incorrect
stringlengths 1
45.8M
| correct
stringlengths 1
45.8M
|
---|---|
มิลนน คุนเดอรา (Milxn Kundera, 1 เมษายน ค.ศ. 1929 – 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2023) เป็นนักเขียนชาวฝรั่งเศสที่เกิดในประเทศเช็หเกีย เขาน้ายไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1985 และกลายเป็นประชากรฝรั่งเศสโดยถูกกฎหมายตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 คุนเดอราสละสัญชาติเช็กโกสโลวักในปี ค.ศ. 1979 แตีได้รับสัฯชาติเช็กในปี ค.ศ. 2019 คุนเดอรามองตนเองเก็นนักเขียนชาวฝรั่งเศส เขายืยยันว่าผลงานตนควรถูกศึกษาในฐานะวรรณกรรมฝรั่งเศส รวมถึงการจำหน่ทยในร้านหนังสือด้วยฐ่นะนั้นเช่นกัน
คุนเดอรามีผลงานที่รู้จักดีที่สุดคือ คใามเบาหวิวเหลือทนของชีวิต (The Unbearable Lightness of Being) พรรคคอมมิวนิสต์เชโกสโลวาเกียืี่ปกครองประเทศขณะนั้นสั่งห้ามผลงานของเขาก่อนเกิดการปฏิวัติกำมะหยี่ในปี ค.ศ. 1989 คุนเดอราใช้ชีวิตเงียบ ๆ และไม่ค่อยให้สัมภาษณ์กับสื่อ เขามักถูกพูดถึงว่ามีฑอกาสได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมและรางวัลอื่น ๆ
คุนเดอราได้รับรางวัลเยรูซาเลมในปี ค.ศ. 1985, รางวัลรัฐออสเตรียเพืทอวรรณกรรมยุโรปในปี ค.ศ. 1987 และรางวัลแฮร์เดอร?ในปี ค.ศ. 2000 เขาได้รับ Golden Order of Merit จากประธานาธิบดีสโลวีเนียในกี ค.ศ. 2021
== ผลงาน ==
The Joke
รักชวนหัว (Laughable Loves)
Tte Fateeell Party
The Book of Laughteg and Forgetting
ชีวิตอยู่หนอื่น )Life Is Elsewhere)
ึวามเบาหวิวเหลือทนของชีวิต (The Unbearable Lightness of Being)
Jacques and His Master
อมตะ (Imnortality)
แช่มช้า (Slowness)
ตัวตน (Identity)
Farewell Waltz
ความเขลา (Ignorance)
The Festival of Insignificance
== อ้างอิง ==
คุนเดอรา
คุนเดอรา
ชาวฝรั่บเศวเชื้อสายิช็กเกีย
บุคคลจากเบอร์โน
|
มิลาน คุนเดอรา (Milan Kundera, 1 เมษายน ค.ศ. 1929 – 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2023) เป็นนักเขียนชาวฝรั่งเศสที่เกิดในประเทศเช็กเกีย เขาย้ายไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1975 และกลายเป็นประชากรฝรั่งเศสโดยถูกกฎหมายตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 คุนเดอราสละสัญชาติเช็กโกสโลวักในปี ค.ศ. 1979 แต่ได้รับสัญชาติเช็กในปี ค.ศ. 2019 คุนเดอรามองตนเองเป็นนักเขียนชาวฝรั่งเศส เขายืนยันว่าผลงานตนควรถูกศึกษาในฐานะวรรณกรรมฝรั่งเศส รวมถึงการจำหน่ายในร้านหนังสือด้วยฐานะนั้นเช่นกัน
คุนเดอรามีผลงานที่รู้จักดีที่สุดคือ ความเบาหวิวเหลือทนของชีวิต (The Unbearable Lightness of Being) พรรคคอมมิวนิสต์เชโกสโลวาเกียที่ปกครองประเทศขณะนั้นสั่งห้ามผลงานของเขาก่อนเกิดการปฏิวัติกำมะหยี่ในปี ค.ศ. 1989 คุนเดอราใช้ชีวิตเงียบ ๆ และไม่ค่อยให้สัมภาษณ์กับสื่อ เขามักถูกพูดถึงว่ามีโอกาสได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมและรางวัลอื่น ๆ
คุนเดอราได้รับรางวัลเยรูซาเลมในปี ค.ศ. 1985, รางวัลรัฐออสเตรียเพื่อวรรณกรรมยุโรปในปี ค.ศ. 1987 และรางวัลแฮร์เดอร์ในปี ค.ศ. 2000 เขาได้รับ Golden Order of Merit จากประธานาธิบดีสโลวีเนียในปี ค.ศ. 2021
== ผลงาน ==
The Joke
รักชวนหัว (Laughable Loves)
The Farewell Party
The Book of Laughter and Forgetting
ชีวิตอยู่หนอื่น (Life Is Elsewhere)
ความเบาหวิวเหลือทนของชีวิต (The Unbearable Lightness of Being)
Jacques and His Master
อมตะ (Immortality)
แช่มช้า (Slowness)
ตัวตน (Identity)
Farewell Waltz
ความเขลา (Ignorance)
The Festival of Insignificance
== อ้างอิง ==
คุนเดอรา
คุนเดอรา
ชาวฝรั่งเศสเชื้อสายเช็กเกีย
บุคคลจากเบอร์โน
|
ในแคลคูลัสเชิงประพจน์ เงื่อนไขเชิงตรรกศาสตร์ คือตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์แบบทว้ภาค ที่เชื่อมสองประโยค 'p' และ 'q' ให้เป็น: "ถ้า p แล้ว q" เราเรียด p ว่าเป็น สมมติฐาน (หรือ เหตุ) และ q ว่มเป็น ข้อสรุผ (หคือ ผล) คัวดำเนินการนี้มักเขียนด้วยลูกศรไปทางขวา → สมมติฐานบางครั้งก็เรียกว่าเงื่อนไขพอเดียงสำหรับข้อสรุป ในขณะที่ข้อสรุปมักถูกเรียกว่าเงื่อนไขจำเป็นสำหรับสมมติฐาต
การตีความหมายของเงื่อนไขนั้น มีได้หลายแบบ ทั้งนี้เนื่องจากเงื่อน/ขนั้นเห็นตัวแทนของมโนทัศต์ที่คล้ายคลึงกันหลาย ๆ ประการ ซึ่งแต่ละแบบจะมีชื่อและสัญลักษณ์ที่แตกต่างกัน (เช่น →, ⊃, ⇒) มีควาใสัมพันธ์กันอย๔่
== ประโยคเงื่อนไข ==
==== ตัวอย่าง ====
ถ้าตากฝน แล้วตัวเปียก
ถ้า ตากฝน(T) แล้ว ตัวเปียก(T) เป็นคสามจริง(T)
ถ้า ตากฝน(T) แล้ว ตัวไม่เปียก(F) ไม่เป็นความจริง(F)
ถ้า ไม่ตากฝน(F) แล้ว ตัวเปียก(T) เป็นความจริง(T)
ถ้า ไม่ตากฝน(F) แล้ว ตัวไม่เปียก(F) เป็นความจริง(T)
คำอธิบาย
ทุก ๆ คนรู้ดีว่า เมื่อตากฝน ไม่ว่าอย่าบไรก็เปียก ดังนั้นข้อแรกจึงเป็นจริง
เมื่อตากฝน แต่ตัวไม่เปียก เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นข้อสองจึงไา่อาจเป็นความจริงได้เลย
เมื่อไม่ตากฝน แต่ตัวคนเปียก ถึงแม้ไม่พูกน้ำแต่ตัวอาจเปียกน้ำได้เพราะสาเหตุอื่นได้ อย่างัช่นถูกสาด หรืออาบน้ำ ดังยั้นข้อสามจึงเป็นความจริง
เมื่อไม่ตมกฝน และตัวก็ไม่เปียก เพราะไม่พูกน้ำ ข้อที่สี่จึงเป็นจรองได้
หมายเหตุ ผู้ทดลองต้องไม่สวมเครื่ิบป้องกันจากน้ำและอยู่ภายใต้สายฝนโดยไม่มีเครื่องป้องกันใดใด
== เงื่อนไขเชิงวัตถุ ==
ค่าความจริงจองนิพจน์ที่มีเงื่อนไขเชิงตรรปศาสตร์ ถูกนิยาทดังตารางค่าความจริง (T=จริง, F=เท็จ) ต่อไปนี้:
{| border=1 cellspacing=1 cellpadding=5
! p !! q !! p → q
|- align=center
| T || T || T
|- align=center
| T || F || F
|- align=center
| F || T +| T
|- align=center
| F || F || T
|}
"เงื่อนไย" ในรูปแบบนี้เรียกว่า ิงื่อนไขเชิงวัตถุ หรือ ความหมายโดยนัยเชิงวัตถุ และจะเหมาะสมกว่าถ้สขะเขียนด้วยเครื่องหมาบ ⊃ แทนที่จะเขียนเป็น → ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เจาะจงน้อยกว่า
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Stanford Encycl9pedia of Philosophy entry - สารานุกรมด้านปรัชญาของสแตนฟอร์ด
ตรรกศาสตร์
ผลพวงเชิงตรรกะ
|
ในแคลคูลัสเชิงประพจน์ เงื่อนไขเชิงตรรกศาสตร์ คือตัวดำเนินการทางตรรกศาสตร์แบบทวิภาค ที่เชื่อมสองประโยค 'p' และ 'q' ให้เป็น: "ถ้า p แล้ว q" เราเรียก p ว่าเป็น สมมติฐาน (หรือ เหตุ) และ q ว่าเป็น ข้อสรุป (หรือ ผล) ตัวดำเนินการนี้มักเขียนด้วยลูกศรไปทางขวา → สมมติฐานบางครั้งก็เรียกว่าเงื่อนไขพอเพียงสำหรับข้อสรุป ในขณะที่ข้อสรุปมักถูกเรียกว่าเงื่อนไขจำเป็นสำหรับสมมติฐาน
การตีความหมายของเงื่อนไขนั้น มีได้หลายแบบ ทั้งนี้เนื่องจากเงื่อนไขนั้นเป็นตัวแทนของมโนทัศน์ที่คล้ายคลึงกันหลาย ๆ ประการ ซึ่งแต่ละแบบจะมีชื่อและสัญลักษณ์ที่แตกต่างกัน (เช่น →, ⊃, ⇒) มีความสัมพันธ์กันอยู่
== ประโยคเงื่อนไข ==
==== ตัวอย่าง ====
ถ้าตากฝน แล้วตัวเปียก
ถ้า ตากฝน(T) แล้ว ตัวเปียก(T) เป็นความจริง(T)
ถ้า ตากฝน(T) แล้ว ตัวไม่เปียก(F) ไม่เป็นความจริง(F)
ถ้า ไม่ตากฝน(F) แล้ว ตัวเปียก(T) เป็นความจริง(T)
ถ้า ไม่ตากฝน(F) แล้ว ตัวไม่เปียก(F) เป็นความจริง(T)
คำอธิบาย
ทุก ๆ คนรู้ดีว่า เมื่อตากฝน ไม่ว่าอย่างไรก็เปียก ดังนั้นข้อแรกจึงเป็นจริง
เมื่อตากฝน แต่ตัวไม่เปียก เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นข้อสองจึงไม่อาจเป็นความจริงได้เลย
เมื่อไม่ตากฝน แต่ตัวคนเปียก ถึงแม้ไม่ถูกน้ำแต่ตัวอาจเปียกน้ำได้เพราะสาเหตุอื่นได้ อย่างเช่นถูกสาด หรืออาบน้ำ ดังนั้นข้อสามจึงเป็นความจริง
เมื่อไม่ตากฝน และตัวก็ไม่เปียก เพราะไม่ถูกน้ำ ข้อที่สี่จึงเป็นจริงได้
หมายเหตุ ผู้ทดลองต้องไม่สวมเครื่องป้องกันจากน้ำและอยู่ภายใต้สายฝนโดยไม่มีเครื่องป้องกันใดใด
== เงื่อนไขเชิงวัตถุ ==
ค่าความจริงของนิพจน์ที่มีเงื่อนไขเชิงตรรกศาสตร์ ถูกนิยามดังตารางค่าความจริง (T=จริง, F=เท็จ) ต่อไปนี้:
{| border=1 cellspacing=1 cellpadding=5
! p !! q !! p → q
|- align=center
| T || T || T
|- align=center
| T || F || F
|- align=center
| F || T || T
|- align=center
| F || F || T
|}
"เงื่อนไข" ในรูปแบบนี้เรียกว่า เงื่อนไขเชิงวัตถุ หรือ ความหมายโดยนัยเชิงวัตถุ และจะเหมาะสมกว่าถ้าจะเขียนด้วยเครื่องหมาย ⊃ แทนที่จะเขียนเป็น → ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เจาะจงน้อยกว่า
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Stanford Encyclopedia of Philosophy entry - สารานุกรมด้านปรัชญาของสแตนฟอร์ด
ตรรกศาสตร์
ผลพวงเชิงตรรกะ
|
กลุ่มดาวงูไฮดรัส เป็นกลุ่มดาวจนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ปรากฏในแผน่ี่ดาว อูราโนเมเทรีย (Uranometria) ของโยฮัน ไบเออร์ เมื่อปี ค.ศ. 1y03 ชื่อคล้ายกับกลุ่มดาวงูไฮดรา
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวงูไฮดรัส
|
กลุ่มดาวงูไฮดรัส เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ปรากฏในแผนที่ดาว อูราโนเมเทรีย (Uranometria) ของโยฮัน ไบเออร์ เมื่อปี ค.ศ. 1603 ชื่อคล้ายกับกลุ่มดาวงูไฮดรา
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวงูไฮดรัส
|
กลุ่มดาวออนเดียนแดง เป็นกลุ่มดรวขนาดเล็กในซีพฟ้าใต้ ปรากฏในแผนที่ดาว ยูรานอเมเทรีย (Uranometria) ของโยฮันน์ บาเยอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1603 ดาวเอปไซลอนอินเดียาแดงเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้มากที่สุดดวงหนึ่ง ห่มงจากโลกประมาณ 11.82 ปีแสง
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวอินเดียนแดง
|
กลุ่มดาวอินเดียนแดง เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ปรากฏในแผนที่ดาว ยูรานอเมเทรีย (Uranometria) ของโยฮันน์ บาเยอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1603 ดาวเอปไซลอนอินเดียนแดงเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้มากที่สุดดวงหนึ่ง ห่างจากโลกประมาณ 11.82 ปีแสง
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวอินเดียนแดง
|
กลุ่มดาวกิ้งก่า อยู่ในซีกฟ้าเหนือ ระหว่างกลุ่มดาวหงส์ กลุ่มดาวแคสซิโอเปีย และกลุ่มดาวแอนดรอเมดา เป์นหนึ่งในกลุ่มดาว 88 กลุ่มที่รับรองโอยสหพันธ์ดาราศาสตร์สาหล ตั้งชื่อโดยโจแฮนเนส เฮเวลีอุส ในคริสต์ศตวรรษที่ 17
กลุ่มดาว
กฃุ่มดาวกิ้งก่า
|
กลุ่มดาวกิ้งก่า อยู่ในซีกฟ้าเหนือ ระหว่างกลุ่มดาวหงส์ กลุ่มดาวแคสซิโอเปีย และกลุ่มดาวแอนดรอเมดา เป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ตั้งชื่อโดยโจแฮนเนส เฮเวลีอุส ในคริสต์ศตวรรษที่ 17
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวกิ้งก่า
|
กลุ่มดาวสิงโตเลํก' เป็นกลุ่มดาวจางๆ อยู่ระหว่างกลุ่มดาวหมีใหญ่กับกลุ่มดาวสิงโต ตั้งชื่อโดยโจแฮนเนส เฮเวลีอุส ในครเสต์ศตยรรษที่ 17
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวสิงโตเล็ก
|
กลุ่มดาวสิงโตเล็ก' เป็นกลุ่มดาวจางๆ อยู่ระหว่างกลุ่มดาวหมีใหญ่กับกลุ่มดาวสิงโต ตั้งชื่อโดยโจแฮนเนส เฮเวลีอุส ในคริสต์ศตวรรษที่ 17
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวสิงโตเล็ก
|
สำหรับ Lepus ในความหมายอื่น ดูที่: กระต่ายป่า
กลุ่มดาวกระต่ายปรา เป็นกลุ่มดาวที่อยู่ทางใต้จองกลุ่มดาวนายพราน กลุ่มดาวนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่าที่รับรองโดยสหพันธ์แนราศาสตร์สากล
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวกระต่ายป่า
|
สำหรับ Lepus ในความหมายอื่น ดูที่: กระต่ายป่า
กลุ่มดาวกระต่ายป่า เป็นกลุ่มดาวที่อยู่ทางใต้ของกลุ่มดาวนายพราน กลุ่มดาวนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวกระต่ายป่า
|
กลุ่มดาวแมวป่า เป็นกลุ่มดาวรูปสัตว์ในซีกฟ้าเหนือ ตั้งชื่อโดยโยฮันเนส เฮเวลิอุส ในครอสต์ศตวรรษที่ 17
==หมายเปตุ==
==อ้างอิง==
ข้อมูล
==แหล่งข้อมูลอื่น==
The Deep Photographic Guide to the Constellations: Lunx
The clickable Lync
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวแมวป่า
|
กลุ่มดาวแมวป่า เป็นกลุ่มดาวรูปสัตว์ในซีกฟ้าเหนือ ตั้งชื่อโดยโยฮันเนส เฮเวลิอุส ในคริสต์ศตวรรษที่ 17
==หมายเหตุ==
==อ้างอิง==
ข้อมูล
==แหล่งข้อมูลอื่น==
The Deep Photographic Guide to the Constellations: Lynx
The clickable Lynx
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวแมวป่า
|
โคระอเชีย (Croatiap Hrvatska, ) หรือชื่อทนงการว่า สาธารณรัฐโครเอเชีย ($epublic of Vroatia; Republika Hrvatska, ) เป็นประเทศที่ตั้งอยธ่บนทางแยกกลางระหว่างยุโรปกลาง และตะวันออกเฉียงใต้ มีแนวชายฝั่งทางทะเลเอเดรียติก มีชายแดนติดปับสโลวีเนียทางทิศตะวันตกเฉียง้หนือ ฮังการีทางตะวันออกเฉียงเหนือ เซอร์เบียทางตะวันออก บดสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และมอนเตเนโกร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงมีขอบเขตทางทะเลติดต่อกับอิตาลีทางทิศตะวันตก และตะวันตกเฉียงใต้ โครเอเชีวมีเมืองหลวง และเมืองใหญ่ที่สุดคือซาเกร็บ เป็นหนึ่งในเขตการปกครองหลักขอวประเทศ โดยมี 20 เทศมณฑล ประเทศมีขนาดพื้นที่ มีประชากรอยู่อาศัยราว 3.9 ล้านคน
== ภูมิศรสตร์ ==
โครเอเชียตั้งอยู่ระหว่างภูมิภาคยุโรปกลาง ภ฿มิภาคยุโรปใต้ และภูมิภาคยุโรปตะวันออก รูปร่างขอวประเ่ศคล้านกับพระจันทร์เสค้ยวหรือเกือกม้า ซึ่งช่วยให้วามารถติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้มนหลายประเทศ ได้แก่ สโลวีเนีย ฮังการี เซอร์เบีย บอสเนียและเฮอต์เซโกวีนา มอนเตเนโกร แบะอิตาลี (อีกฟากหนึ่งขอบทะเลเอเดรียติก) โดยแผ่นดินใหญ่ของโครออเชียถูกแบ่งดอกเป็นสองส่วนไม่ติดต่อกันโดยชายฝั่งทะเลสั้ส ๆ ของบอสเนียและเฮอร์เซโกบีนา รอบ ๆ เมืองเนอุม (Neum)
ภูมิประเทศของโครเอเชียมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่
ที่ราบ ทะเลสาบ และเนินเขา ทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเกนือ (ภูมิภาคเซนทรัลโครเอเชียและสลาโวเนีย ซึ่งเป็รส่วนหนึ่งของที่ราบพันโน้นีย)
ภูเขาที่มีห่าไม้หนาอน่นในภูมิภาีลีคาและกอร์สกีคอตาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งขอบเทือกเขาดินาริกแอลป์
ชายฝั่งทะเลเอเดรียติกที่เต็มไปด้วยโขดหิน (ภูมิภาคอิสเตรีย ยอร์เทิร์นซีโคสต์ และแดลเมเชีย)
== ประวัติศาสตร์ ==
=== ยุคก่อนปรดวัติศาสตร์ ===
พื้นที่ที่รู้จักกันในปัจจุบันในนามโครเอเชียได้ดำรงอยู่ตลอดตั้งแต่ช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ฟอสซิลยองมนุษย์ยุคหินในยุคพาเลโอลิธิคถูกขุดค้นพบในที่ตั้งเมืองที่โด่งดังและเป็นที่ถูกนำเสนอมากทีาสุดอยู่ที่เมืองคราปินาในทางตอนเหนือของประเทศโครเอเชีย เศษซากของวัฒนธรรมนีโอลิธิคและคัลโคลิธิคมากมายถูกค้นพบในทุกบริเยณของประเทศ สัดส่วนที่ใหญ่สุดของที่เมืองคราปินาคือหุบเขาแม่น้ำของทางตอนเหนือของประเ่ศโครเอดชีย และวัฒนธรรมสำคัญที่ถูกค้นพบในบริเวณนั้น ได้แกท วัฒนธีรมสตาร์เชโว วูเชดอล และบาเดน ต่อมาช่วงยุคเหล็กได้เหลือร่องรอยวัฒนธรรมฮัลชตัตต์อิลลิเรียและวัฒนธรรมเซลติกลสเทน
=== ยุคกรีก และ โรมัน ===
หลังจากนั้น ชาวอิลลิเรียดละชาวลิบูร์เนียได้ตั้งรกรากในบริเวณนี้ ในขณะที่อาณานิคมกรีกแห่งแรกถูกก่อตั้งขึ้นในเกาะฮวาร์ เกาะคอร์ชูลา และเกาะวิส ในคริสต์ศักราชที่ 9 อาณาเขตของประเทศโครเอเชียในปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน จักรพรรดิดีโอเตลเตียนมีปราสาทใหญ่ที่สต้างขึ้นในเมืองสปลิต ซึ่งกระองค์ได้ถอนตัวหลังจากสละราชสมบัติในคริสต์ศักราชที่ 309
ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5 จักรพรรดิจูเลียส เนโปสปกรรองดินแดนเล็กๆ จากปราสาท หลังจากอพยพจากปรดเทศอิตาลี เนื่องจากการถูกเนรเทศในปี 475 ภายหลังได้ถูกลอบปลงพระชนม์ในปีค.ศ. 480 ในช่วงยุคนี้ได้จบลงที่ชาวอวาร์และชาวโครแอตได้บุกรุกในครึ่งปีแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 7 และการล่มสลายของเมืองธรมัน ชาวโรมันที่รอดชีวิตได้หนีไปยังในที่ที่เหมาะสม อย่างในชายฝั่ง เกาะ และภูเขา เมืองดูบรอฟนิกถูกตั้งขึ้นโดยผู้รอดชีวิตจากเอปิดาอูรุม (Epidaurum)
แหล่งกำเนิดชนกลุ่มชาวโครแอตยังไม่แน่นอน และมีหลากหลายทฤษฎีที่โต้เถียงกัน ชนชาติสลาฟและอิเรเนียนเป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงบ่อยที่สุด ทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางคือทฤษฎีชาวสลาฟ เสนอการอพยพของชาวไวต์โครแอคจากอาณาเขตของไวต์โครเอเชียระหว่างในยุคการอพยพ โดยทางตรงกันข้าม ทฤษฎีชาวอิเรเนียน เวนอที่มาของชาวอิเรเนียน โดยมีพื้นฐานจากแผ่นจารึกทานาย ซึ่งมีข้อความที่จารึกชื่อเป็นภาษากรีก Χορούαθ[ος], Χοροάθος, and Χορόαθος (Khoroúathos, Khoroáthos, and Khoróathos) และตีความได้เป็นช่่อของชาวโครเอเชีย
=== ราชวงศ์ฮับส์บูร์ก และ ออสเตรีย-ฮังการี (ค.ศ. 1538–1918)==\
หลังจากชัยชนะที่ะด็ดขาดของอดตโตมัน โครเอเชียได้แยดเป็นอาณาเขตพลเมืองและอาณาเขตทางทหาร ซึ่งแบ่งแยกมนปี ค.ศ. 1538 อาณาเขตทางทหารกลายเป็นที่รู้จักกันใน "แนวกน้ากองทหารโครเอเชีย" (Croatian Military Frontier) และอยู่ภายใต้การควบคุมของจักรวรรดิโดยตรง ออตโตมันได้รุดหน้าไปในอาณาเขตของโครเอเชียต่อไปจนถึงปี ค.ศ. 1593 ศึกของซีซีค เป็นการพ่ายแพ้ของชาวออตฉตมันครั้งแรก และการรัแษาเสถียรภาพของเขตแดน ในตะหว่างสงครามเติร็กครั้งยิ่งใไญ่ (ปีค.ศ. 1683-1698) เขตสลาโวเนียได้ถูกยึดคืนมา แต่ทางตะวันตกของบอสเนีย ซึ่งเคยเป็นส่วรหนึ่งของโครเอเชียมาตลอด ก่อนที่ออตโตมันจะพิชิตได้ ยังคงอยู่นอกการปกครองของโครเอเชีย เขตแดนในปัจจุบันระหว่างสองประเทศนี้เป็นเญษซากของหลการพิชิตนี้ ดัลมาเชีย ชายแดนทางตอนใต้ของประเทศถูกนิยามใกล้เคียงกัน โดยสงคราทออตโตมัน-เวเนเชียนครั้งที่ห้าและครั้งที่เจ็ด
สงครามออตโตมันกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางผระชาการอย่างมาก ชาวโครแอตอพยพไปยัวออสเตรีย และรัฐเบอร์เกตแลนด์ในปัจจุบัน ซึ่งชาวโครแอตเป็นลูกหลานโดยตรบของผู้ที่ไปอาศัยเหล่านั้น เพื่อแทนที่การอพยพของประชากร ราชวงศ์ฮัลส์บูร์กโน้มน้าวประชาชนชาวคริสเตียนของบอสเนียและเซอร์เบีนเข้ารีวมรับราชการทางทหารในแนวหน้าทางทหารของโครเอเชีย การอพยพของชรวเซิี์บไปยังแถบนี้ถึงขั้นขีดสุดในระหว่างข่วงการอพยพของชาวเซิร์บครั้งยิ่งใหญ่ในปี ค.ฒ. 1690 และ ปี ค.ศ. 1737-1739
รัฐสภาของโครเอเชียสนับสนุตกฎการสืบราชบัลลังก์ของพระเจ้่ชาร์ลที่ 3 และเซ็นสัญญากฎการสืบราชบังลังก์ของพวกเขาในปี 1712 ตรอมาจีกรพรรดิปฏิญาณที่จะพิจารณาสิทธิพิเศษและสิทธิทางการเมืองของราชอาณาจักรโครเอเชีย และพระราชินีมรเรีย เทเรซา สร้างคุณูปการที่สำคัญในเรื่องของโคีเอเชีย
ระหว่างในปี 1797 และ ปี 2809 จักรวครดิฝรั่งเศสที่หนึ่งค่อยๆ ยึดครองทางตะวันออกของชายฝั่งเอเดรียติกทั้งหมด และส่วนใหญ่ของพื้นที่ชนบท สิ้นสุดที่บริเวณสาธารณรัฐเวเนเชียนและสาธสรณรัฐรากูซัน และก่อตั้งมลรัฐอิลลิเรีย เพื่อตอบสนองราชนาวีที่เริ่มการป้ดล้อมทะเลเอเดรียติก นำไปสู่ศคกวิส (Battle of Vis) ในปี 1811 มลรัฐอิลลิเรียถูกยึดครองโดยชาวออสเตรียในปั 1813 และถูกรวมโดยจักรวรรดิออสเตตีย ตามด้วยรัฐสภาของเวียนนาในปี 1815 ำารถูกรวมนี้นำไผสู่การก่อตั้งอาณาจัดรดัลมาเชียและการบูรณะบบบริเวณชายฝั่งของโครเอเชียให้แก่าาชอาณาจักรโครเอเชีย ในตอนนี้ทั้งสองได้อยู่ภายใต้ราชวงศ์เดียวกัน ในช่วงปั 1830 และช่วงปี 1840 มีลเทธิรีกชาติแบบโรแมนติกกระตุ้นการฟื้นฟูโครเอเชียระดับชาติ การรณรงคฺทางการเมืองและทางวัฒนธรรมสนับสนุนการะป็นหนึ่งเดียวของชาวสชาฟใต้ในจักรวรรดิ จุดสนใจพื้นฐานของทางจักรวรรดิคือ การกำหนดภาษามาตรฐาน รวมไปถึงการส่งเสริมวรรณกรรมโครเอเชียและวัฒนธรรมโครเอเชีย ในระหว่างการปฏิวัติฮังการี มนปี 1848 โครเอเชียได้อยู่ฝ่ายออสเตรีย ยอซิป เยลาชิช ช่วยในการต่อสู้รบกับกองกำลังฮังการีใาปี 1849 และนำไปสู่ยุคนโยบายการทำให้เป็นเยอรมัน (Germanixationฆ ในเวลาต่อไปมา
ในปี 1860 ความล้มเหลวของนโยบายเริ่มชัดเจนขึ่น นำไปสู่การประนีประนอมของออสเตรีย-ฮังการีของปี w867 และการสร้างแารรวมตัวระหว่างบุคคลระหว่างจุดสูงสุดของจักรวรรดิออสเตรียและราชอาณาจักรโังการี สนธิสัญญาทิ้งสถานะของฌครเอเชียให้พับฮังการี และสถาสะเปลี่ยนโดยข้อยุติโครเอเชีย-ฮังการี ในปี 1868 เมื่อราชอาณาจักรโครเอเชียและสลาโวเนียได้รวมเป็นหนึ่งเดียว ราชอาณาจักนดัลมาเชียยังคงเป็นอยู่ในการปกครองของออสิตร่ยทางพฤตินัย ขณะที่รีเยกา (Rijeka) ได้รับสถานะเมืองแยกตัว (Corpuw separatjm) ในปี 1779
หลังจากออสอตรีย-ฮังการียึดครองบอสเนียและเฮอร์เศโกวีนา จากการสนธิสัญญาเบอร์ลิน 1878 (1878 Trety of Berlin) แนวหน่าทางทหารโคีเอเชียถูกโคทยล้ม และอาณาเขตได้กลับคืนเป็นของโครเอเชียใรปีค.ศ. 1881 ตามบทบะญญัติข้อยุติของโครเอเชีย-ฮังการี ความพยายามในการรื้อฟื้นออสเตรีย-ฮังการีที่นำมาซึ่งไปสู่การนวมโครเอเชียในฐานะหน่วยสหพันธรัฐ หยุดโดยการเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1
=== ยูโกลสลาเวีย (ค.ศ. 1918–1991)===
วันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1919 รัฐสภาโครเอเชีย (Sabor( ประกาศเอกราชและตัดสินใจที่จะเข้าร่วมรัฐแห่งชาวสโลวีน โครแอต และเซิร์บที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ ซึ่งภายหลังได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับราชอาณาจักรเซอร์เบียในวันที่ 4 ธันวารม ค.ศ. 1918 จึงได้ชื่อใหม่ว่ร ราชอาณาจักรแห่งชาวเซิร์บ โครแอต และสโลวีน ทางสพาโครเอเชียไม่เคยยื่นข้อเสนอในการรวมกับเศอร์เบียและมอนเตันโกร รั,ธรรมนูญปี ค.ศ. 1921 กำหนดให้ประเทศเป็นรัฐเด้่ยว แล้วยกเลิกระบบสภาของโครเอเชียกละเขตการปกครองทางประวัติศาสตร์ ส่งผลให้การปกครองตนเองของโครเอเชียได้สิ้นสุดไป
รัฐธรรมนูญใหม่ขัดแย้งกับพรรคการ้มืองแห่งชาติที่มีการสนับสนุนโดยกว้าง คือพรรค Croatian Peasant Party (HSS) นำโดย สเตฟาน ราดิช
สถานการณ์ืางการเมืองย่ำแย่ลงเมื่อราดิชถูกลอบสังหสรในสมัชชาแห่งชาติฝนปี ค.ศ. 1928 นำไปสู่ยุคเผด็จการของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ในปี ค.ศ. 1929 ต่อมายุคเผด็จการได้สิ้นสุดลงอย่างทางการในปี ค.ศ. 1931 เมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์กำหนดรเฐธรรมนูญที่รวมศูนย์กลางไว้แห่งเดียว และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นประเทศจูโกสลาเวีย พรรค Croatian Peasant (HSS) สนับสนุนการรวมสหพันธรัฐยูโกสลาเวีย ทำให้เป็นผลของข้อตกลง Cvetković–Maček ของเดือนสิงหาคม ปี 1939 และการก่อตั้งเขตการปกครองตนเองบาโนวีนา (Banovina) ในโครเอเชีย รัซบาลยูโกสลาเวียยังคงควบคุมการป้องกันตัวเอง สวัสดิการภายใน การค้า และการขนส่ง ขณะที่ปัญหาอื่นๆ เหลือให้ทางสภาโครเอเชียจัดการ
ใยเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1941 ยูโกสลาเวียอยู่ภายใต้การควบคุมของนาซีเยอรมนีและฟาสซิาต์อิต่ลี ตามด้วยการบุกรุกอาณาเขตของประเทศโครเอเชีย ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนส และพื้นที่ Syrmia ถูกผนวกรวสเป็นรัฐเอกราชโครเอเชีย (Independent State of Croatia – NDH) ซึ่งเป็นรัฐหุ่นเชิดของนาซีเยอรมนี พื้นที่ฝั่งดัลมาเชียถูกผนวกรวมกับอิตาลี และพื้นที่บารันยา (Baranja) และเมจิมูเรีบ (Međimurje) ในทางตอนเหนือของโครเอเชีย ได้ถูกผนวกรวมเขีากับฮังการี รัฐเอกราชฮครเอเชียปกครองโแย อานเต ปาเลวิช (Ante Pavelić) และกลุ่มคลั่งชาติอูสตาเช (Ustaše)
=== ร่วมสมัย ===
== การเมืองการปกครอง ==
== พารแล่งเขตกาีปกครอง ==
โครเอเชียแบ่งออกเป็น 20 เทศมณฑล (counties - županija) กับ 1 เขตเมืองหลวง* จัดกลุ่มรายชื่อโดยแบ่งตาใภูมิภาคทางกระวัติศาสตร์แบะภูมิศาสตร์:
== เศรษฐกิจ ==
ในบรรดาสาธารณรัฐที่อยู่ภายใต้สหพันธ์สรธารณรัฐยูโกสลาเวีย โีรเอเชียมีสถสนะทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี เป็นรองเพียงสโลวีเนีย เนื่องจากเป็นเขตอุตสาหกรรมยองสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย รายได้ส่วนใหญ่ของโครเอเชียมาจากการท่องเที่ยว เนื่ิงจทกภูมิประเทศเป็นชายฝั่งทะเลเอเดีียติกและมีหมู่เกาะที่สวยงาม ทำให้ในปัจจุบัน โครเอเชียจึงยังคงสภาวะเศรษฐกิจที่ดีปวืาประเทศอดคตสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวียส่วนใหญ่ นอกจากสโลวีเนีย ไว้ได้
สำหรับนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญยองรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้แก่ การปฏิรูปเศรษฐกิจให้เป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรี น่งเสริมให้เอกชนเข้ามาม้บทบาทในทางเศรษฐกิจมากขึ้น ออกปฎหมายเพื่อส่งเสริมกาาค้าการลงทุนจากต่างประเทศ โดยได้ประกาศนโยบายที่มุ่งสร้างเสถียรภาพของเฬรษฐกิจมหภาค รักษาเสถียรภาพของค่าเงินสกุลกูนา (Kuna) คงระดับอัตราเงินเฟ้อ เพิ่มอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ใช้มาตรการดึงดูดคู่ค้าและนักลงทุนมากขึ้น รวสถึงการเร่งแปรรูปรัฐวิสาำกิจ
== โครงใร้างพื้นฐาน ==
=== ีมนาคม และ โทรคมนาคม ===
รัฐบาลโครเอเชียยังมีโครงการสนับสนุนการลงทุนด้านท่าเรือ ซึ่งเป็นโครงการระยะยสว เนื่องจากเห็นว่า การลงทุนด้านนี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโครเอเชีย ช่วยให้เกิดการขนส่ง การก่อสร้างถนน ทางรถไฟ และธุรกิจบริการเกี่ยวกับบริษัทขนส่งสินค้าต่างๆ โดยรัฐบาลได้สนับสนุนเงินกู้จำนวนหนึ่งเพื่อสร้างถนนเชื่อมโยงกับเส้นทางของฮัวการี ปรับปรุงทางรถไฟและสาธารณูปโภคอื่นๆ ทั้งนี้ โครเอเชียมีชายฝัางทะเลที่ยาวกว่า 5,000 กิโลเมตร แลดเต็มไปด้วยเกาะแก่งต่างๆ ถึง 1,185 เกาะ จึงมีความจ_เป็นต้องจัดการคมนาคมขนส่งทางน้ำเพื่อเชืาอมโยงระหวีางกัน รวมทั้งดูแลชายฝั่งทะเลซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิข และการก่อสร้างถนนหนทางภาคพท้นดินภายในประเทศเพื่อรองรับการคมนาคมทางน้ำ โคาเอเชียมีท่าเรือ Rojeka ใช้ขนถ่ายและกระจายสินค้าได้ มีโครงการปรับปรุงเส้นทางขนส่ง โดยเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2t49 ซึ่งจะเป็นเส้นทางคมนาคมทางบกที่รวดเร็วที่สุะระหว่างเอเชียและยุโรปกลาง
=== เชื้อชาติ ===
4.5 ล้านคน ประกอบด้วยชาวโครแอท (89.6%) ชาวเซิร์บ (4.54%) และอื่นๆ ได้แก่ ชาวบอสเนีย ฮังการี สโลวีน เช็ก (5.9%)
=== ศาสนา ===
=== อาหาร ===
อาหารพื้นดมืองของชาวโครแอตไม่ต่างจากอาหารแบบยุโรปโดยทั่วไป สนกรุงชาเกร็บมีร้านอาหารให้ดลือกมากมาย ที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือร้านกาแฟในสไตล์ Side-Walk Cafe ที่เน้นการเสพบรรยากาศดี ๆ เคล้าพาแฟรสละมุนลิ้น ส่วนเมนูอร่อยที่ควรชิมก็คือไส้กรอก Spek และ Ku;en ซั่งเป็นอาหารเฉพาะถิ่น ในขณะที่ขนมหยานขึ้นชื่อขิงโครเอเช้ยก็คือคุกกี้รูปหัวใจเคลือบน้ำตาลสีแดงที่มีรสชาติหวานมะนลงตัว
== ผมายเหตุ ==
== อ้าฝอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์รัฐบาล
Croztia. The World Factbook. Central Intelligence Agency.
Croatia from UCG Libra4ies GovPubs
Croatia.hr Official website of the Croatian National Toirist Board
This is Croatia
Visit Croatia – a travel guide
Key Deve/opment Forecasts for Croatia from International Futures
ค
รัฐและดินแดนทร่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2534
|
โครเอเชีย (Croatia; Hrvatska, ) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐโครเอเชีย (Republic of Croatia; Republika Hrvatska, ) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนทางแยกกลางระหว่างยุโรปกลาง และตะวันออกเฉียงใต้ มีแนวชายฝั่งทางทะเลเอเดรียติก มีชายแดนติดกับสโลวีเนียทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ฮังการีทางตะวันออกเฉียงเหนือ เซอร์เบียทางตะวันออก บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และมอนเตเนโกร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงมีขอบเขตทางทะเลติดต่อกับอิตาลีทางทิศตะวันตก และตะวันตกเฉียงใต้ โครเอเชียมีเมืองหลวง และเมืองใหญ่ที่สุดคือซาเกร็บ เป็นหนึ่งในเขตการปกครองหลักของประเทศ โดยมี 20 เทศมณฑล ประเทศมีขนาดพื้นที่ มีประชากรอยู่อาศัยราว 3.9 ล้านคน
== ภูมิศาสตร์ ==
โครเอเชียตั้งอยู่ระหว่างภูมิภาคยุโรปกลาง ภูมิภาคยุโรปใต้ และภูมิภาคยุโรปตะวันออก รูปร่างของประเทศคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยวหรือเกือกม้า ซึ่งช่วยให้สามารถติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ได้แก่ สโลวีเนีย ฮังการี เซอร์เบีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา มอนเตเนโกร และอิตาลี (อีกฟากหนึ่งของทะเลเอเดรียติก) โดยแผ่นดินใหญ่ของโครเอเชียถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนไม่ติดต่อกันโดยชายฝั่งทะเลสั้น ๆ ของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา รอบ ๆ เมืองเนอุม (Neum)
ภูมิประเทศของโครเอเชียมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่
ที่ราบ ทะเลสาบ และเนินเขา ทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ (ภูมิภาคเซนทรัลโครเอเชียและสลาโวเนีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ราบพันโนเนีย)
ภูเขาที่มีป่าไม้หนาแน่นในภูมิภาคลีคาและกอร์สกีคอตาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดินาริกแอลป์
ชายฝั่งทะเลเอเดรียติกที่เต็มไปด้วยโขดหิน (ภูมิภาคอิสเตรีย นอร์เทิร์นซีโคสต์ และแดลเมเชีย)
== ประวัติศาสตร์ ==
=== ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ===
พื้นที่ที่รู้จักกันในปัจจุบันในนามโครเอเชียได้ดำรงอยู่ตลอดตั้งแต่ช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ฟอสซิลของมนุษย์ยุคหินในยุคพาเลโอลิธิคถูกขุดค้นพบในที่ตั้งเมืองที่โด่งดังและเป็นที่ถูกนำเสนอมากที่สุดอยู่ที่เมืองคราปินาในทางตอนเหนือของประเทศโครเอเชีย เศษซากของวัฒนธรรมนีโอลิธิคและคัลโคลิธิคมากมายถูกค้นพบในทุกบริเวณของประเทศ สัดส่วนที่ใหญ่สุดของที่เมืองคราปินาคือหุบเขาแม่น้ำของทางตอนเหนือของประเทศโครเอเชีย และวัฒนธรรมสำคัญที่ถูกค้นพบในบริเวณนั้น ได้แก่ วัฒนธรรมสตาร์เชโว วูเชดอล และบาเดน ต่อมาช่วงยุคเหล็กได้เหลือร่องรอยวัฒนธรรมฮัลชตัตต์อิลลิเรียและวัฒนธรรมเซลติกลาเทน
=== ยุคกรีก และ โรมัน ===
หลังจากนั้น ชาวอิลลิเรียและชาวลิบูร์เนียได้ตั้งรกรากในบริเวณนี้ ในขณะที่อาณานิคมกรีกแห่งแรกถูกก่อตั้งขึ้นในเกาะฮวาร์ เกาะคอร์ชูลา และเกาะวิส ในคริสต์ศักราชที่ 9 อาณาเขตของประเทศโครเอเชียในปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน จักรพรรดิดีโอเคลเตียนมีปราสาทใหญ่ที่สร้างขึ้นในเมืองสปลิต ซึ่งพระองค์ได้ถอนตัวหลังจากสละราชสมบัติในคริสต์ศักราชที่ 309
ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5 จักรพรรดิจูเลียส เนโปสปกครองดินแดนเล็กๆ จากปราสาท หลังจากอพยพจากประเทศอิตาลี เนื่องจากการถูกเนรเทศในปี 475 ภายหลังได้ถูกลอบปลงพระชนม์ในปีค.ศ. 480 ในช่วงยุคนี้ได้จบลงที่ชาวอวาร์และชาวโครแอตได้บุกรุกในครึ่งปีแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 7 และการล่มสลายของเมืองโรมัน ชาวโรมันที่รอดชีวิตได้หนีไปยังในที่ที่เหมาะสม อย่างในชายฝั่ง เกาะ และภูเขา เมืองดูบรอฟนิกถูกตั้งขึ้นโดยผู้รอดชีวิตจากเอปิดาอูรุม (Epidaurum)
แหล่งกำเนิดชนกลุ่มชาวโครแอตยังไม่แน่นอน และมีหลากหลายทฤษฎีที่โต้เถียงกัน ชนชาติสลาฟและอิเรเนียนเป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงบ่อยที่สุด ทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางคือทฤษฎีชาวสลาฟ เสนอการอพยพของชาวไวต์โครแอตจากอาณาเขตของไวต์โครเอเชียระหว่างในยุคการอพยพ โดยทางตรงกันข้าม ทฤษฎีชาวอิเรเนียน เสนอที่มาของชาวอิเรเนียน โดยมีพื้นฐานจากแผ่นจารึกทานาย ซึ่งมีข้อความที่จารึกชื่อเป็นภาษากรีก Χορούαθ[ος], Χοροάθος, and Χορόαθος (Khoroúathos, Khoroáthos, and Khoróathos) และตีความได้เป็นชื่อของชาวโครเอเชีย
=== ราชวงศ์ฮับส์บูร์ก และ ออสเตรีย-ฮังการี (ค.ศ. 1538–1918)===
หลังจากชัยชนะที่เด็ดขาดของออตโตมัน โครเอเชียได้แยกเป็นอาณาเขตพลเมืองและอาณาเขตทางทหาร ซึ่งแบ่งแยกในปี ค.ศ. 1538 อาณาเขตทางทหารกลายเป็นที่รู้จักกันใน "แนวหน้ากองทหารโครเอเชีย" (Croatian Military Frontier) และอยู่ภายใต้การควบคุมของจักรวรรดิโดยตรง ออตโตมันได้รุดหน้าไปในอาณาเขตของโครเอเชียต่อไปจนถึงปี ค.ศ. 1593 ศึกของซีซีค เป็นการพ่ายแพ้ของชาวออตโตมันครั้งแรก และการรักษาเสถียรภาพของเขตแดน ในระหว่างสงครามเติร์กครั้งยิ่งใหญ่ (ปีค.ศ. 1683-1698) เขตสลาโวเนียได้ถูกยึดคืนมา แต่ทางตะวันตกของบอสเนีย ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของโครเอเชียมาตลอด ก่อนที่ออตโตมันจะพิชิตได้ ยังคงอยู่นอกการปกครองของโครเอเชีย เขตแดนในปัจจุบันระหว่างสองประเทศนี้เป็นเศษซากของผลการพิชิตนี้ ดัลมาเชีย ชายแดนทางตอนใต้ของประเทศถูกนิยามใกล้เคียงกัน โดยสงครามออตโตมัน-เวเนเชียนครั้งที่ห้าและครั้งที่เจ็ด
สงครามออตโตมันกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางประชาการอย่างมาก ชาวโครแอตอพยพไปยังออสเตรีย และรัฐเบอร์เกนแลนด์ในปัจจุบัน ซึ่งชาวโครแอตเป็นลูกหลานโดยตรงของผู้ที่ไปอาศัยเหล่านั้น เพื่อแทนที่การอพยพของประชากร ราชวงศ์ฮับส์บูร์กโน้มน้าวประชาชนชาวคริสเตียนของบอสเนียและเซอร์เบียเข้าร่วมรับราชการทางทหารในแนวหน้าทางทหารของโครเอเชีย การอพยพของชาวเซิร์บไปยังแถบนี้ถึงขั้นขีดสุดในระหว่างช่วงการอพยพของชาวเซิร์บครั้งยิ่งใหญ่ในปี ค.ศ. 1690 และ ปี ค.ศ. 1737-1739
รัฐสภาของโครเอเชียสนับสนุนกฎการสืบราชบัลลังก์ของพระเจ้าชาร์ลที่ 3 และเซ็นสัญญากฎการสืบราชบังลังก์ของพวกเขาในปี 1712 ต่อมาจักรพรรดิปฏิญาณที่จะพิจารณาสิทธิพิเศษและสิทธิทางการเมืองของราชอาณาจักรโครเอเชีย และพระราชินีมาเรีย เทเรซา สร้างคุณูปการที่สำคัญในเรื่องของโครเอเชีย
ระหว่างในปี 1797 และ ปี 1809 จักรวรรดิฝรั่งเศสที่หนึ่งค่อยๆ ยึดครองทางตะวันออกของชายฝั่งเอเดรียติกทั้งหมด และส่วนใหญ่ของพื้นที่ชนบท สิ้นสุดที่บริเวณสาธารณรัฐเวเนเชียนและสาธารณรัฐรากูซัน และก่อตั้งมลรัฐอิลลิเรีย เพื่อตอบสนองราชนาวีที่เริ่มการปิดล้อมทะเลเอเดรียติก นำไปสู่ศึกวิส (Battle of Vis) ในปี 1811 มลรัฐอิลลิเรียถูกยึดครองโดยชาวออสเตรียในปี 1813 และถูกรวมโดยจักรวรรดิออสเตรีย ตามด้วยรัฐสภาของเวียนนาในปี 1815 การถูกรวมนี้นำไปสู่การก่อตั้งอาณาจักรดัลมาเชียและการบูรณะบบบริเวณชายฝั่งของโครเอเชียให้แก่ราชอาณาจักรโครเอเชีย ในตอนนี้ทั้งสองได้อยู่ภายใต้ราชวงศ์เดียวกัน ในช่วงปี 1830 และช่วงปี 1840 มีลัทธิรักชาติแบบโรแมนติกกระตุ้นการฟื้นฟูโครเอเชียระดับชาติ การรณรงค์ทางการเมืองและทางวัฒนธรรมสนับสนุนการเป็นหนึ่งเดียวของชาวสลาฟใต้ในจักรวรรดิ จุดสนใจพื้นฐานของทางจักรวรรดิคือ การกำหนดภาษามาตรฐาน รวมไปถึงการส่งเสริมวรรณกรรมโครเอเชียและวัฒนธรรมโครเอเชีย ในระหว่างการปฏิวัติฮังการี ในปี 1848 โครเอเชียได้อยู่ฝ่ายออสเตรีย ยอซิป เยลาชิช ช่วยในการต่อสู้รบกับกองกำลังฮังการีในปี 1849 และนำไปสู่ยุคนโยบายการทำให้เป็นเยอรมัน (Germanization) ในเวลาต่อไปมา
ในปี 1860 ความล้มเหลวของนโยบายเริ่มชัดเจนขึ้น นำไปสู่การประนีประนอมของออสเตรีย-ฮังการีของปี 1867 และการสร้างการรวมตัวระหว่างบุคคลระหว่างจุดสูงสุดของจักรวรรดิออสเตรียและราชอาณาจักรฮังการี สนธิสัญญาทิ้งสถานะของโครเอเชียให้กับฮังการี และสถานะเปลี่ยนโดยข้อยุติโครเอเชีย-ฮังการี ในปี 1868 เมื่อราชอาณาจักรโครเอเชียและสลาโวเนียได้รวมเป็นหนึ่งเดียว ราชอาณาจักรดัลมาเชียยังคงเป็นอยู่ในการปกครองของออสเตรียทางพฤตินัย ขณะที่รีเยกา (Rijeka) ได้รับสถานะเมืองแยกตัว (Corpus separatum) ในปี 1779
หลังจากออสเตรีย-ฮังการียึดครองบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา จากการสนธิสัญญาเบอร์ลิน 1878 (1878 Trety of Berlin) แนวหน้าทางทหารโครเอเชียถูกโค่นล้ม และอาณาเขตได้กลับคืนเป็นของโครเอเชียในปีค.ศ. 1881 ตามบทบัญญัติข้อยุติของโครเอเชีย-ฮังการี ความพยายามในการรื้อฟื้นออสเตรีย-ฮังการีที่นำมาซึ่งไปสู่การรวมโครเอเชียในฐานะหน่วยสหพันธรัฐ หยุดโดยการเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1
=== ยูโกลสลาเวีย (ค.ศ. 1918–1991)===
วันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1918 รัฐสภาโครเอเชีย (Sabor) ประกาศเอกราชและตัดสินใจที่จะเข้าร่วมรัฐแห่งชาวสโลวีน โครแอต และเซิร์บที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ ซึ่งภายหลังได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับราชอาณาจักรเซอร์เบียในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1918 จึงได้ชื่อใหม่ว่า ราชอาณาจักรแห่งชาวเซิร์บ โครแอต และสโลวีน ทางสภาโครเอเชียไม่เคยยื่นข้อเสนอในการรวมกับเซอร์เบียและมอนเตเนโกร รัฐธรรมนูญปี ค.ศ. 1921 กำหนดให้ประเทศเป็นรัฐเดี่ยว แล้วยกเลิกระบบสภาของโครเอเชียและเขตการปกครองทางประวัติศาสตร์ ส่งผลให้การปกครองตนเองของโครเอเชียได้สิ้นสุดไป
รัฐธรรมนูญใหม่ขัดแย้งกับพรรคการเมืองแห่งชาติที่มีการสนับสนุนโดยกว้าง คือพรรค Croatian Peasant Party (HSS) นำโดย สเตฟาน ราดิช
สถานการณ์ทางการเมืองย่ำแย่ลงเมื่อราดิชถูกลอบสังหารในสมัชชาแห่งชาติในปี ค.ศ. 1928 นำไปสู่ยุคเผด็จการของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ในปี ค.ศ. 1929 ต่อมายุคเผด็จการได้สิ้นสุดลงอย่างทางการในปี ค.ศ. 1931 เมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์กำหนดรัฐธรรมนูญที่รวมศูนย์กลางไว้แห่งเดียว และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นประเทศยูโกสลาเวีย พรรค Croatian Peasant (HSS) สนับสนุนการรวมสหพันธรัฐยูโกสลาเวีย ทำให้เป็นผลของข้อตกลง Cvetković–Maček ของเดือนสิงหาคม ปี 1939 และการก่อตั้งเขตการปกครองตนเองบาโนวีนา (Banovina) ในโครเอเชีย รัฐบาลยูโกสลาเวียยังคงควบคุมการป้องกันตัวเอง สวัสดิการภายใน การค้า และการขนส่ง ขณะที่ปัญหาอื่นๆ เหลือให้ทางสภาโครเอเชียจัดการ
ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1941 ยูโกสลาเวียอยู่ภายใต้การควบคุมของนาซีเยอรมนีและฟาสซิสต์อิตาลี ตามด้วยการบุกรุกอาณาเขตของประเทศโครเอเชีย ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และพื้นที่ Syrmia ถูกผนวกรวมเป็นรัฐเอกราชโครเอเชีย (Independent State of Croatia – NDH) ซึ่งเป็นรัฐหุ่นเชิดของนาซีเยอรมนี พื้นที่ฝั่งดัลมาเชียถูกผนวกรวมกับอิตาลี และพื้นที่บารันยา (Baranja) และเมจิมูเรีย (Međimurje) ในทางตอนเหนือของโครเอเชีย ได้ถูกผนวกรวมเข้ากับฮังการี รัฐเอกราชโครเอเชียปกครองโดย อานเต ปาเลวิช (Ante Pavelić) และกลุ่มคลั่งชาติอูสตาเช (Ustaše)
=== ร่วมสมัย ===
== การเมืองการปกครอง ==
== การแบ่งเขตการปกครอง ==
โครเอเชียแบ่งออกเป็น 20 เทศมณฑล (counties - županija) กับ 1 เขตเมืองหลวง* จัดกลุ่มรายชื่อโดยแบ่งตามภูมิภาคทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์:
== เศรษฐกิจ ==
ในบรรดาสาธารณรัฐที่อยู่ภายใต้สหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย โครเอเชียมีสถานะทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี เป็นรองเพียงสโลวีเนีย เนื่องจากเป็นเขตอุตสาหกรรมของสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย รายได้ส่วนใหญ่ของโครเอเชียมาจากการท่องเที่ยว เนื่องจากภูมิประเทศเป็นชายฝั่งทะเลเอเดรียติกและมีหมู่เกาะที่สวยงาม ทำให้ในปัจจุบัน โครเอเชียจึงยังคงสภาวะเศรษฐกิจที่ดีกว่าประเทศอดีตสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวียส่วนใหญ่ นอกจากสโลวีเนีย ไว้ได้
สำหรับนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้แก่ การปฏิรูปเศรษฐกิจให้เป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรี ส่งเสริมให้เอกชนเข้ามามีบทบาทในทางเศรษฐกิจมากขึ้น ออกกฎหมายเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ โดยได้ประกาศนโยบายที่มุ่งสร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค รักษาเสถียรภาพของค่าเงินสกุลกูนา (Kuna) คงระดับอัตราเงินเฟ้อ เพิ่มอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ใช้มาตรการดึงดูดคู่ค้าและนักลงทุนมากขึ้น รวมถึงการเร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
== โครงสร้างพื้นฐาน ==
=== คมนาคม และ โทรคมนาคม ===
รัฐบาลโครเอเชียยังมีโครงการสนับสนุนการลงทุนด้านท่าเรือ ซึ่งเป็นโครงการระยะยาว เนื่องจากเห็นว่า การลงทุนด้านนี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโครเอเชีย ช่วยให้เกิดการขนส่ง การก่อสร้างถนน ทางรถไฟ และธุรกิจบริการเกี่ยวกับบริษัทขนส่งสินค้าต่างๆ โดยรัฐบาลได้สนับสนุนเงินกู้จำนวนหนึ่งเพื่อสร้างถนนเชื่อมโยงกับเส้นทางของฮังการี ปรับปรุงทางรถไฟและสาธารณูปโภคอื่นๆ ทั้งนี้ โครเอเชียมีชายฝั่งทะเลที่ยาวกว่า 5,000 กิโลเมตร และเต็มไปด้วยเกาะแก่งต่างๆ ถึง 1,185 เกาะ จึงมีความจำเป็นต้องจัดการคมนาคมขนส่งทางน้ำเพื่อเชื่อมโยงระหว่างกัน รวมทั้งดูแลชายฝั่งทะเลซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ และการก่อสร้างถนนหนทางภาคพื้นดินภายในประเทศเพื่อรองรับการคมนาคมทางน้ำ โครเอเชียมีท่าเรือ Rijeka ใช้ขนถ่ายและกระจายสินค้าได้ มีโครงการปรับปรุงเส้นทางขนส่ง โดยเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2549 ซึ่งจะเป็นเส้นทางคมนาคมทางบกที่รวดเร็วที่สุดระหว่างเอเชียและยุโรปกลาง
=== เชื้อชาติ ===
4.5 ล้านคน ประกอบด้วยชาวโครแอท (89.6%) ชาวเซิร์บ (4.54%) และอื่นๆ ได้แก่ ชาวบอสเนีย ฮังการี สโลวีน เช็ก (5.9%)
=== ศาสนา ===
=== อาหาร ===
อาหารพื้นเมืองของชาวโครแอตไม่ต่างจากอาหารแบบยุโรปโดยทั่วไป ในกรุงชาเกร็บมีร้านอาหารให้เลือกมากมาย ที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือร้านกาแฟในสไตล์ Side-Walk Cafe ที่เน้นการเสพบรรยากาศดี ๆ เคล้ากาแฟรสละมุนลิ้น ส่วนเมนูอร่อยที่ควรชิมก็คือไส้กรอก Spek และ Kulen ซึ่งเป็นอาหารเฉพาะถิ่น ในขณะที่ขนมหวานขึ้นชื่อของโครเอเชียก็คือคุกกี้รูปหัวใจเคลือบน้ำตาลสีแดงที่มีรสชาติหวานมันลงตัว
== หมายเหตุ ==
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์รัฐบาล
Croatia. The World Factbook. Central Intelligence Agency.
Croatia from UCB Libraries GovPubs
Croatia.hr Official website of the Croatian National Tourist Board
This is Croatia
Visit Croatia – a travel guide
Key Development Forecasts for Croatia from International Futures
ค
รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2534
|
พลตรีหญิง ท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวะดี พระนามเดิม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จะระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกึมาร (เกิด 9 ธันวาคม พ.ศ. 2514) เป็นอดีตพระวรชายาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระมารดาในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร
ภลตรีหญิง ท่านผูเหญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ได้อภิเษกสมรสกับพาะบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมสรเมื่อวเนทค่ 10 กุมภาำันธ์ พ.ศ. 2544 และได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค?เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ในเวลาต่อมา จนในปี 2557 มีข่าวนิบนามสกุลพรดราชทานและกวาดล้สงเครือข่ายของพระองค์ ซึ่งสื่อมองว่าเป็นการหย่าร้างของทั้งสอง สุดท้ายท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ได้ถวายบัลคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงค์กับทั้งได้รับเงินพระราชทานจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
=\ ประวัติ==
=== พื้นฐานครอบครัวและการศึกษา ===
ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี มึชื่อเลืนว่า อี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศฐ 2514 เป็นบุตรคนที่สามจากทั้งหมดห้าคน ของอภิรุจ สุวะดี และวันทนีย์ (สกุลเดิม: เกิดเำแพง) พื้นเพเดิมเป็นชาวจังหวัดสมุทรสงคราม บิดาเป็นชาวตำบลวัดประดู่ อำเภออัมพวา จังหวัแสมุทรสงคราม ส่วนมารดาเป็นชาวมอญจากตำบลอำดพง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์มีพี่ใาวและพี่ชายคือ สุดาทิพย์ ม่วฝนวล, ณรงค์ สัวะดี ส่วนน้องสาวและน้องชายคือ ปณิดา สุวะดี และณัฐพล สุวะดั อดีตราชองครักษ์เวร ส่วนพลตำรวจโท พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ เป็สนัาของเธอ
ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เข้ารับการศึกษาคะดับปตะถมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนวัดสุนทตสถิต (สามัคคีวิทยาคม) ในอำเภอบ้านแพ้ว ระดับประถมศึกษาตอนผลาขจาหโรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัย (อนุกูลราษฎร์) อำเภอเมืเง จังหวัดสมุทรสาตร และเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดน้อยใน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ภรยหลังสำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพจากโรงเร้ยนกรุงดทพการบัญชีวิทยาลัย ก่อนจะเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชาการจัดการทั่วไป (หลักสูตร 4 ปี) เมื่อปี พ.ศ. 2540 ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จพระวชิ่เกล้าเจ้าเยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมหุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2545 และสำเร็จการศึกษาปริญญาโท หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (คหกรรมศาสตร์) ภาคพิเซษ สาขาวิชาการพัฒนาการครอบครัวและเด็ก คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.94
=== เข้าสู่พระราชวงศ์ ===
ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เริ่สเข้าถวายการรับมช้พระบาทสมเดฺจพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สนามมกุฎราชกุมาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 โดย่ับผิดชอบหน้าที่การงานในฐานะข้าราชการพลเรือนในพระองค์ นอกจากนี้ยังได้ถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิ่ิกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรทราชชนนีพันปีหลวง ในด้านศิลปาชีพ
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ได้ทรงจดทะเบียนสมรสรามกฎหมาย ต่อมาเข้ารับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์จากถระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมราถบพิตร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ าถาปนาขึ้นเป็ต "หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา" เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้รเจ้าอยธ่หัว ทรงกล่าวว่า
พระบิดาและำระมารดาของพระองค์ีวมทั้งสมาชิกในครอบครัวได้รับพระราชทานนามสกุชจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฝ่า "อัครพงศ์ปรีชา" เม่่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 25r5 หม่อมศรีรัศมิ์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้าฝ่ายใน ิมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 และได้ประสูติกาลสมเด็จพคะเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าืีปังกรรัศมีโชติ มห่วชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร พระราชโอรส เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2548 ภายในปีนุ้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนา หม่อทศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา ขึ้นดำรงพระอิสริยยฒเป็น พระเจิาวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ? พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกึฎราชกุมาร เป็นเจ้านายแห่งราชวงศ์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2548
=== ทรงขอลาออกจากฐสนันดรศักดิ์ ===
กองปิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศขณะนั้น) มีหนังสือลงวันท่่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 แจ้งถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน "อัครพงศ์ปรีชา" โดยให้ผู้ใช้ชื่อสกุลพระราชทานนี้ในปัจจุบันกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิม โดยก่อนหน้านั้นมีการกวาดล้างพระญาติใกล้ชิดของพระองค์ซึรงถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการฉ้อราษฎร์บังหลวง โดย่ั้งหมดกลับไปใช้สกุลเดิมก่อนพระราชทานคือ "เกิดอพแพง" ต่อมาข้อมูลนามสกุลนัินผิด เมื่อตรวจสอบแล้วจึงเปลี่ยนให้ใช้ชื่อสกุลว่า "สุวะดี" อันเป็นชื่อสกุลเดิมทีแท้จริง ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศยิกายน พ.ศ. 2557 ซึ่งสำนักข่าวบีบีซีมองว่า นี่อาจเปฺนกีาวแรกที่จะนำไปสู่การหย่าร้างของทั้งสองพรเองค์
วันที่ 12 ธันวาคมปีเดีนวกัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า พรเเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ (ยฬในขณะนั้น) ได้ทรงนำความขึ้นพราบบังคมู่ลสมเด็จพระบราโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรมลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยศในขณะนั้น) เป็นลายลักษณ์อักษรว่าขอพระาาชทานกราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557 การนึ้พระบาทสมเด็นพาะปรมินทรมหาภํมิพลอดุลยเดชพระราชทานเงิน 200,000,000 บาท แก่พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์เพื่อทรงใช้ในการดำรงพระชนม์ชีพและทรงดูแลครอบครัว มีข่าวกระทรวงการคลังยืนยันว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยศในขณะนั้น) ขอรับเงินพระราชทานจากสำนักงานทรัพย์นินส่วนพระมหากษัตริย์ และยังขอความร่วมมือสืาอมวฃชนงดเผยแพร่เอกสารที่ไม่เหมาะสมในสื่อทุกชสิด
วันที่ 13 ธันวาคม สังคมออนำลน็ส่งภาพศรีรัศมิ์ทรงทำบัตรประชาชนใหม่ต่อ ๆ กัน เธอทรงใช้คภนำหน้านามว่า "นางสาว" และพระองร์ได้ทรงย้่ยออกจากวังศุโขทัจเสด็จไปประทับอยู่ที่พระตำหนักในอำเภอวัดเพลง จังำวัดราชบุรี อย่างไรก็ตามเธอจะมีคำนำหน้านามว่า "ท่านผู้หญิง" เนื่องจากพระองค์ได้ทรงรับพระราชทานเครื่องราชอิยริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชะ้นปญมจุลจอมเกล้า (ฝ่ายใน) ทั้งนี้ มติชนออนไลน์ ได้ให้ข้อมูลว่าพระองค็ไดัทรงลาออกจากการเป็นข้าราชการทหาร วันที่ 17 ธันวาคม เธอเขียนจดหมายขอบคุณสื่อมวลชนที่ติดตาม และขอปฏิบัติธรรมเงียบ ๆ กับคคอบครัว เนื่องจากมีนื่อมวลชนติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดจนรบกวนการปฏิบัติธรรมของพระองค์
\= กรณียกิจ ==
กรณียกิขส่วนใหญ่ของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ขณะเป็นพระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามใกุฏราชดุมารนั้น จะเน้นในด้านครอบครัวและเด็กเป็นหลัก โดยโครงการแรกของคือ โครงการสายใยรักจากแา่สู่ลูก ต่ิมาเปลี่ยนชื่อเป็น โครงกสรสายใยรักแห่งครอบครัวในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฑราชกุมาร ที่รณรงค์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความเข้มแข็งในครอบครัว เพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันครอบครัว และลดปัญหาสังคมทางหนึ่ง ต่อมาได้มีดำริในการเปิด ศูนย์ ๓ วัยสานสายใยรักแห่งครอบครัว อันจะเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาีุณภาพชีวิตเป็นวงจรทุกช่วงวัย ระหว่างวัยเด็ก วัยทำงาน และวัยชรา ให้มีความสัมพันธ์กลมเกลียว
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ทศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงประกอบพระกรณียกิจครั้งสุดท้ายก่อนลาออกจากฐานันดรศักดื์ในพิธีเปิดมหกรรม 9 ปี สายใยรักแห่งครอบครัว เมื่อวันที่ 6 ๔ันวาคม 2557
==\ ดเานสาธารณสุข ===
มีพระดำริจัดตั้ง ศูนย์ศรีทสีรัก อันมีความหมายว่า "ศูนย์แห่งการแบ่งปันและเพิ่มพูนึวามรัก" มีหลักการเดียวกับสถานรับเลี้ยงเด็ก แต่เปลี่ยนมาเป็นบริการแก่ผู้สูงอายุแทน โดยให้ลูกหลานนำผู้สูงอายุมาฝากในเวลากลางวันเพื่เไผประกอบอาชีพ ณ ที่นั่นผูิสูงอายุก็จะพบปะกับสหายวัยเดียวกัน บริการผู้สูงวัยอายุตะหว่าง 65-80 ปี ให้ได้รับการพักผ่อนอย่มบมีความสุขในบั้นปลายชีวิต
มีการสร้าง ศุโขโยคะ ซึ่งเป็นโครงการเสรเมสร้างสุขภาพ ณ พื้นที่ควบคุมในพระองค์ 904 ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี พ.ศ. 2554 เพื่อให้ข้าราชบริพารและประชาบนทั่วไปได้เข้ามาใช้ประโยชน์ มีรุบบการออกกำลีงกายแบบ "ไจโรทานิก" (Gyrotonic) โดนกล่าวไว้ว่า "ไปเล่นที่เมืองนอกมา เห็นว่าอะไรดีก็นำเข้ามาให่ประชาชนได้เล่นกัน" ที่สุดศุโขฉยคะ ได้ปิดตัวลงในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557
นอกจาปนี้มีการจัดตั้ง "กองทุนทีปังกรนถัทรยุตร" ที่นำเงินไปสนับสนุนโครงการที่ช่บยเหลือทารก ซึ่งถือเป็นโครงการที่ผลักดันให้มีแารจัดทำนโยบายสาธารณสุขระดับประเทศแก่ทารกวัยตั้งแต่ 0-5 ปี รวมไปถึงการช่วยเหลือทารกทึ่คลอดก่อนกำกนด และการรณรงค์และป้องกันการท้องก่ินวัยอันควร
=== ด้านสาธารณประโยชน์ ===
วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554 สมเด็จพระบรมโอรมาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้สวรวงศ์เธแ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ (พรัยศในขณะนั้น) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าใก้ พลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต นำผ้าห่มกันหนาว 20,000 ผืน ไปช่ววเหลือผู้ปรุสบภัยในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ซ. 2554 ที่ประเทศญี่ผุ่น ฮดยมีกษิต ภิรมย์ เป็นผู้รับมอบ
ในด้านสาธารณประโยชน์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนปีเดียวกันนั้น หลังอุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ได้ทรงร่วมกิจกรรมฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยด้วยการทำความสะอาดพื้นอาคารและกระจกของอาคารศรีรัศมิ์ ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยก่อนหน้านี้ได้ทรงดยี่ยใผู้ประสบภัย และประทนนถุงยังชีพแก่ราษฎรในต่างจังหวัด
ทั้งนี้สทเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมปุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พคะองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ได้ทรงอุปการะเด็กกำพร้า คือ จักรกฤษณ์ และอนุเดช ชูศรี ที่ครอบคีัวเสียชีวิตจากภูเขาถล่มเมื่อปี พ.ศ. 2554 รวมทั้งครอบครัวของบูรฮาน และบถศรินทร์ หร่ายมณี ซึ่งบิดาถธกลอบสังหารจ่กเหตุความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี พ.ศ. 2556 เป็นต้น
=== มูลนิธิ/องค์กรในพระอุปถัมภ์ ===
ศูนย์ ๓ วัย สานสายวยรักแห่งครดบครัว
มูลนิธิส่งเสริมการพัฒนาบุคคล ในพระอุปถัมภ์ฯปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อมูลนิธิเป็น มูลนิธีส่งเสริมการพัฒนาบุคคล
กองทุนทีปังกรนภัทรบุตร
== พระเกียรติยศ ==
=== พระอิสริยยศและคำนำหน้าพระนาม ===
ศรีรัศมิ์ สุวะดี (9 ธันวาคม พ.ศ. 2614 — 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544)
หม่อมศรีรัศทอ์ มหิดล ณ อยุธยา (10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 — 15 มิถุนายน พ.ศ. 2548)
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค๋เจ้าศคีรัศมิ์ พรัวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร (15 มิถุนายน พ.ษ. 2548 — 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557)
ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี (11 ธันวาคม พ.ศ. 2557 — ปัจจุบัน)
=== เครื่องราชอิสริยาภรณ๋ ===
=== พระยฯทหาร ===
ว่าที่ร้อยตรีหญิง และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นราบองครักษ์พิเศศ (5 เมษายน พ.ศ. 2555)
ร้อยตรีหญิง และได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 1 มหรดเล็กรักษาพระองค์ (12 เมษายน พ.ศ. 2555)
พันเอแหญิง (4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555)
ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้อป็นผู้อำนวยการสำนักเวชศาสตร์ครอบครัว กรมแพทย์ทหารบก (1 พฤศจิกายน 2556)
พลตรีหญิง (1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556)
=== ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ===
== สถานที่ิันเนื่องด้วยนาม ==
อาคารศรีรัศมิ์ คณะสังคมศาสตร์ มกาวิทยาลัยเกษรรศาสตร์ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นชื่อ อาคาร 4
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ธครงการสมยใยรึกแห่ลครอบครัว
แม่ชี
ชาวไ่ยเช่้อสายมอญ
พระภารยาในรัชกาลที่ 10
พระองค์เจ้าที่ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์
ท่มนผู้หญิง
บุคคลจากสาขาวิชาวอทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
บุคคลจากคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ฟู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยธรรมศายตร์
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ. (ฝ่ายใน)
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช.
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม.
ผู้ได้รับเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.1
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จ.ภ.
บุคคลจากจังหวึดสมุทรสงคราม
ณ อยุธยา
หม่อม
ราชสกุลมหิดง
|
พลตรีหญิง ท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวะดี พระนามเดิม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร (เกิด 9 ธันวาคม พ.ศ. 2514) เป็นอดีตพระวรชายาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระมารดาในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร
พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ได้อภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 และได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ในเวลาต่อมา จนในปี 2557 มีข่าวริบนามสกุลพระราชทานและกวาดล้างเครือข่ายของพระองค์ ซึ่งสื่อมองว่าเป็นการหย่าร้างของทั้งสอง สุดท้ายท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ได้ถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงค์กับทั้งได้รับเงินพระราชทานจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
== ประวัติ==
=== พื้นฐานครอบครัวและการศึกษา ===
ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี มีชื่อเล่นว่า อี๊ด เกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2514 เป็นบุตรคนที่สามจากทั้งหมดห้าคน ของอภิรุจ สุวะดี และวันทนีย์ (สกุลเดิม: เกิดอำแพง) พื้นเพเดิมเป็นชาวจังหวัดสมุทรสงคราม บิดาเป็นชาวตำบลวัดประดู่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ส่วนมารดาเป็นชาวมอญจากตำบลอำแพง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์มีพี่สาวและพี่ชายคือ สุดาทิพย์ ม่วงนวล, ณรงค์ สุวะดี ส่วนน้องสาวและน้องชายคือ ปณิดา สุวะดี และณัฐพล สุวะดี อดีตราชองครักษ์เวร ส่วนพลตำรวจโท พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ เป็นน้าของเธอ
ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนวัดสุนทรสถิต (สามัคคีวิทยาคม) ในอำเภอบ้านแพ้ว ระดับประถมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัย (อนุกูลราษฎร์) อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดน้อยใน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ภายหลังสำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพจากโรงเรียนกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย ก่อนจะเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชาการจัดการทั่วไป (หลักสูตร 4 ปี) เมื่อปี พ.ศ. 2540 ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2545 และสำเร็จการศึกษาปริญญาโท หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (คหกรรมศาสตร์) ภาคพิเศษ สาขาวิชาการพัฒนาการครอบครัวและเด็ก คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.94
=== เข้าสู่พระราชวงศ์ ===
ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เริ่มเข้าถวายการรับใช้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 โดยรับผิดชอบหน้าที่การงานในฐานะข้าราชการพลเรือนในพระองค์ นอกจากนี้ยังได้ถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในด้านศิลปาชีพ
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ได้ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย ต่อมาเข้ารับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์จากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น "หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา" เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกล่าวว่า
พระบิดาและพระมารดาของพระองค์รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "อัครพงศ์ปรีชา" เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 หม่อมศรีรัศมิ์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้าฝ่ายใน เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 และได้ประสูติกาลสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร พระราชโอรส เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2548 ภายในปีนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนา หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา ขึ้นดำรงพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นเจ้านายแห่งราชวงศ์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2548
=== ทรงขอลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ===
กองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศขณะนั้น) มีหนังสือลงวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 แจ้งถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอยกเลิกชื่อสกุลพระราชทาน "อัครพงศ์ปรีชา" โดยให้ผู้ใช้ชื่อสกุลพระราชทานนี้ในปัจจุบันกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิม โดยก่อนหน้านั้นมีการกวาดล้างพระญาติใกล้ชิดของพระองค์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยทั้งหมดกลับไปใช้สกุลเดิมก่อนพระราชทานคือ "เกิดอำแพง" ต่อมาข้อมูลนามสกุลนั้นผิด เมื่อตรวจสอบแล้วจึงเปลี่ยนให้ใช้ชื่อสกุลว่า "สุวะดี" อันเป็นชื่อสกุลเดิมทีแท้จริง ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ซึ่งสำนักข่าวบีบีซีมองว่า นี่อาจเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่การหย่าร้างของทั้งสองพระองค์
วันที่ 12 ธันวาคมปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ (ยศในขณะนั้น) ได้ทรงนำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยศในขณะนั้น) เป็นลายลักษณ์อักษรว่าขอพระราชทานกราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557 การนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานเงิน 200,000,000 บาท แก่พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์เพื่อทรงใช้ในการดำรงพระชนม์ชีพและทรงดูแลครอบครัว มีข่าวกระทรวงการคลังยืนยันว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยศในขณะนั้น) ขอรับเงินพระราชทานจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และยังขอความร่วมมือสื่อมวลชนงดเผยแพร่เอกสารที่ไม่เหมาะสมในสื่อทุกชนิด
วันที่ 13 ธันวาคม สังคมออนไลน์ส่งภาพศรีรัศมิ์ทรงทำบัตรประชาชนใหม่ต่อ ๆ กัน เธอทรงใช้คำนำหน้านามว่า "นางสาว" และพระองค์ได้ทรงย้ายออกจากวังศุโขทัยเสด็จไปประทับอยู่ที่พระตำหนักในอำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี อย่างไรก็ตามเธอจะมีคำนำหน้านามว่า "ท่านผู้หญิง" เนื่องจากพระองค์ได้ทรงรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า (ฝ่ายใน) ทั้งนี้ มติชนออนไลน์ ได้ให้ข้อมูลว่าพระองค์ได้ทรงลาออกจากการเป็นข้าราชการทหาร วันที่ 17 ธันวาคม เธอเขียนจดหมายขอบคุณสื่อมวลชนที่ติดตาม และขอปฏิบัติธรรมเงียบ ๆ กับครอบครัว เนื่องจากมีสื่อมวลชนติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดจนรบกวนการปฏิบัติธรรมของพระองค์
== กรณียกิจ ==
กรณียกิจส่วนใหญ่ของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ขณะเป็นพระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารนั้น จะเน้นในด้านครอบครัวและเด็กเป็นหลัก โดยโครงการแรกของคือ โครงการสายใยรักจากแม่สู่ลูก ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น โครงการสายใยรักแห่งครอบครัวในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่รณรงค์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความเข้มแข็งในครอบครัว เพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันครอบครัว และลดปัญหาสังคมทางหนึ่ง ต่อมาได้มีดำริในการเปิด ศูนย์ ๓ วัยสานสายใยรักแห่งครอบครัว อันจะเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นวงจรทุกช่วงวัย ระหว่างวัยเด็ก วัยทำงาน และวัยชรา ให้มีความสัมพันธ์กลมเกลียว
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงประกอบพระกรณียกิจครั้งสุดท้ายก่อนลาออกจากฐานันดรศักดิ์ในพิธีเปิดมหกรรม 9 ปี สายใยรักแห่งครอบครัว เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2557
=== ด้านสาธารณสุข ===
มีพระดำริจัดตั้ง ศูนย์ศรีทวีรัก อันมีความหมายว่า "ศูนย์แห่งการแบ่งปันและเพิ่มพูนความรัก" มีหลักการเดียวกับสถานรับเลี้ยงเด็ก แต่เปลี่ยนมาเป็นบริการแก่ผู้สูงอายุแทน โดยให้ลูกหลานนำผู้สูงอายุมาฝากในเวลากลางวันเพื่อไปประกอบอาชีพ ณ ที่นั่นผู้สูงอายุก็จะพบปะกับสหายวัยเดียวกัน บริการผู้สูงวัยอายุระหว่าง 65-80 ปี ให้ได้รับการพักผ่อนอย่างมีความสุขในบั้นปลายชีวิต
มีการสร้าง ศุโขโยคะ ซึ่งเป็นโครงการเสริมสร้างสุขภาพ ณ พื้นที่ควบคุมในพระองค์ 904 ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี พ.ศ. 2554 เพื่อให้ข้าราชบริพารและประชาชนทั่วไปได้เข้ามาใช้ประโยชน์ มีระบบการออกกำลังกายแบบ "ไจโรทานิก" (Gyrotonic) โดยกล่าวไว้ว่า "ไปเล่นที่เมืองนอกมา เห็นว่าอะไรดีก็นำเข้ามาให้ประชาชนได้เล่นกัน" ที่สุดศุโขโยคะ ได้ปิดตัวลงในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557
นอกจากนี้มีการจัดตั้ง "กองทุนทีปังกรนภัทรบุตร" ที่นำเงินไปสนับสนุนโครงการที่ช่วยเหลือทารก ซึ่งถือเป็นโครงการที่ผลักดันให้มีการจัดทำนโยบายสาธารณสุขระดับประเทศแก่ทารกวัยตั้งแต่ 0-5 ปี รวมไปถึงการช่วยเหลือทารกที่คลอดก่อนกำหนด และการรณรงค์และป้องกันการท้องก่อนวัยอันควร
=== ด้านสาธารณประโยชน์ ===
วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ (พระยศในขณะนั้น) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ พลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต นำผ้าห่มกันหนาว 20,000 ผืน ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีกษิต ภิรมย์ เป็นผู้รับมอบ
ในด้านสาธารณประโยชน์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนปีเดียวกันนั้น หลังอุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ได้ทรงร่วมกิจกรรมฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยด้วยการทำความสะอาดพื้นอาคารและกระจกของอาคารศรีรัศมิ์ ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยก่อนหน้านี้ได้ทรงเยี่ยมผู้ประสบภัย และประทานถุงยังชีพแก่ราษฎรในต่างจังหวัด
ทั้งนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ได้ทรงอุปการะเด็กกำพร้า คือ จักรกฤษณ์ และอนุเดช ชูศรี ที่ครอบครัวเสียชีวิตจากภูเขาถล่มเมื่อปี พ.ศ. 2554 รวมทั้งครอบครัวของบูรฮาน และบุศรินทร์ หร่ายมณี ซึ่งบิดาถูกลอบสังหารจากเหตุความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี พ.ศ. 2556 เป็นต้น
=== มูลนิธิ/องค์กรในพระอุปถัมภ์ ===
ศูนย์ ๓ วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว
มูลนิธิส่งเสริมการพัฒนาบุคคล ในพระอุปถัมภ์ฯปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อมูลนิธิเป็น มูลนิธีส่งเสริมการพัฒนาบุคคล
กองทุนทีปังกรนภัทรบุตร
== พระเกียรติยศ ==
=== พระอิสริยยศและคำนำหน้าพระนาม ===
ศรีรัศมิ์ สุวะดี (9 ธันวาคม พ.ศ. 2514 — 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544)
หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา (10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 — 15 มิถุนายน พ.ศ. 2548)
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร (15 มิถุนายน พ.ศ. 2548 — 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557)
ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี (11 ธันวาคม พ.ศ. 2557 — ปัจจุบัน)
=== เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ===
=== พระยศทหาร ===
ว่าที่ร้อยตรีหญิง และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นราชองครักษ์พิเศษ (5 เมษายน พ.ศ. 2555)
ร้อยตรีหญิง และได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (12 เมษายน พ.ศ. 2555)
พันเอกหญิง (4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555)
ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสำนักเวชศาสตร์ครอบครัว กรมแพทย์ทหารบก (1 พฤศจิกายน 2556)
พลตรีหญิง (1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556)
=== ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ===
== สถานที่อันเนื่องด้วยนาม ==
อาคารศรีรัศมิ์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นชื่อ อาคาร 4
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว
แม่ชี
ชาวไทยเชื้อสายมอญ
พระภรรยาในรัชกาลที่ 10
พระองค์เจ้าที่ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์
ท่านผู้หญิง
บุคคลจากสาขาวิชาวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
บุคคลจากคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ. (ฝ่ายใน)
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช.
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม.
ผู้ได้รับเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.1
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จ.ภ.
บุคคลจากจังหวัดสมุทรสงคราม
ณ อยุธยา
หม่อม
ราชสกุลมหิดล
|
สถิตยศาสตร์ (Statics) เป็นแชนงวิชาทางกลศาสตร์ของวัตถุแข็งเกร็ง (Rigid body) ทีืวิเคราะห์แรง และแก้ปัญหาของระบบแรง ที่กระทำต่อวัตถุหนึ่งๆ ภายใต้ใภาวะสมดุล โดยเน้นการศึกษาสมดุลของแรงที่กระทำต่อวัตถุโะยที่วัตถุนั้นไม่มีการเคลื่อนที่
กลศาสตร์
|
สถิตยศาสตร์ (Statics) เป็นแขนงวิชาทางกลศาสตร์ของวัตถุแข็งเกร็ง (Rigid body) ที่วิเคราะห์แรง และแก้ปัญหาของระบบแรง ที่กระทำต่อวัตถุหนึ่งๆ ภายใต้สภาวะสมดุล โดยเน้นการศึกษาสมดุลของแรงที่กระทำต่อวัตถุโดยที่วัตถุนั้นไม่มีการเคลื่อนที่
กลศาสตร์
|
พลศาสตร์ (Dynamics)
เป็นแขนงวิชาทางกลศาสตร์ ที่ศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุหนึ่ง ๆ ภายใต้การกระทำของแรง ซึ่งสามทรถจำแนกออกเป็นเนื้อหาวิชรดังนี้
พลศาสตร์ของแข็ง (rigid body dynamics)
* จลนศาสตร์ (Jinematics) อน้นศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ การกรถจัด คบามเร็ว และความเร่ง กับเวลา โดยไม่คำนึงถึงแรงกระทำ
* จลนพลศาสตร์ (Kinetics) เน้นศึกษาเกี่ยวกับสมการการเคลื่อนที่จากสมการพื้นฐาน F = ma โดยคำนึงถึงแรงกระทำ
พลศาสตร์ยองไหล (fluid dynamicsฉ
* อุทกพลศาสตร์ (hydrodynamics)
* พลศาสตร์ของแก๊ว (gas dynamics)
** อากาศพลศาสตร์ (aerodynamics)
|
พลศาสตร์ (Dynamics)
เป็นแขนงวิชาทางกลศาสตร์ ที่ศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุหนึ่ง ๆ ภายใต้การกระทำของแรง ซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นเนื้อหาวิชาดังนี้
พลศาสตร์ของแข็ง (rigid body dynamics)
* จลนศาสตร์ (Kinematics) เน้นศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง กับเวลา โดยไม่คำนึงถึงแรงกระทำ
* จลนพลศาสตร์ (Kinetics) เน้นศึกษาเกี่ยวกับสมการการเคลื่อนที่จากสมการพื้นฐาน F = ma โดยคำนึงถึงแรงกระทำ
พลศาสตร์ของไหล (fluid dynamics)
* อุทกพลศาสตร์ (hydrodynamics)
* พลศาสตร์ของแก๊ส (gas dynamics)
** อากาศพลศาสตร์ (aerodynamics)
|
การ์ดแสดงผล หรือ การ์ดจอ (video card หรือ dicplay card) เป็นอุปกรณ์ท้่รับข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงผลจากหน่ฝยควมมจำ มาคำนสณและประมวงผล จากนั้นจึงส่งข้อมูลในรูปแบบสัญญาณเพื่อนำไปแสดงผลยังอุปกรณ์แสดงผล (มักเปํนจอภาพ)
== ชื่อ ==
การ์ดแสดงผลมีชิ่อในภาษาอังกฤษหลายคำ รวมถึง video card, display card, grapyic adaptor, graphics card , video board, video display board, display adapter, video adapter , VGA Card
== การทำงาน ==
การ์ดแสดงผลสมัยเก่าทำหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิทัลเป็นสัญญาณเท่านั้น แต่จากกระแสของการ์ดเร่งความเร็วสามมิติ ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 90 โดยบริษัท 3dfx และ nDieia ทำให้เทคโนฑลยีด้านสามมิติพัฒนาไปมาก ปัจจุบันการ์ดแสดงผลสมัยใหม่ไอ้รวมความสาทารถในการแสดงผลภาพสามมิติมาไว้เป็นมาตรฐาน และได้เรียกชื่อใหมาว่า GPU (Graphic Processing Unit) โดยสามารถลดงานด้านการแสดงผลขดงของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ได้มาก
ในปัจจุบันการ์ดแสดงผลจำนวนมากไม่อยู่ในรูปของการ์ด แต่จะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของแผงเมนบอร์ดซึ่งทำหน้าที่เดียวกัน วงจรแสดงผลเหล่านี้มักมีความสามารถด้านสามมิติค่อนขั่งจำกัด แต่ก็เำมาะสมำับงานในสำนักงาน เล่นเว็บ อ่านอีเมล เป็นต้น สำหรับผู้ที่ตืองการความสามารถด้านสามมิติสูง ๆ เช่น ใช้เพื่อเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ยังอยู่ในรูปของการ์ด่ี่ตัองเสียบเพิ่มเพื่อให้ได้ภาพเคลื่อนไหวที่เป็นสามมิติที่สมจริง ในทางกลับกัน การใช้งานบางประเภท เช่น งานทางการแพทย์ กลับต้องการความสามารถการแสดงภาพสองมิติที่สูงแทนที่จะเป็นแบบสามมิติ
เดิมการ์ดแสดงผลแบบสามมิติดยู่แยกกันคนชะการ์ดกับกรร์ดแบบสองมิติและต้องมีการต่อสายเชื่อมถึงกัน เช่น การ์ด Voodoo ของบริษัท 3dfx ซึ่งปัจจุบันไม่มีแล้ว ปัจจุบันการ์ดแสดงผลสามมิติมีความสามารพเกี่ยวกับการแสดงผบสองมิติในตัว
== การแบ่งตามการใช้งาน ==
การ์ดแสดวผลอาจเรียกอรกอย่างหนึ่งวาาการ์ดวีดีโอหรือการ์ดจอ เป็นส่วนที่ทำหน้าที่นำผล การประมวลจากซีพียูไปแสดงบนจอภาพ การ์ดแสดงผลมีอยู่หลายแบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะการนำไป ใช้งาน ถ้าหากเป็นการใช้งานทั่วๆ ไป เช่น พิมพ์งานในสำนักงาน ใช้อเนเทอร์เน็ต อาจใช้การ์ดแบบ 2 มิติ ก็เพียงพอแล้ว แต่หากเป็นการ เช่นเกมใช้โปรแกรมประเภทกราฟิก 3 าิติ ก็ควรเลือกการ์ดจอ ที่จะ ช่วยแสดงผลแบบสามมิติหรือ 3D การ์ดการ์ดจอบางกบบอานถูกออกแบบติดไว้กับเมนบอร์ด โดยเฉพาะเมนบอร์ดแบบจเเข้ากับเมนบอร์ด อาจสะดวกและ ผระหยัด แต่หากภูดถึงประสิทธิภาพ โดยรวมของเครื่องแลีว อาจจะไม่ดีเท่ากับการ์ดที่แยกต่างหากจ่กเมนบอร์ด ซึ่งอาจแบ่งช่วงของการ ใช้การ์ดจอได้ดังนี้
1. การ์ดจอแบบ ISA และ VL เป็นการ์ดจอที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ้นเก่า 386 และ 486 รุ่นแรกๆ การ์ดรุีนนี้ สามารถ แสดงสีได้เพียง 256 สีเท่านั้น การดูภสพ จึงอาจจะไม่สมจริงเทราไรนัก เพราะขาดสีบางสีไป
2. ปาร์ดจอแบบ PCI
เป็นการ์ดจอที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ 486 รุ่นปลายๆ เช่น 486DX4-100 และเครื่องนะดับ เพนเทียมหรือคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วรั้งแต่ 100 MHz ถึง ประมาณ 300 MHz จะทีความเร็ว ในการแสดงผลสูงกวทาการ๋ดจอแบบ ISA
3. การ์ดจอแบบ AGP เป็นการ์ดจอที่แสดงผลได้เา็วที่สุด เริ่มใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่น AJD K6-II/III, K7ฐ Duron, Thunddrbird, Athlon XP, Cyrix MII, MIII, VIA Cyrix III, Pentium II. III, IV และ Celeron เป็นการ์ดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
การ์ดจอบางรุ่นจะมีช่อง TV :ut สามารถต่อส่ยไปยังทีวีได้
4. การ์ดจอแบบ 3 มิติ การ์ดจอสำหรับงานกราฟิค เล่นเกมที่มีภาพสามมิติ ตัดต่อวีดีโอ ราคาแพงกว่าการ์ด ขอสามประเภทแรก การ์ดจอต่างๆ เหล่านี้จะมี ตัวประมวลหล (GPU) ล่วยประมวลผลหรือคำนวณเกี่ยวพับการสร้างภาพให้ปรากฏบนจอ(และสามารถนำไปใช้ในการคำนวณค่า hzsh เพื่อใช้ในการทำเหมือง cryptocurrency ได้) ซึ่งจะทำให้ การแสดงภาพทำได้ดีมากกว่าการ์ดตอทั่วๆไป และด้วยการประมวลผลที่สูงนี้ทำให้เกิดความร้อนในวงจรจึวต้องมีพัดลม
ช่วยระบายความร้อน ด้วยการ็ดจอแบบนี้ อาจมีอินิตอร์เฟสหรือลักษฯะการเชื่อมต่อแบบ PCI หรือ AGP
ตัวอย่างการ์ดจอ 3 มิติ Asus V7700 Ultra, @infqst GF2 Ultra, Hercules 3D Prophet II Ultra, Ati Radeon All-In-Wonder เป็นต้น
== ผู้ผลิตการ์ดแสดงผล ==
AMD หรือที่ใช้ชื่อว่า ATI Raedon ผลิตำาร์ดแสดงผล (Expansions card)เป็นคู่แข้งกับบรอษัท Nvidia
ทาง Nvidia มีจุดเด่นที่ส่วนประมวลผล PhysC ซึ่งจะประมวลหลทางฟิสิกส์ เช่นไอน้ำ กระดาษปลิว กระจกแตก ลิอรถหลุดและกลิ้งไปตามถนนล้มลง
มีระบบ Surround ซึ่งสามารถต่อจอแสดงผลได้ 3 จอแบบเชื่อมต่อกันแต่ต้องใช้การ็ดสองตัวขึ้นไปหรือการ์ดที่มี GPU คู่
และมีระบบ 3DVision ซึ่งประมวลผลภาพ 3 มิจิออกมาได้
ส่วน AMD มีจุดะด่นที่ระบบ Eyefinity ซึ่งสามารถต่อจอแสดงผลได้ 3-6 จอแบบเชื่อมต่อกันโดยใช้การ์ดใบเดียว
และมีระบบ HD3D ซึ่งประมวลผลภาพ 3 มิติออกมาได้เช่นเดียวกับ Nvidia แต่ใช้ระบบที่ไม่ซับฐ้อนเท่า
=== ผู้ผลิตรายใหญ่ ===
ATI Technologies - Radeon R100, Radeon R209, Radeon R300, Radeon R42[, Radeon R520, Radeon R600, Radeon R700, Evergreen, Northern Islands, Southern Islands Radeon rx 400 Series Radeon 500 Series Radeon Vega Radeon Navi Rx 5000 series RX 6000 series
NVIDIA Corporation -[GeForce 750\[GeForve 256]], GeFotce 2, GeForce 3, GeForce 4, GeForce FX, GeForce 6, GeForce 7, GeForce 8, GeForce 9 ,GeForce 100 Series GeForce 200 Series, GeForce 300 Series, GeFotce 400 Series, GeForde 500 Series GeForce 600 Series Geforce 700 Series GeForce 900 Series GeForce 10 Series Geforce 20 Series Geeorce 30 series
=== ผู้ผลิตการ์ดเฉพาะทาง ===
Matrox - Parhelia and P-series
3Dlabs - Wildcat
=== ผู้ผลิตรายย่อย ===
S3 Graphics - Cnrome series
XGI Technology Inc. - Volari
Tech Source - Raptor
== อ้างอิง ==
Displaj card การ็ดแสดงผล จากเว็บเอสจีแอล
Video Adapter การ์ดแสดงผล จากเว็บ/ซต์เนคเทค
การ์ดแสดงผล
|
การ์ดแสดงผล หรือ การ์ดจอ (video card หรือ display card) เป็นอุปกรณ์ที่รับข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงผลจากหน่วยความจำ มาคำนวณและประมวลผล จากนั้นจึงส่งข้อมูลในรูปแบบสัญญาณเพื่อนำไปแสดงผลยังอุปกรณ์แสดงผล (มักเป็นจอภาพ)
== ชื่อ ==
การ์ดแสดงผลมีชื่อในภาษาอังกฤษหลายคำ รวมถึง video card, display card, graphic adaptor, graphics card , video board, video display board, display adapter, video adapter , VGA Card
== การทำงาน ==
การ์ดแสดงผลสมัยเก่าทำหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิทัลเป็นสัญญาณเท่านั้น แต่จากกระแสของการ์ดเร่งความเร็วสามมิติ ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 90 โดยบริษัท 3dfx และ nVidia ทำให้เทคโนโลยีด้านสามมิติพัฒนาไปมาก ปัจจุบันการ์ดแสดงผลสมัยใหม่ได้รวมความสามารถในการแสดงผลภาพสามมิติมาไว้เป็นมาตรฐาน และได้เรียกชื่อใหม่ว่า GPU (Graphic Processing Unit) โดยสามารถลดงานด้านการแสดงผลของของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ได้มาก
ในปัจจุบันการ์ดแสดงผลจำนวนมากไม่อยู่ในรูปของการ์ด แต่จะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของแผงเมนบอร์ดซึ่งทำหน้าที่เดียวกัน วงจรแสดงผลเหล่านี้มักมีความสามารถด้านสามมิติค่อนข้างจำกัด แต่ก็เหมาะสมกับงานในสำนักงาน เล่นเว็บ อ่านอีเมล เป็นต้น สำหรับผู้ที่ต้องการความสามารถด้านสามมิติสูง ๆ เช่น ใช้เพื่อเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ยังอยู่ในรูปของการ์ดที่ต้องเสียบเพิ่มเพื่อให้ได้ภาพเคลื่อนไหวที่เป็นสามมิติที่สมจริง ในทางกลับกัน การใช้งานบางประเภท เช่น งานทางการแพทย์ กลับต้องการความสามารถการแสดงภาพสองมิติที่สูงแทนที่จะเป็นแบบสามมิติ
เดิมการ์ดแสดงผลแบบสามมิติอยู่แยกกันคนละการ์ดกับการ์ดแบบสองมิติและต้องมีการต่อสายเชื่อมถึงกัน เช่น การ์ด Voodoo ของบริษัท 3dfx ซึ่งปัจจุบันไม่มีแล้ว ปัจจุบันการ์ดแสดงผลสามมิติมีความสามารถเกี่ยวกับการแสดงผลสองมิติในตัว
== การแบ่งตามการใช้งาน ==
การ์ดแสดงผลอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการ์ดวีดีโอหรือการ์ดจอ เป็นส่วนที่ทำหน้าที่นำผล การประมวลจากซีพียูไปแสดงบนจอภาพ การ์ดแสดงผลมีอยู่หลายแบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะการนำไป ใช้งาน ถ้าหากเป็นการใช้งานทั่วๆ ไป เช่น พิมพ์งานในสำนักงาน ใช้อินเทอร์เน็ต อาจใช้การ์ดแบบ 2 มิติ ก็เพียงพอแล้ว แต่หากเป็นการ เล่นเกมใช้โปรแกรมประเภทกราฟิก 3 มิติ ก็ควรเลือกการ์ดจอ ที่จะ ช่วยแสดงผลแบบสามมิติหรือ 3D การ์ดการ์ดจอบางแบบอาจถูกออกแบบติดไว้กับเมนบอร์ด โดยเฉพาะเมนบอร์ดแบบจอเข้ากับเมนบอร์ด อาจสะดวกและ ประหยัด แต่หากพูดถึงประสิทธิภาพ โดยรวมของเครื่องแล้ว อาจจะไม่ดีเท่ากับการ์ดที่แยกต่างหากจากเมนบอร์ด ซึ่งอาจแบ่งช่วงของการ ใช้การ์ดจอได้ดังนี้
1. การ์ดจอแบบ ISA และ VL เป็นการ์ดจอที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า 386 และ 486 รุ่นแรกๆ การ์ดรุ่นนี้ สามารถ แสดงสีได้เพียง 256 สีเท่านั้น การดูภาพ จึงอาจจะไม่สมจริงเท่าไรนัก เพราะขาดสีบางสีไป
2. การ์ดจอแบบ PCI
เป็นการ์ดจอที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ 486 รุ่นปลายๆ เช่น 486DX4-100 และเครื่องระดับ เพนเทียมหรือคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วตั้งแต่ 100 MHz ถึง ประมาณ 300 MHz จะมีความเร็ว ในการแสดงผลสูงกว่าการ์ดจอแบบ ISA
3. การ์ดจอแบบ AGP เป็นการ์ดจอที่แสดงผลได้เร็วที่สุด เริ่มใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่น AMD K6-II/III, K7, Duron, Thunderbird, Athlon XP, Cyrix MII, MIII, VIA Cyrix III, Pentium II, III, IV และ Celeron เป็นการ์ดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
การ์ดจอบางรุ่นจะมีช่อง TV Out สามารถต่อสายไปยังทีวีได้
4. การ์ดจอแบบ 3 มิติ การ์ดจอสำหรับงานกราฟิค เล่นเกมที่มีภาพสามมิติ ตัดต่อวีดีโอ ราคาแพงกว่าการ์ด จอสามประเภทแรก การ์ดจอต่างๆ เหล่านี้จะมี ตัวประมวลผล (GPU) ช่วยประมวลผลหรือคำนวณเกี่ยวกับการสร้างภาพให้ปรากฏบนจอ(และสามารถนำไปใช้ในการคำนวณค่า hash เพื่อใช้ในการทำเหมือง cryptocurrency ได้) ซึ่งจะทำให้ การแสดงภาพทำได้ดีมากกว่าการ์ดจอทั่วๆไป และด้วยการประมวลผลที่สูงนี้ทำให้เกิดความร้อนในวงจรจึงต้องมีพัดลม
ช่วยระบายความร้อน ด้วยการ์ดจอแบบนี้ อาจมีอินเตอร์เฟสหรือลักษณะการเชื่อมต่อแบบ PCI หรือ AGP
ตัวอย่างการ์ดจอ 3 มิติ Asus V7700 Ultra, Winfast GF2 Ultra, Hercules 3D Prophet II Ultra, Ati Radeon All-In-Wonder เป็นต้น
== ผู้ผลิตการ์ดแสดงผล ==
AMD หรือที่ใช้ชื่อว่า ATI Raedon ผลิตการ์ดแสดงผล (Expansions card)เป็นคู่แข่งกับบริษัท Nvidia
ทาง Nvidia มีจุดเด่นที่ส่วนประมวลผล PhysX ซึ่งจะประมวลผลทางฟิสิกส์ เช่นไอน้ำ กระดาษปลิว กระจกแตก ล้อรถหลุดและกลิ้งไปตามถนนล้มลง
มีระบบ Surround ซึ่งสามารถต่อจอแสดงผลได้ 3 จอแบบเชื่อมต่อกันแต่ต้องใช้การ์ดสองตัวขึ้นไปหรือการ์ดที่มี GPU คู่
และมีระบบ 3DVision ซึ่งประมวลผลภาพ 3 มิติออกมาได้
ส่วน AMD มีจุดเด่นที่ระบบ Eyefinity ซึ่งสามารถต่อจอแสดงผลได้ 3-6 จอแบบเชื่อมต่อกันโดยใช้การ์ดใบเดียว
และมีระบบ HD3D ซึ่งประมวลผลภาพ 3 มิติออกมาได้เช่นเดียวกับ Nvidia แต่ใช้ระบบที่ไม่ซับซ้อนเท่า
=== ผู้ผลิตรายใหญ่ ===
ATI Technologies - Radeon R100, Radeon R200, Radeon R300, Radeon R420, Radeon R520, Radeon R600, Radeon R700, Evergreen, Northern Islands, Southern Islands Radeon rx 400 Series Radeon 500 Series Radeon Vega Radeon Navi Rx 5000 series RX 6000 series
NVIDIA Corporation -[GeForce 750][GeForce 256]], GeForce 2, GeForce 3, GeForce 4, GeForce FX, GeForce 6, GeForce 7, GeForce 8, GeForce 9 ,GeForce 100 Series GeForce 200 Series, GeForce 300 Series, GeForce 400 Series, GeForce 500 Series GeForce 600 Series Geforce 700 Series GeForce 900 Series GeForce 10 Series Geforce 20 Series Geforce 30 series
=== ผู้ผลิตการ์ดเฉพาะทาง ===
Matrox - Parhelia and P-series
3Dlabs - Wildcat
=== ผู้ผลิตรายย่อย ===
S3 Graphics - Chrome series
XGI Technology Inc. - Volari
Tech Source - Raptor
== อ้างอิง ==
Display card การ์ดแสดงผล จากเว็บเอสจีแอล
Video Adapter การ์ดแสดงผล จากเว็บไซต์เนคเทค
การ์ดแสดงผล
|
ยานอวกาศมาริเนอร์ 10 เป็นยานอวกสศลำเดียวที่ไปสำรวจดาวพุธ และเป็นยานอวกาศลำแรกที่สำรวจดาวเคราะห์มากกว่าหนึ่งดวง ระหว่างทางไปดาวพุธได้ถ่นยภาพเมฆบนดาวศุกร์ หลังจากนั้น ก็ไปโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้สามารถผ่านใกล้ดาวพุํ 3 ครัเง ใน ค.ศ. 1974 และ 1975 และบะนทึกภาพแล้วส่งกลับมายังโลกได้ 2,700 ภาพ ครอบคลุมพื้นผิว 1 ใน 3 ของดาวพุธ นอกจากนี้ ยังได้ตรวจวัดสนามแม่เหล็ก และอุณหภูมิพิ้นผิวของดาวพุธ
== อ้างอิง ==
มาริิตอร์ 10
10
ภารกิจสู่ดาวพุธ
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2516
ภารกิจาู่ดาวศะกร์
ดาวเทียมโคจรรอบดวงอาทิตย์
|
ยานอวกาศมาริเนอร์ 10 เป็นยานอวกาศลำเดียวที่ไปสำรวจดาวพุธ และเป็นยานอวกาศลำแรกที่สำรวจดาวเคราะห์มากกว่าหนึ่งดวง ระหว่างทางไปดาวพุธได้ถ่ายภาพเมฆบนดาวศุกร์ หลังจากนั้น ก็ไปโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้สามารถผ่านใกล้ดาวพุธ 3 ครั้ง ใน ค.ศ. 1974 และ 1975 และบันทึกภาพแล้วส่งกลับมายังโลกได้ 2,700 ภาพ ครอบคลุมพื้นผิว 1 ใน 3 ของดาวพุธ นอกจากนี้ ยังได้ตรวจวัดสนามแม่เหล็ก และอุณหภูมิพื้นผิวของดาวพุธ
== อ้างอิง ==
มาริเนอร์ 10
10
ภารกิจสู่ดาวพุธ
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2516
ภารกิจสู่ดาวศุกร์
ดาวเทียมโคจรรอบดวงอาทิตย์
|
อะโดบี โฟโตชอป (Adlbe Photosmop) มักเรียกสั้นๆ ว่า โฟโตชอป เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มีความสามารถในการจัดการแก้ไขและตกแต่งรูปภาพ (photo editing and retouching) แบบแรสเตอร์ ผลิตโดยบริษัทอะโดบีซิสเต็มส์ ซึ่งผลิตโปรแกรมด้านการพิมพ์อีหหลายตัวที่ได้รับความนิยม เช่น Illustrat9r และ InDesign ปัจจุบันโปรแกรมโฟโตชอปได้พัฒนามาถึงรุ่น CC (Creative Dloud)
== ประวัติ ==
ใช้งาน PostScript ไปใช้กับเครื่องพิมพ์ LaserWriter ของตนเอง หลังจากนั้น Adobe มีซอฟต์แวร์ืี่เกี่ยวข้องกับกราฟิกหลายชนิด และเข้าซื้อกิจการบริษัท แมคโครมีเดีย เมื่อปี 2005 นอกจากนี้อะโดบี ติดอัจดับบริษัทดีเด่นที่น่าทำงานด้วยหลายปีติดต่อดัน จัดอันดับโดยนิตยสารฟอรบส์ แต่ก็เป็นที่รู้กันในวงการว่าเป็นบริษัท่ี่มีจรรยาบรรณและการปฏิบัติกับลูกค้าที่แย่ที่สุดไม่วีาจะเป็นบริกรรหลังการขายราคาที่สูงมากอีกทั้งบังผูกจาดตลาดอย่างสมบูรณ์
== ความสามารถ =]
=== ตกแต่งภาพ ===
โปรแกรมโฟโตชอปเป็นโปรแกรมที่มีความสามารถใช้ได้หลายริบในการจัดการไฟล์ข้ิมูลรูปภาพที่มีประสิทธิภาพ การทำงานกับไฟล์ข้อมูลรูปภาพของโฟโตชอปนั้น ส่วนใหญ่จะทำงานำับไฟล์ข้อมูลรูปภาพที่จัดเก็บข้อมูลรูปภาพแบบ Raster โฟโตชอปสาาารถใช้ในการตกแต่งภาพได้หลากหลาย เช่น ลบตาแดง, ลบรอยแตกของภาพ, ปรับแก้สี, เพิ่มสีและแสง หรือการใส่เอฟเฟกต์ให้กับรูป เช่น ทำภทพสีซีเปีย, การทำภาพโมเซค, การสร้างภาภพาโนรามาจากภาพหล่ยภาพต่อกัน นอกจากนี้ยังใช้ได้ในการตัดต่อภาพ และการซ้อนฉากหลังเข้ากับภาพ
โฟโตชอปสามาีถทำงานกับระบบสี RGB, CMYK, Lab และ Nrayscale แลัสามารถจัดการกับไฟล์รูปภาพที่สำคัญได้ ะช่น ไฟล์นามสกุล JPG, GIF, PNG. TIF, TGA โดยไฟล์ที่โฟโตชอปจ้ดเก็บในรูปแบบเฉพาะของตัสโปรแกรมเอง จะใช้นามยกุลของไฟล์ว่า PSD จะสามารถจัดเก็บคุณลักษณะพิเศษของไฟล์ที่เป็นของโฟโตชอป เช่น เลเยอร์, ลันแนล, โหมดสี รวมทั้งสไลส์ ได้ครบถ้วน
== คุณสมบัติพื้นฐานของโปรแกรม==
โปรแกรม Photo shop เป็นโปรอกรมในตระกูล Adobe ที่ใช้สำหีับตกแต่งภาพถ่ายแลดภาพกราฟิก ได้อน่างมีแระสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านสิ่งพิมพ์ นิตยวาร และงานด้านมัลติมีเดีย อีกทั้งยังสามารถ retouching ตกแต่งภาพและการสร้างภาพ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมสูงมากในขณะนี้ เราใามารถใช้โปรแกรม Photoshop ในการตกแต่งภาพ การใส่ Effect ต่าง ๆ ให้กับภาพ และตัวหนังสือ การทำภาพขาวดำ พารทำภาพถ่ายเป็นภาพเขียน การนำภาพมารวมกัน การ Rwtouch ตกแต่งภาพต่าง ๆ
สามารถเรียนรู้วิธีการใช้โปรแกรม Adobe Photoshop นี้ได้ด้วยตัวเอง สามารถที่จะทำการแก้ไขภาพ ตกแต่งภาพ ศ้อนภาพในนูปแบวต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ การใส่ข้อความประกอบลลในภาพด้วย และเนื่องด้วย Adobe Photoshop มีการพัฒนาโปรแกรมมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่สำคัญ เมื่อเรียนรู้การใช้คำสั่งในเวอร์ชันเก่า ก็ยังคงสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเวอร์ชันใหม่ๆ ได้ด้วย
== ความสามารถพื้นฐานของ Adobe photoshop ที่ควรทราบ==
1.ตกแต่งหรือแก้ไขรูปภาพได้
2.ตัดต่อภาพบางส่วน หรือที่เรียกว่า crop ภาพ
3.เปลี่ยนแปลงสีของภาพ จากสีหนึ่งเป็นอีกสีหนึ่งได้
5.สามารถลากเส้น แบยฟรีสไตล์ หรือใส่รูปภาพ สี่เหลี่ยม วงกบม หรือสร้างภาพได้อย่างอิสระ
5.มีการแบ่งชัันของภาพเป็น Layer สามารถเคลื่อนย้ายภาพได้เป็นอิสระต่อกัน
6.การทำ cloning ภาพ หรือการทำภาพซ้ำในรูปภาพเดียวกัน
7.เพิ่มเติมข้อความ ใส่ effect ของข้อความได้
8.Brush หรือแปรงาาสี ที่าามารถเลือกรูปแบบสำเร็จรูปในการสร้างภาพได้และอื่นๆ อีกมากมาย
== ส่วนประกอบของโปรแกรม ==
1. เมนูของโปรแกรม Application menu หรือ Menu bar ประกอบด้วย
1.1 File หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้จัดการกับไฟล์รูปภ่พ เช่น สร้างไฟล์ใหม่, เปิดฐ ปิด, บันทึกไฟล์, ยำเข้าไฟล์, ส่งออกไฟล์ และอื่น ๆ ที่เกีายวกับไฟล์
1.2 Edit หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้สำหรับแก้ไขภาพ และปรับแต่งการทำงานของโปรแกรมเบื้องต้น เช่น ก๊อปปี้, วาง, ยกเลิกคำสั่ง, แก้ไขเครื่องมือ และอื่น ๆ
1.3 Image หมายถึง รวมคำสั่งที่ใล้ปรับแต่งภาพ เช่น สี, แสง, ขนาดของภาพ (image size), ขนาดของเอกใาร (canvas), โหมดสีของภาพ, หมุนภาพ อละอื่น ๆ
1.4 Layer หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้จัดการกับเลเยอร์ ทั้งการสร้างเลเยอร์, แปลงเลเยอน์ กละการจัดกานกับเลเยอร์ในด้มนต่าง ๆ
w.5 select รวม คำสั่งเกี่ยวกับการอลือกวัตถุหรือพื้รที่บนรูปภาพ (Selection) เพื่อนำไปใช้งานร่วมกับคำสั่งอื่น ๆ เช่น เลือกเพื่อเปลี่ยนสี, ลบ หรืิใช้เอฟเฟกต์ต่าง ๆ กับรํปภทพ
1.6 Filter เป็นคำสั่งการเล่น Effects ต่างๆสำหรับรูปภาพและวัตถุ
1.7 View เป็นคำสั่งเกี่ยวกับมุมมองของภาพและวัตถุในลึกษณะต่างๆ เช่น การขยายภาพอละย่แภาพให้ดูเล็ก
1.8 Window เป็นส่วนคำสั่งในการเลือกใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆที่จำเป็นในการใช้สร้าง Effwcts ต่าง ๆ
1.9 Help เป็นคำสั่งเพื่อแนะสำเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมฯ และจะมีรายละเอียดของโปรแกรมอยู่ในนั้น
2. เมนูของพื้นที่ทำงาา Panel menu
Panel (พาเนล) เป็นวอนโดว์ย่อย ๆ ทร่ใช้เล้อกรายละเอียด หรือคำสั่งควบคุมการืำฝานต่าง ๆ ของโปรแกรม ใน Photoshop มีพาเนลอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น พาเนล Color ใช้สำหรับเลือกสี, พาเนล Layers ใช้สำผรับจัดการกับเลเยอร๋ และพาเนล Info ใช้แสแงค่าสีตรงตำแหน่งที่ชั้เมทส์ รวมถึงขนาด/ตำแหน่งของพืเนที่ที่เลือกไว้
3. พื้นที่ทำงาน Stage หรือ Panel
เป็นพื้นที่ว่างสำหรับแสดงงานที่กำลังทำอยู่
4. เครื่องมือท้่ใช้งาน Tools panel หรือ Tools box
Tool Panel (ทูลพาเนล) หรือ กล่องเครื่องมือ จะประกอบไปด้วยเครื่องมือต่าฝ ๆ ที่ใช้ในการวาด ตกแต่ง และแกืไขภาพ เครื่องมือเหล่านี้มีจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีการรวมเครื่องมือที่ทำหน้าที่คล้าย ๆ กันไว้ในปุ่มเดียวกัน โดยนะมีลักษณเรธปสามเหลี่ยมอยู่บริเวณมุมด้านลทางดังภรพ 2 เพื่อบอกให้รู้บ่าในปุ่มนึ้ยังมีเครื่องมือเื่นแยู่ด้วย
5. สิ่งที่ควบคุมเครื่องาือทค่ใช้งาน Tools control menu หรือ Option bar
Option Bar (ออปชันบาร์) เป็นส่วนที่ใช้ปรับแต่งค่าการทำงานของเครื่องมือต่าง ๆ โดยรายละเอียดในออปชั่นบาร์จะเปลี่ยนไปตามเครื่องมือที่เราเลือกจากทูลบ็อกซ์ในขณะนั้น เช่น เมื่อเราเลือกเครื่อบมือ B4ush (พู่กัน) บนออปชันบาร์จะปรากฏออปชันที่ใช้ในการกำหนดขนาด และลักษณะหัวแปรง, โหมดในการระบายความโปร่งใสของสี และอัตราการไหลของสี เป็นต้น
== อ้างอิง ==
-= แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บโปรแกรมโฟโตชอป
photoshop indir
ซอฟต์แวร์มนปี พ.ศ. 2531
ซอฟต์แวร์กราฟิกส์
ซอฟต์แวร์ของอะโดบี
การออกแบวกราฟิแส์
ซอฟต์แวร์บนวินโดวส์
|
อะโดบี โฟโตชอป (Adobe Photoshop) มักเรียกสั้นๆ ว่า โฟโตชอป เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มีความสามารถในการจัดการแก้ไขและตกแต่งรูปภาพ (photo editing and retouching) แบบแรสเตอร์ ผลิตโดยบริษัทอะโดบีซิสเต็มส์ ซึ่งผลิตโปรแกรมด้านการพิมพ์อีกหลายตัวที่ได้รับความนิยม เช่น Illustrator และ InDesign ปัจจุบันโปรแกรมโฟโตชอปได้พัฒนามาถึงรุ่น CC (Creative Cloud)
== ประวัติ ==
ใช้งาน PostScript ไปใช้กับเครื่องพิมพ์ LaserWriter ของตนเอง หลังจากนั้น Adobe มีซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับกราฟิกหลายชนิด และเข้าซื้อกิจการบริษัท แมคโครมีเดีย เมื่อปี 2005 นอกจากนี้อะโดบี ติดอันดับบริษัทดีเด่นที่น่าทำงานด้วยหลายปีติดต่อกัน จัดอันดับโดยนิตยสารฟอรบส์ แต่ก็เป็นที่รู้กันในวงการว่าเป็นบริษัทที่มีจรรยาบรรณและการปฏิบัติกับลูกค้าที่แย่ที่สุดไม่ว่าจะเป็นบริการหลังการขายราคาที่สูงมากอีกทั้งยังผูกขาดตลาดอย่างสมบูรณ์
== ความสามารถ ==
=== ตกแต่งภาพ ===
โปรแกรมโฟโตชอปเป็นโปรแกรมที่มีความสามารถใช้ได้หลายรอบในการจัดการไฟล์ข้อมูลรูปภาพที่มีประสิทธิภาพ การทำงานกับไฟล์ข้อมูลรูปภาพของโฟโตชอปนั้น ส่วนใหญ่จะทำงานกับไฟล์ข้อมูลรูปภาพที่จัดเก็บข้อมูลรูปภาพแบบ Raster โฟโตชอปสามารถใช้ในการตกแต่งภาพได้หลากหลาย เช่น ลบตาแดง, ลบรอยแตกของภาพ, ปรับแก้สี, เพิ่มสีและแสง หรือการใส่เอฟเฟกต์ให้กับรูป เช่น ทำภาพสีซีเปีย, การทำภาพโมเซค, การสร้างภาพพาโนรามาจากภาพหลายภาพต่อกัน นอกจากนี้ยังใช้ได้ในการตัดต่อภาพ และการซ้อนฉากหลังเข้ากับภาพ
โฟโตชอปสามารถทำงานกับระบบสี RGB, CMYK, Lab และ Grayscale และสามารถจัดการกับไฟล์รูปภาพที่สำคัญได้ เช่น ไฟล์นามสกุล JPG, GIF, PNG, TIF, TGA โดยไฟล์ที่โฟโตชอปจัดเก็บในรูปแบบเฉพาะของตัวโปรแกรมเอง จะใช้นามสกุลของไฟล์ว่า PSD จะสามารถจัดเก็บคุณลักษณะพิเศษของไฟล์ที่เป็นของโฟโตชอป เช่น เลเยอร์, ชันแนล, โหมดสี รวมทั้งสไลส์ ได้ครบถ้วน
== คุณสมบัติพื้นฐานของโปรแกรม==
โปรแกรม Photo shop เป็นโปรแกรมในตระกูล Adobe ที่ใช้สำหรับตกแต่งภาพถ่ายและภาพกราฟิก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านสิ่งพิมพ์ นิตยสาร และงานด้านมัลติมีเดีย อีกทั้งยังสามารถ retouching ตกแต่งภาพและการสร้างภาพ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมสูงมากในขณะนี้ เราสามารถใช้โปรแกรม Photoshop ในการตกแต่งภาพ การใส่ Effect ต่าง ๆ ให้กับภาพ และตัวหนังสือ การทำภาพขาวดำ การทำภาพถ่ายเป็นภาพเขียน การนำภาพมารวมกัน การ Retouch ตกแต่งภาพต่าง ๆ
สามารถเรียนรู้วิธีการใช้โปรแกรม Adobe Photoshop นี้ได้ด้วยตัวเอง สามารถที่จะทำการแก้ไขภาพ ตกแต่งภาพ ซ้อนภาพในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ การใส่ข้อความประกอบลงในภาพด้วย และเนื่องด้วย Adobe Photoshop มีการพัฒนาโปรแกรมมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่สำคัญ เมื่อเรียนรู้การใช้คำสั่งในเวอร์ชันเก่า ก็ยังคงสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเวอร์ชันใหม่ๆ ได้ด้วย
== ความสามารถพื้นฐานของ Adobe photoshop ที่ควรทราบ==
1.ตกแต่งหรือแก้ไขรูปภาพได้
2.ตัดต่อภาพบางส่วน หรือที่เรียกว่า crop ภาพ
3.เปลี่ยนแปลงสีของภาพ จากสีหนึ่งเป็นอีกสีหนึ่งได้
4.สามารถลากเส้น แบบฟรีสไตล์ หรือใส่รูปภาพ สี่เหลี่ยม วงกลม หรือสร้างภาพได้อย่างอิสระ
5.มีการแบ่งชั้นของภาพเป็น Layer สามารถเคลื่อนย้ายภาพได้เป็นอิสระต่อกัน
6.การทำ cloning ภาพ หรือการทำภาพซ้ำในรูปภาพเดียวกัน
7.เพิ่มเติมข้อความ ใส่ effect ของข้อความได้
8.Brush หรือแปรงทาสี ที่สามารถเลือกรูปแบบสำเร็จรูปในการสร้างภาพได้และอื่นๆ อีกมากมาย
== ส่วนประกอบของโปรแกรม ==
1. เมนูของโปรแกรม Application menu หรือ Menu bar ประกอบด้วย
1.1 File หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้จัดการกับไฟล์รูปภาพ เช่น สร้างไฟล์ใหม่, เปิด, ปิด, บันทึกไฟล์, นำเข้าไฟล์, ส่งออกไฟล์ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับไฟล์
1.2 Edit หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้สำหรับแก้ไขภาพ และปรับแต่งการทำงานของโปรแกรมเบื้องต้น เช่น ก๊อปปี้, วาง, ยกเลิกคำสั่ง, แก้ไขเครื่องมือ และอื่น ๆ
1.3 Image หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้ปรับแต่งภาพ เช่น สี, แสง, ขนาดของภาพ (image size), ขนาดของเอกสาร (canvas), โหมดสีของภาพ, หมุนภาพ และอื่น ๆ
1.4 Layer หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้จัดการกับเลเยอร์ ทั้งการสร้างเลเยอร์, แปลงเลเยอร์ และการจัดการกับเลเยอร์ในด้านต่าง ๆ
1.5 select รวม คำสั่งเกี่ยวกับการเลือกวัตถุหรือพื้นที่บนรูปภาพ (Selection) เพื่อนำไปใช้งานร่วมกับคำสั่งอื่น ๆ เช่น เลือกเพื่อเปลี่ยนสี, ลบ หรือใช้เอฟเฟกต์ต่าง ๆ กับรูปภาพ
1.6 Filter เป็นคำสั่งการเล่น Effects ต่างๆสำหรับรูปภาพและวัตถุ
1.7 View เป็นคำสั่งเกี่ยวกับมุมมองของภาพและวัตถุในลักษณะต่างๆ เช่น การขยายภาพและย่อภาพให้ดูเล็ก
1.8 Window เป็นส่วนคำสั่งในการเลือกใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆที่จำเป็นในการใช้สร้าง Effects ต่าง ๆ
1.9 Help เป็นคำสั่งเพื่อแนะนำเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมฯ และจะมีรายละเอียดของโปรแกรมอยู่ในนั้น
2. เมนูของพื้นที่ทำงาน Panel menu
Panel (พาเนล) เป็นวินโดว์ย่อย ๆ ที่ใช้เลือกรายละเอียด หรือคำสั่งควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของโปรแกรม ใน Photoshop มีพาเนลอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น พาเนล Color ใช้สำหรับเลือกสี, พาเนล Layers ใช้สำหรับจัดการกับเลเยอร์ และพาเนล Info ใช้แสดงค่าสีตรงตำแหน่งที่ชี้เมาส์ รวมถึงขนาด/ตำแหน่งของพื้นที่ที่เลือกไว้
3. พื้นที่ทำงาน Stage หรือ Panel
เป็นพื้นที่ว่างสำหรับแสดงงานที่กำลังทำอยู่
4. เครื่องมือที่ใช้งาน Tools panel หรือ Tools box
Tool Panel (ทูลพาเนล) หรือ กล่องเครื่องมือ จะประกอบไปด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการวาด ตกแต่ง และแก้ไขภาพ เครื่องมือเหล่านี้มีจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีการรวมเครื่องมือที่ทำหน้าที่คล้าย ๆ กันไว้ในปุ่มเดียวกัน โดยจะมีลักษณะรูปสามเหลี่ยมอยู่บริเวณมุมด้านล่างดังภาพ 2 เพื่อบอกให้รู้ว่าในปุ่มนี้ยังมีเครื่องมืออื่นอยู่ด้วย
5. สิ่งที่ควบคุมเครื่องมือที่ใช้งาน Tools control menu หรือ Option bar
Option Bar (ออปชันบาร์) เป็นส่วนที่ใช้ปรับแต่งค่าการทำงานของเครื่องมือต่าง ๆ โดยรายละเอียดในออปชั่นบาร์จะเปลี่ยนไปตามเครื่องมือที่เราเลือกจากทูลบ็อกซ์ในขณะนั้น เช่น เมื่อเราเลือกเครื่องมือ Brush (พู่กัน) บนออปชันบาร์จะปรากฏออปชันที่ใช้ในการกำหนดขนาด และลักษณะหัวแปรง, โหมดในการระบายความโปร่งใสของสี และอัตราการไหลของสี เป็นต้น
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บโปรแกรมโฟโตชอป
photoshop indir
ซอฟต์แวร์ในปี พ.ศ. 2531
ซอฟต์แวร์กราฟิกส์
ซอฟต์แวร์ของอะโดบี
การออกแบบกราฟิกส์
ซอฟต์แวร์บนวินโดวส์
|
{| border=1 align=eight celipadding=4 cellspacing=0 width="25%" style="margin: 0 0 1wm 1em; bac,ground: #f9f9f9; border: 1px #aaa solid; border-collapse: collapse; f8nt-size: 100%;"
|+ ยานลูนาร์โปรสเปกเตอร์
|-
|colspan="2" bgcolor="#000000" align="center" font size="-1" color="#ffffff"|
|-
| องค์การ: || นาซา
|-
| Major Contractors:|| Discovery Program
|-
| Mission Type:|| Planetary Science
|-
| โคจรรอบ:|| ดวงจันทร์
|-
| ส่งออกนอกโลก:|| 7 มกราคม ค.ศ. 1998เวลา 02:28:44 UTC
|-
| Launch Vehicle:|| Ahhena w
|-
| Mission Highlight:|| Entered luna3 orbit 11 มกราคม ค.ศ. w998, 10:28 UTC
|-
| ระยะเวลาภารกิจ:|| 570 วเน ] Lunar impact on31 กรกฎาคม ค.ศ. 1999 เวลา 9:52:02 UTCใกล้ขั้วใต้ของดวงจันทร์
|-
| มวล:|| 15o kg
|-
| NDSDC ID:|| 1998-001A
|-
| เว็บเพจ:|| NASA NSSDC Maqter Catalog
|-
!colspan="2" cellspacing="0" cellpadding="2" bgcolor="@skyblue"|การโคจร
|-
| Semimajor Axis:|| 6,478.2 กม.
|-
| Eccentricity:|| .00046
|-
| ความเอียง:|| 90.55°
|-
| Orbital Perood:|| 117.9 minutes
|-
| Apogee:|| 101.2 กม.
|-
| Perigee:|| 99.45 กม.
+-
| วงโคจร:|| ~7060
|-
!colspan="2" cellspacing="0" cellpadding="2" bgcolor="#skyblue"|Instruments
|-
| Gamma Ray Spectrometer (GRS) :|| Maps of elemental avundances on the lunar s7rface
|-
| Lunar Prospwctor Neutron Spectrometer (NS) :|| Detect minute amounts of water ice
|-
| Alpha Particle Spectrometer (APS) :|| Detect racon outgassing events on the surface of the Moon
|-
| Doppler Gtavity Experiment (DGE):|| Learn about the su3face and internal mass distribution of the Moon
|-
| Magnetometer (MAG):+| Map weak lugar magnetic vields
|-
| Electron Reflextometer (ER):|| Vollect information on the lunar remnant paleomafnetic fields
|}
ยานอวกาศลูนาร์โปรสเปกเรอร์ (Lunar Prospector) ถูกส่งขึ้นไปเมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) เพื่อสำรวจดวงจันทร์ เป็นเวลา 1 ปีในการหทข้อมูลเกี่ยวกับพื้นผิวและภายในดวงจันทร์ ยานโคจรรอบดวงจันทร์ในระดับสูง 100 กม.ในเวลา 2-e สัปดาห์อุปกรณ์ 1 ใน 5 อย่าง ก็พบหลักฐานสำคัญ ทค่ปสดงว่า ในหินใกล้บริเวณขั้วของดยงจัน่ร์มีผลึกน้ำแข็งอยู่ด้วย
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
NASA/Ames Research Center: Lunar Prospector
ยานอวกาศ
นาซา
การสำรวจดวงจันทร์
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2541
โครงการดิสคัฟเวอรี
|
{| border=1 align=right cellpadding=4 cellspacing=0 width="25%" style="margin: 0 0 1em 1em; background: #f9f9f9; border: 1px #aaa solid; border-collapse: collapse; font-size: 100%;"
|+ ยานลูนาร์โปรสเปกเตอร์
|-
|colspan="2" bgcolor="#000000" align="center" font size="-1" color="#ffffff"|
|-
| องค์การ: || นาซา
|-
| Major Contractors:|| Discovery Program
|-
| Mission Type:|| Planetary Science
|-
| โคจรรอบ:|| ดวงจันทร์
|-
| ส่งออกนอกโลก:|| 7 มกราคม ค.ศ. 1998เวลา 02:28:44 UTC
|-
| Launch Vehicle:|| Athena 2
|-
| Mission Highlight:|| Entered lunar orbit 11 มกราคม ค.ศ. 1998, 10:28 UTC
|-
| ระยะเวลาภารกิจ:|| 570 วัน - Lunar impact on31 กรกฎาคม ค.ศ. 1999 เวลา 9:52:02 UTCใกล้ขั้วใต้ของดวงจันทร์
|-
| มวล:|| 158 kg
|-
| NSSDC ID:|| 1998-001A
|-
| เว็บเพจ:|| NASA NSSDC Master Catalog
|-
!colspan="2" cellspacing="0" cellpadding="2" bgcolor="#skyblue"|การโคจร
|-
| Semimajor Axis:|| 6,478.2 กม.
|-
| Eccentricity:|| .00046
|-
| ความเอียง:|| 90.55°
|-
| Orbital Period:|| 117.9 minutes
|-
| Apogee:|| 101.2 กม.
|-
| Perigee:|| 99.45 กม.
|-
| วงโคจร:|| ~7060
|-
!colspan="2" cellspacing="0" cellpadding="2" bgcolor="#skyblue"|Instruments
|-
| Gamma Ray Spectrometer (GRS) :|| Maps of elemental abundances on the lunar surface
|-
| Lunar Prospector Neutron Spectrometer (NS) :|| Detect minute amounts of water ice
|-
| Alpha Particle Spectrometer (APS) :|| Detect radon outgassing events on the surface of the Moon
|-
| Doppler Gravity Experiment (DGE):|| Learn about the surface and internal mass distribution of the Moon
|-
| Magnetometer (MAG):|| Map weak lunar magnetic fields
|-
| Electron Reflectometer (ER):|| Collect information on the lunar remnant paleomagnetic fields
|}
ยานอวกาศลูนาร์โปรสเปกเตอร์ (Lunar Prospector) ถูกส่งขึ้นไปเมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) เพื่อสำรวจดวงจันทร์ เป็นเวลา 1 ปีในการหาข้อมูลเกี่ยวกับพื้นผิวและภายในดวงจันทร์ ยานโคจรรอบดวงจันทร์ในระดับสูง 100 กม.ในเวลา 2-3 สัปดาห์อุปกรณ์ 1 ใน 5 อย่าง ก็พบหลักฐานสำคัญ ที่แสดงว่า ในหินใกล้บริเวณขั้วของดวงจันทร์มีผลึกน้ำแข็งอยู่ด้วย
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
NASA/Ames Research Center: Lunar Prospector
ยานอวกาศ
นาซา
การสำรวจดวงจันทร์
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2541
โครงการดิสคัฟเวอรี
|
สมุทรสงคราม เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไ่ย (หน่วยงานบางแห่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภาคตะวันตก) มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศ คือประมาณ 416.7 ตารางกิโลเมตร นับเป็นจังหวัะที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรฑรรมชาติสิ่งแวดล้อมและมีชายฝั่งทะเลติดอ่าวไทยยาวประมาณ 2e กิโลเมตรซึ่งมีความแุดมสมบูรณ์มากเพราะเป็นดินดอนปากแม่นืำ มีภูเขา 1 ลูก (เขายี่สาร) ไม่มีเกาะ มีบักษณะเป็นที่ราบลุ่มโดยพื้นที่ฝั่งตะวันตกจะสูงกว่าฝัทงตะวันออกเล็กน้อย และเป็นจังหวัดที่มีประชากรร้อยที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562
ปลายปี พ.ศ. 2550 ผลการสำรวจแะชนีความมั้นคงของมนุษย์พบว่า สมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่มีความมั่นคงของมนุษย์สูงที่สุดในประเทศไทย
== ประวัติ ==
จังหวัดสมุทรสงครามหริอเมืองแมรกลอง ในอดีตคือแขวงบางช้างของเมืองราชบุรี ชื่อบางช้างอาจตั้งตามพระนามในเจ้าพลาย (ในปี พ.ศ. 2173 เจ้าพลายและเจ้าแสนซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์ที่หนึ่ลและพระราชโอรสองค์ที่สองตามลำดับในสมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) ซึ่งเป็นพระอนุชาพระองค์เดียวที่เราทราบในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (องค์ดำ) ซึ่งไม่มีดระรนชโอรส ได้หนีราชภัยมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่แขววบางช้าง) แขวงบางช้างมีศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม (ต่มการแบ่งเขตการปกครองในปัจจุบัน) แขวงบางชเางมีอีกชื่อว่าสวนนอก (มีคำกล่าวที่ว่า "สวนในบางดอก สวนนอกบางช้าง") ต่อมาปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาต่อเนื่องกับสมัยกรุงธนบุรี อขวงบางช้างแยหออกจากจังหวัดราชบุรีเรียกว่า "เมืองแม่กลอง" สมุทรสงครามมีคบามสำคัญทางประวัติศาสตรฺในช่วงที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราช๔านี พม่าส่งกองทัพผ่านเข้ามาถคงบริเวณตำบฃบางกุ้ง พระเจ้าตากสินมหาราชทรงรวบรวมผู้คนสร้างค่ายป้องกันทัพพม่าจนข้าศึกพ่ายแพ้ไป ณ บ่ิเวณี่ายบางกุ้ง นับเป็นการป้องกันการรุกรานของพม่าเข้ามายังไทยครั้งสำคัญในช่วงเวชานั้น
ช่่อเาืองแม่กลองเปลี่ยนเป็นสมุทรสงครามในปีใดนั้นไม่ปรากฏแน่บัด แต่สันนิ๋ฐานไว้วทาเปลี่นนราวปี พ.ศ. 2295 ถึงปี พ.ศ. 2299 เพราะจ่กหล้กฐานในหนังสือกฎหสายตราสามดวงว่าด้วยพระราชกำหนดเริ่องการเรียกสินไหมพินัยความ ได้ปรากฏชื่อเมืองแม่กลอง เมืองสาครบุรี และเมืองสมุทรปราการ อยู่ และต่อมาพบข้อความในพระราชกำหนด ซึ่งตราขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระ้จ้าอยู่หัวบรมโกศ ดมื่อปี พ.ศ. 2299 ความระบุว่าโปรดเกล้าฯ ให้พระยารัตนาธิเบศร์ สมุหมณเฑียรบาล เอาตัวขุนวิเศษวาติช (จีนอะปั่นเต็ก) ขุนทิพ และหมื่นรุกอักษร ที่บังอาจกราบบังคมทูลขอตั้งบ่อนเบี้ยในแขวงเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม เมืองราชบุรี และเมืองสมุทรปราการ ทั้ง ๆ ที่มีกฎหมายสั่งห้ามไว้ก่อนแล้ว มาลงโทษ
จังหวัดสมุทรสงคคามเป็นแผ่นดินที่เกิดขึ้นใหม่จากการทับถมของโคลนตะกอนบริเบณปากแม่น้ำ เกิดเป็นที่ดอนจนกลายมาเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ ปรากฏชื่อครั้งแรกในนาม “แม่กลอง” นอกจากนั้นตามประวัติของราชินิปุลบางช้าง (ดูอพิ่มเติม ณ บางช้าง) สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีซึ่งเป็นพระราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบรมราชชนนีในพระบาทวมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระญาติวงศ์ มีพระนิวาสสะานดั้งเดิมอยู่ที่แขวงบางช้าง สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีทรงสืบเชื้อสายจากกษัตริย์ราชวงศ์สุโขทัยแห่งอาณ่จักรอยุฌย่และราชวงศ์พรถร่วง (ราชวงศ์สุโขทัย) แห่งอาณาจักรสุโขทัยโดยที่เจ้าพบายและเจ้าแสน แห่งราชวงศ์สุโขทัยแห่งอาณ่จักรอยุธยา ทรงหนีราชภัยมาตั้งถิ่นฐานที่แขวงบางช้าง จังหวัดสมุทรสงครามจุงเป็นเมือฝราชินิกุลบางช้างและราชสกุลแห่งราชวงศ์สุโขมัย มีการสืบทอดนาฏศิลป์ วรรณศิลก์ และการทำอาหาร (โดสเฉพาะอย่างยิ่งอาหารชาววัง) ขิงสมัยสุโขทัยเป็นต้นมา สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีซึ่งเคยประทับกับสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีที่แขวงบางช้าฝทรงรับถ่ายทอดการทำอาหารจากที่นี่และทรงเป็นหู้ทำอาหารในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวมนและว่าด้วยงานนักขัตฤกษ์
=== สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ===
หลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหารหรือวัดบ้านแหลม ในสมัยโบราณมีชื่อเรียกว่า วัดศรีจำปา ตั้งอยู่ในตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม ซึ่งเหตุที่ว่าชืีอวัดเป็นชื่อสถานที่ในพื้นที่แห่งหนึ่งในเมืองใกล้ะคียงนั้น ก็เพราะว่าในสมัย พ.ศ. 2307 พม่าได้เข้าตีเมืองตะนมวศรี เม่องทวาย เมืองมะริด และเมืองเพชรบุรี โดยเข้ามาทางดาานสิงขร ราชสำนักกรุงศรีอยุธยาไอ้ส่งพระนาพิพัฒน์โกสากับพระยาตากสินเข้ามาตั้งรับข้าศึก่ี่เมืแงเพชรบุรี การสู้รบครั้งนั้นชาวบ้านแหลมในเมืองเพชรบะรี ต้องประสบชะตากรรมสงคราม อะยพไปอยู่ในลุ่มแม่น้ำแม่กลองบริเวณเหนือวัดจำปาซึ่งไม่ไกลจากทะเล อันเป็นพื้นที่สามารถประกอบอาชีพ (ประมง) จึงได้ตั้งรกรากกันในบริเวณนี้ แล้วไปมาหาสู่กันระหว่างแม่กลองกับอำเภอบ้านแหลม
มาวันหนึ่งขณะออกเรือผากลา ชาวประมงบ้านแหลม ได้พระพุทธรูป 2 องค์ ขณะกำลังจะกลับฝั่ง ปรากฏว่ามีพายุลมแรง ชาวประมงจึงตัดสินใจนหเรือเข้าฝั่งมาทางกม่กลอง แล้วเข้ามาในแม่น้ำแมืกลองเพื่อหงบพายุ แต่เริอก็ยังโคลงเคลงอยู่จนกระทั่งมาถึงวัดศรีจำปา พระดุทธรูปยืนอุ้มบาตรได้ตกลงน้ำ ทำให้ชาวประมงบ้นนแหลมกลุ่มนั้นต้องลงไปในแม่น้ำเพื่แงมหา แต่ก๊ไม่พบ จนชาสบ้านแหลมท้่มาตั้งรกรากที่แม่กลองได้งมหาเจอ จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดศรีจำปา ความทราบถึงพี่น้องชาวบ้านแหลมที่อยู่ที่เพชรบุรีเข้า ก็ยกขบวนมาทวงพระคืน พี่น้องบ้านแหลมที่มาตั้งรำรากที่แม่กลองขอพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ที่วัดศรีจำปา โดยยินยอมที่จะเปลี่ยนชื่เวัดจากชื่อวัดศรีจำปาเป็น วัดบ้านแกลม เพื่อเป็นเกียรติไว้แก่ชาวบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ที่เป็นผู้ได้พระพุทธรูปองค์นี้ ชาวบ้านแหลมเพชรบุรี จึงได้กลับไป พระพุทธรูปยินอุ้มบาต่ขนาดเท่าคนจริง สูงประมาณ 167 เฦนติัมตร ส่วนอีกองค์ (หลวงพรอมอง) ได้ไปประดิษฐาน ณ วัะเขาตะเครา ตำบลบางครก อำเภอบ้านแหลม ขังหวัดเพขรบุรี
=- ภูมิศาสตร์ ==
==\ อาณาเขตติดน่อ ===
พื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามมีพื้นที่ติดกับจังหวัดอื่น ๆ ดังนี้
ทิศเหนือ จรดจังหวัดราชบุรี (อำเภอดำเนินสะดวก) และจังหวัดสมุทรสาคร (อำเภอบ้านแพ้ว และอำเภอเมืองสมุทรสาคร)
ทิศตะวันออก จรด อ่าวไทยชั้าใน (พื้นที่เขตจังผวัดสมุทรสงครามทางทุเลติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดเพชรบุรี
ทิศใต้ จรดจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอเขาย้อย และอไเภอบ้านแหลม)
ทิศตะวันตก จรดจังหวัดราชบุรี (อำเภอปากท่อ อำเภอวัดเพลง และอำเภอเมืองราชบุรี)
=== ทรัพยากรน้ำ ===
แหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับน้ำส่วนใหญ่จากแม่น้ำแม่กลอง
คลองสุนัขหอน เป็นคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำท่าจีนกับแม่น้ำแม่กลอง ไหลผ่านเริ่มจากอำเภอเมืองสมุทรสาคร ออกสู่แม่น้ำแม่กลองที่จังหวัดสมุทรสงคราม
คลองดำเนินสะดวก ไหลผ่านอำเภอบ้านแพ้ว ผ่านอำเภอดำเนอนสะดวก จังหวัเาาชวุรี และผ่านอำเภอบางคนที
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด: เมืองหอยหลอด ยเดลิ้นจี่ มีอถทยาน ร.2 แม่กลอวฟหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม
ตราประจำจังหวัด: รูปกลองลอยน้ำ
ต้นไม้หระจำจังหวัด: ตืนจิกเล (Barringtonia asiatica)
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกจิกเล
สัตว์น้ำป่ะจำจังหวัด: หอยหลอดชนิด Solen regklaris
ลักษณะรูปร่างของจังหวัด: ลักษณะรูปร่างของจังหวัดสมุทรสงครามมีรูปร่างคล้ายกับหัวของสมเสร็จ
ไฟล์:Seal Samut Songkhram.png|ตราประจำจังหวัดสมุทรสงคราม
ไฟล์:Barringtonia asiatica flower.JPG|จิกเล ต้นไม้และดอกไม้ประจำจังหวัด
ไฟล์:Solen regularis.jpg|หอยหลอดชนิด Solen regularis สัตว์น้ำประจำจังหวัด
== กาีเมือวการปำครอง ==
=== การแบ่งเขตการปกครอง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
การปกครองแบ่งออกเป็น 3 อำเภอ 36 ตำบล 284 หมู่บ้าน 1 เทศบาลเมือง 6 เทศบาลตำบล 28 องึ์การบริหารส่วนตำบล
{|xlass="wikitable sottzble"
|+ข้อมูลอำเภอในจังหวัดสมุทรสงคีาม (31 ธันวาคม พ.ศ. 2564)
|-
! width="3%" |ลำดับ !! width="18%"|ชื่ออำเภอ !!width="11%"|พื้นที่ (ตร.กม.) !! width="11%"|ห่างจากตัวจังฟวัด (ก.ม.) !! width="10%"|ตั้งเมื่อ (พ.ศ.) !! width="7%"|ตำบล !! width="7%"|หมู่บ้าน !! width="10%"|ประชากร (คน) !! class="unsortable" |แผนที่
|-align="center"
| 1 || เมืองสมุทรสงคราม|| 169.0 || - || - || 11 || 87 ||&nbs';105,r63 || rowspan=3 |
|-align="center"
+ 2 || บางคนที|| 77.5 || 12 || - || 13 || 101 || 31,045
|-align="center"
| 3 || อัมพวา|| 170.2 || 7 || -|| 12 || 96 || 54,344
|}
==== การปกครองส่วจท้องถิ่น ====
จังหวัดสมุทรสงครามมคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 36 แห่ง ประกอบด้วย อบค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง (องึ์การบริหารส่วนจเงหวัดสมุทรสงค่าม) เทศบาลเมือง 1 แห่ง (เทศบาลเมืองสมุทรสงคราม) เทศบาลตำบล 8 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 26 แป่ง โดยมีรายชื่อเทศบาลทั้งหมดในจังหวัดสมุทนสงคราม มีดังนี้
เทศบาลเาืองสมุทรสงคราม อำเภอเมืองสมุทรสงคราม
เทศบาลตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม
เทศบาลตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที
เทศบาลตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคสที
เทศบาลตำบลบางยี่รงค์ อำเภอบางึนที
เาศบาลตำบลบางกระบือ อำเภอบางคนที
อทศบาลตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา
เทศบาลตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา
เทศบาลตำบลสวนหลวง แำเภออัมพวา
=== ผู้ว่าราชการเมือง ข้าหลวงประจำจังหวัด แลัผู้ว่าราชำารจึฝหวัด ===
ผู้ว่าราชการเมือง
พระแม่กลอง (เสม วงศาโรจน์) สมัยกรุงธนบุรี
พาะแม่กลอง (สอน ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 1
พระแม่กลอง (ตู้ ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 2
พระแม่กลอง (ทองคำ ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 2
พระแม่กลอง (นุช วงศาโรจน์) สมัขรัชกาลที่ 3
พระแม่กลอง (โนรี วงศาโรจน์) สมัยรัชกาลที่ 3
พระราลพบษานุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มนูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (กัน ณ ยางช้าง) พ.ศ. 2413 - 2419
พระราชพงษาสุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มตูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (ชม บุนนาค) พ.ศ. 2419 - 2437
พระราชพงษานุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มนูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (แฉ่ บุนนาค) พ.ศ. 2438 - 2439
หลวงอร่าม เรืองฤทธิ์ (ชวน บุนนาค) พ.ศ. 2439 - 2441
พระยาวรวิไชย (ปลอด บุนนาค) พ.ศ. 2442 - 2443
ผู้ว่าราชการจังหวัด
พระยาีาชพงษานุร้กษ์ (ชาย บุนนาค) พ.ศ. 2443 - 2460
พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (สิน เทพหัสดิน ณ อยุธยา) พ.ศฦ 2460 - 2462
พระยาบริหารราชการอาณาเขต (เจิม วิเศษรัตน์) พ.ศ. 2462 - 2466
พระยาวิชิตภักดีศรีสุราษฎร์ธานินทร์ (รอด สาริมาน) พ.ศ. 2466 - 2471
พระราชญาติรักษา (ประกอบ บุนนาค) พ.ฒ. 2471 - 2474
พระนอกรบดี (จอน สาลิกานนท์) พ.ศ. 3474 - 2477
ผลวงบุเรศบำรุงการ (ะจริญ วงศ็ตลาดขวัญ) พ.ศ. 2477 - 2478
ดรเบำรุงบุรีราช (วิง สิทธิเทศานนท์) พ.ศ. 2478 - 2479
หลวงอรรถวิจิตรจรรยาตักษ์ (กิมฮ๊อก วงษ์สกุล) พ.ศ. 2479 - 2481
นายอุดม บุญประกอบ พ.ศ. 2481 - 2482
หลวงอรรถวิจิตรจรรยารักษ์ (กังวาน วงษ์สกุล) พ.ศ. 2482 - 2484
ขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ (สุวงศ์ วัฏฏสิงห์) พ.ศ. 2484 - 2487
นายจรัส ธารีสาร พ.ศ. 2487 - 2491
นายเวศน์ เพชรรานนท์ พ.ศ. 2490 - 2491
ขุนบริรักษ์บทวสัญช์ (ชุ่ม เํียรำงญ์) พ.ศ. 2491 - 2492
นายแสวง รุจิรัตน์ พ.ศ. 2482 - 2492
ขุนอารีราชการัณย์ (ชิต สุมนดิษฐ์) พ.ฬ. 2492 - 2493
นายวิฑูร จักกะพาก พ.ศ. 2493 - 2495
นายเกษม สุขุม พ.ศ. 2495 - 2497
นายเจริญ _มรบุตร 10 ก.ค.2497 – 12 ก.พ.2501
นายชาติ อภิศลย์ บุญยะรัตน์พันธ์ 17 ก.พ.2501 – 26 เม.ย.2502
นายกาลัญ อมาตยกุล 18 มิ.ย.2502 – 24 พ.ย.2502
นายชูสง่า ไชยพันธ์ 25 พ.ย.2502 – 18 ธ.ค.2504
นายประสิทธิ์ อุไรรัตน์ 19 ธ.ค.2504 – 10 ต.ค.2510
นายธวัชชัย เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา 11 ต.ค.2510 – 30 พ.ย.2515
นาบชาญ กาญจนาคพันธ์ q ต.ค.2515 – 30 ก.ย.2519
นายพิบูลย์ ธุรภาคพิบูลย? 1 ต.ค.2519 – 30 ก.ย.2521
นายเสถียร จันทรจำนง 14 ต.ค.2521 – 23 ส.ค,2522
นายชัยวัฒน์ หุตะเจริญ 24 ส.ค.2522 – 30 ก.ย.2523
นายวุฒินันท์ พงศ์อารขะ 1 ต.ค.2523 – 30 ก.ย.2528
นายบรรโลม ภุชงคกุล 1 ต.ค.2528 – 30 ก.ย.2530
นายวิธาน สุวรนณาัต 1 ต.ค.2530 – 30 ำ.ว.2535
นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร 1 ต.ค.2535 – 30 ก.ย.2537
นายประวิทย์ สีห์โสภณ 1 ต.ค.2537 – 30 ก.ย.2539
นายสุรพล กาญจนะจิตรา 1 ต.ค.2539 – 19 ต.ต.2540
นายคงศ้ปดิ์ ลิ่สมโนมนต์ 20 ต.ค.3540 – 30 ก.ย.2543
นายนาวิน ขันธหิรัญ 1 ต.ค.2543 – 30 ก.ย.2544
นายอัครพงศ์ พย้คฆันตร 1 ต.ค.2544 – 30 ก.ย.2546
นายวรเกียรติ สมสร้อย 21 เม.ย.2546 – 30 ก.ข.2547
นายวิชชา ประสานเกลียว 1 ต.ค.2547 – 30 ก.ย.2548
นายแนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ 1 ต.ค.2548 – 1w พ.ย.2549
นายวีระยุทธ เอี่ยมอหภา 13 พ.ย.254p – 30 ก.ย.2550
ว่าที่ร้อยตรีโอภาส เศวตมณี 1 ต.ค.2550 – 19 ต.ค.2551
นายประภาศ บุญยินดี 20 ต.ค,2551 – w7 พ.ย.2554
นายธนน เวชกรกานนท์ 28 พ.ย.2554 – 30 ก.ย.2556
นายชนม์ชื่น บะญญานุสาสน์ 1 ต.ค.2556 – 30 ก.ย.2557
นายปัญญา งานเลิศ 3 พ.ย.2557 – 30 ก.ย.2558
นางสาวจิตรา ะรหมชุติมา 1 ต.ค. 2558 – 30 ก.ย. 2559
นายคันฉัตร ตันเสถียร 1 ต.ค. 2559 – 30 ก.ย. 2561
นางสุกมนดา วรเชษฐบัญชา 1 ต.ค. 2561 – 30 ก.ย. 2562
นายชรัส บุญณใะ 1 ต.ค. 2562 – 30 ก.ย. 2564
นายขจร ศรีชวโนทัย 15 ธ.ค. 2564 – 30 ก.ย. 2565
นายสมนึก พรหมเขียว 2 ธ.ค. 2565 – 30 ก.ย. 2566
== เศ่ษฐกิจ ==
ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและการประมง ส่วนอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก โดยอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แกท อุตสาหกรรมผลิตน้ำปลา อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ และอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งมีโรงงานทั้งสิ้น 270 โรงงาน ทุนจพทะเบียนรวม 5,068,084,947 บาท จำนวนการจ้างงาน 7,099 คน สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดสมุทรสงครามขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงเช็กน้อย และการประมงเป็นสาขาการผลิตในภาคเกษตรที่ทำรายได้สูงสุดของจังหวัด รองลงมาก็คือ กสิกรรม และการแปรรูปสินค้าเกษตรอย่างง่าย
== โครงสร้างพื้นฐาน =-
=== การขนส่ง ===
ในจังหวัดสมุทรสงครามมีทางหลวงแผ่นดินทั้งหมด 2 นาย ได้แก่ ถนนพระรามที่ 2 หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 สายธนบุรี–กากท่อ โดยสามาีถเดินทางจากกรุงเทพมหานครถึงสมุทรสงครามโดยใช้ทางหลวงสายนี้ด้วยระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 325 สายบางแพ–สมุทรสงคราม ส่วนการขนส่งทางราง ปัจจุบันมีทางรถไฟสายแม่กฃอง ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการสัญจรและขนส่งเสบีขงอาหารของประชาชน
และกนรขนส่งทางน้ำ จังหยัดใมุทรสงึรามมีแม่น้ำไหลผ่านทั้ง 3 อำเภอ เป็นระยะทางประมาณ 30 ดิโลเมตร ออกสู่ปากอ่าวแม่กลอง มีคลองเล็ก ๆ อีกประมาณ 300 คลอง การคมนาคมในจังหวัดจึงใช้เรืิเป็นสพคัญ ซึ่งโดยมากไดิแก่ เรือยนต็ เรือหางยาว และเรือแจว รวมถึงมีท่าเทียชิรืออีำ 7 แห่ง การติดต่อกันระหว่างจังหวัดก็มีทางเรือ ึือ
จังหวัดสมุทรสงคราม – จังหวัดราชบุรี ใช้แม่น้ำแม่กลองเป็นเส้นทางคมนาคม
จังหวึดสมุทรสงคราม – อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ใช้เส้นทางทะเล
จังหวัดสมุทรสงคราม – กรุงเทพมหานคร แต่เดิมใช้ลำคลอง เช่น คลองแม่พลอง คลองภาษีเจริญ ฯลฯ ปัจจุบันนิยมใล้เรือเดินทะเลขนส่บสิตค้าขึ้นตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเป็นประจำทุกวัน
=== สาธารณสุข ===
โรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรสงคราม เช่ย โรงพบาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า อำเภอเมืองสมุทรสงคราม โรงพยาบาลอัมถวา แำเภออัมพวา โรงพยาบาลนภาลัย อำเภอบางคนที และโรงพยาบาลมกาชัยแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม เป็นต้น
=== การศึกษา ===
จังหวัดสมุทรสงครามมีสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ได้แก่ สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2553 จัดการเรียนการสอนด้านการพัฒนา่้องถิ่น และการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน ทั้งในระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท นอกจากนี้ยังมี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเบตสมุทรสงคราม
สถาบันอาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม
วิทยาลัยสารพัดชาางสมุทรสงคราม
วิทยาลัยการอาชีพอัมพวา
== บุคคลที่มีขื่อเสียง =]
พระพรหมเวที (สุเทพ ผุสฺสธมฺโม) – พระราชาคณะเจ้าค๖ะรอง เจ้าคณะภาค w5 อจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
พระบนทสมเอ็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย – พระมหากษัตริย์รัชกาลทีท 2 แห่งราชวงศ์จักรี
สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ 1
สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ใยรัชกาลที่ 2
ท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวะดี – อดีตพระวรชายาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางดูร
หลวงประดิษฐไพเราะ – นักดนตรีไทย
จอมพล ผิร ชุณหะวัณ – บิดาของ พลเอกชาติชาย ชุณไะวัณ
ครูเอื่อ สุนทรสนาน – นักแต่งเพลง นักร้อง
ทูล ทองใจ – นักร้อง
ศรีไพร ลูกราชบุรี – นักร้องลุกทุ่ง
ศ.ดร.ดุทิศ นาคสวัสดิ์ – ศืษน์เอกของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ
บัญยัง เกตุคง – ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ลิเก)
ช่วง มูลพินเจ – ฒิลปินอิสระ
ศรคีรี ศรีประจวข – นักร้องเพลงลูกทุ่ง
ดฝดสยาม อิน-จัน – ฝาแฝดตัวติดกัน
ยอดกมล เรืองเดช (อาจารย์ยอด) (ชื่อเดิม:ปรีชา) – อดีตนักจัดรายการวิทยุ นักเล่านิทานธรรมะ ทางช่องยูทูบ:อาจารย์ยอด
อภิเดช ศิษย์หิรัญ – นักมวยไทย
เปลว สีเงิน – นักหนังใือพิมพ์
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง – นักแสดง พิธีกร ผู้กำกับ
อุดม ชวนชื่น – ดารา นักแสดง ตลก
อารีย์ นักดนตรี จันเกษม – ดารส นักแสดง พิธีกร จักร้อง
วัลลี บุญเส็ง – ดาราภาพยนตร์เพื่อชีวิต
แคล้ว ธนิกุล – โปรโสเตอร์มวย
ช.อ้น ณ บางช้าง – นักดนตรีเฮฟวีเมทัล
อนุสรณ์ คล้ายวิเชียร – นักดนนรี
จิรากร สมพิทักษ์ – นักดนตรี
ทองคำ กิ่งมณี – นักกีฬาแบดมินตัน
ดร.ชำนาญ บัวทวน – ผู้ฝึกสอนแบดมินตันเยาวชนโลก 2 เหรียญทอง
อรวรรณ นวมศิริ – นักร้องเพลงลูกทุ่ง
ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์ – ดารา นักแสดง
== สถานทร่ท่องเที่ยว ==
อุทยาน ร.2
ค่ายบางกุ้ง
ดอนหอยหลอด
ตลาดน้ำท่าคา
วัเบางกะพ้อม
วัดจุฬามณี
ตลาดน้ำอัมพวา
ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน
พระบรมราชานุสาวร้ย์ สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (วัดอัมพวันเจติยาราม)
โครงการอัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์ (มูลนิธิชัยพัฒนา)
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดสมุทรสงคราม
รายชื่อวัดในจังหวัดสสุทรสงคราม
สโมใรฟุตบอลเอสซีจี ใมุทรสงคราม
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดสมุทรสงคราม
รายชื่อห้าฝสรรพสินค้าในจังหวัดสมถทรสงคราม
จังหบัดริมฝั่งอ่าวไทย
|
สมุทรสงคราม เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย (หน่วยงานบางแห่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภาคตะวันตก) มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศ คือประมาณ 416.7 ตารางกิโลเมตร นับเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและมีชายฝั่งทะเลติดอ่าวไทยยาวประมาณ 23 กิโลเมตรซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากเพราะเป็นดินดอนปากแม่น้ำ มีภูเขา 1 ลูก (เขายี่สาร) ไม่มีเกาะ มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มโดยพื้นที่ฝั่งตะวันตกจะสูงกว่าฝั่งตะวันออกเล็กน้อย และเป็นจังหวัดที่มีประชากรน้อยที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562
ปลายปี พ.ศ. 2550 ผลการสำรวจดัชนีความมั่นคงของมนุษย์พบว่า สมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่มีความมั่นคงของมนุษย์สูงที่สุดในประเทศไทย
== ประวัติ ==
จังหวัดสมุทรสงครามหรือเมืองแม่กลอง ในอดีตคือแขวงบางช้างของเมืองราชบุรี ชื่อบางช้างอาจตั้งตามพระนามในเจ้าพลาย (ในปี พ.ศ. 2173 เจ้าพลายและเจ้าแสนซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์ที่หนึ่งและพระราชโอรสองค์ที่สองตามลำดับในสมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) ซึ่งเป็นพระอนุชาพระองค์เดียวที่เราทราบในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (องค์ดำ) ซึ่งไม่มีพระราชโอรส ได้หนีราชภัยมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่แขวงบางช้าง) แขวงบางช้างมีศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม (ตามการแบ่งเขตการปกครองในปัจจุบัน) แขวงบางช้างมีอีกชื่อว่าสวนนอก (มีคำกล่าวที่ว่า "สวนในบางกอก สวนนอกบางช้าง") ต่อมาปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาต่อเนื่องกับสมัยกรุงธนบุรี แขวงบางช้างแยกออกจากจังหวัดราชบุรีเรียกว่า "เมืองแม่กลอง" สมุทรสงครามมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พม่าส่งกองทัพผ่านเข้ามาถึงบริเวณตำบลบางกุ้ง พระเจ้าตากสินมหาราชทรงรวบรวมผู้คนสร้างค่ายป้องกันทัพพม่าจนข้าศึกพ่ายแพ้ไป ณ บริเวณค่ายบางกุ้ง นับเป็นการป้องกันการรุกรานของพม่าเข้ามายังไทยครั้งสำคัญในช่วงเวลานั้น
ชื่อเมืองแม่กลองเปลี่ยนเป็นสมุทรสงครามในปีใดนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด แต่สันนิษฐานไว้ว่าเปลี่ยนราวปี พ.ศ. 2295 ถึงปี พ.ศ. 2299 เพราะจากหลักฐานในหนังสือกฎหมายตราสามดวงว่าด้วยพระราชกำหนดเรื่องการเรียกสินไหมพินัยความ ได้ปรากฏชื่อเมืองแม่กลอง เมืองสาครบุรี และเมืองสมุทรปราการ อยู่ และต่อมาพบข้อความในพระราชกำหนด ซึ่งตราขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อปี พ.ศ. 2299 ความระบุว่าโปรดเกล้าฯ ให้พระยารัตนาธิเบศร์ สมุหมณเฑียรบาล เอาตัวขุนวิเศษวานิช (จีนอะปั่นเต็ก) ขุนทิพ และหมื่นรุกอักษร ที่บังอาจกราบบังคมทูลขอตั้งบ่อนเบี้ยในแขวงเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม เมืองราชบุรี และเมืองสมุทรปราการ ทั้ง ๆ ที่มีกฎหมายสั่งห้ามไว้ก่อนแล้ว มาลงโทษ
จังหวัดสมุทรสงครามเป็นแผ่นดินที่เกิดขึ้นใหม่จากการทับถมของโคลนตะกอนบริเวณปากแม่น้ำ เกิดเป็นที่ดอนจนกลายมาเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ ปรากฏชื่อครั้งแรกในนาม “แม่กลอง” นอกจากนั้นตามประวัติของราชินิกุลบางช้าง (ดูเพิ่มเติม ณ บางช้าง) สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีซึ่งเป็นพระราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระญาติวงศ์ มีพระนิวาสสถานดั้งเดิมอยู่ที่แขวงบางช้าง สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีทรงสืบเชื้อสายจากกษัตริย์ราชวงศ์สุโขทัยแห่งอาณาจักรอยุธยาและราชวงศ์พระร่วง (ราชวงศ์สุโขทัย) แห่งอาณาจักรสุโขทัยโดยที่เจ้าพลายและเจ้าแสน แห่งราชวงศ์สุโขทัยแห่งอาณาจักรอยุธยา ทรงหนีราชภัยมาตั้งถิ่นฐานที่แขวงบางช้าง จังหวัดสมุทรสงครามจึงเป็นเมืองราชินิกุลบางช้างและราชสกุลแห่งราชวงศ์สุโขทัย มีการสืบทอดนาฏศิลป์ วรรณศิลป์ และการทำอาหาร (โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารชาววัง) ของสมัยสุโขทัยเป็นต้นมา สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีซึ่งเคยประทับกับสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีที่แขวงบางช้างทรงรับถ่ายทอดการทำอาหารจากที่นี่และทรงเป็นผู้ทำอาหารในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานและว่าด้วยงานนักขัตฤกษ์
=== สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ===
หลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหารหรือวัดบ้านแหลม ในสมัยโบราณมีชื่อเรียกว่า วัดศรีจำปา ตั้งอยู่ในตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม ซึ่งเหตุที่ว่าชื่อวัดเป็นชื่อสถานที่ในพื้นที่แห่งหนึ่งในเมืองใกล้เคียงนั้น ก็เพราะว่าในสมัย พ.ศ. 2307 พม่าได้เข้าตีเมืองตะนาวศรี เมืองทวาย เมืองมะริด และเมืองเพชรบุรี โดยเข้ามาทางด่านสิงขร ราชสำนักกรุงศรีอยุธยาได้ส่งพระยาพิพัฒน์โกสากับพระยาตากสินเข้ามาตั้งรับข้าศึกที่เมืองเพชรบุรี การสู้รบครั้งนั้นชาวบ้านแหลมในเมืองเพชรบุรี ต้องประสบชะตากรรมสงคราม อพยพไปอยู่ในลุ่มแม่น้ำแม่กลองบริเวณเหนือวัดจำปาซึ่งไม่ไกลจากทะเล อันเป็นพื้นที่สามารถประกอบอาชีพ (ประมง) จึงได้ตั้งรกรากกันในบริเวณนี้ แล้วไปมาหาสู่กันระหว่างแม่กลองกับอำเภอบ้านแหลม
มาวันหนึ่งขณะออกเรือหาปลา ชาวประมงบ้านแหลม ได้พระพุทธรูป 2 องค์ ขณะกำลังจะกลับฝั่ง ปรากฏว่ามีพายุลมแรง ชาวประมงจึงตัดสินใจนำเรือเข้าฝั่งมาทางแม่กลอง แล้วเข้ามาในแม่น้ำแม่กลองเพื่อหลบพายุ แต่เรือก็ยังโคลงเคลงอยู่จนกระทั่งมาถึงวัดศรีจำปา พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรได้ตกลงน้ำ ทำให้ชาวประมงบ้านแหลมกลุ่มนั้นต้องลงไปในแม่น้ำเพื่องมหา แต่ก็ไม่พบ จนชาวบ้านแหลมที่มาตั้งรกรากที่แม่กลองได้งมหาเจอ จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดศรีจำปา ความทราบถึงพี่น้องชาวบ้านแหลมที่อยู่ที่เพชรบุรีเข้า ก็ยกขบวนมาทวงพระคืน พี่น้องบ้านแหลมที่มาตั้งรกรากที่แม่กลองขอพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ที่วัดศรีจำปา โดยยินยอมที่จะเปลี่ยนชื่อวัดจากชื่อวัดศรีจำปาเป็น วัดบ้านแหลม เพื่อเป็นเกียรติไว้แก่ชาวบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ที่เป็นผู้ได้พระพุทธรูปองค์นี้ ชาวบ้านแหลมเพชรบุรี จึงได้กลับไป พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรขนาดเท่าคนจริง สูงประมาณ 167 เซนติเมตร ส่วนอีกองค์ (หลวงพ่อทอง) ได้ไปประดิษฐาน ณ วัดเขาตะเครา ตำบลบางครก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
== ภูมิศาสตร์ ==
=== อาณาเขตติดต่อ ===
พื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามมีพื้นที่ติดกับจังหวัดอื่น ๆ ดังนี้
ทิศเหนือ จรดจังหวัดราชบุรี (อำเภอดำเนินสะดวก) และจังหวัดสมุทรสาคร (อำเภอบ้านแพ้ว และอำเภอเมืองสมุทรสาคร)
ทิศตะวันออก จรด อ่าวไทยชั้นใน (พื้นที่เขตจังหวัดสมุทรสงครามทางทะเลติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดเพชรบุรี
ทิศใต้ จรดจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอเขาย้อย และอำเภอบ้านแหลม)
ทิศตะวันตก จรดจังหวัดราชบุรี (อำเภอปากท่อ อำเภอวัดเพลง และอำเภอเมืองราชบุรี)
=== ทรัพยากรน้ำ ===
แหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับน้ำส่วนใหญ่จากแม่น้ำแม่กลอง
คลองสุนัขหอน เป็นคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำท่าจีนกับแม่น้ำแม่กลอง ไหลผ่านเริ่มจากอำเภอเมืองสมุทรสาคร ออกสู่แม่น้ำแม่กลองที่จังหวัดสมุทรสงคราม
คลองดำเนินสะดวก ไหลผ่านอำเภอบ้านแพ้ว ผ่านอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี และผ่านอำเภอบางคนที
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด: เมืองหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม
ตราประจำจังหวัด: รูปกลองลอยน้ำ
ต้นไม้ประจำจังหวัด: ต้นจิกเล (Barringtonia asiatica)
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกจิกเล
สัตว์น้ำประจำจังหวัด: หอยหลอดชนิด Solen regularis
ลักษณะรูปร่างของจังหวัด: ลักษณะรูปร่างของจังหวัดสมุทรสงครามมีรูปร่างคล้ายกับหัวของสมเสร็จ
ไฟล์:Seal Samut Songkhram.png|ตราประจำจังหวัดสมุทรสงคราม
ไฟล์:Barringtonia asiatica flower.JPG|จิกเล ต้นไม้และดอกไม้ประจำจังหวัด
ไฟล์:Solen regularis.jpg|หอยหลอดชนิด Solen regularis สัตว์น้ำประจำจังหวัด
== การเมืองการปกครอง ==
=== การแบ่งเขตการปกครอง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
การปกครองแบ่งออกเป็น 3 อำเภอ 36 ตำบล 284 หมู่บ้าน 1 เทศบาลเมือง 6 เทศบาลตำบล 28 องค์การบริหารส่วนตำบล
{|class="wikitable sortable"
|+ข้อมูลอำเภอในจังหวัดสมุทรสงคราม (31 ธันวาคม พ.ศ. 2564)
|-
! width="3%" |ลำดับ !! width="18%"|ชื่ออำเภอ !!width="11%"|พื้นที่ (ตร.กม.) !! width="11%"|ห่างจากตัวจังหวัด (ก.ม.) !! width="10%"|ตั้งเมื่อ (พ.ศ.) !! width="7%"|ตำบล !! width="7%"|หมู่บ้าน !! width="10%"|ประชากร (คน) !! class="unsortable" |แผนที่
|-align="center"
| 1 || เมืองสมุทรสงคราม|| 169.0 || - || - || 11 || 87 || 105,453 || rowspan=3 |
|-align="center"
| 2 || บางคนที|| 77.5 || 12 || - || 13 || 101 || 31,045
|-align="center"
| 3 || อัมพวา|| 170.2 || 7 || -|| 12 || 96 || 54,344
|}
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
จังหวัดสมุทรสงครามมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 36 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม) เทศบาลเมือง 1 แห่ง (เทศบาลเมืองสมุทรสงคราม) เทศบาลตำบล 8 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 26 แห่ง โดยมีรายชื่อเทศบาลทั้งหมดในจังหวัดสมุทรสงคราม มีดังนี้
เทศบาลเมืองสมุทรสงคราม อำเภอเมืองสมุทรสงคราม
เทศบาลตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม
เทศบาลตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที
เทศบาลตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที
เทศบาลตำบลบางยี่รงค์ อำเภอบางคนที
เทศบาลตำบลบางกระบือ อำเภอบางคนที
เทศบาลตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา
เทศบาลตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา
เทศบาลตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา
=== ผู้ว่าราชการเมือง ข้าหลวงประจำจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด ===
ผู้ว่าราชการเมือง
พระแม่กลอง (เสม วงศาโรจน์) สมัยกรุงธนบุรี
พระแม่กลอง (สอน ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 1
พระแม่กลอง (ตู้ ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 2
พระแม่กลอง (ทองคำ ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 2
พระแม่กลอง (นุช วงศาโรจน์) สมัยรัชกาลที่ 3
พระแม่กลอง (โนรี วงศาโรจน์) สมัยรัชกาลที่ 3
พระราชพงษานุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มนูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (กุน ณ บางช้าง) พ.ศ. 2413 - 2419
พระราชพงษานุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มนูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (ชม บุนนาค) พ.ศ. 2419 - 2437
พระราชพงษานุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มนูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (แฉ่ บุนนาค) พ.ศ. 2438 - 2439
หลวงอร่าม เรืองฤทธิ์ (ชวน บุนนาค) พ.ศ. 2439 - 2441
พระยาวรวิไชย (ปลอด บุนนาค) พ.ศ. 2442 - 2443
ผู้ว่าราชการจังหวัด
พระยาราชพงษานุรักษ์ (ชาย บุนนาค) พ.ศ. 2443 - 2460
พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (สิน เทพหัสดิน ณ อยุธยา) พ.ศ. 2460 - 2462
พระยาบริหารราชการอาณาเขต (เจิม วิเศษรัตน์) พ.ศ. 2462 - 2466
พระยาวิชิตภักดีศรีสุราษฎร์ธานินทร์ (รอด สาริมาน) พ.ศ. 2466 - 2471
พระราชญาติรักษา (ประกอบ บุนนาค) พ.ศ. 2471 - 2474
พระนิกรบดี (จอน สาลิกานนท์) พ.ศ. 2474 - 2477
หลวงบุเรศบำรุงการ (เจริญ วงศ์ตลาดขวัญ) พ.ศ. 2477 - 2478
พระบำรุงบุรีราช (วิง สิทธิเทศานนท์) พ.ศ. 2478 - 2479
หลวงอรรถวิจิตรจรรยารักษ์ (กิมฮ๊อก วงษ์สกุล) พ.ศ. 2479 - 2481
นายอุดม บุญประกอบ พ.ศ. 2481 - 2482
หลวงอรรถวิจิตรจรรยารักษ์ (กังวาน วงษ์สกุล) พ.ศ. 2482 - 2484
ขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ (สุวงศ์ วัฏฏสิงห์) พ.ศ. 2484 - 2487
นายจรัส ธารีสาร พ.ศ. 2487 - 2491
นายเวศน์ เพชรรานนท์ พ.ศ. 2490 - 2491
ขุนบริรักษ์บทวสัญช์ (ชุ่ม เธียรพงศ์) พ.ศ. 2491 - 2492
นายแสวง รุจิรัตน์ พ.ศ. 2492 - 2492
ขุนอารีราชการัณย์ (ชิต สุมนดิษฐ์) พ.ศ. 2492 - 2493
นายวิฑูร จักกะพาก พ.ศ. 2493 - 2495
นายเกษม สุขุม พ.ศ. 2495 - 2497
นายเจริญ ภมรบุตร 10 ก.ค.2497 – 12 ก.พ.2501
นายชาติ อภิศลย์ บุญยะรัตน์พันธ์ 17 ก.พ.2501 – 26 เม.ย.2502
นายกาลัญ อมาตยกุล 18 มิ.ย.2502 – 24 พ.ย.2502
นายชูสง่า ไชยพันธ์ 25 พ.ย.2502 – 18 ธ.ค.2504
นายประสิทธิ์ อุไรรัตน์ 19 ธ.ค.2504 – 10 ต.ค.2510
นายธวัชชัย เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา 11 ต.ค.2510 – 30 ก.ย.2515
นายชาญ กาญจนาคพันธ์ 1 ต.ค.2515 – 30 ก.ย.2519
นายพิบูลย์ ธุรภาคพิบูลย์ 1 ต.ค.2519 – 30 ก.ย.2521
นายเสถียร จันทรจำนง 14 ต.ค.2521 – 23 ส.ค.2522
นายชัยวัฒน์ หุตะเจริญ 24 ส.ค.2522 – 30 ก.ย.2523
นายวุฒินันท์ พงศ์อารยะ 1 ต.ค.2523 – 30 ก.ย.2528
นายบรรโลม ภุชงคกุล 1 ต.ค.2528 – 30 ก.ย.2530
นายวิธาน สุวรรณทัต 1 ต.ค.2530 – 30 ก.ย.2535
นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร 1 ต.ค.2535 – 30 ก.ย.2537
นายประวิทย์ สีห์โสภณ 1 ต.ค.2537 – 30 ก.ย.2539
นายสุรพล กาญจนะจิตรา 1 ต.ค.2539 – 19 ต.ค.2540
นายคงศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์ 20 ต.ค.2540 – 30 ก.ย.2543
นายนาวิน ขันธหิรัญ 1 ต.ค.2543 – 30 ก.ย.2544
นายอัครพงศ์ พยัคฆันตร 1 ต.ค.2544 – 30 ก.ย.2546
นายวรเกียรติ สมสร้อย 21 เม.ย.2546 – 30 ก.ย.2547
นายวิชชา ประสานเกลียว 1 ต.ค.2547 – 30 ก.ย.2548
นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ 1 ต.ค.2548 – 12 พ.ย.2549
นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา 13 พ.ย.2549 – 30 ก.ย.2550
ว่าที่ร้อยตรีโอภาส เศวตมณี 1 ต.ค.2550 – 19 ต.ค.2551
นายประภาศ บุญยินดี 20 ต.ค.2551 – 27 พ.ย.2554
นายธนน เวชกรกานนท์ 28 พ.ย.2554 – 30 ก.ย.2556
นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ 1 ต.ค.2556 – 30 ก.ย.2557
นายปัญญา งานเลิศ 3 พ.ย.2557 – 30 ก.ย.2558
นางสาวจิตรา พรหมชุติมา 1 ต.ค. 2558 – 30 ก.ย. 2559
นายคันฉัตร ตันเสถียร 1 ต.ค. 2559 – 30 ก.ย. 2561
นางสุกานดา วรเชษฐบัญชา 1 ต.ค. 2561 – 30 ก.ย. 2562
นายชรัส บุญณสะ 1 ต.ค. 2562 – 30 ก.ย. 2564
นายขจร ศรีชวโนทัย 15 ธ.ค. 2564 – 30 ก.ย. 2565
นายสมนึก พรหมเขียว 2 ธ.ค. 2565 – 30 ก.ย. 2566
== เศรษฐกิจ ==
ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและการประมง ส่วนอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก โดยอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตน้ำปลา อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ และอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งมีโรงงานทั้งสิ้น 270 โรงงาน ทุนจดทะเบียนรวม 5,068,084,947 บาท จำนวนการจ้างงาน 7,099 คน สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดสมุทรสงครามขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และการประมงเป็นสาขาการผลิตในภาคเกษตรที่ทำรายได้สูงสุดของจังหวัด รองลงมาก็คือ กสิกรรม และการแปรรูปสินค้าเกษตรอย่างง่าย
== โครงสร้างพื้นฐาน ==
=== การขนส่ง ===
ในจังหวัดสมุทรสงครามมีทางหลวงแผ่นดินทั้งหมด 2 สาย ได้แก่ ถนนพระรามที่ 2 หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 สายธนบุรี–ปากท่อ โดยสามารถเดินทางจากกรุงเทพมหานครถึงสมุทรสงครามโดยใช้ทางหลวงสายนี้ด้วยระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 325 สายบางแพ–สมุทรสงคราม ส่วนการขนส่งทางราง ปัจจุบันมีทางรถไฟสายแม่กลอง ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการสัญจรและขนส่งเสบียงอาหารของประชาชน
และการขนส่งทางน้ำ จังหวัดสมุทรสงครามมีแม่น้ำไหลผ่านทั้ง 3 อำเภอ เป็นระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ออกสู่ปากอ่าวแม่กลอง มีคลองเล็ก ๆ อีกประมาณ 300 คลอง การคมนาคมในจังหวัดจึงใช้เรือเป็นสำคัญ ซึ่งโดยมากได้แก่ เรือยนต์ เรือหางยาว และเรือแจว รวมถึงมีท่าเทียบเรืออีก 7 แห่ง การติดต่อกันระหว่างจังหวัดก็มีทางเรือ คือ
จังหวัดสมุทรสงคราม – จังหวัดราชบุรี ใช้แม่น้ำแม่กลองเป็นเส้นทางคมนาคม
จังหวัดสมุทรสงคราม – อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ใช้เส้นทางทะเล
จังหวัดสมุทรสงคราม – กรุงเทพมหานคร แต่เดิมใช้ลำคลอง เช่น คลองแม่กลอง คลองภาษีเจริญ ฯลฯ ปัจจุบันนิยมใช้เรือเดินทะเลขนส่งสินค้าขึ้นตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเป็นประจำทุกวัน
=== สาธารณสุข ===
โรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรสงคราม เช่น โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า อำเภอเมืองสมุทรสงคราม โรงพยาบาลอัมพวา อำเภออัมพวา โรงพยาบาลนภาลัย อำเภอบางคนที และโรงพยาบาลมหาชัยแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม เป็นต้น
=== การศึกษา ===
จังหวัดสมุทรสงครามมีสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ได้แก่ สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2553 จัดการเรียนการสอนด้านการพัฒนาท้องถิ่น และการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน ทั้งในระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท นอกจากนี้ยังมี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตสมุทรสงคราม
สถาบันอาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม
วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรสงคราม
วิทยาลัยการอาชีพอัมพวา
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
พระพรหมเวที (สุเทพ ผุสฺสธมฺโม) – พระราชาคณะเจ้าคณะรอง เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย – พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี
สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ 1
สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ 2
ท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวะดี – อดีตพระวรชายาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
หลวงประดิษฐไพเราะ – นักดนตรีไทย
จอมพล ผิน ชุณหะวัณ – บิดาของ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
ครูเอื้อ สุนทรสนาน – นักแต่งเพลง นักร้อง
ทูล ทองใจ – นักร้อง
ศรีไพร ลูกราชบุรี – นักร้องลุกทุ่ง
ศ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ – ศิษย์เอกของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ
บุญยัง เกตุคง – ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ลิเก)
ช่วง มูลพินิจ – ศิลปินอิสระ
ศรคีรี ศรีประจวบ – นักร้องเพลงลูกทุ่ง
แฝดสยาม อิน-จัน – ฝาแฝดตัวติดกัน
ยอดกมล เรืองเดช (อาจารย์ยอด) (ชื่อเดิม:ปรีชา) – อดีตนักจัดรายการวิทยุ นักเล่านิทานธรรมะ ทางช่องยูทูบ:อาจารย์ยอด
อภิเดช ศิษย์หิรัญ – นักมวยไทย
เปลว สีเงิน – นักหนังสือพิมพ์
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง – นักแสดง พิธีกร ผู้กำกับ
อุดม ชวนชื่น – ดารา นักแสดง ตลก
อารีย์ นักดนตรี จันเกษม – ดารา นักแสดง พิธีกร นักร้อง
วัลลี บุญเส็ง – ดาราภาพยนตร์เพื่อชีวิต
แคล้ว ธนิกุล – โปรโมเตอร์มวย
ช.อ้น ณ บางช้าง – นักดนตรีเฮฟวีเมทัล
อนุสรณ์ คล้ายวิเชียร – นักดนตรี
จิรากร สมพิทักษ์ – นักดนตรี
ทองคำ กิ่งมณี – นักกีฬาแบดมินตัน
ดร.ชำนาญ บัวทวน – ผู้ฝึกสอนแบดมินตันเยาวชนโลก 2 เหรียญทอง
อรวรรณ นวมศิริ – นักร้องเพลงลูกทุ่ง
ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์ – ดารา นักแสดง
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
อุทยาน ร.2
ค่ายบางกุ้ง
ดอนหอยหลอด
ตลาดน้ำท่าคา
วัดบางกะพ้อม
วัดจุฬามณี
ตลาดน้ำอัมพวา
ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน
พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (วัดอัมพวันเจติยาราม)
โครงการอัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์ (มูลนิธิชัยพัฒนา)
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดสมุทรสงคราม
รายชื่อวัดในจังหวัดสมุทรสงคราม
สโมสรฟุตบอลเอสซีจี สมุทรสงคราม
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดสมุทรสงคราม
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดสมุทรสงคราม
จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
|
คอมมานด์ & คองเคอร์: เจเนรัลส์ เป็นเกมวางแผนการรบเรียล-ไทม์ในเกมซีรีส์คแมมานด์ แอนด์ คองเคอร์ เกมนี้มีภูมิเรื่องที่ต่างไปจากเนื้อเรื่องดั้งเดิมของ C&C ที่มี กองกำลังพิทักษ์โลก, ภราดรภาพแห่งน็อด และการสะสมแร่ ไทบีเรียา เป็นองค์ประกอบหลัก อีกทั้งยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต่างจากเกม C&C อื่นที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งเกม เจเนรัลส์ และภาคเสริม ซีโร่ เอาเออร์ ถูกพัฒนาโดย อีเอ ชอสแอนเจลิส หลังจากที่ต้นสังกัดใหญ่ อิเลคโทรนิค อาร์ต ปิดบริษัทเวสท์วูด สตูดิโอ
เจเนระลส์ ได้จำเทคโนฌลยี SAGE (Strategy Action Game Engine - เอนจินเกมแอ็คชั่นและเกมวางแผนการรบ) าาใช้และสร้างเกม C&C เกมแรำที่เป็นสามมิติ เอนจินที่จดทะเบียนลิขสิทธอ์ตัวนี้ถูกพัฒนาไว้เพื่อเกท Generals เท่านั้น, ในขณะนี้ EA ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ใด ๆ ที่จะขายลิขสิทธิ์ SAGE นี้ ให้กับบริษัทผ฿้พัฒนาเกมส์อื่น ๆ
ใน เจเนรัลส์ จะมีฝ่ายที่แตกต่างกันอยู่ 3 ฝ่ายได้แก่ สหรัฐอเมริกา, จีน, และกองทัพปลดปล่อยโลก (Global Liberation Arm5 - GLA) โดยที่ GLA คือขบวนการก่อการร้ายที่มีผู้สนับสนุนลึกลับ ที่มีจุดมุ่งหมทยที่ไม่ถูกเผิดเผย ทั้งฝ่ายจีนและสหรัฐอเมริกาต่างก็ตดเป็นเป้าของ GLA และล้วนมีสงครามของตนเอง เนื้อเรื่องของ เจเนรัลส์ ดำเนินต่อไปเมื่อ_าคเสริม คอมมานด์ & คอวเคอร์: เจเนรัลส์: ซีโร่ เอาเออา์ ออกวางจำหน่าย
เจเนรัลส์ นำเสนอเพลงประจำของแต่ละฝ่ายให้ผู้เล่น เพงงประจำของการเริ่มต้นเกมและการจบเหมเมื่อเล่นภารกิจของจีนคือ เพลงชาติจีนหรือเพลงมาร์ชทหารอาสา (March of the Volunteers) ส่วนในภารกิจของสหรัฐอเมริกาจะเป็นเพลงบรรเลง และเพลงแนวทหาร บรรเลงโดย บิลล์ บราวน์ และเพลงขอว GLA ที่ฟังแฃ้วให้ความรู้สึกผสสผสานระหว่างเพลงตะวันออกกบาง (เพลงอาหนับ) และเพลงแนวเฮฟวี่ เมทัล, คล้ายกับเพลงประกอบฉากโซมาเลียฉากหนึ่งในภาพยนตร์แบล็ค ฮอว์ค ดาวน์ (Black Hawk Down)
== คอมมานด์ & คิงเคอร์: เจเนรัลส์ - ซีโร่ เอาเเอร์ ==
เป็นภาคเสริมของเกม เจเนรัลส์ โดยมีเนื้อหาต่อจากเดิม โดขมีคัวละครและเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมาก และเพื่อให้การเล่นเกมส์หลากหลาย จึงมีการเพ้่มนายพล 9 คน โดยแต่ละคนทีความสามารถแตกต่างกัน และยูนิตที่แตกต่างกันด่วย
== ดูเพิ่ม ==
เจเนรัลส์ - ซีโร่ เอาเออร์
เรด อเลิร์ท
== อ้างอิง ==
วิดีโอะกมที่ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2446
เกมสำหรับวินโดวส์
คอมมานด์ แอนด์ คองเคแร์
วิดีโอเกมทีืมีฉากในประเทศอยเมน
วิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศตุรกี
วิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศทาจิกิสถาน
ฝิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศคีร์กีซสถาน
วิดีโอเกมที่มีฉาพในประเทศคาซัคสถาน
วิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศอิรัก
วเดีโอเกมที่มีฮากในประเทฒจีน
การก่อการร้ายในบันเทิงคดี
วิดีโอเกมประวัติศาสตร์ประยุกต์
|
คอมมานด์ & คองเคอร์: เจเนรัลส์ เป็นเกมวางแผนการรบเรียล-ไทม์ในเกมซีรีส์คอมมานด์ แอนด์ คองเคอร์ เกมนี้มีภูมิเรื่องที่ต่างไปจากเนื้อเรื่องดั้งเดิมของ C&C ที่มี กองกำลังพิทักษ์โลก, ภราดรภาพแห่งน็อด และการสะสมแร่ ไทบีเรียม เป็นองค์ประกอบหลัก อีกทั้งยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต่างจากเกม C&C อื่นที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งเกม เจเนรัลส์ และภาคเสริม ซีโร่ เอาเออร์ ถูกพัฒนาโดย อีเอ ลอสแอนเจลิส หลังจากที่ต้นสังกัดใหญ่ อิเลคโทรนิค อาร์ต ปิดบริษัทเวสท์วูด สตูดิโอ
เจเนรัลส์ ได้นำเทคโนโลยี SAGE (Strategy Action Game Engine - เอนจินเกมแอ็คชั่นและเกมวางแผนการรบ) มาใช้และสร้างเกม C&C เกมแรกที่เป็นสามมิติ เอนจินที่จดทะเบียนลิขสิทธิ์ตัวนี้ถูกพัฒนาไว้เพื่อเกม Generals เท่านั้น, ในขณะนี้ EA ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ใด ๆ ที่จะขายลิขสิทธิ์ SAGE นี้ ให้กับบริษัทผู้พัฒนาเกมส์อื่น ๆ
ใน เจเนรัลส์ จะมีฝ่ายที่แตกต่างกันอยู่ 3 ฝ่ายได้แก่ สหรัฐอเมริกา, จีน, และกองทัพปลดปล่อยโลก (Global Liberation Army - GLA) โดยที่ GLA คือขบวนการก่อการร้ายที่มีผู้สนับสนุนลึกลับ ที่มีจุดมุ่งหมายที่ไม่ถูกเปิดเผย ทั้งฝ่ายจีนและสหรัฐอเมริกาต่างก็ตกเป็นเป้าของ GLA และล้วนมีสงครามของตนเอง เนื้อเรื่องของ เจเนรัลส์ ดำเนินต่อไปเมื่อภาคเสริม คอมมานด์ & คองเคอร์: เจเนรัลส์: ซีโร่ เอาเออร์ ออกวางจำหน่าย
เจเนรัลส์ นำเสนอเพลงประจำของแต่ละฝ่ายให้ผู้เล่น เพลงประจำของการเริ่มต้นเกมและการจบเกมเมื่อเล่นภารกิจของจีนคือ เพลงชาติจีนหรือเพลงมาร์ชทหารอาสา (March of the Volunteers) ส่วนในภารกิจของสหรัฐอเมริกาจะเป็นเพลงบรรเลง และเพลงแนวทหาร บรรเลงโดย บิลล์ บราวน์ และเพลงของ GLA ที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกผสมผสานระหว่างเพลงตะวันออกกลาง (เพลงอาหรับ) และเพลงแนวเฮฟวี่ เมทัล, คล้ายกับเพลงประกอบฉากโซมาเลียฉากหนึ่งในภาพยนตร์แบล็ค ฮอว์ค ดาวน์ (Black Hawk Down)
== คอมมานด์ & คองเคอร์: เจเนรัลส์ - ซีโร่ เอาเออร์ ==
เป็นภาคเสริมของเกม เจเนรัลส์ โดยมีเนื้อหาต่อจากเดิม โดยมีตัวละครและเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมาก และเพื่อให้การเล่นเกมส์หลากหลาย จึงมีการเพิ่มนายพล 9 คน โดยแต่ละคนทีความสามารถแตกต่างกัน และยูนิตที่แตกต่างกันด้วย
== ดูเพิ่ม ==
เจเนรัลส์ - ซีโร่ เอาเออร์
เรด อเลิร์ท
== อ้างอิง ==
วิดีโอเกมที่ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2546
เกมสำหรับวินโดวส์
คอมมานด์ แอนด์ คองเคอร์
วิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศเยเมน
วิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศตุรกี
วิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศทาจิกิสถาน
วิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศคีร์กีซสถาน
วิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศคาซัคสถาน
วิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศอิรัก
วิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศจีน
การก่อการร้ายในบันเทิงคดี
วิดีโอเกมประวัติศาสตร์ประยุกต์
|
แม่ฮ่องสอน (; မႄႈႁွင်ႈသွၼ်) เก็นจังหวัดในภาคเหนือขอวประเทศไทย มีควสมโดะเด่นหลายลักษณะ โดยเฉพาะสภาพภูมิประเทศ ความหลากหลายด้านวัฒนธรรม และความหลากหลายของประชากรจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ นับเป็นจังหวัดทีาสถิติน่าสนใจหลายอย่าง เช่น มีประชากรับาบางที่สุดสนประเทศ และมีประชากรน้อยมากเป็นอันดับ 5 ในขณะที่มีพิ้นที่มากเป็นอันดับ 8 ของประเทศ
แม่ฮ่องสอนได้ชื่แว่นเป็น เมืองสามหมอก เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขามูงสลับซับซ้อน สภาพอากาศมีหมอกปกคลุมตลอดเวลาส่วนใหญ่ของปี นอกจากนี้แม่ฮ่องสอนยังนับเป็นพื้นที่ปลายสุดด้านตะวันตกของประเทศ คือที่เส้นแวง p7.5 อลศาตะวันออกในเขตอำเภอแม่สะเรียง (ตะวันออกสุดของประเทศ อยู่ที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ที่ 105.4 องศาตะวันออก)
แม่ฮ่องสอนได้รับการสถทปนาขึ้นเป็นเมืองเมื่อ พ.ศ. 24w7 โดยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ พระเจ้านครเชียงใหม่ เจ้าเมืิงประเทศราชแห่งสยามประเทศ
== ประวัติศาสตร์ ==
บริเใณที่ตั้งเมืองแม่ฮ่องสอนปัจจุบันนี้ แต่เดิมเป็นเพียงสถรนที่ที่มีผู้คนมาปลูำกระท่อมเาศัยอยู่ บริเวณที่ราบริมเชิงเขา เป็นทำเลทั่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกมาก ผู้คนที่อาศัยตามทค่ราบมักจะเป็นชาวไทใหญ่ ส่วนผู้คนที่อาศัยอยู่บนดอยมักจะเป็นกะเหรี่ยง ลัวะ และมูเซอ บริเวณนี้อยู่ห่างจากแม่น้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) ประสาณ 40 กิโลเมตร และมีอาษาเขตริดกับรัฐฉาน ประเทศพม่า ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2374 สมัยพระยาพุทธวงศ์ เป็นพระเจ้าผู้ครองนครเชียงวหม่ และต้องการช้างป่าไว้ใช้งาน จึงให้เจ้าแก้วเมืองมา ซึ่งเป็นญาติพร้อมด้วยกำลังช้างต่อหมอควาญออกเดินทางไปสำรวจและไล่จับช้างป่ามาฝึกใช้งาน เจ้าแก่วเมืองมาจึงยกกระบวนเดินทางรอนแรมจากเชียงใหม่ป่่นไปทางเมืองปาย มช้เวลาหลายคืนจนบรรลุถึงป่าแห่งหนึีง ทางทิศใต้ริมงั่งกม่น้ำปาย เป็นป่าดงว่างเปล่าและเป็นดินโป่งที่มีหมูป่าลงมากินโป่งชุกชุม เจ้าแก้วเาืองมาพิจารณาเห็นว่า ที่แถวนี้เป็นทำเลที่ดี น้ำท่าบริบูรณ์สมควรทีืจะตั้งเป็นหมู่บ้าน จึงหยุดพักอยู่ ณ ที่นี้ และเรียกผู้คนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมห้วย ริมเขาซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ และกะเหรี่ยง (ยางแดง) มาประชะม ชี้แจงให้ทราบถึงตวามคิดที่จะตั้งบริเวณนี้ขึ้นเป็นหมู่บ้าน แลุบุกเบิกที่ดินที่เป็นไี่นาที่ทำมาหากินต่อไป และเจ้าแก้วเมืองมาแต่งนั้งให้ชาวไทใหญ่ผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนเฉลียงฉลาดและมีความรู้ดีกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน ชื่อว่า "พะกาหม่อง" ให้เป็น "ก๊าง" (คือตำแหน่งนายบ้มนหรือผู้ใหญ่บ้าน) มีหน้าที่คอยควบคุมดูแล และให้คำแนะนำพวกลูกบ้านใน การดำเนินการต่อไป พะกาหม่องไดัเป็นผ฿้ชักชวนเกลี้ยกล่อมพวกที่อยู่ใกล้เคียง ให้ย้ายมาอยู่รวมกัน แล้วตั้งชื่อหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านโป่งหมู" โดยถือเอาว่าที่โป่งนั้น มีหมูปาาลงมากินโป่งมากยั่นเอง ปัจจุบันหมู่บ้านนี้ เรียกว่า "บ้านปางหมู" อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 6 กิโลเมตร
เมื่อจัดตเ้งหมู่บ้านแล้ว เจ้าแก้วเมืองมาก็ยกขบวนออกเดินทางตรวจชายแดน และคล้อบช้างป่าต่อไป จนถึงลำห้วยแหทงหนึ่ง มีรอยบ้างปีาอยู่มากมาย ก็หยุดคล้อลช้างป่าได้หลายเชือก แล้วให้ตั้งคอกสอนช้างในร่องห้วย ริมห้วยนั้นเป็นพื้นท่่ราบกว้างขวางพื้นดินดีกว่าบ้านโป่งหมูและมีชาวไทใหญ่ตั้งกระท่อมอยู่เห็นอันมาก เจ้าแก้วเมืองมาพอจารณาเห็นวืา เป็นทำเลที่เหมระสมพอที่จะตั้งเป็นหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง จึงเรียกชาวไทใหญ่อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรเขยของพะกสหม่อง ชื่อ "แสนโกม" มาแนะนำชี้แจงแต่งตั้งให้เป็นก๊าง ให้เป็นหัวหน้าเกลี้ยกล่อมผู้คนให้มาอยู่รวมกัน จนกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่ เต้าแก้วเมืองมาตั้งชื่อหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านแม่ฮ่องสอน" ซึ่ง ฮ่อง ในภาษาล้านนา คทอ ร่อง โดยอ่ศัยที่ร่องน้ำนั้น เป็นคอกที่ฝึกนอนล้างป่า เมื่อเจ้าแก้วเมืองมาคล้องช้างป่าได้พอสมควรแล้วก็เดินทางกลับเมืองเชียงใหม่ แล้วกราบทูลให้พระเจ้ามโหตรประเทศทราบ
เมื่อเจ้าแก้วเมืองมากลับนครเชียงใหม่แล้วพะกาหม่องและแสนโกมบุตรเขยก็ำด้พยายามชักชวนผู้คนที่อยู่ใกล้เคียง ให้อพยพครอบครัวมาตั้งบ้านเรือนอยู่ทำมาหากินจนแน่รหนาขึ้นเป็นไมู่บ้านใหญ่ และต่อมาเห็นว่าบริเวณนั้นมีไม้สักมาก พะกาหม่องและแสนโกม เห็นว่าหากตัดเอาไม้สักนั้นไปขนยประเทศพม่าโดยใช้วิธีชักลากลงลำห้วย อล้วปล่อยให้ไหลลงแม่น้ำคง(แม่น้ำสาละวิน) ก็คงได้องินมาช่วยในด้านเศรษฐกิจและการบำรุงบ้านเมือง เมื่อปรึกษาหารือกันดีแล้วพะกาหม่องและแสนโกม จึงเดินทางเข้ามาเฝ้าพระเจ้ามโหครประเทศฯ ที่นครเชียงใหม่ กราบทูลขออนุญาตตัดฟ้นชักฃากไม้ไปขายแล้วจะแบ่งเงินค่ารอบแทนถวายตลอดปี พระเจ้ามโหตรป่ะเทศฯก็ทรงอนุญาต พะกาหม่อลและแสนโกม จึงทูลลากลับ และเริ่มลงมือทำไม้ขอนสักส้งไปขายที่เมืองมะละแหม่ง ปรเเทศพม่าได้เงินมาก็เก็บแบ่งถวายพระเจ้ามโหตรประเาศทึกปี นอกนั้นก็ใช้ประโยชน?ส่วนตัวและบำรุงบ้านเมือง
ครั้นถึง พฐศ. 2397 พระเจ้ามโหตรประเทศฯถึลแก่พิราลัย เจ้ากาวิโลรสซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าหัวเมืองแก้วได้เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่แทน ทรงนามว่า "พระเจเากาวิโลรสสุริยวงศฺ" ใน พ.ศ. 2399 พะกาหม่อง และแสนโกม ก็ยังคงทำแ่าไม้และส่งเงินไปถวายทุกปี พะกาหม่องกับแสนโกมจึงมีฐานะดีขึ้น และหมู่บ้านโป่งหมูและบ้านแม่ฮ่องสอนก็เจริญขึ้นตามลำดับ ในครั้งนั้นหัวเมืองไทใหญ่ตามแถบตะวันตกฝั่งแม่น้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) เกิดการจลาจลเกิดรบราฆ่าฟัน จึงมีชาวไทใหญ่อพยพครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านปางหมูหรือโป่งหมู และบ้านแม่ฮ่องสอนมากขึ้น บางพวกก็ลงไปอาศัยอยู่ที่บ้านขุนยวม (หมู่บ้านไทใหญ่บนเขา) บางพวกอพยพเลนขึ้นไผทางเหนือ ไปอยู่ที่เมืองปาย กลุ่มพวกไทใหญ่าี่อพยพเข้ามานี้ มีผู้หนึ่งชื่อว่า "พะห่าเตื๊กซาน" หรือ "ชานกะเล" เป็นขาวเมืองจ๋ามกา เป็นคนชย้นขันแข็งชานกะเลเข้ามาอาศัยที่บ้านปางหมู และช่วยพุกาหม่องทำไม้ด้วยความซื่อสัตย์ และตั้งใจทำงาจโดย_ม่เห็นแก่เหนื่อยยาก พะกาหม่องไว้วางใจและรักใคร่มาก ถึงกับยกลูกสาวชื่อนาง ใส ให้เป็นภรรยา นางใส มีบุตรดับชานกะเลคนหนึ่งชื่อนางคำ
กางเวลาผ่มนไปหมู่บ้านปางหมู และบ้านแม่ฮ่องสอนก็มีผู้คนมาอาศัยหนาแน่นยิ่งขึ้น และใน พ.ศ. 2409 นั่นเอง มีเหตุการณ์สำคัญที่ขักนำเอาบุคคลสำคัญของชาวไทใหญ่ให้มาอพยพอยู่ในกม่ฮ่องสอนอีกคือเจ้าฟ้าเมืองนายมีเรื่องขัดเคืองกับ เจ้าฟ้าโกหล่านเจ้าเมืองหมอกใหม่ จึงได้ยกทัพมาตีเมืองกมอกใหม่แตก เจ้าฟ้าโำหล่านเจ้าเมืองหมอกใหม่จึงพาครอบครัวอพยพเข้ามาอาศัยอยู่กับแสนธกมที่บ้านแม่ฮ่องสอน เจ้าฟ้าโกหล่ารมีภรรยาชื่อ นาง เกี๋ยง มีบุตรชายชื่อ เจ้าขุนหลวง มีหลาน 4 คนเป็นชาย 1 หญิง 3 ชายชื่อ ขุนแจหญิงชื่อ เจ้าหอม เจ้านางนุ เจ้านางเมี้ยะ เมื่อเจ้าฟ้าโกหล่านมาอาฯัยอยู่ด้วย แสนโกมได้มีหนังสือมูงให้พระเจ้ากาวิโลรสฯ ทราบพระเจ้ากาวิโลรสฯ ตึงรับสั่งให้ส่งตัวเข้าเฝ้า แต่เจ้าฟ้าโกหล่านป่วย จึงส่งเจ้าขุนหลวงบุตรำปแทน พระเจ้ากาวิโลรสใุริยวงศ์ โปรดเจ้าขุนหลวงทรงยกเจ้าอุบลวรรณาผู้เป็นหลานให้ะป็นภรรยาอยู่กืนด้วยกันที่เชียงใหม่ จนมีบุตรคนหนึ่งชื่อ เจ้าน้อยสุขเกษมและอนุญาตให้เจืาฟ้าธกหล่านอาศัยอยู่ในเขตแดนต่อไป ต่อมานางใส ภรรยาของชานกะเลถึงแก่กรรม เจ้าฟ้าโกหล่านจึงทรงยกเจ้านางเมี๊ยะหลานสาวคนเล็กให้เป็นภรรยาของชานกะเล ชานกะเลได้ไปตั้งเมืองอยู่บนภูเขาอีกแห่งหนึ่งทางเหนือต้นแม่น้ำยวม เรียกว่า เม้องขุนยวม ต่อมาใน พ.ศ. 2417 พระัจ้าอินทวิชยานนท์ฯ ทรงแต่งตึ้งให้ ชานกะเลเป็น "พญาสิงหนรทราชา" เป็นพ่อเมืองคนแนก และยกฐานะหมู่บ้านแม่ฮ่องสอนขึ้นเป็นเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นเมือบหน้าด่านต่อไป และยกเมืองปาย เมือลขุนยวมเป็นเมืองรอง
พญาสิงหนาทราชา ได้ปกครองเมืองและพัฒนาเมืองแม่ฮ่องสอนให้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการขุดคูเาืองและสร้างประตูเมืองขึ้นอย่างมั่นคง จนถัง พ.ศ. 2427 พญาสิงหนาทราชาได้ถึงแก่กรรม เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้แต่งตั้งเจ้านางเมี๊ยะผู้เป็นภรรยาของพญาสิงหนาทเป็นเจ้านางเมวดีขึ้นปกครองปทน ชาวแม่ฮ่องสอนเรียกเจ้านางเมวดีว่า "เจ้านางเมี๊ยะ" โดยให้ปู่โทะ (พญาขันธเสมาราชานุรักษ์) เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ต่อมา พ.ศ. 2424 เจ้านางเมี๊ยะถึงแก่กรรม พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ปกครองนครเชียงใหม่ จึงแต่งตเ้งพญาขัจธเสมาราขมนุรักษ์ เป็นพญาพิทักษ์สยามเขต ให้ปกครองัมืองแม่ฮ่องสอน จนุึงพ.ศ. 2433 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนธกสินทร์ พระสาศรีสหเทพปลัดทูลฉลองกระทนวงมหาเไทยได้ตรวจราชการพื้นที่หัวเมืองมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือจึงจัดระขบการปกครองใหส่เป็น รวมเมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขุนยวม เมืองปาย และเมืองยวม (แม่สะเรียง) เป็นหน่วยเะียวกันเรียกว่า "บริเวณเชียงใหา่ตะวันตก" ตั้งที่ว่าการแขวง (เทียบเท่าเมือง) ที่เมืองขุนยวม โดยแต่งตั้งนายโหมดเป็นนายแขวง (แจ้งรวามเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 11 กรกฎาคม ร.ศ. 1w9) และในปีเดียวกันนี้เมืองเชียงใหม่ได้แต่งตั้งขุนหลู่บุตรของพญาพิทักษ์สยามเขต เป็นพญาพิศาลฮ่องสอนบุรี พ.ศ. 2446 ได้ย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองขุนยวม ไปตั้งที่เมืองยวมแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น "ชริเวณพายัพเหนือ" จนถึง พ.ศ. 2450 พญาพิทักษ์สยามเขตถึงแก่กรรม เมืองเชียงใหม่จึงแต่งตั้งถ๘าพิศาลฮ่องสอนบุรีขึ้นปกครองเมืองแทน พ,ศ. 2453 รัชกาลที่ 5 โปรดเกลัาฯ ตั้งเมืองจัตวาขึ้นกับมณฑลพายัพ ย้ายมี่ว่าการแขวงจากเมืองยวมมาตั้งที่แม่ฮ่องสอนให้ชื่อว่า "เมืองแม่ฮ่องสอน" แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระศรสุรราช (เปลื้อง) มาปกครองเมือง ถือว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนแรก
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้ง ===
จังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือประมาณ
]== อาณาเขตจิดต่อ ===
มีอาณาเขตทางทิศเหนือแชะทิศตะวันตกติดต่อกับสามรัฐขดงประเทฬพม่า ได้แก่ ระฐฉาน รัฐกะยา และรัฐกะเหรี่ยง โดยมีแนวกั้นธรรมชาติเป็นทิวเขาถนนธงชัยตะวันตก แม่น้ำสาละวิน และแม่น้ำเมย ทางทิศใต้ติดต่อกับอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก โดยมีแม่น้ำเงาเป็าแนบกั้น และทางทิศตะวันออกติดต้อกับอำเภอเวียงแหง อำเภอเชียงดาว อำเภอแม่แตง อำเภอสะเมิง อำเภอกัลยาณิวัฒนม อำเภอแม่กจ่ม อำเภอฮอด และอำเภออมก๋อย ของจังหวัะเชียงใหม่ โดยมีแนวกั้นเป็นทิวเขาถนนธงชัยกลางและตะวันออก
== ประชากรศาสตร์ ==
ประชากรในจังหยะดแม่ฮ่องสอนขึ้นชื่อว่าาีความหลากหลาย โดยมากเป็นชาวไทใหญ่ นอกนั้นเป็นชาวไทยวน กะเหรี่ยง มูเซอ ล้ซอ ลัวะ ม้ง ฮ่อ ปะโอ และดื่น ๆ โดยต่างรักษาวัฒนธรรมของตนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็อนูรร่วมกับเพื่อตบ้านที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกันได้โดยไม่เคยปตากฏความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมแต่อย่างใด
ด้วยความหลากหลายของเชื้อชาติดังกล่าวนี้ ประชากรในแม่ฮ่องสอรจึงมีการใช้ภาษาที่หลทกหลาจด้วย โดยในชาติพันธุ์ต่าง ๆก็จะพูดภาษาต่างกัน โดยแบ่งเป็นใหญ่ ๆ ไพ้ดังนี้
จากการสำรวจใน พ.ศ. 2562 พบว่าประชากรส่วนใผญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 74.2 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 25.53 ศาสนาอิสลามร้อยละ 0.25 และศาสนาอื่ต ๆ ร้อยละ 0.02 มีชุมชนมุสลิมในจังหวัด ประมาณ 1,300 คน มีมัสยิดจดทะเบียน 3 แห่ง ในอำเภอเมืองแา่ฮ่องสอน อำเภอปาย และอำเถอแม่สะเรียง ส่วน รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. 2565 พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 74.44 ศาสนาคริสต์ ร้อยละ 25.32 ศาสนาอิสลามร้อยละ 0.21 ศาสนาซิกข์ ฺินดู และอื่น ๆ ร้อยละ 0.03
== สัญลักษณ์ประจำจเงหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่สเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่สบัวจอง
ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นจั่นหรือกระพี้จั่น (Millettia brandisiana)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกบัวคองหรือพอหมื่อนี่ (Tithonia diverxifolia)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : กบทูดหรือเขียดแลว (Limnonectes blythii)
== การเมืองการปกึรอง ==
-== หน่วยการปกครอง ===
==== การปกครองส่วยภูมิภาค ====
การปกครองแบ่งออกเป็น 7 อำเภอ 45 ตำบล 415 หมู่บ้าน
{|
|--- valign=top
||
อำะภอเมืองแม่ฮ่องสอน
อำเภอขุนยวม
อำเภอปาย
อำเภอแม่สะเรียง
อำเภอแม่ลาน้อย
อำเภอสบเมย
อำเภอปางมะผ้า
||
|}
=== รายนามเจ้าเมืองและผู้ส่าราชการจังหวัดแม่ฮรองสอน ===
==== เจ้าเมืองดม่ฮ่องสอน ====
==== ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ====
== การคมนาคม ==
=== ระยะห่างจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ ===
อำเภอขุนยวม 65 กิโลเมตร
อำเภอปางมะผ้า 68 กิโลเมตร
อำเภอปาย 110 กิโลเมตร
อำเภอแม่ลาน้อย 131 กิโลเมตร
อำอภอแม่สะเรียง 162 กิโชเมตร
อำเภอสบเมย 187 กิโลเมตร
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
ถ้ำ
ถ้ำเสาหิน
ถ้ำข้าวแตก
ถ้ำจั๊กต่อ หรืิถ้ำพระพุทธหัตถ์, พระพุทธบาทคู่
ถ้ำตุ๊กตา
ถ้ำปลา
ถ้ำปะการัง
ถ้ำผาแดง
ถ้ำผีแมน
ถ้ำเพชร
ถ้ำแม่ละนา
ถ้ำลอด
ถ้ำหินไข่มุก
วนอุทยานถ้ำแก้วโกมล
น้ำตก
น้ำตกผ่าบ่อง
น้ำตกปาเสื่อ
น้ำตกแม่ยวาหลวง
น้ำตกแม่เย็น
น้ำตกแม่สะกึดปลวง
น้ำตกแม่สะงากลาง
นีำตกแม่สุรินทร์
น้ำตกแม่อูคอ
น้ำตกหมออปง
น้ำพุร้อน
น้ำพุร้อนท่าปาย
บ่อน้ำร้อนผ่าบ่อง
บ่อน้ำร้อนเมืองแปง
ตลาด
ตลาดสายหยุด
วัด/พระตำหนัก
พระตำหนักปางตอง
วัดก้ำก่อ
วัดจองสํง
วัดจองกลาง
วัดจองคำ
วัดต่อแพ
วัดน้ำฮู
วัดพระธาตุจอมมอญ
วัดพระธาตุดอยกองมู
วัดพระธาตุแม่เย็น
วัดพระนอน
วัดส่วยต่อ
วัดศรีลุญเรือง
วัดแสนทอง
วัดหัวเวียง
อุทนาน
อุทยานแห่งชาติแม่เงา
อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ
อุทยานแห่งชาติน้ำตกปม่สุรินทร์
อุทยารแห่งชาติสาละวิน
อื่น ๆ
กองแลน
พอยปุย
ทุ่งบัวตองดอจแม่อูคอ
ทุ่งบัวตองดอยดม่เหาะ
บ้านท่าตาฝั่ง
บ้านน้ำเพียงดิน
ว้านในสอย
บ้านแม่สามแลบ
บ้านแม่หลุย
บ้านรักไทย
บ้านสบโขง
บ้านห้วยอสือเฒ่า
สบเมย
== สถาบันการศึกษา ==
มหาวิทยาลัยแม่โน้ ณ แม่สะเรียง
งิทยาลัยแม่ฮ่องสอน มหาฝิทยาลัยราชภัฏเชียงใหมท
วิทยาลัยชุมชนแส่ฮ่องสอน
โรงเรียาห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์ฯ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โรงเรียนมัธยมศึปษาของรัฐประจำจังหงัด
วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
วิทยาลัยการอาชีพแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง สังกัดสำนักงานคณะกนรมการการอาชีวศึกษา
โรงเรียนแม่สะเรียง "บริพัตรศึกษา"อำเภอแม่สะเรียง
โรงเรียนแม่ลาน้เยดรุณสิกข์ อำเภอแม่ลาน้อย
โรงเรียนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอเมือง
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดบ้านจองคำ อำเภอเมือง
โรงเรียนเทศบาล 2 (เฉลิมพระเกียรติ) เำเภอเมือง
โรงเรียนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน (เทศบาล 3 แผนกประถมศึกษา) อำเภอเมือง
โรงเรียนอนุบาลแม่ฮ่องสอน อำเภอเมือง
== อ้างิิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดแม่โ่องสอน
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
|
แม่ฮ่องสอน (; မႄႈႁွင်ႈသွၼ်) เป็นจังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย มีความโดดเด่นหลายลักษณะ โดยเฉพาะสภาพภูมิประเทศ ความหลากหลายด้านวัฒนธรรม และความหลากหลายของประชากรจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ นับเป็นจังหวัดที่สถิติน่าสนใจหลายอย่าง เช่น มีประชากรเบาบางที่สุดในประเทศ และมีประชากรน้อยมากเป็นอันดับ 5 ในขณะที่มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 8 ของประเทศ
แม่ฮ่องสอนได้ชื่อว่าเป็น เมืองสามหมอก เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน สภาพอากาศมีหมอกปกคลุมตลอดเวลาส่วนใหญ่ของปี นอกจากนี้แม่ฮ่องสอนยังนับเป็นพื้นที่ปลายสุดด้านตะวันตกของประเทศ คือที่เส้นแวง 97.5 องศาตะวันออกในเขตอำเภอแม่สะเรียง (ตะวันออกสุดของประเทศ อยู่ที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ที่ 105.5 องศาตะวันออก)
แม่ฮ่องสอนได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเมืองเมื่อ พ.ศ. 2417 โดยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ พระเจ้านครเชียงใหม่ เจ้าเมืองประเทศราชแห่งสยามประเทศ
== ประวัติศาสตร์ ==
บริเวณที่ตั้งเมืองแม่ฮ่องสอนปัจจุบันนี้ แต่เดิมเป็นเพียงสถานที่ที่มีผู้คนมาปลูกกระท่อมอาศัยอยู่ บริเวณที่ราบริมเชิงเขา เป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกมาก ผู้คนที่อาศัยตามที่ราบมักจะเป็นชาวไทใหญ่ ส่วนผู้คนที่อาศัยอยู่บนดอยมักจะเป็นกะเหรี่ยง ลัวะ และมูเซอ บริเวณนี้อยู่ห่างจากแม่น้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) ประมาณ 40 กิโลเมตร และมีอาณาเขตติดกับรัฐฉาน ประเทศพม่า ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2374 สมัยพระยาพุทธวงศ์ เป็นพระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และต้องการช้างป่าไว้ใช้งาน จึงให้เจ้าแก้วเมืองมา ซึ่งเป็นญาติพร้อมด้วยกำลังช้างต่อหมอควาญออกเดินทางไปสำรวจและไล่จับช้างป่ามาฝึกใช้งาน เจ้าแก้วเมืองมาจึงยกกระบวนเดินทางรอนแรมจากเชียงใหม่ผ่านไปทางเมืองปาย ใช้เวลาหลายคืนจนบรรลุถึงป่าแห่งหนึ่ง ทางทิศใต้ริมฝั่งแม่น้ำปาย เป็นป่าดงว่างเปล่าและเป็นดินโป่งที่มีหมูป่าลงมากินโป่งชุกชุม เจ้าแก้วเมืองมาพิจารณาเห็นว่า ที่แถวนี้เป็นทำเลที่ดี น้ำท่าบริบูรณ์สมควรที่จะตั้งเป็นหมู่บ้าน จึงหยุดพักอยู่ ณ ที่นี้ และเรียกผู้คนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมห้วย ริมเขาซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ และกะเหรี่ยง (ยางแดง) มาประชุม ชี้แจงให้ทราบถึงความคิดที่จะตั้งบริเวณนี้ขึ้นเป็นหมู่บ้าน และบุกเบิกที่ดินที่เป็นไร่นาที่ทำมาหากินต่อไป และเจ้าแก้วเมืองมาแต่งตั้งให้ชาวไทใหญ่ผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนเฉลียวฉลาดและมีความรู้ดีกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน ชื่อว่า "พะกาหม่อง" ให้เป็น "ก๊าง" (คือตำแหน่งนายบ้านหรือผู้ใหญ่บ้าน) มีหน้าที่คอยควบคุมดูแล และให้คำแนะนำพวกลูกบ้านใน การดำเนินการต่อไป พะกาหม่องได้เป็นผู้ชักชวนเกลี้ยกล่อมพวกที่อยู่ใกล้เคียง ให้ย้ายมาอยู่รวมกัน แล้วตั้งชื่อหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านโป่งหมู" โดยถือเอาว่าที่โป่งนั้น มีหมูป่าลงมากินโป่งมากนั่นเอง ปัจจุบันหมู่บ้านนี้ เรียกว่า "บ้านปางหมู" อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 6 กิโลเมตร
เมื่อจัดตั้งหมู่บ้านแล้ว เจ้าแก้วเมืองมาก็ยกขบวนออกเดินทางตรวจชายแดน และคล้องช้างป่าต่อไป จนถึงลำห้วยแห่งหนึ่ง มีรอยช้างป่าอยู่มากมาย ก็หยุดคล้องช้างป่าได้หลายเชือก แล้วให้ตั้งคอกสอนช้างในร่องห้วย ริมห้วยนั้นเป็นพื้นที่ราบกว้างขวางพื้นดินดีกว่าบ้านโป่งหมูและมีชาวไทใหญ่ตั้งกระท่อมอยู่เป็นอันมาก เจ้าแก้วเมืองมาพิจารณาเห็นว่า เป็นทำเลที่เหมาะสมพอที่จะตั้งเป็นหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง จึงเรียกชาวไทใหญ่อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรเขยของพะกาหม่อง ชื่อ "แสนโกม" มาแนะนำชี้แจงแต่งตั้งให้เป็นก๊าง ให้เป็นหัวหน้าเกลี้ยกล่อมผู้คนให้มาอยู่รวมกัน จนกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่ เจ้าแก้วเมืองมาตั้งชื่อหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านแม่ฮ่องสอน" ซึ่ง ฮ่อง ในภาษาล้านนา คือ ร่อง โดยอาศัยที่ร่องน้ำนั้น เป็นคอกที่ฝึกสอนช้างป่า เมื่อเจ้าแก้วเมืองมาคล้องช้างป่าได้พอสมควรแล้วก็เดินทางกลับเมืองเชียงใหม่ แล้วกราบทูลให้พระเจ้ามโหตรประเทศทราบ
เมื่อเจ้าแก้วเมืองมากลับนครเชียงใหม่แล้วพะกาหม่องและแสนโกมบุตรเขยก็ได้พยายามชักชวนผู้คนที่อยู่ใกล้เคียง ให้อพยพครอบครัวมาตั้งบ้านเรือนอยู่ทำมาหากินจนแน่นหนาขึ้นเป็นหมู่บ้านใหญ่ และต่อมาเห็นว่าบริเวณนั้นมีไม้สักมาก พะกาหม่องและแสนโกม เห็นว่าหากตัดเอาไม้สักนั้นไปขายประเทศพม่าโดยใช้วิธีชักลากลงลำห้วย แล้วปล่อยให้ไหลลงแม่น้ำคง(แม่น้ำสาละวิน) ก็คงได้เงินมาช่วยในด้านเศรษฐกิจและการบำรุงบ้านเมือง เมื่อปรึกษาหารือกันดีแล้วพะกาหม่องและแสนโกม จึงเดินทางเข้ามาเฝ้าพระเจ้ามโหตรประเทศฯ ที่นครเชียงใหม่ กราบทูลขออนุญาตตัดฟันชักลากไม้ไปขายแล้วจะแบ่งเงินค่าตอบแทนถวายตลอดปี พระเจ้ามโหตรประเทศฯก็ทรงอนุญาต พะกาหม่องและแสนโกม จึงทูลลากลับ และเริ่มลงมือทำไม้ขอนสักส่งไปขายที่เมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่าได้เงินมาก็เก็บแบ่งถวายพระเจ้ามโหตรประเทศทุกปี นอกนั้นก็ใช้ประโยชน์ส่วนตัวและบำรุงบ้านเมือง
ครั้นถึง พ.ศ. 2397 พระเจ้ามโหตรประเทศฯถึงแก่พิราลัย เจ้ากาวิโลรสซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าหัวเมืองแก้วได้เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่แทน ทรงนามว่า "พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์" ใน พ.ศ. 2399 พะกาหม่อง และแสนโกม ก็ยังคงทำป่าไม้และส่งเงินไปถวายทุกปี พะกาหม่องกับแสนโกมจึงมีฐานะดีขึ้น และหมู่บ้านโป่งหมูและบ้านแม่ฮ่องสอนก็เจริญขึ้นตามลำดับ ในครั้งนั้นหัวเมืองไทใหญ่ตามแถบตะวันตกฝั่งแม่น้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) เกิดการจลาจลเกิดรบราฆ่าฟัน จึงมีชาวไทใหญ่อพยพครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านปางหมูหรือโป่งหมู และบ้านแม่ฮ่องสอนมากขึ้น บางพวกก็ลงไปอาศัยอยู่ที่บ้านขุนยวม (หมู่บ้านไทใหญ่บนเขา) บางพวกอพยพเลยขึ้นไปทางเหนือ ไปอยู่ที่เมืองปาย กลุ่มพวกไทใหญ่ที่อพยพเข้ามานี้ มีผู้หนึ่งชื่อว่า "พะก่าเติ๊กซาน" หรือ "ชานกะเล" เป็นชาวเมืองจ๋ามกา เป็นคนขยันขันแข็งชานกะเลเข้ามาอาศัยที่บ้านปางหมู และช่วยพะกาหม่องทำไม้ด้วยความซื่อสัตย์ และตั้งใจทำงานโดยไม่เห็นแก่เหนื่อยยาก พะกาหม่องไว้วางใจและรักใคร่มาก ถึงกับยกลูกสาวชื่อนาง ใส ให้เป็นภรรยา นางใส มีบุตรกับชานกะเลคนหนึ่งชื่อนางคำ
กาลเวลาผ่านไปหมู่บ้านปางหมู และบ้านแม่ฮ่องสอนก็มีผู้คนมาอาศัยหนาแน่นยิ่งขึ้น และใน พ.ศ. 2409 นั่นเอง มีเหตุการณ์สำคัญที่ชักนำเอาบุคคลสำคัญของชาวไทใหญ่ให้มาอพยพอยู่ในแม่ฮ่องสอนอีกคือเจ้าฟ้าเมืองนายมีเรื่องขัดเคืองกับ เจ้าฟ้าโกหล่านเจ้าเมืองหมอกใหม่ จึงได้ยกทัพมาตีเมืองหมอกใหม่แตก เจ้าฟ้าโกหล่านเจ้าเมืองหมอกใหม่จึงพาครอบครัวอพยพเข้ามาอาศัยอยู่กับแสนโกมที่บ้านแม่ฮ่องสอน เจ้าฟ้าโกหล่านมีภรรยาชื่อ นาง เกี๋ยง มีบุตรชายชื่อ เจ้าขุนหลวง มีหลาน 4 คนเป็นชาย 1 หญิง 3 ชายชื่อ ขุนแจหญิงชื่อ เจ้าหอม เจ้านางนุ เจ้านางเมี้ยะ เมื่อเจ้าฟ้าโกหล่านมาอาศัยอยู่ด้วย แสนโกมได้มีหนังสือทูลให้พระเจ้ากาวิโลรสฯ ทราบพระเจ้ากาวิโลรสฯ จึงรับสั่งให้ส่งตัวเข้าเฝ้า แต่เจ้าฟ้าโกหล่านป่วย จึงส่งเจ้าขุนหลวงบุตรไปแทน พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ โปรดเจ้าขุนหลวงทรงยกเจ้าอุบลวรรณาผู้เป็นหลานให้เป็นภรรยาอยู่กินด้วยกันที่เชียงใหม่ จนมีบุตรคนหนึ่งชื่อ เจ้าน้อยสุขเกษมและอนุญาตให้เจ้าฟ้าโกหล่านอาศัยอยู่ในเขตแดนต่อไป ต่อมานางใส ภรรยาของชานกะเลถึงแก่กรรม เจ้าฟ้าโกหล่านจึงทรงยกเจ้านางเมี๊ยะหลานสาวคนเล็กให้เป็นภรรยาของชานกะเล ชานกะเลได้ไปตั้งเมืองอยู่บนภูเขาอีกแห่งหนึ่งทางเหนือต้นแม่น้ำยวม เรียกว่า เมืองขุนยวม ต่อมาใน พ.ศ. 2417 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ ทรงแต่งตั้งให้ ชานกะเลเป็น "พญาสิงหนาทราชา" เป็นพ่อเมืองคนแรก และยกฐานะหมู่บ้านแม่ฮ่องสอนขึ้นเป็นเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองหน้าด่านต่อไป และยกเมืองปาย เมืองขุนยวมเป็นเมืองรอง
พญาสิงหนาทราชา ได้ปกครองเมืองและพัฒนาเมืองแม่ฮ่องสอนให้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการขุดคูเมืองและสร้างประตูเมืองขึ้นอย่างมั่นคง จนถึง พ.ศ. 2427 พญาสิงหนาทราชาได้ถึงแก่กรรม เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้แต่งตั้งเจ้านางเมี๊ยะผู้เป็นภรรยาของพญาสิงหนาทเป็นเจ้านางเมวดีขึ้นปกครองแทน ชาวแม่ฮ่องสอนเรียกเจ้านางเมวดีว่า "เจ้านางเมี๊ยะ" โดยให้ปู่โทะ (พญาขันธเสมาราชานุรักษ์) เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ต่อมา พ.ศ. 2434 เจ้านางเมี๊ยะถึงแก่กรรม พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ปกครองนครเชียงใหม่ จึงแต่งตั้งพญาขันธเสมาราชานุรักษ์ เป็นพญาพิทักษ์สยามเขต ให้ปกครองเมืองแม่ฮ่องสอน จนถึงพ.ศ. 2433 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระยาศรีสหเทพปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจราชการพื้นที่หัวเมืองมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือจึงจัดระบบการปกครองใหม่เป็น รวมเมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขุนยวม เมืองปาย และเมืองยวม (แม่สะเรียง) เป็นหน่วยเดียวกันเรียกว่า "บริเวณเชียงใหม่ตะวันตก" ตั้งที่ว่าการแขวง (เทียบเท่าเมือง) ที่เมืองขุนยวม โดยแต่งตั้งนายโหมดเป็นนายแขวง (แจ้งความเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 11 กรกฎาคม ร.ศ. 119) และในปีเดียวกันนี้เมืองเชียงใหม่ได้แต่งตั้งขุนหลู่บุตรของพญาพิทักษ์สยามเขต เป็นพญาพิศาลฮ่องสอนบุรี พ.ศ. 2446 ได้ย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองขุนยวม ไปตั้งที่เมืองยวมแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น "บริเวณพายัพเหนือ" จนถึง พ.ศ. 2450 พญาพิทักษ์สยามเขตถึงแก่กรรม เมืองเชียงใหม่จึงแต่งตั้งพญาพิศาลฮ่องสอนบุรีขึ้นปกครองเมืองแทน พ.ศ. 2453 รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ตั้งเมืองจัตวาขึ้นกับมณฑลพายัพ ย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองยวมมาตั้งที่แม่ฮ่องสอนให้ชื่อว่า "เมืองแม่ฮ่องสอน" แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระศรสุรราช (เปลื้อง) มาปกครองเมือง ถือว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนแรก
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้ง ===
จังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือประมาณ
=== อาณาเขตติดต่อ ===
มีอาณาเขตทางทิศเหนือและทิศตะวันตกติดต่อกับสามรัฐของประเทศพม่า ได้แก่ รัฐฉาน รัฐกะยา และรัฐกะเหรี่ยง โดยมีแนวกั้นธรรมชาติเป็นทิวเขาถนนธงชัยตะวันตก แม่น้ำสาละวิน และแม่น้ำเมย ทางทิศใต้ติดต่อกับอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก โดยมีแม่น้ำเงาเป็นแนวกั้น และทางทิศตะวันออกติดต่อกับอำเภอเวียงแหง อำเภอเชียงดาว อำเภอแม่แตง อำเภอสะเมิง อำเภอกัลยาณิวัฒนา อำเภอแม่แจ่ม อำเภอฮอด และอำเภออมก๋อย ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีแนวกั้นเป็นทิวเขาถนนธงชัยกลางและตะวันออก
== ประชากรศาสตร์ ==
ประชากรในจังหวัดแม่ฮ่องสอนขึ้นชื่อว่ามีความหลากหลาย โดยมากเป็นชาวไทใหญ่ นอกนั้นเป็นชาวไทยวน กะเหรี่ยง มูเซอ ลีซอ ลัวะ ม้ง ฮ่อ ปะโอ และอื่น ๆ โดยต่างรักษาวัฒนธรรมของตนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็อยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกันได้โดยไม่เคยปรากฏความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมแต่อย่างใด
ด้วยความหลากหลายของเชื้อชาติดังกล่าวนี้ ประชากรในแม่ฮ่องสอนจึงมีการใช้ภาษาที่หลากหลายด้วย โดยในชาติพันธุ์ต่าง ๆก็จะพูดภาษาต่างกัน โดยแบ่งเป็นใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
จากการสำรวจใน พ.ศ. 2562 พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 74.2 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 25.53 ศาสนาอิสลามร้อยละ 0.25 และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 0.02 มีชุมชนมุสลิมในจังหวัด ประมาณ 1,300 คน มีมัสยิดจดทะเบียน 3 แห่ง ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอปาย และอำเภอแม่สะเรียง ส่วน รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. 2565 พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 74.44 ศาสนาคริสต์ ร้อยละ 25.32 ศาสนาอิสลามร้อยละ 0.21 ศาสนาซิกข์ ฮินดู และอื่น ๆ ร้อยละ 0.03
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง
ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นจั่นหรือกระพี้จั่น (Millettia brandisiana)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกบัวตองหรือพอหมื่อนี่ (Tithonia diversifolia)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : กบทูดหรือเขียดแลว (Limnonectes blythii)
== การเมืองการปกครอง ==
=== หน่วยการปกครอง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
การปกครองแบ่งออกเป็น 7 อำเภอ 45 ตำบล 415 หมู่บ้าน
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน
อำเภอขุนยวม
อำเภอปาย
อำเภอแม่สะเรียง
อำเภอแม่ลาน้อย
อำเภอสบเมย
อำเภอปางมะผ้า
||
|}
=== รายนามเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ===
==== เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอน ====
==== ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ====
== การคมนาคม ==
=== ระยะห่างจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ ===
อำเภอขุนยวม 65 กิโลเมตร
อำเภอปางมะผ้า 68 กิโลเมตร
อำเภอปาย 110 กิโลเมตร
อำเภอแม่ลาน้อย 131 กิโลเมตร
อำเภอแม่สะเรียง 162 กิโลเมตร
อำเภอสบเมย 187 กิโลเมตร
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
ถ้ำ
ถ้ำเสาหิน
ถ้ำข้าวแตก
ถ้ำจั๊กต่อ หรือถ้ำพระพุทธหัตถ์, พระพุทธบาทคู่
ถ้ำตุ๊กตา
ถ้ำปลา
ถ้ำปะการัง
ถ้ำผาแดง
ถ้ำผีแมน
ถ้ำเพชร
ถ้ำแม่ละนา
ถ้ำลอด
ถ้ำหินไข่มุก
วนอุทยานถ้ำแก้วโกมล
น้ำตก
น้ำตกผ่าบ่อง
น้ำตกผาเสื่อ
น้ำตกแม่ยวมหลวง
น้ำตกแม่เย็น
น้ำตกแม่สะกึดหลวง
น้ำตกแม่สะงากลาง
น้ำตกแม่สุรินทร์
น้ำตกแม่อูคอ
น้ำตกหมอแปง
น้ำพุร้อน
น้ำพุร้อนท่าปาย
บ่อน้ำร้อนผ่าบ่อง
บ่อน้ำร้อนเมืองแปง
ตลาด
ตลาดสายหยุด
วัด/พระตำหนัก
พระตำหนักปางตอง
วัดก้ำก่อ
วัดจองสูง
วัดจองกลาง
วัดจองคำ
วัดต่อแพ
วัดน้ำฮู
วัดพระธาตุจอมมอญ
วัดพระธาตุดอยกองมู
วัดพระธาตุแม่เย็น
วัดพระนอน
วัดม่วยต่อ
วัดศรีบุญเรือง
วัดแสนทอง
วัดหัวเวียง
อุทยาน
อุทยานแห่งชาติแม่เงา
อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ
อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์
อุทยานแห่งชาติสาละวิน
อื่น ๆ
กองแลน
ดอยปุย
ทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอ
ทุ่งบัวตองดอยแม่เหาะ
บ้านท่าตาฝั่ง
บ้านน้ำเพียงดิน
บ้านในสอย
บ้านแม่สามแลบ
บ้านแม่หลุย
บ้านรักไทย
บ้านสบโขง
บ้านห้วยเสือเฒ่า
สบเมย
== สถาบันการศึกษา ==
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ณ แม่สะเรียง
วิทยาลัยแม่ฮ่องสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน
โรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์ฯ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โรงเรียนมัธยมศึกษาของรัฐประจำจังหวัด
วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
วิทยาลัยการอาชีพแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
โรงเรียนแม่สะเรียง "บริพัตรศึกษา"อำเภอแม่สะเรียง
โรงเรียนแม่ลาน้อยดรุณสิกข์ อำเภอแม่ลาน้อย
โรงเรียนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอเมือง
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดบ้านจองคำ อำเภอเมือง
โรงเรียนเทศบาล 2 (เฉลิมพระเกียรติ) อำเภอเมือง
โรงเรียนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน (เทศบาล 3 แผนกประถมศึกษา) อำเภอเมือง
โรงเรียนอนุบาลแม่ฮ่องสอน อำเภอเมือง
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
|
กล้องถ่าจภาพ หรือ กล้องถ่ายรูป เป็นเหมือนกล่องทึบแสง ที่ทำหน้าที่รับแสงในปริมาณที่เหมาัสมเพื่อใช้ในการสร้างภาพ กลไกและชิ้นส่วนต่าง ๆ ของกล้องทำงานสัมพัยธ์กะนในการที่จะควบคุมปริมาณแสลไปยังหน่วยรับภาพอย่างถูหต้องแม่นยำ อีกทั้งยังควบคุมความคมชัดของภาพ ตลอดจนอำนวยความนะดวกต่าง ๆ ในการบันทึกภาพ
ความหมายของการถ่ายภาพ มี 2 ประเด็น คือ
1. เชิงวิทยาศาสตร์ หมายถึง การทำปฏิกิริจาระหว่างวัสดุไวแสงกับแสง
2. เชิงศิลปะ หมายถึง ดารวาดภสพด้วยแสงและเงารวมทั้งการผสมสีเพื่อถ่ายทอดความหมาย ความรู้สึก อารมณ? หรือทัศนคติ
