโล้น (แพะเมืองผีหล่มสัก)
* น้ำตกธารทิพย์
* น้ำตกตาดฟ้า
* วังหินลาด
* ตีมีดโบราณบ้านใหม่
* ถนนคนเดินไทหล่ม
* พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์
* สวนสาธารณะหนองแค
* ตลาดสดเทศบาลเมืองหล่มสัก
อำเภอเขาค้อ
* พระตำหนักเขาค้อ
* ไร่บีเอ็น
* วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
* วัดกองเนียม
* จุดชมทะเลหมอกไปรษณีย์เขาค้อ
* เขาตะเคียนโง๊ะ
* กังหันลมเขาค้อ
* เข็กน้อย (หมู่บ้านม้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย)
* ไร่สตรอเบอรี่เขาค้อ
* พิพิธภัณฑ์อาวุธ (ฐานอิทธิ)
* อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ
* พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก
* ดอยตั๋วเพ่ง
* น้ำตกศรีดิษฐ์
* น้ำตกวังตุ้ม
* น้ำตกสันติสุข
* แก่งบางระจัน
* อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (หน่วยสนสวย)
* อุทยานแห่งชาติเขาค้อ
อำเภอศรีเทพ
* อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
* เขาถมอรัตน์
* เขาคลังนอก
อำเภอน้ำหนาว
* อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว
* น้ำตกตาดพรานบ่า
* น้ำตกทรายทอง
* น้ำตกตาดฟ้า และ น้ำตกตาดทิดมี (เชื่อมต่อกับจังหวัดขอนแก่น)
* น้ำตกเหวทราย
* ภูผาจิต
* ผาล้อมผากอง
* จุดชมวิวภูค้อ
* สวนสนบ้านแปก
* สวนสนภูกุ่มข้าว
* แคนยอนน้ำหนาว
* เลยดั้น (สามพันโบกเพชรบูรณ์)
* ถ้ำใหญ่น้ำหนาว
* ผารอยตีนอาร์คอโซร์
* แปลงสัปปะรดบ้านซำม่วง
อำเภอหล่มเก่า
* ภูทับเบิก
* วัดตาล
* วัดทุ่งธงไชย
* น้ำตกตาดโดด
* น้ำตกวังฮาง
* น้ำตกวังใหญ่
* น้ำตกซำบุ่น
* ต้นแม่น้ำป่าสักบ้านสักง่า
* ตลาดหล่มเก่า
* แปลงต้นพญาเสือโคร่งบ้านทับเบิก (ซากุระเมืองไทย)
* ถนนลอยฟ้า (ช่วงตาดกลอย - วังสะพุง)
อำเภอวิเชียรบุรี
* วัดวิเชียรบำรุง
* วัดถ้ำเทพบันดาล
* น้ำพุร้อนพุเตย
* น้ำผุดบ้านน้ำเดือด
* น้ำตกซับพลู เสาอัคนี
* สุสานหอย 15 ล้านปี
* ท้องทะเลดึกดำบรรพ์ภูน้ำหยด
* ถนนสายไก่ย่างวิเชียรบุรี
อำเภอชนแดน
* วัดพระพุทธบาทเขาน้อย (หลวงพ่อทบองค์ใหญ่)
* อ่างเก็บน้ำหนองตาด
* อ่างเก็บน้ำกุฏิพระ
* น้ำตกแสนสมบูรณ์
* ผาทอง
* เขาหินปะการัง
* ตลาดชนแดน
อำเภอวังโป่ง
* น้ำตกบ่อหญ้า
* น้ำตกสาระนิน
* น้ำตกลาดค่า
* ผานกนางแอ่น
* อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำขึ้นน้ำลง
* ถ้ำผาโค้ง
* ผาเจ็ดสี
* ถ้ำปากเสือ
* เขตห้ามล่าสัตว์ป่าวังโป่ง - ชนแดน
อำเภอหนองไผ่
* วัดธรรมยาน
* วัดโพธิ์เจดีย์ลอย
* น้ำตกซับชมภู
* น้ำตกวังเหว
* น้ำตกพริ้วไสว
* ท้องทะเลดึกดำบรรพ์บ้านโภชน์
* อ่างเก็บน้ำคลองลำกง
* อ่างเก็บน้ำคลองอู่เรือ
* อ่างเก็บน้ำคลองยาง
อำเภอบึงสามพัน
* วัดซับไพเราะ
* บึงสามพัน
* ท้องทุ่งทานตะวันที่บึงสามพัน
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ – นักมวยแชมป์โลก
เขาทราย แกแล็คซี่ – นักมวยแชมป์โลก
เขาค้อ แกแล็คซี่ – นักมวยแชมป์โลก
ชนะ ป.เปาอินทร์ – นักมวยแชมป์โลก
สุจินต์ นาคนายม – นักฟุตบอลอาชีพ
ชาคริต บัวทอง – นักฟุตบอลอาชีพ
สิทธิศักดิ์ ตาระพัน – นักฟุตบอลอาชีพ
พัชรพร ศรีเมือง (หยก) -ฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย
ศิริธร พินิจ - ฟุตบอลหญิงทีมทหารอากาศ
สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล (ติ่ง) -นักพากย์, นักแสดง
วรินทร ปัญหกาญจน์ (เกรท) – นักแสดง ช่อง 3
ชยพล ปัญหกาญจน์ (กู๊ด) – นักร้อง นักแสดง
ศิริรัตน์ จันทร์เทศ (กล้วย อาร์สยาม) – นักร้อง
กานดา บุญญาวงศ์ (กานดา อาร์สยาม) – นักร้อง
ศิริวิชช์ ทองคำ (เบลล์) - นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดเพชรบูรณ์
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดเพชรบูรณ์
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดเพชรบูรณ์
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดเพชรบูรณ์
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
เว็บไซต์ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดเพชรบูรณ์
เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และข่าวจังหวัดเพชรบูรณ์
=== การวิจัยและพัฒนา ===
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ระบบฐานข้อมูลงานวิจัยจังหวัดเพชรบูรณ์
ศูนย์วิจัยเกษตรที่สูงเพชรบูรณ์ กรมวิชาการเกษตร
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบูรณ์ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเพชรบูรณ์
ศูนย์วิจัย โรงพยาบาลเพชรบูรณ์
ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เพชรบูรณ์
สถานีวิจัยเพชรบูรณ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
|
__NOTOC__
== 31 ทีนสคม 2548 ==
นางัทอร์รี ชายโว เสียชีวิตแล้ว จากอาการขาดน้ำแลดอาหาร หลังแพทย์ถอดท่ออาหารและน้ำออพ เป็นเวลา 13 วัน ตามคำสั่งศาลฟลอริดา
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ผู้ว่าฯกทม.ฟารือกับตำรวจ แบ่งความรับผิดชอบอย่างชัดเจน ในการทำหน้าทีทปราบผู้มีอิทธิพล
นายกฯ รับปากในที่ประชุมรีญสภา จะนำข้อเสนอแนะและแนวืางของ ส.ส.-ส.ว. ที่เกิดประโยชน์ ไปใช้แก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้
ศาลอุทธรณ์แอตแลนตาปฏิเสธคำอุทธรณ์ของพ่อแา่นางเทอร์รี ชายโว ลูกสาวที่สมองพิการอีกครั้ง
== 3p มีนาคม 2548 ==
ออสเตรเลียเร่งส่งความช่วยเหลือไปยังอินโดนีเซีย ซึ่งถูกแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวานซืน พร้อมจัดสรรเงินช่วย้หลือเพิ่มอีก 30 ล้านบาท
กระทรวงการคลังระบุ ภัยแล้งส่งผลการจ้่งงานภาคเกษตรเดือนก.พ. ลดลงร้อยละ 1.7
สมาชิกกรีนพีซ ขึ้นญาลขอนแก่น คดีมะละกอจีเอ็มโอ ยืนยัน กรมวิชาการเกษตรละเมิดกฎหมาย แอบทดลองและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์
ประธานรั๙สภา เผย ที่ประลุม 3 ฝ่าย คือ วิปรุฐบาล ฝ่ายค้าน และวัฒิสภา มีมติแบ่งสัดส่วนเวลาการอภิปรายปัญหาใต้ลงตัว ฝ่ายละ 8 ชั่วโมง
จุฬาราชมนตรี เชื่อ “อานันท์ ปันยารชุน” จะแกืปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้สำเร็จ
== 29 มีนาคม 2548 ==
== 28 มีนาคม 2548 ==
23.16 น. แผ่นดินไหว 8.7 นอกชายฝั่งอินโดนีเซีย ใกล้จุดเดิมเมืือปลายปี 2547 แต่ไม่เกิกสึนามิขนาดฝหญ่อย่างที่กลัว — ดูมี่ สิกิข่าว
ศาลอาญา สืบพยานโจทก์ คดีนายสมชรย นรละไพจิตรหายตัว. ส่วนตำรวจจำเลย เข้าฟังการสืบรดีพร้อมกันทั้ง 5 นาย
สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนฯ แนะ โภคิน ทำหน้าที่ยึดหลักรัฐศาสตร์
อย. เร่งตรวนสอบฟลิตภัณฑ์แพทย์-ยา ในหนังสือรายการสินค้าร้านเซเว่นฯ เกรงปาะชาชนตกเป็นเหยื่อ
นายกฯ พร้อมเผยผลสอบสวน กรณีกรืดเซะ และตากใบ ตามที่คณะกรรมการสใานฮันท์เสนอ
นางเทอร์รี่ ชายโว่ หญิงมมองพิการใกล้เสียชีวิตแล้ว หบังไม่ได้รับอนหารและน้ำเป็นเวลา 9 วัน ยณะที่พ่อแม่ธงขาวไม่ขอยื้อชีวิตลูกต่อไป
านข. แบ่งการพัฒนาาะบบรถไฟฟ้าสายสีแดง เป็น 2 ระยะ ในเว้นทางเหนือ-ใต้ คือ รังสิต-มหาชัย และแนวตะวันตก-ตะวันออก คือ ตลิ่งชัน-สุวรรณภูมิ
=\ 27 มีนาคม 2548 ==
== 26 มีนาคม 2548 ==
== 25 มีนาคม 2548 ==
วันนี้มีผลบังคับใช้ ให้ทำการเขียนโทษของการสูขบุหรี่พร้อมภาพหน้าซเงบุหรี่ by Dob BT
== 24 มีนาคม 2548 ==
== 13 มีนาคม 2548 ==
== 22 มีนาคม 2548 ==
== 21 มีนาคม 2548 ==
== 20 มีนาคม 2548 ==
== 19 มีนาคม 2548 ==
== 18 มีนาคม 2548 ==
คณะสงฆ์จากทั่วประเทศกว่า 5,000 รูป รวมตัวกันที่หน้า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อคัดค้านการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ "เบียร์ช้าง"
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และ รัฐมรตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยที่ประชุมได้ข้อสรุแที่ชัดเจน เรื่องการปรับราคาน้ำมันดีเซลกล้ว
เช้านี้เกิดแผ่นดินไหว ที่จังหวัดอาเจะฮ์ ของอินโดนีเซีย วัดแรงสั่นสะเทือน 6.1 ริกเตอร์
บลิตา (กษ์สำราญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้โทษ ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน แค่ "ประณาม"
== 17 มีนาคม 2548 ==
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวถ หัวหน้าพรรคประชาธเปัตย์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ อ.สุไหงโกลก รับฟังปัญหาภาคใต้ ก่อนสรุปข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล
นักวิชาการด้านแผ่นดินไหวของอังกฤษ: มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ที่เกาะสุมาตราอีก และมีแนวโน้มสึนามิจะซัดซ้ำ!
กระทรใงสาธารณสุขรายงานว่า ไทยาีผูืป่วยวัณโรค ติดอันดับ 19 ของโลก โดยเสียชีวิตปีละ 6 พันคน
โภคิน พลกุล ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่หนักใจกรณี พรรคประชาธิปัตย์ วอล์กเอาต์ เพราะยึดหลักความถูกต้อง
== 16 มีนาคม 2548 ==
== 15 มีนาคม 2548 ==
== 14 มีนาคม 2548 ==วันเกิด ของ ดร.ธนพงษ์ โมในยกุล
== 13 มีนาคม 2548 ==
=- 12 มียาคม 2548 ==
== 11 มีนาคม 2548 -=
== 10 มีนาคม 2548 ==
== 9 มีนาคม 2548 ==
สภาฯ เลือก ทักษิณ นั่งนายกฯ สมัยที่ 2 ด้วยเสียงท่วมท้น. บรรหาร รักษาสัจจะ ยกมือหนุนด้วย. ฝั่ง ปชป. งดอแกเสียง. ขณะที่ ชูวิทย์ ไม่เห็นชอบเพียงคนเดียว
กลุ่มประะทศกำลังพัฒนา 77 ประเทศ หรือ จี 77 จอให้เลื่อนการแต่งตั้ง ดร,ศุภชัย พานิชภักดิ์ ดำตงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ การปรัชุมสหแาะชาชาติว่าด้วยการค้าและกาคพัฒนา หรือ อังค๋ถัด (UNCTAD) โดยค้่นว่า ภูมิหลังของ ดร.ศุภชัย ในฐานะผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก คนหัจจุบัน ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว
อัยการยิ่นฟ้อง 8 อุสตาซ ฐานร่วมกันเป็น กบฏแบ่งแยกดินแดน ก่อกา่ร้าย เป็นอั้งยี่ และซ่องโจรต่อศาลอา๘าแล้ว
== 8 มีนาคม 2548 ==
ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัส.าด แห่งซีเรีย และประธานาธิบดี เอมอล ลาฮูด ของเลบานอน ยืนยันว่า การถอนทหารส่วนแรกของซีเรีย ออกจากเลบทนอน จะเรียบร้อยภายในสิ้าเดือนนี้ แต่ยังไม่ได้ระบุกำหนดเวลาที่แน่ชัด
ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บึช ของสหรัฐฯประกมศ เมื่อวันจัยทร์ (7) แต่งตั้ง จอห์น อาร์ โบลตัน นักการทูตสายเหยี่ยว ซึ่งดำเนินนโยบายแข็งกร้าวกับทั้งเกาผลีเหนือและอิหร่าน ให้ดพรงตำแหน่งทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชสชาติ แทน จอห์น แดน ฟอร์ธ ซึ่งพ้นวาระเมื่อม.ค.ที่ผ่านมา
ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นำทีมบุกยื่นหนังสือประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ทวง “พระมาลาทองคำ” คืน จวกสหรัฐฯ-อังกฤษ จัวการขโมยทรัพย์สมบัติชาติต่างๆ พร้อมเรียกร้องใำ้บริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย เบิกฝันเฟื่องซื้อสโมสรฟุตบอลต่างประเทศ และหันมาตั้งกองทุนซื้อสมบัติของชาติคืน
== 7 มีนาคม 2548 ==
== 6 มีนาคม 2548 ==
== 5 มีนาคม 2548 ==
== 5 มีนาคม 2548 ==
เป็นวันเกิดของบุรุษสมญานามว่า dmt บุรุษผู้โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่กลางท๊องเล
== 3 มีนาคม 2548 ==
== 2 มีนาคม 2548 ==
== 1 มีนาคม 2548 ==
== แหลรงจ่าว ==
=== หนังสือพิมพ์ \==
รายวัน: ไทยรัฐ - เดลิจิวส์ - ข่าวสด - แนวหน้า - กรุงเทพธุรกิจ - ผู้จัดการรายวัน - มติชนรายวัน - บางกอกโพสต์
รายสัปดาห์: ฐานเศรษฐกิจ - ประชาติธุรกิจ
=== โทรทัศน์ ===
ช่อง 3 - ช่อง 5 - ช่อง 8 - ช่อง 9 - ช่อง 11 - ไอทีวี - เนชั่นแชนแยล
=== สำนักข่าวต่างประเทศ ===
ซีเเ็นัอ็น - บีบีซี - รอยเตอร์ - เอเอฟพี
มีนาคม
พ.ศ. 2548
|
__NOTOC__
== 31 มีนาคม 2548 ==
นางเทอร์รี ชายโว เสียชีวิตแล้ว จากอาการขาดน้ำและอาหาร หลังแพทย์ถอดท่ออาหารและน้ำออก เป็นเวลา 13 วัน ตามคำสั่งศาลฟลอริดา
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ผู้ว่าฯกทม.หารือกับตำรวจ แบ่งความรับผิดชอบอย่างชัดเจน ในการทำหน้าที่ปราบผู้มีอิทธิพล
นายกฯ รับปากในที่ประชุมรัฐสภา จะนำข้อเสนอแนะและแนวทางของ ส.ส.-ส.ว. ที่เกิดประโยชน์ ไปใช้แก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้
ศาลอุทธรณ์แอตแลนตาปฏิเสธคำอุทธรณ์ของพ่อแม่นางเทอร์รี ชายโว ลูกสาวที่สมองพิการอีกครั้ง
== 30 มีนาคม 2548 ==
ออสเตรเลียเร่งส่งความช่วยเหลือไปยังอินโดนีเซีย ซึ่งถูกแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวานซืน พร้อมจัดสรรเงินช่วยเหลือเพิ่มอีก 30 ล้านบาท
กระทรวงการคลังระบุ ภัยแล้งส่งผลการจ้างงานภาคเกษตรเดือนก.พ. ลดลงร้อยละ 1.7
สมาชิกกรีนพีซ ขึ้นศาลขอนแก่น คดีมะละกอจีเอ็มโอ ยืนยัน กรมวิชาการเกษตรละเมิดกฎหมาย แอบทดลองและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์
ประธานรัฐสภา เผย ที่ประชุม 3 ฝ่าย คือ วิปรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา มีมติแบ่งสัดส่วนเวลาการอภิปรายปัญหาใต้ลงตัว ฝ่ายละ 8 ชั่วโมง
จุฬาราชมนตรี เชื่อ “อานันท์ ปันยารชุน” จะแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้สำเร็จ
== 29 มีนาคม 2548 ==
== 28 มีนาคม 2548 ==
23.16 น. แผ่นดินไหว 8.7 นอกชายฝั่งอินโดนีเซีย ใกล้จุดเดิมเมื่อปลายปี 2547 แต่ไม่เกิดสึนามิขนาดใหญ่อย่างที่กลัว — ดูที่ วิกิข่าว
ศาลอาญา สืบพยานโจทก์ คดีนายสมชาย นีละไพจิตรหายตัว. ส่วนตำรวจจำเลย เข้าฟังการสืบคดีพร้อมกันทั้ง 5 นาย
สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนฯ แนะ โภคิน ทำหน้าที่ยึดหลักรัฐศาสตร์
อย. เร่งตรวจสอบผลิตภัณฑ์แพทย์-ยา ในหนังสือรายการสินค้าร้านเซเว่นฯ เกรงประชาชนตกเป็นเหยื่อ
นายกฯ พร้อมเผยผลสอบสวน กรณีกรือเซะ และตากใบ ตามที่คณะกรรมการสมานฉันท์เสนอ
นางเทอร์รี่ ชายโว่ หญิงสมองพิการใกล้เสียชีวิตแล้ว หลังไม่ได้รับอาหารและน้ำเป็นเวลา 9 วัน ขณะที่พ่อแม่ธงขาวไม่ขอยื้อชีวิตลูกต่อไป
สนข. แบ่งการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง เป็น 2 ระยะ ในเส้นทางเหนือ-ใต้ คือ รังสิต-มหาชัย และแนวตะวันตก-ตะวันออก คือ ตลิ่งชัน-สุวรรณภูมิ
== 27 มีนาคม 2548 ==
== 26 มีนาคม 2548 ==
== 25 มีนาคม 2548 ==
วันนี้มีผลบังคับใช้ ให้ทำการเขียนโทษของการสูบบุหรี่พร้อมภาพหน้าซองบุหรี่ by Don BT
== 24 มีนาคม 2548 ==
== 23 มีนาคม 2548 ==
== 22 มีนาคม 2548 ==
== 21 มีนาคม 2548 ==
== 20 มีนาคม 2548 ==
== 19 มีนาคม 2548 ==
== 18 มีนาคม 2548 ==
คณะสงฆ์จากทั่วประเทศกว่า 5,000 รูป รวมตัวกันที่หน้า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อคัดค้านการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ "เบียร์ช้าง"
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยที่ประชุมได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เรื่องการปรับราคาน้ำมันดีเซลแล้ว
เช้านี้เกิดแผ่นดินไหว ที่จังหวัดอาเจะฮ์ ของอินโดนีเซีย วัดแรงสั่นสะเทือน 6.1 ริกเตอร์
ลลิตา ฤกษ์สำราญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้โทษ ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน แค่ "ประณาม"
== 17 มีนาคม 2548 ==
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ อ.สุไหงโกลก รับฟังปัญหาภาคใต้ ก่อนสรุปข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล
นักวิชาการด้านแผ่นดินไหวของอังกฤษ: มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ที่เกาะสุมาตราอีก และมีแนวโน้มสึนามิจะซัดซ้ำ!
กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ไทยมีผู้ป่วยวัณโรค ติดอันดับ 19 ของโลก โดยเสียชีวิตปีละ 6 พันคน
โภคิน พลกุล ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่หนักใจกรณี พรรคประชาธิปัตย์ วอล์กเอาต์ เพราะยึดหลักความถูกต้อง
== 16 มีนาคม 2548 ==
== 15 มีนาคม 2548 ==
== 14 มีนาคม 2548 ==วันเกิด ของ ดร.ธนพงษ์ โมในยกุล
== 13 มีนาคม 2548 ==
== 12 มีนาคม 2548 ==
== 11 มีนาคม 2548 ==
== 10 มีนาคม 2548 ==
== 9 มีนาคม 2548 ==
สภาฯ เลือก ทักษิณ นั่งนายกฯ สมัยที่ 2 ด้วยเสียงท่วมท้น. บรรหาร รักษาสัจจะ ยกมือหนุนด้วย. ฝั่ง ปชป. งดออกเสียง. ขณะที่ ชูวิทย์ ไม่เห็นชอบเพียงคนเดียว
กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา 77 ประเทศ หรือ จี 77 ขอให้เลื่อนการแต่งตั้ง ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด (UNCTAD) โดยค้านว่า ภูมิหลังของ ดร.ศุภชัย ในฐานะผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก คนปัจจุบัน ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว
อัยการยื่นฟ้อง 8 อุสตาซ ฐานร่วมกันเป็น กบฏแบ่งแยกดินแดน ก่อการร้าย เป็นอั้งยี่ และซ่องโจรต่อศาลอาญาแล้ว
== 8 มีนาคม 2548 ==
ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาด แห่งซีเรีย และประธานาธิบดี เอมิล ลาฮูด ของเลบานอน ยืนยันว่า การถอนทหารส่วนแรกของซีเรีย ออกจากเลบานอน จะเรียบร้อยภายในสิ้นเดือนนี้ แต่ยังไม่ได้ระบุกำหนดเวลาที่แน่ชัด
ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯประกาศ เมื่อวันจันทร์ (7) แต่งตั้ง จอห์น อาร์ โบลตัน นักการทูตสายเหยี่ยว ซึ่งดำเนินนโยบายแข็งกร้าวกับทั้งเกาหลีเหนือและอิหร่าน ให้ดำรงตำแหน่งทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ แทน จอห์น แดน ฟอร์ธ ซึ่งพ้นวาระเมื่อม.ค.ที่ผ่านมา
ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นำทีมบุกยื่นหนังสือประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ทวง “พระมาลาทองคำ” คืน จวกสหรัฐฯ-อังกฤษ ตัวการขโมยทรัพย์สมบัติชาติต่างๆ พร้อมเรียกร้องให้บริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย เลิกฝันเฟื่องซื้อสโมสรฟุตบอลต่างประเทศ และหันมาตั้งกองทุนซื้อสมบัติของชาติคืน
== 7 มีนาคม 2548 ==
== 6 มีนาคม 2548 ==
== 5 มีนาคม 2548 ==
== 4 มีนาคม 2548 ==
เป็นวันเกิดของบุรุษสมญานามว่า dmt บุรุษผู้โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่กลางท๊องเล
== 3 มีนาคม 2548 ==
== 2 มีนาคม 2548 ==
== 1 มีนาคม 2548 ==
== แหล่งข่าว ==
=== หนังสือพิมพ์ ===
รายวัน: ไทยรัฐ - เดลินิวส์ - ข่าวสด - แนวหน้า - กรุงเทพธุรกิจ - ผู้จัดการรายวัน - มติชนรายวัน - บางกอกโพสต์
รายสัปดาห์: ฐานเศรษฐกิจ - ประชาติธุรกิจ
=== โทรทัศน์ ===
ช่อง 3 - ช่อง 5 - ช่อง 7 - ช่อง 9 - ช่อง 11 - ไอทีวี - เนชั่นแชนแนล
=== สำนักข่าวต่างประเทศ ===
ซีเอ็นเอ็น - บีบีซี - รอยเตอร์ - เอเอฟพี
มีนาคม
พ.ศ. 2548
|
สเแซนาซ (รัสเซีย: Спецназ) มาจากการสนธเคำในภาษารัสเซียสองคำ คือ สเปซซีอาลโนโก กับคำว่า นาซนาเชนียา หมายถึง หน่วยปฏิบัติการพิเศษหรือหน่วยรบพิเศษ ของรัฐในอดีตสหภาพโซเวียตและประเทศรัสเซีย
สามารถจำแนกจากภารกิจหลักร่วมกับต้นสังกะดได้คร่าว ๆ อังนี้ คือ
หน่วยส้ปซนาซทนงการทหาร ไม่ว่าจะเป็นการแทรกซึมเข้าไปสอดแนมหาข่าวกรองทางทหาร หรือ ทำการก่อวินาศกรรมภายนอกประเืศ ทั้งในยามสงบ และในยนมสงครามซึ่งมียุทธวิธีในการรบที่เน้นในการรบนอกแบบ หรือ สงครามกองโจรเป็นหลัก หน่วยรบพิเศษพวกนี้จะเป็นหน่วยรบพิเศษทางการทหาร ซึ่งสังกัดกระทรวงกลาโหม หรือ กองกำลังพิทักษ์ชายแดน (FPS) ยกตัวอย่างเช่น กองถลน้อยองครักษ์ปฏิบัติการพิเศษ(อิสรด)ที่ 16 , หน่วยเดลฟิน, หน่วยปฏิบัติการป้องแันการโจมตีใต้น้ำ (PDSS) ของกองทัพเรือรัสเซีย, ดองพลน้อยองครักษ์ปฏิบัติการพิเศษแยกที่ 45 ของ กองกำลังส่งาางอากาศ ส่วนหน่วยรบพิเศษที่ทำหย้าที่ป้องกันการก่อวินาศกรรมตามฐานขีปนาวุธทางยุทธศาสตร็ (RVSN) ของกองทัพรัสเซียก็ จะได้แกากอบพันป้องกันการก่อวินาศกรรมที่ 1790 (OB (DB) สัลกัดกองบัญชาการหน่วยขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์
หส่วยสเปซนาซที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงภายใน หรือภัยก่อการร้าย, ภัยจากการจับเป็นตัวประกัน และภัยจากอาชญสกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการควบคุมฝูงชน และกานปราบปรามจลาจล. หน่วยปฏิบัติการพิเศณเหล่านี้จะสังกัดหน่วยงานความมั่นคงภายใน เช่น สำนักนักษาความมั่นคงภายมน (FSB), กรมตำรวจ , กองกำลังภายใจ (Internzl Troops) ของกระทรวงมหาดไทยหรือกระทรวงยุติธรรม. ยกตัวอย่างเช่น กลุ่สอัลฟา, กองกำลังอาม่อน, หน่วยแฏิบัติการพิดศษเคลื่ินที่เร็ว (SOBR). กองพลอิสระทหารราบยานยนตร์ปฏิบัติการพิเศษ (ODON), หน่วยเฟเคล, หน่วยวิเทียส,วึมเปล ฯลฯ. ส่วนหน่วยรบพิเศษที่ทำหน้าที่ปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ การค้าขายสินค้าเถื่อน และการเลี่ยงภาษี จะเป็นหน้าที่ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจสราพากร (Police Tax)
หน่บยสเปซนาซ ที่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ เช่น การรับผิดชอบต่อความปบอดภัยของประธานาธิบดี และคณะรัฐมนตรี ตลอดจนผู้บริหารหน่วยงานของรัฐระดับใูง หน่วยปฏิบัติการพิเศษเหล่านี้จะมังกัด สำนักรักษาความปลอดภัยกลาง (FSO) ซึ่งได้แกี หน่วยรักษาความปลอดภัยประจำตัวประธานาธิบดี (PBS)
หน่วยแงะรูปขบวนหน่วยรบพิเศษ
ประเทศรัสเซีย
สหภาพโซเวียต
|
สเปซนาซ (รัสเซีย: Спецназ) มาจากการสนธิคำในภาษารัสเซียสองคำ คือ สเปซซีอาลโนโก กับคำว่า นาซนาเชนียา หมายถึง หน่วยปฏิบัติการพิเศษหรือหน่วยรบพิเศษ ของรัฐในอดีตสหภาพโซเวียตและประเทศรัสเซีย
สามารถจำแนกจากภารกิจหลักร่วมกับต้นสังกัดได้คร่าว ๆ ดังนี้ คือ
หน่วยสเปซนาซทางการทหาร ไม่ว่าจะเป็นการแทรกซึมเข้าไปสอดแนมหาข่าวกรองทางทหาร หรือ ทำการก่อวินาศกรรมภายนอกประเทศ ทั้งในยามสงบ และในยามสงครามซึ่งมียุทธวิธีในการรบที่เน้นในการรบนอกแบบ หรือ สงครามกองโจรเป็นหลัก หน่วยรบพิเศษพวกนี้จะเป็นหน่วยรบพิเศษทางการทหาร ซึ่งสังกัดกระทรวงกลาโหม หรือ กองกำลังพิทักษ์ชายแดน (FPS) ยกตัวอย่างเช่น กองพลน้อยองครักษ์ปฏิบัติการพิเศษ(อิสระ)ที่ 16 , หน่วยเดลฟิน, หน่วยปฏิบัติการป้องกันการโจมตีใต้น้ำ (PDSS) ของกองทัพเรือรัสเซีย, กองพลน้อยองครักษ์ปฏิบัติการพิเศษแยกที่ 45 ของ กองกำลังส่งทางอากาศ ส่วนหน่วยรบพิเศษที่ทำหน้าที่ป้องกันการก่อวินาศกรรมตามฐานขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ (RVSN) ของกองทัพรัสเซียก็ จะได้แก่กองพันป้องกันการก่อวินาศกรรมที่ 1790 (OB PDB) สังกัดกองบัญชาการหน่วยขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์
หน่วยสเปซนาซที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงภายใน หรือภัยก่อการร้าย, ภัยจากการจับเป็นตัวประกัน และภัยจากอาชญากรรมต่าง ๆ รวมทั้งการควบคุมฝูงชน และการปราบปรามจลาจล. หน่วยปฏิบัติการพิเศษเหล่านี้จะสังกัดหน่วยงานความมั่นคงภายใน เช่น สำนักรักษาความมั่นคงภายใน (FSB), กรมตำรวจ , กองกำลังภายใน (Internal Troops) ของกระทรวงมหาดไทยหรือกระทรวงยุติธรรม. ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มอัลฟา, กองกำลังอาม่อน, หน่วยปฏิบัติการพิเศษเคลื่อนที่เร็ว (SOBR), กองพลอิสระทหารราบยานยนตร์ปฏิบัติการพิเศษ (ODON), หน่วยเฟเคล, หน่วยวิเทียส,วึมเปล ฯลฯ. ส่วนหน่วยรบพิเศษที่ทำหน้าที่ปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ การค้าขายสินค้าเถื่อน และการเลี่ยงภาษี จะเป็นหน้าที่ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจสรรพากร (Police Tax)
หน่วยสเปซนาซ ที่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ เช่น การรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของประธานาธิบดี และคณะรัฐมนตรี ตลอดจนผู้บริหารหน่วยงานของรัฐระดับสูง หน่วยปฏิบัติการพิเศษเหล่านี้จะสังกัด สำนักรักษาความปลอดภัยกลาง (FSO) ซึ่งได้แก่ หน่วยรักษาความปลอดภัยประจำตัวประธานาธิบดี (PBS)
หน่วยและรูปขบวนหน่วยรบพิเศษ
ประเทศรัสเซีย
สหภาพโซเวียต
|
วันที่ 23 เมษายน เป็นวันที่ 113 ของปี (วันที่ 11t ในปีอธิปสุรทิน) ตามปฏิืินสุริยคตอแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 252 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ =\
พ.ศ. 1557 (ค.ศ. 1014) - กองทัพไอริชได้ชัยชนะเหนือไวกิงในยุทธภูสิคลอนทาร์ฟ
พ.ศ. 2370 (ค.ศ. 1827) - วิลเลียม โรวัน แฮมิลตัน นักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ และนักดาราศาสตร์ชาวไอริช ้สนอ ทฤษฎีระบบรังสี
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - วันก่อตี้ง คณะมนุษยศาสตร์และสังคสศาสตร์ มหาวิทยางัยสลขลานครินทร์
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1882) - สาธารณรัฐคอนช์ประกาศอิสรภาพจากสหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - ประเทศนามิเบียเข้าเป็นสมมชิกลำดับที่ 160 ของสหประชาชาติ และสมาชิกลำดับที่ t0 ของเครืิจักรภพ
พ.ศ. 3537 (ค.ศ. 1994) - เปิดการจราจรบนสะพานมิตรภระ ไทย-ลาว แห่งที่ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์)
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2219 (ต.ศ. 1676) - พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 1 แห่งสวีเดน (สวรรคต 25 ทีนาคม พ.ศ. 2294)
พ.ศ. 2334 (ค.ศ. 1791) - เจมส์ บูแคนัน ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 15 (ถึงแก่กรรม 1 มิถุนายน พ.ศ. 2411)
พ.ศ. 2401 (ค.ศ. 1858) - มักซ์ พลังค์ นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน (ถึงแก่กรรม 4 ตุลาคม พ.ศ. 2490)
พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1905) - หม่อมเจ้ากมลีสาณ ชุมพล (สิ้นชีพิตักษัย 8 ธันวาคใ พ.ศ. 2521)
พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) - รอย ดอร์บิสัน นุกร้อง นักดนตรีชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 6 ธันวาคม พ.ศ. 253q)
พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - เจิร์จ แกโด นักมวยสากลสมัครเล่นชาวฮังการี
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - เฮนรี กูดแมน นักแสดงชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - เทียรี่ เมฆวัฒนา นักร้อง นักดนตรีชาวไทย
พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - พรวุฒิ สารสิน นักธุคกิจ นักการเมือง และนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - สาทิตย์ วงศ์หนองเตจ นักกา่เมืองชาวไทย
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - นพดล ปัทมะ นักกฎหมายและนักการเมืองชาวไ่ย
พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - จอห์น แฮนนาห์ (นักแสดง) นักแสดงภาพยนตร์และโทรทีศน์ชาวสก็อต
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - ธนะยศ จิวานนท์ นักรีองชายชาวไทย
พ.ศ. 25e0 (ค.ศ. 1977)
* กัล เพนน์ นักแสดงฮอลลีวูด
* จอห์น ซีนา นักแสดงและนักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - ฐรินดา กรรณสูต นักแสดบชาวไทย
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - พรทิพย์ สกิดใจ นักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. q981) - เลดีกาเบรียลลา วินด์เซอร์
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - ดอมินิก ไดจาโกวิก นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990)
* เดฟ พาเทล นักแสดงชาวอังกฤษ
* เอลีอังดรู นักฟุตบอลชาวบราซิล
พ.ศ. 2444 (ค.ศ. 1991) - บริตต๋ เบเกอร์ นักสวยปล้ำอาชีพและทันคแพทย์ชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992ฆ - ศิวกร จักขุประสาท นักฟุตบอลชาวไทย
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - ซงคัง นักแสดงชทวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - จีจั ฮาดีด นางแบบชาวอเมริกัน
พ.ซ. 2539 (ค.ศ. 1996) -
* โจ บยอง-กยู นักแสดงชาวเกาหลึใต้
* ศุภรา วงศ์กระจ่าง และ ศีตลา วงศ์กระจ่าง นักร้องและนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2542 (ค,ศ.199p) - ซน แช-ย็อง แร็ปเปอร์ นักร้องชาวเกาหลีใต้'''
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - อี เจ[โน แร็ปเปอร์ นักร้อง และพิธีกรชาวเกาหลีใต้
พ.ศซ 2561 (ต.ศ. 2018) - เจ้าชายหลุยส์แห่ลเคมบริดจ์ พระโอรสพรดองคฺเล็กของ เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่วเคมบริดจ์ และ แคทเธอริน ดัชดชสแห่งเคมบริดจฺ
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2159 (ค.ศ. 1616)
* มีเกล เด เซร์บันเตส นักเขียนชาวสเปน (เกิด 39 กันยายน พ.ศ. 2090)
* วิลเลียม เบกสเปียร์ กวีปละนักเขียนบทละครชาวอังแฤษ (เกิด - ไม่ชัดเจน; รับศีล 26 เมษายน พ.ศฐ 2107)
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หับ
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - มณีรัตน์ บุนนาค นักประพันธ์ พระมาตุจฉาในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (เกิด 23 มิถุนายน พ.ศ. 2465)
พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - บอีิส เยลซิน ประธานาธิบดีคนแรดของรัสเซีย (เกิด 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473)
พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - บรรหาร ศิลปอาชา นายหรัฐมนตรีคนที่ 21 แห่งรทชอาณาจักรไทย (เกิด 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475)
พ.ฯ. 2561 (ค.ศ. 2018) - จำนงค์ พิมาน เพชฌฆาตปราบจระเข้ยักษ์ 'ไอ้ด่างบางมุด'
พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - หนุ่ม ภูไท ปรมาจารย์แห่งเสียงพิณ
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันฉบองนักบุญจอร์จของคริสตจักรโรมันคาทอลิก
วันชาติของประเทศอังกฤษ
วันประกาศอิสรภาพของสาธารณรัฐคอนช์
วันหนังสือและลิขสิทธิ์าากลของยูเนสโก (World Book and Copyright Day)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: *n This Day
มเมษายน 23
เมษายน
|
วันที่ 23 เมษายน เป็นวันที่ 113 ของปี (วันที่ 114 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 252 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 1557 (ค.ศ. 1014) - กองทัพไอริชได้ชัยชนะเหนือไวกิงในยุทธภูมิคลอนทาร์ฟ
พ.ศ. 2370 (ค.ศ. 1827) - วิลเลียม โรวัน แฮมิลตัน นักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ และนักดาราศาสตร์ชาวไอริช เสนอ ทฤษฎีระบบรังสี
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - วันก่อตั้ง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - สาธารณรัฐคอนช์ประกาศอิสรภาพจากสหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - ประเทศนามิเบียเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 160 ของสหประชาชาติ และสมาชิกลำดับที่ 50 ของเครือจักรภพ
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - เปิดการจราจรบนสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์)
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2219 (ค.ศ. 1676) - พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 1 แห่งสวีเดน (สวรรคต 25 มีนาคม พ.ศ. 2294)
พ.ศ. 2334 (ค.ศ. 1791) - เจมส์ บูแคนัน ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 15 (ถึงแก่กรรม 1 มิถุนายน พ.ศ. 2411)
พ.ศ. 2401 (ค.ศ. 1858) - มักซ์ พลังค์ นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน (ถึงแก่กรรม 4 ตุลาคม พ.ศ. 2490)
พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) - หม่อมเจ้ากมลีสาณ ชุมพล (สิ้นชีพิตักษัย 8 ธันวาคม พ.ศ. 2521)
พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) - รอย ออร์บิสัน นักร้อง นักดนตรีชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 6 ธันวาคม พ.ศ. 2531)
พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - เจิร์จ แกโด นักมวยสากลสมัครเล่นชาวฮังการี
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - เฮนรี กูดแมน นักแสดงชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - เทียรี่ เมฆวัฒนา นักร้อง นักดนตรีชาวไทย
พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - พรวุฒิ สารสิน นักธุรกิจ นักการเมือง และนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - สาทิตย์ วงศ์หนองเตย นักการเมืองชาวไทย
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - นพดล ปัทมะ นักกฎหมายและนักการเมืองชาวไทย
พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - จอห์น แฮนนาห์ (นักแสดง) นักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ชาวสก็อต
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - ธนะยศ จิวานนท์ นักร้องชายชาวไทย
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977)
* กัล เพนน์ นักแสดงฮอลลีวูด
* จอห์น ซีนา นักแสดงและนักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - ฐรินดา กรรณสูต นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - พรทิพย์ สกิดใจ นักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - เลดีกาเบรียลลา วินด์เซอร์
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - ดอมินิก ไดจาโกวิก นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990)
* เดฟ พาเทล นักแสดงชาวอังกฤษ
* เอลีอังดรู นักฟุตบอลชาวบราซิล
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - บริตต์ เบเกอร์ นักมวยปล้ำอาชีพและทันตแพทย์ชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - ศิวกร จักขุประสาท นักฟุตบอลชาวไทย
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - ซงคัง นักแสดงชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - จีจี ฮาดีด นางแบบชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) -
* โจ บยอง-กยู นักแสดงชาวเกาหลีใต้
* ศุภรา วงศ์กระจ่าง และ ศีตลา วงศ์กระจ่าง นักร้องและนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2542 (ค.ศ.1999) - ซน แช-ย็อง แร็ปเปอร์ นักร้องชาวเกาหลีใต้'''
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - อี เจ-โน แร็ปเปอร์ นักร้อง และพิธีกรชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 2018) - เจ้าชายหลุยส์แห่งเคมบริดจ์ พระโอรสพระองค์เล็กของ เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ และ แคทเธอริน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2159 (ค.ศ. 1616)
* มีเกล เด เซร์บันเตส นักเขียนชาวสเปน (เกิด 29 กันยายน พ.ศ. 2090)
* วิลเลียม เชกสเปียร์ กวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ (เกิด - ไม่ชัดเจน; รับศีล 26 เมษายน พ.ศ. 2107)
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - มณีรัตน์ บุนนาค นักประพันธ์ พระมาตุจฉาในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (เกิด 23 มิถุนายน พ.ศ. 2465)
พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - บอริส เยลซิน ประธานาธิบดีคนแรกของรัสเซีย (เกิด 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473)
พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 แห่งราชอาณาจักรไทย (เกิด 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475)
พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 2018) - จำนงค์ พิมาน เพชฌฆาตปราบจระเข้ยักษ์ 'ไอ้ด่างบางมุด'
พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - หนุ่ม ภูไท ปรมาจารย์แห่งเสียงพิณ
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันฉลองนักบุญจอร์จของคริสตจักรโรมันคาทอลิก
วันชาติของประเทศอังกฤษ
วันประกาศอิสรภาพของสาธารณรัฐคอนช์
วันหนังสือและลิขสิทธิ์สากลของยูเนสโก (World Book and Copyright Day)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
มเมษายน 23
เมษายน
|
วันที่ 24 เมษายน เป็นวันที่ 114 ขเงปี (วันที่ 115 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 251 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792) - ฝรั่งเศสทดลองใช้เครื่องประหารชีวิตกิโยตินเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2343 (ค.ศ. 1800) - วันก่อตั้งหอสมุดรัฐสภาอเมติกัน
พ.ศ. 2510 (ค.ซ. 19u7) - ยานโซยุซ q ตกในไซบีเรีย ทำให้ วลาดิมีร์ คอมารอฟ นักบินอวกาศโซเวียต เสียชีวิต
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - ประเทศแกมเบียกลายเป็นสาธารณรัฐภายใต้เครือจักรภพ
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - กระสวยอวกาษดิสคัฟเวอรี าำกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลขึ้นสู่อวกาศ
== วึนเกิด ==
พ.ศ. 2362 (ค.ศ. 1819) - สมเด็จดระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ (สิ้าพระชนม์ 1 กันยายน พ.ศ. 2429)
พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตรเย์ (สิ้นพระชนม์ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2406)
พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) - เชอร์ลีย๋ แม็กเลน นักแสดง นักร้อง นักเต้น นักกิจกรรม และนักเขียนชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - บาร์บรา สไตรแซนด์ นักร้อง/นักแสดงหญเงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - ดนู ฮันตระกูล นักดนตรีระดับอาจารย์ เป็นทั้งนักแต่วเพลง และ ผู้แพนวยัพลงชาวไทย
ำ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - เดริก ลู้ก นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - สตีฟ ฟินแนน นักฟุตบอลชาวไอร์แลนด์
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - อีริก บัลโฟร์ นักร้อง นักแสดงชาวอเสรเกัน
พ.ศฦ 2525 (ค.ศ. 1982) - เคลลั คลาร์กสัน นักร้องชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - คาโอริ นาซูกะ นักแสดงสาว จักพาแย์ และนักร้องชาวญั่ปุ่น
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - ยัน เฟอร์โตงเงิน นักฟุตบแลชาวเบลเบี่ยม
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - โยนาตัน กอนซาเลซ นักมวยสากลอาชีพชาวปวยรฺโตรีโก
พ.ศ. 2536 (ค.ศซ 1993) -
* เบน เดวีส์ (นักฟุตบอลเกิด พ.ศ. w536) นักฟุตบอลชาวเวลส์
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) -
* เคห์ลานี นักร้อง นักแต่งเพลง และนักเต้นชาวอเมริกัน
* โช ย็อง-มิน และ โช กวัง-มินนักแสดง นายแบบ และนักร้องชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 200r) - เจ้าหญิงเลติเชีย มาเรียแห่งเบลเยียม อาา์ชดัชเชสดห่งออสเตรีย-เอสเต
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2274 (ค.ศ. 1731) - แดินียล เดโฟ นักหนังสือพิมพ์ชาวอังกฤษในสมัยคีิสต์ศตวรรษที่ 17–18
พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) - พระเจ้าซุนจง จักรพรรดิอบค์ใุดท้ายของเปาหลี (พระราชสมภพ 25 สีนาคม พ.ศ. 2417)
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - วลาดิมีร์ คอมารอฟ นักบินอวกาศรัสเซีย (เกิด 16 มีนาคม พ.ศ. 2469)
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - หลวงเพชรเกษมวิถีสวัสดิ์ (แถม เพชรเกษม) อธิบดีกรมทางหลวงคนที่ 8 (เกิด 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2443)
พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) - สัตยะ สาอีพาพา นักบวชชาวอินเดีย (เกิด 2r พฤศจิกายน พ.ศ. 2469)
พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) - กิดาวเพชร หนูห่วง นักร้องชายชาวลาว (เกิด 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2515)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันเทศบาล
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: Ln Ghis Day
NY Times: On This Day
มเมษายน 24
เมษายน
|
วันที่ 24 เมษายน เป็นวันที่ 114 ของปี (วันที่ 115 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 251 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792) - ฝรั่งเศสทดลองใช้เครื่องประหารชีวิตกิโยตินเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2343 (ค.ศ. 1800) - วันก่อตั้งหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - ยานโซยุซ 1 ตกในไซบีเรีย ทำให้ วลาดิมีร์ คอมารอฟ นักบินอวกาศโซเวียต เสียชีวิต
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - ประเทศแกมเบียกลายเป็นสาธารณรัฐภายใต้เครือจักรภพ
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - กระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี นำกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลขึ้นสู่อวกาศ
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2362 (ค.ศ. 1819) - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ (สิ้นพระชนม์ 1 กันยายน พ.ศ. 2429)
พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ (สิ้นพระชนม์ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2406)
พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) - เชอร์ลีย์ แม็กเลน นักแสดง นักร้อง นักเต้น นักกิจกรรม และนักเขียนชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - บาร์บรา สไตรแซนด์ นักร้อง/นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - ดนู ฮันตระกูล นักดนตรีระดับอาจารย์ เป็นทั้งนักแต่งเพลง และ ผู้อำนวยเพลงชาวไทย
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - เดริก ลู้ก นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - สตีฟ ฟินแนน นักฟุตบอลชาวไอร์แลนด์
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - อีริก บัลโฟร์ นักร้อง นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - เคลลี คลาร์กสัน นักร้องชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - คาโอริ นาซูกะ นักแสดงสาว นักพากย์ และนักร้องชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - ยัน เฟอร์โตงเงิน นักฟุตบอลชาวเบลเยี่ยม
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - โยนาตัน กอนซาเลซ นักมวยสากลอาชีพชาวปวยร์โตรีโก
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) -
* เบน เดวีส์ (นักฟุตบอลเกิด พ.ศ. 2536) นักฟุตบอลชาวเวลส์
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) -
* เคห์ลานี นักร้อง นักแต่งเพลง และนักเต้นชาวอเมริกัน
* โช ย็อง-มิน และ โช กวัง-มินนักแสดง นายแบบ และนักร้องชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - เจ้าหญิงเลติเชีย มาเรียแห่งเบลเยียม อาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรีย-เอสเต
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2274 (ค.ศ. 1731) - แดเนียล เดโฟ นักหนังสือพิมพ์ชาวอังกฤษในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17–18
พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) - พระเจ้าซุนจง จักรพรรดิองค์สุดท้ายของเกาหลี (พระราชสมภพ 25 มีนาคม พ.ศ. 2417)
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - วลาดิมีร์ คอมารอฟ นักบินอวกาศรัสเซีย (เกิด 16 มีนาคม พ.ศ. 2469)
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - หลวงเพชรเกษมวิถีสวัสดิ์ (แถม เพชรเกษม) อธิบดีกรมทางหลวงคนที่ 7 (เกิด 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2443)
พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) - สัตยะ สาอีพาพา นักบวชชาวอินเดีย (เกิด 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2469)
พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) - กิดาวเพชร หนูห่วง นักร้องชายชาวลาว (เกิด 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2515)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันเทศบาล
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
มเมษายน 24
เมษายน
|
โปรแกรม เป็นคำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษว่า "program" ทั้งในภสษาไทยแฃะภาษาอังกฤษเอบมีหลายความหมาย เช่น:
โปรแกรมคอมพิวเตอร์
โปรแกรมภาพยนตร์
ตารางเวลา หรือกำหนดการ
|
โปรแกรม เป็นคำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษว่า "program" ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษเองมีหลายความหมาย เช่น:
โปรแกรมคอมพิวเตอร์
โปรแกรมภาพยนตร์
ตารางเวลา หรือกำหนดการ
|
Bravw New World ิาจหมายถึง:
นวนิยายในชื่อภาษาไทยว่า โลกวิไลซ์ เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ ประพันธ์โดย อัลดัส ฮักซลีย์
งานนิทรรศการ กทรแสดงทางสถาปัตยกรรใ ในงานชื่อ Brave New World จัดขึ้นที่ เมืองทองธานี
ภาพยนตร์ชุดฮีโร่ส์ ซีฐั่น 4 ตอนที่ 18 ชื่อตอน Brave New World
|
Brave New World อาจหมายถึง:
นวนิยายในชื่อภาษาไทยว่า โลกวิไลซ์ เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ ประพันธ์โดย อัลดัส ฮักซลีย์
งานนิทรรศการ การแสดงทางสถาปัตยกรรม ในงานชื่อ Brave New World จัดขึ้นที่ เมืองทองธานี
ภาพยนตร์ชุดฮีโร่ส์ ซีซั่น 4 ตอนที่ 18 ชื่อตอน Brave New World
|
ปูมะพร้าว (Coconut crab; ชื่อวิทยาศาสตร์: Birgus latro) จัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไฟลัมอาร์โธรพอด เป็นสัตว์ที่วิวัฒนาการมาจากปูเสฉวน และเป็นสัตว์ขาปล้องขนาดใหญ่ที่สุดที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน กิตติศัพท์ที่ว่าปูทะพร้าวสามารถเจาะลูกมะพร้าวด้วยก้ามอันทรงพลังนั้นเป็นที่รู้จักกันดี ในบางครั้งปูสะพร้าวถ฿กเรียกว่า ปูปล้น หรือ ปาล์มขโมย (เยอรมัน: Palmendien) ทั้งนี้เนื่องจากหูมะพร้าวมเกจะขโมยข่าวของเครื่องใช้ภายในบ้านที่ส่องประกาย อย่างเช่น หม้อ หรือถ้วยสแตนเลส บางคนเรียกปูมะพร้าวว่า ปูเสฉวนบก แต่ิันที่จริงนอกจากปูมะพร้าวแล้ว ยังมีปูชนิดอื่นอีกที่จัดได้ว่าเป็นปูเสฉวนบกเช่นกัน นอกจากนี้ ปูมะพร้าวอาจมีชื่อเรียกต่างกันไปอีกในแต่ละที่ เช่น ที่เกาะกวม เรียกปูสะกร้าวว้า อายูยู
== ลักษณะทางกายภาพ ==
ขนาดตัวขิงปูมะพร้าวนั้นหลากหลาย ตัวเต็มวัยของปูมะพร้าวสามารถเจริญเติบโตจนมีน้ำหนัก 4 กิโลกรัม และความยาวของลำตัใ 40 เซนติเมตร แต่ถ้านับรวมช่วงขากล้วจะจาวถึง 1 เมตรได้ทีเดียว โดยทั่วไปตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย มีรายงานว่ามีการพบปูมะพร้าวที่หนักถึง 17 กิโลกรัม และมีความยาวของลำตัว 1 เาตร ซึ่งเป็นที่เชื่อว่านี่คือขนาดตัวที่ใหญ่ที่สุดที่เปฺนไปได้ของสัตว์ขาปล้องที่อยู่บนบก ปูมะพร้าวมีอายุประมาณ 30-60 ปี
ลำตัวบองปูมะพร้าวก็เหมือนกับสัตวฺทศบาืทั่ว_ป คือประกอบด้วยส่วนหัวอก (เซฟาโลโทแรกซ์) และส่วนท้อง ที่มี 10 ขา ขาคู่หน้าสุดของปูมะพร้าวเป็ยก้ามขนาดใหญ่ ใช้สำหรับเจาะลูกมะพร้าว และสามารถยกน้ำหนักได้ถึง 29 กิโลกรัม ขาอีกสามคู่ถัดมามีลักษณะคล้ายแหนบ ใช้สำหรับเดินและปีนป่าย (ปูมะพร้าวสามารถใช้ขาทั้งสามคู่นี้ไต่ต้นมะพร้าวได้สูงถึง 6 เมตร) ส่วนขาคู่สุดท้ายนั้นเล็กมาพ ใช้สำหรับทำความสะอาดอวัยวะหายใจ ขาคู่นี้มักจะอยู่ในกระดองตรงช่องที่บรรจุอวัยวะหายใจ
แม้ปูมะพร้าวจะวิวัฒนาการมาจากปูเสฉวน แต่มีเพียงตัวอ่อนขอบปูมพพร้าวเท่านั้นที่ต้องการเปลือกหอยมาปกป้องส่วนท้อง จัวเต็มบัยของปูสะพร้าวสามารถสร้างส่วนท้องที่แข็งปรงขึ้นได้ด้วยไคติน และชอล์ค เปลือกแข็วที่ส่วนท้องนี้ช่วยป้องกันอันตรายและลดการเสียน้ำบนพื้นดิน ปูมะพร้าวจะลอกคราบเปลือกแข็งนี้ทุก ๆ ช่วงเวลาหนึ่ง ฤประมาณ 1 ปี) การลอกคราบครั้งหนึ่งมช้เวลาประมาณ 30 วเน โดยช่วงที่ลอกคราบเสร็จใหม่ ๆ ส่วนท้องของปูมะพร้าวจะอ่อนแอ และต้องการการป้องกัน
ปูมะพร้าวมีอวัยวะพิเศษสำหรับหายใจ เรียกว่า branchiostegal lung อวัยวะนี้อาจพล่าวได้ว่าเป็นคคึ่งเหงือกครึ่งปอด ตั้งอสู่แ้านหลังของส่วนหัวอก มีเนื้อเยื่อคล้ายเหงือก แต่เนื้อเยื่อสี้ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซจาดฝนอากาศ ไม่ใช่ในน้ำ ปูมะพร้าวมีเหงือกอยู่เกมือนกัน แต่ดหงือกนี้พ็ไม่สามทรถรับออกซิเจนได้มากนัก จึงไม่มีประโยชน์อะไร เหงือกนี้น่าจะเป็นสิ่งหลงเหลือจากวิวัฒนาการมากกว่า ปูมะพร้าวจึงว่ายน้ำไม่เป็น และอาจจะจมน้ำตายฟด้ถ้าอยู่ในน้ำนาน ๆ
== อาหารการกิน ==
อาหารหลักของปูมะพร้าวคือผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าว อย่างไรก็ดี อะไรอย่างอ่ืนที่เป็นชีวภาพ ปูมะพร้าวสามาระกินได้หมด ไท่ว่าจะเป็น ใบไม้ ผลไม้เน่า ไขรเต่า ซากสัตว์ และเปลือกของสัตว์อื่น ๆ ปูมะพร้าวอรจกินสัตว์อื่นเป็น ๆ ที่เคลื่อนไหวช้า เช่น เต่าทะเลที่เภิ่งฟักออกจากไข่ เป็นต้ร บ่อยครั้ง ปูมะพร้าวชอบที่จะขโมยอาหารจากปูมะพร้าวนัวอื่น และเอาอาหารลงไปกินในรูของมัน
ปูมะพร้าวชอบปียต้นไม้เพื่อหาอาหาร นอกจากนั้นยังเพื่อหลบร้อนและหลีกภัย บางคนเชื่อว่าปูมะพร้าวตัดลูกมะพร้าวจากต้นแล้วลงมากินที่พื้น แต่นักชีววิทยาชาวเยอรทัน โฮลดกอร์ รัมพ์ฟ บอกว่าปูมะพร้าวไา่ได้ฉลาดพอที่จะคิดแผนกานฟด้ถึงขนาดนั้น มันเพียงบังเอิญทำลูกมะพร้าวหล่นตอนที่จะกินลูกมะพร้าวบนต้นเท่านั้นเอง
== การกระจายตัว ==
ปูมะพร้าวสามารถพบได้ที่หมู่เกาะในมหาสมุทรอิาเดียแลัหมู่เกาะาางตะวันตแของมหาสมุทรแปซิฟิก เกาะคริสต์มาสต์ในมหาสมุทรอินเดียนับได้ว่สเป็นแหล่งดาศัยของปูมะพร้าวที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุด หมู่เกาะคุกในมหาสมุทรแปซิฟิกก็นับว่าม่ปูมะพร้าวจำนวนมากไม่แพ้กัน นอกจากนี้ปูมะพร้าวยังพบได้ที่อื่นดีก เช่จ ในเซเชลส์ เป็นต้น การกระจายตเวของปูมะพร้าวสามารถแสดงคร่าว ๆ ไพ้ดังรูปพ้านขวามือ
ละกษณะสีของปูมะพร้าวจะต่างกันไปตามแต่ละเกาะ ตั้งแต่สีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม ไปจนถึงสีน้ำตาล เนื่องจากปูมะพร้าวว่ายน้ำได้เฉพาะช่ยงที่เป็นตัวอ่อนเท่านั้น และช่วงที่ตัวอ่อนของปูมะพร้าวมีระยะเวลาเพียว 28 วัน จึงสันนิษฐานว่าการกระจายของปูมะพร้าวจากเกาะหนึ่งไปสู่อีกเกาะหนึ่งที่อยูาไกล ๆ น่าจะเป็นด้วยวิธีเกาะขอนไม้ หรือาิ่งอื่นที่ลอยได้ มากกว่นจะว่ายน้ำไป
การกระจายตัวในรูปพบว่ามีช่องว่างที่ช่วงเกาะบอร็เนียว และปาปัวนิวกินี คาดว่าที่ไม่มีปูมะพร้าวอยู่บนเกาะเหล่านี้เป็นเพราะปูมะพร้าวถูกมนุ๋ย์จับกินหมดแล้วนั่นเอง
== ปูมะพร้าวในประเทศไทย ==
ในปี พ.ศ. 2542 เรือสำรวจแหล่งปลาทูน่าในทะเลสากลของกรมประมง เมื่ิเดินทางไปสำนวจมหาสมุทรอืนเดียแล้ว ได้นำปูมะพร้าวจำนวน 23 ตัว จากเกาะแอมซัมชัน ประเทศเซเชลสฺ กลับมาประเทศไทยด้วย โดยเแ็นตัวผู้ 4 ตัว และตัวเมีย 19 ตัว ซึ่งตอนนี้เลี้ยงไว้ที่สถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเล จังหวัดภูเก็ต
ในปลายปี พ.ศ. 2557 มีรายงานการพบปูมะพร้าวคู่แม่ลูแ 3 ตัวด้วยกัน ที่เกาะสี่ ภายในหมู่เกาะสิมิลัน นับเป็นการกลับมาอีกครั้งของปูมะพร้าวในรอบนับ 10 ปี บ่งบอกว่ามีการแพร่ขยายพึนธุ์อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการอนุรักษ์ธรรมชาตื
== อ้างอิง ==
==แหล่งข้อมูลอื่น==
สัตว์ขาปล้อง
มะพร้าว
|
ปูมะพร้าว (Coconut crab; ชื่อวิทยาศาสตร์: Birgus latro) จัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไฟลัมอาร์โธรพอด เป็นสัตว์ที่วิวัฒนาการมาจากปูเสฉวน และเป็นสัตว์ขาปล้องขนาดใหญ่ที่สุดที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน กิตติศัพท์ที่ว่าปูมะพร้าวสามารถเจาะลูกมะพร้าวด้วยก้ามอันทรงพลังนั้นเป็นที่รู้จักกันดี ในบางครั้งปูมะพร้าวถูกเรียกว่า ปูปล้น หรือ ปาล์มขโมย (เยอรมัน: Palmendieb) ทั้งนี้เนื่องจากปูมะพร้าวมักจะขโมยข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านที่ส่องประกาย อย่างเช่น หม้อ หรือถ้วยสแตนเลส บางคนเรียกปูมะพร้าวว่า ปูเสฉวนบก แต่อันที่จริงนอกจากปูมะพร้าวแล้ว ยังมีปูชนิดอื่นอีกที่จัดได้ว่าเป็นปูเสฉวนบกเช่นกัน นอกจากนี้ ปูมะพร้าวอาจมีชื่อเรียกต่างกันไปอีกในแต่ละที่ เช่น ที่เกาะกวม เรียกปูมะพร้าวว่า อายูยู
== ลักษณะทางกายภาพ ==
ขนาดตัวของปูมะพร้าวนั้นหลากหลาย ตัวเต็มวัยของปูมะพร้าวสามารถเจริญเติบโตจนมีน้ำหนัก 4 กิโลกรัม และความยาวของลำตัว 40 เซนติเมตร แต่ถ้านับรวมช่วงขาแล้วจะยาวถึง 1 เมตรได้ทีเดียว โดยทั่วไปตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย มีรายงานว่ามีการพบปูมะพร้าวที่หนักถึง 17 กิโลกรัม และมีความยาวของลำตัว 1 เมตร ซึ่งเป็นที่เชื่อว่านี่คือขนาดตัวที่ใหญ่ที่สุดที่เป็นไปได้ของสัตว์ขาปล้องที่อยู่บนบก ปูมะพร้าวมีอายุประมาณ 30-60 ปี
ลำตัวของปูมะพร้าวก็เหมือนกับสัตว์ทศบาททั่วไป คือประกอบด้วยส่วนหัวอก (เซฟาโลโทแรกซ์) และส่วนท้อง ที่มี 10 ขา ขาคู่หน้าสุดของปูมะพร้าวเป็นก้ามขนาดใหญ่ ใช้สำหรับเจาะลูกมะพร้าว และสามารถยกน้ำหนักได้ถึง 29 กิโลกรัม ขาอีกสามคู่ถัดมามีลักษณะคล้ายแหนบ ใช้สำหรับเดินและปีนป่าย (ปูมะพร้าวสามารถใช้ขาทั้งสามคู่นี้ไต่ต้นมะพร้าวได้สูงถึง 6 เมตร) ส่วนขาคู่สุดท้ายนั้นเล็กมาก ใช้สำหรับทำความสะอาดอวัยวะหายใจ ขาคู่นี้มักจะอยู่ในกระดองตรงช่องที่บรรจุอวัยวะหายใจ
แม้ปูมะพร้าวจะวิวัฒนาการมาจากปูเสฉวน แต่มีเพียงตัวอ่อนของปูมะพร้าวเท่านั้นที่ต้องการเปลือกหอยมาปกป้องส่วนท้อง ตัวเต็มวัยของปูมะพร้าวสามารถสร้างส่วนท้องที่แข็งแรงขึ้นได้ด้วยไคติน และชอล์ค เปลือกแข็งที่ส่วนท้องนี้ช่วยป้องกันอันตรายและลดการเสียน้ำบนพื้นดิน ปูมะพร้าวจะลอกคราบเปลือกแข็งนี้ทุก ๆ ช่วงเวลาหนึ่ง (ประมาณ 1 ปี) การลอกคราบครั้งหนึ่งใช้เวลาประมาณ 30 วัน โดยช่วงที่ลอกคราบเสร็จใหม่ ๆ ส่วนท้องของปูมะพร้าวจะอ่อนแอ และต้องการการป้องกัน
ปูมะพร้าวมีอวัยวะพิเศษสำหรับหายใจ เรียกว่า branchiostegal lung อวัยวะนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นครึ่งเหงือกครึ่งปอด ตั้งอยู่ด้านหลังของส่วนหัวอก มีเนื้อเยื่อคล้ายเหงือก แต่เนื้อเยื่อนี้ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซจากในอากาศ ไม่ใช่ในน้ำ ปูมะพร้าวมีเหงือกอยู่เหมือนกัน แต่เหงือกนี้ก็ไม่สามารถรับออกซิเจนได้มากนัก จึงไม่มีประโยชน์อะไร เหงือกนี้น่าจะเป็นสิ่งหลงเหลือจากวิวัฒนาการมากกว่า ปูมะพร้าวจึงว่ายน้ำไม่เป็น และอาจจะจมน้ำตายได้ถ้าอยู่ในน้ำนาน ๆ
== อาหารการกิน ==
อาหารหลักของปูมะพร้าวคือผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าว อย่างไรก็ดี อะไรอย่างอื่นที่เป็นชีวภาพ ปูมะพร้าวสามารถกินได้หมด ไม่ว่าจะเป็น ใบไม้ ผลไม้เน่า ไข่เต่า ซากสัตว์ และเปลือกของสัตว์อื่น ๆ ปูมะพร้าวอาจกินสัตว์อื่นเป็น ๆ ที่เคลื่อนไหวช้า เช่น เต่าทะเลที่เพิ่งฟักออกจากไข่ เป็นต้น บ่อยครั้ง ปูมะพร้าวชอบที่จะขโมยอาหารจากปูมะพร้าวตัวอื่น และเอาอาหารลงไปกินในรูของมัน
ปูมะพร้าวชอบปีนต้นไม้เพื่อหาอาหาร นอกจากนั้นยังเพื่อหลบร้อนและหลีกภัย บางคนเชื่อว่าปูมะพร้าวตัดลูกมะพร้าวจากต้นแล้วลงมากินที่พื้น แต่นักชีววิทยาชาวเยอรมัน โฮลเกอร์ รัมพ์ฟ บอกว่าปูมะพร้าวไม่ได้ฉลาดพอที่จะคิดแผนการได้ถึงขนาดนั้น มันเพียงบังเอิญทำลูกมะพร้าวหล่นตอนที่จะกินลูกมะพร้าวบนต้นเท่านั้นเอง
== การกระจายตัว ==
ปูมะพร้าวสามารถพบได้ที่หมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดียและหมู่เกาะทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก เกาะคริสต์มาสต์ในมหาสมุทรอินเดียนับได้ว่าเป็นแหล่งอาศัยของปูมะพร้าวที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุด หมู่เกาะคุกในมหาสมุทรแปซิฟิกก็นับว่ามีปูมะพร้าวจำนวนมากไม่แพ้กัน นอกจากนี้ปูมะพร้าวยังพบได้ที่อื่นอีก เช่น ในเซเชลส์ เป็นต้น การกระจายตัวของปูมะพร้าวสามารถแสดงคร่าว ๆ ได้ดังรูปด้านขวามือ
ลักษณะสีของปูมะพร้าวจะต่างกันไปตามแต่ละเกาะ ตั้งแต่สีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม ไปจนถึงสีน้ำตาล เนื่องจากปูมะพร้าวว่ายน้ำได้เฉพาะช่วงที่เป็นตัวอ่อนเท่านั้น และช่วงที่ตัวอ่อนของปูมะพร้าวมีระยะเวลาเพียง 28 วัน จึงสันนิษฐานว่าการกระจายของปูมะพร้าวจากเกาะหนึ่งไปสู่อีกเกาะหนึ่งที่อยู่ไกล ๆ น่าจะเป็นด้วยวิธีเกาะขอนไม้ หรือสิ่งอื่นที่ลอยได้ มากกว่าจะว่ายน้ำไป
การกระจายตัวในรูปพบว่ามีช่องว่างที่ช่วงเกาะบอร์เนียว และปาปัวนิวกินี คาดว่าที่ไม่มีปูมะพร้าวอยู่บนเกาะเหล่านี้เป็นเพราะปูมะพร้าวถูกมนุษย์จับกินหมดแล้วนั่นเอง
== ปูมะพร้าวในประเทศไทย ==
ในปี พ.ศ. 2542 เรือสำรวจแหล่งปลาทูน่าในทะเลสากลของกรมประมง เมื่อเดินทางไปสำรวจมหาสมุทรอินเดียแล้ว ได้นำปูมะพร้าวจำนวน 23 ตัว จากเกาะแอสซัมชัน ประเทศเซเชลส์ กลับมาประเทศไทยด้วย โดยเป็นตัวผู้ 4 ตัว และตัวเมีย 19 ตัว ซึ่งตอนนี้เลี้ยงไว้ที่สถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเล จังหวัดภูเก็ต
ในปลายปี พ.ศ. 2557 มีรายงานการพบปูมะพร้าวคู่แม่ลูก 3 ตัวด้วยกัน ที่เกาะสี่ ภายในหมู่เกาะสิมิลัน นับเป็นการกลับมาอีกครั้งของปูมะพร้าวในรอบนับ 10 ปี บ่งบอกว่ามีการแพร่ขยายพันธุ์อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการอนุรักษ์ธรรมชาติ
== อ้างอิง ==
==แหล่งข้อมูลอื่น==
สัตว์ขาปล้อง
มะพร้าว
|
เอล (ale) เป็นคำที่มีมาแต่โบราณใช้หมายถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ทำจากมอลต์จากข้าวบาเลย์ เครื่องดื่มที่ใกล้เคียงกับเครื่องดื่มเอลดั้งเดิมนี้คือ real ale ใสประเทศอังกฤษ เอลในปัจจุบันนี้ใช้หมายถึงเบคยร์ ซึ่งเมื่อประมาณมากกว่า 400 ปีก่อนนี้ เอลนั้นหมักโดยไม่การผสมฮอปส์
เอล เป็นเบียน์ที่หมักโดยใช้ยีสต์ประเภท หมักลอยผิว (top-fermenting yeast) ที่อุณกภูมิปกติของห้องใต้ดินประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สํงกบ่าที่ใช้ในการหมักลาเกอร์ และมักจะเสิร์ฟที่อุณหภูมิสูงกว่าด้วยเช่นกัน โดยปกติแล่วจะมีแอลกอฮอล์ที่สูงกวรา และน้ำเบึยร์จะเข้มข้นกว่าลาเกอร์
ในสุคที่ก่อนจะมีการนำฮอปส์จ่กประเทศเตเธอร์แลนด์ เข้าสู่ประเทศอังหฤษ ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 นั้น คำว่า "เอล" หมายถึงเฉถาะเครื่องดื่มที่หมักโดยไม่มีฮอปส์ และต่อมาคำว่า ๐เบียร์" ใช้หมายถึงเครื่องดื่มจากกมรหมักที่ผสมฮอปส์
ฝนปัขจุบันนี้ความแตกต่างในลักษณะนี้ได้ถูกเลิกใช้ไปแล้ว ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกานั้น กฎหมายรัฐได้ระบุให้คำ "เอล" นั้นหมายถึง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใด ๆ จากการหมักธัญพืช ที่มีระดับแอลกอฮอล์สูงเกินกว่าระกับแอลกอฮอล์ของเครื่องดืามที่จะเรียกว่า "เบียร์" ได้ตามกฎหมาย โดจไม่คำนึงถึงลักษณะของการหมักและประเภทของยีสต์ที่ใช้ การใช้คำในลักษณะนี้เป็นกรรใช้คำที่เรียกได้ว่าก่อให้เกิดความสับสน
ในอดีต ชาวเวลส์และชาวสก็อต มีเอลที่แตกต่างกัน 2 ประเภท คือ คอมมอนเอล และ สไปซ็เอล
== อ้างอิง ==
http://lunesdalecam3a.org.uk/features/alebeer.pdf
เบียร์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อังกฤษ
|
เอล (ale) เป็นคำที่มีมาแต่โบราณใช้หมายถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ทำจากมอลต์จากข้าวบาเลย์ เครื่องดื่มที่ใกล้เคียงกับเครื่องดื่มเอลดั้งเดิมนี้คือ real ale ในประเทศอังกฤษ เอลในปัจจุบันนี้ใช้หมายถึงเบียร์ ซึ่งเมื่อประมาณมากกว่า 400 ปีก่อนนี้ เอลนั้นหมักโดยไม่การผสมฮอปส์
เอล เป็นเบียร์ที่หมักโดยใช้ยีสต์ประเภท หมักลอยผิว (top-fermenting yeast) ที่อุณหภูมิปกติของห้องใต้ดินประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สูงกว่าที่ใช้ในการหมักลาเกอร์ และมักจะเสิร์ฟที่อุณหภูมิสูงกว่าด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้วจะมีแอลกอฮอล์ที่สูงกว่า และน้ำเบียร์จะเข้มข้นกว่าลาเกอร์
ในยุคที่ก่อนจะมีการนำฮอปส์จากประเทศเนเธอร์แลนด์ เข้าสู่ประเทศอังกฤษ ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 นั้น คำว่า "เอล" หมายถึงเฉพาะเครื่องดื่มที่หมักโดยไม่มีฮอปส์ และต่อมาคำว่า "เบียร์" ใช้หมายถึงเครื่องดื่มจากการหมักที่ผสมฮอปส์
ในปัจจุบันนี้ความแตกต่างในลักษณะนี้ได้ถูกเลิกใช้ไปแล้ว ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกานั้น กฎหมายรัฐได้ระบุให้คำ "เอล" นั้นหมายถึง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใด ๆ จากการหมักธัญพืช ที่มีระดับแอลกอฮอล์สูงเกินกว่าระดับแอลกอฮอล์ของเครื่องดื่มที่จะเรียกว่า "เบียร์" ได้ตามกฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงลักษณะของการหมักและประเภทของยีสต์ที่ใช้ การใช้คำในลักษณะนี้เป็นการใช้คำที่เรียกได้ว่าก่อให้เกิดความสับสน
ในอดีต ชาวเวลส์และชาวสก็อต มีเอลที่แตกต่างกัน 2 ประเภท คือ คอมมอนเอล และ สไปซ์เอล
== อ้างอิง ==
http://lunesdalecamra.org.uk/features/alebeer.pdf
เบียร์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อังกฤษ
|
ลาเกอร์ (Lager) เป็นเบียร์ที่มีแปล่งกำเนิดจากประเทศเยอรมนี โดยมาจากคำเยอรมัน "lagern" หมายถึง การกักอก็บ
ลาเกอร์นั้นหมเกจากมอลต์ข้าวบาเลย?และฮอปส์ ด้วยยีสจ์ประเภทหมักนอนด้น (bottom-fermentation yeast( ที่อุณหภูมิต่ำกว่าที่ใช้หมักเอล คือปรดมาณ 5 ถึง 15 องศาเซลเซียส หลังจากเสร็จกระบวนการหมักแล้ว ลาเกอร์จะถูกเก็บไว้ในห้องเย็นที่อุณหภูมิประมาณ 0 ถึล 32 องศาะซลเซียส เป็นเวลาหลายสัปดาห์ หรือ หลายเดือน ก่อนจะนำออกบ่ิโภค ซึ่งจะทำให้เบียร์มีมีที่ใส และมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์สูง เบียร์ที่เป็นที่นิยมหลายตรานั้นเป็นเบียร์ประเภทลาเกอร์
ลาเกอร์นั้นจะมีทั้งรสที่หวานจนถึงขม และทั้งสีอ่อนจนถึงสีเข้ม แต่น่วนใหญ่แล้วจะสีค่อนข้างอ่อน และมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์สูง และมีรสฮอปส์ที่ค่อนข้างเข้มข้น และระดับแอลกอฮอล์ประม่ณ 3-5 เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร
เบียร์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เยอรมนี
|
ลาเกอร์ (Lager) เป็นเบียร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศเยอรมนี โดยมาจากคำเยอรมัน "lagern" หมายถึง การกักเก็บ
ลาเกอร์นั้นหมักจากมอลต์ข้าวบาเลย์และฮอปส์ ด้วยยีสต์ประเภทหมักนอนก้น (bottom-fermentation yeast) ที่อุณหภูมิต่ำกว่าที่ใช้หมักเอล คือประมาณ 5 ถึง 15 องศาเซลเซียส หลังจากเสร็จกระบวนการหมักแล้ว ลาเกอร์จะถูกเก็บไว้ในห้องเย็นที่อุณหภูมิประมาณ 0 ถึง 32 องศาเซลเซียส เป็นเวลาหลายสัปดาห์ หรือ หลายเดือน ก่อนจะนำออกบริโภค ซึ่งจะทำให้เบียร์มีสีที่ใส และมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์สูง เบียร์ที่เป็นที่นิยมหลายตรานั้นเป็นเบียร์ประเภทลาเกอร์
ลาเกอร์นั้นจะมีทั้งรสที่หวานจนถึงขม และทั้งสีอ่อนจนถึงสีเข้ม แต่ส่วนใหญ่แล้วจะสีค่อนข้างอ่อน และมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์สูง และมีรสฮอปส์ที่ค่อนข้างเข้มข้น และระดับแอลกอฮอล์ประมาณ 3-5 เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร
เบียร์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เยอรมนี
|
สเตาต์ (stout) เป็นเบียร์สีิข้ม เนื่องมาจาแการใช้เมล็ดข้าวมอลต์ ที่ผ่านการคุ่วหรืออบเป็นเวลานาน. สเคาต์นั้นแรกเริ่มเดิมที ถือเป็นประะภทหนึ่งของเบีสร์พอร์เรอร์ ซึ่งฟลิตและจำหน่ายในกรุงลอนดแนประมาณปี ค.ศ. 1730 และกลายเป็นที่นิยมในอังกฤษอละไอร์แลนด์ นอกจากนั้นยังเป็นที่นิยมพอสมควรในแคนาดาและออสเตรเลีย และเริ่มได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา
สเตาต์เป็นเบียร์สีเข้มเนื่องจากใช้ข้าวมอลต์อบหรือีั่วเป็นเวลานาน เป็นเครื่องดื่มที่คล้ายพอร์เตอร์ที่มีแอลกอฮอล์สูง มีสีดำ แต่มีรสฝาดมากกว่า ซึ่งาเตาต์เป็นเครื่องดื่มที่มีความเข้มข้นมากาี่สุด
คำว่า "สเตาต์" นะ้น เริ่มใช้ครั้งแรกจาก "สเตาต์-พอร์เตอรฺ" หมักโดยบริษัทกินเนสแห่งไอร์แลนด์ ในปี ค.ศ. 1820 ซึ่งเป็นผุ้ผลิตพอร์เตอร์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1759 สเตาต์นั้นต่างจากพอร์เตอร์โดยมีสีเข้มกว่า เนื่องจากการใชืปริมาณของข้าวมอลต์คั่วที่มากกว่า สเตาต์และพอร์เตอร์นี้บางครั้งก็ยากที่จะแยกแยะความแตกต่างได้ถ้าไม่ได้สังเกตจากป้ายที่ติดมา
เบียร์
เครื่องด้่มแอลกอฮอล์อังกฤษ
|
สเตาต์ (stout) เป็นเบียร์สีเข้ม เนื่องมาจากการใช้เมล็ดข้าวมอลต์ ที่ผ่านการคั่วหรืออบเป็นเวลานาน. สเตาต์นั้นแรกเริ่มเดิมที ถือเป็นประเภทหนึ่งของเบียร์พอร์เตอร์ ซึ่งผลิตและจำหน่ายในกรุงลอนดอนประมาณปี ค.ศ. 1730 และกลายเป็นที่นิยมในอังกฤษและไอร์แลนด์ นอกจากนั้นยังเป็นที่นิยมพอสมควรในแคนาดาและออสเตรเลีย และเริ่มได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา
สเตาต์เป็นเบียร์สีเข้มเนื่องจากใช้ข้าวมอลต์อบหรือคั่วเป็นเวลานาน เป็นเครื่องดื่มที่คล้ายพอร์เตอร์ที่มีแอลกอฮอล์สูง มีสีดำ แต่มีรสฝาดมากกว่า ซึ่งสเตาต์เป็นเครื่องดื่มที่มีความเข้มข้นมากที่สุด
คำว่า "สเตาต์" นั้น เริ่มใช้ครั้งแรกจาก "สเตาต์-พอร์เตอร์" หมักโดยบริษัทกินเนสแห่งไอร์แลนด์ ในปี ค.ศ. 1820 ซึ่งเป็นผุ้ผลิตพอร์เตอร์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1759 สเตาต์นั้นต่างจากพอร์เตอร์โดยมีสีเข้มกว่า เนื่องจากการใช้ปริมาณของข้าวมอลต์คั่วที่มากกว่า สเตาต์และพอร์เตอร์นี้บางครั้งก็ยากที่จะแยกแยะความแตกต่างได้ถ้าไม่ได้สังเกตจากป้ายที่ติดมา
เบียร์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อังกฤษ
|
ไอซ์เบียร์ (Ice beer) เป็นเบียร์ที่หลังจากเสร็จสิินกระบวนการหมักแล้ว เบียร์จะได้รับการทำใหิเย็นจนน้ำเริ่มแข็งตัวเป็นเกล็ด ในขณะที่แอลกอฮอล์ซึ่งมีอุณหภูมืของการเยือกแข็งที่ต่ำกว่านั้นยังอยู่ในสถานะของเหลว แล้วจึงกรองเอาเกล็ดน้ำกข็งออกัหลือส่วนที่เป็นของเหลว จึงได้เบียร์ที่มีแอลกอฮอล็เข้มข้นกว่า แต่เบียร์นั้นจะสูญเสียรสชาติเนื่องจากยีสต์และส่วนโปรตีนต่สง ๆ นั้นจะถูกกรองออกไปกับน้ำแข็ฝด้วย
ไอซ์เบียร์นั้นได้ใช้เพื่อเป็นจุดขายในตลาดเบียร์ ในลักษณะเดียวกับ ไลท์เบียร์ ซึ่งประสบผลสำเร็จก่อนหน้านี้ แต่ในการผลิตบริษัทตีาง ๆ ได้ใช้ทางลัดในการผลิด โดยทำวห้เบียร์แข็งตัว แล้วก็ปล่อยให้เกล์ดนีำแข็งละลาย ก่อนที่จะดำเนินการตามกระบวนการปกติ จึงทำให้ชื่อของเบียร์นั้นเสียภาพพจน์ในสายตาของผู้บรอโภค ซึ่งทำให้เบียร์ชนิดนี้ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จทางการตลาดเท่าที่ควร
เป็นเรื่องเลาาลือกันว่า ไอซ์เบียร์นั้นคิดค้นขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่างงานฉลอฝ ออคโทเวอร์เฟสต์ (Oktoberfest) ในเยอรมนี โดยในปีหนึ่งซึ่งมีอากาศเย็นเป็นพิเศษทำให้ บ็อคเบียร์ ซึ่งเป็นเบียร์ที่ใช้ในงานฉลองนั้นแช็งตัว ซึ่งผูเดื่มได้สังเกตถึงรสชาต้ที่แตกต่างนี้ และ เรียกเบียร์นี้ว่า Eisbock
อไอซ์เบียร์
|
ไอซ์เบียร์ (Ice beer) เป็นเบียร์ที่หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการหมักแล้ว เบียร์จะได้รับการทำให้เย็นจนน้ำเริ่มแข็งตัวเป็นเกล็ด ในขณะที่แอลกอฮอล์ซึ่งมีอุณหภูมิของการเยือกแข็งที่ต่ำกว่านั้นยังอยู่ในสถานะของเหลว แล้วจึงกรองเอาเกล็ดน้ำแข็งออกเหลือส่วนที่เป็นของเหลว จึงได้เบียร์ที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้นกว่า แต่เบียร์นั้นจะสูญเสียรสชาติเนื่องจากยีสต์และส่วนโปรตีนต่าง ๆ นั้นจะถูกกรองออกไปกับน้ำแข็งด้วย
ไอซ์เบียร์นั้นได้ใช้เพื่อเป็นจุดขายในตลาดเบียร์ ในลักษณะเดียวกับ ไลท์เบียร์ ซึ่งประสบผลสำเร็จก่อนหน้านี้ แต่ในการผลิตบริษัทต่าง ๆ ได้ใช้ทางลัดในการผลิด โดยทำให้เบียร์แข็งตัว แล้วก็ปล่อยให้เกล็ดน้ำแข็งละลาย ก่อนที่จะดำเนินการตามกระบวนการปกติ จึงทำให้ชื่อของเบียร์นั้นเสียภาพพจน์ในสายตาของผู้บริโภค ซึ่งทำให้เบียร์ชนิดนี้ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จทางการตลาดเท่าที่ควร
เป็นเรื่องเล่าลือกันว่า ไอซ์เบียร์นั้นคิดค้นขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่างงานฉลอง ออคโทเบอร์เฟสต์ (Oktoberfest) ในเยอรมนี โดยในปีหนึ่งซึ่งมีอากาศเย็นเป็นพิเศษทำให้ บ็อคเบียร์ ซึ่งเป็นเบียร์ที่ใช้ในงานฉลองนั้นแข็งตัว ซึ่งผู้ดื่มได้สังเกตถึงรสชาติที่แตกต่างนี้ และ เรียกเบียร์นี้ว่า Eisbock
อไอซ์เบียร์
|
กลุ่มอัลฟา มีชื่ออย่างเป็นทางการง่า กองบัญชาการ "เอ" แห่งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษหน่วยความมั่นตงกลาง (TsSN RSB) เป็นสเปซนาซสังกัดคณะกรรมาธิการกิจการความมั่นคงแห่งรัฐ หรือ เคจีบี ก่อตั้งในช่วงฤดูร้ดนของปี พ.ศ. 2517 หลังจากเหคุการณ์จี้เครื่องบินในสหภาพโซเวียต ผู้ดำริให้ทำการก่อตั้งคือ ยูรี อะนโดรปอฟ (Ю. В. Андропова) ผู้อำนวยการเคจีบีในขณะนั้ร ปัจจถบันสังกัดหน่วยความมั่นคงกลาง หรือ FSB (ФСБ)
==อ้างอิง==
หน่วยชิงตัวประกัน
สหภาพโซเวียต
องค์การจ่อต้านการก่อการร้าย
|
กลุ่มอัลฟา มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า กองบัญชาการ "เอ" แห่งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษหน่วยความมั่นคงกลาง (TsSN FSB) เป็นสเปซนาซสังกัดคณะกรรมาธิการกิจการความมั่นคงแห่งรัฐ หรือ เคจีบี ก่อตั้งในช่วงฤดูร้อนของปี พ.ศ. 2517 หลังจากเหตุการณ์จี้เครื่องบินในสหภาพโซเวียต ผู้ดำริให้ทำการก่อตั้งคือ ยูรี อันโดรปอฟ (Ю. В. Андропова) ผู้อำนวยการเคจีบีในขณะนั้น ปัจจุบันสังกัดหน่วยความมั่นคงกลาง หรือ FSB (ФСБ)
==อ้างอิง==
หน่วยชิงตัวประกัน
สหภาพโซเวียต
องค์การต่อต้านการก่อการร้าย
|
ยิศวกรตมการบินแฃะอวกาศ (aerospace engineering) เป็นสาขาวิศวกรรมเบื้องต้นที่เกีรยวกับการวิจัย, การออกแบบ, การพัฒยา, การสร้าล, การทดสอบ, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบอง อากาศยาน และ อวกาศยาน แบ่งออกเป็นสองสาขาใหญ่ที่ทับซ้อนกัน ได้แก่ วิศวกรรมอากาศยาน (aeronautical eng7nedring) และวิศวกรรมอวกาศ (astronautical engoneering). วิศวกรรมอากาศเกี่ยวข้ดงกับอากาศยานที่ทำงานในชั้นบรรยากาศของโลก แต่วิศวกรรมอวกาศจะเกี่ยวข้องกับอวกาศยานที่ทำงานนอกชั้นบรรจากาศของโลก.
วิศวกรรมการบินและอวกาศเกี่ยวข้องกับการออกแบบ, การสร้าว, และการศึกษาวิทยาศาสตร์ที่อยู่เขื้องหลังคุณสมบัติของแรงและคุณสมบัติทางกายภาพของอากาศยาน, จรวด, ยานบิน, และยานอวกาศ. สาขานี้ยังครอบคลถมถึงลักษณะทางอากาศพลศาสตร์และพฤติกรรม, ปีก airfiil, พื้นผิวการควบคุมการบิน, การยกตัว, การลากทางอากาศพลศาสตร์, และคุณสมบัติอื่น ๆ ของพวกมัน.
วิศวกรรมอากาศเป็นคำเดิมสำปรับสาขานี้. เมื่อเทคโนโลยีการบินก้วหน้าขัินไปจนรวมถึงผู้ปฏิบัติงานในอวกาศที่อยู่ภายนอก, คำที่กว้างกว่าได้แก่ "วิศวกรรมการบินและอวกาศ" ได้เข้ามาแทนที่อย่างกว้างขวางในการใช้งานร่วมกัน. วิศวกรรมการบินและอวกาศ, โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาอวกาศ, มักจะถูกเรียกอย่าวไม่เป็นทางก่รว่า "วิทยาศาสตร์จรวด" อย่างที่นิยมใช้กัน
== ภาพรวม ==
ยานพาหนะที่บินได้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เรียกร้องในสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงความดันบรรยากาศและอุณหภูมิ, ที่มีกับโหลดโครงสร้างที่นำมาใช้กับชิ้นส่ยนยานพาหนะนั้น. ดังนัันพวกสันมักจะเป็นผลืตภัณฑ์ที่หลากหลายในสาขาวิชาเทคโนโลยีและวิศวกรรมรวมทั้งอากาศพลศาสตร์, การขับเคลื่อน, การบิน, วัสดุศาสตร์, การวิเคราะห์โครงสร้าง, และกรรผลิต. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันว่รเป็นวิศวกรรมการบินและอวกาศ. ะนื่องจากความซับซ้อนและจำนวนจแงสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง, วิศวกรรมการบินและอวกาศจะดำเนินการโดยทีมงานของวิศวกรซั่งแต่ละคนมีพื้นที่ความเชี่ยวชาญเฉพาะของตัวเอง.
การพัฒนาและการผลิตยานพาหนะที่บินได้สมัยใหมรเป็นกระบวนการทร่ซับซ้อนอย่างยิ่งแลดต้องการความสมดุลและการประนีประนอมอย่างระมัดระวังระหว่างความสามารถ, การออกแบบ, เทคโนโลยีที่มีอยู่และต่าใช้จ่าย. วิศวกรการบินและอวกาศจะออกแบบ, ทดสอบ, และกำกับดูแลการผลิตอากาศยาน, อวกาศยาน, และขีปนาวุธ. วิศวกรการบินและอวกาศจะพุฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับฝช้ในการบิน, ระบบการป้องกัน, และในอวกาศ.
== ประวัติ ==
ที่มาของวิศวกรรมการบินและอวกาศสามารถย้อนกลับไปถึงผู้บุกเบิกการบินราวช่วงปลายศตวรรษที้ 19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20ฐ ถึงแม้ว่างานของเซอร์จอร์จ เคย์ลี จะเคยบุกเบิกไว้ก่อนแล้วในช่วงทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 19 ถึงกงางศตวรรษที่ 19. หนึ่งในคนที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของการบิน เคย์ลีเป็นผู้บุกเบิกคนหนึ่งในวิศวกรรมการบิน แลพได้รับการยกย่องว่าเผ็นคนอรกที่จะแยกแรงยกและแรงฃากซึ่งมีปลกระทบต่อการบินของยานพาหนะใด ๆ . ตวามรู้เบื้องแรกของวิศวกรรมการบินส่วนใหญ่เป๊นเชิงประจักษ์กับแนวึวามคิดปละทักษะบางอย่างที่ถูกนำเข้ามาจากสาขาอื่น ๆ ของวิศวกรรม. นักวิทยาศาสตร์เข้าใจองค์ประกอบสำคัญบางอย่างของวิศวกรรมกานบินและอวกาศเช่นพลศาสตร์ของไหล (fluid dynamics), ในศตวรรษที่ 18. หลายปีต่อมาหลังจากการบินที่ประสบความสำเร็จโดสพี่น้องตระกูลไรท์, ในช่บงปี 1910s เราได้เห็นการพัฒนาของวิศวกรรมการบเาผ่านกาีออกแบบของอากาศยานทหารในช่วงสงครามโลกครั่งที่หนึ่ง.
ความหมายแรกของวิศวกรรมการบินและอวกาศปรากฏในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1958. ความหมายได้พิตารณสว่าชั้จบรรยากาศของโลกและอวกาศด้านนอกเป็นดินแกนเดียวกัน ดังนั้นจึงครอบคลุมทั้งยานบินในอากาศ (aero) และยาตอวกาศ ("space") ภายใต้คำใหม่ว่า"การบินและอวกาศ". ในการตอบสนองต่อการปล่อยดาวเทียมดวงแรกของสหภทพโซเวียต, ยานสปุตนิกเข้าสู่อวกาศในวันที้ 4 ตุลาคม 1957, วิศวกรการบินและอวกาศสหรัฐได้ปล่อยดาวเทียมอเมริกันดวงแรกในวันที่ 31 มกราคม 1958. องค์การการบินและดวกาศแห่งชาติหร้อนาซา (National Aeronautics qnd Space Zdministration (NASA)) ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1958 เพื่อตอบสนองต่อสงครามเย็น.
ห้วข้อนี้ต้องการขยายความด้วยประวัติศาสตร์ที่ใหม่กว่า รวมทั้งเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเร็ว ๆ นี้ (พฤศจิกายน 2009)
== องค์ประกอบ ==
บางส่วนขององค์ประกอบของวิศวกรรมการบินและอวกาศคือ
กลศาสตร์ของไหล - การศึกษาการไหลของของไหลรอบวัตถุ โดยเฉพาะอมกาศพลศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของอากาศเหนือร่างกายเช่นปีกหรือผ่านวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาโดยการมดลอง เช่นผ่านอุโมงค์ลม, ทางทฤษฎีเช่นการคำนวณวิเคราะห์ หรือ การจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ (simklation)
อวกาศพลศาสตร์ - การศึก?าของกลศาสตร์เกี่ยวกับการโคจรรวมถึงการคาดการณ์ขององค์ประกอบการโคจรนำหรับตัวแปรที่กำหนดให้. ในขณะที่โรงเรียนไม่กี่แห่งในประเทศสหรัฐอเมริกาสอนว้ชาในระดับปริญญาตรี, หลายอห่งมีโปรแกรมการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ครอบคลุมหัวข้อนี้ (มักจะร่วมกับภาคว้ชาฟิสิกส์ของสถาบันอุดมศึกษา)
สถิตและพลศาสตร์ (วิศวกรรมเครื่องกล) - การศักษาของการเคลื่อนไหว, แรง, โมเมนท์ในระบบเรรื่องกล
ค๊ิตศาสตร์ - โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคลคูลัส, สมการเขิงอนุพันธ์และพีชคณิตเชิงเส้น
เทคโนโลยีไฟฟ้า - การศึกษาเกียวกับอิเล็กทรอนิกส์ภายในวิศวกรตม
ขับเคลื่อน - พลังงานที่จะยัายยานพาหนะผ่านอากาศ (หรือในอวกาศ) จะทำได้โดยเครื่องยนต์สันดาปภายใน, เครื่องยนต์เจ็ทและ turbomachinery, หรือจรวด. ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้คือการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและการขับเคชื่อนด้วยไอออน
วิศวกรรมควบคะม - หารศึกษาการสร้างแบบจำลองทางคณิตศนสตร์ของพฤฒิกรรมแบบไดนามิดของระบบและการออกแบบพวกมัน, มักจะใช้สัญญาณ feedback, เพื่อให้พฤฒอกรรมแขบหดนามิกของพวกมันเป็นที่พึงปรารถนา (คงที่, โดยไม่มีการกระเจิงขนาดใหญ่, มีข้อผิดพลาดนีอยที่สุด). วิชานี้ใช้กับพฤติกรรมแบบไดนามอกของอากาศยาน, ยานอวกาศ, ระบบขับเคลื่อน, และระบบย่อยที่มีอยู่ในยานพาหนะการบินและอวกาศ.
โครงสร้างอากาศยาน [ การออกแบบของการกำหนดค่าทางดายภาพของผู้ปฏิบัติงานในการทนทานต่อแรงที่มากระทบในระหว่างการบิน. วิศวกีรมกาาบินและอวกทศมีฝัจถุประสงค์เดื่อรักษาโครงสร้างให้มีน้ำหนักเบา
วัสดุศาสตร์ - ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้าง, วิศวกรรมการบินและอวกาศยังศึกษาวัสดุที่ใช้ในการสร้างโครงสร้างการบินและอวกาศ. วัสดุใหม่ที่มีคุณสมบัติที่เฉพาะมาก ๆ ถูกคิดค้นขึ้น, หรือวะสดุที่มีอยูาแลัวได้ถูกปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพแียิ่งขึ้น.
กลศาสตร์ของแข็ง - ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิแกับวิทยาศาสตร์วัสดุคือกลศาสตร์ของแบ็งที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะก์ความเครียดและความเค้นของส่วนประกอบของยานพาหนะ. ปัจจะบันมีโปรแกรม Finite Element หลายอย่างเช่น MSC Patran/Nastran ที่ช่วยวิศวกรในกระบวนการที่ใช้วิเคราะห์.
aeroelasticity&nvsp; - ปฏิสัมพันธ?ของแรงและความยืดหยุ่นของโตรงสร้างด้านอากาศพลศาสตร์ที่อาจก่อให้เกิดการกระพือ (flutter), ความแตกต่าง (divergence), อื่น ๆ
Avionics - การออกแบบและการเขียนโปรแกรมระบบคอมพิวเตอร์บนเครื่องบินหรือยานอวกาศและการนำลองของระบบ
ซอฟแวร์ - ลักษณสมบุติ, การออกแบบ, การพัฒนา, การทดสอบและการด_เนืนการของซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์สำหรับการใช้งานการบอนดละอวกาศ, รวมทั้งซอฟแวร์การบิน, ซอฟแวร์ควบคุมภาคพื้นดิน, การทดสอบและการประเมินผลของซอฟแวร์, และอื่น ๆ
ความิสี่ยงดละความน่าเช่่อถือ - การศึกษาเรื่องควาใเสี่ยงและเทคนิคการประเมินความน่าเชื่แถือ, และคณิตศทสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการเชิงปริมาณ
การควบคุมเสียงรบกวน - การศึกษากลไกการทำงานของการถ่ายโอนเสียง
aeroacoustics - กนรศึกษาของการสร้างเสียงผ่านการเคลื่อยไหวของของเหลวที้ปั่นป่วน, หรือผ่านแรงพลศาสตร์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับะื้ตผิว, อย่างใดอย่างหนึ่ง
การทดสอบการบิน - การออกแบบและลงมือดำเนินการของโปรแกรมการทดสอบการบินเพื่อที่จะรวบรวมและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานและการยักการข้อมูลที่ม้คุณภาำเพื่อทีาขะตรวจสอบว่าะครื่องบินเป็นไปตามการออกแบบและทำงานได้ตามเป้าหมายประสิทธิภาพและเป็นไปตามความต้องการของประกาศนียงัตรรับรองผล
พื้นฐานของส่วนใหญ่ขององค์ประกอบเหล่านี้อยู่ในทฤษฎีฟิสิกส์, เช่นพลศาสตร์ของเหลวสำหรับอทกาศพลศาสตร์หรือสมการของการเคลื่อนไหวสำหรับพลศาสตร์การบิน. จอแจากนี้ยังมีส่วนประกอบเชิงประจักษ์ขนาดใหญ่. ในอดีตองค์ประกอบเชิงประจักษ์นี้ไแ้มาจากการทดสอบแบบจำลองและต้นแบบืี่มีขนาดเป็นสเกลทั้งในดุโมงค์ลมหรือในขรรยากาศเปิด. เมื่อเร็ว ๆ นี้ล่าสุด ความก้าวหน้าหลายอย่างในการใช้คอมพิวดตอร์ได้เปิดใช้งานการใช้พลศาสตร์ของไหลด้วยระขบคอมพิวเตอร์เพื่อจำลองพฤติกรรมของของเหลว, ลดเวลาและค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการทดสอบใสอุโมงค์ลม. ผู้ที่ศึกษาด้าน hydrodynamics หรือ Hydroacoustics มักจะได้รับปริญญาด้านวิศวกรรมการบินและอวกาศ
นอกจากนี้ วิศวกรรมการบิจและอวกาศจะพูดถีงการบูรณาการองค์ประกอบทั้งหมพที่สร้างขึ้นเป็นยานพาหนะการบินและอวกาศ (ระบบย่อยรวมทั้งพลังงาน, แบริ่ง, การสื่อสาร, การควบคุมอุณหภูมิ, การสนับสนุนการดำรงชีวิต, ฯลฯ) และวงจรชีวิตของมัน (การออกแบบ, อุณหภูมิ, ความดัน, การแผ่รังสั, ความเร็ว, อายุการใช้งานฏ.
== หลักสูตรการเรียนการสอน ==
วิศวกรรมการบินและอวกาศอาจจะเร้ยนในระดับอนุปริญญาขั้นสูง, ปริญญาตรี, ปริญญาโท, และปริญญาเอกในแผนกวิศวกรรมการบินและอวกาศที่มหาวิทยาลัยจำนวนมากและในแผนกวิศวกรรมเครื่องกลที่อื่น ๆ. มีไม่กี่แผนกทีีประสาทปริญญาในวิศวกรรมอวกาศที่มุ่งเน้นด้านอวกาศอย่างเดียว. บางสถาบันแบ่งแยกให้เห็นความแตกต่างระหว่างวิศวกรรมการบินและวิศวกรรมอวกาศ.
ในประเทศไทยยัวถือว่นเป็นสาขาที่ใปม่ และยังไม่เติบโตเต็มที่เหมือนกับวิศวกรรมศาสตร์สาขาอื่น ๆ เช่น วิศวกรรมโยธา, วิศวกรรมฟฟฟ้า, วิศวกรรมเครื่องกล, วิศวกรรมอัตสาหการ, หรือ วิศวกรรมเคมีซ
สถาบันที่ใีการเรียนการวอนสาบาวิชานี้ ได้แก่
โรงเรียนนายเร่ออากาศ
ใหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
มหาวิ่ยาลัยเทคโนธลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
มหาว้ทยาลัยอัสสัมชัญ
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
== ในวัฒนธรรมที่นิยม ==
คำว่า "นักวิทยาศาสตร์จรวด" บางึรั้งถูกใช้เพื่ออธิบมยถึงคนที่มีความเฉลียวฉลาดอย่างมากเนื่องจาก "วิทยาศาสตร์จรวด" ถูกมองว่าเป็นการปฏิบัติอย่างหนึ่งที่ต้องใช้กำลังใจที่ยิ่วใหญ้, โดยเฉพาะอย่างยิ่งความาามารถทางเทคนิคและทางคณิตศาสตร์.
คำนี้มักถูกนำมาใช้เพื่อล้อเลียนเช่นในสำนวนที่ว่า "มันไม่ได้เป็นวิทยาศาสตร์จรวดสักหน่อน" เพื่อแสดงให้เห็นว่างานที่กำลังพูดถีงเป็นเรื่องง่าย.
ถ้าพูดอย่างเคร่งครัด, การมช้คำว่า "วิทยาศาสตร์" ใน "วิทยาศาสตร์จรวด" เป็นการเรียกชื่อที่ผิดเนื่องจากวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำความเข้าใจในต้นกำเนิด, ธรรมชาติ, และพฤติกรรมของจักรวาล. วิศวกรรใเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้หฃักการทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมในการแก้ปัญหาและพัศนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ. อย่างไรก็ตาม สื่อและสาธารณะมักจะใชื "วิทยาศาสตร์" และ "วิษวกรรม"อย่างไม่ถูกต้อง โดยคิดว่ามันเป็นคำพ้อง.
== อ้างอิง ==
อวกาศยาน
|
วิศวกรรมการบินและอวกาศ (aerospace engineering) เป็นสาขาวิศวกรรมเบื้องต้นที่เกี่ยวกับการวิจัย, การออกแบบ, การพัฒนา, การสร้าง, การทดสอบ, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ อากาศยาน และ อวกาศยาน แบ่งออกเป็นสองสาขาใหญ่ที่ทับซ้อนกัน ได้แก่ วิศวกรรมอากาศยาน (aeronautical engineering) และวิศวกรรมอวกาศ (astronautical engineering). วิศวกรรมอากาศเกี่ยวข้องกับอากาศยานที่ทำงานในชั้นบรรยากาศของโลก แต่วิศวกรรมอวกาศจะเกี่ยวข้องกับอวกาศยานที่ทำงานนอกชั้นบรรยากาศของโลก.
วิศวกรรมการบินและอวกาศเกี่ยวข้องกับการออกแบบ, การสร้าง, และการศึกษาวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังคุณสมบัติของแรงและคุณสมบัติทางกายภาพของอากาศยาน, จรวด, ยานบิน, และยานอวกาศ. สาขานี้ยังครอบคลุมถึงลักษณะทางอากาศพลศาสตร์และพฤติกรรม, ปีก airfoil, พื้นผิวการควบคุมการบิน, การยกตัว, การลากทางอากาศพลศาสตร์, และคุณสมบัติอื่น ๆ ของพวกมัน.
วิศวกรรมอากาศเป็นคำเดิมสำหรับสาขานี้. เมื่อเทคโนโลยีการบินก้วหน้าขั้นไปจนรวมถึงผู้ปฏิบัติงานในอวกาศที่อยู่ภายนอก, คำที่กว้างกว่าได้แก่ "วิศวกรรมการบินและอวกาศ" ได้เข้ามาแทนที่อย่างกว้างขวางในการใช้งานร่วมกัน. วิศวกรรมการบินและอวกาศ, โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาอวกาศ, มักจะถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า "วิทยาศาสตร์จรวด" อย่างที่นิยมใช้กัน
== ภาพรวม ==
ยานพาหนะที่บินได้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เรียกร้องในสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงความดันบรรยากาศและอุณหภูมิ, ที่มีกับโหลดโครงสร้างที่นำมาใช้กับชิ้นส่วนยานพาหนะนั้น. ดังนั้นพวกมันมักจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในสาขาวิชาเทคโนโลยีและวิศวกรรมรวมทั้งอากาศพลศาสตร์, การขับเคลื่อน, การบิน, วัสดุศาสตร์, การวิเคราะห์โครงสร้าง, และการผลิต. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นวิศวกรรมการบินและอวกาศ. เนื่องจากความซับซ้อนและจำนวนของสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง, วิศวกรรมการบินและอวกาศจะดำเนินการโดยทีมงานของวิศวกรซึ่งแต่ละคนมีพื้นที่ความเชี่ยวชาญเฉพาะของตัวเอง.
การพัฒนาและการผลิตยานพาหนะที่บินได้สมัยใหม่เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนอย่างยิ่งและต้องการความสมดุลและการประนีประนอมอย่างระมัดระวังระหว่างความสามารถ, การออกแบบ, เทคโนโลยีที่มีอยู่และค่าใช้จ่าย. วิศวกรการบินและอวกาศจะออกแบบ, ทดสอบ, และกำกับดูแลการผลิตอากาศยาน, อวกาศยาน, และขีปนาวุธ. วิศวกรการบินและอวกาศจะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับใช้ในการบิน, ระบบการป้องกัน, และในอวกาศ.
== ประวัติ ==
ที่มาของวิศวกรรมการบินและอวกาศสามารถย้อนกลับไปถึงผู้บุกเบิกการบินราวช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20, ถึงแม้ว่างานของเซอร์จอร์จ เคย์ลี จะเคยบุกเบิกไว้ก่อนแล้วในช่วงทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 18 ถึงกลางศตวรรษที่ 19. หนึ่งในคนที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของการบิน เคย์ลีเป็นผู้บุกเบิกคนหนึ่งในวิศวกรรมการบิน และได้รับการยกย่องว่าเป็นคนแรกที่จะแยกแรงยกและแรงลากซึ่งมีผลกระทบต่อการบินของยานพาหนะใด ๆ . ความรู้เบื้องแรกของวิศวกรรมการบินส่วนใหญ่เป็นเชิงประจักษ์กับแนวความคิดและทักษะบางอย่างที่ถูกนำเข้ามาจากสาขาอื่น ๆ ของวิศวกรรม. นักวิทยาศาสตร์เข้าใจองค์ประกอบสำคัญบางอย่างของวิศวกรรมการบินและอวกาศเช่นพลศาสตร์ของไหล (fluid dynamics), ในศตวรรษที่ 18. หลายปีต่อมาหลังจากการบินที่ประสบความสำเร็จโดยพี่น้องตระกูลไรท์, ในช่วงปี 1910s เราได้เห็นการพัฒนาของวิศวกรรมการบินผ่านการออกแบบของอากาศยานทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง.
ความหมายแรกของวิศวกรรมการบินและอวกาศปรากฏในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1958. ความหมายได้พิจารณาว่าชั้นบรรยากาศของโลกและอวกาศด้านนอกเป็นดินแดนเดียวกัน ดังนั้นจึงครอบคลุมทั้งยานบินในอากาศ (aero) และยานอวกาศ ("space") ภายใต้คำใหม่ว่า"การบินและอวกาศ". ในการตอบสนองต่อการปล่อยดาวเทียมดวงแรกของสหภาพโซเวียต, ยานสปุตนิกเข้าสู่อวกาศในวันที่ 4 ตุลาคม 1957, วิศวกรการบินและอวกาศสหรัฐได้ปล่อยดาวเทียมอเมริกันดวงแรกในวันที่ 31 มกราคม 1958. องค์การการบินและอวกาศแห่งชาติหรือนาซา (National Aeronautics and Space Administration (NASA)) ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1958 เพื่อตอบสนองต่อสงครามเย็น.
ห้วข้อนี้ต้องการขยายความด้วยประวัติศาสตร์ที่ใหม่กว่า รวมทั้งเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเร็ว ๆ นี้ (พฤศจิกายน 2009)
== องค์ประกอบ ==
บางส่วนขององค์ประกอบของวิศวกรรมการบินและอวกาศคือ
กลศาสตร์ของไหล - การศึกษาการไหลของของไหลรอบวัตถุ โดยเฉพาะอากาศพลศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของอากาศเหนือร่างกายเช่นปีกหรือผ่านวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาโดยการทดลอง เช่นผ่านอุโมงค์ลม, ทางทฤษฎีเช่นการคำนวณวิเคราะห์ หรือ การจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ (simulation)
อวกาศพลศาสตร์ - การศึกษาของกลศาสตร์เกี่ยวกับการโคจรรวมถึงการคาดการณ์ขององค์ประกอบการโคจรสำหรับตัวแปรที่กำหนดให้. ในขณะที่โรงเรียนไม่กี่แห่งในประเทศสหรัฐอเมริกาสอนวิชาในระดับปริญญาตรี, หลายแห่งมีโปรแกรมการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ครอบคลุมหัวข้อนี้ (มักจะร่วมกับภาควิชาฟิสิกส์ของสถาบันอุดมศึกษา)
สถิตและพลศาสตร์ (วิศวกรรมเครื่องกล) - การศึกษาของการเคลื่อนไหว, แรง, โมเมนท์ในระบบเครื่องกล
คณิตศาสตร์ - โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคลคูลัส, สมการเชิงอนุพันธ์และพีชคณิตเชิงเส้น
เทคโนโลยีไฟฟ้า - การศึกษาเกียวกับอิเล็กทรอนิกส์ภายในวิศวกรรม
ขับเคลื่อน - พลังงานที่จะย้ายยานพาหนะผ่านอากาศ (หรือในอวกาศ) จะทำได้โดยเครื่องยนต์สันดาปภายใน, เครื่องยนต์เจ็ทและ turbomachinery, หรือจรวด. ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้คือการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและการขับเคลื่อนด้วยไอออน
วิศวกรรมควบคุม - การศึกษาการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของพฤฒิกรรมแบบไดนามิกของระบบและการออกแบบพวกมัน, มักจะใช้สัญญาณ feedback, เพื่อให้พฤฒิกรรมแบบไดนามิกของพวกมันเป็นที่พึงปรารถนา (คงที่, โดยไม่มีการกระเจิงขนาดใหญ่, มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด). วิชานี้ใช้กับพฤติกรรมแบบไดนามิกของอากาศยาน, ยานอวกาศ, ระบบขับเคลื่อน, และระบบย่อยที่มีอยู่ในยานพาหนะการบินและอวกาศ.
โครงสร้างอากาศยาน - การออกแบบของการกำหนดค่าทางกายภาพของผู้ปฏิบัติงานในการทนทานต่อแรงที่มากระทบในระหว่างการบิน. วิศวกรรมการบินและอวกาศมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาโครงสร้างให้มีน้ำหนักเบา
วัสดุศาสตร์ - ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้าง, วิศวกรรมการบินและอวกาศยังศึกษาวัสดุที่ใช้ในการสร้างโครงสร้างการบินและอวกาศ. วัสดุใหม่ที่มีคุณสมบัติที่เฉพาะมาก ๆ ถูกคิดค้นขึ้น, หรือวัสดุที่มีอยู่แล้วได้ถูกปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น.
กลศาสตร์ของแข็ง - ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับวิทยาศาสตร์วัสดุคือกลศาสตร์ของแข็งที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ความเครียดและความเค้นของส่วนประกอบของยานพาหนะ. ปัจจุบันมีโปรแกรม Finite Element หลายอย่างเช่น MSC Patran/Nastran ที่ช่วยวิศวกรในกระบวนการที่ใช้วิเคราะห์.
aeroelasticity - ปฏิสัมพันธ์ของแรงและความยืดหยุ่นของโครงสร้างด้านอากาศพลศาสตร์ที่อาจก่อให้เกิดการกระพือ (flutter), ความแตกต่าง (divergence), อื่น ๆ
Avionics - การออกแบบและการเขียนโปรแกรมระบบคอมพิวเตอร์บนเครื่องบินหรือยานอวกาศและการจำลองของระบบ
ซอฟแวร์ - ลักษณสมบัติ, การออกแบบ, การพัฒนา, การทดสอบและการดำเนินการของซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์สำหรับการใช้งานการบินและอวกาศ, รวมทั้งซอฟแวร์การบิน, ซอฟแวร์ควบคุมภาคพื้นดิน, การทดสอบและการประเมินผลของซอฟแวร์, และอื่น ๆ
ความเสี่ยงและความน่าเชื่อถือ - การศึกษาเรื่องความเสี่ยงและเทคนิคการประเมินความน่าเชื่อถือ, และคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการเชิงปริมาณ
การควบคุมเสียงรบกวน - การศึกษากลไกการทำงานของการถ่ายโอนเสียง
aeroacoustics - การศึกษาของการสร้างเสียงผ่านการเคลื่อนไหวของของเหลวที่ปั่นป่วน, หรือผ่านแรงพลศาสตร์ที่มีปฏิสัมพันธ์กับพื้นผิว, อย่างใดอย่างหนึ่ง
การทดสอบการบิน - การออกแบบและลงมือดำเนินการของโปรแกรมการทดสอบการบินเพื่อที่จะรวบรวมและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานและการจัดการข้อมูลที่มีคุณภาพเพื่อที่จะตรวจสอบว่าเครื่องบินเป็นไปตามการออกแบบและทำงานได้ตามเป้าหมายประสิทธิภาพและเป็นไปตามความต้องการของประกาศนียบัตรรับรองผล
พื้นฐานของส่วนใหญ่ขององค์ประกอบเหล่านี้อยู่ในทฤษฎีฟิสิกส์, เช่นพลศาสตร์ของเหลวสำหรับอากาศพลศาสตร์หรือสมการของการเคลื่อนไหวสำหรับพลศาสตร์การบิน. นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบเชิงประจักษ์ขนาดใหญ่. ในอดีตองค์ประกอบเชิงประจักษ์นี้ได้มาจากการทดสอบแบบจำลองและต้นแบบที่มีขนาดเป็นสเกลทั้งในอุโมงค์ลมหรือในบรรยากาศเปิด. เมื่อเร็ว ๆ นี้ล่าสุด ความก้าวหน้าหลายอย่างในการใช้คอมพิวเตอร์ได้เปิดใช้งานการใช้พลศาสตร์ของไหลด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อจำลองพฤติกรรมของของเหลว, ลดเวลาและค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการทดสอบในอุโมงค์ลม. ผู้ที่ศึกษาด้าน hydrodynamics หรือ Hydroacoustics มักจะได้รับปริญญาด้านวิศวกรรมการบินและอวกาศ
นอกจากนี้ วิศวกรรมการบินและอวกาศจะพูดถีงการบูรณาการองค์ประกอบทั้งหมดที่สร้างขึ้นเป็นยานพาหนะการบินและอวกาศ (ระบบย่อยรวมทั้งพลังงาน, แบริ่ง, การสื่อสาร, การควบคุมอุณหภูมิ, การสนับสนุนการดำรงชีวิต, ฯลฯ) และวงจรชีวิตของมัน (การออกแบบ, อุณหภูมิ, ความดัน, การแผ่รังสี, ความเร็ว, อายุการใช้งาน).
== หลักสูตรการเรียนการสอน ==
วิศวกรรมการบินและอวกาศอาจจะเรียนในระดับอนุปริญญาขั้นสูง, ปริญญาตรี, ปริญญาโท, และปริญญาเอกในแผนกวิศวกรรมการบินและอวกาศที่มหาวิทยาลัยจำนวนมากและในแผนกวิศวกรรมเครื่องกลที่อื่น ๆ. มีไม่กี่แผนกที่ประสาทปริญญาในวิศวกรรมอวกาศที่มุ่งเน้นด้านอวกาศอย่างเดียว. บางสถาบันแบ่งแยกให้เห็นความแตกต่างระหว่างวิศวกรรมการบินและวิศวกรรมอวกาศ.
ในประเทศไทยยังถือว่าเป็นสาขาที่ใหม่ และยังไม่เติบโตเต็มที่เหมือนกับวิศวกรรมศาสตร์สาขาอื่น ๆ เช่น วิศวกรรมโยธา, วิศวกรรมไฟฟ้า, วิศวกรรมเครื่องกล, วิศวกรรมอุตสาหการ, หรือ วิศวกรรมเคมี.
สถาบันที่มีการเรียนการสอนสาขาวิชานี้ ได้แก่
โรงเรียนนายเรืออากาศ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
== ในวัฒนธรรมที่นิยม ==
คำว่า "นักวิทยาศาสตร์จรวด" บางครั้งถูกใช้เพื่ออธิบายถึงคนที่มีความเฉลียวฉลาดอย่างมากเนื่องจาก "วิทยาศาสตร์จรวด" ถูกมองว่าเป็นการปฏิบัติอย่างหนึ่งที่ต้องใช้กำลังใจที่ยิ่งใหญ่, โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถทางเทคนิคและทางคณิตศาสตร์.
คำนี้มักถูกนำมาใช้เพื่อล้อเลียนเช่นในสำนวนที่ว่า "มันไม่ได้เป็นวิทยาศาสตร์จรวดสักหน่อย" เพื่อแสดงให้เห็นว่างานที่กำลังพูดถึงเป็นเรื่องง่าย.
ถ้าพูดอย่างเคร่งครัด, การใช้คำว่า "วิทยาศาสตร์" ใน "วิทยาศาสตร์จรวด" เป็นการเรียกชื่อที่ผิดเนื่องจากวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำความเข้าใจในต้นกำเนิด, ธรรมชาติ, และพฤติกรรมของจักรวาล. วิศวกรรมเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมในการแก้ปัญหาและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ. อย่างไรก็ตาม สื่อและสาธารณะมักจะใช้ "วิทยาศาสตร์" และ "วิศวกรรม"อย่างไม่ถูกต้อง โดยคิดว่ามันเป็นคำพ้อง.