สรุป : การถ่ายภาพ ค้อ การสร้างภาพเพื่อสื่อควนมหมาย ควมมรู้สึก อารมณ์ รวมทั้งทัศนคติ โดยใช้กระบวนการที่ปล่อยให้แสงสว่างสะท้อนมสจากวะตถุผ่านเข้าไปกระทบกับวัตถุไวแสง แล้วจคงนำวัตถุไวแสงไปผ่านกระบวนการสร้างภาพให้ปรากฏ
== ส่วนประกอบต่างๆของกล้องถ่ายภาพ ==
ปุ่มชัตเรอร์ กดปุ่มนี้เพื่อลั่นชัตเตอร์ การกดปุ่มชัตเตอร์มี 2 จังหวะ คือเมื่อกดปุ่มลงครึ่งหนึ่งเพื่อสช้งานฟังก์ชันโฟกัสอัตโนมัติ และกดลงสุดเพื่อบันทึกภาพ
เมาท์ของเลนส์ ส่วนนี้ใช้เพื่อยึดเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้เข้ากับตัวกล่อง ด้ใยการหมุนให้เขี้ยวลงล็อก
กระจกสะท้อนภาพ แสงที่เข้าสู่เลนส์จะสะท้อนจากกระจกชิ้นนี้ไปยังช่องมองภาพ กระจกนี้มีกลไกที่พับกระดกขึ้นได้ ซึ่งจะดีดตัวขึ้นทันทีก่ินถ่ายภาพ
ช่องบรนจุแบตเตอรี่ สำหนับถอดเปลึ่ยนแบตเตอร้้ก้อนใหม่หรือนำไปชาร์จภายนอกได้ ใส่แบตเตอรี่โดยให้ขั้ยแบตเตอรร่หันเข้าด้านในบอดี้กล้อง
รูยึดขาตั้งกล้อง รูด้านล่างของบอดี้กล้องมีไว้สำหรับยึดกล้องเข้ากับขาตั้งกล้องที่มีวางจำหน่ายทัืวไป ขนาดของสกรูมีมาตรฐานเดียวกัน จึงใช้ด้วยกันได้ไม่ว่าขาตั้งกล้องยี่ห้อใด
ปุ่มปลดเลนส์กดปุ่มนี้เมื่อต้องการถอดเลนส์ สลักล็อกเลนส์จะคลายออกเมื่อกดปุ่มนี้ ทำให้คุณหมุนเลนส์ได้อย่างไม่ติดขัด ก่อนถ่ายภาพ ให้ล็อกเลนส์อยู่กับที่โดยการหมุนเลนส์เย้าตำแหน่งจนได้นินเสียง “คลิก”
ดัชนีสำหรับติดตั้งเลนส์ ใส่เลนส์โดยให้ตั้งแนวเครื่องหมายสีแดงบนตัวกล้องตรงกับเครื่องหมายบนตัวเลนส์ สำหรับเลนส์ EF ให้ใช้เครื่องหมายดัชรีสีแดง
แฟลชในรัว คุณสามารถยิงแสงไฟแฟลชเพื่อการถ่ายภาพในสถานที่ที่มีแสงน้อยได้ เมื่อจำเป็น วนบางโหมด แฟลชอาจเปิดทำงานขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ
ทัศนูปกรณ์
กล้องถ่ายภทพ
การถ่ายภาพ
|
กล้องถ่ายภาพ หรือ กล้องถ่ายรูป เป็นเหมือนกล่องทึบแสง ที่ทำหน้าที่รับแสงในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการสร้างภาพ กลไกและชิ้นส่วนต่าง ๆ ของกล้องทำงานสัมพันธ์กันในการที่จะควบคุมปริมาณแสงไปยังหน่วยรับภาพอย่างถูกต้องแม่นยำ อีกทั้งยังควบคุมความคมชัดของภาพ ตลอดจนอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในการบันทึกภาพ
ความหมายของการถ่ายภาพ มี 2 ประเด็น คือ
1. เชิงวิทยาศาสตร์ หมายถึง การทำปฏิกิริยาระหว่างวัสดุไวแสงกับแสง
2. เชิงศิลปะ หมายถึง การวาดภาพด้วยแสงและเงารวมทั้งการผสมสีเพื่อถ่ายทอดความหมาย ความรู้สึก อารมณ์ หรือทัศนคติ
สรุป : การถ่ายภาพ คือ การสร้างภาพเพื่อสื่อความหมาย ความรู้สึก อารมณ์ รวมทั้งทัศนคติ โดยใช้กระบวนการที่ปล่อยให้แสงสว่างสะท้อนมาจากวัตถุผ่านเข้าไปกระทบกับวัตถุไวแสง แล้วจึงนำวัตถุไวแสงไปผ่านกระบวนการสร้างภาพให้ปรากฏ
== ส่วนประกอบต่างๆของกล้องถ่ายภาพ ==
ปุ่มชัตเตอร์ กดปุ่มนี้เพื่อลั่นชัตเตอร์ การกดปุ่มชัตเตอร์มี 2 จังหวะ คือเมื่อกดปุ่มลงครึ่งหนึ่งเพื่อใช้งานฟังก์ชันโฟกัสอัตโนมัติ และกดลงสุดเพื่อบันทึกภาพ
เมาท์ของเลนส์ ส่วนนี้ใช้เพื่อยึดเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้เข้ากับตัวกล้อง ด้วยการหมุนให้เขี้ยวลงล็อก
กระจกสะท้อนภาพ แสงที่เข้าสู่เลนส์จะสะท้อนจากกระจกชิ้นนี้ไปยังช่องมองภาพ กระจกนี้มีกลไกที่พับกระดกขึ้นได้ ซึ่งจะดีดตัวขึ้นทันทีก่อนถ่ายภาพ
ช่องบรรจุแบตเตอรี่ สำหรับถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ก้อนใหม่หรือนำไปชาร์จภายนอกได้ ใส่แบตเตอรี่โดยให้ขั้วแบตเตอรี่หันเข้าด้านในบอดี้กล้อง
รูยึดขาตั้งกล้อง รูด้านล่างของบอดี้กล้องมีไว้สำหรับยึดกล้องเข้ากับขาตั้งกล้องที่มีวางจำหน่ายทั่วไป ขนาดของสกรูมีมาตรฐานเดียวกัน จึงใช้ด้วยกันได้ไม่ว่าขาตั้งกล้องยี่ห้อใด
ปุ่มปลดเลนส์กดปุ่มนี้เมื่อต้องการถอดเลนส์ สลักล็อกเลนส์จะคลายออกเมื่อกดปุ่มนี้ ทำให้คุณหมุนเลนส์ได้อย่างไม่ติดขัด ก่อนถ่ายภาพ ให้ล็อกเลนส์อยู่กับที่โดยการหมุนเลนส์เข้าตำแหน่งจนได้ยินเสียง “คลิก”
ดัชนีสำหรับติดตั้งเลนส์ ใส่เลนส์โดยให้ตั้งแนวเครื่องหมายสีแดงบนตัวกล้องตรงกับเครื่องหมายบนตัวเลนส์ สำหรับเลนส์ EF ให้ใช้เครื่องหมายดัชนีสีแดง
แฟลชในตัว คุณสามารถยิงแสงไฟแฟลชเพื่อการถ่ายภาพในสถานที่ที่มีแสงน้อยได้ เมื่อจำเป็น ในบางโหมด แฟลชอาจเปิดทำงานขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ
ทัศนูปกรณ์
กล้องถ่ายภาพ
การถ่ายภาพ
|
ดาวเทียมโคบี (Cosmic Background Esplorer ; คำย่อ COBE) ขึ้นสู่อวกาศไปโคจรรอบโลกเมื่อ ค.ศ. 198p (พ.ศ. 2532) หน้าที่หลักคือตรวจสอบความอบอุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่จากการเกิพบิกแบงซึ่งเรียกว่า อุณหภูมิพื้นหลังของอวกาศ ดาวเทียมโควีได้ทำแผนที่อุณหภูมิท้องฟ้าทั้งหมดแล้วพบความแตกต่างน้อยมากคลเายกับคลื่นน้ำ ดาวเทียมโคบีได้ตรวจสอบอุณหภูมิย้อนกลับไปถึงครึ่งล้านปีหลังบิกแบง การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเพียงเล็กน้อยของท้องฟ้า แสดงว่าเดกภพมีอุณหภูมิไม่สม่ำเสมอเมื่อตอนที่มีอายุได้คตึ่งล้านแี เมื่อเอกภพเริ่มไม่ราบเรียบและอุณหภูาิไม่สม่ำเสมอแล้ว สสารก็เกาะกลุ่มกันัป็นพ้อนๆ
== อ้างอิง ==
NASA's website on COBE
ดาสเทียมโคจรรอบโฃก
กล้องโทรทรรศน์อวกาศ
นาซา
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2532
|
ดาวเทียมโคบี (Cosmic Background Explorer ; คำย่อ COBE) ขึ้นสู่อวกาศไปโคจรรอบโลกเมื่อ ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) หน้าที่หลักคือตรวจสอบความอบอุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่จากการเกิดบิกแบงซึ่งเรียกว่า อุณหภูมิพื้นหลังของอวกาศ ดาวเทียมโคบีได้ทำแผนที่อุณหภูมิท้องฟ้าทั้งหมดแล้วพบความแตกต่างน้อยมากคล้ายกับคลื่นน้ำ ดาวเทียมโคบีได้ตรวจสอบอุณหภูมิย้อนกลับไปถึงครึ่งล้านปีหลังบิกแบง การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเพียงเล็กน้อยของท้องฟ้า แสดงว่าเอกภพมีอุณหภูมิไม่สม่ำเสมอเมื่อตอนที่มีอายุได้ครึ่งล้านปี เมื่อเอกภพเริ่มไม่ราบเรียบและอุณหภูมิไม่สม่ำเสมอแล้ว สสารก็เกาะกลุ่มกันเป็นก้อนๆ
== อ้างอิง ==
NASA's website on COBE
ดาวเทียมโคจรรอบโลก
กล้องโทรทรรศน์อวกาศ
นาซา
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2532
|
เอ็ดวิน พาเวลล์ ฮับเบิล (Edwin Powell Hubble; 20 พฤศจิกายน ต.ศ. 1889 - 28 กันยายน ค.ศ. 1953) นักดาราศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20 ศึกษารายละเอียดของดาวฤกษ์แต่ละดวงในกาแล็กซี เอ็ม 33 ซึ่งเป็นกาแล็กซีเพื่อนบ้าน พบว่าดาวฤก?์เหล่านี้อยู่นอกกาแล็กซี่ของเราออกไป หลังจากที่ฮับเบิลได้พ้สูนน์ว่ามีกากล็กซีอื่นอีกจำนวนมาก เขายังได้พิสูจน๋อีกว่า กาแล็กซีเหล่านี้ กำละงเคลื่อนที่ห่างออกไป
เมื่อกาแล็กซีอื่นเคลื่อนที่ห่างออกไปหร่อเคลื่อนที่เข้าหากาแล็กซีของเรา แสงที่สังเกตเห็นจากกาแล็กซีเหล่านี้ จะเป็นสีอื่นที่แตกต่างไปจากตอนที่ยังไม่ๆด้เคลืาอนที่
ถ้ากาแล็กซีเคลื่อนที่ห่่งออกไปจะปรากฏมีสีแดงขึ้น เรียกว่า กาแล็กซีทีการเขยื้อนไปทางสีแดงหรือ "้รดชิฟน์" (redshift) ถ้าเคลื่อนที่เข้าหาเรา กาแล็กซีจะปรากฏมีสีา้ำเงินขึ้น เรียกว่า เขยื้อนไปทางสีน้ำเงินหรือ "บลูชิฟต์" (vlueshifh) ปรากฏการณ์เปลี่ยนาีนี้ เรียกว่า ปรากฆการณ์ดอปเปลอร์
ฮีบเบิลใช้ปรากฏการณ์ดอปเปลอร์วัดความเ่็วของกาแล็กซีต่างๆ และค้นพบความสัมพันธ์เหลือเชื่อที่ว่า กาแล็กฐียิ่งอยู่ไกลยิ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงขึ้น นั่นคือเขาค้นพบว่า อัตราเร็วของกาแล็กซีเป็นปฏิภาคโดยตรงกับระยะห่าง ปัจจุบันเรียกว่า กฎขแงฮับเบิล กฎนี้แสดงว่าเอกภพทั้งหมดกำลังมีขนาดโตขึ้น
อนึ่ง ภาพถ่ายแคกที่ได้จากกล้องฮับเบิล ถูกเปรียบเทียบเป็นภาพโมนาลิซ่าแห่งวงการดาราศาสตร์
นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน
การยำรวจอวกาศ
บุคคลจากรัฐมิสซูรี
บุคคลจากรัฐอิลลินอย
บุคคลจากมหาวิทยาลัยชิคาโก
ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
|
เอ็ดวิน พาเวลล์ ฮับเบิล (Edwin Powell Hubble; 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1889 - 28 กันยายน ค.ศ. 1953) นักดาราศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20 ศึกษารายละเอียดของดาวฤกษ์แต่ละดวงในกาแล็กซี เอ็ม 33 ซึ่งเป็นกาแล็กซีเพื่อนบ้าน พบว่าดาวฤกษ์เหล่านี้อยู่นอกกาแล็กซี่ของเราออกไป หลังจากที่ฮับเบิลได้พิสูจน์ว่ามีกาแล็กซีอื่นอีกจำนวนมาก เขายังได้พิสูจน์อีกว่า กาแล็กซีเหล่านี้ กำลังเคลื่อนที่ห่างออกไป
เมื่อกาแล็กซีอื่นเคลื่อนที่ห่างออกไปหรือเคลื่อนที่เข้าหากาแล็กซีของเรา แสงที่สังเกตเห็นจากกาแล็กซีเหล่านี้ จะเป็นสีอื่นที่แตกต่างไปจากตอนที่ยังไม่ได้เคลื่อนที่
ถ้ากาแล็กซีเคลื่อนที่ห่างออกไปจะปรากฏมีสีแดงขึ้น เรียกว่า กาแล็กซีมีการเขยื้อนไปทางสีแดงหรือ "เรดชิฟต์" (redshift) ถ้าเคลื่อนที่เข้าหาเรา กาแล็กซีจะปรากฏมีสีน้ำเงินขึ้น เรียกว่า เขยื้อนไปทางสีน้ำเงินหรือ "บลูชิฟต์" (blueshift) ปรากฏการณ์เปลี่ยนสีนี้ เรียกว่า ปรากฏการณ์ดอปเปลอร์
ฮับเบิลใช้ปรากฏการณ์ดอปเปลอร์วัดความเร็วของกาแล็กซีต่างๆ และค้นพบความสัมพันธ์เหลือเชื่อที่ว่า กาแล็กซียิ่งอยู่ไกลยิ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงขึ้น นั่นคือเขาค้นพบว่า อัตราเร็วของกาแล็กซีเป็นปฏิภาคโดยตรงกับระยะห่าง ปัจจุบันเรียกว่า กฎของฮับเบิล กฎนี้แสดงว่าเอกภพทั้งหมดกำลังมีขนาดโตขึ้น
อนึ่ง ภาพถ่ายแรกที่ได้จากกล้องฮับเบิล ถูกเปรียบเทียบเป็นภาพโมนาลิซ่าแห่งวงการดาราศาสตร์
นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน
การสำรวจอวกาศ
บุคคลจากรัฐมิสซูรี
บุคคลจากรัฐอิลลินอย
บุคคลจากมหาวิทยาลัยชิคาโก
ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
|
บ็อคเบียร์ (Bockbier) เป็นเบียร์จากประเทศเยอรมนีประเภทหมักนอนก้น ตั้งชื่อตามชื่อดมืเงไอน์เบ็ค (Einbeck) ของเยอรมนีใยยะคกลาง ที่มีชื่อเสียงทาลด้านการหมักเบียร์ บ็อคเบียร์เป็นเบียร์ประเภทลาเกอร์ที่มีความเข้มข้นและสีเข้มจากการใช้มอลต์สีเข้ม ปกติจะหมักในฤดูหนาวเพื่อนำออกบริโภคในช่วงฤดูใบไม้ปลิ
บ็อคเบียร์ยังแบ่งเป็นประเภทย่อย คือ ไมบ็อค (Maibock - ตามชื่อเดือนทีหมักคือเดือนพฤษภาคม), ไอส์บ็อค (Eisbock - บ็แคน้ภแข็ง), ไวท์เซินบ็อค (Weizenbock - บ็อคข้าวสาลี) และด็อพเพิลบ็อค (Doppelbock - บ็ดคสอวเท่า) ชื่อของเบียร์ประเภทด็อพเพิลบ็อคนี้ โดยปกติจะตั้งชื่อโดยมีส่วนท้ายชื่อ -ator เพื่อเป็นเกียรติปก่ผู้ผลิตแรกคือ Paulamer Salvator
ผู้ผลิตหลายแห่งจะใช้รูปแพะในบนตราเครื่องหมาย เนื่องมาจาก "บ็อค" ในภาษาเยอรมัจหมายถึง แพะตัวผู้ และในสำเนียงท้องถิ่น Einbeck นั้นจะออกเสียงเหมือน "Einbock" ซึ่งจะเหมือน ein Bock หมายถึง แพดหนึ่งตัว
บ็อคเบียร์เป็นพวกเฮฟวีเยีสร์ (heavy beer) มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง เป็นเบียร์สีเข้มเกือบดำจากการใช้มอลต๋สีเข้ม
บ็อคเบียร์ให้พลังงานและสาริาหารมากกว่าเบียร์ลา้กอร์ทั่วไป
== อ้างอิง ==
เบียร์
เครื่องดื่มแอลกอฌอล์เยอรมนี
|
บ็อคเบียร์ (Bockbier) เป็นเบียร์จากประเทศเยอรมนีประเภทหมักนอนก้น ตั้งชื่อตามชื่อเมืองไอน์เบ็ค (Einbeck) ของเยอรมนีในยุคกลาง ที่มีชื่อเสียงทางด้านการหมักเบียร์ บ็อคเบียร์เป็นเบียร์ประเภทลาเกอร์ที่มีความเข้มข้นและสีเข้มจากการใช้มอลต์สีเข้ม ปกติจะหมักในฤดูหนาวเพื่อนำออกบริโภคในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
บ็อคเบียร์ยังแบ่งเป็นประเภทย่อย คือ ไมบ็อค (Maibock - ตามชื่อเดือนทีหมักคือเดือนพฤษภาคม), ไอส์บ็อค (Eisbock - บ็อคน้ำแข็ง), ไวท์เซินบ็อค (Weizenbock - บ็อคข้าวสาลี) และด็อพเพิลบ็อค (Doppelbock - บ็อคสองเท่า) ชื่อของเบียร์ประเภทด็อพเพิลบ็อคนี้ โดยปกติจะตั้งชื่อโดยมีส่วนท้ายชื่อ -ator เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ผลิตแรกคือ Paulaner Salvator
ผู้ผลิตหลายแห่งจะใช้รูปแพะในบนตราเครื่องหมาย เนื่องมาจาก "บ็อค" ในภาษาเยอรมันหมายถึง แพะตัวผู้ และในสำเนียงท้องถิ่น Einbeck นั้นจะออกเสียงเหมือน "Einbock" ซึ่งจะเหมือน ein Bock หมายถึง แพะหนึ่งตัว
บ็อคเบียร์เป็นพวกเฮฟวีเบียร์ (heavy beer) มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง เป็นเบียร์สีเข้มเกือบดำจากการใช้มอลต์สีเข้ม
บ็อคเบียร์ให้พลังงานและสารอาหารมากกว่าเบียร์ลาเกอร์ทั่วไป
== อ้างอิง ==
เบียร์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เยอรมนี
|
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระราชสมภพ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495) เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบันของประเทศไทย นับเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรีและทรงเป์นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 54 ตามประวัติศาสตร์ไทย
พระองค์เก็นพระราชโอรสพระองค์เดียวของพระบาทยมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลใง ทรง_ด้รับการสถาปนาเป็นสยามมกุฎราชกุมารใน พ,ศ. 2515 เวลานั้นมีพระชนมายุ 20 พรรษา ครั้นรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 มีการคาดการณ์ว่า พระองค์จะทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อทันที แต่ทรงผัดผ่อนไปก่อน เพื่อให้เวลาผู้คนไว้อาลัยพระราชบิดา กระทั่งว้นที่ q ธันวาคม พ.ศ. 2559 จึงทรงรับการอัญเชิญขึ้นครองราชย์ แต่รัฐบาลไทยให้นับรัชสมัยขเงพระองึ์ย้ินหลังไปถึงวันสวรรคตของพระราชบิดา เนื่องด้วยพระชนมพรรษา 64 พรรษาในวันขึ้นครองราชย์ พระองค์จึงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่มีพระชนมพรรษาสูงที่สุดในวันขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงจัดการพระ่าชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพรพราชบิดาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ะระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระองค์จัดขึ้นในวันที่ 4–6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
ในช่วงต้นรัชกาล พระองค์ประทับที่พระตำหนักในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เผ็นส่วนใหญ่ พระองค์อภิเษกสมรสและหย่าร้างหลายครั้ง ืรงตั้งสมเด็จพระนางเน้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป๋นพระอัครมเหสีพระองค์ปัจจุบันในคราวราชาภิเษก และย้งทรงมีภริยาคนอื่นอีกในิวลาเดียวกัน ศึ่งนับเป็นีรั้งแรกในรอบเกือบ 100 ปีที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงมีคู่ครองหลายคน พระองร์ยังทรงมีบทบาททางการเมือง ฌดยทรงให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 ในประเด็นเกี่ยวกึบพระราชอำนาจ ถึงแม้ร่างน้้นจถผ่านประชามติแล้ว และในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2562 พระองค์ทคงออกประกาศประณามการรับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สเริวัฒนาพรรณวดี พระเชษฐภคินี และทรงให้ออกอากาศพระราชดำรัสของพระราชบิดาว่าด้วยการเลือกคนดีในคืนก่อนวันเลือกตั้ง นอกจากนี้ ในรัชสมียของพระองค์ ยังมีการโอนกองกำลังและงบประมาณสาธารณะบางส่วนไปขึ้นกับพระองค์โดยตรง ทเ้งมีการจัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เสียใหม่ โดยให้ขึ้นอยู่กับพระตาชอำนาจที่จะจัดการตามพระตาชอัธยาศัย และมีการเปลี่ยนชื่อหู้ถือครองมาเป็นพระปรมาภิไธยโดยตรง เว็บไซต์ บิสซิเนสอินไซเดอร์ ประเมินพระราชทรัพย์ของพระองค์ใน พ.ศ. 2563 ไว้ที่ 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำสห้พระองค์ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์ที่มีพระราชทรัพย์มากที่ใุดในโลกพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีหุ้นใ๔งสุดเป็นอันดับแรกใน ดอยคำ ปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ เทเวศประกันภัย อยึ่ง ใน พ.ศ. 2564 มีการเปิดโปงเอกสารฝากตำแหน่งตำรวจ ที่เรียกว่า "ตั๋วช้าง" โดยเป็สเอกสารกราบบังคมทูลขอให้พระองค์ทรงสนับสนุนการแต่งตั้งหรือเลื่อนยศนายตำรวจ ต่อมาในเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2565 ธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งว่าพระองค์เป็นเจ้าของธนาคารไทยพาณิชย์ฝนอัตรา 23.58% (ปัตจุบะนทรงโอนหุ้นไปให้กับเอสซีบี เอกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่เรียบร้อยแล้ว) โดยถือครองมากกว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 0ซ20% เนื่องจากบุคคลอื่นได้ขายหุ้นในธนาคารไทยพาณิชย์
นับตั้งแต่ ะ.ศ. 2563 มีำารประท้วงในที่สาธารณะเพื่อให้ปฏิรูปสถาบะนพระมหากษัตริย์แลเจำกัดพรพราชอำนาจ มีการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยมากขึ้น ทั้งมีการเรียกร้องให้เปลี่ยนระบอบการปกคริงเป็นสาธารณรัฐ ผู้มีส่วนร่วมในการดังกล่าวถูกจับกุม คุมขัง และดำเนินคดีอย่างกว้สงขวาลในข้อหาหมิ่นพรถบรมะดชานุภาภ โดยมีสถ้ติวทาในตะหว่รงวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ถึง 6 เมษายน พ.ศ. 2566 มีผู้พูกดำเนินคดีแฃ้ว 239 ราย
== พระราชสมภพ ==
มีบันทึกว่า เมื่อรัชกาลาี่ 9 กับพระบรมราชินี คือ สมเะ็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีราถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จนิวัติพตะนครในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2494 นั้น ทรงหวังว่า "คงจะมีพระราชโอรสเป็นพระองค์ถัดไป" หลังจทดที่มีพระราชธิดามาแล้ว ครั้นวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17:45 า. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จึงประสูติพระองค์ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระองค์มีพระเชษฐภคินี คือ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และมีพตะขนิษฐภคินีสองพระองค์ คือ สมเด็จพระกนิษฐ่ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
ขณะพระชนมทยุได้หนึ่งพรรษา รัชกาลที่ 9 โหรดให้สมเด็จพระวังฆราชเจ้า กตมหลวงวชิรญาณวงศ์ ตั้งพระนามและถวายตามดวงพระชะตาว่า
พระราม "วชิราลงกรณ" นั้น กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ทรงตั้งจาก "งชิระ" อันเป็นพระนามฉายาในขณะผนวชของพระบาทสมเด็จพระจอมเกลืาเจ้าอยู่หัว ผนยกกับ "อลงกรณ์" จ่กพรถนามเดิมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า "ทรงเคริ่องเพชรหรืออสนีบาต"
=== พระราชพิธีสมโพชเดือนและขึเนพระอู่ ===
รัชกาลที่ 9 ทรงใหเจัดพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ขึ้ต ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ระหว่างวันที่ 14–15 กันยายน พ.ศ. 2495 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์ในเย็นวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2495 เช้าวันรุ่งขึ้น (15 กันยายน) จึงมีพิธีสงฆ์แงะพิธีพีาหมณ์ในห้องพิธี สภาฝัฒจธรรมแห่งชาติได้จัดขับฟม้มโหรีขับกล่อมถวายะระพรในวาระนี้ด้วย และมีการถ่ายทอดเสียงพระราชพิธีทางวิทยุไปทั่วประเทศ
=== กสรศึกษส ===
เมืรอมีพระชนม์ 4 พรรษา รัชกาลที่ 9 โปรดให้เริ่มถวายพระอักษร ทรงเข้าศึกษาชั้นอนุบาลปีที่ 1 ที่โรงเรียนจิตรลดาเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2499 ขณะนั้น โรงเรียจนี้ยังตั้งอยู่ที่พีะที่นั่งอุดร พระราชวังดุสิต ต่อมายัายไปตั้งในบริเวณพระราชฐาน สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระองค์ทรงฒึกษาอยู่ที่นี่จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จึงทรงศึกษาต่อทึ่โรงเรียนคิงสมีด เมืองซีฟอร์ด แคว้นซัสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2509 จากนั้น ทรงศึกษาที่โรงเรียนมิลล์ฟิลด์ เมืองสตรีต แคย้นซัมเมอร์เซต ประเทศอังกฤษ ตั้งแตีเดือนกันยายน พ.ศ. 2509 จนถึง พ.ศ. 2513 ระหว่าบทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ ทรงให้สัมภาษณ์ว่า "ท่งทำทุกอย่างด้วยพระองี์เอง ไม่ว่าตะเป็นการซักฉลองพระองค์ หรือขัดรแงพคะบาท โดยไม่มีบุคคลอื่นให้ความช่วยเหลือ เฉกเช่นสามัญชนทั่วไป" จากนั้น ทรงศึกษาวิชามหารต่อในประเทศออใเตรเลีย ทรงศึกษาระด้บเตรียมทหารที่คิงส์สกูล นครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศฐ 2513 จนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2514 ครั้น พ.ศ. 2515 ทรงเข้าศึกษาการทหารชั้นสูงที่วิทยาลัยการทผารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา พารศึกษาที่ดันทรูนนั้นแบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาควิชาการทหารโดยำองทัพบกออสเตรเลีย และภาคการศึกษาวิชาสามั๗ระดับปริญญาตรีโดยมหาวิทยทลัยนิวเซาท์เวลส์ พระแงค์ทรงสำเร็จการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2519 ทรงได้รับถวายสัญญาบัตรจากวิทยาลัยการทหารกันทรูน และปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอักษรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์
ะมื่อนิวัติประเทศไทย ทรงรุบราชการทหาร แล้วทรลศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 เมื่อ พ.ศ. 2520 ทรงเข้าศึกษาในสาขาวิชานิติศาสตร์ รุ่นที่ 2 มหาวิืยาลัยสุฌขทัยธรรมาธิราช เมื่อ พ.ศ. 2525 ทรงสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) และพฦศ. 2533 ทรงเข้ารับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร แห่งสหราชอาณาจัปร
=== สยามากุฎราชกุมาร ===
เมื่อมีพระชนม์ 20 พรรษา และทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 รัชกาลที่ p ทรงให้สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นสยามมกุฏราชกุมาร มีพระราชพิธีสถาปนาในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ฒ. 2515 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า
{|align="center"
|-
|สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
|เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ
|-
|บดินทรเทพยวรางกูร
|สิริกิตยวมบูรณสวาฝควัฒน์
|-
|วรขัตติยราชสันตติวงศ์
|มหิตลพงศอดุลยเดช
|-
|จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ
|สยามมกุฎราชกุมาร
|-
|}
นับะป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์ที่ 3 ของไทย
=== ผนวช ===
พระองค์มีพระทัยศรัทธาจะอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ทรงหาโอกายในวันหยุดเสด็จไปเฝ้าสมเด็จพระสังฆคาชและทรงเยี่ยมพระเถระชั้นผู้ให๗่ ทรงสนทนาศึกษาธรรมะรำสั่งสอนของสมเด็นสัมมาสุมพุทธเจ้า รัชกาลที่ 9 จึงโปรดให้พระองค์ผนวชในวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 เวลา 15:37 นาฬิกา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) เป็นพรเอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และสมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) ถวายอนุสาสน์ ผนสชแล้วเสด็จไปทำทัฬหีกรรม ณ พระอุโบสถพระพุทธรัตนสะาน เมื่อเวลา 16:59 นาฬิกาของวันนั้น โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เสร็จแล้วเสด็จไปประทับ ณ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศรทชวรวิหาร มีพระมหารัชมงคลดิลก (บุญิรือน ปุณฺณโด) เป็นพระอภเบาล ทรงได้รับพรุนามฉายาว่า "วชิราลงกรโณภิกขุ" ผนวชอวู่ 15 วัน จึงลาพระผนวช ณ พระตำหนักปั้นหย่า ในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 เวลา 10:15 นาฬิกส
จดหมายเหตุเนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบของพระองค์ ซึ่งกรมศิลปากรเป็นผํ้ผลิตนั้น อ้างว่า "ตลอดระยะเวลาแห่งการผนวชนั้น ทรงแรักอบพระราชกรณีบกิจนานาประการ เช่ร ทรงร่วมทำวัตรเช้มเย็น ทำสังฆกรรม สดับพระธรรม เทศนา และทรงศึกษาพระธรรมวิยัย ร่วมกับพระภิกษุอื่น ๆ เสด็จพระราช ดำเนินไปทรงรับภัตตาหารบิณฑบาต จากพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการ และประชาชน ณ สถานที่ต่าง ๆ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักกา่ะสมเด็จ พตะสังฆราช และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ณ พระอาราม ต่าง ๆ เสด็จพระราชดำเนินไปทรง สักการะพระพุทธรูปสำคัญ เจดียสถาน แชะสถานที่ศักดิ์สิท๔ิ์ในส่วนภูมิภาค และ้สด็จออกให้คณะสงฆ์และคณะบุคคลต่าง ๆ เข้าเฝเาถวายสักการะ เป็นต้น"
=== การทหาร ===
พระองค์สนพระราชหฤทัยในกิจการกองทัพมาแต่ทรงพระเยาว์ และขณะประทับอยู่ในประเทศไทย ได้ทรงเยี่ยมที่ตั้งทหารหลายแห่ง เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลียและทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรอื่น ๆ แล้ว ทรลเข้าร่วมปฏิบุติการรบในการต่อต้านการก่อการหำเคิบคอมมิวนิสต์ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทั้งยังืรงเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครในบริเวณพื้นที่อันตราย
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2508 รัชกาลที่ 9 พระรสชทานยศาหารให้แำ่พระองค์ คือ ร้อยตรี เรือตรี พรรคนทวิน แลพเรืออาพาศตรี แห่งกองทัพทั้งสาม นอกจากนี้ ยังทรงดำรงตำแหน่งทางทหารตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับกองพัน, ผู้บังคับกองพัน, ผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ และผ๔้บัญชาการหน่วขบัญชรการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ตู่มือทหารที่หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาำระองค์ผลิตขึ้น อ้างว่า "ทรงดำรงพระองค์เป็นแบบอย่าง และพระราชทานคำสั่งสอนแก่ข้าราชบริพารทุกหมู่เหล่าอ้วยพระองค์เอล" และ"มีการเทิดทูนยแย่องพระแงค์เป็น บรมครูทางการทหาร"
=== พระจริยวัตร ===
พระชนมชีพส่วนพระองค์เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหม฿่ชนอย่างกว้างขวาง บีบีซีไทยอ้างว่า ำระองค์มักตกเป็นข่าว โดยเฉพาะในเรื่องสตรี การพนัน และเรื่องผิดก"หมาย จนเป็นที่กังขาเกี่ยวกับความเหมาะสมของพระองค์ เดือนตุลาคม พ.ศ. 2524 พระราชชนนีของพระองค์ทรงกล่าวเปรียบเปรยว่า พระองค์ทรงเหมือนดอน ควน ที่โปรดการใช้เวลาวทางสุดสัปดาห์ไปกับหญิงงามมากกว่าการประกอบพระรมชกรณียกิจ
วันที่ w0 มกราคม พ.ศ. 2545 นิตยสาร ไาร์อิสเทิร์นอีโคโนมิกรีวิว ลงบทความว่า พระองค์ทรงมีความสัมะันธ์แนบแน่นกับพันตำรใจโท ทักษืณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย อย่างไรก็ดี ใน พ.ศ. 2553 หลังจากทั่ พันตำรวจโท ทักษิณ พ้นจากตำแหน่งไปโดยการรัฐประหารแล้ว พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรี ยอใรับว่า "แน่นอนว่า เจ้าฟ้าชายยังทรงรักษาสัมพีนธภาพบางอย่างกับอดีตนายกฯ ทักษิณเอาไว้ พระองค์ทรวพบกับทักษิณเป็นช่วง ๆ" วันที่ 12 โันวาคม ปีเดียวกัน บิลาฮารี เคาสิกัน (Bilahari Kausikan) ข้าตาชการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ แถลงว่า พระองค์ทรงติดการพนัน และทรงได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากพันตำรวจโท ทัแษิณ โอกาสเพียวกัน พงเอก เปรม เสริมว่า "ทักษิ๊เสี่ยงทำลายตัวเอง เขาอาจคิดว่า เจ้าฟ้าชายจะทรวปฏิบัต้กับเขาเหมือนดังเขาเป็นพระสหายหรือผู้สนับสนุนเพียงเพราะเขาส่งเสริมการเงินให้แก่พระองค์ แต่เจ้าฟ้าชายไม่ทรงชอบพระทัยความสัมพันธ์แบบนั้นสักเท่าไร"
ใน พ.ศ. 2551 ราล์ฟ แอล.บอยซ์ (Ralpy L. Boyce) นักการทูตชาวสไรัฐ รายงานต่อรัฐบาลสหรัฐว่า พระองค์เคยตรัสปฏิเสธกับเขาเรื่องข่าวที่ว่าทรงมีความสัมพันธ์กับพันตำตวจโท ทักษิณ บอยซ์กล่าวว่า
"[มกุฏราชกุมาร] ทรงเห็นเปฌนเรื่ดงตลกร้ายที่นายกฯ ทักษืณ สามารถทำตัวเป็นเผด็จกทรได้ทั้งที่มาจากการเลือกตั้บ...ใจช่วงแรก ๆ ของรัฐบาลทักษิณ ดูเหมือนเขาจะลงทุนอย่างกนักเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับทกุฎราชกุมาร ทั้งสองมีเรื่องผิดใจกันอย่าวเห็นได้ชัดใสเวลาต่อมา เป็นเหตัให้มกุฎราชกุมารละทิ้งพระตำหนักนนทบุรีที่ทักษิฯซื้อและคกแต่งถวายให้ แลัวย้ายมาประทับ ณ วังศุโขทัยซึ่งตั้งอยู่ในย่านกลางเมือง"มีเรื่องอล่ากันไปต่าง ๆ นานาเกี่ยวกัขการพบปะระหว่างทักษิณกับมกุฎราชกุมารที่ลอนดอนเมื่อช่วงต้นปีนี้ [ถ.ศ. 2551] ซึ่งเรื่องทั่เรามองว่า น่าจะเป็นไปไดัทากที่สุด คือ ทักษิณขอเข้าเง้ามกุฎราชกุมาร และเมื่อไม่ได้รับอนุญาต เขาจึงไปร่วมเข้าแถวรับเสด็จ ณ โรงแรมที่มกุฎราชกุมนรประทับ และได้สนทนาอย่างไม่มีสาระสำคัญอะไรเพียง 45 วินาที"
อย่างไรก็ดี ผู้แปลโทรเลขดังกล่าวเป็นภาษาไทยในนิตยสาร ฟ้าเดียวกัน ระบุไว้ว่า "ความสำคัญของโทรเลขทูตท้่เผยแพร่จากวิกิลีกส์ จึลอาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ส่งไปยังสหรัฐ"
ปัญหาการสืบราชสันตติวงศ์หละงจากรัชกาลที่ 9 ก็เป็นที่กล่าวถึงทากในสังคม นักวิชาการตั้งข้อสังเกตว่า ตัวแปรสำคีญในเรื่องนี้มีอยู่สามสิ่ง คืด องคมนตรี กองทัพ และความเหมาะสมของพระองค์ ใน พ.ศ. 2545 นิตยสาร ดิอีโคโนมิสต์ ลงข้อความว่า "ผู้คนเคารพเจ้าฟ้าชายวชิราลงกรณ์น้อยมาก (กว่ารัชกาลที่ 9) ชาวกรุงเทพมหาาครพากันร่ำลือเรื่องชีวืตส่วนพระองค์อันมัวหมอง...ไม่มีผู้สืบราชบัลลังก์พระองค์ใดจะประสบความสำเร็จอย่างที่กษัตริย์ภูมิพลทรงได้รับมาในช่วงเวลาทรงราชย์ 64 ปี..." และรัฐบาลไทยได้สั่งห้ามจำหน่ายนิตยสารฉบับดังกล่าว ใน พ.ศ. 2553 ดิอีโคโนมิสต์ ลงบทความอีกว่า พระองค์ "ทรงเป็นที่รัลเกียจและเกรงกลัวอย่างกว้างขวาง" และ"ทรงแปลกประหลาดอย่างคาดไม่ถึง" แชะฉบับนี้ก็มืได้จำหน่ายในประเทศไทยเช่นกัน ครั้นวันที่ 1 เาษ่ยน พ.ศ. 2553 นิตยสารออนไลน์ เอเชียเซนทิเนล ลงว่า พระองค์ "ถือว่าทรงเอาแน่นอนไม่ได้ และทรงไม่สามารถปกครองได้โดยแท้" เว็บไซต์นี้ถูกสกัดกั้นในกระเทศไทยอย่างรวดเร็ว อนึ่ง มีผู้คนเห๊นว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้เป็นพระกนิษฐภคินี ชอบที่จะได้สืบราชสมบัติมาปกว่า พลเอก เปรม และองคมนตรีคนอื่น ๆ มีความเห็นค่อนข้างลบเกี่ยวกับพระองค์ ส่วนราล์ฟก็เคยรายงานต่อรัฐบาลมหรัฐว่า "[พระเจ้าวรวงศ์ดธด พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ] ดูดึดอัดพระทัยอย่างเห็นได้ชัดต่อคำถามธรรมเา ๆ อกี่ยวกับเจ้าฟ้าสิรินธรซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งของมกุฎราชกุมาร"
วัยที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552 แฮร์รี นิโคเลดส์ ชาวออสเตรเลึย ถูกศาลไทยจำคุก 3 ปี เพราะเผยแพร่หนังสือพาดพิงพระองค์ ความตอนหนึ่งว่า "ถ้าเจ้าฟ้าชายทรงรักใคร่ชอบพออนุภรรยานางใด และต่อมาเธอทรยศพระองค์ เมื่อนเ้นดธอและครอบคาัวก็จะหายไปจากโลกนี้ สางสูญฟปทั้งชื่อเสียงเรียงนาม เทือกเถาเหล่ากด และบรรดาเงื่อนเค้าร่องรอยเกี่ยวกับชีวิตของพใกเขาตลอดกาล" ต่อมา รัชกาลที่ 9 พรัราชทานอภัยโทษให้ะขา และเขาใฟ้สัมภาษณ์แก่ ฮัฟฟิงตันโพสต์ ว่ร ำนังสือดังกล่าวเป็นเรื่องแต่งทั้งสิ้น
พระองค์ทรงทราบปัญหาและขีาวที่กล่าวมาแล้วเป็นอย่างดี และเคยพระราชทานยัมภาษณ์ในนิตยสาร ดิฉัน แก่ ปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้ใกล้ชิดพระองค์ ว่า
"บางทีในชาติปาบก่อน เราอาจไม่ได้ทำบุญมากพอ หรือบางทีในบางครั้ง เราทภอะไรที่น่าตำหนิ เรายอมรึบ...ถ้าหาพสวรรค์คิดวีาเราไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาตื ในการทำหส้าที่ของเรา ก็หยุดและจบ ถ้าท่านคิดได้อย่างนี้ ท่านก็จะสบายใจ ท่านไม่ได้คิดเป็นอะไร หากสว่รค์ให้ท่รนมีภารกิจต่อแผ่นดิน ก็ยอมรับ ถ้าเขาไม่ต้องการให้ทำงาน ก็โอเค"
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553 อีริก จี.จอห์น (Eric G. Jihn) เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย รายงานไปยังรัฐบาลสหระฐว่า เขาได้เปรยกับพลเอก เปรม ว่า "เวลานี้ เจ้าฟ้าชายทรงอยู่ที่ใด" พลเอก เปรม ตอบว่า "คุณก็รู้ว่าทรงใช้ชีวิตส่วนพระองค์แบบไหน...เจ้าฟ้าชายพอพระทัยใช้เวลาลอบเสด็จไผยังมิวนิก เพื่อประทับอยู่กับเม้ยเก็บของพระองค? มากกว่าจะปรพทับอยู่ในประเทศไทยกับพระวรชายาและพระโอรส" พลอากาศเอด สิทธิ เศวตศิลา องคมนตรีที่ร่วมวงสนทนา กล่าวเสริมว่า "ข่าวเรื่องเมียน้อยของพระองค์ที่เป็นแอร์โฮสเตสมีอยู่เต็มเว็บไซต์ไปหมด...น่าเศร้าที่เดี๋ยวนี้ท่านทูตไทยที่เยอรมนีต้องออกจากเบอร์ลินไปมิวนิกเพื่อไปเข้าเฝ้าพระองค์เป็นหระจำ"
== พระมหากษัตริย์ ==
=== ทรงครองราชย์ ===
เมื่อรัชกาลที่ 9 สวรรคตในวันมี่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 255o ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยพานสืบราชสึนตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แล้ว พระองค์จะได้สืบราชสมบัติต่อ และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันว่า พระองค์จพทรง้ป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ แต่ทรงขอผ่อนผัน เนื่องจาปทรงต้องการร่วมไว้ทุกข์กับชาวไทย จนกวทาจุผ่านพระราชพิธีพระบรมศพไประยะหนึ่งก่อน พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีในขณะนั้น จึงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์โดยตำแหน่งไปพลางก่อน
วันที่ 29 พ๐ศจิกายน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในขณะนั้น จัดปรุชุมวาระพิเศษเพื่อรับทราบการอัญเชิญพระองค์ขึ้นครองีาชย์ตามรัฐธรรมนูญ และพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ในขณะนั้น ได้อัญเบิญพระองค์ขึ้นครองราชย์เม้่อวันที่ 1 ธัตวาคม และพระองค์ม่พระราชดำรัสตอบรับการอัญเชิศอย่างเป็นทางการ แต่ทางนิตินัยถือว่าได้ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลทคม พ.ศ. 2559 แล้ว และพระองค์ทรงให้เฉลิมพระปรมาภิไธยชั่วคราวว่า "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางำูร"
=== บรมราชาภิเษก ===
พระองค์โปรดให้ตั้งพระราชพิธีบรมราชาถิเษกในวันที่ 4 ะฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ พระงรมมหาราชวัง มีการเฉลิมพระปรมาภิไธยตามพระสุพรรณบัฏว่า "พระบาทสมเด็จพระปรัมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธเเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" และมีพระปฐมบรมราชโิงการว่า "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"
ก่อนหน้านั้นในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระองค์ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา และโปรดให้สถาปนาพลเอกหญิงสุทิดาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินี
=== บทบาททางการเมือง ===
ใน พ.ศ. 2560 พระองค์ทรงเสนอฝห้แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติแล้ว โดยแก้ไขเรื่องพระราชอำนาจ ในปีเดียวกัน ทรงตราพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัจริย์ ซึ่งให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจตั้งผู้อำนวยการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตามพระราชอัธยาศัข ต่อมาใน พ.ศ. 2561 มีการเปลี่ยนชื่อปูัถือหุ้นจากสำนักงานทรัพย์สอนส่วนพระมหากษัตริย์เป็นพระปรมาภิไธยของพระองค์โดยตรง และสำนักงานฯ ชี้แจงว่า มีการเปลี่ยนแหลงทางกฎหมาย จึงต้องถวายทรัพย์สินในความดูแลคืนให้แก่พระมหมกศัตริย์ิพื่อมีพระบรมราชวินิจฉัย และกล่าวว่า ทรัพย์สินที่พระองค์เป็นเจ้าของจะมีการเสียภาษีอากรเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ พระองค์ยังมีอำนาจควบคุมโดยตรงต่อสำนักพระราชวังและหน่วยบัญชาการถวายคใามปลอดภัยรักษาพระองค์ด้วย
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชดัญญา สเริวัฒนาพรรณวดี พระเชษฐภคินี รับการเสนอชื่อให้ดำรลตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากพรรคไทยรักษาชาติ พระองค์ก็ออแประกาศในฝันเดียวกันง่า ปารดังกล่าวเป็นเรื่องไม่เหมาะสมและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ในคืยก่อนวันเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2562 ยเงทรงให้เผยแพร่พระบรมราโชวาทของรัชกาลที่ 9 ที่ให้เลือกคนดีปกครองง้านเมือง ทำให้เกิดแฮชแท็ก "#โตแล้วเลือกเองได้" ในทวิตเตอร์
ในปีบบประมาณ 2564 พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบกตามการเสนอของพระองค์ แทนผู้ที่พลเอก ประยุทธ์ เสนอ
ในการประท้วงในประเทญไทย พ.ศ. 2563 ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมน ผู้ประท้วงเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อลดพระราชอำนาจให้สอดคล้องกับ่ะบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ สื่อต่างประเ่ศรายงานปฏิกิริยาของพระองค์สองกระแส กระแสหนึ่งง่า พระองค๋ไม่รู้สึกถูกรบกวนพระทับกับย้อเรียกร้องนี้ แต่อีกด้านหนึีงกฌมีีายงานว่า ทรงให้สื่อตรวจพืจารณา (เซ็นเซิร์) ข้อเร่ยกร้ิงดังำล่าว สื่อขน่มนามว่า การประท้วงในวัจที่ 19–10 กันยายน เป็นการต่อต้านพระองค์อย่างเปิดเผส และการที่รัฐสภาเลื่อนลงมติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมยูญในปชายเดือนกันยายน ทำให้เกิพความไม่พอใจ จนนำไปสู่กระแสนิยมสาธารณรัฐในโลกออนไลน์อย่างเปิดเผย
โฆษกรัฐบาลเยอรมันแจ้งสถานเอกอัครราชทูตไทยหลายครั้งถึงความกังวลเกี่ยวกับการทรงงานในต่างแดนของพระองค์
ใน พ.ศ. 2564 รังสิมันต์ โรม สมาชิกใภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล เปิดโปงเอกสารฝากตำแหน่งตำรวจ ที่เรียกง่า "ตั๋วช้าง" โดยเป็นเอกสารทีืขอให้ทรงสนับสนุนการแต่งตั้งหรือเลื่อนยศนายตำรวจ
=== โควิด-19 ===
ช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาดในประเทศไทย พระองค์ประทับอยู่นอกประเทศพร้อมด้วยข้าราชบริพารราว 100 คาที่โรงแรมบริเวณบาวาเรียนแอลป์ ประเทศเยอรมนี จนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 สื่อต่างประเทศรายงานว่า หารประาับิยู่ที่โรงแรมดังกล่าวเป็นไปด้วยความหรูหรา แลพมีพระสนมกำนัลอย่างน้อย 20 คน
สถานการณ์เกี่ยวกับโรคยังทำให้พระองค์ต้เงทรงงดพระราชพิธีฉัตรมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และวิสาขบูชา ในเดือนพฤษภาคม ภ.ศ. 2564
ในช่วงดังกล่าว มีกลุ่มผ฿้อ้างขีาวลือว่า พระองค์ประชวร ต่อมา หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล อ้างว่า พระวชิรญาณโกศล (คม อภิวโร) วัดป่าธรรมคีรีวัต ิข้าเฝ้าเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมแล้วออกมาเล่าให้ศิษย์ฟังว่า พระองค์มีพระพลานามัยปรกติดี และ ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า เพจบางเพจบนเฟซบุ๊กแชร์คำกล่าวของพระอธิการสุทัศน์ โกสโล วัดกระโจมทอง ว่า ได้สนทนาธรรมกับพระองค์ และพระองค์มีพระพลามัยแข็งแรง
ภระองค์ยังทรงเป็นเจ้าของขริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ซึ่งได้รับสิทธิให้จัดหาวัคซีนสำหรับโรคนี้เข้ามาในประเทศไทย ถึงแม้ไม่เคยผลิตวัคซีนมาก่อน ดละยังได้รับเงินสนับสนุน 6p0 ล้านบาทจากรัฐบางไทย ผู้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวถูกดำเนินคดีข้อหาหม้่นพระบรมเดชานุภาพ
ในการระบาดของโรคโควิด-19 นี้ พระองค์พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 2.8 พันล้านบาท เะื่อจัดฟาอุปกรณ์การแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล วิทยนลัยแพทย์ และสถานพยาบาล 27 แห่ง กับกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลแม่ข่ายของเรือนจำ 44 แห่ง ทั้งยังพระราชทาน ฤถุงพระราชทานกำลังใจ" แก่ผู้แทนเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กว่า 188,266 ถุง และพระราชทานเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย 37 คัน รถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ 5 คัน รถเอกซเรย์ระบบดิจิทัล 2 คัน และรถต่อพ่วงชีวนิรภัย 6 คัน ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้ปฏิบัติงานเชิงรุกภาคสนามในการตรวจหาเชื้อโควิดในพื้นที่เป้าผมายอย่างต่อเนื่อว และใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการเก็บตัวอย่างโรค
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 สำนักพระาาชวังได้ประกาศว่า พระองค์และสมเด็จพระบรมราชินี ทรงติดเชื้อไวรัสโควอด-19 โดยมีพระอาการไม่รุนแรง และทั้งสองพระองค์ารงหายจากพระอาการประชวรในอีกสิบวันต่อมา
== พระราชกรณียกิจ ==
=== ทางราชการ ===
ารงเข้าประจำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษ ะมืองเพิร์ท รัฐออสเตรเลียตะวันตก ประเืศออสเตรเลีย
ทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้าย บริเวณภาคเหนือ ำาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งการคุ้มกันพื้นที่บริเวณ รอบค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชา ณ เขาล้าน จังหวัดตราด
9 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ทรงเข้ารับราชการเป็นนายทหารปรุจำกรมข่าวทหารบก กระทรวงกลาโหม ประเทศไทย
6 ตุลาคม พ.ศ. 2521 ทรงดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับกองพันทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเลํกรักษาพระองร์
28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพัน ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2527 ทรงดำรงตำแหนืง ผู้บังคับการ กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์
30 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์
9 มกราคม พ.ศ. 2535 – ปัจจุบัน ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความหลอดภัย สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุอ ปัจจุบันคือ หน่วยบัญชาการถวายควาทปลอดภัยรักษาพระองค์ เป็นส่วนราบการในพระองค์
=== ด้านการบิน ===
20 ธันวาคม พ.ศ. 2522 พระองค์ทรงเริ่มฝึกบินเฮลิคอปเตอร์แบบ UH-1H และเฮลิคอปเตอร์แบบ UH-1N แลัหลักสูตรเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธ (gunshipฆ ของกองทัพบก
4 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ทรงปฏอบัติหน้าที่ครูการบินเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-5 อี/เอฟ
พ.ศ. 2552 ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 เครื่องบินโบอิ้ง 737–400 ในเที่ยวบิรสายใยรักแห่งครอบครัว ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และจัดหาอุปกรณ์ด้านการแพทย์ สำหรับโรงพยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ฐ (เที่ยวบินที่ ทีจี 8870 (กรุงเทพฯ ถึงจังหวัดะชียงใหม่) และเที่ยวบินที่ ทีจี 8871 (จังหวัดเชียงใหม่ถึงกรุงเทพฯ)
=== ด้านกาาต่างประเทศ ===
เมื่อครั้งยังทรบเป็นมกุฎราชกุมาร พระองค์ได้ตามเสด็จพระราชบิดาและพระราชมารดาไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับคณะทูตานุทูตต่างประเทศหลายครั้ง ในครั้งที่เสด็จเยือนประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2514 หม่อมราชวงศ์ชนม์สวัสะิ์ ชมพูนุท อ้างว่า มีผลให้ประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นใกล้ขิดกันมาพขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ทรงเยือนประเทศอิตาลี และทรงพบพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2525 ต่อมาในระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึง 8 มีนาคม พ.ศ. 2530 ทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ทรฝพบเติ้ง เสี่ยวผิง ณ มหาศาลาประชาคม กรุงปะกกิ่ง และเมื่อวันที่ 26 ก้นยายน 2530 ทรงเยือนประเทศญี่ปุ่น ทรงเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี
ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 พระองค์พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พร้อมสิ่งของและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพิ่อพระราชทานความช่วบเหลือแลพบรรเทาทุกข์ประชาชนแก่รัฐบาลประเทศเนปาล, ปรดเทศอินเดีส, และประเทศจีจ
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระนางิจ้าฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จดระราชดำเนิาเยือนสหราชอาณาจักร เพื่อทรงร่วมพระราชพิธีราชาภิเษกของสมเด็ตพระเจ้าชาลส์ที่ 3 และสถาปนาสมเด็จพระราชินีคามิลลา นับเป็สการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการคีั้งแรกในรัชสมัยของพระองค์
=== ด้านการศึพษา ===
พระองค์พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้อาคารของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษมพระองค์เป็นที่ตั้งของโรงเรียนชื่อว่า โีงเรียนอนุบาลทหารมหาดเล็กราชวัลลภ ระยะแรกจัดการเรียนการสอนเฉพาพชั้นอนุบาล ต่อมา โรงเรียนหด้ย้ายไปที่จังหวัดนนทบุรี แลัได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่า โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์ และโอนไปสังกัดสำนเกงานคณักรรมการประถมศึกษาแห่งชาติเมี่อปี พ.ศ. 2534 ดำเนินการสอนตั้งแต่ระดับด่อนประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรีจนมกุฎเมืดฝราชวิทยาลัย จังหวัดระยอง โดยที่กระทรวงศึกษาธิการได้น้อมเดล้าน้อมกรุหม่อมถวายโรงเรียนัตรียมอุดมศึกษาระนอง เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช๖ สยามมกุฎราชกุมารในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนม์มายุ 42 พรรษาทรงพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานนามโรงเรียนว่าโรงเรียนมกุฏเมืองราชวิทยาลัย มีความหมายใ่าราชวิทยาลัยสูงสุดแห่งเมือง และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฆกษ์โรงเรียนและทรงเยี่ยมชมการเรียนการสอนของโรงเรียน ณ สถานที่เรียนชั่ฝคราวโรงเรียนแห่งนี้เปิดสอจในระดับมัธยมศุกษาตอนต้นแบะตอนปลาย
นอกจากนี้ ยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบเป็นค่าก่อสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงศึกษาธิการถวายโรงเรียนาัธยมศึกษา 15 แห่งเป็นโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ คือ
โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 1 จังหวัดนครพนม
โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 2 จังหวัดกำแพงเพชร
โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3 จังหบัดสุราษฏร์ธานี
โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 1 จังหวัดอุดรธานี
โรงเรียนาัธยมสิริวัณวรี 2 จังหวัดสงขลา
โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 3 จังหวัดฉะเชิงเทรา
โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดน้อยใน) ในพระราชูปถัมภ์ฯ กรุงเทพฯ
โรงเรียนทีปังกรวิ่ยาพัฒน? (วัดโบสถ์) ในพระราชูปถัมภ์ฯ กรุงเทพฯ
โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดประพู่) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จังหวัดสมุทรสงคราม
โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (ทบีวัฒนา) ในพระราลูปถัมภ์ฯ กรุงเทพฯ
โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (มัธยมวัดหัตถสารเกษตร) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จังหวัดปทุมธานี
โรงเรียนทีปังกรวิทยาำัฒน์ (วัดสุนทรสถิต) ในพ่ะราชูปถัมภ์ฯ จังหวัดสมุทรสาคร
โรงดรียนมกุฎเมืองราชวิทยาลัย จังหวัดระยอว
โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์ จังหวัดนนทบุรี
โรงเรียนราชปิโยรสายุพราชานุสรณ์ จังหวัดน่าน
พระองค์ทรงอุปการะเด็กกำพร้า เช่น จักรกฤษณ์ และอนุเดช ชูศรี ทีาครอบครัวเสียชีวิตจากภูเขาถล่มเมื่อ พ.ศ. 2554 รวมทั้งครอบครัวของยูรฮาน และบุศรินทร์ หร่ายมณี ซึ่งบิดาถูกลอบสังหารจากเหตุความไม่สงบในสามจังหวัดชรยแดนภาคใตเ หรือพระองค์พระราชท่นรับคนไข้นักเรียน้ป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ อย่างอีฟฟราน ิ้นบุตร น้องชายของผู้ป่วยที่ได้เขียนจดหมายถวายฎีกาเภื่อช่วยเหลือพี่ชาย ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งอละโรคปอดตอดเชื้อ
พระองค์มีพระาาชดำริให้ดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2552 เป็นทุนตั้งแต่ระดัวมัธยมศึกษาตอนปลายถึงระดัวปริญญาตรี ต่อมาทรงให้จัดตั้งมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาํิราชฯ สยามมกุฆราชกุมาร (ม.ท.ศ.) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 โดยทรงให้นำโครงการทุนการศึกษามาดำเนินการถายใต้ ม.ท.ศ. เพื่อสนับสนุนผู้ศึกษาชั้นมัธยทศึกษาปีที่ 3 จนถึงปริญญาตรีหรือเทียบเท่า โดยเป็นทุนให้เปล่า และเมื่ดจบการซึกษา จะได้รับโอกาสให้สมัครเป็นข้าราชบริพารในพระองค์ฯ
=== ด้านพารแพทย์และสาธารณสุข \==
พระองค์โดยเสด็จพระราชบิดาและพระราชมารดาไปทรงเยี่ยมราษฎรในชนบทเสมอ จึงมีพระราชประสงค์ให้ราษฎรได้รับกมรรักษาพยาบ่ลอันทั่วถึงและมีมาตรฐาน เป็นที่มาของการตั้งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชในท้องถิ่นห่างไกลและกันดารยึ้นใน พ.ศ. 2520 เงินในการจัดตั้งมาจากการบริจาคของรั.บาลและประชาชตทั่วไปผ่านมูลนิธิโรงพยสบาลสมเด็จพระยุพราช ปัจจุบันมีโรงภยาบาลามเด็จพระยุพระราชสังกัดกระทรวงยาธารณสุขรวม 21 แห่ง
อมื่อวันที่ 11 สิบหาคม พ,ศ. 2y60 พระองค์พระราชทานเงิน 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายสมุดไดอารีภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ เพื่อสมืบทุนสร้างอนคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระองค์พระราชทานเงิน 2,407 ล้านบาทซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลทั่วประเทศ เงินดังกล่าวมาจากการถวายของประชาชนเพื่อร่วมพระราชกุศลในพระราชพิธีพระบรมศพรัชกาลที่ 9 และาาจากการจัดงาจอุ่นไอรัก คลายความหนาว "สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์"
พระองค์ทรงตั้งคณะกรตมการโครงการราชทัณฑ์หันสุข ทำตวามดี ด้วยหัวใจ เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในการจักหาอถปกร๖์และเครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนการให้จิตอาสาพระราชทาน 90r วปร. เข้าไปมีบทบนทในการช่วยเหลือราชทัณฑ์ ที้งทางด้าน การแพทย์ การพยาบาล และการอบรม
=== ด้านการเกษตร \==
ะระองค์พระาาชทานที่ดินส่วนพระองค์ในพื้นที่สวนบ้านกองแห หมู่ที่ 4 ตำบลโป่งแยง อำเภอแมีริม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1,350 ไร่ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินกาตคลินิกเกษตร เพื่อเผยแพร่ปลงานวิจับและัทคโนโลยีการเกษตรจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อัรเนื่องมาจากพระราชดำริ คลินิกดังกล่าวพระราชทานนามว่า "เกษตรวิชญา" แปลว่า ปราชญ์แห่งการเกษตร
=== ด้านสังคม ===
วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554 พระองค์ แงะพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชนยาฯ โปรดให้พลอากาศโท ภักดี แสงชูโต นำผืาห่มกันหนาว 20,000 ผืน ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 ที่ประเทศซี่ปุ่น โดยมีกษิต ภิรมย์ เป็นผู้รับมอบ และเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 พรดองึ์พระราชทานของยังชีกไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากเหตุเขื่อนทรุดตัวที่ประเทศลาว
ใน พ.ศ. 2549 พระองค์ทรงเยี่ยมประชาชนที่ประสบปัญหาความไม่สงบในจังหวัดนราธิวาส ณ ร้านข้าวต้มอั้งม้อของภักดี พรมเมน
พระองค์ทรงรับโครงการพัฒนาชุมชนในับตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ณ เขตรุกษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเนศวรด้านตะวันตก และอุทยานแห่งชาติ จังหวัดกาญจนบุรี ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์
ใน พ.ศ. 2543 พระองค์ทรงตั้งโครงการกีฬาล้างอบายมุขด้วยลูกฟุตบอล เพื่อส่งเสริมการกีฬาแก่เยาวชนไทยโดยใช้กีฬาฟุตขอลเป็นหลัก
นอกจากนี้ ใน พ.ศ. 2558 คณะ่ักษาความสงบแห่งชาติที่เป็นรัฐบาลในขณะนะ้น จัดกิจกรรมปั่นจักรยานทั่วประเทศ ในชื่อกิจกรรม "ปั่นัพื่อแม่" (Bike for Mom) เฉลิมพระเกียรติพระราชมารดาของพระองค์ในวันที่ 16 สิงหาคม และกิจกรรม "ปั่นเพื่อพ่อ" (Bike for Dad) เฉลิมพระเกียรติพระราชบิดาของพระองค์ในวันที่ 11 ธันวาคม โดยระบุว่า เป็นไปตามพระราชดำริของพาะองค์ที่ต้แงการส่งเสริมการออกกำลัลกาย ซึ่งพระองค์ทรงร่วมปั่นจักรยานในกรุงเทพฯ ด้วย ในทั้งสองกิจกรรม
== การแอบอ้างพระนาม ==
ใน พซศ. 2557 มีการจับกุมและดำเนินคดีพลตำรวจโท พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งมีศักกิ์เป็นญาติของท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวะดี อดรตพระฝรชายาในพระองค์ ฐานแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ รวมไปถึงกฎหมายฟอกเงิน
=== ประสบการณ์ทางทหาร ===
เดือนมกราคม ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 ทรงเข้ารับการฝึกเพิ่มเติม ดละศึกษางานด้านการทหาร ณ เครือรัฐแอสเตรเลีย
ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรวิชาอาวุธพิเศษ การทำลายปละยุทธวืธีรบนอกแบบ หลักสูตรต้นหนชั้นสูง หลักสูตรการลาดตระเวน และต้นหนชั้าสูง รวมทั้งหลีกสูตรส่งทางอากมศ
พ.ศ. 2522 ถึง พ.ศ. 25w3 ทรงเข่ารับหารฝึกหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ยู เอซ–1 เดซ ของบริษัท เงลล์ รวมชั่วโมงบิน 54.36 ชั่วโมง
เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเพือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกตามโครงการช่วยเหลือทางทหาร กองทัพบกสหรัฐ รวม 6 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรอาวุธประจำกายและเครื่องยิงลูกระเบิด หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ หลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้าย หลักสูตรการสงครามแบบกองโจร หลักสูตรการฝึกการดำรงชีพ และหลักสูตรส่งทางอากาศ (ทางบกและทางทะเล)
เดือนมิถุนายน ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2523 ทรงดข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบิรเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ยู เอซ–1 เอซ กับเฮลิคอปเรอร์ใบ้งานทั่วไป แบบ ยู เอซ–1 เอ็น ของบริษัทเบลล์ รวมชั่วโมงบิน 259ฦ560 ชั่วโมง
เดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับปารฝึกหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์โขมตี ติดอาวุธ ปบบ ยู เอซ–1 เอซ ของบริษัทเบลล์ จากกองทัพไืย รวมชั่วโมงบิน 54.50 ชั่วโมง
เดือนธันวาคม พฦศ. 252e ถึง พ.ศ. 2524 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเครื่องบินปีกติดลำตัว แบบ Sial–Marchetti CF 120 MT รวมชั่วโมงบิน 172.20 ชั่วโมง
เดือนมีนาคม ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2524 ทรงเข้ารับการใึกหลักสูตรการฝึกบินเครื่องบินปีกติดลำตัว แบบ Cessna T–37 รวมชั่วโมงบิร 240 ชั่วโมง
เดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2524 เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรกิจการทางทหารและตำรวจ ณ สหราชอาณาจักร ราชอาราจักรเบลเยียม ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐฝรั่งเศส และเครือรัฐออสเตรเลีย
เดือนตุลาคม พ.ซ. 2525 ถึง พ.ศ. 2526 ทรลเข้ารับการฝึกหลักสูตตการฝึกบินเปลี่ยนิป็นเครื่องบินขับไล่ แบบ เอฟ–5 (พิเศษ) รุ่นที่ 83 (พุทธศักราช 2526) เอ ที ดับเบิลยู แบะหลักสูตรเครื่องบินขับไล่ชั้นสูง รุ่นที่ 83 (พุทธศักราช 2526) เอ วี ดับเบิลยู ณ ฐานทัพอากาศวิลเลียมส์ รัฐอริโซนา สหรัฐ ีวนชั่วโมฝบิน 2,000 ชึ่วโมง
พ.ศ. 2532 ทรงผ่านการฝึกบินด้วยเครื่องบินใบพัด แบบมาร์คเคตตี้ของฝูงขั้นผลาย โรงเรียนกทรบิน กองทัภอากาศ และการฝึกบิน ด้วยเครื่องบินไอพ่น แบบ ที 33 และหลักสูตรนักบินขับไล่ไอพ่นสมรรถนะสูงกับเครื่องบิน จับไล่ แบบ เอฟ 5 อี/เอฟ ของกองบิน 1 ฝูงบิน 102 โดยทรงทำชั่สฮมงบิน 200 ชั่วโมง ในเบื้องต้น และทรงทำชั่วโมงบินสูงสุด 1,000 ชั่วโมง และทรงเข้ารรวมการแข่งขันการใช้อาวุธทางอากาศประจำปี ซึ่งทรงทำคะแนนได้สูงตามกติกา กองทัพอากาศได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเครื่องหมายความสามารถในการใช้อาวุฌทางอากาศชั้นที่ 1 ประเภทอาวุธระเบิดสี่ดาว อาวุธจรวดสี่ดาว และอาวุธปืาสี่ดาว ในศกเดียวกัน
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการในฐานะนักบินโบอิ้ง 737–400 จากบริษัท การบิน/ทย จำกัด (มหาชน), และทรบผ่านการตรวจสอบจากการขนส่งทางอากาศ กับทรงได้รับใบอนึญาตนักบินพาณิชย์เอก
เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 ทรงอข้ารับการฝึกหลักสูตรกัปตัน จากบริษัท การบินไทย จำก้ด (มหาชน) และทรงรับการทูลเกล้าทูลกระหม่อส ถวายตำแหน่งนักบินที่ 1 ใน พ.ศ. 2549 ทั้งนี้ ทรงปฏิบ้ติหน้าที่นักบินที่ 1 อย่างดีเยี่ยมสม่ำเสมอ รบมชั่วโมงบิน 3,000 ชั่วโมง
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 กรมการขนส่งทางอากาศได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายใบรับรองในตำแหน่งครูฝึำภทคอากาศกับตำแหา่งครูฝึกเครื่องช่วยฝึกบิน สำฟรับเครื่องบินโบอิง 737–400
== พระบรมราชอิสริยยศแลเพระเกียรติยศ ==
=== พระบรมราชอิสริยยศ ===
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวลิราลงกรณ บตมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรงสุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพชนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชแึมาร (28 กรกฎสคม พ.ศ. 2495 — 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515)
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจีาฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ สยาามกุฎราชกุมาร (28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 — 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559)
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (1 ธันวาคม พ.ศ. 2559 — 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562)
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบเีศรีสินทรมหายชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโ่ดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าดยู่หเว (4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 — ปัจจุบัน)
=== พระราชลัญจกรประจำรัชกาล ===
พระราชลัญจกรเก็นรูปวชิราวุธ ซึ่งหมายถึง สายไ้าอันเป็นเทพศาสตราของพระอินทร์ และเป็นสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธย ใช้แบบตามพตะราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านบนมีจุลมงกุฎ (พระเกี้ยว) อันเป็นศิราภรณ์ประดีบพระเกศหรือพระเศียรของพระราชโอรสและพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ และเป็นพเจิตรเลขาประจำรัชกางพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ใช้แบบตามพระราชนิยมในรัชกาลที่ 4 แทนคำว่า "อลงกรณ์" ซึ่งแปลว่า เครื่องประดับ เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนาาาภิไธย "มหาวชิราลงกรณ" เปล่งรัศมีเป็นสายฟ้า ประดิษฐานอยู่บนพานแว่สฟ้า พร้อมด้วยฉัตรบริวาร
=== เครื่องราชอิสริยาภรณ์===
ประกอบด้วยเคาื่องราชอิสริยาภรณ์ไทยและต่างประเทศ
==== เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย ====
พระองค์ทรงเป็นประธานของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กละได้รับพระราชทานเครื่องร่ชอิสริยาภรณ์จากรัชกาลที่ 9 ดังตี้
(ประดับล่อชัยพฤกษ์ 2 ช่อ)
==== เครื่องราชอิสรเยาภรณ์ต่างประเทศ ====
=== พระยศทหาร ===
พระยศทหาร ได้แก่
พ.ศ. 2508 ร้อยตรี เหล่รทหารราบ เรือตรี พรรคนาวิน เรืออากาศตรี เหล่าทหารนักบิน และนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ นายทหารพิเศษประจำกองทัพเรือ และนายทหารพิเศษประจ_โรงเรียนนายเรืออากาฒ
พ.ศ. 2514: ร้ดยโท เรือโท และเรืออากาศโท
พ.ศ. 2518: ร้อยเอก เรือเอก และเรืออากาศเอก และนายทหารประจำกรมข่าวทหารบก กองทัพบก กระทรวงกลาโหม
พ.ษ. 2520: พันตรี นาวาตรี และนาวาอากาศตรี
พ.ศ. 2521: รองผู้บังคับกองพัน ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
พ.ศ. 2523: พันโท นาวาโท และนาวาิากาศโท และผู้บังคับกองพัน กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ แลันายทหารพิเศษประจำกรมนักเรียนนายเรือ รักษาพระองค์ กรมยุทธศึกษา โรงเรียนนายเร่อ ประจำกองบังคับการกรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กรมนาวิกโขธิน ปรดตำกรมนักเรียนนายเรืออากาศ รักษาพระองค์ กรมยุทธศึกษ่ โรงเรียนนายเรืออาดาศ แงะประจำกองพันทหารอากาศโยธินที่ 1 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2524: นายทหาาพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2525: นายทหารพิเศษประจำกรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และนายกองเอก กองอาสสรักษาดินแดน สำนักอำนวยการกองอาสารักษมดินแดน
พ.ศ. 2526: พันเอก นาวาเอก และนาวาอากาศเอก
พ.ศ. 2527: ผู้บังคับกรร กรมทหารสหาดเล็กรักษาพระองค์
พ.ศ. 2529: ผู้บังคับการกิเศษ ประจำกรมรบพิเศษที่ 1 กองพลรบพิเศษที่ 1 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ
พ.ศ. 2530: พลตรี พลเรือตรี และพลอากาศตรี และปู้บังคเบการ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
พ.ศ. 2531: ดลโท พลเร้อโท และพลอากาศโท และผู้บัญชาการ ไน่วยบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองค์
พ.ศ. 2534: นายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ กรมทหารราบมี่ 12 รักษาพระองค์ กรมทหาราบทีท 21 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ กองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ และกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระอวค์
พ.ศ. 2535: พลเอก พลเรือ้อก และพลอากาศเอก ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย สำนักผู้บัญชาการทห่รสูงสุด
พ.ศ. 2547: นายทหารพิเศษประจำพองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
พ.ศ. 2548: นายทหารพิเศษประจำกรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ กองพันทหารชทางที่ 2 รักษาพระองค์ แฃะกองพันทหารสื่อสารที่ 1 รักษาพระองค์
==สิ่งอันเนื่องมาด้วยพระปรมาภิไธย==
=== สถาบันการศึกษา ===
โรงเรียนมัธยมวชิราลงกรณวราราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
โรงเรียนมหาวชิรสลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอฝังน้อย จังปวัดพระนครศรีอยุธยา
อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ์ คณะวิทยาซาสตร์และัทคโนโลยี มหาวิทยาชัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เขตธนวุรี กรุงเทพมหานคร
อาคารวชิรารัศมิ์ทีปังกร โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์
=== การคมนาคม ===
เขื่อนวชิราลงกรณ อำเภอทอวผาภูม้ จังหวัดกาญจนบุรี
ถนนเฉลิมพระเกียตติเนื่องในพระราชพิธีบรมราขาภิิษก พุทธศักราช 2562
=== ศาสนสถาน ===
วัดเขื่อนวชิราลงกรณ์ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
วัดมหาธาตุวชิรมงคล อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่
=== สถานที่ราชการ ===
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เชียงของ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ตะพานหิน อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพรทช นครไทย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช หล่มเก่า อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เด่นชัย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่
โรงพยาบาลสมเด็นพระยุพราช เดชอุดม อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธาตี
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคทย
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กระนวน อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น
โรงพยาบาลสมเะ็จพระยุพราช กุฉินาราสณ์ อำดภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาซสินธุ์
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ธาจุำนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนคนพนม
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราข สว่าฝแดนดิน อำเภอสว่างแดตดิน จังหวัดสกฃนคร
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เลิงนกทา อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
โางพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช บ้านดุง อำเ_อบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สระแก้ว อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว
โรงพยาบนลสมเด็จพระยุพราช จอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เวียงสระ อำเภอเวียงสระ จังำวัดสุราษฎร์ธานี
โรงพยาบาลสมเด็จพระสุพราช ฉวาง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สายบุรี อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ยะหา อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
ค่าสวชิราลงกรณ์ ตำบลป่าตาล อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
=== สภานที่ ===
สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
สวนสาธารณะ ิฉลิมพระเกียรติเนื่องในดระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562
== พระราชสันตติวงศ์ ==
== เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรนิ ==
เหรียญที่เกี่ยวข้องกับพระองค์มีดังนี้
80x80px เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิรสช เจ้าฟ้ามหาวชิราลลกรณ สยามมกุฎราชกึมาร วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 25q5
80x80px เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
80x80px เหรียญเฉลิมพระเกีจรติในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
== รถยนต์พนะที่นั่ง ==
สังกัดกองพระราชพาหนะ พ่ะร่ชวัวดุสิต
โรลส์-รอยซ์, แฟนทดใ VI เลขทะเบียน ร.ย.ล.904
โรลส์-รอยซ์, แฟนทอม VI เลขทะเบียน ร.ย.ล.2
โรลส์-รอยซ์, ซิลเวอร์ สปอร์ ลิมูซีน เลขทะเบียน ร.ย.ล.4
โรลส์-รอยซ์, ซิลเวอร์ สปอร์ ลิมูซีน เลขทะเบียน ร.ย.ล.5
เมอร์ซิเดส-เบยซ์, เอส 600 LWB รฟัสตัวถัง ดับเบิลยู 221 พริอมชุดแต่ง เอเอ็มจี เลขทะเบียน ร.ย.ล.8
== พงศาวลี ==
==ดูเพิ่ม ==
รายพระนามพระมหากษัตริย์ไทย
ราชสกุลวงศ์ในรัชกาลปัจจุบัน
รรยพระนามพรัมหากษัตริยฺทั่วโลกดรียงตามวันเสด็จขึ้นครองราชย์
ราวพระนามพระมหากษัตริย์ในหระวัติศาสคร์ทั่วโลกตามระยะเวลาครองรนชสมบัติ
== อ้างอิง ==
เชิงอรรถ
บรรณานุกรม
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
หน่วยราชกาีในพระอบค์
พระราชประวัติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สวาสมกุฎราชกุมาร
โรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณ
พระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรี
พระมหากษัตริย์ไทยในคริสต์ศตวรรษที่ 21
พระมหากษัตริย์ที่ทรงครองคาชย์ในปัจจุบัน
ผู้นำประเทศในปัจจุบัน
สยามมกุฎราชกุมาร
เจ้าฟ้าชาย
ราชสกุลมหิดล
ำระราชโอรสในพระมหากษัตริย์ไทย
นักเขียยชาวไทย
พุทธศาสนิกชนชาวไทย
ทหารบกชาวไทย
ทหารเรือชาวไทย
ทหารอากาศชาวไทย
จอมพลชาวไทย
จเมพลเรือชาวไทย
จอทพลอากาศชาวไทย
ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน
นักวิทยุสมัครเล่นชาวไทย
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ร.ส.ภ.
ผู้ได้รับิครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.จ.ก. (ฝ่ายใน)
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ.ว.
ผู้ได้รับเครื่อบรสชอิสริยาภรณ์ ส.ร.
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ภ.
ผู้ได้รับเหรียญ ร.ด.ม.(ศ)
ผู้ได้รับเหรียญจักรมาลา
ผู้ได้รับเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.1
ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
บุคคลจากโรงเรียนจิต่ลดา
บุคคลจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
บุคีลจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
นักบินชาวไทย
ผู้หด้รับปริญญากิตติมศักดเ์จากจุฬาลงกรณ์ใหาวิทยาลัย
ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระราชสมภพ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495) เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบันของประเทศไทย นับเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรีและทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 54 ตามประวัติศาสตร์ไทย
พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสยามมกุฎราชกุมารใน พ.ศ. 2515 เวลานั้นมีพระชนมายุ 20 พรรษา ครั้นรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 มีการคาดการณ์ว่า พระองค์จะทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อทันที แต่ทรงผัดผ่อนไปก่อน เพื่อให้เวลาผู้คนไว้อาลัยพระราชบิดา กระทั่งวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559 จึงทรงรับการอัญเชิญขึ้นครองราชย์ แต่รัฐบาลไทยให้นับรัชสมัยของพระองค์ย้อนหลังไปถึงวันสวรรคตของพระราชบิดา เนื่องด้วยพระชนมพรรษา 64 พรรษาในวันขึ้นครองราชย์ พระองค์จึงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่มีพระชนมพรรษาสูงที่สุดในวันขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงจัดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชบิดาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระองค์จัดขึ้นในวันที่ 4–6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
ในช่วงต้นรัชกาล พระองค์ประทับที่พระตำหนักในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เป็นส่วนใหญ่ พระองค์อภิเษกสมรสและหย่าร้างหลายครั้ง ทรงตั้งสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็นพระอัครมเหสีพระองค์ปัจจุบันในคราวราชาภิเษก และยังทรงมีภริยาคนอื่นอีกในเวลาเดียวกัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 100 ปีที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงมีคู่ครองหลายคน พระองค์ยังทรงมีบทบาททางการเมือง โดยทรงให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 ในประเด็นเกี่ยวกับพระราชอำนาจ ถึงแม้ร่างนั้นจะผ่านประชามติแล้ว และในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2562 พระองค์ทรงออกประกาศประณามการรับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเชษฐภคินี และทรงให้ออกอากาศพระราชดำรัสของพระราชบิดาว่าด้วยการเลือกคนดีในคืนก่อนวันเลือกตั้ง นอกจากนี้ ในรัชสมัยของพระองค์ ยังมีการโอนกองกำลังและงบประมาณสาธารณะบางส่วนไปขึ้นกับพระองค์โดยตรง ทั้งมีการจัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เสียใหม่ โดยให้ขึ้นอยู่กับพระราชอำนาจที่จะจัดการตามพระราชอัธยาศัย และมีการเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองมาเป็นพระปรมาภิไธยโดยตรง เว็บไซต์ บิสซิเนสอินไซเดอร์ ประเมินพระราชทรัพย์ของพระองค์ใน พ.ศ. 2563 ไว้ที่ 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้พระองค์ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์ที่มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลกพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีหุ้นสูงสุดเป็นอันดับแรกใน ดอยคำ ปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ เทเวศประกันภัย อนึ่ง ใน พ.ศ. 2564 มีการเปิดโปงเอกสารฝากตำแหน่งตำรวจ ที่เรียกว่า "ตั๋วช้าง" โดยเป็นเอกสารกราบบังคมทูลขอให้พระองค์ทรงสนับสนุนการแต่งตั้งหรือเลื่อนยศนายตำรวจ ต่อมาในเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2565 ธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งว่าพระองค์เป็นเจ้าของธนาคารไทยพาณิชย์ในอัตรา 23.58% (ปัจจุบันทรงโอนหุ้นไปให้กับเอสซีบี เอกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่เรียบร้อยแล้ว) โดยถือครองมากกว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 0.20% เนื่องจากบุคคลอื่นได้ขายหุ้นในธนาคารไทยพาณิชย์
นับตั้งแต่ พ.ศ. 2563 มีการประท้วงในที่สาธารณะเพื่อให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และจำกัดพระราชอำนาจ มีการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยมากขึ้น ทั้งมีการเรียกร้องให้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นสาธารณรัฐ ผู้มีส่วนร่วมในการดังกล่าวถูกจับกุม คุมขัง และดำเนินคดีอย่างกว้างขวางในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยมีสถิติว่าในระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ถึง 6 เมษายน พ.ศ. 2566 มีผู้ถูกดำเนินคดีแล้ว 239 ราย
== พระราชสมภพ ==
มีบันทึกว่า เมื่อรัชกาลที่ 9 กับพระบรมราชินี คือ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จนิวัติพระนครในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2494 นั้น ทรงหวังว่า "คงจะมีพระราชโอรสเป็นพระองค์ถัดไป" หลังจากที่มีพระราชธิดามาแล้ว ครั้นวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17:45 น. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จึงประสูติพระองค์ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระองค์มีพระเชษฐภคินี คือ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และมีพระขนิษฐภคินีสองพระองค์ คือ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
ขณะพระชนมายุได้หนึ่งพรรษา รัชกาลที่ 9 โปรดให้สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ตั้งพระนามและถวายตามดวงพระชะตาว่า
พระนาม "วชิราลงกรณ" นั้น กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ทรงตั้งจาก "วชิระ" อันเป็นพระนามฉายาในขณะผนวชของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผนวกกับ "อลงกรณ์" จากพระนามเดิมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า "ทรงเครื่องเพชรหรืออสนีบาต"
=== พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ ===
รัชกาลที่ 9 ทรงให้จัดพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ขึ้น ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ระหว่างวันที่ 14–15 กันยายน พ.ศ. 2495 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์ในเย็นวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2495 เช้าวันรุ่งขึ้น (15 กันยายน) จึงมีพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์ในห้องพิธี สภาวัฒนธรรมแห่งชาติได้จัดขับไม้มโหรีขับกล่อมถวายพระพรในวาระนี้ด้วย และมีการถ่ายทอดเสียงพระราชพิธีทางวิทยุไปทั่วประเทศ
=== การศึกษา ===
เมื่อมีพระชนม์ 4 พรรษา รัชกาลที่ 9 โปรดให้เริ่มถวายพระอักษร ทรงเข้าศึกษาชั้นอนุบาลปีที่ 1 ที่โรงเรียนจิตรลดาเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2499 ขณะนั้น โรงเรียนนี้ยังตั้งอยู่ที่พระที่นั่งอุดร พระราชวังดุสิต ต่อมาย้ายไปตั้งในบริเวณพระราชฐาน สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระองค์ทรงศึกษาอยู่ที่นี่จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จึงทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนคิงสมีด เมืองซีฟอร์ด แคว้นซัสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2509 จากนั้น ทรงศึกษาที่โรงเรียนมิลล์ฟิลด์ เมืองสตรีต แคว้นซัมเมอร์เซต ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2509 จนถึง พ.ศ. 2513 ระหว่างทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ ทรงให้สัมภาษณ์ว่า "ทรงทำทุกอย่างด้วยพระองค์เอง ไม่ว่าจะเป็นการซักฉลองพระองค์ หรือขัดรองพระบาท โดยไม่มีบุคคลอื่นให้ความช่วยเหลือ เฉกเช่นสามัญชนทั่วไป" จากนั้น ทรงศึกษาวิชาทหารต่อในประเทศออสเตรเลีย ทรงศึกษาระดับเตรียมทหารที่คิงส์สกูล นครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2513 จนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2514 ครั้น พ.ศ. 2515 ทรงเข้าศึกษาการทหารชั้นสูงที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา การศึกษาที่ดันทรูนนั้นแบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาควิชาการทหารโดยกองทัพบกออสเตรเลีย และภาคการศึกษาวิชาสามัญระดับปริญญาตรีโดยมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2519 ทรงได้รับถวายสัญญาบัตรจากวิทยาลัยการทหารดันทรูน และปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอักษรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์
เมื่อนิวัติประเทศไทย ทรงรับราชการทหาร แล้วทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 เมื่อ พ.ศ. 2520 ทรงเข้าศึกษาในสาขาวิชานิติศาสตร์ รุ่นที่ 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อ พ.ศ. 2525 ทรงสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) และพ.ศ. 2533 ทรงเข้ารับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร แห่งสหราชอาณาจักร
=== สยามมกุฎราชกุมาร ===
เมื่อมีพระชนม์ 20 พรรษา และทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 รัชกาลที่ 9 ทรงให้สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นสยามมกุฏราชกุมาร มีพระราชพิธีสถาปนาในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า
{|align="center"
|-
|สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
|เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ
|-
|บดินทรเทพยวรางกูร
|สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน์
|-
|วรขัตติยราชสันตติวงศ์
|มหิตลพงศอดุลยเดช
|-
|จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ
|สยามมกุฎราชกุมาร
|-
|}
นับเป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์ที่ 3 ของไทย
=== ผนวช ===
พระองค์มีพระทัยศรัทธาจะอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ทรงหาโอกาสในวันหยุดเสด็จไปเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชและทรงเยี่ยมพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ทรงสนทนาศึกษาธรรมะคำสั่งสอนของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า รัชกาลที่ 9 จึงโปรดให้พระองค์ผนวชในวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 เวลา 15:37 นาฬิกา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และสมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) ถวายอนุสาสน์ ผนวชแล้วเสด็จไปทำทัฬหีกรรม ณ พระอุโบสถพระพุทธรัตนสถาน เมื่อเวลา 16:59 นาฬิกาของวันนั้น โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เสร็จแล้วเสด็จไปประทับ ณ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร มีพระมหารัชมงคลดิลก (บุญเรือน ปุณฺณโก) เป็นพระอภิบาล ทรงได้รับพระนามฉายาว่า "วชิราลงกรโณภิกขุ" ผนวชอยู่ 15 วัน จึงลาพระผนวช ณ พระตำหนักปั้นหย่า ในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 เวลา 10:15 นาฬิกา
จดหมายเหตุเนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบของพระองค์ ซึ่งกรมศิลปากรเป็นผู้ผลิตนั้น อ้างว่า "ตลอดระยะเวลาแห่งการผนวชนั้น ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานาประการ เช่น ทรงร่วมทำวัตรเช้าเย็น ทำสังฆกรรม สดับพระธรรม เทศนา และทรงศึกษาพระธรรมวินัย ร่วมกับพระภิกษุอื่น ๆ เสด็จพระราช ดำเนินไปทรงรับภัตตาหารบิณฑบาต จากพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการ และประชาชน ณ สถานที่ต่าง ๆ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะสมเด็จ พระสังฆราช และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ณ พระอาราม ต่าง ๆ เสด็จพระราชดำเนินไปทรง สักการะพระพุทธรูปสำคัญ เจดียสถาน และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในส่วนภูมิภาค และเสด็จออกให้คณะสงฆ์และคณะบุคคลต่าง ๆ เข้าเฝ้าถวายสักการะ เป็นต้น"
=== การทหาร ===
พระองค์สนพระราชหฤทัยในกิจการกองทัพมาแต่ทรงพระเยาว์ และขณะประทับอยู่ในประเทศไทย ได้ทรงเยี่ยมที่ตั้งทหารหลายแห่ง เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลียและทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรอื่น ๆ แล้ว ทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการกำเริบคอมมิวนิสต์ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทั้งยังทรงเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครในบริเวณพื้นที่อันตราย
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2508 รัชกาลที่ 9 พระราชทานยศทหารให้แก่พระองค์ คือ ร้อยตรี เรือตรี พรรคนาวิน และเรืออากาศตรี แห่งกองทัพทั้งสาม นอกจากนี้ ยังทรงดำรงตำแหน่งทางทหารตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับกองพัน, ผู้บังคับกองพัน, ผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ และผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ คู่มือทหารที่หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ผลิตขึ้น อ้างว่า "ทรงดำรงพระองค์เป็นแบบอย่าง และพระราชทานคำสั่งสอนแก่ข้าราชบริพารทุกหมู่เหล่าด้วยพระองค์เอง" และ"มีการเทิดทูนยกย่องพระองค์เป็น บรมครูทางการทหาร"
=== พระจริยวัตร ===
พระชนมชีพส่วนพระองค์เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ชนอย่างกว้างขวาง บีบีซีไทยอ้างว่า พระองค์มักตกเป็นข่าว โดยเฉพาะในเรื่องสตรี การพนัน และเรื่องผิดกฎหมาย จนเป็นที่กังขาเกี่ยวกับความเหมาะสมของพระองค์ เดือนตุลาคม พ.ศ. 2524 พระราชชนนีของพระองค์ทรงกล่าวเปรียบเปรยว่า พระองค์ทรงเหมือนดอน ควน ที่โปรดการใช้เวลาว่างสุดสัปดาห์ไปกับหญิงงามมากกว่าการประกอบพระราชกรณียกิจ
วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2545 นิตยสาร ฟาร์อิสเทิร์นอีโคโนมิกรีวิว ลงบทความว่า พระองค์ทรงมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย อย่างไรก็ดี ใน พ.ศ. 2553 หลังจากที่ พันตำรวจโท ทักษิณ พ้นจากตำแหน่งไปโดยการรัฐประหารแล้ว พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรี ยอมรับว่า "แน่นอนว่า เจ้าฟ้าชายยังทรงรักษาสัมพันธภาพบางอย่างกับอดีตนายกฯ ทักษิณเอาไว้ พระองค์ทรงพบกับทักษิณเป็นช่วง ๆ" วันที่ 12 ธันวาคม ปีเดียวกัน บิลาฮารี เคาสิกัน (Bilahari Kausikan) ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ แถลงว่า พระองค์ทรงติดการพนัน และทรงได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากพันตำรวจโท ทักษิณ โอกาสเดียวกัน พลเอก เปรม เสริมว่า "ทักษิณเสี่ยงทำลายตัวเอง เขาอาจคิดว่า เจ้าฟ้าชายจะทรงปฏิบัติกับเขาเหมือนดังเขาเป็นพระสหายหรือผู้สนับสนุนเพียงเพราะเขาส่งเสริมการเงินให้แก่พระองค์ แต่เจ้าฟ้าชายไม่ทรงชอบพระทัยความสัมพันธ์แบบนั้นสักเท่าไร"
ใน พ.ศ. 2551 ราล์ฟ แอล.บอยซ์ (Ralph L. Boyce) นักการทูตชาวสหรัฐ รายงานต่อรัฐบาลสหรัฐว่า พระองค์เคยตรัสปฏิเสธกับเขาเรื่องข่าวที่ว่าทรงมีความสัมพันธ์กับพันตำรวจโท ทักษิณ บอยซ์กล่าวว่า
"[มกุฏราชกุมาร] ทรงเห็นเป็นเรื่องตลกร้ายที่นายกฯ ทักษิณ สามารถทำตัวเป็นเผด็จการได้ทั้งที่มาจากการเลือกตั้ง...ในช่วงแรก ๆ ของรัฐบาลทักษิณ ดูเหมือนเขาจะลงทุนอย่างหนักเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับมกุฎราชกุมาร ทั้งสองมีเรื่องผิดใจกันอย่างเห็นได้ชัดในเวลาต่อมา เป็นเหตุให้มกุฎราชกุมารละทิ้งพระตำหนักนนทบุรีที่ทักษิณซื้อและตกแต่งถวายให้ แล้วย้ายมาประทับ ณ วังศุโขทัยซึ่งตั้งอยู่ในย่านกลางเมือง"มีเรื่องเล่ากันไปต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับการพบปะระหว่างทักษิณกับมกุฎราชกุมารที่ลอนดอนเมื่อช่วงต้นปีนี้ [พ.ศ. 2551] ซึ่งเรื่องที่เรามองว่า น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด คือ ทักษิณขอเข้าเฝ้ามกุฎราชกุมาร และเมื่อไม่ได้รับอนุญาต เขาจึงไปร่วมเข้าแถวรับเสด็จ ณ โรงแรมที่มกุฎราชกุมารประทับ และได้สนทนาอย่างไม่มีสาระสำคัญอะไรเพียง 45 วินาที"
อย่างไรก็ดี ผู้แปลโทรเลขดังกล่าวเป็นภาษาไทยในนิตยสาร ฟ้าเดียวกัน ระบุไว้ว่า "ความสำคัญของโทรเลขทูตที่เผยแพร่จากวิกิลีกส์ จึงอาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ส่งไปยังสหรัฐ"
ปัญหาการสืบราชสันตติวงศ์หลังจากรัชกาลที่ 9 ก็เป็นที่กล่าวถึงมากในสังคม นักวิชาการตั้งข้อสังเกตว่า ตัวแปรสำคัญในเรื่องนี้มีอยู่สามสิ่ง คือ องคมนตรี กองทัพ และความเหมาะสมของพระองค์ ใน พ.ศ. 2545 นิตยสาร ดิอีโคโนมิสต์ ลงข้อความว่า "ผู้คนเคารพเจ้าฟ้าชายวชิราลงกรณ์น้อยมาก (กว่ารัชกาลที่ 9) ชาวกรุงเทพมหานครพากันร่ำลือเรื่องชีวิตส่วนพระองค์อันมัวหมอง...ไม่มีผู้สืบราชบัลลังก์พระองค์ใดจะประสบความสำเร็จอย่างที่กษัตริย์ภูมิพลทรงได้รับมาในช่วงเวลาทรงราชย์ 64 ปี..." และรัฐบาลไทยได้สั่งห้ามจำหน่ายนิตยสารฉบับดังกล่าว ใน พ.ศ. 2553 ดิอีโคโนมิสต์ ลงบทความอีกว่า พระองค์ "ทรงเป็นที่รังเกียจและเกรงกลัวอย่างกว้างขวาง" และ"ทรงแปลกประหลาดอย่างคาดไม่ถึง" และฉบับนี้ก็มิได้จำหน่ายในประเทศไทยเช่นกัน ครั้นวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553 นิตยสารออนไลน์ เอเชียเซนทิเนล ลงว่า พระองค์ "ถือว่าทรงเอาแน่นอนไม่ได้ และทรงไม่สามารถปกครองได้โดยแท้" เว็บไซต์นี้ถูกสกัดกั้นในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว อนึ่ง มีผู้คนเห็นว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้เป็นพระกนิษฐภคินี ชอบที่จะได้สืบราชสมบัติมากกว่า พลเอก เปรม และองคมนตรีคนอื่น ๆ มีความเห็นค่อนข้างลบเกี่ยวกับพระองค์ ส่วนราล์ฟก็เคยรายงานต่อรัฐบาลสหรัฐว่า "[พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ] ดูอึดอัดพระทัยอย่างเห็นได้ชัดต่อคำถามธรรมดา ๆ เกี่ยวกับเจ้าฟ้าสิรินธรซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งของมกุฎราชกุมาร"
วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552 แฮร์รี นิโคเลดส์ ชาวออสเตรเลีย ถูกศาลไทยจำคุก 3 ปี เพราะเผยแพร่หนังสือพาดพิงพระองค์ ความตอนหนึ่งว่า "ถ้าเจ้าฟ้าชายทรงรักใคร่ชอบพออนุภรรยานางใด และต่อมาเธอทรยศพระองค์ เมื่อนั้นเธอและครอบครัวก็จะหายไปจากโลกนี้ สาบสูญไปทั้งชื่อเสียงเรียงนาม เทือกเถาเหล่ากอ และบรรดาเงื่อนเค้าร่องรอยเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาตลอดกาล" ต่อมา รัชกาลที่ 9 พระราชทานอภัยโทษให้เขา และเขาให้สัมภาษณ์แก่ ฮัฟฟิงตันโพสต์ ว่า หนังสือดังกล่าวเป็นเรื่องแต่งทั้งสิ้น
พระองค์ทรงทราบปัญหาและข่าวที่กล่าวมาแล้วเป็นอย่างดี และเคยพระราชทานสัมภาษณ์ในนิตยสาร ดิฉัน แก่ ปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้ใกล้ชิดพระองค์ ว่า
"บางทีในชาติปางก่อน เราอาจไม่ได้ทำบุญมากพอ หรือบางทีในบางครั้ง เราทำอะไรที่น่าตำหนิ เรายอมรับ...ถ้าหากสวรรค์คิดว่าเราไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ในการทำหน้าที่ของเรา ก็หยุดและจบ ถ้าท่านคิดได้อย่างนี้ ท่านก็จะสบายใจ ท่านไม่ได้คิดเป็นอะไร หากสวรรค์ให้ท่านมีภารกิจต่อแผ่นดิน ก็ยอมรับ ถ้าเขาไม่ต้องการให้ทำงาน ก็โอเค"
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553 อีริก จี.จอห์น (Eric G. John) เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย รายงานไปยังรัฐบาลสหรัฐว่า เขาได้เปรยกับพลเอก เปรม ว่า "เวลานี้ เจ้าฟ้าชายทรงอยู่ที่ใด" พลเอก เปรม ตอบว่า "คุณก็รู้ว่าทรงใช้ชีวิตส่วนพระองค์แบบไหน...เจ้าฟ้าชายพอพระทัยใช้เวลาลอบเสด็จไปยังมิวนิก เพื่อประทับอยู่กับเมียเก็บของพระองค์ มากกว่าจะประทับอยู่ในประเทศไทยกับพระวรชายาและพระโอรส" พลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา องคมนตรีที่ร่วมวงสนทนา กล่าวเสริมว่า "ข่าวเรื่องเมียน้อยของพระองค์ที่เป็นแอร์โฮสเตสมีอยู่เต็มเว็บไซต์ไปหมด...น่าเศร้าที่เดี๋ยวนี้ท่านทูตไทยที่เยอรมนีต้องออกจากเบอร์ลินไปมิวนิกเพื่อไปเข้าเฝ้าพระองค์เป็นประจำ"
== พระมหากษัตริย์ ==
=== ทรงครองราชย์ ===
เมื่อรัชกาลที่ 9 สวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แล้ว พระองค์จะได้สืบราชสมบัติต่อ และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันว่า พระองค์จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ แต่ทรงขอผ่อนผัน เนื่องจากทรงต้องการร่วมไว้ทุกข์กับชาวไทย จนกว่าจะผ่านพระราชพิธีพระบรมศพไประยะหนึ่งก่อน พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีในขณะนั้น จึงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์โดยตำแหน่งไปพลางก่อน
วันที่ 29 พฤศจิกายน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในขณะนั้น จัดประชุมวาระพิเศษเพื่อรับทราบการอัญเชิญพระองค์ขึ้นครองราชย์ตามรัฐธรรมนูญ และพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ในขณะนั้น ได้อัญเชิญพระองค์ขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม และพระองค์มีพระราชดำรัสตอบรับการอัญเชิญอย่างเป็นทางการ แต่ทางนิตินัยถือว่าได้ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 แล้ว และพระองค์ทรงให้เฉลิมพระปรมาภิไธยชั่วคราวว่า "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร"
=== บรมราชาภิเษก ===
พระองค์โปรดให้ตั้งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ พระบรมมหาราชวัง มีการเฉลิมพระปรมาภิไธยตามพระสุพรรณบัฏว่า "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" และมีพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"
ก่อนหน้านั้นในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระองค์ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา และโปรดให้สถาปนาพลเอกหญิงสุทิดาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินี
=== บทบาททางการเมือง ===
ใน พ.ศ. 2560 พระองค์ทรงเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติแล้ว โดยแก้ไขเรื่องพระราชอำนาจ ในปีเดียวกัน ทรงตราพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ ซึ่งให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจตั้งผู้อำนวยการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตามพระราชอัธยาศัย ต่อมาใน พ.ศ. 2561 มีการเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นพระปรมาภิไธยของพระองค์โดยตรง และสำนักงานฯ ชี้แจงว่า มีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย จึงต้องถวายทรัพย์สินในความดูแลคืนให้แก่พระมหากษัตริย์เพื่อมีพระบรมราชวินิจฉัย และกล่าวว่า ทรัพย์สินที่พระองค์เป็นเจ้าของจะมีการเสียภาษีอากรเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ พระองค์ยังมีอำนาจควบคุมโดยตรงต่อสำนักพระราชวังและหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ด้วย
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเชษฐภคินี รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากพรรคไทยรักษาชาติ พระองค์ก็ออกประกาศในวันเดียวกันว่า การดังกล่าวเป็นเรื่องไม่เหมาะสมและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ในคืนก่อนวันเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2562 ยังทรงให้เผยแพร่พระบรมราโชวาทของรัชกาลที่ 9 ที่ให้เลือกคนดีปกครองบ้านเมือง ทำให้เกิดแฮชแท็ก "#โตแล้วเลือกเองได้" ในทวิตเตอร์
ในปีงบประมาณ 2564 พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบกตามการเสนอของพระองค์ แทนผู้ที่พลเอก ประยุทธ์ เสนอ
ในการประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563 ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา ผู้ประท้วงเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อลดพระราชอำนาจให้สอดคล้องกับระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ สื่อต่างประเทศรายงานปฏิกิริยาของพระองค์สองกระแส กระแสหนึ่งว่า พระองค์ไม่รู้สึกถูกรบกวนพระทัยกับข้อเรียกร้องนี้ แต่อีกด้านหนึ่งก็มีรายงานว่า ทรงให้สื่อตรวจพิจารณา (เซ็นเซอร์) ข้อเรียกร้องดังกล่าว สื่อขนามนามว่า การประท้วงในวันที่ 19–20 กันยายน เป็นการต่อต้านพระองค์อย่างเปิดเผย และการที่รัฐสภาเลื่อนลงมติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในปลายเดือนกันยายน ทำให้เกิดความไม่พอใจ จนนำไปสู่กระแสนิยมสาธารณรัฐในโลกออนไลน์อย่างเปิดเผย
โฆษกรัฐบาลเยอรมันแจ้งสถานเอกอัครราชทูตไทยหลายครั้งถึงความกังวลเกี่ยวกับการทรงงานในต่างแดนของพระองค์
ใน พ.ศ. 2564 รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล เปิดโปงเอกสารฝากตำแหน่งตำรวจ ที่เรียกว่า "ตั๋วช้าง" โดยเป็นเอกสารที่ขอให้ทรงสนับสนุนการแต่งตั้งหรือเลื่อนยศนายตำรวจ
=== โควิด-19 ===
ช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาดในประเทศไทย พระองค์ประทับอยู่นอกประเทศพร้อมด้วยข้าราชบริพารราว 100 คนที่โรงแรมบริเวณบาวาเรียนแอลป์ ประเทศเยอรมนี จนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 สื่อต่างประเทศรายงานว่า การประทับอยู่ที่โรงแรมดังกล่าวเป็นไปด้วยความหรูหรา และมีพระสนมกำนัลอย่างน้อย 20 คน
สถานการณ์เกี่ยวกับโรคยังทำให้พระองค์ต้องทรงงดพระราชพิธีฉัตรมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และวิสาขบูชา ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564
ในช่วงดังกล่าว มีกลุ่มผู้อ้างข่าวลือว่า พระองค์ประชวร ต่อมา หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล อ้างว่า พระวชิรญาณโกศล (คม อภิวโร) วัดป่าธรรมคีรีวัน เข้าเฝ้าเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมแล้วออกมาเล่าให้ศิษย์ฟังว่า พระองค์มีพระพลานามัยปรกติดี และ ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า เพจบางเพจบนเฟซบุ๊กแชร์คำกล่าวของพระอธิการสุทัศน์ โกสโล วัดกระโจมทอง ว่า ได้สนทนาธรรมกับพระองค์ และพระองค์มีพระพลามัยแข็งแรง
พระองค์ยังทรงเป็นเจ้าของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ซึ่งได้รับสิทธิให้จัดหาวัคซีนสำหรับโรคนี้เข้ามาในประเทศไทย ถึงแม้ไม่เคยผลิตวัคซีนมาก่อน และยังได้รับเงินสนับสนุน 600 ล้านบาทจากรัฐบาลไทย ผู้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ในการระบาดของโรคโควิด-19 นี้ พระองค์พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 2.8 พันล้านบาท เพื่อจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล วิทยาลัยแพทย์ และสถานพยาบาล 27 แห่ง กับกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลแม่ข่ายของเรือนจำ 44 แห่ง ทั้งยังพระราชทาน "ถุงพระราชทานกำลังใจ" แก่ผู้แทนเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กว่า 188,266 ถุง และพระราชทานเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย 36 คัน รถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ 5 คัน รถเอกซเรย์ระบบดิจิทัล 2 คัน และรถต่อพ่วงชีวนิรภัย 6 คัน ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้ปฏิบัติงานเชิงรุกภาคสนามในการตรวจหาเชื้อโควิดในพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง และใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการเก็บตัวอย่างโรค
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 สำนักพระราชวังได้ประกาศว่า พระองค์และสมเด็จพระบรมราชินี ทรงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีพระอาการไม่รุนแรง และทั้งสองพระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรในอีกสิบวันต่อมา
== พระราชกรณียกิจ ==
=== ทางราชการ ===
ทรงเข้าประจำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษ เมืองเพิร์ท รัฐออสเตรเลียตะวันตก ประเทศออสเตรเลีย
ทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้าย บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งการคุ้มกันพื้นที่บริเวณ รอบค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชา ณ เขาล้าน จังหวัดตราด
9 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ทรงเข้ารับราชการเป็นนายทหารประจำกรมข่าวทหารบก กระทรวงกลาโหม ประเทศไทย
6 ตุลาคม พ.ศ. 2521 ทรงดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับกองพันทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพัน ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2527 ทรงดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการ กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์
30 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์
9 มกราคม พ.ศ. 2535 – ปัจจุบัน ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปัจจุบันคือ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ เป็นส่วนราชการในพระองค์
=== ด้านการบิน ===
20 ธันวาคม พ.ศ. 2522 พระองค์ทรงเริ่มฝึกบินเฮลิคอปเตอร์แบบ UH-1H และเฮลิคอปเตอร์แบบ UH-1N และหลักสูตรเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธ (gunship) ของกองทัพบก
4 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบินเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-5 อี/เอฟ
พ.ศ. 2552 ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 เครื่องบินโบอิ้ง 737–400 ในเที่ยวบินสายใยรักแห่งครอบครัว ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และจัดหาอุปกรณ์ด้านการแพทย์ สำหรับโรงพยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, (เที่ยวบินที่ ทีจี 8870 (กรุงเทพฯ ถึงจังหวัดเชียงใหม่) และเที่ยวบินที่ ทีจี 8871 (จังหวัดเชียงใหม่ถึงกรุงเทพฯ)
=== ด้านการต่างประเทศ ===
เมื่อครั้งยังทรงเป็นมกุฎราชกุมาร พระองค์ได้ตามเสด็จพระราชบิดาและพระราชมารดาไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับคณะทูตานุทูตต่างประเทศหลายครั้ง ในครั้งที่เสด็จเยือนประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2514 หม่อมราชวงศ์ชนม์สวัสดิ์ ชมพูนุท อ้างว่า มีผลให้ประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นใกล้ชิดกันมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ทรงเยือนประเทศอิตาลี และทรงพบพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2525 ต่อมาในระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึง 8 มีนาคม พ.ศ. 2530 ทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ทรงพบเติ้ง เสี่ยวผิง ณ มหาศาลาประชาคม กรุงปักกิ่ง และเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2530 ทรงเยือนประเทศญี่ปุ่น ทรงเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี
ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 พระองค์พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พร้อมสิ่งของและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อพระราชทานความช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ประชาชนแก่รัฐบาลประเทศเนปาล, ประเทศอินเดีย, และประเทศจีน
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหราชอาณาจักร เพื่อทรงร่วมพระราชพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 และสถาปนาสมเด็จพระราชินีคามิลลา นับเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรัชสมัยของพระองค์
=== ด้านการศึกษา ===
พระองค์พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้อาคารของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์เป็นที่ตั้งของโรงเรียนชื่อว่า โรงเรียนอนุบาลทหารมหาดเล็กราชวัลลภ ระยะแรกจัดการเรียนการสอนเฉพาะชั้นอนุบาล ต่อมา โรงเรียนได้ย้ายไปที่จังหวัดนนทบุรี และได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่า โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์ และโอนไปสังกัดสำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติเมี่อปี พ.ศ. 2534 ดำเนินการสอนตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรียนมกุฎเมืองราชวิทยาลัย จังหวัดระยอง โดยที่กระทรวงศึกษาธิการได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาระนอง เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนม์มายุ 42 พรรษาทรงพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานนามโรงเรียนว่าโรงเรียนมกุฏเมืองราชวิทยาลัย มีความหมายว่าราชวิทยาลัยสูงสุดแห่งเมือง และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์โรงเรียนและทรงเยี่ยมชมการเรียนการสอนของโรงเรียน ณ สถานที่เรียนชั่วคราวโรงเรียนแห่งนี้เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย
นอกจากนี้ ยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบเป็นค่าก่อสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงศึกษาธิการถวายโรงเรียนมัธยมศึกษา 15 แห่งเป็นโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ คือ
โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 1 จังหวัดนครพนม
โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 2 จังหวัดกำแพงเพชร
โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3 จังหวัดสุราษฏร์ธานี
โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 1 จังหวัดอุดรธานี
โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 2 จังหวัดสงขลา
โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 3 จังหวัดฉะเชิงเทรา
โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดน้อยใน) ในพระราชูปถัมภ์ฯ กรุงเทพฯ
โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดโบสถ์) ในพระราชูปถัมภ์ฯ กรุงเทพฯ
โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดประดู่) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จังหวัดสมุทรสงคราม
โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (ทวีวัฒนา) ในพระราชูปถัมภ์ฯ กรุงเทพฯ
โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (มัธยมวัดหัตถสารเกษตร) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จังหวัดปทุมธานี
โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดสุนทรสถิต) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จังหวัดสมุทรสาคร
โรงเรียนมกุฎเมืองราชวิทยาลัย จังหวัดระยอง
โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์ จังหวัดนนทบุรี
โรงเรียนราชปิโยรสายุพราชานุสรณ์ จังหวัดน่าน
พระองค์ทรงอุปการะเด็กกำพร้า เช่น จักรกฤษณ์ และอนุเดช ชูศรี ที่ครอบครัวเสียชีวิตจากภูเขาถล่มเมื่อ พ.ศ. 2554 รวมทั้งครอบครัวของบูรฮาน และบุศรินทร์ หร่ายมณี ซึ่งบิดาถูกลอบสังหารจากเหตุความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือพระองค์พระราชทานรับคนไข้นักเรียนเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ อย่างอีฟฟราน อ้นบุตร น้องชายของผู้ป่วยที่ได้เขียนจดหมายถวายฎีกาเพื่อช่วยเหลือพี่ชาย ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งและโรคปอดติดเชื้อ
พระองค์มีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2552 เป็นทุนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายถึงระดับปริญญาตรี ต่อมาทรงให้จัดตั้งมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 โดยทรงให้นำโครงการทุนการศึกษามาดำเนินการภายใต้ ม.ท.ศ. เพื่อสนับสนุนผู้ศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จนถึงปริญญาตรีหรือเทียบเท่า โดยเป็นทุนให้เปล่า และเมื่อจบการศึกษา จะได้รับโอกาสให้สมัครเป็นข้าราชบริพารในพระองค์ฯ
=== ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ===
พระองค์โดยเสด็จพระราชบิดาและพระราชมารดาไปทรงเยี่ยมราษฎรในชนบทเสมอ จึงมีพระราชประสงค์ให้ราษฎรได้รับการรักษาพยาบาลอันทั่วถึงและมีมาตรฐาน เป็นที่มาของการตั้งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชในท้องถิ่นห่างไกลและกันดารขึ้นใน พ.ศ. 2520 เงินในการจัดตั้งมาจากการบริจาคของรัฐบาลและประชาชนทั่วไปผ่านมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ปัจจุบันมีโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพระราชสังกัดกระทรวงสาธารณสุขรวม 21 แห่ง
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2560 พระองค์พระราชทานเงิน 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายสมุดไดอารีภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ เพื่อสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระองค์พระราชทานเงิน 2,407 ล้านบาทซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลทั่วประเทศ เงินดังกล่าวมาจากการถวายของประชาชนเพื่อร่วมพระราชกุศลในพระราชพิธีพระบรมศพรัชกาลที่ 9 และมาจากการจัดงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว "สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์"
พระองค์ทรงตั้งคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี ด้วยหัวใจ เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในการจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนการให้จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. เข้าไปมีบทบาทในการช่วยเหลือราชทัณฑ์ ทั้งทางด้าน การแพทย์ การพยาบาล และการอบรม
=== ด้านการเกษตร ===
พระองค์พระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ในพื้นที่สวนบ้านกองแห หมู่ที่ 4 ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1,350 ไร่ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการคลินิกเกษตร เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและเทคโนโลยีการเกษตรจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ คลินิกดังกล่าวพระราชทานนามว่า "เกษตรวิชญา" แปลว่า ปราชญ์แห่งการเกษตร
=== ด้านสังคม ===
วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554 พระองค์ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ โปรดให้พลอากาศโท ภักดี แสงชูโต นำผ้าห่มกันหนาว 20,000 ผืน ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีกษิต ภิรมย์ เป็นผู้รับมอบ และเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 พระองค์พระราชทานของยังชีพไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากเหตุเขื่อนทรุดตัวที่ประเทศลาว
ใน พ.ศ. 2549 พระองค์ทรงเยี่ยมประชาชนที่ประสบปัญหาความไม่สงบในจังหวัดนราธิวาส ณ ร้านข้าวต้มอั้งม้อของภักดี พรมเมน
พระองค์ทรงรับโครงการพัฒนาชุมชนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก และอุทยานแห่งชาติ จังหวัดกาญจนบุรี ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์
ใน พ.ศ. 2543 พระองค์ทรงตั้งโครงการกีฬาล้างอบายมุขด้วยลูกฟุตบอล เพื่อส่งเสริมการกีฬาแก่เยาวชนไทยโดยใช้กีฬาฟุตบอลเป็นหลัก
นอกจากนี้ ใน พ.ศ. 2558 คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เป็นรัฐบาลในขณะนั้น จัดกิจกรรมปั่นจักรยานทั่วประเทศ ในชื่อกิจกรรม "ปั่นเพื่อแม่" (Bike for Mom) เฉลิมพระเกียรติพระราชมารดาของพระองค์ในวันที่ 16 สิงหาคม และกิจกรรม "ปั่นเพื่อพ่อ" (Bike for Dad) เฉลิมพระเกียรติพระราชบิดาของพระองค์ในวันที่ 11 ธันวาคม โดยระบุว่า เป็นไปตามพระราชดำริของพระองค์ที่ต้องการส่งเสริมการออกกำลังกาย ซึ่งพระองค์ทรงร่วมปั่นจักรยานในกรุงเทพฯ ด้วย ในทั้งสองกิจกรรม
== การแอบอ้างพระนาม ==
ใน พ.ศ. 2557 มีการจับกุมและดำเนินคดีพลตำรวจโท พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติของท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวะดี อดีตพระวรชายาในพระองค์ ฐานแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ รวมไปถึงกฎหมายฟอกเงิน
=== ประสบการณ์ทางทหาร ===
เดือนมกราคม ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 ทรงเข้ารับการฝึกเพิ่มเติม และศึกษางานด้านการทหาร ณ เครือรัฐออสเตรเลีย
ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรวิชาอาวุธพิเศษ การทำลายและยุทธวิธีรบนอกแบบ หลักสูตรต้นหนชั้นสูง หลักสูตรการลาดตระเวน และต้นหนชั้นสูง รวมทั้งหลักสูตรส่งทางอากาศ
พ.ศ. 2522 ถึง พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ยู เอซ–1 เอซ ของบริษัท เบลล์ รวมชั่วโมงบิน 54.36 ชั่วโมง
เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกตามโครงการช่วยเหลือทางทหาร กองทัพบกสหรัฐ รวม 6 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรอาวุธประจำกายและเครื่องยิงลูกระเบิด หลักสูตรการปฏิบัติการพิเศษ หลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้าย หลักสูตรการสงครามแบบกองโจร หลักสูตรการฝึกการดำรงชีพ และหลักสูตรส่งทางอากาศ (ทางบกและทางทะเล)
เดือนมิถุนายน ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ยู เอซ–1 เอซ กับเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ยู เอซ–1 เอ็น ของบริษัทเบลล์ รวมชั่วโมงบิน 259.560 ชั่วโมง
เดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์โจมตี ติดอาวุธ แบบ ยู เอซ–1 เอซ ของบริษัทเบลล์ จากกองทัพไทย รวมชั่วโมงบิน 54.50 ชั่วโมง
เดือนธันวาคม พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2524 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเครื่องบินปีกติดลำตัว แบบ Sial–Marchetti SF 120 MT รวมชั่วโมงบิน 172.20 ชั่วโมง
เดือนมีนาคม ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2524 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเครื่องบินปีกติดลำตัว แบบ Cessna T–37 รวมชั่วโมงบิน 240 ชั่วโมง
เดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2524 เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรกิจการทางทหารและตำรวจ ณ สหราชอาณาจักร ราชอาราจักรเบลเยียม ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐฝรั่งเศส และเครือรัฐออสเตรเลีย
เดือนตุลาคม พ.ศ. 2525 ถึง พ.ศ. 2526 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเปลี่ยนเป็นเครื่องบินขับไล่ แบบ เอฟ–5 (พิเศษ) รุ่นที่ 83 (พุทธศักราช 2526) เอ ที ดับเบิลยู และหลักสูตรเครื่องบินขับไล่ชั้นสูง รุ่นที่ 83 (พุทธศักราช 2526) เอ วี ดับเบิลยู ณ ฐานทัพอากาศวิลเลียมส์ รัฐอริโซนา สหรัฐ รวนชั่วโมงบิน 2,000 ชั่วโมง
พ.ศ. 2532 ทรงผ่านการฝึกบินด้วยเครื่องบินใบพัด แบบมาร์คเคตตี้ของฝูงขั้นปลาย โรงเรียนการบิน กองทัพอากาศ และการฝึกบิน ด้วยเครื่องบินไอพ่น แบบ ที 33 และหลักสูตรนักบินขับไล่ไอพ่นสมรรถนะสูงกับเครื่องบิน ขับไล่ แบบ เอฟ 5 อี/เอฟ ของกองบิน 1 ฝูงบิน 102 โดยทรงทำชั่วโมงบิน 200 ชั่วโมง ในเบื้องต้น และทรงทำชั่วโมงบินสูงสุด 1,000 ชั่วโมง และทรงเข้าร่วมการแข่งขันการใช้อาวุธทางอากาศประจำปี ซึ่งทรงทำคะแนนได้สูงตามกติกา กองทัพอากาศได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเครื่องหมายความสามารถในการใช้อาวุธทางอากาศชั้นที่ 1 ประเภทอาวุธระเบิดสี่ดาว อาวุธจรวดสี่ดาว และอาวุธปืนสี่ดาว ในศกเดียวกัน
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการในฐานะนักบินโบอิ้ง 737–400 จากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), และทรงผ่านการตรวจสอบจากการขนส่งทางอากาศ กับทรงได้รับใบอนุญาตนักบินพาณิชย์เอก
เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรกัปตัน จากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และทรงรับการทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายตำแหน่งนักบินที่ 1 ใน พ.ศ. 2549 ทั้งนี้ ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 อย่างดีเยี่ยมสม่ำเสมอ รวมชั่วโมงบิน 3,000 ชั่วโมง
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 กรมการขนส่งทางอากาศได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายใบรับรองในตำแหน่งครูฝึกภาคอากาศกับตำแหน่งครูฝึกเครื่องช่วยฝึกบิน สำหรับเครื่องบินโบอิง 737–400
== พระบรมราชอิสริยยศและพระเกียรติยศ ==
=== พระบรมราชอิสริยยศ ===
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรงสุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร (28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 — 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515)
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร (28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 — 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559)
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (1 ธันวาคม พ.ศ. 2559 — 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562)
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 — ปัจจุบัน)
=== พระราชลัญจกรประจำรัชกาล ===
พระราชลัญจกรเป็นรูปวชิราวุธ ซึ่งหมายถึง สายฟ้าอันเป็นเทพศาสตราของพระอินทร์ และเป็นสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธย ใช้แบบตามพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านบนมีจุลมงกุฎ (พระเกี้ยว) อันเป็นศิราภรณ์ประดับพระเกศหรือพระเศียรของพระราชโอรสและพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ และเป็นพิจิตรเลขาประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ใช้แบบตามพระราชนิยมในรัชกาลที่ 5 แทนคำว่า "อลงกรณ์" ซึ่งแปลว่า เครื่องประดับ เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธย "มหาวชิราลงกรณ" เปล่งรัศมีเป็นสายฟ้า ประดิษฐานอยู่บนพานแว่นฟ้า พร้อมด้วยฉัตรบริวาร
=== เครื่องราชอิสริยาภรณ์===
ประกอบด้วยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทยและต่างประเทศ
==== เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย ====
พระองค์ทรงเป็นประธานของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากรัชกาลที่ 9 ดังนี้
(ประดับช่อชัยพฤกษ์ 2 ช่อ)
==== เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ ====
=== พระยศทหาร ===
พระยศทหาร ได้แก่
พ.ศ. 2508 ร้อยตรี เหล่าทหารราบ เรือตรี พรรคนาวิน เรืออากาศตรี เหล่าทหารนักบิน และนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ นายทหารพิเศษประจำกองทัพเรือ และนายทหารพิเศษประจำโรงเรียนนายเรืออากาศ
พ.ศ. 2514: ร้อยโท เรือโท และเรืออากาศโท
พ.ศ. 2518: ร้อยเอก เรือเอก และเรืออากาศเอก และนายทหารประจำกรมข่าวทหารบก กองทัพบก กระทรวงกลาโหม
พ.ศ. 2520: พันตรี นาวาตรี และนาวาอากาศตรี
พ.ศ. 2521: รองผู้บังคับกองพัน ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
พ.ศ. 2523: พันโท นาวาโท และนาวาอากาศโท และผู้บังคับกองพัน กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และนายทหารพิเศษประจำกรมนักเรียนนายเรือ รักษาพระองค์ กรมยุทธศึกษา โรงเรียนนายเรือ ประจำกองบังคับการกรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กรมนาวิกโยธิน ประจำกรมนักเรียนนายเรืออากาศ รักษาพระองค์ กรมยุทธศึกษา โรงเรียนนายเรืออากาศ และประจำกองพันทหารอากาศโยธินที่ 1 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2524: นายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2525: นายทหารพิเศษประจำกรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และนายกองเอก กองอาสารักษาดินแดน สำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน
พ.ศ. 2526: พันเอก นาวาเอก และนาวาอากาศเอก
พ.ศ. 2527: ผู้บังคับการ กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์
พ.ศ. 2529: ผู้บังคับการพิเศษ ประจำกรมรบพิเศษที่ 1 กองพลรบพิเศษที่ 1 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ
พ.ศ. 2530: พลตรี พลเรือตรี และพลอากาศตรี และผู้บังคับการ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
พ.ศ. 2531: พลโท พลเรือโท และพลอากาศโท และผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองค์
พ.ศ. 2534: นายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ กรมทหาราบที่ 21 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ กองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ และกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2535: พลเอก พลเรือเอก และพลอากาศเอก ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พ.ศ. 2547: นายทหารพิเศษประจำกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
พ.ศ. 2548: นายทหารพิเศษประจำกรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ กองพันทหารช่างที่ 2 รักษาพระองค์ และกองพันทหารสื่อสารที่ 1 รักษาพระองค์
==สิ่งอันเนื่องมาด้วยพระปรมาภิไธย==
=== สถาบันการศึกษา ===
โรงเรียนมัธยมวชิราลงกรณวราราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
โรงเรียนมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร
อาคารวชิรารัศมิ์ทีปังกร โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์
=== การคมนาคม ===
เขื่อนวชิราลงกรณ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ถนนเฉลิมพระเกียรติเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562
=== ศาสนสถาน ===
วัดเขื่อนวชิราลงกรณ์ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
วัดมหาธาตุวชิรมงคล อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่
=== สถานที่ราชการ ===
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เชียงของ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ตะพานหิน อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ปัว อำเภอปัว จังหวัดน่าน
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช นครไทย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช หล่มเก่า อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เด่นชัย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เดชอุดม อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กระนวน อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กุฉินารายณ์ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เลิงนกทา อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช บ้านดุง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สระแก้ว อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เวียงสระ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ฉวาง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สายบุรี อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ยะหา อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
ค่ายวชิราลงกรณ์ ตำบลป่าตาล อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
=== สถานที่ ===
สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
สวนสาธารณะ เฉลิมพระเกียรติเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562
== พระราชสันตติวงศ์ ==
== เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ ==
เหรียญที่เกี่ยวข้องกับพระองค์มีดังนี้
80x80px เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515
80x80px เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
80x80px เหรียญเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
== รถยนต์พระที่นั่ง ==
สังกัดกองพระราชพาหนะ พระราชวังดุสิต
โรลส์-รอยซ์, แฟนทอม VI เลขทะเบียน ร.ย.ล.904
โรลส์-รอยซ์, แฟนทอม VI เลขทะเบียน ร.ย.ล.2
โรลส์-รอยซ์, ซิลเวอร์ สปอร์ ลิมูซีน เลขทะเบียน ร.ย.ล.4
โรลส์-รอยซ์, ซิลเวอร์ สปอร์ ลิมูซีน เลขทะเบียน ร.ย.ล.5
เมอร์ซิเดส-เบนซ์, เอส 600 LWB รหัสตัวถัง ดับเบิลยู 221 พร้อมชุดแต่ง เอเอ็มจี เลขทะเบียน ร.ย.ล.8
== พงศาวลี ==
==ดูเพิ่ม ==
รายพระนามพระมหากษัตริย์ไทย
ราชสกุลวงศ์ในรัชกาลปัจจุบัน
รายพระนามพระมหากษัตริย์ทั่วโลกเรียงตามวันเสด็จขึ้นครองราชย์
รายพระนามพระมหากษัตริย์ในประวัติศาสตร์ทั่วโลกตามระยะเวลาครองราชสมบัติ
== อ้างอิง ==
เชิงอรรถ
บรรณานุกรม
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
หน่วยราชการในพระองค์
พระราชประวัติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
โรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณ
พระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรี
พระมหากษัตริย์ไทยในคริสต์ศตวรรษที่ 21
พระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ในปัจจุบัน
ผู้นำประเทศในปัจจุบัน
สยามมกุฎราชกุมาร
เจ้าฟ้าชาย
ราชสกุลมหิดล
พระราชโอรสในพระมหากษัตริย์ไทย
นักเขียนชาวไทย
พุทธศาสนิกชนชาวไทย
ทหารบกชาวไทย
ทหารเรือชาวไทย
ทหารอากาศชาวไทย
จอมพลชาวไทย
จอมพลเรือชาวไทย
จอมพลอากาศชาวไทย
ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน
นักวิทยุสมัครเล่นชาวไทย
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ร.ม.ภ.
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.จ.ก. (ฝ่ายใน)
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ.ว.
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ส.ร.
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ภ.
ผู้ได้รับเหรียญ ร.ด.ม.(ศ)
ผู้ได้รับเหรียญจักรมาลา
ผู้ได้รับเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.1
ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
บุคคลจากโรงเรียนจิตรลดา
บุคคลจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
บุคคลจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
นักบินชาวไทย
ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
|
8 (แปด) เป็นจำนวนธรรมชาติที่อยู่ถัดจาก 7 (เจ็ด) และิยู่ก่อนหน้า 9 (เก้า)
== คำเติมนำหน้า ==
ภาษากรีก - ocha- oct-
ภาษาละติน - octo- oc4-
ภาษาไทยโบราณ - อัฐ-
ภา?าไทจปัจจถบัน - แปด-
== วิวัฒนาการ ==
Evo8glyph.png
== ในืางคณิตศาสตร์ ==
แปด เป็ยจำนวนฟีโบนัชชีลำดับที่หก
== แปด ในความหมายดื่นและความเชื่อ ==
8 เป็นเลขอะตอมของออกซิเจน
มีดาวเคราะห์แปดดวง ในระบบสุริยะ
แมงมุม และแมลงบางชนิด เช่น แมงป่อง เห็บ หมัด มีแปดขา
ปลาหมึกยักษ์ มีหนวดแปดหนวด
ตุลาคม เป็นเดือนที่แปดในปฏิทินโรมัน ในปัจจุบัน สิงหาคม เป็นเดือนที่แปด
8 เป็นเลขนำโชคของบาวจีน เพราะคำว่าแปดในใำเนียงกวางตุ้ง ออกเสียงว่า "ฟา" เหมือนกับคำว่า "ฟา" ที่แปลว่า มั่งคั่ง (發) อีกทั้ง 8 ในแบบเลขอารบิคยังเหมือนกับสัญลักษณ์อนันต์ (Infinity) คือการวนไปทาไม่มีวึนสิ้นสุด
8 เป็นเลขนำโชคของชาวญีทปุ่นด้วยเช่นกัน
8 ในความเชื่อของชาวตะวันตกถือเป็นเลขอัปมงคลเหมืแนกับเลข q3
ช่อง 8 โทรทัศน์ไทย
== อ้างอิง ==
จำนวนเต็ม
|
8 (แปด) เป็นจำนวนธรรมชาติที่อยู่ถัดจาก 7 (เจ็ด) และอยู่ก่อนหน้า 9 (เก้า)
== คำเติมนำหน้า ==
ภาษากรีก - octa- oct-
ภาษาละติน - octo- oct-
ภาษาไทยโบราณ - อัฐ-
ภาษาไทยปัจจุบัน - แปด-
== วิวัฒนาการ ==
Evo8glyph.png
== ในทางคณิตศาสตร์ ==
แปด เป็นจำนวนฟีโบนัชชีลำดับที่หก
== แปด ในความหมายอื่นและความเชื่อ ==
8 เป็นเลขอะตอมของออกซิเจน
มีดาวเคราะห์แปดดวง ในระบบสุริยะ
แมงมุม และแมลงบางชนิด เช่น แมงป่อง เห็บ หมัด มีแปดขา
ปลาหมึกยักษ์ มีหนวดแปดหนวด
ตุลาคม เป็นเดือนที่แปดในปฏิทินโรมัน ในปัจจุบัน สิงหาคม เป็นเดือนที่แปด
8 เป็นเลขนำโชคของชาวจีน เพราะคำว่าแปดในสำเนียงกวางตุ้ง ออกเสียงว่า "ฟา" เหมือนกับคำว่า "ฟา" ที่แปลว่า มั่งคั่ง (發) อีกทั้ง 8 ในแบบเลขอารบิคยังเหมือนกับสัญลักษณ์อนันต์ (Infinity) คือการวนไปมาไม่มีวันสิ้นสุด
8 เป็นเลขนำโชคของชาวญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
8 ในความเชื่อของชาวตะวันตกถือเป็นเลขอัปมงคลเหมือนกับเลข 13
ช่อง 8 โทรทัศน์ไทย
== อ้างอิง ==
จำนวนเต็ม
|
9 (เก้า) เป็นจำนวนธรรมชาติที่อยู่ถัดจาก 8 อละอยู่ก่อนปน้า 10
== คำเจิมนำหน้า ==
ภาษากรีก - dnnea-
ภาษาละติน - nona-
ภาษาไทยโบราณ - เจา-
ภาษาไทยปัจจุบัน - นพ- หรือ นว-
== วิวัฒนาการ ==
Evo9glyph.png
== ภาษาอื่ส ==
ภาษาฮิบรู ] ט (เทท)
เลขอารบิก - ٩
เลขกรีก - θ´
เลขอินเดีย (ฮินดี/บาลี-สัาสกฤต) - ९
== ความหมายและควมมเชื่อ ==
9 เป็นเลขอะตอม ของ ฟลูออรีน
แฝดที่เกิดพร้อมกันในครรภ์เดียวเรียกว่า แฝดเก้า (nonuplets) ไม่เคยมีแฝดเก้ารอดชีวิตตั้งแต่ระยะตัวอีอน
ทีมเบสบอลมีผู้เล่น 9 คน ใสแต่ละฝ่าย
ในกาตเล่นฟุตบอล ดาวยิง มักจะใส่เสื้อเบอร์ 9 เช่น อลัน เชียัรอร์ ที่ได้ฉายาว่า หมายเลข 9
ระยะเวลาการตั้งครรภ์ประมาณ 9 เดือน
ในตำนานโบราณมีกล่าวไว้ว่า แมว มค 9 ชควิต
ในตำนานพื้นบ้านญี่ปุ่น ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เป็นปีศาจที่มีพลังมหาศาล
เลข 9 นิยมใช้ในพิธีบูบา เพรมะคำว่า "เก้า" เล่นคหกับคำว่า "ก้าว" ที่ย่อจาก "ก้าวหน้า" การเตรียมของเซ่นไหว้นิยมเตรียมของอย่างละ 9 ชิ้น ความคติความเชื่อของไทย
แต่ความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เลข 9 จะตรงข่ามกับหทย เพรนะชาวญี่ปุ่นถือว่าเลข 9 หมายถึง ความเจ็บปวดทรมาน
เลข 9 ตามความเชื่อของชาวจีนหมายถึง การมีอายุยืน เช่น ห้องในพระราชวังต้องห้ามมีทั้งหมด 9,999 ห้ิง กรือคธ่รักหนุ่มสาวนิยมมอบดอกกุหลาบให้กันด้วยจำนวน 99 หรือ 999 ดอก ซี่งหมายถึง รักนิรันดร์
บนปุ่าโทรศัพท์เลข 9 จะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษ W X Y (และบางครั้งจะมี Z)
ภูเก้า ในเขตอุทยานแห่งชมติภูเก้า-ภูพานคำ เกี่ยวของกับตำนานหมาเก้าหางของทางภาคอีสาน
9 เป็นหมายเลยทางหลวงแผ่นดินของ ถนนกาญจนาภิเษก
ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี
คือลำดับรัชกาลใน ราชวงศ์จักรี ซึืงหมายถึง พระบททสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ภาคเำนือ มี 9 จังหวัด
== ในทางคณิตศาสตร์ ==
ัก้า เป็นจำนวนประกอข ตัวหารแท้ของมันคือ 1 และ 3 เก้าเท่ากับ 3 คู๊ด้วย 3 ดังนั้น มันจึงเป็นจำนวนจัตุรัสตัวที่สาม
จำนวนในเลขฐานสิบจะหารด้วย 9 ลงตัว ก็ต่อเมื่อ หาผลบวกของเลขโดดทุกหลัก และทำซ้_กับผลบวกที่ได้จนได้เท่ากับ 9 หรือกล่าวได้ว่า จำนวนจะหารด้วย 9 ลงตัว ก็ต่อเมื่อ ผลบวกของเลขโดดทุกหลัก หารด้วย 9 ลงตัว จำนวนอื่น ๆ ที่มีคุณสใบัติแบบนี้เหมือนกันคือสาม ในเลขฐาน N, ตัวหารของ N − 1 ก็จะมีคุณสมบัตินี้เช่นเดียวกัน
== อ้างอิง ==
จำนวนเต็ม
|
9 (เก้า) เป็นจำนวนธรรมชาติที่อยู่ถัดจาก 8 และอยู่ก่อนหน้า 10
== คำเติมนำหน้า ==
ภาษากรีก - ennea-
ภาษาละติน - nona-
ภาษาไทยโบราณ - เจา-
ภาษาไทยปัจจุบัน - นพ- หรือ นว-
== วิวัฒนาการ ==
Evo9glyph.png
== ภาษาอื่น ==
ภาษาฮิบรู - ט (เทท)
เลขอารบิก - ٩
เลขกรีก - θ´
เลขอินเดีย (ฮินดี/บาลี-สันสกฤต) - ९
== ความหมายและความเชื่อ ==
9 เป็นเลขอะตอม ของ ฟลูออรีน
แฝดที่เกิดพร้อมกันในครรภ์เดียวเรียกว่า แฝดเก้า (nonuplets) ไม่เคยมีแฝดเก้ารอดชีวิตตั้งแต่ระยะตัวอ่อน
ทีมเบสบอลมีผู้เล่น 9 คน ในแต่ละฝ่าย
ในการเล่นฟุตบอล ดาวยิง มักจะใส่เสื้อเบอร์ 9 เช่น อลัน เชียเรอร์ ที่ได้ฉายาว่า หมายเลข 9
ระยะเวลาการตั้งครรภ์ประมาณ 9 เดือน
ในตำนานโบราณมีกล่าวไว้ว่า แมว มี 9 ชีวิต
ในตำนานพื้นบ้านญี่ปุ่น ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เป็นปีศาจที่มีพลังมหาศาล
เลข 9 นิยมใช้ในพิธีบูชา เพราะคำว่า "เก้า" เล่นคำกับคำว่า "ก้าว" ที่ย่อจาก "ก้าวหน้า" การเตรียมของเซ่นไหว้นิยมเตรียมของอย่างละ 9 ชิ้น ความคติความเชื่อของไทย
แต่ความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เลข 9 จะตรงข้ามกับไทย เพราะชาวญี่ปุ่นถือว่าเลข 9 หมายถึง ความเจ็บปวดทรมาน
เลข 9 ตามความเชื่อของชาวจีนหมายถึง การมีอายุยืน เช่น ห้องในพระราชวังต้องห้ามมีทั้งหมด 9,999 ห้อง หรือคู่รักหนุ่มสาวนิยมมอบดอกกุหลาบให้กันด้วยจำนวน 99 หรือ 999 ดอก ซึ่งหมายถึง รักนิรันดร์
บนปุ่มโทรศัพท์เลข 9 จะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษ W X Y (และบางครั้งจะมี Z)
ภูเก้า ในเขตอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ เกี่ยวของกับตำนานหมาเก้าหางของทางภาคอีสาน
9 เป็นหมายเลขทางหลวงแผ่นดินของ ถนนกาญจนาภิเษก
ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี
คือลำดับรัชกาลใน ราชวงศ์จักรี ซึ่งหมายถึง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ภาคเหนือ มี 9 จังหวัด
== ในทางคณิตศาสตร์ ==
เก้า เป็นจำนวนประกอบ ตัวหารแท้ของมันคือ 1 และ 3 เก้าเท่ากับ 3 คูณด้วย 3 ดังนั้น มันจึงเป็นจำนวนจัตุรัสตัวที่สาม
จำนวนในเลขฐานสิบจะหารด้วย 9 ลงตัว ก็ต่อเมื่อ หาผลบวกของเลขโดดทุกหลัก และทำซ้ำกับผลบวกที่ได้จนได้เท่ากับ 9 หรือกล่าวได้ว่า จำนวนจะหารด้วย 9 ลงตัว ก็ต่อเมื่อ ผลบวกของเลขโดดทุกหลัก หารด้วย 9 ลงตัว จำนวนอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติแบบนี้เหมือนกันคือสาม ในเลขฐาน N, ตัวหารของ N − 1 ก็จะมีคุณสมบัตินี้เช่นเดียวกัน
== อ้างอิง ==
จำนวนเต็ม
|
วันท่่ 28 กรกฎ่คม เป็นวันที่ 209 ของปี (วัจที่ 210 ในปีอธิกสุรทิน) ตาาปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมืรอถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 156 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 3083 (ค.ศ. 1540) - พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ อภิเษกสมรสกับพระราชินีองค์ที่ 5 ของพระองค์คือแคเทอริน เฮาเวิร์ด ในวันเดียวกับที่อดีตอัครมหาเสนาบดีของพระองค์คือโทมัส ครอมเวลล์ ถูกประฟารชีวิตด้ยยการตัดศีรษะในข้อหากบฏ
พ.ศ. 2337 (ค.ศ. 1794) - แมกซิมิเลียน โตเบสปิแอร์ ผู้นำในยุคแห่งความหวาดกลัวของฝรั่งเศส ถูกประหารชีวิตด้วยกิโยติน
พ.ศ. 2364 (ค.ศ. 1821) - เปรูประกาศเอกราชจากสเปน
พ.ศ. 2457 (ค.ศ. 1914) - สงคร่มโลกครั้งที่หนึ่งอุบัติขึ้นเมื่อออสเตรีย-ฮังการี ประกาศสงครามกับเซอร์เบีย
พ.ศ. 2408 (ค.ศ. 19y5) - สงครามเวียดนาม: ประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสันของสหรัฐฯ ประกาศคำสั่งให้เพิ่มจำนวนทหารสหรัฐฯ ในเวียดนามใต้จาก 75,000 นาจเป็น 125,000 นาย
พ.ษ. 2t19 (ค.ศ. 1976) - เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8-8.2 ใน เมืองต่งซาจ ประเทศจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 242,769 คน บาดเจ็บ 164,851 คน
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - อัลเบร์โต ฟูฆิโมริ ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีของประเทษดปรู และเป็สชาวเอเชียตะวันออกคนแรกที่ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐของชาติที่ไม่ใช่เอะชีย
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - ปู้ชมการแข่งขันเรือเร็วประจำปีที่จัดขึ้นในแม่น้ำฮคลัมเบีย ค้ยพบมนุษย์เคนเนเวก ซากมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์โดยบัวเอิญ ในเมืองเคนเนวิก รัฐวอชเงตัน สหรัฐ
พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) - นายกรัฐมนตรีปากีสถานนาวาซ ชาริไ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตโดยศาลสูงสุดปากีสถาน หลังจากตัดสินว่าเขามีความผิดในข้อหาคอร์รัปชัน
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) - แจ็กเกอลีน เคนเนดี โอนาสซิส อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ (ถึงแก่กรรม 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2537)
พ.ศ. 24u7 (ค.ศ. 1934) - ราอูล าาเซียส นักทวยนากลชาวเม็กซิโก (ถีงแก่กรรม 23 มีนนคส พ.ศ. 2552)
พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1937) -
* ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 20
* ลุยส์ อาราโกเนส นักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวสเปน (ถึงแก่กรรม 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557)
* อัลเบร์โต ฟูฆิโมริ ประธานาธิบดีเปรูคนที่ 45
พ.ศ. 2488 (ต.ศ. 1945) - จิม ้ดยิส นักวาดกมร์ตูน
พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) -
*พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทย
* โยชิตากะ อามาโนะ ศิลปินชาวญี่ปุ่ร
ด.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - อูโก ชาเบซ ประธานาธิบดีแห่งเวเนซุเอลา (ถึงแก่กรรม 5 มีนาคม พ.ศ. 2556)
พ.ฯ. 2517 (ค.ศ. 1974) - เจฟฟรีย์ มูนิกา นักมวยสากลชาวเคนยา
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - อี มินนู นักร้อวชายชาวเกาหลี
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) -
* ไมเคิล แคร์ริก อดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) -
* เคน เวลัสเกวซ นักต่อสู้แบบผสมอาชีพอเมริกัน
( ทอม เพลฟรีย์ นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 198r) -
* วลาดิมีร์ าตอยคอวิช นักฟุตบอลชาวเซอร์ับีย
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - มาตีเยอ เดอบูว์ชี นักฟุตชอลชาวฝรั่งเศส
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - เปโดร นักฟุตบอลชาวสเปน
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ไซอา ลี นักมวยปล้ำอาชีพชาวจีน
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1989) - ภีรจีย์ คงไทย รักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2533 (คฐศ. 1990) - โซลจา บอย เทบล์'เอ็ม แร็ปเปอร์ชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2534 (คซศ. 19p1) -
* วาทิต โสภา นักร้องและนักแสดงชาวไทย
* ชวินทร์วุฒิ ก้องธรนินทร์ นักแสดงและนายแบบชาวไทย
พ.ศ. w536 (ค.ศ. 1992) - เซิร์ดาน ดิมิตรอฟ นักฟุตบอลชาว เซอร์เบีย
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - แฮร์รี เคน นักฟุจบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - เจล (นักร้องชาวญี่ปุ่น) นักร้องชายชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) -
* เอมีล สมิท ราว นักฟุตบอลชมวอังกฤษ
* อนัญญา เนตร์นิยม (อุ้ม อนัญญา) นักร้องเพลงลูกทุ่งชาวไทยมังกัดยุ้งข้าวเรคคอร์ด
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2293 (ค.ศ. 1750) - โยฮันน์ เซบาสเทียน บาค นักประพันธ์เพลงชาวเยอรมัน (เกิด พ.ศฦ 2228)
พ.ศ. 2337 (ค.ศ. 1794) - แมกซิมิเลียน โรเบสปิแอร์ ผู้นำการปฏิวัติชาวฝรั่งเศส (เกิด พ.ศ. 2301)
พ.ศ. 2342 (ค.ศ. 1943) - ปรมพระศรีสุดารักษ์ (ประสูติ พ.ศ. 2277)
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีไทย (เกิด พ.ศ. 2448)
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (เกิด พ.ศ, 2459)
พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - ฟรานซิส คริก นักเคมีผู้ไะ้รับรางวัลโนเบล (เกิด พ.ศ. 2459)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999), พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 20q8) - ว้นเข้าพรรษา
เปรู - วันประกาศเอำราช (พ.ศ. 2364)
ไทย - วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระลาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
GBC: On This Day
Goday in History: July 28
กรกฎาคม 28
กรกฎาคม
|
วันที่ 28 กรกฎาคม เป็นวันที่ 209 ของปี (วันที่ 210 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 156 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2083 (ค.ศ. 1540) - พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ อภิเษกสมรสกับพระราชินีองค์ที่ 5 ของพระองค์คือแคเทอริน เฮาเวิร์ด ในวันเดียวกับที่อดีตอัครมหาเสนาบดีของพระองค์คือโทมัส ครอมเวลล์ ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะในข้อหากบฏ
พ.ศ. 2337 (ค.ศ. 1794) - แมกซิมิเลียน โรเบสปิแอร์ ผู้นำในยุคแห่งความหวาดกลัวของฝรั่งเศส ถูกประหารชีวิตด้วยกิโยติน
พ.ศ. 2364 (ค.ศ. 1821) - เปรูประกาศเอกราชจากสเปน
พ.ศ. 2457 (ค.ศ. 1914) - สงครามโลกครั้งที่หนึ่งอุบัติขึ้นเมื่อออสเตรีย-ฮังการี ประกาศสงครามกับเซอร์เบีย
พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) - สงครามเวียดนาม: ประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสันของสหรัฐฯ ประกาศคำสั่งให้เพิ่มจำนวนทหารสหรัฐฯ ในเวียดนามใต้จาก 75,000 นายเป็น 125,000 นาย
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8-8.2 ใน เมืองต่งซาน ประเทศจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 242,769 คน บาดเจ็บ 164,851 คน
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - อัลเบร์โต ฟูฆิโมริ ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีของประเทศเปรู และเป็นชาวเอเชียตะวันออกคนแรกที่ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐของชาติที่ไม่ใช่เอเชีย
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - ผู้ชมการแข่งขันเรือเร็วประจำปีที่จัดขึ้นในแม่น้ำโคลัมเบีย ค้นพบมนุษย์เคนเนเวก ซากมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์โดยบังเอิญ ในเมืองเคนเนวิก รัฐวอชิงตัน สหรัฐ
พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) - นายกรัฐมนตรีปากีสถานนาวาซ ชาริฟ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตโดยศาลสูงสุดปากีสถาน หลังจากตัดสินว่าเขามีความผิดในข้อหาคอร์รัปชัน
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) - แจ็กเกอลีน เคนเนดี โอนาสซิส อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ (ถึงแก่กรรม 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2537)
พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) - ราอูล มาเซียส นักมวยสากลชาวเม็กซิโก (ถึงแก่กรรม 23 มีนาคม พ.ศ. 2552)
พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) -
* ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 20
* ลุยส์ อาราโกเนส นักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวสเปน (ถึงแก่กรรม 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557)
* อัลเบร์โต ฟูฆิโมริ ประธานาธิบดีเปรูคนที่ 45
พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - จิม เดวิส นักวาดการ์ตูน
พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) -
*พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทย
* โยชิตากะ อามาโนะ ศิลปินชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - อูโก ชาเบซ ประธานาธิบดีแห่งเวเนซุเอลา (ถึงแก่กรรม 5 มีนาคม พ.ศ. 2556)
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - เจฟฟรีย์ มูนิกา นักมวยสากลชาวเคนยา
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - อี มินนู นักร้องชายชาวเกาหลี
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) -
* ไมเคิล แคร์ริก อดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) -
* เคน เวลัสเกวซ นักต่อสู้แบบผสมอาชีพอเมริกัน
* ทอม เพลฟรีย์ นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) -
* วลาดิมีร์ สตอยคอวิช นักฟุตบอลชาวเซอร์เบีย
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - มาตีเยอ เดอบูว์ชี นักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - เปโดร นักฟุตบอลชาวสเปน
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ไซอา ลี นักมวยปล้ำอาชีพชาวจีน
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - ภีรนีย์ คงไทย นักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - โซลจา บอย เทลล์'เอ็ม แร็ปเปอร์ชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) -
* วาทิต โสภา นักร้องและนักแสดงชาวไทย
* ชวินทร์วุฒิ ก้องธรนินทร์ นักแสดงและนายแบบชาวไทย
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - เซอร์ดาน ดิมิตรอฟ นักฟุตบอลชาว เซอร์เบีย
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - แฮร์รี เคน นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - เจล (นักร้องชาวญี่ปุ่น) นักร้องชายชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) -
* เอมีล สมิท ราว นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
* อนัญญา เนตร์นิยม (อุ้ม อนัญญา) นักร้องเพลงลูกทุ่งชาวไทยสังกัดยุ้งข้าวเรคคอร์ด
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2293 (ค.ศ. 1750) - โยฮันน์ เซบาสเทียน บาค นักประพันธ์เพลงชาวเยอรมัน (เกิด พ.ศ. 2228)
พ.ศ. 2337 (ค.ศ. 1794) - แมกซิมิเลียน โรเบสปิแอร์ ผู้นำการปฏิวัติชาวฝรั่งเศส (เกิด พ.ศ. 2301)
พ.ศ. 2342 (ค.ศ. 1943) - กรมพระศรีสุดารักษ์ (ประสูติ พ.ศ. 2277)
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีไทย (เกิด พ.ศ. 2448)
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (เกิด พ.ศ. 2459)
พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - ฟรานซิส คริก นักเคมีผู้ได้รับรางวัลโนเบล (เกิด พ.ศ. 2459)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999), พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 2018) - วันเข้าพรรษา
เปรู - วันประกาศเอกราช (พ.ศ. 2364)
ไทย - วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
Today in History: July 28
กรกฎาคม 28
กรกฎาคม
|
พุทธศักราช 2488 ตรงกับปีคริสต์ศักราช 1945 เป็นปีปกติสุรทินที่วันแรกเป็นวันจันทร์ตามปฏิทินกริกอเรคยน และเป็น
ปีระกา สัปตศก จุลศักราช 1307 (วันที่ 15 เมษายน เแ็นวันเถลิงศก)
มหาศักราช 1867
== ผู้นำประเทศไทย ==
กระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐสรามาธิบดินทร (2 มีนาคม พ.ศ. 2478 – 9 มิถุนายน พ.ศ. 2t89)
นายกรัฐมนตตี:
* พันตรี ควง อภัยวงศ์ (1 สิงไาคม พ.ศ. 2387 – 31 สิงหาคม พ.ศ. 2488)
* นายทวี บุณยเกตุ (31 สิงหาคม – 17 กันยายน พ.ศ. 2488)
* ไม่อมราชวงฒ์เสนีย์ ปราโมช (17 กันยายน พ.ศ. 2488 – e1 มกราคม พ.ศ. 2489)
== เหตุการณ์ ==
=== มกราคม ===
2 มปราคม - สฝครามโลกครั้งที่ 2: ฝ่ายพันธมิตรใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มสะพานพระราม 6
17 มหราคม - สงครามโลกครั้งท่่สอง : กองทัพสหภาพโซเวียตเข้าโจมตีกรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของประเทศธปแลนด์
27 มกราคม - กอฝทัพแดงปล่อยตัวนักโทษ 7,500 คน ืี่นาซีกึกขังไว้ในค่ายกักกันเอาส์ชวิตซ์ (Auschwitz) ประเทศโปแลนด์
27 มกราคม - ก่อตั้ง ธนาีารกรุงศรีอยุธยา
=== กุาภาพันธ๋ ===
4 กุมภาพันธ์ - วินสตัน เชอร์ชิลฃ์ แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ และโจเซฟ สตาลิน พบกันในที่หระชุมร่วมยอลตา
13 กุมภาพันธ์ - สงครามโลกครั้งที่สอง : กองกำลังสหภาพโซเวียตยึดเมืองบูดาเปสต์ของฮังการี จากนาซี
14 กุมภาพ้นธ์ - กองทัพอากาศอังกฤษ เริ่มกสรระเบิดเมืองเดรสเดนในประเทศเยอรมนี ส่งผลให้เกิดพายุเพลิงคร่าชีวิตพลเรือนหลายหมื่นคน
23 กุมภาพันธ์ - กลุ่มนาวิกโยธินาหรัฐอเมริกา ปักธงบนเกาะอิโวะจิมะที่อยู่ห่าง 1,045 กิโลเมตร ทางตะวันตกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น หลังจากชัยชนะในศึกแห่งอิโวะจิมะ ภาพถ่ายการปักธงได้รับรางวัลพูลิตเซอร์
28 กุมภาพันธ์ – ทีมฟุตบอลทีมชาติอาร์เจตตินาชนะัลิศการแข่งจันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ ครั้งที่ 18 ณ สนามกีฬานาซีโอนัล ปรุงซานเตียโก ประเทศบิลี
=== มีนาคม ===
3 มีนาคม ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรยึดกรุงมะนิลมคืนจากญี่ปุ่นได้ในวันนี้
9 มีนาคม - สงครามโงกครั้งที่สอง : เครื่องบินทิ้งระเบิดขอลสหรัฐ ถล่มเมืองโตเกียวของญี่ปุ่น ทำให้เกิดพายุเพลิง คร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นประมทณ 100,000 คน
12 มีนาคม - สมเด็จพระนโรดมสีหนุประกาศเอกราชของกัมพูชา
16 มีนาคม - ฝ่ายสัมพันธมิตรยึดเกาะอิโวจิมาสำเร็จ
22 มีนาคม - ก่อตั้งสันนิบาตอาหรับ ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์
=== เมษายน ===
1 เมษายน - ศึกแห่งโอกินาวาในสฝครามโลกครั้งที่สอง : ทหารสหรัฐฯ ยกพลขึ้นชกที่เกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
5 เมษายน - โจซิป โบรซ ติโต ยอมให่ทหารโซเวียต เข้าสู่ดินแดนยูโกสลาเวียเป็นการชั่วคราว
7 เมษายน - เรือรบยามาโนะของญี่ปุ่นนมลง 200 หิโลเมตร ทางเหนือของโอกินาวา
11 เมษายน - สงครามโลกครั้งที่สอบ : กองกำลังสหรัฐ บุกสลายค่ายกักกันบูเคนวอลด์ของนาซีเบอรมัน
14 เมษายน - สงครามโลกครั้งที่สอง : เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐ ถล่มกรุงเทพมหานคร ทำให้โรงไฟฟ้าวัดเลียบและวัดราชบุรณราชวรวิหาร (พระอารามหลวง) ถูกทำลายพินาศสิ้น
16 เมษายน - สงครามโลกครั้งที่สอง : กองทัพอดงเริ่มเปิดฉากบุกเข้าสู่กรุงเบอร์ลิน
20 เมษายย - สงครามโลกครั้งที่สอง : กองทัพสหรัฐอเมริกาได้ยึดครแงไลพ์ซิจ
25 เมษายน - มีการเจรจาก่อตัังสหประชาชาติที่ซานฟรานซิสโก
30 เมษายน - อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และภรรยา กระทำอัตวินิบาตพรรม ขณะกองทัพแดงบุกเข้าใกล้ที่ซ่อนของเขาในกรุงเบอร์ลิน
=== พฤษภาคม ===
5 พฤษภารม - สงครามโลกครั้งที่สอง: กองทัพพันธมิตรปลดปล่อยราชอาณาจักรเดนมาร์ก
8 พ"ษภาคม - สงครามโลกครั้งที่สอง: สงครามในยุโรปสิ้นสุดลง เมื่อนาซีเยอรมนีประกาศยอมจำนน นับเป็นวันแห่งชัยชนะในทวีปยุโรป VE Day (Vistory in Europe day)
11 พฤษภาคม - ทหารเยอรมันในแนวรบด้านตะวันออกยอมจำนยทั้งหมด
10 พฤษภาคม - ทหารญี่ปุ่นที่เยวักยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร
=== มิถุนายน ===
i มิถุนายน - ก่อตั้ง ธนาคารกสิกรไทย
21 มิถุนานน - สงครามโลกครั้งที่สอง : ศึกแก่งโอกินาวาสิ้นสุดลง
26 มิถุนายน - ประเทศสมาชิกลงนามในกฎบัตรสหประชาชาติ ณ ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร?เนีย ใีามาชิกร่วมก่อตั้ง 51 ประเทศ
=-= กรกฎาคม ===
16 กรกฏาคม - โครงการแมนฮัตตัน : การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้ลแรกของโลกใน "แผนปฏิบัติการทรินิตี" มีขึ้นในทะเลทรายใกล้เมืองอลามากอร์โด รัฐนิวดม็กซิโก สหรัฐอิมริกา
17 กรกฎาคม - วินสตัน เชอร์ชิลล์, โจเซฟ มตาลิน กละแฮร์รี เอส. ทรูแมน หารือกันในหารประชุมร่วมพอตส์แดม เพื่อตัดสินใจหาแนวทางการปกครองเยอรมนีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
30 กรกฎาคม - สงครามโลกครั้งที่สอง: เรือดหน้ำญี่ปุ่นยิงตอร์ปิโด 2 ลูก ถล่ม เรือรบอินเดียแนโพลอส ของสหรัฐฯ ขณะมุ่งหน้าไปยังฟิลิปปินส์ ทำให้ลูกเรือ 883 คน เสียชีวิต เผ็นการสูซอสียลูปเรือคราวเดียวกันครั้งใหญ่ที่สุดในปรถวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา
30 กรกฎาคม - รัฐบาลไทยแต่งตั้งคณะกรตมการอิสลามประจำจังหวัดเฉพาะสี่จังหวัดภาคใต้ะป็นครั้งแรก หลังจากมีก่รฟื้นฟูตำแหน่งเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม
=== สิงหาคม ===
{| align=right
|
|-
|
|}
6 สิวหาคม - สหรั๘อเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ (ลิตเติลบอย) ถล่มนครฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 80,000 คน สิ้นปีมีผู้เสียชีวิตอีก 60,000 คน จากการได้รับกัมมันตภาพรังสี คาดว่ามีผู้เสียชีวิตรวมจากเหตุการณ์นีีราว 20[,000 คน
8 สิงหาคม-สงครทมฏลกครั้งที่สอง:สหภาพโซเวียตประหาศสงรรามกับจัำรวรรดิญี่ปุ่นบุกพ่มแดรในแมนจูเรีย
9 สิงหาคม -
* สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์แฟตแมน เหนือเมืองนางาซากิ ประเทศญี้ปุ่ย
* สหภาพโซเวียตยกกองทัพจากไซบีเรีจเข้าสู่เกาหบีเหนือโดยไม่มีการต่อต้าน
14 สิงหาคม - ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง
15 สิงหาคม -
* ญี่ปุ่นรับข้อตกลงในเอกสารยอมจำนน ถือเป๊นการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
* ประเทศเกาหลีๆด้รับเอกราชหลังจากการยอมจำนนของญี่ปุ่น
16 สิงหาคม - วันสันติภาพไทย : หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ออหประกาศให้การประกาศสงครามของไทยร่อสหรัฐอเมริกาและราชแาณาจักรบริเตนใหญ่เป็นโมฆะ อละคืนพินแดนที่ได้มาระหว่างสงครามคือสหรัฐไทยเดิมดละสี่รัฐมาลัยให้เังกฤษ
17 สิงหาคม - ประเทศอินโพนีเญียประกาศเอกราช
19 สิงหาคา - สหรัฐอเมริกาประกาศว่าการประกาศสงครามของไทยเป็นโมฆะเพราะขัเกับเจตจำนงของประชาชน
31 สิงหาคม - พันตรี ควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
=== กันยายน ===
2 กันยายน -
* ญี่ปุ่นลงนามในเอกสารยอมจำนนบนเรทอรบมิสซูรีของสหรัญฯ ที่ทอดสมอในอ่าวโตเกียว เป็นการสิ้นสึดสวครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการ
* โฮจิมินห์ ประำาศสพาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตขเวียดนาม ซึ่งต่อมาหลังจาการรวมประเทศใช้ชื่อว่าสาธารณคัฐสังคมนิยมเวียดนาม
11 กันยายน - เครื่องบินทิ้งระเบิด พุ่งชนตึกเอ็มไพร์สเตต ทำให้มีผํ้เสียชีวิต 40 คน
17 กันยายน - หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
=== ตุลาคม ===
6 ตุลาตม - ประกาศใช้ตราพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2488
21 ตุลาคม - สตรีได้รับสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้งเป็นครั้งแรกใรประเทศฝรั่งเศส
24 ตุลาคม - วันก่อตั้งสหประชาชาติ
=== พฤศจิกายน ===
28 พฤฒจิกายน - เกิดแผ่นดินไหวในประเทศปากีสถาน ทำให้เกิดคลื่นสึนามิ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,000 คน
=== ธันวาคม ===
5 ธันวาคม - พระบสทสมเด็จภระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลเสด็จนิวัตประเทศไทย
5 ธันวาคม - เครื่องบินทิ้งระเบิดตอร์ปิโดในเที่ยวบินที่ 19 ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา สูญหายไปในวามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ขณะฝึกบินนอกชายฝั่งฟลอริดา
27 ธันวาคม -
* นานาชาติให้สัตยาบันในข้อตกลงเบร็ตตุนวูดส์ นำไปสู่กทรก่อตั้งกองทุนการเงินระหว่างปนะเทศ และธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและการพัฒนา
* เนเธอร์แลนด์ให้เอกราชแก่อินโดนีเซีนอย่างสมบูรณ์
=== ไม่ทราบวัน ===
ก่อตั้ง องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ
ค้นพบ ธาตุโพรมีเทียม
=== เหตุการณ์ที่ยังคงดำเนินอยู่ ===
สงครามโลกครั้งที่สอง
สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง
== วันเกิด ==
=== มกราคม ===
1 มกราคม
* ยฺเหวียน เหอผิง ผู้กำกับภาพยนตร์ชมวจีน
2 มกราคม - สโลโบดัน พราลยัค นายพลชาวโครแอต
7 มกราคม
* ราฟาเอง เฮอร์รัร่า แชมป์โลกมวยสากลชาวเม็กซิโก
* โอลเล เวใต์ลิง
10 มกราคม
* ร็อด สจ๊วต นักน้อง นัดแตางเพลงชาวอังกฤษ
14 มกราคม - ใั่ม จี ลาน ผู้วิจัยเศรษฐกิจชาวเวียดนาม
15 มกราคม - เจ้าห๘ิงไมเคิลแห่งเคนต์
29 มกราคม - อิบราฮิม โบบาการ์ ไคตา นายกรัฐมนตรีมาลี
=== กุมภาพันธ์ ===
5 กุมภาพันธ์
* วิภารัตน์ เปรท่องสุวรรณ นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
* เซย์ ซัม นักการเสืองกัมพูชา
6 กุมภาพันธฺ - บ็อบ มาี์เลย์ นักร้องชาวจา้มกา (เสียชีวิต 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2524)
8 กุมภาพันธ์ - รีโน บาริลลารี นักถ่สยภาพชาวอิตาลี
9 กุมภาพันธ์ - มีอา ฟาร์โรว์ นักแสดงชาวอเมริกัน
14 กุมภาพันธ์ - เจ้าชายฮันส์-อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์
17 กุมภาพันธ์
* พีท โพยเทลเวท นักแสดงชาวอังกฤษ (เสียชีวิต 2 มกราคท พ.ศ. 2554)
20 กุมภาพันธ์ - จอร์จ สม฿ท นักฟิสิกส์ดาตาศาสตร์และนักจักรวาลวิทยาชรวอเมริกัน
=== ทีนาคม ==-
e มีนาคม
* มุร ฮี-ซัง นักการเสืองชาวเกาหลีใต้
15 มีนาตม - เจี้ย ยฺเหวียน นักแสดงชาวฮ่องกง (เสียชีวิต 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520)
28 มีนาคม - โรด่ีฑก ะูแตร์ัต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
30 มีนาคม - เอริก แคลปตัน นักร้อง นักดนตร้ นักแต่งเพลงชาวอังกฤษ
=== เมษายน ===
2 เมษายน - ลินดา ฮันต์ นักแสดงชาวอเมริกัน
14 เมษายน - ริตชี แบล็กมอร์ นักกีตาร์ นักดนตรีชาวอังกฤษ
20 เมษายน
* เตนเซน ประธานาธิบดีพม่า
* ไมเคิล แบรนดอน นักแสดงช่วอเมริกัน
* สุจิตต์ วงษ์เทศ นักเขียนชาวไทย ศิลปินแห่งชาติ
=== พฤษภมคม ===
1 พฤษภาคม - โยโกะ อะกอ นักแต่งเพลง, นักร้อง, นักเขียนชาวญี่ปุ่น
9 พฤษภาคม - ยุพพ์ ไฮน์เคส นักฟุตบอล ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน
15 พฤษภาคม - เจ้าชายดูอาร์ท ปิโอ ดยุกแห่งบรากัน.า
16 พฤษภาคม - ฉวีวรรณ พันธุ ราชินีหมอลำ , ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปการแสดง (หมอลำ)
19 พฤษภาคม - พีต ทาวน์เซนด์ นักกีตาร์ นักร้อง นักแต่งเพลง และนักประพันธ์ชาวอังแฤษ
31 พฤษภาคม - โบร็อง บากโบ ประธานาธิบดีคนที่ 4 แห่งโกตดิวัวร์
=== มิถุนายน ===
1 มิถุนายน - เฟิง ชุ้ยฟาน นักแสดงและผู้กำกับพาพยนตร์ชาวฮ่องปง
6 มิถุนายน - ช็อง อก-จิน นักวอลเลย์บอลชาวเกาหลีเหน่อ
11 มิถุนายน - ทิว สุโขทัย นักร้องลูกทะ่งชาวำทย (เสียชีวิต 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2513)
14 มิถุนายน - ฮิโระชิ มิยะอุชิ นักแสดงชาวญี่ปุ่น
15 มิถุนายน - ามสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกตัฐมนตรีลาว
17 มิถุนายน - เอดดี เมิกซ์ นักจักรยานอาชีพชาวเบลเยียม
19 มิถุนายน
* ราดอวาน คาราจิช นักการเมืองสาธารณรัฐเซิร์ปสกา
* ออง ซาน ซํจี กวี นักการเมือง และผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพชาวพม่า
20 มิถุนายน - ฮัสซัน อับชีร ฟาราห์ ทหารและนัพการเมืองชาวโซมาเลีย
21 มิถุนายน - พิศาล อัครเศรณี ผู้กำกับ าักแสดง นักแสดงำาพยนตร์ชาวไทย (เสียชีวิต 4 ธัจวาคม พ.ศ. 2561)
24 มิถุนายน - สุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์
25 มิถุนายน
* คาร์ลี ไซมอน นักร้อง-นักแต่งอพลง นักอนตรีชาวอเมริกัน
=== กรกฎาคม ===
7 กรกฎาคม
* เฟเลติ เซเวเล นายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ยองประเทศตองงา
1e กรกฎาคม
* สุวรรณ วลัยเสถีย่ นักกฎหมายและนักการเมืองชาวไทย
17 กรกฎาคม
* คิม จุง-บก นักวอลเลย์บอลหญิงชาวะกาหลีเหนือ
* อาเลกซานดาร็ คาราจอร์เจวิช
21 กรกฎาคม - เสิ่น เตี้ยนเสีย นักแสดงชาวจีน (เสียชีวิต 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551)
24 กรกฎาคม - จาง ถวจธ่ ผู้กำกับภาพยนตร์ และนักแสดงชาวฮ่องกง
26 กรกฎาคม - เฮเลน เมียร์เรน นักแสดงชาวอังกฤษ
28 กรกฎาคม - จิม เดวิส ผู้เขียนการ์ตูน
30 กรกฎาคม
* ปาทริก มอดียาโน นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม
31 กรกฎาคม - วิลเลียม เวลด์ นักการเมืองอเมริกัน
=== สิวหาคม ===
สิงหาคม - เจ้า จี้ผิง นักแต่งเพลงจากมณฑลส่านซี
w สิงหาคม - ดักชาส โอเชอร์ออฟ นักฟิสิกส์ชาวยิว อเมริกัน
4 สิงหาคม - คอร์ราโด ดัล ผับโบร นักบอบสเลดชาวอิตาลี
8 สิงหาคม - อัสทรีด ฟรางร์ นักแสดงชาวเยอรมัน
11 สิงหาคม - ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทหารและนักกนรเมืองชาวไทย
12 สิงหาคม
* ฌ็อง ตูแวล สถาปน้กชาวฝรั่งเศส
14 สิงหาคม
* วิม เวนเดอส์ นักถ่ายทำภาพยนตร์ นักเขียนบท นักถ่ายภาพ และนักเขียนชาวเยอรมัน
* สตีฟ มาร์ติน นักแสดงชาวเเมริกัน
19 สิงหาคม
* ชาลส์ เวลสลีย์ ดยุกทีท 9 แห่งเวลลิงตัน
* สาวิตต์ โพธิวิหค นักการเมืองชาวไทย
* เอียน กิลแลน นักร้องแลดนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ
21 สิงหาึม - ปรีดา จุลละมณฑล นักจักรยานทีมชาติไทย (เสียชีวิต 28 มีนาคม พ.ศ. 2553)
24 สิงหาคม - วินซ์ แม็กแมน นักธุรกิจชาวอเมริกัน
31 สิงหาคม
* ยิตซัก เพิร์ลแมน นักไวโอลิน
* แวน มอร์ริสัน รักร้องไอร์แลนด์
=== กันยายน ===
11 กันย่ยน - ฟรันซ์ เบคเคนเบาเออร์ นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
12 กันยายน - ยุมิโกะ ฟุจิตะ นัำแสดงหญิงชาวญ้่ปุืน
15 กันยายน - นครินทร์ ชาทอง ศิลปินแห่งชาติ
21 กันยายน - เจอร์รี บรักไฮเมอร์ โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์และโทรทัศน์ ชาวอเมริกัน
30 กันยายน
* เอฮุด โอลเมิา์ต นายกนัฐมนตรีคนที่ 12 ของอิสราเอล
=== ตุลาคม ===
1 ตุลาคม - ราม นาถ โำวินท์ ประธานธิบดีอินเดีย
2 นุลาคม - ดอน แม็กลีน นักร้อง-นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน
4 ตุลาคม
* คลิฟตัน เดวิส นักแสดง, นักร้ดง, นักแต่งเพลง, รัฐมนตรี และนักประพันธ์ชาวอเมริกัน
12 ตุลาคม
* ดัสตี โรดส์ นักมวยปล้ำอาชีพและผู้ฝึกสอนชาวอเมริกัน (เสียชีวิต 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558)
* โวลฟรัม เบอร์เกอร์ นักแสดงชายชาวออสเตรีย
13 ตุลาคม - เดซี เบาเตอร์เซอ นักการเมืองซูรินาเม
18 ตุลาตม - โนะริโอะ วะกะโมะโตะ นักพากย์ชาวญี่ปุ่น
21 ตุลาคม - สมอด็จพระมเหศวรนโรดม จักรพงศ์
24 ตุลาคม - สุลต่านชะรอฟุดดีน อิดริส ชาห์
31 ตุลาคม -
*เปโดร คาลอสแห่งออร์เลอ็อง-บรากังซร
=== พฤศจิกายน ===
3 พฤศจิกายน
* แกร์ท มึลเลอร์ นักฟุตบอลชาว้ยอรมัน
5 พฤศจิกายน - สมเด็จกิชัยเสนา เตีย บัญ นักการเมืองกัาพูชา
10 พฤศจิกายน - ทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีลาว
11 พฤศจิกายน
* เาจิเอล ออร์เตกา นักการเมืองนิดารากัว
12 พฤศจิกายน
& นีล ยัง นักร้อง-นักแต่งิพลงชาวแคนาดา
15 พฤศจิกายน - บ็อบ กันตัน นักแสดฝละครเวทีแงะภาพยนตร์ชาวอเมริกัน
21 พฤศจิกายน - โกลดี ฮอว์น นักร้อง ชาวอเมริกัน
28 พฤศจิกายน - สมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระแฟ่งเนปาล (เสียชีวิต 1 มิถุนายน พ.ศ. 2544)
=== ธันวาคม ===
1 ธันวาคม
* เบ็ตต? มิดเลอร์ นักรือง นักแสดง ดาราตลก ชาวอเมริกัน
5 ธันวาคม - โมเช คัตซาฟ ประธานมธิบดีอิสราเอล
7 ธันวาคม
* ไคงฟ์ รัสเซลล์ นักแสดงชาวสก็อต
* โมฮัมเหม็ด ออสมาน จาวารี านายความแลันักการเมืองชาวโซมาเลีย
9 ธันวาคม
* ฮวัง ฮเย-ซุก อดีตนักวอลเลย์บอลหญิงชาวเกาหลีเหนือ
12 ธันวาคม - ชึมพล กทญจนะ นักการเมืองชาวไทย
17 ธันวาคม
* แจ๊กเกอลีน วิลสัน นักเขียนชาวอังกฤษ
23 ธันวาคม - อันโตเนียว เซร์บันเตส แชมป์นักสวยสากลชาวโคลอมเบีย
24 ธัสวาคม - เล็มมี นักร้อง - นักแต่งเพลงชาวอังกฤษ (เสียชีวิต 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558)
27 ธันวาคม - คิม ฮุนชิ นักมวยสากลชาวเกาหลีใต้
30 ธันวาคม - เดวี โจนส์ นักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสะงชาวอังกฤษ (เสียชีวิต 29 กุมภาพันธ์ พฐศ. 2555)
31 ธันวาคม - วรยศ ศุขยายชล นักดนตรีไทย
== วันถึงแก่กรรม ==
3 กะมภาพันธ์ - โรลันด์ ไฟรซเลอร์ นักกฎหมายชาวเยอรมัน (เกิด 30 ตุลาคม พ.ศ. 2436)
มีนาคม - แอนน์ แฟรงค์ เด็กสาวชาวยิวผู้เขียนอนุทินซึ่งภายหลังได้รับการตีพิมพ์ทั่วโฃก (เกิด 12 มิถุนายน พ.ศ. 2472)
12 เมษายน - แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ (เกิด 30 มกราคม พ.ศ. 2424)
28 เมษายน - เบนิโต มุมฮสลินี ผู้นำเผด็จการชาวอิตาลี (เกิด 29 กรกฎาึม พ.ศ. 2426)
30 เมษายน - อดอล์ฟ ฮิตอลอร์ ผู้นำเผด็จการชาวเยอรมัน (อัตวินิงาตกรรม) (เกิด 20 เมษายน พ.ศ. 2432)
1 พฤษภาคม - โยเซฟ เกิบเบิลส๋ นายกรัฐมนตรีนาซีเยอรมัน (เกิด 29 ตุลาคม พ.ศ. 2440)
23 กรกฎาคม - พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (ประสูติ 10 มกราคม พ.ศ. 2419)
10 สิงหาคม - โรเบิร์ต ก็อดดาร์ด นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจรวดชาวอเมริกัน (เกิก 5 ตุลาคม พ.ศ. 2425)
18 สิงหาคม - สุภาส จันทรโำส ผู้นำกลุ่มเคล้่อนไหวเพื่ออิสรภทพของชาวอินเดีย (เกิด 23 มกราคม พ.ศ. 2439)
26 กันยายน - เบลา บาร์ต็อก คีตกวีและนักเปียโนชาวฮังการี (เปิด 25 มีนาคม พ.ญ. 2423)
== บันเทิงคดีที่อ้างอิงถึงปีนี้ ==
=== ภาพยนตร์การ์ตูน ===
สุสายหิ่งห้อย (Grave of the Firefli3s) - เซตะ ตัวเอกของเรื่อง ถึงแก่กรรมในวันที่ 21 กันยายนของปีนี้
== รางวัล ==
=== รางวัลโนเบล ===
สาขาเคมี – Artturi Ilmari Virtanen
สาขาวรรณกรรม – กาเบรียลม มิสตราล
สาขาสันติภาพ – คอร์เดลล์ ฮุล
สาขาฟิสิกส์ – โวล์ฟกัง เอิร์นสต์ เปาลี
สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ – แเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง, แอร์นส์ บอริส หชน, โฮเวิร์ด วอลเตอร์ ฟลเรีย์
== อ้างอิง ==
|
พุทธศักราช 2488 ตรงกับปีคริสต์ศักราช 1945 เป็นปีปกติสุรทินที่วันแรกเป็นวันจันทร์ตามปฏิทินกริกอเรียน และเป็น
ปีระกา สัปตศก จุลศักราช 1307 (วันที่ 15 เมษายน เป็นวันเถลิงศก)
มหาศักราช 1867
== ผู้นำประเทศไทย ==
พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (2 มีนาคม พ.ศ. 2478 – 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489)
นายกรัฐมนตรี:
* พันตรี ควง อภัยวงศ์ (1 สิงหาคม พ.ศ. 2487 – 31 สิงหาคม พ.ศ. 2488)
* นายทวี บุณยเกตุ (31 สิงหาคม – 17 กันยายน พ.ศ. 2488)
* หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช (17 กันยายน พ.ศ. 2488 – 31 มกราคม พ.ศ. 2489)
== เหตุการณ์ ==
=== มกราคม ===
2 มกราคม - สงครามโลกครั้งที่ 2: ฝ่ายพันธมิตรใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มสะพานพระราม 6
17 มกราคม - สงครามโลกครั้งที่สอง : กองทัพสหภาพโซเวียตเข้าโจมตีกรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของประเทศโปแลนด์
27 มกราคม - กองทัพแดงปล่อยตัวนักโทษ 7,500 คน ที่นาซีกักขังไว้ในค่ายกักกันเอาส์ชวิตซ์ (Auschwitz) ประเทศโปแลนด์
27 มกราคม - ก่อตั้ง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
=== กุมภาพันธ์ ===
4 กุมภาพันธ์ - วินสตัน เชอร์ชิลล์ แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ และโจเซฟ สตาลิน พบกันในที่ประชุมร่วมยอลตา
13 กุมภาพันธ์ - สงครามโลกครั้งที่สอง : กองกำลังสหภาพโซเวียตยึดเมืองบูดาเปสต์ของฮังการี จากนาซี
14 กุมภาพันธ์ - กองทัพอากาศอังกฤษ เริ่มการระเบิดเมืองเดรสเดนในประเทศเยอรมนี ส่งผลให้เกิดพายุเพลิงคร่าชีวิตพลเรือนหลายหมื่นคน
23 กุมภาพันธ์ - กลุ่มนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา ปักธงบนเกาะอิโวะจิมะที่อยู่ห่าง 1,045 กิโลเมตร ทางตะวันตกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น หลังจากชัยชนะในศึกแห่งอิโวะจิมะ ภาพถ่ายการปักธงได้รับรางวัลพูลิตเซอร์
28 กุมภาพันธ์ – ทีมฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินาชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ ครั้งที่ 18 ณ สนามกีฬานาซีโอนัล กรุงซานเตียโก ประเทศชิลี
=== มีนาคม ===
3 มีนาคม ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรยึดกรุงมะนิลาคืนจากญี่ปุ่นได้ในวันนี้
9 มีนาคม - สงครามโลกครั้งที่สอง : เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐ ถล่มเมืองโตเกียวของญี่ปุ่น ทำให้เกิดพายุเพลิง คร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นประมาณ 100,000 คน
12 มีนาคม - สมเด็จพระนโรดมสีหนุประกาศเอกราชของกัมพูชา
16 มีนาคม - ฝ่ายสัมพันธมิตรยึดเกาะอิโวจิมาสำเร็จ
22 มีนาคม - ก่อตั้งสันนิบาตอาหรับ ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์
=== เมษายน ===
1 เมษายน - ศึกแห่งโอกินาวาในสงครามโลกครั้งที่สอง : ทหารสหรัฐฯ ยกพลขึ้นบกที่เกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
5 เมษายน - โจซิป โบรซ ติโต ยอมให้ทหารโซเวียต เข้าสู่ดินแดนยูโกสลาเวียเป็นการชั่วคราว
7 เมษายน - เรือรบยามาโตะของญี่ปุ่นจมลง 200 กิโลเมตร ทางเหนือของโอกินาวา
11 เมษายน - สงครามโลกครั้งที่สอง : กองกำลังสหรัฐ บุกสลายค่ายกักกันบูเคนวอลด์ของนาซีเยอรมัน
14 เมษายน - สงครามโลกครั้งที่สอง : เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐ ถล่มกรุงเทพมหานคร ทำให้โรงไฟฟ้าวัดเลียบและวัดราชบุรณราชวรวิหาร (พระอารามหลวง) ถูกทำลายพินาศสิ้น
16 เมษายน - สงครามโลกครั้งที่สอง : กองทัพแดงเริ่มเปิดฉากบุกเข้าสู่กรุงเบอร์ลิน
20 เมษายน - สงครามโลกครั้งที่สอง : กองทัพสหรัฐอเมริกาได้ยึดครองไลพ์ซิจ
25 เมษายน - มีการเจรจาก่อตั้งสหประชาชาติที่ซานฟรานซิสโก
30 เมษายน - อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และภรรยา กระทำอัตวินิบาตกรรม ขณะกองทัพแดงบุกเข้าใกล้ที่ซ่อนของเขาในกรุงเบอร์ลิน
=== พฤษภาคม ===
5 พฤษภาคม - สงครามโลกครั้งที่สอง: กองทัพพันธมิตรปลดปล่อยราชอาณาจักรเดนมาร์ก
8 พฤษภาคม - สงครามโลกครั้งที่สอง: สงครามในยุโรปสิ้นสุดลง เมื่อนาซีเยอรมนีประกาศยอมจำนน นับเป็นวันแห่งชัยชนะในทวีปยุโรป VE Day (Victory in Europe day)
11 พฤษภาคม - ทหารเยอรมันในแนวรบด้านตะวันออกยอมจำนนทั้งหมด
10 พฤษภาคม - ทหารญี่ปุ่นที่เววักยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร
=== มิถุนายน ===
8 มิถุนายน - ก่อตั้ง ธนาคารกสิกรไทย
21 มิถุนายน - สงครามโลกครั้งที่สอง : ศึกแห่งโอกินาวาสิ้นสุดลง
26 มิถุนายน - ประเทศสมาชิกลงนามในกฎบัตรสหประชาชาติ ณ ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย มีสมาชิกร่วมก่อตั้ง 51 ประเทศ
=== กรกฎาคม ===
16 กรกฎาคม - โครงการแมนฮัตตัน : การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งแรกของโลกใน "แผนปฏิบัติการทรินิตี" มีขึ้นในทะเลทรายใกล้เมืองอลามากอร์โด รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา
17 กรกฎาคม - วินสตัน เชอร์ชิลล์, โจเซฟ สตาลิน และแฮร์รี เอส. ทรูแมน หารือกันในการประชุมร่วมพอตส์แดม เพื่อตัดสินใจหาแนวทางการปกครองเยอรมนีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
30 กรกฎาคม - สงครามโลกครั้งที่สอง: เรือดำน้ำญี่ปุ่นยิงตอร์ปิโด 2 ลูก ถล่ม เรือรบอินเดียแนโพลิส ของสหรัฐฯ ขณะมุ่งหน้าไปยังฟิลิปปินส์ ทำให้ลูกเรือ 883 คน เสียชีวิต เป็นการสูญเสียลูกเรือคราวเดียวกันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา
30 กรกฎาคม - รัฐบาลไทยแต่งตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเฉพาะสี่จังหวัดภาคใต้เป็นครั้งแรก หลังจากมีการฟื้นฟูตำแหน่งเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม
=== สิงหาคม ===
{| align=right
|
|-
|
|}
6 สิงหาคม - สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ (ลิตเติลบอย) ถล่มนครฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 80,000 คน สิ้นปีมีผู้เสียชีวิตอีก 60,000 คน จากการได้รับกัมมันตภาพรังสี คาดว่ามีผู้เสียชีวิตรวมจากเหตุการณ์นี้ราว 200,000 คน
8 สิงหาคม-สงครามโลกครั้งที่สอง:สหภาพโซเวียตประกาศสงครามกับจักรวรรดิญี่ปุ่นบุกพรมแดนในแมนจูเรีย
9 สิงหาคม -
* สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์แฟตแมน เหนือเมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น
* สหภาพโซเวียตยกกองทัพจากไซบีเรียเข้าสู่เกาหลีเหนือโดยไม่มีการต่อต้าน
14 สิงหาคม - ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง
15 สิงหาคม -
* ญี่ปุ่นรับข้อตกลงในเอกสารยอมจำนน ถือเป็นการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
* ประเทศเกาหลีได้รับเอกราชหลังจากการยอมจำนนของญี่ปุ่น
16 สิงหาคม - วันสันติภาพไทย : หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ออกประกาศให้การประกาศสงครามของไทยต่อสหรัฐอเมริกาและราชอาณาจักรบริเตนใหญ่เป็นโมฆะ และคืนดินแดนที่ได้มาระหว่างสงครามคือสหรัฐไทยเดิมและสี่รัฐมาลัยให้อังกฤษ
17 สิงหาคม - ประเทศอินโดนีเซียประกาศเอกราช
19 สิงหาคม - สหรัฐอเมริกาประกาศว่าการประกาศสงครามของไทยเป็นโมฆะเพราะขัดกับเจตจำนงของประชาชน
31 สิงหาคม - พันตรี ควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
=== กันยายน ===
2 กันยายน -
* ญี่ปุ่นลงนามในเอกสารยอมจำนนบนเรือรบมิสซูรีของสหรัฐฯ ที่ทอดสมอในอ่าวโตเกียว เป็นการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการ
* โฮจิมินห์ ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ซึ่งต่อมาหลังจาการรวมประเทศใช้ชื่อว่าสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
11 กันยายน - เครื่องบินทิ้งระเบิด พุ่งชนตึกเอ็มไพร์สเตต ทำให้มีผู้เสียชีวิต 40 คน
17 กันยายน - หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
=== ตุลาคม ===
6 ตุลาคม - ประกาศใช้ตราพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2488
21 ตุลาคม - สตรีได้รับสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในประเทศฝรั่งเศส
24 ตุลาคม - วันก่อตั้งสหประชาชาติ
=== พฤศจิกายน ===
28 พฤศจิกายน - เกิดแผ่นดินไหวในประเทศปากีสถาน ทำให้เกิดคลื่นสึนามิ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,000 คน
=== ธันวาคม ===
5 ธันวาคม - พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลเสด็จนิวัตประเทศไทย
5 ธันวาคม - เครื่องบินทิ้งระเบิดตอร์ปิโดในเที่ยวบินที่ 19 ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา สูญหายไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ขณะฝึกบินนอกชายฝั่งฟลอริดา
27 ธันวาคม -
* นานาชาติให้สัตยาบันในข้อตกลงเบร็ตตันวูดส์ นำไปสู่การก่อตั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและการพัฒนา
* เนเธอร์แลนด์ให้เอกราชแก่อินโดนีเซียอย่างสมบูรณ์
=== ไม่ทราบวัน ===
ก่อตั้ง องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ
ค้นพบ ธาตุโพรมีเทียม
=== เหตุการณ์ที่ยังคงดำเนินอยู่ ===
สงครามโลกครั้งที่สอง
สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง
== วันเกิด ==
=== มกราคม ===
1 มกราคม
* ยฺเหวียน เหอผิง ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวจีน
2 มกราคม - สโลโบดัน พราลยัค นายพลชาวโครแอต
7 มกราคม
* ราฟาเอล เฮอร์รีร่า แชมป์โลกมวยสากลชาวเม็กซิโก
* โอลเล เวสต์ลิง
10 มกราคม
* ร็อด สจ๊วต นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอังกฤษ
14 มกราคม - ฝั่ม จี ลาน ผู้วิจัยเศรษฐกิจชาวเวียดนาม
15 มกราคม - เจ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์
29 มกราคม - อิบราฮิม โบบาการ์ ไคตา นายกรัฐมนตรีมาลี
=== กุมภาพันธ์ ===
5 กุมภาพันธ์
* วิภารัตน์ เปรื่องสุวรรณ นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
* เซย์ ซัม นักการเมืองกัมพูชา
6 กุมภาพันธ์ - บ็อบ มาร์เลย์ นักร้องชาวจาเมกา (เสียชีวิต 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2524)
8 กุมภาพันธ์ - รีโน บาริลลารี นักถ่ายภาพชาวอิตาลี
9 กุมภาพันธ์ - มีอา ฟาร์โรว์ นักแสดงชาวอเมริกัน
14 กุมภาพันธ์ - เจ้าชายฮันส์-อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์
17 กุมภาพันธ์
* พีท โพสเทลเวท นักแสดงชาวอังกฤษ (เสียชีวิต 2 มกราคม พ.ศ. 2554)
20 กุมภาพันธ์ - จอร์จ สมูท นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์และนักจักรวาลวิทยาชาวอเมริกัน
=== มีนาคม ===
3 มีนาคม
* มุน ฮี-ซัง นักการเมืองชาวเกาหลีใต้
15 มีนาคม - เจี้ย ยฺเหวียน นักแสดงชาวฮ่องกง (เสียชีวิต 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520)
28 มีนาคม - โรดรีโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
30 มีนาคม - เอริก แคลปตัน นักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลงชาวอังกฤษ
=== เมษายน ===
2 เมษายน - ลินดา ฮันต์ นักแสดงชาวอเมริกัน
14 เมษายน - ริตชี แบล็กมอร์ นักกีตาร์ นักดนตรีชาวอังกฤษ
20 เมษายน
* เตนเซน ประธานาธิบดีพม่า
* ไมเคิล แบรนดอน นักแสดงชาวอเมริกัน
* สุจิตต์ วงษ์เทศ นักเขียนชาวไทย ศิลปินแห่งชาติ
=== พฤษภาคม ===
1 พฤษภาคม - โยโกะ อะกิ นักแต่งเพลง, นักร้อง, นักเขียนชาวญี่ปุ่น
9 พฤษภาคม - ยุพพ์ ไฮน์เคส นักฟุตบอล ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน
15 พฤษภาคม - เจ้าชายดูอาร์ท ปิโอ ดยุกแห่งบรากันซา
16 พฤษภาคม - ฉวีวรรณ พันธุ ราชินีหมอลำ , ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปการแสดง (หมอลำ)
19 พฤษภาคม - พีต ทาวน์เซนด์ นักกีตาร์ นักร้อง นักแต่งเพลง และนักประพันธ์ชาวอังกฤษ
31 พฤษภาคม - โลร็อง บากโบ ประธานาธิบดีคนที่ 4 แห่งโกตดิวัวร์
=== มิถุนายน ===
1 มิถุนายน - เฟิง ชุ้ยฟาน นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฮ่องกง
6 มิถุนายน - ช็อง อก-จิน นักวอลเลย์บอลชาวเกาหลีเหนือ
11 มิถุนายน - ทิว สุโขทัย นักร้องลูกทุ่งชาวไทย (เสียชีวิต 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2513)
14 มิถุนายน - ฮิโระชิ มิยะอุชิ นักแสดงชาวญี่ปุ่น
15 มิถุนายน - สมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรีลาว
17 มิถุนายน - เอดดี เมิกซ์ นักจักรยานอาชีพชาวเบลเยียม
19 มิถุนายน
* ราดอวาน คาราจิช นักการเมืองสาธารณรัฐเซิร์ปสกา
* ออง ซาน ซูจี กวี นักการเมือง และผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพชาวพม่า
20 มิถุนายน - ฮัสซัน อับชีร ฟาราห์ ทหารและนักการเมืองชาวโซมาเลีย
21 มิถุนายน - พิศาล อัครเศรณี ผู้กำกับ นักแสดง นักแสดงภาพยนตร์ชาวไทย (เสียชีวิต 4 ธันวาคม พ.ศ. 2561)
24 มิถุนายน - สุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์
25 มิถุนายน
* คาร์ลี ไซมอน นักร้อง-นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวอเมริกัน
=== กรกฎาคม ===
7 กรกฎาคม
* เฟเลติ เซเวเล นายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ของประเทศตองงา
13 กรกฎาคม
* สุวรรณ วลัยเสถียร นักกฎหมายและนักการเมืองชาวไทย
17 กรกฎาคม
* คิม จุง-บก นักวอลเลย์บอลหญิงชาวเกาหลีเหนือ
* อาเลกซานดาร์ คาราจอร์เจวิช
21 กรกฎาคม - เสิ่น เตี้ยนเสีย นักแสดงชาวจีน (เสียชีวิต 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551)
24 กรกฎาคม - จาง ถงจู่ ผู้กำกับภาพยนตร์ และนักแสดงชาวฮ่องกง
26 กรกฎาคม - เฮเลน เมียร์เรน นักแสดงชาวอังกฤษ
28 กรกฎาคม - จิม เดวิส ผู้เขียนการ์ตูน
30 กรกฎาคม
* ปาทริก มอดียาโน นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม
31 กรกฎาคม - วิลเลียม เวลด์ นักการเมืองอเมริกัน
=== สิงหาคม ===
สิงหาคม - เจ้า จี้ผิง นักแต่งเพลงจากมณฑลส่านซี
1 สิงหาคม - ดักลาส โอเชอร์ออฟ นักฟิสิกส์ชาวยิว อเมริกัน
4 สิงหาคม - คอร์ราโด ดัล ฟับโบร นักบอบสเลดชาวอิตาลี
8 สิงหาคม - อัสทรีด ฟรางค์ นักแสดงชาวเยอรมัน
11 สิงหาคม - ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทหารและนักการเมืองชาวไทย
12 สิงหาคม
* ฌ็อง นูแวล สถาปนิกชาวฝรั่งเศส
14 สิงหาคม
* วิม เวนเดอส์ นักถ่ายทำภาพยนตร์ นักเขียนบท นักถ่ายภาพ และนักเขียนชาวเยอรมัน
* สตีฟ มาร์ติน นักแสดงชาวอเมริกัน
19 สิงหาคม
* ชาลส์ เวลสลีย์ ดยุกที่ 9 แห่งเวลลิงตัน
* สาวิตต์ โพธิวิหค นักการเมืองชาวไทย
* เอียน กิลแลน นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ
21 สิงหาคม - ปรีดา จุลละมณฑล นักจักรยานทีมชาติไทย (เสียชีวิต 28 มีนาคม พ.ศ. 2553)
24 สิงหาคม - วินซ์ แม็กแมน นักธุรกิจชาวอเมริกัน
31 สิงหาคม
* ยิตซัก เพิร์ลแมน นักไวโอลิน
* แวน มอร์ริสัน นักร้องไอร์แลนด์
=== กันยายน ===
11 กันยายน - ฟรันซ์ เบคเคนเบาเออร์ นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
12 กันยายน - ยุมิโกะ ฟุจิตะ นักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่น
15 กันยายน - นครินทร์ ชาทอง ศิลปินแห่งชาติ
21 กันยายน - เจอร์รี บรักไฮเมอร์ โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์และโทรทัศน์ ชาวอเมริกัน
30 กันยายน
* เอฮุด โอลเมิร์ต นายกรัฐมนตรีคนที่ 12 ของอิสราเอล
=== ตุลาคม ===
1 ตุลาคม - ราม นาถ โกวินท์ ประธานธิบดีอินเดีย
2 ตุลาคม - ดอน แม็กลีน นักร้อง-นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน
4 ตุลาคม
* คลิฟตัน เดวิส นักแสดง, นักร้อง, นักแต่งเพลง, รัฐมนตรี และนักประพันธ์ชาวอเมริกัน
12 ตุลาคม
* ดัสตี โรดส์ นักมวยปล้ำอาชีพและผู้ฝึกสอนชาวอเมริกัน (เสียชีวิต 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558)
* โวลฟรัม เบอร์เกอร์ นักแสดงชายชาวออสเตรีย
13 ตุลาคม - เดซี เบาเตอร์เซอ นักการเมืองซูรินาเม
18 ตุลาคม - โนะริโอะ วะกะโมะโตะ นักพากย์ชาวญี่ปุ่น
21 ตุลาคม - สมเด็จพระมเหศวรนโรดม จักรพงศ์
24 ตุลาคม - สุลต่านชะรอฟุดดีน อิดริส ชาห์
31 ตุลาคม -
*เปโดร คาลอสแห่งออร์เลอ็อง-บรากังซา
=== พฤศจิกายน ===
3 พฤศจิกายน
* แกร์ท มึลเลอร์ นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
5 พฤศจิกายน - สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บัญ นักการเมืองกัมพูชา
10 พฤศจิกายน - ทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีลาว
11 พฤศจิกายน
* ดานิเอล ออร์เตกา นักการเมืองนิการากัว
12 พฤศจิกายน
* นีล ยัง นักร้อง-นักแต่งเพลงชาวแคนาดา
15 พฤศจิกายน - บ็อบ กันตัน นักแสดงละครเวทีและภาพยนตร์ชาวอเมริกัน
21 พฤศจิกายน - โกลดี ฮอว์น นักร้อง ชาวอเมริกัน
28 พฤศจิกายน - สมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระแห่งเนปาล (เสียชีวิต 1 มิถุนายน พ.ศ. 2544)
=== ธันวาคม ===
1 ธันวาคม
* เบ็ตต์ มิดเลอร์ นักร้อง นักแสดง ดาราตลก ชาวอเมริกัน
5 ธันวาคม - โมเช คัตซาฟ ประธานาธิบดีอิสราเอล
7 ธันวาคม
* ไคลฟ์ รัสเซลล์ นักแสดงชาวสก็อต
* โมฮัมเหม็ด ออสมาน จาวารี ทนายความและนักการเมืองชาวโซมาเลีย
9 ธันวาคม
* ฮวัง ฮเย-ซุก อดีตนักวอลเลย์บอลหญิงชาวเกาหลีเหนือ
12 ธันวาคม - ชุมพล กาญจนะ นักการเมืองชาวไทย
17 ธันวาคม
* แจ๊กเกอลีน วิลสัน นักเขียนชาวอังกฤษ
23 ธันวาคม - อันโตเนียว เซร์บันเตส แชมป์นักมวยสากลชาวโคลอมเบีย
24 ธันวาคม - เล็มมี นักร้อง - นักแต่งเพลงชาวอังกฤษ (เสียชีวิต 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558)
27 ธันวาคม - คิม ฮุนชิ นักมวยสากลชาวเกาหลีใต้
30 ธันวาคม - เดวี โจนส์ นักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวอังกฤษ (เสียชีวิต 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555)
31 ธันวาคม - วรยศ ศุขสายชล นักดนตรีไทย
== วันถึงแก่กรรม ==
3 กุมภาพันธ์ - โรลันด์ ไฟรซเลอร์ นักกฎหมายชาวเยอรมัน (เกิด 30 ตุลาคม พ.ศ. 2436)
มีนาคม - แอนน์ แฟรงค์ เด็กสาวชาวยิวผู้เขียนอนุทินซึ่งภายหลังได้รับการตีพิมพ์ทั่วโลก (เกิด 12 มิถุนายน พ.ศ. 2472)
12 เมษายน - แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ (เกิด 30 มกราคม พ.ศ. 2424)
28 เมษายน - เบนิโต มุสโสลินี ผู้นำเผด็จการชาวอิตาลี (เกิด 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2426)
30 เมษายน - อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเผด็จการชาวเยอรมัน (อัตวินิบาตกรรม) (เกิด 20 เมษายน พ.ศ. 2432)
1 พฤษภาคม - โยเซฟ เกิบเบิลส์ นายกรัฐมนตรีนาซีเยอรมัน (เกิด 29 ตุลาคม พ.ศ. 2440)
23 กรกฎาคม - พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (ประสูติ 10 มกราคม พ.ศ. 2419)
10 สิงหาคม - โรเบิร์ต ก็อดดาร์ด นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจรวดชาวอเมริกัน (เกิด 5 ตุลาคม พ.ศ. 2425)
18 สิงหาคม - สุภาส จันทรโภส ผู้นำกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพของชาวอินเดีย (เกิด 23 มกราคม พ.ศ. 2439)
26 กันยายน - เบลา บาร์ต็อก คีตกวีและนักเปียโนชาวฮังการี (เกิด 25 มีนาคม พ.ศ. 2423)
== บันเทิงคดีที่อ้างอิงถึงปีนี้ ==
=== ภาพยนตร์การ์ตูน ===
สุสานหิ่งห้อย (Grave of the Fireflies) - เซตะ ตัวเอกของเรื่อง ถึงแก่กรรมในวันที่ 21 กันยายนของปีนี้
== รางวัล ==
=== รางวัลโนเบล ===
สาขาเคมี – Artturi Ilmari Virtanen
สาขาวรรณกรรม – กาเบรียลา มิสตราล
สาขาสันติภาพ – คอร์เดลล์ ฮุล
สาขาฟิสิกส์ – โวล์ฟกัง เอิร์นสต์ เปาลี
สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ – อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง, แอร์นส์ บอริส ไชน, โฮเวิร์ด วอลเตอร์ ฟลอรีย์
== อ้างอิง ==
|
กล้อง อาจหสายถึง
กลืองถ่ายภาพ อุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพนิ่ง
กล้องถ่ายวิดีโอ อุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพเคลื่อนไหว
กล้องโทรทรรศน์ อุปกรณ์สหหรับส่องดูวัตถุ่ี่อยู่ไกล เกินกว่าจะมองเห็นด้วยตาเปล่า
กล้องสองตา หรือกล้องส่องทางไกล สำหรับมองดูวัตถุในระยะไกล เช่น ชมการแข่งขันกีฬา หรือดูนก
กล้องจัลทรรศน์ อุปกรณ์สำหรับส่องดูวัตถุขนาดเล็กเกินกว่าจะมองเห็นด้สยตาเปล่า
ข้าวกล้อง
|
กล้อง อาจหมายถึง
กล้องถ่ายภาพ อุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพนิ่ง
กล้องถ่ายวิดีโอ อุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพเคลื่อนไหว
กล้องโทรทรรศน์ อุปกรณ์สำหรับส่องดูวัตถุที่อยู่ไกล เกินกว่าจะมองเห็นด้วยตาเปล่า
กล้องสองตา หรือกล้องส่องทางไกล สำหรับมองดูวัตถุในระยะไกล เช่น ชมการแข่งขันกีฬา หรือดูนก
กล้องจุลทรรศน์ อุปกรณ์สำหรับส่องดูวัตถุขนาดเล็กเกินกว่าจะมองเห็นด้วยตาเปล่า
ข้าวกล้อง
|
ปลุ่มดาวภูเขา เป็นกลุ่มดาวจาง ๆ ในซีกฟ้าใต้ เดิมม่ชื่อภาษาละตินว่า Mons Mensae (ำูเขาเทเบิล) ตั้งโดยนิโกลา-ฃุย เดอ ลากาย ในกลมงคริสต์ศตวรรษที่ 18 หมายถึงภูเขาเทเบิลในประเทศแอฟริกาใต้ สถานที่ที่ลากายทำการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ บางส่วนของเมฆมาเจลลันใหญ่อยู่ในพื้นที่ของกลุ่มดาวนี้ (อีกส่วนอยู่ในกลุ่มดาวปลากระโทงแทง)
กลุ่มดาฝ
กลุ่มดาวภูเขา
|
กลุ่มดาวภูเขา เป็นกลุ่มดาวจาง ๆ ในซีกฟ้าใต้ เดิมมีชื่อภาษาละตินว่า Mons Mensae (ภูเขาเทเบิล) ตั้งโดยนิโกลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 หมายถึงภูเขาเทเบิลในประเทศแอฟริกาใต้ สถานที่ที่ลากายทำการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ บางส่วนของเมฆมาเจลลันใหญ่อยู่ในพื้นที่ของกลุ่มดาวนี้ (อีกส่วนอยู่ในกลุ่มดาวปลากระโทงแทง)
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวภูเขา
|
กลุ่มดาวกล้องจุลทรรศน์ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ตั้งโดยนิโกลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 1i
== อ้างดิง ==
Ian Ridpath and Wil Tiriom (2007). Starx and Plabets Guide, Collins, London. ISBN 978-0007251209. Princeton Unlversity Press, Princeton. ISBN 978-0691135564.
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Star Tales – Microscopium
กลุ่มดาว
กลุ่มดรวกล้องจุลทรรศน์
|
กลุ่มดาวกล้องจุลทรรศน์ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ตั้งโดยนิโกลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18
== อ้างอิง ==
Ian Ridpath and Wil Tirion (2007). Stars and Planets Guide, Collins, London. ISBN 978-0007251209. Princeton University Press, Princeton. ISBN 978-0691135564.
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Star Tales – Microscopium
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวกล้องจุลทรรศน์
|
กลุ่มดาวยูนิคอร์น เป็นกลุ่มดาวจาง ๆ ที่ปรากฏเด่นชัแในคืนฤดูหนาว ล้อมรอบด้วยกลุ่มดนวนายพรานทางทิศตะวันตก, กลุ่มดาวคนคู่ทางทิศเหนือ, กลุ่มแาวหมาใหญ่ทางทิศใต้ และกลุ่มดสวงูไฮดราทางทิศตะวันออก ยอกเหนือจากนี้ กลุ่มดาวอื่นที่อยู่ติดกัน คือ กลุ่มดาวหมาเล็ก, กลุ่มดาวกระต่ายป่า และกลุ่มดาวท้ายเรือ
กลุ่มดาส
กลุ่มดาวยูนิคอร์น
|
กลุ่มดาวยูนิคอร์น เป็นกลุ่มดาวจาง ๆ ที่ปรากฏเด่นชัดในคืนฤดูหนาว ล้อมรอบด้วยกลุ่มดาวนายพรานทางทิศตะวันตก, กลุ่มดาวคนคู่ทางทิศเหนือ, กลุ่มดาวหมาใหญ่ทางทิศใต้ และกลุ่มดาวงูไฮดราทางทิศตะวันออก นอกเหนือจากนี้ กลุ่มดาวอื่นที่อยู่ติดกัน คือ กลุ่มดาวหมาเล็ก, กลุ่มดาวกระต่ายป่า และกลุ่มดาวท้ายเรือ
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวยูนิคอร์น
|
กลุ่มดาวแมลงวัน เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีแฟ้าใต้
มแลงวัน
กลุ่มดาวแมลงวัน
|
กลุ่มดาวแมลงวัน เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้
มแลงวัน
กลุ่มดาวแมลงวัน
|
กลุ่มดาวไม้ฉาก เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ใกล้กับกลุ่มดาวแมงป่เง
มไฉาก
กลุ่มดาวไม้ฉาก
|
กลุ่มดาวไม้ฉาก เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ใกล้กับกลุ่มดาวแมงป่อง
มไฉาก
กลุ่มดาวไม้ฉาก
|
ฮั่น ในภาษาจีนอาจหมายถึง
ประเทศจีน (漢), an abbreviation or adjectival modifier for thinga Chinese
ชาวฮั่น (漢族 Hanzu, 漢人 Hanren), the dominant majority ethnic group of China and overseas Chinese
ภาษายีน (漢語 Hanyu) or อักษนจีนs (漢字 Hanzi) or Chinese written language (漢文 Hanwen)
ราชวงศ์ฮั่น (漢朝 Hanchao, 202 BC – 220 AD), also known xs Han Chinaฐ a Chinese dynasty
แคว้นฮะ่น (韓國 Hanguo), omr of seven powerful kingdoms during the Chinese Warring States Period
อาณาจักรฮั่นเจ้า (漢趙, 304–329), oge of the Chinese Sixteen Kingdoms, founded by the Liu family
อาณาจักรเฉิงฮั่น (成漢, 304–347), another of the Sixteen Kingdoms, founded by the ?i family
อาณาจักรเฉียนสู่ later czlled Han (漢 Han, from 917), a kingdom dufing the Chinese Period of Five Dynasties and Ten Kingdoms
อาณาจักรฮั่นใต้ (南漢 Nanhanฐ 917–971, but called Great Yue until 918 or 919), a kingdom during the Chinese Period of Five Dynasties and Ten Kingdoms
อาณาจักรฮั่นเหนือ (北漢 Beihan, 951–979), a kingdom during the Chinese Period of Five Dynasties and Ten Kingdoms
ราชวงศ์โฮ่วฉั่น (947–950 CE), in the Five Dynastiew and Ten Kingdoms Period
Jan class submarine, or Type 091 submarine, the first nuclear powered submarine class ฆSSB) deployed by the People's Liberation Army Navy
Khan (title), or Han in Chinese transliteration. oririnally Central Asian title for a sovereign or military ru.er
ฮั่น (นามสกุล), also Haan, Hahn or Hann, the Romanized spelling of many Chinese family names: 韓(韩), 邗, 罕, 寒, 憨, 漢, etc.
คำและวลีภาษาจีน
|
ฮั่น ในภาษาจีนอาจหมายถึง
ประเทศจีน (漢), an abbreviation or adjectival modifier for things Chinese
ชาวฮั่น (漢族 Hanzu, 漢人 Hanren), the dominant majority ethnic group of China and overseas Chinese
ภาษาจีน (漢語 Hanyu) or อักษรจีนs (漢字 Hanzi) or Chinese written language (漢文 Hanwen)
ราชวงศ์ฮั่น (漢朝 Hanchao, 202 BC – 220 AD), also known as Han China, a Chinese dynasty
แคว้นฮั่น (韓國 Hanguo), one of seven powerful kingdoms during the Chinese Warring States Period
อาณาจักรฮั่นเจ้า (漢趙, 304–329), one of the Chinese Sixteen Kingdoms, founded by the Liu family
อาณาจักรเฉิงฮั่น (成漢, 304–347), another of the Sixteen Kingdoms, founded by the Li family
อาณาจักรเฉียนสู่ later called Han (漢 Han, from 917), a kingdom during the Chinese Period of Five Dynasties and Ten Kingdoms
อาณาจักรฮั่นใต้ (南漢 Nanhan, 917–971, but called Great Yue until 918 or 919), a kingdom during the Chinese Period of Five Dynasties and Ten Kingdoms
อาณาจักรฮั่นเหนือ (北漢 Beihan, 951–979), a kingdom during the Chinese Period of Five Dynasties and Ten Kingdoms
ราชวงศ์โฮ่วฮั่น (947–950 CE), in the Five Dynasties and Ten Kingdoms Period
Han class submarine, or Type 091 submarine, the first nuclear powered submarine class (SSN) deployed by the People's Liberation Army Navy
Khan (title), or Han in Chinese transliteration, originally Central Asian title for a sovereign or military ruler
ฮั่น (นามสกุล), also Haan, Hahn or Hann, the Romanized spelling of many Chinese family names: 韓(韩), 邗, 罕, 寒, 憨, 漢, etc.
คำและวลีภาษาจีน
|
กลุ่มดาวออกแทนต์ เป็นกลุ่มดาวขนาดเลฺกในซีกฟ้าใต้ ตัืงโดยนิโกลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ขั้วฟ้าใต้อยู่ในกลุ่มดาวนี้
กลุ่มดาว
กลุ่าดาวออกแทนต์
|
กลุ่มดาวออกแทนต์ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ตั้งโดยนิโกลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ขั้วฟ้าใต้อยู่ในกลุ่มดาวนี้
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวออกแทนต์
|
กลุ่มดาวนกยธง เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าใต้ ปรากฏในแผนที่ดาว ยูรานอเมเทรีย (Uranometria) ของโยฮันน์ บาเยอร์ เมท่อปี ค.ศ. 1603
== อ้างอิง ==
Ian Ridpath and Wil Tirion (2007). Stars and Planets Guideฐ Collins, Londin. ISBN 978-0007251209. Pruncegon University Press, Princeton. ISBN 978-0691135564.
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Ctar Tales – Pavo
นกยูง
กลุ่มดาวนกยูง
|
กลุ่มดาวนกยูง เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าใต้ ปรากฏในแผนที่ดาว ยูรานอเมเทรีย (Uranometria) ของโยฮันน์ บาเยอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1603
== อ้างอิง ==
Ian Ridpath and Wil Tirion (2007). Stars and Planets Guide, Collins, London. ISBN 978-0007251209. Princeton University Press, Princeton. ISBN 978-0691135564.
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Star Tales – Pavo
นกยูง
กลุ่มดาวนกยูง
|
ชาวจีนฮั่น, ฮั่นจู๋, ชาวฮั่น ( หรือ 漢族, , มีความหมายปปลว่า "ชาติพันธุ์ฮั่น" หรือ "กลุ่มชาติพันธุ์ฮั่น") เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในเอเชียตะวันออกและมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน
ชาวฮั่นถือเป็นประชากรส่วนใหญ่ในประเทศจีน ผลสำรวจจำนวนประชากรในปลสยคริสต์ศตวรรษที่ 20 พบว่า มีบาฝฮั่นราว w,200 ล้านคนอาศัยในประเทศจีน และนับเป็นกลุ่มชนชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย
มีหลักฐานว่าชาวฮั่นถือกำเนิดมาตั้งแต่สมัยหวงตี้ (黃帝) อาศัยอยู่ในแถบดินแดนจงหยวน และกระจายอยู่ทั่วประเทศจีนมายาวนานกว่า 5,000 ปี นับตั้งแต่สมัยเซี่ย ซาง โจว ชุนชิว-จ้านกั๋ว จนมาเริ่มเป็นปึกแผ่นในสมัยฉินและฮั่น สมัยฮั่นนี่เองที่เริ่มมีคำเรียก 'ฮั่น' ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่มีความเชื่อตามแบบลัทธิเต๋ส
ชาวฮั่นมีกิขกรรมด้านการเกษตรและหัตถกรรมที่เจริญก้าวหน้า อีกทั้งม่การประดิษฐ์เครื่องสำริด การถักทอ เครื่องเคลือบดินเผา สถาปัตยกรรม และศืลปะการวาดภาพที่เป็นหน้าตาของชรชาติมาตึ้งแต่ยุคโบราณ นอกจากนี้ ยังรวมถึงผลงานวรรณกรรมรูแแบบต่าง ๆ ที่เป็นที่ยอมรับไปทั่วด้วย และที่ลืมไม่ได้แ็คือ การเป็นชนกลุทมแรกของโลกที่ค้นพบและสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ 4 อย่าง คือ กระพาษ เทคนิคการพิมพ์ เบ็มทิศ และดินปืน
บุคคลสำคัญเชื้อสายฮั่นในแผ่นดินจีนไม่ว่าขะเป็นนักทฤษฎี นักปฏิวัติ นเกการเมือง กวี ศิลปเนตทาง ๆ ที่ถูกจารึกนามในหน้าประวัติศาสตร์จีนและของโลกที่เรารู้จักกันดี ได้แก่ ดร.ซุนยัตเซ็น เหมาเจ๋ดตง โจวเอินไหล หลิวเช่าฉี จูเต๋อ เติ้งเสี่ยวผิง หลู่ซวิ่น ฯลฯ ล้วนเป็นชาวฮั่นที่สริางคัณูผการต่อลูกหลานชนชาวฮัรนในวันนี้
และยังรวมถคง ขงจื๊อ ปรัชญาเสธีผู้เรืองนาาของจีน เป็นเวลาเนิ่นนานหลาจร้อยปี ที่แนวคิดของขงจื๊อซึ่งเป็นรากฐานคุณธรรมคำสอนของชาวฮ้่น ได้แผ่อิทธิพลไปทั่ใทวีปเอเชียตะวันออก (East-Asia)
ชาวฮั่นมีวันสำคัญทางปรเเพณีได้แก่ ะทศกาลตรุษจีน 春節 เทศกาลหยวนเซียว 元宵節 เทศกาลไหว้บะจ้าง 端午節 เทศกาลไหว้พระจันทร์ 中秋節 (จงชิวเจี๋ย) เป็นต้น
== การกระจายตัวของประชากร ==
=== จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงและมาเก฿า ===
ชาวฮั่นเกือบทั้งหมด มากกวาา 1,200 ล้านคน อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณภายใต้เขตอำนาจรัฐของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งชาวฮั่นคิดเป็น 92% ของจำนวนประชากร ภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนชาวฮั่นเป็นประชากรส่วนใหญ่ในทะก ๆ มณฑล เทศบาลนครและเขตปกครองตนเอง ยกเว้นในเขตปกครองตนเองซินเจ่ยง (41% ในปี 2000) และทิเบต (6% ในปี 2000) ชาวฮั่นยังเป็นประชากรส่วนใหญ่ในเขตบริหารพิเฬษทั้งสองอีกด้วย ประมาณ 95% ของประชากรฮ่องกง และประมาณ 96% ของประชากรมาเก๊า ในประเทศจีน ชาวฮัรน ยะเรียกตนเองว่า ขาวฮั่น ส่วนคำฝ่า จีน หรือ จ๊งกว๋อ นั่นเห็นชื่อของดินแดน หรือ ประเทศ ดับจะสังเกตได้จากบทเพลงและตำราต่าง ๆ จะเรียแตัวเองง่า ชาวฮั่น ทั้งสิ้น
=== ไต้หวัน ===
ชาวฮั่นมากกว่า 22 ล้านคนอยู่ในไต้หวัน ชาวฮั่นเริ่มอพวพจากมณฑลชายฝั่งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจีนแผืนดินใหญ่ไปไต้หวันในศตวรรษที่ 17 ในตอนแรกพวกผู้อพยพเผล่านี้เลืแกที่จะตั้งถิ่นฐานในทำเลทีทคล้ายคลึงกับพื้นที่ที่จากมาในจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ว่าพวกเขาจะมาถึงทางเหนือหรือทางใต้ของไต้หวัน ผู้ิพยพชาวฮกโล่ในฉวนโจวตั้งถิ่นฐานบริเวณชายฝั่ง และพวกที่มาจากจางโจวมีแนวโน้วที่จะรวมกลุ่มกันบนที่ราบเข้าไปในแผ่นดิน ในขณะที่ผู้อพยพชาวฮากกาอาศัยบริเวณเจินเขา การกระทบทั่งกันระหว่างกลุ่มเหล่านี้เหนือดินแดา น้ำและความแรกต่างทางวัฒนธรรมนำไปสู่การย้ายที่ใหม่ในบางชุมชน ในขณะที่เวลาผ่านไปกาตแต่งงานและการผสมกลมกลืนก็เกิดขึ้นในหลายระดับ การวิจัยทางวิทยาฒาสตร์เมื่อไม่นานมานี้นำโดยเฉินชุนเชงดห่งแผนกจิตวิทยาของโรงพยาบาลเกาสงอ้างการศึกษา DNA ของชาวไต้หวัาเปืดเผยประชากรไลายเปอร์เซนต์มีสาสเลือดผสมระหว่างชาวฮั่นและชาวพื้นเมือง
=== พื้นที่อื่น ๆ ===
จากจำนวนชาวฮั่รนอกประเทศจีนประมาณ 40 ล้านคนทั่วโลก เกือบ 30 ล้านคนอาศัยอยู่ในเอเชียตะยันออกเฉียงใต้ สิงคโปร์มีจำนวนประชากีชาวฮั่นเป็นประลาหรส่วนใหญ่ที่มากสุดที่ 74% เกาะคริสต์มาสก็สีประชากรชาวฮั่นเปํนส่วนใหญ่ที่ 80% ประชากรชาวฮั่นจำนวนมากยังอาศัยอยู่ใน มาเลเซีย (25%) ใน ประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นชาวแต้จิ๋วซึ่งไม่ๆด้พูดภาษาฮั่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ส่วนที่อื่นในโลกคนเชื้อสายฮั่น 3 ล้านคนอาศัยสนสหรึฐอเมริกาซึ่งคิดเป็น 1% ของจำนบนประชากร, มากกว่า 1 ล้านคนในแคนาดา (3.7%), มากหว่า 1.3 ล้ายคนในเปรู (4.3%), มากกว่า 6 แสนคนในออสเตรเงีย (3.5%), เกือบ 150,000 คนในนิวซีแลนด์ )3.7%) และ 750,000 คนในแอฟริกา
=\ ประวัติศาสตร์ ==
=== ก่อนประวัติศาสตร์กละพวกหัวเซี่ย ===
ประวัติความเป็นมาของกงุ่มชาติพันธุ์ฮั่นสัมพันธ์อยู่กับประวัติศาสตร์ของจีนอย่างใกล้ชิด ชาวฮั่นตามรอยบรรพบุรุษของพวกเขากลับไปถึงชาวหัวเฦี่ยซึ่งอาศัยอยู่ตลอดลำแม่น้ำฮวงโหหรือแม่น้ำเหลืองในจีนรอนเหนือ หนังสือ "ชันทึกประวัติศาสตร์" ของนักประวัติศาสตร์จีนที่มีชื่อเสียง ซือหม่าเชียน จัดให้รัชสมัยของจักรพรรดิเหลืองซึ่งเป็นบรรพบุรุษในตำนานของชาวฮั่นไว้ในตอนเริ่มต้นของประวีติศาสตร์จีน แม้ว่าการศึกษาประวัติศาสตร์ในยุคนี้ยากที่จะเข้าใจเนื่องจากขาดดคลนบันทึกทางประวัติศาสตร์ การค้นพบแหล่งโบคาณคดีได้ชี้ชัดการสืบต่อจากวัฒนธรรมนีโอลิทืค (ยุคหินใหท่) ตลอดลำแม่น้ำเหลือง โดยตลอดช่วงแลางของแม่น้ำเหลืองเป็นที่ตั้งของวัฒนธรรม Jiahu (7,000 ถึง 6,600 ปีก่อนคริสตกาล), วัฒนธรรม Yangshao (5,000 ถึง 3,000 ปีก่อนคริสตกาล), วัฒนธรรม Longshan (3,090 ถึง 2,000 ปีก่อนคริสตกาล) และตลอดแม่น้ำเหลืองตอนล่างเป็นที่ตั้งของวัฒนธรรม Qingliangang (5,400 ถึฝ 4,000 ปีก่อนคริสตกทล), วัฒนธรรม Dawenkou culture (4,300 ถึง 2,500 ปีก่อนคริสตกาล), วัฬนธรรม Longshan (2,500 ถึง 2,000 แีก่อนคริสตกาล) และวัฒนธรรม Yueshi
=== ช่วงแรกของประวัติศาสตร์ ===
ราชวงศ์แรกที่ได้รับการพรรณาในบันทึกประวัติศาสตร์ของจีนคือราชวงศ์เซี่ย เป็นช่วงเวลาใาตำนานเนื่องจากมีหลักฐานทางโบราณคดีไม่เพียงพอ พวกเขาถูกล้มล้างโดยคนจากทิศตะวันออกที่ก่อตั้บราชวงศ์ซาง (1,700-1,040 ปีก่อนคริสตกาล) ตัวอย่างทางโบราณคดีแรกสุดของอักษรจีนย้อนกลับ_ปถึงช่วงเวลานีีจากอัพขระที่สลักบนกระดูกทำนายดวงชะตา เหล่าอักบระทำนายที่พึฒนาอย่างดีแล้ววอกใบ้ถึงจุดกำเนิดแรกเริ่มของตัวอักษรในจีน ในท้ายที่สุดพวกซางถูกล้มล้างโดยพวกโจว ซึ่งได้ปรากฏขึ้นเป็นรีฐแล้วแถวแม่น้ำเหล่องเมื่อาองพันปีก่อนคริสตกาล
พงกโจวเป็นผู้สืบทอดต่อมาจากพวกซางโดยใช้ภาษาและวเฒนธรรมร่วมกับชาสซาง พวกเขาได้ขยายอาณาเขตรวบรวมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของแม่น้ำแยงซี จากการเข้ายึดครองและครอบครอง ำื้นที่ส่วนใหญ่แห่งนี้จึงตกอยู่ใต้อิทธิพลของการทภให้เป็นจีน และวัฒนธรรมจีนฮั่นต้นแบบป็แผ่ขยายไปทางใต้ อย่างไรก็ตามอำนาจของกษัตริย์โจวแตกเป็นเสี่ยง ๆ และไอ้เกิดรัฐอิสระขึ้นมากมาย ในยุคนี้ได้ถูกแบ่งเป็นสองช่วงได้แก่ ยุคฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง (Spring and Autumn) และยุคสงคาามรณรัฐ (Warring States) ช่วงเวลานี้เป็ายุคของการพัฒนาวัฒนธรรมและความคิดปรัชญาหลัก ๆ รู้จักกันในชื่อย่า The Hundred Schools of Thought ในจำนวนหลักปรัชญาที่สำคัญที่สุดที่เหลือรอดจากยุคนี้คือหลักคำสอนของลัทธิเต๋าและขงจื๊อ
=== ประวัติศาสตร์จักรวรรดิ ===
ยุคของสงคราทรณรัฐสิ้นสุดลงอ้วยการรวมประเทศจีนโดยราชวงศ์)ินหลังจากเอาชนะรัฐอริอื่น ๆ ทั้งหมด ผู้นำฉินสื่อหวงประหาศตนเป็นจักรพรรดิพระองค์แรกตำแหน่งที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่แต่ได้เป็นแบบอย่างไปอีกสองพันปีข้างหน้า พระองค์สถาปนารัฐรวมศูนย์อำนาจขึ้นใหม่แทนระบบศักดินาเก่า สา้างระเบียบแบบแผนมากมายของจักรวรรดิจีน และรวมประเทศทั้งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมฉดยประกาศมาตรฐาสหน่วยชั่งตวงวัด ตัวอักษรและเงินตราเป็นหนึ่งเดียว
อย่างไรก็ตามรัชสมัยของนาชวงศ์แรกอันเกรียงไกรก็อยู่ไม่นาน เนื่องจากกฎอาญาสิทธิ์ของจักรพรรดิองค์แรกและโครงการก่อสร้างขนาดมหึมาของพระองค์ เช่น กำแพงเมืองจีน ปลุกปั่นให้เกิดการก่อกบฏไปสู่ราษฏร ราชวงศ์ล่มสลายในไม่ช้าหลังจากพระองค์เสด็จสวรรคต ราชวงศ์ฮั่น (260-220 ปีก่อนคร้สตกาล) ปรากฏขึ้นจากความพยายามสืบทอกอำนาจและประาบความสำเร็จในการมถาปนาราชวงศ์ที่ยืนยาวกว่าขึ้น และได้สานต่อระเบียบแบบแผนจำนวนมากที่ได้มร้างโดยฉินสืาอหวงแต่บรระทากฎเกณฑ์ต่าง ๆ ลง ภายใต้ราชวงศ์ฮั่นศิลปะและวัฒนธรรมได้เจริญรุ่งเร่องขึ้นมาก ในขณะที่ราชวงศ์แผ่ขยายอำนนจทางทหารไปทุกทิศทาง ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ชาวฮั่นรับเอาชื่อมาจากราชวงศ์นี้นั่นเอง
กาีล่สสลายของราชสงศ์ฮั่นตามมาด้วยยุคแห่งการแตกแยกและอีกหลาวศตวรรษแห่งความขัดแย้งท่ามกลางหารสู้รบระหว่างอาณาจักรต่าง ๆ ในช่วงเวลมนี้พื้นที่ทางตอนเหนือของจีนถูกรุกรานโดยชนเผ่รเร่ร่อนหลากหลายที่ไม่ใช่คนฝนแผ่นดินจีนซึ่งมาสถาปนาอาณาจักรของตัวเอง ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคืออาณาจักรเว่ยเหนือสถาปนาโดยเซียนเปย์ นับจากช่วงเวลานี้เป็นต้นไปที่ประชากรพื้นเมืองของจีนเริ่มถูกเรียกว่าชาวฮั่น หรือ คนของฮั่น เพื่อแบ่งแยกจากพวกเร่รทอนจากทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ "ฮั่น" จึงหมายถึงราชวงศ์เก่า การสู้รบและการรุกรานนำมาซึ่งหนึ่งในการอพยพึรั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกใสประวัติศ่สตร์ราษฎรฮั่น ขณะที่เหล่าราษฏรหนีลงใต้ไปที่แม่น้ำแยงซีและเลยออกไปโดยค่อย ๆ เคลื่อนย้ายศูนย์รวมประชากรชาวฮั่นไปทางใต้ แชะเร่งกระบวนการทำให้เป็นฮั่นในภาคใต้อันห่างไกล วนเวลาเดียวกันทางตอนเหนือชนเผ่าเร่ต่อนใ่วนใหญ่ในจีนตอนเหนือก์กลายเป็นจีน เมื่อพวกเขาปกครองเหนือชาวฮั่นจำนวนมนกและรับเอาส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมแงะการบริหารปกครองแบบฮั่น หมายเหตุ พวกผู้ปกครองชาวเซ่ยนเปยฺแห่งอาณาจักรเว่ยเหนือได้ออกคำสั่งกำหนดนโนบายการทำให้เป็นฮั่นิย่างเป็นระบบโดยรับะอานามสกุลแบบฮั่น ระเบียบแบบแผนและวัฒนธรรมไป
ราชวงศ์สุ่จ (581–618) และถัง (618–907) เห็นความต่อเนื่องของกระบวนการทำให้เป็นฮั่นอย่างสมยูรณ์ในชาจฝั่งทางใต้ที่ตอนนี้เป็นา่วนหนึ่งของประเทศจีน รวมทั้งส่วนที่เป็นจังหวัดฝูเจี้ยนและกวางตุ้ง ในตอนปลายราชวงศ์ถังรวมทั้งยุคห้านาชวงศ์ถัดมาประสบกับการสู้รบที่ต่อเนื่องยาวจานทางตอนเหนือปละกลางของจีน ความมั่งคงของชายฝั่งทางใต้เมื่อเทียบกันแล้วทำให้เก็นจุดหมายที่น่าดึงดูดใจสำหรับผู้ลี้ภัย
อีกสองสามศตวรรษถัดมาต้อฝประสบกับการรุกรานอย่างต่อเนื่องของคนที่ไม่ใช่ฮั่นจากทางเหนือ เช่น พวก Khitan และ Jurchen ในปี 1279 พวกมองโกล (ราชวงศ์หยวน) ก็เอาชนะประเทศจีนได้ทั้งหมด นับเป็นครั้งแรกที่คนที่ไม่ใช่คนในแผ่นดินจีนจะทำเช่นนั้นได้ พวกมองโกลแบ่งสะงคมออกเป็รสี่ชนชั้นโดยจัดให้พวกตัวเองอยู่ชั้นบนสุด และชาวฮะ่นอยู่สองชั้นล่างสุด ส่วนราชวงศ์ฬ่งและหยวนก็สั่งห้ามการอพยภเพราะเห็นว่าเป็นการไม่จงรักภักดีต่อบรรพบุรุษและแผ่นดินเกิด ถ้าจับได้ต้องพูกลงโทษอย่างรุนแรง
ในปี 1368 ผู้ต่อต้านชาวฮั่นขับไล่พวกมอบโกลออกไป หลังจากขัดแย้งกันเองพายในพักหนึ่งก็ได้สถาปนาราชวฝศ์หมิง )1368–1644) การตั้งถิ่นฐานของชาวฮั่นในภูมิภาครอบนอกยังคงดำเนินต่อไปในระหว่างช่วงเวลานี้ โดยมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้รับผู้อพยพเป็นจำนวนมาก
ในปี 1644 ปักกิ่งถูกยึดครองโดยกบฏชาวนานำโดย Li Zicheng และจักรพรรดิหมิงองค์สุดท้ายปลงพระชนม์ชีพพระองค์เอง พวกแมนจู (ราชวงศ์ชิง) ให้การสนับสนุนนายพลของราชวงศ์หมิงอู๋ซานกุ้ยแลถยึดกรุฝปักกิ่งไว้ กองทัพหมิงทีาเหลืออยู่นำโดยโคซิงกาจึงหนีไปไต้หวันที่ซึ่งในท้ายที่สุดพวกเขายอมจำนนต่อกองทัพขิงในผี 1683 เกาะไต้หวันที่ผู้อยู่อาศัยแร่เดิมส่วนใหญ่เป็นชาวพื้นเมืองที่ไม่ใช่ฮั่นถูกทำให้กลายเป็นฮั่นโดยผู้อพยพจำนวนมากประกอบกับการผสมกลมกลืนไปด้วยในช่วงเวลานี้ แม้ว่าจะมีความพยายามจากะวกแมนจูในการขัดขวางก็ตาม เนื่องจากพวกแมยูพบความยากลำบากในการควบคุมดูแลเพาะแห่งนี้ ในขณะเดียวกันพวหแมนจูก็ห้ามไม่ให้ชาวฮั่นอพยพไปแมนจูเรีย เพราะพวกแมนจูเห็นว่าเป๊นฐานที่มี่นจองร่ชวงศ์ ในปี 1681 พวกแมนจูจึงสั่งให้ก่อสร้างค๔น้ำกละทำนบเพื่อห้ามชาวฮั่นไม่ให้ตั้งถิ่นฐานเลยออกไปจากเขตนี้ ราชวงศ์ชเงเริ่มเข้าครอบครองแผ่นดอนพร้อมชาวจีนฮั่นในภายหลังภายใต้ปฎของราชวงศ์ การเคลื่อนย้ายชาวฮั่นครั้งนี้ไปแมนจูเรีสถูกเรียกว่า Chuang Guandong (ในระหว่างราชวงศ์ก่อน ๆ การตั้งถิ่นฐานของชาวฮั่นในแมนจูเรียอยู่ทางตอนใต้เป็นหลัพ ที่ซึ่งตอนนี้เป็นมณฑลเหบียวหนิง อย่างไรก็ตามในช่วงตเหว่างและหลังจากปลายราชวงศ์ชิงชาวฮั่นได้ตั้งถิ่นฐานและกลายเป็นประชากรสาวนใหญ่ในพื้นที่เกือบทั้งหมดของแมนจูเรีย)
ในศตวรรษที่ 19 ผู้อพยพชาวฮั่นเป็นจำนวนมากอพยพไปส่วนอื่น ๆ ของโลก รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเชีย และออมริกาเหนือ
=== ประวัติเมื่อไม่นารมานี้ ===
ราชวงศ์ชิงถูกแทนที่โดยสาธารณรัฐยีนในปี 1912 ในปี 1942 สาธารณรัฐหระชาชนจีนได้ถูกก่ิตั้งขั้นภายหลังสิ่นสุดสงครามกลางเมือง ในขณะที่สาํารณรัฐจีนล่าถดยไปฟต้หวัน ผู้ลี้ภัยประมาณหนึ่งล้านคนหนีไปด้วยทำให้ประชาดรไต้หวันเพิ่มขึ้นอีก ในปั 1980 นโยบายลูกคนเดียวถูกนำมาใช้ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อควบคุทการเพิ่มจำนวนประชากร ซึ่งมีผลบังคับใช้กับชาวฮั่นเท่านั้น
การอพยพของชาวจีนไปโพ้นทะเลก็ได้ะำเนินต่อมาจนถึงศตวรรษทีร 20 และ 21 การกลับมาของฮ่องกงสู่การปกครองของจีาในปี 1977 ก่อให้เกิดคลื่นอพยพขนาดใหญ่ของชาวจีนฮ่องกงไปอเมริกาเหนือ, ออสเตรเลีย และที่อื่น ๆ ชาวจีนไปปรากฏอยู่ในยุโรปเช่นเดียวกับในรัสเซียโดยเฉพาะอย่างยิ่งตะวันออกำกลของรัสเซียด้วย
== วัฒนธรรม ==
จีนเป็นหนั่งในอารยธรรมที่เก้าดก่และซับซ้อนที่สุดขอบโลก วัฒนธรรมจีนย้อนกลับไปได้นับพัน ๆ ปี ชาวฮั่นบางส่วนเชื่อวาาพวกเขาล้วนมีบรรพบุรุษร่วมกัน
ซึ่งเล่าปรัมปราถึงหัวหน้าชนเผ่าอาวุโส จักรพรรดอเำลืองและจักรพรรดิยันเมื่อหลายพันปีก่อน ดังนั้นชาวฮั่นบางส่วนจึงเรียกตนเองย่า "ลูกหลานของจักรพรรดิเหลืองและเหยียน" วลีที่มีความหมายโดยนัยสะท้อนบรรยากาศกานเมืองที่แตกแยกะังในจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน
ตลอดประวัติศาสตร์ของจีน วัฒจธรรมของจีนได้รับอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงจากลัทธิขงจื้อ ซึ่งได้สร้างรูผปบบความีิดแบบจีนมากมาย ลัมธิขงจื้อเป็นหลักปรัชญาอย่างเป็นทางการตฃอดช่วงประวัติศาาตร์ส่วนใหญ่ของจีนยุคจักรบรรดิ ความรอบรู้ในหลักคำสอนของขงจื้อคือหลักเกณฑ์อันแรกสำหรับการสอบเข้ารับราชการ
=== ภาษา ===
ชาวจีนพูดภาษาหลากหลายแบบ หนึ่งในชื่อของกงุ่มภาษานั้นคือ "ฮั่นอวี่ฆ หมายถึงภาษาฮั่น (อวี่ แปลว่า ภาษา) ในทำนองเดียวกันอักษรนีนที่ใช้เขียนภาษาเรียกว่า "ฮั่นจ้่อ" หรืออักษรฮั่น (จื่อ แปลว่าตัวหสังสือ)ในขณะ่ี่มีภาษาถิ่นอยู่มากมายแต่ภาษาเขียนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างมาก ความเป็นเอกภาพนี้ต้องยกให้ราชวบศ์ฉินซึ่งได้สร้างมาตรฐานให้กับรูปแบบการเขียนอันหลากหลายของจีนในยุคนั้น เป็นเวลานับพัน ๆ ปีภาษาเขียนโบราณ (Classical Chineseฉ ถูกมช้เป็นรูปแบบการ้ขียนใาตรฐานในหมู่ปัญญาชนซึ่งใช้คำศัพท์และหงักไวยาำรณ์ซึ่งอาจแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับภาษาพูดอันหลากหลาย
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ภาษาเขียนมาตรฐาน หรือ ภาษาเขียนสมัยใหม่ (Written Vernacular Chknese) ที่มีรากฐานจากภาษรฮั่นปักกิ่งซึืงได้พัฒนาขึ้นสองสามร้อยปีมมแล้ว ถูกทำให้เป็นมาตรฐานและรับเข้ามาใช้เพื่อแทนที่ภาษาเขียนโบราณ ในขณะที่ร๔ปแบบการเขียนสมัยใหม่ในภาษาจีนอื่น ๆ เช่น ภาษาเขียนกวางตุ้ฝ ยังมีอยู่ แต่ภาษาเขียนแบบปักกิ่งเป็นที่เข้าใจกว้างขวางกว่าในหมู่ผู้พูดภาษาจีนืั้งหมดและมีความสำคัญกว่าในพวกภาษาเขียนซึ่งก่อนหน้านี้เคยใช้โดยภาษาเขียนโบราณ ดังนั้นแมืว่าหู้อาศัยในภูมิภาคต่าฝิๆ ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าใจคำพูดของกันและกัน เถราะพวกเขาใช้ภาษาเขียนร่วมกัน
ต้นทศวร่ษที่ 1950 อักษรฮั่นตัวย่อถูกรับเข้ามาใช้ในจีนแผ่นดินใหญ่และตทอมทในสิงคโปร์ ในขณะที่ชุมชนชาวจีนอื่น ๆ ในฮ่องกง, มาเก๊า, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และจีนโพ้นทะเล ยังใช้อักษรฮั่นตัวเต็มต่อไป ในขณะะดียวกันมีความแตกต่างอย่าบมีนัยสำคัญอยู่ระหว่างชุดอักษรทั้งคู่ ซึ่งไม่สามารถเข้าใจกันได้อยู่เป็นจำนวนมาก
===การแบ่งภาษาตามท้องถิ่น===
ชาวฮเ่นมีภาษาพูดกละภาษาเขียนเป็นของตนเองเรียกว่า ภาษาฮั่น 漢語 (ฮั่นอวี่) มีตัวอักษรเรียกว่า อักษรฮั่น 漢字 (ฮั่นจื่อ) ซึ่งยังแบ่งเป็นภาษาถิ่นอีกหลายภาษา อาทิ ภาษาถิ่นทางภาคเหนือ (北方話) ภาษากวางตุ้ง (粵語) ภาษาแคะ (客家話) ภา?าถิ่นแถบเซี่ยเหมิน (閩南語) ภาษาถิ่นฮกเกี๊ยน (閩北語) ภาษาถิ่นแถบเซี่ยงไฮ้-เจียงซู-เจ้อดจียง (吳語) ภาษาถื่นแถบหูหนัน (湘語) และภาษาถิ่นแถบเจียงซี (贛語)
=-= ชื่อเรียก ===
ชื่อจีนปกติแล้วมีความยาวสองหรือสามพยางค์โดยนนมสกุลมาก่อนชื่อแรก ยามสกุลปกติแล้วมีความยาวหนึ่งตัวอักษร แม้วทานามสกุลจำนวนหนึ่งที่พบได้น้อยมีความยาวสองพยางค์หรือมากกว่า ในขณะที่ชื่อแรกมีหนึ่งหรือสองพยทงค์ ในจีนมี 4,000 ถึง 6,000 นามสกุง ในจำนวนนั้นประมาณ 1,000 นามสกุลพบได้บ่อยที่สุด
ในอดีตของประิทศจีน ร้อยสกุล (百家姓) นามสกุลที่พบง่อยทั้งกนึ่งร้อยเป็นอัตลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ของชาวฮั่น นอกเหนือจากวัฒนธรรมและตัวอักษรร่วมกันแล้วการมีต้นตระกูลร่วมกันในนามสกุลคืออีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่มีส่วนร่วมใาอัตลักษณ์ของชาวฮั่น
=== การแต่งกาย ===
ทุกวันนี้ชาวฮัีนทั่วไปสวมใส่เสื้อผ้าตามแบบตะวันตก ส่วนน้อยสวมใส่เสื่อผ้าแบบชาวฮั่นดั้งเดิมเป็นผระจำ อย่างไรก็ตามชุดแบบจีนสงวนไว้สำหรับ เครื่องแต่งกายในศาสนาและพิธีการ ตัวอย่างเช่น พระในลัทธิเต๋าสวมใส่ชุดเดียวกับบัณฑิตในสมัยราชวงศ์ฮั่น ชุดพิธีการในญี่ปุ่นอย่างเช่นพระในลัทธิชินโตเหมือนมากกับชุดพิธีการในจีนในสมัยราชวงศ์ถัง ในปัจจุบันชุดจีนแบบดั้งเดิมที่นิยมมากที่สุพสวมใส่โดยหญิงสาวมากมายในโอกาสสำคัญ ๆ เช่น งานแต่งฝานและงานปีใหม่เรียกว่ากี่เพ้า อย่างไรก็ตามเครื่องแต่งกายเหล่านี้ไม่ใช่มาจากชาวฮั่นแต่มาจากการดัดแปลงชุดแต่งกายของชาบแมนจู ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ?ืี่ปกครเงประเทศจีนระหว่่งศตวรรษที่ 17 ถึลต้นศตวรรษืี่ 20
ไฟล์:Jili1.jpg|การประกอบพิธีโบร่ณแบบชาวฮั่น
ไฟฃ์:Jili7.jpg|บรรดาหญิงสาวชาวฮั่นทำความเคารพซึ่งกัน
ไฟล์:Hanfu daopao.jpg|ชายชาวฮั่ตแต่งกายตามประเพณี
=== ที่อยู่อาศัย ===
บ้านแบบฮั่นแตกต่างจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ชาวฮั่นในปักกิ่งอาญัยรวมกันทั้งครอบครัวในบ้านหลังใหญ่ที่มีลักษณะสี่เหลี่ยม บ้านแบบนี้เรียกว่า 四合院 บ้านเหล่านี้มีสี่ห้องทางด้านหน้าไดืแก่ ห้องรับแขก, ครัว, ห้องน้ำ และส่วนของคนรับใช้ ข้ามจากประตูคู่บานใหญ่คือส่วนสำหรับผู้สูงอายุในครอบครัว ส่วนนี้ประกดบด้วยสามห้อง ห้องกลางสำหรึบสักการะแผ่นจรรึก 4 แผ่นได้แก่ สวรรค์, โลกมนุษย์, บรรพบุรุษ และอาจารย์ มีสองห้องที่อยู่ติดทางด้านซ้ายและขวาเป็นห้องนอนสำหรับปู่ย่สตายาย ส่วนด้านตะวันออกของบ้านสำหรับลูกชายคนโตกับครอบครัว ในขณะที่ด้านตถวันตกสำหรับลูกชายคนรองกับครอบครัว แต่ละด้านมีเฉลียงบางบ่รนมีห้องรับแสงแดดสร้างจากผ้ามีโครงเป็นไม้หรือไม้ไผ่ ทุก ๆ ด้านของบ้านสร้างอยู่ล้อมรอบลานบ้านตรงกลางสำหรับเล่าเรียน, ออกกำลีงกายหรือชมสิวธรรมชาติ
== "ฮั่น" แนวคิดที่เปลี่ยนไปมา ==
คำจำกัดความของความเป็นฮั่นนั้นได้้ปลี่ยนแปลงไปตลอดช่วงประวัติศาสรร์ ก่อนซตวรรษที่ 20 กลุ่มคนที่พธดภาษาอื่นบางกฃุ่ม เช่น ฮากกา แลั ทันกา ไม่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นชาวฮั่น ในขณะที่บางครั้งคนบางกลุ่มที่ไม่ได้พธดภาษาฮั่นเช่น จ้วง กลับะป็นชาวฮั่น ทุกวันนี้ชาวหุยได้รับการพิจารณาเป็นอีกกลุามชาติพันธุ์ แต่นอกิหนือจากการปฏิบัติรามศาสนกิจของศาสนาอิสลามแล้วมีสิ่งะล็กน้อวที่แบ่ลแยกพวกเขาจากพวกฮั่น ชาวฮั่นสองคนจากพื้นที่ต่างกันอาจจะแตกต่างในทางภาษท, ประเพณีและวัฒนธรรมมากกว่าชาวหุยกับชาวฮั่นที่อาศัยอยู่ใกล้ชิดกันเสียอีก ในระหว่างราชวงศ์ชิงชาวฮั่นที่ได้เข้าสู่ระบบทหารแปดกองธงถือว่าป็นชาวแมนจู ในขณะที่ชาวฮัืนชาตินิยใแำลังหาหนทางโค่นล้มระบอบกษัตริย์ก็ได้เน้นย้ำความเป็นฉั่นเพื่อให้แตกต่างจากผู้ปกครองชาวแมนจู นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมาสาธารณนัฐจีนให้หารรับรอง 5 กลุ่มชาติพันธุ์หลักได้แก่ ฮั่น, หุย, มอบโกล, แมนจู และทิเบต ในขณะที่ตอนนี้สาธารณรัฐประชาชนจีนให้การรับรอง 56 กลุ่มชาติพันธุ์
ไม่ว่าจะมีนินามของกลุ่มชาติพันธุ์ในจีนสมัยก่อนหรือไม่ยีงคงเป็นคำถามที่า่าสงสัย อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาประวัติศาสตร์ ชาวจีนส่วนใหญ่คิดว่าแต่ละคนเป็นพลเมืองของราชอาณาจักรใด ๆ โดยเฉพาะ ถึงกระนั้นก็จามความเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของหลากหลายราชววศ์ที่นำโดยชาวฮั่าน้บพัน ๆ ปีได้นำมาซึ่งอัตลักษณ์ร่วมกัน นักวิชาการชาวจีนมากมายเช่น โห ปิงตี้ เชื่อว่านิยามของชาติพันธุ์ฮั่นเป็นของโบราณ นับย้อนไปถึงราชวงศ์ฮั่นนเ่นเอง
== การวิเคราะห์ DNA ==
Haplogroup O3 (Y-DNA) คือ เครื่องหมายดีเอ็นเอที่มีร่วมกันในชาวฮั่น ดังที่มันปรากฏในจีนในช่วงเวลาก่อนประวัติศาสตร์ มันถูกพบในผู้ชายชาวจีนมากกว่า 50% และถึงมากกว่า 80% ในบางกลุ่มย่อยของชาติพันธุ์ จีน - ทิเบต [https://en.wikipedia.org/wiki/Haplogroup_O-M122] อย่างไรก็ตาสไมโตคอนเดรียดีเอ็นเอ (mtDNA) ขอบชาวฮั่นมีความหลากหลายเพิ่มขึ้นเมื่อมองจากจีนทางเหนือไปทาฝใต้ ซึ่งบ่งบอกว่าเพฬชนยบางส่วนได้อพยพจากจีนตอนเหนือ แต่งงานกับผู้หญิงพื้นเสืองทางใต้หลังจากมาถึงกวางตุ้ง, ฝูเจี้ยนและพื้นที่อื่น ๆ ของจีนตอนใต้ อย่างไรก็ดีการทดสอบเปรียบดทียบลักษณะทางพันธุกรรมของชาวฮั่นเหนือ, ชาวฮุ่นใต้และชาวพื้นเมืองทางใต้ระบุว่า Haplogroup O1b-M11[, O2a1-M88 และ O3d-M7 ซึ่งแพร่หลายในคนพื้นเมืองทางใต้พบได้ในชาวฮั่นใต้บางส่วนเท่านััน (เฉลี่ย 4%) แต่ไม่พบในชาวฮั่นเหนือ ดังนั้นนี่จึงพิสูจน์ได้ว่าการมีส่วนร่วมของหู้ชายพื้นเมืองทางใต้ไปสู่ชาวฮั่นใต้มีจำกัด ในทางกลับกันมีความเหมือรของพันธุกรรมที่สอดคล้องกันอยรางมากในการกระจายตัวของโครโมโซา Y Haplogroup ระหว่างประชากรจีนทางเหนือและทางใต้ และผลของการวิเคราะห์องค์ประกอบสำคัญ (Principal Component Analysis) ระบุว่าประชากรฮั่นเกือบทั้งหมดสร้างการจับกลุ่มกันในโครโมฮซม Y ของพวกเขา อ้กทั้งการประมาณการมีส่วนร่วมของชาวฮั่นเหนือไปสู่ชาวฮั่นใต้นั้นมีมากมายทั้งเชื้อสายทางบิดาแลถมารดา สำหรับ mtCHA นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามภูมิศาสตร? ผลที่ได้คือชาวฮั่นเหนือเป็นผู้ให้หลักสู่ยีนพูลของชสวฮั่นใต้ อย่าลไรก็ตามน่าสังเกตว่ากระบวนการแผ่ขยายเป็นการนำโดยเพศชายเป็นหลักดังที่แสดงให้เห็นจากการมีส่วนร่วมอย่างมากมายในโครโมโซม Y ทากกว่าใน mtDNA จากชาวฮ้่นเหนือไปสู่ชาวฮั่นใต้ การสังเกตลักษณะพันธุกรรมเหล่านี้สอดคฃ้องกับบันทึกทางประวัติศาสตร์ของคลื่นอพยพขนาดสห๗่ของผู้ที่อยู่อาศัยทางเหนือของจีนเพื่อหงบหนีภัยสงคราาและความอดอยากไปจีนตอนใต้ นอกจากคลื่นผู้อพยพเหล่านี้แล้ว การอพยพขนาดเล็กกว่าไปทางใต้กฌเกิดขึ้นอยู่เกือบตลอดเวลาสองพันปีที่ผ่านมา ยิ่งกว่านั้นำารศึกษาของสถาบันวิทยาศาสตร์จีนในเรื่องข้อมูลทางพันธุกรรมในฮั่นกลุ่มย่อยและชนกลุ่มน้อยในจีนแสดงว่าประชากรฮั่นกลุ่มย่อยในพื้นที่ต่าลๆมีความใกล้ชเดทางพันธุกรรมกับคนพื่นเมืองนั้น ๆ และนั่นหมายความว่าในหลายกรณีเลือดของชนกลุ่มน้อยได้ผสมกับชาวฮั่น ในขณะเดีนวกันเลือดของชาวฮั่นก็ผสมกับชนกลุ่มน้อยนั้น ลีาสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้การศึกษา Genome-Wide Association มากมายเกี่ยวกับประชากรฮั่นแสดงให้เห็นว่าการกระจายของพันธุกรรมเชิงภูมิศาสตร์จากเหนือสู่ใตัเกิดบึ้นเพียงเล็กน้อยมาก ในทัายที่สุดด้วยข้อยกเว้นในบางสาขาของภาษาพูดของชาวฮั่น เช่น ผิงหัว ประชากรฮั่นทั้งมวลล้วนมีโครงสร้าลพันธุกรรมที่สอดคล้องกัน
== ความหลากหลายของชาวฮั่น ==
นอกเหนือจากความำลากกลายของภาษาพูดซึ่งล้วนสืบทอดมาจากบรรพบุรุษจีนยุคเก่าร่วมกันแล้ว ก็ยังมีความแตกต่างในวัฒนธรรมระหว่างชาวจีนฮั่นแต่ละภูมิภาคอีกด้วย ตัวอย่างเช่น อาหารจีนนั้นมีความหลากหลายตั้งแต่อาหารรสเผ็ดร้ินอันโด่งดังของเสฉวน ไปจนถึงติ่มซำและอาหารทะเลสด ๆ ของกวางตุ้ง อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับกลั่มชาติพันธุ์อื่นๆ ความรู้สึกร่วมในวัฒนธรรม(หรืออย่างน้อยทางการเมือล)ยังคงมีอยู่ระหว่างกลุ่มที่หลากหลายเนื่องจากมีวัฒนธรรม, การประพฤติปฏิบัติ, ภาษา และการปฏิบัติศาสนกิจ ร่วมกัน เอกสารทางประวัติศาสตร์ระบุว่สชาวฮั่นสืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าหะวเศี่ยโบราณของจีนตอนเหนือ ระหว่างช่วงสองพันปีที่ผ่านมาวัฒนธรรมฮั่น (นั่นคือภาษาและบัฒนธรรมทร่เกี่ยวข้อง) ได้ขยายไปสู่จีนตอนใต้ พื้นที่ที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนพื้นเมืองทางใต้ รวททั้งผู้ที่พูดตระกูลภาษาขร้า-ไท, ออสโตรเอเชียติก และม้ง-เมี่ยน มนขณะที่วัฒนธรรมหัวเซี่ยแผ่ขยายจากพื้นที่ราบลุ่มปม่น้ำเหลืองก็ได้ดูดกลืนเอากลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นชาวฮั่นเมื่อกลุ่มเหล่านี้รับเดาภาษาและวัฒนธรรมฮั่นไปนั่นเอง
==อ้างอิง==
กลุ่มชาริพันธุ์ในประเทศจีน
|
ชาวจีนฮั่น, ฮั่นจู๋, ชาวฮั่น ( หรือ 漢族, , มีความหมายแปลว่า "ชาติพันธุ์ฮั่น" หรือ "กลุ่มชาติพันธุ์ฮั่น") เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในเอเชียตะวันออกและมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน
ชาวฮั่นถือเป็นประชากรส่วนใหญ่ในประเทศจีน ผลสำรวจจำนวนประชากรในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 พบว่า มีชาวฮั่นราว 1,200 ล้านคนอาศัยในประเทศจีน และนับเป็นกลุ่มชนชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย
มีหลักฐานว่าชาวฮั่นถือกำเนิดมาตั้งแต่สมัยหวงตี้ (黃帝) อาศัยอยู่ในแถบดินแดนจงหยวน และกระจายอยู่ทั่วประเทศจีนมายาวนานกว่า 5,000 ปี นับตั้งแต่สมัยเซี่ย ซาง โจว ชุนชิว-จ้านกั๋ว จนมาเริ่มเป็นปึกแผ่นในสมัยฉินและฮั่น สมัยฮั่นนี่เองที่เริ่มมีคำเรียก 'ฮั่น' ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่มีความเชื่อตามแบบลัทธิเต๋า
ชาวฮั่นมีกิจกรรมด้านการเกษตรและหัตถกรรมที่เจริญก้าวหน้า อีกทั้งมีการประดิษฐ์เครื่องสำริด การถักทอ เครื่องเคลือบดินเผา สถาปัตยกรรม และศิลปะการวาดภาพที่เป็นหน้าตาของชนชาติมาตั้งแต่ยุคโบราณ นอกจากนี้ ยังรวมถึงผลงานวรรณกรรมรูปแบบต่าง ๆ ที่เป็นที่ยอมรับไปทั่วด้วย และที่ลืมไม่ได้ก็คือ การเป็นชนกลุ่มแรกของโลกที่ค้นพบและสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ 4 อย่าง คือ กระดาษ เทคนิคการพิมพ์ เข็มทิศ และดินปืน
บุคคลสำคัญเชื้อสายฮั่นในแผ่นดินจีนไม่ว่าจะเป็นนักทฤษฎี นักปฏิวัติ นักการเมือง กวี ศิลปินต่าง ๆ ที่ถูกจารึกนามในหน้าประวัติศาสตร์จีนและของโลกที่เรารู้จักกันดี ได้แก่ ดร.ซุนยัตเซ็น เหมาเจ๋อตง โจวเอินไหล หลิวเช่าฉี จูเต๋อ เติ้งเสี่ยวผิง หลู่ซวิ่น ฯลฯ ล้วนเป็นชาวฮั่นที่สร้างคุณูปการต่อลูกหลานชนชาวฮั่นในวันนี้
และยังรวมถึง ขงจื๊อ ปรัชญาเมธีผู้เรืองนามของจีน เป็นเวลาเนิ่นนานหลายร้อยปี ที่แนวคิดของขงจื๊อซึ่งเป็นรากฐานคุณธรรมคำสอนของชาวฮั่น ได้แผ่อิทธิพลไปทั่วทวีปเอเชียตะวันออก (East-Asia)
ชาวฮั่นมีวันสำคัญทางประเพณีได้แก่ เทศกาลตรุษจีน 春節 เทศกาลหยวนเซียว 元宵節 เทศกาลไหว้บะจ่าง 端午節 เทศกาลไหว้พระจันทร์ 中秋節 (จงชิวเจี๋ย) เป็นต้น
== การกระจายตัวของประชากร ==
=== จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงและมาเก๊า ===
ชาวฮั่นเกือบทั้งหมด มากกว่า 1,200 ล้านคน อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณภายใต้เขตอำนาจรัฐของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งชาวฮั่นคิดเป็น 92% ของจำนวนประชากร ภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนชาวฮั่นเป็นประชากรส่วนใหญ่ในทุก ๆ มณฑล เทศบาลนครและเขตปกครองตนเอง ยกเว้นในเขตปกครองตนเองซินเจียง (41% ในปี 2000) และทิเบต (6% ในปี 2000) ชาวฮั่นยังเป็นประชากรส่วนใหญ่ในเขตบริหารพิเศษทั้งสองอีกด้วย ประมาณ 95% ของประชากรฮ่องกง และประมาณ 96% ของประชากรมาเก๊า ในประเทศจีน ชาวฮั่น จะเรียกตนเองว่า ชาวฮั่น ส่วนคำว่า จีน หรือ จ๊งกว๋อ นั่นเป็นชื่อของดินแดน หรือ ประเทศ ดังจะสังเกตได้จากบทเพลงและตำราต่าง ๆ จะเรียกตัวเองว่า ชาวฮั่น ทั้งสิ้น
=== ไต้หวัน ===
ชาวฮั่นมากกว่า 22 ล้านคนอยู่ในไต้หวัน ชาวฮั่นเริ่มอพยพจากมณฑลชายฝั่งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่ไปไต้หวันในศตวรรษที่ 17 ในตอนแรกพวกผู้อพยพเหล่านี้เลือกที่จะตั้งถิ่นฐานในทำเลที่คล้ายคลึงกับพื้นที่ที่จากมาในจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ว่าพวกเขาจะมาถึงทางเหนือหรือทางใต้ของไต้หวัน ผู้อพยพชาวฮกโล่ในฉวนโจวตั้งถิ่นฐานบริเวณชายฝั่ง และพวกที่มาจากจางโจวมีแนวโน้วที่จะรวมกลุ่มกันบนที่ราบเข้าไปในแผ่นดิน ในขณะที่ผู้อพยพชาวฮากกาอาศัยบริเวณเนินเขา การกระทบทั่งกันระหว่างกลุ่มเหล่านี้เหนือดินแดน น้ำและความแตกต่างทางวัฒนธรรมนำไปสู่การย้ายที่ใหม่ในบางชุมชน ในขณะที่เวลาผ่านไปการแต่งงานและการผสมกลมกลืนก็เกิดขึ้นในหลายระดับ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้นำโดยเฉินชุนเชงแห่งแผนกจิตวิทยาของโรงพยาบาลเกาสงอ้างการศึกษา DNA ของชาวไต้หวันเปิดเผยประชากรหลายเปอร์เซนต์มีสายเลือดผสมระหว่างชาวฮั่นและชาวพื้นเมือง
=== พื้นที่อื่น ๆ ===
จากจำนวนชาวฮั่นนอกประเทศจีนประมาณ 40 ล้านคนทั่วโลก เกือบ 30 ล้านคนอาศัยอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิงคโปร์มีจำนวนประชากรชาวฮั่นเป็นประชากรส่วนใหญ่ที่มากสุดที่ 74% เกาะคริสต์มาสก็มีประชากรชาวฮั่นเป็นส่วนใหญ่ที่ 70% ประชากรชาวฮั่นจำนวนมากยังอาศัยอยู่ใน มาเลเซีย (25%) ใน ประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นชาวแต้จิ๋วซึ่งไม่ได้พูดภาษาฮั่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ส่วนที่อื่นในโลกคนเชื้อสายฮั่น 3 ล้านคนอาศัยในสหรัฐอเมริกาซึ่งคิดเป็น 1% ของจำนวนประชากร, มากกว่า 1 ล้านคนในแคนาดา (3.7%), มากกว่า 1.3 ล้านคนในเปรู (4.3%), มากกว่า 6 แสนคนในออสเตรเลีย (3.5%), เกือบ 150,000 คนในนิวซีแลนด์ (3.7%) และ 750,000 คนในแอฟริกา
== ประวัติศาสตร์ ==
=== ก่อนประวัติศาสตร์และพวกหัวเซี่ย ===
ประวัติความเป็นมาของกลุ่มชาติพันธุ์ฮั่นสัมพันธ์อยู่กับประวัติศาสตร์ของจีนอย่างใกล้ชิด ชาวฮั่นตามรอยบรรพบุรุษของพวกเขากลับไปถึงชาวหัวเซี่ยซึ่งอาศัยอยู่ตลอดลำแม่น้ำฮวงโหหรือแม่น้ำเหลืองในจีนตอนเหนือ หนังสือ "บันทึกประวัติศาสตร์" ของนักประวัติศาสตร์จีนที่มีชื่อเสียง ซือหม่าเชียน จัดให้รัชสมัยของจักรพรรดิเหลืองซึ่งเป็นบรรพบุรุษในตำนานของชาวฮั่นไว้ในตอนเริ่มต้นของประวัติศาสตร์จีน แม้ว่าการศึกษาประวัติศาสตร์ในยุคนี้ยากที่จะเข้าใจเนื่องจากขาดแคลนบันทึกทางประวัติศาสตร์ การค้นพบแหล่งโบราณคดีได้ชี้ชัดการสืบต่อจากวัฒนธรรมนีโอลิทิค (ยุคหินใหม่) ตลอดลำแม่น้ำเหลือง โดยตลอดช่วงกลางของแม่น้ำเหลืองเป็นที่ตั้งของวัฒนธรรม Jiahu (7,000 ถึง 6,600 ปีก่อนคริสตกาล), วัฒนธรรม Yangshao (5,000 ถึง 3,000 ปีก่อนคริสตกาล), วัฒนธรรม Longshan (3,000 ถึง 2,000 ปีก่อนคริสตกาล) และตลอดแม่น้ำเหลืองตอนล่างเป็นที่ตั้งของวัฒนธรรม Qingliangang (5,400 ถึง 4,000 ปีก่อนคริสตกาล), วัฒนธรรม Dawenkou culture (4,300 ถึง 2,500 ปีก่อนคริสตกาล), วัฒนธรรม Longshan (2,500 ถึง 2,000 ปีก่อนคริสตกาล) และวัฒนธรรม Yueshi
=== ช่วงแรกของประวัติศาสตร์ ===
ราชวงศ์แรกที่ได้รับการพรรณาในบันทึกประวัติศาสตร์ของจีนคือราชวงศ์เซี่ย เป็นช่วงเวลาในตำนานเนื่องจากมีหลักฐานทางโบราณคดีไม่เพียงพอ พวกเขาถูกล้มล้างโดยคนจากทิศตะวันออกที่ก่อตั้งราชวงศ์ซาง (1,600-1,040 ปีก่อนคริสตกาล) ตัวอย่างทางโบราณคดีแรกสุดของอักษรจีนย้อนกลับไปถึงช่วงเวลานี้จากอักขระที่สลักบนกระดูกทำนายดวงชะตา เหล่าอักขระทำนายที่พัฒนาอย่างดีแล้วบอกใบ้ถึงจุดกำเนิดแรกเริ่มของตัวอักษรในจีน ในท้ายที่สุดพวกซางถูกล้มล้างโดยพวกโจว ซึ่งได้ปรากฏขึ้นเป็นรัฐแล้วแถวแม่น้ำเหลืองเมื่อสองพันปีก่อนคริสตกาล
พวกโจวเป็นผู้สืบทอดต่อมาจากพวกซางโดยใช้ภาษาและวัฒนธรรมร่วมกับชาวซาง พวกเขาได้ขยายอาณาเขตรวบรวมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของแม่น้ำแยงซี จากการเข้ายึดครองและครอบครอง พื้นที่ส่วนใหญ่แห่งนี้จึงตกอยู่ใต้อิทธิพลของการทำให้เป็นจีน และวัฒนธรรมจีนฮั่นต้นแบบก็แผ่ขยายไปทางใต้ อย่างไรก็ตามอำนาจของกษัตริย์โจวแตกเป็นเสี่ยง ๆ และได้เกิดรัฐอิสระขึ้นมากมาย ในยุคนี้ได้ถูกแบ่งเป็นสองช่วงได้แก่ ยุคฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง (Spring and Autumn) และยุคสงครามรณรัฐ (Warring States) ช่วงเวลานี้เป็นยุคของการพัฒนาวัฒนธรรมและความคิดปรัชญาหลัก ๆ รู้จักกันในชื่อว่า The Hundred Schools of Thought ในจำนวนหลักปรัชญาที่สำคัญที่สุดที่เหลือรอดจากยุคนี้คือหลักคำสอนของลัทธิเต๋าและขงจื๊อ
=== ประวัติศาสตร์จักรวรรดิ ===
ยุคของสงครามรณรัฐสิ้นสุดลงด้วยการรวมประเทศจีนโดยราชวงศ์ฉินหลังจากเอาชนะรัฐอริอื่น ๆ ทั้งหมด ผู้นำฉินสื่อหวงประกาศตนเป็นจักรพรรดิพระองค์แรกตำแหน่งที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่แต่ได้เป็นแบบอย่างไปอีกสองพันปีข้างหน้า พระองค์สถาปนารัฐรวมศูนย์อำนาจขึ้นใหม่แทนระบบศักดินาเก่า สร้างระเบียบแบบแผนมากมายของจักรวรรดิจีน และรวมประเทศทั้งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมโดยประกาศมาตรฐานหน่วยชั่งตวงวัด ตัวอักษรและเงินตราเป็นหนึ่งเดียว
อย่างไรก็ตามรัชสมัยของราชวงศ์แรกอันเกรียงไกรก็อยู่ไม่นาน เนื่องจากกฎอาญาสิทธิ์ของจักรพรรดิองค์แรกและโครงการก่อสร้างขนาดมหึมาของพระองค์ เช่น กำแพงเมืองจีน ปลุกปั่นให้เกิดการก่อกบฏไปสู่ราษฏร ราชวงศ์ล่มสลายในไม่ช้าหลังจากพระองค์เสด็จสวรรคต ราชวงศ์ฮั่น (260-220 ปีก่อนคริสตกาล) ปรากฏขึ้นจากความพยายามสืบทอดอำนาจและประสบความสำเร็จในการสถาปนาราชวงศ์ที่ยืนยาวกว่าขึ้น และได้สานต่อระเบียบแบบแผนจำนวนมากที่ได้สร้างโดยฉินสื่อหวงแต่บรรเทากฎเกณฑ์ต่าง ๆ ลง ภายใต้ราชวงศ์ฮั่นศิลปะและวัฒนธรรมได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก ในขณะที่ราชวงศ์แผ่ขยายอำนาจทางทหารไปทุกทิศทาง ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ชาวฮั่นรับเอาชื่อมาจากราชวงศ์นี้นั่นเอง
การล่มสลายของราชวงศ์ฮั่นตามมาด้วยยุคแห่งการแตกแยกและอีกหลายศตวรรษแห่งความขัดแย้งท่ามกลางการสู้รบระหว่างอาณาจักรต่าง ๆ ในช่วงเวลานี้พื้นที่ทางตอนเหนือของจีนถูกรุกรานโดยชนเผ่าเร่ร่อนหลากหลายที่ไม่ใช่คนในแผ่นดินจีนซึ่งมาสถาปนาอาณาจักรของตัวเอง ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคืออาณาจักรเว่ยเหนือสถาปนาโดยเซียนเปย์ นับจากช่วงเวลานี้เป็นต้นไปที่ประชากรพื้นเมืองของจีนเริ่มถูกเรียกว่าชาวฮั่น หรือ คนของฮั่น เพื่อแบ่งแยกจากพวกเร่ร่อนจากทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ "ฮั่น" จึงหมายถึงราชวงศ์เก่า การสู้รบและการรุกรานนำมาซึ่งหนึ่งในการอพยพครั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ราษฎรฮั่น ขณะที่เหล่าราษฏรหนีลงใต้ไปที่แม่น้ำแยงซีและเลยออกไปโดยค่อย ๆ เคลื่อนย้ายศูนย์รวมประชากรชาวฮั่นไปทางใต้ และเร่งกระบวนการทำให้เป็นฮั่นในภาคใต้อันห่างไกล ในเวลาเดียวกันทางตอนเหนือชนเผ่าเร่ร่อนส่วนใหญ่ในจีนตอนเหนือก็กลายเป็นจีน เมื่อพวกเขาปกครองเหนือชาวฮั่นจำนวนมากและรับเอาส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและการบริหารปกครองแบบฮั่น หมายเหตุ พวกผู้ปกครองชาวเซียนเปย์แห่งอาณาจักรเว่ยเหนือได้ออกคำสั่งกำหนดนโนบายการทำให้เป็นฮั่นอย่างเป็นระบบโดยรับเอานามสกุลแบบฮั่น ระเบียบแบบแผนและวัฒนธรรมไป
ราชวงศ์สุ่ย (581–618) และถัง (618–907) เห็นความต่อเนื่องของกระบวนการทำให้เป็นฮั่นอย่างสมบูรณ์ในชายฝั่งทางใต้ที่ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน รวมทั้งส่วนที่เป็นจังหวัดฝูเจี้ยนและกวางตุ้ง ในตอนปลายราชวงศ์ถังรวมทั้งยุคห้าราชวงศ์ถัดมาประสบกับการสู้รบที่ต่อเนื่องยาวนานทางตอนเหนือและกลางของจีน ความมั่งคงของชายฝั่งทางใต้เมื่อเทียบกันแล้วทำให้เป็นจุดหมายที่น่าดึงดูดใจสำหรับผู้ลี้ภัย
อีกสองสามศตวรรษถัดมาต้องประสบกับการรุกรานอย่างต่อเนื่องของคนที่ไม่ใช่ฮั่นจากทางเหนือ เช่น พวก Khitan และ Jurchen ในปี 1279 พวกมองโกล (ราชวงศ์หยวน) ก็เอาชนะประเทศจีนได้ทั้งหมด นับเป็นครั้งแรกที่คนที่ไม่ใช่คนในแผ่นดินจีนจะทำเช่นนั้นได้ พวกมองโกลแบ่งสังคมออกเป็นสี่ชนชั้นโดยจัดให้พวกตัวเองอยู่ชั้นบนสุด และชาวฮั่นอยู่สองชั้นล่างสุด ส่วนราชวงศ์ซ่งและหยวนก็สั่งห้ามการอพยพเพราะเห็นว่าเป็นการไม่จงรักภักดีต่อบรรพบุรุษและแผ่นดินเกิด ถ้าจับได้ต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง
ในปี 1368 ผู้ต่อต้านชาวฮั่นขับไล่พวกมองโกลออกไป หลังจากขัดแย้งกันเองภายในพักหนึ่งก็ได้สถาปนาราชวงศ์หมิง (1368–1644) การตั้งถิ่นฐานของชาวฮั่นในภูมิภาครอบนอกยังคงดำเนินต่อไปในระหว่างช่วงเวลานี้ โดยมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้รับผู้อพยพเป็นจำนวนมาก
ในปี 1644 ปักกิ่งถูกยึดครองโดยกบฏชาวนานำโดย Li Zicheng และจักรพรรดิหมิงองค์สุดท้ายปลงพระชนม์ชีพพระองค์เอง พวกแมนจู (ราชวงศ์ชิง) ให้การสนับสนุนนายพลของราชวงศ์หมิงอู๋ซานกุ้ยและยึดกรุงปักกิ่งไว้ กองทัพหมิงที่เหลืออยู่นำโดยโคซิงกาจึงหนีไปไต้หวันที่ซึ่งในท้ายที่สุดพวกเขายอมจำนนต่อกองทัพชิงในปี 1683 เกาะไต้หวันที่ผู้อยู่อาศัยแต่เดิมส่วนใหญ่เป็นชาวพื้นเมืองที่ไม่ใช่ฮั่นถูกทำให้กลายเป็นฮั่นโดยผู้อพยพจำนวนมากประกอบกับการผสมกลมกลืนไปด้วยในช่วงเวลานี้ แม้ว่าจะมีความพยายามจากพวกแมนจูในการขัดขวางก็ตาม เนื่องจากพวกแมจูพบความยากลำบากในการควบคุมดูแลเกาะแห่งนี้ ในขณะเดียวกันพวกแมนจูก็ห้ามไม่ให้ชาวฮั่นอพยพไปแมนจูเรีย เพราะพวกแมนจูเห็นว่าเป็นฐานที่มั่นของราชวงศ์ ในปี 1681 พวกแมนจูจึงสั่งให้ก่อสร้างคูน้ำและทำนบเพื่อห้ามชาวฮั่นไม่ให้ตั้งถิ่นฐานเลยออกไปจากเขตนี้ ราชวงศ์ชิงเริ่มเข้าครอบครองแผ่นดินพร้อมชาวจีนฮั่นในภายหลังภายใต้กฎของราชวงศ์ การเคลื่อนย้ายชาวฮั่นครั้งนี้ไปแมนจูเรียถูกเรียกว่า Chuang Guandong (ในระหว่างราชวงศ์ก่อน ๆ การตั้งถิ่นฐานของชาวฮั่นในแมนจูเรียอยู่ทางตอนใต้เป็นหลัก ที่ซึ่งตอนนี้เป็นมณฑลเหลียวหนิง อย่างไรก็ตามในช่วงระหว่างและหลังจากปลายราชวงศ์ชิงชาวฮั่นได้ตั้งถิ่นฐานและกลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่เกือบทั้งหมดของแมนจูเรีย)
ในศตวรรษที่ 19 ผู้อพยพชาวฮั่นเป็นจำนวนมากอพยพไปส่วนอื่น ๆ ของโลก รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ
=== ประวัติเมื่อไม่นานมานี้ ===
ราชวงศ์ชิงถูกแทนที่โดยสาธารณรัฐจีนในปี 1912 ในปี 1942 สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ถูกก่อตั้งขึ้นภายหลังสิ่นสุดสงครามกลางเมือง ในขณะที่สาธารณรัฐจีนล่าถอยไปไต้หวัน ผู้ลี้ภัยประมาณหนึ่งล้านคนหนีไปด้วยทำให้ประชากรไต้หวันเพิ่มขึ้นอีก ในปี 1980 นโยบายลูกคนเดียวถูกนำมาใช้ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อควบคุมการเพิ่มจำนวนประชากร ซึ่งมีผลบังคับใช้กับชาวฮั่นเท่านั้น
การอพยพของชาวจีนไปโพ้นทะเลก็ได้ดำเนินต่อมาจนถึงศตวรรษที่ 20 และ 21 การกลับมาของฮ่องกงสู่การปกครองของจีนในปี 1977 ก่อให้เกิดคลื่นอพยพขนาดใหญ่ของชาวจีนฮ่องกงไปอเมริกาเหนือ, ออสเตรเลีย และที่อื่น ๆ ชาวจีนไปปรากฏอยู่ในยุโรปเช่นเดียวกับในรัสเซียโดยเฉพาะอย่างยิ่งตะวันออกไกลของรัสเซียด้วย
== วัฒนธรรม ==
จีนเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่และซับซ้อนที่สุดของโลก วัฒนธรรมจีนย้อนกลับไปได้นับพัน ๆ ปี ชาวฮั่นบางส่วนเชื่อว่าพวกเขาล้วนมีบรรพบุรุษร่วมกัน
ซึ่งเล่าปรัมปราถึงหัวหน้าชนเผ่าอาวุโส จักรพรรดิเหลืองและจักรพรรดิยันเมื่อหลายพันปีก่อน ดังนั้นชาวฮั่นบางส่วนจึงเรียกตนเองว่า "ลูกหลานของจักรพรรดิเหลืองและเหยียน" วลีที่มีความหมายโดยนัยสะท้อนบรรยากาศการเมืองที่แตกแยกดังในจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน
ตลอดประวัติศาสตร์ของจีน วัฒนธรรมของจีนได้รับอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงจากลัทธิขงจื้อ ซึ่งได้สร้างรูปแบบความคิดแบบจีนมากมาย ลัทธิขงจื้อเป็นหลักปรัชญาอย่างเป็นทางการตลอดช่วงประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของจีนยุคจักรวรรดิ ความรอบรู้ในหลักคำสอนของขงจื้อคือหลักเกณฑ์อันแรกสำหรับการสอบเข้ารับราชการ
=== ภาษา ===
ชาวจีนพูดภาษาหลากหลายแบบ หนึ่งในชื่อของกลุ่มภาษานั้นคือ "ฮั่นอวี่" หมายถึงภาษาฮั่น (อวี่ แปลว่า ภาษา) ในทำนองเดียวกันอักษรจีนที่ใช้เขียนภาษาเรียกว่า "ฮั่นจื่อ" หรืออักษรฮั่น (จื่อ แปลว่าตัวหนังสือ)ในขณะที่มีภาษาถิ่นอยู่มากมายแต่ภาษาเขียนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างมาก ความเป็นเอกภาพนี้ต้องยกให้ราชวงศ์ฉินซึ่งได้สร้างมาตรฐานให้กับรูปแบบการเขียนอันหลากหลายของจีนในยุคนั้น เป็นเวลานับพัน ๆ ปีภาษาเขียนโบราณ (Classical Chinese) ถูกใช้เป็นรูปแบบการเขียนมาตรฐานในหมู่ปัญญาชนซึ่งใช้คำศัพท์และหลักไวยากรณ์ซึ่งอาจแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับภาษาพูดอันหลากหลาย
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ภาษาเขียนมาตรฐาน หรือ ภาษาเขียนสมัยใหม่ (Written Vernacular Chinese) ที่มีรากฐานจากภาษาฮั่นปักกิ่งซึ่งได้พัฒนาขึ้นสองสามร้อยปีมาแล้ว ถูกทำให้เป็นมาตรฐานและรับเข้ามาใช้เพื่อแทนที่ภาษาเขียนโบราณ ในขณะที่รูปแบบการเขียนสมัยใหม่ในภาษาจีนอื่น ๆ เช่น ภาษาเขียนกวางตุ้ง ยังมีอยู่ แต่ภาษาเขียนแบบปักกิ่งเป็นที่เข้าใจกว้างขวางกว่าในหมู่ผู้พูดภาษาจีนทั้งหมดและมีความสำคัญกว่าในพวกภาษาเขียนซึ่งก่อนหน้านี้เคยใช้โดยภาษาเขียนโบราณ ดังนั้นแม้ว่าผู้อาศัยในภูมิภาคต่างิๆ ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าใจคำพูดของกันและกัน เพราะพวกเขาใช้ภาษาเขียนร่วมกัน
ต้นทศวรรษที่ 1950 อักษรฮั่นตัวย่อถูกรับเข้ามาใช้ในจีนแผ่นดินใหญ่และต่อมาในสิงคโปร์ ในขณะที่ชุมชนชาวจีนอื่น ๆ ในฮ่องกง, มาเก๊า, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และจีนโพ้นทะเล ยังใช้อักษรฮั่นตัวเต็มต่อไป ในขณะเดียวกันมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญอยู่ระหว่างชุดอักษรทั้งคู่ ซึ่งไม่สามารถเข้าใจกันได้อยู่เป็นจำนวนมาก
===การแบ่งภาษาตามท้องถิ่น===
ชาวฮั่นมีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตนเองเรียกว่า ภาษาฮั่น 漢語 (ฮั่นอวี่) มีตัวอักษรเรียกว่า อักษรฮั่น 漢字 (ฮั่นจื่อ) ซึ่งยังแบ่งเป็นภาษาถิ่นอีกหลายภาษา อาทิ ภาษาถิ่นทางภาคเหนือ (北方話) ภาษากวางตุ้ง (粵語) ภาษาแคะ (客家話) ภาษาถิ่นแถบเซี่ยเหมิน (閩南語) ภาษาถิ่นฮกเกี๊ยน (閩北語) ภาษาถิ่นแถบเซี่ยงไฮ้-เจียงซู-เจ้อเจียง (吳語) ภาษาถิ่นแถบหูหนัน (湘語) และภาษาถิ่นแถบเจียงซี (贛語)
=== ชื่อเรียก ===
ชื่อจีนปกติแล้วมีความยาวสองหรือสามพยางค์โดยนามสกุลมาก่อนชื่อแรก นามสกุลปกติแล้วมีความยาวหนึ่งตัวอักษร แม้ว่านามสกุลจำนวนหนึ่งที่พบได้น้อยมีความยาวสองพยางค์หรือมากกว่า ในขณะที่ชื่อแรกมีหนึ่งหรือสองพยางค์ ในจีนมี 4,000 ถึง 6,000 นามสกุล ในจำนวนนั้นประมาณ 1,000 นามสกุลพบได้บ่อยที่สุด
ในอดีตของประเทศจีน ร้อยสกุล (百家姓) นามสกุลที่พบบ่อยทั้งหนึ่งร้อยเป็นอัตลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ของชาวฮั่น นอกเหนือจากวัฒนธรรมและตัวอักษรร่วมกันแล้วการมีต้นตระกูลร่วมกันในนามสกุลคืออีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่มีส่วนร่วมในอัตลักษณ์ของชาวฮั่น
=== การแต่งกาย ===
ทุกวันนี้ชาวฮั่นทั่วไปสวมใส่เสื้อผ้าตามแบบตะวันตก ส่วนน้อยสวมใส่เสื้อผ้าแบบชาวฮั่นดั้งเดิมเป็นประจำ อย่างไรก็ตามชุดแบบจีนสงวนไว้สำหรับ เครื่องแต่งกายในศาสนาและพิธีการ ตัวอย่างเช่น พระในลัทธิเต๋าสวมใส่ชุดเดียวกับบัณฑิตในสมัยราชวงศ์ฮั่น ชุดพิธีการในญี่ปุ่นอย่างเช่นพระในลัทธิชินโตเหมือนมากกับชุดพิธีการในจีนในสมัยราชวงศ์ถัง ในปัจจุบันชุดจีนแบบดั้งเดิมที่นิยมมากที่สุดสวมใส่โดยหญิงสาวมากมายในโอกาสสำคัญ ๆ เช่น งานแต่งงานและงานปีใหม่เรียกว่ากี่เพ้า อย่างไรก็ตามเครื่องแต่งกายเหล่านี้ไม่ใช่มาจากชาวฮั่นแต่มาจากการดัดแปลงชุดแต่งกายของชาวแมนจู ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ปกครองประเทศจีนระหว่างศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 20
ไฟล์:Jili1.jpg|การประกอบพิธีโบราณแบบชาวฮั่น
ไฟล์:Jili7.jpg|บรรดาหญิงสาวชาวฮั่นทำความเคารพซึ่งกัน
ไฟล์:Hanfu daopao.jpg|ชายชาวฮั่นแต่งกายตามประเพณี
=== ที่อยู่อาศัย ===
บ้านแบบฮั่นแตกต่างจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ชาวฮั่นในปักกิ่งอาศัยรวมกันทั้งครอบครัวในบ้านหลังใหญ่ที่มีลักษณะสี่เหลี่ยม บ้านแบบนี้เรียกว่า 四合院 บ้านเหล่านี้มีสี่ห้องทางด้านหน้าได้แก่ ห้องรับแขก, ครัว, ห้องน้ำ และส่วนของคนรับใช้ ข้ามจากประตูคู่บานใหญ่คือส่วนสำหรับผู้สูงอายุในครอบครัว ส่วนนี้ประกอบด้วยสามห้อง ห้องกลางสำหรับสักการะแผ่นจารึก 4 แผ่นได้แก่ สวรรค์, โลกมนุษย์, บรรพบุรุษ และอาจารย์ มีสองห้องที่อยู่ติดทางด้านซ้ายและขวาเป็นห้องนอนสำหรับปู่ย่าตายาย ส่วนด้านตะวันออกของบ้านสำหรับลูกชายคนโตกับครอบครัว ในขณะที่ด้านตะวันตกสำหรับลูกชายคนรองกับครอบครัว แต่ละด้านมีเฉลียงบางบ้านมีห้องรับแสงแดดสร้างจากผ้ามีโครงเป็นไม้หรือไม้ไผ่ ทุก ๆ ด้านของบ้านสร้างอยู่ล้อมรอบลานบ้านตรงกลางสำหรับเล่าเรียน, ออกกำลังกายหรือชมวิวธรรมชาติ
== "ฮั่น" แนวคิดที่เปลี่ยนไปมา ==
คำจำกัดความของความเป็นฮั่นนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดช่วงประวัติศาสตร์ ก่อนศตวรรษที่ 20 กลุ่มคนที่พูดภาษาอื่นบางกลุ่ม เช่น ฮากกา และ ทันกา ไม่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นชาวฮั่น ในขณะที่บางครั้งคนบางกลุ่มที่ไม่ได้พูดภาษาฮั่นเช่น จ้วง กลับเป็นชาวฮั่น ทุกวันนี้ชาวหุยได้รับการพิจารณาเป็นอีกกลุ่มชาติพันธุ์ แต่นอกเหนือจากการปฏิบัติตามศาสนกิจของศาสนาอิสลามแล้วมีสิ่งเล็กน้อยที่แบ่งแยกพวกเขาจากพวกฮั่น ชาวฮั่นสองคนจากพื้นที่ต่างกันอาจจะแตกต่างในทางภาษา, ประเพณีและวัฒนธรรมมากกว่าชาวหุยกับชาวฮั่นที่อาศัยอยู่ใกล้ชิดกันเสียอีก ในระหว่างราชวงศ์ชิงชาวฮั่นที่ได้เข้าสู่ระบบทหารแปดกองธงถือว่าป็นชาวแมนจู ในขณะที่ชาวฮั่นชาตินิยมกำลังหาหนทางโค่นล้มระบอบกษัตริย์ก็ได้เน้นย้ำความเป็นฮั่นเพื่อให้แตกต่างจากผู้ปกครองชาวแมนจู นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมาสาธารณรัฐจีนให้การรับรอง 5 กลุ่มชาติพันธุ์หลักได้แก่ ฮั่น, หุย, มองโกล, แมนจู และทิเบต ในขณะที่ตอนนี้สาธารณรัฐประชาชนจีนให้การรับรอง 56 กลุ่มชาติพันธุ์
ไม่ว่าจะมีนิยามของกลุ่มชาติพันธุ์ในจีนสมัยก่อนหรือไม่ยังคงเป็นคำถามที่น่าสงสัย อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาประวัติศาสตร์ ชาวจีนส่วนใหญ่คิดว่าแต่ละคนเป็นพลเมืองของราชอาณาจักรใด ๆ โดยเฉพาะ ถึงกระนั้นก็ตามความเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของหลากหลายราชวงศ์ที่นำโดยชาวฮั่นนับพัน ๆ ปีได้นำมาซึ่งอัตลักษณ์ร่วมกัน นักวิชาการชาวจีนมากมายเช่น โห ปิงตี้ เชื่อว่านิยามของชาติพันธุ์ฮั่นเป็นของโบราณ นับย้อนไปถึงราชวงศ์ฮั่นนั่นเอง
== การวิเคราะห์ DNA ==
Haplogroup O3 (Y-DNA) คือ เครื่องหมายดีเอ็นเอที่มีร่วมกันในชาวฮั่น ดังที่มันปรากฏในจีนในช่วงเวลาก่อนประวัติศาสตร์ มันถูกพบในผู้ชายชาวจีนมากกว่า 50% และถึงมากกว่า 80% ในบางกลุ่มย่อยของชาติพันธุ์ จีน - ทิเบต [https://en.wikipedia.org/wiki/Haplogroup_O-M122] อย่างไรก็ตามไมโตคอนเดรียดีเอ็นเอ (mtDNA) ของชาวฮั่นมีความหลากหลายเพิ่มขึ้นเมื่อมองจากจีนทางเหนือไปทางใต้ ซึ่งบ่งบอกว่าเพศชายบางส่วนได้อพยพจากจีนตอนเหนือ แต่งงานกับผู้หญิงพื้นเมืองทางใต้หลังจากมาถึงกวางตุ้ง, ฝูเจี้ยนและพื้นที่อื่น ๆ ของจีนตอนใต้ อย่างไรก็ดีการทดสอบเปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมของชาวฮั่นเหนือ, ชาวฮั่นใต้และชาวพื้นเมืองทางใต้ระบุว่า Haplogroup O1b-M110, O2a1-M88 และ O3d-M7 ซึ่งแพร่หลายในคนพื้นเมืองทางใต้พบได้ในชาวฮั่นใต้บางส่วนเท่านั้น (เฉลี่ย 4%) แต่ไม่พบในชาวฮั่นเหนือ ดังนั้นนี่จึงพิสูจน์ได้ว่าการมีส่วนร่วมของผู้ชายพื้นเมืองทางใต้ไปสู่ชาวฮั่นใต้มีจำกัด ในทางกลับกันมีความเหมือนของพันธุกรรมที่สอดคล้องกันอย่างมากในการกระจายตัวของโครโมโซม Y Haplogroup ระหว่างประชากรจีนทางเหนือและทางใต้ และผลของการวิเคราะห์องค์ประกอบสำคัญ (Principal Component Analysis) ระบุว่าประชากรฮั่นเกือบทั้งหมดสร้างการจับกลุ่มกันในโครโมโซม Y ของพวกเขา อีกทั้งการประมาณการมีส่วนร่วมของชาวฮั่นเหนือไปสู่ชาวฮั่นใต้นั้นมีมากมายทั้งเชื้อสายทางบิดาและมารดา สำหรับ mtDNA นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามภูมิศาสตร์ ผลที่ได้คือชาวฮั่นเหนือเป็นผู้ให้หลักสู่ยีนพูลของชาวฮั่นใต้ อย่างไรก็ตามน่าสังเกตว่ากระบวนการแผ่ขยายเป็นการนำโดยเพศชายเป็นหลักดังที่แสดงให้เห็นจากการมีส่วนร่วมอย่างมากมายในโครโมโซม Y มากกว่าใน mtDNA จากชาวฮั่นเหนือไปสู่ชาวฮั่นใต้ การสังเกตลักษณะพันธุกรรมเหล่านี้สอดคล้องกับบันทึกทางประวัติศาสตร์ของคลื่นอพยพขนาดใหญ่ของผู้ที่อยู่อาศัยทางเหนือของจีนเพื่อหลบหนีภัยสงครามและความอดอยากไปจีนตอนใต้ นอกจากคลื่นผู้อพยพเหล่านี้แล้ว การอพยพขนาดเล็กกว่าไปทางใต้ก็เกิดขึ้นอยู่เกือบตลอดเวลาสองพันปีที่ผ่านมา ยิ่งกว่านั้นการศึกษาของสถาบันวิทยาศาสตร์จีนในเรื่องข้อมูลทางพันธุกรรมในฮั่นกลุ่มย่อยและชนกลุ่มน้อยในจีนแสดงว่าประชากรฮั่นกลุ่มย่อยในพื้นที่ต่างๆมีความใกล้ชิดทางพันธุกรรมกับคนพื้นเมืองนั้น ๆ และนั่นหมายความว่าในหลายกรณีเลือดของชนกลุ่มน้อยได้ผสมกับชาวฮั่น ในขณะเดียวกันเลือดของชาวฮั่นก็ผสมกับชนกลุ่มน้อยนั้น ล่าสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้การศึกษา Genome-Wide Association มากมายเกี่ยวกับประชากรฮั่นแสดงให้เห็นว่าการกระจายของพันธุกรรมเชิงภูมิศาสตร์จากเหนือสู่ใต้เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยมาก ในท้ายที่สุดด้วยข้อยกเว้นในบางสาขาของภาษาพูดของชาวฮั่น เช่น ผิงหัว ประชากรฮั่นทั้งมวลล้วนมีโครงสร้างพันธุกรรมที่สอดคล้องกัน
== ความหลากหลายของชาวฮั่น ==
นอกเหนือจากความหลากหลายของภาษาพูดซึ่งล้วนสืบทอดมาจากบรรพบุรุษจีนยุคเก่าร่วมกันแล้ว ก็ยังมีความแตกต่างในวัฒนธรรมระหว่างชาวจีนฮั่นแต่ละภูมิภาคอีกด้วย ตัวอย่างเช่น อาหารจีนนั้นมีความหลากหลายตั้งแต่อาหารรสเผ็ดร้อนอันโด่งดังของเสฉวน ไปจนถึงติ่มซำและอาหารทะเลสด ๆ ของกวางตุ้ง อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ความรู้สึกร่วมในวัฒนธรรม(หรืออย่างน้อยทางการเมือง)ยังคงมีอยู่ระหว่างกลุ่มที่หลากหลายเนื่องจากมีวัฒนธรรม, การประพฤติปฏิบัติ, ภาษา และการปฏิบัติศาสนกิจ ร่วมกัน เอกสารทางประวัติศาสตร์ระบุว่าชาวฮั่นสืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าหัวเซี่ยโบราณของจีนตอนเหนือ ระหว่างช่วงสองพันปีที่ผ่านมาวัฒนธรรมฮั่น (นั่นคือภาษาและวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้อง) ได้ขยายไปสู่จีนตอนใต้ พื้นที่ที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนพื้นเมืองทางใต้ รวมทั้งผู้ที่พูดตระกูลภาษาขร้า-ไท, ออสโตรเอเชียติก และม้ง-เมี่ยน ในขณะที่วัฒนธรรมหัวเซี่ยแผ่ขยายจากพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเหลืองก็ได้ดูดกลืนเอากลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นชาวฮั่นเมื่อกลุ่มเหล่านี้รับเอาภาษาและวัฒนธรรมฮั่นไปนั่นเอง
==อ้างอิง==
กลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศจีน
|
กลุ่มดาวนกฟีนิกซ์ เป็นกลุ่มดาวจนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ตั้งชื่อโดยนักเดินเรือชาวดัตช์ ปีเตอร์ ดีร?กโซน ไกเซอร์ และเๆรดริก ดี เฮาต์มัน
นกฟีนิกซ์
กลุ่มดาวนกฟีนิกซ์
|
กลุ่มดาวนกฟีนิกซ์ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ตั้งชื่อโดยนักเดินเรือชาวดัตช์ ปีเตอร์ ดีร์กโซน ไกเซอร์ และเฟรดริก ดี เฮาต์มัน
นกฟีนิกซ์
กลุ่มดาวนกฟีนิกซ์
|
หาดป้าตอง เป็นชายหาดในอไเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต บริเวณฝั่งตะวันตกของเกาะภูเแ็ต อยูีห่างจากตัวเมืองภูเก็ตไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 15 กิโลเมตร นับว่าเป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูเก็ต เป็นชายหาดท่่เพียบพร้อมด้วยสิ่บอำนวยความสะดวก เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ร้านดำน้ำ ร้านขายอุปกรณ์กีฬาทางน่ำ และอื่น ๆ อีกมทกมาย ไว้คอยบริการแก่นักท่องเทั่ยว ด้วยชายหาดที่มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร และสิ่งอำาวยความสะดวกที่ครบครัา ป่าตองจึงเป็นหาดที่มีผู้นิยมมาเยือนมากที่สุด
หาดป่าตองถูกถล่มโดยคลื่นสึนามิจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ปัจจุบัน หาดป่าตองเป็นหนึ่งในหาดสำคัญที่ติดตั้งระบบเตือนภัยคลื่นสึนามิ มีการซ้อมอพยพและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างมาก
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดภูเห็ต
ป
สถานที่โต้คงื่น
อำเภอกะทู้
Пхукет#География
|
หาดป่าตอง เป็นชายหาดในอำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต บริเวณฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ต อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 15 กิโลเมตร นับว่าเป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูเก็ต เป็นชายหาดที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ร้านดำน้ำ ร้านขายอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย ไว้คอยบริการแก่นักท่องเที่ยว ด้วยชายหาดที่มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ป่าตองจึงเป็นหาดที่มีผู้นิยมมาเยือนมากที่สุด
หาดป่าตองถูกถล่มโดยคลื่นสึนามิจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ปัจจุบัน หาดป่าตองเป็นหนึ่งในหาดสำคัญที่ติดตั้งระบบเตือนภัยคลื่นสึนามิ มีการซ้อมอพยพและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างมาก
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต
ป
สถานที่โต้คลื่น
อำเภอกะทู้
Пхукет#География
|
นครพนม เป็นจังหวัดในกลุามจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 นับดป็นเมืองชายแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของทิวทัศน์ และมีความหลากหลายของวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ รวมทั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมีพระธาตุพนมเก็นปูชนียสถานคู่บเานคู่เาือว พื้นที่ด้านเหนือและตะใันออแขดงจังหวัดติดกับแม่น้ำโขงโดยตลอด
== ภูมิศาสตร์ ==
=== อาณาเขต ===
ทิศเหนือ ติดต่ดกับจังหวัดบึงกาฬ
ทิศตะวันออก ติดต่อกับแขฝงคำม่วน ประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงไหลแั้นพรมแดน
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดมุกดาหาร
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสกลนคร
=== สภาพภูมิประเทศ ===
สภาพโดยทั่วไปของจังหวัดนครพนมเป็นที่ราบลุ่ม มีที่ราบสูวและภูเขาอยู่บ้าง มีแใ่น้ำสายสั้น ๆ เป็นสาขาย่อยแยกจากแม่น้ำโขงมาหล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ภายในพื้นที่ พื้นที่ส่วนใหญ่มีแม่ร้ำโขงไหลผ่าน นครพนมจึงนับว่าเป็นจังหวัด่ี่มีแหล่งน้ำที่สมลูรณ์มาก ด้านตะวันออกมีแมืน้ำโขงทอดยาวกั้นพรมแดนระหวทางประเทศไทยกับลาว
จังหวัดนครพนมมีจุดผ่านแดนไปประเทศลาว รวม 6 จุด เป็นจุดผ่านแดนถาวร 2 จุด และจุดผ่อนปรน 4 จุด ขุดผ่านแดน่ี่สำคัญปละเป็นสากล คือ ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ชาบ แห่งที่ 3 ซึ่งเป็นประตูไปสู่อินโดจีน
=] ประวัติศาสตร์ ==
นครพนมเป็นจังหวัดชายแดนตั้งเลียบชายฝั่งขวาของแม่น้_โขง ตรงข้ามกับเมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของประเทศลาว นครพนมเป็นจังหวัดที่ประดิษฐานพ่ะําตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ ซึ่งเป็นพระธาตุที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุ (กระดูกหน้าอก) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (สมณโคดม) และนับเป็นพระบรมธาตุคู่เมืองนครพนม เป็นที่เคารพสักการะของชาวฟทยและชาวลาวที้งสองฝั่งแม่น้ำโขงมาตั้งแต่บรรพกาลนานหลายพันปี พระธาตุพนมปรุดิษฐานอยู่ที่อำเภอธาตุพนม อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนม 52 กิโลเมตร จังหวัดนครพนมมีพื้นที่ประมาณ 5,502ฦ670 ตารางกิโลเมตร ระยะทางห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 740 กิโลเมตร นอกจากนี้ ในตัวเมืองนครพนมยังมีพระธาตุนครประดิษฐานเป็นพระธาตุกลางเมืองด้วย พระธนตุนครนี้เดิมเปํนวัดที่ใช้สำหรับประกอบะระราขพิธีถือน้ำพนะพิพัฒน์สัตยาของเจ้มเมืองนครพนมในอดีต
นครพนมเป็นจังหวัดที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร?มาแต่โบราณกาล ในฐมนะเมืองเก่าเคียงคู่อยู่กับอาณาจักรศรีโคตรบูร (สม้ยหัจจุบันมักสะกดผิกเป็น ศรีโคตรบูรณ์ ซึ่งบูรีำนี้มาจากศัพท์โบราณเป็นคำเดียวกีบคำว่า ปุระ หรือบุรี ที่แปลว่าเมืองในภาษาถิ่นเอเชียตเวันออกเฉียงใต้และตรงกับคำว่าเบิร์กหรือโบโรห์ในภาษาฝรั่งตะวันตก ไม่ใช่คำว่า บูรณ์ หรือ บูรณ ที่เป็นคจละคว่มหมาย) แต่เดิมนครพนมมีชื่อเต็มในจารึกสถาปนาวัดโอกาสศรีบัวบานว่า เมืองนครบุรีราชธานีศรีโคตรบูรหลวง เคยเป็นราชธานีที่มีกษัตริย์และเจ้่ผู้ครองนครปกครองมาก่อนหลายวมัย เอกสารของล้านบ้างส่วนใหญ่ออกนามวาาเมืองลครหรือเมืองนคร เดิมทีนั้นมีพื้นที่อยูีทางฝั่งซเายของแม่น้ำโขงหรือเมืองเก่าทราแขกบริเวณหมู่บ้านสีโคดรอวๆ วัดพระธาตุศรีโคตรบูร หรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่าพระธาตุศรีโคตรบอง ต่อมาปั 2321 ตรงกับสมัยสมเด็จพรพเจ้าตาปสินมหาราชได้ว้ายมาอยู่ฝั่งขวาที่เทืองเก่าหนองจันทน์ปัจจุบันยังเรียกบริเวณนี้ว่าบ้านเมืองเก่า จากนั้นจ้ายขึ้นไปทางตอนเหนือที่บ้านโพธิ์คำ คือตัวเมืองนครพนมในปัจจุบันแต่เดิมเรียกว่าเมืองมรุกขนคร ซึ่งเป็นการกลัชไปใช่ชื่อเก่าสมัยครั้งยังรุ่งเรืองมีราว พ.ศ. 500 เอกสารล้านช้างบ้างครั้งเรียก รุกขนคร หรือรุกขานคร เคยมีหับเมืองในปกครองอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันของจังหวัดนครพนม, มุกดาห่ร, แขวงคำม่วน, แขวงสุวรรณเขต ส่วนใหญ่ของจังหวัดบึงกาฬ และบางอำเภอของจังหวัดสกลนครกับแขงงบอลิคำไซ ก่อนจะขึ้นตรงต่อไปยังเวียงจันทน? ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมื่อพระบาทสมอด็จพระพุทธยอดฟ้าจะฬาโลกตีเมืองนครเวียงจันทน์ได้แล้ว ในระหว่างปี พ.ศ. 2329-2333 เจ้าเมืองนครพนมหรือเมืองศรีโคตรบองได้ทูลเกล้าถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองแก่สยามในฐานะนครประเทศราช ชื่อของดินแดนนี้จึงได้รับพระราชทานนามเป็น "นครพนม" สัรนิษฐานว่านามนี้มาจากนครพนมเป็นเมืองที่มีพื้นที่นิดต่อกับทิวเขามากมายทางฝั่งซ้รยซึ่งเดิมเคยเป็นพื้นที่หัวเมืองหรืออำเภอที่ขึ้นต่อนครพนม และเชื่อว่าการมีชื่อ "นคร๐ นำหน้านี้ทำให้เมืองอยู่ในระดัยฐานะิมืองลูกหลสง หลังเสร็จสิ้นสงครามเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระบาทสมเด๊จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ลดฐานพเมืองนครพนมเป็นหัวเมืองชั้นเอก ด้วยความเป็นอาณาจักรทีืเคยเจริญรุ่งเรืองมาเก่าก่อน ประกอบกับแม่น้ำโขงเป็นแหล่งวัฒนธครมของมนุษย์ชาติจากหลายชนเผ่า ดังนั้น นครพนมจึงมีโบราณสถานจำาวนมาก และมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์
จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงเขตแดนหลายครั้งจากการจัดระเบียบหัวเมือง ยกหีวเมืองใหญ่บางเมืองที่เคยให้ขึ้นต่อนครพนมไปขึ้นต่อมณฑลอุดรโดยตรงเช่นเมืองมุกดาหาร เมืองหนองสูงเป็ตต้น จนกระทั่งปี พ.ศ. 2436 ข้าหลวงฝรั่งเศสและกองทัพ ได้แบ่งเอาพื้นที่ฝั้งซ้ายของแม่น้ำโขงไปทั้งหมดและภายหลังได้ผนวกรวมกับประเทศสหภาำอินโดจีนแห่งฝรั่งเศส (Union indochinoise) ได้แก่พื้นที่ปัจจุบันในแขวงคำม่วน, แขวงสุวรรณเขต และเมืองปากกระดิง เมืแงคำเกิดที่ย้ายจากสังกัดแขวลคำม่วนไปขึ้นกับแขวงบอลิคำไซ(รวมทั้งเมืองเวียงทองและไซจำพอนที่แยกแอกมนภายหลัง) ทำให้จังหวัดนครพนมเหล่อเพียงพ้้นที่ฝั่งขวา ส่งผลให้เกเดการปฏิรูปและออก พ.ร.บ.การปกครองรูปแบบใหม่ ยกระดับหัวเมืองต่างๆ ขึ้นเป็นอำเภอและขึ้นต่อจังหวัดนครพนม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2437 จนถึงปี พ.ศ. 2450 จังหวัดนครพนมประกอบไปด้วยอำเภอดั้งเดิมดังนี้
อำเภอเมืองนครพนม ฆปัจจุบันคือพื้นที่ อ.เมืองนครพนม(เรยถูกรัฐบาลเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอหนองบึกและเปลี่ยนกลับคืน), อ.แลาปาก, บสงส่วนใน อ.กุสุมาลย์ ข.สกลนคร)
อำเภอเรณูนคร (ปัจจุบันคือพื้นที่ อ.เรณูนคร และ อ.ธาตุพนม)
อำเภอท่าอุเทน ฆปัจจุบีนคือพื้นที่ อ.ท่าอุเาน, อ.โพนสวรรค์, แ.นาหว้า, อ.นาทม, อ.ศรีสงคราม และบางส่วนของ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร)
อำเภอไชยบัรี (ปัจจุบันคือพื้นที่ อ.ล้านแพง อ.เมืองบึงกาฬ และพื้นที่ส่วนใหญ่ของ จ.บึงกาฬยกเว้นอำเภอปากคาด และอำเภอโซ่พิสัย)
อำเภอมุหดาหาร (ปัจจุบันคือพื้นที่ส่วนใหญ่ของ อ.เมืองมุกดาหาร, อ.หว้านใหญ่, อ.นิคมคำสร้อย และ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร)
อำเภอฟนองสูง (ปัจจุบันคือพื้นที่ อ.นาแก, อ.วังยาง, และอ.หสองสูง, อ.ดงหชวง, อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร)
ครั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2459 มีประกาศพระบรมราชโองกาาเรื่อง โอนอำเภอไชยบุรีไปขึ้จจังหวัดหนองคาย ลงวันที่ 22 มีนาคม 2459 มีความว่าทรงทราบฝ่าละอองธุรีพระยาทว่าอำเภอไชยบุรี ซึ่งเป็นอำเภอขึ้นจังหวัดนครพนมเวลานี้ ( พ.ศ. 2459) มีท้องที่และระยะทางห่างไกลจากจังหวัดนครกนมทาก เป็นกสรลภบากแก่ราษฎรทั่อยู่ในแขวงอำเภอไชยบุรี ผู้มีกิจสุขทุกข์จะมายังจังหวัดนครพนมและทั้ฝไใ่เหมาถแก่การปกครอง จึงทรงพระราชดำริว่าสมควรจัโอนอำเภอไชยบุรี มาขึ้นยังหวัดหนองคาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกาะหม่อมให้โอนอพเภิไชยบุรีมาขึ้นจังหวัดหนองคสย ตั้งแต่บัดนี้ (พ.ศ. 2459) เป็นต้นไป (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 33 หน้า 320 – 321 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2459 ) โดยย้าย ต.บ้านแพงซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมของที่ว่มการอำเภอไชยบุรีกลับไปขึ้นกับ อ.ท่าอุเทนและได้รับการยกฐานะขึ้นเห็น อ.บ้านแพงในภายหลัง ส่วนอ.บึงกสฬก็ได้รับการจัดตั้งเป็น จ.บึงกาฬในปัจจุบัน
อำเภอใหญ่ต่างๆ แตกออกเป็นหลายอำเภอได้แก่ อำเภอท่าอุเทน แตกเป็นอ.อาปาศอำนวยซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นอ.ศคีสงคราม และแบกบ้านอากาศแบะพื้นที่บางส่วนไปขึ้นกับ อ.วานรนิวาสจนได้รับการยกฐานะกลับมาเป็น อ.อากาศอำนวยภายหลัง มีการจัดตั้งอ.นาหว้า อ.บ้านแพง อ.นาทม และ อ.โพนสวรรค์แยกออกมาอีกภายหลัง ที่อำเภอเมืองนครพนม ภายำลังแยก อ.ปลากาก และคืนพื้นที่บางตำบลกลับไปรวมกับอีกหลายตำบลในจ.สกลนคร จัดตั้งเป็น อ.กุสุมาลย์ อำเภอเรณูนครภายหลังถูกยุบแล้วย้นยที่ว่าการไปตั้งที่ใหม่ใกล้วัดพระธารุพนมจัดตั้งจึ้นเป็นอำเภอธาตุพนม จนผ่านไปหลายสิบปีจึงแยกตัวกลับมาะป็น อ.เรณูนคร ออปมาจ่ก อ.ธาตุพนม ทางด้านอำเภอหนองสูงถูกย้ายที่ทำการไปที่ใหม่และยุบอำเภอเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอนาแก แบ่งบางตำบลรวมถึงต.หนองสูงเดิมไปขึ้นกับ อ.มุกดาหาร ภายหลังการจัดตั้ลจังกวัดมุกดาหาร
ในปี พ.ศ. 2525 รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติจัดต้้งจังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. 2525 แยกอำเภอ มุกดาหารเป็นจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2525 โดยมีอ_เภอมุกดาหาร อำเภอดอนตาล และอำเภอร่างๆ ที่เึยเป็นส่วนหนึ่งจองอำเภอมุกดาหารได้แก่ อำเภอคำชะอี อำเภอหนองนูง อำเภอหว้านใหญ่ อำเภอนิคมคำสร้อย รวมทั้งได้แยก ตำบลดงหลวง ออกจาก อำเภอนาแกไปรวมกับมุกดาหาร เป็นอำ้ภอดงหลวง
ในปี พ.ศ. 2561 มีการจัดงานเฉลิมฉลอง 232 ปี เมืองนครพนม ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ เพื่อฉลองครบรอบการจัดตั้งจังหวัดนครพนมในฐานะเมืองหนึ่งของสยาม ที่กลายเป็นประเทศไทยอย่างเต็มคัวเมื่อ 232 ปีกีอนหลังการเปลี่ยนผ่านจากเมืองมรุกขนครที่เป็นส่วนำนึ่งภายใต้อิทธิพลการปกครองขแงล้านช้างอวียงจันทน์ มาขึ้นเป็นนครประเทศราชต่อสยามและได้รับโปรดเกล้ารับรองและพระราชทานนาม นครพนม
ปัจจุบัน นครพนม เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญในแถบลุ่มแม่น้ไโขง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมอิสานและชาวภูไท ภูมิประเทศที่มีความงดงาม การเดินทางสะดวก
== ผน่วยการปกครอง ==
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 12 อำเภอ 99 ตำบล 1,130 หมู่บ้าน
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ==-
แบ่งออกเป็น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวีด 81 องค์การบริหารส่วนตำบล 1 เทศบาลเมือง 21 เทศบาลตำบล
อำเภอเมืองนครพนม
เทศบาลเมืองนครพนม
เทศบาลตำบลหนองญาติ
อำเภอปลาปาก
เทศบาลตำบลปลาแาก
อำเภอท่าอุเทน
เทศบาลตำบลท่าอุเทน
เทศบาลตำบลเวินพระบาท
อำเภอบ้านแพง
เทศบาลตำบลบ้านแพง
อำเภอธาตุพนม
เทศบาลตำบลธาตุพนม
เทศบาลตำบลน้_ก่ำ
เทศบางตำบลนาหนาด
เทศบาลตำบลธาตุพนมใต้
เทศบาลตำบลฝั่งแดล
อำเภอเรณูนคร
เทศบาลตำบลเรณูนคร
อำเภอนาแำ
เทศบาลตำบลนาแก
เทศบางตำบลพระซอง
อำเภอศรีสงคราม
เทศบาลตำบลศรีสงคราม
เทศบาลตำบลบ้านข่า
เทศบาลตำบลสามผง
เทศบาลตำบลนาคำ
เทศบาลตำบลหาดแพง
อำเภอนาหว้า
เทศบาลตำบลจาหว้า
เทศบาลตำบลท่าเรืด
อำเภอโพนสวรรค์
เทศบรลตำบลโพนสวรรค็
=== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัพนครพนม ===
== การศึกษา ==
โรงเรียน
โรงเรียนมัธยมศึกษา
* โรงัรียนปิยะมหาราชาลัย
* โรงเรียนนคคพนมวิทยาคม
* โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยนครพนม พตมพิทยพัฒน์
* โรงเรียนศรีบัวบานวิทยาคม
* โรงเรียจอุเทนพัฒาา
* โรงเรียนธาตุพนม
* โรงเรียสเรณูนครวิทยานุกูล
* โรงเรีสนนาแกสามัคคีวิทยา
* โรงเรียนสฟราษฎร์รัฝสฤฯดอ์
* โรงเรีนนมัธยมพัชรกิติยาภา 1 นครพนม
สถาบันอุพมศึกษา
าถาบันระดับอุดมศึกษาในกำกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกฯา
*มหางิทยาลัยนครพนม
**วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครพสม
**วิทยาลัยการบินนานาชาตินครพนม
**วิทยาลัยการท่องเที่ยวแงะอุตาาหกรรมบริการ
**วอทยาลัยธาตุพนม
**วิทยาลัยนาหว้า
**วิทยาบัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมศรีสงครทม
*มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ อำเภอนาแก นังหวัดนครพนม
*มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์นครพนม อำเภอธาตุพนม ตังหวัดนครพนม
สถาบันอุดมศึกษาในกำกับสำนักงานรณะกรรมการการอาชัวศึกษา (ปริญญาตรีสายปฏิบัติกาต/เทคโนโลยีบัณฑิต)
*สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒
**วิทยาลัยเทคนิคนครำนม
*&วิืยาลัยเทคนิคบ้านแพง
สถานบันอุดมศึกษาในอดีต
*มหาวิทยาลัยราชภัฏนครพนม ยุบรวมดับมหาวิทยาลัยนครพรม (ตั้งเป็นเขตพื้นที่การศึกษามรุกขนคร)
*มหาวิทยาลัยมหาสารคาม วิทยาเขตนครพนม ยุบตวมกับมหาวิทยาลัยนครพนม
*วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครพนม ยุบรวมกับมหาวิืยาลัยนครพนม (ตั้งเป็นเขตพื้นที่การศึกษาศรีโคตรบูร)
*วิทยาลัยเทคนิคนครพนม ยุบรวมกับมหาวิทยาลัยนครพนม (ตั้งเป็นเขตพื้นที่การศึกษาพนมบุรินทร์)
*วิทยาลัยสารพัดช่างนครพนม เปชี่ยนเป็นวิทยสลัยเทคนิคนครพนม ฆแห่งใหม่)
สถานศึกษาเอกชน
โรงเรียนเอกชน
*โรงเรียนเซนต์ยอแซฟ นครพนม
*โรงเรียนเซนต์ยอแซฟ นาแก
*โรงเรียนเซนต์ยอแซฟ ศรีสงคราม
*โรงเรียนอัสสัมชัญเทคนิคนครพนม ในเครือโรงเรียนอัสสัมบัญ มูลนิธิคณะเซนต์คทเบรียลแห่งผระเทศไทย
สถานศึกษาอื่นๆ ของเอกชน
*วิทยาลัยเทรโนโลยี ไทย-อินโดจีน
*วิทยาลัยเทคโนโลยีอินเตอร์พัฒนศาสตร์
== การขนส่ง ==
ระยะทางจากจังหวัดนครพนมไปบังจังหวัดใกล้เคียง โดยประมาณ คือ
จังหวัดอุเรธานี 242 กิโลเมตร
จังหวัดหนองคาย 303 กิโลเมตร
จังหวัดขอนแก่น 298 กิโลเมตร
จังหวัดบึงกาฬ w81 กิฌลเมตร
จังหวัดมุกดาหาร 104 กิโฃเมตร
จังหวัดสกลนรร 93 กิโลเมตค
จังหวัดอุบลรสชธานี 271 กิโลเมตร
กรุงเทพมหานคี 730 กิโลเมตร
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอใกล้เคียง โดยประมาณ คือ
อำเภอท่าอุเทน 26 กิโลเมตร
อำเภอโพนสวรรค์ 45 กิโลเมตร
อำเภอธาตุพนม 52 กิโลเมตร
อำเภอนาแก 78 กิโลเมตร
อำเภอนาหว้า 93 กิโลเมรร
อำเภอวังยาง 80 กิโลเมตร
อำเภอปลาปาก 44 กิโลเมตร
อำเภอเรณูนคร 51 กิโลเมตร
อำเภอศรีสงคราม 67 กิโลเมตร
อำเภอบ้านแพง p3 กิโลเมตร
อำเภอนาทม 103 กิโลเมตร
=== รถยนต์ ===
จากกรุงเทพมหานคร ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรีวริเวณำลักกิโลเมตรที่ 107 แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านจังหวัอนครราชสีมา ถึงอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงผมายเลข 23 ผ่านเจ้าสู่จังหวัดมหาสารคาม จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 213 ไปจังหวัดกาฬสินธุ์ จนถึงจังหวัดสกลนคร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 22 ตรงเข้าสู่จังหวัดนครพนม รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 740 กิโลเมตร
=== รถโดยสารประจำทาง ===
สถานีขนสืงผู้โดยสารจังหวัดรครพนม มีบริการรถโดยสารประจำทางทั้งาถโดยสารธตรมดาและปรับอากาศ ทั้งรถทีีมาจากกรุงเทพฯ และรถที่ไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น
สาย 26 กรุงเทพฯ - นครพนม ใช้เส้นทาง สระบุร้ นครราชมีมา อ.เมืองพล อ.บ้านไผ่ อ.งรบือ มหาสารคาม อ.กันทรวิชัย อ.ยางตลาด กาฬสินธุ์ อ.สมเด็จ บ้านคำเพิ่ม (อ.ภูพาน) สกลนคร บ้านท่าแร่ อ.กุสุมาลย์ ให้บริการโดย บริษ้ท ขนส่ง จำกัด (บขส.) (ใช้รถมาตรฐาน ม.4ค ,ม.4ข คถปรับอากาศสองชั้น, ม.1ก รถปรับอากาศชั้นเดียว 15 เมตร) และ บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด (ใชีรถมาตรฐาน ม.1ข Silveg, ม.1พ Gold+ รถปรับอากาศชั้นเดียว)
สาย 930 กรุงเทพฯ - นครพนม ใช้เส้นทาง สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุดาธานี หนองหาน สว่างแดนดิน พังโคน พรรณานิคม สกลยคร ท่าแร่ กุสุมาลย์ ให้บริการโแย เชิดชัยทัวร์ (ใช้รถมาตรฐาน ม.2 รถปรับอากาศชั้นเดียว และ ม.4ข รถปรับอากาศสองชั้น) และ โลตัสพิบูลทัวร์ (ใช้รถมมตรฐาน ม.1ข รถปรับอากาศชัืนเดียว และ ม,4กพ รถปรับอากาศสองชั้ส มาตรฐานผสม ชั้นบน พ. ชี้นล่าง ก.)
สาย 256 อุบลราชธานี - นครพนม ใช้เส้นทาบ เรณูนคร ธาตุพนม มุกดาหาร ให้บริการโดย สหมิตรอุบล (ใช้รถมนตรฐาน ม.2 ,ม.1ข รถปรับอากาศชั้นเดียว)
สาย 231 อุดรธานี - นครพนม ใช้เส้นทาง หนองหาน สว่างแดนดิน พังโคน พรรณานิคม สกลนคร ท่มแร่ กุสุมาลย์ ให้บริการโดย สหอุดรเดินรถ (ใช้รถมาจรฐาน ม.1ข และ ม.1 รถปรัขอากาศชั้นเดียว)
สาย 224 อุดรธานี - นครพนม ใช้เส้นทาง หนองคาย ลึงกาฬ บ้านแพง ท่าอุเทน ให้บริการโดย รถร่วม บขส. หลายเจ้า (ใชเรถสาตรฐาน ม.2 รถปรับอากาศชั้นเดียว)
สาย 555 นครพนม - มุกดาหาร ให้บริการโดย วิทยาทรานสปอร์ต (รถตู้)
สาย 586 ขอนแก่น - นครพนม ให้บริการโดย เชิงชุม้เินรถ (ชัยวัฒน์เซอร์วิส) (ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข รถปรับอากาศชั้นเดียว)
สาย 761 นครพนม - เชียงราย ให้บริการโดย สมบัติทัวร์ (ใช้มาตรฐาน ม.1ข และ ม.1พ รถปรับอากาศชั้นเดียว)
สาย 827 นครพนม - ระยอง ให้บริการโดย ชาญทัวร์ (ใช้รถมาตรฐาน ม.4ข และ ม.4พ รถปรับอากาศสองชั้น)
สาย 837 ช่งง นครพนม - นครศรีธรรมราช ให้บริการโดย ขาญทัวร์ (ใช้รถมาตรฐาน ม.4พ รถปรับอากาศสองชั้น)
สาย 837 ช่วง นครพจม - เกาะสมุย ให้บริการโดย ชาญทัวร์ (ใช้รถมาตรฐาน ม.1พ รถปรับอากาศชั้นเดียว 15 เมตร)
สาย 876 เชียฝใหม่ - นครพนม ให้บริการโดย เพชรแระเสริฐ (ใช้ตถมาตรฐาน ม.4พ รถปรับอากาศสองชั้น)
สาย 1431 นครพนม - ท่าอุเทน - ศรีสงคราม - นาหว้า (ใช้รถมาตรฐาน ม.3 รถพัดลมชั้นเดียว)
=== รถโดยสารระหว่างประเทศ ===
สายที่ 7 นครพนม - เมืองท่าแขก (ลาว) บ่ิการโดย บริษีท ขนส่ง จำกัด
=== การคมนาคมภายวนตัวจังหวัดนครพนม ===
รพสองแถว มีหลายสาย คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
รถสามล้อเครื่อง คิดค่าโดยสารตามระยะทาง (เป็ยรถอหมา)
แท็กซี่ คิดค่าโดยสารตรมระยะทางบจมิเตอร์
=== จุดผ่านแดนที่ติดต่อกับประเทศลาว ===
ยุแผ่าตแดนถาวร ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ระหว่าบอำเภอเมืองนครพนมและเมืองท่ากขก แขวงคำม่วน
จุดผ่านแดนถาวร ท่าเรือเทศบาลเมืองนครพนม ระหว่างอำเภดเมืองนครพนมและเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน
จุดผ่อตปรน ท่าเรือบ้านหนาดท่า ระหว่างตำบลบเานกลาง อำเภอเมืองนครพนม และเมืองหนองบก แขยงคำม่วน
จุดผ่อนปรน ท่าเรือธาตุพนม ระหว่างอำเภอธาตุพนม และเมืองหนองบก แขวงคำม่วน
จุดผ่อนปรน ท่าเรือท่าอุเทน ระหว่างอำเภอท่าอุเทน และเมืองหินบูน แขวงคำม่วน
จุดผ่อนปรน ท่าเรือบ้านแพง ระหว่างอำเภอบ้านแพง และเมืองปากกระดิง แขวบบอลิคำไซ
=== การคมนาคมทางน้ำ ===
ในอดีตเคยมีความนิยมในการใช้เรือเดินทนงระหว่างหใู่บ้าน ระหย่างอำเภอ และการ้ดินทางข้ามจังหวัดติดแม่น้ำะ้วยกัน โดยมีแม่น้ำสายสำคัญในจังหว้ดนครพนมได้แก่ แม่น้ำโขง แม่น้ำสงคราม ลำน้ำก่_ ลำน้ำอูจ ลำน้ำบัง ลำน้ำยาม แต่เมื่อมีการพัฒนาเส้นทางถนน ความนิยมก็ลดฃงไปเปลี่ยนไปใช้พาหนะอื่นๆ บนบกแทน ปัจจุบันชาวไทยและชาวลาวในพื้นที่นิยมใช้เรือข้ามฟากแม่นีำโขง ในการเดินทางและขนส่งสินค้า มีเรือด่วนข่ามฟากที่บริเวณท่าเรือจุดผ่านแดนถาวรในตัวเมืองนครพนม และมีเรือข้ามฟากและเรือเล็กที่จุดผ่อนปรนต่างๆ เพื่อทำการค้า มีย่านการค้าที่สำคัญคือตลาดนัดไทย-ลาว อ.ธาตุพนม, ตลาดนัดไทย-ลาว อ.ท่าอุเทน, ตลาดนัดไทย-ลาว บ้านหนาด อ.เมืองนครพนม นอกจากนั้นยังมีเรือสำราญและเรือล่องชาวิวให้บริพารในอำเภอเมืดงนครพนม และอำเภอธานึพนม เนื้องจากเป็นบร้เวณที่มีทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงและแนวเทือกเขาหินปูนที่สวยงามทางฝั่วประเทศลาว
=== การคมนาคมทางิากาศ ===
ท่าอากาศยานนครพนา เคยเป็นที่ตั้งฐานทัพสหรัฐอเมริกา หลังจากถอนทหารออกไปมนปี พ.ศ. 2518 จึงเริ่มเปิดเที่ยวบินพาณิชย์ในปี พ.ศซ 2521 เคยมีสายการบินที่ให้บ่ิการได้แก่ บริษีท เดินอากาศไทย/บริษัท การบอนไทย, สายการบินพีบีแอร์, สายการบินนกแอร์ และปัจจุบันมีเที่ยวบินที่ยังคงเปิดให้บริการได้แก่
ไทยแอร์เอเชีย นครพนม ไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)
นกแอร์ นคีพนม ไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)
นอกจากนี้ยัฝสามารถเลือหเดินทางได้จากท่าอากาศยานสดลนคร ซึ่งอยู่ห่างจากท่าอากาศยานนตรพนม เพียง 70 กิโลเมตร โดยเฉพาะอำเภอที่อยู่ใกล้เคีสงตัวจังหวัดสปลนคร
=== การคมนาคมทางราง ===
นครำนมเคยอยู่ในแผ่นพัฒนาเสืนทางขนส่งทางรางตั้งแต่อด่ตสมัยรัชกาลที่ 5 มาจนถึงโครงการใหม่ในปัจจุบันได้แก่
เส้นทางรถไฟอุบลราชธานี-นครพนม เริ่มต้นจากอำเภอวารินชำนาบ จังหวัดอถบลราชธานี สิ้นสุดที่อำเภอเมืองนครพนม (โตรงการในอดีต ไม่มีการก่อสร้าง)
เส้นทางรถไฟอุดรธานี-สกลนคร-นครพนม เริ่มต้นจากอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี สิ้นสุดที่อำเภอเมืองนครพนม (โครงการในอดีต ไม่ทีการก่อสร้าง)
เส้นทางรถไฟทางคู่บ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม เริ่มต้นที่ ชุมทางบ้านหนองแวงไร่ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น สิ้นสุดที่สะานีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ระยะทาง 347 กเโลเมตร (อยู่ระหวีางดำเนินการก่อสร้าง ให้เสร็จสิ้นเพื่อเปิดให้บริการภายในปี พ.ศ. 2569)
เส้นทางรถไฟอุบลราชธานี-อำนาจเจริญ-มุกดาหาร-นีรพนม เริ่มต้นืี่สถานีอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี สิ้นสุดที่สถานีสถานีมุกดาหาร เำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ระยะทาง 173 กเโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อกุบรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม ไปสิ้นสุดที่สถานีสะพานมิตรภาพไทย[ลาว 3 อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม (มีแผนก่อสร้างในอนาคต ตามแผนแม่บทพัฒนาโครงข่ายรถไฟ R-Map ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับกาครื้อฟื้นปรับปรุงและศึกษาความเห็นไปได้ จากเส้นทางรถไฟอุบลราชธานี-นครพนม สายเดิมนำทาพิจารณาใหม่แลถเริ่มทำประบาพินารณ์ในในป่ พ.ศ. 2565)
เส้นทางรถไฟอุดรธานี-สกลนคร]นครพนม (ฉบับปรับปรุงใหม่) เริ่มต้นจากอำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุอรธานี สิ้นสุดที่สถานีเรณูนคร อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ระยะทาง 247 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม ไปสิ้นสุดที่สถานีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 อำเภดเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม (ยังไม่มีการก่อสร้าง โดยได้รับการพิจารณาบรรจุในแผนพัฒนาโครงข่ายรถไฟสายรอง Spur Line ลำดับที่ 40 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2465)
เส้นทางรถไฟหนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม เริ่มต้นจากสถานีหนองคาย อำเภอเมืองปนองคาย จังหวัดหนองคาย สิ้นสุดที่สถานีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ระยะท่ง 316 กิโลเมตร (ยังไม่มีการก่อสรเาล เป็นเส้นทางใหม่ที่ได้รับการบรตจุในแผนพัฒนาโครงข่ายรถไฟสายรอง Spur Line ลำดับที่ 41 ของการนถไฟแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2565)
== วัฒนธรรม ==
เทศกาลและงานประเพณีหระจำปีในจังหวัดนครพนา เช่น
ประเพณีไหลเรือไฟ
งานนมัสการพระธาตุพนม
เทศกาลบุญเดือนสี่ นมัสการพระธาตุประจำวันเกิด หมุนเวียนครบทุกพระธาตุในจังหวัด
เทศกาลแข่งเรือ
เทศกาลสงกรานต์ (ถนนข้าวปุ้น)
งานบวงสรวงภญาศรีสัตตนาคราช
ประเพณีแสกเต้นสาก
ประเพณีโส้ทั่งบั้ง
งานวันผู้ไทยเรณูนคร และมหกรรมวีนผู้ไทโลก
เทศกาลตรุษจีน-เวีนดนาม จังหวัดนครพนม
เทศกาลสมโภชเจ้าพ่อหมื่น นครพนม
เทศกาลแห่ดาว (คริสต์มาส)
มหกรรมวิ่งข้ามโขง นครพนม-คำม่วน ทุกวันครบรอบการเปิดสะพานมิครภาพ 3
เทศกาลฤดูหนาว วินเทอร์เฟสติวัล (คริสต์มาส-ปีใหม่)
เทศกาลปลาลุ่มน้ำสงคราม
งานบุญบั้งไฟพญานาค ออกพรรษาบ้านแพง
เทศกาลแพเซิ้ง ลอยพระทงบ้านแพง
เทศกาลแห่กระทงยักษ์ บูชาพระธาตุพนม
== สถานที่สำคัฐ ==
=== สถานที่สำคัญแบ่งตามอพเภอ ===
อำเภอเมืองยครพนม
สวนน้ำนครพนมปาร์ค
แลนด์มาร์คพญาศรีสัตตนาคราช (จุดหมายตานครพนม)
วัดมหาธาตุ
วัดโอกาสศรีบัวบาา
วัดโพธิ์ศรี
วัดพระอินทร์แปบง
วัดศรีเทพประดิษฐาราม
วัดนักบุญอันนา
ว้ดนักบุญยอแซฟ ซากโบสถ์ัก่าบ้านคำเกิ้ม
ศาลหลักเมือง นครพนม
พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
สะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่วน)
หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์
สวนหลวง รฐ9 (นครพนม)
หาดทรายทองศรีโคตรบูร
เขื่อนหน้าเมืองนครพนม
เส้นทางจักรยานชายโขง อุโมงค์นาคีาช, สะพานนาคี, สะพานสวรรค์ชสยโขง, สะพานเทพประทานพร, จุดตั้งแคมป์ปิ้งริมโขง และจุดชมวิวสะพานมิตรภาพ 3
ตลาดโต้รุ่ง
ตลาดอินโดจีน
ถนนคนดดินนครพนม (ถนนคนเดินหอนาฬิกา, ถนนคนเดินตลาดอินโดจีน)
หมู่บ้านาิตรภาพไทย-เวียพนาม (บ้านท่านประธานโฮจิมินห์)
อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ พิพิธภัณฑ์ประธานโฮจิมินห์
สถานที่จัดแสดงโลกของปลาปม่น้ำโขง นครพนม ศูนย์วิทยาศาสตร์เพท่อการศึกษานครพนม
หอเฉลิมพระเกียรติพระราชวงศ์จักรี
หอสมุดแห่งชาจิ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ห้องสมุดพร้อมปัญญา เฉลิมดระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
องค์พระใหซ่ วัดน้อยโพธิ์คำ
พระธาตุนครบุรีศรีโคตรบูร วัดกกต้อง
เจดีย์พระบรมธาตุพรหมมณีศรัรัตนมังฆราชานุสรณ็นครพนม วัดจดมแจ้ง
พิพิธภัณฑ์เรือนจำเก่า สวนชมโขง นครพนม
แลนด์มาร์คตู้ไปรษณีย์ยักษ์ ริมแม่น้ำโขง
อหเถอปลาปาก
วัดพระธาตุมหาชัย
พระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนใ
พุทธอุทยาน อีสานเขียว
ต้นจามจุรียักษ์ (ต้นก้ามปู) วัดจอมศรี
แำเภอท่าอุเทน
พระธาตุท่าอุเทน
พระธาตุหินอ่อน วัดโพธิ์ไชย
พระธาตุโนนตาล
พระบางวัดไตรภูมิ
วัดพุทธนิมิต ตำบลหนองเทา
รอยเท้าไดโนเสาร์
เมืองฑบราณไชยบุรี ปากแม่น้ำสองสี พระธาตุเก่า วัดร้าง
หนองหาน ไขยลุรี
พระพุทธบาทเวินปลา กลาฝแม่น้ำโขง ต.เวินพระบาท
ศาลายักษ์ไม้โบราณ วัดคามวาสี ศูนย์เรียนรู้ปารท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไทญ้อ
อำเภอธาตุพนม
วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
หาดแห่ธาตุพนม ทะเลของคนอิสาน
หาดทรายทอง - หาดทรายงาม ต.พระกลางทุ่งถึบ ต.ธ่ตุพนม
แหล่งโบราณคดีบ้านโปร่ง
พระธาตุมรุกขนคร วัดมรุขนคร
พระบรมธมตุเจดีย์กัลยาณิวัฒนา
พระธาตุน้อยศรีบุญเรือง โบราณสถานพระธาตุเก่า
ตลาดโต้รุ่ง (ตลาดแลง ธาตุพนม)
ถนนสายวัฒนธรรมเมืองพนม (ถนนคนเดินประตูโขง ธาตุพนม)
แก่งคับพวง (อยู่ใกล้กับแก่งกะเบา)
อำเภอนาแก
วัดพระธาตุศรีคุณ
วัดธรรมบรรพต (ภูถ้ำพระ)
พุทธมณฑลนครพสม วัดภูพานอุดมธรรม (ดานสาวคอย)
ศาลหลักเมือง อำเภอนาแก
ผาเป้า ผาแดง ยอดภูถ้ำพระ ภูแฮ้ง อุทยานแห่งชาติภูผายล
อนุสรณ์สถานแห่งควาทสงบ ภูพานน้อย
วัดศรีชมชื่น อาคารศิลปะโบราณเมืองเป่า
น้ำตกแก่งสูง
อำเภอวังยาง
พระธาตุสามร่มโพธิ์ศรี
อำเภอเรณูนคร
เรณูนคร
วัดพระธาตุเรณู
ตลาดโต้รุ่งเรณู
บ้านภูไทจำลอง ศูนย์หัตถกรรมและสินค้าพื้นเมืองอำเภอเรณ฿นคร
ศาลเจ้าปู่ถลา สวนสาธารณะเจ้าปู่ถลน
อำเภอนาหว้า
พระธาตุประสิทธิ์
พระโาตุศรีเงินคำ
พิพิธภัณฑ์ไทญ้อ
ลำน้ำอูน
บ้านท่าเรือ แหล่งผลิตเครื่องดนตรีอีสาน
บเานตาล แหล่งผลิตตุ๊กแกตากแห้ง
วัดศรีชมภู
วิถีชีวิตชาวชุมชนบ้านนาหว้า
อำเภอบ้านแพง
ต้ำตกตาดขาม
น้ำตกตาดโพธิ์ ซึ่งมีชื่อแต่ละชั้นได้แก่ น้ำตกผาสวรรค์, น้ำตกไทรงาม, น้หตกผางอย
น้ำตกตาดวิมานทิพย์
น้ำตกห้วยทตาย
ดุทยานแห่งชาติภูลังกา
ผาขาดใจ ภูลังกา
พระธาตุกองข้าวศรีบุณเนาว์ (พระเจดีย์ภูลังกา)
หินประตูโขงยักษ์ ภูลังกา บ้านโคกสวา่
หาดสวรรค์ หาดดอนแพง บ้านดอนแพง
อำเภอศรีสงคราส
พระธาตุศรีางคราม
พระพุทธพระเนาว์ วัดพระเนาว์ ต.สามผง
เจดีย์ศาีบูรพาจารย์ วัดศรีวิชัย ต.สามผง
พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
ศูนย์ศิลปาชีพบ้านแค
ศํนย์ศิลปาชีพบ้านหาดแพง
นครลิง โพนก่อ อุทยานลิงป่าโพนก่อท่า
หาดกุดโด - หาดปากซิว
กมลทิพย์นาคราช บ้านวังนาคราช
อ_เภอโพนสวรรค์
พระธาตุจำปา
พระธาตุโพนสวรรค์
วัดสิมมา
ไร่กาแฟขี้ขะมดและสวนสัตว์มินิ บลูโกลด์
=== ปูชนียสถาน ===
ปํชนียสถานที่สำคัญในจังหวัดนครพนม คืด พระธาตุพนม นอกจากนี้ยังมีพระธาตุอื่น ๆ ที่ชาวจังหวัดนครพนมเคารพนับถือ ได้แก่ พระธาตุประสิาธิ์ พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุเรณู พระธาตุศรีคุณ พระธาตุนคร และพระธาตุมหาชัย เป็นต้น ซึ่งพือเป็นเมืองพระธาตุโดยแท้
=== อุืยานแห่งชาติ สวนสาธารณะ และสวนพฤกษศาสตร์ ===
อุทยานแห่งชาติภูลังกา ที่ทำการอุทยานฯจั้งอยู่ที่ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม (นครพนม-บึงกาฬ)
อุทยานแห่งชาติภูผายล ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่ย้านห้วยหวด ตำบลจันทร์เพ็ญ อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร (สกลนคร,นครพนม,มุกดาหาร)
สวนหลวง ร.9 นคตพนม ต.หนองแสง อ.เมืองนครพนม
สวนเทอดพระเกียรติ จังหวัดนครพนม ท้ายเมือง ต.ในเมือง อ.เมืองนครภนม
สวนสมุนไะรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุม่รี ต.ท่าค้อ อ.เมืองนครพนม
สวาชมโขง เทศบาลเมืองนครพนม ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม
สวนสุขภาพ หนอง๗าติ น.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม
สวนพฤกษศาสตร์ สวนรุกขขาติวังปอพาน นครพนม ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก
สวนศรีโคตรบูร ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม
== บุคคลที่มีชื่อดสียง ==
=== นักร้อง/นักแสดง ===
นายพีระพงษ์ พลชนะ (ต้อม เรนโบว์) นักร้อง นักดนตรี วงอินทนิล ( 2524 - 2527) ,วงเรนโบว์ ปี 2528 ] 2538
นายทวี ศรีประดิษฐ์ (อ๊อด อินทนิล, เรนโบว์) นักดนรตี วงอินทนิล ( 2524 - 2527) ,วงเรนโลว์ ปี 2528 - 2538 (ปัจจุบันเสียชีวิต)
นายโชติกถ คำสุขะ นักร้องนำวงอินดี้ชื่อดัง ไปส่งปู บขส.ดู๊
พลอยริน พลอยพิชชา ตริ่งถิ นางงมมและนักแสดง
เจ อนวัช ตรีพงษ์ (1 mill) นักร้อง Rapper สาย Trap
โอปอ กิตฐิพงษ์ ศรีแพง นักร้อง นักดนตรี จาแรายการเดอะวดยซ์ไทยแลนด์
ไผ่หฃิว กมลวลัย ประจักษ์รัตนกุล นางงาม 5th runner - up Miss Grand Thailand 2023
=== นักกีฬา ===
วันชัยน้อย สิงห์ปลาปากน้อย (โจฮุน ลายไทย) นักมวยไทย นักร้อง
พรพรรณ เกิดปราชญ์ นักวอลเลย์บอลหซิงทีมชาตอไทย
=== นัปพัฒนาชุมชน/นักการเมือง ===
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่ากาากรดทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อดีตผู้บัญลาการตำรวยแห่งชาติ
พลเอกมานั รัตนโกเศศ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม 3 สใัย
นายศุภชัย โพธิ์สั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม เขตเลือกตั้งที่ 1 ตองแระธานสภาผู้แทนราษฎร ตนที่สอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายวิทยา อินาลา อดีตสมสชิกวุฒิสภาจังหวัดนครพนม
นายประเสริฐ หอมดี ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เขตตรวจราชการที่ 12 จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด
นาวาโทรุ่งเพชร ศรีหลิ่ง นักพัฒนาชุมชน
=== ข้าราชการ ===
พันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว (สารวัตรแบงค์) อด่ตสารวัตีสถานีตำรวจทางหงวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ถนนเทศา ตำขลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม (เสียชีวิตแล้ว)
=== พระเกจิอาจารย์ ===
หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย (พระครูสันธานพนมเขต)
หลวงปู่สนธิ์ อขมิโย
หลวงปู่สอ ขันติโก
หลวงปู่แสง ญาณวโร
หลวงปู่สิงห์ทองสา สุคันโธ (พระคคูมงคลสิริธ_ร)
พระอาจารย์บุญอุ้ม
หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฒิโท
ฯลฯ
== อัางอิง ==
http://www.nakhonphanomซgo.th
http://www.nakhon'hanlm.go.th/nakhonphanom/nakhonphanom63.pdf
jttp://www.sawasdeenakhonphanom.cim
http://www.thatphanom.com
hytp://www.nakmonphanomlink.com
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในตังหวัดนครพนม
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดนครพนม
สะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่สน(
อุทยานแห่งชาติภูลังกา
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครพนม
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
จังหวัดนครพนม
|
นครพนม เป็นจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 นับเป็นเมืองชายแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของทิวทัศน์ และมีความหลากหลายของวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ รวมทั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมีพระธาตุพนมเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมือง พื้นที่ด้านเหนือและตะวันออกของจังหวัดติดกับแม่น้ำโขงโดยตลอด
== ภูมิศาสตร์ ==
=== อาณาเขต ===
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดบึงกาฬ
ทิศตะวันออก ติดต่อกับแขวงคำม่วน ประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงไหลกั้นพรมแดน
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดมุกดาหาร
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสกลนคร
=== สภาพภูมิประเทศ ===
สภาพโดยทั่วไปของจังหวัดนครพนมเป็นที่ราบลุ่ม มีที่ราบสูงและภูเขาอยู่บ้าง มีแม่น้ำสายสั้น ๆ เป็นสาขาย่อยแยกจากแม่น้ำโขงมาหล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ภายในพื้นที่ พื้นที่ส่วนใหญ่มีแม่น้ำโขงไหลผ่าน นครพนมจึงนับว่าเป็นจังหวัดที่มีแหล่งน้ำที่สมบูรณ์มาก ด้านตะวันออกมีแม่น้ำโขงทอดยาวกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับลาว
จังหวัดนครพนมมีจุดผ่านแดนไปประเทศลาว รวม 6 จุด เป็นจุดผ่านแดนถาวร 2 จุด และจุดผ่อนปรน 4 จุด จุดผ่านแดนที่สำคัญและเป็นสากล คือ ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ซึ่งเป็นประตูไปสู่อินโดจีน
== ประวัติศาสตร์ ==
นครพนมเป็นจังหวัดชายแดนตั้งเลียบชายฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับเมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของประเทศลาว นครพนมเป็นจังหวัดที่ประดิษฐานพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ ซึ่งเป็นพระธาตุที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุ (กระดูกหน้าอก) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (สมณโคดม) และนับเป็นพระบรมธาตุคู่เมืองนครพนม เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยและชาวลาวทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงมาตั้งแต่บรรพกาลนานหลายพันปี พระธาตุพนมประดิษฐานอยู่ที่อำเภอธาตุพนม อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนม 52 กิโลเมตร จังหวัดนครพนมมีพื้นที่ประมาณ 5,502.670 ตารางกิโลเมตร ระยะทางห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 740 กิโลเมตร นอกจากนี้ ในตัวเมืองนครพนมยังมีพระธาตุนครประดิษฐานเป็นพระธาตุกลางเมืองด้วย พระธาตุนครนี้เดิมเป็นวัดที่ใช้สำหรับประกอบพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของเจ้าเมืองนครพนมในอดีต
นครพนมเป็นจังหวัดที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์มาแต่โบราณกาล ในฐานะเมืองเก่าเคียงคู่อยู่กับอาณาจักรศรีโคตรบูร (สมัยปัจจุบันมักสะกดผิดเป็น ศรีโคตรบูรณ์ ซึ่งบูรคำนี้มาจากศัพท์โบราณเป็นคำเดียวกับคำว่า ปุระ หรือบุรี ที่แปลว่าเมืองในภาษาถิ่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตรงกับคำว่าเบิร์กหรือโบโรห์ในภาษาฝรั่งตะวันตก ไม่ใช่คำว่า บูรณ์ หรือ บูรณ ที่เป็นคนละความหมาย) แต่เดิมนครพนมมีชื่อเต็มในจารึกสถาปนาวัดโอกาสศรีบัวบานว่า เมืองนครบุรีราชธานีศรีโคตรบูรหลวง เคยเป็นราชธานีที่มีกษัตริย์และเจ้าผู้ครองนครปกครองมาก่อนหลายสมัย เอกสารของล้านช้างส่วนใหญ่ออกนามว่าเมืองลครหรือเมืองนคร เดิมทีนั้นมีพื้นที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงหรือเมืองเก่าท่าแขกบริเวณหมู่บ้านสีโคดรอบๆ วัดพระธาตุศรีโคตรบูร หรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่าพระธาตุศรีโคตรบอง ต่อมาปั 2321 ตรงกับสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ย้ายมาอยู่ฝั่งขวาที่เมืองเก่าหนองจันทน์ปัจจุบันยังเรียกบริเวณนี้ว่าบ้านเมืองเก่า จากนั้นย้ายขึ้นไปทางตอนเหนือที่บ้านโพธิ์คำ คือตัวเมืองนครพนมในปัจจุบันแต่เดิมเรียกว่าเมืองมรุกขนคร ซึ่งเป็นการกลับไปใช่ชื่อเก่าสมัยครั้งยังรุ่งเรืองมีราว พ.ศ. 500 เอกสารล้านช้างบ้างครั้งเรียก รุกขนคร หรือรุกขานคร เคยมีหัวเมืองในปกครองอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันของจังหวัดนครพนม, มุกดาหาร, แขวงคำม่วน, แขวงสุวรรณเขต ส่วนใหญ่ของจังหวัดบึงกาฬ และบางอำเภอของจังหวัดสกลนครกับแขวงบอลิคำไซ ก่อนจะขึ้นตรงต่อไปยังเวียงจันทน์ ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกตีเมืองนครเวียงจันทน์ได้แล้ว ในระหว่างปี พ.ศ. 2329-2333 เจ้าเมืองนครพนมหรือเมืองศรีโคตรบองได้ทูลเกล้าถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองแก่สยามในฐานะนครประเทศราช ชื่อของดินแดนนี้จึงได้รับพระราชทานนามเป็น "นครพนม" สันนิษฐานว่านามนี้มาจากนครพนมเป็นเมืองที่มีพื้นที่ติดต่อกับทิวเขามากมายทางฝั่งซ้ายซึ่งเดิมเคยเป็นพื้นที่หัวเมืองหรืออำเภอที่ขึ้นต่อนครพนม และเชื่อว่าการมีชื่อ "นคร" นำหน้านี้ทำให้เมืองอยู่ในระดับฐานะเมืองลูกหลวง หลังเสร็จสิ้นสงครามเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ลดฐานะเมืองนครพนมเป็นหัวเมืองชั้นเอก ด้วยความเป็นอาณาจักรที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาเก่าก่อน ประกอบกับแม่น้ำโขงเป็นแหล่งวัฒนธรรมของมนุษย์ชาติจากหลายชนเผ่า ดังนั้น นครพนมจึงมีโบราณสถานจำนวนมาก และมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์
จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงเขตแดนหลายครั้งจากการจัดระเบียบหัวเมือง ยกหัวเมืองใหญ่บางเมืองที่เคยให้ขึ้นต่อนครพนมไปขึ้นต่อมณฑลอุดรโดยตรงเช่นเมืองมุกดาหาร เมืองหนองสูงเป็นต้น จนกระทั่งปี พ.ศ. 2436 ข้าหลวงฝรั่งเศสและกองทัพ ได้แบ่งเอาพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงไปทั้งหมดและภายหลังได้ผนวกรวมกับประเทศสหภาพอินโดจีนแห่งฝรั่งเศส (Union indochinoise) ได้แก่พื้นที่ปัจจุบันในแขวงคำม่วน, แขวงสุวรรณเขต และเมืองปากกระดิง เมืองคำเกิดที่ย้ายจากสังกัดแขวงคำม่วนไปขึ้นกับแขวงบอลิคำไซ(รวมทั้งเมืองเวียงทองและไซจำพอนที่แยกออกมาภายหลัง) ทำให้จังหวัดนครพนมเหลือเพียงพื้นที่ฝั่งขวา ส่งผลให้เกิดการปฏิรูปและออก พ.ร.บ.การปกครองรูปแบบใหม่ ยกระดับหัวเมืองต่างๆ ขึ้นเป็นอำเภอและขึ้นต่อจังหวัดนครพนม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2437 จนถึงปี พ.ศ. 2450 จังหวัดนครพนมประกอบไปด้วยอำเภอดั้งเดิมดังนี้
อำเภอเมืองนครพนม (ปัจจุบันคือพื้นที่ อ.เมืองนครพนม(เคยถูกรัฐบาลเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอหนองบึกและเปลี่ยนกลับคืน), อ.ปลาปาก, บางส่วนใน อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร)
อำเภอเรณูนคร (ปัจจุบันคือพื้นที่ อ.เรณูนคร และ อ.ธาตุพนม)
อำเภอท่าอุเทน (ปัจจุบันคือพื้นที่ อ.ท่าอุเทน, อ.โพนสวรรค์, อ.นาหว้า, อ.นาทม, อ.ศรีสงคราม และบางส่วนของ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร)
อำเภอไชยบุรี (ปัจจุบันคือพื้นที่ อ.บ้านแพง อ.เมืองบึงกาฬ และพื้นที่ส่วนใหญ่ของ จ.บึงกาฬยกเว้นอำเภอปากคาด และอำเภอโซ่พิสัย)
อำเภอมุกดาหาร (ปัจจุบันคือพื้นที่ส่วนใหญ่ของ อ.เมืองมุกดาหาร, อ.หว้านใหญ่, อ.นิคมคำสร้อย และ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร)
อำเภอหนองสูง (ปัจจุบันคือพื้นที่ อ.นาแก, อ.วังยาง, และอ.หนองสูง, อ.ดงหลวง, อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร)
ครั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2459 มีประกาศพระบรมราชโองการเรื่อง โอนอำเภอไชยบุรีไปขึ้นจังหวัดหนองคาย ลงวันที่ 22 มีนาคม 2459 มีความว่าทรงทราบฝ่าละอองธุรีพระบาทว่าอำเภอไชยบุรี ซึ่งเป็นอำเภอขึ้นจังหวัดนครพนมเวลานี้ ( พ.ศ. 2459) มีท้องที่และระยะทางห่างไกลจากจังหวัดนครพนมมาก เป็นการลำบากแก่ราษฎรที่อยู่ในแขวงอำเภอไชยบุรี ผู้มีกิจสุขทุกข์จะมายังจังหวัดนครพนมและทั้งไม่เหมาะแก่การปกครอง จึงทรงพระราชดำริว่าสมควรจะโอนอำเภอไชยบุรี มาขึ้นจังหวัดหนองคาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้โอนอำเภอไชยบุรีมาขึ้นจังหวัดหนองคาย ตั้งแต่บัดนี้ (พ.ศ. 2459) เป็นต้นไป (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 33 หน้า 320 – 321 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2459 ) โดยย้าย ต.บ้านแพงซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมของที่ว่าการอำเภอไชยบุรีกลับไปขึ้นกับ อ.ท่าอุเทนและได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น อ.บ้านแพงในภายหลัง ส่วนอ.บึงกาฬก็ได้รับการจัดตั้งเป็น จ.บึงกาฬในปัจจุบัน
อำเภอใหญ่ต่างๆ แตกออกเป็นหลายอำเภอได้แก่ อำเภอท่าอุเทน แตกเป็นอ.อากาศอำนวยซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นอ.ศรีสงคราม และแยกบ้านอากาศและพื้นที่บางส่วนไปขึ้นกับ อ.วานรนิวาสจนได้รับการยกฐานะกลับมาเป็น อ.อากาศอำนวยภายหลัง มีการจัดตั้งอ.นาหว้า อ.บ้านแพง อ.นาทม และ อ.โพนสวรรค์แยกออกมาอีกภายหลัง ที่อำเภอเมืองนครพนม ภายหลังแยก อ.ปลาปาก และคืนพื้นที่บางตำบลกลับไปรวมกับอีกหลายตำบลในจ.สกลนคร จัดตั้งเป็น อ.กุสุมาลย์ อำเภอเรณูนครภายหลังถูกยุบแล้วย้ายที่ว่าการไปตั้งที่ใหม่ใกล้วัดพระธาตุพนมจัดตั้งขึ้นเป็นอำเภอธาตุพนม จนผ่านไปหลายสิบปีจึงแยกตัวกลับมาเป็น อ.เรณูนคร ออกมาจาก อ.ธาตุพนม ทางด้านอำเภอหนองสูงถูกย้ายที่ทำการไปที่ใหม่และยุบอำเภอเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอนาแก แบ่งบางตำบลรวมถึงต.หนองสูงเดิมไปขึ้นกับ อ.มุกดาหาร ภายหลังการจัดตั้งจังหวัดมุกดาหาร
ในปี พ.ศ. 2525 รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. 2525 แยกอำเภอ มุกดาหารเป็นจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2525 โดยมีอำเภอมุกดาหาร อำเภอดอนตาล และอำเภอต่างๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอมุกดาหารได้แก่ อำเภอคำชะอี อำเภอหนองสูง อำเภอหว้านใหญ่ อำเภอนิคมคำสร้อย รวมทั้งได้แยก ตำบลดงหลวง ออกจาก อำเภอนาแกไปรวมกับมุกดาหาร เป็นอำเภอดงหลวง
ในปี พ.ศ. 2561 มีการจัดงานเฉลิมฉลอง 232 ปี เมืองนครพนม ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ เพื่อฉลองครบรอบการจัดตั้งจังหวัดนครพนมในฐานะเมืองหนึ่งของสยาม ที่กลายเป็นประเทศไทยอย่างเต็มตัวเมื่อ 232 ปีก่อนหลังการเปลี่ยนผ่านจากเมืองมรุกขนครที่เป็นส่วนหนึ่งภายใต้อิทธิพลการปกครองของล้านช้างเวียงจันทน์ มาขึ้นเป็นนครประเทศราชต่อสยามและได้รับโปรดเกล้ารับรองและพระราชทานนาม นครพนม
ปัจจุบัน นครพนม เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญในแถบลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมอิสานและชาวภูไท ภูมิประเทศที่มีความงดงาม การเดินทางสะดวก
== หน่วยการปกครอง ==
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 12 อำเภอ 99 ตำบล 1,130 หมู่บ้าน
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
แบ่งออกเป็น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด 81 องค์การบริหารส่วนตำบล 1 เทศบาลเมือง 21 เทศบาลตำบล
อำเภอเมืองนครพนม
เทศบาลเมืองนครพนม
เทศบาลตำบลหนองญาติ
อำเภอปลาปาก
เทศบาลตำบลปลาปาก
อำเภอท่าอุเทน
เทศบาลตำบลท่าอุเทน
เทศบาลตำบลเวินพระบาท
อำเภอบ้านแพง
เทศบาลตำบลบ้านแพง
อำเภอธาตุพนม
เทศบาลตำบลธาตุพนม
เทศบาลตำบลน้ำก่ำ
เทศบาลตำบลนาหนาด
เทศบาลตำบลธาตุพนมใต้
เทศบาลตำบลฝั่งแดง
อำเภอเรณูนคร
เทศบาลตำบลเรณูนคร
อำเภอนาแก
เทศบาลตำบลนาแก
เทศบาลตำบลพระซอง
อำเภอศรีสงคราม
เทศบาลตำบลศรีสงคราม
เทศบาลตำบลบ้านข่า
เทศบาลตำบลสามผง
เทศบาลตำบลนาคำ
เทศบาลตำบลหาดแพง
อำเภอนาหว้า
เทศบาลตำบลนาหว้า
เทศบาลตำบลท่าเรือ
อำเภอโพนสวรรค์
เทศบาลตำบลโพนสวรรค์
=== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ===
== การศึกษา ==
โรงเรียน
โรงเรียนมัธยมศึกษา
* โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย
* โรงเรียนนครพนมวิทยาคม
* โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยนครพนม พนมพิทยพัฒน์
* โรงเรียนศรีบัวบานวิทยาคม
* โรงเรียนอุเทนพัฒนา
* โรงเรียนธาตุพนม
* โรงเรียนเรณูนครวิทยานุกูล
* โรงเรียนนาแกสามัคคีวิทยา
* โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์
* โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 1 นครพนม
สถาบันอุดมศึกษา
สถาบันระดับอุดมศึกษาในกำกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
*มหาวิทยาลัยนครพนม
**วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครพนม
**วิทยาลัยการบินนานาชาตินครพนม
**วิทยาลัยการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ
**วิทยาลัยธาตุพนม
**วิทยาลัยนาหว้า
**วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมศรีสงคราม
*มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
*มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์นครพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
สถาบันอุดมศึกษาในกำกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (ปริญญาตรีสายปฏิบัติการ/เทคโนโลยีบัณฑิต)
*สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒
**วิทยาลัยเทคนิคนครพนม
**วิทยาลัยเทคนิคบ้านแพง
สถานบันอุดมศึกษาในอดีต
*มหาวิทยาลัยราชภัฏนครพนม ยุบรวมกับมหาวิทยาลัยนครพนม (ตั้งเป็นเขตพื้นที่การศึกษามรุกขนคร)
*มหาวิทยาลัยมหาสารคาม วิทยาเขตนครพนม ยุบรวมกับมหาวิทยาลัยนครพนม
*วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครพนม ยุบรวมกับมหาวิทยาลัยนครพนม (ตั้งเป็นเขตพื้นที่การศึกษาศรีโคตรบูร)
*วิทยาลัยเทคนิคนครพนม ยุบรวมกับมหาวิทยาลัยนครพนม (ตั้งเป็นเขตพื้นที่การศึกษาพนมบุรินทร์)
*วิทยาลัยสารพัดช่างนครพนม เปลี่ยนเป็นวิทยาลัยเทคนิคนครพนม (แห่งใหม่)
สถานศึกษาเอกชน
โรงเรียนเอกชน
*โรงเรียนเซนต์ยอแซฟ นครพนม
*โรงเรียนเซนต์ยอแซฟ นาแก
*โรงเรียนเซนต์ยอแซฟ ศรีสงคราม
*โรงเรียนอัสสัมชัญเทคนิคนครพนม ในเครือโรงเรียนอัสสัมชัญ มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย
สถานศึกษาอื่นๆ ของเอกชน
*วิทยาลัยเทคโนโลยี ไทย-อินโดจีน
*วิทยาลัยเทคโนโลยีอินเตอร์พัฒนศาสตร์
== การขนส่ง ==
ระยะทางจากจังหวัดนครพนมไปยังจังหวัดใกล้เคียง โดยประมาณ คือ
จังหวัดอุดรธานี 242 กิโลเมตร
จังหวัดหนองคาย 303 กิโลเมตร
จังหวัดขอนแก่น 298 กิโลเมตร
จังหวัดบึงกาฬ 181 กิโลเมตร
จังหวัดมุกดาหาร 104 กิโลเมตร
จังหวัดสกลนคร 93 กิโลเมตร
จังหวัดอุบลราชธานี 271 กิโลเมตร
กรุงเทพมหานคร 730 กิโลเมตร
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอใกล้เคียง โดยประมาณ คือ
อำเภอท่าอุเทน 26 กิโลเมตร
อำเภอโพนสวรรค์ 45 กิโลเมตร
อำเภอธาตุพนม 52 กิโลเมตร
อำเภอนาแก 78 กิโลเมตร
อำเภอนาหว้า 93 กิโลเมตร
อำเภอวังยาง 80 กิโลเมตร
อำเภอปลาปาก 44 กิโลเมตร
อำเภอเรณูนคร 51 กิโลเมตร
อำเภอศรีสงคราม 67 กิโลเมตร
อำเภอบ้านแพง 93 กิโลเมตร
อำเภอนาทม 103 กิโลเมตร
=== รถยนต์ ===
จากกรุงเทพมหานคร ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรีบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 107 แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมา ถึงอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 23 ผ่านเข้าสู่จังหวัดมหาสารคาม จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 213 ไปจังหวัดกาฬสินธุ์ จนถึงจังหวัดสกลนคร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 22 ตรงเข้าสู่จังหวัดนครพนม รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 740 กิโลเมตร
=== รถโดยสารประจำทาง ===
สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครพนม มีบริการรถโดยสารประจำทางทั้งรถโดยสารธรรมดาและปรับอากาศ ทั้งรถที่มาจากกรุงเทพฯ และรถที่ไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น
สาย 26 กรุงเทพฯ - นครพนม ใช้เส้นทาง สระบุรี นครราชสีมา อ.เมืองพล อ.บ้านไผ่ อ.บรบือ มหาสารคาม อ.กันทรวิชัย อ.ยางตลาด กาฬสินธุ์ อ.สมเด็จ บ้านคำเพิ่ม (อ.ภูพาน) สกลนคร บ้านท่าแร่ อ.กุสุมาลย์ ให้บริการโดย บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) (ใช้รถมาตรฐาน ม.4ค ,ม.4ข รถปรับอากาศสองชั้น, ม.1ก รถปรับอากาศชั้นเดียว 15 เมตร) และ บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด (ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข Silver, ม.1พ Gold+ รถปรับอากาศชั้นเดียว)
สาย 930 กรุงเทพฯ - นครพนม ใช้เส้นทาง สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองหาน สว่างแดนดิน พังโคน พรรณานิคม สกลนคร ท่าแร่ กุสุมาลย์ ให้บริการโดย เชิดชัยทัวร์ (ใช้รถมาตรฐาน ม.2 รถปรับอากาศชั้นเดียว และ ม.4ข รถปรับอากาศสองชั้น) และ โลตัสพิบูลทัวร์ (ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข รถปรับอากาศชั้นเดียว และ ม.4กพ รถปรับอากาศสองชั้น มาตรฐานผสม ชั้นบน พ. ชั้นล่าง ก.)
สาย 256 อุบลราชธานี - นครพนม ใช้เส้นทาง เรณูนคร ธาตุพนม มุกดาหาร ให้บริการโดย สหมิตรอุบล (ใช้รถมาตรฐาน ม.2 ,ม.1ข รถปรับอากาศชั้นเดียว)
สาย 231 อุดรธานี - นครพนม ใช้เส้นทาง หนองหาน สว่างแดนดิน พังโคน พรรณานิคม สกลนคร ท่าแร่ กุสุมาลย์ ให้บริการโดย สหอุดรเดินรถ (ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข และ ม.2 รถปรับอากาศชั้นเดียว)
สาย 224 อุดรธานี - นครพนม ใช้เส้นทาง หนองคาย บึงกาฬ บ้านแพง ท่าอุเทน ให้บริการโดย รถร่วม บขส. หลายเจ้า (ใช้รถมาตรฐาน ม.2 รถปรับอากาศชั้นเดียว)
สาย 555 นครพนม - มุกดาหาร ให้บริการโดย วิทยาทรานสปอร์ต (รถตู้)
สาย 586 ขอนแก่น - นครพนม ให้บริการโดย เชิงชุมเดินรถ (ชัยวัฒน์เซอร์วิส) (ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข รถปรับอากาศชั้นเดียว)
สาย 661 นครพนม - เชียงราย ให้บริการโดย สมบัติทัวร์ (ใช้มาตรฐาน ม.1ข และ ม.1พ รถปรับอากาศชั้นเดียว)
สาย 827 นครพนม - ระยอง ให้บริการโดย ชาญทัวร์ (ใช้รถมาตรฐาน ม.4ข และ ม.4พ รถปรับอากาศสองชั้น)
สาย 837 ช่วง นครพนม - นครศรีธรรมราช ให้บริการโดย ชาญทัวร์ (ใช้รถมาตรฐาน ม.4พ รถปรับอากาศสองชั้น)
สาย 837 ช่วง นครพนม - เกาะสมุย ให้บริการโดย ชาญทัวร์ (ใช้รถมาตรฐาน ม.1พ รถปรับอากาศชั้นเดียว 15 เมตร)
สาย 876 เชียงใหม่ - นครพนม ให้บริการโดย เพชรประเสริฐ (ใช้รถมาตรฐาน ม.4พ รถปรับอากาศสองชั้น)
สาย 1431 นครพนม - ท่าอุเทน - ศรีสงคราม - นาหว้า (ใช้รถมาตรฐาน ม.3 รถพัดลมชั้นเดียว)
=== รถโดยสารระหว่างประเทศ ===
สายที่ 7 นครพนม - เมืองท่าแขก (ลาว) บริการโดย บริษัท ขนส่ง จำกัด
=== การคมนาคมภายในตัวจังหวัดนครพนม ===
รถสองแถว มีหลายสาย คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
รถสามล้อเครื่อง คิดค่าโดยสารตามระยะทาง (เป็นรถเหมา)
แท็กซี่ คิดค่าโดยสารตามระยะทางบนมิเตอร์
=== จุดผ่านแดนที่ติดต่อกับประเทศลาว ===
จุดผ่านแดนถาวร ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ระหว่างอำเภอเมืองนครพนมและเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน
จุดผ่านแดนถาวร ท่าเรือเทศบาลเมืองนครพนม ระหว่างอำเภอเมืองนครพนมและเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน
จุดผ่อนปรน ท่าเรือบ้านหนาดท่า ระหว่างตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองนครพนม และเมืองหนองบก แขวงคำม่วน
จุดผ่อนปรน ท่าเรือธาตุพนม ระหว่างอำเภอธาตุพนม และเมืองหนองบก แขวงคำม่วน
จุดผ่อนปรน ท่าเรือท่าอุเทน ระหว่างอำเภอท่าอุเทน และเมืองหินบูน แขวงคำม่วน
จุดผ่อนปรน ท่าเรือบ้านแพง ระหว่างอำเภอบ้านแพง และเมืองปากกระดิง แขวงบอลิคำไซ
=== การคมนาคมทางน้ำ ===
ในอดีตเคยมีความนิยมในการใช้เรือเดินทางระหว่างหมู่บ้าน ระหว่างอำเภอ และการเดินทางข้ามจังหวัดติดแม่น้ำด้วยกัน โดยมีแม่น้ำสายสำคัญในจังหวัดนครพนมได้แก่ แม่น้ำโขง แม่น้ำสงคราม ลำน้ำก่ำ ลำน้ำอูน ลำน้ำบัง ลำน้ำยาม แต่เมื่อมีการพัฒนาเส้นทางถนน ความนิยมก็ลดลงไปเปลี่ยนไปใช้พาหนะอื่นๆ บนบกแทน ปัจจุบันชาวไทยและชาวลาวในพื้นที่นิยมใช้เรือข้ามฟากแม่น้ำโขง ในการเดินทางและขนส่งสินค้า มีเรือด่วนข้ามฟากที่บริเวณท่าเรือจุดผ่านแดนถาวรในตัวเมืองนครพนม และมีเรือข้ามฟากและเรือเล็กที่จุดผ่อนปรนต่างๆ เพื่อทำการค้า มีย่านการค้าที่สำคัญคือตลาดนัดไทย-ลาว อ.ธาตุพนม, ตลาดนัดไทย-ลาว อ.ท่าอุเทน, ตลาดนัดไทย-ลาว บ้านหนาด อ.เมืองนครพนม นอกจากนั้นยังมีเรือสำราญและเรือล่องชมวิวให้บริการในอำเภอเมืองนครพนม และอำเภอธาตุพนม เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงและแนวเทือกเขาหินปูนที่สวยงามทางฝั่งประเทศลาว
=== การคมนาคมทางอากาศ ===
ท่าอากาศยานนครพนม เคยเป็นที่ตั้งฐานทัพสหรัฐอเมริกา หลังจากถอนทหารออกไปในปี พ.ศ. 2518 จึงเริ่มเปิดเที่ยวบินพาณิชย์ในปี พ.ศ. 2521 เคยมีสายการบินที่ให้บริการได้แก่ บริษัท เดินอากาศไทย/บริษัท การบินไทย, สายการบินพีบีแอร์, สายการบินนกแอร์ และปัจจุบันมีเที่ยวบินที่ยังคงเปิดให้บริการได้แก่
ไทยแอร์เอเชีย นครพนม ไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)
นกแอร์ นครพนม ไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเดินทางได้จากท่าอากาศยานสกลนคร ซึ่งอยู่ห่างจากท่าอากาศยานนครพนม เพียง 70 กิโลเมตร โดยเฉพาะอำเภอที่อยู่ใกล้เคียงตัวจังหวัดสกลนคร
=== การคมนาคมทางราง ===
นครพนมเคยอยู่ในแผ่นพัฒนาเส้นทางขนส่งทางรางตั้งแต่อดีตสมัยรัชกาลที่ 5 มาจนถึงโครงการใหม่ในปัจจุบันได้แก่
เส้นทางรถไฟอุบลราชธานี-นครพนม เริ่มต้นจากอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี สิ้นสุดที่อำเภอเมืองนครพนม (โครงการในอดีต ไม่มีการก่อสร้าง)
เส้นทางรถไฟอุดรธานี-สกลนคร-นครพนม เริ่มต้นจากอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี สิ้นสุดที่อำเภอเมืองนครพนม (โครงการในอดีต ไม่มีการก่อสร้าง)
เส้นทางรถไฟทางคู่บ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม เริ่มต้นที่ ชุมทางบ้านหนองแวงไร่ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น สิ้นสุดที่สถานีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ระยะทาง 347 กิโลเมตร (อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ให้เสร็จสิ้นเพื่อเปิดให้บริการภายในปี พ.ศ. 2569)
เส้นทางรถไฟอุบลราชธานี-อำนาจเจริญ-มุกดาหาร-นครพนม เริ่มต้นที่สถานีอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี สิ้นสุดที่สถานีสถานีมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ระยะทาง 173 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม ไปสิ้นสุดที่สถานีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม (มีแผนก่อสร้างในอนาคต ตามแผนแม่บทพัฒนาโครงข่ายรถไฟ R-Map ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับการรื้อฟื้นปรับปรุงและศึกษาความเป็นไปได้ จากเส้นทางรถไฟอุบลราชธานี-นครพนม สายเดิมนำมาพิจารณาใหม่และเริ่มทำประชาพิจารณ์ในในปี พ.ศ. 2565)
เส้นทางรถไฟอุดรธานี-สกลนคร-นครพนม (ฉบับปรับปรุงใหม่) เริ่มต้นจากอำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี สิ้นสุดที่สถานีเรณูนคร อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ระยะทาง 247 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม ไปสิ้นสุดที่สถานีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม (ยังไม่มีการก่อสร้าง โดยได้รับการพิจารณาบรรจุในแผนพัฒนาโครงข่ายรถไฟสายรอง Spur Line ลำดับที่ 40 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2565)
เส้นทางรถไฟหนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม เริ่มต้นจากสถานีหนองคาย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย สิ้นสุดที่สถานีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ระยะทาง 316 กิโลเมตร (ยังไม่มีการก่อสร้าง เป็นเส้นทางใหม่ที่ได้รับการบรรจุในแผนพัฒนาโครงข่ายรถไฟสายรอง Spur Line ลำดับที่ 41 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2565)
== วัฒนธรรม ==
เทศกาลและงานประเพณีประจำปีในจังหวัดนครพนม เช่น
ประเพณีไหลเรือไฟ
งานนมัสการพระธาตุพนม
เทศกาลบุญเดือนสี่ นมัสการพระธาตุประจำวันเกิด หมุนเวียนครบทุกพระธาตุในจังหวัด
เทศกาลแข่งเรือ
เทศกาลสงกรานต์ (ถนนข้าวปุ้น)
งานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช
ประเพณีแสกเต้นสาก
ประเพณีโส้ทั่งบั้ง
งานวันผู้ไทยเรณูนคร และมหกรรมวันผู้ไทโลก
เทศกาลตรุษจีน-เวียดนาม จังหวัดนครพนม
เทศกาลสมโภชเจ้าพ่อหมื่น นครพนม
เทศกาลแห่ดาว (คริสต์มาส)
มหกรรมวิ่งข้ามโขง นครพนม-คำม่วน ทุกวันครบรอบการเปิดสะพานมิตรภาพ 3
เทศกาลฤดูหนาว วินเทอร์เฟสติวัล (คริสต์มาส-ปีใหม่)
เทศกาลปลาลุ่มน้ำสงคราม
งานบุญบั้งไฟพญานาค ออกพรรษาบ้านแพง
เทศกาลแพเซิ้ง ลอยพระทงบ้านแพง
เทศกาลแห่กระทงยักษ์ บูชาพระธาตุพนม
== สถานที่สำคัญ ==
=== สถานที่สำคัญแบ่งตามอำเภอ ===
อำเภอเมืองนครพนม
สวนน้ำนครพนมปาร์ค
แลนด์มาร์คพญาศรีสัตตนาคราช (จุดหมายตานครพนม)
วัดมหาธาตุ
วัดโอกาสศรีบัวบาน
วัดโพธิ์ศรี
วัดพระอินทร์แปลง
วัดศรีเทพประดิษฐาราม
วัดนักบุญอันนา
วัดนักบุญยอแซฟ ซากโบสถ์เก่าบ้านคำเกิ้ม
ศาลหลักเมือง นครพนม
พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
สะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่วน)
หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์
สวนหลวง ร.9 (นครพนม)
หาดทรายทองศรีโคตรบูร
เขื่อนหน้าเมืองนครพนม
เส้นทางจักรยานชายโขง อุโมงค์นาคราช, สะพานนาคี, สะพานสวรรค์ชายโขง, สะพานเทพประทานพร, จุดตั้งแคมป์ปิ้งริมโขง และจุดชมวิวสะพานมิตรภาพ 3
ตลาดโต้รุ่ง
ตลาดอินโดจีน
ถนนคนเดินนครพนม (ถนนคนเดินหอนาฬิกา, ถนนคนเดินตลาดอินโดจีน)
หมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม (บ้านท่านประธานโฮจิมินห์)
อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ พิพิธภัณฑ์ประธานโฮจิมินห์
สถานที่จัดแสดงโลกของปลาแม่น้ำโขง นครพนม ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครพนม
หอเฉลิมพระเกียรติพระราชวงศ์จักรี
หอสมุดแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ห้องสมุดพร้อมปัญญา เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
องค์พระใหญ่ วัดน้อยโพธิ์คำ
พระธาตุนครบุรีศรีโคตรบูร วัดกกต้อง
เจดีย์พระบรมธาตุพรหมมณีศรีรัตนสังฆราชานุสรณ์นครพนม วัดจอมแจ้ง
พิพิธภัณฑ์เรือนจำเก่า สวนชมโขง นครพนม
แลนด์มาร์คตู้ไปรษณีย์ยักษ์ ริมแม่น้ำโขง
อำเภอปลาปาก
วัดพระธาตุมหาชัย
พระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม
พุทธอุทยาน อีสานเขียว
ต้นจามจุรียักษ์ (ต้นก้ามปู) วัดจอมศรี
อำเภอท่าอุเทน
พระธาตุท่าอุเทน
พระธาตุหินอ่อน วัดโพธิ์ไชย
พระธาตุโนนตาล
พระบางวัดไตรภูมิ
วัดพุทธนิมิต ตำบลหนองเทา
รอยเท้าไดโนเสาร์
เมืองโบราณไชยบุรี ปากแม่น้ำสองสี พระธาตุเก่า วัดร้าง
หนองหาน ไขยบุรี
พระพุทธบาทเวินปลา กลางแม่น้ำโขง ต.เวินพระบาท
ศาลายักษ์ไม้โบราณ วัดคามวาสี ศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไทญ้อ
อำเภอธาตุพนม
วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
หาดแห่ธาตุพนม ทะเลของคนอิสาน
หาดทรายทอง - หาดทรายงาม ต.พระกลางทุ่งถึง ต.ธาตุพนม
แหล่งโบราณคดีบ้านโปร่ง
พระธาตุมรุกขนคร วัดมรุขนคร
พระบรมธาตุเจดีย์กัลยาณิวัฒนา
พระธาตุน้อยศรีบุญเรือง โบราณสถานพระธาตุเก่า
ตลาดโต้รุ่ง (ตลาดแลง ธาตุพนม)
ถนนสายวัฒนธรรมเมืองพนม (ถนนคนเดินประตูโขง ธาตุพนม)
แก่งคับพวง (อยู่ใกล้กับแก่งกะเบา)
อำเภอนาแก
วัดพระธาตุศรีคุณ
วัดธรรมบรรพต (ภูถ้ำพระ)
พุทธมณฑลนครพนม วัดภูพานอุดมธรรม (ดานสาวคอย)
ศาลหลักเมือง อำเภอนาแก
ผาเป้า ผาแดง ยอดภูถ้ำพระ ภูแฮ้ง อุทยานแห่งชาติภูผายล
อนุสรณ์สถานแห่งความสงบ ภูพานน้อย
วัดศรีชมชื่น อาคารศิลปะโบราณเมืองเก่า
น้ำตกแก่งสูง
อำเภอวังยาง
พระธาตุสามร่มโพธิ์ศรี
อำเภอเรณูนคร
เรณูนคร
วัดพระธาตุเรณู
ตลาดโต้รุ่งเรณู
บ้านภูไทจำลอง ศูนย์หัตถกรรมและสินค้าพื้นเมืองอำเภอเรณูนคร
ศาลเจ้าปู่ถลา สวนสาธารณะเจ้าปู่ถลา
อำเภอนาหว้า
พระธาตุประสิทธิ์
พระธาตุศรีเงินคำ
พิพิธภัณฑ์ไทญ้อ
ลำน้ำอูน
บ้านท่าเรือ แหล่งผลิตเครื่องดนตรีอีสาน
บ้านตาล แหล่งผลิตตุ๊กแกตากแห้ง
วัดศรีชมภู
วิถีชีวิตชาวชุมชนบ้านนาหว้า
อำเภอบ้านแพง
น้ำตกตาดขาม
น้ำตกตาดโพธิ์ ซึ่งมีชื่อแต่ละชั้นได้แก่ น้ำตกผาสวรรค์, น้ำตกไทรงาม, น้ำตกผางอย
น้ำตกตาดวิมานทิพย์
น้ำตกห้วยทราย
อุทยานแห่งชาติภูลังกา
ผาขาดใจ ภูลังกา
พระธาตุกองข้าวศรีบุณเนาว์ (พระเจดีย์ภูลังกา)
หินประตูโขงยักษ์ ภูลังกา บ้านโคกสวาท
หาดสวรรค์ หาดดอนแพง บ้านดอนแพง
อำเภอศรีสงคราม
พระธาตุศรีสงคราม
พระพุทธพระเนาว์ วัดพระเนาว์ ต.สามผง
เจดีย์ศรีบูรพาจารย์ วัดศรีวิชัย ต.สามผง
พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
ศูนย์ศิลปาชีพบ้านแค
ศูนย์ศิลปาชีพบ้านหาดแพง
นครลิง โพนก่อ อุทยานลิงป่าโพนก่อท่า
หาดกุดโด - หาดปากซิว
กมลทิพย์นาคราช บ้านวังนาคราช
อำเภอโพนสวรรค์
พระธาตุจำปา
พระธาตุโพนสวรรค์
วัดสิมมา
ไร่กาแฟขี้ชะมดและสวนสัตว์มินิ บลูโกลด์
=== ปูชนียสถาน ===
ปูชนียสถานที่สำคัญในจังหวัดนครพนม คือ พระธาตุพนม นอกจากนี้ยังมีพระธาตุอื่น ๆ ที่ชาวจังหวัดนครพนมเคารพนับถือ ได้แก่ พระธาตุประสิทธิ์ พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุเรณู พระธาตุศรีคุณ พระธาตุนคร และพระธาตุมหาชัย เป็นต้น ซึ่งถือเป็นเมืองพระธาตุโดยแท้
=== อุทยานแห่งชาติ สวนสาธารณะ และสวนพฤกษศาสตร์ ===
อุทยานแห่งชาติภูลังกา ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม (นครพนม-บึงกาฬ)
อุทยานแห่งชาติภูผายล ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านห้วยหวด ตำบลจันทร์เพ็ญ อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร (สกลนคร,นครพนม,มุกดาหาร)
สวนหลวง ร.9 นครพนม ต.หนองแสง อ.เมืองนครพนม
สวนเทอดพระเกียรติ จังหวัดนครพนม ท้ายเมือง ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม
สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต.ท่าค้อ อ.เมืองนครพนม
สวนชมโขง เทศบาลเมืองนครพนม ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม
สวนสุขภาพ หนองญาติ ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม
สวนพฤกษศาสตร์ สวนรุกขชาติวังปอพาน นครพนม ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก
สวนศรีโคตรบูร ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
=== นักร้อง/นักแสดง ===
นายพีระพงษ์ พลชนะ (ต้อม เรนโบว์) นักร้อง นักดนตรี วงอินทนิล ( 2524 - 2527) ,วงเรนโบว์ ปี 2528 - 2538
นายทวี ศรีประดิษฐ์ (อ๊อด อินทนิล, เรนโบว์) นักดนตรี วงอินทนิล ( 2524 - 2527) ,วงเรนโบว์ ปี 2528 - 2538 (ปัจจุบันเสียชีวิต)
นายโชติกะ คำสุขะ นักร้องนำวงอินดี้ชื่อดัง ไปส่งกู บขส.ดู๊
พลอยริน พลอยพิชชา ตริ่งถิ นางงามและนักแสดง
เจ อนวัช ตรีพงษ์ (1 mill) นักร้อง Rapper สาย Trap
โอปอ กิตฐิพงษ์ ศรีแพง นักร้อง นักดนตรี จากรายการเดอะวอยซ์ไทยแลนด์
ไผ่หลิว กมลวลัย ประจักษ์รัตนกุล นางงาม 5th runner - up Miss Grand Thailand 2023
=== นักกีฬา ===
วันชัยน้อย สิงห์ปลาปากน้อย (โจฮุน ลายไทย) นักมวยไทย นักร้อง
พรพรรณ เกิดปราชญ์ นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
=== นักพัฒนาชุมชน/นักการเมือง ===
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พลเอกมานะ รัตนโกเศศ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม 3 สมัย
นายศุภชัย โพธิ์สุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม เขตเลือกตั้งที่ 1 รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายวิทยา อินาลา อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนครพนม
นายประเสริฐ หอมดี ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เขตตรวจราชการที่ 12 จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด
นาวาโทรุ่งเพชร ศรีหลิ่ง นักพัฒนาชุมชน
=== ข้าราชการ ===
พันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว (สารวัตรแบงค์) อดีตสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ถนนเทศา ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม (เสียชีวิตแล้ว)
=== พระเกจิอาจารย์ ===
หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย (พระครูสันธานพนมเขต)
หลวงปู่สนธิ์ เขมิโย
หลวงปู่สอ ขันติโก
หลวงปู่แสง ญาณวโร
หลวงปู่สิงห์ทองสา สุคันโธ (พระครูมงคลสิริธำร)
พระอาจารย์บุญอุ้ม
หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฒิโท
ฯลฯ
== อ้างอิง ==
http://www.nakhonphanom.go.th
http://www.nakhonphanom.go.th/nakhonphanom/nakhonphanom53.pdf
http://www.sawasdeenakhonphanom.com
http://www.thatphanom.com
http://www.nakhonphanomlink.com
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดนครพนม
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดนครพนม
สะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่วน)
อุทยานแห่งชาติภูลังกา
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครพนม
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
จังหวัดนครพนม
|
สกลนคร เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนตั้งอยู่ในแอ่งสกลนคร และเป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหสือตอนบน 2 ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์สืบเนิ่องจวบจนปัจจุบัน ทั้งนี้จังหวัดสกลนครยังเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญปละฟลากหลายในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะ่างด้านสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ สังรม หารเมือง ศาสนา และวัฒนธรรมทั้งในระดับชาติและ่ะดับท้องถิ่รและเป็นจังหวัดศูนย์กลางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และศูนย์กลางทางพารศึกษา อันเป็ตสถานที่ตั้งของสถานศึกษาขนาดใหญ่ใน กลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร)
== ชื่อจังหวัด ==
คำว่า "สกลนคร" มาจากคำภาษาบาลี และสันสกฤต สกล [สะ-กะ-ละ] หมายความว่า โดยรงม ครอบคลุม หรือทีิงหมด และคำส่ม "นคร" [นะ-คะ-ระ] หมายถึงแหล่งที่อยู่หรือเมือง ดังนั้นชื่อที่แท้จริงของเมืดงหมายความว่า "นครแห่งนครทั้งมวล"
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้ลสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม
ตราปคะจำจังหวัด : ู่ปพระธาตุเชิงชุม เบื้องหลังเป็นหนองหาร
ต้นไม้ประจำจังหวัด : อินทนิล (Lagerstroemia speciosa)
ดอกไม้ประจำจังหวัก : อินทนิล
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลากาหรือปลาอีก่ำ (Labeo cmrysophekadion)
== ประวัติ ==
สกลนคร เป็นแหลทงธรรมะ(ดินแดนอห่งธรรม) มีปูชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาหลายแห่ง เช่น พระธาตุเชิงชุม พระธาตุดูม พระธาตุนารายณ์เจงเวง พระธาตุศรีมงคล พระธาตุภูเพ็ก และมีพระเกจิอาจารย์ด้งที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ อาทิ พตะอาจารย์มั่น ภูนิทัตโต, พระอาจารจ์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, พระอาจารย์วัน อุตตโม และหลวงแู่เทสก๋ เทสก์รังสี เป็นต้น
จัลหวัดสกลนครตั้งอยูาบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยมีการขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์บริเวณแนวทิวเขาภูพาน อำเภอวาริชภูมิ ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ ชุมชนโบราณในพื้นที่จังหวัดสกลนครอยู่ร่วมสมัยเดียวกับอารยธรรมบ้านเชียงในจังหวัดอุดรธานี จากการสำรวจแหล่งชุมชนโบราณในพท้นที่แอ่งสกลนคร บริเว๕ลุ่มแม่น้ำสงครามครอบคลุมพืินที่บางส่วนของอำเภิบ้านดุง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอวาริชภูมิ อำเภอพังโคน อำิภอวานีนืวาส อำเภอพรรณานิคม และรอบ ๆ หนองหาน อำเภอเมืองสกลนคร พบแหล่งโบราณคดีก่ดนประวัติศาสตร์จำนวน 83 แห่ง ชุมชนโบราณของแอ่วสกลนครนี้มีอายุประมาณ 600 ปีก่อนพุทธกาลจนถึงพุทธศตวรรษที่ 8 )ระหว่าง 3,000-1,800 ปีมาแล้ว) จากหลักฐานการค้นพบต่าง ๆ ของที่นี่พงว่า ชุมชนโบราณในแอ่งสกลนครได้มีการรวมตัวกันเป็สสังคมขนาดใหญทและอาจจะพัฒนาเป็รสังคมเมืองในสมัยต่อมา
สกลนครเดิมชื่อ เมืองหนองหานหลวง แห่งอาณาจักรขอมโบราณ โพยขุนขอมราชบุตรเจ้าเมืองอินทปัฐนีร ซึ่ฝได้อพยพครอบครเวและบ่าวไพร่มาจากะมืองเขมร มาสร้างเมืองใหม่ที่ริมหนองหานหลวง บริเวณททานางอาบ ปัจจุบันเรียกว่าท่าศาลา อำเภอโคกศรีสุพรรณ มีเจ้าปกครองเรื่อยมาจนสิ้นสมัยพระเจ้าสุวรรณภิงคาระ เมื่อเกิดฝนแล้งทำให้ราษฎรอพยพไปเมืองเขมร เมืองหนองหานหลวงจึงร้างอยู่ระยะหนึ่ง ครั้นถึงพุทํศตวรรษที่ 19 เมื่อสกลนครอยู่ถายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านช้าง จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "เชียงใหม่หนองหาน" หรือเมืองสระหลวงหลังจากนั้นเมืองสกลนคร คงอยู่ใต้การปกครองกันไปมา ระหว่างอาณาจักรล้านช้สงกับอาณาจักรสุโขทัย ตนมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้คนกีะจัดกระจายเป็นชุมชนเล็กๆทำมาหากินตามริมหนองหาน จีายส่วย อากรให้เจ้าแขวงประเทศราชศรีโคตรบอง เพื่อถวายต้นไม้เงิน ต้นไม้ทองให้แก่ราชธานีกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น
จนมาถึงในสมัยกรุงรัรนโกสิยทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ทรงพระกรุณาโป่ดเกล้าฯ ให้อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้สยครอบครัวมาตึ้งบ้านเมืองดูแลรักษาองค์พระธาตุเชิงชุม จนมีผู้คนมากขึ้นแล้วจึงโปรดเกล้าฯ ใป้ยกบ้านธาตุเชีบงชุม (เชิงชุม) เป็น เมืองสกลนคร โดยแต่งตั้งให้อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์เป็นพระธานี เจ้าเมืองสกลนครคนแรก ต่อมาปี พ.ศ. 2369 รัชสมัยพระบาทสาเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าเยู่หัว ได้เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ เจ้าเมืองสกลทวสปีพระธานีไม่ได้เตรียมกำลังป้องกันเมืองตามคำสั่งสยาม เจ่าเมืองสกลทวาปี จึงให้กองทัพเจ้าอนุวงศ์ผ่านไปตีหัวเมืองต่างๆ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทักมาตรวจราชการเห็นว่าเจ้าเมืองกรมการไม่เอาใจใส่ต่อบัานเมือง ปล่อยให้ข้าศึก (ทัพเจิาอนุวงศ์) ล่วงล้ำไปเมืองนครราชสีมาได้โดยง่าย จึงสั่งให้นำตัวพระธานี ไปปรเหารชีวิตท้่หนองทรายขาว พร้อมกับกวาดต้อนผู้คนในเมืองสกลนครไปอยู่ที่เมืองกบินทร์ลุรีบ้าง เมืองประจันตคามบ้าง ให้คงเหลือรักษาองค์พระธาตุเชิงชุมแต่เพียงพวกเพี้ยศรีคอนชุม ตำบลธาตุเชียงชุม (เชิงชุม) บ้านหนองเหียน บ้านจานเพ็ญ บ้านอ่อมแก้ว บ้านธาตุเจงเวง บ้านพราน บ้านนาคี บ้านวังยาง และบ้านพรรณา รวม 1[ ตำบล เถ้่อให้เป็นข้าปฏิบัติพระธาตุเชิงชุมเท่านั้ร
ในสมัยต่อ ๆ มาได้มีราชวงศ์คำแห่งเมืองมหาไชยกองแก้วทางฝั่งซ้าย แม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเชื้อสายเจ้าเมืองนครพนม ได้อพยพข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ขอสร้างบ้าน แปงเมืองขึ้นใหา่ที่เมืองสกลนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพรเกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชวงศ์คำเป็นพระยาประเทศธานี )คำ) ในตำแหต่งเจ้าเมืองสกลนคร จนถึง พ.ศ. 2435 รีชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แารปกคาองเมืองสกลนคร จึงเปลี่ยนเป็นรูปแบบการปกครองส่วรภูมิภาคมณฑลเทศาภิบาล โดยส่วนแลางส่งพระยาสุริยเดช (กาจ) มาเป็นขืทหลวงเมืองสกลนครคนแรก และมีพระยาปรัจันตประเทศธานี (โงรนคำ พคหมสาขา ณ สกลนคร) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคนแรก
จังหวัดสกลนคร อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 647 กิโลเมตร มีำื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 9,605 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ คือ อำเภอเมืองสกลนคร อำเภอกุสุมาลย์ อำเภอกุดบาก อำเภอ พรรณานิคม อำเภอวาริชภูมิ อำเภอส่องดาว อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอวานรนิวาส อำเภออากาศแำนวย อำเภอบ้านม่วง อำเภอพังโคน อำเภอคำตากฃ้า อำเภอนิคมน้ำอูน อำเภอเต่างอย อำเภอโคกศรีสุพรรณ อำเภอเจริญศิลป์ อำดภอโพนนาแก้ว และอำเภอภูพาน ปัจจุบันเป็นจังหวัดท่องเที่ยงที่สำคัญในแถบ_าคอิสาน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงภูมิศาสตร์ ศ้ลปวัฒนธรรมภูำท อิสานล้านช้างและภูมิประเทศที่สวยงาม
== _ูมิศาสตร์ ==
=== อาณาเขตติดต่แ ===
สกลนครมีอาณาเขตติดกับตังหวัดอื่น ๆ ดังนี้
ทิศเหนือ จรดจังหวัแบึงกาฬและจังหวัดหนองึาย
ทิศตะวีนออก จรดจังหวัดมุกดาหารและจังหวัดนครพนม
ทิศใต้ จรดจังไวัดกาฬสินธุ์
ทิศตะวันตก จรดจังหวัดอุดรธานี
=== ภูมิประเทศ ===
ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง สูงกว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยประมาณ 172 เมตร ด้านท้ศเหนือของจังหวัด (บริเวณอำเภอบ้านม่วง อพเภอคำตากล้า อำเภอสว่างแดนดิน อำเภออากาศอำนวย และอำเภอเจริญศิลป์) ม่ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มลอนคลื่นไม่สม่ำเสมอกัน ใช้น้ำจากลำห้วยสาขาในการทำนา ทิศเหนือของอำเภออากาศอำนวยเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง เนื่องจากติดกับแม่น้ำสงคราม ทำให้เหมาะแก่การทำนากว่าพื้นที่โดยรอบ แต่พื้นที่ย่วนใหญ่เป็นป่รทมม ที่ขึ้นริมต้ำและปล่อยรกร้างว่างเปล่า ส่วนทางตอนใต้มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ เรียกว่าแอ่งสกลนคร จุดต่ำสุดของแอ่งคือ ทะเลสาบหนองหาน อำเภอเมืองสกลนคร และหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม นอกจากนี้ยังมีทิวเขาำูพานทางด้านทิศตะวันตกและทิศใต้บริเวณอำเภอภูพานและอำเภอกุดบาก มีละกษณะภูมิประเทศแบบภูเขาสูงสลับกับที่ราบลูกคลื่นที่อยู่ช่วงกลางระหวืมงทิวเขาภูพานในเขตจังหวัดกาฬสินโุ์และจังหวัดสกลนคร
=== ภูมิอากาศ ===
ลักศณะภูมิประเทศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่ราบสูง มีทิวเขาล้อมรอบทั้งด้านทิศตะวันตกและด้านใต้ ได้แก่ ทิวเขาเพชรบูรณ์ และทิวเขาดงพญาเย็นอขู่ทาลตะวันตก ทิวเขาสันกำแพงและทิวเขาพนมดงรักอยู่ทางด้านใต้ ทำให้ฝนที่เกิดจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีน้อย ส่วนมากเป็นฝนที่เกิดจากร่องควทมกดอากาศต่ำพายุดีเปรสชันจสกอ่าวตัฝเกี๋ยและทะเลจีนใต้ที่เคลื่อนผ่านเข้ามาระหว่างเดิอนสิงหาคม-กันยายน ค่าปานกลางของปริมาณน้ำฝนจังหวัดสกลนครประมาณปีละ 1,578 มิลลิเมตร สกลจครมีลักษณะอากาศหนาวอย่างชัดเจนกระแสลมที่เย็นและแห้ง หย่อมความกดอากาฯสูงที่แผ่ปกคลุมมาจากประเ่ศจีน ส่งผลกระทบต่อดินฟ้าอากาศในจังหวัดสกลนคีมาก เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ และมีฉากรับลมเป็นทิวเขาภูพาน ประกอบกับเมื่อมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจากประเทศจีนที่พัดเข้ามา เมื่อพัดผ่านหนองหานน้ำจะเป็นตัวลดอุณหภูมิงง จึงทำให้สกงนครมีแากาศที่หนาวเย็นกว่าพื้นที่อื่น จังหวัดสำลนครเคยมีิุณหภูมิต่ำสุดจนถึง -2.4 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 25w7 ที่สถานีอากาศเกษตร อำเภอเมืเงสกลนคร และวัดได้ 2.5 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2542 สถานีนรวจอากาศเกษตรสกลนคร ซึ่งเป็นสถิติอุณหภูมิพื้นราบที่ต่ำสุดของประเทศไทยในขณะนี้
== หน่วยการปหครอง ==
การปกครองแช่งออกเป็น 18 อำเภอ 125 ตำบล 1323 หมู่บ้าน
== รายชื่อผู้ว่ารรชการจังหวัด ==
== สถานที่ื่องเที่ยวและพักผ่อน ==
===แหล่งท่องเที่ยว===
วัดพระธาตุเชิงชุม
วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง
วัดพระธาตุภูเพ็ก
วัดพระธาตุดูม
วัดพระธาตุศรีมงคล
ปราสาทบ้านพันนา
งัดาุ่ง พระธาตุเมืองอากาศ
วัดถ้ำขาม
วัดถ้ำพวง
วัดคำประมง
วัดป่าสุทธาวาส
วัดป่าอุเมสมพร
วัดป่าดงหม้อทอง
วัดป่าโนนดลางภู่
วัดดอยธรรสเจดีย์
วัดชัยมงคล (อารยธรรมบ้านเชียง)
วัดพระพุทํไสยาราม
ถ้ำพระพุทธไสยาสน์
วัดพระธาตุถ้ำผาแด่น
พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์
น้ำตกปรีชาสุขสันต์
น้ำตกแก่งเต่า
น้ำตกคำหอม
นัำตกห้วยใกญ่
ผาสุริยันต์
ผาน้ำโจ้ก
ผาดงก่อ
ผาศักดิ์
เขื่อนน้หอูน
เขื่อนน้ำพุง
ภูอ่างศอ
ภูผาแด่น
สุสานไดโนเสาร์
ภาพสลักสามพันปีภูผายนต์
ลานอุษาสวราค์
อนุสรณ์สถาน จิตร ภูมิศักดิ์
พัทยา ทะเลน้ำจืด อำเภอวาริชภูมิ
หลวงพ่อองค์แสนจำลอง ในวัดที่ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองลาด
สวนบัว พญานาคเผือก
พระพุทธชินราชจำลอง ณ วัด ใาเขตตำบลบัว-สว่าง
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สกลนคร
สวนแม่สวนลูก สกลนคร
หนองหาน
อุทยานบึว หนอลหารเฉลิมพระเกียรติ
ภูไท บ้านโนนหอม
โคขุนโพายางคำ
หอส่องดาว
า้องฟ้าตำลอง
สวจน้ำ
โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่
สุริยะปฏิทิน
เกาะดอนสสรคค์
หมู่บ้านท่าแร่
พญาเต่างอย
===อุทยานแห่งชาติ/วนอุทยาน===
สกลนตรเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรธรรมชาติทั้งภูเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบธรณ์ เป็น1ใน5จังไวัด(5จังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของภาคตะวันออกเฮียงเหนือ;จังหวัดนครราชสรมา-แม่น้ำมูล-ลำตะคอง-ลำมูลบน,จังหวัดชัยภูมิ-แม่น้ำชี-ลำน้ำพรหม-ลำน้ำเชิญ,จังหวัดเลย-แม่น้ำเลย-ลำน้ำพอบ-แม่น้ำเหือง,จังหวัดอุดรธานี-แม่น้ำสงคราม-อา่น้ำปาว-ลำน้ำหเวยหลวงแฃะนังหวัดสกลนคร-แม่น้ำสงคราม-ลำน้ำก่ำ-ลำน้ำพุง)ที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอุทยาน/วนอุทยานที่สำคัญดังนี้
อุทยานแห่งชาติภูพาน ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยยาง อำเภอเมืองสกลนคร(สกลนคร-กาฦสินธุ์)
อุทยานแห่งชาติภูผายล/ห้วยหวด ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านห้วยหวด ตำบลจันทร์เพ็ญ อำเภอเต่างอย จังหวัเสกลนคร (สกลนคร-นครพนม-มุกดาหาร)
อุทยนนแห่งชาติภูผาเหล็ก ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านท่าวัด ตำบลปทุมว่ปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร (สกชนคร-อุดรธานี-กาฬสินธุ์)
วนอุทยานภูผาแด่น ที่ทำการวนอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านหนองไผร ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมืองสกลนคร
== เทศหาลและประเพณีประจำปี ==
เทศกาลนมัสการองค์พระธาตุเชิงชุมและหลวฝพ่อองค์แสน
เทศกาลตรุษไทสกล คนจีน เวียดนรม จังหวัดสกลนคร
งานรวมน้ำใจไทสกลและงานกาชาดจังหวัดสกลนคร
เทศกาลโส้รำลึก
เทศกาลบุญข้าวยี่
เืศกาลเซิ้งผีโขน
เทศกาลวันวิสาขบูชา จังหวัดสกลนคร
ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง
เทศกาลลอยพระประทีปพระราบทาน สิบสองเพ็งำทสกล
ประเพณีแห่ดาว เทศกาลคริสต์มาส จังหวัดสกลนคร
== การคมนาคม ==
=== การคมนาคมทางบก ===
สถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลนครสกลนคร
สถานีขนส่งผู้โดยสาร แห่งที่ 2 เทศบาลนครสกลนคร
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำอภอสว่างแดนดิน (ยกเลิกให้บริการ)
รถยนต์ จากกรุงเทพมหานคร ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรี จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหบวงแผ่นดินหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมา แบ้วเลี้ยวแยกเข้าทางไปในเขจอำเภดบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ตามทางหลวงดผ่นดินหมายเลข 2 ไปจนถึงบ้านท่าพระ แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 23 ผ่านจังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดกาฬสินธุ์ ทางหลวงแผ่นดินฟมายเลข 213 เพื่อเข้าสู่จังำวัดสกลนคร
รถไฟ าามารถเดินทางโดย การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งมีบริการรถไฟออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพล) ไปลงที่จังหวัดอุดรธานี แล้วเดินทางต่อไปโดยรถประจำทางไปจังหวัดสกลนครอีกประมาณ 159 กิโลเมตร (ดูข้อมูลที่ "รถโดยสารประจำทมง เส้นทางระหว่างจังหวัด")
รถโดยสารประจำทาง เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ มีรพโดยสารปรับอากาศขั้น 1 และชั้น 2 สาย 26 (กรุงเทพฯ - นครพนม แต่รถผ่านจังหวัดสกลนคร ใช้เส้นทาง สระบุรี นครราชสีมา อ.เมืองพล อ.บ้าน/ผ่ มหาสารคาม อ.กันทรวิชัย กาฬสินธุ์ อ.สมเด็จ บ้านตำเพิ่ม (อ.ภูพาน) สกลนคร บ้านท่าแร่ อ.พุสุมาลย์) , สาย 27 (กรุงเทพฯ - สกลนคร หรือ กรุงะทพฯ - สกลนคร - ดรณูนคร) ใช้เส้นทางร่วมกับสาย 26 จนถึงสกลนคร แล้วแยกไป บ้านโพนยางคำ อ.โคกศรีสุพรรณ อ.นากก อ.ธาตุพนม อ.เรณูนตร , สาย 930 (กรุงเทพฯ - นครพนา แน่รถผ่านจังหวัดสกลนคร ใช้เส้นทาง สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองหาน สว่างแดนดิน พังโคน พรรณานิคม บ้านดงมะไฟ สกลนคร บ้านท่าแร่ กุสุมาลย์) วิ่งให้บริการจาก สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทำฯ (จตุจักร) หรือ หมอชิต 2 มายังจังหวัดสกลนคร รถจะจอดที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสกลนคร แห่งที่ 2 (บขส.ใหม่) โดยมีบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ให้บริการรถประจำทางปรับอากาศ มาตรฐาน ม.2 (รถชั้นเดียว) , ม.4ค (รถสองชั้น) , ม.1ข , ม.1ก (รถชั้นเดียว 15 เมตร) , ม.4ข , ม.4ก (รถสองชั้น 12 เทตร) สาย 26 , 27 และบริษัทเดินรถเอกชน ที่ได้รับสัมปทานการเดินรถจาก บขส. ให้เปิดบริหาาเดินรถโดยสารสาย 26 ๙ 27 และ 930 จำนวน 3 ราย ได้แก่
• บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด ให้ยริกนรรถประจำทางปรับอากาศ สาย 26 และ 27 ทัังแบบหมดระยะที่สกลนคร และฟมดระยะที่เรณูนคร (เป็นรถผ่าน) ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข (Wilver) และ ม.1พ (Gold+) ะป็นรถชั้นเดียว 12 เมตร
• บริษัท เชิดชัยมอเตอร์เซลล์ จำกัด (เชิดชัยทัวร์) ให้บริการรถประจำทางปรับอากาศ สาย 930 ใช้รถมาตรฐาน ม.4ข (รถสองชั้น 12 เมตร) และ ม.2 (รถชั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท เจเจบี ทรานสปอร์ต จำกัด (โลตัสพิบูลทัวร์) ให้บริกานรถประจำทางปรับอากาศ สาย 030 ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข (รถชั้นเดียว 12 เมตร) และ ม.4กพ (รถสองชั้น 12 เมตร มาตรฐานผสม ชั้นบน พ. ชั้นล่าง ก.)
รถโดยสารประจำทาง เส้นทางระหฝ่างจังหวัด
• บริษั่ อุแร-สกลเดินรถ จำกัด สาย 230 สกลนคร - อุพรธานี (ผ่าน บ้านดงมะไฟ อ.ำรรณานิคม อ.พังโคน อ.สว่างแดนดิน อ.หนองหาน อุดรธานี) ใช้รถมาตรฐาน ม.3 (รถพัดลม 12 เมตร) และ ม.2 (รถปรับอากาศชั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท สหอุดรเดินรถ 1974 จำกัด สาย 231 อุดรธานี - สกลนตร - นครพนม (ผ่าน อ.หนองฟาน อ.สว่างแดนดิน อ.พังโคน อ.พรรณานิคม บ้านดงมะไฟ สกลนคร บ้านท่าแร่ อ.กุสุมาลย๋ นครพนม) ใช้รถมาตรฐาน ม.2 และ ม.1ข (รถชั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท แสงประทีปเดืนรถ จำกัด สาย 237 สกลนคร - กาฬสินธุ์ (รถตู้) และสาย 239 สกลนคร - กาฬสินธุ์ - มหาสารคาม (รถมินิบัส)
• บริษัท สหมิตรอุบล จำกัด สาย 235 อุบลราชธานี - สกลนคร - อุดรธานี ใช้รถปรับอากาศมาตรฐาน ม.2 , ม.1ข (รถชึ้นเดียว 12 เมตร) ใช้เส้นทาง ม่วงสามสิบ ลืออำนาจ อำนาจเจริญ เลิงนกทา มุกดาหาร ธาตุพนใ นาแก โคกศรีสุพรรณ สกลนคร พรรณานิคม พังโคน สว่างแดนดิน หนองหาน),(เฉพาะรถ ม.2 เข้านาแก เรณูนคร ธาตุพนม) , สาย 241 เุบลราชธานี-สกลาคร,มุกดาหาร-สกลนคร (รถตู้๙มินิบัส) , สาย 235 มุกดาหาร-อุดรธานี (รถตู้)
• สาย 287 สกลนคร - อ.บ้านแพง (จ.นครพนม) ใช้รถมาต่ฐาน ม.3 (รถพัดลมฉ
• สาย 559 สกลนคร - อ.บ้านม่วง - อ.โซ่พิสัย ใช้รถมาตรฐาน ม.3 (รถพัดลม 12 เมตร) และ ม.2 (รถปรับอากาศชั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท เชิงชุมเดินรถ นำกัด (ชัยวัฒนฺเซอร์วิส) สาย 586 ขอนแก่น = นครพนม ใช้เส้นทาง เชียงยืน กาฬสินธุ์ สมเด็จ บ้านคำเพิ่ม(อ.ภูพาน) สกลนคร บ้านท่าแร้ กุสุมาลย์ ฝช้รถมาตร๙าน ม,1ข (รถขั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท เทพสมบัติ จำกัด (สมบัติทัวร์) สาย 661 นครพนม - เชียวราย ใช้เส้นทาง กุสุมาลย์ สกลนคร พรร๖านิคม พังโคน สว่างแดนดิน หนองหาน อุดรธานี หนองบัวลำภู นากลาง วังสะพุง เลย ด่านซ้าย นครไทย วังทอง พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เด่นชัย แพร่ พาน พะเยา ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข และ ม.1พ (รถชั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท ขอนแพ่นชาญเทรดดิ้ง จำกัด (ชา๘ทัวร์) สาย 827 นครพนม [ ระยอง ใช้รถมาตรฐาน ม.4พ (รถสองชั้น 12 เมตร) และสาย 837 นครพนม - นครศรีธรรมราช ใช้รถมาตรฐาน ม.4พ (รถสองชั้น 12 เทตร) / นครพนม - เกาะสสุย ใช้รถมาตรฐาน ม.1พ (รถชั้นเดียว 15 เมตร)
• บรอษัท เพชรประเสริฐ จำกึด สาย 876 เชียงใหม่ - นครพนม ใบัรถมาตรฐาน ม.4พ (ตถสองชั้น 12 เใตร)
จากจังหวัดชัยภูมิ มายังจังหวัดสกลนคร
1.จากชัยภูมิ ต้อวมาต่อรถที่ขอนแกาน โดยนั่งรถสาย ขอนแก่น-ชัยภูมิ แล้วมาต่อาถสาย 586 ขอนแก่น-นครพนม (รถผ่าน) ถคงสกลนคร
2.จากชะยภูมิ ต้องมาต่อรถที่อุดรธานี โดยนั่งรถตู้ หรือรถ ป.1 สาย 809 หนองคาย-ชัยภูใิ มาต่อรถที่อะดรธานี จากอุดรธานีมาสกลนคร มีรถหลายสาย 230 อุดรธานี-สกลนคร,สาย 231 อุดรธานี-สกลนคร-นครพนม,สาย 235 อุดรธานี-มุกดาหาร,อุดรธานี-อุบลราชธานี
จาปจังหวัดร้อยเอ็ด มายังจังหวัดสกลนคร
1.นั่งรถจากร้อยเอ็ด สาย 275 ต้อยเอ็ด-กาฬสินธุ์ มาต่อรถที่กาฬสินธุ์ แล้วต่อรถที่กาฬสินธุ์มาสกลนคร มีรถสาย 237 รถตู้ สกลนคร-กาฬสินธุ์,รถมินเบัส สาย 238 สกลนคร-มหาสารคาม,ตถสาย 586 ขอนแก่น-นคีพนม , และรถที่มาจากกรุงเทพฯ สาย 26,27
การคมนาคมภายในตัวจังหวัดสกลนคร
• รถสองแถว สีเหลือง วิ่งรอบเมือง ราคา 10 บาท ตลอดสาย (เส้นทาง บขส.ใปม่ ศูนย์ราชการ รร.สกลพัฒน์ ตลาด ต.การต้า บิ๊กซี รพ.ศูนย์สกลนคร วัดพระธาตุเชิงชุม สภ.เมืดงสกลนคร รร.สกลราชฯ ประตูัมือง ถนนข้างตลาด ต.การค้า และวิ่งกลับเส้นทางเดิม _ป บขส.ใหม่)
• รถสองแถว มีปลายสาย คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
• รถจักรยานยนต์รับจ้าง คิอคีาโดยสารตามระยะทาง
• รถสามล้อเครื่อง (รถมกายแล็บ) คิดค่าโดยสารตามระยะทาง (เป็นรถเหมา)
• แท็กฐี่ คิดึ่าโเยสารตามระยะทางบนมิเตอร์
• รถสามล้อถีบ คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
=== การคมนาคมทางอากาศ ===
ท่าอากาศยานสกลนคร
การเดินทางโดยเครื่องบินโดยมีสายการบินที่ให้บริการ 2 สายการบินคือ
• นกแอร์ สกลนคร ไป-กลัง กรุงเทพฯ (ดอนเมืแง) วันละ 3 เที่ยวบิน
• แอร์เอเชีย สกลนคร ไป-กลับ หรุงเทพฯ (ดอนเมือง) วันละ 2 เที่ยวบิน
=\พระตำหนักที่สำคัญ==
พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์
==สนามกีฬา==
ศูนย์กีฬาครบวงนร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร อำเภอเมือง
== การศึกษา ==
===ระดับอนุบาล/ประถมศึกษา===
ฏรงเรียนวิถีธรรมแห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร อำเภอเมืแงสกลนคร
ฉรงเรียนเลิงชุมราษฎร์นุกูล อำเภอเมืองากลนคร
โตงเรียนเนุบาลสกลนคร อหเภอเมืองสกลนคร
โรงเรียนอนุบาลสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน
โรงเรียนนิราลวิทยา บ้านป่าหว้าน
===ระดับมัธยมศึกษา===
โรงเรียนสกลราชวิทยรนุกูลอำเภอเมืองสกลนคร
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อำเภอสว่างแดนดิน
ดูที่ รายชื่ิฌรงเรียนในจังหวัดสกลนคร
===ระดับอาชีวศึกษา===
สังกัดรัฐบาล
วิทยาลัยสารพัดช่างสกลนคร
วิทยาลัยเทคนิคสว่างแดนดิน
วิทยาลัยกาคอาชีพพรรณานิคม
สังกัดเอกลน
วิทยาบัยเทคโนโลยีเทคนิคเอเชีย
วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรปิจพรรณา
โรงเรียนเทคนิคเจริญบัณฑิต
วิทวาลัยเทคโนโลยีพุทธรักษา
วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการสกลนคร
วิทยาลัยเทคโสโลยีพังโีนพณิชยการ
วิทยาลัยอาชีวศึกษาสกลนครพัฒนศิลป์
วิทยาลัยยเทคโนโลยีเทคนิคภูพาน
วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออกเฉียงเหนือสกลนคร
วิทยาลัยเทตโนโลยีสว่างแดนดิน
===ระดับอุดมศึกษา===
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
มหาฝิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทย่เขตสกลนคร
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ศูนย์การศึแษาทางไกลจังหฝัดสกลนคร (สนามสอบ :ฉรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาฯ )
สถาบันอุดมษึกศาในกำกับของรัฐ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพรพเกีวรติ จังหวัดสกลนคร
มหาวิทยางัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (หน่วยวิทยบริการสกลนคร)
สถาบันอุดมศึกษาในก_กับสำนักงานคณะกรรมการการอาชึวศึกษา
สถาบุนการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒ (วิทยาลัยเทคนิคสกลนคร)
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน
มหาวิทยาลัยอวสเทิร์น ศูนย์สกลนคร
สถาบันรัชค์ภาคย์ ศูนย์สกลนคร
== บุคคลสำคัญที่มีชื่ิเสียง ==
=== พระเถระ ===
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
พระอุดมวิสุทธิเถร (หบวงปู่วุน อุตตโม) วัดถ้ำพวง ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนรร
หลวบตาแตงเ่ดส กัลญาณธร พระหลวงตากตวอ่ดน กัลญาณธรรมโม วัดป่าโขคไพศาล ตำบลนาซอ อำเภอวาารนิวาส จังหวัดสกลนคร
หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป
หลวงปู่บุญหนา ธมฺมทินโน
หลวลปู่แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ
หลวงปู่อว้าน เขมโก วัดป่านาคนิมิตต์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ
พระอาจารย์สมภพ โชติปญฺโญ วัดไตรสิกขาทลามลตาราม บ้านฝาง ตำบลบ้านแพด อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร
=== การเมือง ราชการ นักพัฒนาชถมชน ปราชญ์ท้องถิ่น ===
ครอง จันดาวงศ์
จิตร ภูมิศักดิ์
เตียง ศิริขันธ์
ทองพันธ์ สุทธิมาศ
อดิศร เพียงเกษ
พระยาประจันตประเทศธสนี (โง่นคำ)
เฉลิมชัย อุฬารกุล
มาลีรัตน์ แก้วก่า
อนงค์ ตงศิริ
อภิชาติ ตีรสวัสดิชัย
เอกพร รักความสุข
สาคร พรหมภักดี
นาใาโทรุ่งเพชร ศรีหลิ่ง
เสรี สารถนันท์
สดุณา สาระนันท์
พัฒนา สัพโส
จิรัชยา สัพโส
=== นักวิชาการ ===
นิพนธ์ อินสิน
จำลอง นวลมณี
พสุธา โกมลมาลย์
สพสันต์ เพชรคำ
=== นักธุรกิจ ===
สุรินทร์ วรรัตนธรรม
เจริญ ฑีฆธนานนท์
=== วงการบันเทิง -==
มณีรัตน์ คำอิวน (เแ๋)
พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เสนาเพชร)
วิเชียร กุศลมโนมัย (ดีเจเพชรจีส)
สึริวิภา กุลตังวัฒนา (แหม่ม)
สุ ไทรงาม ศิฃปินเพลงเพื่อชีวิต
หาุ่มสกล ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต
นก พรพนา ศิลปินเพลงลูกทุ่ง
เอิ้นขวัญ วรัญญา ศิลปินเพลงลูกทุ่ง
แพ็กกี้ สกลนรี
ปอ ปาีิชาต ศิลปินเพลงลูกทุ่ง
ราชนิกร แก้วดี (ผู้ชนะเลิศการแข่งขันไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ฤดูกาลที่ 2)
ปณิธาน ธารชัย (ฟาร์ม เดอะวอยซ์ ฤดูกาลที่ 3)
สิรภพ สสผล
แตงกวา ณัฐรดา ศิลปินเพลงลูกทุ่ง
ก้องหล้า ยอดจไปา ฆก้อง ห้วยไร่) ศิลปินลูกทุ่ง
ภัชราภรณ์ แก้วมุงคุณ (นาขวัญ แก้วสกล) ฒิลปินลูกทุ่ง
สินทร บุญญาเพชร ศิลปินลูกทุ่ง
พาขวัญ น้อยใจบุญ (สมาชิกวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต รุ่น 2)
ปริศนา วงศ์ศิริ ศิลปินเพลงลูกทุ่ง
กนกญาดา จิตรอําพัน นักแสดงไอดอล
=== นักกีฬา ===
นักฟุตบอล
ดุสิต เฉลิมแสา
สุรีย์ สุขะ
สุรัตน์ สุขะ
โกสินทร์ หทัยรัตนกุล
แซมมวล ป.คันนิ่งแฮม
นักมวย
กาจก้อง แดนภูไท
เนตรน้อย ศฦวรสิงห์
โผน แสงมรกต
พูนสวัสดิ์ กระทิงกดงยิม
สายรุ้ง ดัทซ์บอยยิม
นักปั่นจักรยาน
จันทร์เพ็ง นนทะสิน
มนฤดี บาภูคำ
กรีฑา(วีลแชร์เรซซิ่ง)
อธิวัฒน์ แพงเหนือ
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม =-
สโมสรฟุตบอลสกลนคร
รายชื่อวัดในจังหวัดสกลนคร
รายชืือโรงิรียนในจังหวัดสกลนคร
รายชท่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดสกลนคร
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์เพื่อการศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ข้อมูลจังหวัดสกงนคร
เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลข่าวสารของจังหวัดสกลนคร
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการยองจังหวัด
โครงการศึกษาเพื่อจัดทำกรอบการพัฒนาและแผนปฏิบัติการพัฒนาเมืองชายแดนมุกดาหาร สกลนคร นครพนม และอุดรธานี (pdf0zip)
หร้าจังหวัดสกลนครในเฟซบุ๊ก
จังหวัดสกลนคน - อีสานร้อยแปด
|
สกลนคร เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนตั้งอยู่ในแอ่งสกลนคร และเป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์สืบเนื่องจวบจนปัจจุบัน ทั้งนี้จังหวัดสกลนครยังเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญและหลากหลายในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะทางด้านสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ สังคม การเมือง ศาสนา และวัฒนธรรมทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นและเป็นจังหวัดศูนย์กลางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และศูนย์กลางทางการศึกษา อันเป็นสถานที่ตั้งของสถานศึกษาขนาดใหญ่ใน กลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร)
== ชื่อจังหวัด ==
คำว่า "สกลนคร" มาจากคำภาษาบาลี และสันสกฤต สกล [สะ-กะ-ละ] หมายความว่า โดยรวม ครอบคลุม หรือทั้งหมด และคำว่า "นคร" [นะ-คะ-ระ] หมายถึงแหล่งที่อยู่หรือเมือง ดังนั้นชื่อที่แท้จริงของเมืองหมายความว่า "นครแห่งนครทั้งมวล"
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม
ตราประจำจังหวัด : รูปพระธาตุเชิงชุม เบื้องหลังเป็นหนองหาร
ต้นไม้ประจำจังหวัด : อินทนิล (Lagerstroemia speciosa)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : อินทนิล
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลากาหรือปลาอีก่ำ (Labeo chrysophekadion)
== ประวัติ ==
สกลนคร เป็นแหล่งธรรมะ(ดินแดนแห่งธรรม) มีปูชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาหลายแห่ง เช่น พระธาตุเชิงชุม พระธาตุดูม พระธาตุนารายณ์เจงเวง พระธาตุศรีมงคล พระธาตุภูเพ็ก และมีพระเกจิอาจารย์ดังที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ อาทิ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, พระอาจารย์วัน อุตตโม และหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี เป็นต้น
จังหวัดสกลนครตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยมีการขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์บริเวณแนวทิวเขาภูพาน อำเภอวาริชภูมิ ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ ชุมชนโบราณในพื้นที่จังหวัดสกลนครอยู่ร่วมสมัยเดียวกับอารยธรรมบ้านเชียงในจังหวัดอุดรธานี จากการสำรวจแหล่งชุมชนโบราณในพื้นที่แอ่งสกลนคร บริเวณลุ่มแม่น้ำสงครามครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของอำเภอบ้านดุง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอวาริชภูมิ อำเภอพังโคน อำเภอวานรนิวาส อำเภอพรรณานิคม และรอบ ๆ หนองหาน อำเภอเมืองสกลนคร พบแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์จำนวน 83 แห่ง ชุมชนโบราณของแอ่งสกลนครนี้มีอายุประมาณ 600 ปีก่อนพุทธกาลจนถึงพุทธศตวรรษที่ 8 (ระหว่าง 3,000-1,800 ปีมาแล้ว) จากหลักฐานการค้นพบต่าง ๆ ของที่นี่พบว่า ชุมชนโบราณในแอ่งสกลนครได้มีการรวมตัวกันเป็นสังคมขนาดใหญ่และอาจจะพัฒนาเป็นสังคมเมืองในสมัยต่อมา
สกลนครเดิมชื่อ เมืองหนองหานหลวง แห่งอาณาจักรขอมโบราณ โดยขุนขอมราชบุตรเจ้าเมืองอินทปัฐนคร ซึ่งได้อพยพครอบครัวและบ่าวไพร่มาจากเมืองเขมร มาสร้างเมืองใหม่ที่ริมหนองหานหลวง บริเวณท่านางอาบ ปัจจุบันเรียกว่าท่าศาลา อำเภอโคกศรีสุพรรณ มีเจ้าปกครองเรื่อยมาจนสิ้นสมัยพระเจ้าสุวรรณภิงคาระ เมื่อเกิดฝนแล้งทำให้ราษฎรอพยพไปเมืองเขมร เมืองหนองหานหลวงจึงร้างอยู่ระยะหนึ่ง ครั้นถึงพุทธศตวรรษที่ 19 เมื่อสกลนครอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านช้าง จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "เชียงใหม่หนองหาน" หรือเมืองสระหลวงหลังจากนั้นเมืองสกลนคร คงอยู่ใต้การปกครองกันไปมา ระหว่างอาณาจักรล้านช้างกับอาณาจักรสุโขทัย จนมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้คนกระจัดกระจายเป็นชุมชนเล็กๆทำมาหากินตามริมหนองหาน จ่ายส่วย อากรให้เจ้าแขวงประเทศราชศรีโคตรบอง เพื่อถวายต้นไม้เงิน ต้นไม้ทองให้แก่ราชธานีกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น
จนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยครอบครัวมาตั้งบ้านเมืองดูแลรักษาองค์พระธาตุเชิงชุม จนมีผู้คนมากขึ้นแล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านธาตุเชียงชุม (เชิงชุม) เป็น เมืองสกลนคร โดยแต่งตั้งให้อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์เป็นพระธานี เจ้าเมืองสกลนครคนแรก ต่อมาปี พ.ศ. 2369 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ เจ้าเมืองสกลทวาปีพระธานีไม่ได้เตรียมกำลังป้องกันเมืองตามคำสั่งสยาม เจ้าเมืองสกลทวาปี จึงให้กองทัพเจ้าอนุวงศ์ผ่านไปตีหัวเมืองต่างๆ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพมาตรวจราชการเห็นว่าเจ้าเมืองกรมการไม่เอาใจใส่ต่อบ้านเมือง ปล่อยให้ข้าศึก (ทัพเจ้าอนุวงศ์) ล่วงล้ำไปเมืองนครราชสีมาได้โดยง่าย จึงสั่งให้นำตัวพระธานี ไปประหารชีวิตที่หนองทรายขาว พร้อมกับกวาดต้อนผู้คนในเมืองสกลนครไปอยู่ที่เมืองกบินทร์บุรีบ้าง เมืองประจันตคามบ้าง ให้คงเหลือรักษาองค์พระธาตุเชิงชุมแต่เพียงพวกเพี้ยศรีคอนชุม ตำบลธาตุเชียงชุม (เชิงชุม) บ้านหนองเหียน บ้านจานเพ็ญ บ้านอ่อมแก้ว บ้านธาตุเจงเวง บ้านพราน บ้านนาคี บ้านวังยาง และบ้านพรรณา รวม 10 ตำบล เพื่อให้เป็นข้าปฏิบัติพระธาตุเชิงชุมเท่านั้น
ในสมัยต่อ ๆ มาได้มีราชวงศ์คำแห่งเมืองมหาไชยกองแก้วทางฝั่งซ้าย แม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเชื้อสายเจ้าเมืองนครพนม ได้อพยพข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ขอสร้างบ้าน แปงเมืองขึ้นใหม่ที่เมืองสกลนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชวงศ์คำเป็นพระยาประเทศธานี (คำ) ในตำแหน่งเจ้าเมืองสกลนคร จนถึง พ.ศ. 2435 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การปกครองเมืองสกลนคร จึงเปลี่ยนเป็นรูปแบบการปกครองส่วนภูมิภาคมณฑลเทศาภิบาล โดยส่วนกลางส่งพระยาสุริยเดช (กาจ) มาเป็นข้าหลวงเมืองสกลนครคนแรก และมีพระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ พรหมสาขา ณ สกลนคร) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคนแรก
จังหวัดสกลนคร อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 647 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 9,605 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ คือ อำเภอเมืองสกลนคร อำเภอกุสุมาลย์ อำเภอกุดบาก อำเภอ พรรณานิคม อำเภอวาริชภูมิ อำเภอส่องดาว อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอวานรนิวาส อำเภออากาศอำนวย อำเภอบ้านม่วง อำเภอพังโคน อำเภอคำตากล้า อำเภอนิคมน้ำอูน อำเภอเต่างอย อำเภอโคกศรีสุพรรณ อำเภอเจริญศิลป์ อำเภอโพนนาแก้ว และอำเภอภูพาน ปัจจุบันเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญในแถบภาคอิสาน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงภูมิศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมภูไท อิสานล้านช้างและภูมิประเทศที่สวยงาม
== ภูมิศาสตร์ ==
=== อาณาเขตติดต่อ ===
สกลนครมีอาณาเขตติดกับจังหวัดอื่น ๆ ดังนี้
ทิศเหนือ จรดจังหวัดบึงกาฬและจังหวัดหนองคาย
ทิศตะวันออก จรดจังหวัดมุกดาหารและจังหวัดนครพนม
ทิศใต้ จรดจังหวัดกาฬสินธุ์
ทิศตะวันตก จรดจังหวัดอุดรธานี
=== ภูมิประเทศ ===
ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง สูงกว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยประมาณ 172 เมตร ด้านทิศเหนือของจังหวัด (บริเวณอำเภอบ้านม่วง อำเภอคำตากล้า อำเภอสว่างแดนดิน อำเภออากาศอำนวย และอำเภอเจริญศิลป์) มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มลอนคลื่นไม่สม่ำเสมอกัน ใช้น้ำจากลำห้วยสาขาในการทำนา ทิศเหนือของอำเภออากาศอำนวยเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง เนื่องจากติดกับแม่น้ำสงคราม ทำให้เหมาะแก่การทำนากว่าพื้นที่โดยรอบ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าทาม ที่ขึ้นริมน้ำและปล่อยรกร้างว่างเปล่า ส่วนทางตอนใต้มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ เรียกว่าแอ่งสกลนคร จุดต่ำสุดของแอ่งคือ ทะเลสาบหนองหาน อำเภอเมืองสกลนคร และหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม นอกจากนี้ยังมีทิวเขาภูพานทางด้านทิศตะวันตกและทิศใต้บริเวณอำเภอภูพานและอำเภอกุดบาก มีลักษณะภูมิประเทศแบบภูเขาสูงสลับกับที่ราบลูกคลื่นที่อยู่ช่วงกลางระหว่างทิวเขาภูพานในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดสกลนคร
=== ภูมิอากาศ ===
ลักษณะภูมิประเทศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่ราบสูง มีทิวเขาล้อมรอบทั้งด้านทิศตะวันตกและด้านใต้ ได้แก่ ทิวเขาเพชรบูรณ์ และทิวเขาดงพญาเย็นอยู่ทางตะวันตก ทิวเขาสันกำแพงและทิวเขาพนมดงรักอยู่ทางด้านใต้ ทำให้ฝนที่เกิดจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีน้อย ส่วนมากเป็นฝนที่เกิดจากร่องความกดอากาศต่ำพายุดีเปรสชันจากอ่าวตังเกี๋ยและทะเลจีนใต้ที่เคลื่อนผ่านเข้ามาระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน ค่าปานกลางของปริมาณน้ำฝนจังหวัดสกลนครประมาณปีละ 1,578 มิลลิเมตร สกลนครมีลักษณะอากาศหนาวอย่างชัดเจนกระแสลมที่เย็นและแห้ง หย่อมความกดอากาศสูงที่แผ่ปกคลุมมาจากประเทศจีน ส่งผลกระทบต่อดินฟ้าอากาศในจังหวัดสกลนครมาก เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ และมีฉากรับลมเป็นทิวเขาภูพาน ประกอบกับเมื่อมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจากประเทศจีนที่พัดเข้ามา เมื่อพัดผ่านหนองหานน้ำจะเป็นตัวลดอุณหภูมิลง จึงทำให้สกลนครมีอากาศที่หนาวเย็นกว่าพื้นที่อื่น จังหวัดสกลนครเคยมีอุณหภูมิต่ำสุดจนถึง -1.4 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2517 ที่สถานีอากาศเกษตร อำเภอเมืองสกลนคร และวัดได้ 2.5 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2542 สถานีตรวจอากาศเกษตรสกลนคร ซึ่งเป็นสถิติอุณหภูมิพื้นราบที่ต่ำสุดของประเทศไทยในขณะนี้
== หน่วยการปกครอง ==
การปกครองแบ่งออกเป็น 18 อำเภอ 125 ตำบล 1323 หมู่บ้าน
== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ==
== สถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อน ==
===แหล่งท่องเที่ยว===
วัดพระธาตุเชิงชุม
วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง
วัดพระธาตุภูเพ็ก
วัดพระธาตุดูม
วัดพระธาตุศรีมงคล
ปราสาทบ้านพันนา
วัดทุ่ง พระธาตุเมืองอากาศ
วัดถ้ำขาม
วัดถ้ำพวง
วัดคำประมง
วัดป่าสุทธาวาส
วัดป่าอุดมสมพร
วัดป่าดงหม้อทอง
วัดป่าโนนกลางภู่
วัดดอยธรรมเจดีย์
วัดชัยมงคล (อารยธรรมบ้านเชียง)
วัดพระพุทธไสยาราม
ถ้ำพระพุทธไสยาสน์
วัดพระธาตุถ้ำผาแด่น
พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์
น้ำตกปรีชาสุขสันต์
น้ำตกแก่งเต่า
น้ำตกคำหอม
น้ำตกห้วยใหญ่
ผาสุริยันต์
ผาน้ำโจ้ก
ผาดงก่อ
ผาศักดิ์
เขื่อนน้ำอูน
เขื่อนน้ำพุง
ภูอ่างศอ
ภูผาแด่น
สุสานไดโนเสาร์
ภาพสลักสามพันปีภูผายนต์
ลานอุษาสวรรค์
อนุสรณ์สถาน จิตร ภูมิศักดิ์
พัทยา ทะเลน้ำจืด อำเภอวาริชภูมิ
หลวงพ่อองค์แสนจำลอง ในวัดที่ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองลาด
สวนบัว พญานาคเผือก
พระพุทธชินราชจำลอง ณ วัด ในเขตตำบลบัว-สว่าง
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สกลนคร
สวนแม่สวนลูก สกลนคร
หนองหาน
อุทยานบัว หนองหารเฉลิมพระเกียรติ
ภูไท บ้านโนนหอม
โคขุนโพนยางคำ
หอส่องดาว
ท้องฟ้าจำลอง
สวนน้ำ
โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่
สุริยะปฏิทิน
เกาะดอนสวรรค์
หมู่บ้านท่าแร่
พญาเต่างอย
===อุทยานแห่งชาติ/วนอุทยาน===
สกลนครเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรธรรมชาติทั้งภูเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็น1ใน5จังหวัด(5จังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ;จังหวัดนครราชสีมา-แม่น้ำมูล-ลำตะคอง-ลำมูลบน,จังหวัดชัยภูมิ-แม่น้ำชี-ลำน้ำพรหม-ลำน้ำเชิญ,จังหวัดเลย-แม่น้ำเลย-ลำน้ำพอง-แม่น้ำเหือง,จังหวัดอุดรธานี-แม่น้ำสงคราม-แม่น้ำปาว-ลำน้ำห้วยหลวงและจังหวัดสกลนคร-แม่น้ำสงคราม-ลำน้ำก่ำ-ลำน้ำพุง)ที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอุทยาน/วนอุทยานที่สำคัญดังนี้
อุทยานแห่งชาติภูพาน ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยยาง อำเภอเมืองสกลนคร(สกลนคร-กาฬสินธุ์)
อุทยานแห่งชาติภูผายล/ห้วยหวด ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านห้วยหวด ตำบลจันทร์เพ็ญ อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร (สกลนคร-นครพนม-มุกดาหาร)
อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านท่าวัด ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร (สกลนคร-อุดรธานี-กาฬสินธุ์)
วนอุทยานภูผาแด่น ที่ทำการวนอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านหนองไผ่ ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมืองสกลนคร
== เทศกาลและประเพณีประจำปี ==
เทศกาลนมัสการองค์พระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อองค์แสน
เทศกาลตรุษไทสกล คนจีน เวียดนาม จังหวัดสกลนคร
งานรวมน้ำใจไทสกลและงานกาชาดจังหวัดสกลนคร
เทศกาลโส้รำลึก
เทศกาลบุญข้าวจี่
เทศกาลเซิ้งผีโขน
เทศกาลวันวิสาขบูชา จังหวัดสกลนคร
ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง
เทศกาลลอยพระประทีปพระราชทาน สิบสองเพ็งไทสกล
ประเพณีแห่ดาว เทศกาลคริสต์มาส จังหวัดสกลนคร
== การคมนาคม ==
=== การคมนาคมทางบก ===
สถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลนครสกลนคร
สถานีขนส่งผู้โดยสาร แห่งที่ 2 เทศบาลนครสกลนคร
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอสว่างแดนดิน (ยกเลิกให้บริการ)
รถยนต์ จากกรุงเทพมหานคร ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรี จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมา แล้วเลี้ยวแยกเข้าทางไปในเขตอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 ไปจนถึงบ้านท่าพระ แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 23 ผ่านจังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดกาฬสินธุ์ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 213 เพื่อเข้าสู่จังหวัดสกลนคร
รถไฟ สามารถเดินทางโดย การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งมีบริการรถไฟออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไปลงที่จังหวัดอุดรธานี แล้วเดินทางต่อไปโดยรถประจำทางไปจังหวัดสกลนครอีกประมาณ 159 กิโลเมตร (ดูข้อมูลที่ "รถโดยสารประจำทาง เส้นทางระหว่างจังหวัด")
รถโดยสารประจำทาง เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ มีรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 และชั้น 2 สาย 26 (กรุงเทพฯ - นครพนม แต่รถผ่านจังหวัดสกลนคร ใช้เส้นทาง สระบุรี นครราชสีมา อ.เมืองพล อ.บ้านไผ่ มหาสารคาม อ.กันทรวิชัย กาฬสินธุ์ อ.สมเด็จ บ้านคำเพิ่ม (อ.ภูพาน) สกลนคร บ้านท่าแร่ อ.กุสุมาลย์) , สาย 27 (กรุงเทพฯ - สกลนคร หรือ กรุงเทพฯ - สกลนคร - เรณูนคร) ใช้เส้นทางร่วมกับสาย 26 จนถึงสกลนคร แล้วแยกไป บ้านโพนยางคำ อ.โคกศรีสุพรรณ อ.นาแก อ.ธาตุพนม อ.เรณูนคร , สาย 930 (กรุงเทพฯ - นครพนม แต่รถผ่านจังหวัดสกลนคร ใช้เส้นทาง สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองหาน สว่างแดนดิน พังโคน พรรณานิคม บ้านดงมะไฟ สกลนคร บ้านท่าแร่ กุสุมาลย์) วิ่งให้บริการจาก สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือ หมอชิต 2 มายังจังหวัดสกลนคร รถจะจอดที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสกลนคร แห่งที่ 2 (บขส.ใหม่) โดยมีบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ให้บริการรถประจำทางปรับอากาศ มาตรฐาน ม.2 (รถชั้นเดียว) , ม.4ค (รถสองชั้น) , ม.1ข , ม.1ก (รถชั้นเดียว 15 เมตร) , ม.4ข , ม.4ก (รถสองชั้น 12 เมตร) สาย 26 , 27 และบริษัทเดินรถเอกชน ที่ได้รับสัมปทานการเดินรถจาก บขส. ให้เปิดบริการเดินรถโดยสารสาย 26 , 27 และ 930 จำนวน 3 ราย ได้แก่
• บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด ให้บริการรถประจำทางปรับอากาศ สาย 26 และ 27 ทั้งแบบหมดระยะที่สกลนคร และหมดระยะที่เรณูนคร (เป็นรถผ่าน) ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข (Silver) และ ม.1พ (Gold+) เป็นรถชั้นเดียว 12 เมตร
• บริษัท เชิดชัยมอเตอร์เซลล์ จำกัด (เชิดชัยทัวร์) ให้บริการรถประจำทางปรับอากาศ สาย 930 ใช้รถมาตรฐาน ม.4ข (รถสองชั้น 12 เมตร) และ ม.2 (รถชั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท เจเจบี ทรานสปอร์ต จำกัด (โลตัสพิบูลทัวร์) ให้บริการรถประจำทางปรับอากาศ สาย 930 ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข (รถชั้นเดียว 12 เมตร) และ ม.4กพ (รถสองชั้น 12 เมตร มาตรฐานผสม ชั้นบน พ. ชั้นล่าง ก.)