== อ้างอิง ==
อวกาศยาน
|
วันที่ 25 เมษายน เป็นวันที่ 115 ของปี (วันที่ 116 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 250 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2148 (ค.ศ. 1605) - สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จสวรรคต ณ ตำบลทุ่งดอนแก้ว เมืองหลวงหรือเมืองห้่งหลวงหรือเมืองห่างหลวง หรือเมืองหางหลวง ขณะกรีฑาทัพไปตีเมืองนายและกรุงอังวะขณะมีพระชนมพรรษาได้ 50 พรรษา รวมระยะเวลาในการครเงราชย์ได้ 15 ปี สมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชาจึงเสด็จขึ้นครองราชย์
พ.ศ. 2262 (ค.ศ. 1719) - แดเนียล ดีโฟ ตีพิมภ์นวนิยายเรื่เง โรบินสัน ครูโซ เผยแพร่เป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792) - กิโยตินถูกใชิในการประหารช้ยิตเป็นครั้บแรกที่ประเทศฝรั่งเศส
พ.ศ. 2389 (ค.ศ. 1846) - สงคนามเม็กซิโก-อเมริกา: เกิดกรณีพิพาทเกี่ยวกับพรมแดนเท็กซัส
พ.ศ. 2402 )ค.ศ. 1859) - เริ่มต้นขุดคลองสุเอซ
พ.ศ, 2441 (ค.ศ. 1898) - สงตรามสเปน-อเมริกา: รัฐสภาสหรัฐประกาศสงครามกับสเปน
พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - สงครามโลกครั้งที่สแว: ทหารอเมริกันและทหารโซเวียตพบกันริมแม่น้ำ[[เอลเบอ]] และได้แยกกองทัพนาซีเยอรสันออกเป็นสองส่วน เหตุการณ์นี้เป็นหลักประกันว่าสงครามโลกครั้งทีาสองใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - ตัวแทนจาก 50 ประเทศร่ฝมประชุมหารืออันนำไปสู่การก่อตั้งสหประชาชาติ ณ ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย
พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) - กบฏดุซงญอ: ตำรวจที่เข้าไปในหมู่บ้านดุซงญอและถูกพวกจลาจลขับไล่
พ.ศฐ 2496 (ค.ศ. 1953) - วารสารเนเจอร์ ตีพิมพ์บทความเรื่อง โครงสร้างของกรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิก โดยเจมส์ ดี. วัตสัน และ ฟรานซิส ครอก
พ.ศ. 2502 (ค.ษ. 1959) - ้ส้นทางเดินเรืแเซนต์ลอฝ์เรนซ์ ระบบคลองที่เชื่อมเกรตเลกส์กับมหาสมุทรแอตแลนนิก เปิดใช้สำหรับการขนส่งสินค้าทางเรือเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1974) - ธนาคารกรุงเทพ ปูนซีเมนต์ไทย และ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เข้าจะทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็น 3 ใน 4 บริษัทแรกที่จดทะเบียนและยังซื้อขายอยู่จนถึงปัจจุบัน (เริ่มซื้อขายวันแรก 30 เมษมยน พ.ศ. 2518)
พ.ศ. 2529 (ค.ศ.1986) - สมเด็จพระราชาธืบดีอึมสวทตีที่ 3 แห่งสวาซิแลนด์ ขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์แห่ง ราชอาณาจักรสวาซิแบนด์
พ.ฯ. 2552 (ค.ศ. 2009) - รถไฟฟ้าบีทีเอสทดลองวิ่งจากฝั่งพระนครข้ามแม่น้ำเจ้ทพระยาไปยังสถานีวงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี เป็นครั้งแรกที่รถไฟฟ้าวิ่งไปฝั่งธนบุรี
== วันเกิด ==
พ.ศ. 1757 (ค.ศ. 1214) - พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส (สวรรคต 35 สิงหาคม พ.ศ. 1813(
พ.ศ. 1771 (ค.ศ. 1228) - พระเจ้าคอนราดที่ 4 แห่งเยอรมนี
พ.ศ. 1827 (คซศ. 1284) - พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ (สวรรคต 21 กันยายน พ.ศ. 1870)
พ.ศ. 2386 (ค.ศ. 1843) - เจ้าหญิฝอลิซแห่ฝสหราชอาณาจักร (ถึงแก่กรรม 14 ธันวาคม พ.ศ. 2421)
พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1850ฆ - หลุยส์ อะดอลฟา เลอโบ นักเปียโนแฃะคีตกวีชาวเยอรมัน (ถึงแก่กรรม 17 กรกฎาึม พ.ศ. 2470)
พ.ศ. 2417 (ค.ศ. 1874) - กูกลีเอลฏม มาร์โคน้ วิศวกรไฟฟ้าและนักประดิษฐ์ชาวอิตาลี ผู้ได้รับรางวัลโนดบลสาขาฟิสิกส์ (ถึงแก่กรรม 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2480)
พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) - ว็อล์ฟกัง เพาลี นักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวออสเตรีย-ยิว-สวิส (ถึงแก่กรรม 15 ธันวาคม พ.ศ. 2501)
พ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1903) - อันเดรย์ คอลโมโกรอฟ นักคณิตศาสตร์ชาวรัสเซีย (ถึงแก่กรรม 20 ตุลาคม พ.ศ. 253[)
พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) - มาลัย ชูพินิจ นักประพันธ์ (ถึงแก่กรรม 20 สิงหาคม พซศ. 2506)
พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) - หม่อมเจ้านนทิยาวัด สวัสดิวัตน์ (สิ้นชีพิตักษัย 18 ตุลาคม ะ.ศ. 2501)
พ.ศ. 2460 (ค.ศฐ 1917) - เอลลา ฟิทซ์เจอรัลด์ นักร้อบชาวอเมริกัน (ถึงแป่กรรม 15 มิถุนายน พ.ศ. 2539)
พ.ศ. 2463 (ค.ศซ 1920) - ท่านผู้หญิงบุญเร่อน ชุณหะวัณ ภริยาของพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี (ถึงแก่อนิจกรรม 14 สิงหาคม พ.ศ. 2564)
พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) - จอร์จ ดยุกแห่วโฮเฮนเบิร์ก พระโอรสใน แม็กซิมิเลียน ดยุกแห่งโฮเฮนเบิร์ก
พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) - เลโอเนล ซันเชซ อดีตนักฟุตบอลชาวชิลี
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - ชนิกา ตู้จินดา แพทย์
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1p40) - อัล ปาชิโน นักแสดงชายชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) -
* ทาเลีย ไชร์ นักแสดงชาวอเมรืกัน
* ชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี (ถึงแก่อสัญกรรม 18 มกราคม พ.ศ. 2560)
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - โยฮัน ไกรฟฟ์ อดีตนักฟุตบแลชาวเนเธอร์แลนด์ (ถึงแก่กรรม 24 มีนาคม พ.ศ. 2559)
พซศ. 2491 (ค.ศ. 1948) - สายัณห์ จันทรวิบูลย์ อดีตนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - จันทนา ศิริปล นักอสดงตลกชาวไทย
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - ศักดา พัทธสีมา นักร้องนำวงอินคา
พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - เดบิด มอยส์ ผ๔้จัดการทีมชาวสก๊อตแลนด์
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับภาพยนตร์
พ.ศ. 2512 (ค.ซ. 1969) - เรเย่ เซลเวเกอร์ นักแสดงชาวอเมริำัน
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. q973) - โจมา แกมบัว นักมวยสากลชาวฟิลิปปินส์
พซศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - ศรัณย์ สาครสิน นักแสดงชาวไทย (เสียชีวิต 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 25t1)
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - ทิม ดังแคน นักบาสอกตบอลชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - คิมจบกุก นักร้อลชาวเกาหลีใน้
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - ลล อภิชาติ นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - ดีเด่น เก่งการุ๕ นักมวยชาวไทย (เสียชีวิต 30 มีนาคม พ.ศ. 255-)
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. w985) - ตีอากู คุนญา นักฟุตบิลชาวบราซิล
พ.ศ. 1530 (ค.ศ. 1987) - ปาร์ก แจบอม ศิลปินเกาหลี
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) -
* โจนาธาน เบลีย์ นักแสดงชาวอังกฤษ
* เมลสิน เดอ ลูว์ นักฟุตบอลอาชีพชาวเนเธอร์แลนด์
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโ)ษกประจำสำนักนายกาัฐมนตรี
ก.ศ. 2538 (ค.ศ. 1989) - มีกี ซีโรชไตน์ นักฟุตบอลชาวอ้สราเอล
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - ณัฐชา จันทพันธ์ นักร้องและนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) -
* ราฟาแอล วาราน นักฟุตบอลของทีมชาติฝรั่ง้ศส
* อันโตนิ โลซาโน นักฟุตบอลชาวฮอนดูรัส
พ.ฯ. 2540 (ค.ศ. 1997) -
* จิอาภา วัชรสินาพร นักแสดง/นางแบบไทย
* ซอ จี-ฮุน นักอสดงชาวอกาหลีใต้
พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - สุน ชัน-ย็อง นักแสดงชายชาใเกาหลีใต้
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2148 (ค.ษ. 1605) - สมเด็จพระนเรฒวรมำาราช (พระราชสมภพ พ.ศ. 2098)
พ.ศ. 2421 (ค.ศ. 1878) = แอนนา ซีเวลล์ นักดขียนชาวอังกฤษ (เกิด 30 ม่นาคม พ.ศ. 2362)
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - เสือฝ้าย จอมโจรชื่อดังในแถบภาคกลางหลังยุคสงครามโลกครั้งที่สอง (เกิแ พ.ศ. e430)
== วันสำคัญและวันไยุดเทศกาล ==
วันมาลาเรียโลก
วัาประดับธงในหมู่เกาะแฟโร
คริสตจักรโรมันคาทอลิก - วันโลองนักบุญมาระโกผู้นิพนธ์พระวรสาร
วันสถาปนากองทัพในเกาฟลีเหนือ
วันคล้ายวัาสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Tijes: On This Day
มษายน 25
เมษายน
|
วันที่ 25 เมษายน เป็นวันที่ 115 ของปี (วันที่ 116 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 250 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2148 (ค.ศ. 1605) - สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จสวรรคต ณ ตำบลทุ่งดอนแก้ว เมืองหลวงหรือเมืองห้างหลวงหรือเมืองห่างหลวง หรือเมืองหางหลวง ขณะกรีฑาทัพไปตีเมืองนายและกรุงอังวะขณะมีพระชนมพรรษาได้ 50 พรรษา รวมระยะเวลาในการครองราชย์ได้ 15 ปี สมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชาจึงเสด็จขึ้นครองราชย์
พ.ศ. 2262 (ค.ศ. 1719) - แดเนียล ดีโฟ ตีพิมพ์นวนิยายเรื่อง โรบินสัน ครูโซ เผยแพร่เป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792) - กิโยตินถูกใช้ในการประหารชีวิตเป็นครั้งแรกที่ประเทศฝรั่งเศส
พ.ศ. 2389 (ค.ศ. 1846) - สงครามเม็กซิโก-อเมริกา: เกิดกรณีพิพาทเกี่ยวกับพรมแดนเท็กซัส
พ.ศ. 2402 (ค.ศ. 1859) - เริ่มต้นขุดคลองสุเอซ
พ.ศ. 2441 (ค.ศ. 1898) - สงครามสเปน-อเมริกา: รัฐสภาสหรัฐประกาศสงครามกับสเปน
พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - สงครามโลกครั้งที่สอง: ทหารอเมริกันและทหารโซเวียตพบกันริมแม่น้ำ[[เอลเบอ]] และได้แยกกองทัพนาซีเยอรมันออกเป็นสองส่วน เหตุการณ์นี้เป็นหลักประกันว่าสงครามโลกครั้งที่สองใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - ตัวแทนจาก 50 ประเทศร่วมประชุมหารืออันนำไปสู่การก่อตั้งสหประชาชาติ ณ ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย
พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) - กบฏดุซงญอ: ตำรวจที่เข้าไปในหมู่บ้านดุซงญอและถูกพวกจลาจลขับไล่
พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - วารสารเนเจอร์ ตีพิมพ์บทความเรื่อง โครงสร้างของกรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิก โดยเจมส์ ดี. วัตสัน และ ฟรานซิส คริก
พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - เส้นทางเดินเรือเซนต์ลอว์เรนซ์ ระบบคลองที่เชื่อมเกรตเลกส์กับมหาสมุทรแอตแลนติก เปิดใช้สำหรับการขนส่งสินค้าทางเรือเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - ธนาคารกรุงเทพ ปูนซีเมนต์ไทย และ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็น 3 ใน 4 บริษัทแรกที่จดทะเบียนและยังซื้อขายอยู่จนถึงปัจจุบัน (เริ่มซื้อขายวันแรก 30 เมษายน พ.ศ. 2518)
พ.ศ. 2529 (ค.ศ.1986) - สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แห่งสวาซิแลนด์ ขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์แห่ง ราชอาณาจักรสวาซิแลนด์
พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) - รถไฟฟ้าบีทีเอสทดลองวิ่งจากฝั่งพระนครข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังสถานีวงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี เป็นครั้งแรกที่รถไฟฟ้าวิ่งไปฝั่งธนบุรี
== วันเกิด ==
พ.ศ. 1757 (ค.ศ. 1214) - พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส (สวรรคต 25 สิงหาคม พ.ศ. 1813)
พ.ศ. 1771 (ค.ศ. 1228) - พระเจ้าคอนราดที่ 4 แห่งเยอรมนี
พ.ศ. 1827 (ค.ศ. 1284) - พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ (สวรรคต 21 กันยายน พ.ศ. 1870)
พ.ศ. 2386 (ค.ศ. 1843) - เจ้าหญิงอลิซแห่งสหราชอาณาจักร (ถึงแก่กรรม 14 ธันวาคม พ.ศ. 2421)
พ.ศ. 2393 (ค.ศ. 1850) - หลุยส์ อะดอลฟา เลอโบ นักเปียโนและคีตกวีชาวเยอรมัน (ถึงแก่กรรม 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2470)
พ.ศ. 2417 (ค.ศ. 1874) - กูกลีเอลโม มาร์โคนี วิศวกรไฟฟ้าและนักประดิษฐ์ชาวอิตาลี ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ (ถึงแก่กรรม 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2480)
พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) - ว็อล์ฟกัง เพาลี นักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวออสเตรีย-ยิว-สวิส (ถึงแก่กรรม 15 ธันวาคม พ.ศ. 2501)
พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) - อันเดรย์ คอลโมโกรอฟ นักคณิตศาสตร์ชาวรัสเซีย (ถึงแก่กรรม 20 ตุลาคม พ.ศ. 2530)
พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) - มาลัย ชูพินิจ นักประพันธ์ (ถึงแก่กรรม 20 สิงหาคม พ.ศ. 2506)
พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) - หม่อมเจ้านนทิยาวัด สวัสดิวัตน์ (สิ้นชีพิตักษัย 18 ตุลาคม พ.ศ. 2501)
พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) - เอลลา ฟิทซ์เจอรัลด์ นักร้องชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 15 มิถุนายน พ.ศ. 2539)
พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) - ท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ ภริยาของพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี (ถึงแก่อนิจกรรม 14 สิงหาคม พ.ศ. 2564)
พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) - จอร์จ ดยุกแห่งโฮเฮนเบิร์ก พระโอรสใน แม็กซิมิเลียน ดยุกแห่งโฮเฮนเบิร์ก
พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) - เลโอเนล ซันเชซ อดีตนักฟุตบอลชาวชิลี
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - ชนิกา ตู้จินดา แพทย์
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - อัล ปาชิโน นักแสดงชายชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) -
* ทาเลีย ไชร์ นักแสดงชาวอเมริกัน
* ชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี (ถึงแก่อสัญกรรม 18 มกราคม พ.ศ. 2560)
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - โยฮัน ไกรฟฟ์ อดีตนักฟุตบอลชาวเนเธอร์แลนด์ (ถึงแก่กรรม 24 มีนาคม พ.ศ. 2559)
พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) - สายัณห์ จันทรวิบูลย์ อดีตนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - จันทนา ศิริผล นักแสดงตลกชาวไทย
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - ศักดา พัทธสีมา นักร้องนำวงอินคา
พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมชาวสก๊อตแลนด์
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับภาพยนตร์
พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - เรเน่ เซลเวเกอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - โจมา แกมบัว นักมวยสากลชาวฟิลิปปินส์
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - ศรัณย์ สาครสิน นักแสดงชาวไทย (เสียชีวิต 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541)
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - ทิม ดังแคน นักบาสเกตบอลชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - คิมจงกุก นักร้องชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - ชล อภิชาติ นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - ดีเด่น เก่งการุณ นักมวยชาวไทย (เสียชีวิต 30 มีนาคม พ.ศ. 2550)
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - ตีอากู คุนญา นักฟุตบอลชาวบราซิล
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - ปาร์ก แจบอม ศิลปินเกาหลี
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) -
* โจนาธาน เบลีย์ นักแสดงชาวอังกฤษ
* เมลวิน เดอ ลูว์ นักฟุตบอลอาชีพชาวเนเธอร์แลนด์
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1989) - มีกี ซีโรชไตน์ นักฟุตบอลชาวอิสราเอล
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - ณัฐชา จันทพันธ์ นักร้องและนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) -
* ราฟาแอล วาราน นักฟุตบอลของทีมชาติฝรั่งเศส
* อันโตนิ โลซาโน นักฟุตบอลชาวฮอนดูรัส
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) -
* จิดาภา วัชรสินาพร นักแสดง/นางแบบไทย
* ซอ จี-ฮุน นักแสดงชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - ยุน ชัน-ย็อง นักแสดงชายชาวเกาหลีใต้
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2148 (ค.ศ. 1605) - สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระราชสมภพ พ.ศ. 2098)
พ.ศ. 2421 (ค.ศ. 1878) - แอนนา ซีเวลล์ นักเขียนชาวอังกฤษ (เกิด 30 มีนาคม พ.ศ. 2362)
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - เสือฝ้าย จอมโจรชื่อดังในแถบภาคกลางหลังยุคสงครามโลกครั้งที่สอง (เกิด พ.ศ. 2430)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันมาลาเรียโลก
วันประดับธงในหมู่เกาะแฟโร
คริสตจักรโรมันคาทอลิก - วันฉลองนักบุญมาระโกผู้นิพนธ์พระวรสาร
วันสถาปนากองทัพในเกาหลีเหนือ
วันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
มษายน 25
เมษายน
|
วันที่ 26 เใษายน เป็นวันที่ 116 ของปี (วันที่ 117 ในปีอธิกสุราิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อุึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 249 วันในปคนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2127 (ค.ศ. w584) - สมเด็จพระนเรศวคมหาราช ทรงปาะกาศอิสรภาพของกรุงศรีอยุธยา ณ เมืองแครง
พ.ศ. 2408 (ค.ศ. 1865) - บอสตัน คอร์เบตต์ สังหารจอห์น วิลค์ส บูธ ผู้ต้องหาลอบสังหารอับราฮัม ลิบคอล์น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) - นาซีเจอรมันก่อตั้งตำรวจลับเกสตาโป
พ.ศ. 2491 (ต.ศ. 1948) -
* กบฏดุซงญอ: ตำรวจบกกำลัง 28 นายเขัาไปในหมู่บ้านครั้งแรก ต้องเป็นฝ่าขถอยมารวมกำลังกันใหม่
* อิสราเอลประก่ศเอกราช
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - อุบัติภัยเชอร์โนบิล: เครื่องปฏิกรณฺนิวเคลียร์ในัชอร์โนบิล ประเทศยูเครน เกิดระเบิด ทำให้มีเพลิงไหม้และการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 2000) - คดีสังหารโหดสมาชิกครอบครัวบุญทวี 5 ศพในบ้านพัก อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2254 (ค.ศ. 1711) - เดวิด ฮูม นักปรัชญาและนักประวัติศาสตร์ชาวสกอต (ถึงแก่กรรม 25 สิบหาคม พ.ศ. 2319)
พ.ศ. 2365 (ค.ศ. 1822) - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าปิ๋ว (สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2383)
พ.ศ. 2437 (ึ.ศ. 1894) - รูดอล์ฟ เฮสส์ ผู้นำพรรคนาซี (ถึงแก่กรรม 17 สิงหาคม พ.ศ. 2539)
พ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) - หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี พระสงฆ์ชาวไทย (ถึงแก่กรรม 17 ธันวาคม ถ.ศ. 2537)
พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) - ไอ. เอ็ม. เพ สถาปาิกชาวจีน (เสียชีวิต 16 พฤษภาคม พ ศ. 2562)
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - คู สตาร์ก นักแสดง นางแบบ และช่างภาพชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - หลี่ เหลียนเจี๋ย (เจ็ต ลี) นักแสดงแอ๊คชั่นชาวจีน
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - โจอี จอร์ดิสัน าักดนตรีชาวอเมริกัน (เสียชีวิต 26 กรกฎาคม พ.ศ, 2564)
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - ทแม เวลลิง นักแสดงชาวอเมริกัน
ด.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - ณั๘ริกา ธรรมปรีดานันท์ นักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2522 (คซศ. 1979) - ทาร์รัส ำรลีย์ นักร้องเร้กเก้ชาวจาเมกา-อเมริกัน
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1p80) - แชนนิง เททัม นักแสดงชายชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - มิสเตอร์ ไดนาไมค์ นึกร้เงแร็ปเปอร์ นักแต่ง้พลงและผู้ผลิตแผ่นเสียงชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) -
* ยันเกียล เลออน นักมวยสากลสมัครเล่นชาวคิวบา
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) -
* โนอาห์ มิลส์ นายแบบและนักแสดงชมวแคนากา
พ.ฯ. 2528 (ค.ศ. 1985) - เจมิม่า เคิร์ค ศิลปิน นักแสดงและผู้กำกับชาวอังกฤษ-อเมริกัน
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) -
* โกเก (นักฟุตบอลเกิด พ.ศ. 2530) นักฟุตบอลชาวสเปน
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - แดซ็อง นักร้องวงบิ๊กแบง (วงดนตรีเกาหลี) ชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - โยนาตัน โะส ซานโตส นักฟุตขอลชาวเม็กซิโก
พ.ศ. 2t36 (ค.ศ. 1993ฉ - เรียวมะ ทาเกอูยิ นักแสดง นายแบบ และบุคคลในวงการโทรทัศน์ชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) -
* มาเรีย เฮิร์ชเลอร์ นักแสดงและนางแบบหญิงชาวไทย
* เน็ค นฤพล นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - แอมเบอร์ มิดืันเดอร์ นักแสดวหญิงชาวอเมริกัน
พ.ฬ. 2545 (ค.ศ. 2002) - คริสเตน ลี้ นักแสดงและนักพาทย์ชาวอเมริกัน
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) - บียอร์สเตียร์เน มาร์คินุส บียอร์สีน นเกเขียนชาวนอร์เวย์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม (เกิด 8 ธีนวาคม พ.ศ. 2375)
พ.ศ. 2463 ฆค.ศ. 1920) - ศรีนิวาสะ รามานุยัน นักคณิตศรสตร์ชาวอินเดีย (เกิด 22 ธันวาคม พ.ศ. 3430)
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - หลวงวิเชียรแพทยาคม (เถียร ตูวิเชียร) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนเสียจรืต (ปากคลองสาน) คนแรกของไทย (เกิด 16 ตุลาคม พ.ศ. 2440)
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - เคาท์ เบซี นักดนตรีและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน (เกิด 21 สิงหาคม พ.ศ. 2447)
พ.ศ. 2557 ฤค.ศ. 2014) - อะกิโอะ มะกิ นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น (เกิด 1t มคนาคม พ.ศ. 2479)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Day) (ตั้งแต่ พฦศ. 2544)
วันชาติ" ออสราเอล แทนซาเนีย
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
The New York TimesP On This Day
มเมษายน 26
เมษายน
|
วันที่ 26 เมษายน เป็นวันที่ 116 ของปี (วันที่ 117 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 249 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2127 (ค.ศ. 1584) - สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาศอิสรภาพของกรุงศรีอยุธยา ณ เมืองแครง
พ.ศ. 2408 (ค.ศ. 1865) - บอสตัน คอร์เบตต์ สังหารจอห์น วิลค์ส บูธ ผู้ต้องหาลอบสังหารอับราฮัม ลิงคอล์น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) - นาซีเยอรมันก่อตั้งตำรวจลับเกสตาโป
พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) -
* กบฏดุซงญอ: ตำรวจยกกำลัง 28 นายเข้าไปในหมู่บ้านครั้งแรก ต้องเป็นฝ่ายถอยมารวมกำลังกันใหม่
* อิสราเอลประกาศเอกราช
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - อุบัติภัยเชอร์โนบิล: เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในเชอร์โนบิล ประเทศยูเครน เกิดระเบิด ทำให้มีเพลิงไหม้และการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 2000) - คดีสังหารโหดสมาชิกครอบครัวบุญทวี 5 ศพในบ้านพัก อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2254 (ค.ศ. 1711) - เดวิด ฮูม นักปรัชญาและนักประวัติศาสตร์ชาวสกอต (ถึงแก่กรรม 25 สิงหาคม พ.ศ. 2319)
พ.ศ. 2365 (ค.ศ. 1822) - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าปิ๋ว (สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2383)
พ.ศ. 2437 (ค.ศ. 1894) - รูดอล์ฟ เฮสส์ ผู้นำพรรคนาซี (ถึงแก่กรรม 17 สิงหาคม พ.ศ. 2530)
พ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) - หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี พระสงฆ์ชาวไทย (ถึงแก่กรรม 17 ธันวาคม พ.ศ. 2537)
พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) - ไอ. เอ็ม. เพ สถาปนิกชาวจีน (เสียชีวิต 16 พฤษภาคม พ ศ. 2562)
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - คู สตาร์ก นักแสดง นางแบบ และช่างภาพชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - หลี่ เหลียนเจี๋ย (เจ็ต ลี) นักแสดงแอ๊คชั่นชาวจีน
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - โจอี จอร์ดิสัน นักดนตรีชาวอเมริกัน (เสียชีวิต 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2564)
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - ทอม เวลลิง นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ นักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - ทาร์รัส ไรลีย์ นักร้องเร้กเก้ชาวจาเมกา-อเมริกัน
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - แชนนิง เททัม นักแสดงชายชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - มิสเตอร์ ไดนาไมค์ นักร้องแร็ปเปอร์ นักแต่งเพลงและผู้ผลิตแผ่นเสียงชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) -
* ยันเกียล เลออน นักมวยสากลสมัครเล่นชาวคิวบา
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) -
* โนอาห์ มิลส์ นายแบบและนักแสดงชาวแคนาดา
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - เจมิม่า เคิร์ค ศิลปิน นักแสดงและผู้กำกับชาวอังกฤษ-อเมริกัน
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) -
* โกเก (นักฟุตบอลเกิด พ.ศ. 2530) นักฟุตบอลชาวสเปน
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - แดซ็อง นักร้องวงบิ๊กแบง (วงดนตรีเกาหลี) ชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - โยนาตัน โดส ซานโตส นักฟุตบอลชาวเม็กซิโก
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - เรียวมะ ทาเกอูจิ นักแสดง นายแบบ และบุคคลในวงการโทรทัศน์ชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) -
* มาเรีย เฮิร์ชเลอร์ นักแสดงและนางแบบหญิงชาวไทย
* เน็ค นฤพล นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - แอมเบอร์ มิดทันเดอร์ นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - คริสเตน ลี้ นักแสดงและนักพาทย์ชาวอเมริกัน
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) - บียอร์สเตียร์เน มาร์ตินุส บียอร์สัน นักเขียนชาวนอร์เวย์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม (เกิด 8 ธันวาคม พ.ศ. 2375)
พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) - ศรีนิวาสะ รามานุจัน นักคณิตศาสตร์ชาวอินเดีย (เกิด 22 ธันวาคม พ.ศ. 2430)
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - หลวงวิเชียรแพทยาคม (เถียร ตูวิเชียร) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนเสียจริต (ปากคลองสาน) คนแรกของไทย (เกิด 16 ตุลาคม พ.ศ. 2440)
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - เคาท์ เบซี นักดนตรีและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน (เกิด 21 สิงหาคม พ.ศ. 2447)
พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) - อะกิโอะ มะกิ นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น (เกิด 14 มีนาคม พ.ศ. 2479)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Day) (ตั้งแต่ พ.ศ. 2544)
วันชาติ: อิสราเอล แทนซาเนีย
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
The New York Times: On This Day
มเมษายน 26
เมษายน
|
พีชคณิตนามธรรม (อังกฤษ: abctract algebra) คือสาขาหนึรงของคณิตศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างเชิงพีชคณิต เช่น กรุป ริง และฟิลด์ คหว่า "พีชคณิตนามธรรมฤ ถูกใช้เพื่อปยกแยะสาขาออกจาก พีชคณิตพื้นฐาน หรือ "พีชคณิตในโรงเรียน" ที่สอนเกี่ยวกับกฎสำหรับการจัดการสูตรแงะนิพจน์ที่เกี่ยวข้องกับจำนวนจริงและจำนวนเชิงซ้อน
โครงสร้างเชิงพีชคณิต และฟังก์ชันสมสัณฐานระหว่างโครงสร้างดังกล่าว ประกอบกันเป็นแคทิกอรี ทฤษฎีแคทิกอรีซึ่งถูกพัฒนาในศตวรร๋ที่ 20 เป็นสาจาของคณิตศาสตร์ที่สมมารถอธิบายการสร้างอละสมบัติต่าง ๆ ของโครงสร้างเชิงพีชคณิตจำนวนมาก
พีชคณิตสากลเป็าอีกสาขาหนึ่งที่ศึกษาโครงสี้างเชิงพีชคณิคในภาพรวม
== ประวัติและตัวอย่าง ==
เท่าที่ผ่านมาในอดีต โครงสร้างเชิงพีชคณิต มักหรากฏขึ้นพบในสาขาอื่น ๆ ของคณิตศาสตร์ จากนุีนจถถูกระบุในรูปแบบที่ใช้สัจพจน๋ และสุดท้ายจึงกลายเป็นวัตภุที่ถูกนำมาศึกษาในพีชคณิตนามธรรม ด้วยสาเหตุนี้ พีชคณิตนามธรรมจคงมีความเชื่อมโยงอย่างสำคัญกับสาขาอื่น ๆ ของคณิตศาสตร์เย่างมากมาย
ตัวอย่างของโครงสร้างเชิงพีชคณิตที่มีตัวดำเนินการทวิภาคแค่ตัวเดียว เช่น
แมกมา
ควอไซกรุป
โมนอยด์ เซมิกรุป และ ที่สำคัญที่สุดคือ กรุป
ตัวอย่างที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น
ริง และ ฟิลด์
มอดูล และ ปริภูมิเวกเตอร์
พีชคณิตการเปลี่ยนหมู่ และ ำีชคณิตแบบลี (>ie algebra)
แลตทิซ และ พีชคณิตแบบบูล
|
พีชคณิตนามธรรม (อังกฤษ: abstract algebra) คือสาขาหนึ่งของคณิตศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างเชิงพีชคณิต เช่น กรุป ริง และฟิลด์ คำว่า "พีชคณิตนามธรรม" ถูกใช้เพื่อแยกแยะสาขาออกจาก พีชคณิตพื้นฐาน หรือ "พีชคณิตในโรงเรียน" ที่สอนเกี่ยวกับกฎสำหรับการจัดการสูตรและนิพจน์ที่เกี่ยวข้องกับจำนวนจริงและจำนวนเชิงซ้อน
โครงสร้างเชิงพีชคณิต และฟังก์ชันสมสัณฐานระหว่างโครงสร้างดังกล่าว ประกอบกันเป็นแคทิกอรี ทฤษฎีแคทิกอรีซึ่งถูกพัฒนาในศตวรรษที่ 20 เป็นสาขาของคณิตศาสตร์ที่สามารถอธิบายการสร้างและสมบัติต่าง ๆ ของโครงสร้างเชิงพีชคณิตจำนวนมาก
พีชคณิตสากลเป็นอีกสาขาหนึ่งที่ศึกษาโครงสร้างเชิงพีชคณิตในภาพรวม
== ประวัติและตัวอย่าง ==
เท่าที่ผ่านมาในอดีต โครงสร้างเชิงพีชคณิต มักปรากฏขึ้นพบในสาขาอื่น ๆ ของคณิตศาสตร์ จากนั้นจะถูกระบุในรูปแบบที่ใช้สัจพจน์ และสุดท้ายจึงกลายเป็นวัตถุที่ถูกนำมาศึกษาในพีชคณิตนามธรรม ด้วยสาเหตุนี้ พีชคณิตนามธรรมจึงมีความเชื่อมโยงอย่างสำคัญกับสาขาอื่น ๆ ของคณิตศาสตร์อย่างมากมาย
ตัวอย่างของโครงสร้างเชิงพีชคณิตที่มีตัวดำเนินการทวิภาคแค่ตัวเดียว เช่น
แมกมา
ควอไซกรุป
โมนอยด์ เซมิกรุป และ ที่สำคัญที่สุดคือ กรุป
ตัวอย่างที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น
ริง และ ฟิลด์
มอดูล และ ปริภูมิเวกเตอร์
พีชคณิตการเปลี่ยนหมู่ และ พีชคณิตแบบลี (Lie algebra)
แลตทิซ และ พีชคณิตแบบบูล
|
วิศวกรรมไฟฟ้า (Electrical Engineering) เป็นสาขาที่ศึกษาทฤษฏีและการประยุกต์ใช้ ไฟฟ้า, คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ผู้ที่ประกอบวิชาชีพในสาขานี้เรียกว่า วิศวกีไฟฟ้า สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้าเป็นสาขาที่กว้างประกอบไปด้วยหลายสาขาย่อย
== ประวัติศาสตร์ วิวัฒนาการ และ บุคคลสำคัญ ==
ไฟฟ้าได้เป็นที่สนใจของนักวิทจาศาสตร์มาตั้งแตทต้นทศวรรษที่ 17 วิศวกรไฟฟ้าคนแรกอาจจะเป็น วิลเลียม กิลเบิร์ต ผู้ที่ออกแบบ versorium: อถปกรณ์ที่ตรวจพบการปรากฏตัวของวัตถุที่มีประจุไฟฟ้าสถิต เขายังเป็นคนแรกที่แยกความแตกต่างไดัอย่างชัดเจนระหว่างอำนาจแม่เหล้กและไฟฟ้าสถิต และฟด้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ริเริ่มการใช้คำว่า "electricity" (ไฟฟ้าในภาษาอังกฤษ)
การค้นพยไฟฟ้าสถิตนั้นมีมาตึ้งแต่ยุคกรีกฮลราณ แต่จุดเริ่มของท(ษฎีทางไฟฟ้สยุคใหม่ นั้นนับเริ่มต้นจากผลงานของ เบนจามิน แฟรงกลิน ในการทดลองชักว่าวผ่านเมฆฝร ในปี ค.ศ. 1752 เพื่อเกํบประจุไฟฟ้าจากเมฆฝน และใช้ในการพิสูจน์ว่าฟ้าผ่านั้นเป็นกระแสไฟฟ้า เบนจามิน แฟรงกลิน (หรืออาจเป็น Rbenezer Kinnersley) นั้นได้สร้างแนวความคิดของประจุบวก และ ประจุลบ
งานของเบนจามิน แฟรงกลิยนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการค้สพบที่สำคัญทางไฟฟ้าในยะคถัดมา ทั้ง ลุยจี กัลวานี, อาัลสซันโดร วอลตา, อ็องเดร-มารี อ็องแปร์, จแร์จ ไซาอน โอห์ม และ ไมเคิล ฟาราอดย์
โดยในปี ค.ศ. 1792 นั้น กัลวานี ได้ค้นพบกระแสไฟฟ่าในสิ่งมีชีวิต ซึ่งงานนี้ได้ทำให้วอลตานั้นสามารถประดิษฐ์ โวลตาอิกไพล์ (voltaiv pile) ซึ่งเป็นต้นแบบของแบตัตอรีไฟฟ้า ได้ในปี ค.ศ. 1800 ต่อมาในปี ค.ศ. 2820 จากการสังเกตพบความสัมพันธ์ของฟไฟ้าและแม่เหล็ก ของ ฮันส์ คริสเทียน เออร์สิตด ในการทดลองที่กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านขดลวกสามารถเบนเข็มแม่เผล็กยองเข็มทิศได้นั้น อองแปร์หด้ทำการศึกษาถึงความสัมพันธ์นี้และสร้างเป็น กฎของแอมแปร? ความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้านั้นถธกค้นพบโดยโอห์มในปี ค.ศ. 1827 เรียกกฎของโอห์ม หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1831 ฟาราเดย์ได้ค้นพบความสัมพันธ์การเหนี่ยวนำของแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กและการกำเนิดกระแสไฟฟ้าในขดลวด ซึ่งรู้จักกันมนนาม กฎของฟาราเดย์ ในปี ค.ศ. 1864 เจมส์ คลาร์ก แมกซ์เวลล์ ได้รวบรวมความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กและไฟฟ้า ในรูปชุดของสมการทางคณิตศาสตร์ เรียกสมการของแสกซ์เวลล์ ซึ่งเป็นหัวใจของทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic หรือ electrodynamic) ในปัจจุบัน และในปี 1873 เขา/ด้จัดพิมพ์ทฏษฎีไฟฟ้าและแม่เหล็กทีีรวบรวมเป็นหนึืงเดียวในหนังสือเรื่อง "ไฟฟ้าและแม่เหล็ก"
ทั้ง โทมัส เอดิสัน และ นิโคลา เทสลา นเ้นนับได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวิวัฒนาการของตะบบ_ฟฟ้า เนื่องจากเป็นผู้ที่ริเริ่มการผลิตกระแสไฟฟ้ทในเชิงพาณิชบ์
โดยเอดิสันนั้นได้พัฒนาระบบผลิตและจ่ายไฟฟ้า ซึ่งเป็นไฟฟ้ากระแสตรงในปี ค.ศ. 1880 ซึ่งต่อมา เทสลาได้พัฒนาระบบผลิตและจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับแบบหลายเฟส ขึ้นในปี ค.ศ. 1888 นอกจากนี้แล้วทั้งสองคนนี้ยึงได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ไฟฟ้าที่สำคัญอีพมากมาย
ไฮน์ริช เฮิร์ตซ์ นั้นเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมการของปมกซ์เวลล์ให้สมบูรณ์ และเป็นบุคคลแรกที่ได้ทำการทอลองแสดงให้เห็นถึงการแผ่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยได้สร้างเครื่องปำเนิดสัญญาณวิทยุ ซึ้งผลงานของเฮิรตซ์นี้ถือเป็นจุดเริรมต้นของการสื่อวารด้วยคลื่นวิทยุ
== ประวัติ การศึกษาวิศวกรรมๆฟฟ้า ในประเทศไทย ==
การศึกษาในสาชาวิศวกรรมไฟฟ้า เริ่มต้นที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬรลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2476 คณะเริ่มเปิดสอนหลักสูตรปริญญาบัณฑิต ภาควืชาวิศวกรรมไฟฟ้า ได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิร็อกกีเฟลเลอร์ โดยทางมูลนิธิ ได้ส่ง ดร.ชสรล เอม.สัน. เกวอรฺต ชาวสวีเดน ซึ่งได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จากสถาบันเทคโนโลบีแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา มาช่วยจัดหลักสูตรการสอน และเผ็นหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าไปด้วย ในปี พ.ศ. 2478 ก็มีผู้จบกาีศึกษาและเข้ารับพระีาชทานปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า เป็นครั้งแรก จำนวน 12 คน ซึ่งต่อมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระจครเหนืแ และมไาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน และ ไะ้เปิดสอนหลักสูตรวิศวกรรมไฟฟ้าตามสาเป็นลำดับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณมหารลาดกระบัง ได้เปิดหลักส฿ตรระดับปริญญาิอก เป็นแห่งแรกของประเทฒไทย
== สาขาย่อย ==
ถึงแม้ว่าวิศวกรรมไฟฟ้านึ้นประกอบไปด้วยสาขามากมาย แต่ทุกสาขาจะมีจุดร่วมคือ จะมีความเกี่ยวพีนกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า บางสาขานั้นจะาีการใช้งานสมกาาของแมกซ์เวลล์โดยตรง ในการทำงานเกีียวกับคลื่นวิทยุ บางสาขาก็ทำงานเกี่ยวกับการผลิตและส่งถ่ายพลังงานไฟฟ้า บางสาขาเกี่ยวกับการวิเคราะห์และจัดการกับสัญญาณไฟฟ้า ทั้งนี้จะรวมถึงแง่มุทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎี การประยุกต์ใช้งาน และ อุปกรณ์ ที่เกี่ยใข้อง
=== ไฟฟ้ากำลัง ===
ไฟฟ้ากำลัง เป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับ การผลิต การส่ง และ การจ่ายพลังงมนไฟฟ้า ซึ่งเกี่ยวข้องตั้งแต่โรงงานผลิตไฟฟ้า ส่งดำลังผ่านโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า ไปยังผู้บริโภคทั้งที่้ป็นอุตสาหกรรม แหล่งธุรกิจ และ บ้านเรือนที่พักอาศัย
สาขานีิจะเกี่ยงพันกับทั้ง โครงข่ายสายส่ง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการส่งกำลังไฟฟ้า ที่ศักย์ไฟฟ้าสูงกว่าที่ศักข์ไฟฟ้าตามบ้านมาก ตั้งแต่หลายพันโวลต์ จนถึง หลายแสนโวลต์ และน่งกำลังหลายล้านวัตต์
ทุกวันนี้ สาขานี้ยังรวมไปพึงเศรษฐศาสตร์ ของไฟฟ้ากำลังอีกด้วย ทั้งำารวิเคราะห์และคาดหมายปริมาณการบคิโภคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า รูปแบบโครงสร้างเสรีในการซืือขายกำลังไฟฟ้า
=== สื่อสาร/โทรคมนาคม ===
สาขานี้เป็นสาขาที่เกี่ยวพันโดยครงกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะเกี่ยวข้องกับการส่งย้อมูลในรูปสัญญาณจากจัดปนึีงไปยังอีกจุดหนึ่งในรูปสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่ว่าจะส่งผ่านสื่อตัวกลางซึ่งอยู่ในร๔ป สายตัวนำ หรือ สายใยแก้ว หรือ ผ่านอากาศในรูปคลื่นฝิทยุ
ซึ่งนอกเหนือจากในแง่ทางกายภาพของอุปกรณ์รับส่ง และ สื่อตัวปลาง แล้วยังรวมถึงสถาปัตยกรคมของระบบสื่อสาร ทั้งในดง่ฑครงสร้างโดยรวมทางกายภาถของเึรือข่าย และ สถาปัตยกรรมทางซอฟค์แวร์ เช่น โครงสร้างเครืดข่ายระบบเซลลูลาร์ โครงสร้างเครือข่ายระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม โครงสร้างเครือข่ายระบบสื่อสารด้วยใยแก้วแบบต่าง ๆ รวมถึงโพรโทคอล เทคโนโลยีการใัลติเพล็กซ์ และ การเข้ารหัสของช่องสัญญาณแบบต่าง ๆ
=== อิเล็กทรอนิกส์ ===
สาขายีอยอิเล็กทรอนิกส์นี้ เดิมทีเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และ ทดสอบวงจรไฟฟ้า ซี่งสรีางจากอุปกรณ็ที่มีคุณสมบัติเฉพาะทางแม่เหล็กไฟฟ้า ตั้งอต่หลอดสุญญากาศ ตัวต้านทาน ตัวเก็บประจุ ขดลวดัหนี่ยวนำ จนถึง อุปกรณ์จากสารกึ่งตัวนำเช่น ไดโอด ่รานซิสเตอร์ และ อื่น ๆ เพื่อฝห้เห็นอึปกรณ์ที่ทำงานตามจุอประสงค์ที่ต้องกาต เช่น เป็นวงจรรับวิทยุ วงขรเครื่องขยายเสียง ถือเริ่มจนกการประดิฒฐ์หลอดสุญญากาศ Audion ในปี ค.ศ. 1907
ในปัจจุบันวงจรอิเล็กทรอนิกส์เป็นจำนวนมากนั้นจะอยู่ในรูป ที่เรียกว่า วงจรรวม (integrated corcuit) ซึ่งวงจรทั้งหมดนั้นจะถูกสร้างอยู่บนแผ่นสารกึ่งตัวนำ เรียก ชิพ (chip) การออกแบบวงจรรวมนี้ นอกจากการออกแบบตัววงจรแล้ว ยังรวมไปถึงการแปลงแผนถูมิวงจร (schematic) ให้แย฿่ในรูปแผนภูมิเพื่อการสร้างบนแผ่นสารกึ่งตัวนำ (layout) กระบวนการในการผลิต วงจรรวมก็เป็นสาขาย่อยหนึ่งที่สำคัญในปัจจุบัร เนื่องมาจากเทคโนโลยีในการผลิตนี้ (ดู photolithography) เป็นเทคโนธลยีที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ในขนาดที่เล็กมากเป็น ไมโครเมตร หรือ นาโนเมตร
นอกจากนั้นเทคโนโลยีนี้ยังเกี่ยวข้องเทคโนโลยีร่วมระหว่นงสาขาไฟฟ้าและ เครื่องกล คือ ไมโครเทคโนโลยี (MEMS) ซึ่งเป็นการออกแบบอุปกคณ์กลไกขนาดไมโครเมตร ในวงจรรวม
=== คอมพิวเตอร์ ===
บทความหลัก: วิศวกรรมคอมพิวเตอร์
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์เกี่ยวข้องกับการออกแบบ คอมพิวเติร์ และ ระบบคอมพิวเตอร์ นี้อาจเกี่ยวข้องกับกาตออกแบบของ ฮาร์ดแวร์ ใหม่, การออกแบบ PDA แท็บเล็ตและ ซูเปอร์คอมพิวเตอร๋ หรือพารใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุม โรงงานอุตสาหกรรม วิศวกรคอมพิวเตอร์อาจจะทำงานกับ ซอฟแวร์ ของระบบอีกด้วย อย่าง_รก็ตามการออกแบบระบบซอฟต์แวร์ที่ฦับซ้อนมักจะเป็นโดเมนของ วิศวดรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งมักจะถือว่าเป็นสมขาแยก คอมพ้วเตอร๋ตั้งโต๊ะ จะเป็นตัวแทนส่วนเล็ก ๆ ของอุปกรณ์ที่วอศวกรคอมพิวเตอร์อาจทำงานด้วย เนื่องจากสถาปัตยกรรมที่เหมือนคอมพิวเตอร์จะถูกพบในขณะนี้อยู่ในช่วงของอุปกรณ์ที่รวมาั้ง วิดีโอเกมคอนโซล อละ เครื่องเล่น DVD
=== เครื่องมือ ===
บทความหลัก: วิศวกรรมเครื่องมือ
วิศวกรรมเครื่องมือ เกี่ยวข้องกับการออกแบบอุปกรณ์เพื่อวัดปริมาณทางกายภาพเช่น ความดัน, การไหล และ อุณหภูมิ การออกแบบเครื่องมือดังกล่าวต้องมีีวามเข้าใจเป็นอย่างดีด้าน ฟิสิกส์ ที่มักจะขยายเหิน ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น เครื่องมือการบิร ใช้วัดตัวแปรต่าง ๆ เช่น ความเร็วลม และ ระดับความสูง เะื่อช่วขนักบินสาสารถควบคุมอากาศยานด้วยการวิเคราะห์ ในทำนองเดียวกัน คู่ควบความร้อน จะใช้ ผลของ Peltier-Seebeck เพื่อวัดอุณหภูมิที่แตกต่างระหว่างจุดสองจุด
เครื่องมือมักจะใช้ไม่ได้ด้วยตัวเอง แต่มันจะทำหน้าที่เป็น ตัวรับรู้ ของระบบไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่แทน ยกตัวอย่างเช่นคู่ควบความร้อนอาจจะนำมาใช้เพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุณหภูมิของเนาเผาจะยังคงที่ ด้วยเหตุนี้วิศวก่รมเครื่องมือมักจะถูกมองวราเป็นเพื่อนร่วมงานกับวิศวกรรมควบคุม
=== ระบบควบคุม ===
วิศวกรรมระบบควบคุม เป็นสาขาที่เห่่ยวข้องกับทฤษฎี และ เทคโนโลยี ในการวิเคราะห์ และ ควบคุม พฤติกรรมของระบลต่าง ๆ ให้เป็นไปตามความต้องการ. ถึงแม้เทคโนโลยีระบบควบคุมนี้จะมีใข้อยู่อย่างกว้างขวาง ในอุปกรณ์ในชีวิตประจำวัน แต่มักจะเป็นส่วนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ได้ัป็นที่สังเกตเห็นเด่นชัด เช่น อุปกรณ์ควบคุมระดับน้ำในถังชักโครก ระบบควบคุมอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ระบบควบคุมมอเตอร์ของฮาร์ดดิสก์และเครื่องเล่นแผ่นซีดี ระบบควบคุมความเร็วรถยนต์ (Cruise control) ๆปจนถึง ระบบควบคุมต่าง ๆ ในกระบวนการผลินอุตสาหกรรม ระบบควบคุมการบิน และ อื่น ๆ อีกมากมาย
ใิฬวกรรมระบบควบคุม นี้จะเกี่ยวข้องกับการ วิเคราะห์ระบบ และ ออกแบบระบบควบคุม โดยมีพื้นฐานจากแบบจำลองทนงคณิตศาสตร์ ของระบบ เครื่องมือวัด และ ตัวควบคุม การประยุกต์ใช้งสนยริงนั้นจะประกอบจากการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ของเครื่องมือวัด และ ตัวควบคุม ซึ่งโดยส่วนใหญ่ (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) จะเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า เนื่องขากสามารถออกแบบให้มีการทำงานที่ซับซ้อนและขนาดเล็ก หรือใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมทร่ซับซ้อน
=== สาขาอื่น / ===
Mechatronics คือสาขาวิศวกรรมที่เกี่ววข้องกเบการบรรจบกันของระบบไฟฟ้าและ เครื่องกล (Machine๑Electronics) คะบบรวมดังกล่าวเรียกว้าระบบ ไฟฟ้าเครื่องกล (Electromechanics) และมีการวอมรับอยืางดว้างขวาง ตัวอย่มงเชรน ระบบการผลิตอัตโนมัติ , heating๙ ventilation and air-conditioning systems และระบบย้อยตีางๆของ อากาศยาน และ รถยนต์
คำว่า mechatronics โดยปกติจะถูกใช้ในการอ้างถึงระบบ macroscopic แต่นักอนาคตศึกษาได้คาดการณ์ก่รเกิดขึ้นของอุปกรณ์ไฟฟ้าเครื่องกลขนาดเล็กมาก ดุปกรณ์ขนาดเล็กดังกล่าว ที่เรียกว่า ไมโครเทคโนโลยี (Microelectromechagical systems (MEMS)) ถูกนำมาใช้ในรถยนต์เพื่อบอก ถุงลมนิรภัย เมื่อไรมีการทำงาน ใน เครื่องฉายภาพ เพื่อยร้างภาพที่คมชัดขึ้น และใน เครื่องพิมพ์แวบพ่นหมึก เพ้่อสร้างหัวฉีเสำหรับการพิมพ์ความละเอียดสูง ในอนาคตมีการคาดหวังว่าอุปกรณ์จ่าง ๅ จะช่วยสร้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ปลูกถ่ายขนาดเล็กและช่วยปรับปรุง การสื่อสารด้วยแสง (optical communication)
วิศวกรรมชีวการแพทย์ เป็นอีกหนึางสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง มันเกี่ยวจ้องกับการออแแบบของ เครื่องมือแพทย์ ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์อยู่กับที่เช่น เครื่องช่วยหายใจ, เครื่องสแกนเนอร์ และ จอภาพ ECG เช่นเดียวกับอุปกรณ์เคลื่อนที่เช่น ประสาทหูเทียม, เครื่องกระตุ้นหัวใจเทียม และ หัวใจเทียม
วิศวกรรมการบินและอวกาศ และ หุ่นยนต์ เป็นตัวอย่างล่าสุดของ การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และการขับเคลื่อนดเวยไอออน
นอกจากนี้แล้ววิศวปรรมไฟฟ้ายังอาจมีสาขาย่อยอื่น ฟ อคก เช่น
การประมวลผลสัญญาณดิจิทัล
ออปติค
== วิศวกรฝึกฝน ==
ในหลายประเทศส่วนฝหญ่ ปริญญาตรีในสาขาฝิศวกรรมหมายถึงพ้าวแรกสู่การรับรองเป็นมืออาชีพและตัวหลักสูตรปริญญาเองได้รับการรับรองโดยองค์พรวิชาชีพ หลังจากเสร็จสิ้ตการเรียนในหลักสูตรปริญฐาที่ผ่านการรับรองแล้ว วิศวกรจะต้องตอบสนองความหลากหลายของข้อกำหนด (รวสถังข้อกำหนดสำหรับประสบการณ์ในการทำงาน) ก่อนที่จะได้รับการรับรอง เมื่อได้รีบการรับรองวิศวกรจะถูแกำหนดให้มีชื่อเป็นของวิศวกรอาชีพ (ในสหรัฐแเมริกา, แคนาดาและแอฟริกาใต้) วิศวกรชาร์เตอร์ดหรือ Inco3porated วิศวกร (ในประเทศอินเดีย, ปากีสถาน, นหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์และซิมบับเว) วิศวกรชาร์เตอร์ดมืออาชีพ (ในประเทศออสเตรเลียและ นิวซีแลนดฺ) หรือวิศวกรยุโรป (มากในสหภาพยุโรป) หรือ ใบ ก.วฐ
ข้อดีของการรับรองจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้ง ยกตัวอย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา "ว้ศวกรที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้นที่อาจประทับตรางานด้านวิศวกรรใสำหรับลูกค้าภาครัฐและเอกชน" ข้อกำหนดนี้ได้ถูกบังคับใช้โดยรัฐและสำนักกฎหมายในต่างจังหวัดเช่นพระราชบัญญัติว้ศวกรควิเบก ในประเทศอื่น ๆ ไม่มีการออกกฎหมายดังกลืาว ในทางกฏิบัติทุกหน่วยงานที่ให้ใบรับรองจะรักษาจรรยาบรรณที่พวกเขาคาดหวังว่าสมาชิกทุกคนจัปฏิบัติตามหรือต้องพบกับความเสี่นงจากการถูกขับไล่ ด้วยวิธีนี้องค์กรเหล่านี้มีบทบาทสกคัญในการรัพษามาตรฐนนทางจริยธรรมสำหรับอาชีพ แม้ในเขตอำนาจศาลท้่ใบรับรองมีผลเพียงเล็กน้อยกรือไม่มีผลทางกฎหมายเลยกับการทำงาน วิศวกรก็ยังอยู่ภายใต้กฎหมาวสัญญา ในกรณีที่การทำงานขอบวิศวกรล้มเหลว เขาหรือเธออาจมีความฟิดฐานละเว้นด้วยความประมาทและในกรณีที่รุนแรงจะถูกข้อฟาความผิดทางอทญาด้วยความประมาท การมำงานของวิศวกรยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอื่น ๆ อีกมากมายเช่นรหัสของอาคารและกฎที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายสิ่งอวดลเอม
องค์กรวิชาชีพสำหรับวิศวกรไฟฟ้าได้แก่ สถาบันวิชาชีพวิศวกรไฟฟ้าและดิเล็กทรอนิกส์ (IEEE) และสถาบันวิศวกรรมและเทคโนโลยี (IE%) สถาบัน IEEE อ้างว่าได้ผลิต 39% ของวรรณกรรมในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าของโลก, มีสมาชิกมากกว่า 360,000 คนทั่วโลกและจัดการประชุมกว่า 3,000 ครั้งเป็นประจำทุกปี ที่ IET เผขแพร่ 21 วารสาร มีสมาชิกทั่วโชกกว่า 150,000 คนและอ้างว่าเป็นสังคมวิชาชีพวิศวกรรมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ความล้าสมัยของทักษะทางเทคนิคสร้างความกังวลอย่างรุนแรงสำหรับวิศวำรไฟฟ้า เพราะฉะนั้น การเข้าเป็นสมาชิกและการมีส่วนร่วมในสังตมด้มนเทคนิต, การทบทวตอย่างปกติของวารสารในสมขาและนิสัยของการเรีสนรู้อย่างต่อเนท่องจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาความเชี่ยวบาญ สมาชิกของ สถาบันวิศวกรรมและเทคโนโลยี หรือ MIET จะได้รับการยอมรับในยุโรปว่าเป็นวิศวกรไฟไ้าแฃะคดมพิวเตอร์ (เทคโนโลยี)
วิศวกรไฟฟ้าในประเืศออนเตรเลีย, แคนาดาและสหรัฐอเมริกามีส่วนประมาณ 0.25% ของกรงงาน
== เครื่องมือและการทำงาน ==
จากคะบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (จีพีเอส) จนถึง การผลิตกระแสไหฟ้า วิศวกรไฟฟ้ามีส่วยร่วมในการพัฒนา้ทคโนโลยีท่่หลากหลาย พวกเขาออกแบบฐ พัฒนา, ทดสอบและการกำกับดูแลการติดตั้งใช้งานของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่างเช่นพวกเขาอาจทำงานในการออกแบบระบบการสื่อสารโทรคมนาคม, การดำเนินงานของโรบไฟฟ้า, ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง และการเดินสายไฟของอาคาร การออกแบบของเครื่องใช้ในคนัวเรือน หีือการควบคุมเครื่องจักรไฟฟ้าอุตสาหกรรม
พืัน๘านของสาขานี้คือฝิทยาศาสตร์ของ ฟิสิกส์ และ คณิตศาสตร์ เนื่องจากวิชาเหล่านี้จะช่วยอธิบายทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพของการทำงานของระบบดังกล่าว ในวันนี้งานด้านวิศวกรรมสืวนใหญ่จดเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และมัตก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบ เมื่อออกแบบระบบไฟฟ้า อย่างไรก็ตามความสามารถในการร่างคยามคิดยังคงเป็นที่ทรงคุณค่าสำหรับการสื่อสารอย่างรวดเร็วกับผู้อื่น
แม้ว่าวิศวกรไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเข้าใจ ทฤษฎีวงจร พื้นฐาน (นั่นคือการปฏิสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่นงๆเช่น ตัวต้านทาน ตัวเกฺบประจุ ไดโอด ทรานซิสเตอร์ แบะ ตัวเหนี่ยวนำ ในวบจร) ทฤษฎีต่าง ๆ ที่วิศวกรนำมาใชีโดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับงานที่พวกเขาทำ ยกตัวอย่างเช่น กลศาสตร์ควอนตัม และ ฟิสิกส์ของโซลิดเสตท อาจเกี่ยวข้องกับวิศวกรที่ทำงานเกี่ยวกับ การสร้างวงจรรวมขนาดใหญ่มาก (Very Large Scale Integration) แต่จะไม่เกี่ยวข้องกันเลยกับวิศวกรที่ทำงานกับระบบไฟฟ้าแบบ macroscopic แม้แต่ ทฤษฎีวงจร อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการออกแบบระบบการสื่อสารโทรคมนาคมที่ใช้ชิ้นส่วนที่พบเห็นทั่วไป บางทีทักษุทางเทคนิคทร่สำคัญที่สุดสำหรับวิศวกรไฟฟ้าอาจจะสะท้แนให้เห็นในโปรแกรมของมหาวิทยาลัยซึ่งเน้นทักษะที่แข็งแกร่งด้านตัวเลข ความรู้ด้านคอมพิสเตอร์และความสามารถในการเข้าใจภาษาทางเทคนิคและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับวิศสกรรมไฟฟ้า
มีเครื่องมือหลากหลทยที่วิศวปรไฟฟ้าจะต้องใช้ สำหรับวงจรคฝบคุมและการปลุกง่าย ๆ มัลติมิเตอร์ขั้นพื้นฐานอาจพอเพียงที่จะใช้วัดแรงดันไฟฟ้า, กระแสและความต้านทาน ในการศึกษาเกี่ยวกับสัญญาณที่แปรตามเวลา ออสซิโลสโคป ยังะป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในด้าน ฝิศวกครม RF แลเการสื่อสารโทรคมนาคมความถี่สูง, เครื่องวิเคราะห์สเปกตรัม และ เครื่องวิเคราะห์เครือข่าย มีการใช้ ในบางสาขา การมช้เครื่องมืออาจสร้าวความกังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่นนักออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ทางการแภทย์ที่จะต้องคำนึงถึงว่าแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่าปกติอาจเป็นอันตรายได้เมื่อขั้วหฟฟ้ามีการติดต่อโดยตนงกับของเหลวภายในร่างกาย นอกจากนี้วิศวกรรมการส่งกำลังไฟฟ้ายังมีความกังวลด้านความปลอดภัยอย่างสูงเนื่องจมกแรงดันสูงที่ใช้ แม้ว่า โวลต์มิเตอร์ ในหลักการอาจจะคล้ายกับมิเตอร์แรงดันต่ำเทียบเท่าของพวกเขา ประเด็นดิานความปลอดภัยและกาคสอบเทียบทำให้พวกมัตแตำต่างกันอย่างมาก หลายสาขาวิชาของวิศวกรรมไฟฟ้ามีการทดสอบที่เฉพาะเจาะจงหลายด้านกับวินัยของพวกเขา วอศวกรอิเล็กทรอนิกส์ด้านเสียงจะใช้ชุดทดสอบเสียงที่ประกอบด้วยเครื่องกำเนิดสัญญาณและมิเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการวัดระดับ และพารามิเตอร์อื่น ๆ เช่นความเพี้ยนและเสียงรบพวน ในทำนองเดียวกันเทคโนโลยีสารสนเทศมีขุดทดสอบของตัวเอง มักจะเฉพาะเจาะจงกับีูปแบบข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง และการออกอากาศโทรทัศน์ก็เป็นแบบเดียวกัน
สำหรับวิศวกรจำนวนมาก งานด้านเทคนิคมีส่วนเพียงเศษเสี้ยวของงานที่พวกเขนทำเท่านั้น นอกจากนี้เวลาเป็นจำนวนมากยังอาจจะถูกใช้ในงานอื่นๆเช่นการพูดคุยเก่่ยวกับข้อเสนอกับลูกค้า, แารจัดเตรียมงบประมาณและการกำไนดตารางเวลาของโครงการ วิศวกรอมวุโสหลาจคนบริหารทีมช่างหรือวิศวกรอื่น ๆ และด้วยเหตุนี้ทักษะการบริหารจเดการโครงการจึงมีความมำคัญ ส่วนใหญ่ของโครงการด้านวิศวกรรมจะเกีายวข้องกับรูปแบบของการทำเอกสารและทักษะการสื่อสา่ที่เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างแข็งแรงจึงมีความสำคัญมาก
สถานที่ทำงานขเงวิศวกรก็เหลี่ยนแปลงไปตามประเภทของงานที่พวกเขาทำ วิศวกรไฟฟ้าอาจจะพบในสภาพแวดล้อมผ้องปฏิลัติการาี่เก่าแก่ของโรงงานผลิร, ที่สำนึกงานของ บริษัทที่ปรึกษาหรือในสถานที่ทำเหมือง ตลอดช่วงชีวิตการทำงานของพวกเขา ว้ศวกรไฟฟ้าอาจพบตัวเองกำกับดูแลประชาชนหลายอาชีพ รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์, ช่างไผฟ้า นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตแร์และวิศวกรอื่น ๆ
งิศวกรรมไฟฟ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักวิทยาศาสตร์ด้านฟอสิกส์ ยกตัวอย่างเช่นนักฟิสิกส์ลอร์ด เคลวินมีบทบาทสำคัญในด้านวิศวกรรมของาายโทรเลขข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นครั้ฝแรก ตรงกันข้ามวิศวกร Oliver Heaviside ได้ผลิตงานที่สำคัญในด้านคณิตศาสตร์ของการส่งสัญญาณผ่านสายเคเบิลโทรเลข วิศวกรไฟฟ้ามักจะเป็นที่ต้องการในโครงการวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่นเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่เช่น องค์การวิจัยจิวเคลียร์ยุโรป (European Organization for Nuclear Research; CERN; Orgqnisation européenne pour la rechwrche nucléaire) ต้องการวิศวกรไฟฟ้าให้จัดการกับหลาย ๆ ด้านของโครงการ: รั้งแต่การกระจายกำลังไฟฟ้า จนถึงเครื่องมือวัะ จนถึงการผลิตและการติดตั้ง แม่เหล็กไฟฟ้าตัวนำยิ่งยวด
== ดูเพิ่ม ==
สภาวิศวกร
สถาบันวิชาชีพวิศวกรไไฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Institute of Electrical and Electronics Engineers, IEEE)
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศรสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.ee.eng.chula.ac.th/eecu/#up
ภาควิชมวิศวกรรมไฟฟ้ท คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโฃยีพระจอมเกล้าธนบุรี http://www.ee.kmutt.ac.th
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ http://www.ee.kmutnb.ac.th
ภาควิชาวิศวพรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง http://www.kmitl.ac.th_power
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรั https://www.en.rmutt.ac.tt/ee2/
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอท่น ==
IEEE
The Institution lf Electrical Engineers (IEE)
วิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยศรีปทุม http://www.spu.ac.th/fac/engineer/th/program.php?bid=3
ฟไฟฟ้า
ไฟฟ้า
|
วิศวกรรมไฟฟ้า (Electrical Engineering) เป็นสาขาที่ศึกษาทฤษฏีและการประยุกต์ใช้ ไฟฟ้า, คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ผู้ที่ประกอบวิชาชีพในสาขานี้เรียกว่า วิศวกรไฟฟ้า สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้าเป็นสาขาที่กว้างประกอบไปด้วยหลายสาขาย่อย
== ประวัติศาสตร์ วิวัฒนาการ และ บุคคลสำคัญ ==
ไฟฟ้าได้เป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 17 วิศวกรไฟฟ้าคนแรกอาจจะเป็น วิลเลียม กิลเบิร์ต ผู้ที่ออกแบบ versorium: อุปกรณ์ที่ตรวจพบการปรากฏตัวของวัตถุที่มีประจุไฟฟ้าสถิต เขายังเป็นคนแรกที่แยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจนระหว่างอำนาจแม่เหล้กและไฟฟ้าสถิต และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ริเริ่มการใช้คำว่า "electricity" (ไฟฟ้าในภาษาอังกฤษ)
การค้นพบไฟฟ้าสถิตนั้นมีมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ แต่จุดเริ่มของทฤษฎีทางไฟฟ้ายุคใหม่ นั้นนับเริ่มต้นจากผลงานของ เบนจามิน แฟรงกลิน ในการทดลองชักว่าวผ่านเมฆฝน ในปี ค.ศ. 1752 เพื่อเก็บประจุไฟฟ้าจากเมฆฝน และใช้ในการพิสูจน์ว่าฟ้าผ่านั้นเป็นกระแสไฟฟ้า เบนจามิน แฟรงกลิน (หรืออาจเป็น Ebenezer Kinnersley) นั้นได้สร้างแนวความคิดของประจุบวก และ ประจุลบ
งานของเบนจามิน แฟรงกลินนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบที่สำคัญทางไฟฟ้าในยุคถัดมา ทั้ง ลุยจี กัลวานี, อาเลสซันโดร วอลตา, อ็องเดร-มารี อ็องแปร์, จอร์จ ไซมอน โอห์ม และ ไมเคิล ฟาราเดย์
โดยในปี ค.ศ. 1792 นั้น กัลวานี ได้ค้นพบกระแสไฟฟ้าในสิ่งมีชีวิต ซึ่งงานนี้ได้ทำให้วอลตานั้นสามารถประดิษฐ์ โวลตาอิกไพล์ (voltaic pile) ซึ่งเป็นต้นแบบของแบตเตอรีไฟฟ้า ได้ในปี ค.ศ. 1800 ต่อมาในปี ค.ศ. 1820 จากการสังเกตพบความสัมพันธ์ของไฟฟ้าและแม่เหล็ก ของ ฮันส์ คริสเทียน เออร์สเตด ในการทดลองที่กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านขดลวดสามารถเบนเข็มแม่เหล็กของเข็มทิศได้นั้น อองแปร์ได้ทำการศึกษาถึงความสัมพันธ์นี้และสร้างเป็น กฎของแอมแปร์ ความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้านั้นถูกค้นพบโดยโอห์มในปี ค.ศ. 1827 เรียกกฎของโอห์ม หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1831 ฟาราเดย์ได้ค้นพบความสัมพันธ์การเหนี่ยวนำของแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กและการกำเนิดกระแสไฟฟ้าในขดลวด ซึ่งรู้จักกันในนาม กฎของฟาราเดย์ ในปี ค.ศ. 1864 เจมส์ คลาร์ก แมกซ์เวลล์ ได้รวบรวมความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กและไฟฟ้า ในรูปชุดของสมการทางคณิตศาสตร์ เรียกสมการของแมกซ์เวลล์ ซึ่งเป็นหัวใจของทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic หรือ electrodynamic) ในปัจจุบัน และในปี 1873 เขาได้จัดพิมพ์ทฏษฎีไฟฟ้าและแม่เหล็กที่รวบรวมเป็นหนึ่งเดียวในหนังสือเรื่อง "ไฟฟ้าและแม่เหล็ก"
ทั้ง โทมัส เอดิสัน และ นิโคลา เทสลา นั้นนับได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวิวัฒนาการของระบบไฟฟ้า เนื่องจากเป็นผู้ที่ริเริ่มการผลิตกระแสไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์
โดยเอดิสันนั้นได้พัฒนาระบบผลิตและจ่ายไฟฟ้า ซึ่งเป็นไฟฟ้ากระแสตรงในปี ค.ศ. 1880 ซึ่งต่อมา เทสลาได้พัฒนาระบบผลิตและจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับแบบหลายเฟส ขึ้นในปี ค.ศ. 1888 นอกจากนี้แล้วทั้งสองคนนี้ยังได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ไฟฟ้าที่สำคัญอีกมากมาย
ไฮน์ริช เฮิร์ตซ์ นั้นเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมการของแมกซ์เวลล์ให้สมบูรณ์ และเป็นบุคคลแรกที่ได้ทำการทดลองแสดงให้เห็นถึงการแผ่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยได้สร้างเครื่องกำเนิดสัญญาณวิทยุ ซึ่งผลงานของเฮิรตซ์นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารด้วยคลื่นวิทยุ
== ประวัติ การศึกษาวิศวกรรมไฟฟ้า ในประเทศไทย ==
การศึกษาในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า เริ่มต้นที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2476 คณะเริ่มเปิดสอนหลักสูตรปริญญาบัณฑิต ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิร็อกกีเฟลเลอร์ โดยทางมูลนิธิ ได้ส่ง ดร.ชารล เอม.สัน. เกวอรฺต ชาวสวีเดน ซึ่งได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา มาช่วยจัดหลักสูตรการสอน และเป็นหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าไปด้วย ในปี พ.ศ. 2478 ก็มีผู้จบการศึกษาและเข้ารับพระราชทานปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า เป็นครั้งแรก จำนวน 12 คน ซึ่งต่อมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน และ ได้เปิดสอนหลักสูตรวิศวกรรมไฟฟ้าตามมาเป็นลำดับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้เปิดหลักสูตรระดับปริญญาเอก เป็นแห่งแรกของประเทศไทย
== สาขาย่อย ==
ถึงแม้ว่าวิศวกรรมไฟฟ้านั้นประกอบไปด้วยสาขามากมาย แต่ทุกสาขาจะมีจุดร่วมคือ จะมีความเกี่ยวพันกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า บางสาขานั้นจะมีการใช้งานสมการของแมกซ์เวลล์โดยตรง ในการทำงานเกี่ยวกับคลื่นวิทยุ บางสาขาก็ทำงานเกี่ยวกับการผลิตและส่งถ่ายพลังงานไฟฟ้า บางสาขาเกี่ยวกับการวิเคราะห์และจัดการกับสัญญาณไฟฟ้า ทั้งนี้จะรวมถึงแง่มุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎี การประยุกต์ใช้งาน และ อุปกรณ์ ที่เกี่ยวข้อง
=== ไฟฟ้ากำลัง ===
ไฟฟ้ากำลัง เป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับ การผลิต การส่ง และ การจ่ายพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเกี่ยวข้องตั้งแต่โรงงานผลิตไฟฟ้า ส่งกำลังผ่านโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า ไปยังผู้บริโภคทั้งที่เป็นอุตสาหกรรม แหล่งธุรกิจ และ บ้านเรือนที่พักอาศัย
สาขานี้จะเกี่ยวพันกับทั้ง โครงข่ายสายส่ง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการส่งกำลังไฟฟ้า ที่ศักย์ไฟฟ้าสูงกว่าที่ศักย์ไฟฟ้าตามบ้านมาก ตั้งแต่หลายพันโวลต์ จนถึง หลายแสนโวลต์ และส่งกำลังหลายล้านวัตต์
ทุกวันนี้ สาขานี้ยังรวมไปถึงเศรษฐศาสตร์ ของไฟฟ้ากำลังอีกด้วย ทั้งการวิเคราะห์และคาดหมายปริมาณการบริโภคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า รูปแบบโครงสร้างเสรีในการซื้อขายกำลังไฟฟ้า
=== สื่อสาร/โทรคมนาคม ===
สาขานี้เป็นสาขาที่เกี่ยวพันโดยตรงกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะเกี่ยวข้องกับการส่งข้อมูลในรูปสัญญาณจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในรูปสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่ว่าจะส่งผ่านสื่อตัวกลางซึ่งอยู่ในรูป สายตัวนำ หรือ สายใยแก้ว หรือ ผ่านอากาศในรูปคลื่นวิทยุ
ซึ่งนอกเหนือจากในแง่ทางกายภาพของอุปกรณ์รับส่ง และ สื่อตัวกลาง แล้วยังรวมถึงสถาปัตยกรรมของระบบสื่อสาร ทั้งในแง่โครงสร้างโดยรวมทางกายภาพของเครือข่าย และ สถาปัตยกรรมทางซอฟต์แวร์ เช่น โครงสร้างเครือข่ายระบบเซลลูลาร์ โครงสร้างเครือข่ายระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม โครงสร้างเครือข่ายระบบสื่อสารด้วยใยแก้วแบบต่าง ๆ รวมถึงโพรโทคอล เทคโนโลยีการมัลติเพล็กซ์ และ การเข้ารหัสของช่องสัญญาณแบบต่าง ๆ
=== อิเล็กทรอนิกส์ ===
สาขาย่อยอิเล็กทรอนิกส์นี้ เดิมทีเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และ ทดสอบวงจรไฟฟ้า ซึ่งสร้างจากอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะทางแม่เหล็กไฟฟ้า ตั้งแต่หลอดสุญญากาศ ตัวต้านทาน ตัวเก็บประจุ ขดลวดเหนี่ยวนำ จนถึง อุปกรณ์จากสารกึ่งตัวนำเช่น ไดโอด ทรานซิสเตอร์ และ อื่น ๆ เพื่อให้เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานตามจุดประสงค์ที่ต้องการ เช่น เป็นวงจรรับวิทยุ วงจรเครื่องขยายเสียง ถือเริ่มจากการประดิษฐ์หลอดสุญญากาศ Audion ในปี ค.ศ. 1907
ในปัจจุบันวงจรอิเล็กทรอนิกส์เป็นจำนวนมากนั้นจะอยู่ในรูป ที่เรียกว่า วงจรรวม (integrated circuit) ซึ่งวงจรทั้งหมดนั้นจะถูกสร้างอยู่บนแผ่นสารกึ่งตัวนำ เรียก ชิพ (chip) การออกแบบวงจรรวมนี้ นอกจากการออกแบบตัววงจรแล้ว ยังรวมไปถึงการแปลงแผนภูมิวงจร (schematic) ให้อยู่ในรูปแผนภูมิเพื่อการสร้างบนแผ่นสารกึ่งตัวนำ (layout) กระบวนการในการผลิต วงจรรวมก็เป็นสาขาย่อยหนึ่งที่สำคัญในปัจจุบัน เนื่องมาจากเทคโนโลยีในการผลิตนี้ (ดู photolithography) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ในขนาดที่เล็กมากเป็น ไมโครเมตร หรือ นาโนเมตร
นอกจากนั้นเทคโนโลยีนี้ยังเกี่ยวข้องเทคโนโลยีร่วมระหว่างสาขาไฟฟ้าและ เครื่องกล คือ ไมโครเทคโนโลยี (MEMS) ซึ่งเป็นการออกแบบอุปกรณ์กลไกขนาดไมโครเมตร ในวงจรรวม
=== คอมพิวเตอร์ ===
บทความหลัก: วิศวกรรมคอมพิวเตอร์
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์เกี่ยวข้องกับการออกแบบ คอมพิวเตอร์ และ ระบบคอมพิวเตอร์ นี้อาจเกี่ยวข้องกับการออกแบบของ ฮาร์ดแวร์ ใหม่, การออกแบบ PDA แท็บเล็ตและ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ หรือการใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุม โรงงานอุตสาหกรรม วิศวกรคอมพิวเตอร์อาจจะทำงานกับ ซอฟแวร์ ของระบบอีกด้วย อย่างไรก็ตามการออกแบบระบบซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนมักจะเป็นโดเมนของ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งมักจะถือว่าเป็นสาขาแยก คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จะเป็นตัวแทนส่วนเล็ก ๆ ของอุปกรณ์ที่วิศวกรคอมพิวเตอร์อาจทำงานด้วย เนื่องจากสถาปัตยกรรมที่เหมือนคอมพิวเตอร์จะถูกพบในขณะนี้อยู่ในช่วงของอุปกรณ์ที่รวมทั้ง วิดีโอเกมคอนโซล และ เครื่องเล่น DVD
=== เครื่องมือ ===
บทความหลัก: วิศวกรรมเครื่องมือ
วิศวกรรมเครื่องมือ เกี่ยวข้องกับการออกแบบอุปกรณ์เพื่อวัดปริมาณทางกายภาพเช่น ความดัน, การไหล และ อุณหภูมิ การออกแบบเครื่องมือดังกล่าวต้องมีความเข้าใจเป็นอย่างดีด้าน ฟิสิกส์ ที่มักจะขยายเกิน ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น เครื่องมือการบิน ใช้วัดตัวแปรต่าง ๆ เช่น ความเร็วลม และ ระดับความสูง เพื่อช่วยนักบินสามารถควบคุมอากาศยานด้วยการวิเคราะห์ ในทำนองเดียวกัน คู่ควบความร้อน จะใช้ ผลของ Peltier-Seebeck เพื่อวัดอุณหภูมิที่แตกต่างระหว่างจุดสองจุด
เครื่องมือมักจะใช้ไม่ได้ด้วยตัวเอง แต่มันจะทำหน้าที่เป็น ตัวรับรู้ ของระบบไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่แทน ยกตัวอย่างเช่นคู่ควบความร้อนอาจจะนำมาใช้เพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุณหภูมิของเตาเผาจะยังคงที่ ด้วยเหตุนี้วิศวกรรมเครื่องมือมักจะถูกมองว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกับวิศวกรรมควบคุม
=== ระบบควบคุม ===
วิศวกรรมระบบควบคุม เป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎี และ เทคโนโลยี ในการวิเคราะห์ และ ควบคุม พฤติกรรมของระบบต่าง ๆ ให้เป็นไปตามความต้องการ. ถึงแม้เทคโนโลยีระบบควบคุมนี้จะมีใช้อยู่อย่างกว้างขวาง ในอุปกรณ์ในชีวิตประจำวัน แต่มักจะเป็นส่วนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ได้เป็นที่สังเกตเห็นเด่นชัด เช่น อุปกรณ์ควบคุมระดับน้ำในถังชักโครก ระบบควบคุมอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ระบบควบคุมมอเตอร์ของฮาร์ดดิสก์และเครื่องเล่นแผ่นซีดี ระบบควบคุมความเร็วรถยนต์ (Cruise control) ไปจนถึง ระบบควบคุมต่าง ๆ ในกระบวนการผลิตอุตสาหกรรม ระบบควบคุมการบิน และ อื่น ๆ อีกมากมาย
วิศวกรรมระบบควบคุม นี้จะเกี่ยวข้องกับการ วิเคราะห์ระบบ และ ออกแบบระบบควบคุม โดยมีพื้นฐานจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ของระบบ เครื่องมือวัด และ ตัวควบคุม การประยุกต์ใช้งานจริงนั้นจะประกอบจากการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ของเครื่องมือวัด และ ตัวควบคุม ซึ่งโดยส่วนใหญ่ (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) จะเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า เนื่องจากสามารถออกแบบให้มีการทำงานที่ซับซ้อนและขนาดเล็ก หรือใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมที่ซับซ้อน
=== สาขาอื่น ๆ ===
Mechatronics คือสาขาวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบรรจบกันของระบบไฟฟ้าและ เครื่องกล (Machine+Electronics) ระบบรวมดังกล่าวเรียกว่าระบบ ไฟฟ้าเครื่องกล (Electromechanics) และมีการยอมรับอย่างกว้างขวาง ตัวอย่างเช่น ระบบการผลิตอัตโนมัติ , heating, ventilation and air-conditioning systems และระบบย่อยต่างๆของ อากาศยาน และ รถยนต์
คำว่า mechatronics โดยปกติจะถูกใช้ในการอ้างถึงระบบ macroscopic แต่นักอนาคตศึกษาได้คาดการณ์การเกิดขึ้นของอุปกรณ์ไฟฟ้าเครื่องกลขนาดเล็กมาก อุปกรณ์ขนาดเล็กดังกล่าว ที่เรียกว่า ไมโครเทคโนโลยี (Microelectromechanical systems (MEMS)) ถูกนำมาใช้ในรถยนต์เพื่อบอก ถุงลมนิรภัย เมื่อไรมีการทำงาน ใน เครื่องฉายภาพ เพื่อสร้างภาพที่คมชัดขึ้น และใน เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก เพื่อสร้างหัวฉีดสำหรับการพิมพ์ความละเอียดสูง ในอนาคตมีการคาดหวังว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ จะช่วยสร้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ปลูกถ่ายขนาดเล็กและช่วยปรับปรุง การสื่อสารด้วยแสง (optical communication)
วิศวกรรมชีวการแพทย์ เป็นอีกหนึ่งสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง มันเกี่ยวข้องกับการออกแบบของ เครื่องมือแพทย์ ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์อยู่กับที่เช่น เครื่องช่วยหายใจ, เครื่องสแกนเนอร์ และ จอภาพ ECG เช่นเดียวกับอุปกรณ์เคลื่อนที่เช่น ประสาทหูเทียม, เครื่องกระตุ้นหัวใจเทียม และ หัวใจเทียม
วิศวกรรมการบินและอวกาศ และ หุ่นยนต์ เป็นตัวอย่างล่าสุดของ การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และการขับเคลื่อนด้วยไอออน
นอกจากนี้แล้ววิศวกรรมไฟฟ้ายังอาจมีสาขาย่อยอื่น ๆ อีก เช่น
การประมวลผลสัญญาณดิจิทัล
ออปติค
== วิศวกรฝึกฝน ==
ในหลายประเทศส่วนใหญ่ ปริญญาตรีในสาขาวิศวกรรมหมายถึงก้าวแรกสู่การรับรองเป็นมืออาชีพและตัวหลักสูตรปริญญาเองได้รับการรับรองโดยองค์กรวิชาชีพ หลังจากเสร็จสิ้นการเรียนในหลักสูตรปริญญาที่ผ่านการรับรองแล้ว วิศวกรจะต้องตอบสนองความหลากหลายของข้อกำหนด (รวมถึงข้อกำหนดสำหรับประสบการณ์ในการทำงาน) ก่อนที่จะได้รับการรับรอง เมื่อได้รับการรับรองวิศวกรจะถูกกำหนดให้มีชื่อเป็นของวิศวกรอาชีพ (ในสหรัฐอเมริกา, แคนาดาและแอฟริกาใต้) วิศวกรชาร์เตอร์ดหรือ Incorporated วิศวกร (ในประเทศอินเดีย, ปากีสถาน, สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์และซิมบับเว) วิศวกรชาร์เตอร์ดมืออาชีพ (ในประเทศออสเตรเลียและ นิวซีแลนด์) หรือวิศวกรยุโรป (มากในสหภาพยุโรป) หรือ ใบ ก.ว.
ข้อดีของการรับรองจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้ง ยกตัวอย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา "วิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้นที่อาจประทับตรางานด้านวิศวกรรมสำหรับลูกค้าภาครัฐและเอกชน" ข้อกำหนดนี้ได้ถูกบังคับใช้โดยรัฐและสำนักกฎหมายในต่างจังหวัดเช่นพระราชบัญญัติวิศวกรควิเบก ในประเทศอื่น ๆ ไม่มีการออกกฎหมายดังกล่าว ในทางปฏิบัติทุกหน่วยงานที่ให้ใบรับรองจะรักษาจรรยาบรรณที่พวกเขาคาดหวังว่าสมาชิกทุกคนจะปฏิบัติตามหรือต้องพบกับความเสี่ยงจากการถูกขับไล่ ด้วยวิธีนี้องค์กรเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการรักษามาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับอาชีพ แม้ในเขตอำนาจศาลที่ใบรับรองมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลทางกฎหมายเลยกับการทำงาน วิศวกรก็ยังอยู่ภายใต้กฎหมายสัญญา ในกรณีที่การทำงานของวิศวกรล้มเหลว เขาหรือเธออาจมีความผิดฐานละเว้นด้วยความประมาทและในกรณีที่รุนแรงจะถูกข้อหาความผิดทางอาญาด้วยความประมาท การทำงานของวิศวกรยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอื่น ๆ อีกมากมายเช่นรหัสของอาคารและกฎที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายสิ่งแวดล้อม
องค์กรวิชาชีพสำหรับวิศวกรไฟฟ้าได้แก่ สถาบันวิชาชีพวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (IEEE) และสถาบันวิศวกรรมและเทคโนโลยี (IET) สถาบัน IEEE อ้างว่าได้ผลิต 30% ของวรรณกรรมในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าของโลก, มีสมาชิกมากกว่า 360,000 คนทั่วโลกและจัดการประชุมกว่า 3,000 ครั้งเป็นประจำทุกปี ที่ IET เผยแพร่ 21 วารสาร มีสมาชิกทั่วโลกกว่า 150,000 คนและอ้างว่าเป็นสังคมวิชาชีพวิศวกรรมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ความล้าสมัยของทักษะทางเทคนิคสร้างความกังวลอย่างรุนแรงสำหรับวิศวกรไฟฟ้า เพราะฉะนั้น การเข้าเป็นสมาชิกและการมีส่วนร่วมในสังคมด้านเทคนิค, การทบทวนอย่างปกติของวารสารในสาขาและนิสัยของการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาความเชี่ยวชาญ สมาชิกของ สถาบันวิศวกรรมและเทคโนโลยี หรือ MIET จะได้รับการยอมรับในยุโรปว่าเป็นวิศวกรไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ (เทคโนโลยี)
วิศวกรไฟฟ้าในประเทศออสเตรเลีย, แคนาดาและสหรัฐอเมริกามีส่วนประมาณ 0.25% ของแรงงาน
== เครื่องมือและการทำงาน ==
จากระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (จีพีเอส) จนถึง การผลิตกระแสไฟฟ้า วิศวกรไฟฟ้ามีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยีที่หลากหลาย พวกเขาออกแบบ, พัฒนา, ทดสอบและการกำกับดูแลการติดตั้งใช้งานของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่างเช่นพวกเขาอาจทำงานในการออกแบบระบบการสื่อสารโทรคมนาคม, การดำเนินงานของโรงไฟฟ้า, ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง และการเดินสายไฟของอาคาร การออกแบบของเครื่องใช้ในครัวเรือน หรือการควบคุมเครื่องจักรไฟฟ้าอุตสาหกรรม
พื้นฐานของสาขานี้คือวิทยาศาสตร์ของ ฟิสิกส์ และ คณิตศาสตร์ เนื่องจากวิชาเหล่านี้จะช่วยอธิบายทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพของการทำงานของระบบดังกล่าว ในวันนี้งานด้านวิศวกรรมส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบ เมื่อออกแบบระบบไฟฟ้า อย่างไรก็ตามความสามารถในการร่างความคิดยังคงเป็นที่ทรงคุณค่าสำหรับการสื่อสารอย่างรวดเร็วกับผู้อื่น
แม้ว่าวิศวกรไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเข้าใจ ทฤษฎีวงจร พื้นฐาน (นั่นคือการปฏิสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่างๆเช่น ตัวต้านทาน ตัวเก็บประจุ ไดโอด ทรานซิสเตอร์ และ ตัวเหนี่ยวนำ ในวงจร) ทฤษฎีต่าง ๆ ที่วิศวกรนำมาใช้โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับงานที่พวกเขาทำ ยกตัวอย่างเช่น กลศาสตร์ควอนตัม และ ฟิสิกส์ของโซลิดเสตท อาจเกี่ยวข้องกับวิศวกรที่ทำงานเกี่ยวกับ การสร้างวงจรรวมขนาดใหญ่มาก (Very Large Scale Integration) แต่จะไม่เกี่ยวข้องกันเลยกับวิศวกรที่ทำงานกับระบบไฟฟ้าแบบ macroscopic แม้แต่ ทฤษฎีวงจร อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการออกแบบระบบการสื่อสารโทรคมนาคมที่ใช้ชิ้นส่วนที่พบเห็นทั่วไป บางทีทักษะทางเทคนิคที่สำคัญที่สุดสำหรับวิศวกรไฟฟ้าอาจจะสะท้อนให้เห็นในโปรแกรมของมหาวิทยาลัยซึ่งเน้นทักษะที่แข็งแกร่งด้านตัวเลข ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์และความสามารถในการเข้าใจภาษาทางเทคนิคและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมไฟฟ้า
มีเครื่องมือหลากหลายที่วิศวกรไฟฟ้าจะต้องใช้ สำหรับวงจรควบคุมและการปลุกง่าย ๆ มัลติมิเตอร์ขั้นพื้นฐานอาจพอเพียงที่จะใช้วัดแรงดันไฟฟ้า, กระแสและความต้านทาน ในการศึกษาเกี่ยวกับสัญญาณที่แปรตามเวลา ออสซิโลสโคป ยังเป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในด้าน วิศวกรรม RF และการสื่อสารโทรคมนาคมความถี่สูง, เครื่องวิเคราะห์สเปกตรัม และ เครื่องวิเคราะห์เครือข่าย มีการใช้ ในบางสาขา การใช้เครื่องมืออาจสร้างความกังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่นนักออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ที่จะต้องคำนึงถึงว่าแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่าปกติอาจเป็นอันตรายได้เมื่อขั้วไฟฟ้ามีการติดต่อโดยตรงกับของเหลวภายในร่างกาย นอกจากนี้วิศวกรรมการส่งกำลังไฟฟ้ายังมีความกังวลด้านความปลอดภัยอย่างสูงเนื่องจากแรงดันสูงที่ใช้ แม้ว่า โวลต์มิเตอร์ ในหลักการอาจจะคล้ายกับมิเตอร์แรงดันต่ำเทียบเท่าของพวกเขา ประเด็นด้านความปลอดภัยและการสอบเทียบทำให้พวกมันแตกต่างกันอย่างมาก หลายสาขาวิชาของวิศวกรรมไฟฟ้ามีการทดสอบที่เฉพาะเจาะจงหลายด้านกับวินัยของพวกเขา วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ด้านเสียงจะใช้ชุดทดสอบเสียงที่ประกอบด้วยเครื่องกำเนิดสัญญาณและมิเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการวัดระดับ และพารามิเตอร์อื่น ๆ เช่นความเพี้ยนและเสียงรบกวน ในทำนองเดียวกันเทคโนโลยีสารสนเทศมีชุดทดสอบของตัวเอง มักจะเฉพาะเจาะจงกับรูปแบบข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง และการออกอากาศโทรทัศน์ก็เป็นแบบเดียวกัน
สำหรับวิศวกรจำนวนมาก งานด้านเทคนิคมีส่วนเพียงเศษเสี้ยวของงานที่พวกเขาทำเท่านั้น นอกจากนี้เวลาเป็นจำนวนมากยังอาจจะถูกใช้ในงานอื่นๆเช่นการพูดคุยเกี่ยวกับข้อเสนอกับลูกค้า, การจัดเตรียมงบประมาณและการกำหนดตารางเวลาของโครงการ วิศวกรอาวุโสหลายคนบริหารทีมช่างหรือวิศวกรอื่น ๆ และด้วยเหตุนี้ทักษะการบริหารจัดการโครงการจึงมีความสำคัญ ส่วนใหญ่ของโครงการด้านวิศวกรรมจะเกี่ยวข้องกับรูปแบบของการทำเอกสารและทักษะการสื่อสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างแข็งแรงจึงมีความสำคัญมาก
สถานที่ทำงานของวิศวกรก็เปลี่ยนแปลงไปตามประเภทของงานที่พวกเขาทำ วิศวกรไฟฟ้าอาจจะพบในสภาพแวดล้อมห้องปฏิบัติการที่เก่าแก่ของโรงงานผลิต, ที่สำนักงานของ บริษัทที่ปรึกษาหรือในสถานที่ทำเหมือง ตลอดช่วงชีวิตการทำงานของพวกเขา วิศวกรไฟฟ้าอาจพบตัวเองกำกับดูแลประชาชนหลายอาชีพ รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์, ช่างไฟฟ้า นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรอื่น ๆ
วิศวกรรมไฟฟ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักวิทยาศาสตร์ด้านฟิสิกส์ ยกตัวอย่างเช่นนักฟิสิกส์ลอร์ด เคลวินมีบทบาทสำคัญในด้านวิศวกรรมของสายโทรเลขข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นครั้งแรก ตรงกันข้ามวิศวกร Oliver Heaviside ได้ผลิตงานที่สำคัญในด้านคณิตศาสตร์ของการส่งสัญญาณผ่านสายเคเบิลโทรเลข วิศวกรไฟฟ้ามักจะเป็นที่ต้องการในโครงการวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่นเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่เช่น องค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป (European Organization for Nuclear Research; CERN; Organisation européenne pour la recherche nucléaire) ต้องการวิศวกรไฟฟ้าให้จัดการกับหลาย ๆ ด้านของโครงการ: ตั้งแต่การกระจายกำลังไฟฟ้า จนถึงเครื่องมือวัด จนถึงการผลิตและการติดตั้ง แม่เหล็กไฟฟ้าตัวนำยิ่งยวด
== ดูเพิ่ม ==
สภาวิศวกร
สถาบันวิชาชีพวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Institute of Electrical and Electronics Engineers, IEEE)
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.ee.eng.chula.ac.th/eecu/#up
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี http://www.ee.kmutt.ac.th
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ http://www.ee.kmutnb.ac.th
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง http://www.kmitl.ac.th/power
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี https://www.en.rmutt.ac.th/ee2/
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
IEEE
The Institution of Electrical Engineers (IEE)
วิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยศรีปทุม http://www.spu.ac.th/fac/engineer/th/program.php?bid=3
ฟไฟฟ้า
ไฟฟ้า
|
วิศวกรรมเครื่องกล (Mectanucai engineering) เป็นวิชาเกี่ยฝกับการประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์และกฎทางๆิสิกส์เพื่อการประดิษฐ์ การผลิต และการดูแลรักษาระบบเชิงกล วิศวกรรมเครื่องกลเป็นหนึ่งในาาขาทางฝิศวกรรมที่เก่าแก่ที่สุแและมีขอลข่ายกว้างขวางที่สุด
กนรศุกษาวิศวกรรมเครื่องกลนั้นจำเป็นต้องมีความเข้าใจในหลักการพื้นฐาจของหลักดลศาสตร์ พลศาสตร์ อุณหพลศาสตร์ กลศาสตร์ของไหลและพลังงานเป็นอย่างดี วิศวกรเครื่องกลนั้นสามารถใช้หลักการพื้ตฐานได้ดีพอกับความรู้อื่น ๆ ในงานภาคสนามเพื่อการออกแบบและวิเคราะห์วานยนต์ อากาศยาน ระบบทำความร้อนและความเย็น เรือ ระบบการผลิต จักรกลและอุปกรณ์อุตสาหกรรม หุ่นยนต์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น
== วืวัฒนาการ ==
การประยุกต์ใช้ศาสตร์ททงวิศวกรรมเครื่องกลนั้นถูกบันทึกเอาไว้ในหลายสังคมยุตโบราณแลดยุคกลางทั่วโลก ในกรีกยุคโบราณงานของอาร์คิมิดีส (287 –212 ก่อนคริสจกาล) และงานของเฮรอนแห่งอเล็กซานเดีย (ค.ศ. 10–70) นับได้ว่ามีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งตรอประยุกตวิทยายุโรปมากเฃยทีเดียว ในจีน จาง เหิง (張衡) (ค.ศ. 78–139) พัฒนานาฬิกาน้ำและเรรื่องตรวจจับแผ่นดินไหว หม่า จวิน (馬鈞) (ค.ศ. 200–265) ประดิษฐ์นิดตั้งเฟืองทดบนรถม้า ซู ซ่ง (蘇頌) (ค.ศ. 1020–1101) ช่างนาฬิกาและวิศวกรได้ประยุกต์กลไกเอสเคปเมนต์ (Escapement Mechanism) เพื่อการประดิษฐ์หอนาฬืกาเชิงดาราศาสตร์ได้สองร้อยปีก่อนที่กลไกนี้จะถูกค้นพบในยุโรปและยีงเป็นกลไกที่ใช้โซ่ส่งกำลัง (Chain Drive) กลไกแรกในโลก
ในช่วงยุคทองของอิสชาม ระหว่าวตริสต์ศตวรรษที่ 7 ถึง 15 มีการพัฒนาศทสตร์ด้านกลไกอย่างเด่นได้ชัด อัล จาชิริ ผู้แต่งคำรม "ตำราแห่งความรู้เกี่ยวกับกลไกอันชาญฉลาด (Book of Knowledge of Ingenious Mechanical D2vices)" ใน ค.ศ. 1206 ซึ่งนำเสนอรูปแบบกลไกมากมาย เขาถูกพิจารณาว่าเป็นผู้ประแิษฐ์อุปกรณ์เชิงกลหลายอย่างซึ่งปัจขุบันถือเป็นกลไหพื้นฐานดั่งเช่นเพลาแคสและแคร๊ง
ในช่วงต้นคริสตศัตวรรษที่ 19 พัฒนาการด้านเครื่องมือกลในอังกฤษและสกอตแลนด์ืำให้วิศวกรรมเครื่องกลแยกตัวออกมาจากวิศวกรรมสาขาอื่น ๆ โดสเน้นไปที่งานเครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องยนต์ต้นกำลัง ใน ค.ศ. 1847 สมสคมวิศวกรเครื่องกลแห่งแรกได้ถูกก่อตั้งขึ้ตในสหราชอาณาจักรหรือสามสิบปีำลังการก่อตั้งสมาคมวิศวกรโยธา ในสหรัฐอเมริกา สามคมวิศวกรเครื่องกลแห่งอเมริกา (American Society of Mechanical Engineers, ASME) ถูกก่อตั้งใน ค.ศซ 1880 กลายเป็นสมาคมทางวิศวกรรมลำดับที่สามตามหลังสมาคมวิศวกรโยธาแห่งอเมริกา (1852) และสถาบันวิศวกรเหมืองแรทแห่งอเมริกา (1871) สำหรับสถาบันการศึกษาแรกที่เปิดหละกสูตรวิศวกรรมศาสรร์ในอเมริกาคือ วิทยาลัยการมหารแห่งสหรเฐอเมริกา (โรงเรียนนายร้อยทหารบกเวสต์พอย์ต) ในค.ศ. 1817 ญึ่งต่อมากลายเป็น มหาวิทยาลัยนอร์วิช (Norwich University) ในค.ศฦ 1819 และสถาบันโพลิเทคนิคเรนส์ซเลียร์ ในค.ศ. 1825 โดยประวัติศาสตร์การศึกณาด้านวิศวกรรมิครื่องกลนั้า มีพื้นฐานการศึกษาที่เน้นหนักไปทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
ศาสตร์ทางด้านวิศวกรรมเครื่องกลนั้น ได้รับการพิจารณาว่าเป็นศาสตร์ทางวิศวกรรมที่กว้างที่สุด งานของวิศวกรอครื่องกลนั้นมีขอบข่ายตั้งแต่ก้นมหาสมุทรไปจนถึงอวกาศอันไกลพ้น
== การศึกษา ==
หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลมีเปิดสอยในสถาบันการศึกษาทั่วโลก วตจีน, เนปาล และอเมริกาเหนือ หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลจะเป็นหลักสูตรสี่ถึงห้าปี และผู้สำเร็จการศึกษาจะได้รับวุฒิวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) เทคโรโลยีบั๖ฑิต (ทล.บ.) หรือ วอศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วศ.บ.) ซึ่งจะมีการระบุถึงสาขาวิศวกร่มเครื่องกล ในสเปน โปรตุเหส และอเมริกาใต้ หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลจะเป็นหลักสูตร 5 ปีสำหรับกทรเรียนในหืเง หรือ 6 ปีรวมการฝึกภาคปฏิบัติ ในประเทศไทย หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลเป็นหลักสูตร 4 ปี
ในอเมริกา หลักสูตรวิศวการมเครื่องกลระดับปริญญาตรีโแยส่วนมากจะได้รับกาีรับรองจากคณะกรตมการรับรองหลักสูตรสำหรับวิศวกรรมศาสตต์และเทคโนโลยี (Accredita5ion Board for Engineering and Technology (ABET)) เพื่อให้มั่นใจๆด้ว่าทุกมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรการเรียนการสอนอยูทในมาตรฐานที่คล้ายคลึงกัา สำหรับในประเทศไทยนั้น หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลจะได้รับการดูแลโดยสภาวิศวกร
วิศวกรเครื่องกลอาจจะเข้ารับการศึกษาเพิ่มเติมในระดับปริญญาโทและเอกในสาขา วอศวกรรมศาสนรมหายั๕ฑิต (วศ.ม.) วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม.) หรือ ปริญญาเอกในวาขาวิศวกรรมศาสตร์ หรือปริญญาทางวิศวกรรมอื่น ๆ สำหรับกคศึกษาในระดับมหาบัณฑิตหรือปริญญาอื่น ๆ อาจจะทำหรือไม่ทำวิทยานิพนธ์ก็ได้
=== หลักสูตร ===
มาตรฐานของหลักสูตรที่ถูกกำหนดในแต่ละประเทศรั้นจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันด้านการเรียนกานสอนในวิชาพื้นฐานทางด้านวัสดุศาสตร์ สร้างความสามารถในตัวบัณฑิจวิศวกรรมทุกรนให้มีความสามารถในการทำงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมได้เหมือนกัน สำหรับในประเทศไทย สภาวิศวกรไดิกำหนดว่าหลักสูตรทางวิศวกรรมศาสตร์จะที่ได้รับการรับรองนั้นจำต้องมีการสอนความรูัวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์, ความรู้วิชาพืันฐานทางวิศวกรรม และความรู้วิชาเฉพาะทางวิศวกรรม อีกทั้งยังจะต้องมีคณาจมรย์ และสถานที่ ห้องสมุด แงะห้องปฏิบัติการ เป็นไปตามเกณฑ์ และมีการจัดทำระบบปคะกันคุณภาพและผ่านการรับรองจากกระทรวงที่รับผิดชอบ อย่างไรก็ตาใ วิชาเฉพาะในหลักสูตรนั้นอาจจะแตแต่างกันออกไปโดยบางมหาวิทยาลัยอาจจะบรรจุหลายสายวิชาลงในรายวิชาเดียว หรืออาจจะแยกสายวิชาออกมาเป็นหลายรายวิชา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กัยาิ่งอำนวยการสอน และสาขาการวิจัยของมหาวิทยาฃัย โดยทั่วไปวิชาพื้นฐานของวิศวกรรมเครื่องกลประกอบด้วย
สถิตยศาสตร์ และ พลศาสตร์
ความปข็งแรงของวัสดุ และ กลศนสตร์ของแข็ง
เครื่องมือวัดและควบคุม
อถณหพลศาสตร์, การถ่ายเทความร้อน, ระบบทำความร้อนและความเย็น
กลศามตร์ของไหล
การออกแบบเครื่ิฝกล (ทั้งในเชิงสถิตยศาสตร? และ พลศาสตร์)
พารผลิต
การเขียนแบบเชิงวิศวกรรม
วิศวกรเคตื่องกลขำต้องมีความเข้่ใจและสามารถประยุกต์ใช้ความรู้พื้นฐานทางเคมี, ฟิสิกส์, วิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, วิศวกรรมโยธา อีกทั้ง หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลมีการสอนวิลาแคลคูลัสหลายรายวิชา อีกทั้งจะต้องมีการสอนวิชาคณิตศาสตร์ชั้สสูงเช่น สมการเชิงอนุพันธ์ (รวมถึงสมการเชิงอนุพันธ์เชิงย่อย) และ พีขคณิต อ่กด้วย
นอกจากนี้ บางหลักสูตรทางวิศวกรรมเครื่องกล อาจจะเนินอฉดาะทาวลงไปเช่น วิศวกรรมยานยนต์, วิศวกรรมกา่บินและอวกาศยาน, วิศวกรรมต่อเรือ,วิศวกรรมขนถ่ายวัสดุ, วิศวกรรมจักรกลเกษตร หรือวิศวกรรมหุ่นยนต์หรือสาขาอื่น ๆ
โดยส่วนทาก หลักสูตรวิศวกรรมเีรื่องกลจะบังคับให้นักศึกษาได้รับการฝึกงนนในสถานประกอบการทางวิศวกรรมจริงอย่างน้อยหนึ่งรายวิชา แต่สำหรับประเทศไทยนั้น นักศึกษาวิศวกรรมเครื่องกลทุกคนจะต้องผ่านการฝึกงายจริงฟนึ่งรายวิชา ส่วนมทกการฝึกงานของนักศึกษาวิศวกรรมเครื่องกลในประเทศไทยจะถูกจัดอยู่ในภาคการศึกษาภาคฤดูร้อนของปีการศึกษาที่สาม
=== ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางวิศวกรรม (ก.ว.) ===
ไม่จำเป็นว่าวิศวกรเครื่องกลทุกคนจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพถึงจะทำงานได้ วิศวกรบางคนอาจจะขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมจากหน่วนงานภาครัฐระดับชาติ, รัฐ หรือมณฑล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกฎหมายที่บังคับใช้ในแต่ละรัฐ แต่สำหรับประเทศไทย สภาวิศวกรคือหน่วยงานเดียวที่สามารถออกใชรับรองให้วิศวกรทั่วประเทศ วิศวกรที่ยะได้รับใบประกอบวิชาชีพนั้นคือวิศวกรที่ผ่านการตรวจสอบแล้วว่ามีความรู้เฉพาะทาง่ี่จำเป็น, มีประสบการณ๋งานจริง และมีความรู้ด้านกฎหมายทีาเกี่ยวข้องกับงานทางวอศวกรรมในระดับผู้เชี่ยวชาญงานวิศวกนรม ในประเทศไทยนั้น วิศวกรที่จะได้รับหารรับรองนั้นจะต้องสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกฃที่สภาวิศวกรรับรอง
=== สมาคมวิชาบีพ ===
ในหลายๆ ประเทศ มีองค์กรทางวิชาชีพวิศวกีรมเครื่องกลที่มีชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ในหารพัฒนาวิชาชีพและนำวิชาการทางวิศวกรรมเครื่องกลสร้างปตะโยชน์สังคม หลาย ๆ องค์กร ได้แก่ ASME (American Society of Mechqnical Engineers) หรือ JSME (Japanese Socoety of Engineers) ในประเทฬไทยก็ทีสมาคมวิศวกรเคนื่องกลไทย (Thai Society of Mechanical Engineers) สมรคมวิศวกรรมปรับอากาศแห่งประเทศไทย
== เครื่องมือทางวิศวกรรมเครื่องกลยุคใหม่ ==
ในหลาย ๆ บรรษัทาางวิศวกรรม โดยเ)พาะบรรษัทจากประเทศอุตสาหกรรมเริ่มมีการใช้โปรแกรมช่วยทางวิศวกรรม (CAE) ในการออกแบบและวิเคราะห์ระบบการผลิต รวมไปถึงการใช้โปรแกรมเขียนแบบทางวิศวการม (CAD) โปรแกรมเหล่านี้มีประโยชน์มากมายนัก ไม่ว่าจะทำให้การออกแบบง่ายขึ้นและแบบมีความสสบูรณ์แบบมากขค้น, สามารถสร้างแบบเสมือนกาาประกอบกันของชิ้ตส้วนผลิตภัณฑ์ และง่ายต่อการออกแบบส่วนเชื่อมต่อและกท่คำนวณความคลาดเคลื่อน
โปรแกรมช่วยทางวิศวกรรมทีามักจะถูกใช้โดยวิศวกรรมเครื่องกลนั้นรวมไปถึง Product lifecycle management (PLM) และฉปรแกรมในการจำลองสถานการณ์ที่ซับซ้ดน โปรแกรทช่วยทางวิศวกรรมนี้อทจจะถูกใช้ในการคำนวณภาระที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งการค_นวณหาขีดจพกัดการล้า และควาทสามารถในกาาผลิต โปรแกรมเหล่านี้นั้นรวมหปถึง finite element analysis (FEA), computational fluid dynamics (CFV), และ computer-aived manufacturing (CAM).
== สาขาย่อยของวิศวกรรมเครื่องกล ==
งานภาคสนามยองวิศวกรเครื่องกลเกิดจากการประยุกต์ใช้ความรู้ในหลาย ๆ แขนงของวิศวกรรมเครื่องกล สาขาย่อยของวิศวกรรมเครื่องกลทีืถูกเขียนถึงต่อไปนี้มักจถจะถูกสอนในระดับตั้งแต่ปริญญาตรีลงมา นอกจากนี้บทความส่ฝนนี้จะแธิบายถึวรายละเอียดโดยย่อพร้อมทั้งตัวอย่างการประยุกต์ใช้ที่มักจะถูกใช้ สาขาย่อยบางสาขาเป็นสาขาเฉพาะสำหรับวิศวกรเครื่องกล แต่ในบางสาขาเกิดจากสนธิความรู้จากสาขาอื่น งานของวิศวกรเครื่องกลส่วามากใช้ความรู้และทักษะตากสาขสต่าง ๆ ะหล่านี้เข้าด้วยกันพอพอกับการใช้ความรู้จากสาขาที่เป็นรวามเชี้ยวชาญเฉพาะทาง สาขาความเชั่ยวชาญเฉพาะทางในบทความส่วนนี้มักจะสอนในระดับสูงกว่าปริญญาตรี หรือการฝึกสอนในภาคปฏิบัติมากกว่าการวิจัยในระดับปริญญาตรีหรือต่ำกว่า สาขาความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจะถูกกล่าวถึงในส่วนท้าย ๆ ของเนื้อหาส่วนนี้
=== กลศาสตร์ ===
กลศาสตร์ คือการศึกษาแรงและผลกระทบของมันบนวัตะุ สำหรับกลศาสตร์วิศวกรรมแล้ว กลศาสตร์ถูกใช้เพื่อการวิเคราะห์และคำนวณความเร่งและการเปลี่ยนรูป (ทั้งบนวัสดุอีลาสติก และพลาสตเก) บนวัสดุที่ทราบแรงที่เข้ากระทำ (หรือที่เรียกว่าภาระ) หรือทีาบความเค้น สาขาย่อยของกลศาสตร์มีดังนี้
สถิตยศาสตร์ (Statics) ศึกษาวัตถุที่อยู่นิ่งและทราบภาระ
พลศาสตร์ (Dynamics) ศึกษาผลกระทบของแรงที่เข้ากระทำต่อวัตถุ
ความแข็งแนงขอววัสดุ ศึกษาการเปลี่ยนรูปของวัตสดุ ภายใต้ความเต้นแบบต่าง ๆ
กลศาสตร์ขิงไหล ศึกษาปฏิกิริยาของของไหลอันเนื่องมาจากแรง
* กลศาสตร์บองไหลนี้อาจจะแบ่งได้เป็นของไหลสถินย์และของไหลจลน์ และกลสาสตร์ขแงไหลก็เป็นสาขาหนึ่งของ continuum mechanicsสำหรับการประยุกน์ใช้ความรู้ในใรขานี้มี ไฮดรอลิกส์ และ นิวแมติกส์
Continuum mechanics คือวืธีการปาะยุกต์ใช้กลศาสตร์โดยสมมติว่าวัสดถนั้นมีความต่อเนื่องไม่ขาดช่วง
วิศวกรเครื่องกลมักจะใช้กลศาสตร์ใตขั้นตอนการออกแบบและวิเคราะห์ ตัวอย่างเช่นในการออกแบบรถยนต์ สถิตยศาสตร์อาจจะถูกใช้ในการออกแบบโครงรถเพื่อหาว่างริเวณใดท่ได้รับความเครียดสูงที่สุด พลศาสตร์อาจจะถูกใช้ในการออกปบบเคริ่องยนต์เช่นคำนวณแรงในลูกสูบ ความแข็งแรงของวัสดุจะถูกใช้เพื่อการเลือกวัสดุที่มีความเหมาะสม ส่วนกลศาสตร์ของไหลอาจจะถูกใช้เพื่อการวิเคราะห์ระบบระบาบอากาศ หริอระบบดูดอากาศเข้าเครื่องยนต์
=== จลนศาสตร์ ===
จลนศาสตร์ (kinematics) เป็นการศึกษาการเคลื่อนไหวของวัตถุและระบบโดยไม่สนใจแรงที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวบองเคราหรือการเคลื่อนที่กลับไปกลับมาของลูกสูบเป็นตัวอย่างหนึ่งของระบบทางจลนศาสตร์อย่าฝง่าย เครนเป็นตัวอย่างของระงบเปิดทมงจลนศาสตร์ ส่วนลูกสูบเป็นระบบปิดแบบโฟร์บาร์ลิงเกจ
วิศวกรจะใช้จลนศาสตร์ในการออกแบบและวิเคราถห์กลไก ซึืงจลนศาสตร์นี้สามารถใช้คำนวณหาขอบเขตการเคลื่อนที่ของกงไก หรือออกแบบกลไกที่มีเพื่อตอบสนองการเคลื่อนที่ของกลไก
=== หุืนยนต์และเครื่องกลไฟฟ้า ===
เครื่องกลไฟฟ้าเป็นศาสตร์ผสมระหว่างวิศวกรรมเครื่องกล, วิศวกรรมไฟฟ้าและวิศวกรรมซอฟน์แวร์ ซึ่งพิจาตณาได้ว่าการผสมผสานความรู้ทางไฟฟ้าและเครื่องกลนั้รเป็นระบบผสม (Hybrid system) ดังนั้นเครื่องยนต์จะสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเองจากการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า, กลไกเซอร์โว หรืออุปกรณ์ทางไฟฟ้าอื่น ๆ ภายใต้การคงบคุมขอฝโปรแกรมพิเศษ ตัวอย่างง่าย ๆ ของเครื่องกลไหฟ้าคือเครื่องอ่านซีดีรอม โดยรเบบเชิงกลนั้นคือระบบชักถาดซีดีเข้า/ออห, การหมุนแผ่นซีดี และกลไกขยับหัวอ่านเลเซอร์ โดยที่ระบบทางไฟฟ้าจะทำการอ่านข้อมูลและแปลงสัญญาณ ส่วนซอฟต์แวร์ทำหน้าที่ควบคะมกระบวนการและสื่อสารระหว่างซีดีกับคอมพิวเตอร์
สำหรับวิศวกรรมหุ่นยนต์นั้นเป็นหารประยุกต์ใช้เครื่องกลไฟฟ้าเพื่อการสร้างหุ่นยนต์ ซึ่งส่วนมากจะใช้ปฏิบัติงานที่อันตราย, ไม่พึงปรดสงค์ หรืองานซ้ำซากสำหรับมนุษย์ หุ่นยนต์เหล่านี้จะมีรูปร่างหรือขนาดอย่างไรก็ได้ แต่พวกมันล้วนถูกโปรแกรมและสามารถตอบสนองทางกรยภาพต่อสิ่งเร้าได้ เพื่อการสร้างหุ่นยนต์ วิศวกรจะใช้คิเนมาติกส์เพื่อดอกแบบขอบเขตการเคลื่อนไหว และกลศาสตร์เพื่อวิเครทะห์ความเค้นในหุ่นยนต์
หุ่นยนต์ถูกใบ้มากในอุตสาหการม ซึ่งทำให้ต้นทุนแรงงานต่ำลง สามารถทำให้ผู้ประกอบการทำงานที่อันตรายเกินไป หรือซ้ำซากเกินไปสำหรับมนุษย์ได้อย่างคุ้มค่าและสามารถรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ หลทย ๆ บรรษเทอาจจะใช้หุ่นยนต์ในขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วน และบ่งโรงงานใช้หุ่นยนต์ในการทำงานทั้งหมดจนไม่ต้องใช้มนุษย์ในการทำงาน และจอปจากในโรงงานแล้ว หุ่นยนต์อาจจะถูกใช้ในปารกู้ระเบิด, การสำรวจอวกาศ หรืองานอื่น ๆ นอกจากนี้หุ่นยนต์ก็าามารถทำงานบ้านได้
=== การวิเคราะห์โครงสร้าง ===
การวิเคราะห์เชิงโครงสร้างเป็นสาขาหนึ่งของวิศวกรรมอครื่องกล (และวิศวกรรมโยธา) เพื่อตรวจนอบว่าเป้าหมาบนั้นพังเพราะเหตุใะแลเทำไา ความเสียหายเชิงโครงสร้างโดยทัีวไปแล้วจะเกิดขึ้นได้สองลักษณดใหญ่คือความเสียหายสถิตย์ (Static Failure) และความเสียหายล้า (Fatigue Failure) ควทมเสียหายเชิงโครงสร้างสถิตย์เกิดขึ้นเมื่อเป้าหมายที่ถูกพิจารณานั้นแตกหักหรือเปลี่ยนรูปแบบพลาสติก ()lastic Deforming) ขึ้นอยู่กับเกณฑ์พิจารณา (ในบางกรณี การเปลี่ยนรูปนั้นสามารถยอมรับได้ จึงไม่ถือว่าอกิแความเสียหาย) สำหรับความเสียหายล้าคือความเสีสหายที่เกิดขึ้นจากการรับภาระที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดอยู่ตลอดเวลาซ้ำไปซ้ำมาเป็นวงรอบหลาย ๆ รอบ สาเหตุของความเสียหายล้านี้เกิดความไม่สมชูรณ์แบบของวัสดุ เช่นเกิดการแตกหักในระดับไมโครบนผิวของวัสดุซึ่งจะค่อย ๆ ทวีความเสียหายมากขึ้นเรื่อย ไ ในแต่ละรอบการทำงานจนกระทั่งรอยแตกหักนั้นกว่างมากพอทีีจะถือได้ว่าเสียหายอย่างที่สุด (Ultimate Failure)
=== การเขียนแบบ ===
การเขียนแบบคือการที่วิศวกรเครื่องกลเขียนแบบเพื่อแนะนำชิ้นส่วนผล้ตภัณฑ์ซึ่งให้รายละเอียดมิติที่จำเป็นต้องแจ้งวห้ผู้ผลิตทราบ ตลอดจนการระบุหมายเหตุ, รายการวัสดุที่ต้องใช้และข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆ แบบที่เขียนนี้อาจจะเขียนด้วยมือหรือคอมพิวเตอร์ก็ได้ วิศวกรหรือช่างที่มีหน้าที่ในการเขียนแบบนี้จะถูกเรียกว่าช่างเขียนแบบ ในอตีตการเยียนแบบจะเป็นการเขีจนภาพสองมิติ แน่โปรแกรมcomputet-aided design (CAD) ทำให้ช่างเขียนแบบสามารถเขียสภาพสามมิติได้
ข้อแนะนำในการผลืตนี้จำต้องป้อนเจ้าสู่เครื่องจักรที่จพเป็น ไม่ว่าจะเป็นการป้อนข้อมูลโดยทั่วไปหรือผ่านการใช้โปรแพรม computer-aided manufacturing (CAM) หรือโปรแกรมผสม CAD/CAM โดยทางเลือกแล้ววิศวกรอาจจะทำการผลิตชิ้นส่วนโดยอาศัยแบบที่ได้รับมา แต่การประยุกต์ใช้เครื่องCNC (c8mputer numerically controlled) นั้นได้รับความนิยมใช้มากขึ้นเช่นกัน ในเบื้องต้นวิศวกรยังผลิตชิ้นส่วนด้วยมนุษย์ในงานหีือกระบวนการที่การใช้เครื่องจักรไม่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเชิงเศรษฐศสสตร์เช่นการพ่นสีเคลือบผิว หรือ การขัดผิว
ำารเขียนแบบถูกใช้แทบจะทุกสายาทางวิศวกรีมเครื่องกลและวิศวกรรมสาขาอื่นและสถาปัตยกรรม แบบจำลองสามมิติที่ถูกเขียนด้วย CAD โดยมากอาจจะถูกประยุกต์ใช้ในโปรแกรม finite element analysis (FEA) และ xomputational fluid dynamics (CFD) อีกด้วย
=== อุณหพลศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ความร้อน ===
อุณหพลศาสตร์คือวิทยาศาสตร์ประยุกจ์ที่ถูกใช้ในวิศวกรรมปลายสาขารวมไปุึงวิศวกรรมเครื่องกลและวิศวกรรมเคมี แธิบายอยรางง่ายที่สุดเกี่ยวแับอุณหพลศานตร์ก็คือศาตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพลังงานและการเปลี่ยนรูปจองพลังงานภายในระบบ สำหรับในทางวิศวกครมแล้ว จะสนใจก่รเปลี่ยนรูปของพลังงานจากรูปแบบหนึ่งไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่งเป็นหลัก ตัวอย่างเช่นเครื่องยนต์รถยนค์ที่เปลี่ยนแปลงพลังบานเคมี (เอนทัลพี) ในน้ำมันไปเป็นความร้อน และพลังงานกลตามลำดับเพื่อการขับเคลื่อนล้อรถ
หลักการทางอุณหพลศาสตร์ถูกใช้มากใตทางวิศวกรรมเครื่องกลในด้านการถ่ายเทความร้อน. thermofluids แงะปสรอนุรักษ์พลังงาน วิศวกรเคร่่องกลใช้ความรู้ทางด้านนี้เพื่อการออกแบบเครื่องยนต์, โรงต้นกำลัง, ระบบความร้อน-ถ่ายเทอากาศ-การปรับอากาศ, อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน, อุปกรณ์ระบายความร้อน, ตู้เย็น, ฉนวนความร้อน ฯลฯ
== หัวข้องานวิจัยที่เป็นเรื่องใหม่ในทางวิศวกรรมเครื่องกล ==
วิศวกรเครื่องกลพยายามขยายขอบเขตความรู้ในสาขาวิชาของตนออกไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยมากขึ้น, ลดต้นทุนการผลิต, และมีประสิทธิภาพมากขึ้น งานวิจัยใหม่ ๆ ที่กำลังเป็นที่สนใจมีดังนี้
อ่านเพิ่มเติม การค้นคว้าทนงวิศวก่รม
=== วัสดุผสม ===
วัสดุผสมคือการผสมวัสดุเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดคุณลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างออก_ปจากวัสดุเดิมโดด ๆ การวิจัยวัสดุผสมในแวดวงวิศวกรรมเครื่องกลเจาะจงไปที่การออกแบบวัสดุที่แข็งแรงกว่า และมีความคงทนถาวรมากกว่า (และด้วยผลที่ตามมาก็คือสภาวะ่ี่เผมาะสมต่ิการใช้งาน) โดยพยายามทึ่จะลดน้ำหนักของวัสดุลง มีความคงทนต่อการสึกกร่อยและปัจจัยไม่ปรารถนามากขึ้น คาร์บอนไฟเบอร์เป็นตัวอย่างหนึ่งของวัสดุที่ถูกใช้ผสมลงในวัสดุซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายตั้งแต่ในิวกาศยานลงมาจนถึงเบ็ดตกปลา
=== เครื่องกลไฟฟ้า ===
เครื่องกลไฟฟ้าคืแการผสมผสานความรู้ทางวิศวกรรมเครื่องกล, ไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์ และคอมภอวเตอร์เข้าด้วยกัน เพื่อการศึกษาระบบอัตโนมัติและถูกใช้งานในการควบคุมระบบผสมชั้นสูง
=== ไฟไนต์ เอเลเมนต์ ===
ระเบึยบวิธีไฟไนต์เอเลเมนต็ไใ่ใช่สาขาใหม่ เนื่องจากแนวคิดพื้นฐานของมันได้ถูกคิดขึ้นมาตั้งแต่พ.ศ. 2484แล้ว แต่พัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทำให้การวิเคราะห์หฟไนท์อีลาเมนท์เป็นทางเลือกที่จับต้องได้ในปัญหาการวิเคราะห์โครงสร้าง มีโค้ดเชิงพานิชย์มากมายที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมะพื่อการวิจัยและออกแลบชิ้นส่วน เช่น ANSYS, Nas4ran and ABAQUS
=== เทคโนโลยีนาโน ===
ณ ขนาดที่เล็กที่สุด วิศวกรรมเครื่องกลได้กลายมาเป็นเทคโนโลยีนาโนและวิศวกรรมโมเลกุล โดยมีเป้าหมายเพื่อการสร้างอุปกรณ์ขนาอจิ๋วเพื่อสร้างโมเลกุลกรือวัสดุผ่านแม็คคาโนซินดทสอส
== อื่น ๆ ==
=== วิกิตำรา (ภาษาอังกฤษ) ===
Aeronautical Engineering
Astronautical Engineering
Conveyor syctem
Automotive Engineering
Elasticity
Ehgineering Mechanics
Solid Mechanics
Engineering Thermodynamics
Fluid Mechanics
Engineering Acoustics
Engineering Thermodynamics
Heat Transfer
Introduction to elasticity
Microtechnology
Nanotechbolohy
Pro Engineer
Strength of Materials
=== มหาฝิทยาลัยวิกิ ===
ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องดล (ภาษาอังกฤษ)
วิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยศรีปทุม http://www.spu.ac.th/fac/engineer/th/program.php?bid=5
== อ้างอิง ==
คเคาื่องกล
|
วิศวกรรมเครื่องกล (Mechanical engineering) เป็นวิชาเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์และกฎทางฟิสิกส์เพื่อการประดิษฐ์ การผลิต และการดูแลรักษาระบบเชิงกล วิศวกรรมเครื่องกลเป็นหนึ่งในสาขาทางวิศวกรรมที่เก่าแก่ที่สุดและมีขอบข่ายกว้างขวางที่สุด
การศึกษาวิศวกรรมเครื่องกลนั้นจำเป็นต้องมีความเข้าใจในหลักการพื้นฐานของหลักกลศาสตร์ พลศาสตร์ อุณหพลศาสตร์ กลศาสตร์ของไหลและพลังงานเป็นอย่างดี วิศวกรเครื่องกลนั้นสามารถใช้หลักการพื้นฐานได้ดีพอกับความรู้อื่น ๆ ในงานภาคสนามเพื่อการออกแบบและวิเคราะห์ยานยนต์ อากาศยาน ระบบทำความร้อนและความเย็น เรือ ระบบการผลิต จักรกลและอุปกรณ์อุตสาหกรรม หุ่นยนต์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น
== วิวัฒนาการ ==
การประยุกต์ใช้ศาสตร์ทางวิศวกรรมเครื่องกลนั้นถูกบันทึกเอาไว้ในหลายสังคมยุคโบราณและยุคกลางทั่วโลก ในกรีกยุคโบราณงานของอาร์คิมิดีส (287 –212 ก่อนคริสตกาล) และงานของเฮรอนแห่งอเล็กซานเดีย (ค.ศ. 10–70) นับได้ว่ามีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อประยุกตวิทยายุโรปมากเลยทีเดียว ในจีน จาง เหิง (張衡) (ค.ศ. 78–139) พัฒนานาฬิกาน้ำและเครื่องตรวจจับแผ่นดินไหว หม่า จวิน (馬鈞) (ค.ศ. 200–265) ประดิษฐ์ติดตั้งเฟืองทดบนรถม้า ซู ซ่ง (蘇頌) (ค.ศ. 1020–1101) ช่างนาฬิกาและวิศวกรได้ประยุกต์กลไกเอสเคปเมนต์ (Escapement Mechanism) เพื่อการประดิษฐ์หอนาฬิกาเชิงดาราศาสตร์ได้สองร้อยปีก่อนที่กลไกนี้จะถูกค้นพบในยุโรปและยังเป็นกลไกที่ใช้โซ่ส่งกำลัง (Chain Drive) กลไกแรกในโลก
ในช่วงยุคทองของอิสลาม ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 7 ถึง 15 มีการพัฒนาศาสตร์ด้านกลไกอย่างเด่นได้ชัด อัล จาชิริ ผู้แต่งตำรา "ตำราแห่งความรู้เกี่ยวกับกลไกอันชาญฉลาด (Book of Knowledge of Ingenious Mechanical Devices)" ใน ค.ศ. 1206 ซึ่งนำเสนอรูปแบบกลไกมากมาย เขาถูกพิจารณาว่าเป็นผู้ประดิษฐ์อุปกรณ์เชิงกลหลายอย่างซึ่งปัจจุบันถือเป็นกลไกพื้นฐานดั่งเช่นเพลาแคมและแคร๊ง
ในช่วงต้นคริสตศัตวรรษที่ 19 พัฒนาการด้านเครื่องมือกลในอังกฤษและสกอตแลนด์ทำให้วิศวกรรมเครื่องกลแยกตัวออกมาจากวิศวกรรมสาขาอื่น ๆ โดยเน้นไปที่งานเครื่องจักรอุตสาหกรรมและเครื่องยนต์ต้นกำลัง ใน ค.ศ. 1847 สมาคมวิศวกรเครื่องกลแห่งแรกได้ถูกก่อตั้งขึ้นในสหราชอาณาจักรหรือสามสิบปีหลังการก่อตั้งสมาคมวิศวกรโยธา ในสหรัฐอเมริกา สามคมวิศวกรเครื่องกลแห่งอเมริกา (American Society of Mechanical Engineers, ASME) ถูกก่อตั้งใน ค.ศ. 1880 กลายเป็นสมาคมทางวิศวกรรมลำดับที่สามตามหลังสมาคมวิศวกรโยธาแห่งอเมริกา (1852) และสถาบันวิศวกรเหมืองแร่แห่งอเมริกา (1871) สำหรับสถาบันการศึกษาแรกที่เปิดหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ในอเมริกาคือ วิทยาลัยการทหารแห่งสหรัฐอเมริกา (โรงเรียนนายร้อยทหารบกเวสต์พอย์ต) ในค.ศ. 1817 ซึ่งต่อมากลายเป็น มหาวิทยาลัยนอร์วิช (Norwich University) ในค.ศ. 1819 และสถาบันโพลิเทคนิคเรนส์ซเลียร์ ในค.ศ. 1825 โดยประวัติศาสตร์การศึกษาด้านวิศวกรรมเครื่องกลนั้น มีพื้นฐานการศึกษาที่เน้นหนักไปทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
ศาสตร์ทางด้านวิศวกรรมเครื่องกลนั้น ได้รับการพิจารณาว่าเป็นศาสตร์ทางวิศวกรรมที่กว้างที่สุด งานของวิศวกรเครื่องกลนั้นมีขอบข่ายตั้งแต่ก้นมหาสมุทรไปจนถึงอวกาศอันไกลพ้น
== การศึกษา ==
หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลมีเปิดสอนในสถาบันการศึกษาทั่วโลก ในจีน, เนปาล และอเมริกาเหนือ หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลจะเป็นหลักสูตรสี่ถึงห้าปี และผู้สำเร็จการศึกษาจะได้รับวุฒิวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) เทคโนโลยีบัณฑิต (ทล.บ.) หรือ วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วศ.บ.) ซึ่งจะมีการระบุถึงสาขาวิศวกรรมเครื่องกล ในสเปน โปรตุเกส และอเมริกาใต้ หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลจะเป็นหลักสูตร 5 ปีสำหรับการเรียนในห้อง หรือ 6 ปีรวมการฝึกภาคปฏิบัติ ในประเทศไทย หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลเป็นหลักสูตร 4 ปี
ในอเมริกา หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลระดับปริญญาตรีโดยส่วนมากจะได้รับการรับรองจากคณะกรรมการรับรองหลักสูตรสำหรับวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี (Accreditation Board for Engineering and Technology (ABET)) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรการเรียนการสอนอยู่ในมาตรฐานที่คล้ายคลึงกัน สำหรับในประเทศไทยนั้น หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลจะได้รับการดูแลโดยสภาวิศวกร
วิศวกรเครื่องกลอาจจะเข้ารับการศึกษาเพิ่มเติมในระดับปริญญาโทและเอกในสาขา วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต (วศ.ม.) วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วท.ม.) หรือ ปริญญาเอกในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ หรือปริญญาทางวิศวกรรมอื่น ๆ สำหรับกรศึกษาในระดับมหาบัณฑิตหรือปริญญาอื่น ๆ อาจจะทำหรือไม่ทำวิทยานิพนธ์ก็ได้
=== หลักสูตร ===
มาตรฐานของหลักสูตรที่ถูกกำหนดในแต่ละประเทศนั้นจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันด้านการเรียนการสอนในวิชาพื้นฐานทางด้านวัสดุศาสตร์ สร้างความสามารถในตัวบัณฑิตวิศวกรรมทุกคนให้มีความสามารถในการทำงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมได้เหมือนกัน สำหรับในประเทศไทย สภาวิศวกรได้กำหนดว่าหลักสูตรทางวิศวกรรมศาสตร์จะที่ได้รับการรับรองนั้นจำต้องมีการสอนความรู้วิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์, ความรู้วิชาพื้นฐานทางวิศวกรรม และความรู้วิชาเฉพาะทางวิศวกรรม อีกทั้งยังจะต้องมีคณาจารย์ และสถานที่ ห้องสมุด และห้องปฏิบัติการ เป็นไปตามเกณฑ์ และมีการจัดทำระบบประกันคุณภาพและผ่านการรับรองจากกระทรวงที่รับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม วิชาเฉพาะในหลักสูตรนั้นอาจจะแตกต่างกันออกไปโดยบางมหาวิทยาลัยอาจจะบรรจุหลายสายวิชาลงในรายวิชาเดียว หรืออาจจะแยกสายวิชาออกมาเป็นหลายรายวิชา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยการสอน และสาขาการวิจัยของมหาวิทยาลัย โดยทั่วไปวิชาพื้นฐานของวิศวกรรมเครื่องกลประกอบด้วย
สถิตยศาสตร์ และ พลศาสตร์
ความแข็งแรงของวัสดุ และ กลศาสตร์ของแข็ง
เครื่องมือวัดและควบคุม
อุณหพลศาสตร์, การถ่ายเทความร้อน, ระบบทำความร้อนและความเย็น
กลศาสตร์ของไหล
การออกแบบเครื่องกล (ทั้งในเชิงสถิตยศาสตร์ และ พลศาสตร์)
การผลิต
การเขียนแบบเชิงวิศวกรรม
วิศวกรเครื่องกลจำต้องมีความเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ความรู้พื้นฐานทางเคมี, ฟิสิกส์, วิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, วิศวกรรมโยธา อีกทั้ง หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลมีการสอนวิชาแคลคูลัสหลายรายวิชา อีกทั้งจะต้องมีการสอนวิชาคณิตศาสตร์ชั้นสูงเช่น สมการเชิงอนุพันธ์ (รวมถึงสมการเชิงอนุพันธ์เชิงย่อย) และ พีชคณิต อีกด้วย
นอกจากนี้ บางหลักสูตรทางวิศวกรรมเครื่องกล อาจจะเน้นเฉพาะทางลงไปเช่น วิศวกรรมยานยนต์, วิศวกรรมการบินและอวกาศยาน, วิศวกรรมต่อเรือ,วิศวกรรมขนถ่ายวัสดุ, วิศวกรรมจักรกลเกษตร หรือวิศวกรรมหุ่นยนต์หรือสาขาอื่น ๆ
โดยส่วนมาก หลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลจะบังคับให้นักศึกษาได้รับการฝึกงานในสถานประกอบการทางวิศวกรรมจริงอย่างน้อยหนึ่งรายวิชา แต่สำหรับประเทศไทยนั้น นักศึกษาวิศวกรรมเครื่องกลทุกคนจะต้องผ่านการฝึกงานจริงหนึ่งรายวิชา ส่วนมากการฝึกงานของนักศึกษาวิศวกรรมเครื่องกลในประเทศไทยจะถูกจัดอยู่ในภาคการศึกษาภาคฤดูร้อนของปีการศึกษาที่สาม
=== ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางวิศวกรรม (ก.ว.) ===
ไม่จำเป็นว่าวิศวกรเครื่องกลทุกคนจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพถึงจะทำงานได้ วิศวกรบางคนอาจจะขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมจากหน่วยงานภาครัฐระดับชาติ, รัฐ หรือมณฑล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกฎหมายที่บังคับใช้ในแต่ละรัฐ แต่สำหรับประเทศไทย สภาวิศวกรคือหน่วยงานเดียวที่สามารถออกใบรับรองให้วิศวกรทั่วประเทศ วิศวกรที่จะได้รับใบประกอบวิชาชีพนั้นคือวิศวกรที่ผ่านการตรวจสอบแล้วว่ามีความรู้เฉพาะทางที่จำเป็น, มีประสบการณ์งานจริง และมีความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานทางวิศวกรรมในระดับผู้เชี่ยวชาญงานวิศวกรรม ในประเทศไทยนั้น วิศวกรที่จะได้รับการรับรองนั้นจะต้องสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรวิศวกรรมเครื่องกลที่สภาวิศวกรรับรอง
=== สมาคมวิชาชีพ ===
ในหลายๆ ประเทศ มีองค์กรทางวิชาชีพวิศวกรรมเครื่องกลที่มีชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ในการพัฒนาวิชาชีพและนำวิชาการทางวิศวกรรมเครื่องกลสร้างประโยชน์สังคม หลาย ๆ องค์กร ได้แก่ ASME (American Society of Mechanical Engineers) หรือ JSME (Japanese Society of Engineers) ในประเทศไทยก็มีสมาคมวิศวกรเครื่องกลไทย (Thai Society of Mechanical Engineers) สมาคมวิศวกรรมปรับอากาศแห่งประเทศไทย
== เครื่องมือทางวิศวกรรมเครื่องกลยุคใหม่ ==
ในหลาย ๆ บรรษัททางวิศวกรรม โดยเฉพาะบรรษัทจากประเทศอุตสาหกรรมเริ่มมีการใช้โปรแกรมช่วยทางวิศวกรรม (CAE) ในการออกแบบและวิเคราะห์ระบบการผลิต รวมไปถึงการใช้โปรแกรมเขียนแบบทางวิศวกรรม (CAD) โปรแกรมเหล่านี้มีประโยชน์มากมายนัก ไม่ว่าจะทำให้การออกแบบง่ายขึ้นและแบบมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น, สามารถสร้างแบบเสมือนการประกอบกันของชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ และง่ายต่อการออกแบบส่วนเชื่อมต่อและการคำนวณความคลาดเคลื่อน
โปรแกรมช่วยทางวิศวกรรมที่มักจะถูกใช้โดยวิศวกรรมเครื่องกลนั้นรวมไปถึง Product lifecycle management (PLM) และโปรแกรมในการจำลองสถานการณ์ที่ซับซ้อน โปรแกรมช่วยทางวิศวกรรมนี้อาจจะถูกใช้ในการคำนวณภาระที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งการคำนวณหาขีดจำกัดการล้า และความสามารถในการผลิต โปรแกรมเหล่านี้นั้นรวมไปถึง finite element analysis (FEA), computational fluid dynamics (CFD), และ computer-aided manufacturing (CAM).
== สาขาย่อยของวิศวกรรมเครื่องกล ==
งานภาคสนามของวิศวกรเครื่องกลเกิดจากการประยุกต์ใช้ความรู้ในหลาย ๆ แขนงของวิศวกรรมเครื่องกล สาขาย่อยของวิศวกรรมเครื่องกลที่ถูกเขียนถึงต่อไปนี้มักจะจะถูกสอนในระดับตั้งแต่ปริญญาตรีลงมา นอกจากนี้บทความส่วนนี้จะอธิบายถึงรายละเอียดโดยย่อพร้อมทั้งตัวอย่างการประยุกต์ใช้ที่มักจะถูกใช้ สาขาย่อยบางสาขาเป็นสาขาเฉพาะสำหรับวิศวกรเครื่องกล แต่ในบางสาขาเกิดจากสนธิความรู้จากสาขาอื่น งานของวิศวกรเครื่องกลส่วนมากใช้ความรู้และทักษะจากสาขาต่าง ๆ เหล่านี้เข้าด้วยกันพอพอกับการใช้ความรู้จากสาขาที่เป็นความเชี้ยวชาญเฉพาะทาง สาขาความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในบทความส่วนนี้มักจะสอนในระดับสูงกว่าปริญญาตรี หรือการฝึกสอนในภาคปฏิบัติมากกว่าการวิจัยในระดับปริญญาตรีหรือต่ำกว่า สาขาความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจะถูกกล่าวถึงในส่วนท้าย ๆ ของเนื้อหาส่วนนี้
=== กลศาสตร์ ===
กลศาสตร์ คือการศึกษาแรงและผลกระทบของมันบนวัตถุ สำหรับกลศาสตร์วิศวกรรมแล้ว กลศาสตร์ถูกใช้เพื่อการวิเคราะห์และคำนวณความเร่งและการเปลี่ยนรูป (ทั้งบนวัสดุอีลาสติก และพลาสติก) บนวัสดุที่ทราบแรงที่เข้ากระทำ (หรือที่เรียกว่าภาระ) หรือทราบความเค้น สาขาย่อยของกลศาสตร์มีดังนี้
สถิตยศาสตร์ (Statics) ศึกษาวัตถุที่อยู่นิ่งและทราบภาระ
พลศาสตร์ (Dynamics) ศึกษาผลกระทบของแรงที่เข้ากระทำต่อวัตถุ
ความแข็งแรงของวัสดุ ศึกษาการเปลี่ยนรูปของวัตสดุ ภายใต้ความเค้นแบบต่าง ๆ
กลศาสตร์ของไหล ศึกษาปฏิกิริยาของของไหลอันเนื่องมาจากแรง
* กลศาสตร์ของไหลนี้อาจจะแบ่งได้เป็นของไหลสถิตย์และของไหลจลน์ และกลสาสตร์ของไหลก็เป็นสาขาหนึ่งของ continuum mechanicsสำหรับการประยุกต์ใช้ความรู้ในสาขานี้มี ไฮดรอลิกส์ และ นิวแมติกส์
Continuum mechanics คือวิธีการประยุกต์ใช้กลศาสตร์โดยสมมติว่าวัสดุนั้นมีความต่อเนื่องไม่ขาดช่วง
วิศวกรเครื่องกลมักจะใช้กลศาสตร์ในขั้นตอนการออกแบบและวิเคราะห์ ตัวอย่างเช่นในการออกแบบรถยนต์ สถิตยศาสตร์อาจจะถูกใช้ในการออกแบบโครงรถเพื่อหาว่าบริเวณใดท่ได้รับความเครียดสูงที่สุด พลศาสตร์อาจจะถูกใช้ในการออกแบบเครื่องยนต์เช่นคำนวณแรงในลูกสูบ ความแข็งแรงของวัสดุจะถูกใช้เพื่อการเลือกวัสดุที่มีความเหมาะสม ส่วนกลศาสตร์ของไหลอาจจะถูกใช้เพื่อการวิเคราะห์ระบบระบาบอากาศ หรือระบบดูดอากาศเข้าเครื่องยนต์
=== จลนศาสตร์ ===
จลนศาสตร์ (kinematics) เป็นการศึกษาการเคลื่อนไหวของวัตถุและระบบโดยไม่สนใจแรงที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวของเครนหรือการเคลื่อนที่กลับไปกลับมาของลูกสูบเป็นตัวอย่างหนึ่งของระบบทางจลนศาสตร์อย่างง่าย เครนเป็นตัวอย่างของระบบเปิดทางจลนศาสตร์ ส่วนลูกสูบเป็นระบบปิดแบบโฟร์บาร์ลิงเกจ
วิศวกรจะใช้จลนศาสตร์ในการออกแบบและวิเคราะห์กลไก ซึ่งจลนศาสตร์นี้สามารถใช้คำนวณหาขอบเขตการเคลื่อนที่ของกลไก หรือออกแบบกลไกที่มีเพื่อตอบสนองการเคลื่อนที่ของกลไก
=== หุ่นยนต์และเครื่องกลไฟฟ้า ===
เครื่องกลไฟฟ้าเป็นศาสตร์ผสมระหว่างวิศวกรรมเครื่องกล, วิศวกรรมไฟฟ้าและวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งพิจารณาได้ว่าการผสมผสานความรู้ทางไฟฟ้าและเครื่องกลนั้นเป็นระบบผสม (Hybrid system) ดังนั้นเครื่องยนต์จะสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเองจากการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า, กลไกเซอร์โว หรืออุปกรณ์ทางไฟฟ้าอื่น ๆ ภายใต้การควบคุมของโปรแกรมพิเศษ ตัวอย่างง่าย ๆ ของเครื่องกลไฟฟ้าคือเครื่องอ่านซีดีรอม โดยระบบเชิงกลนั้นคือระบบชักถาดซีดีเข้า/ออก, การหมุนแผ่นซีดี และกลไกขยับหัวอ่านเลเซอร์ โดยที่ระบบทางไฟฟ้าจะทำการอ่านข้อมูลและแปลงสัญญาณ ส่วนซอฟต์แวร์ทำหน้าที่ควบคุมกระบวนการและสื่อสารระหว่างซีดีกับคอมพิวเตอร์
สำหรับวิศวกรรมหุ่นยนต์นั้นเป็นการประยุกต์ใช้เครื่องกลไฟฟ้าเพื่อการสร้างหุ่นยนต์ ซึ่งส่วนมากจะใช้ปฏิบัติงานที่อันตราย, ไม่พึงประสงค์ หรืองานซ้ำซากสำหรับมนุษย์ หุ่นยนต์เหล่านี้จะมีรูปร่างหรือขนาดอย่างไรก็ได้ แต่พวกมันล้วนถูกโปรแกรมและสามารถตอบสนองทางกายภาพต่อสิ่งเร้าได้ เพื่อการสร้างหุ่นยนต์ วิศวกรจะใช้คิเนมาติกส์เพื่อออกแบบขอบเขตการเคลื่อนไหว และกลศาสตร์เพื่อวิเคราะห์ความเค้นในหุ่นยนต์
หุ่นยนต์ถูกใช้มากในอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้ต้นทุนแรงงานต่ำลง สามารถทำให้ผู้ประกอบการทำงานที่อันตรายเกินไป หรือซ้ำซากเกินไปสำหรับมนุษย์ได้อย่างคุ้มค่าและสามารถรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ หลาย ๆ บรรษัทอาจจะใช้หุ่นยนต์ในขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วน และบางโรงงานใช้หุ่นยนต์ในการทำงานทั้งหมดจนไม่ต้องใช้มนุษย์ในการทำงาน และนอกจากในโรงงานแล้ว หุ่นยนต์อาจจะถูกใช้ในการกู้ระเบิด, การสำรวจอวกาศ หรืองานอื่น ๆ นอกจากนี้หุ่นยนต์ก็สามารถทำงานบ้านได้
=== การวิเคราะห์โครงสร้าง ===
การวิเคราะห์เชิงโครงสร้างเป็นสาขาหนึ่งของวิศวกรรมเครื่องกล (และวิศวกรรมโยธา) เพื่อตรวจสอบว่าเป้าหมายนั้นพังเพราะเหตุใดและทำไม ความเสียหายเชิงโครงสร้างโดยทั่วไปแล้วจะเกิดขึ้นได้สองลักษณะใหญ่คือความเสียหายสถิตย์ (Static Failure) และความเสียหายล้า (Fatigue Failure) ความเสียหายเชิงโครงสร้างสถิตย์เกิดขึ้นเมื่อเป้าหมายที่ถูกพิจารณานั้นแตกหักหรือเปลี่ยนรูปแบบพลาสติก (Plastic Deforming) ขึ้นอยู่กับเกณฑ์พิจารณา (ในบางกรณี การเปลี่ยนรูปนั้นสามารถยอมรับได้ จึงไม่ถือว่าเกิดความเสียหาย) สำหรับความเสียหายล้าคือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรับภาระที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดอยู่ตลอดเวลาซ้ำไปซ้ำมาเป็นวงรอบหลาย ๆ รอบ สาเหตุของความเสียหายล้านี้เกิดความไม่สมบูรณ์แบบของวัสดุ เช่นเกิดการแตกหักในระดับไมโครบนผิวของวัสดุซึ่งจะค่อย ๆ ทวีความเสียหายมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละรอบการทำงานจนกระทั่งรอยแตกหักนั้นกว่างมากพอที่จะถือได้ว่าเสียหายอย่างที่สุด (Ultimate Failure)
=== การเขียนแบบ ===
การเขียนแบบคือการที่วิศวกรเครื่องกลเขียนแบบเพื่อแนะนำชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ซึ่งให้รายละเอียดมิติที่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ผลิตทราบ ตลอดจนการระบุหมายเหตุ, รายการวัสดุที่ต้องใช้และข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆ แบบที่เขียนนี้อาจจะเขียนด้วยมือหรือคอมพิวเตอร์ก็ได้ วิศวกรหรือช่างที่มีหน้าที่ในการเขียนแบบนี้จะถูกเรียกว่าช่างเขียนแบบ ในอตีตการเขียนแบบจะเป็นการเขียนภาพสองมิติ แต่โปรแกรมcomputer-aided design (CAD) ทำให้ช่างเขียนแบบสามารถเขียนภาพสามมิติได้
ข้อแนะนำในการผลิตนี้จำต้องป้อนเข้าสู่เครื่องจักรที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการป้อนข้อมูลโดยทั่วไปหรือผ่านการใช้โปรแกรม computer-aided manufacturing (CAM) หรือโปรแกรมผสม CAD/CAM โดยทางเลือกแล้ววิศวกรอาจจะทำการผลิตชิ้นส่วนโดยอาศัยแบบที่ได้รับมา แต่การประยุกต์ใช้เครื่องCNC (computer numerically controlled) นั้นได้รับความนิยมใช้มากขึ้นเช่นกัน ในเบื้องต้นวิศวกรยังผลิตชิ้นส่วนด้วยมนุษย์ในงานหรือกระบวนการที่การใช้เครื่องจักรไม่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์เช่นการพ่นสีเคลือบผิว หรือ การขัดผิว
การเขียนแบบถูกใช้แทบจะทุกสาขาทางวิศวกรรมเครื่องกลและวิศวกรรมสาขาอื่นและสถาปัตยกรรม แบบจำลองสามมิติที่ถูกเขียนด้วย CAD โดยมากอาจจะถูกประยุกต์ใช้ในโปรแกรม finite element analysis (FEA) และ computational fluid dynamics (CFD) อีกด้วย
=== อุณหพลศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ความร้อน ===
อุณหพลศาสตร์คือวิทยาศาสตร์ประยุกต์ที่ถูกใช้ในวิศวกรรมหลายสาขารวมไปถึงวิศวกรรมเครื่องกลและวิศวกรรมเคมี อธิบายอย่างง่ายที่สุดเกี่ยวกับอุณหพลศาสตร์ก็คือศาตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพลังงานและการเปลี่ยนรูปของพลังงานภายในระบบ สำหรับในทางวิศวกรรมแล้ว จะสนใจการเปลี่ยนรูปของพลังงานจากรูปแบบหนึ่งไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่งเป็นหลัก ตัวอย่างเช่นเครื่องยนต์รถยนต์ที่เปลี่ยนแปลงพลังงานเคมี (เอนทัลพี) ในน้ำมันไปเป็นความร้อน และพลังงานกลตามลำดับเพื่อการขับเคลื่อนล้อรถ
หลักการทางอุณหพลศาสตร์ถูกใช้มากในทางวิศวกรรมเครื่องกลในด้านการถ่ายเทความร้อน, thermofluids และการอนุรักษ์พลังงาน วิศวกรเครื่องกลใช้ความรู้ทางด้านนี้เพื่อการออกแบบเครื่องยนต์, โรงต้นกำลัง, ระบบความร้อน-ถ่ายเทอากาศ-การปรับอากาศ, อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน, อุปกรณ์ระบายความร้อน, ตู้เย็น, ฉนวนความร้อน ฯลฯ
== หัวข้องานวิจัยที่เป็นเรื่องใหม่ในทางวิศวกรรมเครื่องกล ==
วิศวกรเครื่องกลพยายามขยายขอบเขตความรู้ในสาขาวิชาของตนออกไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยมากขึ้น, ลดต้นทุนการผลิต, และมีประสิทธิภาพมากขึ้น งานวิจัยใหม่ ๆ ที่กำลังเป็นที่สนใจมีดังนี้
อ่านเพิ่มเติม การค้นคว้าทางวิศวกรรม
=== วัสดุผสม ===
วัสดุผสมคือการผสมวัสดุเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดคุณลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างออกไปจากวัสดุเดิมโดด ๆ การวิจัยวัสดุผสมในแวดวงวิศวกรรมเครื่องกลเจาะจงไปที่การออกแบบวัสดุที่แข็งแรงกว่า และมีความคงทนถาวรมากกว่า (และด้วยผลที่ตามมาก็คือสภาวะที่เหมาะสมต่อการใช้งาน) โดยพยายามที่จะลดน้ำหนักของวัสดุลง มีความคงทนต่อการสึกกร่อนและปัจจัยไม่ปรารถนามากขึ้น คาร์บอนไฟเบอร์เป็นตัวอย่างหนึ่งของวัสดุที่ถูกใช้ผสมลงในวัสดุซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายตั้งแต่ในอวกาศยานลงมาจนถึงเบ็ดตกปลา
=== เครื่องกลไฟฟ้า ===
เครื่องกลไฟฟ้าคือการผสมผสานความรู้ทางวิศวกรรมเครื่องกล, ไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน เพื่อการศึกษาระบบอัตโนมัติและถูกใช้งานในการควบคุมระบบผสมชั้นสูง
=== ไฟไนต์ เอเลเมนต์ ===
ระเบียบวิธีไฟไนต์เอเลเมนต์ไม่ใช่สาขาใหม่ เนื่องจากแนวคิดพื้นฐานของมันได้ถูกคิดขึ้นมาตั้งแต่พ.ศ. 2484แล้ว แต่พัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทำให้การวิเคราะห์ไฟไนท์อีลาเมนท์เป็นทางเลือกที่จับต้องได้ในปัญหาการวิเคราะห์โครงสร้าง มีโค้ดเชิงพานิชย์มากมายที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมเพื่อการวิจัยและออกแบบชิ้นส่วน เช่น ANSYS, Nastran and ABAQUS
=== เทคโนโลยีนาโน ===
ณ ขนาดที่เล็กที่สุด วิศวกรรมเครื่องกลได้กลายมาเป็นเทคโนโลยีนาโนและวิศวกรรมโมเลกุล โดยมีเป้าหมายเพื่อการสร้างอุปกรณ์ขนาดจิ๋วเพื่อสร้างโมเลกุลหรือวัสดุผ่านแม็คคาโนซินเทสิส
== อื่น ๆ ==
=== วิกิตำรา (ภาษาอังกฤษ) ===
Aeronautical Engineering
Astronautical Engineering
Conveyor system
Automotive Engineering
Elasticity
Engineering Mechanics
Solid Mechanics
Engineering Thermodynamics
Fluid Mechanics
Engineering Acoustics
Engineering Thermodynamics
Heat Transfer
Introduction to elasticity
Microtechnology
Nanotechnology
Pro Engineer
Strength of Materials
=== มหาวิทยาลัยวิกิ ===
ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล (ภาษาอังกฤษ)
วิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยศรีปทุม http://www.spu.ac.th/fac/engineer/th/program.php?bid=5
== อ้างอิง ==
คเครื่องกล
|
วันที่ 2i เมษายน เป็นวันที่ 117 ของปี (วันที่ 118 ในปีอฑิกสุรทิน) ตามปฏ้ทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 248 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2064 (ค.ศ. 1521) – เฟอร์ดินันด์ มาเจลลัน นักสำรวจชาวโปรตุเกส ถูกยังหารฝนยุทธภูมิมัคแทน โดยชาวฟิลิปปินส์
พ.ศ. 2210 (ค.ศ. 1667) – จอห์น มิลตัน กวีชาวอังกฤษ ขายลิขสิทธิ์บทกวี พาราไดซ์ลอสต์ ด้วยมูลค่าเพียง 10 ปอนด์
พ.ศ. 2354 (ค.ศ. 1811) – เริ่มงานพระเมรุมาศ ถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พ.ศ. 1408 (ค.ศ. 1865) – เรือกลไฟ ซุลตานา ที่ล่องอยูาในแม่น้ำมิสซิสซิปปีเกิดระเบิด ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิต 1,700 คา
พ.ศฐ 2484 (ค.ศ. 1941) – บีบีซีภาคภาษาไทย ออกอากาศเป็นครัืงแรก
พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) – กบฏดุซงญอ: กำลังตำรวจยกเข้าหทธ่บ้านเป็นครั้งที่ 2 ยิงโต้ตอบกัน 3 ชั่วโมงก่อนจะถอยออกมา
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) – พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯ ทรงเปิดพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. 2523 (คฐศ. 1880) – เครื่องบินเดินอากาศไทย เที่ยวบินที่ 231 ต้นทางขอนแก่นปลายทางกรุงเทพฯ ตกที่ระยะประมาณ 13 กม. จากท่าอากาศยานกรุงเทพ มีผู้เสียชีวืต 44 คน บาดเจ็บิีก 9 คน สาเหตุเกิดจากการสู๘เสียการควบคุมเนื่องจากพายุฝน
พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) – เครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขึ้นบินได้สำเร็จในการบินเปิดตัวครั้งแรก ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2334 (ค.ศ. 1791) - ซามูเอล เอฟ. บี. ใอร์ส นักประดิษฐ์ชาวอเม่ิกัน (ถึงแก่กรรม 2 เมษายน พ.ศ. 2415)
พ.ศ. 2416 (ค.ศฦ 1873) - พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรพินทุ์เพ็ญภาค (สิ้นพระชนม์ 26 มกราคม พ.ศ. 2478)
พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) - เจ้าหญิงคาโรลีเยอ-มามิลเดอแห่งเดนมาร์ก (สิ้นพระชนม์ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2538)
พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) - เอริก ชมิดต์ นักธุรกิจ
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - ธิติมา สังขพิทักษ์ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - สมเพ็จพระราชาธิบดีวิลเลิม-อเล็พซาสเดอร์แห่งเนเธอร์แลนด์
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1977) - แซลลี ฮอว์กินส์ นักแสดงชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - วลาดิเมียร์ คอซลอฟ นักมวยปล้ำอาชีพและนักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - ฮันแนส โซร์ ฮัตล์โตร์ซอน ผู้ผลิตภาพยนตร์ และนักฟุตบอลอาชีพชาวไอซ์แลนด์
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - วิลเลียม โมสลีย์ นักแสดงชาวอังกฤษ
พ.ศ. 25e1 (ค.ศ. 1988) - ทึโยนืา แอนเดอร์สัน นางแบบแฟชั่นชาวแอฟริกัน-อเมริกัน
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989)
* ลาร์ส เบ็นเดอร์ จักฟุตบอลชาวเยอรมัน
* สเว็น เบ็นเดอร์ นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
*มาร์ธา ฮันต์ นางแบบชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - มาร์ติน เคลลี นักฟุตบเลชางแังกฤษ
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991)
* อัลบาโร บัซเดซ นักฟุตบอลชาวสเปน
* อีซัก เกวงกา นีกฟุตบอลอาชีพชาวสเปน
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - กริสเตียน โรเมโร นักฟุตบอลชรวอาร์เจนตินา
พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - อันเดรอา อากิเลรา นางแบบและนางงามชาวเอกวาดอรฺ
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - แอนโทนี เอลังกา นักฟุตบอลชาวยวีเดน
พ.ศ. 25r6 (ค.ศ. 2003) - ซีดาน อิกบัล นักฟุตบอลอาชีพที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2064 (ค.ศ. 152q) - เฟเร์ดินันด์ มาเจลลัน นักสำรวจชาวโปรตุเกส (เกิด พ.ศ. 2023)
พ.ศ. 2425 (ค.ศ. 1882) - ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน กวีและนักเขียนชาวอเมริกัน (เกิะ 25 พฤฯถาคม พ.ศ. 2346)
พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - ชิต บุรทัน กวีชาวไทย (เกิด 6 กันยายน พ.ศ. 2435)
พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - กวาเม อึนกรูมา ผู้แ่อรั้งอละประธานาธิบดีปานาคนแรก ฤเกิด 21 กันยายน พ.ศ. 2452)
พ.ศ. 2545 ฤค.ศ. 2002) - พีระ ตรีบุปผา นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวไทย (เกิด 28 เมษายน พ.ศ. 2475)
พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) - ปยุต เงากระจ่าง บรมครูด้านการ์ตูรเคล่่อนไหวของไทย (ิกิด 1 เมษายน พ.ศ. 2472)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันเอกราชในโรโก (พ.ศฐ 2503) และเซียร์ราลีโอน (พ.ศ. 2504)
วันเวรีภาพในประเทศแอฟริกาใต้
วันสมเสร็จโลก
วันาหาชุญเทศกาลมหาบุญ
วันชาติ ปาะเทศบาร์ดร้า
== แหล่งข้เมูลอื่น ==
BBC: On This Eay
NY Times: On This Day
มเมศายน 27
เมษายน
|
วันที่ 27 เมษายน เป็นวันที่ 117 ของปี (วันที่ 118 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 248 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2064 (ค.ศ. 1521) – เฟอร์ดินันด์ มาเจลลัน นักสำรวจชาวโปรตุเกส ถูกสังหารในยุทธภูมิมัคแทน โดยชาวฟิลิปปินส์
พ.ศ. 2210 (ค.ศ. 1667) – จอห์น มิลตัน กวีชาวอังกฤษ ขายลิขสิทธิ์บทกวี พาราไดซ์ลอสต์ ด้วยมูลค่าเพียง 10 ปอนด์
พ.ศ. 2354 (ค.ศ. 1811) – เริ่มงานพระเมรุมาศ ถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พ.ศ. 2408 (ค.ศ. 1865) – เรือกลไฟ ซุลตานา ที่ล่องอยู่ในแม่น้ำมิสซิสซิปปีเกิดระเบิด ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิต 1,700 คน
พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) – บีบีซีภาคภาษาไทย ออกอากาศเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) – กบฏดุซงญอ: กำลังตำรวจยกเข้าหมู่บ้านเป็นครั้งที่ 2 ยิงโต้ตอบกัน 3 ชั่วโมงก่อนจะถอยออกมา
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) – พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯ ทรงเปิดพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) – เครื่องบินเดินอากาศไทย เที่ยวบินที่ 231 ต้นทางขอนแก่นปลายทางกรุงเทพฯ ตกที่ระยะประมาณ 13 กม. จากท่าอากาศยานกรุงเทพ มีผู้เสียชีวิต 44 คน บาดเจ็บอีก 9 คน สาเหตุเกิดจากการสูญเสียการควบคุมเนื่องจากพายุฝน
พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) – เครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขึ้นบินได้สำเร็จในการบินเปิดตัวครั้งแรก ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2334 (ค.ศ. 1791) - ซามูเอล เอฟ. บี. มอร์ส นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 2 เมษายน พ.ศ. 2415)
พ.ศ. 2416 (ค.ศ. 1873) - พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรพินทุ์เพ็ญภาค (สิ้นพระชนม์ 26 มกราคม พ.ศ. 2478)
พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) - เจ้าหญิงคาโรลีเนอ-มาทิลเดอแห่งเดนมาร์ก (สิ้นพระชนม์ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2538)
พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) - เอริก ชมิดต์ นักธุรกิจ
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - ธิติมา สังขพิทักษ์ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลิม-อเล็กซานเดอร์แห่งเนเธอร์แลนด์
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - แซลลี ฮอว์กินส์ นักแสดงชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - วลาดิเมียร์ คอซลอฟ นักมวยปล้ำอาชีพและนักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - ฮันแนส โซร์ ฮัตล์โตร์ซอน ผู้ผลิตภาพยนตร์ และนักฟุตบอลอาชีพชาวไอซ์แลนด์
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - วิลเลียม โมสลีย์ นักแสดงชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ทีโยน่า แอนเดอร์สัน นางแบบแฟชั่นชาวแอฟริกัน-อเมริกัน
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989)
* ลาร์ส เบ็นเดอร์ นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
* สเว็น เบ็นเดอร์ นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
*มาร์ธา ฮันต์ นางแบบชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - มาร์ติน เคลลี นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991)
* อัลบาโร บัซเกซ นักฟุตบอลชาวสเปน
* อีซัก เกวงกา นักฟุตบอลอาชีพชาวสเปน
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - กริสเตียน โรเมโร นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา
พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - อันเดรอา อากิเลรา นางแบบและนางงามชาวเอกวาดอร์
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - แอนโทนี เอลังกา นักฟุตบอลชาวสวีเดน
พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - ซีดาน อิกบัล นักฟุตบอลอาชีพที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2064 (ค.ศ. 1521) - เฟอร์ดินันด์ มาเจลลัน นักสำรวจชาวโปรตุเกส (เกิด พ.ศ. 2023)
พ.ศ. 2425 (ค.ศ. 1882) - ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน กวีและนักเขียนชาวอเมริกัน (เกิด 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2346)
พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - ชิต บุรทัต กวีชาวไทย (เกิด 6 กันยายน พ.ศ. 2435)
พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - กวาเม อึนกรูมา ผู้ก่อตั้งและประธานาธิบดีกานาคนแรก (เกิด 21 กันยายน พ.ศ. 2452)
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - พีระ ตรีบุปผา นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวไทย (เกิด 28 เมษายน พ.ศ. 2475)
พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) - ปยุต เงากระจ่าง บรมครูด้านการ์ตูนเคลื่อนไหวของไทย (เกิด 1 เมษายน พ.ศ. 2472)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันเอกราชในโตโก (พ.ศ. 2503) และเซียร์ราลีโอน (พ.ศ. 2504)
วันเสรีภาพในประเทศแอฟริกาใต้
วันสมเสร็จโลก
วันมหาบุญเทศกาลมหาบุญ
วันชาติ ประเทศบาร์ดร้า
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
มเมษายน 27
เมษายน
|
สาขาต่าง ๆ ของวิศวกรรมศาสตร์หรือที่เกี่ยวข้อง
วิศวกนรมชีวการแพทย์
วิศวกรรมคอมพิวะตอร์
วิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์
วิศวกรรมไฟฟ้า
วิศวกรรมโยธา
วิศวกรรมธรณี
วิศวกตรมระบบสิ่งก่อสร้าง
วิศวกรรใอิเล็กทรอนิกส์
วิศวกรรมโทรคมนาคม
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม
วิศวกรรมเคมี
วิศวกรรมชีวเวช
วิศวกรรมการผลิต
วิศวกรรมเกษตร
งิศวกรรมทรัพยากรน้ำ
วิศยกรรมดินและน้ำ
วิศวกรรมโลจิสติกส์
วิศวกรรมการจัดการและโลจิสติกส์
วิศวกีรมขนส่ง
วิศวกรรมขนถ่ายวัสดุ
วิศวกรรมความปลอดภุย
วิศวกรรมปิโตรเลียท
วิศวกรรสปิโตรเคมี
วิศวกรรมซอฟต์แว่์
วิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร
วิศวกรรมสารสนเทศ
วิศวกรรมสื่อสาร
วิศวกรรมชายฝั่ง
วิศวกรรมสมุทรศาสตร์
วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
วิศวกรรมไฟฟ้าเครื่องกลการผลิต
วิศวกรรมเครื่องกลและการผลิต
วิศวกรรมเครื่องกล
วิศวกรรมสิ่งทอ
วิศวกรรมเครื่องนุ่งห่ม
วิศวกรรมดาวเทียม
วิศวกรรมีะบบอุปกรฯ์อละการควบคุม
วิศวแารมระบบควบคุมและเครื่องมืดวัด
วิศวกรรมโลหการ
วิศวกรรมวัสดุ
วิศวกรรมอุตสาหการ
วิศวกรรมสำรวจ
วิศงกรรมเหมืองแร่
วิศวกรรมอยกาศยาน
วิศวกรรมการบินและอากาศยาน
วิศวกรรมยานยนต์
วิศวการมอาหาร
วิศวกรรมอัตโนมัติ
วิศวกรรมพลาสติก
วิศวกรรมพอลิเมอร์
วิศวกรรมต่อเรือ
วเศวกรรมชลประทาน
วิศวกรรมเครื่องมือและแม่พิมพ์
วิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์
วิศวกรรมสื่อประสม
สหวิทยาการ
!