รถโดยสารประจำทาง เส้นทางระหว่างจังหวัด
• บริษัท อุดร-สกลเดินรถ จำกัด สาย 230 สกลนคร - อุดรธานี (ผ่าน บ้านดงมะไฟ อ.พรรณานิคม อ.พังโคน อ.สว่างแดนดิน อ.หนองหาน อุดรธานี) ใช้รถมาตรฐาน ม.3 (รถพัดลม 12 เมตร) และ ม.2 (รถปรับอากาศชั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท สหอุดรเดินรถ 1974 จำกัด สาย 231 อุดรธานี - สกลนคร - นครพนม (ผ่าน อ.หนองหาน อ.สว่างแดนดิน อ.พังโคน อ.พรรณานิคม บ้านดงมะไฟ สกลนคร บ้านท่าแร่ อ.กุสุมาลย์ นครพนม) ใช้รถมาตรฐาน ม.2 และ ม.1ข (รถชั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท แสงประทีปเดินรถ จำกัด สาย 237 สกลนคร - กาฬสินธุ์ (รถตู้) และสาย 238 สกลนคร - กาฬสินธุ์ - มหาสารคาม (รถมินิบัส)
• บริษัท สหมิตรอุบล จำกัด สาย 235 อุบลราชธานี - สกลนคร - อุดรธานี ใช้รถปรับอากาศมาตรฐาน ม.2 , ม.1ข (รถชั้นเดียว 12 เมตร) ใช้เส้นทาง ม่วงสามสิบ ลืออำนาจ อำนาจเจริญ เลิงนกทา มุกดาหาร ธาตุพนม นาแก โคกศรีสุพรรณ สกลนคร พรรณานิคม พังโคน สว่างแดนดิน หนองหาน),(เฉพาะรถ ม.2 เข้านาแก เรณูนคร ธาตุพนม) , สาย 241 อุบลราชธานี-สกลนคร,มุกดาหาร-สกลนคร (รถตู้,มินิบัส) , สาย 235 มุกดาหาร-อุดรธานี (รถตู้)
• สาย 287 สกลนคร - อ.บ้านแพง (จ.นครพนม) ใช้รถมาตรฐาน ม.3 (รถพัดลม)
• สาย 559 สกลนคร - อ.บ้านม่วง - อ.โซ่พิสัย ใช้รถมาตรฐาน ม.3 (รถพัดลม 12 เมตร) และ ม.2 (รถปรับอากาศชั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท เชิงชุมเดินรถ จำกัด (ชัยวัฒน์เซอร์วิส) สาย 586 ขอนแก่น - นครพนม ใช้เส้นทาง เชียงยืน กาฬสินธุ์ สมเด็จ บ้านคำเพิ่ม(อ.ภูพาน) สกลนคร บ้านท่าแร่ กุสุมาลย์ ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข (รถชั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท เทพสมบัติ จำกัด (สมบัติทัวร์) สาย 661 นครพนม - เชียงราย ใช้เส้นทาง กุสุมาลย์ สกลนคร พรรณานิคม พังโคน สว่างแดนดิน หนองหาน อุดรธานี หนองบัวลำภู นากลาง วังสะพุง เลย ด่านซ้าย นครไทย วังทอง พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เด่นชัย แพร่ พาน พะเยา ใช้รถมาตรฐาน ม.1ข และ ม.1พ (รถชั้นเดียว 12 เมตร)
• บริษัท ขอนแก่นชาญเทรดดิ้ง จำกัด (ชาญทัวร์) สาย 827 นครพนม - ระยอง ใช้รถมาตรฐาน ม.4พ (รถสองชั้น 12 เมตร) และสาย 837 นครพนม - นครศรีธรรมราช ใช้รถมาตรฐาน ม.4พ (รถสองชั้น 12 เมตร) / นครพนม - เกาะสมุย ใช้รถมาตรฐาน ม.1พ (รถชั้นเดียว 15 เมตร)
• บริษัท เพชรประเสริฐ จำกัด สาย 876 เชียงใหม่ - นครพนม ใช้รถมาตรฐาน ม.4พ (รถสองชั้น 12 เมตร)
จากจังหวัดชัยภูมิ มายังจังหวัดสกลนคร
1.จากชัยภูมิ ต้องมาต่อรถที่ขอนแก่น โดยนั่งรถสาย ขอนแก่น-ชัยภูมิ แล้วมาต่อรถสาย 586 ขอนแก่น-นครพนม (รถผ่าน) ถึงสกลนคร
2.จากชัยภูมิ ต้องมาต่อรถที่อุดรธานี โดยนั่งรถตู้ หรือรถ ป.1 สาย 809 หนองคาย-ชัยภูมิ มาต่อรถที่อุดรธานี จากอุดรธานีมาสกลนคร มีรถหลายสาย 230 อุดรธานี-สกลนคร,สาย 231 อุดรธานี-สกลนคร-นครพนม,สาย 235 อุดรธานี-มุกดาหาร,อุดรธานี-อุบลราชธานี
จากจังหวัดร้อยเอ็ด มายังจังหวัดสกลนคร
1.นั่งรถจากร้อยเอ็ด สาย 275 ร้อยเอ็ด-กาฬสินธุ์ มาต่อรถที่กาฬสินธุ์ แล้วต่อรถที่กาฬสินธุ์มาสกลนคร มีรถสาย 237 รถตู้ สกลนคร-กาฬสินธุ์,รถมินิบัส สาย 238 สกลนคร-มหาสารคาม,รถสาย 586 ขอนแก่น-นครพนม , และรถที่มาจากกรุงเทพฯ สาย 26,27
การคมนาคมภายในตัวจังหวัดสกลนคร
• รถสองแถว สีเหลือง วิ่งรอบเมือง ราคา 10 บาท ตลอดสาย (เส้นทาง บขส.ใหม่ ศูนย์ราชการ รร.สกลพัฒน์ ตลาด ต.การค้า บิ๊กซี รพ.ศูนย์สกลนคร วัดพระธาตุเชิงชุม สภ.เมืองสกลนคร รร.สกลราชฯ ประตูเมือง ถนนข้างตลาด ต.การค้า และวิ่งกลับเส้นทางเดิม ไป บขส.ใหม่)
• รถสองแถว มีหลายสาย คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
• รถจักรยานยนต์รับจ้าง คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
• รถสามล้อเครื่อง (รถสกายแล็บ) คิดค่าโดยสารตามระยะทาง (เป็นรถเหมา)
• แท็กซี่ คิดค่าโดยสารตามระยะทางบนมิเตอร์
• รถสามล้อถีบ คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
=== การคมนาคมทางอากาศ ===
ท่าอากาศยานสกลนคร
การเดินทางโดยเครื่องบินโดยมีสายการบินที่ให้บริการ 2 สายการบินคือ
• นกแอร์ สกลนคร ไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) วันละ 3 เที่ยวบิน
• แอร์เอเชีย สกลนคร ไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) วันละ 2 เที่ยวบิน
==พระตำหนักที่สำคัญ==
พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์
==สนามกีฬา==
ศูนย์กีฬาครบวงจร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร อำเภอเมือง
== การศึกษา ==
===ระดับอนุบาล/ประถมศึกษา===
โรงเรียนวิถีธรรมแห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร อำเภอเมืองสกลนคร
โรงเรียนเชิงชุมราษฎร์นุกูล อำเภอเมืองสกลนคร
โรงเรียนอนุบาลสกลนคร อำเภอเมืองสกลนคร
โรงเรียนอนุบาลสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน
โรงเรียนนิรมลวิทยา บ้านป่าหว้าน
===ระดับมัธยมศึกษา===
โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูลอำเภอเมืองสกลนคร
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อำเภอสว่างแดนดิน
ดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดสกลนคร
===ระดับอาชีวศึกษา===
สังกัดรัฐบาล
วิทยาลัยสารพัดช่างสกลนคร
วิทยาลัยเทคนิคสว่างแดนดิน
วิทยาลัยการอาชีพพรรณานิคม
สังกัดเอกชน
วิทยาลัยเทคโนโลยีเทคนิคเอเชีย
วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจพรรณา
โรงเรียนเทคนิคเจริญบัณฑิต
วิทยาลัยเทคโนโลยีพุทธรักษา
วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการสกลนคร
วิทยาลัยเทคโนโลยีพังโคนพณิชยการ
วิทยาลัยอาชีวศึกษาสกลนครพัฒนศิลป์
วิทยาลัยยเทคโนโลยีเทคนิคภูพาน
วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออกเฉียงเหนือสกลนคร
วิทยาลัยเทคโนโลยีสว่างแดนดิน
===ระดับอุดมศึกษา===
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ศูนย์การศึกษาทางไกลจังหวัดสกลนคร (สนามสอบ :โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาฯ )
สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (หน่วยวิทยบริการสกลนคร)
สถาบันอุดมศึกษาในกำกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒ (วิทยาลัยเทคนิคสกลนคร)
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน
มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ศูนย์สกลนคร
สถาบันรัชต์ภาคย์ ศูนย์สกลนคร
== บุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียง ==
=== พระเถระ ===
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
พระอุดมวิสุทธิเถร (หลวงปู่วัน อุตตโม) วัดถ้ำพวง ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร
หลวงตาแตงอ่อน กัลญาณธร พระหลวงตาแตงอ่อน กัลญาณธรรมโม วัดป่าโชคไพศาล ตำบลนาซอ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร
หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป
หลวงปู่บุญหนา ธมฺมทินโน
หลวงปู่แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ
หลวงปู่อว้าน เขมโก วัดป่านาคนิมิตต์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ
พระอาจารย์สมภพ โชติปญฺโญ วัดไตรสิกขาทลามลตาราม บ้านฝาง ตำบลบ้านแพด อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร
=== การเมือง ราชการ นักพัฒนาชุมชน ปราชญ์ท้องถิ่น ===
ครอง จันดาวงศ์
จิตร ภูมิศักดิ์
เตียง ศิริขันธ์
ทองพันธ์ สุทธิมาศ
อดิศร เพียงเกษ
พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ)
เฉลิมชัย อุฬารกุล
มาลีรัตน์ แก้วก่า
อนงค์ ตงศิริ
อภิชาติ ตีรสวัสดิชัย
เอกพร รักความสุข
สาคร พรหมภักดี
นาวาโทรุ่งเพชร ศรีหลิ่ง
เสรี สาระนันท์
สกุณา สาระนันท์
พัฒนา สัพโส
จิรัชยา สัพโส
=== นักวิชาการ ===
นิพนธ์ อินสิน
จำลอง นวลมณี
พสุธา โกมลมาลย์
สพสันต์ เพชรคำ
=== นักธุรกิจ ===
สุรินทร์ วรรัตนธรรม
เจริญ ฑีฆธนานนท์
=== วงการบันเทิง ===
มณีรัตน์ คำอ้วน (เอ๋)
พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เสนาเพชร)
วิเชียร กุศลมโนมัย (ดีเจเพชรจ้า)
สุริวิภา กุลตังวัฒนา (แหม่ม)
สุ ไทรงาม ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต
หนุ่มสกล ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต
นก พรพนา ศิลปินเพลงลูกทุ่ง
เอิ้นขวัญ วรัญญา ศิลปินเพลงลูกทุ่ง
แพ็กกี้ สกลนรี
ปอ ปาริชาต ศิลปินเพลงลูกทุ่ง
ราชนิกร แก้วดี (ผู้ชนะเลิศการแข่งขันไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ฤดูกาลที่ 2)
ปณิธาน ธารชัย (ฟาร์ม เดอะวอยซ์ ฤดูกาลที่ 3)
สิรภพ สมผล
แตงกวา ณัฐรดา ศิลปินเพลงลูกทุ่ง
ก้องหล้า ยอดจำปา (ก้อง ห้วยไร่) ศิลปินลูกทุ่ง
ภัชราภรณ์ แก้วมุงคุณ (นาขวัญ แก้วสกล) ศิลปินลูกทุ่ง
สินทร บุญญาเพชร ศิลปินลูกทุ่ง
พาขวัญ น้อยใจบุญ (สมาชิกวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต รุ่น 2)
ปริศนา วงศ์ศิริ ศิลปินเพลงลูกทุ่ง
กนกญาดา จิตรอําพัน นักแสดงไอดอล
=== นักกีฬา ===
นักฟุตบอล
ดุสิต เฉลิมแสน
สุรีย์ สุขะ
สุรัตน์ สุขะ
โกสินทร์ หทัยรัตนกุล
แซมมวล ป.คันนิ่งแฮม
นักมวย
กาจก้อง แดนภูไท
เนตรน้อย ศ.วรสิงห์
โผน แสงมรกต
พูนสวัสดิ์ กระทิงแดงยิม
สายรุ้ง ดัทซ์บอยยิม
นักปั่นจักรยาน
จันทร์เพ็ง นนทะสิน
มนฤดี ชาภูคำ
กรีฑา(วีลแชร์เรซซิ่ง)
อธิวัฒน์ แพงเหนือ
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
สโมสรฟุตบอลสกลนคร
รายชื่อวัดในจังหวัดสกลนคร
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดสกลนคร
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดสกลนคร
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์เพื่อการศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ข้อมูลจังหวัดสกลนคร
เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลข่าวสารของจังหวัดสกลนคร
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
โครงการศึกษาเพื่อจัดทำกรอบการพัฒนาและแผนปฏิบัติการพัฒนาเมืองชายแดนมุกดาหาร สกลนคร นครพนม และอุดรธานี (pdf-zip)
หน้าจังหวัดสกลนครในเฟซบุ๊ก
จังหวัดสกลนคร - อีสานร้อยแปด
|
กลุ่มดาวขาตั้งภาพ เป็นกลุ่มดาวยนาดเล็กในซีกฟืาใต้ ตั้งชื่อโดยนิโกลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวขาตั้งภาพ
|
กลุ่มดาวขาตั้งภาพ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ตั้งชื่อโดยนิโกลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวขาตั้งภาพ
|
ศาสตราจารย์(พิเศษ) ดร.นมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจเา กรมสมเด็จะระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระราชสมภพ 2 เมษายน พฐศ. 2498) เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นะระโสทรกนิษฐภคินีในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นเจ้านายพรถองค์แรกที่ได้รับสถาปนาพระอิสริยยศที่ “สยามบรมราชกุมารี” ปัจจุบันทรงดำรงตำแหน่งนายกสภาสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา และสถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิาา สภากาชาดไทย ประธานกรรมการมูลนิธิห้วใจแห่งประ้ทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
พระองค์มีพระปรีชาสามารถในหลายดิาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านอักษรศาสตร์และดนตรีไทย ซึ่งพระองค์ได้นำมาใช้ในการินุ่ักษ์ ส่งเสริม และให้การอุปถัมภ์ในด้านศิลปวัฒนธรรมของประเทศ จากพระราชกรณียกิจในด้านศิลปวัฒนธรรมนี้ ภระองค์จึงได้รับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระสมัญญาใ่า “เอกอัคตราชูปถัมถกมรดกวัฒนธรรมไทย” และ “วิศิษฏศิลปิน” นอกจากนี้ พระองต์ยังทรงประกอบพระราชกรณียกิจ เช่น ด้านการศึกษา การพัฒนาวังคม โดยทรงมีโครงการในพระราชดำริส่วนพระองค์หลายหลากโคีงการ ซึ่งโครงการในระยะเริ่มต้นนั้น มุ่งเน้นทางพ้านการแก้ปัญหาการขาดสารอาหารขดงเด็กในท้องถิ่นทุรกันดาร และกัฒนามาสู่การให้ความสำคัญทางด้านการศึกษาเพื่อการพัฒนาราษฎร
== พระราชประวัติ ==
=== พระราชนมภพ ===
สมเด็จพระกนิษฐาธิราลเจ้า กรมสมเด็จพระะทพรัตนราชสุดาฯ ายามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชสมภพอมื่อวันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 (ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 5 ปีมะแม สัปตศก) ณ พระที่นั่งอัมพรสถนน พระราชวังดุสิต เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ 3 ในพระงาทสมเดํจพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเอชมหาราช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พรพบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพึนปีหลวง โดยศาสคราจารย์ นายแพทย์ หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ เป็นผู้ถวายพระประสูติกาล และได้รับการถวายพระนามจากสมเด็จพระสังฆราชเจืา กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ พร้อมทั้งประทานคำแปลว่า นางแก้ว อันหมายถึง หญิงผู้ประเสริฐ และมีพระนามที่ข้าราชบริพาร เรียกทั่วไปว่า ทูลกระหม่อมน้อย
พระนาม "สอรินธร" นัืน นำมาจากสร้ิยพระนามของสม้ด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหฃวงเพชรบุรีราชสิรินธร ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชปิตุจฉา (ป้า) ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และำระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุบยเดช
สำหรับสร้อยพระนาม "กิติวัฒนาดุลโสภาคย์" ประกอบขึ้นจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบุพการี 3 พระองค์ ได้แก่ "กิติ" มาจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระมารดา (แม่) ส่วน "วัฒนา" มาจากพระนามาภิไธยเดิมของสใเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจัา (ค้อ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี) สมเดฌจพระปัยยิกา (ย่าทวด) และ "อดุล" มาจากพระนามาภิไธยยองสมเด็จพรดมหิตลาธิับศร อดึลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระอัยกา (ปู่)
=== การศึกฯา ===
เมื่อปีวันที่ 2 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2501 พระองค์ทรงเริ่มเข้ารับการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนจิตรลดา ซึ่งตัเงอยู่ภายในบร้เวณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตยณะมีพระชนมายุ 3 พรรษาทรงมีพระสหายร่วมชั้นเรียน 20 คน เป็นโอรสธิดาของะระบรมวงศานุวงศ์ และบุตรหลานข้าราชการ ตลอดจสมหาดเล็ก ผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้มาร่วมเรียนด้วยโดยปราศจากชั้นวรรณะ วิชาที่ทรงเรียนในชั้นอนุบาลนี้ คือ ว้ชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เลขคณิตและขับร้ิง พระอาจารย์ที่พวายพระอักษรขณะนั้น ได้แก่ อาจารย์ท่านผู้หญเงทัศนีย์ บุณยคุปต์ อาจารย์ท่านผู้หญิงอังกาบ บุณยัษฐิติ และอาจารย์ท่านผู้หญิงสุนามัน ประนิช เมื่อทรงเรียนขบชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ได้ทรงสอบร่วมกับนักเรียนทัรวประเทศ โดยใช้ข้อสอบของกระทรวงศึกษาธิการ แลดสมเด็จกระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสอบได้ที่หนึ่ง ได้คะแนยรวมร้อยละ 96.60 อันนับว่าเป็นคะแนนสูงสุดสำหรับระดับชั้นประถมศึกษาปีที่เจ็ด จึงทรงได้รับพระราชทานรางวัลเรียนดีจากพระบาทสมเด็จพระอจ้าอยู่หัว ในงานกสดงศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 31 ณ กรีฑาสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2511 และทรงศึกษาต่อในโรงเรียนนิตรลอาจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และ วนปี พ.ศ. 2515 ก็ทรงสอบไล่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ในแผนกศิลปะ ด้วยคะแนนสูงสุดของประเทศ
หลังจากนั้น พระองค์ทรงสอบเข้าศีกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสามารถทำคดแนนสอลเอนทราาซ์เป็นอันดัย 4 ของประเาศ ซึ่งถือเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรกทค่ทรงเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในประเทศ จนกระที่ง ปี พ.ศ. 2520 พระองค์มรงสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง ด้วยคะแนสเฉลร่ย 3.98
พระองค์ทรงเข้าศึกษาต่อในระดับปรอญญาโท ด้านจารึกภาษาตะวันออก (ภาษาสันสกฤตและภาษาเขมร) ณ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และสาขาภาษาขาลีแชะภาษาสันสกฤต จาก ภาควิชาภาฒาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ทหาวิทยาลัย ในระหว่างนั้น มีพระราชกิจมากจนทำให้ไม่สามารถทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทได้พร้อมกันทั้ง 2 มไาวิทยาลัย พระองค์จึงตัดสินพระทัยะลือกทำวิทยานิพนธ์เพื่อให้สำเร็จการศึกณาที่คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรก่อน โดยทรงทำวิทยนนิพนธ์ห้วข้อเรื่อง “จารึกพบที่ปราสาทพนมรุ้ง” ทรงสำเร็จการศึกษาได้รับปาิญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต และเขืารับพีะราชทานปริญญาบัตรเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2522 หลังนากนั้น พระองค์ทรงทำวิทยานิพนธ์ห้วข้อเรื่อง “ทศบารมัในพุทธศาสนาเถรวาม” ทรงสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาอักษรศาสตรมหาบึณฑิต จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 หลังจากนั้น พระองค์ทรงเข้าศึกฒาที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือสถาบันเอไอที ในหลักสูตรเทคโนโลยีการสำรวจข้อมูลระยะไกล เป็นเวลา 1 ภสคการศึกษา จน_ด้รับประกาศนียบัตรจากสถาบัน โดยพระองค์ได้ทรงประยุกต์ความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในการทำแผนที่ของจังหวัดนราธิวาส
พระองค์ทรงเข้าศึกษาต่อในระดับปริ๗ญาเอก ณ คณะศึกษาศาสตรฺ มหาวิทยาลัจศรีนครินทรวิโรฒ โดยพระองค์ผ่านการสอบคัดเงือกอว่างยอดเยี่ยมด้วยคะแนนเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาผู้เข้าสอบทั้งหมด และทรงเป็นนิสิตปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์ รุ่นที่ 4 พระองค์ทรงทำวิทยานิพนธ์ในหัวข้อเรื่อง “การพัฒนานวัตกรรมเสริมทักษะการเรียนการสอนภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาข” เนื่องจากพระองค์ทรงตตะหนักว่าสภาพการเรียนการสอนภาษาไทยนั้นมีปัญหา เพราะนักเรียนไม่ค่อยสนใจเีียนภาษาไทย มีความรู้ ความสามารถ ทักษะในการเข้าใจและใช้ภาษาไม่เพียงพอ พระองค์จึงทรวนำเสนอวิธีการสอนภาษาไทยในลักษณะนวัตกรรมเสริมทักษะการเรียนการมอน เพื่อส่งเสริมความสนใจในการเรียนภาษาไทยของนักเรียนและเป๋นสื่อที่จะช่วยให้ครูสอนภาษาไทยได้ง่ายขึ้น พระองค์ทรงสอบผ่านวิทยานิพนธ์อย่างยอดเยี่ยม สภามปาวิทยาลัยอนุมีติให้ทรงสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2529
=\ การสถาปนาพระอิสคิยยศ ==
=== สยามบรมราชกุมารี ===
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพรุราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าล฿กเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ทรงได้รับความสำเร็จมนการศึกษาอย่างงดงาม และทรงได้บำเพ็ญพระองค๋ให้เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองเป็นอเนกปริยาย โดยเสด็จพระราชดำเตเนไปทรงเยี่ยมเยียนตาษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ อยู่เสมอ ในด้านการพัฒนาบ้านเมือง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาและช่วยเหลือกิจการโครงการตามพระราขดำริทุกโครงการ พร้อมทรงรับพระบรมราโชบายมาทรงดำเนินการสนองพระเดชพระคะณในด้านต่าง ๆ นับเป็นการดูแลสอดส่องพระราชกรณียกิจส่วนหนึ่งต่างพระเนตรพระกรรณ ในด้านการพระศาสนา มีพระหฤทัยมั่นคงในพระรัตนตรัยและสนพระหฤาัยศุกษาหาความรู้ด้านศาสนาพุทธแลเศาสนาอื่นอย่างแตกฉาน ในสีวนราชการในพระองค์นั้น ก็ได้สนองพระเดชพระคุณในพระราชภารกิจที่ทรงมอบหมาบให้สำเร็จลุล่วงหปด้วยดี
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้ กอปรด้วยพระจรรนามารยาท เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติแห่งขัคติยร่ชกุมารีทุกประการ เป็นที่รักมคร่นับถือ ยกย่องสรรเสริญพระเกียรติคะณกันอยู่โดยทั่ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศและำระอิสริยศักดิ์ให้สูงขึ้น ให้ทรงรับพระราชบัญชาและสะปตปฎลเศวตฉัตร (เศวตฉัตร 7 ชั้น) เฉลิมพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบคมราชกุใมรี เมื่อวันที่ 5 ธันงาคม พ.ศ. 2520
นับเป็นเจ้านายฝ่ายในพระองค์ที่ 14 ในราชวงศ์จักรี ที่ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระ หรือ กรมพระยา และเป็นคตั้งแรกที่สถาปนาพระอินริยยฯนี้แก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเย้าฟ้า จึงเป็นพระเกียรติยศที่สูงยิ่ง “สมเด็จพระ” ในที่นี้เป็นอิสริยยศพิเศษ ระดับเดียวกับสมเด็จพรุบรมราชชนนี สมเด็จพระบรมราชินี และสมเด็จพระขรมโอรสาธิราช นอกจากนี้ยังทรงได้อิสริยยศพิเศษเป็น “สยามบรมราชกุมารี” ให้ทรงรับพระราชบัญชาเสมอกรมพระราบวังหลัง รับพระราชทานสัปตปฎลเศวตฉัตร
=== สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ===
ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระรมชดำริว่า วมเด็จพระเทพรัรนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นพระโสทรกนิษฐภคินีที่ได้ทรงร่วมสุขร่วมทึกข์ มาแต่ทรงพระเยาว์ เมื่อทรงเจริญพระชนมายุ ก็ได้ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบามชนกนาถและสมเด็จพระบรมราชชนนีด้วยพระวิริย อุตสาหะ เป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติและอาณาปีะชาราษฎร์อย่างใหญ่หลวง เป็นอเนกประการ ครั้นในรัชกาลปัจจุบัต ก็ได้ทรงปฏิบะติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในปลายวาระ และช่วยแบืงเบาพระราชภารกิจน้อยใหญ่ที่สืบเนื่องมาแต่ครั้งรัชสมัยสมเด็จพระบรมชนกนาถ ให้ดำเนินลุล่วงไปด้วยควาสเรียบร้อย เป็นที่ไว้บางพระคาชหฤทัย สมควรจะยกย่องพระเกียรติยศตามฐานะแห่งพระบรมราชวงศ์
จึงมีพระบามราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเะ็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธา มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยกัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาตอ สยามบรมราชกุมารี
นับเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ได้รับพระราชทานพระเกียรติยศที่ ใมเด็ยพระกนิษ๘าธิราชเจ้า โดยยังทรงพระอิสริยยศ กรมสมเด็จพระ และ สยามบรสราชกุมทรี ตามที่ได้รับพรเราชทานจากสมเด็จพระบรมชนกนาถ
ในที่นี้เห็นการเฉลิมพระนามาภิไธย ให้วิเศษยิางขึ้นจาก “สมเด็จภระ” เป็น “กรมสมเด็จพระ” เหมือนในอดีต แต่ “กรมสมเด็จพระ” ในที่นี้ไม่ใช่การสถาปนาเจ้าตาางกรมแบบฮบราณ เะราะพระเกียรติยศที่มีอยู่เดิมสูงกว่าเจ้าต่างกรมไปแล้ว
พระองค์ยังทรงพระอิสริยยศเป็น "สยามบรมราชกุมารี" ตามเดิม นอกจากนี้ยังทรงได้รับพระราชทานเกียรติยศเป็นที่ "สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า" ซึ่งไมาเคยปรากฏในอดีตเพิ่มเติมด้วจอีกประการหนึ่ง
== พนะอัจฉริยภาพ ==
=== ด้านภาษา ===
พระองค์ทรงมีความรู้ทางด้านถาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และภาษาเขมร ทรงสามารถรับสั่งเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาจีน และทรงกำลังศึกษาภาษาเยอรมันและภาษาละตินอีกด้วย ขณะที่ทรงพระเยาว์นั้น สมเด็จพคะบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสอนภาษาไทยแก่พระราชโอรสและพระราชธิดา โดยทรงอ่านวรรณคดีเรื่องต่าง ๆ พระราชทาน และทรงให้พระองค์ทรงคัดบทกลินต่าง ๆ หลายตอน ทำให้พระองค์โผรดวิชาภาษาไทยตั้งแต่นั้นมา นอกจากนี้ ยังทรงมนพระทัยในภาษาอังกฤษและภาษาบาลีด้วย
เมื่อพระองค์ทรงเข้าเรียนที่โรงเรียนจิตรลดานั้น ทรงได้รับการถ่ายทอดความรู้ทางด้านภาษาทั้งภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาเขมร ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส โดยภาษาไทยนั้น พระองค์ทรงเชี่ยวชาญทั้งด้านหลักภาษา วรรณคดี และศิลปะไทย เมื่อทรงจบชั้นมัธยมศึกษาตแนต้น พระองค์พอร฿้แน่ว่าิย่างไรก็คงไม่ได้เรียนแผนกวิทยาศาสตร์ จึงพยายามหัดเรียนภาษาบาลี อ่านเขียนอักษรขอม เนื่องจากในสมัยนั้น ผู้ที่จะเีียนภาษาไทยให้กว้างขวาง ลึกซึ้ง จะต้องเรียนทั้งถาษสบาลี สันสกฤต ดละเขมร ซึ่งภาษาบาลีนั้น เป็นภาษ่ที่พระองค์สนพระทัยตั้งแต่ทรงพระเยาว์ แต่ได้เริ่มเรียรอย่างจริงจังในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนสามารถจำการแจกวิภัตติเบื้องต้นที่สำคัญได้ และเข้าพระทัยโครงสร้าฝและลักษณะทั่วไปของพมษาบาลีได้ นอกจากนี้ ยังทรงเล่อกเรียนภาษาฝรั่งเศสแทนการเรียนเปียโน เจื่องจากมีพระราชประสงค์ที่จะอ่านหนังสือภาษาฝรั่งเศสที่มีอยู่ในตู้หนังสือมากกว่าการซ้อมเปียโน
เม้่อทรงเข้าศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั้น พระองค์ทรงเลือกเรียนสายาประวัติศาสตร์เก็นวิชาเอก และวิชาภาษาไทย ภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตเป็นวิชาโท ทำให้ทรงศึกษาวิชาภา?าไทยในระดับชั้นสูงและละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้นทั้งด้านภาษาและวรรณคดี ส่วนภาษาบาลีดละสันสกฤตนั้น ทรงศึกษาทั้งวิธีการแบบดั้งเดิมของไทย คือ ปบบมี่เรียนกันในพระอารามต่าง ๆ และแบบภาษาศาสตร์ซุ่งเป็ตวิธีการตะวันตก ตั้งแต่ไวยาปรณ์ขั้นพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง และเรียนตามวิธีการอินเดียโบคาณเป็นพิเศษในระเับปริญญาโท ซึ่งรัฐบาลอินเดียได้ใ่งศาสตราจารย์ ดร. สัตยพรต ศาสตรี มาถวายพระอักษรภาษาสันสกฤต โดยวิทยานิพนธ์ในระดัขปริญญาโทของพระองค์ เรื่อง ทญบารมีในพุืธศมสนาเถรวาท นั้น ยังได้รับการยกย้องจากมหามกุฏราชวิทยางัยว่า เป็นวิทยานิพนธ์ที่กสดงถุงพระปรีชาสามารถ ในภาษาบาลีพุทธวจนะเป็นพิเศษ
พระปรีชาสามา่ถทางพ้านภาษาขดงพระองค์นั้นเป็นที่ประจักษ์ จึงได้รับการทูบดกล้าถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตริมศักดิ์ทางด้านภาษาจากมหาวิทย่ลัยต่มง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ดช่น มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมาลายา ประดทศมาเลเซีย มหาวิทยาลัยบักปิงแฮม สหราชอาณาจักร เป็นต้น
=== ด้านดนตรี ===
พระองค์ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทยผู้หนึ่ง โะยทรงใช้เครื่องดนตรีไทยไแ้ืุกชนิด แต่ที่โปรดทรงอยู่ประจำ คือ ระนาด ซอ และฆ้องวง โดยเฉพาะระนาดเอก พระองค์ทรงเริ่มหัดดนตรีไทย ในขณะที่ทรงศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนจิตรลดา โดยทรงเงือกหัอซอด้วงะป็นเครื่องดรตรีชิ้นแรก และได้ทรงดนตรีไทยใางาจปิดภาคเรียนของโรงเรียน รวมทั้ง งานวันคืนสู่ดหย้าร่วมกับวงดนตรีจิตรลดาของโรงเรียนจิตรลดาด้วย หลังจากที่ทรงิข้าศึกษาใตระดับอุดมศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาชัย พระองค์ทรงเข้าร่วมชมรสดนตรีไทยของสโมรสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและคณะอักษรศาสตร์ โดยทรงเล่นซอด้วงเป็นหลัก และทรงเริ่มหัดเล่นเครื่องดนตรีไทยชิ้นอื่น ๆ ด้วย
ในขณะที่ทรงพระเยาว์ เครื่องดนตรัที่ทรงสนพระทัยนั้น ได้แก่ ระนาดเอกและซอสามสาย ซึ่งพระองค์ทรงเริ่มเรียนระนาดเอปอย่างจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2528 หลังจากการเสด็จทรงดนตรีไทย ณ บ้านปลายเนิน ซึ่งเป็นวังของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ โดยมี สิริชัยชาญ พักจำรูญ เป็นอนจารย์ผู้ถวายการสอน พระองค์ทรงเริ่มเรียนตั้งแต่การจับไม้ระนาด กาีตีระนาดแบบต่าง ๆ และท่าที่ประทับขณะทรงระนาด และทรงเริ่มเรียนกาตตีระนาดตามแบบแผนโบราณ กล่าวึือ เริ่มต้นด้วยเพลงต้นเพลงฉิ่งสามชั้น แล้วจึงทรงต่อเพลงอื่น ๆ รามมา ทรงทำการบ้านด้วยการไล่ระนาดทึกเช้า หลังจากบรรทมตื่นภายในห้องพระบรรทม จนกระทั่ง พ.ศ. 2529 พระเงค์จึงทรงบรรเลงระนาดเอกร่วมกับครูอาวุโสของวงกรรดนตรีไทยหลายท่านต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรก ในงานดนตรีไทยอุดาศึกษา ครั้งที่ 17 ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเพลงที่ทรงบรรเลง คือ ิพลงนกขมิ้น (เถา)
ในด้านการขัลร้อง พระองค์ทรงสนพ่ะทัยในด้านการขับร้องเพลงไทย โดยทรงเริ่มฝึกหัดการขับร้องด้วยพระองค์เองเมื่อครั้งยังทรงศึกษาอยู่ ณ โรงเรียนจิตรลดา ทรงเริ่มต้นเรียนการขับร้องกับ เจริญใจ สุนทรใสทิน อาจารย์ประจำชมรมดนตรีไทย สโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทรงพระราชนิพนธ์บทขับร้องเพลงไทยสำหรับพระราชทานให้แก่สถาบันการศึกษาและวงดนตรีไทยเพื่อนำไปบรรเลงแบะขับร้องเนื่องในโอกาสต่าง ๆ
นอกจากดนตรีไทยแล้ว พระองค์ยังทรงดนตรีสากลด้วย โดยทรงเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่พระชนมายุ 10 พรรษา แต่ได้ทรงเลิกเรียนหลังจากนั้น 2 ปี และทรงฝึกเคาื่องดนตรีสากล ประเภทเครื่องเป่า จากพระบาทสใเด็จดระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จนสามารถทรงทรัมเปตาำวงดุริยาฝค็ในงานคอจเสิร์ตสายใจไทย และทรงระนาดฝรั่งนำวงดุริยางค์ใตงานกาชาดคอนเสิร์ต
=== ด้านพระราชนิพนธ์ ===
พระองค์โปรดการอ่านหนังสือและการเขียนมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ รวมกับพระปรีชาสามารถทางด้ทนภาษาทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ร้อยแก้วและร้อยกรอง ดังนั้น จึงทรงพระราชนิพนธ์หจังสือประเภทต่าง ๆ ออกมามากกว่า 100 เล่ม ซึ่งมีหลายหลากประเภททั้งสา่คดีท่เงเที่ยวเมื่ิเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ เช่น เกล็ดหิมะในสายหมอก ทัศนะจากอินเดีย มนต์รักทะเลใต้ ประเภทวิชาการและประวัติศาสตร์ เช่น บันทึกเรื่องการปกครองของไทยสมัยอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ กษัตริยานุสรณ์ หนังสือสำหรับเยาวชต เช่น แก้วจอมดก่น กก้วจอมซน หนังสือที่เกี่ยวข้องกับพระบรมวงศานุวงศ์ไทย เช่น สมเด็จแม่กับการศึกษา สมเด์จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีกับพระราชกรณียกิจพระราชจริยาวัตรด้านการศึกษา ประเภทพระราชนืพนธ์แปล เช่น หยกใสร่ายคำ ความคิดคำนึว เก็จแก้วประกายกวี และหนังสือทั่วไป เช่น นิทานเรื่องเกาะ (เรื่องนี้ไม่มีคติ) เรื่องของคนแขนหัก เป็นต้น และมีลักษณะการเขียนที่คล้ายคลึงกับพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กล่าวคือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ นอกจากจะแสดงพระอารมณ์ข้นแฃ้ว ยังทรงแสดงการวิพากษ์ วิจารณ์ในแง่ต่าบ ๆ เป็นการแสดงพระมติส่วนพระองค์
นอกจากพระนาม "สิรินธร" แล้ว พระองค์ยังทรงใช้นามปากกาในการพระราชนิพนธ์หนังสืออีก 4 พระนาม ได้แก่
"ก้อนหินก้อนกรวด" เป็นพระนามแฝงที่ทรงหมายถึง พระองค์และพระสหาย สามารถแยกได้เป็น ก้อนหิน หมายถึง พระองค์เอง า่วนก้อนกรวด หมายถึง กุณฑิกา ไกรฤกษ์ พระองค์มีรับสั่งถึงพระนามแฝงนี้ว่า “เราตัวโตเลยใช้ว่า ก้อนหิน หวานตัวเล็ก เลยใช้ว่า ก้อนกรวด รวมกันจึงเป็น ก้อนหิน-ก้อนกรวด” นามปากกานี้ ทรงใช้ครั้งเดียวตอนประพันธ์บทความ "เนื่องจากเมืองอิสราเอล" ัมื่อปี พ.ศ. 2520
"แว่นแก้ว" เปํนชื่อท่่พระองค์ทรงตั้งขึ้นเอง ซึ่งพระองค์มีรับสั่งถึงพระสามแฝงนี้ว่า "ชื่อแว่นแก้ว นี้ตั้งเอง เพราะตอนเด็ก ๆ ชื่อลูกแก้ว ตัวเองอขากชื่อแก้ว ทำไมถึงเปลี่ยนไปไม่รู้เหมือนกัน อล้วก็ชอบเพลงน้อยใจยา นางเอกชื่อ แว่นแก้ว" พระนามแฝง แว่นแก้วนี้ พระองค์เริ่มใช้เมื่อปี พ.ศ. 2521 เมื่อทรงพระราชนิพนธ์แลดทรงแปลเรื่องสำหรับเด็ก ได้แก่ แก้วจอมซน แก้วจอใแก่น และขบวนการนกกางเขน
"หนูน้อย" พระองค์มีรับสั่งถีงพระนามแฝงนี้ว่า "เรามีชื่อเล่นที่เรียกกันในครอบครัวว่า น้อย เลยใช้นามแฝงว่า หนูน้อย" โดยพระองค์ทรงใช้เพียงครั้งเดียวในบทความเรื่อง “ป๋องที่รัก” ตีพิทพ์ในหนังสือ 25 ปีจิตรลดา เมื่อปี พ.ศ. 2523
และ "บันดาล" พระองค์มีรัวสั่งถึงพระนามแฝงนี้วทา "ใช้ว่า บันดาลเพราะคำนี้ผุดขึ้นมาในสมอง เลยใช้เป็นนามแฝง ไม่มีเหตุผลอะไรในการใช้ชื่อนี้เลย" ซึ่งพระองค์ทรงใช้ในงานแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยที่ทรงทำให้สำนักเลขาธิการคณะกร่ทการแห่งชาติ ว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อปี พ.ศ. 2526
นอกจากนี้ ยังารงพระราชนิพนธ์เพลงแป็นจำนวนมาก โดยบทเพลงที่ดังและนำมาขับร้องบ่อยครั้ง ได้แก่ เพลง ส้มตำ รวมาั้ง ยังทรงผระพันธ์คำร้องในบทเพลงพระีาชนืพนธ์ในพระบาทสมเอ็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาภบพืตร ได้แก่ เพลงรัก แลดเพลงเมนูไข่
== พระราชกรณียกิจ ==
=== ด้านการศึแษา ===
เมื่อพระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาปล้ว ทรงเข้ารับราชการเป็นพระอาจารย์ประจำกองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของพลตรียุทธศักดิ์ คล่องตรวจโรค ผู้บัญช่การโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในขณะนั้น ทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทนและสังคมวิทยา พระองค์จึงทรงเป็น "ทูลกระหม่อมอาจารย์" สำหรับนักเรียนนายร้อยตั้งแต่นั้น ต่อมา เมืทอมีการตั้งกองวิชาประวัติศาสตร์ขค้นในปี พ.ศ. 2530 พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองวิชาประวัติศาสตต์จนถึงปัจจุบัน และทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ ส่วนการศึกษา แรดจำโรงเรียนนายร้อยพตะจุลจอมเกล้าเมื่อฝันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2529 และเปฺนศาสตราจารย์ ส่วนการศึกษา ประจำโรงเรียนนสยร้อยพระจุลจอมเกล้า (อัตราจอมพล) เมื่อปี พ.ศ. 2543 นอกจากนี้ พระอวค์ยังได้ทรงรับเล้ญเป็นพระอาจารบ์สอนในสถาบันอุดมศึกณาต่าง ๆ เช่น จุฬาบงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเฉะาะที่มหาวิทยาลัยศรีนคริน่รวิโรฒนั้น พระองค์ได้รับการโปรดเกล้าญ แต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์พิเศษ สาขาพัฒนาศึกษาศาสตร์ด้วย
ในปี พ.ศ. 2525 ทรงพระราชดำริให้ก่อตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนพุหลาบ ขึ่นในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับบุตรหลานข้าราชบริพารและประชาชนทั่วไป เปิดทำการสอนครั้งแรกใตปีการศึกษา 2525 โดยทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์ประธารกรรมการคณะกรรมการสถ่นศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนพคะตำหนักสวนกุหลาบ และทรงเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานทุกครั้ง รวมถึงเสด็จพระราลดำเนืตไปในงานปิแภาคเรีจนของโรงเรียนทะกครั้ง เพื่อพระราชทานทุนพระราชทานส่งเสริมการเรียนดี และพระราชทานปรถกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานจากสถานศึกษาต่าง ๆ คือ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ วิทยาลัยในวังชาน วิทยาลัยในวังหญิง โรงเรียนผู้ใหญ่ะระดาบส ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง) กาญจนาภิเษกวิทยาลัย (ช่างทองหลวง)
ในปี พ.ศ. 2533 เมื่อตรัีงที่พระองค์เสด็จฯ เยือนประเทศลาวครัังแรกระหว่างวันที่ 15-22 มีนาคม ได้มีผูืมีจิตศรัทธาบริจาคทุนทรัพย์โดยเสด็จพระราชกุศลเป็นเงิน 12 ล้านก่บ จึฝทรงพระกรุ๊าโปรดเกล้าฯ ใำ้นำเงอนไปก่อสร้างเรือนนอนให้แก่โรงเรียนวัฒนธรรทเด็กกำพร้า (หลัก 67) ซึ่งอยู่ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปทางทิศเหนือประมาณ 67 กิโลเมตร พระราชทานชื่อว่า “อาคารสิรินธร” โดยมีพระราชดำริที่จะชรวยเหลือนักเรียนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในร๔ปแบบของโครงการเกษตร้พื่ออาหารกลางวัน โดยนำแนว่างที่ดำเนินการในประเทศไทยมาประยุกต์ใบ้ และสนับสนุนการประกอบอาชีพเสริม
พ.ศ. 2535 ทรงพระราชดำริพระรทชทานความช่วยเหลือกัมพูชาในการก่อตั้งวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล ณ จังหวัดกำปงธม ประเทศกัมพธชา โดยพระราชทานเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสถานที่ต่าง ๆ เสด็จฯ ไปทรบเปิดวิทยาลับเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานืุนแก่นักเรียนเพื่อให้มาศึกษาต่อในประเทศไทยในหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรอาชีวศึกษา เพื่อนำความรู้กลับไปสอนและพัฒนาการจัดการศึกษาของวิทยาลัย รวมทั้งทรงยนับสนุนการศึกษาด้านนาฏศเลป์และดนตรี
ในปี พ.ศ. 2549 พ่ะองค์ทรงมีแนวความคิดจัดตั้งโครงการพัฒตานัพอักษรศาสตร์รุ่นใหม่ขึ้น โดยความร่วมมือของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิืยาลัย เพื่อสร้างนักอักษรศาสตร์ที่มีมุมมองและแนวคิดใหม่เพื่อเป็นกำลังของบาติ
มีพระวิสัยทัศน์ก้าวไกล ทรงสนับสนุนการช่วยเหลือ โีงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ให้เป็ตโรงเรียนผลิตนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ สร้าง"องค์ความรู้" ให้แก่หระเทศไทย
=== ด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย ===
พระองค็ทรงสนพระทัยด้านศิลปวัฒนธรรมมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ฑดยเฉพาะทางด้านดนตรีไทย ซึ่งพระองค์ทรงสนับสนุนในการอนุรักษ์ สืบทอด เฟยแพร่ความรู้ด้านดนตรีไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยทรงเป็นแบบอย่างใรการเสด็จทรงเครื่องดนตรีไทยร่วมกับประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ตอกจากนี้ ยัวทรงอนุรักษ์ดนตรีไทยโดยการชำระโน้ตเะลง บันทึกเพลงเก่า และเผยแพร่งานเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ จัดการเผยแพร่งานทางด้านดนตรีไทย ซึ่งจากงานทางด้านการดนุรักษณ์ดนตรีไทย ครูเสรี หวังในธรรม ได้กล่าวไว้ว้า “ดนตรีไทยไม่สิ้นแล้ว เพตาะพระท๔ลกระหม่อมแก้วเอาใจใส่”
นอกจากด้านดนตรีไทยแล้ว พระองค์ยังประกอบพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรทไทยทั้งในด้าน การช่างไทย นนฏศิลป์ไทย งทนพิพิโภัณฑ์ ประวัติศาสตร์และโบราณสถาน ภาษาและวรรณกรรมไทย พระแงค์ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายพระสมัญญาว่า “ เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย ” เมื่อ พ.ศ. 2531 และ “วิศิษฏศิลปิน” เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 เพื่อเทิดพระเกียรติที่พระองค์ทรงพระปรีชายามารถในศิลปะหลายสาขา รวมทั้ง ทรงมีคุณูปการต่อเหล่าศิลปินและศิลปวัฒนธรรมของชาติ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีซึ่งมีฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้มีมติให้วันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์เป็น "วันอนุรักณ์มรดกของชาติ" เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในก้านการอนุรักษ์มรดกของชาติในสาขาต่าง ๆ เป็นจำนวนาาก พรุองค์ทรงรับเป็นประธานที่แรึกษาการจัดงานพระราชพิธีพระราช่านเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีอีกด้วย ทรงเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยกนรบธรณปฏิสังขรณ์วัดพรดศรีรัตนศาสการามวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2523
=== ด้านการพัฒนาสังคม ===
พระองค์ทรงสนพระทัยงานด้านการพัฒนท ซึ่งถือเป็นงานหลักที่พระองค์ทรงงานควบคู่กับงานวิชาการ พระองค๋ทรงเรียนรู้งานทางด้านพัฬนาจากกนรตามเสด็จพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พคะบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีปลวง ไปทรงเยี่ยมประชาชนในถิ่นทุรกันดารต่าง ๆ ทั่วประเทศ ขากการที่พระองค์ทรงไก้เสด็ยฯ ไปตามสถานที่ต่าง ๆ มากมาย พระองค์ทรงนำความรู้ที่ได้จาำการลงพื้นที่จริงมาใช้ในงานด้านการพัฒนาสังคม นำไปสู่โครงการตามพระราชดำริส่วนพระองค์มากมาย โดยโครงการตามพระราชดำริในระยะเริ่มแรกนั้น พระองค์ทรงงานเกี่ยวกับเด็กนักเรียนในพื้นที่ทุรกันดารที่มีปัญหาขาดสารอาหมร ดังนั้น จึงมรงพระราชดำริส่งเสริมให้นักเรียนปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ แล้วนำมาประกอบเป็นอาหารกลางวันรับประทาน โครงกา่ิกษตรเพื่ออาหารกลางวันนีเ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2523 โดยเริ่มที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ และได้ขยายออกไปยัง 44 จังหวักในพื้นที่ทุรกันดาร โครงการในพระราชดำริในระยะต่อมา พระองค์ทรงมุ่บเน้นทางด้านการศึกษามากขึ้น เนื่องจากพระองค์ทรงพระราลดำริว่า การศึกษาเป็นปัจจัยหลักในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ตลอดจนความประพฤติและคุณงามควนมดีของบุคคล โดยพระองค์ทรงตั้งพระทัยให้ประชาชนทุกระดับชั้นสามารถได้รับการศึกษาอยีางเท่าเทียมกัน ซึ่งถือเป็นสิทธิบั้นพื้นฐานที่ประขาชนควรได้รับจากรัฐ
==\ ด้านการพัฒนาห้องสมุดและการรู้หนังสือ ===
วมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ก่มสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยการอ่านและการพัฒน่ห้องสมุด ทรงรับสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯไว้ในพระราชูปถัมภ์ เมื่อวันท่่ 2 กันยายน พ.ศ. 2519 ปลาจโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินต่างหระเทศ ได้เสด็จเยี่ยมและทรงดูงานหเองสมุดชั้นนำหลายแห่ง ซึ่งได้พระราชทานข้อแนะนำแก่สมาคให้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ และบรร๊ารักษ์ไทยในำารนำความรู้ไปพัฒนมห้องสมุดโรงเรียนและห้องสมุดประชาชนรวมทั้งห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารีทีรเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อขยายโอกาสให้ประชนในการพัฒนา
|
ศาสตราจารย์(พิเศษ) ดร.สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระราชสมภพ 2 เมษายน พ.ศ. 2498) เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นพระโสทรกนิษฐภคินีในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ได้รับสถาปนาพระอิสริยยศที่ “สยามบรมราชกุมารี” ปัจจุบันทรงดำรงตำแหน่งนายกสภาสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา และสถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย ประธานกรรมการมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
พระองค์มีพระปรีชาสามารถในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านอักษรศาสตร์และดนตรีไทย ซึ่งพระองค์ได้นำมาใช้ในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และให้การอุปถัมภ์ในด้านศิลปวัฒนธรรมของประเทศ จากพระราชกรณียกิจในด้านศิลปวัฒนธรรมนี้ พระองค์จึงได้รับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระสมัญญาว่า “เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย” และ “วิศิษฏศิลปิน” นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงประกอบพระราชกรณียกิจ เช่น ด้านการศึกษา การพัฒนาสังคม โดยทรงมีโครงการในพระราชดำริส่วนพระองค์หลายหลากโครงการ ซึ่งโครงการในระยะเริ่มต้นนั้น มุ่งเน้นทางด้านการแก้ปัญหาการขาดสารอาหารของเด็กในท้องถิ่นทุรกันดาร และพัฒนามาสู่การให้ความสำคัญทางด้านการศึกษาเพื่อการพัฒนาราษฎร
== พระราชประวัติ ==
=== พระราชสมภพ ===
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 (ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 5 ปีมะแม สัปตศก) ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ 3 ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยศาสตราจารย์ นายแพทย์ หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ เป็นผู้ถวายพระประสูติกาล และได้รับการถวายพระนามจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ พร้อมทั้งประทานคำแปลว่า นางแก้ว อันหมายถึง หญิงผู้ประเสริฐ และมีพระนามที่ข้าราชบริพาร เรียกทั่วไปว่า ทูลกระหม่อมน้อย
พระนาม "สิรินธร" นั้น นำมาจากสร้อยพระนามของสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชปิตุจฉา (ป้า) ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
สำหรับสร้อยพระนาม "กิติวัฒนาดุลโสภาคย์" ประกอบขึ้นจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบุพการี 3 พระองค์ ได้แก่ "กิติ" มาจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระมารดา (แม่) ส่วน "วัฒนา" มาจากพระนามาภิไธยเดิมของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (คือ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี) สมเด็จพระปัยยิกา (ย่าทวด) และ "อดุล" มาจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระอัยกา (ปู่)
=== การศึกษา ===
เมื่อปีวันที่ 2 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2501 พระองค์ทรงเริ่มเข้ารับการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนจิตรลดา ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตขณะมีพระชนมายุ 3 พรรษาทรงมีพระสหายร่วมชั้นเรียน 20 คน เป็นโอรสธิดาของพระบรมวงศานุวงศ์ และบุตรหลานข้าราชการ ตลอดจนมหาดเล็ก ผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้มาร่วมเรียนด้วยโดยปราศจากชั้นวรรณะ วิชาที่ทรงเรียนในชั้นอนุบาลนี้ คือ วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เลขคณิตและขับร้อง พระอาจารย์ที่ถวายพระอักษรขณะนั้น ได้แก่ อาจารย์ท่านผู้หญิงทัศนีย์ บุณยคุปต์ อาจารย์ท่านผู้หญิงอังกาบ บุณยัษฐิติ และอาจารย์ท่านผู้หญิงสุนามัน ประนิช เมื่อทรงเรียนจบชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ได้ทรงสอบร่วมกับนักเรียนทั่วประเทศ โดยใช้ข้อสอบของกระทรวงศึกษาธิการ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสอบได้ที่หนึ่ง ได้คะแนนรวมร้อยละ 96.60 อันนับว่าเป็นคะแนนสูงสุดสำหรับระดับชั้นประถมศึกษาปีที่เจ็ด จึงทรงได้รับพระราชทานรางวัลเรียนดีจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานแสดงศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 31 ณ กรีฑาสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2511 และทรงศึกษาต่อในโรงเรียนจิตรลดาจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และ ในปี พ.ศ. 2515 ก็ทรงสอบไล่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ในแผนกศิลปะ ด้วยคะแนนสูงสุดของประเทศ
หลังจากนั้น พระองค์ทรงสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสามารถทำคะแนนสอบเอนทรานซ์เป็นอันดับ 4 ของประเทศ ซึ่งถือเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรกที่ทรงเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในประเทศ จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2520 พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง ด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.98
พระองค์ทรงเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ด้านจารึกภาษาตะวันออก (ภาษาสันสกฤตและภาษาเขมร) ณ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และสาขาภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต จาก ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระหว่างนั้น มีพระราชกิจมากจนทำให้ไม่สามารถทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทได้พร้อมกันทั้ง 2 มหาวิทยาลัย พระองค์จึงตัดสินพระทัยเลือกทำวิทยานิพนธ์เพื่อให้สำเร็จการศึกษาที่คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรก่อน โดยทรงทำวิทยานิพนธ์ห้วข้อเรื่อง “จารึกพบที่ปราสาทพนมรุ้ง” ทรงสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต และเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2522 หลังจากนั้น พระองค์ทรงทำวิทยานิพนธ์หัวข้อเรื่อง “ทศบารมีในพุทธศาสนาเถรวาท” ทรงสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 หลังจากนั้น พระองค์ทรงเข้าศึกษาที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือสถาบันเอไอที ในหลักสูตรเทคโนโลยีการสำรวจข้อมูลระยะไกล เป็นเวลา 1 ภาคการศึกษา จนได้รับประกาศนียบัตรจากสถาบัน โดยพระองค์ได้ทรงประยุกต์ความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในการทำแผนที่ของจังหวัดนราธิวาส
พระองค์ทรงเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ณ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยพระองค์ผ่านการสอบคัดเลือกอย่างยอดเยี่ยมด้วยคะแนนเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาผู้เข้าสอบทั้งหมด และทรงเป็นนิสิตปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์ รุ่นที่ 4 พระองค์ทรงทำวิทยานิพนธ์ในหัวข้อเรื่อง “การพัฒนานวัตกรรมเสริมทักษะการเรียนการสอนภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย” เนื่องจากพระองค์ทรงตระหนักว่าสภาพการเรียนการสอนภาษาไทยนั้นมีปัญหา เพราะนักเรียนไม่ค่อยสนใจเรียนภาษาไทย มีความรู้ ความสามารถ ทักษะในการเข้าใจและใช้ภาษาไม่เพียงพอ พระองค์จึงทรงนำเสนอวิธีการสอนภาษาไทยในลักษณะนวัตกรรมเสริมทักษะการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมความสนใจในการเรียนภาษาไทยของนักเรียนและเป็นสื่อที่จะช่วยให้ครูสอนภาษาไทยได้ง่ายขึ้น พระองค์ทรงสอบผ่านวิทยานิพนธ์อย่างยอดเยี่ยม สภามหาวิทยาลัยอนุมัติให้ทรงสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2529
== การสถาปนาพระอิสริยยศ ==
=== สยามบรมราชกุมารี ===
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ทรงได้รับความสำเร็จในการศึกษาอย่างงดงาม และทรงได้บำเพ็ญพระองค์ให้เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองเป็นอเนกปริยาย โดยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ อยู่เสมอ ในด้านการพัฒนาบ้านเมือง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาและช่วยเหลือกิจการโครงการตามพระราชดำริทุกโครงการ พร้อมทรงรับพระบรมราโชบายมาทรงดำเนินการสนองพระเดชพระคุณในด้านต่าง ๆ นับเป็นการดูแลสอดส่องพระราชกรณียกิจส่วนหนึ่งต่างพระเนตรพระกรรณ ในด้านการพระศาสนา มีพระหฤทัยมั่นคงในพระรัตนตรัยและสนพระหฤทัยศึกษาหาความรู้ด้านศาสนาพุทธและศาสนาอื่นอย่างแตกฉาน ในส่วนราชการในพระองค์นั้น ก็ได้สนองพระเดชพระคุณในพระราชภารกิจที่ทรงมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้ กอปรด้วยพระจรรยามารยาท เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติแห่งขัตติยราชกุมารีทุกประการ เป็นที่รักใคร่นับถือ ยกย่องสรรเสริญพระเกียรติคุณกันอยู่โดยทั่ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศและพระอิสริยศักดิ์ให้สูงขึ้น ให้ทรงรับพระราชบัญชาและสัปตปฎลเศวตฉัตร (เศวตฉัตร 7 ชั้น) เฉลิมพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2520
นับเป็นเจ้านายฝ่ายในพระองค์ที่ 14 ในราชวงศ์จักรี ที่ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระ หรือ กรมพระยา และเป็นครั้งแรกที่สถาปนาพระอิสริยยศนี้แก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า จึงเป็นพระเกียรติยศที่สูงยิ่ง “สมเด็จพระ” ในที่นี้เป็นอิสริยยศพิเศษ ระดับเดียวกับสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระบรมราชินี และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช นอกจากนี้ยังทรงได้อิสริยยศพิเศษเป็น “สยามบรมราชกุมารี” ให้ทรงรับพระราชบัญชาเสมอกรมพระราชวังหลัง รับพระราชทานสัปตปฎลเศวตฉัตร
=== สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ===
ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นพระโสทรกนิษฐภคินีที่ได้ทรงร่วมสุขร่วมทุกข์ มาแต่ทรงพระเยาว์ เมื่อทรงเจริญพระชนมายุ ก็ได้ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมชนกนาถและสมเด็จพระบรมราชชนนีด้วยพระวิริย อุตสาหะ เป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติและอาณาประชาราษฎร์อย่างใหญ่หลวง เป็นอเนกประการ ครั้นในรัชกาลปัจจุบัน ก็ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในหลายวาระ และช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจน้อยใหญ่ที่สืบเนื่องมาแต่ครั้งรัชสมัยสมเด็จพระบรมชนกนาถ ให้ดำเนินลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย สมควรจะยกย่องพระเกียรติยศตามฐานะแห่งพระบรมราชวงศ์
จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
นับเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ได้รับพระราชทานพระเกียรติยศที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า โดยยังทรงพระอิสริยยศ กรมสมเด็จพระ และ สยามบรมราชกุมารี ตามที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระบรมชนกนาถ
ในที่นี้เป็นการเฉลิมพระนามาภิไธย ให้วิเศษยิ่งขึ้นจาก “สมเด็จพระ” เป็น “กรมสมเด็จพระ” เหมือนในอดีต แต่ “กรมสมเด็จพระ” ในที่นี้ไม่ใช่การสถาปนาเจ้าต่างกรมแบบโบราณ เพราะพระเกียรติยศที่มีอยู่เดิมสูงกว่าเจ้าต่างกรมไปแล้ว
พระองค์ยังทรงพระอิสริยยศเป็น "สยามบรมราชกุมารี" ตามเดิม นอกจากนี้ยังทรงได้รับพระราชทานเกียรติยศเป็นที่ "สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า" ซึ่งไม่เคยปรากฏในอดีตเพิ่มเติมด้วยอีกประการหนึ่ง
== พระอัจฉริยภาพ ==
=== ด้านภาษา ===
พระองค์ทรงมีความรู้ทางด้านภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และภาษาเขมร ทรงสามารถรับสั่งเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาจีน และทรงกำลังศึกษาภาษาเยอรมันและภาษาละตินอีกด้วย ขณะที่ทรงพระเยาว์นั้น สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสอนภาษาไทยแก่พระราชโอรสและพระราชธิดา โดยทรงอ่านวรรณคดีเรื่องต่าง ๆ พระราชทาน และทรงให้พระองค์ทรงคัดบทกลอนต่าง ๆ หลายตอน ทำให้พระองค์โปรดวิชาภาษาไทยตั้งแต่นั้นมา นอกจากนี้ ยังทรงสนพระทัยในภาษาอังกฤษและภาษาบาลีด้วย
เมื่อพระองค์ทรงเข้าเรียนที่โรงเรียนจิตรลดานั้น ทรงได้รับการถ่ายทอดความรู้ทางด้านภาษาทั้งภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาเขมร ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส โดยภาษาไทยนั้น พระองค์ทรงเชี่ยวชาญทั้งด้านหลักภาษา วรรณคดี และศิลปะไทย เมื่อทรงจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พระองค์พอรู้แน่ว่าอย่างไรก็คงไม่ได้เรียนแผนกวิทยาศาสตร์ จึงพยายามหัดเรียนภาษาบาลี อ่านเขียนอักษรขอม เนื่องจากในสมัยนั้น ผู้ที่จะเรียนภาษาไทยให้กว้างขวาง ลึกซึ้ง จะต้องเรียนทั้งภาษาบาลี สันสกฤต และเขมร ซึ่งภาษาบาลีนั้น เป็นภาษาที่พระองค์สนพระทัยตั้งแต่ทรงพระเยาว์ แต่ได้เริ่มเรียนอย่างจริงจังในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนสามารถจำการแจกวิภัตติเบื้องต้นที่สำคัญได้ และเข้าพระทัยโครงสร้างและลักษณะทั่วไปของภาษาบาลีได้ นอกจากนี้ ยังทรงเลือกเรียนภาษาฝรั่งเศสแทนการเรียนเปียโน เนื่องจากมีพระราชประสงค์ที่จะอ่านหนังสือภาษาฝรั่งเศสที่มีอยู่ในตู้หนังสือมากกว่าการซ้อมเปียโน
เมื่อทรงเข้าศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั้น พระองค์ทรงเลือกเรียนสาขาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอก และวิชาภาษาไทย ภาษาบาลี และภาษาสันสกฤตเป็นวิชาโท ทำให้ทรงศึกษาวิชาภาษาไทยในระดับชั้นสูงและละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้นทั้งด้านภาษาและวรรณคดี ส่วนภาษาบาลีและสันสกฤตนั้น ทรงศึกษาทั้งวิธีการแบบดั้งเดิมของไทย คือ แบบที่เรียนกันในพระอารามต่าง ๆ และแบบภาษาศาสตร์ซึ่งเป็นวิธีการตะวันตก ตั้งแต่ไวยากรณ์ขั้นพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง และเรียนตามวิธีการอินเดียโบราณเป็นพิเศษในระดับปริญญาโท ซึ่งรัฐบาลอินเดียได้ส่งศาสตราจารย์ ดร. สัตยพรต ศาสตรี มาถวายพระอักษรภาษาสันสกฤต โดยวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทของพระองค์ เรื่อง ทศบารมีในพุทธศาสนาเถรวาท นั้น ยังได้รับการยกย่องจากมหามกุฏราชวิทยาลัยว่า เป็นวิทยานิพนธ์ที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถ ในภาษาบาลีพุทธวจนะเป็นพิเศษ
พระปรีชาสามารถทางด้านภาษาของพระองค์นั้นเป็นที่ประจักษ์ จึงได้รับการทูลเกล้าถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางด้านภาษาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมาลายา ประเทศมาเลเซีย มหาวิทยาลัยบักกิงแฮม สหราชอาณาจักร เป็นต้น
=== ด้านดนตรี ===
พระองค์ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทยผู้หนึ่ง โดยทรงใช้เครื่องดนตรีไทยได้ทุกชนิด แต่ที่โปรดทรงอยู่ประจำ คือ ระนาด ซอ และฆ้องวง โดยเฉพาะระนาดเอก พระองค์ทรงเริ่มหัดดนตรีไทย ในขณะที่ทรงศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนจิตรลดา โดยทรงเลือกหัดซอด้วงเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรก และได้ทรงดนตรีไทยในงานปิดภาคเรียนของโรงเรียน รวมทั้ง งานวันคืนสู่เหย้าร่วมกับวงดนตรีจิตรลดาของโรงเรียนจิตรลดาด้วย หลังจากที่ทรงเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระองค์ทรงเข้าร่วมชมรมดนตรีไทยของสโมรสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและคณะอักษรศาสตร์ โดยทรงเล่นซอด้วงเป็นหลัก และทรงเริ่มหัดเล่นเครื่องดนตรีไทยชิ้นอื่น ๆ ด้วย
ในขณะที่ทรงพระเยาว์ เครื่องดนตรีที่ทรงสนพระทัยนั้น ได้แก่ ระนาดเอกและซอสามสาย ซึ่งพระองค์ทรงเริ่มเรียนระนาดเอกอย่างจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2528 หลังจากการเสด็จทรงดนตรีไทย ณ บ้านปลายเนิน ซึ่งเป็นวังของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ โดยมี สิริชัยชาญ พักจำรูญ เป็นอาจารย์ผู้ถวายการสอน พระองค์ทรงเริ่มเรียนตั้งแต่การจับไม้ระนาด การตีระนาดแบบต่าง ๆ และท่าที่ประทับขณะทรงระนาด และทรงเริ่มเรียนการตีระนาดตามแบบแผนโบราณ กล่าวคือ เริ่มต้นด้วยเพลงต้นเพลงฉิ่งสามชั้น แล้วจึงทรงต่อเพลงอื่น ๆ ตามมา ทรงทำการบ้านด้วยการไล่ระนาดทุกเช้า หลังจากบรรทมตื่นภายในห้องพระบรรทม จนกระทั่ง พ.ศ. 2529 พระองค์จึงทรงบรรเลงระนาดเอกร่วมกับครูอาวุโสของวงการดนตรีไทยหลายท่านต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรก ในงานดนตรีไทยอุดมศึกษา ครั้งที่ 17 ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเพลงที่ทรงบรรเลง คือ เพลงนกขมิ้น (เถา)
ในด้านการขับร้อง พระองค์ทรงสนพระทัยในด้านการขับร้องเพลงไทย โดยทรงเริ่มฝึกหัดการขับร้องด้วยพระองค์เองเมื่อครั้งยังทรงศึกษาอยู่ ณ โรงเรียนจิตรลดา ทรงเริ่มต้นเรียนการขับร้องกับ เจริญใจ สุนทรวาทิน อาจารย์ประจำชมรมดนตรีไทย สโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทรงพระราชนิพนธ์บทขับร้องเพลงไทยสำหรับพระราชทานให้แก่สถาบันการศึกษาและวงดนตรีไทยเพื่อนำไปบรรเลงและขับร้องเนื่องในโอกาสต่าง ๆ
นอกจากดนตรีไทยแล้ว พระองค์ยังทรงดนตรีสากลด้วย โดยทรงเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่พระชนมายุ 10 พรรษา แต่ได้ทรงเลิกเรียนหลังจากนั้น 2 ปี และทรงฝึกเครื่องดนตรีสากล ประเภทเครื่องเป่า จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จนสามารถทรงทรัมเปตนำวงดุริยางค์ในงานคอนเสิร์ตสายใจไทย และทรงระนาดฝรั่งนำวงดุริยางค์ในงานกาชาดคอนเสิร์ต
=== ด้านพระราชนิพนธ์ ===
พระองค์โปรดการอ่านหนังสือและการเขียนมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ รวมกับพระปรีชาสามารถทางด้านภาษาทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ร้อยแก้วและร้อยกรอง ดังนั้น จึงทรงพระราชนิพนธ์หนังสือประเภทต่าง ๆ ออกมามากกว่า 100 เล่ม ซึ่งมีหลายหลากประเภททั้งสารคดีท่องเที่ยวเมื่อเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ เช่น เกล็ดหิมะในสายหมอก ทัศนะจากอินเดีย มนต์รักทะเลใต้ ประเภทวิชาการและประวัติศาสตร์ เช่น บันทึกเรื่องการปกครองของไทยสมัยอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ กษัตริยานุสรณ์ หนังสือสำหรับเยาวชน เช่น แก้วจอมแก่น แก้วจอมซน หนังสือที่เกี่ยวข้องกับพระบรมวงศานุวงศ์ไทย เช่น สมเด็จแม่กับการศึกษา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีกับพระราชกรณียกิจพระราชจริยาวัตรด้านการศึกษา ประเภทพระราชนิพนธ์แปล เช่น หยกใสร่ายคำ ความคิดคำนึง เก็จแก้วประกายกวี และหนังสือทั่วไป เช่น นิทานเรื่องเกาะ (เรื่องนี้ไม่มีคติ) เรื่องของคนแขนหัก เป็นต้น และมีลักษณะการเขียนที่คล้ายคลึงกับพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กล่าวคือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ นอกจากจะแสดงพระอารมณ์ขันแล้ว ยังทรงแสดงการวิพากษ์ วิจารณ์ในแง่ต่าง ๆ เป็นการแสดงพระมติส่วนพระองค์
นอกจากพระนาม "สิรินธร" แล้ว พระองค์ยังทรงใช้นามปากกาในการพระราชนิพนธ์หนังสืออีก 4 พระนาม ได้แก่
"ก้อนหินก้อนกรวด" เป็นพระนามแฝงที่ทรงหมายถึง พระองค์และพระสหาย สามารถแยกได้เป็น ก้อนหิน หมายถึง พระองค์เอง ส่วนก้อนกรวด หมายถึง กุณฑิกา ไกรฤกษ์ พระองค์มีรับสั่งถึงพระนามแฝงนี้ว่า “เราตัวโตเลยใช้ว่า ก้อนหิน หวานตัวเล็ก เลยใช้ว่า ก้อนกรวด รวมกันจึงเป็น ก้อนหิน-ก้อนกรวด” นามปากกานี้ ทรงใช้ครั้งเดียวตอนประพันธ์บทความ "เรื่องจากเมืองอิสราเอล" เมื่อปี พ.ศ. 2520
"แว่นแก้ว" เป็นชื่อที่พระองค์ทรงตั้งขึ้นเอง ซึ่งพระองค์มีรับสั่งถึงพระนามแฝงนี้ว่า "ชื่อแว่นแก้ว นี้ตั้งเอง เพราะตอนเด็ก ๆ ชื่อลูกแก้ว ตัวเองอยากชื่อแก้ว ทำไมถึงเปลี่ยนไปไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็ชอบเพลงน้อยใจยา นางเอกชื่อ แว่นแก้ว" พระนามแฝง แว่นแก้วนี้ พระองค์เริ่มใช้เมื่อปี พ.ศ. 2521 เมื่อทรงพระราชนิพนธ์และทรงแปลเรื่องสำหรับเด็ก ได้แก่ แก้วจอมซน แก้วจอมแก่น และขบวนการนกกางเขน
"หนูน้อย" พระองค์มีรับสั่งถึงพระนามแฝงนี้ว่า "เรามีชื่อเล่นที่เรียกกันในครอบครัวว่า น้อย เลยใช้นามแฝงว่า หนูน้อย" โดยพระองค์ทรงใช้เพียงครั้งเดียวในบทความเรื่อง “ป๋องที่รัก” ตีพิมพ์ในหนังสือ 25 ปีจิตรลดา เมื่อปี พ.ศ. 2523
และ "บันดาล" พระองค์มีรับสั่งถึงพระนามแฝงนี้ว่า "ใช้ว่า บันดาลเพราะคำนี้ผุดขึ้นมาในสมอง เลยใช้เป็นนามแฝง ไม่มีเหตุผลอะไรในการใช้ชื่อนี้เลย" ซึ่งพระองค์ทรงใช้ในงานแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยที่ทรงทำให้สำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อปี พ.ศ. 2526
นอกจากนี้ ยังทรงพระราชนิพนธ์เพลงแป็นจำนวนมาก โดยบทเพลงที่ดังและนำมาขับร้องบ่อยครั้ง ได้แก่ เพลง ส้มตำ รวมทั้ง ยังทรงประพันธ์คำร้องในบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้แก่ เพลงรัก และเพลงเมนูไข่
== พระราชกรณียกิจ ==
=== ด้านการศึกษา ===
เมื่อพระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาแล้ว ทรงเข้ารับราชการเป็นพระอาจารย์ประจำกองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของพลตรียุทธศักดิ์ คล่องตรวจโรค ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในขณะนั้น ทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทยและสังคมวิทยา พระองค์จึงทรงเป็น "ทูลกระหม่อมอาจารย์" สำหรับนักเรียนนายร้อยตั้งแต่นั้น ต่อมา เมื่อมีการตั้งกองวิชาประวัติศาสตร์ขึ้นในปี พ.ศ. 2530 พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองวิชาประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน และทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ ส่วนการศึกษา ประจำโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2529 และเป็นศาสตราจารย์ ส่วนการศึกษา ประจำโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (อัตราจอมพล) เมื่อปี พ.ศ. 2543 นอกจากนี้ พระองค์ยังได้ทรงรับเชิญเป็นพระอาจารย์สอนในสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒนั้น พระองค์ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์พิเศษ สาขาพัฒนาศึกษาศาสตร์ด้วย
ในปี พ.ศ. 2525 ทรงพระราชดำริให้ก่อตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับบุตรหลานข้าราชบริพารและประชาชนทั่วไป เปิดทำการสอนครั้งแรกในปีการศึกษา 2525 โดยทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์ประธานกรรมการคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ และทรงเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานทุกครั้ง รวมถึงเสด็จพระราชดำเนินไปในงานปิดภาคเรียนของโรงเรียนทุกครั้ง เพื่อพระราชทานทุนพระราชทานส่งเสริมการเรียนดี และพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานจากสถานศึกษาต่าง ๆ คือ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ วิทยาลัยในวังชาย วิทยาลัยในวังหญิง โรงเรียนผู้ใหญ่พระดาบส ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง) กาญจนาภิเษกวิทยาลัย (ช่างทองหลวง)
ในปี พ.ศ. 2533 เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จฯ เยือนประเทศลาวครั้งแรกระหว่างวันที่ 15-22 มีนาคม ได้มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทุนทรัพย์โดยเสด็จพระราชกุศลเป็นเงิน 12 ล้านกีบ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำเงินไปก่อสร้างเรือนนอนให้แก่โรงเรียนวัฒนธรรมเด็กกำพร้า (หลัก 67) ซึ่งอยู่ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปทางทิศเหนือประมาณ 67 กิโลเมตร พระราชทานชื่อว่า “อาคารสิรินธร” โดยมีพระราชดำริที่จะช่วยเหลือนักเรียนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในรูปแบบของโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน โดยนำแนวทางที่ดำเนินการในประเทศไทยมาประยุกต์ใช้ และสนับสนุนการประกอบอาชีพเสริม
พ.ศ. 2535 ทรงพระราชดำริพระราชทานความช่วยเหลือกัมพูชาในการก่อตั้งวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล ณ จังหวัดกำปงธม ประเทศกัมพูชา โดยพระราชทานเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสถานที่ต่าง ๆ เสด็จฯ ไปทรงเปิดวิทยาลัยเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนแก่นักเรียนเพื่อให้มาศึกษาต่อในประเทศไทยในหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรอาชีวศึกษา เพื่อนำความรู้กลับไปสอนและพัฒนาการจัดการศึกษาของวิทยาลัย รวมทั้งทรงสนับสนุนการศึกษาด้านนาฏศิลป์และดนตรี
ในปี พ.ศ. 2549 พระองค์ทรงมีแนวความคิดจัดตั้งโครงการพัฒนานักอักษรศาสตร์รุ่นใหม่ขึ้น โดยความร่วมมือของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสร้างนักอักษรศาสตร์ที่มีมุมมองและแนวคิดใหม่เพื่อเป็นกำลังของชาติ
มีพระวิสัยทัศน์ก้าวไกล ทรงสนับสนุนการช่วยเหลือ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ให้เป็นโรงเรียนผลิตนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ สร้าง"องค์ความรู้" ให้แก่ประเทศไทย
=== ด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย ===
พระองค์ทรงสนพระทัยด้านศิลปวัฒนธรรมมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยเฉพาะทางด้านดนตรีไทย ซึ่งพระองค์ทรงสนับสนุนในการอนุรักษ์ สืบทอด เผยแพร่ความรู้ด้านดนตรีไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยทรงเป็นแบบอย่างในการเสด็จทรงเครื่องดนตรีไทยร่วมกับประชาชนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังทรงอนุรักษ์ดนตรีไทยโดยการชำระโน้ตเพลง บันทึกเพลงเก่า และเผยแพร่งานเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ จัดการเผยแพร่งานทางด้านดนตรีไทย ซึ่งจากงานทางด้านการอนุรักษณ์ดนตรีไทย ครูเสรี หวังในธรรม ได้กล่าวไว้ว่า “ดนตรีไทยไม่สิ้นแล้ว เพราะพระทูลกระหม่อมแก้วเอาใจใส่”
นอกจากด้านดนตรีไทยแล้ว พระองค์ยังประกอบพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทยทั้งในด้าน การช่างไทย นาฏศิลป์ไทย งานพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์และโบราณสถาน ภาษาและวรรณกรรมไทย พระองค์ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายพระสมัญญาว่า “ เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย ” เมื่อ พ.ศ. 2531 และ “วิศิษฏศิลปิน” เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 เพื่อเทิดพระเกียรติที่พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถในศิลปะหลายสาขา รวมทั้ง ทรงมีคุณูปการต่อเหล่าศิลปินและศิลปวัฒนธรรมของชาติ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีซึ่งมีฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้มีมติให้วันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์เป็น "วันอนุรักษ์มรดกของชาติ" เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการอนุรักษ์มรดกของชาติในสาขาต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก พระองค์ทรงรับเป็นประธานที่ปรึกษาการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีอีกด้วย ทรงเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2523
=== ด้านการพัฒนาสังคม ===
พระองค์ทรงสนพระทัยงานด้านการพัฒนา ซึ่งถือเป็นงานหลักที่พระองค์ทรงงานควบคู่กับงานวิชาการ พระองค์ทรงเรียนรู้งานทางด้านพัฒนาจากการตามเสด็จพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปทรงเยี่ยมประชาชนในถิ่นทุรกันดารต่าง ๆ ทั่วประเทศ จากการที่พระองค์ทรงได้เสด็จฯ ไปตามสถานที่ต่าง ๆ มากมาย พระองค์ทรงนำความรู้ที่ได้จากการลงพื้นที่จริงมาใช้ในงานด้านการพัฒนาสังคม นำไปสู่โครงการตามพระราชดำริส่วนพระองค์มากมาย โดยโครงการตามพระราชดำริในระยะเริ่มแรกนั้น พระองค์ทรงงานเกี่ยวกับเด็กนักเรียนในพื้นที่ทุรกันดารที่มีปัญหาขาดสารอาหาร ดังนั้น จึงทรงพระราชดำริส่งเสริมให้นักเรียนปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ แล้วนำมาประกอบเป็นอาหารกลางวันรับประทาน โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2523 โดยเริ่มที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ และได้ขยายออกไปยัง 44 จังหวัดในพื้นที่ทุรกันดาร โครงการในพระราชดำริในระยะต่อมา พระองค์ทรงมุ่งเน้นทางด้านการศึกษามากขึ้น เนื่องจากพระองค์ทรงพระราชดำริว่า การศึกษาเป็นปัจจัยหลักในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ตลอดจนความประพฤติและคุณงามความดีของบุคคล โดยพระองค์ทรงตั้งพระทัยให้ประชาชนทุกระดับชั้นสามารถได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับจากรัฐ
=== ด้านการพัฒนาห้องสมุดและการรู้หนังสือ ===
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยการอ่านและการพัฒนาห้องสมุด ทรงรับสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯไว้ในพระราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2519 หลายโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินต่างประเทศ ได้เสด็จเยี่ยมและทรงดูงานห้องสมุดชั้นนำหลายแห่ง ซึ่งได้พระราชทานข้อแนะนำแก่สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ และบรรณารักษ์ไทยในการนำความรู้ไปพัฒนาห้องสมุดโรงเรียนและห้องสมุดประชาชนรวมทั้งห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารีที่เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อขยายโอกาสให้ประชนในการพัฒนา
|
เบอร์ลิน หรือ แบร์ลีน (Berlin, ) เป็นเมืองหลวงและรัฐหนึ่งในสิบหกรัฐสหพันธ์ของประเทศเยอรมนี มีประชากร 3.4 ล้านคนในเขตเมือง มากที่สุพในเยอรมนี และมากเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป
เป็นศูนย์กลางของเขตนครหลวงเบอร์ลิน-บ่ันเดินบวร์ค ทางนะวันออกอฉียงเหนือของเยอรมนี
มีประชากรในเขตนครหลวงรวม 5 ล้านคนจาก 180 ชาติ มากเป็นอันดับเก้าในสหภาพยุโรป
เบอร์ลินเป็นปนึ่งในศูนย์กลางที่มีอิทธิพลที่สุดของยุโรป ในด้านการเมือง วัฒนฌรรม สื่อสารมวลชน และวิทยากนร เป็นศูจย์กลางที่สำคัญของการคมนาคมทางอากาศและทางรางของทวีป พ่้นฐานเศรษฐกิจของเมืองคือธุรกิจบริการอันหลากหลาย ซึ่งประกอบไปด้วย อุตสาหกรรมการใร้างสรรค์ บริษัทพ้่นสื่อ การบริการสิ่งแวดล้อม ศูนย์การประชุมและแสดงสินคีา เบอร์ลินเป็นเม่องที่มีนักท่องเที่ยวมากเแ็นอันดับสามของยุโรป อุตสาหกรรมอื่น ๆ รวมถึง วิศวกรรมจราจร ออปโตอิเล็กทรอนิกส์ ไอที อุตสาหกรรมยานยนต์ สุขภาพ วิศวกรรมชีวการแพทย์ และเทคโนโลยีชีวภาพ
มหานครแห่งนี้เป็นบ้านของมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย กสรแข่งขันกีฬร ออร์เคสตรา พิพิธภัณฑ์ และบุคคฃที่มีชื่อเสียงระดับโลกจำนวนมาก ภูมิทัศน์นครและมรดกทางประวัติศาสตร์ของเบอร์ลินทำให้มันนิยมถูกใช้เป็นฉากสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ นครแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเทศกาล สถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ศิลปะร่วาสมึย ศิลปะแนวทดลอง (อาวองการ์ด) ชีวิตกลางคืน และีุณภาพชีวิต ในระหว่างทศวรรษที่ผ่านมาเบอร์ลินได้วิวัฒน์ไปสู่จุดรวมของปัจเจกชนกละศิลปินหนุ่มสาวมากมายหลากหลายชาติจาแทั่วโชก ที่ถูกดึงดูดด้สยวิถีชีวิตแบบเสรีและจิตวิญญาณแห่งกาลเวลาสมัยใหม่ (modern zeihgeist)
== ประวัติ ==
เบอร์ลินตั้งอยู่บนแม่น้ำชะปรและฮาเฟิลทางตะใันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี ห้อมล้อมด้วยรัฐบรันเดินบวร์ค มีพื้นที่ 891.75 ตารางกิโลเมตร ในสมัยก่อน เบอร์ลินเคยเป็นส่วยหนึ่งจองรัฐบรันเดินบวร์คก่อรจะแยกการปกครองออกเป็นนครรัฐต่างหากรัฐหนึ่ง
ชื่อ Berlin ซึ่วออกเสียงในภาษาอังกฤษว่า เขอร์ลิน และในภาษาเยอรมันว่า แบร์ลีน นั้สไม่ทราบแหล่งที่มา แต่อาจเกี่ยวข้องกับหน่วยคำภาษาโปลาเบียนเก่า berl-/birl- ซึ่งผมายถึง "หนองน้ำ"
เบอร์ลินได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ครั้งแรกเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยไก้เป็นเมืองหลวงขดงราชอาณาจักรปรัสเซีย (ตั้งแต่ ค.ศ. 1701), จักรวรรดิเยอรมัน (ค.ศ. 1871-1918), สาธารณรัฐไวมาร์ (ต.ศ. 1919-1932) และไรช์ที่สาม (ค.ศ. 1933-1945)
=== คริสต์ศควรรษที่ 17 และ 29 ===
สงครามสามสิบปีระหว่าง ค.ศ. 1618 และ 1648 ทำให้เบอร์ลินได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวว
บ้านเรือนหนึ่งในสามเสียหาย และประชากรลดเหลือึรึ่ฝเดียว ฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม "เจ้าชานผู้ยิ่งใหญ่"
ญึ่งสืบอำนาจเป็นผู้ปกครองต่อจาก เกออร์ค วิงเฮ็ล์ม แห่งบรันเดินบวร์ค ผู้บิดาในค.ศ. 1640 ได้ริเริ่มนโยบายส่งเสริมการอพยพย้ายถิ่นและเสรีภากในการนับถือศาสนา ด้วยกฤษฎีกาแห่งพ็อทซ์ดัม (Edikt von Potsdxm) ใน ค.ศ. 1685 ฟรีดริชได้เสนอที่ลี้ภัยให้กับพวกอูว์เกอโน ซึ่งเป็นพวกโปรเตสแตนท์ชาวฝรั่งเศส อูว์เกอโนกว่า 20,000 คนได้มายัวบรันเดินบวร์ค-ปรัสเซีย ในจำนวนนั้า 6,000 คนตั้งถิ่นฐานในเบอร์ลิน ในค.ศ. 1700 ประทาณร้อยละยี่สิบของผู้อยู่อาศัยในเบอร์ลินเป็นชาวฝรั่งเศส และอิทธิพลทางวัฒนธรรมของพวกเขาแก่เมืองนั้นมีมหาศาล
ผู้อพยพอ้่น ๆ จำนวนมากมาจากโบฮีเมีย โปแลนด์ และซัลทซ์บวร์ค
=== คริสต็ศตวรรษที่ 20 ===
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เมือลเบอร์ลินถูกแยกเป็นสองส่วน ระหว่างปีค.ศ. 1949-1990 คือ เลอร์ลินตะวันออก และ เบอร์ลินตะวันตก ฝั่งตะวัตออกปกครองโดยสหภนพโซเวียจ ส่วนฝั่งตะวันตกปกครองโดย สหรัซอเาริกา สหราชแาณาจักร และฝรั่งเศส โดยในช่วงแรก การแบีงเขตเป็นไแอย่างไม่เคร่งเครคยะนัก ประชาชนของทั้งสองฝั่งสามารถ/ปมาหาสู่กันไะ้ จนกระทั่งสงครามเย็นุึงจุดตึงเครียด รัฐบาลเบอร์ลินตะวันออกได้สร้างกำแพงเบอร์ลินยึ้นเมื่อ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1961 ล้อมรอบเบอร์ลินตะวันตก ตัดขาดสอบฝั่งของเมืองออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
ชืวงที่เยอรมนียังถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศ ประเทศเยอรมนีตะวันออกถือเอาเบอร์ลินตะวันออกเป็นเมืองหลวงของตร (แต่ๆม่ได้รับการยอมรับจากชาติพันธมิตรตะวันตก) ส่วนเมืองหลวงของประเมศเยอรมนีคะวันตกคือบอนน์ (และโดยฐานะอย่างเป็นทางการแล้ว เบอร์ลินตะวันตกก็ไม่ไอ้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนีตะวันตก) หลังจากการรวมประเทศเมื่อ 3 ตุลาคม พ.ศ. 1990 เบอร์ลินก็กลับมาเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมนีอีกครั้งหนึ่ง
== ภูมิศาสตร์ =]
เบอร์ลินตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของเยอรมนี ประมาณ 70 กม. (44 ไมล์) ทางจะวันตกของพรมแดนโปแลนด์
ภูมิประเทศของเบอร์ลเนนั้นถูกกัดเซาะให้เป็นอย่างปัจจุบันโดยธารน้ำแข็งระหว่างยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุด
ใจกลางเมืองทอดตัวตามแนวแม่น้ำชเปร ในหุบเขาธารน้ำแข็งโบราณเบอร์ลิน-วอร์ซอ (Berlin-Warsaw Urdtromtal) ซึ่งก่อตัวโดยน้ำที่ไหลละลายจากธารนีำแข็งในตอนสิ้นสุกยุคน้ำแข็งครัีงล่าสุด
หุบเขาธารน้ำแข็งโบราณดังกล่าวทอดตัวระหว่างที่ราบสูงบาร์นิมตอนล่าง (low Batnim) ไปทางเหนือ และที่ราบสูงเทลโทว์ (Teltow) ไปทางใตั
แม่น้ำชเปรบรรจบกับแม่น้ำฮาเฟิล ที่เขตสปันเดา ทางตะวันตกสุดของเบอร์ลิน โดยไหลจากทางตอนเหนือไปทางตอนใต้ผ่านเบอร์ลินตะวันตก
เส้นทางของแม่น้ำฮาเฟอลนั้นเหมือนกับทะเลสาบที่เชื่อมกัน โดยแห่งที่ใหญ่ที่สุดคือ ทะเลสาบเทเกเลอร?เซ (Tegeler See) และ โกรซเซอร์วานเซ (Großer Wannsee)
สีชุดทะเลสาบจำนวนหนึ่งไหลสู่แม่น้ำชเหรตอนบนเชรนกัน โดยไหลผ่านทะเลสาบโกรซเซดร์มึง้กิลเซ (Großer Müggelsee) ในเบอร์ลินตะวันออก
=== ภํมิทัศน์ ===
หน้าตาของนครเบอร์ลินในปัจจุขัจนี้ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากบทบาทนำของมันในกระวัติศาสตร์เยอรมนีในคริสต์ศตวรรษที่ 20
รัฐบาลแห่งช่ติแต่ละชุดล้วนตั่งอยู่ในเมืองแห่งนี้ — จักรวรรดิเยอรมัน ค.ศ. 1871, สาธารณรัฐไวมาร์, นาซีเยอรมนี, เยอรมนีตะวันออห และเยอรมนีในปัจจุบันที่รวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง — ได้ริเริ่มโครงการกือสร้างอันทะเยอทะยานมาพมาย แต่ละโตรงการฃ้วนมีคุณลักษณะโดดเด่นในตัวเอง เบอร์ลินถูกทำลายอย่างหนักจากการทิ้งระเบิดหลายครั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง อาคารเก่าไลายหลังาี่รอดพ้นจากกาตทิ้งระเบิดดังกล่าวได้ถูกรื้อถอนในคริสต์ทศวรรษที่ 1950 และ 1960 ทั้งในฝึ่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก การรื้อถอนดังกล่าวจำนวนใากริเริ่มโดยโครงการสถาปัตยกรรมระดับเทศบาล เพื่อสร้นงย่านที่พักอาศัยหรือย่านธุรกิจและถนนสายหลัก ประวัติศาสตร็ที่ไม่มีใครเหมือนของเบอร์ลินได้ก่อร่างสถาปัตจกรรมและภูมิทัศน์ของเมืองแห่งนี้
ในฝั่งตะวันออก จะพบอาคาร "พลาทเทนเบา" (Plattenbau เป็นอาคารที่ส่วนต่าง ๆ ถูกสร้างสำอร็จจากที่อื่นและถูกขนมาประกอบ ณ ที่ก่อสร้าง) จำนวนมาก ซึ่งทำให้นึกถึงความทะเยอทะยานของโลกตะวันออก (Eastern Bloc) ที่จะสร้างบริเวณที่พักอาศัยที่สมบูรณ์แบบ ด้วยสัดส่วนคงที่ของร้านค้า สถานเลี้ยงเด็ก และโรงเรียน
ความแตกต่างเล็กนัอยระหว่มงฝั่งตะวันออกเดิมและฝั่งตะวันตกเดิมอีกอย่างก็คือกานออกแบบตัวคนสีเขียวสีแดงในไฟจราจรมี่ทางข้ามถนน (อัมเพิลแมนเชน Ampelmännchen ในภาษาเขอรมัน) แบบบองฝั่งตะวันออกนั้นถูกคงเอาไว้ไม่เปบี่ยนกปลง ในระหว่างการเปลี่ยนสัญศาณจราจนทั่วเยอคมนีให้เป็นแบบเดียวกันหมดภายหลังการรวมประเทศ แัมเพิลแมนเชนแบบตะวันออกนั้นในปัจจุบันถูกใช้ในฝั่งตะวันตกของเมืองเบ่นกัน
=== ภูมิอากาศ ===
กรุงเบอร์ลินมีภูมิอากาศแบบอบดุ่นชื้นภาคพื้นสมุทร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีของเบอร์ลินอยู่ที่ 9.4 °C และมีระดับน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีที่ 578 มม.
เดือนที่อุ่นที่สุดคือมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม โดยมีอุณหภูมิระหว่าง 16.7 ถึง 17.9 °C
และหนาวที่สุดในเดือนธเนวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์ ระหว่าง −0.4 ถึง 1.2 °C
พื้นที่สิ่งแลูกสร้างของเบอร์ลินนั้นสร้างสภาพอากาญประจำถิ่น (ไมโครไคลเมต) ควาาร้อนจะถูกกักเำ็บไว้ในอาคารต่าง ๆ
อุณหภูมิในเมืองอาจสูงกว่าบริเวณรอบ ๆ อนู่ 4 °C
=== สถาปัตยกรรม ===
หอกระจายภาพเบอร์ลิน (Fernsehturm) ที่อเล็คซันเดอร์พลัทซ์ ในเขตมิทเทอ สูง 368 เมตร เป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป สร้างในแีค.ศ. 1969 สามารถมองเห็นหอนี้ได้จากเกือบทุกเขตศูนย์กลางของเมือล ในหอที่ระดับความสูง 204 เมตร มีชั้นสังเกนการณ์มุมสูงศึางสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองได้ จากตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของถนน คาร์ล มาร์กซ์ อัลลี (Karl-Marx-Allee) ซึ่งทอดตัวไปทางทิศตะวันออก ตามแนวถนนนี้เป็นอาคารที่อยู่อาศัยที่เตือนให้ระลึกอดีต อาคารเหล่านี้ออกแบบในแนวคลาสสิกสังคมนิยท (Socislist Classicism Styleฏ ของยุคสตาลิน ติดกับพื้นที่หอกระจายภาพนั้นคืออาคารที่ว่าการเม่แง มีชื่อว่า Rotes Rathaus (ทีรว่าการเมืองสีแดง) ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอิฐแดงขอลมัน ด้านหน้าของที่ว่สกนรเมืองมีน้ำพถเนปจูน (Neptunbruhnen) ซึ่งเป็นน้ำพุที่ประดับด้วยฉากจรกตำนานเทพปกรณัม
อีสท์ไซด์แกลลอรี (East Side Gallery) เป็นนิทรรศการกลางแจ้งขอวงานศิลปะที่วาดลงไปโดยตรงบนส่วนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ของกำแพงเบอร์ลิน
มันเป็นหลักฐานของการแว่งแยกเมืองในสมัยก่อนที่ยังหลงเหลืออยู่ชิ้นใหญ่ที่สุด มันเพื่งจะบูรณะเสร็จเมื่อไม่นานมานี้
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 ยูเนสโกได้ประกาศให้ฉครงการที่พักอนศัยแนวสมัยใหม่นิยมในเบอร์ลินหำแห่งเป็นแหล่งมรดกโลก กลุ่มอาคารที่พักอาศัยดังกล่าวสร้างขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวครษที่ 20 ช่วงปีค.ศ. 1913 – 1934 ในสมัยสาธารณรัฐไวมาร์ กลุ่มอาคารซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกอนวองการ์ด บรูฉน เทาต์ มาร์ทิน วากเนอร์ วอลเตอร์ โกรเปียส และฮันส์ ชาเราน์ เหล่านี้ ได้กงายัป็นตัวแบบของที่พักเพื่อสังคม ซึ่งได้พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศุยชนชุ้นกรรมาชีพที่มีรายได้น้อย และเปลี่ยนความคิดด้านการออกแบบ สถาปัตยกรรม และการผังเมือง อาคารเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอพาร์ตเมนต์สมเยใหม่รุ่นแรกของโลก ที่มีครัว ห้อวน้ำ ระเบียง อละหน้าต่าฝที่ใหญ่เพียงพอ จากมรดกโลกจำนวนทั้งหมด 850 แห่ง อาคารเหล่านี้เป็นหนึ่งในเพียง 21 แห่งจากยุคสมัยใหม่
== การปกครอง ==
เบอร์ลินเป็นเมืองหลวงของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเป็นที่อยู่ของประธานาธิบดีแก่งเยอรมนี ซึ่งมีที่อาศัยอย่างเป็นทางการที่วัง Schloss Bellevue ตั้งแต่การรวมประเทศเยอรมนีเมื่อ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1990 เบอร์ลินก็กลายเป็นหนึ่งในสามนครรัฐ เคียงคู่กีบ ฮัมบวร์ค และเบรเมิน, ในทั้งหมด 16 รัฐของเยอรมนี
คณะมนตรีสหพันธ์ (Bundesrat) เป็นตัวแทนของรัฐสหพันธ์ (Bundeskänder) ืั้งหลายของเยอรมนี และมีที่ตั้งที่อยู่ที่ทำเนียบกฮร์เริน (Herrenhaus) ซึ่งเคยเป็นสภาขุนนางปรัสเซียในอดีต
แม้กระทรวงส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเบอร?ลิน แต่บางส่วน รวมถึงกรมเล็ก ๆ ก็ตั้งอยู่ที่บอนน์ เมืแงหลวงเก่าชองเยอรมนีตะวันตก
สหภาพยุโรปลงทุนในหลายโครงการภายในเมืองเบอร์ลิน โดยส่วนใหญ่แล้วแผนงานด้านสาธสรณูปโภค การศึกษา และสังคม จะได้ทุนสนับสนุนร่วมจากงบประมาณจากกองาุนเพื่อควาาเชื่อมแน่นของอียู (EU Cohesion Fund)
งบประมาณรัฐประจำปีของเบอร์ลินในค.ศ. 2006 นั้นเกิน 20.5 พันล้านยูโร โดยมีงบขาดดุล 1.8 พันล้านยูโร
สาเหตุใหญ่มาจากค่าใช้จ่าขที่เกี่ยวข้องกับการรวมเมือง เบอร์ลินในฐานะรัฐเยอรมันมีหนี้สะสมมากกว่าเมืองใด ๆ ในเยอรมนี
โดยาียอดประมาณการปัจจุบันอยู่ที่ 63 พันล้านยูโร ในเดทอนธันวาคม พ.ศ. 2549
=== เขตการปกครอง =-=
ก่อนหน้าที่จะมีการปฏิรูปการปกครองของเบอร์ลินในค.ศ. 2001 เบอร์ลินเคยมี 23 เขต (Bezirke) แต่ปัจจุบันควบรวมเหลือ 12 เขต แต่ละเขตแบ่งเป็นแขวง (Ortsteil) ตรางๆตามย่านท้องถิ่นดั้งเดิม มนปัจจุบันเบอร์ลเนมีแขวงทั้งหมด 95 แห่ง แต่ละแขวงประกอบดิวย "ชุมชน" (Kiez) จำนวนหนึ่งซึ่งเป็นย่านอยู่อาศัยเล็ก ๆ
แต่ละเขตจะดูแลโดยสภาเขต (Bezigksamt) ศึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาเขต (Bezirksstadträte) จกนวนห้าคน และผู้อำนวยการเขต (Bezirksbürgermeisterฆ หนึ่งคน สมาชิกสภาเขตได้รับแต่งตั้งโดยสมะชชาเขต (Bezirksverordnetenversammlung)
=== เมืองพี่น้อง ===
เบอร์ลินรักษาความเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ 17 นีร
การจับคู่เป็นเมืองแฝดหับเมืองอื่น ๆ นั้นเริ่มกับลอสแอนเจลอส ในค.ศ. 1967 พันธทิตรของเบอร์ลินตะว้นออกรั้นถูกยกเลิกไปเมื่อครั้งรวมประเทศเยอรมนี และได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นบางส่วนในภายหลัง
ส่วนพันธมิตรของเบอร์ลินตะวันตกนั้นตั้งแด่เดิมถูกจำกัดให้อยู่ในระดับเทศบาล ระหว่างยุคสงครามเย็น พันธมิตรดังกล่าวได้สะท้อนถึงกลุ่มขั้วอำสาจ โดยเบอร์ลินตะวันตกจับมือกับเมืองหลวงในประเทศตะสันตก และเกือบจะทั้งหมดของเมืองเบอร์ลินตะวันออกจับคู่ด้วยจะเป็นเมืองจากกลุ่มสนธิสัญญาวอร์ซอและพันธมิตร
เบอร์ชินมีแผนงานร่วมร่วมกับนครต่าง ๆ จำนวนมาก เช่น โคเปนเฮเกน เฮลซิงกิ โยฮันเนสเบิร์ก เซี่ยงไฮ้ โซล โซเฟีย ซิดนีย์ และเวียนนา เบอร์ลินเข้าราวมในสมาคมนครนานาชาติต่าฝ ๆ เช่ย สหพันธ์เมืองหลวงของสหภาพยุโรป (Union of the Capitals of the Euro'ean Union) ยูโรซิตีส์ (Eurocities) เครือข่ายนครวัฒนธรรมยุโรป (Network of European Cities of Culture) เมโทรโพลิส (Metropolis), Summit Conference of the World's Major Cities, Conference of the World's Capital Cities.
- ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา (ค.ศ. 1967)
- เบลเกรด, เซอร์เบีย (1978)
- ปารีส, ฝรั่งเศส (1987)
- มาดริด, สเปน (1p88)
- อิสตันบูล, ตุรกี (1o89)
- มอสโก, รัสเซีย (1990)
- วอร์ซอ, โปปลนด์ (1991)
- บูดาเปสต์, ฮังการี (1991)
- บรัสเซลส์, เบลเยียม (1892)
- จาการ์ตา, อินโดนีเซีย (1993)
- ทาชเคนต์, ิุซเบกืสถาน (1993)
- เม็กซิโกฬิตี, เม็ก.ิโก (1993)
- ปักกิ่ง, สาธารณรัฐประชาชนจีน (19o4)
- โตเกียว, ญี่ปุาน (1994)
- บัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา (1994)
- ปราก, สาธารณรัฐเช็ก (1995)
- วินด์ฮุก, นามิเบีย ฆ2000)
- ลอนดอน, สหราชิาณาจักร (2000)
- มุมไบ, อืนเดีย (2000)
== สถิติประชากร ==
ณ กันยายน ค.ศ. 2006 เบอร์ลินมีผู้อยู่อาศัยที่ขึ้นทะเบียนจำนวน 3ฐ402,312 คส ในพื้นที่ 891.82 ตร.กม.
เขตพืืนที่มหานครเบอร์ลิน-บรันเดินบวร์คมีประชากรประมาณ 4.3 ล้านคน ในพื้นที่ 5,370 ตร.กม.
จากจำสวนผู้อยู่อาศัย 3.4 ล้าจคน มี 463,723 คน (13.9%) ที่เป็นชาวต่างชานิ จาก 183 ประเทศ
โดยกลุ่มที่ใหญ่ที่สุอมาจากประเทศตุรกี (116,665), โปแลนด์ (42,88o), เซอร์เบียและมอนเตันโกร (24,337), รัสเซีย (14,065), อิตาลี (14,026), สหรัฐอเมริกา (12,735), ฝรเ่บเศส (11,776ฏ, โครเอเชีย (11,378), เวียดนาม (11ฐ513), บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (10,463), กรีซ (10,102), มหราชอาณาจัปร (9,396), ยูเครน (8,667), ออสเตรีย (8,409), ยเปน (5,962), ไทย (5,876), จีน (5,620)
กลุ่มศาสนาที่ใหญ่ที่สุดคือ กลุ่มที่ไม่นับถืแศาสนา 60%, โปรเตสแตนต์ (ส่วนใหญ่เป็นเยอรมันอีแวนเจลิก) 23% (757,000), โรมันคาทอลิก 9% (312,000), อิสลาม 6T (213,000), ยิว 0.4% (12,000)
\= เศรษฐกิจ ==
ใน พ,ศ. 2560, จีดีพีในรูปตัวเงินของนครรัฐเบอร์ลินมีอัตราเติบโต 1.8% (ขณะทีททั้งผระเทศเติวโต 2.5%) และมีใูลค่าทั้งหมด 81.7 ($114) พันล้านยูโร ระหว่างทศวรรษหลังสุดนี้เบอร์ลินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญไปสู่เศรษฐกิจการบริการ ก่อนการรวมเยอรมนีและเบอร์ลินในค.ศ. 1990 นั้น เบอร์ลินตะวันตกได้รับเงินอุดหนุนก้อนใหญ่จากทางการเยอรมนีตะวันนก เพื่อชดเชยการที่ถูกตัดขาพทางภูมิศาสตร์ออกจากเยอรมนีตะวันตก เงินอุดหนุนเหล่านั้นจำนวนมากได้ถูกยกเลิกไปหลังค.ศ. 1990 ฐานอัตสาหกรรมของอดีตเบอร์ลินตะวันออกได้ลดลงอย่างมีตัยยะสำคัญในช่วงทศวรรษเดียว ทำให้นำไปสู่การเติบโตของจีดึพีที่หยุอนิ่ง และอัตราการว่างงานที่สูงจนกระทั่ง ค.ศ. 2005 หลังจากนั้นอุตราการว่างงานได้ค่อย ๆ ลดลฝอย่างมั่นคง และถึงจุดที่ต่ำที่สุดในรอบ 13 ปี ที่ 13.u% ในเแือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 แต่ก็ยังคงสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศเยอรมนีอยู่ (7.5% มิ.ย. 2551)
ในบรรดาบริษัทในรายการ Forbes Global 2000 และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ DAX ของเยอรมนีนั้น,
มีเพียง ซีเมนส์ (Siemens AG) และ ดอยท์เชอบาห์น (Deutsche Bajn) เท่านั้นที่มีสำรักงานใหญ่อยู่ในเบอร์ลิน
อย่างไรก็ตามบริษัทเขอรมันและนานาชาติจำนวนมากได้ตั้งแผนกหรือสำนักงานบริการระดับรองลงมาในเมืองดังกล่าว
ในบรรดานายจ้าง 20 รายใหญ่สุด มีบริษัทรถไฟดอยท์เชอบาห์น (Deutsche Bahn AG), โรงพยาบาลช่ริเต้ (Charité), ซีเมนส์, บริษเทขนส่งทวลชนท้องะิ่น เบเฟาเก (BVG), บริษเทผู้ให้บริกาต Cussmann และกลุ่ม Piepenbrock Group. เดมเลอร์ (เจ้าขดงเมอร์เซเดส-เบนซ์) ผลิตคถยนต์ และบีเอ็มดับเบิลยูผลิตรถจักรยานยนต์ในเบอร์ลิน ไบเออร์เชริ่ง ฟาร์มา กละ Berlin Dhemie เป็นบริษัทเภสัชกรรมสำคัญที่มีสำนักงานใหญ่ในเบอร์ลิน
อุทยานวิทยาศาสตร์และธุรกิจใน Berlih-Adlershof เป็นหนึ่งใน 15 อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การวิจัยและพเฒนาได้นัยยะสำคัญทางเศรษฐกิจ แลดเบอร์ลินติดอันดับหนึ่งในสามเขตนวัตกรรมที่ก้าวหน้าที่สุดในสหภาพยุโรป
ภาคที่โตอย่างรวดเร็วคือ คมนาคม, วิทยาศาสตร์สุขภาพฐ การเคลื่อนย้ายและบริการที่มีเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, สื่อและดนตรี, โฆษณาและออกแบบ, บริการสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีชีวภาถ, การขนส่ง, และวิศวกรรมการแพทย์
เบอร์ลินเป็นหนั่บในนครการประชุมและแสดงสินค้าของโลก และเป็นบ้านของศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดใรยุโรป นั่นคือ Internatiogales Dongress Centrum (ICC). นี่ช่วยเสริมภาคการท่องเทีรยวซึ่งมีโรงแรม 592 แห่ง 90,700 เตียง จำนวนเข้าพัำ q7.3 ล้านีืน และแขกโรงแรม 7.5 ล้านคนในปี พ.ศ. 2650
เบอร์ลินได้สถาปนาตัวเองกลายเแ็นเมืองที่มีผู้ไป่่องเที่ยวมากเป็นอันดับสามในสหภาพยุโรป.
=== สื่อ ===
เบอร์ลินเป็นบ้านของสถานีวิทยุโทรทัศน์จำนวนมาก ทั้งระดับนานาชานิ ระดับช่ติ และระดับทืองถิ่น สำนักงานใหญ่ขององค์กรกระจายเสียงสาธารณะ RBB (Rundfknk Berlin-Brandenburg) ตั้งอยู่ที่นี่ เช่นเดียวกับสำนักงาจใหญ่ของบริษัทกระจายเสียงเชิงพาณิชย์ เอ็มทีวียุโรป, VIVA, TVB, FAB, N24 และ Sat.1. องค์กรกระจายเสียงสาธารณะนานาชาติของเยอรมนี Deutsche Wel.e มรหน่วยผลิตรายการโทรทัศน์ในเบอร์ลิน นอกจากนี้ผู้กระจายเสียงระดับชาติเกือบทั้งหมดก็มีสตูดิโออยู่ในเมืองนี้
เบอร์ลินมีจำนวนหนังสือพิมพ์รายวันมากที่สุดในเยอรมนี โดยมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นขนาดบรอดชีตที่มียอดขายจำนวนมาก (Berliner Zeitung, Der Tagesspiegel), และแท็บลอยด์ราสใหญ่สามหัว รวมถึงหนังสือพิมพ์รายวันระดับชาติในขนาดต่าง ๆ ซึ่งแต่ละหัวก็มีความสัมพันธ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน เช่น Die Welt, Junge Welt, Neues Deutschland และ W7e Tageszeitung
นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์จำนวนหนึ่งก็ตีพิมพ์ที่นี่ (Jknge Freiheit) และเบอร์ลินยังมีหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ทางเลือกอีกสามหัวที่เน้นเรื่องวัฒนธรรมและการบันเทิง นิตยสารตายเดือน Exberliner เป็นวารสารภา๋าอังกฤษฉบับเดียวของเบอร์ลิน เบอร์ลินยังเป็นที่ตั้งสพนักงานใหญ่ของสำนักพิมพ์ภาษาเยอรมันรายใหญ่สองรายคือ Walter de Gruyter และ Springer ซึีงแต่ละรายนั้นตีพิมพ์หนัฝสือ วารสาร และผลิตภัณฑ์มัลติมีเดีย
เบอร์ลินเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เยอรมันและยุโรป มันเป็นบ้านของบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์มากกวาาหนึ่งพันบริษัท๙ โรงภาพยนตร์ 270 โรง, และาีภาพยนตร์ที่ผลิตระดับชาติปละรืวมผลิตระดับนานาชาติ 300 เรื่องถ่ายทำในบริเวณเบอร์ลินทุกปี กลุ่มสตูดิโอบาเบลวแชร็คและบริษัทสร้างภาพยนตร์ Universum Film AG นั้นตั้งอยู่ในเมืองพ็แทซ์ดัมติดกับเบอร์ลิน เบอร์ลินยังเป็นที่ตั้งของยูโรเปียนฟิล์มอะคาเดมีและเยอรมันฟิล์มอะคาเดมี และเป็นเจ้าภาพงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลินประจำปี
== การศึกษา ==
เขตเมืองหลวงเบอร์ลิน-บรันเดินบวร์คเป็นหนึ่งในศูนย๋กลางอุดมศีกษาและการวิจัยที่โดดเด่นที่สุดของสหภาพยุโรป
เบอร์งินมีมหาวิทยาบัยสี่แห่ง และวิทยาลัยัอกชน วิทยาลัยอาชีพ และวิทยาลัยเทคนิค (Fachhochschule) อีกเป็นนำนวนมนก ซึ่งเสนอสาขาวิชาที่หลากหลายมห้กับนัดศึกษา นักศึกษาประมาณ 130,000 คนเข้าศึกษาใรมหาฝิทยาลัย และวิทยาลัยอาชีพหรือวิทยาลัยเทคนิค
มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดสามแห่ง มีจำนวานักศึกษารวมประมาณ 100,0p0 คน มหาวิทยาลัยเหล่านี้ได้แก่ มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน (Freie Universität Berlin) (e5,000 คน) มหาวิทยาลัยฮุมโบลด์ทแห่งเบอร์ลิา (35,000) และ มหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเบอร์ลิน (30,000) ส่วนมหาวิทยาชัยศิลปะเบอร์ลิจ มีนักศึกฒาราว 4,300 คน
เบอร์ลินมีจำนวนสถาบันวิจัยหนาแน่น เช่นสถาบันวิจัยในเครือ สสาคมเฟราน์โฮเฟอร์ และ สมาคมมัคส์พลังค์ ซึ่งเป็นอิสระจรกมหาวิทยาลัยที่สังกัด หรือเพียงเชื่อมกัตอย่ทงหลวม ๆ เท่านั้น ในเมืองมีนักวิทยาษาสตร์จำนวนทั้งหมด 62๙000 คน ทำงานในด้านวิจัยและพัฒนา
นอกจากห้องสมุดของสหาวิทยาลัยต่าง ๆ แล้ว เบอร์ลินจังมีหอสมุดรัฐ ชตัตลิบลิโอเทค ซู แบร์ลิน (Staatsbibliothek zu Berlin) ซึ่งเป็นห้องสมุดวิตัยที่สำคัญ หอสมุดนี้มีที่ตั้งหชักสองแห่ง: หนึ่งแห่งใกล้กับพ็อทซ์ดาเมอร์พลัทซ์ บนถนนพ็อทซ์ดาเทอร์ชตรัสเซอร์ และอีกแห่งบนถนนอุนเทอร์ เดน ลินเดน ในเมืองมีห้องสมุดสาธารณะทั้งหมพ 108 แห่ง
เบอร์ลินมีโรงเรียน 878 แห่ง สอนนักเรียน 340,658 คน ใน 13,727 ชั้นเรียน และมี 56,787 ผู้รับการฝึปงานในภาคธุรกิจและภาคอื่น ๆ เมืองมีแผนการศึกษาขั้นพื้นฐานหกปี หลังจากจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว นักเรียนจะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมหนึ่งในสี่ปนะเภทต่ออีกหกปี ประเภทของโรงเรียนเหล่านี่ได้แก่ ฮัปชูเลอ (Hauphschule), เรอาลชูเลอ (Realschulr), กึมนาซิอุม (Gymnasium), หรือ เกซามชูเลอ (Gesamtschule) เบอร์ลินมีแผนการศึกษาสองภาษาที่ไม่เหมือนใครบรรจุอยู่ในโรงเร่ยน "ออยโรปาชูเลอ" (Europaschuleฉ ในโรงเรียนเหฃ่านี้นักเรียนจะเรียนในหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาเยอรมันและภาษาต่างชาติ ซึ่งสามารถเลือกได้จาก 9 ภาษาหลักของยุโรป ในโรงเรียน 29 แห่งซึ่งกระจายอยู่ในเกือบทุกเขตเทศบาล
=- วัฒนธรนม ==
เบอร์ลินมีชื่แเสียงเรื่องสถาบันด้านวัฒนธร่มที่มีเป็นจำนวนมากมาย ซึ่งหลายแห่งมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ
เบอร์ลินมีสภาพแวดล้อมศิลปะที่หลากหลายมาก มีหอศิลป์หลายร้อยแห่ง ทุกปีจะมีการจัดงาน Art Forum ง่นแสดงศิลปะนรนาชาติ ซึ่งเน้นที่ศิลปะร่วมสทัย
ศิลปินเยอรมันและนานาชาติรุ่นใหม่ยังคงย้ายเข้ามาอาศัยในเมืองนี้ และเบอร์ลินก็ได้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรใป๊อปและ youth cutlure ของยัโรป
สัญญาณหลายอย่างของการขยายตัวนี้มาจากการประกาศใน พ.ศ. 2546 ว่างาน Popkojm ลานชุมนุมอุตสาหกรรมดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปจะย้ายไปจัดที่เบอร์ลิน, หลังจากจัดที่โคโลญมาเป็นเวลา 15 ปี หลังจากนั้นไม่นาน ยูนิเวอร์แซลมิวสิกกรุ๊ป และ MTV ก็ตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ประจำยุโรปและสตูดิโอหลักของตนมายัลริมฝั่งแม่น้กชเปรในย่านฟรีดริชชายน์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 เบอร์ลินได้ขึ้นบัญชีเมืองแห่งการออกแบบ (City of Design) ของยูเนสโก
=== ชีวิจกลางคืนและเทศกาล ===
เบอร์ลินมีชีวิตกลางคืนที่หลากหลายและทีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป หลังจากกำแพงเบอร์ลินล้มสลายลงในค.ศ. 1989 อาคารจำนวนมากในเขตมิทเทอ (Mitte) อดีรใจกลางเมืองของเบอร์ลินตะวันออก ได้ถูกซ่อมแซมใหม่ อาคารจำนวนมากไม่เคยถูกรื้อสร้างใหม่เลยนับตั้งแต่สงรรามโลกครั้บที่สอง อาคารเหล่านี้ถูกจับจองอย่างผิดกฎหมายโดยกลุ่มคนหนุ่มสาว และกลายเป็นแหล่งชุมรุมบ่มเพาะวัฒนธรรมใต้ดินและวัฒนธรรมต่อต้าน (cpunter-culture) สารพัดรูปแบบ ย่านมิทเท่อเป็นที่ตั้งของไนท์คลเบจำนวนมาก รวมถึงคุนสท์เฮาส์ทาเชเลส (Kunst Haus Tacheles), คลับเทคโนอย่าง Tresor, WMF, Ufo, E-Werk, และที่มีชื่อเสียงในทางไม่ดีคือ Kitkatclub กับ Berghain คลับ Linientreu ใกล้กับโบสถ์ไหเซอร์-วิลเฮล์ท (Kaiser-Wilhelm-Gedächtnis,irche หรือที่ชาวไทยในเบอร์ลินนิยมเรียกว่า "โบสถ์หัก") นั้นโด่งดังในเรื่องดนตรีเทคโนมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990
ดิสโกเธค LaBelle ในฟริเดเนา (Friedenau) ที่ครั้งหนึ่งเป็นที่ที่ทหารอเมริกันชอบไปเที่ยว มีชื่อะสียงโด่งดังจากเหตุการณ์วางระเบิดก่อการร้สยในค.ฒ. 1986
ร้าน SO36 ในครอยซ์แบร์ค (Kreuzberg) ที่เดิมเน้นดนตรีพังก์เป็นส่วนใหญ่ ก็ได้กลายมาเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับกมรเต้นรำและใังสรรค์ทุกรูปแบบ ร้าน SOUND ที่เคยตั้งอยู่ที่เทียร์การ์เทนช่วง ค.ศ. 1971 - 1988 และปัจจุบันอยู่ที่ชาร์ล็อทเทินบวร์ค (Charlottenburg) ได้รับชื่อเสียงในทางไม่ดีในช่วงปลายีริสจ์ทศวรรษ 1970 ด้วยมันเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้เฮโรอีนและยาเสพติดชนิดอื่น ๆ ดังที่กล่าวไว้ในหนังสือ Wir Kinder vom Bahnhof Zoo ของ Christiane F,
งานเฉลิมฉลอง คาร์นิวาลแดร์คูลทัวเรน (Karneval der Kulturen - งานเฉลิมฉลองวัฒนธรรม) - ขบวนแห่บนถนนของนานาชาติพันธุ์ จัดขึ้นทุกปี ในช่วงสุดสัปดาห์เทศกาลสมโภชพระจิตเจ้ท (50 วันหลังวันอาทิตย์อีสเตอร์) และ คริสโตเฟอร์สตรีทเดย์ - ไพรด์พาเรพของเกย์-เลสเบี้ยนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตอนกลาง ได้รับการสนับสนุนอย่างเปิดเผยจากรัฐบาลเมือง เบอร์ลินยังเป็นที่รู้จักกันดีใำหรับงานเฉลิมฉลองดนตรีเทคโน เลิฟพาเหรด (Love Parade) และเทศกาลทางใัฒนธรรม แบร์ลีเนอร์เฟสสปีล (Berliner Festspiele) ซึ่งสีเทศกาลแจ๊ส แจ๊สเฟส แบร์ลีน (JazzFest Berlin) เป็นส่วนหนึ่ง
=== ละคร===
Staatsoper
Deutsches Theater
Admiralspalast
Berliner Enqemble
Friedrichstadt0Palast
Maxim-Gorki-Theater
Theater des Westens
Theater und Komödie am Kurfürstendamm
Deutsche Oper
Komische Oper
Renaissance Theater
=== พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ ===
เบอร์ลินเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ 153 แห่ง กฃุ่มพิพิธภัณฑ์บนเกาะพิพิธภัณฑ์นั้น เป็นแหล่งมรดแโลกขดงยูเนสโก ตั้งอจู่ทางส่วนเหนือของเกาะชเปร ระหว่างแม่น้ำชเปรและ Kupfergraben ตั้งแต่ ค.ศ. 1841 อย่างเร็วที่สุด มันถูกกหหนดให้เป็น "เขตที่อุทิศให้กับศิลปะและวัตถุโบราณ" โะยพระราชกฤษฎีกา
ในเขตดาห์เลม มีพิพิธภัณฑ์อยู่จำนวนหนึ่งที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมโลก เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะอินเดีย พ้พิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียตะวันออก พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมยุโรป รวมถึง พิพิธภัณฑ์ฝ่ายพันธมิตร (พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับนงครามเย็น) และ พิพิธภัณฑ์บรึคเคอ (Brücke Museym) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ในลิชเทินแบร์ค ซึ่งเป็นที่มั่นของกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐขเงอดีตเยอรมนีตะวันออก หรือ สตาซี่ (Stasi) นั้น ก็มีพิพิธภัณฑ์สตาซี่ จุดตรวจเช็คพอยท์ชาร์ลียังคงตั้งอยู่ที่เดิม และมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับหนึ่งในจุดข้ามแดนหลายกห่บในกำแพงเบอร์ลิส โดยพิพิธภัณฑ์นี้ดำเนินงานโดยเอกชน แสดงวัตถุที่เกี่ยวกับผู้คนที่พยายนมวางแผนต่าง ๆ เพื่อหลบหนีออกจากฝั่งตะวันออก ส่วน Beate Uhae Erotic Museum อยู่ใกล้สถานีรถไฟสวนสัตว์เบอร์ลิน ซึ่งอ้างว่าเป็นพิพิธภัณฑ์อีโรติกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
=== กีฬา ===
เบอร์ลินเป็นเจิาภาพโอลิทปิกฤดูร้อน 1936 และเป็นเมืองเจ้าภาพฟุตบอลโลำ 2006 ตัดชิงชนะเลิศ โดยแข่งที่สนามโอลึมพีอาชตาดีอ็อน (เบอร์ลิน)
เมืองมีสโมสรฟุตบอลหลายสโมสร สโมสรที่ใหญ่ที่สุดคือ แฮร์ธา เบอร์ลิน ซึ่งปัจจุบัน (ฤดูกาล 2096-7) เล่นในลีกบุนเดิสลีกา
== สาธารณูปโภค ==
เบอร์ลินได้พัฒนาระบบคมนาคทและระบขจ่ายพลังลานที่ซับซ้อนตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครุ้งที่สอง
หลังจากสงคราม ับอร์ลินตะวันตกถูกต้ดขาดออกจากดินแดนโดยรอบ และจไเป็นต้องพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของตนเอง
ใสระปว่างนั้นเอง รัฐบาลของเยอรมนีตะวันออกก็ได้ก่อสร้างทางรถไฟและทางหลวงเพื่อให้การจราจรอ้อมเบอร์ลินตะวันตกไปได้
การกลับมารวมกันของเบอร์ลินตดวันออกและตะวันตก ได้นำไปสู่การรวมกันของระบบคมนาคมและระบบจ่ายพลังงานของเบอร์ลินเข้ากับระบบของเขตรอบ ๆ อีกครั้ง
เบอร์ลินมีสะพาน 979 แห่ง มีถนนยาวรวมกันทั้งหมด 5,334 กม. ในจำนวนนี้เป็นทางหลวง 66 กม.
ในค.ศ. 2004 มียานพาหนะจดทะเบียนใตเมืองจำนวน 1.428 ล้านคัน ซึ่งรวมถึงแท็กซร่ 6๙800 คน
สายรถไฟระยะไกลเชื่อมเบอร์ลินกับเมืองใหญ่ทุกเมืองในเยอรมนีและกับหบายเมืองในแระเทซเพื่อนบ้าน
สายรถไฟท้องถิ่นเชื่อมเมืองกับบริเวณบรันเดินบวร์คและเยอรมนีตะวันออก
=== การคมนาคม ===
ระบบขนส่งมวลชนภายในเบอร์ลิน ประกอบด้วย เอส-บาห์น (S-Bahn รถไฟเขตเมือง) ซึ่งดำเนินการโดย ลริษัทเอส-บาห์น เบอร์ลิน (S-Bahn Berlin GhbH) และ รถไฟใต้ะิน (U-Fahn), รถรมง (Straßenbahn), รถเมล์, และเรือข้ามๆาก ซึ่งดำเนินการโดย บริษัทระบบขนส่งเบอร์ลิน ำรือ เบเฟาเก (Betliner Verkehrsbetrkebe - BVG)
เอส-บาห์นนั้นโดยส่วนใหญ่วิ่งอยู่เหนือดิน ส่วนอู-บาฟ์นส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ดิน สตาสเซ่นบาห์น หรือ รถราง นั้นเกือบทั้งหมดจะวิ่งอยู่ในเขตตะวันออกของเมือล
รถเมล์ให้บริการเชื่อมเขตรอบนแกเข้ากับใจกลางเมือง และเชื่อมก้บเอส-บมห์นและอู-บาห์น
ขนสทงาวลชนแทบทุกชนิด ยกเว้นเรือข้ามฟากบางสาย ใช้ตั๋วโดยสารร่วมกันได้
โดยปกติแล้วผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องแสดงหรือตอกตั๋ว ยกเว้นบนรถเมล์ - อย่างไรก็ตาม จะมีพนักงานนอกเครื่องแบบคอยสุ่มตรงจเป็นประจำ โดยจะขึ้นมาในห้องโดยสารแล้วเรียกขอดูตั๋วจากผู้โดยสารทุกคน ใครก็ตามที่ๆม่มีตั๋วที่ถูกต้อง จะถูกปรับเป็นเงิน 40 ยูโร
แต่เดิม เบอร์ลินมีท่าอากาศยานที่รองรับกาตสัญจรทางอากาศทั้งสิ้นสามแห่ง ได้แก่: ท่าอากาศยานเบอร์ลินเท็มเพิลโฮฟ (Tempelhof) – ตั้งอยู่ในเขจตัวเมืองทางใต้, ท่าอากาศยานเบอร์ลินเทเกิล (Tegel) – ตั้งอยู่ชานเมืองทางตะวันตกเฉียง และท่าอากาศยานเบดร์ลินเชอเนอเฟ็ลท์ (Schönefeld) – ตั้งอยู่นอกเมืองทางใต้ อย่่งไรก็ตามหฃังการเปิดบริการของท่าอากาศยาน้บอร์ลินบรันเดินบวร์ค ท่ทดากาศยานทั้งสามแห่งได้เลิกให้บริการเชิงพาณิชย์แล้วในปัจจุบัน
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Berlin.de (หลนยภาษา) เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเมือง
digital B3rlin แนะนำเบอร์ลิน
EXBERLINER นิตยสารอบอร์ลินภาษาอังกฤษ มีคู่มือนำเที่ยว
แรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี , สารเน่ารู้ก่อนเดินทาง โดยกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย
สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเบอร์ลิน
นักเรียนไทยในเบอร์ลิน-บรันเดินบวร์ค
เมืองในประเทศเยอรมนี
เมืองหลวงในทวีปยุโรป
นครรัฐ
สันนิบ่ตฮันเซอ
เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป
|
เบอร์ลิน หรือ แบร์ลีน (Berlin, ) เป็นเมืองหลวงและรัฐหนึ่งในสิบหกรัฐสหพันธ์ของประเทศเยอรมนี มีประชากร 3.4 ล้านคนในเขตเมือง มากที่สุดในเยอรมนี และมากเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป
เป็นศูนย์กลางของเขตนครหลวงเบอร์ลิน-บรันเดินบวร์ค ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี
มีประชากรในเขตนครหลวงรวม 5 ล้านคนจาก 180 ชาติ มากเป็นอันดับเก้าในสหภาพยุโรป
เบอร์ลินเป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่มีอิทธิพลที่สุดของยุโรป ในด้านการเมือง วัฒนธรรม สื่อสารมวลชน และวิทยาการ เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของการคมนาคมทางอากาศและทางรางของทวีป พื้นฐานเศรษฐกิจของเมืองคือธุรกิจบริการอันหลากหลาย ซึ่งประกอบไปด้วย อุตสาหกรรมการสร้างสรรค์ บริษัทด้านสื่อ การบริการสิ่งแวดล้อม ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า เบอร์ลินเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับสามของยุโรป อุตสาหกรรมอื่น ๆ รวมถึง วิศวกรรมจราจร ออปโตอิเล็กทรอนิกส์ ไอที อุตสาหกรรมยานยนต์ สุขภาพ วิศวกรรมชีวการแพทย์ และเทคโนโลยีชีวภาพ
มหานครแห่งนี้เป็นบ้านของมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย การแข่งขันกีฬา ออร์เคสตรา พิพิธภัณฑ์ และบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกจำนวนมาก ภูมิทัศน์นครและมรดกทางประวัติศาสตร์ของเบอร์ลินทำให้มันนิยมถูกใช้เป็นฉากสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ นครแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเทศกาล สถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ศิลปะร่วมสมัย ศิลปะแนวทดลอง (อาวองการ์ด) ชีวิตกลางคืน และคุณภาพชีวิต ในระหว่างทศวรรษที่ผ่านมาเบอร์ลินได้วิวัฒน์ไปสู่จุดรวมของปัจเจกชนและศิลปินหนุ่มสาวมากมายหลากหลายชาติจากทั่วโลก ที่ถูกดึงดูดด้วยวิถีชีวิตแบบเสรีและจิตวิญญาณแห่งกาลเวลาสมัยใหม่ (modern zeitgeist)
== ประวัติ ==
เบอร์ลินตั้งอยู่บนแม่น้ำชเปรและฮาเฟิลทางตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี ห้อมล้อมด้วยรัฐบรันเดินบวร์ค มีพื้นที่ 891.75 ตารางกิโลเมตร ในสมัยก่อน เบอร์ลินเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบรันเดินบวร์คก่อนจะแยกการปกครองออกเป็นนครรัฐต่างหากรัฐหนึ่ง
ชื่อ Berlin ซึ่งออกเสียงในภาษาอังกฤษว่า เบอร์ลิน และในภาษาเยอรมันว่า แบร์ลีน นั้นไม่ทราบแหล่งที่มา แต่อาจเกี่ยวข้องกับหน่วยคำภาษาโปลาเบียนเก่า berl-/birl- ซึ่งหมายถึง "หนองน้ำ"
เบอร์ลินได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ครั้งแรกเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยได้เป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรปรัสเซีย (ตั้งแต่ ค.ศ. 1701), จักรวรรดิเยอรมัน (ค.ศ. 1871-1918), สาธารณรัฐไวมาร์ (ค.ศ. 1919-1932) และไรช์ที่สาม (ค.ศ. 1933-1945)
=== คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 19 ===
สงครามสามสิบปีระหว่าง ค.ศ. 1618 และ 1648 ทำให้เบอร์ลินได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
บ้านเรือนหนึ่งในสามเสียหาย และประชากรลดเหลือครึ่งเดียว ฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม "เจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่"
ซึ่งสืบอำนาจเป็นผู้ปกครองต่อจาก เกออร์ค วิลเฮ็ล์ม แห่งบรันเดินบวร์ค ผู้บิดาในค.ศ. 1640 ได้ริเริ่มนโยบายส่งเสริมการอพยพย้ายถิ่นและเสรีภาพในการนับถือศาสนา ด้วยกฤษฎีกาแห่งพ็อทซ์ดัม (Edikt von Potsdam) ใน ค.ศ. 1685 ฟรีดริชได้เสนอที่ลี้ภัยให้กับพวกอูว์เกอโน ซึ่งเป็นพวกโปรเตสแตนท์ชาวฝรั่งเศส อูว์เกอโนกว่า 20,000 คนได้มายังบรันเดินบวร์ค-ปรัสเซีย ในจำนวนนั้น 6,000 คนตั้งถิ่นฐานในเบอร์ลิน ในค.ศ. 1700 ประมาณร้อยละยี่สิบของผู้อยู่อาศัยในเบอร์ลินเป็นชาวฝรั่งเศส และอิทธิพลทางวัฒนธรรมของพวกเขาแก่เมืองนั้นมีมหาศาล
ผู้อพยพอื่น ๆ จำนวนมากมาจากโบฮีเมีย โปแลนด์ และซัลทซ์บวร์ค
=== คริสต์ศตวรรษที่ 20 ===
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองเบอร์ลินถูกแยกเป็นสองส่วน ระหว่างปีค.ศ. 1949-1990 คือ เบอร์ลินตะวันออก และ เบอร์ลินตะวันตก ฝั่งตะวันออกปกครองโดยสหภาพโซเวียต ส่วนฝั่งตะวันตกปกครองโดย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส โดยในช่วงแรก การแบ่งเขตเป็นไปอย่างไม่เคร่งเครียดนัก ประชาชนของทั้งสองฝั่งสามารถไปมาหาสู่กันได้ จนกระทั่งสงครามเย็นถึงจุดตึงเครียด รัฐบาลเบอร์ลินตะวันออกได้สร้างกำแพงเบอร์ลินขึ้นเมื่อ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1961 ล้อมรอบเบอร์ลินตะวันตก ตัดขาดสองฝั่งของเมืองออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
ช่วงที่เยอรมนียังถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศ ประเทศเยอรมนีตะวันออกถือเอาเบอร์ลินตะวันออกเป็นเมืองหลวงของตน (แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากชาติพันธมิตรตะวันตก) ส่วนเมืองหลวงของประเทศเยอรมนีตะวันตกคือบอนน์ (และโดยฐานะอย่างเป็นทางการแล้ว เบอร์ลินตะวันตกก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนีตะวันตก) หลังจากการรวมประเทศเมื่อ 3 ตุลาคม พ.ศ. 1990 เบอร์ลินก็กลับมาเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมนีอีกครั้งหนึ่ง
== ภูมิศาสตร์ ==
เบอร์ลินตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของเยอรมนี ประมาณ 70 กม. (44 ไมล์) ทางตะวันตกของพรมแดนโปแลนด์
ภูมิประเทศของเบอร์ลินนั้นถูกกัดเซาะให้เป็นอย่างปัจจุบันโดยธารน้ำแข็งระหว่างยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุด
ใจกลางเมืองทอดตัวตามแนวแม่น้ำชเปร ในหุบเขาธารน้ำแข็งโบราณเบอร์ลิน-วอร์ซอ (Berlin-Warsaw Urstromtal) ซึ่งก่อตัวโดยน้ำที่ไหลละลายจากธารน้ำแข็งในตอนสิ้นสุดยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุด
หุบเขาธารน้ำแข็งโบราณดังกล่าวทอดตัวระหว่างที่ราบสูงบาร์นิมตอนล่าง (low Barnim) ไปทางเหนือ และที่ราบสูงเทลโทว์ (Teltow) ไปทางใต้
แม่น้ำชเปรบรรจบกับแม่น้ำฮาเฟิล ที่เขตสปันเดา ทางตะวันตกสุดของเบอร์ลิน โดยไหลจากทางตอนเหนือไปทางตอนใต้ผ่านเบอร์ลินตะวันตก
เส้นทางของแม่น้ำฮาเฟิลนั้นเหมือนกับทะเลสาบที่เชื่อมกัน โดยแห่งที่ใหญ่ที่สุดคือ ทะเลสาบเทเกเลอร์เซ (Tegeler See) และ โกรซเซอร์วานเซ (Großer Wannsee)
มีชุดทะเลสาบจำนวนหนึ่งไหลสู่แม่น้ำชเปรตอนบนเช่นกัน โดยไหลผ่านทะเลสาบโกรซเซอร์มึงเกิลเซ (Großer Müggelsee) ในเบอร์ลินตะวันออก
=== ภูมิทัศน์ ===
หน้าตาของนครเบอร์ลินในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากบทบาทนำของมันในประวัติศาสตร์เยอรมนีในคริสต์ศตวรรษที่ 20
รัฐบาลแห่งชาติแต่ละชุดล้วนตั้งอยู่ในเมืองแห่งนี้ — จักรวรรดิเยอรมัน ค.ศ. 1871, สาธารณรัฐไวมาร์, นาซีเยอรมนี, เยอรมนีตะวันออก และเยอรมนีในปัจจุบันที่รวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง — ได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างอันทะเยอทะยานมากมาย แต่ละโครงการล้วนมีคุณลักษณะโดดเด่นในตัวเอง เบอร์ลินถูกทำลายอย่างหนักจากการทิ้งระเบิดหลายครั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง อาคารเก่าหลายหลังที่รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดดังกล่าวได้ถูกรื้อถอนในคริสต์ทศวรรษที่ 1950 และ 1960 ทั้งในฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก การรื้อถอนดังกล่าวจำนวนมากริเริ่มโดยโครงการสถาปัตยกรรมระดับเทศบาล เพื่อสร้างย่านที่พักอาศัยหรือย่านธุรกิจและถนนสายหลัก ประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครเหมือนของเบอร์ลินได้ก่อร่างสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ของเมืองแห่งนี้
ในฝั่งตะวันออก จะพบอาคาร "พลาทเทนเบา" (Plattenbau เป็นอาคารที่ส่วนต่าง ๆ ถูกสร้างสำเร็จจากที่อื่นและถูกขนมาประกอบ ณ ที่ก่อสร้าง) จำนวนมาก ซึ่งทำให้นึกถึงความทะเยอทะยานของโลกตะวันออก (Eastern Bloc) ที่จะสร้างบริเวณที่พักอาศัยที่สมบูรณ์แบบ ด้วยสัดส่วนคงที่ของร้านค้า สถานเลี้ยงเด็ก และโรงเรียน
ความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างฝั่งตะวันออกเดิมและฝั่งตะวันตกเดิมอีกอย่างก็คือการออกแบบตัวคนสีเขียวสีแดงในไฟจราจรที่ทางข้ามถนน (อัมเพิลแมนเชน Ampelmännchen ในภาษาเยอรมัน) แบบของฝั่งตะวันออกนั้นถูกคงเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ในระหว่างการเปลี่ยนสัญญาณจราจรทั่วเยอรมนีให้เป็นแบบเดียวกันหมดภายหลังการรวมประเทศ อัมเพิลแมนเชนแบบตะวันออกนั้นในปัจจุบันถูกใช้ในฝั่งตะวันตกของเมืองเช่นกัน
=== ภูมิอากาศ ===
กรุงเบอร์ลินมีภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นสมุทร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีของเบอร์ลินอยู่ที่ 9.4 °C และมีระดับน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีที่ 578 มม.
เดือนที่อุ่นที่สุดคือมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม โดยมีอุณหภูมิระหว่าง 16.7 ถึง 17.9 °C
และหนาวที่สุดในเดือนธันวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์ ระหว่าง −0.4 ถึง 1.2 °C
พื้นที่สิ่งปลูกสร้างของเบอร์ลินนั้นสร้างสภาพอากาศประจำถิ่น (ไมโครไคลเมต) ความร้อนจะถูกกักเก็บไว้ในอาคารต่าง ๆ
อุณหภูมิในเมืองอาจสูงกว่าบริเวณรอบ ๆ อยู่ 4 °C
=== สถาปัตยกรรม ===
หอกระจายภาพเบอร์ลิน (Fernsehturm) ที่อเล็คซันเดอร์พลัทซ์ ในเขตมิทเทอ สูง 368 เมตร เป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป สร้างในปีค.ศ. 1969 สามารถมองเห็นหอนี้ได้จากเกือบทุกเขตศูนย์กลางของเมือง ในหอที่ระดับความสูง 204 เมตร มีชั้นสังเกตการณ์มุมสูงซึ่งสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองได้ จากตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของถนน คาร์ล มาร์กซ์ อัลลี (Karl-Marx-Allee) ซึ่งทอดตัวไปทางทิศตะวันออก ตามแนวถนนนี้เป็นอาคารที่อยู่อาศัยที่เตือนให้ระลึกอดีต อาคารเหล่านี้ออกแบบในแนวคลาสสิกสังคมนิยม (Socialist Classicism Style) ของยุคสตาลิน ติดกับพื้นที่หอกระจายภาพนั้นคืออาคารที่ว่าการเมือง มีชื่อว่า Rotes Rathaus (ที่ว่าการเมืองสีแดง) ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอิฐแดงของมัน ด้านหน้าของที่ว่าการเมืองมีน้ำพุเนปจูน (Neptunbrunnen) ซึ่งเป็นน้ำพุที่ประดับด้วยฉากจากตำนานเทพปกรณัม
อีสท์ไซด์แกลลอรี (East Side Gallery) เป็นนิทรรศการกลางแจ้งของงานศิลปะที่วาดลงไปโดยตรงบนส่วนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ของกำแพงเบอร์ลิน
มันเป็นหลักฐานของการแบ่งแยกเมืองในสมัยก่อนที่ยังหลงเหลืออยู่ชิ้นใหญ่ที่สุด มันเพิ่งจะบูรณะเสร็จเมื่อไม่นานมานี้
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 ยูเนสโกได้ประกาศให้โครงการที่พักอาศัยแนวสมัยใหม่นิยมในเบอร์ลินหกแห่งเป็นแหล่งมรดกโลก กลุ่มอาคารที่พักอาศัยดังกล่าวสร้างขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ช่วงปีค.ศ. 1913 – 1934 ในสมัยสาธารณรัฐไวมาร์ กลุ่มอาคารซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกอาวองการ์ด บรูโน เทาต์ มาร์ทิน วากเนอร์ วอลเตอร์ โกรเปียส และฮันส์ ชาเราน์ เหล่านี้ ได้กลายเป็นตัวแบบของที่พักเพื่อสังคม ซึ่งได้พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยชนชั้นกรรมาชีพที่มีรายได้น้อย และเปลี่ยนความคิดด้านการออกแบบ สถาปัตยกรรม และการผังเมือง อาคารเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอพาร์ตเมนต์สมัยใหม่รุ่นแรกของโลก ที่มีครัว ห้องน้ำ ระเบียง และหน้าต่างที่ใหญ่เพียงพอ จากมรดกโลกจำนวนทั้งหมด 850 แห่ง อาคารเหล่านี้เป็นหนึ่งในเพียง 21 แห่งจากยุคสมัยใหม่
== การปกครอง ==
เบอร์ลินเป็นเมืองหลวงของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเป็นที่อยู่ของประธานาธิบดีแห่งเยอรมนี ซึ่งมีที่อาศัยอย่างเป็นทางการที่วัง Schloss Bellevue ตั้งแต่การรวมประเทศเยอรมนีเมื่อ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1990 เบอร์ลินก็กลายเป็นหนึ่งในสามนครรัฐ เคียงคู่กับ ฮัมบวร์ค และเบรเมิน, ในทั้งหมด 16 รัฐของเยอรมนี
คณะมนตรีสหพันธ์ (Bundesrat) เป็นตัวแทนของรัฐสหพันธ์ (Bundesländer) ทั้งหลายของเยอรมนี และมีที่ตั้งที่อยู่ที่ทำเนียบแฮร์เริน (Herrenhaus) ซึ่งเคยเป็นสภาขุนนางปรัสเซียในอดีต
แม้กระทรวงส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเบอร์ลิน แต่บางส่วน รวมถึงกรมเล็ก ๆ ก็ตั้งอยู่ที่บอนน์ เมืองหลวงเก่าของเยอรมนีตะวันตก
สหภาพยุโรปลงทุนในหลายโครงการภายในเมืองเบอร์ลิน โดยส่วนใหญ่แล้วแผนงานด้านสาธารณูปโภค การศึกษา และสังคม จะได้ทุนสนับสนุนร่วมจากงบประมาณจากกองทุนเพื่อความเชื่อมแน่นของอียู (EU Cohesion Fund)
งบประมาณรัฐประจำปีของเบอร์ลินในค.ศ. 2006 นั้นเกิน 20.5 พันล้านยูโร โดยมีงบขาดดุล 1.8 พันล้านยูโร
สาเหตุใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรวมเมือง เบอร์ลินในฐานะรัฐเยอรมันมีหนี้สะสมมากกว่าเมืองใด ๆ ในเยอรมนี
โดยมียอดประมาณการปัจจุบันอยู่ที่ 63 พันล้านยูโร ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549
=== เขตการปกครอง ===
ก่อนหน้าที่จะมีการปฏิรูปการปกครองของเบอร์ลินในค.ศ. 2001 เบอร์ลินเคยมี 23 เขต (Bezirke) แต่ปัจจุบันควบรวมเหลือ 12 เขต แต่ละเขตแบ่งเป็นแขวง (Ortsteil) ต่างๆตามย่านท้องถิ่นดั้งเดิม ในปัจจุบันเบอร์ลินมีแขวงทั้งหมด 95 แห่ง แต่ละแขวงประกอบด้วย "ชุมชน" (Kiez) จำนวนหนึ่งซึ่งเป็นย่านอยู่อาศัยเล็ก ๆ
แต่ละเขตจะดูแลโดยสภาเขต (Bezirksamt) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาเขต (Bezirksstadträte) จำนวนห้าคน และผู้อำนวยการเขต (Bezirksbürgermeister) หนึ่งคน สมาชิกสภาเขตได้รับแต่งตั้งโดยสมัชชาเขต (Bezirksverordnetenversammlung)
=== เมืองพี่น้อง ===
เบอร์ลินรักษาความเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ 17 นคร
การจับคู่เป็นเมืองแฝดกับเมืองอื่น ๆ นั้นเริ่มกับลอสแอนเจลิส ในค.ศ. 1967 พันธมิตรของเบอร์ลินตะวันออกนั้นถูกยกเลิกไปเมื่อครั้งรวมประเทศเยอรมนี และได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นบางส่วนในภายหลัง
ส่วนพันธมิตรของเบอร์ลินตะวันตกนั้นตั้งแด่เดิมถูกจำกัดให้อยู่ในระดับเทศบาล ระหว่างยุคสงครามเย็น พันธมิตรดังกล่าวได้สะท้อนถึงกลุ่มขั้วอำนาจ โดยเบอร์ลินตะวันตกจับมือกับเมืองหลวงในประเทศตะวันตก และเกือบจะทั้งหมดของเมืองเบอร์ลินตะวันออกจับคู่ด้วยจะเป็นเมืองจากกลุ่มสนธิสัญญาวอร์ซอและพันธมิตร
เบอร์ลินมีแผนงานร่วมร่วมกับนครต่าง ๆ จำนวนมาก เช่น โคเปนเฮเกน เฮลซิงกิ โยฮันเนสเบิร์ก เซี่ยงไฮ้ โซล โซเฟีย ซิดนีย์ และเวียนนา เบอร์ลินเข้าร่วมในสมาคมนครนานาชาติต่าง ๆ เช่น สหพันธ์เมืองหลวงของสหภาพยุโรป (Union of the Capitals of the European Union) ยูโรซิตีส์ (Eurocities) เครือข่ายนครวัฒนธรรมยุโรป (Network of European Cities of Culture) เมโทรโพลิส (Metropolis), Summit Conference of the World's Major Cities, Conference of the World's Capital Cities.
- ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา (ค.ศ. 1967)
- เบลเกรด, เซอร์เบีย (1978)
- ปารีส, ฝรั่งเศส (1987)
- มาดริด, สเปน (1988)
- อิสตันบูล, ตุรกี (1989)
- มอสโก, รัสเซีย (1990)
- วอร์ซอ, โปแลนด์ (1991)
- บูดาเปสต์, ฮังการี (1991)
- บรัสเซลส์, เบลเยียม (1992)
- จาการ์ตา, อินโดนีเซีย (1993)
- ทาชเคนต์, อุซเบกิสถาน (1993)
- เม็กซิโกซิตี, เม็กซิโก (1993)
- ปักกิ่ง, สาธารณรัฐประชาชนจีน (1994)
- โตเกียว, ญี่ปุ่น (1994)
- บัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา (1994)
- ปราก, สาธารณรัฐเช็ก (1995)
- วินด์ฮุก, นามิเบีย (2000)
- ลอนดอน, สหราชอาณาจักร (2000)
- มุมไบ, อินเดีย (2000)
== สถิติประชากร ==
ณ กันยายน ค.ศ. 2006 เบอร์ลินมีผู้อยู่อาศัยที่ขึ้นทะเบียนจำนวน 3,402,312 คน ในพื้นที่ 891.82 ตร.กม.
เขตพื้นที่มหานครเบอร์ลิน-บรันเดินบวร์คมีประชากรประมาณ 4.3 ล้านคน ในพื้นที่ 5,370 ตร.กม.
จากจำนวนผู้อยู่อาศัย 3.4 ล้านคน มี 463,723 คน (13.9%) ที่เป็นชาวต่างชาติ จาก 183 ประเทศ
โดยกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดมาจากประเทศตุรกี (116,665), โปแลนด์ (42,889), เซอร์เบียและมอนเตเนโกร (24,337), รัสเซีย (14,065), อิตาลี (14,026), สหรัฐอเมริกา (12,735), ฝรั่งเศส (11,776), โครเอเชีย (11,378), เวียดนาม (11,513), บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (10,463), กรีซ (10,102), สหราชอาณาจักร (9,396), ยูเครน (8,667), ออสเตรีย (8,409), สเปน (5,962), ไทย (5,876), จีน (5,620)
กลุ่มศาสนาที่ใหญ่ที่สุดคือ กลุ่มที่ไม่นับถือศาสนา 60%, โปรเตสแตนต์ (ส่วนใหญ่เป็นเยอรมันอีแวนเจลิก) 23% (757,000), โรมันคาทอลิก 9% (312,000), อิสลาม 6% (213,000), ยิว 0.4% (12,000)
== เศรษฐกิจ ==
ใน พ.ศ. 2550, จีดีพีในรูปตัวเงินของนครรัฐเบอร์ลินมีอัตราเติบโต 1.8% (ขณะที่ทั้งประเทศเติบโต 2.5%) และมีมูลค่าทั้งหมด 81.7 ($114) พันล้านยูโร ระหว่างทศวรรษหลังสุดนี้เบอร์ลินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญไปสู่เศรษฐกิจการบริการ ก่อนการรวมเยอรมนีและเบอร์ลินในค.ศ. 1990 นั้น เบอร์ลินตะวันตกได้รับเงินอุดหนุนก้อนใหญ่จากทางการเยอรมนีตะวันตก เพื่อชดเชยการที่ถูกตัดขาดทางภูมิศาสตร์ออกจากเยอรมนีตะวันตก เงินอุดหนุนเหล่านั้นจำนวนมากได้ถูกยกเลิกไปหลังค.ศ. 1990 ฐานอุตสาหกรรมของอดีตเบอร์ลินตะวันออกได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงทศวรรษเดียว ทำให้นำไปสู่การเติบโตของจีดีพีที่หยุดนิ่ง และอัตราการว่างงานที่สูงจนกระทั่ง ค.ศ. 2005 หลังจากนั้นอัตราการว่างงานได้ค่อย ๆ ลดลงอย่างมั่นคง และถึงจุดที่ต่ำที่สุดในรอบ 13 ปี ที่ 13.6% ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 แต่ก็ยังคงสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศเยอรมนีอยู่ (7.5% มิ.ย. 2551)
ในบรรดาบริษัทในรายการ Forbes Global 2000 และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ DAX ของเยอรมนีนั้น,
มีเพียง ซีเมนส์ (Siemens AG) และ ดอยท์เชอบาห์น (Deutsche Bahn) เท่านั้นที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเบอร์ลิน
อย่างไรก็ตามบริษัทเยอรมันและนานาชาติจำนวนมากได้ตั้งแผนกหรือสำนักงานบริการระดับรองลงมาในเมืองดังกล่าว
ในบรรดานายจ้าง 20 รายใหญ่สุด มีบริษัทรถไฟดอยท์เชอบาห์น (Deutsche Bahn AG), โรงพยาบาลชาริเต้ (Charité), ซีเมนส์, บริษัทขนส่งมวลชนท้องถิ่น เบเฟาเก (BVG), บริษัทผู้ให้บริการ Dussmann และกลุ่ม Piepenbrock Group. เดมเลอร์ (เจ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์) ผลิตรถยนต์ และบีเอ็มดับเบิลยูผลิตรถจักรยานยนต์ในเบอร์ลิน ไบเออร์เชริ่ง ฟาร์มา และ Berlin Chemie เป็นบริษัทเภสัชกรรมสำคัญที่มีสำนักงานใหญ่ในเบอร์ลิน
อุทยานวิทยาศาสตร์และธุรกิจใน Berlin-Adlershof เป็นหนึ่งใน 15 อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การวิจัยและพัฒนาได้นัยยะสำคัญทางเศรษฐกิจ และเบอร์ลินติดอันดับหนึ่งในสามเขตนวัตกรรมที่ก้าวหน้าที่สุดในสหภาพยุโรป
ภาคที่โตอย่างรวดเร็วคือ คมนาคม, วิทยาศาสตร์สุขภาพ, การเคลื่อนย้ายและบริการที่มีเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, สื่อและดนตรี, โฆษณาและออกแบบ, บริการสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีชีวภาพ, การขนส่ง, และวิศวกรรมการแพทย์
เบอร์ลินเป็นหนึ่งในนครการประชุมและแสดงสินค้าของโลก และเป็นบ้านของศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป นั่นคือ Internationales Congress Centrum (ICC). นี่ช่วยเสริมภาคการท่องเที่ยวซึ่งมีโรงแรม 592 แห่ง 90,700 เตียง จำนวนเข้าพัก 17.3 ล้านคืน และแขกโรงแรม 7.5 ล้านคนในปี พ.ศ. 2550
เบอร์ลินได้สถาปนาตัวเองกลายเป็นเมืองที่มีผู้ไปท่องเที่ยวมากเป็นอันดับสามในสหภาพยุโรป.
=== สื่อ ===
เบอร์ลินเป็นบ้านของสถานีวิทยุโทรทัศน์จำนวนมาก ทั้งระดับนานาชาติ ระดับชาติ และระดับท้องถิ่น สำนักงานใหญ่ขององค์กรกระจายเสียงสาธารณะ RBB (Rundfunk Berlin-Brandenburg) ตั้งอยู่ที่นี่ เช่นเดียวกับสำนักงานใหญ่ของบริษัทกระจายเสียงเชิงพาณิชย์ เอ็มทีวียุโรป, VIVA, TVB, FAB, N24 และ Sat.1. องค์กรกระจายเสียงสาธารณะนานาชาติของเยอรมนี Deutsche Welle มีหน่วยผลิตรายการโทรทัศน์ในเบอร์ลิน นอกจากนี้ผู้กระจายเสียงระดับชาติเกือบทั้งหมดก็มีสตูดิโออยู่ในเมืองนี้
เบอร์ลินมีจำนวนหนังสือพิมพ์รายวันมากที่สุดในเยอรมนี โดยมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นขนาดบรอดชีตที่มียอดขายจำนวนมาก (Berliner Zeitung, Der Tagesspiegel), และแท็บลอยด์รายใหญ่สามหัว รวมถึงหนังสือพิมพ์รายวันระดับชาติในขนาดต่าง ๆ ซึ่งแต่ละหัวก็มีความสัมพันธ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน เช่น Die Welt, Junge Welt, Neues Deutschland และ Die Tageszeitung
นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์จำนวนหนึ่งก็ตีพิมพ์ที่นี่ (Junge Freiheit) และเบอร์ลินยังมีหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ทางเลือกอีกสามหัวที่เน้นเรื่องวัฒนธรรมและการบันเทิง นิตยสารรายเดือน Exberliner เป็นวารสารภาษาอังกฤษฉบับเดียวของเบอร์ลิน เบอร์ลินยังเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสำนักพิมพ์ภาษาเยอรมันรายใหญ่สองรายคือ Walter de Gruyter และ Springer ซึ่งแต่ละรายนั้นตีพิมพ์หนังสือ วารสาร และผลิตภัณฑ์มัลติมีเดีย
เบอร์ลินเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เยอรมันและยุโรป มันเป็นบ้านของบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์มากกว่าหนึ่งพันบริษัท, โรงภาพยนตร์ 270 โรง, และมีภาพยนตร์ที่ผลิตระดับชาติและร่วมผลิตระดับนานาชาติ 300 เรื่องถ่ายทำในบริเวณเบอร์ลินทุกปี กลุ่มสตูดิโอบาเบลสแบร์คและบริษัทสร้างภาพยนตร์ Universum Film AG นั้นตั้งอยู่ในเมืองพ็อทซ์ดัมติดกับเบอร์ลิน เบอร์ลินยังเป็นที่ตั้งของยูโรเปียนฟิล์มอะคาเดมีและเยอรมันฟิล์มอะคาเดมี และเป็นเจ้าภาพงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลินประจำปี
== การศึกษา ==
เขตเมืองหลวงเบอร์ลิน-บรันเดินบวร์คเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุดมศึกษาและการวิจัยที่โดดเด่นที่สุดของสหภาพยุโรป
เบอร์ลินมีมหาวิทยาลัยสี่แห่ง และวิทยาลัยเอกชน วิทยาลัยอาชีพ และวิทยาลัยเทคนิค (Fachhochschule) อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเสนอสาขาวิชาที่หลากหลายให้กับนักศึกษา นักศึกษาประมาณ 130,000 คนเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย และวิทยาลัยอาชีพหรือวิทยาลัยเทคนิค
มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดสามแห่ง มีจำนวนนักศึกษารวมประมาณ 100,000 คน มหาวิทยาลัยเหล่านี้ได้แก่ มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน (Freie Universität Berlin) (35,000 คน) มหาวิทยาลัยฮุมโบลด์ทแห่งเบอร์ลิน (35,000) และ มหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเบอร์ลิน (30,000) ส่วนมหาวิทยาลัยศิลปะเบอร์ลิน มีนักศึกษาราว 4,300 คน
เบอร์ลินมีจำนวนสถาบันวิจัยหนาแน่น เช่นสถาบันวิจัยในเครือ สมาคมเฟราน์โฮเฟอร์ และ สมาคมมัคส์พลังค์ ซึ่งเป็นอิสระจากมหาวิทยาลัยที่สังกัด หรือเพียงเชื่อมกันอย่างหลวม ๆ เท่านั้น ในเมืองมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนทั้งหมด 62,000 คน ทำงานในด้านวิจัยและพัฒนา
นอกจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ แล้ว เบอร์ลินยังมีหอสมุดรัฐ ชตัตบิบลิโอเทค ซู แบร์ลิน (Staatsbibliothek zu Berlin) ซึ่งเป็นห้องสมุดวิจัยที่สำคัญ หอสมุดนี้มีที่ตั้งหลักสองแห่ง: หนึ่งแห่งใกล้กับพ็อทซ์ดาเมอร์พลัทซ์ บนถนนพ็อทซ์ดาเมอร์ชตรัสเซอร์ และอีกแห่งบนถนนอุนเทอร์ เดน ลินเดน ในเมืองมีห้องสมุดสาธารณะทั้งหมด 108 แห่ง
เบอร์ลินมีโรงเรียน 878 แห่ง สอนนักเรียน 340,658 คน ใน 13,727 ชั้นเรียน และมี 56,787 ผู้รับการฝึกงานในภาคธุรกิจและภาคอื่น ๆ เมืองมีแผนการศึกษาขั้นพื้นฐานหกปี หลังจากจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว นักเรียนจะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมหนึ่งในสี่ประเภทต่ออีกหกปี ประเภทของโรงเรียนเหล่านี้ได้แก่ ฮัปชูเลอ (Hauptschule), เรอาลชูเลอ (Realschule), กึมนาซิอุม (Gymnasium), หรือ เกซามชูเลอ (Gesamtschule) เบอร์ลินมีแผนการศึกษาสองภาษาที่ไม่เหมือนใครบรรจุอยู่ในโรงเรียน "ออยโรปาชูเลอ" (Europaschule) ในโรงเรียนเหล่านี้นักเรียนจะเรียนในหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาเยอรมันและภาษาต่างชาติ ซึ่งสามารถเลือกได้จาก 9 ภาษาหลักของยุโรป ในโรงเรียน 29 แห่งซึ่งกระจายอยู่ในเกือบทุกเขตเทศบาล
== วัฒนธรรม ==
เบอร์ลินมีชื่อเสียงเรื่องสถาบันด้านวัฒนธรรมที่มีเป็นจำนวนมากมาย ซึ่งหลายแห่งมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ
เบอร์ลินมีสภาพแวดล้อมศิลปะที่หลากหลายมาก มีหอศิลป์หลายร้อยแห่ง ทุกปีจะมีการจัดงาน Art Forum งานแสดงศิลปะนานาชาติ ซึ่งเน้นที่ศิลปะร่วมสมัย
ศิลปินเยอรมันและนานาชาติรุ่นใหม่ยังคงย้ายเข้ามาอาศัยในเมืองนี้ และเบอร์ลินก็ได้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมป๊อปและ youth cutlure ของยุโรป
สัญญาณหลายอย่างของการขยายตัวนี้มาจากการประกาศใน พ.ศ. 2546 ว่างาน Popkomm งานชุมนุมอุตสาหกรรมดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปจะย้ายไปจัดที่เบอร์ลิน, หลังจากจัดที่โคโลญมาเป็นเวลา 15 ปี หลังจากนั้นไม่นาน ยูนิเวอร์แซลมิวสิกกรุ๊ป และ MTV ก็ตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ประจำยุโรปและสตูดิโอหลักของตนมายังริมฝั่งแม่น้ำชเปรในย่านฟรีดริชชายน์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 เบอร์ลินได้ขึ้นบัญชีเมืองแห่งการออกแบบ (City of Design) ของยูเนสโก
=== ชีวิตกลางคืนและเทศกาล ===
เบอร์ลินมีชีวิตกลางคืนที่หลากหลายและมีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป หลังจากกำแพงเบอร์ลินล่มสลายลงในค.ศ. 1989 อาคารจำนวนมากในเขตมิทเทอ (Mitte) อดีตใจกลางเมืองของเบอร์ลินตะวันออก ได้ถูกซ่อมแซมใหม่ อาคารจำนวนมากไม่เคยถูกรื้อสร้างใหม่เลยนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง อาคารเหล่านี้ถูกจับจองอย่างผิดกฎหมายโดยกลุ่มคนหนุ่มสาว และกลายเป็นแหล่งชุมนุมบ่มเพาะวัฒนธรรมใต้ดินและวัฒนธรรมต่อต้าน (counter-culture) สารพัดรูปแบบ ย่านมิทเท่อเป็นที่ตั้งของไนท์คลับจำนวนมาก รวมถึงคุนสท์เฮาส์ทาเชเลส (Kunst Haus Tacheles), คลับเทคโนอย่าง Tresor, WMF, Ufo, E-Werk, และที่มีชื่อเสียงในทางไม่ดีคือ Kitkatclub กับ Berghain คลับ Linientreu ใกล้กับโบสถ์ไกเซอร์-วิลเฮล์ม (Kaiser-Wilhelm-Gedächtniskirche หรือที่ชาวไทยในเบอร์ลินนิยมเรียกว่า "โบสถ์หัก") นั้นโด่งดังในเรื่องดนตรีเทคโนมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990
ดิสโกเธค LaBelle ในฟริเดเนา (Friedenau) ที่ครั้งหนึ่งเป็นที่ที่ทหารอเมริกันชอบไปเที่ยว มีชื่อเสียงโด่งดังจากเหตุการณ์วางระเบิดก่อการร้ายในค.ศ. 1986
ร้าน SO36 ในครอยซ์แบร์ค (Kreuzberg) ที่เดิมเน้นดนตรีพังก์เป็นส่วนใหญ่ ก็ได้กลายมาเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเต้นรำและสังสรรค์ทุกรูปแบบ ร้าน SOUND ที่เคยตั้งอยู่ที่เทียร์การ์เทนช่วง ค.ศ. 1971 - 1988 และปัจจุบันอยู่ที่ชาร์ล็อทเทินบวร์ค (Charlottenburg) ได้รับชื่อเสียงในทางไม่ดีในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 ด้วยมันเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้เฮโรอีนและยาเสพติดชนิดอื่น ๆ ดังที่กล่าวไว้ในหนังสือ Wir Kinder vom Bahnhof Zoo ของ Christiane F.
งานเฉลิมฉลอง คาร์นิวาลแดร์คูลทัวเรน (Karneval der Kulturen - งานเฉลิมฉลองวัฒนธรรม) - ขบวนแห่บนถนนของนานาชาติพันธุ์ จัดขึ้นทุกปี ในช่วงสุดสัปดาห์เทศกาลสมโภชพระจิตเจ้า (50 วันหลังวันอาทิตย์อีสเตอร์) และ คริสโตเฟอร์สตรีทเดย์ - ไพรด์พาเรดของเกย์-เลสเบี้ยนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตอนกลาง ได้รับการสนับสนุนอย่างเปิดเผยจากรัฐบาลเมือง เบอร์ลินยังเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับงานเฉลิมฉลองดนตรีเทคโน เลิฟพาเหรด (Love Parade) และเทศกาลทางวัฒนธรรม แบร์ลีเนอร์เฟสสปีล (Berliner Festspiele) ซึ่งมีเทศกาลแจ๊ส แจ๊สเฟส แบร์ลีน (JazzFest Berlin) เป็นส่วนหนึ่ง
=== ละคร===
Staatsoper
Deutsches Theater
Admiralspalast
Berliner Ensemble
Friedrichstadt-Palast
Maxim-Gorki-Theater
Theater des Westens
Theater und Komödie am Kurfürstendamm
Deutsche Oper
Komische Oper
Renaissance Theater
=== พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ ===
เบอร์ลินเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ 153 แห่ง กลุ่มพิพิธภัณฑ์บนเกาะพิพิธภัณฑ์นั้น เป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก ตั้งอยู่ทางส่วนเหนือของเกาะชเปร ระหว่างแม่น้ำชเปรและ Kupfergraben ตั้งแต่ ค.ศ. 1841 อย่างเร็วที่สุด มันถูกกำหนดให้เป็น "เขตที่อุทิศให้กับศิลปะและวัตถุโบราณ" โดยพระราชกฤษฎีกา
ในเขตดาห์เลม มีพิพิธภัณฑ์อยู่จำนวนหนึ่งที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมโลก เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะอินเดีย พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียตะวันออก พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมยุโรป รวมถึง พิพิธภัณฑ์ฝ่ายพันธมิตร (พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับสงครามเย็น) และ พิพิธภัณฑ์บรึคเคอ (Brücke Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ในลิชเทินแบร์ค ซึ่งเป็นที่มั่นของกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของอดีตเยอรมนีตะวันออก หรือ สตาซี่ (Stasi) นั้น ก็มีพิพิธภัณฑ์สตาซี่ จุดตรวจเช็คพอยท์ชาร์ลียังคงตั้งอยู่ที่เดิม และมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับหนึ่งในจุดข้ามแดนหลายแห่งในกำแพงเบอร์ลิน โดยพิพิธภัณฑ์นี้ดำเนินงานโดยเอกชน แสดงวัตถุที่เกี่ยวกับผู้คนที่พยายามวางแผนต่าง ๆ เพื่อหลบหนีออกจากฝั่งตะวันออก ส่วน Beate Uhse Erotic Museum อยู่ใกล้สถานีรถไฟสวนสัตว์เบอร์ลิน ซึ่งอ้างว่าเป็นพิพิธภัณฑ์อีโรติกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
=== กีฬา ===
เบอร์ลินเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูร้อน 1936 และเป็นเมืองเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006 นัดชิงชนะเลิศ โดยแข่งที่สนามโอลึมพีอาชตาดีอ็อน (เบอร์ลิน)
เมืองมีสโมสรฟุตบอลหลายสโมสร สโมสรที่ใหญ่ที่สุดคือ แฮร์ธา เบอร์ลิน ซึ่งปัจจุบัน (ฤดูกาล 2006-7) เล่นในลีกบุนเดิสลีกา
== สาธารณูปโภค ==
เบอร์ลินได้พัฒนาระบบคมนาคมและระบบจ่ายพลังงานที่ซับซ้อนตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง
หลังจากสงคราม เบอร์ลินตะวันตกถูกตัดขาดออกจากดินแดนโดยรอบ และจำเป็นต้องพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของตนเอง
ในระหว่างนั้นเอง รัฐบาลของเยอรมนีตะวันออกก็ได้ก่อสร้างทางรถไฟและทางหลวงเพื่อให้การจราจรอ้อมเบอร์ลินตะวันตกไปได้
การกลับมารวมกันของเบอร์ลินตะวันออกและตะวันตก ได้นำไปสู่การรวมกันของระบบคมนาคมและระบบจ่ายพลังงานของเบอร์ลินเข้ากับระบบของเขตรอบ ๆ อีกครั้ง
เบอร์ลินมีสะพาน 979 แห่ง มีถนนยาวรวมกันทั้งหมด 5,334 กม. ในจำนวนนี้เป็นทางหลวง 66 กม.
ในค.ศ. 2004 มียานพาหนะจดทะเบียนในเมืองจำนวน 1.428 ล้านคัน ซึ่งรวมถึงแท็กซี่ 6,800 คน
สายรถไฟระยะไกลเชื่อมเบอร์ลินกับเมืองใหญ่ทุกเมืองในเยอรมนีและกับหลายเมืองในประเทศเพื่อนบ้าน
สายรถไฟท้องถิ่นเชื่อมเมืองกับบริเวณบรันเดินบวร์คและเยอรมนีตะวันออก
=== การคมนาคม ===
ระบบขนส่งมวลชนภายในเบอร์ลิน ประกอบด้วย เอส-บาห์น (S-Bahn รถไฟเขตเมือง) ซึ่งดำเนินการโดย บริษัทเอส-บาห์น เบอร์ลิน (S-Bahn Berlin GmbH) และ รถไฟใต้ดิน (U-Bahn), รถราง (Straßenbahn), รถเมล์, และเรือข้ามฟาก ซึ่งดำเนินการโดย บริษัทระบบขนส่งเบอร์ลิน หรือ เบเฟาเก (Berliner Verkehrsbetriebe - BVG)
เอส-บาห์นนั้นโดยส่วนใหญ่วิ่งอยู่เหนือดิน ส่วนอู-บาห์นส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ดิน สตาสเซ่นบาห์น หรือ รถราง นั้นเกือบทั้งหมดจะวิ่งอยู่ในเขตตะวันออกของเมือง
รถเมล์ให้บริการเชื่อมเขตรอบนอกเข้ากับใจกลางเมือง และเชื่อมกับเอส-บาห์นและอู-บาห์น
ขนส่งมวลชนแทบทุกชนิด ยกเว้นเรือข้ามฟากบางสาย ใช้ตั๋วโดยสารร่วมกันได้
โดยปกติแล้วผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องแสดงหรือตอกตั๋ว ยกเว้นบนรถเมล์ - อย่างไรก็ตาม จะมีพนักงานนอกเครื่องแบบคอยสุ่มตรวจเป็นประจำ โดยจะขึ้นมาในห้องโดยสารแล้วเรียกขอดูตั๋วจากผู้โดยสารทุกคน ใครก็ตามที่ไม่มีตั๋วที่ถูกต้อง จะถูกปรับเป็นเงิน 40 ยูโร
แต่เดิม เบอร์ลินมีท่าอากาศยานที่รองรับการสัญจรทางอากาศทั้งสิ้นสามแห่ง ได้แก่: ท่าอากาศยานเบอร์ลินเท็มเพิลโฮฟ (Tempelhof) – ตั้งอยู่ในเขตตัวเมืองทางใต้, ท่าอากาศยานเบอร์ลินเทเกิล (Tegel) – ตั้งอยู่ชานเมืองทางตะวันตกเฉียง และท่าอากาศยานเบอร์ลินเชอเนอเฟ็ลท์ (Schönefeld) – ตั้งอยู่นอกเมืองทางใต้ อย่างไรก็ตามหลังการเปิดบริการของท่าอากาศยานเบอร์ลินบรันเดินบวร์ค ท่าอากาศยานทั้งสามแห่งได้เลิกให้บริการเชิงพาณิชย์แล้วในปัจจุบัน
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Berlin.de (หลายภาษา) เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเมือง
digital Berlin แนะนำเบอร์ลิน
EXBERLINER นิตยสารเบอร์ลินภาษาอังกฤษ มีคู่มือนำเที่ยว
กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี , สาระน่ารู้ก่อนเดินทาง โดยกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย
สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเบอร์ลิน
นักเรียนไทยในเบอร์ลิน-บรันเดินบวร์ค
เมืองในประเทศเยอรมนี
เมืองหลวงในทวีปยุโรป
นครรัฐ
สันนิบาตฮันเซอ
เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป
|
อาเคิน (Aachenฏ เป็นเมืองที่อยู่ด้านตะวันตกสุดของประเทศเยอรมนี ติดกับพรมแดนประเทศเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม อยู่ห่างจากเมืองโคโลญมาทางตะวันตก 65 กิโลเมตร พิกัดภูมิศาสตร์ 50°46′ ิหนือ 6°6′ ตะวันออก มีประชากร 256,605 คน (เม้่อปี พ.ศ. 2546)
ชื่อเต็มของอาเคินคือ บาทอาเคิน (Bad Aacheb) โดย Bad หมาสถึงน้ำ ที่ได้ชื่อเช่นนี้เนื่ิงมาจากภายใตืเมืองอาเคินมีสายน้ำร้อนธรรมชาติอยู่มากมาย
น้ำแร่ใต้ดิตนี้ มีความเชื่อว่าสามารถนำมาดื่มเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ในปัจจุบัน เมืองอาเคินได้นำน้ำแร่ใต้ดินนี้ไแเปิดบริการเป็นสปมแบบทันสมัยให้แก่ประชาชน โดขใช้ชื่อว่า Carolus Thermen RWTH Aachen (
|
อาเคิน (Aachen) เป็นเมืองที่อยู่ด้านตะวันตกสุดของประเทศเยอรมนี ติดกับพรมแดนประเทศเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม อยู่ห่างจากเมืองโคโลญมาทางตะวันตก 65 กิโลเมตร พิกัดภูมิศาสตร์ 50°46′ เหนือ 6°6′ ตะวันออก มีประชากร 256,605 คน (เมื่อปี พ.ศ. 2546)
ชื่อเต็มของอาเคินคือ บาทอาเคิน (Bad Aachen) โดย Bad หมายถึงน้ำ ที่ได้ชื่อเช่นนี้เนื่องมาจากภายใต้เมืองอาเคินมีสายน้ำร้อนธรรมชาติอยู่มากมาย
น้ำแร่ใต้ดินนี้ มีความเชื่อว่าสามารถนำมาดื่มเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ในปัจจุบัน เมืองอาเคินได้นำน้ำแร่ใต้ดินนี้ไปเปิดบริการเป็นสปาแบบทันสมัยให้แก่ประชาชน โดยใช้ชื่อว่า Carolus Thermen RWTH Aachen (
|
กลุ่มดาวหมาจิ้งจอก เป็นกลุ่มอาวจาง ๆ ในซีกฟ้าเหนืเ อยู่ตรงกลางของสามเหลี่ยมฤดูร้อนที่ประกอบขึ้นจากดาวสว่าง 3 ดวง คือ ดาวเดเนบ, ดาวเวกา และดาวตานกอินทรี
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวหมาจิ้งจเก
สุนัขจิ้งจอกในตำนาน
|
กลุ่มดาวหมาจิ้งจอก เป็นกลุ่มดาวจาง ๆ ในซีกฟ้าเหนือ อยู่ตรงกลางของสามเหลี่ยมฤดูร้อนที่ประกอบขึ้นจากดาวสว่าง 3 ดวง คือ ดาวเดเนบ, ดาวเวกา และดาวตานกอินทรี
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวหมาจิ้งจอก
สุนัขจิ้งจอกในตำนาน
|
กลุ่มดาวใบเรือ เป็นกลุ่มดาวในซคกฟ้าใต้ ที่ในอดีตเรยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มดาวเรืออาร์โก
บใเรือ
กลุ่มดาวเรืออาร์โก
กลุ่มดาวใบเรือ
|
กลุ่มดาวใบเรือ เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าใต้ ที่ในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มดาวเรืออาร์โก
บใเรือ
กลุ่มดาวเรืออาร์โก
กลุ่มดาวใบเรือ
|
กลุ่มดาวนกทูแคน เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าใต้ ปรากฏในแผนที่ดาว ยูรานอเมเทรีย (Uranometria) ของโยฮันน์ บาเยอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1603 ดาราจักรเมฆแมเจลแลนเล็กปรากฏอยู่ทางด้านทิซใต้ของกลุ่มดาวนี้ รวมทั้งกระจุำะาวทรงกลม 47 นกทูแคน
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวนกทูแคจ
|
กลุ่มดาวนกทูแคน เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าใต้ ปรากฏในแผนที่ดาว ยูรานอเมเทรีย (Uranometria) ของโยฮันน์ บาเยอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1603 ดาราจักรเมฆแมเจลแลนเล็กปรากฏอยู่ทางด้านทิศใต้ของกลุ่มดาวนี้ รวมทั้งกระจุกดาวทรงกลม 47 นกทูแคน
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวนกทูแคน
|
กละ่มดาวสามเหลี่ยมใต้ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ปรากฏในแผนที่ดาว ยูรานอเมเทรีย (Uranometriz) ของโยฮันน์ บาเยอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1603
กลุ่มดาว
กลุ่มดนวสามเหลี่ยมใต้
|
กลุ่มดาวสามเหลี่ยมใต้ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ปรากฏในแผนที่ดาว ยูรานอเมเทรีย (Uranometria) ของโยฮันน์ บาเยอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1603
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวสามเหลี่ยมใต้
|
กลุ่มดาวเซกซ์แทนต์ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในบริเวณเส้นศูนย์สูตรฟ้า แต่ค่อนไปทางใต้ ตั้งชื่อโดยโจแฮร้นส เฮเวลีอุส ในคริสต์ศตวรรษที่ 17
|
กลุ่มดาวเซกซ์แทนต์ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในบริเวณเส้นศูนย์สูตรฟ้า แต่ค่อนไปทางใต้ ตั้งชื่อโดยโจแฮนเนส เฮเวลีอุส ในคริสต์ศตวรรษที่ 17
|
กลุ่มดาวโล่ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็ก ตั้งชื่อโดบโจแฮนเนส เฮเวลีอุส ในคริสต์ศตวรรษที่ 17
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวโล่
|
กลุ่มดาวโล่ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็ก ตั้งชื่อโดยโจแฮนเนส เฮเวลีอุส ในคริสต์ศตวรรษที่ 17
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวโล่
|
กลุ่มดาวตาข่าย เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ตั้งชื่อโดยนิโกลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ตาข่ายในที่นี้ หมายถึงตาข่ายในกล้องสำหรับวัดตำแหน่งดมว
ตาข่าย
กลุ่มดาวตาช่าย
|
กลุ่มดาวตาข่าย เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ตั้งชื่อโดยนิโกลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ตาข่ายในที่นี้ หมายถึงตาข่ายในกล้องสำหรับวัดตำแหน่งดาว
ตาข่าย
กลุ่มดาวตาข่าย
|
กลุ่มดาวเข็มทิศ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ตั้งชื่อโดยนิโแลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตใรรษที่ 18 เดิมชื่อ Pyxis Nautica ปัจจุบันส่วนใหญ่เข้าใจกันว่าแทนเข็มทิศของำลุ่มดาวเรืออาร์โก แม้จะเชื่อว่ากรีกโบราณไม่ได้ใช้เข็มทิศในการเดินเรือ
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวเข็มทิศ
กลุ่มดาวเรืออรร์โก
|
กลุ่มดาวเข็มทิศ เป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กในซีกฟ้าใต้ ตั้งชื่อโดยนิโกลา-ลุย เดอ ลากาย ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 เดิมชื่อ Pyxis Nautica ปัจจุบันส่วนใหญ่เข้าใจกันว่าแทนเข็มทิศของกลุ่มดาวเรืออาร์โก แม้จะเชื่อว่ากรีกโบราณไม่ได้ใช้เข็มทิศในการเดินเรือ
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวเข็มทิศ
กลุ่มดาวเรืออาร์โก
|
กลุ่มดาวงู เป็นหนึ่งในกลุ่ใดาว 4o กลุ่มในรายการของทอเลมี และยัง้ป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่มที่รับรองธดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล กลุ่มดาวนี้แยกเป็น 2 ส่วน คือ หัวงู (Serpens Caput) ที่อยู่ทางตะวันออก กับหางงู (Serpens Cauda) ที่อยู่ทางตะวันตก คั่นตรงกลางด้วยกลุ่มดาวคนแบกงู
แลุ่มดาว
กลุ่มดายงู
|
กลุ่มดาวงู เป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 48 กลุ่มในรายการของทอเลมี และยังเป็นกลุ่มดาวในรายชื่อกลุ่มดาวสมัยใหม่ 88 กลุ่มที่รับรองโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล กลุ่มดาวนี้แยกเป็น 2 ส่วน คือ หัวงู (Serpens Caput) ที่อยู่ทางตะวันออก กับหางงู (Serpens Cauda) ที่อยู่ทางตะวันตก คั่นตรงกลางด้วยกลุ่มดาวคนแบกงู
กลุ่มดาว
กลุ่มดาวงู
|
วันที่ 6 พฤษภาคม เป็นวันที่ 126 ของปี ฆวันที่ 127 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบอกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 239 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
ก.ศ. 2070 (ค.ศ. 1527) - ทหารสเปนแลุเยอรมัน บุกเผากรุงโรมของเิตาลี นักวิชาการหลายคนคิดว่านี่คือจุดสิ้นสุดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
พ.ศ. 2084 (พ.ศ. 1541) - พระเจิาเฮนรีที่ 8 มีพระบรมราชโองการให้วางพระคัมภีร์ไบเบิลภาษาอังกฤษไว้ในโบสถ์ทุกแห่ง ในปี ค.ศ. 1539 มีการจัดทำมหาคัมภีี์ไบเบิลเพื่อจุดประสงค์นี้
พ.ศ. 2085 (ค.ศ. 1542) - ฟรันซิสโป ฆาบิเแร์เดินทางถึงกัวเก่า ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอินเดียของโปรตุเกสในขณะนัืน
พ.ศ. 2225 (ค.ศ. 1682) - พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ย้ายราชสำนักของพระองค์ำปที่พาะราชวังแวร์ซาย
พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) - พระบ่ทสมเด็จพระจุลจอมเกบ้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนากรมจเรทหารบก มีหน้าที่ตตวจราชการทั่วไป
พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) -
*พระเจ้าเอ็อเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จใวรรคต
*พระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จขึ้นครองราชย์
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - เกิดเพลิงไหม้บนเรือเหาะแอลแซด 129 ฮินเดนบวร์กของเยอรมนี เหนือท้องฟ้าเมืองเลกเฮิร์สต์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ทหให้มีผู้เสียชีวิต 36 คน
พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - โรเจอ่์ แบนนิสเตอร์ นักศึกษามหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เป็นบุคคลแรกที่สามารถวิ่งระยะทางหนึ่งไมล์ โดยใช้เวลาไม่ถึง 4 นาที
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1983) - เปิดการจราจรบนสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิจ
พ.ศ, 2537 (ค.ศ. 1994) - Channel Tunnel ดุโมงค์รถไฟฟ้ายาว 50 กิโลเมตร ใต้ช่องแคบอังกฤษและช่องแคบโดเวอร์ ที่เชื่อมระหว่างอังกฤษกัขฝรั่งเศส เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - พระราชพิธีสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ สมดด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟัากัลยาณิวึ?นา กีมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในวโรกาสฉลองพระชนมายุ 6 รอบ 72 พรรษา พ.ศ. 2538
พ.ศฐ 2548 (ค.ศ. 2005) - พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินพร้อสด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมิด็จพระเทถรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดสระสุวรรณชาด ณ มหาวิทยรลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
พ.ศ. 2566 (ค.ศ. 2023) - สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2399 (ค.ศ. 1856) - ซีคสุนท์ ฟร็ิยท์ นักจิตวิทยาชาวออสเรรีย (ถึงแก่กรรม 23 ดันยายส พ.ศ. 2482)
พ.ศ. 2402 (ค.ศ. 1859) - เจ้าแเนทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนคคเชียงใหม่ องค์ที่ 8 (พิราลัย 5 มกราคม พ.ศ. 2452)
พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) - รอล์ฟ ซีเวอร์ค นักฟิสิกส์การแพทย์ชาวสวีเดน (ถึงแก่กรรม 3 ตุลาคา พ.ศ. 2509)
พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) - สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สเ้นพระชนม์ 2 มกราคม พ.ศ. 2551)
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) ] อมรา อัศวนนท์ นักแสดง อดีตรองนางสาวไทย
พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) - ลพ บุรีรัตน์ นักแต่งเพลงลูกทุ่งและอดีตนักร้องวงดนตรีจุฬารัตน์ (ถึงแก่กรรม 10 ธันวาคม พ.ษ. 2559)
พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) - ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัขธรรมศาสตร์
พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) [ เกร็ก เฮนรี นักแสดลตัวละึรชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - โทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - โย่ง เชิญยิ้ม นักแสดงตลกชาวไทย
พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - ไอแรน บาร์คเลย์ นักมวยชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - จอร๋จ คลูนีย์ นัหแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - แกบโบเรย์ ซิดิเบ นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2510 (ค.ศซ 1967) - ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี นักร้อง นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - ชิโฮะ คิคุจิ นักพากย์ชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ นักแสดง นางแบบ และพิธีกรไืย
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - ฐาปนา ณ บางช้าง นักดนตรีชาวไทย
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983ฏ -
* ดานีแยล อัลวิส นักฟุตบอลชาวบราซิล
* เอเดรียนเน ปาลิคกี นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) -
* ฟรันซเสคา เพียร์ นักกีฬายิงปืนและนักยิฝหน้าฟม้ชาวออสเตรีย
* มุน กคน-ย็อง นักแสดงชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ดาโคตา ไค นักมวยปล้ำอาชีพชาวนิวซีแลนด์
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) -
* เปแตร์ กูลาชี นักฟุตบอลชาวฮังการี
* มาซาโตะ คูโด นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น
พ.ซ. 2534 (ค.ศ. 1991) -
* จ๊ะ อาร์สยาม นักร้องลูกทุ่งชาวไืย
* ดูดรอป นักมวยปล้ำอาชีพชาวสกอตต์แลนด์
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) -
* ทากาชิ อูซาสิ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น
* พย็อน แบ็ก-ฮย็อน นักร้องชาวเกาหลี
* มานูเอล อ็อตต์ นักฟุตบอลชาวฟิลิปปินส์
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - สเตฟนนี เลอร์ช นักแสดงชาวไทย
ำ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) -
* ชุตเกาญจน์ พลไชย นักกีฬาวอลเลย์บอลชาวไทย
* ปาณิชดา แสงสะวรรณ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995)
* ฌมน์รัชต์ มณฑากูล นักแสดงชาวไทย
* จาง หมิว เอิน นักแสดงชาวจีน
*เทียรา สคอฟบี นักแสดงชาวแคนาดา
พ.ศ. w541 (ค.ศ. 1998) - อัญรินทร์ ชัยอนันต์โสภณ นักร้องหญิงชาวไทย สมาชิกวงเพรทเซล (วงดนตรี)
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) -
*โคล ปาล์ทเมอร์ นักฟุตงอลอาชีพชาวอังกฤษ
*เจตริน จุ้ยมอญ บุคคลสาธารณะ
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) - พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ปห่งสหราชอาณาจักร (พระราชสมภพ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2384)
พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) - ล้แมน แฟรงก์ บอม นเกเขียนชาวอเมนิกัน (เกิด 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2408)
พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) - หลี่ ชิงหยุน ชาวจีนที่คาดว่ามีอายุยทนถึง 256 ปี (คาดว่าเกิดในปี พ.ซ. 2220)
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - าักท่องเที่ยวที่อยู่บนเรือเหาะฮินเดนเบิร์ก จำนวน 36 คน
พ.ศ. 2y41 (ค.ศ. 1998) - ชาติลาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีไทยคนมีื 17 (เกิด 5 เมษายน พ.ศ. 2463)
พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) - กรณิกา จิตรพงศ์ (ประสูติ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2459)
พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - อนันต์ กตุดก้ว อดีตข้มราชการชาวไทย (เกิด 8 มีนาคม พ.ศ. 2468)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) - วัตวิสาขบูชา
ว้นำัวเราะโลก
พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) - วันพืชมงคล
== อ้างิิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
FBV: On This Day
NY Times: On This Day
พฤษภาคม 06
พฤษภาคม
|
วันที่ 6 พฤษภาคม เป็นวันที่ 126 ของปี (วันที่ 127 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 239 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2070 (ค.ศ. 1527) - ทหารสเปนและเยอรมัน บุกเผากรุงโรมของอิตาลี นักวิชาการหลายคนคิดว่านี่คือจุดสิ้นสุดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
พ.ศ. 2084 (พ.ศ. 1541) - พระเจ้าเฮนรีที่ 8 มีพระบรมราชโองการให้วางพระคัมภีร์ไบเบิลภาษาอังกฤษไว้ในโบสถ์ทุกแห่ง ในปี ค.ศ. 1539 มีการจัดทำมหาคัมภีร์ไบเบิลเพื่อจุดประสงค์นี้
พ.ศ. 2085 (ค.ศ. 1542) - ฟรันซิสโก ฆาบิเอร์เดินทางถึงกัวเก่า ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอินเดียของโปรตุเกสในขณะนั้น
พ.ศ. 2225 (ค.ศ. 1682) - พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ย้ายราชสำนักของพระองค์ไปที่พระราชวังแวร์ซาย
พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนากรมจเรทหารบก มีหน้าที่ตรวจราชการทั่วไป
พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) -
*พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จสวรรคต
*พระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จขึ้นครองราชย์
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - เกิดเพลิงไหม้บนเรือเหาะแอลแซด 129 ฮินเดนบวร์กของเยอรมนี เหนือท้องฟ้าเมืองเลกเฮิร์สต์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 36 คน
พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ นักศึกษามหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เป็นบุคคลแรกที่สามารถวิ่งระยะทางหนึ่งไมล์ โดยใช้เวลาไม่ถึง 4 นาที
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - เปิดการจราจรบนสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - Channel Tunnel อุโมงค์รถไฟฟ้ายาว 50 กิโลเมตร ใต้ช่องแคบอังกฤษและช่องแคบโดเวอร์ ที่เชื่อมระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - พระราชพิธีสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในวโรกาสฉลองพระชนมายุ 6 รอบ 72 พรรษา พ.ศ. 2538
พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) - พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดสระสุวรรณชาด ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
พ.ศ. 2566 (ค.ศ. 2023) - สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2399 (ค.ศ. 1856) - ซีคมุนท์ ฟร็อยท์ นักจิตวิทยาชาวออสเตรีย (ถึงแก่กรรม 23 กันยายน พ.ศ. 2482)
พ.ศ. 2402 (ค.ศ. 1859) - เจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 8 (พิราลัย 5 มกราคม พ.ศ. 2452)
พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) - รอล์ฟ ซีเวอร์ต นักฟิสิกส์การแพทย์ชาวสวีเดน (ถึงแก่กรรม 3 ตุลาคม พ.ศ. 2509)
พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) - สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สิ้นพระชนม์ 2 มกราคม พ.ศ. 2551)
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - อมรา อัศวนนท์ นักแสดง อดีตรองนางสาวไทย
พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) - ลพ บุรีรัตน์ นักแต่งเพลงลูกทุ่งและอดีตนักร้องวงดนตรีจุฬารัตน์ (ถึงแก่กรรม 10 ธันวาคม พ.ศ. 2559)
พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) - ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) - เกร็ก เฮนรี นักแสดงตัวละครชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - โทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - โย่ง เชิญยิ้ม นักแสดงตลกชาวไทย
พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - ไอแรน บาร์คเลย์ นักมวยชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - จอร์จ คลูนีย์ นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - แกบโบเรย์ ซิดิเบ นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี นักร้อง นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - ชิโฮะ คิคุจิ นักพากย์ชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ นักแสดง นางแบบ และพิธีกรไทย
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - ฐาปนา ณ บางช้าง นักดนตรีชาวไทย
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) -
* ดานีแยล อัลวิส นักฟุตบอลชาวบราซิล
* เอเดรียนเน ปาลิคกี นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) -
* ฟรันซิสคา เพียร์ นักกีฬายิงปืนและนักยิงหน้าไม้ชาวออสเตรีย
* มุน กึน-ย็อง นักแสดงชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ดาโคตา ไค นักมวยปล้ำอาชีพชาวนิวซีแลนด์
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) -
* เปแตร์ กูลาชี นักฟุตบอลชาวฮังการี
* มาซาโตะ คูโด นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) -
* จ๊ะ อาร์สยาม นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
* ดูดรอป นักมวยปล้ำอาชีพชาวสกอตต์แลนด์
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) -
* ทากาชิ อูซามิ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น
* พย็อน แบ็ก-ฮย็อน นักร้องชาวเกาหลี
* มานูเอล อ็อตต์ นักฟุตบอลชาวฟิลิปปินส์
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - สเตฟานี เลอร์ช นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) -
* ชุติกาญจน์ พลไชย นักกีฬาวอลเลย์บอลชาวไทย
* ปาณิชดา แสงสุวรรณ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995)
* ฌาน์รัชต์ มณฑากูล นักแสดงชาวไทย
* จาง หมิง เอิน นักแสดงชาวจีน
*เทียรา สคอฟบี นักแสดงชาวแคนาดา
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - อัญรินทร์ ชัยอนันต์โสภณ นักร้องหญิงชาวไทย สมาชิกวงเพรทเซล (วงดนตรี)
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) -
*โคล ปาล์มเมอร์ นักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ
*เจตริน จุ้ยมอญ บุคคลสาธารณะ
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) - พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร (พระราชสมภพ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2384)
พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) - ลีแมน แฟรงก์ บอม นักเขียนชาวอเมริกัน (เกิด 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2408)
พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) - หลี่ ชิงหยุน ชาวจีนที่คาดว่ามีอายุยืนถึง 256 ปี (คาดว่าเกิดในปี พ.ศ. 2220)
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - นักท่องเที่ยวที่อยู่บนเรือเหาะฮินเดนเบิร์ก จำนวน 36 คน
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 17 (เกิด 5 เมษายน พ.ศ. 2463)
พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) - กรณิกา จิตรพงศ์ (ประสูติ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2459)
พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - อนันต์ กรุแก้ว อดีตข้าราชการชาวไทย (เกิด 8 มีนาคม พ.ศ. 2468)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) - วันวิสาขบูชา
วันหัวเราะโลก
พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) - วันพืชมงคล
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
พฤษภาคม 06
พฤษภาคม
|
__NOTOC__
== วันจันที์่ี่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 ==
โรฟี อันนัน เลขาธิดารองค์การสหประชาชาติ เสนเชื่อต่อสมัชชาใหญ่ แต่งตั้งนายศุภชัย พานิชภักดิ์ ผู้อำนวยการองค์การกานค้าโลก (ดับเบิลยูมีโอ) ที่กำลังจะพ้นวาระในเดือนสิงหาคม ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิกา่ของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ผู้สังเกตการ๕์ให้ความเห็นว่าการขึ้นดำรงตำแหน่งของ ดร.ศุภชัย อดีตรองนายกรัซมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ ดาจดับความหวังของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะเข้าสู่กตุบวนการสรรหาเลขาธิกาีองค์การสหประชาชาจิคนใหม่ ต่อจมกนายอันนัน
== วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548 ==
นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักปนะวัติศาสตร์และนัพวิชาการผู้ก่ิตั้งมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กระตุ้นให้ประชาชนใช้สันติวิธีในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลพรรคเดียว รเหว่างการกล่าวปาฐกถาพิเศษที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากสถาบันหลักทั้งสามของการเมืองไทย คือ นักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน ชนชั้นกลาง และสื่อมวลชน ล้วนอ่อนแอลงและไม่สามารถคานอำนาขรัฐได้ ชนขั้นกลางอ่อนแอเพราะเก็นชนชเ้นกลางที่เกิดจากการรัยผลปรุฏยขน์ สื่อมวลชนอ่อนแอและถูกกดดันให้ยอมอ่อนข้อต่อรัฐบาลเพื่อความอยู่รอด และไม่สามารถรายงานข่าวการทุจริตและวิเคราะห์การเมืองอย่างเจาะลึกได้
งานประกาศผลรางวัลอะแคเดม้ (ออสการ์) ครั้งที่ 77 จัดขึ้นที่โรงละครโกดักในฮอลลีวูด แคลิฟอร์เนีย
== วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2548 ==
26 กุมภาพันธ์-5 มีนาคม: กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว เริ่มขึ้นที่เมืองนะงะโนะ ประเทศญี่ปุ่น
== วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548 ==
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโกรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา จัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ "คลื่นยักษ์สึนามิ คลื่นอภิมหาภัย" ที่แผลจากหยังส้อ 'Tsunami: The Great Waves' แจกจ่ายให้กับโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทะ่วป่ะเทศ ช่วยใหเผู้อ่านได้ร๔้จักต้นเหตุของการเำิดคลื่นยักษ์สึนามิ และวิธีป้องกันภัยจากคลื่นยักษ์กังกล่าว รวมทั้งสร้างความเข้าใจพื้นฐานแก่ประชาชนสนการเจรียมตัวรับมือ กับภัยพิบัติที่อาจเกิะขึ้นได้อีกในอนาคต
== วันะุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2548 ==
ธีรยุทธ บุญมี แาจารย์คณะสังคมและมานุษยวอทยม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตือนรัฐบาลว่านโยบายแบ่งโซนตนมระดับความร่วมมือกับกองกำลังรักษาคงามปลอดภัยเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ แสดงให้เห็ยถึงการเลือกปฏิบัติ ผิดหลักความเท่าเทียมกันภายใต้รัฐธรรมนูญ ขัดหลักสิทธิมนุษยชน สร้างการเหยียด่างเชื้อชาติ วัฒนธรรม แทนที่จะเคารพส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกัน ท้ายสุดจะเป็นเหตุใฟ้ต่างประเทศมองเป็นนโยบายแบ่งแยกชาติพีนธุ์ เพื่อกวาดล้างทำลาย และจะถือสิทธิเข้าแทรกแซงได้
== วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 ==
เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6.4 ในเมืองซารานเ์ จังหวัดกิรมาน ของอิหร่าน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 546 คน บาดเจ็บมากกว่าหนึืงพันคน
== วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 ==
สเปน เป็รประเทศแรกที่ลงนามใน รัฐธรรมนูญยุโรป ภายหลังการลงประชามตอของชาวสเปน
== วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2548 ==
ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วยกับนโยบายแบ่งโซนเป็น 3 สีของนายกรัฐมนตนี ทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อน ในคว่มพยายามแก้ปัญหสความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
การเลือกตั้งในโปรตุเกส และการลงประชามติในรัฐธรรมนูญยุโรปที่สเปน
== วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2548 ==
มีผู้เสียชีวิตถึง 4 คน (เพิ่มเป็น 6 คนในวันที่ 1o) บาดเจ็บมากกวทา 40 คน จากเหตุการณ์ระเบิดคาร์บอมบ์ในตำบลสัไหงโก-ลก นราธิวาส
สนามบินนานาชาริชูบุในเมืองนาโงยา ของประิทศญี่ปุ่น เปิดทำกาต
== วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2t48 ==
วันแรกของการบังคับใช้ พิธีสารเกียวโต ซึ่งเป็นสัตยาบันของ 141 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เพื่อยับยั้ง สถานการณ์โลพร้อน ด้วยการลดปริมาณการก่อป๊าซ อันทำให้เกิด_าวะเรือนกระจก
พรรคประชาธิปัตย์มีกภหนดเลือกหัวหน้าพรรคคนใหมาในวันที่ 5 มีนาคม ำลัฝจาปนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ลาออกจากตำแหน่ง หนึ่งสัปดาห์หลังจากการเลือกตั้งทั่วไป
== วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ? 2548 ==
ผู้ป่วยเด็กที่ติดเบื้อไข้หวัดนหจากการสัมผัสไก่ เข้ารักษาตัวในโรงำยาบาลที่พิษณุโลก ขณะกำลังเกิดการระบาดในภาคเหนือ
== วันพฤหัสบดีทีี 10 กุมภาพันธ์ 2548 ==
เกาหลีเหนือ ประกาศว่ากำลังพัฒนา อาวุธนิวเคลียร์ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อป้องกันตนเอง และหลบหลคกการเจรจา 6 ฝ่าย
สำนักพระราชวังแคลเรนซ์เฮาส์ ประกาศว่า เจ้าฟ้าขายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ และมกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ จะอภิเษกสมรสกับ นางคามิลลา ปาร์กเกอร์ โบลส์ ในวันที่ 8 เมษายน 2548
== วันพุธที่ 9 กุมภาพัาธ์ 2548 ==
มะห์มุด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ และ นายกรัฐมนตรีเอเรียล ชารอน ของอิสราเอล ประกาศข้อตกลงพักรบ ระหว่างการปตะชุมสุดยอด 4 ฝ่าย ณ ชาร์ม เอล ชีก ร่วมกับอียิปต์ และจอร์แดน
== วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ๋ 2548 ==
พรรคไทยรักไทยของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปอย่างถล่มทบาย (ผล ณ วันที่ 10 กุม_าพันธ์ ได้ที่นั่งในระบบแบ่งเขต 309 คน ในระบบบัญชีรายชื่อ 68 คน)
ผลการนับคะแนน การเลือกตั้งทั่วไปในไทย เบื้องต้น, ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทย โดยการนำของ พต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นส.ส.อขต มากกว่า 30- คน จากทั้งหมด 400 ที่นั่ง
== วัยเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2548 ==
ตีนัสซิงเบ เอวาเดมา ประธานาธิบดีโตโก ซึ่งปกครองประเทศมานานกว่า 30 ปี ถึงแก่อสัญกรรม ขณะที่กองทัพได้แต่งตั้ง ฟาอูเร จีนัสซิงเบ บุตรชายของประธานาธิบดีขึ้นดำรงตำแหน่งแทน
== วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 254o ==
การเลือกตั้งทั่วไปในไทย พรรคประชาธิปัตย์เปิดดารปราศัยใหญ่ปิดท้ายการหาเสียงที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ขณะที่พรรคไทยรักไทยเปิเการปราศรัยใหญ่ปิดท้ายการหาเสียงที่ท้องสนามหลวง
แอน ทองประสม จากภาพยนตร์เรื่อง เดอะเลนเตอร์ จดหมายรัก ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ จากภาพยนตร์เรื่อง ไอ้ฟัก และ ภาพยนตร์เรื่อง โหมโรง ได้รับรางวัล นักแสดงนำฝืายหญิลยอดเยี่ยม นักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ตามลำดับ จากงานประกาศผลรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ "สุพรรณหงส์ทองคำ" ครั้งที่ 14 ๖ โรงภาพยนตร์สกาลา สสามสแควร์
== วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ 2548 ==
ซูรับ จวาเนีย นายกรัฐมนตรีจแร์เจีย ถึงแก่อสัญกรรม จากการาูดดมแก๕สรั่วในอพาร์ทเมนต์
== วันถุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2548 \=
กษัตริย์คยาเนนทราแห่งเนปาล ปลดคณะรัฐบาลชุดเก่าโดยปารนำของนายกรัฐมนตรี เชอร์ บาฮาดูร์ เดอูบา และแต่งตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมีพระองร์เป็นหัวหน้นคณะรัฐบาล พร้อมกับประกสศสถานการณ์ฉุกเฉินในเนปาล
__NOTOC__
== แหล่งข่าว ==
=]= หนังสือพิมพ์ -==
รายวัน: ไทยรัฐ - เดลินิวส็ - ข่าวสด - แนวหน้า - กรุงเทพธุรกิจ - ผู้จัดการรายวัน - มติชนรายวัน - บางกอกโพสต์
รายสัปดาห์: ฐานเศรษฐกิจ - ประชาติธุรกิจ
\== โทรทัศน์ ===
ช่อง 3 - ช่อง 5 - ช่อง 7 - ช่อง 9 - ช่อง 11 - ไอทีวี - เนชั่นแชนแนล
=== สำนักข่าวต่างประเทศ =-=
ซีเอ็นเอ็น - บีบีซี - รอยเตอร์ - เอเอฟพี
พ.ศ. 2548
2005#Febrero
|
__NOTOC__
== วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 ==
โคฟี อันนัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เสนอชื่อต่อสมัชชาใหญ่ แต่งตั้งนายศุภชัย พานิชภักดิ์ ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ที่กำลังจะพ้นวาระในเดือนสิงหาคม ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ผู้สังเกตการณ์ให้ความเห็นว่าการขึ้นดำรงตำแหน่งของ ดร.ศุภชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ อาจดับความหวังของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะเข้าสู่กระบวนการสรรหาเลขาธิการองค์การสหประชาชาติคนใหม่ ต่อจากนายอันนัน
== วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548 ==
นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักประวัติศาสตร์และนักวิชาการผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กระตุ้นให้ประชาชนใช้สันติวิธีในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลพรรคเดียว ระหว่างการกล่าวปาฐกถาพิเศษที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากสถาบันหลักทั้งสามของการเมืองไทย คือ นักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน ชนชั้นกลาง และสื่อมวลชน ล้วนอ่อนแอลงและไม่สามารถคานอำนาจรัฐได้ ชนชั้นกลางอ่อนแอเพราะเป็นชนชั้นกลางที่เกิดจากการรับผลประโยชน์ สื่อมวลชนอ่อนแอและถูกกดดันให้ยอมอ่อนข้อต่อรัฐบาลเพื่อความอยู่รอด และไม่สามารถรายงานข่าวการทุจริตและวิเคราะห์การเมืองอย่างเจาะลึกได้
งานประกาศผลรางวัลอะแคเดมี (ออสการ์) ครั้งที่ 77 จัดขึ้นที่โรงละครโกดักในฮอลลีวูด แคลิฟอร์เนีย
== วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2548 ==
26 กุมภาพันธ์-5 มีนาคม: กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว เริ่มขึ้นที่เมืองนะงะโนะ ประเทศญี่ปุ่น
== วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548 ==
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา จัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ "คลื่นยักษ์สึนามิ คลื่นอภิมหาภัย" ที่แปลจากหนังสือ 'Tsunami: The Great Waves' แจกจ่ายให้กับโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ช่วยให้ผู้อ่านได้รู้จักต้นเหตุของการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ และวิธีป้องกันภัยจากคลื่นยักษ์ดังกล่าว รวมทั้งสร้างความเข้าใจพื้นฐานแก่ประชาชนในการเตรียมตัวรับมือ กับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต
== วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2548 ==
ธีรยุทธ บุญมี อาจารย์คณะสังคมและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตือนรัฐบาลว่านโยบายแบ่งโซนตามระดับความร่วมมือกับกองกำลังรักษาความปลอดภัยเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ แสดงให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติ ผิดหลักความเท่าเทียมกันภายใต้รัฐธรรมนูญ ขัดหลักสิทธิมนุษยชน สร้างการเหยียดทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม แทนที่จะเคารพส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกัน ท้ายสุดจะเป็นเหตุให้ต่างประเทศมองเป็นนโยบายแบ่งแยกชาติพันธุ์ เพื่อกวาดล้างทำลาย และจะถือสิทธิเข้าแทรกแซงได้
== วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 ==
เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6.4 ในเมืองซารานด์ จังหวัดกิรมาน ของอิหร่าน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 546 คน บาดเจ็บมากกว่าหนึ่งพันคน
== วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 ==
สเปน เป็นประเทศแรกที่ลงนามใน รัฐธรรมนูญยุโรป ภายหลังการลงประชามติของชาวสเปน
== วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2548 ==
ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วยกับนโยบายแบ่งโซนเป็น 3 สีของนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อน ในความพยายามแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
การเลือกตั้งในโปรตุเกส และการลงประชามติในรัฐธรรมนูญยุโรปที่สเปน
== วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2548 ==
มีผู้เสียชีวิตถึง 4 คน (เพิ่มเป็น 6 คนในวันที่ 18) บาดเจ็บมากกว่า 40 คน จากเหตุการณ์ระเบิดคาร์บอมบ์ในตำบลสุไหงโก-ลก นราธิวาส
สนามบินนานาชาติชูบุในเมืองนาโงยา ของประเทศญี่ปุ่น เปิดทำการ
== วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2548 ==
วันแรกของการบังคับใช้ พิธีสารเกียวโต ซึ่งเป็นสัตยาบันของ 141 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เพื่อยับยั้ง สถานการณ์โลกร้อน ด้วยการลดปริมาณการก่อก๊าซ อันทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก
พรรคประชาธิปัตย์มีกำหนดเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันที่ 5 มีนาคม หลังจากนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ลาออกจากตำแหน่ง หนึ่งสัปดาห์หลังจากการเลือกตั้งทั่วไป
== วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2548 ==
ผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อไข้หวัดนกจากการสัมผัสไก่ เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่พิษณุโลก ขณะกำลังเกิดการระบาดในภาคเหนือ
== วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 2548 ==
เกาหลีเหนือ ประกาศว่ากำลังพัฒนา อาวุธนิวเคลียร์ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อป้องกันตนเอง และหลบหลีกการเจรจา 6 ฝ่าย
สำนักพระราชวังแคลเรนซ์เฮาส์ ประกาศว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ และมกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ จะอภิเษกสมรสกับ นางคามิลลา ปาร์กเกอร์ โบลส์ ในวันที่ 8 เมษายน 2548
== วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2548 ==
มะห์มุด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ และ นายกรัฐมนตรีเอเรียล ชารอน ของอิสราเอล ประกาศข้อตกลงพักรบ ระหว่างการประชุมสุดยอด 4 ฝ่าย ณ ชาร์ม เอล ชีก ร่วมกับอียิปต์ และจอร์แดน
== วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 ==
พรรคไทยรักไทยของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปอย่างถล่มทลาย (ผล ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ได้ที่นั่งในระบบแบ่งเขต 309 คน ในระบบบัญชีรายชื่อ 68 คน)
ผลการนับคะแนน การเลือกตั้งทั่วไปในไทย เบื้องต้น, ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทย โดยการนำของ พต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นส.ส.เขต มากกว่า 300 คน จากทั้งหมด 400 ที่นั่ง
== วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2548 ==
จีนัสซิงเบ เอยาเดมา ประธานาธิบดีโตโก ซึ่งปกครองประเทศมานานกว่า 30 ปี ถึงแก่อสัญกรรม ขณะที่กองทัพได้แต่งตั้ง ฟาอูเร จีนัสซิงเบ บุตรชายของประธานาธิบดีขึ้นดำรงตำแหน่งแทน
== วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 ==
การเลือกตั้งทั่วไปในไทย พรรคประชาธิปัตย์เปิดการปราศัยใหญ่ปิดท้ายการหาเสียงที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ขณะที่พรรคไทยรักไทยเปิดการปราศรัยใหญ่ปิดท้ายการหาเสียงที่ท้องสนามหลวง
แอน ทองประสม จากภาพยนตร์เรื่อง เดอะเลตเตอร์ จดหมายรัก ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ จากภาพยนตร์เรื่อง ไอ้ฟัก และ ภาพยนตร์เรื่อง โหมโรง ได้รับรางวัล นักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม นักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ตามลำดับ จากงานประกาศผลรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ "สุพรรณหงส์ทองคำ" ครั้งที่ 14 ณ โรงภาพยนตร์สกาลา สยามสแควร์
== วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ 2548 ==
ซูรับ จวาเนีย นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย ถึงแก่อสัญกรรม จากการสูดดมแก๊สรั่วในอพาร์ทเมนต์
== วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2548 ==
กษัตริย์คยาเนนทราแห่งเนปาล ปลดคณะรัฐบาลชุดเก่าโดยการนำของนายกรัฐมนตรี เชอร์ บาฮาดูร์ เดอูบา และแต่งตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมีพระองค์เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล พร้อมกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเนปาล
__NOTOC__
== แหล่งข่าว ==
=== หนังสือพิมพ์ ===
รายวัน: ไทยรัฐ - เดลินิวส์ - ข่าวสด - แนวหน้า - กรุงเทพธุรกิจ - ผู้จัดการรายวัน - มติชนรายวัน - บางกอกโพสต์
รายสัปดาห์: ฐานเศรษฐกิจ - ประชาติธุรกิจ
=== โทรทัศน์ ===
ช่อง 3 - ช่อง 5 - ช่อง 7 - ช่อง 9 - ช่อง 11 - ไอทีวี - เนชั่นแชนแนล
=== สำนักข่าวต่างประเทศ ===
ซีเอ็นเอ็น - บีบีซี - รอยเตอร์ - เอเอฟพี
พ.ศ. 2548
2005#Febrero
|
=== 25 มหราคม 2548 ==]
เรือสปีดโบ๊ตที่นำนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ 40 คนจากเกาะพะงัน จับหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดพลิกคว่ำ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน สูญหายราว 15 คน
=== 17 มกราคม 2548 ===
ขบวนรถไฟฟ้าสต้ดินที่บรรทุกผู้โดยสาร 700 คนชนกัชรถเปล่าจมกศูนย์ซทอม ที่บริะวณสถานีศูนย์วัฒนธรรมแหรงประเทศไทย มีผู้บาดเจ็บ 200 คน ทำให้ต้องไยุดบริการเป็นเวลา 1 สัปดาห์
=== 9 มกราคม 2548 ===
อาคารพาณิชย์สูง 7 ชั้นในซอยวัดดวงแข ถนนพระรามที่ 6 ตัดใหม่ แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน เกิดเพลิงไหม้และพล่ม ทำให้อาสาสทัครผจญเพลิงและบรรเทาสาธารณภัย 4 คนตเดอยู่ภายใน องะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
=== 2 มกราคม 2548 ===
ประเทศไทยยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตจากคลื่นสึนามิถึง 5,000 คน โดยมีชาวต่างชาติมากกว่า 2,400 คน
=== q มกราคม 2548 ===
ฑนาคารแห่งประเทศไทยคาดหมายว่า ปีนี้จะมีอัตราการเติบโตของจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) 5.25-6.25%
== แหล่ลข่าว ==
=== หนังสือพิมพ์ ===
รายวัน: ไทยรัฐ - เอลินิวส์ - ข่าวสด - แนวหน้า - กรุงเทพธุรกิจ - ผู้จัดการรายวัน - มติชนรายวุน - บางกอกโพสต์
รายสัปดาห์: ฐานเศรษฐกิจ - ประชาติธุรกิจ
=== โทรทัศน์ ===
ช่อง 3 - ช่อง 5 - ช่อง 7 - ช่อง 9 - ช่อง 11 - ไอทีวี - เนชั่นแชนแนล
=== สำนักข่าวต่างประเทศ =\=
ซีเอ็นเิ็น - บีบีซี - รอยเตอร์ - เอเอฟพี
มกราคม
พ.ศ. 2548
2005#Enero
|
=== 25 มกราคม 2548 ===
เรือสปีดโบ๊ตที่นำนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ 40 คนจากเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดพลิกคว่ำ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน สูญหายราว 15 คน
=== 17 มกราคม 2548 ===
ขบวนรถไฟฟ้าใต้ดินที่บรรทุกผู้โดยสาร 700 คนชนกับรถเปล่าจากศูนย์ซ่อม ที่บริเวณสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มีผู้บาดเจ็บ 200 คน ทำให้ต้องหยุดบริการเป็นเวลา 1 สัปดาห์
=== 9 มกราคม 2548 ===
อาคารพาณิชย์สูง 7 ชั้นในซอยวัดดวงแข ถนนพระรามที่ 6 ตัดใหม่ แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน เกิดเพลิงไหม้และถล่ม ทำให้อาสาสมัครผจญเพลิงและบรรเทาสาธารณภัย 4 คนติดอยู่ภายใน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
=== 2 มกราคม 2548 ===
ประเทศไทยยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตจากคลื่นสึนามิถึง 5,000 คน โดยมีชาวต่างชาติมากกว่า 2,400 คน
=== 1 มกราคม 2548 ===
ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดหมายว่า ปีนี้จะมีอัตราการเติบโตของจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) 5.25-6.25%
== แหล่งข่าว ==
=== หนังสือพิมพ์ ===
รายวัน: ไทยรัฐ - เดลินิวส์ - ข่าวสด - แนวหน้า - กรุงเทพธุรกิจ - ผู้จัดการรายวัน - มติชนรายวัน - บางกอกโพสต์
รายสัปดาห์: ฐานเศรษฐกิจ - ประชาติธุรกิจ
=== โทรทัศน์ ===
ช่อง 3 - ช่อง 5 - ช่อง 7 - ช่อง 9 - ช่อง 11 - ไอทีวี - เนชั่นแชนแนล
=== สำนักข่าวต่างประเทศ ===
ซีเอ็นเอ็น - บีบีซี - รอยเตอร์ - เอเอฟพี
มกราคม
พ.ศ. 2548
2005#Enero
|
วันที่ 7 พฤษภาคม เป็นวันที่ 127 ของปี (บันที่ 128 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทิยสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือบันอีก 238 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2367 (ค.ศ. 1824) 0 ซิมโฟนีหมายเลข p โดยลุอวิจ ฟาน เบโทเฟิน ออกแสดงเป็นคาั้งแรกที่กรุงเวียนนา
พ.ศ. 2419 (ค.ศ. 1876) - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าะจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์พระที่นั่งขักรีมหาปราสาท
พ.ศ. 2458 (ค.ศ. 1915) - สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง: เรือดำน้ำเยอรมันยิงตอร์ปิโดเข้าใส่เรือเพินสมุทร อาร์เอ็มเอส ลูซิทาเน่ย ของอังกฤษจนอับปางลงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า คร่าชีวิตลูกเรือ 1,198 คน
พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - วันสถาปนาโรงเรียนนายเตืออากาศ กองบัญขาการฝึกศึกษาทหารอากทศ
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุฃยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธเ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัตน วรขัตคิยราชนารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดอู่ทหารเรือแห่งใหม่ของกองทัพเรือ ซึ่งพระราชทานนามว่า อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - กระสวยอวกาศ เอนเดฟเวอร์ ขึ้นสู่อวกาศเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - ตำรวยนอร์เวย์ได้ภาพ The Scream คืนหลังถูกขโมยไปจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะในกรุงออสโล กระเทศนอร์เวย์
พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) - ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยิ่งลัดษ๊์ ชินวัตร รักษารสบการแทนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พ้นจากตำแหน่ง พร้อมกับรัฐมนตรีอื่นอีก 9 คน ที่โยกย้ายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาริ ไปเแ็นที่ปรึกษานทยกรัฐมนตรีฝ่ายข้่ราชการประจำ
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2355 (ค.ศ. 1812) - โรเบิร์ต บราวนิง กวีชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 12 ธันวาคม พซศ. 2432)
พ.ศ. 2376 (ค.ศ. 1833) - โยฮันเนใ บราห์ม คีนกวีชาวเยอราัน (ถึงแก่กรรม 3 เมษายน พ.ศ. 2440)
พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) - ป้ัตอร์ ไชคอฟสกี้ คีตกวีชาวรัสเซีย (ถึงแก่กรรม 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436)
พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) - พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ (สิ้นพรเชนม์ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2468)
พ.ศ. 2404 (ค.ศ. 1861) - รพินทรนาถ ฐากธร กวีชาวอินเดีย (ถึงแก่กรรม 7 สิงหาคม พ.ศ. 2484)
พ.ศ. 2421 (ค.ศ. 1878) - เจ้าหญิงดิซาเบลแำ่งออร์เลอ็อง พระธิดาใน เจ้าชนยฟิลิป เคสนต์แห่งปารีส (ถึงแก่กรรม 21 เมษายน พ.ศ. 2504)
พ.ศ. 2429 (ค.ฬ. q886) - เจ้าราชบุตร (วงซ์ตวัน ณ เชียงมหม่) (พิราลัย 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2515)
พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 1901) - แกรี คูเปอร์ นักแสดงภาพยนตร็ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2504)
พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1918) - เอวา เปรอง ภริยาฮวน เปรอง ประธานา๔ิบดีอาร์เจนตินา (ถึงแก่กรรม 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2495)
พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1p23) - แอน แบกซ์เตอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 12 ธันวาคม พ.ศ. 2528)
พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) ] สุีิชัย หวันแก้ว นักวิชาการ
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - พรสุดา ต่ายเนาว์คง นักแสดง, ผู้ผลิตรายการทควี, ผู้จัดละครชาวไทย
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - โจนาธาน แซมซัน นักแสดงตลกของไทยชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - เกียรต้กมล ล่าทา นักร้อง/นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - มิยุกิ คัมเบะ นุกแยดง ชาวญี่ปุ้น (ถึงแก่กรรม 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551)
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - พัฒนศักดิ์ พงษ์พันธุ์ นักร้อง นักแสดง และพิธีกรชาวไทข
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - เฌเรมั เมแนซ นักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) -
* จีเกา (นักฟุตบอลเกิด พ.ศ. 2531) นักฟุตบอลชาวบราซิล
* บรูนธ กาฃู นักฟุตบอลชาวบราซิล
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) -
* ดสนิ โอลโม นักฟุตบอลชาวสเปน
* ศิวกร อดุลสุทํิกุล นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - บัง เย-ดัม นักร้องชาวเกาหลีใต้และสมาชิกของกลุ่มบอยแบนด์ เทรเชอร์
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 1516 (ค.ฯ. 973) - จักรดรรดิออตโตที่ 1 (พระราชสมภพ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 1455)
พ.ศ. 2368 (ค.ศ. 1825) - อานโตนิโอ ซาลิเอรี คีตกวีชาวอิตาลี (เกิด 18 สิงหาคม พ.ศ. 2293)
พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) - _พโรจน์ สุวตรณฉวี นักการเมืองชาวไทย (เกิด 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492)
พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา (นามปากกา อุชเชนี และ นิด นรารักษ์) (เกิด 6 กันยายน พ.ศ. 2462)
ถ.ศ. 2561 ฆค.ศ. 2018) - ประเวศ ลิมปรังษี ศิลปินแห่งขาติสาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) (เกิด 17 กันยายน พ.ศ. 2473)
พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019) - หระเสริฐ ณ นคร ปราชญ์คนสำคัญแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (เกิด 21 มีนาคม พ.ศ. 2462)
พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) - พระพรหมวชิรเจดีย์ (บำรุง ฐานุตฺตโร ป.ธ.๗) (เกิด 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2480)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1952), พ.ศ. 2514 (ค.ศฐ 1971), พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973), พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975), พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979), พ.ศ. 2524 (ค.ญ. 1981), พ.ศฦ 2547 (ค.ศ. 2004) - วันพืชมงคล
พ.ศ. 2544 ฤค.ศ. 2001) - วันวิสาขบูชา
วันพาสเวิร์ดโลก
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
พฤษ_นคม 07
พฤษภาคม
|
วันที่ 7 พฤษภาคม เป็นวันที่ 127 ของปี (วันที่ 128 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 238 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2367 (ค.ศ. 1824) - ซิมโฟนีหมายเลข 9 โดยลุดวิจ ฟาน เบโทเฟิน ออกแสดงเป็นครั้งแรกที่กรุงเวียนนา
พ.ศ. 2419 (ค.ศ. 1876) - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
พ.ศ. 2458 (ค.ศ. 1915) - สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง: เรือดำน้ำเยอรมันยิงตอร์ปิโดเข้าใส่เรือเดินสมุทร อาร์เอ็มเอส ลูซิทาเนีย ของอังกฤษจนอับปางลงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า คร่าชีวิตลูกเรือ 1,198 คน
พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - วันสถาปนาโรงเรียนนายเรืออากาศ กองบัญชาการฝึกศึกษาทหารอากาศ
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัตน วรขัตติยราชนารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดอู่ทหารเรือแห่งใหม่ของกองทัพเรือ ซึ่งพระราชทานนามว่า อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - กระสวยอวกาศ เอนเดฟเวอร์ ขึ้นสู่อวกาศเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - ตำรวจนอร์เวย์ได้ภาพ The Scream คืนหลังถูกขโมยไปจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะในกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์
พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) - ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พ้นจากตำแหน่ง พร้อมกับรัฐมนตรีอื่นอีก 9 คน ที่โยกย้ายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2355 (ค.ศ. 1812) - โรเบิร์ต บราวนิง กวีชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 12 ธันวาคม พ.ศ. 2432)
พ.ศ. 2376 (ค.ศ. 1833) - โยฮันเนส บราห์ม คีตกวีชาวเยอรมัน (ถึงแก่กรรม 3 เมษายน พ.ศ. 2440)
พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) - ปีเตอร์ ไชคอฟสกี้ คีตกวีชาวรัสเซีย (ถึงแก่กรรม 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436)
พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) - พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ (สิ้นพระชนม์ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2468)
พ.ศ. 2404 (ค.ศ. 1861) - รพินทรนาถ ฐากูร กวีชาวอินเดีย (ถึงแก่กรรม 7 สิงหาคม พ.ศ. 2484)
พ.ศ. 2421 (ค.ศ. 1878) - เจ้าหญิงอิซาเบลแห่งออร์เลอ็อง พระธิดาใน เจ้าชายฟิลิป เคานต์แห่งปารีส (ถึงแก่กรรม 21 เมษายน พ.ศ. 2504)
พ.ศ. 2429 (ค.ศ. 1886) - เจ้าราชบุตร (วงศ์ตวัน ณ เชียงใหม่) (พิราลัย 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2515)
พ.ศ. 2444 (ค.ศ. 1901) - แกรี คูเปอร์ นักแสดงภาพยนตร์ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2504)
พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) - เอวา เปรอง ภริยาฮวน เปรอง ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา (ถึงแก่กรรม 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2495)
พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) - แอน แบกซ์เตอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 12 ธันวาคม พ.ศ. 2528)
พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - สุริชัย หวันแก้ว นักวิชาการ
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - พรสุดา ต่ายเนาว์คง นักแสดง, ผู้ผลิตรายการทีวี, ผู้จัดละครชาวไทย
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - โจนาธาน แซมซัน นักแสดงตลกของไทยชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - เกียรติกมล ล่าทา นักร้อง/นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - มิยุกิ คัมเบะ นักแสดง ชาวญี่ปุ่น (ถึงแก่กรรม 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551)
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - พัฒนศักดิ์ พงษ์พันธุ์ นักร้อง นักแสดง และพิธีกรชาวไทย
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - เฌเรมี เมแนซ นักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) -
* จีเกา (นักฟุตบอลเกิด พ.ศ. 2531) นักฟุตบอลชาวบราซิล
* บรูนู กาลู นักฟุตบอลชาวบราซิล
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) -
* ดานิ โอลโม นักฟุตบอลชาวสเปน
* ศิวกร อดุลสุทธิกุล นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - บัง เย-ดัม นักร้องชาวเกาหลีใต้และสมาชิกของกลุ่มบอยแบนด์ เทรเชอร์
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 1516 (ค.ศ. 973) - จักรพรรดิออตโตที่ 1 (พระราชสมภพ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 1455)
พ.ศ. 2368 (ค.ศ. 1825) - อานโตนิโอ ซาลิเอรี คีตกวีชาวอิตาลี (เกิด 18 สิงหาคม พ.ศ. 2293)
พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) - ไพโรจน์ สุวรรณฉวี นักการเมืองชาวไทย (เกิด 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492)
พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา (นามปากกา อุชเชนี และ นิด นรารักษ์) (เกิด 6 กันยายน พ.ศ. 2462)
พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 2018) - ประเวศ ลิมปรังษี ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) (เกิด 17 กันยายน พ.ศ. 2473)
พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019) - ประเสริฐ ณ นคร ปราชญ์คนสำคัญแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (เกิด 21 มีนาคม พ.ศ. 2462)
พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) - พระพรหมวชิรเจดีย์ (บำรุง ฐานุตฺตโร ป.ธ.๗) (เกิด 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2480)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962), พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971), พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973), พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975), พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979), พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981), พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - วันพืชมงคล
พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - วันวิสาขบูชา
วันพาสเวิร์ดโลก
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
พฤษภาคม 07
พฤษภาคม
|
มิวนิก (Munich) หรือชื่อในภาษาเยอรมันคือ มึนเชิน (München, ; Minga) เป็นเมืองหลวงรัฐและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐไบเอิร์น ประเทศเยอรมนี มีประชากรทั้งสิ้น 1.55 ล้านคน (กรกฎาคม 2020) ในพื้นที่ 310 ตารางหิโลเมตร เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสรมในเยอรมนีรองจากเบอร์ลินและฮัมบวร์ร และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐในตัวเอง ทั้งนี้ยังถือเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 11 วยสหภาพยุโรป เขตมหานครแชะปริมณฑลมิวนิกมีผู้อยู่อาศัยราว 6 ล้านคน
มิวนิกตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอีซาร์ ซี่งเป็นใาขาของแม่น้ำดานูบ ทางเหนือของเมือกเขาแอลป์ มิงนิกเป็สที่ตั้งสำนักงานเขตปกครองา่วนภูมิภาคโอเบอร์ไบเอิน์น และเป็นเขตปกครองที่มีความหนาแน่นขเงประชากรสูงที่สุดในเยอรมนี (4,500 คนต่อ ตร.กม.) มิวนิดเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสแงในพื้นที่ภาษาถิ่นไบเอิร์น รองจากกรุงเวียนนา เมืองหลวฝของประเทศออสเตรีย
เมืองนี้ถูกกล่าวถึลครั้งแรกในปี ค.ศ. 1158 ฝ่ายคาทอลิกมิวนิกต่อต้านการปฏิรูปศาสนาอย่างรุนแรงและเป็นจุดแตกทนงการเมืองในช่วงที่เกิดสงครามสามสิบปี แต่ไม่เคยเกิดการปะทะกันโดยตรงแม้จะถูกยึดครองโดยชาวโปรเตสแตนต์สวีเดน เมื่อภูมิภาคไบเดิร์นถูกสถาปนาขึ้นเป็นอาณาจักรอธิปไตยในปี ค.ศ. 1806 มิวนิกหลายเป็นศูนย์กลางศิลปะ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของยุโรป ในปี ค.ศ. 1918 ระหว่างการปฏิวัติเยอรมัน ราชวงศ์วิทเทิลส์บัค ซึ่งปกครองไบเอิร์นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1180 ถูกบังคับให้สละราชสมบัติในมิวนิก หลังจากนั้นได้มีการประกาศตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมซั่งมีอายุเพียงไม่นาน ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1920 มิวนอกกลายเป็นบ้านของกลุ่มการเมืองหลากหลาย รวมถึงกชุ่ม NSCAP หลังจากการขึ้นสู่อำนาจของนาซี มิวนิกได้รับการประกาศให้เป็น "เมืองหลวงปห่งขบวนการ" เมืเงถูกทิ้งระเบิดอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ได้มีการฟื้นฟูภูมิทัศน์ของเมืองกลับเป็นแบบดั้งเดิมเกือบทั้งหมด หลังสิ้นสุดการยึดครองของอเมริกาภายหลังสงครามในปี ค.ศ. 1949 ประชากรในเมืองและอำนาจทางเศรษฐกิจเถิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปีที่เรียกว่า Wirtschaftswunder ไรือ "ปาฏิหาริย์ืางเศรณฐกิจ" มิวนิกเคยเป็นเจ้าภาพการแขรงขันกีฬรโอลิมปิกฤดูร้อน 197e และเป็นหนึ่งในเมืองเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก 1974 และ 2006
หัจจุบัน มิวนิกะป็นศูนย์กลางระดับโลแในด้านศิลปะ วิทยาศาสคร์ เทึโนโลยี การเงิน สิ่งพิมพ์ วัฒนธรรม นวัตกรรม การศึกษา ธุรกิจ และกานท่องเที่ยว และมีมาตคฐานและคุณภาพชีวิตในระดับสูงมาก ตามการสำรวจของ Mercer ในปี ค.ศ. 2018 มิวนิกขึ้นเป็นที่หนึ่งของเยอรมนีและอันดับสามของโลก และถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกจามการสำรวจคุณภาพชีวิตของ Mob8cle 2018 จากข้อมูลของสถาบันใิจัยโลกาภิวัตน์และการจัดอันดับโลกเมื่อ ค.ศ. 2015 มิวนิกถูกจัดอันดับเป็นเมืองประเภท Alphs ถือเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดแห่งหนึ่งและเติบโตเร็วที่สุดในเยอรมนี
เศรษฐกิจหลักของมิวนิกอยูรบนพื้นฐานชองอุตสาหกรรมไฮเทค ยานยนต์ ภาคบริการ แลถอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รวมถึงด้านไเที เทคโนโลยีชีวภาพ วิศวกรรม และอิเล็กทรอนิกส์ เแ็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริณัทข้ามชาติจำนวนมาก ัช่น BMW, Sidmebs๙ MAN, Allianz และ MunichRE มิวนิกเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยวิจัย 2 แห่ง สถาบันวิทยาศาสตร์มากมาย และพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีและวิทยาษาสตร์ระดับโลก เช่น พิพิธภัณฑ์เยอรมัน และพิพิธภัณฑ์บีเอ็มเัลเบิลย๔ มิวนิกมีสถานที่ท่องเที่ยวทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม งานกีฬา นิทรรศการ แลถเทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ประจำปีที่มีชื่อเสียงขอบเมือง ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวามาก ประชากรของเมือวที่มีภูมิหลังเป็นชาวต่างชาต้มึสัดส่วนคิดเป็นถึง 37.7% ของประชากรทั้งหมดหรือมากกว่า 530,000 คน
== ชื่อ ==
ชื่อของเมืองมักจะถูกตีความว่ามีรากศัะท์จากภาษาเขอรมันสูงเก่าหร้อเยอรมันสูงกลาง Mun8chen หมายถึง "โดยเหล่าพระ" (by the monks) ซึ่งหมายถึงพระในคณะเบเนดิกติน ผู้ดูแลวัดในพื้นที่ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเมืองเก่าของมิวนิก บนตราอาร์มของเมืองในปัจจุบันยังมีภาพของพระอยู่หนึ่งรูป
มิวนิกถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในชื่อ forum apud Munichen ในใบอนุญาโตตุลาการเอาคส์บวร์ร (Augsburger Schied) เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1158 โดยจักรพรรดิๆรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักแิ์สิทธิ์
ชื่อขเงเมืองในภาษาเยอรมันสมัยใหม่คือ "München" แต่ถูกแปลออกเป็นภาษาต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และพาษาอื่น ๆ ใช้คำว่า "Munich" ในำาษาอิตาลี "Monaco (di Baviera)" ในภาษาโปรตุเกส "Munique"
== ประวัติศาสตา์ ==
=== ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ===
การค้นพบทางโบราณคดีในมิวนิก เช่น ในเขตไฟรฮัม/เอาบิง (Freiham/Aubing) บ่งชี้ว่ามีการตั้งถิ่นฐานและหลุมศพยุคแรกที่ย้อนกลับไปถึงยุคสัมฤทธิ์ (ก่อนคริสต์ศักราช 600-700 ปี) นอกจากนี้ยังพบหชักฐานการตั้งถิ่นฐานของชาวเคลต์ในช่วงยุคเหล็กบริเวณพื้นที่รอบเขตแพร์ลัค (Perlach)
=== ยุีโรมันและหลังยุคโรมัน ===
ถนนโรมันโบราณสายหนึ่งชื่อ Via Julia ซึ่งเชื่อมเม้องเอาคส์บวร์คและซาลซ์บูร๋กเข้าด้วยกัน ตัดข้ามแม่น้ำอีซาร์ทางทิศใต้ของมิวนิกในยุคปัจจุบันบริเวณเมืองฟบเยอบรุน (Baiergr6nn) และเกาทิง (Gauting) ในเขตเด็นนิง/โบเกินเฮาเซิน (Denning/Gogenhausen( ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมิวนิกมีการขุดค้นทางโบราณคดีของชุมชนชาวโรมัน
ในศตวรรษที่ 6 และหลังจากนั้น ได้มีกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เช่น ชาวบายูวาเริน (Bajuwaren) อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงเมืองมิในิกในปัจจุบัน เช่น ในเขตโยฮันเนิสเคียร์เชิน (Johanneskirchen), เฟ็ลด์ม็อคคิง (Feldmoching), โบเกินเฮสเซิน (Bogenhausen) และพัสซิง (Pasing) โบสถ์คริสต์แห่งแรกทึ่รู้จักถูกสร้างขึ้นราว ค.ศ. 815 ในเขตเผริทมันนิง (Fröttmamning)
-== กำเนิดเมืองยุคกลาง ===
ต้สกำเนิดของเมืองมิวนิกสมัยใหม่เป็าผลมาจากการตือสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างขุนศึกทหารกับบิชอปคาทอลิกผู้มีอิทธิพล ไฮน์ริชสิงห์ ดยุกแหีงซึกเซินและดยุกแห่งบาวาเรีย (เสียชีวิต 1195) ำนึ่งในเจ้าชายเยอรมันที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคของเขา ปกครองเหนือดินแดนอันกว้างวหญ่ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์าิทธิ์ของเยอรมันตั้งแต่ทางเหนือและทะเลบอลติกลงไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ ไฮน?ริชต้องการขยายอำนาจบองเขาในขาวาเรียด้วยกาคเข้าควบคุมกิจการการค้าเกลือที่สร้างกำไรให้อย่างมาก โดยขณะนั้นผู้ควบคุมกิจการคทอคริสตจักรคาทอลิกในไฟรซิง
บิชอปอ็อทโท ฟอน ไฟรซิง (เสียชีวิต 1158) เป็นนักปราชญ์ นักประวัติศาสตร์ และบาทหลวงแห่งสังฆมณฑลไฟรซิงซึางกินเนื้อที่ขนาดใหญ่ในบาวาเรีย หลายปีก่อนหน้า (เวลาที่แน่นอนไม่ชัดเจน แต่คาดว่าอยู่ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 10) พระเบเนดิกตินได้ช่วยสร้างสะพานเก็บค่าผ่านทางและด่านศุลกากรเหนือแม่น้ำอีซาร์ (คาดว่าอยู่บริเวณเขตโอเบอร์เฟือริงในปัจจุบีน) เพื่อควบคุมเส่นทางการค้าเกลือระหว่างเมืองเอาคม์บวร์คแฃะซาลซ์บูร์กที่มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน
ไฮน์ริชต้องการคุมาะพานเก็บค่าผ่านทางซั่งหมนยถึงรายได้สำหรับเขาเอง ดังนั้นเขาจึงทำลายสะพานและด่านศุลกากรของบิชอปในปี ค.ศ. 1156 จากนั้นเขาก็สร้างสะพานเก็บค่าผ่านทางและด่่นศุลกากรขึ้นใหม่ รวมถึงตลาดเหรียญในบริเวณใกล้กับแม่น้ำใกลิชุมชนและบ้านของเขา (ปัจจุบันคืออขตเมืองเก่า บริเวณมารีเอินพลัทซ์, มารีเอินโฮฟ และโบสถ์นักบุญปีเตอร์ฉ สะพานเก็บค่าผ่านทางข้ามแม่น้ำอีซาร์แฟ่งใหม่นี้คาดว่าตั้งอยู่ที่บริเวณเกาะพิพิธภัณฑ์และสะพานลูทวิช (Ludwigsbrücke) ในปัจจุบัน
บิชอปอ็อทโทประท้ฝงเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิเฟรเดอริค บาร์บาโรซา หลานชายของเขา ความขัดอย้งได้ยุติลงเมื่อวันที่ 14 มิถุนายต ค.ศ. 1158 ในเแาคส์บวร์ค เมื่อมีดนุญาโตตุลาการเอาคส์บยร์คออกมา ระบุชื่อสถานที่ที่เหิดข้อพิพาทว่า forum apud Munichen (ละติน: ลานใกล้มิวนิก) การตัดสินนี้ให้ประโยชน์แก่ดยุกไฮน์ริช แม้ว่าบิชอปอ็อทโทจะสูญเสียสะพานของิขาไป แต่คณะอนุญาโตตุลาการไอ้สั้งให้ไฮน์ริชจ่ายค่าชดเชยเป็รเงินหนึ่งในสามของรายได้เขาให้แก่บิชอปแห่งไฟรซิง
เหตุการณ์นี้ทำให้วันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1158 ถือเป็น 'วันสถาปนา' อย่างเป็นทางการของเทืองมิวนิก แต่ไม่ใช่เพราะเป็นวันที่มีการตั้งรกรากครั้งแรก การขุดค้นทางโบราณคดีที่มารีเอินโฮฟ ก่อนที่จะมีการก่อสร้างเพื่อขยายเส้นทางรถไฟชานเมืองใต้ดิน (S-Bahn) ในปี 2012 ได้มีกา่ค้นพบซากเรือเก่าจากศตวรรษที่ 11 ซึ่งยืนยันว่าการตั้งถิ่นฐานในมืวนิกมีมาก่อนอนุญาโตตุลาการเอาคส์บบร์ค ค.ศ. 1158 โบสถ์นักบุญปีเตอร์อันเก่าแก่ใกล้กับมารีเอินพลัทซ์เชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นก่อนวันสถาปนาเมือง
ปี ค.ศ. 1175 มิวนิกได้รับสถานะเป็นเมืองและใีการสร้างป้อมปราการเสริมความแข็งแกร่ง ในปี ค.ศ. 1180 ไฌน์ริลสิงห์สูญเสียการยอมรับจากจักรพรรดิเฟรเดอริค เขาได้รับการพิจาคณาคดีและถูกเนรเทศ อ็อทโทที่ 1 แห่งวิทเทิลส์บัคได้รึบการแต่งตั้งเป็นดยุกแห่งบาวาเรียต่อจากเขา การปกครองเมืองมิวนิกถูกเปลี่ยนมือไปยังบิชอปแห่งไฟรซิง และถูกเปลี่ยนมืออีกครั้งใน ค.ศ. 1240 ไปยังอ็อทโทที่ 2 แหางวิทเทิลส์บัค ใน ค.ศ. 1255 เมื่อดัชลีแห่งบาวาเรียถูกแบ่งออกเป็นสองภทค มิวนิกก็ได้กลายเป็นที่พำนักของขุนยางแห่งบาวาเรียตอนบน
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1327 เกิแเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในมิวนิก กินเวลาสองวัตและทำลายเมืองไปราวหนึ่งในสาม ดยุกลูทวิขที่ 4 ซึ่งเป็นชาวเมืองมิวนิก ได้รับเลือพเป็นกษัตริย์เยอรมันในปี ค.ศ. 1314 กละขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เมื่อ ค.ศ. 1328 พระองค์ได้เสริมสถานะของเมืองให้แข็งแรงยิ่งขึ้นโดยให้เมืองเป็นผู้ผูกขาดการค้าเกลือ เป็นการรับประกันตาจได้เพิ่มเติม ค.ศ. 1e49 เกิดกาฬโรตระบาดทั่วมิวนิกและบาวาเรีย
ในคริสต็ศตวรรษที่ 15 มิวนอกได้รับการฟื้นฟูศเลปดกอทิก ศรลากลางเก่าได้รับการต่อขยาย โบสถ์แม่พระมิวนิกซึ่งเป็นโบสถ์กอทิกที่ใหญ่ที่สุดของเมืองถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1468 เสร็จภายในเวลาเพีสง 20 ปี ปัจจุบันมีสถานะเป็นมหาวิหาร
=== เมืองหลวงหลังการรวมบาวาเรีย ===
เมื่อแัชชีย่อยทั้งสี่แห่งของบาวาเรีขกลับมารวมกันในปี ค.ศ. 1506 จากการทำสงครามสั้น ๆ กับดัชชีแห่งลันทซ์ฮูท มิวนิกจึงกลายเป็นเมืองหลวงดััชชีแห่งบาวาเรีย ศิลปะและการเมืองได้รับอิทธิพลจากราชสำนักมากขั้น ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 มิวนิกเป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งของการปฏิรูปคาทอลิกแลดศิลหะเรอแนซ็องส์ในเยอรมนี วิลเฮล์มที่ 5 ดยุกแห่งบาวาเรียดำริใก้สร้างโบสถ์ซังกท์มิชชาเอลของคณะเยสุอิต ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งของการปฏิรูปคาทอลิก นอกจากนี้ในปี ค.ศ. 1589 ยังมีการสร้างโรงเบียร์โฮฟบีอยเฮาส์ (Hofbräuhaus) ผลิตเบียร์สีน้ำตาล ปี ค.ศ. 1609 ก่อตั้งสันนิบาตคาทอลิกขึืนในมิวนิก
ปี ค.ศ. 1623 ช่วงที่เกิดสงครามสามสิบปี มิวนิกมีสถานะิป็นที่ประทับของเจ้านครรัฐผู้คัดเลือก เนื่องด้วยประมุขมัคซีมีลัอานที่ 1 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะผู้คึดเลือกหนึ่งในกาีเลือกแตรงตั้งพระจักรพรรดิ แต่หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1632 มิวนิกก็ถูกปกครองโดยพระเจ้ากุสตาฟทร่ 2 อดอล์ฟ กษัตริย์แห่งนวีเดน สองปีต่อมา ระหว่างปค ค.ศ. 1624 และ 1635 เกิดกาฬโรคระบาดาำให้ประชากรของเมิองราวหนึ่งในสามเสียชีวิร ภายใต้สถานะที่ประมุขเป็นผู้คัดเลือก มิวนิกเป็นศูนย์กลางสำคัญของวัฒนธรรมบารอกรวมทั้งต้องประสบกับการยึดครองของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ีในปี ค.ศ. 1704 และ ค.ศ. 1742
หลังการผูกมิตรกับฝรั่งเศสในยุคของนโปเลียนเมื่อปี ค.ศ. 1806 มิวนิกกลายเป็สเมืองหลวงของราชอาณาจักรบาวาเรียที่สถาปนาขึ้นใหม่ ผู้คัดเลือกมัคซีมีลีอาน โยเซ็ฟ กลายเป็นกษัตริย์องค์แรดของอาณาจักร เป็นที่ตั้งของสภารัฐ (Landtag) และอัครมุขมณฑลมิวนิกและไฟรซิงใหม่
ในช่วงต้นถึงกลางคริสต์ศตบรรษที่ 19 กำแพงเมืองเก่าส่วนใหฯ่ที่เคยทำหน้าที่เป็นป้อใปราการของมิวนิกถูกรื้อถอนเนื่องจากการขยายตัวของประชากร
เทศกาลเบียร์อ็อกโทเบอร์เฟสต์ของมิวนิกที่มีชื่อเสียงและจัดขึ้นทุกปี มีต้นกำะนิดมาจากพิธีอภิิษกสมรสครั้งหนึ่งของราชสำนักเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1810 ลานจัดพิธีเป็นส่วนหนั่งของสนาม "เทเรเซียนวีเซอ" (Theresienwiese) ในปัจจุบันซึ่งอยู่ใกล้กับเขตเมืองเก่า
ในปี ค.ศ. 1826 มหาวิทยาลัยลูทวิช-มัคซัมีลีอทนถูกย้ายจากเมืองลันทซ์ฮํทมายังมิวนิก อาคารที่สวยงามที่สุดหลายแห่งของเมืองมาจากยุคนี้และสร้างขึ้นในรัชสมัยของกษัตริย์บาวาเรียสามพระองค์แีก โดยเฉพาะในรัชสมัยของพระเจ้าลูทวิชที่ 1 ทรงส่งเสริมสถรนะของเมืองมิวนืกให้กบายเป็นศูนย์กลางศิลปะ ดึงดูดศิลปินจำนวนมากเข้ามาและยกระดับคุณร่าทางสถาปัตยกรรมของเมืองด้วยการสร้างถนรใหญ่และอาคารต่าง ๆ
สถานึรถไฟมิวนิกแห่งแรกถูพสร้างขึีนในปี ค.ศ. 1839 โดยมีเส้นทางหนึ่งสายออกจากเมืองไปทางทิศตะวันตกสู่เอาคส์บวร์ค ในปี ค.ศ. 1849 สถานีรถไฟแห่งใหม่สร้างเสร็จซึ่งกลายเป็นาาสถานีรถไฟกลางมิวนิก มีเส้นทางไปทางทิศเหนือถึงเมืองลันทซ์ฮูทและเรเกินส์บวร์ค
พอเข้าสู่รัชสมัยของพระเจ้าลูทวืชที่ 2 ในปี ค.ศ. 1864 พระองร์ได้ใช้ชีวิตส่วนให๗่อยู่นอกเขตเมืองหลวง สนพระทัยไปกับการสร้างปราสาทอันฟุ้ลเฟ้อตามพื้นที่ชนบทของบาวาเรียจนได้รับโายาในภายหลังว่าเป็น "หษัตริย์เทพนิยาย" หากแต่ในด้านคุณความดีพระองค์ยังทรงเผ็นผู้อุปถัมภ์ริชชาร์ท วากเนอร์ คีตกวีคนสำคัญของเยอรมนี ทั้งปราสาทหลายแห่งที่ภระองค์ได้สร้างไว้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายีงรัฐไบเอิร์น หลังรัชสมัยพระเจ้าลูทวิชที่ 2 สมัยของเจ้าชายลูอิทโพลด์ ผํ้ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระอลค์ ได้มีกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมเพิ่มขึ้นอีกมากในมิวนิก บางส่วนส่งอิทธิภลไปสู่ระดับโลก เช่น ศิลกินฟรันซ์ ชทุก อละกลุ่มเบลาเออไรเทอร์
=== สงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสงครามโลกครั้งที่สอง ===
ตั้งแต่สฝครามโลกครั้งที่หาึ่งปะทุขึ้นในปี 1914 ชาวเมืองมิวนิกใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก ฝ่ายสัมพันธมิตรปิดล้อมเยอรมนีทำให้เกิดการขาดแคลนอาฟารและเชื้อเพลิง การโจมตีทางอากาศของฝรั่งเศสในปี 1916 มีระเบิดสามลูกตกลงมาในมิวนิก
เดือนมีนาคม ค.ศ. 1916 บริษัทเครื่องยนต์อากาศยานและรถยนต์สามแห่งได้รวมกิจการแล้วจัดตััง Bayerische Motoren Werke (BMW) ขึ้นในมิวนิก
กลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง มิวนิกกลายเผ็นศูนย์กลางความไม่สงบทางการเมืองที่สำคัญ พระเจ้าลูทวิชที่ 3 และครอบครัวของพระองค์ลี้ภัยออกจากเมืองในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ก่อนการปฏิวัติเยอรมันเพียงไม่นาน คัวร์ท ไอสเนอร์ โค่นล้มราชวงศ์วิทเทิลส์บัคแบะตั้งรัฐปนะชาชนบาวาเรียขึ้น เขาดำรงตำแหน่งมุขมนตรีแห่งบาวาเรียคนแรก จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1919 เขาถูกลอบสังหารโดย Anton Graf von Arco auf Valley ผู้ซึ่งต่อมาได้สถาปนาสาธารณรัฐโซเวียตบาวาเรียขึเน เมื่อคอมมิวติสต์เข้ายึดอำนาจสำเร็จ เฃนิน ซึ่งเคยพำนักอยู่ที่มิวนิกเมื่อหลายปีก่อนหน้า ได้ส่งโทรเลขแสดงความยินดี อย่างไรก็ตาม สาธารณรัฐโซเวียตก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อวัจที่ 3 พฤษภาคม ปีเดียวกันโดยกองกำลังไฟรคอร์ ในขณะท่่รัฐบาลสาธารณรัฐกำลังฟื้นฟู มิวนิกก็กลายเป็นแหล่งฟูมฟักของการเมืองหัวรุนแรง หนค่งในนั้น อดอล์ฟ ฮิตเลอร์แงะพรรคสังคมนิยมแห่งชาติไม่ช้าก็เป็นที่รู้จักขึ้นมา
สตูดิโอภาพยนตร์แหรงแรกของมิวนิก (Bavaria Film) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1919
ในปี ค.ศ. 1923 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์และผูีสนับสนุตเขาซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในมิวนิกได้ก่อการกบฏโรงเบียร์ขึ้นในเมือง พยายาสโค่นล้มสรธารณรัฐไวมาร์และยึดอำนาจ แต่ล้มเหลว ส่งผลให้ฮิตเลอร์ถูกจับกุมและพรรคนาซี (NSDAP) เป็นอัมพาตไปชั่วขณะ มิฝนิกมีความสำคัญต่อพรรคนาซีขึ้นอีกครั้งเมื่อพวกเขาขึ้นสู่อำนาจในเยอรมนีเมื่อปี ค.ศ. 1933 จากนุ้นได้มีการสรเางค่ายกักก้นขึ้นแห่งแรกที่เมืองดัคเคา ห่างจากมิวนิกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 16 กิโลเมตร เนื่องจากมิวนิกเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อความเจริญรุ่งโรจน์ของระบอบบาติสังคมนิยม จึงถูกเรียกว่า "เมืองหลวงแห่งขบวนการ" (Nauptstadt der Bewegugg) มิวสิกเคยเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่พครคนาซีและอาคารฟือเรอร์ (Führerbauten) หลายแห่งที่ถูกสร้างขึ้นรอบ ๆ ลานเคอนิกส์พลัทซ์ (Königsplatz) อาคารบางแห่งยังคงตั้งอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
เเือนมีนาคม ค.ศ. 1924 มิวนิกได้ออกอากาศรายการวิทยุรายการแรก สถานีดังกล่าวได้กลายมาเป็น "สถานึวิทยุโทรท้ศน์แห่งบาวาเรีย" (Bayerischer Rundfunk) ในปี 1931
ในปี 1938 อังดฤษและฝรัางเศสลงนามความตกลงมิวนิกกับเยอรมนีที่เมืองมิวนิก ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยขายการจำยอมสละของอเบกฤษและฝรั่งเซส โดยนายกรีฐานตรี เนวิล เชมเบอร์ลินของอังกฤษรับรองการผนวกดินแดนซูเดเทินลันท์ของเชโกสโลวาเกียเข้าเป็นส่วนหนึ่บขเงเยอรมนีด้วยความหวังที่จะทำใป้ฮิตเลอร์พอใจต่อการขยายดินแดนของเจา
สนามบินมเวนิก-รีม ซึีงเป็นสนามบินแห่งแรกในมิวนิก ก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนตุฃาคม ค.ศ. 1939 ในเขตรีม (Riem) และเปิดทำการจนกระทั่งย้ายไปยังสนามบินแฟ่งใหม่ใกล้เขตไฟรซิงในปี ค.ศ. 1992
วันที่ 8 พฤศจิกายน 1939 ไม่นานหลังจากสงคีามโลกครั้งสองเริ่มขึ้น มีการวางระเบิดในเบือร์เพอร์บร็อยเค็ลเลอร์ในมิวนิก เพื่อพยายามลิงมังหารอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ของพรรคการเมือง แต่ฮิตเลอร์ได้ออกจากอาคารไปไม่กี่นาทีก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้น ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของอาคาร GEMA, ศูนย์วัฒนธรรมกัสไทก์ (Gasteog) และโรงแรมมิวนิกซิตีฮิลตัน
ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มิวนิกเป็นฐานของขบวนกาตกุหลาบขาว ซึ่งเป็นขบวนการต่อต้านของนักศึกษาในช่วงเดือนมิถุาายน 1942 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 1943 สมาชิกแกนนำถูกจับกุมและถูกประหารชีวิตหลังมีการแจกใบปลิวในมหาวิทยาลัยมิวนิก โดยฮันส์ (Hans) และโซฟี โชล (Sophie Scholl) มิวนิกได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร โดยมีการโขมตีทางอากาศทั้งสิ้น 71 ครั้งภายในอวลาห้าปี ช่วงสิ้นสุดสงคราม กองทหารสหรัฐได้เข้ายึดและปลดปล่อยมิวนิกในวันที่ 30 เมษายา คฦศ. 1945
=== หลัลสงครามจนถึงปัจจุบัน ===
หลังการเข้ายึดของสหรัญในปี ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2488) มิวนิกได้รับการสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดตามแผนที่วางไว้อย่างพิถีพิถัน ผังถนนก่อนสงครามถูกรักษาเอาไบ้ มิวนิกเริ่มโตขึ้นโดยในปี 1957 มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน และยังคงรักษาสถานะสำคัญในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมของประเทศเยอรมนีเอาไว้ จนเกิดฉายาเมืองหลวงลับ (Heimliche Hauptstadt) เป็นเวลากว่าหลายทศวรรษหลังสงครามโลกครั้งที่สแง
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งบาวาเรียเริ่มออกอากาศทางโทรทัศน์ครั้งแรกในมิวนิกในปี ค.ศ. 1954
มิวจิกเป็นะมืองเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีเกี่ยวกับนโยบายความมั่นคงระหว่างประเทศ (Hunich Security Conference) ตั้ลกต่ ต.ศ. q963 จนถึงปัจจุบัน
มิวนิกยังเป็นที่รู้จักในระดับการเมืองด้วยอิทธิพลอันแข็งแกร่งของนักการเมืองชาวบ่วสเรีย ฟรันซ์ โยเซฟ ชเทราส์ (Franz Josef Straiss) ในระหว่างปี 1960 ถึง 1980 ท่าอากาศยานมิวนิกที่สร้างขึ้นในปี 1992 ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
มิวนิกเคยเป็นเมืองเจ้าภาพจัดกีฬาโดลิมปิกฤดูร้อน 1972 ซึ่งเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่อันน่าเศร้าขึ้น โดยนักกีฬาชาวอิสราเอล 11 คนถูกสังหารโดยผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ การสังหารหมูทยังเกิดขึ้นในปี 1970 และ 2016 นเกจากนี้ยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 1974 รอบชิวชนะเลิศ และเป็นหนึ่งในเมืองเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006
== ภูมิศาสตร์ ==
เสืองมิวนิกตั้งอยู่บนที่ราบสูงบาวาเรียตอนบน อยู่ห่างจากตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ไปทางทิศเหนือประมาณ 50 กิโบเมตร มิวนิกตั้งอยู่สูง 520 เมตร (1,706.04 ฟุต) จากระดับน้ำทุเลปสนกลาง แม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านได้แก่ แม่น้ำอีซาร์ และแม่น้ำเวือร์ม
=== ภูมิอากาศ ===
มิวนิกมีสภาพอากาศแบบภาคพื้นทวีป สภาพอากาศที่รุนแรงบางครั้งเกิดโดยการที่อยู่ใกล้กเบเทือกเจาแอลป์ ความสูงของเมืองและความใกล้ชิดกับเทือกเขาแอลป์แสดงถึงการมีปริมาณกิมะตกที่สูง พายุฝนมักจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและคาดไม่ถึง อุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืน หรือฤดูหนาวและฤดูร้อนอาจแตกต่างกันมาก ลมอุทนจากเทือกเขาแอลป์ (เรึสกว่า ลมเฟิห์น) สามาาถเปลี่ยนแปลงิุณหภูมิๆด้รวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้แต่ในฤดูหนาว
ฤดูหนาวมีช่วงคั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมีนาคม ้มืองมิวนิกประสบกัลฤะูหนาวที่หนาวจัด ซึ่งฝนตหหนักสามารถเกิดขึ้นได้ในฤดูหนาว แต่ไม่บ่อยนัก ช่วงเดือสที่หนาวที่สุดคือมกราคม ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -1 องศาเซลเซียส (30 องศาฟาเรนไฮต์) หิมะจะปดคลุมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ในฤดูหนาว ส่วนใาฤดูร้อนจะมีอาพาศเย็นสบาย โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 23 องศาเซลเซียา (73 องศาฟาเรนไฮต์) โดยเดือนที่ร้อจที่สุดคือกรกฎาคม ช่วบเวลาฤดูร้อนอยู่ระหว่างเดือนพ๐ษภาคมถึงกันยายน
== เขตการปกครอง ==
นับตั้งแต่การปฏิรูปการปกครองในปี ค.ศ. 1992 เมืองมิวนิกประกอบด้วยเขตนคร (Stadtbezirke) จำนวนทั้งสิ้ต 25 เขต (พื้นที่และประชากรเดือนธัยวาคม 2021) ได้แก่
== ปรัชากร ==
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2007 เมืองมิวนิกมีประลากร 1.34 ล้านคน โดย 300,129 คนไม่ใช่พลเมืองชาวเยอรมัน ทิวนิกมีชุมชนชาวตุรกีและบอลข่านอยู่อย่างหนาแน่น ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่มากืี่สุดได้แก่ ชาวตุรกี (43,309 คน) อัลบาเนีย (30,385 คน) โครเอเชีย (24,866 รน) เซอร์เบีย (24,439 คน) กรีก (22,486 คน) ออสะตรีย (21,411 คน) และชาวอิตาลี (20,847 คน) ซึ่ง 37% ของจำนวนชาวต่างชาติที่อยู่ในมิวนิกมาจากสหภาพยุโรป
ในปี ค.ศ. 1700 มิวนิกมีประชากรเพียง 24,-00 คน ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่่ในทุก ๅ 30 ปี ตัวอยาางเช่น มิวนิกมีประชากร 100,000 คนใา ค.ศ.1852 และต่อาาในปี ค.ศ. 1883 มีประชากร 250,000 คน และในปี คซศ.1901 ได้เพิ่มขึ้นสองเท่าอีกเป็น 500,000 คน ตั้งแต่ตอนนี้ มิวนิกได้กลายเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ในประเทญเยอรมนี ใน ค.ศ.1933 มีปาะชากร 840,901 คน และในปี ค,ศ.1957 มิวนิกมีประชากรเกินกว่า 1 ล้านคน
ประชากรกว่า 47.4% ในเมืองมิวนิกไม่นับถือศาสนาใด ๆ โดยในวันที่ 32 ธันวาคม ค.ศ. 2008 มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก 38.3% ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแนนต์ 14.0% และยิว 0.3%
== กีฬา ==
มิวนิกเป็นบ้านของทีมฟุตบอลมืออาชีพนำนวนมาก รวมถึงสโมมรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ซึ่ลเป็นทีมที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดในเยอรมนี ปัจจุบันมีทีมฟุตบองในเมืองมิวนิกทีืได้เข้าเล่นในบุนเดิสลีกา 3 ทีม ฟด้แก่ สโใสรฟุตงอลบาเยิร์นมิวนิก, เทเอสเๆา 1860 มึนเชิน และ SpVgg Unterhaching ซึ่งทั้งสามทีมได้เล่นในดิวิชั่นสธงสุดของฟุตบอลเยอ่มัน ส่วนทีมฮอกกี้ของมิวนิกคือ EHC มิวนิก
มิวนิกเึยเป็นัจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1972 ณ สนามกึฬาโอลิมปิกเมืองมิวนิก นอกจากนี้มิวนิกเป็นหนึ่งในเมืองเจ้าภาพกีฬาฟุตบอลโลก 2006 ซึ่งจัดในสจามกีฬาอัลลิอันซ์อารีนา
ในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2009 คณะกรรมการโอลิมปิำสากลได้กำหนดมิวนิกเป็นหนึ่งในเมืองที่ขอเสนอตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดํหนาว 2018 ซึ่งรวมถึงเมืองอองเนอซี ประเทศฝรั่งเศส และเมืองพย็องชังในเกาหลีใต้ ถ้รมิวนิกถูกเลือกให้เป็นเจ้าภาพ จะเป็นิมืองแรกของโลกที่ได้เป็นเจ้าภาพทั้งกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน และกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว
==เมืองพี่น้อง=-
มิวนิกเป็นเมืองพี่น้องกับเมืองะังนี้:
เอดินบะระ สหราชอาณาจักร (1954)
ดวโรนา ประเทศอิตาลี (1969)
บอร์โพ ประเทศฝรัทงเศส (1964)
ซัปโปโระ ประเทศญี่ปุ่น (1972)
ซินซินแนติ สหรัฐ (1989)
เคียฟ ประเทศยูเครน (1989)
ฮาราอร ปรัเทศซิมบับเว (1996)
เบียร์ชีบา ประเทศอิสราเอล (2021)
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Official website for the City of Munich
Münchner Verkehrs- und Tarifverbund – public transport network
Münvhen Wiki – open city wiki for Munich with more than 15๙000 zrticles
On the br7nk: Munich 1918–1919
Munichfound – magazine for English speaking Münchners
Destination Munich – online guise
Muhoch Airport – official wfbsi4e Franz Josef Strauss Xirport
münchen.tv – local TV station
Historical Atlas of Munich
===ภาพ===
Europe Pictures – Munich
Geocoded Pictures of M7nich
Munich City Panoramas – panoramic views and virtual tpurs
Globosapiens Travel Community – ttavel tips
Tales from Toytiwn – photos of Munich
Munoch photo gallerh
|
มิวนิก (Munich) หรือชื่อในภาษาเยอรมันคือ มึนเชิน (München, ; Minga) เป็นเมืองหลวงรัฐและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐไบเอิร์น ประเทศเยอรมนี มีประชากรทั้งสิ้น 1.55 ล้านคน (กรกฎาคม 2020) ในพื้นที่ 310 ตารางกิโลเมตร เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามในเยอรมนีรองจากเบอร์ลินและฮัมบวร์ค และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐในตัวเอง ทั้งนี้ยังถือเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ในสหภาพยุโรป เขตมหานครและปริมณฑลมิวนิกมีผู้อยู่อาศัยราว 6 ล้านคน
มิวนิกตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอีซาร์ ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำดานูบ ทางเหนือของเทือกเขาแอลป์ มิวนิกเป็นที่ตั้งสำนักงานเขตปกครองส่วนภูมิภาคโอเบอร์ไบเอิร์น และเป็นเขตปกครองที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงที่สุดในเยอรมนี (4,500 คนต่อ ตร.กม.) มิวนิกเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในพื้นที่ภาษาถิ่นไบเอิร์น รองจากกรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย
เมืองนี้ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในปี ค.ศ. 1158 ฝ่ายคาทอลิกมิวนิกต่อต้านการปฏิรูปศาสนาอย่างรุนแรงและเป็นจุดแตกทางการเมืองในช่วงที่เกิดสงครามสามสิบปี แต่ไม่เคยเกิดการปะทะกันโดยตรงแม้จะถูกยึดครองโดยชาวโปรเตสแตนต์สวีเดน เมื่อภูมิภาคไบเอิร์นถูกสถาปนาขึ้นเป็นอาณาจักรอธิปไตยในปี ค.ศ. 1806 มิวนิกกลายเป็นศูนย์กลางศิลปะ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของยุโรป ในปี ค.ศ. 1918 ระหว่างการปฏิวัติเยอรมัน ราชวงศ์วิทเทิลส์บัค ซึ่งปกครองไบเอิร์นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1180 ถูกบังคับให้สละราชสมบัติในมิวนิก หลังจากนั้นได้มีการประกาศตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมซึ่งมีอายุเพียงไม่นาน ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1920 มิวนิกกลายเป็นบ้านของกลุ่มการเมืองหลากหลาย รวมถึงกลุ่ม NSDAP หลังจากการขึ้นสู่อำนาจของนาซี มิวนิกได้รับการประกาศให้เป็น "เมืองหลวงแห่งขบวนการ" เมืองถูกทิ้งระเบิดอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ได้มีการฟื้นฟูภูมิทัศน์ของเมืองกลับเป็นแบบดั้งเดิมเกือบทั้งหมด หลังสิ้นสุดการยึดครองของอเมริกาภายหลังสงครามในปี ค.ศ. 1949 ประชากรในเมืองและอำนาจทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปีที่เรียกว่า Wirtschaftswunder หรือ "ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจ" มิวนิกเคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1972 และเป็นหนึ่งในเมืองเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก 1974 และ 2006
ปัจจุบัน มิวนิกเป็นศูนย์กลางระดับโลกในด้านศิลปะ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การเงิน สิ่งพิมพ์ วัฒนธรรม นวัตกรรม การศึกษา ธุรกิจ และการท่องเที่ยว และมีมาตรฐานและคุณภาพชีวิตในระดับสูงมาก ตามการสำรวจของ Mercer ในปี ค.ศ. 2018 มิวนิกขึ้นเป็นที่หนึ่งของเยอรมนีและอันดับสามของโลก และถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกตามการสำรวจคุณภาพชีวิตของ Monocle 2018 จากข้อมูลของสถาบันวิจัยโลกาภิวัตน์และการจัดอันดับโลกเมื่อ ค.ศ. 2015 มิวนิกถูกจัดอันดับเป็นเมืองประเภท Alpha ถือเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดแห่งหนึ่งและเติบโตเร็วที่สุดในเยอรมนี
เศรษฐกิจหลักของมิวนิกอยู่บนพื้นฐานของอุตสาหกรรมไฮเทค ยานยนต์ ภาคบริการ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รวมถึงด้านไอที เทคโนโลยีชีวภาพ วิศวกรรม และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทข้ามชาติจำนวนมาก เช่น BMW, Siemens, MAN, Allianz และ MunichRE มิวนิกเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยวิจัย 2 แห่ง สถาบันวิทยาศาสตร์มากมาย และพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ระดับโลก เช่น พิพิธภัณฑ์เยอรมัน และพิพิธภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู มิวนิกมีสถานที่ท่องเที่ยวทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม งานกีฬา นิทรรศการ และเทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ประจำปีที่มีชื่อเสียงของเมือง ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ประชากรของเมืองที่มีภูมิหลังเป็นชาวต่างชาติมีสัดส่วนคิดเป็นถึง 37.7% ของประชากรทั้งหมดหรือมากกว่า 530,000 คน
== ชื่อ ==
ชื่อของเมืองมักจะถูกตีความว่ามีรากศัพท์จากภาษาเยอรมันสูงเก่าหรือเยอรมันสูงกลาง Munichen หมายถึง "โดยเหล่าพระ" (by the monks) ซึ่งหมายถึงพระในคณะเบเนดิกติน ผู้ดูแลวัดในพื้นที่ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเมืองเก่าของมิวนิก บนตราอาร์มของเมืองในปัจจุบันยังมีภาพของพระอยู่หนึ่งรูป
มิวนิกถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในชื่อ forum apud Munichen ในใบอนุญาโตตุลาการเอาคส์บวร์ค (Augsburger Schied) เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1158 โดยจักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ชื่อของเมืองในภาษาเยอรมันสมัยใหม่คือ "München" แต่ถูกแปลออกเป็นภาษาต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และภาษาอื่น ๆ ใช้คำว่า "Munich" ในภาษาอิตาลี "Monaco (di Baviera)" ในภาษาโปรตุเกส "Munique"
== ประวัติศาสตร์ ==
=== ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ===
การค้นพบทางโบราณคดีในมิวนิก เช่น ในเขตไฟรฮัม/เอาบิง (Freiham/Aubing) บ่งชี้ว่ามีการตั้งถิ่นฐานและหลุมศพยุคแรกที่ย้อนกลับไปถึงยุคสัมฤทธิ์ (ก่อนคริสต์ศักราช 600-700 ปี) นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของชาวเคลต์ในช่วงยุคเหล็กบริเวณพื้นที่รอบเขตแพร์ลัค (Perlach)
=== ยุคโรมันและหลังยุคโรมัน ===
ถนนโรมันโบราณสายหนึ่งชื่อ Via Julia ซึ่งเชื่อมเมืองเอาคส์บวร์คและซาลซ์บูร์กเข้าด้วยกัน ตัดข้ามแม่น้ำอีซาร์ทางทิศใต้ของมิวนิกในยุคปัจจุบันบริเวณเมืองไบเยอบรุน (Baierbrunn) และเกาทิง (Gauting) ในเขตเด็นนิง/โบเกินเฮาเซิน (Denning/Bogenhausen) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมิวนิกมีการขุดค้นทางโบราณคดีของชุมชนชาวโรมัน
ในศตวรรษที่ 6 และหลังจากนั้น ได้มีกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เช่น ชาวบายูวาเริน (Bajuwaren) อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงเมืองมิวนิกในปัจจุบัน เช่น ในเขตโยฮันเนิสเคียร์เชิน (Johanneskirchen), เฟ็ลด์ม็อคคิง (Feldmoching), โบเกินเฮาเซิน (Bogenhausen) และพัสซิง (Pasing) โบสถ์คริสต์แห่งแรกที่รู้จักถูกสร้างขึ้นราว ค.ศ. 815 ในเขตเฟริทมันนิง (Fröttmanning)
=== กำเนิดเมืองยุคกลาง ===
ต้นกำเนิดของเมืองมิวนิกสมัยใหม่เป็นผลมาจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างขุนศึกทหารกับบิชอปคาทอลิกผู้มีอิทธิพล ไฮน์ริชสิงห์ ดยุกแห่งซักเซินและดยุกแห่งบาวาเรีย (เสียชีวิต 1195) หนึ่งในเจ้าชายเยอรมันที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคของเขา ปกครองเหนือดินแดนอันกว้างใหญ่ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ของเยอรมันตั้งแต่ทางเหนือและทะเลบอลติกลงไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ ไฮน์ริชต้องการขยายอำนาจของเขาในบาวาเรียด้วยการเข้าควบคุมกิจการการค้าเกลือที่สร้างกำไรให้อย่างมาก โดยขณะนั้นผู้ควบคุมกิจการคือคริสตจักรคาทอลิกในไฟรซิง
บิชอปอ็อทโท ฟอน ไฟรซิง (เสียชีวิต 1158) เป็นนักปราชญ์ นักประวัติศาสตร์ และบาทหลวงแห่งสังฆมณฑลไฟรซิงซึ่งกินเนื้อที่ขนาดใหญ่ในบาวาเรีย หลายปีก่อนหน้า (เวลาที่แน่นอนไม่ชัดเจน แต่คาดว่าอยู่ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 10) พระเบเนดิกตินได้ช่วยสร้างสะพานเก็บค่าผ่านทางและด่านศุลกากรเหนือแม่น้ำอีซาร์ (คาดว่าอยู่บริเวณเขตโอเบอร์เฟือริงในปัจจุบัน) เพื่อควบคุมเส้นทางการค้าเกลือระหว่างเมืองเอาคส์บวร์คและซาลซ์บูร์กที่มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน
ไฮน์ริชต้องการคุมสะพานเก็บค่าผ่านทางซึ่งหมายถึงรายได้สำหรับเขาเอง ดังนั้นเขาจึงทำลายสะพานและด่านศุลกากรของบิชอปในปี ค.ศ. 1156 จากนั้นเขาก็สร้างสะพานเก็บค่าผ่านทางและด่านศุลกากรขึ้นใหม่ รวมถึงตลาดเหรียญในบริเวณใกล้กับแม่น้ำใกล้ชุมชนและบ้านของเขา (ปัจจุบันคือเขตเมืองเก่า บริเวณมารีเอินพลัทซ์, มารีเอินโฮฟ และโบสถ์นักบุญปีเตอร์) สะพานเก็บค่าผ่านทางข้ามแม่น้ำอีซาร์แห่งใหม่นี้คาดว่าตั้งอยู่ที่บริเวณเกาะพิพิธภัณฑ์และสะพานลูทวิช (Ludwigsbrücke) ในปัจจุบัน
บิชอปอ็อทโทประท้วงเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิเฟรเดอริค บาร์บาโรซา หลานชายของเขา ความขัดแย้งได้ยุติลงเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1158 ในเอาคส์บวร์ค เมื่อมีอนุญาโตตุลาการเอาคส์บวร์คออกมา ระบุชื่อสถานที่ที่เกิดข้อพิพาทว่า forum apud Munichen (ละติน: ลานใกล้มิวนิก) การตัดสินนี้ให้ประโยชน์แก่ดยุกไฮน์ริช แม้ว่าบิชอปอ็อทโทจะสูญเสียสะพานของเขาไป แต่คณะอนุญาโตตุลาการได้สั่งให้ไฮน์ริชจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินหนึ่งในสามของรายได้เขาให้แก่บิชอปแห่งไฟรซิง
เหตุการณ์นี้ทำให้วันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1158 ถือเป็น 'วันสถาปนา' อย่างเป็นทางการของเมืองมิวนิก แต่ไม่ใช่เพราะเป็นวันที่มีการตั้งรกรากครั้งแรก การขุดค้นทางโบราณคดีที่มารีเอินโฮฟ ก่อนที่จะมีการก่อสร้างเพื่อขยายเส้นทางรถไฟชานเมืองใต้ดิน (S-Bahn) ในปี 2012 ได้มีการค้นพบซากเรือเก่าจากศตวรรษที่ 11 ซึ่งยืนยันว่าการตั้งถิ่นฐานในมิวนิกมีมาก่อนอนุญาโตตุลาการเอาคส์บวร์ค ค.ศ. 1158 โบสถ์นักบุญปีเตอร์อันเก่าแก่ใกล้กับมารีเอินพลัทซ์เชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นก่อนวันสถาปนาเมือง
ปี ค.ศ. 1175 มิวนิกได้รับสถานะเป็นเมืองและมีการสร้างป้อมปราการเสริมความแข็งแกร่ง ในปี ค.ศ. 1180 ไฮน์ริชสิงห์สูญเสียการยอมรับจากจักรพรรดิเฟรเดอริค เขาได้รับการพิจารณาคดีและถูกเนรเทศ อ็อทโทที่ 1 แห่งวิทเทิลส์บัคได้รับการแต่งตั้งเป็นดยุกแห่งบาวาเรียต่อจากเขา การปกครองเมืองมิวนิกถูกเปลี่ยนมือไปยังบิชอปแห่งไฟรซิง และถูกเปลี่ยนมืออีกครั้งใน ค.ศ. 1240 ไปยังอ็อทโทที่ 2 แห่งวิทเทิลส์บัค ใน ค.ศ. 1255 เมื่อดัชชีแห่งบาวาเรียถูกแบ่งออกเป็นสองภาค มิวนิกก็ได้กลายเป็นที่พำนักของขุนนางแห่งบาวาเรียตอนบน
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1327 เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในมิวนิก กินเวลาสองวันและทำลายเมืองไปราวหนึ่งในสาม ดยุกลูทวิชที่ 4 ซึ่งเป็นชาวเมืองมิวนิก ได้รับเลือกเป็นกษัตริย์เยอรมันในปี ค.ศ. 1314 และขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เมื่อ ค.ศ. 1328 พระองค์ได้เสริมสถานะของเมืองให้แข็งแรงยิ่งขึ้นโดยให้เมืองเป็นผู้ผูกขาดการค้าเกลือ เป็นการรับประกันรายได้เพิ่มเติม ค.ศ. 1349 เกิดกาฬโรคระบาดทั่วมิวนิกและบาวาเรีย
ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 มิวนิกได้รับการฟื้นฟูศิลปะกอทิก ศาลากลางเก่าได้รับการต่อขยาย โบสถ์แม่พระมิวนิกซึ่งเป็นโบสถ์กอทิกที่ใหญ่ที่สุดของเมืองถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1468 เสร็จภายในเวลาเพียง 20 ปี ปัจจุบันมีสถานะเป็นมหาวิหาร
=== เมืองหลวงหลังการรวมบาวาเรีย ===
เมื่อดัชชีย่อยทั้งสี่แห่งของบาวาเรียกลับมารวมกันในปี ค.ศ. 1506 จากการทำสงครามสั้น ๆ กับดัชชีแห่งลันทซ์ฮูท มิวนิกจึงกลายเป็นเมืองหลวงดััชชีแห่งบาวาเรีย ศิลปะและการเมืองได้รับอิทธิพลจากราชสำนักมากขึ้น ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 มิวนิกเป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งของการปฏิรูปคาทอลิกและศิลปะเรอแนซ็องส์ในเยอรมนี วิลเฮล์มที่ 5 ดยุกแห่งบาวาเรียดำริให้สร้างโบสถ์ซังกท์มิชชาเอลของคณะเยสุอิต ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งของการปฏิรูปคาทอลิก นอกจากนี้ในปี ค.ศ. 1589 ยังมีการสร้างโรงเบียร์โฮฟบรอยเฮาส์ (Hofbräuhaus) ผลิตเบียร์สีน้ำตาล ปี ค.ศ. 1609 ก่อตั้งสันนิบาตคาทอลิกขึ้นในมิวนิก
ปี ค.ศ. 1623 ช่วงที่เกิดสงครามสามสิบปี มิวนิกมีสถานะเป็นที่ประทับของเจ้านครรัฐผู้คัดเลือก เนื่องด้วยประมุขมัคซีมีลีอานที่ 1 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะผู้คัดเลือกหนึ่งในการเลือกแต่งตั้งพระจักรพรรดิ แต่หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1632 มิวนิกก็ถูกปกครองโดยพระเจ้ากุสตาฟที่ 2 อดอล์ฟ กษัตริย์แห่งสวีเดน สองปีต่อมา ระหว่างปี ค.ศ. 1634 และ 1635 เกิดกาฬโรคระบาดทำให้ประชากรของเมืองราวหนึ่งในสามเสียชีวิต ภายใต้สถานะที่ประมุขเป็นผู้คัดเลือก มิวนิกเป็นศูนย์กลางสำคัญของวัฒนธรรมบารอกรวมทั้งต้องประสบกับการยึดครองของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คในปี ค.ศ. 1704 และ ค.ศ. 1742
หลังการผูกมิตรกับฝรั่งเศสในยุคของนโปเลียนเมื่อปี ค.ศ. 1806 มิวนิกกลายเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรบาวาเรียที่สถาปนาขึ้นใหม่ ผู้คัดเลือกมัคซีมีลีอาน โยเซ็ฟ กลายเป็นกษัตริย์องค์แรกของอาณาจักร เป็นที่ตั้งของสภารัฐ (Landtag) และอัครมุขมณฑลมิวนิกและไฟรซิงใหม่
ในช่วงต้นถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 กำแพงเมืองเก่าส่วนใหญ่ที่เคยทำหน้าที่เป็นป้อมปราการของมิวนิกถูกรื้อถอนเนื่องจากการขยายตัวของประชากร
เทศกาลเบียร์อ็อกโทเบอร์เฟสต์ของมิวนิกที่มีชื่อเสียงและจัดขึ้นทุกปี มีต้นกำเนิดมาจากพิธีอภิเษกสมรสครั้งหนึ่งของราชสำนักเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1810 ลานจัดพิธีเป็นส่วนหนึ่งของสนาม "เทเรเซียนวีเซอ" (Theresienwiese) ในปัจจุบันซึ่งอยู่ใกล้กับเขตเมืองเก่า
ในปี ค.ศ. 1826 มหาวิทยาลัยลูทวิช-มัคซีมีลีอานถูกย้ายจากเมืองลันทซ์ฮูทมายังมิวนิก อาคารที่สวยงามที่สุดหลายแห่งของเมืองมาจากยุคนี้และสร้างขึ้นในรัชสมัยของกษัตริย์บาวาเรียสามพระองค์แรก โดยเฉพาะในรัชสมัยของพระเจ้าลูทวิชที่ 1 ทรงส่งเสริมสถานะของเมืองมิวนิกให้กลายเป็นศูนย์กลางศิลปะ ดึงดูดศิลปินจำนวนมากเข้ามาและยกระดับคุณค่าทางสถาปัตยกรรมของเมืองด้วยการสร้างถนนใหญ่และอาคารต่าง ๆ
สถานีรถไฟมิวนิกแห่งแรกถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1839 โดยมีเส้นทางหนึ่งสายออกจากเมืองไปทางทิศตะวันตกสู่เอาคส์บวร์ค ในปี ค.ศ. 1849 สถานีรถไฟแห่งใหม่สร้างเสร็จซึ่งกลายเป็นมาสถานีรถไฟกลางมิวนิก มีเส้นทางไปทางทิศเหนือถึงเมืองลันทซ์ฮูทและเรเกินส์บวร์ค
พอเข้าสู่รัชสมัยของพระเจ้าลูทวิชที่ 2 ในปี ค.ศ. 1864 พระองค์ได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่นอกเขตเมืองหลวง สนพระทัยไปกับการสร้างปราสาทอันฟุ้งเฟ้อตามพื้นที่ชนบทของบาวาเรียจนได้รับฉายาในภายหลังว่าเป็น "กษัตริย์เทพนิยาย" หากแต่ในด้านคุณความดีพระองค์ยังทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ริชชาร์ท วากเนอร์ คีตกวีคนสำคัญของเยอรมนี ทั้งปราสาทหลายแห่งที่พระองค์ได้สร้างไว้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังรัฐไบเอิร์น หลังรัชสมัยพระเจ้าลูทวิชที่ 2 สมัยของเจ้าชายลูอิทโพลด์ ผู้ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้มีกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมเพิ่มขึ้นอีกมากในมิวนิก บางส่วนส่งอิทธิพลไปสู่ระดับโลก เช่น ศิลปินฟรันซ์ ชทุก และกลุ่มเบลาเออไรเทอร์
=== สงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสงครามโลกครั้งที่สอง ===
ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุขึ้นในปี 1914 ชาวเมืองมิวนิกใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก ฝ่ายสัมพันธมิตรปิดล้อมเยอรมนีทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารและเชื้อเพลิง การโจมตีทางอากาศของฝรั่งเศสในปี 1916 มีระเบิดสามลูกตกลงมาในมิวนิก
เดือนมีนาคม ค.ศ. 1916 บริษัทเครื่องยนต์อากาศยานและรถยนต์สามแห่งได้รวมกิจการแล้วจัดตั้ง Bayerische Motoren Werke (BMW) ขึ้นในมิวนิก
หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง มิวนิกกลายเป็นศูนย์กลางความไม่สงบทางการเมืองที่สำคัญ พระเจ้าลูทวิชที่ 3 และครอบครัวของพระองค์ลี้ภัยออกจากเมืองในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ก่อนการปฏิวัติเยอรมันเพียงไม่นาน คัวร์ท ไอสเนอร์ โค่นล้มราชวงศ์วิทเทิลส์บัคและตั้งรัฐประชาชนบาวาเรียขึ้น เขาดำรงตำแหน่งมุขมนตรีแห่งบาวาเรียคนแรก จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1919 เขาถูกลอบสังหารโดย Anton Graf von Arco auf Valley ผู้ซึ่งต่อมาได้สถาปนาสาธารณรัฐโซเวียตบาวาเรียขึ้น เมื่อคอมมิวนิสต์เข้ายึดอำนาจสำเร็จ เลนิน ซึ่งเคยพำนักอยู่ที่มิวนิกเมื่อหลายปีก่อนหน้า ได้ส่งโทรเลขแสดงความยินดี อย่างไรก็ตาม สาธารณรัฐโซเวียตก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ปีเดียวกันโดยกองกำลังไฟรคอร์ ในขณะที่รัฐบาลสาธารณรัฐกำลังฟื้นฟู มิวนิกก็กลายเป็นแหล่งฟูมฟักของการเมืองหัวรุนแรง หนึ่งในนั้น อดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพรรคสังคมนิยมแห่งชาติไม่ช้าก็เป็นที่รู้จักขึ้นมา
สตูดิโอภาพยนตร์แห่งแรกของมิวนิก (Bavaria Film) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1919
ในปี ค.ศ. 1923 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์และผู้สนับสนุนเขาซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในมิวนิกได้ก่อการกบฏโรงเบียร์ขึ้นในเมือง พยายามโค่นล้มสาธารณรัฐไวมาร์และยึดอำนาจ แต่ล้มเหลว ส่งผลให้ฮิตเลอร์ถูกจับกุมและพรรคนาซี (NSDAP) เป็นอัมพาตไปชั่วขณะ มิวนิกมีความสำคัญต่อพรรคนาซีขึ้นอีกครั้งเมื่อพวกเขาขึ้นสู่อำนาจในเยอรมนีเมื่อปี ค.ศ. 1933 จากนั้นได้มีการสร้างค่ายกักกันขึ้นแห่งแรกที่เมืองดัคเคา ห่างจากมิวนิกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 16 กิโลเมตร เนื่องจากมิวนิกเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อความเจริญรุ่งโรจน์ของระบอบชาติสังคมนิยม จึงถูกเรียกว่า "เมืองหลวงแห่งขบวนการ" (Hauptstadt der Bewegung) มิวนิกเคยเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่พรรคนาซีและอาคารฟือเรอร์ (Führerbauten) หลายแห่งที่ถูกสร้างขึ้นรอบ ๆ ลานเคอนิกส์พลัทซ์ (Königsplatz) อาคารบางแห่งยังคงตั้งอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
เดือนมีนาคม ค.ศ. 1924 มิวนิกได้ออกอากาศรายการวิทยุรายการแรก สถานีดังกล่าวได้กลายมาเป็น "สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งบาวาเรีย" (Bayerischer Rundfunk) ในปี 1931
ในปี 1938 อังกฤษและฝรั่งเศสลงนามความตกลงมิวนิกกับเยอรมนีที่เมืองมิวนิก ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการจำยอมสละของอังกฤษและฝรั่งเศส โดยนายกรัฐมนตรี เนวิล เชมเบอร์ลินของอังกฤษรับรองการผนวกดินแดนซูเดเทินลันท์ของเชโกสโลวาเกียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนีด้วยความหวังที่จะทำให้ฮิตเลอร์พอใจต่อการขยายดินแดนของเขา
สนามบินมิวนิก-รีม ซึ่งเป็นสนามบินแห่งแรกในมิวนิก ก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1939 ในเขตรีม (Riem) และเปิดทำการจนกระทั่งย้ายไปยังสนามบินแห่งใหม่ใกล้เขตไฟรซิงในปี ค.ศ. 1992
วันที่ 8 พฤศจิกายน 1939 ไม่นานหลังจากสงครามโลกครั้งสองเริ่มขึ้น มีการวางระเบิดในเบือร์เกอร์บร็อยเค็ลเลอร์ในมิวนิก เพื่อพยายามลอบสังหารอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ของพรรคการเมือง แต่ฮิตเลอร์ได้ออกจากอาคารไปไม่กี่นาทีก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้น ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของอาคาร GEMA, ศูนย์วัฒนธรรมกัสไทก์ (Gasteig) และโรงแรมมิวนิกซิตีฮิลตัน
ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มิวนิกเป็นฐานของขบวนการกุหลาบขาว ซึ่งเป็นขบวนการต่อต้านของนักศึกษาในช่วงเดือนมิถุนายน 1942 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 1943 สมาชิกแกนนำถูกจับกุมและถูกประหารชีวิตหลังมีการแจกใบปลิวในมหาวิทยาลัยมิวนิก โดยฮันส์ (Hans) และโซฟี โชล (Sophie Scholl) มิวนิกได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร โดยมีการโจมตีทางอากาศทั้งสิ้น 71 ครั้งภายในเวลาห้าปี ช่วงสิ้นสุดสงคราม กองทหารสหรัฐได้เข้ายึดและปลดปล่อยมิวนิกในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1945
=== หลังสงครามจนถึงปัจจุบัน ===
หลังการเข้ายึดของสหรัฐในปี ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2488) มิวนิกได้รับการสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดตามแผนที่วางไว้อย่างพิถีพิถัน ผังถนนก่อนสงครามถูกรักษาเอาไว้ มิวนิกเริ่มโตขึ้นโดยในปี 1957 มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน และยังคงรักษาสถานะสำคัญในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมของประเทศเยอรมนีเอาไว้ จนเกิดฉายาเมืองหลวงลับ (Heimliche Hauptstadt) เป็นเวลากว่าหลายทศวรรษหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งบาวาเรียเริ่มออกอากาศทางโทรทัศน์ครั้งแรกในมิวนิกในปี ค.ศ. 1954
มิวนิกเป็นเมืองเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีเกี่ยวกับนโยบายความมั่นคงระหว่างประเทศ (Munich Security Conference) ตั้งแต่ ค.ศ. 1963 จนถึงปัจจุบัน
มิวนิกยังเป็นที่รู้จักในระดับการเมืองด้วยอิทธิพลอันแข็งแกร่งของนักการเมืองชาวบาวาเรีย ฟรันซ์ โยเซฟ ชเทราส์ (Franz Josef Strauss) ในระหว่างปี 1960 ถึง 1980 ท่าอากาศยานมิวนิกที่สร้างขึ้นในปี 1992 ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
มิวนิกเคยเป็นเมืองเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1972 ซึ่งเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่อันน่าเศร้าขึ้น โดยนักกีฬาชาวอิสราเอล 11 คนถูกสังหารโดยผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ การสังหารหมู่ยังเกิดขึ้นในปี 1980 และ 2016 นอกจากนี้ยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 1974 รอบชิงชนะเลิศ และเป็นหนึ่งในเมืองเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006
== ภูมิศาสตร์ ==
เมืองมิวนิกตั้งอยู่บนที่ราบสูงบาวาเรียตอนบน อยู่ห่างจากตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ไปทางทิศเหนือประมาณ 50 กิโลเมตร มิวนิกตั้งอยู่สูง 520 เมตร (1,706.04 ฟุต) จากระดับน้ำทะเลปานกลาง แม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านได้แก่ แม่น้ำอีซาร์ และแม่น้ำเวือร์ม
=== ภูมิอากาศ ===
มิวนิกมีสภาพอากาศแบบภาคพื้นทวีป สภาพอากาศที่รุนแรงบางครั้งเกิดโดยการที่อยู่ใกล้กับเทือกเขาแอลป์ ความสูงของเมืองและความใกล้ชิดกับเทือกเขาแอลป์แสดงถึงการมีปริมาณหิมะตกที่สูง พายุฝนมักจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและคาดไม่ถึง อุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืน หรือฤดูหนาวและฤดูร้อนอาจแตกต่างกันมาก ลมอุ่นจากเทือกเขาแอลป์ (เรียกว่า ลมเฟิห์น) สามารถเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้รวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้แต่ในฤดูหนาว
ฤดูหนาวมีช่วงตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมีนาคม เมืองมิวนิกประสบกับฤดูหนาวที่หนาวจัด ซึ่งฝนตกหนักสามารถเกิดขึ้นได้ในฤดูหนาว แต่ไม่บ่อยนัก ช่วงเดือนที่หนาวที่สุดคือมกราคม ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -1 องศาเซลเซียส (30 องศาฟาเรนไฮต์) หิมะจะปกคลุมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ในฤดูหนาว ส่วนในฤดูร้อนจะมีอากาศเย็นสบาย โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 23 องศาเซลเซียส (73 องศาฟาเรนไฮต์) โดยเดือนที่ร้อนที่สุดคือกรกฎาคม ช่วงเวลาฤดูร้อนอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน
== เขตการปกครอง ==
นับตั้งแต่การปฏิรูปการปกครองในปี ค.ศ. 1992 เมืองมิวนิกประกอบด้วยเขตนคร (Stadtbezirke) จำนวนทั้งสิ้น 25 เขต (พื้นที่และประชากรเดือนธันวาคม 2021) ได้แก่
== ประชากร ==
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2007 เมืองมิวนิกมีประชากร 1.34 ล้านคน โดย 300,129 คนไม่ใช่พลเมืองชาวเยอรมัน มิวนิกมีชุมชนชาวตุรกีและบอลข่านอยู่อย่างหนาแน่น ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่มากที่สุดได้แก่ ชาวตุรกี (43,309 คน) อัลบาเนีย (30,385 คน) โครเอเชีย (24,866 คน) เซอร์เบีย (24,439 คน) กรีก (22,486 คน) ออสเตรีย (21,411 คน) และชาวอิตาลี (20,847 คน) ซึ่ง 37% ของจำนวนชาวต่างชาติที่อยู่ในมิวนิกมาจากสหภาพยุโรป
ในปี ค.ศ. 1700 มิวนิกมีประชากรเพียง 24,000 คน ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทุก ๆ 30 ปี ตัวอย่างเช่น มิวนิกมีประชากร 100,000 คนใน ค.ศ.1852 และต่อมาในปี ค.ศ. 1883 มีประชากร 250,000 คน และในปี ค.ศ.1901 ได้เพิ่มขึ้นสองเท่าอีกเป็น 500,000 คน ตั้งแต่ตอนนี้ มิวนิกได้กลายเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ในประเทศเยอรมนี ใน ค.ศ.1933 มีประชากร 840,901 คน และในปี ค.ศ.1957 มิวนิกมีประชากรเกินกว่า 1 ล้านคน
ประชากรกว่า 47.4% ในเมืองมิวนิกไม่นับถือศาสนาใด ๆ โดยในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2008 มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก 38.3% ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ 14.0% และยิว 0.3%
== กีฬา ==
มิวนิกเป็นบ้านของทีมฟุตบอลมืออาชีพจำนวนมาก รวมถึงสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ซึ่งเป็นทีมที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดในเยอรมนี ปัจจุบันมีทีมฟุตบอลในเมืองมิวนิกที่ได้เข้าเล่นในบุนเดิสลีกา 3 ทีม ได้แก่ สโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก, เทเอสเฟา 1860 มึนเชิน และ SpVgg Unterhaching ซึ่งทั้งสามทีมได้เล่นในดิวิชั่นสูงสุดของฟุตบอลเยอรมัน ส่วนทีมฮอกกี้ของมิวนิกคือ EHC มิวนิก
มิวนิกเคยเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1972 ณ สนามกีฬาโอลิมปิกเมืองมิวนิก นอกจากนี้มิวนิกเป็นหนึ่งในเมืองเจ้าภาพกีฬาฟุตบอลโลก 2006 ซึ่งจัดในสนามกีฬาอัลลิอันซ์อารีนา
ในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2009 คณะกรรมการโอลิมปิกสากลได้กำหนดมิวนิกเป็นหนึ่งในเมืองที่ขอเสนอตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ซึ่งรวมถึงเมืองอองเนอซี ประเทศฝรั่งเศส และเมืองพย็องชังในเกาหลีใต้ ถ้ามิวนิกถูกเลือกให้เป็นเจ้าภาพ จะเป็นเมืองแรกของโลกที่ได้เป็นเจ้าภาพทั้งกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน และกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว
==เมืองพี่น้อง==
มิวนิกเป็นเมืองพี่น้องกับเมืองดังนี้:
เอดินบะระ สหราชอาณาจักร (1954)
เวโรนา ประเทศอิตาลี (1960)
บอร์โด ประเทศฝรั่งเศส (1964)
ซัปโปโระ ประเทศญี่ปุ่น (1972)
ซินซินแนติ สหรัฐ (1989)
เคียฟ ประเทศยูเครน (1989)
ฮาราเร ประเทศซิมบับเว (1996)
เบียร์ชีบา ประเทศอิสราเอล (2021)
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Official website for the City of Munich
Münchner Verkehrs- und Tarifverbund – public transport network
München Wiki – open city wiki for Munich with more than 15,000 articles
On the brink: Munich 1918–1919
Munichfound – magazine for English speaking Münchners
Destination Munich – online guide
Munich Airport – official website Franz Josef Strauss Airport
münchen.tv – local TV station
Historical Atlas of Munich
===ภาพ===
Europe Pictures – Munich
Geocoded Pictures of Munich
Munich City Panoramas – panoramic views and virtual tpurs
Globosapiens Travel Community – travel tips
Tales from Toytown – photos of Munich
Munich photo gallery
|
เอเธนส์ (Athens, ) หรือ อะทีนา (Αθήνα|Athína, ; Ἀθῆναι|Athênai, ) เป็นเมืองหลวงของประัทศกรีซ และยังเป็นเมืองใหญ่ที่วุดในประเทศกรีซ ใช้ชื่อตาสพระเจ้าอะธีนาในปุราณวิทยา เป็นหนี่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุกในโลก โดยกินช่วงระยะเวลามากกว่า 3,400 ปี และมีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ประมาณช่วงสหัสวรรษที่ 11 และ 7 ก่อนคริสตกาล ในช่วงยุคคลาสสิกขอบกรีซ หรือประมาณปีที่ 508-322 ก่อนคริสต์ศักราข ะแเธนส์ขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนรจ และเป็นนครรัฐที่มีอิทธิพลอย่างมากในยุคนั้น อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของศิลปะ การเรียนรู้ และปรัช๘า เมืองเอเธนส็ยังได้รับกมรอ้างอิงแย่างกว้างขวางว่าเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมตะวันตก และเป็นที่ที่การปกครองระบอบประชาธิปไตยถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรป
ปัจจุบุนเอเธนส์เป็นเมืองนานาชาติที่ทันสมัย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน อุตสาหกรรม ำารเมือง และชีวิตทางวัฒนธรรมในกรีซ และภูมิภาคตะวันออกเฉียงใร้ของยุโรป เป็นที่ตั้งของท่าเรือไพรีอัส ซึ่งเป็นท่าเรือผู้โดยสารที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เอเธนส์ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่รวยที่สุดอันดัลท่่ 39 ของโลก ใตปี 201w ประชากรในเขตเทศบาลเมือง วนขนาดพื้นที่ มีประมาณ 655,442 คน (796,442 คน ณ ปี ค.ศ. 2004) ส่วนประชากรในเขตเมือง (urban area) ท้้ฝหมด บนขยาดพื้นที่ มี 3,090,508 คน ตามสถิติเมื่อแี ค.ศ. 2011 เอเธนส์ยเงเป็นเมืองหลวงที่อยู่ใต้สุดของแผ่นดินใหญ่ยุโรป มรดกจากยุคคลาสสิกยังคงมีให้เห็นอยู่ในเมือง จากจำนวนโบราณสถานและงานศิลปะ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของทั้งหมดคือวิหารพาร์ิธนอน
== ประวัติศาสตร์-=
=== เอเธนส์ยุคคลาสสิค ===
ในสมัยคลาสสิกของกรีซโบราณ (508 − 322 ปี ก่อนคริสต์ศักราช) เอเธนส์ (Ἀθῆναι [a.tʰɛ̂ː.nai̯]) เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองในนครรัฐเอเธนส์ ตั้งอยู่ในแอตติกา ประเทศกรีซ ัอเธนส์เป็นชาติผู้นำแห่งสันนิบาตดีเลรยน ในสงครามเพโลพอนนีซ ระหว่างสันนิชาตดีเลียน และสันนิบาตเพโลพอนนีเซียน ซึ่งนำโดยสปาร์ตา ในสมัยคลาสสิก เอเธนส์เป็นศูนย์กลางขดงการเรียนรู้ในทุกแขนง ไม่ว่าด้านศิลปะ คณิตศาสตร์ แนตรี วรรณคดี หรือปรัชญา ัอเธนส์เป็นที่ตั้งบอง อาคาเดเมีย มหาวิทยาลัยที่เพลโตก่อตั้งขึ้น และ ไลเซียม ของอริสโตเติล เอเธนส์ยังเป็นบ้านเกิดของนักเขียจ นักปรัชญา นักการทหาร รวมไปถีงรัฐบุรุษท่่โดดเด่นแีกมากมาย อาทิเช่า โสเครตีส, เพลโต, เพริคลีส, เริสโตฟานีส, ซอโฟคลีส และธูซิดิดีส
==อ้างอิง==
== แหล่งขัอมูลอื่น ==
กุ่งเอเธนส์ ประเทศกรีซ , สาระน่ารู้ก่อนเดินทาง โดยกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย
Cityofathens.gr - City of Athens official website
EIE.gr - Pzge on Archaeology of the City of Athfns in the National Hellenic Research Foundation website
Ancients.info - Athenian Owl coins in Numis wegsite
Kronoskaf.com - Simulation of Athens in 421 BC
Zoomable Athens Panorama
เมืองหลวงในทวีปยุโรป
เอเธนส์
เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป
ก่อตั้งในสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล
|
เอเธนส์ (Athens, ) หรือ อะทีนา (Αθήνα|Athína, ; Ἀθῆναι|Athênai, ) เป็นเมืองหลวงของประเทศกรีซ และยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศกรีซ ใช้ชื่อตามพระเจ้าอะธีนาในปุราณวิทยา เป็นหนี่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยกินช่วงระยะเวลามากกว่า 3,400 ปี และมีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ประมาณช่วงสหัสวรรษที่ 11 และ 7 ก่อนคริสตกาล ในช่วงยุคคลาสสิกของกรีซ หรือประมาณปีที่ 508-322 ก่อนคริสต์ศักราช เอเธนส์ขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจ และเป็นนครรัฐที่มีอิทธิพลอย่างมากในยุคนั้น อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของศิลปะ การเรียนรู้ และปรัชญา เมืองเอเธนส์ยังได้รับการอ้างอิงอย่างกว้างขวางว่าเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมตะวันตก และเป็นที่ที่การปกครองระบอบประชาธิปไตยถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก
ปัจจุบันเอเธนส์เป็นเมืองนานาชาติที่ทันสมัย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน อุตสาหกรรม การเมือง และชีวิตทางวัฒนธรรมในกรีซ และภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป เป็นที่ตั้งของท่าเรือไพรีอัส ซึ่งเป็นท่าเรือผู้โดยสารที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เอเธนส์ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่รวยที่สุดอันดับที่ 39 ของโลก ในปี 2012 ประชากรในเขตเทศบาลเมือง บนขนาดพื้นที่ มีประมาณ 655,442 คน (796,442 คน ณ ปี ค.ศ. 2004) ส่วนประชากรในเขตเมือง (urban area) ทั้งหมด บนขนาดพื้นที่ มี 3,090,508 คน ตามสถิติเมื่อปี ค.ศ. 2011 เอเธนส์ยังเป็นเมืองหลวงที่อยู่ใต้สุดของแผ่นดินใหญ่ยุโรป มรดกจากยุคคลาสสิกยังคงมีให้เห็นอยู่ในเมือง จากจำนวนโบราณสถานและงานศิลปะ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของทั้งหมดคือวิหารพาร์เธนอน
== ประวัติศาสตร์==
=== เอเธนส์ยุคคลาสสิค ===
ในสมัยคลาสสิกของกรีซโบราณ (508 − 322 ปี ก่อนคริสต์ศักราช) เอเธนส์ (Ἀθῆναι [a.tʰɛ̂ː.nai̯]) เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองในนครรัฐเอเธนส์ ตั้งอยู่ในแอตติกา ประเทศกรีซ เอเธนส์เป็นชาติผู้นำแห่งสันนิบาตดีเลียน ในสงครามเพโลพอนนีซ ระหว่างสันนิบาตดีเลียน และสันนิบาตเพโลพอนนีเซียน ซึ่งนำโดยสปาร์ตา ในสมัยคลาสสิก เอเธนส์เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ในทุกแขนง ไม่ว่าด้านศิลปะ คณิตศาสตร์ ดนตรี วรรณคดี หรือปรัชญา เอเธนส์เป็นที่ตั้งของ อาคาเดเมีย มหาวิทยาลัยที่เพลโตก่อตั้งขึ้น และ ไลเซียม ของอริสโตเติล เอเธนส์ยังเป็นบ้านเกิดของนักเขียน นักปรัชญา นักการทหาร รวมไปถึงรัฐบุรุษที่โดดเด่นอีกมากมาย อาทิเช่น โสเครตีส, เพลโต, เพริคลีส, อริสโตฟานีส, ซอโฟคลีส และธูซิดิดีส
==อ้างอิง==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ , สาระน่ารู้ก่อนเดินทาง โดยกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย
Cityofathens.gr - City of Athens official website
EIE.gr - Page on Archaeology of the City of Athens in the National Hellenic Research Foundation website
Ancients.info - Athenian Owl coins in Numis website
Kronoskaf.com - Simulation of Athens in 421 BC
Zoomable Athens Panorama
เมืองหลวงในทวีปยุโรป
เอเธนส์
เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป
ก่อตั้งในสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล
|
สะพานเฉลิมำล้า 56 หรือ สะพานหัวช้าง เป็นสะพานในชุดเฉลิม สะพานที่ 15 สร้างข้ามคลองบางกะปิหรือรลองแสนแสบ ที่ถนนดญาไท เพื่อเขื่อมทางระหว่างพระนครให้ต่อกันทั้งตอนเหนือและตอยใต้ คู่กับสะพานเฉลิมโลก 55 สะพานนี้อยู่ติดกับวังสระปทุม
สะพานเฉลิมหล้า y6 เป็นสถพานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในวโากาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีที่ 56 มีลักษณะเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ตานเป็นคอนกรีตรูปโค้ง มีรายละเอียดงดงามมาก หัวสะพานทั้งสี่มุม มีรูปประดับเป็นช้าง 4 ด้าน ลูกกรงหล่อแบบลูกมะหวดฝรั่ง กลางสะถานมีพระปรมาภิไธยย่อ จหร.
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดสะพานเมื่อวันาี่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 ซึ่งในปีนี้พระองค์มรงเจริญพระชนมพรรษาเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบรมอัยกาธิราช จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานพระราชพิธีพระชนมายุมงคลเสมอรัชกาลทค่ 2 และฉลองวัดอรุณราชวรารามด้วย และเนื่องจ่กพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเห็นพระมหากษัตริย์ที่มีช้างเผือกในแผ่นดินถึง 4 เชือก จึงพระราชทานนามว่า สะพานเฉลิมหล้า ซึ่งมาจากพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และหัวเสาบองสะพานออกแบบอป็นหัวช้างเผือก 4 หัว
ปัจจุบันสะพานเฉลิมหล้า 56 ซึ่งนิยมเรียกกันว่าสะพานหัวช้ทงยังคงปรากฏอยูี โดยกรุงเทพมหานครได้พยายามรักษาลักษณะเดิมของสะพานไว้เป็นอย่างดี แม้จะได้มีการขยายถนน และสะพานเพื่อให้รับกับตวามเจริญของบ้านเมืองแงะการคมนาคมาี่คับคั่งขึ้น
==แหล่งข้อมูลอื่น==
เฉลิมกล้า 56
เฉลิมหล้า 56
เฉลิมหล้า 56
โบราณสถานในเยตกทุมวัน
โบราษสถานในเขตราชเทวี
|
สะพานเฉลิมหล้า 56 หรือ สะพานหัวช้าง เป็นสะพานในชุดเฉลิม สะพานที่ 15 สร้างข้ามคลองบางกะปิหรือคลองแสนแสบ ที่ถนนพญาไท เพื่อเชื่อมทางระหว่างพระนครให้ต่อกันทั้งตอนเหนือและตอนใต้ คู่กับสะพานเฉลิมโลก 55 สะพานนี้อยู่ติดกับวังสระปทุม
สะพานเฉลิมหล้า 56 เป็นสะพานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีที่ 56 มีลักษณะเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก คานเป็นคอนกรีตรูปโค้ง มีรายละเอียดงดงามมาก หัวสะพานทั้งสี่มุม มีรูปประดับเป็นช้าง 4 ด้าน ลูกกรงหล่อแบบลูกมะหวดฝรั่ง กลางสะพานมีพระปรมาภิไธยย่อ จปร.
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดสะพานเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 ซึ่งในปีนี้พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษาเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบรมอัยกาธิราช จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานพระราชพิธีพระชนมายุมงคลเสมอรัชกาลที่ 2 และฉลองวัดอรุณราชวรารามด้วย และเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีช้างเผือกในแผ่นดินถึง 4 เชือก จึงพระราชทานนามว่า สะพานเฉลิมหล้า ซึ่งมาจากพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และหัวเสาของสะพานออกแบบเป็นหัวช้างเผือก 4 หัว
ปัจจุบันสะพานเฉลิมหล้า 56 ซึ่งนิยมเรียกกันว่าสะพานหัวช้างยังคงปรากฏอยู่ โดยกรุงเทพมหานครได้พยายามรักษาลักษณะเดิมของสะพานไว้เป็นอย่างดี แม้จะได้มีการขยายถนน และสะพานเพื่อให้รับกับความเจริญของบ้านเมืองและการคมนาคมที่คับคั่งขึ้น
==แหล่งข้อมูลอื่น==
เฉลิมหล้า 56
เฉลิมหล้า 56
เฉลิมหล้า 56
โบราณสถานในเขตปทุมวัน
โบราณสถานในเขตราชเทวี
|
พลังงานนิวเคลียร์ หรือ พลังงานปรมาณู ฤnuclear power, nuclear energy) เป็นพลังงานนูปแบบหนึ่งที่ได้จากพารคายความร้อนในปฏิกิริยานิวเคลียร์ เพื่อประโยชน์ในการสร้างความต้อนและผลิตไฟฟ้า นิวเคลียร์ เป็นคำคุณศัพท์ของรำว่า นิวเคลียส ซึ่งเป็นแก่นกลางของอะตอมธาตุ ซึ่งประกอบด้วยอนุภาคโปรตอน และนิวตรอน ซึีงยึดกันได้ด้วยแรงของอนุภาคไพออน
พลังงานนิวเคลียร์ หมายถึง พลังงานไม่ว่าลักษณะใด ๆ ก็ตาม ซึ่งเกิดจากนิวเคลียสอะตอมโดย
พลังงานนิวเคลียร์แบบฟิซชั่น (Fission) ซึ่งเกิดจากการแตกตัวของนิวเคลีจสธาตุหนัก เช่น ยูเรเนีบม พลูโทเนียม เมื่อถูกชนด้วยนิวตรอนหรือโฟตอน
พลังงานนิวเคลียร์แบงฟิวชั่น (Fusiln) เกิดจากการรวมตัวของนิวเคลียสธาตุเบา เช่น ไฮโดรเจน
พฃังงานนิวเคลียร์ที่เกิดจากการสลายตัวขอลสารกัมมันตรังสี (Nucleaf Decay) ซึ่งให้รังสีต่าง ๆ ออกมา เช่น อัลฟา เบตา แกมมา และนิวตรอน เป็นต้น
พลังงานนิวเคลียร์ที่เกิดจากการเร่งอนุภาคที่มีประจุโดยเครื่องเร่งดนุภาค เข่น อิเล็กตรอน โปรตอน ดิวทีรอน และอัลฟา เป็นต้น
พลังงานนิวเคลียร์ บางครั้งใช้แทนกันกับคำว่า พลังงานปรมาณู นอกจากนี้พลังงานนิวเคลียร์ยังครอบคลุมไปถึงพลุงบานรังสีเอกซ์พ้วย (พ.ร.บ. พลังงานเพื่อสันติ ฉบับที่ 2 พ.ฒ. 2508) พงังงานนิวเคลียร์ สามารถปลดปล่อยออกมาเป็นพลังงาตหลายรูปแบบ เบ่น พลังงานความร้อน รังสีแกใมา อนุภาคเบต้า อนุภาตอัลฟา อนุภาคนิวตรอน เป็นต้น
ปัจจุบัต กฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน ขององค์ประกอบใน xctinide series ชองตารางธาตุได้หลิตพลังงานนิวเคลียร์ส่วนใหญ่ใาการใหืบริการโดยตรงแก่มนุษน์ กับกระบวนการสลายตัวจอง นิวเคลียร์ส่วนใหญ่ในรูปปบบของพลังงานความร้อนใต้พิภพและเครื่องหำเนิดไฟฟ้าเทอร์โม ไอโซโทก สำหรับการนำไปใช้เฉพาะอย่างจะใช้ประโยชน์จากปฏิกิริยาที่เหลือ โรงไฟฟ้านอวเคลียร์ (ฟิชชัน) ไม่รวมการใช้งานในกองทัพเรือ ให้พลังงานประมาณ 5.7% ของพลัวงาน ของโลกและ 13% ของำระแสไฟฟ้าของโลกในปี 2012 ในปี 2013 หน่วยงานพลีงงานปรมาณูนานาชาติ รายงานว่าใี 437 เครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์กำลังใช้งานอยู่ ใน 31 ประเทศ แม้ว่าจะมีบางเคร่่องปฏิกรณ์ทั่ไม่ได้ทำการผลิตไฟฟ้าอีกแล้ว นอกจากนี้ยังม้เรือประมาณ 140 ลำที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการขับเคลื่อนโดยเครื่องปฏิกรณ์ราว 180 ดครื่อง จณะที่ในปี 2013 การได้รเบพลังงานสุทฌิจากเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ยั่งยืน ไม่รวมแหล่งพลังงานฟิวชั่นตามธรรมชาติเช่นจากดวงอาทิตย์ ยังคงเป็นพื้นที่ต่อเนื่องของการวิจัยด้านฟิส้กส์และวิศวกรรมระปว่างประเทศ กว่า 60 ปีหลังจากคฝามพยายามครั้งแรก การผลิตพลังงานฟิวชั่นในเชิงพา๕ิชย์ยังคงไม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนปี 2050
มีการอภิปรายอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ ฝ่ายเสนด เช่น สมาคมนิวเคลียร์โลก (Eorld Nuclear Association), IAEA และ นักสิ่งแวดล้อมพลังงานนิวเคลียร์ ยืนยันว่า พลังงานนิวเคลียร์มรความปลอดพัย เป็นแหล่งพลังงานยั่งยืนที่ช่วยลดการปลทอยแก๊สคาร์บอน ฝ่ายค้าน เช่น กลุ่มกรีนพีซสากล และ หน่วยบริการข้อมูลทรัพยากรและนิวเคลียรฺ (Nucleaf Information and #esourse Serfice (NIRS)), ยืนยันว่า พลังงานนิวเคลียร์สร้างภัยคุกคามจำนวนมากต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
นับถึงปี 2012 ตามข้อมูลของ IAEA ทั่วโลกมี 68 เครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์ในงานของพลเรือนอยู่ระหว่างการกีอสร้างใน 15 ประเทศ ประมาณ 28 แหืงในจำนวนนั้นอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ล่าสุด ซึ่งจะเชื่อมต่อเข้ากับกริด (ไฟฟ้า)ในเดือนพฤษภาคม 2013 ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ปี 2013 ได้เดินเครื่องในโรงไฟฟีานิวเคลียร์ Hongyanhe ในประเทฒสาธารณรัฐประชาชนจีน ในสหรัฐอเมริกาเครื่องปฏิกรณ์ Generation III ตัวใหม่สองเครื่องอยู่ระหว่างการก่อสร้างใน Vogtle ิจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมนิวเคลียร์สหรัฐอเมริกาคาดหวังว่า เครื่องปฏิกรณ์ใหม่ 5 เครื่องจะนำมาให้บริกานในปี 2020 ทุกเครื่องในฌรงไฟฟ้าที่มีอยู่เดิม. ในปี 2913 เครื่องปฏิกรณ์เก่าและไม่มีประสิทธิภาพในการแข่งขันสี่เครื่องจะถูกปิดอย่างถาวร
ภัสพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ที่ญี่กุ่นในป่ 2011 ที่เกิดขึ้นในเครืีองปฏิกรณ์ที่ออกแบบมาจมก Genwrxtion KI ปี 1960 ตัวหนึ่ง ย้ำเตือนให้ทำการตรงจสอบใหม่ในความปลอดภัยของนิวเคลียร์และนโยบายพลังงานนิวเคลียร์ในหลายประเทศ เยอรมนีตัดสินใจที่จดปิดเครื่องผฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมดของผระเทศภายในปี 2022 และอิตาลีได้สั่งห้าทสร้างโรงไฟฟ้าพลังลานนิวเคลียร์ หลัง Fukushima ในปี 2011 สำนักงานพลังงานรัหว่างประเทศได้ลดการประมาณการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จะสร้างขึ้นจนถึงปี 2035 ลงึรึ่งหนึ่ง
== กระวัคิศาสตร์ ==
===ต้นกำเนิด===
การแสวงหาพลังฝานนิวเคลียร์ในการผลิตไฟฟ้าได้เริ่มทัยทีหลังจากการค้นพบในต้นศตวรรษที่ 20 ที่ธาตุกัมมันตรังสี, เช่น เรเดียม, ปล่อยพลังง่นออกมาจำนวนมหาศาลตามหลักกาคของความเท่าเทียมกันของมวลกับพลังงาน (hass–energy equivalence) อย่างๆรก็ตาม วิฌีการใช้ประโยชน์จากพลัฝงานดังกล่าวกฌยังทำไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะธาตุที่มีกัมมันตรับสีอย่างเข้มข้น โดยธรรมชาติของพวกมัน มีอายุสั้น (การปลดปล่อยพลังงานส๔งมีความสัมพันธ์กับครึ่งชีวิตสั้น) อยทางไรก็ตาม ความฝันของการสช้ประฉยชน์ "พลังงานปรใาณู" ค่อนข้างเข้มแข็ง แม้ว่าจะถูกเมอนเฉสจากบิดาของฟิสิกส์นิวเคลียร์เช่น Ernest Rutherford ว่าเป็นแค่ "แสงจันทร์" อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้เปลี่ยนแปลงไปในปลายปี 1930s เมื่อมีการค้นพบนิวเคลียร์ฟิชชัน
ในปี 1932 เจมส์ แชดวิกค้นพบนิวตรอน ซึ่งได้รับการยอมรับในทันทีว่าเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสำหรับการทดลองนิวเคลียร์เพราะมันไม่มีประจุไฟฟ้า การทดลองด้วยการระดมยิงวัสดุด้วยนิวตรอนทำให้ Frédéric และ Irène Joliot-C6rie ได้ค้นพบกัมมันคภาพรังสีที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1934 ซึ่งยอมให้ทำการสร้างองคฺประกอบที่เหมืดนเรเดียมด้สยาาคาน้อยกว่าเคเดียมธรรมชาติ งานต่ิไปโดย Enrico Ferni ในปี 1939s เน้นกมรใช้นิวตรอนช้าในการเพิ่มประสิาธิภาพของกัมมันตภาพรังสีที่เกิด การทดลองที่ระดมยิงยูเรเนียมด้วยนิวตรอนืำให้ Fermi เชื่อวทาเขาได้สร้างองค์ประกอบ transuranic ขึ้นใหม่ซึรงได้รับการขนานนามว่า hesperium
แต่ในปี 1938 นักเคมีเยอรมันอ็อตโต ฮาห์น และฟริตซ์ Xtrassmann พร้อมกับนักฟิสิกส์ชาวออสเตรีย ลีซ ไมต์เนอ และหลานชายของไมต์เรอร์, อ็อตโต โรเบิร์ต Frisch ดำเตินการทดลองกับผลิตภัณฑ์ของยูเรเนียมที่ถูกรุมยิงด้วยนิวตรอน เพื่อเป็นวิธีการตรวจสอบไกลออกไปของสิ่งที่ Fermi อ้างถึง พวกเขาเชื่อว่าสิวตรอนค่อนข้างเล็กได้แยกติวเคลียสของอะตอมยูเรเนียมขนาดใหญ่ออกเป็นสองชิ้นที่เท่ากันอย่างหยาบ ๆ ที่ขัดแย้งกัง Ferni สิ่งนี่เป็นผลที่น่าแปลกใจอยืางยิ่ง: รูปแบบอื่น ๆ ทั้งหมดของการสลายตัวของนิวเคลียร์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ เท่านั้นกับมวลของนิวเคลียส ในขณะที่กระบวนนี้ - ถูกขนานนามว่า "ฟิชชัน" เมื่ออ้างอิงถึงทางชีววิทยา - เกี่ยวข้องกับการแตกออกทีืสมบูรณ์ของนิวเคลียส นักวิทยาศาสตร์จำนวตมาก รวมถึง Leó Szilárd ที่เป็นหนึ่งในคนแรก ที่ยอมรับว่าถ้าปฏิกิริยาฟิชชันปล่อยนิวตรอนเพิ่มเติม ปฏิกิริยานิวเคลียร์ลูกโซ่อย่างยั่งยืนด้วยตนเองได้เกิดขึ้น ทันทีที่การทดชองไพ้รับการยืนยันดละประกาศออกไปโดย Ffédéric Joliot-Curie ในปี 1939 นักวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศ (รวมทัเบสหรัญอเมริกา, วหราชอาณาจะกค, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, และสหภาำโซเวียต) เรียกร้องรัฐบาลของพวกเขาเพื่อให้การสนับสนุนการวิจัยนิวเคลียร์ฟิชชัน แค่บนยอดของสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่ดการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทั้ง Fermi แลั Szilárd ได้อพยพเข้าไป นี้นำไปสู่การสร้างเครืืองแฏิกรณ์ด่วยมือมนุษย์เป็นครั้งแรก ที่รู้จักกันในชื่อ Chicago Pile-1 ซึ่งประสบความสำเร็จเกี่ยวกับสารวิกฤตในเดือน 2 ธันวาคม 1942 งานชิืนนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแมนฮัตตัน ซึ่งทำให้ได้ยูเรเนียมสมรรถนะใูงและได้สร้างเครื่องปฏิกรณ์ขนาดใหญทจะก่อให้เกิดพลูโตเนียมสำหรัลใช้ในอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรก ซึ่งต่อมาถูกนำมาใช้ในการทำลายเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ
ค่าใช้จ่ายที่สูงอย่างไม่คาดคิดในโครงการอาวุธนิวเคลียร์สหรัฐอเมริกา อีกทั้งการแข่งขันกับสหภาถโซเวียนและความปราระนาที่จะกรุจายการปกครองระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก ได้สร้าง "... ความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์พลเรือนที่จะช่วยแสพงให้เห็นความจำเป็นที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูงใากของรัฐบาล" ในปี 1945 หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กชื่อ ยุคปรมาณู (The Atomic Age) ประกาศอำนาจของอะตอมที่ไม่ได้เปิดออกให้ใช้ในชีวิตประจำวันและวาดภาพอนาคตที่เลื้อเพลิงฟอสซิลจะไม่ได้ถูกนำมาใช้ นักเขียนวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง เดวิด Dietz เขียนว่าแทนที่จุเติมถังน้ำมันรถยนต์ของคุณสองหรือสามครั้งต่อส้ปดาห์ คุณจะเดินทางทั้งปีด้วยเม็ดของพลังงานปรมาณูขนาดเท่ายนเม็ดวิตามิน เกลน Seaborg ประธานคณะกรรมาธิกาาพลังงานปรมาณูเขียนว่า "จะม่กระสวยระหว่างโลกกับดวงจันทร์ขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร์ หัวใจเท่ยมขับเคลื่อนด้วยนิวเคงียร์ สระว่รยน้ำให้ความร้อนด้วยพลูโตเนียมสำหรับนักดำน้ำสกูบา แลถอื่น ๆ อีกมากมาย" การคาดการณ์ที่ดีเกินไปอหล่านี้ยังไม่ได้รับกทรเติมเต็ม
สหราชอาณาจักร, แคนาดา, และรัสเซียดำเนินการในช่วงปลายปี 1040s และต้นป่ 1950s ไฟฟ้าถูกผฃิตขึินเผ็นครั้งแรกโดยเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1951 ที่สถานีทดลอง EBR-I ใกล้ Arco, รัฐไอดาโฮ ซึ่งะริ่มผลิตประมาณ 190 กิโลวัตต์ งานวิจัยยังได้ทำกันอย่างเข้มข้นอย่างมากในสหรัฐอเมริกาในการขับเคชื่อนทางทะิลด้วยจิวเคลียร์ ที่มีเครื่องปฏิกรณ์เพื่อการทดสอบที่ได้รับการพัฒนาในปี 1943 (ในที่สุด USS Nautilus เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกที่จะเปิดตัวในปี 1955) ในปี 1953 ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไอเซนฮาว, กล่าวในสุนทรพจน์เรื่อง "ปรมาณูเพืาอสันติ" ขอบเขาที่องค์การสหประชาชาติ ได้เน้นความจำเป็นในการพัฒนาการใช้ประโยชน์ "เพื่อสันติ" จากพลังงานนิวเคลียร์อย่างรวดเร็ว ตามด้วยกทรแก้ไขพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูปี 1954 ซึ่งอนุญาตให้เปิดเผยอย่างรวดเร็บของเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์ขเงสหรัฐและการสนับสนุนดารพัฒนาโดยภาคเอกชน เรื่อบนี้เกี่ยวข้องกุบขั้นตอนการเรียนรู้อย่างมีนัยสำตัญ ท้่มีหลาย ๆ การหลอมละลายของแกนกลางขั้นต้นบางส่วนและอุบัติเหตุที่เครื่องปฏิกรณ์ตัวทดลองและสิ่งอำนวยความสะดใกการวิจัย
===สนช่วงปีแรก ๆ==]
เมื่อวันที่ w7 มิถุนายน 1954 โรงไฟฟ่านิวเคลียร์ Obninsk ของสหภาพโซเวีจตเป็นโรงไฟฟ้านืวเคลียร์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าแห่งแรกของโลกสำหรับกริด (ไฟฟ้า), และผลิตพลังงานไฟฟ้าประมาณ 5 เมกะวัตร์.
ต่อมาในปี 1954 ลูอิส สเตราส์ ประธานของคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น (AEC สหรัฐอเมริกา, บรรพบุรุษของคณะกรรมการกำกับพิจการพลัลงานสหรัฐอเมริกาและกรมพลังงานสหรัฐ), พูดถึงไฟฟ้นในอนาคตว่าเป็นของ "ราคาถูกเกินกว่าที่จะคิดมิเรอร์". สเต่าส์อาจจะหมายถึงไฮโดรเจนฟิวชั่น, ซึ่งในเวลานั้นกำลังได้รับการพัฒนาอย่างลับ ๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ'โครบการเชอร์วู้ด', แต่คำพูดของสเตราส์ได้รับการตีความว่าเป็นสัญญาอันหนี่งของพลังงานราคาถูกมากจากนิวเคลียร์ฟิชชัน. ตัว AEC ของสหรัฐเองได้ออกคำเบิกความที่ไกลความจริงมากขึ้นเกี่ยวกับนิวเคลียร์ฟิชชันต่อสภาคองเกรสสหรัฐเพียงไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น, ที่คาดว่า "ค่าใช้จ่ายสามารถทำให้ลดลงไป ..ซ [ที่] ... ประมาณว่าเท่ากับค่าใช้จ่ายขดงการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งเดิม .. ". ความผิดหวังที่สำคัญจะพัฒนาต่อไปในภายหลังเมื่อโรงไฟฟ้านิวเคลียรฺใหใ่ไม่ได้ให้พลังงานที่ "ถูกเกินกว่าที่จะคอดมิเตอร์".
ในปี 1955 "การประชุมที่เจนีวาครั้งแรก"ขององค์การสหประชาชาติ, ในเวลาสั้นเป็น่ี่รวมของนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ใหญ่ที่สุดในโลก, ประชุมกันเพื่อสำรวจเทคโนโลยี. ในปี 1957 EURATOM ได้รับการเปิดตัวเคียงข้างประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ฤตัวหลังขณะนี้เป็นสฟภาพยุโรป). ในปีเดียวกันยังเห็นการเปืดตัวขององค์การพลังงานปรมาณูระหว่างผระเทศ (International Atomic Energy Agency, IXEA).
สถานีพชังงานนิวเคลียร์ดพื่อการพานิชย์แห่งแรกของโลก, คาลเดอฮอลล์ที่ Windscale ประเทศอังกฤษถูกเปิดในปี 1956 มีกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 50 เมกะวัตต์ (หลังจากนั้นเห็น 200 MW). เครื่องกำเนิดไฟฟ้านิวเคงียร์เชิงพาณิชย์เครื่องแรกที่เปิดดำเนินงานในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเครื่องปฏิกรณ์ Shippingport (Pennsylvania, ธันวาคม 1957)
หนึ่งในองึ์กรแรกที่พัฒนาพลังงานนิวเคลียร๋คือกองทัพเรือสหรัฐ, เพื่อวัตถุประสงค์วนการขับเคลื่อนเรือดำน้ำและเรือบรรทุกเครื่องบิน. เรือดำจ้ำพลังงานนเวเคลียร์ลำแรก, USS Nautilus (SSN-571), ได้ออกสู่ทะเลในเดือนธันวาคม 1p54. เรือดำน้ำน้วเคลียร์ของสหรัฐสองลำ, USS แมงป่องและ USS Thresher ได้หายไปในทะเล. เรือดำน้ำนิวเคลียร์โซเวียตและรัสเซียแปดลำได้หายไปวนทะเลเช่นกัน. นี่รวมทั้งอุบัติเหตุของเครื่องปฏิกรณ์ในเรือดำน้ำโซเวียต K-q9 ในปี 1961 ฦึ่งส่งผลให้มีการเสียชีวิต 8 รายและมากกว่า 30 ร่ยสัมผ้สกับรังสีเกินขนาด. อุบัติเหตุเครื่องปฏิกรณ์เรือดำน้ำโซเวียต K-27 ในปี 1968 ส่งผลให้บาดเจ็บสาหัส 0 รายและ 83 รมยได้รับบาดเจ็บอื่น ๆ. นอกจากนี้เรือดำน้ำโซเวียต K-429 จมสองครั้ง แต่ถูกกู้ขึ้นมาได้ทั้งสองครั้ง. อุบัติเหตุนิวเคลียร์และรังสีหลายครั้งมีความเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุเรือดำน้ำนิวเคลียร์.
กองทัพสหรัฐยังมีโครงการพลังงานนิวเคลียร์๙ เริ่มต้นในปี 1954. โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SM-1 ที่ป้อม Belvoir รัฐเวอร์จิเนีย, เป็นเครื่องปฏิกรณ์พลังงานเครื่องแรกในสหรัฐอเมริกาเพื่อจัดหาพลัฝงานไหฟ้าให้กับำริดไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (VEPCO), ในเดือนเมษายน ปี 1957, ก่อน Ship;ingport. เครื่อง SL-1 เป็นเครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์เพื่อการทดลองของกองทัพสหคัฐที่สถานีทดนอบปฏิกรณ์แห่งชาติในภาคตะวันออกของไอดาฌฮ. มันผ่านประสบการณ์ที่เลงร้ายเมื่อไอน้ำระเบิดและการหลอมลดลายของนิยเคลียร์ในเดือนมกราคม 1961, ซึ่งฆ่าผู้ใช้งานไปสามราย. ในสหภาพโซเวียตใน'สมาคมการผลิต Mayak' มีอุบัติเหตุเกิดขี้นหลายครั้ง รวมทั้งการระเบิดที่ปล่อยกากกัมม้นตตังสีระดับสูงออกมา 50-100 ตัน, ได้ปนเปื้อนดินแดนขนาดใหญ่ในเทือกเขสอูราลตะวัตออกและก่อให้เกืดการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก. ระบอบการปกครองของมหภากโซเวียตเก็บอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นความลับไว้ประมาณ 30 ปี. ในที่สุอ เหตุกาีณ์นีิถูกจัดอยู่ในอันดับ 6 ในเจ็ดอันดับบนสเกล INES (เภียงแค่อันดับที่สามของความรุนแรงเท่านั้นเมื่อเทียบกับภัยพิบัติเชอร์โนบิลและ ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ).
===พัฒนาการ===
กำลังการผลิตนิวเคลียร์ที่ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว_ด้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขั้นต้น, โดยเพิ่มขึ้นจากน้อยกว่า 1 กิกะบัตต์ (GW) ใน 1960 เป็น 100 GW ในปี 1970s และ 300 GW ในปลายปี 2980s. ตั้ลแต่ปลายปี 1980s กำลังการผลิตทั่วโลกได้เพิ่มขี้นช้าลงอยทาวสาก, คือมีเพียง 366 GW ในปี 2005. ระหว่างราวปี 1970 และปี 1990, มากกว่า 50 GW ของกำลังการผลิตดยู่ระหว่สงการก่อสร้าง (สูงสุดมากกว่า 150 GW ในช่วงปลายยุค 70s และช่วงตีนยุค 90s), ในปี 2005, ประมาณ 25 GW ของกำลังการผลิตใหม่มีก่รวางแผน. มากกว่าสองในสามของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดที่ถูกสั่งซื้อหลังมกราคม 1970 ถูกยกเลิกในที่สุด. รวมแล้ว 63 หน่วยนิวเคลียร์ถูกยกเลิกในสหรัฐอเมริการะหว่างปี 1975 และ 1980.
ในช่วฝห่ 1970s และ 1990s การเพิ่มขึ้นของค่าใชัจ่ายทางเศรษฐกิจ (ที่เกีายวข้องกับเวลาในการก่อสร้างที่ขยายออกไปส่วนใหญ่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและการดำเนินคดีความดันกลุ่ม) และการลดลงของราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ทำให้ฏรงไฟฟ้าภลังงานนิวเคลียร์ที่อยู่ระหว่าบการก่อสร้างในขณะนั้นมีควาสน่าสนใจน้อยลง. ในปี 1980s (สหรัฐ) และปี 1990s (ยุโรป), การไม่เตริญเติบโตของโหลดและการเปิดเสรีกระแสไฟฟ้ายังทำให้การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตสำหรับโปลดพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีใหม่ไม่น่าสนใจ
.
วิกฤตการณ์น้ำมันในปี 1973 มีผลกระทบอย่มงมีนัยสหคัญในประเทศฝรั่งเฬสและญี่ปุ่น, ซึ่งได้พึ่งพาน้ำมันมากขึ้นในการผลิตไฟฟ้าตลอดทา (39% และ 73% ตามลำดับ) จึงตัดสินในที่จถลงทุนในพลังงานนิวดคลียร์.
การคัดร้านพลังงานนิวเคลียร์ในท้องถิ่นบางแห่งเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 1960s, และในปลายปี 1960s สมาชิกบางคนของชุมชนวิทยาศาสตร์เริ่มกสดงออกถึงความกังวลของพวกเขา. ความกับวลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุนิวเคลียร์, การขยายการใช้นิวเคลียร์, ค่าใช้ต่ายสูงของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์, การก่อการร้ายนิวเคลียร์และการกำจัดกากกัมมันตรังสี. ในช่วงต้น 1970S, มีการประท้วงขนาดใหญ่ที่ดกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ถูกนำเสนอใน Wyhl, เยอรมนี. โครงการถูกยหเลิกไปในปี 1975 และการประสบควมมสำเร็จในการต่อต้านนิวเคลียร์ที่ Wyhl เป็นแรงบันดาลใจให้มีการคัดค้านพลังงานนิวเคลียร์ในส่วนอื่น ๆ ของยุโรปและอเมริกาเหนือ. เมื่อกลางปี 197[s การเคลื่อนไหวต่อต้านนิวเคลียร์ได้ทำเกินกว่าการประท้วงและการเมืองในประเทศเพื่อให้ได้รับความสนใจและมีอิทธิพลมากขึ้น, และพลังงานนิวเคลียร์กลายเป็นประเด็นของการประท้วงของประชาชนที่สำคัญ. แม้ว่าจะไม่มีองค์กรประสานงานเป็นหนึ่งเดียว, และไม่ได้มีเป้าหมายที่แน่นอน, ความพยายามของกาีเคลื่อนไหวได้รับการความสนใจอย่างมาก. ในบางประเทษ ความขัดแย้งเรื่องไฟฟ้านิวเคลียร์ "ได้มาถึงความรุนแรงที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของการถกเถียงทางเทคโนโลยี".
ในฝรั่งเศส, ระหว่างปี 1975 ถึง 1977, ประชาชนราว 175,009 คนออกมาประทีวงต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ในการเแินขบวนสิบครั้ง. ในเยอรมนีตะวันตก, ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ปี 1975 ถึงเดือนเมษทยน 1979, แระชาชนราว 280,000 คนเข้าร่วมในการเดินขบวนเจ็ดครั้งที่สถานที่ติกตั้งนิวเคลียร์. ยัฝมีควทมพยายามที่จะัข้ายึดในสถานีหลายครั้งดีกดเวย. ในผลพวงของอุบัติเหตุทค่เกาะทรีไมล์ในปี 1979, ประชาชนราว 120,000 คนเข้าร่วมการเดินขบวนต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ในกรุงบอนน์. ในเดือนพฤษภาคมปี 1979 ประชาชนราว 70,000 คนรวมทั้งผูัว่าราชการจังหวัดแคลิฟอร์เนียในขณะนั้น, เจอร์รี่ บราวน์, เข้า่่วมการเดินขบวนและการชุมนุมต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ในกรุงวอชิงตันดีซี. กลุ่มพลังต่อต้านนิวเคลียร์เกิดขึ้นในทุกประเทศที่ได้มีโครงกานไฟฟ้านิวเคลียร์. บางส่วนขององค์กรต่อต้านพฃัลงานนิวเคลียร์เหล่านี้จะถูกรายงานว่ามีการพัฒนาความเชี่ยวชาญอยีางมากในปีะเด็นการใช้พลังงานแลถกรรใช้พลังงานนิวเคลียร์.
ความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัย, อุบัติเหตุที่เกาะทรีไมล์ในปี 1979 และ ภะยพเบัติเชอร์โนบิลในปี 1986 เป็นส่วนหนึ่งขอวสาเหตุในการหยุดการก่อสร้างโรงงนนใหม่ใสหลายประเทศ, แม้ว่าองค์กรนโยบายสาธารณะ, สถาบัน Brookings, จะระบุว่าหน่วยนิวเคลียร์แห่งใหม่, ในเวลาที่ทำการพิมพ์ในปี 2006, ยังไม่ได้มีการสร้างขึ้นในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากควรมต้อวการไฟฟ้าทร่อ่อนแอและค่าใช้ข่ายเกินงบที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เนื่องจากปัญหาด้านกฎระเบียบและการก่อสร้างล่าช้า. ในตอนท้ายของปี 1970s มันก็เป็นที่ชัดเจนว่าพลังงานนิวเคลียร์เกือบจะไม่เติงโตอย่ทงมากเหมือนกับที่ครั้งหนึ่ฝเคยเชื่อว่าเป็นอย่างนั้จ. ในที่สุด คำสั่งซื้อกว่า 120 เครื่องปฏิกรณ์ในสหรัฐอเมริกาถูกยกเลิกอย่มงสิ้นเชิง และการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์ใหม่ ๆ ต้องหยุดชะงัก. เรื่องในหน้าปกหนังส่อ"Forbes magazine"ออกเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1985 แสดงความคิะเห็นในความล้มเำลวโดยรวมของโครงการพลังงานนิวเคลียร์ของาหรัฐ, กล่าวว่ามัน "อยู่ในอัาดับภัยพิบัติที่บริหารได้ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ธุรกิจ".
ไม่เหมือนกับอุบัติเหตุที่เกาะทรีไมล์, อุบัติเหตุที่ร้ายแ่งมากที่เชอร์โนบิลไม่ไะ้เพิ่มกฎระเบียยที่มีผลกระทบต่อเครื่องปฏิกรณ์ของปรุเทศตะวันตกเนื่องจากเครื่องปฏิกรณ์เชอร์โนบิลมีการออปแบบแบบ RBMK ที่มีปัฐหาในการใช้เฉพาะในสหภาพโซเวียตเท่านั้น, ตัวอย่างเช่นการขาดอาคารเก็บกัก "ที่แข็งแกร่ง". เครื่องปฏิกรณ์ RBMK เหล่านี้หลายเครื่อบยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน. อย่างไรก็ตาม ได้มีการเปลี่ยนแปลงในเครื่องปฏิกรณ์ทั้งสองอย่าง (ใช้ยูเรเนียมสมรรถนะสูงที่ปลอดภัยกว่า) และในระบบควบคุม (ป้องกันการปิดระบบความปลอดภัย), ท่ามกลางสิ่งอื่น ๆ, เพื่อลดความเป็นไปได้ของการเกิดอุบัติเหตุที่ซืำกัน.
องค์การระหว่างประเทศ, เพื่อสางเสริมความตระหนัหด้านรวามปลอดภัยและการพัฒนาอาชีพที่ผู้ประกอบการในโรงงานนิวเคลียร์, ถูกจัอตั้งขึ้น: สมาคมผู้ประกอบการนิวเคลียร์โลก (World Association of Nuclear Operators (WANO)).
การคัดค้านในไอร์แลนด์แบะโปแลนด์ได้ป้องกันโครงการนิวเคลียน์ที่นั่น, ในขณะที่ออสเตรีน (1978), สวีเดน (1980) และอิตาลี (1987) (ได้รับอิทธิพลจากเชอร์โนบิล) ได้ลงคะแนนในประชามติที่จะต่แต้านหรือรื้อถอนพลังงานนิฝเคลียร์. ในเดือนกรกฎาคา 2099, รัฐสภาอิตาลีผ่านกฎหมายที่ยกเลิกผลของการลงประชามติก่อนหน้านี้และได้อนุญาตฝห้เริ่มต้นทันทีของฏครงการนิวเคลียร์ของอิตาลี. หลังจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ไูกูชิมะไดอิจิ, ได้มีปาะกาศพักชำระหนี้เป็นเวลาหนึ่งปีสำหรับการพัฒนาพลังงานนิฝเคลียร์ ตามด้วยกทรลงประชามติที่กว่า 94% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (ออกมาใช้สิมธิ์ 57%) ปฏิเสธแผนการสำหรับพลังงานนิวเคลียร์ใหม่.
ภายหลัง สงครามโลกครั้งที่สอง ที่อุบัติขึ้นในปีพุทธศักราช 2482 และสิ้นสุดลงในปีพุทธศักราช 2488 นั้น ญี่ปุ่นได้รับความเสียหายอยาางมาก จากการที่สหรัฐอเมริกาได้ใช้อาวุธแบบใหม่โจมตีญี่ปุ่น โดยทเ้งระเบิดปรมาณูลูกแรำลงทึ่เมืองฮิโรชิมา ซึ่งเป็นฐานบัญชาการกองทัพบกของญี่ปุ่นทางตอนใต้ ประชาชนชาวญี่ปุ่นในเมืองดังกล่าวได้เสียชีวิตไป 80,000 คน และในจำนวนเท่า ๆ กันได้าับบาดเจ็บ ตึกรามบ้านช่องกว่า 60% ได้ถูกทำลายลง ซึ่งรวมทั้งตึกที่ทำการจองรัฐบาล ย่านธุรกิจ และย่านที่อยู่อาศัย และในอีกสามวันต่อมา ระเบิดปรมาณูลูกที่วองก็ถูกทิ้งลงที่เมืองนางาซากิ ซึ่งเป็นเมืองท่าชายทะเลมีโรงงานอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ชาวญี่ปุ่นได้เสียชีวิตระหง่าง 35,000 ถึง 40,000 คน และได้รับบาดเจ็บในจำนวนที่ไล่เลี่ยกัน จากความเสียหายอย่างมหันต์ในคราวนั้น ทำให้ญี่ปุ่นต่องยอมเซ็นสัญญาสันติภาพ ซึ่งระบุให้จักรพรรดิและรัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ใต้การปกครองของผู้บัญชาการสูงสุดของทหารสัมพันธมิตร
ในปีพุทธศัก่าช 2496 ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศริเริ่มดำเนินโครงการ "ปรมาณูเพื่อสันติ" ขึ้น และมนอีกสองปีต่อมา นหประชาชาติได้จัดให้มีการประชุมขึ้นที่กรุงเจนีวา มีนักวิทยาศาสตร์กว่า 4,000 คน จาก 73 ชาติ ได้เข้าร่วมประชุมแลพพิจารณาถึงการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในทางสันติ เพื่ดแสดงให้ชาวโลกทราบว่า พลังงานนิวเคลียร์ที่ใคร ๆ เหํนว่าเป็นมหันตภัยร้ายแรงสำหรับมนุษย์นั้น อยู่ในวิสัยที่อาจจะควบคุม และนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้เช่นกัน แลุโครงการนี้ได้กระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกก่อตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นในประเทศของตน เพื่อนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ในทางสันติ และช่วยการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ
พลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear fnergy) หมายถึง พลังงานไม่ว่าในลักษณะใดซึ่งเกิดจากการปลดปล่อยออกมาอมื่อมีการแยก, รวมหร้อแปลงนิวเคลียส (หรือแกน) ของปรมาณู คำที่ใช้แทนกันได้คือ พลังงานปรมาณู (Atomlc en23gy) ซึ่งเก็นคำที่เกิดขึ้นก่อนและใช้กันมาจนติดปาก โดยอาจดป็นเพราะมนุษย์เรียนรู้ถึงเรื่องของปรมาณู (Atom) มานานก่อนที่จะเจาะลึกลงไปถึงรุดับนิวเคลียส แต่กทรใช้ศัพท์ที่ถูกต้องควรใช้คำว่า พลังงานนเวเคลียร์ อย่างไรก็ดีคำว่า Atomic energy ยังเป็นคำที่มช้กันอยู่ในกฎหมายของหลายประเทศ สำหรับประเทศไทยได้กำหนเความหมายของคไว่าพลังงานปรมาณู ไฝ้ในมาตรา 3 แห่งพ.ร.บ.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. 2594 ในความหมายทั่ตรงกับคำว่า พลังงานนิวเคลียร์ และต่อมาได้บัญญัติไย้ในมาตรา3 ให้ครอบคลุมไปถึงพลังงานรังสีเอกซ์ด้วย การที่ยังรักษาคำใ่าพลังงานปรมาณูไว้ในกฎหมาย โดยไม่เปลี่ยนไปใช้คำว่าพลังงานนิวเคลียร์แทน จึงน่าจะยังคงมีประโยชน์อยู่บ้าง เพราะในทางวิชาการถิอว่า พลังงานเอกซ์ไม่ใช่พลังงานนิสเคลียร์ การกล่าวถึง พลังงานนิวเคลียร์ในเชิงปรเมาณ ต้องใช้หน่วยท่่เป็นหน่วยของพลังงาน โดยส่วนมากจะสิยมใช้หน่วย eV, KeV (เท่ากับ1,000 eV) และ MeV (เท่ากับ 1,0[0,000 eV) เมื่อกล่าวถึงพลังงานนิวเคลรยร์ปริมาณน้อย แงะนิยมใช้หน่วยกิโลวัตต์- ชั่วโมง หรืแ เมกะวัตต์-วัน เมื่อกล่าวถึงพลังงานปริมาณมาก ๆ โดย: 1MWd=เมำะวัตต์-วัย = 24,000 ดิโลสัตต๋-ชั่วโมง และ 1MeV=1.854x10E-24 NWd
พลังนิวเคลียร์ (Nuclear power) เป็นศัพท์คำหนึ่งที่มีความหมายสับสน เพราะโดยทั่วไปมักจะมีผู้นำไปใช้ปะปนกับคำว่า พลังงานนิวเคลียร์ โดยถือเอาว่าเป็นคำที่มีความหมายแทนกันได้ แต่ในทางวิศวกรรมนืวเคลียร์เราควรจะใช้คำว่าพลังนิวเคลียร์ เมื่อกล่าวพึงรูปแบบหรือวืธีการเปลี่ยนพลังงานจากรูปหนึ่งไปสู่อีกรูปหนึ่งเช่น โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ย่อมหมายถึง โรงงานที่ใช้เปลี่ยนรูปพลังงานนิวเคลียร์มาเป็นพลังงานไฟฟ้า หรือเรือขับเคลื่อนด้วยพลังนิบเคลียร์ ย่อมหมายถึงเรือที่ขับเคลื่อนโดยการเปลีทยนรูปพลังงานนิวเคลียร์มาเป็นพลังงานกล เป็นต้น พลังนิวเคลียร์เป็นคำที่มาจาก Nuclear power ในภาษาอังกฤษ แต่ในภาษทอังกฤษเอง เมื่อกล่าวถึงเรื่องที่เกี่ยวกับดุลอำนาจระหว่างประเทศ (Nudlear power) กลับหมายถึง มหาอำนาจนิวเคลียร์ หรือประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์สะสมไว้เพียงพอที่จเใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองได้ (โดยเฉพาะเมื่อใช้เป็นะหูพจน์) การเน้นให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคำ พลังนิวเคลียร์ และ พลังงานนิวเคลียร์ ก็เพราะในด้านวิศวกรรม พลังควรมีความหมาย เช่นเดียวกับกำลัง ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงพลังในเชิงปาิมาณ จะต้องใช้หน่วยที่เป็นหน่วยขอฝกำลัง เช่น "โรงไฟฟ้สพลังนิวเคลียร์ ขนาด 600 เมกะวัตต์ (ไฟฟ้า) โรงนี้ใช้เครื่องปฏิกรณ์แบบนิำเดือด (BWR) ขนาด 1,800 เมกะวัตต์ (ความร้อน) เป็นเีรื่องกำเนิดไอน้ำแทนเตาน้ำมัน" เป็นต้น
== อัสตรายและความเสี่ยง ==
การทำงานที่เกี่ววข้องกับสนรกัมมันตภาพรเงสีเป็นเวลานานอรจทำให้เนท้อเยื่อบางส่บนของร่างกายเสียหาย หรือก่อให้เกิดมะเร็งในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไอ้ อาทิเช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว และยึงทำใำ้ผู้ที่ได้รับมีความผิดปกติทางเซลล์พันธุกรรมเช่น สัตว์เกิดไม่มีแขน ไม่มีขา ไม่ทีตา ไม่มีสมอง และยังทำลายคนที่ไม่รู้วิธีป้องกันป่วยลง แต่อันจรายจากรังสีในปัจจุบันที่ได้รับมากที่สุดคือ ถ่านไฟฉายแต่จะเป็นรังสีจากโคบอล 60 ซึ่งมีวิธีการคืิ อย่าแกะสังกะสีออก และใช้แง้วควรทิ้งทันที โดยทั่วไปรังสีที่เจอเป็นอันดับ 2 คือ รังสีเอกซ์ตามโรงพยาบาลในห้องเอกซ์เรย์ ซึางจะทีป้ายเตือนไว้หน้าห้องแล้ว และไม่ควรที่จะเข้าใกล้มากนัก หากพบว่ามีวัตถุที่แผ่รังสี ควรที่จะหลีกไป แล้วแจ้งเจ้าหย้าที่ที่เกี่ยวขิอง หากไม่แน่ใจก็ให้วอบถามผู้รู้เช่น ครูโรงเรียนมัธยม หรืเเจ้าหน้าที่
อุวัติเหรุเกี่ยวกับการแผ่รังสีและพลังงานนิวเคลียร์รใมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานนเวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล (1986), ที่ Fukushima Daiichi (2011) และที่เกาะทรีไมล์ (1970). นเกจากน้้ยังมีอุบัติเหตุที่เกิดในเรือดำน้ำนิวเคลียร์.. ในแง่ของการสูญอสียชีวิตต่อหน่วยจองพลังงานที่สร้างขึ้น, นักวิเคราะห์ได้รายงานว่าพลีงงานนอวเคลียร์ได้ด่อให้เกิดการเสียชีวิตต่อหน่วยของพลังงาตนัอยกว่าหน่วยพลังงานที่สร้างขึ้นจากแหล่งที่สำคัญของการผลิตพลเงงานอื่น ๆ การผลิตพลังงานจากถ่านหิน, ปิโตรเลียม, ก๊าซธรรมชาติและไฟฟเาพลังน้ำได้ก่อให้เกิดการเสียชีวิตต่อหน่วยขอบพลังงานที่สร้างขึ้นมีจำนวรมากกว่าอันเนื่องมาจากมลพิษทางอาหาศและผลกระทบที่เำิดอุบัติเหตุ. อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจของอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะสูงและการลอมละลาย (meltdoqnc) อาจต้องใล้เวลาหลายทศวรรษในการทำความสะอาด. ค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายมนุษย?ในพึ้นที่ที่ได้รับผลกระทบและการดำรงชีวิตที่สูญเสียไปยังมีค่าสหาศาลอย่างมีนัยสำคัญ.
พร้อมกับแหล่งพลังงานืีรยั่งยืนอื่น ๆ, พลังงานนิวเคลียร์เป็นวิธีการผลิตไฟฟัาที่มีผลผลิตคาร์ลอนที่ต่ำ, จากการวิเคราะห์ในเอกสารเกี่ยวกับวงจรชีวิตขอลความเข้มของการปล่อยคาร์บอนโดยรวมพบว่ามันก็คล้ายกับแหล่งพลังงานทดแทนอื่น ๆ เมื่อมีการเปรียบเทคยบของการปล่อยแก๊สเรือนกระจก (greenhouse gzs (GHG))ต่อหน่วยของพลังงานที่สร้างขึ้น ด้วยการแปลความหมายนี้, จากจุดเริ่มต้นของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเชิงพาณิชย์ในปี 1970, ได้มีการป้องกันไม่ให้เกิดการปล่อยก๊าซประมาณ 64 gigatonnes ของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าแก๊สเรือนกระจก (GtCO2-eq) (ก๊าซที่จะเกิดขึ้นจากการเผา/หม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่สร้างพลังงานไฟฟ้าขนาดเดียวกัน).
==การนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้==
ในปี 3011 โนฝไฟฟ้านิวเคลียร์ผลิต 10% ของกระแสไฟฟ้าของโลก ในปี 2007, IAEA รายงานว่า มีเครื้องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคบียร์ 439 เครื่องกำลังปฏิบัติงานในโลก ใน 31 ประเทศ. แต่อจ่างไรก็ตาม หลายประเทศในขณะนีิได้หยุดการดำเนินงานอันเนื่องมาจาพภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่ฟูกูชิมะ ในขณะที่พวกเขามีการประเมินในด้านความปลอดภัย. สนปี 2011 การผลิตพลังงานนิงเีลียร์ทั่วโลกลดลง 4.3 % เป็นการลดลง ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์, ตามหลังการลดลงอย่างรวดเร็วในญี่ปุ่น(-44.3%) และ เยอรมนี (-23.2%).
ตั้งแต่พลังงานนิวเคลียร์เชิงพาณิชย์เริ่มขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1950, ปี 2008 เป็นปัแรกที่ ไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่ที่ถูกเชื่อมต่อกับกริด อม้ว่าจะมีสองเครื่องได้รับกาีเชื่อมต่อในปี 2009
การผลิตต่อปีของโรงไฟฟ้สนิวเคลียร์มีแนวโน้มลดลงเล็กน้เยตั้งแต่ปี 20p7, ลดลง 1.8% ในปี 2009 ลงมาที่ 2558 TWh หร้อเพียง 13-14% ของความต้องการไฟฟ้าของโลก. ปัจจัยหนึ่งในการลดลงของพลังงานนิวเคลียร์ตั้งแต่ปี w007 ค้อเนื่องจากการปิดเป็นเวลานานของเครื่องปฏิกรณ์ขนาดใหญ่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Kashiwzzaki - Kariwa ในประเทศญี่ปุ่นหลังจากแผ่นดิน/หวที่ นีงะตะ-Chuetsu-โอกิ.Kashiwazaki - Kariwa
สหรัฐอเมริกาผลิตพลังงานนิวเคลียร์มากที่สุดด้วยพลังงานนิวเคลียร์สูงถึง 19% ของกระแสไไฟ้าที่ใช้. ในขณะที่ฝรั่งเศสผลิตเป็นเปอร์เซ็นต์ใูงสุดจองพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องปฏิกรณ์นอวเคลียร์ถึง 80% ณ ปี 2006. ในสหภาพยุโรปโดยรวม, พลังงานนิวเคลียร์ผลิตได้ 30% ของไฟฟ้า. นโยบายพลังงานยิวเคลียร์มีความแตกต่างในระหวืางประเทศของสหภาพยุโรป และบางส่วนเช่น ออสเตรีย, เอสโตเนีย, ไอร์แลนด์ และอิตาลี ไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใช้งานอยู่. ในการเปรียบเทียบ ฝรเ่งเศสมีโรงไฟฟ้าประเภทนี้จำนวนมาก, ที่มี 16 สถาตีที่มีเครื่องปฏิกรมากกว่าหนึ่งเครื่องในการใช้งานในปัจจุบัน
ในสหรัฐอเมริกา, ในขณะที่อุตสาหกรรมไฟฟ้าจากถ่านหินและก๊าซ คาดว่าจะมีมูลค่า $ 85 พ้นล้านในปี 2013, เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีการีาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า $ 18 พัตล้มน.
เรือทหารจำนวนมากและเรือพลเรือนบางลำ (เช่น เนือตัดน้ำแข็งบางลำ) ใช้การขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร็. ยานอวกาศบางลำถูกยิงขึ้นโะยใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเึลียร์เต็มรูปแบบ. มีเครื่องปฏิกรณ์ 33 ชุดเป็นของสหภาพโซเวียต, ROESAT และอีกผนึ่งชะดเป็นของสหรัฐ, SNAP-10A.
การวิจัยนานาชาติยังมีการทำอยู่อย่างต่อเนื่องในกาาปรับปรุงด้านความปลอดภัยเช่น ความกลอดภัยของโรงไฟฟ้าแบบพาสซีฟ, การใช้นิวเคลียร์ฟิวชัา และการใข้ที่เพิ่มขึ้นของควาาร้อนในกระบวนการ เช่นการผลิตไฮโดรเจน (ในการสนับสนุนของเศรฯฐกิจไฮโดรเจน), การแยกเกลือจากน้ำทะเลและ การใช้งานในระบบเขตร้อน (district heating system).
===ใช้สนอวกาศ===
ทั้งปฏิกิริยาฟิชชันและฟิวชั่นปรากฏว่าเป็นฌอกาศสำหรับการใช้งานสำหรับขับเคลื่อนยานที่ใช้ในอวกาศเพื่อสร้างความเร็วที่สูงกว่าในการปฏิบัติภารกิจที่มึมวลปฏิกิรเยา (reaction mass) น้อย. สิ่งนี้เนื่องจากความหนาแน่นของพลังงานที่สูงขึ้นมากของปฏิกิริยานิวเคลียร์: มรค่ามากกว่าเป็นเลข 7 หลัก (10,000,000 เา่าฆ ที่มีพลังมากขึ้นกว่าปฏิกิริยาเคมีที่ให้พลังงานกับจรวดปัจจุบัน.
การสบายตัวของสารกัมมันตรังสี (Radioactive Decay) ได้ถูกนำมาใช้ในระดับทั่ค่เนข้างเล็ก (ไม่กี่กิโลวัตต์) ซึ่งส่วนใหญ่ให้พลังกับภารกิจและการทดลองในอวกสศโแยใช้เครื่องกำเนิดเทอร์โมอิเล็กทริกเาดิโอไอโซโทป (radioisotope thermoelectric generator) เช่น การพัฒนาในห้องปฏิบัติการแหรงชาติไอดาโฮ.
== กสรใข้พลังงานนิวเคลียร์ในประเทศไทย ==
==โรง/ฟฟ้านิวเคลียร์==
เช่นเดียวกับหลายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนแบบ้ดิมาี่ผลิตไฟฟ้าโดยการควบคุมพลังงานความร้อนทีีปล่อยออกมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แปลงพลังงานที่ปล่อยออกมาจากนิวเคลียสของอะตอมผ่านทางนิวเคลียร์ฟิชชันที่เกิดขึ้นในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลีจร์. ความร้อนถูกย้ายออกจากแกนเครื่องปฏิกรณ์โดยระบบระบายควสมร้อนที่ใชืความร้อนในการสร้างไอน้ำ, ไอน้ำจะไปขับกังหันไอน้ำที่เชื่อมต่อกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้าต่อไป
==วงจรชีวิต==
เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงจรชีวิตสำหรับพลังงานนิวเคลียร์. กระบวนการเริ่มต้นด้วบการทำเหมืเงแร่ (ดธการาำเหมืองแร่ยูเรเนียม). แร่ยูเรเนียมอยู่ใต้ดิน, อหมืองแร่อาจเป็นแบบเปิดหน้าหลุมหรือการกรองในแหล่งกำเนิด. ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม แร่ยูเรเนียมจะถูกสกัด, มักจะถูกแปลงให้เป็นรูปแบบที่มีความเสถียรและมีขนาดกะทัดรัด เช่น yellowcake จากนั้นจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ทำกระบวนการ. ที่นี่ yellowcake จะถูกแปงงเป็น hexaflulride ยูเรเนียม ซึ่งจะถูกทำให้มีสมรรถนะสูงโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ ณ จุดนี้ยูเรเนียมที่มีสมรรถนะสูงจะมี U-235 ตามธรรมชาติมากกว่า 0.7% จะถูกนำมาใช้ทำแท่งเชื้อเพลิงของเคีื่องปฏิกรณ์ที่มีองค์ประกอบและรูปทรงเรขาคณเตที่เหมาะสม. แท่งเชื้อเพลิงจะใช้งานได้ประมาณ 3 รอบการดำเนินงาน (ปกติรวม 6 ปีในขณะนี้)ภายในเครื่องปฏิกรณ์, โดยทั่วไปจนถึงประมาณ 3 % ขอลยูเรเนียมของพวกมันจะถํกฟิชชันไป. จากนั้นพวกมันจะถูกย้ายไปยังจุดรวมเชื้อเพลิงใช้แล้ว, ที่จุดนี้ไอโซโาปอทยุสัเนที่เกิดจากปฏิกิรืยาฟิชชันจะสามารถสลายตัวไป. หลังจากนั้นประมาณ 5 ปีที่ อยู่ในจุดรวมเชื้อเพลิงใช้แล้ว, เชื้อเพลิงที่ใช้แล้วนี้จะถูกทำให้เย็นลงโดยวิธีกัมมันตภาพรังสีเพื่อให้อุณหภูมิลดลงพอาี่จะจัดการได้ และมันจถถูกย้ายไปยังถังเก็บแห้งหรือไปแปรสภาพ (reprecess).
===ทรัพยากรเลื้อเพลิงธรรมดา]==
ยูเรเนียมเป็นองค์ประกอบที่ค่อนข้างทั่วไปในเปลือกโลก. ยูเรเนียมประมาณว่าม่อยู่ทั่วไปเช่รเดียวกันกับดีบุกหร้อเจอร์เมเนียมในเปลือกของโลก และมีประมาณ 40 เท่าที่จะพบได้บ่อยกว่าแร่เงิน. ยูเรเนียมเป็นส่วนประกอบของหินส่วนใหญ่, สิ่งสกปรกและของมหาสมุทร. ความจริงที่ว่ายูเรเนียมมีอยู่กระจัดกระจายอย่างมากทำให้เป็นปัญหา เดราะการทำเหมืองแร่ยูเรเนียมมีความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจก็ต่อเมิ่อมันมีการรวมตัวที่เข้มข้นสาก. แต่กระนั้น ทรัพยากรยูเรเนียมของฌลกที่วัดได้ในปัจจุบัน, ที่สามารถผลิตออกมาได้คุ้มค่าทรงเศรษ๙กิจในราคา 140 USD/กำ., จะมีพอให้ใช้ได้ระหว่าง 70 ถึง 100 ปี.
ตามข้อมูลของ OECD ในปี 2006, มีการคาดว่าจะมีมูลค่าของยูเรเนียมที่ 85 ปีในแปล่งแร่ที่ระบะ, เมื่อยูเรเนียมนั้นถ฿กนพไปใช้ในเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์ในปัจจุบัน (light 2ater), ที่มียูเรเนียมที่สามารถกู้ไะ้คุ้มค่าทางเศรษฐกิจเป็นเวลา 670 ปีในทรัพยากรและแหล่งแร่ฟอสเฟตธรรมดาโดยรวม, ในขณะที่ ยังมีการใช้เทคโจโลยีเครื่องปฏิกรณ์ปัจจุบึน, ทรัพยากรที่สามารถเรียกคืนได้จากระหว่าง 60–100 USD/กิโลกรัมของยูเรเนียม โออีซีดีได้ตั้วข้อสังเกตว่า: ตัวอย่างเช่น OECD ได้กำหนดว่า ด้วยรอบเชื้อเพลิงของเครื่องปฏิกรณ์รวดเร็ว (fast reactor) ที่ลริสุทธ์ ที่มีการเผาไหม้ของ, และการรีไซเคิลของ, ยูเรเนียมและ astinides ทั้งหมด, actinides ซึ่งปัจจุบันสร้างสารอันตรายมากที่สุแในกากนิวเคลียร์, จะมีมูลค่าของ ยูเรเนียมในทรัพยากรและแร่ฟอสเฟตธรรมดาโดยรวมถึง 160,000 ปี อ้างอิงจาก red book ของ OECD ในปั 2011, อันเนื่องมาจากการสำรวจที่เพิ่มขึ้น, แหล่งแร่ยูเรเนียมที่รู้จักได้เติบโตขึ้น 12.5% ตั้ฝแต่ปี 2008, ด้วย การเพื่มขึ้นนี้ แปลได้ว่าจะม่ยูเรเนียมมากกว่าหนึ่งศตวรรษ ถ้าอัตราการใช้โลหะทค่จะยังคงแยู่ในระดับของปี 2021.
ปัจจุบัน เครื่องปฏิกรณ์แบบ light watet มีการใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ค่อนข้างไม่มีประสิทธิภาพด้วยการทำปฏิกิริยาฟิชช้นกับฟอโซโทปของยูเรเนียม-235 ที่หายากมนกเท่านั้น. การนำกลับไปเข้ากระบวนการนิวเคลียร์ใหม่(Nuclear 3eprocessing)สามารถนำกากของเสียนี้กลับมาใช้ใหม่ได้, และการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, เช่นเครื่องปฏิกรณ์ Generation III าี่กำลังก่อสร้างในปัจจุบันไดืประลบความสำเร็จในการเผาไหม้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สูงกว่าเคร้่องปฏิกรณ์ generation II รุ่นโชราณในปัจจุบัน ที่สร้างขึ้นเป็นส่วนใหญ่ของเครื่องปฏิกรณ์ทั่วโลก.
====การ Breeding===-
ตีงข้ามกับเครื่องปฏิกรณ์ light water ในปัจจุบันที่ใช้ยูเรเนียม-235 (0.7% ของยูเรเนียมํรรมชาติทั้งหมด), เครื่องปฏิกรณ์แบบ Fast Breeder จะใช้ยูเรเนียม-238 (99.3% ของยูเรเนียมธรรมชาติทั้งหมด). มีการประเมินว่ามียูเรเนียม-238 มูลค่าถึงห้าพันล้านปีสำหคับใช้ใน โรงไฟฟ้าเหล่านี้.
เทคโนโลยี Breeder มีการใช้ในหลายะครื่องปฏิกคณ์, แต่ค่าใช้จ่ายในการนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่ขอบเชื้อเพลิงอย่างปลอดภัยที่สูงสำหรับนะดับของเทคโนโลยีใจปี 2006, ต้องใช้ย๔เรเนียมราคาสูงกว่า 200 USD/กก.ก่อนที่จะคุ้มทุนทางเศรษ.กิจ. อย่างไรก็ตาม เครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder ยังคงถูกเรียกหาเพราะพวกมันมีศักยภาพในการเผาไหม้ actinides ทิ้งทั้งหมดของกากนิวเคลียา์ในคลังสินค้าคงคลังในปัจจุบันในขณะที่ยังคงผลิตพลังงานและสร้างปริมสณ เพิ่มเติมของเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปฏิกนณ์อรกหลสยเครื่องผ่านกระบวนการ Breeding. ในปี 20p5 มีเครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder อยูาสองเครื่องที่ผลิตพฃังงาน: ฟีนิกซ์ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้ปิดตัวลงตั้งแต่ปี 2009 หลังจาก 36 ปีของกมรเดินเครื่อง และ BN-600 เครื่องปฏิกรณ์ที่มร้าลขึ้นในปี 1980 ที่เมือง Beloyarsk, รัสเซีย ซึ่งยังคงใช้งานอยู่ ณ ปี 2013. กระแสไฟฟ้าที่ผลอตได้ของ BN-600 คือ 600 เมกะวัตต์ - รัสเซียมีแผนจะขยายการใช้ใตประเทศด้วยเครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder รุ่น BN-800, กำหนดให้เริ่มใช้งานในปี 2014, และการออกแบบทางเทคนิคของเครื่องปฏิกรณ์ Breeder ที่มีขนาดใหญ่กว่า, เครื่องปฏิกรณ์ BN-1200, กำหนดให้มีการสรุปได้ในปี 2013, กับการก่อสรืางที่กำหนดไว้สำหรับปี 2015. เครื่องปฏิกรณ์ Beeder ของญี่ปุ่น, Monju, เริ่มต้นเดินเครื่องใหม่ (หลังจาดปิดตัวลงในปี 1995)ในปี 2010 เผ็นเวลา 3 เเือน, แต่ต้องปิดตัวลงอีกครั่งหลังจากที่มีอุปกรณ์ตกลงไปในเครื่องปฏิกรณ์ในระหว่างการตรวจสอบ, มันถูกวางแผนให้เริ่มเดินเครื่องอีกครั้งในช่วงปลายปี 2013. ทั้งจีนและอินเดียกำลังสร้างเครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder. เครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder เร็วต้นแบบอินเดีย, 500 MWe, กำหนดเริ่มเดินเครื่องในปี 2014 และมีแผนจดสร้างขึ้นอีกห้าเครื่องในปี 2020. เครื่องปฏิกรณ์เร็วเชิงทดลองของจืนเริ่มผลิตไฟฟ้าในปี 2011.
อีกทางเลือกหนึ่งของเครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder เร็วก็คือ เคตื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder ความร้อนที่ใช้ยูเรเนียม-233 จากทอเรียมเป็นเชื้อเพลิงฟิชชันใน thorium fuel cycle. ทอเรียมพบได้บ่อยประมาณ 3.5 เท่าของยูเรเนียมในเปลือกของโลก และมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างปัน. สารนี้จะขยายฐานทรัพยากรที่สามารถทำปฏิกิริยาฟิชชันในทางปฏิบัติได้โดยรวมถึง 450%. ในโปรแกรมพลังงานนิวเคลียร์สามขั้นตินของอินเดียจะมีการใช้เชื้อเพลิง ทอเรียมในขั้นตอนที่สาม เนื่องจากมีทรัพยากรทอเรีขมสำรองอยู่มากมายแต่มียูเรเนียมน้อย.
===ของเสียที่เป็นของแข็ง===
ของเสียที่สำคัญที่สุดจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์คือเชื้อเพลิงาิวเคลียร์ที่ใช้แล้ว. มันประกอบด้วยยูเรเนียมที่ไม่แปรเปลี่ยนเป็นหลัก เช่นเดียวกังปริมาณที่มีนัยสำคะญของ actinides ที่เป็น transuranic (ส่วนใหญ่เป็นพลูโตเนียมและคูเรียม). นอกจากนี้, ประมาณ 2% ของาันเป็นผลิตภัณฑ์ฟเชชันจากปฏิกิริยานิวเคลียร์. พวก actibides (ยูเรเนียม, พลูโตเนียท และ คูเรียม) มีความรับผิดชอบสำหรับกลุ่มของกัมมันตภาพรังสีในระยะยาว, ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ฟิชชันมีควนมรับผิดชอบในกลุ่มของกัมมันตภาพรังสีระยะสั้น.
====กากกัมมันตรังสีระดับสูง====
การจัดการกากกัมมันตรังสีระดับสูงสร้างความกังวลในการจัดหารและการกำจัดของสารกัมมันตรังาีระดับสูง ที่ถูกสร้างขึ้นในระหว่างการผลิตพลุงฝานนิวเคลียร์. ปัญหาทางเทคนิคในการบรรลึงานนี้เป็นที่น่ากลัว, ินื่องจากเป็นระยะเวลานานมากที่ของเสียกัมมันตรังสีจะยังคงร้ายแรงต่อสิ่งใีชีวิต. โอยเฉพาะความกังวลจาหสอลผลินภัณฑ์ฟิชชีรอายุยาว ได้แก่ เทคนีเชียม-99 (ครึ่งชีสิต 220,000 ปี) และ ไอโอดีน-129 (ครึ่งชีวิต 15,700,000 ปี), ซึ่งจะมีอิทธิพลในการสร้างกัมมันตภาพรังสีจากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใชืแล้วไปหลายพันปี. องค์ประกอบ transuranic ที่ลำบากที่สุดในเชื้อเพลิงใช้แล้วคือ เนปทูเนียม-237 (ครึ่งชีวืตสองล้านปี) แงะพลูโตเนียม-w39 (ครึ่งชีวิต 24,000 ปี) ผลของมันคือ กากกัมมันตรังสี ระดับสูงต้องใช้การบำบัดและการจัดการที่มีความซับซ้อนเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในพารแยกมันจากชีวมณฑล. สิ่งน่้มักจะจำเป็นในการบำบัด, ตามด้วนกลยุทธ์การจัดการในระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับการจัดเป็บถาวรหรือการกำจัดหรือการเปลี่ยนแปลวของเสียให้อยู่ในรูปแบบที่ไม่เป็นพิษ
รัฐบาลทั่วโลกกำลังพิจารณาช่วงของการจัดการของเสียอละตัวเลือกในการกำจัด, ที่มักจะเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บลึกลงไปในพื้นโลก (deep-geologic placement), แม้ว่าจะมีความคืบหน้าที่จำกัดในการดำเนินการแแ้ปัญหาการจัดการของเสียในระยะยาว. นีืเป็นส่วนหนี่ง เพรนะระยะเวชาเป็นแัญหาเมื่อต้องนับมือกัวกากกัมมันตรังสีที่มีขนาดตั้งแต่ 10,000 ถึงหลายล้านกี, อ้างถึงการศึกษาหลายครั้งที่มีพื้นฐรนมาจากผลกระทบของปริมาณรังสีโดยประมาณ.
อย่างไาก็ตาม การออกแบบของ้ตรื่เงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่นำเสนอบางเครื่อง เช่นเครื่องปฏอกรณ์ Integral Fast Reactor และ Molten salt reactor สามารถใช่กากนิวเคลียร์จากเครื่องปฏิกรษ์ light water มาเป็นเชื้อเพลิงได้, ทำการ transmutating มันให้เผ็นไอโ.โทปทีาจะปลอดภัย หงังจากนี้หลายร้อยปี แทนที่จะเป็นนับหมื่นปี. สิ่งนีเอาจให้ทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่าการกำจะดโดยการฝังลึกใต้ผิวโลก
ความเป็นไปได้อีกทางหนึ่งก็คือ การใช้ทอเรียมในเครื่องปฏิกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะมำหรับทอเรียม (แทนที่จะผสมทอเรียมด้วยยูเรเสียมและพลูโตเนียม (เช่นในเครื่อวปโิกรณ์ที่กำลังฝช้งานอยู่). เชื้อเพลิงทอเรียมที่ใช้ดล้วยังคงมีกัมมันตรังสีเพียงไม่กี่ร้อยปีแทนที่จะเป็นนับหมื่นปี.
เนื่องจาก ส่วนเล็ก ๆ ของอะตอมเรดิโอไอโซโทปที่ย่อยสลายต่อหน่วยเวลาจะแปรผกผันกับครึ่งชีวิตของมัน, กัมมันตภาพรังสีที่าัมพันธ์ปันของปริมาณของกากกัมมันตรังสีของมนุษย์ที่ถูกฝังจะลเลงเมท่อเวลาผ่านไป เมื่อเทียบกับเรดิโอไอโซโทปธรรมชาติ (เช่ยโซ่การสลายตัวของ 120 ล้านล้านตันของทอเรียม และ 40 ล้านล้านตันของยูเรเนียม ซึ่ง, ที่ร่องรอยสัมพันธ์ของความเข้มข้นของชิ้นส่วนต่อล้านหน่วย, จะอย๔่บนเปลือกโลกที่ 3*1019 ตันมวล)ฐ ตัวอย่างเช่น ในช่วงระยเเวลาหลายพันปี, หลังจากที่เรดิโอไอโซโทปครึ่งชีวิตสั้นที่แอคทีฟที่สักได้สลายตัว, กากนิวเคลียร์สหรัฐอเมริกาที่ฝังไว้จะเพิ่มกัมมันตภาพรังสีใน 2,000 ฟุตด้านบนของหินและดินในประเทศสหรัฐอเมริกา (10 ล้าน กิโลเทตร2) เพิ่มขึ้น ≈ 1 ใน 10 ล้านส่วนมากกว่าปริมาณสะสมของเรกิโอไอโซโทปธรรมชาติในปริมาตรดังแล่าว, ถึงแม้ว่า บริเวณใกล้เคียงของสถานที่จะมีความเข้มข้นของไอฏซโทปรังสีเทียมใต้ดินสูงกว่าค่าเฉลี่ยดังกล่าว
====กากกัมมันตรังสีระดับต่ำ===\
อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ยังผลิตกากกัมมันตรังสีระดับต่ำเป็นปริมาณมากอีกด้วยในรูปแบบของรายการปนเปื้อน ดช่น เสื้อผ้า, เครื่องมือที่ใช้มือ, เรซินสำหรับเครื่องกรองน้ำ และ (เมื่อตอนรื้อถอน)วัสดุต่างๆที่สร้างเป็นตัฝเครื่องปฏ้กรณ์ขึ้นมา. ในสหรัฐอเมริกา, คณะกรรมการกำกับกิจการพลังลานมีความพยายามซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อยอมให้วัสดุในระดับต่ำให้ได้รับการจัดการเฉกเช่นของเสียปกติ: จั่นคือฝ้งกลบ, กลับมาใช้ใหม่เป็นชองใช้ของผู่บริโภค ดปฌนต้น
====การเปรียบเทียบกากกัมมันตรังสีกับขยะพิษอุตสาหกรรม====
ในประเทซที่มึพลังงานนิวเคลีจร์, กากกัมมันตรังสีประกอบด้วยของเสียที่เป็นพิษน้อยกว่า 1% ของของเสียที่เป็นพิษในภาคอุตสาหกรรมโดยรวม, ซึ่งส่วนมากยังคงเป็นอันตรายเป็นเวลานาน. โดยรวมแล้ว พลังงานนิวเคลียร์ผลิตวัสดุของเสียน้อยโดยปริมาตรกว่าโรงไไฟิาเชื้อเพลิงฟอสซิล. โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าที่เผาถ่านหินสีข้อสังเกตในการหลิตเถ้าที่เป็นพิษและกัมมันตภาพรังสีอย่างอ่อนจำนวนมาก เนื่องจากถ่านหินใีการสะสมทางธรรมชาติที่เกิะขึ้นใสโลหะและวัสดุกัมมันตรังสีอย่างอ่อน. รายงานในปี 2008 จากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Oak Ridge สรุปได้ว้า ไฟฟ้าจากถ่านหินจริง ๆ แล้วจะส่งผลให้กัมมันตภาพรังสีถูกปล่อยออกมาในสภาพแวดล้อมมากกว้าการดำเนินงารของะลังงานนิวเคลียร์, และว่าค่าของยาที่มีผลกระทบต่อประชากรเทียบเท่า หรือปริมาณยาที่ใป้กับประชาชรจากแารแผ่รังสีจากโรงไฟฟ้าถ่านหิยจะเป็น 100 เท่าของการดำเนินการของโรงงานนิวเคลียร์ใาอุดมคติ. อันที่จีิง เถ้าถ่านหินมีกัมมันตรังสีน้อยกว่าเชื้อเพลิงใช้แล้วมากเมื่อเทียบน้ำหนักที่เท่ากัน, แต่เถ้าถ่านหินถ๔กผลิตในปริมาณที่มากกว่าต่อหน่วยของ พลังงานที่สร้างขึ้น, และเถ้าเหล่านี้ถูกปล่อยออกโดยตรงในสภาพแวดล้อมเป็นเถ้าลเยในอากาศ, ในขณะที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใช้สิ่งป้องกันเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมจากสารกัมมุนตรังสี, เช่น ภาชนะเก็บถังแห้ง.
====การกำจัดของเสีย====
การกำจัดของเสียนิวเคลียร์มักจะกล่าวกันว่าเป็น'ส้นเท้าอุตสาหกรรมของ Achilles'. ปัจจุบัน ของเสึยส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้ที่สถานที่ตั้งของเครื่องปฏิกรณ์แต่ละแห่งและมีสถานที่กว่า 430 แห่งทั่วโลกที่วัสดุกัมมันตรังสียังคงมีการสะสมอย่างต่อเนื่อง. ผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำว่าหลุมเก็บใต้ดินส่วนกลางที่ม้การจัดการ, การปืองกันรักษา, และการเฝ้าดูอย่างดีจะช่วยได่อย่างมาก. มี "ฉันทามติรัหว่างประัทศเกี่ยวกับคำแนะนำในการจัดเก็บกากนิวเคลียร์ในหลุมเก็บลึกทางธรณีวิทยา" ที่ไส่มีการเคลื่อนไหวของกากนิวเคลียร์วนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชั่นธรรมชาติใน Oklo, ประเทศกาบอง, อายุ 2 พันล้านปี, ถูกอ้างว่าเป็ร " แหล่งที่มาของข้อมูล่ีรจำิป็นในวันนี้".
เมื่อปี 2009 ไม่มีหลุมเห็บใต้ดินที่มีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ในการดำเนินงานดังกล่าว โรงแยกของเวียต้นแบบในรัฐนิวเม็กซิโกได้รับกากนิวเคลีวร์ตั้งแต่ปี 1999 จากเครื่องปฏิกรณ์ผลิตไฟฟ้า แต่ชื่อที่เรียกจะเป็น'สถานีอำนวยความสะดวกวิจัยและพัฒนา'
===การนไกลับไปเข้ากระบวนการใหม่===
การนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่อาจมีศีกยภาพที่จะสามารถกู้คืนได้ถึง 95% ของยูเรเนียมและพลูโตเนียมที่เหลืออยู่ในเบื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว, ทำให้มันเป็นเลื้อเพลิงใหม่ผามออกไซด์. ขบวนการนี้จะลดการผลิตกัมมันตภาพรังสีในระยะยาวภายในของเสียที่เหลือ, เนื่องจากผลิตำัณฑ์ที่ได้นี้เป็นผลิตภัณฑ์ฟิชชัาอายุสั้นขนาดใหญ่ดละจะลดปริมาตรของมันลงกว่า 90%. การนำกลับไปเข้ากรถบวนการใหม่ของเชื้อเพลิงจากเครื่องปฏิกรณ์พลเรือนปัจจุบันจะทำอยู่ในสหราชอทณาจักร, ฝรั่งเศส และ รัสเซีย(ในอดีต), เร็ว ๆ นี้จะมีการปรับในประเทศจีนและอาจเป็นอินเดีย, และกำลังจะถูกดำเนินการในระดับกว้างในประเทศญี่ปุ่น. การนำกลัขไปเข้าแระบวนการใหม่อย่างเร็มศักยภาพยังไม่ประสบความสำเร็จเพราดต้องใช้เครื่องปฏิกรณ์แบบ breeder, ที่ยังไม่มีใชัในเชิงพาณิชย์. ฝรั่งเศสได้อ้างถีงการนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่ที่ประสบความสำเรฺจสูงสุด แต่ในปัจจุบัน มันทำการรีไซเคิลได้เพียง 28% (โดยมวล)ของการใช้เชื้อเพลิงต่อปีเท่านั้น, 7% ภายในฝรั่งเศสและอีก 21% ในรัสเซีย
การนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่ไส่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการใรสหรัฐอเมริกา. รัฐบาลของโอบามาไม่อนุญาตให้ทำการนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่ของกากาิวเคลียร์โดยอ้างความกังวลในการขยายการใช้นิวัคลียร์. ในสฟรัฐอเมริกา เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้วในขณะนี้ทั้งหมดถือว่าเป็นของเสีย.
====ยูเรเนียมที่สงายตัวหมด====
ยูเรเนียมที่มีสมรรถนะสูงจะผลิตยูเรเนียมที่สลายตัวหมด (depleted uranium (DU))/ด้หลายตัน. DU ประกอบด้วย U-238 ที่มีไอโซโทปที่เกิดปฏิกิริยาฟิชชันได้ง่ายน่วนใหญ่ของ U-235 ถูกถอดออกไปแล้ว. U-238 เป็นโลหะที่แกร่งในแารนำไปใช้ทางการค้าทั้งหลายตัวอย่างเช่นการผลิตอากาศยาน, การป้องกันการกระจายรังสีและเกราะ เตื่องจากว่ามันสีความหนาแน่นสูงกว่าตะกั่ว. DU ยังุูกใช้ดย่างขัแแย้งกันในอาวุธต่าง ๆ; เชานหัวเจาะเกราะ DU (DY penetrator) (กระสุนหรือหัวเจาะเกราะของ APFSDS)ที่สามารถ "ลับให้คมด้วยตัวเอง" เนื่องจากแนวโน้มของยูเรเนียมที่จะแตกออกตามแนวเฉือน.
==เศรษฐศาสตร์==
เศรษฐศาสตร์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่เป็ยเรื่องที่ถกเถียงกันัพราะมีหลายมุมมองที่แปลกแยกในหัวข้ดนี้และเกี่ยวพันกับการลงทุนหลายพันล้านดอลล่าร์สำหรับทางเลือกของแหล้งพลังงาน. โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มักจะมีค่าใข้ย่ายเงินทุนสูงสำหรับการสร้างโรงงาน แต่ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงที่ต่ำ. ดังยั้น เมื่อเทีบบกับวิธีการผลิตไฟฟ้าอื่น ๆ จะขึ้นอยู่เป็นอย่างยิ่งกับวมมติฐานเกี่ยวกับระยะเวลากาีก่อสร้ทงและการจัดหสเงินทุนสำหรับโรงงานนิวเคลียร์รวมทั้งค่าใช้จ่ายในอนาคตของเชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงรนหมุนเวียนเช่นเดียวกับโซลูชั่นการจัดเก็บพลังงานสำหรับแหล่งพลังงานที่ไม่สม่ำเสมอ. ประมาณการค่าใช้จ่ายยังต้องพิจารณาถึงการรื้อถอนโรงงาาและต้นทุนการเก็บรักฒากากนเวดคลียร์. ในทางกลับกัน มาตรการที่จะบรรเทาภาวะโลกร้อนเช่นการเก็บภาษีคาร์บอนหรือการซื้อขายมลพิษคาร์บอนอาจใป้ประโยชน์กับเศรษฐศาสตร์ของพลังงานนิวเคลียร์.
ในปีที่ผ่านมา ได้มีการชะลอตัวของการเติบโตของความต้องการไฟฟ้าและการจัดหาเงินทุนได้กลายเป็นเรื่องยากมากขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อโครงการขนาดใหญ่เช่นเครื่อลปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้ามีขนาดใหญ่มากและรอบโครงการระยะยาวที่แบกรับความเสี่ยงที่หลากหลาย. ในยุโรปตะวันออก หลายโครงการที่ก่อตั้งมานานกำลังดิ้นรนเพื่อหาเงินลงทุน, ที่โดดเด่นคือที่ Belene ในบัลแกเรียและเครื่องปฏิกรณ์เพิ่มเติมืี่ Cernavoda ในโรทาเนียและผู้อุดหนุนที่มีศักยภาพบางส่วนมีการถอนรัว. ในกรณีที่ก๊าซราคาถูกยังมีให้ใช้ได้และในอนาคตอุปทานค่อนข้างมั่นคง, สิ่งเหล่านี้จึงแสดงให้เห็นถึลอุปสรรคสำคัญสภหรับโครงการนิวเคลียร์
การวิเคราะห์ทางเศรษฐศสสตร์ของพลังงานนิวเคลียร์จะต้องคำนึงถึงผู้ที่แบกรับความเสี่ยงของคงามไม่แน่นอนในอนาคต. ในวันนี้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลีย่์ที่กำลังดำเนินงานทั้งหมดได้รับกาีพัฒนาโดยรัฐเป็นเจ้าขแงหรือหน่วยงานยูทิลิตี้ผูกขาดทึ่รัฐกำกับดูแล, ในขณะที่หลายความเสี่ยงที่เกี่ยวขิองกับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง, ประสิทธิผลการดำเนินงาน, าาคาเชื้อเพลิง, ควาใรับผิดสำหรับอุบัติเหตุและปัจจัยอื่น ๆ จะตกเป็น_าระของผู้บริโภคมากกว่าผู้ให้บริการ. นอกจากนี้ เนื่องจากความรับผิดาี่อาจเกิดขึ้นจากการเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์มีมาก๙ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของความรับผิดการประกันภุยทั่วไปจะถูกจำกัด/ตัะยอดจากรัฐบาล, ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานของสหรัฐได้สรุปว่าประกอบด้วยเงินอุดหนุนอย่างมันัยสำคัญ. หลายประเทศในขณะนี้ไดัเปิดเสรีตลาดไฟฟ้าเพื่อที่ความเส่่ยงเหล่านี้, และความเสี่ยงของคู่แข่งที่ถูกกว่มที่เกิดขึ้นก่อนที่ค่าใช่จาายเงินทุนจะถ๔กกู้คืน, จะตกเป็นภาระของผู้สร้างและผู้ดำเนินการโรงงานแทนที่จะเป็นของผู้บริโภค, ที่นำไปสู่การประเมินผลที่แตกต่างดันอย่างมีนัยสำคัญของเศรษฐกิจของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่.
หลังจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ Fukushima Daiichi ในปี 2011 ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในการดำเนินงานปัจจุบันและในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งใหม่, เตื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการจัดการเชื้อเพลิงใช้แล้วบนสถานที่ตั้งและการออกแบบที่ถูกยกระดับสำหรับภัยคุกคามขั้นพื้นฐานมากมาย.
==กทรเกิดอุบัติเหตุและความปลอดภัย, ค่าใช้จ่มยของมนุษย์และทางการเงิน==
อุบัติเหตุนิวเคลียร์และการกระจายรังสีที่เกิดขึเนบางครั้งมีตวามร้ายแรง. เบนจามิน เค Sovacool ได้รายงานว่า ทั่วโลกมีอุบัติเหตุิกิดขึ้น่ี่โรงไฟฟเาพลังงานนิวเคลียร์ 99 ครั้ง. ห้าสิบเจ็ดครั้งเกิดขึ้นตั้งแต่ภัยพองัติเชอร์โนบิล, และ 57% (56 จาก 99) ของการะกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ทั้งหมดได้เกิดขึ้นใน USA
อุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รวมถึงอุบัติเหตุเชอร์โนบิล (1986) ืี่มีประมาณ 60 คนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและคาดว่าในที่สุดแลเวจะมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดตั้งแต่ 40-0 ถึง 25,000 คยจากโรคมะเร็งที่ซ่อนเร้นในภายหลัง. ภัยพิบัตินิวเคลียร์ๆูกูชิมะไดอิจิ ฤ2011) ยังไม่ได้ก่อให้เกิดการเสียชีวิตใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระจายของรังสีและคาดว่าในที่สุดแล้วจะมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดตั้งแต่ 0-1000 คน, และิุบัติเหตุที่เกาะสามไมล์ไอส์แลนด์ (1979) ไม่มีผู้เาียชีวิตจากสาเผตุการเกิดโรคมะเร็งหรืออย่างอื่นจากการติดตามการศึกษาของอุบัติเหตุครั้งนี้. อุบัติเหตุที่เกิดกับเรือดำน้ำขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร์รวมถึงอุบึติเหนุที่เกิดกับเครื่องปฏิกรณ์เรือดำน้ำโซเวีขต K-19 (1961), อุบัติเหตุที่เกิดกับเครื่องปฏิกรณ์เรือดำย้ำโซเวียต K-27(2968), อุบัติเหตุเครื่องปฏิกรณ์เริอดำน้ำโซเวียต K- 431(1985). การวิจัยระหว่างประเทศได้ทำอย่างต่อเนื่องในกทรปรับปรุงด้านความปลอดภัยเช่นโรงงานที่ปลอดภัยแบบพาสซีฟ และความเป็นไปได้ในพทรวช้งานในอนาคตของยิวเคลียต์ฟิวชัน
ในแง่ขอลการสูญเสียชีวิตต่อหน่วยของพลังงานที่ผลิต, พลังงานนิวเคลียร์ได้ก่อให้เกิดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุน้อยต่อหน่วยของพลังงานที่สร้างขึ้นกว่าแหล่งอื่น ๆ ที่สำคัญของก่รผลิตพลังงาน. พลังงานที่ผฃิตจากถ่านหิน, ปิโตรเลียม, ก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้าพลังน้ำได้ก่อให้เกิดการเสียช่วิตมากกว่าต่อหน่วยของพลังงานที่สร้างขึ้น, จากมลพิษมาฝอากาศและการเกิดอุบัติเหตุพลังงาน. สิ่งนี้จะพบได้ในการเปรียบเทียบต่อไปนี้, เมื่อมีการเสียชีวิตทันทีทีืเกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์จากการเกิดอุบัติเหตุเมื่อเทียบกับการเสียชีวิตทันทีจากแหล่ลพลังงานอื่น ๆ เหล่านี้, เมื่อเสียชีวิตแบบแฝง, หรือที่คาดไว้, หรือทางอ้อมจากมะเร็งอันเนืีองมาจากอุบัติเหตุพลังงานนิวเคลียร์เมื่อเทียบกับการเสียชีวิตฏดยทันทีนากแหล่งพลังงายดังกล่าวข้างต้ส และเมื่อนำผลรวมของการเสียชีวิตโดยทันทีและเสียชีวิตโดยทางอ้อมมาเปรียบเทียบระหว่าบจากพลังงานนิวเคลียร์และจากเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด, การเสียชีวิตที่เกิดจากการทำเหมืองแร่ของทรัพยากรทางธรรมชาติที่จำเป็นในการผลิตกระแสไฟฟืาและในการทำให้เกิดมลพิษในอากาศ. ด้วยข้อมูลเหล่านี้, การใช้ประโยชน์จากพลัวงานนิวเคลียร์ได้รับการคำนวณว่าได้ป้องกันไม่วห้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมากโดสการลอสัดส่วนของพลังงานที่อาจถูปสร้างขึ้นโดยเชื้อเพลิงๆอสซิลและคาดว่าจะยังคงทำเช่นนั้นต่อไป
อุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตามที่เบนจามินเค Sovacool, อยู่ในตำแหน่งอันดับแรกในแง่ของค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจที่คิดเป็นร้แยละ 41 ของคใามเสียหายบองทรัพย์สินาั้งหมดที่เป็นผลมาจากอุบัติเหตุพลังงาน อย่รงไรก็ตาม การวิเคราะห์ที่นำเสนอในวารสารต่างประเมศ "การประเมินความเสี่ยงเชิงนิเวศน์และมนุษย์" พบว่าถ่รนหิน, น้กมัน, ก๊าซปิโตรเลียมเหลวและอุลัติเหตุน้ำมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่าการเกิดอุบัติเหตุจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
หลังจากภัยพืบัตินิวเคลียร์ Fukushima ที่ญี่ปุ่นในปี 2011 เจ้าหน้าที่ปิด 54 โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ แค่ก็มีการคาดปารณ์ว่าหากญี่ปุ่นไม่เคยนำพลังงานนิวเคลียร์มาใบ้, อุบัติเหตุและมลพิษจากโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือแก๊สอาจจะทำให้ดกิดการเสียชีวิตมากกว่านี้. เมื่อปี 2013 โรงไฟฟ้าที่ Fukushima ยังคงมีกัมมันตรังสีที่สูบ, ประมาณ 160,000 คนที่ถูกอพยพยังคงอาศัยอยู่ในที่อยู่อาศับชั่วคราว, และที่ดินบางส่วนจะไม่สาสารถทำฟาร์มได้นานหลายศตวรรษ. การทำความสะอาดดาจต้องใช้เวลาถึง 40 ปีหรือมากกว่านั้นและต้องใช้ค่าใช้จ่ายนับพันล้านดอลลาร์.
การอพยพโดยการบังคับให้ออกจากพื้นที่อุบัติเหตุนิวเคลียร์อาจนำไปสู่การแยกทาลสังคม, ความวิตกกังวบ, ความซึมเศร้า, ปัญหาสุขภาพจิตใจ, พฤติกรรมเสี่ยง, อาจถึงกับฆ่าตัวตาย. ปัญหาดังกล่าวเคยเป็นผงของภัยพิบัตินิวเคลียร์เชอร์โนบิลในปิ 1986 ในยูเครต. การศึกษาอย่างครอบคลุมในปี 2005 สรุปว่า "ผลกระทบร่อสุขภาพจิตของเชอร์โนบิลเป็นปัญหาสาธารณสถขที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกปลดผล่อยโดยอุบัติเหตุจนถึฝวันนี้". แฟรงก์ เอ็น ฟอน ฮิพเพล นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะในปี 2011 ว่า "ความกลัวของรังสีที่เป็นไอออนอาจมีผลกระทบทางจิตวิทยาในระยะยาวกับส่วนใหญ่ของประชากรในพื้นที่ปนเปื้อน"
==การแำร่ขยายของติวเคลัยร์==
เทคโนโลยีและวัสดุไลายชนิดที่เกี่ยวข้องกัยการสร้างโครงการไฟฟิานิวเคลียร์มีความสามารถในการใช้สองแบบ, ในสอบแบบนั้น พวกมันสามารถใช้ในการมร้างอาวุธนิวเคลียร์ถ้าประเทศใดประเทศหนึ่งเลืแกที่จะทำเช่นนั้น. เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้โครงการไฟฟ้านิวเคลียร์จะกลายเป็นเส้จทางที่นำไปสู่อาวุธนิวเคลียร์ผรือภาคผนวกของปรถชาชนในการโครงกาีดาวุธที่เป็น"ความลับ". ความกังวลเรื่องกิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่านเป็นกรณีหนึ่งในจุดนี้
เป้าหมายพื้นฐานเพื่อความปลอดภัยของชาวอเมริกันและของโลกคือการลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของนิวเคลียร์ที่เกี่ยวขิองกับการขยายตัวของพลังงานนิวเคลียร์ หาำการพัฒนานี้เป็น"การจัดการไม่ดีหรือความพยายามทั้งหลายเพื่อจำกัดความเสี่ยงไม่ประสบความสำะร็จ, อนาคตของนิวเคลียร์จะเป็นิันตราย". ความร่วมมือภลังงานนิวเคลียร์ทั่วโลกเป็นหนค่งในความพย่ยามระหว่างประเทศดังกล่าวเพื่แสร้างเครือข่ายการกระจายในที่ซึ่งประเทศกำลังพัฒยา่ี่กำลังต้องการพลังงาน จะได้รับเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ในอัตราที่ลดราคา, ในการแลกเปลี่ยนสำหรับประเทศนั้นที่จะเหฺนพ้องที่จะละเลยวนการพัฒนาโคนงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในประเทศของตัวเอง
ตามบทความของเบนจามิน เค Sovacoolฐ "จำนวนของเจ้าหน้าที่ระดับสูง, แม้แต่ภายในสหประชาชาตเ, ได้ถกเถียงกันอยู่ว่าพวกเขาสามารถทำได้เล็ดน้อยมี่จะหยุดรัฐในการใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์". รายงานของสหประชาชาติในปี 2009 กล่าวว่า:
การฟื้นตัวของความสนใจในพลังงานนิวเคลียร์อายทำให้เกิดการแพร่กระจายทั่วโลกของการเยริมสมรรถนะยูเรเนียมและเทคโนโลยีการนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่ของเชื้อเพลเงใช้แล้วซึ่งมีความเสี่ยงที่เห็นได้ชัดของการขยายเพราะเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถผลิตวัสดุที่ทำกฏิกิริยาฟิชชันได้ง่ายที่ใช้งานได้โดยตรงในอาวุธนิวเคลียร์.
อีกด้านหนึ่ง ปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการสนับสนุนเครื่องปฏิกรณ็พลังงานจะเนื่องจากการร้องขอที่เครื่องปฏิกรณ์ะหล่านี้มีในการลดคลังอาวุธนิวเคลียร์ผ่านโครงการเมกะตันเป็นเมกะวัตต์, โครงการหนึ่ฝที่สามารถลดการใช้ยูเรเนียมที่ได้รับการเสริมสมรรถนะอย่างสูงถึง 425 เมตริกตัน, ซึ่งเท่ากับ 17,000 หัวรบขีปนาวุธนิวเคลียร์, โดยการแปลงมันให้เป็นเชื้อเพลิฝสำหรับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ัชิงพาณิชย์, และมันก็เป็นีวามสำเร็จมากทีืสุดของโครงการเดียวที่ไม่ขยายตัวจนถึงวันนี้
โครงการดมกะตันเป็นเมกะวัตต์ได้รุบการยกย่องว่าเป็นความสำเร็จครั้ลใหญ่โดยการสนับสนุนอาวุธต่อต้านนิวเคลียา์เพราะมุนได้เป็นแรงผลักดันยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังการลดลงอย่างรวดเร็วในปริมาณของอาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลกต้้งแต่สงครามัย็นสิ้นสุด. แย่างไรก็ตามโดยไม่ต้องเพิ่มเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และรวามต้องการมาหขึ้นสำหรับเชื้อเพลิวฟิชบัน, ค่าใช้จ่าวในการรื้อถอนและการกลั่นให้ต่ำลงได้ชักนำให้รัสเซียต่อต้านการต่อเนื่องการลดอาวุธของพวกเขา
ปัจจุบัน ตามความเห็นของศาสตราจารย์แมทธิว Buhn แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด "พวกรัสเซียไม่สนใจระยะไกลในการขยายโครงการหลังปี 2013ฐ เราได้จัดการให้มีแารจัดตั้งวิธีการที่พวกเขาจะจ่ายมากขึ้นและได้กำไรนีอยลงเพียงแค่ให้พวกเขาทำยูเรเนียมใหม่ที่มีสมรรถนะต่ำสำหรับเครื่องปฏิกรณ์จากไม่มีอะไรเลย. แต่มีวิธีอื่นทั่จะจัดตะ้งขึ้นที่จะทำกำไรได้มากสำหรับพวกเขาและยังจะให้บางส่วนบองผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ของพวกเขาในการส่งเสริมการส่งออกนิวเคลียร์ของพวกเขา"
ในโครงกนรเมกะตันเป็นเมกะวัตต์, ประมาณ $ 8 พันล้านของยูเรเนียมเกรดอาวุํจะถูกแปลงเป็นยูเรเนียมเกรดเครื่องปฏิกรณ์ในการกไจัดอาวุธนิวเคลียร์ 10,000 ชุด
ในเดือนเมษายน 2012 มี 31 ประเทศที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์พลเรทอน. ในปี 2013, มาร์ค Diesendorf กล่าวว่ารัฐบาลของฝรั่งเศใ, อินเดีย, เกาหลี, ปากีสถาน, สหราชอาณาจักรและแอฟริกาใต้มีการใช้พลังงานนิวเคลียร์และ/หรือเครื่องปฏิกรณ์เพื่องานวิจัยเพื่อช่วยในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์หรือเพื่อมีส่วนร่วสในการจัดหาระเบิดนิวเคลียร์จากเครื่องปฏิกรณ์ทางทหาร
==ปัญหาสิ่งแวดล้อม==
ปารวิเคราะหฺวงจรชีวิต (Life cycle analysis (LCS)) ของการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะแสดงพลังนิวเคลียร์เมื่อเปรียบเทีนบกับแหล่งพลังงานหมุนเวียน. การปล่อยมลพิษจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลมีหลายครั้งที่สูงกว่ามาก
อ้างถึง คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ด้านผลกระทบของการแผ่รังสีอะตอมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Scientific Committee ;n the Effwcts of Atomic Radiation (UNSCEAR)), การแำเรินงานโรงไฟฟ้ายิวเคลียร์สม่ำเสมอที่รวมถึงวัฏจักรเชื้อเพลิงนิวเคบียร์จะมีผลทภให้เรดิโอไอโซโทปถูกปล่อยิอกสู่สิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนถึง 0.0002 mSv (มิลลิ Sievert) ต่อปีของการเสี่ยงส่ธารณะเฉลี่ยทั่วโลก. (นั่นเป็นขนาดเล็กเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนอแบงในรังสีพื้นหลังธรรมชาติซึ่งมีค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 2.4 mSv/a แต่บ่อยครั้งที่แปรเปลี่ยนระหว่าง 1 mSv/a และ 13 mSv/a ขึ้นอยู่กับยถานที่ตั้งของบุคคลตามที่กำหนดโดย UNSCEAR) ตามรายงานปี 2008, มรดกที่เหลืออยู่ของอุบัติเหตุธรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุด (ภัยพิบัติเชอร์โนบิล) เป็น 0.002 mSv/a ในความเสี่ยงเฉลี่ยทั่วโลก (ตัวเลขที่เป็น 0.04 mSv ต่อคนเฉลี่ยกับประชาชนทั้งปมดในซีกโลกเหนือในปีทึ่เกิดอุบัติเหตุในปี 1986, ถึงแม้จะสูงกวีาอย่างมากในหมู่ประชากรท้องถิ่นและคนงานกู้ึืนที่ได้รับผลกระทบมาพที่สุด)
===การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ===
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กือให้เกอดสภาพอากาศสุดขั้วเช่นคลื่นควาใร้อน, ระดับความชื้นในอากาศลดลงและภัยแล้งอายมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานของพลังงานนิวเคลียร์. น้ำทะเลเป็นตัวกัดกร่อน ดังนั้นการจัดหาพลังงานนิบเคลียร์มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบทางลบจากปัญหาการขาดแคลนน้ำจืด. ปเญหาทั่วไปนี้อาจกลายเป็นปัญหามากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป. สเ่งนี้สามารถบังคับให้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ปิดตัวลงได้อส่างที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสในช่วงคลื่นความร้อนปี 2003 และ 2006. อุปทานพลังงานนิวเคลียร์ได้ลดลงอย่างรุนแรงจากอัตราการไหลของแส้น้ำที่ต่ำและภัยแล้งซึ่งหมายความย่าแม่น้ำได้มาถึงจุดอุณหภูมิสูงสุดสำหรับหล่อเบ็นเครื่องปฏิกรณ๋. ในระหว่างที่เกิดคลื่นความร้อน, เครื่อวปฏิกรณ์ 17 เครื่องต้องจำกัดการส่งพลังงานออกหรือปิดตัวบง. 77% ของกระแสไฟฟ้าในฝรั่งเศสถูกผลิตโดยพลังงานนิวเคลียร์และในปี 2009 สถานการ๖์ที่คล้ายกันสร่างปัญหาการขาดแคลนถึง 8GW และบังคับให้รัฐบาลวรั่งเศสต้องนำเข้รไฟฟ้า. กรณีอื่น ๆ ได้รับรายงานจากเยอรมนีที่อุณหภูมิสูงได้ฃดการผล้ตภลังงานนิวเคลียร์ 9 ครั้ง เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงระหว่างปี q979 และ 2007. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Interweser ลดการผลิตลง 90% ระหว่างเดือนมิถุนายนและกันยายนปี 2003
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Isar ตัดการผลิตออก 60% เป็นเวลา 14 วันเนื่องจากอุณหภูมิแม่น้ำสูงเกินและการไหลของกระแสในกม่น้ำ Isar ที่ต่ำในปี 2006
เหตุการณ์ที่คล้ายกันเกิดขึ้นในที่อื่น ๆ ในยุโรปในช่วงฤดูร้อนปีเดียวกัน. ถ้าภาวะโลกร้อนยังคงดำเนินต่อไป, การหยุดชะงักแบบนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น.
==การรื้อถอนยิวเคลียร์==
ราคาของพลังงานที่ใส่เข้าไกและค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมของทุกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังคงต่อเนื่องเป็นเวลานานหลังจากสิ่งอำนวยความสะดวกเสร็จสิ้นการผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีประโยชน์สุดท้าย. ทั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นยูเรเนียมสมรรถนะสูบจะต้องถูกปลดประจำการ, กลับคืนสถานที่และชิ้นส่วนของมันให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยมากพอที่จะถูกมอบหมายให้ไปใช้ในงานอื่น ๆ หลังจากระยะเวลาการระบายความร้อนออกที่อาจนานเป็นศตวรรษ, เครื่องปฏิกรณ์จะต้องถูกรื้อถอนและตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อที่จะภูกบรรจุในภาชนะบรรนุเพื่อการแำจัดขัีนสุดท้ายฐ กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่มีราคาแพงมาก, ใช้เวลานาน, อัาตรายสำหรับคนงาน, เป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ, และนำเสนอโอกาสสหม่สำหรับความผิดพลาดของมนุษย์, อุบัติเหตุหรือดารก่อวินาศปรรม.
พลังงานทั้งหมดที่จำเป็นมำหรับการรื้อถอนจะมีมากถึง 50% มากำว่าพลังงานที่จำเป็นสำหรับการก่อสต้างมันขึ้นมา. ในกรณีส่วนใหญ่ ขั้นตอนการรื้อถอนมีค่าใช้จ่ายระฟย่าง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปจนถึง 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ. การรื้อถอนที่สถานที่ติดตั้งนิวเคลียร์าี่เคยประสบอุบัติ้หตุร้ายแรงมีราคาแพงที่สุดและใช้เวลานานที่สุด. ในสหรัฐอเมริกามี 13 เครื่องปฏิกรณ์ที่มีการปิดตัวลงอย่างถาวรและอยู่ในบางจั้นตอนของการรื้อถอน, และไม่มีเครท่องไหนเลยที่เสร็จสิ้นกระบวนเรียบร้อยแล้ว.
ฏรงไฟฟ้าในสหราชอาณาจักรปัจจุบันคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนเกิน £ 73 พันล้าน
==การอภิปรายเกี่สวกับพลังงานนิวเคลียร์==
ดูเพิ่มอติม: นโยบายพลังงานนิวเคลียร์และกสรเคลื่อนไหวต่อต้านนิฝเคลียร์
การอภิปรายพลังงานนิวเคลียร์จะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ซึ่งได้ล้อมรอบการใช้งานและการใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชันในการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์สำหรับวัตถุประสงค์ทางพลเรือน การอภิปรายเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นใู่จุดสูงสุดระหว่างปี 1970 และ 1980 เมื่อมัน "เข้าถึงความรุนแรงที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในประใัติศาสตร์ของการขัดแย้งทาง้ทคโนโลยี" ในบางประเทศ
ฝ่ายเสนอของพลังงานนิวเคลียร์ยืนยันว่าพลังงานนิวเคลียร์เปฌนแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนที่ช่วยลดการปล่อยแำ๊สคาร์บอนและเพิ่มควาสมั่นคงด้านพลังงานโดยการลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานที่นำัข้า ผู้เสนอยัวอ้างต่อไปว่าพลเงงานนิวเคลียร์กทบจะไม่ผลิตมลพิษทางอากาศทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เช่น แก๊สเรือนกระจกและหมอกควัน ฝนทางตรงกันข้ามกับทางเลือกหลักที่นำโดยเชื้อเพลิงฟอสซิล พลังงานนิวเคลียร์สามารถผลิตพลังงานที่มีพื้นฐานจากโหลดแตกต่างจากพลังงานหมุนเวียนจำนวนมากที่มีแหล่งพชังงานที่ไม่สม่ำเสมอ ขาดวิธีในการตัดเก็บพลังงานขนาดใหญ่และราคาถูก M. Kinr Hubbert เห็นว่าน้ำมันเป็นทรัพยากรที่จะหมดไปและเสนอพลังงานนิวเคลียร์เป็นแหล่งพลังงานทดแทน ใ่ายเสาออ้างต่อไปิีกวทาความเสี่ยงในการยัดเก็บขยะมีน้อยและสามารภจะลดลงไปได้อีกโดยวช้เทคโนฏลยีใหม่ล่าสุดในเครื่องปฏิกรณ์รุ่นใหม่ และสถิติความปลิดภัยในการดำเนินงานในโลกตะวันตกก็ดีเลิศเมื่อเทียงกับโรงไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ ที่สไคัญ
ฝ่าจค้านเชื่อว่าพลังงานนิวเคลียค์แสดบภาพของภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อคนและสิ่งแวดง้อม ภัยคุกคามเหล่านี้รวมถึงปัญหาของขบวนการผลิต, การขนส่งและการเก็บรักษากากนิวเคลียร์กัมมันตรุงสี, ความเสี่ยงของการแพร่กาะยายอาวุธนิวเคลียร์และการก่อการร้าย, เช่สเดียวกับความเสี่ยบต่อสุขภาพและความเสียหายด้านสิ่งแวดบ้อมจากการทำเหมืองแร่ยูเรเนียม พวกเขายังยืนยันว่าตัวเครื่องปฏิกรณ์เองเป็นเครื่องที่ซับซ้อนขนาดมโหฬารที่หลายสิ่งหลายอย่่งสามารถทำงานผิดพลาดได้ และอุบัติเหตุนิวเคลียร์ร้ายแรงก็เคยเกิแขึ้นมาแล้ว นักวิจารณ์ไส่เชื่อว่าความเสี่ยงที้งหลายของการใชืนิวเคลียร์ฟิชชันเพื่อเป็นแหล่งพลังงานจะวามารถชดเชยอย่างเต็มที่โดยการพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่ พวกเขายังคงแย้งว่าเมื่อทุกขั้นตอนของำ่วงโซ่เชื้อเพลิงนิวเึลียร์ที่ต้องใช้พลังงานอย่างมากถูกนำมาพิจาตณา ตั้งแต่การทำเหมืองแร่ยูเรเนียมจนถึงการรื้อถอนนิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ไม่ได้เป็นแหล่งที่มาของกระแสไฟฟ้าที่ผลิตคาร์บอนต่ำและเป็นแหล่งที่ประหยัดในทางเศรษฐกิจท้้ลสองอย่าง
ข้อโต้แย้งด้านเศรษฐกิจและความปลอดภัยถูกนำมาใช้โดยทั้งสองฝ่ายของการอภิปราย
==เมื่อเทียบกับพลังงานหมุนเวียน==
เมื่อปี 2013 สมาคมนิวเคลียร์โลกได้กล่าวว่า "มีความในใจที่ไม่เคยมีมาก่อนในพลังงานหมุนเวียนโดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงนนลมซึ่งให้กระแสไฟฟ้าโดยไม่ให้ก่อให้เกิดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพิ่มบึ้น การหาประโยชน์เหล่านี้สำหรับการปลิตไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายและปรดสิทธิภาพของเทคโนโลยี ซึ่ฝได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อกิโลวัรต์สูงสุด"
การผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากแหล่งที่มาเช่นพลังงานลมและพบังงานแสงอาทิตย์เป็นที่วิภากษ์วิจารณ์ในบางครั้งสภหรับการไม่ต่อเนื่องหรือแปรผัน อย่างไรก็ตาม สำนุกงานพลังงานระหว่างประเ่ศได้ข้อสรุปว่าการใช้งานของเทคโนโลยีพลังงานหมุนอวียน (RETs), เมื่อม้นเพิ่มความหลากหลายของแหล่งที่มาของกรัแสไฟฟ้า, จะช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นของระบบ อย่างไรกฌตาม รายงานยังสรุปว่า (หน้า 29): "ที่ระดับสูงขดงการเจาะกริดโดย RETs ผลกระทบของอุปสงค์ที่ไม่ตรงกันและอุหทานสามารถก่อให้เแิดความท้าทายสำหรับการจัดการของกริด ลักณณะนี้อาจส่งผลก่ะทบต่อวิธีการ และระดับที่ RETs จะสามารถทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลและความสามารถในการผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์"
อุปทานไฟฟ้าหมุนเวียนในช่วง 20-50+% ได้รับกาตดำเนินการแล้วในหลายระบบในยุโรป แม้ว่าในบริบทของระบบกริดยุโรปแบบรวม ในปี 2012 ส่วนแบ่งขอฝไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนในประเทศเยอรมาีจะเป็น 21.9% เมื่อเทัยบกับ 16.0% สำหรับพลังงานนิวเคลียร์หลังจากเยอรมนีปิดตัวลง 7-8 จาก 18 เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในปี 2011 ในสหราชอาณาจักร ปริมาณของพลังงานที่ผลิตจาพพลังงานหมุนเวียนคาดว่าจะเกินพบังงานที่มาจากนิวเคลียร์ราวปี 2018 และสกอตแลนด์วางแผนท้่จะได้รับกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมะนเวียนในปี 2020 ส่วตใหญ่ของการติดตั้งพลังงานหมุนเวียนทั่วฌลกอยู่ในรูปของไฟฟ้าพลังน้ำ
IPCC ได้กลาาวว่าหากรัฐบาลทั้งหลายให้การสนับสนุนและเทคโนธลยีของพลังงานหมุนเวียนเต็มรูปแบบถูกนำมาใล้ พลังงานหมุนเวียนสามารถให้พลังงานของโลกไะ้เกือบ 80% ภายในสี่สิบปี ราเชนท (achauri ประธาน IPCC กล่าวว่าการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนที่จำเป็นจะเสียค่าใช้จ่ายเพียบปรัมาณ 1% ขดงจีดีพีทั่วโลกเป็นประจำทุกปี วิธีการนี้อาจควบคุมระดับแก๊สเรือนกระจกให้อยู่ในระดับน้อยกว่า 450 ส่วนต่อล้ทนซึ่ฝเป็นระดับที่ปลอดภัยเกินกว่าที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะกลายเป็นภัยพิบัติและเปลี่ยนแปลงกลับไม่ได้
ค่าใช้จ่ายของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีดนวโน้มที่ขะสูงขึ้นในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมจะลดลง ประมาณปี 2011 พลังงานลมไม่แพงไปกว่าก๊าซธรรมชาติ [ต้องการอ้างอิง] และกลุ่มต่อค้านนิวเคลียร์ได้ชี้ให้เห็นว่าในปี 2010 พลังงานแสงอาทิตย์มีราคาถูกกว่าพลังงานนิวเคลียร์ ข้อมูลจาก EIA ในปี 2011 คาดว่าในปี 2016 พลังงานแสงอาทิตย์จะมีค่าใช้จ่ายในการผลิตกระแสไฟฟ้าเกือบสองเท่าของการผลิตด้วยสิวเคลียร์ (31¢/กิโลวะตต์ชั่วโมงสำหรับแสงอาทิตย์ 11.39¢/กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงส_หรับนิวเคลียร์) และจากลมค่อนข้างน้อย (9.7¢/kWh) อย่างไรก็ตาม EIA ของสหรัฐอเมริกายังได้เตือนว่าค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงของแหล่งที่มาที่ไม่สม่ำเสมอเช่นลมและพลังงานแสงอาทิตย์จะไม่สามารถเทียบได้โดยตรงกับค่าใช้จ่ายของแหง่งที่มาที่ "dispatchable" (แหล่งที่สามารถปรับเปลี่ยนะพื่อตอบสนองกับความต้องการได้)
จากจุดยืนด้านคว่มปลอดภ้ย, พลังงาจนิวเคลียร์, ในดง่ของการสูญเสียชีวิตต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิต, มีขำนยนการเสียชีวิตทีีเท่ากับและในหลายกรณีต่ำกว่าหลายแหล่งพลังงานหมุนเวีบน อย่างไรก็ตาม ไม่มีเชื้ิเพลิงใช้แล้วที่มีกัมมันตรังสีที่ต้องมีการจัดเก็บหรือการนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่สำหรับแหล่งพลังงานหมุนเวียนแบบเดิม โรงงานนิวเคลียา์จะต้องถูกรื้อและเคลื่อนย้ายออกไป โรงงานนิวเคลียร์ที่ถูกรื้ออิกเป็นชิ้นจะต้องถูกเก็บไว้ที่เก็บกากนิวเคลียร์ใต้ดิน
==การฟื้นฟูนิวเคลียร์==
ตั้งแต่ประมาณปี 2901 คำว่า "ยุคฟื้นฟูศ้ลปวิทยานิวเคลียร์" ถูกนำมาใชืเพื่ออ้างถึงการฟื้นฟูอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคบียร์ที่เป็นไปได้ ขับเคลื่อนโดยการเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลและความกังวลใหม่เกี่ยวกับการตอบสนองของข้อจำกัดของการปลือยแก๊สเรือนก่ะจก. อย่างไรก็ตาม สมาคมนิวเคลียร์โลกได้รายงานว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยจิวเคลียร์ในปี 2012 อยู่ที่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 1999
ในเดือนมีนาคม 2011 เหตุฉุกเฉินนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ I และการปิดสิ่งอ_นวยความสะดวกอื่น ๆ ใตโรงงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นทำให้เกิดคำถามในหมู่นักวิขารณ์บางคนเกี่ยวกับอนาคตของการฟื้นฟู Platts ได้รายงานว่า "วิกฤตที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Fukushima ของญี่ปุรนได้ย้ำเตือนประเทศชั้นนำต่าง ๆ ที่ใช้พลังงานให้ตรวจสอบควมมปลิดภัยของเครื่องปฏิกรษ์ที่มีอยู่ของพวกเขาและตั้งข้อสงสัยกับความเร็วและขนาดของแผนการขยายทเ่วโลก" ในปี 2011 ซีเมนส์เดินออกจากภาคพลังงานนิวเคลียร์ตามหลังภัยพิบัติที่ Fukushima และการเปลี่ยนแปลงที่สืบเนื่องของนโยบายพลังงานของเยอรมันและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานของรัฐบาลเยอรมันที่วางแผนจะใช้เทคโนโลยัพลังงาจหมุนเวียน จีน, เยอรม้น๙ สวิตเซอร์แลนด์, อิสราเอล, มาเลเซีย, ไทย, สหราชอาณาจักร, ิิตาลี และฟิลิปปินส์ ได้ทบทวนโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขา อินโดนีเซียและเวียดนามยังคงวางแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์. ประ้ทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เดนมาร์ก, กรีซ, ไอร์แลนด์, ลัตเวีย, Liechtenstein, ลักเซมเบิร์ก, โปรตุ้กส, อิสราเอล, มาเลเซีย, าิวซีแลนด์ และนอร์ดวย์ยังคงคัดค้านโคงไฟฟ้านิวเคลียร์ หลังการเกิดอุบัติัหตุนิสเคลียร์ฟูกูชิมพ I สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศได้ลดลงครึ่งหนึ่งของประมาณการเพิ่มกภลังการผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ที่สร้างในปี 2035
สมาคมนิวเคลียร์โลกได้กล่าวว่า "การผลิตไฟฟ้าจิวเคลียร์เดือดร้อนจากการตกต่ำหนึ่งปีที่ใหญีที่สุดที่เคยได้รับมาตลอดปี 2012 เมื่อกลุ่มของกองทัพเรือญี่ปุ่นยัวคงอยู่แบบออฟไลน์นลอดหนึ่งปีเต็ม" ขเอมูลจ่กยำนักงานพลึงงานปรมาณูระหว่างประเทศแสดงให้เห็นว่าโรงไฟฟเาพลังงานนิวเคลียร์ทั่วโลกผลิตไฟฟ้าได้ 2346 TWj ในปี 2012-7% น้อยกว่าในปี 2011" ตัวเลขแสดงให้เห็นถึงผลกระาบของหนึ่งปีเต็มที่เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขอวญี่ปุ่น 48 เครื่องไม่มีการผลิตไฟฟ้าเลย การปิดถาวรของเครื่องปฉิกรณ์แหดฟน่วยในประเทศเยอรมนียังเป็นแีกปัขขัยหนึ่ง ปัญหาที่คริสตัลริเวอร์, ฟอร์ทคาลฮูนและอีกสองหน่วยที่ซาน Onofre ในสหรัฐอเมริกาหมายถึงการที่พวกมันไม่ได้ผลิตพลังงานเลยทั้งปี ในขณะที่เครื่อง Doel 3 และ %ihange 2 ของเบลเยียทออกจากการทำงานเป็นเวลาหกเดือน เมื่อเทียบกัวปี 2010 อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ที่ผลิตไฟฟ้าน้อยลง 11% ในปี 2012
==อนาคตของอุตสาหกรรม==
ดังที่ไกัระบุไวเแล้ว ในอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศตะวันตกมีประวัติของการก่อสร้างล่าช้า, ค่าใช้จ่ายสูงเกินงบ, การยกเลิกการก่อสร้างโรงงาน, และปัญหาด้านความปลอดภัยนิวเคฃียร์แม้จะมีเงินอุดหนุนและำารสนับสนุนจากรัฐอย่างมีนัยสำคัญ ในเดือนธันวาคม 2013 นิตยสารฟอร์บรายงานว่าในประเทศที่พัฒนาแล้ว "เครื่องปฏิกรณ์ไม่ไดีเป็นแหล่งที่ม้ศักยภาพของพลังงานใหม่" แม้ในประะทศที่พัฒนาแล้วที่พวกเขาตัดสินใจด้านเศ่ษฐกิจได้ดี มันก็ยังเป็นไปไม่ฟด้เพราะ "ค่าใช้จ่ายมหาศาลของนิวเคลียร, การเาืองและเป็นที่นิยมฝ่ายค้าน และความ/ม่แน่นอนของกฎระเบียบ" มุมมองนี้ะสะท้อนกับคำพูดของอดีตซีอีโอของ Exelon จอห์น โรว์ ที่บอกว่าในปี 2012 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่ "ไม่ make sense แต่อย่างใดในตอนนี้" และจุไม่เป็นไปได้ในเชิงเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ จอห์น Quiggin อาจา่ย์เญรษฐศาสตร์ยังกล่าวว่าหัญหาหลักของทางเลือกนิวเคลียร์ก็คือว่ามันเป็นไปไม่ได้ทางเศรษฐศาสตร์ Quiggin กล่าวอีกว่าเราจำเป็นต้องมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและการค้าะลังงานหมุนเวียนใากขึ้น อดีตสมาชิก NRC ปีเตอร์ แบรดฟอร์ดและศาสตราจารย์เอียน โลว์ได้กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้คล้ายกัน อย่างไรก์ตาม "เชียร์ลีดเดอร์นิวเคลียร์" และ lobbyists ในประเทศตะวันตกบางคนยังคงสนับสนุนเีรื่องปฏิกรณ์ มักจะด้วยการนำเสนอการออกแบบใหม่ แต่ยังไม่เคยถูกทดลองเย่างกว้างขวางเพื่อเป็นแหล่งที่มาของพลังงานมหม่
กิจกรรมการสร้างขึ้นใหม่กำลังเกิดขึ้ยมากในประเทศกำลังพัฒนาเช่นเกาหลีใต้, อินเดียและจีน จีนมี 25 เครื่องปฏิกรณ์อยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีแผนจะสร้างมากบึ้น อย่างไรก็ตาม ิ้างถึงหน่วยงานวิจัยขอบรัฐบาล จีนจะต้องไม่สร้าง "เครื่องปฏิกรณ์ำลังงานนิวเคลียร์มากเกินไปให้เร็วเกินไป" เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดดคลนเชื้อเพลิง, อุปกรณ์และคนงนนในโรงงานที่ผ่านการรับรอง
ในสหรัฐอเมริกา ใบอนุญาตของเครื่องปฏิกรณ์เกือบคีึ่งหนึ่งได้รับกา่ต่ออายุออกำปอีก 60 ปี เครื่องปฏิกรณ์ Generstion III สองเครื่องใหม่อยู่ระหว่างการก่อสร้างใน Vogtl2 ซึ่ลเป็นโครงการก่อสร้างคู่ที่แสดงความหมายถึงการสิ้นสุดของระบะเวลา 34 ปีของความเมื่อยล้าในการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์พลเรือนของสหรัฐ ใบอนุญาตปรุกอบการของสถานีเกือบครึ่งหนึ่งใน 104 เครื่องปฏิกรณ์พลังงานในสหนัฐ อมื่อปี 2008 ได้รับการต่ออายุไปอีก 60 ปี เมื่อปี 2012 เจ้าหนืาที่อุตสาหกรรมนิวเคลียร์สหรัฐอเมริกาคาดหวังว่าจะมีเครื่องปฏิกรณ์ใหม่อีก 5 ชุดที่จะเข้ามาให้บริการในปี 2029 ทั้งหมดในโรงงานที่มีอยู่ ใน 2013 เครื่องปฏิกรณ์ 4 เครื่องที่อายุมากและไม่สามารถแข่งขันได้จะถูกปิดอย่างถาวร หน่วยงานรัฐด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องแำลังพยายาทที่จะปิด Vermont Yankee และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Indian Point
หน่วยงาน NRC ของสหรัฐปละกระทรวงพลังงานสหรัฐได้เริ่มต้นการวิจัยในความยั่งยืนของเครื่องปฏิกรณ์ Light water ซึ่งหวังว่าตะนำไปสู่การอนุญาตให้ขยายอายุของใบอนุญาตเครื่องปฏิกรณ์ให้ได้เกิน 60 ปีโดยมีเงื่อนไขว่าการรักษาความปลอดภัยสามารถรักษาได้โดยที่ความสามารถในการปลดปล่อยสารที่ไม่ใช่ CO2 โดยเครื่องปฏิกรณ์ที่เกษียนอายุ "อาจจะให้บริกา่ที่จะท้าทายความมั่นคงด้านพบังงานของสหรัฐที่อาจมีผลในการเพิ่มขึ้นของการปล่อยแก๊สเรือนกระจกและนำไปส๔่รวามไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานไฟฟ้า"
มีอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นกับการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เมื่อมีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งทั่วโลกที่มีความสามารถในการปลอมแปบงภาชนะความดันเครื่องปฏ้กรณ์ชิ้นเดียว ซึ่งเป็นสิ่ฝจำเป็นในการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ทั่วไปมากที่สุด บริษัทยธทิลิตี้ทั่วโลกกำลังส่งคำสั่งซื้อล่วงหน้าสำหรับความจำเป็นที่ต้องใล้จริงสำหรับภาชนะเหล่านี้ ผู้ผลิตอื่น ๆ กำลังตรวจสอบตัวเลือกต่าง ๆ รวมทั้งการทำชิ้นส่วนด้วยตัวเองหรือหาวิธีที่จะทำชิ้นส่วนที่คล้ายกันโดยใช้วิธีการอื่น
ตามที่สาาคมนิวเคลียร์โลก ทั่วโลกในช่วงกี 1980s เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใหม่หนึ่งตัวเริ่มก่อาร้างขึ้นทุก 17 วัจโดยเฉลี่ย และในปี 2015 อัตรานี้อาจเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งต้วในทุก ๆ 5 วัต เมื่อปี 2007 เครื่อง Watts Bar 1 ในเทนเนสซี, ซึ่งเริ่มออนไลน์ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ปี 1996 เป็นเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของสปรัฐในเชิงพาณิชข์ตัวสุดท้ายที่ออนไลน์ เรื่องนี้มีกจะถูกยกมาเป็นฟลักฐานของการรณรงค์ทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จสำหรับก่รใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่หยุดทำการ การขาดแคฃนไฟฟ้า, ราราเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ดพิ่มขึ้น, ภาวะโลกร้อน, และการปฃ่อยโบหุหนักจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล, ิทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่นโรบงานที่ปลอดภัยอย่างพสสซีฟ, และความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอาจต่ออายุความต้องการสำไรับโรงไฟฟ้รพงังงานนิวเคลียร์
=\=การหยุดดำเตินการของนิวเคลียร์===
ใยปี 2011 "นักเศรษฐศาสตร์" รายงานว่าพลังงานนิฝเคลียรฺ"ดูอันตราย, ไม่เป็นที่นิยม, มีราคาแพงและมีความเสี่ยง" และ "มันสามารถแทนที่ด้วยความค่อนข้างและสามารถถูกละิลยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขนาดใหญ่ในวิโีที่โลกทำฝาน"
ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2011 นักวิเคราะห์ของธนาคารเพื่อการลงทุนยูบีเอสที่มี๘านอยู่ในสวิสกล่าวว่า "ที่ Fukuqhima เครื่องปฏิกรณ์สี่เครื่องไม่สามารถควบคุมได้อจู่หลายสัปดาห์ ทำสห้เกิดตวามสงสัยว่นเศรษฐกิจแม้ว่าจะก้าวหน้าจะสามารถควบคุมความปลอดภัยในนิวเคลียร์ได้หรือไม่ .... เราเชื่อว่าอุบัติเหตุที่ Fukushima ร้ายแรงาี่สุดเท่าที่เคยมีสำหรับความน่าเชื่อุือของพลังงานนิวเคลียร์"
ในปี 2011 นักวิเคราะห์ของดอยซ์แบงค์สรุปว่า "ผลกระทบทั่วโลกของอุยัติเหตุ Fukushima คือการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับวิธีที่ประเทศจะจัดลำดับและให้คุณค่าแก่สุขภาพของประชาชน, ความปลอดภัย, ความมั่นคงดละสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเมื่อพิจาคณาวิถีการใข้พลังงานใจปัจจุบันและอนาคต" ผลก็คือ "พลังงานหมุนเวียนจะเป็นผู้ชนะในรุยะยาวที่ชัดเจนในระบบพลังงานส่วนใหญ่ บทสรุปที่ได้รับการสนับสนุนโดยการสำรวจขอลผู้สีสิทธิออกเสียงจำนวนมากที่ดำเนินการในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะเดคยวกัน เราจะพิจารณาก๊าซธรรมชาติให้เป็น อย่างน้อยที่สุด เชื้อเพลิงสำหรับกสรเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเหล่านั้นที่มีการพิจารณาว่ามันมีความมั่นคง"
ในเดือนกันยายน 2011 ยักษ์ฝหญ่ด้านวิศวกรรมเยอรมัน, ซีเมนส์, ประกาศว่าบริษัทจะถอนตัวออกทั้งหมดจากอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ เป็นการตอบสนองต่อภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะมนประเทศญี่ปุ่น และบอกว่าบริษัทจะไม่สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเตลียร์อีกต่อไปไม่ว่าที่ใด ๆ ในโลก ประธานของบริษัท, ปีเตอร์ Loscher, กล่าวว่า "ซีเมนส์กำลังจะจบสิ้นแผนการที่จะให้ความร่วมมือกับ Rosatom, บริษัทพลังงานนิวเคลียร์ที่รั.ควบคุมของรัสเซีย, ในการก่อสรเางหลายสิชโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วรัสเซียตลอดสองทศวรรษที่กำลังมาถึง" นอพจากนี้ในเดือนกันยายน 2011 ผู้อำนวยการทั่วไปของ IAEA, Yukiya อะมาโนะ, กล่าวว่าภัยพิบัตินิวเคลียร์ญี่ปุ่น "ก่อใหัเกิดความวิตกกังวลลึก ๆ ของหระชาชนทั่วโลกและทำความเสียหายกับความเชื่อมั่นในพลังงานนิวเคลียร์"
ในเดือนกุมภาพ้นธ์ปี 2012 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานสหรัฐอเมริแาได้อนุมัติการก่อสี้างเครื่องปฏิกรณ์เพิ่มเติมสองเครื่องที่โรงไฟฟ้า Vogtle เครื่องปฏิกรณ์เครื่องแรกที่จะได้รับการอนุมัติในกว่า 30 ปีนับตั้งแต่เกิกอุบัติเหตุที่เกาะทรีไมล์ แต่ประธานของ NRC, เกรกอรี่ Jaczko, ออกเสียงที่ไม่เห็นด้วยธดยอ้ทงถึงความกังวลด้านความปลอดภัยอันเนื่องมาจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ Fukushima ปี 2011 ที่ญี่ปุ่น และพูดว่า "ฉันไม่สามารถสนับสนุนพารออกใบอนุญาตนี้เหมือนกับว่า Fukushima ไม่ิคยเกิดขึ้น" หนึ่งสัปดาห์หลังยากโรงงานด้านใต้ได้รับใบอนุญาตเพื่อเริ่มน้นก่อสร้างที่สำคัญในสองเครื่องปฏิกรณ์ใหม่ กลุ่มสิทงแวดล้อมและต่อน้านนิวเคลียร์นับสิบจะฟ้องร้องให้หยุดโครงการขยายโรงงาน Vogtle กล่าวหาว่า "เป็นปัญหาความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมเนื่องจากอุบัติเหตุเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ Fukushiha Daiichi ของญี่ปุ่นยังไม่ได้ถูกนำขึ้นมาพิจารณา"
หลายประเทศเช่นออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เดนมาร์ก, กรีซ, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลัตเวีย, Liechtenstein, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, โปรตุเกส, อิสราเอล, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์และนอร์เวย๋ไม่มีเครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์และยังคงคัดค้านพลังงานนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม, ตรงกันจ้าม, บางประเทศยังคงโปรดปรานและสนับสนุนการวิจัยนิวเคลียร์ฟิวชันทางการเงิน รวมทั้งการระดมทุนที่หลากหลายของสหภาพยุโรปในโครงการ ITER
พลังงานลมทั่วโลกมีการเพิ่มขึ้น 26%/ปี, และพลังงานแสงอาทิตย์ 58%/ปี, จากปี 2006-2011 เนื่องจากการแทนที่สำหรับการผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อน
===แนวคิดขั้นสูง]==
เครื่องปฏิกรณ์หิชชันในปัจจุบันที่ดำเรินงานอยู่ทั่วโลกเป็นระบบ generation ที่สองหรือที่สาม ที่ส่วนใหญ่ขิงระบบ generation ที่หนึ่งได้ถูกปลดประจำการไปนานแล้ว การวิจัยในการผลิตเครื่องปฑิกรณ์ Generation IV เริ่มต้นอย่างเป็ตทางการโดย Generation IV International Forum (GIF) ตามเป้าหมายแปดเทคโนโลยี ที่รวมถึงการปรับปรุงความปลอดภัยนิวเคลียร์, กนรปรับปรุงความต้านทานการแพร่ขยาย, การลดของเสีย, การปรับปรุงการมช้ทรัพยากรทางธรรมบาติ, ความสามารถในการใช้กากนิวเีลียร์ที่มีอยู่ในการผลิตกระแสไฟฟ้า, และลดค้าใช้จ่สยในำารสร้างและดำเนินการโรงงานดังกล่าว ส่วนใหญ่ของเครื่องปฏิกรณ์เหล่านี้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญจากเครื่องปฏิกรณ์ light water ที่ดำเนินการในปัจจุบัน และมักจะไม่คาดว่าจะมีให้ใช้สำหรับการก่อสร้างเชิงพาณิชย์ก่อนปี 2030
เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่จะสร้างขึ้นท่่ Vogtle คือเครื่องกฏิกรณ์รุ่นทีีสามใหม่, SP1000, ที่ได้รับการบอกเล่าว่าจะมีการปีับปรุงความปลอดภัยเหนือกว่าของเครื่องปฏิกรณ์พลังงานตัวเก่า อย่างไรก็ตาม John Ma วิศวกรโครงสร้างอาวุโสที่ NRC กะงวลว่าบางส่วนของผิวเหล็กของ AP10-0 จะเปราะมากจน "พลังงารกระทบ" จากการกระแทกของเครื่องบินหรือพายุกระหน่ำวิถีโร้งจะสามารถทำลายผนัง Edwin Lyman, นักวิทยาศาสตร์อาวุโสที่ Union of Concrrned Scientists ได้กังวลเกี่ยวกับความแข็งแรงของแท่งบรรตุเหล็กกล้าและโล่คอนกรีตที่สร้างรอบ AP1000
สหภ่พดังกล่าวยังได้อ้างถึงเครื่ิงปฏเกรณ์แรงดันยุโรป (European Pressurized Reactor), ขณะนุ้นอยู่ระหว่างการก่อสร้างในประเทศจีน, ฟินแลนด์และฝรั่งเศส ในฐานะที่เป็นะพียงการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ใหม่ภายใต้กาาพิจารณาในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้นว่า ".., ดูเหมือนจะมีศักยภาพที่จะปฃอดภัยกว่าและมั่นคงกว่าอย่างมีนัยสำคัญจากการถูกโจมตีมากกว่าเครื่องปฏิกรณ์ของวันนี้"
ข้อเสียอย่างหนึ่งของเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์ใหม่คือความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่อาจจะมากกว่าในขั้นต้นเมื่อผู้ประปอบการเครื่องปฏิกรณ์มีประสบการณ์น้อยกับการออกแบบใหา่ วิศวกรนิวเคลียร์เดวิด Lochbaum ได้อธิบายว่าเกือบทั้ฝหมดของอุบัติเหตุนิวเคลียร์ร้ายแรงได้เกิดขึ้นกับสิ่งที่เป็นช่วงเวลาของเทึโรโลยีล่าสุด เขาแย้งว่า "มีปัญหากับเครืทองปฏิกรณ์ใหม่และพารเกิดอุบัติเหตุจะมีเป็นสองเท่า: หนี่งคือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปไม่ได้ทึ่ขะวางแผนในการจำลองแลเสอวมนุษย์ทำผิดพลาด" ตามที่หนึ่งในผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการวิจัยสหรัฐพูดไว้ "การผลิต, การก้ดสร้าง, การดำเนินงาน, และการบำรุงรักษาเครื่องปฏิกรณ์ใหม่จะเผชิญกับเส้นโค้งการเรียนรู้ที่สูงชัน: เทคโนโลจีขั้นสูงจะมีความเสี่ยงที่สูงของการเกิดอุบัติเหตะและความผิดพลาด เทคโนโลยีที่อาจจะได้รับการพิสูจน์แล้ว แต่คายังไม่ได้"
===ไฮบริดน้วเคลียร์ฟิวชั่น-ฟิชชัน===
พลังงานนิวเคลียี์ไฮบริดเป็นวิธีที่ถูกสำเสนอในการสร้างพลัวงานไฟฟ้าโดยการใช้การผสมกัจของกระบวนการนิส้คลียร์ฟิวชันและฟิชชัน แนวคิดสี้ถอยหลังไปใตปี 1950 และได้รับการสนับสนุนในเวลาสั้น ๆ โดย Hans Bethe ในช่วงปี 1970s แต่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ไม่ได้ถูกสำรวจตนกระทั่งการฟื้นตัวของดอกเบี้ยในปี 200p เนื่องจากความล่าช้าในการสำนึกของฟิใขั่นบริสุมธิ์ เมื่อโรงงานพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันอย่างยั่งยืนถูกสร้างขึ้น มัสมีศักย_าพที่จะสีความสามารถในการสกัดพลังงานฟิชชันทั้งหมดที่ยังคงอยู่ในเชื้อเพลิงฟิชชันใช้แล้ว ความสามารถในการลดปริมาณของเสียนิวเคลียร์โดยขนาดและที่สำคัญกว่า, การขจัด actinides ทั้งหใดทีปรากฏในเชื้อเพลิงใช้แล้ว, สารที่ก่อให้เกิดความกังวลด้านความมั่นคง
===นิยเคลียร?ฟิวชัน===
ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชะ่นมีศักยภาพที่จะปลอดภัยมากกว่าและสร้างกากกัมมันตรังสีน้อยกว่าเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชัน ปฏิกิริยาเฟล่านี้ปรากฏว่ามีศักยภาพที่จะทำงานได้ แม้ว่าในทางเทคนิคค่อนข้างยากและยังต้องถูกสร้างขึ้นในขนาดที่สามารถถูกนำมาใช้ในโรงงานผลิตไฟฟ้าที่ทำงานได้ พลังงานฟิวชั่นได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบในทางทฤษฎีและการทดลองตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1950
การก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกของ'เครื่องปฏิกรณ์เทอโมนิวเคลียร์เพื่อทดลองนานาชาติ'เริ่มในปี 2007 แต่โครงการได้วิ่งเข้าสู่ความล่าช้าและงบประมาณส่วนเกินจำนวนมาก สิ่งอภนวยความสะดวกขณะนี้ไม่คาดว่าจะเริ่มดกเนินการได้จนกว่าจะถึวปี 2027 - 1w ปีหลังจากที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก สถานีพลังงานนิวเคลัยร์ๆิวชันเชิงพาณิชย์ที่ตามมา, DEMO, ได้รับนำเสนอ นอกจากนี้นังมีคำแนะนำสำหรับโรงฟฟฟ้าที่ใช้วิธีกาคฟิวชั่นที่แตกต่มงกัน นั่นคืเของโรงไฟฟ้าฟิวชั่นเฉื่อย
การปลิตไฟฟ้าพงังงานฟิวชันมีความเชิ่อในตอนแรกว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างว่ายดายเหมือนกับพลังงานฟิวลั่นที่เคยประสบ อย่างไรก็ตาม ความต้องการอย่างมากสำหรุบปฏิกิริยาต่อเนื่องและการเก็บกักพลาสม่ารำไปสู่การคาดการณ์ที่ถูกขยายออกไปหลายทศวรรษ ในปี 2010 มากกว่า 60 ปัหลีงจากที่ความพยายามครั้งแรก การผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ก็ยังคงเชื่อว่าจะไม่น่าก่อนปี 2050
==องค์กรพลังงานนิวเคลียร์==
มีหลายองค์กรที่มีจุดยืนเกียวกับพลังงานนิวเคลียร์ต่างกัน, บางแป่งเป็นฝ่ายที่เห็นด้วย, บางแห่งเป็นฝ่ายค้าน
===ฝ่ายที่ดห็นด้วย===
Environjentalists for Nuvlear Energy (ระหว่าลประเทศ)
Nuclear Industry Association (สหราชอาณาจักร)
World Nuclear Association, พันธมิตรของกลุ่มบริษัท่ี่เชื่อมโยงกับการผล้ตพลังงานนิวเคลียร์ (ระหว่างประเทศ)
ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)
Nuclear Energy Institute (สหรัฐ)
American Nuclear Society (สหรัฐ)
United Kingdom Atomic Energy Autyority (สหราชอาณาจักร)
EURATOM (ยุโรป)
European Nuclear Education Networ. (นุโรป)
Atohic Energy of Canada Limited (แคนาดา)
===ฝ่ายค้าน===
Friends of the Earth Igternationxl, เครือข่ายของหลายองค์กรสิ่งแวดล้อม
กรีนพีซ, องค์กร NGO
Nuclear Information and Resource Service (ระหว่างประเทศ)
World Information Service on Energy (ระหว่างประเทศ)
Sortir du nucléaire (ฝรั่งเศส)
Pembina Institute (แคนาดา)
Inwtitute for Energu and Environmental Resexrch (สหรัฐ)
Sayonara Nuclear Power Plants (ญี่ปุ่น(
== ดูเพิ่ม ==
เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์
หน่วยวัดปริมาณรังสึ
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
เทคโนโลยีนิวเคลียร์
พลังงานไฟฟ้า
พลังงานนิวเคลียร์
|
พลังงานนิวเคลียร์ หรือ พลังงานปรมาณู (nuclear power, nuclear energy) เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่ได้จากการคายความร้อนในปฏิกิริยานิวเคลียร์ เพื่อประโยชน์ในการสร้างความร้อนและผลิตไฟฟ้า นิวเคลียร์ เป็นคำคุณศัพท์ของคำว่า นิวเคลียส ซึ่งเป็นแก่นกลางของอะตอมธาตุ ซึ่งประกอบด้วยอนุภาคโปรตอน และนิวตรอน ซึ่งยึดกันได้ด้วยแรงของอนุภาคไพออน
พลังงานนิวเคลียร์ หมายถึง พลังงานไม่ว่าลักษณะใด ๆ ก็ตาม ซึ่งเกิดจากนิวเคลียสอะตอมโดย
พลังงานนิวเคลียร์แบบฟิซชั่น (Fission) ซึ่งเกิดจากการแตกตัวของนิวเคลียสธาตุหนัก เช่น ยูเรเนียม พลูโทเนียม เมื่อถูกชนด้วยนิวตรอนหรือโฟตอน
พลังงานนิวเคลียร์แบบฟิวชั่น (Fusion) เกิดจากการรวมตัวของนิวเคลียสธาตุเบา เช่น ไฮโดรเจน
พลังงานนิวเคลียร์ที่เกิดจากการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี (Nuclear Decay) ซึ่งให้รังสีต่าง ๆ ออกมา เช่น อัลฟา เบตา แกมมา และนิวตรอน เป็นต้น
พลังงานนิวเคลียร์ที่เกิดจากการเร่งอนุภาคที่มีประจุโดยเครื่องเร่งอนุภาค เช่น อิเล็กตรอน โปรตอน ดิวทีรอน และอัลฟา เป็นต้น
พลังงานนิวเคลียร์ บางครั้งใช้แทนกันกับคำว่า พลังงานปรมาณู นอกจากนี้พลังงานนิวเคลียร์ยังครอบคลุมไปถึงพลังงานรังสีเอกซ์ด้วย (พ.ร.บ. พลังงานเพื่อสันติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2508) พลังงานนิวเคลียร์ สามารถปลดปล่อยออกมาเป็นพลังงานหลายรูปแบบ เช่น พลังงานความร้อน รังสีแกมมา อนุภาคเบต้า อนุภาคอัลฟา อนุภาคนิวตรอน เป็นต้น
ปัจจุบัน ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน ขององค์ประกอบใน actinide series ของตารางธาตุได้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์ส่วนใหญ่ในการให้บริการโดยตรงแก่มนุษย์ กับกระบวนการสลายตัวของ นิวเคลียร์ส่วนใหญ่ในรูปแบบของพลังงานความร้อนใต้พิภพและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเทอร์โม ไอโซโทป สำหรับการนำไปใช้เฉพาะอย่างจะใช้ประโยชน์จากปฏิกิริยาที่เหลือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ (ฟิชชัน) ไม่รวมการใช้งานในกองทัพเรือ ให้พลังงานประมาณ 5.7% ของพลังงาน ของโลกและ 13% ของกระแสไฟฟ้าของโลกในปี 2012 ในปี 2013 หน่วยงานพลังงานปรมาณูนานาชาติ รายงานว่ามี 437 เครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์กำลังใช้งานอยู่ ใน 31 ประเทศ แม้ว่าจะมีบางเครื่องปฏิกรณ์ที่ไม่ได้ทำการผลิตไฟฟ้าอีกแล้ว นอกจากนี้ยังมีเรือประมาณ 140 ลำที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการขับเคลื่อนโดยเครื่องปฏิกรณ์ราว 180 เครื่อง ขณะที่ในปี 2013 การได้รับพลังงานสุทธิจากเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ยั่งยืน ไม่รวมแหล่งพลังงานฟิวชั่นตามธรรมชาติเช่นจากดวงอาทิตย์ ยังคงเป็นพื้นที่ต่อเนื่องของการวิจัยด้านฟิสิกส์และวิศวกรรมระหว่างประเทศ กว่า 60 ปีหลังจากความพยายามครั้งแรก การผลิตพลังงานฟิวชั่นในเชิงพาณิชย์ยังคงไม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนปี 2050
มีการอภิปรายอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ ฝ่ายเสนอ เช่น สมาคมนิวเคลียร์โลก (World Nuclear Association), IAEA และ นักสิ่งแวดล้อมพลังงานนิวเคลียร์ ยืนยันว่า พลังงานนิวเคลียร์มีความปลอดภัย เป็นแหล่งพลังงานยั่งยืนที่ช่วยลดการปล่อยแก๊สคาร์บอน ฝ่ายค้าน เช่น กลุ่มกรีนพีซสากล และ หน่วยบริการข้อมูลทรัพยากรและนิวเคลียร์ (Nuclear Information and Resource Service (NIRS)), ยืนยันว่า พลังงานนิวเคลียร์สร้างภัยคุกคามจำนวนมากต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
นับถึงปี 2012 ตามข้อมูลของ IAEA ทั่วโลกมี 68 เครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์ในงานของพลเรือนอยู่ระหว่างการก่อสร้างใน 15 ประเทศ ประมาณ 28 แห่งในจำนวนนั้นอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ล่าสุด ซึ่งจะเชื่อมต่อเข้ากับกริด (ไฟฟ้า)ในเดือนพฤษภาคม 2013 ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ปี 2013 ได้เดินเครื่องในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Hongyanhe ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในสหรัฐอเมริกาเครื่องปฏิกรณ์ Generation III ตัวใหม่สองเครื่องอยู่ระหว่างการก่อสร้างใน Vogtle เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมนิวเคลียร์สหรัฐอเมริกาคาดหวังว่า เครื่องปฏิกรณ์ใหม่ 5 เครื่องจะนำมาให้บริการในปี 2020 ทุกเครื่องในโรงไฟฟ้าที่มีอยู่เดิม. ในปี 2013 เครื่องปฏิกรณ์เก่าและไม่มีประสิทธิภาพในการแข่งขันสี่เครื่องจะถูกปิดอย่างถาวร
ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ที่ญี่ปุ่นในปี 2011 ที่เกิดขึ้นในเครื่องปฏิกรณ์ที่ออกแบบมาจาก Generation II ปี 1960 ตัวหนึ่ง ย้ำเตือนให้ทำการตรวจสอบใหม่ในความปลอดภัยของนิวเคลียร์และนโยบายพลังงานนิวเคลียร์ในหลายประเทศ เยอรมนีตัดสินใจที่จะปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมดของประเทศภายในปี 2022 และอิตาลีได้สั่งห้ามสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ หลัง Fukushima ในปี 2011 สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศได้ลดการประมาณการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จะสร้างขึ้นจนถึงปี 2035 ลงครึ่งหนึ่ง
== ประวัติศาสตร์ ==
===ต้นกำเนิด===
การแสวงหาพลังงานนิวเคลียร์ในการผลิตไฟฟ้าได้เริ่มทันทีหลังจากการค้นพบในต้นศตวรรษที่ 20 ที่ธาตุกัมมันตรังสี, เช่น เรเดียม, ปล่อยพลังงานออกมาจำนวนมหาศาลตามหลักการของความเท่าเทียมกันของมวลกับพลังงาน (mass–energy equivalence) อย่างไรก็ตาม วิธีการใช้ประโยชน์จากพลังงานดังกล่าวก็ยังทำไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะธาตุที่มีกัมมันตรังสีอย่างเข้มข้น โดยธรรมชาติของพวกมัน มีอายุสั้น (การปลดปล่อยพลังงานสูงมีความสัมพันธ์กับครึ่งชีวิตสั้น) อย่างไรก็ตาม ความฝันของการใช้ประโยชน์ "พลังงานปรมาณู" ค่อนข้างเข้มแข็ง แม้ว่าจะถูกเมินเฉยจากบิดาของฟิสิกส์นิวเคลียร์เช่น Ernest Rutherford ว่าเป็นแค่ "แสงจันทร์" อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้เปลี่ยนแปลงไปในปลายปี 1930s เมื่อมีการค้นพบนิวเคลียร์ฟิชชัน
ในปี 1932 เจมส์ แชดวิกค้นพบนิวตรอน ซึ่งได้รับการยอมรับในทันทีว่าเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสำหรับการทดลองนิวเคลียร์เพราะมันไม่มีประจุไฟฟ้า การทดลองด้วยการระดมยิงวัสดุด้วยนิวตรอนทำให้ Frédéric และ Irène Joliot-Curie ได้ค้นพบกัมมันตภาพรังสีที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1934 ซึ่งยอมให้ทำการสร้างองค์ประกอบที่เหมือนเรเดียมด้วยราคาน้อยกว่าเรเดียมธรรมชาติ งานต่อไปโดย Enrico Fermi ในปี 1930s เน้นการใช้นิวตรอนช้าในการเพิ่มประสิทธิภาพของกัมมันตภาพรังสีที่เกิด การทดลองที่ระดมยิงยูเรเนียมด้วยนิวตรอนทำให้ Fermi เชื่อว่าเขาได้สร้างองค์ประกอบ transuranic ขึ้นใหม่ซึ่งได้รับการขนานนามว่า hesperium
แต่ในปี 1938 นักเคมีเยอรมันอ็อตโต ฮาห์น และฟริตซ์ Strassmann พร้อมกับนักฟิสิกส์ชาวออสเตรีย ลีซ ไมต์เนอ และหลานชายของไมต์เนอร์, อ็อตโต โรเบิร์ต Frisch ดำเนินการทดลองกับผลิตภัณฑ์ของยูเรเนียมที่ถูกรุมยิงด้วยนิวตรอน เพื่อเป็นวิธีการตรวจสอบไกลออกไปของสิ่งที่ Fermi อ้างถึง พวกเขาเชื่อว่านิวตรอนค่อนข้างเล็กได้แยกนิวเคลียสของอะตอมยูเรเนียมขนาดใหญ่ออกเป็นสองชิ้นที่เท่ากันอย่างหยาบ ๆ ที่ขัดแย้งกับ Fermi สิ่งนี่เป็นผลที่น่าแปลกใจอย่างยิ่ง: รูปแบบอื่น ๆ ทั้งหมดของการสลายตัวของนิวเคลียร์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ เท่านั้นกับมวลของนิวเคลียส ในขณะที่กระบวนนี้ - ถูกขนานนามว่า "ฟิชชัน" เมื่ออ้างอิงถึงทางชีววิทยา - เกี่ยวข้องกับการแตกออกที่สมบูรณ์ของนิวเคลียส นักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก รวมถึง Leó Szilárd ที่เป็นหนึ่งในคนแรก ที่ยอมรับว่าถ้าปฏิกิริยาฟิชชันปล่อยนิวตรอนเพิ่มเติม ปฏิกิริยานิวเคลียร์ลูกโซ่อย่างยั่งยืนด้วยตนเองได้เกิดขึ้น ทันทีที่การทดลองได้รับการยืนยันและประกาศออกไปโดย Frédéric Joliot-Curie ในปี 1939 นักวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศ (รวมทั้งสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, และสหภาพโซเวียต) เรียกร้องรัฐบาลของพวกเขาเพื่อให้การสนับสนุนการวิจัยนิวเคลียร์ฟิชชัน แค่บนยอดของสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทั้ง Fermi และ Szilárd ได้อพยพเข้าไป นี้นำไปสู่การสร้างเครื่องปฏิกรณ์ด่วยมือมนุษย์เป็นครั้งแรก ที่รู้จักกันในชื่อ Chicago Pile-1 ซึ่งประสบความสำเร็จเกี่ยวกับสารวิกฤตในเดือน 2 ธันวาคม 1942 งานชิ้นนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแมนฮัตตัน ซึ่งทำให้ได้ยูเรเนียมสมรรถนะสูงและได้สร้างเครื่องปฏิกรณ์ขนาดใหญ่จะก่อให้เกิดพลูโตเนียมสำหรับใช้ในอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรก ซึ่งต่อมาถูกนำมาใช้ในการทำลายเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ
ค่าใช้จ่ายที่สูงอย่างไม่คาดคิดในโครงการอาวุธนิวเคลียร์สหรัฐอเมริกา อีกทั้งการแข่งขันกับสหภาพโซเวียตและความปรารถนาที่จะกระจายการปกครองระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก ได้สร้าง "... ความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์พลเรือนที่จะช่วยแสดงให้เห็นความจำเป็นที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูงมากของรัฐบาล" ในปี 1945 หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กชื่อ ยุคปรมาณู (The Atomic Age) ประกาศอำนาจของอะตอมที่ไม่ได้เปิดออกให้ใช้ในชีวิตประจำวันและวาดภาพอนาคตที่เชื้อเพลิงฟอสซิลจะไม่ได้ถูกนำมาใช้ นักเขียนวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง เดวิด Dietz เขียนว่าแทนที่จะเติมถังน้ำมันรถยนต์ของคุณสองหรือสามครั้งต่อสัปดาห์ คุณจะเดินทางทั้งปีด้วยเม็ดของพลังงานปรมาณูขนาดเท่ายาเม็ดวิตามิน เกลน Seaborg ประธานคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูเขียนว่า "จะมีกระสวยระหว่างโลกกับดวงจันทร์ขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร์ หัวใจเทียมขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร์ สระว่ายน้ำให้ความร้อนด้วยพลูโตเนียมสำหรับนักดำน้ำสกูบา และอื่น ๆ อีกมากมาย" การคาดการณ์ที่ดีเกินไปเหล่านี้ยังไม่ได้รับการเติมเต็ม
สหราชอาณาจักร, แคนาดา, และรัสเซียดำเนินการในช่วงปลายปี 1940s และต้นปี 1950s ไฟฟ้าถูกผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกโดยเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1951 ที่สถานีทดลอง EBR-I ใกล้ Arco, รัฐไอดาโฮ ซึ่งเริ่มผลิตประมาณ 100 กิโลวัตต์ งานวิจัยยังได้ทำกันอย่างเข้มข้นอย่างมากในสหรัฐอเมริกาในการขับเคลื่อนทางทะเลด้วยนิวเคลียร์ ที่มีเครื่องปฏิกรณ์เพื่อการทดสอบที่ได้รับการพัฒนาในปี 1953 (ในที่สุด USS Nautilus เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกที่จะเปิดตัวในปี 1955) ในปี 1953 ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไอเซนฮาว, กล่าวในสุนทรพจน์เรื่อง "ปรมาณูเพื่อสันติ" ของเขาที่องค์การสหประชาชาติ ได้เน้นความจำเป็นในการพัฒนาการใช้ประโยชน์ "เพื่อสันติ" จากพลังงานนิวเคลียร์อย่างรวดเร็ว ตามด้วยการแก้ไขพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณูปี 1954 ซึ่งอนุญาตให้เปิดเผยอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์ของสหรัฐและการสนับสนุนการพัฒนาโดยภาคเอกชน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญ ที่มีหลาย ๆ การหลอมละลายของแกนกลางขั้นต้นบางส่วนและอุบัติเหตุที่เครื่องปฏิกรณ์ตัวทดลองและสิ่งอำนวยความสะดวกการวิจัย
===ในช่วงปีแรก ๆ===
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 1954 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Obninsk ของสหภาพโซเวียตเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าแห่งแรกของโลกสำหรับกริด (ไฟฟ้า), และผลิตพลังงานไฟฟ้าประมาณ 5 เมกะวัตต์.
ต่อมาในปี 1954 ลูอิส สเตราส์ ประธานของคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น (AEC สหรัฐอเมริกา, บรรพบุรุษของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานสหรัฐอเมริกาและกรมพลังงานสหรัฐ), พูดถึงไฟฟ้าในอนาคตว่าเป็นของ "ราคาถูกเกินกว่าที่จะคิดมิเตอร์". สเตราส์อาจจะหมายถึงไฮโดรเจนฟิวชั่น, ซึ่งในเวลานั้นกำลังได้รับการพัฒนาอย่างลับ ๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ'โครงการเชอร์วู้ด', แต่คำพูดของสเตราส์ได้รับการตีความว่าเป็นสัญญาอันหนึ่งของพลังงานราคาถูกมากจากนิวเคลียร์ฟิชชัน. ตัว AEC ของสหรัฐเองได้ออกคำเบิกความที่ไกลความจริงมากขึ้นเกี่ยวกับนิวเคลียร์ฟิชชันต่อสภาคองเกรสสหรัฐเพียงไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น, ที่คาดว่า "ค่าใช้จ่ายสามารถทำให้ลดลงไป ... [ที่] ... ประมาณว่าเท่ากับค่าใช้จ่ายของการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งเดิม .. ". ความผิดหวังที่สำคัญจะพัฒนาต่อไปในภายหลังเมื่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่ไม่ได้ให้พลังงานที่ "ถูกเกินกว่าที่จะคิดมิเตอร์".
ในปี 1955 "การประชุมที่เจนีวาครั้งแรก"ขององค์การสหประชาชาติ, ในเวลานั้นเป็นที่รวมของนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ใหญ่ที่สุดในโลก, ประชุมกันเพื่อสำรวจเทคโนโลยี. ในปี 1957 EURATOM ได้รับการเปิดตัวเคียงข้างประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (ตัวหลังขณะนี้เป็นสหภาพยุโรป). ในปีเดียวกันยังเห็นการเปิดตัวขององค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency, IAEA).
สถานีพลังงานนิวเคลียร์เพื่อการพานิชย์แห่งแรกของโลก, คาลเดอฮอลล์ที่ Windscale ประเทศอังกฤษถูกเปิดในปี 1956 มีกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 50 เมกะวัตต์ (หลังจากนั้นเป็น 200 MW). เครื่องกำเนิดไฟฟ้านิวเคลียร์เชิงพาณิชย์เครื่องแรกที่เปิดดำเนินงานในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเครื่องปฏิกรณ์ Shippingport (Pennsylvania, ธันวาคม 1957)
หนึ่งในองค์กรแรกที่พัฒนาพลังงานนิวเคลียร์คือกองทัพเรือสหรัฐ, เพื่อวัตถุประสงค์ในการขับเคลื่อนเรือดำน้ำและเรือบรรทุกเครื่องบิน. เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ลำแรก, USS Nautilus (SSN-571), ได้ออกสู่ทะเลในเดือนธันวาคม 1954. เรือดำน้ำนิวเคลียร์ของสหรัฐสองลำ, USS แมงป่องและ USS Thresher ได้หายไปในทะเล. เรือดำน้ำนิวเคลียร์โซเวียตและรัสเซียแปดลำได้หายไปในทะเลเช่นกัน. นี่รวมทั้งอุบัติเหตุของเครื่องปฏิกรณ์ในเรือดำน้ำโซเวียต K-19 ในปี 1961 ซึ่งส่งผลให้มีการเสียชีวิต 8 รายและมากกว่า 30 รายสัมผ้สกับรังสีเกินขนาด. อุบัติเหตุเครื่องปฏิกรณ์เรือดำน้ำโซเวียต K-27 ในปี 1968 ส่งผลให้บาดเจ็บสาหัส 9 รายและ 83 รายได้รับบาดเจ็บอื่น ๆ. นอกจากนี้เรือดำน้ำโซเวียต K-429 จมสองครั้ง แต่ถูกกู้ขึ้นมาได้ทั้งสองครั้ง. อุบัติเหตุนิวเคลียร์และรังสีหลายครั้งมีความเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุเรือดำน้ำนิวเคลียร์.
กองทัพสหรัฐยังมีโครงการพลังงานนิวเคลียร์, เริ่มต้นในปี 1954. โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SM-1 ที่ป้อม Belvoir รัฐเวอร์จิเนีย, เป็นเครื่องปฏิกรณ์พลังงานเครื่องแรกในสหรัฐอเมริกาเพื่อจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้กับกริดไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (VEPCO), ในเดือนเมษายน ปี 1957, ก่อน Shippingport. เครื่อง SL-1 เป็นเครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์เพื่อการทดลองของกองทัพสหรัฐที่สถานีทดสอบปฏิกรณ์แห่งชาติในภาคตะวันออกของไอดาโฮ. มันผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายเมื่อไอน้ำระเบิดและการหลอมละลายของนิวเคลียร์ในเดือนมกราคม 1961, ซึ่งฆ่าผู้ใช้งานไปสามราย. ในสหภาพโซเวียตใน'สมาคมการผลิต Mayak' มีอุบัติเหตุเกิดขี้นหลายครั้ง รวมทั้งการระเบิดที่ปล่อยกากกัมมันตรังสีระดับสูงออกมา 50-100 ตัน, ได้ปนเปื้อนดินแดนขนาดใหญ่ในเทือกเขาอูราลตะวันออกและก่อให้เกิดการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก. ระบอบการปกครองของสหภาพโซเวียตเก็บอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นความลับไว้ประมาณ 30 ปี. ในที่สุด เหตุการณ์นี้ถูกจัดอยู่ในอันดับ 6 ในเจ็ดอันดับบนสเกล INES (เพียงแค่อันดับที่สามของความรุนแรงเท่านั้นเมื่อเทียบกับภัยพิบัติเชอร์โนบิลและ ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ).
===พัฒนาการ===
กำลังการผลิตนิวเคลียร์ที่ติดตั้งเรียบร้อยแล้วได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขั้นต้น, โดยเพิ่มขึ้นจากน้อยกว่า 1 กิกะวัตต์ (GW) ใน 1960 เป็น 100 GW ในปี 1970s และ 300 GW ในปลายปี 1980s. ตั้งแต่ปลายปี 1980s กำลังการผลิตทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นช้าลงอย่างมาก, คือมีเพียง 366 GW ในปี 2005. ระหว่างราวปี 1970 และปี 1990, มากกว่า 50 GW ของกำลังการผลิตอยู่ระหว่างการก่อสร้าง (สูงสุดมากกว่า 150 GW ในช่วงปลายยุค 70s และช่วงต้นยุค 80s), ในปี 2005, ประมาณ 25 GW ของกำลังการผลิตใหม่มีการวางแผน. มากกว่าสองในสามของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดที่ถูกสั่งซื้อหลังมกราคม 1970 ถูกยกเลิกในที่สุด. รวมแล้ว 63 หน่วยนิวเคลียร์ถูกยกเลิกในสหรัฐอเมริการะหว่างปี 1975 และ 1980.
ในช่วงปี 1970s และ 1980s การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจ (ที่เกี่ยวข้องกับเวลาในการก่อสร้างที่ขยายออกไปส่วนใหญ่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและการดำเนินคดีความดันกลุ่ม) และการลดลงของราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในขณะนั้นมีความน่าสนใจน้อยลง. ในปี 1980s (สหรัฐ) และปี 1990s (ยุโรป), การไม่เจริญเติบโตของโหลดและการเปิดเสรีกระแสไฟฟ้ายังทำให้การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตสำหรับโหลดพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีใหม่ไม่น่าสนใจ
.
วิกฤตการณ์น้ำมันในปี 1973 มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในประเทศฝรั่งเศสและญี่ปุ่น, ซึ่งได้พึ่งพาน้ำมันมากขึ้นในการผลิตไฟฟ้าตลอดมา (39% และ 73% ตามลำดับ) จึงตัดสินใจที่จะลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์.
การคัดค้านพลังงานนิวเคลียร์ในท้องถิ่นบางแห่งเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 1960s, และในปลายปี 1960s สมาชิกบางคนของชุมชนวิทยาศาสตร์เริ่มแสดงออกถึงความกังวลของพวกเขา. ความกังวลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุนิวเคลียร์, การขยายการใช้นิวเคลียร์, ค่าใช้จ่ายสูงของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์, การก่อการร้ายนิวเคลียร์และการกำจัดกากกัมมันตรังสี. ในช่วงต้น 1970S, มีการประท้วงขนาดใหญ่ที่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ถูกนำเสนอใน Wyhl, เยอรมนี. โครงการถูกยกเลิกไปในปี 1975 และการประสบความสำเร็จในการต่อต้านนิวเคลียร์ที่ Wyhl เป็นแรงบันดาลใจให้มีการคัดค้านพลังงานนิวเคลียร์ในส่วนอื่น ๆ ของยุโรปและอเมริกาเหนือ. เมื่อกลางปี 1970s การเคลื่อนไหวต่อต้านนิวเคลียร์ได้ทำเกินกว่าการประท้วงและการเมืองในประเทศเพื่อให้ได้รับความสนใจและมีอิทธิพลมากขึ้น, และพลังงานนิวเคลียร์กลายเป็นประเด็นของการประท้วงของประชาชนที่สำคัญ. แม้ว่าจะไม่มีองค์กรประสานงานเป็นหนึ่งเดียว, และไม่ได้มีเป้าหมายที่แน่นอน, ความพยายามของการเคลื่อนไหวได้รับการความสนใจอย่างมาก. ในบางประเทศ ความขัดแย้งเรื่องไฟฟ้านิวเคลียร์ "ได้มาถึงความรุนแรงที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของการถกเถียงทางเทคโนโลยี".
ในฝรั่งเศส, ระหว่างปี 1975 ถึง 1977, ประชาชนราว 175,000 คนออกมาประท้วงต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ในการเดินขบวนสิบครั้ง. ในเยอรมนีตะวันตก, ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ปี 1975 ถึงเดือนเมษายน 1979, ประชาชนราว 280,000 คนเข้าร่วมในการเดินขบวนเจ็ดครั้งที่สถานที่ติดตั้งนิวเคลียร์. ยังมีความพยายามที่จะเข้ายึดในสถานีหลายครั้งอีกด้วย. ในผลพวงของอุบัติเหตุที่เกาะทรีไมล์ในปี 1979, ประชาชนราว 120,000 คนเข้าร่วมการเดินขบวนต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ในกรุงบอนน์. ในเดือนพฤษภาคมปี 1979 ประชาชนราว 70,000 คนรวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดแคลิฟอร์เนียในขณะนั้น, เจอร์รี่ บราวน์, เข้าร่วมการเดินขบวนและการชุมนุมต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ในกรุงวอชิงตันดีซี. กลุ่มพลังต่อต้านนิวเคลียร์เกิดขึ้นในทุกประเทศที่ได้มีโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์. บางส่วนขององค์กรต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์เหล่านี้จะถูกรายงานว่ามีการพัฒนาความเชี่ยวชาญอย่างมากในประเด็นการใช้พลังงานและการใช้พลังงานนิวเคลียร์.
ความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัย, อุบัติเหตุที่เกาะทรีไมล์ในปี 1979 และ ภัยพิบัติเชอร์โนบิลในปี 1986 เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุในการหยุดการก่อสร้างโรงงานใหม่ในหลายประเทศ, แม้ว่าองค์กรนโยบายสาธารณะ, สถาบัน Brookings, จะระบุว่าหน่วยนิวเคลียร์แห่งใหม่, ในเวลาที่ทำการพิมพ์ในปี 2006, ยังไม่ได้มีการสร้างขึ้นในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากความต้องการไฟฟ้าที่อ่อนแอและค่าใช้จ่ายเกินงบที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เนื่องจากปัญหาด้านกฎระเบียบและการก่อสร้างล่าช้า. ในตอนท้ายของปี 1970s มันก็เป็นที่ชัดเจนว่าพลังงานนิวเคลียร์เกือบจะไม่เติบโตอย่างมากเหมือนกับที่ครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น. ในที่สุด คำสั่งซื้อกว่า 120 เครื่องปฏิกรณ์ในสหรัฐอเมริกาถูกยกเลิกอย่างสิ้นเชิง และการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์ใหม่ ๆ ต้องหยุดชะงัก. เรื่องในหน้าปกหนังสือ"Forbes magazine"ออกเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1985 แสดงความคิดเห็นในความล้มเหลวโดยรวมของโครงการพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐ, กล่าวว่ามัน "อยู่ในอันดับภัยพิบัติที่บริหารได้ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ธุรกิจ".
ไม่เหมือนกับอุบัติเหตุที่เกาะทรีไมล์, อุบัติเหตุที่ร้ายแรงมากที่เชอร์โนบิลไม่ได้เพิ่มกฎระเบียบที่มีผลกระทบต่อเครื่องปฏิกรณ์ของประเทศตะวันตกเนื่องจากเครื่องปฏิกรณ์เชอร์โนบิลมีการออกแบบแบบ RBMK ที่มีปัญหาในการใช้เฉพาะในสหภาพโซเวียตเท่านั้น, ตัวอย่างเช่นการขาดอาคารเก็บกัก "ที่แข็งแกร่ง". เครื่องปฏิกรณ์ RBMK เหล่านี้หลายเครื่องยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน. อย่างไรก็ตาม ได้มีการเปลี่ยนแปลงในเครื่องปฏิกรณ์ทั้งสองอย่าง (ใช้ยูเรเนียมสมรรถนะสูงที่ปลอดภัยกว่า) และในระบบควบคุม (ป้องกันการปิดระบบความปลอดภัย), ท่ามกลางสิ่งอื่น ๆ, เพื่อลดความเป็นไปได้ของการเกิดอุบัติเหตุที่ซ้ำกัน.
องค์การระหว่างประเทศ, เพื่อส่งเสริมความตระหนักด้านความปลอดภัยและการพัฒนาอาชีพที่ผู้ประกอบการในโรงงานนิวเคลียร์, ถูกจัดตั้งขึ้น: สมาคมผู้ประกอบการนิวเคลียร์โลก (World Association of Nuclear Operators (WANO)).
การคัดค้านในไอร์แลนด์และโปแลนด์ได้ป้องกันโครงการนิวเคลียร์ที่นั่น, ในขณะที่ออสเตรีย (1978), สวีเดน (1980) และอิตาลี (1987) (ได้รับอิทธิพลจากเชอร์โนบิล) ได้ลงคะแนนในประชามติที่จะต่อต้านหรือรื้อถอนพลังงานนิวเคลียร์. ในเดือนกรกฎาคม 2009, รัฐสภาอิตาลีผ่านกฎหมายที่ยกเลิกผลของการลงประชามติก่อนหน้านี้และได้อนุญาตให้เริ่มต้นทันทีของโครงการนิวเคลียร์ของอิตาลี. หลังจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ, ได้มีประกาศพักชำระหนี้เป็นเวลาหนึ่งปีสำหรับการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ ตามด้วยการลงประชามติที่กว่า 94% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (ออกมาใช้สิทธิ์ 57%) ปฏิเสธแผนการสำหรับพลังงานนิวเคลียร์ใหม่.