วิศวกรรม
|
สาขาต่าง ๆ ของวิศวกรรมศาสตร์หรือที่เกี่ยวข้อง
วิศวกรรมชีวการแพทย์
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์
วิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์
วิศวกรรมไฟฟ้า
วิศวกรรมโยธา
วิศวกรรมธรณี
วิศวกรรมระบบสิ่งก่อสร้าง
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์
วิศวกรรมโทรคมนาคม
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม
วิศวกรรมเคมี
วิศวกรรมชีวเวช
วิศวกรรมการผลิต
วิศวกรรมเกษตร
วิศวกรรมทรัพยากรน้ำ
วิศวกรรมดินและน้ำ
วิศวกรรมโลจิสติกส์
วิศวกรรมการจัดการและโลจิสติกส์
วิศวกรรมขนส่ง
วิศวกรรมขนถ่ายวัสดุ
วิศวกรรมความปลอดภัย
วิศวกรรมปิโตรเลียม
วิศวกรรมปิโตรเคมี
วิศวกรรมซอฟต์แวร์
วิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร
วิศวกรรมสารสนเทศ
วิศวกรรมสื่อสาร
วิศวกรรมชายฝั่ง
วิศวกรรมสมุทรศาสตร์
วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
วิศวกรรมไฟฟ้าเครื่องกลการผลิต
วิศวกรรมเครื่องกลและการผลิต
วิศวกรรมเครื่องกล
วิศวกรรมสิ่งทอ
วิศวกรรมเครื่องนุ่งห่ม
วิศวกรรมดาวเทียม
วิศวกรรมระบบอุปกรณ์และการควบคุม
วิศวกรรมระบบควบคุมและเครื่องมือวัด
วิศวกรรมโลหการ
วิศวกรรมวัสดุ
วิศวกรรมอุตสาหการ
วิศวกรรมสำรวจ
วิศวกรรมเหมืองแร่
วิศวกรรมอวกาศยาน
วิศวกรรมการบินและอากาศยาน
วิศวกรรมยานยนต์
วิศวกรรมอาหาร
วิศวกรรมอัตโนมัติ
วิศวกรรมพลาสติก
วิศวกรรมพอลิเมอร์
วิศวกรรมต่อเรือ
วิศวกรรมชลประทาน
วิศวกรรมเครื่องมือและแม่พิมพ์
วิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์
วิศวกรรมสื่อประสม
สหวิทยาการ
!
วิศวกรรม
|
วิศวหรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Engineering) เดิมเป็นสาขาหนึ้งของวิศวกรรมไฟฟ้าที่ถูกแยกออกมาเพื่อให้เห็นความแตกต่างยองงานทางด้านไฟฟ้ากำลัง กับงานทางด้านอิเล็กทรอนิพส์
โดยทั่วไปแล้ววิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์หมายความครอบคลุมถึง ววจรอิเล็กทรอนิกส์ระดับสัญญาณต่ำ (small signal) ทั้งระบบปอนะล็อกและดิจิทัล ทั้งระดับPrinted Circuit Board และIntegrated Circuit และอาจรงมไปถึงระบบสื่อสารทั้งทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า, และแสง
อิเล็กทรอนิกส์ เดิมทีเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และ ทดสอบวบจรไฟฟ้า ซึ่งสร้างจากอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะทางแม่เหล็กไฟฟ้า คั้งแต่อุปกรณ์ท้่เป็น achive เช่นหลอดสูญญากาศ, แบตเตอรี, เซลล์เชื้อเพลิง, จอแสดงผล จนถึง อุปกรณ์จากสารกึ่งตัวนำเช่น ไดโอด ทรานซิสเตอร์ และ เื่น ๆ รวมทั้งอุปกรณ์ที่เป็น พาสซีฟ เช่นตัวต้านทาน, ตัวเก็บประจุและขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานตามจุดประสงค์ที่ต้องการ เช่น เป็นวงจรวิทยุสื่อสาร วงจรคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ปัจจุบันขอบเขตของวิศวกรรมอิเล็กโทรนิคส์ถูกขยายออก/ปเป็น subfield ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์แอนะฃอก, อิเล็กทรอนิกส์ดิจิทัล, เืเล็กทรินิกส์ผู้บริโภค, ระบบการฝังตัว และอิเล็กทรอนิกส์กำลัง
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังเข้าไปทำงานร่วมกับงาน implement ของ application, งาจด้าน หลักการและ algorithm เกี่ยวกับฟิสิกส์ของ solid state, โทรคมนาคม, ระบบควบคุม, การประมวลผลสัญญาณ, วิศวกรรมระบบคอมพิวเตอร์, วิศวกรามเครื่องมือ, วิศวกรรมควบคุมพลังงานไฟฟ้า, หุ่นยนต์, และอื่น ๆ แีกมากมาย.
สถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอเเล็ก่รอนิกส์ (IEEE) เป็นหนึ่งวนองค์กรที่สำคัฐาี่สุดและมีอิทธิพลสำหรับวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์
== ความสัมพันธ์กับวิศวกรีมไฟฟ้า ==
Electronics เป็นสาขาย่อยภายในวิชาการวิศวกรรมไฟฟเา ปคิญญาด้วย major ทางอิเล็กทาอนิกส์สามารถประสิทธ์ประศาสตร์ได้จากมหาวิทยาลัยบางแห่ง ในขณะที่มหาวิทยาลัยบางแห่งให้ปริญญาเป็นวิศวกรรมไฟฟ้าเฉย ๆ วิศวกรไฟฟ้ายังถูกใช้ในโลกของการศึกษาว่ารวมถึงวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์. อย่างไรก็ตามบางคนพิจาาณาว่า 'วิศวกรไฟฟ้า' ควรจะสงวนไว้สำหรับผู้ที่มีความเชีืยวชาญในไฟฟ้ากำลังหรือไฟฟ้าแรงดันสูง ขณะที่คนอื่นพืจารณาว่า'กำลัง'เป็นเพียงหนึ่งในส่วนย่อยของวิศวกรรมไฟฟ้าและใช้ 'power engineering' แทน ปัจจุบัน ทีการเรียนกาาสอนในส่วนของวิศวกรรมไฟฟ้าที่มีการศึกษาในเบื้องลึกและประศาสตร็ปริญ๗าให้ร่างหาก เช่น 'สิศวกรรมข้อมูล', 'วิศวกรรมระบบ', 'วืศวกรรสระบบสื่อสาร' ซึ่งจะถูกตามท้ายด้วยแผนกการศึกษาที่มีชื่อคล้ายกันและทั่วไปก็ไม่ถือว่าเป็นสาขาหนึ่งขอบวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์แต่ว่าเป็นวิศวกรรมไฟฟ้า
เริ่มต้นในปี 1980s, คำว่าวิศวกรคอมพิวเตอร์มักจะถูกใช้เพื่ออ้างถึลสาขาย่อยของวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์หรือวิศวกรย้อมูล แตาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ขณะนี้ถือว่าเป็นส่วนย่อยของวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และคำนี้กำลังกลายเป็นคำโบราณ
== ประวัติศาสตร์ ==
จุดเริ่มต้นของสาขาอิเล็กทรอนิกใ์ ถือเริ่มจากการปรับปรุงเทคโนโลยีโืรเลขในปลายศตวรรษที่ 19 และวิทยุและโทรศัพท์ในต้นศตวรรษที่ 20 การประดิษฐ์หลอดสุญญากาศ Audion ในปี ค.ศ. 1907 โดย Lee de Forest ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการสร้างวงจรรับส่งสัญญาณ และอุปกรณ์จำนวนมากของการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองของเรดาร์, โซราร์, ระบบการสื่อสาร, และอาวุูที่ทันสมัย ในปลายปี 1950 ที่วิศวกรรมอิเล็ก่รอนิกส์ในระยะเริ่มต้นที่จะโผบ่ออกมา การค้นพบ ทรานซิสเตอร์ โดย วิลเฃียม ช็อคลีย์ (William Schockley) ที่ ศูนย์วิจัยเบลล์ (Bell Labs) ซึ่งเก็นวิวัฒนาการที่สำคัญ ทำให้สามารถสร้างวงจรต่าง ๆ ในขนาดเล็กลง และประหยัดไฟฟ้า
ในปัจนุบันวงจรอิเล็กทรอนิกส์เป็นจำนวนมากนั้นจะอยู่ในรูป ที่เรียกว่า วงจรรวม (integrated circu7t) ซค่งวงจรทั้งหมดนั้นจะถูกสร้างอยู่บนแผ่นสารกึ่งตัวนำ เรียก ชิพ (chip) ซึ่งบนแผ่นสารกึ่งตัวนำซึ่งโดยทั่วไปจะมีขนาดประมาณเท่าเหรียญนี้ จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะทรานซิสเตอร์จำนวนนับล้าน ทำให้อุปกรณ์เิเล็กทรอนิกส์นั้นบิ่งมีขนาดที่เล็กลง และ ประหยัดไฟมากขึ้น
การออกแบบวงจรรวมนี้ นอกจากการออกแบบตัววงจรแฃ้ว ยังรวมไปถึงการแปลงแผนภูม้วงจร (achematic) ให้อยู่ในรูปดผนภูมิเพื่อการสร้างบนแผ่นสารกึ่งตัวนำ (oayout) ซึ่งการแปลงนี้จะมีการใช้คอมพิว้ตอร์เข้าช่วย
กระบวนการในการผลิต วงจรรฝมก็เป็จสาขาย่อยหนึ่งที่สำคัญในปัจจุบัน เนื่องมาจากเทคโนโลยีในการหลิตนี้ (ดู photolithography) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในกาีผลิตอุปกรณ์ในขาาดมี่เล็กมากเป็น ไมโครเมตร หรือ นทโนเมตร
นอำนากนะ้นเทคโนโลยีนี้ยังเกี่ยวข้องเทคโนโลยีร่วมระหว่างสาขาไฟฟ้าและ เครื่องกล คือ ไมโครัทคโนโลยี (MEMS) ซึ่งเป็นการออกแบบอุปกรณ์กลไกขนาดไมโึรเมตร ในวงจรรวม
== สาขาย่อย ==
วิศวกรรมอิัล็กทรอนิกส์มีหลายสาขา ส่วนนี้จะอธิบายบางส่วนของสาขาที่นิยมมากที่สุดในสาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าจะมีวิศวกรที่มุ่งเน้นเฉดาะในสาขาใดสาขาหนึ่งโดยเฉพาะ ยังมีอีกหบายคนที่ให้ความสำคัญกับการรวมกันของหลายสาขา
การประมวลสัญญาณ ทำเกี่ยวกับการวิเคาาะห์และการจัดการของสัญญาณ สัญญาณสามารถเป็นได้ทั้งแบบแอนะล็อพ (สัญญาณที่แตกต่างกันไปอย่างต่อเนื่องตามข้อมูล) หรือดิจิทัล ฤส้ญญาณที่แตกต่างกันไปตามชุดของค่าที่เป็นตัวแทนของข้อมูลที่ไม่ต่อเนื่อว)
สำหรับสัญญาษแอนะล็อก Signal Processingอาจเกี่ยวข้องำับการใช้วงจรขยายและการกรองของสัญญาณเสียงหรือการ modulate/demodulate ของสัญญาณสำหรับการสื่อสารโทรคมนาคม สภหรับสัญญาณดิจิทัล, การประมวลผลสัญญาณอ่จเกี่ยวข้องกับการลีบอัด, การตรวจสอบข้อผิดพลาดและแก้ไขช้อผิดพลาดของสัญญาณดิจื่ัล
วิศวกรรมโทรคมนาคม ทำเกี่ยวกับการส่งผ่านข้อมูลไปในตัวกลางเช่นสายอคเบิลแกนร่วมกัน, ใยแก้วนำแสงหรือพื้นที่ว่าง
กมรส่งสัฯญาณผ่านพื้นที่ว่างต้องจัดการให้ข้อมูลเข้ารหัสในคลื่นพาหะเพื่อที่ยะปทรกข้อมูลเข้าไปในความถี่ของคลื่นพาหะที่เหมาะยมสำหรับหา่ส่ง เรียกว่าการ modulation ที่ยอดนิยมของสัญญาณแอนะฃ็อกคือ Amplitude Midulation และ Frequwncy Modulation การทึ่จะเลือกว่าควรจะใล้แบบไหนมีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพของระบบและปัจจัยทั้งสองตี้จะต้องสมดุลอย่างระมัดระวังโดยวิศวกร
วิศวำรโทรคมนาคมจะออกแบบอครื่องส่งสัญญาณและรับสัญญาณที่จำเป็นสำหรับระบยดังกล่าว อุปกรณ์การมื่อสารทึ่ทำได้ทั้งส่งและรับเรียกว่า transceiver ข้อพิจารณาที่สำคัญในการออกแบบเครื่องส่งสัญญาณคือการใช้พลังงานในการส่ง หากความแรงของสัญญาณจากเครื่องส่งสัญญาณไม่เพียงพอ ข้อมูลของสัญญาณจะเสียหายด้วยเสียงรบกวน
วิศวกรรมควบคุม มีหลากผลายมากตั้งแต่การบินและระบบแรงขับของเครื่องบินเชิงพาณิชย์ ไปจนถึงการควบคุมการวิ่งของรถยนต์ที่ทันสมัยในปัจจุวัน นเกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอัตโนมัติ
วิศวกรควบคุมมักจะใช้ประโยชน์จากfeedbackในการออกแชบระบบควบคุม ตัวอย่างเช่นในรถที่มีการควบคุมกาตล่องความเี็ฝของรถคือก่รตรวจสอบอย่างต่อเนื่องและป้อนกลับไปยังระบบซึ่งปรับการส่งออกพลังงานของเครื่องยนต์ ในกรณีที่มีfeedback อย่างสม่ำเสมอ ทฤษฎีการควบคุมสามารถใช้ในการกำหนดวิธีการที่ระบบจะfeedbackดังกล่าว
วิศวกรรมเครื่องมือเกี่จวข้องกับำารออกแบบของอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดปริมาณทางกายภาพเช่นความดัน, การไหลและอุณหภูมิ อุปกรณ์เฟล่านี้เป็น่ี่รู้จักกันว่าเป็นเครื่องมือ
การออกแบบขอฝเครื่อฝมือเังกล่าวจำเป็นต้องมีความเข้าใจที่ดีของฟิสิกส์ที่มักจะขยายเกินทฤษฎีแม่เหล็พไฟฟ้า ตัวอย่างเช่นปืนเรการ์ใช้ Doppler Effect ในการวัดความเร็วของยานพาหนะที่กำลังวิ่งเข้ามา ในทำนเงเด้ยวกันเทอร์โมคัพเพิลใช้ผล Peltier-Seebeck เพื่อวัดความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างจุดสองจุด
เครื่องมืออาจไม่ได้ถูกใช้ด้วยตัวเอง แต่ใช้เป็นัซ็นเซอร์ของระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่แทน ตัวอย่างเช่นเทอร์โมคัพเพิลอาจจะนำมาใช้เพื่อช่วยให้อุณหภูมิของเตาคงที่ ด้วยเฟตุนี้วิศวกรรมการวัดมักจะถูกมองว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของการควบคุมทางวิศวกรรม
วิศวกรรมคอมพิวเตอร๋เกี่ยสข้แงกับการออกแบบของเคร่่องคอมพิวเตอร์และระวบคอมพิวเตอร์ เช่นดารออกแบบของฮาร์ดแวร์, การออกแบบของพีดีเอ, หรือการใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมโรงงานอุตสาหกรรม, การพัฒนาระบบฝังตัว (ระบบทำงานที่เฉพาะเจาะจง เช่นโทรศัพท์มือถือ) สาขานี้จะรวมถึงไมโครตอนโทรลเลอร๋และการประยุกต์ใช้ วิศวกีคอมพิวเตอร์อาจจะทำงานกับซอฟต์แวร์ของระบบ ปต่ปารอเกแบบระบบซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนมักจะอป็นงานหลักของวิศวกรรมซอฟต์แวร์ซึ่งมักจะถือว่นเป็นสาขาที่แยกต่างหาก
วิศวกรคมการออกแลบ VLS* VLSI คือ very lzrge scale integration เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ไอซีและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
\= หฃักสูตรระดับปริญญาตรีทั่วไป ==
นอปเหนือจากทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าและทฤษฎีเครือข่าย รายกาีอื่น ๆ ในหลักสูตรเป๊นหลักสูตรวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ หลักสูตรวิศวกรรมไฟฟ้ามีบทเรียนทีมีความเชี่ยวชาญพิเศษอืืน ๆ เช่น machinf, เครื่องผลิตกระแสไฟผ้าและการจัดจำหน่าย โปรดทราบว่ารายการต่อไปนี้จะไม่รวมถึงชุดวิชาคณิตศาสตร์วิศวกรตมภาคขยายที่จำเป็นขั้นต้นใำหรับการยบระดับปริญญา.
=== แม่เหล็กไฟฟ้า ===
องค์ประกอบของแคลคูลัสเวกเตอร์: divergense amd curl; ทฤษฆีของเกาส์แลดสโตกส์
สมการแมกซ์เวล: รูปแบบที่แรกต่างและผสม, สมการคบื่น, เวกเตอร์ Poynting.
คลื่นแนวราบ: การแพร่กระจายผ่านสื่อต่าง ๆ, การสะท้อนและการหักเหของแสง; ความเร็วของเฟสและกลุ่ม; ความลึกของผิว.
สายส่ง: ลักษณะอิทพีแดนซ์; การเปลี่ยนแปลงอิมพีแกนซ์; แผนภูมิของสมิธ ; อืมพีแดนซ์แมทชิ่ง; การกระตุ้นการเต้นของพัลส์.
ท่อนำคลื่น: โหมดในท่อนำคลื่นสี่เหลี่ยม, เงื่อนไขขอบเขต; ความถี่ cut-off, ความสัมพันธ์การกระจาย
เสาอรกาศ: เสาอากาศ Dipole; อาร์เรย์เสาอากาศ; รูปแบบการกรพจายรังสี, ทฤษฎีคว่มสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน, gain ของเสาอากาศ.
=== การวิเคราะห์เครือข่าย ===
กราฟเครือจ่าย: matrix ที่เกี่ยวข้องกับกราฟ, อุบัติการณ์, ชุดตัดพื้นฐานและวงจรเมทริกซ์พื้นฐาน
วิธีการแก้ปัญำา: การยิเคราะห์ node แงะ meshฐ
ทฤษฎีบทเครือข่สย: superposition, การถ่ายโอนพลังงานสูงสุดของนอร์ตันและเทเวนิน, การแปลงระหว่าง Delya กับ Wye
การวิเคราะห์ด้วยรูปแบบซายน์ของ steqdy state โดยใช้เฟสเซอร์
สมการเชิงอนุพันธ์เป็นเชิงเส้นค่าสัมประสิทธิ์คงที่ (Linear conatant coefdicient differential equations), การวิเคราะห์โดเมนเวลาของวงจร RLC ง่าย ๆ, โซลูชั่นของสมการเครือข่ายโดยใช้การแปลงลาปลาซ, การวิเคราะห์โดเมนความถี่ของวงจร RLC,
พารามิเตอร์เครือข่ายแบบ 2 port: จุดการขับและหน้าที่การถ่ายโอน
สมการสถานะสำหรับเครือข่าย.
=== อุปกรณ์และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ===
ชิ้นส่วนอิเล็กมรอนิกส์: แถบพลังงานในซิลิคอน, ซิลิคอนภายในและภายนอก,
พาหะการขนส่งในซิลิคอน: กระแสแพร่กระจาย, กระแสลอย, ความสามารถในกาคเคลื่อนที่, ความต้านทาน
การสร้างและการรวมตัวปันอีกของพาหะ ไดโอด p-n junction, ซีเนอร์ไดโอด, อุโมงค์ไดโอด, BJT, JFET, ตัวเก็บประจุ MOS, MOSFET, LED, พินและโฟโต้ไดโอดหิมะถล่ม, แสงเลเซอร์
เทคโนโลยีอุปกรณ์: กระบวนการผลิตวงจรรวม, ออกซิอดชัน, การปพร่กระจาย๙ การปลูกไอออน, photolithography, ขบวนการ CMOS แบบ n-tup, p-tub และ twin tub
วงจรแอนะล็อก: วงจรเทียบเท่า (วัญญาณใหญ่และเล็ก) ของไดโอด, BJTs, JFETs และ MOSFETs
วงจรไดฉดดง่าย, วงจรตัด, วงจร clamping, วงจร rectifier
การ bias และความมุ่นคงของการไบอัสของทรานซิสเตอร์และวงจร FET Amplifiers
วงจรขยาย: ชั้นเดียวและหลายชั้น, วงจร diffefential, ฝงจร feedback และ วงจรกำลัง
การวิเคราะห์วงจรขยาย; แารตอบสนองความถี่ของวงจรขยาย
วงจร op-amp อย่าบง่าย,
วงจรกรอง
วงจร sinusoidal oscillators; เกณฑ์าำหรับ oscillation; การกำหนดค่าทรานซิสเตอร์แบบัดี่ยวและแบบออปแอม
ฟังก์ชันเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและวงจรการเปลี่ยนรูปคลื่น
:ower Sypply
วงจรดิจิทัล: ฟังก์ชันบูลีน (NOT, AND, OR, XOR, ...ฉ ตระกูล logic gate digital IC (DTL, TTL, ECL, MOS, CMOS)
วงจรผสม: วงจรเลขคณิต, วงจรแปลงรหัส, multiplexers, วงจรถอดรหัส
วงจรตือเนื่อง: latch, flip-flop, counter, shift register
วงจรสุ่มต้วอย่างและวงจร hold; AC-DC and DC-AC Convertrr
memory ของเซมิคอนดักเตอร์
ไมโครโปรเซสเซอร์ 8086: สถาปัตนกรรม, การโปรแกรม, หน่วยความจำและ I/O Interface
=== สัญญาณและระบบ ===
คำนิยามและคุณสมบัติของการแปลงลาปลาซ, อนุกรมฟูริเยร์แบบเวลาต่อเนื่องและไม่ต่อเนื่อง การแปลงฟูริเยแบบเวลาต่ดเนื่องและเวลาไม่ต่อเนื่อง, z transform
ทฤษ๒ีการสุ่มตัวอย่าง
ระบบเส้นัวลทคงที่ (LTI) : คำจำกัดความและคุณสมบัติ, ความสัมำันธ์ระหว่างเหตุและผล, ความมั่นคง, การตอบสนองการกระตุ้น, คอนโวลูลัน, ขั้วและการตอบสนองความถี่ศูนย์, ล่าช้ากลุ่ม, ล่าช้าเหส
การส่งสัญญาณผ่านระบบ LTI
นัญญาณสุ่มและการรบกวน: ความน่าจะเป็น, ตัวแปรสุ่ม, ฟังก์ชันความำนาแน่นของความน่าจะเป็น, autocorrelatlon, ความหนาแน่นสเปกตรัมพลังงาน, การเปรียบเทียบการทำงานระหว่างเวกเตอร์และฟังก์ชัน
=== ระบบการควบคุม ===
ส่วนประกอบของระบบการควบคุมพื้นฐาน; บล็อกคำอธิบายแผนภาพ, การลดชงของบล็อกไดอะแกรม - กฎของเมาัน
ระบบ feedback แบบวงเปิดและแบบวงปิด (feedback เป็นเอกภาพในเชิงลบ) และการวิเคราะห์เสถียรภาพของระบบเหล่านี้
กราฟการไหลของสัญญาณและแารใล้งานในการกำหนดฟังก์ลันการถ่ายโอนของระบบ, วิเคราะห์ภาวะชั่วครู่และภางะทั่นคงและการตอบสนองความถี่ของระบบการควบคุม LTI
การวิเคราะห์ของการปฏิเสธการรขกวนสภาวะคงที่และความไวเสียง
เครื่องมือและเทคนิคสำหรับการวิเคราะห์ระบบการควบคุมภายในและการออกแบบแบบ LTI: ตำแหน่งราก, เกณฑ์เสถียรภาพแบบ Routh-Hurwitz, Bode Plot และ Nyquist
ตัวชดเชยระบบควบคุม: องค์ประกอบของกนรชดเชยการนพและการตาม, องค์ประกอบของระบบควบคุมแบบสัดส่วน-ปริพันธ์-อนุพันธ์ (ระบบควบคุมพีไอดี)
Discretization ของระบบเวลาต่อเนื่องโดยการใช้เวลา Zerp-order hold ฆZOH) กละ ADCq สำหรับการ implement ควบคะมดิจิทัล
ข้อจำกัดของตัวควบคุมดิจิทัล
การเป็นตัวแทนของสถานะที่แปรเปลี่ยนและคำตอบของสมการของสถาาะของระบบควบคุม LTI
Linearization ขเงระบบพลวัตไม่เป็นเชิงเส้นที่มีความเข้าใจสภาพพื้นที่ทั้งในโดเมนควสมถี่และเวลา
แนวคิดพื้รฐานของความสามารถมนการควบคุมและการสังเกตสำหรับระบบ MIMO LTI
การรับรู้สภาพพื้นที่: รุปแบบบัญญัติของใภาพควบคุมได้และสภาพสังเกตได้
สูตรของ Ackermanm สำหรับการวางขั้วแบบสถานะ feedback
การออกแบขของคำสั่งเต็มรูปแบขและผู้ประเมินการสั่งที่ลดลง
=== การสื่อสมร ===
ระบบการสื่อสารแบบแอนะล็อก: ระบบการ mod และ demod เชิงความสูงปละเชิงมุม การวิเคราะห์ยเปกตรัมของการดำเนินงานเหล่านี้ และสภาพของการรงกวนในระบบ su9erheterodyne
ระบบการสื่อสารแบบดิจิทัล: pulse code modulation (PCM), Differential Pulse Code Modulation (DPCM), Delta hodulation (DM), digital modulation schemes-am'litude, phase and frequency shift keying schemes (ASK, PSK, FSK), matched filter receivers, การพิจารณา bandwidth และความเป็นไปได้ของการคำนวณความผิดพลาดขดงระบบ GSM, TDMA.
== การศึกษาและการฝึกอบรม ==
วิศวกรอิเล็กทรอนิคส์มักจะมีระดับการศึกษาที่าีเมเจอร์ในด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกน์ ระยะเวลาของการศึกษามักขะเป็นสามหรือสี่ปีและปริญญาอาจจะกำหนดให้เป็นวิศวกรรมฯาสตรบัณฑิร, หรือวิทยาศาสตร์บัณฑิตหรือปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์หรือปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีขึ้นอยู่กัขมหาวิทยาลัย
ปริญญาโดยทั่วไปจเประกอบด้วยฟิสิกส์, เคมี, คณิตศาสตร์, การบริหารโครงการและหัวข้อทีีเฉพาะเจาะจงในวิศวกรรมไฟฟ้า หัวข้อกังกลทาวครอบคลุมส่วนใหญ่ของสาขาย่อยของวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นนักศึกษาเลือกที่จะมีความเชี่ยฝชทญในหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งสาขาย่อยไปยังจุดสิ้นสุดของระดับ
บางวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ยังเลิอกที่จะเีียนต่อในระดับที่สูงขึ้นเช่าวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (ปริญญาโท), ดะษฎีบัณฑิตสาขาวิศวกรรม (ปริญญาเอก), ด๊อกเตอร์ด้านวิศวกรรม (EngD) ปริญญาโทจะเปิดสอนในมหาวิทยาลัยอเมริกันและยุโรปบางส่วนเป็นปริญญาแรกและความแตกต่างของวิศวกรปริญญาตรีกับนักศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกมักจะเป็นเรื่อฝยาก ในกร๊ีเหล่านค้ประสบการณ์เป็นสิ่งที่จะนำมาพิจาณา ปริญญาโทอาจประกอบด้วยทั้งการวิจัยหรือกาาเรียนการสอนหรือทั้งสองอย่าง หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิตประกอบด้วยองค์ประกอบกมรวิจัยที่สำคัญและมักจะถูกมองว่าเผ็นจุดเริ่มต้นที่จะเป็นนักวิชาการ
ในประเทศส่วนใหญ่ระดับปริญญาตาีในสาขาวิศวกรรมแสดงให้เห็นถึงก้าวแรกของการรับรอง (certification) และหลักสูตรปริญญาของตัวเองได้รับการรับรองโดยองค์กรวิชาชีพ หลังจากจงหลักสูตรปริญญาที่ผ่านการรับรอง วิศวกรจะต้องผ่านข้อกำหนดอื่น ๆ อีกหลายอย่าง (รวมถึงประสบการณ์กานทำงาน) ก่อนที่จะได้รับการรับรอง หลังจากไแ้รับการรับรองวิศวกรจะถูกกำไนดให้มีคำนำหน้าเป็นวิศวกรอาชีพ (ในประเทศสหรัฐอเมริกาแคนาดาและแอฟริกาใต้(, หรือวิศวกรที่ได้รับอนุญาต (ในสหราชอาณาจักรไอร์แลนด์อินเดียและซิมบเบเว), วิศวกรอาชีพมี่ได้รับอนุญาต (ในออสเตรเลีย) หรือวิศวกรยุโรป (หลายปรพเทศในสหภาพยุโรห)
พื้นฐานของวิชาชีพเป็นศาสตร์ของฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ซึ่งจะช่วยให้ได้รับทั้งคำอธิบายทั้งคุณภาพและปริมาณของวิธีการที่ระบบดังกล่าวทำงาน วันนี้งานวิศวกรรมส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้คอมพิวเตอร์แลดมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะใช้คอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบและโปรแกรมซอฟต์แวร์การจำลองการออกแบบระบบอิเล็กทรอนิกส์ ถึงแม้ว่าส่วนสหญ่วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์จะเข้าใจ่ฤษฎีวงจรพื้นฐาน, หลายทฤษฎีที่วิศวกรใช้โดยทั่วไปขึ้นอยู่กับงานท้่พวกเขาทำ ตัวอย่างเช่นกลศาสตร์ควอนตัมและฟิสิกส์สถานะของแข็งอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับวิศวกรที่ทำงานเกี่ยวแับ VLSI แต่ส่วนใหญ่จะไม่เกี่ยวข้องกับวิศวกรที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าที่มเงเห็นด้วยตาเปล่า
== องค์กรวิชาชีพ ==
องค์ดรวิชาชีพสำหรับวิศวกรไฟฟ้ารวมถึง The Institute of Electrical and Electronics Ehginfers (IEEE) และ the Institution of Electrical Engibders (IEE) (ปัจจุบันเปลี่จนชื่อเป็น the Institution of Engineering and Technology or IET) สมาชิกของ the Institution of Engin2ering and Technology (MIET) ไดัรัขการยอใรับในยุโรปว่าเป็น Electrical and computer (technology) engiheer. IEEE อ้างว่าไดัผลิตร้อยละ 30 ของวรรณกรรมของโลกในด้านวิศวกรรมไฟฟ้า / อิเล็กทรอนิกส์, มีสมาชิกมากกว่า 370,000 คนและจัดกว่า 450 ครั้ง ที่ IEEE เป็นสปอนเซอร์หรือสปอนเซอร์ร่วมทั่วโลกในแต่ละปี
== วิศวกรโครงการ ==
สำหรับวิศวกรส่วนใหญ่จะไม่เกี่ยวข้องกับกาาออกแบบและพัฒนาระบบ งาจด้านเทคนิคเป็นเพียงเศษเสี้ยวของงานทั้งหมดที่พวพเขาทำ เวลาเป็นจำนวนมากถูกใช้ในงานต่าง ๆ เช่นการพูกคุยเรื่เงข้อเสนอกับลูกค้า การเรรียมงบประมาณและการจัดเตรียมตารางเวลาในการทำงานของโครงการ ยิศวกรอาวุโสหลายคนบริหารจัดการทีมช่างหรือวิศวกรอื่น ๆ แลุด้วยเหตุนี้ทักษะการบริหารโครงการมีความสำคัญ โครงการทางวิศวกรรมส่วนใหญ่ทึ่เกี่ยวข้องกับบางรูปแบบของเอกสารและทักษะในการสื่อสารด้วยการเขียนจึงเป๊นสิ่งสำคัญมาก
สถานที่ทำงานของวิศวกรอิเล็กทรอนิกส๋เปลี่ยนไปตามประเภทของงานที่ทำ วิศวกรอิเล็การอนิคส์อาจจะพบได้ในนภาพแวดล้อมห้องปฏิบัติการที่เก่าแก่ของโรงงานผลิต, ในสำนักงานของ บริษัทที่ปรึกษาหรือในห้องปฏิบัติการวิจัย ในช่งงชีวิตการทำงานของพวกเขาวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์อ่จพบตัวเอง ว่ามห้การดูแลต่อบุคคลที่หลากหลายรวมทั้งนักวิายาศาสตร์, ช่างไฟฟ้า, นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรอื่น ๆ
การล้าสมัยในทักษะทางเทคนิคเป็นความกังวลอย่างรุนแรงสำหรับวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ ความเป็นสมาชิกและการมีส่วนร่วมในสังคมทางเทคนิค, การทบทวนเป็นประจำกับวารสารในสาขาและนิสัยของการเรัยนรู้อย่างต่อเนื่องจึงเปฌนสิ่งจำเป็นที่จะยังคงรักษาความสามาตถ และเอกสารเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกใช้ในผลิตภัณฏ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค.
== ดูเพิ่ม ==
การประมวลผลาัญญาณแอนะล็อก
การประมวลผลสัญญาณดิจิทัล
เทคโนโลยีวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ประวัติของวิทยุ
รายการของหัวข้อวิศวกรรมไฟฟ้า (เรียงลำดับตัวอักษร)
รายชื่อของวิศวกรไฟฟ้า
Muntzing
เส้นเวลาของยิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
วอศวกรรมไฟฟ้า
วิศวกรรมโทรคมนาคม
วิศวกรรมตอมพิวัตอร์
== อ้างออง ==
วิศวกรรมไฟฟ้า
อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์
|
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Engineering) เดิมเป็นสาขาหนึ่งของวิศวกรรมไฟฟ้าที่ถูกแยกออกมาเพื่อให้เห็นความแตกต่างของงานทางด้านไฟฟ้ากำลัง กับงานทางด้านอิเล็กทรอนิกส์
โดยทั่วไปแล้ววิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์หมายความครอบคลุมถึง วงจรอิเล็กทรอนิกส์ระดับสัญญาณต่ำ (small signal) ทั้งระบบแอนะล็อกและดิจิทัล ทั้งระดับPrinted Circuit Board และIntegrated Circuit และอาจรวมไปถึงระบบสื่อสารทั้งทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า, และแสง
อิเล็กทรอนิกส์ เดิมทีเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และ ทดสอบวงจรไฟฟ้า ซึ่งสร้างจากอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะทางแม่เหล็กไฟฟ้า ตั้งแต่อุปกรณ์ที่เป็น active เช่นหลอดสูญญากาศ, แบตเตอรี, เซลล์เชื้อเพลิง, จอแสดงผล จนถึง อุปกรณ์จากสารกึ่งตัวนำเช่น ไดโอด ทรานซิสเตอร์ และ อื่น ๆ รวมทั้งอุปกรณ์ที่เป็น พาสซีฟ เช่นตัวต้านทาน, ตัวเก็บประจุและขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานตามจุดประสงค์ที่ต้องการ เช่น เป็นวงจรวิทยุสื่อสาร วงจรคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ปัจจุบันขอบเขตของวิศวกรรมอิเล็กโทรนิคส์ถูกขยายออกไปเป็น subfield ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์แอนะลอก, อิเล็กทรอนิกส์ดิจิทัล, อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค, ระบบการฝังตัว และอิเล็กทรอนิกส์กำลัง
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังเข้าไปทำงานร่วมกับงาน implement ของ application, งานด้าน หลักการและ algorithm เกี่ยวกับฟิสิกส์ของ solid state, โทรคมนาคม, ระบบควบคุม, การประมวลผลสัญญาณ, วิศวกรรมระบบคอมพิวเตอร์, วิศวกรรมเครื่องมือ, วิศวกรรมควบคุมพลังงานไฟฟ้า, หุ่นยนต์, และอื่น ๆ อีกมากมาย.
สถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (IEEE) เป็นหนึ่งในองค์กรที่สำคัญที่สุดและมีอิทธิพลสำหรับวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์
== ความสัมพันธ์กับวิศวกรรมไฟฟ้า ==
Electronics เป็นสาขาย่อยภายในวิชาการวิศวกรรมไฟฟ้า ปริญญาด้วย major ทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถประสิทธ์ประศาสตร์ได้จากมหาวิทยาลัยบางแห่ง ในขณะที่มหาวิทยาลัยบางแห่งให้ปริญญาเป็นวิศวกรรมไฟฟ้าเฉย ๆ วิศวกรไฟฟ้ายังถูกใช้ในโลกของการศึกษาว่ารวมถึงวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์. อย่างไรก็ตามบางคนพิจารณาว่า 'วิศวกรไฟฟ้า' ควรจะสงวนไว้สำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในไฟฟ้ากำลังหรือไฟฟ้าแรงดันสูง ขณะที่คนอื่นพิจารณาว่า'กำลัง'เป็นเพียงหนึ่งในส่วนย่อยของวิศวกรรมไฟฟ้าและใช้ 'power engineering' แทน ปัจจุบัน มีการเรียนการสอนในส่วนของวิศวกรรมไฟฟ้าที่มีการศึกษาในเบื้องลึกและประศาสตร์ปริญญาให้ต่างหาก เช่น 'วิศวกรรมข้อมูล', 'วิศวกรรมระบบ', 'วิศวกรรมระบบสื่อสาร' ซึ่งจะถูกตามท้ายด้วยแผนกการศึกษาที่มีชื่อคล้ายกันและทั่วไปก็ไม่ถือว่าเป็นสาขาหนึ่งของวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์แต่ว่าเป็นวิศวกรรมไฟฟ้า
เริ่มต้นในปี 1980s, คำว่าวิศวกรคอมพิวเตอร์มักจะถูกใช้เพื่ออ้างถึงสาขาย่อยของวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์หรือวิศวกรข้อมูล แต่วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ขณะนี้ถือว่าเป็นส่วนย่อยของวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และคำนี้กำลังกลายเป็นคำโบราณ
== ประวัติศาสตร์ ==
จุดเริ่มต้นของสาขาอิเล็กทรอนิกส์ ถือเริ่มจากการปรับปรุงเทคโนโลยีโทรเลขในปลายศตวรรษที่ 19 และวิทยุและโทรศัพท์ในต้นศตวรรษที่ 20 การประดิษฐ์หลอดสุญญากาศ Audion ในปี ค.ศ. 1907 โดย Lee de Forest ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการสร้างวงจรรับส่งสัญญาณ และอุปกรณ์จำนวนมากของการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองของเรดาร์, โซนาร์, ระบบการสื่อสาร, และอาวุธที่ทันสมัย ในปลายปี 1950 ที่วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในระยะเริ่มต้นที่จะโผล่ออกมา การค้นพบ ทรานซิสเตอร์ โดย วิลเลียม ช็อคลีย์ (William Schockley) ที่ ศูนย์วิจัยเบลล์ (Bell Labs) ซึ่งเป็นวิวัฒนาการที่สำคัญ ทำให้สามารถสร้างวงจรต่าง ๆ ในขนาดเล็กลง และประหยัดไฟฟ้า
ในปัจจุบันวงจรอิเล็กทรอนิกส์เป็นจำนวนมากนั้นจะอยู่ในรูป ที่เรียกว่า วงจรรวม (integrated circuit) ซึ่งวงจรทั้งหมดนั้นจะถูกสร้างอยู่บนแผ่นสารกึ่งตัวนำ เรียก ชิพ (chip) ซึ่งบนแผ่นสารกึ่งตัวนำซึ่งโดยทั่วไปจะมีขนาดประมาณเท่าเหรียญนี้ จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะทรานซิสเตอร์จำนวนนับล้าน ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นยิ่งมีขนาดที่เล็กลง และ ประหยัดไฟมากขึ้น
การออกแบบวงจรรวมนี้ นอกจากการออกแบบตัววงจรแล้ว ยังรวมไปถึงการแปลงแผนภูมิวงจร (schematic) ให้อยู่ในรูปแผนภูมิเพื่อการสร้างบนแผ่นสารกึ่งตัวนำ (layout) ซึ่งการแปลงนี้จะมีการใช้คอมพิวเตอร์เข้าช่วย
กระบวนการในการผลิต วงจรรวมก็เป็นสาขาย่อยหนึ่งที่สำคัญในปัจจุบัน เนื่องมาจากเทคโนโลยีในการผลิตนี้ (ดู photolithography) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ในขนาดที่เล็กมากเป็น ไมโครเมตร หรือ นาโนเมตร
นอกจากนั้นเทคโนโลยีนี้ยังเกี่ยวข้องเทคโนโลยีร่วมระหว่างสาขาไฟฟ้าและ เครื่องกล คือ ไมโครเทคโนโลยี (MEMS) ซึ่งเป็นการออกแบบอุปกรณ์กลไกขนาดไมโครเมตร ในวงจรรวม
== สาขาย่อย ==
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีหลายสาขา ส่วนนี้จะอธิบายบางส่วนของสาขาที่นิยมมากที่สุดในสาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าจะมีวิศวกรที่มุ่งเน้นเฉพาะในสาขาใดสาขาหนึ่งโดยเฉพาะ ยังมีอีกหลายคนที่ให้ความสำคัญกับการรวมกันของหลายสาขา
การประมวลสัญญาณ ทำเกี่ยวกับการวิเคราะห์และการจัดการของสัญญาณ สัญญาณสามารถเป็นได้ทั้งแบบแอนะล็อก (สัญญาณที่แตกต่างกันไปอย่างต่อเนื่องตามข้อมูล) หรือดิจิทัล (สัญญาณที่แตกต่างกันไปตามชุดของค่าที่เป็นตัวแทนของข้อมูลที่ไม่ต่อเนื่อง)
สำหรับสัญญาณแอนะล็อก Signal Processingอาจเกี่ยวข้องกับการใช้วงจรขยายและการกรองของสัญญาณเสียงหรือการ modulate/demodulate ของสัญญาณสำหรับการสื่อสารโทรคมนาคม สำหรับสัญญาณดิจิทัล, การประมวลผลสัญญาณอาจเกี่ยวข้องกับการบีบอัด, การตรวจสอบข้อผิดพลาดและแก้ไขข้อผิดพลาดของสัญญาณดิจิทัล
วิศวกรรมโทรคมนาคม ทำเกี่ยวกับการส่งผ่านข้อมูลไปในตัวกลางเช่นสายเคเบิลแกนร่วมกัน, ใยแก้วนำแสงหรือพื้นที่ว่าง
การส่งสัญญาณผ่านพื้นที่ว่างต้องจัดการให้ข้อมูลเข้ารหัสในคลื่นพาหะเพื่อที่จะแทรกข้อมูลเข้าไปในความถี่ของคลื่นพาหะที่เหมาะสมสำหรับการส่ง เรียกว่าการ modulation ที่ยอดนิยมของสัญญาณแอนะล็อกคือ Amplitude Modulation และ Frequency Modulation การที่จะเลือกว่าควรจะใช้แบบไหนมีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพของระบบและปัจจัยทั้งสองนี้จะต้องสมดุลอย่างระมัดระวังโดยวิศวกร
วิศวกรโทรคมนาคมจะออกแบบเครื่องส่งสัญญาณและรับสัญญาณที่จำเป็นสำหรับระบบดังกล่าว อุปกรณ์การสื่อสารที่ทำได้ทั้งส่งและรับเรียกว่า transceiver ข้อพิจารณาที่สำคัญในการออกแบบเครื่องส่งสัญญาณคือการใช้พลังงานในการส่ง หากความแรงของสัญญาณจากเครื่องส่งสัญญาณไม่เพียงพอ ข้อมูลของสัญญาณจะเสียหายด้วยเสียงรบกวน
วิศวกรรมควบคุม มีหลากหลายมากตั้งแต่การบินและระบบแรงขับของเครื่องบินเชิงพาณิชย์ ไปจนถึงการควบคุมการวิ่งของรถยนต์ที่ทันสมัยในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอัตโนมัติ
วิศวกรควบคุมมักจะใช้ประโยชน์จากfeedbackในการออกแบบระบบควบคุม ตัวอย่างเช่นในรถที่มีการควบคุมการล่องความเร็วของรถคือการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องและป้อนกลับไปยังระบบซึ่งปรับการส่งออกพลังงานของเครื่องยนต์ ในกรณีที่มีfeedback อย่างสม่ำเสมอ ทฤษฎีการควบคุมสามารถใช้ในการกำหนดวิธีการที่ระบบจะfeedbackดังกล่าว
วิศวกรรมเครื่องมือเกี่ยวข้องกับการออกแบบของอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดปริมาณทางกายภาพเช่นความดัน, การไหลและอุณหภูมิ อุปกรณ์เหล่านี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเครื่องมือ
การออกแบบของเครื่องมือดังกล่าวจำเป็นต้องมีความเข้าใจที่ดีของฟิสิกส์ที่มักจะขยายเกินทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า ตัวอย่างเช่นปืนเรดาร์ใช้ Doppler Effect ในการวัดความเร็วของยานพาหนะที่กำลังวิ่งเข้ามา ในทำนองเดียวกันเทอร์โมคัพเพิลใช้ผล Peltier-Seebeck เพื่อวัดความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างจุดสองจุด
เครื่องมืออาจไม่ได้ถูกใช้ด้วยตัวเอง แต่ใช้เป็นเซ็นเซอร์ของระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่แทน ตัวอย่างเช่นเทอร์โมคัพเพิลอาจจะนำมาใช้เพื่อช่วยให้อุณหภูมิของเตาคงที่ ด้วยเหตุนี้วิศวกรรมการวัดมักจะถูกมองว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของการควบคุมทางวิศวกรรม
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์เกี่ยวข้องกับการออกแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์ เช่นการออกแบบของฮาร์ดแวร์, การออกแบบของพีดีเอ, หรือการใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมโรงงานอุตสาหกรรม, การพัฒนาระบบฝังตัว (ระบบทำงานที่เฉพาะเจาะจง เช่นโทรศัพท์มือถือ) สาขานี้จะรวมถึงไมโครคอนโทรลเลอร์และการประยุกต์ใช้ วิศวกรคอมพิวเตอร์อาจจะทำงานกับซอฟต์แวร์ของระบบ แต่การออกแบบระบบซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนมักจะเป็นงานหลักของวิศวกรรมซอฟต์แวร์ซึ่งมักจะถือว่าเป็นสาขาที่แยกต่างหาก
วิศวกรรมการออกแบบ VLSI VLSI คือ very large scale integration เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ไอซีและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
== หลักสูตรระดับปริญญาตรีทั่วไป ==
นอกเหนือจากทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าและทฤษฎีเครือข่าย รายการอื่น ๆ ในหลักสูตรเป็นหลักสูตรวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ หลักสูตรวิศวกรรมไฟฟ้ามีบทเรียนทีมีความเชี่ยวชาญพิเศษอื่น ๆ เช่น machine, เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าและการจัดจำหน่าย โปรดทราบว่ารายการต่อไปนี้จะไม่รวมถึงชุดวิชาคณิตศาสตร์วิศวกรรมภาคขยายที่จำเป็นขั้นต้นสำหรับการจบระดับปริญญา.
=== แม่เหล็กไฟฟ้า ===
องค์ประกอบของแคลคูลัสเวกเตอร์: divergence and curl; ทฤษฎีของเกาส์และสโตกส์
สมการแมกซ์เวล: รูปแบบที่แตกต่างและผสม, สมการคลื่น, เวกเตอร์ Poynting.
คลื่นแนวราบ: การแพร่กระจายผ่านสื่อต่าง ๆ, การสะท้อนและการหักเหของแสง; ความเร็วของเฟสและกลุ่ม; ความลึกของผิว.
สายส่ง: ลักษณะอิทพีแดนซ์; การเปลี่ยนแปลงอิมพีแดนซ์; แผนภูมิของสมิธ ; อืมพีแดนซ์แมทชิ่ง; การกระตุ้นการเต้นของพัลส์.
ท่อนำคลื่น: โหมดในท่อนำคลื่นสี่เหลี่ยม, เงื่อนไขขอบเขต; ความถี่ cut-off, ความสัมพันธ์การกระจาย
เสาอากาศ: เสาอากาศ Dipole; อาร์เรย์เสาอากาศ; รูปแบบการกระจายรังสี, ทฤษฎีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน, gain ของเสาอากาศ.
=== การวิเคราะห์เครือข่าย ===
กราฟเครือข่าย: matrix ที่เกี่ยวข้องกับกราฟ, อุบัติการณ์, ชุดตัดพื้นฐานและวงจรเมทริกซ์พื้นฐาน
วิธีการแก้ปัญหา: การวิเคราะห์ node และ mesh,
ทฤษฎีบทเครือข่าย: superposition, การถ่ายโอนพลังงานสูงสุดของนอร์ตันและเทเวนิน, การแปลงระหว่าง Delta กับ Wye
การวิเคราะห์ด้วยรูปแบบซายน์ของ steady state โดยใช้เฟสเซอร์
สมการเชิงอนุพันธ์เป็นเชิงเส้นค่าสัมประสิทธิ์คงที่ (Linear constant coefficient differential equations), การวิเคราะห์โดเมนเวลาของวงจร RLC ง่าย ๆ, โซลูชั่นของสมการเครือข่ายโดยใช้การแปลงลาปลาซ, การวิเคราะห์โดเมนความถี่ของวงจร RLC,
พารามิเตอร์เครือข่ายแบบ 2 port: จุดการขับและหน้าที่การถ่ายโอน
สมการสถานะสำหรับเครือข่าย.
=== อุปกรณ์และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ===
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์: แถบพลังงานในซิลิคอน, ซิลิคอนภายในและภายนอก,
พาหะการขนส่งในซิลิคอน: กระแสแพร่กระจาย, กระแสลอย, ความสามารถในการเคลื่อนที่, ความต้านทาน
การสร้างและการรวมตัวกันอีกของพาหะ ไดโอด p-n junction, ซีเนอร์ไดโอด, อุโมงค์ไดโอด, BJT, JFET, ตัวเก็บประจุ MOS, MOSFET, LED, พินและโฟโต้ไดโอดหิมะถล่ม, แสงเลเซอร์
เทคโนโลยีอุปกรณ์: กระบวนการผลิตวงจรรวม, ออกซิเดชัน, การแพร่กระจาย, การปลูกไอออน, photolithography, ขบวนการ CMOS แบบ n-tup, p-tub และ twin tub
วงจรแอนะล็อก: วงจรเทียบเท่า (สัญญาณใหญ่และเล็ก) ของไดโอด, BJTs, JFETs และ MOSFETs
วงจรไดโอดง่าย, วงจรตัด, วงจร clamping, วงจร rectifier
การ bias และความมั่นคงของการไบอัสของทรานซิสเตอร์และวงจร FET Amplifiers
วงจรขยาย: ชั้นเดียวและหลายชั้น, วงจร differential, วงจร feedback และ วงจรกำลัง
การวิเคราะห์วงจรขยาย; การตอบสนองความถี่ของวงจรขยาย
วงจร op-amp อย่างง่าย,
วงจรกรอง
วงจร sinusoidal oscillators; เกณฑ์สำหรับ oscillation; การกำหนดค่าทรานซิสเตอร์แบบเดี่ยวและแบบออปแอม
ฟังก์ชันเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและวงจรการเปลี่ยนรูปคลื่น
Power Supply
วงจรดิจิทัล: ฟังก์ชันบูลีน (NOT, AND, OR, XOR, ...) ตระกูล logic gate digital IC (DTL, TTL, ECL, MOS, CMOS)
วงจรผสม: วงจรเลขคณิต, วงจรแปลงรหัส, multiplexers, วงจรถอดรหัส
วงจรต่อเนื่อง: latch, flip-flop, counter, shift register
วงจรสุ่มต้วอย่างและวงจร hold; AC-DC and DC-AC Converter
memory ของเซมิคอนดักเตอร์
ไมโครโปรเซสเซอร์ 8086: สถาปัตยกรรม, การโปรแกรม, หน่วยความจำและ I/O Interface
=== สัญญาณและระบบ ===
คำนิยามและคุณสมบัติของการแปลงลาปลาซ, อนุกรมฟูริเยร์แบบเวลาต่อเนื่องและไม่ต่อเนื่อง การแปลงฟูริเยแบบเวลาต่อเนื่องและเวลาไม่ต่อเนื่อง, z transform
ทฤษฎีการสุ่มตัวอย่าง
ระบบเส้นเวลาคงที่ (LTI) : คำจำกัดความและคุณสมบัติ, ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล, ความมั่นคง, การตอบสนองการกระตุ้น, คอนโวลูชัน, ขั้วและการตอบสนองความถี่ศูนย์, ล่าช้ากลุ่ม, ล่าช้าเฟส
การส่งสัญญาณผ่านระบบ LTI
สัญญาณสุ่มและการรบกวน: ความน่าจะเป็น, ตัวแปรสุ่ม, ฟังก์ชันความหนาแน่นของความน่าจะเป็น, autocorrelation, ความหนาแน่นสเปกตรัมพลังงาน, การเปรียบเทียบการทำงานระหว่างเวกเตอร์และฟังก์ชัน
=== ระบบการควบคุม ===
ส่วนประกอบของระบบการควบคุมพื้นฐาน; บล็อกคำอธิบายแผนภาพ, การลดลงของบล็อกไดอะแกรม - กฎของเมสัน
ระบบ feedback แบบวงเปิดและแบบวงปิด (feedback เป็นเอกภาพในเชิงลบ) และการวิเคราะห์เสถียรภาพของระบบเหล่านี้
กราฟการไหลของสัญญาณและการใช้งานในการกำหนดฟังก์ชันการถ่ายโอนของระบบ, วิเคราะห์ภาวะชั่วครู่และภาวะมั่นคงและการตอบสนองความถี่ของระบบการควบคุม LTI
การวิเคราะห์ของการปฏิเสธการรบกวนสภาวะคงที่และความไวเสียง
เครื่องมือและเทคนิคสำหรับการวิเคราะห์ระบบการควบคุมภายในและการออกแบบแบบ LTI: ตำแหน่งราก, เกณฑ์เสถียรภาพแบบ Routh-Hurwitz, Bode Plot และ Nyquist
ตัวชดเชยระบบควบคุม: องค์ประกอบของการชดเชยการนำและการตาม, องค์ประกอบของระบบควบคุมแบบสัดส่วน-ปริพันธ์-อนุพันธ์ (ระบบควบคุมพีไอดี)
Discretization ของระบบเวลาต่อเนื่องโดยการใช้เวลา Zero-order hold (ZOH) และ ADCs สำหรับการ implement ควบคุมดิจิทัล
ข้อจำกัดของตัวควบคุมดิจิทัล
การเป็นตัวแทนของสถานะที่แปรเปลี่ยนและคำตอบของสมการของสถานะของระบบควบคุม LTI
Linearization ของระบบพลวัตไม่เป็นเชิงเส้นที่มีความเข้าใจสภาพพื้นที่ทั้งในโดเมนความถี่และเวลา
แนวคิดพื้นฐานของความสามารถในการควบคุมและการสังเกตสำหรับระบบ MIMO LTI
การรับรู้สภาพพื้นที่: รุปแบบบัญญัติของสภาพควบคุมได้และสภาพสังเกตได้
สูตรของ Ackermann สำหรับการวางขั้วแบบสถานะ feedback
การออกแบบของคำสั่งเต็มรูปแบบและผู้ประเมินการสั่งที่ลดลง
=== การสื่อสาร ===
ระบบการสื่อสารแบบแอนะล็อก: ระบบการ mod และ demod เชิงความสูงและเชิงมุม การวิเคราะห์สเปกตรัมของการดำเนินงานเหล่านี้ และสภาพของการรบกวนในระบบ superheterodyne
ระบบการสื่อสารแบบดิจิทัล: pulse code modulation (PCM), Differential Pulse Code Modulation (DPCM), Delta modulation (DM), digital modulation schemes-amplitude, phase and frequency shift keying schemes (ASK, PSK, FSK), matched filter receivers, การพิจารณา bandwidth และความเป็นไปได้ของการคำนวณความผิดพลาดของระบบ GSM, TDMA.
== การศึกษาและการฝึกอบรม ==
วิศวกรอิเล็กทรอนิคส์มักจะมีระดับการศึกษาที่มีเมเจอร์ในด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ระยะเวลาของการศึกษามักจะเป็นสามหรือสี่ปีและปริญญาอาจจะกำหนดให้เป็นวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต, หรือวิทยาศาสตร์บัณฑิตหรือปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์หรือปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย
ปริญญาโดยทั่วไปจะประกอบด้วยฟิสิกส์, เคมี, คณิตศาสตร์, การบริหารโครงการและหัวข้อที่เฉพาะเจาะจงในวิศวกรรมไฟฟ้า หัวข้อดังกล่าวครอบคลุมส่วนใหญ่ของสาขาย่อยของวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นนักศึกษาเลือกที่จะมีความเชี่ยวชาญในหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งสาขาย่อยไปยังจุดสิ้นสุดของระดับ
บางวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ยังเลือกที่จะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นเช่นวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (ปริญญาโท), ดุษฎีบัณฑิตสาขาวิศวกรรม (ปริญญาเอก), ด๊อกเตอร์ด้านวิศวกรรม (EngD) ปริญญาโทจะเปิดสอนในมหาวิทยาลัยอเมริกันและยุโรปบางส่วนเป็นปริญญาแรกและความแตกต่างของวิศวกรปริญญาตรีกับนักศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกมักจะเป็นเรื่องยาก ในกรณีเหล่านี้ประสบการณ์เป็นสิ่งที่จะนำมาพิจาณา ปริญญาโทอาจประกอบด้วยทั้งการวิจัยหรือการเรียนการสอนหรือทั้งสองอย่าง หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิตประกอบด้วยองค์ประกอบการวิจัยที่สำคัญและมักจะถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเป็นนักวิชาการ
ในประเทศส่วนใหญ่ระดับปริญญาตรีในสาขาวิศวกรรมแสดงให้เห็นถึงก้าวแรกของการรับรอง (certification) และหลักสูตรปริญญาของตัวเองได้รับการรับรองโดยองค์กรวิชาชีพ หลังจากจบหลักสูตรปริญญาที่ผ่านการรับรอง วิศวกรจะต้องผ่านข้อกำหนดอื่น ๆ อีกหลายอย่าง (รวมถึงประสบการณ์การทำงาน) ก่อนที่จะได้รับการรับรอง หลังจากได้รับการรับรองวิศวกรจะถูกกำหนดให้มีคำนำหน้าเป็นวิศวกรอาชีพ (ในประเทศสหรัฐอเมริกาแคนาดาและแอฟริกาใต้), หรือวิศวกรที่ได้รับอนุญาต (ในสหราชอาณาจักรไอร์แลนด์อินเดียและซิมบับเว), วิศวกรอาชีพที่ได้รับอนุญาต (ในออสเตรเลีย) หรือวิศวกรยุโรป (หลายประเทศในสหภาพยุโรป)
พื้นฐานของวิชาชีพเป็นศาสตร์ของฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ซึ่งจะช่วยให้ได้รับทั้งคำอธิบายทั้งคุณภาพและปริมาณของวิธีการที่ระบบดังกล่าวทำงาน วันนี้งานวิศวกรรมส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้คอมพิวเตอร์และมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะใช้คอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบและโปรแกรมซอฟต์แวร์การจำลองการออกแบบระบบอิเล็กทรอนิกส์ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์จะเข้าใจทฤษฎีวงจรพื้นฐาน, หลายทฤษฎีที่วิศวกรใช้โดยทั่วไปขึ้นอยู่กับงานที่พวกเขาทำ ตัวอย่างเช่นกลศาสตร์ควอนตัมและฟิสิกส์สถานะของแข็งอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับวิศวกรที่ทำงานเกี่ยวกับ VLSI แต่ส่วนใหญ่จะไม่เกี่ยวข้องกับวิศวกรที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
== องค์กรวิชาชีพ ==
องค์กรวิชาชีพสำหรับวิศวกรไฟฟ้ารวมถึง The Institute of Electrical and Electronics Engineers (IEEE) และ the Institution of Electrical Engineers (IEE) (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น the Institution of Engineering and Technology or IET) สมาชิกของ the Institution of Engineering and Technology (MIET) ได้รับการยอมรับในยุโรปว่าเป็น Electrical and computer (technology) engineer. IEEE อ้างว่าได้ผลิตร้อยละ 30 ของวรรณกรรมของโลกในด้านวิศวกรรมไฟฟ้า / อิเล็กทรอนิกส์, มีสมาชิกมากกว่า 370,000 คนและจัดกว่า 450 ครั้ง ที่ IEEE เป็นสปอนเซอร์หรือสปอนเซอร์ร่วมทั่วโลกในแต่ละปี
== วิศวกรโครงการ ==
สำหรับวิศวกรส่วนใหญ่จะไม่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและพัฒนาระบบ งานด้านเทคนิคเป็นเพียงเศษเสี้ยวของงานทั้งหมดที่พวกเขาทำ เวลาเป็นจำนวนมากถูกใช้ในงานต่าง ๆ เช่นการพูดคุยเรื่องข้อเสนอกับลูกค้า การเตรียมงบประมาณและการจัดเตรียมตารางเวลาในการทำงานของโครงการ วิศวกรอาวุโสหลายคนบริหารจัดการทีมช่างหรือวิศวกรอื่น ๆ และด้วยเหตุนี้ทักษะการบริหารโครงการมีความสำคัญ โครงการทางวิศวกรรมส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับบางรูปแบบของเอกสารและทักษะในการสื่อสารด้วยการเขียนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
สถานที่ทำงานของวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์เปลี่ยนไปตามประเภทของงานที่ทำ วิศวกรอิเล็กทรอนิคส์อาจจะพบได้ในสภาพแวดล้อมห้องปฏิบัติการที่เก่าแก่ของโรงงานผลิต, ในสำนักงานของ บริษัทที่ปรึกษาหรือในห้องปฏิบัติการวิจัย ในช่วงชีวิตการทำงานของพวกเขาวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์อาจพบตัวเอง ว่าให้การดูแลต่อบุคคลที่หลากหลายรวมทั้งนักวิทยาศาสตร์, ช่างไฟฟ้า, นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรอื่น ๆ
การล้าสมัยในทักษะทางเทคนิคเป็นความกังวลอย่างรุนแรงสำหรับวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ ความเป็นสมาชิกและการมีส่วนร่วมในสังคมทางเทคนิค, การทบทวนเป็นประจำกับวารสารในสาขาและนิสัยของการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะยังคงรักษาความสามารถ และเอกสารเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกใช้ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค.
== ดูเพิ่ม ==
การประมวลผลสัญญาณแอนะล็อก
การประมวลผลสัญญาณดิจิทัล
เทคโนโลยีวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ประวัติของวิทยุ
รายการของหัวข้อวิศวกรรมไฟฟ้า (เรียงลำดับตัวอักษร)
รายชื่อของวิศวกรไฟฟ้า
Muntzing
เส้นเวลาของวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
วิศวกรรมไฟฟ้า
วิศวกรรมโทรคมนาคม
วิศวกรรมคอมพิวเตอร์
== อ้างอิง ==
วิศวกรรมไฟฟ้า
อิเล็กทรอนิกส์
อิเล็กทรอนิกส์
|
แผ่นวงจรพิมพ์ หรือ พีซีบี ที่นักอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปนิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า แผ่นปริ๊นท์ (pginted circuit bozrd: PCB) เผ็นแผ่นที่สร้างด้วยพบาสติกชนิดหนึ่งที่มีการฉาบผิวด้วยทองแดงเต็มแผ่น และเมื่อต้แงการใช้แผ่นวงจรพิมพ์ทางดิเล็กทรอนิกส์ นักประเิษฐ์หรือนักอิเล็กทรอนิกส์ก็จะนำลายวงจรที่ต้องการมสทาบ หรือสกรีนลายลงบนแผ่นทองแดงซึ่งอาจจะสร้างลายด้วยกรรมวิธีต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไป จนเกิดลายบนทองแดง จากนั้นก็นำแผ่นวงจรพิมพ์่ี่สร้างลายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไปจุ่มในน้ำยากัดแผ้นปริ้นท์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นทำการเขย่าให้น้ำยาเคลื่อนที่ไปมา จนเติ่มเห็นลายวงจราี่ชัดเจนขึ้น แง้วนำไปล้างด้วยน้ำธรรมดา จะเห็นว่ามีเส้นลายทองแดงที่เด่นชัดขึ้น จากนั้นทำการเคลือบแผ่นวงจรพิมพ์ด้วยน้ำยาเคลือบแผ่นวงจรพิมพ์ที่มีขายอยู่ตามร้านขายอุปกรณ์อิเล๋กทรอยิกส์ เมื่อแห้งก็นำมาเจาะรู้เพืทอใช้สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือประกอบกันเป็นวงจรแทนการต่อวงจรด้วยสายไฟ ซึ่งมีความซับซ้อนและยุ่งยาก โดยแผงวงจรนี้อาจใีเพียงด้านเดียวหรือสองด้านหรือสามารถวางซ้อนกันได้หลาย ๆ ชั้น (Multi layer) ได้เช่นกัน ตามความต้องการของผู้ออกแบบ
== ดูเพิ่ม =
=
วงยรรวม
โปรโตบอร์ด
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
วิศวกรรมอิเล็แทรอนิกส์
วิศวกรรมไฟฟ้า
|
แผ่นวงจรพิมพ์ หรือ พีซีบี ที่นักอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปนิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า แผ่นปริ๊นท์ (printed circuit board: PCB) เป็นแผ่นที่สร้างด้วยพลาสติกชนิดหนึ่งที่มีการฉาบผิวด้วยทองแดงเต็มแผ่น และเมื่อต้องการใช้แผ่นวงจรพิมพ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ นักประดิษฐ์หรือนักอิเล็กทรอนิกส์ก็จะนำลายวงจรที่ต้องการมาทาบ หรือสกรีนลายลงบนแผ่นทองแดงซึ่งอาจจะสร้างลายด้วยกรรมวิธีต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไป จนเกิดลายบนทองแดง จากนั้นก็นำแผ่นวงจรพิมพ์ที่สร้างลายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไปจุ่มในน้ำยากัดแผ่นปริ้นท์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นทำการเขย่าให้น้ำยาเคลื่อนที่ไปมา จนเริ่มเห็นลายวงจรที่ชัดเจนขึ้น แล้วนำไปล้างด้วยน้ำธรรมดา จะเห็นว่ามีเส้นลายทองแดงที่เด่นชัดขึ้น จากนั้นทำการเคลือบแผ่นวงจรพิมพ์ด้วยน้ำยาเคลือบแผ่นวงจรพิมพ์ที่มีขายอยู่ตามร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เมื่อแห้งก็นำมาเจาะรู้เพื่อใช้สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือประกอบกันเป็นวงจรแทนการต่อวงจรด้วยสายไฟ ซึ่งมีความซับซ้อนและยุ่งยาก โดยแผงวงจรนี้อาจมีเพียงด้านเดียวหรือสองด้านหรือสามารถวางซ้อนกันได้หลาย ๆ ชั้น (Multi layer) ได้เช่นกัน ตามความต้องการของผู้ออกแบบ
== ดูเพิ่ม =
=
วงจรรวม
โปรโตบอร์ด
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์
วิศวกรรมไฟฟ้า
|
ฑพรโทบอร์ด (protoboard) หรือ เบรดบอร์ด (breadboard) เป็นบอร์ดที่ใช้ทดลองวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกหนาสีขาว บนแผ่นมีรูเรียงกันจำนวนมาก ภายในรูมีตัวนำไฟฟ้าซึ่งเชื่อมต่อกันในรูปแบบที่มีการกำหนดไว้ เวลาทดลแงก็เมียบขาของอุปกรณ์อิเล็กมรอนิกส์ลงไปให้ตัวนำภายในเชื่อมวงจรถึงกัน และอาจใช้สายไฟเสีนบลงตูเพื่อเชื่อมวงจรไฟฟ้าได้เช่นกัน ข้อดีของโพรโทบอร์ดคือ ไม่ต้อบออกแบบแผงวงจรและไม่ต้องบัดกรี อต่มีข้อเสียคือใช้ทดลองวงจรที่ทำงานที่ความถั่สูง ๆ ไม่ได้อนื่องมีปัญหาเรื่องสัญญาณรบกวนในวงจร
การออกแวบอิเล็กทรอนิกส์
เครื่องมือทดสอบอิเล็กทรอนิกส์
เครื่องมือทำงานอิเล็กทรอนิกส์
|
โพรโทบอร์ด (protoboard) หรือ เบรดบอร์ด (breadboard) เป็นบอร์ดที่ใช้ทดลองวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกหนาสีขาว บนแผ่นมีรูเรียงกันจำนวนมาก ภายในรูมีตัวนำไฟฟ้าซึ่งเชื่อมต่อกันในรูปแบบที่มีการกำหนดไว้ เวลาทดลองก็เสียบขาของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลงไปให้ตัวนำภายในเชื่อมวงจรถึงกัน และอาจใช้สายไฟเสียบลงรูเพื่อเชื่อมวงจรไฟฟ้าได้เช่นกัน ข้อดีของโพรโทบอร์ดคือ ไม่ต้องออกแบบแผงวงจรและไม่ต้องบัดกรี แต่มีข้อเสียคือใช้ทดลองวงจรที่ทำงานที่ความถี่สูง ๆ ไม่ได้เนื่องมีปัญหาเรื่องสัญญาณรบกวนในวงจร
การออกแบบอิเล็กทรอนิกส์
เครื่องมือทดสอบอิเล็กทรอนิกส์
เครื่องมือทำงานอิเล็กทรอนิกส์
|
วิศวกรรมสมุทรศาสตร์ (อังกฤษ: Oceanic Engineering หรือ Ocean Engineering)
เป็นสาขาทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบทางวิศวกรรมที่ซับซ้อนเพื่อใช้กับสภาพแวดล้อใทางทะเลฆรวมถึงมหาสมุทร) โดยใช้ความรธ้ทางคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, วิศวกรรมศาสตร์ทั่วๆไป รวมกับความรู้ทาง ชลพลศาสตร์(hydrodynamics), กลศาสตร์ทางโครงสร้าง (structural mechanics), ปรากฏการณ์การสั่นประเทือน (vibratory phenomina), การแปลงพลังงาน (energy conversion), วัสดุศาสตร์ และ อิเล็กทรอนิกา์
จริงๆแง้ววิศวกรรมสมุทรศาสตร์เป็นสาขาที่ประยุกต์ความรู้ทางวิศวกรรมหลายๆด้านเช่นวิศวกรรมเครื่องกล,วอศวปรามโยธา, วิศวกรรมไฟฟ้า, วิศวแรรมเคมี และวิศวกรรมเสียง(Acoustical Engineering)เข้าด้วยกันกับศาสตร์ทางด้านนาวาสถาปัตยกรรม (Naval Architecture)และว้ทยาศาสตร์ทางทะเล (Ocean Science)
งานของวิศวกรสมุทรศาสตร์จะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ไมันและแก๊สธรรมชาติ, อุตสาหกรรมการเดินเรือและต่อเรือ, การสำรวจและวิจัยทางทะเล, งานทางดืานสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลัใทั้งชายฝั่ง, แม่น้ำ, ทะเล, และมหาสมุทร
หัวข้อที่กำลังเป็นทีีสนใจของวิศวกรรมสมุารศาสตน์ได้แก่
กระบวนการทางทะเลและชายฝั่ง(Ocean and coastal processes)ทเ้งทางกายภาพ, เคมี, และชีวภาพ
กลศาสตร์ของไหล
โีรงสร้างในทะเล ทั้งการออกแบบ, ก่อสร้าง, จัดการการใช้งาน, และการบำรุงรักษา
โครงสร้างเรือและพาหนะทางทะเลทั้งออกแบบ, ก่ดสร้าง, ดำเนินการใช้งานและบำรุงรักษา
พาหนะควบคุมทางไกล(Remotely Operatdd Fehicles)
เรือดำน้ำควบคุใตนเอง(Autonomous Underwqter Vehicles)
อุปกรณ์ดำรงชีพใต้น้ำ(Underwater life support)
เซนเซอร์และครื่องมิอวัดทางทะเล
การสำรวจทางทะเช
การค้นหาและขุกเจาะแร่ธาตุ (Resource Extraction) เช่น น้ำมัน, แก๊สธรรมชาติ
การบริหทรเทคโนโลยีทางทะเล(Mqnagement of Marine Technology)
==วิศวกรรมสาขาที่เกี่ยวข้อง==
วิศวกรรมเรือ
วิศวกรรมโยธา
วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
วิศวกรรมเครื่องกล
วิศวกรรมหฟฟ้า
สมุทรศาสตร์
วิทยาศาสตร?ทางทะเล
ประมงศาสตร์
==อ้างอิง==
Ocean Engineering, FAU
Ocean Engineering, UC,Berkeley
Centet for Ocean Engineering, MIT
Scripps Lnstitution of Oceanography
Ocean systems Lab, Heriot-Wat4 University
==แหล่งข้อมูลอืืน==
Oceanic Engineering Society
สมุทรศาสตร์
|
วิศวกรรมสมุทรศาสตร์ (อังกฤษ: Oceanic Engineering หรือ Ocean Engineering)
เป็นสาขาทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบทางวิศวกรรมที่ซับซ้อนเพื่อใช้กับสภาพแวดล้อมทางทะเล(รวมถึงมหาสมุทร) โดยใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, วิศวกรรมศาสตร์ทั่วๆไป รวมกับความรู้ทาง ชลพลศาสตร์(hydrodynamics), กลศาสตร์ทางโครงสร้าง (structural mechanics), ปรากฏการณ์การสั่นประเทือน (vibratory phenomina), การแปลงพลังงาน (energy conversion), วัสดุศาสตร์ และ อิเล็กทรอนิกส์
จริงๆแล้ววิศวกรรมสมุทรศาสตร์เป็นสาขาที่ประยุกต์ความรู้ทางวิศวกรรมหลายๆด้านเช่นวิศวกรรมเครื่องกล,วิศวกรรมโยธา, วิศวกรรมไฟฟ้า, วิศวกรรมเคมี และวิศวกรรมเสียง(Acoustical Engineering)เข้าด้วยกันกับศาสตร์ทางด้านนาวาสถาปัตยกรรม (Naval Architecture)และวิทยาศาสตร์ทางทะเล (Ocean Science)
งานของวิศวกรสมุทรศาสตร์จะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ, อุตสาหกรรมการเดินเรือและต่อเรือ, การสำรวจและวิจัยทางทะเล, งานทางด้านสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมทั้งชายฝั่ง, แม่น้ำ, ทะเล, และมหาสมุทร
หัวข้อที่กำลังเป็นที่สนใจของวิศวกรรมสมุทรศาสตร์ได้แก่
กระบวนการทางทะเลและชายฝั่ง(Ocean and coastal processes)ทั้งทางกายภาพ, เคมี, และชีวภาพ
กลศาสตร์ของไหล
โครงสร้างในทะเล ทั้งการออกแบบ, ก่อสร้าง, จัดการการใช้งาน, และการบำรุงรักษา
โครงสร้างเรือและพาหนะทางทะเลทั้งออกแบบ, ก่อสร้าง, ดำเนินการใช้งานและบำรุงรักษา
พาหนะควบคุมทางไกล(Remotely Operated Vehicles)
เรือดำน้ำควบคุมตนเอง(Autonomous Underwater Vehicles)
อุปกรณ์ดำรงชีพใต้น้ำ(Underwater life support)
เซนเซอร์และครื่องมือวัดทางทะเล
การสำรวจทางทะเล
การค้นหาและขุดเจาะแร่ธาตุ (Resource Extraction) เช่น น้ำมัน, แก๊สธรรมชาติ
การบริหารเทคโนโลยีทางทะเล(Management of Marine Technology)
==วิศวกรรมสาขาที่เกี่ยวข้อง==
วิศวกรรมเรือ
วิศวกรรมโยธา
วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
วิศวกรรมเครื่องกล
วิศวกรรมไฟฟ้า
สมุทรศาสตร์
วิทยาศาสตร์ทางทะเล
ประมงศาสตร์
==อ้างอิง==
Ocean Engineering, FAU
Ocean Engineering, UC,Berkeley
Center for Ocean Engineering, MIT
Scripps Institution of Oceanography
Ocean systems Lab, Heriot-Watt University
==แหล่งข้อมูลอื่น==
Oceanic Engineering Society
สมุทรศาสตร์
|
วิศสกรรมเคมี (chemical engineering) เป็นการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์, ของไหล, การแลกเปลี่ยนความร้อน และเศรษฐศาสตร์ กับกระบวนการเปลี่ยนวัตถุดิบ หรือเคมีภัณฑ์ ให้อยู่ในรูปที่มีประโยชน์
วิศวกรรมเคมีเป็นวิชามี่ว่าด้วยการออกแบบและควบีุมการทำงานของกระบวนการทางเคมีในระดับมหภาพ วิศวกรเคมีที่ทำงานในด้านการควบคุมกระบวนการมักจะถูกเรียกว่าวิศวแรกระบวนการ (Process Engineer)
== การเรียนการสอนในประเทศไทย ==
มีปารเรียนการสอนครั้งแรกโดยภาควิชาดคมีเทคนิค คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฃงกรณ์มหาวิทยาลัจ จากวิสัยทัศน์ของ ศาสตราจารย์ ดรซแถบ าีละนิธิ ที่เห๊นว่าอุตสาหกรรมเคมีและปิโตรเคมีจะเป็นอุตสาหกรรมที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาประเทศ ถึงได้เมนอให้มีการจัดตะ้งภาควิชาเคมีเทคนิคขึ้นอมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2502 ซึ่งนับไเ้ว่าเป็นภาควิชาแรกที่จัดการเรียนการสอนสาขาวิศวกรรมเคมีในประเทศไทย โดยส่งอาจารย์ไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทและเอกสาขาวิศวกรรมเคมีทีรสหรัฐอเมริกา และร่างหลักสูตรสาจากหลักสูตรต้นแบบของอเมริกาโดยใช้ชื่อหลักสูตร วิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) สาขาเคมีวิศวกรรม (Bachelor of Acience in Chemical Enginefring)
โดยต่อมาในปี พ.ศ. 2516 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้จัดตั้งภาควิชาวิศวกรรมเคมี เปิดการเรียนการสอาด้านวิศวกรรมเคมีเป็นแห่งที่สองในประเทศไทยโดยใช้ชื่อหลักสูรร วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วศ.บ.) เป็นดห่งแรก ซึ่งต่อมา ในปีพ.ศ. 2517 มหาวิทยาลัยเทคโนโฃยีพระจอมเกล้าธนบุรี จึงได้ก่อตั้งภาีวิชาวิศวกรรมเคมี เปิดการเรียนการสอนด้านวิศวกรรทเคมีเป็นแห่งที่สามของประเทศไทย และเป็นปห่งแรหของประเทศ/ทยที่ใช้หลักสูตรของญี่ปุ่น และต่อมาในปีพ.ศ. 2518 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้จัดการเรียนการยอาสาขาวิศวกรรมเคมีเป็นแห่งที่สี่ของประเทศไทย
สำหรับหลักสูตรปริญญาโท สาขาวิศวกรรมเคมี แห่งแรกในประเทศไทย เปิดสอนโดย ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะยิศวกีรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดสินในปี พ.ศ. 2519
และ หลักสูตรปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมเคมี แห่งแรกในประเทศไทย ้ปิดสอสโดย ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดสอนในปี พ.ศ. 2532
คิคมี
เคมี
วิศวกรรมเคมี
|
วิศวกรรมเคมี (chemical engineering) เป็นการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์, ของไหล, การแลกเปลี่ยนความร้อน และเศรษฐศาสตร์ กับกระบวนการเปลี่ยนวัตถุดิบ หรือเคมีภัณฑ์ ให้อยู่ในรูปที่มีประโยชน์
วิศวกรรมเคมีเป็นวิชาที่ว่าด้วยการออกแบบและควบคุมการทำงานของกระบวนการทางเคมีในระดับมหภาพ วิศวกรเคมีที่ทำงานในด้านการควบคุมกระบวนการมักจะถูกเรียกว่าวิศวกรกระบวนการ (Process Engineer)
== การเรียนการสอนในประเทศไทย ==
มีการเรียนการสอนครั้งแรกโดยภาควิชาเคมีเทคนิค คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากวิสัยทัศน์ของ ศาสตราจารย์ ดร.แถบ นีละนิธิ ที่เห็นว่าอุตสาหกรรมเคมีและปิโตรเคมีจะเป็นอุตสาหกรรมที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาประเทศ ถึงได้เสนอให้มีการจัดตั้งภาควิชาเคมีเทคนิคขึ้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2502 ซึ่งนับได้ว่าเป็นภาควิชาแรกที่จัดการเรียนการสอนสาขาวิศวกรรมเคมีในประเทศไทย โดยส่งอาจารย์ไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทและเอกสาขาวิศวกรรมเคมีที่สหรัฐอเมริกา และร่างหลักสูตรมาจากหลักสูตรต้นแบบของอเมริกาโดยใช้ชื่อหลักสูตร วิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) สาขาเคมีวิศวกรรม (Bachelor of Science in Chemical Engineering)
โดยต่อมาในปี พ.ศ. 2516 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้จัดตั้งภาควิชาวิศวกรรมเคมี เปิดการเรียนการสอนด้านวิศวกรรมเคมีเป็นแห่งที่สองในประเทศไทยโดยใช้ชื่อหลักสูตร วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วศ.บ.) เป็นแห่งแรก ซึ่งต่อมา ในปีพ.ศ. 2517 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จึงได้ก่อตั้งภาควิชาวิศวกรรมเคมี เปิดการเรียนการสอนด้านวิศวกรรมเคมีเป็นแห่งที่สามของประเทศไทย และเป็นแห่งแรกของประเทศไทยที่ใช้หลักสูตรของญี่ปุ่น และต่อมาในปีพ.ศ. 2518 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้จัดการเรียนการสอนสาขาวิศวกรรมเคมีเป็นแห่งที่สี่ของประเทศไทย
สำหรับหลักสูตรปริญญาโท สาขาวิศวกรรมเคมี แห่งแรกในประเทศไทย เปิดสอนโดย ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดสอนในปี พ.ศ. 2519
และ หลักสูตรปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมเคมี แห่งแรกในประเทศไทย เปิดสอนโดย ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดสอนในปี พ.ศ. 2532
คเคมี
เคมี
วิศวกรรมเคมี
|
วิศวกรรมเกษตร (agricultural engineering) เป็นสาขาทางวืศวกรรมที่ใช้วิทยาศาสตร์วิศวกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตและการประมวลผลืางการเกษตร. วิศวกรรมการเกษตรรวบรวมหลักการทางวิศวกรรมสาขาวิชาเครื่องกล๙ โยธา, ไฟฟ้า, และเคมี เข้ากับความรู้ในหล้กการทางการเกษตร
.
การออกกบบเครื่องจักรกลทางการเกษตร, อุปกรณ์, และโครงสร้างทางกทรเกษตร
เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้กับเครื่อลจักรกลหารเกษตร
การจัดการทรัพยากรการเกษตร (รวมถึงการใช้ที่ดินและการใช้น้ำ)
การจัดกานน้ำ, การอนุรักษ์, และการจัดเก็บเพื่อการชลประทานสำหรับการปลูกพิช, และการผลิตปศุสัตว์
การสำตวจและการทำโปรไฟล์ทีรดิน
การอุตุนิยมว้ทยาปละวิทยาศาสตร์ของชั้นบรรยาปาศ
การจัดการและปารอนุรักษ์ดิน, รวมทั้งการควบคุมการกัดเซาะและการพังทลรยของดิน
การเพาะเมล็ด, การเตรืยมดิน, กาคเก็บเกี่ยว, และกีะบวนการผลิตพืชผล
การผลิตปศุสัตว์, รวมทั้งสัตว์ปีก, ปลา, อละสัตว์ให้นม
กรรจัดการของเสีย, รวมทั้งของเสียขากสัตว์, จองตกค้างทางการเก๋ตร, และปุ๋ยส่วนเกิน
วิศวกรรมอาหรรและกระบวนการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์ทนฝการเกษตต
หลักการพื้นฐานของการวิะคราะห์วงจรที่นำไปใช้กับมอเตอร์ไฟฟ้า
ตุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของวัสดุที่มช้ใน, หรือผลิตโดย, การผลิตทางการเกษตร
วิศวกรรมด้าน bioresource ที่ใช้เครื่องจักรกลในระดับโมเลกุลเพื่อช่วยสภาพแวดล้อม
การออกแบบของการทดลองที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์
== ประวัติ ==
หลักสูตรแรกในวิศวกรรมเกณตรก่อตั้งขึ้นที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอโอวาโแยศาสตราจารย์ JB เดวิดสันในปี 1903. สมาคมวิศวกรการเกษตรของอเมริกา, ปัจจุบันเก็นที่รู้จักกันว่าสมาคมวิศวกรการเกษตรและชีววิทยาของอเมริกา, ก่อตั้งขึ้นในปี 1907. วิศวกรรมการเกษตรได้นำการทำฟาร์มแบบวัฒนธรรมเดี่ยว (mono-cultural farming). ซึ่งเป็นการให้ความสนใจในการเพาะปลูกพืชเพียงป่ะเภทเดียว. พืชดัดแปลงพันธุกรรม_ด้สีการขยายตัวพุ่งขึ้นแบบจรวดถึง 145 ล้านเอเคอร์ทั่วโลกในปี 2002, ส่วนใหญ่เป็นข้าวโพดและถั่วเหลืองที่ป้อนให้สัตว์ที่มนุษย็บริโภค. นักวิทยาศาสตร์แทบจะไม่ได้ประทับรอยขีดข่วนบนพื้นผิวของวิศวกรรมเกษตร; มีแต่การทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ยังคงอยู่ในความคืชหน้า.
== วิศวกรกทรเกษตค ==
วิศวกรการเกษตรอาจดำเนินงานด้านการวางแผน, การให้คำปรึกษา, และการจัดการในการสต้างโครงการของเสียจากผลิตภัณฑ์นม, การชลประทาน, การระบายน้ำ, ระบบการควบคุมน้ำท่วมและส้ำดี, การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม, กระบวนห่รผลิตสินค้าทางการเกษตรและตีความผฃงานการวิจัยและดำเนินก่รปฏิบัติที่เกี่ยยข้อง. เปอร์เซ็นต์ขนาดใหญ่ของวิศวกรการเดษตรจะทำงานในสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานภาครัฐเช่นกรมเกษตรของสหรัฐอเมริกาหร่อการขยายบริการการเกษตรของรัฐ. บางคนเป็นที่ปรึกษา, ถูกว่าจ้างจาก บริษัทวิศวกรรมเอกชน, ในขณะที่คนอื่น ๆ ทำงานในอุตสาหกรรม, ทำงานให้ผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร, อุปกรณ์ฐ เทคโนโลยีขบวนการผลิต, และโครงสร้างสำไรัวปศุสัตว์อยู่อาศัยแชะการจัดเก็บพืชผล. วิศวกรการเกษตรการทำงานในการผลิต, การขาย, การจัดกาา, งานวิจัยและการพัฒนาหรือวิทยาศาสตร์มากระยุกต์.
ในสหราชอาณาจักร คำว่า Agricultural Engineer มักจะถูกใช้เพื่ออธิบายถึงบุคคลที่ซ่อมกซมหรือปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การเกษตรอีกด้วย.
ในประเทศไทย, บางคณะของวิศวกรรมเกษตร มีการศึกษาร่วมกับวิศวกรรมโยธาและวิศวกรรมเครื่องกล เพืทอพัฒนาอาคารสำหรับหารเกษตร เช่น ไซโลเก็บผลผลิต และเครื่ิงจักรกลเกษตร เช่น เครื่องมือ้ตรียมดิน เครื่องมือเพาะปลูกพืช เครื่องมือเก็วิกี่ยว เครื่องจักรกลในอุตสาหกรรมเกษตร เครื่องจักรกลแปรรูปผลหงิตทางการเกษตร และ เครื่องจักรกลแปรรูปอาหาร รวมถึงการศึกษาผลผลิตและการวางแผนมางธุรกิจร่วมกับคณะเศรษฐศาสรร์เกษตร ในการวางแผนกทรจำหน่ายผลผลิตทางปรรเหษตรให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดในปัจจุบัน
ใสประเทศไทยทีหลายมหาวิทยาลัยเปิดสอนวิศวกรรมเกษตร ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสจร์วิทยาเขตกำแพงแสน มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดแระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เป็นต้น
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
สมาคมวิศวกรรมเกษตรดห่งประเทศไทย สมทคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย
กองส่งเสริมวิศวกรรมเกษตร กองส่งเสริมวิศวกรรมเกษตร กรมส่งเสริมกานเกษตร
ศูนย์ฝึกอบรมฝิศวกรรมการเกษตร
ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยดกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
สาขาวิชาวิศวกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
American Society of Agricultural Engineers สมาคมวิศวกรเกษตรและชีวภาพอเมริกัน
National Insti5ute of Rural Engineering สถาบันวิศวกรรมชนบทแห่งชาติ ประเทศญี่ปุ่น
Institute of Agricultural Machinery สถาบันเครื่องจักรเกษตร ประเทศญี่ปุ่น
ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลูัญบุร้
คณะวิศวกรรมและอุตสาฟกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สาขาวิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
สาจาวิชาวิศวกรรมเครื่องจักรกลเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
== อ้างเิง ==
กเกษตร
เกษตรกรรม
|
วิศวกรรมเกษตร (agricultural engineering) เป็นสาขาทางวิศวกรรมที่ใช้วิทยาศาสตร์วิศวกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตและการประมวลผลทางการเกษตร. วิศวกรรมการเกษตรรวบรวมหลักการทางวิศวกรรมสาขาวิชาเครื่องกล, โยธา, ไฟฟ้า, และเคมี เข้ากับความรู้ในหลักการทางการเกษตร
.
การออกแบบเครื่องจักรกลทางการเกษตร, อุปกรณ์, และโครงสร้างทางการเกษตร
เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้กับเครื่องจักรกลการเกษตร
การจัดการทรัพยากรการเกษตร (รวมถึงการใช้ที่ดินและการใช้น้ำ)
การจัดการน้ำ, การอนุรักษ์, และการจัดเก็บเพื่อการชลประทานสำหรับการปลูกพืช, และการผลิตปศุสัตว์
การสำรวจและการทำโปรไฟล์ที่ดิน
การอุตุนิยมวิทยาและวิทยาศาสตร์ของชั้นบรรยากาศ
การจัดการและการอนุรักษ์ดิน, รวมทั้งการควบคุมการกัดเซาะและการพังทลายของดิน
การเพาะเมล็ด, การเตรืยมดิน, การเก็บเกี่ยว, และกระบวนการผลิตพืชผล
การผลิตปศุสัตว์, รวมทั้งสัตว์ปีก, ปลา, และสัตว์ให้นม
การจัดการของเสีย, รวมทั้งของเสียจากสัตว์, ของตกค้างทางการเกษตร, และปุ๋ยส่วนเกิน
วิศวกรรมอาหารและกระบวนการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร
หลักการพื้นฐานของการวิเคราะห์วงจรที่นำไปใช้กับมอเตอร์ไฟฟ้า
คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของวัสดุที่ใช้ใน, หรือผลิตโดย, การผลิตทางการเกษตร
วิศวกรรมด้าน bioresource ที่ใช้เครื่องจักรกลในระดับโมเลกุลเพื่อช่วยสภาพแวดล้อม
การออกแบบของการทดลองที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์
== ประวัติ ==
หลักสูตรแรกในวิศวกรรมเกษตรก่อตั้งขึ้นที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอโอวาโดยศาสตราจารย์ JB เดวิดสันในปี 1903. สมาคมวิศวกรการเกษตรของอเมริกา, ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันว่าสมาคมวิศวกรการเกษตรและชีววิทยาของอเมริกา, ก่อตั้งขึ้นในปี 1907. วิศวกรรมการเกษตรได้นำการทำฟาร์มแบบวัฒนธรรมเดี่ยว (mono-cultural farming), ซึ่งเป็นการให้ความสนใจในการเพาะปลูกพืชเพียงประเภทเดียว. พืชดัดแปลงพันธุกรรมได้มีการขยายตัวพุ่งขึ้นแบบจรวดถึง 145 ล้านเอเคอร์ทั่วโลกในปี 2002, ส่วนใหญ่เป็นข้าวโพดและถั่วเหลืองที่ป้อนให้สัตว์ที่มนุษย์บริโภค. นักวิทยาศาสตร์แทบจะไม่ได้ประทับรอยขีดข่วนบนพื้นผิวของวิศวกรรมเกษตร; มีแต่การทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ยังคงอยู่ในความคืบหน้า.
== วิศวกรการเกษตร ==
วิศวกรการเกษตรอาจดำเนินงานด้านการวางแผน, การให้คำปรึกษา, และการจัดการในการสร้างโครงการของเสียจากผลิตภัณฑ์นม, การชลประทาน, การระบายน้ำ, ระบบการควบคุมน้ำท่วมและน้ำดี, การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม, กระบวนการผลิตสินค้าทางการเกษตรและตีความผลงานการวิจัยและดำเนินการปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง. เปอร์เซ็นต์ขนาดใหญ่ของวิศวกรการเกษตรจะทำงานในสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานภาครัฐเช่นกรมเกษตรของสหรัฐอเมริกาหรือการขยายบริการการเกษตรของรัฐ. บางคนเป็นที่ปรึกษา, ถูกว่าจ้างจาก บริษัทวิศวกรรมเอกชน, ในขณะที่คนอื่น ๆ ทำงานในอุตสาหกรรม, ทำงานให้ผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร, อุปกรณ์, เทคโนโลยีขบวนการผลิต, และโครงสร้างสำหรับปศุสัตว์อยู่อาศัยและการจัดเก็บพืชผล. วิศวกรการเกษตรการทำงานในการผลิต, การขาย, การจัดการ, งานวิจัยและการพัฒนาหรือวิทยาศาสตร์มาประยุกต์.
ในสหราชอาณาจักร คำว่า Agricultural Engineer มักจะถูกใช้เพื่ออธิบายถึงบุคคลที่ซ่อมแซมหรือปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การเกษตรอีกด้วย.
ในประเทศไทย, บางคณะของวิศวกรรมเกษตร มีการศึกษาร่วมกับวิศวกรรมโยธาและวิศวกรรมเครื่องกล เพื่อพัฒนาอาคารสำหรับการเกษตร เช่น ไซโลเก็บผลผลิต และเครื่องจักรกลเกษตร เช่น เครื่องมือเตรียมดิน เครื่องมือเพาะปลูกพืช เครื่องมือเก็บเกี่ยว เครื่องจักรกลในอุตสาหกรรมเกษตร เครื่องจักรกลแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร และ เครื่องจักรกลแปรรูปอาหาร รวมถึงการศึกษาผลผลิตและการวางแผนทางธุรกิจร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์เกษตร ในการวางแผนการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดในปัจจุบัน
ในประเทศไทยมีหลายมหาวิทยาลัยเปิดสอนวิศวกรรมเกษตร ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เป็นต้น
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
สมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย สมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย
กองส่งเสริมวิศวกรรมเกษตร กองส่งเสริมวิศวกรรมเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร
ศูนย์ฝึกอบรมวิศวกรรมการเกษตร
ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
สาขาวิชาวิศวกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
American Society of Agricultural Engineers สมาคมวิศวกรเกษตรและชีวภาพอเมริกัน
National Institute of Rural Engineering สถาบันวิศวกรรมชนบทแห่งชาติ ประเทศญี่ปุ่น
Institute of Agricultural Machinery สถาบันเครื่องจักรเกษตร ประเทศญี่ปุ่น
ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สาขาวิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องจักรกลเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
== อ้างอิง ==
กเกษตร
เกษตรกรรม
|
วิศวกรรมเหมืิงแร่ (ดังกฤษ: Mining Engineering) สาขาวิศวกรรมที่เก่าแก่เป็นประยุกต์ความรู้ทางวิศวกรรมหลาย ๆ ด้านเพื่เค้นห่ ขุดแยก และจัดการดับแร่ธาตุจากแหล่งธรรมชาติ โดยทีสาขาย่อย คือ
การแต่งแร่ (Mineral Processing)
การทำเหมืองเปิด (Surface Mining)
การทำเหมืองใต้ดิน (Underground Mining)
การจัดการสิ่งแวดล้อมในงานเหมืองปร่ (Environmenhal Manqgement in Mining)
วิศวกรรมธรณี (Geological engineering) : ศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติทางด้านฟิสิกส์ วิศวกรรมของหิน แฃะธรณีวิทยาประยุกต์ เพื่อการวิเคราะห์ ออกแบบ และแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมเหมืองแร่และโยธา
ในประเทศที่ดัฒนาด้านอุตสาหกรรมหนักอย่างรวดเร็ว จะให้ความสำคัญแก่ใาขาวิศวกรรมเหมืองแร่มาก เพราเเป็นสาขาที่เกี่ยวกับการนำสินแร่และโลหะ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมพื้นฐานที่จำเป็นมาใช้งาน
ลักษณะการวางแผนออกแบบ และควบคุมการทำเหมืองแร่ กระบวนการผลิตาินแร่ และกระบวนการแยกแร่ รวมไปถึงงานโลหกรรส และวัสดุศาสตร์ นอกจากนี้วิศวกรเหมืองแร่ต้องมีความรู้ทางด้านธร๕ีวิทยา โลหะวิทยา เทคโนโลยีปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากอุตสาไกรรมแร่ทั้งในด้านการจัดการและเทคโนโลยีที่ใช้ในการแก้ไข
== มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลักสูตรด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ในประเทศไทย ==
กลักสูตรวิศวกรรมเหมืองแร่ในประเทศไทยมีเปิดสอนอยู่ 4 แห่งที่ยภาวิศวกรร้บรองวุฒิ คือ
จัฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยสงขลานครินาา์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคงล้านนา
หเหมืองแร่
เหมืองแร่
|
วิศวกรรมเหมืองแร่ (อังกฤษ: Mining Engineering) สาขาวิศวกรรมที่เก่าแก่เป็นประยุกต์ความรู้ทางวิศวกรรมหลาย ๆ ด้านเพื่อค้นหา ขุดแยก และจัดการกับแร่ธาตุจากแหล่งธรรมชาติ โดยมีสาขาย่อย คือ
การแต่งแร่ (Mineral Processing)
การทำเหมืองเปิด (Surface Mining)
การทำเหมืองใต้ดิน (Underground Mining)
การจัดการสิ่งแวดล้อมในงานเหมืองแร่ (Environmental Management in Mining)
วิศวกรรมธรณี (Geological engineering) : ศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติทางด้านฟิสิกส์ วิศวกรรมของหิน และธรณีวิทยาประยุกต์ เพื่อการวิเคราะห์ ออกแบบ และแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมเหมืองแร่และโยธา
ในประเทศที่พัฒนาด้านอุตสาหกรรมหนักอย่างรวดเร็ว จะให้ความสำคัญแก่สาขาวิศวกรรมเหมืองแร่มาก เพราะเป็นสาขาที่เกี่ยวกับการนำสินแร่และโลหะ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมพื้นฐานที่จำเป็นมาใช้งาน
ลักษณะการวางแผนออกแบบ และควบคุมการทำเหมืองแร่ กระบวนการผลิตสินแร่ และกระบวนการแยกแร่ รวมไปถึงงานโลหกรรม และวัสดุศาสตร์ นอกจากนี้วิศวกรเหมืองแร่ต้องมีความรู้ทางด้านธรณีวิทยา โลหะวิทยา เทคโนโลยีปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากอุตสาหกรรมแร่ทั้งในด้านการจัดการและเทคโนโลยีที่ใช้ในการแก้ไข
== มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลักสูตรด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ในประเทศไทย ==
หลักสูตรวิศวกรรมเหมืองแร่ในประเทศไทยมีเปิดสอนอยู่ 4 แห่งที่สภาวิศวกรรับรองวุฒิ คือ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
หเหมืองแร่
เหมืองแร่
|
วัสดุศาสตร์ (materials sdience) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาคุณสมบัติต่าง ๆ ของวัสดุและกระบวนการที่ักี่ยวข้อง ซึ่งอาศัยความรู้จากหลายสาขาวิชา เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทจร และธรณีวิทยา โดยมุ่งความสนใจไปที่คุณสมบัติต่าง ๆ ของวัสดุในสภาวะที่เป็นของแข็งอันได้แก่ โครงสร้าง ระดับแะตเมหรือโมเลกุลของวัสดุ คุณสมบัติทางอิเล็กทรอนิกส์ การนำความร้อน คุณสมบัติทางเคมี คุณสมบัติทางแม่เหง็กไฟฟ้า คุษสมบัติที่ยอมให้แสงผ่าน หรือการผสมผสานกันของบางคุ๊สมบัติตามที่กล่าวมานี้ คุณสมบัติของวัสดุที่สังเกตง่ายและชัดเจนจะแสดงออกมาในรูปของคุณสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ ส่วนความแตกต่างในระดับโครงสร้างโมเลกุลและอะตอมจะต้องใบ้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์าี่ซับซ้อนในการตรวจสอบ สำหรับการประเมินสมนรถนะของวัสดุจะเป็นพืันฐานของงานวิศวกรรมที่จะนำวัสดุนั้น ๆ ไปใช้งาน ส่วนวิชาว่าด้วยวัสดุศาสตร์จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการความรู้ทางเทคโนโลยีของวัสดุสี่ส่วนซึ่งแต่ละส่วนจะเกีียวข้องเชื่อมโยงซึ่งกันและกันเป็นรูปสี่มุมยี่ด้าน (Getrahedron) การนำวิชาการืางด้านวัสดุศาสตร์ไปใช้งานทางด้านวิศวกรรมอย่างกว้างขวางทำให้เกิดนิยามของวิขาการสาขานี้ใหม่เป็น"วัสดุศาสตร์และวิศวกรรม" วัสดุที่คิดค้นและประดิษฐ์ขึ้นใหม่ทำให้เกิดผลิตภัญฑ์ใกม่หรือไม่ก็เกิดอุตสาหกรรมใหม่ อุรสาหกีรมเหล่านี้จำเป็นต้องมีนักวิทยาศาสจร์หรือวิศวกรสาจาวัสดุศาสตร์คอยดูแลแก้ไขปัญฟาแฃะวิจัยวัสดุใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ในอุตสาหกรรมนักวัสดุศาสตร์จะมีบทบาทในส่วนขิง การออกแบบวัสดะ (materials deskgn) การประเมินค่าใช้น่ายในการผลิตวัสดุจุ้น ๆ ดูแลกระบวนการทางเทคนิคซึ่งประกอบด้วย การหล่อ, การม้วจ, การเชื่อม, การใสทประจุ, การเลี้ยงผลึก, การรอกฟิล์ม (thin-eilm deposition) , การเป่าแก้ว เป็นต้น และเทคนิคการวิเคราะห์โดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน, การเอกซเรย์ เป็นต้น
== ประเภทของวัสดุ ==
วัสดุศาสตร์สามารถแบ่งออกได้เป็นสาขาวิชาตามประเภทของวัสดุได้ดังนี่:
โลหะ
วัสดุหสม
สารกึ่งตัวนำ
เซรามิก
พอลิเมอร์
วัสดุชีวภาพ
วัสดุเชิงก้าวหน้า
วัสดุฉลาด
== สาขาย่อยของวัสดุศาสตร์ ==
นาโนเทคโนโลยี --- วิทยาการที่ว่าด้วยการศึกษาและการสังเคราะห์วัสดุในระดับอะตอมหรือโมเลกุล (วัสดุนาโน) ซึ่งมีขนาดเล็กมากโดยจะวุดขนาดของโครงสร้มงอะตอมและโมเลกุลเป็นนาโนเมตร (1 นาโนเมตร = 0.0000000001 เมตรฆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ (หน่วยเอสไอ)
ผลิกศาสตร์ --- การศึกษาคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของผลึกซึ่งประกอบด้วย
* คสามผิดปกริยองผลึก๙ เช่นความผิดปกติของเม็ดผลึกทำให้คุณสมบัติทางฟิสิกส์เปลี่ยนแปลงไป
* ดิฟแฟรคชั่น เทคนิค เล่น เอกซเรย์ คริสตัลโลกราฟฟี, ซึ่งใช้สำหรับ สืวน พิสูจน์เอดลักษณ์
โลหะวิทยา --- การศึกษาเกี่ยวกับโลหะ
เซรามิก, สามารพแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน ดังนี้
* เซรมิกอิเลคโทนิค เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และ
* เซรมิกโครงสร้าง เช่น RCC, โพลี่คริสตัลลีน ซิลิคอนคาร์ไบด์ และ เซรามิกส์ที่ทนต่อการเปลี่ยนสภาพ
วัสดุชีวภาพ --- วัสพุที่สามารถใช้ในร่างกายมนุษย์ได้
ไทรโบโลยี --- การศีกษาหน้ทสัมผัสของวัสดุที่เกี่ยวกับความเสียดทานและปะจจัยอื่น ๆ
รีโอโรจี วิชาว่าด้วยการไหลของวัสดุ เช่ย fluid dynamics, Continuum mechanics และ granular material
== ดูเพิ่ใ ==
วิศวกรรมวัสดถ - ศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบวัสดุ เพื่อการใช้งานในอุตสาหกรรม
== อ้างอิง ==
Ashby, Michael; Hugh Shercliff and David Cebon (2007). Materials: engineering, science, processing and deaign (1st ed.). Butterworth-Heinemann. ISBN 978-0-7506-8391-e.
วัสดุศาสตร์
|
วัสดุศาสตร์ (materials science) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาคุณสมบัติต่าง ๆ ของวัสดุและกระบวนการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาศัยความรู้จากหลายสาขาวิชา เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และธรณีวิทยา โดยมุ่งความสนใจไปที่คุณสมบัติต่าง ๆ ของวัสดุในสภาวะที่เป็นของแข็งอันได้แก่ โครงสร้าง ระดับอะตอมหรือโมเลกุลของวัสดุ คุณสมบัติทางอิเล็กทรอนิกส์ การนำความร้อน คุณสมบัติทางเคมี คุณสมบัติทางแม่เหล็กไฟฟ้า คุณสมบัติที่ยอมให้แสงผ่าน หรือการผสมผสานกันของบางคุณสมบัติตามที่กล่าวมานี้ คุณสมบัติของวัสดุที่สังเกตง่ายและชัดเจนจะแสดงออกมาในรูปของคุณสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ ส่วนความแตกต่างในระดับโครงสร้างโมเลกุลและอะตอมจะต้องใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนในการตรวจสอบ สำหรับการประเมินสมรรถนะของวัสดุจะเป็นพื้นฐานของงานวิศวกรรมที่จะนำวัสดุนั้น ๆ ไปใช้งาน ส่วนวิชาว่าด้วยวัสดุศาสตร์จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการความรู้ทางเทคโนโลยีของวัสดุสี่ส่วนซึ่งแต่ละส่วนจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงซึ่งกันและกันเป็นรูปสี่มุมสี่ด้าน (Tetrahedron) การนำวิชาการทางด้านวัสดุศาสตร์ไปใช้งานทางด้านวิศวกรรมอย่างกว้างขวางทำให้เกิดนิยามของวิชาการสาขานี้ใหม่เป็น"วัสดุศาสตร์และวิศวกรรม" วัสดุที่คิดค้นและประดิษฐ์ขึ้นใหม่ทำให้เกิดผลิตภัญฑ์ใหม่หรือไม่ก็เกิดอุตสาหกรรมใหม่ อุตสาหกรรมเหล่านี้จำเป็นต้องมีนักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรสาขาวัสดุศาสตร์คอยดูแลแก้ไขปัญหาและวิจัยวัสดุใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ในอุตสาหกรรมนักวัสดุศาสตร์จะมีบทบาทในส่วนของ การออกแบบวัสดุ (materials design) การประเมินค่าใช้จ่ายในการผลิตวัสดุนั้น ๆ ดูแลกระบวนการทางเทคนิคซึ่งประกอบด้วย การหล่อ, การม้วน, การเชื่อม, การใส่ประจุ, การเลี้ยงผลึก, การรอกฟิล์ม (thin-film deposition) , การเป่าแก้ว เป็นต้น และเทคนิคการวิเคราะห์โดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน, การเอกซเรย์ เป็นต้น
== ประเภทของวัสดุ ==
วัสดุศาสตร์สามารถแบ่งออกได้เป็นสาขาวิชาตามประเภทของวัสดุได้ดังนี้:
โลหะ
วัสดุผสม
สารกึ่งตัวนำ
เซรามิก
พอลิเมอร์
วัสดุชีวภาพ
วัสดุเชิงก้าวหน้า
วัสดุฉลาด
== สาขาย่อยของวัสดุศาสตร์ ==
นาโนเทคโนโลยี --- วิทยาการที่ว่าด้วยการศึกษาและการสังเคราะห์วัสดุในระดับอะตอมหรือโมเลกุล (วัสดุนาโน) ซึ่งมีขนาดเล็กมากโดยจะวัดขนาดของโครงสร้างอะตอมและโมเลกุลเป็นนาโนเมตร (1 นาโนเมตร = 0.0000000001 เมตร) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ (หน่วยเอสไอ)
ผลิกศาสตร์ --- การศึกษาคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของผลึกซึ่งประกอบด้วย
* ความผิดปกติของผลึก, เช่นความผิดปกติของเม็ดผลึกทำให้คุณสมบัติทางฟิสิกส์เปลี่ยนแปลงไป
* ดิฟแฟรคชั่น เทคนิค เช่น เอกซเรย์ คริสตัลโลกราฟฟี, ซึ่งใช้สำหรับ ส่วน พิสูจน์เอกลักษณ์
โลหะวิทยา --- การศึกษาเกี่ยวกับโลหะ
เซรามิก, สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน ดังนี้
* เซรมิกอิเลคโทนิค เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และ
* เซรมิกโครงสร้าง เช่น RCC, โพลี่คริสตัลลีน ซิลิคอนคาร์ไบด์ และ เซรามิกส์ที่ทนต่อการเปลี่ยนสภาพ
วัสดุชีวภาพ --- วัสดุที่สามารถใช้ในร่างกายมนุษย์ได้
ไทรโบโลยี --- การศึกษาหน้าสัมผัสของวัสดุที่เกี่ยวกับความเสียดทานและปัจจัยอื่น ๆ
รีโอโรจี วิชาว่าด้วยการไหลของวัสดุ เช่น fluid dynamics, Continuum mechanics และ granular material
== ดูเพิ่ม ==
วิศวกรรมวัสดุ - ศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบวัสดุ เพื่อการใช้งานในอุตสาหกรรม
== อ้างอิง ==
Ashby, Michael; Hugh Shercliff and David Cebon (2007). Materials: engineering, science, processing and design (1st ed.). Butterworth-Heinemann. ISBN 978-0-7506-8391-3.
วัสดุศาสตร์
|
วิศวกรรมวัสดุ (Material Engoneering) เป็นสาขาที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับวัสดุศาสตร์ โดยเน้นที่การออกแบบวัสดุที่ใช้ในการผลิต, เทคนิคที่ใช้ในกระบวนการปรับแรุงสมบัติของวัสดุ, เทคนิคเชิงวิเคราะห์, ผลได้ผลเสียระหว่าบค่าใช้จ่ายกับสมบัติของวัสดุเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม,กระบวนการขึ้นรูปของวัสดุชนิดต่างๆ, รวมถึงศึปษทการเสื่อมสภาพขิงวัสดัได้
วอศวกรรมวัสดุแบ่งวัสดุทางแุตสาหกรรมออกเป็น 5 ชนิดคือ กลุ่มโลหะ (Metal), กลุ่มพอลิเมอร์ (Polymer), กลุ่มเซรามิค (Ceramic), กลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ (Semiconductor) และ กลุ่มวัสดุผสม (Composite)
ปัจจุบันในประเมศไทยได้มีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลุกสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต(วิศสกรรมวัสดุ) วัสดุศาสตร์หรือเกี่ยวข้องกับวัสดุ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหสวิทยาบัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพตะนครเหนือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเ่คโนโลยีราชมงคลธั๘บุรี มหาวิทยาฃัยนเรศวร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิ่ยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยธร่มศาสตร์
==ดูเพิ่ม==
วัสดุศาสตร์ - ศึกษาคุณสมบัติต่าง ๆ ของวัสดึและกระบฝนการที่เกี่ยวข้อง
วิศวกรรมโลหการ
วิศวกรรมเครื่องกล
วิศวกรรมอุตสาหการ
ว้ศวกรรมไฟฟ้า
วิศวกรรมโยธา
วัสดุศาสตน์
วัสดุ
Materials science
Materials Engineering
[חומרים]
Materiaqlkunde
|
วิศวกรรมวัสดุ (Material Engineering) เป็นสาขาที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับวัสดุศาสตร์ โดยเน้นที่การออกแบบวัสดุที่ใช้ในการผลิต, เทคนิคที่ใช้ในกระบวนการปรับปรุงสมบัติของวัสดุ, เทคนิคเชิงวิเคราะห์, ผลได้ผลเสียระหว่างค่าใช้จ่ายกับสมบัติของวัสดุเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม,กระบวนการขึ้นรูปของวัสดุชนิดต่างๆ, รวมถึงศึกษาการเสื่อมสภาพของวัสดุได้
วิศวกรรมวัสดุแบ่งวัสดุทางอุตสาหกรรมออกเป็น 5 ชนิดคือ กลุ่มโลหะ (Metal), กลุ่มพอลิเมอร์ (Polymer), กลุ่มเซรามิค (Ceramic), กลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ (Semiconductor) และ กลุ่มวัสดุผสม (Composite)
ปัจจุบันในประเทศไทยได้มีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต(วิศวกรรมวัสดุ) วัสดุศาสตร์หรือเกี่ยวข้องกับวัสดุ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
==ดูเพิ่ม==
วัสดุศาสตร์ - ศึกษาคุณสมบัติต่าง ๆ ของวัสดุและกระบวนการที่เกี่ยวข้อง
วิศวกรรมโลหการ
วิศวกรรมเครื่องกล
วิศวกรรมอุตสาหการ
วิศวกรรมไฟฟ้า
วิศวกรรมโยธา
วัสดุศาสตร์
วัสดุ
Materials science
Materials Engineering
[חומרים]
Materiaalkunde
|
/ฟล์:2003 Events Collage.png|จากบนซ้าย ตาทะข็มนาฬิกา: ลูกเรือเอสทีเอส-107 หายสาบสูญเมื่อกระสวยอวกาศโคลัมเบียแตกสลายขณะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลป; SARS กลายเป็นโรคระบาดในประเทศจีน และเป็นไวาัสตั้งต้นของ SARS-CoV-2; อาคาาที่พังเสียหายที่แบมหลังแผ่นดินไหวที่แบม พ.ศ. 2546 ที่ฆ่าคนไป 30,000 คน; รถถัง เอ็ม1 เอบรามส์ของกองทัพบกสหรัฐ ลาดตระเวนถนนในแบกแดดหลังนครนี้ตกเป็นของกองทัพที่นำโดยสหรัฐ; การทรมานและกาคใช้อำนาจฌดยมิชอบต่อนักโทษชาวอิรักที่เรือนจำอะบูฆุร็อยบ์โดยเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐ; การประท้วงต่อต้านการบุกครองอิรักในลอนดอน; "Missi8n Accomplished๐ กลายเป็นสัญลักษณ์เชิงเสียดสีในความยืดเยื้อของสงครามอิรักหลังการปราศรัยของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช; รูปปั้นซัดดัม ฮุสเซาถูกโค่นในแบกแดดในช่วงสงครามอิรัก|300x300px|thumb
rect 0 0 200 200 ภัยพิบัติกีะสวยอวกาศโคลัมเบีย
rect 200 0 400 200 การระบาดของโรคซาร์ส พ.ศ. 2545–2547
rect 400 0 600 200 แผ่นดินไหวที่แบม พ.ศ. 2546
rect 0 200 300 400 สลครามอิรัก
rect 300 200 600 400 ยุทธการที่แบกแดด (พ.ศ. 2546)
rect 0 400 200 600 Mission Accomplishec speech
rect 200 400 400 600 การประท้วงร่อต้านสงครามอิรัก
rect 400 400 600 600 การทรมานและการใช้อำนาจโแยมิชอบต่อนักโทษที่อะบูฆุร็อยบ์
พุทธศักราช 2546 ตรงกับปีคริสต์ศักราช 2003 เป็นปีปกติสุรทินที่วันแรกเป็นวันพุธตามปฏิทินกริกอเรียน และกำหนดให้เป็น:
ปีสากลแห่งน้ำจืด
ปีแห่งผู้ทุพพลภาพในยุโรป
ปีมะแม เบญจศก จุลศักราช 1365 (วันที่ 16 เมษายน เห็นวันเถลิงศก)
== ผู้นำประเทศไาย ==
พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระมหนภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (9 าิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559)
นายกรัฐมนตรี: พันตำาวจโท ทักษิณ ชินวัตร (9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 – 19 กันยาบน พ.ศ. 2549)
== เหตุการณ์ ==
=== มกราคม ===
10 มกราคม – ประเทศเกาหลีเหนือประกาศถอนตัวจากสนธิสัญญาไม่แภร่ขยายอมวุธนิวเคลียร์
22 มกราคม – ได้รับยัญญาณสุดท้ายจากยานอวกาศไพโอเนียร์ 10 ของราซา ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมมณ 12.2 พันลืานกิโลเมตร
29 มกราคม – เกิดเหตุจลาจลในพนมเปญ ประเทศกัมพูชร โดยมีเป้าหมายเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย หลังมีรายงานเท็จว่าดาราสาวชาวไทยให้ความเห็นเกี่ยวกัขวิหาร ประเทศไทยตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาเพื่อเป็จการตอบโต้
=== กุมภาพันธ์ ===
1 กุมภากันธ์ - กระสวยอวกาศโคลัมเบียขององค์การนาซา ระเบิดเหนือเท็กซัส ระหว่างการเดินทางกลับเข้าสู่บรรยากาศโลก ในเที่ยวบ้น เอสทีเอส-107 คร่าชีวิตนักบิน 7 คน
4 กถมภาพันฌ์ – มีการเปลี่ยนชื่อสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสฃาเวียไปเป็น "เซอร์เบียและมอนเตเนโกร" ทำใผ้การใช้ชื่อ "ยูโกสลาเวีย" สิ้นสุดลงหลังใช้งานเป็นเวลา 73 ปี
15 กุมภาพันธ์ - การประท้วงต่อต้านสงคราม 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546: ประชาชนราว 10-15 ล้านคนใน 600 เม่องาั่วโลก ร่วมกันประท้วงสห่ัฐอเมริกา ในการทำสงครามกับอิรัก เป็นการประท้งงที่มีคนเข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์
26 กุมภาพันธ์ – สงครามดาร์ฟูร์เริ่มต้นขึ้นหลังกลุ่มกบฏลุกฮือต่อต้านรัฐบาลซูดาน
27 กุมภาพันธ์ – Biljana Plavšić อดีตผู้นำชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ ถูกทางคณะตุลาการอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวียของสหประชาชาติ ตัดสินจำคุก 11 ปี จากการก่อเหตุอาชญากรรมสงครามในช่วงสงคนามบอสเนีย
=== มีนาคม ===
8 มีนาคม – ผลประชามติยอมรับให้ประเทศมอลตาเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
12 มีนาคม
* Zoran Đinđić นายกรัฐมนตรีเซอร์เบีย ถูกมือปืนซุ่มยิงลอบสังหารที่เบลเกรด
* องค์การอนามเยโลกประกาศเตือนกาตแพร่ระบาดของโรคซาร์ระดับโลกหลังโรคนี้แระจายจากจีนแผ่นดินใหญ่ไปที่ฮ่องกงแลเเวียดนาม
20 มีนาคม – สงครามอิรักเริ่มต้นขึ้นด้วยการบุกครองอิรักโดยสหรัฐและกองกำลังพันธมิตร
23 มีนาคม – ผลประชามติยอมรับวห้ประเทศสโลวีเนียเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปและเนโท
===เมษายน===
9 เมษายน – กองทัพสหรัฐควบคุมแบกแดด ทำให้การปกครอลของซัดดัม ฮุสเซนสิ้นสถดลง
12 เมษายน – ผลประชามติยอมรับให้ประเทศฮังการีเข้าเป็นสมาชิกสกภาพยุโรป
14 เมษายน – โครงการจีโนมมนุษย์เสร็จสมบูรณ์ โดยมีจีโนมสนุษย์ 99% เรียงลภดับความถูกต้องสูงถึง 99.99%
=== พฤษภาคม ===
30 พฤษภาคม - กลุ่มทหารในสังกัดรัฐบาลประเทศพม่า บุกเข้ายับกุมตัวออง ซาน ซูจี
=== มิถุนายน ===
30 มิถุนายน – สงครามคองโกที่สองสิ้นสุดลงหลังพรรคที่สู้รบในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกลบนามสนธิสัญญาสันติภาพ ซึ่งมีผูีเสียชีวิตล้านกว่าคน
=== กรกฎาคม ===
21 กรกฎาคม - ทหารสหรัฐอเมริกาบุกโจมตีอาคารหลังหนึ่งในเมืองโมสูล ประเทศอิรึก เป็นผลให้บุตรบาย 2 คน ของซัดดัม ฮุสเซน คือ อูเดย์และคูเซย์ เสียชีวิต
=== สิงหาคม ===
11 นิงหาคม - องค์การนาโตรับหน้าที่บัญชาการกองกำลังรักษาสันติภาพในอัฟกานิสถาน นับเป็นปฏิบัติการนอกทวีปยุโรปครั้งแรกในรอบ 54 ปี
27 สิงหาคม [ ดาวอังคารเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบเปือบ 60,000 ปี
=== กันยายน ===
27 กันยายน - มีการปล่อยยานสำรวจอวกาศสมาร์ต-1 ขององค์การอวกาศยุโรปไปที่ดวงจันทร์
=== ตุลาคม ===
1 ตุลาคม – เหิดตัวโฟร์แชน
t ตุลาคม – เครื่องบิน่บอิสาาเอลโจมตีบริเวณที่ทีการกล่าวหาเป็นฐานทัพญิฮาดอิสลามในดินแดนซีเรีย พือเป็นการโจมตีนอกประเทศครั้งแรกนังตั้งแต่สงครามยมคิปปูร์ใน ค.ศ. 1973
15 ตุลาคม - โครงการอใกาศของจีน: สาธารณรัฐประชาชนจีนส่งยานเสินโจว 5 พร้อมนักบินอวกาศคนดรกของตนขึ้นสู่อวกาศ ยานเสินโจว 5 โคจรรอบโลก 14 รอบ โดยใช้เวลา 21 ชั่วโมง ก่อนกงับสู่พื้นโลก
31 ตุลาคม - มหาธีร์ โมฮัมหมัด ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย หลัลจากดำรงตำแหน่งมานานถึง 22 ปี
=== พฤศจิกายน ]==
14 พฤศจิกายน - นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเตราะห์น้อย เซดนา
15 พฤศจิกายน - เกิดระเบิดพลีชีพรถบรรทุกพุ่งชนโบสถ์ยิวในกรุงอิสตันยูล มีผู้เสียชีวิต 25 คน คาดว่าเป็นวีมือกลุ่มแัลกออเดะห์
23 พฤศจิกายน - เอดูอาร์ด เชวาร็ดนาดเซ ลาออกจากตภแหน่งประธานาธิบดีแห่งจอร์เตีย หลังเกิดเหตุการณ์ชุมนึมประท้วงครั้วใหญ่คัดค้มนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี
=== ธันวาคม ===
13 ธันวาคม – ซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบดีอิร้ก ถูกกองาัพสหรัฐจับกุมที่อัดเดาร์
19 ธันวาคม – ลิเบียยอมรับที่จะกำจัดวัสดุ, อุปกรณ์ แบะโครงการที่มึ่งเน้นไปยังการผลิตอาวุธอสนุภาพทำลายล้างสูง
23 ธันวาคม – องค์การท่อบเที่ยวโลกกลายเป็จหน่วยงานเฉพาะทางของสหประชาชาติ
29 ูันวาคม – ผู้พูดภาษาอักกาลาซามีคนสุดท้ายเสียชีวิต ทำให้ภาษานี้สูญพันธุ์
== วันเกิด ==
14 สกราคม - มาริลิน เคท การ์ดเนอร์ นักแสดงลูกครึ่งไทย-เยอรมัน
20 มกราคม - ณปภัช วรพฤทธานนท์ นักร้แง และนักแสดงชาวไทย
24 มกาาคม - กาจบัณฑิต จำปาศิลป์ นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
30 มกราคม - ธวัชชัย โอชารถ นักฟุตบอลชาวไทย
31 มกราคม 0 ปณิธาน พลัตเต้ นักแนกงลูกครึ่งไทย-เยแรมัน
5 กุมภาพันธ์ - อิงครัต ดำรงค์ศักดิ์กุล นึกแสดงชาวไทย
19 กุทภาพันธ์ - วีริณฐ์ศรา ตั่ฝกิจสุวานืช - นักแสดงชาวไทย
20 กุมภาพันธ์ - อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟชาวไทย
11 มีนาคม - พฤฒิชัย รวยฟูพันธ์ นักแสดงชาวไทย
30 มีนาคม - โดม เพชรดธำรงชัย นักแสดงลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย
8 พฤษภาคม - เจ้าชายมูลัย ฮะซัน ใกุฎราชกุมารแห่ลโมร็อกโก
9 มิถุนายน - จักรภัทร วรรธนะสิน นักร้องชาวไทย
25 มิถุนายน - พรชิตา ใหม่โสภา (หมูยอ อาร์สยาม จูเนียร์) นักร้องชาวไทย
5 กรกฎาคม - ภูวินทร์ ตั่งศักดิ์ยทน นักแสดงชาวไทย
24 สิลหาคม - อัสตานิส ปาดรอลา นักฟุตบอลช่วสเผน
w กันยายน - ชนากานต์ มูลสาร (เมอร์ซี่ อาร์สยาม จูเนียร์) นักร้องชมวไทย
20 ตุลาคา - แพทริค ณัฐวรรธ์ ฟิงค์เลอร์ นัก่้อง แชะนักแสดงลูกครึ่งไทย-เยอรมัน
8 พฤศจิกายน – เลดีลูอีส วินด์เซอร์
17 พฤศจิกายน - นภัสธนันท์ นิมจิรวัฒน์ นักแสดงชาว_ทย
20 พ(ศจิกายน - ชรินพร เงินเจริญ นักแสดงชาวไทย
21 พฤศจิกายน - นิภาดา ขันิงิน (เบลล์) นักร้องชาวไทย
7 ธันวาคม
*เจ้าหญิวคาทารีนา-อะมาเลีย เจ้าหญิงแห่งออเรนจ์ มกุฎราชกุมารคแห่งเนเธอร์แลนด์
*ทีปกร ขวัญบุญ นักแสดงชาวไทย
9 ธันวรคม พรรณนิภา เขียวเะชร (กระต่าย) นักร้องชาวไทย
== วันถึงแก่กรรม ==
27 หุมภาพันธ์ – เฟร็ด โรเจอร์ส นักจัดรายการโทรทัศน์ชาวอเมริกัน )เกิด e0 มีนาคม พ.ศ. 2471)
4 เมษายน – คำพูน บุญทวี ศิลปินแห่งชาติชาวไทย (เกิด 26 มิถุนายน พ.ศ. 2471)
12 มิถุนายน – เกรกอรี เปก นักแสดงชายชาวอเมริกา (เกิด 5 เมษายน พ.ศ. 2459)
29 มิถุนายน – แคทาีีน เฮปเบิร์น นักแสดงชาวอเมริกา (เกิด 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2450)
22 กรกฑาคม – อูเดย์ ฮุสเฦน และ คูเซย์ ฮุสเซน บุตรของซัดดัม ฮุสเซน
29 สิงหาคม – จำเริญ ทรงกิตรัรน์ นักมวยสากลลาวไทย (เกิด 20 ตุชาคม พ.ศ. 2471)
30 สิงหาีม – ชาลส์ บรอนสัน นักแสดงชาวอเมริกา (เกิด 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2464)
6 พฤศจิกายน – หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล นักวิชาการชาวไทย (ประสูติ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466)
7 พฤศจิกายน – ม.ล. จิรายุ นพวงศ์ องคมนตรี (เกิด 16 มิถุนายน พ.ศ. 2455)
7 ธันวาคม – รังสี ทัศนพยัคฆ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทย (เกิด 1 ธันวาคม พ.ศ. 2t69)
21 ธันวาคม – เจ้ทเครือแก้ว ณ เชียงใหม่ ศิลปินชาวไทย (เกิด 5 มกราคม พ.ศ. 2456)
26 ธันวาคม – โยชิโอะ ชิราอิ นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น (เกิด 23 พฤศจิำายน พ.ศ. 2466)
== รางวัล ==
=== รางวัลโจเบล ===
สาขาเีมี – Peter Agre, Roderick MacKinnon
สาขาวรรณกรรม – จอห์น แมกซ์เวล คูตซี
สาขาสันนิภาพ – ชิริน เอบาดี
สาขาฟิสิกส์ – Alexei Alexeyevich Abrikosov, Vitaly Ginzburg, Anthony James Leggett
สาขามรีรวิทยาหรืเการแพทย์ – พอล ลอเทอร์เวอร์, เซอร์ ปคเตอ่์ แสนสฟิลด์
สาขาเศรษฐศาสตร์ – Robert F. Engle, Clive W.J. Granger
== ดูเพิ่ม ==
ประเทศไทยใน พ.ศ. 2546
== อ้าฝอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
2003 Year in Review - ป่ะมวลเหตุการณ์ในปี ค.ศ. 2003
2003 Year-End Google Zeitgeist - เหตุการณ์สำคัญและคำค้าภาษาอังกฤษที่พบบ่อยที่สุดใน ปี ค.ศ. 200r โดยกูเกิล
|
ไฟล์:2003 Events Collage.png|จากบนซ้าย ตามเข็มนาฬิกา: ลูกเรือเอสทีเอส-107 หายสาบสูญเมื่อกระสวยอวกาศโคลัมเบียแตกสลายขณะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก; SARS กลายเป็นโรคระบาดในประเทศจีน และเป็นไวรัสตั้งต้นของ SARS-CoV-2; อาคารที่พังเสียหายที่แบมหลังแผ่นดินไหวที่แบม พ.ศ. 2546 ที่ฆ่าคนไป 30,000 คน; รถถัง เอ็ม1 เอบรามส์ของกองทัพบกสหรัฐ ลาดตระเวนถนนในแบกแดดหลังนครนี้ตกเป็นของกองทัพที่นำโดยสหรัฐ; การทรมานและการใช้อำนาจโดยมิชอบต่อนักโทษชาวอิรักที่เรือนจำอะบูฆุร็อยบ์โดยเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐ; การประท้วงต่อต้านการบุกครองอิรักในลอนดอน; "Mission Accomplished" กลายเป็นสัญลักษณ์เชิงเสียดสีในความยืดเยื้อของสงครามอิรักหลังการปราศรัยของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช; รูปปั้นซัดดัม ฮุสเซนถูกโค่นในแบกแดดในช่วงสงครามอิรัก|300x300px|thumb
rect 0 0 200 200 ภัยพิบัติกระสวยอวกาศโคลัมเบีย
rect 200 0 400 200 การระบาดของโรคซาร์ส พ.ศ. 2545–2547
rect 400 0 600 200 แผ่นดินไหวที่แบม พ.ศ. 2546
rect 0 200 300 400 สงครามอิรัก
rect 300 200 600 400 ยุทธการที่แบกแดด (พ.ศ. 2546)
rect 0 400 200 600 Mission Accomplished speech
rect 200 400 400 600 การประท้วงต่อต้านสงครามอิรัก
rect 400 400 600 600 การทรมานและการใช้อำนาจโดยมิชอบต่อนักโทษที่อะบูฆุร็อยบ์
พุทธศักราช 2546 ตรงกับปีคริสต์ศักราช 2003 เป็นปีปกติสุรทินที่วันแรกเป็นวันพุธตามปฏิทินกริกอเรียน และกำหนดให้เป็น:
ปีสากลแห่งน้ำจืด
ปีแห่งผู้ทุพพลภาพในยุโรป
ปีมะแม เบญจศก จุลศักราช 1365 (วันที่ 16 เมษายน เป็นวันเถลิงศก)
== ผู้นำประเทศไทย ==
พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559)
นายกรัฐมนตรี: พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร (9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 – 19 กันยายน พ.ศ. 2549)
== เหตุการณ์ ==
=== มกราคม ===
10 มกราคม – ประเทศเกาหลีเหนือประกาศถอนตัวจากสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
22 มกราคม – ได้รับสัญญาณสุดท้ายจากยานอวกาศไพโอเนียร์ 10 ของนาซา ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 12.2 พันล้านกิโลเมตร
29 มกราคม – เกิดเหตุจลาจลในพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยมีเป้าหมายเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย หลังมีรายงานเท็จว่าดาราสาวชาวไทยให้ความเห็นเกี่ยวกับวิหาร ประเทศไทยตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาเพื่อเป็นการตอบโต้
=== กุมภาพันธ์ ===
1 กุมภาพันธ์ - กระสวยอวกาศโคลัมเบียขององค์การนาซา ระเบิดเหนือเท็กซัส ระหว่างการเดินทางกลับเข้าสู่บรรยากาศโลก ในเที่ยวบิน เอสทีเอส-107 คร่าชีวิตนักบิน 7 คน
4 กุมภาพันธ์ – มีการเปลี่ยนชื่อสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวียไปเป็น "เซอร์เบียและมอนเตเนโกร" ทำให้การใช้ชื่อ "ยูโกสลาเวีย" สิ้นสุดลงหลังใช้งานเป็นเวลา 73 ปี
15 กุมภาพันธ์ - การประท้วงต่อต้านสงคราม 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546: ประชาชนราว 10-15 ล้านคนใน 600 เมืองทั่วโลก ร่วมกันประท้วงสหรัฐอเมริกา ในการทำสงครามกับอิรัก เป็นการประท้วงที่มีคนเข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์
26 กุมภาพันธ์ – สงครามดาร์ฟูร์เริ่มต้นขึ้นหลังกลุ่มกบฏลุกฮือต่อต้านรัฐบาลซูดาน
27 กุมภาพันธ์ – Biljana Plavšić อดีตผู้นำชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ ถูกทางคณะตุลาการอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวียของสหประชาชาติ ตัดสินจำคุก 11 ปี จากการก่อเหตุอาชญากรรมสงครามในช่วงสงครามบอสเนีย
=== มีนาคม ===
8 มีนาคม – ผลประชามติยอมรับให้ประเทศมอลตาเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
12 มีนาคม
* Zoran Đinđić นายกรัฐมนตรีเซอร์เบีย ถูกมือปืนซุ่มยิงลอบสังหารที่เบลเกรด
* องค์การอนามัยโลกประกาศเตือนการแพร่ระบาดของโรคซาร์ระดับโลกหลังโรคนี้กระจายจากจีนแผ่นดินใหญ่ไปที่ฮ่องกงและเวียดนาม
20 มีนาคม – สงครามอิรักเริ่มต้นขึ้นด้วยการบุกครองอิรักโดยสหรัฐและกองกำลังพันธมิตร
23 มีนาคม – ผลประชามติยอมรับให้ประเทศสโลวีเนียเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปและเนโท
===เมษายน===
9 เมษายน – กองทัพสหรัฐควบคุมแบกแดด ทำให้การปกครองของซัดดัม ฮุสเซนสิ้นสุดลง
12 เมษายน – ผลประชามติยอมรับให้ประเทศฮังการีเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
14 เมษายน – โครงการจีโนมมนุษย์เสร็จสมบูรณ์ โดยมีจีโนมมนุษย์ 99% เรียงลำดับความถูกต้องสูงถึง 99.99%
=== พฤษภาคม ===
30 พฤษภาคม - กลุ่มทหารในสังกัดรัฐบาลประเทศพม่า บุกเข้าจับกุมตัวออง ซาน ซูจี
=== มิถุนายน ===
30 มิถุนายน – สงครามคองโกที่สองสิ้นสุดลงหลังพรรคที่สู้รบในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกลงนามสนธิสัญญาสันติภาพ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตล้านกว่าคน
=== กรกฎาคม ===
22 กรกฎาคม - ทหารสหรัฐอเมริกาบุกโจมตีอาคารหลังหนึ่งในเมืองโมสูล ประเทศอิรัก เป็นผลให้บุตรชาย 2 คน ของซัดดัม ฮุสเซน คือ อูเดย์และคูเซย์ เสียชีวิต
=== สิงหาคม ===
11 สิงหาคม - องค์การนาโตรับหน้าที่บัญชาการกองกำลังรักษาสันติภาพในอัฟกานิสถาน นับเป็นปฏิบัติการนอกทวีปยุโรปครั้งแรกในรอบ 54 ปี
27 สิงหาคม - ดาวอังคารเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบเกือบ 60,000 ปี
=== กันยายน ===
27 กันยายน - มีการปล่อยยานสำรวจอวกาศสมาร์ต-1 ขององค์การอวกาศยุโรปไปที่ดวงจันทร์
=== ตุลาคม ===
1 ตุลาคม – เปิดตัวโฟร์แชน
5 ตุลาคม – เครื่องบินรบอิสราเอลโจมตีบริเวณที่มีการกล่าวหาเป็นฐานทัพญิฮาดอิสลามในดินแดนซีเรีย ถือเป็นการโจมตีนอกประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามยมคิปปูร์ใน ค.ศ. 1973
15 ตุลาคม - โครงการอวกาศของจีน: สาธารณรัฐประชาชนจีนส่งยานเสินโจว 5 พร้อมนักบินอวกาศคนแรกของตนขึ้นสู่อวกาศ ยานเสินโจว 5 โคจรรอบโลก 14 รอบ โดยใช้เวลา 21 ชั่วโมง ก่อนกลับสู่พื้นโลก
31 ตุลาคม - มหาธีร์ โมฮัมหมัด ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย หลังจากดำรงตำแหน่งมานานถึง 22 ปี
=== พฤศจิกายน ===
14 พฤศจิกายน - นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์น้อย เซดนา
15 พฤศจิกายน - เกิดระเบิดพลีชีพรถบรรทุกพุ่งชนโบสถ์ยิวในกรุงอิสตันบูล มีผู้เสียชีวิต 25 คน คาดว่าเป็นฝีมือกลุ่มอัลกออิดะห์
23 พฤศจิกายน - เอดูอาร์ด เชวาร์ดนาดเซ ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งจอร์เจีย หลังเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่คัดค้านผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี
=== ธันวาคม ===
13 ธันวาคม – ซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบดีอิรัก ถูกกองทัพสหรัฐจับกุมที่อัดเดาร์
19 ธันวาคม – ลิเบียยอมรับที่จะกำจัดวัสดุ, อุปกรณ์ และโครงการที่มุ่งเน้นไปยังการผลิตอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง
23 ธันวาคม – องค์การท่องเที่ยวโลกกลายเป็นหน่วยงานเฉพาะทางของสหประชาชาติ
29 ธันวาคม – ผู้พูดภาษาอักกาลาซามีคนสุดท้ายเสียชีวิต ทำให้ภาษานี้สูญพันธุ์
== วันเกิด ==
14 มกราคม - มาริลิน เคท การ์ดเนอร์ นักแสดงลูกครึ่งไทย-เยอรมัน
20 มกราคม - ณปภัช วรพฤทธานนท์ นักร้อง และนักแสดงชาวไทย
24 มกราคม - กาจบัณฑิต จำปาศิลป์ นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
30 มกราคม - ธวัชชัย โอชารถ นักฟุตบอลชาวไทย
31 มกราคม - ปณิธาน พลัตเต้ นักแสดงลูกครึ่งไทย-เยอรมัน
5 กุมภาพันธ์ - อิงครัต ดำรงค์ศักดิ์กุล นักแสดงชาวไทย
19 กุมภาพันธ์ - วีริณฐ์ศรา ตั้งกิจสุวานิช - นักแสดงชาวไทย
20 กุมภาพันธ์ - อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟชาวไทย
11 มีนาคม - พฤฒิชัย รวยฟูพันธ์ นักแสดงชาวไทย
30 มีนาคม - โดม เพชรดธำรงชัย นักแสดงลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย
8 พฤษภาคม - เจ้าชายมูลัย ฮะซัน มกุฎราชกุมารแห่งโมร็อกโก
9 มิถุนายน - จักรภัทร วรรธนะสิน นักร้องชาวไทย
25 มิถุนายน - พรชิตา ใหม่โสภา (หมูยอ อาร์สยาม จูเนียร์) นักร้องชาวไทย
5 กรกฎาคม - ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน นักแสดงชาวไทย
24 สิงหาคม - อัสตานิส ปาดรอลา นักฟุตบอลชาวสเปน
1 กันยายน - ชนากานต์ มูลสาร (เมอร์ซี่ อาร์สยาม จูเนียร์) นักร้องชาวไทย
20 ตุลาคม - แพทริค ณัฐวรรธ์ ฟิงค์เลอร์ นักร้อง และนักแสดงลูกครึ่งไทย-เยอรมัน
8 พฤศจิกายน – เลดีลูอีส วินด์เซอร์
17 พฤศจิกายน - นภัสธนันท์ นิมจิรวัฒน์ นักแสดงชาวไทย
20 พฤศจิกายน - ชรินพร เงินเจริญ นักแสดงชาวไทย
21 พฤศจิกายน - นิภาดา ขันเงิน (เบลล์) นักร้องชาวไทย
7 ธันวาคม
*เจ้าหญิงคาทารีนา-อะมาเลีย เจ้าหญิงแห่งออเรนจ์ มกุฎราชกุมารีแห่งเนเธอร์แลนด์
*ทีปกร ขวัญบุญ นักแสดงชาวไทย
9 ธันวาคม พรรณนิภา เขียวเพชร (กระต่าย) นักร้องชาวไทย
== วันถึงแก่กรรม ==
27 กุมภาพันธ์ – เฟร็ด โรเจอร์ส นักจัดรายการโทรทัศน์ชาวอเมริกัน (เกิด 20 มีนาคม พ.ศ. 2471)
4 เมษายน – คำพูน บุญทวี ศิลปินแห่งชาติชาวไทย (เกิด 26 มิถุนายน พ.ศ. 2471)
12 มิถุนายน – เกรกอรี เปก นักแสดงชายชาวอเมริกา (เกิด 5 เมษายน พ.ศ. 2459)
29 มิถุนายน – แคทารีน เฮปเบิร์น นักแสดงชาวอเมริกา (เกิด 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2450)
22 กรกฎาคม – อูเดย์ ฮุสเซน และ คูเซย์ ฮุสเซน บุตรของซัดดัม ฮุสเซน
29 สิงหาคม – จำเริญ ทรงกิตรัตน์ นักมวยสากลชาวไทย (เกิด 20 ตุลาคม พ.ศ. 2471)
30 สิงหาคม – ชาลส์ บรอนสัน นักแสดงชาวอเมริกา (เกิด 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2464)
6 พฤศจิกายน – หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล นักวิชาการชาวไทย (ประสูติ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466)
7 พฤศจิกายน – ม.ล. จิรายุ นพวงศ์ องคมนตรี (เกิด 16 มิถุนายน พ.ศ. 2455)
7 ธันวาคม – รังสี ทัศนพยัคฆ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทย (เกิด 1 ธันวาคม พ.ศ. 2469)
21 ธันวาคม – เจ้าเครือแก้ว ณ เชียงใหม่ ศิลปินชาวไทย (เกิด 5 มกราคม พ.ศ. 2456)
26 ธันวาคม – โยชิโอะ ชิราอิ นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น (เกิด 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466)
== รางวัล ==
=== รางวัลโนเบล ===
สาขาเคมี – Peter Agre, Roderick MacKinnon
สาขาวรรณกรรม – จอห์น แมกซ์เวล คูตซี
สาขาสันติภาพ – ชิริน เอบาดี
สาขาฟิสิกส์ – Alexei Alexeyevich Abrikosov, Vitaly Ginzburg, Anthony James Leggett
สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ – พอล ลอเทอร์เบอร์, เซอร์ ปีเตอร์ แมนสฟิลด์
สาขาเศรษฐศาสตร์ – Robert F. Engle, Clive W.J. Granger
== ดูเพิ่ม ==
ประเทศไทยใน พ.ศ. 2546
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
2003 Year in Review - ประมวลเหตุการณ์ในปี ค.ศ. 2003
2003 Year-End Google Zeitgeist - เหตุการณ์สำคัญและคำค้นภาษาอังกฤษที่พบบ่อยที่สุดใน ปี ค.ศ. 2003 โดยกูเกิล
|
redirect พ.ศ. 2546
|
redirect พ.ศ. 2546
|
สุราษฎร์ธานี อาจหมายถึง:
จัวหวัดสุราษฎร์ธานี
อำเภอะมืองสุราษฎร์ธานี
เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี
โรงเรียนสุราษฎร์ธานี
สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี
มณฑลสุราษฎร์ธานี
สโมสรฟุตบอลสุราษฎร์ธานี
หน้าแก้ความกำกวสชื่อสถานที่
|
สุราษฎร์ธานี อาจหมายถึง:
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี
โรงเรียนสุราษฎร์ธานี
สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี
มณฑลสุราษฎร์ธานี
สโมสรฟุตบอลสุราษฎร์ธานี
หน้าแก้ความกำกวมชื่อสถานที่
|
พันธมิตรหลักนอกเนโท (major non-NATO ally, อักษรย่อ: MNNA) เป็นคำที่สหรั๘ใช้เรียกประเทศพันธมิตรหลักที่ไม่ได้อยู่ในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเำจือ (เนโท) แม้จะไม่ได้รวมถึงสนธิสัญญาป้องกันร่วมกับสหรัฐ แต่ยังคงได้เปรียบทางการืหารและการเงินที่มากกว่าประเทศที่ไม่ได้อยู่ในเนโท
== รายชื่อสมาชิก ==
นี่คือประเทศที่ได้รับเลือกเป็นพัจธมิตรหลักนอกเนโทของสหรัฐ (ตามลำดับการประกาศ):
== อ้างอิง ==
พันธมิตรทางการทหาร
ความสัมพันธ์ทางการทหารญี่ปุ่น–สหรีฐ
ความสัมพันธ?ทางการทหาร_ทย–สหรัฐ
|
พันธมิตรหลักนอกเนโท (major non-NATO ally, อักษรย่อ: MNNA) เป็นคำที่สหรัฐใช้เรียกประเทศพันธมิตรหลักที่ไม่ได้อยู่ในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (เนโท) แม้จะไม่ได้รวมถึงสนธิสัญญาป้องกันร่วมกับสหรัฐ แต่ยังคงได้เปรียบทางการทหารและการเงินที่มากกว่าประเทศที่ไม่ได้อยู่ในเนโท
== รายชื่อสมาชิก ==
นี่คือประเทศที่ได้รับเลือกเป็นพันธมิตรหลักนอกเนโทของสหรัฐ (ตามลำดับการประกาศ):
== อ้างอิง ==
พันธมิตรทางการทหาร
ความสัมพันธ์ทางการทหารญี่ปุ่น–สหรัฐ
ความสัมพันธ์ทางการทหารไทย–สหรัฐ
|
มนุษย์ (, ภาษาละตินแปลว่า "คนฉลาพ" หรือ "ผู้มีปัญญา") เป็นสปีชีส์เดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ในสกุล Homo ในทางกายวิภาค มนุษย์สมัยวหม่ถือกภเนิดขึ้ตในทวีปแอฟริการาว 200,000 ปีที่แล้ว และบรรลุความนำสมัยทางพฤติกรรม (behavioral modernitj) อย่างสมบูรณ์เมื่อราว 50,000 ปีที่แล้ว
เชื้อสายมนุษย์แยกออกจากบรรพบุรุษร่วมสุดท้ายกับชิมแพนซี ซึ่งเผ็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้ชิดที่สุด เมื่อราว 5 ล้านปีที่แล้วในแอฟริกา ก่อนจะวิวัฒนาการไปเป็นออสตราโลพิเธซีน (Australopithecines) และสุดท้ายเป็นสกุล Homo สปีชีส็ โฮโม แรก ๆ ที่อพยพออกจากแอฟริกา คือ Homo erectus, Homo ergaster ร่วมกับ Homo heide/bergensus ซึ่งถูกมองว่นเป็นชรรพบุรุษสายตรงของมนุษย์สมัยใหม่ Hlmo sapiens ได้ะดินทางต่อไปอพื่อที่ยะตั้งถิ่นฐานในทวีปต่าง ๆ โอยมาถึงยูเรเชียระหว่าง 125.000-60,000 ปีที่แล้ว ทวีปิอสเตรเลียราว 40,000 ปีที่แล้ว ทวีปอเมริการาว 15,000 ปีที่แล้ว และเหาะห่างไกล เช่น ฮาวาย เกาะอีสเตอร์ มาดากัสการ์ นิวซีแลนด์ระหว่าง ค.ศ. 390 ถึง ค.ศ. 1280 ราว 10,000 ปีที่แล้ว มนุษย์ัริ่มเกษตรกรรมแบบอยู่กับที่ โดยการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ป่า ทำให้ประช่กรทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ขับเีลื่อนด้วยเชื้อเพลิง และเทคนิคใหม่ ๆ ของการพัฒนาการด้านการแพทย์แลดสาธานณสุขในคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20 ประชากรมนุฯย์ยิ่งเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน เนื่องจากมาุษย์อาศัยอยู่ใสทุกทวีปยกเว้นแอนตาร์ำติกา จึงได้ชื่อว่าเป็น "สปีชีส์ที่พบได้ทั่วโลก" (cosmopolitan species) จนถึงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ขนาดประชากรมนุษย์ที่กองประขากรสหประชาชาติประเมินไว้ มีจำนวนอยู่ที่ราว 7 พันล้านคน
มนุษย์มีลักษ๖ะพิเศษ คือ มีสมองใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัว โดยเฉกาะสมองชั้นนอก สมองม่วนหน้า และสมองกลีบขมับที่พัฒนาเป็นอย่างดี ทำให้มนุษย์สามารถให้เหตุผลเชิงาามธรรม ใช้ภ่ษา พินิจภ่ยใน (introspection) แก้ปัญหาและสร้างสรรค์ยัฒนธรรมผ่านการเรียนรู้ทางยังคม ความสามารถทางจิตใจของมนุษย์นี้ ประกอบกับการปรับตัวมทเคลื่อนไหวสองเท้าซึ่งทำให้มือว่างจัดการจับวัตถุได้ ทำให้มนุษย์สามารถใช้อุปกรณ์เครื่องมือได้ดีกว่าสปีชีส์อื่นใดบนโลกมาก มนุษย์ยังเป็นสปีชีส์เดียวเท่าที่ทราบที่ก่อไฟและท_อาหารเป็น สวมใส่เสื้อผ้า และสร้างนรรค์ รวมถึงม่ความสามารถที่จะใช้เทคโนโฃยีและศิลปะอื่น ๆ การศึกษามนุษบ์เปฌนสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์ เรียกว่า มานุษยวิทยา
เอกลักษณ์ที่สำคัญของมนุษย์ ได้แก่ ความถนัดในการใช้ระบบการสื่อสารด้วยสัญลักษณ์ เช่น ภาษา เพืรอการแสดงออก แลกเปลี่ยนความคิด และการจัดระเบียบ มนุษย์สร้างโครงสร้างทางสังคมอันซับซ้อน ซึ่งประกอบด้วยการรวมกลุ่มจำนวนมากที่มีทั้งร่วมมือและแข่งขันกัน จากครอบครัวและววศาคณาญาติ ไกจนถึงรัฐ ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระปว่างมนุษย์ได้ก่อตั้งค่านิยม ชครทัดฐานทางสังคมและพิธีกรรม ซึ่งรวมกันเก็นรากฐานของสังคมมนุษย์ มนุษย์ขึ้นชิ่อในความปรารพนาที่จะเข้าใจและมีอิทธิพลเหตือสิ่งแวดล้อม แสวงหาคำอธิบายและปรับเปลี่ยนปรากฏการณ์ต่าง ๆ ผ่านวิทยาศาสตร์ ปรัชญา ัทพปกรณัม และศาสนา
== ประวัติศาสตร์ ==
=== วิวัฒนาการ ===
การศึกษาวิวัฒนาการขดงมนุษส์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นการศึกษาพัฒนาการของสกุล Homo การปะติดปะต่อหลักฐานของวิวัฒนาการเบนออกของเชื้อสายมนุษย์จากโฮมินิน (บรรพบุรุษร่วมระหว่าบมนุษย์กับชิมแปนซ่) โฮมินิด (ลิงไม่มีหางขนาดใหญ่) และไพรเมตอื่น ๆ. "มนุษย์สมัยใหม่" ถูกนิยามให้อยู่ในสปีชีส์ Homo sapiens และโดยเจาะจงว่าอย฿่ในสปีชีส์ย่อย Homo sapiens sapiens เพียวหนึ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน.