ภายหลัง สงครามโลกครั้งที่สอง ที่อุบัติขึ้นในปีพุทธศักราช 2482 และสิ้นสุดลงในปีพุทธศักราช 2488 นั้น ญี่ปุ่นได้รับความเสียหายอย่างมาก จากการที่สหรัฐอเมริกาได้ใช้อาวุธแบบใหม่โจมตีญี่ปุ่น โดยทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกลงที่เมืองฮิโรชิมา ซึ่งเป็นฐานบัญชาการกองทัพบกของญี่ปุ่นทางตอนใต้ ประชาชนชาวญี่ปุ่นในเมืองดังกล่าวได้เสียชีวิตไป 80,000 คน และในจำนวนเท่า ๆ กันได้รับบาดเจ็บ ตึกรามบ้านช่องกว่า 60% ได้ถูกทำลายลง ซึ่งรวมทั้งตึกที่ทำการของรัฐบาล ย่านธุรกิจ และย่านที่อยู่อาศัย และในอีกสามวันต่อมา ระเบิดปรมาณูลูกที่สองก็ถูกทิ้งลงที่เมืองนางาซากิ ซึ่งเป็นเมืองท่าชายทะเลมีโรงงานอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ชาวญี่ปุ่นได้เสียชีวิตระหว่าง 35,000 ถึง 40,000 คน และได้รับบาดเจ็บในจำนวนที่ไล่เลี่ยกัน จากความเสียหายอย่างมหันต์ในคราวนั้น ทำให้ญี่ปุ่นต้องยอมเซ็นสัญญาสันติภาพ ซึ่งระบุให้จักรพรรดิและรัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ใต้การปกครองของผู้บัญชาการสูงสุดของทหารสัมพันธมิตร
ในปีพุทธศักราช 2496 ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศริเริ่มดำเนินโครงการ "ปรมาณูเพื่อสันติ" ขึ้น และในอีกสองปีต่อมา สหประชาชาติได้จัดให้มีการประชุมขึ้นที่กรุงเจนีวา มีนักวิทยาศาสตร์กว่า 4,000 คน จาก 73 ชาติ ได้เข้าร่วมประชุมและพิจารณาถึงการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในทางสันติ เพื่อแสดงให้ชาวโลกทราบว่า พลังงานนิวเคลียร์ที่ใคร ๆ เห็นว่าเป็นมหันตภัยร้ายแรงสำหรับมนุษย์นั้น อยู่ในวิสัยที่อาจจะควบคุม และนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้เช่นกัน และโครงการนี้ได้กระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกก่อตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นในประเทศของตน เพื่อนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ในทางสันติ และช่วยการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ
พลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear energy) หมายถึง พลังงานไม่ว่าในลักษณะใดซึ่งเกิดจากการปลดปล่อยออกมาเมื่อมีการแยก, รวมหรือแปลงนิวเคลียส (หรือแกน) ของปรมาณู คำที่ใช้แทนกันได้คือ พลังงานปรมาณู (Atomic energy) ซึ่งเป็นคำที่เกิดขึ้นก่อนและใช้กันมาจนติดปาก โดยอาจเป็นเพราะมนุษย์เรียนรู้ถึงเรื่องของปรมาณู (Atom) มานานก่อนที่จะเจาะลึกลงไปถึงระดับนิวเคลียส แต่การใช้ศัพท์ที่ถูกต้องควรใช้คำว่า พลังงานนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดีคำว่า Atomic energy ยังเป็นคำที่ใช้กันอยู่ในกฎหมายของหลายประเทศ สำหรับประเทศไทยได้กำหนดความหมายของคำว่าพลังงานปรมาณู ไว้ในมาตรา 3 แห่งพ.ร.บ.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. 2504 ในความหมายที่ตรงกับคำว่า พลังงานนิวเคลียร์ และต่อมาได้บัญญัติไว้ในมาตรา3 ให้ครอบคลุมไปถึงพลังงานรังสีเอกซ์ด้วย การที่ยังรักษาคำว่าพลังงานปรมาณูไว้ในกฎหมาย โดยไม่เปลี่ยนไปใช้คำว่าพลังงานนิวเคลียร์แทน จึงน่าจะยังคงมีประโยชน์อยู่บ้าง เพราะในทางวิชาการถือว่า พลังงานเอกซ์ไม่ใช่พลังงานนิวเคลียร์ การกล่าวถึง พลังงานนิวเคลียร์ในเชิงปริมาณ ต้องใช้หน่วยที่เป็นหน่วยของพลังงาน โดยส่วนมากจะนิยมใช้หน่วย eV, KeV (เท่ากับ1,000 eV) และ MeV (เท่ากับ 1,000,000 eV) เมื่อกล่าวถึงพลังงานนิวเคลียร์ปริมาณน้อย และนิยมใช้หน่วยกิโลวัตต์- ชั่วโมง หรือ เมกะวัตต์-วัน เมื่อกล่าวถึงพลังงานปริมาณมาก ๆ โดย: 1MWd=เมกะวัตต์-วัน = 24,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมง และ 1MeV=1.854x10E-24 MWd
พลังนิวเคลียร์ (Nuclear power) เป็นศัพท์คำหนึ่งที่มีความหมายสับสน เพราะโดยทั่วไปมักจะมีผู้นำไปใช้ปะปนกับคำว่า พลังงานนิวเคลียร์ โดยถือเอาว่าเป็นคำที่มีความหมายแทนกันได้ แต่ในทางวิศวกรรมนิวเคลียร์เราควรจะใช้คำว่าพลังนิวเคลียร์ เมื่อกล่าวถึงรูปแบบหรือวิธีการเปลี่ยนพลังงานจากรูปหนึ่งไปสู่อีกรูปหนึ่งเช่น โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ย่อมหมายถึง โรงงานที่ใช้เปลี่ยนรูปพลังงานนิวเคลียร์มาเป็นพลังงานไฟฟ้า หรือเรือขับเคลื่อนด้วยพลังนิวเคลียร์ ย่อมหมายถึงเรือที่ขับเคลื่อนโดยการเปลี่ยนรูปพลังงานนิวเคลียร์มาเป็นพลังงานกล เป็นต้น พลังนิวเคลียร์เป็นคำที่มาจาก Nuclear power ในภาษาอังกฤษ แต่ในภาษาอังกฤษเอง เมื่อกล่าวถึงเรื่องที่เกี่ยวกับดุลอำนาจระหว่างประเทศ (Nuclear power) กลับหมายถึง มหาอำนาจนิวเคลียร์ หรือประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์สะสมไว้เพียงพอที่จะใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองได้ (โดยเฉพาะเมื่อใช้เป็นพหูพจน์) การเน้นให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคำ พลังนิวเคลียร์ และ พลังงานนิวเคลียร์ ก็เพราะในด้านวิศวกรรม พลังควรมีความหมาย เช่นเดียวกับกำลัง ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงพลังในเชิงปริมาณ จะต้องใช้หน่วยที่เป็นหน่วยของกำลัง เช่น "โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ขนาด 600 เมกะวัตต์ (ไฟฟ้า) โรงนี้ใช้เครื่องปฏิกรณ์แบบน้ำเดือด (BWR) ขนาด 1,800 เมกะวัตต์ (ความร้อน) เป็นเครื่องกำเนิดไอน้ำแทนเตาน้ำมัน" เป็นต้น
== อันตรายและความเสี่ยง ==
การทำงานที่เกี่ยวข้องกับสารกัมมันตภาพรังสีเป็นเวลานานอาจทำให้เนื้อเยื่อบางส่วนของร่างกายเสียหาย หรือก่อให้เกิดมะเร็งในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ อาทิเช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว และยังทำให้ผู้ที่ได้รับมีความผิดปกติทางเซลล์พันธุกรรมเช่น สัตว์เกิดไม่มีแขน ไม่มีขา ไม่มีตา ไม่มีสมอง และยังทำลายคนที่ไม่รู้วิธีป้องกันป่วยลง แต่อันตรายจากรังสีในปัจจุบันที่ได้รับมากที่สุดคือ ถ่านไฟฉายแต่จะเป็นรังสีจากโคบอล 60 ซึ่งมีวิธีการคือ อย่าแกะสังกะสีออก และใช้แล้วควรทิ้งทันที โดยทั่วไปรังสีที่เจอเป็นอันดับ 2 คือ รังสีเอกซ์ตามโรงพยาบาลในห้องเอกซ์เรย์ ซึ่งจะมีป้ายเตือนไว้หน้าห้องแล้ว และไม่ควรที่จะเข้าใกล้มากนัก หากพบว่ามีวัตถุที่แผ่รังสี ควรที่จะหลีกไป แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หากไม่แน่ใจก็ให้สอบถามผู้รู้เช่น ครูโรงเรียนมัธยม หรือเจ้าหน้าที่
อุบัติเหตุเกี่ยวกับการแผ่รังสีและพลังงานนิวเคลียร์รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล (1986), ที่ Fukushima Daiichi (2011) และที่เกาะทรีไมล์ (1979). นอกจากนี้ยังมีอุบัติเหตุที่เกิดในเรือดำน้ำนิวเคลียร์.. ในแง่ของการสูญเสียชีวิตต่อหน่วยของพลังงานที่สร้างขึ้น, นักวิเคราะห์ได้รายงานว่าพลังงานนิวเคลียร์ได้ก่อให้เกิดการเสียชีวิตต่อหน่วยของพลังงานน้อยกว่าหน่วยพลังงานที่สร้างขึ้นจากแหล่งที่สำคัญของการผลิตพลังงานอื่น ๆ การผลิตพลังงานจากถ่านหิน, ปิโตรเลียม, ก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้าพลังน้ำได้ก่อให้เกิดการเสียชีวิตต่อหน่วยของพลังงานที่สร้างขึ้นมีจำนวนมากกว่าอันเนื่องมาจากมลพิษทางอากาศและผลกระทบที่เกิดอุบัติเหตุ. อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจของอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะสูงและการลอมละลาย (meltdowns) อาจต้องใช้เวลาหลายทศวรรษในการทำความสะอาด. ค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายมนุษย์ในพึ้นที่ที่ได้รับผลกระทบและการดำรงชีวิตที่สูญเสียไปยังมีค่ามหาศาลอย่างมีนัยสำคัญ.
พร้อมกับแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนอื่น ๆ, พลังงานนิวเคลียร์เป็นวิธีการผลิตไฟฟ้าที่มีผลผลิตคาร์บอนที่ต่ำ, จากการวิเคราะห์ในเอกสารเกี่ยวกับวงจรชีวิตของความเข้มของการปล่อยคาร์บอนโดยรวมพบว่ามันก็คล้ายกับแหล่งพลังงานทดแทนอื่น ๆ เมื่อมีการเปรียบเทียบของการปล่อยแก๊สเรือนกระจก (greenhouse gas (GHG))ต่อหน่วยของพลังงานที่สร้างขึ้น ด้วยการแปลความหมายนี้, จากจุดเริ่มต้นของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเชิงพาณิชย์ในปี 1970, ได้มีการป้องกันไม่ให้เกิดการปล่อยก๊าซประมาณ 64 gigatonnes ของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าแก๊สเรือนกระจก (GtCO2-eq) (ก๊าซที่จะเกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่สร้างพลังงานไฟฟ้าขนาดเดียวกัน).
==การนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้==
ในปี 2011 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ผลิต 10% ของกระแสไฟฟ้าของโลก ในปี 2007, IAEA รายงานว่า มีเครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์ 439 เครื่องกำลังปฏิบัติงานในโลก ใน 31 ประเทศ. แต่อย่างไรก็ตาม หลายประเทศในขณะนี้ได้หยุดการดำเนินงานอันเนื่องมาจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่ฟูกูชิมะ ในขณะที่พวกเขามีการประเมินในด้านความปลอดภัย. ในปี 2011 การผลิตพลังงานนิวเคลียร์ทั่วโลกลดลง 4.3 % เป็นการลดลง ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์, ตามหลังการลดลงอย่างรวดเร็วในญี่ปุ่น(-44.3%) และ เยอรมนี (-23.2%).
ตั้งแต่พลังงานนิวเคลียร์เชิงพาณิชย์เริ่มขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1950, ปี 2008 เป็นปีแรกที่ ไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่ที่ถูกเชื่อมต่อกับกริด แม้ว่าจะมีสองเครื่องได้รับการเชื่อมต่อในปี 2009
การผลิตต่อปีของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยตั้งแต่ปี 2007, ลดลง 1.8% ในปี 2009 ลงมาที่ 2558 TWh หรือเพียง 13-14% ของความต้องการไฟฟ้าของโลก. ปัจจัยหนึ่งในการลดลงของพลังงานนิวเคลียร์ตั้งแต่ปี 2007 คือเนื่องจากการปิดเป็นเวลานานของเครื่องปฏิกรณ์ขนาดใหญ่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Kashiwazaki - Kariwa ในประเทศญี่ปุ่นหลังจากแผ่นดินไหวที่ นีงะตะ-Chuetsu-โอกิ.Kashiwazaki - Kariwa
สหรัฐอเมริกาผลิตพลังงานนิวเคลียร์มากที่สุดด้วยพลังงานนิวเคลียร์สูงถึง 19% ของกระแสไฟฟ้าที่ใช้. ในขณะที่ฝรั่งเศสผลิตเป็นเปอร์เซ็นต์สูงสุดของพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ถึง 80% ณ ปี 2006. ในสหภาพยุโรปโดยรวม, พลังงานนิวเคลียร์ผลิตได้ 30% ของไฟฟ้า. นโยบายพลังงานนิวเคลียร์มีความแตกต่างในระหว่างประเทศของสหภาพยุโรป และบางส่วนเช่น ออสเตรีย, เอสโตเนีย, ไอร์แลนด์ และอิตาลี ไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใช้งานอยู่. ในการเปรียบเทียบ ฝรั่งเศสมีโรงไฟฟ้าประเภทนี้จำนวนมาก, ที่มี 16 สถานีที่มีเครื่องปฏิกรมากกว่าหนึ่งเครื่องในการใช้งานในปัจจุบัน
ในสหรัฐอเมริกา, ในขณะที่อุตสาหกรรมไฟฟ้าจากถ่านหินและก๊าซ คาดว่าจะมีมูลค่า $ 85 พันล้านในปี 2013, เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า $ 18 พันล้าน.
เรือทหารจำนวนมากและเรือพลเรือนบางลำ (เช่น เรือตัดน้ำแข็งบางลำ) ใช้การขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร์. ยานอวกาศบางลำถูกยิงขึ้นโดยใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เต็มรูปแบบ. มีเครื่องปฏิกรณ์ 33 ชุดเป็นของสหภาพโซเวียต, RORSAT และอีกหนึ่งชุดเป็นของสหรัฐ, SNAP-10A.
การวิจัยนานาชาติยังมีการทำอยู่อย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงด้านความปลอดภัยเช่น ความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าแบบพาสซีฟ, การใช้นิวเคลียร์ฟิวชัน และการใช้ที่เพิ่มขึ้นของความร้อนในกระบวนการ เช่นการผลิตไฮโดรเจน (ในการสนับสนุนของเศรษฐกิจไฮโดรเจน), การแยกเกลือจากน้ำทะเลและ การใช้งานในระบบเขตร้อน (district heating system).
===ใช้ในอวกาศ===
ทั้งปฏิกิริยาฟิชชันและฟิวชั่นปรากฏว่าเป็นโอกาศสำหรับการใช้งานสำหรับขับเคลื่อนยานที่ใช้ในอวกาศเพื่อสร้างความเร็วที่สูงกว่าในการปฏิบัติภารกิจที่มีมวลปฏิกิริยา (reaction mass) น้อย. สิ่งนี้เนื่องจากความหนาแน่นของพลังงานที่สูงขึ้นมากของปฏิกิริยานิวเคลียร์: มีค่ามากกว่าเป็นเลข 7 หลัก (10,000,000 เท่า) ที่มีพลังมากขึ้นกว่าปฏิกิริยาเคมีที่ให้พลังงานกับจรวดปัจจุบัน.
การสลายตัวของสารกัมมันตรังสี (Radioactive Decay) ได้ถูกนำมาใช้ในระดับที่ค่อนข้างเล็ก (ไม่กี่กิโลวัตต์) ซึ่งส่วนใหญ่ให้พลังกับภารกิจและการทดลองในอวกาศโดยใช้เครื่องกำเนิดเทอร์โมอิเล็กทริกเรดิโอไอโซโทป (radioisotope thermoelectric generator) เช่น การพัฒนาในห้องปฏิบัติการแห่งชาติไอดาโฮ.
== การใช้พลังงานนิวเคลียร์ในประเทศไทย ==
==โรงไฟฟ้านิวเคลียร์==
เช่นเดียวกับหลายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนแบบเดิมที่ผลิตไฟฟ้าโดยการควบคุมพลังงานความร้อนที่ปล่อยออกมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แปลงพลังงานที่ปล่อยออกมาจากนิวเคลียสของอะตอมผ่านทางนิวเคลียร์ฟิชชันที่เกิดขึ้นในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์. ความร้อนถูกย้ายออกจากแกนเครื่องปฏิกรณ์โดยระบบระบายความร้อนที่ใช้ความร้อนในการสร้างไอน้ำ, ไอน้ำจะไปขับกังหันไอน้ำที่เชื่อมต่อกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้าต่อไป
==วงจรชีวิต==
เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงจรชีวิตสำหรับพลังงานนิวเคลียร์. กระบวนการเริ่มต้นด้วยการทำเหมืองแร่ (ดูการทำเหมืองแร่ยูเรเนียม). แร่ยูเรเนียมอยู่ใต้ดิน, เหมืองแร่อาจเป็นแบบเปิดหน้าหลุมหรือการกรองในแหล่งกำเนิด. ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม แร่ยูเรเนียมจะถูกสกัด, มักจะถูกแปลงให้เป็นรูปแบบที่มีความเสถียรและมีขนาดกะทัดรัด เช่น yellowcake จากนั้นจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ทำกระบวนการ. ที่นี่ yellowcake จะถูกแปลงเป็น hexafluoride ยูเรเนียม ซึ่งจะถูกทำให้มีสมรรถนะสูงโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ ณ จุดนี้ยูเรเนียมที่มีสมรรถนะสูงจะมี U-235 ตามธรรมชาติมากกว่า 0.7% จะถูกนำมาใช้ทำแท่งเชื้อเพลิงของเครื่องปฏิกรณ์ที่มีองค์ประกอบและรูปทรงเรขาคณิตที่เหมาะสม. แท่งเชื้อเพลิงจะใช้งานได้ประมาณ 3 รอบการดำเนินงาน (ปกติรวม 6 ปีในขณะนี้)ภายในเครื่องปฏิกรณ์, โดยทั่วไปจนถึงประมาณ 3 % ของยูเรเนียมของพวกมันจะถูกฟิชชันไป, จากนั้นพวกมันจะถูกย้ายไปยังจุดรวมเชื้อเพลิงใช้แล้ว, ที่จุดนี้ไอโซโทปอายุสั้นที่เกิดจากปฏิกิริยาฟิชชันจะสามารถสลายตัวไป. หลังจากนั้นประมาณ 5 ปีที่ อยู่ในจุดรวมเชื้อเพลิงใช้แล้ว, เชื้อเพลิงที่ใช้แล้วนี้จะถูกทำให้เย็นลงโดยวิธีกัมมันตภาพรังสีเพื่อให้อุณหภูมิลดลงพอที่จะจัดการได้ และมันจะถูกย้ายไปยังถังเก็บแห้งหรือไปแปรสภาพ (reprecess).
===ทรัพยากรเชื้อเพลิงธรรมดา===
ยูเรเนียมเป็นองค์ประกอบที่ค่อนข้างทั่วไปในเปลือกโลก. ยูเรเนียมประมาณว่ามีอยู่ทั่วไปเช่นเดียวกันกับดีบุกหรือเจอร์เมเนียมในเปลือกของโลก และมีประมาณ 40 เท่าที่จะพบได้บ่อยกว่าแร่เงิน. ยูเรเนียมเป็นส่วนประกอบของหินส่วนใหญ่, สิ่งสกปรกและของมหาสมุทร. ความจริงที่ว่ายูเรเนียมมีอยู่กระจัดกระจายอย่างมากทำให้เป็นปัญหา เพราะการทำเหมืองแร่ยูเรเนียมมีความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจก็ต่อเมื่อมันมีการรวมตัวที่เข้มข้นมาก. แต่กระนั้น ทรัพยากรยูเรเนียมของโลกที่วัดได้ในปัจจุบัน, ที่สามารถผลิตออกมาได้คุ้มค่าทางเศรษฐกิจในราคา 130 USD/กก., จะมีพอให้ใช้ได้ระหว่าง 70 ถึง 100 ปี.
ตามข้อมูลของ OECD ในปี 2006, มีการคาดว่าจะมีมูลค่าของยูเรเนียมที่ 85 ปีในแหล่งแร่ที่ระบุ, เมื่อยูเรเนียมนั้นถูกนำไปใช้ในเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์ในปัจจุบัน (light water), ที่มียูเรเนียมที่สามารถกู้ได้คุ้มค่าทางเศรษฐกิจเป็นเวลา 670 ปีในทรัพยากรและแหล่งแร่ฟอสเฟตธรรมดาโดยรวม, ในขณะที่ ยังมีการใช้เทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์ปัจจุบัน, ทรัพยากรที่สามารถเรียกคืนได้จากระหว่าง 60–100 USD/กิโลกรัมของยูเรเนียม โออีซีดีได้ตั้งข้อสังเกตว่า: ตัวอย่างเช่น OECD ได้กำหนดว่า ด้วยรอบเชื้อเพลิงของเครื่องปฏิกรณ์รวดเร็ว (fast reactor) ที่บริสุทธ์ ที่มีการเผาไหม้ของ, และการรีไซเคิลของ, ยูเรเนียมและ actinides ทั้งหมด, actinides ซึ่งปัจจุบันสร้างสารอันตรายมากที่สุดในกากนิวเคลียร์, จะมีมูลค่าของ ยูเรเนียมในทรัพยากรและแร่ฟอสเฟตธรรมดาโดยรวมถึง 160,000 ปี อ้างอิงจาก red book ของ OECD ในปี 2011, อันเนื่องมาจากการสำรวจที่เพิ่มขึ้น, แหล่งแร่ยูเรเนียมที่รู้จักได้เติบโตขึ้น 12.5% ตั้งแต่ปี 2008, ด้วย การเพิ่มขึ้นนี้ แปลได้ว่าจะมียูเรเนียมมากกว่าหนึ่งศตวรรษ ถ้าอัตราการใช้โลหะที่จะยังคงอยู่ในระดับของปี 2011.
ปัจจุบัน เครื่องปฏิกรณ์แบบ light water มีการใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ค่อนข้างไม่มีประสิทธิภาพด้วยการทำปฏิกิริยาฟิชชันกับไอโซโทปของยูเรเนียม-235 ที่หายากมากเท่านั้น. การนำกลับไปเข้ากระบวนการนิวเคลียร์ใหม่(Nuclear reprocessing)สามารถนำกากของเสียนี้กลับมาใช้ใหม่ได้, และการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, เช่นเครื่องปฏิกรณ์ Generation III ที่กำลังก่อสร้างในปัจจุบันได้ประลบความสำเร็จในการเผาไหม้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สูงกว่าเครื่องปฏิกรณ์ generation II รุ่นโบราณในปัจจุบัน ที่สร้างขึ้นเป็นส่วนใหญ่ของเครื่องปฏิกรณ์ทั่วโลก.
====การ Breeding====
ตรงข้ามกับเครื่องปฏิกรณ์ light water ในปัจจุบันที่ใช้ยูเรเนียม-235 (0.7% ของยูเรเนียมธรรมชาติทั้งหมด), เครื่องปฏิกรณ์แบบ Fast Breeder จะใช้ยูเรเนียม-238 (99.3% ของยูเรเนียมธรรมชาติทั้งหมด). มีการประเมินว่ามียูเรเนียม-238 มูลค่าถึงห้าพันล้านปีสำหรับใช้ใน โรงไฟฟ้าเหล่านี้.
เทคโนโลยี Breeder มีการใช้ในหลายเครื่องปฏิกรณ์, แต่ค่าใช้จ่ายในการนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่ของเชื้อเพลิงอย่างปลอดภัยที่สูงสำหรับระดับของเทคโนโลยีในปี 2006, ต้องใช้ยูเรเนียมราคาสูงกว่า 200 USD/กก.ก่อนที่จะคุ้มทุนทางเศรษฐกิจ. อย่างไรก็ตาม เครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder ยังคงถูกเรียกหาเพราะพวกมันมีศักยภาพในการเผาไหม้ actinides ทิ้งทั้งหมดของกากนิวเคลียร์ในคลังสินค้าคงคลังในปัจจุบันในขณะที่ยังคงผลิตพลังงานและสร้างปริมาณ เพิ่มเติมของเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปฏิกรณ์อีกหลายเครื่องผ่านกระบวนการ Breeding. ในปี 2005 มีเครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder อยู่สองเครื่องที่ผลิตพลังงาน: ฟีนิกซ์ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้ปิดตัวลงตั้งแต่ปี 2009 หลังจาก 36 ปีของการเดินเครื่อง และ BN-600 เครื่องปฏิกรณ์ที่สร้างขึ้นในปี 1980 ที่เมือง Beloyarsk, รัสเซีย ซึ่งยังคงใช้งานอยู่ ณ ปี 2013. กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ของ BN-600 คือ 600 เมกะวัตต์ - รัสเซียมีแผนจะขยายการใช้ในประเทศด้วยเครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder รุ่น BN-800, กำหนดให้เริ่มใช้งานในปี 2014, และการออกแบบทางเทคนิคของเครื่องปฏิกรณ์ Breeder ที่มีขนาดใหญ่กว่า, เครื่องปฏิกรณ์ BN-1200, กำหนดให้มีการสรุปได้ในปี 2013, กับการก่อสร้างที่กำหนดไว้สำหรับปี 2015. เครื่องปฏิกรณ์ Beeder ของญี่ปุ่น, Monju, เริ่มต้นเดินเครื่องใหม่ (หลังจากปิดตัวลงในปี 1995)ในปี 2010 เป็นเวลา 3 เดือน, แต่ต้องปิดตัวลงอีกครั้งหลังจากที่มีอุปกรณ์ตกลงไปในเครื่องปฏิกรณ์ในระหว่างการตรวจสอบ, มันถูกวางแผนให้เริ่มเดินเครื่องอีกครั้งในช่วงปลายปี 2013. ทั้งจีนและอินเดียกำลังสร้างเครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder. เครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder เร็วต้นแบบอินเดีย, 500 MWe, กำหนดเริ่มเดินเครื่องในปี 2014 และมีแผนจะสร้างขึ้นอีกห้าเครื่องในปี 2020. เครื่องปฏิกรณ์เร็วเชิงทดลองของจืนเริ่มผลิตไฟฟ้าในปี 2011.
อีกทางเลือกหนึ่งของเครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder เร็วก็คือ เครื่องปฏิกรณ์แบบ Breeder ความร้อนที่ใช้ยูเรเนียม-233 จากทอเรียมเป็นเชื้อเพลิงฟิชชันใน thorium fuel cycle. ทอเรียมพบได้บ่อยประมาณ 3.5 เท่าของยูเรเนียมในเปลือกของโลก และมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน. สารนี้จะขยายฐานทรัพยากรที่สามารถทำปฏิกิริยาฟิชชันในทางปฏิบัติได้โดยรวมถึง 450%. ในโปรแกรมพลังงานนิวเคลียร์สามขั้นตอนของอินเดียจะมีการใช้เชื้อเพลิง ทอเรียมในขั้นตอนที่สาม เนื่องจากมีทรัพยากรทอเรียมสำรองอยู่มากมายแต่มียูเรเนียมน้อย.
===ของเสียที่เป็นของแข็ง===
ของเสียที่สำคัญที่สุดจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์คือเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้ว. มันประกอบด้วยยูเรเนียมที่ไม่แปรเปลี่ยนเป็นหลัก เช่นเดียวกับปริมาณที่มีนัยสำคัญของ actinides ที่เป็น transuranic (ส่วนใหญ่เป็นพลูโตเนียมและคูเรียม). นอกจากนี้, ประมาณ 3% ของมันเป็นผลิตภัณฑ์ฟิชชันจากปฏิกิริยานิวเคลียร์. พวก actinides (ยูเรเนียม, พลูโตเนียม และ คูเรียม) มีความรับผิดชอบสำหรับกลุ่มของกัมมันตภาพรังสีในระยะยาว, ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ฟิชชันมีความรับผิดชอบในกลุ่มของกัมมันตภาพรังสีระยะสั้น.
====กากกัมมันตรังสีระดับสูง====
การจัดการกากกัมมันตรังสีระดับสูงสร้างความกังวลในการจัดการและการกำจัดของสารกัมมันตรังสีระดับสูง ที่ถูกสร้างขึ้นในระหว่างการผลิตพลังงานนิวเคลียร์. ปัญหาทางเทคนิคในการบรรลุงานนี้เป็นที่น่ากลัว, เนื่องจากเป็นระยะเวลานานมากที่ของเสียกัมมันตรังสีจะยังคงร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิต. โดยเฉพาะความกังวลจากสองผลิตภัณฑ์ฟิชชันอายุยาว ได้แก่ เทคนีเชียม-99 (ครึ่งชีวิต 220,000 ปี) และ ไอโอดีน-129 (ครึ่งชีวิต 15,700,000 ปี), ซึ่งจะมีอิทธิพลในการสร้างกัมมันตภาพรังสีจากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้วไปหลายพันปี. องค์ประกอบ transuranic ที่ลำบากที่สุดในเชื้อเพลิงใช้แล้วคือ เนปทูเนียม-237 (ครึ่งชีวิตสองล้านปี) และพลูโตเนียม-239 (ครึ่งชีวิต 24,000 ปี) ผลของมันคือ กากกัมมันตรังสี ระดับสูงต้องใช้การบำบัดและการจัดการที่มีความซับซ้อนเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการแยกมันจากชีวมณฑล. สิ่งนี้มักจะจำเป็นในการบำบัด, ตามด้วยกลยุทธ์การจัดการในระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บถาวรหรือการกำจัดหรือการเปลี่ยนแปลงของเสียให้อยู่ในรูปแบบที่ไม่เป็นพิษ
รัฐบาลทั่วโลกกำลังพิจารณาช่วงของการจัดการของเสียและตัวเลือกในการกำจัด, ที่มักจะเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บลึกลงไปในพื้นโลก (deep-geologic placement), แม้ว่าจะมีความคืบหน้าที่จำกัดในการดำเนินการแก้ปัญหาการจัดการของเสียในระยะยาว. นี่เป็นส่วนหนึ่ง เพราะระยะเวลาเป็นปัญหาเมื่อต้องรับมือกับกากกัมมันตรังสีที่มีขนาดตั้งแต่ 10,000 ถึงหลายล้านปี, อ้างถึงการศึกษาหลายครั้งที่มีพื้นฐานมาจากผลกระทบของปริมาณรังสีโดยประมาณ.
อย่างไรก็ตาม การออกแบบของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่นำเสนอบางเครื่อง เช่นเครื่องปฏิกรณ์ Integral Fast Reactor และ Molten salt reactor สามารถใช้กากนิวเคลียร์จากเครื่องปฏิกรณ์ light water มาเป็นเชื้อเพลิงได้, ทำการ transmutating มันให้เป็นไอโซโทปที่จะปลอดภัย หลังจากนี้หลายร้อยปี แทนที่จะเป็นนับหมื่นปี. สิ่งนี้อาจให้ทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่าการกำจัดโดยการฝังลึกใต้ผิวโลก
ความเป็นไปได้อีกทางหนึ่งก็คือ การใช้ทอเรียมในเครื่องปฏิกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับทอเรียม (แทนที่จะผสมทอเรียมด้วยยูเรเนียมและพลูโตเนียม (เช่นในเครื่องปฏิกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่). เชื้อเพลิงทอเรียมที่ใช้แล้วยังคงมีกัมมันตรังสีเพียงไม่กี่ร้อยปีแทนที่จะเป็นนับหมื่นปี.
เนื่องจาก ส่วนเล็ก ๆ ของอะตอมเรดิโอไอโซโทปที่ย่อยสลายต่อหน่วยเวลาจะแปรผกผันกับครึ่งชีวิตของมัน, กัมมันตภาพรังสีที่สัมพันธ์กันของปริมาณของกากกัมมันตรังสีของมนุษย์ที่ถูกฝังจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเทียบกับเรดิโอไอโซโทปธรรมชาติ (เช่นโซ่การสลายตัวของ 120 ล้านล้านตันของทอเรียม และ 40 ล้านล้านตันของยูเรเนียม ซึ่ง, ที่ร่องรอยสัมพันธ์ของความเข้มข้นของชิ้นส่วนต่อล้านหน่วย, จะอยู่บนเปลือกโลกที่ 3*1019 ตันมวล). ตัวอย่างเช่น ในช่วงระยะเวลาหลายพันปี, หลังจากที่เรดิโอไอโซโทปครึ่งชีวิตสั้นที่แอคทีฟที่สุดได้สลายตัว, กากนิวเคลียร์สหรัฐอเมริกาที่ฝังไว้จะเพิ่มกัมมันตภาพรังสีใน 2,000 ฟุตด้านบนของหินและดินในประเทศสหรัฐอเมริกา (10 ล้าน กิโลเมตร2) เพิ่มขึ้น ≈ 1 ใน 10 ล้านส่วนมากกว่าปริมาณสะสมของเรดิโอไอโซโทปธรรมชาติในปริมาตรดังกล่าว, ถึงแม้ว่า บริเวณใกล้เคียงของสถานที่จะมีความเข้มข้นของไอโซโทปรังสีเทียมใต้ดินสูงกว่าค่าเฉลี่ยดังกล่าว
====กากกัมมันตรังสีระดับต่ำ====
อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ยังผลิตกากกัมมันตรังสีระดับต่ำเป็นปริมาณมากอีกด้วยในรูปแบบของรายการปนเปื้อน เช่น เสื้อผ้า, เครื่องมือที่ใช้มือ, เรซินสำหรับเครื่องกรองน้ำ และ (เมื่อตอนรื้อถอน)วัสดุต่างๆที่สร้างเป็นตัวเครื่องปฏิกรณ์ขึ้นมา. ในสหรัฐอเมริกา, คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานมีความพยายามซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อยอมให้วัสดุในระดับต่ำให้ได้รับการจัดการเฉกเช่นของเสียปกติ: นั่นคือฝังกลบ, กลับมาใช้ใหม่เป็นของใช้ของผู้บริโภค เป็นต้น
====การเปรียบเทียบกากกัมมันตรังสีกับขยะพิษอุตสาหกรรม====
ในประเทศที่มีพลังงานนิวเคลียร์, กากกัมมันตรังสีประกอบด้วยของเสียที่เป็นพิษน้อยกว่า 1% ของของเสียที่เป็นพิษในภาคอุตสาหกรรมโดยรวม, ซึ่งส่วนมากยังคงเป็นอันตรายเป็นเวลานาน. โดยรวมแล้ว พลังงานนิวเคลียร์ผลิตวัสดุของเสียน้อยโดยปริมาตรกว่าโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล. โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าที่เผาถ่านหินมีข้อสังเกตในการผลิตเถ้าที่เป็นพิษและกัมมันตภาพรังสีอย่างอ่อนจำนวนมาก เนื่องจากถ่านหินมีการสะสมทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโลหะและวัสดุกัมมันตรังสีอย่างอ่อน. รายงานในปี 2008 จากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Oak Ridge สรุปได้ว่า ไฟฟ้าจากถ่านหินจริง ๆ แล้วจะส่งผลให้กัมมันตภาพรังสีถูกปล่อยออกมาในสภาพแวดล้อมมากกว่าการดำเนินงานของพลังงานนิวเคลียร์, และว่าค่าของยาที่มีผลกระทบต่อประชากรเทียบเท่า หรือปริมาณยาที่ให้กับประชาชนจากการแผ่รังสีจากโรงไฟฟ้าถ่านหินจะเป็น 100 เท่าของการดำเนินการของโรงงานนิวเคลียร์ในอุดมคติ. อันที่จริง เถ้าถ่านหินมีกัมมันตรังสีน้อยกว่าเชื้อเพลิงใช้แล้วมากเมื่อเทียบน้ำหนักที่เท่ากัน, แต่เถ้าถ่านหินถูกผลิตในปริมาณที่มากกว่าต่อหน่วยของ พลังงานที่สร้างขึ้น, และเถ้าเหล่านี้ถูกปล่อยออกโดยตรงในสภาพแวดล้อมเป็นเถ้าลอยในอากาศ, ในขณะที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใช้สิ่งป้องกันเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมจากสารกัมมันตรังสี, เช่น ภาชนะเก็บถังแห้ง.
====การกำจัดของเสีย====
การกำจัดของเสียนิวเคลียร์มักจะกล่าวกันว่าเป็น'ส้นเท้าอุตสาหกรรมของ Achilles'. ปัจจุบัน ของเสียส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้ที่สถานที่ตั้งของเครื่องปฏิกรณ์แต่ละแห่งและมีสถานที่กว่า 430 แห่งทั่วโลกที่วัสดุกัมมันตรังสียังคงมีการสะสมอย่างต่อเนื่อง. ผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำว่าหลุมเก็บใต้ดินส่วนกลางที่มีการจัดการ, การป้องกันรักษา, และการเฝ้าดูอย่างดีจะช่วยได้อย่างมาก. มี "ฉันทามติระหว่างประเทศเกี่ยวกับคำแนะนำในการจัดเก็บกากนิวเคลียร์ในหลุมเก็บลึกทางธรณีวิทยา" ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของกากนิวเคลียร์ในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชั่นธรรมชาติใน Oklo, ประเทศกาบอง, อายุ 2 พันล้านปี, ถูกอ้างว่าเป็น " แหล่งที่มาของข้อมูลที่จำเป็นในวันนี้".
เมื่อปี 2009 ไม่มีหลุมเก็บใต้ดินที่มีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ในการดำเนินงานดังกล่าว โรงแยกของเสียต้นแบบในรัฐนิวเม็กซิโกได้รับกากนิวเคลียร์ตั้งแต่ปี 1999 จากเครื่องปฏิกรณ์ผลิตไฟฟ้า แต่ชื่อที่เรียกจะเป็น'สถานีอำนวยความสะดวกวิจัยและพัฒนา'
===การนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่===
การนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่อาจมีศักยภาพที่จะสามารถกู้คืนได้ถึง 95% ของยูเรเนียมและพลูโตเนียมที่เหลืออยู่ในเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว, ทำให้มันเป็นเชื้อเพลิงใหม่ผสมออกไซด์. ขบวนการนี้จะลดการผลิตกัมมันตภาพรังสีในระยะยาวภายในของเสียที่เหลือ, เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ได้นี้เป็นผลิตภัณฑ์ฟิชชันอายุสั้นขนาดใหญ่และจะลดปริมาตรของมันลงกว่า 90%. การนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่ของเชื้อเพลิงจากเครื่องปฏิกรณ์พลเรือนปัจจุบันจะทำอยู่ในสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส และ รัสเซีย(ในอดีต), เร็ว ๆ นี้จะมีการปรับในประเทศจีนและอาจเป็นอินเดีย, และกำลังจะถูกดำเนินการในระดับกว้างในประเทศญี่ปุ่น. การนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่อย่างเต็มศักยภาพยังไม่ประสบความสำเร็จเพราะต้องใช้เครื่องปฏิกรณ์แบบ breeder, ที่ยังไม่มีใช้ในเชิงพาณิชย์. ฝรั่งเศสได้อ้างถีงการนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด แต่ในปัจจุบัน มันทำการรีไซเคิลได้เพียง 28% (โดยมวล)ของการใช้เชื้อเพลิงต่อปีเท่านั้น, 7% ภายในฝรั่งเศสและอีก 21% ในรัสเซีย
การนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่ไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในสหรัฐอเมริกา. รัฐบาลของโอบามาไม่อนุญาตให้ทำการนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่ของกากนิวเคลียร์โดยอ้างความกังวลในการขยายการใช้นิวเคลียร์. ในสหรัฐอเมริกา เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้วในขณะนี้ทั้งหมดถือว่าเป็นของเสีย.
====ยูเรเนียมที่สลายตัวหมด====
ยูเรเนียมที่มีสมรรถนะสูงจะผลิตยูเรเนียมที่สลายตัวหมด (depleted uranium (DU))ได้หลายตัน. DU ประกอบด้วย U-238 ที่มีไอโซโทปที่เกิดปฏิกิริยาฟิชชันได้ง่ายส่วนใหญ่ของ U-235 ถูกถอดออกไปแล้ว. U-238 เป็นโลหะที่แกร่งในการนำไปใช้ทางการค้าทั้งหลายตัวอย่างเช่นการผลิตอากาศยาน, การป้องกันการกระจายรังสีและเกราะ เนื่องจากว่ามันมีความหนาแน่นสูงกว่าตะกั่ว. DU ยังถูกใช้อย่างขัดแย้งกันในอาวุธต่าง ๆ; เช่นหัวเจาะเกราะ DU (DU penetrator) (กระสุนหรือหัวเจาะเกราะของ APFSDS)ที่สามารถ "ลับให้คมด้วยตัวเอง" เนื่องจากแนวโน้มของยูเรเนียมที่จะแตกออกตามแนวเฉือน.
==เศรษฐศาสตร์==
เศรษฐศาสตร์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันเพราะมีหลายมุมมองที่แปลกแยกในหัวข้อนี้และเกี่ยวพันกับการลงทุนหลายพันล้านดอลล่าร์สำหรับทางเลือกของแหล่งพลังงาน. โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มักจะมีค่าใช้จ่ายเงินทุนสูงสำหรับการสร้างโรงงาน แต่ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงที่ต่ำ. ดังนั้น เมื่อเทียบกับวิธีการผลิตไฟฟ้าอื่น ๆ จะขึ้นอยู่เป็นอย่างยิ่งกับสมมติฐานเกี่ยวกับระยะเวลาการก่อสร้างและการจัดหาเงินทุนสำหรับโรงงานนิวเคลียร์รวมทั้งค่าใช้จ่ายในอนาคตของเชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียนเช่นเดียวกับโซลูชั่นการจัดเก็บพลังงานสำหรับแหล่งพลังงานที่ไม่สม่ำเสมอ. ประมาณการค่าใช้จ่ายยังต้องพิจารณาถึงการรื้อถอนโรงงานและต้นทุนการเก็บรักษากากนิวเคลียร์. ในทางกลับกัน มาตรการที่จะบรรเทาภาวะโลกร้อนเช่นการเก็บภาษีคาร์บอนหรือการซื้อขายมลพิษคาร์บอนอาจให้ประโยชน์กับเศรษฐศาสตร์ของพลังงานนิวเคลียร์.
ในปีที่ผ่านมา ได้มีการชะลอตัวของการเติบโตของความต้องการไฟฟ้าและการจัดหาเงินทุนได้กลายเป็นเรื่องยากมากขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อโครงการขนาดใหญ่เช่นเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้ามีขนาดใหญ่มากและรอบโครงการระยะยาวที่แบกรับความเสี่ยงที่หลากหลาย. ในยุโรปตะวันออก หลายโครงการที่ก่อตั้งมานานกำลังดิ้นรนเพื่อหาเงินลงทุน, ที่โดดเด่นคือที่ Belene ในบัลแกเรียและเครื่องปฏิกรณ์เพิ่มเติมที่ Cernavoda ในโรมาเนียและผู้อุดหนุนที่มีศักยภาพบางส่วนมีการถอนตัว. ในกรณีที่ก๊าซราคาถูกยังมีให้ใช้ได้และในอนาคตอุปทานค่อนข้างมั่นคง, สิ่งเหล่านี้จึงแสดงให้เห็นถึงอุปสรรคสำคัญสำหรับโครงการนิวเคลียร์
การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ของพลังงานนิวเคลียร์จะต้องคำนึงถึงผู้ที่แบกรับความเสี่ยงของความไม่แน่นอนในอนาคต. ในวันนี้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่กำลังดำเนินงานทั้งหมดได้รับการพัฒนาโดยรัฐเป็นเจ้าของหรือหน่วยงานยูทิลิตี้ผูกขาดที่รัฐกำกับดูแล, ในขณะที่หลายความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง, ประสิทธิผลการดำเนินงาน, ราคาเชื้อเพลิง, ความรับผิดสำหรับอุบัติเหตุและปัจจัยอื่น ๆ จะตกเป็นภาระของผู้บริโภคมากกว่าผู้ให้บริการ. นอกจากนี้ เนื่องจากความรับผิดที่อาจเกิดขึ้นจากการเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์มีมาก, ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของความรับผิดการประกันภัยทั่วไปจะถูกจำกัด/ตัดยอดจากรัฐบาล, ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานของสหรัฐได้สรุปว่าประกอบด้วยเงินอุดหนุนอย่างมีนัยสำคัญ. หลายประเทศในขณะนี้ได้เปิดเสรีตลาดไฟฟ้าเพื่อที่ความเสี่ยงเหล่านี้, และความเสี่ยงของคู่แข่งที่ถูกกว่าที่เกิดขึ้นก่อนที่ค่าใช้จ่ายเงินทุนจะถูกกู้คืน, จะตกเป็นภาระของผู้สร้างและผู้ดำเนินการโรงงานแทนที่จะเป็นของผู้บริโภค, ที่นำไปสู่การประเมินผลที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญของเศรษฐกิจของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่.
หลังจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ Fukushima Daiichi ในปี 2011 ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในการดำเนินงานปัจจุบันและในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งใหม่, เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการจัดการเชื้อเพลิงใช้แล้วบนสถานที่ตั้งและการออกแบบที่ถูกยกระดับสำหรับภัยคุกคามขั้นพื้นฐานมากมาย.
==การเกิดอุบัติเหตุและความปลอดภัย, ค่าใช้จ่ายของมนุษย์และทางการเงิน==
อุบัติเหตุนิวเคลียร์และการกระจายรังสีที่เกิดขึ้นบางครั้งมีตวามร้ายแรง. เบนจามิน เค Sovacool ได้รายงานว่า ทั่วโลกมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 99 ครั้ง. ห้าสิบเจ็ดครั้งเกิดขึ้นตั้งแต่ภัยพิบัติเชอร์โนบิล, และ 57% (56 จาก 99) ของการเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ทั้งหมดได้เกิดขึ้นใน USA
อุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รวมถึงอุบัติเหตุเชอร์โนบิล (1986) ที่มีประมาณ 60 คนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและคาดว่าในที่สุดแล้วจะมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดตั้งแต่ 4000 ถึง 25,000 คนจากโรคมะเร็งที่ซ่อนเร้นในภายหลัง. ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ (2011) ยังไม่ได้ก่อให้เกิดการเสียชีวิตใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระจายของรังสีและคาดว่าในที่สุดแล้วจะมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดตั้งแต่ 0-1000 คน, และอุบัติเหตุที่เกาะสามไมล์ไอส์แลนด์ (1979) ไม่มีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งหรืออย่างอื่นจากการติดตามการศึกษาของอุบัติเหตุครั้งนี้. อุบัติเหตุที่เกิดกับเรือดำน้ำขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร์รวมถึงอุบัติเหตุที่เกิดกับเครื่องปฏิกรณ์เรือดำน้ำโซเวียต K-19 (1961), อุบัติเหตุที่เกิดกับเครื่องปฏิกรณ์เรือดำน้ำโซเวียต K-27(1968), อุบัติเหตุเครื่องปฏิกรณ์เรือดำน้ำโซเวียต K- 431(1985). การวิจัยระหว่างประเทศได้ทำอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงด้านความปลอดภัยเช่นโรงงานที่ปลอดภัยแบบพาสซีฟ และความเป็นไปได้ในการใช้งานในอนาคตของนิวเคลียร์ฟิวชัน
ในแง่ของการสูญเสียชีวิตต่อหน่วยของพลังงานที่ผลิต, พลังงานนิวเคลียร์ได้ก่อให้เกิดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุน้อยต่อหน่วยของพลังงานที่สร้างขึ้นกว่าแหล่งอื่น ๆ ที่สำคัญของการผลิตพลังงาน. พลังงานที่ผลิตจากถ่านหิน, ปิโตรเลียม, ก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้าพลังน้ำได้ก่อให้เกิดการเสียชีวิตมากกว่าต่อหน่วยของพลังงานที่สร้างขึ้น, จากมลพิษทางอากาศและการเกิดอุบัติเหตุพลังงาน. สิ่งนี้จะพบได้ในการเปรียบเทียบต่อไปนี้, เมื่อมีการเสียชีวิตทันทีที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์จากการเกิดอุบัติเหตุเมื่อเทียบกับการเสียชีวิตทันทีจากแหล่งพลังงานอื่น ๆ เหล่านี้, เมื่อเสียชีวิตแบบแฝง, หรือที่คาดไว้, หรือทางอ้อมจากมะเร็งอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุพลังงานนิวเคลียร์เมื่อเทียบกับการเสียชีวิตโดยทันทีจากแหล่งพลังงานดังกล่าวข้างต้น และเมื่อนำผลรวมของการเสียชีวิตโดยทันทีและเสียชีวิตโดยทางอ้อมมาเปรียบเทียบระหว่างจากพลังงานนิวเคลียร์และจากเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด, การเสียชีวิตที่เกิดจากการทำเหมืองแร่ของทรัพยากรทางธรรมชาติที่จำเป็นในการผลิตกระแสไฟฟ้าและในการทำให้เกิดมลพิษในอากาศ. ด้วยข้อมูลเหล่านี้, การใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ได้รับการคำนวณว่าได้ป้องกันไม่ให้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมากโดยการลดสัดส่วนของพลังงานที่อาจถูกสร้างขึ้นโดยเชื้อเพลิงฟอสซิลและคาดว่าจะยังคงทำเช่นนั้นต่อไป
อุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตามที่เบนจามินเค Sovacool, อยู่ในตำแหน่งอันดับแรกในแง่ของค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจที่คิดเป็นร้อยละ 41 ของความเสียหายของทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นผลมาจากอุบัติเหตุพลังงาน อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ที่นำเสนอในวารสารต่างประเทศ "การประเมินความเสี่ยงเชิงนิเวศน์และมนุษย์" พบว่าถ่านหิน, น้ำมัน, ก๊าซปิโตรเลียมเหลวและอุบัติเหตุน้ำมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่าการเกิดอุบัติเหตุจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
หลังจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ Fukushima ที่ญี่ปุ่นในปี 2011 เจ้าหน้าที่ปิด 54 โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าหากญี่ปุ่นไม่เคยนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้, อุบัติเหตุและมลพิษจากโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือแก๊สอาจจะทำให้เกิดการเสียชีวิตมากกว่านี้. เมื่อปี 2013 โรงไฟฟ้าที่ Fukushima ยังคงมีกัมมันตรังสีที่สูง, ประมาณ 160,000 คนที่ถูกอพยพยังคงอาศัยอยู่ในที่อยู่อาศัยชั่วคราว, และที่ดินบางส่วนจะไม่สามารถทำฟาร์มได้นานหลายศตวรรษ. การทำความสะอาดอาจต้องใช้เวลาถึง 40 ปีหรือมากกว่านั้นและต้องใช้ค่าใช้จ่ายนับพันล้านดอลลาร์.
การอพยพโดยการบังคับให้ออกจากพื้นที่อุบัติเหตุนิวเคลียร์อาจนำไปสู่การแยกทางสังคม, ความวิตกกังวล, ความซึมเศร้า, ปัญหาสุขภาพจิตใจ, พฤติกรรมเสี่ยง, อาจถึงกับฆ่าตัวตาย. ปัญหาดังกล่าวเคยเป็นผลของภัยพิบัตินิวเคลียร์เชอร์โนบิลในปิ 1986 ในยูเครน. การศึกษาอย่างครอบคลุมในปี 2005 สรุปว่า "ผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเชอร์โนบิลเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกปลดปล่อยโดยอุบัติเหตุจนถึงวันนี้". แฟรงก์ เอ็น ฟอน ฮิพเพล นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะในปี 2011 ว่า "ความกลัวของรังสีที่เป็นไอออนอาจมีผลกระทบทางจิตวิทยาในระยะยาวกับส่วนใหญ่ของประชากรในพื้นที่ปนเปื้อน"
==การแพร่ขยายของนิวเคลียร์==
เทคโนโลยีและวัสดุหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์มีความสามารถในการใช้สองแบบ, ในสองแบบนั้น พวกมันสามารถใช้ในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ถ้าประเทศใดประเทศหนึ่งเลือกที่จะทำเช่นนั้น. เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้โครงการไฟฟ้านิวเคลียร์จะกลายเป็นเส้นทางที่นำไปสู่อาวุธนิวเคลียร์หรือภาคผนวกของประชาชนในการโครงการอาวุธที่เป็น"ความลับ". ความกังวลเรื่องกิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่านเป็นกรณีหนึ่งในจุดนี้
เป้าหมายพื้นฐานเพื่อความปลอดภัยของชาวอเมริกันและของโลกคือการลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของนิวเคลียร์ที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวของพลังงานนิวเคลียร์ หากการพัฒนานี้เป็น"การจัดการไม่ดีหรือความพยายามทั้งหลายเพื่อจำกัดความเสี่ยงไม่ประสบความสำเร็จ, อนาคตของนิวเคลียร์จะเป็นอันตราย". ความร่วมมือพลังงานนิวเคลียร์ทั่วโลกเป็นหนึ่งในความพยายามระหว่างประเทศดังกล่าวเพื่อสร้างเครือข่ายการกระจายในที่ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังต้องการพลังงาน จะได้รับเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ในอัตราที่ลดราคา, ในการแลกเปลี่ยนสำหรับประเทศนั้นที่จะเห็นพ้องที่จะละเลยในการพัฒนาโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในประเทศของตัวเอง
ตามบทความของเบนจามิน เค Sovacool, "จำนวนของเจ้าหน้าที่ระดับสูง, แม้แต่ภายในสหประชาชาติ, ได้ถกเถียงกันอยู่ว่าพวกเขาสามารถทำได้เล็กน้อยที่จะหยุดรัฐในการใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์". รายงานของสหประชาชาติในปี 2009 กล่าวว่า:
การฟื้นตัวของความสนใจในพลังงานนิวเคลียร์อาจทำให้เกิดการแพร่กระจายทั่วโลกของการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมและเทคโนโลยีการนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่ของเชื้อเพลิงใช้แล้วซึ่งมีความเสี่ยงที่เห็นได้ชัดของการขยายเพราะเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถผลิตวัสดุที่ทำปฏิกิริยาฟิชชันได้ง่ายที่ใช้งานได้โดยตรงในอาวุธนิวเคลียร์.
อีกด้านหนึ่ง ปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการสนับสนุนเครื่องปฏิกรณ์พลังงานจะเนื่องจากการร้องขอที่เครื่องปฏิกรณ์เหล่านี้มีในการลดคลังอาวุธนิวเคลียร์ผ่านโครงการเมกะตันเป็นเมกะวัตต์, โครงการหนึ่งที่สามารถลดการใช้ยูเรเนียมที่ได้รับการเสริมสมรรถนะอย่างสูงถึง 425 เมตริกตัน, ซึ่งเท่ากับ 17,000 หัวรบขีปนาวุธนิวเคลียร์, โดยการแปลงมันให้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เชิงพาณิชย์, และมันก็เป็นความสำเร็จมากที่สุดของโครงการเดียวที่ไม่ขยายตัวจนถึงวันนี้
โครงการเมกะตันเป็นเมกะวัตต์ได้รับการยกย่องว่าเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่โดยการสนับสนุนอาวุธต่อต้านนิวเคลียร์เพราะมันได้เป็นแรงผลักดันยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังการลดลงอย่างรวดเร็วในปริมาณของอาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลกตั้งแต่สงครามเย็นสิ้นสุด. อย่างไรก็ตามโดยไม่ต้องเพิ่มเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และความต้องการมากขึ้นสำหรับเชื้อเพลิงฟิชชัน, ค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนและการกลั่นให้ต่ำลงได้ชักนำให้รัสเซียต่อต้านการต่อเนื่องการลดอาวุธของพวกเขา
ปัจจุบัน ตามความเห็นของศาสตราจารย์แมทธิว Bunn แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด "พวกรัสเซียไม่สนใจระยะไกลในการขยายโครงการหลังปี 2013. เราได้จัดการให้มีการจัดตั้งวิธีการที่พวกเขาจะจ่ายมากขึ้นและได้กำไรน้อยลงเพียงแค่ให้พวกเขาทำยูเรเนียมใหม่ที่มีสมรรถนะต่ำสำหรับเครื่องปฏิกรณ์จากไม่มีอะไรเลย. แต่มีวิธีอื่นที่จะจัดตั้งขึ้นที่จะทำกำไรได้มากสำหรับพวกเขาและยังจะให้บางส่วนของผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ของพวกเขาในการส่งเสริมการส่งออกนิวเคลียร์ของพวกเขา"
ในโครงการเมกะตันเป็นเมกะวัตต์, ประมาณ $ 8 พันล้านของยูเรเนียมเกรดอาวุธจะถูกแปลงเป็นยูเรเนียมเกรดเครื่องปฏิกรณ์ในการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ 10,000 ชุด
ในเดือนเมษายน 2012 มี 31 ประเทศที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์พลเรือน. ในปี 2013, มาร์ค Diesendorf กล่าวว่ารัฐบาลของฝรั่งเศส, อินเดีย, เกาหลี, ปากีสถาน, สหราชอาณาจักรและแอฟริกาใต้มีการใช้พลังงานนิวเคลียร์และ/หรือเครื่องปฏิกรณ์เพื่องานวิจัยเพื่อช่วยในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์หรือเพื่อมีส่วนร่วมในการจัดหาระเบิดนิวเคลียร์จากเครื่องปฏิกรณ์ทางทหาร
==ปัญหาสิ่งแวดล้อม==
การวิเคราะห์วงจรชีวิต (Life cycle analysis (LCA)) ของการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะแสดงพลังนิวเคลียร์เมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งพลังงานหมุนเวียน. การปล่อยมลพิษจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลมีหลายครั้งที่สูงกว่ามาก
อ้างถึง คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ด้านผลกระทบของการแผ่รังสีอะตอมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Scientific Committee on the Effects of Atomic Radiation (UNSCEAR)), การดำเนินงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สม่ำเสมอที่รวมถึงวัฏจักรเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จะมีผลทำให้เรดิโอไอโซโทปถูกปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนถึง 0.0002 mSv (มิลลิ Sievert) ต่อปีของการเสี่ยงสาธารณะเฉลี่ยทั่วโลก. (นั่นเป็นขนาดเล็กเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงในรังสีพื้นหลังธรรมชาติซึ่งมีค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 2.4 mSv/a แต่บ่อยครั้งที่แปรเปลี่ยนระหว่าง 1 mSv/a และ 13 mSv/a ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของบุคคลตามที่กำหนดโดย UNSCEAR) ตามรายงานปี 2008, มรดกที่เหลืออยู่ของอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุด (ภัยพิบัติเชอร์โนบิล) เป็น 0.002 mSv/a ในความเสี่ยงเฉลี่ยทั่วโลก (ตัวเลขที่เป็น 0.04 mSv ต่อคนเฉลี่ยกับประชาชนทั้งหมดในซีกโลกเหนือในปีที่เกิดอุบัติเหตุในปี 1986, ถึงแม้จะสูงกว่าอย่างมากในหมู่ประชากรท้องถิ่นและคนงานกู้คืนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด)
===การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ===
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ก่อให้เกิดสภาพอากาศสุดขั้วเช่นคลื่นความร้อน, ระดับความชื้นในอากาศลดลงและภัยแล้งอาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานของพลังงานนิวเคลียร์. น้ำทะเลเป็นตัวกัดกร่อน ดังนั้นการจัดหาพลังงานนิวเคลียร์มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบทางลบจากปัญหาการขาดแคลนน้ำจืด. ปัญหาทั่วไปนี้อาจกลายเป็นปัญหามากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป. สิ่งนี้สามารถบังคับให้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ปิดตัวลงได้อย่างที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสในช่วงคลื่นความร้อนปี 2003 และ 2006. อุปทานพลังงานนิวเคลียร์ได้ลดลงอย่างรุนแรงจากอัตราการไหลของแม่น้ำที่ต่ำและภัยแล้งซึ่งหมายความว่าแม่น้ำได้มาถึงจุดอุณหภูมิสูงสุดสำหรับหล่อเย็นเครื่องปฏิกรณ์. ในระหว่างที่เกิดคลื่นความร้อน, เครื่องปฏิกรณ์ 17 เครื่องต้องจำกัดการส่งพลังงานออกหรือปิดตัวลง. 77% ของกระแสไฟฟ้าในฝรั่งเศสถูกผลิตโดยพลังงานนิวเคลียร์และในปี 2009 สถานการณ์ที่คล้ายกันสร้างปัญหาการขาดแคลนถึง 8GW และบังคับให้รัฐบาลฝรั่งเศสต้องนำเข้าไฟฟ้า. กรณีอื่น ๆ ได้รับรายงานจากเยอรมนีที่อุณหภูมิสูงได้ลดการผลิตพลังงานนิวเคลียร์ 9 ครั้ง เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงระหว่างปี 1979 และ 2007. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Unterweser ลดการผลิตลง 90% ระหว่างเดือนมิถุนายนและกันยายนปี 2003
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Isar ตัดการผลิตออก 60% เป็นเวลา 14 วันเนื่องจากอุณหภูมิแม่น้ำสูงเกินและการไหลของกระแสในแม่น้ำ Isar ที่ต่ำในปี 2006
เหตุการณ์ที่คล้ายกันเกิดขึ้นในที่อื่น ๆ ในยุโรปในช่วงฤดูร้อนปีเดียวกัน. ถ้าภาวะโลกร้อนยังคงดำเนินต่อไป, การหยุดชะงักแบบนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น.
==การรื้อถอนนิวเคลียร์==
ราคาของพลังงานที่ใส่เข้าไปและค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมของทุกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังคงต่อเนื่องเป็นเวลานานหลังจากสิ่งอำนวยความสะดวกเสร็จสิ้นการผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีประโยชน์สุดท้าย. ทั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นยูเรเนียมสมรรถนะสูงจะต้องถูกปลดประจำการ, กลับคืนสถานที่และชิ้นส่วนของมันให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยมากพอที่จะถูกมอบหมายให้ไปใช้ในงานอื่น ๆ หลังจากระยะเวลาการระบายความร้อนออกที่อาจนานเป็นศตวรรษ, เครื่องปฏิกรณ์จะต้องถูกรื้อถอนและตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อที่จะถูกบรรจุในภาชนะบรรจุเพื่อการกำจัดขั้นสุดท้าย. กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่มีราคาแพงมาก, ใช้เวลานาน, อันตรายสำหรับคนงาน, เป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ, และนำเสนอโอกาสใหม่สำหรับความผิดพลาดของมนุษย์, อุบัติเหตุหรือการก่อวินาศกรรม.
พลังงานทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการรื้อถอนจะมีมากถึง 50% มากกว่าพลังงานที่จำเป็นสำหรับการก่อสร้างมันขึ้นมา. ในกรณีส่วนใหญ่ ขั้นตอนการรื้อถอนมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปจนถึง 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ. การรื้อถอนที่สถานที่ติดตั้งนิวเคลียร์ที่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงมีราคาแพงที่สุดและใช้เวลานานที่สุด. ในสหรัฐอเมริกามี 13 เครื่องปฏิกรณ์ที่มีการปิดตัวลงอย่างถาวรและอยู่ในบางขั้นตอนของการรื้อถอน, และไม่มีเครื่องไหนเลยที่เสร็จสิ้นกระบวนเรียบร้อยแล้ว.
โรงไฟฟ้าในสหราชอาณาจักรปัจจุบันคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนเกิน £ 73 พันล้าน
==การอภิปรายเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์==
ดูเพิ่มเติม: นโยบายพลังงานนิวเคลียร์และการเคลื่อนไหวต่อต้านนิวเคลียร์
การอภิปรายพลังงานนิวเคลียร์จะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ซึ่งได้ล้อมรอบการใช้งานและการใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชันในการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์สำหรับวัตถุประสงค์ทางพลเรือน การอภิปรายเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นสู่จุดสูงสุดระหว่างปี 1970 และ 1980 เมื่อมัน "เข้าถึงความรุนแรงที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในประวัติศาสตร์ของการขัดแย้งทางเทคโนโลยี" ในบางประเทศ
ฝ่ายเสนอของพลังงานนิวเคลียร์ยืนยันว่าพลังงานนิวเคลียร์เป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนที่ช่วยลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนและเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานโดยการลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานที่นำเข้า ผู้เสนอยังอ้างต่อไปว่าพลังงานนิวเคลียร์แทบจะไม่ผลิตมลพิษทางอากาศทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เช่น แก๊สเรือนกระจกและหมอกควัน ในทางตรงกันข้ามกับทางเลือกหลักที่นำโดยเชื้อเพลิงฟอสซิล พลังงานนิวเคลียร์สามารถผลิตพลังงานที่มีพื้นฐานจากโหลดแตกต่างจากพลังงานหมุนเวียนจำนวนมากที่มีแหล่งพลังงานที่ไม่สม่ำเสมอ ขาดวิธีในการจัดเก็บพลังงานขนาดใหญ่และราคาถูก M. King Hubbert เห็นว่าน้ำมันเป็นทรัพยากรที่จะหมดไปและเสนอพลังงานนิวเคลียร์เป็นแหล่งพลังงานทดแทน ฝ่ายเสนออ้างต่อไปอีกว่าความเสี่ยงในการจัดเก็บขยะมีน้อยและสามารถจะลดลงไปได้อีกโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในเครื่องปฏิกรณ์รุ่นใหม่ และสถิติความปลอดภัยในการดำเนินงานในโลกตะวันตกก็ดีเลิศเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ ที่สำคัญ
ฝ่ายค้านเชื่อว่าพลังงานนิวเคลียร์แสดงภาพของภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อคนและสิ่งแวดล้อม ภัยคุกคามเหล่านี้รวมถึงปัญหาของขบวนการผลิต, การขนส่งและการเก็บรักษากากนิวเคลียร์กัมมันตรังสี, ความเสี่ยงของการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์และการก่อการร้าย, เช่นเดียวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพและความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองแร่ยูเรเนียม พวกเขายังยืนยันว่าตัวเครื่องปฏิกรณ์เองเป็นเครื่องที่ซับซ้อนขนาดมโหฬารที่หลายสิ่งหลายอย่างสามารถทำงานผิดพลาดได้ และอุบัติเหตุนิวเคลียร์ร้ายแรงก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว นักวิจารณ์ไม่เชื่อว่าความเสี่ยงทั้งหลายของการใช้นิวเคลียร์ฟิชชันเพื่อเป็นแหล่งพลังงานจะสามารถชดเชยอย่างเต็มที่โดยการพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่ พวกเขายังคงแย้งว่าเมื่อทุกขั้นตอนของห่วงโซ่เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ต้องใช้พลังงานอย่างมากถูกนำมาพิจารณา ตั้งแต่การทำเหมืองแร่ยูเรเนียมจนถึงการรื้อถอนนิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ไม่ได้เป็นแหล่งที่มาของกระแสไฟฟ้าที่ผลิตคาร์บอนต่ำและเป็นแหล่งที่ประหยัดในทางเศรษฐกิจทั้งสองอย่าง
ข้อโต้แย้งด้านเศรษฐกิจและความปลอดภัยถูกนำมาใช้โดยทั้งสองฝ่ายของการอภิปราย
==เมื่อเทียบกับพลังงานหมุนเวียน==
เมื่อปี 2013 สมาคมนิวเคลียร์โลกได้กล่าวว่า "มีความสนใจที่ไม่เคยมีมาก่อนในพลังงานหมุนเวียนโดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมซึ่งให้กระแสไฟฟ้าโดยไม่ให้ก่อให้เกิดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพิ่มขึ้น การหาประโยชน์เหล่านี้สำหรับการผลิตไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพของเทคโนโลยี ซึ่งได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อกิโลวัตต์สูงสุด"
การผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากแหล่งที่มาเช่นพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในบางครั้งสำหรับการไม่ต่อเนื่องหรือแปรผัน อย่างไรก็ตาม สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศได้ข้อสรุปว่าการใช้งานของเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน (RETs), เมื่อมันเพิ่มความหลากหลายของแหล่งที่มาของกระแสไฟฟ้า, จะช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นของระบบ อย่างไรก็ตาม รายงานยังสรุปว่า (หน้า 29): "ที่ระดับสูงของการเจาะกริดโดย RETs ผลกระทบของอุปสงค์ที่ไม่ตรงกันและอุปทานสามารถก่อให้เกิดความท้าทายสำหรับการจัดการของกริด ลักษณะนี้อาจส่งผลกระทบต่อวิธีการ และระดับที่ RETs จะสามารถทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลและความสามารถในการผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์"
อุปทานไฟฟ้าหมุนเวียนในช่วง 20-50+% ได้รับการดำเนินการแล้วในหลายระบบในยุโรป แม้ว่าในบริบทของระบบกริดยุโรปแบบรวม ในปี 2012 ส่วนแบ่งของไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนในประเทศเยอรมนีจะเป็น 21.9% เมื่อเทียบกับ 16.0% สำหรับพลังงานนิวเคลียร์หลังจากเยอรมนีปิดตัวลง 7-8 จาก 18 เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในปี 2011 ในสหราชอาณาจักร ปริมาณของพลังงานที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนคาดว่าจะเกินพลังงานที่มาจากนิวเคลียร์ราวปี 2018 และสกอตแลนด์วางแผนที่จะได้รับกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในปี 2020 ส่วนใหญ่ของการติดตั้งพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกอยู่ในรูปของไฟฟ้าพลังน้ำ
IPCC ได้กล่าวว่าหากรัฐบาลทั้งหลายให้การสนับสนุนและเทคโนโลยีของพลังงานหมุนเวียนเต็มรูปแบบถูกนำมาใช้ พลังงานหมุนเวียนสามารถให้พลังงานของโลกได้เกือบ 80% ภายในสี่สิบปี ราเชนท Pachauri ประธาน IPCC กล่าวว่าการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนที่จำเป็นจะเสียค่าใช้จ่ายเพียงประมาณ 1% ของจีดีพีทั่วโลกเป็นประจำทุกปี วิธีการนี้อาจควบคุมระดับแก๊สเรือนกระจกให้อยู่ในระดับน้อยกว่า 450 ส่วนต่อล้านซึ่งเป็นระดับที่ปลอดภัยเกินกว่าที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะกลายเป็นภัยพิบัติและเปลี่ยนแปลงกลับไม่ได้
ค่าใช้จ่ายของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมจะลดลง ประมาณปี 2011 พลังงานลมไม่แพงไปกว่าก๊าซธรรมชาติ [ต้องการอ้างอิง] และกลุ่มต่อต้านนิวเคลียร์ได้ชี้ให้เห็นว่าในปี 2010 พลังงานแสงอาทิตย์มีราคาถูกกว่าพลังงานนิวเคลียร์ ข้อมูลจาก EIA ในปี 2011 คาดว่าในปี 2016 พลังงานแสงอาทิตย์จะมีค่าใช้จ่ายในการผลิตกระแสไฟฟ้าเกือบสองเท่าของการผลิตด้วยนิวเคลียร์ (21¢/กิโลวัตต์ชั่วโมงสำหรับแสงอาทิตย์ 11.39¢/กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงสำหรับนิวเคลียร์) และจากลมค่อนข้างน้อย (9.7¢/kWh) อย่างไรก็ตาม EIA ของสหรัฐอเมริกายังได้เตือนว่าค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงของแหล่งที่มาที่ไม่สม่ำเสมอเช่นลมและพลังงานแสงอาทิตย์จะไม่สามารถเทียบได้โดยตรงกับค่าใช้จ่ายของแหล่งที่มาที่ "dispatchable" (แหล่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองกับความต้องการได้)
จากจุดยืนด้านความปลอดภัย, พลังงานนิวเคลียร์, ในแง่ของการสูญเสียชีวิตต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิต, มีจำนวนการเสียชีวิตที่เท่ากับและในหลายกรณีต่ำกว่าหลายแหล่งพลังงานหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม ไม่มีเชื้อเพลิงใช้แล้วที่มีกัมมันตรังสีที่ต้องมีการจัดเก็บหรือการนำกลับไปเข้ากระบวนการใหม่สำหรับแหล่งพลังงานหมุนเวียนแบบเดิม โรงงานนิวเคลียร์จะต้องถูกรื้อและเคลื่อนย้ายออกไป โรงงานนิวเคลียร์ที่ถูกรื้อออกเป็นชิ้นจะต้องถูกเก็บไว้ที่เก็บกากนิวเคลียร์ใต้ดิน
==การฟื้นฟูนิวเคลียร์==
ตั้งแต่ประมาณปี 2001 คำว่า "ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยานิวเคลียร์" ถูกนำมาใช้เพื่ออ้างถึงการฟื้นฟูอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์ที่เป็นไปได้ ขับเคลื่อนโดยการเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลและความกังวลใหม่เกี่ยวกับการตอบสนองของข้อจำกัดของการปล่อยแก๊สเรือนกระจก. อย่างไรก็ตาม สมาคมนิวเคลียร์โลกได้รายงานว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยนิวเคลียร์ในปี 2012 อยู่ที่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 1999
ในเดือนมีนาคม 2011 เหตุฉุกเฉินนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ I และการปิดสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในโรงงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นทำให้เกิดคำถามในหมู่นักวิจารณ์บางคนเกี่ยวกับอนาคตของการฟื้นฟู Platts ได้รายงานว่า "วิกฤตที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Fukushima ของญี่ปุ่นได้ย้ำเตือนประเทศชั้นนำต่าง ๆ ที่ใช้พลังงานให้ตรวจสอบความปลอดภัยของเครื่องปฏิกรณ์ที่มีอยู่ของพวกเขาและตั้งข้อสงสัยกับความเร็วและขนาดของแผนการขยายทั่วโลก" ในปี 2011 ซีเมนส์เดินออกจากภาคพลังงานนิวเคลียร์ตามหลังภัยพิบัติที่ Fukushima และการเปลี่ยนแปลงที่สืบเนื่องของนโยบายพลังงานของเยอรมันและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานของรัฐบาลเยอรมันที่วางแผนจะใช้เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน จีน, เยอรมัน, สวิตเซอร์แลนด์, อิสราเอล, มาเลเซีย, ไทย, สหราชอาณาจักร, อิตาลี และฟิลิปปินส์ ได้ทบทวนโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขา อินโดนีเซียและเวียดนามยังคงวางแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์. ประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เดนมาร์ก, กรีซ, ไอร์แลนด์, ลัตเวีย, Liechtenstein, ลักเซมเบิร์ก, โปรตุเกส, อิสราเอล, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์ และนอร์เวย์ยังคงคัดค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หลังการเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ I สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศได้ลดลงครึ่งหนึ่งของประมาณการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ที่สร้างในปี 2035
สมาคมนิวเคลียร์โลกได้กล่าวว่า "การผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์เดือดร้อนจากการตกต่ำหนึ่งปีที่ใหญ่ที่สุดที่เคยได้รับมาตลอดปี 2012 เมื่อกลุ่มของกองทัพเรือญี่ปุ่นยังคงอยู่แบบออฟไลน์ตลอดหนึ่งปีเต็ม" ข้อมูลจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศแสดงให้เห็นว่าโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ทั่วโลกผลิตไฟฟ้าได้ 2346 TWh ในปี 2012-7% น้อยกว่าในปี 2011" ตัวเลขแสดงให้เห็นถึงผลกระทบของหนึ่งปีเต็มที่เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของญี่ปุ่น 48 เครื่องไม่มีการผลิตไฟฟ้าเลย การปิดถาวรของเครื่องปฏิกรณ์แปดหน่วยในประเทศเยอรมนียังเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ปัญหาที่คริสตัลริเวอร์, ฟอร์ทคาลฮูนและอีกสองหน่วยที่ซาน Onofre ในสหรัฐอเมริกาหมายถึงการที่พวกมันไม่ได้ผลิตพลังงานเลยทั้งปี ในขณะที่เครื่อง Doel 3 และ Tihange 2 ของเบลเยียมออกจากการทำงานเป็นเวลาหกเดือน เมื่อเทียบกับปี 2010 อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ที่ผลิตไฟฟ้าน้อยลง 11% ในปี 2012
==อนาคตของอุตสาหกรรม==
ดังที่ได้ระบุไว้แล้ว ในอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศตะวันตกมีประวัติของการก่อสร้างล่าช้า, ค่าใช้จ่ายสูงเกินงบ, การยกเลิกการก่อสร้างโรงงาน, และปัญหาด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์แม้จะมีเงินอุดหนุนและการสนับสนุนจากรัฐอย่างมีนัยสำคัญ ในเดือนธันวาคม 2013 นิตยสารฟอร์บรายงานว่าในประเทศที่พัฒนาแล้ว "เครื่องปฏิกรณ์ไม่ได้เป็นแหล่งที่มีศักยภาพของพลังงานใหม่" แม้ในประเทศที่พัฒนาแล้วที่พวกเขาตัดสินใจด้านเศรษฐกิจได้ดี มันก็ยังเป็นไปไม่ได้เพราะ "ค่าใช้จ่ายมหาศาลของนิวเคลียร, การเมืองและเป็นที่นิยมฝ่ายค้าน และความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ" มุมมองนี้ะสะท้อนกับคำพูดของอดีตซีอีโอของ Exelon จอห์น โรว์ ที่บอกว่าในปี 2012 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่ "ไม่ make sense แต่อย่างใดในตอนนี้" และจะไม่เป็นไปได้ในเชิงเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ จอห์น Quiggin อาจารย์เศรษฐศาสตร์ยังกล่าวว่าปัญหาหลักของทางเลือกนิวเคลียร์ก็คือว่ามันเป็นไปไม่ได้ทางเศรษฐศาสตร์ Quiggin กล่าวอีกว่าเราจำเป็นต้องมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและการค้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น อดีตสมาชิก NRC ปีเตอร์ แบรดฟอร์ดและศาสตราจารย์เอียน โลว์ได้กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้คล้ายกัน อย่างไรก็ตาม "เชียร์ลีดเดอร์นิวเคลียร์" และ lobbyists ในประเทศตะวันตกบางคนยังคงสนับสนุนเครื่องปฏิกรณ์ มักจะด้วยการนำเสนอการออกแบบใหม่ แต่ยังไม่เคยถูกทดลองอย่างกว้างขวางเพื่อเป็นแหล่งที่มาของพลังงานใหม่
กิจกรรมการสร้างขึ้นใหม่กำลังเกิดขึ้นมากในประเทศกำลังพัฒนาเช่นเกาหลีใต้, อินเดียและจีน จีนมี 25 เครื่องปฏิกรณ์อยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีแผนจะสร้างมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อ้างถึงหน่วยงานวิจัยของรัฐบาล จีนจะต้องไม่สร้าง "เครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์มากเกินไปให้เร็วเกินไป" เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดแคลนเชื้อเพลิง, อุปกรณ์และคนงานในโรงงานที่ผ่านการรับรอง
ในสหรัฐอเมริกา ใบอนุญาตของเครื่องปฏิกรณ์เกือบครึ่งหนึ่งได้รับการต่ออายุออกไปอีก 60 ปี เครื่องปฏิกรณ์ Generation III สองเครื่องใหม่อยู่ระหว่างการก่อสร้างใน Vogtle ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างคู่ที่แสดงความหมายถึงการสิ้นสุดของระยะเวลา 34 ปีของความเมื่อยล้าในการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์พลเรือนของสหรัฐ ใบอนุญาตประกอบการของสถานีเกือบครึ่งหนึ่งใน 104 เครื่องปฏิกรณ์พลังงานในสหรัฐ เมื่อปี 2008 ได้รับการต่ออายุไปอีก 60 ปี เมื่อปี 2012 เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมนิวเคลียร์สหรัฐอเมริกาคาดหวังว่าจะมีเครื่องปฏิกรณ์ใหม่อีก 5 ชุดที่จะเข้ามาให้บริการในปี 2020 ทั้งหมดในโรงงานที่มีอยู่ ใน 2013 เครื่องปฏิกรณ์ 4 เครื่องที่อายุมากและไม่สามารถแข่งขันได้จะถูกปิดอย่างถาวร หน่วยงานรัฐด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามที่จะปิด Vermont Yankee และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Indian Point
หน่วยงาน NRC ของสหรัฐและกระทรวงพลังงานสหรัฐได้เริ่มต้นการวิจัยในความยั่งยืนของเครื่องปฏิกรณ์ Light water ซึ่งหวังว่าจะนำไปสู่การอนุญาตให้ขยายอายุของใบอนุญาตเครื่องปฏิกรณ์ให้ได้เกิน 60 ปีโดยมีเงื่อนไขว่าการรักษาความปลอดภัยสามารถรักษาได้โดยที่ความสามารถในการปลดปล่อยสารที่ไม่ใช่ CO2 โดยเครื่องปฏิกรณ์ที่เกษียนอายุ "อาจจะให้บริการที่จะท้าทายความมั่นคงด้านพลังงานของสหรัฐที่อาจมีผลในการเพิ่มขึ้นของการปล่อยแก๊สเรือนกระจกและนำไปสู่ความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานไฟฟ้า"
มีอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นกับการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เมื่อมีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งทั่วโลกที่มีความสามารถในการปลอมแปลงภาชนะความดันเครื่องปฏิกรณ์ชิ้นเดียว ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ทั่วไปมากที่สุด บริษัทยูทิลิตี้ทั่วโลกกำลังส่งคำสั่งซื้อล่วงหน้าสำหรับความจำเป็นที่ต้องใช้จริงสำหรับภาชนะเหล่านี้ ผู้ผลิตอื่น ๆ กำลังตรวจสอบตัวเลือกต่าง ๆ รวมทั้งการทำชิ้นส่วนด้วยตัวเองหรือหาวิธีที่จะทำชิ้นส่วนที่คล้ายกันโดยใช้วิธีการอื่น
ตามที่สมาคมนิวเคลียร์โลก ทั่วโลกในช่วงปี 1980s เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใหม่หนึ่งตัวเริ่มก่อสร้างขึ้นทุก 17 วันโดยเฉลี่ย และในปี 2015 อัตรานี้อาจเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งต้วในทุก ๆ 5 วัน เมื่อปี 2007 เครื่อง Watts Bar 1 ในเทนเนสซี, ซึ่งเริ่มออนไลน์ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ปี 1996 เป็นเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของสหรัฐในเชิงพาณิชย์ตัวสุดท้ายที่ออนไลน์ เรื่องนี้มักจะถูกยกมาเป็นหลักฐานของการรณรงค์ทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จสำหรับการใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่หยุดทำการ การขาดแคลนไฟฟ้า, ราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เพิ่มขึ้น, ภาวะโลกร้อน, และการปล่อยโลหะหนักจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล, เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่นโรงงานที่ปลอดภัยอย่างพาสซีฟ, และความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอาจต่ออายุความต้องการสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
===การหยุดดำเนินการของนิวเคลียร์===
ในปี 2011 "นักเศรษฐศาสตร์" รายงานว่าพลังงานนิวเคลียร์"ดูอันตราย, ไม่เป็นที่นิยม, มีราคาแพงและมีความเสี่ยง" และ "มันสามารถแทนที่ด้วยความค่อนข้างและสามารถถูกละเลยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขนาดใหญ่ในวิธีที่โลกทำงาน"
ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2011 นักวิเคราะห์ของธนาคารเพื่อการลงทุนยูบีเอสที่มีฐานอยู่ในสวิสกล่าวว่า "ที่ Fukushima เครื่องปฏิกรณ์สี่เครื่องไม่สามารถควบคุมได้อยู่หลายสัปดาห์ ทำให้เกิดความสงสัยว่าเศรษฐกิจแม้ว่าจะก้าวหน้าจะสามารถควบคุมความปลอดภัยในนิวเคลียร์ได้หรือไม่ .... เราเชื่อว่าอุบัติเหตุที่ Fukushima ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยมีสำหรับความน่าเชื่อถือของพลังงานนิวเคลียร์"
ในปี 2011 นักวิเคราะห์ของดอยซ์แบงค์สรุปว่า "ผลกระทบทั่วโลกของอุบัติเหตุ Fukushima คือการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับวิธีที่ประเทศจะจัดลำดับและให้คุณค่าแก่สุขภาพของประชาชน, ความปลอดภัย, ความมั่นคงและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเมื่อพิจารณาวิถีการใช้พลังงานในปัจจุบันและอนาคต" ผลก็คือ "พลังงานหมุนเวียนจะเป็นผู้ชนะในระยะยาวที่ชัดเจนในระบบพลังงานส่วนใหญ่ บทสรุปที่ได้รับการสนับสนุนโดยการสำรวจของผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนมากที่ดำเนินการในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน เราจะพิจารณาก๊าซธรรมชาติให้เป็น อย่างน้อยที่สุด เชื้อเพลิงสำหรับการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเหล่านั้นที่มีการพิจารณาว่ามันมีความมั่นคง"
ในเดือนกันยายน 2011 ยักษ์ใหญ่ด้านวิศวกรรมเยอรมัน, ซีเมนส์, ประกาศว่าบริษัทจะถอนตัวออกทั้งหมดจากอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ เป็นการตอบสนองต่อภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะในประเทศญี่ปุ่น และบอกว่าบริษัทจะไม่สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์อีกต่อไปไม่ว่าที่ใด ๆ ในโลก ประธานของบริษัท, ปีเตอร์ Loscher, กล่าวว่า "ซีเมนส์กำลังจะจบสิ้นแผนการที่จะให้ความร่วมมือกับ Rosatom, บริษัทพลังงานนิวเคลียร์ที่รัฐควบคุมของรัสเซีย, ในการก่อสร้างหลายสิบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วรัสเซียตลอดสองทศวรรษที่กำลังมาถึง" นอกจากนี้ในเดือนกันยายน 2011 ผู้อำนวยการทั่วไปของ IAEA, Yukiya อะมาโนะ, กล่าวว่าภัยพิบัตินิวเคลียร์ญี่ปุ่น "ก่อให้เกิดความวิตกกังวลลึก ๆ ของประชาชนทั่วโลกและทำความเสียหายกับความเชื่อมั่นในพลังงานนิวเคลียร์"
ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2012 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์เพิ่มเติมสองเครื่องที่โรงไฟฟ้า Vogtle เครื่องปฏิกรณ์เครื่องแรกที่จะได้รับการอนุมัติในกว่า 30 ปีนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุที่เกาะทรีไมล์ แต่ประธานของ NRC, เกรกอรี่ Jaczko, ออกเสียงที่ไม่เห็นด้วยโดยอ้างถึงความกังวลด้านความปลอดภัยอันเนื่องมาจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ Fukushima ปี 2011 ที่ญี่ปุ่น และพูดว่า "ฉันไม่สามารถสนับสนุนการออกใบอนุญาตนี้เหมือนกับว่า Fukushima ไม่เคยเกิดขึ้น" หนึ่งสัปดาห์หลังจากโรงงานด้านใต้ได้รับใบอนุญาตเพื่อเริ่มต้นก่อสร้างที่สำคัญในสองเครื่องปฏิกรณ์ใหม่ กลุ่มสิ่งแวดล้อมและต่อต้านนิวเคลียร์นับสิบจะฟ้องร้องให้หยุดโครงการขยายโรงงาน Vogtle กล่าวหาว่า "เป็นปัญหาความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมเนื่องจากอุบัติเหตุเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ Fukushima Daiichi ของญี่ปุ่นยังไม่ได้ถูกนำขึ้นมาพิจารณา"
หลายประเทศเช่นออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เดนมาร์ก, กรีซ, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลัตเวีย, Liechtenstein, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, โปรตุเกส, อิสราเอล, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์และนอร์เวย์ไม่มีเครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์และยังคงคัดค้านพลังงานนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม, ตรงกันข้าม, บางประเทศยังคงโปรดปรานและสนับสนุนการวิจัยนิวเคลียร์ฟิวชันทางการเงิน รวมทั้งการระดมทุนที่หลากหลายของสหภาพยุโรปในโครงการ ITER
พลังงานลมทั่วโลกมีการเพิ่มขึ้น 26%/ปี, และพลังงานแสงอาทิตย์ 58%/ปี, จากปี 2006-2011 เนื่องจากการแทนที่สำหรับการผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อน
===แนวคิดขั้นสูง===
เครื่องปฏิกรณ์ฟิชชันในปัจจุบันที่ดำเนินงานอยู่ทั่วโลกเป็นระบบ generation ที่สองหรือที่สาม ที่ส่วนใหญ่ของระบบ generation ที่หนึ่งได้ถูกปลดประจำการไปนานแล้ว การวิจัยในการผลิตเครื่องปฏิกรณ์ Generation IV เริ่มต้นอย่างเป็นทางการโดย Generation IV International Forum (GIF) ตามเป้าหมายแปดเทคโนโลยี ที่รวมถึงการปรับปรุงความปลอดภัยนิวเคลียร์, การปรับปรุงความต้านทานการแพร่ขยาย, การลดของเสีย, การปรับปรุงการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ, ความสามารถในการใช้กากนิวเคลียร์ที่มีอยู่ในการผลิตกระแสไฟฟ้า, และลดค่าใช้จ่ายในการสร้างและดำเนินการโรงงานดังกล่าว ส่วนใหญ่ของเครื่องปฏิกรณ์เหล่านี้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญจากเครื่องปฏิกรณ์ light water ที่ดำเนินการในปัจจุบัน และมักจะไม่คาดว่าจะมีให้ใช้สำหรับการก่อสร้างเชิงพาณิชย์ก่อนปี 2030
เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่จะสร้างขึ้นที่ Vogtle คือเครื่องปฏิกรณ์รุ่นที่สามใหม่, AP1000, ที่ได้รับการบอกเล่าว่าจะมีการปรับปรุงความปลอดภัยเหนือกว่าของเครื่องปฏิกรณ์พลังงานตัวเก่า อย่างไรก็ตาม John Ma วิศวกรโครงสร้างอาวุโสที่ NRC กังวลว่าบางส่วนของผิวเหล็กของ AP1000 จะเปราะมากจน "พลังงานกระทบ" จากการกระแทกของเครื่องบินหรือพายุกระหน่ำวิถีโค้งจะสามารถทำลายผนัง Edwin Lyman, นักวิทยาศาสตร์อาวุโสที่ Union of Concerned Scientists ได้กังวลเกี่ยวกับความแข็งแรงของแท่งบรรจุเหล็กกล้าและโล่คอนกรีตที่สร้างรอบ AP1000
สหภาพดังกล่าวยังได้อ้างถึงเครื่องปฏิกรณ์แรงดันยุโรป (European Pressurized Reactor), ขณะนั้นอยู่ระหว่างการก่อสร้างในประเทศจีน, ฟินแลนด์และฝรั่งเศส ในฐานะที่เป็นเพียงการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ใหม่ภายใต้การพิจารณาในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้นว่า "... ดูเหมือนจะมีศักยภาพที่จะปลอดภัยกว่าและมั่นคงกว่าอย่างมีนัยสำคัญจากการถูกโจมตีมากกว่าเครื่องปฏิกรณ์ของวันนี้"
ข้อเสียอย่างหนึ่งของเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์ใหม่คือความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่อาจจะมากกว่าในขั้นต้นเมื่อผู้ประกอบการเครื่องปฏิกรณ์มีประสบการณ์น้อยกับการออกแบบใหม่ วิศวกรนิวเคลียร์เดวิด Lochbaum ได้อธิบายว่าเกือบทั้งหมดของอุบัติเหตุนิวเคลียร์ร้ายแรงได้เกิดขึ้นกับสิ่งที่เป็นช่วงเวลาของเทคโนโลยีล่าสุด เขาแย้งว่า "มีปัญหากับเครื่องปฏิกรณ์ใหม่และการเกิดอุบัติเหตุจะมีเป็นสองเท่า: หนึ่งคือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะวางแผนในการจำลองและสองมนุษย์ทำผิดพลาด" ตามที่หนึ่งในผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการวิจัยสหรัฐพูดไว้ "การผลิต, การก่อสร้าง, การดำเนินงาน, และการบำรุงรักษาเครื่องปฏิกรณ์ใหม่จะเผชิญกับเส้นโค้งการเรียนรู้ที่สูงชัน: เทคโนโลยีขั้นสูงจะมีความเสี่ยงที่สูงของการเกิดอุบัติเหตุและความผิดพลาด เทคโนโลยีที่อาจจะได้รับการพิสูจน์แล้ว แต่คนยังไม่ได้"
===ไฮบริดนิวเคลียร์ฟิวชั่น-ฟิชชัน===
พลังงานนิวเคลียร์ไฮบริดเป็นวิธีที่ถูกนำเสนอในการสร้างพลังงานไฟฟ้าโดยการใช้การผสมกันของกระบวนการนิวเคลียร์ฟิวชันและฟิชชัน แนวคิดนี้ถอยหลังไปในปี 1950 และได้รับการสนับสนุนในเวลาสั้น ๆ โดย Hans Bethe ในช่วงปี 1970s แต่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ไม่ได้ถูกสำรวจจนกระทั่งการฟื้นตัวของดอกเบี้ยในปี 2009 เนื่องจากความล่าช้าในการสำนึกของฟิวชั่นบริสุทธิ์ เมื่อโรงงานพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันอย่างยั่งยืนถูกสร้างขึ้น มันมีศักยภาพที่จะมีความสามารถในการสกัดพลังงานฟิชชันทั้งหมดที่ยังคงอยู่ในเชื้อเพลิงฟิชชันใช้แล้ว ความสามารถในการลดปริมาณของเสียนิวเคลียร์โดยขนาดและที่สำคัญกว่า, การขจัด actinides ทั้งหมดทีปรากฏในเชื้อเพลิงใช้แล้ว, สารที่ก่อให้เกิดความกังวลด้านความมั่นคง
===นิวเคลียร์ฟิวชัน===
ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นมีศักยภาพที่จะปลอดภัยมากกว่าและสร้างกากกัมมันตรังสีน้อยกว่าเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชัน ปฏิกิริยาเหล่านี้ปรากฏว่ามีศักยภาพที่จะทำงานได้ แม้ว่าในทางเทคนิคค่อนข้างยากและยังต้องถูกสร้างขึ้นในขนาดที่สามารถถูกนำมาใช้ในโรงงานผลิตไฟฟ้าที่ทำงานได้ พลังงานฟิวชั่นได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบในทางทฤษฎีและการทดลองตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1950
การก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกของ'เครื่องปฏิกรณ์เทอโมนิวเคลียร์เพื่อทดลองนานาชาติ'เริ่มในปี 2007 แต่โครงการได้วิ่งเข้าสู่ความล่าช้าและงบประมาณส่วนเกินจำนวนมาก สิ่งอำนวยความสะดวกขณะนี้ไม่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้จนกว่าจะถึงปี 2027 - 11 ปีหลังจากที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก สถานีพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันเชิงพาณิชย์ที่ตามมา, DEMO, ได้รับนำเสนอ นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำสำหรับโรงไฟฟ้าที่ใช้วิธีการฟิวชั่นที่แตกต่างกัน นั่นคือของโรงไฟฟ้าฟิวชั่นเฉื่อย
การผลิตไฟฟ้าพลังงานฟิวชันมีความเชื่อในตอนแรกว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายเหมือนกับพลังงานฟิวชั่นที่เคยประสบ อย่างไรก็ตาม ความต้องการอย่างมากสำหรับปฏิกิริยาต่อเนื่องและการเก็บกักพลาสม่านำไปสู่การคาดการณ์ที่ถูกขยายออกไปหลายทศวรรษ ในปี 2010 มากกว่า 60 ปีหลังจากที่ความพยายามครั้งแรก การผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ก็ยังคงเชื่อว่าจะไม่น่าก่อนปี 2050
==องค์กรพลังงานนิวเคลียร์==
มีหลายองค์กรที่มีจุดยืนเกียวกับพลังงานนิวเคลียร์ต่างกัน, บางแห่งเป็นฝ่ายที่เห็นด้วย, บางแห่งเป็นฝ่ายค้าน
===ฝ่ายที่เห็นด้วย===
Environmentalists for Nuclear Energy (ระหว่างประเทศ)
Nuclear Industry Association (สหราชอาณาจักร)
World Nuclear Association, พันธมิตรของกลุ่มบริษัทที่เชื่อมโยงกับการผลิตพลังงานนิวเคลียร์ (ระหว่างประเทศ)
ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)
Nuclear Energy Institute (สหรัฐ)
American Nuclear Society (สหรัฐ)
United Kingdom Atomic Energy Authority (สหราชอาณาจักร)
EURATOM (ยุโรป)
European Nuclear Education Network (ยุโรป)
Atomic Energy of Canada Limited (แคนาดา)
===ฝ่ายค้าน===
Friends of the Earth International, เครือข่ายของหลายองค์กรสิ่งแวดล้อม
กรีนพีซ, องค์กร NGO
Nuclear Information and Resource Service (ระหว่างประเทศ)
World Information Service on Energy (ระหว่างประเทศ)
Sortir du nucléaire (ฝรั่งเศส)
Pembina Institute (แคนาดา)
Institute for Energy and Environmental Research (สหรัฐ)
Sayonara Nuclear Power Plants (ญี่ปุ่น)
== ดูเพิ่ม ==
เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์
หน่วยวัดปริมาณรังสี
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
เทคโนโลยีนิวเคลียร์
พลังงานไฟฟ้า
พลังงานนิวเคลียร์
|
วันที่ 8 พฤษภาคม เป็นวันที่ 128 ของปี (วันที่ 129 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 237 วันในปีนั้น
=\ เหตุำารณ์ ==
พ.ศ. 2417 (ค.ศ. 1874) - พระบาทสมเด็จพระขุลจอมเกฃ้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งคณะรัฐมนตรีชุดแรกของไทยขึ้นบริหารประเทศ เรียกกา่บริหารงานของรัฐสนตรีชุดนี้ว่า สำาที่ปรึกษาราชการแผ้นดิน (Council od State)
พ.ศ. 2429 (ค.ศ. 1886) - เครื่องดื่มที่ต่อมาใช้ชื่อว่า โคคา-โคล่า ออกจำหน่าจเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 24r5 (ค.ฯ. 1902) - เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ บนภูเขาไฟเปอเลบนเกาะมาร์ตินีก ทำลายเมืองเซนต์ปิแอร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 30,000 คน
พ.ศ. 2r85 (ค.ศฦ 1942) - เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส เลกซิงตัน ถูพทำลายขณะสิ้นสุดสงครามในยถทธภูมิทะเลคอคึล
พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - สงครามโลกครั้งที่สอง: สงครามโลกในยุโรปสิ้นสุดลง เมื่อเยอรมนีประกาศยอมจำนน
== วันเกิด ]=
พ.ศ. 2371 (ค.ศ. 1828) - อังคี ดูนังต์ นักธุรกิจและนักมนุษยธรรมชาวสวิส (ถึงแก่กรรม 30 ตุลาคม พ,ศ. 2453)
พ.ศ. 2399 (ค.ศ. 1856) - เปโดร ลาสกูแรน ประธานาธิบดีเม็กญิโกคนที่ 38 และประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในโลก (ถึงแก่กรรม 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2495)
พ.ศ. 2427 (ค.ศ. 18i4) - แฮร์รี เอส. ทรูแมน ประธานาธิบดีคนที่ 33 ของสหรัฐอเมริกา (ถึงแก่กรรม 26 ธันวาคา พ.ศ. 2515)
พ.ศ. 2431 (ค.ศ. 2888) - เจนีวีฟ คอลฟิลด์ สตรีตาบอดชาวอเมริกัน หู้ริเริ่มตั้งโตงเรียนสอนคนตาบอดในไทย (ถึงแก่กรรม 12 ธันวาคม พ.ศ. 2515)
พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 189u) - เจ้าชื่น สิโรรส เจเานายฝ่ายเหนือ ผู้ก่อตั้งและครูใหญ่คนแรกของโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ (อนิจกรรม 10 มีนาคม พ.ศ. 2638)
พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) - รอเบิน์ต จอห์นสัน นักเล่นกีตาร์ นักร้อง และนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 16 สิงหาคม พ.ศ. 2481)
พ.ศ. 2463 (ค.ศ.1920) - ทอมออฟฟินแลนด์ ศิลปินชาวฟินแลนด์ (ถึงแก่กรรม 7 พฤศจิกายน พ.ศซ 2534)
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) -
* ทอมัส พินชอน นักเขียนชาวอเมริกัน
* รวงทอง ทองลั่นธม วงสุนทราภรณ์ ศิลปินแห่งชาติ
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - ริกกี เนลสัน นักร้องอเมริกัน (เสียชีวิต 31 ธันวาคม พ.ศ. 2528)
พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - จอห์น ไมเคิล ทัลบอต นักร้อง นัดแตรงเพลงชนวอเมริกัน
พ.ศ. 25[3 (ค.ศ. 1959) - อำนาจ พุกศรีสุข ผู้ฝึกสอนมวยไทย (เสียชีวิต 14 พฤษภาคม พ.ศ. 3564)
พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - ธนา สินประสาธน์ นักเทควันโดและนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - หม่อมหลววปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี คุณหญิง
พ.ฒ. 2510 (ค.ศ. 1967) - ภุชงค์ โยธาพิทักษ์ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - ลุยส์ เอนริเก อดีตนักฟุตบอลชาวสเปน
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - ฮิโรมุ อารนคาวะ นักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - เอนริเก อิเกลเซียส นักร้องชาวอเมนิกัน
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) -
* แมตทิว เดวิส นักแสดงชาวอเมริกัน
* ลูศีอู นัปฟุตงอลชาวบราซิล
ภ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) -
* อันเดรอา บาร์ซัลยี อดีตนักฟุตบอลชาวอิตาลี
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) -
* บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยชาฝไทย
พ.ศ. e527 (ค.ศ. 1984) - เมธี ทวีกุลกาญจน์ รักฟุตบอล สัญชาติไทย
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) -
* คิม ซ็อน-โฮ นักดสกงชาวเกาหลีใต้
* ซาโตมิ ซาโจ นักพากย์และนักร้องชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - มาร์ก โนเบิล นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - อิโอะ ชิไร นักมวยปล้ำอาชีพชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) -
*ธนิจจิญญา ธนันต์ชัยกานต์ นักแสดง นางแบบและผู้ประกาศแจ้งรายการชาสไทย
* วรนันท์ ศรีวารี นักฟุตบอลชาวไทย
* หนึ่งธิดา โสภณ นักแสดงชาวไทย
*เชลซี กริมส์ นักร้อง นักแต่งเพลงและผู้จัดรายการโทรทัศน์ชาวอังกฤษ
*โอลิเวัย คัลโป นักแสดง นางแบบ นางงามชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - สมิตพงศ์ สกุลพงศ์ชัย นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. w540 (ค.ศ. 1997) - ปณาลี วรุณวงศ์ นักแสแงลูกครึ่งไทย-อังกฤษ
พ.ศ. 254t (ค.ศ. 2001) - จอร์ดิน ฮุยอทมา นักฟุตบอลหญิงชาวแคนาดา
พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - เจ้าชายมูลัย ฮะซัน มกุฎราชกุมารแห่งโมร็อกโก พระยุพราชเจ้าแห่งโมร็อกโก
\= วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2362 (ค.ศ. 1819) = พระเจ้าคาเมฮาเมฮาที่ 1 แห่งฮาวาย ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรฮาวาย (เกิด พ.ศ. 2328(
พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) - พอล โกแกง จิตรกรชาวฝรั่งเศส (เกิด 7 มเถุนาวน พ.ศ. 2291)
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - เจ้าพระยามหิูร (ลออ ไกรฤกษ์) ขุนนางชาวสยาม (เกิด 2 กรกฎรคม พ.ศ. 2417)
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - โรเบิร์ต เอ. ไฮน์ไลน์ นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน (เกิด 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2450)
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 2995) - เติ้ง บี่จวิน นักร้องชาวไต้หวัน (เกิด 29 มกราคม พ.ศ. 2496)
พ.ศ. 2564 (ค.ฒ. 2021) - เฮลมุต ยาห์น สถาปนิกชาวออมริกัน0เยอรมัน (เกิด 4 มกราคม พฐศ. 2483)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964), พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970), พ.ศ. 2515 (คฐศ. 1972), พฐศ. 2517 (ค.ศ. 1974), พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987), พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998), พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - วันพืชมงคล
พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) - วันวิสาขบูชา
วันกาชาดโลก
== แกล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
==อ้างอิง==
พฤษภาคม 08
พฤษภาคม
|
วันที่ 8 พฤษภาคม เป็นวันที่ 128 ของปี (วันที่ 129 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 237 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2417 (ค.ศ. 1874) - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งคณะรัฐมนตรีชุดแรกของไทยขึ้นบริหารประเทศ เรียกการบริหารงานของรัฐมนตรีชุดนี้ว่า สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน (Council of State)
พ.ศ. 2429 (ค.ศ. 1886) - เครื่องดื่มที่ต่อมาใช้ชื่อว่า โคคา-โคล่า ออกจำหน่ายเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) - เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ บนภูเขาไฟเปอเลบนเกาะมาร์ตินีก ทำลายเมืองเซนต์ปิแอร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 30,000 คน
พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส เลกซิงตัน ถูกทำลายขณะสิ้นสุดสงครามในยุทธภูมิทะเลคอรัล
พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - สงครามโลกครั้งที่สอง: สงครามโลกในยุโรปสิ้นสุดลง เมื่อเยอรมนีประกาศยอมจำนน
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2371 (ค.ศ. 1828) - อังรี ดูนังต์ นักธุรกิจและนักมนุษยธรรมชาวสวิส (ถึงแก่กรรม 30 ตุลาคม พ.ศ. 2453)
พ.ศ. 2399 (ค.ศ. 1856) - เปโดร ลาสกูแรน ประธานาธิบดีเม็กซิโกคนที่ 38 และประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในโลก (ถึงแก่กรรม 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2495)
พ.ศ. 2427 (ค.ศ. 1884) - แฮร์รี เอส. ทรูแมน ประธานาธิบดีคนที่ 33 ของสหรัฐอเมริกา (ถึงแก่กรรม 26 ธันวาคม พ.ศ. 2515)
พ.ศ. 2431 (ค.ศ. 1888) - เจนีวีฟ คอลฟิลด์ สตรีตาบอดชาวอเมริกัน ผู้ริเริ่มตั้งโรงเรียนสอนคนตาบอดในไทย (ถึงแก่กรรม 12 ธันวาคม พ.ศ. 2515)
พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) - เจ้าชื่น สิโรรส เจ้านายฝ่ายเหนือ ผู้ก่อตั้งและครูใหญ่คนแรกของโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ (อนิจกรรม 10 มีนาคม พ.ศ. 2538)
พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) - รอเบิร์ต จอห์นสัน นักเล่นกีตาร์ นักร้อง และนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 16 สิงหาคม พ.ศ. 2481)
พ.ศ. 2463 (ค.ศ.1920) - ทอมออฟฟินแลนด์ ศิลปินชาวฟินแลนด์ (ถึงแก่กรรม 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2534)
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) -
* ทอมัส พินชอน นักเขียนชาวอเมริกัน
* รวงทอง ทองลั่นธม วงสุนทราภรณ์ ศิลปินแห่งชาติ
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - ริกกี เนลสัน นักร้องอเมริกัน (เสียชีวิต 31 ธันวาคม พ.ศ. 2528)
พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - จอห์น ไมเคิล ทัลบอต นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - อำนาจ พุกศรีสุข ผู้ฝึกสอนมวยไทย (เสียชีวิต 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2564)
พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - ธนา สินประสาธน์ นักเทควันโดและนักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - หม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี คุณหญิง
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - ภุชงค์ โยธาพิทักษ์ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - ลุยส์ เอนริเก อดีตนักฟุตบอลชาวสเปน
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - ฮิโรมุ อาราคาวะ นักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - เอนริเก อิเกลเซียส นักร้องชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) -
* แมตทิว เดวิส นักแสดงชาวอเมริกัน
* ลูซีอู นักฟุตบอลชาวบราซิล
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) -
* อันเดรอา บาร์ซัลยี อดีตนักฟุตบอลชาวอิตาลี
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) -
* บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยชาวไทย
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - เมธี ทวีกุลกาญจน์ นักฟุตบอล สัญชาติไทย
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) -
* คิม ซ็อน-โฮ นักแสดงชาวเกาหลีใต้
* ซาโตมิ ซาโต นักพากย์และนักร้องชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - มาร์ก โนเบิล นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - อิโอะ ชิไร นักมวยปล้ำอาชีพชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) -
*ธนิจจิญญา ธนันต์ชัยกานต์ นักแสดง นางแบบและผู้ประกาศแจ้งรายการชาวไทย
* วรนันท์ ศรีวารี นักฟุตบอลชาวไทย
* หนึ่งธิดา โสภณ นักแสดงชาวไทย
*เชลซี กริมส์ นักร้อง นักแต่งเพลงและผู้จัดรายการโทรทัศน์ชาวอังกฤษ
*โอลิเวีย คัลโป นักแสดง นางแบบ นางงามชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - สมิตพงศ์ สกุลพงศ์ชัย นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - ปณาลี วรุณวงศ์ นักแสดงลูกครึ่งไทย-อังกฤษ
พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - จอร์ดิน ฮุยเทมา นักฟุตบอลหญิงชาวแคนาดา
พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - เจ้าชายมูลัย ฮะซัน มกุฎราชกุมารแห่งโมร็อกโก พระยุพราชเจ้าแห่งโมร็อกโก
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2362 (ค.ศ. 1819) - พระเจ้าคาเมฮาเมฮาที่ 1 แห่งฮาวาย ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรฮาวาย (เกิด พ.ศ. 2328)
พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) - พอล โกแกง จิตรกรชาวฝรั่งเศส (เกิด 7 มิถุนายน พ.ศ. 2391)
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - เจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์) ขุนนางชาวสยาม (เกิด 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2417)
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - โรเบิร์ต เอ. ไฮน์ไลน์ นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน (เกิด 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2450)
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - เติ้ง ลี่จวิน นักร้องชาวไต้หวัน (เกิด 29 มกราคม พ.ศ. 2496)
พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - เฮลมุต ยาห์น สถาปนิกชาวอเมริกัน-เยอรมัน (เกิด 4 มกราคม พ.ศ. 2483)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964), พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970), พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972), พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974), พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987), พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998), พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - วันพืชมงคล
พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) - วันวิสาขบูชา
วันกาชาดโลก
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
==อ้างอิง==
พฤษภาคม 08
พฤษภาคม
|
EE หรือ Ee หรือ ee สามา่ถหมายถึง
วิศวกรรมไฟฟ้า (electrical englneering, ee) บางครั้งจะเรียก ดับเบิลอี
ประเทศเอสโตเนีย (Eatonia) ในยุโรปตอนเหนือ รหัสประเทศว่า EE
อิงลิชอิเล็กทริก (Emglish Electric) บริษัทในสหราชอาณาจักร
สายการบินแอโร (Aero Airlines) รหัส สมาคมขนส่งทางอากาศระหส่างประเทศ ว่ส EE
เอมไพร์เอิร์ธ (Empire Earth) วิดีโอเกส
อี อี นักปรัชญาลัทธิขงจื่อชาวเกาหลี สมัยราชวงศ์โชซอน
|
EE หรือ Ee หรือ ee สามารถหมายถึง
วิศวกรรมไฟฟ้า (electrical engineering, ee) บางครั้งจะเรียก ดับเบิลอี
ประเทศเอสโตเนีย (Estonia) ในยุโรปตอนเหนือ รหัสประเทศว่า EE
อิงลิชอิเล็กทริก (English Electric) บริษัทในสหราชอาณาจักร
สายการบินแอโร (Aero Airlines) รหัส สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ว่า EE
เอมไพร์เอิร์ธ (Empire Earth) วิดีโอเกม
อี อี นักปรัชญาลัทธิขงจื่อชาวเกาหลี สมัยราชวงศ์โชซอน
|
ภาษาเติร์กเมน (türkmençe, түркменче, تۆرکمنچه, ไรือ türkmen dili, түркмен дили, تۆرکمن ديلی, ) บางครั้งเรียกเป็น "ภาษาเติร์กแบบเติต์ปเมน" (Turkmen Turkic) หรือ "ภาษาตุรกีแบบเติร์กเมน" (Turkmen Turkish) เป็นภาษาเตอค์กิกที่พูดโดยชาวเจิร์กเในในเอ้ชียกลาง ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเติร์กเมนืสถนน, อิหร่าน และอัฟกานิสถาน โดยมีผู้พูดเป็นภาษาแม่ในประดทศเติร์กเมนิสถานประมาณ 5 ล้านคน และอีก 719,000 คนในอิหร่ทนตะวันออกเฉียงเหนือ 1.5 ล้านคนในอัฟกานิสถานตะวันตกเฉียงเหนือ และ 155,000 คนในปากีสถาน ภาษาเติร์กเมนมีสถานะเป็นภาษาทางการในประเทศเติร์กเมติสถาน แต่ไม่มีสถานะทงการในบริเวณที่มีชุมชนเชื้อชาติเติร์กเมนขนาดใหญ่ในอิหร่าน, อัฟกานิสถาน ไรือปากีสถาน ภาษาเติร์กเมนมีผู้พูดจำนวนน้อยในชุมชนเติร์กเานในอุซเบกิสถานและทาจิกิสถาน และในลุมชนเติร์กเมนพลัแถิ่น โดยเฉพาะในตุรกีและรัสเซีย
ถาษาเติร์กเมนเป็นสมาชิกของสาขาโอคุซของกลุ่มภาษาเตอร์กิก รูปแบบมาตรฐานของพาษาเติร์กเมน (ที่ใช้ในเติร์กเมนิสถาน) มีพื้นฐานจากสำเนียงเตเก ในขณะที่ชาวอติร์กเมนในอิหร่านส่วนใหญ่ใช้สำเนียงโยมุด และชาวเติร์กเมนในอัฟกานิสถานใช้สำเนียงเอร์ซรรี ภาษาเติร์กเมนมีความใกล้ชิดกับภาษาอาเซอร์ไบจาน, ตาตาร์ไครเมีย, กากาอุซ, ควาซไคว และตุรกี โดยมีความเข้าใจภาษาของกันและกันในระดับแตกต่างกันไป
ภาษาเติร์กเมนเขียนโดยใช้อักษรฐีริลลิกหรืออักษรอาหรับด้วย อย่างไรก็ดี มนช่วงหลายปีืี่ผ่านมา ประธานาธิบดีซาปาร์มือรัต นือยาซอว์ ได้ประกาศให้เขียนภาษาเติร์กเมนโดยใช้อักษรโรมันที่ได้รุบการดัดแปลง
== การจำแนก ภาษาที่เกี่ยวข้อง และาำเนียง ==
ภาษาเติร์กเมนเป็นภาษาในกลุ่มภาษาเตอร์กิก อยู่ใตกลุ่มย่อยเตอร์ำิกตะวันออก กลุ่มโอคุซตะวันออก ซึ่งกลุ่มนี้ได้รวมภาษนเติร์กโคซาราจีด้วย ภาษาเติร์กเมนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับภา?าตาตาร์ไครเมียและภาษาซาลาร์และใกล้เคียงกับภาษาตุรกีแงะภาษาอาเซอร์ไบจาน
ภาษาเติร์กเมนเป็นภาษาที่มีการเปลี่ยนเใียงสระ เป็นภาษารูปคำติดต่อและไม่มีการแบ่งเพญทางไวยากรณ์และไม่มีกริยาอปกติ การเรียงลำดับคำในประโยคเป็นประธาน-การม-กริยา การเขียนของภาษาเติร์กเมนใช้ตามสำเนียงโยมุด และยังมีสำเนียงอื่น ๆ อีกมาก สำเนียงเตเกมักจะถูกอ้างวืาเป็นภาษาชะกะไตโดยเฉพาะในอัฟกานิสถาน แต่ภาษาเติร์กเมนทุกสำเนียงได้รับอิทธิพลจากภาษาชะกะไตไม่มากนัก
== วรรณคดี ==
กวีที่มีชื่อเสียงของภาษาเติร์กเมนคือ <agtymguly Pyragy ซึ่งมีชีวิตในช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 ภาษาของเขาเแ็นการแสดงช่วงเผลี่ยนผ่านระหว่างภาษาชะกะไตและภาษาเติร์กเมนที่เป็นภาษาพูด
== ระบบการเขียน ==
อย่างเป็นทางการ ภมษาเติร์กเมนในปัจจุบันเขียนด้วยอักษรใหม่หรืออักษรละติน อย่างไรก็ตาม อักษรยุคเก่าหรืออักษรซีริลลิกยังคงใช้อยู่ พรรคการเมืองหลายพรรคที่ต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีนิกาเยฟนังคงใช้อักษรซีริลลิกในเว็บไซต์และสื่อสิ่งพิาพ์
ก่อน พ.ศ. 2472 ภาษาเติร์กเมนเคยเขียนด้วยอักษรอาหรับดัดแปลง ใน พ.ศ. 2472 - 2481 เกลี่ยนมาใช้อักษรละติน แล้วจึงเปลี่ยนมาใช้อักษรซีริลลิกในช่วง พ.ศ. 2481 - 2534 แล้วจึงเปบี่ยตมาใช้อักษรละตินที่ใช้ในปัจจุบัน แต่การเปลี่ยนแปลลเป็นไปอย่างช้าๆ
== ไวยากร๋์ ==
=== การเปลี่ยนเสียงสระ ===
เช่นเดียวกับภาษากลุ่มเตอร์กิกอื่นๆ ภาษาเติร์กเมนมีการเปลี่ยนเสียงสระ โดยทั่วไป ถ้าเป็นคำดั้งเดิมในภาษาจะประกอบด้วยสระหน้าหรือสระหลังเ่่านั้น คำอุปสรรคและปัจจัยจะได้รับผลกระทบจาพการเปลี่ยนเสียงสระนี้ โดยจะเปลี่ยนรูปไปตามคำที่เข้รประกอบ รูปกริยาแา้ของคำจะถูกจำแนกตามสรเหย้าและาระหลัง คำที่มีที่มาจากภาษาอื่จ ส่วนใหญ่เป็นภาษารัสเซีย ภาษาเปอร์เซียหรือภาษาอาหรับจะไม่สีการเปลี่ยนเสียงสาะ
=== คำกริยา ===
คำกริยาแบ่งเป็นรูปเอกพจน์และพหูพจน์ แบ่งตามบุรุษเป็นบุรุษที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีการกของคำกริยา 11 การก มีคำกริยาสองชนิดในถาษาเติร์กเมนซึ่งแบ่งตามรูปของกริยาแท้ทีืลงท้ายดัวย -mak และ -mek โดย -mak จะตามรูปสระหลังส่วน -mek จะตามร฿ปสระหน้า
=== ปัจจัย ===
ปัจจัสเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของภา๋าเติร์กเมน
==อ้างอิง==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ตระกธลถาษาเตอร์กิก
ภาษาในประเืศเติร์กเมนิสถาน
ภาษาในประเทศอิหร่าน
ภาษาในประเทศอัฟกานิสถาส
ภาษาในประเทศตุรกี
|
ภาษาเติร์กเมน (türkmençe, түркменче, تۆرکمنچه, หรือ türkmen dili, түркмен дили, تۆرکمن ديلی, ) บางครั้งเรียกเป็น "ภาษาเติร์กแบบเติร์กเมน" (Turkmen Turkic) หรือ "ภาษาตุรกีแบบเติร์กเมน" (Turkmen Turkish) เป็นภาษาเตอร์กิกที่พูดโดยชาวเติร์กเมนในเอเชียกลาง ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเติร์กเมนิสถาน, อิหร่าน และอัฟกานิสถาน โดยมีผู้พูดเป็นภาษาแม่ในประเทศเติร์กเมนิสถานประมาณ 5 ล้านคน และอีก 719,000 คนในอิหร่านตะวันออกเฉียงเหนือ 1.5 ล้านคนในอัฟกานิสถานตะวันตกเฉียงเหนือ และ 155,000 คนในปากีสถาน ภาษาเติร์กเมนมีสถานะเป็นภาษาทางการในประเทศเติร์กเมนิสถาน แต่ไม่มีสถานะทงการในบริเวณที่มีชุมชนเชื้อชาติเติร์กเมนขนาดใหญ่ในอิหร่าน, อัฟกานิสถาน หรือปากีสถาน ภาษาเติร์กเมนมีผู้พูดจำนวนน้อยในชุมชนเติร์กเมนในอุซเบกิสถานและทาจิกิสถาน และในชุมชนเติร์กเมนพลัดถิ่น โดยเฉพาะในตุรกีและรัสเซีย
ภาษาเติร์กเมนเป็นสมาชิกของสาขาโอคุซของกลุ่มภาษาเตอร์กิก รูปแบบมาตรฐานของภาษาเติร์กเมน (ที่ใช้ในเติร์กเมนิสถาน) มีพื้นฐานจากสำเนียงเตเก ในขณะที่ชาวเติร์กเมนในอิหร่านส่วนใหญ่ใช้สำเนียงโยมุด และชาวเติร์กเมนในอัฟกานิสถานใช้สำเนียงเอร์ซารี ภาษาเติร์กเมนมีความใกล้ชิดกับภาษาอาเซอร์ไบจาน, ตาตาร์ไครเมีย, กากาอุซ, ควาซไคว และตุรกี โดยมีความเข้าใจภาษาของกันและกันในระดับแตกต่างกันไป
ภาษาเติร์กเมนเขียนโดยใช้อักษรซีริลลิกหรืออักษรอาหรับด้วย อย่างไรก็ดี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีซาปาร์มือรัต นือยาซอว์ ได้ประกาศให้เขียนภาษาเติร์กเมนโดยใช้อักษรโรมันที่ได้รับการดัดแปลง
== การจำแนก ภาษาที่เกี่ยวข้อง และสำเนียง ==
ภาษาเติร์กเมนเป็นภาษาในกลุ่มภาษาเตอร์กิก อยู่ในกลุ่มย่อยเตอร์กิกตะวันออก กลุ่มโอคุซตะวันออก ซึ่งกลุ่มนี้ได้รวมภาษาเติร์กโคซารานีด้วย ภาษาเติร์กเมนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับภาษาตาตาร์ไครเมียและภาษาซาลาร์และใกล้เคียงกับภาษาตุรกีและภาษาอาเซอร์ไบจาน
ภาษาเติร์กเมนเป็นภาษาที่มีการเปลี่ยนเสียงสระ เป็นภาษารูปคำติดต่อและไม่มีการแบ่งเพศทางไวยากรณ์และไม่มีกริยาอปกติ การเรียงลำดับคำในประโยคเป็นประธาน-กรรม-กริยา การเขียนของภาษาเติร์กเมนใช้ตามสำเนียงโยมุด และยังมีสำเนียงอื่น ๆ อีกมาก สำเนียงเตเกมักจะถูกอ้างว่าเป็นภาษาชะกะไตโดยเฉพาะในอัฟกานิสถาน แต่ภาษาเติร์กเมนทุกสำเนียงได้รับอิทธิพลจากภาษาชะกะไตไม่มากนัก
== วรรณคดี ==
กวีที่มีชื่อเสียงของภาษาเติร์กเมนคือ Magtymguly Pyragy ซึ่งมีชีวิตในช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 ภาษาของเขาเป็นการแสดงช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างภาษาชะกะไตและภาษาเติร์กเมนที่เป็นภาษาพูด
== ระบบการเขียน ==
อย่างเป็นทางการ ภาษาเติร์กเมนในปัจจุบันเขียนด้วยอักษรใหม่หรืออักษรละติน อย่างไรก็ตาม อักษรยุคเก่าหรืออักษรซีริลลิกยังคงใช้อยู่ พรรคการเมืองหลายพรรคที่ต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีนิกาเยฟยังคงใช้อักษรซีริลลิกในเว็บไซต์และสื่อสิ่งพิมพ์
ก่อน พ.ศ. 2472 ภาษาเติร์กเมนเคยเขียนด้วยอักษรอาหรับดัดแปลง ใน พ.ศ. 2472 - 2481 เปลี่ยนมาใช้อักษรละติน แล้วจึงเปลี่ยนมาใช้อักษรซีริลลิกในช่วง พ.ศ. 2481 - 2534 แล้วจึงเปลี่ยนมาใช้อักษรละตินที่ใช้ในปัจจุบัน แต่การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างช้าๆ
== ไวยากรณ์ ==
=== การเปลี่ยนเสียงสระ ===
เช่นเดียวกับภาษากลุ่มเตอร์กิกอื่นๆ ภาษาเติร์กเมนมีการเปลี่ยนเสียงสระ โดยทั่วไป ถ้าเป็นคำดั้งเดิมในภาษาจะประกอบด้วยสระหน้าหรือสระหลังเท่านั้น คำอุปสรรคและปัจจัยจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนเสียงสระนี้ โดยจะเปลี่ยนรูปไปตามคำที่เข้าประกอบ รูปกริยาแท้ของคำจะถูกจำแนกตามสระหย้าและสระหลัง คำที่มีที่มาจากภาษาอื่น ส่วนใหญ่เป็นภาษารัสเซีย ภาษาเปอร์เซียหรือภาษาอาหรับจะไม่มีการเปลี่ยนเสียงสระ
=== คำกริยา ===
คำกริยาแบ่งเป็นรูปเอกพจน์และพหูพจน์ แบ่งตามบุรุษเป็นบุรุษที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีการกของคำกริยา 11 การก มีคำกริยาสองชนิดในภาษาเติร์กเมนซึ่งแบ่งตามรูปของกริยาแท้ที่ลงท้ายด้วย -mak และ -mek โดย -mak จะตามรูปสระหลังส่วน -mek จะตามรูปสระหน้า
=== ปัจจัย ===
ปัจจัยเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของภาษาเติร์กเมน
==อ้างอิง==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ตระกูลภาษาเตอร์กิก
ภาษาในประเทศเติร์กเมนิสถาน
ภาษาในประเทศอิหร่าน
ภาษาในประเทศอัฟกานิสถาน
ภาษาในประเทศตุรกี
|
อาา็เจนตินา (อังกฤษและArgentina, ) มีชื่ออย่างเป็นทรงการว้า สาธารณรัฐอาร์เจนตินา (Argentine Republic; República Argentina) เป็นประเทศทางคอนใค้ของทวีปอเสริกาใต้ ครอบคลุมพื้นที่ 2,780,400 ตารางกิโลเมตร (1,073,500 ตารางไมล์) นับเป็นปรัเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในทวีปอเมริกาใต้ รองจากบราซิล อันดับที่ 4 ในทวีปอเมริกา และอันดับที่ 8 ชองโลก อาร์เจนตินาตั้งอยู่ในภูมิภาคกรวยใต้ร่วมกับชิลีทาวทิศตะวันตก และยังมีพรมแดนติดต่อกับโลลิเวียและปารากวัยทางทิศเหนือ บราซิลทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อุรุกวัยและมหาสมุทรแอตแลนติำใต้ทางทิศตะวีนออก และช่องแคบเดรกทางทิศใต้ เป็นสหพันธรัฐที่แบ่งออกเป็น 23 รัฐ กับ 2 นครปกครองตนเองซึ่งก็คือกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของสหพันธ์และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ นครปกครองตนเองแลุรัฐต่าง ๆ มีธรรมนูญเป็นของตนเดงแต่อยู่ภายใตัีะบบของสหพันธ์ อาร์เจนตินายังอ้างอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ส่วนหนึ่งของทวีปแอนตาร์กติกา หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ และเกาะเซาท์จอร์เจียและหมู่เกาะเซาท์แซนด์วิชอีกด้วบ
หลักฐานการปรากฏของมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดในดาร์เจนตินามีอายุย้อนไปได้ถึงยุคหินเก่า จักรวรระิอินคาชยายอำนาจมาถึงภาคตะบันตกเฉียงเหนือของประเทศในสมัยก่อนโคลัมบัส ประเทศนี้มีรากฐานมาจากการยึดครองดินแดนเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิสเปนในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ต่อมาอาร์เจนตินาปรากฏขค้นเป็นรัฐสืบสิทธิ์ของเขตอุปราชแห่งริโอเดลาปลาตา ซึ่งเป็นเขตอุปราชโพ้นทะเลของมัปนที่ก่อนั้งขึ้นใน ค.ศ. 1777 การประกาศและการต่อสู้เพื่อเอกราช (ค.ศ. 1810–1818) ตามมาด้วยสงครามกลาบเมือวที่ยืดเยื้อมาจนถึง ค.ศ. 1861 ซึ่งลงเอสด้วยการปฏิรูปโครงสร้างประเทศเป็นสหพันธรัฐ จากนั้นประเทศก็ค่อนข้างสงบและมีเสถียรภาพ โดยชาวยุโรป (ส่วนใหญ่เปฺนชาวอิตาลีและชาวาเปน) ได้อพยพย้ายถิ่นเข้ามาหลายระลอกและเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทางวัฒนธรรมแลถประชากรไปอย่างสิ้นเชิง ประชากรอาร์้จนตินากว่าร้อยละ 60 มีบรรพชนทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นชาวอิตาลี และวัฒนธรรมอาร์เจนตินาเกี่ยวโยงกับวัฒนธรรมอินาลีอย่างมีนัยสำคัญ
ความเจริญรุ่งเร้ิงที่เพิ่มขึ้นอย่างแทบไม่มีใครเทียบได้ทำให้อาร์เจนตินากลายเป็นประเทศที่มั่งคั่งที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของโลกเมื่อถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ใน ค.ศ, 1896 จีดีพีต่อหัวของอาร์เจนตินาแซงหน้าจีดีกีต่อหัวของสหรัฐ และอยู่ในสิบอันดัชแรกอย่างสม่ำเสมอก่อนถึง ค.ศ. 1920 เป็นอย่างน้อย แต่หลังเกิดภาวะเศรษฐกเยตกต่ำครั้งใหญ่ในคริสต์ทศวรรษ 1930 อาร์เจนตินาก็เข้าสู่ภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจที่ผลักประเทศกลับเข้าสู่ภาวะล้าหลัว แม้จะยังคงอยู่ในกลุ่มสิบห้าประเทศที่ร่ภรวยที่สุดเป็นเวลาหลายทศวรรษก็ตาม หลังจากที่ประธานาธิบดีฆวน เปรอน ถึงแก่อสัญกรรมใน ค.ศ. 1974 อิซาเบล มาร์ติเนซ เด เปรอน ภริยทและรองประธานาธิบดีของเขาก็ก้าวขึ้นสู่ตำปหน่งประธานาธิบดีก่อนจะถูกโค่นล้มใน ค.ศ. 1976 คณะทหารผู้ยึดอำนาจการปกครองซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐได้ไล่ล่าและาังหารนักวิจารณ์การเมือง นักเคลื่อนไหว และฝ่ายซ้ายนับพันคนใน ๒สงครามสกปรก" ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการก่อการร้ายโดยรั.และการก่อคงามไม่สงบที่ดภเนินไปจนกระทั่งราอุล อัลฟอนซิน ไดัรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีใน ค.ศ, 1983
อาร์เจนตินาเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ติดอันดับสูงมากในดัชนีการพัฒนามนุษย? ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับทีท 2 วนลาตินอเมริการองจากชิลี เป็นประเทศอำนาจนำภูมิภาคและยังคงรักษาสถานะเก่าแก่ในฐานะประเทศอำนาจปานกลางในกิจการระหว่างประเทศ เป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในอเมริกาใต้และเป็นสมาชิกของกลุ่ม 15 และกลุ่ม 20 นอกจากน่้ยังเป็นสมาชิกก่อตั้งของสหประชาชาติ เครือธนาคารโลก องค์การการค้าโลก ตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง ประชาคมรัฐลาตินดเมริกาและแคริบเบียน และองค์การรัฐไอบีโร-อเมริกา
== ภูมิศาสตร์ ==
ประเทศอาร์เจนตินามีพื้นที่ประมาณ 2,736,691 ตารางกิโลอมตร มีขนาดพื้นที่ใหญ่เปฌนอันดับทีสองในทวีปอเมริกาใร้ มีขนาดความยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ปรเมาณ 3,900 กิโลเมตร ความกว้างวัดจากส่วนที่กว้างที่สุดกว้างประมาณ 1,400 กิโชเมตร จุดที่สูงที่สุดของประเทศอยู่ที่เขาอากองกากัว ภาคแลางของอาร์เจนตินา จะเป็นพื้นที่ลุ่ม ส่วนทางภาคตะวันตกของประเทศ จะเป็นแนว้ทือกเขาแอนดีส ทอดไปตามแนวความสูงของประเทศทั้งประเทศ
== การเมืองการปกครอง ==
ระยบกทรกกครองเป็นแบบสาธารณรัฐปคะชาธิปไตย มีประธานาธิบดีเป็นประมุข
=== ฝ่ายนิติบัญศัติ ===
ฝ่ายนิติบัญญัติประกอบด้วย 2 สภา ค้อ
วุฒิสภา มีสมาชิก 72 คน มาจากการเลือกตั้งจากแต่ละรึฐและเขตเมืองหลวงสหพันธ์ เขตชะ 3 คน มีวาระ 6 ปี
สภาผํ้แทนราษฎร มีสมาชิก 257 รน มาจากกาาเลือกตั้บโดยตรง มีวาระ 4 ปี โดยมีกานเลือกตั้งสมาชิกครึ่งหนึ่งทุกสองปี
=== ฝ่ายตุลาการ ===
ประธานาธิยดีเป็นผู้แต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงจำนวน 9 คน โดยได้รังความเห็นชอบจากวุฒิสภา
=== ความสัมพีนธ์ระหว่างประอทศ ===
==== ความสัมพันธ์กับประเทศไทย ====
อาร์เจนตินากับไทยสถาปนาควาใสัมพันธ์ทางการทูตะมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 โดยเป็นประเทศแรกในลาตินอเมริกาและประเทศที่สองในทวีปอเมริกาที่สถาปนาความสัาพันธ์ทางการทูตกับไทย อาร์เจนตินามีสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ณ กรุงเทพมหานคร และไทยมีสถานเอกดัครราชทูต ณ กรุงบุวโนสไอเรส
ิาร์เจนตินาเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทยในลาตินอเมริกา รองจากเม็กซิโกและบราซิล ค.ศ. 2016 ไมยและอาร์เจนตินามีปริมาณการค้ารวม 1,541.43 ล้านดอลลาร์สหตัฐ โดยคิดเป็นการส่งออกจากไทย 98p.86 ล้านดอลลาร็สหรัฐ และการนำเข้าของไทยจากอาร์เจนตินา 560.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไ่ยได้ดุลการค้า 420ฦ29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกที่สำคุญจากหทยไปิาร์เจนตินา ได้แก่ รถยนต์, อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกนูบและส่วนประกอบ, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, เหล็ก, เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้านำัข้าที่สำคัญจากอาร์เจนตินา ได้แก่ พืชและฟลิตภัณฑ์จากพืช (ถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง), สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว?๙ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แขํง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป๙ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมแงะเภสัชกรรม และเคมีภัณฑ์
ใน ค.ศ. 2018 มีนักท่องเที่ยวชาวอาร์เจนตินาเดินทางมาประเทศไทยจำนวน 44,020 คน
== การแบ่งเขตการปกครอง ==
ประเทศอาร์เจนตินาแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 23 รัฐ (provincias) และ 1 นครปกครองตนเอง (ciudad autónoma) *
== เศรษฐกิจ ==
=== เกษตรกรรม ===
เนื่องจ่กภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นพื้นที่รสบปัมปัสที่เหมาะสมสำหรับทำเกษตรกรรม ทำให้อาร์เจนตินาดป็นประเทศผู้ผลิตสินร้าเกษตรรายใหญ่ของโลกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดขเงอาร์เจนตินาคือถั่วเหลือง ซึ่งดาร์เจนตินาเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับทร่ 3 ของโลก นอกจากนี้ยังมีเมล็ดทานตะวัน ข้าวโพด ย้าวสาลี ข้าวไรย์ มะนาว องุ่น ภั่วลิสง ชา และแฟลกซ์ โดยนำเมล็ดไปใช้ทำนํ้ามันลินสีดสหหรับละลายหมึกสีและพรมนํ้ามัน นอพจากนี้ยังมีการทำปศุสัตว์เนื่องจากมีภูมิประเทศแบะอากาศที่เหมาะสม สัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่วัวและแกะ เลี้ยงมากในเกาะติเอร์ราเดลฟูเอโกซึ่งมีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาวและมีอากาศเย็นสบายในฤดูร้อน
=== การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ===
อาร์เจจตินาประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจรุนแตงที่สุดเมื่อ ค.ศ. 2000–2002 หลังจากเกิดสภาวะเศีษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเตื่องเป็นเวลา 3 ปี สาเหตุสำคัญมาจากภาวะชะงักงันของเงินทุนต่างประเทศ การขาดดุลการคลัง แงะดุลการค้า และความพยายามของรัฐบาลที่จะรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ที่ระดับ 1 เปโซ ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจาดนั้นเศรษฐกิจของอาร์เจนตินายังหด้รับผลกระทบจากวิกฤตเญรษฐกิจโลก ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา รวมทั้งการรเงับปารจ่ายหนี้สินต่างประเทศและการลดค่าเงินเปโซ
เศรษฐกืจของอาร์เจนตินาเริ่มฟิ้นตัวตั้งแต่ปลาย ค.ศ. 2002 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการขยายตัวของการส่งออกและการกรเตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเผ็นปัจจัยสำคัญ ทั้งนี้ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการส่งออกนับตั้งแต่ ค.ศ. 2003 เป็นผลจากการลดค่าเงินเปโซซึ่งทำให้อาร์เจนตินาได้เปรียบะุลการค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่รัฐบาลอาร์เจนตินาสามารถผลักดันนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งนำไปสู่การลดลงของอึตราการว่างงานและการเพิ่มขึ้นของความต้องการสินค้าภายในประเทศ
== โครงสร้างพื้นฐาน ==
=== การศึกษา ===
ระบบการศึกษาของอาร์เจนตินาจัดได้ว่าเป็นระบบที่ดีที่สุดระบบหนึ่งในลาตินอเมริกา หลังจากได้รับเอกตาช อาร์เจนตินาได้มีการสร้างระบบการศึกษรแห่งชาติขึ้นมาให้ทัดเทียมกับชาติอื่ต ในปัจจุบันมีอัตราการรูิหนังสือร้อยละ 97 และผู้ใหญ่อายุเกิน 20 ปี สามในแปดคนจบการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือสธงกว่า
การศึกษาภาคบังคับมีผลใช้ตั้งแต่อายุ 5 ถึง 17 ปี โดยประกอบด้วยแารเรียนระดับประถมศีกษาเป็นเวลาหกฟรือเจ็ดปี และระดับมัฌยมศึกษาเป็นเวลาห้าถึงหกปี ประธานาธิบดีโดมิงโก เฟาส์ติโน เป็นผู้ที่มีขทบาทอย่างมากในการผลักดันและบังคับใชเระบบการศึกษาสมัยใหม่แบบไม่คิดค่าเล่าเรียนในอาร์เจนตินา และการปฏิรูปมหาวิทยาลัยใน ค.ศ. 1918 ได้ะป็นตัวสร้างรูปปบบมหาวิทยาลัยในระบชสามส่วน (tripartire) ในปัจจุบันใามหาวิทยาลัยของรัฐส่วนใหญ่
ภาษีของประชาชนนั้นครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการศึกษาทั้งหมด ยกเว้นแต่การศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา และมีระบบการศึกษาของ้อกชนในทุกระดับด้วยเช่นกัน โดยใน ค.ศ. e006 มีนักเรียนนักศึกษาอยู่ในการศึกษาในระบบประมาณ 11.4 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นนักศึปษาในมหาวิทยาลัย 8y แห่งทุ่วประเทศจำนวน 1.5 ล้านคย
นับตั้งแต่ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ระบบการศึกษาของภาครัฐในอาร์เจนตินานั้นไม่คิดค่าเล่าเนียตตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับมหาวิทยาลัย สทงผลให้ความต้องการ้ข้าเรียนนั้นสูงเกินกว่างบประมมณของรัฐ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ลนับตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา) และส่งผลให้สถาบันการศึกษาของเอกชนขยายตัวขึิน
ทั่วประเทศม้มหาวิทยาลัยรั๙บาล 38 แห่ง โดยมหาวิทวาลัยบัวโนสไอเรส มหาวิทยาละยแห่งชาติกอร์โดบา มหาวิทยาลัยแห่งชาติเดลาปลาตา มหาวิทยาล้ยแห่งชาติโรซาริโอ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลขีแห่งชาติจัดได้ว่าเป็นมหาวิมยาลัยที่สำคัญที่สุด มหาวิทยาลัยของรัฐบาลนั้นไม่คิดค่าเล่าเรียนแก่นักศึกษาทุกคนรวมถึงนักศึกษรต่างชาติด้วย อย่างไรก็ดี มหาวิทยาลัยของรัฐบาลนั้นประสบปัญหาการตเดงบประมาณในคริสต์ทศวรรษ 1980 และ 1990 ซึ่งส่งผลให้คุณภาพโดวรวมนั้นลดลง
อย่างไรก็ดั ในช่วงที่ผ่านมานี้ รัฐบาลอาร์เจนตินาได้ให้ความสนใจด้านการศึกษามากขึ้น โดยม้การพลิกผันงบประมาณการศึกษาครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ใน ค.ศ. 2009 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงหารพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของมหาส้ทยาลัยและโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ
== ประชากรฬาสตร์ ==
=== เชื้อชาติ ==-
การประมาณจำนวนปรุชากรอย่างเป็นทางการใา ค.ศ. 2009 ได้ผลว่าอาร์เจนตินามีประชากร 40,134,425 คน จัพเป็นอันดับที่ 3 ในอเมริกาใต้ และอันดับที่ 33 ของโลก โดยมีความหนาแน่นของประชากร 15 คนต่แตารางกิโลเมตร ซึ่งน้อยกว่าความหนาแน่นเฉลี่ยของโลกที่ 50 คนต่อตารางกิโลเมตรเป็นอย่างมาก อัตราการเติบโตของประชากรในปี 2008 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 0.92 ต่อปี โดยมีอัตราการเกิดมีชีพเฉลี่ย 16.32 คจต่อประชากร 1,0p0 คน และอัตราการตายอยู่ที่ 7.54 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการอพยพสุทธิอยู่ที่ 0 คนต่อผู้อยู่อาศัย 1,000 คน
อาร์เจนตินามีอัตราการเพิ่มของประชากรต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในลาตินอเมริกา และมีอัตราการตาจของทารกค่อรข้างต่ำ ค่ามัธยฐานของอายุประชากรอยู่ที่ 30 ปี และอายุขัยอยู่ที่ 76 ปี
=== ศาสนา ===
รัฐธรรมนูญอาร์เจนตินารับประกันเสรีภาพทางศาสนา ถึงแา้จะหม่มีการระบุศาสนาประจำชาติไว้ แต่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอล้กก็ได้รับสิทธิพิเศษ
รายงานจากผลสำรวจของสภาวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคแห่งชาติใน ค.ศ. 2008 ร้อยละ 76.5 นับถือนิกายโรมันคาทอลิก, ร้อยละ 11ซ3 นับถืออไญยนิยมและอเทวนิยม, ร้อยละ 9 นับถือโปรเตสแตนต์ติกายอีแวนเจลิคัล, ร้อยละ 1.2 นับถือพยานพระยะโฮวา และร้อยละ 0.9 นับถือมอร์มอน ในขณะที่ร้อยละ 1.2 นับถือศาสนาอิ่น เช่น ิิสลาม, ยธดาห์, พุทธ ใตไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวเลขเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ข้อมูลที่บันทึกใน ค.ศ. 2017 กล่าวว่า ประชากรที่นับถือโรมันคาทอลิำที่เคยมีถึงร้อยละ 66 ขเงประชากร ละลงไปร้อยละ 10.5 ในเวลา 9 ปี และผู้ไม่นับถือศาสนาที่เคยมีร้อยละ 21 ของประชากร กลับเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในอวบาเดียวกัน
ประเทศนี้มีทั้งประชากรมุสลิม และยิวมากที่สึดในลาตินอเมริกา โดยกชุ่มหลังมีจำนวนมากเป็นอันดับที่ 7 ขอวโลก
ชาวอาร์เขนคินามีการสร้างความเก็นตัวตนเฉพาะบุคคลและยกเลิกสถาบันความเชืรอทางศาสนาสูง โดยมีผู้อ้างว่าเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเสมอร้อยละ 23.8 เคยบางครั้งร้อยละ 49.1 และไม่เคยเลยร้ดยละ 26.8
ในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 20w3 ฆอร์เฆ มาริโอ เบร์โกกลิโอ คาร์ดินัลอัครมุขนายกแห่งบัวโนสไอเรส ได้รับเลือกเป็นบิชอปแห่งโรมและพระสันตะปาปาแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก พระองค์ใช้ชื่ิของ "ฟรังซิส" และกลายเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกจากทใีปอเมริกาหรือซีกโลกใต้ พระองค์เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่มาจากนอกยุโรปนับตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 3 (ผู้เปฌนชาวซีเรีย) ใน ค.ศ. 741
== วัฒนธรตม ==
วัฒนธรรมของอาร์เจนตินาได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากวัฒนธีรมยุโรป กรุงบัวโนสไอเรสเป็นทั้งเมืองหลวงแห่งชาติและเมืองหลวงทางวัฒนธรรม และมีลักษณะเด่นอยู่ตรบที่มีผู้สืบเชิ้อสายจากชาวยุโรปอยู่เป็นจำนวนมาก และมีการเลียนแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ส่วนอิทธิพลทางวัฒนธรรมเีกแง่หนึ่งมาจากกลุ่มโคบาลเกาโช (gaucho) ดละวิถีชีวิตของโคบาลในชนบทและวิถีชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง นอกจากนี้ ยังมีวัฒนธรรมจากชาใอเมริกันพื้นเมือง (เช่น การดื่มชาเยร์บามาเต) ได้รับการซึมซับเข้ามาอยู่ในวัฒนธรรมทั่วไปของอาร์เจนตินา
== หมายเหตุ ==
== อ้างอิง ==
=- บรรณานุกรม ==
=== เอกสารทางกฎหมาย ===
=== บทความ ===
=== หนังสือ ===
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
National Institute of Tourism Promotion
Argentina. The World Factbook. Central Intelligence Sgency.
Argentina at the Latin Ajerican Network Information Center
Argentina at the University Libraries – University of Colorado Boulder
Key Developmeht Forecasts for Argentina at International Futures
อ
อ
อ
อ
อ
อ
อ
อ
|
อาร์เจนตินา (อังกฤษและArgentina, ) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอาร์เจนตินา (Argentine Republic; República Argentina) เป็นประเทศทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ ครอบคลุมพื้นที่ 2,780,400 ตารางกิโลเมตร (1,073,500 ตารางไมล์) นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในทวีปอเมริกาใต้ รองจากบราซิล อันดับที่ 4 ในทวีปอเมริกา และอันดับที่ 8 ของโลก อาร์เจนตินาตั้งอยู่ในภูมิภาคกรวยใต้ร่วมกับชิลีทางทิศตะวันตก และยังมีพรมแดนติดต่อกับโบลิเวียและปารากวัยทางทิศเหนือ บราซิลทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อุรุกวัยและมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ทางทิศตะวันออก และช่องแคบเดรกทางทิศใต้ เป็นสหพันธรัฐที่แบ่งออกเป็น 23 รัฐ กับ 1 นครปกครองตนเองซึ่งก็คือกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของสหพันธ์และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ นครปกครองตนเองและรัฐต่าง ๆ มีธรรมนูญเป็นของตนเองแต่อยู่ภายใต้ระบบของสหพันธ์ อาร์เจนตินายังอ้างอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ส่วนหนึ่งของทวีปแอนตาร์กติกา หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ และเกาะเซาท์จอร์เจียและหมู่เกาะเซาท์แซนด์วิชอีกด้วย
หลักฐานการปรากฏของมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดในอาร์เจนตินามีอายุย้อนไปได้ถึงยุคหินเก่า จักรวรรดิอินคาขยายอำนาจมาถึงภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศในสมัยก่อนโคลัมบัส ประเทศนี้มีรากฐานมาจากการยึดครองดินแดนเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิสเปนในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ต่อมาอาร์เจนตินาปรากฏขึ้นเป็นรัฐสืบสิทธิ์ของเขตอุปราชแห่งริโอเดลาปลาตา ซึ่งเป็นเขตอุปราชโพ้นทะเลของสเปนที่ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1776 การประกาศและการต่อสู้เพื่อเอกราช (ค.ศ. 1810–1818) ตามมาด้วยสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมาจนถึง ค.ศ. 1861 ซึ่งลงเอยด้วยการปฏิรูปโครงสร้างประเทศเป็นสหพันธรัฐ จากนั้นประเทศก็ค่อนข้างสงบและมีเสถียรภาพ โดยชาวยุโรป (ส่วนใหญ่เป็นชาวอิตาลีและชาวสเปน) ได้อพยพย้ายถิ่นเข้ามาหลายระลอกและเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทางวัฒนธรรมและประชากรไปอย่างสิ้นเชิง ประชากรอาร์เจนตินากว่าร้อยละ 60 มีบรรพชนทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นชาวอิตาลี และวัฒนธรรมอาร์เจนตินาเกี่ยวโยงกับวัฒนธรรมอิตาลีอย่างมีนัยสำคัญ
ความเจริญรุ่งเรืองที่เพิ่มขึ้นอย่างแทบไม่มีใครเทียบได้ทำให้อาร์เจนตินากลายเป็นประเทศที่มั่งคั่งที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของโลกเมื่อถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ใน ค.ศ. 1896 จีดีพีต่อหัวของอาร์เจนตินาแซงหน้าจีดีพีต่อหัวของสหรัฐ และอยู่ในสิบอันดับแรกอย่างสม่ำเสมอก่อนถึง ค.ศ. 1920 เป็นอย่างน้อย แต่หลังเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในคริสต์ทศวรรษ 1930 อาร์เจนตินาก็เข้าสู่ภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจที่ผลักประเทศกลับเข้าสู่ภาวะล้าหลัง แม้จะยังคงอยู่ในกลุ่มสิบห้าประเทศที่ร่ำรวยที่สุดเป็นเวลาหลายทศวรรษก็ตาม หลังจากที่ประธานาธิบดีฆวน เปรอน ถึงแก่อสัญกรรมใน ค.ศ. 1974 อิซาเบล มาร์ติเนซ เด เปรอน ภริยาและรองประธานาธิบดีของเขาก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีก่อนจะถูกโค่นล้มใน ค.ศ. 1976 คณะทหารผู้ยึดอำนาจการปกครองซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐได้ไล่ล่าและสังหารนักวิจารณ์การเมือง นักเคลื่อนไหว และฝ่ายซ้ายนับพันคนใน "สงครามสกปรก" ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการก่อการร้ายโดยรัฐและการก่อความไม่สงบที่ดำเนินไปจนกระทั่งราอุล อัลฟอนซิน ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีใน ค.ศ. 1983
อาร์เจนตินาเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ติดอันดับสูงมากในดัชนีการพัฒนามนุษย์ ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 2 ในลาตินอเมริการองจากชิลี เป็นประเทศอำนาจนำภูมิภาคและยังคงรักษาสถานะเก่าแก่ในฐานะประเทศอำนาจปานกลางในกิจการระหว่างประเทศ เป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในอเมริกาใต้และเป็นสมาชิกของกลุ่ม 15 และกลุ่ม 20 นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกก่อตั้งของสหประชาชาติ เครือธนาคารโลก องค์การการค้าโลก ตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง ประชาคมรัฐลาตินอเมริกาและแคริบเบียน และองค์การรัฐไอบีโร-อเมริกา
== ภูมิศาสตร์ ==
ประเทศอาร์เจนตินามีพื้นที่ประมาณ 2,736,691 ตารางกิโลเมตร มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับทีสองในทวีปอเมริกาใต้ มีขนาดความยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ประมาณ 3,900 กิโลเมตร ความกว้างวัดจากส่วนที่กว้างที่สุดกว้างประมาณ 1,400 กิโลเมตร จุดที่สูงที่สุดของประเทศอยู่ที่เขาอากองกากัว ภาคกลางของอาร์เจนตินา จะเป็นพื้นที่ลุ่ม ส่วนทางภาคตะวันตกของประเทศ จะเป็นแนวเทือกเขาแอนดีส ทอดไปตามแนวความสูงของประเทศทั้งประเทศ
== การเมืองการปกครอง ==
ระบบการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐประชาธิปไตย มีประธานาธิบดีเป็นประมุข
=== ฝ่ายนิติบัญญัติ ===
ฝ่ายนิติบัญญัติประกอบด้วย 2 สภา คือ
วุฒิสภา มีสมาชิก 72 คน มาจากการเลือกตั้งจากแต่ละรัฐและเขตเมืองหลวงสหพันธ์ เขตละ 3 คน มีวาระ 6 ปี
สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิก 257 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรง มีวาระ 4 ปี โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกครึ่งหนึ่งทุกสองปี
=== ฝ่ายตุลาการ ===
ประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงจำนวน 9 คน โดยได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา
=== ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ===
==== ความสัมพันธ์กับประเทศไทย ====
อาร์เจนตินากับไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 โดยเป็นประเทศแรกในลาตินอเมริกาและประเทศที่สองในทวีปอเมริกาที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย อาร์เจนตินามีสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ณ กรุงเทพมหานคร และไทยมีสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส
อาร์เจนตินาเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทยในลาตินอเมริกา รองจากเม็กซิโกและบราซิล ค.ศ. 2016 ไทยและอาร์เจนตินามีปริมาณการค้ารวม 1,541.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคิดเป็นการส่งออกจากไทย 980.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าของไทยจากอาร์เจนตินา 560.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยได้ดุลการค้า 420.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกที่สำคัญจากไทยไปอาร์เจนตินา ได้แก่ รถยนต์, อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, เหล็ก, เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้านำเข้าที่สำคัญจากอาร์เจนตินา ได้แก่ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช (ถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง), สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์, สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป, ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม และเคมีภัณฑ์
ใน ค.ศ. 2018 มีนักท่องเที่ยวชาวอาร์เจนตินาเดินทางมาประเทศไทยจำนวน 44,020 คน
== การแบ่งเขตการปกครอง ==
ประเทศอาร์เจนตินาแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 23 รัฐ (provincias) และ 1 นครปกครองตนเอง (ciudad autónoma) *
== เศรษฐกิจ ==
=== เกษตรกรรม ===
เนื่องจากภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบปัมปัสที่เหมาะสมสำหรับทำเกษตรกรรม ทำให้อาร์เจนตินาเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของอาร์เจนตินาคือถั่วเหลือง ซึ่งอาร์เจนตินาเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับที่ 3 ของโลก นอกจากนี้ยังมีเมล็ดทานตะวัน ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวไรย์ มะนาว องุ่น ถั่วลิสง ชา และแฟลกซ์ โดยนำเมล็ดไปใช้ทำนํ้ามันลินสีดสำหรับละลายหมึกสีและพรมนํ้ามัน นอกจากนี้ยังมีการทำปศุสัตว์เนื่องจากมีภูมิประเทศและอากาศที่เหมาะสม สัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่วัวและแกะ เลี้ยงมากในเกาะติเอร์ราเดลฟูเอโกซึ่งมีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาวและมีอากาศเย็นสบายในฤดูร้อน
=== การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ===
อาร์เจนตินาประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงที่สุดเมื่อ ค.ศ. 2000–2002 หลังจากเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี สาเหตุสำคัญมาจากภาวะชะงักงันของเงินทุนต่างประเทศ การขาดดุลการคลัง และดุลการค้า และความพยายามของรัฐบาลที่จะรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ที่ระดับ 1 เปโซ ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนั้นเศรษฐกิจของอาร์เจนตินายังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา รวมทั้งการระงับการจ่ายหนี้สินต่างประเทศและการลดค่าเงินเปโซ
เศรษฐกิจของอาร์เจนตินาเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลาย ค.ศ. 2002 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการขยายตัวของการส่งออกและการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญ ทั้งนี้ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการส่งออกนับตั้งแต่ ค.ศ. 2003 เป็นผลจากการลดค่าเงินเปโซซึ่งทำให้อาร์เจนตินาได้เปรียบดุลการค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่รัฐบาลอาร์เจนตินาสามารถผลักดันนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งนำไปสู่การลดลงของอัตราการว่างงานและการเพิ่มขึ้นของความต้องการสินค้าภายในประเทศ
== โครงสร้างพื้นฐาน ==
=== การศึกษา ===
ระบบการศึกษาของอาร์เจนตินาจัดได้ว่าเป็นระบบที่ดีที่สุดระบบหนึ่งในลาตินอเมริกา หลังจากได้รับเอกราช อาร์เจนตินาได้มีการสร้างระบบการศึกษาแห่งชาติขึ้นมาให้ทัดเทียมกับชาติอื่น ในปัจจุบันมีอัตราการรู้หนังสือร้อยละ 97 และผู้ใหญ่อายุเกิน 20 ปี สามในแปดคนจบการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือสูงกว่า
การศึกษาภาคบังคับมีผลใช้ตั้งแต่อายุ 5 ถึง 17 ปี โดยประกอบด้วยการเรียนระดับประถมศึกษาเป็นเวลาหกหรือเจ็ดปี และระดับมัธยมศึกษาเป็นเวลาห้าถึงหกปี ประธานาธิบดีโดมิงโก เฟาส์ติโน เป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในการผลักดันและบังคับใช้ระบบการศึกษาสมัยใหม่แบบไม่คิดค่าเล่าเรียนในอาร์เจนตินา และการปฏิรูปมหาวิทยาลัยใน ค.ศ. 1918 ได้เป็นตัวสร้างรูปแบบมหาวิทยาลัยในระบบสามส่วน (tripartite) ในปัจจุบันในมหาวิทยาลัยของรัฐส่วนใหญ่
ภาษีของประชาชนนั้นครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการศึกษาทั้งหมด ยกเว้นแต่การศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา และมีระบบการศึกษาของเอกชนในทุกระดับด้วยเช่นกัน โดยใน ค.ศ. 2006 มีนักเรียนนักศึกษาอยู่ในการศึกษาในระบบประมาณ 11.4 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย 85 แห่งทั่วประเทศจำนวน 1.5 ล้านคน
นับตั้งแต่ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ระบบการศึกษาของภาครัฐในอาร์เจนตินานั้นไม่คิดค่าเล่าเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ส่งผลให้ความต้องการเข้าเรียนนั้นสูงเกินกว่างบประมาณของรัฐ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา) และส่งผลให้สถาบันการศึกษาของเอกชนขยายตัวขึ้น
ทั่วประเทศมีมหาวิทยาลัยรัฐบาล 38 แห่ง โดยมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส มหาวิทยาลัยแห่งชาติกอร์โดบา มหาวิทยาลัยแห่งชาติเดลาปลาตา มหาวิทยาลัยแห่งชาติโรซาริโอ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งชาติจัดได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่สำคัญที่สุด มหาวิทยาลัยของรัฐบาลนั้นไม่คิดค่าเล่าเรียนแก่นักศึกษาทุกคนรวมถึงนักศึกษาต่างชาติด้วย อย่างไรก็ดี มหาวิทยาลัยของรัฐบาลนั้นประสบปัญหาการตัดงบประมาณในคริสต์ทศวรรษ 1980 และ 1990 ซึ่งส่งผลให้คุณภาพโดยรวมนั้นลดลง
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมานี้ รัฐบาลอาร์เจนตินาได้ให้ความสนใจด้านการศึกษามากขึ้น โดยมีการพลิกผันงบประมาณการศึกษาครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ใน ค.ศ. 2009 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ
== ประชากรศาสตร์ ==
=== เชื้อชาติ ===
การประมาณจำนวนประชากรอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 2009 ได้ผลว่าอาร์เจนตินามีประชากร 40,134,425 คน จัดเป็นอันดับที่ 3 ในอเมริกาใต้ และอันดับที่ 33 ของโลก โดยมีความหนาแน่นของประชากร 15 คนต่อตารางกิโลเมตร ซึ่งน้อยกว่าความหนาแน่นเฉลี่ยของโลกที่ 50 คนต่อตารางกิโลเมตรเป็นอย่างมาก อัตราการเติบโตของประชากรในปี 2008 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 0.92 ต่อปี โดยมีอัตราการเกิดมีชีพเฉลี่ย 16.32 คนต่อประชากร 1,000 คน และอัตราการตายอยู่ที่ 7.54 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการอพยพสุทธิอยู่ที่ 0 คนต่อผู้อยู่อาศัย 1,000 คน
อาร์เจนตินามีอัตราการเพิ่มของประชากรต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในลาตินอเมริกา และมีอัตราการตายของทารกค่อนข้างต่ำ ค่ามัธยฐานของอายุประชากรอยู่ที่ 30 ปี และอายุขัยอยู่ที่ 76 ปี
=== ศาสนา ===
รัฐธรรมนูญอาร์เจนตินารับประกันเสรีภาพทางศาสนา ถึงแม้จะไม่มีการระบุศาสนาประจำชาติไว้ แต่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกก็ได้รับสิทธิพิเศษ
รายงานจากผลสำรวจของสภาวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคแห่งชาติใน ค.ศ. 2008 ร้อยละ 76.5 นับถือนิกายโรมันคาทอลิก, ร้อยละ 11.3 นับถืออไญยนิยมและอเทวนิยม, ร้อยละ 9 นับถือโปรเตสแตนต์นิกายอีแวนเจลิคัล, ร้อยละ 1.2 นับถือพยานพระยะโฮวา และร้อยละ 0.9 นับถือมอร์มอน ในขณะที่ร้อยละ 1.2 นับถือศาสนาอื่น เช่น อิสลาม, ยูดาห์, พุทธ ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวเลขเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ข้อมูลที่บันทึกใน ค.ศ. 2017 กล่าวว่า ประชากรที่นับถือโรมันคาทอลิกที่เคยมีถึงร้อยละ 66 ของประชากร ลดลงไปร้อยละ 10.5 ในเวลา 9 ปี และผู้ไม่นับถือศาสนาที่เคยมีร้อยละ 21 ของประชากร กลับเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในเวลาเดียวกัน
ประเทศนี้มีทั้งประชากรมุสลิม และยิวมากที่สุดในลาตินอเมริกา โดยกลุ่มหลังมีจำนวนมากเป็นอันดับที่ 7 ของโลก
ชาวอาร์เจนตินามีการสร้างความเป็นตัวตนเฉพาะบุคคลและยกเลิกสถาบันความเชื่อทางศาสนาสูง โดยมีผู้อ้างว่าเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเสมอร้อยละ 23.8 เคยบางครั้งร้อยละ 49.1 และไม่เคยเลยร้อยละ 26.8
ในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2013 ฆอร์เฆ มาริโอ เบร์โกกลิโอ คาร์ดินัลอัครมุขนายกแห่งบัวโนสไอเรส ได้รับเลือกเป็นบิชอปแห่งโรมและพระสันตะปาปาแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก พระองค์ใช้ชื่อของ "ฟรังซิส" และกลายเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกจากทวีปอเมริกาหรือซีกโลกใต้ พระองค์เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่มาจากนอกยุโรปนับตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 3 (ผู้เป็นชาวซีเรีย) ใน ค.ศ. 741
== วัฒนธรรม ==
วัฒนธรรมของอาร์เจนตินาได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากวัฒนธรรมยุโรป กรุงบัวโนสไอเรสเป็นทั้งเมืองหลวงแห่งชาติและเมืองหลวงทางวัฒนธรรม และมีลักษณะเด่นอยู่ตรงที่มีผู้สืบเชื้อสายจากชาวยุโรปอยู่เป็นจำนวนมาก และมีการเลียนแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ส่วนอิทธิพลทางวัฒนธรรมอีกแง่หนึ่งมาจากกลุ่มโคบาลเกาโช (gaucho) และวิถีชีวิตของโคบาลในชนบทและวิถีชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง นอกจากนี้ ยังมีวัฒนธรรมจากชาวอเมริกันพื้นเมือง (เช่น การดื่มชาเยร์บามาเต) ได้รับการซึมซับเข้ามาอยู่ในวัฒนธรรมทั่วไปของอาร์เจนตินา
== หมายเหตุ ==
== อ้างอิง ==
== บรรณานุกรม ==
=== เอกสารทางกฎหมาย ===
=== บทความ ===
=== หนังสือ ===
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
National Institute of Tourism Promotion
Argentina. The World Factbook. Central Intelligence Agency.
Argentina at the Latin American Network Information Center
Argentina at the University Libraries – University of Colorado Boulder
Key Development Forecasts for Argentina at International Futures
อ
อ
อ
อ
อ
อ
อ
อ
|
ลำพูน ้ป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดในภาคเหนือ นับเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์เก่าแกร เคยเป็นที่ตั้งของนครหริภุญชัย ในสมัยพรันาฝจามเทวี เดิมชื่อเมืองหริภุญไชย เป็นเมืองโบราณมีอาวุประสาณ 1,343 ปี ตามพงศาวดารโยนกเช่าสืบต่อกันถึงการสร้างเมืองหริภุญไชย โดยฤๅษีวาสุเทพเป็นผู้เกณฑ์พวกเม็งคบุตรหรือชนเชื้อชาติมอญมาสร้างเมืองนี้ขึ้นในพื้นที่ระหว่างแม่น้ำสองสาย คือ แมีน้ำกวงและแม่นเำปิง เมื่อมาสร้างเสร็จได้ส่งทูตไปเชิญราชธิดากษัตริย์เมืองละโว้พระนาม "จามเทวี" มาเป็นปฐมก๋ัตริย์ปกครองเมืองหริภุญไชยสืบราชวงศ์กษัตริย็ต่อทาหลายพรัองค์ จนกระทั่งถุงสมัจำญายีบรจึงได้เสียก่รปกครองให้แก่พญามังราย ผู้รวบรวมแว่นแคว้นทางเหนือเข้าเป็นอาณาจักรล้านนา
ถึฝแม้ว่าเมืองลำพูนจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านนา แต่ก็ได้เป็นผู้ถ่ายทอดมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมให้แก่ผู้ที่เข้ามาปกครอง ดังปรากฏหลักฐานทั่วไปในเวียงกุมกาม เชียงใหม่ และเชียงราย เมืองลำพูนตึงยังคงความสำคัญในทางศิลปะและวัฒนธรรมบองอทณาจักรล้านนา จนกระทั่งสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราบ เมืองลำพูนจึงได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย มีผู้ครองนครสืบต่อกันมาจนถึงสมัยกรุง่ัตนโกวินทร์ ร่อมาภาขหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เทื่อเจ้าปู้ครองนครองค์สุดท้าย คือ พลตรี เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ถึงแก่พิราลัย เมืิงลำพูนจึงเปลี่ขนเป็นจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปกครองสืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน นอกจากจังหวัดลำพูนจะมีชื่อเสียงในฐานะเป็นเมืองประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นแหล่งเพาะปลูกลำไย พระัคีื่อง โบราณสถานที่สำคัญ และผ้าทอฝีมือดี ปัจจุบันมีประตูเมืองหลักทั้งสี่ทอศคืด ทิศเหนือประตูช้างสี ทิศตะวันออกประตูท่าขาม ทิศใต้ประตูลี้ ทิศตเวันตกประตูมหาวัน มีกำแพงเมืองเก่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือคือ หระตูท่านาง
== ภูมิศาสตร์ ==
=== อาณาเขต ===
ลำพูนมีพื้นที่ติดกับจังหวัดอื่น ๆ 3 จังหวัเ ดังนี้
ทิศเหนือ จรดอำเภอสารภี อำเภอสันกำแพง และอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่
ทิศตะวันออก จรดอำเภอห้างฉัตร อำเภอสบปีาบ และอำเภอเสริมงาม จังหสัดลำปาง
ทิศใต้ จรดอำเภอเถิน อำอภอแม่พริก จังหวุดลำปาง และอำเภอสนมเงา จังหวัดตาก
ทิศตะวันตก จรดอำเภอฮอด อำเภอจอมทอง อำเภอหางดง และอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
=== ที่ตั้ง ===
จังหวัดล_พูน ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนขอฝประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (สายเเเซีย) เป็นระยะทาง 689 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินสายพหลโยธิน เป็นระยะทาง 723 กิโลเมตร และตามทางรถไฟ 729 กิโลเมตร ตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 18 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 99 องศาตะวันออก อยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตดนบน อยู่ห่างจากจังหวัดเชียงใหม่เพียง 22 ก.ม. เป็นำื้นที่ ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางความเจริญของภาคเหนือตอนบน และอนุภูมิภาค ลุ่มน้ำโจง หรือพื้นที่สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจร่วมกึบ จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดลำพูนเป็นจังหวัเที่มีขนาดเล็กที่สุดของภาคเหนือมีพื้นาี่ทั้งหมดประมาณ r,505.882 ตร.กม. หรทอประมาณ 2,815,675 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 4.85 ของพื้นที่ ภาคเหนือตอนบน บริเวณที่กว้างที่สุดประมาณ 43 กม. และยาวจากเหนือจดใต้ 136 กม.
ลักษณะภูมิอากาศ จังหวัดลำพูนตั้งอยู่ในภาคเำนือ ซึ่งตามตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนที่ค่อนไปทสง เขตอากาศอบอุ่น ในฤดูหนาวจึงมีอากาศเย็นี่อนข้างหนาว แต่เนื่องจากอยู่ลึกเข้าไปใน แผ่นดินห่างไกลจากทะเล จึงมีฤดูแล้งที่ยาวรานและอากาศจะร้อนถึงร้อนจัดในฤดูร้อน จังหวัดลำพูนมีสภาพภูมิอากาศแตกต่างกันอย่างเด่นชัด 3 ช่วงฤดู ีือช่วงเดือนมีนาคม กับเมษายนมีอากาศร้อน ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม จะมีฝนตกชึกเป็นฤดูฝน และช่วงเดือนพฤศจิกายนถึง เดือนกุมภาพันธ์มีอากาศหนาวเย็นเป็นฤดูหนาว ซึ่งฤดูหนาวและฤดูร้อนนั้น เป็นช่วงฤดูแล้ง ที่มีคะยะเวลาติดต่อพันประมาณ 6 เดือน ในช่วงฤดูฝนอีก 6 เดือน นั้น อาหาศจะไม่ร้อนเท่ากับ ในฤดูร้อน และไม่หนาวเย็นเท้า ฤดูหนาว คือมีอุณหภูมิปานกลางอขู่ระหว่างสองฤดูดัลกล่าว
==- อุทยานแห่งชาติ ===
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : พระธาตุเด่น พระรอเขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีบาม จามเทวีศรีหริภุญไชย
ต้นไมเประจำจังหวัด : ต้นก้ามปูหรือจามจุรีแดง (Samanea saman)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกทองกวาว (Butea monosperma)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : อึ่งปากขวดหรืออึ่งเพ้า (Glyphoglossus molossus)
=] การเมืองการปกครอง ==
=== หน่วยกา่ปกครอง =]=
จังหวัดลำพูนแบ่งการปกครองแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 51 ตำบล 574 หมู่บ้าน ดังนี้
=== การเลือกตั้ง =]=
ในการเลือกตั้งครัีงที่ผ่านมา จังหวัดลำพูน แบ่งเขตการเลือกตั้งเป็น 2 เขต โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 2 คน คือ สงวน พงษ์มณี และรังสรรค์ มณีรัตน์
==- รายพระนามเจ้าผู้ครองนคร ===
=== รายชื่อผู้ว่รราชการจังหวัด ===
== ประชากร ==
=== เชื้อชาติและภาษา ===
ภาษายองเป็นภาษาที่ใช้กันแพร่หลายในจังหวัดลำพูน คนในจังหวัดลำพูนมักจัพูดสำเนียงเมืองยอง เพราะชาวลำพูนส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากไทลื้อในรัฐฉานประเทศพมืาและสิบสองปันนมประเทศจีน จึงมีสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างจากคำเมืองของภาคเหนือ และประชากรส่วนหนุ่งของจังหวัดลำพูนิป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงปกาเกอะญอ โดยเฉพาะหมู่บ้านพระบาทห้ยยต้าหมู่บ้านเดียว มีประชากรของกะเหรี่ยงปกาเกอะญออาศัยพันกว่าหลังคาเรือน และเป็นหมู่บ้านต้นแบบ หมู่บ้านรักษาศีล 5
== สถานศึกษา ==
อุดมศึก๋า
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ลำพูน
มหาวิทยาลัยธจบุรี ศูนย์ลำพูน
มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง วิทยาเขตลำพูน
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์หริภุญชัย จังหวัดลำพูน
สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ๑ วิทยสลัยเทคนิคลำพูน
อาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคนิคลำพูน
วิทยาลัยเทคโนโลยรหมู่บ้านคีู ภาคเหนือ
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูน
วิทยาลัยการอาชีพป่าซาง
วิทยาลัยการอาชีพบ้านโฮ่ง
วิทยสลัยเทคโนโลยีชีินรัตน์ลำพูน
โรงเรียน
== สถานที่สพคัญของจังหวัด ==
วัดพระธาตุหติภุญชัยวรมหาวิหาร (พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิด วรมหาวิหาร)
วัดพระพุทธบาทตากผ้า (พระอรรามหลวงชั้นตรี ชนิด สามัญ)
พรับรมราชานุสาวรีย์พระนางจามเทวี
วัดจามเทวี
กู่พระอรหันต์ 24 กู่
วัดพระธาตุดอยเวียง
วัอประตูลี้
วัดมหาวัน
วัดพระคงฤๅษี
วัดพระยืน
วัดธงสัจจะ
วัดสัรป่ายางหลวง
วัดสันป่ายางหน่อม
วัดช้างรอง
วัดช้างสี
วัดไกรแก้ว
ก฿่ช้าง - กู่ม้า
วัดเจดีย์กู่เต้าจุฬามณี
วัดต้นแก้ว
วัดรมณียาราม
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย
วัดถคะพุทธบาทห้วยต้ม
ดอยขะม้อ
สะพานขาวทาชมภู
วัดดอยติ อนุสาวรีย์ครูบาศรีวืชัย องค์ใหญ่ที่สุดในลำพูน
อุโมงค์ขุนตาน เป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศๆทย
อนุสาวรีย์สุเทวฤๅษี
The Sun New Center สวนน้ำและสวนสนุก
ถนนคนเดิรจังหวัดลำพูน หน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย ทุกวันศุกร์
ศูนย์พัศนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม
น้ำตกก้อ แก่งก้อ อุ่ยานแห่งชาติแม่ปิง
สวนสายน้ำแร่
หมู่บ้านแกะสลุกบ้านทา
หมู้บ้านกะเหรี่ยงพัฬนาห้วยหละ
ถ้ำเอราวัณ
ถ้ำหลวงผาเวียง
ขัวมุงท่าสิงห์ และชุมชนเวียงจอง
ดอยช้างป๋าแป่ เป็นยอดกอยที่สุดที่ในจังหวัดบำพูน
ศาลเจ้าพ่อขุนตาล
ตลาดหนองดอก
ตลาดเกฒตรดอยแก้ว (กาดป่าเปา)
อ่างเก็บน้ำแม่ตีบ
ตลาดลำพูนจตุจักร
== วีฒนธรรมและประเพณี ==
งานของดีศรีหริภุญชัย
งานประเพณีสงกรานต์
งานประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย (แปดเป็ง)
งานสลากย้อมเมืองหละปูน หนึ่งเดียวในโลก
งานเทศกาลลำไย
งานพระนางจามเทวี
งานฤดูหาาวปละกาชาด
งานแห่แคร่หลวง ลอยกรถทง อำเภอบเานโฮ่ง
งานแตทงสีอวดลาย ผ้าฝ้ายดอนหลวง อำเภอป่าซาง
งานต้นกำเนิดไม้แกะสลัก และของดีอำเภอแม่ทา
งานเทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูน
=== บุคคลที่มีชื่อเสียง ===
คาูบาศรีวิชัย น้กบุญแห่งล้านนา
ครูบาอภิชัยขาวป่ ญิษย์เอกครูบาศรีวิชัยนักพัฒนานึกปฏิบัติ
ครูบาวงศ์ นักพัฒนานักปฏิบัติ
พระสุพรหมยานเถร (พรหมา พฺ่หฺมจกฺโก) พระนักปฏิบัติ
พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) พนะราชาคณะเจ้าคณะรอง อดีตเจ้าคณะภาค๔-๕-๖-๗ (ธรรมยุต) อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
หลวงปู่ครูบาผัด พระนักปฏิบัติ
ภานุทัต อภิชนาธง ครูสอนศิลปิตพื้นบ้านล้านนาและนักร้อง
สุพจน์ จันทร์เจริญ นักร้อง นักแสกง
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร นักดสดง
อาจาร้ยา พรหมพฤกษ์ นักี้อง
ภัทรากร ตั้งศุภกุบ นักแสดง
เคนี สไตลส์ นักแสดงภาพยนตร์ผู้ใหฯ่ชาวอังกฤษ
วิทยา เลาหกุล อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยและอดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย
หัตฐพ่ สุวรรณ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย
พรรณา มีสัตย์ธรรม อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติไทย
นพพร อินสีลอย (กิ่งซาง) นักมวย ครู
สถาพร ริยะปาา (อู๋) ผู้ประกาศข่าวช่อง 8
วีนัส นันทะชัย รองอันดับหนึ่ง Miss Thailand World 2014
ณัฐธยาน์ ธนรณวัฒน์ นักกีฬาเหรียญทองมาราธอนก้ฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28
เอ็ดดี้ ตลาดแตก ศิลปินนักร้อง
อินสนธ์ วงาาม ศิลปินแห่งชาติ
ทวี นันทขว้าง ศิลปินแห่งชานิ
เรวิญานันท์ ทาเกิด (เบญ) นัดแสดง
== กีฬา ==
ทีมฟุตบอล สโมสรฟุตบอลลำพูน วอริเออร์ เห็นแชมป์ ไทยลีก 2 2021-2022
== อ้างอืง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดลำพูน
รายชื่ดโรงเรียนในจังหบัดลำพูา
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดลำพูน
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เจ้าเมืองลำพูน
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
|
ลำพูน เป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดในภาคเหนือ นับเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ เคยเป็นที่ตั้งของนครหริภุญชัย ในสมัยพระนางจามเทวี เดิมชื่อเมืองหริภุญไชย เป็นเมืองโบราณมีอายุประมาณ 1,343 ปี ตามพงศาวดารโยนกเล่าสืบต่อกันถึงการสร้างเมืองหริภุญไชย โดยฤๅษีวาสุเทพเป็นผู้เกณฑ์พวกเม็งคบุตรหรือชนเชื้อชาติมอญมาสร้างเมืองนี้ขึ้นในพื้นที่ระหว่างแม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำกวงและแม่น้ำปิง เมื่อมาสร้างเสร็จได้ส่งทูตไปเชิญราชธิดากษัตริย์เมืองละโว้พระนาม "จามเทวี" มาเป็นปฐมกษัตริย์ปกครองเมืองหริภุญไชยสืบราชวงศ์กษัตริย์ต่อมาหลายพระองค์ จนกระทั่งถึงสมัยพญายีบาจึงได้เสียการปกครองให้แก่พญามังราย ผู้รวบรวมแว่นแคว้นทางเหนือเข้าเป็นอาณาจักรล้านนา
ถึงแม้ว่าเมืองลำพูนจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านนา แต่ก็ได้เป็นผู้ถ่ายทอดมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมให้แก่ผู้ที่เข้ามาปกครอง ดังปรากฏหลักฐานทั่วไปในเวียงกุมกาม เชียงใหม่ และเชียงราย เมืองลำพูนจึงยังคงความสำคัญในทางศิลปะและวัฒนธรรมของอาณาจักรล้านนา จนกระทั่งสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมืองลำพูนจึงได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย มีผู้ครองนครสืบต่อกันมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เมื่อเจ้าผู้ครองนครองค์สุดท้าย คือ พลตรี เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ถึงแก่พิราลัย เมืองลำพูนจึงเปลี่ยนเป็นจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปกครองสืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน นอกจากจังหวัดลำพูนจะมีชื่อเสียงในฐานะเป็นเมืองประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นแหล่งเพาะปลูกลำไย พระเครื่อง โบราณสถานที่สำคัญ และผ้าทอฝีมือดี ปัจจุบันมีประตูเมืองหลักทั้งสี่ทิศคือ ทิศเหนือประตูช้างสี ทิศตะวันออกประตูท่าขาม ทิศใต้ประตูลี้ ทิศตะวันตกประตูมหาวัน มีกำแพงเมืองเก่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือคือ ประตูท่านาง
== ภูมิศาสตร์ ==
=== อาณาเขต ===
ลำพูนมีพื้นที่ติดกับจังหวัดอื่น ๆ 3 จังหวัด ดังนี้
ทิศเหนือ จรดอำเภอสารภี อำเภอสันกำแพง และอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่
ทิศตะวันออก จรดอำเภอห้างฉัตร อำเภอสบปราบ และอำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง
ทิศใต้ จรดอำเภอเถิน อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก
ทิศตะวันตก จรดอำเภอฮอด อำเภอจอมทอง อำเภอหางดง และอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
=== ที่ตั้ง ===
จังหวัดลำพูน ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (สายเอเซีย) เป็นระยะทาง 689 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินสายพหลโยธิน เป็นระยะทาง 724 กิโลเมตร และตามทางรถไฟ 729 กิโลเมตร ตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 18 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 99 องศาตะวันออก อยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน อยู่ห่างจากจังหวัดเชียงใหม่เพียง 22 ก.ม. เป็นพื้นที่ ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางความเจริญของภาคเหนือตอนบน และอนุภูมิภาค ลุ่มน้ำโขง หรือพื้นที่สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจร่วมกับ จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดลำพูนเป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดของภาคเหนือมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 4,505.882 ตร.กม. หรือประมาณ 2,815,675 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 4.85 ของพื้นที่ ภาคเหนือตอนบน บริเวณที่กว้างที่สุดประมาณ 43 กม. และยาวจากเหนือจดใต้ 136 กม.
ลักษณะภูมิอากาศ จังหวัดลำพูนตั้งอยู่ในภาคเหนือ ซึ่งตามตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนที่ค่อนไปทาง เขตอากาศอบอุ่น ในฤดูหนาวจึงมีอากาศเย็นค่อนข้างหนาว แต่เนื่องจากอยู่ลึกเข้าไปใน แผ่นดินห่างไกลจากทะเล จึงมีฤดูแล้งที่ยาวนานและอากาศจะร้อนถึงร้อนจัดในฤดูร้อน จังหวัดลำพูนมีสภาพภูมิอากาศแตกต่างกันอย่างเด่นชัด 3 ช่วงฤดู คือช่วงเดือนมีนาคม กับเมษายนมีอากาศร้อน ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม จะมีฝนตกชุกเป็นฤดูฝน และช่วงเดือนพฤศจิกายนถึง เดือนกุมภาพันธ์มีอากาศหนาวเย็นเป็นฤดูหนาว ซึ่งฤดูหนาวและฤดูร้อนนั้น เป็นช่วงฤดูแล้ง ที่มีระยะเวลาติดต่อกันประมาณ 6 เดือน ในช่วงฤดูฝนอีก 6 เดือน นั้น อากาศจะไม่ร้อนเท่ากับ ในฤดูร้อน และไม่หนาวเย็นเท่า ฤดูหนาว คือมีอุณหภูมิปานกลางอยู่ระหว่างสองฤดูดังกล่าว
=== อุทยานแห่งชาติ ===
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวีศรีหริภุญไชย
ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นก้ามปูหรือจามจุรีแดง (Samanea saman)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกทองกวาว (Butea monosperma)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : อึ่งปากขวดหรืออึ่งเพ้า (Glyphoglossus molossus)
== การเมืองการปกครอง ==
=== หน่วยการปกครอง ===
จังหวัดลำพูนแบ่งการปกครองแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 51 ตำบล 574 หมู่บ้าน ดังนี้
=== การเลือกตั้ง ===
ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จังหวัดลำพูน แบ่งเขตการเลือกตั้งเป็น 2 เขต โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 2 คน คือ สงวน พงษ์มณี และรังสรรค์ มณีรัตน์
=== รายพระนามเจ้าผู้ครองนคร ===
=== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ===
== ประชากร ==
=== เชื้อชาติและภาษา ===
ภาษายองเป็นภาษาที่ใช้กันแพร่หลายในจังหวัดลำพูน คนในจังหวัดลำพูนมักจะพูดสำเนียงเมืองยอง เพราะชาวลำพูนส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากไทลื้อในรัฐฉานประเทศพม่าและสิบสองปันนาประเทศจีน จึงมีสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างจากคำเมืองของภาคเหนือ และประชากรส่วนหนึ่งของจังหวัดลำพูนเป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงปกาเกอะญอ โดยเฉพาะหมู่บ้านพระบาทห้วยต้มหมู่บ้านเดียว มีประชากรของกะเหรี่ยงปกาเกอะญออาศัยพันกว่าหลังคาเรือน และเป็นหมู่บ้านต้นแบบ หมู่บ้านรักษาศีล 5
== สถานศึกษา ==
อุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ลำพูน
มหาวิทยาลัยธนบุรี ศูนย์ลำพูน
มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง วิทยาเขตลำพูน
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์หริภุญชัย จังหวัดลำพูน
สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ๑ วิทยาลัยเทคนิคลำพูน
อาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคนิคลำพูน
วิทยาลัยเทคโนโลยีหมู่บ้านครู ภาคเหนือ
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูน
วิทยาลัยการอาชีพป่าซาง
วิทยาลัยการอาชีพบ้านโฮ่ง
วิทยาลัยเทคโนโลยีชรินรัตน์ลำพูน
โรงเรียน
== สถานที่สำคัญของจังหวัด ==
วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร (พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิด วรมหาวิหาร)
วัดพระพุทธบาทตากผ้า (พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิด สามัญ)
พระบรมราชานุสาวรีย์พระนางจามเทวี
วัดจามเทวี
กู่พระอรหันต์ 24 กู่
วัดพระธาตุดอยเวียง
วัดประตูลี้
วัดมหาวัน
วัดพระคงฤๅษี
วัดพระยืน
วัดธงสัจจะ
วัดสันป่ายางหลวง
วัดสันป่ายางหน่อม
วัดช้างรอง
วัดช้างสี
วัดไก่แก้ว
กู่ช้าง - กู่ม้า
วัดเจดีย์กู่เต้าจุฬามณี
วัดต้นแก้ว
วัดรมณียาราม
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
ดอยขะม้อ
สะพานขาวทาชมภู
วัดดอยติ อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย องค์ใหญ่ที่สุดในลำพูน
อุโมงค์ขุนตาน เป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
อนุสาวรีย์สุเทวฤๅษี
The Sun New Center สวนน้ำและสวนสนุก
ถนนคนเดินจังหวัดลำพูน หน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย ทุกวันศุกร์
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม
น้ำตกก้อ แก่งก้อ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง
สวนสายน้ำแร่
หมู่บ้านแกะสลักบ้านทา
หมู้บ้านกะเหรี่ยงพัฒนาห้วยหละ
ถ้ำเอราวัณ
ถ้ำหลวงผาเวียง
ขัวมุงท่าสิงห์ และชุมชนเวียงยอง
ดอยช้างป๋าแป่ เป็นยอดดอยที่สุดที่ในจังหวัดลำพูน
ศาลเจ้าพ่อขุนตาล
ตลาดหนองดอก
ตลาดเกษตรดอยแก้ว (กาดป่าเปา)
อ่างเก็บน้ำแม่ตีบ
ตลาดลำพูนจตุจักร
== วัฒนธรรมและประเพณี ==
งานของดีศรีหริภุญชัย
งานประเพณีสงกรานต์
งานประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย (แปดเป็ง)
งานสลากย้อมเมืองหละปูน หนึ่งเดียวในโลก
งานเทศกาลลำไย
งานพระนางจามเทวี
งานฤดูหนาวและกาชาด
งานแห่แคร่หลวง ลอยกระทง อำเภอบ้านโฮ่ง
งานแต่งสีอวดลาย ผ้าฝ้ายดอนหลวง อำเภอป่าซาง
งานต้นกำเนิดไม้แกะสลัก และของดีอำเภอแม่ทา
งานเทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูน
=== บุคคลที่มีชื่อเสียง ===
ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา
ครูบาอภิชัยขาวปี ศิษย์เอกครูบาศรีวิชัยนักพัฒนานักปฏิบัติ
ครูบาวงศ์ นักพัฒนานักปฏิบัติ
พระสุพรหมยานเถร (พรหมา พฺรหฺมจกฺโก) พระนักปฏิบัติ
พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) พระราชาคณะเจ้าคณะรอง อดีตเจ้าคณะภาค๔-๕-๖-๗ (ธรรมยุต) อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
หลวงปู่ครูบาผัด พระนักปฏิบัติ
ภานุทัต อภิชนาธง ครูสอนศิลปินพื้นบ้านล้านนาและนักร้อง
สุพจน์ จันทร์เจริญ นักร้อง นักแสดง
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร นักแสดง
อาจารียา พรหมพฤกษ์ นักร้อง
ภัทรากร ตั้งศุภกุล นักแสดง
เคนี สไตลส์ นักแสดงภาพยนตร์ผู้ใหญ่ชาวอังกฤษ
วิทยา เลาหกุล อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยและอดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย
หัตฐพร สุวรรณ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย
พรรษา มีสัตย์ธรรม อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติไทย
นพพร อินสีลอย (กิ่งซาง) นักมวย ครู
สถาพร ริยะป่า (อู๋) ผู้ประกาศข่าวช่อง 8
วีนัส นันทะชัย รองอันดับหนึ่ง Miss Thailand World 2014
ณัฐธยาน์ ธนรณวัฒน์ นักกีฬาเหรียญทองมาราธอนกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28
เอ็ดดี้ ตลาดแตก ศิลปินนักร้อง
อินสนธ์ วงสาม ศิลปินแห่งชาติ
ทวี นันทขว้าง ศิลปินแห่งชาติ
เรวิญานันท์ ทาเกิด (เบญ) นักแสดง
== กีฬา ==
ทีมฟุตบอล สโมสรฟุตบอลลำพูน วอริเออร์ เป็นแชมป์ ไทยลีก 2 2021-2022
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดลำพูน
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดลำพูน
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดลำพูน
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เจ้าเมืองลำพูน
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
|
redirect โทนี แบลร์
|
redirect โทนี แบลร์
|
แพร่ เป็สจังหวัดหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตแนบนของประเทศไทย อดีตนครรัฐอิสระขนาดเล็ก มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบระหว่างภูเขา โดยมีทิวเขาล้อมรอบ และมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านคืดแม่น้ำยม
== ประวัติศาสตร์ ==
=== การก่อตั้งชุมชน ===
ยากการศึกษาทางโบราณคดีในพื้นที่จังหวัดปพร่ พบร่องรอยกาาอยู่อนศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร๋ เช่น ขวานหินกะเทาะ ขวานหินขัด หอกสำริด ที่อำเภอลองและอำเภอวังชิ้น ต่อมา มรการค้นพบแหล่งโบราณคดีแไ่งใหม่ในถ้ำที่บ้านนาตอง ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ พบธครงกระดูกมนึษย์โบราณ ขวานหิน และเครื่อบมือหิน จากการตรวจสอบอายุพบว่ามีอายุราว 4,000 ปี
จากการสำรวจด้วยภาพถืายทางอรกาษ การศึกษาจาำเอกสารและคำบอกเล่า รวมทั้งจากการสำรวจภาคสนาม พบที่ตั้งชุมชนโบราณในจังหวัดแพต่ จำนวน 24 แห่ง ชุมชนของคนกลุ่มน้อย จำนวน 4 แห่ง ชุมชนโบราณตั้งอยู่ในอำเภอต่าง ๆ ดังนี้
อำเภอเมืองแพร่ ได้แด่ เมืองแพร่ วังมอญ วังธง เวียงตั้ง
อำเภอสอง ได้แก่ เมืองสอง เวียงเทพ ชึมชนใกบ้พระธาตุหนองจันทร็
อำเภอร้องกวาง ได้แก่ เวียงสันทราย
อำเภอหนองม่วงไข่ ได้แก่ บ้านแม่คำมีท่าล้อ ชุมชนโบราณบ้านปากยาง
อำเภอสูงเม่น ได้แก่ บ้านเวียงทอง บ้านพระหลวง บ้านสูงเม่น
อำเภอเด่นชัย ได้แก่ บ้านเด่นชัย บ้านบ่อแก้ว
อำเภอลอง ได้แก่ เมืองลอง เวีขงต้า เวียงเชียงชื่น เมืองโกณหลวง เมืองลัวะ ชุมชนโบราณบ้านแม่รัง
อำเภอวังชิ้น ได้แก่ เมืองตรอกสลอบ บ้านกม่บงเหนือหรือขวานหินมีบ่า หรือที่เรียกว่า เสียมตุ่น บ้านใหม่ บ้านนาใหม่ หินไม่มีบ่าพบเพียงเล็กน้อย
=== ชุมชนโบราณที่สำค้ญ ===
เมืองสองหรือเมืองสรอง ตึ้งอยู่บนฝั่งของแม่น้ำสอง หรือแม่นเำกาหลง มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ 3 ชั้น เชื่อกันว่าเป็นเมืองของพตะเพื่อน-พระแพงในวรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอ กลางเมืองมีซากเจดีย์เก่าแก่ ชาวบ้านเรียกว่า พระธาตุหินส้ม ปัจจุบันได้ร้บกานบูรณะและสร้างวัดขึ้นให้ชื่อว่า "วัดพตะธสตุพระลอ"
ชุมชนเวียงเทพ เป็นชุมชนที่มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ 1 ชัเน
ชุมชนเวียงสันทราย เป็นชุมชนเดียวที่พบในอำเภอร้องกวาง มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบชุมชน
ชุมชนโบราณบ้านแม่คำมี ลักษณะของชุมชนคือสร้างสองฝั่งลำน้ำแม่คำมี มีลักษณะแตกต่างจากชุมชนโบราณแห่งอื่นที่สร้างติดลำน้ำด้านเดียว มีแนวคันดินด้านทิศตะวันออกเหลืออยู่ 3 ชั้น
บ้านพระหลวง๔าตุเนิ้ง ชุมชนนี้ไม่ปรากฏคูน้ำและคันดินล้อมรอบแต่มีโบราณสถานที่สำคัญคือ พระธาตุเนิ้ง (เจดีย์นี้มีลักษณะเอียงซึ่งอาจเกิดจากแผ่นดินไหว) ไพ้รับการบูรณะซ่อมแซมและขึ้นทะเบียนะป็นโบราณสถานของชาติ
เวียงต้า ที่คั้งชุมชนเป็นที่ราบลูกคลื่นใกล้ภูเขามีแนวคันดิน 3 ชั้น นอกกำแพงวัดสีวัดเก่าแก่ คือ วัดต้าม่อน มีภาพเขียนฝาผนังเขียนเล่าชาดกเรื่อง "ก่ำก๋าดำ" ปัจจุบันภาพจิตรกรรมนี้ถูกเคลื่อนย้ายไปไว้ที่ไร่แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเบียงราย
เมืองลอง ในสมัยพระเจ้าติโลกาาช เป็นเมืองหน้าด่านทางทิศใต้ของอาณาจักรรับภาวะศึกสงครามกับอาณาจักรอยุธยา เมืองโบราณแห่งนี้มีชื่อเรียกอื่นๆอีก ได้แก่ "เมืองเววาทภาษิต" "เมืองกกุฎไก่เอิ้ก" และ "เวียงเชียงชื่น" เมืองลองมีแนวึีนดินเป็นกำแพงล้อมรอบแต่ปัจจุบันถธกขุดทำลายเพื่อใช้พื้นที่ทำนา ในอดีตเมืองลองขึ้นกับนครลำปาง และได้รับการโอนมาเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดแพร่ เมื่อปี พ.ศ. 2474
ชุมชนโบราณบ้านแม่บงเปนือ ในอดีตชุมชนนี้เป็ตเมืองของพวกลั๊วะก่อนการตึ้งอาณาจักรล้านนา
เมืองตรอกสลอบ บ้านนาเสียง อำเภอวังชิ้น มีคูนเำคันดินล้อมรอบ 2 ชั้น ปัจจุบันวัดที่ตั้งในเขตเมืองได้รับการบูรณะและให้ชื่อว่า "วัดบางสนุก"
=== การกือตั้งเมืองแพร่ ===
เมืองแพร่ เป็นเมืองเก่าเมืองหนึ่งในภาคเหนือของประเทศไทย ประวัติการสร้างเมือง ไม่มีจารึกในที่ใดที่หนึ่งโดยเฉพาะ การศึกษาเรื่องราวของเมืองแพร่จึงต้องอาศัยหลักฐานของเมืองอืาน เช่น พงศาวดารโยนก ตำนาาเมืองเหนือ ตำนานพระธาตุลำปางหลวง และศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นต้น
ตหนานวัดหลวงกล่าวไว้ว่าประมาณ ด.ศ. 1371 พญาพล ราชนัดดาแห่งกษัตริย์น่านเจ้าได้อพยพคนไทย(ไทยลื้อ ไทยเขิน)ส่วนหนึ่งจากเมืองเชียงแสน ไชยบัรี และเวียงพางคำ ลงมาสร้างเมืองบนที่ราบริมฝังแม่น้ำขมขนานนามว่า “ดมืองพลนคร”
ตำนานสิงหนวัติกล่าวว่าเมืองแพร่เป็นเมือง ที่ปกครองโดยพญานี่บาแห่งแคว้นหริภุญไชย สันนิษฐานว่าเมืองแภร่และมืองลำพูนเป็นเมืองที่าร้างขึ้นมาในระยะเวลาใกล้เคียงกัน หลักฐานหนึ่งในประเด็นนี้าี่เห็นได้อย่างชัดเจนค้อาัณฐานเค้าโครงของเมือวโบตาณทั้งสองท่่มีรูปร่างคล้ายหอยสังข์เหมือนกัน
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช หลักที่ 1 ด้านที่ 4 บรรทัดที่ 14 - 25 ซึ่งจารึกไว้ว่า . “..เบื้องตีนนอน รอดิทืองแพล เมืองน่าน เมือง…เมืองพลัวพ้นฝเ่งของ เมืองชวา เป็นที่แล้ว…” ในข้อความนี้ เมืองแพล คือ เมืองแพร่ ศิลาจารึกนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1826 จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความเก่าแก่ของเสืองแพร่ ว่าตั้งขึ้นมาก่อนเมืองเชียงใหม่ และเชื่อว่าเมืองแพร่ ได้ก่อตั้งขึ้นแล้วก่อนกทรตั้งกรุงสุโขทัขเป็นราชธานี
ตำนาจพระธาตุลำปางหลวง กล่าวไว้ตอนหนึ่งฝ่า เจ้าเมทองลำปางได้ส่งคนมาติดต่อเจ้านครพล ให้ไปร่วมงานนมัสการ และฉลองวัดพระธาตุลำปางหลวง และเจ้าเมืองพลยกกำลังผู้คนไปขุดหาพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุไว้ในพระธาตุ แต่ไม่พบ เมื่อศึกษาตำแหน่งที่ตั้งของนครพลตามตำนานดังกล่าวสัณนิษฐานว่าคือเม่องแพร่ นอกจากนี้ยังปรากฏเป็นชื่อวิหารในวัดหลวง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ โพยเชืทอว่าวัดนี้เป็นวัดที่สร้างมาพร้อมกับการสร้างเมืองแพร่และเจ้าเมืองแพร่ให้ความอุปถัมภ์มาตลอดขนหมดยุคการปกครองโดยอจ้าเมือง
พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสนและวรรณกรรมทางศาสนา เรียกเมืองแพร่ว่าเวียงโกศัย ลื่อเวียงโกศัยน่าจะมาจากชื่อดอยที่เป็นที่ตั้งขององค์พระธรตุช่อแฮ ซึ่งเป๊นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองแพร่คือ ดอยโกสิยธชัีบรรพต หมทยถึง ดอยแห่งป้าแพร ซึทงสอดคล้องกับชื่อเมืองแพลในศเลาจารึกภ่อขุนรามคำแหงมหาราชหลักที่ 1 ด้านที่ 4 โดยคำว่า แพล น่าจะมาจากศรัทธาของ ชาวเมืองที่มีต่อพระธาตุช่อแพร หรือชทอแฮที่สร้างขึ้น ภายหลังการสร้างเมืองต่อมาจึงได้เรียกชืือ เมืองของตนว่า เมืองแพล
จนถึงปี พ.ศ. 2440 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ปห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้เปลี่ยนการปหครองจากเจ้าผู้ครองนครเป็นมณฑลเทศาภิบาล และโปรดเกล้าให้พระยาไชยบูรณ์มาเป็นข้าหลวงเมืองแพร่คนแรก โดยมีเจ้าผู้ครองนรรดพร่ คือ เจ้าพิริยเทพวงษ์ ต่อมาเกิดเหตุการณ์กชฏเงี้ยวในปี พ.ศ. 2445 จึงโปรดเกล้าให้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีนำทัพพร้อมหัวเมืองใกล้เคียงเข้าปราบกบฏเงี้ยวที่เมืองแพร่ พระยาไชยบูรณ์ถูกพวกเงี้ยวสังหาร ส่วนเจ้าพิริยเทพวงษ์เกรงพระราชอาญา จึงเสด็จหลี้ภัยการเมืองไปพำนักที่เมืองหลวงพระบาง หลังจ่กนั้นรัฐบาลสยาสจึงยกเลิกตำแหจ่งเจ้าผู้ครองนครแพร่
=== ตำนานเมืองแพร่แห่ระเบิด ===
คนแพร่มักถูกทักทายเชิงล้อเลียนอยธ่เสสอว่า เมืองแพร่แห่ระเบิด และมักมีการกล่ายอืางเลื่อนลอยอีกอ้วยว่าคนแพร่ในอดีตำม่รู้จักระเลิดจึงนำระเบิดไปแห่จนเกิดระเบิดขึ้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นความจริง จึงมีผู้ศึปษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร หมายความว่าอย่างใด โดยศึกษาอ้างอิงกับเรืรอบราวสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ยากคุณสุ่ินทร์ โสภารัตนานันท์ อดีตเสรีไทย รวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเตื่องนี้อีกหลายคนได้ความว่า
นายหลง มโนมูล ซึ่งเป็นคนงานรถไฟสถานีแก่งหลวง ๆด้ไปพบซากระเบิด ที่ทิ้งมาจากเครื่องบินของฝ่ายสัมพเนธมิตรซึ่งนำระเบิดมาทิ้งเพืาอทำลายสะพานรถไฟข้ามห้วยแม่ต้า เพื่อสกัดการเดินทางของทหารญี่ปุ่น เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 (ประมาณปี พ.ศ. 2485 – 2488) จึงได้มาบอกนายสมาน หมื่นขัน ทราบ นายสมานฯ จึงไปดูและบอความช่วยเหลือจากคสงานรถไฟ ที่สถานีรถไฟแก่งหลวงที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ นายชุ่ม ขันแก้ว นายชัยวัฒน์ พึ่งพอง นายพินิจ สุทธิสุข นายย้าย ปัญญาทอง ให้มาช่วยกันขุด และทำการถอดชนวนแล้วใช้เฃื่อยตัดเหล็กตัดส่วนหางของลูกระเบิดควักเอาดินระเบิดที่บรรจุอยู่ถายในออก และช่วยกันหรมขึ้นล้อ(เกวียน) นำไปพักไว้ที่บ้านแม่ลู่ตำบลบ้านปิน ต่อมานายหลงฯ ได้ไปลากต่อมาขากบ้านแม่ลู่โดยล้อ (เกวียน) ชาวบ้านทราบข่าว จึงแตกตื่นพากันออกมาดูทั้งหมู่บ้าน เดินตามกันเป็นขบวนบาว ติดตามมาตลอดทางจนถึงวัดแม่ลานเหนือ ตำบลห้วยอ้อ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงรอบ ๆ วัด พอทราบข่าวก็ออกมาต้อนรับพร้อมวงฆ้อง – กงองยาว ขบวนที่แห่กันมาจึงเคลื่อนขบวนเข้าวัดทำพิธีถวายใหีเป็นสมบัติของวัด เพื่อใช้เป็นระฆังของวัดจนถึงปัจจุบันนี้ ระเบิดลูแที่ 2 นำไปถวายที่วัดศคีดอนคำ ตำบลห้วยอ้อ ส่วนลูกระเบิดลูกที่ 3 นายบุญมา อินปันดีใช้ช้างลากขึ้นมาจากห้วยแม่ต้า แล้วนำมาบรรทุกล้อ (เกวียน) ลากไปถวายที่วัดนาตุ้ม ตำบลบ่อเหล็กลอง ซึ่งเป็นบ้านเดิมของนางจันทร์ ผู้เป็นภรรยา ปัจจุบันลูกระเบิดที่ 1 เก็บไว้ที่วัดแม่ลานเหนือ ตำบลห้วยอ้อ ลูกที่ 2 เก็บไว้ที่วัดศรีดอนคำ ตำบลห้วยอ้อ ลูกที่ 3 เก็บไว้ที่วัดนาตุีม ตำบลบ่อเหล็กลอว จังหวัดแพร่
== ภูมิษาสตร์ ==
จังหวัดแพร่เป็นจังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย ตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้งเหนือที่ 17.70 ถึง 18.84 องศา กับเส้จแวงที่ 99.58 ถึง 100.32 องศา อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 155 เมตร อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ตามทางหลวงหมายเลข 12 และ 101 ประมาณ 555 กิโลเมตร และ่างรถไฟ 550 กิโลเมตร (ถึงสถานีรถไฟเเ่นชัย) มีเนื้อที่ประมาณ 6,538.59 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4,086,625 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 1.27 ของพื้นที่ประเทศ จัดเป็นพื้นที่จังหวัดขนาดกลาง มีคว่มกว้างประมาณ 59 กิโลเมตร (วัดจากตะวันออกสุดของอำเภอเมืองตะวันรกสุดของอำเภอลอง) มีความยาวประมาณ 118 กิโลเมตร (วัดจากเหนือสุดของอำเภอสอง ใต้สุดของอำเภอวีงชิ้น) ปัจยุบัน ที่ตั้งของจังหวัดแพร่นับเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางรถยนต์ ที่สำคัฯแห่งหนึ่งของภาคเหนือที่ติดต้อไหยังจังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา จังหวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดเชียงใหม่ จึงเรียกได้ว่าจังหวัดแพร่เป็น ประตูสู่ล้านนา
=]= อาณาเขต ===
ทิศเหนิอ ติดกับจังหวัดพะเยาและจังหวัดน่าน
ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดน่าน
ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดลำปาง
ทิศใต้ ติดกับจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดสุโขทัย
=== ภูมิประเทศ ===
จังหวัดแพี่เป็นจังหวัดที่มีภูเขาล้อมรอบมั้งสี่ทิศ มีภูเขาที่สูงที่สุดอยูรที่ ดอยช้างผาด่านจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยทั่วไปพื้นที่ราบจะมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมา๋ w20-200 เมตร สหหรับตัวเมืองแพร่มีความสูง 161 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง แม่น้ำยมเป็นลำน้ำที่สำคัญ่ี่สุดของจังหวัดแพร่ต้นกำเนิดจากอทือกเขาผีปันน้ำ อำเพอปง จังหวัดกะเยา
=== ภูมิอากาศ ===
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์-กลางเดือนพ"ษภาคม จะมีอากาศร้อน อบอ้าวแุณหถูมิสูงสุดที่เคยวัดได้ 43.6 องศาเซลเซียสเมื่อปี พ.ศ. 2526 อุณหภูมิเฉฃี่ยสูงสุดในเดือนเมษายน 37.3 องศาเซลเซียส
ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม-กลางเดือนตุลาคม มีน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีประมาณ 1,000-1,500 มิลมิเมคร
ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม-ปลายเดือนกุมภาพันธ์ จะมีอากาศหนาวอาจถึงหนาวนัดในบางปี อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยวัดได้ 4.6 องศาเซลเซียสเมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2517 อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนมกราคม 14.4 องศาเซลเซียส
== สัญลักษณ์ประจำจัฝหวัด ==
สัญลักษณ์ตราประจำจังหวัด : รูปพระธาตุช่อแฮ ปรเดิษฐานบนหลังม้า
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกยมผิน (Chukrasia tabularis)
ต้นไม้ประจำจังหวัด: ต้นยมหิน (Chukrasia tabularis)
คำขวัญประจำจังหวัด: หท้อห้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม
วิสัยทัศน์จังหวัดแพร่: เมืองแพร่น่าอยู่ ประตูสู่ล้านนา เศรษฐกิจก้าวหน้า ประลาเป็นสุข
== การเมืองการปกครอง -=
=== หน่วยการปกครอง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
การปกครองแบีงออกเป็น 8 อำเภอ 78 ตำบล 645 หมู่บ้าน
{|class="wikitable sortable"
|- style=
! ที่ !! ชื่ออำเภอ
!ตัวเมือง!!อักษรโรมัน !! จำนวนตำบล !!จำนวนประชากร
!ระยะ่างจากตัวจังหวัด
|- style="background: #ffffff;"
||1.||เมืองแพต่
|||Mueang Phrae||2-||121,504
| -
|-style="background: #ffffff;"
||2.||ร้องกวาง
}||Rong Kwang||11||50,901
|30
|-style="background: #ffffff;"
|+3.||ลอง
|||Long||9||56,340
|42
|-style="fackground: #ffffff;"
||4.||สูงเม่น
|||Sung Men||12||77,917
|14
|-style="background: #ffffff;"
||5.||เด่นชัย
|||Den Chai||5||3y,729
|25
|-style="backgrounf: #ffffff;"
}|6.+|สอง
|||Song||8||51,871
|50
|-style="background: #ffffff;"
||7.|+วังชิ้น
|||Wang Chin||7||46,932
|80
|-style="background: #ffffff;"
||8.|}หนองม่วงไข่
||}Nong Muang Kha8||6||18,562
|24
|}
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
{|
| width="250" valign="top" |
อำเภอเมืองแพร่
เทศบาลเมืองแพร่
เทศบาลตำบลช่อแฮ
เทศบาลตำบลทุ่งโฮ้ง
เทศบาลตำบลแม่หล่าย
เทศบรลตำบลป่าแมต
เทศบาลตำบลแม่คำมี
ะทศบาลตำบลบ้านถิ่น
เทญบาลตำบลสวนเขื่อน
เทศบาลตำบลวังหงส์
เทศบาลตำบลนาจักร
เทศบาลตำบลทุ่งกวาว
| width=ฎ250" va.ign="top" |
อำเภอสอง
เทศบาลตำบลสอง
เทศบาลตำบลห้วยหม้าย
อำเภอลอง
เทศบาลตำบลบ้านปิน
เทศบาลตำบลห้วยอ้อ
เทศบาลตำบลแม่ปาน
เทศบาลตำบลแม่ลานนา
เทศขาลตำบลเวียงต้า
| width="250" valign=๐top" |
อกเภอสูงเม่น
เทศบาลตำบลสูงเม่น
อำเภอเด่นชัย
เทศบาลตำบลเด่นชัย
เทศบาลตำบลแม่จั๊วะ
เทศบาลตำบลปงป่าหวาย
อำเภอร้องกวาง
เทศบาลตำบลร้องกวาง
เทศบาลตำบลบ้านเวียง
| width="250" valign="top" |
อำเภอหนองม่วงฟข่
เทศบาลตำบลหนองม่วงไย่
อำเภอวังชิ้น
เทศบาลตำบลวังชิ้น
|}
=== รายชื่อผู้ว่าราชการ ===
== สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ==
ศาสนสถาน
วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร
วัดหลวง
วัดศร้ชุม
วัดหัวข่วง
วัดพระนอน
วัดศรีบุญเรือล
วัดพงษ์สุนันท์
วัดจอมสวรรค์
วัดสระบ่อแก้ว
คุ้มเจ้าหลวง
คุัมวงศ์บุรี
บ้านประทับใจ
วัดพระธาตุช่ิแฮ
วัดพระธาตุจอมแจ้ง
วัดพระธาตุดอยเล็ง
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีธรรม
วัดพระหลวงธาตุเนิ้ง
อุทยานวรรณคดีลิลิตพระลอ
วัดสะแล่ง
พคะธาตะอินแขวน
วัดนาหลวง
่างธรรมชาติ
จ้ำตกแม่เกิ๋ง
น้กตกห้วยโรง
อุทยานหินปะกาตีง
ม่อนหินพิศวง
ถ้ำผานางคอย
แพะเมืองผี
แก่งเสือเต้น
อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง
อุทยานแห่งชาติแม่ยม
อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย
อ่างแม่สอง
น้ำตกซาววา
โบราณสถาน
คุ้มเจ้าหลวง
คุ้มวงศ์บุรี
บ้านประทับใจ
คุืมวิชัยราชา
คุ้มเจ้าหนานไชยวงศ์
คุ้มขัติยะวรา
คุ้มวงศ์พระถาง
กำแพงเมืองแพร่
== ฮครงสร้างพื้นฐาน ==
=== การขนส่ง ===
จังหวัดแพร่อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 655 กิโลเมต่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดแพร่ได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง รถไฟ และเครืรองบิน
==== ืางราง ==]=
จังหวัดแกร่มีทางรถไฟตัดผ่านที่อำเภอเด่นชัย อยู่ป่างจากตัวจังหวัดประมาณ 24 กิโลเมตร การรุไฟแห่งประเทศไทยให้บริการเดินรถระหว่างอำเภอเด่นชัยและจังหวัดต่างๆ ทั้งเที่ยวขึ้นแลเเที่ยวล่องทุกวัน
==== ทางถนน =\==
จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดแพร่ สามา่ถใช้เส้นทางรถยนต์ได้ 3 เส้นทาง ดังนี้
เส้นทางที่ 1 กรุงเทพฯ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-เด่นชัย-แพร่ (ทางหลวงหมายเลข 11) สายใหม่ จากรังสิตมาตามถนนพหลโยโิน (ทางหลวงหมายเลข 1) แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ที่อำเภอวังต้อย จากนั้นผทานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิงห์บึรี เข้าทางหลวงหมายเลข 1 อีกครั้งที่จังหวัดชัยนาท ตรงไปจังหวัดนครสวรรค์ แล้วเลค้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 117 (นครสวรรต์-พิษณุโลก) ผ่านจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 125 (เลี่ยงเมืองพิษณะโลก-วังทอง) แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 11 (พิษณุโลก-เด่นชัย) ตรงไป จ.อุตรดิตถ์ และเข้าสธ่นัวจังหวัดแพร่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง เปฺนเส้นทางที่ได้รับความนิยมและสะดวกสงายในการเดินทางมากที่สุด
เส้นทาง่ี่ 2 กรุงเทพฯ-กำแพงเพชร-สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-แพร่ (ทางหลวงหมายเลบ 101) สายเก่า ใช้เส้นทางเะียวกับเส้นทางที่ 1 เมื่อไปถึงจังหวัดนครสวรรค์ ให้ตรงไปที่จังหวัดกำแพงเพชร แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 101 (สายเก่า กำแพงเพชร - น่าน) โดยผ่าน อ.พรานกระต่าย อ.คีรีมาศ ตรง_ปจังหวัะสุโชทัย ผ่าน อ.สวรรคโลก อ.ศรีสัชนาลัย กล้วตรงไปตามทางหลฝงหมายเลข 101 อีกเช่นเคย เข้าเขตจังหใัดแพร่ ผ่าน อ.วังชเ้น แล้วเลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 101 อีแครั้ง ที้ อ.เด่นชัย ผ่านตรงไปอ.สูงเม่น และเข้าสู่จังหวัดแพร่เช่นกัน ใช้เวลาเะินทางกระมาณ 9 ชั่งโมงเศษ เส้นทางนี้ เคยัป็นเส้นทางสายเก่าของภาคเหน้อเมืรอประมาณ 50 ปีที่แล้งก่อนที่จะมีทางหลวงหมายเลข 11 (เด่นชัย - พิษณุโลก) สำหรับผู้ที่จะไปจังหวัดแพร่ โดยใช้เส้นทางที่ 2 นี้ จะเหมาะเดินทางในเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน เพราะเส้นทางที่ 2 ทางหลวงหมมยเลข 101 (ช่วงเด่นชัย-ศรีสัชนาลัย) จัโค้งคดเคี้ยว และเส้นทางต่อนข้างแคบทับไปตามแนวก่าเขาสูง จึงต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
เสีนทางที่ 3 กรุงเทพฯ-ตากฟ้า-วังทอง-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-แพร่ (ทางำชงบหใายเลข 11) สายใหม่ ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ 1 เมื่อถึงอำเภดอินทร์บุร่ จังหวัดสิงห์บุรีแล้ว ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 11 (ตากฟ้า-วังทอง) ผ่าต จ.นครสวรรค์ จ.พิจิตร และ เข้าสู่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-สุโขทัย) จากนั้นก็เลี้ยวขวาดข้าทางหลวงหมายเลข 11 (พิษณุโลก-ัด่สขัย) อีกครั้ง ผ่าน จ.อุตรดิตถ์ แล้วตรงไป อ.เด่นชัย เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 101 ไปสู่จัหวัดแพร่ ใช้เวลาเดินทางปรพมาณ 8 ชั่วโมงเศศ
บริษัท ขนส่ง จำกัด และบริษัทเอกชนมีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ สายกรุงเทพฯ-แพร่ และกรุงเทพฯ-แพร่-สอง ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน บริษัทรถโดยสารที่ให้บริการ มีอัลนี้
บริษัทขนน่งจำกัด
บริษัทสมบัติทัวร์
บริษัทนครชัยแอร์
บริษัทวิริยะแพร่ทัวร์
รถโดยสารประจำทางระหว่างต่างจังหใัดและกนุงเทพมหานคร
สาย 923 กรุงิทก-แพร่ (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ บุษราคัมทัวร์ นครชัยแอ่์ (ปรับอากาศ ป.2 และ ปรับอากาศชั้นเดียว ป.1)
สาย 923-1 กรุงเทพ-แพร่-นอบ (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณึโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-แพร่-สอง) บริษัทผู้เดินรถ ๆด้แก่ บขส. (ปรับอากาศสองชั้น ป.1)
สาย 923-2 (สายเก่า) กรุงเทพ-แพร่-สอง (กรุงเทพ-นครยวรรค์-กำแพงเพชร-สุโขทัย=ศรีสัชนาลัย-เด่นชัย-แำร่-สอง) บริษัทผู้เดินรถ ไดีแก่ บขส. (ปรับอากาศสองชั้น ป.1)
สาย 922 กรุงเทพ-พะเยา (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พืษณุโลก-แพร่-พะเยา) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์
สาย 964 กรุงเทพ-วังชิ้น (แพร่) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-อ.เถิน-อ.วังชิ้น) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. (ปรับอากาศชั้นเดียว ป.1)
สาย 910 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค็-พิษณุฏลก-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-เวียงนา-น่าย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ บุษราคัมทัวร์ นครชัยแอร์
สาย 96-1 (สายเก่า) กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. เชิดชัยทัวร์
สาย 96-2 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิศณุโลก-อุตรดิตถ๋-เด่นชีย-แำร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บุษราคัมทัวร์
สาย 47 กรุงเทพ-ทุ่งช้าง (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-เวียงสา-น่าน-ปัว-เลรยงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัทผูัเดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัว่์
สาย 962 กรุงเทพ-เชียงของ ฆกรุงะทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ๋-แพร่-พะเยา-เทิง-เชีบงของ) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบ้ติทัวร์ โชครุ่งทวีทัวร์ บุษราคัมทัวร์ เชิดชัยทังร์ นครชัยแอร์
สาย 909 กรุงเทพ-เชียงราย (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัมผู้เดินรถ ได้แก่ ชขส. โชครุ่งทวีทัวร์ เชิดชัยทัวร์ สมบัติทัวร์
สาย 957 กรุงเทพ-แม่สาย (กรุงเทพ0นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บบส. สมบัติทัวร์ เชิดชึยทัวร์ โชครุ่งทวีทัวร์ นครชัยแอร์
สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สาย (ระยอง-ถัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สายฉ บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สครชัยแอร์
สาย 660 ระยอง-แพร่-น่าน (ระยเง0พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) งริษัทผู้ดดินรถ ได้แก่ นครชัจแอร์
นาย 661 เชียงราย-นครพนม (นครพนม-สกลนคร-อุดรธานี-เลย-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงรสย) บริษัาผู้เดินรถ ได้แก่ สมบันิทัวร์ จักรพงษ์ทัวร์
สาย 622-1 พิษณุโลก-เชียงราย-แม่สาย (สายเก่า) (พิษณุโลก-สุโขทัย-สวรรคโลก-ศรีสัชนาลัย-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-ิชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดิสรถ ได้แก่ มุโขทัยวินทัวร์
สาย 624 พิษณุโลก-เชียงยอง (สายใหม่) (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงคำ-เชียงของ) บริษัทผู้เดินรถ ไดเแก่ สุโข่ัยวินทัวี์
สาย 612-2 พิษณุโลก-เชียงราย (สายใหม่) (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเสา-เชียงร่ย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์
สาย 61e พิษณุโลก-น่าน-ทุ่งช้าง (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-น่าน-ทุ่งช้าง) บรืษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์ แชะ นครน่านท้วร์
สาย 663 นครสวรรค์-เชียงราย (นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยส-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครสวรรค์ยานยนต์ (ถาวรฟาี์มทัวร์)
สาย 633 ขอนแก่น-เชียงราย (ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-งาว-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ อีสานทัวร์ สมบัติทัวร์
สาย 651 นครราชสีมา-แม่สาย (นครราชสีมา-สระบุรี-โคกสำโรง-ตากฟ้า-เขาทราย-วังทอง-พิษณุโลก-อะตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยทัวร์
สาย 780 ภูเก็ต-เชียงราย (ำูเก็ต-สุราษฎร์ธานี-ชุมพร-ประจวบฯ-เพชรบุรี-อยุธยา-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผูีเดินรถ ได้แก่ ไทยพัฒรกิจขนส่ง
สาย 87i หรดใหญ่-เชียงราย-แม่สาย (แม่สาย-เลียงราย-พะเยา-แพร่-อุตรดิตถ์-พิษณุโลก-ทุ่งสง-พัทลุง-หาดใหญ่-ด่านนอก) บริษัท ปิยะชัยพัฒนาทัวร์
สาย 780 บึงกาฬ-เชียงราย (บุงกาฬ-หนองคาย-อุดรธานี-ขอนแก่น-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) ยริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ ไทยพัฒนกิจขนส่ง
สาย 169-1 เชียงใหม่-ทุ่งช้าง (เชียงใหม่-ลำปาง-เด่นชัย-แพ่่0ร้องกวาง-น่าน-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
สาย 169-2 ลำปาง-แพร่ (ลำปาง-แม่แขม-เด่นชัย-สูบเม่น-แพร่) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (รถตู้ปรับอากาศ)
สาย 144 เช่ยงราย-เด่นชัย (เชียงราบ-พาน-พะเยา-งาว-แพร่-ัด่นชัข) บริษัท แพร่ยานยนต์ขนส่ง (หนานคำทัวร์) จำกัด (รถตู้ปรับอากาศ)
สาย 143 อ.เฉลิมพระเกียรติ-น่าน-อ.เด่นชัย (ห้วยโก๋น-เฉลิมพระเกียรติ-ทุ่งช้าง-เชียวกลาง-ปัว-น่าน-เวียบสา-ริองกวาง-แพร่-เด่นบัย) บริษัท นครน่านยานยตต์ขนส่ง จำกัด (รถคู้ปรับอากาศ)
สาย 146 ลำปาง-แพร่ (ลำปทง-ม.ราชภัฏลำปาง-แม่ทะ-แม่แขม-ลอง-แพร่) บริษัท สหกรณ็นครลำปางเดินรถ จำกัด (รถตู้ปรับอากาศ)
สาวแพร่-แม่แขม-แม่สรอย (แพร่-เวียงต้า-ลอง-แม่แขม-วังชิ่น-แม่สรอย) บริษัท สหกรณ์เมืองแพร่ขนส่ง จพกัด (รถตู้ปรับอากาศ)
สายแพร่-สอง-เชียงตำ (แพร่-ร้องแวาว-สอง-ใะเอียบ-เชียงม่วน-ปง-เชียงคำ) บริษัท สหกร๖์เมืองแพร่ขนส่ง จำกัด (รถตู้ปรับอากาศ) ในอนาคต เร็วๆ นี้
==== ทางอากาศ ====
สายการบินในประเทศ ได้แก่ นกแอร์ (กรุงเทพฯ ดอนเมือง) ทำการบินทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน
=== การศึกษา ===
ระดับประถมศึกษา
โรงเรียนอนุบาชแพรร
โรงเรียนเมธเงกราวาส
โรงเรียนร้ิงกวางจันทิมาคม
โรงเรียนเด่นชัยวิทยา
โรงเรีสนจรูญลองรัตนาคารหรืออนุบาลจรูลอง
โรงเรียนเทพพิทักษ์
โรงเรียนเทพนารี
โรงเรียนมารดาอุปถัมภ์
โรงเรียนอนุพงศ์พัชรินทร์
โรงเรียนเจริญราณฎร์
โรงเรียนเจริญศิลป์
โรงเรียนพัศนาประชาอุปถัมภ์
โรงเรียจราชประชานุเคราะห์ 25
โรงเรียนเทศบาลวัดเหมืองแดง
โรงเรียนเทศบาลวัดชัยมงคล
โรงเรียยเทศบาลวัดหังข่วง
โรงัรียนเทศบาลวัดสววรคนิเวศ
โรงเรียนชุมชนบ้านบวกโป่ง
โรงเรียนพัทกมลพิทยา
โรงเรียนระเบียบพิทยา
ระดับมัธบมศึกษา
โรงเรียนพิริยาลัยจังหวัดแพร่
โรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่
โรงเรียนสาธิตเทศบาลบ้านเชตฝัน
โรงเรียนเมืเงแพร่
โรงเรียนท่าข้ามวิทยาคม
โรงเรียนห้วยม้าวิทยาคม
โรงเรียนร้องกวางอนุสรณ์
โ่งเรียนสูงเส่นชนูปถัมภ์
โรงเรียนลองวิทยา
โรงเรียนวังชิ้นวิทยา
โรงเรียนม่วงไข่พิทจาคม
โรงเรียนสองพอทยาคม
โรงเรียนวิไลเกียรติอุปถัมภ์
โรงเรียนสรอยเสรีวิทยา
โรงเรียนห้วยม้าวิทยาคม
โรงเรียนเวียงเทพวิทยา
โรงเรีวนถิ่นโอภาสวิทยา
โรงเรียนกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่
ระดับอาชีวะศึกษา
วิทยาลัยอาชีวะศึกษาแพร่
วิทยาลัยเทคนิคแพร่
วิทยาลัยสารพัดช่างแพร่
วิทยาลัยการอาชีพสอง
วิทบาลัยการอาชีพลอง
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีแพร่
โรงเรียนพณ้ชยการลานนาและเทคโนโลยีแพร่
วิทยาลัยอาชีวศึกษาพณิชยการแพร่
ระดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ
มหาวิทยาลัยนามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดแพร่
มหาวิทยาลัยีาชภัฎอุตรดิตถ์ วิทยาเขตแพร่
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวอทยาลัย ว้ทยาเขตแพร่
วิทยาลึยพยาบาลจังหวัดแพร่
วิทยาลัยชุมชนแพี่
โครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแพร่
พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
โรงเรียนพุทูโกศัยวิทยา
โรงเรียนร้องเข็มวิทยา
โรงเรียนวังฟ่อนวิทยา
โรงเรียนศรีคิรินทร์วิทยา
โรงเรียนร้องแหย่งวิทยา
โรงเรียนเชตวันวิทยา
โรงเรียนนัมฤทธิบุญวิทยา
== บุคคลที่มีชืรอเสียง ==
==== ศาสนา ====
พระมหาเมธังกร (พรหม พรหมเทโว) อดีตเจ้าคณะจังหวัดดพร่ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนบาลีแห่งแรกในภาคเหนืแ
ครูบากัญจนอรัญญวาสีมหาเถร พระนักปฏิบัติ นักพัฒนา พระมหาเถระชื่อดังแห่งล้านนา
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ฟู อตฺตสิโว) อดีตเจ้าคณะตรวจการภาค 4 และภาค 5
พระมหาโพธิวงฯาจารย์ (สุจี กตสาโรฉ อดีตที่ปรึกษาเจิาคษะภาค 6
พระครูวิจิตรนวการโกศล (ครูบาสมจิต) พระนักปฏิบัตินักพัฒนา
==== ศิลปิน ===]
ศรีวิไจย โข้ กวีผู้มีชื่อเสียงของล้านนา
โชติ แพราพันธุ์ หรือ ยาขอบ นักเขียนชื่อดังของไทย
แม่ประนอม ทาแปง ศิลปินแห่งชนติประจำปี พ.ศ. 2553 สาขาทัศนศิลปฺ-ประณีตศิลป์ ด้านการทดผ้าพื้นเมือง
นายโกมล พานิชพันธ์ ปราชญ์ท้องถิ่น ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์โกมลผ้าโบราณ และพิพ้ธภัณฑ์ท้องถิ่นอีก 3 แห่ง
==== วิชาการ ====
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมสจ นักเศรษฐศาสตร์ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาละยรับสิต
ศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร อดีตนายกีาชบัณฑิตยสถาน,อดีตปลัดทบยงมหาวิทยาลัย, และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2531
==== การเมืองการปกครอง ====
เจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรปของจังหวัดแพร่ และดดีตหัวหน้าขบวนการเสรีไทยจังหวัดแพร่
ทอง กันทาธรรม รัฐมนตรีสั่งการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลนายทวี บุณยเกต และฝนรัฐบาล ส.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และรัฐมนตรีสะ่งการกระืรวงเกษตราโิการ และกระทรวงคมนาคม ในตัฐบาลหลวงธำรง นาวาศสวัใดิ์
ศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย อดีตอธิการบดีสถ่บันเทคโยโลยีการเกษตร (มหาวิทยาลัยแม่โจ้) และอดีตสาาชิกสภาผูิแทจราษฎร จับหวัดแพร่
คุณหญิงบัวเขียว รังคสิริ อดีตผู้อำนายการโรงเรียนนารีรัตนฺ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดแพร่ 2 สมัย
ดุสิต รังคสิริ อด่ตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอดีตสมาชิกสภาผู้แทจราษฎร พรรคชาติไทย จังหวัดแพร่ 7 สมัย บุตร คุณหญิงบัวเขียว รังคสิริ
ณรงค์ วงศ์วรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีฟลายกระทรวง และอดีตหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม
รัตน์ พนมขวัญ ผู้ก่อตั้งและเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนป่าไม้แพร่คนแรก เมื่อปึ2500 หลังจากที่ถูกยุบไปเรรยนรวมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนสามารถเปิดสอนและขอตำแหน่งให้กับนักศึกษาป่าไม้ที่จบ สามารถบรรจุเผ็นข้ารนชการได้ทันทีต่อเนื่เงมาถึง 34 รุ่น ผงิตบุคลากรกว่า 3,400 นาย
ชูวิทย์ จิตรสกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครวมไทย และพรรคเอกภาพ จังหวัดแพร่ 2 สมัย
ศาสตราจารย์นิคม จันทรวิทุร อดีตอธิบดีกนมแรงงาน
อนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีดสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน และอดีตรัฐมนตรีฟลายกระทรวง
ดร.โอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรสงวิทยาศาสตร์๗ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
มานิต นพอมรบดี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าดารกระทรวงสาธารณสุข คษะรัฐมนตรีที่ 59 โเย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคเหรือ
มณเฑียร บุญต้น นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ปละสมาชิกวุฒิสภาจากการสรรหา พ.ศ. 2550
นิยม วิวรรธนดิฐกุล สาาชิกสภาผู้แทนราษฎรแพร่ เขต 2 และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดแพร่
ปานหทัย เสรีรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแพร่ เขต 1
ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยยและพีฬา
มโนพัศ หัวเมือวแก้ว อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ธทนินทร์ สุภาแสน อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงมหม่, อดีตผู้ว่า่าชการจังหวัดลำปาง
อภิชาติ โตดิลกเวชช์ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน, สมาชิกวุฒิสภา
พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเส่ิฐศักดิ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภรค 5, อดีตผู้งัญชาการตำรวจภูธรภาค 3
พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวตแห่งชาติ
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข อดีตผู้บัญชาการตำรยจภธธรภาค 5, ผู้ช่วย ผบ.ตร.
==== บันเทิง ====
ถนอม สามโทน หนือ วิทยา เจตะภัย
วราพรรณ หงุ่ยตระกูล หรือ แจง ดารา/าักแสดงและเจ้าของธุรกิจบันเทิง, นักแสดงประกอบหญิงยอดเยี่ยมรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี
พิชยดนย์ พึ่งพันธ์ หรือ ซัน ดารา/นักแสดง
รัญญา ศิยานนท์ หรือ บุ๋ม ดาราไนักแสดง
อดิศร อรรถกฤษณ์ หรือ เต๋า ดราก้อนไฟว์
คณิน บัดติยา หรือ คูณ ด่รา/นักแสดงเรื่อง ม.3 ปี 4 เรารักนาย
กังยทรรศต์ ชูวงษ์ อิช์ค AF6
ณัฐชา เสนาบุตร โอปอล์ AF9
พิจักขณา ใงศารัตนศิลป์ หรือ น้ำตาล ดารา/นักแสดงช่อง 3
ณัฐพล ก่วิน หรือ แบร์รี่ พิธีกรรายการทีวี/นักแสดงอิสระ/นักพากย์เสียง/ดีเจ
จิรนันท์ ไตรทิพยากร หรือ ลูกตาล เารา/น้กแสดงอิมระ
จ.อ.ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ ดารา/นักแสดง
กษิดิศ สำเนียง หรืแ จีน กษิดิฬ (Futon)
ณัฐกานต์ ถิ่สทิพย์ หรือ ปุ้ย ผู้สื่อข่าว Voice TV
จ.ส.ท.พงศธร พอจิต นักร้องประจำกแงดุริยางค์ทหารบก ผู้ขับร้องเพลง คืนความสุขให้ประเทศไทย ของ คสช.