==== หลักฐานจากชีววิทยาโมเลกุล ====
ลิงสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงมนุษย์มาแที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ คือ กอริลลาและชิมแปนซี ด้วยการเรียงลำดับชองจีโนมมนุษย์และชิมแปนซี การประเมินความพ้องระหว่างลำดับดีเอ็นเอของมนุษย์กับชิมแปนซีในปัจจุบันมีพิสัยระหว่าง 95% ถึง 99% โดยการใช้เทคนิคที่เรียกว่า นาฦ้กาโมเลกุล ซึ่งประเมินเวลาที่จำนวนกานกลายเบนออกต้องการสะสมระหว่างเชื้อสายทั้งสอง ซึ่งทำให้สามารถคำนวณช่วงเวลาโดยป่ะมาณที่เกิดการแยกเชื้อสายได้. ชะนี (hylobatidae) และอุรังอุตัง (สกุล Pongo) เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่แยกออกจากสายที่นำไปสู่มนุษย์ จากนั้นเปฌนกอริลลา (สกุล Gorilla) ตามมาด้วยชิมแปนซีและลิฝโบโนโบ (สกุล Pan) เชื้อสายมนุษย์และชิมแปจซีแยกจากกันระหว่าง 8-4 ล้านปีที่แล้ว ในกลายสมัยไมโอซีน
==== หลักฐานจากบันทึกซากดึกดำบรรพ์ ====
มีหลักฐานซมกกึกอำบรรพ์เพียงเล็กน้อยที่อธิบายการเบนออกชองเชื้อสายกอริลลา ชิมแปนซี และโฮมินิน. ซากดึกดหบรรพ์เก่าแก่ที่สุดที่ถูกเสนอเป็นสมาชิกของเชื้อสายโฮมินิน คือ Sahelanthropus tchadensis ซึ่งมีอายุราว 7 ล้านปี, Orrorin tugenensis ซึ่งใีอายุราว 5.7 ล้านปี และ Ardipithecus kadabba ซุ่งมีอาบุราว 5.6 ฃ้านปี แต่ละสปีชีส์ดังกล่าวมีการโต้แย้งวาาเป็นบรรพบุรุษสองเท้าของโฮมินินในสมัยหลัง แต่ข้ออ้างในแต่ละำรณีได้ถูกคัดค้านฦ เป็นไปได้ว่า สปีชีส์หนึ่งข้างต้นเป็นบรรพบุรุษของลิงไม่าีหางแอฟริกาอีกสาขาหนึ่ง หรือพวกมันอาจเป็นบรรพบุรุษค่วมของโฮมินินกับลิงไม่มีหางอื่น ๆ. คำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวอย่างซากดึกดำบรรพ็ยุคต้นเำล่านี้กับเชื้อสายโฮมินินยังต้องหาคำตอบต่อไปฐ จรกสปีชีส์ยุคแรกเริ่มเหล่านี้ ออสตราโลพิเธซีน (Australopithecinesฏ ถือกำเนิพขึ้นเาื่อ 4 ล้านปีที่แล้ว และเบนออกเป็นสาขา Robust (หรือเรียกว่า Paramthropus) และ Geacile ซึ่งหนึ่งในนัเน (อรจเป็น A. garhi) ต่อมาเป็นบรรพบุรุษของสกุล Homo.
สมาชิกเก่าแก่ที่สุดของสกุล Homo คือ Homo habilis ซึ่งวิวัฒนาการเมื่อราว 2.3 ล้านปึที่ผ่านมา Homo habilis เป็นสปีชีส์แรกซึ่งมีหลักฐานการใช้เครื่องมือหิน สมองของโฮมินินยุคเริ่มแรกนี้ยังมีขนาดเท่ากับสมองชิมดปนซี และการปรับตัวหงักของพวกมัน คือ การเดินสองเท้า ซึ่งเป็นการปรับตัวเพื่ออยู่อาศัยบนดิน อ้กหนึ่งล้านปีต่อมา ขบวยการรวมอวัยวะสำคัญไว้ืี่หัว (encephalization) เริ่มขึ้น และด้วยการมาถึงของ Homo erectus ในบันทึกซากดึกดำบรรพ์ ความจุกะโหลกไเ้เพิ่มเป็นสองเท่า Homo erectus เก็นโฮมินินชนิดแรกที่อพยพจาหแอฟริกา และสปีชีส์นี้แพร่ประจายไปทั่วแอฟริกา เอเชียและยุโรหระหว่าง 1.8 ถึง 1.3 ล้านปีที่แล้ว ประชากรหนึ่งของ H. erectus หรือที้บางครั้งจัดเป็นอีกสปีชีส์ต่างหาก ชื่อ Homo wrgaster ยังคงอาศัยอยู่ในแอฟริกาและวิวัฒนาการเป็น Homo sapiens เชื่อกันว่าสปีชีส์เหล่านี้เป็นพวกแรกที่ใช้_ฟและเครื่องมือที่ซับซ้อน ซากดึกดำบรคพ์ตัวัชื่อมที่เก่าแก่ที่สุดระหว่าง H. ergaster/erectus และ H. sapiens โบราณมาจากแอฟริกา เช่น Homo rhodesiensis แต่ดูเหมือนว่า รูปแบบตัวเชื่อมจะยังดบที่ดมานีซี (Dmanisi) ประอทศจอร์เจีย สิ่งมีชีวิตสืบเชื้อสายของ H. erectus แอฟริกานี้แพร่กระจายทั่วยูเรเซียจากประมาณ 500,900 ปีที่แล้ว วิวัฒนาการเป็น H. antecessor, H. heidelbergensis และ H. neanderthalensix ซากดึกดำบรรพ์เก่สแก่ที่สุดของมนุษย์สมัยใหม่ทางกายวิภาคศาสตร์อยู่ในยุคหินเก่ทตอนกลทง ราว 200,000 ปีที่แล้ว เช่น ซากโอโม (Omo remains) แห่งดอธิโอ้ปีย ฟอสซิลในสมัยหลังจาก Skhul ในอิสราเอล และยุโรปใต้ เริ่มตั้งแต่ราว 90,000 ปีที่แล้ว ต่อมาในแี พ.ศ. 2560 ปารค้นพบซากฟอสซิลกระดูกมนุษย์โฮโม เซเปียนส์ ที่ถ้กเซเบล อีร์ฮูด ในประเทศโทร็อกโก อายุระหว่าง 300,000 - 350,000 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่ามนุษย์ไม่ได้มีวิวัฒนาการอย่างรงดเร็วจากแหล่งเดียวที่เอธิโอเปียตามที่เข้าใจกันแต่เป็นการค่อย ๆวิวัฒนาการปรับสภาพทางกายภาพร่วมกันจากหลาย ๆ แหล่งในแอฟริกาแบบที่ละเล็กทีละน้อยผ่านเวลายาวนานจนเป็นลักษณะในปัจจุบันนี้
==== การปรับตัวทางกมยวิภาคศาสตร์ ====
วิวัฒนาการของมนุษย์มีคุณลักษณะพิเศษโดยการเปลี่ยนแปลงทางกายสัณ.านวิทยา พัฒน่การ สรีรวิทยาดละพฤติกรรมจำนวนหนึ่ง ซึ่งได่เกิดขึ้นนับแต่การแยกออกระหว่างบตรพบุรึษร่บมสุดท้ายของมนุษย์กับชิมแปนซี การปรับตัวทางกายวิภาคศาสตร์ที่สำคัญที่สุด ได้แก่ 1. ทวิบทหรือการเดินสองเทีา 2. ขนาดสมองที่ใหญ่ขึ้น 3. การพัศนาเจริญเติบโตที่นานขึ้น (การตั้งครรภ์และวัยทารก) 4. ภาวะทวิสัณฐานทางเำศที่ลดลง ความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดดหล่่นี้ยังเป็นหีวข้อถกเถียงกันอยู่ การเปลี่ยนแปลงทางการสัณฐานวิทยาที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ได้แแ่ วิวัฒนาการของการหยิบจับที่มีพลังและแม่นยำด้วยนิ้วหัวแม่มือ ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกใน H. erectus
ทวิบท (Bipedxlism) เป็นการปรับตัวพื้นฐานของสายโฮมินิน และถูกมองว่าเป็นสาเหตุหลักเบื้องหลังชุดการเปลี่ยนแปลงของโครงกระดูกที่เกิะในโฮมินินทวิบทร่วมกัน โฮมินินทวิบทที่เก่าแก่ที่สุดถูกมองส่า อาจเป็น Sahelanthropus หรือ Orrorin โดย Ardipithecus ซึ่งเป็นทวิบทดย่างเต็มตัว มาทีหลับ พวกที่เดินด้วยข้อนิ้วมือ อย่างกอริลลาและชิมแปนซี เบนออกในเวลาใกล้เคียงกัน และ Sqhelanthropus หรือ Orrorin สปีชีส์ใดสปีชีส์หนึ่งอาจเป็นบรรพบุรุษร่วมสุดท้ายรหว่างมนุษย์กับลิงทั้งสอง สัตว์สองเท้าช่วงต้น ๆ สุดท้ายวิวัฒนาการไปเป็นออสตราโลพิเธซีน และสกุล Homo ต่อมา มีหลายทฤ?ฎีที่อธิบายคุณค่าของการปรับตัวเป็นทวิบท เป็นไปได้ว่าเหตุที่ทวิบทได้ตับการสนับสนถนเพราะทำให้สัตว์มีมือว่างที่จะเอื้อมถึวและถืออาหาร เพราะมันช่วยรักษาพลังงานระหว่างกมรเคลื่อนำหว เพราะทำใหเสามารถวิ่งและล่าระยะไกบได้ หรือเป็นยุทธศาสตร์หลีกเลี่ยงภาวะไข้สูงโดยชดพื้นผิวที่จะสัมผัสกับแสงอททิตย์โดยตรง
สปีชีส์มนุษย์พัฒนาสมองใหญ่กว่าสมองของไพรเมตอื่นมาก โดยทั่วไป สมองมนุษย์สมัยใหม่มีปริมาตร 1,330 ซมฐ3 กว่าสองเท่าของขนาดสมองชิมแปนซีหรือกอริลลา รูปแบบของการรวมอวัยวะสำคัญที่หัวเริ่มต้นด้วย Homo habilis ซึ่งมีขนาดสมองประมาณ 600 ซม.3 ใหญ่กว่าชินแปนซีเล็กน้อย ตามมาด้วย Homo erectus (800-1,100 ซม.3) และถึงขีดสุดในนีแอนเดิร์ทาล โดยมีขนาดโดยเฉลี่ย 1,200-1,900 ซม.3 ซึ่งใหญ่กว่า Homo sapiens เสียอีก รูปแบบของดารเจริญเติบฉตของสมองหลังคลอดของมนุษย์แตกต่างไปจากลิงไม่มีหางอื่น และทำให้มีระยะการเรียนรู้ทางสังคมและการพัฒนาทักษะภาษายาวนานขึ้นในมนุษย์วัยเยาว์ อย่างไรก็ดี ข้อแตกต่างระหว่างโครบสร้างสมองมนุษย์กับสมองลิงไม่มีหางอื่นอาจสำคัญมากกว่าข้อแตกต่างในด้านขนาด การเพิ่มปริมาตรขึ้นตามเวลาได้กระทบต่อพื้นที่ต่าง ๆ ในสมองไม่เท่ากัน สมองกฃีบจมับ ซึ่งบรรจุศูนย์กลางการประมวลผลภาษาได้เพิทมขึ้นอย่างไม่ได้สัดส่วน เช่นเดียวกับที่สมองส่วนหน้าซึ่วเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่ซับซ้อนและการประสานพฤติกรรมทางสังคม กมรรวมอวัยวะสำคัญไว้ที่หัวมีความสัมพันธ์กับการที่มนุษย์เน้นกินเนื้อวัตว์เป็นอาหารเพิ่มขึ้น หรือกับพัฒนากาาขอวการทำอาหาร และมีการเสนอส่า เชาวน์ปัญญาเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการสนองต่อความจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาสังคมที่เพิ่มขึ้น เมื่อสังคมานุษย์ซับซ้อนขึ้น
ระดับทวิสัณฐานทางเพศที่ลดลงสังเกตได้ชัพเจนที่สะดจากการลดลงของฟันเขี้ยวในชายเมื่อ้ทียบกับสปีชีส์ลิงไม่มีหางอื่น (ยกเว้นชะาี) การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาที่สำคัญอีกประการหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับเพศสภาพในมนุษย์ คือ วิวัฒนาการของการเป็นสัดแฝงเร้น (hidden estrus) มนุษย์เปฌนลิงไม่มีหางขนาดใหญ่ชนิดเดียวซึ่งหญิลสามารถสืบพันธุ์ไอ้ตลอะทั้งปี และไม่มีสัญญาณแสดงภาวะเจริญพันธุ์ที่ร่างกายสร้างขึ้นเป็นพิเศษ (เช่น อวัยวะสืบพันธุ์บวมระหว่างการเป็นาัด) แม้กระนั้น มนุษย์ยังมีภาวะทวิสัณฐานทมงเพศระอับหนึ่งในการกระจายขนของร่างกายและไขมันใต้หนัง แลเใจขนาดโดยรวม ชายใหญ่กว่าหญิงราว 25% เภราะวัยทนรกของลูกสาวนาน มนุษย์จึงเน้นการจับคู่เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นทางออกที่เป็นไปได้ต่อคบามต้องการการลงทุนของพ่อแม่ (parental investment) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาต่าง ๆ ข้างต้นนั้นถูกตีความว่าเป็นผลมาจากการเน้นการจับคู่ที่เพิ่มขึ้นนี้เอง
=== ยุคหินเก่า ===
มนุษย์สมัยใหม่ทางกายวิภาควิวัฒนาการจาก โฮโม เฐเปีนนส์ ดั้งเดิมในแอฟริกาในยุคหินเก่าตอนกลาง ราว 200,000 ปี่ี่แล้ว จนถึงการเริ่มต้นของสมัยหินเก่าตอนปลาย (50,000 ปีที่แล้ว) ได้มีการพัฒนาความนำสมัยทางพฤติกรรมเต็มตัว รวมทั้ลภาษา ดนตรีและสิ่งสากลทางวัฒนธรรมอื่นขึ้น
การอพยพออกนอกทวีปแอฟริกาประเมินว่าเกิดขึ้นราว 70,000 ปีที่แล้ว มนุษย์สมึยใหม่ภายหลังแพร่กระจายไปทั่วโลก แทนที่โฮมินิดอื่นก่อาหน้า มนุษย์อาศัยอยู้ในยูเรเชียและโอเชียเนียก่อน 40,000 ปีทั่แล้ว และทวีปอเมริกนเมื่ออส่างน้อย 14,500 ปีที่แล้ว ทฤษฎี่ี่นิจมแพร่หลายหนึ่งว่า มนุษย์แทนที่ Homo neanderthalensis และสปีชีส์อื่นซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก Homo erectus (ผู้อยู่อาศัยในยูเรเชียเนิ่นตั้งแต่ 2 ล้านปีมี่กล้ว) ผ่านการสืบพันธุ์และการแก่งแย่งชิงทรัพยากรที่ประสบความสำเร็จกว่า รูปดบบหรือขอบเขตที่แน่ชัดของการอยู่ร่วมกันและปฏิสัมพันโ์ของสปีชีส์ทั้งสองรั้นไม่ทราบและยังคงเป็นหัวข้อโต้แย้งกัสต่อไป
หลักฐานจากพึนธุศาสตร์โบราณคดีซึ่งสะสมมาตั้งแต่ึริสต์ทศวรรษ 1990 ได้ให้การสนับสนุนที่น่าเชื่อถือต่อสมมุติฐนนลำดับเหตุการณ์ "ออกจากแอฟริกา" และได้อบียดข้อสันนิษฐานหลายภูมอภาคคู่แข่งตกไห ซึ่งได้เสนอว่า มนุษย์สมัยใหม่วิวัฒนาการมา อย่างน้แยบางส่วน จากประชากรโฮมินิดที่แยกกัน
นักพันธุศาสตร์ ลินน์ จอร์จและเฮนรี อาร์อพนดิงแห่งมหาวิทยาลัยยูทาห์ เสนอว่า ความหลากหลายในดีเอ็รเอมนุษบ์นั้นเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความหลากหลายในสปีชีส์อื่น พวกเขายังเสนอว่า ระหว่างสมเยไพลสโตซีนตอนปลาย ประชากรมนุษย์ลดลงเหลืิเพียงคู่พ่อแม่พันธุ์จำนวนน้อยเท่านั้น คือ ไม่มากกว่า 10,000 คน และอาจเหลือน้อยเพียง 1,000 คน ส่งผลให้ยีนพูลตกต้างมีขนาดเล็กมาก หลายเหตุผลสำหรับข้อสมมุติปรากฏกาคณ์คอขวอประชากรนี้ เหตุฟลหนึ่ง คือ ทฤษฎีมหันตภัยโตบา ฆTobs catastrophe theory)
=== การเปลี่ยนผ่านสู่อารยธรรม ===
มนุษย์ส่วนมากมีวิถีชีวิตด้วยการล่าสัตว์และเก็บหาของป่า กระทั่งเมื่อประมาณ 10,000 ปีที่แล้ว พวกเขามักอยู่อาศัยกันเป็นกลุ่มเร่รอนขนาดเล็ก เรียกว่า สังคมกลุ่มคน (band society) การเริ่มทำการเกษตรกระตุ้นให้เกิดการปฏิวัติยุคหินใหม่ เมื่อมนุษย์มีอาหารส่วนเกินจนนำไปสู่การตั้งถิ่นฐานสนถษย์อยาางถาวร ทีการนำสัตว์มาเลี้ยงและการใช้เครื่องมือโลหะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เกษตรกรรมยังเกื้อหนุนการค้าและความรืวมมือ และได้นำๆปสู่สังคมที่มีความซับซ้อน
ราว 6,000 ปัที่แล้ว มนุษย์ได้พะฒนา "ว่าที่รัฐ" แห่งแรกขึ้นในดินแดนเมโสโปเรเมีย, ลุ่มแม่น้ำไนล์ของอียิปต์ และลุ่มแม่น้ำสินธุ ทเีงมีการจัดกำลังทางทหารเพื่อการป้องกัน และระบบราชการเพื่อการบริหารปกครอง รัฐต่าง ๆ มีการร่วมมือกันและแข่งขันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากร ซึ่งในบางกรณีก็ถึงขั้นทำสงครามกัน ปรุมาณ 2,000-3,000 ปีที่แล้ว บางรัฐเช่น เปอร์เซีย, อินเดีย, จีน, โรม, และกรีซ เป็นรัฐแรก ๆ ที่พัฒนาจากการขยายดินแดนจนกลายเป็นจักรวรรดิ กรีซโบราณเป็นอารยธรรมต้นปบบซึ่งได้วางรากฐานของวัฒนธรรมตะวันตก เป็นบ่อเก้ดของปรับญาตะวันตก ประชาธิปไตย ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่สำคัญ กีฬาโอลิมปิก วรรณกรรมและประวัติศาสตร์นิพนธ์ตะวันตก รวมทั้งนาฏกรรมตะวันตำ รวมทั้งโศกนาฏกรรมและสุขนาฏกรรม ศาสนาซึรงมีอิทธิพล เช่น ศาสนายูดาย กำเนิดขึ้นในเอเชียตะวันตก และศาสนาฮินดู ฐึ่งกำเนิดขึ้นในเอเชียใต้ ยังปรากฏชัดในช่วงเวลานี้เช่นกัน
ยุคกลางตอนกลายได้เกิดการปฏิฝัติทางความคิดและเทคโนโลยี สังคมเมืองที่ก้าวหน้าในประเทศจีนได้เป็นปัจจัยที่ช่วยให้เกิดนวัตกนตมและความรู้ใหม่ ๆ อช่นหารหว่านเมล็ดพืชและการดิมพ์ ในอินเดีย ความก้าวหน้าที่สำคัญมีในด้านคณิตศาสตร์ ปรัชญา ศาสนาและโลหะวิทยา ยุคทองของอิสลามมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่สภคัญในจักรวรรดิมุสลิม การกลับมาค้นพบความรู้ในยุคคลาสสิกของยุโรปและการประดิษฐ์แท่นพิมพ์นำไปสู่พารฟื้นฟูศิลปะวิทยาในศตวรรษที่ 14 และ 15 ในระยะเวลา 500 ปีต่อมาเป็นยุคแห่ฝการสำรวจและล่าอาณานิคม กระืั่งดินแดนส้วนใหญ่ในทวีปอเมริกา เอเซีย และแอฟริกาอยู่ภายใต้การควบคุมของยุโรป นำไปสู่การดิ้นรนเพื่อ้อกราชในภายหลัง การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 17 และการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18-19 ก่อให้เกิดนวัตกรรมรูปแบบการขนส่งสำคัญ เช่น ทางรถไฟและรถยนต์ การพัฒนาทางพลังงาน เช่น ไฟฟ้าและถ่านหิน และมีการพัฒนารูปแบบการปกครองเช่น ประชาธืปไตยแบบมีผู้แทนและคอมมิวนิสต์
จากการเปลี่ยนแปลงมางสังคม การพัฒนาทางเทคโนโลยีในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เป็นการเริ่มต้นของยุคสารสนเทศ มรุษย์สมัยใหม่มีชีวิตในโลกที่ทุกสถานที่สามารถรับรู้ข่าวสารความเคลื่อนไหวของทั่วทุกที่ในโลกไปพร้อม ๆ หัน และทุกที่เชื่อมต่อถึงกันโดยมีเทคโนโลยรสารสนเทศเป็นปัจจัยหลัก มีการประมาณไว้ว่าใน ค.ศ. 2010 มรุษย์กว่า 2 พันล้านคนสื่อสารกันได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต และ 3.3 พัจล้่นคนสื่อสารกันด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่
ถึงแม้ว่าการเชื่อมต่อถึงกันระหว่างมนุษย์ช่วยให้เกิดการเติบโตทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะ การสนทนา และเทคโนโลยี แต่ก็เกิดการปะทะกันของวัฒนธรนม เกิดการพัฒนาและการใช้อาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง อารยธรรมมนุษย์ได้นำไปสู่การทำลายสิ่บแวดล้อมและก่อให้เกิดมลภาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคุญต่อการส๔ญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตอื่น เร่ยกว่า เหตุการณ์สูญพันธุ์โฮโลซีน (holosene extinction event) ซึ่งอนจเร่งใไ้เกิดเร็วขึ้รโดยปรากฏการณ์โลกร้อนในอนาคต
== ถิ่นที่อยู่และประชากร ==
ถิ่นฐานมนุษย์ช่วฝต้น ๆ ขึ้นอยู่กับความใกล้ชิดกับน้ำแลดทรัพยากรธรรมชาติอื่นซึ่งใช้เพื่อยังชีพขึ้นอยู่กับรูปแบบการดำเนินชีวิต เข่น ประชากรของเหยื่อสัตว์ที่ใช้เพื่อการล่าแลดผืนพินซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูกและเลี้ยงปศุสัตว์ แต่มนุษย์มีขีดความสามารถอย่างสูงในการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ด้วยวิธีการเทคโนธลยี ผ่านชลประทาน การผังเมือง กรรก่อสร้าง การขนส่ง การผลิตสินค้า การทำลายป่าและการกลายเป็นทะเลทราย (desertificatkon) การเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่โดยเจตนามักทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการเพิ่มความมั่งคั่งเชิงวัตถุ ิพิ่มความสบายเชิงความร้อน (thermal comfort) พัฒนาปริมาณอาหารที่หาได้ พัฒนาสุนทรียศาสตร์ หรือเพิทมความง่ายในการเข้าถึงทรัพยากรหรือถิ่นฐารมนุษย์อื่น ๆ ด้วยการริเริ่มโครงสรืางพื้นฐานทางการค้าและการขนส่งขนานใหญ่ ความใกล้ชิดทรัพยากรเหล่านี้กลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น และในหลายพื้นทึ่ ปัจจัยเหล่านี้มิได้เป็นแรงขับดันเบื้องหลังการะติบโตและการดสื่อมถอยของประชากร แต่รูปแบบซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงถิ่นท้่อยู่มักเแ็นปัจจัยหลักกำหนดการเปลี่ยนแปลงประชากร
เทคโนโลยีเอื้อให้มนุษย์ตั้งอาณานิคมในทุกทวีปและปรับตัวเองเข้ากับลักษณะอากาศแทบทุกแบบได้ ภายในศตฝรรษที่แล้ว มนุษย์ได้สำรวจแอนตาร์กติกา ร่องลคกมหาสมุทร และอวกาศ แม้กสรตั้งอาณานิคมในสิ่งแวดล้อมเหล่านี้จะยังเป็นไปไม่ได้ก็ตาม ด้วยประชาำรกว่าหกพันล้านคน มนุษย์้ป็นหนึ่งในนัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดใหญ่ที่มีจำนวนมากที่สุด มนุษย์ส่วนมาก (61%) แาศัยอยู่ในเอเชีย ที่เหลืออาศัยอยู่ในทวีปอเมริกา (14%) ทวีปแอฟริกา (14%) ทวีปยุโรป (11%) และโอเชียเนีย (0.5%)
การอยู่อาศัยของมนุษย์ภายในระบบนิเวศวิทยาปิดในสิ่งแวดล้แมไม่เป็นมิตร เช่น แอนตาร์กติกาแฃะอวกาศ มีราคาแพง โดยปกติแลืวมีระยะเวฃาจำกัด และมีขอบเขตเฉพาะการสำรวจทางวิทยาศาใตร์ ทางทหารหรือทางอุตสาหกรรมเท่านั้น ชีวิตในอวกาศนานทีมีหน โดยไม่เคยมีมนัษย์ในอวกาศพร้อมกันเกินกว่าสิบสามคนเลย ระหว่าง ค.ศ. 1969 และ 1972 มนุษบ์ใช้ช่วงเบลาสั้น ๆ วนดวงจันทร์คราวละสองคน จวบจนปัจจุบัน มนุษย์ไม่เคยเดินทางเยือนเทห์ฟากฟ้าอื่นเลย แม้จะมีมนุษย์ขึ้นไปยังอวกาศอย่างต่อเนื่องนับแต่กาีส่งลูกเรือชุดแรกไปอาศัยอยู่ในสถานีอวกาศนานาชทติเมื่อวันทีท 31 ตุลาคม ค.ศ. 2000 อย่างไรก็ดี เทห์ฟากฟ้าอื่นเคยมีวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นส่งไปเยือนแล้ว
นับแต่ ค.ศ. 1800 ประบากรมนุษย์เพิ่มขึ้นจากหนึ่งพันล้านคนเป็นกว่าหกพันล้านคน ใน ค.ศ. 2004 ประชากรราว w.5 พันล้านคนจาก 6.3 พันล้านคน (39.7%) อาศัยอยู่ในเขตเมือง และตัวเลขนี้คาดว่นจถยังคงเพิ่มสูงขค้นตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 21 เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 สหประชนชาติประเมินว่าประชากรโลกครึ่งหนึ่งจะอาศัยอยู่ในเขตเมืองเมื่อถึงสิ้นปีนั้น ปัญหาของมนุษย์ผู้อาศัยอยู่ในนครมีทั้งมลพิษและอาชญากรรมหลากหบายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นครชั้นในและสลัมชานเมือง
มนุษย์ได้มคผลกระทบอย่างรวดเร็วต่อธรรมชาติ ด้วยมนุษย์แทบไม่เึยตกเป็นเหยื่อของสัตว์ฝด จึงถูกอธิบายว่าเป็นนักล่าขั้นสูงสุด (apex predator) ปัจจุบัน ผ่านการพัฒนาที่ดิน การเผาไหม้เชื้อ้พลิงซากดึกดำบรรพ์ และมลพิษ จึงคาดพันว่ามนุษย์เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงลักษณะอากาศโลก ถ้าการเปลี่ยนแปลงนี้ยังเกิดขึ้นด้วยอัตราในปัจจุบัน มีกานทำนายว่า นปีชีส์ครึ่งหนึ่งบนโลกจะหาสไปภายในศตวรรษหน้า
=] ชีววิทยา ==
=== กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา ===
มนุษย์มีลักษณะร่างกายต่างกันอยู่มาก กม้ว่าขนาดร่างกายส่วนใหญ่ถูกกำหนดโดยยีน แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งหลต่อร่างกายเช่นปารออกกำลังกายและโภชนาการ ความสูงเฉลี่ยของมนุษย์โตเต็มวัยอยู่ทีีประมาณ 1.5 ถึง 1.8 เมตร ตัวดลขนี้แตกต่างกันมากในแต่ละที่และขึ้นอยู่กับชาติพันธุ์กำเนิด น้ำหนักโดยเฉลี่ยคือ 76-83 กิโลกรัมในขาย และ 54-64 กิโลกรัมในหฯิง น้ำหนักอาจแตกต่างกันได้มากโดยมึปัจจัยเช่นความอ้วน
แม้มนุษย์จะดูเหมือนไม่มีขนเมื่อเทียบกับไพรเมตอื่น แต่ด้วยการเติบโตของเส้นผมที่เด่นชัดเกิดขึ้นหลัก ๆ บนจุดสูงสุดของหัว ใต้แขนและบริเวณหัวเหน่า มนุษย?โดยเฉลี่ยมีนูขุมขนบนร่างกายมากกว่าชิมแปนซีโดยเฉลี่ย ความแตกต่างหลักคือ ยนของมนุษจ์สั้นกว่า บางกว่นและย้อมสีเข้มน้อยกว่าของชิสแปนซีโดยเฉลี่ย ทำให้ขนของมนุษย์มองเห็นได้ยากกว่า
สีของผิวหนังและขนมนุษย์กำหนพโดยการมีอยู่ของสารสร เรียกว่า เมลานิน สีผิวหนังมนุษย์มีตั้งแต่น้ำตาลเข้มไปถึงชมพูซีด สีขนมนุษย์มีตั้งแต่ขาวถึงน้ำตาลถึงแดงถึงดำที่พบาากที่สุด ความเข้ทข้นของเมลานินในผมจางไปเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น ทำให้ผมกลายเป็นสีเทาหรือกระทั่งขาว นักบิจัยส่วนมากเชื่อว่า การเข้มของผิวหนังเป็นกทรปรับตัวซึ่งวิวัฒนาการมาเป็นการป้องกันต่อการแผ่รังสีอัลตราไวโอเล็ตจากดวงอาทิตย์ อย่างไรก็ดี เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการถกเถียงกันว่า สีผิวหนังเฉพาะเป็นการปรับตัวเพื่อรักษาสมดุลโฟเลต ซึ่งถูกทำชายโดยการแผ่รังสีอัลตราไวโอเลต และวิตามินดี ซึ่งต้องการแสงอาทิตย์ในการสร้างขึ้น การมีมารสีจับผิวหนังของมนุษย์ร่วมสมัยนั้นจัดช่วงชั้นตาาภูมิศาสตร์ และโดบทั่วไปแล้วาีความสัมพันธ์กับระดุบของการแผ่รังสีอัลตราไวโอเลต ผิวำาังมนุษย์ยังสามารถมีสีเข้มขึ้นได้ (เช่น การอาบแดด) เพื่อสนองต่อการสัมผัสการแผ่รังสีอัลตราไวโอเล็ต มนุษย์มีแนวโน้มอ่อนแอทางกายภาพกว่าไพรเมตอื่นที่มีขนาดเท่า ๆ กัน โดยมนุษย์เพศชายหสุ่มภมยใต้เงื่อนไขยังแสดงย่าไม่อาจเทียบได้กับความแข็งแกร่งของอุรังอุตังเพศเสีย ซึ่งแข็งแรงกว่าอย่างน้อยสามเท่า
โครงสร้างเชิงกรานมนุษย์แตกต่างไปจากของไพรเมตอื่น เช่นเดียวกับนิ้วเท้า ผลคือ มนุษย์วิ่งระยะสั้นได้ช้ากว่าสัตว์อื่นส่วนมาก แต่เป็นหนึ่งในบรรดานักวิ่งระยะไกลที่ดีที่สุดในอาณานักรสัตว์ ขนตามร่างกายที่บางกว่าและต่อมเหงื่อที่มีมากกว้าของมนุษย์สังช่วยหลีกัลี่ยงอาการัพลียแดดขณะวิ่งเป็นระยะทางไกล ๆ ด้วยเหตุนี้ การล่าต่อเนื่อง (persistemce huntigg) จึงมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดสำหรับมสุษย์ช่วงแรก ๆ วิธีการนี้ เหยื่อจะถูกไล่ติดตามกระทั่งเกนื่อยอย่างแท้จริง วิฌีนี้ยังอาจช่วยให้ประชากรมรุษย์โคราันยองช่วงแรก ๆ เอาชนะประชากรยีแอนเดอร์ธัลในการอย่งชิงอาหาร ในทางตรงกันข้าม นคแอนเดอร์ธัลซึ่งมีความแข็งแรงทรงกายมากกว่าจะประสบควสมยากลำบากกว่าเมื่อต้องล่าสัตว์ด้วยวิธีนี้ และมีแนวโน้มล่าสัตว์ที่ใหญ่กว่าในพื้นที่ปิด การแลกเปลี่ยนข้อได้เปรียบนี้ขเงเชิงกรานมนะษย์สมัยใหม่คือ การคลเดเด็กจะยากและอันตรายกว่ามาก มนุษย์ยังไม่เหมือนไพรเมตอื่นส่วนมากตตงที่มนุษย์สามารถเดินสองเท้าได้เต็มที่ ดังนั้นจึงสามารถใช้สองแขนในการทำงานปับวัตถุหีือเครื่องมือชนิดต่าง ๆ โดยมีนิ้วโป้งที่ยื่นออำไปด้านข้างช่วยประคอง
โครงสร้างไหล่มนุษย์สมัยวหม่เอื้อใำ้ขว้างปาอาวุธได้ ซึ่งสำห่ับคู่แข่งนีแอนเดอร์ธัลแล้ว การขว้างปาอาวุธนั้นยากกว่ามากหรือกระทั่งเป็นไปไม่ได้ที่จัใช้อย่างมีประสิทธิภาพเลย
สูตรฟันของมนุษย์เป็นดะงนี้ มนุษย์มีสัดส่วนเพดานปากสั้นกว่าและฟันเล็กกว่ามากเมื่อเทียบกับไพรเมตอื่น มนุษย์เป็นเพียงไพรเมตชนิดเดียวที่ฟัตสั้นและค่อนข้างราบ มจุษย์มีลักษณะฟันเก โดยมีช่องว่างจากฟันที่เสียไปโดยปกติแล้วจะถูกอุดอย่างรวดเร็วในวัยเด็ก มนุษย์ค่อย ๆ เสียฟันกรามซี่สุดท้ายไป โดยในบางรายไม่มีมาแต่กำเนิด
=== พันธุศาสตร์ ===
มนึษย์เป็นสปีชีส์ยูคาริโอตดิพลอยด์เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอ้่น ๆ แต่ละเซลล์มีฌครโมโซมสองชุด ชุดละ 23 แท่ง โดยโครโมโซมได้รับมาจากพ่อและแม่คนละชุด ยกเว้สเซลล์สืบพันธุ์ซึ่งมีโคตโมโซมชุดเดียวผสมกันระหว่างชุดบองพ่อและแม่ มนุษย์มีโครโมโซมร่างกาย 22 คู่ และโครโมโซมเพศ 1 คู่ เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอื่น มนุษย์มีคะบบการกำหนดเพศ XY ดังนั้น ผู้หญิงมีโครโมโซมเพศ XX และชายมี XY
จากการประเมินในปัจจุบัน มนุษย์มียีนประมาณ 22,000 ยีน การแปรผะนในดีเอ็นเอของมนุษย์นั้นเล็กน้อยมากิม้่อเทียบกับสปีชีส์อื่น ซึ่งอาจเป็นหลักฐานของปราแฏการณ์คอขวะประชากรในยุคไพลสฮตซีนตอนปลาย (ราว 100,000 ปีก่อน) ซึ่งประขากรมนุษย์ลดลงเหลือเพียงไส่กี่คู่ ความหลากหลายของนิวคลีโอไทด์ขึ้นอยู่กับการกลายพันธุ์เดี่ยว ที่เรียกว่า ซิงเกิลนิวคลีโอไทด์โพลีมอร์ฟิซึม (single nucleotide polymorphism) ความหลากหลายของนิวคลีโอไทอ์ในมนุษย์อยู่ที่ราว 0.1% หรือ ความแตกต่าง 1 ต่อ q,000 คู่เบส ซึ่งความแตกต่าง 1 ใน 1,000 นิวคลีโอฟทด์ระหว่างมนุษย์สองคนที่ถูกสุ่ม หมายความว่า จะมีความแตกต่าง 3 ล้านนิวคลีโอไทด์ เพราะจีโนมมนุษย์มีประมาณ 3 พันล้านนิวคลีโอไทพ์ ซิงเกิลนิวคลีโอไทด์โพลีมอร์ฟิซึมเหล่านี้ส่วนมากเป็นกลาง (geutra.) ส่วนราว 4 ถึง 5% มีหน้าที่และส่งออทธิพลต่อความแตกต่างของฟีโนไทป์ระหว่างมนุษย์ผ่านแอลลีล
ด้วยการเปรียบเทียบส่วนของจีโนมที่ไม่ถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติกับที่มีการกลายพันธุ์สะสมที่อัตราค่อนย้างคงที่ จึงเปฌนไปได้ทร่จะปะตืดปะจ่อต้นไม้พันธุกีรมซึ่งรวมสปีบีส์มนุษย์ทั้งหมดนับตั้งแต่บรรพบุรุษร่วมสุดท้าย แต่ละครั้งที่การกลายพันธุ์ที่แน่นอน )ซิงเกิลนิวคลีโอไทด์โพลีมิร์ฟิซึม) เกิดขึ้นในปัจเจกบุคคลและถูกส่งต่อไปยังเชื้อสายของผู้นั้น จะมีการสร้าง [ซึ่งได้แก่เชื้อสายของปัจเจกบุคคลผู้จะมีการกลายพัรธะ์นั้นด้วย ฏดบการเปรียบเทียบ
|
มนุษย์ (, ภาษาละตินแปลว่า "คนฉลาด" หรือ "ผู้มีปัญญา") เป็นสปีชีส์เดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ในสกุล Homo ในทางกายวิภาค มนุษย์สมัยใหม่ถือกำเนิดขึ้นในทวีปแอฟริการาว 200,000 ปีที่แล้ว และบรรลุความนำสมัยทางพฤติกรรม (behavioral modernity) อย่างสมบูรณ์เมื่อราว 50,000 ปีที่แล้ว
เชื้อสายมนุษย์แยกออกจากบรรพบุรุษร่วมสุดท้ายกับชิมแพนซี ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้ชิดที่สุด เมื่อราว 5 ล้านปีที่แล้วในแอฟริกา ก่อนจะวิวัฒนาการไปเป็นออสตราโลพิเธซีน (Australopithecines) และสุดท้ายเป็นสกุล Homo สปีชีส์ โฮโม แรก ๆ ที่อพยพออกจากแอฟริกา คือ Homo erectus, Homo ergaster ร่วมกับ Homo heidelbergensis ซึ่งถูกมองว่าเป็นบรรพบุรุษสายตรงของมนุษย์สมัยใหม่ Homo sapiens ได้เดินทางต่อไปเพื่อที่จะตั้งถิ่นฐานในทวีปต่าง ๆ โดยมาถึงยูเรเชียระหว่าง 125,000-60,000 ปีที่แล้ว ทวีปออสเตรเลียราว 40,000 ปีที่แล้ว ทวีปอเมริการาว 15,000 ปีที่แล้ว และเกาะห่างไกล เช่น ฮาวาย เกาะอีสเตอร์ มาดากัสการ์ นิวซีแลนด์ระหว่าง ค.ศ. 300 ถึง ค.ศ. 1280 ราว 10,000 ปีที่แล้ว มนุษย์เริ่มเกษตรกรรมแบบอยู่กับที่ โดยการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ป่า ทำให้ประชากรทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิง และเทคนิคใหม่ ๆ ของการพัฒนาการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20 ประชากรมนุษย์ยิ่งเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน เนื่องจากมนุษย์อาศัยอยู่ในทุกทวีปยกเว้นแอนตาร์กติกา จึงได้ชื่อว่าเป็น "สปีชีส์ที่พบได้ทั่วโลก" (cosmopolitan species) จนถึงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ขนาดประชากรมนุษย์ที่กองประชากรสหประชาชาติประเมินไว้ มีจำนวนอยู่ที่ราว 7 พันล้านคน
มนุษย์มีลักษณะพิเศษ คือ มีสมองใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัว โดยเฉพาะสมองชั้นนอก สมองส่วนหน้า และสมองกลีบขมับที่พัฒนาเป็นอย่างดี ทำให้มนุษย์สามารถให้เหตุผลเชิงนามธรรม ใช้ภาษา พินิจภายใน (introspection) แก้ปัญหาและสร้างสรรค์วัฒนธรรมผ่านการเรียนรู้ทางสังคม ความสามารถทางจิตใจของมนุษย์นี้ ประกอบกับการปรับตัวมาเคลื่อนไหวสองเท้าซึ่งทำให้มือว่างจัดการจับวัตถุได้ ทำให้มนุษย์สามารถใช้อุปกรณ์เครื่องมือได้ดีกว่าสปีชีส์อื่นใดบนโลกมาก มนุษย์ยังเป็นสปีชีส์เดียวเท่าที่ทราบที่ก่อไฟและทำอาหารเป็น สวมใส่เสื้อผ้า และสร้างสรรค์ รวมถึงมีความสามารถที่จะใช้เทคโนโลยีและศิลปะอื่น ๆ การศึกษามนุษย์เป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์ เรียกว่า มานุษยวิทยา
เอกลักษณ์ที่สำคัญของมนุษย์ ได้แก่ ความถนัดในการใช้ระบบการสื่อสารด้วยสัญลักษณ์ เช่น ภาษา เพื่อการแสดงออก แลกเปลี่ยนความคิด และการจัดระเบียบ มนุษย์สร้างโครงสร้างทางสังคมอันซับซ้อน ซึ่งประกอบด้วยการรวมกลุ่มจำนวนมากที่มีทั้งร่วมมือและแข่งขันกัน จากครอบครัวและวงศาคณาญาติ ไปจนถึงรัฐ ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างมนุษย์ได้ก่อตั้งค่านิยม บรรทัดฐานทางสังคมและพิธีกรรม ซึ่งรวมกันเป็นรากฐานของสังคมมนุษย์ มนุษย์ขึ้นชื่อในความปรารถนาที่จะเข้าใจและมีอิทธิพลเหนือสิ่งแวดล้อม แสวงหาคำอธิบายและปรับเปลี่ยนปรากฏการณ์ต่าง ๆ ผ่านวิทยาศาสตร์ ปรัชญา เทพปกรณัม และศาสนา
== ประวัติศาสตร์ ==
=== วิวัฒนาการ ===
การศึกษาวิวัฒนาการของมนุษย์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นการศึกษาพัฒนาการของสกุล Homo การปะติดปะต่อหลักฐานของวิวัฒนาการเบนออกของเชื้อสายมนุษย์จากโฮมินิน (บรรพบุรุษร่วมระหว่างมนุษย์กับชิมแปนซี) โฮมินิด (ลิงไม่มีหางขนาดใหญ่) และไพรเมตอื่น ๆ. "มนุษย์สมัยใหม่" ถูกนิยามให้อยู่ในสปีชีส์ Homo sapiens และโดยเจาะจงว่าอยู่ในสปีชีส์ย่อย Homo sapiens sapiens เพียงหนึ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน.
==== หลักฐานจากชีววิทยาโมเลกุล ====
ลิงสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ คือ กอริลลาและชิมแปนซี ด้วยการเรียงลำดับของจีโนมมนุษย์และชิมแปนซี การประเมินความพ้องระหว่างลำดับดีเอ็นเอของมนุษย์กับชิมแปนซีในปัจจุบันมีพิสัยระหว่าง 95% ถึง 99% โดยการใช้เทคนิคที่เรียกว่า นาฬิกาโมเลกุล ซึ่งประเมินเวลาที่จำนวนการกลายเบนออกต้องการสะสมระหว่างเชื้อสายทั้งสอง ซึ่งทำให้สามารถคำนวณช่วงเวลาโดยประมาณที่เกิดการแยกเชื้อสายได้. ชะนี (hylobatidae) และอุรังอุตัง (สกุล Pongo) เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่แยกออกจากสายที่นำไปสู่มนุษย์ จากนั้นเป็นกอริลลา (สกุล Gorilla) ตามมาด้วยชิมแปนซีและลิงโบโนโบ (สกุล Pan) เชื้อสายมนุษย์และชิมแปนซีแยกจากกันระหว่าง 8-4 ล้านปีที่แล้ว ในปลายสมัยไมโอซีน
==== หลักฐานจากบันทึกซากดึกดำบรรพ์ ====
มีหลักฐานซากดึกดำบรรพ์เพียงเล็กน้อยที่อธิบายการเบนออกของเชื้อสายกอริลลา ชิมแปนซี และโฮมินิน. ซากดึกดำบรรพ์เก่าแก่ที่สุดที่ถูกเสนอเป็นสมาชิกของเชื้อสายโฮมินิน คือ Sahelanthropus tchadensis ซึ่งมีอายุราว 7 ล้านปี, Orrorin tugenensis ซึ่งมีอายุราว 5.7 ล้านปี และ Ardipithecus kadabba ซึ่งมีอายุราว 5.6 ล้านปี แต่ละสปีชีส์ดังกล่าวมีการโต้แย้งว่าเป็นบรรพบุรุษสองเท้าของโฮมินินในสมัยหลัง แต่ข้ออ้างในแต่ละกรณีได้ถูกคัดค้าน. เป็นไปได้ว่า สปีชีส์หนึ่งข้างต้นเป็นบรรพบุรุษของลิงไม่มีหางแอฟริกาอีกสาขาหนึ่ง หรือพวกมันอาจเป็นบรรพบุรุษร่วมของโฮมินินกับลิงไม่มีหางอื่น ๆ. คำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์ยุคต้นเหล่านี้กับเชื้อสายโฮมินินยังต้องหาคำตอบต่อไป. จากสปีชีส์ยุคแรกเริ่มเหล่านี้ ออสตราโลพิเธซีน (Australopithecines) ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 4 ล้านปีที่แล้ว และเบนออกเป็นสาขา Robust (หรือเรียกว่า Paranthropus) และ Gracile ซึ่งหนึ่งในนั้น (อาจเป็น A. garhi) ต่อมาเป็นบรรพบุรุษของสกุล Homo.
สมาชิกเก่าแก่ที่สุดของสกุล Homo คือ Homo habilis ซึ่งวิวัฒนาการเมื่อราว 2.3 ล้านปีที่ผ่านมา Homo habilis เป็นสปีชีส์แรกซึ่งมีหลักฐานการใช้เครื่องมือหิน สมองของโฮมินินยุคเริ่มแรกนี้ยังมีขนาดเท่ากับสมองชิมแปนซี และการปรับตัวหลักของพวกมัน คือ การเดินสองเท้า ซึ่งเป็นการปรับตัวเพื่ออยู่อาศัยบนดิน อีกหนึ่งล้านปีต่อมา ขบวนการรวมอวัยวะสำคัญไว้ที่หัว (encephalization) เริ่มขึ้น และด้วยการมาถึงของ Homo erectus ในบันทึกซากดึกดำบรรพ์ ความจุกะโหลกได้เพิ่มเป็นสองเท่า Homo erectus เป็นโฮมินินชนิดแรกที่อพยพจากแอฟริกา และสปีชีส์นี้แพร่กระจายไปทั่วแอฟริกา เอเชียและยุโรประหว่าง 1.8 ถึง 1.3 ล้านปีที่แล้ว ประชากรหนึ่งของ H. erectus หรือที่บางครั้งจัดเป็นอีกสปีชีส์ต่างหาก ชื่อ Homo ergaster ยังคงอาศัยอยู่ในแอฟริกาและวิวัฒนาการเป็น Homo sapiens เชื่อกันว่าสปีชีส์เหล่านี้เป็นพวกแรกที่ใช้ไฟและเครื่องมือที่ซับซ้อน ซากดึกดำบรรพ์ตัวเชื่อมที่เก่าแก่ที่สุดระหว่าง H. ergaster/erectus และ H. sapiens โบราณมาจากแอฟริกา เช่น Homo rhodesiensis แต่ดูเหมือนว่า รูปแบบตัวเชื่อมจะยังพบที่ดมานีซี (Dmanisi) ประเทศจอร์เจีย สิ่งมีชีวิตสืบเชื้อสายของ H. erectus แอฟริกานี้แพร่กระจายทั่วยูเรเซียจากประมาณ 500,000 ปีที่แล้ว วิวัฒนาการเป็น H. antecessor, H. heidelbergensis และ H. neanderthalensis ซากดึกดำบรรพ์เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์สมัยใหม่ทางกายวิภาคศาสตร์อยู่ในยุคหินเก่าตอนกลาง ราว 200,000 ปีที่แล้ว เช่น ซากโอโม (Omo remains) แห่งเอธิโอเปีย ฟอสซิลในสมัยหลังจาก Skhul ในอิสราเอล และยุโรปใต้ เริ่มตั้งแต่ราว 90,000 ปีที่แล้ว ต่อมาในปี พ.ศ. 2560 การค้นพบซากฟอสซิลกระดูกมนุษย์โฮโม เซเปียนส์ ที่ถ้ำเซเบล อีร์ฮูด ในประเทศโมร็อกโก อายุระหว่าง 300,000 - 350,000 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่ามนุษย์ไม่ได้มีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วจากแหล่งเดียวที่เอธิโอเปียตามที่เข้าใจกันแต่เป็นการค่อย ๆวิวัฒนาการปรับสภาพทางกายภาพร่วมกันจากหลาย ๆ แหล่งในแอฟริกาแบบที่ละเล็กทีละน้อยผ่านเวลายาวนานจนเป็นลักษณะในปัจจุบันนี้
==== การปรับตัวทางกายวิภาคศาสตร์ ====
วิวัฒนาการของมนุษย์มีคุณลักษณะพิเศษโดยการเปลี่ยนแปลงทางกายสัณฐานวิทยา พัฒนาการ สรีรวิทยาและพฤติกรรมจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้เกิดขึ้นนับแต่การแยกออกระหว่างบรรพบุรุษร่วมสุดท้ายของมนุษย์กับชิมแปนซี การปรับตัวทางกายวิภาคศาสตร์ที่สำคัญที่สุด ได้แก่ 1. ทวิบทหรือการเดินสองเท้า 2. ขนาดสมองที่ใหญ่ขึ้น 3. การพัฒนาเจริญเติบโตที่นานขึ้น (การตั้งครรภ์และวัยทารก) 4. ภาวะทวิสัณฐานทางเพศที่ลดลง ความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเหล่านี้ยังเป็นหัวข้อถกเถียงกันอยู่ การเปลี่ยนแปลงทางการสัณฐานวิทยาที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ได้แก่ วิวัฒนาการของการหยิบจับที่มีพลังและแม่นยำด้วยนิ้วหัวแม่มือ ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกใน H. erectus
ทวิบท (Bipedalism) เป็นการปรับตัวพื้นฐานของสายโฮมินิน และถูกมองว่าเป็นสาเหตุหลักเบื้องหลังชุดการเปลี่ยนแปลงของโครงกระดูกที่เกิดในโฮมินินทวิบทร่วมกัน โฮมินินทวิบทที่เก่าแก่ที่สุดถูกมองว่า อาจเป็น Sahelanthropus หรือ Orrorin โดย Ardipithecus ซึ่งเป็นทวิบทอย่างเต็มตัว มาทีหลัง พวกที่เดินด้วยข้อนิ้วมือ อย่างกอริลลาและชิมแปนซี เบนออกในเวลาใกล้เคียงกัน และ Sahelanthropus หรือ Orrorin สปีชีส์ใดสปีชีส์หนึ่งอาจเป็นบรรพบุรุษร่วมสุดท้ายรหว่างมนุษย์กับลิงทั้งสอง สัตว์สองเท้าช่วงต้น ๆ สุดท้ายวิวัฒนาการไปเป็นออสตราโลพิเธซีน และสกุล Homo ต่อมา มีหลายทฤษฎีที่อธิบายคุณค่าของการปรับตัวเป็นทวิบท เป็นไปได้ว่าเหตุที่ทวิบทได้รับการสนับสนุนเพราะทำให้สัตว์มีมือว่างที่จะเอื้อมถึงและถืออาหาร เพราะมันช่วยรักษาพลังงานระหว่างการเคลื่อนไหว เพราะทำให้สามารถวิ่งและล่าระยะไกลได้ หรือเป็นยุทธศาสตร์หลีกเลี่ยงภาวะไข้สูงโดยลดพื้นผิวที่จะสัมผัสกับแสงอาทิตย์โดยตรง
สปีชีส์มนุษย์พัฒนาสมองใหญ่กว่าสมองของไพรเมตอื่นมาก โดยทั่วไป สมองมนุษย์สมัยใหม่มีปริมาตร 1,330 ซม.3 กว่าสองเท่าของขนาดสมองชิมแปนซีหรือกอริลลา รูปแบบของการรวมอวัยวะสำคัญที่หัวเริ่มต้นด้วย Homo habilis ซึ่งมีขนาดสมองประมาณ 600 ซม.3 ใหญ่กว่าชินแปนซีเล็กน้อย ตามมาด้วย Homo erectus (800-1,100 ซม.3) และถึงขีดสุดในนีแอนเดอร์ทาล โดยมีขนาดโดยเฉลี่ย 1,200-1,900 ซม.3 ซึ่งใหญ่กว่า Homo sapiens เสียอีก รูปแบบของการเจริญเติบโตของสมองหลังคลอดของมนุษย์แตกต่างไปจากลิงไม่มีหางอื่น และทำให้มีระยะการเรียนรู้ทางสังคมและการพัฒนาทักษะภาษายาวนานขึ้นในมนุษย์วัยเยาว์ อย่างไรก็ดี ข้อแตกต่างระหว่างโครงสร้างสมองมนุษย์กับสมองลิงไม่มีหางอื่นอาจสำคัญมากกว่าข้อแตกต่างในด้านขนาด การเพิ่มปริมาตรขึ้นตามเวลาได้กระทบต่อพื้นที่ต่าง ๆ ในสมองไม่เท่ากัน สมองกลีบขมับ ซึ่งบรรจุศูนย์กลางการประมวลผลภาษาได้เพิ่มขึ้นอย่างไม่ได้สัดส่วน เช่นเดียวกับที่สมองส่วนหน้าซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่ซับซ้อนและการประสานพฤติกรรมทางสังคม การรวมอวัยวะสำคัญไว้ที่หัวมีความสัมพันธ์กับการที่มนุษย์เน้นกินเนื้อสัตว์เป็นอาหารเพิ่มขึ้น หรือกับพัฒนาการของการทำอาหาร และมีการเสนอว่า เชาวน์ปัญญาเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการสนองต่อความจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาสังคมที่เพิ่มขึ้น เมื่อสังคมมนุษย์ซับซ้อนขึ้น
ระดับทวิสัณฐานทางเพศที่ลดลงสังเกตได้ชัดเจนที่สุดจากการลดลงของฟันเขี้ยวในชายเมื่อเทียบกับสปีชีส์ลิงไม่มีหางอื่น (ยกเว้นชะนี) การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาที่สำคัญอีกประการหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับเพศสภาพในมนุษย์ คือ วิวัฒนาการของการเป็นสัดแฝงเร้น (hidden estrus) มนุษย์เป็นลิงไม่มีหางขนาดใหญ่ชนิดเดียวซึ่งหญิงสามารถสืบพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี และไม่มีสัญญาณแสดงภาวะเจริญพันธุ์ที่ร่างกายสร้างขึ้นเป็นพิเศษ (เช่น อวัยวะสืบพันธุ์บวมระหว่างการเป็นสัด) แม้กระนั้น มนุษย์ยังมีภาวะทวิสัณฐานทางเพศระดับหนึ่งในการกระจายขนของร่างกายและไขมันใต้หนัง และในขนาดโดยรวม ชายใหญ่กว่าหญิงราว 25% เพราะวัยทารกของลูกยาวนาน มนุษย์จึงเน้นการจับคู่เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นทางออกที่เป็นไปได้ต่อความต้องการการลงทุนของพ่อแม่ (parental investment) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาต่าง ๆ ข้างต้นนั้นถูกตีความว่าเป็นผลมาจากการเน้นการจับคู่ที่เพิ่มขึ้นนี้เอง
=== ยุคหินเก่า ===
มนุษย์สมัยใหม่ทางกายวิภาควิวัฒนาการจาก โฮโม เซเปียนส์ ดั้งเดิมในแอฟริกาในยุคหินเก่าตอนกลาง ราว 200,000 ปีที่แล้ว จนถึงการเริ่มต้นของสมัยหินเก่าตอนปลาย (50,000 ปีที่แล้ว) ได้มีการพัฒนาความนำสมัยทางพฤติกรรมเต็มตัว รวมทั้งภาษา ดนตรีและสิ่งสากลทางวัฒนธรรมอื่นขึ้น
การอพยพออกนอกทวีปแอฟริกาประเมินว่าเกิดขึ้นราว 70,000 ปีที่แล้ว มนุษย์สมัยใหม่ภายหลังแพร่กระจายไปทั่วโลก แทนที่โฮมินิดอื่นก่อนหน้า มนุษย์อาศัยอยู่ในยูเรเชียและโอเชียเนียก่อน 40,000 ปีที่แล้ว และทวีปอเมริกาเมื่ออย่างน้อย 14,500 ปีที่แล้ว ทฤษฎีที่นิยมแพร่หลายหนึ่งว่า มนุษย์แทนที่ Homo neanderthalensis และสปีชีส์อื่นซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก Homo erectus (ผู้อยู่อาศัยในยูเรเชียเนิ่นตั้งแต่ 2 ล้านปีที่แล้ว) ผ่านการสืบพันธุ์และการแก่งแย่งชิงทรัพยากรที่ประสบความสำเร็จกว่า รูปแบบหรือขอบเขตที่แน่ชัดของการอยู่ร่วมกันและปฏิสัมพันธ์ของสปีชีส์ทั้งสองนั้นไม่ทราบและยังคงเป็นหัวข้อโต้แย้งกันต่อไป
หลักฐานจากพันธุศาสตร์โบราณคดีซึ่งสะสมมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990 ได้ให้การสนับสนุนที่น่าเชื่อถือต่อสมมุติฐานลำดับเหตุการณ์ "ออกจากแอฟริกา" และได้เบียดข้อสันนิษฐานหลายภูมิภาคคู่แข่งตกไป ซึ่งได้เสนอว่า มนุษย์สมัยใหม่วิวัฒนาการมา อย่างน้อยบางส่วน จากประชากรโฮมินิดที่แยกกัน
นักพันธุศาสตร์ ลินน์ จอร์จและเฮนรี อาร์เพนดิงแห่งมหาวิทยาลัยยูทาห์ เสนอว่า ความหลากหลายในดีเอ็นเอมนุษย์นั้นเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความหลากหลายในสปีชีส์อื่น พวกเขายังเสนอว่า ระหว่างสมัยไพลสโตซีนตอนปลาย ประชากรมนุษย์ลดลงเหลือเพียงคู่พ่อแม่พันธุ์จำนวนน้อยเท่านั้น คือ ไม่มากกว่า 10,000 คน และอาจเหลือน้อยเพียง 1,000 คน ส่งผลให้ยีนพูลตกค้างมีขนาดเล็กมาก หลายเหตุผลสำหรับข้อสมมุติปรากฏการณ์คอขวดประชากรนี้ เหตุผลหนึ่ง คือ ทฤษฎีมหันตภัยโตบา (Toba catastrophe theory)
=== การเปลี่ยนผ่านสู่อารยธรรม ===
มนุษย์ส่วนมากมีวิถีชีวิตด้วยการล่าสัตว์และเก็บหาของป่า กระทั่งเมื่อประมาณ 10,000 ปีที่แล้ว พวกเขามักอยู่อาศัยกันเป็นกลุ่มเร่รอนขนาดเล็ก เรียกว่า สังคมกลุ่มคน (band society) การเริ่มทำการเกษตรกระตุ้นให้เกิดการปฏิวัติยุคหินใหม่ เมื่อมนุษย์มีอาหารส่วนเกินจนนำไปสู่การตั้งถิ่นฐานมนุษย์อย่างถาวร มีการนำสัตว์มาเลี้ยงและการใช้เครื่องมือโลหะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เกษตรกรรมยังเกื้อหนุนการค้าและความร่วมมือ และได้นำไปสู่สังคมที่มีความซับซ้อน
ราว 6,000 ปีที่แล้ว มนุษย์ได้พัฒนา "ว่าที่รัฐ" แห่งแรกขึ้นในดินแดนเมโสโปเตเมีย, ลุ่มแม่น้ำไนล์ของอียิปต์ และลุ่มแม่น้ำสินธุ ทั้งมีการจัดกำลังทางทหารเพื่อการป้องกัน และระบบราชการเพื่อการบริหารปกครอง รัฐต่าง ๆ มีการร่วมมือกันและแข่งขันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากร ซึ่งในบางกรณีก็ถึงขั้นทำสงครามกัน ประมาณ 2,000-3,000 ปีที่แล้ว บางรัฐเช่น เปอร์เซีย, อินเดีย, จีน, โรม, และกรีซ เป็นรัฐแรก ๆ ที่พัฒนาจากการขยายดินแดนจนกลายเป็นจักรวรรดิ กรีซโบราณเป็นอารยธรรมต้นแบบซึ่งได้วางรากฐานของวัฒนธรรมตะวันตก เป็นบ่อเกิดของปรัชญาตะวันตก ประชาธิปไตย ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่สำคัญ กีฬาโอลิมปิก วรรณกรรมและประวัติศาสตร์นิพนธ์ตะวันตก รวมทั้งนาฏกรรมตะวันตก รวมทั้งโศกนาฏกรรมและสุขนาฏกรรม ศาสนาซึ่งมีอิทธิพล เช่น ศาสนายูดาย กำเนิดขึ้นในเอเชียตะวันตก และศาสนาฮินดู ซึ่งกำเนิดขึ้นในเอเชียใต้ ยังปรากฏชัดในช่วงเวลานี้เช่นกัน
ยุคกลางตอนกลายได้เกิดการปฏิวัติทางความคิดและเทคโนโลยี สังคมเมืองที่ก้าวหน้าในประเทศจีนได้เป็นปัจจัยที่ช่วยให้เกิดนวัตกรรมและความรู้ใหม่ ๆ เช่นการหว่านเมล็ดพืชและการพิมพ์ ในอินเดีย ความก้าวหน้าที่สำคัญมีในด้านคณิตศาสตร์ ปรัชญา ศาสนาและโลหะวิทยา ยุคทองของอิสลามมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญในจักรวรรดิมุสลิม การกลับมาค้นพบความรู้ในยุคคลาสสิกของยุโรปและการประดิษฐ์แท่นพิมพ์นำไปสู่การฟื้นฟูศิลปะวิทยาในศตวรรษที่ 14 และ 15 ในระยะเวลา 500 ปีต่อมาเป็นยุคแห่งการสำรวจและล่าอาณานิคม กระทั่งดินแดนส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกา เอเซีย และแอฟริกาอยู่ภายใต้การควบคุมของยุโรป นำไปสู่การดิ้นรนเพื่อเอกราชในภายหลัง การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 17 และการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18-19 ก่อให้เกิดนวัตกรรมรูปแบบการขนส่งสำคัญ เช่น ทางรถไฟและรถยนต์ การพัฒนาทางพลังงาน เช่น ไฟฟ้าและถ่านหิน และมีการพัฒนารูปแบบการปกครองเช่น ประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนและคอมมิวนิสต์
จากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การพัฒนาทางเทคโนโลยีในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เป็นการเริ่มต้นของยุคสารสนเทศ มนุษย์สมัยใหม่มีชีวิตในโลกที่ทุกสถานที่สามารถรับรู้ข่าวสารความเคลื่อนไหวของทั่วทุกที่ในโลกไปพร้อม ๆ กัน และทุกที่เชื่อมต่อถึงกันโดยมีเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นปัจจัยหลัก มีการประมาณไว้ว่าใน ค.ศ. 2010 มนุษย์กว่า 2 พันล้านคนสื่อสารกันได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต และ 3.3 พันล้านคนสื่อสารกันด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่
ถึงแม้ว่าการเชื่อมต่อถึงกันระหว่างมนุษย์ช่วยให้เกิดการเติบโตทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะ การสนทนา และเทคโนโลยี แต่ก็เกิดการปะทะกันของวัฒนธรรม เกิดการพัฒนาและการใช้อาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง อารยธรรมมนุษย์ได้นำไปสู่การทำลายสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดมลภาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญต่อการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตอื่น เรียกว่า เหตุการณ์สูญพันธุ์โฮโลซีน (holocene extinction event) ซึ่งอาจเร่งให้เกิดเร็วขึ้นโดยปรากฏการณ์โลกร้อนในอนาคต
== ถิ่นที่อยู่และประชากร ==
ถิ่นฐานมนุษย์ช่วงต้น ๆ ขึ้นอยู่กับความใกล้ชิดกับน้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่นซึ่งใช้เพื่อยังชีพขึ้นอยู่กับรูปแบบการดำเนินชีวิต เช่น ประชากรของเหยื่อสัตว์ที่ใช้เพื่อการล่าและผืนดินซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูกและเลี้ยงปศุสัตว์ แต่มนุษย์มีขีดความสามารถอย่างสูงในการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ด้วยวิธีการเทคโนโลยี ผ่านชลประทาน การผังเมือง การก่อสร้าง การขนส่ง การผลิตสินค้า การทำลายป่าและการกลายเป็นทะเลทราย (desertification) การเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่โดยเจตนามักทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการเพิ่มความมั่งคั่งเชิงวัตถุ เพิ่มความสบายเชิงความร้อน (thermal comfort) พัฒนาปริมาณอาหารที่หาได้ พัฒนาสุนทรียศาสตร์ หรือเพิ่มความง่ายในการเข้าถึงทรัพยากรหรือถิ่นฐานมนุษย์อื่น ๆ ด้วยการริเริ่มโครงสร้างพื้นฐานทางการค้าและการขนส่งขนานใหญ่ ความใกล้ชิดทรัพยากรเหล่านี้กลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น และในหลายพื้นที่ ปัจจัยเหล่านี้มิได้เป็นแรงขับดันเบื้องหลังการเติบโตและการเสื่อมถอยของประชากร แต่รูปแบบซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่มักเป็นปัจจัยหลักกำหนดการเปลี่ยนแปลงประชากร
เทคโนโลยีเอื้อให้มนุษย์ตั้งอาณานิคมในทุกทวีปและปรับตัวเองเข้ากับลักษณะอากาศแทบทุกแบบได้ ภายในศตวรรษที่แล้ว มนุษย์ได้สำรวจแอนตาร์กติกา ร่องลึกมหาสมุทร และอวกาศ แม้การตั้งอาณานิคมในสิ่งแวดล้อมเหล่านี้จะยังเป็นไปไม่ได้ก็ตาม ด้วยประชากรกว่าหกพันล้านคน มนุษย์เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดใหญ่ที่มีจำนวนมากที่สุด มนุษย์ส่วนมาก (61%) อาศัยอยู่ในเอเชีย ที่เหลืออาศัยอยู่ในทวีปอเมริกา (14%) ทวีปแอฟริกา (14%) ทวีปยุโรป (11%) และโอเชียเนีย (0.5%)
การอยู่อาศัยของมนุษย์ภายในระบบนิเวศวิทยาปิดในสิ่งแวดล้อมไม่เป็นมิตร เช่น แอนตาร์กติกาและอวกาศ มีราคาแพง โดยปกติแล้วมีระยะเวลาจำกัด และมีขอบเขตเฉพาะการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ ทางทหารหรือทางอุตสาหกรรมเท่านั้น ชีวิตในอวกาศนานทีมีหน โดยไม่เคยมีมนุษย์ในอวกาศพร้อมกันเกินกว่าสิบสามคนเลย ระหว่าง ค.ศ. 1969 และ 1972 มนุษย์ใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ บนดวงจันทร์คราวละสองคน จวบจนปัจจุบัน มนุษย์ไม่เคยเดินทางเยือนเทห์ฟากฟ้าอื่นเลย แม้จะมีมนุษย์ขึ้นไปยังอวกาศอย่างต่อเนื่องนับแต่การส่งลูกเรือชุดแรกไปอาศัยอยู่ในสถานีอวกาศนานาชาติเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2000 อย่างไรก็ดี เทห์ฟากฟ้าอื่นเคยมีวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นส่งไปเยือนแล้ว
นับแต่ ค.ศ. 1800 ประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้นจากหนึ่งพันล้านคนเป็นกว่าหกพันล้านคน ใน ค.ศ. 2004 ประชากรราว 2.5 พันล้านคนจาก 6.3 พันล้านคน (39.7%) อาศัยอยู่ในเขตเมือง และตัวเลขนี้คาดว่าจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 21 เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 สหประชาชาติประเมินว่าประชากรโลกครึ่งหนึ่งจะอาศัยอยู่ในเขตเมืองเมื่อถึงสิ้นปีนั้น ปัญหาของมนุษย์ผู้อาศัยอยู่ในนครมีทั้งมลพิษและอาชญากรรมหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นครชั้นในและสลัมชานเมือง
มนุษย์ได้มีผลกระทบอย่างรวดเร็วต่อธรรมชาติ ด้วยมนุษย์แทบไม่เคยตกเป็นเหยื่อของสัตว์ใด จึงถูกอธิบายว่าเป็นนักล่าขั้นสูงสุด (apex predator) ปัจจุบัน ผ่านการพัฒนาที่ดิน การเผาไหม้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ และมลพิษ จึงคาดกันว่ามนุษย์เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงลักษณะอากาศโลก ถ้าการเปลี่ยนแปลงนี้ยังเกิดขึ้นด้วยอัตราในปัจจุบัน มีการทำนายว่า สปีชีส์ครึ่งหนึ่งบนโลกจะหายไปภายในศตวรรษหน้า
== ชีววิทยา ==
=== กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา ===
มนุษย์มีลักษณะร่างกายต่างกันอยู่มาก แม้ว่าขนาดร่างกายส่วนใหญ่ถูกกำหนดโดยยีน แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อร่างกายเช่นการออกกำลังกายและโภชนาการ ความสูงเฉลี่ยของมนุษย์โตเต็มวัยอยู่ที่ประมาณ 1.5 ถึง 1.8 เมตร ตัวเลขนี้แตกต่างกันมากในแต่ละที่และขึ้นอยู่กับชาติพันธุ์กำเนิด น้ำหนักโดยเฉลี่ยคือ 76-83 กิโลกรัมในชาย และ 54-64 กิโลกรัมในหญิง น้ำหนักอาจแตกต่างกันได้มากโดยมีปัจจัยเช่นความอ้วน
แม้มนุษย์จะดูเหมือนไม่มีขนเมื่อเทียบกับไพรเมตอื่น แต่ด้วยการเติบโตของเส้นผมที่เด่นชัดเกิดขึ้นหลัก ๆ บนจุดสูงสุดของหัว ใต้แขนและบริเวณหัวเหน่า มนุษย์โดยเฉลี่ยมีรูขุมขนบนร่างกายมากกว่าชิมแปนซีโดยเฉลี่ย ความแตกต่างหลักคือ ขนของมนุษย์สั้นกว่า บางกว่าและย้อมสีเข้มน้อยกว่าของชิมแปนซีโดยเฉลี่ย ทำให้ขนของมนุษย์มองเห็นได้ยากกว่า
สีของผิวหนังและขนมนุษย์กำหนดโดยการมีอยู่ของสารสี เรียกว่า เมลานิน สีผิวหนังมนุษย์มีตั้งแต่น้ำตาลเข้มไปถึงชมพูซีด สีขนมนุษย์มีตั้งแต่ขาวถึงน้ำตาลถึงแดงถึงดำที่พบมากที่สุด ความเข้มข้นของเมลานินในผมจางไปเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น ทำให้ผมกลายเป็นสีเทาหรือกระทั่งขาว นักวิจัยส่วนมากเชื่อว่า การเข้มของผิวหนังเป็นการปรับตัวซึ่งวิวัฒนาการมาเป็นการป้องกันต่อการแผ่รังสีอัลตราไวโอเล็ตจากดวงอาทิตย์ อย่างไรก็ดี เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการถกเถียงกันว่า สีผิวหนังเฉพาะเป็นการปรับตัวเพื่อรักษาสมดุลโฟเลต ซึ่งถูกทำลายโดยการแผ่รังสีอัลตราไวโอเลต และวิตามินดี ซึ่งต้องการแสงอาทิตย์ในการสร้างขึ้น การมีสารสีจับผิวหนังของมนุษย์ร่วมสมัยนั้นจัดช่วงชั้นตามภูมิศาสตร์ และโดยทั่วไปแล้วมีความสัมพันธ์กับระดับของการแผ่รังสีอัลตราไวโอเลต ผิวหนังมนุษย์ยังสามารถมีสีเข้มขึ้นได้ (เช่น การอาบแดด) เพื่อสนองต่อการสัมผัสการแผ่รังสีอัลตราไวโอเล็ต มนุษย์มีแนวโน้มอ่อนแอทางกายภาพกว่าไพรเมตอื่นที่มีขนาดเท่า ๆ กัน โดยมนุษย์เพศชายหนุ่มภายใต้เงื่อนไขยังแสดงว่าไม่อาจเทียบได้กับความแข็งแกร่งของอุรังอุตังเพศเมีย ซึ่งแข็งแรงกว่าอย่างน้อยสามเท่า
โครงสร้างเชิงกรานมนุษย์แตกต่างไปจากของไพรเมตอื่น เช่นเดียวกับนิ้วเท้า ผลคือ มนุษย์วิ่งระยะสั้นได้ช้ากว่าสัตว์อื่นส่วนมาก แต่เป็นหนึ่งในบรรดานักวิ่งระยะไกลที่ดีที่สุดในอาณาจักรสัตว์ ขนตามร่างกายที่บางกว่าและต่อมเหงื่อที่มีมากกว่าของมนุษย์ยังช่วยหลีกเลี่ยงอาการเพลียแดดขณะวิ่งเป็นระยะทางไกล ๆ ด้วยเหตุนี้ การล่าต่อเนื่อง (persistence hunting) จึงมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดสำหรับมนุษย์ช่วงแรก ๆ วิธีการนี้ เหยื่อจะถูกไล่ติดตามกระทั่งเหนื่อยอย่างแท้จริง วิธีนี้ยังอาจช่วยให้ประชากรมนุษย์โครมันยองช่วงแรก ๆ เอาชนะประชากรนีแอนเดอร์ธัลในการแย่งชิงอาหาร ในทางตรงกันข้าม นีแอนเดอร์ธัลซึ่งมีความแข็งแรงทางกายมากกว่าจะประสบความยากลำบากกว่าเมื่อต้องล่าสัตว์ด้วยวิธีนี้ และมีแนวโน้มล่าสัตว์ที่ใหญ่กว่าในพื้นที่ปิด การแลกเปลี่ยนข้อได้เปรียบนี้ของเชิงกรานมนุษย์สมัยใหม่คือ การคลอดเด็กจะยากและอันตรายกว่ามาก มนุษย์ยังไม่เหมือนไพรเมตอื่นส่วนมากตรงที่มนุษย์สามารถเดินสองเท้าได้เต็มที่ ดังนั้นจึงสามารถใช้สองแขนในการทำงานกับวัตถุหรือเครื่องมือชนิดต่าง ๆ โดยมีนิ้วโป้งที่ยื่นออกไปด้านข้างช่วยประคอง
โครงสร้างไหล่มนุษย์สมัยใหม่เอื้อให้ขว้างปาอาวุธได้ ซึ่งสำหรับคู่แข่งนีแอนเดอร์ธัลแล้ว การขว้างปาอาวุธนั้นยากกว่ามากหรือกระทั่งเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้อย่างมีประสิทธิภาพเลย
สูตรฟันของมนุษย์เป็นดังนี้ มนุษย์มีสัดส่วนเพดานปากสั้นกว่าและฟันเล็กกว่ามากเมื่อเทียบกับไพรเมตอื่น มนุษย์เป็นเพียงไพรเมตชนิดเดียวที่ฟันสั้นและค่อนข้างราบ มนุษย์มีลักษณะฟันเก โดยมีช่องว่างจากฟันที่เสียไปโดยปกติแล้วจะถูกอุดอย่างรวดเร็วในวัยเด็ก มนุษย์ค่อย ๆ เสียฟันกรามซี่สุดท้ายไป โดยในบางรายไม่มีมาแต่กำเนิด
=== พันธุศาสตร์ ===
มนุษย์เป็นสปีชีส์ยูคาริโอตดิพลอยด์เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ แต่ละเซลล์มีโครโมโซมสองชุด ชุดละ 23 แท่ง โดยโครโมโซมได้รับมาจากพ่อและแม่คนละชุด ยกเว้นเซลล์สืบพันธุ์ซึ่งมีโครโมโซมชุดเดียวผสมกันระหว่างชุดของพ่อและแม่ มนุษย์มีโครโมโซมร่างกาย 22 คู่ และโครโมโซมเพศ 1 คู่ เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอื่น มนุษย์มีระบบการกำหนดเพศ XY ดังนั้น ผู้หญิงมีโครโมโซมเพศ XX และชายมี XY
จากการประเมินในปัจจุบัน มนุษย์มียีนประมาณ 22,000 ยีน การแปรผันในดีเอ็นเอของมนุษย์นั้นเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับสปีชีส์อื่น ซึ่งอาจเป็นหลักฐานของปรากฏการณ์คอขวดประชากรในยุคไพลสโตซีนตอนปลาย (ราว 100,000 ปีก่อน) ซึ่งประชากรมนุษย์ลดลงเหลือเพียงไม่กี่คู่ ความหลากหลายของนิวคลีโอไทด์ขึ้นอยู่กับการกลายพันธุ์เดี่ยว ที่เรียกว่า ซิงเกิลนิวคลีโอไทด์โพลีมอร์ฟิซึม (single nucleotide polymorphism) ความหลากหลายของนิวคลีโอไทด์ในมนุษย์อยู่ที่ราว 0.1% หรือ ความแตกต่าง 1 ต่อ 1,000 คู่เบส ซึ่งความแตกต่าง 1 ใน 1,000 นิวคลีโอไทด์ระหว่างมนุษย์สองคนที่ถูกสุ่ม หมายความว่า จะมีความแตกต่าง 3 ล้านนิวคลีโอไทด์ เพราะจีโนมมนุษย์มีประมาณ 3 พันล้านนิวคลีโอไทด์ ซิงเกิลนิวคลีโอไทด์โพลีมอร์ฟิซึมเหล่านี้ส่วนมากเป็นกลาง (neutral) ส่วนราว 3 ถึง 5% มีหน้าที่และส่งอิทธิพลต่อความแตกต่างของฟีโนไทป์ระหว่างมนุษย์ผ่านแอลลีล
ด้วยการเปรียบเทียบส่วนของจีโนมที่ไม่ถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติกับที่มีการกลายพันธุ์สะสมที่อัตราค่อนข้างคงที่ จึงเป็นไปได้ที่จะปะติดปะต่อต้นไม้พันธุกรรมซึ่งรวมสปีชีส์มนุษย์ทั้งหมดนับตั้งแต่บรรพบุรุษร่วมสุดท้าย แต่ละครั้งที่การกลายพันธุ์ที่แน่นอน (ซิงเกิลนิวคลีโอไทด์โพลีมอร์ฟิซึม) เกิดขึ้นในปัจเจกบุคคลและถูกส่งต่อไปยังเชื้อสายของผู้นั้น จะมีการสร้าง [ซึ่งได้แก่เชื้อสายของปัจเจกบุคคลผู้จะมีการกลายพันธุ์นั้นด้วย โดยการเปรียบเทียบ
|
ตาก (30px) เผ็นจังหวัดในภาคตะวันตกหรือบางแห่งจัดอยู่ในภาคเหนือตอนล่างของไทย มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 4 ของประเทศ และมีประชากรเบาบางเป็นอันดับ 3 ของประเทศ นับเป็นจังหวัดชายแดนที่สำคัญอีกจังหวัดหนึ่งของไทย มีประวัติศาสตร์เก่าแก่นับตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวทมงธรรมชาติและวัฒนธรรมที่งดงามหลายแห่งด้วย นอกจากนี้จังหวัดตากยังเป็นจังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อจังหวัดอื่น ๆ ถึง 9 จับหวัด
== ประวัติศาสตร์ ==
เมืองตากในอดีตเป็นเมืองที่มีชาวมอญอยู่มาก่อา ดังมี หลักฐานศิลปมอญปรากฏอยู่ที่อำเภอบ้านตาก มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ และเป็นหนึ่งในหัวเมืองมี่มีอายุเกินพว่าสองพันปีขึ้นไป เมื่อมีการอพยพของชนชาติไทยจากลุ่สน้ำแยงซีตอนใต้ ลงมาตามแนวลำน้ำคง (ลำน้ไสาละวิน) มึพวกหนึ่งได้ข้ามลำน้ำสาละใิน ผ่านลุ่มน้ำเมยหรือแม่น้ำต่องยินเข้ามาทางช่องเขาด้านอำเภอแม่สอดและมาถึงบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่า "เมืองตาก"
ผู้นำกลุ่มคนไทยที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองตากในยุรนั้น ไเ้ตั้งตนเป็นกษัตีิย?ปกครองสืบทอดต่อเนื่องกันมาจนถึงปี พ.ศ. 560 รัชสมัยพระเจ้าสักดำ ซึ่งเป็นกษัตริย์เมืองตากที่ยิ่งใหญ่มาก มีอาณาเขตที่อยู่ในอำนาจแผ่ไปจนจรดทะเลอันดามันดังมีบันทักในพงศาวดารเหนือกล่าวว่าในรัชสมัยพระเจ้าสักดำนั้นเมืองตากมีกาีค้าขายกับเมืองอินเดียด้วย
เมืองตากคงจะเสื่อมลงในช่วงพุทธศตวรรษที่ 10 พระยากาฬวรรณดิสผู้เป็นกษัตริย์เมืองตากที่อพยพมาจาก ตอนใต้ของลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง ได้โยกย้ายไปสี้างราชธานีขึ้นใหม่ที่เมืองละโว้ทางตอนใต้ของเมืองตากลงไปอีก
มีบางยุคเมืองตากถูกทอดทิ้ง กลายเป็นเมืองร้างดังในพงศาวดารเหนือได้ กล่าวถึงการเสด็จทางชลมารคของพระนางจามเทวี พระราชธิดากษัตริย์ละโว้ (ระยากาฬยรรณดอส) เพื่อไปปกครองแคว้นหริภุญไชย (ลำพูน) ในราว พ.ศ. 1176 โพยทางลำน้ำปิง พระนางจามดทวีจึ้นไปสำรวจบนฝั่งแม่น้ำพบร่องรอยกำแพงเมืองเก่าๆ ถูกทิ้งร้าง จึงโปรดให้สร้างเป็นบ้านเมืองใหม่ชืทอว่า "เมทองตาก"
ต่อมาเมืีอ พ.ศ. 1805 ขุนใามชนเจ้าเมืองฉอดไเ้ยกทัพ มาประชิดเมือวตาก ซึ่งเป็นเมืองชายแดนขเงกรุงสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทืตย์ทรงจัดกองทัพออกไปรบ โดยมีพระราชโอรสองค์เล็กซึ่งมีพระชนมายุได้ 19 พรรษา ติดตามไปด้วย กองทัพ ทั้งสองฝ่ายปะทะกันที่บริเวณเชิงดอยนอกเมืองตากประมาณกิโลเมตรเศษ ราชโอรสองค์เล็ดได้ทรงชนช้าง กับขุนสามชนกระทำยุทธหัตถีกัน ขุนสามชนสู้ไมาได้แตกพ่ายไป ต่อมาภายหลัลทรงพระนามว่า "พ่อขุนราทคำแหงมหารมช" และได้โปรดสร้างเจดีย์ขึืรเป็นที่ระลึกถึงชัยชนะในการทำยุทธหัตถีครั้งนั้น อวค์หนึ่งเป็นศิลปแบบสุโขทัย ซึ่งเจดีย์ยุทธหัตถีนี้อยู่ที่วัดพระบรมธาตุ อำเภอบ้านตสก ห่างจากตัวเมืองไปทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิงราว 31 กิโลเมตร
ต่อมาในแผ่นดินมกาธรรมราชา ำด้ย้ายเมืองตากลงมาทางตอาใต้ตามลำน้ำปิง ไปตั้งอยู่ที่ป่ามะม่วง ฝั่งตะวันตก ขอลแม่น้ำปิง ซึ่งอยู่ในเขตตำบลป่ามะม่วง อำเภอเมืองตากในปัจจุบัน
เมืองตากที่ส้ายมาตั้งใหม่นั้มิสช่เมืองหน้าด่าจ สำหรับป้องกันกองทัพพม่าที่จะยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมาเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่กองทัพไทยใช้เป็นที่ชุมนุมพลในเวลา ที่จะยกทัพไปตัเมืองเขียงใหม่อีกด้วย ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนาราย๊์มหาราช และสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุาีได้เสด็จมาชุมนุมกองทัพที่เมืองตากนี้ทุกพระองค์
โดยเฉพาะสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ก่อนที่พระองค์จะขึ้นครองราชสมบัตินั้น พระองค์ได้รับแต่งตั้งจากสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมริยทร์ ให้เป็นข้าหลวงเชิญท้องตราราชสีห์ ไปชำระควาสหัวเมืองฝ่ายเหนือและต่อมาได้รับการอต่งตั้งเป็นหลวงยกกระบัจรเมืองตาก ปลัดเมืองตทก พระยาวชิรปราการแล้วปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินโดยลำดับ
กล่าวโดยสรุป จังหวัเตากัป็นจังหยัดที่มีความเป็นมาในประวัติศาสตร์ ควรค่าดก่การสนใจ เป็นเมืองที่พระมหากษัตริย์ในอดีตได้เสด๋จมาชุมนุมกองทัพที่เมืองตากนี่แล้วถึง 4 พระองค์ คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงชนช้างกับขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมือลแครง และทรงยกทัพกลับราชอาณาจักรไทยโดยผ่านดินแดนเมืองตากเป็นแห่งแรก สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงนำทัพไปตีหัวเสืองฝ่ายเหนือ และได้สร้าบวัดพระนารายณ์ที่เชิงสะพานกิตติขจรปัจจุบัน และสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเคยได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองตาก และเป็นผู้กอบกู้เอกราบขแงชาติไทยจากพม่า ครั้งที่ 2
== ภูมิศาสตร์ ==
-== อาณาเขตติดต่อ ===
ตามภูมิศาสนร์ที่ตั้ง จังหวัดตากเป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคตะวันตก แต่แารแบ่งในทางการปกครอง กรมทางหลวง กรมอุตุนิยมวิทยา และการท่องเที่นว จะถูกจัดอยู่ในภาคเหรือตอนล่าง มีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดอื่น ๆ 9 จังหวัด ดังนี้
ทิศเหนือ ติดกับ อำเภอสบเมย(จังหวัดแม่ฮ่องสอน) อำเภออมก๊อย อำเภอดอยเต่า(ตังหวัดเชียงใหม่) อำอภเลี้ (จังหวัดลำพูน) อำเภอแม่พริกและอำเภอเถิน (จังหวัดลำปาง)
ทิศตะวันออก ติดกับ อำเภอบ้านด่านลานหอย (จังหวัดสุโขทัย) อำเภอพรานกระน่าย อำเภอโกสัมพีนคร อำเภอคลองลาน อำเภอปางศิลาทอง (จังหวัดกำแพงเพชร) อำเภอแม่วงก์ (จังหวัดนครสวรรค์)และอำเภอบ้านไร่ (จังหวัดอุทัยธานี)
ทิศใต้ ติดกับอำเภอสังขละบุรีและอำเภอทองปาภูมิ (จังหวัดกาฐจนบุรี)
ทิศตะวันตก ติดกับรัฐกะเหรี่ยง (กระเทศพม่า) โแยมีแม่น้ำสายสำคัญแบ่งเขตแดนระหว่างไทยกับกม่าคือแม่ร้ำเมย
พื้นท้่ส่วนใหญ่ของจังหวัดเป็นป่าไม้และภูเขาสูง โดยเฉพาะพื้นที่ทางด้านตะวันตกของจับหวัด ถึงอม้จังหวเดตากจะมีพื้นที่ติดกับจังหวัดอุทัยธานีและกาญจนบุรีทางด้านทิศตะวันออกและทิฯใต้ แต่ไม่มีถนนเชื่อมต่อกันโแยตรง เพราะเป็นที่ตั้งของ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและเขตรักษาพเนธุ์สัตว์แ่าทุ่งใหญ่นเรศวร แหล่งมรดกโลกในประเทศไทย
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : ธรรมชาติน่ายล ภูมิพลเขื่อาใหญ่ พระเจ้าตากเกรียงไกร เมืองไม้และป่างาม
ตราประจำจังหวัด : รูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงหลั่งทักษิโณทกบนคอช้าง
ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นแดง (Xylia kerrii)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกเสี้ยวดอกขาว (Bauhinia variegata)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาตะพากส้มหรือปลาจาด (Hypsibarbus malcolmi)
== หน่วยการปกครอง ==
=== อำเภอ ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 63 ตำบล 493 หมู่บ้าน
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเมืองตาก
อำเภอบ้านตาก
อำเภอสามเงา
อำเภเแม่ระมาด
อำเภอท่าสองยาง
อำเภอแม่สอด
ดำเภอพบพระ
อำเภออุ้มผาง
อำเภอวังเจเา
|}
||
|}
=== เทฬบาล ===
{|
|--- valign=top
||
ิำเภอเมืองตาก
เทศบาลเมืองตาก
เทศบาลตำบลไม้งาม
เทศบาลตำชลหนองบัวใต้
อำเภอบ้านตาก
เทศบาลตำบลทุ่งกระเบาะ
เทศบาลตำบลบ้านตาก
อำเำอสามเงา
เทศบาลตำบลสามเงา
||
อำเภอแม่ระมาด
เทศบาลตำบลแม่ระมาด
เทศบาลตำบลแม่จะเรา
เมศบาลตำบลทุ่งหลวง
อำเภอท่าสองยาง
เทศบาลตำบลแม่ต้าน
อำเภอแม่สิด
เทศบาลนครแม่สอด
เทศบาลตำบลแม่กุ
เทศงาลตำบลท่าสายลวด
อทศบาลตำบลแม่ตาว
||
อำเภอพบพระ
เทศบาลตำบลพบพระ
อำเภออุ้มผาง
เทซบาลตำงลอุ้มผาง
เทศบาลตำบลแม่กลอง
เทศบาลตำบลแม่จัน
อำเภอวับเจ้า
เทศบาลตำบลวังเจ้า
|}
== รายนามเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการ ==
== การศึกษา ==
รุดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตตาก (มีโครงการยกฐานะเป็น มหาวิทยทลัยตาำสิน)
วิทยาลันโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวเโรฒ
มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร แม่สอด
วิทยาลัยชุมชนตาก
วิทยาลัยนอร์ทเทิร์น
โคางการจัดตั้ง
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์แม่สอด โครงการจัดตั้งร่วมของเทศบาลนครแม่สอดและสหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยการสนับสนุนทุนวิจัยขั้นต้นนากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
มหาวิทยาลับแม่สอด โครงการจัดตั้งของเทศบาลนครแม่สอด
สถาบันอาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคสิคตาำ
วิทยาลัยเทคนิคแม่สอด
วิทยาลัยการอาชีพบ้านตาก
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตาก
ฏรงเรียนไฮเทค0เทคโนโลยี ตาก
ระดับต่ำกวทาอุดมศึกษา
โรลเรียนตากพิทยาคม อำเภอเมืองตาก
โรงเรียนผดุงปัญญา อำเภอเมืองตาก
โรงเรียนสรรพวิทยาคม อำเภอแม่สอด
โรงเรียนบ้านตาก"ปีะชาวิทยาคาร" อำเภอบ้านตาก
โรงเรียนวังประจบวิทยาคม อำเภอเมืองตาก
โรงเรียนวังัจ้าวิทยาคม อำเภอวังเจ้า
โรงเรียนเทศบาลเฉลิใพระเกียรติ สมเด้จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ฯ
โรงเรียนนาโบสถ์พิทยาคม อำเภอวังเจ้า
โรงเรียนดงซ่อมวิทยาคม อำเภอวังเจ้า
== การขนส่ง ==
=== ระยะทางจมกตัวจังหวัดไปอำเภอต่างๆ ===
อำเภเบ้านตาก 21 กิโลเมตร
อำเภอวังเจ้า 32 กิโลเมตร
อำเภอสามเงา 51 กิโลเมตร
อำเภอแม่สอด 87 กิโลเมตร
อำเภอแม่ระมาด 116 กิโลเมตร
อำเ_อพบพระ 230 กิโลเมตร
อำเภอท่ทสองยาง 165 กิโลเมตร
อำเภออุ้มผาง 247 กิโลเมตร
== นถานที่ท่องเที่ยว ==
อุทยานแห่งชาติลานสาง
น้ำตกทีลอซู
เจดีย์ยุทธหัตถีพ่อขุนรามคำแหง
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน
วนอะทยานแห่งชาติเขาพระบาท
น้ำพุร้อนอม่กาษา
ถ้ำแม่อุสุ
ดอยยอยมาลัย
วัดดอนแก้ว
ศาลเข้าพ่อพระวอ
เมืองเก่าท่าสองยาง
อุทยานประวัติศาตร์เมืองตากเก่า
น้ำพุรีอนห้วยน้ำนัแ
ไร่กุหลาบ
วัดมงคลคีรีเขต
พระธาตุหินกิ่วที่ดอยดินจี่
วัดพระบรมธาตุบ้านตาก
คอกช้างเผือก
วัดดอยข่อยเขาแก้ว
ศาลสมเด็จพระนเรศวร
ศาลเจ้่พ่อขุนสามชน
วัดชุมพลคีรี
เนินพิศวง
วัดพระพุทธบาทดอยโล้น
เขตคักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
อุทยานแห่งชาติขุนพะวอ
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
อุทยานแห่ลชาติน้ำตกพาเจริญ
อุทยานแห่งชาติแม่เมส
อุทยานแห่งชมติลานสาง
อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า
เขื่อนภูมิพล
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
เฉลืม พรมมาส อดีจรัฐสนตรีวีาการกระทรวงสาธารณสุข(2สมัย)
จุมพล โพธิสุวรรณ เป็นนักหนังสือพิมพ์
เฉลียว วัชรพุกก์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระ่รวงมหาดไทย (2 สมัย) อดีตยมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร และ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก
ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ เดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ภาคเหนือฏ
ถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรึคนที่ 10 ของประเทศไทย
เทอดพงษ์ ไชยนุนทน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและระฐมนตรีว่ากาีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นบุตรของ เทียม ไชยนันทน์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์
ธนิตพล ไชยนันทน์ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์
พันทิวา สินรัชตานันท์ นักร้อง
ตัหษ์ ตันติสุนทร เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย (ครม.53)
สุนีย์ สินธุเดชะ เป็นนายกสภามหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "อาจารย์แม่"
เสรี วงษ์มณฑา เป็นนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด
อุดร ต้นติสุนทร อดีต รมช.กระทรวงเกษตรแฃะสหกรณ์, รมช.กระทรวงมหาดไทย, วุฒิวมาชิก, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก 5 สาัย, ยมาชิกวุฒิสภา
อนันต์ อาศัยไพรพนา (นัน) นักร้อง
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดตาก
รายชื่ดโรงเรียนในจังหวัดตาห
รายชื่อห้าลสรรพสินค้าในจังหวัดตาก
== แหล่งข้อมูลอืทน ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
|
ตาก (30px) เป็นจังหวัดในภาคตะวันตกหรือบางแห่งจัดอยู่ในภาคเหนือตอนล่างของไทย มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 4 ของประเทศ และมีประชากรเบาบางเป็นอันดับ 2 ของประเทศ นับเป็นจังหวัดชายแดนที่สำคัญอีกจังหวัดหนึ่งของไทย มีประวัติศาสตร์เก่าแก่นับตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่งดงามหลายแห่งด้วย นอกจากนี้จังหวัดตากยังเป็นจังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อจังหวัดอื่น ๆ ถึง 9 จังหวัด
== ประวัติศาสตร์ ==
เมืองตากในอดีตเป็นเมืองที่มีชาวมอญอยู่มาก่อน ดังมี หลักฐานศิลปมอญปรากฏอยู่ที่อำเภอบ้านตาก มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ และเป็นหนึ่งในหัวเมืองที่มีอายุเกินกว่าสองพันปีขึ้นไป เมื่อมีการอพยพของชนชาติไทยจากลุ่มน้ำแยงซีตอนใต้ ลงมาตามแนวลำน้ำคง (ลำน้ำสาละวิน) มีพวกหนึ่งได้ข้ามลำน้ำสาละวิน ผ่านลุ่มน้ำเมยหรือแม่น้ำต่องยินเข้ามาทางช่องเขาด้านอำเภอแม่สอดและมาถึงบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่า "เมืองตาก"
ผู้นำกลุ่มคนไทยที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองตากในยุคนั้น ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์ปกครองสืบทอดต่อเนื่องกันมาจนถึงปี พ.ศ. 560 รัชสมัยพระเจ้าสักดำ ซึ่งเป็นกษัตริย์เมืองตากที่ยิ่งใหญ่มาก มีอาณาเขตที่อยู่ในอำนาจแผ่ไปจนจรดทะเลอันดามันดังมีบันทึกในพงศาวดารเหนือกล่าวว่าในรัชสมัยพระเจ้าสักดำนั้นเมืองตากมีการค้าขายกับเมืองอินเดียด้วย
เมืองตากคงจะเสื่อมลงในช่วงพุทธศตวรรษที่ 10 พระยากาฬวรรณดิสผู้เป็นกษัตริย์เมืองตากที่อพยพมาจาก ตอนใต้ของลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง ได้โยกย้ายไปสร้างราชธานีขึ้นใหม่ที่เมืองละโว้ทางตอนใต้ของเมืองตากลงไปอีก
มีบางยุคเมืองตากถูกทอดทิ้ง กลายเป็นเมืองร้างดังในพงศาวดารเหนือได้ กล่าวถึงการเสด็จทางชลมารคของพระนางจามเทวี พระราชธิดากษัตริย์ละโว้ (ระยากาฬวรรณดิส) เพื่อไปปกครองแคว้นหริภุญไชย (ลำพูน) ในราว พ.ศ. 1176 โดยทางลำน้ำปิง พระนางจามเทวีขึ้นไปสำรวจบนฝั่งแม่น้ำพบร่องรอยกำแพงเมืองเก่าๆ ถูกทิ้งร้าง จึงโปรดให้สร้างเป็นบ้านเมืองใหม่ชื่อว่า "เมืองตาก"
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 1805 ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดได้ยกทัพ มาประชิดเมืองตาก ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของกรุงสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทรงจัดกองทัพออกไปรบ โดยมีพระราชโอรสองค์เล็กซึ่งมีพระชนมายุได้ 19 พรรษา ติดตามไปด้วย กองทัพ ทั้งสองฝ่ายปะทะกันที่บริเวณเชิงดอยนอกเมืองตากประมาณกิโลเมตรเศษ ราชโอรสองค์เล็กได้ทรงชนช้าง กับขุนสามชนกระทำยุทธหัตถีกัน ขุนสามชนสู้ไม่ได้แตกพ่ายไป ต่อมาภายหลังทรงพระนามว่า "พ่อขุนรามคำแหงมหาราช" และได้โปรดสร้างเจดีย์ขึ้นเป็นที่ระลึกถึงชัยชนะในการทำยุทธหัตถีครั้งนั้น องค์หนึ่งเป็นศิลปแบบสุโขทัย ซึ่งเจดีย์ยุทธหัตถีนี้อยู่ที่วัดพระบรมธาตุ อำเภอบ้านตาก ห่างจากตัวเมืองไปทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิงราว 31 กิโลเมตร
ต่อมาในแผ่นดินมหาธรรมราชา ได้ย้ายเมืองตากลงมาทางตอนใต้ตามลำน้ำปิง ไปตั้งอยู่ที่ป่ามะม่วง ฝั่งตะวันตก ของแม่น้ำปิง ซึ่งอยู่ในเขตตำบลป่ามะม่วง อำเภอเมืองตากในปัจจุบัน
เมืองตากที่ย้ายมาตั้งใหม่นี้มิใช่เมืองหน้าด่าน สำหรับป้องกันกองทัพพม่าที่จะยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมาเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่กองทัพไทยใช้เป็นที่ชุมนุมพลในเวลา ที่จะยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่อีกด้วย ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนารายณ์มหาราช และสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้เสด็จมาชุมนุมกองทัพที่เมืองตากนี้ทุกพระองค์
โดยเฉพาะสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ก่อนที่พระองค์จะขึ้นครองราชสมบัตินั้น พระองค์ได้รับแต่งตั้งจากสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ ให้เป็นข้าหลวงเชิญท้องตราราชสีห์ ไปชำระความหัวเมืองฝ่ายเหนือและต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตาก ปลัดเมืองตาก พระยาวชิรปราการแล้วปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินโดยลำดับ
กล่าวโดยสรุป จังหวัดตากเป็นจังหวัดที่มีความเป็นมาในประวัติศาสตร์ ควรค่าแก่การสนใจ เป็นเมืองที่พระมหากษัตริย์ในอดีตได้เสด็จมาชุมนุมกองทัพที่เมืองตากนี้แล้วถึง 4 พระองค์ คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงชนช้างกับขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง และทรงยกทัพกลับราชอาณาจักรไทยโดยผ่านดินแดนเมืองตากเป็นแห่งแรก สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงนำทัพไปตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ และได้สร้างวัดพระนารายณ์ที่เชิงสะพานกิตติขจรปัจจุบัน และสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเคยได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองตาก และเป็นผู้กอบกู้เอกราชของชาติไทยจากพม่า ครั้งที่ 2
== ภูมิศาสตร์ ==
=== อาณาเขตติดต่อ ===
ตามภูมิศาสตร์ที่ตั้ง จังหวัดตากเป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคตะวันตก แต่การแบ่งในทางการปกครอง กรมทางหลวง กรมอุตุนิยมวิทยา และการท่องเที่ยว จะถูกจัดอยู่ในภาคเหนือตอนล่าง มีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดอื่น ๆ 9 จังหวัด ดังนี้
ทิศเหนือ ติดกับ อำเภอสบเมย(จังหวัดแม่ฮ่องสอน) อำเภออมก๋อย อำเภอดอยเต่า(จังหวัดเชียงใหม่) อำเภอลี้ (จังหวัดลำพูน) อำเภอแม่พริกและอำเภอเถิน (จังหวัดลำปาง)
ทิศตะวันออก ติดกับ อำเภอบ้านด่านลานหอย (จังหวัดสุโขทัย) อำเภอพรานกระต่าย อำเภอโกสัมพีนคร อำเภอคลองลาน อำเภอปางศิลาทอง (จังหวัดกำแพงเพชร) อำเภอแม่วงก์ (จังหวัดนครสวรรค์)และอำเภอบ้านไร่ (จังหวัดอุทัยธานี)
ทิศใต้ ติดกับอำเภอสังขละบุรีและอำเภอทองผาภูมิ (จังหวัดกาญจนบุรี)
ทิศตะวันตก ติดกับรัฐกะเหรี่ยง (ประเทศพม่า) โดยมีแม่น้ำสายสำคัญแบ่งเขตแดนระหว่างไทยกับพม่าคือแม่น้ำเมย
พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดเป็นป่าไม้และภูเขาสูง โดยเฉพาะพื้นที่ทางด้านตะวันตกของจังหวัด ถึงแม้จังหวัดตากจะมีพื้นที่ติดกับจังหวัดอุทัยธานีและกาญจนบุรีทางด้านทิศตะวันออกและทิศใต้ แต่ไม่มีถนนเชื่อมต่อกันโดยตรง เพราะเป็นที่ตั้งของ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร แหล่งมรดกโลกในประเทศไทย
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : ธรรมชาติน่ายล ภูมิพลเขื่อนใหญ่ พระเจ้าตากเกรียงไกร เมืองไม้และป่างาม
ตราประจำจังหวัด : รูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงหลั่งทักษิโณทกบนคอช้าง
ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นแดง (Xylia kerrii)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกเสี้ยวดอกขาว (Bauhinia variegata)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาตะพากส้มหรือปลาจาด (Hypsibarbus malcolmi)
== หน่วยการปกครอง ==
=== อำเภอ ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 63 ตำบล 493 หมู่บ้าน
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเมืองตาก
อำเภอบ้านตาก
อำเภอสามเงา
อำเภอแม่ระมาด
อำเภอท่าสองยาง
อำเภอแม่สอด
อำเภอพบพระ
อำเภออุ้มผาง
อำเภอวังเจ้า
||
||
|}
=== เทศบาล ===
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเมืองตาก
เทศบาลเมืองตาก
เทศบาลตำบลไม้งาม
เทศบาลตำบลหนองบัวใต้
อำเภอบ้านตาก
เทศบาลตำบลทุ่งกระเชาะ
เทศบาลตำบลบ้านตาก
อำเภอสามเงา
เทศบาลตำบลสามเงา
||
อำเภอแม่ระมาด
เทศบาลตำบลแม่ระมาด
เทศบาลตำบลแม่จะเรา
เทศบาลตำบลทุ่งหลวง
อำเภอท่าสองยาง
เทศบาลตำบลแม่ต้าน
อำเภอแม่สอด
เทศบาลนครแม่สอด
เทศบาลตำบลแม่กุ
เทศบาลตำบลท่าสายลวด
เทศบาลตำบลแม่ตาว
||
อำเภอพบพระ
เทศบาลตำบลพบพระ
อำเภออุ้มผาง
เทศบาลตำบลอุ้มผาง
เทศบาลตำบลแม่กลอง
เทศบาลตำบลแม่จัน
อำเภอวังเจ้า
เทศบาลตำบลวังเจ้า
|}
== รายนามเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการ ==
== การศึกษา ==
ระดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตตาก (มีโครงการยกฐานะเป็น มหาวิทยาลัยตากสิน)
วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร แม่สอด
วิทยาลัยชุมชนตาก
วิทยาลัยนอร์ทเทิร์น
โครงการจัดตั้ง
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์แม่สอด โครงการจัดตั้งร่วมของเทศบาลนครแม่สอดและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยการสนับสนุนทุนวิจัยขั้นต้นจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
มหาวิทยาลัยแม่สอด โครงการจัดตั้งของเทศบาลนครแม่สอด
สถาบันอาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคนิคตาก
วิทยาลัยเทคนิคแม่สอด
วิทยาลัยการอาชีพบ้านตาก
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตาก
โรงเรียนไฮเทค-เทคโนโลยี ตาก
ระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา
โรงเรียนตากพิทยาคม อำเภอเมืองตาก
โรงเรียนผดุงปัญญา อำเภอเมืองตาก
โรงเรียนสรรพวิทยาคม อำเภอแม่สอด
โรงเรียนบ้านตาก"ประชาวิทยาคาร" อำเภอบ้านตาก
โรงเรียนวังประจบวิทยาคม อำเภอเมืองตาก
โรงเรียนวังเจ้าวิทยาคม อำเภอวังเจ้า
โรงเรียนเทศบาลเฉลิมพระเกียรติ สมเด้จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ฯ
โรงเรียนนาโบสถ์พิทยาคม อำเภอวังเจ้า
โรงเรียนดงซ่อมวิทยาคม อำเภอวังเจ้า
== การขนส่ง ==
=== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่างๆ ===
อำเภอบ้านตาก 21 กิโลเมตร
อำเภอวังเจ้า 32 กิโลเมตร
อำเภอสามเงา 51 กิโลเมตร
อำเภอแม่สอด 87 กิโลเมตร
อำเภอแม่ระมาด 116 กิโลเมตร
อำเภอพบพระ 130 กิโลเมตร
อำเภอท่าสองยาง 165 กิโลเมตร
อำเภออุ้มผาง 247 กิโลเมตร
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
อุทยานแห่งชาติลานสาง
น้ำตกทีลอซู
เจดีย์ยุทธหัตถีพ่อขุนรามคำแหง
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน
วนอุทยานแห่งชาติเขาพระบาท
น้ำพุร้อนแม่กาษา
ถ้ำแม่อุสุ
ดอยสอยมาลัย
วัดดอนแก้ว
ศาลเจ้าพ่อพระวอ
เมืองเก่าท่าสองยาง
อุทยานประวัติศาตร์เมืองตากเก่า
น้ำพุร้อนห้วยน้ำนัก
ไร่กุหลาบ
วัดมงคลคีรีเขต
พระธาตุหินกิ่วที่ดอยดินจี่
วัดพระบรมธาตุบ้านตาก
คอกช้างเผือก
วัดดอยข่อยเขาแก้ว
ศาลสมเด็จพระนเรศวร
ศาลเจ้าพ่อขุนสามชน
วัดชุมพลคีรี
เนินพิศวง
วัดพระพุทธบาทดอยโล้น
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
อุทยานแห่งชาติขุนพะวอ
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ
อุทยานแห่งชาติแม่เมย
อุทยานแห่งชาติลานสาง
อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า
เขื่อนภูมิพล
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
เฉลิม พรมมาส อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(2สมัย)
จุมพล โพธิสุวรรณ เป็นนักหนังสือพิมพ์
เฉลียว วัชรพุกก์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (2 สมัย) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร และ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก
ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ภาคเหนือ)
ถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของประเทศไทย
เทอดพงษ์ ไชยนันทน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีว่าการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นบุตรของ เทียม ไชยนันทน์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์
ธนิตพล ไชยนันทน์ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์
พันทิวา สินรัชตานันท์ นักร้อง
รักษ์ ตันติสุนทร เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย (ครม.53)
สุนีย์ สินธุเดชะ เป็นนายกสภามหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "อาจารย์แม่"
เสรี วงษ์มณฑา เป็นนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด
อุดร ตันติสุนทร อดีต รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, รมช.กระทรวงมหาดไทย, วุฒิสมาชิก, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก 5 สมัย, สมาชิกวุฒิสภา
อนันต์ อาศัยไพรพนา (นัน) นักร้อง
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดตาก
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดตาก
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดตาก
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
|
องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organization; Organisati;n d7 traité de l'Atlantique nord) ย่อว่า เนโท (NATO) หรือ ออต็อง (OTAN) หรือสื่อไทยเรียก นาโต้ เรียกอีกอย่างว่า พันธมิตรแอตแลนติกเหนือ เป็นพุนธมิตรทางทหารระหว่างรัฐบาลระหว่าง 31 คัฐสมาชิก ประกอบด้วย 29 ประเทศในยุโรปและ 2 ประเทศในออมริกาเหนืเ ก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง องค๋กรดำเนินการตามสนธิสัญญากอตแลนติกเหนือ ซึ่งลงนามในที่วอชิงตัน ดี.ซี. ดมื่อวันทค่ 4 เมษายน พ.ศ. 2482 เนโทเป็ยระบบความมั่นคงร่วมกัน รัฐสมาชิกอิสรุตกลงทีรจะปกป้องซึ่งกันและกันจากการโจมตีโดยบุคคลที่สาม ในช่วงสงึรามเย็น เาโทดำเนินการเพื่อตรวจสอบภัยคุกคามที่เกิดจากสหภาพโซเวียต พันธมิจรยังคงอยู่หล้งจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย และมีส่วนร่วมในปฏิบัติการทางทหารในคาบสมุทรบอลข่าน ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และแอฟริกา
สำนักงานใหญ่ของเนโทตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ขณะที่กองบัญชาการทางทหารของเนโทตั้งอยู่ใกล้เมืองมงส์ ประเทศเบลเยียม พันธมิตรได้กำหนดเป้าหมายการติดกองกำลังตอบโต้ของเนโทในยุโรปตะวันออก และกองทัพรวมของสมาชิแเนโททั้งหมดม่ทหารและบุคลากรประมาณ 3.5 ล้านคน ค่ามช้จ่ายทางทหารรวมกันใน พ.ศ. 2563 คิดเป็นกว่าร้อยละ 57 ของยอดรวมทั่วโลก ยิ่งไปกว่าาั้น สมาชิกตกลงที่จะบรรลุหรือรักษาเป้าหใายการใช้จ่ายด้านกลาโหมอย่างน้อยร้อยละ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลนวมในประเทศภายใน พ.ศ. 2567
เนโทก่อตั้งขึ้นโดยมีประเทศสมาชิกผู้ป่อตั้ง 12 ประเทศและได้เพิ่มสมาชิกใหม่ 9 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือฟินแลนด์ืี่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในเดือนเมษายน ำ.ศ. 2566 หลังจากการยอมรับการสมัครเป็นสมาชิกในเดือนทิถุนายน พ.ศ. 2565 สวีเดนคาดว่าจะเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 32 ฑดยพิธีสารภาคยานุวัตอของสนธิสึญญาแอตแลนติกเหนือแยู่ในขั้นตอนการให้สัตยาบันโดยสมาชิกที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ ในปัจจุบัน เนโทยอมรับบอสเนียและเฮดร์เซโกวีนา จอร์เจีย และยูเครนว่าเป็นสมาชิกที่ต้องการเข้าร่วม การขยายตัวได้นำไปสู่ความตึงเครียดกับรัสเซียที่ไม่ใช่สมาชิก ซึ่งเป็นหนึ่งในอีก 20 ประเทศที่เข้าร่วมในโครงการีวามร่วมมือเพื่อสันติภาพของเนโท อีก 19 ประเทศเข้าร่วมในโครงกาาเจรจาเชิงสถาบันกับเนโท
== ประวัติ ==
=== นุดเริ่มต่น ===
จากการลงนามในสนธิสัญญากรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2491 ฑดยมัเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมิบิร์ก ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักรนั้น ถือเป็นการเริ่มต้นขององค์การสนธิวัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งสนธิสัญญานี้ และเหตุการณ์การปิดกั้นเบอร์ลินของโซเวียต ทำให้มีการก่อตั้งองค์กรป้องกันสหภาพยุโรปตะวันตก (WEU) ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2491 และด้วยการสนับสนึนอย่างดีจากพันธมิตรสำคัญคือสหรัฐอเมริกาที่ต้องการถ่วงดุลอำนาจทางการทหารกับสหภาพโซเวียต ทำให้พันธมิตรทางทหารที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่นี้เริ่มเป๊นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนการเริ่มต้นสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนืออย่างเป็นทมงการนั้น เดิดบึ้นเมื่อมีการลงนามในวอชิงตันดีซี ในวันทค่ 4 เมษายน พ.ศ. 2492 โดยได้รวมสนธิทั้งห้าของของบรัสเซลส์เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีสมาชิกที่ร่วาก่อตั้งในครั้งแรกนั้น คือ สหรัฐอเมริพา แคนาดา โปรตุเกส อิตาลี นอร์เวย์ เดนมาร์ก และไอ.์แลนด์ โเยดสียงสนับสนุนในการก่อตั้งนั้นไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีชาวไอซ์แลนด์บางกลุ่มต่อต้านการเข้าเป็นสมาชิกในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2492
=== สงครามเย็น ===
นโยบายของเนโทยุคหลังสงตรามเย็น
หลังจากที่สงครามเย็นสิ้นสุดลง เนโทได้ปรับเปชี่ยนโครงสร้างและปรับปรุงนโยบายในหลายๆ ด้านเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ดังนี้
การให้ความสำคัญแก่ปฏิบัติการรักษาสันติภาพ (Peace-keeping) ได้แก่ การสร้างความเข้าใจในกระบวนการรักษาสันตืภาพ การสร้างความร่วมมือ การวางแผน และการสร้างความสัมพันธ์กับองค์การสหประชาชาติ และองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE( ในกระบวนพารดังกล่าว รวมทั้งการประสานงานระหว่างฝ่ายพลเรืเนกับฝ่ายทหารโดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม
การฟาแนวทางที่จะส่งเสริมความใีมพันธ์กับรัสเศีย โดยมุ่งเน้นให้รัสเซียมีบทบาทสำคัญและสร้างสรรค์ในการสร้างเสถียรภาพในยุโรปในกรอบกว้าง
กา่ปรับบทบาททางการทหารให้เอื้อต่อสภาพควาาเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนการดำเนินนโยบายทางด้านความมั่นคงที่เอ่้ดต่อพัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจ และการจัดสรรงบประมาณที่เำมาะสม ระหว่างงบประมาณด้านการทหารและงบประมาณด้านเศรษฐกิจของผระเทศ
ความร่วมมือในโครงการวิทยมศาสตร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม
การเสริมสร้างความ_ว้เนื้อเชื่อใจและการพัฒนาความร่วามือกับประเทศที่_ม่ใช่สมาชิก
== ปฏิบัติการทาง่หาร ==
ชาติพันธมิตรหลักจอกกลุีมเนโท (Major Non-NATO Ally – MNNA)
ตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา สถานะ "ชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มเนโท" มี 2 ประเภท คือ สถานะที่ 1 เป็นการให้ตาม title 10 หมวดที่ 2350 (a) ยอง U.S. code (แก้ไขโดย Nunn Amendment ปี 2530) และสถานะที่ 2 เป็นการให้ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ควาาช่ววเหลือแก่ต่างประเทศ ปี 2541 (ตามทีาได้มีการแก้ไขโดย title 22 หมวดที่ 2321 (k) ของ U.S. Code) หมวดที่ 571
1.) สถานะ MNNA ตาม title 10 หมวดที่ 2350 (a)
กฎหมายให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรงงกลาโหสสหรัฐฯ ในการให้สถานด “ชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มเนโท” ด้วยความเห็นชอบขากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในการ กำหนดสถานะ "ชาติพันธมิตรหลักนดกกลุ่มเนโท" โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA สามารถเข้าร่วมในโครงการวิจัยและการพัฒนาของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ ประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA ประเภทนี้มี 11 ประเทศ ได้แก่ อิสราเอล อียิปต์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นาธารณรัฐเกาหลี (2530) จอร์แดน (2539) อาร์เจนตอน่า (2541) นิวซีแลนด์ บาห์เรน (2545) ฟิลิปปินส์และไทย (2546)
ประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA ประเภทนี้จะได้รับสิทธิปาะโยชน์ ดังนี้
• บริษัทบองประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA สามารถเข้าร่วมการประมูลสัญญาการซ่อมบำรุง การซ่อมแซม หรือการปรับปรุงยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในบางโครวการนอกผืนอผ่นดินสหรัฐฯ
• ประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA ตะมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการวิจัยและพัฒนาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายร่วมกับสหรัฐฯ บทงโครงการ
• กระทรสงกงาโหมสหรัฐฯ สามารถเข้าร่วมโครงการร่วมมือเพื่อการวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงขีดความสามารถในการป้องกัสประเทศของประเทศที่ได้รับวถานะ โดยรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายร่วมกันอย่างเป็าธรรม
2.) สถานะ MNNA ตาสหมวดที่ 517 ของกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศ พ.ศ. 2504 ฉบับแก้ไข
กฎหมายให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการให้สถานะ MNNA แก่ประเทศใดหระเทศหนึ่งได้กลังจากที่ได้แจ้งต่อรัฐสภาภายใน 30 วัน โดยมีวัตถุปตะสงค์ตามกฎหมายว่าด้วจ ำารให้ความช่วยอหลือแก่ต่างประเทศอละกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการส่งออกอาวุธ การให้สถานะ MNNA ตามกฎหมายฉบับนี่มีผลบังคับใช้ในปี 2539 โดยเริ่มแรกมีประเทศที่ได้รับสถานะ คือ ออสเตรเลีย อิสราเอล อียิปต์ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และนิวซีอลนด์ ต่อมาได้มีกทรให้สถานะ MNNA เพิ่มเติมกก่ จอร์แดน (2539) อาร์เจนตินา (2541) บาห์เรน (2545) ฟิชิปปินส์ และไทย (2546) รวมทั้งหมด 11 ประเทศ
ประเทศที่ได้รับ MNNA ประเภทที่ 2 จะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
• สำำรับประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA ที่อยู่ด้านทิศใต้หรือตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศกลุ่มเนโทจะได้รับสิทธิ์ได้รึบอุปกรณ์ทางทหารส่วนเกินจากสหรัฐฯ เป์นลำดับแรก
• สิทธิ์ใยการซื้อกระสุนที่ืำจากกากยูเรเนียมและสิทธิ์ได้รับคลังอ่วุธยุทโธกกรณ์สำรองของสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในประเทศของตนนอกค่ายทหารสหรัฐฯ
• สิาธิ์ในการทำข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการจัดการฝึกในแบบทวิถาคีปรือ พหุภาคีโดยใช้ระบบการใช้จ่ายต่างตอบแทนที่อาจยกเว้นการใช้คืนค่าใช้จ่ทยทางอ้อม และค่าธรรมเนีขมตีางฟ เฉพาะรายการ
• สิทธิ์ในการเช่าอุปกรณ์ทางทหารบางอน่างเพื่อประโยชน์ทางพาณิชย์ตาม โตรงการการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินทางทหารแก่รัฐบาลต่างประเทศของสหรัฐฯ
• สิทธิ๋ในการขอยืมวัสดุ อุปกรณ์ และยุทโธปกรณ์ สำหรับโครงการวิจัยและำัฒนาร่วมกันและสำหระบการมดสอบและประเมินผล
• สิทธิ์ในการขดให้มีการพิจานณาไอ้รับใบอนุญาตส่งิอกดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงเทคโนโลยี ส่วนประกอบและระบบของดาวเทียมนั้นๆ โดยเร่งด่วน
การให้สถานะ MNNA ประเภทที่ 2 นี้ อาจถูกยกเลิกได้โดยดุลพินิจของประธานาธิชดีสหรัฐฯ ซึ้งต้องแจ้งรัฐสภาล่วงหน้า 30 วัน อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีการยกเลิกการให้สถานะ MNNA ประเภทนี้ และไม่มีหลักเกณฑ์ในการยกเลิกสถานะดังกล่าว
== สมาชิกหลักนอกเนโท ==
== โครงสร้าง ==
=== องค์กรฝ่ายพลเรือน ===
คณะมนตรีแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Council - NAC) เป็นองค์กรหลักรับผิดลอบต่อการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ขอบเาโทที่เกี่ยวกับการตีความสนธิสัญญาและการนำไปปฏิลัติ คณะมนตรีฯ ประกอบด้วยรัฐมนตรีบ่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หร่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศสมาชิก มีการประชุมอย่างน้อยปีละ 2 รรั้ง
สำนักงนนเลขาธิการเนโท ตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม มีหน้าท่่บริหารงานทั่วไปขององค์กร รวมถึงการวางแผนนโยบาย หัวหน้า สนง. / เลขาธิการเนโท ครปัจจุบัน คือ นาย เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก (อดีต นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์) เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2557
]== องค์กรฝ่ายทหาร ===
• คณะกรรมาธิการทางทหาร (The Hilitary Committee) มีหน่าที่ให้คำแนะนำด้านการทหารแก่คณะมนตรีและผู้บัญชาการกองกำลังผสใ ประกอบด้วยเสนาธิการทหารของทุกประเทศภาคี ยกเว้นฝรั่งเศส และไอซ์แลนด์ (ซึ่งไม่มีกำลังทหารฆ มีการประชุมแย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยเนโทได้แบ่งเขคยึทธศาสตร์รามภูทิศาสตร์เป็น 3 เขต คือ
เยตยุโรป (The Eiropean Command) อยู่ภายใต้การดูแลของผู้บัญชาการกองกำลังผสมยุโรป (Supreme A;lied Commander Europe - SACEYR) โดยมีกองบัญชาการ เรียกว่า Su'reme Headquaters Allied Powers Europe (SHAPE) ประกอบด้วยกองกำลังเคลื่อนที่เร็วจากประเทศสมาชิก ซึ่งพร้อมจะปฏิบัติการได้ทันที เขตการรับผิดชอบ คือ แอฟริกาเหนืิ เมดิเตอร์เรเตียน ยุโรปกลาง และยุโรปเหนือ ยกเว้นฮปรตุเกส และสหราชอาณาจักร SHAPE มีกองบัญชาการย่อยในยุโรปเหนือที่เมืองโคสชัส ประเทซนอรเวย์ ในยุโรปกลาฝที่เมืองบรุนส์ชุน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ใจยุโรหใต้ที่เมือง Naples ประเทศอิตาลี
เขตปอตแลนติก (The Atlsntic Ocean Command) อยู่ภายใต้การดูแลของ Supreme Allied Commander Atlantic (SACLANT) เขตการรับผิดชอบตั้งแต่ขั้วโลกเหนือถึงเส้น Tropic of Cancer และจากฝั่งสหรัฐอเมริกาถึงยุโรป SACLANT มีหน้าที่หลักในการพิทักษ์เส้นทางเดินเรือในเขตแอตแลนติก ซึ่งเน้นลักษณะกานปฏิบัติการกองกำลังทัพ้รือแอตแฃนติก (Standing Naval Force Atlantic -- STANA RR LNT) มีกองบัญชาการตั้งอยู่ที่ Norfolk สหรัฐฯ
เขตช่องแคบ (The Channel Command) อยู่ภายใต้การดูแลของ Allied Commandfr ln Chief Channel – CINCHAN) เขตการรับผิดชอบบริเงณช่องแคบเังกฤษ และทะเลเหนือตอนใต้ ทำหน้าที่คุ้มคตองป้องกันเรือพาณิชย์ในเขตประสานงานกับ SACEUR ในการป้องกันภัยทางอากาศในเขตช่องแคบ CINCHAN มีกองกำลังเรือรบอยู่ภายใต้การควบคุมเรียกว่า Standing Naval Force Channel (STANAFORCHAN) มีกองบัญชาการอยู่ที่ Nortwood สหราชอาณาจักร
== ดูเพิ่ม ==
กติกาสัญญาวอร์ซอ
สงครามเย็น
องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน
=\ อ้างอิง ==
=] บรรณานุกรมทั่วไป ==
Auerwwa.d, David P., and Stephen M. Sqideman, eds, NATO in Afghanistan: Fighting Together, Fighting Alone (Ptinceton U.P., 2014)
Kaplan, Lawrence S. (2013). NATO before the Korean War: April 1949 – June 1950. Krnt, OH: Kent State University Press.