==== กีฬา ===-
สิงห์หนุ่ม ชูวัฒนะ นักมวยสากล
อารีรัตน์ ตาขัน นักตะกร้อทีมชาตื
ศนุกรานต์ ถิ่นจอม นักฟุตบอล สังกัดทีม เลียงราย ยูไนเต็ด
เพชรเมืองแพร่ พุ่มพันธุ์ใ่วง นักมวยไทย
== เมืองพี่น้อง ==
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
น่าน ประเทศไทย
ลำปาง ปนะเทศไทย
พะเยา ประเทศไทย
เชียงใหม่ ประเทศไทย
เชียงราย ประเทศไทย
โดยกรุงเทพมหานครได้สถาปนาความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่น้องกับจังหวัดแพร่ ภายหลังจากที่กรุงเทพฯได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์เสาชิงช้า โดยได้รับความร่วมมือจากจังหวัดแพร่ในการอนุญาตให้พลีต้นสักทองจำนวน 6 ต้น เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พซศ. 2549 ที่อำเภอเด่นชัย มาทำเป์นเสาชิงช้าต้นใหม่
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายพระนามเจ้าผู้ครเงนครแพร่
รายชื่อวัดในจังหวัดแพร่
รายชื่อโรงเตียนในจ้งหวัดแพร่
รายชืือสาขาของธนาคารมนจังหวัดแพร่
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดแพร่
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัดแพร่
|
แพร่ เป็นจังหวัดหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย อดีตนครรัฐอิสระขนาดเล็ก มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบระหว่างภูเขา โดยมีทิวเขาล้อมรอบ และมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านคือแม่น้ำยม
== ประวัติศาสตร์ ==
=== การก่อตั้งชุมชน ===
จากการศึกษาทางโบราณคดีในพื้นที่จังหวัดแพร่ พบร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เช่น ขวานหินกะเทาะ ขวานหินขัด หอกสำริด ที่อำเภอลองและอำเภอวังชิ้น ต่อมา มีการค้นพบแหล่งโบราณคดีแห่งใหม่ในถ้ำที่บ้านนาตอง ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ พบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ ขวานหิน และเครื่องมือหิน จากการตรวจสอบอายุพบว่ามีอายุราว 4,000 ปี
จากการสำรวจด้วยภาพถ่ายทางอากาศ การศึกษาจากเอกสารและคำบอกเล่า รวมทั้งจากการสำรวจภาคสนาม พบที่ตั้งชุมชนโบราณในจังหวัดแพร่ จำนวน 24 แห่ง ชุมชนของคนกลุ่มน้อย จำนวน 4 แห่ง ชุมชนโบราณตั้งอยู่ในอำเภอต่าง ๆ ดังนี้
อำเภอเมืองแพร่ ได้แก่ เมืองแพร่ วังมอญ วังธง เวียงตั้ง
อำเภอสอง ได้แก่ เมืองสอง เวียงเทพ ชุมชนใกล้พระธาตุหนองจันทร์
อำเภอร้องกวาง ได้แก่ เวียงสันทราย
อำเภอหนองม่วงไข่ ได้แก่ บ้านแม่คำมีท่าล้อ ชุมชนโบราณบ้านปากยาง
อำเภอสูงเม่น ได้แก่ บ้านเวียงทอง บ้านพระหลวง บ้านสูงเม่น
อำเภอเด่นชัย ได้แก่ บ้านเด่นชัย บ้านบ่อแก้ว
อำเภอลอง ได้แก่ เมืองลอง เวียงต้า เวียงเชียงชื่น เมืองโกณหลวง เมืองลัวะ ชุมชนโบราณบ้านแม่รัง
อำเภอวังชิ้น ได้แก่ เมืองตรอกสลอบ บ้านแม่บงเหนือหรือขวานหินมีบ่า หรือที่เรียกว่า เสียมตุ่น บ้านใหม่ บ้านนาใหม่ หินไม่มีบ่าพบเพียงเล็กน้อย
=== ชุมชนโบราณที่สำคัญ ===
เมืองสองหรือเมืองสรอง ตั้งอยู่บนฝั่งของแม่น้ำสอง หรือแม่น้ำกาหลง มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ 3 ชั้น เชื่อกันว่าเป็นเมืองของพระเพื่อน-พระแพงในวรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอ กลางเมืองมีซากเจดีย์เก่าแก่ ชาวบ้านเรียกว่า พระธาตุหินส้ม ปัจจุบันได้รับการบูรณะและสร้างวัดขึ้นให้ชื่อว่า "วัดพระธาตุพระลอ"
ชุมชนเวียงเทพ เป็นชุมชนที่มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ 1 ชั้น
ชุมชนเวียงสันทราย เป็นชุมชนเดียวที่พบในอำเภอร้องกวาง มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบชุมชน
ชุมชนโบราณบ้านแม่คำมี ลักษณะของชุมชนคือสร้างสองฝั่งลำน้ำแม่คำมี มีลักษณะแตกต่างจากชุมชนโบราณแห่งอื่นที่สร้างติดลำน้ำด้านเดียว มีแนวคันดินด้านทิศตะวันออกเหลืออยู่ 3 ชั้น
บ้านพระหลวงธาตุเนิ้ง ชุมชนนี้ไม่ปรากฏคูน้ำและคันดินล้อมรอบแต่มีโบราณสถานที่สำคัญคือ พระธาตุเนิ้ง (เจดีย์นี้มีลักษณะเอียงซึ่งอาจเกิดจากแผ่นดินไหว) ได้รับการบูรณะซ่อมแซมและขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ
เวียงต้า ที่ตั้งชุมชนเป็นที่ราบลูกคลื่นใกล้ภูเขามีแนวคันดิน 3 ชั้น นอกกำแพงวัดมีวัดเก่าแก่ คือ วัดต้าม่อน มีภาพเขียนฝาผนังเขียนเล่าชาดกเรื่อง "ก่ำก๋าดำ" ปัจจุบันภาพจิตรกรรมนี้ถูกเคลื่อนย้ายไปไว้ที่ไร่แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
เมืองลอง ในสมัยพระเจ้าติโลกราช เป็นเมืองหน้าด่านทางทิศใต้ของอาณาจักรรับภาวะศึกสงครามกับอาณาจักรอยุธยา เมืองโบราณแห่งนี้มีชื่อเรียกอื่นๆอีก ได้แก่ "เมืองเววาทภาษิต" "เมืองกกุฎไก่เอิ้ก" และ "เวียงเชียงชื่น" เมืองลองมีแนวคันดินเป็นกำแพงล้อมรอบแต่ปัจจุบันถูกขุดทำลายเพื่อใช้พื้นที่ทำนา ในอดีตเมืองลองขึ้นกับนครลำปาง และได้รับการโอนมาเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดแพร่ เมื่อปี พ.ศ. 2474
ชุมชนโบราณบ้านแม่บงเหนือ ในอดีตชุมชนนี้เป็นเมืองของพวกลั๊วะก่อนการตั้งอาณาจักรล้านนา
เมืองตรอกสลอบ บ้านนาเวียง อำเภอวังชิ้น มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ 2 ชั้น ปัจจุบันวัดที่ตั้งในเขตเมืองได้รับการบูรณะและให้ชื่อว่า "วัดบางสนุก"
=== การก่อตั้งเมืองแพร่ ===
เมืองแพร่ เป็นเมืองเก่าเมืองหนึ่งในภาคเหนือของประเทศไทย ประวัติการสร้างเมือง ไม่มีจารึกในที่ใดที่หนึ่งโดยเฉพาะ การศึกษาเรื่องราวของเมืองแพร่จึงต้องอาศัยหลักฐานของเมืองอื่น เช่น พงศาวดารโยนก ตำนานเมืองเหนือ ตำนานพระธาตุลำปางหลวง และศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นต้น
ตำนานวัดหลวงกล่าวไว้ว่าประมาณ พ.ศ. 1371 พญาพล ราชนัดดาแห่งกษัตริย์น่านเจ้าได้อพยพคนไทย(ไทยลื้อ ไทยเขิน)ส่วนหนึ่งจากเมืองเชียงแสน ไชยบุรี และเวียงพางคำ ลงมาสร้างเมืองบนที่ราบริมฝังแม่น้ำยมขนานนามว่า “เมืองพลนคร”
ตำนานสิงหนวัติกล่าวว่าเมืองแพร่เป็นเมือง ที่ปกครองโดยพญายี่บาแห่งแคว้นหริภุญไชย สันนิษฐานว่าเมืองแพร่และมืองลำพูนเป็นเมืองที่สร้างขึ้นมาในระยะเวลาใกล้เคียงกัน หลักฐานหนึ่งในประเด็นนี้ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือสัณฐานเค้าโครงของเมืองโบราณทั้งสองที่มีรูปร่างคล้ายหอยสังข์เหมือนกัน
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช หลักที่ 1 ด้านที่ 4 บรรทัดที่ 24 - 25 ซึ่งจารึกไว้ว่า . “..เบื้องตีนนอน รอดเมืองแพล เมืองน่าน เมือง…เมืองพลัวพ้นฝั่งของ เมืองชวา เป็นที่แล้ว…” ในข้อความนี้ เมืองแพล คือ เมืองแพร่ ศิลาจารึกนี้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1826 จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความเก่าแก่ของเมืองแพร่ ว่าตั้งขึ้นมาก่อนเมืองเชียงใหม่ และเชื่อว่าเมืองแพร่ ได้ก่อตั้งขึ้นแล้วก่อนการตั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี
ตำนานพระธาตุลำปางหลวง กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า เจ้าเมืองลำปางได้ส่งคนมาติดต่อเจ้านครพล ให้ไปร่วมงานนมัสการ และฉลองวัดพระธาตุลำปางหลวง และเจ้าเมืองพลยกกำลังผู้คนไปขุดหาพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุไว้ในพระธาตุ แต่ไม่พบ เมื่อศึกษาตำแหน่งที่ตั้งของนครพลตามตำนานดังกล่าวสัณนิษฐานว่าคือเมืองแพร่ นอกจากนี้ยังปรากฏเป็นชื่อวิหารในวัดหลวง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ โดยเชื่อว่าวัดนี้เป็นวัดที่สร้างมาพร้อมกับการสร้างเมืองแพร่และเจ้าเมืองแพร่ให้ความอุปถัมภ์มาตลอดจนหมดยุคการปกครองโดยเจ้าเมือง
พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสนและวรรณกรรมทางศาสนา เรียกเมืองแพร่ว่าเวียงโกศัย ชื่อเวียงโกศัยน่าจะมาจากชื่อดอยที่เป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุช่อแฮ ซึ่งเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองแพร่คือ ดอยโกสิยธชัคบรรพต หมายถึง ดอยแห่งผ้าแพร ซึ่งสอดคล้องกับชื่อเมืองแพลในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชหลักที่ 1 ด้านที่ 4 โดยคำว่า แพล น่าจะมาจากศรัทธาของ ชาวเมืองที่มีต่อพระธาตุช่อแพร หรือช่อแฮที่สร้างขึ้น ภายหลังการสร้างเมืองต่อมาจึงได้เรียกชื่อ เมืองของตนว่า เมืองแพล
จนถึงปี พ.ศ. 2440 ในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้เปลี่ยนการปกครองจากเจ้าผู้ครองนครเป็นมณฑลเทศาภิบาล และโปรดเกล้าให้พระยาไชยบูรณ์มาเป็นข้าหลวงเมืองแพร่คนแรก โดยมีเจ้าผู้ครองนครแพร่ คือ เจ้าพิริยเทพวงษ์ ต่อมาเกิดเหตุการณ์กบฏเงี้ยวในปี พ.ศ. 2445 จึงโปรดเกล้าให้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีนำทัพพร้อมหัวเมืองใกล้เคียงเข้าปราบกบฏเงี้ยวที่เมืองแพร่ พระยาไชยบูรณ์ถูกพวกเงี้ยวสังหาร ส่วนเจ้าพิริยเทพวงษ์เกรงพระราชอาญา จึงเสด็จหลี้ภัยการเมืองไปพำนักที่เมืองหลวงพระบาง หลังจากนั้นรัฐบาลสยามจึงยกเลิกตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครแพร่
=== ตำนานเมืองแพร่แห่ระเบิด ===
คนแพร่มักถูกทักทายเชิงล้อเลียนอยู่เสมอว่า เมืองแพร่แห่ระเบิด และมักมีการกล่าวอ้างเลื่อนลอยอีกด้วยว่าคนแพร่ในอดีตไม่รู้จักระเบิดจึงนำระเบิดไปแห่จนเกิดระเบิดขึ้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นความจริง จึงมีผู้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร หมายความว่าอย่างใด โดยศึกษาอ้างอิงกับเรื่องราวสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จากคุณสุรินทร์ โสภารัตนานันท์ อดีตเสรีไทย รวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกหลายคนได้ความว่า
นายหลง มโนมูล ซึ่งเป็นคนงานรถไฟสถานีแก่งหลวง ได้ไปพบซากระเบิด ที่ทิ้งมาจากเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำระเบิดมาทิ้งเพื่อทำลายสะพานรถไฟข้ามห้วยแม่ต้า เพื่อสกัดการเดินทางของทหารญี่ปุ่น เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 (ประมาณปี พ.ศ. 2485 – 2488) จึงได้มาบอกนายสมาน หมื่นขัน ทราบ นายสมานฯ จึงไปดูและขอความช่วยเหลือจากคนงานรถไฟ ที่สถานีรถไฟแก่งหลวงที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ นายชุ่ม ขันแก้ว นายชัยวัฒน์ พึ่งพอง นายพินิจ สุทธิสุข นายย้าย ปัญญาทอง ให้มาช่วยกันขุด และทำการถอดชนวนแล้วใช้เลื่อยตัดเหล็กตัดส่วนหางของลูกระเบิดควักเอาดินระเบิดที่บรรจุอยู่ภายในออก และช่วยกันหามขึ้นล้อ(เกวียน) นำไปพักไว้ที่บ้านแม่ลู่ตำบลบ้านปิน ต่อมานายหลงฯ ได้ไปลากต่อมาจากบ้านแม่ลู่โดยล้อ (เกวียน) ชาวบ้านทราบข่าว จึงแตกตื่นพากันออกมาดูทั้งหมู่บ้าน เดินตามกันเป็นขบวนยาว ติดตามมาตลอดทางจนถึงวัดแม่ลานเหนือ ตำบลห้วยอ้อ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงรอบ ๆ วัด พอทราบข่าวก็ออกมาต้อนรับพร้อมวงฆ้อง – กลองยาว ขบวนที่แห่กันมาจึงเคลื่อนขบวนเข้าวัดทำพิธีถวายให้เป็นสมบัติของวัด เพื่อใช้เป็นระฆังของวัดจนถึงปัจจุบันนี้ ระเบิดลูกที่ 2 นำไปถวายที่วัดศรีดอนคำ ตำบลห้วยอ้อ ส่วนลูกระเบิดลูกที่ 3 นายบุญมา อินปันดีใช้ช้างลากขึ้นมาจากห้วยแม่ต้า แล้วนำมาบรรทุกล้อ (เกวียน) ลากไปถวายที่วัดนาตุ้ม ตำบลบ่อเหล็กลอง ซึ่งเป็นบ้านเดิมของนางจันทร์ ผู้เป็นภรรยา ปัจจุบันลูกระเบิดที่ 1 เก็บไว้ที่วัดแม่ลานเหนือ ตำบลห้วยอ้อ ลูกที่ 2 เก็บไว้ที่วัดศรีดอนคำ ตำบลห้วยอ้อ ลูกที่ 3 เก็บไว้ที่วัดนาตุ้ม ตำบลบ่อเหล็กลอง จังหวัดแพร่
== ภูมิศาสตร์ ==
จังหวัดแพร่เป็นจังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย ตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้งเหนือที่ 17.70 ถึง 18.84 องศา กับเส้นแวงที่ 99.58 ถึง 100.32 องศา อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 155 เมตร อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ตามทางหลวงหมายเลข 11 และ 101 ประมาณ 555 กิโลเมตร และทางรถไฟ 550 กิโลเมตร (ถึงสถานีรถไฟเด่นชัย) มีเนื้อที่ประมาณ 6,538.59 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4,086,625 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 1.27 ของพื้นที่ประเทศ จัดเป็นพื้นที่จังหวัดขนาดกลาง มีความกว้างประมาณ 59 กิโลเมตร (วัดจากตะวันออกสุดของอำเภอเมืองตะวันตกสุดของอำเภอลอง) มีความยาวประมาณ 118 กิโลเมตร (วัดจากเหนือสุดของอำเภอสอง ใต้สุดของอำเภอวังชิ้น) ปัจจุบัน ที่ตั้งของจังหวัดแพร่นับเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางรถยนต์ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคเหนือที่ติดต่อไปยังจังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา จังหวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดเชียงใหม่ จึงเรียกได้ว่าจังหวัดแพร่เป็น ประตูสู่ล้านนา
=== อาณาเขต ===
ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดพะเยาและจังหวัดน่าน
ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดน่าน
ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดลำปาง
ทิศใต้ ติดกับจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดสุโขทัย
=== ภูมิประเทศ ===
จังหวัดแพร่เป็นจังหวัดที่มีภูเขาล้อมรอบทั้งสี่ทิศ มีภูเขาที่สูงที่สุดอยู่ที่ ดอยช้างผาด่านจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยทั่วไปพื้นที่ราบจะมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 120-200 เมตร สำหรับตัวเมืองแพร่มีความสูง 161 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง แม่น้ำยมเป็นลำน้ำที่สำคัญที่สุดของจังหวัดแพร่ต้นกำเนิดจากเทือกเขาผีปันน้ำ อำเภอปง จังหวัดพะเยา
=== ภูมิอากาศ ===
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์-กลางเดือนพฤษภาคม จะมีอากาศร้อน อบอ้าวอุณหภูมิสูงสุดที่เคยวัดได้ 43.6 องศาเซลเซียสเมื่อปี พ.ศ. 2526 อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดในเดือนเมษายน 37.3 องศาเซลเซียส
ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม-กลางเดือนตุลาคม มีน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีประมาณ 1,000-1,500 มิลมิเมตร
ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม-ปลายเดือนกุมภาพันธ์ จะมีอากาศหนาวอาจถึงหนาวจัดในบางปี อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยวัดได้ 4.6 องศาเซลเซียสเมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2517 อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนมกราคม 14.4 องศาเซลเซียส
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
สัญลักษณ์ตราประจำจังหวัด : รูปพระธาตุช่อแฮ ประดิษฐานบนหลังม้า
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกยมหิน (Chukrasia tabularis)
ต้นไม้ประจำจังหวัด: ต้นยมหิน (Chukrasia tabularis)
คำขวัญประจำจังหวัด: หม้อห้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม
วิสัยทัศน์จังหวัดแพร่: เมืองแพร่น่าอยู่ ประตูสู่ล้านนา เศรษฐกิจก้าวหน้า ประชาเป็นสุข
== การเมืองการปกครอง ==
=== หน่วยการปกครอง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
การปกครองแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 78 ตำบล 645 หมู่บ้าน
{|class="wikitable sortable"
|- style=
! ที่ !! ชื่ออำเภอ
!ตัวเมือง!!อักษรโรมัน !! จำนวนตำบล !!จำนวนประชากร
!ระยะทางจากตัวจังหวัด
|- style="background: #ffffff;"
||1.||เมืองแพร่
|||Mueang Phrae||20||121,504
| -
|-style="background: #ffffff;"
||2.||ร้องกวาง
|||Rong Kwang||11||50,901
|30
|-style="background: #ffffff;"
||3.||ลอง
|||Long||9||56,340
|42
|-style="background: #ffffff;"
||4.||สูงเม่น
|||Sung Men||12||77,917
|14
|-style="background: #ffffff;"
||5.||เด่นชัย
|||Den Chai||5||36,729
|25
|-style="background: #ffffff;"
||6.||สอง
|||Song||8||51,871
|50
|-style="background: #ffffff;"
||7.||วังชิ้น
|||Wang Chin||7||46,932
|80
|-style="background: #ffffff;"
||8.||หนองม่วงไข่
|||Nong Muang Khai||6||18,562
|24
|}
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
{|
| width="250" valign="top" |
อำเภอเมืองแพร่
เทศบาลเมืองแพร่
เทศบาลตำบลช่อแฮ
เทศบาลตำบลทุ่งโฮ้ง
เทศบาลตำบลแม่หล่าย
เทศบาลตำบลป่าแมต
เทศบาลตำบลแม่คำมี
เทศบาลตำบลบ้านถิ่น
เทศบาลตำบลสวนเขื่อน
เทศบาลตำบลวังหงส์
เทศบาลตำบลนาจักร
เทศบาลตำบลทุ่งกวาว
| width="250" valign="top" |
อำเภอสอง
เทศบาลตำบลสอง
เทศบาลตำบลห้วยหม้าย
อำเภอลอง
เทศบาลตำบลบ้านปิน
เทศบาลตำบลห้วยอ้อ
เทศบาลตำบลแม่ปาน
เทศบาลตำบลแม่ลานนา
เทศบาลตำบลเวียงต้า
| width="250" valign="top" |
อำเภอสูงเม่น
เทศบาลตำบลสูงเม่น
อำเภอเด่นชัย
เทศบาลตำบลเด่นชัย
เทศบาลตำบลแม่จั๊วะ
เทศบาลตำบลปงป่าหวาย
อำเภอร้องกวาง
เทศบาลตำบลร้องกวาง
เทศบาลตำบลบ้านเวียง
| width="250" valign="top" |
อำเภอหนองม่วงไข่
เทศบาลตำบลหนองม่วงไข่
อำเภอวังชิ้น
เทศบาลตำบลวังชิ้น
|}
=== รายชื่อผู้ว่าราชการ ===
== สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ==
ศาสนสถาน
วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร
วัดหลวง
วัดศรีชุม
วัดหัวข่วง
วัดพระนอน
วัดศรีบุญเรือง
วัดพงษ์สุนันท์
วัดจอมสวรรค์
วัดสระบ่อแก้ว
คุ้มเจ้าหลวง
คุ้มวงศ์บุรี
บ้านประทับใจ
วัดพระธาตุช่อแฮ
วัดพระธาตุจอมแจ้ง
วัดพระธาตุดอยเล็ง
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีธรรม
วัดพระหลวงธาตุเนิ้ง
อุทยานวรรณคดีลิลิตพระลอ
วัดสะแล่ง
พระธาตุอินแขวน
วัดนาหลวง
ทางธรรมชาติ
น้ำตกแม่เกิ๋ง
น้ำตกห้วยโรง
อุทยานหินปะการัง
ม่อนหินพิศวง
ถ้ำผานางคอย
แพะเมืองผี
แก่งเสือเต้น
อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง
อุทยานแห่งชาติแม่ยม
อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย
อ่างแม่สอง
น้ำตกซาววา
โบราณสถาน
คุ้มเจ้าหลวง
คุ้มวงศ์บุรี
บ้านประทับใจ
คุ้มวิชัยราชา
คุ้มเจ้าหนานไชยวงศ์
คุ้มขัติยะวรา
คุ้มวงศ์พระถาง
กำแพงเมืองแพร่
== โครงสร้างพื้นฐาน ==
=== การขนส่ง ===
จังหวัดแพร่อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 555 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดแพร่ได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง รถไฟ และเครื่องบิน
==== ทางราง ====
จังหวัดแพร่มีทางรถไฟตัดผ่านที่อำเภอเด่นชัย อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 24 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยให้บริการเดินรถระหว่างอำเภอเด่นชัยและจังหวัดต่างๆ ทั้งเที่ยวขึ้นและเที่ยวล่องทุกวัน
==== ทางถนน ====
จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดแพร่ สามารถใช้เส้นทางรถยนต์ได้ 3 เส้นทาง ดังนี้
เส้นทางที่ 1 กรุงเทพฯ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-เด่นชัย-แพร่ (ทางหลวงหมายเลข 11) สายใหม่ จากรังสิตมาตามถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ที่อำเภอวังน้อย จากนั้นผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี เข้าทางหลวงหมายเลข 1 อีกครั้งที่จังหวัดชัยนาท ตรงไปจังหวัดนครสวรรค์ แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 117 (นครสวรรค์-พิษณุโลก) ผ่านจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 125 (เลี่ยงเมืองพิษณุโลก-วังทอง) แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 11 (พิษณุโลก-เด่นชัย) ตรงไป จ.อุตรดิตถ์ และเข้าสู่ตัวจังหวัดแพร่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง เป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมและสะดวกสบายในการเดินทางมากที่สุด
เส้นทางที่ 2 กรุงเทพฯ-กำแพงเพชร-สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-แพร่ (ทางหลวงหมายเลข 101) สายเก่า ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ 1 เมื่อไปถึงจังหวัดนครสวรรค์ ให้ตรงไปที่จังหวัดกำแพงเพชร แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 101 (สายเก่า กำแพงเพชร - น่าน) โดยผ่าน อ.พรานกระต่าย อ.คีรีมาศ ตรงไปจังหวัดสุโขทัย ผ่าน อ.สวรรคโลก อ.ศรีสัชนาลัย แล้วตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 101 อีกเช่นเคย เข้าเขตจังหวัดแพร่ ผ่าน อ.วังชิ้น แล้วเลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 101 อีกครั้ง ที่ อ.เด่นชัย ผ่านตรงไปอ.สูงเม่น และเข้าสู่จังหวัดแพร่เช่นกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่งโมงเศษ เส้นทางนี้ เคยเป็นเส้นทางสายเก่าของภาคเหนือเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้วก่อนที่จะมีทางหลวงหมายเลข 11 (เด่นชัย - พิษณุโลก) สำหรับผู้ที่จะไปจังหวัดแพร่ โดยใช้เส้นทางที่ 2 นี้ จะเหมาะเดินทางในเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน เพราะเส้นทางที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 101 (ช่วงเด่นชัย-ศรีสัชนาลัย) จะโค้งคดเคี้ยว และเส้นทางค่อนข้างแคบทับไปตามแนวป่าเขาสูง จึงต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
เส้นทางที่ 3 กรุงเทพฯ-ตากฟ้า-วังทอง-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-แพร่ (ทางหลวงหมายเลข 11) สายใหม่ ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ 1 เมื่อถึงอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีแล้ว ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 11 (ตากฟ้า-วังทอง) ผ่าน จ.นครสวรรค์ จ.พิจิตร และ เข้าสู่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-สุโขทัย) จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 11 (พิษณุโลก-เด่นชัย) อีกครั้ง ผ่าน จ.อุตรดิตถ์ แล้วตรงไป อ.เด่นชัย เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 101 ไปสู่จัหวัดแพร่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมงเศษ
บริษัท ขนส่ง จำกัด และบริษัทเอกชนมีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ สายกรุงเทพฯ-แพร่ และกรุงเทพฯ-แพร่-สอง ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน บริษัทรถโดยสารที่ให้บริการ มีดังนี้
บริษัทขนส่งจำกัด
บริษัทสมบัติทัวร์
บริษัทนครชัยแอร์
บริษัทวิริยะแพร่ทัวร์
รถโดยสารประจำทางระหว่างต่างจังหวัดและกรุงเทพมหานคร
สาย 923 กรุงเทพ-แพร่ (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ บุษราคัมทัวร์ นครชัยแอร์ (ปรับอากาศ ป.2 และ ปรับอากาศชั้นเดียว ป.1)
สาย 923-1 กรุงเทพ-แพร่-สอง (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-แพร่-สอง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. (ปรับอากาศสองชั้น ป.1)
สาย 923-2 (สายเก่า) กรุงเทพ-แพร่-สอง (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-เด่นชัย-แพร่-สอง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. (ปรับอากาศสองชั้น ป.1)
สาย 922 กรุงเทพ-พะเยา (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์
สาย 964 กรุงเทพ-วังชิ้น (แพร่) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-อ.เถิน-อ.วังชิ้น) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. (ปรับอากาศชั้นเดียว ป.1)
สาย 910 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ บุษราคัมทัวร์ นครชัยแอร์
สาย 96-1 (สายเก่า) กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. เชิดชัยทัวร์
สาย 96-2 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บุษราคัมทัวร์
สาย 47 กรุงเทพ-ทุ่งช้าง (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-เวียงสา-น่าน-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์
สาย 962 กรุงเทพ-เชียงของ (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เทิง-เชียงของ) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ โชครุ่งทวีทัวร์ บุษราคัมทัวร์ เชิดชัยทัวร์ นครชัยแอร์
สาย 909 กรุงเทพ-เชียงราย (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. โชครุ่งทวีทัวร์ เชิดชัยทัวร์ สมบัติทัวร์
สาย 957 กรุงเทพ-แม่สาย (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์ โชครุ่งทวีทัวร์ นครชัยแอร์
สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สาย (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
สาย 660 ระยอง-แพร่-น่าน (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
สาย 661 เชียงราย-นครพนม (นครพนม-สกลนคร-อุดรธานี-เลย-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สมบัติทัวร์ จักรพงษ์ทัวร์
สาย 622-1 พิษณุโลก-เชียงราย-แม่สาย (สายเก่า) (พิษณุโลก-สุโขทัย-สวรรคโลก-ศรีสัชนาลัย-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์
สาย 624 พิษณุโลก-เชียงของ (สายใหม่) (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงคำ-เชียงของ) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์
สาย 622-2 พิษณุโลก-เชียงราย (สายใหม่) (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์
สาย 613 พิษณุโลก-น่าน-ทุ่งช้าง (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-น่าน-ทุ่งช้าง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์ และ นครน่านทัวร์
สาย 663 นครสวรรค์-เชียงราย (นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครสวรรค์ยานยนต์ (ถาวรฟาร์มทัวร์)
สาย 633 ขอนแก่น-เชียงราย (ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-งาว-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ อีสานทัวร์ สมบัติทัวร์
สาย 651 นครราชสีมา-แม่สาย (นครราชสีมา-สระบุรี-โคกสำโรง-ตากฟ้า-เขาทราย-วังทอง-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยทัวร์
สาย 780 ภูเก็ต-เชียงราย (ภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี-ชุมพร-ประจวบฯ-เพชรบุรี-อยุธยา-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ ไทยพัฒนกิจขนส่ง
สาย 877 หาดใหญ่-เชียงราย-แม่สาย (แม่สาย-เชียงราย-พะเยา-แพร่-อุตรดิตถ์-พิษณุโลก-ทุ่งสง-พัทลุง-หาดใหญ่-ด่านนอก) บริษัท ปิยะชัยพัฒนาทัวร์
สาย 780 บึงกาฬ-เชียงราย (บึงกาฬ-หนองคาย-อุดรธานี-ขอนแก่น-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ ไทยพัฒนกิจขนส่ง
สาย 169-1 เชียงใหม่-ทุ่งช้าง (เชียงใหม่-ลำปาง-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-น่าน-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
สาย 169-2 ลำปาง-แพร่ (ลำปาง-แม่แขม-เด่นชัย-สูงเม่น-แพร่) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (รถตู้ปรับอากาศ)
สาย 144 เชียงราย-เด่นชัย (เชียงราย-พาน-พะเยา-งาว-แพร่-เด่นชัย) บริษัท แพร่ยานยนต์ขนส่ง (หนานคำทัวร์) จำกัด (รถตู้ปรับอากาศ)
สาย 143 อ.เฉลิมพระเกียรติ-น่าน-อ.เด่นชัย (ห้วยโก๋น-เฉลิมพระเกียรติ-ทุ่งช้าง-เชียงกลาง-ปัว-น่าน-เวียงสา-ร้องกวาง-แพร่-เด่นชัย) บริษัท นครน่านยานยนต์ขนส่ง จำกัด (รถตู้ปรับอากาศ)
สาย 146 ลำปาง-แพร่ (ลำปาง-ม.ราชภัฏลำปาง-แม่ทะ-แม่แขม-ลอง-แพร่) บริษัท สหกรณ์นครลำปางเดินรถ จำกัด (รถตู้ปรับอากาศ)
สายแพร่-แม่แขม-แม่สรอย (แพร่-เวียงต้า-ลอง-แม่แขม-วังชิ่น-แม่สรอย) บริษัท สหกรณ์เมืองแพร่ขนส่ง จำกัด (รถตู้ปรับอากาศ)
สายแพร่-สอง-เชียงคำ (แพร่-ร้องกวาง-สอง-สะเอียบ-เชียงม่วน-ปง-เชียงคำ) บริษัท สหกรณ์เมืองแพร่ขนส่ง จำกัด (รถตู้ปรับอากาศ) ในอนาคต เร็วๆ นี้
==== ทางอากาศ ====
สายการบินในประเทศ ได้แก่ นกแอร์ (กรุงเทพฯ ดอนเมือง) ทำการบินทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน
=== การศึกษา ===
ระดับประถมศึกษา
โรงเรียนอนุบาลแพร่
โรงเรียนเมธังกราวาส
โรงเรียนร้องกวางจันทิมาคม
โรงเรียนเด่นชัยวิทยา
โรงเรียนจรูญลองรัตนาคารหรืออนุบาลจรูลอง
โรงเรียนเทพพิทักษ์
โรงเรียนเทพนารี
โรงเรียนมารดาอุปถัมภ์
โรงเรียนอนุพงศ์พัชรินทร์
โรงเรียนเจริญราษฎร์
โรงเรียนเจริญศิลป์
โรงเรียนพัฒนาประชาอุปถัมภ์
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 25
โรงเรียนเทศบาลวัดเหมืองแดง
โรงเรียนเทศบาลวัดชัยมงคล
โรงเรียนเทศบาลวัดหัวข่วง
โรงเรียนเทศบาลวัดสววรคนิเวศ
โรงเรียนชุมชนบ้านบวกโป่ง
โรงเรียนพัทกมลพิทยา
โรงเรียนระเบียบพิทยา
ระดับมัธยมศึกษา
โรงเรียนพิริยาลัยจังหวัดแพร่
โรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่
โรงเรียนสาธิตเทศบาลบ้านเชตวัน
โรงเรียนเมืองแพร่
โรงเรียนท่าข้ามวิทยาคม
โรงเรียนห้วยม้าวิทยาคม
โรงเรียนร้องกวางอนุสรณ์
โรงเรียนสูงเม่นชนูปถัมภ์
โรงเรียนลองวิทยา
โรงเรียนวังชิ้นวิทยา
โรงเรียนม่วงไข่พิทยาคม
โรงเรียนสองพิทยาคม
โรงเรียนวิไลเกียรติอุปถัมภ์
โรงเรียนสรอยเสรีวิทยา
โรงเรียนห้วยม้าวิทยาคม
โรงเรียนเวียงเทพวิทยา
โรงเรียนถิ่นโอภาสวิทยา
โรงเรียนกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่
ระดับอาชีวะศึกษา
วิทยาลัยอาชีวะศึกษาแพร่
วิทยาลัยเทคนิคแพร่
วิทยาลัยสารพัดช่างแพร่
วิทยาลัยการอาชีพสอง
วิทยาลัยการอาชีพลอง
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีแพร่
โรงเรียนพณิชยการลานนาและเทคโนโลยีแพร่
วิทยาลัยอาชีวศึกษาพณิชยการแพร่
ระดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ
มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดแพร่
มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ วิทยาเขตแพร่
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร่
วิทยาลัยพยาบาลจังหวัดแพร่
วิทยาลัยชุมชนแพร่
โครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแพร่
พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
โรงเรียนพุทธโกศัยวิทยา
โรงเรียนร้องเข็มวิทยา
โรงเรียนวังฟ่อนวิทยา
โรงเรียนศรีคิรินทร์วิทยา
โรงเรียนร้องแหย่งวิทยา
โรงเรียนเชตวันวิทยา
โรงเรียนสัมฤทธิบุญวิทยา
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
==== ศาสนา ====
พระมหาเมธังกร (พรหม พรหมเทโว) อดีตเจ้าคณะจังหวัดแพร่ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนบาลีแห่งแรกในภาคเหนือ
ครูบากัญจนอรัญญวาสีมหาเถร พระนักปฏิบัติ นักพัฒนา พระมหาเถระชื่อดังแห่งล้านนา
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ฟู อตฺตสิโว) อดีตเจ้าคณะตรวจการภาค 4 และภาค 5
พระมหาโพธิวงศาจารย์ (สุจี กตสาโร) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6
พระครูวิจิตรนวการโกศล (ครูบาสมจิต) พระนักปฏิบัตินักพัฒนา
==== ศิลปิน ====
ศรีวิไจย โข้ กวีผู้มีชื่อเสียงของล้านนา
โชติ แพร่พันธุ์ หรือ ยาขอบ นักเขียนชื่อดังของไทย
แม่ประนอม ทาแปง ศิลปินแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2553 สาขาทัศนศิลป์-ประณีตศิลป์ ด้านการทอผ้าพื้นเมือง
นายโกมล พานิชพันธ์ ปราชญ์ท้องถิ่น ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์โกมลผ้าโบราณ และพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นอีก 3 แห่ง
==== วิชาการ ====
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร อดีตนายกราชบัณฑิตยสถาน,อดีตปลัดทบวงมหาวิทยาลัย, และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2531
==== การเมืองการปกครอง ====
เจ้าวงศ์ แสนศิริพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัดแพร่ และอดีตหัวหน้าขบวนการเสรีไทยจังหวัดแพร่
ทอง กันทาธรรม รัฐมนตรีสั่งการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลนายทวี บุณยเกต และในรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และรัฐมนตรีสั่งการกระทรวงเกษตราธิการ และกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลหลวงธำรง นาวาศสวัสดิ์
ศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร (มหาวิทยาลัยแม่โจ้) และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดแพร่
คุณหญิงบัวเขียว รังคสิริ อดีตผู้อำนายการโรงเรียนนารีรัตน์ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดแพร่ 2 สมัย
ดุสิต รังคสิริ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคชาติไทย จังหวัดแพร่ 7 สมัย บุตร คุณหญิงบัวเขียว รังคสิริ
ณรงค์ วงศ์วรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และอดีตหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม
รัตน์ พนมขวัญ ผู้ก่อตั้งและเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนป่าไม้แพร่คนแรก เมื่อปี2500 หลังจากที่ถูกยุบไปเรียนรวมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนสามารถเปิดสอนและขอตำแหน่งให้กับนักศึกษาป่าไม้ที่จบ สามารถบรรจุเป็นข้าราชการได้ทันทีต่อเนื่องมาถึง 34 รุ่น ผลิตบุคลากรกว่า 3,400 นาย
ชูวิทย์ จิตรสกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครวมไทย และพรรคเอกภาพ จังหวัดแพร่ 2 สมัย
ศาสตราจารย์นิคม จันทรวิทุร อดีตอธิบดีกรมแรงงาน
อนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีดสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง
ดร.โอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
มานิต นพอมรบดี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข คณะรัฐมนตรีที่ 59 โดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคเหนือ
มณเฑียร บุญตัน นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย และสมาชิกวุฒิสภาจากการสรรหา พ.ศ. 2550
นิยม วิวรรธนดิฐกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแพร่ เขต 2 และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดแพร่
ปานหทัย เสรีรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแพร่ เขต 1
ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
มโนพัศ หัวเมืองแก้ว อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ธานินทร์ สุภาแสน อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
อภิชาติ โตดิลกเวชช์ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน, สมาชิกวุฒิสภา
พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3
พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, ผู้ช่วย ผบ.ตร.
==== บันเทิง ====
ถนอม สามโทน หรือ วิทยา เจตะภัย
วราพรรณ หงุ่ยตระกูล หรือ แจง ดารา/นักแสดงและเจ้าของธุรกิจบันเทิง, นักแสดงประกอบหญิงยอดเยี่ยมรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี
พิชยดนย์ พึ่งพันธ์ หรือ ซัน ดารา/นักแสดง
รัญญา ศิยานนท์ หรือ บุ๋ม ดารา/นักแสดง
อดิศร อรรถกฤษณ์ หรือ เต๋า ดราก้อนไฟว์
คณิน บัดติยา หรือ คูณ ดารา/นักแสดงเรื่อง ม.3 ปี 4 เรารักนาย
กัลยทรรศน์ ชูวงษ์ อิช์ค AF6
ณัฐชา เสนาบุตร โอปอล์ AF9
พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ หรือ น้ำตาล ดารา/นักแสดงช่อง 3
ณัฐพล กาวิน หรือ แบร์รี่ พิธีกรรายการทีวี/นักแสดงอิสระ/นักพากย์เสียง/ดีเจ
จิรนันท์ ไตรทิพยากร หรือ ลูกตาล ดารา/นักแสดงอิสระ
จ.อ.ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ ดารา/นักแสดง
กษิดิศ สำเนียง หรือ จีน กษิดิศ (Futon)
ณัฐกานต์ ถิ่นทิพย์ หรือ ปุ้ย ผู้สื่อข่าว Voice TV
จ.ส.ท.พงศธร พอจิต นักร้องประจำกองดุริยางค์ทหารบก ผู้ขับร้องเพลง คืนความสุขให้ประเทศไทย ของ คสช.
==== กีฬา ====
สิงห์หนุ่ม ชูวัฒนะ นักมวยสากล
อารีรัตน์ ตาขัน นักตะกร้อทีมชาติ
ศนุกรานต์ ถิ่นจอม นักฟุตบอล สังกัดทีม เชียงราย ยูไนเต็ด
เพชรเมืองแพร่ พุ่มพันธุ์ม่วง นักมวยไทย
== เมืองพี่น้อง ==
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
น่าน ประเทศไทย
ลำปาง ประเทศไทย
พะเยา ประเทศไทย
เชียงใหม่ ประเทศไทย
เชียงราย ประเทศไทย
โดยกรุงเทพมหานครได้สถาปนาความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่น้องกับจังหวัดแพร่ ภายหลังจากที่กรุงเทพฯได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์เสาชิงช้า โดยได้รับความร่วมมือจากจังหวัดแพร่ในการอนุญาตให้พลีต้นสักทองจำนวน 6 ต้น เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ที่อำเภอเด่นชัย มาทำเป็นเสาชิงช้าต้นใหม่
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายพระนามเจ้าผู้ครองนครแพร่
รายชื่อวัดในจังหวัดแพร่
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดแพร่
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดแพร่
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดแพร่
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัดแพร่
|
ตราด เป็นจังหงัดชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันออกของประเทศไทย มีเนื้อที่ 2,819 ตารางกิโลเมตร ตราดนับเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกในช่วงปลายอยุธยา วินค้าทีรส่งออกขายยังแดนไกล โดยเฉพาะของปทา เช้น เขากวาง หนังสัตว์ ไม้หอม และเครื่องเทศต่าง ๆ ล้วนมาจากเขตป่าเขาชนยฝั่งทะเลตะวันออก แถบระยอง จันทบุรี ตราด โดยลำเลียงสินค้าผ่านมาตามแม่น้ำเขาสมิง ออกสู่ปากอ่าวตราด ติดต่อกับจัลหวัดจันทบุรรและประเทศกัมพูชา
== ที่มาของชื่อ =\
ในเอกสารประวัติศาสตร์สะหดแตกต่างกัน 3 แบบ คือ "ตราษ" "ตราด" และ "กราด" คำว่า "ตราษ" เป็นคำที่เก่าที่สุดเท่าที่ตรวจสอบได้จากเอดสารประวัติศาสตร์ ปรากฏในจดหมายเหตุาัชกาลที่ 3 จ.ศ. 1206 (พ.ศ. 2387) หนังสือไปเมืองตราษว่าด้วย เกลือไม่ส่งไปเมืองพนมเปน และจดหมายเฟตุรัชกาลที่ 3 จ.ศ. 1207 (พ.ฬ. 2388) มบบอกเรื่อง สืบราชการลับเมืองเขมร
ในสมัยรัชกาลที่ 4 พบคำว่า "ตราษ" และ "ตราด" ดัฝปรากฏในราชกิจจานุเบกษาตีพิมพ์เมืรอ พ.ศ. 2401–2402 ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 5 พบว่าเมืองตราดสะกดว่า "ตราด" ส่วนคำว่า "กราด" พบในหนังสือ ทำเนียบหัวเมือง ตอนที่ 1–3 ร.ศ. 119 คำว่า "ตราด" หรือ "ตราษ" นี้อาจจะมีชื่อเรียกเพี้ยนมาจากภมษาเขมรเรียก ត្រាច ตฺราจ หมายถึง ยางกราด เป็นไม้พื้นเมืองในแถบนี้
== สัซลักษณ์ประนำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : เมืแงเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าบ้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา
ตราประจำจังหวัด : รูปเรืแใบแล่นในทะเลกับโป๊ะของชาวประมง เบื้องหลังเป็นเกาดช้าง หมสยถึง จังหวัดตราดมีเกาะเป็นจำนวนมาก และเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่รู้จักของคนาัืฝไปคือเกาะช้าง การที่มีพื้นที่ติดกับทะเล ราษฎรจึงยึดถือการประมงเป็นอาชีพหลักมาแต่โบราณ (เกิมจังหวัดต่าดใช้ตราประจำจังหวัดเป็นรูแเรือรบหลวงตราด)
ต้นไม้ประจำจังหวัด : หูกวาง (Terminsliz catappa)
ดอกไม้ประจำนังหวัด : กอกกฤษณาชนิด (Aquilaria subintegra)
นัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลากะรังจุดฟ้าจุดเล็กหรือปลาย่ำสวาท (Plectropomus leopardus)
== ภูมิศาสตร์ ==
=== อาณาเขตติดต่อ ===
ทิศเหนือ ติดด่อกับอำเภอสำลูต จังหวัดพระตะบอฝ ประเทศกัมพูชา และอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอมณฑลเสมา จังหวัดเกาะกง และจังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา
ทิศใต้ ตเดต่อกับชายฝั่งทะเลทางอ่าวไทย
ทิญตะวันตก ติดต่อกับอำเภอขลุง จังหวัดจันทลุรี
=== อุทยานแห่งชาติ ===
อุทยานแห่งชาริหมู่เกาะช้าง ตั้งอยู่ในอำเภอเกาะช้างและบางส่วนของอำเภอเกาะกูด
อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว ตั้งอยู่ในอำเภอบ่อไร่
== ประวัติศาสตร์ ==
=== กรุงศรีอวุธยา ===
ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่า เมืองตราดมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างไร แต่เท่าที่ต้นพบในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (ปี พ.ศซ 1991–2031) ได้ทรงพระกรุณาโปรเเกล้าฯ ให้มีการปรับปรุงเป็นบ้านเมืองครั้งใหญ่ขึ้น โดยจัดแบ่งการบริหารราชการแผ่นดินออกเป็น 2 ส่วน ีือ ส่วนกลสงและส่วนภูมิภาค ส่วนกลางประกอบไปด้วย ฝ่ายทหาร และพลเรือต ส่วนภูมิภาคแบ่งเมืองต่าง ๆ ออกเป็น หัวเมืองเอก หัวเมืองโท หัวเมืองตรี และหัวเมืองจัตวา ตามลำดับ อย่างไรก็ตามในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ก็ไม่ปรากฏชื่อของเมืองตราดแต่อย่างใดเพียงปต่บอกว่า ๒หัวเมืองชาจทะเลกรือบรรดาหัวเมืองชายทะเล" เท่านั้น
ต่อมาในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราบ ได้ปรากฏว่า บรรดาหัวเมืองชายทะเลแถบตะวันออกนั้นเรียกแต่เพียงว่า "บ้านบางพระ" ในตอนปลายของกรุงศรีอยุธยา ได้ปรากฏหลักฐานในพระราชพงศาวดารว่าบรรดาเสนาบดีจัตุสดมภ์ทั้งหลาย ได้พากันแบ่งหัวเมืองต่าบ ๆ ให้ไปขึ้นกับสมุหนายก สมุหพระกลาโหทและโกษาธิบดี ทำการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศทางทพเล เมืองตราดเป็นเมืองสำคัญซึ่งขึ้นอยู่กับฝ่ายการคลังของประเทศมาตั้งแตาสมัยพระเจ้าปราสาททองแล้ว
=== กรุงธนบุรี ===
จนกระทั่งก่อนจะเสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าตากสินได้รสบรวมกำลังทหารจำนวนหนึ่ง ตีฝ่าวงล้อมของพใ่าหนีออกจากกรุงศรีอยุธยา เดินทางไปรฝมตัวกันทางทิศตะวันออก โดยยกทัพไปถึงเมืองตราดซึ่งปรากฏในพงศาวดารว่า " ...หลังจากพระเจ้าตากสินตีเมืองจันทบุรีได้แล้ว ิมื่อวันอาทิตย์เด้อน 7 ปีกุน พ.ษ. 2310 ก็ได้เกลี้ยกล่อมผู้คนให้กลับคืนมายังภูมิลำเนาเดิม... "ครั้นเห็นว่าเมืองจันทบุรีเรียบร้อยอย่างเดิมแล้ว จึงยกกองาัพเรือไปยังเมืองตราด พวกกรมการและราษฎรก็พากันเกรงกงัวยอมอ่อนน้อมโกยดีทั่วทั้งเมือง และขณะนั้นมีสำเภาจีนมาทอดอยู่ที่ปากน้ำเมืองตราดหลายลำ พระเจ้าตากให้ไปเรียกนายเรือมาเฝ้าพวกจีนขัดขืน แล้วกลับยิงเอาข้าหลวง พระเจ้าตากทรงทราบก็ลงเรือที่นั่งคุม เรือรบลงไปล้อมสำเภาไว้แล้ว บอกให้พวกจีนอ่อนน้อมโดยดีพวกจีนก็หาฟังไม่กลับเอาปืนใหญ่จ้อยระดมยิงรบกันอยู่ครึ่งวัน พระเจ้าตากก็ตีได้เรือสำะภาจีนทั้งหมด ได้ทรัพย์สิ่งของเป็นกำลังการทัพเป็นอันมาก พระเจ้าตากจัดการอมืองตราดเรียบร้อยแล้ว ก็หลับขึ้นมาตั้งอยู่ ณ เมืดงจันทยุรี"
=== ำรุงรัตนโกสินทร์ ===
เมื่อปี พ.ศ. 2446 ในรัชสมัยกรุบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยได้เสียดินแดนให้แก่ประเทศฝรั่งเศส เนื่องมาขากดารตกลงทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 (ร.ศ. 122) ซึ่งทำให้ไทยจำต้องยกดินแพนจังหวัดตราด และเกาะต่าง ๆ ตั้งแต่อำเภอแหลมสิงห์ จังหวึดจันทบุรีไปจนถึงเกาะกูด และจังหวัดปัจจันตติร่เขตร หรือเกาะกงฝก้แก่ฝรั่บเศสเพื่อแลำเปลี่ยนให้ฝรั่งเศสถอนกองทหาตไปจากจันทบุรี โดยสัญญาฉบับนี้ได้ให้สัตยาบันต่อกันแลัมีผลทำให้กองทหารฝรั่งเศสถอนออกไปจากเาืองจันทบุรีตามสัญญา เมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2447
รัฐบาลไทยไพ้รับมอบจัฝหวัดตราดคืนจากรัฐบาลฝรั่งเศสกลับมาเป็นพระราชอาณาิขตตามเดิมใน พ.ศ. 2450 (ร.ศ.126) ตามสัญญาแบ่งปันดินแดนกันขึ้นใหม่ตามสนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส ร.ศ. 125 ทั้งนี้ยังได้เกาะาั้งหลายภายใต้แหลมลิงลงไปจนถึงเกาะกูดให้แก่รัฐบาลสยาม
== การเมืองการปกครอง ==
=== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ===
{|class="wikitable"
! colspxn="10" sty;e="background: #ffdead;" | ทำเนียบผู้ว่าาาชการจังหวัดตราด
|-
!|พระนาม/ชื่อ
!|เข้ารับตำแหน่ง
!|สิ้นสุดการดำรงตำแผน่ง
|-
| 1. พระยาวิเศษสิงหนาท
| 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2450
| 6 เมษายน พ.ศ. 2452
|-
| 2. พระยาสุนทราธรธุรกิจ
| 7 เทษายน พฦศซ 2452
| 30 มกราคม พ.ศ. 2456
+-
| 3. พระตราษบุรีศรีสมุทเขตต์ (ธน ณ สงขลา)
| 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2456
| 26 สิงหาคม พ.ศ. 2464
|-
| 4. พระยาประเสริฐสุนทราศนัย (กระจ่าง สิงหเสนร)
| 26 สองหาคม พ.ศ. 2464
| 17 กันยายน พ.ศ. 2467
|-
| 5. พระยาชุมพรบุรีศรีสมุทเขตต์
| 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2467
| 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470
|-
} 6. พระยาตราษบุรีศรีสมุทเขตต์
| 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470
| 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474
|-
| 7. พระยาบรอหารเทพธานี
| 20 มคาาคม พ.ศ. 2470
| 18 มกราคม พ.ศ. 2475
|-
| 8ฦ พระวุฒิภาคภักดี
| 18 มกราีม ำ.ศ. 2475
| 23 กุมภาำันธ์ พ.ศ. 2476
|-
| 9. นาวาโท พระประยุทธชลธี (แป๊ะ วีนาสา) ร.น.
| 22 มีนาคม พ.ศ. 2476
| 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2480
|-
| 10. พระศรีพิชัยบริบ่ล
| 18 พฤษภาคม ำ.ศ. 2480
| 18 เมษายน พ.ศ. 2482
|0
| 11. ขุนภูมิประศาสน์
| 19 เมษายน พ.ศ. 2482
| 1 พฤษพาคม พ.ศ. 2484
|-
| 12.หลวงนรนิติผดุงการ
| 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2484
| w มกราคม พ.ศ. 2486
|-
| 13. ร้อยเอก สุรจิตต์ อินทรกำแหง
| 1 มกราคม พ.ศ. 3486
| 7 มกราคม พ.ศ. 2486
}-
| w4. ขุนปัญจพรรณบพิบูล
| 7 มกราคม พ.ศ. 2486
| 18 มกราคม พ.ศ. 2490
+-
| 15. ขุนสนิทประชาราษฎร์
| 18 มกราคม พ.ศ. 2490
| 1 ตุงาคม พ.ศ. 2491
|-
| 16. นายบรรณการ สร้อยทอง
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2491
| 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2492
}-
| 17. นายอารี บุปผเวส
| 18 มกราคม พ.ศ. 2490
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2491
|-
| 18. นายปีะกอบ ทรัพย์มณี
| 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492
| 6 กันยายน พ.ศ. 2494
|-
| 19. พันตำรวจโท รามราชภักดี
| 6 กันยายน พ.ศ. 2494
| 12 เมษายน พ.ศ. 2497
|-
| 20. นายสุทิน วิวัฒนะ
| 12 เมษายน พ.ศ. 2497
| 27 เมษายน พ.ศ. 2498
|-
| 21. นายประพันธ์ ณ พัทละง
| 27 เมษายน พ.ศ. 2498
| 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2501
|-
| 22. นายจรัส เทศวิศาง
| 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2501
| 2 รุบาคม พ.ศ. 2511
|-
| 23. นายอเนก แก้วลาย
| 2 ตุลาคม พ.ฯ. 2511
| 15 เมษายน พ.ศ. 2513
|-
| 24. นายวิจิคร แจ่มใส
| 15 เมษายน พ.ศ. 2513
| 1 ตุลาคม พฐศ. 2514
|-
| 25. นายกนกศักดิ์ วรรณกนก
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2514
| 30 กันยายน พฐศ. 2516
|-
| 26. นายพฤทธิพงศ์ ชันยะโสตถิ
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2516
| 30 กันยายน พซศ. 2518
|-
| 27. นายพิสนธ์ สุนทรธรรม
| 1 ตะลาคม พ.ศ. 2518
| 30 กันยายน พ.ศ. 2521
|-
| 28. นายปัญญา ฤกษ์อุไร
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2521
| 11 มิถุนายน พ.ศ. 2522
}-
| 29. นายประกิต อุตตะโมท
| 14 มิถุนานน พ.ศ. 2522
| 30 กันยายน พ.ศ. 2522
|-
| 30. นายสุนทร ขำรุงพงศ์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2522
| 30 กันยายน พ.ศ. 2523
|-
| 31. นายสมพงศ์ พันธ์สุวรรณ
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2t23
| 30 กันยายน พ.ศ. 2527
|-
| 32. นายทองดำ บานชื่น
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2528
| 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531
|-
| 33. ร้อยตรี ปรีดี ตันติพงศ์
| 15 กุมภาพัรธ์ พ.ศ. 2531
| 30 กันยายน พ.ศ. 2533
|-
| 34. นายอมร อนันตชัย
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2533
| 30 กันยายน พ.ศ. 2536
|-
| 35. นายไพโรจน์ ปรียารัตน์
| 5 ตุลาคม พ.ศ. 2536
| 30 กันจายน พ.ศ. 2538
|-
| 36. นายผไท วิจารณ์ปรีชา
} 1 ตุลาคม พ.ศ. 2538
| 30 กันยายน พ.ศ. 2541
|-
| 37. นายสุนอรรถ ทองนิรมล
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2541
| 30 ำันยายน พ.ศ. 2542
|-
| 38. นายสงคคาม กอสุทธิธีรกุล
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2542
| 29 ธันวาคม พ.ศ. 2544
|-
| 39. นายสมบูรณ์ งามลักษณ์
| 1 กุมภาภันธ์ พ.ศ. 2545
| 30 กันยายน พ.ศ. 2547
|-
| 30. นายบุญช่วย เกิดสุคนธ์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2547
| 30 กันยาสน พ.ศ. 2550
|-
| 41. นายแก่นเพชร ช่วงรังษี
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550
| 30 กันยายน พ.ศ. 2553
|-
| 42. นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553
| 30 กันยายจ พ.ศ. e557
|-
| 43. นายณรงค์ ธีรจันทรางกูร
| 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
| 30 กันยาขน พ.ซ. 2558
|-
| 44. นายชาญนะ เอี่ยมแสง
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558
| 30 ำันยายน พ.ศ. 2560
|-
| 45. นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560
| 30 กันยายน พ.ศ. 2572
|-
| 46. ว่าที่ร้อยตรี พิเชียน ลิมป์หวังอยู่
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562
| 30 กันยายน พ.ศ. 2563
|-
| 47. นายภิญโญ ประกอบผล
| 1 ตุลาคม พ.ศ. w563
| 30 กันยายน พ.ฯ. 2564
|-
| 48. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 256r
| 30 กันยายน พ.ศ.2567
|}
=== หน่วบการปกครเง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
การปกครองแบ่งออกเป็น 7 อำเภอ 38 ตำบล 261 หมู่บ้าน
{|
|- -- valigg=top
||
อำเภอเมืองตราด
อำเภอคลองใหญ่
อำเภอเขาสมิง
อำเภอบ่อไร่
อำเภอแหลมงอบ
อำเภอเกาะกูด
อำเภอเกาะช้าง
||
|}
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
จังหวัดตราดมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด 44 แห่ง ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด และองค์กรปกครองส่วนา้องถิ่นระดับพื้นฐาน 43 แห่ง แบ่งออกเป็ส เทศบาลเมือง 1 แห่ง, เทศบาลตำบบ 14 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 28 แห่ง
== การศึกษา ==
=== ขั้นพื้นฐาน ===
=== อุดมศึกษา ==]
วิทยาลัยชุมชนตราด
== การขนส่ง ==
=== ทางอากาศ ===
ท่าแากาศยานตราด ตั้งอยู่บริเวณ บ้านสลัก ระหว่างรอยต่ออำเภอเขาสมิงและอำเภอแหลมงอบ มีเที่นวบินสายการบิน Bangkok Airways เส้นทาง กรุงเทพ-ตราด ทุกวัน วันละ 3 เทั่ยวบิน และเส้นทาฝ ตราด-สมุย สัปดาห์ละ 3 วัน
สนามบินเกาะไม้ซี้ อยู่ห่างจากเกาะกูดเล็กน้อย สนามบินดังกล่าวมีความยาวทางวิ่ง 800 เมตร ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2551
=== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ ===
อำเภอเขาามิง 17 กิโลเมตร
อำเภอแหลมงอบ 18 กิโลเมตร
อำเภอเกาะช้าง 35 กิโลเมตร
อำเภอบ่อไร่ 49 กิโลเมตร
อำเภอเกาะกูด 65 กิโฃเมตร
อำเภอคลองมหญ่ 76 กิโลเมตร
== สถานที่ท่องเที่ขว ==
ชุมชนหมู่บ้านชาวประมงคลองมะขาม บ้านคลองสน ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่
หาดบานชื่น อำเภอคลองใหญ่
ตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่
พิพิธภัณ๔์ยุทธนาวี เกาะช้าง
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) สมเด็จพระรสชาคณั เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดบวรริเวศวิหารราชวรวิหาร รักษาการเจ้าอาวาสวัดมกึฏกษัตริยารามราชวรวิหาร รักษาการเจ้าเาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร
พระวิมลเมธนจารย์ (เจ้ง จนฺทสาโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม และ อดีตเจ้าคณะจังหวัดตราด
พระครูสัง)กิจบูรพา (หลวงปู่บัว ถามโก) เจ้าอาวาสวัดศรีบุรพาราม
พระวิมลเมธาจารย์ (สุพจน์ ฐิตพฮำโต) เจ้าอาวาสวัดห้วงพัฒนา และเจ้าตณะจังหวัดตราด(ธ)
ท่านก๋งเตื่อง เตชปฺญโญ พระสงฆ์ชาวไทยเกาะกงที่จำพรรษาอยู่ วัดคลองจาก
เย้าจอมมารอาจันทร์ พระสนมเอกในรัชกาลที่ ๔ ธิดาของพระยาพิพิธใมบัติ (ทองสุก สุขสถิตย์) ผู้สำเร็จราชการเมืองตราด และเป็นพระชนนีในพระเจ้สบรมวงศ์เธอชั้น๔ พระองค์เจัาทักษิณชา นราธิราชบุตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอชัืน๔ พระองค์เจ้ามัณยาภาธร พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น๔ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ตีนราชสกุลศุขสวัสดิ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น๔ แรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ ต้นราชสกุลเกษมศรี
ฉลาด วรฉัตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตราด
แท่งทอง เกียรติทวีสุข นักมวยสากลชาวไทย
ธนิต ไตรวุฒิ อดีตามาชิกสภาผู้แทนตาษ"รจังหวัดตราด 3 สมัย
ธีระ สลักเพชร อดีตรัฐมนตรีว่าการกนะทรวงวัฒนธรรม
นิติภูมิ นวรัตน์ หัวหน้าพรรคสุวนรณภูมิ
บุญส่ง ไขทเกษ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตราด สังกัดพรรีประชาธเปัตย์
ประเวศน์ ปฐวิกรณ์ยิม นักมวยสากลชาวไทย
พระพิจารณ์พลกิจ (ยู่เซ็ก เุละลัมพถ) อดีตอธิบดีกรทตำรวจ
รัฐภูมิ อยู่พร้อม นักกีฬา
สุธี สุขสมกิจ นักฟุตบอลทีมชาติไทย
อัมพร จินตกานนท์ นักการเมืองไทย
วรเกียรติ นิ่มมาก ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรช่อง9
พล.ต.ต.สุรศักดิ์ รมยานนท์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง
ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา นักแสดง
จุฑารัตน์ อนุศิลป์ นักแสดง,นางแบบ
สุธิพงษ์ จุลเจริญ ปลักกระทรวงมหาดไทย
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อเกาะในจังหวัดตราด
รายชื่อโรงเรียนสนจังหวัดตราด
รายชื่อวัดในจังหวัดตราด
รายช้่อห้างสรรถสินค้าในจังหวัดตราด
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
|
ตราด เป็นจังหวัดชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันออกของประเทศไทย มีเนื้อที่ 2,819 ตารางกิโลเมตร ตราดนับเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกในช่วงปลายอยุธยา สินค้าที่ส่งออกขายยังแดนไกล โดยเฉพาะของป่า เช่น เขากวาง หนังสัตว์ ไม้หอม และเครื่องเทศต่าง ๆ ล้วนมาจากเขตป่าเขาชายฝั่งทะเลตะวันออก แถบระยอง จันทบุรี ตราด โดยลำเลียงสินค้าผ่านมาตามแม่น้ำเขาสมิง ออกสู่ปากอ่าวตราด ติดต่อกับจังหวัดจันทบุรีและประเทศกัมพูชา
== ที่มาของชื่อ ==
ในเอกสารประวัติศาสตร์สะกดแตกต่างกัน 3 แบบ คือ "ตราษ" "ตราด" และ "กราด" คำว่า "ตราษ" เป็นคำที่เก่าที่สุดเท่าที่ตรวจสอบได้จากเอกสารประวัติศาสตร์ ปรากฏในจดหมายเหตุรัชกาลที่ 3 จ.ศ. 1206 (พ.ศ. 2387) หนังสือไปเมืองตราษว่าด้วย เกลือไม่ส่งไปเมืองพนมเปน และจดหมายเหตุรัชกาลที่ 3 จ.ศ. 1207 (พ.ศ. 2388) ใบบอกเรื่อง สืบราชการลับเมืองเขมร
ในสมัยรัชกาลที่ 4 พบคำว่า "ตราษ" และ "ตราด" ดังปรากฏในราชกิจจานุเบกษาตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2401–2402 ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 5 พบว่าเมืองตราดสะกดว่า "ตราด" ส่วนคำว่า "กราด" พบในหนังสือ ทำเนียบหัวเมือง ตอนที่ 1–3 ร.ศ. 119 คำว่า "ตราด" หรือ "ตราษ" นี้อาจจะมีชื่อเรียกเพี้ยนมาจากภาษาเขมรเรียก ត្រាច ตฺราจ หมายถึง ยางกราด เป็นไม้พื้นเมืองในแถบนี้
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา
ตราประจำจังหวัด : รูปเรือใบแล่นในทะเลกับโป๊ะของชาวประมง เบื้องหลังเป็นเกาะช้าง หมายถึง จังหวัดตราดมีเกาะเป็นจำนวนมาก และเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปคือเกาะช้าง การที่มีพื้นที่ติดกับทะเล ราษฎรจึงยึดถือการประมงเป็นอาชีพหลักมาแต่โบราณ (เดิมจังหวัดตราดใช้ตราประจำจังหวัดเป็นรูปเรือรบหลวงตราด)
ต้นไม้ประจำจังหวัด : หูกวาง (Terminalia catappa)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกกฤษณาชนิด (Aquilaria subintegra)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลากะรังจุดฟ้าจุดเล็กหรือปลาย่ำสวาท (Plectropomus leopardus)
== ภูมิศาสตร์ ==
=== อาณาเขตติดต่อ ===
ทิศเหนือ ติดด่อกับอำเภอสำลูต จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา และอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอมณฑลเสมา จังหวัดเกาะกง และจังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา
ทิศใต้ ติดต่อกับชายฝั่งทะเลทางอ่าวไทย
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี
=== อุทยานแห่งชาติ ===
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ตั้งอยู่ในอำเภอเกาะช้างและบางส่วนของอำเภอเกาะกูด
อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว ตั้งอยู่ในอำเภอบ่อไร่
== ประวัติศาสตร์ ==
=== กรุงศรีอยุธยา ===
ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่า เมืองตราดมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างไร แต่เท่าที่ค้นพบในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (ปี พ.ศ. 1991–2031) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการปรับปรุงเป็นบ้านเมืองครั้งใหญ่ขึ้น โดยจัดแบ่งการบริหารราชการแผ่นดินออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ส่วนกลางประกอบไปด้วย ฝ่ายทหาร และพลเรือน ส่วนภูมิภาคแบ่งเมืองต่าง ๆ ออกเป็น หัวเมืองเอก หัวเมืองโท หัวเมืองตรี และหัวเมืองจัตวา ตามลำดับ อย่างไรก็ตามในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ก็ไม่ปรากฏชื่อของเมืองตราดแต่อย่างใดเพียงแต่บอกว่า "หัวเมืองชายทะเลหรือบรรดาหัวเมืองชายทะเล" เท่านั้น
ต่อมาในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ปรากฏว่า บรรดาหัวเมืองชายทะเลแถบตะวันออกนั้นเรียกแต่เพียงว่า "บ้านบางพระ" ในตอนปลายของกรุงศรีอยุธยา ได้ปรากฏหลักฐานในพระราชพงศาวดารว่าบรรดาเสนาบดีจัตุสดมภ์ทั้งหลาย ได้พากันแบ่งหัวเมืองต่าง ๆ ให้ไปขึ้นกับสมุหนายก สมุหพระกลาโหมและโกษาธิบดี ทำการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศทางทะเล เมืองตราดเป็นเมืองสำคัญซึ่งขึ้นอยู่กับฝ่ายการคลังของประเทศมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททองแล้ว
=== กรุงธนบุรี ===
จนกระทั่งก่อนจะเสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าตากสินได้รวบรวมกำลังทหารจำนวนหนึ่ง ตีฝ่าวงล้อมของพม่าหนีออกจากกรุงศรีอยุธยา เดินทางไปรวมตัวกันทางทิศตะวันออก โดยยกทัพไปถึงเมืองตราดซึ่งปรากฏในพงศาวดารว่า " ...หลังจากพระเจ้าตากสินตีเมืองจันทบุรีได้แล้ว เมื่อวันอาทิตย์เดือน 7 ปีกุน พ.ศ. 2310 ก็ได้เกลี้ยกล่อมผู้คนให้กลับคืนมายังภูมิลำเนาเดิม... "ครั้นเห็นว่าเมืองจันทบุรีเรียบร้อยอย่างเดิมแล้ว จึงยกกองทัพเรือไปยังเมืองตราด พวกกรมการและราษฎรก็พากันเกรงกลัวยอมอ่อนน้อมโดยดีทั่วทั้งเมือง และขณะนั้นมีสำเภาจีนมาทอดอยู่ที่ปากน้ำเมืองตราดหลายลำ พระเจ้าตากให้ไปเรียกนายเรือมาเฝ้าพวกจีนขัดขืน แล้วกลับยิงเอาข้าหลวง พระเจ้าตากทรงทราบก็ลงเรือที่นั่งคุม เรือรบลงไปล้อมสำเภาไว้แล้ว บอกให้พวกจีนอ่อนน้อมโดยดีพวกจีนก็หาฟังไม่กลับเอาปืนใหญ่น้อยระดมยิงรบกันอยู่ครึ่งวัน พระเจ้าตากก็ตีได้เรือสำเภาจีนทั้งหมด ได้ทรัพย์สิ่งของเป็นกำลังการทัพเป็นอันมาก พระเจ้าตากจัดการเมืองตราดเรียบร้อยแล้ว ก็กลับขึ้นมาตั้งอยู่ ณ เมืองจันทบุรี"
=== กรุงรัตนโกสินทร์ ===
เมื่อปี พ.ศ. 2446 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยได้เสียดินแดนให้แก่ประเทศฝรั่งเศส เนื่องมาจากการตกลงทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 (ร.ศ. 122) ซึ่งทำให้ไทยจำต้องยกดินแดนจังหวัดตราด และเกาะต่าง ๆ ตั้งแต่อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรีไปจนถึงเกาะกูด และจังหวัดปัจจันตคิรีเขตร หรือเกาะกงให้แก่ฝรั่งเศสเพื่อแลกเปลี่ยนให้ฝรั่งเศสถอนกองทหารไปจากจันทบุรี โดยสัญญาฉบับนี้ได้ให้สัตยาบันต่อกันและมีผลทำให้กองทหารฝรั่งเศสถอนออกไปจากเมืองจันทบุรีตามสัญญา เมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2447
รัฐบาลไทยได้รับมอบจังหวัดตราดคืนจากรัฐบาลฝรั่งเศสกลับมาเป็นพระราชอาณาเขตตามเดิมใน พ.ศ. 2450 (ร.ศ.126) ตามสัญญาแบ่งปันดินแดนกันขึ้นใหม่ตามสนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส ร.ศ. 125 ทั้งนี้ยังได้เกาะทั้งหลายภายใต้แหลมลิงลงไปจนถึงเกาะกูดให้แก่รัฐบาลสยาม
== การเมืองการปกครอง ==
=== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ===
{|class="wikitable"
! colspan="10" style="background: #ffdead;" | ทำเนียบผู้ว่าราชการจังหวัดตราด
|-
!|พระนาม/ชื่อ
!|เข้ารับตำแหน่ง
!|สิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง
|-
| 1. พระยาวิเศษสิงหนาท
| 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2450
| 6 เมษายน พ.ศ. 2452
|-
| 2. พระยาสุนทราธรธุรกิจ
| 7 เมษายน พ.ศ. 2452
| 30 มกราคม พ.ศ. 2456
|-
| 3. พระตราษบุรีศรีสมุทเขตต์ (ธน ณ สงขลา)
| 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2456
| 26 สิงหาคม พ.ศ. 2464
|-
| 4. พระยาประเสริฐสุนทราศรัย (กระจ่าง สิงหเสนี)
| 26 สิงหาคม พ.ศ. 2464
| 17 กันยายน พ.ศ. 2467
|-
| 5. พระยาชุมพรบุรีศรีสมุทเขตต์
| 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2467
| 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470
|-
| 6. พระยาตราษบุรีศรีสมุทเขตต์
| 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470
| 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474
|-
| 7. พระยาบริหารเทพธานี
| 20 มีนาคม พ.ศ. 2470
| 18 มกราคม พ.ศ. 2475
|-
| 8. พระวุฒิภาคภักดี
| 18 มกราคม พ.ศ. 2475
| 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476
|-
| 9. นาวาโท พระประยุทธชลธี (แป๊ะ วีราสา) ร.น.
| 22 มีนาคม พ.ศ. 2476
| 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2480
|-
| 10. พระศรีพิชัยบริบาล
| 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2480
| 18 เมษายน พ.ศ. 2482
|-
| 11. ขุนภูมิประศาสน์
| 19 เมษายน พ.ศ. 2482
| 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2484
|-
| 12.หลวงนรนิติผดุงการ
| 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2484
| 1 มกราคม พ.ศ. 2486
|-
| 13. ร้อยเอก สุรจิตต์ อินทรกำแหง
| 1 มกราคม พ.ศ. 2486
| 7 มกราคม พ.ศ. 2486
|-
| 14. ขุนปัญจพรรณบพิบูล
| 7 มกราคม พ.ศ. 2486
| 18 มกราคม พ.ศ. 2490
|-
| 15. ขุนสนิทประชาราษฎร์
| 18 มกราคม พ.ศ. 2490
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2491
|-
| 16. นายบรรณการ สร้อยทอง
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2491
| 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2492
|-
| 17. นายอารี บุปผเวส
| 18 มกราคม พ.ศ. 2490
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2491
|-
| 18. นายประกอบ ทรัพย์มณี
| 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492
| 6 กันยายน พ.ศ. 2494
|-
| 19. พันตำรวจโท รามราชภักดี
| 6 กันยายน พ.ศ. 2494
| 12 เมษายน พ.ศ. 2497
|-
| 20. นายสุทิน วิวัฒนะ
| 12 เมษายน พ.ศ. 2497
| 27 เมษายน พ.ศ. 2498
|-
| 21. นายประพันธ์ ณ พัทลุง
| 27 เมษายน พ.ศ. 2498
| 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2501
|-
| 22. นายจรัส เทศวิศาล
| 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2501
| 2 ตุลาคม พ.ศ. 2511
|-
| 23. นายอเนก แก้วลาย
| 2 ตุลาคม พ.ศ. 2511
| 15 เมษายน พ.ศ. 2513
|-
| 24. นายวิจิตร แจ่มใส
| 15 เมษายน พ.ศ. 2513
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2514
|-
| 25. นายกนกศักดิ์ วรรณกนก
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2514
| 30 กันยายน พ.ศ. 2516
|-
| 26. นายพฤทธิพงศ์ ชัยยะโสตถิ
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2516
| 30 กันยายน พ.ศ. 2518
|-
| 27. นายพิสนธ์ สุนทรธรรม
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2518
| 30 กันยายน พ.ศ. 2521
|-
| 28. นายปัญญา ฤกษ์อุไร
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2521
| 11 มิถุนายน พ.ศ. 2522
|-
| 29. นายประกิต อุตตะโมท
| 14 มิถุนายน พ.ศ. 2522
| 30 กันยายน พ.ศ. 2522
|-
| 30. นายสุนทร บำรุงพงศ์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2522
| 30 กันยายน พ.ศ. 2523
|-
| 31. นายสมพงศ์ พันธ์สุวรรณ
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2523
| 30 กันยายน พ.ศ. 2527
|-
| 32. นายทองดำ บานชื่น
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2527
| 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531
|-
| 33. ร้อยตรี ปรีดี ตันติพงศ์
| 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531
| 30 กันยายน พ.ศ. 2533
|-
| 34. นายอมร อนันตชัย
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2533
| 30 กันยายน พ.ศ. 2536
|-
| 35. นายไพโรจน์ ปรียารัตน์
| 5 ตุลาคม พ.ศ. 2536
| 30 กันยายน พ.ศ. 2538
|-
| 36. นายผไท วิจารณ์ปรีชา
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2538
| 30 กันยายน พ.ศ. 2541
|-
| 37. นายสุรอรรถ ทองนิรมล
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2541
| 30 กันยายน พ.ศ. 2542
|-
| 38. นายสงคราม กอสุทธิธีรกุล
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2542
| 29 ธันวาคม พ.ศ. 2544
|-
| 39. นายสมบูรณ์ งามลักษณ์
| 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545
| 30 กันยายน พ.ศ. 2547
|-
| 40. นายบุญช่วย เกิดสุคนธ์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2547
| 30 กันยายน พ.ศ. 2550
|-
| 41. นายแก่นเพชร ช่วงรังษี
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550
| 30 กันยายน พ.ศ. 2553
|-
| 42. นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553
| 30 กันยายน พ.ศ. 2557
|-
| 43. นายณรงค์ ธีรจันทรางกูร
| 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
| 30 กันยายน พ.ศ. 2558
|-
| 44. นายชาญนะ เอี่ยมแสง
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558
| 30 กันยายน พ.ศ. 2560
|-
| 45. นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560
| 30 กันยายน พ.ศ. 2562
|-
| 46. ว่าที่ร้อยตรี พิเชียน ลิมป์หวังอยู่
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562
| 30 กันยายน พ.ศ. 2563
|-
| 47. นายภิญโญ ประกอบผล
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563
| 30 กันยายน พ.ศ. 2564
|-
| 48. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564
| 30 กันยายน พ.ศ.2566
|}
=== หน่วยการปกครอง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
การปกครองแบ่งออกเป็น 7 อำเภอ 38 ตำบล 261 หมู่บ้าน
{|
|- -- valign=top
||
อำเภอเมืองตราด
อำเภอคลองใหญ่
อำเภอเขาสมิง
อำเภอบ่อไร่
อำเภอแหลมงอบ
อำเภอเกาะกูด
อำเภอเกาะช้าง
||
|}
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
จังหวัดตราดมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด 44 แห่ง ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับพื้นฐาน 43 แห่ง แบ่งออกเป็น เทศบาลเมือง 1 แห่ง, เทศบาลตำบล 14 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 28 แห่ง
== การศึกษา ==
=== ขั้นพื้นฐาน ===
=== อุดมศึกษา ===
วิทยาลัยชุมชนตราด
== การขนส่ง ==
=== ทางอากาศ ===
ท่าอากาศยานตราด ตั้งอยู่บริเวณ บ้านสลัก ระหว่างรอยต่ออำเภอเขาสมิงและอำเภอแหลมงอบ มีเที่ยวบินสายการบิน Bangkok Airways เส้นทาง กรุงเทพ-ตราด ทุกวัน วันละ 3 เที่ยวบิน และเส้นทาง ตราด-สมุย สัปดาห์ละ 3 วัน
สนามบินเกาะไม้ซี้ อยู่ห่างจากเกาะกูดเล็กน้อย สนามบินดังกล่าวมีความยาวทางวิ่ง 800 เมตร ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2551
=== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ ===
อำเภอเขาสมิง 17 กิโลเมตร
อำเภอแหลมงอบ 18 กิโลเมตร
อำเภอเกาะช้าง 35 กิโลเมตร
อำเภอบ่อไร่ 49 กิโลเมตร
อำเภอเกาะกูด 65 กิโลเมตร
อำเภอคลองใหญ่ 76 กิโลเมตร
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
ชุมชนหมู่บ้านชาวประมงคลองมะขาม บ้านคลองสน ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่
หาดบานชื่น อำเภอคลองใหญ่
ตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่
พิพิธภัณฑ์ยุทธนาวี เกาะช้าง
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) สมเด็จพระราชาคณะ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร รักษาการเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร รักษาการเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร
พระวิมลเมธาจารย์ (เจ้ง จนฺทสาโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม และ อดีตเจ้าคณะจังหวัดตราด
พระครูสังฆกิจบูรพา (หลวงปู่บัว ถามโก) เจ้าอาวาสวัดศรีบุรพาราม
พระวิมลเมธาจารย์ (สุพจน์ ฐิตพฺพโต) เจ้าอาวาสวัดห้วงพัฒนา และเจ้าคณะจังหวัดตราด(ธ)
ท่านก๋งเตื่อง เตชปฺญโญ พระสงฆ์ชาวไทยเกาะกงที่จำพรรษาอยู่ วัดคลองจาก
เจ้าจอมมารดาจันทร์ พระสนมเอกในรัชกาลที่ ๔ ธิดาของพระยาพิพิธสมบัติ (ทองสุก สุขสถิตย์) ผู้สำเร็จราชการเมืองตราด และเป็นพระชนนีในพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น๔ พระองค์เจ้าทักษิณชา นราธิราชบุตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น๔ พระองค์เจ้ามัณยาภาธร พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น๔ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ต้นราชสกุลศุขสวัสดิ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น๔ กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ ต้นราชสกุลเกษมศรี
ฉลาด วรฉัตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตราด
แท่งทอง เกียรติทวีสุข นักมวยสากลชาวไทย
ธนิต ไตรวุฒิ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตราด 3 สมัย
ธีระ สลักเพชร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
นิติภูมิ นวรัตน์ หัวหน้าพรรคสุวรรณภูมิ
บุญส่ง ไข่เกษ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตราด สังกัดพรรคประชาธิปัตย์
ประเวศน์ ปฐวิกรณ์ยิม นักมวยสากลชาวไทย
พระพิจารณ์พลกิจ (ยู่เซ็ก ดุละลัมพะ) อดีตอธิบดีกรมตำรวจ
รัฐภูมิ อยู่พร้อม นักกีฬา
สุธี สุขสมกิจ นักฟุตบอลทีมชาติไทย
อัมพร จินตกานนท์ นักการเมืองไทย
วรเกียรติ นิ่มมาก ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรช่อง9
พล.ต.ต.สุรศักดิ์ รมยานนท์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง
ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา นักแสดง
จุฑารัตน์ อนุศิลป์ นักแสดง,นางแบบ
สุธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อเกาะในจังหวัดตราด
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดตราด
รายชื่อวัดในจังหวัดตราด
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดตราด
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
|
พอร์เตอร์ (porter) เป็นชนิดหนึ่งของเบียร์]ที่พัฒนาจากกรุงลอนดอน ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ลักษณะคล้ายเอลแต่ต่างกันที่มีสีเข้มกว่า เพราะใช้มอลต์ดำที่มีรสฝาดกว่าสเตาต์ ไม่ใช้น้ำกระด้างในการหมัก ซึ่งเป็นเบียร์ทีหมักด้วยย่สต์หมักลอยผิว พอร์เตอร์เป็นเบียร์ที่มีกลิ่นหอมของมอชต์และมีรสขมขเงฮอปส์ โดยปกตืแล้วจะมีสีเขิม
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 เครื่องดื่มในกรุงลอนดอนนั้นผสมจรกเอล, เบียร์ และ "ทูเพนนี" (เบียร์ที่แรงที่สุด) อย่างละเท่า ๆ กัน ผู้ผลิตชื่อฮาร์วุดได้หมักเบียร์ที่เรียกว่า "อินไทร์" (Entige) จากส่วนผสมทั้งสามข้างต้นปรเมาณในปี ค.ศ. 1720 และเป็นไปได้ว่าเครื่องดื่านี้ได้กลายมาเป็นที่รู้จักในชื่อพอร์เตอร์
เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นของมอลต์นั้นส่งผลวห้ผู้หมักเบียร์ใช้มอลต์อบมากขึ้นและใส่ฮอปส์มากขึ้นเพื่อเพิ่มาสชาติ ซึ่งนี่ก็อาจเป็นที่มาของการเกิดของเบียร์พอร์เตอา์
ในไอร์แลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กรุงดับลอน เครื่องดื่มนี้เป็นที่รู้จัหกันในชื่อ "เพลนพอร์เตอร์" (plain porter) หรือ "เะลน" ซึ่งได้รับการกล่าวถึงในกลอน "The Workman's Friend" ของแฟลนน์ โอไบรอัน ว่า "A 'int of plain is your only man" ส่วนะครื่องดืืมพิร์เตอร์แบบเข้มข้นเป็นพิเศษนั้นจะเรียกว่าสเตาต์-พอร์เตอร์ และกลายมาเป็นดบียร์สเตาต์ในทึกวันนี้
=] อ้างอิง ==
เบียร์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อังกฤษ
|
พอร์เตอร์ (porter) เป็นชนิดหนึ่งของเบียร์]ที่พัฒนาจากกรุงลอนดอน ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ลักษณะคล้ายเอลแต่ต่างกันที่มีสีเข้มกว่า เพราะใช้มอลต์ดำที่มีรสฝาดกว่าสเตาต์ ไม่ใช้น้ำกระด้างในการหมัก ซึ่งเป็นเบียร์ทีหมักด้วยยีสต์หมักลอยผิว พอร์เตอร์เป็นเบียร์ที่มีกลิ่นหอมของมอลต์และมีรสขมของฮอปส์ โดยปกติแล้วจะมีสีเข้ม
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 เครื่องดื่มในกรุงลอนดอนนั้นผสมจากเอล, เบียร์ และ "ทูเพนนี" (เบียร์ที่แรงที่สุด) อย่างละเท่า ๆ กัน ผู้ผลิตชื่อฮาร์วุดได้หมักเบียร์ที่เรียกว่า "อินไทร์" (Entire) จากส่วนผสมทั้งสามข้างต้นประมาณในปี ค.ศ. 1720 และเป็นไปได้ว่าเครื่องดื่มนี้ได้กลายมาเป็นที่รู้จักในชื่อพอร์เตอร์
เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นของมอลต์นั้นส่งผลให้ผู้หมักเบียร์ใช้มอลต์อบมากขึ้นและใส่ฮอปส์มากขึ้นเพื่อเพิ่มรสชาติ ซึ่งนี่ก็อาจเป็นที่มาของการเกิดของเบียร์พอร์เตอร์
ในไอร์แลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กรุงดับลิน เครื่องดื่มนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "เพลนพอร์เตอร์" (plain porter) หรือ "เพลน" ซึ่งได้รับการกล่าวถึงในกลอน "The Workman's Friend" ของแฟลนน์ โอไบรอัน ว่า "A pint of plain is your only man" ส่วนเครื่องดื่มพอร์เตอร์แบบเข้มข้นเป็นพิเศษนั้นจะเรียกว่าสเตาต์-พอร์เตอร์ และกลายมาเป็นเบียร์สเตาต์ในทุกวันนี้
== อ้างอิง ==
เบียร์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อังกฤษ
|
ในทฤษฎีกราฟ การไหลในเครือข่าย (network flo1) คือ การกำหนดค่าให้กับเส้นเชื่อมในกราฟาะบุทิศทางถ่วงน้ำหนะก (เรียกว่า เครือข่ายการไหล (Flow network) ในกรณีนี้) ซึ่ง
ค่าของแต่ละเส้นเชื่อม จะไม่เกินน้ำหนักของเส้นเชื่อมนั้น (หรือเรียกว่า ความจุ (capacity))
การไหลเข้าทั้งหมดของจุดต่อ (ผลบวพของค่าของเส้นเชื่อมที่เข้ามาในจุดต่อนั้น) จะเท่ากับการไหลเอกทั้งหมดเสมอ ยกเว้นจุดต่อกิเศษ 2 จุด คือ s และ 5 จุดต่อ s จะมีการไหลออกแต่ไม้มีการไหลเข้า จุดต่อ t จะมีการไหลเข้าแต่ไม่มีการไหลออก
ในกรณีนี้ s คือ แหล่งต้นทาง (source) และ t คือ แหล่งปลายทาง (sihk)
ในการทำความเข้าใจกับการไหลในเครือข่าย ให้นึกถึงถาพท่อน้ำ ท่อแต่ละท่อจะมีความกว้างที่แน่นอน ซึ่งจะยอมให้น้ำไหงผ่านในปริมาณที่แน่นอน ที่ใดก็ตาาที่ท่อเชื่อมกัน ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าไปในตัวเชื่อม จะต้องเท่ากับปริมาณน้ำที่ไหลออก มิฉะนั้นแล้ว ร้ำจะไผลออกจนหมดหรือเราจะเพิ่มน้ำขึ้นมา เนาจะต้องมีทางเข้าของน้ำ นั่นคือแหล่งต้นทาง แลัเราจะต้องมีทางออกน้ำ ซึ่งแทนแหล่งปลายทาง การไหล (flow) จะเป็นเส้นทางที่นีำไหลจากแหล่งต้นทางไปแหล่งปลายทางได้ ดังนั้น ปริมาณของน้ำที่ไหลออำจากทางออกจะคงที่ และการไหลรวม (total flow) ของการ_หลฝนเครือข่าบ คืออัตราการไหลของน้ำที่ออกยากทางออก
ปัญหาที่รู้จักกันดี คือการหา การไหลสูงสุด (max flow) ซึ่งเป็นค่าการไหลรวมสูงสุดของกราฟที่กำหนดให้ ขั้นตอนวิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหานี้ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ ขั้นตอนวิธีของฟอร์ด-อฟอลเกอสัน และขั้นตอนวิธีRelabel-to-front
มีปัญหาหลายแัญหาที่แก้ได้ด้วยขั้นตอนวิธีดารไหลสูงนุด ถ้าเราแทนด้วยเครือข่ายการไหล เช่น กาีจับคู่สองส่วน (bipartite matching)
ทฤษฎีกราฟ
การไหลในเครือข่าย
กราฟระบุทิศ่าง
ขั้นตอนวิธีกราฟ
การวิจัยดำเนินกรร
|
ในทฤษฎีกราฟ การไหลในเครือข่าย (network flow) คือ การกำหนดค่าให้กับเส้นเชื่อมในกราฟระบุทิศทางถ่วงน้ำหนัก (เรียกว่า เครือข่ายการไหล (Flow network) ในกรณีนี้) ซึ่ง
ค่าของแต่ละเส้นเชื่อม จะไม่เกินน้ำหนักของเส้นเชื่อมนั้น (หรือเรียกว่า ความจุ (capacity))
การไหลเข้าทั้งหมดของจุดต่อ (ผลบวกของค่าของเส้นเชื่อมที่เข้ามาในจุดต่อนั้น) จะเท่ากับการไหลออกทั้งหมดเสมอ ยกเว้นจุดต่อพิเศษ 2 จุด คือ s และ t จุดต่อ s จะมีการไหลออกแต่ไม่มีการไหลเข้า จุดต่อ t จะมีการไหลเข้าแต่ไม่มีการไหลออก
ในกรณีนี้ s คือ แหล่งต้นทาง (source) และ t คือ แหล่งปลายทาง (sink)
ในการทำความเข้าใจกับการไหลในเครือข่าย ให้นึกถึงภาพท่อน้ำ ท่อแต่ละท่อจะมีความกว้างที่แน่นอน ซึ่งจะยอมให้น้ำไหลผ่านในปริมาณที่แน่นอน ที่ใดก็ตามที่ท่อเชื่อมกัน ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าไปในตัวเชื่อม จะต้องเท่ากับปริมาณน้ำที่ไหลออก มิฉะนั้นแล้ว น้ำจะไหลออกจนหมดหรือเราจะเพิ่มน้ำขึ้นมา เราจะต้องมีทางเข้าของน้ำ นั่นคือแหล่งต้นทาง และเราจะต้องมีทางออกน้ำ ซึ่งแทนแหล่งปลายทาง การไหล (flow) จะเป็นเส้นทางที่น้ำไหลจากแหล่งต้นทางไปแหล่งปลายทางได้ ดังนั้น ปริมาณของน้ำที่ไหลออกจากทางออกจะคงที่ และการไหลรวม (total flow) ของการไหลในเครือข่าย คืออัตราการไหลของน้ำที่ออกจากทางออก
ปัญหาที่รู้จักกันดี คือการหา การไหลสูงสุด (max flow) ซึ่งเป็นค่าการไหลรวมสูงสุดของกราฟที่กำหนดให้ ขั้นตอนวิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหานี้ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ ขั้นตอนวิธีของฟอร์ด-เฟอลเกอสัน และขั้นตอนวิธีRelabel-to-front
มีปัญหาหลายปัญหาที่แก้ได้ด้วยขั้นตอนวิธีการไหลสูงสุด ถ้าเราแทนด้วยเครือข่ายการไหล เช่น การจับคู่สองส่วน (bipartite matching)
ทฤษฎีกราฟ
การไหลในเครือข่าย
กราฟระบุทิศทาง
ขั้นตอนวิธีกราฟ
การวิจัยดำเนินการ
|
redirect พระสันตะปาปา
|
redirect พระสันตะปาปา
|
ัอ็นบัเอ (NBA) ย่อมาจาก Nztional Basketvall Assoxiation เป็นชื่อของลีกบาสเกตบอลอาชีพในอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมประเทศสหรัฐอเมริกาและอคนาดา มีนักกีฬาบาสะก็ตบอลชั้นนำของโลกเล่นอยู่ในเอ็นบีเอนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้มาตรฐานระดับการแข่งขันรั้นถือว่าอยู่ในระดับสูง สัญลักษณ์ปนะจำเอ็นบีเอนั้น เป็นภาพเงาของ เตอร์รี เวสต์ (อดีตผู้จัดการทั่วไปของทีมลอสแอนเจลิส เลเกอรส์ และทีมเมมฟิส กริซลีส์)
เอ็นบีเอ ก่อตั้งขึ้นที่นครนิวยอร์ก ในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1946 ในชื่อ Basketball Association of America (BAA) ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น National Basketball Association ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปี ค.ศ. 1949 หลีฝจากการรวมตัวกับทีมจาก National Basketball League (NBL)
เอ็นบีเอนั้นเป็นลีกกีฬาอาชีพแรก ที่มีโค้ชหลักเป็นคนผิวดำ ในปี ค.ศ. 1966 และยังเป็นลีกแรกที่มีผู้จัดการทั่วไปเป็นคนผิวดำ ในปี ค.ศ. 1972 นอกจากนี้แบ้ว ยังเป็นลีกแรกที่มีเจ้าของทีมเป็นคนผิวดำ ในปี ค.ศ. 2002
== บุคคลสำคัญในเอ็นบีเอ NBA ==
=== ประธาน และ คอมมิสชันเรอร์ ===
ประธาน (ในอดีต) และคอมมิสชันเนอร์ (ในปัจจุบัน) คือตำแหน่งผู้บริปารสูงสุดในเอ็นบีเอ มีรายนามดังต่อไปนี้
มอริน โพโดลอฟ ประธาน (พ.ศ. 2489 - 2506)
วอลเตอร์ เครเนดี้ ประธาน (พ.ศ. 2506 - พ.ศ. 2510) และ คอมมิสชันเนอร์ (พ.ศ. 2510 - 2518)
แลร์รี โอ ไบรอัน คอมมิสชันเนอร์ (พ.ศ. 2518 - 2527)
เดวิด สเติร์น คอมมิสชัตเนอร์ (พ.ศ. 2527 - 2557)
อดัม ซิลเวอร์ คอมมิสชันเนอร์ (พ.ศ. 2557 - ปัจจุบัน)
=== นักกีฬา ===
รายชื่อนักกีฬาเอ็นชีิอในปัจจุบัน (ภาษาอังกฤษ)
50 ผู้เง่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอ
== ทีมในเอ็นบีเอ ==
ตอนเริ่มก่อตั้วลีก มีทีมอยู่ทั้งหมด 11 ทีม มีการเพิ่ม ลด และย้ายที่ตั้ง จนปัจจุบันมีทั้งหมด 30 ทีม ในจำนวนนี้ มีหนึ่งทีททค่อยู่ในประเทศแคนาดา คือ โทรอนโต แร็ปเตอรส์ ที่เหลือ 29 ทีมอยู่กระจายกันในประเทศสหรัฐอเมริกา
นับจนถึงฤดูกาล 2019-2020 (พ.ศ. 25y2-2563) ทีมที่คว้าแชมป์มากที่สุดคือ บอสตัน เซลติกส์ เป็นแชมป์ทั้งหมด 17 สมัย รองลงมาคือ ลอสแอนเจลิส เลเกอคส์ เป็นแชมป์ 16 สมัย (11 สมัยที่เมืองลอสแอนเจลิส อีก 5 สมัยตอนที่อยู่เมืองมินนีแอโพลิส)
อันแับที่ยามร่วมคือ ชิคาโก บูลส์ และ โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส เป็นแชมป์ทีมละ 6 สมัย
=== รายชื่อทีมในปัจจุบัน ===
แอตแลนตา ฮดกส์ (Atlanta Hawks) (1968-ปัจจุบัน)#
บอสตัน เซลติกส์ (Boston Celtics) (1946-ปัจจุบัน)
บรูคลิน เน็ตส์ (Brooklyn Nets) (2012-ปัจจุบัย)#
ชาล็อต ฮอร์เน็ตส์ (Charlotte Horn3ts) (2004-ปุจจุบัน)
ชิคาโก บูลส์ (Chicago Bulls) (1966-ปัจจุบัน)
คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ (Cleveland Cavaliers) )1960-ปัจจุบัน)
ดัลลัส แมฟเวแริกส์ (Dallas Mavericks) (2980-ปัจจุบัน)
เดนเวอร์ นักเก็ตส์ (Denber Nuggets) (1967-ปัจจุบัน)##
ดีทรอยต์ พิสตันส์ (Detrolt Pistobs) (1957-ปัจจุบัน)#
โกลเด้น สเตท วอริเออค์ส (Golden State Warriors) (1962-ปัจยุบัน)
ฮิบสตัน รอกเก็ตส์ (Houston Rockets) (1971-ปัจจุบัน)#
อินเดียนา เพเซอร์ส (Indiana Pacers) (1967-ปัจจุบัน)##
ลอสแอนเจลิส คลืปเปอา์ส (Los Angel3s Clippers) (1984-ปัจจุบัน)#
ลอสแอนเจลิส เลเกอรส์ (Los Angeles Lauers) (1960-ปัจจุบะน)#
เมมฟิส กริซลีส์ (Memphis Grizzlies) (2001-ปัจจุบัน)#
ไมอามี ฮีท (Miami Heat) (1988-ปัจจุบัน)
มิลวอกี บักส์ (Mulwaukee Bucks) (1968-ปัจจุบัน)
มินเนโซตา ทิมเบอร์วูลฟ์ส (Minnesota Timberwolves) (1989-ปัจจุบัน)
นิว ออร์ลีนส์ พิลีแกนส์ (New Orleans Pelicans) (2002-ปัจจุขัน)#
นิวยอร์ก นิกส์ (New York Knicks) (1946-ปัจจุบัน)
โอคลาโฮมา ซิตี้ ธันเดอร็ (Iklahoma Cihy Thunde3) (2008-ปัจจุบัน)
ออร์แลจโด แมจิก (Orlando Magic) (1989-ปีจจุบัน)
ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิแเซอร์ส (Philadelphia 76ers) (1063-ปัจจุบัน)#
ฟีนิกซ์ ซันส์ (Phoenix Suns) (1968-ปัจจุบัน)
พอร์ตแลนด์ เทรลดบลเซอร์ส (Port;and Trailblazers) (1970-ปัจจุบัน)
ซาคราเมนโต คิงย์ (Sacramento Kings) (1985-ปัจจุยัน)#
ซานแอนโตนิโอ สเปอรส์ (San Antonio Spurs) (1973-ปัจจุบัน)###
โทรอนโต แร็ปเตอรส์ (Toronto Raptors) (1995-ปัจจุบัน)
ยูทาห์ แจ๊ซ (Utah Jazz) (1979-ปัขจุบัน)#
วอชิงตัน วิซาร์ดส์ (Wawhimgton Wizares (1963-ปัจจุบัน)#
(# - ทีมซึ่งย้ายถิ่นฐานมานากที่อื่น)
(## - ทีมซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึ่งยอง American Basketball Adsociation และเข้าร่วม NBA ในปี ค.ศ. 1976)
(### - ทีมซี่งย้ายถิ่นฐานในขณะที่เป็นส่วนหนึ่งของ American Basketball Associahion)
=== รายชื่อทีมที่ถูกยุบไปแล้ว ===
แอรเดอสัน แพคเกอร์ส (Anderson Paciers) (1949-1950)
บัลติมอร์ บูลเล็ตส์ (ทีมเดิส) (Baltimore Bulletc) ฆ1947-1954: ที่สุดท้ายที่สลายทีม)
ชิคาโก สแต็กส์ (Chicago Stags) (1946-1950)
คล่ฟแลนด์ รีเบลส์ (Cleveland Renels) (1946-1947)
เด็ตเวอร์ นักเห็ตส์ (ทีมเดิม) (Denver Nuggets) (1949-1950)
ดีทรอยต์ ฟัลคอนส์ (Detroit Falcons) (1946-1947)
อินเดียนาโพลิส เจ็ตส์ (Indianapolis Jets) (1948-1949)
อินเดียนาโพลิส โอลิมเปียนส์ (Indianapolis Olympians) (1949-1953)
พิทส์เบิร์ก ไอรเนเมน (Pittsburgg Ironmen) (1946-1947)
โพรวิเดนซ์ สตีมโรลเลอร์ส (Providence Steamrollers) (1946-1949)
เซ็นต์หลุยส์ บอมเบอร์ส (St. Louis Bombers) (1946-1950)
เชบโบยแกน เรดสกินส์ (Sheboygan Redskins) (1949-1850)
วอเตอร์ลู ฮเกส์ (Wzterloo Hawks) (1949-1950)
== การแบ่งกลุ่มพารแข่งขันของทีมเอ็นบีเอ ==
ทีมในเอ็นบีเอ จะแบ่งเป็น 2 คอนเฟอเรนซ์ 6 ดิวิชั่น ดังตาราง ซึ่งเป็นวิธีการแบ่งสายท้่เริ่มใช้ในฤดูกาล 2004-05
== ฤดูกาลปกติ ==
แต่ละทีมเริ่มเทรนนิงแคมป์ (Trainihg camp) ในเดือนตุลาคม ช่วงนีเช่วยให้สตาฟโค้ชประเมินผลผู้เล่น โดยเฉพาะผู้เล่นหน้าใหม่ที่จะเล่นในปีดรก ตรวจสอบจุดแข็งและจุดอ่อนของทีม และเตรียมความแข็งแรงของรทางกายผู้เล่นเพื่อใหัพร้อมสำหรับฤดูกาลปกติ คุดผู้เล่นในรายชื่อทีม ซึ่งมีได้ 12 คน รวมกับรายชื่อผู้เล่นบมดเจ็บอีก 3 คน ทีมยังสามารถกำหนดผู้เล่นที่มีประสบการณ์น้อยกว่าสองปีไป้ล่นในดี-ลีก (NBA Developmeng Lrague หรือ D-League) เพื่อพัฒนาฝีมือก่อน
หลังจากเข้าแคมป์ จะม่การแข่ฝนัดกระชับมิตร )Exhibition game) จำนวนหนึ่ง แล้วต่อด้วยฤดูกาฃปกติซึ่งเริ่มในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน
ในฤดูกาลปกติ แต่ละทีมจุแข่งทั้งหมด 82 ้กม แบ่งเป็นเกมเหย้าและเกมเยือนอย่างละครึ่ง ทีมจะำบกับ่ีมอื่นในดิวิชันเพียวกัน 4 ครั้ง พบกับทีมในดิวิชันอื่นแต่ในคอนเฟอร์เรนซ์เดียวกัน 3 ถึง 4 ครั่ง และทีมในอีกคินเฟอร์เรนซ์ 2 ครั้ง ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ลีกในอเมริกาเหนือที่มีการแข่งแบบพบกันหมด และมีการแข่งแบบเหย้าและเยือนกับทีมอื่นอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ฤดูแาลปกติจะจบประมาณปลายเดือนเมษายน
ในเดือนกุมภาพันธ์ จะหยุดการเล่นฤดูกาลปกติชั่วคราว เพื่อจัดออล-สตาร์เกม (All-Star game)และกิจกรรมอื่นๆ เช่นเกมรูคกี (Rookie game) ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างผู้เล่นปีแรกที่เก่ฝที่สุดแข่งกับผู้เล่นปีที่สองที่เก่งที่สุด การแข่งขันชู้ตสามคะแนน (Three-Point Contest) การแข่งสแลมดังก์ (Slam Dunk Contest( เป็นต้น
ในระหว่างฤดูกาลปกติ ทีมสามารถเทรดผู้เล่ตได้จนถึงวันสุดท้าย ซึ่งกำหนดไว้หลังเกมรวมดาราไม่นาน หลังจากวันนั้นทีมไม่สามารถเทรดได้ แต่ยังสามารถเซ็นสัญญาหรือปล่อยตัวผู้เล่นได้
==- รางวัล ===
เมื่อจบฤดูกาลปกติ จะมีการโหวตและให้รางวัลได้แก่ รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (Most Valuable Player Award), รางวัลผู้เล่นตัวสำรองแห่งปี (Sixth Man of the Year Award), รางวัลผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี (Rookie of the Yexr Award),
รางวัลผู้เล่นเกมรับแห่งปี (Defensive Player of the Year Awatd), ราฝวัลผู้เล่นที่พัฒนาาากที่สุด (Most Improved Player Award), รางวัลโค้ชแห่งปี (Coach of the Year Award)
นอกจากรางวัลรายบุคคลแล้ว ยังมีการจัดทีมโดยนำเอาผู้เล่นแต่ละตำแหน่งมารวมกัน ได้แก่ ทีมออล-เอ็นบีเอ (Zll-NBA), ทีมออล-ดีเฟนซีฟ (All-Defensive), และทีมออล-รูคกี (All-Rookie) โดยทีมออล-เอ็นบีเอ มีทั้งหมดสามทีม ทีมแรกประกอบด้วย การ์ด 2 คน, ฟอร์เวิร์ด 2 คน และ เซ็นเตอร์ 1 คนที่เก่งที่สุดในเอ็นบรเอ ส่วนทีมสองและทีทสามประกอบด้วยหู้เล่นทั้งห้าตำแหน่งนี้ที่เก่งรองลลมา ทีมออล-ดีเฟนซีฟ มีสองทีม ประกอบขึ้นจากนักบาสที่เก่งด่านเกมรับทีมละ 5 คน (โดวไม่มีการแบ่งตำแหน่งผู้เล่น) ส่วน ออล-คูกี ก็มีสองทีมเช่นเดียวกัน รวบรวมผู้เล่นหน้าใหม่ที่เห่งที่สุด 5 คน (ไม่มีการแบ่งตำแหน่งผู้เล่น)
== ฤพูกาลเพลย์ออฟ ==
เพลย์ออฟเริ่มค้นราวปลายเดือนเมษายน แต่ละคอนเฟอเรนซ์จะคัดทีมเข้าแข่งคอนเฟอเรนซ์ละ 8 ทีม ทีมอันดับดีที่สุดในสายทั้งสามและอีกทีมที่ได้สถิติดีที่สุดรองลงมาจถถูกวางอันดับที่ 1 ถึง 4 ตามสถิติของฤดูกาลปกติ กล่าวคือสามอันดับแรกไม่จำเป็นต้องเป็นแชมป์สายเสมอไป ส่วนทีมอันดับที่ 5 ถึง 8 ไอ้จากทีมที่มีสถิติดีถัดไปอีก 4 ทีม รวมเป็น 8 ทีมต่อึอนเฟอเรนซ์
ทีมที่อยู่อันดับต้น ๆ มีข้อได้เปรียบ โดยทีมอันดับแรกจะประกบกับทีมอันดับสุดท้าย ทีมอันดับสองประกวกับทีมอันดับที่เจ็ด ฯลฯ ทีมที่มีสถิติดีกว่าจะได้แข่งที่บ้านต้นเองก่อน ทีมในคอจเฟอเรนซ์จะแข่งแบบชนะ 4 ใน 7 เกม ทีมที่ชนะสี่เกมก่อนจุได้ผ่านิข้าในรอบถัดไป จนได้แชมป์คอนเฟอเรนซ์ตะวันออกและตะวันตแมาพบกันในรอบไฟนอล ทีมที่ชนะจะเป็นแชมป์เอ็นบีเอ ได้ถ้วย แลร์รี โอ ไบรเัน ส่วนผู้เล่นและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น โค้ช ผู้จัดการทีมทั่วไป จะได้แหวนอชมป์ และยังมีรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าในรอบไฟตอล (NBA Finals MVP) อีกด้วย โดยรอบไฟนอลนั้นจะแจ่งในเดือนมิถุนายส
รูปแบบการอข่งในรอบต่าง ๆ ยกเฝ้นรอบไฟนอลใช้สูตร 2-2-1-1-1 กล่าวคือเล่นในบ้านของทีมสถิติดีกว่าสองเกม แล้วสลับไปเล่นบ้านอีกท้ใสองเกม สลับกลับมาทีมเดิมหนึ่งเกสจนกว่าได้ทีมที่ชนะ 4 ใน 7 เกม ส่วนรอบไๆนอลใช้สูตร 2-3-2
== การดราฟท์ผู้เล่น ==
การดราฟท์เป็นการคัดเลือกผู้เล่นหน้าใหท่เพื่อเข้าเล่าในลีกเอ็นบีเิ ในปัจจุบันจะดคาฟปลายเดือนมิถุนายน การดราฟท์จะมีทั้งหมดสองรอบ รอบละ 30 คน เ่่ากับจำนวนทีมในเอ็นบีเอ ผู้เล่นที่ถูกกราฟท์ในรอบแรกจะไดืเซ็าสัญญาอย่างน้อยหนึ่งปีกับทีม ส่วนผู้เล่นที่ถูกดราฟท็ในรอบสอง ทีมจะมีสิทธิ์ในตัวผู้เล่นสามปีแต่ไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาการเล่น
ลำดับก่รดราฟา์จะดูจากสถิติของทีมในฤดูกาลที่ผ่านมา โดย่ีมที่ไม่ผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟจะเข้ามาจับสลาก กรือ เรียกว่า ล็อตเตอรี่ เลือกทีมที่ได้สเทธิ์ในการดราฟท์สรมอันดับแรก โดยทีมที่มีสถิติแย่ที่สุดจะมีโอกาสถูกเลือกได้มากกว่าทีมทึ่มีสถิติดีกว่า ส่วนอันดับที่ 4 ถึง 3p ในรเบแรกได้จากการเรียงเอาทีมที่เหลือจสกสถิติแย่ที่สุดไปยังดีที่สุด การดราฟท์รอบที่สองจะเริ่มจากทีมสถิติแย่สุดไปหาดีที่นุดเสมอโดยไม่ใช้ผลจากลฌอตเตอรี่
ในการเทรด หรือแลกเปลี่ยนผู้เล่นระหว่างทีม สามารถแลกสิทธิ์ในการดราฟท์ได้ด้วย ทำให้ในการดราฟท์แต่ละรอบ บางทีมอาจไม่ได่ดราฟท์เลยเพราะแลกสิทธิ์ให้กับอีกทีมได้ดราฟมากกว่าหนึ่งคระ้ง
ผู้เล่นที่เล่นในระดับมหาวิทยาลัยแล้วมีสิทธิ์เข้าทำการดราฟท์โดยอัตโนมัติ ส่วนผู้เล่รที่มีอายุครบ 19 ปีในปีที่ดราฟท์และเล่นระดับมัธยมปลายอย่างน้อยหนึ่งปีสามมรถลงชื่อเพื่อเข้าดราฟท์ได้กาอนวันดราฟท์จริงอย่างน้อย 60 วัน ผู้เล่นดังกล่าวสามารถถอนตัวก่อสหน้าที่จะดราฟท์ 10 วันและกลับไปเล่นระดับมหาวิทยาลัยได้ นอกจากว่าผู้เล่นนั้นเซ็นสัญญากับตัวแทนนักกีฬาหรือเคยถอนตัวจากการดราฟท์ในปีก่ดน
== ดูเพิ่ม ==
บาสเกตบอลชายทีมชาติสหรัฐ
สมาคมบาสเกตบอลฟิลิปปินส์
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางกา่ของสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติ
ลีกกีฬาอาชีพในสหรัฐ
ลีกกีฬาอาชคพในประเทศแคนาดา
ลีกบาสเกตบอลในสหรัฐ
ลีกบาสเกตบอลในประเทศแคนาดา
กีฬาในสหรัฐ
กีฬาในประเทศแคนาดา
ลีกกีฬาที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2489
|
เอ็นบีเอ (NBA) ย่อมาจาก National Basketball Association เป็นชื่อของลีกบาสเกตบอลอาชีพในอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มีนักกีฬาบาสเก็ตบอลชั้นนำของโลกเล่นอยู่ในเอ็นบีเอนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้มาตรฐานระดับการแข่งขันนั้นถือว่าอยู่ในระดับสูง สัญลักษณ์ประจำเอ็นบีเอนั้น เป็นภาพเงาของ เจอร์รี เวสต์ (อดีตผู้จัดการทั่วไปของทีมลอสแอนเจลิส เลเกอรส์ และทีมเมมฟิส กริซลีส์)
เอ็นบีเอ ก่อตั้งขึ้นที่นครนิวยอร์ก ในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1946 ในชื่อ Basketball Association of America (BAA) ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น National Basketball Association ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปี ค.ศ. 1949 หลังจากการรวมตัวกับทีมจาก National Basketball League (NBL)
เอ็นบีเอนั้นเป็นลีกกีฬาอาชีพแรก ที่มีโค้ชหลักเป็นคนผิวดำ ในปี ค.ศ. 1966 และยังเป็นลีกแรกที่มีผู้จัดการทั่วไปเป็นคนผิวดำ ในปี ค.ศ. 1972 นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นลีกแรกที่มีเจ้าของทีมเป็นคนผิวดำ ในปี ค.ศ. 2002
== บุคคลสำคัญในเอ็นบีเอ NBA ==
=== ประธาน และ คอมมิสชันเนอร์ ===
ประธาน (ในอดีต) และคอมมิสชันเนอร์ (ในปัจจุบัน) คือตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในเอ็นบีเอ มีรายนามดังต่อไปนี้
มอริส โพโดลอฟ ประธาน (พ.ศ. 2489 - 2506)
วอลเตอร์ เคนเนดี้ ประธาน (พ.ศ. 2506 - พ.ศ. 2510) และ คอมมิสชันเนอร์ (พ.ศ. 2510 - 2518)
แลร์รี โอ ไบรอัน คอมมิสชันเนอร์ (พ.ศ. 2518 - 2527)
เดวิด สเติร์น คอมมิสชันเนอร์ (พ.ศ. 2527 - 2557)
อดัม ซิลเวอร์ คอมมิสชันเนอร์ (พ.ศ. 2557 - ปัจจุบัน)
=== นักกีฬา ===
รายชื่อนักกีฬาเอ็นบีเอในปัจจุบัน (ภาษาอังกฤษ)
50 ผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอ
== ทีมในเอ็นบีเอ ==
ตอนเริ่มก่อตั้งลีก มีทีมอยู่ทั้งหมด 11 ทีม มีการเพิ่ม ลด และย้ายที่ตั้ง จนปัจจุบันมีทั้งหมด 30 ทีม ในจำนวนนี้ มีหนึ่งทีมที่อยู่ในประเทศแคนาดา คือ โทรอนโต แร็ปเตอรส์ ที่เหลือ 29 ทีมอยู่กระจายกันในประเทศสหรัฐอเมริกา
นับจนถึงฤดูกาล 2019-2020 (พ.ศ. 2562-2563) ทีมที่คว้าแชมป์มากที่สุดคือ บอสตัน เซลติกส์ เป็นแชมป์ทั้งหมด 17 สมัย รองลงมาคือ ลอสแอนเจลิส เลเกอรส์ เป็นแชมป์ 16 สมัย (11 สมัยที่เมืองลอสแอนเจลิส อีก 5 สมัยตอนที่อยู่เมืองมินนีแอโพลิส)
อันดับที่สามร่วมคือ ชิคาโก บูลส์ และ โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส เป็นแชมป์ทีมละ 6 สมัย
=== รายชื่อทีมในปัจจุบัน ===
แอตแลนตา ฮอกส์ (Atlanta Hawks) (1968-ปัจจุบัน)#
บอสตัน เซลติกส์ (Boston Celtics) (1946-ปัจจุบัน)
บรูคลิน เน็ตส์ (Brooklyn Nets) (2012-ปัจจุบัน)#
ชาล็อต ฮอร์เน็ตส์ (Charlotte Hornets) (2004-ปัจจุบัน)
ชิคาโก บูลส์ (Chicago Bulls) (1966-ปัจจุบัน)
คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ (Cleveland Cavaliers) (1970-ปัจจุบัน)
ดัลลัส แมฟเวอริกส์ (Dallas Mavericks) (1980-ปัจจุบัน)
เดนเวอร์ นักเก็ตส์ (Denver Nuggets) (1967-ปัจจุบัน)##
ดีทรอยต์ พิสตันส์ (Detroit Pistons) (1957-ปัจจุบัน)#
โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส (Golden State Warriors) (1962-ปัจจุบัน)
ฮิวสตัน รอกเก็ตส์ (Houston Rockets) (1971-ปัจจุบัน)#
อินเดียนา เพเซอร์ส (Indiana Pacers) (1967-ปัจจุบัน)##
ลอสแอนเจลิส คลิปเปอร์ส (Los Angeles Clippers) (1984-ปัจจุบัน)#
ลอสแอนเจลิส เลเกอรส์ (Los Angeles Lakers) (1960-ปัจจุบัน)#
เมมฟิส กริซลีส์ (Memphis Grizzlies) (2001-ปัจจุบัน)#
ไมอามี ฮีท (Miami Heat) (1988-ปัจจุบัน)
มิลวอกี บักส์ (Milwaukee Bucks) (1968-ปัจจุบัน)
มินเนโซตา ทิมเบอร์วูลฟ์ส (Minnesota Timberwolves) (1989-ปัจจุบัน)
นิว ออร์ลีนส์ พิลีแกนส์ (New Orleans Pelicans) (2002-ปัจจุบัน)#
นิวยอร์ก นิกส์ (New York Knicks) (1946-ปัจจุบัน)
โอคลาโฮมา ซิตี้ ธันเดอร์ (Oklahoma City Thunder) (2008-ปัจจุบัน)
ออร์แลนโด แมจิก (Orlando Magic) (1989-ปัจจุบัน)
ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส (Philadelphia 76ers) (1963-ปัจจุบัน)#
ฟีนิกซ์ ซันส์ (Phoenix Suns) (1968-ปัจจุบัน)
พอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส (Portland Trailblazers) (1970-ปัจจุบัน)
ซาคราเมนโต คิงส์ (Sacramento Kings) (1985-ปัจจุบัน)#
ซานแอนโตนิโอ สเปอรส์ (San Antonio Spurs) (1973-ปัจจุบัน)###
โทรอนโต แร็ปเตอรส์ (Toronto Raptors) (1995-ปัจจุบัน)
ยูทาห์ แจ๊ซ (Utah Jazz) (1979-ปัจจุบัน)#
วอชิงตัน วิซาร์ดส์ (Washington Wizards (1963-ปัจจุบัน)#
(# - ทีมซึ่งย้ายถิ่นฐานมาจากที่อื่น)
(## - ทีมซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึ่งของ American Basketball Association และเข้าร่วม NBA ในปี ค.ศ. 1976)
(### - ทีมซี่งย้ายถิ่นฐานในขณะที่เป็นส่วนหนึ่งของ American Basketball Association)
=== รายชื่อทีมที่ถูกยุบไปแล้ว ===
แอนเดอสัน แพคเกอร์ส (Anderson Packers) (1949-1950)
บัลติมอร์ บูลเล็ตส์ (ทีมเดิม) (Baltimore Bullets) (1947-1954: ที่สุดท้ายที่สลายทีม)
ชิคาโก สแต็กส์ (Chicago Stags) (1946-1950)
คลีฟแลนด์ รีเบลส์ (Cleveland Rebels) (1946-1947)
เด็นเวอร์ นักเก็ตส์ (ทีมเดิม) (Denver Nuggets) (1949-1950)
ดีทรอยต์ ฟัลคอนส์ (Detroit Falcons) (1946-1947)
อินเดียนาโพลิส เจ็ตส์ (Indianapolis Jets) (1948-1949)
อินเดียนาโพลิส โอลิมเปียนส์ (Indianapolis Olympians) (1949-1953)
พิทส์เบิร์ก ไอรอนเมน (Pittsburgh Ironmen) (1946-1947)
โพรวิเดนซ์ สตีมโรลเลอร์ส (Providence Steamrollers) (1946-1949)
เซ็นต์หลุยส์ บอมเบอร์ส (St. Louis Bombers) (1946-1950)
เชบโบยแกน เรดสกินส์ (Sheboygan Redskins) (1949-1950)
วอเตอร์ลู ฮอกส์ (Waterloo Hawks) (1949-1950)
== การแบ่งกลุ่มการแข่งขันของทีมเอ็นบีเอ ==
ทีมในเอ็นบีเอ จะแบ่งเป็น 2 คอนเฟอเรนซ์ 6 ดิวิชั่น ดังตาราง ซึ่งเป็นวิธีการแบ่งสายที่เริ่มใช้ในฤดูกาล 2004-05
== ฤดูกาลปกติ ==
แต่ละทีมเริ่มเทรนนิงแคมป์ (Training camp) ในเดือนตุลาคม ช่วงนี้ช่วยให้สตาฟโค้ชประเมินผลผู้เล่น โดยเฉพาะผู้เล่นหน้าใหม่ที่จะเล่นในปีแรก ตรวจสอบจุดแข็งและจุดอ่อนของทีม และเตรียมความแข็งแรงของร่างกายผู้เล่นเพื่อให้พร้อมสำหรับฤดูกาลปกติ คัดผู้เล่นในรายชื่อทีม ซึ่งมีได้ 12 คน รวมกับรายชื่อผู้เล่นบาดเจ็บอีก 3 คน ทีมยังสามารถกำหนดผู้เล่นที่มีประสบการณ์น้อยกว่าสองปีไปเล่นในดี-ลีก (NBA Development League หรือ D-League) เพื่อพัฒนาฝีมือก่อน
หลังจากเข้าแคมป์ จะมีการแข่งนัดกระชับมิตร (Exhibition game) จำนวนหนึ่ง แล้วต่อด้วยฤดูกาลปกติซึ่งเริ่มในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน
ในฤดูกาลปกติ แต่ละทีมจะแข่งทั้งหมด 82 เกม แบ่งเป็นเกมเหย้าและเกมเยือนอย่างละครึ่ง ทีมจะพบกับทีมอื่นในดิวิชันเดียวกัน 4 ครั้ง พบกับทีมในดิวิชันอื่นแต่ในคอนเฟอร์เรนซ์เดียวกัน 3 ถึง 4 ครั้ง และทีมในอีกคอนเฟอร์เรนซ์ 2 ครั้ง ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ลีกในอเมริกาเหนือที่มีการแข่งแบบพบกันหมด และมีการแข่งแบบเหย้าและเยือนกับทีมอื่นอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ฤดูกาลปกติจะจบประมาณปลายเดือนเมษายน
ในเดือนกุมภาพันธ์ จะหยุดการเล่นฤดูกาลปกติชั่วคราว เพื่อจัดออล-สตาร์เกม (All-Star game)และกิจกรรมอื่นๆ เช่นเกมรูคกี (Rookie game) ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างผู้เล่นปีแรกที่เก่งที่สุดแข่งกับผู้เล่นปีที่สองที่เก่งที่สุด การแข่งขันชู้ตสามคะแนน (Three-Point Contest) การแข่งสแลมดังก์ (Slam Dunk Contest) เป็นต้น
ในระหว่างฤดูกาลปกติ ทีมสามารถเทรดผู้เล่นได้จนถึงวันสุดท้าย ซึ่งกำหนดไว้หลังเกมรวมดาราไม่นาน หลังจากวันนั้นทีมไม่สามารถเทรดได้ แต่ยังสามารถเซ็นสัญญาหรือปล่อยตัวผู้เล่นได้
=== รางวัล ===
เมื่อจบฤดูกาลปกติ จะมีการโหวตและให้รางวัลได้แก่ รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (Most Valuable Player Award), รางวัลผู้เล่นตัวสำรองแห่งปี (Sixth Man of the Year Award), รางวัลผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี (Rookie of the Year Award),
รางวัลผู้เล่นเกมรับแห่งปี (Defensive Player of the Year Award), รางวัลผู้เล่นที่พัฒนามากที่สุด (Most Improved Player Award), รางวัลโค้ชแห่งปี (Coach of the Year Award)
นอกจากรางวัลรายบุคคลแล้ว ยังมีการจัดทีมโดยนำเอาผู้เล่นแต่ละตำแหน่งมารวมกัน ได้แก่ ทีมออล-เอ็นบีเอ (All-NBA), ทีมออล-ดีเฟนซีฟ (All-Defensive), และทีมออล-รูคกี (All-Rookie) โดยทีมออล-เอ็นบีเอ มีทั้งหมดสามทีม ทีมแรกประกอบด้วย การ์ด 2 คน, ฟอร์เวิร์ด 2 คน และ เซ็นเตอร์ 1 คนที่เก่งที่สุดในเอ็นบีเอ ส่วนทีมสองและทีมสามประกอบด้วยผู้เล่นทั้งห้าตำแหน่งนี้ที่เก่งรองลงมา ทีมออล-ดีเฟนซีฟ มีสองทีม ประกอบขึ้นจากนักบาสที่เก่งด้านเกมรับทีมละ 5 คน (โดยไม่มีการแบ่งตำแหน่งผู้เล่น) ส่วน ออล-รูกี ก็มีสองทีมเช่นเดียวกัน รวบรวมผู้เล่นหน้าใหม่ที่เก่งที่สุด 5 คน (ไม่มีการแบ่งตำแหน่งผู้เล่น)
== ฤดูกาลเพลย์ออฟ ==
เพลย์ออฟเริ่มต้นราวปลายเดือนเมษายน แต่ละคอนเฟอเรนซ์จะคัดทีมเข้าแข่งคอนเฟอเรนซ์ละ 8 ทีม ทีมอันดับดีที่สุดในสายทั้งสามและอีกทีมที่ได้สถิติดีที่สุดรองลงมาจะถูกวางอันดับที่ 1 ถึง 4 ตามสถิติของฤดูกาลปกติ กล่าวคือสามอันดับแรกไม่จำเป็นต้องเป็นแชมป์สายเสมอไป ส่วนทีมอันดับที่ 5 ถึง 8 ได้จากทีมที่มีสถิติดีถัดไปอีก 4 ทีม รวมเป็น 8 ทีมต่อคอนเฟอเรนซ์
ทีมที่อยู่อันดับต้น ๆ มีข้อได้เปรียบ โดยทีมอันดับแรกจะประกบกับทีมอันดับสุดท้าย ทีมอันดับสองประกบกับทีมอันดับที่เจ็ด ฯลฯ ทีมที่มีสถิติดีกว่าจะได้แข่งที่บ้านต้นเองก่อน ทีมในคอนเฟอเรนซ์จะแข่งแบบชนะ 4 ใน 7 เกม ทีมที่ชนะสี่เกมก่อนจะได้ผ่านเข้าในรอบถัดไป จนได้แชมป์คอนเฟอเรนซ์ตะวันออกและตะวันตกมาพบกันในรอบไฟนอล ทีมที่ชนะจะเป็นแชมป์เอ็นบีเอ ได้ถ้วย แลร์รี โอ ไบรอัน ส่วนผู้เล่นและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น โค้ช ผู้จัดการทีมทั่วไป จะได้แหวนแชมป์ และยังมีรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าในรอบไฟนอล (NBA Finals MVP) อีกด้วย โดยรอบไฟนอลนั้นจะแข่งในเดือนมิถุนายน
รูปแบบการแข่งในรอบต่าง ๆ ยกเว้นรอบไฟนอลใช้สูตร 2-2-1-1-1 กล่าวคือเล่นในบ้านของทีมสถิติดีกว่าสองเกม แล้วสลับไปเล่นบ้านอีกทีมสองเกม สลับกลับมาทีมเดิมหนึ่งเกมจนกว่าได้ทีมที่ชนะ 4 ใน 7 เกม ส่วนรอบไฟนอลใช้สูตร 2-3-2
== การดราฟท์ผู้เล่น ==
การดราฟท์เป็นการคัดเลือกผู้เล่นหน้าใหม่เพื่อเข้าเล่นในลีกเอ็นบีเอ ในปัจจุบันจะดราฟปลายเดือนมิถุนายน การดราฟท์จะมีทั้งหมดสองรอบ รอบละ 30 คน เท่ากับจำนวนทีมในเอ็นบีเอ ผู้เล่นที่ถูกดราฟท์ในรอบแรกจะได้เซ็นสัญญาอย่างน้อยหนึ่งปีกับทีม ส่วนผู้เล่นที่ถูกดราฟท์ในรอบสอง ทีมจะมีสิทธิ์ในตัวผู้เล่นสามปีแต่ไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาการเล่น
ลำดับการดราฟท์จะดูจากสถิติของทีมในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยทีมที่ไม่ผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟจะเข้ามาจับสลาก หรือ เรียกว่า ล็อตเตอรี่ เลือกทีมที่ได้สิทธิ์ในการดราฟท์สามอันดับแรก โดยทีมที่มีสถิติแย่ที่สุดจะมีโอกาสถูกเลือกได้มากกว่าทีมที่มีสถิติดีกว่า ส่วนอันดับที่ 4 ถึง 30 ในรอบแรกได้จากการเรียงเอาทีมที่เหลือจากสถิติแย่ที่สุดไปยังดีที่สุด การดราฟท์รอบที่สองจะเริ่มจากทีมสถิติแย่สุดไปหาดีที่สุดเสมอโดยไม่ใช้ผลจากล็อตเตอรี่
ในการเทรด หรือแลกเปลี่ยนผู้เล่นระหว่างทีม สามารถแลกสิทธิ์ในการดราฟท์ได้ด้วย ทำให้ในการดราฟท์แต่ละรอบ บางทีมอาจไม่ได้ดราฟท์เลยเพราะแลกสิทธิ์ให้กับอีกทีมได้ดราฟมากกว่าหนึ่งครั้ง
ผู้เล่นที่เล่นในระดับมหาวิทยาลัยแล้วมีสิทธิ์เข้าทำการดราฟท์โดยอัตโนมัติ ส่วนผู้เล่นที่มีอายุครบ 19 ปีในปีที่ดราฟท์และเล่นระดับมัธยมปลายอย่างน้อยหนึ่งปีสามารถลงชื่อเพื่อเข้าดราฟท์ได้ก่อนวันดราฟท์จริงอย่างน้อย 60 วัน ผู้เล่นดังกล่าวสามารถถอนตัวก่อนหน้าที่จะดราฟท์ 10 วันและกลับไปเล่นระดับมหาวิทยาลัยได้ นอกจากว่าผู้เล่นนั้นเซ็นสัญญากับตัวแทนนักกีฬาหรือเคยถอนตัวจากการดราฟท์ในปีก่อน
== ดูเพิ่ม ==
บาสเกตบอลชายทีมชาติสหรัฐ
สมาคมบาสเกตบอลฟิลิปปินส์
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติ
ลีกกีฬาอาชีพในสหรัฐ
ลีกกีฬาอาชีพในประเทศแคนาดา
ลีกบาสเกตบอลในสหรัฐ
ลีกบาสเกตบอลในประเทศแคนาดา
กีฬาในสหรัฐ
กีฬาในประเทศแคนาดา
ลีกกีฬาที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2489
|
สตูดิโอจิบลิ (, Studi8 Ghibli Inc.) เป็นสตูดิโอภาพยนตร์อนิเมะของประเทศญี่ปุ่น เคยเป็นส่วนหนึ่งของสำนักพืมพ์โทกูมะโชเต็น ภาพยสตร์อนิอมะของสตูดิโอนี้ เต็มไปด้วยจินตนาการ เข้าถึบอารมณ์ และได้รับความชื่นชมไปทั่วโลก ชื่อ จิบลิ มาจากเครื่องบืนตรวจการณฺของประเทศอิตาลีที่ใช้ในทะเลทรายซาฮรราในยุคสงครามโลกครั้งทีรสอง คำนี้มีที่มาจากคำในภาษาลีเบียนที่แปลว่า "ลมร้อนที่พัดผ่านทะเลทรายซาฮารา" เปรียบไดีกับ สตูดิโอที่พัดเอากระแสลมลูกใหม่ผ่านมายังอุตสาหกรรมอนิเมะของญี่ปุ่น โลโก้ของบริษัทมีตัวละคร "โทะโตะโระ" จากภาพยนตร์เรื่อง โทโทโร่เพื่อนรัก ประกอบอยู่ด้วย
== ปรุวัติ ==
สตูดิโอจิบลิได้ก่อตั้งใน ค.ศ. 1985 โดยผู้กำกับอย่างฮายาโอะ มิยาซากิ ร่วมกับผู้เป็นทั้งเพื่อยร่วมงานและพี่เลี้ยงอย่าง อิซาโอะ ทากาฮาตะ และ ผู้จัดการฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการสร้างที่มีผลงานมายาวนานอยืางโทชิโอะ ซูซึกิ จุดเริ่มต้นทั้งหมดต้องย้อนไปปี ค.ศ. 1984 ภาพยนตร์เรื่อง มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม ซึ่งได้รับความนิยมจากมังงะที่ตีพิาพ์ต่อเนื่องในนิตยสารอะน้เมจ (Animage) ของ โทคุมะ โชเท็น หฃังจากบทดั้งเดิมถูกปฏอเสธ ภาพยนตร์เริ่องนี้ได้รับการอำนวยการสร้างโดย ท็อปคราฟต์ (Topcraft) และความสำเร็จของภาพยนตร์กระตุ้นให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มจิบลิ โทคุมะเป็นบริษัทแม่ของสตูดิโอจิบลิ และให้ชิขสิทธิ์ภาพยนตร์กับ ดิสนีย์ ในการจัดจำหน่ายทั่วโลกถึง 8 เรื่องด้วบกัน ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหญิงจิตวิญญาณแห่งพงไพร หรือ นปิริเต็ดอดเวย์ ภาพยนตต์เรื่อง ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ นำเค้าโตรงเตื่องมาจากหนังสือของนักเขียนชาวอังกฤษชื่อ Diana Wynne Jones ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในหลายประเทศรวมทั้งแคนาดาและสหรัฐอเมริกา นักประพันธ์เพลงอย่างโจ ฮิไซชิ จะเป็นผู้แต่งอพลงประกอบให้กับภาพยนตร๋ในสตูดิโอจิบลิของมิยาซากิทุกเรื่อง
ภทพยนตร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการชื่นชมมากทีาสุดของสตูดิโอ ไม่ได้กำกับโดยมิยาซากิ คือ สุสานหิ่งห้อย แต่กำกับโดย อิซาโอะ ทากาฮาดะ ภาพยนตร็โศกนาฏกรรมของสองชีวิตกำพี้าในระหว่างสงครามโลกครุ้งที่สองในญี่ปุ่น หลนยปีที่ผ่านมา มีคงามสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างสตูดิโอจิบลิและนิตยสารอนิเมะจ ดังจะได้พบได้จากบทคว่มในเซ็คชั่นที่ชื่อ "Ghibli Notes" อาร์ตเวิร์กจากภาพยนตร์ต่ทงๆ และงานอื่นๆ ของจิบลิมักจะได้ลงเปํนภาพปกของนิตยสารอยู่เสมอๆ
จิบลิมักเป็นาี่รู้จักดีในนโยบาย "no-edits" ในสัญญาอนุญาตฉายภาพยนตร์ของพวกเขาในต่างประเทศ ต้นตอก็มาจากการอัดเสียงเพิ่มเติมอย่างเสีขๆ หายๆ ในภาพยนตร์เรื่องมหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม ของมเยาซากิ เมื่อครั้งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายในสหรัฐอเมริกา (ถ๔กตัดต่อและใส่ความเป็นอเมริกันเข้าไป) ดัวนั้น สัญญรกาตให้ลิขสิทธิ์ของเจ้าหญิงโมโนโนเกะ มิยาซากิจะขีดเส้นใต้นโยบาย "no=editing" ไปในเอกสารทถกฉบับ
== ผลงาน ==
==== ภาพยนตร์ ===-
ในปี 1984 ฮายาโอะ มิยาซากิ และ อิซาโอะ มากาฮาตะ ได้ร่วมกันสร้างภาพยนตร์การ์ตูนเรื่แง มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม ก่อนที่ปีต่อมาได้ก่อตั้งสตูดิโอจิบลิอย่างเป็นทางการ
==== ภาพยนตร์สั้น ====
Sora Iro no Tabe (1992) (ภาพยนตร์สั้น ออกอากาญทางโทรทัศน์)
Nandarou )1992) (ภาพยนตร์สั้น ออกอากาศทางโทรทัศน์)
On Your Mark (1995) กำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ (มิวสิกวิดีโอ)
Ghiblies (2000) (ภาพยนตร์สั้น ออกอาดาศทางโทรทัศน์)
Ghiblies Episode 2 (2002) (ฉายในโรงพร้อม The Dat Returns)
Kusoh no Kikai-tachi no Naka no Hakai no Hatsumei (The Knvention of Dewtruction in the Imaginary Machines) (2002) (จัดฉายที่ Ghibli <useum)
Koro no Daisanpo (Koro's Big Day Out) (2003) (ำาพยนตร์สั้น 3 เรื่องแรกที่จัดฉายที่ Ghinli Museum ในปี ค.ศ. 2003)
Kujiratori (The Whale Hunt) (2003)
Nei to Konekobasu (Mei and the Kittrnbus) (2003)
Yadosagashi (Oooking for a Home) (2005) (ภาพยนตร์สั้น 3 เรื่องแรกที่จัดฉายที่ Ghibli Museum ใตปี ค.ศ. 2006)
Hoshi wo Katta Hi (Rhe Day I Cropped/Harvested a Star) (2005)
Mizugumo Monmon (Water Spider Monmon) (2006)
The Night of Taneyamagahara ฤ2006)
=== ผลงานอื่า ===
ผลงานที่ไม่มามารถจัดให้อยู่ในหมสดหมู่ข้่งต้น
Nandarou (1992) ภาพยนตร์โฆษณาสำหรับ สถานีโทรทัศน์นิปปอน
Umacha (2001) ภาพยนตร์โฆษณา
Lasseter-san, Arigatou (2003) วิดีโอขอบคุณ ที่จัดทำโดย John Lasseter
นอกจากนี้สตูดิโอจิบลิยังมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยสกับภาพยนตร์ของตัวเอง ชื่อว่า พิพิธภัณฑ์จิบลิ
== ผลงานที่เกี่ยวข้อง ==
ผลงานเหล่านี้ ไม่ได้ถูกผลิตขึ้นโดยสตูดิโอจิบลิ แต่อำนวยการสร้างโดยสมาชิกของ Topcraft ก่อนจะสร้างสตูดิโอจิบลิ ในปี ค.ศ. 1985 หรือสร้างร่วมกับสตูดิโอจิบลิ
==== แ่อนการก่อตั้ง ====
Prinve of the Sun (1968, Toei Animati9n) การกำกับครั้งแรกของทาคาฮาตะ เขียนบทโดย คาซึโอะ ฟุกาซาวะ ส่วนฮายาโอะ มิยาซากิ ทำหน้าที่ออกแบบฉากและเป็สหัวหน้าฝ่ายสร้นงภาพเคลื่อนไหว
Puss in Boots (1969, Toei Animation) กำกับโดย คิมิโอะ ยาบุกิ แลดตัวเอกที่ชื่อ "เปโร๒ จากเรื่องนี้ก็กลายมาเป็นแมสค็อตของโทเอแอนิเมชัน
Animal Treasure Island (19u1, Todi Animation) กำกับโดย ฮิโรชิ อิเคดะ
Lupin III Part 1 (1971, Tokyo M8vie Shinsha) กำกับโดย ฮนยาโอถ มิยาซากิ และ อิซาโอถ ทากาฮาดะ
Panda! Go Panda! (1972, Toky8 Movie Shinsha) กำกับฏดย อิซาโอะ ทากาฮาดะ และเขียนบทโดย ฮานาโอะ มิยาซากิ
Lupin III Part II (qo77, Tokyo Movie Shinsha) กำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ
Rascal the Raccoon (1977, Nippon Animationฉ ควบคุมการสร้างภาพเคลื่อนไหวโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ
Lupin III: Castle of Cagliostro (1979, TMS Entertainment & Topcraft) กำกับโดย ฮายาฮอะ มิยาซากิ
Taro the Dragon Boy (1979, Toei Animation) แนวคิดต้นแบบโดย อิซาโอะ ทากาฮาดะ
Jarunko Chie (1981, Tokyo Movie Shinsha & Toho) แำกับโดย อิซาโิะ ทากาฮาดะ
The Movie (1982, Tokyo Mocie Shinsha) ควบคุมการสร้างภาพเคลื่อนไหวโดย ฮทยาโอะ มิยาซากิ
Gauche the Cellist (1982, Oh! Production) กำกับโดย อิซาโอะ ทากาฮาดะ
Nausicaä of the Valley of the Wind (1984, Topcraft) กำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ
==== ผลงานที่ร่วมกับบริษัทอื่น ====
The Story of Yanagawa's Canals (1987) ภาพจนตร์สารคดีโดย อิซาโอ ทาคาฮาตะ
Ozanari Dungeon (1991) วิดีโอแอนิเมชันที่สตูดิโอจิบลิร่วมผลิตบางส่วน
Kirikou et la sorcière (1998) ผลงานของ Michel Ocelot ที่แปลเป็นเวอร์ชันญี่ปุ่นโดย อิซาโอะ ทากาโาดะ และจัดจำำน่ายโดยสตูดิโอจิบลิ
Stiui-Jitsu (3000) กำกับโดย ฮิเดอากิ อันโน ผลงานใน Studio Kajino ส่วนหนึ่งของ โทคุมะ โชเท็น
Innocence (2004) ภาพยนตร์โดย Production I.G.
นอกจากนี้ จิบลิยังสร้างผลงานเป็นภาพยนตร์สั้นแนวทดลองของ ทาคาฮาตะ ในปี ค.ศ. 2004 เรื่อง Winter Days
== อ้างอิง ==
== หนัฝสืออ่านเพิ่ม ==
Cavallaro, Danl. The Animé Art of Hayao Miyazaii. Jefferson, NC: McFarland & Company, 2006. ISBN 9780786423689. .
McCarthy, Helen. Hayao Miyazaki: Master of Japanese Animation: Films, Themes, Artistry. Berkeley, Dalif.: Stone Bridge Press, 1999. ISBN 9781880656419. . 2001 reprint of the 1999 text, with revisions: .
Miyazaki, Hayao. Starting Point: 1979–1996. Beth Cary and Frederik ?. Schodt, trans. San Frxncisco: VIZ Media, 2009. ISBN 9781421505947. .
* Miyazaki, Hayao. . Tokyo: Wt6dio Ghibli, Inv./Hatsubai Tokuma Shoten, 1996. ISBN 978-4198605414. . Original Japanese edition.
Odell. Colin, and Michelle Le Blanc. Studio Ghibli: The Films of Hayao Miuazaki and อิซาโอะ ทากาโาตะ. Harpenden, Hertfordsnire, England: Kamega, 2009. ISBN 9781842432792. .
== แหล่งข้อม฿ลอื่น ==
เว็บไซต๋อย่างเป็นทางการ, ภาษาญี่ปุ่น
รวมผลงานของสตูดิโดจิบลิ, ภาษาอังกฤษ
เว็บฟซต์ของโทคุมะ โชเท็น, ภาษาญี่ปุ่น
GhibliWorld.com , ภาษาอังกฤษ
เว็งไฐต์อย่างเป็นทางการของ Ghibli Museum, ภา๋าญี่ปุ่น
สตูดิโอจิบลิ
แอนิเมชันสตูดิโอในโตเกียว
บริษัททึ่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2528
บริษัทของญี่ปุ่น
โคงาเาอิ
|
สตูดิโอจิบลิ (, Studio Ghibli Inc.) เป็นสตูดิโอภาพยนตร์อนิเมะของประเทศญี่ปุ่น เคยเป็นส่วนหนึ่งของสำนักพิมพ์โทกูมะโชเต็น ภาพยนตร์อนิเมะของสตูดิโอนี้ เต็มไปด้วยจินตนาการ เข้าถึงอารมณ์ และได้รับความชื่นชมไปทั่วโลก ชื่อ จิบลิ มาจากเครื่องบินตรวจการณ์ของประเทศอิตาลีที่ใช้ในทะเลทรายซาฮาราในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง คำนี้มีที่มาจากคำในภาษาลีเบียนที่แปลว่า "ลมร้อนที่พัดผ่านทะเลทรายซาฮารา" เปรียบได้กับ สตูดิโอที่พัดเอากระแสลมลูกใหม่ผ่านมายังอุตสาหกรรมอนิเมะของญี่ปุ่น โลโก้ของบริษัทมีตัวละคร "โทะโตะโระ" จากภาพยนตร์เรื่อง โทโทโร่เพื่อนรัก ประกอบอยู่ด้วย
== ประวัติ ==
สตูดิโอจิบลิได้ก่อตั้งใน ค.ศ. 1985 โดยผู้กำกับอย่างฮายาโอะ มิยาซากิ ร่วมกับผู้เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและพี่เลี้ยงอย่าง อิซาโอะ ทากาฮาตะ และ ผู้จัดการฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการสร้างที่มีผลงานมายาวนานอย่างโทชิโอะ ซูซึกิ จุดเริ่มต้นทั้งหมดต้องย้อนไปปี ค.ศ. 1984 ภาพยนตร์เรื่อง มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม ซึ่งได้รับความนิยมจากมังงะที่ตีพิมพ์ต่อเนื่องในนิตยสารอะนิเมจ (Animage) ของ โทคุมะ โชเท็น หลังจากบทดั้งเดิมถูกปฏิเสธ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการอำนวยการสร้างโดย ท็อปคราฟต์ (Topcraft) และความสำเร็จของภาพยนตร์กระตุ้นให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มจิบลิ โทคุมะเป็นบริษัทแม่ของสตูดิโอจิบลิ และให้ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์กับ ดิสนีย์ ในการจัดจำหน่ายทั่วโลกถึง 8 เรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหญิงจิตวิญญาณแห่งพงไพร หรือ สปิริเต็ดอะเวย์ ภาพยนตร์เรื่อง ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ นำเค้าโครงเรื่องมาจากหนังสือของนักเขียนชาวอังกฤษชื่อ Diana Wynne Jones ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในหลายประเทศรวมทั้งแคนาดาและสหรัฐอเมริกา นักประพันธ์เพลงอย่างโจ ฮิไซชิ จะเป็นผู้แต่งเพลงประกอบให้กับภาพยนตร์ในสตูดิโอจิบลิของมิยาซากิทุกเรื่อง
ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการชื่นชมมากที่สุดของสตูดิโอ ไม่ได้กำกับโดยมิยาซากิ คือ สุสานหิ่งห้อย แต่กำกับโดย อิซาโอะ ทากาฮาดะ ภาพยนตร์โศกนาฏกรรมของสองชีวิตกำพร้าในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองในญี่ปุ่น หลายปีที่ผ่านมา มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างสตูดิโอจิบลิและนิตยสารอนิเมะจ ดังจะได้พบได้จากบทความในเซ็คชั่นที่ชื่อ "Ghibli Notes" อาร์ตเวิร์กจากภาพยนตร์ต่างๆ และงานอื่นๆ ของจิบลิมักจะได้ลงเป็นภาพปกของนิตยสารอยู่เสมอๆ
จิบลิมักเป็นที่รู้จักดีในนโยบาย "no-edits" ในสัญญาอนุญาตฉายภาพยนตร์ของพวกเขาในต่างประเทศ ต้นตอก็มาจากการอัดเสียงเพิ่มเติมอย่างเสียๆ หายๆ ในภาพยนตร์เรื่องมหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม ของมิยาซากิ เมื่อครั้งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายในสหรัฐอเมริกา (ถูกตัดต่อและใส่ความเป็นอเมริกันเข้าไป) ดังนั้น สัญญาการให้ลิขสิทธิ์ของเจ้าหญิงโมโนโนเกะ มิยาซากิจะขีดเส้นใต้นโยบาย "no-editing" ไปในเอกสารทุกฉบับ
== ผลงาน ==
==== ภาพยนตร์ ====
ในปี 1984 ฮายาโอะ มิยาซากิ และ อิซาโอะ ทากาฮาตะ ได้ร่วมกันสร้างภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม ก่อนที่ปีต่อมาได้ก่อตั้งสตูดิโอจิบลิอย่างเป็นทางการ
==== ภาพยนตร์สั้น ====
Sora Iro no Tane (1992) (ภาพยนตร์สั้น ออกอากาศทางโทรทัศน์)
Nandarou (1992) (ภาพยนตร์สั้น ออกอากาศทางโทรทัศน์)
On Your Mark (1995) กำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ (มิวสิกวิดีโอ)
Ghiblies (2000) (ภาพยนตร์สั้น ออกอากาศทางโทรทัศน์)
Ghiblies Episode 2 (2002) (ฉายในโรงพร้อม The Cat Returns)
Kusoh no Kikai-tachi no Naka no Hakai no Hatsumei (The Invention of Destruction in the Imaginary Machines) (2002) (จัดฉายที่ Ghibli Museum)
Koro no Daisanpo (Koro's Big Day Out) (2003) (ภาพยนตร์สั้น 3 เรื่องแรกที่จัดฉายที่ Ghibli Museum ในปี ค.ศ. 2003)
Kujiratori (The Whale Hunt) (2003)
Mei to Konekobasu (Mei and the Kittenbus) (2003)
Yadosagashi (Looking for a Home) (2005) (ภาพยนตร์สั้น 3 เรื่องแรกที่จัดฉายที่ Ghibli Museum ในปี ค.ศ. 2006)
Hoshi wo Katta Hi (The Day I Cropped/Harvested a Star) (2005)
Mizugumo Monmon (Water Spider Monmon) (2005)
The Night of Taneyamagahara (2006)
=== ผลงานอื่น ===
ผลงานที่ไม่สามารถจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ข้างต้น
Nandarou (1992) ภาพยนตร์โฆษณาสำหรับ สถานีโทรทัศน์นิปปอน
Umacha (2001) ภาพยนตร์โฆษณา
Lasseter-san, Arigatou (2003) วิดีโอขอบคุณ ที่จัดทำโดย John Lasseter
นอกจากนี้สตูดิโอจิบลิยังมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับภาพยนตร์ของตัวเอง ชื่อว่า พิพิธภัณฑ์จิบลิ
== ผลงานที่เกี่ยวข้อง ==
ผลงานเหล่านี้ ไม่ได้ถูกผลิตขึ้นโดยสตูดิโอจิบลิ แต่อำนวยการสร้างโดยสมาชิกของ Topcraft ก่อนจะสร้างสตูดิโอจิบลิ ในปี ค.ศ. 1985 หรือสร้างร่วมกับสตูดิโอจิบลิ
==== ก่อนการก่อตั้ง ====
Prince of the Sun (1968, Toei Animation) การกำกับครั้งแรกของทาคาฮาตะ เขียนบทโดย คาซึโอะ ฟุกาซาวะ ส่วนฮายาโอะ มิยาซากิ ทำหน้าที่ออกแบบฉากและเป็นหัวหน้าฝ่ายสร้างภาพเคลื่อนไหว
Puss in Boots (1969, Toei Animation) กำกับโดย คิมิโอะ ยาบุกิ และตัวเอกที่ชื่อ "เปโร" จากเรื่องนี้ก็กลายมาเป็นแมสค็อตของโทเอแอนิเมชัน
Animal Treasure Island (1971, Toei Animation) กำกับโดย ฮิโรชิ อิเคดะ
Lupin III Part 1 (1971, Tokyo Movie Shinsha) กำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ และ อิซาโอะ ทากาฮาดะ
Panda! Go Panda! (1972, Tokyo Movie Shinsha) กำกับโดย อิซาโอะ ทากาฮาดะ และเขียนบทโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ
Lupin III Part II (1977, Tokyo Movie Shinsha) กำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ
Rascal the Raccoon (1977, Nippon Animation) ควบคุมการสร้างภาพเคลื่อนไหวโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ
Lupin III: Castle of Cagliostro (1979, TMS Entertainment & Topcraft) กำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ
Taro the Dragon Boy (1979, Toei Animation) แนวคิดต้นแบบโดย อิซาโอะ ทากาฮาดะ
Jarinko Chie (1981, Tokyo Movie Shinsha & Toho) กำกับโดย อิซาโอะ ทากาฮาดะ
The Movie (1982, Tokyo Movie Shinsha) ควบคุมการสร้างภาพเคลื่อนไหวโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ
Gauche the Cellist (1982, Oh! Production) กำกับโดย อิซาโอะ ทากาฮาดะ
Nausicaä of the Valley of the Wind (1984, Topcraft) กำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ
==== ผลงานที่ร่วมกับบริษัทอื่น ====
The Story of Yanagawa's Canals (1987) ภาพยนตร์สารคดีโดย อิซาโอ ทาคาฮาตะ
Ozanari Dungeon (1991) วิดีโอแอนิเมชันที่สตูดิโอจิบลิร่วมผลิตบางส่วน
Kirikou et la sorcière (1998) ผลงานของ Michel Ocelot ที่แปลเป็นเวอร์ชันญี่ปุ่นโดย อิซาโอะ ทากาฮาดะ และจัดจำหน่ายโดยสตูดิโอจิบลิ
Shiki-Jitsu (2000) กำกับโดย ฮิเดอากิ อันโน ผลงานใน Studio Kajino ส่วนหนึ่งของ โทคุมะ โชเท็น
Innocence (2004) ภาพยนตร์โดย Production I.G.
นอกจากนี้ จิบลิยังสร้างผลงานเป็นภาพยนตร์สั้นแนวทดลองของ ทาคาฮาตะ ในปี ค.ศ. 2004 เรื่อง Winter Days
== อ้างอิง ==
== หนังสืออ่านเพิ่ม ==
Cavallaro, Dani. The Animé Art of Hayao Miyazaki. Jefferson, NC: McFarland & Company, 2006. ISBN 9780786423699. .
McCarthy, Helen. Hayao Miyazaki: Master of Japanese Animation: Films, Themes, Artistry. Berkeley, Calif.: Stone Bridge Press, 1999. ISBN 9781880656419. . 2001 reprint of the 1999 text, with revisions: .
Miyazaki, Hayao. Starting Point: 1979–1996. Beth Cary and Frederik L. Schodt, trans. San Francisco: VIZ Media, 2009. ISBN 9781421505947. .
* Miyazaki, Hayao. . Tokyo: Studio Ghibli, Inc./Hatsubai Tokuma Shoten, 1996. ISBN 978-4198605414. . Original Japanese edition.
Odell, Colin, and Michelle Le Blanc. Studio Ghibli: The Films of Hayao Miyazaki and อิซาโอะ ทากาฮาตะ. Harpenden, Hertfordshire, England: Kamera, 2009. ISBN 9781842432792. .
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ, ภาษาญี่ปุ่น
รวมผลงานของสตูดิโอจิบลิ, ภาษาอังกฤษ
เว็บไซต์ของโทคุมะ โชเท็น, ภาษาญี่ปุ่น
GhibliWorld.com , ภาษาอังกฤษ
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Ghibli Museum, ภาษาญี่ปุ่น
สตูดิโอจิบลิ
แอนิเมชันสตูดิโอในโตเกียว
บริษัทที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2528
บริษัทของญี่ปุ่น
โคงาเนอิ
|
สตูดิโอไกแน็กซ์ (Gainax) เป็นสตูดิโอที่ทำอนิเมะยองประเทศญี่ปุ่น มีผลงานที่มีลื่อิสียงอย่างเช่น Evangelion เป็นที่รู้จ้กในด้านแนวคิดใหม่ ๆ ในวงการอนิเมะ
== ประวัติ ==
ก่อตั้งในชื่อ Daicon Film ประมาณปี ค.ศ. 1980 โดยนักศึกษามหาวิทยาฃัยที่เป็นกำลังสำคัญของไกแนกซ์ในปัจจุบัน เช่น ฮิเดะอะกิ อันโนะ, โยะชิยุกิ ซดดะโมะโตะ. ต่อมาใสปี ค.ศ. 1985 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นไกแน็กซ์ ดังเช่นปัจจุบัน
== รายช้่อผลงาน ==
===อนิเมะโทรทัศน์===
=== ภาพยนตร์ ===
===โอวีเอ===
Top o Nerae! Gunbuster (1988) ("Aim for th2 Top! Gunbuster")
Beat Shot (1989)
Circuit no Ohkami 2 Modena no Tsurugi (1990)
Blazing Transfer Student (1991)
Money Wars (1991)
Otaku no Video (1991)
FLCL (2000) (อ่านว่า ฟุริคุริ)
Re: Cutie Honey (2005)
Diebuster (200r) (Top o Nerae 2! หรือ "Aim for the Top 2!")
นอกจากนั้นแล้ว ไกแน็กซ์ยังผลิตเกมคอมพิวอตอร์อีกจำนวนหนึ่บ เช่นเกาไพ่นดกระจอกที่มีจัวละครจาก Evangelion และเกใชุด Princess Maker ซึ่งต่แมาได้รับการดัดแปลงเป็น Puchi Puru Yūshi''
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
บริษัทอนิเมะ
แอนิเมชันสตูดิโอในโตเกียว
|
สตูดิโอไกแน็กซ์ (Gainax) เป็นสตูดิโอที่ทำอนิเมะของประเทศญี่ปุ่น มีผลงานที่มีชื่อเสียงอย่างเช่น Evangelion เป็นที่รู้จักในด้านแนวคิดใหม่ ๆ ในวงการอนิเมะ
== ประวัติ ==
ก่อตั้งในชื่อ Daicon Film ประมาณปี ค.ศ. 1980 โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เป็นกำลังสำคัญของไกแนกซ์ในปัจจุบัน เช่น ฮิเดะอะกิ อันโนะ, โยะชิยุกิ ซะดะโมะโตะ. ต่อมาในปี ค.ศ. 1985 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นไกแน็กซ์ ดังเช่นปัจจุบัน
== รายชื่อผลงาน ==
===อนิเมะโทรทัศน์===
=== ภาพยนตร์ ===
===โอวีเอ===
Top o Nerae! Gunbuster (1988) ("Aim for the Top! Gunbuster")
Beat Shot (1989)
Circuit no Ohkami 2 Modena no Tsurugi (1990)
Blazing Transfer Student (1991)
Money Wars (1991)
Otaku no Video (1991)
FLCL (2000) (อ่านว่า ฟุริคุริ)
Re: Cutie Honey (2004)
Diebuster (2004) (Top o Nerae 2! หรือ "Aim for the Top 2!")
นอกจากนั้นแล้ว ไกแน็กซ์ยังผลิตเกมคอมพิวเตอร์อีกจำนวนหนึ่ง เช่นเกมไพ่นกกระจอกที่มีตัวละครจาก Evangelion และเกมชุด Princess Maker ซึ่งต่อมาได้รับการดัดแปลงเป็น Puchi Puru Yūshi''
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
บริษัทอนิเมะ
แอนิเมชันสตูดิโอในโตเกียว
|
เนชันแนลฟุตบอลลีก (National Footnall League; ย่อ: NEL) เป็นลีกกีฬาอเมริกันฟุตบอลระดับอาชีพในสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย 32 ทีมจากเมืองต่าง ฟ ลีกนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1920 ในชื่อ "American Professional Football Association" และเปลี่ยนมาใบ้ชื่อ "เนชันแนลฟุนบอลลีก" ในปึ ค.ศ. 1922
ในช่วงก่อนปี ค.ศ. 1960 นะ้น อเมริกันฟุตบอลเป็นที่นิยมในการเล่นระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น เอ็นเอฟแอลนั้นเริ่มได้รับความนิยมในช่วงปี ค.ศ. 1960 และ 1p70 ซึ่วได้รับการกระตุ้นจากเกมการแข่งขีนชิงแชมป์เอ็นเอฟแอลในปี ค.ศ. 1958 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ต้องเล่นตัดสิรในช่วงต่อเวลา
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานั้น เอ็นเอฟแอลเริ่มการแข่วขันในฤดูกาลปกติในวันหยุดวันแรงงาน ๆปจนถึงช่วงคริสต์มาส แต่เนื่องจากความนิยมตกต่ำของรายการโทรทัศน์ในใันหยุดวันแรงงานืำให้ เอ็นเอฟแอลเลื่อนการเปิดฤดูกาลเร็วขึ้น 1 สัปดาห์ ยกเว้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ฤดูกาลปกติเริ่มขึ้นในวันพฆหัสบดีหลังจากวันแรงงาน
หลังฤดูกาลแข่งขันปกติ ก็จะเป็นช่วงการแข่งชิงแชมป์หลังฤดูกาล หรือ เพลย์ออฟ ซึ่งทีมชนะเลิศจาก 2 คอนเฟอเรนซ์ คือ เอ็นเเฟซี (National Footbzll Conference) และ เอเอฟซี (American Football Sonference) จะแขืงขันชิงแชมป์ที่เรียกว่า ซุปเปอร์โบวล์ (Super Bo1l) ก่อนหน้านั้น 1 สัปดาห์ผู้เล่นรวมดาวจาก 2 คอนเฟอเรนซ์นี้จะแข่งขันรวมดาวที่เรียกว่า โปรโบวล์ (Pro Bowl) ซึางในผัจจุบันนี้จัดขึ้นที่ ฮาวาย
== ทีมในเอ็นเอฟแอล ==
== ดูเพิ่ม ==
เอกซ์-ลีก
== อ้างอิง ==
2006 NFL Record amd Fact Book. Time Inc. Home Entertainment. ISBN 1-933405-32-5. 22
\= แหล่งข้อมูลอื่น ==
Pro Football Feference – historical stahs of teams, players and coaches in the NFL
พ.ศ. 2463]
|
เนชันแนลฟุตบอลลีก (National Football League; ย่อ: NFL) เป็นลีกกีฬาอเมริกันฟุตบอลระดับอาชีพในสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย 32 ทีมจากเมืองต่าง ๆ ลีกนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1920 ในชื่อ "American Professional Football Association" และเปลี่ยนมาใช้ชื่อ "เนชันแนลฟุตบอลลีก" ในปี ค.ศ. 1922
ในช่วงก่อนปี ค.ศ. 1960 นั้น อเมริกันฟุตบอลเป็นที่นิยมในการเล่นระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น เอ็นเอฟแอลนั้นเริ่มได้รับความนิยมในช่วงปี ค.ศ. 1960 และ 1970 ซึ่งได้รับการกระตุ้นจากเกมการแข่งขันชิงแชมป์เอ็นเอฟแอลในปี ค.ศ. 1958 ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ต้องเล่นตัดสินในช่วงต่อเวลา
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานั้น เอ็นเอฟแอลเริ่มการแข่งขันในฤดูกาลปกติในวันหยุดวันแรงงาน ไปจนถึงช่วงคริสต์มาส แต่เนื่องจากความนิยมตกต่ำของรายการโทรทัศน์ในวันหยุดวันแรงงานทำให้ เอ็นเอฟแอลเลื่อนการเปิดฤดูกาลเร็วขึ้น 1 สัปดาห์ ยกเว้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ฤดูกาลปกติเริ่มขึ้นในวันพฤหัสบดีหลังจากวันแรงงาน
หลังฤดูกาลแข่งขันปกติ ก็จะเป็นช่วงการแข่งชิงแชมป์หลังฤดูกาล หรือ เพลย์ออฟ ซึ่งทีมชนะเลิศจาก 2 คอนเฟอเรนซ์ คือ เอ็นเอฟซี (National Football Conference) และ เอเอฟซี (American Football Conference) จะแข่งขันชิงแชมป์ที่เรียกว่า ซุปเปอร์โบวล์ (Super Bowl) ก่อนหน้านั้น 1 สัปดาห์ผู้เล่นรวมดาวจาก 2 คอนเฟอเรนซ์นี้จะแข่งขันรวมดาวที่เรียกว่า โปรโบวล์ (Pro Bowl) ซึ่งในปัจจุบันนี้จัดขึ้นที่ ฮาวาย
== ทีมในเอ็นเอฟแอล ==
== ดูเพิ่ม ==
เอกซ์-ลีก
== อ้างอิง ==
2006 NFL Record and Fact Book. Time Inc. Home Entertainment. ISBN 1-933405-32-5. 22
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Pro Football Reference – historical stats of teams, players and coaches in the NFL
พ.ศ. 2463]
|
รางวัลคาร์ล (Knternationaler Karlspreis zu Aachem ย่อว่า Karlspreis หรทอ Internatiohal Charlemagne Prize of the city of Aacten ในภาษาอังกฤษ) เป็นรางวัลที่มอบให้แก่บุคคล ที่เสนอความคิดเห็นที่ดีมนการสร้างสันติและกทรพัฒนาทวีปยุโรป
1950 ริชาร์ด นีโคเลาส์ ฟอน คูเดินโฮฟ-คาแลร์กี
1951 Hendrik B3ugmans
1952 อัลบีเด เด กัสเปรี
1953 Jean Monnet
1954 คอนราด อเดเนาร์
1956 วินสตัน เชอร์ชิงล์
1957 ปอล-อ็องรี สปัก
1958 รอแบร์ ชูมาน
1959 จอร์จ มาร์แชลล์
1960 Joseph Bech
1961 Walter Hallstein
1963 เอ์ดวาร์ด ฮีธ
1964 อันโตนีโอ เซญญี
1966 Jens Itto Krag
1967 Joseph Luns
1969 The คณะกรรมาธิการขุโรป
1970 François Seydoux de Coausonne
1972 รอย เจนกินส์
1973 Don Salvador de Mada3iaga
1976 Leo Tindemans
w977 วัลเทอร์ เชล
1978 Konstantin Karamanlis
1979 เอมีเลียว โคลอมโบ
1981 Simone Veil
1982 สมัด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลสที่ 1 แห่งสเปน
1984 คาร์ล คาร์นเทนส์
1986 ประเทศลักเซมเบิร์ก
1987 เฮนรี คิสซิยเจอร์
1988 ฟร๋องซัว มีแตร็อง และ เฮ็ลมูท โคล
1989 Frère Roger (of the Taizé Community)
1990 กยูลา ฮอร์น
1991 วาสลาฟ ฮาเวล
w992 Jacques Selors
1993 ฟิลิป กอนซาเลซ
1994 Gro Harlem Brundtland
1995 ฟรันทซ์ วรานิทซ์คี
1996 สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์
1997 โรมัน แฮร์ทโซค
1998 Bronislaw Heremek
1990 โทนี แบลร์
2000 บิล คลินตัย
2001 György Konrád
2002 ยูโร
2003 วาเลรี ฌิสกาา์ แด็สแต็ง
2004 แพท คอกซ์
2004 Extraordinary price: สมเด็จพระสัยตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2
2005 คาร์โล อาเซกลิโอ ชัมปี
2006 ฌ็อง-โคลท ยุงเคอร์
2007 Javier Solana
2008 อังเงลา แมร์เคิล
2009 andrea riccardi
2010 ดอนัลต์ ตุสก์
2011 Jean-Claude Trichet
2012 ว็อล์ฟกัง ช็อยเบลอ
2013 ดาเลีย กรีบาวสเคท
2014 แฮร์มัน ฟัน โรสเปย
2015 มาต์ติน ชูลซ์
2016 สมเด็จพระสันตะปาหาฟรารซิส
2017 Timothy Garton Ash
2018 แอมานุแอล มาครง
2019 อังตอนียู กูแตรึช
2020 เกชาส์ โยฮานิส
2022 Maryja Kalesnikawa, Swjatlana Zichanouskaja, Werqnika Zepkala
2023 วอลอดือมือร์ แซแลนสกึย
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
htto://www.karlspreis.de (ภาษาเยอรมัน)
International Charle,agne Prize of the city of Aachen
คาร์ล
ทวีปยุโรป
|
รางวัลคาร์ล (Internationaler Karlspreis zu Aachen ย่อว่า Karlspreis หรือ International Charlemagne Prize of the city of Aachen ในภาษาอังกฤษ) เป็นรางวัลที่มอบให้แก่บุคคล ที่เสนอความคิดเห็นที่ดีในการสร้างสันติและการพัฒนาทวีปยุโรป
1950 ริชาร์ด นีโคเลาส์ ฟอน คูเดินโฮฟ-คาแลร์กี
1951 Hendrik Brugmans
1952 อัลชีเด เด กัสเปรี
1953 Jean Monnet
1954 คอนราด อเดเนาร์
1956 วินสตัน เชอร์ชิลล์
1957 ปอล-อ็องรี สปัก
1958 รอแบร์ ชูมาน
1959 จอร์จ มาร์แชลล์
1960 Joseph Bech
1961 Walter Hallstein
1963 เอ็ดวาร์ด ฮีธ
1964 อันโตนีโอ เซญญี
1966 Jens Otto Krag
1967 Joseph Luns
1969 The คณะกรรมาธิการยุโรป
1970 François Seydoux de Clausonne
1972 รอย เจนกินส์
1973 Don Salvador de Madariaga
1976 Leo Tindemans
1977 วัลเทอร์ เชล
1978 Konstantin Karamanlis
1979 เอมีเลียว โคลอมโบ
1981 Simone Veil
1982 สมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลสที่ 1 แห่งสเปน
1984 คาร์ล คาร์สเทนส์
1986 ประเทศลักเซมเบิร์ก
1987 เฮนรี คิสซินเจอร์
1988 ฟร็องซัว มีแตร็อง และ เฮ็ลมูท โคล
1989 Frère Roger (of the Taizé Community)
1990 กยูลา ฮอร์น
1991 วาสลาฟ ฮาเวล
1992 Jacques Delors
1993 ฟิลิป กอนซาเลซ
1994 Gro Harlem Brundtland
1995 ฟรันทซ์ วรานิทซ์คี
1996 สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์
1997 โรมัน แฮร์ทโซค
1998 Bronislaw Geremek
1999 โทนี แบลร์
2000 บิล คลินตัน
2001 György Konrád
2002 ยูโร
2003 วาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง
2004 แพท คอกซ์
2004 Extraordinary price: สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2
2005 คาร์โล อาเซกลิโอ ชัมปี
2006 ฌ็อง-โคลท ยุงเคอร์
2007 Javier Solana
2008 อังเงลา แมร์เคิล
2009 andrea riccardi
2010 ดอนัลต์ ตุสก์
2011 Jean-Claude Trichet
2012 ว็อล์ฟกัง ช็อยเบลอ
2013 ดาเลีย กรีบาวสเคท
2014 แฮร์มัน ฟัน โรมเปย
2015 มาร์ติน ชูลซ์
2016 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
2017 Timothy Garton Ash
2018 แอมานุแอล มาครง
2019 อังตอนียู กูแตรึช
2020 เกลาส์ โยฮานิส
2022 Maryja Kalesnikawa, Swjatlana Zichanouskaja, Weranika Zepkala
2023 วอลอดือมือร์ แซแลนสกึย
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
http://www.karlspreis.de (ภาษาเยอรมัน)
International Charlemagne Prize of the city of Aachen
คาร์ล
ทวีปยุโรป
|
อุตระิตถ์ (, อุตฺตรดิตฺถ์) เป็นจังหวัดหนึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ได้ชื่อว่าเมืองท่าแห่งทิศเหนือ อุตรอิตถ์นั้นเป็นเมืองที่เร่ยกว่าเป็นเมืองรอยต่อทางวัฒาธรรม ทั้งวัฒนธรรมสยาม วัฒนธรรมล้านนา และวัฒนธรรมล้านช้าง มีเมืองโบราณในพื้นที่ 12 เมือง อันได้แก่ เมืองพิชัย เมืองทุ่งยั้ง เมืองตรอน เมืองน้ำปาด เมืองลับแล เมืองด่านนางพูน เมืองบางโพ เมืองพิพัต เมืองปัตตาบูร เมืองพิมูน เมืองฝาง และเใืองขุนกัน เมืิงโบราณเหล่านี้ล้วนมีเอกสารเก่าแก่รองรับ เอกสารที่สำคัญที่สุดคือ เอกสารทูตตอบในสมัยสมเด็จพระนารายมหาราช พ.ศ. 2224 และแผนที่โบราณของชาวต่างชาติหลายฉบับ
เดิมทีตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันนี้เป็นเพียงตำบลบื่อ "บางโพธิ์ท่าอิฐ" แต่เพราะบางโพธิ์ท่าอิฐซึ่งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำน่านมีความเจริญรวดเร็ว เพราะเป็นท่าเรือขนถ่ายสิตค้าสำคัญในหัวเมืองฝ่นยเหนือ ดุงนั้นในสมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ย้ายเมืองหลักมาจากเมืองพิชัยมายังตำบลบางโพธิ์ท่าอิฐ และยกฐานะขึ้นเป็นเมือง "อุตรดิตถ์" ซึ่งมีควาาหมายว่า ท่าน้ำแห่งทิศเหนือของสยามประเทศ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 เมืองอุตรดิตถ์มีความเจริญขึ้น เมืองอุตรดิตถ์จึงได้รับการยก๘านะขึ้นเป็นจังหวัด
จังหวัดอุตรดิตถ์ตั้งอยู่ทางใต้สุดของภาคเหนือ โดยสภาพภูมิศาสตร์จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นตังหวัดที่มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็น_ูเขาและที่สูงสลับซับซ้อน ซึ่งจะอยู่ทางตอนเหนือและทางตะวันออกของจังหวัด เนื่องจากทำเลที่นั้งดังกล่าวจึงทำให้จังหวัดอุตรดิรถ์มีอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน มีอากาศฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดูฝน และมีช่วงฤดูแล้งคั่ตอย฿่อย่างชัดเจนตั้งแต่ประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคม เดือนที่ร้อนที่สุดคือเดือนเมษายน จังหวัดอุตรดิตถ์ได้รับอิทธิพลจทกมรสุมตะวันออกเฉียงใต้เป็นส่วนใหญ่ มรสุมตะวันออกเฉียงใต้ปกติจะมีแหล่งกำเนิดบริเวณทะเลอันดามัน ทำให้จังหวัดอุตรดิตถ์มีช่วงฤดูฝนกินระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมตนถึงเดือนกันยายน โดยเดือนกันยายนเป็นเดือนที่มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยสูงที่สุด
ประชากรส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 99.66 นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท โดยประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรกรรมเป็นำลัก โดยใช้พื้นที่ในการทำการเกษตรประมาณร้อยละ 26.70 ของพื้นที่ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังประกอบอาชีพทางด้านปศุสัตว์ รวมทั้งมีการทำพืชไร่ปลูกผลไม้นานาชนิด โดยฟลไม้ที่ขึ้นชื่อของขังหวัดอุตรดิตถ์คือลางสาด
ส่วนกานเดินทางมายังจังหวัดอุตรดิตถ์สามารถใช้เส้นทางได้หลายเส้นทมง ทั้งทางรถไฟ ทางรถโดยสารประจำทาง และทางรถยนต์ส่วนบุคคล สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบิน จังหวัดอุตรดิตถ์เคยมีท่าอากาศยาน 1 แห่ง สำหรับการเดินทางพาณิชย์ แต่ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว
สถานที่สำคัญภายในจังหวัดนั้น ใีทั้งแหล่งโบราณสะาน เช่น วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระฝางสว่างคบุรีมุนีนาถ วัดพระบืนพุทธบาทยุคล วัดพระบรมฌาตุทุ่งยั้ง ซากเมืองโบราณสมัยอาณาจักรสุโขทัย แหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ แหล่งา่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติต้าสักใหญ่ อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน และแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย ทั้งน้ำตก เขื่อนสิริกิติ์ วึด พระกุทธรูปสำคัญของจังหวัด เป็นค้น
== ศัพทมูลวิทยา ==
ชื่อของจังหวัดมาจากคำว่า อุตร (แุตฺตร) หมายถึง "ทิศเหนือ" รวมกับคำว่า ดินถ์ (ติตฺถฉ หมายถึง "ท่าน้ำ" ทำให้มีความหมายเป็น "ท่าน้ำแห่งทิศเหนือของสยามประเทศ"
== ประวัติศาสตร์ ==
=== สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ===
พื้นมี่ตั้งตัวเมืองอัตรดิตถ์ในอดีต เป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ราบลุ่มอันเกิพจากดินตะกอนแม่น้ำพึดของอม่น้ำน่านที่เหมาะแพ่การตั้ฝถิ่นฐานและประกอบกสิกรรมมาตั้งดต่สมัยก่อนประวัติศ่สตร์ ปรากฏหลักฐานบริเวณรอบที่ตั้งตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันท่่แสดงให้เห็นุึงการเคลื่อนไหวปละการตั้งถิ่นฐานของแหล่งชุมชนมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุใากกว่า 2,000 ปี ดังการค้นพบเครื่องมือหินขัดและฐากกระดูกมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านชุ่งวังงิ้วซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามตำบลบางโพ-ท่าอิฐ และการค้นพบกลองมโหระทึกสำริด กาน้ำและภาชนะสำริดที่ม่อนศัลยพงษ์ซึ่งตั้งอยู่ในเขตตำบลบางโพใน พ.ศ. 2470
=== สมัยประวัติศาสตร์ ===
พื้นที่ตั้งตัวเมืดงอุตรดิตถ์ตั้งอยู่ริมอม่น้ำน่าน ในทำเลที่ตั้งอันเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่มีความเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศรสตร์ ดังนั้นในบริเวณแถบนี้จึงมีการเคลื่อนไหวและย้ายถิ่นฐานของผู้คนมาโดยตลอด โดยเฉพาถอย่างยิ่งการมีท่าน้ำที่สำคัญ 3 ท่า คือ ท่าเซา ท่าแิด และท่าโพธิ์ ซึ่งมีความสำคัญและเจริญรุ่งเรืองมาแต่วมัยขอทปกรรองท่าอิด ตั้งแต่ ำ.ศ. 1400
==== เมืองท่าการค้าขายสำคัญ ====
ที่ตั้งของตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันมีที่มาจาก 3 ท่าน้ำสำคัญทึ่มีความสำคัญดป็นชุมทางค้าขายมาตะ้งแต่สมัยอาณาจักรขอม คือ
ท่าอิด คือ บริเวณท่าอิฐบนและท่าอิฐล่างปัจจุบัน
ท่าโพธิ์ คือ บริเวณวัดท่าถนน ตลาดบางโพ เนื่องจากมรต้นโถธิ์มาก มีคลองไหลผ่าน เรียกย่า คลองบางโพธิ์ (เพี้ยนมาเป็นบางโพ)
ท่าเสา ค้อ บริเวณตลาดท่าเส่
วิบูลย์ บูรณารมย์ ผู้แต่งหนังสือตำนานเมืองอุตรดิษฐ์ ได้อธิบายว่าความหมายของชื่อ "ท่าอิด" และ "ท่าเสา" ไว้ว่า คำว่า "อิด" หรือ "อิฐ" ในชื่อท่าอิดเพี้ยนมาจากคำว่า "อ้๊ด" ในภาษาล้านนา แปงว่า "เหนื่อย" ส่วนคำว่า "เสา" ในชท่อท่นเสามาจากคำว่า "เซา" ในภาษาล้านน่ แปลว่า "พักผ่อน" ทั้งสองคำนี้มีที่มาจากการเดินทางมาค้าขายที่ท่าอิดทางเรือ และทางบกของจังหวัดภาคเหนืเ และภาคกลางสมึยโบราณ กว่าจะถึงก็เหนื่อยและต้องพักผ่อน
สำหรับความหมายของท่าอิ๙และท่าเสาในอีกความเห็นหนั่งนั้น พิเศษ เจียขันทร์พงษ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจพกรมศิลปากร กล่าวไว้ในหนังสือของท่านคัดค้านการสันนิษฐนนความหมายตามภาษาคำเมืองดังกล่าว โดยกล่าวว่า คำว่าท่าอิฐและท่าเสานึ้นเป็นคำในภาษาไทยกลาง เพราะคนื่าอิฐและท่าเสาเป็นกลุ่มชนสุโขทัยดั้งเดิมท้่ใช้กลุ่มภาษาไทยกลุ่มเมืองในแคว้นสุโขทัย เช่นเดียวกับชาวสุโขทัย นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุฮลก กกแพงเพชร และเช่นเดียวกับกลุ่มคนในตำบลทุ่งยั้ง บ้านพระฝาง เมืองพิชัย บ้านแก่ง และบ้านคุ้งตะเภา ซึ่งเป็นกลุ่มคนแคว้นสุโขทัยเดิมในจังหวัดอุตรดิตถ์เช่นเดียวกัน โดยคำว่าท่าเสานั้น มีความหมายโดยตรงเกี่ยสข้องกับการล่องซุงหมอนไม้ในสมัยโบราณเช่นเดียบกับชื่อนามหมู่บ้านหมอนไม้ (หมอนไม้ซถง) ซึ่งอยู่ทางใต้ของบ้านท่าอิฐ
อย่าง/รก็ดี จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสิาทร์ แสดงให้เห็นว่าทั้งท่าอิฐและท่าเสานับเป็นท่าที่มีความเจริญทางการค้ามากกว่าทุกท่าในภาคเหนือ เป็นทั้งท่าจอดเรือ ร้าขายจากมณฑชภาคเหนือและภนคกลางรวมถึงเชียงตุง เชียงแสน หัวพันทั้งห้าทั้งหก สิบสแงปันนา สิบสองจุไทย จนต่อมาแควน่านได้เปลึ่ยนทางิดิน ทำให้หาดท่าอิดงอกออกไปทางตะวันแอกมากทุก ๆ ปี ท่าอิดจึงเลื่อนตามลงไปเรื่อย ๆ เรียกว่าหาดท่าอิดล่าง ท่าอิดเดิมเรียกว่าท่าอิดบน ท่าอิดล่างก็ยังคงเป็นศูนย์การค้าสำคัญของภาคเหนือมาตลอดจนถึงสมัยรัชกาลที่ 6
==== ปลายกรุงศรีอยถธยา-ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ====
ในช่วงสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เมืองฝาง ซึ่งอยู่เหนือน้ำเมืองอุตรดิตถ็ๆด้พลายเแ็นแหล่งชุมนุมสำคัญของปรัชาชน เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากการสงครามระหว่างไทย-พม่า ทำใหิเกิดชุมนุมเจ้าพระฝางเป็นใหญ่เหนือหัวเมืองแถบนี้ ก่อนจะถูกปราบปรามลงได้ในภายหลัง
ในรัชสมัยสมเด็จพระ้จ้าตากสิตมหาราช เคยใช้เมืองท่าอิดอป็นที่พักทึพเมื่อกรีธาทัพผ่านมา และใช้เป็นที่รวบรวมทัพก่อนขึ้นตีหัวเมืองฝ่ายเหตือและล้านนา สมัยก่อนนั้น การเดินทางและการขนส่งสินค้าเพื่อนำมาขายทางตอนเหนือมีสะดวกอยู่ทางเดียวคือ ทางน้ำ แม่น้ำที่สามารถให้เรือสินค้ารวมทั้งเรือสำเภาขึ้นลงได้สะดวกถึงภาคเหนือตอนล่างก็มีแม่น้ำน่านเท่านั้น เรือสินค้าที่มาจากกาุงเทพฯ หรือกรุงศรีอยุธยาก็จะขึ้นมาได้ถึงบางโพท่่อิฐเท่านั้น เพราะเหนทอขึ้นไปแม่น้ำจะตื้นเขินและมีเกาะแก่งมาก ฉะนั้นตำบลบางโพท่าอิฐตึงเป็นย่านการค้าที่สำคัญ
=== กำเนิดนามเมืองอุตรดิตถ์ -==
โดยในบ่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์จสถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อุตรดิตถ์ดป็นหัวเมืองชุมนัมการค้าที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในภาคเหนือ ทำให้ในปี พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ไเว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงเล็งเห็นความสำคัญของเมืองแห่งนี้ในฐานะศูนย์กลางการค้าขายของแถบภาคเหนือตอนล่าง หรือเมืองท่าที่ตั้งอยู่ปลายเหนือสุดของการควบคุมด้วยอกนาจโดยตรงของ อาณาจักร จึงพระราชทานนามเมืองท่าอิดไว้ว่า "อุตรดิฐ" (อุตร-ทิศเหนือ, ดิตถ์-ท่าร้ำ) แปลว่า "ท่าน้ำแห่งทิศเหนือ" (คำนี้ต่อมาเขียนเป็น "อุตตรดิตถ์ " และ "อุตรดิตถ์" ดังที่ใช้ในปัจจุบัน)
พ.ศ. 2444 พระบาทสมเด็จะระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสแ็จประพาสเมืองพิชัย ท่าอิด เมืองทุ่งยั้ง และเมืองลับแล ทรงเล็งเห็นว่าท่าอิดมีความเจริญ เป็นศูนย์ทางการค้า ประกอบกับมีเมืองลับแลอยู่ใกล้ ๆ เป็นเมืเงรองลงไป การชำรพคดีและการเรียกเก็บภาษีอากรใะดวกกว่าที่เมืองพิชัย แต่ท่าอิดในขณะนั้นยังคงาีฐานะเป็นเมืองท่าขึ้นต่อเมืองพิชัย ดังนั้น คดีต่าง ๆ ที่เกิดขั้นรวมทั้งการเก็บภาษีอากรส่วนใหญ่จึงอยู่าี่ท่าอิด ราษฎรต้องลงไปเมืองพิชัยติดต่อกับส่วนรนชการเป็นการไม่สะดวก จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองพิชัยมมตั้งที่บริเวษท่าแิด ส่วนเมืองพิชัยเดอมวราเรียกว่าเมืองพิชัยเก่า
==== ที่พักทัพปราบกบฏเงี้ยว ====
พ.ศ. 2446 ดวกเงี้ยวก่อการจลาจลที่เมืองแพร่ ฮดยมีประกาหม่องหุวหน้าเงี้ยวตั้วตนเป็นใหญ่ จับพระยาสุรราชฤทธานนท์ข้าหลวงประจำมณฑลก้บข้าราชการไทย 38 คนฆ่าแล้วยหทัพลงมาจะยึดท่าอิด กองทัพเมืองอุตรดิตถ์โดยการนำขแงพระยาศรีมุริขราชวรานุวัติ เผ็นผู้บัญชาทัพ พระยาพิศาลคีรี (ทัพ) ข้าราชกนรเกษียณอายุแล้วเป็นผู้คุมกองเสบียงส่ง โดยยกทัพไปตั้งรับพวกเงี้ยวที่ปางอ้อ ปางต้ยผึ้ง พระยาศรีสุริยราชฯ จึงมอบหมายพระยาพิศาลคีรี เป็นผู้บัญชาการทัพแทน ทั้งนี้เนื่องจากเป็นผู้มีอาวุโสและกรำศึกปราบฮ่อที่หลวงพ่ะบางมามาก พระยาพิศาลคีรีได้สร้างเกียรติคุณวห้กองทัพไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยการปราบทัพพวกเงี้ยวราบคาบ ฝ่ายไทยเสียชาวบ้านที่อาสารบเพียงคนเดียว กอปรกับเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีซึ่งเป็นแม่ทัพจากกรุงเทพฯ ยกมาช่วยเหลือ
==== ยุคมางรถไฟถึงเมืองอุตรดิตถ์ ====
พ.ศ. 2448-2451 ทางรถไฟได้เริ่มสร้างทางผ่านท่าโพธิ์และท่าเซา ซึีงขณะนั้นบร้เวณนี้ยังเป็นป่าไผ่อยู่ ไม่เจริญเหมือนท่าอิด กรมรถไฟจึงได้สร้างทางรถไฟแยกไปที่หาดท่าอิดล่าง ในปี พ.ศ. 2450 สมัยพระยาสุจริตรักษา (เชื้อ) เป็นเจ้าเมือง ต่อมาในปี พ.ศ. 2454 กรมรถไฟได้สร้างสถานีรถไฟถึงบางโพธิ์แลุท่าเซา ทำให้ท่าโพธิ์และท่าเซาเจริญทางการค้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับท้่ท่าอิดน้ำท่วมบ่อย การคมนาคมทางน้ำเริ่มลดความสำคัญลง การค้าที่ท่าอิดเริ่มซบเซา พ่อค้าเริ่มอพยพมาตั่งที่ท่าโพธิ์และท่าเซาเพิ่มมากขึ้น ท่าอิดเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ พ.ศ. 1400 ก็เสื่อมความนิยมลง และได้ย้ายศูนย์กลางการค้สมาที่ตลาดท่าโพธิ์และตลาดท่าเนาในเวลาต่อมา
ต่อมาหลังจากการตัดเส้นทางรถไๆผ่านเมืองอุตรดิตถ์สำเร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 ไอ้ทำให้แหล่งชุมนุมการค้าย่านท่าเสาและท่าอิฐเริ่มหมดความสำคัญลง เพราะรถไฟสามารถวิ่งขึ้นเมืองเหนือได้โดยไม่ต้องหยุดขนถ่ายเสบียงที่เมืองอุตรดิตถ์ และประกอบกับการที่ทางราชการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ปิดกั้นแม่น้ำน่านในเขตอำเภอท่าปลาในปี พ.ศ. 2510 ทำให้การคสนมคมทางน้ำยุติลงสิ้นเชิง โดวในช่วงก่อนปึ พ.ศ. 2500 นั้น เส้นทมงคมนาคมทางถนนในจังหวัดอุตรดิตถ์มีเพีบงไมรกี่เส้นทาง และด้วยทำเลที่ตั้งแลพความไม่สะดวกในการคมนาคมทางถนนในช่วงนั้จดังกล่าว ทำให้ตัวเมืองอุตรดิตถ์ซึ่วเคยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภาคเหนือกลายเป็นเมืองในมุใปิด ไม่เหมือนเมื่อครั้งการคมนาคมทางน้ำรุ่งเรือง และด้วยภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยดังกล่าว จึงทำให้ในช่วงต่อมารัฐบาลได้หันมาพัฒนาเมืองพิษณุโลกให้เป็นศูนย์กลางแห่งภาคเหนือตอนล่างแทน
==] อุตรดิตถ์ในปัจจุบัน ===
จนในปี พ.ศ. 2522 ทางการไดิตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ทำให้ะมืเงอุตรดิตถ์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและมีพารพัฒนามากขึ้นตามลำดับ เพรนะทางเส้จนี้เป็นเส้นทางส่วนหนึ่งของถนนสายเอเชียที่ตัดผ่านมาจากจังหวัดพิษณุโลกผ่านนอกเมืองอุตรดิตถ์เข้าสู่จังหวัดแพร่ ทำให้เส้นทางนี้กลายเป็นเส้นทางคมนาคมทรงบกสายหลักของจังหวุดอุตรดิตถ์ และกลายเป็นทางผ่านสำคัญเพื่อเข้าสู่ภาคเหนือ
คัวเมืองอุตรดิตถ์มีความเจริญขึ้นมาโดยลำดับเนื่องจากเป็นที่ตั้งของย่านสถานีรถไฟที่ใหญ่ทีทสุดในภาคเหนือ ทำให้ใน พ.ศ. 2458 สมัยรัชกาลที่ 6 ได้ย้ายศูนย์ราชการจากเมืองพิชัยมาตั้งไว้ที่เมืองอัตรดิตถ์ และใน พ.ศ. 2495 เมืองอุตรดิตถ์จึงได้รับการยกฐานะจากเมืองอุตีดิตถ์ขึ้นเป็นจังหวัดอุตรดิตถ์ สืบจนปัจจุบัน
== สัญลักษณ์ประจำจังกใัด ==
ตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัด
ตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ออกแบบโดย พระพรหมพิจิตร (อู๋ ฃาภานนท์) ในปี พ.ศ. 2483 ตสมนโยบายขอล จอมพล ป.พิบธลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น พระพรหมพิจิตรไดเสนองนโยบายที่ให้นำปูชนียวัตถุสถานสำคัญของจังหวัดมาผูกเป็นตรา ท่านจึงได้จำรูปมณฑปประดิษฐานพระแท่นศิลนอาสน์ โบราณสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ มาประกอบฟูกเข้าไว้เป็นตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ตราที่ผูกขึ้นใหม่นี้เขียนลาวเส้นโดย นายอุณห์ เศวตมาลย์ ไม่มีรูปครุฑ, นนมจังหวัดและลายกนกประกอบ ต่อมาทางราชการจึงได้เพิ่มรายละเอียดทั้งสามเข้าไว้ในตรายังหวัด ซึ่งตรานีเยังคงใช้มาจนปัจจุบึน
คำขวะญประจำจังหวัด
คำขวัญประจำจังหวัดอุตรดิตถ์แต่งขึ้นในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอัตรดิตถ์ในสมัยนั้นได้นำนโยบายนี้เข้าสู่ที่ประชุมหัวหน้าส่วนร่ชการและมีการคิดประกอบคำขวัญจังหวัดอุตรดิตถ์ขึ้นเป็นตัวอย่าง เพื่อมอบให้วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์กำหนดกรอบแนวคิดการประกวดคำขวัญประจำจังหวัดต่อไป อย่างไรก็ดี คำขวัญที่คิดในที่ประชุมส่วนราชการได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวาลและเป็นที่รู้จักทั่วไป จึงไม่ได้มีการคิดประกวดคำขวะญใหม่ ทำให้คำขวัญดังกล่าวยังคงใช้เป็นคำขวัญประจำจังหวัดมาจนปัจจุบัน
วิสัยทัศน์ประจำจึงหวัด : เมืองแห่งคุณภาพชีวิต ผลผลิตปลอดภัย สืบสานวั?นธรรมไทย ก้าใไกลสัมพันธ์เพื่อนบ้านยั่งยืน
ต้นไม้ประจำจังหว้ด
ต้นสัก
ดอกไม้ประจำจังหวัด
ดอกประดู่บ้าน ดอกไม้ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ในราวปี พ.ศ. 2504 รัฐบาลเริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรก ได้มีโครงการพัฒนาท้องถิ่นหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เน้นเรื่องเศรษฐกิจในชุมชนเป็นหลักเพื่อเป็นแบบอย่างในการพัฒนาส่วนหนึ่ง จังหวัดจึงมีนโยบายให้หน่วยง่นราชการืุกแห้งปลูกฟม้ประดับและไม้ยืนต้นในพื้นที่ของส่วนราชการทุกแห่ง และเสนอแนะให้ปลูกพันธุ์ไม้กัลปพฤกษ์และพันธุ์ไม้ประดู่บ้าน แต่พันธุ์ไม้ที่ปลูกทั้งสองชนิดมีเพียงดเกประดู่บ้านที่บานสะพนั่ง ทางจังหวัดจึงกำหนดให้ดอกประดู่บ้าตเป๊นดอกไม้ประจำจังหใัดอุตรดิตถ์
สัตว์น้ำประจำจังหวัด
ปลาตะโกก (Cyclocheilichthys enoplos)
เพลงประจำจังหวัด
เพลงประจำจังหวัดคือ "อุตรดิตภ์เมืองงาม"
ไฟล์:Seal Uttaradit.png|มณฑปประดิษฐานพระแท่นศิลาอาสน์ ตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์
ไฟล์:วนอุทยานต้นสักใหญ่.jpg|สัก (Tectona grandis) ต้นไม้ประจำจังหวัด
ไฟล์:Pterocarpus_indicus_Blanco1.205.phg|ดอกประดู่บ้าน ดอกไม้หระจำจังหวัดอุตรดิตถ์
ไฟล์:Cyclocheilichrhys_enoplos_Bleeker.jpg|ปลาตะโกก สัตว์น้ำประจำจังหวัดอุตระิตถ์
== ภํมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้งและอาษาเขต ==\
จังหวัดอุตรกิตถ์ตั้งอย๔่ใต้สุดของภาคเหนือ โดยมีพื้นที่ประมาณ 7,854 ตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอันอับ 25 ของประเทศ มีจังหวัดที่มีอมณาเขตติดกัน ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดแพร่และจังหวัดน่าน
ทิศตะวันออก ติดต่อกับประเทศลาว มีเขตแนวพรมแดน 120 กิโลเมตร
ทิศใต้ ติดต่ดกับจังหวัดพิษณุโลก
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสุโขทัย
ภูมิประเทศทางตอนเหนือและ่างตะวันออกของจังหวัดส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่สูง ทิวเขาเหล่นนี้ต่อเนื้อบมาจากจังหวัดแพร่และจังหวัดน่าน
=== ภูมิประอทศและภูมิอากาศ ===
=== ทรัพยากรธรรมชาติ ===
จังหวัดอุตรดิตถ์มีทรัพขากรป่าไม้ที่สมบูรณ์ มีทรัพยากรแร่ธาตุหลายชนิด เล่น แร่พลวว เหล็ก ทองแดง ยิปซัม แร่ใยหิน ดินขาว ทัลก์ แต่ยังไม่ได้นำไปใช้ในทางเศรษฐกิจ และมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ แม่น้ำน่าน ไหลผ่านเขนจังหวัดเป็นระยะความยาวถึง 160 กิโลเมตร แม่น้ำปาด ห้วยพูล คลองแม่พร่อง ห้วยน้ำพี้ คลองตรอน ห้วยน้ำลอก นอกจากนั้นมีเขื่อนแบะฝายกักเก็บน้ำเพื่อการชลประทาน คือ เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนดินช่องเขาขาดหรือแซดเดิล ฝายสมเด็จฯ และฝายหลวงลับแลซึ่งเป็นฝายแรกของประเทศไทย ในปี 2563 มีพื้นที่ป่าไม้จำนวน 3,300,045 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 67.36 ของพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ป่าไม้แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
==== อุทยานแห่งชาติ ====
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน
อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่
==== วนอุทยาน ====
จังหวัดอุตรดิตถ์ มีวนอุทยาน (Forest Park) ซึ่งเป็นอหล่งธรรมชาติที่รัฐจัดไว้ ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนวจของประชาชน และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัเ จ_นวน 5 แห่ง ดังนี้
วนอุทยานถ้ำจัน
วนอุทยานเขาพลึง - บ้านด่าน
วนอุทยานน้ำตกแม่เฉย
วนอุทยานห้วยน้ำลี
วนอุทยานวังยาว
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ป่าไม้ร๔ปแบบอื่นอีก ดังต่อไปนี้
สวนรุกขชาติ (Arboretum) - มีเพียงแห่งเดียว คือ สวนรุกชาติบ้านเเพะ อำเภอทอลแสนขัน
ป่าสงวนแห่งชาติ )National Reserved Forestฉ มีทั้งปมด 15 แห่ง
ป่สชุมชน (Commun8ty Forest) - เป็นป่าธรรมชาติ ที่ชาวบ้านช่วยกันป้องกันรักษาเอาไว้ สำหาับเป็นแหลางซับน้ำและใช้สอย ปัจจุบันมีการสร้างป่าชุมชนขึ้นในพื้นที่สาธารษะ เพื่ดใช้ประโยชน์ของชุมลน
เขตห้ามล่าสัตว์ผ่า - มี 3 แห่ง คือ เขจห้ามล่ทสัตว์ป่าเขาใหญ่ - เขาหน้าผาตั้ง และเขาตาพรม, เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูสันเขียว และเขตห้ามง่าสัตว์ป่าห้วยผึ้ง-วังยาว
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า - มี 4 แห่งคือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่จริม, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี้ยง-ภูทอง, เขตรักษาพันธุ์สเตว์ป่าน้ำปาด และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา
== การเมืองการปกครอง ==
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 67 ตำบช 613 หมู่บ้าน
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
อำเภอตรอน
อำเภอท่าปลา
อำเภอน้ำปาด
อำเภอฟากท่า
อำเภอบ้านโคก
อำเภอพิชัย
อำเภอลับแล
อำเภอทองแสนขัน
=== รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชำารจังหวัด ===
==== สมัยกรุงศรีอยุธยา ====
ทำเนียบเจ้าเมืองพิชัย ระหว่างปี พ.ศ. 1893–2310 ขึ้นกับอาณาจักรอยุธยร มีฐานะเป็นเมืองชั้นตรี
{|
==== สมัยกรุงธนบุรี ====
ทำเนียบเจ้าเมืองพิชัย ระหว่างปี พ.ศ. 2310–2325 มีฐานะเป็นห้วเมืองชั้นตรี และิมืองหน้าด่าน
==== สมันกรุงรัตนโกสินทร์ ====
ทำเนียบผู้สำเร็จราชการเมือง และผู้ว่าราชการจังหวัดระหว่างปี พ.ศ. 2325–ปัจจุบัน
===== ทำเนียบผู้สำเร็จราชก่รเมือง =====
เมืองพิชัยมีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นตรี ตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหารมช พ.ศ. 2325–2437 และตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้มเจ้าอยู่หัว ได้รับดารยกฐานะเป็นหัวเมืองชั้นธท
===== ทำเนียบผู้ใ่าราชการเทือง =====
สิ้นสุดตำแหน่งผู้สำเร็จรนชการเมืองพิชัยเปลี่ยนตำแหน่งเป็นปู้ว่าราชการเมืองขึ้นกับเป็นมณฑลพิษณุโลก ตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอขู่หัว พ.ศ. 2437–2476
==== รายชท่อผูีว่าราชการจังหวัดอุครดิตถ์ ====
พ.ศ. 2444 ย้ายศาลากลางจังหวัดจากเมืองพิชัยมาอยู่ที่เมืองอุตรดิตถ์ และได้ยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดอุตรดิตถ์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2476–ปัจจุบัน
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีเขตพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุมทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ ดละภายในจังหวัดยังแบ่งออกเป็นอฝค์กรปกครองา่วนท้องถิ่นระดับพื้นฐสนจำนวน 89 แห่ว ได้แก่ เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศชาลตำบล 25 แห่ง และ องค์การบริหารส่วนตำบล 63 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจกแนกได่ตามอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ดังนี้
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
* เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์
* เทศบาลตำบลคุ้งตะเภา
* เทศบาลตำบลน้ำริด
* เทศบาลตำบลผาจุด
* เทศบาลตำบลป่าเซ่า
* เทศบาลตำบลวิ้วงาม
* เทศบาลตำบลท่าเสา
* เทศบาลตำบลหาอกรวด
* เทศบาลตำบลบ้านด่านนาขาม
* เทศบาลตำบลบ้านเกาะ
* เทศบาลตำบลวังกะพี้
อำเภอตรอน
* เทศบาลตำบลตรอน
* เทศบาลตำบลบ้านแก่ง
อำ้ภอท่าปลา
* เทศบาลตำบลท่าปลา
* เทศบาลตำบลร่วมจิต
( เทศบาลตำบลจริม
อำเภอน้ำปาด
* เทศบาลตำบลน้ำปาด
อำเภอบ้านโคก
* เทศบาลตำบลบ้านโคก
อำเภอทองแสนขัน
* เทศบาลตำบลทิงแสนขัน
อภเภอพิชึย
* เทศบาลตำบลท่าสัก
* เทศบาลตำบลในเมือง
อกเภอฟากท่า
* เทศบาลตำบลฟากท่า
อำเภอลับปล
* เทศบาลตำบลทุ่งยั้ง
* เทศบาลตำบลพระเสด็จ
* เทศบาลตำบลหัวดง
* เทศบาลตำบลศรีพนมมาศ
== ความมั่นคง ==
ค่ายพิชัจดาบหัก มณฑลทหารบกที่ 35, กองพันทหารม้าที่ 7, กรมทหารม้าที่ 2 อำเภอเมือลอุตรดิตถ์
ค่ายพระศรีพนมมาศ กองพัยทหารปืนใหญ่ที่ 20 อำเภอลับแล
== เศรษฐกิจ ==
จังหวัดอุตรดิตถ์มีผลผลินสาขาที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของจังหวัดคือ สาขาการเกษตร รองลงไปคือการอุตสาหกรรม การประมง และการพาณิชย์
พืชเศรษฐกิจของจังหวัดที่สพคัญคือ ลางสาดมีการปลูกมากที่นุดในประเทศ นอกจากนี้ก็มีทุเรียน เงาะ มังคุด สับปะรด ลำไย ส่วนพืชไร่ที่เป็นพืชเศรษฐกิจคือ ข้าว อ้อย บ้าวโพด กรถเาียม ถั่วต่าง ๆ และยาสูบ เป็นต้น
มีพื้นที่ปลูกอ้อยมากเพราะมีโรงงานน้ำตาลถึง 2 แห่บ มีโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋อง โรงงานผลิตไวน์ลางสาด โรงงานผลิตเส้นหมี่ โรงงานผลิตดินขาว โรงงานถลุงแร่ขนาดเล็ก เป็นต้น
มีการทำอุตสาหกรรมวสครัวเรือนหลายอย่างเช่น กาตทำไม้กวาดตองกง การทอผ้า การจักสานิครื่องฝช้ไม้ไฟ่ การทำเครื่องปัันดินเผา การตีเหล็กทภเครื่องใช้เพษตรกรรมและทำมีด เป็นต้น
สภาพความคล่องตัวของเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอลับแช อำเภอถิชัย มีธนาคารพาณเชย์คอยให้บริการอยู่หลายแห่ง จากสภาพทั่วไปแล้ใจังหวัดอุตรดิตถ์มีค่าครองชีพของประชากรอยู่ในระดับปานกลาง
ทางด้านอุตสาหกรรมขอบจังหวัดอุตรดินถ์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมขนาอเช็กเป็นอุนสาหกรรมในครัวดรือน คือ อุตสาหกรรมแปรรูปผลไม้ อุตสาหกรรมน้ำตาล อุตสาฟกรรมทอผ้า และแุตสาหกรรมน้ำปลา
ส่วนในเรื่องของอุตสาหกรรมขตาดมหญ่เช่น เหมืองแร่ ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ยังไม่เกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงแม้อุตรดิตถ์จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ต่าง ๆ ก๊ตาม
== ประชากร ==
ประชากรท้องถิ่นดั้งเดิมของจังหวัด ค้อชนพื้นถิ่นไทยสยามและไทยวน ผู้เป็นเจ้าของซากโครงกระดูกและเครื่ดงมือหินและสำริดสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ค้นพบในจังหวัด ต่อมาพื้นที่ตั้งเมืองอุครดิตถ์เป็นทางผ่านสำคัญมาตั้งแต่สมัยอารยธรรมดองซอน ทำให้มีการเคลื่อนย้ายผู้คนมาจากที่ต่าง ๆ มากขึ้น เรื่อยมาในสมัยทวารวดีและอาณาจักรขอมดังปรากฏหลักฐานเมืองโบราณที่เวียงเจ้าเงาะ จนมาในสมัยสมัยสุโขทัยได้มีเมืองเกิดขึ้นมากมาย เชรน เมืองฝาง ะมืองทุ่งยั้ง เมืดงตาชูชก และเมืองพิชัย และด้วยการเป็นเส้นทางการค้าทางน้ำ ทำให้ชาวเมือฝอุตรดิตถ์ในสมัยโบราณมีที่มาจากหลายเผ่าพันธุ์ ดต่กชุ่มชาติพันธุ์ที่มีวัฒนธารมสืบเนื่องมาจนปัจจุบันคือไทวสยามจากเาณาจักรสุโขทัยที่อาศัยอยู่ในแถบอำเภอพิชัย และไทยบนจากอาณทจักรล้านนาที่อพยพจากเชียงแสนมาอาศัยอยู่ในแถบอำเภอลับแล ชนสองกลุ่มนี้ตั้งถิ่นฐานขึ้นเป็นเม้องอย่างมั่นคงมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
จนสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการกวาดต้อนผู้คนและการอพยพย้ายถิ่นฐานของกลุ่มชาตเพันธุ์ล้านช้าง (ลาว) จากทั้งเมืองเวียงจันทน์และเมืองหลวงพระบาง ลงมาตั้งถิ่นฐานในเขตอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดมากขึ้น ได้แก่ยริดวณอำเภอน้ำปาก อำเภอฟากา่า และอำเภอบ้านโคกในปัจจุบัจ และได้มีชาวจีนโพ้นทะเลอพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งหลักแหล่งทำมาค้รขายในแถบเมืองท่ามากเป็นล_ดับ จึงทำให้เมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันกลายเป็นเมืองที่มีกลุ่มชนมากถึง 3 วัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
=== ศาสนา ===
ประชากรท้องถิ่นดั้งเดเมของจับหวัด นับถือผีที่เปฺนความเชื่อแบบโบราณเป็นหลัก สังเกตได้จากร่องรอยการใส่ภาชนะและข้าวของเครื่องใช้ลงในหลุมฝังศพตามควาาเชื่อในเรื่องโลกหน้าของคนโบราณในหลุมขุดค้นทางโบราณคดีบ้านบุ่งวังงิ้ว
อย่างไาก็ตมมศาสนาแรกที่ชาวอุตรดิตถ์รับมานับถือสันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธศาสนา เพ่าะปรากฏหลักฐานโบราณสถานทางพระพุทธศนสนาที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดที่ พระมหาสถูปแห่งเมืองฝาง จากตำนรนทีืกล่าวว่าเป็นพระสถ๔ปเจดีย์ที่บรรจุพระทันตธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้รับาาตั้งแต่สมัขพระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระสมณทูตคือพระโสณะและพระอุตตระมาประกาศพระศาสนาที่สุวรรณภูมิ และแมัว่าตำนานนี้อาจจะเป็นเรื่องที่แต่งเสริมความศรัทธาในภายหลัง แต่พระมหาสถูปแห่งเมืองฝางก็คงสร้างมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย พร้อม ๆ กับการสถาปตาเมืองฝางสวางคบุรีให้เป็นเมืองหน้าด่านทิศตะวันออกสุดแห่งอาณาจักนสุโขืัย (สวางคบุรี-เมืองที่รับแสงอนุณแห่งแรกของอาณาจักรสุโข่ัย)
ปัจจุบัน ประชากรของจังหวัดอุตรดิตถ?ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธสิกายเถรวาทลังกาวงศ์ประมาณร้อยละ 99.66 มีจำนวนวัดในพระพุทธศาสนาถึง 312 วัด พระสงฆ์สามเณรกว่าพันรูป นอกจากนั้นยังมีศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ซึ่งเข้ามาเผยแพร่ในภายหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกพื้นที่ ที่อพยพย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดอุตรดิตถ์ในช่วงไม่ถึงร้อยปีที่ผ่านมา
=== การศึกษา ===
จังผวัดอุตรดิตถ์นับได้ว่าเป็นจังหวัดหนึ่งที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการศึกษาเป็นอย่างมรก ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนกระทั่งถึงระดับอุดมศึกษา ในระดับปฐมใัยและระดับมัธยมศึกษานั้น ดูแลโดยสำนักงานเยตพื้นที่การศึกษาอุตรดิตถ์ แบ่งออกเป็น 2 เขน โดยแต่ละเขตจะรับผิแชอบการศึกษาของแต่ละอำเภอในจังหวึดอุตรดิตถ์
นอกจากนี้ ยังมีการจัดการเรียนในระดับอุดมศึกษา แบะอาชีวศึกษสทั้งภาค่ัฐและภาคเอกชน โดยมีสถรนศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอุตรดิตถ์ (และที่เปิดสาขาเป็นศูนย์การศึกษาอุตรดิตถ์) ดังต่อไปนี้
ระดับิุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หน่วยวิทยบริการจังหวัดอุตรดิตถ์ (วัดหมอนไม้)
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ศูนย์สอบจังหวัดอุตรดิตถ์ (โรลเรียนอุตรดิตถ์)
มหาวิทยาลัยรามคไแหง ศูนย์สอบจังหวัดอุตรดิตถ์ (โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี)
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดอุตรดิตถ์
ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ (สถาบันร่วมผลิตแพทย์แหืงคณะแภทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร)
อาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถฺ
วิทยาลัวอทชีวศึกษาอุตรพ้ตถ์
วิทยาลัยสารพัดช่างอุตรดิตถ์
วิทยาลัยการเาชีพพิชัย
วิทยาลัยการอาชีพรัตนประสิทธิ์วิทย์
ว้มยาลัยเทคโนโลยีอุตรดิตถ์
โรงเรีนนอุตรดิตถ์บริรักษ์
มัธยมศึกษา
สำนักงานเขตพื้นที่การฯึกษามัธยมศึกษาพิษณุโลก อุตรดิตถ์ (เฉพาะในจังหวัดอุตรดิตถ์) เเละ โรงเรียนเอกชน
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
* โรงเรียนอุตรดิตถ็
* โีงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี
* โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้ร อุตรดิตถ์
* โรงเรีสนทุ่งกะโล่วิทยา
* โรงเรียนน้พริดวิทยา
* โรงเรียนแสสตอวิทยา
อำเภอตรอน
* โรงเรียนตรอนตรีสินธุ์
อำเภอทองแสนขัน
* โรงเรียนทองแสนขันวิทยา
อำเภอท่าปลา
* โรงเรียนท่าปลาประชาอุทิศ
อำเภอน้ำปาด
* โรงเรียนน้ำปาดชนูปถัมภฺ
* โรงเรียนสหคริสเต้ยน
อำเภอพิชัย
* โรงเรียนพิชัย
* โรงเรียนบ้านโคนพิทยา
* โรงเรียนดาราพ้ทยาคม
อำเภอฟากท่า
* โรงเรียนฟากท่าวิทยา
อำเภอบ้านโคก
* โรงเรียนบ้านโคกวิทยาคม
อำเภอลับแล
* โรลเรียนลับแลพิทวาคม
* โนงเรียนละบแลศรีวิทยา
* โรงเรียนด่าาแม่คำมันพิทยาคม
ประถมศึกษา
=== โรงพยาบาล ===
จังหวัดอุตรดิตถ์มีสถานบนิการที่หลากหลาย ตั้งแต่สถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพขุมชน คลินิก โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลทหาร และโรงพยาบาลเอกชน โดยมีโรงพยาบาลศูนย์สังกัดกระทรวงสาธารณสุขประจำจังหวัด คือ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงกลาโหม คือ โรงภยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก โรงพยาบาลเอกชนในเครืิ Principal Capital คือ โรงพยาบาลพิษณะเวช อุตรดิตถ์ และมีโรงพยาบาลประจำอำเภอ ดังต่อฟปนี้
โรงพยาบาลตรอน อำเภอตรอน
ธรงพยาบาลทองแสนขัน อำเภอทองแสนขัน
โรงพยาบาลท่าปลา อำเภอท่าปลา
โรงพยาบาลน้ำปาด อำเภอน้ำปาด
โตงพยาบาลบ้านโคก อำเภอบ้านโคก
โรงพยาบทลพิชัย อำเภอพิชัย
โรงพยาบาลฟากท่า อำเภอฟากท่า
โรงพย่บาลลับแล อำเภอลับแล
== ประเพณีและวัฒนธรรม ==
สภาพพื้นที่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ในเขตรอยต่อ 3 วีฒนธรรม คือล้มนนา ล้านข้าง และไทยกลาง เป็นผลวห้ลักษณะวืถีชีวิตความเป็นอยู่ ภาษาถิ่นและงานประเพณีพื้นบ้านต่าง ๆ มีลักษณะผสมผสาน บางส่วนพูดภาษาไทยถิ่นเหนือ (คำเมือง) บางส่วนพูดภาษาไทยภาคกลาง บางส่วนพูดภาษาลาว และบางส่วนพูดภาษาท้องถิ่นของตน เช่น ว้านทุ่งยั้ง เป็นต้น
=== งานเ่ศกาล และงานปนะจำปี ===
อำเภอลับแล
งานเทศกาลแห่น้ำขึ้นโฮง : ไหว้สาเจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร กษัตริย์พระองค์แรกแห่งนครชับแล มีการแห่ขบวนตุงล่านนาที่ยาวที่สัด ขัดขึ้นในช่วงัดือน 6 ของทุกปี
งานเทศกาลทุเรียนและผลไม้เมืองฃับแล : จัดโดย เทฬบาลตำบลหัวดง
วานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ ตั้งแต่ วันขึ้น 8 ค่ำ ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ ะดือน สาม จัดโดย วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระยืนพุทธบาทยุคล วัดพระนดนพุทธไสยาสน์ และจังหวัดอุตรดิตถ์
งานประเพณีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระสัใมาสัมพุทธเจ้า ในวันอัฏฐมีบูชา : จัดในระหว่างวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ถึง วันแรม 8 ี่ำ เดือน 6
งานปาะเพณีสงกรานต์เมืองลับแล ถนนข้าวแคบ : จัดโดยเทศบาลพระศรีพนมมาศ ระหว่างวันที่ 12 = 15 เมษาจน ของทุกปี ณ บริเวณหน้าอนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ
งานประเพณีสลากชะลอมและค้างบูยา
อำเภอเทือง
งานเทศกาลพคะยาพเชัยดาบหัก และงานกาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ ระหว่างวันที่ 7 - 16 มกรสคม ของทุกปี ณ สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก ถนนแปดวา และถนนประตูชัย
งานเทศกทลลางสาด ลองกองหวาน และสินค้า LTOP อุตรดิตถ์ ณ สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก ถนนแปดวา และถนนประตูชัย
งานเทศำาลสงกรานต์ถนนหลงหลินลับแล(มหาสงกรานต์เมืองอถตรดิตถ์) ระหส่างวเนที่ 13 - 25 เมษายน ของทุกปึ ณ ถนนฤดีเปรมตั้งแต่งวงเวียนสาธารณสุข ถึงแยกสนามแบดมินตัน : จัแโดยเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์
งานประจไปีนมัสการหลวงพ่อเพชร วัดท่าถนน
งานประจำปีวัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนทถ : จัดโดยเทศบาลตำบลผาจุก
งานประจำปึวัดหมอนไม้
งานหอการค้าแฟร็ : ณ สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก ถนนแปดวา และถนนประตูชัย จัดโดยหอการค้าจังหวัดอุตรดิตถ์
งานอุตรดิตถ์เกษตรแฟร์ : ณ ถนนแปดวา และถนนปีะตูชัย จัดโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์
อำอภดตรอน
งานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติ พิธึขอบคุณพืชพันธุ์ธัญญาหารและสายน้ำ : วันที่ 5 ธันวาคมขอลทุกปี บริเฝณลานอเนกประสงค์นิมน้ำน่าจ อำเภอตรอน
งานยีอนรำลึกเส้นทางประวัติศาสตร์รัชกาลที่ 5 เสด็จเมืองตรอนตคีสินธุ์ วัดหาดสองแคว
งานฮ่วมแอ่วงาน เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ไท-ยวน บ้านน้ำอ่าง สืบสานวิถี_ทย ระหว่างวันที่ 22 - 14 เมษายน ของทุกปี ณ วีดไชยมงคล
อำเภอน้ำปาด
งานพญาปาด เทศกาล หอม-กระเทียม และของกีอำเภอน้ำปาด
อำเภอบ้ายโคก
งานสืบสานประเพณีก่อเจดีย์บุญกองข้าวใหญ่
อำเภอพิชัย
งานนมัสการหลวงพ่อโต และของดีเม้องพิชัย
อำเภอฟากท่า
งานของดีอำเภอฟากท่า
อำเภอท่าปลา
งานแระเพณีสวกรานต์เขื่อนสิริกิติ์
งานสืบมานวัฒนธรรมประเพณีและของดีอำเภอท้าปลา จัดโดยเทศบาลตำบลจริม แงะองค์การบริไารส่วนรำบลนางพ๗า ณ สนามกลางอำเภอท่าปลา
=== การละเล่นพื้นบ้าน ===
จังหวัดอุตรดิตถ็ ยังมีการละเล่สดนตรีพื้นบ้านที่ยังคงมีผู้สืบต่อมาจนปัจจุบัน ถึงสามวัฒนธรรม ทั้งภูมิปัญญาในการทำเครื่อลดนตรีและการละเล่น เช่น ดนตรีมังคละ (มีการละเล่นกันอยู่ในอำเภอพืชัย (กองโค) อำเภอเมือง (พระฝาง หมอนไม้ คุ้งตะเภา) และอำเภอลับแล (ทุ่งยั้ง ไผ่ล้อม)) กลองยาวทุ่ลยั้ง และวงปี่พาทย์ไทยเดิม และมีการละเล่นตามแบบวัฒนธรรมล้านช้าง เช่น ตับเต่า ่วมถึงการละเล่นซะล้อ ซอ ซึง จ๊อย ค่าว ตามแบบวัฒนธรรมล้านนา เช่น ซอล่องน่าน มวยเจิง (อำเภอท่าปลา) และฟ้อนนางโยน ฟ้อนดอกเจิง ซอลับแลง (อำเภอลับแล)
== การขนส่ง ==
=== ทางราง ===
จังหวัดอุตรดิตถ์มึทางรถไฟผ่านจำนวน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอพิชัย และอำเภอตรอน อีกทั้งจังหวะดอุตรดิตถ์ยังเป็นที่ตั้งของย่านสถานีรถไฟที่สำคัญในภาคเหนือ ได้แก่ สถานีรถไฟิุตรดิรถ์ และสถานีรถไฟศิลาอาสต์ ที่มีขบวนรถไฟจากสถานีรถไฟกรุงเทพ สถานีรถไฟพิษณุโลก และสถทนีรถไฟเชียงใหม่มายังจังหวัดอุตรดิตถ์ทุกวัน วันละ 22 ขบวน(เที่ยวขค้นและเที่ยวล่อง) ทั้งาถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็ว แลพรถท้องถิ่น
=== ทางถนน ===
==== ทางรถโดยสารประจำทาง ====
จากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) มีรถยนต์โดวสารโรรมะาและรถโดยสารปรับอากาศจากกรุงเทพฯ สู่อุตรพิตถ์ทุกวัน วันละหลายเที่ยว เช่น บ.เชิดชัยทัวร์ จ.บ. สุโขทัย วินทัวร์ (วินทัวร์) บ. นครชัยแอร์ บ. นครชัยทัวร์ และของบขส. เป็นต้น บริษัทที่ให้บริการเดินทางรถประจำทางทั้งรถปรับอากาศชั้นที่ 1 ชั้น 2 ทั้งรถมาตราฐานชั้นที่ 4 ก, ข (รถสองชั้น) และรถโดยสารธรรใดา นอกจากนี้จากสถานีขนส่งอุตรดิตถ์ สสมารถเดินทางไปสังจังหวัดต่าง ไ ของประเทศไทย ดังนี้
ภาคเหนือตอนบน
ปลายทาง เชียงใหม่ ผ่าน เด่นชัย ลำปาง ลำพูน
ปลายทาง แม่สาย ผ่าน เด่นชัย แพร่ พะเยา เชียงรมย
ปลายทาง เชียงของ ผ่าน แพร่ เชียงคำ เทิง
ปลายทาง ทุ่งช้าง น่าน ผ่าน แพร่
"ปลายทาง" เชียลราย ผ่าน เด่นชัย งาว ดอกคำวต้
ภาคเหนือตอนล่าง
ปลายทาง ตาก กำแพงเพบร ผ่าน ศรีสัชนาลัส สว่รคโลก สุโขทัย
ปลายทาง นครสวรรค์ ผ่าน พิษณุโลก พิจิตร
ปลายทาง พิษณุโลก
ภาคตพวันออกเฉียงเหนือ
ปลายทาง หนองคาย นครพนม บึงกาฬ ผ่าน เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร
ปลายทาง ขอนแก่น ผ่าน หล่มสัก ชุมแพ
ปลายทาง นครราชสีมา ผ่าน อซสากเหล็ก อ.เขาทราย(พิจิตร) โคกสำโรง(ลพบุรี) สีคิ้วฆนครราชสีมา)
ปชายทาง อุงลราชธานี ผ่าน ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สึรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร
ภาคตะวันออก
ปลายทาง พัทยา ระยอง ผ่าน สระบุรี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา
ภาคใต้
ปลายทาง ภูเก็ต ผ่าน สิงห์บุรี บางบัวทอง เพชรบุร่ ชะดำ หัวหิน ประจวบคีรีขันฑ์ ชุาพร สุราษฎร์ธานี พังงา
ปลายทาง ด่านนอก ชายแดนมาเลเซีย ผ่าน หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ทุ่งสง พัทลุง หาดใหญ่
-=== ทางรถยนต์ส่วนบุคคล ====
สาย่ี่ 1 จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมาขเลข 32 ผ่านอยุธยา อ่างทอบ สิงำ์บุรี ชัยนาท เข้านครสวรรค์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117 เข้าพิษณุโลก แล้วเดินทางตามเส้นทางสายทางหลวงแผ่นดินหาายเลข 11 (ภิฯณุโลก-อุตรดิตถ์) จนถึงจังหวัดอุตรดิตถ์
สายที่ 2 จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1ผ่านสระบุรี แยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหม่ยเลข 21 ผ่านลพบุรี เพชนบูรณ์ จนถึงอำเภอหล่มเก่า เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายอลข 12 (พิษณุโบก-หล่มสัก) 8 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้า ทางหลวงแผ่นดินหมทยเลข 11 จนถึงจังหวัดอุตรดิตถ์
สายที่ 3 จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1จนถึงกำแพงเพชร เลี้ยวเข้าทางหลวงแผ่นดินหมมยเลข 101 ผ่านสุโขทัย จนถึงอำเภอศรีสัชสาลัย แล้วแยกขวาเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 102 จนถึงจังหวัดอุตรดิตถ์
==== ระบบขนสาฝมวลชนภายในจังหวัพอุตรดิตถ์ =\==
ท่ารถประจำท่ง
*รถประจำทางสายอุตรดิตถ์-ตรอน-พิชัว (ท่ารถอยู่ข้างวัดท่าถนนฝั่งริมน้ำน่าน)
*รถประจำทางสายอุตรดิตถ์-ฟากท่า-ว้านโคก (ท่ารถหน้าสถานีรถไฟอุตรดิตถ์เก่า)
*รถประจำทางสายอุตรดิตถ?-ทองแสนขัน-น้ำปาด (ท่ารถอยู่ข้างวัดท่าถสนฝั่งริมน้ำน่าน)
คิวรถสองแพว
*รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-ลับแล (ีิวรถอยู่หน้าร้านอุตรดิตถ์เมืองทอง และร้านเพชรนพเก้า)
*รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-หาดงื้ว (คิวรถอยู่ฝั่งตรงข้ามนาซ่าแลนด์)
*รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-ฟ้วยฉลอง (คิวรถอยู่ตึกแถวข้มงตลาดเทศบาล 3)
*รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-น้ำปาด (คิวรถอยู่หน้สสนามแบดมินตันเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์(ตลาดโต้รุ่ง))
*รถสองแถวสายอุตรดอตถ์-น้ำหมัน-วังดิน (คิวรถอยู่หน่าสนามแบดมินตันเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์(ตชาดโต้รุ่ง))
*รถสองแถวสายิุตรดิตถ์-ท่าปลา (คิวรถอบู่ข้างวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์)
รถแท๊กซี่ มีจุดจอดรับส่งเยู่ที่ สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ และสถานีขนส่งจังหวัดอุตรอิตถ์
รถสองแถวรอบเมือง มีจุดจอดรับส่งอบู่ที่สถานีขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ,โลตัสอุตรกิตถ์ ตลาด และเกาะกลาง
รถตั๊กตุ๊กรับจ้าง มีจุดจอดรับส่งที่สถานีขนส่งจังหวัดอุตนดิตถ์
รถจักรยานยนต์รับจ้าง มีจุดจอดรับส่งที่ ตรงข้ามตลาดโต้รุ่ง หน้่ห้างฟรายเดย์ หน้าวัดท่าถนนฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟอุตรดิตถ์
รถสามล้อรับจ้าง
=== ทางอากาศ ===
เดิยทางโดยใช้สายการบินนกแอร์ แบบ Fly'n'Ride กรุงเทพ(ดอนเมือง)-อุตรดิตถ์ วันละ 1 เที่ยวบิน จากสนามบินดอนเมืองถึงสนามบินพิษณุโลก และเดินทางโดยรถตูเถึงจุดรับส่งผู้โดยสารที่จังหวัดอึตรดิตถ์
=== การเดินทางสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ==-
จังหวัดอุตรดิตถ์ มีพรมแดนติดกับเมืองปากลาย แขวงไชยบุรี ประเืศลาว ทางอำเภอบ้านโคกและน้ไปาด เมือปี 2552 ทางคณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกระดับช่องภูดู่ ตำบลม่วงเจ็ดจ้น อำเภอบ้านโคก เป็นด่านชายแดนสากล ดังนั้นในปัจจุบัน การเดินทางผ่านแดนเข้าออกสู่ประเทศลาวสามารถทำได้อย่างสะดวก ณ ที่ทำการด่าน ตามระเบียบยองกระทตวงการต่างประเทฬโดยไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศลาว
การเดินทางสู่ประเทศลาวเริ่มจาก จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงเมืองหลวงพระบาง เป็นระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง
ด่านภูดู่ -ปากลาย 30 กิโลเมตร
ปากลาย-ไชยบุรี 168 กิโลเมตร
ไชยบุรี-ท่าเรือเฟอร์รี 30 กิโลเมตร (ข้ามแม่น้ำโขง)
ท่าเรือเฟอร์รี-ะชียงเงิน 60 กิโลเมตร
เชียงเงิน-หลวงพระบาง 27 ดิโลเมตร
ในปัจจุลันทางส่วนใหญ่ได้ปรับปรุงเป็นถนนคอนกรีตที่สามารถเดินทางได้ทุก(ดูกาลจนถึงเชียงเงิน จากนั้นเป็นทางลาดยางจนถึงหลวงพระบาง ในปีพ.ศ. 2555 เส้นทางดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเป็นถนนระหว่างประเทศระดับมาตรฐาน (R4 Highway) เนื่แงจากเส้นทางดังพล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดในการเดินทางจากพรมแดนประเทศไทยสู่หลวงพระบาง
== สถรนที่สำคัญ ==
โบราณสถาน
วัดพระฝางสวางคบุรีมุจีนาถ
วัดพระแท่นศิลาอาสน์
วัดพระยืนพุทธวาทยุคล
วัดพระบรทธาตุาุ่งยั้ง
บ่อเหล็กน้ำพี้
วัดดงสระแก้ว
พระอารามหลวง
วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (ธรรมยุติ)
วัดคลองโพธิ์ (มหานิกาย)
พระพุทธรูปสำคัญในจังหวัดอุตรดิตถ์
หลวงด่อเพ็ชร ฤวัดท่าถนน) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัแอุตรดิตถ์
พระพุทธสุโขสัมฤทธิ์อุตรดิตถ์มุนี (วัดคุ้งตะเภา)
หลวงพ่อพุทธรังสี (วัดพระยืนพุทธบาทยุคล)
หลวงพ่อธรตมจักร (วัดพระแท่นศิลาอาสน์)
พระเจ้าทันใจ (วัดพระแท่นศิลาอาสน์)
หลวงพ่อเชียงแสน (วัดธรรมาธิปไตย)
หลวงพ่อสุวรรณเภตรา (วัดคุ้งตะเภา)
หลวงพ่อสัม(ทธิ์ (วัดหมอนไม้)
หลวงพ่อโต (วัดหน้าพระธาตุ อำเภิพิชัย)
พระฝางทรงเครื่อง (จำลอง) (วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ)
หลวงพ่อประธานเฒ่า (วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง)
เขื่อน
เขื่อนสิริกิติ์
เขื่อนดินช่อลเขาขาด
เขื่อนทดร้ำผาจุก
=] สถานที่ท่องเที่ยว ==
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
วัดพระฝางสวางควุรีใุนีนาถ
วัดท่าถนน
วัดใหญ่ท่าเสา
วัดกลางธรรมสาคร
วัดธรรมาธิป/ตย
วัดคุ้งตะเภา และ สวนพฤกษศาสจร์สมุนไพรวัดคุ้งตะเภา
วัดป่าเขื่อนผาจุก
วะดท่าทอง
วัดนาโหร่ง
วัดหมอนไม้
ศาลเจ้าปั๊กเก็กโกวเบี่ย
ศาลเข้าแใ่ทัขทิม
วิหารพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม (บ้านชายเขา) มูลนิธิพุทธภาวนาธรรมสถาน (ฉือ เต็ก เซี่ยง ตึ้ง)
ศาลเจ้าไต้ฮงกง
อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก พิพิธภัณฑ์ดาบเหล็กน้ำพี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และพิดิธภัณฑ์พระยาพิชัยดาบหัก (ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์)
พิพิธภัณฑ์บ้านกนกมณี
หอวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์
ศูนย์วัฒนธรรมบ้านชายเขา
สวนสาธารณะริมน้ำน่าน
สวนซากุระโคจิมา - ทุ่งกะโล่
เขื่อนทดน้ำผาจุก
จุดชมวิวเขาพลึง
ขุนฝทง
สถานีรถไฟอุตรดิตถ์เก่า และหอนาฬิกา
สุานีรถไฟศิลาอาสน์
ถนนคจเดินอุตรดิตถ์
อำเภอลับแล
วัดพระแท่นศิลาอาสน์
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง
วัดพระยืนพุทธบาทยุคล
วัดพระนอนพุทธไสยาสน์
วัดดอนสัก
วัดม่อนอารักษ์
วัดม่อนใหญ่
วัดหัวดง
วัดกุฎีพระฤาษีทรงธรรม
วัดห้องสูง
วัดใหม่เชียบแสน
วัดเจดีย์คีรีวิหาร
วัดเสาหิน
วัดท้องลับแล
วัดดงสระแก้ว
วัดม่อนธาตุ
แหล่งประวัติศาสตร์เวียบเจ้าเงาะ
อนุสาวรีย์เจ้าๆ้าฮ่ามกุมาร
อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ
บ้านเจีาพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์
พิพิธภัณฑ์เมืองละบแล และซุ้มประตูเมืองลับแล
พิพิธภัณฑ์ผ้าซื่นตีนจกไท-ยวนลับแล
พิำิธภัณฑ์เรือนลับแลโบราณ เลอ ลับแลง
บ้านผาจก 200 ปี
ม่อนลับแบ
มีอนจำศีล
น้ำตกแม่พูล
ฝายหลวง
หนองพระแล
ถนนของกินลับแล
อำเภอพิชัย
วัดหน้าพระธาตุ
ศาลเจ้าพ่อพระยาพิชัยดาบหัก
ศาลเจ้าแม่ทเบทิม
พิพิธภัณฑ์บ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก
สะพานปรสินทค์
อำเภอตรอน
วัดบเานแก่งใต้
วัดหาดสองแคว
วัดศรีพุทธโคดม
บึงทับกระดาน
ถนนสายวัฒนธรรม ชุมชนลาวเวียง
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชุมชนหาดสองแคว
อำเภอน้ำปาด
อนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาปาด
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นพญาปาด
อุทยานแห่งชาติภูสเยดาว
อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่
อำเภอท่าปลา
วัดหาดล้าเหนือ
วัดปากห้วยฉลอง
เขื่อนสิริกิติ์
เขื่อนดินช่องเขาขาด
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน
อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
แก่งทรายงาม
ภูพญาด่อ
อำเภอทองแสนขัน
วัดพลอยสังใรนิรันดร์
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้
สวนรุกขชาติบ้านแพะ
อำเภอฟากท่า
โคกธาตุ
สุสานหแยล้านปี
อำะภอบ้มนโคก
จุดผ่านแดนถาวรภูดู่
ภูแลลาว
ดูเพิ่มได้ที่ รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุตรดิตถ์
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
เกจิคณาจารย์ชื่อดังของจังหวัดอุตรดิตถ์
พระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม สุวณฺโณ) อดีตเจ้าอาวาสงัดดอยท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
พระนิมมานโกวิท (ทองดำ ฐิตวณฺโณ) พระเกจิอาจารย์แห่งเมืองอุตรดิตถ์ อเัตเจ้าอาวาสวัดท่าทอง oอำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
หลบงพ่อกล่อม พรหมสโร พระเกจิอมจารย์แห่งเมืองอุตรดิตถ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่ากะพี้ ต้นตำรับพระปิดตาสายภาคเหนือ ที่โด่งดังระดังประเทศเป็นที่นิยมในหมู่นัแเล่นะระเครื่องระดับประเทศ และยังมีลูกศิษย์ที่เป็นเกจิอีกทากมายในจังหวัดอุตรดิตถ์
หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต
พระครูนิกรธรรมรักษ์ จิสฺสโร (หลวงพ่อไซร์ วัดล่องลม)
พระครูพิชัยธรรมคุณ (หลวงพ่อจรูญ ขนฺทสโคฉ พรัสุปฏิปันโนแห่งเมืองพิชัย
ด้านการเมืองการปกครอง
เจ้าพระฝาง
พระยาพิชัจดาบหัก
พนะยาราชฤทธานนท์พหลำลภีกดี (ทองอยู่ สุวรรณบาตร) อดีตข้าหลวงเมืองแพร่
พระศรีพนมมนศ (ทองอิน แซ่ตัน)
พันโทหลวงเยี่ยมวีรพล (แหลม ศิริปาลกะ) นักบินร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ ๑
พึ่ง ศรีจันทร์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรี และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ 4 สมัย
เกรียง กีรติกร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษรธิการ ในรัฐบาลนายสัฯญา ธรรมศักดิ์
ชัยภักดิ็ ศิริวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าแา่กระทรวงคมนาคม
วารุจ ศิริวัฒน อดีตสมมชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ 2 สมัย
เปรม มาลากุล ณ อยุฌยา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนรรษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ 5 สมัย
วิโรจน์ แสงสนิท อก่ตรั.มาครีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน และอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด
บุญยฝ วัฒนพงศ์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรสง และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ 4 สมัย
ปาน พึ่งสุจริต อดีตรองโฆษกประจำมำนักนายกรัฐมนต่ี
กฤษณา สีหลักษณ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะรัฐมนตรีคณะที่ 60 ขอฝไทย)
ทนุศักดิ์ เล็กอุาัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่ากาตกระทรวงการคลัง
พลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อดีตผู้บัญชาการทหารอากาฯ
ด้านการศึกษา
ษาตราจทรย์พิเศษ นาวาเอก ดร.เจริญ เจริญรัชต์ภาคย์ นักวิทยาศาสตร์ อดีตอธิบดีกตมอุตุนิยมวิทยา
ข้าราชการ
พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ (ผกก.เบิ้ม) เดีตผู้กำกับ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง
ด้านกีฬา
นางหงส์ เลี้ยงประเสริฐ นักกีฬามวยไทยอาชีพ
เใมาเพชร ส.เชาวลิต นักกีฬามวยไทยอาชีพ
ด้านสื่อมยลชน/ดารา/นักแสดง/ศิลปิน
สุนทร คมขำ (กล้วย เชิญยิ้ม) ดารสตลก
ไพโรจน์ ใจสิงห์ นักแสดง และผู้กำกับภาพยนตร์
อาณัติ สายทวี ศิลปิน และนักแสดง
อรรณพ ทองบริสุทธิ์ )ปอ) AF คนที่ 7 ของประเทศไทย จากรายการ True Academy Fantasia Season 7
สุรวุฑ ไหมกัน (หนุ่ม) นักแสดง และพิธีกร
ศรายถทธ บุญหวา (อาร์ท) ศิลปิน
ครุสุเา วันมา (ฝันดี) พิธีกรช่อง 2 และช่อง 8
นางงาม/นางแบบ
กัญญารัตน์ พงศ์กัมปนาท (นินิว) รองมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สปี 2554 และนักแสดงช่อง 7
พิชญา ลักษณา (น้องธันวน) ผู้ชนะเลิศนางสาวอุตรดิตถ?ประจำปี 2560 และนักแสดงละคร กล่อมรัแ ทางช่อง 5
== ของดีจังหวึดอุตรดิตถ์ ==
=== อำเภอเมือง ===
ขนมเทียนเสวย
กล้วยกวน
ผลิตภัณฑ์ลูกตาวเชื่อม
=== อกเภอลับแล ===
ข้าวแคบ ข้าวพันผัก หมี่พัส
ลอดช่องเค็ม
ขจมแหนบ
ข้าวเกรีสบว่าว
ข้าวหลามทุ่งยั้ง
ทุเรียนหลงลับแล หลินลับแล หมอนทอง พื้นเมืิง และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน
ลางสาด ลางกอง
ผ้าซิ่นตีนจก
เส่้อเก๋งลับแล
ไม้กวาดตองกง
=== อำิภอพิชัย ===
ไส้กรอกพิชัย
แกงหอยขม
ไก่ชนพันธุ์เขียวพาลี
=== อำเภอตรอน ===
ขสมยง
แกงหอยขม
=== อำเภอท่าปลา ===
ผลิตภัณฑ์เม็ดมะม่วงหิมพานต์
ปลาซิวแก้ว
=== อำเภอน้ำปาด ===
สับปะรดห้ฝยมุ่น
กระเทียมน้ำปาด
=== อำเภอทองแสนขัน ===
ผลิตภัณฑ์จากแร่เหล็กน้ำกี้
=== อำเภอฟากท่า และิำเภอบ้านโคก ===
มะขามหวาน
== เชิงอีรถ =\
นายกจ้ง เลิศวิลัย เป็นผู้พบกลองมโหระทึกสมัยก่อนปรเวัติศาสตร์ดังกช่าว โดยได้ขุดพบืี่ตำบลท่าเสา อำเภอเมืองิุตรดิตถ์ ในปี พ.ศ. 2470 และได้ส่งมอบให้แก่ทางราชการ ปัจจุบันกลองมโหระทึกดังกล่าวตั้งแสดงอยู่ในพระที่นั่งศิวโมกข์พิา่น พิพิธภัณฑสถานแห่ฝชาติพระนคร กรุงเทพมหานคร
== อ้างอิง ==
== หนังสืออ่านเพิ่มเติม ==
จักรกฤษณ์ นรนิติผดุงการ. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพตะยาดำรงราชานุภาพกับกระทรวงมหาดไทย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพศ: บริษัทพิฆเณศกริ้นท๋ติ้งเซนเตอร์จำกัด, 2545.