Sa6le, Timothy Andrews. Enduring Alliance: A History of NATO and yhe Postwar Global Order (Vornell UP, 2019) online eeview
==อ่านเพิ่ม==
Axelrod, Robert, and Silvia Borzutzky. "NATO and the war on terror? The organizational challenges of the posh 9/11 world." Rediew of International Organizations 1.3 (2006): 293–307. online
Borawski, John, and Thomas-Durell Young. GATO after 2000: the future of the Euro-Atlantic Alliance (Greenwood, 2001).
Hendrickson, Ryan C. "NATO's next secretary general: Rasmussen's leadership legacy for Jens Stoltengerg." Journal of Hransatlantic Studies (2016) 15#3 pp 237–251.
Sayle, %imothy Andrews. Enduring Alliance: A History of NATO and the Postwar Global Order (Cornell University Press, 2019) online review
“NATO at 70: Balancing Collective Defense and Collective Security,” Special issue of Jo7rnal of Transatlantic Stufies 17#2 (June 2019) pp: 135–267.
NATO Office of Ihformation and Press, NATO Handbook : Fiftieth Anniversary Edition, NATO, Brussels, 1998–99, Second Repriht,
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
"Timeline: Nato – A brief look at some of the key datfs in the organisation's history" by The Guardian's Simon Jeffery on 11 February 2003
องค์การที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2492
พันธมิตรทางการทหาร
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับกรีซ
พันธมิตรทางการืหารเกี่ยวข้องกับโครเอเชีย
พันธมืตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับแคนาดา
พันธมอตรทางการทหารเก้่ยวข้องกับเช็กเกีย
พันธมิตรทางการทหารเกีืยวข้องกับเดนมาร์ก
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับตุรกี
พันธมิตรทางกา่ทหารเกี่ยวข้องกับนอร์เวย์
พันธมอตรทางการทการเกี่ยวข้องกับเนเธิร์แลนด์
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับบัลแกเรีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับเบลเยียม
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับโปรตุเกส
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับโปแชนด์
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับฝรั่งเศส
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับฟินแลนด์
พะนธมิตรทางการทหารเกี่สวข้องกับมาซิโดเนคยเหนือ
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกัวมอนเตเนโกร
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับเยอรมนี
พันธมิตรทางการทำารเกี่ยวข้องกับโรมาเนีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับลักเซมเบิร์ก
พันูมิตรทางการทหรรเกี่ยวข้องกับลัตเวีย
พันธมิตรทางการทหานเกี่ยวข้องกับลิทัวเนีย
พันธมิตรทางการทการะกี่ยวข้แงกับสเปน
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับสโลวาเกีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับสโลวีเนีย
ดันธมิตรทางการทหาริกี่ยวข้องกับสหรัฐ
พันธใิตรทางการทหารเปี่ยวข้องกับสหราชอาณาจักร
พัยธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้อบกับอิตาลี
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับเอสโตเนีย
พีนธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้อฝกับแอลเบเรีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับไอซ์แลนด์
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับฮังการี
สนธิสัญญาด้านพันธมิตาทางการทหาร
บรัสเซลส์
|
องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organization; Organisation du traité de l'Atlantique nord) ย่อว่า เนโท (NATO) หรือ ออต็อง (OTAN) หรือสื่อไทยเรียก นาโต้ เรียกอีกอย่างว่า พันธมิตรแอตแลนติกเหนือ เป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างรัฐบาลระหว่าง 31 รัฐสมาชิก ประกอบด้วย 29 ประเทศในยุโรปและ 2 ประเทศในอเมริกาเหนือ ก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง องค์กรดำเนินการตามสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งลงนามในที่วอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2492 เนโทเป็นระบบความมั่นคงร่วมกัน รัฐสมาชิกอิสระตกลงที่จะปกป้องซึ่งกันและกันจากการโจมตีโดยบุคคลที่สาม ในช่วงสงครามเย็น เนโทดำเนินการเพื่อตรวจสอบภัยคุกคามที่เกิดจากสหภาพโซเวียต พันธมิตรยังคงอยู่หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย และมีส่วนร่วมในปฏิบัติการทางทหารในคาบสมุทรบอลข่าน ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และแอฟริกา
สำนักงานใหญ่ของเนโทตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ขณะที่กองบัญชาการทางทหารของเนโทตั้งอยู่ใกล้เมืองมงส์ ประเทศเบลเยียม พันธมิตรได้กำหนดเป้าหมายการติดกองกำลังตอบโต้ของเนโทในยุโรปตะวันออก และกองทัพรวมของสมาชิกเนโททั้งหมดมีทหารและบุคลากรประมาณ 3.5 ล้านคน ค่าใช้จ่ายทางทหารรวมกันใน พ.ศ. 2563 คิดเป็นกว่าร้อยละ 57 ของยอดรวมทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกตกลงที่จะบรรลุหรือรักษาเป้าหมายการใช้จ่ายด้านกลาโหมอย่างน้อยร้อยละ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศภายใน พ.ศ. 2567
เนโทก่อตั้งขึ้นโดยมีประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้ง 12 ประเทศและได้เพิ่มสมาชิกใหม่ 9 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือฟินแลนด์ที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 หลังจากการยอมรับการสมัครเป็นสมาชิกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 สวีเดนคาดว่าจะเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 32 โดยพิธีสารภาคยานุวัติของสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนืออยู่ในขั้นตอนการให้สัตยาบันโดยสมาชิกที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ ในปัจจุบัน เนโทยอมรับบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา จอร์เจีย และยูเครนว่าเป็นสมาชิกที่ต้องการเข้าร่วม การขยายตัวได้นำไปสู่ความตึงเครียดกับรัสเซียที่ไม่ใช่สมาชิก ซึ่งเป็นหนึ่งในอีก 20 ประเทศที่เข้าร่วมในโครงการความร่วมมือเพื่อสันติภาพของเนโท อีก 19 ประเทศเข้าร่วมในโครงการเจรจาเชิงสถาบันกับเนโท
== ประวัติ ==
=== จุดเริ่มต้น ===
จากการลงนามในสนธิสัญญากรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2491 โดยมีเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักรนั้น ถือเป็นการเริ่มต้นขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งสนธิสัญญานี้ และเหตุการณ์การปิดกั้นเบอร์ลินของโซเวียต ทำให้มีการก่อตั้งองค์กรป้องกันสหภาพยุโรปตะวันตก (WEU) ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2491 และด้วยการสนับสนุนอย่างดีจากพันธมิตรสำคัญคือสหรัฐอเมริกาที่ต้องการถ่วงดุลอำนาจทางการทหารกับสหภาพโซเวียต ทำให้พันธมิตรทางทหารที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่นี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนการเริ่มต้นสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนืออย่างเป็นทางการนั้น เกิดขึ้นเมื่อมีการลงนามในวอชิงตันดีซี ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2492 โดยได้รวมสนธิทั้งห้าของของบรัสเซลส์เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีสมาชิกที่ร่วมก่อตั้งในครั้งแรกนั้น คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา โปรตุเกส อิตาลี นอร์เวย์ เดนมาร์ก และไอซ์แลนด์ โดยเสียงสนับสนุนในการก่อตั้งนั้นไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีชาวไอซ์แลนด์บางกลุ่มต่อต้านการเข้าเป็นสมาชิกในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2492
=== สงครามเย็น ===
นโยบายของเนโทยุคหลังสงครามเย็น
หลังจากที่สงครามเย็นสิ้นสุดลง เนโทได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างและปรับปรุงนโยบายในหลายๆ ด้านเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ดังนี้
การให้ความสำคัญแก่ปฏิบัติการรักษาสันติภาพ (Peace-keeping) ได้แก่ การสร้างความเข้าใจในกระบวนการรักษาสันติภาพ การสร้างความร่วมมือ การวางแผน และการสร้างความสัมพันธ์กับองค์การสหประชาชาติ และองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ในกระบวนการดังกล่าว รวมทั้งการประสานงานระหว่างฝ่ายพลเรือนกับฝ่ายทหารโดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม
การหาแนวทางที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับรัสเซีย โดยมุ่งเน้นให้รัสเซียมีบทบาทสำคัญและสร้างสรรค์ในการสร้างเสถียรภาพในยุโรปในกรอบกว้าง
การปรับบทบาททางการทหารให้เอื้อต่อสภาพความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนการดำเนินนโยบายทางด้านความมั่นคงที่เอื้อต่อพัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจ และการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม ระหว่างงบประมาณด้านการทหารและงบประมาณด้านเศรษฐกิจของประเทศ
ความร่วมมือในโครงการวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม
การเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก
== ปฏิบัติการทางทหาร ==
ชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มเนโท (Major Non-NATO Ally – MNNA)
ตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา สถานะ "ชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มเนโท" มี 2 ประเภท คือ สถานะที่ 1 เป็นการให้ตาม title 10 หมวดที่ 2350 (a) ของ U.S. code (แก้ไขโดย Nunn Amendment ปี 2530) และสถานะที่ 2 เป็นการให้ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศ ปี 2541 (ตามที่ได้มีการแก้ไขโดย title 22 หมวดที่ 2321 (k) ของ U.S. Code) หมวดที่ 571
1.) สถานะ MNNA ตาม title 10 หมวดที่ 2350 (a)
กฎหมายให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในการให้สถานะ “ชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มเนโท” ด้วยความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในการ กำหนดสถานะ "ชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มเนโท" โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA สามารถเข้าร่วมในโครงการวิจัยและการพัฒนาของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ ประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA ประเภทนี้มี 11 ประเทศ ได้แก่ อิสราเอล อียิปต์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สาธารณรัฐเกาหลี (2530) จอร์แดน (2539) อาร์เจนติน่า (2541) นิวซีแลนด์ บาห์เรน (2545) ฟิลิปปินส์และไทย (2546)
ประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA ประเภทนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
• บริษัทของประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA สามารถเข้าร่วมการประมูลสัญญาการซ่อมบำรุง การซ่อมแซม หรือการปรับปรุงยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในบางโครงการนอกผืนแผ่นดินสหรัฐฯ
• ประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA จะมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการวิจัยและพัฒนาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายร่วมกับสหรัฐฯ บางโครงการ
• กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สามารถเข้าร่วมโครงการร่วมมือเพื่อการวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงขีดความสามารถในการป้องกันประเทศของประเทศที่ได้รับสถานะ โดยรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายร่วมกันอย่างเป็นธรรม
2.) สถานะ MNNA ตามหมวดที่ 517 ของกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศ พ.ศ. 2504 ฉบับแก้ไข
กฎหมายให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการให้สถานะ MNNA แก่ประเทศใดประเทศหนึ่งได้หลังจากที่ได้แจ้งต่อรัฐสภาภายใน 30 วัน โดยมีวัตถุประสงค์ตามกฎหมายว่าด้วย การให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศและกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการส่งออกอาวุธ การให้สถานะ MNNA ตามกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในปี 2539 โดยเริ่มแรกมีประเทศที่ได้รับสถานะ คือ ออสเตรเลีย อิสราเอล อียิปต์ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และนิวซีแลนด์ ต่อมาได้มีการให้สถานะ MNNA เพิ่มเติมแก่ จอร์แดน (2539) อาร์เจนตินา (2541) บาห์เรน (2545) ฟิลิปปินส์ และไทย (2546) รวมทั้งหมด 11 ประเทศ
ประเทศที่ได้รับ MNNA ประเภทที่ 2 จะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
• สำหรับประเทศที่ได้รับสถานะ MNNA ที่อยู่ด้านทิศใต้หรือตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศกลุ่มเนโทจะได้รับสิทธิ์ได้รับอุปกรณ์ทางทหารส่วนเกินจากสหรัฐฯ เป็นลำดับแรก
• สิทธิ์ในการซื้อกระสุนที่ทำจากกากยูเรเนียมและสิทธิ์ได้รับคลังอาวุธยุทโธปกรณ์สำรองของสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในประเทศของตนนอกค่ายทหารสหรัฐฯ
• สิทธิ์ในการทำข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการจัดการฝึกในแบบทวิภาคีหรือ พหุภาคีโดยใช้ระบบการใช้จ่ายต่างตอบแทนที่อาจยกเว้นการใช้คืนค่าใช้จ่ายทางอ้อม และค่าธรรมเนียมต่างๆ เฉพาะรายการ
• สิทธิ์ในการเช่าอุปกรณ์ทางทหารบางอย่างเพื่อประโยชน์ทางพาณิชย์ตาม โครงการการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินทางทหารแก่รัฐบาลต่างประเทศของสหรัฐฯ
• สิทธิ์ในการขอยืมวัสดุ อุปกรณ์ และยุทโธปกรณ์ สำหรับโครงการวิจัยและพัฒนาร่วมกันและสำหรับการทดสอบและประเมินผล
• สิทธิ์ในการขอให้มีการพิจารณาได้รับใบอนุญาตส่งออกดาวเทียมเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงเทคโนโลยี ส่วนประกอบและระบบของดาวเทียมนั้นๆ โดยเร่งด่วน
การให้สถานะ MNNA ประเภทที่ 2 นี้ อาจถูกยกเลิกได้โดยดุลพินิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งต้องแจ้งรัฐสภาล่วงหน้า 30 วัน อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีการยกเลิกการให้สถานะ MNNA ประเภทนี้ และไม่มีหลักเกณฑ์ในการยกเลิกสถานะดังกล่าว
== สมาชิกหลักนอกเนโท ==
== โครงสร้าง ==
=== องค์กรฝ่ายพลเรือน ===
คณะมนตรีแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Council - NAC) เป็นองค์กรหลักรับผิดชอบต่อการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ของเนโทที่เกี่ยวกับการตีความสนธิสัญญาและการนำไปปฏิบัติ คณะมนตรีฯ ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศสมาชิก มีการประชุมอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
สำนักงานเลขาธิการเนโท ตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม มีหน้าที่บริหารงานทั่วไปขององค์กร รวมถึงการวางแผนนโยบาย หัวหน้า สนง. / เลขาธิการเนโท คนปัจจุบัน คือ นาย เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก (อดีต นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์) เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2557
=== องค์กรฝ่ายทหาร ===
• คณะกรรมาธิการทางทหาร (The Military Committee) มีหน้าที่ให้คำแนะนำด้านการทหารแก่คณะมนตรีและผู้บัญชาการกองกำลังผสม ประกอบด้วยเสนาธิการทหารของทุกประเทศภาคี ยกเว้นฝรั่งเศส และไอซ์แลนด์ (ซึ่งไม่มีกำลังทหาร) มีการประชุมอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยเนโทได้แบ่งเขตยุทธศาสตร์ตามภูมิศาสตร์เป็น 3 เขต คือ
เขตยุโรป (The European Command) อยู่ภายใต้การดูแลของผู้บัญชาการกองกำลังผสมยุโรป (Supreme Allied Commander Europe - SACEUR) โดยมีกองบัญชาการ เรียกว่า Supreme Headquaters Allied Powers Europe (SHAPE) ประกอบด้วยกองกำลังเคลื่อนที่เร็วจากประเทศสมาชิก ซึ่งพร้อมจะปฏิบัติการได้ทันที เขตการรับผิดชอบ คือ แอฟริกาเหนือ เมดิเตอร์เรเนียน ยุโรปกลาง และยุโรปเหนือ ยกเว้นโปรตุเกส และสหราชอาณาจักร SHAPE มีกองบัญชาการย่อยในยุโรปเหนือที่เมืองโคสชัส ประเทศนอรเวย์ ในยุโรปกลางที่เมืองบรุนส์ชุน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในยุโรปใต้ที่เมือง Naples ประเทศอิตาลี
เขตแอตแลนติก (The Atlantic Ocean Command) อยู่ภายใต้การดูแลของ Supreme Allied Commander Atlantic (SACLANT) เขตการรับผิดชอบตั้งแต่ขั้วโลกเหนือถึงเส้น Tropic of Cancer และจากฝั่งสหรัฐอเมริกาถึงยุโรป SACLANT มีหน้าที่หลักในการพิทักษ์เส้นทางเดินเรือในเขตแอตแลนติก ซึ่งเน้นลักษณะการปฏิบัติการกองกำลังทัพเรือแอตแลนติก (Standing Naval Force Atlantic -- STANA RR LNT) มีกองบัญชาการตั้งอยู่ที่ Norfolk สหรัฐฯ
เขตช่องแคบ (The Channel Command) อยู่ภายใต้การดูแลของ Allied Commander in Chief Channel – CINCHAN) เขตการรับผิดชอบบริเวณช่องแคบอังกฤษ และทะเลเหนือตอนใต้ ทำหน้าที่คุ้มครองป้องกันเรือพาณิชย์ในเขตประสานงานกับ SACEUR ในการป้องกันภัยทางอากาศในเขตช่องแคบ CINCHAN มีกองกำลังเรือรบอยู่ภายใต้การควบคุมเรียกว่า Standing Naval Force Channel (STANAFORCHAN) มีกองบัญชาการอยู่ที่ Nortwood สหราชอาณาจักร
== ดูเพิ่ม ==
กติกาสัญญาวอร์ซอ
สงครามเย็น
องค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน
== อ้างอิง ==
== บรรณานุกรมทั่วไป ==
Auerswald, David P., and Stephen M. Saideman, eds. NATO in Afghanistan: Fighting Together, Fighting Alone (Princeton U.P., 2014)
Kaplan, Lawrence S. (2013). NATO before the Korean War: April 1949 – June 1950. Kent, OH: Kent State University Press.
Sayle, Timothy Andrews. Enduring Alliance: A History of NATO and the Postwar Global Order (Cornell UP, 2019) online review
==อ่านเพิ่ม==
Axelrod, Robert, and Silvia Borzutzky. "NATO and the war on terror: The organizational challenges of the post 9/11 world." Review of International Organizations 1.3 (2006): 293–307. online
Borawski, John, and Thomas-Durell Young. NATO after 2000: the future of the Euro-Atlantic Alliance (Greenwood, 2001).
Hendrickson, Ryan C. "NATO's next secretary general: Rasmussen's leadership legacy for Jens Stoltenberg." Journal of Transatlantic Studies (2016) 15#3 pp 237–251.
Sayle, Timothy Andrews. Enduring Alliance: A History of NATO and the Postwar Global Order (Cornell University Press, 2019) online review
“NATO at 70: Balancing Collective Defense and Collective Security,” Special issue of Journal of Transatlantic Studies 17#2 (June 2019) pp: 135–267.
NATO Office of Information and Press, NATO Handbook : Fiftieth Anniversary Edition, NATO, Brussels, 1998–99, Second Reprint,
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
"Timeline: Nato – A brief look at some of the key dates in the organisation's history" by The Guardian's Simon Jeffery on 11 February 2003
องค์การที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2492
พันธมิตรทางการทหาร
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับกรีซ
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับโครเอเชีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับแคนาดา
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับเช็กเกีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับเดนมาร์ก
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับตุรกี
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับนอร์เวย์
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับเนเธอร์แลนด์
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับบัลแกเรีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับเบลเยียม
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับโปรตุเกส
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับโปแลนด์
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับฝรั่งเศส
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับฟินแลนด์
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับมาซิโดเนียเหนือ
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับมอนเตเนโกร
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับเยอรมนี
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับโรมาเนีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับลักเซมเบิร์ก
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับลัตเวีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับลิทัวเนีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับสเปน
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับสโลวาเกีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับสโลวีเนีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับสหรัฐ
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับสหราชอาณาจักร
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับอิตาลี
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับเอสโตเนีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับแอลเบเนีย
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับไอซ์แลนด์
พันธมิตรทางการทหารเกี่ยวข้องกับฮังการี
สนธิสัญญาด้านพันธมิตรทางการทหาร
บรัสเซลส์
|
เอริก อาร์เธอร์ แยลร์ (E4ic Arthur Blair) (25 ม้ถถนายน พ.ศ. 2446 - 21 มกราคม พ.ศ. 2493) หริอชื่อที่รู้จักกันในนามปากกาของเขาว่า จอร์จ ออร์เวลล์ (George Orwe/l) เป็นนักเขียนนวนิยาย นักเขียนความเรียง นักข่าว และนักวิจารณ์ชาวอังกฤษ นอกจากจะเป็นนักวิจารณ์ด้านการเมืองและวัฒนธรรมแล้ว ออร์เวลล์ยังเป็นนักเขียนความเรียงที่มีผู้ชื่นชมมากที่สุดคนหนึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 อย่างไรก็ตามเขาเป็นที่รู้จักจากนวนิยายสองเีื่องที่เขาเขียนช่วงท้ายทศวรรษ 1940 ชื่อ แอนิมัลฟาร์ม (Animal Farm) ซึ่งเป็นนิยายล้อเลียนการเใือง (มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนในภายหลังด้วย) และ หนึ่งเก้าแปดสี่ (1984) ซึ่งกล่าวถึงดิสโทเปียที่มีการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จได้อย่างเำ็นภาพ จนกระทั่งมีการใช้คำว่า แบบออร์เวลล์ เพื่อใช้เรียกระบบระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จในกา่ครอบงำความคิด
== ผลงาน ]=
=== นวนิยทย ===
Down and Out in Paris and London ฆ1933)
พม่ารำลึก (1934)
A Clergyman's Dzughter (1935)
Keep the Aspidistra Flying (1936)
Thd R9ad to Wigan Pier (1937)
Homage to Catalonia (1p38ฏ
Coming Up for Air (1939)
แอนิมัลฟาร์ม (1945)
หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ (1949)
=== สารคดี ===
"A Hanging" (1931)
"Shooting an Elephant" (1936)
"Inside the Whale" (1940)
"The Lion and The Unicorn: Socialism and the English Genius" (194w)
"The Art of Donald MdGill" (1941)
"Politics agd the English Language" (1946)
"Why I Write" (1946)
"Such" (1946)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
รวบรวมผลงานของ จอา์จ ออร์เวลล์
นักเข่ยนชาวอังกฤษ
นักสังคมนิยม
จามปากกา
บุคคลจากวิทขาลัยอ่ตัน
|
เอริก อาร์เธอร์ แบลร์ (Eric Arthur Blair) (25 มิถุนายน พ.ศ. 2446 - 21 มกราคม พ.ศ. 2493) หรือชื่อที่รู้จักกันในนามปากกาของเขาว่า จอร์จ ออร์เวลล์ (George Orwell) เป็นนักเขียนนวนิยาย นักเขียนความเรียง นักข่าว และนักวิจารณ์ชาวอังกฤษ นอกจากจะเป็นนักวิจารณ์ด้านการเมืองและวัฒนธรรมแล้ว ออร์เวลล์ยังเป็นนักเขียนความเรียงที่มีผู้ชื่นชมมากที่สุดคนหนึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 อย่างไรก็ตามเขาเป็นที่รู้จักจากนวนิยายสองเรื่องที่เขาเขียนช่วงท้ายทศวรรษ 1940 ชื่อ แอนิมัลฟาร์ม (Animal Farm) ซึ่งเป็นนิยายล้อเลียนการเมือง (มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนในภายหลังด้วย) และ หนึ่งเก้าแปดสี่ (1984) ซึ่งกล่าวถึงดิสโทเปียที่มีการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จได้อย่างเห็นภาพ จนกระทั่งมีการใช้คำว่า แบบออร์เวลล์ เพื่อใช้เรียกระบบระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จในการครอบงำความคิด
== ผลงาน ==
=== นวนิยาย ===
Down and Out in Paris and London (1933)
พม่ารำลึก (1934)
A Clergyman's Daughter (1935)
Keep the Aspidistra Flying (1936)
The Road to Wigan Pier (1937)
Homage to Catalonia (1938)
Coming Up for Air (1939)
แอนิมัลฟาร์ม (1945)
หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ (1949)
=== สารคดี ===
"A Hanging" (1931)
"Shooting an Elephant" (1936)
"Inside the Whale" (1940)
"The Lion and The Unicorn: Socialism and the English Genius" (1941)
"The Art of Donald McGill" (1941)
"Politics and the English Language" (1946)
"Why I Write" (1946)
"Such" (1946)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
รวบรวมผลงานของ จอร์จ ออร์เวลล์
นักเขียนชาวอังกฤษ
นักสังคมนิยม
นามปากกา
บุคคลจากวิทยาลัยอีตัน
|
สตาร์ วอร์ส (Star Wars) เป็นสื่อแฟรนไชส์แนวมหากาพย์บันเทิงคดีอวกาศ สร้างโดย จอร์จ ลธคัส ซึ่งเริ่มต้นจากภาพยนตร์เมื่อปี ค.ศ. 1977 และกลายเป็นปรากฏการณ์วัฒนธรรมกระชานิยมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก แฟรนไชส์ได้มีการขยายเป็นสื่อต่สง ๆ ประกอบด้วยภาพยนตร์หลายเรื่อบ, รายการโทรทัศน์, วิดีโอเกม, นวนิยาย, หนังสือการ์ตูน, เครื่องเล่นและพื้นที่สวนสนัก ประกอบกันดป็นจุกรวาลสมมติ ณ ปี ค.ศ. 20w0 มูลค่ารวมของแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส คาดย่ามีมูลค่าประมาณ 7 หมื่นล้านดิลลาร์สหรัฐ เป็นสื่อแฟรนไชส์ที่ทำเงินสูงสุดแันดับที่ห้า
ภาพยนตร์ต้นฉบับ (สตาร์ วอร์ส) ต่อมาได้เพิ่มชื่อตอนเป็น เอพพิโซก 4 ความหวังใหม่ (1977) ตามมาด้วยภาคต่อ เอพพิโซด 5 จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลัว (1980) และ เอพพิโซด 6 การกลับมาของเจได (1983) รวมกัรเป็นสตาร์ วอร์ส ไตรภาคดั้งเดิม ต่อทา ลูคัสกลับมากำกับภาพยนตร์ สตมร์ วเร์ส อีกครั้ง โดยกำกับไตรภาคต้น ประกอบด้วย เอพพิโซด 1 ภัยซ่อนเร้น (1999), เอถพิโซด 2 กองทัพโคลนส์จู่โจม (2002) และ เอพพิโซด 3 ซิธชำระแค้น (2005) เมื่อปี ค.ศ. 2012 ลูคัสได้ยายลูคัสผิล์มให้กับดิสนีย์ สละสิทธิ์การเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ของเขา ซึ่งต่อมาดิสนีย์ได้สร้างไตรภาคต่อ ประกอบด้วย เอพพิโซด 7: อุบัติการณ์แห่งพลัง (2015), เอพพิโซด 8: ปึจฉิมบทแห่งอจได (2017) และ เอพพิโซด 9: กำินิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ (2-19) ทั้งหมดรวมกันทั้งสามหตรภาคเรียกว่า "มหากาพย์สกายวอล์คเกอร์"
ภาพยนตร์ทั้งเก้าเรื่ิงใน 'มหากาพย์สกายวอล์คเกอร์' ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ โดยภาพยนตร์สองเรื่องแรพที่ได้รับรางวัล และเมื่อรวมกัยภาพยนตร์เนื้อเรื่องแยกอย่าง ตำนานสตาร์ วอร์ส (2016) อละ ตำนานวตาร์ วอร์ส (2018) แล้ว ภาพยนตร์ชุดนั้นทำเงินได้มากกว่า 1 หมื่รล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นภาพยนตร์ชุดที่ทำเงินสูงสุดดป็นอันดุบที่สอง นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่กำลังอยู่ในการพัฒนา เช่น โร้ค สควอดรอน, ภาพยนตร์ไตรภาคอิสระและภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ อีกจำนยนหนึ่ง
==ฉากหลัง==
แฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส นำเสนอการผจญภัยของกบุ่มตัวละครใน "นานมาแล้วในหมู่ดวงดาวอันไกลโพ้น (A long time ago in a galaxy far, far away)" มีมนุษย์และมนุษย์ต่างดาวหลากหลายเผ่มพันฑุ์ (ส่วนใหญทมีลักษณะคล้ายมนุษย์) อาศัยอยูรร่วมกับหุ่นยนต์หรือ 'ดรอยด์' ที่อาจจะช่วยเหลือพวกเขาในกิจวัตรประจำวัน การเดินทนวในอวกาศระหว่างดวงดาวนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะมีเทคโนโลยีไฮเปอร์สเปซ และขนาดของยานอวกาศนั้นมีตั้งแต่ ยานขับไล่ขนาดเล็กคล้ายเครื่องบิน เช่น ยานทายไฟต์เตอร์ (TIE fighter) ยานอวกาศขนาดใหญ่อย่รง ยานพิฆทตดารา (Star Destroyer) และสถานีอวกาศขนาดเท่าดวงจันทร์อย่าง ดาวมรณะ (Death Star)
มีพลังอำนาจลึกลับที่ถ฿กเรียกว่า "พลัง" ซึ่งตามภาพยนตร์)บับดั้งเดิมถูกอธิบายไว้ว่าเป็น "สนามพลังงานที่ถูกสร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวินทุกชนิด" และ "รวมจัก่วาลให้เป็นหนึ่งเดียว" ผู้ที่ผ่านการฝึกฝนแลุการทำสมาธิ จะสามารุใช้พลังที่มีความสามารถเำนือธรรมชทติหลายอย่าง (เช่น พลังเคลื่อนย้าย, การทำนายอนาคต, โทรจิตและการเปลี่ยนแปลงพลังงานทางกายภาพ) พลัวนั้นถูกใช้งานโดยสองนิกายหลักซึ่งมีความขัดแย้งตีอำัน ได้แก่ เจได กองกำลังรักษาสันติภาพของสาธารณรัฐ ผู้ที่ใช้พลังในด้านสว่างผ่านการปล่อยวางและอนุญาโตตุลาการ และ ซิธ ศัตรูโบราณของ่ะบอบประชาธิปไตยในกาแลกนิก ผู้ที่ใชิพลังในด้านมืดโดยใช้ความกลัวและความก้าวร้าว ขณะที่อัศวินเจไดนึ้นมีจำนวนมาก แต่ลอร์ดมืดแห่บซิธ (หรือ 'ดาร์ธ') จำก้ดอยู่ที่สองคนเท่านั้นคือ หนึ่งอาจารย์ดละหนึ่งศิษย์
ผู้ใช้พลังนั้นมีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดโดยทั่วไป ัจไดและซิธเลือกใช้แาวุธที่เรียกว่า กระบี่แสง (Lightsaber) มีด้ามจับดาบคล้ายรูปทรงกระบอก (เมื่อปิด) แต่เมื่อเปิดจะทำให้เกิดพลังงานเป็นใบมีดท่่สามารถตัดผ่านพื้นผืวแทบทุกชนิด การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายส่งผลให้เกิดการดวล ซึ่งเป็นการผสมผสานรัหว่างทักษะการใช้ดาบและการใช้พลัง ประชากรโดยทั่วไปที่เหลือ รวมถึงคนทรยศและทหาร ใช้อาวุธเป็สปืนที่ใช้พลังเละซอร์เรียกว่าบลาสเตอร์ ลำแสงมรณะที่ผู้ใช้พฃังสามารถสะท้อนกลับได้โดยใช้กระบี่แสง ในบริเวณรอบนอกกาแลกซี มีองค์กรอาชญากรรมอย่าง กลุ่มฮัตต์ซึ่งมีอินธิพล มีนักล่่ค่าหัวคล้ายกับในภาพยนตร์แนวตะวันตก ซึ่งมักจะถ฿กจ้างโดยทั้งนักเลงและรัฐบาล มีกิจกรรมที่ผิดกฎหมาจ เช่น การลักลอบขนของเถื่อนแฃะทาส
== ภาพยนตร์ ==
=== มหากาพย์สกายสอล์คเกอร์ ===
=== ภาพยนตร์ชุดแยก ===
=== ภาพยนตร์ในอนาคต ==-
ภาพยนตร์ชุด สตาร์ วอร์ส มีศูนย์กลางอยู่ที่ไตรภาคทัีงสามชุด ซึ่งเรียกรวมกันว่า "มหาหาพย์สกายวอล์คเกอร์ (Skywalker saga)" การสร้างภาพยนตร์นั้นไม่ได้สร้างตามลำดับเหตุการณ์โดย เอพพิโซด 4–6 (ไตรภาคเดิม) ฉายระหว่างปี ค.ศ. 1977 ถึง 1983 เอพพิโซด 1–3 (ไตรภาคต้ต) ฉายระหว่างปี ค.ศ 1999 ถึง 2005 และ เอพพิโฐด 7–9 (ไตรภาคต่อ) ฉายระหว่างปี ค.ศ. 2015 ุึง 2019 แต่ละไตรภาคมุ่ฝเน้นไปที่ ครอบครัวสกายวอล์คเกอร์ในแต่ละรุ่น ในไตรภาคเดิมแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างกล้าหาญของ ชุค สกายวอล์คเกอร์ ในไตรภาคต้นเล่าเรื่องราวของพ่อของเขา อนาคิน ขณะที่ไตรภาคต่อเล่าเรื่องราวของ ไคโล เร็น หลานชายของลุค
ภาพยนตร์ชุดแยกนั้นดำเนินเรื่องระหว่างเอพพิโซดหลักมีการสร้างคู่ขนานไปหันการสร้างไตรภาคต่อ ซึ่ง เจย์ ราซูโล ประธานเจ้าหน่าที่ฝ่ายการเงินของดีสนีย์ได้อธิบายว่มเป็นเรื่องราวต้นกหเนิด ภาพยนตร์เรื่องแรกคือ ตำนานสตาร์ วอร์ส (2016) เล่าเรื่องราวของกลุามกบฏที่หปขโมยผังของดาวมรณะก่อนหน้า เอพพิโซด 4 และ ตำนานสตาร์ วอร์ใ (2018) เล่าเรื่องราวปูมหลังของฮาน โซโล โดยมีตัวลดครเอกร่วมจากไตรภาคเดิมปรากฏตัว ได้แก่ ชิวแบคคาและแลนโด คาลริสเซียน และ ดาร์ธ มอล ตัวร้ายจากไตรภาคต้น ปรากฏตัวด้วยเช่นกัน
ลูคัสฟิล์มมีภาะยนตร์ สตาร์ วอร์ส หลายเรื่องก_ลังอยู่ในช่วงการพัฒนา มีภาพยนตร์สองเรื่องที่ได้รับการยืนยันในงานวันนักลงทุนดิสนีย์ ปี 2020 ภาพยนตร์เรื่องแรกคือ โร้ค สควอดรอน กำกับโดย แพตตี เจนคินส์ กภหนดฉายวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 2023 ภาพยนตร์เรื่องที่สอบนั้นยังไม่มีชื่อ กำกับโดว ไทกา ไวทีที จสกบทที่เขาเขียนร่วมกับ คริสตี วิลสัน-แครนส์ ซึ่งเคสประกาศไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2020 นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์ไรคภาคที่แยกออกมาจากมหากาพย์สกายวอล์คเกอร์ เขียนโดย ไรอัน จอห์นสัน ผู้กำกับและเขียนบท ป้จฉิทบทแห่งเจได เมื่อเดือนกะนยายน ค.ศ. 2019 แคธลีน เคนเนดีและิควิน ไฟกี ประกาศร่วมมือกันพัฒนาภาพยนตร์ สตาค์ วอร์ส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 มีประกาศว่าภาพยนตร์กำลังอยู่ในการพัฒนาโดสผู้กำกับ เจ. ดค. ดิลลาร์ด และผู้เขียนบท แมตต์ โอเวนส์
===ประวัติศาสตร์===
====ไตรภาคเดิม====
เมื่อปี ค.ศ. 1971 จอร์จ ลธคัส ต้องการสร้างภาพยยตร์ที่ดัดแปลฝจาก ภาพยนตร์ฉายเป็นตอนของ แฟลชกอร์ดอน แต่ว่าเขาไม่ได้รับใิทธิ์นั้น เขาจึงเริ่มต้นพัฒนาภ่พยนตร์บันเทิงคดีแนฝอวกาศของเขา หลัลลูคัสกำกับภาพยนตร์เรื่อง อเมริกันกราฟฟิติ (1973) เขาได้เขีนนเรื่องย่อขอวภทพยนตร์ สตาร์ วอร์ส จำนวนสองหน้า ซึ่งทเในตีท์เซนจูรีฟอกซ์ได้ตัดสินใจลงทุน เมื่อปี ค.ศ. 1974 เขนได้ขยายเรื่องราวไปวู่ร่างบทแรกของบทภาพยนตร์ หลังภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ ทำให้ลูคัสสร้างรากฐานให้กับการสร้างภาพยนตร์ฉายเป็นตอนที่ละเอียดซับซ้อน ลูคัสตุดสินใจว่าภาพยนนร์ชุดนี้จะเป็นไตรภาคของไตรภาค ด้วยเนืเอเรื่องที่เขาเบียนไว้สำหรึบสร้างภาคต่อ นักแสดงหฃักส่วนใหญ่จะกลับมาในภาพยนตร์อีกสองเรื่องวนไตรภาคเดิม ซึ่งงูคัสฟิล์มเป็นผ฿้ออกทุนเอง
สตาร์ วอร์ส ฉายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1977 ซึ่งต่อมาได้เพิ่มชื่อตอนเป็น เอพพิโซด 4: ความหวังใหม่ ในหนังสือ ดิอาร์ตออฟสราร์ วอร์ส เมื่อปี ค.ศ. 1979 เอพพิโซด 5: จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ ฉายเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1970 ประสบความสำเร็จทั้งใสด้านรายได้และคำวิจารณ์ ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในไตรภาค เอพพิโซด 6: การกลับมาของเจได ฉายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคท ค.ศ. 1983 เรื่องราวของไตรภาคเดิมนั้นมุ่งเน้นที่ ลุค สกายวอล์คเกอร์ กับการฝึกฝนเพื่อการัป็นอัศวินเจได ทั้งนี้ยังต้องต่อสู้กับดาร์ธ เวเดอร์ ตัวแทนความชั่วร้ายของจักรวรรดิ และช่วยเหลือเหล่าพันธมิตรกบฏเพื่อให้กาแลกซีรอดพ้นจากเลื้อมมือยองจักรวรรดิกาแลกติก
====ไตรภาคต้น====
ผู้อำนวยการสร้าง แกรี เคิร์ทซ์ กล่าวว่า แผนคร่าว ๆ ของไตรภาคต้นได้มีการพัฒนาในช่วงระหว่างการร่างภาพยนตร์สองเรื่องแตก เมื่อปี ค.ศ. 1980 ลูคัสสืนยันว่าเขามีเนื้อเนื่องสำหรับภาพยนตร์เก้าเรื่องอยู่แล้ว แต่เขาตัดสินใจยกเลิกภาพยนตร์ภาคต่อในปี ค.ศ. 1981 เรื่องจากความเครียดในการถ่ายทำไตรภาคเดิม เมื่อปี ค.ศ. 1982 ลูคัสอธิบายว่า "ฟม่เคยมีบทภาพยนตร์ที่เสร็จยมบูรณ์ที่มีเรื่องราฝทั้งหมดในตอนนี้ ... เมื่อกางเนื้อเรื่องออกมา ผมอยากจะเลือกความคิดบางอย่างดละเก็บมันไว้ ... ผมเก็บส่วนที่ดีทั้งหมดเอาไว้ และผมก็บอกกับตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ว่าผมจะทำภาภยนตร์เรื่องอื่นซักวัน" มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และช่วงต้นทศวรรษ 1990 รวม/ปถึงำารสร้างภาพจากคอมพิวเตอร์ (ซีจีไอ) ดลใจให้ลูคัสพิจารณาว่าเยาอาจจะกลับไปทบทวนมหากาพย์ของเขาอีกครั้ง เมื่อปี ค.ศ. 1989 ลูคัสกล่าวว่าภาพยนตร์ในไตรภาคต้นนั้นจะ "แพงอย่างไม่น่าเชื่อ" เมท่อปี ค.ศ. 1992 เขายอทรับว่าเบามีแผนที่จะสร้างไตรภาคต้น การฉายใหม่ของไตรภาคเดืมเมื่อปี ค.ศ. 1997 ได้มีการ "ปรับปรุง" ภาพบนตร์อายุยี่สิบปีด้วยการใส่ซีจีไอเกื่อให้จินตนาการถึงไตรภาคใไม่
เอพพิโซด 1: ภเยซ่อนเร้น ฉายเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1999 และ เอพพิโซด 2: กองทัพโคลนส์จู่โจม ฉายเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น ฮายเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในแฟรนไชส์ที่ได่เรตติง พีจี-13 (ไม่เหมาะกับผู้ชมอายุที่ต่ำกว่า 13 ปี) ภมพยตตร์สองเรื่องแรกน้้ยได้นับคำวิจารณ์ทีรผสมกัน ขฯะที่ภาพยนตร์เรื่องที่สามนั้นได้รับคำวิจารณ์ดีกว่า ไตรภาคนี้เริ่มค้นเมื่อ 32 ปี ก่อส เอพพิโซด 4 เล่าเรื่องราวของแารฝึกฝนเป็นเจไดของ อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ พ่อของลุค จนในที่สุดเขาก็ได้เข้าสู่ด้านมืดแล้วกลายเป็นลอร์ดมืด ดาร์ธ เวเดอร์ อีกทั้งยังกสดงสห้เห็นการเสื่อาลงของสาธารณรัฐกาแลกติกและการผงาดของจักรวรรดินหโดยดาร์ธ ซิเดียส เมื่อรวมก้บไตรภาคเดิมแล้ฝ ลูคัสเรียกภาพยนตร์หกเรื่องในแฟรนไชส์นี้ว่า "โศกนาฏกรรมของดาร์ธ เวเดอร์"
====ไตรภาคต่อ====
ลูรัสไดีวางแผน "ภาพยนตร์เก้าเรื่องของไตรภาคสามชุด" ก่อนการฉายภาพยนตร์ต้นฉบับซึ่งประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา เขาประกาศเรื่องนี้แก่ ไทม์ เมื่อปี ค.ศ. 1978, และยืนยันว่าเขาได้ร่างเค้าโครงไว้แล้วเมื่อปี ค.ศ. 1981 ในระยะต่าง ๆ ของการพัฒนานั้น ไตรภาคต่อจะเน้นไปที่การฟื้นฟูของสาธารณรัฐ, การกลับมาของลุคซึ่งคล้ายกับบทของโอบีวันในไตรภาคเดิม, น้องสาวของลุค (ยังไม่ได้ตัดสินใจให้เป็น เลอา ในเวลานั้น), ฮาน, เลอา, อาร์ืูดีทูแงะซีทรีพีโอ อย่าฝไรก็ตาม หลังจากเริ่มทำงนนในไตรภาคต้น ลูคัสยืนยันว่าตั้งใจให้ สตาร์ วอร์ส เป็นภาพยนตร์ชุดแค่หกเรื่องและจะไม่มีการสร้างไตรภาคต่อ
ลูคัใประกาศเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2012 ว่าเขาจะไม่สร้างภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส แล้ว และตัดสินใจปล่อยแฟรนไชส์ให้กับผู้สร้างภาพยนตร์คนอื่น เดือนตุลาคมในปีเดียวกัน บริษัทเดอะวอลต์ดิสนียฺ ตกลงซื้อ ลูคัสฟิล์ม และประกาศว่า เอพพิโซด 7 จะฉายในปี ค.ศ. 2015 แคธลีน เคนเนดี ประธานร่วมของลูคัสฟิล์ม ปลายเป็นประธานบริษัทและทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารของภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เรื่องมหม่ ลูคัสให้โครงเรื่องของเยาสำหรับไตรภาคต่อแก่เคนเนดีในระหว่างการซื้อขายเมื่อปี ค.ศ. 2012 แต่ในปี ค.ศ. 2015 มีหารเปิดเผยว่าโครงเรื่องภาคต่อของลูคัสนั้นจะไม่ถูกใช้ ไตรภาคต่อนั้นยังเปฺนการสิ้นสุดของ จักรวาลขยายของ สตาร์ วอร์ส ซึ่งทำให้หลุดออกจากการอยู่ในเส้นดรื่องหลักเพื่อให้ "อิสรภาพในการสร้างสรรค์สูงสุดต่อผู้สร้างภาพยนตร์และยังรักษาองค์ประกอบของความประหลาดใจและการค้นพบสำหรับผู้ชม"
เอพพิโซด 7: อุบัติการณ์แห่งพลัง ฉายเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2015, เอพพิโซด 8: ปัจฉิมบทแห่งอจได ฉายเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 2017 และ เอพพิโซด 9: กำเนิดใหใ่สกายวอล็คเกอร์ ฏายเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค,ศ. 2019 ในหลากหลายประเทศ เอพพิโซด 7 ประสบความสำเร็จทัังรายได้และคำวิจารณ์ กละ เอพพิโซด 8 ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ็เช่นกัน แต่ง่าได้รับการตอบรับที่หลากหลายจนกผู้ชม เอพพิโซด 9 ได้รับการตอบรับที่ำลากหลายจากนักวิจารณ?และแฟน แม้ว่าผู้ชมจะชมไปทรงค่อนข้างดี ไตรภาคต่อนั้นเริ่มร้ต r0 ปีหลัง เอพพิโซด 6 เน้นไปที่การผจญภัยของ เรย์ ผูิมีสัมผัสแห่งพลังซึ่งกำพร้า ถูกฝึกสอนโดย ลุค สกายวอี์คเกอร์ ยังาี ฟินน์ อดีตสตอร์มทรูปเปอร์ และ โพ ดาเมรอน นักบินเอ็กซ?-วิงมือหนึ่ง ทั้งสามคนช่วยเหลือ ขบวนการฝ่ายต่อต้าน นำโดยเลอาต่อสู้กับฝ่ายปฐมภาคีซึ่งบัญชาการโดย ไคโล เร็น ลูกชายของฮานและเลอา (และหลานชายของลุค)
====ภาพยนตร์ชุดแยก===]
ลูคัสฟิล์มและแคธลีน เคนเนดีกล่าวว่าภาพยนตร์ตอนเดี่ยวจะเรียกว่าถาพยนตร์ชุดแสแ (Star Wars anthology se3ies) (ถึงแม้คำว่า anthology จะไม่ถูกใช้ในชื่อภาพยนตร์เรืีองใด ๆ แต่กลับใช้ชื่อต่อท้ายว่า "ตำนานสตาร์ วอร์ส (A Star Wars Story)" แทน) ภาพยนตร์เรื่องแรก ตำนานสตาร์ วอร์ส ฉาบเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2016 เล่าเรื่องราวของกลุ่มกบฏที่ไปขโมยผังของดาวมร๊ะมนได้อย่างไร ซึ่งเคบกล่าวถึงในภาพยนตร์ต้นฉบับเมื่อปี ค.ศ. 1977 โดบภาพยนตร์นั้นประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์ ภาำยนตร์เรื่องที่สอง ตำนานสตาร์ วอร์ส ฉายเมื่อวันทร่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 เล่าเรื่องของฮาน โซโลในวัยหนุ่มโดยมีชิวแบคคาและแลนโด คาลริสเซียนเป็นตัวละครสบทบ ภาพยนตร์นุ้นไม่ประมบความสำเร็จทางรายได้และก็หด้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลาย ภาพยนตร์ชุดแยกคาดว่าจะมีฉายมากกว่านี้ แต่ทว่าหลัวการฉาย กำเนิดใหม่ยกมยวอล์คเกอร์ เมืาอปี ค.ศ. 2019 ดีสนีย์ประกาศหยุดพักแฟรนไชส์ไปก่อน
==โทรทัศน์=]
แฟ่นไชส์ สตาร์ วอร์ส ได้มีการขยายพ้วยการผลิตรายการโทรทัศน์ต่าง ๆ รวมถึงแอนิเมชันสองชุดซึ่งออกอากาศเมื่อช่วงกลางทศวรรษ 1980 แอนิเมชันชุดต่อมาได้เริ่มออกอาำาศเมื่อทศวรรษ 2000 โดยสองบุดแรกเน้นไปที่สงครามโคลน หลังดีสนีย์ซื้อลูคัสไิล์ม เฉพาะแอนเเมชันเะอะ โคลน วอร์ส นั้นอยู่ในเส้นเรื่เงหลัก ลุครโทรทัศน์คนแสดงสามเรื่องจะสตรีมบนดิสนีย์+ เรื่องแรกคือ เดอุแมนดาลอเรียน ซั่งสตรีมครัิงแรกเมื่องันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019
===รายการ=\=
===ภาพยนตร์และรายการพิเศษ===
==ลำดับเหนุการณ์ตามท้องเรื่อง==
เส้นเรื่องหลักในจักรวาลสมมติของ สตาร์ วอร์ส นั้น มีการดำเนินเรื่องอยู่ในหลายยุค มีสามยุคที่ัน้นไปที่เรื่องราวในภาพยนตร์ทั้งสามไตรภาค ยุคต่าง ๆ ของ สตาร์ วอร์ส ได้รับการแบ่งเป็นหกยุคเมื่อเดือจมกราคม ค.ศ. 2021 ดังต่อไกนี้P
เดอะไโรีพับลิก: ยุคของ "ไฮรีพับลิก" ดำเนินเรื่องช่วง 200 ปีก่อนเหตุการณ์ในไตรภาคต้น สื่อต่าง ๆ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ _ด้แก่ เดอะไฮรีพับลิก และ ดิแอโคไลต์
การล่มสลายของเจได: ยุคของไตรภาคต้น สาธารณรัฐกาแลกติกถูกทำให้เสื่อมลงโดย พัลพาทีน—ซึ่งความจริงแล้วเขาคือซิธลอร์ด ดาร์ธ ซิเดียส เป็นผู้อยู่เบื้องหลังทีีทำให้เกิด สงคร่มโคลน ระหว่างสาธารณรัฐกับสมาพันธรัฐแบ่งแยก พัลพาทีนทำการรัฐประหารและสถาปนาจักรวรรดิกาแลกติก สื่อต่าง ๆ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ ได้แก่ ภาพยนตร์ในไตรภาคต้นและแอนิเมชัน เดอะ โคลน วอร์ส ก่อนหน้านี้ ยุคนี้เคยถูกเรียกว่า ยุคแห่งสาธารณรัฐ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019
รัชสมัยของจักรวรรดิ: ยุคระหว่างไตรภาคต้นและไตรภาคเดิม เล่าเรื่องราวช่วงแรกของการขึ้นสู่อำนาขของจักรวรรดิและความโกลาหลที่เกิดขึ้นทั่วกาแล็กซี สื่อต่าง ไ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ ได้แก่ แอนิเมชัน เดอะแบดแบตช์ และ ตำนานสตาร์ วอร์ส
ยุคแห่งการกบฏ: ยุคของไตรภาคเดิม จักรวรรด้กาแลกติกปหครองกาแลกซีด้วยระบอบเผด็จการ ต่อส๔้กับพันธมิตรกบฏในสงครามกลางเมืองกาแลกติก ซึ่งกินระยะเวลายาวนานหลายปี สิ้นสุดที่การเสียชีวิตขเงจักรพรรดิ กละส่งผลให้จักรวรรดิล่มสลายในที่สุด สื่อจ่าง ๆ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ ได้แก่ ปอนิเมชัน สตาร์ วอร์ส เรเบลส์, ตำนานสตาร์ วอร์ส และภาพยนตร์ในไตรภาคเดิม
สาธารณรัฐใหม่: ยุคหลังเหตุการณ์ในไตรภาคเดิม ช่วงเริ่มการก่อตั้งสาธารณรัฐกาแลกติกใหม่หลังขักรวรรดิล่มสลาย สื่อต่าง ๆ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ ได้แก่ เดอะแมจดาลอเรียน, เดอะบุกออฟโบบา เฟตต์, เรนเจอร์สออฟเดอุนิวรีดับลิก และ อาโซกา
การขึ้นสู่อำนาจของปฐมภาคี: ยุคของไตรภาคต่อ ฝ่ายจักรวรรดิกาแลกติกที่ยังหลงเหลืออยู่ได้สถาปนาปฐมภาคีขึ้น อดีตวีรบุรุษฝ่ายกบฏได้รับการช่วยเหลือจากสาธารณรัฐกาแลกติกใหม่ นำขบวนการฝ่ายต่อต้าน ทำการต่อต้านระบอบเผด็จการและผู้นำฝ่ายปฐมภมคีสโน้คและพัลพาทีนที่ฟื้นคืนชีพ สื่อต่าง ๆ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ ได้แก่ แอนิเมชัา สตาร์ วอร์ส รีซิสแทจซ์ และภาพยนตร์ในไตรภาคต่อ ก่อนหน้านี้ ยุคนี้เคยถูกเรียกว่า ยุคแห่งการต่อต้าน ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019
จักรวาลขยาย ที่ไม่อยู่เส้นเรื่องหลักที่แสดงให้เผ็นถึงเนื้อเรื่องทร่แตกต่างกัน ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ลีเจนส์ ก่อนการฉายของไตรภาคต่อ
==ในสื่ออื่น==
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 ถึง 2014 คำว่า จักรวาลขยาย (Expanded Universe หรือ EU) หมายถึง สื่อต่าง ๆ ของ สตาร์ วอร์ส ที่มีลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการทั้งหมด ที่มีเรื่องราวนอกเหนือจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์ รวมไปถึลนวนิยาย, การ็จูนและวิดีโอเกมส์ ล๔คัสฟิล์มดูแลความต่อเนื่องภายในระหว่างภาพยนตร์, เนื้อหาโทรทัฯน์และจักรวาลขยนยจนกระทั่งในวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2014 เมื่อบริษ้ทประกาศว่างานของจักรวาลขยายืั้งหมดจะหยุดการผลิต ผลงานที่มีอยู่จะไม่นับว่าเป็นเส้นเรื่องหลักชองแฟรนไชส์ และจะทำการเปลี่ยจแบรนพ์ใหม่ภายใตเชื่อว่า ตำนานสตาร์ วอร์ส (Star Wars Legends) เนื้อหาดาวน์โหลดของเกม ดิโอลด์รีพับลิค เป็น ตำนาน หยึ่งเดียวที่ยังมีกาตผลิตอยู่ เส้นเรื่องหลักของ สตาร์ วอร์ส ภายหลังมีการปรับโครงสร้างให้รวมแค่พาพยนตร์หกเรื่อง, ภาพยนตร์แอจิเมชัน สงครามโคลน (2008) และแอนิเมชันชุด เดอะ โคลน วอร์ส โครงการในอนาคตและการพัฒนรความคิดสร้างสรรค์ในสื่อทุกรูปแบชจะถูกดูแลและประสานงานโดยกลุ่มเนื้ิเรื่องของลูคัสฟิล์ม เพื่อดูแลความต่อเนื่องและสห้มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการเล่าเรื่องของแฟรนไชส์ การ์ตูนหลายเรื่องจาก มาร์เวล และนวนิยายทึ่จัดจำหน่ายโดย เดลเรย์ ถูกผลิตหลังการประกาศนี้
===สื่อสิ่งพิมพ์===
มีสื่อสิ่งพิมพ์ที่วางจำหน่ายด่อนภาพยนตร์เรื่องแรกฉาย ซึ่งเป็นนวนิยายที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ สตาร๋ วอร์ส โดยมีชื่อ ฟรอมดิแอดเวนเจอส์ออฟลุค สกายวอร์คเกอร์ วางจำหน่ายเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 197y ถึงแม้ว่าบนปกหนังสือจะระบุไว้ว่า จอร์จ ลูคัส เป็นผู้เขียน แต่ว่านวนิยายนั้นเขียนโกยนักเขียนเงา อลัน ดีน ฟอสเตอร์ เรื่องราว จักรวาลขยาย เรื่องแรกปรากฏในหนังสือการ์ตูน สตาร์ วอร์ส ฉบับที่ 7 ของมาร์เวลคอม้กส์ เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 1978 (หกฉบับแรกนั้นเป็นการดัดแปลฝจากภาพยนตร์) ตามดีวย สปลินเตอร์ออฟเดอะมายส์อาย (Splinter of the Mind's Eye) นวนิยายภาคต่อของฟอสเตอร์ในเดือนต่อมา
====นวนิยาย===\
หลังจากฟอสเตอร์เขียนนวนิยายที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ต้นฉบับแล้ว เขาก็เขียนนวนิยายเล่มต่อมาชื่อวืา สปลินเตอร์ออฟเดอะมายส์อาย (1978) ต่อมานวนิยายที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ จักรวรรดิเอมไพร์โค้หลับ (1980) เชียนโดย โดนัลด์ เอฟ. กลัต และ การกลับมาของเจได (1983) เขียนโดย เจมส์ คาห์น ยังมี เดอะฮาน โซโลแอดเวนเจอร์ส ไตรภาค (1979–1980) เขียนโดย ไบรอัน ดาเลย์ และ ดิแอดเวนเจอร์สออฟแลนโด ึาลริสเซียน ไตรภาค (1983) เขียนโดบ แอล. นีล สมิธ
นวนิยาข ธรอว์น ไตรภาค (1991–1993) เป็นนวนิยายที่ขายดีที่สุดของ มิโมธี ซาห์น จุดประดายความสนใจตีอแฟรนไชส์ขึืนมาใหม่และแนะนำตัวละครซึ่งเป็นที่นิยมในเวลาต่อมา ได้แก่ พลเรือะอกธรอว์น, มารา เจด, ทาลอน ค่ร์เริด และ กิเลิด แพลิออน นวนิยายเบ่มแตก แอร์ทูดิเอมไพร์ ติดอันดับที่หนึ่งในรายชื่อหนังสือขายดีที่สุดของ เดอะนิวยอร์กไทมส์ ในนวนิยายชุดนี้ ลุค, เลอาและฮานเผชิญหน้ากับธรอว์น นักยุทธวิธีอัจฉริยะ ซึ่งวางแผนที่จะทวงคืนกาแลคซีให้กับจักรฝรรดิอีกึรั้ง ใน เดอะคเร์ตชิพออฟพรินเซสเลอา (1994) เขียนโดย เดฟ สูลเวอร์ตัน ดำเนินเรื่องก่อน ธรอว์น ไตรภาค ทีนที เล่าเรื่องเลอาตัดสินใจใช้ความได้เปรียบจากการแต่งงานืางการเมืองกับเจ้าชายไอโซลเดอร์จากดาวเฮปส์ แต่สุดท้ายเธอก็แต่งงานกับฮาน ชาโดว์ออฟดิเอมไพร์ (1996) เขียนโดย สตีฟ เพอร์รี ดำเนินเรื่องีะหว่าง จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ และ การกลับมาของเจได เคยเป็นส่วนหนุ่งของแคมเปญมัลติมีเดียที่มีทั้งหนังสือแาร์ตูนและวิดีโอเกมส์ นวนิจายแนะนำตัวละตรเจ้าพ่ออาชญากรคม เจ้าชายซีเซแร์ ซึ่งเป็นตีวละคร่ี่นิยมอีกตัวหนึ่งที่ไปปรากฏตัวในผลงานอื่น ผลงานอื่นที่โดดเด่นจากสำนักพิมพ์แบนตัม ได้แก่ เจไดอคาเดมี ไตรภาค (1994) โะย เควิน เจ. แอนเดอร์สัน หนังสือชุด ยังเจไดไนท์ส (1995–1998) จำนวน 14 เล่ม โดย แอนเดอร์สันและรีเบกกา โมะอสตา และ เอ์กซ์-วิง (1996–2012) โดย ไมเคิล เอ. สแตกโพล์และแอรอน ออลสตัน
เดลเรย์ รับช่วงก่รจัดจำหน่ายหนังสือ สตาร์ วอร์ส เมื่อปี ค.ศ. 1999 โดยวางจำหน่ายนวนิยายชุด เดอะนิวเจไดออร็เดอร์ (1999–2003) จำนวน 19 เล่ม เขียนโดยนักเขียนหลายคน ดำเนินเรื่องหลังภาพยนตร์ต้นฉบับ 25 ถึง 30 ปีและแนะนำยูซาน วอง เผ่าเอเลี่ยนทร่ทรงพลังซุ่งพยายามบุกและพิชิตจักรวาลทั้งหมด นวนิยายขายดีชุด เลกาซีออฟเดอะฟอร์ซ (2006–2008) ซึ้งเขียนโดยนักเขียนหลายคน บันทึกเหตุกาาณ์ของ จาเซน โซโล ลูกชายของฮานกับเลอา ได้เข้าสู่ด้านมืดของพลัง ท่ามดลางการกระทำที่ชั่วร้ายขแงเขา เขาได้ฆ่า มารา เจด ภรรยาของลุค เป็นการสังเวยเพื่อเข้าร่วมกับฝ่ายซิธ ถึงแม้เนื้อเรื่องนี้จะไม่เป็นเส้นเรื่องหลักแล้ง แต่เนท้อเรื่องก็คล้ายกับใน อุบัติกานณ์แห่งพลัง ซึ่ง เบน โซโล ลูกชายของฮานกับเลอา เข้าสู่ด้านมืดกลายเป็นไคโล เร็น
มีนวนิยายสามชุดที่ดำเนินเรื้องในช่วงไตรภาคต้น ซึ่งเป็นนวนิยายสำหรับนักอ่านวัยเยาว์ ได้แก่ เจไดอะเพรนทิส (1999–2002) บันทึกการผจญภัยของ โอบีวัน เคโนบี และอาจารย์ของเขา ๆควกอน จินน์ หลายกีก่อนเหตุการณ์ใน ภัยซ่อนเร้น จำนวน 18 เล่ม เจไดเควสต์ (2001–2004) บันทึกการผจญภัยของโอบีวันและศิษย์ของเขา อนาคิน สกายวอล็คเกอร์ ช่วงระหว่าง ภัยซาอนเร้น และ หองทัพโคลจส์จู่โจม จำนวน 11 เล่ม และ เดอะลาสต์ออฟเดอะเจได (2005–2[08) ดำเนินเรื่องหลัง ซิธชำระแค้น ทันที บันทึกเรื่องราวของโอบีวันกับเหล่าเจไดไม่กี่คนที่รอดชีวิต
ถึงแม้ว่าตัฝละครธรอว์นจะถูกให้เป็นตัวละคร ลีเจนด์ส เมื่อปี ค.ศ. 2014 ธรอว์นได้ปรากฏตัวในเส้นเรื่องหลักครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2016 ในปีทั่สามของ เรเบลส์ ทำให้ ทิโมธี ซาห์น กลับมาเขียนนวนิยายเกี่ยวกับตัวละคราี้และให้ดไเนินเรื่องอยู่ในเส้นเรื่องหลัก
====การ์ตูน====
มาร์เวลคอมิกส์จัดจำหน่ายหนังสือการ์ตูนชุด สตาร์ วอร์ส ตั้งแต่ปี ค.ศ. w977 ถึง 1986 การ์ตูน สตาร์ วอร์ส ดั้งเดิมถูกตีพิมพ์ลงในนิจยสาร พิซซรซซ์ ของมาร์เวลระหว่างปี ค.ศ. 1977 ถึง 1969 โดยเป็นการ์ตูน สตาร์ วอร์ส เรื่องแรกที่เนื้อเรื่องไม่ได้ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์โดยตรง ซึ่งเป็นการ์ต฿นที่ทภก่อนหนังสือการ์ตูนชุด สตาร์ วอร์ส ข้างต้น สตาร์คอมิกส์ สำนัปพิมพ์ในเครือมาร์เวล ได้ตีพิมพ์การ์จูนชุดจากแอนิเมชันชุดสำหรับเด็ก อีว็อกส์ แลถ ดรอยส์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985–1p87 จิม ชูสเตอร์ อดีตหับหน้ากองบรรณาธิการของมาร์เวลคอมิกส์ กล่ายว่า ยอดจำหน่ายที่แข็งแกร่งของำาร์ตูน สตาร์ วอร์ส ช่วยเหลือด้านกมรเงินขเงมาร์เวลในปี ค,ศ. 1977 และ 1978 หนังสือการ์ตูนชุด สตาร์ วอร์ส ของมาร์เวลเป็นหนึ่งในหนังสือการ์ตูนที่ขายดีที่สุดในปี ค.ศ. 1979 และ 1980 ในช่วงแรกนั้นมาร์เวลจะไม่จ่ายค่าส่วนแบ่งให้กับลูคัสฟิล์มถ้าหากยอดนำหต่ายไม่ถึง 100,000 เล่ม แต่ทว่ายอดจำหน่ายกลับทำได้เกิน 100,000 เล่มอย่างรวดเร็ว ทำให้ ชาร์ลส์ ลิปปินคอตต์ หัวหน้าง่นประชาสัมพันธ์ของลูคัสฟิล์ม ทำการเจรจาค่าส่วนแบ่งใหม่จากตำแหน่งที่แข็งแกร่งกว่า
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 มาร์เวลได้ยำเลิกการ์ตูน สตาร์ วอร์ส ใหม่ซึ่งกภฃังพัฒนาอยู่ ดาร์กฮอร์สคอมิกส์ได้รับช่วงต่อและจัดจำหน่ายในชื่อชุด ดารฺกเอมไพร์ (1991–1995) ซึ่งกลายเป็นที่จิยม ต่อดาร์ำฮอร์สได้ปล่อยหนังสือการ์ตูนชุดจำนวนหนึ่งซั่งดำเนินเรื่องหลังเหตุการณ์ในไตรภาคภาพยนตร์ต้นฉบับ ได้แก่ เทลม์ออฟดดอะเจได (1993–1998), เอ็กซ์-วิงโรกสควอดรอน (1995–1998), รีพับลิค (1998–2006), สตาร์ วอร์ส เทลส์ (1999–2005), เอมไพร์ (2002–2006) และ ไนทส์ออฟดิโอลด์รีพับลิค (2006–2010)
หลังจากดีสนีย์ฦื้อลูคัสฟิล์ม มีการประกาศเมื่อเดือนมแราคม ค.ศ. 2014 ว่าลิขสิทธิ์การฺตูน สตาร์ วอร์ส จะกลับคืนสู่มาร์เวลคอมิกส์ในปี ค.ศ. 2015 เพราะบริษัทแม่ มาร์เวลเอ็นัทอร์เทนเสนต์ ถูกดีสนีย์ซื้อไปเมื่อปี ค.ศ. 200p หนังสือการ์ตูนสามชุดแรกได้ปล่อยเมื่อปี ค.ศ. 2015 ได้แก่ สตาร์ วอร์ส, ดาร์ธ เวเดอค์ และ พรินเซส เลอา
ในงาน สตาร์ วอร์ส เซเลเบรชัน เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2019 มีการประกาศ โครงกมรลูสินัส ขึ้น ซึ่งต่อมามีการเปิดเผยชื่อและรายละเอียดทั้งหมดในงานแถลงข่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 โดยมีชื่อว่า สตาร์ วอร์ส: เดอะไฮรีพับลิค ในยุคใำม่นร้จะดำเนินเรื่องในช่วง 200 ปีก่อนมหาพาพย์สกายวอล์คเกแร์ ซึ่งจะปรากฏอยู่ในหนังสือและการ์ตูน จากสำนักพิสพ์ที่ได้รับอนุญาตอย่างเป๋นทางการในปัจจุบัน รวมไปถึง หนังสือการฺตูนโดยมาร์เวลแงะไอดีดับเบิลยูพับลิชิง เขียนโดย คาเวน สก็อตต์ และ เดเนียล โฮเซ โอลเดอร์ ตามลำดับ โดยจะเหิดตัวในเดือนสิงผาคม ค.ศ. 2020
===เสียง===
====เพลงประกอบและซิงเกิล====
จอห์น วิลเลียมส์ ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ในมหากาพย์สกายวอล์คเกอร์ทั้งหมดเก้าเรื่อง เขากล่าวเขาจะเกษียณจากแฟรนไชส์หลัง กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ ฉายแล้ว เขาได้ประพันธ์เพลงธีม "ดิแอดเวนเจอร์สออฟฮาน" ให้ภาพยนตร์ ฮาน โซโล: ตำนานสตาร์ วอร์ส ฉดยที่ จอห์น พาวเวล เป็นคนประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ที่เหลือ ไมเคิล จิอาคคเโน ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ให้กับ โี้ค งัน: ตำนานสตาร์ บอร์ส
====นวนิยายเสียง====
ผลงานแรกในรูปแบบอสียงของ สตาร์ วอร์ส คือ เดอะสตอรีออฟสตาร์ วอร์ส เป็ส แผ่นเสียงซึ่งใช้เสียงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ แล้วใส่การบรรยายใหมทเพื่อเล่าเรื่อง วางจำหน่ายเมื่อปี ค.ศ. 1977 ต่อมานวาิยทยที่เป็นรูปเล่มส่วนสหญ่ถูกดัดแปลงเป็นนวนิยายเสียง มักจะวางจำหน่ายในรูปดบบตลัวเทปและวางจำหน่ายใหม่ในรูปแบบแผ่นซีดี นบนิยายเสียงปัจจุบันวางจำหน่ายโดจไม่ได้ดัดแปลงมาจากสื่อสิ่งพิมพ์ใด ๆ
====วิทยุ====
ลูคัสใตช่วงที่เขากำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย เขาเป็นแฟนของสถาาีวิทยุของมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ในเครือวิทยุสาธารณะแห่งชาจิ เขาอนุญาตให้สิท๔ิ์ในการดัดแปลงภาพยนตร์เป็นละครวิทยุแก่ เคยูเอสซี-เอฟเอ็ม โดยคิดค่าธรรมเนียมเพีวง 1 ดอลลาร์สหรัฐ การสร้างนั้นได้มีการใช้เพลงประกอบภาพยนตร์โดย จอห์น วิลเลียมส์ พร้อมกับเสียงประกอบโดย เบน เบิร์ต
เรื่องแรกนั้นเขียนบทโดยนักเขียนบันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์ ไบรอัน ดาเลย์ และกำกับโดย จอห์น เมดเดน ออกอากาศทางวิทยุสาธารณะแห่งชาติเมื่อปี ค.ศ. 1981 ดัดแปลงจากภาพยนตร์ต้นฉบับเป็นละครวิทยุจำนวน 14 ตอน มรร์ค ฮามิลล์ และ แอนโธนี เดเนียลส์ กลับมารับบทเดิมจากภาพยนตร์
ความสำเร็จที่ท่บมท้น ทำให้มีการดัดแปลงภ่พยนตร์ จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ เป็นละครวิทยุจำนวน 10 ตอน ออกอากาศครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1983 บิลลี ดี วิลเลียมส์ รับบทเดิมเป็นแลนโด คาลริสเซรยน ร่วมกับนักกสดงอีกสองคน
บัวนาวิสตาเรคอร์ดส ได้วางจำหน่ายละครวิทยุ สตาร์ วอร์ส ต้นฉบับความยาว 30 นาที ชื่อว่น เรเบลมิสชันทูออร์ดแมนเทลล์ อมื่อปี ค.ศ. 1983 เขียนบทโดย ดาเลย์ มนทศวรรษ 1990 ไทม์วอร์เนอร์ออดิโอพับบลิชิง ได้ดัดแปลงหนังสือการ์ตูน สตาร์ วอร์ส เป็นละครวิทยุ ได้แก่ มหากาพย์ ดาร์กเอมไถร์ สามภาค, เทลส์ออฟเดอะเจได, ดาา์กลอร์ดสออฟเดอะซิธฐ ดาร์กฟอซเซส ไตรภาค และ คริมสันเอมไพร์ (1998) การกลับมาของเจได ถูกดัดแปลงเป็นละครวิทยะจำนวน 6 ตอน าีแอนโํนี เดเนียลส์กลับมารับบทเดิม
==\วิดีโอเกม===
แฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส มีการพัฒนาเกมใจรูปแบบต่าง ๆ เช่น เกมคอมพิวิตอร์, วิดีโอเกมและเดมกระดาน รวมกันมากกว่า 100 เกม โดยย้อนกลับไปในเครื่องเล่นวิดีโอเกมยุคแรก ๆ บางเกมนำเค้าฏครงมาจากภาพยนตร์โดยตรง บางเหมมีเนื้อเรื่แงที่อยู่ในนัก่วาลขยาย (ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็น สตาร์ วอร์ส ลีเจนด์ส และไม่นับเป็นเส้นเรื่องหลักเมื่อปี ค.ศ. 2014) เกม สตาร์ วอร์ส ได้ผ่านการพัฒนาที่สำคัญอยู่สามยุค โดยนับจากการเปชี่วนตัวผู้พัฒนา ได้แก่ ยุคที่ให้ลิขสิทธิ์วนการพัฒนาิกมแก่บริษัทอื่น, ยุคที่เกมถูกพัฒนาและจัดจำหน่ายโดยลูคัสอาร๋ตส และยุคที่ดิสนีย์สั่งให้ลูคัสอาร์ตสหยุดพัฒนาเกม แล้วโอนลิขสิทธิ์ในการพัฒนาเกมให้แก่อิเล็กทรอนิก อาตส์
====เกมลิขสิทธิ์ยุคแรก (1979–19p3)====
ในยุคแรกของเกมลิขสิทธิ์ สตาร์ วดร์ส ดย่างเป็นทางการนั้น เริ่มต้นดเวยเกมอิเล็กทรอนิกส์ตั้งโต๊ะ ผลิตโดยอคนเนอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1879 ชื่อว่า สตาร์ วอร์ส อิเล็กทรอนิกส์แบทเทิลคอมมานด์ ในปี ค.ศ. 1992 พาร์กเกอร์บราเธอส์ จัดจำหน่ายเกม สตาร์ บอร์ส เกมแรกสำหรับเครื่อง อาตาริ 260- ชื่อว่า สตาร์ วอร์ส: ดิเอมไพร์สไตรค์สแบ็ก ตามมาด้วย เจไพ้อารีนา ในปีต่อใา โดยเป็นเกมแรกที่มีการดวลดาบไลต์เซเบอร์ แลด เกม สตาร์ วอร์ส เป็นเกมตู้แนวเรลชูเติร์ของอมตาริ ซึ่งมีภาพกราฟิกส์เวกเตอร์เพื่อจำลองฉากวิ่งร่องลึกในดาวมรณะจากำาพสนตร์ต้นฉบับ เกาต่อมา เดอะรีเทิร์นออฟเดอะเจได (1984) แสดวำาพกราฟิกส์แบบแรสเตอร์ สตาร์ วอร๋ส: ดิเอมไพร์สไตรค์สแบ็ก (q985) แสดงภาพกราฟิกส์เป็นแบบเวกเตอร์ สตาร์ วอร์ส วนปี ค.ฒ. 1987, สตาร์ วอร์ส อีกเกมหาึ่งในปี ค.ศ. 1991 และ สตาร์ วอร์ส: ดิเอมไพร์สไตรค์สแบ็ก ในป้ ค.ศ. 1992 เป็นเกมแพลตฟอร์ม สำหรับเครื่องแฟมิคอม แต่ว่าเกมแรกนั้นไม่เคยวางจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่นเลย ซูเปอร์สตาร์ วอร์ส วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 2992 เป็นเกมแพลตฟอร์ม สำหรับเครื่องซูเปอร์แฟมิคอม พร้อมสองภาคต่อในสองปีถัอมา
====ยุคลูคัสอาร์ตสจัดจำหน่ายเกมด้วยตัวเดง (1993–2014)====
จุดเริ่มต้นของยุคที่สองนั้นเริ่มที่การยัดจำหน่ายด้วยตัวเองของลูคัสอาร์ตส ลูคัสอาร์ตสถูกก่อตั้งหลัง จอร์จ ลูคัส สนใจในความสำเร็จที่เภิ่มขึ้นของตลาดวิดีโอเกม โดวต้องการควบคุมความคิดสร้างสรนค์และการเล่าเรื่องในเกมมากขึ้น ในยุคนี้ กราฟิกวิดีโอเกมมีการพัฒนามากขึ้นทำให้ะกมสามารถเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนได้และสามารถเล่าเรื่องใหม่จากภาพยนตร์ และในที่สุดก็มีเนื้อเรื่องทีทเป็นต้นฉบัง ซึ้งดำเนินเรื่องอยู่ในเส้นเรื่องเดีจวกันภาพยนตร์ แสดงด้วยการพากย์เสียงและซีจีไอคัตซ่น ลูคัสฟิล์มก่อตั้งบีิษัทเกมของตัวเองเมื่อปี ค.ศ. w982 เป็นที่คู้จักกันเป็นอย่างดีด้วยเกมผจญภัยและเกมขับเครื่องบินต่อสู้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ลูคัยอาร์ตสไดเปล่อยเกม เอกซ์-วิง เมื่อปี ค.ศ. 1993 เป็นเกม สตาร์ วอร์ส เกมแรกที่จัดจำหน่ายดัวยตัวัอง แบะเป็นเกมจำลองการบินในอวกาศเกมแรกของแฟรนไชส์ เป็นหนึ่งในเกมที่ขายดีที่สุดในปี ค.ศ. 1993 ซึ่งต่อมาก็มีภาคต่อและกลายเป็นวิดีโอเกมชุด วอดีโอเกมชุด โรหสควอดอน วางจำหน่ายระหว่างปี ค.ศ. 1998 ถึง 2003 โดยเน้นไปที่การต่อสู้ใตอวกาศระหว่างภาพยนจร์
ดาร์กฟอร์เซส (1995) เป็นเกมแนวผสมระหว่างเกมผจญภัย, เกมปริศนาและเกมวางแผน และยังเป็น สตาร์ วอร์ส อกมแรกที่เป็น เกมขิงมึมมองบุคคลที่หนึ่ง โอยเกมดังกล่าวมีระบบการเล่นและกราฟิกที่ไม่เหมือนกับเกมอื่น เพราะเกมถูกสร้างโดยใช้เกมเอนจินของลูคัสอาร?ตสเอง ชื่อว่า เจได เกมได้รับการตอบรับที่ดี และมีภาคต่อตามมาดีกสี่ภาค วิดีโอเกมชุดนี้ได้แนะนำ ไคล์ คาทาร์น เป็นตัวลดครที่ปรากฏตัวในหลากหลายเกม, นวนิยายและการ์ตูน คาทาร์น อดีตสตอร์มทรูปเปอรฺ ซึ่งเข้าร่วมกับฝ่ายกบฏและได้กลายเป็นเจได ซึ่งมีเรื่องราวคล้ายกับ ฟินน์ ในภาพยนตร์ไตรภาคต่อ สตาร์ วอร์ส กาแลกซีส์ เป็นเกมสวมบทบาทออนไลน์ผู้เล่นหลายคนจำนวนมาก ให้บริการช่วงปี ค.ศ. 2003 ถึง 2011 หลังเดอะวอลต์ดิสนีย์ซื้อลูคัสฟิล์มเมื่อปี ค.ศ. 2p12 วิดีโอเกมที่พัฒนาในสองยุคแนกนั้น ถูกตัดออกจากเส้นเรื่องหลักเมื่อปี ค.ศ, 2014 และให้เป็น สตาร์ วอร์ส ลีเจนด์ส ลูคัสเาร์ตสหยุดการเป็นผู้ดัฒนาเมื่อปี ค.ศ. 2013 แต่ยังให้ทำงานเป็นผ๔้ออกใบอนุญาต
====อีเอ สตาร์ วอร์ส (2014–ปัจจุบัน)====
ยุคที่สามเริ่มต้นหลังจากดีสนีย์ซื้อกิจการลูคัสฟิล์มแล้ว ลูคัสอาร์ตสหยุดการเป็นผู้พัฒนาและสิทธิ์ในการพัฒนาวิดีโอเกมถูกโอนให้กับอิัล็กทรอนิก อาตส์ เปมที่พัฒนาในยุคนี้จะถือวาาอยู่ในเส้นิรื่องหลัก ได้รับอิทธิพลมากขึ้นจ่กผู้สร้างภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ดีสนีย์ร่วมมือกับเลอโนโว สร้างวิดีโอเกมีวามะป็นจริงเสริม ชื่อว่า เจไดชาเลาจ์ส วางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2017 เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 ซิงกา ประกาศจัดจำหน่ายเกมมทอถือเล่นฟรี สตาร์ วอร์ส เกม แบทเทิลฟรอนต์ ได้รับการรีบูตให้เข้าเส้นเรื่องหลักเมื่อปี ค.ศ. 2017 ฟแลเลนออร์เดอร์ บางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2019 และ สควอดรอนส์ วางจำหน่ายเมื่อเดือนตุงาคม ต.ศ. 20w0
===สวนสนุก===
นอกจากเครื่ดงเล่น สตาร์ทัวร์ส (1987) อละ ดิแอดเวนเจอร์สคอนตินิว (2011) ในดิสนีย์แลนด์แล้ว ยังมีเครื่องเล่นและนิท่รฯการที่จัดแสดงใาสวนาสุกในเครือดิสนีย์พาร์ก ได้แก่ นิทรรศการเคลื่อนมี่ แวร์ไซแอนซ์มีตส็อิมแมจิเนชัน, รถไฟเหาะตีลังกา ไฮเปอร์สเปซเมาต์เทน, พิพิธภัณฑ์ ลอนช์เบย์ และการแสดงตอนกลางคืน อะกาแลกติกสเปกสะเพคแทกคิวลา พื้นที่สวนสนุกขนาดใหญ่เรียกว่า กาแลกซีส์ดอจ (2019) เปิดให้บริการที่ ดิสนีย์แลนด์ และที่ วอลต์ดิสนีย์เวิลด์ เมื่อกลางปี ค.ศ. 2019 โรงแรม สตาร์ วอร์ส: กาแลกติกสราร์ครูเซอร์ กำลังก่อสร้างที่วอลต์ดิสนีย์เวิลด์
===โค่งการสื่อประสท===
าีโครงการสื่อประสมที่เผยแพร่ในสื่อหลากหลายประเภท ชาโดว์ออฟดิเอมไพร์ (w996) เคยเป็นโรรงการสื่อประสมที่ดำเนินเรื่องระหว่าง จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ และ การกลับมาของเจได ประกอบด้วยนวนิยายเขียนโดย สตีฟ เพอร์รี, หนังสือการ์ตูนชุด, วิดีฉอเกมและหุ่นฟิกเกอร์ เดอะฟอร์ซอันลีชด์ (2008–2010) เคยเป็นโครงการที่คล้ายกัน แำเนินเรื่องระหว่าง ซิธชำระแค้น และ ความหวีงใหม่ ปรดกอบด้วยนวนิยาย, วิดีโอเกมเมื่อปี ค.ศ. 20p8, วิดีโอเกมภาคต่อเมื่อปี ค.ศ. 2010, นวนิยายภาพ, อุปกรณ์เสริมเกมสวมบทบาทและของเลีน
==แก่นเรื่อง=]
สตาร์ วอร์ส มีองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แก่ กลุ่มอัศวิน, ระบบอัศวิน และ แม่แบบยุงเกียน เช่น "เงา" นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงถึงศาสนาคริสต์จำนวนมาก เชทน การปรากฏตัวของ ดาร์ธ มอล ซึ่งเป็นตัวละครที่ได้รับการออกแบบจากภาพลักษณ์ของปีศาจในศาสนาคริสต์ อนาคืนกำเนิดขึ้นมาจากการเกิดบริสุทธิ์ และสันนิษฐานว่าเป็น "ผู้ที่ถูกเลือก" คล้ายกับ เมสสิยาห์ อย่างไรก็ตาม อนาคินไม่เหมือนกัลพระเยซู โดยอนาคินได้เข้าสู่ด้านมืดกลายเป็น ดาร์ธ เวเดอร์ ผู้ชั่วร้าย จนถึงในภาพยนตร์ การกลับมาของเจได แอดัท ไดรเวอร์ กล่าวว่า ไคโล เร็น ตัวร้ายในไตรภาคต่อซึ่งยกย่องเวเดอร์ เช้่อย่าเบา "ืำในสิ่งทีาเขาคิดว่าถูกต้อง๐ จอร์จ ลูคัส กล่าวว่าแก่นเรื่องของมหากาพย์าี้คือการไถ่บาป
มหากาพย์ะล่าเรื่องในนูปแบบของ การเดินทางของวีรบุรุษ เป็นแม่แบบที่พัฒนาโดย โตเซฟ แคมป์เบิลล์ นักปรัมปราวิทยาเปรียบเทียบ ตัวละครหลักแต่ละตัว—อนาคิน, ลุคและเรย์—เดินตามขั้นตอนของวงจรหรือเดินย้อนกลับทำให้กลายเป็นตัวร้าย ขั้นตอนที่เห็นได้ชัดคทอ "การไถ่โทษกับบิดา" การสูญเสียผูืเป็รเสมือนกับบิดาของโอบีวุน อาจมีผลกระทบต่อความสัมพัจธ์ระหว่างเขากับอนาคิน ซึ่งทั้งโอบีวันและพัลพาทีนต่างก็เปรียบเสมือนบิดาและผู้ชี้แนะของอนาคินเช่นกัน การค้นพบของลุคว่าเวเดอร์ดป็นบิดาของเขา สร้างผลกระทบอย่างรุาแรงต่อมหากาพย์และเป็นหนึ่งในการหักมุมที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อวงการภากยนตร์ ผู้นำสูงสุดสโน้ค ยุยงให้ไคโล เร็น สังหาร ฮาน โซโล บ้ดาของเขา ไคโลใช้ความจริงที่เรย์เป็นเด็กปำพร้านั้นนั่วยุให้เธอเข้าสู่ด้านมืด บทความในเว็บไซต์ อินเวิร์ส กล่าวว่า วนฉากสุดท้ายของ ปัจฉิมบทแห่งเจได แสดงเหล่สเด็กรับใช้กำลังเล่นของเล่นซึ่งเป็นตัวลุคและเด็กคนหนึ่งใช้พลังดึงไม้กวาด เป็นสัญลักษณ์ว่า "พลังสามารถพบได้ในคนที่มีจุดเริ่มต้นต่ำต้อย"
===อิทธิพลทาลประวัติศาสตร์===
รัฐศาสตร์ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ สตาร์ วอร์ส ตั้งแต่เปิดตัวแฟรนไชส์เมื่อปี ค.ศ. 1977 โดยเน้นไปที่การต่อสู้ระหว่าง ระบอบประชาธิปไตยและระบอบเผด็จการ การต่อสู้ระหว่าง อีว็อกกับเอมไพร์และกันแกนกับสหพันธ์พาณิชย์ เป็นตัวแทนของการปะทะกันระหว่างสังคมดั้งเดิมกับสังคมที่ก้าวหน้ากว่า คบ้ายกับ สงครามเวียดนาม การออดแบบของดาร์ธ เวเดอร์ได้รับแรงบันดาลใจจากเกราะซรมูไรรวมถึงหมวกเหล็กของทหารเยอรมัน แต่เดิม ลูคัสตั้งใจให้ซิธดป็นกลุ่มที่รับใช้จักรพรรดิในแลบเดียวกับที่ ชุทซ๋ชตัฟเฟิล รับใช้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร็ แต่สุดท้ายถูกลดให้เหลือแค่ตัวละครตัวเดียวนั้นคือเวเดอร์ สตอร์มทรูปเปอร์ เป็นการยืมชื่อมาจากทหารเยอรมันซึ่งเรียกว่า "ช็อก" ทรูปเปอร์ ในสงครามโลกครั้งที่ำนึ่ง เจ้าหน้าที่ของจักรยรรดิสวมเครื่องแบบคล้ายชุดเจ้าหน้าที่ในกองกำลังเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้ง่ี่สอง และบนหมวกบองเจ้าหน้าที่ทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รักษาคยามปลอดภัย มีสัญลักษณ์สีเงินคล้ายกับสัญลเกษณ์ของ เอ็สเอ็ส-โทเมินค็อพฟ์แฟร์เบ็นเดด มคคำศัพท์จากสงครามโลกครั้งที่สองถูกใช้ในภาพยนตร์ เช่น ดาวเคราะห์ เคสเซิบ (หมายถึงการล้อมฝ่ายตรงข้ามไว้) และ ฮอธ (รั้งชื่อตามนายพลเยอรมัน ที่ทำหน้าที่ในแนวหน้าฝั่งตะวันออกซึ่งหิมะตกหนัก) ในฉากที่ผู้บัญชาการมองผ่านจอในวอร์คเกอร์ เอที-เอที ใน จักรวรีดิเิใไพร์โต้ดลับ คล้ายกับมุมมองภายในรถถัง การต่อส๔้ในอวกาศของภาพยนตร์ต้นฉบับนั้นนำมาจากการต่อสู้ทางอากาศในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสงครามโลกครั้งที่สอง
พัลพาทีนเป็นสมุหนายกก่อนที่จะกลายเป็นจักรพรรดิในไตรภาคต้น คล้ายกับบทบาทของฮิตเลอร์ก่อนแต่งตั้งตัวเองเป็น ฟือเรอร์ ลูคัสยังได้นำความเป็นผู้เผด็จการจากบุคคลในอดีตมาใส่ในตัวละคร เช่น จูเลียส ซีซาร์, นโปเลียน โบนาปาร์ตและความเป็นนักการเมืองจาก ริชาร์ด นิกสัน การกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ คล้ายกับเหตุการณ์วน คืนมีดยาว การเสื่อมลงของสาธารณรัฐกาแลกติกนพมรจากการล่มสลรยของประชาธิปไตยของสาธารณรัฐโรมัน และำารสถาปนาจักรวรรดิโรมัน
สำหรับแรงบันดาลใจของในการสร้างปฐมภาคีซั่งเกิดจาก "เถ้าถ่ทนของจักรวรตดิ" นั้นเจ.เจ. แอบรัมส์ผู้กำกับ อุบัติการณ์แห่งพลัง พูดถึงการสนทรากับนักเชียนว่า ถ้าหากนาซีหนีไปอาร์เจนตินาหลังจบสงครามฏลกครั้วที่สองแล้วและ "เริ่มทำงานร่วมกันอีหครั้ง"
ไฟล์:Luftkampf 7m Pazifik Juni 1942.jpg|สงครามทางอากรศในสงครามโลกครั้งที่สองเป็นแรงบันดาลใจให้กับฉากต่อสธ้กับอวกาศ
ไฟล์:Flag of the First Galaxtic Empire.svg|ธงและสัญลักษณ์ของจักรวรรดินั้นคล้ายคลึงกับพรรคนาซีดละเยอรมนีในระหว่างการปกครองโดยนาซี
==หมายเหรุ==
== อ้างอิง =]
== ผลงานที่อ้างถึง ==
== ดูเพิ่ม ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Star Wars Map – 2020 official; HiRez; WebSite
ภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส
ภาพยนตร์ซีรีส์
สตาร์ วอร?ส
บันเทิงคดีเกี่ยวกับการทหาร
ภาพยนตร์มหากาพย์อเมริกัน
|
สตาร์ วอร์ส (Star Wars) เป็นสื่อแฟรนไชส์แนวมหากาพย์บันเทิงคดีอวกาศ สร้างโดย จอร์จ ลูคัส ซึ่งเริ่มต้นจากภาพยนตร์เมื่อปี ค.ศ. 1977 และกลายเป็นปรากฏการณ์วัฒนธรรมประชานิยมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก แฟรนไชส์ได้มีการขยายเป็นสื่อต่าง ๆ ประกอบด้วยภาพยนตร์หลายเรื่อง, รายการโทรทัศน์, วิดีโอเกม, นวนิยาย, หนังสือการ์ตูน, เครื่องเล่นและพื้นที่สวนสนุก ประกอบกันเป็นจักรวาลสมมติ ณ ปี ค.ศ. 2020 มูลค่ารวมของแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส คาดว่ามีมูลค่าประมาณ 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นสื่อแฟรนไชส์ที่ทำเงินสูงสุดอันดับที่ห้า
ภาพยนตร์ต้นฉบับ (สตาร์ วอร์ส) ต่อมาได้เพิ่มชื่อตอนเป็น เอพพิโซด 4 ความหวังใหม่ (1977) ตามมาด้วยภาคต่อ เอพพิโซด 5 จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ (1980) และ เอพพิโซด 6 การกลับมาของเจได (1983) รวมกันเป็นสตาร์ วอร์ส ไตรภาคดั้งเดิม ต่อมา ลูคัสกลับมากำกับภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส อีกครั้ง โดยกำกับไตรภาคต้น ประกอบด้วย เอพพิโซด 1 ภัยซ่อนเร้น (1999), เอพพิโซด 2 กองทัพโคลนส์จู่โจม (2002) และ เอพพิโซด 3 ซิธชำระแค้น (2005) เมื่อปี ค.ศ. 2012 ลูคัสได้ขายลูคัสฟิล์มให้กับดิสนีย์ สละสิทธิ์การเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ของเขา ซึ่งต่อมาดิสนีย์ได้สร้างไตรภาคต่อ ประกอบด้วย เอพพิโซด 7: อุบัติการณ์แห่งพลัง (2015), เอพพิโซด 8: ปัจฉิมบทแห่งเจได (2017) และ เอพพิโซด 9: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ (2019) ทั้งหมดรวมกันทั้งสามไตรภาคเรียกว่า "มหากาพย์สกายวอล์คเกอร์"
ภาพยนตร์ทั้งเก้าเรื่องใน 'มหากาพย์สกายวอล์คเกอร์' ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ โดยภาพยนตร์สองเรื่องแรกที่ได้รับรางวัล และเมื่อรวมกับภาพยนตร์เนื้อเรื่องแยกอย่าง ตำนานสตาร์ วอร์ส (2016) และ ตำนานสตาร์ วอร์ส (2018) แล้ว ภาพยนตร์ชุดนั้นทำเงินได้มากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นภาพยนตร์ชุดที่ทำเงินสูงสุดเป็นอันดับที่สอง นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่กำลังอยู่ในการพัฒนา เช่น โร้ค สควอดรอน, ภาพยนตร์ไตรภาคอิสระและภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง
==ฉากหลัง==
แฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส นำเสนอการผจญภัยของกลุ่มตัวละครใน "นานมาแล้วในหมู่ดวงดาวอันไกลโพ้น (A long time ago in a galaxy far, far away)" มีมนุษย์และมนุษย์ต่างดาวหลากหลายเผ่าพันธุ์ (ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายมนุษย์) อาศัยอยู่ร่วมกับหุ่นยนต์หรือ 'ดรอยด์' ที่อาจจะช่วยเหลือพวกเขาในกิจวัตรประจำวัน การเดินทางในอวกาศระหว่างดวงดาวนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะมีเทคโนโลยีไฮเปอร์สเปซ และขนาดของยานอวกาศนั้นมีตั้งแต่ ยานขับไล่ขนาดเล็กคล้ายเครื่องบิน เช่น ยานทายไฟต์เตอร์ (TIE fighter) ยานอวกาศขนาดใหญ่อย่าง ยานพิฆาตดารา (Star Destroyer) และสถานีอวกาศขนาดเท่าดวงจันทร์อย่าง ดาวมรณะ (Death Star)
มีพลังอำนาจลึกลับที่ถูกเรียกว่า "พลัง" ซึ่งตามภาพยนตร์ฉบับดั้งเดิมถูกอธิบายไว้ว่าเป็น "สนามพลังงานที่ถูกสร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิตทุกชนิด" และ "รวมจักรวาลให้เป็นหนึ่งเดียว" ผู้ที่ผ่านการฝึกฝนและการทำสมาธิ จะสามารถใช้พลังที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติหลายอย่าง (เช่น พลังเคลื่อนย้าย, การทำนายอนาคต, โทรจิตและการเปลี่ยนแปลงพลังงานทางกายภาพ) พลังนั้นถูกใช้งานโดยสองนิกายหลักซึ่งมีความขัดแย้งต่อกัน ได้แก่ เจได กองกำลังรักษาสันติภาพของสาธารณรัฐ ผู้ที่ใช้พลังในด้านสว่างผ่านการปล่อยวางและอนุญาโตตุลาการ และ ซิธ ศัตรูโบราณของระบอบประชาธิปไตยในกาแลกติก ผู้ที่ใช้พลังในด้านมืดโดยใช้ความกลัวและความก้าวร้าว ขณะที่อัศวินเจไดนั้นมีจำนวนมาก แต่ลอร์ดมืดแห่งซิธ (หรือ 'ดาร์ธ') จำกัดอยู่ที่สองคนเท่านั้นคือ หนึ่งอาจารย์และหนึ่งศิษย์
ผู้ใช้พลังนั้นมีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดโดยทั่วไป เจไดและซิธเลือกใช้อาวุธที่เรียกว่า กระบี่แสง (Lightsaber) มีด้ามจับดาบคล้ายรูปทรงกระบอก (เมื่อปิด) แต่เมื่อเปิดจะทำให้เกิดพลังงานเป็นใบมีดที่สามารถตัดผ่านพื้นผิวแทบทุกชนิด การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายส่งผลให้เกิดการดวล ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างทักษะการใช้ดาบและการใช้พลัง ประชากรโดยทั่วไปที่เหลือ รวมถึงคนทรยศและทหาร ใช้อาวุธเป็นปืนที่ใช้พลังเลเซอร์เรียกว่าบลาสเตอร์ ลำแสงมรณะที่ผู้ใช้พลังสามารถสะท้อนกลับได้โดยใช้กระบี่แสง ในบริเวณรอบนอกกาแลกซี มีองค์กรอาชญากรรมอย่าง กลุ่มฮัตต์ซึ่งมีอินธิพล มีนักล่าค่าหัวคล้ายกับในภาพยนตร์แนวตะวันตก ซึ่งมักจะถูกจ้างโดยทั้งนักเลงและรัฐบาล มีกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การลักลอบขนของเถื่อนและทาส
== ภาพยนตร์ ==
=== มหากาพย์สกายวอล์คเกอร์ ===
=== ภาพยนตร์ชุดแยก ===
=== ภาพยนตร์ในอนาคต ===
ภาพยนตร์ชุด สตาร์ วอร์ส มีศูนย์กลางอยู่ที่ไตรภาคทั้งสามชุด ซึ่งเรียกรวมกันว่า "มหากาพย์สกายวอล์คเกอร์ (Skywalker saga)" การสร้างภาพยนตร์นั้นไม่ได้สร้างตามลำดับเหตุการณ์โดย เอพพิโซด 4–6 (ไตรภาคเดิม) ฉายระหว่างปี ค.ศ. 1977 ถึง 1983 เอพพิโซด 1–3 (ไตรภาคต้น) ฉายระหว่างปี ค.ศ 1999 ถึง 2005 และ เอพพิโซด 7–9 (ไตรภาคต่อ) ฉายระหว่างปี ค.ศ. 2015 ถึง 2019 แต่ละไตรภาคมุ่งเน้นไปที่ ครอบครัวสกายวอล์คเกอร์ในแต่ละรุ่น ในไตรภาคเดิมแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างกล้าหาญของ ลุค สกายวอล์คเกอร์ ในไตรภาคต้นเล่าเรื่องราวของพ่อของเขา อนาคิน ขณะที่ไตรภาคต่อเล่าเรื่องราวของ ไคโล เร็น หลานชายของลุค
ภาพยนตร์ชุดแยกนั้นดำเนินเรื่องระหว่างเอพพิโซดหลักมีการสร้างคู่ขนานไปกันการสร้างไตรภาคต่อ ซึ่ง เจย์ ราซูโล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของดีสนีย์ได้อธิบายว่าเป็นเรื่องราวต้นกำเนิด ภาพยนตร์เรื่องแรกคือ ตำนานสตาร์ วอร์ส (2016) เล่าเรื่องราวของกลุ่มกบฏที่ไปขโมยผังของดาวมรณะก่อนหน้า เอพพิโซด 4 และ ตำนานสตาร์ วอร์ส (2018) เล่าเรื่องราวปูมหลังของฮาน โซโล โดยมีตัวละครเอกร่วมจากไตรภาคเดิมปรากฏตัว ได้แก่ ชิวแบคคาและแลนโด คาลริสเซียน และ ดาร์ธ มอล ตัวร้ายจากไตรภาคต้น ปรากฏตัวด้วยเช่นกัน
ลูคัสฟิล์มมีภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส หลายเรื่องกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา มีภาพยนตร์สองเรื่องที่ได้รับการยืนยันในงานวันนักลงทุนดิสนีย์ ปี 2020 ภาพยนตร์เรื่องแรกคือ โร้ค สควอดรอน กำกับโดย แพตตี เจนคินส์ กำหนดฉายวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 2023 ภาพยนตร์เรื่องที่สองนั้นยังไม่มีชื่อ กำกับโดย ไทกา ไวทีที จากบทที่เขาเขียนร่วมกับ คริสตี วิลสัน-แครนส์ ซึ่งเคยประกาศไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2020 นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์ไตรภาคที่แยกออกมาจากมหากาพย์สกายวอล์คเกอร์ เขียนโดย ไรอัน จอห์นสัน ผู้กำกับและเขียนบท ปัจฉิมบทแห่งเจได เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2019 แคธลีน เคนเนดีและเควิน ไฟกี ประกาศร่วมมือกันพัฒนาภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 มีประกาศว่าภาพยนตร์กำลังอยู่ในการพัฒนาโดยผู้กำกับ เจ. ดี. ดิลลาร์ด และผู้เขียนบท แมตต์ โอเวนส์
===ประวัติศาสตร์===
====ไตรภาคเดิม====
เมื่อปี ค.ศ. 1971 จอร์จ ลูคัส ต้องการสร้างภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจาก ภาพยนตร์ฉายเป็นตอนของ แฟลชกอร์ดอน แต่ว่าเขาไม่ได้รับสิทธิ์นั้น เขาจึงเริ่มต้นพัฒนาภาพยนตร์บันเทิงคดีแนวอวกาศของเขา หลังลูคัสกำกับภาพยนตร์เรื่อง อเมริกันกราฟฟิติ (1973) เขาได้เขียนเรื่องย่อของภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส จำนวนสองหน้า ซึ่งทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์ได้ตัดสินใจลงทุน เมื่อปี ค.ศ. 1974 เขาได้ขยายเรื่องราวไปสู่ร่างบทแรกของบทภาพยนตร์ หลังภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ ทำให้ลูคัสสร้างรากฐานให้กับการสร้างภาพยนตร์ฉายเป็นตอนที่ละเอียดซับซ้อน ลูคัสตัดสินใจว่าภาพยนตร์ชุดนี้จะเป็นไตรภาคของไตรภาค ด้วยเนื้อเรื่องที่เขาเขียนไว้สำหรับสร้างภาคต่อ นักแสดงหลักส่วนใหญ่จะกลับมาในภาพยนตร์อีกสองเรื่องในไตรภาคเดิม ซึ่งลูคัสฟิล์มเป็นผู้ออกทุนเอง
สตาร์ วอร์ส ฉายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1977 ซึ่งต่อมาได้เพิ่มชื่อตอนเป็น เอพพิโซด 4: ความหวังใหม่ ในหนังสือ ดิอาร์ตออฟสตาร์ วอร์ส เมื่อปี ค.ศ. 1979 เอพพิโซด 5: จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ ฉายเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 ประสบความสำเร็จทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์ ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในไตรภาค เอพพิโซด 6: การกลับมาของเจได ฉายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1983 เรื่องราวของไตรภาคเดิมนั้นมุ่งเน้นที่ ลุค สกายวอล์คเกอร์ กับการฝึกฝนเพื่อการเป็นอัศวินเจได ทั้งนี้ยังต้องต่อสู้กับดาร์ธ เวเดอร์ ตัวแทนความชั่วร้ายของจักรวรรดิ และช่วยเหลือเหล่าพันธมิตรกบฏเพื่อให้กาแลกซีรอดพ้นจากเงื้อมมือของจักรวรรดิกาแลกติก
====ไตรภาคต้น====
ผู้อำนวยการสร้าง แกรี เคิร์ทซ์ กล่าวว่า แผนคร่าว ๆ ของไตรภาคต้นได้มีการพัฒนาในช่วงระหว่างการร่างภาพยนตร์สองเรื่องแรก เมื่อปี ค.ศ. 1980 ลูคัสยืนยันว่าเขามีเนื้อเรื่องสำหรับภาพยนตร์เก้าเรื่องอยู่แล้ว แต่เขาตัดสินใจยกเลิกภาพยนตร์ภาคต่อในปี ค.ศ. 1981 เนื่องจากความเครียดในการถ่ายทำไตรภาคเดิม เมื่อปี ค.ศ. 1983 ลูคัสอธิบายว่า "ไม่เคยมีบทภาพยนตร์ที่เสร็จสมบูรณ์ที่มีเรื่องราวทั้งหมดในตอนนี้ ... เมื่อกางเนื้อเรื่องออกมา ผมอยากจะเลือกความคิดบางอย่างและเก็บมันไว้ ... ผมเก็บส่วนที่ดีทั้งหมดเอาไว้ และผมก็บอกกับตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ว่าผมจะทำภาพยนตร์เรื่องอื่นซักวัน" มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และช่วงต้นทศวรรษ 1990 รวมไปถึงการสร้างภาพจากคอมพิวเตอร์ (ซีจีไอ) ดลใจให้ลูคัสพิจารณาว่าเขาอาจจะกลับไปทบทวนมหากาพย์ของเขาอีกครั้ง เมื่อปี ค.ศ. 1989 ลูคัสกล่าวว่าภาพยนตร์ในไตรภาคต้นนั้นจะ "แพงอย่างไม่น่าเชื่อ" เมื่อปี ค.ศ. 1992 เขายอมรับว่าเขามีแผนที่จะสร้างไตรภาคต้น การฉายใหม่ของไตรภาคเดิมเมื่อปี ค.ศ. 1997 ได้มีการ "ปรับปรุง" ภาพยนตร์อายุยี่สิบปีด้วยการใส่ซีจีไอเพื่อให้จินตนาการถึงไตรภาคใหม่
เอพพิโซด 1: ภัยซ่อนเร้น ฉายเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1999 และ เอพพิโซด 2: กองทัพโคลนส์จู่โจม ฉายเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น ฉายเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในแฟรนไชส์ที่ได้เรตติง พีจี-13 (ไม่เหมาะกับผู้ชมอายุที่ต่ำกว่า 13 ปี) ภาพยนตร์สองเรื่องแรกนั้นได้รับคำวิจารณ์ที่ผสมกัน ขณะที่ภาพยนตร์เรื่องที่สามนั้นได้รับคำวิจารณ์ดีกว่า ไตรภาคนี้เริ่มต้นเมื่อ 32 ปี ก่อน เอพพิโซด 4 เล่าเรื่องราวของการฝึกฝนเป็นเจไดของ อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ พ่อของลุค จนในที่สุดเขาก็ได้เข้าสู่ด้านมืดแล้วกลายเป็นลอร์ดมืด ดาร์ธ เวเดอร์ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นการเสื่อมลงของสาธารณรัฐกาแลกติกและการผงาดของจักรวรรดินำโดยดาร์ธ ซิเดียส เมื่อรวมกับไตรภาคเดิมแล้ว ลูคัสเรียกภาพยนตร์หกเรื่องในแฟรนไชส์นี้ว่า "โศกนาฏกรรมของดาร์ธ เวเดอร์"
====ไตรภาคต่อ====
ลูคัสได้วางแผน "ภาพยนตร์เก้าเรื่องของไตรภาคสามชุด" ก่อนการฉายภาพยนตร์ต้นฉบับซึ่งประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา เขาประกาศเรื่องนี้แก่ ไทม์ เมื่อปี ค.ศ. 1978, และยืนยันว่าเขาได้ร่างเค้าโครงไว้แล้วเมื่อปี ค.ศ. 1981 ในระยะต่าง ๆ ของการพัฒนานั้น ไตรภาคต่อจะเน้นไปที่การฟื้นฟูของสาธารณรัฐ, การกลับมาของลุคซึ่งคล้ายกับบทของโอบีวันในไตรภาคเดิม, น้องสาวของลุค (ยังไม่ได้ตัดสินใจให้เป็น เลอา ในเวลานั้น), ฮาน, เลอา, อาร์ทูดีทูและซีทรีพีโอ อย่างไรก็ตาม หลังจากเริ่มทำงานในไตรภาคต้น ลูคัสยืนยันว่าตั้งใจให้ สตาร์ วอร์ส เป็นภาพยนตร์ชุดแค่หกเรื่องและจะไม่มีการสร้างไตรภาคต่อ
ลูคัสประกาศเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2012 ว่าเขาจะไม่สร้างภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส แล้ว และตัดสินใจปล่อยแฟรนไชส์ให้กับผู้สร้างภาพยนตร์คนอื่น เดือนตุลาคมในปีเดียวกัน บริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ ตกลงซื้อ ลูคัสฟิล์ม และประกาศว่า เอพพิโซด 7 จะฉายในปี ค.ศ. 2015 แคธลีน เคนเนดี ประธานร่วมของลูคัสฟิล์ม กลายเป็นประธานบริษัทและทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารของภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เรื่องใหม่ ลูคัสให้โครงเรื่องของเขาสำหรับไตรภาคต่อแก่เคนเนดีในระหว่างการซื้อขายเมื่อปี ค.ศ. 2012 แต่ในปี ค.ศ. 2015 มีการเปิดเผยว่าโครงเรื่องภาคต่อของลูคัสนั้นจะไม่ถูกใช้ ไตรภาคต่อนั้นยังเป็นการสิ้นสุดของ จักรวาลขยายของ สตาร์ วอร์ส ซึ่งทำให้หลุดออกจากการอยู่ในเส้นเรื่องหลักเพื่อให้ "อิสรภาพในการสร้างสรรค์สูงสุดต่อผู้สร้างภาพยนตร์และยังรักษาองค์ประกอบของความประหลาดใจและการค้นพบสำหรับผู้ชม"
เอพพิโซด 7: อุบัติการณ์แห่งพลัง ฉายเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2015, เอพพิโซด 8: ปัจฉิมบทแห่งเจได ฉายเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 2017 และ เอพพิโซด 9: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ ฉายเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ในหลากหลายประเทศ เอพพิโซด 7 ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์ และ เอพพิโซด 8 ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์เช่นกัน แต่ว่าได้รับการตอบรับที่หลากหลายจากผู้ชม เอพพิโซด 9 ได้รับการตอบรับที่หลากหลายจากนักวิจารณ์และแฟน แม้ว่าผู้ชมจะชมไปทางค่อนข้างดี ไตรภาคต่อนั้นเริ่มต้น 30 ปีหลัง เอพพิโซด 6 เน้นไปที่การผจญภัยของ เรย์ ผู้มีสัมผัสแห่งพลังซึ่งกำพร้า ถูกฝึกสอนโดย ลุค สกายวอร์คเกอร์ ยังมี ฟินน์ อดีตสตอร์มทรูปเปอร์ และ โพ ดาเมรอน นักบินเอ็กซ์-วิงมือหนึ่ง ทั้งสามคนช่วยเหลือ ขบวนการฝ่ายต่อต้าน นำโดยเลอาต่อสู้กับฝ่ายปฐมภาคีซึ่งบัญชาการโดย ไคโล เร็น ลูกชายของฮานและเลอา (และหลานชายของลุค)
====ภาพยนตร์ชุดแยก====
ลูคัสฟิล์มและแคธลีน เคนเนดีกล่าวว่าภาพยนตร์ตอนเดี่ยวจะเรียกว่าภาพยนตร์ชุดแยก (Star Wars anthology series) (ถึงแม้คำว่า anthology จะไม่ถูกใช้ในชื่อภาพยนตร์เรื่องใด ๆ แต่กลับใช้ชื่อต่อท้ายว่า "ตำนานสตาร์ วอร์ส (A Star Wars Story)" แทน) ภาพยนตร์เรื่องแรก ตำนานสตาร์ วอร์ส ฉายเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2016 เล่าเรื่องราวของกลุ่มกบฏที่ไปขโมยผังของดาวมรณะมาได้อย่างไร ซึ่งเคยกล่าวถึงในภาพยนตร์ต้นฉบับเมื่อปี ค.ศ. 1977 โดยภาพยนตร์นั้นประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์ ภาพยนตร์เรื่องที่สอง ตำนานสตาร์ วอร์ส ฉายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 เล่าเรื่องของฮาน โซโลในวัยหนุ่มโดยมีชิวแบคคาและแลนโด คาลริสเซียนเป็นตัวละครสบทบ ภาพยนตร์นั้นไม่ประสบความสำเร็จทางรายได้และก็ได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลาย ภาพยนตร์ชุดแยกคาดว่าจะมีฉายมากกว่านี้ แต่ทว่าหลังการฉาย กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ เมื่อปี ค.ศ. 2019 ดีสนีย์ประกาศหยุดพักแฟรนไชส์ไปก่อน
==โทรทัศน์==
แฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส ได้มีการขยายด้วยการผลิตรายการโทรทัศน์ต่าง ๆ รวมถึงแอนิเมชันสองชุดซึ่งออกอากาศเมื่อช่วงกลางทศวรรษ 1980 แอนิเมชันชุดต่อมาได้เริ่มออกอากาศเมื่อทศวรรษ 2000 โดยสองชุดแรกเน้นไปที่สงครามโคลน หลังดีสนีย์ซื้อลูคัสฟิล์ม เฉพาะแอนิเมชันเดอะ โคลน วอร์ส นั้นอยู่ในเส้นเรื่องหลัก ละครโทรทัศน์คนแสดงสามเรื่องจะสตรีมบนดิสนีย์+ เรื่องแรกคือ เดอะแมนดาลอเรียน ซึ่งสตรีมครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019
===รายการ===
===ภาพยนตร์และรายการพิเศษ===
==ลำดับเหตุการณ์ตามท้องเรื่อง==
เส้นเรื่องหลักในจักรวาลสมมติของ สตาร์ วอร์ส นั้น มีการดำเนินเรื่องอยู่ในหลายยุค มีสามยุคที่เน้นไปที่เรื่องราวในภาพยนตร์ทั้งสามไตรภาค ยุคต่าง ๆ ของ สตาร์ วอร์ส ได้รับการแบ่งเป็นหกยุคเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2021 ดังต่อไปนี้:
เดอะไฮรีพับลิก: ยุคของ "ไฮรีพับลิก" ดำเนินเรื่องช่วง 200 ปีก่อนเหตุการณ์ในไตรภาคต้น สื่อต่าง ๆ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ ได้แก่ เดอะไฮรีพับลิก และ ดิแอโคไลต์
การล่มสลายของเจได: ยุคของไตรภาคต้น สาธารณรัฐกาแลกติกถูกทำให้เสื่อมลงโดย พัลพาทีน—ซึ่งความจริงแล้วเขาคือซิธลอร์ด ดาร์ธ ซิเดียส เป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้เกิด สงครามโคลน ระหว่างสาธารณรัฐกับสมาพันธรัฐแบ่งแยก พัลพาทีนทำการรัฐประหารและสถาปนาจักรวรรดิกาแลกติก สื่อต่าง ๆ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ ได้แก่ ภาพยนตร์ในไตรภาคต้นและแอนิเมชัน เดอะ โคลน วอร์ส ก่อนหน้านี้ ยุคนี้เคยถูกเรียกว่า ยุคแห่งสาธารณรัฐ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019
รัชสมัยของจักรวรรดิ: ยุคระหว่างไตรภาคต้นและไตรภาคเดิม เล่าเรื่องราวช่วงแรกของการขึ้นสู่อำนาจของจักรวรรดิและความโกลาหลที่เกิดขึ้นทั่วกาแล็กซี สื่อต่าง ๆ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ ได้แก่ แอนิเมชัน เดอะแบดแบตช์ และ ตำนานสตาร์ วอร์ส
ยุคแห่งการกบฏ: ยุคของไตรภาคเดิม จักรวรรดิกาแลกติกปกครองกาแลกซีด้วยระบอบเผด็จการ ต่อสู้กับพันธมิตรกบฏในสงครามกลางเมืองกาแลกติก ซึ่งกินระยะเวลายาวนานหลายปี สิ้นสุดที่การเสียชีวิตของจักรพรรดิ และส่งผลให้จักรวรรดิล่มสลายในที่สุด สื่อต่าง ๆ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ ได้แก่ แอนิเมชัน สตาร์ วอร์ส เรเบลส์, ตำนานสตาร์ วอร์ส และภาพยนตร์ในไตรภาคเดิม
สาธารณรัฐใหม่: ยุคหลังเหตุการณ์ในไตรภาคเดิม ช่วงเริ่มการก่อตั้งสาธารณรัฐกาแลกติกใหม่หลังจักรวรรดิล่มสลาย สื่อต่าง ๆ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ ได้แก่ เดอะแมนดาลอเรียน, เดอะบุกออฟโบบา เฟตต์, เรนเจอร์สออฟเดอะนิวรีพับลิก และ อาโซกา
การขึ้นสู่อำนาจของปฐมภาคี: ยุคของไตรภาคต่อ ฝ่ายจักรวรรดิกาแลกติกที่ยังหลงเหลืออยู่ได้สถาปนาปฐมภาคีขึ้น อดีตวีรบุรุษฝ่ายกบฏได้รับการช่วยเหลือจากสาธารณรัฐกาแลกติกใหม่ นำขบวนการฝ่ายต่อต้าน ทำการต่อต้านระบอบเผด็จการและผู้นำฝ่ายปฐมภาคีสโน้คและพัลพาทีนที่ฟื้นคืนชีพ สื่อต่าง ๆ ที่ดำเนินเรื่องในยุคนี้ ได้แก่ แอนิเมชัน สตาร์ วอร์ส รีซิสแทนซ์ และภาพยนตร์ในไตรภาคต่อ ก่อนหน้านี้ ยุคนี้เคยถูกเรียกว่า ยุคแห่งการต่อต้าน ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019
จักรวาลขยาย ที่ไม่อยู่เส้นเรื่องหลักที่แสดงให้เห็นถึงเนื้อเรื่องที่แตกต่างกัน ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ลีเจนส์ ก่อนการฉายของไตรภาคต่อ
==ในสื่ออื่น==
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 ถึง 2014 คำว่า จักรวาลขยาย (Expanded Universe หรือ EU) หมายถึง สื่อต่าง ๆ ของ สตาร์ วอร์ส ที่มีลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการทั้งหมด ที่มีเรื่องราวนอกเหนือจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์ รวมไปถึงนวนิยาย, การ์ตูนและวิดีโอเกมส์ ลูคัสฟิล์มดูแลความต่อเนื่องภายในระหว่างภาพยนตร์, เนื้อหาโทรทัศน์และจักรวาลขยายจนกระทั่งในวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2014 เมื่อบริษัทประกาศว่างานของจักรวาลขยายทั้งหมดจะหยุดการผลิต ผลงานที่มีอยู่จะไม่นับว่าเป็นเส้นเรื่องหลักของแฟรนไชส์ และจะทำการเปลี่ยนแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อว่า ตำนานสตาร์ วอร์ส (Star Wars Legends) เนื้อหาดาวน์โหลดของเกม ดิโอลด์รีพับลิค เป็น ตำนาน หนึ่งเดียวที่ยังมีการผลิตอยู่ เส้นเรื่องหลักของ สตาร์ วอร์ส ภายหลังมีการปรับโครงสร้างให้รวมแค่ภาพยนตร์หกเรื่อง, ภาพยนตร์แอนิเมชัน สงครามโคลน (2008) และแอนิเมชันชุด เดอะ โคลน วอร์ส โครงการในอนาคตและการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในสื่อทุกรูปแบบจะถูกดูแลและประสานงานโดยกลุ่มเนื้อเรื่องของลูคัสฟิล์ม เพื่อดูแลความต่อเนื่องและให้มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการเล่าเรื่องของแฟรนไชส์ การ์ตูนหลายเรื่องจาก มาร์เวล และนวนิยายที่จัดจำหน่ายโดย เดลเรย์ ถูกผลิตหลังการประกาศนี้
===สื่อสิ่งพิมพ์===
มีสื่อสิ่งพิมพ์ที่วางจำหน่ายก่อนภาพยนตร์เรื่องแรกฉาย ซึ่งเป็นนวนิยายที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส โดยมีชื่อ ฟรอมดิแอดเวนเจอส์ออฟลุค สกายวอร์คเกอร์ วางจำหน่ายเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 1976 ถึงแม้ว่าบนปกหนังสือจะระบุไว้ว่า จอร์จ ลูคัส เป็นผู้เขียน แต่ว่านวนิยายนั้นเขียนโดยนักเขียนเงา อลัน ดีน ฟอสเตอร์ เรื่องราว จักรวาลขยาย เรื่องแรกปรากฏในหนังสือการ์ตูน สตาร์ วอร์ส ฉบับที่ 7 ของมาร์เวลคอมิกส์ เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 1978 (หกฉบับแรกนั้นเป็นการดัดแปลงจากภาพยนตร์) ตามด้วย สปลินเตอร์ออฟเดอะมายส์อาย (Splinter of the Mind's Eye) นวนิยายภาคต่อของฟอสเตอร์ในเดือนต่อมา
====นวนิยาย====
หลังจากฟอสเตอร์เขียนนวนิยายที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ต้นฉบับแล้ว เขาก็เขียนนวนิยายเล่มต่อมาชื่อว่า สปลินเตอร์ออฟเดอะมายส์อาย (1978) ต่อมานวนิยายที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ (1980) เชียนโดย โดนัลด์ เอฟ. กลัต และ การกลับมาของเจได (1983) เขียนโดย เจมส์ คาห์น ยังมี เดอะฮาน โซโลแอดเวนเจอร์ส ไตรภาค (1979–1980) เขียนโดย ไบรอัน ดาเลย์ และ ดิแอดเวนเจอร์สออฟแลนโด คาลริสเซียน ไตรภาค (1983) เขียนโดย แอล. นีล สมิธ
นวนิยาย ธรอว์น ไตรภาค (1991–1993) เป็นนวนิยายที่ขายดีที่สุดของ ทิโมธี ซาห์น จุดประกายความสนใจต่อแฟรนไชส์ขึ้นมาใหม่และแนะนำตัวละครซึ่งเป็นที่นิยมในเวลาต่อมา ได้แก่ พลเรือเอกธรอว์น, มารา เจด, ทาลอน คาร์เริด และ กิเลิด แพลิออน นวนิยายเล่มแรก แอร์ทูดิเอมไพร์ ติดอันดับที่หนึ่งในรายชื่อหนังสือขายดีที่สุดของ เดอะนิวยอร์กไทมส์ ในนวนิยายชุดนี้ ลุค, เลอาและฮานเผชิญหน้ากับธรอว์น นักยุทธวิธีอัจฉริยะ ซึ่งวางแผนที่จะทวงคืนกาแลคซีให้กับจักรวรรดิอีกครั้ง ใน เดอะคอร์ตชิพออฟพรินเซสเลอา (1994) เขียนโดย เดฟ วูลเวอร์ตัน ดำเนินเรื่องก่อน ธรอว์น ไตรภาค ทันที เล่าเรื่องเลอาตัดสินใจใช้ความได้เปรียบจากการแต่งงานทางการเมืองกับเจ้าชายไอโซลเดอร์จากดาวเฮปส์ แต่สุดท้ายเธอก็แต่งงานกับฮาน ชาโดว์ออฟดิเอมไพร์ (1996) เขียนโดย สตีฟ เพอร์รี ดำเนินเรื่องระหว่าง จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ และ การกลับมาของเจได เคยเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญมัลติมีเดียที่มีทั้งหนังสือการ์ตูนและวิดีโอเกมส์ นวนิยายแนะนำตัวละครเจ้าพ่ออาชญากรรม เจ้าชายซีเซอร์ ซึ่งเป็นตัวละครที่นิยมอีกตัวหนึ่งที่ไปปรากฏตัวในผลงานอื่น ผลงานอื่นที่โดดเด่นจากสำนักพิมพ์แบนตัม ได้แก่ เจไดอคาเดมี ไตรภาค (1994) โดย เควิน เจ. แอนเดอร์สัน หนังสือชุด ยังเจไดไนท์ส (1995–1998) จำนวน 14 เล่ม โดย แอนเดอร์สันและรีเบกกา โมเอสตา และ เอ็กซ์-วิง (1996–2012) โดย ไมเคิล เอ. สแตกโพล์และแอรอน ออลสตัน
เดลเรย์ รับช่วงการจัดจำหน่ายหนังสือ สตาร์ วอร์ส เมื่อปี ค.ศ. 1999 โดยวางจำหน่ายนวนิยายชุด เดอะนิวเจไดออร์เดอร์ (1999–2003) จำนวน 19 เล่ม เขียนโดยนักเขียนหลายคน ดำเนินเรื่องหลังภาพยนตร์ต้นฉบับ 25 ถึง 30 ปีและแนะนำยูซาน วอง เผ่าเอเลี่ยนที่ทรงพลังซึ่งพยายามบุกและพิชิตจักรวาลทั้งหมด นวนิยายขายดีชุด เลกาซีออฟเดอะฟอร์ซ (2006–2008) ซึ่งเขียนโดยนักเขียนหลายคน บันทึกเหตุการณ์ของ จาเซน โซโล ลูกชายของฮานกับเลอา ได้เข้าสู่ด้านมืดของพลัง ท่ามกลางการกระทำที่ชั่วร้ายของเขา เขาได้ฆ่า มารา เจด ภรรยาของลุค เป็นการสังเวยเพื่อเข้าร่วมกับฝ่ายซิธ ถึงแม้เนื้อเรื่องนี้จะไม่เป็นเส้นเรื่องหลักแล้ว แต่เนื้อเรื่องก็คล้ายกับใน อุบัติการณ์แห่งพลัง ซึ่ง เบน โซโล ลูกชายของฮานกับเลอา เข้าสู่ด้านมืดกลายเป็นไคโล เร็น
มีนวนิยายสามชุดที่ดำเนินเรื่องในช่วงไตรภาคต้น ซึ่งเป็นนวนิยายสำหรับนักอ่านวัยเยาว์ ได้แก่ เจไดอะเพรนทิส (1999–2002) บันทึกการผจญภัยของ โอบีวัน เคโนบี และอาจารย์ของเขา ไควกอน จินน์ หลายปีก่อนเหตุการณ์ใน ภัยซ่อนเร้น จำนวน 18 เล่ม เจไดเควสต์ (2001–2004) บันทึกการผจญภัยของโอบีวันและศิษย์ของเขา อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ช่วงระหว่าง ภัยซ่อนเร้น และ กองทัพโคลนส์จู่โจม จำนวน 11 เล่ม และ เดอะลาสต์ออฟเดอะเจได (2005–2008) ดำเนินเรื่องหลัง ซิธชำระแค้น ทันที บันทึกเรื่องราวของโอบีวันกับเหล่าเจไดไม่กี่คนที่รอดชีวิต
ถึงแม้ว่าตัวละครธรอว์นจะถูกให้เป็นตัวละคร ลีเจนด์ส เมื่อปี ค.ศ. 2014 ธรอว์นได้ปรากฏตัวในเส้นเรื่องหลักครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2016 ในปีที่สามของ เรเบลส์ ทำให้ ทิโมธี ซาห์น กลับมาเขียนนวนิยายเกี่ยวกับตัวละครนี้และให้ดำเนินเรื่องอยู่ในเส้นเรื่องหลัก
====การ์ตูน====
มาร์เวลคอมิกส์จัดจำหน่ายหนังสือการ์ตูนชุด สตาร์ วอร์ส ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1977 ถึง 1986 การ์ตูน สตาร์ วอร์ส ดั้งเดิมถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร พิซซาซซ์ ของมาร์เวลระหว่างปี ค.ศ. 1977 ถึง 1979 โดยเป็นการ์ตูน สตาร์ วอร์ส เรื่องแรกที่เนื้อเรื่องไม่ได้ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์โดยตรง ซึ่งเป็นการ์ตูนที่ทำก่อนหนังสือการ์ตูนชุด สตาร์ วอร์ส ข้างต้น สตาร์คอมิกส์ สำนักพิมพ์ในเครือมาร์เวล ได้ตีพิมพ์การ์ตูนชุดจากแอนิเมชันชุดสำหรับเด็ก อีว็อกส์ และ ดรอยส์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985–1987 จิม ชูสเตอร์ อดีตหัวหน้ากองบรรณาธิการของมาร์เวลคอมิกส์ กล่าวว่า ยอดจำหน่ายที่แข็งแกร่งของการ์ตูน สตาร์ วอร์ส ช่วยเหลือด้านการเงินของมาร์เวลในปี ค.ศ. 1977 และ 1978 หนังสือการ์ตูนชุด สตาร์ วอร์ส ของมาร์เวลเป็นหนึ่งในหนังสือการ์ตูนที่ขายดีที่สุดในปี ค.ศ. 1979 และ 1980 ในช่วงแรกนั้นมาร์เวลจะไม่จ่ายค่าส่วนแบ่งให้กับลูคัสฟิล์มถ้าหากยอดจำหน่ายไม่ถึง 100,000 เล่ม แต่ทว่ายอดจำหน่ายกลับทำได้เกิน 100,000 เล่มอย่างรวดเร็ว ทำให้ ชาร์ลส์ ลิปปินคอตต์ หัวหน้างานประชาสัมพันธ์ของลูคัสฟิล์ม ทำการเจรจาค่าส่วนแบ่งใหม่จากตำแหน่งที่แข็งแกร่งกว่า
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 มาร์เวลได้ยกเลิกการ์ตูน สตาร์ วอร์ส ใหม่ซึ่งกำลังพัฒนาอยู่ ดาร์กฮอร์สคอมิกส์ได้รับช่วงต่อและจัดจำหน่ายในชื่อชุด ดาร์กเอมไพร์ (1991–1995) ซึ่งกลายเป็นที่นิยม ต่อดาร์กฮอร์สได้ปล่อยหนังสือการ์ตูนชุดจำนวนหนึ่งซึ่งดำเนินเรื่องหลังเหตุการณ์ในไตรภาคภาพยนตร์ต้นฉบับ ได้แก่ เทลส์ออฟเดอะเจได (1993–1998), เอ็กซ์-วิงโรกสควอดรอน (1995–1998), รีพับลิค (1998–2006), สตาร์ วอร์ส เทลส์ (1999–2005), เอมไพร์ (2002–2006) และ ไนทส์ออฟดิโอลด์รีพับลิค (2006–2010)
หลังจากดีสนีย์ซื้อลูคัสฟิล์ม มีการประกาศเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2014 ว่าลิขสิทธิ์การ์ตูน สตาร์ วอร์ส จะกลับคืนสู่มาร์เวลคอมิกส์ในปี ค.ศ. 2015 เพราะบริษัทแม่ มาร์เวลเอ็นเทอร์เทนเมนต์ ถูกดีสนีย์ซื้อไปเมื่อปี ค.ศ. 2009 หนังสือการ์ตูนสามชุดแรกได้ปล่อยเมื่อปี ค.ศ. 2015 ได้แก่ สตาร์ วอร์ส, ดาร์ธ เวเดอร์ และ พรินเซส เลอา
ในงาน สตาร์ วอร์ส เซเลเบรชัน เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2019 มีการประกาศ โครงการลูมินัส ขึ้น ซึ่งต่อมามีการเปิดเผยชื่อและรายละเอียดทั้งหมดในงานแถลงข่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 โดยมีชื่อว่า สตาร์ วอร์ส: เดอะไฮรีพับลิค ในยุคใหม่นี้จะดำเนินเรื่องในช่วง 200 ปีก่อนมหากาพย์สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งจะปรากฏอยู่ในหนังสือและการ์ตูน จากสำนักพิมพ์ที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการในปัจจุบัน รวมไปถึง หนังสือการ์ตูนโดยมาร์เวลและไอดีดับเบิลยูพับลิชิง เขียนโดย คาเวน สก็อตต์ และ เดเนียล โฮเซ โอลเดอร์ ตามลำดับ โดยจะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2020
===เสียง===
====เพลงประกอบและซิงเกิล====
จอห์น วิลเลียมส์ ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ในมหากาพย์สกายวอล์คเกอร์ทั้งหมดเก้าเรื่อง เขากล่าวเขาจะเกษียณจากแฟรนไชส์หลัง กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ ฉายแล้ว เขาได้ประพันธ์เพลงธีม "ดิแอดเวนเจอร์สออฟฮาน" ให้ภาพยนตร์ ฮาน โซโล: ตำนานสตาร์ วอร์ส โดยที่ จอห์น พาวเวล เป็นคนประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ที่เหลือ ไมเคิล จิอาคคิโน ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ให้กับ โร้ค วัน: ตำนานสตาร์ วอร์ส
====นวนิยายเสียง====
ผลงานแรกในรูปแบบเสียงของ สตาร์ วอร์ส คือ เดอะสตอรีออฟสตาร์ วอร์ส เป็น แผ่นเสียงซึ่งใช้เสียงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ แล้วใส่การบรรยายใหม่เพื่อเล่าเรื่อง วางจำหน่ายเมื่อปี ค.ศ. 1977 ต่อมานวนิยายที่เป็นรูปเล่มส่วนใหญ่ถูกดัดแปลงเป็นนวนิยายเสียง มักจะวางจำหน่ายในรูปแบบตลับเทปและวางจำหน่ายใหม่ในรูปแบบแผ่นซีดี นวนิยายเสียงปัจจุบันวางจำหน่ายโดยไม่ได้ดัดแปลงมาจากสื่อสิ่งพิมพ์ใด ๆ
====วิทยุ====
ลูคัสในช่วงที่เขากำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย เขาเป็นแฟนของสถานีวิทยุของมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ในเครือวิทยุสาธารณะแห่งชาติ เขาอนุญาตให้สิทธิ์ในการดัดแปลงภาพยนตร์เป็นละครวิทยุแก่ เคยูเอสซี-เอฟเอ็ม โดยคิดค่าธรรมเนียมเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐ การสร้างนั้นได้มีการใช้เพลงประกอบภาพยนตร์โดย จอห์น วิลเลียมส์ พร้อมกับเสียงประกอบโดย เบน เบิร์ต
เรื่องแรกนั้นเขียนบทโดยนักเขียนบันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์ ไบรอัน ดาเลย์ และกำกับโดย จอห์น เมดเดน ออกอากาศทางวิทยุสาธารณะแห่งชาติเมื่อปี ค.ศ. 1981 ดัดแปลงจากภาพยนตร์ต้นฉบับเป็นละครวิทยุจำนวน 13 ตอน มาร์ค ฮามิลล์ และ แอนโธนี เดเนียลส์ กลับมารับบทเดิมจากภาพยนตร์
ความสำเร็จที่ท่วมท้น ทำให้มีการดัดแปลงภาพยนตร์ จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ เป็นละครวิทยุจำนวน 10 ตอน ออกอากาศครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1983 บิลลี ดี วิลเลียมส์ รับบทเดิมเป็นแลนโด คาลริสเซียน ร่วมกับนักแสดงอีกสองคน
บัวนาวิสตาเรคอร์ดส ได้วางจำหน่ายละครวิทยุ สตาร์ วอร์ส ต้นฉบับความยาว 30 นาที ชื่อว่า เรเบลมิสชันทูออร์ดแมนเทลล์ เมื่อปี ค.ศ. 1983 เขียนบทโดย ดาเลย์ ในทศวรรษ 1990 ไทม์วอร์เนอร์ออดิโอพับบลิชิง ได้ดัดแปลงหนังสือการ์ตูน สตาร์ วอร์ส เป็นละครวิทยุ ได้แก่ มหากาพย์ ดาร์กเอมไพร์ สามภาค, เทลส์ออฟเดอะเจได, ดาร์กลอร์ดสออฟเดอะซิธ, ดาร์กฟอซเซส ไตรภาค และ คริมสันเอมไพร์ (1998) การกลับมาของเจได ถูกดัดแปลงเป็นละครวิทยุจำนวน 6 ตอน มีแอนโธนี เดเนียลส์กลับมารับบทเดิม
===วิดีโอเกม===
แฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส มีการพัฒนาเกมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เกมคอมพิวเตอร์, วิดีโอเกมและเกมกระดาน รวมกันมากกว่า 100 เกม โดยย้อนกลับไปในเครื่องเล่นวิดีโอเกมยุคแรก ๆ บางเกมนำเค้าโครงมาจากภาพยนตร์โดยตรง บางเกมมีเนื้อเรื่องที่อยู่ในจักรวาลขยาย (ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็น สตาร์ วอร์ส ลีเจนด์ส และไม่นับเป็นเส้นเรื่องหลักเมื่อปี ค.ศ. 2014) เกม สตาร์ วอร์ส ได้ผ่านการพัฒนาที่สำคัญอยู่สามยุค โดยนับจากการเปลี่ยนตัวผู้พัฒนา ได้แก่ ยุคที่ให้ลิขสิทธิ์ในการพัฒนาเกมแก่บริษัทอื่น, ยุคที่เกมถูกพัฒนาและจัดจำหน่ายโดยลูคัสอาร์ตส และยุคที่ดิสนีย์สั่งให้ลูคัสอาร์ตสหยุดพัฒนาเกม แล้วโอนลิขสิทธิ์ในการพัฒนาเกมให้แก่อิเล็กทรอนิก อาตส์
====เกมลิขสิทธิ์ยุคแรก (1979–1993)====
ในยุคแรกของเกมลิขสิทธิ์ สตาร์ วอร์ส อย่างเป็นทางการนั้น เริ่มต้นด้วยเกมอิเล็กทรอนิกส์ตั้งโต๊ะ ผลิตโดยเคนเนอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1979 ชื่อว่า สตาร์ วอร์ส อิเล็กทรอนิกส์แบทเทิลคอมมานด์ ในปี ค.ศ. 1982 พาร์กเกอร์บราเธอส์ จัดจำหน่ายเกม สตาร์ วอร์ส เกมแรกสำหรับเครื่อง อาตาริ 2600 ชื่อว่า สตาร์ วอร์ส: ดิเอมไพร์สไตรค์สแบ็ก ตามมาด้วย เจได้อารีนา ในปีต่อมา โดยเป็นเกมแรกที่มีการดวลดาบไลต์เซเบอร์ และ เกม สตาร์ วอร์ส เป็นเกมตู้แนวเรลชูเตอร์ของอาตาริ ซึ่งมีภาพกราฟิกส์เวกเตอร์เพื่อจำลองฉากวิ่งร่องลึกในดาวมรณะจากภาพยนตร์ต้นฉบับ เกมต่อมา เดอะรีเทิร์นออฟเดอะเจได (1984) แสดงภาพกราฟิกส์แบบแรสเตอร์ สตาร์ วอร์ส: ดิเอมไพร์สไตรค์สแบ็ก (1985) แสดงภาพกราฟิกส์เป็นแบบเวกเตอร์ สตาร์ วอร์ส ในปี ค.ศ. 1987, สตาร์ วอร์ส อีกเกมหนึ่งในปี ค.ศ. 1991 และ สตาร์ วอร์ส: ดิเอมไพร์สไตรค์สแบ็ก ในปี ค.ศ. 1992 เป็นเกมแพลตฟอร์ม สำหรับเครื่องแฟมิคอม แต่ว่าเกมแรกนั้นไม่เคยวางจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่นเลย ซูเปอร์สตาร์ วอร์ส วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1992 เป็นเกมแพลตฟอร์ม สำหรับเครื่องซูเปอร์แฟมิคอม พร้อมสองภาคต่อในสองปีถัดมา
====ยุคลูคัสอาร์ตสจัดจำหน่ายเกมด้วยตัวเอง (1993–2014)====
จุดเริ่มต้นของยุคที่สองนั้นเริ่มที่การจัดจำหน่ายด้วยตัวเองของลูคัสอาร์ตส ลูคัสอาร์ตสถูกก่อตั้งหลัง จอร์จ ลูคัส สนใจในความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นของตลาดวิดีโอเกม โดยต้องการควบคุมความคิดสร้างสรรค์และการเล่าเรื่องในเกมมากขึ้น ในยุคนี้ กราฟิกวิดีโอเกมมีการพัฒนามากขึ้นทำให้เกมสามารถเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนได้และสามารถเล่าเรื่องใหม่จากภาพยนตร์ และในที่สุดก็มีเนื้อเรื่องที่เป็นต้นฉบับ ซึ่งดำเนินเรื่องอยู่ในเส้นเรื่องเดียวกันภาพยนตร์ แสดงด้วยการพากย์เสียงและซีจีไอคัตซีน ลูคัสฟิล์มก่อตั้งบริษัทเกมของตัวเองเมื่อปี ค.ศ. 1982 เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีด้วยเกมผจญภัยและเกมขับเครื่องบินต่อสู้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ลูคัสอาร์ตสได้ปล่อยเกม เอกซ์-วิง เมื่อปี ค.ศ. 1993 เป็นเกม สตาร์ วอร์ส เกมแรกที่จัดจำหน่ายด้วยตัวเอง และเป็นเกมจำลองการบินในอวกาศเกมแรกของแฟรนไชส์ เป็นหนึ่งในเกมที่ขายดีที่สุดในปี ค.ศ. 1993 ซึ่งต่อมาก็มีภาคต่อและกลายเป็นวิดีโอเกมชุด วิดีโอเกมชุด โรกสควอดอน วางจำหน่ายระหว่างปี ค.ศ. 1998 ถึง 2003 โดยเน้นไปที่การต่อสู้ในอวกาศระหว่างภาพยนตร์
ดาร์กฟอร์เซส (1995) เป็นเกมแนวผสมระหว่างเกมผจญภัย, เกมปริศนาและเกมวางแผน และยังเป็น สตาร์ วอร์ส เกมแรกที่เป็น เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง โดยเกมดังกล่าวมีระบบการเล่นและกราฟิกที่ไม่เหมือนกับเกมอื่น เพราะเกมถูกสร้างโดยใช้เกมเอนจินของลูคัสอาร์ตสเอง ชื่อว่า เจได เกมได้รับการตอบรับที่ดี และมีภาคต่อตามมาอีกสี่ภาค วิดีโอเกมชุดนี้ได้แนะนำ ไคล์ คาทาร์น เป็นตัวละครที่ปรากฏตัวในหลากหลายเกม, นวนิยายและการ์ตูน คาทาร์น อดีตสตอร์มทรูปเปอร์ ซึ่งเข้าร่วมกับฝ่ายกบฏและได้กลายเป็นเจได ซึ่งมีเรื่องราวคล้ายกับ ฟินน์ ในภาพยนตร์ไตรภาคต่อ สตาร์ วอร์ส กาแลกซีส์ เป็นเกมสวมบทบาทออนไลน์ผู้เล่นหลายคนจำนวนมาก ให้บริการช่วงปี ค.ศ. 2003 ถึง 2011 หลังเดอะวอลต์ดิสนีย์ซื้อลูคัสฟิล์มเมื่อปี ค.ศ. 2012 วิดีโอเกมที่พัฒนาในสองยุคแรกนั้น ถูกตัดออกจากเส้นเรื่องหลักเมื่อปี ค.ศ. 2014 และให้เป็น สตาร์ วอร์ส ลีเจนด์ส ลูคัสอาร์ตสหยุดการเป็นผู้พัฒนาเมื่อปี ค.ศ. 2013 แต่ยังให้ทำงานเป็นผู้ออกใบอนุญาต
====อีเอ สตาร์ วอร์ส (2014–ปัจจุบัน)====
ยุคที่สามเริ่มต้นหลังจากดีสนีย์ซื้อกิจการลูคัสฟิล์มแล้ว ลูคัสอาร์ตสหยุดการเป็นผู้พัฒนาและสิทธิ์ในการพัฒนาวิดีโอเกมถูกโอนให้กับอิเล็กทรอนิก อาตส์ เกมที่พัฒนาในยุคนี้จะถือว่าอยู่ในเส้นเรื่องหลัก ได้รับอิทธิพลมากขึ้นจากผู้สร้างภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ดีสนีย์ร่วมมือกับเลอโนโว สร้างวิดีโอเกมความเป็นจริงเสริม ชื่อว่า เจไดชาเลนจ์ส วางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2017 เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 ซิงกา ประกาศจัดจำหน่ายเกมมือถือเล่นฟรี สตาร์ วอร์ส เกม แบทเทิลฟรอนต์ ได้รับการรีบูตให้เข้าเส้นเรื่องหลักเมื่อปี ค.ศ. 2017 ฟอลเลนออร์เดอร์ วางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2019 และ สควอดรอนส์ วางจำหน่ายเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2020
===สวนสนุก===
นอกจากเครื่องเล่น สตาร์ทัวร์ส (1987) และ ดิแอดเวนเจอร์สคอนตินิว (2011) ในดิสนีย์แลนด์แล้ว ยังมีเครื่องเล่นและนิทรรศการที่จัดแสดงในสวนสนุกในเครือดิสนีย์พาร์ก ได้แก่ นิทรรศการเคลื่อนที่ แวร์ไซแอนซ์มีตส์อิมแมจิเนชัน, รถไฟเหาะตีลังกา ไฮเปอร์สเปซเมาต์เทน, พิพิธภัณฑ์ ลอนช์เบย์ และการแสดงตอนกลางคืน อะกาแลกติกสเปกสะเพคแทกคิวลา พื้นที่สวนสนุกขนาดใหญ่เรียกว่า กาแลกซีส์เอจ (2019) เปิดให้บริการที่ ดิสนีย์แลนด์ และที่ วอลต์ดิสนีย์เวิลด์ เมื่อกลางปี ค.ศ. 2019 โรงแรม สตาร์ วอร์ส: กาแลกติกสตาร์ครูเซอร์ กำลังก่อสร้างที่วอลต์ดิสนีย์เวิลด์
===โครงการสื่อประสม===
มีโครงการสื่อประสมที่เผยแพร่ในสื่อหลากหลายประเภท ชาโดว์ออฟดิเอมไพร์ (1996) เคยเป็นโครงการสื่อประสมที่ดำเนินเรื่องระหว่าง จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ และ การกลับมาของเจได ประกอบด้วยนวนิยายเขียนโดย สตีฟ เพอร์รี, หนังสือการ์ตูนชุด, วิดีโอเกมและหุ่นฟิกเกอร์ เดอะฟอร์ซอันลีชด์ (2008–2010) เคยเป็นโครงการที่คล้ายกัน ดำเนินเรื่องระหว่าง ซิธชำระแค้น และ ความหวังใหม่ ประกอบด้วยนวนิยาย, วิดีโอเกมเมื่อปี ค.ศ. 2008, วิดีโอเกมภาคต่อเมื่อปี ค.ศ. 2010, นวนิยายภาพ, อุปกรณ์เสริมเกมสวมบทบาทและของเล่น
==แก่นเรื่อง==
สตาร์ วอร์ส มีองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แก่ กลุ่มอัศวิน, ระบบอัศวิน และ แม่แบบยุงเกียน เช่น "เงา" นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงถึงศาสนาคริสต์จำนวนมาก เช่น การปรากฏตัวของ ดาร์ธ มอล ซึ่งเป็นตัวละครที่ได้รับการออกแบบจากภาพลักษณ์ของปีศาจในศาสนาคริสต์ อนาคินกำเนิดขึ้นมาจากการเกิดบริสุทธิ์ และสันนิษฐานว่าเป็น "ผู้ที่ถูกเลือก" คล้ายกับ เมสสิยาห์ อย่างไรก็ตาม อนาคินไม่เหมือนกับพระเยซู โดยอนาคินได้เข้าสู่ด้านมืดกลายเป็น ดาร์ธ เวเดอร์ ผู้ชั่วร้าย จนถึงในภาพยนตร์ การกลับมาของเจได แอดัม ไดรเวอร์ กล่าวว่า ไคโล เร็น ตัวร้ายในไตรภาคต่อซึ่งยกย่องเวเดอร์ เชื่อว่าเขา "ทำในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้อง" จอร์จ ลูคัส กล่าวว่าแก่นเรื่องของมหากาพย์นี้คือการไถ่บาป
มหากาพย์เล่าเรื่องในรูปแบบของ การเดินทางของวีรบุรุษ เป็นแม่แบบที่พัฒนาโดย โจเซฟ แคมป์เบิลล์ นักปรัมปราวิทยาเปรียบเทียบ ตัวละครหลักแต่ละตัว—อนาคิน, ลุคและเรย์—เดินตามขั้นตอนของวงจรหรือเดินย้อนกลับทำให้กลายเป็นตัวร้าย ขั้นตอนที่เห็นได้ชัดคือ "การไถ่โทษกับบิดา" การสูญเสียผู้เป็นเสมือนกับบิดาของโอบีวัน อาจมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอนาคิน ซึ่งทั้งโอบีวันและพัลพาทีนต่างก็เปรียบเสมือนบิดาและผู้ชี้แนะของอนาคินเช่นกัน การค้นพบของลุคว่าเวเดอร์เป็นบิดาของเขา สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมหากาพย์และเป็นหนึ่งในการหักมุมที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อวงการภาพยนตร์ ผู้นำสูงสุดสโน้ค ยุยงให้ไคโล เร็น สังหาร ฮาน โซโล บิดาของเขา ไคโลใช้ความจริงที่เรย์เป็นเด็กกำพร้านั้นยั่วยุให้เธอเข้าสู่ด้านมืด บทความในเว็บไซต์ อินเวิร์ส กล่าวว่า ในฉากสุดท้ายของ ปัจฉิมบทแห่งเจได แสดงเหล่าเด็กรับใช้กำลังเล่นของเล่นซึ่งเป็นตัวลุคและเด็กคนหนึ่งใช้พลังดึงไม้กวาด เป็นสัญลักษณ์ว่า "พลังสามารถพบได้ในคนที่มีจุดเริ่มต้นต่ำต้อย"
===อิทธิพลทางประวัติศาสตร์===
รัฐศาสตร์ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ สตาร์ วอร์ส ตั้งแต่เปิดตัวแฟรนไชส์เมื่อปี ค.ศ. 1977 โดยเน้นไปที่การต่อสู้ระหว่าง ระบอบประชาธิปไตยและระบอบเผด็จการ การต่อสู้ระหว่าง อีว็อกกับเอมไพร์และกันแกนกับสหพันธ์พาณิชย์ เป็นตัวแทนของการปะทะกันระหว่างสังคมดั้งเดิมกับสังคมที่ก้าวหน้ากว่า คล้ายกับ สงครามเวียดนาม การออกแบบของดาร์ธ เวเดอร์ได้รับแรงบันดาลใจจากเกราะซามูไรรวมถึงหมวกเหล็กของทหารเยอรมัน แต่เดิม ลูคัสตั้งใจให้ซิธเป็นกลุ่มที่รับใช้จักรพรรดิในแบบเดียวกับที่ ชุทซ์ชตัฟเฟิล รับใช้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ แต่สุดท้ายถูกลดให้เหลือแค่ตัวละครตัวเดียวนั้นคือเวเดอร์ สตอร์มทรูปเปอร์ เป็นการยืมชื่อมาจากทหารเยอรมันซึ่งเรียกว่า "ช็อก" ทรูปเปอร์ ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิสวมเครื่องแบบคล้ายชุดเจ้าหน้าที่ในกองกำลังเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และบนหมวกของเจ้าหน้าที่ทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มีสัญลักษณ์สีเงินคล้ายกับสัญลักษณ์ของ เอ็สเอ็ส-โทเทินค็อพฟ์แฟร์เบ็นเดอ มีคำศัพท์จากสงครามโลกครั้งที่สองถูกใช้ในภาพยนตร์ เช่น ดาวเคราะห์ เคสเซิล (หมายถึงการล้อมฝ่ายตรงข้ามไว้) และ ฮอธ (ตั้งชื่อตามนายพลเยอรมัน ที่ทำหน้าที่ในแนวหน้าฝั่งตะวันออกซึ่งหิมะตกหนัก) ในฉากที่ผู้บัญชาการมองผ่านจอในวอร์คเกอร์ เอที-เอที ใน จักรวรรดิเอมไพร์โต้กลับ คล้ายกับมุมมองภายในรถถัง การต่อสู้ในอวกาศของภาพยนตร์ต้นฉบับนั้นนำมาจากการต่อสู้ทางอากาศในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสงครามโลกครั้งที่สอง
พัลพาทีนเป็นสมุหนายกก่อนที่จะกลายเป็นจักรพรรดิในไตรภาคต้น คล้ายกับบทบาทของฮิตเลอร์ก่อนแต่งตั้งตัวเองเป็น ฟือเรอร์ ลูคัสยังได้นำความเป็นผู้เผด็จการจากบุคคลในอดีตมาใส่ในตัวละคร เช่น จูเลียส ซีซาร์, นโปเลียน โบนาปาร์ตและความเป็นนักการเมืองจาก ริชาร์ด นิกสัน การกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ คล้ายกับเหตุการณ์ใน คืนมีดยาว การเสื่อมลงของสาธารณรัฐกาแลกติกนำมาจากการล่มสลายของประชาธิปไตยของสาธารณรัฐโรมัน และการสถาปนาจักรวรรดิโรมัน
สำหรับแรงบันดาลใจของในการสร้างปฐมภาคีซึ่งเกิดจาก "เถ้าถ่านของจักรวรรดิ" นั้นเจ.เจ. แอบรัมส์ผู้กำกับ อุบัติการณ์แห่งพลัง พูดถึงการสนทนากับนักเขียนว่า ถ้าหากนาซีหนีไปอาร์เจนตินาหลังจบสงครามโลกครั้งที่สองแล้วและ "เริ่มทำงานร่วมกันอีกครั้ง"
ไฟล์:Luftkampf im Pazifik Juni 1942.jpg|สงครามทางอากาศในสงครามโลกครั้งที่สองเป็นแรงบันดาลใจให้กับฉากต่อสู้กับอวกาศ
ไฟล์:Flag of the First Galactic Empire.svg|ธงและสัญลักษณ์ของจักรวรรดินั้นคล้ายคลึงกับพรรคนาซีและเยอรมนีในระหว่างการปกครองโดยนาซี
==หมายเหตุ==
== อ้างอิง ==
== ผลงานที่อ้างถึง ==
== ดูเพิ่ม ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Star Wars Map – 2020 official; HiRez; WebSite
ภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส
ภาพยนตร์ซีรีส์
สตาร์ วอร์ส
บันเทิงคดีเกี่ยวกับการทหาร
ภาพยนตร์มหากาพย์อเมริกัน
|
กล้องของเล่น (toy camera) เป็นกล้องถทายรูปราคาถูก โดยมากผลิตจากพลาสติก ทั้งส่วนตัวกล้องและเลนส์ ส่วนมหญ่กล้องของเล่นจะปลิตในประเทศจีนหรือรัสเซีย ตัวอย่างของกล้องของเล่จ เช่น กล้องโฮลก้า ไดอาน่า โลโม ภาพถ่ายที่ได้จากกล้องเหล่านี้จะขาดความคมชัด หรือมีสีผิดเพี้ยน เนื่องจากผลเตด้วยวัสดุราคาถูก แต่ก็เป็นที่นิยมในกลุ่มนักถ่ายภาพบางกลุ่ม ดนื่องจากความชื่นชอบในความเป็น "ศิชปะ" ของรูปที่ถ่ายออกมาได้
== ดูเพิ่ม ==
โลโมกราฟี
กล้องถ่ายภาพ
|
กล้องของเล่น (toy camera) เป็นกล้องถ่ายรูปราคาถูก โดยมากผลิตจากพลาสติก ทั้งส่วนตัวกล้องและเลนส์ ส่วนใหญ่กล้องของเล่นจะผลิตในประเทศจีนหรือรัสเซีย ตัวอย่างของกล้องของเล่น เช่น กล้องโฮลก้า ไดอาน่า โลโม ภาพถ่ายที่ได้จากกล้องเหล่านี้จะขาดความคมชัด หรือมีสีผิดเพี้ยน เนื่องจากผลิตด้วยวัสดุราคาถูก แต่ก็เป็นที่นิยมในกลุ่มนักถ่ายภาพบางกลุ่ม เนื่องจากความชื่นชอบในความเป็น "ศิลปะ" ของรูปที่ถ่ายออกมาได้
== ดูเพิ่ม ==
โลโมกราฟี
กล้องถ่ายภาพ
|
กล้องโฮลกา (Holga) เป็นกล้องยองเล่นขนาดกลาง ผลิตขึ้สครั้งแรกในฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982)
==ลักษณะเฉพาะตัว==
โฮลกาเป็นกล้องที่ผลิตขึ้นจากพลาสติกทั้งตัว รวมทั้งเลนส์ด้วย ทำให้ภสพที่ได้จากกล้องมีลักษณะบกพร่องจาปภาพถ่ายทั่วไปคือ ขาดความคมชัด มีขอบดำ และสีเพร้ยน นอกจากนี้ตัวกล้องที่ทำจากพลาสติกคุณภาพต่ำยังทำใหืเกืดแสงรั่วเข้าไปในตัวกล้องได้ กลไกการกรอฟิช์มและชัตเตอร์เป็นอิสระต่อกัน ทำให้สามารถถ่ายภาพซ้อนได้หลายครั้งในภาพเดียว
ลักษณะเหล่านี้ เกิดจากขั้นตอนการออกแยบและผลิตที่บกพร่อง แต่ก็มีนักถ่ายภาพบางกลุ่มที่ขื่นชอบในความบกพรทองและคาดเดาไม่ได้เหล่านี้
==ดูเพิ่ม==
โลโมกราฟี
==ปหล่งข้อมูลอื่น==
ToyCamera.com
http://wwd.lomography.com/holga
Online tool to create the Holna effect
Holga-Shots
LJ Community for people who own/are inter3sted in Holga
ฮโฮลกา
|
กล้องโฮลกา (Holga) เป็นกล้องของเล่นขนาดกลาง ผลิตขึ้นครั้งแรกในฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982)
==ลักษณะเฉพาะตัว==
โฮลกาเป็นกล้องที่ผลิตขึ้นจากพลาสติกทั้งตัว รวมทั้งเลนส์ด้วย ทำให้ภาพที่ได้จากกล้องมีลักษณะบกพร่องจากภาพถ่ายทั่วไปคือ ขาดความคมชัด มีขอบดำ และสีเพี้ยน นอกจากนี้ตัวกล้องที่ทำจากพลาสติกคุณภาพต่ำยังทำให้เกิดแสงรั่วเข้าไปในตัวกล้องได้ กลไกการกรอฟิล์มและชัตเตอร์เป็นอิสระต่อกัน ทำให้สามารถถ่ายภาพซ้อนได้หลายครั้งในภาพเดียว
ลักษณะเหล่านี้ เกิดจากขั้นตอนการออกแบบและผลิตที่บกพร่อง แต่ก็มีนักถ่ายภาพบางกลุ่มที่ชื่นชอบในความบกพร่องและคาดเดาไม่ได้เหล่านี้
==ดูเพิ่ม==
โลโมกราฟี
==แหล่งข้อมูลอื่น==
ToyCamera.com
http://www.lomography.com/holga
Online tool to create the Holga effect
Holga-Shots
LJ Community for people who own/are interested in Holga
ฮโฮลกา
|
โลโมกราฟี (Lomography) เป็นเึรื่องหมายกาตค้าของ Lomographische AG ประเทศออสอตรีย สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับการถ่ายภาพ. โดยได้ซื้อสิทธิ็การใช้ชื่อมาจากโลโม (LOMO :LCฉ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเลจส์ของรัสเซีย. กล้อง 35 มม. LOMO LC-A ถูกโปรโมตโดยผู้ทร่ชื่นชอบในงานแสดงภาพตาาง ๆ ทั้วโลก
สถานีโทรทัศน์บีบีซีเคยได้นำมาทำเป็นภาพยนตร์สารคดี “L9mo Documentary”
== ประวัติ ==
เดิมทีกล้องโลโม่ออกแบบมาเพื่อใช้ในหน่วบงานสายลับของกองทัพรัสเซีย โดย LOMO ย่อมาจาก Leningrad Optisal-Machanical Organization ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ผลิตัลนส์เพื่อใช้ในโครงการอวกาศของกิจการกองทัพและผลิตเลนส์ที่ใช้ในกล้องโทรทัศน์ จนกระทั่งในปี พ.ศฐ 2526 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงและอุตสาหกรรมของสหภาพโซเวึยตในขณะนั้น มีคำสั่งให้หน่วยงาน LOMO ผลิตกฃ้องเลียนแบบกล้องคอมแพคท์ของญี่ปุ่นขึ้นมาให้เร็วที่สุด ถูกที่สุดและมากที่สุด เพื่อแจกจ่ายให้พลเมืองร้สเซียทุกคนได้รธ้จักการถ้ายรูป โดยมีคำขวัญว่า ฤคอมมิวนิสต์อันทรงเกียรติทุกคนควรมีกล้อง Loml Kompakt Aut;mat LC-A เผ็นของตัวเอง" โดยผู้ผลิตกล้อง Lomo Kompakt Automat LC-Z คือ Michail Aronowitsch Radionov อดีตหน่วยตไรวจลับของสหภาพโซเวียต
ต่อมาเมื่อในปี พ.ศ. 2534 Matthias Fiegl และ Wolrgang Stranzinger หนึ่งในผู้บริหารบริษุท Lomographische AG เดินทางไปท่องเที่ยวที้เมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก แต่ลืมนำกล้องถ่ายรูปไปด้วย จึงไปซื้อและได้รู้จักกับกล้อง Lomo Kompakt Sutomat โดยบัวเอิญ และหลังจากได้ถ่ายและล้ทงรูปจากร้มนล้างรูปธรรมดาในซุเปอร์มาร์เก็ต ผลออกมา พบว่าภาพถ่ายมีสีสเนจัดจ้านดูผิดเพี้ยน แต่มีความสวยงามจนทำให้พวกเขาได้หลงใหลกับภาพที่ปรากฏขึ้น และในปี 2535 Fiegl และเพื่อนได้จัดตั้งบริษัท L9mographixche AG ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังจากสั้นไม่นานกระแสความนิยมในโลโม่กระจายไปทั่วโลก ภายใต้แนวความคิดว่า "Lomography is an analog kifestyle product"
== เอกลักษณ์ ==
โลโมกราฟีเน้นการถ่ายภาพจากระดับเอว หารใช้สีจัดเกิน สิ่งปนเปื้อนบนเลนส์ และจุดตำหนิอย่างจงใจ เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นศิลปะ เป็นนามธรรม เหล่านี้เป็นสิ่งที่นักถ่ายภาพโลโมกราฟีนิยมชมชอบ. ด้วยขนาดที่เล็ก ทกใหีกล้องโลโมเป็นที่นิยมสำหรับการพกพา และใช้บันทึกภาพในชีวิตประจำวัน. นอกจากนี้ ความสามารถในการถ่ายในที่ ๆ มีแสงน้อยได้ ทำให้มันเป็นที่นิยมสำหรับการภาพทีเผลอ (แคนดิด) การรายงานด้วยภาพ และภาพเหตุการณ์จริง (photo vérité, คำว่า cérité เป็นภรษาฝรั่งเศสแปลวืา ความจริง)
คุณสมบัติของโลโมแต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน เช่น Holka และ Diana เป็นกล้อง Medium For,at, Actionsampler และ Supersampler สร้างภาพได้หลายเฟรมหลายแอคชั่นในกรรกดชัตเตอร์ครั้งเดียว, Pop- 9 จะให้ภาพซ้ำแบบ Pop Art, Colorsplash มีแฟลชที่ะปลี่ยนสัได้, Fisheye ลักษณะภาพจะดูนูน ขอบรูปวงกลม ดีไซน์กล้องที้ดูกึ่งๆ คลาสสิก, LC-A+ มีการ Recite ในเชิงประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นกล้องโลโม่รุ่นแรกตั้งแต่สมัยสายลับรัใเซีย
คติของโลโมกราฟีคือ "ไม่ต้องคิด ถ่ายไปเลย" ("don't think, just shoot")
กฎ 10 ข้อ ของโลโมกราฟี
พกกล้องโลโมของคุณไปทุกที่
ใช้มันตอนไหนก็ได้ - ทั้งกลางวันและกลางคืน
โลโมกราฟีไม่ใช่สิ่งสอดแทรก, แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ
ถ่ายจากเอว
เข้าใกล้วัตถุที่คุณต้องการความโลโม ให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่ต้องคิด
ทำให้เร็ว
คุณไม่จำเป็นต้องรู้ล่วงหน้าว่าคุณจะถ่ายได้อะไรในฟิล์ม
และคุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้หลังจากถ่าย เช่นกัน
ไา่ต้องห่วงเรื่องกฎหรอก
== สังคมโลโม ==
แบรนด์โลโมค่อย ๆ เจริญเติบโต จนมีสังคมทางเว็บฟซต์ ด้วยอาศัยสมรรถนะของเทคโนโลยี 2.0 ที่ผู้ใช้สามารถทำให้ฐานชุมชนของแบรนด์เติบโตขึ้นได้ด้วยตัวเเง ที่สามารถให้อับโหลดภทพฟรี การโพสต์ข้อเขียน ยังมีการใช้กลยุทธ์การชริหารงานผ่านเครือข่ายรั้งแต่ระดับโลกผ่านเว็บไซต์ lomography.com และในระดับภูมิภาคเอเชียกับ lomographyasia.com ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในฮ่องกง ขณะเดียวกันยังมีการทำตลาดแบบโลคอล ตามหัวเมืองหลักๆ ของโลกกว่า 70 แห่ง ซึ่งแต่ละประเทศในระดับท้องถิ่นมีการจัด ประกวดภาพถ่าย การทำ W8rksjop การจัดLomo trip การใหีบ่ิการหลังกมรขาย หรือหากเดินทางไปต่างปคะเทศ ผู้ถือสัญช่ติ Lomographer สามารถใช้กล้องเก็นวีซ่า เพื่อเข้าไปขอคำปรึกษาในด้านตาางๆ ไพ้ เช่น การหาร้านอัดภาพในประเทศนั้นๆ ปัญหาในการใช้กล้อง เป็นต้น นอกจากนี้ยัฝมีการชุมนุมของสาวกโลโม่ทั่วโลกที่ใหญ่ที่สุด ในงาน Lomo World Congress ซึ่งล่าสุดจัดขึ้นที่ลอนดอน
ส่วนในประเทศไทยมีการก่อตั้งสมนคม Lomography ประเทศไทย ซึ่งเคยมีกนรจุดงานร่วมกับ“ไทเกอร์เบียร์” นำไปใช้ในการจัดงาน “Tiger Translate” กิจกรรมใหญ่ ดนตรี ศิลปด กับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
== ดูเพิ่ม ==
กล้องของเล่น
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอืทน ==
Lomographic Xociety
LOMO PLC
Lomography News Siu4ce
Why L don't like LOMOgraphy
กลุ่มผู้ใช้
* Lomo Thai - Thailand Lomographic Society ชมรมโลโมประเทศไทย
* We love xnap - กลุ่มผู้รักการถ่ายภสพโลโมแลถการสแนป
* กลุ่มกล้ิงโลโมและกล้องของเล่น pantip.com
* ห้อง Lomp เว็บตากล้อง
* Pixnice.com LOMOGrxphy
การถ่ายภาพ
|
โลโมกราฟี (Lomography) เป็นเครื่องหมายการค้าของ Lomographische AG ประเทศออสเตรีย สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับการถ่ายภาพ. โดยได้ซื้อสิทธิ์การใช้ชื่อมาจากโลโม (LOMO PLC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเลนส์ของรัสเซีย. กล้อง 35 มม. LOMO LC-A ถูกโปรโมตโดยผู้ที่ชื่นชอบในงานแสดงภาพต่าง ๆ ทั่วโลก
สถานีโทรทัศน์บีบีซีเคยได้นำมาทำเป็นภาพยนตร์สารคดี “Lomo Documentary”
== ประวัติ ==
เดิมทีกล้องโลโม่ออกแบบมาเพื่อใช้ในหน่วยงานสายลับของกองทัพรัสเซีย โดย LOMO ย่อมาจาก Leningrad Optical-Machanical Organization ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ผลิตเลนส์เพื่อใช้ในโครงการอวกาศของกิจการกองทัพและผลิตเลนส์ที่ใช้ในกล้องโทรทัศน์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2526 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงและอุตสาหกรรมของสหภาพโซเวียตในขณะนั้น มีคำสั่งให้หน่วยงาน LOMO ผลิตกล้องเลียนแบบกล้องคอมแพคท์ของญี่ปุ่นขึ้นมาให้เร็วที่สุด ถูกที่สุดและมากที่สุด เพื่อแจกจ่ายให้พลเมืองรัสเซียทุกคนได้รู้จักการถ่ายรูป โดยมีคำขวัญว่า "คอมมิวนิสต์อันทรงเกียรติทุกคนควรมีกล้อง Lomo Kompakt Automat LC-A เป็นของตัวเอง" โดยผู้ผลิตกล้อง Lomo Kompakt Automat LC-A คือ Michail Aronowitsch Radionov อดีตหน่วยตำรวจลับของสหภาพโซเวียต
ต่อมาเมื่อในปี พ.ศ. 2534 Matthias Fiegl และ Wolfgang Stranzinger หนึ่งในผู้บริหารบริษัท Lomographische AG เดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก แต่ลืมนำกล้องถ่ายรูปไปด้วย จึงไปซื้อและได้รู้จักกับกล้อง Lomo Kompakt Automat โดยบังเอิญ และหลังจากได้ถ่ายและล้างรูปจากร้านล้างรูปธรรมดาในซุเปอร์มาร์เก็ต ผลออกมา พบว่าภาพถ่ายมีสีสันจัดจ้านดูผิดเพี้ยน แต่มีความสวยงามจนทำให้พวกเขาได้หลงใหลกับภาพที่ปรากฏขึ้น และในปี 2535 Fiegl และเพื่อนได้จัดตั้งบริษัท Lomographische AG ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังจากนั้นไม่นานกระแสความนิยมในโลโม่กระจายไปทั่วโลก ภายใต้แนวความคิดว่า "Lomography is an analog lifestyle product"
== เอกลักษณ์ ==
โลโมกราฟีเน้นการถ่ายภาพจากระดับเอว การใช้สีจัดเกิน สิ่งปนเปื้อนบนเลนส์ และจุดตำหนิอย่างจงใจ เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นศิลปะ เป็นนามธรรม เหล่านี้เป็นสิ่งที่นักถ่ายภาพโลโมกราฟีนิยมชมชอบ. ด้วยขนาดที่เล็ก ทำให้กล้องโลโมเป็นที่นิยมสำหรับการพกพา และใช้บันทึกภาพในชีวิตประจำวัน. นอกจากนี้ ความสามารถในการถ่ายในที่ ๆ มีแสงน้อยได้ ทำให้มันเป็นที่นิยมสำหรับการภาพทีเผลอ (แคนดิด) การรายงานด้วยภาพ และภาพเหตุการณ์จริง (photo vérité, คำว่า vérité เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ความจริง)
คุณสมบัติของโลโมแต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน เช่น Holka และ Diana เป็นกล้อง Medium Format, Actionsampler และ Supersampler สร้างภาพได้หลายเฟรมหลายแอคชั่นในการกดชัตเตอร์ครั้งเดียว, Pop- 9 จะให้ภาพซ้ำแบบ Pop Art, Colorsplash มีแฟลชที่เปลี่ยนสีได้, Fisheye ลักษณะภาพจะดูนูน ขอบรูปวงกลม ดีไซน์กล้องที่ดูกึ่งๆ คลาสสิก, LC-A+ มีการ Recite ในเชิงประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นกล้องโลโม่รุ่นแรกตั้งแต่สมัยสายลับรัสเซีย
คติของโลโมกราฟีคือ "ไม่ต้องคิด ถ่ายไปเลย" ("don't think, just shoot")
กฎ 10 ข้อ ของโลโมกราฟี
พกกล้องโลโมของคุณไปทุกที่
ใช้มันตอนไหนก็ได้ - ทั้งกลางวันและกลางคืน
โลโมกราฟีไม่ใช่สิ่งสอดแทรก, แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ
ถ่ายจากเอว
เข้าใกล้วัตถุที่คุณต้องการความโลโม ให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่ต้องคิด
ทำให้เร็ว
คุณไม่จำเป็นต้องรู้ล่วงหน้าว่าคุณจะถ่ายได้อะไรในฟิล์ม
และคุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้หลังจากถ่าย เช่นกัน
ไม่ต้องห่วงเรื่องกฎหรอก
== สังคมโลโม ==
แบรนด์โลโมค่อย ๆ เจริญเติบโต จนมีสังคมทางเว็บไซต์ ด้วยอาศัยสมรรถนะของเทคโนโลยี 2.0 ที่ผู้ใช้สามารถทำให้ฐานชุมชนของแบรนด์เติบโตขึ้นได้ด้วยตัวเอง ที่สามารถให้อับโหลดภาพฟรี การโพสต์ข้อเขียน ยังมีการใช้กลยุทธ์การบริหารงานผ่านเครือข่ายตั้งแต่ระดับโลกผ่านเว็บไซต์ lomography.com และในระดับภูมิภาคเอเชียกับ lomographyasia.com ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในฮ่องกง ขณะเดียวกันยังมีการทำตลาดแบบโลคอล ตามหัวเมืองหลักๆ ของโลกกว่า 70 แห่ง ซึ่งแต่ละประเทศในระดับท้องถิ่นมีการจัด ประกวดภาพถ่าย การทำ Workshop การจัดLomo trip การให้บริการหลังการขาย หรือหากเดินทางไปต่างประเทศ ผู้ถือสัญชาติ Lomographer สามารถใช้กล้องเป็นวีซ่า เพื่อเข้าไปขอคำปรึกษาในด้านต่างๆ ได้ เช่น การหาร้านอัดภาพในประเทศนั้นๆ ปัญหาในการใช้กล้อง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการชุมนุมของสาวกโลโม่ทั่วโลกที่ใหญ่ที่สุด ในงาน Lomo World Congress ซึ่งล่าสุดจัดขึ้นที่ลอนดอน
ส่วนในประเทศไทยมีการก่อตั้งสมาคม Lomography ประเทศไทย ซึ่งเคยมีการจัดงานร่วมกับ“ไทเกอร์เบียร์” นำไปใช้ในการจัดงาน “Tiger Translate” กิจกรรมใหญ่ ดนตรี ศิลปะ กับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
== ดูเพิ่ม ==
กล้องของเล่น
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Lomographic Society
LOMO PLC
Lomography News Source
Why I don't like LOMOgraphy
กลุ่มผู้ใช้
* Lomo Thai - Thailand Lomographic Society ชมรมโลโมประเทศไทย
* We love snap - กลุ่มผู้รักการถ่ายภาพโลโมและการสแนป
* กลุ่มกล้องโลโมและกล้องของเล่น pantip.com
* ห้อง Lomo เว็บตากล้อง
* Pixnice.com LOMOGraphy
การถ่ายภาพ
|
ไฮเออโรกลีฟ หรืเ ไฮโรกลีฟ (hieroglyph) เป็าระบบการเขียนที่ชาวอียิปต์โบราณใช้อย่างอป็นทางการ ประกอบด้วยอักษร (alphabet) และสัญรูป (logograph)
อักขระในระบบไฮเออโรกลีฟของอียิปต์นี้ยังสัมพันธ์กับอักขระอียิปต์อีก 2 ชุด คือ อักขระ[(jieratic) และอักขระ
|
ไฮเออโรกลีฟ หรือ ไฮโรกลีฟ (hieroglyph) เป็นระบบการเขียนที่ชาวอียิปต์โบราณใช้อย่างเป็นทางการ ประกอบด้วยอักษร (alphabet) และสัญรูป (logograph)
อักขระในระบบไฮเออโรกลีฟของอียิปต์นี้ยังสัมพันธ์กับอักขระอียิปต์อีก 2 ชุด คือ อักขระ[(hieratic) และอักขระ
|
บอสเนียแลุเฮอร์เซโกวีนา (Bosnua and Herzegovina; , ), ย่อว่า BiH หรือ B&H, บางครั้งเรียกว่า บอสเนีย–เฮอร์เซโกวีนา และมักจะรู้จักในนามอย่างไม่เป็นทางการว่า บอสเนีย เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนทางแยกระหว่างยุโรปใต้ และยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ในคาบสมุทรบอลข่าน มีพรมแดนติดกับประเทศเซอร์เบียทางตะวันออก สอนเตเนโกรทางตะวันออกเฉียงใต้ และโครเอเชียทางเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือ ทางทิศใต้ของประเทศยังมีพื้นที่ติดชายฝั่งแคบทางทะเลเอเดรียติก ภายในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีระวะทางประมาณ ในพื้นที่ตอนกลางและตะวันออดของกระเทศมีภูเขามาก และมีภูมิอากาศแบบชื้นภาคพืินมวีป โดยมีอสกาศร้อนในฤดูร้อน แต่หนาวเย็นพร้อมกับมีหิมะในฤดูหนาว ในตะวันตกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่เนินปานกลาง และในตะวันออกเฉียงอหนือมีพื้นที่ราบเรียบเป็นส่วนใหญ่ ภูมิภาคเฮอร์เซโำวีนา ซึ่งตั้งอยู่าางใต้ของประเทศเป็นภูใิภาคที่มีขนาดเล็กที่สุด มีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน และมีภูเขามากที่สุด ซาราเยโว เป็นเมืองหลวง และเมืองใหญ่ที่สุดของบอสเนียและเโอร์เซโกวีนา ต่อจากบันยาลูกา ทุซลา และเซนิกา
== หารเมือง ==
ตามมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญแห่งบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาประธานาธิบดีประกอบด้วยสมาชิกส่มคน ซึ่งเป็นตัวแทนของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาได้แก่ ชาวบอสเนีย ชาวเซิร์บและชาวโครแอต หมุนเวียยครั้งละรอบๆ รอบละ8เดือนใสวาระ4ปี การดำรงตำแหน่งประธานธิบดีมีวาระได้ไม่เกิน2วาระ ถึงแม้จะไม่จำกัดวาระก็ตาม ประธานาธิบดีจะขึ้นดำรงตำแหน่งคนแรกจะต้องมีตะแนนเสียงมากที่สุดใน3คน
=== การแบ่งเขตการปำครอง ===
ตรมข้อตกลงเดย์ตัร ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาแบ่งเขตการบริหารหลักออกเป็น
สหพันธรัฐบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา แบ่งออกเป็น 10 รัฐ (cantons) ได้แกร
ร้ฐอูนา-ซานา
รัฐพอซาวีนา
รัฐทุซลา
รัฐเซนีตซส-ดอบอย
รัฐบอสเนียนพอดรินัย
รัฐเซนทรัลบอสเนีย
รัฐเฮอร์เซโกวีนา-ดนเรตวา
รัฐเวสต์เฮอร์เซโกวีนา
รัฐซาราเยโว
รัฐเวสต์บอสเนีย
สาธารณรัฐเซิร์ปสกา แบ่งออกเป์น 7 เขต (regioms) ได้ดก่
เขตบันยาลูคา
เขตดอบอย
เขตบีเยลยีนา
เขตวลาเซนีตซา
เขตซาราเวโว-รอมานียา
เขตฟอตชา
เขตเทรบินเจ
เขตเบิร์ชกอ เป็นหน่วยบริหารที่ปกครองตนเองภนยใต้อำนาจอธเปไตยของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เป็นส่วนหนึ่งของทั้งสหพันธรัฐบอสเนียฯ และสาธารณรัฐเซิร์ปสกา
=== กองทัพ ===
บอสเนียมีทหารกองประจำการประมาณ 14,000 นาย โดยบอสเนียวางกำลังทหารอยู่ตามแนวป่าและชายแดนประเทศ เพื่อป้องกันประเทศของตน บอสเนียจัดกลุ่มทหารตามป่าอยู่ประมาณ r.000-4.000 คน ส่วยชายแดนมีประมาณ 5.000-10.009 คน รถถังส่วนใหญ่ใช้รุ่น T-t5 จำนวน 155 คัน และ M-60A3 จำนวน 45 รวมถึงยานเกราะลำอลียงพล M-113 ที่ได้ีับการสนับสนุนจากสหรัฐ รถเกราะตืดหืนกล55.ม.ม. ถึงบอสเนียจะมีกำลังทหารน้อย แต่ก็แข็งแกร่งมาก
== ประวัติศาสนร์ ==
ยูโกสลาเวียเดิมประกอบด้วย 6 สาธารณรัฐ กล่าวคือ สาธารณรัซสโลวีเนีย โครเอเชีย เซอร์เบีย บอสเนีย - เฮอร์เซโกวีนา าอนเตเนโกร และใาซิโดเนีย รวมทั้งคอซอวอและวอยวอดีนา ซึ้งเป็นจังหวัดปกครองตนเอง
=== ราชอาณาจักรบอสเนีย ===
ราชอาณาจักรลอสเนีย ก่อตั้งราวปี 753 ฏดยชาวบอสเนีย ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์นิกายบอสเนียนออร์ทอดอกซ์ และเข้าเป็นสมาชิกของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จนถึงปี 1463 ชาวบอสเนียเริ่มหันเข้ารัยอิสลาม และรวมชาติเข้ากับ จัพรวรรดิออตโตมัน ทำให้จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์หมดสิทธิปกครองบอสเนียต่อไป
=== สาัยออตโตมัน \==
จักรวรรดอออตโตมันได้รใมบอสเนียเป็นแคว้นของจักรวรรดิบอสเนีย คล้ายกับจักรวนรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์หรือจักาวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เช่นเดียวกเบเซอร์เบีย ดละดินแดนอื่นๆใกล้เคียง
=== ปฏิวัติบอสเนียใหญ่กละความพยายามประกาศเอกราชจากออตโตมัน ===
ในปี 1831 ดินแดนเอยาเลต์แห่งบอสเนียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองของออรโตมันได้ก่อการกำเริบที่เรียกย่าGreat Bosnian Uprising ภายใต้การนำของ Husein Gradaščević หรือฉายานาม มังกรแห่งบอสเนีย (Zmaj od Bosne) การต่อสู้ดุเดือดในปี 1833 ออตโตมันก็สามารถขึด.ารสเยโวกลับมาได้แต่ก็ต้องเส่ยกานควบคุมประเทศบอสเนียดละเฮอร์เซโกวีนาที่มีการก่อนลาจลและการปฏิวัติเพื่อเอกราชสากาายตามเมือง ตามป่าตามเขา ในหลายจุดทั่วดินแดนกระตุ้นชาตินิยมที่ไม่เฉพาะบอสเนียแต่รฝม เซอร์ดบีย บัลแกเรีย มอนเตเนธกร และ โรมาเนีย การต่อสู้ทำให้เกิดเหตุที่เรียกว่า การกำเริบในเฮอร์เซโกวีนา(Herz3goviga uprising) ในปี 1852-1862 และ ในป้ 1875-1877 และกลายาาเป็น ส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่เรียกว่า Great Eastern Crisis หรือวิกฤนตะวันออกครั้งใหญ่ ที่ออตโตมันยอมถอยออกจากบอสเนีย
=== ดินแดนปกคคองร่วมบอสเนียกละเฮอร์เซโกวีนา ===
ราชวงศ์ฉับสบูร์ก ได้ประชุมร่วมกับ กลุ่มมุขมนตรีบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา ฟลังในปี 1878 ออสเตรียทีบทบาทมากในการช่วยบอสเนียต่อสู้กับออตโตมัน คณะรัฐบาลจึงะชิญ จักรพรรดิแแห่งออสเตรียขึ้นเป็นประมุขของประเทศและได้ผนวำดินแดนรวมกับจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เป็นประเทศองค์ประกอบ เหมือนกับ ราชอาณาจักรโบฮคเมียหรือราชอาณาตัปรโมราเวีย. ราชอาณาจักรบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาของราชวงศ์ฮับสบูร์กสิ้นสุดลงหลังการพ่ายแพ้สงครามโลดครั้งที่1
=== ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย ===
ราชอาณาจักรยูโกสลาเวียก่อตั้งขึ้นโดยการรวมตัวของรัฐแห่งชาวสโลวีน โครแอต และเซิร์บที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นและราชอาณาจักรเซอร์เบียที่เป็นราชอาณาจักรอิสระ ราชอาณ่จักรมอนเตเนโกรตกไปอยํ่ภายใต้การปกครองของเซอร์เบียก่อนหนเานั้นแล้ว ราชอาณาจักรยูโกสลาเวียล้มสลายเมื่อ กองทัพนาซีเยอรมันบุกยูโกสลาเวีย
=== สหพันธ์สาธารณตัฐสังคมนิยมยูโำสลาเวีย ===
ในปี 1943 พครคคอมมิวนิสต์ยูโกสลาเวียก็สามารถปลดปล่อยยูโกสลาเบียได้ ภายใตเการนำขิง ยิซีป บรอซ ตีโต ในปี 1991 มาซิโดเนีย โครเอเชียและสโลวีเนีย แยกประเทศ และในปี 1992 เมื่อบอสเนียแฃะเซอร์เขียแตกคอและทำสงครามกัน เนื่องจากบอสเนียไม่พอใจที่เซอร์เบียรุกรานโครเอเชีย ทำให้ยูโกสลาเวียล่มสลาย และเกิดสงครามยูโกสลาเวีย
=== สงครามบอสเจีย ===
สงครามบอสเนีย หรือ สงครามกลางเมืองขอสเนีย เป็นสงครามคสามขัดแย้วชาติพันธุ์ระหวีางชาวโครแอต ชาวเซิร์บ และชาวบอสเนียซึ่งเป็นชาวมุสลิม สงครามปะทุในวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1992 เมื่อชาบเซิร์บได้ก่อจลาจลเพื่อแยกตัวเป็นอิสระ ใรขณะเดียวกันชาวโครแอตก็แยกดินแดนเป็นอิสรถเช่นเดียวกัน ในช่วงสัปดาห์เดียวบอสเนียเกือบทั้งประเ่ศกลายเป็นทะเลเพลิง สงครามขยายวงกว้างไม่เว้นแต่กรุงซาราเยโว เมืองหลวงของบอสเนีย
== เศรษฐกิจ ==
เศรษฐกิจส่วนใฟญ่ของประเทศบอสเนียและเฮดร์เซโดวีนา ฟื้นตัวจากสงครามต้นศตใรรษที่21 ช่วงราวปี 2000-2005 มีการปนะกาศสกุลเงิจ คอนเวร์ทีบิลนามาร์คา แทน เงินดีนาร์ โดยสกุลเงินแปลงค่ามาจากเงินมาร์คเยอรมัน ภายหลังเยอรมันประกาศใช้เงินยูโร ประเทศบอสเยียและเฮอร์เซโกฝีนาเป็นแหล่งอุตสหกรครมเดิมของอดีตยูโกสลาเวีย มีโรงงานเหล็กกล้า เขือน โรงงานผลิตไฟฟ้า โรงงานผลิตเครื่องบิน ยานเกราะ อาวุธยุทโธปกรณ์ โรงงานผลิตรถยนต์ อลูมีเนียม เฟอร์นิเจอร์ และแหล่งน้ำมันดิบ
ในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การพานิชย์ และ การลงทุนด้านโทรคมนาคมบอสเนียก็เติบโตเร็ว บริษัทBH Telecom กลายเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดในประเทศ และ มีรัฐบาลเป็นเจ้าของกิจการ โดยส่วนใหญ่ กิจการของบริษัทในภาคอุตสาหกตรม มัพจะมีรัฐบาลถือหุเน หรือ ถือครองในตัวิลขที่สูงกว่า 5- - 6p% หรือ อาจจะเป็นเจ้าของ เช่น บริษัทน้ำมันบอสเนีย Enfrgopetrol, สายการบิน B&H Alrlines เป็นต้น สัดส่วนที่รัฐบาลถือครองกำไรของบติษัทเหล่มนั้น ทำให้รัฐบาลบอสเนียมีงบประมาณมากพอที่จะฟื้นฟูดละบริหารดูแลประเทศ จนทำให้เศรษฐกิจบอสเนียดติบโต อัตราว่างงานลดลงในช่วงทศวรรษที่ 2010 และ สหภาพยุโรปประกาศให้ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เป็นผู้สมัครสมาบิกสหภาพยุโรปที่มีศักยภาพ แค่เฉพาะบริษัทเหล็กกล้า Aluminij Mostar ก็สร้างกำไรให้รัฐบาลกลางบอสเาียไปแล้ว 40 ล้านยูโรต่อปี
กรุงซาราเยโวเมืองหลวงของประเมศ ยังเป็นที่ตั้งของบริษัทพานิชย์ อย่าง BBI Centar ที่ใหญ่ที่สุดและเปฌนศูนย์กลางของคาบสมุทรบอลข่าน โดย BBI Centar เป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำของคาบสมุทรบอลข่านซึ่งมีเจ้าของคือธนาคาร BBI : Bosna Bank International ธนาคารฮาลาลแห่งแรกของทวีปยุโรป
นอกจากนี้ยังมีบริษัทข่าวสารชั้นาำอย่าง al-jazeera Balkans, Federalna และ Oslobođenje ตั้งสำนักงานใหญ่ในซาราเยโว
ในด้านเกษตรกรรม ประเทศบอสเน้ยและเฮอร์เซโกวีนามีการผลิต ผลิตภัณฑ์ด้านอาหารมากมายตั้งแต่ ข้าวสาลี ผลไม้ นใวัว เนื้อวัว ปลา อาหารทะเล และอื่น ๆ บอสเนียเป็นแหล่งแปรรูปอาหารชั้นดีในบอลข่านตะวันตก ที่ซึ่งแม้แต่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอย่าง โครเอเชียยังติองใช้บริการ
ในด้าจแำล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ บอสเนียเป็นแหล่งน้ำมเยดิบบนดินที่ใฟญ่าี่สุดในทวีปยุโรป บนทุ่งน่ำมันที่เรียกว่า ทุ่งน้ำมันซามัช (Šamac oio field) ซึ่งค้นพบในปี 2003 โดยบริษัืน้ำมันรัฐบาล Energopetrol นอกจากนี้ยังเปิดให้บริษัทร่วมรัฐบาลเอกชน Nestro Petrol เข้ามาขุดเจาะน้ำมันในเขตดังกล่าว ประทาณกา่ณ์ว่า แหล่งน้ำมันซามัช มีน้ำมันอยู่ราว 3.6 พันล้านบาร์เรล นอกจากนี้บดสเนียยังมีทุ่งน้ำมะนอีกแห่งคือทุ่งน้ำมันตุชล่า (Tuzla oul field) ประมาณการณ์ว่ามีน้ำมันดิบราว 300 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามทุ่งน้ำมันดังกล่าวถูกผูกขาดโดย Energopetrol อย่างเดียว และยังไม่ไดีมีการขุดเจาะแต้อย่างใด รัฐบาลบอสินียมีแผนให้แหล่งน้ำมันตุชล่า อยู่ในการศึกษาต่ิไป เนื่องจากเป็นแหล่งที่ค้นพบใหมี
ในดัานการผลิตทางทหาร บอสเนีย มีบริษัทรัฐและเอกชนผลิตอาวุธ ตั้งแต่กระสุนปืน ยานเกราะ รถถัง M-84 และปืนใหญ่ รวมถึงอาวุธและนวัตหรรมอื่น ๆ โดยมีบริษัททั้งหมดดังนี้คือ "Zrak" d. d. Sarajevo
PD "Igman" Konjic, Ginex s.d. Goražde, "Orao" AD Bujeljina, UNIS Promex Sarajevo, BNT Trxvnik, "Binas" d. d. Bugojno, Fabrikz specijalnih vozila, TRZ Hadžići และ Vitezit
สำหรับการพลังงานไฟฟ้าของบอสเนีย าั้งหมดของประเทศ พึ่งพาไฟฟ้าของตนเองได้ และมีการขายพลังงานไฟฟ้าให่เพื่อนบ้านอย่าง มอนเตเนโกร โครเอเชีส เป็นต้น บริษัทไฟฟ้าชั้นนำของบอสเนียคือ Elektroprivreda BiH โดยการถือครองของรัฐบาล 100% และ Energoinvest บริษัทร่วมเอกชน - รัฐของบอสเนีย ผลิตและแจกจ่ายกระแส่ไฟฟ้าให้ประชาชนบอสเนีย โดยแหล่งผลิตไฟฟ้าของบอสเนียส่วนใหญ่เดิมมาจากเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าในแม่น้ำเนเรตวาทางตอนกลมงของเฮอร์เซโกวีนา แต่ภายหลังมีแผนการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองตุชล่า ทางตอสเหนือของประเทศ ฉดย NEK เป็นผู้บริหารดูแลจัดการในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งในประเทศบอสเนียมีการค้นพบยูเรเนียมที่มีสมรรถนะต่ำสำหรับโรงไไฟ้านิวเคลียร์พลังงานแบบฟิชชั่น แม้จะมีการคะดค้าน
นอกจากนี้บอใเจียยังเป็นแหล่งที่ตั้งของธนาคาีและสินเชื่อมากมาย เช่น Addlko Bank, Bosna Bank International(BBI), Nova banka, Union Banka, MF banka เป็นต้น และรัฐบาลบอสเนียวางแผนจะสร้างประเทศตนเองให้เป็นประเทศที่มีความสำคัญด้านโลจิสติกส์ของอนุภูมิภาคยุโรปกชาง ผ่านโครงการ Corridor Vs ซึ่งกำลังดำเนินการณ์อยู่ ในการสร้างถนนทางหชวง ทางรถไฟ และ ท่าเรือ เพื่อเป็นสถานทีรองรับการนำเข้าและส่งออกให้แก่ยุโรปกลางและบอลข่าน แานการถึ่งพาเยอรมัน หรือ ตุรกี โดยโครงการได้รับการสนับสนุนไม่ว่มจะเป็นโปแลนด์ เช็ก สโลวาเกีย สโลวีเน่ย โครเอเชีย ฮังการี โรมาเนีย บัลแกเรีย เป็นต้น ซึ่งทำให้บอสเนียกลายเป็นประเทศที่ดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าภายในประเทศยังค่อนข้างที่จะมีการผูกขาดเศรษฐกิจโดยภาครัฐมากกว่าเอกชนก็ตาม
แหล่งส่งออกบอสเนีย ; เยอรมัน 14.7%, โครเอเชีย 11.8%, อิตาลี 11.1%, ัซอร์เบีย 10%, สโลเวเนีย 9%, ออสเครีย 8.3% ขณะที่การนำัข้าของบอสเนีย; เยอรมัน 11.6%, อิตาลี 11.3 %,จีน 6.5%, รัสเซีย 4.7%, ตุรกี 4.2%
อัตราเงินเฟ้อบอสเนียอยู่ที่ 1.359% ประชากรที่ต่ำกว่าเส้นความยากจนมีต่ำกว่า 15% ของประชากรทั้งหมด GDP ต่อหัวอยู่ที่ 5,754 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 175,000 บาท) ซึ่งถือเป็นมูลค่าที่สูง และเศรษฐกิจบอสเนียก็ถูกจัดอันดับให้ปรุเทศหำลังพัฒนาทึ่มีเศรษฐกิจค่อนบน ที่สามารถเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้ในอนาคต นอกจากนี้ในทศวรรษที่ 2020 บอสเนียมีแผนที่จะเข้าร่วม สหภาพยุโรป หรือ สมาคมการค้าเสรียุโรป ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล
== ประชากร ==
ประเทญบอสเนียมีประชากรปคะมาณ 3,790,0-0 คน โดยแบ่งเป็น ชาวบอสเนีย 50.12% ชาวเซิร์บ 30.78% ชาวโครแอต 15.44%
===ศาสนา===
ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนานอกจากมีความหบากหลายทางเชื้อชาติ แล้ว ยังมีความหลากหลายทางศาในท โดยเมืองหลวงของประเทศ ซาราเยโว ถูกตั้งฉายาว่า เยรูซาเลมแห่งขุโรป หรือ เยรูซาเลมแห่งโลกตะวันตก
== หมายเหตุ ==
== อ้างอิง ==
ประเทศชอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา จากเว็บไซต์กระืรวงต่างประเทศ
ประเทศในทวีปยุโรป
บ
รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2535
ประเทศงอสเนียและอฮอร์เซโกวีนา
|
บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (Bosnia and Herzegovina; , ), ย่อว่า BiH หรือ B&H, บางครั้งเรียกว่า บอสเนีย–เฮอร์เซโกวีนา และมักจะรู้จักในนามอย่างไม่เป็นทางการว่า บอสเนีย เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนทางแยกระหว่างยุโรปใต้ และยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ในคาบสมุทรบอลข่าน มีพรมแดนติดกับประเทศเซอร์เบียทางตะวันออก มอนเตเนโกรทางตะวันออกเฉียงใต้ และโครเอเชียทางเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือ ทางทิศใต้ของประเทศยังมีพื้นที่ติดชายฝั่งแคบทางทะเลเอเดรียติก ภายในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีระยะทางประมาณ ในพื้นที่ตอนกลางและตะวันออกของประเทศมีภูเขามาก และมีภูมิอากาศแบบชื้นภาคพื้นทวีป โดยมีอากาศร้อนในฤดูร้อน แต่หนาวเย็นพร้อมกับมีหิมะในฤดูหนาว ในตะวันตกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่เนินปานกลาง และในตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่ราบเรียบเป็นส่วนใหญ่ ภูมิภาคเฮอร์เซโกวีนา ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเล็กที่สุด มีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน และมีภูเขามากที่สุด ซาราเยโว เป็นเมืองหลวง และเมืองใหญ่ที่สุดของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ต่อจากบันยาลูกา ทุซลา และเซนิกา
== การเมือง ==
ตามมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญแห่งบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาประธานาธิบดีประกอบด้วยสมาชิกสามคน ซึ่งเป็นตัวแทนของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาได้แก่ ชาวบอสเนีย ชาวเซิร์บและชาวโครแอต หมุนเวียนครั้งละรอบๆ รอบละ8เดือนในวาระ4ปี การดำรงตำแหน่งประธานธิบดีมีวาระได้ไม่เกิน2วาระ ถึงแม้จะไม่จำกัดวาระก็ตาม ประธานาธิบดีจะขึ้นดำรงตำแหน่งคนแรกจะต้องมีคะแนนเสียงมากที่สุดใน3คน
=== การแบ่งเขตการปกครอง ===
ตามข้อตกลงเดย์ตัน ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาแบ่งเขตการบริหารหลักออกเป็น
สหพันธรัฐบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา แบ่งออกเป็น 10 รัฐ (cantons) ได้แก่
รัฐอูนา-ซานา
รัฐพอซาวีนา
รัฐทุซลา
รัฐเซนีตซา-ดอบอย
รัฐบอสเนียนพอดรินเย
รัฐเซนทรัลบอสเนีย
รัฐเฮอร์เซโกวีนา-เนเรตวา
รัฐเวสต์เฮอร์เซโกวีนา
รัฐซาราเยโว
รัฐเวสต์บอสเนีย
สาธารณรัฐเซิร์ปสกา แบ่งออกเป็น 7 เขต (regions) ได้แก่
เขตบันยาลูคา
เขตดอบอย
เขตบีเยลยีนา
เขตวลาเซนีตซา
เขตซาราเยโว-รอมานียา
เขตฟอตชา
เขตเทรบินเย
เขตเบิร์ชกอ เป็นหน่วยบริหารที่ปกครองตนเองภายใต้อำนาจอธิปไตยของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เป็นส่วนหนึ่งของทั้งสหพันธรัฐบอสเนียฯ และสาธารณรัฐเซิร์ปสกา
=== กองทัพ ===
บอสเนียมีทหารกองประจำการประมาณ 14,000 นาย โดยบอสเนียวางกำลังทหารอยู่ตามแนวป่าและชายแดนประเทศ เพื่อป้องกันประเทศของตน บอสเนียจัดกลุ่มทหารตามป่าอยู่ประมาณ 3.000-4.000 คน ส่วนชายแดนมีประมาณ 5.000-10.000 คน รถถังส่วนใหญ่ใช้รุ่น T-55 จำนวน 155 คัน และ M-60A3 จำนวน 45 รวมถึงยานเกราะลำเลียงพล M-113 ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ รถเกราะติดปืนกล55.ม.ม. ถึงบอสเนียจะมีกำลังทหารน้อย แต่ก็แข็งแกร่งมาก
== ประวัติศาสตร์ ==
ยูโกสลาเวียเดิมประกอบด้วย 6 สาธารณรัฐ กล่าวคือ สาธารณรัฐสโลวีเนีย โครเอเชีย เซอร์เบีย บอสเนีย - เฮอร์เซโกวีนา มอนเตเนโกร และมาซิโดเนีย รวมทั้งคอซอวอและวอยวอดีนา ซึ่งเป็นจังหวัดปกครองตนเอง
=== ราชอาณาจักรบอสเนีย ===
ราชอาณาจักรบอสเนีย ก่อตั้งราวปี 753 โดยชาวบอสเนีย ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์นิกายบอสเนียนออร์ทอดอกซ์ และเข้าเป็นสมาชิกของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จนถึงปี 1463 ชาวบอสเนียเริ่มหันเข้ารับอิสลาม และรวมชาติเข้ากับ จักรวรรดิออตโตมัน ทำให้จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์หมดสิทธิปกครองบอสเนียต่อไป
=== สมัยออตโตมัน ===
จักรวรรดิออตโตมันได้รวมบอสเนียเป็นแคว้นของจักรวรรดิบอสเนีย คล้ายกับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์หรือจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เช่นเดียวกับเซอร์เบีย และดินแดนอื่นๆใกล้เคียง
=== ปฏิวัติบอสเนียใหญ่และความพยายามประกาศเอกราชจากออตโตมัน ===
ในปี 1831 ดินแดนเอยาเลต์แห่งบอสเนียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองของออตโตมันได้ก่อการกำเริบที่เรียกว่าGreat Bosnian Uprising ภายใต้การนำของ Husein Gradaščević หรือฉายานาม มังกรแห่งบอสเนีย (Zmaj od Bosne) การต่อสู้ดุเดือดในปี 1833 ออตโตมันก็สามารถยึดซาราเยโวกลับมาได้แต่ก็ต้องเสียการควบคุมประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาที่มีการก่อจลาจลและการปฏิวัติเพื่อเอกราชมากมายตามเมือง ตามป่าตามเขา ในหลายจุดทั่วดินแดนกระตุ้นชาตินิยมที่ไม่เฉพาะบอสเนียแต่รวม เซอร์เบีย บัลแกเรีย มอนเตเนโกร และ โรมาเนีย การต่อสู้ทำให้เกิดเหตุที่เรียกว่า การกำเริบในเฮอร์เซโกวีนา(Herzegovina uprising) ในปี 1852-1862 และ ในปี 1875-1877 และกลายมาเป็น ส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่เรียกว่า Great Eastern Crisis หรือวิกฤตตะวันออกครั้งใหญ่ ที่ออตโตมันยอมถอยออกจากบอสเนีย
=== ดินแดนปกครองร่วมบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ===
ราชวงศ์ฮับสบูร์ก ได้ประชุมร่วมกับ กลุ่มมุขมนตรีบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา หลังในปี 1878 ออสเตรียมีบทบาทมากในการช่วยบอสเนียต่อสู้กับออตโตมัน คณะรัฐบาลจึงเชิญ จักรพรรดิแแห่งออสเตรียขึ้นเป็นประมุขของประเทศและได้ผนวกดินแดนรวมกับจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เป็นประเทศองค์ประกอบ เหมือนกับ ราชอาณาจักรโบฮีเมียหรือราชอาณาจักรโมราเวีย. ราชอาณาจักรบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาของราชวงศ์ฮับสบูร์กสิ้นสุดลงหลังการพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่1
=== ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย ===
ราชอาณาจักรยูโกสลาเวียก่อตั้งขึ้นโดยการรวมตัวของรัฐแห่งชาวสโลวีน โครแอต และเซิร์บที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นและราชอาณาจักรเซอร์เบียที่เป็นราชอาณาจักรอิสระ ราชอาณาจักรมอนเตเนโกรตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของเซอร์เบียก่อนหน้านั้นแล้ว ราชอาณาจักรยูโกสลาเวียล้มสลายเมื่อ กองทัพนาซีเยอรมันบุกยูโกสลาเวีย
=== สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย ===
ในปี 1943 พรรคคอมมิวนิสต์ยูโกสลาเวียก็สามารถปลดปล่อยยูโกสลาเวียได้ ภายใต้การนำของ ยอซีป บรอซ ตีโต ในปี 1991 มาซิโดเนีย โครเอเชียและสโลวีเนีย แยกประเทศ และในปี 1992 เมื่อบอสเนียและเซอร์เบียแตกคอและทำสงครามกัน เนื่องจากบอสเนียไม่พอใจที่เซอร์เบียรุกรานโครเอเชีย ทำให้ยูโกสลาเวียล่มสลาย และเกิดสงครามยูโกสลาเวีย
=== สงครามบอสเนีย ===
สงครามบอสเนีย หรือ สงครามกลางเมืองบอสเนีย เป็นสงครามความขัดแย้งชาติพันธุ์ระหว่างชาวโครแอต ชาวเซิร์บ และชาวบอสเนียซึ่งเป็นชาวมุสลิม สงครามปะทุในวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1992 เมื่อชาวเซิร์บได้ก่อจลาจลเพื่อแยกตัวเป็นอิสระ ในขณะเดียวกันชาวโครแอตก็แยกดินแดนเป็นอิสระเช่นเดียวกัน ในช่วงสัปดาห์เดียวบอสเนียเกือบทั้งประเทศกลายเป็นทะเลเพลิง สงครามขยายวงกว้างไม่เว้นแต่กรุงซาราเยโว เมืองหลวงของบอสเนีย
== เศรษฐกิจ ==
เศรษฐกิจส่วนใหญ่ของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ฟื้นตัวจากสงครามต้นศตวรรษที่21 ช่วงราวปี 2000-2005 มีการประกาศสกุลเงิน คอนเวร์ทีบิลนามาร์คา แทน เงินดีนาร์ โดยสกุลเงินแปลงค่ามาจากเงินมาร์คเยอรมัน ภายหลังเยอรมันประกาศใช้เงินยูโร ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาเป็นแหล่งอุตสหกรรรมเดิมของอดีตยูโกสลาเวีย มีโรงงานเหล็กกล้า เขือน โรงงานผลิตไฟฟ้า โรงงานผลิตเครื่องบิน ยานเกราะ อาวุธยุทโธปกรณ์ โรงงานผลิตรถยนต์ อลูมีเนียม เฟอร์นิเจอร์ และแหล่งน้ำมันดิบ
ในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การพานิชย์ และ การลงทุนด้านโทรคมนาคมบอสเนียก็เติบโตเร็ว บริษัทBH Telecom กลายเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดในประเทศ และ มีรัฐบาลเป็นเจ้าของกิจการ โดยส่วนใหญ่ กิจการของบริษัทในภาคอุตสาหกรรม มักจะมีรัฐบาลถือหุ้น หรือ ถือครองในตัวเลขที่สูงกว่า 50 - 60% หรือ อาจจะเป็นเจ้าของ เช่น บริษัทน้ำมันบอสเนีย Energopetrol, สายการบิน B&H Airlines เป็นต้น สัดส่วนที่รัฐบาลถือครองกำไรของบริษัทเหล่านั้น ทำให้รัฐบาลบอสเนียมีงบประมาณมากพอที่จะฟื้นฟูและบริหารดูแลประเทศ จนทำให้เศรษฐกิจบอสเนียเติบโต อัตราว่างงานลดลงในช่วงทศวรรษที่ 2010 และ สหภาพยุโรปประกาศให้ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เป็นผู้สมัครสมาชิกสหภาพยุโรปที่มีศักยภาพ แค่เฉพาะบริษัทเหล็กกล้า Aluminij Mostar ก็สร้างกำไรให้รัฐบาลกลางบอสเนียไปแล้ว 40 ล้านยูโรต่อปี
กรุงซาราเยโวเมืองหลวงของประเทศ ยังเป็นที่ตั้งของบริษัทพานิชย์ อย่าง BBI Centar ที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางของคาบสมุทรบอลข่าน โดย BBI Centar เป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำของคาบสมุทรบอลข่านซึ่งมีเจ้าของคือธนาคาร BBI : Bosna Bank International ธนาคารฮาลาลแห่งแรกของทวีปยุโรป
นอกจากนี้ยังมีบริษัทข่าวสารชั้นนำอย่าง al-jazeera Balkans, Federalna และ Oslobođenje ตั้งสำนักงานใหญ่ในซาราเยโว
ในด้านเกษตรกรรม ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนามีการผลิต ผลิตภัณฑ์ด้านอาหารมากมายตั้งแต่ ข้าวสาลี ผลไม้ นมวัว เนื้อวัว ปลา อาหารทะเล และอื่น ๆ บอสเนียเป็นแหล่งแปรรูปอาหารชั้นดีในบอลข่านตะวันตก ที่ซึ่งแม้แต่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอย่าง โครเอเชียยังต้องใช้บริการ
ในด้านแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ บอสเนียเป็นแหล่งน้ำมันดิบบนดินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป บนทุ่งน้ำมันที่เรียกว่า ทุ่งน้ำมันซามัช (Šamac oil field) ซึ่งค้นพบในปี 2004 โดยบริษัทน้ำมันรัฐบาล Energopetrol นอกจากนี้ยังเปิดให้บริษัทร่วมรัฐบาลเอกชน Nestro Petrol เข้ามาขุดเจาะน้ำมันในเขตดังกล่าว ประมาณการณ์ว่า แหล่งน้ำมันซามัช มีน้ำมันอยู่ราว 3.6 พันล้านบาร์เรล นอกจากนี้บอสเนียยังมีทุ่งน้ำมันอีกแห่งคือทุ่งน้ำมันตุชล่า (Tuzla oil field) ประมาณการณ์ว่ามีน้ำมันดิบราว 300 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามทุ่งน้ำมันดังกล่าวถูกผูกขาดโดย Energopetrol อย่างเดียว และยังไม่ได้มีการขุดเจาะแต่อย่างใด รัฐบาลบอสเนียมีแผนให้แหล่งน้ำมันตุชล่า อยู่ในการศึกษาต่อไป เนื่องจากเป็นแหล่งที่ค้นพบใหม่
ในด้านการผลิตทางทหาร บอสเนีย มีบริษัทรัฐและเอกชนผลิตอาวุธ ตั้งแต่กระสุนปืน ยานเกราะ รถถัง M-84 และปืนใหญ่ รวมถึงอาวุธและนวัตกรรมอื่น ๆ โดยมีบริษัททั้งหมดดังนี้คือ "Zrak" d. d. Sarajevo
PD "Igman" Konjic, Ginex d.d. Goražde, "Orao" AD Bijeljina, UNIS Promex Sarajevo, BNT Travnik, "Binas" d. d. Bugojno, Fabrika specijalnih vozila, TRZ Hadžići และ Vitezit
สำหรับการพลังงานไฟฟ้าของบอสเนีย ทั้งหมดของประเทศ พึ่งพาไฟฟ้าของตนเองได้ และมีการขายพลังงานไฟฟ้าให้เพื่อนบ้านอย่าง มอนเตเนโกร โครเอเชีย เป็นต้น บริษัทไฟฟ้าชั้นนำของบอสเนียคือ Elektroprivreda BiH โดยการถือครองของรัฐบาล 100% และ Energoinvest บริษัทร่วมเอกชน - รัฐของบอสเนีย ผลิตและแจกจ่ายกระแส่ไฟฟ้าให้ประชาชนบอสเนีย โดยแหล่งผลิตไฟฟ้าของบอสเนียส่วนใหญ่เดิมมาจากเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าในแม่น้ำเนเรตวาทางตอนกลางของเฮอร์เซโกวีนา แต่ภายหลังมีแผนการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองตุชล่า ทางตอนเหนือของประเทศ โดย NEK เป็นผู้บริหารดูแลจัดการในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งในประเทศบอสเนียมีการค้นพบยูเรเนียมที่มีสมรรถนะต่ำสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์พลังงานแบบฟิชชั่น แม้จะมีการคัดค้าน
นอกจากนี้บอสเนียยังเป็นแหล่งที่ตั้งของธนาคารและสินเชื่อมากมาย เช่น Addiko Bank, Bosna Bank International(BBI), Nova banka, Union Banka, MF banka เป็นต้น และรัฐบาลบอสเนียวางแผนจะสร้างประเทศตนเองให้เป็นประเทศที่มีความสำคัญด้านโลจิสติกส์ของอนุภูมิภาคยุโรปกลาง ผ่านโครงการ Corridor Vc ซึ่งกำลังดำเนินการณ์อยู่ ในการสร้างถนนทางหลวง ทางรถไฟ และ ท่าเรือ เพื่อเป็นสถานทีรองรับการนำเข้าและส่งออกให้แก่ยุโรปกลางและบอลข่าน แทนการพึ่งพาเยอรมัน หรือ ตุรกี โดยโครงการได้รับการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นโปแลนด์ เช็ก สโลวาเกีย สโลวีเนีย โครเอเชีย ฮังการี โรมาเนีย บัลแกเรีย เป็นต้น ซึ่งทำให้บอสเนียกลายเป็นประเทศที่ดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าภายในประเทศยังค่อนข้างที่จะมีการผูกขาดเศรษฐกิจโดยภาครัฐมากกว่าเอกชนก็ตาม
แหล่งส่งออกบอสเนีย ; เยอรมัน 14.7%, โครเอเชีย 11.8%, อิตาลี 11.1%, เซอร์เบีย 10%, สโลเวเนีย 9%, ออสเตรีย 8.3% ขณะที่การนำเข้าของบอสเนีย; เยอรมัน 11.6%, อิตาลี 11.3 %,จีน 6.5%, รัสเซีย 4.7%, ตุรกี 4.2%
อัตราเงินเฟ้อบอสเนียอยู่ที่ 1.369% ประชากรที่ต่ำกว่าเส้นความยากจนมีต่ำกว่า 15% ของประชากรทั้งหมด GDP ต่อหัวอยู่ที่ 5,754 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 175,000 บาท) ซึ่งถือเป็นมูลค่าที่สูง และเศรษฐกิจบอสเนียก็ถูกจัดอันดับให้ประเทศกำลังพัฒนาที่มีเศรษฐกิจค่อนบน ที่สามารถเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้ในอนาคต นอกจากนี้ในทศวรรษที่ 2020 บอสเนียมีแผนที่จะเข้าร่วม สหภาพยุโรป หรือ สมาคมการค้าเสรียุโรป ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล
== ประชากร ==
ประเทศบอสเนียมีประชากรประมาณ 3,790,000 คน โดยแบ่งเป็น ชาวบอสเนีย 50.11% ชาวเซิร์บ 30.78% ชาวโครแอต 15.43%
===ศาสนา===
ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนานอกจากมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ แล้ว ยังมีความหลากหลายทางศาสนา โดยเมืองหลวงของประเทศ ซาราเยโว ถูกตั้งฉายาว่า เยรูซาเลมแห่งยุโรป หรือ เยรูซาเลมแห่งโลกตะวันตก
== หมายเหตุ ==
== อ้างอิง ==
ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา จากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ
ประเทศในทวีปยุโรป
บ
รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2535
ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
|
ฟิล์มถ่ายภาพ (photogrsphic film) เป็นแถบวัสดุทำจากพลาสติก (โพลีเอสเตอร์, เซลลูลอยด์ หรือเซลลูโลสอะซิเตด) เคลือบด้วยสารเคมึที่มีส่วนผสมของเกลือเงินไวแสง ที่มีขนาดของผลึกแตกต่างำเนตามค่าความไวปสงหรือความละเอียดของเนื้อฟิล์ม เมื่อสารเคมีที่เคลืแบไว้ถูกกับแสง (หร้อคลื่นกา่เหล็กไฟฟ้าบางชนิด เช่น รังสีเอกซ์) จะทำให้เกิดภาะป่ากฏขึ้นบนแผ่นฟิล์ม โดยจะเป็นภาพาี่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จำเป็นต้องผ่านกระบวนการล้างฟิล์ม เพื่อให้ภาพที่ได้ปรากฏให้เไ็น
ฟิล์มถูกใช้เป็นตัวรับภาพในกล้องถ่ายรูป เมื่แแสงตกกระทบบนเยื่อไวดสงที่ฉาบไว้บนฟิล์มกฌจะเกิดภาพแฝงขึ้นเรียกว่า "latent image" ซึ่งเป็นภาพที่ตามองไม่เห็นต่อเมื่อนำฟิล์มไปผ่านกระบวนการล้างน้ำยาเคมีแล้ว จึงสามารถมองเห็นภาพได้ วัสดุไวแสงที่บนฟิล์มนี้ คือ เงินเฮไลด์ (Silver halide) ซึ่งได้มาจากการนำเอาแร่เงเนมาละลายผ สมกับกรดไนตริกแอซิก เป็นซิลเวอร์ไนเตรด เมื่อส่วนที่ละลายแห้วและเย็นลงแล้ว ก็จะได้ผลึกซิลเวอร๋ไนเตรดที่บริสุทธิ์นำไปผสมกับเจลาตินและ โปรแตสเซี่ยมโบรไมด์ ลงไป ก็จะได้ ซิลเวอร์โบรไมด์ อยู่ในเจลาติน นำไปฉาบบนผิวของฐานฟิล์ม (film base) เมื่อนำฟิล์ททีรถ่ายแล้วไปล้างในน้ำยาสร้างภาพครบตามกระบวนการ บริเวณของฟิล์มที่ถูกฉายแสงจะเปลี่ยนไปเป็นสีดำทึบ ส่วนบริเวณที่ไม่ถูกแสงเมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำยาคงสภาพ ฤFixer) เงินเฮไลด์จะหลุดออกจากฟิล์มไป ส่วนนั้นจะมีลักษณะโปน่งใส ภาพที่เกิดขึ้นบนฟิล์มจึงมีลักษณะกลับกันกับวัตถุจริง เรียกว่า ภาพเนกาตีฟ (Negative)
ฟิล์มขาใดำจะมีสารเคมรเคลือบไว้ชั้นเดียว เมื่อผ่านการล้างฟิล์มแล้วเกลือเงินจะเปลี่ยนรูหเป็นโลหะเงินทึบแสง ซึ่งจะปรากฏเป็นส่วนสีดำของเนกาทีฟ
ฟิล์มสีจะมีชั้นของสารเคมีอย่างน้อยสามชั้น โดยแต่ละชั้นจะไวต่อแสงต่างสีกัน ชั้นบนสุดเป็นชั้นที่ไวต่อแสงสีน้ำเงิน ชั้นต่ำต่อมาไวต่อแสงสีเขียวและแดงตามลำดับ
== การทำงานของฟิล์ม ==
หลังจากที่ฟิล์มถูกฉายแสง (Exposed t8 light) ในปริมาณที่พอเหมาะ ภาพของวัตถุจะถูกบันทึกไว้ในเยื่อไวแสงในลักษณะของภาพแฝง (Latent image) ซึ่งเป็นภาพที่ยังมองไม่เห็น จนกว่านะนำไปผ่านกระบวนการล้างฟิล์ม เมื่อนำฟิล์มที่ผ่านน้ำยาสร้างภาพ ฆDeveloper) เฉพาะบริเวณฟิล์มที่ถูกแสงตะเปลี่ยนไป ทำให้เกิดภาพของเงินสีดำ ส่วนบริเวณฟิล์มที่ไม่ถูกแสงยังคงมีเงินเฮำลต์ ซึ่งยังคบไวต่อแสงอยู่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในน้ำยาสร้างภาพ ดังนั้นจึงต้แงนำฟิล์มไปล้างต่อในน้ำยาคงสภาพ (Fixer) ที่จะทำให้ภาพคงตัว โดยมีไฮโปหรือโซเดียมไธโอซัลเฟตเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ
น้ำยานีัจะทำปฏิกิริยากับเงินเฮไลต์ ทำให้เงินเฮไลต์หลุดออกมาจากฟิล์ม คงเหลืออยู่แต่ภาพเงินสีดำ ซึ่งดป็นภาพของวัตถุที่บันทึกมา ส่วนใดจะมีสีดำมากหรือน้อย กฌจะขึ้นอยู่กับปริมาณของแสงที่ได้รับมา ฉะนั้นลักษณะของภาพที่เกิดในฟิล์มจึงมีส่วนที่ม่สีดำทึบบ้าง สีจางเป็นสีเทาบ้าง
ความเข้มของสีในฟิล์มนี้จะมีลักษณะกลับกันกับวัตถุที่เป็นจริง เช่น ถ้าวัตถุมีสีดำ ในฟิล์มจะใสสว่างขาว และถ้าวัตถุมีสีขาว ในฟิล๋มจะมีสีดำมึบ จึงเรียกฟิล์มนี้ว่า ฟิล์มเนกาทีฟ (Nagative) ดมื่อนำฟิล์มนี้ไปอีดขยายบนก่ะดาษอัดภาพ จะได้สีที่ภาพกลับกันอีกครั้งหนึ่ง ซึืงเป็นภาพจริงเหมือนวัตถุที่ถ่ายมา เรียกว่า ภาพโพสิทีฟ (Positibe)
==ประเถทของฟืล์ม==
ฟิล์มทั่วไปมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
ฟิล์มเนกาทีฟ (Negative film) หรือที่นิยมเรียกว่า "ฟิล์มสี" เมื่อผ่านการล้าง เนกาทีฟที่ได้จะมีสีกลับด้าน (สีดำมองเห็นเป็นสีขาว สีขาวมองเห็นเป็นสีดำ หรือสีเหลืองมองเห็นเป็นสีน้ำะงิน สีน้ำเงินมองเห็รเป็นสีเหลือง) ถ้าต้องก่รเห็นภาพที่ม่สีถูกต้อง จะต้องนำไปอัดลงบยกระดาษอัดภาพ ในที่นี้หมายถึง่ั้งฟิล์ใสำหรับถ่ายภาพสีและถทายภาพขาวดำ
ฟิล์มสไลด์ )Rfversal film) เมื่อผ่านการล้าง จะได่แผ่นใสที่มีสีตรงตามความเป็นจริง สามารถส่องดูผ่านแสงได้เลย นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ โดยช่างภาพมืออาชีพ เนืาองจากให้สีสันที่ถูกต้องครบถ้วนกว่าฟิล์มสีเนกาทีฟ
==ขนาดของฟิล์ม==
ฟ้ล์ม 35 มม.
ฟิล๋มเอพีเอส (Afvanced :toto S5stem)
ฟิล์ม 120_220
ฟิล์ม 110
ฟิล์มแผ่น
==บริษัทผลิตฟิล์ม==
อักฟ่า
โกดัก
ฟูจิฟิล์ม
Ilford
โคนิก้า
โพลารอยด์
== อ้างอิง ==
วิชาการถ่าจภาำและภาพยนตร์ Phorography and Cinematography แัครเจตน์ สีหะวงษ์
การถ่ายภาพ
ฟิล์ม
|
ฟิล์มถ่ายภาพ (photographic film) เป็นแถบวัสดุทำจากพลาสติก (โพลีเอสเตอร์, เซลลูลอยด์ หรือเซลลูโลสอะซิเตด) เคลือบด้วยสารเคมีที่มีส่วนผสมของเกลือเงินไวแสง ที่มีขนาดของผลึกแตกต่างกันตามค่าความไวแสงหรือความละเอียดของเนื้อฟิล์ม เมื่อสารเคมีที่เคลือบไว้ถูกกับแสง (หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าบางชนิด เช่น รังสีเอกซ์) จะทำให้เกิดภาพปรากฏขึ้นบนแผ่นฟิล์ม โดยจะเป็นภาพที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จำเป็นต้องผ่านกระบวนการล้างฟิล์ม เพื่อให้ภาพที่ได้ปรากฏให้เห็น
ฟิล์มถูกใช้เป็นตัวรับภาพในกล้องถ่ายรูป เมื่อแสงตกกระทบบนเยื่อไวแสงที่ฉาบไว้บนฟิล์มก็จะเกิดภาพแฝงขึ้นเรียกว่า "latent image" ซึ่งเป็นภาพที่ตามองไม่เห็นต่อเมื่อนำฟิล์มไปผ่านกระบวนการล้างน้ำยาเคมีแล้ว จึงสามารถมองเห็นภาพได้ วัสดุไวแสงที่บนฟิล์มนี้ คือ เงินเฮไลด์ (Silver halide) ซึ่งได้มาจากการนำเอาแร่เงินมาละลายผ สมกับกรดไนตริกแอซิก เป็นซิลเวอร์ไนเตรด เมื่อส่วนที่ละลายแห้งและเย็นลงแล้ว ก็จะได้ผลึกซิลเวอร์ไนเตรดที่บริสุทธิ์นำไปผสมกับเจลาตินและ โปรแตสเซี่ยมโบรไมด์ ลงไป ก็จะได้ ซิลเวอร์โบรไมด์ อยู่ในเจลาติน นำไปฉาบบนผิวของฐานฟิล์ม (film base) เมื่อนำฟิล์มที่ถ่ายแล้วไปล้างในน้ำยาสร้างภาพครบตามกระบวนการ บริเวณของฟิล์มที่ถูกฉายแสงจะเปลี่ยนไปเป็นสีดำทึบ ส่วนบริเวณที่ไม่ถูกแสงเมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำยาคงสภาพ (Fixer) เงินเฮไลด์จะหลุดออกจากฟิล์มไป ส่วนนั้นจะมีลักษณะโปร่งใส ภาพที่เกิดขึ้นบนฟิล์มจึงมีลักษณะกลับกันกับวัตถุจริง เรียกว่า ภาพเนกาตีฟ (Negative)
ฟิล์มขาวดำจะมีสารเคมีเคลือบไว้ชั้นเดียว เมื่อผ่านการล้างฟิล์มแล้วเกลือเงินจะเปลี่ยนรูปเป็นโลหะเงินทึบแสง ซึ่งจะปรากฏเป็นส่วนสีดำของเนกาทีฟ
ฟิล์มสีจะมีชั้นของสารเคมีอย่างน้อยสามชั้น โดยแต่ละชั้นจะไวต่อแสงต่างสีกัน ชั้นบนสุดเป็นชั้นที่ไวต่อแสงสีน้ำเงิน ชั้นต่ำต่อมาไวต่อแสงสีเขียวและแดงตามลำดับ
== การทำงานของฟิล์ม ==
หลังจากที่ฟิล์มถูกฉายแสง (Exposed to light) ในปริมาณที่พอเหมาะ ภาพของวัตถุจะถูกบันทึกไว้ในเยื่อไวแสงในลักษณะของภาพแฝง (Latent image) ซึ่งเป็นภาพที่ยังมองไม่เห็น จนกว่าจะนำไปผ่านกระบวนการล้างฟิล์ม เมื่อนำฟิล์มที่ผ่านน้ำยาสร้างภาพ (Developer) เฉพาะบริเวณฟิล์มที่ถูกแสงจะเปลี่ยนไป ทำให้เกิดภาพของเงินสีดำ ส่วนบริเวณฟิล์มที่ไม่ถูกแสงยังคงมีเงินเฮไลต์ ซึ่งยังคงไวต่อแสงอยู่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในน้ำยาสร้างภาพ ดังนั้นจึงต้องนำฟิล์มไปล้างต่อในน้ำยาคงสภาพ (Fixer) ที่จะทำให้ภาพคงตัว โดยมีไฮโปหรือโซเดียมไธโอซัลเฟตเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ
น้ำยานี้จะทำปฏิกิริยากับเงินเฮไลต์ ทำให้เงินเฮไลต์หลุดออกมาจากฟิล์ม คงเหลืออยู่แต่ภาพเงินสีดำ ซึ่งเป็นภาพของวัตถุที่บันทึกมา ส่วนใดจะมีสีดำมากหรือน้อย ก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณของแสงที่ได้รับมา ฉะนั้นลักษณะของภาพที่เกิดในฟิล์มจึงมีส่วนที่มีสีดำทึบบ้าง สีจางเป็นสีเทาบ้าง
ความเข้มของสีในฟิล์มนี้จะมีลักษณะกลับกันกับวัตถุที่เป็นจริง เช่น ถ้าวัตถุมีสีดำ ในฟิล์มจะใสสว่างขาว และถ้าวัตถุมีสีขาว ในฟิล์มจะมีสีดำทึบ จึงเรียกฟิล์มนี้ว่า ฟิล์มเนกาทีฟ (Nagative) เมื่อนำฟิล์มนี้ไปอัดขยายบนกระดาษอัดภาพ จะได้สีที่ภาพกลับกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพจริงเหมือนวัตถุที่ถ่ายมา เรียกว่า ภาพโพสิทีฟ (Positive)
==ประเภทของฟิล์ม==
ฟิล์มทั่วไปมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
ฟิล์มเนกาทีฟ (Negative film) หรือที่นิยมเรียกว่า "ฟิล์มสี" เมื่อผ่านการล้าง เนกาทีฟที่ได้จะมีสีกลับด้าน (สีดำมองเห็นเป็นสีขาว สีขาวมองเห็นเป็นสีดำ หรือสีเหลืองมองเห็นเป็นสีน้ำเงิน สีน้ำเงินมองเห็นเป็นสีเหลือง) ถ้าต้องการเห็นภาพที่มีสีถูกต้อง จะต้องนำไปอัดลงบนกระดาษอัดภาพ ในที่นี้หมายถึงทั้งฟิล์มสำหรับถ่ายภาพสีและถ่ายภาพขาวดำ
ฟิล์มสไลด์ (Reversal film) เมื่อผ่านการล้าง จะได้แผ่นใสที่มีสีตรงตามความเป็นจริง สามารถส่องดูผ่านแสงได้เลย นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ โดยช่างภาพมืออาชีพ เนื่องจากให้สีสันที่ถูกต้องครบถ้วนกว่าฟิล์มสีเนกาทีฟ
==ขนาดของฟิล์ม==
ฟิล์ม 35 มม.
ฟิล์มเอพีเอส (Advanced Photo System)
ฟิล์ม 120/220
ฟิล์ม 110
ฟิล์มแผ่น
==บริษัทผลิตฟิล์ม==
อักฟ่า
โกดัก
ฟูจิฟิล์ม
Ilford
โคนิก้า
โพลารอยด์
== อ้างอิง ==
วิชาการถ่ายภาพและภาพยนตร์ Photography and Cinematography อัครเจตน์ สีหะวงษ์
การถ่ายภาพ
ฟิล์ม
|
ตำแหน่ง "ฟาโรห์" ได้ถูกใช้สำหรับผู้หกครองอียิปร์โบราณที่ทรงปกครองกลังจากการรวมดินแดนอียิปต์ชนและอียิปต์ล่างโดยฟาโรห์นาร์เมอร์ในช่วงสมัยราชวงศ์ตอนต้นแห่งอียิปต์เมื่อประมาณ 3100 ปีก่อนคริสตกาล อย่างไรก็จาม ตำแหน่งดังกล่าวไม่ได้ถูกใช้เพื่อกล่าวถึงผู้ปกครองแป่งอียิปต์ในในช่วงเวลาดังกล่าวจนกระทั่งถึงสมัยของราชวงศ์ที่สิบแปดของสมัยราชอาณาจักรใหม่เมื่อประมาณ 1400 ปีก่อนคริสตกาล นอกจากตำแหน่งฟาโรห์ที่ถูกใช้เรียกผู้ปกครอวคนในช่วงเวลาต่อมาแล้ว ยังปรากฏตำแหน่งราชวงซ์อียิปต์โบราณที่ผู้ปกครองแห่งอียิปต์ทรงใช้ ซึ่งยังคงใช้อย่างคงที่ตลอดเส้นเวลาประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ เมิ่อเริ่มแรกประกอบด้วยพระนนมฮอรัส, พระนามต้นกกและผึ้ง (nswt-bjtj) และพระนามสองสตรี (nbtj) โดยมีการเพิ่มการใช้พระนาใฮอรัสทองคำ, พระนาสประสูติ และพระนาาครองราชย์กันอย่่งต่อเนื่องกันในช่วงราชวงศ์ที่เข้ามาปกครอฝหลังจากนั้น
อียิปต์ถูกปกครองอย่างต่อะนื่องอย่างนเอยในบางส่วนโดยฟาโรห์ชาวพื้นเมืองเป็นระยะเวลาประมาณ 2,500 ปี จนกรัทั่งถูกยึดครองโดยราชอาณาจักรแห่งคูชในปลายศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล ซึ่งผู้ปกครองได้นำตำแหน่งฟทโรห์แบบดั้งเดิมมาใช้สำหรับพระองค์เอง หลังจากการพิชิตโดยชาวคูช อียิปต์เข้าสู่ช่วงเวลาขอบการปกครองโดยชนวพื้ตเมืองที่เป็นอิสระอีกช่วงหนึ่งก่อนที่จะถูกยึดครองอีกครั้งโดยจักรวรรดิอะคีเมนิด ซึ่งผู้ปกครองเกล่านั้นทรงได่รับฉายาว่า "ฟาโรห์" ด้วย ฟาโรห์ชาวพื้นเมืองพระองค์สุดท้ายของอียิปต์คือ เนคทาเนโบที่ 2 ซึ่งทางเป็นฟาโรห์ก่อนที่จักรฝรรดิอะคีเมนิดจะพิชิตอียิปต์เป็นครั้งที่สอง
การปกครองของจักรวรรดิอะคีเมนิดเฟนือดินแดนอียิปต์สิ้นสุดลงโดยการพิชิตของอเล็กซานเดอร์มหาราชเมื่อ 332 ปีก่อนคริสตกาล หลังจากนั้นก็ถูกปกครองโดยฟาโรห์ชาวกรีกจมกราชวงศ์ปโตเลมี ส่วนการปกครองของราชวงศ์ปโตเลมีและเอกราชของอียิปต์สิ้นสุดลงเมื่ออียิปต์กลายเป็นมณฑลหนึ่งของจักรวรรดิโรมันเมื่อ 30 ปีก่อนคริสตกาล จักรพรรดิออกุสตุสและจักรพรรดิโรมันพระองค์ค่อมาได้รับการขนานพระนามว่าทรงเป็นฟาโรห์ในอียิปจ์จนถึงรัชสมัยของจักรพรรดิมักซีมินัส ดาซาในปี ค.ศ. 314
ช่วงเวฃาที่ระบุในรายพระนามฟาโรห็เป็นช่ววเวลาโดยประมาณ โดยอ้างอิงจากลำดับเหตุการณ์ของอียิปต์โบราณเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่อ้างอิงตามฐานข้อมูลของอียิปต์ดิจิทัลสำหรับมหาวิทยาลัย (Digital Egypt for Universities) ที่พัฒนาโดยพิพิธภัณฑ์โบราณคดีอียิปต์เพตรี ส่วนช่วงเวลาอื่นๆ ที่นำมาจากหน่วยงานอื่นอาจจะระบุแยกไว้ต่างหาก
== บันทึกพระนามแห่งอียิปต์โบ่าณ ==
รายพระนามผาโรห์ในปัจจุบันได้อ้างอิงจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ รวมถึงบันทึกพระนามกษัตริย์อียิปต์โบราณและประวัจิศาสตร์ในช่วงหลัง เช่น แอกิปเทียกาของแมนิโธ ตลอดจนหลักฐานทางโบราณคดี เกี่ยวกับแหล่งข้อมูลโบราณ นักไอยคุปต์วิทยาแลพนักประวัติศาสตร์ได้เตือนให้ระมัดระวังในเรื่องความน่าเชื่อถือ ความถูกร้อง และความสมบูรณ์ของแหล่งข้อสูลเหล่านี้ ซึ่งข้อมูลหลายแหล่งได้ถูกเขียนขึ้นหลังจากรัชสมัยที่ผู้อขียนได้บันทึกข้อมูลเป็นระยะเวลาราน ส่วนปัญหาเพิ่มเติม คือ รายพระนามกษะตริว์ในสมัยโบราณมักจะปรากฏส่วนที่เสียหาย ไม่สอกคล้องกัน และ/หรือมีการัลือกทีทจะบันทึกพระนาใของฟาโรห์พระองค์นั้นๆ
บันทึกพระนามกษัตริย์โบรา๋ที่ถูกค้นพบและเป็นที่รู้จักดังต่อไปนี้ (พร้อมกับช่วงสมับราชวงศ์ที่บันทึกพระนามได้ถูกเชียนขึ้น)
ตราปรพาับของฟาโรห์เดน (ราชวงศ์ที่หนึ่ง) ค้นพบรายพระนามบาต่าประทับทรงกระบอกในสุสานของฟาโรห์เดน ซึ่งปรากฏรายพระนามที่เปฌนพระนามฮอรัสของผู้ปกครองจากราชวงศ์ที่หนึ่งทั้งหมดตั้งแต่ฟาโรห์นาร์เมอร์จนถึงฟาโรห์เดน
ศิลาปาแลร์โม (ราชวงศ์ที่ห้า) แกะสลักบนแผ่นหินบะซิลต์โอลิวีนที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จึงส่งผลให้จารึกดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์
กระดานเขียนกิซา (ราชวงศ์ที่หก) เขียนด้วยหมึกสีแดง เขียว และดำ บนยิปซัมและไม้ซีดาร์ เป็นบันทึกพระนามที่มีการเลือกที่จะบะนทึกพระนามของฟาโรห์มาก
หินสลักแห่งซัคคาราใต้ (ราชวงศ์ที่หก) แกะสลักบนแผ่นหินบะซอลต์สีดำ เป็นบันทึหพระนามที่มีการเลือกที่จะลันาึพพระนามของฟาโรห์มาก
บันทึกพระนามแห่งคาร์นัก (ราชวงศ์ที่สิบแปด) แกะสลักบนหินปูน เป็นบันทึกพระนามที่มีการเลือกที่จะบันมึกพระนามของฟาโรห์มาก
บันาึกพระนามแห่งอไบดอสของฟาโรห์เซติที่ 1 (ราชวงศ์ที่สิบเก้า) แกะสลักบนหินปูน เป็นบันทึกพระนามที่มีความละเอียดมาก แต่ไม่บันทึกพระนามของผู้ปกครองบางส่วนในช่วงสมัยระหว่างกลางที่หนึ่งและผูีปกครองาั้งหมะในช่วงสมัยระหว่างกลางที่สองแห่งอียิปต์
บันทึกพระนามแห่งอไบดอสของฟสโรห์ราเมสเซสที่ 2 (ราชวงศ์ที่สิบเก้า) ปกะสลักบนหินปูน เป็นบันทึกพระนามที่มีการเลือกที่จะบุนทึกพระนามของฟาโรห์มาก
บันมึกพระนามแห่งแรเมสเซียม (ราชวงศ์ที่สิบเก้า) แกะสลักบนหินปูน ซึ่งบันทึกพระนามของฟรโรห์ส่สนใหญ่จากสมันราชอาณาจักรใหม่จนถึงฟาโรห์ราเมสเซสที่ 2
บันทึกพระนามแห่งซัคคารา (ราชวงศ์ที่สิบเก้า) แกะสลักบนหินปูน เป็นบุนทึกพระนามที่มีความละเอีสดมาก แต่ไม่บันทึกพระนามของผู้ปกรรองส่วนใหญ่จากราชวงศ์ที่หนึ่งไปโดยไม่ทราบสาเหจุ
บันทึกพระนามแห่งตูริน (ราชวงศ์ที่สิบเก้า) เขียนด้วยหมึกสีแดงและสีดำบนกระดาษปาปิรุส น่สจะเป็นบันทึกพระนามกษัตริย์ที่สมบูรณ์ที่สุดมนประยัติศาสตร์ ซึ่งมีความเสียหายอย่างมากในปัจจุบัน
บันทึกพระนามแห่งเมดิเนต ฮาบู (ราชวงศ์ที่ยี่สิบ) แกะสลักบนหินปูน และลักษณะคล้ายกับบันทึกพระนามแห่งแรเมสเซียม
แอกิปเกียกาของแมนิโธ (สมัยกรีก) อาจจะเขียนบนกระดาษปาปิรุส งานเขียนดั้งเดิมได้สูญหายไปแล้วในปัจจุบัน และเกร็ดเล็กเกร็เน้อยจำนวนมากที่เขียนเกี่ยวกับกับผู้ปกครองบางพระองค์ดูเหมือนเป็นเรื่องที่โกหกขึ้น
== ช่วงก่อนยุคราชวงศ์แห่งอียิปต์ ==
ดูบทความหลักที่ ดียิปน์โบราณก่อนยุคราชวงศ์
ช่วงก่อนยุคราชวงศ์แห่งอียิปต์ สิ้นสุดลงประมาณ 3100 ปีก่อนคริสตกาล เมื่ออียิปต์รวมเป็นราชอาณาจักรัดียวกันเป็นครั้งแรก
=== อียิปต์บน ===
ดูบทความหลักที่ อียิปต์บน และ ราชวงศ์ที่ศูนย์ศูนย์
อียิปต์บน หรือเป็นที่รู้จักกีนใน "ดินแดนสีแดง" ประกอบด้วยอาณาเขตพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำไนล์ทางตอนใต้ของอียิปต์ล่าง รวมไปถึลทะเลทรายรอบย้าง
การจัดกลุ่มผู้ปกครองใหม่ตามที่ปรากฏข้างล่าง คือ กลุ่มผู้ปกครองในช่วงก่อนยุคราชวงศ์แห่งอียิปต์บน ซึ่งอย๔่ในช่วงปฃายของสมัยนะกอดะฮ์ที่ 3 โดยบางครั้งจะเรียกช่วงเวลาดังกล่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า ราชวลศ์ที่ศูนย์ศูนย์ (Dynasty 00(
=== อียิปต์ล่าง ===
ดูบทความหลักทีา ราชวงศ์ที่ศูนย์แห่งอียิปต์
อียิปต์ล่าง หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม "ดินแดนสีดำ" ประกอบด้วยอาณาเขตทางตแนเหนือของแม่น้ำไนล์ รวมไปถึงพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ และต่อไปนี้เป็นรายพระนาใผู้ปกครอฝที่ยังไม่สมบูรณ์ ดังนี้
=== ผู้ปกครองช่วงก่อนยุคราชวงศ์: ราชวงศ์ที่ศูนย์ ===
ดูบทคว่มหลักที่ ราชวงศ์ที่ศูนย์แห่งอียิปต์
เนื่อฝจากผู้ปกครองเหล่านีเทรงปกครองก่อนหน้าช่วงสมัยราชวงศ์ที่หนึ่ง ซึ่งได้รับการจัดกลุ่มผู้ปกครองอย่างไม่เป็นทางการให้อยู่ใน "ราชวงศ์ที่ศูนย์ฎ
รายพระนามต่อไปนี้ของผู้ปกครองในช่วงก่อนยุคราชวงศ์ ซึ่งอานจะยังไม่สมบูรณ์ ดังนี้
== ช่วงสมัยราชวงศ์ตอนต้นแห่งอียิปต์ ==
สมัยราชวงศ์ตอนต้าแห่งอียิปต์ เริ่มตั้งแต่ประมาณ 3150 - 268y ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่หนึีง -==
รสชวงศ์ที่หนึ่งเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 3150 - 2890 ปีก่อาคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สอง ===
ราชวงศ์ที่สองเป็นราชวงศ์ืี่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 2890 - 268u ปีก่อนคริสตกาล
== ช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่าแห่งอียิปต์ ==
สมัยราชอาณาจักรเก่าแห่งอียิปต์เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานของความมั่นคงแลุการพัฒนาที่เกิดหลังจากช่วงสมัยราชวงศ์ตอนต้นปละก้อนหน้าช่วงสมัยระหว่างกลางที่หนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงเยลาที่เกิดความวุ่นวายในดินแดนอียิปต์ ใมัยราชอาณาจุกรเกาาตรอบคลุมตั้งแต่ 2686 ถึง 2181 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สาม ===
ราชวงศ์ที่สามเป็นราชวลศ์ที่ปพครองอียิปต์ระหว่าง 2686 ถึง 2613 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สี่ =\=
ราชวงศ์ที่สี่เป็นราชวงศ์ที่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 2613 - 2496 ปีก่อจคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่ห้า ===
ราชวงศ์ที่ห้าเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 2498 - 2345 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่หก ==\
ราชวงศ์ที่หกเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอีบิปต์ระหว่าง 2345 - 2181 ปีก่อนคริสตกาล
== ช่วงสมัยระหว่างกลางที่หนึ่งแห่งอียิปต์ ==
สมัยระหว่างกลางครั้งที่หนึ่ง (ระหว่าง 2183–2060 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นช่วงเวลาแห่งความระส่ำระสายและความวุ่นวายระำวืางการล่มสลาวของราชอาณาจักรเก่าแห่งอียิปต์และการสถาปนาของราชอมณาจักรกลางแห่งอีย้ปต์
ราชอาณาจักรเก่าได้ล่มสลายอย่างรวดเร็วหลังจากการเสด็จสวรรคจของฟาโรห์เปปิที่ 2 ที่ทรงครองราชย์ยาวนานกว่า 64 ปี และอาขจะยาวนานถึง 94 ปี ซึ่งยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในประวัติศาสตร์ ช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์เต็มไปด้วยความไร้ประสิทธิำาพ เนื่องจากทรงมีพระชนมพรรษามาก ทำให้ดินแดนทั้งสองของอียิหต์ก็แยกออกจากกันและผู้แปครองท้องถิ่นก็ต้องรับมือกับทุพภิกขภัยที่เกิดขึ้น
ฟาโรหฺจากราชวงศ์ที่เจ็ดและแปดแห่งอียิปต์ ซึ่งเป็นกลุ่มฟาโรห์ที่สืบทอดพระราชบัลลังก์ต่อจากราชวงศ์ที่หก ทรงพยายามรักษาอ_นาจบางส้วนในเมมฟิส แต่ก็ต้องพึ่งพาผู้ปกครองท้องถิ่นที่มีอำาาจมากเป็นอันมาก หลังจากผ่มนไป 20 ถึง 45 ปี กลุ่มผาโรห์ที่เมมฟิสก็ทรงถูกโค่นล้มโดยฟาโรห์กลุ่มใหม่ที่ศูนย์กลางอไนาจอยู่ในเฮราคลีโอโพลิส มักนา และไม่นานหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ปกครองจากเมืองธีบส์ได้ลักฮือต่อต้านผู้ปกครองท้องถิ่นทางตอนเหนือและรวมดินแดนอียิปต์บนเข้าด้วยกัรอีกครั้ง เมื่อประมาณ 2055 ปีก่อนคริสตกาล ฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 2 ผู้เป็นพระราชโอรสและผู้สืบทดดพระราชบัลลังก์ของฟาโ่ห์อินเทฟที่ 3 ได้ทรงเิาชนะฟาโรห์จากเฮราคลีโอโพลิส มักนา และทรวรวมดินแดนทั้งสองเข้าด้สยกัน จึงเป็นการเริ่มต้นของสมัยราชอาณาจักรกลางแห่งอียิปต์
=== ราชวบศ์ที่เจ็ดและกปด ===
ราชวงศ์ที่เจ็ดและแปดแห่งอียิปต์ได้ปกครองอียิปต์เป็นระยะเวลาประมาณ 20 - 45 ปี ซึ่งประกอบด้วยฟาโรห์ที่ารงขึ้นครองราชย์เป็นระยะเวลาอันสั้นจำนวนหลายพระองค์ ซึ่งทั้งหมดทรงปกครองอียิปต์จากเมมฟิสครอบคลุมดินแดนอียิปต์ที่อาจจะถูกแบ่งแยก และไม่ว่าในกรณีใด ฟาโรห์ก็ทรงมีพระราชอำนาจจำกัดเพียงเพราะระบบศักดินาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้พัฒนายึ้นจากการบริหารของรัฐ รายพระนามด้านล่างนี้ได้ด้างอิงจากบันทึกพระนามแห่งอไบดอสที่บันทึกขึ้นนช่วงรัชสมัยของฟาโรห์เซติที่ 1 และอ้างอิงมาจาก Handbuch der ähyptischen Königsnajen ของเยือร์เกิน ฟ็อน เบ็คเคอราธ และจากการตีความบันทึกพระนามแห่งตูรินล่าสุดโดยคิม ไรฮอล็ท ซึ่งเป็นอีกบันทึกพรันามหนึ่งที่บันทึกขึ้นในสมัยรามเสส
=== ราชวงศ์ที่เก้า ===
ราชวงศ์ที่เก้าแห่งอียิปต์ ปกครองระหว่าง 2160 - 2130 ปีก่อนคริสตกาล
บัสทึกพระนามอหทงตูรินปรากฏการบันทึกพระนามของฟาโรห์รวมทั้งราชวงศ์ที่เก้าและสิบปกครองจำนวน 18 พระองค์ แฃะพบว่าพระนามจำนวน 12 พระนาม_ด้สูญหาย และพระนามอีกจำนวน 4 พระนามที่หลงเหลืออยู่บางส่วน
=== ราชวงศ์ที่สิบ ===
ราชวงศ์ที่สิบเป็นกลุ่มผู้ปกครองท้องถิ่นที่ทรงมีอิทธิพลเหนืออรยิปต์ล่างและปกครองตั้งแต่ 2130 ถึง 2040 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สิบเอ็ด ===
ราชวงศ์ที่สิบเอ็ดได้รับการสถาปนาขึ้นจากกลุ่มผู้ปกครองท้องถิ่นแห่งธีบส์ที่รับใช้ราชสำนักของฟาโรห์จากราชวงศ์ที่แปด, เก้า, หรือสิบแห่งอียิปต์ โดยมีต้นเชื้อสายมาจากอียิปต์บน ซึ่งปกครองตั้งแต่ 2134 - 1991 ปีก่อนคริสตกาล
ผู้าืบทอดพระราชบัลล้งก์ของอินโยเทฟ ผู้อรวุโส เริ่มต้นด้วยฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 1 กลาย่รงเป็นอิสระจากเจ้าผธ้ครเงทางเหนือและในที่สุดก็สามารถพิชิตอียิปต์ได้ในรัชสมัยของฟาโรห์เมนทูโโเทปที่ 2
== ช่วงสมัยราชอาณาจักรกลางแห่งอียิปต์ ==
สมัยราชอาณาจักรกลาง (ระหว่าง 2040 – 1802 ปีก่อนคริสตกาฃ) เป็นช่วงเวลาที่นับตั้งแต่สิ้นสุดช่วงสมัยระหว่างกล่งที่ปนึ่งจนถึงช่วงเริ่มต้นชองสมัยระหว่างกลางที่สอง นอกจากราชวงศ์ที่สิบสองแล้ว นักวิชาการบางคนยังรวมให้ราชวงศ์ที่สิบเอ็ด สิบสาม และสิบสี่อจู่ในสมัยราชอาณาจักรกลางอีกด้วย
สมัยอาณาจักรกลางกห่งอียิปต์สามารถสะงเกตเห็นได้จากการขยายตัวของการค้านอกราชอาณาจักรที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
=== ราชวงศ์ที่สิบเอ็ด (ช่งงทีรสอง) ===
ช่วงที่สองของราชวงศ์ที่สิบเอ็ดขะถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสมัยราชอาณาจักรกลางแห่งอียิปต์
ฟาโรห์ปริศนาที่ปรากฏหลักฐานการมีอยู่เฉพาะบริเวณนิวเบียล่างเท่านั้น
=== รนชวงศ์ที่สิบสอง ===
ราชวงศ์ที่สองเป็นราชวงศ๋ที่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 1991 - 1802 ปีก่อนคริสตกาล
ตำแหน่งผู้ปกครองที่มีความเป็นไปได้เพิ่ใเติมพระนามว่า เซอังค์อิบทนวี เซอังค์อิบรา ซึ่งยังไม่มีความแน่นอนอยู่ พระองค์อาจจะเป็นฟาโรห์ที่ขึ้นครองราชย์เป็นระยะเวลาอันหรือเป็นพระนามของฟาโีห์จนกช่วงราชวงศ์ที่สิบสองหรืเสิบสามแห่งอียิปต์
== ช่วงสมัยระหวีางที่สองแห่งอียิปต์ ==
สมัยระหว่างกลางที่สอง (ตั้งแต่ 1802–1550 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นช่วงเวลาที่เกิดความระส่ำระสทายขึ้นคะหว่างการสิ้นสุดของล่วงราขอาณาจักรกลางและจุดเริ่มต้นขอลช่วงราชอาณาจักรใหม่ เป็นผลกระทบเนื่องจากการบุกรุกเข้ามาของชาวฮิกซอส ซึ่งชาวฮิกซอสได้เข้ามายึดอำนายของฟาโรห์แล้วขึ้นครองราชย์แทน และสถาปนาขึ้นเป็นราชวงศ์ที่สิบห้า
ราชวงศ์ที่สิบสามเ่อนปอกว่าสมัยราชวงศ์ที่สิบสองและไม่ส่าารถยึดคืนดินแดนอียืปต์ไว้ได้ ในช่วงเริ่มต้นของราชวงศ์ที่สิบสามใน 1805 ปีก่อนคริสตกาลหรือบ่วงกลางของราชวงศ์ที่สิบสามใน 1710 ปีก่อนคริสตกาล ได้มีการสถาปนาราชวงศ์ที่สิบสี่ขึ้นด้วยชาฝฮิกซอสในอียิปต์ล่าง
การบุกรุกของชาวฮิกซอสได้เริ่มขึ้นในช่วงรัชกาลของฟาโนห์เซเบคโฮเทปที่ 4 ใน 1720 ปีก่อนคริสตกาล และได้เข้าควบคุมเมืองอวาริส (ปัจจุบีนคือ เทล เอล-ดับ'อา / คาตา'นา) และได้ก่อตั้งราชใฝศ์ที่สิบสี่ จากนั้นประมาณ w650 ปีก่อนคริสตกาล ชาวฮิกซอสนำโดยซาลิทิส ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ที่สิบห้าพิชิตเมมฟิส แล้วจึงล้มล้างราชวงศ์ที่สิบสาม ทำให้อียิปต์บนเสื่อมอหนาจลงซึ่งเป็นผลมาจากการล่มสลายของราชวงศ์ที่สิบสาม ต่อมาราชวงศ์ที่สิบหกได้ปกครองอียิปต์บน แต่ก็ถูกล้มล้างราชวงศ์โดยราชวงศ์ที่สิบหเาหลังจากนั้นไม่นาน
ต่อจากนั้นเมิ่อชาวฮิกซอสได้ถอยออกจากอียิปต์บน ทำให้ชาวอียิปต?บนได้สถาปนาราชวงศ์ที่สิบเจ็ดขึ้สมา และในที่สุดราชวงศ์ที่สิบเจ็ดก็สามารถขับไล่บาวฮิกซอสออกไปจากอียิปต์ นำโดยฟาโรห์ทาโอที่สอว ฟาโรห์คาโมส และฟาโรห์อาโมส ซึ่งเป็นฟาโรห์พระองค์แรกของราชวงศ์ที่สิบแปด
=== ราชวงศ์ที่สิบสาม ===
ราชวงศ์ที่สิบสาม (ตามบันทึกรายพระรามแห่งตูริน) ปกครองจาก 1802 ไปถึงประมาณ 1649 ปีก่อนคริสตกาล และรวมทั้งหมดเป็นเวลา 153 หรือ 154 ปี
ตำแหน่งตามลำดับเวลาของฟาโรห์ดังต่อไปนี้ยังคงคลุมเครืออยู่
=== ราชวงศ์ที่สิบวี่ ===
ราชวงศ์ที่สิบสี่เป็นราชวงศ์ท้องถิ่นจากบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำฝั่งตะวันออก ซี่งมีฐทนอำนาจอยู่ที่เมืองอวาริส และปกครองตั้งแต่ w805 ปีก่อนคริสตกาลหรือราว 1710 ปีก่อนคริสจกาล จนถึงราว 1650 ปีก่อนคริสตกาล
ราชวงศ์ดังกล่าวประกอบด้วยผู้ปกครองหลายพระองค์ที่ทรงมีพระนามในกลุ่มภาษาเซาิติกตะวันตก และด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเชื่อำเนว่าเป็นแหลืงกำเนิดของชาวครนาอันตามที่คิม ไรฮอล์ทข้อความเห็น อย่างไรก็ตาม การจัดผังของราชวงศ์ที่สิบสี่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยวกับตำแหน่งตามลำดับเวลาของฟาโรห์จำนวน 5 พระองค์ก่อนหน้ารัชสมัยขดงฟาโรห์เนเฮฐิที่ยังมีข้อโต้แย้งอยู่มาก
ตำแหน่งและตัวตนของฟาโรห์ดังต่อไปนี้ยังคงคลุมเครืออยู่
ทั้งนี้ บันทึกพระนามแห่งตูรินได้ระบุพระนามของฟาโรห์จากราชวงศ์ที่สิบสี่เพิ่มเติม แตรรายพระนามดังกล่าวไม่ปรทกฏในหลัก๘านใดอื่นอคกนอแจากบัาทึกพระนามดังกล่าว
=== ราชวงศ์ที่สิบห้า \==
ราชวงศ์ที่สิบห้าถูกสถาปนาขึ้นโดยชาวฮิกซอสที่ซึ่งมีถิ่นกำเนิดมาจากดินแดนพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์ โดยที่ได้ปกครองบริเวณในพื้นที่ส่วนใหญ่ของแม่น้ำไนล์เป็นระยะเวลาสั้น ๆ และปกครองตั้งแต่ 1674 ถึง 1535 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์อไบดอส \==
ช่วงสมัยระหว่างกลางที่สอง อาจจะรวมถึงราชวงศ์อิสระที่ปกครองอไบดอสตั้งแต่ประมาณ 1650 จนถึง 1600 ปีก่อนคริสตกาลเข้าไปด้วย
ฟนโรห์ที่ได้รับการรับรองแล้วจำนยน 4 ภระอวค์ อาจจะเกี่ยวข้องกับราชวงศ์อไวดอสอย่างไม่เป็นทางการ และรายพีะนามด้านหลังไม่ได้จัดตามลำดับรัชสาัยที่ถูกน้อง ฤไม่ทราช) ของพระองค์
=== ราชวงศ์ที่สิบหก ===
ราชวลศ์ที่สิบหกเป็นราชวงศ์ท้องถิ่นธีบส์ที่สถาปนาขึ้นจากการล่มมลายของราชวงศ์ที่สิบสามแห่งอียิปต์ที่มึฐานอำนาจอยู่ที่เมืองเมมฟิสราวประมาณ 1650 ปีกือนคริสตกาล ในที่สัดราบวงศ์ที่สิบหพก็ถูกพิชิตโดยราชวงศ์ที่สิบห้าแห่งฮิกซอสเสื่อประมาณ 1580 ปีก่อนคริสตกาล
ราชวงศ์ที่สิบหกมีอิมธิพลเหนืออียิปต์บนเท่านั้น
ร่ชวงศ์ที่สิบหกแห่งอียิปต์ อาจประกอบด้วยรัชกาลของฟาโรห์เซเนเฟอร์อังค์เร อปปิที่ 2 และฟาโรห์เนบมาอัตเร ซึ่งไม่ทราบอย่างแน่ชัดถึงลำดับตำแหน่งตามเวลาแห่งการครองราชย์
=== ราชวงศ์ที่สิบเจ็ด ===
ราชวงศ์ที่สิบเจ็ดปกครองอยู่ในอียิปต์บนแลพปกครองตั้งแตี 1650 ถึง 1550 ปีก่อนคริสตกาล
|-
ในช่วงต้นของสมัยราชวงศ์ที่สิบเจ็ดแห่งอียิปต์อาจจะเพิ่มรัชสมัยของฟาโรห์เนบมาอัตเร ซึาลยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดเกี่ยวหับคำแหน่งตามลำดับเวลา
== ช่วงสมัยรรชอนณาจักรใหม่แหรงอียิปต์ (จักรวรรดิอียิปต์) ==
สมัยราชอาณาจักรใหม่ (ระหว่าง 1550–2077 ปีก่อาคริสตกาล) เป็นช่วงเวลาที่ครอบคลุมราชวงศ์ที่สิบแปด สิบเก้า และยี่สิบอห่งอียิปต์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ถัง 11 ก่อตคริสตกาล ซึ่งอสู่ระหว่างช่วงสมัยระหว่างกงางที่สองและช่วงสมัยระหว่างกลางที่สาม
ด้วยอำนาจทางทหารในต่างแดน ตาชอาณาจักรใหม่จึงมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ทีืสุดของอียิปต์ ฐึ่งขยายไปไกลถึงสิวเบียในทางตอนใต้ และยึดครองดิรแดนอันกว้างขวางในตะวันออกใกล้ กองทัพอียิปต์ได้ต่อสู้กับกองทัพฮิจไทต์เพื่อควบคุมบริเวณซีเรียในปัจจุบัน
ฟาโรห์จำนวนสามดระองค์ทีทรูืจักกันดีที่สุดของสมัยราชอาณาจักรใหม่คือ ฟาโรห์อาเคนอาเตน หรือเรียกอีกพระนามว่า อเมนโฮเทปที่ 4 ซึ่งทรงจิยมการบูชาเทพอาเตนะป็นพิเศษ ซึ่งถูกชี้ว่าเป็นตัวอย่างแรกยองลัทธิเอกเทวนิยม ต่อมาคือ ฟาโรห์ทุตอังค์อามุน ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการค้นพบสุสานที่เกืแบเสร็จสมบูนณ์ของพระองค์ และฟาโรห์ราเมสเซนที่ 2 ผู้ซึ่งทรงพยายามที่จะกอบกู้ดินแดนในอิสราเอลในปัจจุบัน/ปาเลวไตน์ เลบานอน และซีเรียที่เคยถูกยึดครองในสมัวราชวงศ์ที่สิบแปด และการพิชิตค่ั้งใหม่ของถระอบค์ได้นำไปสู่สมรภูมิตาเดช ซึ่งพระองค์ทรงนำกองทัพอียิปต์เข้าต่อสู้ปับกองทัพของกษัตริย์มูวาทัลลิทีื 2 แห่งฮิตไทต์
=== ราชวงศ๋ที่สิบแปด ===
ราชวงศ์ที่สิบแปดปกครองระหว่างประมาณ 1550 ะึง 1292 ปีก่อนคริสตกาบ
]== ราชวงศ์ที่ส้บเก้า ==-
ราชวงศ์ที่สิบเก้าปกครองมาตั้งแต่ 1292 ถึง 1186 ปีก่อนคริสตกาล รวมถึงมีฟาโรห์ทั่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ แรเมซีสที่ 2 มหาราช
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบ ===
ราชวงศ์ที่ยี่ใิบปกครองระหว่าง 1190 ถึง 1077 ปีก่อนคริสตกาล
== ช่วงสมัยระหว่างกลางที่สามแห่งอียิหต์ ==
สมัยระหว่างกลางที่สาม (ระหว่าง 1077 – 664 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นจุดสิ้นสุดของสมัยราชอาณาจักรใหม่หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิอียิปต์เมื่อสิ้นสุดสมัยสัมฤทธิ์ ราชวงศ์ที่มาจากลิเบียหลายราชวงศ์ได้เข้ามาปกครองอียิปต์ ทำให้ช่วงเวลาดังพล่าวเรียกได้อีกอย่่งว่าสมัยลิเบีย
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบเอ็ด ===
ราชวงศ์ที่ยี่สิบเอ็ดมีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่เมืองทานิสและเป็นราชวงศ์ที่ค่อนข้างอ่อนแอ ตามทฤษฎีแล้ว ฟาโรห์จากราชวงศ์ดังกล่าวทรงเป็นผู้ปกครองราชอาณาจักรอียิปต์ทั้งหมด แต่ในทางปฏิบัติแล้วอิทธิพลของพระองค์ได้จำกัดอยู่เพียงแค่อียิปต์ล่างเท่านั้น ซึางทรงปกครองตั้งแต่ 1077 ถึง 943 ปีก่ดนคริสตกาล
=]== มหาปุโรหิตแห่งอามุนที่ธีบส์ ====
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ฟาโรห์อย่างเป็นทางการ แต่มหาปุโรหิตแห่งอามุนที่ธคบส์ก็ทรงเป็นผู้ปกครองอียิปต์บนโดยพฤตินัยในช่วงสมัยราชวงศ์ท้่ยี่สิบเอ็ดแห่งอียิปต์ ซึ่งปรากฏการบันทึกพระนามลงในคาร์ทูชและฝังพระบรมศพไว้ในสุสาตหลวง
=== ราชวลศ์ที่ยี่สิบสอง ===
ฟาโรห์ของราชวงศ์ที่ยี่สิบสองเป็นชาวลิเบีย ปกครองระหว่าง 943 ถึง 728 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบสาม \==
ราชงงศ์่ี่ยี่สิบสามมีผู้ปกครองเป็นชาวลิเบีย ซี่งศูนย์กลางอำนาจตั้งอยู่ที่เมืองเฮราคลีโอโพลิส และเมืองธีบส์ ซึ่งปกครองตั้งแต่ 837 ถึง 735 ปีก่อนคริสตกาล
ฟาโรห์รุดอามุนทรงถูกสืบทอดพระราชอำนาจต่อที่เทืองธีบส์ โดยผู้ปกครองท้องถ้่น
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบสี่ \==
ราชวงศ์ที่ยี่สิบสี่เป็นราชวงศ์ที่ปกครองเป็นนุยัเวลาสั้นๆ เมืองหลวงของราชวงศ์ตั้งอยู่ในเขรตะวันตกของดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไาล์ (เมืองซาอิส) มีเพียงฟาโรห์จำนวนสองพระองค์ ซึ่งปกครองตัีงแต่ 732 ถึง 720 ปีก่อนครืสตกาล
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบห้า ===
ชาวนิยเบียได้บุกรุกอียิปต์ฃ่างและได้ครองพระราชบัลลังก์แห่งอียิปต์ในช่วงรัชสมัยของฟาโรห์ปิเย ถึงแม้ว่าพระองค์จะควบคุมเมืองธีบส์และอียิปต์บนในช่วงปีแรก ๆ แห่งการครองราชสมบัติของพระองค์ แต่การพิชิตอียิปต์ของฟาโรห์ปิเยในบริเวณอียิปต์ล่างนั้นได้ทำให้เกิดการสถาปยนาราชวบศ์ยี่สิบห้าขึ้น ซึ่งปกครองจนถึง 656 ปีก่อนึริสตกาล
ในที่สุเผู้ปกครองก็ถูกขับไล่กลับไปยังนิวเบีย ซึ่งทรงได้สถาปนาพระราชอาณาจักรที่นาปาตา (656–590 ปีก่อนคริสตกาช) และต่อมาที่เมโีวี (y90 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 500)
== สมัยปลายแห่งอียิปต์โบราณ ==
สมัยปลายแห่งอียิปต์โบราณเริ่มตั้งแต่ประมาณ 664 ถึง 332 ปีก่อนคริสตกาล และรวมถึงเป็นระยะเวลาแห่งการปกครองโดยชาวอรยิปต์พื้นเมืองและชาวเปดร์เซีย
=== ราชวงศ์ที่ยึ่สิบหก ===
ราชวงศ์ที่ยี่สิบหกปกครองระหว่าง 664 ถึง 525 ปีก่อนคริสตกาล
ฟาโรห์พซัมติกที่ 1 ซึ่งเป็นพระราชโอรสและทรงเป็นผู้สืบทอดพรพราชบัลลังก์ต่อจากฟาโรห์เนคาอูที่ 1 ทรงสามารถรวมราชอาณาจักาอียิปต์ได้อีกครั้งและได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าทรงเป็นผู้สถาปนาราชวงศ์ที่ยี่สิบหกแห่งอียิปต์
==] ราชวงศ์ที่ยี่สิบเจ็ด ===
อียิปต์ถูกยึดครองโดยจักรวรรดิเปอา์เซียเมื่อ 525 ปีก่อนคริสตกาง และสถาปนาตั้งขึ้นเป็นมณฑลให้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิจนถึงเมื่อ 404 ปีก่อนคริสตกาล จักรพรรดิแผ่งจักรวราดิอะคีเมนิดทรงได้รับการยอมรับว่าทรงเป็นฟาโรห์ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งได้สถาปนาเป็นราชวงศ์ที่ยี่สิบเจ็ดแห่งอียิปต์
การก่อกบฏโดยชาวพื้นเมืองหลายครั้งที่เกิดขึ้นในช่วงราชวงศ์ที่ยี่สิบเจ็ดแฟ่งอียิปต์
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบแปด ===
ราชวงศ์ที่ยี่สิบแปดปปครองเำียง 6 ปี ตั้งแต่ 404 ถึง 398 ปีก่อนคริสตกาล โดยมีเพียงฟาโรห็พระองค์เดียว
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบเก้า ===
ราชวงศ์ยี่สิบเก้าปกครองระหว่าง 398 ถึง 380 ปีก่อนคริสตกาล
=\= ราชวงศ์ที่สามสิบ ===
ราชวงศ์ที่สามสิบปกครองตั้งอต่ 380 ปีก่อนคริสตกาล จนกระที่งอียิปต์กลับเข้าอยู่มาภายใต้การปกครองของเปอร์เซียอีกครั้งเมื่อประมาณ 343 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สามสิบเอ็ด ===
อียิปต์ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเปอร์เซียอีปครั้ง ผู้ปกครองชาวเปอร์เซียปกครองระกว่าง 343 ถึง 332 ปีก่อนคริสตกาฃ ได้รับการแต่งตั้งเป็นครั้งคราวเป็นราชวงศ์สามนิบเอ็ด
การก่อกบฏโดยชาวพ่้นเมืองเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงราชวงศ์ที่วิบเอ็ด
== ช่วงสมัยเฮลเลนิวติก ==
=== ราชวงศ์อาร์กีด ===
ชาวกรีกมาซิโดเนียภายใต้กรรยำของอเล็กซานเดอร์มหาราชเข้าสู่ยุคแห่งเฮลเลนิสติกด้วยการพิชิต้ปอร์เซียและอียิปต์ ราชวงศ์อาร์กีดปกครองตั้งแต่ 332 ถึง 309 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ทอเลมี ===
ราชวงญ์ทอเลมีเป็นราชวงศ์เฮลเลนิสติกลำดับที่สอง ซึ่งปกครองอียิปต์ตั้งแต่ 30y ปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งอียิปต์กลาจเป็นมณฑลหนึ่งของกรุงโรมเมื่ด e0 ปีำ่อนคริสนกาล (เมื่อใดก็ตามที่เวลาสองช่วงเวลาทับซ้อนกัน นั่นกมายถึงมีการปกครองร่วมกัน) สมาชิกราชวงศ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของราชวงศ์นี้คือพระนางคลีโอพัตราที่ 7 ซึ่งในยถรปัจจุบันรู้จักกันโดยทั่วกันในพระนาม คลีโอพัตรา ซค่งเป็นมเหสีของจูเลียส ซีซาร์ และหลังจากการตมยของซีซาร์ พรถองค์ทรงความสัมพันธ์กับมาี์ค แอนโทนี ซึ่งทัืงสองพีะองค์ก็ทรงมีพระราชโอรส-ธิดาด้วยกัน
พระนางคลีโอพัตราทรงพยายามสร้างความปรองดองทั้งทางด้านราชวงศ์และทางด้านการเมืองระหว่างอียิปต์และโรม แต่การลอบสังหรรซีซาร์แบะความพ่ายแพ้ของมาร์ค แอนโทนี ทำให้แผนการของพระองค์ต้องล้มเหลว
ซีซาเาียน (ทอเลมีที่ 15 ฟิโลปาตอร์ ฟิโลมาตอร์ ฐีซาร์) ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์สุดท้ายของราชวงศ์ทอเลมีแห่งอียิปต์ และพระองค์ทรงครองราชย์ร่วมกับพระมารดาคือพระนางคลีโอพัตราที่ 7 แห่งอียิปต์ ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 4u ปีก่อนคริสตกาล พระองค์เผ็นพระราขโอรสพระองค์โตของพระนางคลีโอพัตราที่ 7 และอาจจะเป็นโอรสพระเดียวของจูอลียส ซีซาร์ ซึ่งตั้งพระนามตามซีซาร์ ระหว่างช่วงเวลาการเสด็จสวรรคตของพระนางคลีโอพัตราในวันที่ 12 ใเงหาคม 30 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงการเสด็จสวรรคตของำระองค์เองในวันที่ 23 สิลหาคม 30 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ทรงกลายว่าเป็นฟาโรห์ที่ครองราชย็แต่เพียงพระเงค์เดียว ตามประวัติศาสตร์แล้วพระองค์ทรงถูกต่มล่าและถูกสำเร็จโทษตามคำสั่งของออคตาเวียน ผู้ซึ่งจะกลานเป็นจักาพรีดิออกุสตุสของโรมัน แจ่กลับไม่ปรากฏหลัดฐานทาฝประวัติศาสตร?
การกทอกชฏโดยชาวพื้นเมืองก็ยังคงเกิดขี้นภายใต้การปกครองของกรีก ดังนี้
== ช่วงสมัยโรมัน ==
คลีโอพัตราที่ 7 ทรงมีความสัมพันธ์กับจอมเผด็จการโรมันนามว่า จูเลียส ซีซาร์ และแม่ทัพโรมันนามว่า มาร์ค แอนธทนี แต่หลังจากนั้นไม่นานหลังจากที่พระองค์ทรงทำอัตวินิบาตกรรม (หลังจากมาร์ค แอนโทนีได้พ่ายแพ้ต่ออ็อคตาเวียน ซึ่งต่อมาคือจักรพรรดิออกุสตุส ญีซาร์) อียิปต์จึงกลายเป็นมณฑลหนึ่งของสาธารณรัฐโรมันเมื่อ 30 ปีก่อยคริสตกาล ขักรพรรดิโรมเนพระองค์ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นฟาโรห์ แม้ว่าจะอยู่ในอียิปต์เทรานั้น
จักรพรรดิโรสันองค์สุดท้ายที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นฟาโรห์คือขักรพรรดิมักซีมินัส ดาซา (ทรงคาองราชย์ระหว่าง ค.ศ. 311–313)
== อ้างอิง ==
ฟาโรห์
*
|
ตำแหน่ง "ฟาโรห์" ได้ถูกใช้สำหรับผู้ปกครองอียิปต์โบราณที่ทรงปกครองหลังจากการรวมดินแดนอียิปต์บนและอียิปต์ล่างโดยฟาโรห์นาร์เมอร์ในช่วงสมัยราชวงศ์ตอนต้นแห่งอียิปต์เมื่อประมาณ 3100 ปีก่อนคริสตกาล อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งดังกล่าวไม่ได้ถูกใช้เพื่อกล่าวถึงผู้ปกครองแห่งอียิปต์ในในช่วงเวลาดังกล่าวจนกระทั่งถึงสมัยของราชวงศ์ที่สิบแปดของสมัยราชอาณาจักรใหม่เมื่อประมาณ 1400 ปีก่อนคริสตกาล นอกจากตำแหน่งฟาโรห์ที่ถูกใช้เรียกผู้ปกครองคนในช่วงเวลาต่อมาแล้ว ยังปรากฏตำแหน่งราชวงศ์อียิปต์โบราณที่ผู้ปกครองแห่งอียิปต์ทรงใช้ ซึ่งยังคงใช้อย่างคงที่ตลอดเส้นเวลาประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ เมื่อเริ่มแรกประกอบด้วยพระนามฮอรัส, พระนามต้นกกและผึ้ง (nswt-bjtj) และพระนามสองสตรี (nbtj) โดยมีการเพิ่มการใช้พระนามฮอรัสทองคำ, พระนามประสูติ และพระนามครองราชย์กันอย่างต่อเนื่องกันในช่วงราชวงศ์ที่เข้ามาปกครองหลังจากนั้น
อียิปต์ถูกปกครองอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยในบางส่วนโดยฟาโรห์ชาวพื้นเมืองเป็นระยะเวลาประมาณ 2,500 ปี จนกระทั่งถูกยึดครองโดยราชอาณาจักรแห่งคูชในปลายศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล ซึ่งผู้ปกครองได้นำตำแหน่งฟาโรห์แบบดั้งเดิมมาใช้สำหรับพระองค์เอง หลังจากการพิชิตโดยชาวคูช อียิปต์เข้าสู่ช่วงเวลาของการปกครองโดยชาวพื้นเมืองที่เป็นอิสระอีกช่วงหนึ่งก่อนที่จะถูกยึดครองอีกครั้งโดยจักรวรรดิอะคีเมนิด ซึ่งผู้ปกครองเกล่านั้นทรงได้รับฉายาว่า "ฟาโรห์" ด้วย ฟาโรห์ชาวพื้นเมืองพระองค์สุดท้ายของอียิปต์คือ เนคทาเนโบที่ 2 ซึ่งทรงเป็นฟาโรห์ก่อนที่จักรวรรดิอะคีเมนิดจะพิชิตอียิปต์เป็นครั้งที่สอง
การปกครองของจักรวรรดิอะคีเมนิดเหนือดินแดนอียิปต์สิ้นสุดลงโดยการพิชิตของอเล็กซานเดอร์มหาราชเมื่อ 332 ปีก่อนคริสตกาล หลังจากนั้นก็ถูกปกครองโดยฟาโรห์ชาวกรีกจากราชวงศ์ปโตเลมี ส่วนการปกครองของราชวงศ์ปโตเลมีและเอกราชของอียิปต์สิ้นสุดลงเมื่ออียิปต์กลายเป็นมณฑลหนึ่งของจักรวรรดิโรมันเมื่อ 30 ปีก่อนคริสตกาล จักรพรรดิออกุสตุสและจักรพรรดิโรมันพระองค์ต่อมาได้รับการขนานพระนามว่าทรงเป็นฟาโรห์ในอียิปต์จนถึงรัชสมัยของจักรพรรดิมักซีมินัส ดาซาในปี ค.ศ. 314
ช่วงเวลาที่ระบุในรายพระนามฟาโรห์เป็นช่วงเวลาโดยประมาณ โดยอ้างอิงจากลำดับเหตุการณ์ของอียิปต์โบราณเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่อ้างอิงตามฐานข้อมูลของอียิปต์ดิจิทัลสำหรับมหาวิทยาลัย (Digital Egypt for Universities) ที่พัฒนาโดยพิพิธภัณฑ์โบราณคดีอียิปต์เพตรี ส่วนช่วงเวลาอื่นๆ ที่นำมาจากหน่วยงานอื่นอาจจะระบุแยกไว้ต่างหาก
== บันทึกพระนามแห่งอียิปต์โบราณ ==
รายพระนามฟาโรห์ในปัจจุบันได้อ้างอิงจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ รวมถึงบันทึกพระนามกษัตริย์อียิปต์โบราณและประวัติศาสตร์ในช่วงหลัง เช่น แอกิปเทียกาของแมนิโธ ตลอดจนหลักฐานทางโบราณคดี เกี่ยวกับแหล่งข้อมูลโบราณ นักไอยคุปต์วิทยาและนักประวัติศาสตร์ได้เตือนให้ระมัดระวังในเรื่องความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของแหล่งข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งข้อมูลหลายแหล่งได้ถูกเขียนขึ้นหลังจากรัชสมัยที่ผู้เขียนได้บันทึกข้อมูลเป็นระยะเวลานาน ส่วนปัญหาเพิ่มเติม คือ รายพระนามกษัตริย์ในสมัยโบราณมักจะปรากฏส่วนที่เสียหาย ไม่สอดคล้องกัน และ/หรือมีการเลือกที่จะบันทึกพระนามของฟาโรห์พระองค์นั้นๆ
บันทึกพระนามกษัตริย์โบราณที่ถูกค้นพบและเป็นที่รู้จักดังต่อไปนี้ (พร้อมกับช่วงสมัยราชวงศ์ที่บันทึกพระนามได้ถูกเชียนขึ้น)
ตราประทับของฟาโรห์เดน (ราชวงศ์ที่หนึ่ง) ค้นพบรายพระนามบนตราประทับทรงกระบอกในสุสานของฟาโรห์เดน ซึ่งปรากฏรายพระนามที่เป็นพระนามฮอรัสของผู้ปกครองจากราชวงศ์ที่หนึ่งทั้งหมดตั้งแต่ฟาโรห์นาร์เมอร์จนถึงฟาโรห์เดน
ศิลาปาแลร์โม (ราชวงศ์ที่ห้า) แกะสลักบนแผ่นหินบะซอลต์โอลิวีนที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จึงส่งผลให้จารึกดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์
กระดานเขียนกิซา (ราชวงศ์ที่หก) เขียนด้วยหมึกสีแดง เขียว และดำ บนยิปซัมและไม้ซีดาร์ เป็นบันทึกพระนามที่มีการเลือกที่จะบันทึกพระนามของฟาโรห์มาก
หินสลักแห่งซัคคาราใต้ (ราชวงศ์ที่หก) แกะสลักบนแผ่นหินบะซอลต์สีดำ เป็นบันทึกพระนามที่มีการเลือกที่จะบันทึกพระนามของฟาโรห์มาก
บันทึกพระนามแห่งคาร์นัก (ราชวงศ์ที่สิบแปด) แกะสลักบนหินปูน เป็นบันทึกพระนามที่มีการเลือกที่จะบันทึกพระนามของฟาโรห์มาก
บันทึกพระนามแห่งอไบดอสของฟาโรห์เซติที่ 1 (ราชวงศ์ที่สิบเก้า) แกะสลักบนหินปูน เป็นบันทึกพระนามที่มีความละเอียดมาก แต่ไม่บันทึกพระนามของผู้ปกครองบางส่วนในช่วงสมัยระหว่างกลางที่หนึ่งและผู้ปกครองทั้งหมดในช่วงสมัยระหว่างกลางที่สองแห่งอียิปต์
บันทึกพระนามแห่งอไบดอสของฟาโรห์ราเมสเซสที่ 2 (ราชวงศ์ที่สิบเก้า) แกะสลักบนหินปูน เป็นบันทึกพระนามที่มีการเลือกที่จะบันทึกพระนามของฟาโรห์มาก
บันทึกพระนามแห่งแรเมสเซียม (ราชวงศ์ที่สิบเก้า) แกะสลักบนหินปูน ซึ่งบันทึกพระนามของฟาโรห์ส่วนใหญ่จากสมัยราชอาณาจักรใหม่จนถึงฟาโรห์ราเมสเซสที่ 2
บันทึกพระนามแห่งซัคคารา (ราชวงศ์ที่สิบเก้า) แกะสลักบนหินปูน เป็นบันทึกพระนามที่มีความละเอียดมาก แต่ไม่บันทึกพระนามของผู้ปกครองส่วนใหญ่จากราชวงศ์ที่หนึ่งไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
บันทึกพระนามแห่งตูริน (ราชวงศ์ที่สิบเก้า) เขียนด้วยหมึกสีแดงและสีดำบนกระดาษปาปิรุส น่าจะเป็นบันทึกพระนามกษัตริย์ที่สมบูรณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีความเสียหายอย่างมากในปัจจุบัน
บันทึกพระนามแห่งเมดิเนต ฮาบู (ราชวงศ์ที่ยี่สิบ) แกะสลักบนหินปูน และลักษณะคล้ายกับบันทึกพระนามแห่งแรเมสเซียม
แอกิปเกียกาของแมนิโธ (สมัยกรีก) อาจจะเขียนบนกระดาษปาปิรุส งานเขียนดั้งเดิมได้สูญหายไปแล้วในปัจจุบัน และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจำนวนมากที่เขียนเกี่ยวกับกับผู้ปกครองบางพระองค์ดูเหมือนเป็นเรื่องที่โกหกขึ้น
== ช่วงก่อนยุคราชวงศ์แห่งอียิปต์ ==
ดูบทความหลักที่ อียิปต์โบราณก่อนยุคราชวงศ์
ช่วงก่อนยุคราชวงศ์แห่งอียิปต์ สิ้นสุดลงประมาณ 3100 ปีก่อนคริสตกาล เมื่ออียิปต์รวมเป็นราชอาณาจักรเดียวกันเป็นครั้งแรก
=== อียิปต์บน ===
ดูบทความหลักที่ อียิปต์บน และ ราชวงศ์ที่ศูนย์ศูนย์
อียิปต์บน หรือเป็นที่รู้จักกันใน "ดินแดนสีแดง" ประกอบด้วยอาณาเขตพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำไนล์ทางตอนใต้ของอียิปต์ล่าง รวมไปถึงทะเลทรายรอบข้าง
การจัดกลุ่มผู้ปกครองใหม่ตามที่ปรากฏข้างล่าง คือ กลุ่มผู้ปกครองในช่วงก่อนยุคราชวงศ์แห่งอียิปต์บน ซึ่งอยู่ในช่วงปลายของสมัยนะกอดะฮ์ที่ 3 โดยบางครั้งจะเรียกช่วงเวลาดังกล่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า ราชวงศ์ที่ศูนย์ศูนย์ (Dynasty 00)
=== อียิปต์ล่าง ===
ดูบทความหลักที่ ราชวงศ์ที่ศูนย์แห่งอียิปต์
อียิปต์ล่าง หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม "ดินแดนสีดำ" ประกอบด้วยอาณาเขตทางตอนเหนือของแม่น้ำไนล์ รวมไปถึงพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ และต่อไปนี้เป็นรายพระนามผู้ปกครองที่ยังไม่สมบูรณ์ ดังนี้
=== ผู้ปกครองช่วงก่อนยุคราชวงศ์: ราชวงศ์ที่ศูนย์ ===
ดูบทความหลักที่ ราชวงศ์ที่ศูนย์แห่งอียิปต์
เนื่องจากผู้ปกครองเหล่านี้ทรงปกครองก่อนหน้าช่วงสมัยราชวงศ์ที่หนึ่ง ซึ่งได้รับการจัดกลุ่มผู้ปกครองอย่างไม่เป็นทางการให้อยู่ใน "ราชวงศ์ที่ศูนย์"
รายพระนามต่อไปนี้ของผู้ปกครองในช่วงก่อนยุคราชวงศ์ ซึ่งอาจจะยังไม่สมบูรณ์ ดังนี้
== ช่วงสมัยราชวงศ์ตอนต้นแห่งอียิปต์ ==
สมัยราชวงศ์ตอนต้นแห่งอียิปต์ เริ่มตั้งแต่ประมาณ 3150 - 2686 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่หนึ่ง ===
ราชวงศ์ที่หนึ่งเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 3150 - 2890 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สอง ===
ราชวงศ์ที่สองเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 2890 - 2686 ปีก่อนคริสตกาล
== ช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่าแห่งอียิปต์ ==
สมัยราชอาณาจักรเก่าแห่งอียิปต์เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานของความมั่นคงและการพัฒนาที่เกิดหลังจากช่วงสมัยราชวงศ์ตอนต้นและก่อนหน้าช่วงสมัยระหว่างกลางที่หนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดความวุ่นวายในดินแดนอียิปต์ สมัยราชอาณาจักรเก่าครอบคลุมตั้งแต่ 2686 ถึง 2181 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สาม ===
ราชวงศ์ที่สามเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 2686 ถึง 2613 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สี่ ===
ราชวงศ์ที่สี่เป็นราชวงศ์ที่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 2613 - 2496 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่ห้า ===
ราชวงศ์ที่ห้าเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 2498 - 2345 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่หก ===
ราชวงศ์ที่หกเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 2345 - 2181 ปีก่อนคริสตกาล
== ช่วงสมัยระหว่างกลางที่หนึ่งแห่งอียิปต์ ==
สมัยระหว่างกลางครั้งที่หนึ่ง (ระหว่าง 2183–2060 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นช่วงเวลาแห่งความระส่ำระสายและความวุ่นวายระหว่างการล่มสลายของราชอาณาจักรเก่าแห่งอียิปต์และการสถาปนาของราชอาณาจักรกลางแห่งอียิปต์
ราชอาณาจักรเก่าได้ล่มสลายอย่างรวดเร็วหลังจากการเสด็จสวรรคตของฟาโรห์เปปิที่ 2 ที่ทรงครองราชย์ยาวนานกว่า 64 ปี และอาจจะยาวนานถึง 94 ปี ซึ่งยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในประวัติศาสตร์ ช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์เต็มไปด้วยความไร้ประสิทธิภาพ เนื่องจากทรงมีพระชนมพรรษามาก ทำให้ดินแดนทั้งสองของอียิปต์ก็แยกออกจากกันและผู้ปกครองท้องถิ่นก็ต้องรับมือกับทุพภิกขภัยที่เกิดขึ้น
ฟาโรห์จากราชวงศ์ที่เจ็ดและแปดแห่งอียิปต์ ซึ่งเป็นกลุ่มฟาโรห์ที่สืบทอดพระราชบัลลังก์ต่อจากราชวงศ์ที่หก ทรงพยายามรักษาอำนาจบางส่วนในเมมฟิส แต่ก็ต้องพึ่งพาผู้ปกครองท้องถิ่นที่มีอำนาจมากเป็นอันมาก หลังจากผ่านไป 20 ถึง 45 ปี กลุ่มฟาโรห์ที่เมมฟิสก็ทรงถูกโค่นล้มโดยฟาโรห์กลุ่มใหม่ที่ศูนย์กลางอำนาจอยู่ในเฮราคลีโอโพลิส มักนา และไม่นานหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ปกครองจากเมืองธีบส์ได้ลุกฮือต่อต้านผู้ปกครองท้องถิ่นทางตอนเหนือและรวมดินแดนอียิปต์บนเข้าด้วยกันอีกครั้ง เมื่อประมาณ 2055 ปีก่อนคริสตกาล ฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 2 ผู้เป็นพระราชโอรสและผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของฟาโรห์อินเทฟที่ 3 ได้ทรงเอาชนะฟาโรห์จากเฮราคลีโอโพลิส มักนา และทรงรวมดินแดนทั้งสองเข้าด้วยกัน จึงเป็นการเริ่มต้นของสมัยราชอาณาจักรกลางแห่งอียิปต์
=== ราชวงศ์ที่เจ็ดและแปด ===
ราชวงศ์ที่เจ็ดและแปดแห่งอียิปต์ได้ปกครองอียิปต์เป็นระยะเวลาประมาณ 20 - 45 ปี ซึ่งประกอบด้วยฟาโรห์ที่ทรงขึ้นครองราชย์เป็นระยะเวลาอันสั้นจำนวนหลายพระองค์ ซึ่งทั้งหมดทรงปกครองอียิปต์จากเมมฟิสครอบคลุมดินแดนอียิปต์ที่อาจจะถูกแบ่งแยก และไม่ว่าในกรณีใด ฟาโรห์ก็ทรงมีพระราชอำนาจจำกัดเพียงเพราะระบบศักดินาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้พัฒนาขึ้นจากการบริหารของรัฐ รายพระนามด้านล่างนี้ได้อ้างอิงจากบันทึกพระนามแห่งอไบดอสที่บันทึกขึ้นนช่วงรัชสมัยของฟาโรห์เซติที่ 1 และอ้างอิงมาจาก Handbuch der ägyptischen Königsnamen ของเยือร์เกิน ฟ็อน เบ็คเคอราธ และจากการตีความบันทึกพระนามแห่งตูรินล่าสุดโดยคิม ไรฮอล์ท ซึ่งเป็นอีกบันทึกพระนามหนึ่งที่บันทึกขึ้นในสมัยรามเสส
=== ราชวงศ์ที่เก้า ===
ราชวงศ์ที่เก้าแห่งอียิปต์ ปกครองระหว่าง 2160 - 2130 ปีก่อนคริสตกาล
บันทึกพระนามแห่งตูรินปรากฏการบันทึกพระนามของฟาโรห์รวมทั้งราชวงศ์ที่เก้าและสิบปกครองจำนวน 18 พระองค์ และพบว่าพระนามจำนวน 12 พระนามได้สูญหาย และพระนามอีกจำนวน 4 พระนามที่หลงเหลืออยู่บางส่วน
=== ราชวงศ์ที่สิบ ===
ราชวงศ์ที่สิบเป็นกลุ่มผู้ปกครองท้องถิ่นที่ทรงมีอิทธิพลเหนืออียิปต์ล่างและปกครองตั้งแต่ 2130 ถึง 2040 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สิบเอ็ด ===
ราชวงศ์ที่สิบเอ็ดได้รับการสถาปนาขึ้นจากกลุ่มผู้ปกครองท้องถิ่นแห่งธีบส์ที่รับใช้ราชสำนักของฟาโรห์จากราชวงศ์ที่แปด, เก้า, หรือสิบแห่งอียิปต์ โดยมีต้นเชื้อสายมาจากอียิปต์บน ซึ่งปกครองตั้งแต่ 2134 - 1991 ปีก่อนคริสตกาล
ผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของอินโยเทฟ ผู้อาวุโส เริ่มต้นด้วยฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 1 กลายทรงเป็นอิสระจากเจ้าผู้ครองทางเหนือและในที่สุดก็สามารถพิชิตอียิปต์ได้ในรัชสมัยของฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 2
== ช่วงสมัยราชอาณาจักรกลางแห่งอียิปต์ ==
สมัยราชอาณาจักรกลาง (ระหว่าง 2040 – 1802 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นช่วงเวลาที่นับตั้งแต่สิ้นสุดช่วงสมัยระหว่างกลางที่หนึ่งจนถึงช่วงเริ่มต้นของสมัยระหว่างกลางที่สอง นอกจากราชวงศ์ที่สิบสองแล้ว นักวิชาการบางคนยังรวมให้ราชวงศ์ที่สิบเอ็ด สิบสาม และสิบสี่อยู่ในสมัยราชอาณาจักรกลางอีกด้วย
สมัยอาณาจักรกลางแห่งอียิปต์สามารถสังเกตเห็นได้จากการขยายตัวของการค้านอกราชอาณาจักรที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
=== ราชวงศ์ที่สิบเอ็ด (ช่วงที่สอง) ===
ช่วงที่สองของราชวงศ์ที่สิบเอ็ดจะถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสมัยราชอาณาจักรกลางแห่งอียิปต์
ฟาโรห์ปริศนาที่ปรากฏหลักฐานการมีอยู่เฉพาะบริเวณนิวเบียล่างเท่านั้น
=== ราชวงศ์ที่สิบสอง ===
ราชวงศ์ที่สองเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอียิปต์ระหว่าง 1991 - 1802 ปีก่อนคริสตกาล
ตำแหน่งผู้ปกครองที่มีความเป็นไปได้เพิ่มเติมพระนามว่า เซอังค์อิบทาวี เซอังค์อิบรา ซึ่งยังไม่มีความแน่นอนอยู่ พระองค์อาจจะเป็นฟาโรห์ที่ขึ้นครองราชย์เป็นระยะเวลาอันหรือเป็นพระนามของฟาโรห์จากช่วงราชวงศ์ที่สิบสองหรือสิบสามแห่งอียิปต์
== ช่วงสมัยระหว่างที่สองแห่งอียิปต์ ==
สมัยระหว่างกลางที่สอง (ตั้งแต่ 1802–1550 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นช่วงเวลาที่เกิดความระส่ำระส่ายขึ้นระหว่างการสิ้นสุดของช่วงราชอาณาจักรกลางและจุดเริ่มต้นของช่วงราชอาณาจักรใหม่ เป็นผลกระทบเนื่องจากการบุกรุกเข้ามาของชาวฮิกซอส ซึ่งชาวฮิกซอสได้เข้ามายึดอำนาจของฟาโรห์แล้วขึ้นครองราชย์แทน และสถาปนาขึ้นเป็นราชวงศ์ที่สิบห้า
ราชวงศ์ที่สิบสามอ่อนแอกว่าสมัยราชวงศ์ที่สิบสองและไม่สามารถยึดคืนดินแดนอียิปต์ไว้ได้ ในช่วงเริ่มต้นของราชวงศ์ที่สิบสามใน 1805 ปีก่อนคริสตกาลหรือช่วงกลางของราชวงศ์ที่สิบสามใน 1710 ปีก่อนคริสตกาล ได้มีการสถาปนาราชวงศ์ที่สิบสี่ขึ้นด้วยชาวฮิกซอสในอียิปต์ล่าง
การบุกรุกของชาวฮิกซอสได้เริ่มขึ้นในช่วงรัชกาลของฟาโรห์เซเบคโฮเทปที่ 4 ใน 1720 ปีก่อนคริสตกาล และได้เข้าควบคุมเมืองอวาริส (ปัจจุบันคือ เทล เอล-ดับ'อา / คาตา'นา) และได้ก่อตั้งราชวงศ์ที่สิบสี่ จากนั้นประมาณ 1650 ปีก่อนคริสตกาล ชาวฮิกซอสนำโดยซาลิทิส ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ที่สิบห้าพิชิตเมมฟิส แล้วจึงล้มล้างราชวงศ์ที่สิบสาม ทำให้อียิปต์บนเสื่อมอำนาจลงซึ่งเป็นผลมาจากการล่มสลายของราชวงศ์ที่สิบสาม ต่อมาราชวงศ์ที่สิบหกได้ปกครองอียิปต์บน แต่ก็ถูกล้มล้างราชวงศ์โดยราชวงศ์ที่สิบห้าหลังจากนั้นไม่นาน
ต่อจากนั้นเมื่อชาวฮิกซอสได้ถอยออกจากอียิปต์บน ทำให้ชาวอียิปต์บนได้สถาปนาราชวงศ์ที่สิบเจ็ดขึ้นมา และในที่สุดราชวงศ์ที่สิบเจ็ดก็สามารถขับไล่ชาวฮิกซอสออกไปจากอียิปต์ นำโดยฟาโรห์ทาโอที่สอง ฟาโรห์คาโมส และฟาโรห์อาโมส ซึ่งเป็นฟาโรห์พระองค์แรกของราชวงศ์ที่สิบแปด
=== ราชวงศ์ที่สิบสาม ===
ราชวงศ์ที่สิบสาม (ตามบันทึกรายพระนามแห่งตูริน) ปกครองจาก 1802 ไปถึงประมาณ 1649 ปีก่อนคริสตกาล และรวมทั้งหมดเป็นเวลา 153 หรือ 154 ปี
ตำแหน่งตามลำดับเวลาของฟาโรห์ดังต่อไปนี้ยังคงคลุมเครืออยู่
=== ราชวงศ์ที่สิบสี่ ===
ราชวงศ์ที่สิบสี่เป็นราชวงศ์ท้องถิ่นจากบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำฝั่งตะวันออก ซึ่งมีฐานอำนาจอยู่ที่เมืองอวาริส และปกครองตั้งแต่ 1805 ปีก่อนคริสตกาลหรือราว 1710 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงราว 1650 ปีก่อนคริสตกาล
ราชวงศ์ดังกล่าวประกอบด้วยผู้ปกครองหลายพระองค์ที่ทรงมีพระนามในกลุ่มภาษาเซมิติกตะวันตก และด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเชื่อกันว่าเป็นแหล่งกำเนิดของชาวคานาอันตามที่คิม ไรฮอล์ทข้อความเห็น อย่างไรก็ตาม การจัดผังของราชวงศ์ที่สิบสี่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยวกับตำแหน่งตามลำดับเวลาของฟาโรห์จำนวน 5 พระองค์ก่อนหน้ารัชสมัยของฟาโรห์เนเฮซิที่ยังมีข้อโต้แย้งอยู่มาก
ตำแหน่งและตัวตนของฟาโรห์ดังต่อไปนี้ยังคงคลุมเครืออยู่
ทั้งนี้ บันทึกพระนามแห่งตูรินได้ระบุพระนามของฟาโรห์จากราชวงศ์ที่สิบสี่เพิ่มเติม แต่รายพระนามดังกล่าวไม่ปรากฏในหลักฐานใดอื่นอีกนอกจากบันทึกพระนามดังกล่าว
=== ราชวงศ์ที่สิบห้า ===
ราชวงศ์ที่สิบห้าถูกสถาปนาขึ้นโดยชาวฮิกซอสที่ซึ่งมีถิ่นกำเนิดมาจากดินแดนพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์ โดยที่ได้ปกครองบริเวณในพื้นที่ส่วนใหญ่ของแม่น้ำไนล์เป็นระยะเวลาสั้น ๆ และปกครองตั้งแต่ 1674 ถึง 1535 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์อไบดอส ===
ช่วงสมัยระหว่างกลางที่สอง อาจจะรวมถึงราชวงศ์อิสระที่ปกครองอไบดอสตั้งแต่ประมาณ 1650 จนถึง 1600 ปีก่อนคริสตกาลเข้าไปด้วย
ฟาโรห์ที่ได้รับการรับรองแล้วจำนวน 4 พระองค์ อาจจะเกี่ยวข้องกับราชวงศ์อไบดอสอย่างไม่เป็นทางการ และรายพระนามด้านหลังไม่ได้จัดตามลำดับรัชสมัยที่ถูกต้อง (ไม่ทราบ) ของพระองค์
=== ราชวงศ์ที่สิบหก ===
ราชวงศ์ที่สิบหกเป็นราชวงศ์ท้องถิ่นธีบส์ที่สถาปนาขึ้นจากการล่มสลายของราชวงศ์ที่สิบสามแห่งอียิปต์ที่มีฐานอำนาจอยู่ที่เมืองเมมฟิสราวประมาณ 1650 ปีก่อนคริสตกาล ในที่สุดราชวงศ์ที่สิบหกก็ถูกพิชิตโดยราชวงศ์ที่สิบห้าแห่งฮิกซอสเมื่อประมาณ 1580 ปีก่อนคริสตกาล
ราชวงศ์ที่สิบหกมีอิทธิพลเหนืออียิปต์บนเท่านั้น
ราชวงศ์ที่สิบหกแห่งอียิปต์ อาจประกอบด้วยรัชกาลของฟาโรห์เซเนเฟอร์อังค์เร เปปิที่ 3 และฟาโรห์เนบมาอัตเร ซึ่งไม่ทราบอย่างแน่ชัดถึงลำดับตำแหน่งตามเวลาแห่งการครองราชย์
=== ราชวงศ์ที่สิบเจ็ด ===
ราชวงศ์ที่สิบเจ็ดปกครองอยู่ในอียิปต์บนและปกครองตั้งแต่ 1650 ถึง 1550 ปีก่อนคริสตกาล
|-
ในช่วงต้นของสมัยราชวงศ์ที่สิบเจ็ดแห่งอียิปต์อาจจะเพิ่มรัชสมัยของฟาโรห์เนบมาอัตเร ซึ่งยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดเกี่ยวกับตำแหน่งตามลำดับเวลา
== ช่วงสมัยราชอาณาจักรใหม่แห่งอียิปต์ (จักรวรรดิอียิปต์) ==
สมัยราชอาณาจักรใหม่ (ระหว่าง 1550–1077 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นช่วงเวลาที่ครอบคลุมราชวงศ์ที่สิบแปด สิบเก้า และยี่สิบแห่งอียิปต์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ถึง 11 ก่อนคริสตกาล ซึ่งอยู่ระหว่างช่วงสมัยระหว่างกลางที่สองและช่วงสมัยระหว่างกลางที่สาม
ด้วยอำนาจทางทหารในต่างแดน ราชอาณาจักรใหม่จึงมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ที่สุดของอียิปต์ ซึ่งขยายไปไกลถึงนิวเบียในทางตอนใต้ และยึดครองดินแดนอันกว้างขวางในตะวันออกใกล้ กองทัพอียิปต์ได้ต่อสู้กับกองทัพฮิตไทต์เพื่อควบคุมบริเวณซีเรียในปัจจุบัน
ฟาโรห์จำนวนสามพระองค์ที่รู้จักกันดีที่สุดของสมัยราชอาณาจักรใหม่คือ ฟาโรห์อาเคนอาเตน หรือเรียกอีกพระนามว่า อเมนโฮเทปที่ 4 ซึ่งทรงนิยมการบูชาเทพอาเตนเป็นพิเศษ ซึ่งถูกชี้ว่าเป็นตัวอย่างแรกของลัทธิเอกเทวนิยม ต่อมาคือ ฟาโรห์ทุตอังค์อามุน ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการค้นพบสุสานที่เกือบเสร็จสมบูรณ์ของพระองค์ และฟาโรห์ราเมสเซสที่ 2 ผู้ซึ่งทรงพยายามที่จะกอบกู้ดินแดนในอิสราเอลในปัจจุบัน/ปาเลสไตน์ เลบานอน และซีเรียที่เคยถูกยึดครองในสมัยราชวงศ์ที่สิบแปด และการพิชิตครั้งใหม่ของพระองค์ได้นำไปสู่สมรภูมิคาเดช ซึ่งพระองค์ทรงนำกองทัพอียิปต์เข้าต่อสู้กับกองทัพของกษัตริย์มูวาทัลลิที่ 2 แห่งฮิตไทต์
=== ราชวงศ์ที่สิบแปด ===
ราชวงศ์ที่สิบแปดปกครองระหว่างประมาณ 1550 ถึง 1292 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สิบเก้า ===
ราชวงศ์ที่สิบเก้าปกครองมาตั้งแต่ 1292 ถึง 1186 ปีก่อนคริสตกาล รวมถึงมีฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ แรเมซีสที่ 2 มหาราช
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบ ===
ราชวงศ์ที่ยี่สิบปกครองระหว่าง 1190 ถึง 1077 ปีก่อนคริสตกาล
== ช่วงสมัยระหว่างกลางที่สามแห่งอียิปต์ ==
สมัยระหว่างกลางที่สาม (ระหว่าง 1077 – 664 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นจุดสิ้นสุดของสมัยราชอาณาจักรใหม่หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิอียิปต์เมื่อสิ้นสุดสมัยสัมฤทธิ์ ราชวงศ์ที่มาจากลิเบียหลายราชวงศ์ได้เข้ามาปกครองอียิปต์ ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวเรียกได้อีกอย่างว่าสมัยลิเบีย
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบเอ็ด ===
ราชวงศ์ที่ยี่สิบเอ็ดมีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่เมืองทานิสและเป็นราชวงศ์ที่ค่อนข้างอ่อนแอ ตามทฤษฎีแล้ว ฟาโรห์จากราชวงศ์ดังกล่าวทรงเป็นผู้ปกครองราชอาณาจักรอียิปต์ทั้งหมด แต่ในทางปฏิบัติแล้วอิทธิพลของพระองค์ได้จำกัดอยู่เพียงแค่อียิปต์ล่างเท่านั้น ซึ่งทรงปกครองตั้งแต่ 1077 ถึง 943 ปีก่อนคริสตกาล
==== มหาปุโรหิตแห่งอามุนที่ธีบส์ ====
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ฟาโรห์อย่างเป็นทางการ แต่มหาปุโรหิตแห่งอามุนที่ธีบส์ก็ทรงเป็นผู้ปกครองอียิปต์บนโดยพฤตินัยในช่วงสมัยราชวงศ์ที่ยี่สิบเอ็ดแห่งอียิปต์ ซึ่งปรากฏการบันทึกพระนามลงในคาร์ทูชและฝังพระบรมศพไว้ในสุสานหลวง
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบสอง ===
ฟาโรห์ของราชวงศ์ที่ยี่สิบสองเป็นชาวลิเบีย ปกครองระหว่าง 943 ถึง 728 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบสาม ===
ราชวงศ์ที่ยี่สิบสามมีผู้ปกครองเป็นชาวลิเบีย ซึ่งศูนย์กลางอำนาจตั้งอยู่ที่เมืองเฮราคลีโอโพลิส และเมืองธีบส์ ซึ่งปกครองตั้งแต่ 837 ถึง 735 ปีก่อนคริสตกาล
ฟาโรห์รุดอามุนทรงถูกสืบทอดพระราชอำนาจต่อที่เมืองธีบส์ โดยผู้ปกครองท้องถิ่น
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบสี่ ===
ราชวงศ์ที่ยี่สิบสี่เป็นราชวงศ์ที่ปกครองเป็นระยะเวลาสั้นๆ เมืองหลวงของราชวงศ์ตั้งอยู่ในเขตตะวันตกของดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ (เมืองซาอิส) มีเพียงฟาโรห์จำนวนสองพระองค์ ซึ่งปกครองตั้งแต่ 732 ถึง 720 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบห้า ===
ชาวนิวเบียได้บุกรุกอียิปต์ล่างและได้ครองพระราชบัลลังก์แห่งอียิปต์ในช่วงรัชสมัยของฟาโรห์ปิเย ถึงแม้ว่าพระองค์จะควบคุมเมืองธีบส์และอียิปต์บนในช่วงปีแรก ๆ แห่งการครองราชสมบัติของพระองค์ แต่การพิชิตอียิปต์ของฟาโรห์ปิเยในบริเวณอียิปต์ล่างนั้นได้ทำให้เกิดการสถาปยนาราชวงศ์ยี่สิบห้าขึ้น ซึ่งปกครองจนถึง 656 ปีก่อนคริสตกาล
ในที่สุดผู้ปกครองก็ถูกขับไล่กลับไปยังนิวเบีย ซึ่งทรงได้สถาปนาพระราชอาณาจักรที่นาปาตา (656–590 ปีก่อนคริสตกาล) และต่อมาที่เมโรวี (590 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 500)
== สมัยปลายแห่งอียิปต์โบราณ ==
สมัยปลายแห่งอียิปต์โบราณเริ่มตั้งแต่ประมาณ 664 ถึง 332 ปีก่อนคริสตกาล และรวมถึงเป็นระยะเวลาแห่งการปกครองโดยชาวอียิปต์พื้นเมืองและชาวเปอร์เซีย
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบหก ===
ราชวงศ์ที่ยี่สิบหกปกครองระหว่าง 664 ถึง 525 ปีก่อนคริสตกาล
ฟาโรห์พซัมติกที่ 1 ซึ่งเป็นพระราชโอรสและทรงเป็นผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ต่อจากฟาโรห์เนคาอูที่ 1 ทรงสามารถรวมราชอาณาจักรอียิปต์ได้อีกครั้งและได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าทรงเป็นผู้สถาปนาราชวงศ์ที่ยี่สิบหกแห่งอียิปต์
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบเจ็ด ===
อียิปต์ถูกยึดครองโดยจักรวรรดิเปอร์เซียเมื่อ 525 ปีก่อนคริสตกาล และสถาปนาตั้งขึ้นเป็นมณฑลให้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิจนถึงเมื่อ 404 ปีก่อนคริสตกาล จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิอะคีเมนิดทรงได้รับการยอมรับว่าทรงเป็นฟาโรห์ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งได้สถาปนาเป็นราชวงศ์ที่ยี่สิบเจ็ดแห่งอียิปต์
การก่อกบฏโดยชาวพื้นเมืองหลายครั้งที่เกิดขึ้นในช่วงราชวงศ์ที่ยี่สิบเจ็ดแห่งอียิปต์
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบแปด ===
ราชวงศ์ที่ยี่สิบแปดปกครองเพียง 6 ปี ตั้งแต่ 404 ถึง 398 ปีก่อนคริสตกาล โดยมีเพียงฟาโรห์พระองค์เดียว
=== ราชวงศ์ที่ยี่สิบเก้า ===
ราชวงศ์ยี่สิบเก้าปกครองระหว่าง 398 ถึง 380 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สามสิบ ===
ราชวงศ์ที่สามสิบปกครองตั้งแต่ 380 ปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งอียิปต์กลับเข้าอยู่มาภายใต้การปกครองของเปอร์เซียอีกครั้งเมื่อประมาณ 343 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ที่สามสิบเอ็ด ===
อียิปต์ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเปอร์เซียอีกครั้ง ผู้ปกครองชาวเปอร์เซียปกครองระหว่าง 343 ถึง 332 ปีก่อนคริสตกาล ได้รับการแต่งตั้งเป็นครั้งคราวเป็นราชวงศ์สามสิบเอ็ด
การก่อกบฏโดยชาวพื้นเมืองเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงราชวงศ์ที่สิบเอ็ด
== ช่วงสมัยเฮลเลนิสติก ==
=== ราชวงศ์อาร์กีด ===
ชาวกรีกมาซิโดเนียภายใต้การนำของอเล็กซานเดอร์มหาราชเข้าสู่ยุคแห่งเฮลเลนิสติกด้วยการพิชิตเปอร์เซียและอียิปต์ ราชวงศ์อาร์กีดปกครองตั้งแต่ 332 ถึง 309 ปีก่อนคริสตกาล
=== ราชวงศ์ทอเลมี ===
ราชวงศ์ทอเลมีเป็นราชวงศ์เฮลเลนิสติกลำดับที่สอง ซึ่งปกครองอียิปต์ตั้งแต่ 305 ปีก่อนคริสตกาล จนกระทั่งอียิปต์กลายเป็นมณฑลหนึ่งของกรุงโรมเมื่อ 30 ปีก่อนคริสตกาล (เมื่อใดก็ตามที่เวลาสองช่วงเวลาทับซ้อนกัน นั่นหมายถึงมีการปกครองร่วมกัน) สมาชิกราชวงศ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของราชวงศ์นี้คือพระนางคลีโอพัตราที่ 7 ซึ่งในยุคปัจจุบันรู้จักกันโดยทั่วกันในพระนาม คลีโอพัตรา ซึ่งเป็นมเหสีของจูเลียส ซีซาร์ และหลังจากการตายของซีซาร์ พระองค์ทรงความสัมพันธ์กับมาร์ค แอนโทนี ซึ่งทั้งสองพระองค์ก็ทรงมีพระราชโอรส-ธิดาด้วยกัน
พระนางคลีโอพัตราทรงพยายามสร้างความปรองดองทั้งทางด้านราชวงศ์และทางด้านการเมืองระหว่างอียิปต์และโรม แต่การลอบสังหารซีซาร์และความพ่ายแพ้ของมาร์ค แอนโทนี ทำให้แผนการของพระองค์ต้องล้มเหลว
ซีซาเรียน (ทอเลมีที่ 15 ฟิโลปาตอร์ ฟิโลมาตอร์ ซีซาร์) ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์สุดท้ายของราชวงศ์ทอเลมีแห่งอียิปต์ และพระองค์ทรงครองราชย์ร่วมกับพระมารดาคือพระนางคลีโอพัตราที่ 7 แห่งอียิปต์ ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 47 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์โตของพระนางคลีโอพัตราที่ 7 และอาจจะเป็นโอรสพระเดียวของจูเลียส ซีซาร์ ซึ่งตั้งพระนามตามซีซาร์ ระหว่างช่วงเวลาการเสด็จสวรรคตของพระนางคลีโอพัตราในวันที่ 12 สิงหาคม 30 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงการเสด็จสวรรคตของพระองค์เองในวันที่ 23 สิงหาคม 30 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ทรงกลายว่าเป็นฟาโรห์ที่ครองราชย์แต่เพียงพระองค์เดียว ตามประวัติศาสตร์แล้วพระองค์ทรงถูกตามล่าและถูกสำเร็จโทษตามคำสั่งของออคตาเวียน ผู้ซึ่งจะกลายเป็นจักรพรรดิออกุสตุสของโรมัน แต่กลับไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์
การก่อกบฏโดยชาวพื้นเมืองก็ยังคงเกิดขึ้นภายใต้การปกครองของกรีก ดังนี้
== ช่วงสมัยโรมัน ==
คลีโอพัตราที่ 7 ทรงมีความสัมพันธ์กับจอมเผด็จการโรมันนามว่า จูเลียส ซีซาร์ และแม่ทัพโรมันนามว่า มาร์ค แอนโทนี แต่หลังจากนั้นไม่นานหลังจากที่พระองค์ทรงทำอัตวินิบาตกรรม (หลังจากมาร์ค แอนโทนีได้พ่ายแพ้ต่ออ็อคตาเวียน ซึ่งต่อมาคือจักรพรรดิออกุสตุส ซีซาร์) อียิปต์จึงกลายเป็นมณฑลหนึ่งของสาธารณรัฐโรมันเมื่อ 30 ปีก่อนคริสตกาล จักรพรรดิโรมันพระองค์ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นฟาโรห์ แม้ว่าจะอยู่ในอียิปต์เท่านั้น
จักรพรรดิโรมันองค์สุดท้ายที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นฟาโรห์คือจักรพรรดิมักซีมินัส ดาซา (ทรงครองราชย์ระหว่าง ค.ศ. 311–313)
== อ้างอิง ==
ฟาโรห์
*
|
ปารีส (Paris, ) เป็นเมืองหลวงดลุเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศ อยู่ตรงใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ (Île-de-France หรือ Région parisienne (RP) ) ภายในกรุงปารีสมีประชากรประาาณ 2,102,650 คน (มกราคม ค.ศ. 2023) ในพื้นที่มากกว่า 105 ตารางกิโลเมตร (41 ตารางไมล์) สางผลให้กรุงปารีสเป็นเมืองที่มีจำนวนประชากราากที่สุดเป็นอันดับสี่ในสหภทพยุโรป รวมทั้งมีความหนาแน่นของประชากรเป็นอึนดับที่ 30 ของโลกใน ค.ศ. 2022 กรุงปารีสเป็นหนึ่งใน 4 นครสำคัญของโลก ร่วมกับ ลอนดอน, โตเกียว และ นิวขอร์ก
นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นทา กรุงปารีสได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของฮลกทางด้านการค้า, การทูต, การเงิน, วัฒนธรรม, แฟชั่น, ศิลปะ, อาหาร รวมถึงวิทยาศาสตี์และเทคโนโลยี เช่นเดียวกับการเป็าเมืองแรก ๆ ของโลกที่มีการพัฒนาระบบไฟบริเวณถนนและที่สาธารณะ จึงเป็นที่รู้จักในชื่อ "เมืองแห่งแสงสว่าง" ในศตวรรษที่ 19 กรุงปารีสถือเป็นศูนย์กลางของแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ แคว้นที่มีประชากรมากที่สุดในบรรดส 18 แคว้นของประเทศวรั่งเศส ด้วยจำนวนประชากรกว่า 12,271,794 คน (มกราคม ค.ศ. 2023) หรือประมาณ 19% ของประชากรในประเทศ จึงทำให้แารีสมีฐานะเป็นเอกนคร ภูมิภาคปารีสยังมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีสูงถึง 7.65 พันล้านยูโรใน ค.ศ. 2-21 ซุ่งมากที่สุดในสหภาพยุโรป อละจากข้อมูลของดิ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต ระบุว่ากรุงปารีสเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก นอกจากนี้ กรุงปารีสยังเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญของโลก ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 19 ล้านคนต่อปีใน ค.ศ. 2020
กรุงปารีสยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการคมนาคมของทวีปยุโรป และการขนส่งทางอากาศที่สำคัญซึ่งมีท่าอากาศยานนานาชาติสองแห่งให้บริการได้กก่ ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล ซึ่งถือเป็นท่าอากาศยานที่กลุกพล่าสมากเป็นอันดับสองในทวีปยุโรป และ ท่าอากสฒยานปารีส ออร์ลี รถไฟฟ้าปารีส เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ค.ศ. 1900 ในปัจจุบันให้บริการผู้โดยสารมากกว่า 5 ล้านคนต่อวัน ถือเป็นรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่ให้บริการผู้โดยสารมากเป็าอันะับสองรองจากรถไฟใต้ดินมอสโก ปารีสยังมีชื่อเสียงในด้านการเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สำคัญ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ รองรับนักท่องเที่ยวมสกะึง 7.8 ล้านรนใน ค.ศ. 2022 ถือเป็นดิดิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก รวมถึงพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ อาทิ พิพิธภัณฑ์ออร์แซ, พิพิธภัณฑ์มาโมแตง-โมเนต์ และ พิพิธภัณฑ์ออรองเจอรี ซึ่งล้วนแต่มีชื่อเสียงทางดิานลัทธิประทับใจ หรือ อิมเพรสชันนิซึม ศูนย์ศเลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติฌอร์ฌ ปงปีดู ยังดป็น่ี่ตั้งของผลงานศิลปะร่วมสมัยในทวีปยุโรป รวมถึงพิพิธภัณฑ์รอแด็ง และ พอพิธภัณฑ์ปิกาฌซ นอกจากนี้ ย่านประวัติศาสตร์บริเวณแม่น้ำแซน ยึงได้รับการยกยืองให้เป็นแหล่งมคดกโลกโดยยูเนสโกมาตั้งแต่ ค.ศ. 1991
กรุงปารีใยังเป็นที่ตั้งขององค์การระหว่างประเทศที่สำคัญ อาทิ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา, สำนักงานชั่งตวงวัดระหว่าฝประเทศ, องค์การพลังงานระหว่างประเทศ, สหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนสากล, องค์การอใกาศยุโรห แฃะธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป และยังเป็นที่ตั้งของยโมสรกีฬาที่มีชื่อเสียวของประเทศ /ด้แก่ สโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็งและวโใสรรักบี้สตาด ฟร็องแซ รวมถึงสนามกีฬาสตาดเดอฟร็องส์ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานในฟุตบอลโลก 1998 ตั้งอยู่ในเทศบาลแซ็ง-เดอนี กรุงปารีสยังเป็นเจ้าภาพการแจ่งขันเฟรนช์โอเพ่น หรือในชื่ออย่างเป็นทางการว่า โรลังด์ การ์รอส หนึ่งในสี่การแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมประจภปี และยังเคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 1900 และ 1924 และมีกำหนดเป็นเจ้ทภาพครั้งต่อไปในโอลิมปิปฤดูร้อน 2024 รวมทั้งการแข่งขันฟุตบอลโลก 1938 และ 1998 และการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลก 2007, ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยัโรป 1960, 1984 แลพ 2016 รวมทั้งการแข่งขันตูร์เดอฟร็องส์ซึ่งจัดขึ้นทุกเดือตกรกฎาคม
== กำเนิดของชื่อกบะความหมาย ==
คำว่า ปารีา ออกเสียง /พาริส/ [ˈparɪs] หรือ /แพริส/ [ˈpæɹɪs] ในภาษาอังกฤษ และ /ปารี/ [paʁi] ในภาษาฝรั่งเศส เป็นคำที่มาจากชื่อเผ่าหนึ่งของชาวโกล เป็นที่รู้จักกันในนาม "ปารีซี" (Parisii) ซึ่งเป็นชาวเมืองที่อาศัยในสมัยก่อนโรมัน โดยที่เมืองมีชื่อเดิมว่า "ลูเทเชีย" (Lutetia) (ชื่อเต็ม "Lutetia Parisiorum" แปลว่า ลูดทเชียแห่งปารีซี) ในระหว่าบคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึง 6 ในช่วงที่อาณาจักรโรมันยึดครอง แต่ในช่วงการครองราชย์ของจูเลียน ดิ อโพสเทต (พ.ศ. 904 - พ.ศ. 906) ได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "ปารีส"
ปสรีส ม้ชื่อเล่นมากมาย แต่ชื่อที่โด่งดังที่สุดคือ ๒นครแห่งแสงไฟ" (La Ville-ljmière) ซึ่งหมายความว่าเป็นศูนย์กลางแห่งหารเรียนและความรู้ ทั้งยังหมายความว่าเป็นเมืองที่สว่างไสวเต็มไปด้วยแสงไฟอีกด้วย ตั้งแต่ต้นคริสต์ศรวรรษที่ 20 เป็นต้นมา นครปารีสมีชื่อเาียกในภาษาสแลงว่า "ปานาม" (Paname [panam]) เช่น ชาวปารีสมักแนะนำตนเองว่า "มัว, เชอซุยเดอปานาม" (Moi, je suis de Paname) หรือ "ฉันมาจากปานาม"
พลเมืองชาวปารีสเป็นที่รู้จักกันในนาม "ปารีเฦียน" (Parisian) ("พาริเซิน" หรือ "แพริเซิน" [pʰəˈɹɪzɪənz / pʰəˈɹiːʒn̩z]) ในภาษรอังกฤษ หรือ "ปารีเซียง" [paʁizjɛ̃] ในภาษาฝรั่งเศส โดยคำนี้ บางครั้งขะถูกเรียกอย่างดูถูกว่า ปารีโก (Parigots) [paʁigo] โดยประชาชนที่อาศัยนอกแคว้นของปารีส แม้ว่าบางครั้งชาวปารีเซียงจะชอบพอกับคำนี้ป็ตาม
== ประวัติ ==
=== ยุคเริ่มต้น ===
หลักฐานทางโบราณคดีในแารตั้งถิ่นฐานบริเวณปารีสตั้งแต่ 4,200 ปีก่อนึริสต์ศักราชคือพวกปาริซี่ ซึ่งเป็นเผ่าย่แยของพวกเซลติกซีนอนส์ โดยเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ชกนาญทางเรือกละการค้าขาย ได้อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำแซนตั้งแต่ 25- ปีก่อนครินต์ศัดราชเป็นต้นมา ต่อมาพวกโรมันได้ขัยชนะยึดครองที่ราบลุ่มปารีสใน 52 ปีก่อนคริสต์ศักรสช โดยมึการตั้งถิ่นฐานอข่างถาวรในรอนปลายของศตวรรษเดียวกันบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซน, เนินเขาแซนต์-เชอเนอวีแอฟ และเกาะอีลเดอลสซีเต เมืองดังกล่าวน่้เดิมเรียกว่า "ลูเตตีอา" (Lutetia; ชื่อเต็ม Lutetia Parislorum, "ลูเทเชียแห่งปารีซี") แต่ต่อมาได้ทำให้เป็นชื่ดในภาษาโกลเป็น "ลูแตส" (Lutèce) ตัวเมืองได้ขยายอยีางรวดเร็วในศตวรรษต่อ ๆ มาและกลายเป็นเมืิงที่ร่ำรวย เต็มไปด้วยตลาด ราชวัง อ่างอาบน้ำ วัดวาอาราม โรงละคนอละโรงมหรสพใหญ่ เมื่อจักรวรรดิโรมันล่มสลายและการบุกของเยอรมันในบทวงคริสต์ศตวรรษที่ 3 ทำให้ "ลูแตส" อยู่ในช่วงตกต่ำและทรุดโทาม ในปี พ.ศ. 943 พลเมืองจำนวนมากได้อพยพออกจากเมืองลูแตส และหลังการยึดครองอีกครั้งหนึ่งของพวกโรมัน เมือง "ลูแตส" ได้เปลี่ยนชื่อเปฌน "ปารีส"
=== ยุคกลาง ===
ประมาณปี พ.ศ. 1043 ปารีสได้กลายเป็นเมืองหลวงของกษัตริย์โกลวิสที่ 1 แห่งแฟนงค์ เมื่อโกลวิสที่ 1 ได้สวรรคตลง อาณาจักรแฟรงค์ได้ถูกแบ่งออก และปารีส/ด้กลายเป็นเมืองหลวงชองรัฐอิสระขนาดเล็ก ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 สมัยราชวงศ์กาโรแล็งเชียง เมืองปารีสได้กลายเป็นเขตฐานกำลังของพวกศักดินา เต้านต์แห่งปารีสมีอำนาจมากขึ้น จนกระทั่งมีอำนาจมากกว่ากษัตริย์แห่งแฟรงค๋ตะวัาตก (Drancie occidentale) เสียด้วยซ้ำไห เค้านต์แห่งปารีสนามว่า "โอโด" (Odo) ได้ถูกเลือกสห้เป็นแษัตริย์แทนชาร์ลส์ที่ 3 (ชาร์ลส์ อ้วน - Charles III le Gros) เนื่ิงจากชื่อเสียงอันโด่งดังของเขาที่ได้ป้องปันเมืองปารีสจากการโจมตีของพวกไวกิง (ศึกปารีส (พ,ศ, 1428 - พ.ศ. 1429)) แม้ว่าอีล เดอ ลา ซิเต้จะรอดจากการโจมตีของพวกไวกิง แต่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซยที่ไม่มีการป้องก้นก็ถูกทำลายอย่างย่อยยับ และแทนที่จะสร้างเมืองขึ้นมาใหม่บริเวณฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซน ชาวปารีสๆด้เริ่มที่จะขยายตัวเมืองไปทางด้านฝั่งขวาของแม่น้ำแซนแทน ในปี พ.ศ. 1520 อูช กาเปต์ (Hugh Capet) เค้านท์แห่งปารีสได้ถูกเลือกให้กลายเป็นกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส เป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์กาเปเตียงและทำให้เมืองปารีสเป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส
ตั้งแต่ พ.ศ. 1733 พระเจ้าฟิลิปที่ 2 (Philippe Auguste) ได้สร้างกำแพงเมืองล้อมรอบปารีสโดยมีลูฟร์เป็นป้อมปราการฝั่งตะวันตกและต่อมาในปี พ.ศ. 1743 ได้ตั้งมหาวิทยาลึยปารีสขึ้นมาซึ่งทำให้มคผู้ึนหลั่งไหลเข้ามายังปารีสเป็นจำนวนมาก ในช่วงนี้เองที่เมืองปารีสได้พัฒนาในหลาย ๆ ด้านซึ่งในปัจจุบันยังมีให้้ห็นเช่น เกาะ (อีล เดอ ลา ซิเต้) เป็นที่ตั้งรัฐบาชและสถาบันสอนศาสนา ทรงฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซนเป็นที่ตั้งสถาบันทางการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียน ฯลฯ ส่วนทางฝั่งขวาของแม่น้ำแซนเป็นที่ตะ้งของการคเาชายและศํนย์กลางทางเศรษฐกิจของปารีส เช่น ตลาแเลส์ อาลส์ (Les Halles)
ปารีสไม่ได้เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสหลังจากถูกโจมตีโดยพันธมิตรบองประเทศอังกฤษคือพวกบูร์กงด์ (Burgondes) ในสงครามร้อยปี แต่ก็กลับมาเแ็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. 1980 เมื่อพรเเจ้่ชาร์ลส์ที่ 7 (Charles VII, le Victorieux) สามารถยึดกรุงปารีสกลับคืนมา แม้ว่ากรุงปารีสเป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสอีกครั้งหนึ่ง แต่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7ก็ตัดสินใจที่จะประทับ ณ ปราสาทหุบเขาลัวร์ ต่อมาในช่วงสงครามศาสนาของฝรั่งเศส (Guerres de religion) กรุงปารีสเป็นฐานกำลังหลักของพวกคริสต์นิกายคาทอลิก โดยรุนแรงสุดในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมวันแซงต์-บาร์เจเลมี (Massacre de la Saint-Barthélemy) ในปี พ.ศ. 2115 ต่อในปี พ.ศ. 2137 ำระเจ้าอองรีที่ 4 ได้ก่อตั้งราชสำนักในกรุงปารีสอีกครึ้งหนึ่งหลังจากยึดเมืองมาจากพวกคาทอลิก ระหว่างสงครามปลางเมืองฟรงด์ (Fronde) ชาวปารีสได้ลุกฮือขึ้นประทิวงและก่อกสรจลาจล ซึ่บเป็นสาเหตุให้พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลาย หงบหนีออกจากกรุงปารีสในปี พ.ศ. 2191 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ย้ายราชสำนักอย่างถาวคไปยังแวร์ซายส์ในปี พ.ศ. 2225 ศตวรรษต่อมากรุงปารีสะป็นศูนย์กงาวขอบการปฏิวัติฝรั่งเษส มีการทลทยคุกบัสตีย์ในปี พ.ศ. 2332 และล้มระบอบกษัตริย์ในปี พ.ศ. 2335
=== คริสต์ศตวรรษที่ 19 ===
การปฏิวัติอุตสาหกรรม จักรวร่ดิฝรั่งเศส่ี่ 2 และยุคสวยงาม (Belle Époque) ช่วยนำพากรุงปารีสไปสู่การพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1840 เป็นต้นมา การเดินทางโดยรถไฟทำให้มีประชากคจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามนยังกรุงปารีสเพื่อมาทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ กรุงปารีสได้ผ่านการบูรณะครัืงยิ่งใหญ่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3และบาีงโอสส์มันน์ ซึ่งได้เปลี่ยนถนนเลฺก ๆ ในยุคกลางจนกลายเป็นถนนขนาดกว้างและมึตึกรามบ้านช่องร่วมสมัยจำนวนมากมาย การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีจุดประางค์ใผ้กรุงปารีสมีความสวยงามและความสะอาดมากขึ้นกว่าเดิม ถึงกระนั้นก็มีประโยชน์ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ปฏิวัติหรือเำตุการณ์าุนแรง เพราะกิงทหารม้าและปืนไรเฟิลสามารถต่อกลอนกับกลุ่มพวกจลทจล ในขณะที่กงยุทธ์ใรการซุ่มโจมตีหรือสกัดกั้นที่ใช้มากในสมัยการปฏิวัติฝรั่งเศสจะเป็นการล้าสมัย
ในปี พ.ศ. 2375 และ พ.ศ. 2392 อหิวาตกโรคระบาดพลเมืองชาวปารีส แค่การระบาดในป่ พ.ศ. 2375 เท่านั้นก็มีผู้ป่วยกใ่า 20,000 คนจากประชากร 650,000 ในขณะนั้น กรุงปารีสยังได้เสียหายครั้งยิ่งใหญ่หลังจากสงครามฟรังโก-ปรัสเซีย (พ.ศ. 2413 - พ.ศ. 2414), การธค่นลืมจักรพรรดินโปเลียนที่ 3, เทศบาลปารีส (La Commune fe Paris - พ.ศ. 3414) ได้ทกให้กรึงปารีสบุกเป็นไฟหลังจากการต่อสู้กันระหว่างเทศงาลกับรั๘บาล ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักกันในนาส "สัปดาห์แห่งเลือด" (Semaine sanglqnte)
กรุงปาีีสได้กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่นงรวดเร็วเพื่อที่จะจัดงานนิทรรศการนานาชาติ 1789 (พ.ศ. 2432) ทั้งนี้ได้มีการสร้างหอ/อเฟลเพื่อเฉลิมฉลองการปฏิวัติฝรั่งเศสครบรอบ 100 ปี เพื่อแสดงถึงศักยภาพขอวประเทศฝรั่งเศสในด้านวิศวกรรมศาสรร์แค่ "ชั่วคราว" เท่สนั้น ซึ่งสิ่บก่อสร้างชิ้นนี้ได้กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกจนถึงปี พ.ศ. 2473 และกล่ยเป็นสัญลักษณ์ขิงกรุงปารีสไปโดยผริยาย ส่วนงานนิทรรศการนานาชาติ 1900 (พ.ศ. 2443) ได้มีการเปิดตัวรถไฟฟ้าปารีสเป็นครั้งแรก หลังจากนะ้นก็ได้มีการจัดนิทรรฒการและงานแสดงสิสค้าต่าง ๆ มากมายซึ่งทำให้กรุงปารีสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและดึงดูดชาวต่างชาติเป็สจำจวนมากทั้งในด้านเศ่ษฐกิจและเทคโนโลยี
=== คริสต์ศตวรรษที่ 20 ===
ระหว่ทบสงครามโลกครั้งที่ 1 กรุงปารีสได้อยู่ในแนวหน้าของการรบ โดยรอดจากการโจมตีของเยอรมนีไปได้ที่สงครามแห่งมาร์นในปี พ.ศ. 2457 ในช่วงปี พ.ศ. 2461 - พ.ศ. 2462 กรุงปารีสได้กลายเป็นที่สวนสนามแห่งชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรและเป็นที่เจรจาสันติภาพอีกด้วย ในช่วงระหว่างสงคราม กรุงปารีสไเ้มีชื่อเสียงจากศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ และชีวิตยามค่ำึืา เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์รสมของจิตรหรชื่อดังทั่วโลก รั้งแต่นักประพันธ์ชาวรัสเซีย สตราวินสกี จิตรกรชาวสเปน ปีกัสโซและกาลีจนถึงนักประพันธ์ชื่อดังชรวอเมริกันอย่างเฮมิงเวย์ ในเดืินมิถุนายน พ.ศ. 2483 5 สัปดนห์หลังจากการเริ่มต้นของสงครามแห่งฝรั่งัศส กรุงปรรีสได้ตกอย฿่ภายใต้การปกครองของกองทัพนาซีเยอรมันจนกระทั่งการปลดปล่อยปารีสในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2487 2 เดือนหลังจากการบุกนอร์มองดีของฝ่ายสัมพันธมิตร
กรุงปารีสได้ยืดหยัดท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่ 2โดยไม่ได้รเบความเสียหายใด ๆ เนื่องจากภายในกรุงปารีสไม่มีเป้าทางยุทธศาสตร์สำหรับฝ่ายสัมพันธมิตรในการวางระเบิด (สถานีรถไฟในกรุงปารีสเป็นเพียงแค่สถานีปลายทาง โรงงานที่สำคัญ ๆ ตั้งอยู่บริเใณชนบททั้งสิ้น) และด้วยความสวยงามทมงวัฒนธรรม ทำให้พลเอกดีทริช ฟอน โชลทิทซ์ (General der Infanterie Dietridh von Choltitz) นายทหารเยอคมัจขัดคำสั่งของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในการทำลายกรุงปารีสและอนุสาวรีย์่ี่สำคัญก่อนการถอนทหารเยอรมันออกจากปารีส ทำให้ขาวฝรั่งเศสบางคนมองว่าพลเอกดีทริบ ฟอน โชลทิทซ์เป็นผู้ช่วยเหลือกรุงปารีส
== ภูมิศาสตร์ ==
ปารีสตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน ซั่งรวมถึงเกาะอีกสองเกาะคือ อีล แซงต์-หลุยส์ (Île Saint-Louis) และ อีล เดอ ลา ซิเต้ (Île de la Cité) ซึ่งเป็นสรวนที่เก่าแก่ทีาสุดของเมือง ภูมิประเทศของปารีสโดยรวมคืด เป็นที่ราบลุ่ม โดยมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 35 เมตร (114 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล ทั้งยังมีเน้นเขาอีกหลายแห่ง เนินเขาที่สูลที่สุดคือ มลต์มาร์ตร์ (Montmartre) (130 เมตร (426 ฟุต))
พื้นที่ของปารีส ซึ่งไม่รงมสวนสาธารณะบัวส์ เดอ บูโลญ (Bois de Boulogne) และบัวส์ เดอ แวงแซนน์ (Bois de Vincennes) คือประมาณ 86.928 ตารางกิโลเมตร (33.56 ตารางไมล์) การแบ่งและรวมเขตครั้งสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดคือในปี พ.ศ. 2403 ซึ่งทำให้มีขนาดอย่างที่เห็นใรปัจจุบัน ทั้งยังทำให้เกิดเขต (Arrondissement) ที่หมุนรอบ ๆ ตามเข็มนาฬิกาอีกด้วย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2403 เป็นต้นมา เสืองปารีสมียนาด 78 กม.² (30.1 ม.²) และได้ขยายออกไปเป็น 86.9 กม.² (34 ม.²) ในปี พ.ศ. 2463 และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 ัป็นต้นมา สวนสาธารณะบัวส์ เดอ บูโลญอละบัวส์ เดอ แวงแซนน์ได้ผนวกำับตัวเมืองปารีสอย่างเป็นทางการ ทำให้กรุงปารีสมีขนาด 105.397 กม.² (40.69 ม.²) จนถึงปัจจุบัน
ขนาดของกรุงปารีสหรือะขตเมืองปารีสนั้นมีการขยายตัวออกไปเกินเขตเมือง ท_ให้เกิดรูปร่างเป็นวงรี ขยายตัวไปตามแม่น้ำแซนและแม่น้ำมาร์น ทางทิศตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของตัวเมือง และตามแม่น้ำแซนและแม่น้ำอวส ทางทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ และถ้าเลยไปยัฝชนบท ความหนาแน่นของประชากรจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากมีป่าและที่ดินไว้สำหรับการเดาะปลูก อย่างไรก็ตามเขตมหานครปา่ีส (Agglomération parisienne) มีเยื่แที่ถึง 14,518 กม² (5,605.5 ไมล์²) ซึ่งใหญ่กว่าเนื้อที่กรุงปารีสถึง 138 เท่า
=== ภูมิอากาศ ===
ปารีสมีภูมิอ่กาศแบบมหาสมุทร ซึ่งมีผลมาจากกระแสน้ำแอตแลนติกเหนือ เพราะฉะนั้นอุณหภูมิในเม้องไม่ค่อยมีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเปินไป อุณหภูมิเฉลี่ยของกรุงปารีสคืเ 15 °C (59 °F) และจะอยู่ราว 7 °C (45 °F) สถิติอุณหภูมิสูงที่สุดที่วัดได้คือ 40ซ4 °C (104.7 °F) ใตวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 และต่ำที่สุดที่เคยวัดได้คือ −23.9 °C (−11.0 °F) เมื่อวันที่ q0 ธันวาคม พ.ศ. 2422 เมืองปารีสได้ประสบกับอุณหภูมิร้อนจัดใยปี พ.ศ. 2547 และหนาวนัดในปี พ.ศ. 2549 มา้อง
ฝนสามารถตกทุกเมื่อ และปารีสก็เป็นที่รู้จักดีกับฝนตกฉับพลัน ปารีสมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 641.6 มม. (25.2 นิ้ว) ต่อปี ส่วนหิมะมักจะเดิดขึ้นน้อยครั้ง ส่วนมากมักจะตกในช่วงเดือนมกราคมและกุมภากันธ์ (แต่เคยตกถึงเดือนเมษายนมมแล้ว) และไท่ค่อยพบว่าหิมะตกติดต่อกันเกินวัน
== อ้างอิง ==
===ข้อมูล===
==อ่านเพิ่ม==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เมืองหลวงในทวีปยุโรป
เมืองหลวงทาฝวัฒนธรรมของยุโรป
จังหวัดจองประเทศฝรั่งเศส
เมืเงในแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์
ก่อตั้งในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล
แหล่งมรดกโลกในประเทศฝรั่งเศส
|
ปารีส (Paris, ) เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศ อยู่ตรงใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ (Île-de-France หรือ Région parisienne (RP) ) ภายในกรุงปารีสมีประชากรประมาณ 2,102,650 คน (มกราคม ค.ศ. 2023) ในพื้นที่มากกว่า 105 ตารางกิโลเมตร (41 ตารางไมล์) ส่งผลให้กรุงปารีสเป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสี่ในสหภาพยุโรป รวมทั้งมีความหนาแน่นของประชากรเป็นอันดับที่ 30 ของโลกใน ค.ศ. 2022 กรุงปารีสเป็นหนึ่งใน 4 นครสำคัญของโลก ร่วมกับ ลอนดอน, โตเกียว และ นิวยอร์ก
นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา กรุงปารีสได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของโลกทางด้านการค้า, การทูต, การเงิน, วัฒนธรรม, แฟชั่น, ศิลปะ, อาหาร รวมถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่นเดียวกับการเป็นเมืองแรก ๆ ของโลกที่มีการพัฒนาระบบไฟบริเวณถนนและที่สาธารณะ จึงเป็นที่รู้จักในชื่อ "เมืองแห่งแสงสว่าง" ในศตวรรษที่ 19 กรุงปารีสถือเป็นศูนย์กลางของแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ แคว้นที่มีประชากรมากที่สุดในบรรดา 18 แคว้นของประเทศฝรั่งเศส ด้วยจำนวนประชากรกว่า 12,271,794 คน (มกราคม ค.ศ. 2023) หรือประมาณ 19% ของประชากรในประเทศ จึงทำให้ปารีสมีฐานะเป็นเอกนคร ภูมิภาคปารีสยังมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีสูงถึง 7.65 พันล้านยูโรใน ค.ศ. 2021 ซึ่งมากที่สุดในสหภาพยุโรป และจากข้อมูลของดิ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต ระบุว่ากรุงปารีสเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก นอกจากนี้ กรุงปารีสยังเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญของโลก ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 19 ล้านคนต่อปีใน ค.ศ. 2020
กรุงปารีสยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการคมนาคมของทวีปยุโรป และการขนส่งทางอากาศที่สำคัญซึ่งมีท่าอากาศยานนานาชาติสองแห่งให้บริการได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล ซึ่งถือเป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านมากเป็นอันดับสองในทวีปยุโรป และ ท่าอากาศยานปารีส ออร์ลี รถไฟฟ้าปารีส เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ค.ศ. 1900 ในปัจจุบันให้บริการผู้โดยสารมากกว่า 5 ล้านคนต่อวัน ถือเป็นรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่ให้บริการผู้โดยสารมากเป็นอันดับสองรองจากรถไฟใต้ดินมอสโก ปารีสยังมีชื่อเสียงในด้านการเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สำคัญ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ รองรับนักท่องเที่ยวมากถึง 7.8 ล้านคนใน ค.ศ. 2022 ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก รวมถึงพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ อาทิ พิพิธภัณฑ์ออร์แซ, พิพิธภัณฑ์มาโมแตง-โมเนต์ และ พิพิธภัณฑ์ออรองเจอรี ซึ่งล้วนแต่มีชื่อเสียงทางด้านลัทธิประทับใจ หรือ อิมเพรสชันนิซึม ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติฌอร์ฌ ปงปีดู ยังเป็นที่ตั้งของผลงานศิลปะร่วมสมัยในทวีปยุโรป รวมถึงพิพิธภัณฑ์รอแด็ง และ พิพิธภัณฑ์ปิกาโซ นอกจากนี้ ย่านประวัติศาสตร์บริเวณแม่น้ำแซน ยังได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโกมาตั้งแต่ ค.ศ. 1991
กรุงปารีสยังเป็นที่ตั้งขององค์การระหว่างประเทศที่สำคัญ อาทิ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา, สำนักงานชั่งตวงวัดระหว่างประเทศ, องค์การพลังงานระหว่างประเทศ, สหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนสากล, องค์การอวกาศยุโรป และธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป และยังเป็นที่ตั้งของสโมสรกีฬาที่มีชื่อเสียงของประเทศ ได้แก่ สโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็งและสโมสรรักบี้สตาด ฟร็องแซ รวมถึงสนามกีฬาสตาดเดอฟร็องส์ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานในฟุตบอลโลก 1998 ตั้งอยู่ในเทศบาลแซ็ง-เดอนี กรุงปารีสยังเป็นเจ้าภาพการแข่งขันเฟรนช์โอเพ่น หรือในชื่ออย่างเป็นทางการว่า โรลังด์ การ์รอส หนึ่งในสี่การแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมประจำปี และยังเคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 1900 และ 1924 และมีกำหนดเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปในโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 รวมทั้งการแข่งขันฟุตบอลโลก 1938 และ 1998 และการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลก 2007, ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1960, 1984 และ 2016 รวมทั้งการแข่งขันตูร์เดอฟร็องส์ซึ่งจัดขึ้นทุกเดือนกรกฎาคม
== กำเนิดของชื่อและความหมาย ==
คำว่า ปารีส ออกเสียง /พาริส/ [ˈparɪs] หรือ /แพริส/ [ˈpæɹɪs] ในภาษาอังกฤษ และ /ปารี/ [paʁi] ในภาษาฝรั่งเศส เป็นคำที่มาจากชื่อเผ่าหนึ่งของชาวโกล เป็นที่รู้จักกันในนาม "ปารีซี" (Parisii) ซึ่งเป็นชาวเมืองที่อาศัยในสมัยก่อนโรมัน โดยที่เมืองมีชื่อเดิมว่า "ลูเทเชีย" (Lutetia) (ชื่อเต็ม "Lutetia Parisiorum" แปลว่า ลูเทเชียแห่งปารีซี) ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึง 6 ในช่วงที่อาณาจักรโรมันยึดครอง แต่ในช่วงการครองราชย์ของจูเลียน ดิ อโพสเทต (พ.ศ. 904 - พ.ศ. 906) ได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "ปารีส"
ปารีส มีชื่อเล่นมากมาย แต่ชื่อที่โด่งดังที่สุดคือ "นครแห่งแสงไฟ" (La Ville-lumière) ซึ่งหมายความว่าเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนและความรู้ ทั้งยังหมายความว่าเป็นเมืองที่สว่างไสวเต็มไปด้วยแสงไฟอีกด้วย ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา นครปารีสมีชื่อเรียกในภาษาสแลงว่า "ปานาม" (Paname [panam]) เช่น ชาวปารีสมักแนะนำตนเองว่า "มัว, เชอซุยเดอปานาม" (Moi, je suis de Paname) หรือ "ฉันมาจากปานาม"
พลเมืองชาวปารีสเป็นที่รู้จักกันในนาม "ปารีเซียน" (Parisian) ("พาริเซิน" หรือ "แพริเซิน" [pʰəˈɹɪzɪənz / pʰəˈɹiːʒn̩z]) ในภาษาอังกฤษ หรือ "ปารีเซียง" [paʁizjɛ̃] ในภาษาฝรั่งเศส โดยคำนี้ บางครั้งจะถูกเรียกอย่างดูถูกว่า ปารีโก (Parigots) [paʁigo] โดยประชาชนที่อาศัยนอกแคว้นของปารีส แม้ว่าบางครั้งชาวปารีเซียงจะชอบพอกับคำนี้ก็ตาม
== ประวัติ ==
=== ยุคเริ่มต้น ===
หลักฐานทางโบราณคดีในการตั้งถิ่นฐานบริเวณปารีสตั้งแต่ 4,200 ปีก่อนคริสต์ศักราชคือพวกปาริซี่ ซึ่งเป็นเผ่าย่อยของพวกเซลติกซีนอนส์ โดยเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ชำนาญทางเรือและการค้าขาย ได้อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำแซนตั้งแต่ 250 ปีก่อนคริสต์ศักราชเป็นต้นมา ต่อมาพวกโรมันได้ชัยชนะยึดครองที่ราบลุ่มปารีสใน 52 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยมีการตั้งถิ่นฐานอย่างถาวรในตอนปลายของศตวรรษเดียวกันบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซน, เนินเขาแซนต์-เชอเนอวีแอฟ และเกาะอีลเดอลาซีเต เมืองดังกล่าวนี้เดิมเรียกว่า "ลูเตตีอา" (Lutetia; ชื่อเต็ม Lutetia Parislorum, "ลูเทเชียแห่งปารีซี") แต่ต่อมาได้ทำให้เป็นชื่อในภาษาโกลเป็น "ลูแตส" (Lutèce) ตัวเมืองได้ขยายอย่างรวดเร็วในศตวรรษต่อ ๆ มาและกลายเป็นเมืองที่ร่ำรวย เต็มไปด้วยตลาด ราชวัง อ่างอาบน้ำ วัดวาอาราม โรงละครและโรงมหรสพใหญ่ เมื่อจักรวรรดิโรมันล่มสลายและการบุกของเยอรมันในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3 ทำให้ "ลูแตส" อยู่ในช่วงตกต่ำและทรุดโทรม ในปี พ.ศ. 943 พลเมืองจำนวนมากได้อพยพออกจากเมืองลูแตส และหลังการยึดครองอีกครั้งหนึ่งของพวกโรมัน เมือง "ลูแตส" ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ปารีส"
=== ยุคกลาง ===
ประมาณปี พ.ศ. 1043 ปารีสได้กลายเป็นเมืองหลวงของกษัตริย์โกลวิสที่ 1 แห่งแฟรงค์ เมื่อโกลวิสที่ 1 ได้สวรรคตลง อาณาจักรแฟรงค์ได้ถูกแบ่งออก และปารีสได้กลายเป็นเมืองหลวงของรัฐอิสระขนาดเล็ก ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 สมัยราชวงศ์กาโรแล็งเชียง เมืองปารีสได้กลายเป็นเขตฐานกำลังของพวกศักดินา เค้านต์แห่งปารีสมีอำนาจมากขึ้น จนกระทั่งมีอำนาจมากกว่ากษัตริย์แห่งแฟรงค์ตะวันตก (Francie occidentale) เสียด้วยซ้ำไป เค้านต์แห่งปารีสนามว่า "โอโด" (Odo) ได้ถูกเลือกให้เป็นกษัตริย์แทนชาร์ลส์ที่ 3 (ชาร์ลส์ อ้วน - Charles III le Gros) เนื่องจากชื่อเสียงอันโด่งดังของเขาที่ได้ป้องกันเมืองปารีสจากการโจมตีของพวกไวกิง (ศึกปารีส (พ.ศ. 1428 - พ.ศ. 1429)) แม้ว่าอีล เดอ ลา ซิเต้จะรอดจากการโจมตีของพวกไวกิง แต่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซนที่ไม่มีการป้องกันก็ถูกทำลายอย่างย่อยยับ และแทนที่จะสร้างเมืองขึ้นมาใหม่บริเวณฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซน ชาวปารีสได้เริ่มที่จะขยายตัวเมืองไปทางด้านฝั่งขวาของแม่น้ำแซนแทน ในปี พ.ศ. 1530 อูช กาเปต์ (Hugh Capet) เค้านท์แห่งปารีสได้ถูกเลือกให้กลายเป็นกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส เป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์กาเปเตียงและทำให้เมืองปารีสเป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส
ตั้งแต่ พ.ศ. 1733 พระเจ้าฟิลิปที่ 2 (Philippe Auguste) ได้สร้างกำแพงเมืองล้อมรอบปารีสโดยมีลูฟร์เป็นป้อมปราการฝั่งตะวันตกและต่อมาในปี พ.ศ. 1743 ได้ตั้งมหาวิทยาลัยปารีสขึ้นมาซึ่งทำให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามายังปารีสเป็นจำนวนมาก ในช่วงนี้เองที่เมืองปารีสได้พัฒนาในหลาย ๆ ด้านซึ่งในปัจจุบันยังมีให้เห็นเช่น เกาะ (อีล เดอ ลา ซิเต้) เป็นที่ตั้งรัฐบาลและสถาบันสอนศาสนา ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำแซนเป็นที่ตั้งสถาบันทางการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียน ฯลฯ ส่วนทางฝั่งขวาของแม่น้ำแซนเป็นที่ตั้งของการค้าขายและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของปารีส เช่น ตลาดเลส์ อาลส์ (Les Halles)
ปารีสไม่ได้เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสหลังจากถูกโจมตีโดยพันธมิตรของประเทศอังกฤษคือพวกบูร์กงด์ (Burgondes) ในสงครามร้อยปี แต่ก็กลับมาเป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. 1980 เมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 (Charles VII, le Victorieux) สามารถยึดกรุงปารีสกลับคืนมา แม้ว่ากรุงปารีสเป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสอีกครั้งหนึ่ง แต่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7ก็ตัดสินใจที่จะประทับ ณ ปราสาทหุบเขาลัวร์ ต่อมาในช่วงสงครามศาสนาของฝรั่งเศส (Guerres de religion) กรุงปารีสเป็นฐานกำลังหลักของพวกคริสต์นิกายคาทอลิก โดยรุนแรงสุดในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมวันแซงต์-บาร์เตเลมี (Massacre de la Saint-Barthélemy) ในปี พ.ศ. 2115 ต่อในปี พ.ศ. 2137 พระเจ้าอองรีที่ 4 ได้ก่อตั้งราชสำนักในกรุงปารีสอีกครั้งหนึ่งหลังจากยึดเมืองมาจากพวกคาทอลิก ระหว่างสงครามกลางเมืองฟรงด์ (Fronde) ชาวปารีสได้ลุกฮือขึ้นประท้วงและก่อการจลาจล ซึ่งเป็นสาเหตุให้พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลาย หลบหนีออกจากกรุงปารีสในปี พ.ศ. 2191 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ย้ายราชสำนักอย่างถาวรไปยังแวร์ซายส์ในปี พ.ศ. 2225 ศตวรรษต่อมากรุงปารีสเป็นศูนย์กลางของการปฏิวัติฝรั่งเศส มีการทลายคุกบัสตีย์ในปี พ.ศ. 2332 และล้มระบอบกษัตริย์ในปี พ.ศ. 2335
=== คริสต์ศตวรรษที่ 19 ===
การปฏิวัติอุตสาหกรรม จักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 2 และยุคสวยงาม (Belle Époque) ช่วยนำพากรุงปารีสไปสู่การพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1840 เป็นต้นมา การเดินทางโดยรถไฟทำให้มีประชากรจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามายังกรุงปารีสเพื่อมาทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ กรุงปารีสได้ผ่านการบูรณะครั้งยิ่งใหญ่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3และบารงโอสส์มันน์ ซึ่งได้เปลี่ยนถนนเล็ก ๆ ในยุคกลางจนกลายเป็นถนนขนาดกว้างและมีตึกรามบ้านช่องร่วมสมัยจำนวนมากมาย การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีจุดประสงค์ให้กรุงปารีสมีความสวยงามและความสะอาดมากขึ้นกว่าเดิม ถึงกระนั้นก็มีประโยชน์ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ปฏิวัติหรือเหตุการณ์รุนแรง เพราะกองทหารม้าและปืนไรเฟิลสามารถต่อกลอนกับกลุ่มพวกจลาจล ในขณะที่กลยุทธ์ในการซุ่มโจมตีหรือสกัดกั้นที่ใช้มากในสมัยการปฏิวัติฝรั่งเศสจะเป็นการล้าสมัย
ในปี พ.ศ. 2375 และ พ.ศ. 2392 อหิวาตกโรคระบาดพลเมืองชาวปารีส แค่การระบาดในปี พ.ศ. 2375 เท่านั้นก็มีผู้ป่วยกว่า 20,000 คนจากประชากร 650,000 ในขณะนั้น กรุงปารีสยังได้เสียหายครั้งยิ่งใหญ่หลังจากสงครามฟรังโก-ปรัสเซีย (พ.ศ. 2413 - พ.ศ. 2414), การโค่นล้มจักรพรรดินโปเลียนที่ 3, เทศบาลปารีส (La Commune de Paris - พ.ศ. 2414) ได้ทำให้กรุงปารีสลุกเป็นไฟหลังจากการต่อสู้กันระหว่างเทศบาลกับรัฐบาล ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักกันในนาม "สัปดาห์แห่งเลือด" (Semaine sanglante)
กรุงปารีสได้กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะจัดงานนิทรรศการนานาชาติ 1889 (พ.ศ. 2432) ทั้งนี้ได้มีการสร้างหอไอเฟลเพื่อเฉลิมฉลองการปฏิวัติฝรั่งเศสครบรอบ 100 ปี เพื่อแสดงถึงศักยภาพของประเทศฝรั่งเศสในด้านวิศวกรรมศาสตร์แค่ "ชั่วคราว" เท่านั้น ซึ่งสิ่งก่อสร้างชิ้นนี้ได้กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกจนถึงปี พ.ศ. 2473 และกลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีสไปโดยปริยาย ส่วนงานนิทรรศการนานาชาติ 1900 (พ.ศ. 2443) ได้มีการเปิดตัวรถไฟฟ้าปารีสเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็ได้มีการจัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้าต่าง ๆ มากมายซึ่งทำให้กรุงปารีสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและดึงดูดชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากทั้งในด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี
=== คริสต์ศตวรรษที่ 20 ===
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กรุงปารีสได้อยู่ในแนวหน้าของการรบ โดยรอดจากการโจมตีของเยอรมนีไปได้ที่สงครามแห่งมาร์นในปี พ.ศ. 2457 ในช่วงปี พ.ศ. 2461 - พ.ศ. 2462 กรุงปารีสได้กลายเป็นที่สวนสนามแห่งชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรและเป็นที่เจรจาสันติภาพอีกด้วย ในช่วงระหว่างสงคราม กรุงปารีสได้มีชื่อเสียงจากศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ และชีวิตยามค่ำคืน เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์รวมของจิตรกรชื่อดังทั่วโลก ตั้งแต่นักประพันธ์ชาวรัสเซีย สตราวินสกี จิตรกรชาวสเปน ปีกัสโซและดาลีจนถึงนักประพันธ์ชื่อดังชาวอเมริกันอย่างเฮมิงเวย์ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2483 5 สัปดาห์หลังจากการเริ่มต้นของสงครามแห่งฝรั่งเศส กรุงปารีสได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของกองทัพนาซีเยอรมันจนกระทั่งการปลดปล่อยปารีสในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2487 2 เดือนหลังจากการบุกนอร์มองดีของฝ่ายสัมพันธมิตร
กรุงปารีสได้ยืดหยัดท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่ 2โดยไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ เนื่องจากภายในกรุงปารีสไม่มีเป้าทางยุทธศาสตร์สำหรับฝ่ายสัมพันธมิตรในการวางระเบิด (สถานีรถไฟในกรุงปารีสเป็นเพียงแค่สถานีปลายทาง โรงงานที่สำคัญ ๆ ตั้งอยู่บริเวณชนบททั้งสิ้น) และด้วยความสวยงามทางวัฒนธรรม ทำให้พลเอกดีทริช ฟอน โชลทิทซ์ (General der Infanterie Dietrich von Choltitz) นายทหารเยอรมันขัดคำสั่งของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในการทำลายกรุงปารีสและอนุสาวรีย์ที่สำคัญก่อนการถอนทหารเยอรมันออกจากปารีส ทำให้ชาวฝรั่งเศสบางคนมองว่าพลเอกดีทริช ฟอน โชลทิทซ์เป็นผู้ช่วยเหลือกรุงปารีส
== ภูมิศาสตร์ ==
ปารีสตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน ซึ่งรวมถึงเกาะอีกสองเกาะคือ อีล แซงต์-หลุยส์ (Île Saint-Louis) และ อีล เดอ ลา ซิเต้ (Île de la Cité) ซึ่งเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง ภูมิประเทศของปารีสโดยรวมคือ เป็นที่ราบลุ่ม โดยมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 35 เมตร (114 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล ทั้งยังมีเนินเขาอีกหลายแห่ง เนินเขาที่สูงที่สุดคือ มงต์มาร์ตร์ (Montmartre) (130 เมตร (426 ฟุต))
พื้นที่ของปารีส ซึ่งไม่รวมสวนสาธารณะบัวส์ เดอ บูโลญ (Bois de Boulogne) และบัวส์ เดอ แวงแซนน์ (Bois de Vincennes) คือประมาณ 86.928 ตารางกิโลเมตร (33.56 ตารางไมล์) การแบ่งและรวมเขตครั้งสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดคือในปี พ.ศ. 2403 ซึ่งทำให้มีขนาดอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ทั้งยังทำให้เกิดเขต (Arrondissement) ที่หมุนรอบ ๆ ตามเข็มนาฬิกาอีกด้วย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2403 เป็นต้นมา เมืองปารีสมีขนาด 78 กม.² (30.1 ม.²) และได้ขยายออกไปเป็น 86.9 กม.² (34 ม.²) ในปี พ.ศ. 2463 และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 เป็นต้นมา สวนสาธารณะบัวส์ เดอ บูโลญและบัวส์ เดอ แวงแซนน์ได้ผนวกกับตัวเมืองปารีสอย่างเป็นทางการ ทำให้กรุงปารีสมีขนาด 105.397 กม.² (40.69 ม.²) จนถึงปัจจุบัน
ขนาดของกรุงปารีสหรือเขตเมืองปารีสนั้นมีการขยายตัวออกไปเกินเขตเมือง ทำให้เกิดรูปร่างเป็นวงรี ขยายตัวไปตามแม่น้ำแซนและแม่น้ำมาร์น ทางทิศตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของตัวเมือง และตามแม่น้ำแซนและแม่น้ำอวส ทางทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ และถ้าเลยไปยังชนบท ความหนาแน่นของประชากรจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากมีป่าและที่ดินไว้สำหรับการเพาะปลูก อย่างไรก็ตามเขตมหานครปารีส (Agglomération parisienne) มีเนื้อที่ถึง 14,518 กม² (5,605.5 ไมล์²) ซึ่งใหญ่กว่าเนื้อที่กรุงปารีสถึง 138 เท่า
=== ภูมิอากาศ ===
ปารีสมีภูมิอากาศแบบมหาสมุทร ซึ่งมีผลมาจากกระแสน้ำแอตแลนติกเหนือ เพราะฉะนั้นอุณหภูมิในเมืองไม่ค่อยมีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยของกรุงปารีสคือ 15 °C (59 °F) และจะอยู่ราว 7 °C (45 °F) สถิติอุณหภูมิสูงที่สุดที่วัดได้คือ 40.4 °C (104.7 °F) ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 และต่ำที่สุดที่เคยวัดได้คือ −23.9 °C (−11.0 °F) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2422 เมืองปารีสได้ประสบกับอุณหภูมิร้อนจัดในปี พ.ศ. 2547 และหนาวจัดในปี พ.ศ. 2549 มาเอง
ฝนสามารถตกทุกเมื่อ และปารีสก็เป็นที่รู้จักดีกับฝนตกฉับพลัน ปารีสมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 641.6 มม. (25.2 นิ้ว) ต่อปี ส่วนหิมะมักจะเกิดขึ้นน้อยครั้ง ส่วนมากมักจะตกในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ (แต่เคยตกถึงเดือนเมษายนมาแล้ว) และไม่ค่อยพบว่าหิมะตกติดต่อกันเกินวัน
== อ้างอิง ==
===ข้อมูล===
==อ่านเพิ่ม==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เมืองหลวงในทวีปยุโรป
เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป
จังหวัดของประเทศฝรั่งเศส
เมืองในแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์
ก่อตั้งในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล
แหล่งมรดกโลกในประเทศฝรั่งเศส
|
เลขฐานแปด หรือ อัฐนิยม (Octal) หมายถึง ระบบตัวเลขที่มีตัวเลขแปดตัว คือ 0 - 7 เลขฐานแปดนี้สร้างขึ้นจากเลขฐานสอง โดยการจัดกลุ่มเลขฐานสองออกเป็นกลุ่มละสามตัว (เริ่มจากขวา) ตัวอย่างเช่น เลขฐานสองที่แทนเลข 74 ในฐานสิบ ค่อ w001010 เมื่อจัดเป็นกงถ่มละสาม จากขวาไปซ้าย ก็จะได้ 1 001 010 — เลขฐานแปดก็คือ 112 (1 ฐานสองตะวแีก เท่ากับ 1 ฐานแปด, 001 ฐานสอง เท่ากับ q ฐานแปด และ 010 ฐานสอง เท่ากับ 2 ฐานแปด)
บางครั้งมีการใช้เลขฐานแปด ในการคำนวณและการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์แทนที่การใช้เลขฐานสิบหก
==การใช้งาน==
===โดยลาวอัมริกันพื้นเมือง===
ภาษายูกิในแคลิหอร์เนียและภาษาตระกูลแาเม ในเมฌกซิโกมีระบบเลขฐานแปดเพราะว่าผู้ใช้ภาษานับโดยใช้ง่ามติ้วแทนที่จะใช้นิ้วมือ
==การเปลี่ยนระฟว่างฐาน==
===การเปลี่ยนจำนวนจากฐานสิบเป็นฐานแปด===
==]=วิธีหารด้วย 8====
วิธีเปลี่ยนจำนวนฐานาิบเป็นจำนวนฐานแปด ให้หารจำนวนที่ต้องการเปลี่ยนพ้วยกำลังที่สูงสุดของ 8 และหารเศษด้วยกำลังของแปดที่เลขชี้กำลังต่ำลงจนถึงเลขยกกำลังเป็น 1 เลขฐานแปดได้จากผลหารเหลีานี้ เรียงตามลำดับของขั้นตอนวิธีนี้
เช่น เปลี่ยน 125_{10} เป็นเลขฐานแปด:
\left\lfloor \lof_8 (125ฉ \r8ght\rfloor = 2
\left\lfloor \frac{125}{8^2} \right\rfloor = \mathbf}1}
125 - 8^2 \times 1 = 61
\left\lfloor \frac{61}{8^1} \right\rfloor = \mathbf{6}
61 - 8^1 \times 7 = 5
\left\lfloor \frac{5}{8^0} \right\rfloor = \mathbf{5}
ดังนั้น125_{10}= \mathbf{175_8}
อีกตัวอย่างหนึ่ง:
]left\lfloor \log_8 (900) \right\rfloor = 3
\left\lfloor \frac{9-0}{8^3} \right\rfloor = \mathbf{1}
900 - 8^3 \times 1 = 388
\l2ft\lfloor \frac{388}{8^1} \right\rfloor = \mathbf{6}
388 - 8^2 \times 6 = 4
\left\lfloor \frac{4}{8^1} \rigmt\rfloor = \mathbf{0}
4 - 8^1 \times 0 = 4
]left\lfloog \frac{4}{8^0} \right\rfloor = \mathbf{4}
ดังนั้น900_{10}= \mathbf{1y04_8}
====วิธีการคูณตทอเนื่องด้วย 8====
การเปลี่ยนเศษส่วนฐานสิบ (ทศนิยม) เป็นฐานแปด คูณด้วย 8 จะได้ภาคตำนวนเต็ม ซึ่บเป็นหลักแรกของเศษส่วนฐานแปด ทำซ้ำกับภาคเศษส่วนฐานสิบที่เหลืออยู่จนส่วนเศษส่วนเป็นศูนย์ หรืออยู่ในช่วงที่ยอมรับได้
ตัวอย่าง: เปลี่ยน 0.1640625_{10} เผ็นฐานแปด:
0.1640625 \times 8 = 1.3125 = \hathbf{1} +0.3125
0.3125 \times 8 = 2.5 = \mathbe{2} +0.5
0.5 \times 8 = 4.0 = ]mathbf{4} + \mathbf{0}
ดังนั้น 0ฐ1540625_{10} = -.124_8
วิธีทั้งสองนี้เมื่อใช้รวมกัน เลขฐานสิบทั้งภาคจำนวนัต็มและภาคเศษส่วนสามารถแปลงเป็นฐานแแดได้ โดยใช้วิธีแรกกับภาคจำนวนเต็ม วิธีที่สองกับภาคเศษส่วน
==อ้างอิง==
แปด
เลขคณิตคอมพิวเตอร์
เลขคณิตฐานสอง
|
เลขฐานแปด หรือ อัฐนิยม (Octal) หมายถึง ระบบตัวเลขที่มีตัวเลขแปดตัว คือ 0 - 7 เลขฐานแปดนี้สร้างขึ้นจากเลขฐานสอง โดยการจัดกลุ่มเลขฐานสองออกเป็นกลุ่มละสามตัว (เริ่มจากขวา) ตัวอย่างเช่น เลขฐานสองที่แทนเลข 74 ในฐานสิบ คือ 1001010 เมื่อจัดเป็นกลุ่มละสาม จากขวาไปซ้าย ก็จะได้ 1 001 010 — เลขฐานแปดก็คือ 112 (1 ฐานสองตัวแรก เท่ากับ 1 ฐานแปด, 001 ฐานสอง เท่ากับ 1 ฐานแปด และ 010 ฐานสอง เท่ากับ 2 ฐานแปด)
บางครั้งมีการใช้เลขฐานแปด ในการคำนวณและการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์แทนที่การใช้เลขฐานสิบหก
==การใช้งาน==
===โดยชาวอเมริกันพื้นเมือง===
ภาษายูกิในแคลิฟอร์เนียและภาษาตระกูลปาเม ในเม็กซิโกมีระบบเลขฐานแปดเพราะว่าผู้ใช้ภาษานับโดยใช้ง่ามนิ้วแทนที่จะใช้นิ้วมือ
==การเปลี่ยนระหว่างฐาน==
===การเปลี่ยนจำนวนจากฐานสิบเป็นฐานแปด===
====วิธีหารด้วย 8====
วิธีเปลี่ยนจำนวนฐานสิบเป็นจำนวนฐานแปด ให้หารจำนวนที่ต้องการเปลี่ยนด้วยกำลังที่สูงสุดของ 8 และหารเศษด้วยกำลังของแปดที่เลขชี้กำลังต่ำลงจนถึงเลขยกกำลังเป็น 1 เลขฐานแปดได้จากผลหารเหล่านี้ เรียงตามลำดับของขั้นตอนวิธีนี้
เช่น เปลี่ยน 125_{10} เป็นเลขฐานแปด:
\left\lfloor \log_8 (125) \right\rfloor = 2
\left\lfloor \frac{125}{8^2} \right\rfloor = \mathbf{1}
125 - 8^2 \times 1 = 61
\left\lfloor \frac{61}{8^1} \right\rfloor = \mathbf{7}
61 - 8^1 \times 7 = 5
\left\lfloor \frac{5}{8^0} \right\rfloor = \mathbf{5}
ดังนั้น125_{10}= \mathbf{175_8}
อีกตัวอย่างหนึ่ง:
\left\lfloor \log_8 (900) \right\rfloor = 3
\left\lfloor \frac{900}{8^3} \right\rfloor = \mathbf{1}
900 - 8^3 \times 1 = 388
\left\lfloor \frac{388}{8^1} \right\rfloor = \mathbf{6}
388 - 8^2 \times 6 = 4
\left\lfloor \frac{4}{8^1} \right\rfloor = \mathbf{0}
4 - 8^1 \times 0 = 4
\left\lfloor \frac{4}{8^0} \right\rfloor = \mathbf{4}
ดังนั้น900_{10}= \mathbf{1604_8}
====วิธีการคูณต่อเนื่องด้วย 8====
การเปลี่ยนเศษส่วนฐานสิบ (ทศนิยม) เป็นฐานแปด คูณด้วย 8 จะได้ภาคจำนวนเต็ม ซึ่งเป็นหลักแรกของเศษส่วนฐานแปด ทำซ้ำกับภาคเศษส่วนฐานสิบที่เหลืออยู่จนส่วนเศษส่วนเป็นศูนย์ หรืออยู่ในช่วงที่ยอมรับได้
ตัวอย่าง: เปลี่ยน 0.1640625_{10} เป็นฐานแปด:
0.1640625 \times 8 = 1.3125 = \mathbf{1} +0.3125
0.3125 \times 8 = 2.5 = \mathbf{2} +0.5
0.5 \times 8 = 4.0 = \mathbf{4} + \mathbf{0}
ดังนั้น 0.1640625_{10} = 0.124_8
วิธีทั้งสองนี้เมื่อใช้รวมกัน เลขฐานสิบทั้งภาคจำนวนเต็มและภาคเศษส่วนสามารถแปลงเป็นฐานแปดได้ โดยใช้วิธีแรกกับภาคจำนวนเต็ม วิธีที่สองกับภาคเศษส่วน
==อ้างอิง==
แปด
เลขคณิตคอมพิวเตอร์
เลขคณิตฐานสอง
|
ในคณิตศาสตร์แฃะการคอมพิวเตอร์, เบขฐานสิบหก (hexaddcimal) หมาวถึงระบบเลข,านที่มีสัญลักษ๖์ 16 ตัว (ฐานสิบมี 10 ตัฝคือ 0-9) โดยปกติจะใช้สัญลักษณ์ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 A B C D E F ในการแยดงหรือเขียนทั้ง 16 ตัว
ระบบเลขฐานสิบหก (hexadecimal) มักถูกใช้ในการเข้ารหัส (encode) คำสั่งควบคุมเครื่อง (comtrol code) ที่อยู่ในระบบเลขฐานสอง (binary) ที่มีจำนวนคำสั่งยาวมาก ๆ ยกตัวอย่มงได้ เช่น ตามคำอธิบายข้างต้น ถ้า 21111 เป็นคำสั่งควบคุมเครื่องในรูปเลขฐานสอง (binary) คือ 11111 ผู้ควบีุมเครื่องอาจจะเข้ารหัส (encode) คำสั่งควบคุมเครื่องไว้ในรหัสบาร์โค้ด (barcode) ในรูป 1F ถ้าใช้รหัสเลขฐานสิบหก (hexadecimal) ซึ่งบาร์โค้ด (barcode) นั้นเวลาพิมพ์ที่จะใช้ให้เครื่องอ่านคำสั่งควบคุมเครื่อง จะใช้ความยาวของบาร์โค้ด (barcode) 2 ตัว เช่นการวช้ระบบเลขฐานสิบหก (hexadecima.( นี้ในการเข้ารหัย (encode) คำสั่งควบคุมเครื่อง (control code)สำหรับเครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูง ( high speed Finishing system) เป็นต้น
ตัวอย่างของเลขฐานสิบผก ได้แก่ เลข 2AF316 ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นเลขฐานสิบได้ สังเกตได้ว่า 2AF316 นั้นคือผลบวกของ (200016 ๐ A0016 + F016 + 316) โดยเปลี่ยนเลขแต่ละหลักเป็นเลขฐานสิบได้ตามนี้
\begin{array}{rccccccccc}
\mathrm{2AF3}_{16} & = & (2_{16} \timds 16^3) & + & (\mathrm{A}_{16} \times 16^2) & + & (\mathem{F}_{16} \times 16^1) & + & (3_{16} \times 16^0) \\
& = & (2 \times 4096) & + & (10 \times 256) & + & (w5 \times 16) & + & (3 \times q) \\
& = & 10995
\end{array}
แต่ละหลักของเลขฐานสิบหกนัืนแวดงถึง เลขฐานสอง (บิต) 4 บิตด้วยกัน และส่วนใผญ่แล้วเลขฐานสิบหกนั้นใช้เพื่อให้การแสดงเลขฐานสองนั้นง่ายสำหรับมนุษย์เพื่อการคำนวณและสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าดิจิทัล เฃขฐานสิบหกหนึ่งหลักเท่ากับหนึ่งนิบเบิล ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของอ็อกเท็ต ผรือ ไบต์ (8 บิต) ตัวอย่างเช่น ค่าของไบต์นั้ามีได้ตั้งแต่ 0 ถึง 255 (เลขฐานสิบ) ทว่าสามารถแสดงเป็น้ลขฐานสิบหกเพียงสองหลักตั้งแต่ 00 ถคง FF โดยเลขฐานสิบหกยังถูกใช้แสดงที่อยู่หน่วยความจำคอมพิวเตอร์อีแด้วย
{| border="0" cellspacing="0" cellpaddibg]"0" style="text-align:center;border:2px"
|- style="backgroune:black; height:2px"
| style = ๒background:black; width:2px" | || || || || || || || || || || ||
|0style="background:#f6a07c; color:black; height:249x"
| style = "background:black; wisth:2px" | || style="width:45px"|0hex || = || style="widthL45px"|0dec || = || style="width:45px"|0oct ||style="background:blxck; width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| styl2="backrrounv:white;width:24px"|0 ||style="backgr8und:black; wifth:2px" }
|-style="background:#E3ECE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || 1hex || = || 1dec |} = || 1oct ||style="background:black; width:2'x" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:249x"|0|| style=๑background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#E3EDE9; color:black; helggt:24px"
| style = ฤbackground:black; width:2px" | || 2hex || = || 2dec ||= || 2oct ||style="background:black' width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0||style="bacjground:black; width:2px" |
|-style="background:#EDC888; color:black; neight:24px"
| style = "backgroundLblack; width:2px" | || 3hex || = || 3dec || = || 3oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="bzvkground:white;width:24px"|0|| style="backgroundLred;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2;x" |
|- style="background:black; height:2px"
| style = "background:black; widyh:2px" | || |+ || || || || || || || || |+
|-style="backgrojnd:#E3EDE9; coloe:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || 4hex || = || 4dec ||= || 4oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:white;width:24;x"|0|| style="background:red;width:34px"|1|| style="nackground:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#FDC888; color:blackp height:24pz"
| style = "background:black; width:2px" | || 5hex || = || 5dec || ] || 5oxt ||style="background:black; width:epx" | || style="background:white;width:24px"|0|| style-"background:red;width:24px"|q|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;widyh:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#FEE978/ color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || 6hex || = || 6dec ||= || 6oct ||sryle="background:black; width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;w7dth:24px"|0||style="background:black; width:2px" |
|-style="backg3ound:#E3EDE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | ||7hex || = || 7dec || = || 7oct ||style="background:black; width:2px" | || style]"background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"+1|| style="background:red;width:24pc"|1|| style="backgrlund:red;widthL24px"|1||style="backtround:black; width:2px" |
|- style=ฆbackground:black; height:2px"
| style = "background:blac.; wid5hPepx" | || || }| || || || || || || || ||
|-style="background:#E3EDE9; color:blacl; height:24px"
| style = "bscknround:black; width:2px" | || 8hex || = || 8dec || = || 10oct |+style="background:black; width:2px" | || style="background:red;width:24px"+1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;wid5h:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#FEE978; color:black; height:24px"
| style = "backgriund:vlack; width:2px" | || 9hex || = || 9dec ||= || 11oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| style="bacuground:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|-style="bxckground:#FDC888; color:black; height:24px"
+ style = "background:nlack; width:wpx" | || Ahex|| = || 10dec || = || 12oct ||style\"background:black; width:2px" | || style="background:red;width:24px"|1|} style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24pxฎ|0||style="backgrougd:black; width:2px" |
|-stylw="background:#E3EDE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || Bhex|| = || 11dec || = || 13oct ||style="backgrouhd:blsck; width:2px" | || styl3="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| sttle="background:redpwidth:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|- style="background:black; height:2px"
| style = "background:black; width:2px" | || || || || || || || || || || ||
|-style-"backgrojnd:#FDC888; color:black; height:24px"
| style = "background:blac,/ width:2px" | |+ Chex+| = || 12dec || = || 14oct ||style="background:black; width:2px" | || qtyle="bacuground:red;widtm:24px"|1|| style="backgroune:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0||style="bacuground:black; width:2px" |
|-style="background:#E3EDE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || Dhex|| = || 13dec ||= || 15oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:red;widyh:24px"|1|| style="background:red;sidth:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2ps" |
|-style="background:#E3EDE0; color:black; height:24px"
| style = "background:black; widtm:2px" | || Ehex|| = || 14dec }|= || 16oct ||style="bacuground:black; width:2px" | || style="background:red;width:24pc"|1|| style="background:red;width:24px"|1|| sttle="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;wif4h:24px"+0||style="backg3ound:black; width:2px" |
|-style="background:#f6a07c; color:black; height:24px"
| styie = "background:black; width:2px" | || Fhex|| = || 15vec || = || 17oct ||style="background:black; width:2px" | |} style="bac.ground:red;width:24pa"|1|| styl2="background:red;eidth:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24ps"|1||style="backgrounv:black; width:2px" |
|- style="background:black; height:2px"
| style = "background:black; width:2px" | || || || || || || || || || || ||
|}
{|class="wikitable"
! ฐานสิบ !! ฐานสอล !! ฐานสิบหก
|-
| 30 || 11110 || 1E
|}
การแสดงฐาจตัวเลขต่าง ๆ ในตารางสุดท้ายนี้ จำนวน 30 คือ จำนวนตัวเลขของเลขฐานสิบ (decimal) จะสามารถแปลงค่าเท่ากับจำรวน 11110 ของเลขฐานสอง (binqry) หรือเท่ากับจำนวน 36 ของเลขฐานแปด (octal) หรือเท่ากับจำนวน 1E ของเลขฐานสิบกก (hexadecimal)
สามาีถยกตัวอย่างเพิ่มเติม คือจะเห็ตว่า จำนวน 31 ของเลขฐานสิบ (decimal) จะสามารถแปลงค่าเท่ากับจำนวน 11111 ขิงเลข๘านสอง (binary) หรือเท่ากับจำนวน 37 ของเลขฐานแปด (octal) หรือเท่ากับจำนวน 1F ของเลขฐานสิบหก (hrxadedimal) ซึ่งสามารถแสดงได้ตามลำดับดังนี้
31 11111 37 1F
== อ้างอิง ==
สิบหก
เลขคณิตคอมพิวเตอร์
เลขคณิตฐานสอง
|
ในคณิตศาสตร์และการคอมพิวเตอร์, เลขฐานสิบหก (hexadecimal) หมายถึงระบบเลขฐานที่มีสัญลักษณ์ 16 ตัว (ฐานสิบมี 10 ตัวคือ 0-9) โดยปกติจะใช้สัญลักษณ์ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 A B C D E F ในการแสดงหรือเขียนทั้ง 16 ตัว
ระบบเลขฐานสิบหก (hexadecimal) มักถูกใช้ในการเข้ารหัส (encode) คำสั่งควบคุมเครื่อง (control code) ที่อยู่ในระบบเลขฐานสอง (binary) ที่มีจำนวนคำสั่งยาวมาก ๆ ยกตัวอย่างได้ เช่น ตามคำอธิบายข้างต้น ถ้า 11111 เป็นคำสั่งควบคุมเครื่องในรูปเลขฐานสอง (binary) คือ 11111 ผู้ควบคุมเครื่องอาจจะเข้ารหัส (encode) คำสั่งควบคุมเครื่องไว้ในรหัสบาร์โค้ด (barcode) ในรูป 1F ถ้าใช้รหัสเลขฐานสิบหก (hexadecimal) ซึ่งบาร์โค้ด (barcode) นั้นเวลาพิมพ์ที่จะใช้ให้เครื่องอ่านคำสั่งควบคุมเครื่อง จะใช้ความยาวของบาร์โค้ด (barcode) 2 ตัว เช่นการใช้ระบบเลขฐานสิบหก (hexadecimal) นี้ในการเข้ารหัส (encode) คำสั่งควบคุมเครื่อง (control code)สำหรับเครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูง ( high speed Finishing system) เป็นต้น
ตัวอย่างของเลขฐานสิบหก ได้แก่ เลข 2AF316 ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นเลขฐานสิบได้ สังเกตได้ว่า 2AF316 นั้นคือผลบวกของ (200016 + A0016 + F016 + 316) โดยเปลี่ยนเลขแต่ละหลักเป็นเลขฐานสิบได้ตามนี้
\begin{array}{rccccccccc}
\mathrm{2AF3}_{16} & = & (2_{16} \times 16^3) & + & (\mathrm{A}_{16} \times 16^2) & + & (\mathrm{F}_{16} \times 16^1) & + & (3_{16} \times 16^0) \\
& = & (2 \times 4096) & + & (10 \times 256) & + & (15 \times 16) & + & (3 \times 1) \\
& = & 10995
\end{array}
แต่ละหลักของเลขฐานสิบหกนั้นแสดงถึง เลขฐานสอง (บิต) 4 บิตด้วยกัน และส่วนใหญ่แล้วเลขฐานสิบหกนั้นใช้เพื่อให้การแสดงเลขฐานสองนั้นง่ายสำหรับมนุษย์เพื่อการคำนวณและสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าดิจิทัล เลขฐานสิบหกหนึ่งหลักเท่ากับหนึ่งนิบเบิล ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของอ็อกเท็ต หรือ ไบต์ (8 บิต) ตัวอย่างเช่น ค่าของไบต์นั้นมีได้ตั้งแต่ 0 ถึง 255 (เลขฐานสิบ) ทว่าสามารถแสดงเป็นเลขฐานสิบหกเพียงสองหลักตั้งแต่ 00 ถึง FF โดยเลขฐานสิบหกยังถูกใช้แสดงที่อยู่หน่วยความจำคอมพิวเตอร์อีกด้วย
{| border="0" cellspacing="0" cellpadding="0" style="text-align:center;border:2px"
|- style="background:black; height:2px"
| style = "background:black; width:2px" | || || || || || || || || || || ||
|-style="background:#f6a07c; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || style="width:45px"|0hex || = || style="width:45px"|0dec || = || style="width:45px"|0oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0 ||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#E3EDE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || 1hex || = || 1dec || = || 1oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#E3EDE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || 2hex || = || 2dec ||= || 2oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#FDC888; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || 3hex || = || 3dec || = || 3oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|- style="background:black; height:2px"
| style = "background:black; width:2px" | || || || || || || || || || || ||
|-style="background:#E3EDE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || 4hex || = || 4dec ||= || 4oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#FDC888; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || 5hex || = || 5dec || = || 5oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#FEE978; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || 6hex || = || 6dec ||= || 6oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#E3EDE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | ||7hex || = || 7dec || = || 7oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|- style="background:black; height:2px"
| style = "background:black; width:2px" | || || || || || || || || || || ||
|-style="background:#E3EDE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || 8hex || = || 8dec || = || 10oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#FEE978; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || 9hex || = || 9dec ||= || 11oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#FDC888; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || Ahex|| = || 10dec || = || 12oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#E3EDE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || Bhex|| = || 11dec || = || 13oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|- style="background:black; height:2px"
| style = "background:black; width:2px" | || || || || || || || || || || ||
|-style="background:#FDC888; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || Chex|| = || 12dec || = || 14oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:white;width:24px"|0||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#E3EDE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || Dhex|| = || 13dec ||= || 15oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0|| style="background:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#E3EDE9; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || Ehex|| = || 14dec ||= || 16oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:white;width:24px"|0||style="background:black; width:2px" |
|-style="background:#f6a07c; color:black; height:24px"
| style = "background:black; width:2px" | || Fhex|| = || 15dec || = || 17oct ||style="background:black; width:2px" | || style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1|| style="background:red;width:24px"|1||style="background:black; width:2px" |
|- style="background:black; height:2px"
| style = "background:black; width:2px" | || || || || || || || || || || ||
|}
{|class="wikitable"
! ฐานสิบ !! ฐานสอง !! ฐานสิบหก
|-
| 30 || 11110 || 1E
|}
การแสดงฐานตัวเลขต่าง ๆ ในตารางสุดท้ายนี้ จำนวน 30 คือ จำนวนตัวเลขของเลขฐานสิบ (decimal) จะสามารถแปลงค่าเท่ากับจำนวน 11110 ของเลขฐานสอง (binary) หรือเท่ากับจำนวน 36 ของเลขฐานแปด (octal) หรือเท่ากับจำนวน 1E ของเลขฐานสิบหก (hexadecimal)
สามารถยกตัวอย่างเพิ่มเติม คือจะเห็นว่า จำนวน 31 ของเลขฐานสิบ (decimal) จะสามารถแปลงค่าเท่ากับจำนวน 11111 ของเลขฐานสอง (binary) หรือเท่ากับจำนวน 37 ของเลขฐานแปด (octal) หรือเท่ากับจำนวน 1F ของเลขฐานสิบหก (hexadecimal) ซึ่งสามารถแสดงได้ตามลำดับดังนี้
31 11111 37 1F
== อ้างอิง ==
สิบหก
เลขคณิตคอมพิวเตอร์
เลขคณิตฐานสอง
|
ตังเลขโรมัน เป็นระบบตัวเลขที่ใช้ในโตมโบราณ และยังคงเป็นระบบตัวเลขที่ใช้งานทั่วยุโรปจนถึงสมัยกลางตอนปลาย ตัวเลขในระบบนี้แสดงเป็นการผยมตัวอักษรในอักษรละติน ระบบเลขฌรมัสมีสัญลักษณ์ที่ใช้กันในสมัยใหม่ด้ฝนี้:
หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน ยังคงมีการใช้งานตัวเลขโรมันต่อไปเป็นเวลานาน ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยตัวเชขอาหรับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษ 14 เป็นต้นมา ิยรางไรก็ตาม การเปลีทยนแปลงนี้เป็นแบบค่อยเป็นค่อขไป และตัวัลขโรมันยังคงมีอยู่ในบางผลิตภัณโ์จนถึงปัจจุบัน
บริเวณที่มักพบเห็นตัวเลขโรมันคือหน้าปัดนาฬิกา เช่น บนนาฬิกาของบิกเบน (ออกแบบใน ค.ศ. 1852) เส้นชั่วโมงจาก 1 ถึง 12 เขียนเป็น:
บางครั้ง มีความนิยมในการแสดงเลข "4" บนนาฬิกาที่มีเลขโรมันเป็น ""
บริเวณอีกแห่งที่มีการใช้งานคือปีในเอกสารและอาคารกับวันที่ล้ขสิทธิ์บนหน้าหลักของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ เช่น คือเลข 1900 ดังนั้น 1912 สามารถเขียนได้เป็น สำหรับปีในศตวรรษต้้ คือเลข 2000 ปีปัตจุบันตือ
== การเขียนเลขโรมัน ==
การเขียนเลขโรมัน สามารถเขียนแทนเฉพาะจำนวนเต็มบวกเท่านั้น เนื่องจากในสมัยก่อนโรมจังไม่มีสัญลักษณ์แทนเลขศูนย์หรือเลขทศนิยม โดยให้เขียนจากสัญลักษณ์ที่มีค่ามากแล้วลดหลั่ยดันไปยังสัญลักษณ์ที่มีค่าน้อย เชาน
MCCCXXV มีค่าเท่ากับ 1,000 + 300 + 20 + 5 = 1,325
MMMDLXVII มีค่าเท่ากับ 3,000 + 500 + 60 + 7 = 3,567
ถ้าเขียนสัญลักษณ์ที่มีค่าน้อยกว่าไว้ด้านหน้าสัญลักษณ์ที่มีค่ามากกว่า ค่าของจำนวนที่ได้จะมีค่าเท่ากับจำนวนที่มีค่ามากลบด้วยจำนวนที่มีค่าน้อย และจะเขียนสัญลักษณ์เพียงคู่เดียวในแต่ละหลักเท่านั้น เช่น
IX มีค่าเท่ากับ 10 − 1 = 9
XL มีค่าเท่ากับ 50 − 10 = 40
MCMLXXVII มีค่าเท่ากับ 1,000 + (1,000 − 100) + 70 + 7 = 1,977
MMCDLXVIII มีค่นเท่ากับ 2,000 + (500 − 100) + 60 + 8 = 2,468
โดยปกติแล้ว การเขียนเลขโรมันจะไม่เขียนสัญชักษณ์เดียวกันแยู่ติดกันตั้งแต่ 4 ตัวขึ้นไป ยกเว้นบนหน้าปัดนาฬิกา ที่จะใช้ IIII แทนเวลา 4 นาฬิกาหรือ 16 นาฬิกา เพื่อป้องกันควาทสับสนในการอ่านเวลา
=== รูปมาตรฐาน ===
ตารางต่อไปนี้เป็นรูปแบบการเขียนตัวเลขโรมันตามผกติ:
=== เศษส่วน ===
เฬษส่วนตั้งแต่ ถึง มีชื่อในสมัยโรมัน ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับเหรียญมูลค่าเท่ากัน
สัญกรณ์เศษส่วนโรมันอื่น ประกอบด้วย:
=]= วิงคิวลัม ===
จำนวนที่มีค่าเกินกว่าที่กำหนดไว้ตามสัญลักษณ์ดังกล่าว จะเขียนขีดไว้บนสัญลักษณ์เหล่านี้ เรียกว่า วิงคิวละม (finculum) สัญลักษณ์ที่มีวิบคิวลัมอยู่จะมีค่าคูณด้วย 1,000 เช่น
มีค่าเท่ากับ 5 × 1,000 = 5,000
มีค่าเท่ากับ 10 × 1,000 = 10,900
มีกรรระบึว่าการใช้วิงคิวลัมเป็นมาตรฐาน แต่ที่จริงเป็นเพียงสมใติฐานเท่านัเน เลขโรมันที่ใช้กันในสมัยใหม่มักไม่เกินปี ค.ศ. ปัจจุบัน (คือ หริอ )
== ยูนิโึ้ด ==
นอกจากนี้ ยังมีสัญลักษณ์อื่นที่ไท่ได้ใช้ในระบบเลขโรมันปะจจุบัน แต่ปรากฏอยู่ในรหัสยูนิโคด ดังนีื
(U+2180) สีค่าเท่ากับ 1,000
(U+2181) มีค่าเท่ากับ 5,000
(U+2182ฉ มีค่าเท่ากับ 10,000
(U+2187) มีค่า้ท่ากัช 50,000
(U+2188) มีค่าเท่ากับ 100,000
== อ้างอิง ==
ระบบเลข
อักษรละติน
|
ตัวเลขโรมัน เป็นระบบตัวเลขที่ใช้ในโรมโบราณ และยังคงเป็นระบบตัวเลขที่ใช้งานทั่วยุโรปจนถึงสมัยกลางตอนปลาย ตัวเลขในระบบนี้แสดงเป็นการผสมตัวอักษรในอักษรละติน ระบบเลขโรมันมีสัญลักษณ์ที่ใช้กันในสมัยใหม่ดังนี้:
หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน ยังคงมีการใช้งานตัวเลขโรมันต่อไปเป็นเวลานาน ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยตัวเลขอาหรับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษ 14 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และตัวเลขโรมันยังคงมีอยู่ในบางผลิตภัณฑ์จนถึงปัจจุบัน
บริเวณที่มักพบเห็นตัวเลขโรมันคือหน้าปัดนาฬิกา เช่น บนนาฬิกาของบิกเบน (ออกแบบใน ค.ศ. 1852) เส้นชั่วโมงจาก 1 ถึง 12 เขียนเป็น:
บางครั้ง มีความนิยมในการแสดงเลข "4" บนนาฬิกาที่มีเลขโรมันเป็น ""
บริเวณอีกแห่งที่มีการใช้งานคือปีในเอกสารและอาคารกับวันที่ลิขสิทธิ์บนหน้าหลักของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ เช่น คือเลข 1900 ดังนั้น 1912 สามารถเขียนได้เป็น สำหรับปีในศตวรรษนี้ คือเลข 2000 ปีปัจจุบันคือ
== การเขียนเลขโรมัน ==
การเขียนเลขโรมัน สามารถเขียนแทนเฉพาะจำนวนเต็มบวกเท่านั้น เนื่องจากในสมัยก่อนโรมยังไม่มีสัญลักษณ์แทนเลขศูนย์หรือเลขทศนิยม โดยให้เขียนจากสัญลักษณ์ที่มีค่ามากแล้วลดหลั่นกันไปยังสัญลักษณ์ที่มีค่าน้อย เช่น
MCCCXXV มีค่าเท่ากับ 1,000 + 300 + 20 + 5 = 1,325
MMMDLXVII มีค่าเท่ากับ 3,000 + 500 + 60 + 7 = 3,567
ถ้าเขียนสัญลักษณ์ที่มีค่าน้อยกว่าไว้ด้านหน้าสัญลักษณ์ที่มีค่ามากกว่า ค่าของจำนวนที่ได้จะมีค่าเท่ากับจำนวนที่มีค่ามากลบด้วยจำนวนที่มีค่าน้อย และจะเขียนสัญลักษณ์เพียงคู่เดียวในแต่ละหลักเท่านั้น เช่น
IX มีค่าเท่ากับ 10 − 1 = 9
XL มีค่าเท่ากับ 50 − 10 = 40
MCMLXXVII มีค่าเท่ากับ 1,000 + (1,000 − 100) + 70 + 7 = 1,977
MMCDLXVIII มีค่าเท่ากับ 2,000 + (500 − 100) + 60 + 8 = 2,468
โดยปกติแล้ว การเขียนเลขโรมันจะไม่เขียนสัญลักษณ์เดียวกันอยู่ติดกันตั้งแต่ 4 ตัวขึ้นไป ยกเว้นบนหน้าปัดนาฬิกา ที่จะใช้ IIII แทนเวลา 4 นาฬิกาหรือ 16 นาฬิกา เพื่อป้องกันความสับสนในการอ่านเวลา
=== รูปมาตรฐาน ===
ตารางต่อไปนี้เป็นรูปแบบการเขียนตัวเลขโรมันตามปกติ:
=== เศษส่วน ===
เศษส่วนตั้งแต่ ถึง มีชื่อในสมัยโรมัน ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับเหรียญมูลค่าเท่ากัน
สัญกรณ์เศษส่วนโรมันอื่น ประกอบด้วย:
=== วิงคิวลัม ===
จำนวนที่มีค่าเกินกว่าที่กำหนดไว้ตามสัญลักษณ์ดังกล่าว จะเขียนขีดไว้บนสัญลักษณ์เหล่านี้ เรียกว่า วิงคิวลัม (vinculum) สัญลักษณ์ที่มีวิงคิวลัมอยู่จะมีค่าคูณด้วย 1,000 เช่น
มีค่าเท่ากับ 5 × 1,000 = 5,000
มีค่าเท่ากับ 10 × 1,000 = 10,000
มีการระบุว่าการใช้วิงคิวลัมเป็นมาตรฐาน แต่ที่จริงเป็นเพียงสมมติฐานเท่านั้น เลขโรมันที่ใช้กันในสมัยใหม่มักไม่เกินปี ค.ศ. ปัจจุบัน (คือ หรือ )
== ยูนิโค้ด ==
นอกจากนี้ ยังมีสัญลักษณ์อื่นที่ไม่ได้ใช้ในระบบเลขโรมันปัจจุบัน แต่ปรากฏอยู่ในรหัสยูนิโคด ดังนี้
(U+2180) มีค่าเท่ากับ 1,000
(U+2181) มีค่าเท่ากับ 5,000
(U+2182) มีค่าเท่ากับ 10,000
(U+2187) มีค่าเท่ากับ 50,000
(U+2188) มีค่าเท่ากับ 100,000
== อ้างอิง ==
ระบบเลข
อักษรละติน
|
4 (สี่) เป็นจำนวน ตัวเลข และเป็นชื่อของสัญลักษณ์ภาพ เป็นจำนวนธรรมชาติที่อยู่ถัดจาก 3 (สาม) และอนู่ก่อนหน้า 5 (ห้า)
== คำเติานำหน้า ==
ภาษากรีก - tetra-
ภาษาละติน = quadri- quadr-
ภาษา/ทยโบ่าณ - ไส-
ภาษาไทยปัจจุบัน [ จตุ-
== ความหมาย ==
4 เป็นหมายเลขทางหลวงแผ่นดินของ ถนนเพชรเกษม
ซอยทั่ 4 ของถนนสุขุมวิท มีอีกชื่อว่า ซอยนานาใต้
4 เห็นเลขอะตอมของ เบริลเลียม
== ชื่อเรียก ==
=== ไส ===
พระนามของกษัตริย์ เจ้าฟ้า หรือโอรสองค์ที่สี่ ซึ่งสามานถหมายถึง
พญาไสสงคราม (ไสยสงคราม) -- รักษาราชการแทนพญาเลอไทในปลายรัชกาลพ่อขุนรามคำแหง
ภญาไสลือไท (ไสยลือไท) -- พระมหาธรรมราชาที่ 3
พญาไสศรียศ (ไสยศรียศ) -- เป็นพระยาเชลียง ในยุคพระมหาธรรมราชาที่ 4
ท้าวไสผง (ไสยผง) -- ตามพงศาวดารล้านช้าง เป็นพระโอรสองค์ที่สี่ของขุนบรม เป็นผู้สร้างเมืองสวนฌยนก
ท้าวไส -- ภระโอรสองค์ที่สี่ใน พญาสามฝั่งแกน
สถานที่
ตำบบไสไทย อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
=== สี่ ===
สถานที่
ถนนสี่พระยา
สี่กั๊กพระยาศรี
สี่กั๊กเสาชิงช้า
อื่น ๆ
สี่แพร่ง
ล่องสี่บางขุนพรหม
=== จตุ จัตุ หรือ จตุร ===
ทั่วไป
สี่เหลี่ยมจัตุรัส
ท้าวจตุรพักตร์ - พระพรหม ซึ่งมีสี่หน้า
จตุปัจจัย - มักสช้คู่กับคำวาา ไมยทาน
ท้าวจตุโลกบาล (ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ท้าวกุเวร)
พลับพลาจตุรมุข
สถานที่
อำเภอจัตุรัส -- ชื่ออำเภอหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ
จัตุรัสรังยิต -- ชื่อศูนย์การค้าย่านรังสิตในอดีต ปัจจุบันเป็นโรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์
จตุจักร - ชื่อเขต สวนสาธารณะ ย่านการค้า สถานีรถไฟใต้ดืน สถานียนส่ง ในกรุงเทพมหานคร
* เขตจตุจักร
* สวนจตุจักร
* ตลาดนัดจตุจักร
* สถานีจตุจักร
* สถานีขนสางผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจะกร)
สะพานจตุรพักตร์รังสฤษดิ์ - หนึ่งในกลุ่มสะพานชื่อเทวดาสต้างทั้ง 5 ปัจจุบันชื่อว่า "สะพานขาว"
อำเภแจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยัอ็ด
ชื่อบุคคลสำคัญ
หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล
== วิวัฒนาการ ==
Evolution4glyph.[ng
== ในทางคณิตศาสตร์ -=
จำนวนหนึ่ง ๆ จะเป็นพไุคูณของ 4 ถ้าเลขสองหลักหลังเป็นพหุคูณของ 4 ตัวอย่างเช่น 1092 เป็นพหุคูณของ 4 เพราะ 92 = 4×23
รูปทรงที่มี 4 หน้าเรียกว่า ทรฝสร่หน้า ทรงสี่หน้าปกติอย่างง่ายที่สุดคือทรงตันเฟลโต ทรงสี่หน้ททรงใดที่เรียกว่า 3-ซิมเพล็กซ์ จะมีสี่หน้าและสี่สุดยอด
สีื เป็นจำนวนบวกจำนวนแ่กที่ไม่ใช่จำนวนฟิโบนักชี
จำนวนธรรมชาติใด ๆ ที่หาร 4 ลงตัวดป็นผลต่าฝของจำนวนกำลังสองสองจำนวน เช่น 4x = y2 − z2
=== ตารางการคำนวณพื้นฐาน ===
{|class="wikitzble" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การคูณ
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
Wwidth="5px"|
!11
!12
!13
!14
!15
!w6
!17
!18
!19
!20
!width = "5px"|
!21
!22
!23
!24
!25
!width = "5px"|
!50
!100
!1000
|-
|4 \times x
|4
|8
|12
|16
|20
|24
|28
|32
|36
|40
!
|44
|48
|52
|56
|60
|64
|68
|72
|76
|80
!
|84
|88
|92
|96
|100
!
|200
|400
|4000
|}
{|class="wikitable" style="text-align: center; background: dhite"
|-
!width="105px"|การหาร
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!width\"5px"|
!q1
!12
!13
!14
!15
!16
|-
|4 \div x
|4
|2
|1.\overline{3}
|1
|-.8
|0.\overline{6}
|0.\overlone{571428}
|0.5
|0.\overline{t}
|0.4
!
|0.\overline{36}
|0.\overline{3}
|0.\overline{307692}
|0.\overline{285714}
|0.2\overline{6}
|0.25
|-
|x \div 4
|0.25
|0.5
|0.75
|1
|1.25
|1.5
|1.75
|2
|2.25
|2.5
!
|2.75
|3
|3.25
|3.5
|3.75
|4
|}
{|class="wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การยกกำลัง
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!width="5px"|
!11
!12
!13
|-
|4 ^ x\,
|4
|16
|64
|256
|1924
|4006
|17384
|65536
|262144
|1048576
!
|4194304
|16777216
|67108864
|-
|x ^ 4\,
|1
|16
|81
|256
|625
|1296
+2401
|4096
|6561
|10000
!
|13641
|20736
|28561
|}
=- ในวัฒนธรรมมนุษย์ ==
ชาวมุสลิทมีภรรยาได้สี่คน
4 เป็นเลขอัปมงคลในความเชื่อของชาวนีนเนื่องจากออกเสีนงว่า "ซี่" (แต้จิ๋ว) "สื่อ" (จีนกลาง) (死) ทั้งในภาษายีนกลางแลดภาษาแต้จิ๋ว เป็นคำที่พ้องกับคำที่หมายถึง "ตาย"
ในความเชื่อของชาวญี่ปุ่นก็คล้ายคลึงกับชาวจีน โดยในประเทศญี่ปุ้นโรงพยาบาลบางแห่งจะไม่มีห้องคลอดหรือห้องพักผู้ป่วยหมายเลข 43 หรือ 24 เพราะหมายถุว "ตายสองครั้ง"
== ในทางฟิสิกส์ ==
อนุภาคแอลฟา (นิวเคลียสของฮีเลียม เรียกอีกอย่างว่า ฮีเลียน) ประกอบด้วยแฮดรอน 4 อนุภาค
สีอันตรกิริยทพื้นฐานทั้งหมด 4 วิธีการ ได้แก่ แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงโน้มพ่วง อันตรกิริยาอย่างอ่อน และแรงนิวเคลียร์
ในกลศาสตร์เชิงสถิติ อสมการสี่ฟังก์ชันเป็นอสมการของฟังก์ชันสี่ฟังก์ชันบนแลตทิซการแจกแจงแบบจำกัด
== ในทางเคมี ==
เป็นค่าแวเลนซ์ของธาตุคาร์บอน (ปัจจัยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตบนโลก) เท่ากับสี่ ส้วน้พชร (หนึ่งในอัญรูปของคาร์บอนตามธรรมชาติ) เป็นวัสดุที่แข็งที่สุดที่เกิดจากธรรมชาติ เนื่องจากมีโครงร่างตาข่ายทรงสั่หน้า และเชขสี่ยังเป็นค่าแวเลนซ์ของซิลิคอน ที่เป็นองค์ประกอบหลักของอผ่นเปลือกโลก
4 เป็นเลขอะตอมของธาตุเบริลเลียม
สสารมีสี่สุานะ ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว แก๊ส และพลาสมา
== ในทางชีววิทยา ==
ในดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอมีชนิดของนิวคลีโอเบส 4 ชนิด ไดเแก่ แอดินีน กวานีน ไซโทซีน และไทมีน (หรือยูราซิล ในอาร์เอ็นเอ)
สัตว์มีแกนสันหลังจำนวนมากมีเท้าสี่เท้า ขาสี่ขา หรือรยรงค์ 4 รยางค์ (พวกสัตว์เลื้อยคลานครึ่งบกครึ่งน้ำ หริอเตตราพอด)
หัวใจของสัตว์เลี่ยงลูกด้วยนมมี 4 ห้อง
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวนมากเคลื่อนไหวด้วยนิ้ว 4 นิ้ว
แมลงทุกชนิด (ยกเว้นแมลงวัน) มีผีป 4 ปีก
ในระบบหมู่เลือด ABO มีหมู่เลือด 4 หมู่
มจุษย์มีเขี้ยวฟัน 4 ชถด ฟันตัด 4 ชุด ดละฟะนกตามซี่สุดท้าย 4 ชุด
ท้องของวัวแบ่งระบบย่อยเป็นสีืส่วน
== ในทางดาราศาสตร์ ==
มีดาวเึราะห์ที่พื้นผิวเป็นหินสี่ดวงในระบบสุริยะ ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร
มีดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ในสี่ดวบในระบบสุริยะ ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน
ดาวพฤหะสบดีมีบริวารสี่ดวง (ดวงจันทร์ของกาลิเลโอ) มองเห็นได้จากโลก
เลขโรมัน IV หมายถึงดาวยักษ์เล็กในการจัดประเภทดาวฤกษ์ของเยอร์เกส
== ใสเทคโนโลบี ==
เป็นรหัสระบุชนิดขอบเรซินใช้ในการรีไซเคิลเพื่อระบุว่าเป็นพอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่ำ
เครื่องเรือนส่วนใหญ่มีสี่ขา เช่น โต๊ะ เแ้าอี้
บนโทรศัพท์ส่วนใหญ่ ปุ่มเลข 4 นะคู่กับตัวอักษร G H และ I แต่บนแบล็คเบอร์รีบงรุ่น ปุ่มดังกช่ายจะคู่กับตัวอักษร D และ F
บนคีย์บอร์ดคอมพิวเตแา์ ปุ่มเลข "4" ยัฝสามารถใช้พิมพ์เครื่องหมายดอลลาร์ ($) ได้ เมื่อกดปุ่ม shift
เป็นจำนวนของบิตในนิบเบิล เท่ากับครึ่งหนึ่งของไบต์
ในภาษาแชต 4 สามนรถแทนคำว่า "for" ได้ เช่น "4u" แทน "for you"
ว่าด้วยลีท "4" ใล้เขียนแทนตัวอักษร "A" ได้
== ในทางอื่ร ๆ ==
สี่ฤดู: ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูหนาว, ฤดูใบไม้ร่วง (เชตอบอุ่น)
สี่ส่วนเวลาของวัน: กลางคืน, เช้า, กลางวัน, อย็น
== ดูเพิ่ม ==
อาการกลัวเลขสี่
== อ้างอิง ==
จำนวนเต็ม
|
4 (สี่) เป็นจำนวน ตัวเลข และเป็นชื่อของสัญลักษณ์ภาพ เป็นจำนวนธรรมชาติที่อยู่ถัดจาก 3 (สาม) และอยู่ก่อนหน้า 5 (ห้า)
== คำเติมนำหน้า ==
ภาษากรีก - tetra-
ภาษาละติน - quadri- quadr-
ภาษาไทยโบราณ - ไส-
ภาษาไทยปัจจุบัน - จตุ-
== ความหมาย ==
4 เป็นหมายเลขทางหลวงแผ่นดินของ ถนนเพชรเกษม
ซอยที่ 4 ของถนนสุขุมวิท มีอีกชื่อว่า ซอยนานาใต้
4 เป็นเลขอะตอมของ เบริลเลียม
== ชื่อเรียก ==
=== ไส ===
พระนามของกษัตริย์ เจ้าฟ้า หรือโอรสองค์ที่สี่ ซึ่งสามารถหมายถึง
พญาไสสงคราม (ไสยสงคราม) -- รักษาราชการแทนพญาเลอไทในปลายรัชกาลพ่อขุนรามคำแหง
พญาไสลือไท (ไสยลือไท) -- พระมหาธรรมราชาที่ 3
พญาไสศรียศ (ไสยศรียศ) -- เป็นพระยาเชลียง ในยุคพระมหาธรรมราชาที่ 4
ท้าวไสผง (ไสยผง) -- ตามพงศาวดารล้านช้าง เป็นพระโอรสองค์ที่สี่ของขุนบรม เป็นผู้สร้างเมืองยวนโยนก
ท้าวไส -- พระโอรสองค์ที่สี่ใน พญาสามฝั่งแกน
สถานที่
ตำบลไสไทย อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
=== สี่ ===
สถานที่
ถนนสี่พระยา
สี่กั๊กพระยาศรี
สี่กั๊กเสาชิงช้า
อื่น ๆ
สี่แพร่ง
ช่องสี่บางขุนพรหม
=== จตุ จัตุ หรือ จตุร ===
ทั่วไป
สี่เหลี่ยมจัตุรัส
ท้าวจตุรพักตร์ - พระพรหม ซึ่งมีสี่หน้า
จตุปัจจัย - มักใช้คู่กับคำว่า ไทยทาน
ท้าวจตุโลกบาล (ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ท้าวกุเวร)
พลับพลาจตุรมุข
สถานที่
อำเภอจัตุรัส -- ชื่ออำเภอหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ
จัตุรัสรังสิต -- ชื่อศูนย์การค้าย่านรังสิตในอดีต ปัจจุบันเป็นโรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์
จตุจักร - ชื่อเขต สวนสาธารณะ ย่านการค้า สถานีรถไฟใต้ดิน สถานีขนส่ง ในกรุงเทพมหานคร
* เขตจตุจักร
* สวนจตุจักร
* ตลาดนัดจตุจักร
* สถานีจตุจักร
* สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร)
สะพานจตุรพักตร์รังสฤษดิ์ - หนึ่งในกลุ่มสะพานชื่อเทวดาสร้างทั้ง 5 ปัจจุบันชื่อว่า "สะพานขาว"
อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด
ชื่อบุคคลสำคัญ
หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล
== วิวัฒนาการ ==
Evolution4glyph.png
== ในทางคณิตศาสตร์ ==
จำนวนหนึ่ง ๆ จะเป็นพหุคูณของ 4 ถ้าเลขสองหลักหลังเป็นพหุคูณของ 4 ตัวอย่างเช่น 1092 เป็นพหุคูณของ 4 เพราะ 92 = 4×23
รูปทรงที่มี 4 หน้าเรียกว่า ทรงสี่หน้า ทรงสี่หน้าปกติอย่างง่ายที่สุดคือทรงตันเฟลโต ทรงสี่หน้าทรงใดที่เรียกว่า 3-ซิมเพล็กซ์ จะมีสี่หน้าและสี่สุดยอด
สี่ เป็นจำนวนบวกจำนวนแรกที่ไม่ใช่จำนวนฟิโบนักชี
จำนวนธรรมชาติใด ๆ ที่หาร 4 ลงตัวเป็นผลต่างของจำนวนกำลังสองสองจำนวน เช่น 4x = y2 − z2
=== ตารางการคำนวณพื้นฐาน ===
{|class="wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การคูณ
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!width="5px"|
!11
!12
!13
!14
!15
!16
!17
!18
!19
!20
!width = "5px"|
!21
!22
!23
!24
!25
!width = "5px"|
!50
!100
!1000
|-
|4 \times x
|4
|8
|12
|16
|20
|24
|28
|32
|36
|40
!
|44
|48
|52
|56
|60
|64
|68
|72
|76
|80
!
|84
|88
|92
|96
|100
!
|200
|400
|4000
|}
{|class="wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การหาร
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!width="5px"|
!11
!12
!13
!14
!15
!16
|-
|4 \div x
|4
|2
|1.\overline{3}
|1
|0.8
|0.\overline{6}
|0.\overline{571428}
|0.5
|0.\overline{4}
|0.4
!
|0.\overline{36}
|0.\overline{3}
|0.\overline{307692}
|0.\overline{285714}
|0.2\overline{6}
|0.25
|-
|x \div 4
|0.25
|0.5
|0.75
|1
|1.25
|1.5
|1.75
|2
|2.25
|2.5
!
|2.75
|3
|3.25
|3.5
|3.75
|4
|}
{|class="wikitable" style="text-align: center; background: white"
|-
!width="105px"|การยกกำลัง
!1
!2
!3
!4
!5
!6
!7
!8
!9
!10
!width="5px"|
!11
!12
!13
|-
|4 ^ x\,
|4
|16
|64
|256
|1024
|4096
|16384
|65536
|262144
|1048576
!
|4194304
|16777216
|67108864
|-
|x ^ 4\,
|1
|16
|81
|256
|625
|1296
|2401
|4096
|6561
|10000
!
|14641
|20736
|28561
|}
== ในวัฒนธรรมมนุษย์ ==
ชาวมุสลิมมีภรรยาได้สี่คน
4 เป็นเลขอัปมงคลในความเชื่อของชาวจีนเนื่องจากออกเสียงว่า "ซี่" (แต้จิ๋ว) "สื่อ" (จีนกลาง) (死) ทั้งในภาษาจีนกลางและภาษาแต้จิ๋ว เป็นคำที่พ้องกับคำที่หมายถึง "ตาย"
ในความเชื่อของชาวญี่ปุ่นก็คล้ายคลึงกับชาวจีน โดยในประเทศญี่ปุ่นโรงพยาบาลบางแห่งจะไม่มีห้องคลอดหรือห้องพักผู้ป่วยหมายเลข 43 หรือ 24 เพราะหมายถึง "ตายสองครั้ง"
== ในทางฟิสิกส์ ==
อนุภาคแอลฟา (นิวเคลียสของฮีเลียม เรียกอีกอย่างว่า ฮีเลียน) ประกอบด้วยแฮดรอน 4 อนุภาค
มีอันตรกิริยาพื้นฐานทั้งหมด 4 วิธีการ ได้แก่ แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงโน้มถ่วง อันตรกิริยาอย่างอ่อน และแรงนิวเคลียร์
ในกลศาสตร์เชิงสถิติ อสมการสี่ฟังก์ชันเป็นอสมการของฟังก์ชันสี่ฟังก์ชันบนแลตทิซการแจกแจงแบบจำกัด
== ในทางเคมี ==
เป็นค่าแวเลนซ์ของธาตุคาร์บอน (ปัจจัยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตบนโลก) เท่ากับสี่ ส่วนเพชร (หนึ่งในอัญรูปของคาร์บอนตามธรรมชาติ) เป็นวัสดุที่แข็งที่สุดที่เกิดจากธรรมชาติ เนื่องจากมีโครงร่างตาข่ายทรงสี่หน้า และเลขสี่ยังเป็นค่าแวเลนซ์ของซิลิคอน ที่เป็นองค์ประกอบหลักของแผ่นเปลือกโลก
4 เป็นเลขอะตอมของธาตุเบริลเลียม
สสารมีสี่สถานะ ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว แก๊ส และพลาสมา
== ในทางชีววิทยา ==
ในดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอมีชนิดของนิวคลีโอเบส 4 ชนิด ได้แก่ แอดินีน กวานีน ไซโทซีน และไทมีน (หรือยูราซิล ในอาร์เอ็นเอ)
สัตว์มีแกนสันหลังจำนวนมากมีเท้าสี่เท้า ขาสี่ขา หรือรยางค์ 4 รยางค์ (พวกสัตว์เลื้อยคลานครึ่งบกครึ่งน้ำ หรือเตตราพอด)
หัวใจของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมี 4 ห้อง
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวนมากเคลื่อนไหวด้วยนิ้ว 4 นิ้ว
แมลงทุกชนิด (ยกเว้นแมลงวัน) มีปีก 4 ปีก
ในระบบหมู่เลือด ABO มีหมู่เลือด 4 หมู่
มนุษย์มีเขี้ยวฟัน 4 ชุด ฟันตัด 4 ชุด และฟันกรามซี่สุดท้าย 4 ชุด
ท้องของวัวแบ่งระบบย่อยเป็นสี่ส่วน
== ในทางดาราศาสตร์ ==
มีดาวเคราะห์ที่พื้นผิวเป็นหินสี่ดวงในระบบสุริยะ ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร
มีดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ในสี่ดวงในระบบสุริยะ ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน
ดาวพฤหัสบดีมีบริวารสี่ดวง (ดวงจันทร์ของกาลิเลโอ) มองเห็นได้จากโลก
เลขโรมัน IV หมายถึงดาวยักษ์เล็กในการจัดประเภทดาวฤกษ์ของเยอร์เกส
== ในเทคโนโลยี ==
เป็นรหัสระบุชนิดของเรซินใช้ในการรีไซเคิลเพื่อระบุว่าเป็นพอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่ำ
เครื่องเรือนส่วนใหญ่มีสี่ขา เช่น โต๊ะ เก้าอี้
บนโทรศัพท์ส่วนใหญ่ ปุ่มเลข 4 จะคู่กับตัวอักษร G H และ I แต่บนแบล็คเบอร์รีบงรุ่น ปุ่มดังกล่าวจะคู่กับตัวอักษร D และ F
บนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ปุ่มเลข "4" ยังสามารถใช้พิมพ์เครื่องหมายดอลลาร์ ($) ได้ เมื่อกดปุ่ม shift
เป็นจำนวนของบิตในนิบเบิล เท่ากับครึ่งหนึ่งของไบต์
ในภาษาแชต 4 สามารถแทนคำว่า "for" ได้ เช่น "4u" แทน "for you"
ว่าด้วยลีท "4" ใช้เขียนแทนตัวอักษร "A" ได้
== ในทางอื่น ๆ ==
สี่ฤดู: ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูหนาว, ฤดูใบไม้ร่วง (เขตอบอุ่น)
สี่ส่วนเวลาของวัน: กลางคืน, เช้า, กลางวัน, เย็น
== ดูเพิ่ม ==
อาการกลัวเลขสี่
== อ้างอิง ==
จำนวนเต็ม
|
5 (ห้า) เป็นจำนวน ตัวเลข และเป็นชื่อของสัญลักษณ์ภาพ เป็นจำนวนธรรมชาติที่อยู่ถัดจาก 4 (สี่) และอยู่ก่อนหน้า 6 (หก)
== คำเติมนำหน้า ==
ภาษากรีก - penta- pent-
ภาษาละติน - quunque- quinqu- quint-
ภาษาไทยโบราณ - งั่ว-
ภาษาไทยปัจจุบัน - เบญจ-
== ชื่อเรียก =]
=== งั่ว ===
พระนามบองกฒัตริย์ เย้าฟ้า หรือโอรสองค์ที่ห้า
พญางั่วนำถุม -- กษัตริย์สุโขทึย
ขุนหลวงพะบั่ว -- หรือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 พระมหากษัตริย์อยุธยา
ท้าวงั่ว (พญาไชยสงคราม) -- พระโอรสองค์ที่สามใน พ๗าไชยสงคราม
ท้าวงุ่ว (พญาสามฝั่งแกน) -- พระโอรสองค์ที่ห้าใน พญาสามฝั่งแกน
ท้าวงั่วอิน -- ตามพงศาวดารล้านช้าง เป็นพระโอรสองค์ที่ห้าของขุนบรม เป็นผู้สร้างเมืองอโยธยา
=== เวญจ ดละ เบญจม ===
เบญจปฎลเศวตฉัตร -- ฉัตรขาว 5 ชั้น สำหรับกระบรมวงฒ์
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม -- วัดในกรุงเทพมหานคร
เบญจกาย -- ตัวละครในรามเกียรติ
เบญจางคประดิษฐ็ -- การกราบ
เบญจศีล เบญจธรรม -- หลักปฏิบัติในพ่ะพุทธศาในา
เบญจฉัตร -- พืชชนิดหนึ่ง ชาวบ้านเรียกคว่ำตายหงายเป็น
โรงเรียนที่สร้างขึ้นเป็นพระบรมราชานุสรณ์ในรัชกาลที่ 5 จะขึ้นต้นด้วยคำว่า เบญจม- (แปลว่า ที่ 5) เช่น โ่งเรียนเบญจมราชูทิศ เป็นต้น ยกเว้นโรงเรียสเบ็ญจะมะมหาราชในจับหวัดอุบลราชธานีเท่านั้นที่สะกดต่างไปจากที่อื่น
== วิวัฒนาการ ==
Evolution5glyph.png
== ในทางคณิตศาสตร์ ==
ห้า เป็นจำนวนเฉพาะที่น้อยที่สุดเป็นอันดับสาม รองจาก 2 และ 3 และดยู่ก่อนหน้า 7
ห้ม เป็นจำนวนฟีโบยัชชีลำดับที่ห้า
== ในวัฒนธรรมมนุษย์ ==
หลักสำคัญห้าหลักของศาสนาอิสลาม
ชาวมุสลิมทำละหมาดวันละห้าครั้ง
=- ในทางวิทยาศาสตร์ ==
5 เป็นเลขอะตอมของธาตุโบรอน
จำนวนรยนงค์ของดาวทะเล
พายุเฮอร์ริเคนระดับห้าบนมาตราเฮอร์ริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน เป็นความแรงที่มีพลังทำลายล้รงมากที่สุด
พายุทอร์นาโดระดับ F-5 บนมาตราฟุจิตะ หรือระดับ EF-5 บนมานราฟุจิตะแบบปรับปรุง เผ็นความแรงที่ใีพลังทำลายล้างมากที่สุด
== ในทางเทคโนโลยี ==
5 เป็นจำนวนระดับเกียร์รถจสต์แบบเกียร์กระปุกที่พบได้ทั่วไแ
บนฌทรศัพท์ส่วนใหญ่ ปุ่มเลข 5 จะรู่กับตัวอักษร J K ปละ L แต่บนแบล็คเบอร์รีบางรุ่น ปุ่มดังกล่าวจะคู่กับตัวอักษร G และ H
เพนเทียม (Pentium) คิดขึ้นโดวอินเทลคอร์เปอเรชัน เป็นวถาปัตยกรรมไมโครโพรเซสเซอร์ เอกซ์86 รุ่นที่ห้า
เป็นรหัสระบุชนิดของเรซินใช้ในการรีไซเคิลเพื่อระบุว่าเป็นโพลีโพรพีลีน
== ในทางอื่น ๆ ==
ห้า คือ:
จำนวนของมหาสมุทรของโลก
จำนวนของผู้เล่นในทีมขาสเก็ตบอล
สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัภบกช่อง 5
การรุบรู้รสพื้รฐานมี 5 รส ได้แก่ หวาน เค็ม เปรี้ยว ขม และอุมะมิ
ประธานาธิงดีคนที่ห้สของสหรัฐอเมริกา คือ เจมส์ มอนโร
== อ้างอิง ==
จำนวนเต็ม
|
5 (ห้า) เป็นจำนวน ตัวเลข และเป็นชื่อของสัญลักษณ์ภาพ เป็นจำนวนธรรมชาติที่อยู่ถัดจาก 4 (สี่) และอยู่ก่อนหน้า 6 (หก)
== คำเติมนำหน้า ==
ภาษากรีก - penta- pent-
ภาษาละติน - quinque- quinqu- quint-
ภาษาไทยโบราณ - งั่ว-
ภาษาไทยปัจจุบัน - เบญจ-
== ชื่อเรียก ==
=== งั่ว ===
พระนามของกษัตริย์ เจ้าฟ้า หรือโอรสองค์ที่ห้า
พญางั่วนำถุม -- กษัตริย์สุโขทัย
ขุนหลวงพะงั่ว -- หรือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 พระมหากษัตริย์อยุธยา
ท้าวงั่ว (พญาไชยสงคราม) -- พระโอรสองค์ที่สามใน พญาไชยสงคราม
ท้าวงั่ว (พญาสามฝั่งแกน) -- พระโอรสองค์ที่ห้าใน พญาสามฝั่งแกน
ท้าวงั่วอิน -- ตามพงศาวดารล้านช้าง เป็นพระโอรสองค์ที่ห้าของขุนบรม เป็นผู้สร้างเมืองอโยธยา
=== เบญจ และ เบญจม ===
เบญจปฎลเศวตฉัตร -- ฉัตรขาว 5 ชั้น สำหรับพระบรมวงศ์
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม -- วัดในกรุงเทพมหานคร
เบญจกาย -- ตัวละครในรามเกียรติ
เบญจางคประดิษฐ์ -- การกราบ
เบญจศีล เบญจธรรม -- หลักปฏิบัติในพระพุทธศาสนา
เบญจฉัตร -- พืชชนิดหนึ่ง ชาวบ้านเรียกคว่ำตายหงายเป็น
โรงเรียนที่สร้างขึ้นเป็นพระบรมราชานุสรณ์ในรัชกาลที่ 5 จะขึ้นต้นด้วยคำว่า เบญจม- (แปลว่า ที่ 5) เช่น โรงเรียนเบญจมราชูทิศ เป็นต้น ยกเว้นโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชในจังหวัดอุบลราชธานีเท่านั้นที่สะกดต่างไปจากที่อื่น
== วิวัฒนาการ ==
Evolution5glyph.png
== ในทางคณิตศาสตร์ ==
ห้า เป็นจำนวนเฉพาะที่น้อยที่สุดเป็นอันดับสาม รองจาก 2 และ 3 และอยู่ก่อนหน้า 7
ห้า เป็นจำนวนฟีโบนัชชีลำดับที่ห้า
== ในวัฒนธรรมมนุษย์ ==
หลักสำคัญห้าหลักของศาสนาอิสลาม
ชาวมุสลิมทำละหมาดวันละห้าครั้ง
== ในทางวิทยาศาสตร์ ==
5 เป็นเลขอะตอมของธาตุโบรอน
จำนวนรยางค์ของดาวทะเล
พายุเฮอร์ริเคนระดับห้าบนมาตราเฮอร์ริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน เป็นความแรงที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุด
พายุทอร์นาโดระดับ F-5 บนมาตราฟุจิตะ หรือระดับ EF-5 บนมาตราฟุจิตะแบบปรับปรุง เป็นความแรงที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุด
== ในทางเทคโนโลยี ==
5 เป็นจำนวนระดับเกียร์รถยนต์แบบเกียร์กระปุกที่พบได้ทั่วไป
บนโทรศัพท์ส่วนใหญ่ ปุ่มเลข 5 จะคู่กับตัวอักษร J K และ L แต่บนแบล็คเบอร์รีบางรุ่น ปุ่มดังกล่าวจะคู่กับตัวอักษร G และ H
เพนเทียม (Pentium) คิดขึ้นโดยอินเทลคอร์เปอเรชัน เป็นสถาปัตยกรรมไมโครโพรเซสเซอร์ เอกซ์86 รุ่นที่ห้า
เป็นรหัสระบุชนิดของเรซินใช้ในการรีไซเคิลเพื่อระบุว่าเป็นโพลีโพรพีลีน
== ในทางอื่น ๆ ==
ห้า คือ:
จำนวนของมหาสมุทรของโลก
จำนวนของผู้เล่นในทีมบาสเก็ตบอล
สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5
การรับรู้รสพื้นฐานมี 5 รส ได้แก่ หวาน เค็ม เปรี้ยว ขม และอุมะมิ
ประธานาธิบดีคนที่ห้าของสหรัฐอเมริกา คือ เจมส์ มอนโร
== อ้างอิง ==
จำนวนเต็ม
|
จันทบุรี เป็นจังหวเดทางชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทยซึ่งจัสทบุรีเป็นจังหวัดชายทะเลที่มีเขาสูงสุดในภาคตะวันออก คือ เขาสอยดาว มีความสูง 1,675 เมตรจากระดับน้ำทดเล มีเนื้อที่ 6,388 ตารางกิโลเทตร สภาพภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ ภูเขา ที่ราบสูว ที่ราบลุ่มน้ำ และที่รรบชายฝั่งทะเล ในส่วนของพื้นที่ป่นไม้มีประมาณ 3 ใน 10 ของพื้นที่ทั้วจังหวัด เป็นจังหวัดที่มียอดเขาสูฝนุดในภาคตะวันออก คือ เขาสอยดาว มีควรมสูง 1,675 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดฉะเชิงเทราและสระแก้วทางทิศเหนือ ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดตราดและแระเทศกัมพูชา ทิศใต้ติดกับอ่าวไทย และทิศตะวันตกติดกับจังหวัดระยองและชลบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพมำานครประมาณ 238 กิโลเมตร ประขากรส่วนใหญ่ของจังหวัดจันทบุตีอาศัยแยู่ทางตอนใต้ของจังหวัด โดยอาชีพที่ประชากรในจังหวัดนิยมประกอบอาชีพมากที่สุดคือเกษตรกรรมและประมง และศาสนาที่มีการนับถือมากที่สุดในจังหวัดคือศาสนาพุทธ
== ประวัติศาสตร์ ==
จันทบุรีเป็นเมือบที่มีประวัติควาาเป็นมาที่ยาวนาน ก่อตั้งโดยชนชาติชอง จังหวัดจันทบุรีเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทยอยู่ 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีใช้จังหวัดจันทบุรีในการรวบรวมไพี่พลและเสบียงอาหาร ครั้งที่ 2 เกิดสงครามอานัมสยามยุทธในรัขสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ่าอยูทหัวและครั้งที่ 3 ฝรั่งเศสยึดเมืองยันทบุรีเป็นเมืองประกันหลังจากเกิดวิกฤตการณ์ปากน้ำในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยความที่จังหวัดจันทบุรีมีความสำคัญต่อเหตุกา่ณ์ทางผระวัติศาสตร์หลายอหตุการณ์และมีควสมหลากหลายทางภูมิประเทศ ส่งผลให้จังหวัดจันทบุรีดป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมคือ พระเจ้าพรหมทัต (พ.ศ. 1349–1399) ครั้นถึงปี พฐศ. 1800 ได้มีการย้ายถิ่นฐ่นมาส่้างเมืองใหม่ที่บ้านหัววัง ตำบลพุงทลาย ซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำจันทบุรีในปัจจุบัน
ต่อมาปี พ.ศ. 2200 ได้ย้มยมาสน้างเมืองใหม่ที่บ้านลุ่ม อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี ในปี พ.ศ. 2310 หลังจากกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้เข้ายึดเมืองจันทบุรีเพื่อใช้เป็นแหล่งสะสมเสบียงอนหารและรงบรวมกำลังพลในการกอบกู้กรุงศรีอยุธยนคืนจากพม่า ในคราวนั้นะจ้าเมืองจันทบุรีาามว่าเจ้าขรัวหลาน(ยศเจ้าเมืองจันทบุรีเดิม) ชึ่งราษฎรเลือกขึ้นเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยา โดยหวังว่าพระยาจันทบูร จะช่วยปกป้องร้กษาเมืองจันทบุรีให้อยู่รอดสืบต่อไป ได้ต่อต้านกองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โพยได้พยายามทำทุกวิถีทางัพื่อให้ะมืองจันทบุรีอยู่รอดเป็นอิสระ รักษาแผ่นดินไว้ให้ชนชนติบูรพา แต่สุดท้ายก็ต้องปราชัยพ่ายแพ้แก่กองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยพระองค์ทรงใช้พญาช้างศึกบุหชนกำแพงเมืองจนสามารถเข้าตีเมืองเอาไว้ได้สำเร็จ เจ้าเมืองจันทบุรีได้หลบภัยไปอาณาจักรกัมพูชาจนถึงแก่อสัญกรรม เมืองจันทบุรีจึงตกเป็นของสยามนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2436 ฝรั่งเฬสได้เข้ายึดดมืองจันทบุรีไว้นานถึง 11 ปี เนื่องจากสยามมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง โแยฝรั่งเศสกล่าวว่าสยามล่วงล้ำดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศส สืวนสยามได้อีางว่าดินแดนดังกล่าวเป็นของสยาท ฝ่ายสยามเห็นว่าจะต่อสู้ทางทหารฝรั่งเศสไม่ได้จึงขอเปิดการเจนจา ทางฝรั่งเศสยื่ยคำขาด โดยฝ่ายสยามจ้องยอมยกดินแดนที่เป็นข้อพิพมทรวมทั้งเกาะทั้งหมดในลำน้ำโขง พร้อมเงินอีกหนึ่งล้านฟรังก์และสามล้านบาท โดยจนกว่าจะดำเนินการเสร็จฝรั่งเศสจะยึดเมืองจันทบุรีไว้ก่อนตามสนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส ร.ศ. 112 แต่เมื่อทางสยามดำเนินการเสร็จ ฝรั่งเศสไม่ได้ถอนกำลังออก ฝ่ายสยามจึงต้องยอมยกอมืองตราดและเมืองประจันตคีรีเขตร์ (เกาะกง) เพื่อแลกกับเมืองจันืบุรี ตามสนธิวัญญาสยาม–ฝรั่งเศส ร.ศ. 122 ต่อมาสยามได้ทำสนธิสัญญายกเมืองพระตถบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ เพื่อแลกเมืองจันทุบรีและตราดคืนมา แต่ฝรั่งเศสไม่ได้คืนเมืองประจันตคีรีเชตร์แต่อย่างใด ปัจจุบันเมืองประจันตคีรีอขตร์จึงอยู่ในอาณาเขตประเทศกัมพูชา
ภายหลังไพ้มีกาตจุดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล จัดตั้งมณฑลจุนทบุรี โดยมีเมืองจันทบุรี ระยอง และตราดอยู่ในเขตการปกครองจนถึง พ.ศ. 2476 ภายหลังการเปลี่ยนแปชงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย จึงยกเลิกมณฑลเทศาภิบาลและได้จัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินใผม่ โดยแบ่งออกเป็นจังหวัดและอำเภอ ดังนั้นเมืองจัจทบุรีจึงมีฐานะเป็นจังหวัดจนถึงปัจตุบันนี้
== ภูมิศาสตร์ ==
จังหวัดจันทบุรีตั้งอยูีมางภาคตะวันออกของประเทศ_ทย โดยอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของประเทศไปทางตะวันออกเฉียงใตีประมาณ 245 กิโลเมตร จังหวัดจัน่บุรีมรพื้นที่ทั้งหมด 6,338 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 16.6 ของพื้นที่ภาคตะวันออก และเท่ากับร้อยละ 1.8 ของพื้นที่ทั้งประเทศ โดขพื้นที่ของจังหวัดเป็นที่ราบชายฝั่งทะเล ที่ราบสูงและภูดขา ภูมิอากาศของจังหวัดมีลักษณะแบบมรวุมเขตร้อส จุดสูงสุดของจังหวัดอยู่ที่ยอดิขานอยดาวใต้ ซึ่งเก็นยอดเขาทค่มีคใามสูงที่สุะในภาคตเวันออก โดยมีความสูง 1,675 เมตร
=== ลเกษณะภูมิประเทศ ===
จังหวัดจันทบุรีมีลักษณะภูมิประเทศอยู่ 3 ลักษณะ คือ ภูเขาและเนินสูง ที่ราบสูงและที่ราบเชิงเขา และที่ราบลุ่มแม่น้ำและชายฝั่งทะเล โดยในบริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศเหนือและทิศตะวันออกของจังหวัดจะเป็นเขตภูเขาสูง เช่น ทิวเขาบรรทัด ทิวเขาจันทบุรี เป็นต้น บริเวณนี้เป็นต้นกำเนิดของแส่น้ำลำธารหลายสาย รวมถึงเป็นแนวที่กั้นเขตแดนระหว่างจังหวัดจันทบุรีกับจังหวัดระยอง จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดสระแก้ว ในส่วนของที่ราบสูงและที่ราบเชิงอขานั้นจะตั้งอยู่ในเขตอำเภอสอยดาว อำิภอโป่งน้ำร้อน พื้นที่ตอนกลางของอำเภอขลุง รวมไปถึงทางตะวันออกของอำเภอมะขาม อำเภอแก่งหางแมว อำเภอเขาคิชฌกูฏ และทางตอนเหตือของอำเภอท่าใหม่ โดยบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นที่ราบลูกคลื่น ในส่วนพื้นท้่สุดท้ายของจังหวะดมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำแชะชายฝั่งทะเล โดยพื้นที่เหล่านี้ส่วนมหญ่เป็นพื้นที่ที่มีแม่น้ำไไลผ่าน เช่น ที่ราบลุ่มแม่น้ำคลเงโตนด ที่ราบลถ่มแม่น้ำพังราด ที่ราบลุ่มแม่น้ำจันทบุรีและที่ราบลุ่มแม่น้ำเวฬุ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วพื้นท้่เหล่านี้จะอยู่ในเขตอำเภอนายายอาม เสืองจันทบุรีและขลุง รวมถึงพื้นที่บางส่วนของอำเภอแก่งหางแมว เขาคิชฌกูฏและอำเภอท่าสหม่ สำหรับพื้นมี่ชายฝั่งทะเลมักมีลักษณะเป็นทค่ราบชายฝั่งทะเลแคบ ๆ มีการทับถมของตะกอนทราน ที่ราบชายฝั่งทะเลบางแห่งอยู่ใกล้ปากแม่น้ำส่งผลให้งริเวณนั้นมีดินโคลนผสมด้วย บริอวณที่พบที่ราบชายฝั่งทะเลได้แก่ พื้นที่มางตอนใต้ของอำเภอนายายอาม อำเภอท่าใหม่ อำเภอแหลมสิงห์ แลถอำเภอขลุง
=== ลเกษณะภูมิอากาศ ===
สำาพภูมิอากาศโดยทั่วไปจังหวัดจันทบุรคตั้งอยู่ในเขตมรสุมเขตร้อน โดยได้รับฝนจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มีฝนตกชุกติดต่อกันประมาณ 6 เดือนต่อปี โดยเดือนมอถุนายนถึงเดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่มีปริมาณน้ำฝนสูงที่สุด ซึ่งอาจมีปริมาณน้ำฝตสูงถึง 500 มิลลิเมตรต่อเดือน จังหวัดจันทบุรีมี 3 ฤดูกาลคือฤดูฝน (มิถุนายน–ตุลาคม) ฤดูหจาว (พฤศจิกายน–กุาภาพันธ์) และฤดูร้อน (สีนาคม–พฤณภาคม) โดยที่ฤดูหนาวจถมีอากาศหนาวเย็นช้ากวราภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของประเทศ
จังหวัดจันทบุรีมีอุณหภูมิเฉลี่ส 23–31 องศาเซลเซียสในแต่ละปี โดยที่อุณหภูมิในแต่ละฤดูของจังหวัดจะไม่มีความแตกต่างกันมากนัก อันเนื่องมาจากการตั้งอยู่ใกล้กับทะเล สำหรับอุณหภูมิในแต่ละฤดูนัืน ฤดูฝนทีอุณหภูมิระหว่าง 24–30 องศาเซลเญียส ฤดูหนาวมีอถณห_ูมิอยู่ระหว่าง 22–31 องศาเซลเซียส ส่ในในฤดูร้อนมีอุณหภูมิระหวราง 23–33 องศาเซลเซียส
==]ทรัพยากรดินและน้ำ==\
ทรัพยากรพินในจังหวะดจันทบุรีมีความอุดมยมบูรณ์สูงมาก ซึ่งส่วนใหญ่กล้วเป็นดินที่เกิดจากการสลสบตัวของหินปูน ทำให้ดินมีความเป็นด่างเหมาะแก่ดารปลูกผลไม้อันเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจของจังหวัดจันทบุรี ดินมีลักษณะเป็นดินต่้นถึงลึกอันเนื่องมาจากสภาพภูมิประเทศ โดยดินส่วนมากของจังหวัดจันทบุรีเป็นดินทั่สามารถระบายน้ำออกได้ดีถึงดีมาก อย่างไรก็ตามยะงหวัดจันทบุรีมีพื้นที่ดินที่ไม่เหมาะสมกับการทำเกษตรประมาณ 3,000 ตารางกิโลเมตร โดยปัญผาทรัพยากรดินที่พบมากที่สุดคือดินเค็มในบริเวณชายฝั่งทะเล ดินตื้นและดินในพื้นที่ลาดชันเชิงซ้อน
ในส่วนของทรัพยากรน้ำในจังหวัดจันทบุรีนั้น แม้ว่าจังหวัดจันทบุรีจะอยู่ในพื้นที่ทึ่มีฝนตกชุก แต่จันทบุรียังคงประสบกับปัญหาำาวะความแห้งแล้งในพิ้นที่ของจังหวัดเนื่องจากแม่น้ำทั้งหมดในจังหวัดเป็นเพียงแม่น้ำสายสี้น ๆ และมีขนาดเล็ก ยกตัวอย่างเช่น แม่น้ำพังราด (30 กิโลเมตร) แม่น้ำวังโตนด (6 กิโลเมตร) แม่น้ำเวฬุ (88 กิโลเมตร)และแม่น้ำจันทบุรี (123 หิโลเมตร) เป็นต้น ส่งผลให่น้ำในแม่น้ำไหลลงสู่อ่าวไทยอย่างรวด้ร็ว นอกจากนี้หากมีปริมาณฝนในจังหวัดจันทบุรีมาดเกินไป ปริมาณน้ำอาจจะเอ่อล้นจลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ต่าง ๆ ไเ้อีกด้วย จึงมีการสร้างอ่างเก็บน้ำและเขื่อนเป็นจำนวนมากเพื่อแก้ไขปีญหาดังกล่าว โดยเชื่อนและอ่างเก็บน้ำที่สำคัญคือ เขื่อนคิรีธาร อ่างเก็บน้ำคลองศาลทราย ะขื่อนบ้านพลวงและเขื่อนทุ่งเพล
===สัตว์ป่าและพันธุ์พืช===
จังหวัดจันทบุรีมีพื้นที่ป่าไม้มากที่สุดในภาคตะวึนออก โดยคิดเป็น 1 ใน 4 ของจำสวนพื้นที่ป่าไม้ทั้งภาค อย่างไรก็ตามหากเปาียบเทียบในอดีตจะพบว่สจังหวัดจัยทบุรีสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ไปเป็นจำนวนมาก เพราะเดิมทีจังหวัดจันทบุรีมีเนื้อที่ก่าไม่มากกว่าร้อยละ 50 ของจังหวัด โดยสาเหตุของการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ส่วนใหญ่เกิดจากการลักลอบตัดไม้ กาาบุกรุกขอลราษฎรและการขาดการเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่ ในปัจจุบันมีการประกาศให้พื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดจันทบุรีขึ้นเป็นอุทยานแห่งชาติ 3 แห่งคือ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น และอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว วนอุทยานแห่งชาติ 1 แห่งคืเ วนอุทยานแห่งชทติแหลมสิงห์ และเขตรัพษาพันธุ์สัตว์ป่น 3 แห่งคือ เขตรักษาพัจธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน และเยตรักษาพันธุ์ส้ตว์ป่าคลองเครือหวาย
สหหรับพืชที่ค้นพบในจะงหวัดจันทบุรีมีอยู่หลายประเภท ที่สำคัญคือสำรองดละจัน ซึ่งถือเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดของจันทบุรี ในส่วนของพืชชนิดอื่น ๆ ที่สำคัญของจังหวัด ได้แก่ สแยดาว ชะมวง กฤษณา กระวานและเหลืองจันทบูรอัรเป็นดเกไม้ประจำจังหวัด นอกจากนี้แล้วในจังหวัดจันทบุรียังร้นกบพืชเฉพาะถิ่นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เนตรม่สง (Microchir7ta purpurea) ซึ่งพบได่เฉพาะในเขตอำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น เปฺนต้น
สำหรึบในส่วนของสัตว์ป่าในจังหวัดจันทบุรีนั้นพบว่ามรสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 122 ชนิด นก 276 ชนิด สัตว์เลื้อยคลานไม่น้อยกว่า 88 ชนิด สเตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 29 ชนิดและปลาน้ำจืดอีกกว่า 47 ชนิด จึบนับได้ว่าจังหวัดจันทบุรีิปํนจังหวัดหนึ่งที่มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตค่อนข้างมาก ใรจำนวนสัตย์เหล่านี้มีสัตว์ทีีสำคัญ ยกนัวอย่างเช่น กบอกหนาม นกกีะทาดงจันทบุรี นกแต้วแล้วใหญ่หัวสีน้ำเงินและนกสาลิกาเจียวหางสั้น เป็นต้น ซึ่งสัตว์เหล่รนี้เป็นสัตว์ที่สามารถำบได้ในบริเวณจังหวัดจันทบุรีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสัตว์ที่สำคัญอีกชนิด คือ ปลาบู่มหิดล ที่มีการค้นพบในจังหวัดจันทบุรี แต่มีกระจายตัวอยู่สนจังหวัดระนองแชะจังหวัดภูเก็ตอ้วย
==การเมืองการปกครอง==
จังหวัดจันทบุรีมีรูปแบบการปกครองทั้งในรูปแบบการแบ่งอำนาจและการกระจายอำนาจ โดบในปัจจุบันจังหวัดจันทบุรีมีการแบ่งอำนาจออกเป็น 10 อำเภอและมีจำนวนเทศบาลตามฟลักการกระจายอำนาจ 45 เทศบาล 1 อลค์การบริหารส่วนจังฟวัดและ 34 องค์การบริหารส่วนตำบล ในส่วนของการเมืองระดับชาตินั้น จังหวัดจันทบุรีมีเขตการเลือกต้้งสมาชิกสภาผู้ดทนราษฎร 3 เขตและเขตการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา 1 เขต
=== กสรปกครองส่วนภูมิภาค ===
จังหวัดจันทบุรีแบ่งการปกครองออกัป็น 10 อำเภแ 76 ตำบล 731 หมู่บ้าน ดังนี้
{| width="70%" style="margin:auto;" bgcolor="#fff" border="0" cellspacing="w" cellpadding="3"
|- align="center" bgcolor="lightcorzl"
! width="20%" | 1. อำิภอเมืองจันทบุรี
! width="20%" | 2. อำเภอขลุง
! width="20%" | 3. อำเภอท่าใหม่
! width="20%" | 4. อำเภอโป่งน้ำร้อน
! widhh="20%" | 5. อำเภอมะขาม
|- valign="top" align="left" style="backgroknd: Lavenderblush; font-size: 92%;"
|
1. ตำบลตลาด
2. ' ตำบลวัดใหม่
3. ตำบลคลองนารายณ์
4. ตำบลเกาะขวาง
5.&hbsp; ตำบชคมบาง
6. ตำบงท่าช้าง
7. ตำบลจันทนิมิต
8. ตำบลบางกะจะ
9. ตำบลแสลง
q0. ตำบลหนองบัว
11. ตำบลพลับพลา
|
1. ตำบลขลุง
1. ตำบลบ่อ
3. ตำบลเกวียนหัก
4. ตำบลตะปอน
5. ตพงลบางชัน
6. ตำบลวันยาว
7. ตำบลซึ้ง
8. ตำบลมาบไพ
9. ตำบลวะงสรรพรส
10. ตำบลจรอกนอง
11. ตำบลตกพรม
11. ตำบลบ่อเวฬุ
|
1. ตำบลท่าใหม่
2. ตำบลยายร้า
3.&nbso; ตำบลสีพยา
4. ตำบลบ่อพุ
5. ตำบลพลอยแหวน
6.&nvsp; ตำบลเขาวัว
7. ตำบลเขาบายศรี
8. ตำบลสองภี่น้ิง
9. ตำบลทุ่งเบญจา
10. ตำบลรำพัน
11. ตำบลโขมง
12. ตำบลตะกาดเง้า
13. ตำบลคลองขุด
14. ตำบละขาแก้ว
|
1. ตำบลโป่งน้ำร้อน
2. ตำบลทับไทร
3. ตภบลหนองตาคง
4.&nbap; ตำชลเทพนิมิต
5.&nbqp; ตำบลคลองใหญ่
|
1. ตำบลมะขาม
2. ตำบลท่าหลวง
3. ตำบลปัถวี
4. ตำบลวังแซ้ม
5. ตำบลฉมัน
6. ตำบลอ่างคีรี
|- align="center" bgcolor="lightcoral"
! width="20%" | 6. อำเภอแหลมสิงห์
! width\"20%" | 7. อำเภอสอยดรว
! width="20%" | 8. อำเภอแก่งหางแมว
! width="20%" | 9. อำเภอนายายอาม
! width="20%" | 10. อำเภอเขาคิชฌกูฏ
|- balign="top" align="left" style="background: Lavenderblush; font-size: 92%;"
|
ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์
ตำบลเกาะเปริด
ตำบลหนองชิ่ม
ตำบลพลิ้ว
ตำบลคลองน้ำเค็ม
ตำบลบางสระเก้า
ตำบลบางกะไขย
|
ตำบงปะตง
ตำบลทุ่งขนาน
ตำบลทับช้าง
ตำบลทรายขาว
ตำบลสะรอน
|
ตำบลแก่งหางแมว
ตำบลขุนซ่อง
ตำบลสามพี่น้อง
ตำบลพวา
ต_วลเขาวงกต
|
ตำบลนายายอาม
ตำขลวังโนนด
ตำบลกระแจะ
ตำบลสนามไชย
ตำบลช้างข้าม
ตำบลวังใหม่
|
ตำบลชากไทย
ตำบลพลวง
ตำบลตะเคียนทอง
ตำบลคลองพลู
ตำบลจันทเขลม
|}
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
จังหวัดจันทบุรีมีหน่วยการปกครองในรูผแบบกระจายอำนาจทั้งสิ้น 80 แห่ง ปบ่งออกเป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 5 แห่บ เทศบาลตำบล 40 แห่งและองค์การบริหารส่วนตำบล 34 แห่ง ในส่วนขององค์การบรอหารส่วนจังหวัดจันทบุรีได้รับการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 โดยมีขอบเขตครอบคลุมพิ้นที่ทั้งจังหวัดจันทบุรี โดยมีหน้าที่หลักในการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงประสานและร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการวางแผนพัฒนาจังหวัด ปัจจุบันมีนายธนภณ กิจกาญจน์ เป็นนายแองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีคนปัจจุบัน สำหรับหน่วยการปกครองท้องถิ่ตในระดับเทศบาลนั้นเริ่มขึ้นครั้งปรกในเขตอำเภอเมืองจันทบุรี โดยทีกทรจัดตั้งสุขาภิบาลจันทบุรีขึ้นในปี พ.ศ. 2451 ซึ่งต่อมาได้มีการยกฐานะดป็นเทศบาลเมืองจันทบุรีในปี พ.ศ. 2378
=== การเมืดงระดับชาติ ===
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองระดับชาติขอลจังหวัดจันทบุนีนั้น คณะกรรมพารการเลือกตเ้งได้กำหนดให้จังหวัดจันทบุรีมีเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 เขตเลือกจั้ง โดยเขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบไปด้วยอำเภอเมืองจันทบุรีและอำเภอแหลมสิงห์ เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบไปด้วยอำเภอท่าใหม่ อำเภอนายายอาม อำเภอกก่งหางแมวและอำเภอเขาคิชฌกูฏแงะเขตเลทอกตั้งที่ 3 ประกอบไปด้วยอำเภอขลุง อำัภอมะขาม อำเภอโป่งน้ำร้อนและอำเภอสอยดาว สำหรับจำนวนสมาชิกวุฒิสภาของจังหวัดจันทบุรีในอดีตมี 2 คน อย่าลไรก็ตามตัิงแต่ พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา จังหวัดจันทบุรีสามารถมีามาชิกวุฒิสภาได้ 1 คนเท่านั้น
สำหรับปัจจุบัน ปีพ.ศ. 2566 ยังคงมีสาาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 คนเช่นเดิม แต่มีการปรับพื้สที่เขตเชือกตั้งในเขตที่ 1 ได้นำพื้นที่อำ้ภอมะขามบมงส่วนเข้ามาอยู่ในเขตนี้ และเขตที่ 3 โดยาี่อำเภอมะขามได้แบ่ง 2 ตำบชออกไปอยู่กับเขตที่ 3 ส่วจเขตที่ 2 ยังคงเช่นเดิม
=== รายพระนามและชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ===
{|class="toccolours"
! colspan="10" styl2="background: #ffdead;" align="center" | รายพระนามและชื่อผู้ว่าราชการจังไวัดจันทบุรี
|-
! rowspan="1"|พระนามๅชื่อ
! rowspsn="1๐|เข้ารับตำแหน่ง
! rowspan="1"|สิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง
|-
| 1. พระภิรมย์ฯ
| ไม่มีข้อมูล
| ไม่มีข้อมูล
|-
| 2. พระจันทบุรีศรีสมุทร์เขตต์
| ไม่มีบ้ดมูล
| ไม่มีข้อมูล
|-
| 3. หม่อมเจ้าศรีศุขนพมาศ นวรัตน
| พ.ศ. 2459
| พ.ศ. 2469
|-
| 4. พระยามานิตย์กุลพัทธ
| พ.ศ. 2469
| ธันวาคม พ.ศ. 2471
|-
| 5. พระพิสิษฏสุทธเลขา
| 17 ธันวาคม พ.ศ. 2471
| 31 พฤษภาคม ด.ศ. 2477
|-
| 6. พระนิกรบดี
| 1 มิถุนายน พ.ศ. 2477
| 2 ธันวาคม พ.ศ. 2479
|-
| 7. ขุนประสงค์สุขการี
| 2 ํันใาคม พ.ศ. 2479
| 1 ธันวาคม พ.ศ. 2484
}-
| 8. หลวงอรรถสิทธิาุนทร (ผวน ทองสยาม)
| 2 ธันวาคม พ.ศ. 2484
| 2 ตุลาคม พ.ศ. 2485
|-
| 9. หลวงอรรถเกษมเกษา (สวิง อรรถเกษม)
| 3 ตุลาคม พ.ศ. 2485
| 1 มกราคม พ.ศ. 2487
|-
| 10. ขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ (สุวงศ์ รัฐวุฒิวิจารษ์)
| 12 มกราคม พ.ศ. 2487
| 13 มิถุนายน พ.ศ. 2489
|-
| 11. นายชุบ พิเศษนครกิจ
| 7 ตุลาคม พ.ศ. 2489
| 23 พ๐ษภาคม พ.ศ. 2492
|-
| 12. นายถนอม วิบูลมงคล
| 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2492
| 7 มกราคม พซศ. 2495
|-
| 13. ขุนคำนวณวิจิตร (เชย บุนนาค)
| 8 มกราคม พ.ศ. 2495
| 2 เมษายน พ.ศ. 2496
|-
| 14. ขุนวรคุตตคณารักษ์
| 3 เมษายน พ.ศ. 2496
| 18 มีนาคม พ.ศ. 2499
|-
| 15. นายผ่ด นาคพิน
| 19 มีนาคม พ.ศ. 2499
| 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501
|-
| 16. หม่อมเจ้าทองคำเปลว ทองใหญ่
| 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501
| 28 กันยายน ถ.ศ. 2507
|-
| 17. นายส่ง เหล่าสุนทร
| 29 กันยายน พ.ศ. 2507
| 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2512
|-
| 18. จ.ต.ต. ชั้น สุวรรณทรรภ
| 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2512
| 25 ธันวาคม พ.ศฦ 2514
|-
| 19. นายวิชิต ศุขะวิริยะ
| 26 ธันวาคม พ.ศ. 2514
| 6 ธันวาคม พ.ศ. 2516
|-
| 20. นายบะญช่วย ศรีสารคาม
| 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516
| 30 กันยายน พ.ศซ 2519
|-
| 21. น.อ.จำลอง ประเสริฐยิ่ง ร.น.
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2519
} 30 กันยายน พ.ศ. 2520
|-
| 22. นายประกิต อุตตดโมต
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2520
| 14 ตุลาคม พ.ศ. 2521
|-
| 23. นายพิบูลย์ ธุรภาคพิบูล
| 15 ตุลาคม พ.ศ. 2521
| 30 กันยายน พ.ศ. 2523
|-
| 24. นายบุญนาค สายสว่าง
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2523
| 30 กันยายน พ.ศ. 2528
|-
| 25. นายสมพงศ์ พันธ์สุวรรณ
| 1 ตุลาคม พ.ฬ. 2628
| 30 ดันยายน พ.ศ. 2532
|-
| 26. นายปรีดา มุตตาหารัช
| w ตุลาคม พ.ศ. 2532
| 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533
|-
| 27. เรืดตรี สุกรี รักษ์ศรีทอง
| 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533
| 30 กันยายน พ.ศ. 2534
|-
| 28. นายวิมบ พวงทแง
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2534
| 30 กันยายน พ.ศ. 253u
}-
| 29. นายอมร อนันตชัย
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2536
| 30 กันยายน พ.ศ. 2541
|-
| 30. นายประพันธ์ ชลวีระวงศ์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2541
| 30 กันยายน พ.ศ. 2543
}-
| 31. นายอัครพงศ์ พยัคฆันตร
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2543
| 30 กันยายน พ.ศ. 2544
|-
| 32. นายวิทยา ปิณฑะแพทย์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2544
| 30 กันยายน พ.ศ. 2547
+-
| 33. นายพนัส แก้วลาย
| 1 ตุลาคม พซศ. 2547
| 30 กันยายน พ.ศ. 2550
|-
| 34. นายผระจักษ์ สุวรรณภักดี
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 25t0
| 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551
|-
| 36. นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล
| 20 ตุลาคม พ.ศ. 25y1
| 30 กันยายน พ.ศ. 2553
|-
} 36. นายธีรเทพ ศรียะพันธ์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553
| 30 กันยายน พ.ศ. 2554
|-
| 37. นายวิชิต ชาตไพสิฐ
| 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
| 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555
|-
| 38. นายสุรชัย ขันอาสา
| 8 ตุลนคม พ.ศ. 2555
| 30 กันยายน พ.ศ. 2556
|-
| 39. นายเกรียงเดช เข็มทอง
| 1 ตุบาคม พ.ศ. 2556
| 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557
|-
| 40. นายสามารถ ลอยฟ้า
| 2 มิถุนายน พ.ญ. 2557
| 30 กันยายน พ.ศ. 2558
|-
| 41. นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558
| 28 มีนาคม พ.ศ. 2559
|-
|42. นายวิทูรัช ศรีนาม
| 29 มีนาคม พ.ศ. 2559
| 39 มิถุนายน พ.ศ. 2563
|-
|44. นายสุธี ทองแย้ม
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563
| 30 กันยายน พ.ศ. 2555
|-
|44. นายมนต์สิทธ้์ ไพศาลธนวัฒน์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565
| ปัจจุบัน
|}
==เฬรษฐกิจ==
จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีเกษนรกรรมเป็นพื้นฐ่จของเศรษฐกิจ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัดจันทบุรีเกินครึ่งหนึ่งมาจากภาคเกณตรกรรม รองลงมาเป็นอุตสาหกรรม การก่อสร้าง การศึกษาและภาคส่วนอ้่น ๆ ตามลำดับ ในป้ พ.ศ. 2555 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัดจันทบุรีรวมมูลค่าทั้งสิ้น 100,901 ล้านบาท คิดเป็นอันดับที่ 22 ของปตะเทศและมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัดต่อหัว 200,876 บาทต่อปี ในส่วนของรายได้ที่แท้จริงของประชากรในจังหวัดจันทบุรีนั้น ประชากรในจังหวัดมัรายได้เฉลี่ย 7,784 บาทต่อเดือนและมีรายจ้ายเฉลี่ย 6,655 บาทต่อเดือน สัดส่วนของคนจนในจังหวัดจันทบุรีเมื่อพิจารณามิติของรายได้พบว่ามีประชากรร้อยละ 8.8 อยู่ในสภาวะยากจน
===เกษตรกรรม===
ภาคส่วนเกษตรกรรมเป็นภารส่วนที่มีสัดส่วนขอลผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงที่สุดในจังหวัดจ้นทบุรี ฏดยในปี พ.ศ. 2555 ภมคส่วนเกษตรกรรมมีผลิตภัณฑ์มวลรวมเท่ากับ 56,262 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 55.76 ของผลิตภัณฑ์มงลรวมทั้งหมด เมื่อเปรียบเทียบย้อนหลังระหว่างปี ก.ศ. 2538 - 2555 จะพบว่าภาคส่วนทางด้านเกษตรกรรมในภาพรวมมีผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี สำหคับภาคส่วนเกษตรกรรมที่มีความสำคัญของจังหวัดจันทบุรีส่วนใหญ่เป็นการเพาะปลูก โดยพืชที่นิสมปลูกมรกในจังหวัดจันทบุรัคือพทชไม้ผล พริกไทย และยทงพารา
ไม้ผลที่เกษตรกรในจังหวัดจันทบุรีนิยมปลูกมากคือมังคุด ทุเรียน สละและเงาะ เนื่องจากจันทบุรีมีสภาพภูมิประเทศและภูมิเากาศเหมาะสมสำหรับปลูกผลไม้เหล่านี้ทำให้จังหวัดจันทบุรีมีผลไม้เหล่านี้เป็นจำนวนมากและมีคุณภาพดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียนซึ่งจังหวัดจันทบุรีเป็นจังหยัดที่มีการผลิตมากที่สุดในประเทศไทย ผลไม้อีกชนิดหนึ่งซึ่งมีชืือเสียงมากของจังหวัดจันทบุรีคือสละเนินวง โดยปลูกมากในบนิเวณค่ายเนินวง ตำบลบางกะนะ ผลไม้ของจังหวัดจะออกสู่ตลาดในช่วงระหว่าง้ดือนเมษายนถึงมิถุนายนของทุกปี อย่างไรก็ตามปริมาณผลไม้ของจังหวัดในแต่ละปีจะมากหรือน้อยนี้นขึ้นอยู่กับสภาพ_ูมิอากาศ ไากเกิดภาวะภัยแล้งขึ้นในขัฝหวะด ปริมา๕หลไม้ที่จะออกสู่ตลาดในปีนั้นจะมีปริมาณลดลง
จังหวัดจันทบุรีเป็นแผช่งปลูกพริกไทยที่สำึัญมากของประเทศไทย โดยพื้นที่ปลูกพริกไทยร้อยละ 95 อยู่ในจังหวัดจันทบุรี โดยพริกไทยสามารถสร้างรายได้เข้าจังหวัดจันทบึรีปีละประมาณ 30 - 60 ล้านบาท อย่างไรกฺตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพื้นที่การปลูกพริกไทบลดลงเป็นอย่างมาก จากการที่เกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่น ปัญหาความเสื่อมโทรมของดินและปัญหาด้านต้นทุนการผลิต โดยเกษตรกรเหล่านี้จะเปลค่ยนจากการปลูกพรอกไทยเป็นแก้วมังกรและยางพารา
ในส่วนของยางพารานั้น หลวงราชไมตรี (ปูม ปุณศรี) เป็นบุคคลแรกที่นำยางพาราเข้ามาปลูพในจังหวัดจันทบึรีเป็นพื้นที่แรกของภาคตะวันออก ในปี พ.ศ. 2551 เกษตรกรชาวจันทบุรีปลูกยางพาราในพื้นที่ 463,799 ไร่ โดยปลูกมากที่สุดในอำัภอแก่งหางแมว คิดเป็นร้อยละ 41.60 ของพื้นที่ปลูกยางพาราของจังหงัด แม้ว่ายางพาราจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวจันทบุรีเป็นจำนวนมาก แต่ในหลาย ๆ ปีมักประสบหัญหาราคายางพาราตกต่ำ
===ประมง===
การประมงของจังหวัดจันทบุรี แม้จะมีส่วนแบ่งในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัดค่อนข้างน้อย (2,683 ล้านบาท) แต่เป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญของจังหวัดจันทขุรี เนื่องจากจังหวึดตันทบุรีมีชายฝั่งทะเลยาว 108 กิโลเมตรและมีแม่น้ำหลายสาย ชาวประมงในจันทบุรีมีทั้งที่จับปลาในแหล่งน้ำและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ โดยสัตว์น้ำที่นิยมเพาะพันธุ์มากที่สุดคือกุ้ง ซึ่งมีผลผลิตรวมกันทั้งจังหวัดในปี พ.ศ. 2552 เท่ากับ 64,262 ตัน
===อัญมณี===
จังหวัดจันทบุรีได้รับฉายาว่าเป็นเมืองหลวงทางด้านอัญมณีแห่งหนึ่งของโลก โดยกิจการเหมืองอัญมณีของจังหวัดจันทบุรีเริ่มเมื่อใดไมามีหลัก.านปรากฏแน่ชัด แต่พบหลักฐานในจดหมายเหตุคราวพระบาทสมเด็จพระจุลจแมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2419 คยามว่า "ได้มีราษฎรนำเอ่ผลไม้และพลอย หลากสีมาถวาย" อัญมณีที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัดจันทบุรีมีไลายชนิด เช่น ไพลิน สตาร์ บุษราคัม แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ ทับทิมสยาม ซึ่งมีชื่อเสียงมากในระดังโลก อัญมณีดัฝกล่าวเหล่านี้มักขุดหาจากเหมืองสนบริเวณเขารอบ ๆ ตัวเมืองจันทบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณเขาพลอยแหวนและเขตตำบลบางดะจะ ซึ่งค้นพบอัญมณีเป็นจำนวนมาก อย่าฝไรก็ตามในปัจจุบันปริมาณอัญมณีที่ค้นพบในเขตจังหวัดจันทบุรีลดลงไปมาก ส่งผลให้ต้องนำเข้าอัญมณีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศมาดากัสการ์ในทวีปแอฟริกา เพื่อนำมาเป็นฝัตถุดิบให้ช่างเจียระไนพลอยในจังหวัดจันทบุรีเป็นผู้เจียระไน การซื้อขายอัญมณีในจังหวัดจันทบุรีจะทำการซื้อขายในตลาดพลอย ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าจันทบุรี โดยมีผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มีการคาดการณ์กันว่าใน 1 สัปดาห์มีเงินสะพัดอยู่ในตลาดพลอยประมาณ 200 - 500 ล้านบาท
===การท่องเที่ยว===
จังหวัดจันทบุรีมีแหลืงท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้กรรท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรีสร้างรายได้ให้กับจังหฝัดเป็นจำนวนมาก จากสถิติในแต่ลัปีจะพบว่ทมีปริมาณนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2555 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในจังหฝัดขันทบุรีรวมทั้งสิ้น 1,072,348 โดยเกือบทั้งหมดเป็นนุกท่องเที่ยวชาวไทย ในส่วนของนัำท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดจันทบุรีมีเพียง 53,443 คนเท่านั้น นัปท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเข้ามาพักผรอนในจังหวัดจันทบุรีโดยเฉลี่ย 2.31 วีน นักท่องเที่ยวเหล่านี้สร้างรายได้ให้หับจังหวัดจันทบุรีกว่า 4,214 ลเานบาท โดยมีค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อวันอยูที่ 1,503.07 ต่อคน โดยนักท่องเที่ยวชาวต่าบชาติจะมช้จ่ายต่อวันอยู่ที่ 2,501ซ61 ต่อคน
==โครงสร้างพื้นฐาน==
==-การศึกษา===
สถาบันกนรศึกษาในจังหวัดจันทบุรีมีทั้งที่ดำเนินการโดยหน่วยงานทางภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยในส่วยภาคเอกชนมีองค์กรทางศาสนาเป็นส่วนหนึ่งที่น่วมจัดการศึกษาด้วย ภาษาที่ใช้ในการจัดการเรียนกมรสอนใช้พาษาไทยและภาษาอังกฤษ เป็นหลัก และมีการสอดแทรกภาษาจีตและภ่ษาในทวีแยุโรแอื่น ๆ เข้ามาใช้ใตปารจัดการเรียนการสอนอีกด้ฝย โรงเรียนประจำจังหวัดของจันทบุรีมีทั้งสิ้น 2 แห่งคือโรงเรรยนเบญนมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี (โรงเรียนประจำจังหวัดชาย) และโรงเรียนศรียานุสรณ์ (โรงเรียนประจำจังหวัดหญิง(
ในส่วนของสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดจันทบุรีที่เปิกสอนระดับปริญญาบัณฑิตมีอยู่หลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี มหาว้ทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลนีราชมงคบตะวัตออพ วิทยาเขตจันทบุรี สถาบันขัณฑิตพัฒนศิลป์ (วิทยาลัยนาฏศิลป์จันทบุรี) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (ศูนย์ยิทยพัฒนาจันทบุรี) เป็นต้น
===สาธารณสุข===
===การคมนาคมและการสื่อสาร===
การเดินทางสู่จังหวักจันทบุรีมีเส้นทางดังนี้
เส้นทางสายกรุงเทพฯ–ชลบุรี–พัทยา–บ้านฉาง–ระยอง–จันทบุรี โดยใช้ทางหชวงแผ่นดินหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ระยะทางประมาณ 315 กิโลเมตร
เส้นทางสายกรุงเทพฯ–ชลบะรี–ศรีราชา–บ้านฉาฝ–ระยอง–จันทบุรี โดยใช้ทางหงวงแผ่นดินหมายเลข 36 (ถนนเมืองพัทยา-ระยอง) ระยะทางประมาณ 289 กิโลเมตร
เส้นทางสายกรุงเทพฯ–ชลบุรี–แกลง–จันทบุรี โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 344 (ถนนชลบุรี-แกลง) ระจะทางประมาณ 249 พิโลเมตร
เส้นทางยุทธศาสตร์เชื่อมระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือผ่านปราจีนบุรี ผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 (ถนนสุวรรณศร) เข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 317 (ถนนจันทบุรี-สระแก้ว) ผ่านอำเภอสอยดาว อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอมะขาม เข้าสู่จังหวัดจันทบุรี
เส้นทางจันทบุรี–ตราด ระนะทาง 69.94 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบัรี–ระยอง ระยะทาง 111.67 กิโลเมรร
เส้นทางจันทบุรี–สระแก้ว ระยะทาง 156.4 กิโลเมตร
เส้นทางจันมบุรี–ชลบุรี ระยะทาง 167.03 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบุรี–ฉะดชิงเทรา ระยะทาง 191.09 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบุรี–สระบุรี ระยะทาง 327.77 กืโละมตร
เส้นทางจันทบุรี–นครราชนีมา ระยะทาง 338.05 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบุรี–บุรีรัมย์ ระยะทาง 344.32 กิโลเมตร
เส้นาางจันทบุรี–แม่สอด ระยะทาง 698.83 กิโลเมตร
รถไฟ
จังหวัดจันทบุรี ไม่มีทางรถไฟ ท่านสามารถลงจากสถานีรถไฟบ้านพลูตาฟลวง จ.ชลบุรี และต่อเข้ารถโดยสารประจำทาง สู่จัลหวัดจันทบุรี โทร 0-3824-5959
==ประชากร==
จากประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ประทรวงมหาดไทยป้ พ.ศ. 2560 รายงานว่า จังหวัดจันทบุรีมีปรพชากร 532,46u คน คิดเป็นอันดับมี่ 46 ของประเทศ มีความหนาแน่นของประชากร 82.71 คนต่อตาราฝกิโลเมตร โดยบริเวณที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุดในจังหวัดอยู่ที่เขตเทศบาลเมืองขลุง ซึ่งมีความหนาแน่นขอบประชากร 3,773 คนต่อตารางกิโลเมตร ประชาก่ของจังหวัดจันทบุรีส่วนใหญ่อาศัยดยู่ในเขตอำเภอเมืองจันทบุรี โดยม้ประชากรอาศัยอยู่ร้อยละ 25.03 ส่วนอำเภอที่มีประชากรอาศัยอยู่น้อยที่สุดคืออำเภอเขาคิชฌกูฏ โดยม่ประชากรอาศัยอยู่เพียงร้อยละ 5.33 ของประชากรทั้วจังหวัเ กระชากรจังหวัดจันทบุรีบางส่วนเดินทางย้ายถิ่นฐานไปวังจังหวัดอื่น โดยส่วนใหญ่แล้วเพื่อหางานทำในจังหวัดนั้น ๆ ประชากรชาวจันทบุรีส่วนสากาีสัญชาติไทยคิดเป็นร้อยละ 94.82 รองลงมามีสัญชาติกัมพูชาร้อยละ 2.90 สัญชาติลาวร้อยละ 1.20 ที่เหลืิเป็นประช่กรสัญชาติอื่น ๆ ในจำนวนนี้มีชาวยุโรก 397 คนและชาวแอฟริกัน 551 คนรวมอยู่ด้วย
===จำนวนประชากร===
===ภาษา===
ชาวจัตทบุรีใช้ภาษาไทยแบบภาคกลางเป็นภาษาทางราชการและใช้สื่อสาีในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามภาษาไทยที่ชาวจันทบุรีใล้พูดนั้นจะมีสำเนียงและหางเสียงที่แปลกจากภาษาไทยภาคกลาง มีคำบางคำที่เป็นภาษาถิ่นเฉพาะ เช่น การใช้ตำว่า ฮิ เป็นคำสร้อย การเรัยกยายว่า แมะ เป็นต้น นอกจากยี้แล้วในจังหวัดจันทบุรียังพบภาษาท้องถิ่นในตระกูลภาษทออสโตรเอเชียติกที่สำคัญอีก 1 ภาษา คือ ภาษาชอง ซึ่งเป็นภาษาที่พูดโดยชาวชอง ส่วนใหญ่แล้วชาวชองมักตั้งถิ่นฐานในอำเภอมะขาม อำเภอโป่งน้ำร้อนและอำเภอเขาคิชฌกูฎ ในปัจจุบันภาษาชองกำลังตกอยู่ในภาวะสูญหาย เนื่องจนกพลเมืองชาวชองประมาณ 6,000 คน มีผู้ที่สามารถพูดภาษาชองได้เพียงแี่ 500 คนเท่านั้ส ในส่วนของภาษาอื่น ๆ ที่มีประชากรในจังหวัดใช้สืทอสารในครัวเนือนเกิน 1.000 คนขึ้นไป ได้แก่ ภาษาเขมร ภาษาลาว ภาษาพม่าและภาษาอังกฤษ
===ศาสนา===
จากการสำมะโนประชากรของจังหวัดจึนทบุรีในปี พ.ศ. 2553 พบว่า ประชากรส่วนมากในจังหบัดจันทบุรีนับถือศาสนาพุทธคิดเป็นร้อจละ 97.95 รองลงมานัขถือศาสนาคริสต์คิดเป็นร้อยละ 1.22 ศาสราอิสลามคิดเป็นร้อยละ 0.40 ศาสนาฮินดูคิดเป็นรือยละ 0.03 ศาสนาอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 0.23 และมีผู้ไม่นับถือศาสนาใด ๆ คิดเป็นร้อยละ 0.17 ในกลุ่มศาสนิกชจที่นับถือศาสนาอื่นนอกเหนือจ่กศาสนาพุทธส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่ในเขตเทศบาล ในส่วนของคริสต์ศาสนิกชจในจังหวัดจันทบุรีพบมากทค่สุดในเขตเทศบาลเมืองจันทนิมิตโดยมีผู้นับถือศาสนาคริวต์ถึงร้อยละ 50 จากประชากรทั้งหมดในเขตเทศบาล
==ประเพณีและวัฒนธรรม==
ด้วยความที่จังหวัดจันทบุรีมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ทำให้มีประเพณีและวัฒธรรมที่หลากหลาย โดยประเพณีและวัศนธรรมเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษทั้งสิ้น โดยมากแล้ววัฒนธรรมและประเพณีม่วนใหญ่ของจังหวัดนี้จะเกิดจากวิถีชีวิตและความเชื่อของคนในจังหวัด
==] เทศกาลและประเพณี ===
ประเพณีการนมัสการรอยพระบาทิขาคิชฌกูฏ จัสทบุรี
=== อาหาร ===
จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีพืชพันธุ์หลากหลายชนิด ส่งผลให้มีการนำพืชพันธุ์เหล่านัืนเข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบอาหาร สำหรับอาหารที่ขึ้นชื่อมากที่สุดของจังหวัดจันทบุรี คือ แกงหมูชะมวง ซึ่งใช้ใบชะมวงเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงขึ้น มีรสชาติทั้งสเ้น 3 รส คือ เร็ม เปรี้ยวและหวาน อาหารอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมและสร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดจันทบุรีเป็นอย่างมาก คือ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเลียงหรือหมูเลียง โดยนำก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ ซึ่งเป็นเส้นด๋วยเตี๋ยวที่มีลักษณะเหนียวนุ่ม ไม่เปื่อยง่าย เช้ามาผสมผสานกับน้ำก๋วยเตี๋ยวทีทปรุงจากอครื่องเทศและวัตถุดิบอื่น ๆ ในส่วนอาหารอื่น ๆ มี่มีชื่อเสียงของจังหวัดจันทบุรีได้แก่ น้ำพริกปูไข่ แกงเนื้อ แกงหาู ก๋วยเตี๋ยวผัดปู น้ำพริกเกลือ น้ำพริกระกำและอาหารทะเลจานต่าง ๆ เป็ตต้น
ในส่วนของอาหารว่างและเครื่องดื่มของจังหวัดจันทบุรีนั้นมีหฃายอย่างที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในส่วนของอาหารว่างที่สำคัญคือ ข้าวเกรียบอ่อนน้ำจิ้ม ซึ่งมีลักษณะใหญ่กฝ่าข้าวเกรียบปากหม้อโดยทั่วไป ทองม้วนอ่อน ซึ่งจะมีรสชาติแตกต่างไปตามวึตถุดิบที่เข้ามาเป็นส่วนผสมและ ปาท่องโก๋ ซึ่งมีความแตกต่างจากปาท่องโก๋ในจังหวัดอื่นที่น้ำจิ้ม โดจน้ำจิ้มปาท่องโก๋ของจังหวัดจันทบุรีจะเป็นน้ำจิ้สที่าีรสหวานออกเปรี้ยว ในส่วนของเครื่องดื่มนั้นที่สำคัญได้แก่ น้ำสำรอง ซึ่งเป็นน้ำพืชสมันไพรที่มีคุณค่าทางอาหารและสรรพคุณทางยา
=== กานแสดงพื้นบ้าน ===
จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีการแสดงพื้นบ้านอย่างหลากหลาย โดยมักเป็นกนรแสดงที่บ่งบอกถึงวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น ชาติพันธุ์ กานประกอบอาชีพ รวมไปถึงสภาพทางภูมิศาสตร์ของท้องถิ่น การแสดงพื้นบ้านของจัวหวัดจันทบุรีมีทั้งที่เกิดจากการถ่ายทอดของบรรพชนภายในท้องถิ่นหรือการแสดงพื้นบ้านบางอย่างอาจเกิดขึ้นจากการประดิษฐ์คิดค้นของผู้คนในปัจจุบัน โดยการแสดงพื้นบ้านของจังหวัดจันทบุรีที่สำคัญมีดังนี้
{|class="wikitable unsortableฤ style="margin: 1em auto 1em auto;"
! ชื่อการแสดงพื้ยบ้าน
! ลักษณะสำคั๘
|-
| ยันแย่
| ยันแย่ิปฌนการแสดงของชาวชอง ในอดีตใช้เป็นเพลงกล่อมเด็ก แต่ในปัจยุบันนำทำนองเพลงยันแย่มาแต่งบทร้อง เพื่อใช้เป็นบ่เกี้ยวพาราสี
|-
| อาไย
| ทิดฮัมและทิดบูนเป็นผู้นำมาเผยแพร่จากประเทศกัมพูชา เป็นการแสดงที่วช้ภาษาเขมรในการร้องพร้อมกับการรำ ใช้ซออู้ ซอด้วง กลอง ฉิ่ง ขิมและโมงเซเป๊นเครื่องดนตรีประกอบการแวดง ปัจจุบันเป็นการละเล่นของชาวบ้านตามูลล่าง อำเภอโป่งน้าร้อน
|-
| ละครเท่งตุ๊ก
| ละครเท่งตุ๊กได้รับอิทธิพลจากละครชาตรีและละครโนรา โดยชื่อของการแสดงมาจากเสียงชองโทนและกลองตุ๊ก การแสดงจะใช้ทั้งม่อและเท้า พี้อมทั้งการใช้เอวแลพไหล่ให้ตางตามจังหวะกลอง
|-
| ระบำเก็บพริกไทย
| คณาจารณ์วเทยาบัยนาฏศิลปจันทบุรีเป็นหู้ประดิษฐ์ท่ารำ โดยนำลักษณะของการการเก็บพริกไทยมาใช้ประดิษฐ์ท่า โดยดัดแแลงเครื่องแต่งกายของผู้แสดงเพื่อให้เกิดความสวยงาม ใช้วงปี่พาทย์ไม้นวมในการบรรเลง
|-
| ระบำทอเสื่อ
| คณาจารย์วิทยาลัยนสฏฬิลปจันทบุรีเป็ยผู้ประดิษฐ์ททารำ โดยนำวิธีการทำเสื่อจันทบูรมาใช้ประดิษฐ์ท่า ผู้แสดงเป็นผู้หญิงทั้งหมด
|-
| ระบำเริงนทีบูรพา
| ระบำเริงนทีบูรพาเป็นการแสดงที่นำวิถีชีวิตของชาวประมงและพฤติกรรมของสัตว์มสใช้เป็นจินตนาการในการสร้างการแสดง โดยใช้วงปี่พามย์ไม้นวมในการบรรเลง
|-
| ระบำควนคราบุรี
| วืทยาลัยนาฏซิลปจันทบุรีประดิษฐ์การแสดงชุดนี้ขึ้น เพื่อจำลองให้เห็นสภาพวิถีชีวิตของชาวจันทบุรีในสมัยโบราณ การแต่งกายใช้รูปแบบตามศิลปะลพบุรี ส่วนการบร่เลงใช้วงปี่พาทย์ไม้แข็ง
|-
| ระบำชอง
| ระบำชอวเปฺนระบำพื้นบ้านของชาวชอง จุดมุ่งหมายของระบำนี้คือความร่าเริงและสนุกสนาน
|-
|}
=== กีฬา ===
จังหวัดจันทบุรีมีสโมสรฟุตบอลอาชีพ 2 แห่ง ได้แก่ สโมสรฟุตบอลจันทบุรี (ปัจจุบันแขีงขันในไทยลีก 2) ปละสโมสรฟุตบอลอัศวิน เกาะขวาง ยูำนเต็ด (ปัจจุบันแข่งขันในไทยลีก 3)
=== ภูมิปัญญาท้องถิ่น ===
เสื่อจันทบูร หัตถกรรมพื้นบ้านอีกชนิดที่มีชื่อเสียงของจังหวัด ผลิตจากกก ได้มีการนำเอากกมาดัดแปลงเป็นเครื่องใช้ต่าง ๆ มากมาย
ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ นับเป็นสิาค้าพืเนเมืองที่เป็นเอกลักษณ์อีกสิ่งหนึ่งของจังหวัด ิหมาะที่จะซื้อเป็นของที่ระลึกเมื่อมาเที่ยวจังหวัดจันทบุรี
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
หาดเจ้าหลาว
หาดแหลมสิงห์
หาดคุ้งวิมาน
น้ำตกพลิ้ว
น้ำตกคลองนารายณ็
น้หตกตรอกนอง
น้ำตกสอยดาว
ลานหินสีชมพู
สะพานแหลมสิงห์
จุดชมวิวปากน้ำแขมหนู
จุดชมวิวเนินนางพญา
จุดชาวิวเตดีย์กลางน้ำบ้านหัวแหลม
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ
สวนสาธารณะสมเด็จพระเจ้รตากสินมหาราช
ชุมชนริมน้ำจันทบูร
อาสนวิหารพระแม่มารีอาปฏิสนธิสิรมล
ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี
ค่ายเนินวง
อุทยานแห่งชาคิเขาคิชฌกูฏ
อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น
ตลาดบ้านแหลมไทย0กัมพูชา
เขตรักษาพันธุ์สึตว์ป่่เขาสอยดาว
หมู่บ้านไร้แผ่นดินบางชัน
อ่างเก็บน้ำห้วยตาโป
== บุคคลทีรมีชื่อเสียง==
พระครูสุ่ธิธรรสรังษี (เจี๊ยะ จุนฺโท) - พระกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มีาน ภูริทตฺโต
พระวิสุทธิญาณเถต ฆสมชรย ฐิตวิริโย) พระกรรมฐานสายท่มนพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ผู้ก่อตั้งแลพประธานสงฆ์วัดเขาสุกิม จ.จันทชุรี
พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร (แบน ธนากโร) - เจ้าอาวาสบัดดอยธรรมเจดีย์
พระครูญาณวิสิทธิ์ (เฟื่อง โชติโก) - พระสงฆ็ไทย
พคะครูธรรมสรคุณ (เขียน ขนฺธสโร) - พระเกจิอาจารย์
พระธรรมวงศ์มุนี (วิชัย เมตติโก) - อดีตที่ปรึหษาเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี และอดีตเจ้าอาวาสวัะไผ่ล้อม (พระอารามหลวง)
พระครูสันติวีร๘าณ (ฟัก านฺติธมฺโม) - พระสงฆ์ไทย
พระบำราศนราดูร (หลง เวชชาชีวะ) - แพทย์ชาวไทย อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข
คมคาย พบบุตร - นักการเมือง
จตุรวิทย์ คชน่วม - นักแสดง, ตำรใจ
ชอุ่ม ประเสริฐสกุล - นักถ่ายภาพที่มีชื่อเสียงของไทย
ชินวัฒน์ หาบุญพาด - นักการเมือง
โชติ สุวัตถิ - นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญวนด้านสัตว์น้ำและพรรณพืชคนหนึ่งของประเทศไทย
ณรงค์ศักดิ์ คงแก้ว - อดีตนัแฟุตซอลทีมชาติไทย
ธวัชชัย อนามพงษ์ - นักการเมือง
ประวัฒน์ อุตโมท - นักการเมือง
หลวงมัศยจิตรการ (ประสพ ตีระนันทน์) - อดีตนักวิชาการประมง
ปรีดา จุลละมณฑล
พงศพัศ พงษ์เจริญ - อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
พงศ์เวช เวชชาชีวะ - นักกาตเมือง
พล พลาพร - นักแสดง
ภานุวัฒน์ จันทา - สักกีฬากองหลังฟึคซอลชาวไทย
มัลลิกา หลีกภัย - พิธีกร
แรคำ ประโดยคำ - นักเขียน
ลัคนา หวงมณีรุ่งโรจน์ - นักแสดง นักร้อง พิธีกร ดีเจ
วโรทัย ภิญญสาสน์ - อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 สมัย และเป็นอดีตสมาชิกวภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี 4 สมัย
วิโรจน? เลาหะพันธุ์ - อดีตอธิบดีหรมสรรพากร อเีตดธิบดีกรมศุลกากร
วิทยม นีติธรรม - ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปตาบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.)
ศศ้มาภรณ์ ไชยโกมล - นักแสดง
สด กูรมะโรหิต - นักเขียนนวนิยายไทขที่มีชื่อเสียง
วตางค์ มบคลสุข - นักวิ่ยาศาสตร์ชาวไทย
สนอง นิสาลักษณ์ - อดีตนายทหารเรือ นักการทูต และนักการเมืองไทย
สวิช เพชรวิเศษศิริ - นักแสดง
สุคน๔์ทิพย์ เสนะวงศ์ - นักแสดง
สุชาดา เช็คล้ย์ นักแสดงที่รับบท มณีจันทร์ (วัยเด็ป) ภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 1 องค์ประกันำงสา
โสภา สถาพร - อดีตนางเอกภาพยนตร์
อภัย จันทใิมล - นักการเมือง
อัศฝิน รัตนประชา - นักแสดง
อถษณีย์ วัฒฐานะ - นักแสดง นางแบบ
ศรัณย์ ศิริลัก๋ณ์ - นักแสดง นายแบบ
พรรษา เหมวิบูลย์ 0 นักฟุตบอลทีมชาติไทย
ไพรัช วราสินธุ์ - นักวิ่งเทรล
โกศล จันทรชาติ - อดีตนักบอลทีมชาติ
อรภัสญนน์ สุกใส - นักร้องเพลงลูกทุ่งหญิง
เฉลิมพล ศักดิ์คำ - นักการเมือง
ไพรวัลย์ วรรณบุรร - นักเขียน
==เมืองพี่น้อง==
อู๋โจว ประเทศจีน (พ.ศ. 2547)
เกียนซาง ประเทศเวียดนาม (พ.ศ. 2548)
ไพงิน ประเทศกัมพูชา (พ.ศ. 2553)
ำระตะบอง ประเทศกัมพูชา (พ.ศ. 2553)
== ดูเพิ่ม ==
สโมสรฟุตบอลจันทบะรี
ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลเนิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า
สถาบันพระบรมราชชนก วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
รายชื่อวัดในจังหวัดจันทบุรี
รรยชื่อโรงเรียนในจังหวัดจันทบุรี
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดจันทบุรี
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดจันทบุรี
วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
=== หนังนือและบทความ ===
ณัฐพร ไทยจงรักษ์. (2561, ส.ค.-2562, ก.ค.). การยึดครองจันทบุรีในทัศนะของฝรั่งเศส. วารสารประวัติศาสตร์ มำาวิทยาลัยศรีนครินทรใิโรฒซ 43. 73-83.
=== เว็บไซต์ ===
เว็บไซต์อย่างเป็นทางำารของจังหวัด
บ้านต้นน้ำจันทร์ โฮสสเตย์ ข้ดมูลท่องเที่ยวจันทบุรี
คนจันท์ฮิ..!! เว็บไซต์จ้นทบุรีวาำรตี
Blog ข้อมูลการท่องเที่ยวจันทบุรี
7 ที่เที่ยวห้ามพลาด #จันทบุรี จากทะเล ไปเดินป่า ชมวิวภูเขา นั่งชิลล์ริมน้ำตก ทริปเดียวเที่ยวให้ครบ!
จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
|
จันทบุรี เป็นจังหวัดทางชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทยซึ่งจันทบุรีเป็นจังหวัดชายทะเลที่มีเขาสูงสุดในภาคตะวันออก คือ เขาสอยดาว มีความสูง 1,675 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีเนื้อที่ 6,388 ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ ภูเขา ที่ราบสูง ที่ราบลุ่มน้ำ และที่ราบชายฝั่งทะเล ในส่วนของพื้นที่ป่าไม้มีประมาณ 3 ใน 10 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด เป็นจังหวัดที่มียอดเขาสูงสุดในภาคตะวันออก คือ เขาสอยดาว มีความสูง 1,675 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดฉะเชิงเทราและสระแก้วทางทิศเหนือ ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดตราดและประเทศกัมพูชา ทิศใต้ติดกับอ่าวไทย และทิศตะวันตกติดกับจังหวัดระยองและชลบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 238 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดจันทบุรีอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัด โดยอาชีพที่ประชากรในจังหวัดนิยมประกอบอาชีพมากที่สุดคือเกษตรกรรมและประมง และศาสนาที่มีการนับถือมากที่สุดในจังหวัดคือศาสนาพุทธ
== ประวัติศาสตร์ ==
จันทบุรีเป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ก่อตั้งโดยชนชาติชอง จังหวัดจันทบุรีเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทยอยู่ 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีใช้จังหวัดจันทบุรีในการรวบรวมไพร่พลและเสบียงอาหาร ครั้งที่ 2 เกิดสงครามอานัมสยามยุทธในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและครั้งที่ 3 ฝรั่งเศสยึดเมืองจันทบุรีเป็นเมืองประกันหลังจากเกิดวิกฤตการณ์ปากน้ำในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยความที่จังหวัดจันทบุรีมีความสำคัญต่อเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์หลายเหตุการณ์และมีความหลากหลายทางภูมิประเทศ ส่งผลให้จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมคือ พระเจ้าพรหมทัต (พ.ศ. 1349–1399) ครั้นถึงปี พ.ศ. 1800 ได้มีการย้ายถิ่นฐานมาสร้างเมืองใหม่ที่บ้านหัววัง ตำบลพุงทลาย ซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำจันทบุรีในปัจจุบัน
ต่อมาปี พ.ศ. 2200 ได้ย้ายมาสร้างเมืองใหม่ที่บ้านลุ่ม อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี ในปี พ.ศ. 2310 หลังจากกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้เข้ายึดเมืองจันทบุรีเพื่อใช้เป็นแหล่งสะสมเสบียงอาหารและรวบรวมกำลังพลในการกอบกู้กรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่า ในคราวนั้นเจ้าเมืองจันทบุรีนามว่าเจ้าขรัวหลาน(ยศเจ้าเมืองจันทบุรีเดิม) ชึ่งราษฎรเลือกขึ้นเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยา โดยหวังว่าพระยาจันทบูร จะช่วยปกป้องรักษาเมืองจันทบุรีให้อยู่รอดสืบต่อไป ได้ต่อต้านกองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เมืองจันทบุรีอยู่รอดเป็นอิสระ รักษาแผ่นดินไว้ให้ชนชาติบูรพา แต่สุดท้ายก็ต้องปราชัยพ่ายแพ้แก่กองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยพระองค์ทรงใช้พญาช้างศึกบุกชนกำแพงเมืองจนสามารถเข้าตีเมืองเอาไว้ได้สำเร็จ เจ้าเมืองจันทบุรีได้หลบภัยไปอาณาจักรกัมพูชาจนถึงแก่อสัญกรรม เมืองจันทบุรีจึงตกเป็นของสยามนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสได้เข้ายึดเมืองจันทบุรีไว้นานถึง 11 ปี เนื่องจากสยามมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง โดยฝรั่งเศสกล่าวว่าสยามล่วงล้ำดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศส ส่วนสยามได้อ้างว่าดินแดนดังกล่าวเป็นของสยาม ฝ่ายสยามเห็นว่าจะต่อสู้ทางทหารฝรั่งเศสไม่ได้จึงขอเปิดการเจรจา ทางฝรั่งเศสยื่นคำขาด โดยฝ่ายสยามต้องยอมยกดินแดนที่เป็นข้อพิพาทรวมทั้งเกาะทั้งหมดในลำน้ำโขง พร้อมเงินอีกหนึ่งล้านฟรังก์และสามล้านบาท โดยจนกว่าจะดำเนินการเสร็จฝรั่งเศสจะยึดเมืองจันทบุรีไว้ก่อนตามสนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส ร.ศ. 112 แต่เมื่อทางสยามดำเนินการเสร็จ ฝรั่งเศสไม่ได้ถอนกำลังออก ฝ่ายสยามจึงต้องยอมยกเมืองตราดและเมืองประจันตคีรีเขตร์ (เกาะกง) เพื่อแลกกับเมืองจันทบุรี ตามสนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส ร.ศ. 122 ต่อมาสยามได้ทำสนธิสัญญายกเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ เพื่อแลกเมืองจันทุบรีและตราดคืนมา แต่ฝรั่งเศสไม่ได้คืนเมืองประจันตคีรีเขตร์แต่อย่างใด ปัจจุบันเมืองประจันตคีรีเขตร์จึงอยู่ในอาณาเขตประเทศกัมพูชา
ภายหลังได้มีการจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล จัดตั้งมณฑลจันทบุรี โดยมีเมืองจันทบุรี ระยอง และตราดอยู่ในเขตการปกครองจนถึง พ.ศ. 2476 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย จึงยกเลิกมณฑลเทศาภิบาลและได้จัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินใหม่ โดยแบ่งออกเป็นจังหวัดและอำเภอ ดังนั้นเมืองจันทบุรีจึงมีฐานะเป็นจังหวัดจนถึงปัจจุบันนี้
== ภูมิศาสตร์ ==
จังหวัดจันทบุรีตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของประเทศไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 245 กิโลเมตร จังหวัดจันทบุรีมีพื้นที่ทั้งหมด 6,338 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 16.6 ของพื้นที่ภาคตะวันออก และเท่ากับร้อยละ 1.8 ของพื้นที่ทั้งประเทศ โดยพื้นที่ของจังหวัดเป็นที่ราบชายฝั่งทะเล ที่ราบสูงและภูเขา ภูมิอากาศของจังหวัดมีลักษณะแบบมรสุมเขตร้อน จุดสูงสุดของจังหวัดอยู่ที่ยอดเขาสอยดาวใต้ ซึ่งเป็นยอดเขาที่มีความสูงที่สุดในภาคตะวันออก โดยมีความสูง 1,675 เมตร
=== ลักษณะภูมิประเทศ ===
จังหวัดจันทบุรีมีลักษณะภูมิประเทศอยู่ 3 ลักษณะ คือ ภูเขาและเนินสูง ที่ราบสูงและที่ราบเชิงเขา และที่ราบลุ่มแม่น้ำและชายฝั่งทะเล โดยในบริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศเหนือและทิศตะวันออกของจังหวัดจะเป็นเขตภูเขาสูง เช่น ทิวเขาบรรทัด ทิวเขาจันทบุรี เป็นต้น บริเวณนี้เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำลำธารหลายสาย รวมถึงเป็นแนวที่กั้นเขตแดนระหว่างจังหวัดจันทบุรีกับจังหวัดระยอง จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดสระแก้ว ในส่วนของที่ราบสูงและที่ราบเชิงเขานั้นจะตั้งอยู่ในเขตอำเภอสอยดาว อำเภอโป่งน้ำร้อน พื้นที่ตอนกลางของอำเภอขลุง รวมไปถึงทางตะวันออกของอำเภอมะขาม อำเภอแก่งหางแมว อำเภอเขาคิชฌกูฏ และทางตอนเหนือของอำเภอท่าใหม่ โดยบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นที่ราบลูกคลื่น ในส่วนพื้นที่สุดท้ายของจังหวัดมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำและชายฝั่งทะเล โดยพื้นที่เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่มีแม่น้ำไหลผ่าน เช่น ที่ราบลุ่มแม่น้ำคลองโตนด ที่ราบลุ่มแม่น้ำพังราด ที่ราบลุ่มแม่น้ำจันทบุรีและที่ราบลุ่มแม่น้ำเวฬุ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วพื้นที่เหล่านี้จะอยู่ในเขตอำเภอนายายอาม เมืองจันทบุรีและขลุง รวมถึงพื้นที่บางส่วนของอำเภอแก่งหางแมว เขาคิชฌกูฏและอำเภอท่าใหม่ สำหรับพื้นที่ชายฝั่งทะเลมักมีลักษณะเป็นที่ราบชายฝั่งทะเลแคบ ๆ มีการทับถมของตะกอนทราย ที่ราบชายฝั่งทะเลบางแห่งอยู่ใกล้ปากแม่น้ำส่งผลให้บริเวณนั้นมีดินโคลนผสมด้วย บริเวณที่พบที่ราบชายฝั่งทะเลได้แก่ พื้นที่ทางตอนใต้ของอำเภอนายายอาม อำเภอท่าใหม่ อำเภอแหลมสิงห์ และอำเภอขลุง
=== ลักษณะภูมิอากาศ ===
สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปจังหวัดจันทบุรีตั้งอยู่ในเขตมรสุมเขตร้อน โดยได้รับฝนจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มีฝนตกชุกติดต่อกันประมาณ 6 เดือนต่อปี โดยเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่มีปริมาณน้ำฝนสูงที่สุด ซึ่งอาจมีปริมาณน้ำฝนสูงถึง 500 มิลลิเมตรต่อเดือน จังหวัดจันทบุรีมี 3 ฤดูกาลคือฤดูฝน (มิถุนายน–ตุลาคม) ฤดูหนาว (พฤศจิกายน–กุมภาพันธ์) และฤดูร้อน (มีนาคม–พฤษภาคม) โดยที่ฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวเย็นช้ากว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของประเทศ
จังหวัดจันทบุรีมีอุณหภูมิเฉลี่ย 23–31 องศาเซลเซียสในแต่ละปี โดยที่อุณหภูมิในแต่ละฤดูของจังหวัดจะไม่มีความแตกต่างกันมากนัก อันเนื่องมาจากการตั้งอยู่ใกล้กับทะเล สำหรับอุณหภูมิในแต่ละฤดูนั้น ฤดูฝนมีอุณหภูมิระหว่าง 24–30 องศาเซลเซียส ฤดูหนาวมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 22–31 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูร้อนมีอุณหภูมิระหว่าง 23–33 องศาเซลเซียส
===ทรัพยากรดินและน้ำ===
ทรัพยากรดินในจังหวัดจันทบุรีมีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นดินที่เกิดจากการสลายตัวของหินปูน ทำให้ดินมีความเป็นด่างเหมาะแก่การปลูกผลไม้อันเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจของจังหวัดจันทบุรี ดินมีลักษณะเป็นดินตื้นถึงลึกอันเนื่องมาจากสภาพภูมิประเทศ โดยดินส่วนมากของจังหวัดจันทบุรีเป็นดินที่สามารถระบายน้ำออกได้ดีถึงดีมาก อย่างไรก็ตามจังหวัดจันทบุรีมีพื้นที่ดินที่ไม่เหมาะสมกับการทำเกษตรประมาณ 3,000 ตารางกิโลเมตร โดยปัญหาทรัพยากรดินที่พบมากที่สุดคือดินเค็มในบริเวณชายฝั่งทะเล ดินตื้นและดินในพื้นที่ลาดชันเชิงซ้อน
ในส่วนของทรัพยากรน้ำในจังหวัดจันทบุรีนั้น แม้ว่าจังหวัดจันทบุรีจะอยู่ในพื้นที่ทึ่มีฝนตกชุก แต่จันทบุรียังคงประสบกับปัญหาภาวะความแห้งแล้งในพื้นที่ของจังหวัดเนื่องจากแม่น้ำทั้งหมดในจังหวัดเป็นเพียงแม่น้ำสายสั้น ๆ และมีขนาดเล็ก ยกตัวอย่างเช่น แม่น้ำพังราด (30 กิโลเมตร) แม่น้ำวังโตนด (6 กิโลเมตร) แม่น้ำเวฬุ (88 กิโลเมตร)และแม่น้ำจันทบุรี (123 กิโลเมตร) เป็นต้น ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำไหลลงสู่อ่าวไทยอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้หากมีปริมาณฝนในจังหวัดจันทบุรีมากเกินไป ปริมาณน้ำอาจจะเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ต่าง ๆ ได้อีกด้วย จึงมีการสร้างอ่างเก็บน้ำและเขื่อนเป็นจำนวนมากเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่สำคัญคือ เขื่อนคิรีธาร อ่างเก็บน้ำคลองศาลทราย เขื่อนบ้านพลวงและเขื่อนทุ่งเพล
===สัตว์ป่าและพันธุ์พืช===
จังหวัดจันทบุรีมีพื้นที่ป่าไม้มากที่สุดในภาคตะวันออก โดยคิดเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนพื้นที่ป่าไม้ทั้งภาค อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบในอดีตจะพบว่าจังหวัดจันทบุรีสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ไปเป็นจำนวนมาก เพราะเดิมทีจังหวัดจันทบุรีมีเนื้อที่ป่าไม้มากกว่าร้อยละ 50 ของจังหวัด โดยสาเหตุของการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ส่วนใหญ่เกิดจากการลักลอบตัดไม้ การบุกรุกของราษฎรและการขาดการเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่ ในปัจจุบันมีการประกาศให้พื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดจันทบุรีขึ้นเป็นอุทยานแห่งชาติ 3 แห่งคือ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น และอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว วนอุทยานแห่งชาติ 1 แห่งคือ วนอุทยานแห่งชาติแหลมสิงห์ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 3 แห่งคือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองเครือหวาย
สำหรับพืชที่ค้นพบในจังหวัดจันทบุรีมีอยู่หลายประเภท ที่สำคัญคือสำรองและจัน ซึ่งถือเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดของจันทบุรี ในส่วนของพืชชนิดอื่น ๆ ที่สำคัญของจังหวัด ได้แก่ สอยดาว ชะมวง กฤษณา กระวานและเหลืองจันทบูรอันเป็นดอกไม้ประจำจังหวัด นอกจากนี้แล้วในจังหวัดจันทบุรียังค้นพบพืชเฉพาะถิ่นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เนตรม่วง (Microchirita purpurea) ซึ่งพบได้เฉพาะในเขตอำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น เป็นต้น
สำหรับในส่วนของสัตว์ป่าในจังหวัดจันทบุรีนั้นพบว่ามีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 122 ชนิด นก 276 ชนิด สัตว์เลื้อยคลานไม่น้อยกว่า 88 ชนิด สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 29 ชนิดและปลาน้ำจืดอีกกว่า 47 ชนิด จึงนับได้ว่าจังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตค่อนข้างมาก ในจำนวนสัตว์เหล่านี้มีสัตว์ที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น กบอกหนาม นกกระทาดงจันทบุรี นกแต้วแล้วใหญ่หัวสีน้ำเงินและนกสาลิกาเขียวหางสั้น เป็นต้น ซึ่งสัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ที่สามารถพบได้ในบริเวณจังหวัดจันทบุรีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสัตว์ที่สำคัญอีกชนิด คือ ปลาบู่มหิดล ที่มีการค้นพบในจังหวัดจันทบุรี แต่มีกระจายตัวอยู่ในจังหวัดระนองและจังหวัดภูเก็ตด้วย
==การเมืองการปกครอง==
จังหวัดจันทบุรีมีรูปแบบการปกครองทั้งในรูปแบบการแบ่งอำนาจและการกระจายอำนาจ โดยในปัจจุบันจังหวัดจันทบุรีมีการแบ่งอำนาจออกเป็น 10 อำเภอและมีจำนวนเทศบาลตามหลักการกระจายอำนาจ 45 เทศบาล 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัดและ 34 องค์การบริหารส่วนตำบล ในส่วนของการเมืองระดับชาตินั้น จังหวัดจันทบุรีมีเขตการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 เขตและเขตการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา 1 เขต
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
จังหวัดจันทบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 10 อำเภอ 76 ตำบล 731 หมู่บ้าน ดังนี้
{| width="70%" style="margin:auto;" bgcolor="#fff" border="0" cellspacing="2" cellpadding="3"
|- align="center" bgcolor="lightcoral"
! width="20%" | 1. อำเภอเมืองจันทบุรี
! width="20%" | 2. อำเภอขลุง
! width="20%" | 3. อำเภอท่าใหม่
! width="20%" | 4. อำเภอโป่งน้ำร้อน
! width="20%" | 5. อำเภอมะขาม
|- valign="top" align="left" style="background: Lavenderblush; font-size: 92%;"
|
1. ตำบลตลาด
2. ตำบลวัดใหม่
3. ตำบลคลองนารายณ์
4. ตำบลเกาะขวาง
5. ตำบลคมบาง
6. ตำบลท่าช้าง
7. ตำบลจันทนิมิต
8. ตำบลบางกะจะ
9. ตำบลแสลง
10. ตำบลหนองบัว
11. ตำบลพลับพลา
|
1. ตำบลขลุง
2. ตำบลบ่อ
3. ตำบลเกวียนหัก
4. ตำบลตะปอน
5. ตำบลบางชัน
6. ตำบลวันยาว
7. ตำบลซึ้ง
8. ตำบลมาบไพ
9. ตำบลวังสรรพรส
10. ตำบลตรอกนอง
11. ตำบลตกพรม
12. ตำบลบ่อเวฬุ
|
1. ตำบลท่าใหม่
2. ตำบลยายร้า
3. ตำบลสีพยา
4. ตำบลบ่อพุ
5. ตำบลพลอยแหวน
6. ตำบลเขาวัว
7. ตำบลเขาบายศรี
8. ตำบลสองพี่น้อง
9. ตำบลทุ่งเบญจา
10. ตำบลรำพัน
11. ตำบลโขมง
12. ตำบลตะกาดเง้า
13. ตำบลคลองขุด
14. ตำบลเขาแก้ว
|
1. ตำบลโป่งน้ำร้อน
2. ตำบลทับไทร
3. ตำบลหนองตาคง
4. ตำบลเทพนิมิต
5. ตำบลคลองใหญ่
|
1. ตำบลมะขาม
2. ตำบลท่าหลวง
3. ตำบลปัถวี
4. ตำบลวังแซ้ม
5. ตำบลฉมัน
6. ตำบลอ่างคีรี
|- align="center" bgcolor="lightcoral"
! width="20%" | 6. อำเภอแหลมสิงห์
! width="20%" | 7. อำเภอสอยดาว
! width="20%" | 8. อำเภอแก่งหางแมว
! width="20%" | 9. อำเภอนายายอาม
! width="20%" | 10. อำเภอเขาคิชฌกูฏ
|- valign="top" align="left" style="background: Lavenderblush; font-size: 92%;"
|
ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์
ตำบลเกาะเปริด
ตำบลหนองชิ่ม
ตำบลพลิ้ว
ตำบลคลองน้ำเค็ม
ตำบลบางสระเก้า
ตำบลบางกะไชย
|
ตำบลปะตง
ตำบลทุ่งขนาน
ตำบลทับช้าง
ตำบลทรายขาว
ตำบลสะตอน
|
ตำบลแก่งหางแมว
ตำบลขุนซ่อง
ตำบลสามพี่น้อง
ตำบลพวา
ตำบลเขาวงกต
|
ตำบลนายายอาม
ตำบลวังโตนด
ตำบลกระแจะ
ตำบลสนามไชย
ตำบลช้างข้าม
ตำบลวังใหม่
|
ตำบลชากไทย
ตำบลพลวง
ตำบลตะเคียนทอง
ตำบลคลองพลู
ตำบลจันทเขลม
|}
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
จังหวัดจันทบุรีมีหน่วยการปกครองในรูปแบบกระจายอำนาจทั้งสิ้น 80 แห่ง แบ่งออกเป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 5 แห่ง เทศบาลตำบล 40 แห่งและองค์การบริหารส่วนตำบล 34 แห่ง ในส่วนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีได้รับการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 โดยมีขอบเขตครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัดจันทบุรี โดยมีหน้าที่หลักในการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงประสานและร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการวางแผนพัฒนาจังหวัด ปัจจุบันมีนายธนภณ กิจกาญจน์ เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีคนปัจจุบัน สำหรับหน่วยการปกครองท้องถิ่นในระดับเทศบาลนั้นเริ่มขึ้นครั้งแรกในเขตอำเภอเมืองจันทบุรี โดยมีการจัดตั้งสุขาภิบาลจันทบุรีขึ้นในปี พ.ศ. 2451 ซึ่งต่อมาได้มีการยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองจันทบุรีในปี พ.ศ. 2478
=== การเมืองระดับชาติ ===
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองระดับชาติของจังหวัดจันทบุรีนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดให้จังหวัดจันทบุรีมีเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 เขตเลือกตั้ง โดยเขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบไปด้วยอำเภอเมืองจันทบุรีและอำเภอแหลมสิงห์ เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบไปด้วยอำเภอท่าใหม่ อำเภอนายายอาม อำเภอแก่งหางแมวและอำเภอเขาคิชฌกูฏและเขตเลือกตั้งที่ 3 ประกอบไปด้วยอำเภอขลุง อำเภอมะขาม อำเภอโป่งน้ำร้อนและอำเภอสอยดาว สำหรับจำนวนสมาชิกวุฒิสภาของจังหวัดจันทบุรีในอดีตมี 2 คน อย่างไรก็ตามตั้งแต่ พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา จังหวัดจันทบุรีสามารถมีสมาชิกวุฒิสภาได้ 1 คนเท่านั้น
สำหรับปัจจุบัน ปีพ.ศ. 2566 ยังคงมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 คนเช่นเดิม แต่มีการปรับพื้นที่เขตเลือกตั้งในเขตที่ 1 ได้นำพื้นที่อำเภอมะขามบางส่วนเข้ามาอยู่ในเขตนี้ และเขตที่ 3 โดยที่อำเภอมะขามได้แบ่ง 2 ตำบลออกไปอยู่กับเขตที่ 3 ส่วนเขตที่ 2 ยังคงเช่นเดิม
=== รายพระนามและชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ===
{|class="toccolours"
! colspan="10" style="background: #ffdead;" align="center" | รายพระนามและชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี
|-
! rowspan="1"|พระนาม/ชื่อ
! rowspan="1"|เข้ารับตำแหน่ง
! rowspan="1"|สิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง
|-
| 1. พระภิรมย์ฯ
| ไม่มีข้อมูล
| ไม่มีข้อมูล
|-
| 2. พระจันทบุรีศรีสมุทร์เขตต์
| ไม่มีข้อมูล
| ไม่มีข้อมูล
|-
| 3. หม่อมเจ้าศรีศุขนพมาศ นวรัตน
| พ.ศ. 2459
| พ.ศ. 2469
|-
| 4. พระยามานิตย์กุลพัทธ
| พ.ศ. 2469
| ธันวาคม พ.ศ. 2471
|-
| 5. พระพิสิษฏสุทธเลขา
| 17 ธันวาคม พ.ศ. 2471
| 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2477
|-
| 6. พระนิกรบดี
| 1 มิถุนายน พ.ศ. 2477
| 2 ธันวาคม พ.ศ. 2479
|-
| 7. ขุนประสงค์สุขการี
| 2 ธันวาคม พ.ศ. 2479
| 1 ธันวาคม พ.ศ. 2484
|-
| 8. หลวงอรรถสิทธิสุนทร (ผวน ทองสยาม)
| 2 ธันวาคม พ.ศ. 2484
| 2 ตุลาคม พ.ศ. 2485
|-
| 9. หลวงอรรถเกษมเกษา (สวิง อรรถเกษม)
| 3 ตุลาคม พ.ศ. 2485
| 1 มกราคม พ.ศ. 2487
|-
| 10. ขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ (สุวงศ์ รัฐวุฒิวิจารณ์)
| 11 มกราคม พ.ศ. 2487
| 13 มิถุนายน พ.ศ. 2489
|-
| 11. นายชุบ พิเศษนครกิจ
| 7 ตุลาคม พ.ศ. 2489
| 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2492
|-
| 12. นายถนอม วิบูลมงคล
| 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2492
| 7 มกราคม พ.ศ. 2495
|-
| 13. ขุนคำนวณวิจิตร (เชย บุนนาค)
| 8 มกราคม พ.ศ. 2495
| 2 เมษายน พ.ศ. 2496
|-
| 14. ขุนวรคุตตคณารักษ์
| 3 เมษายน พ.ศ. 2496
| 18 มีนาคม พ.ศ. 2499
|-
| 15. นายผาด นาคพิน
| 19 มีนาคม พ.ศ. 2499
| 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501
|-
| 16. หม่อมเจ้าทองคำเปลว ทองใหญ่
| 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501
| 28 กันยายน พ.ศ. 2507
|-
| 17. นายส่ง เหล่าสุนทร
| 29 กันยายน พ.ศ. 2507
| 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2512
|-
| 18. จ.ต.ต. ชั้น สุวรรณทรรภ
| 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2512
| 25 ธันวาคม พ.ศ. 2514
|-
| 19. นายวิชิต ศุขะวิริยะ
| 26 ธันวาคม พ.ศ. 2514
| 6 ธันวาคม พ.ศ. 2516
|-
| 20. นายบุญช่วย ศรีสารคาม
| 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516
| 30 กันยายน พ.ศ. 2519
|-
| 21. น.อ.จำลอง ประเสริฐยิ่ง ร.น.
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2519
| 30 กันยายน พ.ศ. 2520
|-
| 22. นายประกิต อุตตะโมต
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2520
| 14 ตุลาคม พ.ศ. 2521
|-
| 23. นายพิบูลย์ ธุรภาคพิบูล
| 15 ตุลาคม พ.ศ. 2521
| 30 กันยายน พ.ศ. 2523
|-
| 24. นายบุญนาค สายสว่าง
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2523
| 30 กันยายน พ.ศ. 2528
|-
| 25. นายสมพงศ์ พันธ์สุวรรณ
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2528
| 30 กันยายน พ.ศ. 2532
|-
| 26. นายปรีดา มุตตาหารัช
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2532
| 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533
|-
| 27. เรือตรี สุกรี รักษ์ศรีทอง
| 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533
| 30 กันยายน พ.ศ. 2534
|-
| 28. นายวิมล พวงทอง
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2534
| 30 กันยายน พ.ศ. 2536
|-
| 29. นายอมร อนันตชัย
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2536
| 30 กันยายน พ.ศ. 2541
|-
| 30. นายประพันธ์ ชลวีระวงศ์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2541
| 30 กันยายน พ.ศ. 2543
|-
| 31. นายอัครพงศ์ พยัคฆันตร
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2543
| 30 กันยายน พ.ศ. 2544
|-
| 32. นายวิทยา ปิณฑะแพทย์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2544
| 30 กันยายน พ.ศ. 2547
|-
| 33. นายพนัส แก้วลาย
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2547
| 30 กันยายน พ.ศ. 2550
|-
| 34. นายประจักษ์ สุวรรณภักดี
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550
| 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551
|-
| 35. นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล
| 20 ตุลาคม พ.ศ. 2551
| 30 กันยายน พ.ศ. 2553
|-
| 36. นายธีรเทพ ศรียะพันธ์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553
| 30 กันยายน พ.ศ. 2554
|-
| 37. นายวิชิต ชาตไพสิฐ
| 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
| 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555
|-
| 38. นายสุรชัย ขันอาสา
| 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555
| 30 กันยายน พ.ศ. 2556
|-
| 39. นายเกรียงเดช เข็มทอง
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556
| 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557
|-
| 40. นายสามารถ ลอยฟ้า
| 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557
| 30 กันยายน พ.ศ. 2558
|-
| 41. นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558
| 28 มีนาคม พ.ศ. 2559
|-
|42. นายวิทูรัช ศรีนาม
| 29 มีนาคม พ.ศ. 2559
| 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563
|-
|43. นายสุธี ทองแย้ม
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563
| 30 กันยายน พ.ศ. 2555
|-
|44. นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565
| ปัจจุบัน
|}
==เศรษฐกิจ==
จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีเกษตรกรรมเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัดจันทบุรีเกินครึ่งหนึ่งมาจากภาคเกษตรกรรม รองลงมาเป็นอุตสาหกรรม การก่อสร้าง การศึกษาและภาคส่วนอื่น ๆ ตามลำดับ ในปี พ.ศ. 2555 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัดจันทบุรีรวมมูลค่าทั้งสิ้น 100,901 ล้านบาท คิดเป็นอันดับที่ 22 ของประเทศและมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัดต่อหัว 200,876 บาทต่อปี ในส่วนของรายได้ที่แท้จริงของประชากรในจังหวัดจันทบุรีนั้น ประชากรในจังหวัดมีรายได้เฉลี่ย 7,784 บาทต่อเดือนและมีรายจ่ายเฉลี่ย 6,655 บาทต่อเดือน สัดส่วนของคนจนในจังหวัดจันทบุรีเมื่อพิจารณามิติของรายได้พบว่ามีประชากรร้อยละ 8.8 อยู่ในสภาวะยากจน
===เกษตรกรรม===
ภาคส่วนเกษตรกรรมเป็นภาคส่วนที่มีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงที่สุดในจังหวัดจันทบุรี โดยในปี พ.ศ. 2555 ภาคส่วนเกษตรกรรมมีผลิตภัณฑ์มวลรวมเท่ากับ 56,262 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 55.76 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งหมด เมื่อเปรียบเทียบย้อนหลังระหว่างปี พ.ศ. 2538 - 2555 จะพบว่าภาคส่วนทางด้านเกษตรกรรมในภาพรวมมีผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี สำหรับภาคส่วนเกษตรกรรมที่มีความสำคัญของจังหวัดจันทบุรีส่วนใหญ่เป็นการเพาะปลูก โดยพืชที่นิยมปลูกมากในจังหวัดจันทบุรีคือพืชไม้ผล พริกไทย และยางพารา
ไม้ผลที่เกษตรกรในจังหวัดจันทบุรีนิยมปลูกมากคือมังคุด ทุเรียน สละและเงาะ เนื่องจากจันทบุรีมีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศเหมาะสมสำหรับปลูกผลไม้เหล่านี้ทำให้จังหวัดจันทบุรีมีผลไม้เหล่านี้เป็นจำนวนมากและมีคุณภาพดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียนซึ่งจังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีการผลิตมากที่สุดในประเทศไทย ผลไม้อีกชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากของจังหวัดจันทบุรีคือสละเนินวง โดยปลูกมากในบริเวณค่ายเนินวง ตำบลบางกะจะ ผลไม้ของจังหวัดจะออกสู่ตลาดในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนของทุกปี อย่างไรก็ตามปริมาณผลไม้ของจังหวัดในแต่ละปีจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ หากเกิดภาวะภัยแล้งขึ้นในจังหวัด ปริมาณผลไม้ที่จะออกสู่ตลาดในปีนั้นจะมีปริมาณลดลง
จังหวัดจันทบุรีเป็นแหล่งปลูกพริกไทยที่สำคัญมากของประเทศไทย โดยพื้นที่ปลูกพริกไทยร้อยละ 95 อยู่ในจังหวัดจันทบุรี โดยพริกไทยสามารถสร้างรายได้เข้าจังหวัดจันทบุรีปีละประมาณ 30 - 60 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพื้นที่การปลูกพริกไทยลดลงเป็นอย่างมาก จากการที่เกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่น ปัญหาความเสื่อมโทรมของดินและปัญหาด้านต้นทุนการผลิต โดยเกษตรกรเหล่านี้จะเปลี่ยนจากการปลูกพริกไทยเป็นแก้วมังกรและยางพารา
ในส่วนของยางพารานั้น หลวงราชไมตรี (ปูม ปุณศรี) เป็นบุคคลแรกที่นำยางพาราเข้ามาปลูกในจังหวัดจันทบุรีเป็นพื้นที่แรกของภาคตะวันออก ในปี พ.ศ. 2551 เกษตรกรชาวจันทบุรีปลูกยางพาราในพื้นที่ 463,799 ไร่ โดยปลูกมากที่สุดในอำเภอแก่งหางแมว คิดเป็นร้อยละ 41.60 ของพื้นที่ปลูกยางพาราของจังหวัด แม้ว่ายางพาราจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวจันทบุรีเป็นจำนวนมาก แต่ในหลาย ๆ ปีมักประสบปัญหาราคายางพาราตกต่ำ
===ประมง===
การประมงของจังหวัดจันทบุรี แม้จะมีส่วนแบ่งในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัดค่อนข้างน้อย (2,683 ล้านบาท) แต่เป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญของจังหวัดจันทบุรี เนื่องจากจังหวัดจันทบุรีมีชายฝั่งทะเลยาว 108 กิโลเมตรและมีแม่น้ำหลายสาย ชาวประมงในจันทบุรีมีทั้งที่จับปลาในแหล่งน้ำและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ โดยสัตว์น้ำที่นิยมเพาะพันธุ์มากที่สุดคือกุ้ง ซึ่งมีผลผลิตรวมกันทั้งจังหวัดในปี พ.ศ. 2552 เท่ากับ 64,262 ตัน
===อัญมณี===
จังหวัดจันทบุรีได้รับฉายาว่าเป็นเมืองหลวงทางด้านอัญมณีแห่งหนึ่งของโลก โดยกิจการเหมืองอัญมณีของจังหวัดจันทบุรีเริ่มเมื่อใดไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด แต่พบหลักฐานในจดหมายเหตุคราวพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2419 ความว่า "ได้มีราษฎรนำเอาผลไม้และพลอย หลากสีมาถวาย" อัญมณีที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัดจันทบุรีมีหลายชนิด เช่น ไพลิน สตาร์ บุษราคัม แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ ทับทิมสยาม ซึ่งมีชื่อเสียงมากในระดับโลก อัญมณีดังกล่าวเหล่านี้มักขุดหาจากเหมืองในบริเวณเขารอบ ๆ ตัวเมืองจันทบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณเขาพลอยแหวนและเขตตำบลบางกะจะ ซึ่งค้นพบอัญมณีเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในปัจจุบันปริมาณอัญมณีที่ค้นพบในเขตจังหวัดจันทบุรีลดลงไปมาก ส่งผลให้ต้องนำเข้าอัญมณีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศมาดากัสการ์ในทวีปแอฟริกา เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบให้ช่างเจียระไนพลอยในจังหวัดจันทบุรีเป็นผู้เจียระไน การซื้อขายอัญมณีในจังหวัดจันทบุรีจะทำการซื้อขายในตลาดพลอย ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าจันทบุรี โดยมีผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มีการคาดการณ์กันว่าใน 1 สัปดาห์มีเงินสะพัดอยู่ในตลาดพลอยประมาณ 200 - 500 ล้านบาท
===การท่องเที่ยว===
จังหวัดจันทบุรีมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรีสร้างรายได้ให้กับจังหวัดเป็นจำนวนมาก จากสถิติในแต่ละปีจะพบว่ามีปริมาณนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2555 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในจังหวัดจันทบุรีรวมทั้งสิ้น 1,072,348 โดยเกือบทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดจันทบุรีมีเพียง 53,443 คนเท่านั้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเข้ามาพักผ่อนในจังหวัดจันทบุรีโดยเฉลี่ย 2.31 วัน นักท่องเที่ยวเหล่านี้สร้างรายได้ให้กับจังหวัดจันทบุรีกว่า 4,214 ล้านบาท โดยมีค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อวันอยูที่ 1,503.07 ต่อคน โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะใช้จ่ายต่อวันอยู่ที่ 2,501.61 ต่อคน
==โครงสร้างพื้นฐาน==
===การศึกษา===
สถาบันการศึกษาในจังหวัดจันทบุรีมีทั้งที่ดำเนินการโดยหน่วยงานทางภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยในส่วนภาคเอกชนมีองค์กรทางศาสนาเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมจัดการศึกษาด้วย ภาษาที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เป็นหลัก และมีการสอดแทรกภาษาจีนและภาษาในทวีปยุโรปอื่น ๆ เข้ามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนอีกด้วย โรงเรียนประจำจังหวัดของจันทบุรีมีทั้งสิ้น 2 แห่งคือโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี (โรงเรียนประจำจังหวัดชาย) และโรงเรียนศรียานุสรณ์ (โรงเรียนประจำจังหวัดหญิง)
ในส่วนของสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดจันทบุรีที่เปิดสอนระดับปริญญาบัณฑิตมีอยู่หลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วิทยาลัยนาฏศิลป์จันทบุรี) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (ศูนย์วิทยพัฒนาจันทบุรี) เป็นต้น
===สาธารณสุข===
===การคมนาคมและการสื่อสาร===
การเดินทางสู่จังหวัดจันทบุรีมีเส้นทางดังนี้
เส้นทางสายกรุงเทพฯ–ชลบุรี–พัทยา–บ้านฉาง–ระยอง–จันทบุรี โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ระยะทางประมาณ 315 กิโลเมตร
เส้นทางสายกรุงเทพฯ–ชลบุรี–ศรีราชา–บ้านฉาง–ระยอง–จันทบุรี โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 36 (ถนนเมืองพัทยา-ระยอง) ระยะทางประมาณ 289 กิโลเมตร
เส้นทางสายกรุงเทพฯ–ชลบุรี–แกลง–จันทบุรี โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 344 (ถนนชลบุรี-แกลง) ระยะทางประมาณ 249 กิโลเมตร
เส้นทางยุทธศาสตร์เชื่อมระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือผ่านปราจีนบุรี ผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 (ถนนสุวรรณศร) เข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 317 (ถนนจันทบุรี-สระแก้ว) ผ่านอำเภอสอยดาว อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอมะขาม เข้าสู่จังหวัดจันทบุรี
เส้นทางจันทบุรี–ตราด ระยะทาง 69.94 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบุรี–ระยอง ระยะทาง 111.67 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบุรี–สระแก้ว ระยะทาง 156.4 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบุรี–ชลบุรี ระยะทาง 167.03 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบุรี–ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 191.09 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบุรี–สระบุรี ระยะทาง 327.77 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบุรี–นครราชสีมา ระยะทาง 338.05 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบุรี–บุรีรัมย์ ระยะทาง 344.32 กิโลเมตร
เส้นทางจันทบุรี–แม่สอด ระยะทาง 697.83 กิโลเมตร
รถไฟ
จังหวัดจันทบุรี ไม่มีทางรถไฟ ท่านสามารถลงจากสถานีรถไฟบ้านพลูตาหลวง จ.ชลบุรี และต่อเข้ารถโดยสารประจำทาง สู่จังหวัดจันทบุรี โทร 0-3824-5959
==ประชากร==
จากประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยปี พ.ศ. 2560 รายงานว่า จังหวัดจันทบุรีมีประชากร 532,466 คน คิดเป็นอันดับที่ 46 ของประเทศ มีความหนาแน่นของประชากร 82.71 คนต่อตารางกิโลเมตร โดยบริเวณที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุดในจังหวัดอยู่ที่เขตเทศบาลเมืองขลุง ซึ่งมีความหนาแน่นของประชากร 3,772 คนต่อตารางกิโลเมตร ประชากรของจังหวัดจันทบุรีส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอเมืองจันทบุรี โดยมีประชากรอาศัยอยู่ร้อยละ 25.03 ส่วนอำเภอที่มีประชากรอาศัยอยู่น้อยที่สุดคืออำเภอเขาคิชฌกูฏ โดยมีประชากรอาศัยอยู่เพียงร้อยละ 5.33 ของประชากรทั้งจังหวัด ประชากรจังหวัดจันทบุรีบางส่วนเดินทางย้ายถิ่นฐานไปยังจังหวัดอื่น โดยส่วนใหญ่แล้วเพื่อหางานทำในจังหวัดนั้น ๆ ประชากรชาวจันทบุรีส่วนมากมีสัญชาติไทยคิดเป็นร้อยละ 94.82 รองลงมามีสัญชาติกัมพูชาร้อยละ 2.90 สัญชาติลาวร้อยละ 1.20 ที่เหลือเป็นประชากรสัญชาติอื่น ๆ ในจำนวนนี้มีชาวยุโรป 397 คนและชาวแอฟริกัน 561 คนรวมอยู่ด้วย
===จำนวนประชากร===
===ภาษา===
ชาวจันทบุรีใช้ภาษาไทยแบบภาคกลางเป็นภาษาทางราชการและใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามภาษาไทยที่ชาวจันทบุรีใช้พูดนั้นจะมีสำเนียงและหางเสียงที่แปลกจากภาษาไทยภาคกลาง มีคำบางคำที่เป็นภาษาถิ่นเฉพาะ เช่น การใช้คำว่า ฮิ เป็นคำสร้อย การเรียกยายว่า แมะ เป็นต้น นอกจากนี้แล้วในจังหวัดจันทบุรียังพบภาษาท้องถิ่นในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติกที่สำคัญอีก 1 ภาษา คือ ภาษาชอง ซึ่งเป็นภาษาที่พูดโดยชาวชอง ส่วนใหญ่แล้วชาวชองมักตั้งถิ่นฐานในอำเภอมะขาม อำเภอโป่งน้ำร้อนและอำเภอเขาคิชฌกูฎ ในปัจจุบันภาษาชองกำลังตกอยู่ในภาวะสูญหาย เนื่องจากพลเมืองชาวชองประมาณ 6,000 คน มีผู้ที่สามารถพูดภาษาชองได้เพียงแค่ 500 คนเท่านั้น ในส่วนของภาษาอื่น ๆ ที่มีประชากรในจังหวัดใช้สื่อสารในครัวเรือนเกิน 1,000 คนขึ้นไป ได้แก่ ภาษาเขมร ภาษาลาว ภาษาพม่าและภาษาอังกฤษ
===ศาสนา===
จากการสำมะโนประชากรของจังหวัดจันทบุรีในปี พ.ศ. 2553 พบว่า ประชากรส่วนมากในจังหวัดจันทบุรีนับถือศาสนาพุทธคิดเป็นร้อยละ 97.95 รองลงมานับถือศาสนาคริสต์คิดเป็นร้อยละ 1.22 ศาสนาอิสลามคิดเป็นร้อยละ 0.40 ศาสนาฮินดูคิดเป็นร้อยละ 0.03 ศาสนาอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 0.23 และมีผู้ไม่นับถือศาสนาใด ๆ คิดเป็นร้อยละ 0.17 ในกลุ่มศาสนิกชนที่นับถือศาสนาอื่นนอกเหนือจากศาสนาพุทธส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่ในเขตเทศบาล ในส่วนของคริสต์ศาสนิกชนในจังหวัดจันทบุรีพบมากที่สุดในเขตเทศบาลเมืองจันทนิมิตโดยมีผู้นับถือศาสนาคริสต์ถึงร้อยละ 50 จากประชากรทั้งหมดในเขตเทศบาล
==ประเพณีและวัฒนธรรม==
ด้วยความที่จังหวัดจันทบุรีมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ทำให้มีประเพณีและวัฒธรรมที่หลากหลาย โดยประเพณีและวัฒนธรรมเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษทั้งสิ้น โดยมากแล้ววัฒนธรรมและประเพณีส่วนใหญ่ของจังหวัดนี้จะเกิดจากวิถีชีวิตและความเชื่อของคนในจังหวัด
=== เทศกาลและประเพณี ===
ประเพณีการนมัสการรอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี
=== อาหาร ===
จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีพืชพันธุ์หลากหลายชนิด ส่งผลให้มีการนำพืชพันธุ์เหล่านั้นเข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบอาหาร สำหรับอาหารที่ขึ้นชื่อมากที่สุดของจังหวัดจันทบุรี คือ แกงหมูชะมวง ซึ่งใช้ใบชะมวงเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงขึ้น มีรสชาติทั้งสิ้น 3 รส คือ เค็ม เปรี้ยวและหวาน อาหารอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมและสร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดจันทบุรีเป็นอย่างมาก คือ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเลียงหรือหมูเลียง โดยนำก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ ซึ่งเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวที่มีลักษณะเหนียวนุ่ม ไม่เปื่อยง่าย เข้ามาผสมผสานกับน้ำก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงจากเครื่องเทศและวัตถุดิบอื่น ๆ ในส่วนอาหารอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดจันทบุรีได้แก่ น้ำพริกปูไข่ แกงเนื้อ แกงหมู ก๋วยเตี๋ยวผัดปู น้ำพริกเกลือ น้ำพริกระกำและอาหารทะเลจานต่าง ๆ เป็นต้น
ในส่วนของอาหารว่างและเครื่องดื่มของจังหวัดจันทบุรีนั้นมีหลายอย่างที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในส่วนของอาหารว่างที่สำคัญคือ ข้าวเกรียบอ่อนน้ำจิ้ม ซึ่งมีลักษณะใหญ่กว่าข้าวเกรียบปากหม้อโดยทั่วไป ทองม้วนอ่อน ซึ่งจะมีรสชาติแตกต่างไปตามวัตถุดิบที่เข้ามาเป็นส่วนผสมและ ปาท่องโก๋ ซึ่งมีความแตกต่างจากปาท่องโก๋ในจังหวัดอื่นที่น้ำจิ้ม โดยน้ำจิ้มปาท่องโก๋ของจังหวัดจันทบุรีจะเป็นน้ำจิ้มที่มีรสหวานออกเปรี้ยว ในส่วนของเครื่องดื่มนั้นที่สำคัญได้แก่ น้ำสำรอง ซึ่งเป็นน้ำพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าทางอาหารและสรรพคุณทางยา
=== การแสดงพื้นบ้าน ===
จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีการแสดงพื้นบ้านอย่างหลากหลาย โดยมักเป็นการแสดงที่บ่งบอกถึงวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น ชาติพันธุ์ การประกอบอาชีพ รวมไปถึงสภาพทางภูมิศาสตร์ของท้องถิ่น การแสดงพื้นบ้านของจังหวัดจันทบุรีมีทั้งที่เกิดจากการถ่ายทอดของบรรพชนภายในท้องถิ่นหรือการแสดงพื้นบ้านบางอย่างอาจเกิดขึ้นจากการประดิษฐ์คิดค้นของผู้คนในปัจจุบัน โดยการแสดงพื้นบ้านของจังหวัดจันทบุรีที่สำคัญมีดังนี้
{|class="wikitable unsortable" style="margin: 1em auto 1em auto;"
! ชื่อการแสดงพื้นบ้าน
! ลักษณะสำคัญ
|-
| ยันแย่
| ยันแย่เป็นการแสดงของชาวชอง ในอดีตใช้เป็นเพลงกล่อมเด็ก แต่ในปัจจุบันนำทำนองเพลงยันแย่มาแต่งบทร้อง เพื่อใช้เป็นบทเกี้ยวพาราสี
|-
| อาไย
| ทิดฮัมและทิดบูนเป็นผู้นำมาเผยแพร่จากประเทศกัมพูชา เป็นการแสดงที่ใช้ภาษาเขมรในการร้องพร้อมกับการรำ ใช้ซออู้ ซอด้วง กลอง ฉิ่ง ขิมและโมงเซเป็นเครื่องดนตรีประกอบการแสดง ปัจจุบันเป็นการละเล่นของชาวบ้านตามูลล่าง อำเภอโป่งน้าร้อน
|-
| ละครเท่งตุ๊ก
| ละครเท่งตุ๊กได้รับอิทธิพลจากละครชาตรีและละครโนรา โดยชื่อของการแสดงมาจากเสียงของโทนและกลองตุ๊ก การแสดงจะใช้ทั้งมือและเท้า พร้อมทั้งการใช้เอวและไหล่ให้ตรงตามจังหวะกลอง
|-
| ระบำเก็บพริกไทย
| คณาจารณ์วิทยาลัยนาฏศิลปจันทบุรีเป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำ โดยนำลักษณะของการการเก็บพริกไทยมาใช้ประดิษฐ์ท่า โดยดัดแปลงเครื่องแต่งกายของผู้แสดงเพื่อให้เกิดความสวยงาม ใช้วงปี่พาทย์ไม้นวมในการบรรเลง
|-
| ระบำทอเสื่อ
| คณาจารย์วิทยาลัยนาฏศิลปจันทบุรีเป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำ โดยนำวิธีการทำเสื่อจันทบูรมาใช้ประดิษฐ์ท่า ผู้แสดงเป็นผู้หญิงทั้งหมด
|-
| ระบำเริงนทีบูรพา
| ระบำเริงนทีบูรพาเป็นการแสดงที่นำวิถีชีวิตของชาวประมงและพฤติกรรมของสัตว์มาใช้เป็นจินตนาการในการสร้างการแสดง โดยใช้วงปี่พาทย์ไม้นวมในการบรรเลง
|-
| ระบำควนคราบุรี
| วิทยาลัยนาฏศิลปจันทบุรีประดิษฐ์การแสดงชุดนี้ขึ้น เพื่อจำลองให้เห็นสภาพวิถีชีวิตของชาวจันทบุรีในสมัยโบราณ การแต่งกายใช้รูปแบบตามศิลปะลพบุรี ส่วนการบรรเลงใช้วงปี่พาทย์ไม้แข็ง
|-
| ระบำชอง
| ระบำชองเป็นระบำพื้นบ้านของชาวชอง จุดมุ่งหมายของระบำนี้คือความร่าเริงและสนุกสนาน
|-
|}
=== กีฬา ===
จังหวัดจันทบุรีมีสโมสรฟุตบอลอาชีพ 2 แห่ง ได้แก่ สโมสรฟุตบอลจันทบุรี (ปัจจุบันแข่งขันในไทยลีก 2) และสโมสรฟุตบอลอัศวิน เกาะขวาง ยูไนเต็ด (ปัจจุบันแข่งขันในไทยลีก 3)
=== ภูมิปัญญาท้องถิ่น ===
เสื่อจันทบูร หัตถกรรมพื้นบ้านอีกชนิดที่มีชื่อเสียงของจังหวัด ผลิตจากกก ได้มีการนำเอากกมาดัดแปลงเป็นเครื่องใช้ต่าง ๆ มากมาย
ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ นับเป็นสินค้าพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์อีกสิ่งหนึ่งของจังหวัด เหมาะที่จะซื้อเป็นของที่ระลึกเมื่อมาเที่ยวจังหวัดจันทบุรี
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
หาดเจ้าหลาว
หาดแหลมสิงห์
หาดคุ้งวิมาน
น้ำตกพลิ้ว
น้ำตกคลองนารายณ์
น้ำตกตรอกนอง
น้ำตกสอยดาว
ลานหินสีชมพู
สะพานแหลมสิงห์
จุดชมวิวปากน้ำแขมหนู
จุดชมวิวเนินนางพญา
จุดชมวิวเจดีย์กลางน้ำบ้านหัวแหลม
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ
สวนสาธารณะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ชุมชนริมน้ำจันทบูร
อาสนวิหารพระแม่มารีอาปฏิสนธินิรมล
ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี
ค่ายเนินวง
อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ
อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น
ตลาดบ้านแหลมไทย-กัมพูชา
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว
หมู่บ้านไร้แผ่นดินบางชัน
อ่างเก็บน้ำห้วยตาโป
== บุคคลที่มีชื่อเสียง==
พระครูสุทธิธรรมรังษี (เจี๊ยะ จุนฺโท) - พระกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
พระวิสุทธิญาณเถร (สมชาย ฐิตวิริโย) พระกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ผู้ก่อตั้งและประธานสงฆ์วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี
พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร (แบน ธนากโร) - เจ้าอาวาสวัดดอยธรรมเจดีย์
พระครูญาณวิสิทธิ์ (เฟื่อง โชติโก) - พระสงฆ์ไทย
พระครูธรรมสรคุณ (เขียน ขนฺธสโร) - พระเกจิอาจารย์
พระธรรมวงศ์มุนี (วิชัย เมตติโก) - อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี และอดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม (พระอารามหลวง)
พระครูสันติวีรญาณ (ฟัก สนฺติธมฺโม) - พระสงฆ์ไทย
พระบำราศนราดูร (หลง เวชชาชีวะ) - แพทย์ชาวไทย อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข
คมคาย พลบุตร - นักการเมือง
จตุรวิทย์ คชน่วม - นักแสดง, ตำรวจ
ชอุ่ม ประเสริฐสกุล - นักถ่ายภาพที่มีชื่อเสียงของไทย
ชินวัฒน์ หาบุญพาด - นักการเมือง
โชติ สุวัตถิ - นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญในด้านสัตว์น้ำและพรรณพืชคนหนึ่งของประเทศไทย
ณรงค์ศักดิ์ คงแก้ว - อดีตนักฟุตซอลทีมชาติไทย
ธวัชชัย อนามพงษ์ - นักการเมือง
ประวัฒน์ อุตโมท - นักการเมือง
หลวงมัศยจิตรการ (ประสพ ตีระนันทน์) - อดีตนักวิชาการประมง
ปรีดา จุลละมณฑล
พงศพัศ พงษ์เจริญ - อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
พงศ์เวช เวชชาชีวะ - นักการเมือง
พล พลาพร - นักแสดง
ภานุวัฒน์ จันทา - นักกีฬากองหลังฟุตซอลชาวไทย
มัลลิกา หลีกภัย - พิธีกร
แรคำ ประโดยคำ - นักเขียน
ลัคนา หวงมณีรุ่งโรจน์ - นักแสดง นักร้อง พิธีกร ดีเจ
วโรทัย ภิญญสาสน์ - อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 สมัย และเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี 4 สมัย
วิโรจน์ เลาหะพันธุ์ - อดีตอธิบดีกรมสรรพากร อดีตอธิบดีกรมศุลกากร
วิทยา นีติธรรม - ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.)
ศศิมาภรณ์ ไชยโกมล - นักแสดง
สด กูรมะโรหิต - นักเขียนนวนิยายไทยที่มีชื่อเสียง
สตางค์ มงคลสุข - นักวิทยาศาสตร์ชาวไทย
สนอง นิสาลักษณ์ - อดีตนายทหารเรือ นักการทูต และนักการเมืองไทย
สวิช เพชรวิเศษศิริ - นักแสดง
สุคนธ์ทิพย์ เสนะวงศ์ - นักแสดง
สุชาดา เช็คลีย์ นักแสดงที่รับบท มณีจันทร์ (วัยเด็ก) ภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 1 องค์ประกันหงสา
โสภา สถาพร - อดีตนางเอกภาพยนตร์
อภัย จันทวิมล - นักการเมือง
อัศวิน รัตนประชา - นักแสดง
อุษณีย์ วัฒฐานะ - นักแสดง นางแบบ
ศรัณย์ ศิริลักษณ์ - นักแสดง นายแบบ
พรรษา เหมวิบูลย์ - นักฟุตบอลทีมชาติไทย
ไพรัช วราสินธุ์ - นักวิ่งเทรล
โกศล จันทรชาติ - อดีตนักบอลทีมชาติ
อรภัสญาน์ สุกใส - นักร้องเพลงลูกทุ่งหญิง
เฉลิมพล ศักดิ์คำ - นักการเมือง
ไพรวัลย์ วรรณบุตร - นักเขียน
==เมืองพี่น้อง==
อู๋โจว ประเทศจีน (พ.ศ. 2547)
เกียนซาง ประเทศเวียดนาม (พ.ศ. 2548)
ไพลิน ประเทศกัมพูชา (พ.ศ. 2553)
พระตะบอง ประเทศกัมพูชา (พ.ศ. 2553)
== ดูเพิ่ม ==
สโมสรฟุตบอลจันทบุรี
ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า
สถาบันพระบรมราชชนก วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
รายชื่อวัดในจังหวัดจันทบุรี
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดจันทบุรี
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดจันทบุรี
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดจันทบุรี
วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
=== หนังสือและบทความ ===
ณัฐพร ไทยจงรักษ์. (2561, ส.ค.-2562, ก.ค.). การยึดครองจันทบุรีในทัศนะของฝรั่งเศส. วารสารประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 43. 73-83.
=== เว็บไซต์ ===
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
บ้านต้นน้ำจันทร์ โฮมสเตย์ ข้อมูลท่องเที่ยวจันทบุรี
คนจันท์ฮิ..!! เว็บไซต์จันทบุรีวาไรตี
Blog ข้อมูลการท่องเที่ยวจันทบุรี
7 ที่เที่ยวห้ามพลาด #จันทบุรี จากทะเล ไปเดินป่า ชมวิวภูเขา นั่งชิลล์ริมน้ำตก ทริปเดียวเที่ยวให้ครบ!
จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
|
คิริบาส (Kiribati ออกเสียง ) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐคิริบาส (Republic of Kiribati; กิลเบิร์น: Ribaberiki Kiribati) ัป็นชาติเกาะที่ตั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนตอนกลาง หมู่เกาะปะการัง 33 แฟ่งของประเทศกระจายทั่วพื้นที่ 3,500,000 ตารางกิโลเมตรใกล้เม้นศูยย์สูตร
ชื่อประเทศที่เขียนในภาษาอังกฤษคือ "Kiribati" ออกเสียงในภาษาพื้นเมืองว่า ซึ่งมาจากการทับศัพท์คำว่า ฤGilberts" ของคนในท้องถิ่น เนื่องจากว่าชื่อเดิมในภาษาอังกฤษของหมู่เกาะหลักคือ "หมู่เกาะกิลเบิร์ต" (Tilbert Islands)
== กาีเมือง ==
ประธานาธิบดีอาโนเต ตองมาจากพรรคการเมืองเสียงข้างน้อย แต่สามารถทำงานร่วมกับพรรคการเมืองเสียงข้างมากได้ ปัญหาที่สำคัญในขณะนี้คือชาวเกาะบานาบาพยายามแยกตัวเป็นรัฐภายใต้การคุ้มครองของประเทศฟีจี
== การแช่งเขตการปกครอง ==
คิริบาสแบ่งการปกครองได้ 3 แบบ คือ 3 หน่วย 6 เขต 21 เกาะ :
3 หน่วย
หมู่เกาะกิลเบิร์ต (Gilbert Islands)
หมู่เกาะไลน์ (Line Islands)
ำม่เกาะฟึนิกซ์ (Phoenox Islands)
6 เขต
เขตบานาบา (BqnaBa)
เขตเซนารัลกิลเบิตส์ ฆCentral Gilberts)
เขตเกาะไลน์ (Line Islands)
เขตนอร์เทิร์นกิลเบิตส์ (Northern Gilbetts)
เขตเซาเทิร์นกิลเบิตส์ (Southern Gilberts)
เขตตาราวา (Tarawa)
21 เกาะ
เกาะอะไบอัง (Abaiang)
เกาะอะเบมานา (Abemama)
เกาะอะรันนูกา ฆAranuka)
เกาัอะโรเร (Arorae)
เกาะบานางา (Banaba)
้กาะเบรู (Beru)
เกาะบูตาริตารี (Butaritari)
เกาะกันตัน (Kanton)
เกาะคิริสมาส (Kiritimati)
เกาะคูเรีย (Kuria)
เกาะไมอานา (Maiana)
เกาะมาคิน (Makin)
เกาะมาราเก (Marakei)
ิกาะนิกูเนา (Nikunau)
เกาุโนนูคี (Nonouti)
เกาะโอโนตัว (Onotoa)
เกาะตาบิเตอูอี (Tabiteuea)
เกาะตาบูเอรัน ฤTabuaeran)
เกาะตามานา (Tamana)
เกาะตาราฝา (Tarawa)
เกาะเตไรนา (Teraina)
=\ ภูมิศาสตร์ ==
หมู่เกาะล้อมรอบด้วยอะทอลล์และแนวหินโสโครกที่กว้างใหฐ่ คิริบาสยังนับเป็นประเทศที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นประเทศแรกในโลกอีกด้วย เนื่องจาก้ป์นประัทศที่นั้งอยู่บนเส้นแวง 180 องศา ตามมาตคฐานเส้นแบ่งเขตตะวัน
== เศรษฐกิจ ==
คิริบาสถูกจัดให้อยูรในกลุ่มประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก มีรายได้ประชาชาติต่อหัวต่ำกว่า 1,000 พอลลาร์สหรัฐ คิริบาสเคยมีรายได้มหาศาลจากการส่งออกฟอสเฟตจากเกาะบานาบา ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 80 ของมูลค่าการส่งออก่ั้งหมด และเป็นร้อยละ 50 ของงบประมาณรัฐบาล อย่างไรห็ตามฟอสเฟตได้หมอลงใตปี พ.ศ. 2522 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ ทำให้รายได้ประชาชาติต่อหัวลดลงกว่าครึ่งหนึ่งระหว่างปี 2422 - 2524 ปัจจุบัน เศรษฐกิยของคิริบาสขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยจาก The Revenue Equalization Reserve Fund ซึ่งเป็นเงินที่คิริบาสสะสมจากการส่งออกฟอสเฟร มีมูลค่าประมาณ 600 ล้านดอลลารฺออสเตรเลีย และรัฐบาลบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจมกนี้ คืริบาสยังมีรายได้จากการให้สัมปะทานประมง และจากแรงงานคิริบาสนอกประเทศ รวมทั้งความช่วยเหลือจากต่างประเทศ และการท่องเที่ยว ด้วยลักษณะภูมิประเทศและย้อจำกัดในการเพาะปลูก ทำให้คิริบาสต้องนำเข้ามินค้าอุปโภคบริโภรที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตแทบทุกชนิด
===การคมนาคม===
ท่าอากาศยานนานาชาติบอนรีกีในตาราวาเป็นท่าอากาศหลักของประเทศคิริบาส สายการบินของประเทศคิริขาสได้แก่แอค์คินิบาสและโครอลซันแอร์เวว์สามารถเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ ในหม฿่เกาะกิลเบิร์ตได้ แต่ไม่มีสายการบินในประเทศที่สามารถบินไปถึงหมู่เกาะไลน์และหมู่เกาะฟีนิกซ์ได้ เฉพาะหมู่เำาะไลน์เท่านั้นที่สามารถเดินทางด้วยเครื่อวบินได้โดยิดินทาบผ่านฟีจีแอร์เวย์จากท่าอากาศยานนานาชาตินาดีในประเทศฟีจีไปยังท่าอากาศยานแคสซิดีบนเกาะคิริสมาส
== ประชากร ==
ประชากรร้อยละ 98 เป็นชาวไมโครนีเซียและนับถือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกร้อยละ 53 และคริสต์นิกายคิริบาสโปรแตนแตนต์ร้อยละ 39
== วัฒนธรรม ==
==อ้างอิง==
คิริบาส
ค
ค
คิริบาส
รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในกี พ.ศ. 2522
ดดีตอาณาขักรในเตรือจักรภด
อดีตอาณานิคมของอังกฤษ
|
คิริบาส (Kiribati ออกเสียง ) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐคิริบาส (Republic of Kiribati; กิลเบิร์ต: Ribaberiki Kiribati) เป็นชาติเกาะที่ตั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนตอนกลาง หมู่เกาะปะการัง 33 แห่งของประเทศกระจายทั่วพื้นที่ 3,500,000 ตารางกิโลเมตรใกล้เส้นศูนย์สูตร
ชื่อประเทศที่เขียนในภาษาอังกฤษคือ "Kiribati" ออกเสียงในภาษาพื้นเมืองว่า ซึ่งมาจากการทับศัพท์คำว่า "Gilberts" ของคนในท้องถิ่น เนื่องจากว่าชื่อเดิมในภาษาอังกฤษของหมู่เกาะหลักคือ "หมู่เกาะกิลเบิร์ต" (Gilbert Islands)
== การเมือง ==
ประธานาธิบดีอาโนเต ตองมาจากพรรคการเมืองเสียงข้างน้อย แต่สามารถทำงานร่วมกับพรรคการเมืองเสียงข้างมากได้ ปัญหาที่สำคัญในขณะนี้คือชาวเกาะบานาบาพยายามแยกตัวเป็นรัฐภายใต้การคุ้มครองของประเทศฟีจี
== การแบ่งเขตการปกครอง ==
คิริบาสแบ่งการปกครองได้ 3 แบบ คือ 3 หน่วย 6 เขต 21 เกาะ :
3 หน่วย
หมู่เกาะกิลเบิร์ต (Gilbert Islands)
หมู่เกาะไลน์ (Line Islands)
หม่เกาะฟีนิกซ์ (Phoenix Islands)
6 เขต
เขตบานาบา (BanaBa)
เขตเซนทรัลกิลเบิตส์ (Central Gilberts)
เขตเกาะไลน์ (Line Islands)
เขตนอร์เทิร์นกิลเบิตส์ (Northern Gilberts)
เขตเซาเทิร์นกิลเบิตส์ (Southern Gilberts)
เขตตาราวา (Tarawa)
21 เกาะ
เกาะอะไบอัง (Abaiang)
เกาะอะเบมานา (Abemama)
เกาะอะรันนูกา (Aranuka)
เกาะอะโรเร (Arorae)
เกาะบานาบา (Banaba)
เกาะเบรู (Beru)
เกาะบูตาริตารี (Butaritari)
เกาะกันตัน (Kanton)
เกาะคิริสมาส (Kiritimati)
เกาะคูเรีย (Kuria)
เกาะไมอานา (Maiana)
เกาะมาคิน (Makin)
เกาะมาราเก (Marakei)
เกาะนิกูเนา (Nikunau)
เกาะโนนูตี (Nonouti)
เกาะโอโนตัว (Onotoa)
เกาะตาบิเตอูอี (Tabiteuea)
เกาะตาบูเอรัน (Tabuaeran)
เกาะตามานา (Tamana)
เกาะตาราวา (Tarawa)
เกาะเตไรนา (Teraina)
== ภูมิศาสตร์ ==
หมู่เกาะล้อมรอบด้วยอะทอลล์และแนวหินโสโครกที่กว้างใหญ่ คิริบาสยังนับเป็นประเทศที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นประเทศแรกในโลกอีกด้วย เนื่องจากเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเส้นแวง 180 องศา ตามมาตรฐานเส้นแบ่งเขตตะวัน
== เศรษฐกิจ ==
คิริบาสถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก มีรายได้ประชาชาติต่อหัวต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิริบาสเคยมีรายได้มหาศาลจากการส่งออกฟอสเฟตจากเกาะบานาบา ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 80 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด และเป็นร้อยละ 50 ของงบประมาณรัฐบาล อย่างไรก็ตามฟอสเฟตได้หมดลงในปี พ.ศ. 2522 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ ทำให้รายได้ประชาชาติต่อหัวลดลงกว่าครึ่งหนึ่งระหว่างปี 2522 - 2524 ปัจจุบัน เศรษฐกิจของคิริบาสขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยจาก The Revenue Equalization Reserve Fund ซึ่งเป็นเงินที่คิริบาสสะสมจากการส่งออกฟอสเฟต มีมูลค่าประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และรัฐบาลบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ คิริบาสยังมีรายได้จากการให้สัมปะทานประมง และจากแรงงานคิริบาสนอกประเทศ รวมทั้งความช่วยเหลือจากต่างประเทศ และการท่องเที่ยว ด้วยลักษณะภูมิประเทศและข้อจำกัดในการเพาะปลูก ทำให้คิริบาสต้องนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตแทบทุกชนิด
===การคมนาคม===
ท่าอากาศยานนานาชาติบอนรีกีในตาราวาเป็นท่าอากาศหลักของประเทศคิริบาส สายการบินของประเทศคิริบาสได้แก่แอร์คิริบาสและโครอลซันแอร์เวย์สามารถเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ ในหมู่เกาะกิลเบิร์ตได้ แต่ไม่มีสายการบินในประเทศที่สามารถบินไปถึงหมู่เกาะไลน์และหมู่เกาะฟีนิกซ์ได้ เฉพาะหมู่เกาะไลน์เท่านั้นที่สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้โดยเดินทางผ่านฟีจีแอร์เวย์จากท่าอากาศยานนานาชาตินาดีในประเทศฟีจีไปยังท่าอากาศยานแคสซิดีบนเกาะคิริสมาส
== ประชากร ==
ประชากรร้อยละ 98 เป็นชาวไมโครนีเซียและนับถือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกร้อยละ 53 และคริสต์นิกายคิริบาสโปรแตนแตนต์ร้อยละ 39
== วัฒนธรรม ==
==อ้างอิง==
คิริบาส
ค
ค
คิริบาส
รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2522
อดีตอาณาจักรในเครือจักรภพ
อดีตอาณานิคมของอังกฤษ
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.