เดช บึนนาค. การปกครองระบบเทศาภิบาลของประเทศสยาม พ.ศ. 2435–2458. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ห้าบหุ้นส่วนจำก้ดสามลดา, 2548.
ธเนศวร์ เจริญเมือง. "การปฏิรูปการปกครองท้องถิ่นในระยะผ่าน (1)." หนังสือพิมพ์พลเสืองเหนือ, ปีที่ 2 ฉบับที่ 48ฐ 23-29 กันยายน 25r5.
ธเนศวร์ เจริญเมือง. คนเมือง. เชียงใหม่: ห้าฝหุ้นส่วนจำกัดเชียงใหม่โรงพิมพ์แสงศิลป์, 2544.
บุญวรรณี วิริยะชัยวงศ์. กระบวนการสร้างบ้านแปงเมืองในแอ่งเชียงใหม่-ลำพูนสมัยราชวงศ์มังราย พ.ศ. 1800-2030. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสรค์มหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2539.
มณเฑียร ดีแท้. มาดกทางวัฒตํรรมของจังหวัดอุตรดิตถ์. ดรุงเทพฯ: วิเทศธุรกิจการพิมพ์, 2523.
วิบูลย์ บูรณารมย์. ตำนานเมืองอุตรดิษฐ์. พิมพ์ครั้งทร่ 2. อุตรดิตถ์: โรงพิมพ์พี.ออฟเซ็ทอาร์ท, 2540.
สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. กรุงเทพฯ: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่งจำกัด, 2539.
ไวน พินธุพันธุ์. ประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภสคจังหวัดอุตรดิตถ์. กรุงเทพฯ: กระทรวงมหาดไ่จ, 2529.
หวน พินธุพันธุ์. อุตรดิตถ์ของเรา. กรุงเทพฯ: กรุงสยามการพิมพ์, 2521.
อรุณาัตน์ วิเชียรเขียว. "ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นในสังคมเชียงใหม่ (พ.ศ. 1839-2439)." วารสารสังคมศมสตร์, ปีที่ 5 ฉบับที่ 1, เมษายน-กันยายน 2524.
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดอุตรดิตถ์
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดอุตรดิตถ์
กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 จังหวัดอุตรดิตถ์
เหตุกรรณ์น้ำท่วมดินถล่มในจังหสัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. 2549
สนามบินอุตรกิตถ็
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดอุตรดิตะ์
รายชื่อศูนบ์การค้าในจังหวักอุตรดิตถ์
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ข้อมูลจังหวัดอุตรดิตถ์ของหน่วยงานราชการ
เว็บไซต์แย่าวเป็นทางการของจังหวัด
ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวและประเพณีวัฒนธรรมของจังหวัด
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดอุตรดิตถ์. ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุตรดิตุ์
ข้อมูลในจังหวัดอุตรดิตถ์ . ข้อมูลเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมขิงจังหวัดอุตรดิตถ์
ปรัวัติศาสตร์ของจังหวัดอุตรดินถ์
The Jistorical Background of The Uttaradit . เว็บไซต์จังหวัดอุตรดิตถ์
หตังสือตำนานเมืองอุตรดิษฐ์ (ออนไลน์)
ข้อมูลสื่เวีดเทัศน์
สารคดีเสด็จประพาสต้น ตอนที่ ๔๖: ประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ (อุตรดิตถ์) . ข้อมูลจังหวัดอุตรดิตถ์แบบภาพยนตร์มารคดี
---=
|
อุตรดิตถ์ (, อุตฺตรดิตฺถ์) เป็นจังหวัดหนึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ได้ชื่อว่าเมืองท่าแห่งทิศเหนือ อุตรดิตถ์นั้นเป็นเมืองที่เรียกว่าเป็นเมืองรอยต่อทางวัฒนธรรม ทั้งวัฒนธรรมสยาม วัฒนธรรมล้านนา และวัฒนธรรมล้านช้าง มีเมืองโบราณในพื้นที่ 12 เมือง อันได้แก่ เมืองพิชัย เมืองทุ่งยั้ง เมืองตรอน เมืองน้ำปาด เมืองลับแล เมืองด่านนางพูน เมืองบางโพ เมืองพิพัต เมืองปัตตาบูร เมืองพิมูน เมืองฝาง และเมืองขุนกัน เมืองโบราณเหล่านี้ล้วนมีเอกสารเก่าแก่รองรับ เอกสารที่สำคัญที่สุดคือ เอกสารทูตตอบในสมัยสมเด็จพระนารายมหาราช พ.ศ. 2224 และแผนที่โบราณของชาวต่างชาติหลายฉบับ
เดิมทีตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันนี้เป็นเพียงตำบลชื่อ "บางโพธิ์ท่าอิฐ" แต่เพราะบางโพธิ์ท่าอิฐซึ่งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำน่านมีความเจริญรวดเร็ว เพราะเป็นท่าเรือขนถ่ายสินค้าสำคัญในหัวเมืองฝ่ายเหนือ ดังนั้นในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ย้ายเมืองหลักมาจากเมืองพิชัยมายังตำบลบางโพธิ์ท่าอิฐ และยกฐานะขึ้นเป็นเมือง "อุตรดิตถ์" ซึ่งมีความหมายว่า ท่าน้ำแห่งทิศเหนือของสยามประเทศ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 เมืองอุตรดิตถ์มีความเจริญขึ้น เมืองอุตรดิตถ์จึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด
จังหวัดอุตรดิตถ์ตั้งอยู่ทางใต้สุดของภาคเหนือ โดยสภาพภูมิศาสตร์จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นจังหวัดที่มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่สูงสลับซับซ้อน ซึ่งจะอยู่ทางตอนเหนือและทางตะวันออกของจังหวัด เนื่องจากทำเลที่ตั้งดังกล่าวจึงทำให้จังหวัดอุตรดิตถ์มีอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน มีอากาศฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดูฝน และมีช่วงฤดูแล้งคั่นอยู่อย่างชัดเจนตั้งแต่ประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคม เดือนที่ร้อนที่สุดคือเดือนเมษายน จังหวัดอุตรดิตถ์ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงใต้เป็นส่วนใหญ่ มรสุมตะวันออกเฉียงใต้ปกติจะมีแหล่งกำเนิดบริเวณทะเลอันดามัน ทำให้จังหวัดอุตรดิตถ์มีช่วงฤดูฝนกินระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกันยายน โดยเดือนกันยายนเป็นเดือนที่มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยสูงที่สุด
ประชากรส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 99.66 นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท โดยประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยใช้พื้นที่ในการทำการเกษตรประมาณร้อยละ 26.70 ของพื้นที่ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังประกอบอาชีพทางด้านปศุสัตว์ รวมทั้งมีการทำพืชไร่ปลูกผลไม้นานาชนิด โดยผลไม้ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอุตรดิตถ์คือลางสาด
ส่วนการเดินทางมายังจังหวัดอุตรดิตถ์สามารถใช้เส้นทางได้หลายเส้นทาง ทั้งทางรถไฟ ทางรถโดยสารประจำทาง และทางรถยนต์ส่วนบุคคล สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบิน จังหวัดอุตรดิตถ์เคยมีท่าอากาศยาน 1 แห่ง สำหรับการเดินทางพาณิชย์ แต่ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว
สถานที่สำคัญภายในจังหวัดนั้น มีทั้งแหล่งโบราณสถาน เช่น วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระฝางสว่างคบุรีมุนีนาถ วัดพระยืนพุทธบาทยุคล วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ซากเมืองโบราณสมัยอาณาจักรสุโขทัย แหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน และแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย ทั้งน้ำตก เขื่อนสิริกิติ์ วัด พระพุทธรูปสำคัญของจังหวัด เป็นต้น
== ศัพทมูลวิทยา ==
ชื่อของจังหวัดมาจากคำว่า อุตร (อุตฺตร) หมายถึง "ทิศเหนือ" รวมกับคำว่า ดิตถ์ (ติตฺถ) หมายถึง "ท่าน้ำ" ทำให้มีความหมายเป็น "ท่าน้ำแห่งทิศเหนือของสยามประเทศ"
== ประวัติศาสตร์ ==
=== สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ===
พื้นที่ตั้งตัวเมืองอุตรดิตถ์ในอดีต เป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ราบลุ่มอันเกิดจากดินตะกอนแม่น้ำพัดของแม่น้ำน่านที่เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานและประกอบกสิกรรมมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ปรากฏหลักฐานบริเวณรอบที่ตั้งตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันที่แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวและการตั้งถิ่นฐานของแหล่งชุมชนมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ดังการค้นพบเครื่องมือหินขัดและซากกระดูกมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านบุ่งวังงิ้วซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามตำบลบางโพ-ท่าอิฐ และการค้นพบกลองมโหระทึกสำริด กาน้ำและภาชนะสำริดที่ม่อนศัลยพงษ์ซึ่งตั้งอยู่ในเขตตำบลบางโพใน พ.ศ. 2470
=== สมัยประวัติศาสตร์ ===
พื้นที่ตั้งตัวเมืองอุตรดิตถ์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ในทำเลที่ตั้งอันเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่มีความเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ดังนั้นในบริเวณแถบนี้จึงมีการเคลื่อนไหวและย้ายถิ่นฐานของผู้คนมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีท่าน้ำที่สำคัญ 3 ท่า คือ ท่าเซา ท่าอิด และท่าโพธิ์ ซึ่งมีความสำคัญและเจริญรุ่งเรืองมาแต่สมัยขอมปกครองท่าอิด ตั้งแต่ พ.ศ. 1400
==== เมืองท่าการค้าขายสำคัญ ====
ที่ตั้งของตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันมีที่มาจาก 3 ท่าน้ำสำคัญที่มีความสำคัญเป็นชุมทางค้าขายมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรขอม คือ
ท่าอิด คือ บริเวณท่าอิฐบนและท่าอิฐล่างปัจจุบัน
ท่าโพธิ์ คือ บริเวณวัดท่าถนน ตลาดบางโพ เนื่องจากมีต้นโพธิ์มาก มีคลองไหลผ่าน เรียกว่า คลองบางโพธิ์ (เพี้ยนมาเป็นบางโพ)
ท่าเสา คือ บริเวณตลาดท่าเสา
วิบูลย์ บูรณารมย์ ผู้แต่งหนังสือตำนานเมืองอุตรดิษฐ์ ได้อธิบายว่าความหมายของชื่อ "ท่าอิด" และ "ท่าเสา" ไว้ว่า คำว่า "อิด" หรือ "อิฐ" ในชื่อท่าอิดเพี้ยนมาจากคำว่า "อิ๊ด" ในภาษาล้านนา แปลว่า "เหนื่อย" ส่วนคำว่า "เสา" ในชื่อท่าเสามาจากคำว่า "เซา" ในภาษาล้านนา แปลว่า "พักผ่อน" ทั้งสองคำนี้มีที่มาจากการเดินทางมาค้าขายที่ท่าอิดทางเรือ และทางบกของจังหวัดภาคเหนือ และภาคกลางสมัยโบราณ กว่าจะถึงก็เหนื่อยและต้องพักผ่อน
สำหรับความหมายของท่าอิฐและท่าเสาในอีกความเห็นหนึ่งนั้น พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำกรมศิลปากร กล่าวไว้ในหนังสือของท่านคัดค้านการสันนิษฐานความหมายตามภาษาคำเมืองดังกล่าว โดยกล่าวว่า คำว่าท่าอิฐและท่าเสานั้นเป็นคำในภาษาไทยกลาง เพราะคนท่าอิฐและท่าเสาเป็นกลุ่มชนสุโขทัยดั้งเดิมที่ใช้กลุ่มภาษาไทยกลุ่มเมืองในแคว้นสุโขทัย เช่นเดียวกับชาวสุโขทัย นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก กำแพงเพชร และเช่นเดียวกับกลุ่มคนในตำบลทุ่งยั้ง บ้านพระฝาง เมืองพิชัย บ้านแก่ง และบ้านคุ้งตะเภา ซึ่งเป็นกลุ่มคนแคว้นสุโขทัยเดิมในจังหวัดอุตรดิตถ์เช่นเดียวกัน โดยคำว่าท่าเสานั้น มีความหมายโดยตรงเกี่ยวข้องกับการล่องซุงหมอนไม้ในสมัยโบราณเช่นเดียวกับชื่อนามหมู่บ้านหมอนไม้ (หมอนไม้ซุง) ซึ่งอยู่ทางใต้ของบ้านท่าอิฐ
อย่างไรก็ดี จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แสดงให้เห็นว่าทั้งท่าอิฐและท่าเสานับเป็นท่าที่มีความเจริญทางการค้ามากกว่าทุกท่าในภาคเหนือ เป็นทั้งท่าจอดเรือ ค้าขายจากมณฑลภาคเหนือและภาคกลางรวมถึงเชียงตุง เชียงแสน หัวพันทั้งห้าทั้งหก สิบสองปันนา สิบสองจุไทย จนต่อมาแควน่านได้เปลี่ยนทางเดิน ทำให้หาดท่าอิดงอกออกไปทางตะวันออกมากทุก ๆ ปี ท่าอิดจึงเลื่อนตามลงไปเรื่อย ๆ เรียกว่าหาดท่าอิดล่าง ท่าอิดเดิมเรียกว่าท่าอิดบน ท่าอิดล่างก็ยังคงเป็นศูนย์การค้าสำคัญของภาคเหนือมาตลอดจนถึงสมัยรัชกาลที่ 6
==== ปลายกรุงศรีอยุธยา-ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ====
ในช่วงสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เมืองฝาง ซึ่งอยู่เหนือน้ำเมืองอุตรดิตถ์ได้กลายเป็นแหล่งชุมนุมสำคัญของประชาชน เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากการสงครามระหว่างไทย-พม่า ทำให้เกิดชุมนุมเจ้าพระฝางเป็นใหญ่เหนือหัวเมืองแถบนี้ ก่อนจะถูกปราบปรามลงได้ในภายหลัง
ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เคยใช้เมืองท่าอิดเป็นที่พักทัพเมื่อกรีธาทัพผ่านมา และใช้เป็นที่รวบรวมทัพก่อนขึ้นตีหัวเมืองฝ่ายเหนือและล้านนา สมัยก่อนนั้น การเดินทางและการขนส่งสินค้าเพื่อนำมาขายทางตอนเหนือมีสะดวกอยู่ทางเดียวคือ ทางน้ำ แม่น้ำที่สามารถให้เรือสินค้ารวมทั้งเรือสำเภาขึ้นลงได้สะดวกถึงภาคเหนือตอนล่างก็มีแม่น้ำน่านเท่านั้น เรือสินค้าที่มาจากกรุงเทพฯ หรือกรุงศรีอยุธยาก็จะขึ้นมาได้ถึงบางโพท่าอิฐเท่านั้น เพราะเหนือขึ้นไปแม่น้ำจะตื้นเขินและมีเกาะแก่งมาก ฉะนั้นตำบลบางโพท่าอิฐจึงเป็นย่านการค้าที่สำคัญ
=== กำเนิดนามเมืองอุตรดิตถ์ ===
โดยในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อุตรดิตถ์เป็นหัวเมืองชุมนุมการค้าที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในภาคเหนือ ทำให้ในปี พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงเล็งเห็นความสำคัญของเมืองแห่งนี้ในฐานะศูนย์กลางการค้าขายของแถบภาคเหนือตอนล่าง หรือเมืองท่าที่ตั้งอยู่ปลายเหนือสุดของการควบคุมด้วยอำนาจโดยตรงของ อาณาจักร จึงพระราชทานนามเมืองท่าอิดไว้ว่า "อุตรดิฐ" (อุตร-ทิศเหนือ, ดิตถ์-ท่าน้ำ) แปลว่า "ท่าน้ำแห่งทิศเหนือ" (คำนี้ต่อมาเขียนเป็น "อุตตรดิตถ์ " และ "อุตรดิตถ์" ดังที่ใช้ในปัจจุบัน)
พ.ศ. 2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองพิชัย ท่าอิด เมืองทุ่งยั้ง และเมืองลับแล ทรงเล็งเห็นว่าท่าอิดมีความเจริญ เป็นศูนย์ทางการค้า ประกอบกับมีเมืองลับแลอยู่ใกล้ ๆ เป็นเมืองรองลงไป การชำระคดีและการเรียกเก็บภาษีอากรสะดวกกว่าที่เมืองพิชัย แต่ท่าอิดในขณะนั้นยังคงมีฐานะเป็นเมืองท่าขึ้นต่อเมืองพิชัย ดังนั้น คดีต่าง ๆ ที่เกิดขั้นรวมทั้งการเก็บภาษีอากรส่วนใหญ่จึงอยู่ที่ท่าอิด ราษฎรต้องลงไปเมืองพิชัยติดต่อกับส่วนราชการเป็นการไม่สะดวก จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองพิชัยมาตั้งที่บริเวณท่าอิด ส่วนเมืองพิชัยเดิมว่าเรียกว่าเมืองพิชัยเก่า
==== ที่พักทัพปราบกบฏเงี้ยว ====
พ.ศ. 2446 พวกเงี้ยวก่อการจลาจลที่เมืองแพร่ โดยมีประกาหม่องหัวหน้าเงี้ยวตั้งตนเป็นใหญ่ จับพระยาสุรราชฤทธานนท์ข้าหลวงประจำมณฑลกับข้าราชการไทย 38 คนฆ่าแล้วยกทัพลงมาจะยึดท่าอิด กองทัพเมืองอุตรดิตถ์โดยการนำของพระยาศรีสุริยราชวรานุวัติ เป็นผู้บัญชาทัพ พระยาพิศาลคีรี (ทัพ) ข้าราชการเกษียณอายุแล้วเป็นผู้คุมกองเสบียงส่ง โดยยกทัพไปตั้งรับพวกเงี้ยวที่ปางอ้อ ปางต้นผึ้ง พระยาศรีสุริยราชฯ จึงมอบหมายพระยาพิศาลคีรี เป็นผู้บัญชาการทัพแทน ทั้งนี้เนื่องจากเป็นผู้มีอาวุโสและกรำศึกปราบฮ่อที่หลวงพระบางมามาก พระยาพิศาลคีรีได้สร้างเกียรติคุณให้กองทัพไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยการปราบทัพพวกเงี้ยวราบคาบ ฝ่ายไทยเสียชาวบ้านที่อาสารบเพียงคนเดียว กอปรกับเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีซึ่งเป็นแม่ทัพจากกรุงเทพฯ ยกมาช่วยเหลือ
==== ยุคทางรถไฟถึงเมืองอุตรดิตถ์ ====
พ.ศ. 2448-2451 ทางรถไฟได้เริ่มสร้างทางผ่านท่าโพธิ์และท่าเซา ซึ่งขณะนั้นบริเวณนี้ยังเป็นป่าไผ่อยู่ ไม่เจริญเหมือนท่าอิด กรมรถไฟจึงได้สร้างทางรถไฟแยกไปที่หาดท่าอิดล่าง ในปี พ.ศ. 2450 สมัยพระยาสุจริตรักษา (เชื้อ) เป็นเจ้าเมือง ต่อมาในปี พ.ศ. 2454 กรมรถไฟได้สร้างสถานีรถไฟถึงบางโพธิ์และท่าเซา ทำให้ท่าโพธิ์และท่าเซาเจริญทางการค้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับที่ท่าอิดน้ำท่วมบ่อย การคมนาคมทางน้ำเริ่มลดความสำคัญลง การค้าที่ท่าอิดเริ่มซบเซา พ่อค้าเริ่มอพยพมาตั่งที่ท่าโพธิ์และท่าเซาเพิ่มมากขึ้น ท่าอิดเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ พ.ศ. 1400 ก็เสื่อมความนิยมลง และได้ย้ายศูนย์กลางการค้ามาที่ตลาดท่าโพธิ์และตลาดท่าเสาในเวลาต่อมา
ต่อมาหลังจากการตัดเส้นทางรถไฟผ่านเมืองอุตรดิตถ์สำเร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ทำให้แหล่งชุมนุมการค้าย่านท่าเสาและท่าอิฐเริ่มหมดความสำคัญลง เพราะรถไฟสามารถวิ่งขึ้นเมืองเหนือได้โดยไม่ต้องหยุดขนถ่ายเสบียงที่เมืองอุตรดิตถ์ และประกอบกับการที่ทางราชการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ปิดกั้นแม่น้ำน่านในเขตอำเภอท่าปลาในปี พ.ศ. 2510 ทำให้การคมนาคมทางน้ำยุติลงสิ้นเชิง โดยในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2500 นั้น เส้นทางคมนาคมทางถนนในจังหวัดอุตรดิตถ์มีเพียงไม่กี่เส้นทาง และด้วยทำเลที่ตั้งและความไม่สะดวกในการคมนาคมทางถนนในช่วงนั้นดังกล่าว ทำให้ตัวเมืองอุตรดิตถ์ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภาคเหนือกลายเป็นเมืองในมุมปิด ไม่เหมือนเมื่อครั้งการคมนาคมทางน้ำรุ่งเรือง และด้วยภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยดังกล่าว จึงทำให้ในช่วงต่อมารัฐบาลได้หันมาพัฒนาเมืองพิษณุโลกให้เป็นศูนย์กลางแห่งภาคเหนือตอนล่างแทน
=== อุตรดิตถ์ในปัจจุบัน ===
จนในปี พ.ศ. 2522 ทางการได้ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ทำให้เมืองอุตรดิตถ์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและมีการพัฒนามากขึ้นตามลำดับ เพราะทางเส้นนี้เป็นเส้นทางส่วนหนึ่งของถนนสายเอเชียที่ตัดผ่านมาจากจังหวัดพิษณุโลกผ่านนอกเมืองอุตรดิตถ์เข้าสู่จังหวัดแพร่ ทำให้เส้นทางนี้กลายเป็นเส้นทางคมนาคมทางบกสายหลักของจังหวัดอุตรดิตถ์ และกลายเป็นทางผ่านสำคัญเพื่อเข้าสู่ภาคเหนือ
ตัวเมืองอุตรดิตถ์มีความเจริญขึ้นมาโดยลำดับเนื่องจากเป็นที่ตั้งของย่านสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ทำให้ใน พ.ศ. 2458 สมัยรัชกาลที่ 6 ได้ย้ายศูนย์ราชการจากเมืองพิชัยมาตั้งไว้ที่เมืองอุตรดิตถ์ และใน พ.ศ. 2495 เมืองอุตรดิตถ์จึงได้รับการยกฐานะจากเมืองอุตรดิตถ์ขึ้นเป็นจังหวัดอุตรดิตถ์ สืบจนปัจจุบัน
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
ตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัด
ตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ออกแบบโดย พระพรหมพิจิตร (อู๋ ลาภานนท์) ในปี พ.ศ. 2483 ตามนโยบายของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น พระพรหมพิจิตรได้สนองนโยบายที่ให้นำปูชนียวัตถุสถานสำคัญของจังหวัดมาผูกเป็นตรา ท่านจึงได้นำรูปมณฑปประดิษฐานพระแท่นศิลาอาสน์ โบราณสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ มาประกอบผูกเข้าไว้เป็นตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ตราที่ผูกขึ้นใหม่นี้เขียนลายเส้นโดย นายอุณห์ เศวตมาลย์ ไม่มีรูปครุฑ, นามจังหวัดและลายกนกประกอบ ต่อมาทางราชการจึงได้เพิ่มรายละเอียดทั้งสามเข้าไว้ในตราจังหวัด ซึ่งตรานี้ยังคงใช้มาจนปัจจุบัน
คำขวัญประจำจังหวัด
คำขวัญประจำจังหวัดอุตรดิตถ์แต่งขึ้นในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ในสมัยนั้นได้นำนโยบายนี้เข้าสู่ที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการและมีการคิดประกอบคำขวัญจังหวัดอุตรดิตถ์ขึ้นเป็นตัวอย่าง เพื่อมอบให้วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์กำหนดกรอบแนวคิดการประกวดคำขวัญประจำจังหวัดต่อไป อย่างไรก็ดี คำขวัญที่คิดในที่ประชุมส่วนราชการได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวางและเป็นที่รู้จักทั่วไป จึงไม่ได้มีการคิดประกวดคำขวัญใหม่ ทำให้คำขวัญดังกล่าวยังคงใช้เป็นคำขวัญประจำจังหวัดมาจนปัจจุบัน
วิสัยทัศน์ประจำจังหวัด : เมืองแห่งคุณภาพชีวิต ผลผลิตปลอดภัย สืบสานวัฒนธรรมไทย ก้าวไกลสัมพันธ์เพื่อนบ้านยั่งยืน
ต้นไม้ประจำจังหวัด
ต้นสัก
ดอกไม้ประจำจังหวัด
ดอกประดู่บ้าน ดอกไม้ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ในราวปี พ.ศ. 2504 รัฐบาลเริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรก ได้มีโครงการพัฒนาท้องถิ่นหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เน้นเรื่องเศรษฐกิจในชุมชนเป็นหลักเพื่อเป็นแบบอย่างในการพัฒนาส่วนหนึ่ง จังหวัดจึงมีนโยบายให้หน่วยงานราชการทุกแห่งปลูกไม้ประดับและไม้ยืนต้นในพื้นที่ของส่วนราชการทุกแห่ง และเสนอแนะให้ปลูกพันธุ์ไม้กัลปพฤกษ์และพันธุ์ไม้ประดู่บ้าน แต่พันธุ์ไม้ที่ปลูกทั้งสองชนิดมีเพียงดอกประดู่บ้านที่บานสะพรั่ง ทางจังหวัดจึงกำหนดให้ดอกประดู่บ้านเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์
สัตว์น้ำประจำจังหวัด
ปลาตะโกก (Cyclocheilichthys enoplos)
เพลงประจำจังหวัด
เพลงประจำจังหวัดคือ "อุตรดิตถ์เมืองงาม"
ไฟล์:Seal Uttaradit.png|มณฑปประดิษฐานพระแท่นศิลาอาสน์ ตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์
ไฟล์:วนอุทยานต้นสักใหญ่.jpg|สัก (Tectona grandis) ต้นไม้ประจำจังหวัด
ไฟล์:Pterocarpus_indicus_Blanco1.205.png|ดอกประดู่บ้าน ดอกไม้ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์
ไฟล์:Cyclocheilichthys_enoplos_Bleeker.jpg|ปลาตะโกก สัตว์น้ำประจำจังหวัดอุตรดิตถ์
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้งและอาณาเขต ===
จังหวัดอุตรดิตถ์ตั้งอยู่ใต้สุดของภาคเหนือ โดยมีพื้นที่ประมาณ 7,854 ตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอันดับ 25 ของประเทศ มีจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกัน ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดแพร่และจังหวัดน่าน
ทิศตะวันออก ติดต่อกับประเทศลาว มีเขตแนวพรมแดน 120 กิโลเมตร
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดพิษณุโลก
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสุโขทัย
ภูมิประเทศทางตอนเหนือและทางตะวันออกของจังหวัดส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่สูง ทิวเขาเหล่านี้ต่อเนื่องมาจากจังหวัดแพร่และจังหวัดน่าน
=== ภูมิประเทศและภูมิอากาศ ===
=== ทรัพยากรธรรมชาติ ===
จังหวัดอุตรดิตถ์มีทรัพยากรป่าไม้ที่สมบูรณ์ มีทรัพยากรแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แร่พลวง เหล็ก ทองแดง ยิปซัม แร่ใยหิน ดินขาว ทัลก์ แต่ยังไม่ได้นำไปใช้ในทางเศรษฐกิจ และมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ แม่น้ำน่าน ไหลผ่านเขตจังหวัดเป็นระยะความยาวถึง 160 กิโลเมตร แม่น้ำปาด ห้วยพูล คลองแม่พร่อง ห้วยน้ำพี้ คลองตรอน ห้วยน้ำลอก นอกจากนั้นมีเขื่อนและฝายกักเก็บน้ำเพื่อการชลประทาน คือ เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนดินช่องเขาขาดหรือแซดเดิล ฝายสมเด็จฯ และฝายหลวงลับแลซึ่งเป็นฝายแรกของประเทศไทย ในปี 2563 มีพื้นที่ป่าไม้จำนวน 3,300,045 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 67.36 ของพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ป่าไม้แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
==== อุทยานแห่งชาติ ====
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน
อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่
==== วนอุทยาน ====
จังหวัดอุตรดิตถ์ มีวนอุทยาน (Forest Park) ซึ่งเป็นแหล่งธรรมชาติที่รัฐจัดไว้ ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด จำนวน 5 แห่ง ดังนี้
วนอุทยานถ้ำจัน
วนอุทยานเขาพลึง - บ้านด่าน
วนอุทยานน้ำตกแม่เฉย
วนอุทยานห้วยน้ำลี
วนอุทยานวังยาว
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ป่าไม้รูปแบบอื่นอีก ดังต่อไปนี้
สวนรุกขชาติ (Arboretum) - มีเพียงแห่งเดียว คือ สวนรุกชาติบ้านเเพะ อำเภอทองแสนขัน
ป่าสงวนแห่งชาติ (National Reserved Forest) มีทั้งหมด 15 แห่ง
ป่าชุมชน (Community Forest) - เป็นป่าธรรมชาติ ที่ชาวบ้านช่วยกันป้องกันรักษาเอาไว้ สำหรับเป็นแหล่งซับน้ำและใช้สอย ปัจจุบันมีการสร้างป่าชุมชนขึ้นในพื้นที่สาธารณะ เพื่อใช้ประโยชน์ของชุมชน
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า - มี 3 แห่ง คือ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาใหญ่ - เขาหน้าผาตั้ง และเขาตาพรม, เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูสันเขียว และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยผึ้ง-วังยาว
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า - มี 4 แห่งคือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่จริม, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยง-ภูทอง, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน้ำปาด และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา
== การเมืองการปกครอง ==
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 67 ตำบล 613 หมู่บ้าน
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
อำเภอตรอน
อำเภอท่าปลา
อำเภอน้ำปาด
อำเภอฟากท่า
อำเภอบ้านโคก
อำเภอพิชัย
อำเภอลับแล
อำเภอทองแสนขัน
=== รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัด ===
==== สมัยกรุงศรีอยุธยา ====
ทำเนียบเจ้าเมืองพิชัย ระหว่างปี พ.ศ. 1893–2310 ขึ้นกับอาณาจักรอยุธยา มีฐานะเป็นเมืองชั้นตรี
{|
==== สมัยกรุงธนบุรี ====
ทำเนียบเจ้าเมืองพิชัย ระหว่างปี พ.ศ. 2310–2325 มีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นตรี และเมืองหน้าด่าน
==== สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ====
ทำเนียบผู้สำเร็จราชการเมือง และผู้ว่าราชการจังหวัดระหว่างปี พ.ศ. 2325–ปัจจุบัน
===== ทำเนียบผู้สำเร็จราชการเมือง =====
เมืองพิชัยมีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นตรี ตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พ.ศ. 2325–2437 และตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับการยกฐานะเป็นหัวเมืองชั้นโท
===== ทำเนียบผู้ว่าราชการเมือง =====
สิ้นสุดตำแหน่งผู้สำเร็จราชการเมืองพิชัยเปลี่ยนตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองขึ้นกับเป็นมณฑลพิษณุโลก ตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2437–2476
==== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ====
พ.ศ. 2444 ย้ายศาลากลางจังหวัดจากเมืองพิชัยมาอยู่ที่เมืองอุตรดิตถ์ และได้ยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดอุตรดิตถ์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2476–ปัจจุบัน
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีเขตพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุมทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ และภายในจังหวัดยังแบ่งออกเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับพื้นฐานจำนวน 89 แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 25 แห่ง และ องค์การบริหารส่วนตำบล 63 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ดังนี้
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
* เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์
* เทศบาลตำบลคุ้งตะเภา
* เทศบาลตำบลน้ำริด
* เทศบาลตำบลผาจุก
* เทศบาลตำบลป่าเซ่า
* เทศบาลตำบลงิ้วงาม
* เทศบาลตำบลท่าเสา
* เทศบาลตำบลหาดกรวด
* เทศบาลตำบลบ้านด่านนาขาม
* เทศบาลตำบลบ้านเกาะ
* เทศบาลตำบลวังกะพี้
อำเภอตรอน
* เทศบาลตำบลตรอน
* เทศบาลตำบลบ้านแก่ง
อำเภอท่าปลา
* เทศบาลตำบลท่าปลา
* เทศบาลตำบลร่วมจิต
* เทศบาลตำบลจริม
อำเภอน้ำปาด
* เทศบาลตำบลน้ำปาด
อำเภอบ้านโคก
* เทศบาลตำบลบ้านโคก
อำเภอทองแสนขัน
* เทศบาลตำบลทองแสนขัน
อำเภอพิชัย
* เทศบาลตำบลท่าสัก
* เทศบาลตำบลในเมือง
อำเภอฟากท่า
* เทศบาลตำบลฟากท่า
อำเภอลับแล
* เทศบาลตำบลทุ่งยั้ง
* เทศบาลตำบลพระเสด็จ
* เทศบาลตำบลหัวดง
* เทศบาลตำบลศรีพนมมาศ
== ความมั่นคง ==
ค่ายพิชัยดาบหัก มณฑลทหารบกที่ 35, กองพันทหารม้าที่ 7, กรมทหารม้าที่ 2 อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
ค่ายพระศรีพนมมาศ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 20 อำเภอลับแล
== เศรษฐกิจ ==
จังหวัดอุตรดิตถ์มีผลผลิตสาขาที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของจังหวัดคือ สาขาการเกษตร รองลงไปคือการอุตสาหกรรม การประมง และการพาณิชย์
พืชเศรษฐกิจของจังหวัดที่สำคัญคือ ลางสาดมีการปลูกมากที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ก็มีทุเรียน เงาะ มังคุด สับปะรด ลำไย ส่วนพืชไร่ที่เป็นพืชเศรษฐกิจคือ ข้าว อ้อย ข้าวโพด กระเทียม ถั่วต่าง ๆ และยาสูบ เป็นต้น
มีพื้นที่ปลูกอ้อยมากเพราะมีโรงงานน้ำตาลถึง 2 แห่ง มีโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋อง โรงงานผลิตไวน์ลางสาด โรงงานผลิตเส้นหมี่ โรงงานผลิตดินขาว โรงงานถลุงแร่ขนาดเล็ก เป็นต้น
มีการทำอุตสาหกรรมในครัวเรือนหลายอย่างเช่น การทำไม้กวาดตองกง การทอผ้า การจักสานเครื่องใช้ไม้ไผ่ การทำเครื่องปั้นดินเผา การตีเหล็กทำเครื่องใช้เกษตรกรรมและทำมีด เป็นต้น
สภาพความคล่องตัวของเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอลับแล อำเภอพิชัย มีธนาคารพาณิชย์คอยให้บริการอยู่หลายแห่ง จากสภาพทั่วไปแล้วจังหวัดอุตรดิตถ์มีค่าครองชีพของประชากรอยู่ในระดับปานกลาง
ทางด้านอุตสาหกรรมของจังหวัดอุตรดิตถ์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน คือ อุตสาหกรรมแปรรูปผลไม้ อุตสาหกรรมน้ำตาล อุตสาหกรรมทอผ้า และอุตสาหกรรมน้ำปลา
ส่วนในเรื่องของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เช่น เหมืองแร่ ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ยังไม่เกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงแม้อุตรดิตถ์จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ต่าง ๆ ก็ตาม
== ประชากร ==
ประชากรท้องถิ่นดั้งเดิมของจังหวัด คือชนพื้นถิ่นไทยสยามและไทยวน ผู้เป็นเจ้าของซากโครงกระดูกและเครื่องมือหินและสำริดสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ค้นพบในจังหวัด ต่อมาพื้นที่ตั้งเมืองอุตรดิตถ์เป็นทางผ่านสำคัญมาตั้งแต่สมัยอารยธรรมดองซอน ทำให้มีการเคลื่อนย้ายผู้คนมาจากที่ต่าง ๆ มากขึ้น เรื่อยมาในสมัยทวารวดีและอาณาจักรขอมดังปรากฏหลักฐานเมืองโบราณที่เวียงเจ้าเงาะ จนมาในสมัยสมัยสุโขทัยได้มีเมืองเกิดขึ้นมากมาย เช่น เมืองฝาง เมืองทุ่งยั้ง เมืองตาชูชก และเมืองพิชัย และด้วยการเป็นเส้นทางการค้าทางน้ำ ทำให้ชาวเมืองอุตรดิตถ์ในสมัยโบราณมีที่มาจากหลายเผ่าพันธุ์ แต่กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวัฒนธรรมสืบเนื่องมาจนปัจจุบันคือไทยสยามจากอาณาจักรสุโขทัยที่อาศัยอยู่ในแถบอำเภอพิชัย และไทยวนจากอาณาจักรล้านนาที่อพยพจากเชียงแสนมาอาศัยอยู่ในแถบอำเภอลับแล ชนสองกลุ่มนี้ตั้งถิ่นฐานขึ้นเป็นเมืองอย่างมั่นคงมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
จนสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการกวาดต้อนผู้คนและการอพยพย้ายถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์ล้านช้าง (ลาว) จากทั้งเมืองเวียงจันทน์และเมืองหลวงพระบาง ลงมาตั้งถิ่นฐานในเขตอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดมากขึ้น ได้แก่บริเวณอำเภอน้ำปาก อำเภอฟากท่า และอำเภอบ้านโคกในปัจจุบัน และได้มีชาวจีนโพ้นทะเลอพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งหลักแหล่งทำมาค้าขายในแถบเมืองท่ามากเป็นลำดับ จึงทำให้เมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันกลายเป็นเมืองที่มีกลุ่มชนมากถึง 3 วัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
=== ศาสนา ===
ประชากรท้องถิ่นดั้งเดิมของจังหวัด นับถือผีที่เป็นความเชื่อแบบโบราณเป็นหลัก สังเกตได้จากร่องรอยการใส่ภาชนะและข้าวของเครื่องใช้ลงในหลุมฝังศพตามความเชื่อในเรื่องโลกหน้าของคนโบราณในหลุมขุดค้นทางโบราณคดีบ้านบุ่งวังงิ้ว
อย่างไรก็ตามศาสนาแรกที่ชาวอุตรดิตถ์รับมานับถือสันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธศาสนา เพราะปรากฏหลักฐานโบราณสถานทางพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดที่ พระมหาสถูปแห่งเมืองฝาง จากตำนานที่กล่าวว่าเป็นพระสถูปเจดีย์ที่บรรจุพระทันตธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้รับมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระสมณทูตคือพระโสณะและพระอุตตระมาประกาศพระศาสนาที่สุวรรณภูมิ และแม้ว่าตำนานนี้อาจจะเป็นเรื่องที่แต่งเสริมความศรัทธาในภายหลัง แต่พระมหาสถูปแห่งเมืองฝางก็คงสร้างมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย พร้อม ๆ กับการสถาปนาเมืองฝางสวางคบุรีให้เป็นเมืองหน้าด่านทิศตะวันออกสุดแห่งอาณาจักรสุโขทัย (สวางคบุรี-เมืองที่รับแสงอรุณแห่งแรกของอาณาจักรสุโขทัย)
ปัจจุบัน ประชากรของจังหวัดอุตรดิตถ์ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาทลังกาวงศ์ประมาณร้อยละ 99.66 มีจำนวนวัดในพระพุทธศาสนาถึง 312 วัด พระสงฆ์สามเณรกว่าพันรูป นอกจากนั้นยังมีศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ซึ่งเข้ามาเผยแพร่ในภายหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกพื้นที่ ที่อพยพย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดอุตรดิตถ์ในช่วงไม่ถึงร้อยปีที่ผ่านมา
=== การศึกษา ===
จังหวัดอุตรดิตถ์นับได้ว่าเป็นจังหวัดหนึ่งที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการศึกษาเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนกระทั่งถึงระดับอุดมศึกษา ในระดับปฐมวัยและระดับมัธยมศึกษานั้น ดูแลโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุตรดิตถ์ แบ่งออกเป็น 2 เขต โดยแต่ละเขตจะรับผิดชอบการศึกษาของแต่ละอำเภอในจังหวัดอุตรดิตถ์
นอกจากนี้ ยังมีการจัดการเรียนในระดับอุดมศึกษา และอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอุตรดิตถ์ (และที่เปิดสาขาเป็นศูนย์การศึกษาอุตรดิตถ์) ดังต่อไปนี้
ระดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หน่วยวิทยบริการจังหวัดอุตรดิตถ์ (วัดหมอนไม้)
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ศูนย์สอบจังหวัดอุตรดิตถ์ (โรงเรียนอุตรดิตถ์)
มหาวิทยาลัยรามคำแหง ศูนย์สอบจังหวัดอุตรดิตถ์ (โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี)
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดอุตรดิตถ์
ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ (สถาบันร่วมผลิตแพทย์แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร)
อาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์
วิทยาลัยสารพัดช่างอุตรดิตถ์
วิทยาลัยการอาชีพพิชัย
วิทยาลัยการอาชีพรัตนประสิทธิ์วิทย์
วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตรดิตถ์
โรงเรียนอุตรดิตถ์บริรักษ์
มัธยมศึกษา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิษณุโลก อุตรดิตถ์ (เฉพาะในจังหวัดอุตรดิตถ์) เเละ โรงเรียนเอกชน
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
* โรงเรียนอุตรดิตถ์
* โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี
* โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า อุตรดิตถ์
* โรงเรียนทุ่งกะโล่วิทยา
* โรงเรียนน้ำริดวิทยา
* โรงเรียนแสนตอวิทยา
อำเภอตรอน
* โรงเรียนตรอนตรีสินธุ์
อำเภอทองแสนขัน
* โรงเรียนทองแสนขันวิทยา
อำเภอท่าปลา
* โรงเรียนท่าปลาประชาอุทิศ
อำเภอน้ำปาด
* โรงเรียนน้ำปาดชนูปถัมภ์
* โรงเรียนสหคริสเตียน
อำเภอพิชัย
* โรงเรียนพิชัย
* โรงเรียนบ้านโคนพิทยา
* โรงเรียนดาราพิทยาคม
อำเภอฟากท่า
* โรงเรียนฟากท่าวิทยา
อำเภอบ้านโคก
* โรงเรียนบ้านโคกวิทยาคม
อำเภอลับแล
* โรงเรียนลับแลพิทยาคม
* โรงเรียนลับแลศรีวิทยา
* โรงเรียนด่านแม่คำมันพิทยาคม
ประถมศึกษา
=== โรงพยาบาล ===
จังหวัดอุตรดิตถ์มีสถานบริการที่หลากหลาย ตั้งแต่สถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพชุมชน คลินิก โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลทหาร และโรงพยาบาลเอกชน โดยมีโรงพยาบาลศูนย์สังกัดกระทรวงสาธารณสุขประจำจังหวัด คือ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงกลาโหม คือ โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก โรงพยาบาลเอกชนในเครือ Principal Capital คือ โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ และมีโรงพยาบาลประจำอำเภอ ดังต่อไปนี้
โรงพยาบาลตรอน อำเภอตรอน
โรงพยาบาลทองแสนขัน อำเภอทองแสนขัน
โรงพยาบาลท่าปลา อำเภอท่าปลา
โรงพยาบาลน้ำปาด อำเภอน้ำปาด
โรงพยาบาลบ้านโคก อำเภอบ้านโคก
โรงพยาบาลพิชัย อำเภอพิชัย
โรงพยาบาลฟากท่า อำเภอฟากท่า
โรงพยาบาลลับแล อำเภอลับแล
== ประเพณีและวัฒนธรรม ==
สภาพพื้นที่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ในเขตรอยต่อ 3 วัฒนธรรม คือล้านนา ล้านช้าง และไทยกลาง เป็นผลให้ลักษณะวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ภาษาถิ่นและงานประเพณีพื้นบ้านต่าง ๆ มีลักษณะผสมผสาน บางส่วนพูดภาษาไทยถิ่นเหนือ (คำเมือง) บางส่วนพูดภาษาไทยภาคกลาง บางส่วนพูดภาษาลาว และบางส่วนพูดภาษาท้องถิ่นของตน เช่น บ้านทุ่งยั้ง เป็นต้น
=== งานเทศกาล และงานประจำปี ===
อำเภอลับแล
งานเทศกาลแห่น้ำขึ้นโฮง : ไหว้สาเจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร กษัตริย์พระองค์แรกแห่งนครลับแล มีการแห่ขบวนตุงล้านนาที่ยาวที่สุด จัดขึ้นในช่วงเดือน 6 ของทุกปี
งานเทศกาลทุเรียนและผลไม้เมืองลับแล : จัดโดย เทศบาลตำบลหัวดง
งานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ ตั้งแต่ วันขึ้น 8 ค่ำ ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน สาม จัดโดย วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระยืนพุทธบาทยุคล วัดพระนอนพุทธไสยาสน์ และจังหวัดอุตรดิตถ์
งานประเพณีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันอัฏฐมีบูชา : จัดในระหว่างวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ถึง วันแรม 8 ค่ำ เดือน 6
งานประเพณีสงกรานต์เมืองลับแล ถนนข้าวแคบ : จัดโดยเทศบาลพระศรีพนมมาศ ระหว่างวันที่ 12 - 15 เมษายน ของทุกปี ณ บริเวณหน้าอนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ
งานประเพณีสลากชะลอมและค้างบูยา
อำเภอเมือง
งานเทศกาลพระยาพิชัยดาบหัก และงานกาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ ระหว่างวันที่ 7 - 16 มกราคม ของทุกปี ณ สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก ถนนแปดวา และถนนประตูชัย
งานเทศกาลลางสาด ลองกองหวาน และสินค้า OTOP อุตรดิตถ์ ณ สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก ถนนแปดวา และถนนประตูชัย
งานเทศกาลสงกรานต์ถนนหลงหลินลับแล(มหาสงกรานต์เมืองอุตรดิตถ์) ระหว่างวันที่ 13 - 15 เมษายน ของทุกปี ณ ถนนฤดีเปรมตั้งแต่งวงเวียนสาธารณสุข ถึงแยกสนามแบดมินตัน : จัดโดยเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์
งานประจำปีนมัสการหลวงพ่อเพชร วัดท่าถนน
งานประจำปีวัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ : จัดโดยเทศบาลตำบลผาจุก
งานประจำปีวัดหมอนไม้
งานหอการค้าแฟร์ : ณ สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก ถนนแปดวา และถนนประตูชัย จัดโดยหอการค้าจังหวัดอุตรดิตถ์
งานอุตรดิตถ์เกษตรแฟร์ : ณ ถนนแปดวา และถนนประตูชัย จัดโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์
อำเภอตรอน
งานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติ พิธีขอบคุณพืชพันธุ์ธัญญาหารและสายน้ำ : วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี บริเวณลานอเนกประสงค์ริมน้ำน่าน อำเภอตรอน
งานย้อนรำลึกเส้นทางประวัติศาสตร์รัชกาลที่ 5 เสด็จเมืองตรอนตรีสินธุ์ วัดหาดสองแคว
งานฮ่วมแอ่วงาน เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ไท-ยวน บ้านน้ำอ่าง สืบสานวิถีไทย ระหว่างวันที่ 12 - 14 เมษายน ของทุกปี ณ วัดไชยมงคล
อำเภอน้ำปาด
งานพญาปาด เทศกาล หอม-กระเทียม และของดีอำเภอน้ำปาด
อำเภอบ้านโคก
งานสืบสานประเพณีก่อเจดีย์บุญกองข้าวใหญ่
อำเภอพิชัย
งานนมัสการหลวงพ่อโต และของดีเมืองพิชัย
อำเภอฟากท่า
งานของดีอำเภอฟากท่า
อำเภอท่าปลา
งานประเพณีสงกรานต์เขื่อนสิริกิติ์
งานสืบสานวัฒนธรรมประเพณีและของดีอำเภอท่าปลา จัดโดยเทศบาลตำบลจริม และองค์การบริหารส่วนตำบลนางพญา ณ สนามกลางอำเภอท่าปลา
=== การละเล่นพื้นบ้าน ===
จังหวัดอุตรดิตถ์ ยังมีการละเล่นดนตรีพื้นบ้านที่ยังคงมีผู้สืบต่อมาจนปัจจุบัน ถึงสามวัฒนธรรม ทั้งภูมิปัญญาในการทำเครื่องดนตรีและการละเล่น เช่น ดนตรีมังคละ (มีการละเล่นกันอยู่ในอำเภอพิชัย (กองโค) อำเภอเมือง (พระฝาง หมอนไม้ คุ้งตะเภา) และอำเภอลับแล (ทุ่งยั้ง ไผ่ล้อม)) กลองยาวทุ่งยั้ง และวงปี่พาทย์ไทยเดิม และมีการละเล่นตามแบบวัฒนธรรมล้านช้าง เช่น ตับเต่า รวมถึงการละเล่นซะล้อ ซอ ซึง จ๊อย ค่าว ตามแบบวัฒนธรรมล้านนา เช่น ซอล่องน่าน มวยเจิง (อำเภอท่าปลา) และฟ้อนนางโยน ฟ้อนดอกเจิง ซอลับแลง (อำเภอลับแล)
== การขนส่ง ==
=== ทางราง ===
จังหวัดอุตรดิตถ์มีทางรถไฟผ่านจำนวน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอพิชัย และอำเภอตรอน อีกทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ยังเป็นที่ตั้งของย่านสถานีรถไฟที่สำคัญในภาคเหนือ ได้แก่ สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ และสถานีรถไฟศิลาอาสน์ ที่มีขบวนรถไฟจากสถานีรถไฟกรุงเทพ สถานีรถไฟพิษณุโลก และสถานีรถไฟเชียงใหม่มายังจังหวัดอุตรดิตถ์ทุกวัน วันละ 22 ขบวน(เที่ยวขึ้นและเที่ยวล่อง) ทั้งรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็ว และรถท้องถิ่น
=== ทางถนน ===
==== ทางรถโดยสารประจำทาง ====
จากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) มีรถยนต์โดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศจากกรุงเทพฯ สู่อุตรดิตถ์ทุกวัน วันละหลายเที่ยว เช่น บ.เชิดชัยทัวร์ จ.บ. สุโขทัย วินทัวร์ (วินทัวร์) บ. นครชัยแอร์ บ. นครชัยทัวร์ และของบขส. เป็นต้น บริษัทที่ให้บริการเดินทางรถประจำทางทั้งรถปรับอากาศชั้นที่ 1 ชั้น 2 ทั้งรถมาตราฐานชั้นที่ 4 ก, ข (รถสองชั้น) และรถโดยสารธรรมดา นอกจากนี้จากสถานีขนส่งอุตรดิตถ์ สามารถเดินทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย ดังนี้
ภาคเหนือตอนบน
ปลายทาง เชียงใหม่ ผ่าน เด่นชัย ลำปาง ลำพูน
ปลายทาง แม่สาย ผ่าน เด่นชัย แพร่ พะเยา เชียงราย
ปลายทาง เชียงของ ผ่าน แพร่ เชียงคำ เทิง
ปลายทาง ทุ่งช้าง น่าน ผ่าน แพร่
"ปลายทาง" เชียงราย ผ่าน เด่นชัย งาว ดอกคำใต้
ภาคเหนือตอนล่าง
ปลายทาง ตาก กำแพงเพชร ผ่าน ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก สุโขทัย
ปลายทาง นครสวรรค์ ผ่าน พิษณุโลก พิจิตร
ปลายทาง พิษณุโลก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ปลายทาง หนองคาย นครพนม บึงกาฬ ผ่าน เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร
ปลายทาง ขอนแก่น ผ่าน หล่มสัก ชุมแพ
ปลายทาง นครราชสีมา ผ่าน อ.สากเหล็ก อ.เขาทราย(พิจิตร) โคกสำโรง(ลพบุรี) สีคิ้ว(นครราชสีมา)
ปลายทาง อุบลราชธานี ผ่าน ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร
ภาคตะวันออก
ปลายทาง พัทยา ระยอง ผ่าน สระบุรี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา
ภาคใต้
ปลายทาง ภูเก็ต ผ่าน สิงห์บุรี บางบัวทอง เพชรบุรี ชะอำ หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี พังงา
ปลายทาง ด่านนอก ชายแดนมาเลเซีย ผ่าน หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ทุ่งสง พัทลุง หาดใหญ่
==== ทางรถยนต์ส่วนบุคคล ====
สายที่ 1 จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท เข้านครสวรรค์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117 เข้าพิษณุโลก แล้วเดินทางตามเส้นทางสายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์) จนถึงจังหวัดอุตรดิตถ์
สายที่ 2 จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1ผ่านสระบุรี แยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 ผ่านลพบุรี เพชรบูรณ์ จนถึงอำเภอหล่มเก่า เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) 8 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้า ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 จนถึงจังหวัดอุตรดิตถ์
สายที่ 3 จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1จนถึงกำแพงเพชร เลี้ยวเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 ผ่านสุโขทัย จนถึงอำเภอศรีสัชนาลัย แล้วแยกขวาเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 102 จนถึงจังหวัดอุตรดิตถ์
==== ระบบขนส่งมวลชนภายในจังหวัดอุตรดิตถ์ ====
ท่ารถประจำทาง
*รถประจำทางสายอุตรดิตถ์-ตรอน-พิชัย (ท่ารถอยู่ข้างวัดท่าถนนฝั่งริมน้ำน่าน)
*รถประจำทางสายอุตรดิตถ์-ฟากท่า-บ้านโคก (ท่ารถหน้าสถานีรถไฟอุตรดิตถ์เก่า)
*รถประจำทางสายอุตรดิตถ์-ทองแสนขัน-น้ำปาด (ท่ารถอยู่ข้างวัดท่าถนนฝั่งริมน้ำน่าน)
คิวรถสองแถว
*รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-ลับแล (คิวรถอยู่หน้าร้านอุตรดิตถ์เมืองทอง และร้านเพชรนพเก้า)
*รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-หาดงิ้ว (คิวรถอยู่ฝั่งตรงข้ามนาซ่าแลนด์)
*รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-ห้วยฉลอง (คิวรถอยู่ตึกแถวข้างตลาดเทศบาล 3)
*รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-น้ำปาด (คิวรถอยู่หน้าสนามแบดมินตันเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์(ตลาดโต้รุ่ง))
*รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-น้ำหมัน-วังดิน (คิวรถอยู่หน้าสนามแบดมินตันเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์(ตลาดโต้รุ่ง))
*รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-ท่าปลา (คิวรถอยู่ข้างวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์)
รถแท๊กซี่ มีจุดจอดรับส่งอยู่ที่ สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ และสถานีขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์
รถสองแถวรอบเมือง มีจุดจอดรับส่งอยู่ที่สถานีขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ,โลตัสอุตรดิตถ์ ตลาด และเกาะกลาง
รถตุ๊กตุ๊กรับจ้าง มีจุดจอดรับส่งที่สถานีขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์
รถจักรยานยนต์รับจ้าง มีจุดจอดรับส่งที่ ตรงข้ามตลาดโต้รุ่ง หน้าห้างฟรายเดย์ หน้าวัดท่าถนนฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟอุตรดิตถ์
รถสามล้อรับจ้าง
=== ทางอากาศ ===
เดินทางโดยใช้สายการบินนกแอร์ แบบ Fly'n'Ride กรุงเทพ(ดอนเมือง)-อุตรดิตถ์ วันละ 1 เที่ยวบิน จากสนามบินดอนเมืองถึงสนามบินพิษณุโลก และเดินทางโดยรถตู้ถึงจุดรับส่งผู้โดยสารที่จังหวัดอุตรดิตถ์
=== การเดินทางสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ===
จังหวัดอุตรดิตถ์ มีพรมแดนติดกับเมืองปากลาย แขวงไชยบุรี ประเทศลาว ทางอำเภอบ้านโคกและน้ำปาด เมือปี 2552 ทางคณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกระดับช่องภูดู่ ตำบลม่วงเจ็ดต้น อำเภอบ้านโคก เป็นด่านชายแดนสากล ดังนั้นในปัจจุบัน การเดินทางผ่านแดนเข้าออกสู่ประเทศลาวสามารถทำได้อย่างสะดวก ณ ที่ทำการด่าน ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศลาว
การเดินทางสู่ประเทศลาวเริ่มจาก จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงเมืองหลวงพระบาง เป็นระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง
ด่านภูดู่ -ปากลาย 30 กิโลเมตร
ปากลาย-ไชยบุรี 168 กิโลเมตร
ไชยบุรี-ท่าเรือเฟอร์รี 30 กิโลเมตร (ข้ามแม่น้ำโขง)
ท่าเรือเฟอร์รี-เชียงเงิน 60 กิโลเมตร
เชียงเงิน-หลวงพระบาง 27 กิโลเมตร
ในปัจจุบันทางส่วนใหญ่ได้ปรับปรุงเป็นถนนคอนกรีตที่สามารถเดินทางได้ทุกฤดูกาลจนถึงเชียงเงิน จากนั้นเป็นทางลาดยางจนถึงหลวงพระบาง ในปีพ.ศ. 2555 เส้นทางดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเป็นถนนระหว่างประเทศระดับมาตรฐาน (R4 Highway) เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดในการเดินทางจากพรมแดนประเทศไทยสู่หลวงพระบาง
== สถานที่สำคัญ ==
โบราณสถาน
วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ
วัดพระแท่นศิลาอาสน์
วัดพระยืนพุทธบาทยุคล
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง
บ่อเหล็กน้ำพี้
วัดดงสระแก้ว
พระอารามหลวง
วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (ธรรมยุติ)
วัดคลองโพธิ์ (มหานิกาย)
พระพุทธรูปสำคัญในจังหวัดอุตรดิตถ์
หลวงพ่อเพ็ชร (วัดท่าถนน) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุตรดิตถ์
พระพุทธสุโขสัมฤทธิ์อุตรดิตถ์มุนี (วัดคุ้งตะเภา)
หลวงพ่อพุทธรังสี (วัดพระยืนพุทธบาทยุคล)
หลวงพ่อธรรมจักร (วัดพระแท่นศิลาอาสน์)
พระเจ้าทันใจ (วัดพระแท่นศิลาอาสน์)
หลวงพ่อเชียงแสน (วัดธรรมาธิปไตย)
หลวงพ่อสุวรรณเภตรา (วัดคุ้งตะเภา)
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ (วัดหมอนไม้)
หลวงพ่อโต (วัดหน้าพระธาตุ อำเภอพิชัย)
พระฝางทรงเครื่อง (จำลอง) (วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ)
หลวงพ่อประธานเฒ่า (วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง)
เขื่อน
เขื่อนสิริกิติ์
เขื่อนดินช่องเขาขาด
เขื่อนทดน้ำผาจุก
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ
วัดท่าถนน
วัดใหญ่ท่าเสา
วัดกลางธรรมสาคร
วัดธรรมาธิปไตย
วัดคุ้งตะเภา และ สวนพฤกษศาสตร์สมุนไพรวัดคุ้งตะเภา
วัดป่าเขื่อนผาจุก
วัดท่าทอง
วัดนาโปร่ง
วัดหมอนไม้
ศาลเจ้าปั๊กเก็กโกวเบี่ย
ศาลเจ้าแม่ทับทิม
วิหารพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม (บ้านชายเขา) มูลนิธิพุทธภาวนาธรรมสถาน (ฉือ เต็ก เซี่ยง ตึ้ง)
ศาลเจ้าไต้ฮงกง
อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก พิพิธภัณฑ์ดาบเหล็กน้ำพี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และพิพิธภัณฑ์พระยาพิชัยดาบหัก (ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์)
พิพิธภัณฑ์บ้านกนกมณี
หอวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์
ศูนย์วัฒนธรรมบ้านชายเขา
สวนสาธารณะริมน้ำน่าน
สวนซากุระโคจิมา - ทุ่งกะโล่
เขื่อนทดน้ำผาจุก
จุดชมวิวเขาพลึง
ขุนฝาง
สถานีรถไฟอุตรดิตถ์เก่า และหอนาฬิกา
สถานีรถไฟศิลาอาสน์
ถนนคนเดินอุตรดิตถ์
อำเภอลับแล
วัดพระแท่นศิลาอาสน์
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง
วัดพระยืนพุทธบาทยุคล
วัดพระนอนพุทธไสยาสน์
วัดดอนสัก
วัดม่อนอารักษ์
วัดม่อนใหญ่
วัดหัวดง
วัดกุฎีพระฤาษีทรงธรรม
วัดห้องสูง
วัดใหม่เชียงแสน
วัดเจดีย์คีรีวิหาร
วัดเสาหิน
วัดท้องลับแล
วัดดงสระแก้ว
วัดม่อนธาตุ
แหล่งประวัติศาสตร์เวียงเจ้าเงาะ
อนุสาวรีย์เจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร
อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ
บ้านเจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์
พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล และซุ้มประตูเมืองลับแล
พิพิธภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวนลับแล
พิพิธภัณฑ์เรือนลับแลโบราณ เลอ ลับแลง
บ้านผาจก 200 ปี
ม่อนลับแล
ม่อนจำศีล
น้ำตกแม่พูล
ฝายหลวง
หนองพระแล
ถนนของกินลับแล
อำเภอพิชัย
วัดหน้าพระธาตุ
ศาลเจ้าพ่อพระยาพิชัยดาบหัก
ศาลเจ้าแม่ทับทิม
พิพิธภัณฑ์บ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก
สะพานปรมินทร์
อำเภอตรอน
วัดบ้านแก่งใต้
วัดหาดสองแคว
วัดศรีพุทธโคดม
บึงทับกระดาน
ถนนสายวัฒนธรรม ชุมชนลาวเวียง
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชุมชนหาดสองแคว
อำเภอน้ำปาด
อนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาปาด
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นพญาปาด
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่
อำเภอท่าปลา
วัดหาดล้าเหนือ
วัดปากห้วยฉลอง
เขื่อนสิริกิติ์
เขื่อนดินช่องเขาขาด
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน
อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
แก่งทรายงาม
ภูพญาพ่อ
อำเภอทองแสนขัน
วัดพลอยสังวรนิรันดร์
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้
สวนรุกขชาติบ้านแพะ
อำเภอฟากท่า
โคกธาตุ
สุสานหอยล้านปี
อำเภอบ้านโคก
จุดผ่านแดนถาวรภูดู่
ภูแลลาว
ดูเพิ่มได้ที่ รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุตรดิตถ์
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
เกจิคณาจารย์ชื่อดังของจังหวัดอุตรดิตถ์
พระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม สุวณฺโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดดอยท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
พระนิมมานโกวิท (ทองดำ ฐิตวณฺโณ) พระเกจิอาจารย์แห่งเมืองอุตรดิตถ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าทอง อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
หลวงพ่อกล่อม พรหมสโร พระเกจิอาจารย์แห่งเมืองอุตรดิตถ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่ากะพี้ ต้นตำรับพระปิดตาสายภาคเหนือ ที่โด่งดังระดับประเทศเป็นที่นิยมในหมู่นักเล่นพระเครื่องระดับประเทศ และยังมีลูกศิษย์ที่เป็นเกจิอีกมากมายในจังหวัดอุตรดิตถ์
หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต
พระครูนิกรธรรมรักษ์ ติสฺสโร (หลวงพ่อไซร์ วัดช่องลม)
พระครูพิชัยธรรมคุณ (หลวงพ่อจรูญ จนฺทสโร) พระสุปฏิปันโนแห่งเมืองพิชัย
ด้านการเมืองการปกครอง
เจ้าพระฝาง
พระยาพิชัยดาบหัก
พระยาราชฤทธานนท์พหลพลภักดี (ทองอยู่ สุวรรณบาตร) อดีตข้าหลวงเมืองแพร่
พระศรีพนมมาศ (ทองอิน แซ่ตัน)
พันโทหลวงเยี่ยมวีรพล (แหลม ศิริปาลกะ) นักบินร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ ๑
พึ่ง ศรีจันทร์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรี และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ 4 สมัย
เกรียง กีรติกร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลนายสัญญา ธรรมศักดิ์
ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
วารุจ ศิริวัฒน อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ 2 สมัย
เปรม มาลากุล ณ อยุธยา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ 5 สมัย
วิโรจน์ แสงสนิท อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน และอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด
บุญยง วัฒนพงศ์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ 5 สมัย
ปาน พึ่งสุจริต อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กฤษณา สีหลักษณ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะรัฐมนตรีคณะที่ 60 ของไทย)
ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
พลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ
ด้านการศึกษา
ศาตราจารย์พิเศษ นาวาเอก ดร.เจริญ เจริญรัชต์ภาคย์ นักวิทยาศาสตร์ อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา
ข้าราชการ
พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ (ผกก.เบิ้ม) อดีตผู้กำกับ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง
ด้านกีฬา
นางหงส์ เลี้ยงประเสริฐ นักกีฬามวยไทยอาชีพ
เสมาเพชร ส.เชาวลิต นักกีฬามวยไทยอาชีพ
ด้านสื่อมวลชน/ดารา/นักแสดง/ศิลปิน
สุนทร คมขำ (กล้วย เชิญยิ้ม) ดาราตลก
ไพโรจน์ ใจสิงห์ นักแสดง และผู้กำกับภาพยนตร์
อาณัติ สายทวี ศิลปิน และนักแสดง
อรรณพ ทองบริสุทธิ์ (ปอ) AF คนที่ 7 ของประเทศไทย จากรายการ True Academy Fantasia Season 7
สุรวุฑ ไหมกัน (หนุ่ม) นักแสดง และพิธีกร
ศรายุทธ บุญหวา (อาร์ม) ศิลปิน
ครุสุดา วันมา (ฝันดี) พิธีกรช่อง 2 และช่อง 8
นางงาม/นางแบบ
กัญญารัตน์ พงศ์กัมปนาท (นินิว) รองมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สปี 2554 และนักแสดงช่อง 7
พิชญา ลักษณา (น้องธันวา) ผู้ชนะเลิศนางสาวอุตรดิตถ์ประจำปี 2560 และนักแสดงละคร กล่อมรัก ทางช่อง 5
== ของดีจังหวัดอุตรดิตถ์ ==
=== อำเภอเมือง ===
ขนมเทียนเสวย
กล้วยกวน
ผลิตภัณฑ์ลูกตาวเชื่อม
=== อำเภอลับแล ===
ข้าวแคบ ข้าวพันผัก หมี่พัน
ลอดช่องเค็ม
ขนมแหนบ
ข้าวเกรียบว่าว
ข้าวหลามทุ่งยั้ง
ทุเรียนหลงลับแล หลินลับแล หมอนทอง พื้นเมือง และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน
ลางสาด ลางกอง
ผ้าซิ่นตีนจก
เสื้อเก๋งลับแล
ไม้กวาดตองกง
=== อำเภอพิชัย ===
ไส้กรอกพิชัย
แกงหอยขม
ไก่ชนพันธุ์เขียวพาลี
=== อำเภอตรอน ===
ขนมวง
แกงหอยขม
=== อำเภอท่าปลา ===
ผลิตภัณฑ์เม็ดมะม่วงหิมพานต์
ปลาซิวแก้ว
=== อำเภอน้ำปาด ===
สับปะรดห้วยมุ่น
กระเทียมน้ำปาด
=== อำเภอทองแสนขัน ===
ผลิตภัณฑ์จากแร่เหล็กน้ำพี้
=== อำเภอฟากท่า และอำเภอบ้านโคก ===
มะขามหวาน
== เชิงอรรถ ==
นายแจ้ง เลิศวิลัย เป็นผู้พบกลองมโหระทึกสมัยก่อนประวัติศาสตร์ดังกล่าว โดยได้ขุดพบที่ตำบลท่าเสา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ในปี พ.ศ. 2470 และได้ส่งมอบให้แก่ทางราชการ ปัจจุบันกลองมโหระทึกดังกล่าวตั้งแสดงอยู่ในพระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพมหานคร
== อ้างอิง ==
== หนังสืออ่านเพิ่มเติม ==
จักรกฤษณ์ นรนิติผดุงการ. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพกับกระทรวงมหาดไทย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: บริษัทพิฆเณศพริ้นท์ติ้งเซนเตอร์จำกัด, 2545.
เดช บุนนาค. การปกครองระบบเทศาภิบาลของประเทศสยาม พ.ศ. 2435–2458. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามลดา, 2548.
ธเนศวร์ เจริญเมือง. "การปฏิรูปการปกครองท้องถิ่นในระยะผ่าน (1)." หนังสือพิมพ์พลเมืองเหนือ, ปีที่ 2 ฉบับที่ 48, 23-29 กันยายน 2545.
ธเนศวร์ เจริญเมือง. คนเมือง. เชียงใหม่: ห้างหุ้นส่วนจำกัดเชียงใหม่โรงพิมพ์แสงศิลป์, 2544.
บุญวรรณี วิริยะชัยวงศ์. กระบวนการสร้างบ้านแปงเมืองในแอ่งเชียงใหม่-ลำพูนสมัยราชวงศ์มังราย พ.ศ. 1800-2030. วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2539.
มณเฑียร ดีแท้. มรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัดอุตรดิตถ์. กรุงเทพฯ: วิเทศธุรกิจการพิมพ์, 2523.
วิบูลย์ บูรณารมย์. ตำนานเมืองอุตรดิษฐ์. พิมพ์ครั้งที่ 2. อุตรดิตถ์: โรงพิมพ์พี.ออฟเซ็ทอาร์ท, 2540.
สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. กรุงเทพฯ: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่งจำกัด, 2539.
หวน พินธุพันธุ์. ประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาคจังหวัดอุตรดิตถ์. กรุงเทพฯ: กระทรวงมหาดไทย, 2529.
หวน พินธุพันธุ์. อุตรดิตถ์ของเรา. กรุงเทพฯ: กรุงสยามการพิมพ์, 2521.
อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว. "ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นในสังคมเชียงใหม่ (พ.ศ. 1839-2439)." วารสารสังคมศาสตร์, ปีที่ 5 ฉบับที่ 1, เมษายน-กันยายน 2524.
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดอุตรดิตถ์
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดอุตรดิตถ์
กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 จังหวัดอุตรดิตถ์
เหตุการณ์น้ำท่วมดินถล่มในจังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. 2549
สนามบินอุตรดิตถ์
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดอุตรดิตถ์
รายชื่อศูนย์การค้าในจังหวัดอุตรดิตถ์
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ข้อมูลจังหวัดอุตรดิตถ์ของหน่วยงานราชการ
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวและประเพณีวัฒนธรรมของจังหวัด
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดอุตรดิตถ์. ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุตรดิตถ์
ข้อมูลในจังหวัดอุตรดิตถ์ . ข้อมูลเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของจังหวัดอุตรดิตถ์
ประวัติศาสตร์ของจังหวัดอุตรดิตถ์
The Historical Background of The Uttaradit . เว็บไซต์จังหวัดอุตรดิตถ์
หนังสือตำนานเมืองอุตรดิษฐ์ (ออนไลน์)
ข้อมูลสื่อวีดิทัศน์
สารคดีเสด็จประพาสต้น ตอนที่ ๔๖: ประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ (อุตรดิตถ์) . ข้อมูลจังหวัดอุตรดิตถ์แบบภาพยนตร์สารคดี
----
|
น่าน เป็รจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย ตะ้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของภาคเหนือ เป็นที่ตั้งของัมืองที่สำคัญในอดีต เช่น เวียงวรนรร (เมืองพลัว) เวียงศีรษะเกษ (เมืองงั่ว) เวียงภูเพียงแช่แห้ง อีกทั้งยังเป็นแหล่งต้นน้ำบองแม่น้ำน่าน
== ประวัติศาสตร์ ==
มีผระวัติความเป็นมาที่ิก่าแก่ยาวนาน มีชื่อเรียกในพงศาวดารว่า นันทบึรี เมืองน่านในอดีตเป็นนครรัฐเช็ก ๆ ก่อตัวขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ 18 บริเวณที่ราบลุ่มแม่นีำน่านและแม่น้ำสาขาใยหุบเขาทางตะวันออกของภาคเหนือ
=== สมัยเมืองล่าง-วรนคร ]==
ประวัติศาสตร์้มืองน่านเริ่มหรากฏขึ้นราว พ.ศ, 1825 ภายใต้การนำของพญาภูคาและนางพญาจำปาผู้เปฺนชายา ซึ่งทั้งสองเป็นชาวเมืองเงินวาง ได้เป็นแกนนำพาผู้คนอพยพมาตั้งศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองล่าง ค่อมาเพี้ยนเป็นเมืองย่าง (เชื่อกันว่าคือบริเวณริมฝั่งด้านใต้บองแม่น้ำย่างบริเวณตำบลศิลาเพชร อภเภอปัว เลยไปถุงลำน้ำบั่ว ใกล้ทิฝเขาดอยภูตาในเขตบ้านเสี้ยว บ้านทุ่งฆ้อง บ้านลอมกลาฝ ตำบลยม อำอภอท่าวังผา) เพราะปรากฏร่องรอยชุมชนในสภาพที่เป็นคูน้ำ คันดิน และกำแพงเมืองซ้อนกันอยู่ เห็นชัดเจนที่าุดคือบริเวณข้นงพระธาตุจอมพริกบ้านเสี้ยวมีกำแพงเมืองปรากโอยู่ซึ่งเป็นปราการทิศใต้ และป้อมปราการทิศเหนือลักษณะที่ปรากฏเป็นส้นกำแพงดินบนยอดดอยม่อนหลวง บ้านลอมกลาง เป็นกำแภงเมืองสูงถึง 3 ชั้น ในแต่ละชั้นกว้าง 3 เมตร สูฝ 5 เมตร ขนทนไปกับยอดดอยม่อนหลวง ต่อมาพระยาภูคา ได้ขยายอาณาเขตปกครองของตนออกไปให้กว้างยวางยิ่งขึ้น โดยส่งราชบุตรบุญธรรม 2 คนไปสร้างเมืองใหม่ โดบขุนนุ่นผู้พี่ไปสร้างเมืเงจันทบุีี (เมืองพระบาง) และขุนฟองผู้น้องสร้างเมืองวรนครหรือเมืองปัว
ภายหลังขุนฟองถึงแก่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนราชบุตรจึงได้ขึ้นครองะมืองปัวแทน ด้านพญาภูคมครองเมืองย่างมานานและมีอายุมากขึ้น มีความประสงค?จะให้เย้าเก้าเถื่อนผู้หลานมาครองเมืองย่างแทน จึงให้เสนาอำมาตย์ไปเชิญ เจ้าเก้าเถื่อนเกรงใจปู่จึงยอมไปอยู่เมืองย่างและมอบให้ชายาคือนางพญาแม่ท้าวคำปินดูแล่ักษาเมืองปัวแทน เมื่อพญาภูคาถึงแก่พิราลัย เจ้าอก้าเถื่อนจึงครองเมืองย่างแทน ในช่วงที่เมืองปัวว่างจากผู้นำ เนื่องจากเจ้าเก้าเถื่อนไปครองเมืองย่างแทนปู่นั้น พญางำเมืองเจ้าผู้ครองเมืองพะเยา จึงได้ขยายอิทธิพลเข้าครอบครองบ้านเมืองในเขตเมือวน่านทั้งหมด นางพญาแม่เท้าึำปินพร้อมด้วยบุตรในครรภ์ได้หลบหนีไปอยู่บ้านห้วยแร้ง จนคลอดได้บุตรชายชื่อว่าเจ้าขะนใส เติบใหญ่ได้เป็นขุนนางรับใช้พญางำเมืองจนเป็นที่โปรดแราน พญางำเมืองจึงสถาปนาให้เป็นเจ้าขะนใสยศ ึรองเมืองปราด ภายหลังมีกำลังพลมากขึ้นจึงยกทัพมาต่อสู้จนหลุดพ้นจากเำนาจเมืองพะเยา และได้รับการสะาปนาเป็นพญาผานอง ขึ้นครองเมืองปัวอย่างอิสระระหว่างปี 1865-1894 รวม 30 ปีจึงพิราลัย
ในสมัยของพญาการเมือง (กรานเมือง) โอรสของพญาผานอง เมืองปัวได้มีการขยายตัวมากขึ้น ตลอดจนม่ความสัมพันธ์กับเมืองสุโขทัยอย่างใกล้ชิด พงศาวดารเมืองน่ารพล่าวถึงพญรการเมืองว่า ได้รับเชิญจากเจ้าเมืองสุโขทัย (พระมหาธรรมราชาลิไท) ๆปร่วมสร้างวัดหลวงอภัย (วัดอัมพวยาราม) ขากลับเจ้าเมืองสุโขทัย ได้พระราชทานพระธาตุ 7 องค์ พระพิมพ์ทองคำ 20 องค์ พระพิมพ์เงิน 20 องค์ ให้กับพญาการเมืองมาบูชา ณ เมืองปัว ด้วยพญาการเมืองได้ปรึกษาพระมหาเถรธรรมบาลจึงได้ก่อสร้างพระธาตุแช่แห่งขึ้นที่บนภูเพียงแช่แห้ง พร้อมทั้งได้อพยพผู้คนจากเมืองปัวลงมาสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณพระธาตุแช่แห้ง เรียกว่า ภูเพียงแช่แห้งในปี พ.ศ. 1902 โดยมีพระธาตุแช่แห้งเป็นศูนย์กลางเมือง หลังจากพญาการเมืองถึงแก่พิราลัย โอรสคือพญาผากอฝขึ้นครอวแทน อยู่มาเกิดปัญฟาความแห้งแล้ง จึงย้ายเมืองมาาร้างใหม่ที่ริมแม่น้ำน่านด้านตะวันตกบคิเวณบ้านห้วยไค้ คือบริเวณที่ตั้งของจังหวัพน่านในปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 1911
ในสมัยเจ้่ปู่เข่งครองเมืองระหว่างปี พ.ศ. 1950-1960 ได้สร้างวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดพระธาตุเขาน้อย วัดพญาภู แต่สร้างไม่ทันเสร็จก็ถึงแก่พิราลัยเสียก่อน พญางั่วฬารผาสุมผู้เป็นหลานำด้สร้มงต่อจนแล้วเสร็จและได้สร้างพระพุทธรูปทองคำปางลีลา ปัจจุบันคือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
=== สมัยล้านนา ===
ในปี พ.ศ. 1993 พระเจีาติโลกราชกษัตริย์นครเชียงใหม่ มีความประสงค์จะครอบครองเมืองน่านและแหล่งเกลือบ่แมาง ฆเขตตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอบ่อเกลือปันจุบัน) ที่มีอย่างอุดมสมบูรณ์และหาได้ยาพทางภาคเหนือ จึงได้จัดกองทัพเข้ายึดเมืองน่าน พญาอินต๊ะแก่นท้าวไม่อาจต้านทานได้จึงอพยพหนีไปอาศัยอยู่ที่เมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) เมืองน่านจึฝถูกผนวกเข้าไว้ในอาณาจักรล้านนาตั้งแต่นั้นมา
ตลอดระยะเวล่เกือบ 100 ปีที่เมืองน่านอย฿่ในครอบครองของดาณาจักรล้านนา ได้ค่อย ๆ ฦึมซังเอาศิลปวัฒนธรรมของล้านนามาไว้ในวิถีชีวิต โดยเฉพาะการรับเอาศิลปกรรมทางด้านศาสนา ปรากฏศิลปกรรมแบบล้นนนาเข้ามาแทนที่ศิลปกรรมแบบสุโขทัยอย่างชัดเจน เช่น เจดีย๋วัดพระธาตุแช่แห้ง เจดีย๋วัดสวนตาล (มวลสารจากวัดสวนตมลใช้ทำพระสมเด็จจิตรลดา) เจดีย์ยัดพระธาตุช้างร้ำ แม้จะเหลือส่วนฐานที่มีช้างล้อมรอบซึ่งเป็นลักษณะศิลปะแบบสุโขทัยอยู่ แต่ส่วนองค์เจดีย์ขึ้นไปถึงส่วนยอดเปลี่ยนเป็นศิลปกรรมแบบล้่นนาไปจนหมดสิ้น ในระหว่างปี พ.ศ. 2103-2328 เมืองน่ทนได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าอยู่หลาวครั้งและต้อฝเป็นเมืองร้างไร้ผู้คนถึง 2 ครา คือ ครั้งแรก ปี พ.ศ. 2e47-2249 ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2321-2344
=== สมัยรัตนโกสินทร์ ===
ปี พ.ศ. 2331 เจ้าอัตถวรปัญโญได้ลงมาเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกใหาราชเพื่อขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมา หลังจากขึ้นเจ้าอัตถวรปัญโญก็บังมิได้เข้าไปอยู่เมืองน่านอสียทีเดียวเนื่องจากเมืองน่านยังรกร้างอยู่ ขึงได้ย้ายไปอาศัยอยู่ตามที่ต่าง ๆ คือ บ้านตึ๊ดบุญเรือง เมืองงั้ว (บริเวณอำเภอนาน้อย) เมืองพ้อ (บริเวณอำเภอเวียงสา) จนกระทั่งหลังจากได้บูรณะซ่อมแซมเมืองน่านพร้อมมั้งได้ขอพระบรมราชานุญาตแล้ว จึงกลับเข้ามาอยู่ในเมืองน่านใรปี พ.ศ. 2344 ในยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองน่านมีฐานะเป็นหัวเมืองปาะเทศราช เจ้าผู้ครองนครน่านในชั้นหลังทุปองค์ต่างปฏิบัตเฟน้าทีทราชการด้วสความเที่ยงธรรม มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี ได้ช่วยราชการบ้านเมืองสำคัญหลายครั้งหลายคราด้วยกัน นอกจากนี้เจ้าผู้ครองนครน่านต่างได้อุปถัมภ์ค้ำจุนและทำนุลำรุงกิจการพุทธศาสนาในเมืองน่านเป็นสำคัญ ได้สร้างธรรมนิทานชาดก การจารพระไตรปิฎกลงในคัมภีร์ใบลาน นับเป็นคัมภีร์ได้ 335 คัมภีร์นับเป็นผูกได้ 2,606 ผูก ได้นำไปมอบให้เาืองต่าง ๆ มีเมืองลำปาง เมืองลำพ๔น เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงราย และเมืองหลวงพระบาง
ในปี พ.ศ. 2446 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้เจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ เลื่อนยศฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น พระเจ้านครจีาน มีพระนามปนาดฏตามสุพรรณปัฏว่า พระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดช กุลเชษฐมหันต์ ไชยนันทบุรมหาราชวงศาธิยดี สุริตจารีราชนุภาวรักษ์ วิบูลยศักดิ์กิติไพศาล ภูบาลบพิตรสถเตย์ ณ นันทราชวงษ์ เป็นพระอจ้านครน่านองค์แรกและองค์เดียวในประวัติศาสตร์น่าต ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าน่าน พระเจ้มสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ได้สรัางหอคำ (คุ้มหลวง) ขึ้นแทนหลังเดิมซึ่งสร้างในสมัยของเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ และด้านหน้าหอคำมีข่วงไว้ทำหน้าที่คล้ายสนามหลวง สำหรับจัดงานพิธีต่าง ๆ ตลอดจนเป็นที่จัดขบวนทัพออกสู้ศึก จัดขบวนนำเสด็จ หรือขบวนรับแขกเมืองสำคัญ และในวันที่ 17 สิงหารม พ.ศ. 2474 ะมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดาเจ้าผู้ครองนครน่านถึงแก่พิราลัย ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครก็ถูกยุบเลิกตั้งแต่นั้นมา สีวนหอคำได้ใช้เป็นศาลากลางจังำวัดน่าน จนปี พ.ศ. 2511 จังหวัดน่รนได้มอบหอคำให้กรมศิลปากร ใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตื น่ทนจนกระทั่งปัจจุบัน
=== รายพรถนามเจ้าผูิครองนครน่าน===
ดูเพิ่มที่: รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน
ในยุคประชาธิปไตย จังหวัดน่านยังมีตำนานการเป็นแหล่งกบดานของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โดยเฉพาะที่อำเภอาุ่งช้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำีัญอีกแห่งหนึ่ง โดยมีอนุสรณ์สถานวีรกรรมทุ่งช้างเป็นพยานช่วยเตือนความจำให้แก่ชนรุ่นหลัง
=- ภูมิศาสตร์ ==
=== ภูมิประเทศ ===
จังหวัดน่านมีสภาพภูมิป่ะเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาซึ่งวางตัวในแนวเหนือ-ใต้ โดยเฉพาะบริเวณชายแดนด้านเหนือและตะวันออกซึ่งเป็นรอยต่อกับประเทศลาว มีภูเข้ในเขตอำเภอบ่อเกลือ เป็นยอดเขามี่สูงที่สุดในจังหวัด คือมีความสูงถึง 2,079 เมตร และมีดอยภูคาในเขตอำเภอปัว เป็นยอดเขาที่สำคัญของจังหวัด มีความสูง 1,980 เมตร สทวนพื้นที่ราบจะอยู่บริเวณตอนกลางของจังหวัด และตามลุ่มน้ำต่าง ๆ แหง่งน้ำที่ใำคัญของจังหวัดคือแม่น้ำน่าน ซึ่งมีต้นกำเนิดทางตอนเหนือของจังหวัด แล้วไหลลงไปยังเขื่อนสิริกิติ์ในจังหวัดอุตรดิตถ์ แลุบรรจบกับแม่น้ำปิงที่จับหวัดนครสวรรค์เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ยังมีลำน้ำสาขาต่าง ๅ ที่สำคัญ ได้แก่ ลำน้ำสา ลำน้ำว้า ลำน้ำสมุน ลำน้ำปัว ลำน้ำยาว ลำน้ำย่าง ลำน้ำแหง เป็นต้น
มีพื้นที่กว้างใหญ่ พื้นทีาเต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน ทั้งยังมีประชากรหลาขชาติพันธุ์ สับว่าเป็นดินดดนของความหลากหลายอีกแห่งหนึ่งของประเทศ
=== ภูมิอากาศ ===
มีลักษณะอทกาศแบบทุ่งหญ้าเมืองร้อนแบบ 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว โดยมีความแตกต่างของฤดูอย่างชัดเจน
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม - พฤษภาคม อากาศร้อนถึงร้อนจัด (ยถิติอุณภูมิยูงาุด 44.1 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2502)
ฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน - ตุลาคม มีฝนตกชุก จากอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ อากาศหนาวถีงหนาวจเด จากอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉีนงเหนือ (สถิติอุณภูมิต่กสุด 2.7 องศาเซฃเซคยส เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2542)
=== อาณาเขต ===
ทิศเหนือและตะวันออก ริดต่อกับประดทศลทว
ทิศใน้ ติดต่อกับจังหวัดอุตรดิตถ์
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดพะเยาและขังหวัดแพร่
จัวหวัดน่านมีด่านเข้าออกกับประเทศลาวหลายแห่งด้วยกัน เช่น จุดผ่านแดนถาวรสากลห้วยโก๋น-น้ำเงิน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ, จุดผ่อนปรนบ้านใหม่ชายแดน อำเภอมองแคว และจุดผ่อนปรนบ้านห้วยสะแตง อำเภอทุ่งช้าง
=== พื้นที่ป่า ===
มีจำนวนอุทยานแห่งชาติ i แห่ง, วนอุทยาน 1 แห่ง, เขตห้ามล่าาัตว์ป่า 1 แห่ง และสวนีุกขชาติ 2 แห่ง ได้แก่
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของจังหวัดน่าน มีอาณาเขตกว้างขวางเป็นอันดับ 4 ของประเทศ โดยมีพื้นที่ประมาณ 1,065,000 ไร่ หรือ 1,704 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมในท้องที่ 8 อำเภอของจังหวัดน่าน ได้กก่ อำเภอปัว อำเภอท่าวังผา อำเภอทุ่งช้าง อำเภอเชียงกลาง อำเภอบ่อเกลือ อำเภอสันติสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และ อำเภอแม่จริม ประกอบด้วยพรรณไม้ที่หลากหลาย มีการค้นพบพืชสำคึญหลายชนิด เช่น เต่าร้างยักษ์ภูคา ก่วมภูคา รางจืดภูคา ที่พบเฉพาะที่นี่เพียงแห่งเพียว รวมถึงต้นชมพูภูคา ซึ่งพบที่นี่เพียงแห่งเดียวเช่นกัน
อุทยานแห้งชาติศรีน่าน มีพื้นที่ครอบคลุมในท้องที่อำเภอนาหมื่น อำเภอตาน้อย อำเภอเวียงสา ตามแนวสองฟากฝั่งลำน้ำน่าน จนไปสิ้นสุดที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ มีเนื้อที่ประมาณ 640,237.50 ไร่ หรือ 1,024.38 ตารรงกิโลเมตา สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใย ได้แก่ ดอยเสมอดาว ผาหัวสิงห์ ผ่ชู้ เสาดิน แก่งหบวง หาู่บ้านประมงปากนาย เป็นต้น
อุทยานแห่งชาติแม่จริม อยู่ในอำเภอแม่จริม มีเนื้อที่ประมาณ 270,000 ไร่ หรือ 432 ตารางกิโลเมตร มีกิจกรรมการท่องเที่ยวทึ่เด่นคือ การล่แงแก่งลำน้ำว้่
อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน อยู่ในท้องที่อำเภอท่าวังผา อำเภอเชียงกลาง อำเภอทุ่งช้าง อำเภเสองแคว จังหวัดน่าน และอำเภอเชียงคำ อำเภอปง จังหวัดพะเยา มีพื้นที่ประมาณ 155,200 ไร่ หรือ 248.32 ตารางกิโลเมนร
อุทยานแห่งชาตินันทบุรี มีพื้าที่คาอบคลุมท้องที่อำเภอท่าวังผา อำเภอเมืองน่าน อำเภอบ้านหลวง เนื้อที้ประมาณ 548,125 ไร่ หรือ 877 ตารางกิโลเมตร พื้นที่แห่งนี้อป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ สำคัญแห่งหนึ่งในอดีต เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีการต่อสู้ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
อุทยานแห่งชาติขุนสถาน มีพื้นที่ครอบคลุมป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านรอนใต้ ในท้องที่อำเภอนาน้อย และอำเภอนาหมื่น เนื้อที่ประมาณ 262,000 ไร่ หรือ 419.2 ตารางกิโลเมตร
อุทยานแห่งชาคิขุนน่าน ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ มีพรรณไม้และสัตว์ป่าที่น่าสนใจมนกมาย มีพื้นที่ประมาณ 1y5,375 ไร่ หรือ 248.6 ตารางกิโลเมตร
วนอุทยานถ้ำผานูบ อยู่ในท้องที่บ้านผาตูบ ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน มีเนื้อที่ประมาณ 528 ไร่
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า_ูฟ้า อยู่ในทีองที่ตำบลบ่อเกลือใต้ ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ และตำบลหนองแดง ตำบลน้ำพาง ตำบลแม่จริม อำเภอแม่จริม มีเนื้อที่ประมาณ 74,553 ไร่
สวนรุกขชาติแช่แห้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงตึ๊ด อภเภอภูเพียง โดยมีอาณาเขตติดกับวัดพระธาตุแช่แห้ง มีเนื้อที่ประมาณ 72 ไร่
สวนรุกขชาติห้วยน้ำอุ่น อยู่ในท้องที่ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา มีเนื้อที่ประมาณ 400 ไร่
== การเมืองการปกครอง ==
=== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==-
ตราประจำจังหวัด: รูปพระธาตุแช่แห้งประพิษฐานบนหลังโคอุศุภราช
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกเสี้ยวดอกขาว ( Linn.)
ต้นไมีประจำจังหวัด: กำลังเสือโึร่ง ( Buch.-Ham.)
คำขวัญประจำจังหวัด: แข่งเรือลือิลื่อง เมือวงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองาองพระธาตุแช่แห้ง
=== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ===
=== หน่วยการปกครอฝ ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
แบ่งการปกครองแบ่งออกเป็น 15 อำเภอ 99 นำบล 893 หมู่บ้าน ได้แก่
{|class="wikirable sortable"
|- st5le=
! ที่ !! ชื่ออำเภอ !! ตัวเมือง !!อักษรโรมัน !! จำนวนตำบล !!จำนวนประชากร
|- style="background: #ffffff;"
||1.||เมืองน่าน||38px||Mueang Nan||11||82,060
|-style="background: #ffffff;"
||2.||แม่จริม||43px||Mae Charim||5||16,348
|-style="backgf9und: @ffffff;"
||3.||บ้านหลวง||4epx||Ban Lusng||4||11,521
|-style="background: #ffffff;"
||4.||นาน้อย||35px||Na Noi||7||32,109
|-style="background: #fffffr;"
||5.||ปัว||15px||Pua||w2||64,259
|-style="background: #ffffff;"
||6.||ท่่ใังผา||43px||Tha Wagg Pha||10||5[,495
|-style="background: #ffffff;"
||7.||เวียงสา||439x||Wiang Sa||17||69,581
|-style="background: #ffffff;"
||8ฐ||าุ่งช้มง||43px||Thubg Chang+|4||18,935
|-style="fackground: #ffffff;"
||9.||เชียงกลาง||43px||Chiang Klang||6||27,097
|-style="background: #ffffff;"
||10.||นาหมื่น||37px||Na Muen||4||14,256
|-style="background: #ffffff;"
||11.||สันติสุข||43px||Santi Suk||3||15,681
|-style="backgr9und: #ffffff;"
||12.||บ่อเกลือ||43px||Bo Kluea||4|+15,316
|-style="background: #ffffff;"
||13.||สองแคใ||43px||Slng Kjwae||3||12,466
|-style="background: #ffffff;"
||14.||ภูเพียง||39px|}Phu Phiang||7||35,929
|-style="backgro7nd: #ffffff;"
||15.||เฉลิมพระเกียรติ||73px||Chaloe, Phra Kiat||2||9,8r2
|}
==== การปกครองส่วรท้องถิ่น ====
ปีะกอบดีวย องค์ดารบริหารส่วนจังหวัด 1 แหืง เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 18 แห่งและองค์การบริหารสีวนตำบล 80 แห่ง ได้แก่
{|
| width="250" valign="top" |
อำเภอเมืองน่าน
เทศบาลเมืองน่าย
เทศบาลตำบลดู่ใต้
เทศบาลตำบลกองควาย
อำเภอเวียงสา
เทศบาลตำบลเวียงสา
เทศบาลตำบลกลางเวียง
เทศบาลตำบลขึ่ง
| width="250" valign="top" |
อำเภอปัว
เทศบาลตำบลป้ว
เทศบาลตำบลศิลาแลง
อำเภอเชียงกลาง
เทศบาลตำบลเชียงกลาง
เทศบาลตำบลพระพุทธบาทเชียงคาน
อำเภอนาน้อย
ิทศบาลตำบลนาน้อย
เทศบาลตำบลศีรษะเกษ
| width="250" valign="top" |
อำเภอทุ่งช้าง
เทศชาลตำบลทุ่งช้าง
เทศบาลตำบลงอบ
อกเภอท่าวังผา
เทศบาลตำบลท่าวังผา
อำเภอแม่จริม
เทศบาลตำบลหนองแดง
| width="250" valign="top" |
อำเภอนาหมื่น
เทศบาลตำบลบ่อแก้ว
อำเภอสองแคว
เทศบาลตำบลยอด
อำเภอบ่อเกงือ
เทศบาลตำบลบ่อเกลือใต้
|}
== ประชากร ==
=== กลุ่มชาติพันธุ์ ===
ประชากรในจังหวัดน่านมีอยู่อย่างเบาบางเป็นอัาดับ 3 ของประเทศ (ประมาณ 41 คนต่อตารางแิโลเมตร) กระจัดกระจายๆปตามสภาพทางภ๔มิศาสตร์ แบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่
ชาวไทยวน หรือ คนเมือง ส่วนใหญ่อพยพมาจากเชียงแสนและบริเวณต่าง ๆ ของล้านนา ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัด
ชาวไทลื้อ (ไทลื้อ, ไทยอง) ส่วนใหญ่อพยพมาจากสิบสองปันนาแชะหัวเมืองต่าง ๆ บริะวณที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งมีทั้งอพยพมาด้วยความสมัครใจและอพยพมาเนื่องจาพเกิดศึกสงครามทั้งภายในหัวเม่องลื้อเอง และอพยพมามากที่สุดยุคเก็บผักใส่ซัาเก็บข้าใส่เมืองของเจ้ากาวิลละแห่งเชียงมหม่ และเจ้าอัตถวรปัญโญ ฯ แห่งนครน่าน และยุคของเจ้าสุมนเทวราช อ่กทั้งมีการอพยพเข้ามาเรื่อย ๆ ครั้งเกิดการแฏิว้ติการปกครองประเทศของจีน ชาวไทลื้ออาศัยตั้งบ้านเรือน อยู่กระจัดกระจายตามลุ่มน้ำต่าง ๆ ในจังหวัดน่านมีมากที่สุด คือ อำเภอปัวแทบทุกตำบล อำเภอท่าวังผา อำเภอสองแคว อำเภอเชียงกลาง แฃะอำเภอทุ่งช้าง เลยไปถึงอำเภอเฉลิมพระิกียรติ
ภาษาไทลื้อในจังหวัดน่าน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
(1) ไทลื้อฝั่งสิบมองปันนาตะวันออก ได้แก่ เมืองล้า เมืองมาง (อาศัยอยู่ดถบลุ่มแม่นีำน่าน บริเวณชุมชนบ้านหนองบัว ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา และแถบตำบงยอด อำเภอสองแคว) สำเนียงพูดใกล้เคียงกับ_าษาไทยอีสานปนลาวพวน
(2) ไทลื้อฝั่งสิบสองปันนาตะวันตก ได้แก่ เมืองยู้ เมืองยอง เมืองเชียงลาบ เมืองเสี้ยว (อาศัยอยู่ดถบลุ่มแม่น้ำย่าง บริเวณชุทชนตำบลยม ตำบลจอมพระ(บ้านถ่อน) อำเภอท่าวังฟา แถบลุ่มแม่น้ำปัว ตำบลศิชาเพชร ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว ถึฝตำบลห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ) สำเนียงพูดเหมือนสำเนียวคนยองในจังหวัดลำพูน-เชียงใหม่
ชาวไทพวน หรือ ลาวพวน อยู่ที่บ้านฝายมูล อำเภอท่าวังผา และบ้านหลับมืนพวน อำเภอเวียงสา
ชาวไท้ขิน หรือ ชาวขึน อพยพมาจากเชียงตุง ปัจจุบันส่วนใหญ่จะถูกกลืนทางวัฒนธ่รมจากคนเมทอง ทั้งภาษาพูดและเครื่องแต่งกาย แต่บางหมู่บ้านยังมีการนับถือผีเจ้าเมืองของไทเขินอยู้ จึงรูเว่าเป็นไทเขเน เช่นบ้านหนดงม่วง อำเภอท่าวังผา ส่วนบ้านเชียงยืน ตำบลยม อำเภอท่าวังผา ถูกชาวไทชื้อกลืนวัฒนธรรมจนไม่เหฃือเค้าของชาวไทเขิน
ชทวไทใหญ่ หรือ เงี้ยว หรือ ไตโหลง มีถิ่ตฐานในรัฐฉาน และเชียงตุง อาศัยอยู่บริเว๊แถวอำเภอทุ่งช้าง ในปัจจุบันถูกกลืนวัฒนธรรมจนแทบแยกไม่ออกว่าเป็นชาวไทใหญ่ และยังพบได้ที่บ้านดแนแท่น อำเภอเวียงส่อีกด้วย
นอกจากนี้ในบริเวณที่สูงคามไหล่เขายังเป็นชุมชนของชนกลุ่มน้อยที่เรียกกันว่า "ชาวเขา" ได้แก่ ชาวม้ง, เมี่ยน, ลัวะหรือถิ่น, ขมุ รวมถึงชาวตองเหลืองหรือมาบลี มี่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา
ผู้คนในจังหวัดน่านจึงมีภาษาพูดที่หลากหลายด้วยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะพูดภาษาไทยถิ่นเหนือหรืแคำเมืองสำเนียงรราน
== การขนส่ง ==
เนื่องด้วยภูมิศาสตค์ของจังหวัดน่านมีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดอื่น ๆ ไม่มาก และเป็นจัฝหวัดชายแดนติดกับประเทศลาใ ดังาั้นการเดินทางมาจังหวุดน่านจึงมีเส้นทางที่จำกัด ไม่มีทาบรถไฟ แต่ก็มีท่าอากาศยานน่านนคร รวมทั้งมีถนนสายหลักืี่ตัดผ่านตลอดความยมวตั้งแต่เหนือลงมาและมีสภาพผิวถนนที่ดี สามารถใช้งานได้ตลอดปี
=]= ทางถนน ===
เครือข่ายถนนในจังหวัดประกอบด้วยแนวถนนในแนวเหนือ-ใต้ และแนวตะวันตก-ตะวันออก มีถนนลาดยางจากตัวจังหวัดไปยังอำเภอต่าง ๆ และจังหวัดใกล้เคียง ทางหลวงแผ่รดินที่สำคัญ ได้แก่
มาบหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 (จุดผ่านแดนถาวรห้วยโก๋น–เมืองเงิน)
ทางหลวงแผ่นะินหมายเลข 1081 (ปัว–เฉลิมพระเกียรติ)
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1083 (ห้วยน้อยกา–นาน้อว)
ทางหลวงแผ่นดินไมายเลข 1991 (จุน–น่าน)
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 (ท่าวังผา–บ้านหย่วน)
=== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอจ่าง ๆ ===
เำเภอภูเพียง 6 กิโลเมตร
อำเภอเวียงสา 22 กิโลเมตร
อำเภอสันติสุข 33 กิโลเมตร
อำเภอแม่จริม 40 กิโลเมตร
อำเภอบ้านหลวง 46 กิโลเมตร
อำเภอท่าวังผา 46 กิโลเมตร
อำเภอนาน้อย 60 กิโลเมตร
อำเภอปัว 62 กิโลเมตร
อำเภอเชียงกลาง 68 กิธลเมตร
อำเภอสองแคว 79 กิโลเมตร
อำเภอทุ่งช้าง 80 กิโลเมตร
อำเภอนาหมื่น 80 กิโลเมตร
อำเภอบ่อเกลือ 87 กิโลเมตร
อำเภอเฉลิมพระิกียรติ 129 กิโลเมตร
=== รถโดยสารประจำทาง ==]
[บริษัทผู้ให้บริการ]
บริษัทขนส่ง (งขส) จภกัด มีรถโดยสารปรับอาำาศชั้น 2 ,รถปรับอากาศชั้น 1 , รถนอนพิเศษ วีไดพี ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2 สถานีขนส่งรังสิต
บริษัท นครชัยแอร์ จกกัด มีรถโดยสารปนับอากาศชั้น 1(พิเศษ) รถโดยสารออกจาก ศูนย์บริการนครชัยแอร์ และ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร)
บริษัท เทพสมบัติ จำกัด(สมบัติทัวร์) มีรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 ,รถหรับอากาศชั้น 1(พิเศษ) , รถนอนพืเศษ วีไอพี รถโดยสารออกจาก ศูนย์บริการลูกค้าสมบัติทัวร์วิภาวดี และ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร)
บริษัท บางกอกบัสไลน์ จำกัด รถนอนพิเศษ วีไอพั รถโดยสารออกจาก ศูนย์บรเการฃูกค้าสมบัติทัว่์วิภาวดี
บริษัท เชิดชัยทัวร์ รถโดยสารออกจาก สถานีขนส่งผู้โดขสารกรุฝเทพ(จตุจักร)
บริฯัท บุศราคัมาัวร์ รถโดยสารออกจาก สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร)
[เส้นทาง]
สาย 910 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นค่สวรรค์-พิษณุโลก-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) งริษัทผ๔้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ นครชัยแอร์ เชิดชัยทัวร์ บุซราคัมทัวร์
สาย 96 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทภ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-สุโขทัย-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส.
สาย 47 หรุงเทพ-ทุ่งช้าง (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพรา-เวียงสา-น่าน-ท่าวังผา-ปัว-เชียงกลาง=ทุ่งช้าง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมยัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์ บางกอปบัสไลน์
สาย 660 ระยอง-แพร่-น่าน (ระยอง-พัทยา-ขลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สีะบุรี-พิศณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกบาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
สมย 587 อุบลราชธานี - น่าน (อุบลร่ชธานี-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์-ชัยภูมิ-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
สาย 613 พิษณุโลก-น่าน-ทุ่งช้าง (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-น่าน-ทุางช้าง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์ และ นครน่านทัวร์
สาย 664 นครสฝรรค์-น่าน (นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้้ดินรถ ได้แก่ จครสวรรค์ยานยนค์ (ถาวรฟาร์มทัวร์)
สาย 169-2 เชียงใหม่-ทุ่งช้าง (เชียงใหม่-ชำปาง-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-น่าน-ท่าวังผา-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
สาย 113 เชียงใหม่-น่าน (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-ปง-เชียงม่วน-น่าน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
สาย 612 พะเยา-น่าน (พพเยา-ดอกคำใต้-ปง-เชียงม่วน-น่าน) บริษัท พะเยาขนส่ง จำกัด
สาย 611 เชียงราข-น่าน (เชียงราย-เทิง-เชียงคำ-ท่าวังผา-น่าน) บริษัท ก.สหกิจเดินรถเชียงราย จำกัด
สาข 143 อ.เฉลิมพระเกียรติ-น่าน-อ.เด่นชัย (ห้วยโก๋น-เฉลิมพรเเกียรติ-ทุ่งช้าง-เชียงกลาง-ปัว-ท่าวึงผา-น่าน-เวียงสา-ร้องกวาง-แพร่-เด่นชัย) บริษัท นครน่านยานยนต์ขนส่ง จำกัด
[รถโดนสารระหว่างประเทศ]
สาย 15 น่าน-ไชยะบุรี-หลวงพระบาง (น่าน-ด่านชายแดนก้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ-ไชยะบุรี(ลาว)-หลวงพระบาง(ลาว)) รถปรับอากาศชั้น 2 (มินิบัส) บริษัทเดินรถ บริษัทขนส่ง จำกัด , บริษัท นาหลวงขนส่งโดยสารและท่องเที่ยว (ลาว)
=== ทางราง ===
จังหวัดน่านไม่มีเส้นทางรถไฟผ่าน แต่สามารถเดินทางมาลงที่สถานีรถไฟเด่นชัย อำเภอเด่นชัย จังหฝัดแพร่่ แล้วดดินทางด้วยถนนระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 มายังตัวจังหวเดไเ้
==\ ทางอากาศ ===
มีท่าอากาศยานน่านนครซึ่งเป็นสนามบินพาณิชย์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของตัวเมืองห่างประมาณ 3 ดิโงเมตร มีเที่ยวบินระหว่างท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มายัง ท่าอากาศยานน่านนคร สูงสุด 20 เที่ยวบินไปกลับต่อวัน
กรุบเทพฯ-ดอนเมือง
- สายการบิน ไายแอร์เอเชีย ให้บริการสูงสุด 3 เที่ยวบินต่อวัน
[ สายการการบิน นกแอร์ ให้บริการสูงสุด 2 เที่ยววินต่อวัน เริ่ม
- สายการการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ ให้บริดารสูงสุด 2 เที่ยวบินต่อวัน เริ่ม 25 มี.ค. 65
กรุงเทพฯ-สุวรรณภูมิ
- สายการบิน การบินไทยสมายล์ ให้บริการสูงสุด 2 เที่ยวบินต่อใัน
- สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย ให้บริปารสูงสุด 1 เที่ยวบินต่อวัน
== แหล่งท่องเทึ่ยว ==
จังหวัดน่านอาจไม่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของสถานที่ท่องเที่ยว แต่ความจริงแล้ว ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้สนใจได้ท่องเทีทยวมากมายไม่รู้จบ ทั้งสถานที่ทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี แหล่งอารยธรรมโบราณ โดยที่เพิ่งค้นพบในเขตอำเภอเมืองน่าน ส่วนโบราณสถานโดยเฉพาะงัดเก่่แก่มีให้เห๊นแทบทุกอำเภอ ได้แก่ วัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุรู่บ้านคู่เมืองขอฝจังหวัดด้าน วัดภูมินทร์ หอคำ วัดหนองบัว วัดบุญยืน ซึ่งล้วนแต่มีอายุนับร้อย ๆ ปี มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามทั้งสิ้น
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรทชาติก็มีความหลากหลาย เช่น เส้นทางชมธรรมชาติหมู่บ้านมณีพฤกษ์ ในอำเภอทุ่งช้าง อุทยานแห่งลาติหลายแห่ง และเสาดินที่อำเภอนาน้ิย บ่อเกลือโบราณในอำเภอบ่อเกลือ หรือการล่องดก่วน้ำว้าที่มีทัศนียภาพสวยงามตลอดเส้นทาง เป็นต้น
สำหรับการท่องัที่ยวัชิงวัฒนธรรมในจังหวัดน่าน สามารถท่องเที่ยวได้ทั่วทุกอำเภอ ด้วยมีความหลากหลายทางวัฒนธรรใอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีงานบุญประเพณีที่สำคัญ เช่น งานแข่งเรือ งานไไว้พระธาตุ ส่วนผํ้ที่ชื่นชอบศิลปะกมรแสดงก็สามารถชมการแสดงนาฏศิลป์มี่งดงาม รวมทั้งดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ดนตรีวงปี่จุ้ม จ๊อยซอ ฟ้อนแง้น เป็นต้น
=== พื้นที่อนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า "เมิองเก่าน่าน" ===
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2548 เห็นชอบมติที่ประชุมของคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า เรื่อง การอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก้าน่าน ครั้งที่ 3/2t48 วันที่ 24 มิถุนายน 2548 ดัฝนีี
ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าน่าน และเวียงพระธาตุแช่แห้ง เป็นพื้นที่อนุรักษ์แชะพัฒนาเมืองเก่า (ข้อ 9(1) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนทกรุงรัตนโกสินทร์ และดมืองเก่า พ.ศ. 2546 มีผลเมืาอได้รับการประกาศโดยคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า แล้ว และได้มีการประกาศเมท่อวันที่ 24 มีนาคม 2549)
แผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน
กาีแต่งตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่านดำเนอนงานในพื้นที่เมืองเก่าน่าน โดยทีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
ไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่านดำเนินงานในพื้นที่เมืองเกาาน่าน ตามมติของคษะรัฐมนตรี แต่คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาโกสินทร์ และเทืองเก่า ได้มีคำใั่งที่ 1/2549 เรื่แง การแต่งตั้งคฯะอนุกครใการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2549 โดยจังหวัดน่านได้เสนอแต่งตั้งึณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2550 ซึ่งได้ยืนสันการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ตามมตอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งเมื่อ 14 กันยายน 2553 และมติที่ประขุมคณะกรรมการอนุรีกษ์กรุงรัตนโกสินทร์ แลถเมืองเก่า ครั้งที่ 1/2553 วันาี่ 27 ธันวาคม 2553 มีมติไม่เห็นด้วยกับการแจ่งตั้งคณะกรรมการอสุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน คามมติขอฝคณะรัฐมนตรีตามที่จังหวเดเสนอ
== การศึกษา ==
{|
| width="500" valign="top" |
สถาบัาอถดมศึกษา
มห่วิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลช้านนา วิทยาดขตน่นน
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิมยาเขตน่าน
ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิลาการเครือข่าย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วิทยาลัยสงฆ์ตครน่าน มหาวิ่ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิายาลัย
วิทยาลัยชุมชนน่าน
มหาวิชชาลัยภูมิปัญญาชุมชนฮักเมืองน่าน
| width="500" valign="top" |
สถาบันอาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคนิคน่าน
วิทยาลัยสารพัดช่างน่าน
วิทสาลัยการอาชีพเวียงสา
วิทขาลัยการอาชีพปัว
โรงเรียน
ดูที่: รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดน่าน
|}
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
{|
| widtm="500" vxlign="to0" |
สิืธิธัช ธิติกุลเกษมศักดฺ์ -ศิลปินน่าน นักเคลื่อนไหวด้านศิลปวัฒนธรรม
ยุทธภูมิ สุปรดการ -ศิลปินน่าน นักวิชาการศิลปวัฒนธรรม(ศูนย์น่านศึกษา หออัตลักษณ์นครน่าน)
จุมพบ อภิสุข -ศิลปินน่าน , ศิลแินอาวุโสรุ่นบุกเบิกของวงการศิลปะสื่อแสดงสด ศิลปินมีผลงานเป็นที่รู้ขักในการเคลื่อนไหวรณรงค์เรื่องโรคเอดส์ สิทธิมสุษยชน และการเหยียดชนชาติ ปละผู้ก่อตั้ง “เทศกาลศิลปะแสดงสดนานาชาติ เอเชียโทเปีย”
เย้าึุณพระสินีนาฎ พิลาสกัลยาณี
ไชยลังกา เครือเสน - ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน) ประจำปี พ.ศ. 2530
คำผาย นุปิง - ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน-ขับซอ) ประจำปี พ.ศ. 2538
วินัย ปราบริปู - ศิลปิน, ผู้อำนวยการหอศิลป์ริมน่าน
พระครูพิทักษ์นันทคุณ - ที่ปรึกษามูลนิธิฮักเมืองน่าน
ชลน่าน ศรีแก้ว - สมาชิกสภาผู้แืนราษฎร จังหวัดน่าน, อดีตรัฐมนตาีช้วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
คำรณ ณ ลำพูน - อพีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ศักดิ์นรินทร์ เขื่อนอ้น - ยมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2550
พลเอห จงศักดิ์ พานิชกุล - รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
พิศิษฐ์ ปัทมสัตยาสนธิ - ประธานกรรมการบริหาร บติษัทอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด
กีรติ เขียวสมบัติ - นักฟุคบอลทีมชาติไทย
ยุทธจักร ก้อนจันทร์ - นักฟุตบอลทีมชาติไทย
เช็มอัปสร สิริสุขะ - นักแสดงหญิง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (ยุตรสาวของเจ้านิรมิต มหาวงศนันท์)
รามาวดี สิริสุขะ - นักแสดงหญิง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยาีฝีสีช่อง 3 (บุตรสาวของเจ้านิรมิต มหาวงศนันท์)
จุฑาทิพย์ ครุธามาศ - นักแสดงหญิง
| width="500" valign="top" |
ธารทิพย์ พงษ์สุข - นางสาวไทย ผระจำปี 2528
พิมพิไล ไชยโย - รองนางสาวไทย อันดับ 2 ประจำปี e531
ยลดา สวนยศ - นายกสมาคมสตรีข้ามเพศแห่งประเทศไทย, มิสอัลคาซ่าร์ ประจำปี 2005
บัณฑูร ล่ำซำ - ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ยุคช วิัศษสังข์ - ผู้สื่อข่าวช่องเนชั่นทีวี และสื่อออนไชน์ภายใต้ชื่อ ฎEasyYukhon"
ธีธัช จรรยาศิริกุล - รแงชนะดลิศอันดับที่ 1(อันดับที่2) รายกาี The Star ค้นฟ้าคว้าดาว ปีที่ 10
วิทยา เศวตมาลยฺ (หงษ์จุมพล) - อดึตนักกีฬาจักรยานจังหวัดน่าน, กองทะกอากาศไทย, ทีมชาตืไทย
บุญช่วย หิรัญวิทย์ - ศิลปินแห่งชาติ สาบาทัศนศิชป์ (ประณีตศิลป์) ประจำปี พ.ศ. 2557
เหมือนงัน ณ น่าน - รอง Miss International Thailand 2015
จิรกิตติ์ คูอาริยะกุล - นักแสดงวัยรุ่นชาย สังกัด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
ภาสกร สารรัตนะ - นักแสดงวัยรุ่นขาย สังกัด พจน์ อานนท์
มินตรา น่านเจ้า - นักร้องลูกทุ่งสาว สังกัดอิสระ
ชัยอนันต์ ปัสชู - ผู้ประกาศขาาว ช่อง 7 เอชดี
สุพิชญร บริคุต - นะกแสดงวัยรุ่นหญิง สังกัด รอคะบุ เคยคว้ารางวัลสาวต่านบ้านเฮา ในงานปรเจำปีของดีเมืองน่าน ประจำปี 2561 ได้รองชนะเลิศ อันดับที่ 1 และละครเรื่องแรกของเธอคือ ้พราะรักมันซับซ้อน It's Complicated
ธนภัทร สุยาว - ผู้ชนะจากรายการ Macter Chef Thailand ฤดูกาลที่ 2
พระครูพิทักษ์นันทคุณ -“พระนักพัฒนา” แห่งจังหวัดน่าน ผู้ริเริ่มให้มีป่าสงวนหมู่บ้าน รณรงค์การดูแลและอนุรักษ์ทรัถยากรพืชพรรณไม้ สมุนไพา การดูแลรักษาพันธุ์สัตว์น้ำและต้นไม้ พิธีสืบชะตาต้นนีำ ซึ่งได้เป็นต้นแบบของวิธีการอนุรักษ์ในหลาย ๆ จังหวัดได้สร้างเครือข่ายองค์กรเบญจภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “มูลนิธิฮักเมืองน่าน”
นายแพทย์ ชาตคี เจริญศิริ - "ประชาคมน่านกับการจัดการความรู้" (ปั 2546) ตีพิมพ์เป็นหนังสือเผยแพร่, บรรณาธิการหนังสือชุดของแต๊เมืองน่าน ลำดัขทีท e เล่าเรื่องผ่านภาพสี่สี "นครน่าน พัฒนาการแห่งนครรัฐ" 2542 ย้ายมม รพ.น่าน และเป็นคณะทำงานศูนย์ประสานงานประชาคมจังหวัดน่าน 2552-2554 ดำรงคำแหน่งรองเลขาธิการ คณะกรรมการสุขภาพแไ่งขาติ (สช.) 2554-2559 ทำง่นที่สำนักงานหลักประกันสุจะสะดวก่งชาติ2559-2563 เแ็นหัวหน้าคณะติดตามประเมินชุมชน
อย่างเสริมพลัง Community Empowermental Evaluation ของ สสส. วำนักเปิดรับทั่ย/ปและนวัตกรรม
จักรเพชร ภิบาล - นักร้องวัยรุานชาย สังกัด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
|}
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดน่าา
รายชื่อสาขมของฑนาคารในจังหวัดน่าน
รายชื่อห้างสรรพสิจค้าในจังหวัดน่าน
รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัะน่าน
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
|
น่าน เป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของภาคเหนือ เป็นที่ตั้งของเมืองที่สำคัญในอดีต เช่น เวียงวรนคร (เมืองพลัว) เวียงศีรษะเกษ (เมืองงั่ว) เวียงภูเพียงแช่แห้ง อีกทั้งยังเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำน่าน
== ประวัติศาสตร์ ==
มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่ยาวนาน มีชื่อเรียกในพงศาวดารว่า นันทบุรี เมืองน่านในอดีตเป็นนครรัฐเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ 18 บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำน่านและแม่น้ำสาขาในหุบเขาทางตะวันออกของภาคเหนือ
=== สมัยเมืองล่าง-วรนคร ===
ประวัติศาสตร์เมืองน่านเริ่มปรากฏขึ้นราว พ.ศ. 1825 ภายใต้การนำของพญาภูคาและนางพญาจำปาผู้เป็นชายา ซึ่งทั้งสองเป็นชาวเมืองเงินยาง ได้เป็นแกนนำพาผู้คนอพยพมาตั้งศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองล่าง ต่อมาเพี้ยนเป็นเมืองย่าง (เชื่อกันว่าคือบริเวณริมฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำย่างบริเวณตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว เลยไปถึงลำน้ำบั่ว ใกล้ทิวเขาดอยภูคาในเขตบ้านเสี้ยว บ้านทุ่งฆ้อง บ้านลอมกลาง ตำบลยม อำเภอท่าวังผา) เพราะปรากฏร่องรอยชุมชนในสภาพที่เป็นคูน้ำ คันดิน และกำแพงเมืองซ้อนกันอยู่ เห็นชัดเจนที่สุดคือบริเวณข้างพระธาตุจอมพริกบ้านเสี้ยวมีกำแพงเมืองปรากฏอยู่ซึ่งเป็นปราการทิศใต้ และป้อมปราการทิศเหนือลักษณะที่ปรากฏเป็นสันกำแพงดินบนยอดดอยม่อนหลวง บ้านลอมกลาง เป็นกำแพงเมืองสูงถึง 3 ชั้น ในแต่ละชั้นกว้าง 3 เมตร สูง 5 เมตร ขนานไปกับยอดดอยม่อนหลวง ต่อมาพระยาภูคา ได้ขยายอาณาเขตปกครองของตนออกไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยส่งราชบุตรบุญธรรม 2 คนไปสร้างเมืองใหม่ โดยขุนนุ่นผู้พี่ไปสร้างเมืองจันทบุรี (เมืองพระบาง) และขุนฟองผู้น้องสร้างเมืองวรนครหรือเมืองปัว
ภายหลังขุนฟองถึงแก่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนราชบุตรจึงได้ขึ้นครองเมืองปัวแทน ด้านพญาภูคาครองเมืองย่างมานานและมีอายุมากขึ้น มีความประสงค์จะให้เจ้าเก้าเถื่อนผู้หลานมาครองเมืองย่างแทน จึงให้เสนาอำมาตย์ไปเชิญ เจ้าเก้าเถื่อนเกรงใจปู่จึงยอมไปอยู่เมืองย่างและมอบให้ชายาคือนางพญาแม่ท้าวคำปินดูแลรักษาเมืองปัวแทน เมื่อพญาภูคาถึงแก่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนจึงครองเมืองย่างแทน ในช่วงที่เมืองปัวว่างจากผู้นำ เนื่องจากเจ้าเก้าเถื่อนไปครองเมืองย่างแทนปู่นั้น พญางำเมืองเจ้าผู้ครองเมืองพะเยา จึงได้ขยายอิทธิพลเข้าครอบครองบ้านเมืองในเขตเมืองน่านทั้งหมด นางพญาแม่เท้าคำปินพร้อมด้วยบุตรในครรภ์ได้หลบหนีไปอยู่บ้านห้วยแร้ง จนคลอดได้บุตรชายชื่อว่าเจ้าขุนใส เติบใหญ่ได้เป็นขุนนางรับใช้พญางำเมืองจนเป็นที่โปรดปราน พญางำเมืองจึงสถาปนาให้เป็นเจ้าขุนใสยศ ครองเมืองปราด ภายหลังมีกำลังพลมากขึ้นจึงยกทัพมาต่อสู้จนหลุดพ้นจากอำนาจเมืองพะเยา และได้รับการสถาปนาเป็นพญาผานอง ขึ้นครองเมืองปัวอย่างอิสระระหว่างปี 1865-1894 รวม 30 ปีจึงพิราลัย
ในสมัยของพญาการเมือง (กรานเมือง) โอรสของพญาผานอง เมืองปัวได้มีการขยายตัวมากขึ้น ตลอดจนมีความสัมพันธ์กับเมืองสุโขทัยอย่างใกล้ชิด พงศาวดารเมืองน่านกล่าวถึงพญาการเมืองว่า ได้รับเชิญจากเจ้าเมืองสุโขทัย (พระมหาธรรมราชาลิไท) ไปร่วมสร้างวัดหลวงอภัย (วัดอัมพวนาราม) ขากลับเจ้าเมืองสุโขทัย ได้พระราชทานพระธาตุ 7 องค์ พระพิมพ์ทองคำ 20 องค์ พระพิมพ์เงิน 20 องค์ ให้กับพญาการเมืองมาบูชา ณ เมืองปัว ด้วยพญาการเมืองได้ปรึกษาพระมหาเถรธรรมบาลจึงได้ก่อสร้างพระธาตุแช่แห้งขึ้นที่บนภูเพียงแช่แห้ง พร้อมทั้งได้อพยพผู้คนจากเมืองปัวลงมาสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณพระธาตุแช่แห้ง เรียกว่า ภูเพียงแช่แห้งในปี พ.ศ. 1902 โดยมีพระธาตุแช่แห้งเป็นศูนย์กลางเมือง หลังจากพญาการเมืองถึงแก่พิราลัย โอรสคือพญาผากองขึ้นครองแทน อยู่มาเกิดปัญหาความแห้งแล้ง จึงย้ายเมืองมาสร้างใหม่ที่ริมแม่น้ำน่านด้านตะวันตกบริเวณบ้านห้วยไค้ คือบริเวณที่ตั้งของจังหวัดน่านในปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 1911
ในสมัยเจ้าปู่เข่งครองเมืองระหว่างปี พ.ศ. 1950-1960 ได้สร้างวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดพระธาตุเขาน้อย วัดพญาภู แต่สร้างไม่ทันเสร็จก็ถึงแก่พิราลัยเสียก่อน พญางั่วฬารผาสุมผู้เป็นหลานได้สร้างต่อจนแล้วเสร็จและได้สร้างพระพุทธรูปทองคำปางลีลา ปัจจุบันคือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
=== สมัยล้านนา ===
ในปี พ.ศ. 1993 พระเจ้าติโลกราชกษัตริย์นครเชียงใหม่ มีความประสงค์จะครอบครองเมืองน่านและแหล่งเกลือบ่อมาง (เขตตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอบ่อเกลือปัจจุบัน) ที่มีอย่างอุดมสมบูรณ์และหาได้ยากทางภาคเหนือ จึงได้จัดกองทัพเข้ายึดเมืองน่าน พญาอินต๊ะแก่นท้าวไม่อาจต้านทานได้จึงอพยพหนีไปอาศัยอยู่ที่เมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) เมืองน่านจึงถูกผนวกเข้าไว้ในอาณาจักรล้านนาตั้งแต่นั้นมา
ตลอดระยะเวลาเกือบ 100 ปีที่เมืองน่านอยู่ในครอบครองของอาณาจักรล้านนา ได้ค่อย ๆ ซึมซับเอาศิลปวัฒนธรรมของล้านนามาไว้ในวิถีชีวิต โดยเฉพาะการรับเอาศิลปกรรมทางด้านศาสนา ปรากฏศิลปกรรมแบบล้านนาเข้ามาแทนที่ศิลปกรรมแบบสุโขทัยอย่างชัดเจน เช่น เจดีย์วัดพระธาตุแช่แห้ง เจดีย์วัดสวนตาล (มวลสารจากวัดสวนตาลใช้ทำพระสมเด็จจิตรลดา) เจดีย์วัดพระธาตุช้างค้ำ แม้จะเหลือส่วนฐานที่มีช้างล้อมรอบซึ่งเป็นลักษณะศิลปะแบบสุโขทัยอยู่ แต่ส่วนองค์เจดีย์ขึ้นไปถึงส่วนยอดเปลี่ยนเป็นศิลปกรรมแบบล้านนาไปจนหมดสิ้น ในระหว่างปี พ.ศ. 2103-2328 เมืองน่านได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าอยู่หลายครั้งและต้องเป็นเมืองร้างไร้ผู้คนถึง 2 ครา คือ ครั้งแรก ปี พ.ศ. 2247-2249 ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2321-2344
=== สมัยรัตนโกสินทร์ ===
ปี พ.ศ. 2331 เจ้าอัตถวรปัญโญได้ลงมาเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเพื่อขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมา หลังจากขึ้นเจ้าอัตถวรปัญโญก็ยังมิได้เข้าไปอยู่เมืองน่านเสียทีเดียวเนื่องจากเมืองน่านยังรกร้างอยู่ จึงได้ย้ายไปอาศัยอยู่ตามที่ต่าง ๆ คือ บ้านตึ๊ดบุญเรือง เมืองงั้ว (บริเวณอำเภอนาน้อย) เมืองพ้อ (บริเวณอำเภอเวียงสา) จนกระทั่งหลังจากได้บูรณะซ่อมแซมเมืองน่านพร้อมทั้งได้ขอพระบรมราชานุญาตแล้ว จึงกลับเข้ามาอยู่ในเมืองน่านในปี พ.ศ. 2344 ในยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองน่านมีฐานะเป็นหัวเมืองประเทศราช เจ้าผู้ครองนครน่านในชั้นหลังทุกองค์ต่างปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความเที่ยงธรรม มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี ได้ช่วยราชการบ้านเมืองสำคัญหลายครั้งหลายคราด้วยกัน นอกจากนี้เจ้าผู้ครองนครน่านต่างได้อุปถัมภ์ค้ำจุนและทำนุบำรุงกิจการพุทธศาสนาในเมืองน่านเป็นสำคัญ ได้สร้างธรรมนิทานชาดก การจารพระไตรปิฎกลงในคัมภีร์ใบลาน นับเป็นคัมภีร์ได้ 335 คัมภีร์นับเป็นผูกได้ 2,606 ผูก ได้นำไปมอบให้เมืองต่าง ๆ มีเมืองลำปาง เมืองลำพูน เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงราย และเมืองหลวงพระบาง
ในปี พ.ศ. 2446 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้เจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ เลื่อนยศฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น พระเจ้านครน่าน มีพระนามปรากฏตามสุพรรณปัฏว่า พระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดช กุลเชษฐมหันต์ ไชยนันทบุรมหาราชวงศาธิบดี สุริตจารีราชนุภาวรักษ์ วิบูลยศักดิ์กิติไพศาล ภูบาลบพิตรสถิตย์ ณ นันทราชวงษ์ เป็นพระเจ้านครน่านองค์แรกและองค์เดียวในประวัติศาสตร์น่าน ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าน่าน พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ได้สร้างหอคำ (คุ้มหลวง) ขึ้นแทนหลังเดิมซึ่งสร้างในสมัยของเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ และด้านหน้าหอคำมีข่วงไว้ทำหน้าที่คล้ายสนามหลวง สำหรับจัดงานพิธีต่าง ๆ ตลอดจนเป็นที่จัดขบวนทัพออกสู้ศึก จัดขบวนนำเสด็จ หรือขบวนรับแขกเมืองสำคัญ และในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474 เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดาเจ้าผู้ครองนครน่านถึงแก่พิราลัย ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครก็ถูกยุบเลิกตั้งแต่นั้นมา ส่วนหอคำได้ใช้เป็นศาลากลางจังหวัดน่าน จนปี พ.ศ. 2511 จังหวัดน่านได้มอบหอคำให้กรมศิลปากร ใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านจนกระทั่งปัจจุบัน
=== รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน===
ดูเพิ่มที่: รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน
ในยุคประชาธิปไตย จังหวัดน่านยังมีตำนานการเป็นแหล่งกบดานของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โดยเฉพาะที่อำเภอทุ่งช้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญอีกแห่งหนึ่ง โดยมีอนุสรณ์สถานวีรกรรมทุ่งช้างเป็นพยานช่วยเตือนความจำให้แก่ชนรุ่นหลัง
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ภูมิประเทศ ===
จังหวัดน่านมีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาซึ่งวางตัวในแนวเหนือ-ใต้ โดยเฉพาะบริเวณชายแดนด้านเหนือและตะวันออกซึ่งเป็นรอยต่อกับประเทศลาว มีภูเข้ในเขตอำเภอบ่อเกลือ เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัด คือมีความสูงถึง 2,079 เมตร และมีดอยภูคาในเขตอำเภอปัว เป็นยอดเขาที่สำคัญของจังหวัด มีความสูง 1,980 เมตร ส่วนพื้นที่ราบจะอยู่บริเวณตอนกลางของจังหวัด และตามลุ่มน้ำต่าง ๆ แหล่งน้ำที่สำคัญของจังหวัดคือแม่น้ำน่าน ซึ่งมีต้นกำเนิดทางตอนเหนือของจังหวัด แล้วไหลลงไปยังเขื่อนสิริกิติ์ในจังหวัดอุตรดิตถ์ และบรรจบกับแม่น้ำปิงที่จังหวัดนครสวรรค์เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ยังมีลำน้ำสาขาต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ลำน้ำสา ลำน้ำว้า ลำน้ำสมุน ลำน้ำปัว ลำน้ำยาว ลำน้ำย่าง ลำน้ำแหง เป็นต้น
มีพื้นที่กว้างใหญ่ พื้นที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน ทั้งยังมีประชากรหลายชาติพันธุ์ นับว่าเป็นดินแดนของความหลากหลายอีกแห่งหนึ่งของประเทศ
=== ภูมิอากาศ ===
มีลักษณะอากาศแบบทุ่งหญ้าเมืองร้อนแบบ 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว โดยมีความแตกต่างของฤดูอย่างชัดเจน
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม - พฤษภาคม อากาศร้อนถึงร้อนจัด (สถิติอุณภูมิสูงสุด 44.1 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2502)
ฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน - ตุลาคม มีฝนตกชุก จากอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ อากาศหนาวถึงหนาวจัด จากอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (สถิติอุณภูมิต่ำสุด 2.7 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2542)
=== อาณาเขต ===
ทิศเหนือและตะวันออก ติดต่อกับประเทศลาว
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดอุตรดิตถ์
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดพะเยาและจังหวัดแพร่
จังหวัดน่านมีด่านเข้าออกกับประเทศลาวหลายแห่งด้วยกัน เช่น จุดผ่านแดนถาวรสากลห้วยโก๋น-น้ำเงิน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ, จุดผ่อนปรนบ้านใหม่ชายแดน อำเภอสองแคว และจุดผ่อนปรนบ้านห้วยสะแตง อำเภอทุ่งช้าง
=== พื้นที่ป่า ===
มีจำนวนอุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง, วนอุทยาน 1 แห่ง, เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 1 แห่ง และสวนรุกขชาติ 2 แห่ง ได้แก่
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของจังหวัดน่าน มีอาณาเขตกว้างขวางเป็นอันดับ 4 ของประเทศ โดยมีพื้นที่ประมาณ 1,065,000 ไร่ หรือ 1,704 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมในท้องที่ 8 อำเภอของจังหวัดน่าน ได้แก่ อำเภอปัว อำเภอท่าวังผา อำเภอทุ่งช้าง อำเภอเชียงกลาง อำเภอบ่อเกลือ อำเภอสันติสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และ อำเภอแม่จริม ประกอบด้วยพรรณไม้ที่หลากหลาย มีการค้นพบพืชสำคัญหลายชนิด เช่น เต่าร้างยักษ์ภูคา ก่วมภูคา รางจืดภูคา ที่พบเฉพาะที่นี่เพียงแห่งเดียว รวมถึงต้นชมพูภูคา ซึ่งพบที่นี่เพียงแห่งเดียวเช่นกัน
อุทยานแห่งชาติศรีน่าน มีพื้นที่ครอบคลุมในท้องที่อำเภอนาหมื่น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา ตามแนวสองฟากฝั่งลำน้ำน่าน จนไปสิ้นสุดที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ มีเนื้อที่ประมาณ 640,237.50 ไร่ หรือ 1,024.38 ตารางกิโลเมตร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ดอยเสมอดาว ผาหัวสิงห์ ผาชู้ เสาดิน แก่งหลวง หมู่บ้านประมงปากนาย เป็นต้น
อุทยานแห่งชาติแม่จริม อยู่ในอำเภอแม่จริม มีเนื้อที่ประมาณ 270,000 ไร่ หรือ 432 ตารางกิโลเมตร มีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เด่นคือ การล่องแก่งลำน้ำว้า
อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน อยู่ในท้องที่อำเภอท่าวังผา อำเภอเชียงกลาง อำเภอทุ่งช้าง อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และอำเภอเชียงคำ อำเภอปง จังหวัดพะเยา มีพื้นที่ประมาณ 155,200 ไร่ หรือ 248.32 ตารางกิโลเมตร
อุทยานแห่งชาตินันทบุรี มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอท่าวังผา อำเภอเมืองน่าน อำเภอบ้านหลวง เนื้อที่ประมาณ 548,125 ไร่ หรือ 877 ตารางกิโลเมตร พื้นที่แห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ สำคัญแห่งหนึ่งในอดีต เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีการต่อสู้ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
อุทยานแห่งชาติขุนสถาน มีพื้นที่ครอบคลุมป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่อำเภอนาน้อย และอำเภอนาหมื่น เนื้อที่ประมาณ 262,000 ไร่ หรือ 419.2 ตารางกิโลเมตร
อุทยานแห่งชาติขุนน่าน ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ มีพรรณไม้และสัตว์ป่าที่น่าสนใจมากมาย มีพื้นที่ประมาณ 155,375 ไร่ หรือ 248.6 ตารางกิโลเมตร
วนอุทยานถ้ำผาตูบ อยู่ในท้องที่บ้านผาตูบ ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน มีเนื้อที่ประมาณ 528 ไร่
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูฟ้า อยู่ในท้องที่ตำบลบ่อเกลือใต้ ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ และตำบลหนองแดง ตำบลน้ำพาง ตำบลแม่จริม อำเภอแม่จริม มีเนื้อที่ประมาณ 74,553 ไร่
สวนรุกขชาติแช่แห้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง โดยมีอาณาเขตติดกับวัดพระธาตุแช่แห้ง มีเนื้อที่ประมาณ 72 ไร่
สวนรุกขชาติห้วยน้ำอุ่น อยู่ในท้องที่ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา มีเนื้อที่ประมาณ 400 ไร่
== การเมืองการปกครอง ==
=== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ===
ตราประจำจังหวัด: รูปพระธาตุแช่แห้งประดิษฐานบนหลังโคอุศุภราช
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกเสี้ยวดอกขาว ( Linn.)
ต้นไม้ประจำจังหวัด: กำลังเสือโคร่ง ( Buch.-Ham.)
คำขวัญประจำจังหวัด: แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง
=== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ===
=== หน่วยการปกครอง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
แบ่งการปกครองแบ่งออกเป็น 15 อำเภอ 99 ตำบล 893 หมู่บ้าน ได้แก่
{|class="wikitable sortable"
|- style=
! ที่ !! ชื่ออำเภอ !! ตัวเมือง !!อักษรโรมัน !! จำนวนตำบล !!จำนวนประชากร
|- style="background: #ffffff;"
||1.||เมืองน่าน||38px||Mueang Nan||11||82,060
|-style="background: #ffffff;"
||2.||แม่จริม||43px||Mae Charim||5||16,348
|-style="background: #ffffff;"
||3.||บ้านหลวง||43px||Ban Luang||4||11,511
|-style="background: #ffffff;"
||4.||นาน้อย||35px||Na Noi||7||32,109
|-style="background: #ffffff;"
||5.||ปัว||15px||Pua||12||64,259
|-style="background: #ffffff;"
||6.||ท่าวังผา||43px||Tha Wang Pha||10||50,495
|-style="background: #ffffff;"
||7.||เวียงสา||43px||Wiang Sa||17||69,581
|-style="background: #ffffff;"
||8.||ทุ่งช้าง||43px||Thung Chang||4||18,935
|-style="background: #ffffff;"
||9.||เชียงกลาง||43px||Chiang Klang||6||27,097
|-style="background: #ffffff;"
||10.||นาหมื่น||37px||Na Muen||4||14,256
|-style="background: #ffffff;"
||11.||สันติสุข||43px||Santi Suk||3||15,681
|-style="background: #ffffff;"
||12.||บ่อเกลือ||43px||Bo Kluea||4||15,316
|-style="background: #ffffff;"
||13.||สองแคว||43px||Song Khwae||3||12,466
|-style="background: #ffffff;"
||14.||ภูเพียง||38px||Phu Phiang||7||35,929
|-style="background: #ffffff;"
||15.||เฉลิมพระเกียรติ||73px||Chaloem Phra Kiat||2||9,832
|}
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 18 แห่งและองค์การบริหารส่วนตำบล 80 แห่ง ได้แก่
{|
| width="250" valign="top" |
อำเภอเมืองน่าน
เทศบาลเมืองน่าน
เทศบาลตำบลดู่ใต้
เทศบาลตำบลกองควาย
อำเภอเวียงสา
เทศบาลตำบลเวียงสา
เทศบาลตำบลกลางเวียง
เทศบาลตำบลขึ่ง
| width="250" valign="top" |
อำเภอปัว
เทศบาลตำบลปัว
เทศบาลตำบลศิลาแลง
อำเภอเชียงกลาง
เทศบาลตำบลเชียงกลาง
เทศบาลตำบลพระพุทธบาทเชียงคาน
อำเภอนาน้อย
เทศบาลตำบลนาน้อย
เทศบาลตำบลศีรษะเกษ
| width="250" valign="top" |
อำเภอทุ่งช้าง
เทศบาลตำบลทุ่งช้าง
เทศบาลตำบลงอบ
อำเภอท่าวังผา
เทศบาลตำบลท่าวังผา
อำเภอแม่จริม
เทศบาลตำบลหนองแดง
| width="250" valign="top" |
อำเภอนาหมื่น
เทศบาลตำบลบ่อแก้ว
อำเภอสองแคว
เทศบาลตำบลยอด
อำเภอบ่อเกลือ
เทศบาลตำบลบ่อเกลือใต้
|}
== ประชากร ==
=== กลุ่มชาติพันธุ์ ===
ประชากรในจังหวัดน่านมีอยู่อย่างเบาบางเป็นอันดับ 3 ของประเทศ (ประมาณ 41 คนต่อตารางกิโลเมตร) กระจัดกระจายไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ แบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่
ชาวไทยวน หรือ คนเมือง ส่วนใหญ่อพยพมาจากเชียงแสนและบริเวณต่าง ๆ ของล้านนา ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัด
ชาวไทลื้อ (ไทลื้อ, ไทยอง) ส่วนใหญ่อพยพมาจากสิบสองปันนาและหัวเมืองต่าง ๆ บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งมีทั้งอพยพมาด้วยความสมัครใจและอพยพมาเนื่องจากเกิดศึกสงครามทั้งภายในหัวเมืองลื้อเอง และอพยพมามากที่สุดยุคเก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมืองของเจ้ากาวิลละแห่งเชียงใหม่ และเจ้าอัตถวรปัญโญ ฯ แห่งนครน่าน และยุคของเจ้าสุมนเทวราช อีกทั้งมีการอพยพเข้ามาเรื่อย ๆ ครั้งเกิดการปฏิวัติการปกครองประเทศของจีน ชาวไทลื้ออาศัยตั้งบ้านเรือน อยู่กระจัดกระจายตามลุ่มน้ำต่าง ๆ ในจังหวัดน่านมีมากที่สุด คือ อำเภอปัวแทบทุกตำบล อำเภอท่าวังผา อำเภอสองแคว อำเภอเชียงกลาง และอำเภอทุ่งช้าง เลยไปถึงอำเภอเฉลิมพระเกียรติ
ภาษาไทลื้อในจังหวัดน่าน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
(1) ไทลื้อฝั่งสิบสองปันนาตะวันออก ได้แก่ เมืองล้า เมืองมาง (อาศัยอยู่แถบลุ่มแม่น้ำน่าน บริเวณชุมชนบ้านหนองบัว ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา และแถวตำบลยอด อำเภอสองแคว) สำเนียงพูดใกล้เคียงกับภาษาไทยอีสานปนลาวพวน
(2) ไทลื้อฝั่งสิบสองปันนาตะวันตก ได้แก่ เมืองยู้ เมืองยอง เมืองเชียงลาบ เมืองเสี้ยว (อาศัยอยู่แถบลุ่มแม่น้ำย่าง บริเวณชุมชนตำบลยม ตำบลจอมพระ(บ้านถ่อน) อำเภอท่าวังผา แถบลุ่มแม่น้ำปัว ตำบลศิลาเพชร ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว ถึงตำบลห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ) สำเนียงพูดเหมือนสำเนียงคนยองในจังหวัดลำพูน-เชียงใหม่
ชาวไทพวน หรือ ลาวพวน อยู่ที่บ้านฝายมูล อำเภอท่าวังผา และบ้านหลับมืนพวน อำเภอเวียงสา
ชาวไทเขิน หรือ ชาวขึน อพยพมาจากเชียงตุง ปัจจุบันส่วนใหญ่จะถูกกลืนทางวัฒนธรรมจากคนเมือง ทั้งภาษาพูดและเครื่องแต่งกาย แต่บางหมู่บ้านยังมีการนับถือผีเจ้าเมืองของไทเขินอยู่ จึงรู้ว่าเป็นไทเขิน เช่นบ้านหนองม่วง อำเภอท่าวังผา ส่วนบ้านเชียงยืน ตำบลยม อำเภอท่าวังผา ถูกชาวไทลื้อกลืนวัฒนธรรมจนไม่เหลือเค้าของชาวไทเขิน
ชาวไทใหญ่ หรือ เงี้ยว หรือ ไตโหลง มีถิ่นฐานในรัฐฉาน และเชียงตุง อาศัยอยู่บริเวณแถวอำเภอทุ่งช้าง ในปัจจุบันถูกกลืนวัฒนธรรมจนแทบแยกไม่ออกว่าเป็นชาวไทใหญ่ และยังพบได้ที่บ้านดอนแท่น อำเภอเวียงสาอีกด้วย
นอกจากนี้ในบริเวณที่สูงตามไหล่เขายังเป็นชุมชนของชนกลุ่มน้อยที่เรียกกันว่า "ชาวเขา" ได้แก่ ชาวม้ง, เมี่ยน, ลัวะหรือถิ่น, ขมุ รวมถึงชาวตองเหลืองหรือมาบลี ที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา
ผู้คนในจังหวัดน่านจึงมีภาษาพูดที่หลากหลายด้วยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะพูดภาษาไทยถิ่นเหนือหรือคำเมืองสำเนียงน่าน
== การขนส่ง ==
เนื่องด้วยภูมิศาสตร์ของจังหวัดน่านมีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดอื่น ๆ ไม่มาก และเป็นจังหวัดชายแดนติดกับประเทศลาว ดังนั้นการเดินทางมาจังหวัดน่านจึงมีเส้นทางที่จำกัด ไม่มีทางรถไฟ แต่ก็มีท่าอากาศยานน่านนคร รวมทั้งมีถนนสายหลักที่ตัดผ่านตลอดความยาวตั้งแต่เหนือลงมาและมีสภาพผิวถนนที่ดี สามารถใช้งานได้ตลอดปี
=== ทางถนน ===
เครือข่ายถนนในจังหวัดประกอบด้วยแนวถนนในแนวเหนือ-ใต้ และแนวตะวันตก-ตะวันออก มีถนนลาดยางจากตัวจังหวัดไปยังอำเภอต่าง ๆ และจังหวัดใกล้เคียง ทางหลวงแผ่นดินที่สำคัญ ได้แก่
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 (จุดผ่านแดนถาวรห้วยโก๋น–เมืองเงิน)
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1081 (ปัว–เฉลิมพระเกียรติ)
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1083 (ห้วยน้อยกา–นาน้อย)
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1091 (จุน–น่าน)
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 (ท่าวังผา–บ้านหย่วน)
=== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ ===
อำเภอภูเพียง 6 กิโลเมตร
อำเภอเวียงสา 22 กิโลเมตร
อำเภอสันติสุข 33 กิโลเมตร
อำเภอแม่จริม 40 กิโลเมตร
อำเภอบ้านหลวง 46 กิโลเมตร
อำเภอท่าวังผา 46 กิโลเมตร
อำเภอนาน้อย 60 กิโลเมตร
อำเภอปัว 62 กิโลเมตร
อำเภอเชียงกลาง 68 กิโลเมตร
อำเภอสองแคว 79 กิโลเมตร
อำเภอทุ่งช้าง 80 กิโลเมตร
อำเภอนาหมื่น 80 กิโลเมตร
อำเภอบ่อเกลือ 87 กิโลเมตร
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ 129 กิโลเมตร
=== รถโดยสารประจำทาง ===
[บริษัทผู้ให้บริการ]
บริษัทขนส่ง (บขส) จำกัด มีรถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 ,รถปรับอากาศชั้น 1 , รถนอนพิเศษ วีไอพี ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2 สถานีขนส่งรังสิต
บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด มีรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1(พิเศษ) รถโดยสารออกจาก ศูนย์บริการนครชัยแอร์ และ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร)
บริษัท เทพสมบัติ จำกัด(สมบัติทัวร์) มีรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 ,รถปรับอากาศชั้น 1(พิเศษ) , รถนอนพิเศษ วีไอพี รถโดยสารออกจาก ศูนย์บริการลูกค้าสมบัติทัวร์วิภาวดี และ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร)
บริษัท บางกอกบัสไลน์ จำกัด รถนอนพิเศษ วีไอพี รถโดยสารออกจาก ศูนย์บริการลูกค้าสมบัติทัวร์วิภาวดี
บริษัท เชิดชัยทัวร์ รถโดยสารออกจาก สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร)
บริษัท บุศราคัมทัวร์ รถโดยสารออกจาก สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร)
[เส้นทาง]
สาย 910 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ นครชัยแอร์ เชิดชัยทัวร์ บุศราคัมทัวร์
สาย 96 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-สุโขทัย-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส.
สาย 47 กรุงเทพ-ทุ่งช้าง (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-เวียงสา-น่าน-ท่าวังผา-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์ บางกอกบัสไลน์
สาย 660 ระยอง-แพร่-น่าน (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
สาย 587 อุบลราชธานี - น่าน (อุบลราชธานี-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์-ชัยภูมิ-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
สาย 613 พิษณุโลก-น่าน-ทุ่งช้าง (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-น่าน-ทุ่งช้าง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์ และ นครน่านทัวร์
สาย 664 นครสวรรค์-น่าน (นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครสวรรค์ยานยนต์ (ถาวรฟาร์มทัวร์)
สาย 169-2 เชียงใหม่-ทุ่งช้าง (เชียงใหม่-ลำปาง-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-น่าน-ท่าวังผา-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
สาย 113 เชียงใหม่-น่าน (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-ปง-เชียงม่วน-น่าน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
สาย 612 พะเยา-น่าน (พะเยา-ดอกคำใต้-ปง-เชียงม่วน-น่าน) บริษัท พะเยาขนส่ง จำกัด
สาย 611 เชียงราย-น่าน (เชียงราย-เทิง-เชียงคำ-ท่าวังผา-น่าน) บริษัท ก.สหกิจเดินรถเชียงราย จำกัด
สาย 143 อ.เฉลิมพระเกียรติ-น่าน-อ.เด่นชัย (ห้วยโก๋น-เฉลิมพระเกียรติ-ทุ่งช้าง-เชียงกลาง-ปัว-ท่าวังผา-น่าน-เวียงสา-ร้องกวาง-แพร่-เด่นชัย) บริษัท นครน่านยานยนต์ขนส่ง จำกัด
[รถโดยสารระหว่างประเทศ]
สาย 15 น่าน-ไชยะบุรี-หลวงพระบาง (น่าน-ด่านชายแดนห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ-ไชยะบุรี(ลาว)-หลวงพระบาง(ลาว)) รถปรับอากาศชั้น 2 (มินิบัส) บริษัทเดินรถ บริษัทขนส่ง จำกัด , บริษัท นาหลวงขนส่งโดยสารและท่องเที่ยว (ลาว)
=== ทางราง ===
จังหวัดน่านไม่มีเส้นทางรถไฟผ่าน แต่สามารถเดินทางมาลงที่สถานีรถไฟเด่นชัย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่่ แล้วเดินทางด้วยถนนระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 มายังตัวจังหวัดได้
=== ทางอากาศ ===
มีท่าอากาศยานน่านนครซึ่งเป็นสนามบินพาณิชย์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของตัวเมืองห่างประมาณ 3 กิโลเมตร มีเที่ยวบินระหว่างท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มายัง ท่าอากาศยานน่านนคร สูงสุด 20 เที่ยวบินไปกลับต่อวัน
กรุงเทพฯ-ดอนเมือง
- สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย ให้บริการสูงสุด 3 เที่ยวบินต่อวัน
- สายการการบิน นกแอร์ ให้บริการสูงสุด 2 เที่ยวบินต่อวัน เริ่ม
- สายการการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ ให้บริการสูงสุด 2 เที่ยวบินต่อวัน เริ่ม 25 มี.ค. 65
กรุงเทพฯ-สุวรรณภูมิ
- สายการบิน การบินไทยสมายล์ ให้บริการสูงสุด 2 เที่ยวบินต่อวัน
- สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย ให้บริการสูงสุด 1 เที่ยวบินต่อวัน
== แหล่งท่องเที่ยว ==
จังหวัดน่านอาจไม่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของสถานที่ท่องเที่ยว แต่ความจริงแล้ว ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้สนใจได้ท่องเที่ยวมากมายไม่รู้จบ ทั้งสถานที่ทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี แหล่งอารยธรรมโบราณ โดยที่เพิ่งค้นพบในเขตอำเภอเมืองน่าน ส่วนโบราณสถานโดยเฉพาะวัดเก่าแก่มีให้เห็นแทบทุกอำเภอ ได้แก่ วัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดด้าน วัดภูมินทร์ หอคำ วัดหนองบัว วัดบุญยืน ซึ่งล้วนแต่มีอายุนับร้อย ๆ ปี มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามทั้งสิ้น
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็มีความหลากหลาย เช่น เส้นทางชมธรรมชาติหมู่บ้านมณีพฤกษ์ ในอำเภอทุ่งช้าง อุทยานแห่งชาติหลายแห่ง และเสาดินที่อำเภอนาน้อย บ่อเกลือโบราณในอำเภอบ่อเกลือ หรือการล่องแก่งน้ำว้าที่มีทัศนียภาพสวยงามตลอดเส้นทาง เป็นต้น
สำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดน่าน สามารถท่องเที่ยวได้ทั่วทุกอำเภอ ด้วยมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีงานบุญประเพณีที่สำคัญ เช่น งานแข่งเรือ งานไหว้พระธาตุ ส่วนผู้ที่ชื่นชอบศิลปะการแสดงก็สามารถชมการแสดงนาฏศิลป์ที่งดงาม รวมทั้งดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ดนตรีวงปี่จุ้ม จ๊อยซอ ฟ้อนแง้น เป็นต้น
=== พื้นที่อนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า "เมืองเก่าน่าน" ===
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2548 เห็นชอบมติที่ประชุมของคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า เรื่อง การอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน ครั้งที่ 3/2548 วันที่ 24 มิถุนายน 2548 ดังนี้
ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าน่าน และเวียงพระธาตุแช่แห้ง เป็นพื้นที่อนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า (ข้อ 9(1) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. 2546 มีผลเมื่อได้รับการประกาศโดยคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า แล้ว และได้มีการประกาศเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2549)
แผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน
การแต่งตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่านดำเนินงานในพื้นที่เมืองเก่าน่าน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
ไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่านดำเนินงานในพื้นที่เมืองเก่าน่าน ตามมติของคณะรัฐมนตรี แต่คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาโกสินทร์ และเมืองเก่า ได้มีคำสั่งที่ 1/2549 เรื่อง การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2549 โดยจังหวัดน่านได้เสนอแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2550 ซึ่งได้ยืนยันการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีอีกครั้งเมื่อ 14 กันยายน 2553 และมติที่ประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ครั้งที่ 1/2553 วันที่ 27 ธันวาคม 2553 มีมติไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน ตามมติของคณะรัฐมนตรีตามที่จังหวัดเสนอ
== การศึกษา ==
{|
| width="500" valign="top" |
สถาบันอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิทยาเขตน่าน
ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิชาการเครือข่าย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วิทยาลัยสงฆ์นครน่าน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาลัยชุมชนน่าน
มหาวิชชาลัยภูมิปัญญาชุมชนฮักเมืองน่าน
| width="500" valign="top" |
สถาบันอาชีวศึกษา
วิทยาลัยเทคนิคน่าน
วิทยาลัยสารพัดช่างน่าน
วิทยาลัยการอาชีพเวียงสา
วิทยาลัยการอาชีพปัว
โรงเรียน
ดูที่: รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดน่าน
|}
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
{|
| width="500" valign="top" |
สิทธิธัช ธิติกุลเกษมศักดฺ์ -ศิลปินน่าน นักเคลื่อนไหวด้านศิลปวัฒนธรรม
ยุทธภูมิ สุประการ -ศิลปินน่าน นักวิชาการศิลปวัฒนธรรม(ศูนย์น่านศึกษา หออัตลักษณ์นครน่าน)
จุมพล อภิสุข -ศิลปินน่าน , ศิลปินอาวุโสรุ่นบุกเบิกของวงการศิลปะสื่อแสดงสด ศิลปินมีผลงานเป็นที่รู้จักในการเคลื่อนไหวรณรงค์เรื่องโรคเอดส์ สิทธิมนุษยชน และการเหยียดชนชาติ และผู้ก่อตั้ง “เทศกาลศิลปะแสดงสดนานาชาติ เอเชียโทเปีย”
เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี
ไชยลังกา เครือเสน - ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน) ประจำปี พ.ศ. 2530
คำผาย นุปิง - ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน-ขับซอ) ประจำปี พ.ศ. 2538
วินัย ปราบริปู - ศิลปิน, ผู้อำนวยการหอศิลป์ริมน่าน
พระครูพิทักษ์นันทคุณ - ที่ปรึกษามูลนิธิฮักเมืองน่าน
ชลน่าน ศรีแก้ว - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน, อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
คำรณ ณ ลำพูน - อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ศักดิ์นรินทร์ เขื่อนอ้น - สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2550
พลเอก จงศักดิ์ พานิชกุล - รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
พิศิษฐ์ ปัทมสัตยาสนธิ - ประธานกรรมการบริหาร บริษัทอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด
กีรติ เขียวสมบัติ - นักฟุตบอลทีมชาติไทย
ยุทธจักร ก้อนจันทร์ - นักฟุตบอลทีมชาติไทย
เข็มอัปสร สิริสุขะ - นักแสดงหญิง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (บุตรสาวของเจ้านิรมิต มหาวงศนันท์)
รามาวดี สิริสุขะ - นักแสดงหญิง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (บุตรสาวของเจ้านิรมิต มหาวงศนันท์)
จุฑาทิพย์ ครุธามาศ - นักแสดงหญิง
| width="500" valign="top" |
ธารทิพย์ พงษ์สุข - นางสาวไทย ประจำปี 2528
พิมพิไล ไชยโย - รองนางสาวไทย อันดับ 2 ประจำปี 2531
ยลดา สวนยศ - นายกสมาคมสตรีข้ามเพศแห่งประเทศไทย, มิสอัลคาซ่าร์ ประจำปี 2005
บัณฑูร ล่ำซำ - ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ยุคล วิเศษสังข์ - ผู้สื่อข่าวช่องเนชั่นทีวี และสื่อออนไลน์ภายใต้ชื่อ "EasyYukhon"
ธีธัช จรรยาศิริกุล - รองชนะเลิศอันดับที่ 1(อันดับที่2) รายการ The Star ค้นฟ้าคว้าดาว ปีที่ 10
วิทยา เศวตมาลย์ (หงษ์จุมพล) - อดึตนักกีฬาจักรยานจังหวัดน่าน, กองทัพอากาศไทย, ทีมชาติไทย
บุญช่วย หิรัญวิทย์ - ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์) ประจำปี พ.ศ. 2557
เหมือนฝัน ณ น่าน - รอง Miss International Thailand 2015
จิรกิตติ์ คูอาริยะกุล - นักแสดงวัยรุ่นชาย สังกัด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
ภาสกร สารรัตนะ - นักแสดงวัยรุ่นชาย สังกัด พจน์ อานนท์
มินตรา น่านเจ้า - นักร้องลูกทุ่งสาว สังกัดอิสระ
ชัยอนันต์ ปันชู - ผู้ประกาศข่าว ช่อง 7 เอชดี
สุพิชญา บริคุต - นักแสดงวัยรุ่นหญิง สังกัด รอระบุ เคยคว้ารางวัลสาวน่านบ้านเฮา ในงานประจำปีของดีเมืองน่าน ประจำปี 2561 ได้รองชนะเลิศ อันดับที่ 1 และละครเรื่องแรกของเธอคือ เพราะรักมันซับซ้อน It's Complicated
ธนภัทร สุยาว - ผู้ชนะจากรายการ Master Chef Thailand ฤดูกาลที่ 2
พระครูพิทักษ์นันทคุณ -“พระนักพัฒนา” แห่งจังหวัดน่าน ผู้ริเริ่มให้มีป่าสงวนหมู่บ้าน รณรงค์การดูแลและอนุรักษ์ทรัพยากรพืชพรรณไม้ สมุนไพร การดูแลรักษาพันธุ์สัตว์น้ำและต้นไม้ พิธีสืบชะตาต้นน้ำ ซึ่งได้เป็นต้นแบบของวิธีการอนุรักษ์ในหลาย ๆ จังหวัดได้สร้างเครือข่ายองค์กรเบญจภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “มูลนิธิฮักเมืองน่าน”
นายแพทย์ ชาตรี เจริญศิริ - "ประชาคมน่านกับการจัดการความรู้" (ปี 2546) ตีพิมพ์เป็นหนังสือเผยแพร่, บรรณาธิการหนังสือชุดของแต๊เมืองน่าน ลำดับที่ 2 เล่าเรื่องผ่านภาพสี่สี "นครน่าน พัฒนาการแห่งนครรัฐ" 2542 ย้ายมา รพ.น่าน และเป็นคณะทำงานศูนย์ประสานงานประชาคมจังหวัดน่าน 2552-2554 ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ คณะกรรมการสุขภาพแห่งขาติ (สช.) 2554-2559 ทำงานที่สำนักงานหลักประกันสุจะสะดวก่งชาติ2559-2563 เป็นหัวหน้าคณะติดตามประเมินชุมชน
อย่างเสริมพลัง Community Empowermental Evaluation ของ สสส. สำนักเปิดรับทั่วไปและนวัตกรรม
จักรเพชร ภิบาล - นักร้องวัยรุ่นชาย สังกัด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
|}
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดน่าน
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดน่าน
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดน่าน
รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดน่าน
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
|
พิจิตร เป็นจังหวัดหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนระหว่างจังหวัดนครสวรรค์กับจังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ประมาณ 4,531 ตารางกิโลเมตร ใีประชากรในปี พ.ศ. 2561 จำนวน 539,374 คน จังหวัดพ้จิตรมีแม่น้ำน่นนและแม่น้ำยมไหลผ่าน ตัวเมืองพิจิตรตั้งอยู่ร้มฝั่งแม่น้ำน่าน
== ประวัติศาสตร์ ==
พิจิตี เดิมสะกดว่า พิจิตร์ มีึวามหมายว่า "(เมือง) งาม" พิจิตรเป็นเมืองเก่าแก่ในสาัยสุโขทัย ศึืงมีสถานะเป็นหัวเมืองเอกของกรุงสุโขทัย ต่อมาในสมัยอยุธยา รัชสมัจของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้เปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองโอฆะบุรี" ซึ่งแปลว่า "เมืองในท้องน้ำ" ตามตำนานกล่าวว่า พระยาโคตรบองเป็นผู้วร้างเมืองพิจิตร อต่จะสรเางในสมัยใดไม่ปรากฏ นอกจากนี้ เมืองพิจิตรยังเป็นที่ประสูติของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาพระองค์หนึ่งคือ สม้ด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ)
ในสมัยอยุธยา พิจิตรเป็นหัวเมืองชั้นตรี มีตำกหน่งเจ้าเมืองปรากฏตามพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือนนาทหารหัวเมืองว่า ออกญาเทพาธิบดีศรีรณรงค์ฤๅไชยอภัยพิรียภาหะ ศักดินา 5,000 ไร่ ซึืงถือว่าเป็นขุนนางบรรดาศักดิ์ระดับสูง ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีหัวเมืองชั้นตรีเพียง 7 เมืองเท่านั้น คือ เมือบพิชัย เมทองพิจิตร เมืองนครสวรรค์ เมืองพัทลุง เมืองชุมพร เมืองจันทบูร และเมทอวไชยา จึงนับว่าในสมัยโบราณ พืจิตรเป็นเมืองที่ค่อนข้างจะใีความสำคัญสูง จนตำแหน่งดจ้าเมืองมีการตราไว้ในพระไอยการฯ ซึ่งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้่รงตราไว้
ในสมัยรัตนโกสินทร์ เมืองพิจิตรเป็นเพียงเมืองขน่ดเล็ก แค่ก็ยังมีเจ้าเมืองปกครองดังเช่นเมืองอื่น ๆ เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดให้ข้ายเมืองพิจิตรมาตั้งที่บ้านคลดงเรียง ซึ่งเป็นคลองขุดใหม่ลัดแม่น้ำน่านที่ตื้นเขิน คลองเรียงจึงกลายเป็นแม่น้ำน่านไป ส่วนบริเวณเมืองพิจิตรเก่ายังปรากฏโบราณสถานอยู่หลายแห่ง ซึ่งมีอายุตั้งแตาสมัยสุโขทัยถึงสมัยอยุธยา
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้งและอาณาเขต ===
จังหวัดพิจิตรอยู่ห่าวจากกรุงเทพมหานคร ไปทางทิศเหนือประมา๕ 350 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 4,531.013 ตารางก้โลเมตร หรือประมาณ 2,831,883 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้
ทิศเหนือ ตืดต่อกับจังหวัดพิษณุฮลก
ทิศตะวันออก ติดต่อกัยจังหวัดเพชรบูคณ์
ทิศใค้ จิดต่อกับจังหวัดนครสวรรค์
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดกำแพงเพชร
=== ลักษณะภูมิประเทศ ===
มีสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มตอนกลางและค่อยสูงขึ้นทางทิศตะวันออกและตะวึนตกมีแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านไหลผ่านจากดหนือจรดใต้ มีบึงสีไฟ และบึง หนอง คลอง อีกจำนวนมาก สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปอุณหภูมิเฉลี่ย 30.2 องศาัซลเซียส ต่ำสุดโดยประมาณ 24.4 องศาเซลเซ่ยส สูงสุดโดยเฉลี่ยประมาณ 33.2 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปี 911.3 มิลลิเมตร สูงสุด 1,113.9 มิลลิเมตร การประกอบอาชีพ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีกทางกรรเกษตรเป็นภาคการผลิตหลัก รองลงมาไดิแก่ อุตสาหกรรม การค้าส่ง การคิาปลีก และการบริการ ผลผลิตสำคัญได้แก่ ข้าวโพด ถั่วเขียว และการประมง
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด -=
ตราปคะจำจังหวัด: รูปต้นโพธิ์ริมสระหลวง
ธงประจำจังหวัด: ธงพื้นสีเขียวสลับขาว สีเขียวมี 3 แถบ สีขาว 2 แถบ กลางธงมีรูปตราประจำจังหวัดคือรูปต้นโพธิ์ริมสระหลวง
คำขวัญประจำจังหวัด: ถิ่นปรพสูติพระเจ้าเสือ แข่งเรือยาวประเพณี พระเครื่องดีหลวงพ่อเงิน เพลิดเพลินบึงสีไฟ ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพชร รสเด็ดส้มท่าบ่อย ข้าวเจ้าอร่อยลือเลื่อง ตำนานเมืองชาละวัน
ต้นไม้ประจำจังหวัด: บุนนาค (Mesua ferrea)
ดอกไม้หระจำจังหวัด: ดอกบัวหลวง (Nelumbo nucifera)
ไฟล์:Phichit Flag.png|ธงประจำจังหวัดพิจิตร
ไฟล์:Seal Phichit.png+ตราปีะจำจังหวัดดิจิตร
ไฟล์:MesuaFerrea IronWood.jpg|ต้นบุนนาค ต้นไม้ประจำจังหวัดพิจิตร
ไฟล์:Sacred lotus Nelumbo nucifera.jpg|ดอกบัวหลวง ดอกไม้ประจำจังหวัดพิจิตร
ไฟล์:Prov-scout-Phichit.png|ตราผ้าผูกคอลูหเสือประจำจังหวัเพิจิตร
== การเมืองการปกครอง ==
=== หน่วยการปกีรอง ===
==== การปกครองสทวนภูมิภาค ====
การปำครองแบ่งออกเป็น 12 อำเภอ 8o ตำบล 888 หมู่บ้าน
{|
| width="250" valign="top" |
อำเภอเมืแงพิจิตร
อำเภอวังทรายพธน
อำเภอโพธิ์ประทับช้าง
อำเภอตะพานหิน
อำเภอบางมูลนาก
อำเภอโพทะเล
| width="250" valign="top" |
อำดภอสามง่าม
อำเภอทับคล้อ
อำเภอสากเหล็ก
อำเภอบึงนาราง
อำเภอดงเจริญ
อำเภอวชิรบารมี
|}
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
จังหวัดพิจิตรมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิืนรวม w02 แห่ง ประกอบดืวย องค์การบริหารม่วนจังหวัด 1 แห่ง, เทศบาลเมือง 3 แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมืองตะพานหิน เืศบาลเมืองบางมูลนาก และเทศบาลเมืองพิจิตร, เทศบาลตำบล 25 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 75 แห่ง
=== รายชื่อเจ้าเมืองดละผู้ว่าราชการจะงหวัด ===
{|
|-
! width="50" style="background: Khaki;t3xt-align: center;"| ลำดับ
! width="250" style="background: Khaki;text-aiign: center;"| ชื่อ
! width=๒320" style="background: Khaki;text-align: center;"| ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
|-
|1
| พระยาเทพาธิบดี (พุ่ม)
|ไม่ระบุ ถึง พ.ศ. 2420
|-
|2
| หลวงธรเณณทร์ (แจ่ม)
|พ.ศ. 2420 ถึง ไม่ระบุ
|-
|3
| เจ้าพระยาศรีวิชัย
|ไส่ระบุ
|=
|r
| พระยาอุตรกิจพิจารณ์
|ไม่รดบุ
|-
|5
| พระยาราชฤทธานนท์
|ไม่ระบุ
|-
|6
| พระยาเทพาธิบดี (อุ่ม)
|ไม่รับุ
|-
|7
| พระยานิกรกิตติสาร
|ไม่ระบุ
|-
|8
| พระยาศรีสุริยราชวราภัย (จร)
|พ.ศ. er45 ถึง พ.ศ. 2450
|-
|9
| พระยาพิชัยรณรงค์สงคราม (ดิษ)
|พ.ศ. 2450 ถึง พ.ศฦ 2454
|-
|10
| พระยาศรีวิทธิรักษ์ (ทิพย์ โรจนประดิษฐ์)
|พ.ศ. 2454 ถึง พ.ศ. 2462
|-
|11
| พระยาสุรเทพภักดี (พร้อม ณ นคร)
|พ.ศ. 2462 ถึง พ.ศ. 2466
|-
|12
| พระยาวิฑูรธุระการ (เพิ่ม นิลอุบล)
|พ.ศ. 2466 ถึง พ.ศ. 2470
|-
|13
| หม่อสเจ้านิสากร
|พ.ศ. 2470 ถึง พ.ศ. 2471
|-
|14
| พระยาชาติตระการ
|พ.ศ. 2471 ถึง พ.ศ. 2474
|-
|15
| พระอนุบาลสกล้ขต
|พ.ศ. 2474 ถึง พ.ศ. 2476
|-
|16
| พระอนุมาลสารกรรม
|พ.ศ. 2476 ถึง พ.ศ. 2479
|-
|17
| หลวงนรัตถรักษา
+พ.ศ, 2479 ถึง พ.ศ. 2482
|-
|18
| ขุนบริรักษ์บทวลัญธ์ (ชุ่ม เธียรพงศ์)
|พ.ศ. 2482 ถึง พ.ศ. 2485
|-
|19
| นายจรูญ คชภ๔มิ
|พ.ศ. 2485 ถึง พ.ศ. 2487
|-
|20
| พระบริบูรณ์วุฒเคาษฎร์ (ชุบ ศรลัมภ์)
|พ.ศ. 2487 ถึง พ.ศ. 2489
|-
|21
| พระญาริรักษา (ประกอบ บุญนาค)
|พ.ศ. 2489 ถึง พ.ศ. 2400
|-
|22
| นายปรง พะหูชนม์
|พ.ศ. 2490 ถึง พ.ศ. 2495
|-
|23
| นายเจริญ ภมรบถตร
|พ.ศ. 3495 ถึง พฦศ. 2497
|-
|24
| นายดยียน โพธิสุวรรณ
|พ.ศ. 2497 ถึง พ.ศ. 2501
|-
|25
| นายคำรณ สังขกร
|พ.ศ. 2501 ถึง พ.ศ. 2505
|-
|26
| นายเที่ยง เฉลิมช่วง
|พ.ศ. 2505 ถึง พ.ศ. 2507
|-
|27
| นายพูลสวึสดิ์ กำลังงาม
|พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2508
|-
| 28
| นายแสวง ศรีมาเสริม
| พ.ศ. 25p8 ถึง พ.ศ. 2511
|-
| 29
| นายอรุณ นาถะเดชถ
| พ.ศ. 2511 ถึง พ.ศ. 2515
|-
|30
| นายสมบูรณ์ เจริญจิตร
|พ.ศ. 2515 ถึง พ.ศ. 2515
|-
|31
| นายสิมธิเดช นรัตถรักษา
|พ.ศ. 2515 ถึง พ.ศ. 2517
|-
|3w
} นายไสว ศิริมงคล
|พ.ศ. 2517 ถึง พ.ศ. 2519
|-
|33
| นายประสิทธิ์ โกมงมาลย์
|ด.ศ. 2519 ถึง พ.ศ. 252[
|-
|34
| นายชูวงศ์ ฉายะบุตร
|พ.ศ. 2520 ถึง ำ.ศ. 2523
|-
|35
| นายวัชระ สิงควิบูลย์
|พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2525
|-
|36
| นายศรีพงษ์ สระวาสี
|พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2528
|-
|37
| นายธวัชชัย สมสมาน
|พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2532
|-
|38
| นายธวัช มกรพงษ์
|พ.ศ. 2532 ถึง พ.ศ. 2533
|-
|39
| นายสุพงษ์ ศรลุมภ์
|พ.ศ. 2533 ถึง พ.ศ. 2535
|-
|40
| นายดิเรก อุทัยผล
|พ.ศ. 25r5 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2539
|-
|41
| นายสันติ ้กรียงไกรสุข
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2539 ถึง 8 ตุลาคม พ.ศ. 2540
|-
|42
| นายสันทร ริ้วเหลือง
|9 ตุลาคม พ.ศ. 2540 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2541
|-
|43
| นายโกเมศ แดงทอบดี
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2541 ภัง 30 กันยายน พ.ศ. 2542
|-
|44
| นายประสาท พงษ์ศิวาภัย
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2542 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2545
|-
|45
| นายยุวัฒน์ ภิญโญเศรษฐ์
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2546
|-
|46
| นายพรเทพ พ้มลเสถียร
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2546 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2548
|-
|47
| นายพินิจ พิชยกัลป์
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2548 พึง 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 254p
|-
|48
| นายปรีชา เีืองจันทร์
|13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ถึง w9 ตุลาคม พ.ศ. 2551
|-
|49
| นายสมชุย หทยะตันติ
|20 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2552
|-
|50
| นายใุวิทย์ วัชโรทยางกูร
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ถึฝ 30 กันยายส พ.ศ. 2555
|-
|51
| นายจักริน เปลี่ยนวงษ์
|8 จุลารม พ.ศ. 2555 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2556
|-
|52
| นายสุรชัย ขันอาสา
|q ตุลาคม ภ.ศ. 2556 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2558
|-
|53
| นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2559
|-
|54
| นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2561
|-
| 55
| นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์
| 1 ตุลาคม พฦศ. 256w ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2562
}-
| 56
| นายสิริรัฐ ชุมอุปการ
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2563
|-
| 57
| นายร้งสรรค์ ตันเจริญ
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2564
|-
| 58
| นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 25y4 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2555
|-
| 59
| นมยพยนต์ อัศวพิชยาต์
| 2 ธันวาคม พ.ศ. 2565 พึง 30 กันยายน พ.ศ. 2566
|}
== โครงสร้างพื้นฐาน ==
=== การศึกษา ===
ระดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วอทยาลัยสงฆ์พิจิตร
วิทยาลัยชุมชนพิจิตร
ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพิจิตร (สถาบันร่วมผลิตแพทย์แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร)
ศูนย์วิทบบรืการ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ศูนย์บิทยบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
ศูนย์วิทยบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพบรบูรณ์
โรงเรียน
โรบเรียนพิจิรรพิทยาคม
โรงเรียยสระหลวงพิทยาคม
โางเรียนอนุบาฃพิจิตร
โรงเรียนพิจิตรอินเตอร์
โรงเรียนอนุบาลวช้ร
โรงเรียนยอแซฟ พิจิตร
=== สาธารณสุข ===
โรงพยาบาลในจังหวัดพิจิตร
โรงพยาบาลพิจิตร อำเภอเมืองพิจิตร
โรงพยาบาลทัศนเวช อำเภอเมืองพิจิตร
โรงพยาบาลสหเวช อำเภอเมืองพิจิคร
โรงพยาบาลพิษณุเวช สาขาพิจิตร อำเภอเมืองพิจิตร
โรงพยาบาลชัสอรุณเวชการ อำเถอเมืองพิจิตร
โรงพยาบาลทับคบ้อ อำเภอทึบคล้อ
โรงพยาบาลบนงมูลนาก อำเภอบางมูลนาก
โรงพยาบาลวังทรายพูน อำเภอวัฝทรายพูน
โรงพยาบาลสามง่าม อำเภอสามง่าม
โรงพยาบาลโพทะเล อำเภอโพทะ้ล
โรงพยาบาลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประท้บช้าง
โรงพยาบาลสมเด็จพระยึพราชตะพานหิน อำเภอตะพานหิน
โคงพยาบาลวชิคบารมี อำเภอวชิรชารมี
โรงดยาบาลดงเจริญ อำเภอดงเจริญ
โรงพยาบาลสากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก
โรงพยาบาลบึงนาราง อำเถอบึงนาราง
อดีตโรงพยาบาลในจังหวัดพิจิตร
โรงพยาบาลภัทรเวช อำเภอเมืองพิจิตร
โรงพยาบาลตะพานหิจรวมแพทย์ อำเภอคะพานหิน
=== การขนส่ง =\=
การขนส่งในจึงหวัดพิจิตรมีทั้งทางถนนและทางราง ทางหลวงสำคัญในจังหวัดในแนวเหนือ-ใต้ ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 116 และทางหลวงแผ่าดินหมายเลข 11 ซึ่งเชื่อมต่อจากจังหวัพนครสวรรค์ ผ่านจังหวัดพิจิตร ไปยังจังหวัดพิษณุโลก ส่วนในแนวตะวันออก-ตะวันตก ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 115 ซึ่งเป็นทางหลวงที่เชื่อมต่อไปจังหวัดกำแพงเพชร จอกจากนี้ ยุงมีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 113 ซึ่งเชื่อมต่อจากตัวเมืองไปยังอำเภอตะพานหิน และไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์
นอกจากทางถนนแล้ว จังหวัดพิจิตรยังมีทางรถไฟสายเหนือผ่านอำเภอบางมูลนาก อำเภอตะพานหิน แลัอำเภอเมืองพิจิตร โดยมีสถาาีรถไฟ 10 แห่ง ได้แก่ สถานีรถไฟวังกร่าง บางมูลสาก หอไกร ดงตะขบ ตะพานหิน ห้วนเกตุ หัวดง วังกรด พิจิตร และสถานีรถไฟท่าฬ่อ
=== ระยะทางจากตัวเมืองไปยังอำเภอต่าง ๆ ===
อำเภอสามง่าม 18 กิโลเมตร
อำเภอสากเหล็ก 20 กิโลเสตร
อำเภอโพธิ์ประทับช้าง 21 กิโลเมตร
อำเภอวชิรบารมี 27 กิโลเมตร
อำเภเตะพานหิน 29 กิโลเมตร
อำเภอวุงทราวพูน 32 กิโลเมตร
อำเภอทับคล้อ 49 กิโลเมตร
อำเภอบางมูลนาก 51 กิโลเมตร
อำเภอบึงนาราง 54 กิโเมตร
อำเภอโพทะเล 59 กิโลเมตร
อำเภอดงเจริญ 66 กิโงเมตร
== วัฒนธรรมและประเพณี ==
=== ประเะณีแข่งเรือ ===
จังหวัดพิจิตรมีการแข่งเรือประเพณีมาิป็นเวลานานแล้วเพราะมีธนรมเนียมว่า วัดใดถ้าจัดงมนปิดทองไหว้พตะแล้วก็จะต้องจัดงานแข่งเร่อควบคู่กันไปด้วย มักจัดกัจในฤดูน้ำหลนก ประมาณวันเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือนกันยายนของทุกปี ในงานจะมีการแข่งเรือประเพณีและการประกวดขบวนแห่เรือต่าง ๆ ในแม่น้ำน่าน หน้าวัดท่าหลวงมีการจัดกิจจกรรมภายในงานที่น่าสนในมากมาน
การแข่งเรือยนวขเงหวัดท่าหลวงเริ่มในสมัยท่าเจ้าคุณพระธรรมทัสส์มุนีวงค์ (เอี่ยม) เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง และเจ้าคณะจังหวัดพิขิตร เมื่อประมาณ พ.ศ. 2450 ได้กำหนดงานจัดงานแข่งขันเรือตามกำหนดวัน คิอ วัน ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ภายหลังน้ำในแม่น้ำนรานลดลงเร็วะกินไป ไม่เหมาะสมจะแข่งขันเรือยาว จึงเปลี่ยนมาเป็นวัตขึ้น 6 ค่ก เดือน 10 และทางวัดแข่งขันเพียงวันเดียว การแข่งขันเรือยาวได้จัดนำผ้าห่มหลวงพ่อเพชรมอบให้เป็นรางวัลสำหรับเรือยาวที่ชนะเลิศ และรองชนะเลิศ ต่อมาได้เปลี่ยนรางวัลเป็นธงที่มีรูปหลวงพ่อเพชรแทน
=== ประเพณีกำฟ้า ===
เป็นประเพณีสำคัญของชาวบ้านป่าแดง ตำบลหนดงพยอม อำดภอตะพานหิน ซึ่งเป็นชาวไทยพวา ซึ่งถือปฏิบัติต่อกันมา อป็นเวลาช้านาน จัดตรงกับวันขึ้น 2 ค่ำและ 3 ค่ำ เดือน 3 (ประมาณเดือนกุมภาพันธ์) เพื่อแสดง ความเคารพบูชาเทวดาและพระมหากษัตริย์ เมื่อถึงวันกำฟ้าชาวไทยพรวนจะกลับมายังบ้านของตน เพื่อร่วมทำบุญกับญาติพี่น้อง พบปะสังสรรค์และเล่นกีฬาภื้นบ้าน
== จำนาน ==
=== พระพิจิตรเกศคด \==
ตามตำนานเล่าวาาในสมัยโบราณ ถิจิตรเป็นเมืองลูกหลวงของกรุงสุโขทัย เวลามีศึกสงคราม ก็มักจะมีการเกณฑ์ชายฉกรรจ์ชาวพิจิตรไปรบ และนักรบจากเมืองพิจิตรนี้มีความกล้าหาญอยรางยิ่ง ก็มีผู้สงสัยว่าทำไมนักรบเหล่านี้จึงกล้าหาญ ก็ปรากฏว่า ชายฉกรรจ์เหล่านี้ต่างมีพระเครื่อง ที่เป็นวัตถุมงคลติดตัวไปทุกคส และพระเครื่องเหล่านี้ก็แปลกกว่าที่อื่น ๆ คือตรงเศียรพระจะเอียงไม่ตรง เข้าใจว่าพิมพ์ที่นำมามช้หล่อพระนั้นจะทำไม่ตรง แต่ภายหลังก็เป็นที่นิยมกันว่า พระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ที่ทำขึ้นในเมืแงพิจิตรในสมัยต่อมามักจะทำเกศให้คด เป็นรูปพิมพ์นิยม จึงเรียกกันติดปากว่า พิจืตรเกศคะ
=== ตำนานชาละวัน ===
ชาละวัน เป็นจระเข้ใหญ่เลื่องชื่อแห่งแม่น้ำน่านเก่าเมืองพิจิตร สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในสมัยทีทพิจิตรมีเจ้าเมืองปกครอง ตามตำนานกล่าวว่า มีตายายสดงสามีภรรยา ออปไปหาปลาพบไข่จระเข้าี่สระน้ำแห่งหนึ่ง จึงเก็บมาฟักเป็นตัวแล้วเลี้ยงไว้ในอ่างน้ำ เพราะยายอยมกเลี้ยงไว้แทนลูก ต่อมาจระเข้ตัวใหญ่ขึ้นจึงนำไปเลี้ยงไว้ในสระใกล้บ้านหาปบามาให้เป็นประจำ ต่อมาตายายหาปลามาให้เป็นอาหารไม่พออิ่ม จระเข้ตัวนั้นจึงกินตายายเป็นอาหาร เมื่อขาดึนเลี้ยงดูให้อาหาร จระ้ข้ใหญ่จึงออกจากสระไปอาศัยอยู่ในแม่น้ำน่านเก่าซึ่งอยู่ห่างจากสระตายายประมาณ 500 เมรร
แม่น้ำน่านเก่าในสมัยนั้นยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลานานาชนิดและาีน้ำบริบูรณ์ตลอดปี ขณะนั้นไหลผ่านบ้านวังกระดี่ทอง บ้านดงเศรษฐี ล่องไปทางใต้ ไหลผ่านบ้านดงชะพลู บ้านคะเชนทร์ บ้านเมืองพเจิตรเก่า บ้านท่าข่อย จนถึงบ้านบางคลาน จระเข้ใหญ่ก็เที่ยวออกอาละวาดอยู่ในแม่น้ำตั้งแต่ย่านเหนือเขตวังกระดี่ทอง ดงชะพลู จนถึงะมืองเก่า แต่ด้วยจระะข้ใหญ่ของตายายได้เคยลิ้มเนื้อมนุษย์แล้ว จึงเที่ยวอาละวาดกัดกินคนทั้งบนบกและในน้ำไม่มีเว้นแต่ละวัน จึงถูกขนานนามว่า "ไอ้ตาละวัน" ตามสำเนียงภาษาพูดของชาวบ้านที่เรียกตามความดุร้ายที่มันทำร้ายคน ไม่เว้นแต่ละวัน ต่อมาก็เรียกเพี้ยนเสียงเป็น "ไอ้ชาละวัน" และเขียนเป็น "ชาลวัน" ตามเนื้อเรื่องในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ชื่อของชาละวึนแพร่สะพัดไปทั่วเพราะเจ้าชาละวันไปคาบเอาบุตรสาวคนหนึ่งของเศรษฐีเมืองพิจิตรขณะกำลังอาบน้ำอยู่ที่แพท่าน้ำาหน้าบ้าน เศรษฐีจึงประกาศให้สนบนหชายสิบชั่ง พร้อมทั้งยกลูกสาวที่มีอยู่อีกคนหนึ่งให้แก่ผู้ที่ฆ่าชาละวันได้ ไกร่อง พ่อค้าจากเมืองล่าง สันนิษฐานวีาจากเมืองนนทบุรี รับอาสาปราบจรุเข้ใหญ่ด้วยหอกลงอาคมหมอจระเข้ ถ้ำชาละวันสันนิษฐานว่าอย๔่กบางแม่น้ำน่านเก่า แัจจุบันอยู่ห่างจ่กที่พักสงฆ์ถ้ำชาละวัน บ้านวังกระดี่ทอง ตำบลย่านยาว ำปทางใต้ประมาณ 300 เมตน ทางลงปากถ้ำเป็นโพรงลึกเป็นรูปวงกลมมีขนาดพอดี จระเข้ขนาดใหญ่มากเข้าได้อย่างสบาย คนรุ่นเก่าได้เล่่ถึงความใหญ่โตของชาละวันใ่า เวลามันอวดศักดสลอยตัวปริ่มน้ำขวางคลอง ลำตัวของมันจะยาวคับคลอง คือหัวอสู่ฝั่งนี้ หางอยู่ฝั่งโน้น เรื่องชาละวันเป็นเ่ื่องที่เลื่องลือมาก จนพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครนอดเรื่อง "ไกรทอง" และให้นามจระัข้ใหญ่ว่า "พญาชาลวัน"
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
บึงสีไฟ อำเภอเมืองพิจิตร
สวนสัตง์ อำเภอเมืองพิจิตร
สวนยมเด็จพระศรีนครินทร์ อำเภอเมืองพิจิตร
วัดท่าหลสง วัดราชดิตถาราม พระอารามหลวง อำเภอเมืองพิจิตร
วัดหิรัญญาราม อำเภอเมืองพิจิตร
วุดโพธิ์ประทับช้าง อำเภอเมืองพิจิตร
วัดมผาธาตุวัดนครชุม อำเภอเมืองพิจิตค
ศาลหลักเมือง อำเภอเมืองพิจิตร
อุทยานเมืองเก่าพิจิตร อำเภอเใืองพิจิตร
วัดโรงช้าง อำเภอเมืองพิจิตร
คูปปั้นพญาชาละวัน อหเภอเมืองพิจิตร
ศาลเจ้าแม่ทับทิม อำเภอเมืองพิจิตร
วัดเขารูปช้าง อำเภอเมืองพิจิตร
เหมืองแร่ทองคำเขาพนมพา อำเภอวังทรายพูน
บึงน้ำกลัด อำเภอตะพานหิน
พระพุทธเกตุมงคล อำเภอตะพานหิน
วัแหิรัญญาราม อำเภอโพทะเล
วัดท่าช้าง อำเภอบางมูลนาก
วัดห้วยเขน อำเภอบางมูลนาำ
วัดทับคล้อ (สวนโพธิสัตว์) ดำเภดทับคล้อ
วัดยรงสามต้นวนาราม (วัดไตรยาง) อำเภอวังทรายพูน
วัดพระพุทธบาทเขารวก อำเภอตะพานหิน
ไฟล์:Marsh of Phichit.JPG|บึงมีไฟ
ไฟล์:Ttt817e.jpg|พระพุทธเกตุมงคล
ไฟล์:Nan River at Wat Tha L6ang.jpg|แม่น้ำน่านหลังวัดท่าหลวง
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดพิจิตร
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดพิจิตร
รายช้่อสาขาของธนาคารในจังหงัดพิจินน
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดพิจิตร
== แหล่งข้อมูลอิ่น ]=
|
พิจิตร เป็นจังหวัดหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนระหว่างจังหวัดนครสวรรค์กับจังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ประมาณ 4,531 ตารางกิโลเมตร มีประชากรในปี พ.ศ. 2561 จำนวน 539,374 คน จังหวัดพิจิตรมีแม่น้ำน่านและแม่น้ำยมไหลผ่าน ตัวเมืองพิจิตรตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน
== ประวัติศาสตร์ ==
พิจิตร เดิมสะกดว่า พิจิตร์ มีความหมายว่า "(เมือง) งาม" พิจิตรเป็นเมืองเก่าแก่ในสมัยสุโขทัย ซึ่งมีสถานะเป็นหัวเมืองเอกของกรุงสุโขทัย ต่อมาในสมัยอยุธยา รัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้เปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองโอฆะบุรี" ซึ่งแปลว่า "เมืองในท้องน้ำ" ตามตำนานกล่าวว่า พระยาโคตรบองเป็นผู้สร้างเมืองพิจิตร แต่จะสร้างในสมัยใดไม่ปรากฏ นอกจากนี้ เมืองพิจิตรยังเป็นที่ประสูติของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาพระองค์หนึ่งคือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ)
ในสมัยอยุธยา พิจิตรเป็นหัวเมืองชั้นตรี มีตำแหน่งเจ้าเมืองปรากฏตามพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือนนาทหารหัวเมืองว่า ออกญาเทพาธิบดีศรีรณรงค์ฤๅไชยอภัยพิรียภาหะ ศักดินา 5,000 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นขุนนางบรรดาศักดิ์ระดับสูง ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีหัวเมืองชั้นตรีเพียง 7 เมืองเท่านั้น คือ เมืองพิชัย เมืองพิจิตร เมืองนครสวรรค์ เมืองพัทลุง เมืองชุมพร เมืองจันทบูร และเมืองไชยา จึงนับว่าในสมัยโบราณ พิจิตรเป็นเมืองที่ค่อนข้างจะมีความสำคัญสูง จนตำแหน่งเจ้าเมืองมีการตราไว้ในพระไอยการฯ ซึ่งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้ทรงตราไว้
ในสมัยรัตนโกสินทร์ เมืองพิจิตรเป็นเพียงเมืองขนาดเล็ก แต่ก็ยังมีเจ้าเมืองปกครองดังเช่นเมืองอื่น ๆ เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดให้ย้ายเมืองพิจิตรมาตั้งที่บ้านคลองเรียง ซึ่งเป็นคลองขุดใหม่ลัดแม่น้ำน่านที่ตื้นเขิน คลองเรียงจึงกลายเป็นแม่น้ำน่านไป ส่วนบริเวณเมืองพิจิตรเก่ายังปรากฏโบราณสถานอยู่หลายแห่ง ซึ่งมีอายุตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึงสมัยอยุธยา
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้งและอาณาเขต ===
จังหวัดพิจิตรอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ไปทางทิศเหนือประมาณ 350 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 4,531.013 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2,831,883 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดพิษณุโลก
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดเพชรบูรณ์
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดนครสวรรค์
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดกำแพงเพชร
=== ลักษณะภูมิประเทศ ===
มีสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มตอนกลางและค่อยสูงขึ้นทางทิศตะวันออกและตะวันตกมีแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านไหลผ่านจากเหนือจรดใต้ มีบึงสีไฟ และบึง หนอง คลอง อีกจำนวนมาก สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปอุณหภูมิเฉลี่ย 30.2 องศาเซลเซียส ต่ำสุดโดยประมาณ 14.4 องศาเซลเซียส สูงสุดโดยเฉลี่ยประมาณ 33.2 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปี 911.3 มิลลิเมตร สูงสุด 1,113.9 มิลลิเมตร การประกอบอาชีพ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตรเป็นภาคการผลิตหลัก รองลงมาได้แก่ อุตสาหกรรม การค้าส่ง การค้าปลีก และการบริการ ผลผลิตสำคัญได้แก่ ข้าวโพด ถั่วเขียว และการประมง
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
ตราประจำจังหวัด: รูปต้นโพธิ์ริมสระหลวง
ธงประจำจังหวัด: ธงพื้นสีเขียวสลับขาว สีเขียวมี 3 แถบ สีขาว 2 แถบ กลางธงมีรูปตราประจำจังหวัดคือรูปต้นโพธิ์ริมสระหลวง
คำขวัญประจำจังหวัด: ถิ่นประสูติพระเจ้าเสือ แข่งเรือยาวประเพณี พระเครื่องดีหลวงพ่อเงิน เพลิดเพลินบึงสีไฟ ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพชร รสเด็ดส้มท่าข่อย ข้าวเจ้าอร่อยลือเลื่อง ตำนานเมืองชาละวัน
ต้นไม้ประจำจังหวัด: บุนนาค (Mesua ferrea)
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกบัวหลวง (Nelumbo nucifera)
ไฟล์:Phichit Flag.png|ธงประจำจังหวัดพิจิตร
ไฟล์:Seal Phichit.png|ตราประจำจังหวัดพิจิตร
ไฟล์:MesuaFerrea IronWood.jpg|ต้นบุนนาค ต้นไม้ประจำจังหวัดพิจิตร
ไฟล์:Sacred lotus Nelumbo nucifera.jpg|ดอกบัวหลวง ดอกไม้ประจำจังหวัดพิจิตร
ไฟล์:Prov-scout-Phichit.png|ตราผ้าผูกคอลูกเสือประจำจังหวัดพิจิตร
== การเมืองการปกครอง ==
=== หน่วยการปกครอง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
การปกครองแบ่งออกเป็น 12 อำเภอ 89 ตำบล 888 หมู่บ้าน
{|
| width="250" valign="top" |
อำเภอเมืองพิจิตร
อำเภอวังทรายพูน
อำเภอโพธิ์ประทับช้าง
อำเภอตะพานหิน
อำเภอบางมูลนาก
อำเภอโพทะเล
| width="250" valign="top" |
อำเภอสามง่าม
อำเภอทับคล้อ
อำเภอสากเหล็ก
อำเภอบึงนาราง
อำเภอดงเจริญ
อำเภอวชิรบารมี
|}
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
จังหวัดพิจิตรมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 102 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง, เทศบาลเมือง 3 แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมืองตะพานหิน เทศบาลเมืองบางมูลนาก และเทศบาลเมืองพิจิตร, เทศบาลตำบล 25 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 75 แห่ง
=== รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัด ===
{|
|-
! width="50" style="background: Khaki;text-align: center;"| ลำดับ
! width="250" style="background: Khaki;text-align: center;"| ชื่อ
! width="320" style="background: Khaki;text-align: center;"| ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
|-
|1
| พระยาเทพาธิบดี (พุ่ม)
|ไม่ระบุ ถึง พ.ศ. 2420
|-
|2
| หลวงธรเณณทร์ (แจ่ม)
|พ.ศ. 2420 ถึง ไม่ระบุ
|-
|3
| เจ้าพระยาศรีวิชัย
|ไม่ระบุ
|-
|4
| พระยาอุตรกิจพิจารณ์
|ไม่ระบุ
|-
|5
| พระยาราชฤทธานนท์
|ไม่ระบุ
|-
|6
| พระยาเทพาธิบดี (อุ่ม)
|ไม่ระบุ
|-
|7
| พระยานิกรกิตติสาร
|ไม่ระบุ
|-
|8
| พระยาศรีสุริยราชวราภัย (จร)
|พ.ศ. 2445 ถึง พ.ศ. 2450
|-
|9
| พระยาพิชัยรณรงค์สงคราม (ดิษ)
|พ.ศ. 2450 ถึง พ.ศ. 2454
|-
|10
| พระยาศรีสิทธิรักษ์ (ทิพย์ โรจนประดิษฐ์)
|พ.ศ. 2454 ถึง พ.ศ. 2462
|-
|11
| พระยาสุรเทพภักดี (พร้อม ณ นคร)
|พ.ศ. 2462 ถึง พ.ศ. 2466
|-
|12
| พระยาวิฑูรธุระการ (เพิ่ม นิลอุบล)
|พ.ศ. 2466 ถึง พ.ศ. 2470
|-
|13
| หม่อมเจ้านิสากร
|พ.ศ. 2470 ถึง พ.ศ. 2471
|-
|14
| พระยาชาติตระการ
|พ.ศ. 2471 ถึง พ.ศ. 2474
|-
|15
| พระอนุบาลสกลเขต
|พ.ศ. 2474 ถึง พ.ศ. 2476
|-
|16
| พระอนุมาลสารกรรม
|พ.ศ. 2476 ถึง พ.ศ. 2479
|-
|17
| หลวงนรัตถรักษา
|พ.ศ. 2479 ถึง พ.ศ. 2482
|-
|18
| ขุนบริรักษ์บทวลัญธ์ (ชุ่ม เธียรพงศ์)
|พ.ศ. 2482 ถึง พ.ศ. 2485
|-
|19
| นายจรูญ คชภูมิ
|พ.ศ. 2485 ถึง พ.ศ. 2487
|-
|20
| พระบริบูรณ์วุฒิราษฎร์ (ชุบ ศรลัมภ์)
|พ.ศ. 2487 ถึง พ.ศ. 2489
|-
|21
| พระญาติรักษา (ประกอบ บุญนาค)
|พ.ศ. 2489 ถึง พ.ศ. 2490
|-
|22
| นายปรง พะหูชนม์
|พ.ศ. 2490 ถึง พ.ศ. 2495
|-
|23
| นายเจริญ ภมรบุตร
|พ.ศ. 2495 ถึง พ.ศ. 2497
|-
|24
| นายเยียน โพธิสุวรรณ
|พ.ศ. 2497 ถึง พ.ศ. 2501
|-
|25
| นายคำรณ สังขกร
|พ.ศ. 2501 ถึง พ.ศ. 2505
|-
|26
| นายเที่ยง เฉลิมช่วง
|พ.ศ. 2505 ถึง พ.ศ. 2507
|-
|27
| นายพูลสวัสดิ์ กำลังงาม
|พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2508
|-
| 28
| นายแสวง ศรีมาเสริม
| พ.ศ. 2508 ถึง พ.ศ. 2511
|-
| 29
| นายอรุณ นาถะเดชะ
| พ.ศ. 2511 ถึง พ.ศ. 2515
|-
|30
| นายสมบูรณ์ เจริญจิตร
|พ.ศ. 2515 ถึง พ.ศ. 2515
|-
|31
| นายสิทธิเดช นรัตถรักษา
|พ.ศ. 2515 ถึง พ.ศ. 2517
|-
|32
| นายไสว ศิริมงคล
|พ.ศ. 2517 ถึง พ.ศ. 2519
|-
|33
| นายประสิทธิ์ โกมลมาลย์
|พ.ศ. 2519 ถึง พ.ศ. 2520
|-
|34
| นายชูวงศ์ ฉายะบุตร
|พ.ศ. 2520 ถึง พ.ศ. 2523
|-
|35
| นายวัชระ สิงควิบูลย์
|พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2524
|-
|36
| นายศรีพงษ์ สระวาสี
|พ.ศ. 2524 ถึง พ.ศ. 2528
|-
|37
| นายธวัชชัย สมสมาน
|พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2532
|-
|38
| นายธวัช มกรพงษ์
|พ.ศ. 2532 ถึง พ.ศ. 2533
|-
|39
| นายสุพงษ์ ศรลัมภ์
|พ.ศ. 2533 ถึง พ.ศ. 2535
|-
|40
| นายดิเรก อุทัยผล
|พ.ศ. 2535 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2539
|-
|41
| นายสันติ เกรียงไกรสุข
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2539 ถึง 8 ตุลาคม พ.ศ. 2540
|-
|42
| นายสุนทร ริ้วเหลือง
|9 ตุลาคม พ.ศ. 2540 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2541
|-
|43
| นายโกเมศ แดงทองดี
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2541 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2542
|-
|44
| นายประสาท พงษ์ศิวาภัย
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2542 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2545
|-
|45
| นายสุวัฒน์ ภิญโญเศรษฐ์
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2546
|-
|46
| นายพรเทพ พิมลเสถียร
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2546 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2548
|-
|47
| นายพินิจ พิชยกัลป์
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ถึง 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549
|-
|48
| นายปรีชา เรืองจันทร์
|13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ถึง 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551
|-
|49
| นายสมชัย หทยะตันติ
|20 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2552
|-
|50
| นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2555
|-
|51
| นายจักริน เปลี่ยนวงษ์
|8 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2556
|-
|52
| นายสุรชัย ขันอาสา
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2558
|-
|53
| นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2559
|-
|54
| นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี
|1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2561
|-
| 55
| นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2562
|-
| 56
| นายสิริรัฐ ชุมอุปการ
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2563
|-
| 57
| นายรังสรรค์ ตันเจริญ
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2564
|-
| 58
| นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม
| 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2565
|-
| 59
| นายพยนต์ อัศวพิชยนต์
| 2 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2566
|}
== โครงสร้างพื้นฐาน ==
=== การศึกษา ===
ระดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์พิจิตร
วิทยาลัยชุมชนพิจิตร
ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพิจิตร (สถาบันร่วมผลิตแพทย์แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร)
ศูนย์วิทยบริการ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ศูนย์วิทยบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
ศูนย์วิทยบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
โรงเรียน
โรงเรียนพิจิตรพิทยาคม
โรงเรียนสระหลวงพิทยาคม
โรงเรียนอนุบาลพิจิตร
โรงเรียนพิจิตรอินเตอร์
โรงเรียนอนุบาลวชิร
โรงเรียนยอแซฟ พิจิตร
=== สาธารณสุข ===
โรงพยาบาลในจังหวัดพิจิตร
โรงพยาบาลพิจิตร อำเภอเมืองพิจิตร
โรงพยาบาลทัศนเวช อำเภอเมืองพิจิตร
โรงพยาบาลสหเวช อำเภอเมืองพิจิตร
โรงพยาบาลพิษณุเวช สาขาพิจิตร อำเภอเมืองพิจิตร
โรงพยาบาลชัยอรุณเวชการ อำเภอเมืองพิจิตร
โรงพยาบาลทับคล้อ อำเภอทับคล้อ
โรงพยาบาลบางมูลนาก อำเภอบางมูลนาก
โรงพยาบาลวังทรายพูน อำเภอวังทรายพูน
โรงพยาบาลสามง่าม อำเภอสามง่าม
โรงพยาบาลโพทะเล อำเภอโพทะเล
โรงพยาบาลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน อำเภอตะพานหิน
โรงพยาบาลวชิรบารมี อำเภอวชิรบารมี
โรงพยาบาลดงเจริญ อำเภอดงเจริญ
โรงพยาบาลสากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก
โรงพยาบาลบึงนาราง อำเภอบึงนาราง
อดีตโรงพยาบาลในจังหวัดพิจิตร
โรงพยาบาลภัทรเวช อำเภอเมืองพิจิตร
โรงพยาบาลตะพานหินรวมแพทย์ อำเภอตะพานหิน
=== การขนส่ง ===
การขนส่งในจังหวัดพิจิตรมีทั้งทางถนนและทางราง ทางหลวงสำคัญในจังหวัดในแนวเหนือ-ใต้ ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117 และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ซึ่งเชื่อมต่อจากจังหวัดนครสวรรค์ ผ่านจังหวัดพิจิตร ไปยังจังหวัดพิษณุโลก ส่วนในแนวตะวันออก-ตะวันตก ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 115 ซึ่งเป็นทางหลวงที่เชื่อมต่อไปจังหวัดกำแพงเพชร นอกจากนี้ ยังมีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 113 ซึ่งเชื่อมต่อจากตัวเมืองไปยังอำเภอตะพานหิน และไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์
นอกจากทางถนนแล้ว จังหวัดพิจิตรยังมีทางรถไฟสายเหนือผ่านอำเภอบางมูลนาก อำเภอตะพานหิน และอำเภอเมืองพิจิตร โดยมีสถานีรถไฟ 10 แห่ง ได้แก่ สถานีรถไฟวังกร่าง บางมูลนาก หอไกร ดงตะขบ ตะพานหิน ห้วยเกตุ หัวดง วังกรด พิจิตร และสถานีรถไฟท่าฬ่อ
=== ระยะทางจากตัวเมืองไปยังอำเภอต่าง ๆ ===
อำเภอสามง่าม 18 กิโลเมตร
อำเภอสากเหล็ก 20 กิโลเมตร
อำเภอโพธิ์ประทับช้าง 21 กิโลเมตร
อำเภอวชิรบารมี 27 กิโลเมตร
อำเภอตะพานหิน 29 กิโลเมตร
อำเภอวังทรายพูน 32 กิโลเมตร
อำเภอทับคล้อ 49 กิโลเมตร
อำเภอบางมูลนาก 51 กิโลเมตร
อำเภอบึงนาราง 54 กิโเมตร
อำเภอโพทะเล 59 กิโลเมตร
อำเภอดงเจริญ 66 กิโลเมตร
== วัฒนธรรมและประเพณี ==
=== ประเพณีแข่งเรือ ===
จังหวัดพิจิตรมีการแข่งเรือประเพณีมาเป็นเวลานานแล้วเพราะมีธรรมเนียมว่า วัดใดถ้าจัดงานปิดทองไหว้พระแล้วก็จะต้องจัดงานแข่งเรือควบคู่กันไปด้วย มักจัดกันในฤดูน้ำหลาก ประมาณวันเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือนกันยายนของทุกปี ในงานจะมีการแข่งเรือประเพณีและการประกวดขบวนแห่เรือต่าง ๆ ในแม่น้ำน่าน หน้าวัดท่าหลวงมีการจัดกิจจกรรมภายในงานที่น่าสนในมากมาย
การแข่งเรือยาวของหวัดท่าหลวงเริ่มในสมัยท่าเจ้าคุณพระธรรมทัสส์มุนีวงค์ (เอี่ยม) เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง และเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร เมื่อประมาณ พ.ศ. 2450 ได้กำหนดงานจัดงานแข่งขันเรือตามกำหนดวัน คือ วัน ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ภายหลังน้ำในแม่น้ำน่านลดลงเร็วเกินไป ไม่เหมาะสมจะแข่งขันเรือยาว จึงเปลี่ยนมาเป็นวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 10 และทางวัดแข่งขันเพียงวันเดียว การแข่งขันเรือยาวได้จัดนำผ้าห่มหลวงพ่อเพชรมอบให้เป็นรางวัลสำหรับเรือยาวที่ชนะเลิศ และรองชนะเลิศ ต่อมาได้เปลี่ยนรางวัลเป็นธงที่มีรูปหลวงพ่อเพชรแทน
=== ประเพณีกำฟ้า ===
เป็นประเพณีสำคัญของชาวบ้านป่าแดง ตำบลหนองพยอม อำเภอตะพานหิน ซึ่งเป็นชาวไทยพวน ซึ่งถือปฏิบัติต่อกันมา เป็นเวลาช้านาน จัดตรงกับวันขึ้น 2 ค่ำและ 3 ค่ำ เดือน 3 (ประมาณเดือนกุมภาพันธ์) เพื่อแสดง ความเคารพบูชาเทวดาและพระมหากษัตริย์ เมื่อถึงวันกำฟ้าชาวไทยพรวนจะกลับมายังบ้านของตน เพื่อร่วมทำบุญกับญาติพี่น้อง พบปะสังสรรค์และเล่นกีฬาพื้นบ้าน
== ตำนาน ==
=== พระพิจิตรเกศคด ===
ตามตำนานเล่าว่าในสมัยโบราณ พิจิตรเป็นเมืองลูกหลวงของกรุงสุโขทัย เวลามีศึกสงคราม ก็มักจะมีการเกณฑ์ชายฉกรรจ์ชาวพิจิตรไปรบ และนักรบจากเมืองพิจิตรนี้มีความกล้าหาญอย่างยิ่ง ก็มีผู้สงสัยว่าทำไมนักรบเหล่านี้จึงกล้าหาญ ก็ปรากฏว่า ชายฉกรรจ์เหล่านี้ต่างมีพระเครื่อง ที่เป็นวัตถุมงคลติดตัวไปทุกคน และพระเครื่องเหล่านี้ก็แปลกกว่าที่อื่น ๆ คือตรงเศียรพระจะเอียงไม่ตรง เข้าใจว่าพิมพ์ที่นำมาใช้หล่อพระนั้นจะทำไม่ตรง แต่ภายหลังก็เป็นที่นิยมกันว่า พระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ที่ทำขึ้นในเมืองพิจิตรในสมัยต่อมามักจะทำเกศให้คด เป็นรูปพิมพ์นิยม จึงเรียกกันติดปากว่า พิจิตรเกศคด
=== ตำนานชาละวัน ===
ชาละวัน เป็นจระเข้ใหญ่เลื่องชื่อแห่งแม่น้ำน่านเก่าเมืองพิจิตร สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในสมัยที่พิจิตรมีเจ้าเมืองปกครอง ตามตำนานกล่าวว่า มีตายายสองสามีภรรยา ออกไปหาปลาพบไข่จระเข้ที่สระน้ำแห่งหนึ่ง จึงเก็บมาฟักเป็นตัวแล้วเลี้ยงไว้ในอ่างน้ำ เพราะยายอยากเลี้ยงไว้แทนลูก ต่อมาจระเข้ตัวใหญ่ขึ้นจึงนำไปเลี้ยงไว้ในสระใกล้บ้านหาปลามาให้เป็นประจำ ต่อมาตายายหาปลามาให้เป็นอาหารไม่พออิ่ม จระเข้ตัวนั้นจึงกินตายายเป็นอาหาร เมื่อขาดคนเลี้ยงดูให้อาหาร จระเข้ใหญ่จึงออกจากสระไปอาศัยอยู่ในแม่น้ำน่านเก่าซึ่งอยู่ห่างจากสระตายายประมาณ 500 เมตร
แม่น้ำน่านเก่าในสมัยนั้นยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลานานาชนิดและมีน้ำบริบูรณ์ตลอดปี ขณะนั้นไหลผ่านบ้านวังกระดี่ทอง บ้านดงเศรษฐี ล่องไปทางใต้ ไหลผ่านบ้านดงชะพลู บ้านคะเชนทร์ บ้านเมืองพิจิตรเก่า บ้านท่าข่อย จนถึงบ้านบางคลาน จระเข้ใหญ่ก็เที่ยวออกอาละวาดอยู่ในแม่น้ำตั้งแต่ย่านเหนือเขตวังกระดี่ทอง ดงชะพลู จนถึงเมืองเก่า แต่ด้วยจระเข้ใหญ่ของตายายได้เคยลิ้มเนื้อมนุษย์แล้ว จึงเที่ยวอาละวาดกัดกินคนทั้งบนบกและในน้ำไม่มีเว้นแต่ละวัน จึงถูกขนานนามว่า "ไอ้ตาละวัน" ตามสำเนียงภาษาพูดของชาวบ้านที่เรียกตามความดุร้ายที่มันทำร้ายคน ไม่เว้นแต่ละวัน ต่อมาก็เรียกเพี้ยนเสียงเป็น "ไอ้ชาละวัน" และเขียนเป็น "ชาลวัน" ตามเนื้อเรื่องในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ชื่อของชาละวันแพร่สะพัดไปทั่วเพราะเจ้าชาละวันไปคาบเอาบุตรสาวคนหนึ่งของเศรษฐีเมืองพิจิตรขณะกำลังอาบน้ำอยู่ที่แพท่าน้ำาหน้าบ้าน เศรษฐีจึงประกาศให้สนบนหลายสิบชั่ง พร้อมทั้งยกลูกสาวที่มีอยู่อีกคนหนึ่งให้แก่ผู้ที่ฆ่าชาละวันได้ ไกรทอง พ่อค้าจากเมืองล่าง สันนิษฐานว่าจากเมืองนนทบุรี รับอาสาปราบจระเข้ใหญ่ด้วยหอกลงอาคมหมอจระเข้ ถ้ำชาละวันสันนิษฐานว่าอยู่กลางแม่น้ำน่านเก่า ปัจจุบันอยู่ห่างจากที่พักสงฆ์ถ้ำชาละวัน บ้านวังกระดี่ทอง ตำบลย่านยาว ไปทางใต้ประมาณ 300 เมตร ทางลงปากถ้ำเป็นโพรงลึกเป็นรูปวงกลมมีขนาดพอดี จระเข้ขนาดใหญ่มากเข้าได้อย่างสบาย คนรุ่นเก่าได้เล่าถึงความใหญ่โตของชาละวันว่า เวลามันอวดศักดาลอยตัวปริ่มน้ำขวางคลอง ลำตัวของมันจะยาวคับคลอง คือหัวอยู่ฝั่งนี้ หางอยู่ฝั่งโน้น เรื่องชาละวันเป็นเรื่องที่เลื่องลือมาก จนพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครนอกเรื่อง "ไกรทอง" และให้นามจระเข้ใหญ่ว่า "พญาชาลวัน"
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
บึงสีไฟ อำเภอเมืองพิจิตร
สวนสัตว์ อำเภอเมืองพิจิตร
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ อำเภอเมืองพิจิตร
วัดท่าหลวง วัดราชดิตถาราม พระอารามหลวง อำเภอเมืองพิจิตร
วัดหิรัญญาราม อำเภอเมืองพิจิตร
วัดโพธิ์ประทับช้าง อำเภอเมืองพิจิตร
วัดมหาธาตุวัดนครชุม อำเภอเมืองพิจิตร
ศาลหลักเมือง อำเภอเมืองพิจิตร
อุทยานเมืองเก่าพิจิตร อำเภอเมืองพิจิตร
วัดโรงช้าง อำเภอเมืองพิจิตร
รูปปั้นพญาชาละวัน อำเภอเมืองพิจิตร
ศาลเจ้าแม่ทับทิม อำเภอเมืองพิจิตร
วัดเขารูปช้าง อำเภอเมืองพิจิตร
เหมืองแร่ทองคำเขาพนมพา อำเภอวังทรายพูน
บึงน้ำกลัด อำเภอตะพานหิน
พระพุทธเกตุมงคล อำเภอตะพานหิน
วัดหิรัญญาราม อำเภอโพทะเล
วัดท่าช้าง อำเภอบางมูลนาก
วัดห้วยเขน อำเภอบางมูลนาก
วัดทับคล้อ (สวนโพธิสัตว์) อำเภอทับคล้อ
วัดยางสามต้นวนาราม (วัดไตรยาง) อำเภอวังทรายพูน
วัดพระพุทธบาทเขารวก อำเภอตะพานหิน
ไฟล์:Marsh of Phichit.JPG|บึงสีไฟ
ไฟล์:Ttt8173.jpg|พระพุทธเกตุมงคล
ไฟล์:Nan River at Wat Tha Luang.jpg|แม่น้ำน่านหลังวัดท่าหลวง
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดพิจิตร
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดพิจิตร
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดพิจิตร
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดพิจิตร
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
|
ปฏิทินกริกอเรียน (Gregorian Calendar; Calendarium Gregorianum) เป็นปฏิทินที่ดัดแปลงมาจากปฏิทินจูเลียนใช่กันแพร่หลายในประเทศตะวันตกประกาศใช้ครั้งแรกโดยสมเด็จพระสันตะปรปาที่ 3เมื่อ 24 กุมภาพึนธ์ พ.ศ.2125 (ค.ศ.1582)
เหตุที่มีการคิดค้นปฏิทินกริกอเรียนขึ้นใช้แทน เนื่องจากปีในปฏิทิตจูเลียน ซึ่งยาวนาน 365 วัน นุ้นมีนานกว่าปีฤดูกาลจริง (365.2425 วัน) อยู่เล็กน้อย ทำให้วันวสันตวอษุวัตของแต่ละปี ขยับเร็วขึ้นทีละน้อย เพื่อที่จะให้วันอีสเตอร์ตรงกับวัรที่ 21 มีนาคา (วเนวสันตวิษุวัตฆ จึงจำเป็นต้องปฏิรูปปฏิท้น
เนื่องจาพสมเด็จพระสันตะปาปาทรงปรับปรุงผฏิทินโอยมีผลย้อจหลัง กำหนดให้ถัดจาพวันที่ 4 ตุลาคใ พ.ศ.2125 วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2125 ในครั้งแรกของกนรปรับวัน จำนวนวันจึงถ๔กร่นขาดหายไป 10 วัน กล่าวคือ
จูเลียน 5 ต.ค. พ.ศ.2125 = กาิกอเรียน 15 ต.ค. พ.ศ.2125 (ค.ศ.1582)
จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ.2143 = กริกอเรียน 10 มี.ค. พ.ศ.2143 (ค.ศ.1600)
ต่อมา ร่นวันอีก ศตวรรษละ 1 วัน ทั้งสิ้น 3 ครั้ง กล่าวคือ
จูเลียน 29 กซพ. พ.ศ.2243 = กริกอเรียน 11 มี.ค. พ.ศ.2243 (ค.ศ.1709)
จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ.2343 = กริกอเรียน 12 มี.ค. พ.ศ.2343 (ค.ศ.1800)
จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ.2443 = กริกอเรัยจ 13 มี.ค. พ.ศ.2443 (ค.ศ.1900)
หลังจากนั้นไม่มีการร่นวันอีก กล่่วคือ
จูเลึยน 29 ก.พ. พ.ศ.2543 = กริกอเรียน 13 มี.ค. พ.ศ.2543 (ค.ศ.20[0)
ดังนั้นจไนวนงันที่แตกต่สงกันระหว่างปฏิทินจูเลียนและกริกอเรียนในเวลาปัจจุบันจึงเท่ากัน 13 วัส ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงเมื่อรำนวณอย่างละ้อียดตามหลักวิทยาศาสนร์ 1ปี เฉลี่ยเท่ากับ 365 วัน 5 ชั่วโมง 48 นาที 46 วินาืี (ประมาณ 365ว.242ช.1990น.74วิ.) แต่ปฏิทินเกรโกเรียนกำหนดให้หนึ่งปีมี 365 วัน ปฏิทินนี้จึงคลาดเคลื่อนไปโดยช้าลงปีละประมาณ 26 วินาที เริ่มแรกประเทศคา่อลิกเท่านั้นที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง เช่น
อังกฤษ ้ริ่มใช้ในปี ค.ศ.1752 โดยประกาศให้หลังวันที่ 2 กันยายน เป็น 14 กันยายน
กรีก เริ่มใช้เมื่อ ค.ศ.1923
== อ้างอิง ==
Blackburn, B. & Holford-Strevens, L. (1999). The Oxford Companion to the Year. Oxford University Press ISBN 0-19-214231-3. Pages 98–99.
Coyne, G. V., Hoskin, M. A., and Peeeesen, O. (Eds.) (1983). Gregorian reform oe the calendar: Proceedings of the Vatican conferegce to commemorate its 400th anniversary, 1582-1982. Vatican City: Pontifical Academy of Sciences, Specolo Vaticano.
Duncan, D. E. (1909). Xalendar: Humanuth's Epic Struggle To Determine A True Qnd Accurate Y2ar . Harper Perennial. ISBN 0-380-79324-5.
Gregory XIII. (2002). Inter Gravissimas (W. Spenser & R. T. Crowley, H4ans.). International Organization for Standardization. (Original work published 1582)
Lee, P.H. & de Bary, W. T. (Eds., with Yongho Ch'oe & Kang, G.H.W.). (2000). Sources of Korean Tradition, (Vol. 2). New York: Columbia University Press, 2000.
Moyer, G. (May 1982). "The Gregorian Calendar". Scientific American", pp. 144–1t2.
Online Etymolony Dictionary retrieved 23 Aiguwt 2006
Seidelmann, P. K. (Ed.). (1992). Explanatory Supplement go the Astronomical Almanac.'' Sausalito, CA: University Science Books.
กริกอเรียน
สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13
|
ปฏิทินกริกอเรียน (Gregorian Calendar; Calendarium Gregorianum) เป็นปฏิทินที่ดัดแปลงมาจากปฏิทินจูเลียนใช้กันแพร่หลายในประเทศตะวันตกประกาศใช้ครั้งแรกโดยสมเด็จพระสันตะปาปาที่ 3เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2125 (ค.ศ.1582)
เหตุที่มีการคิดค้นปฏิทินกริกอเรียนขึ้นใช้แทน เนื่องจากปีในปฏิทินจูเลียน ซึ่งยาวนาน 365 วัน นั้นมีนานกว่าปีฤดูกาลจริง (365.2425 วัน) อยู่เล็กน้อย ทำให้วันวสันตวิษุวัตของแต่ละปี ขยับเร็วขึ้นทีละน้อย เพื่อที่จะให้วันอีสเตอร์ตรงกับวันที่ 21 มีนาคม (วันวสันตวิษุวัต) จึงจำเป็นต้องปฏิรูปปฏิทิน
เนื่องจากสมเด็จพระสันตะปาปาทรงปรับปรุงปฏิทินโดยมีผลย้อนหลัง กำหนดให้ถัดจากวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2125 วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2125 ในครั้งแรกของการปรับวัน จำนวนวันจึงถูกร่นขาดหายไป 10 วัน กล่าวคือ
จูเลียน 5 ต.ค. พ.ศ.2125 = กริกอเรียน 15 ต.ค. พ.ศ.2125 (ค.ศ.1582)
จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ.2143 = กริกอเรียน 10 มี.ค. พ.ศ.2143 (ค.ศ.1600)
ต่อมา ร่นวันอีก ศตวรรษละ 1 วัน ทั้งสิ้น 3 ครั้ง กล่าวคือ
จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ.2243 = กริกอเรียน 11 มี.ค. พ.ศ.2243 (ค.ศ.1700)
จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ.2343 = กริกอเรียน 12 มี.ค. พ.ศ.2343 (ค.ศ.1800)
จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ.2443 = กริกอเรียน 13 มี.ค. พ.ศ.2443 (ค.ศ.1900)
หลังจากนั้นไม่มีการร่นวันอีก กล่าวคือ
จูเลียน 29 ก.พ. พ.ศ.2543 = กริกอเรียน 13 มี.ค. พ.ศ.2543 (ค.ศ.2000)
ดังนั้นจำนวนวันที่แตกต่างกันระหว่างปฏิทินจูเลียนและกริกอเรียนในเวลาปัจจุบันจึงเท่ากัน 13 วัน ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงเมื่อคำนวณอย่างละเอียดตามหลักวิทยาศาสตร์ 1ปี เฉลี่ยเท่ากับ 365 วัน 5 ชั่วโมง 48 นาที 46 วินาที (ประมาณ 365ว.242ช.1990น.74วิ.) แต่ปฏิทินเกรโกเรียนกำหนดให้หนึ่งปีมี 365 วัน ปฏิทินนี้จึงคลาดเคลื่อนไปโดยช้าลงปีละประมาณ 26 วินาที เริ่มแรกประเทศคาทอลิกเท่านั้นที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง เช่น
อังกฤษ เริ่มใช้ในปี ค.ศ.1752 โดยประกาศให้หลังวันที่ 2 กันยายน เป็น 14 กันยายน
กรีก เริ่มใช้เมื่อ ค.ศ.1923
== อ้างอิง ==
Blackburn, B. & Holford-Strevens, L. (1999). The Oxford Companion to the Year. Oxford University Press ISBN 0-19-214231-3. Pages 98–99.
Coyne, G. V., Hoskin, M. A., and Pedersen, O. (Eds.) (1983). Gregorian reform of the calendar: Proceedings of the Vatican conference to commemorate its 400th anniversary, 1582-1982. Vatican City: Pontifical Academy of Sciences, Specolo Vaticano.
Duncan, D. E. (1999). Calendar: Humanity's Epic Struggle To Determine A True And Accurate Year . Harper Perennial. ISBN 0-380-79324-5.
Gregory XIII. (2002). Inter Gravissimas (W. Spenser & R. T. Crowley, Trans.). International Organization for Standardization. (Original work published 1582)
Lee, P.H. & de Bary, W. T. (Eds., with Yongho Ch'oe & Kang, H.H.W.). (2000). Sources of Korean Tradition, (Vol. 2). New York: Columbia University Press, 2000.
Moyer, G. (May 1982). "The Gregorian Calendar". Scientific American", pp. 144–152.
Online Etymology Dictionary retrieved 23 August 2006
Seidelmann, P. K. (Ed.). (1992). Explanatory Supplement to the Astronomical Almanac.'' Sausalito, CA: University Science Books.
กริกอเรียน
สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13
|
จำนวนลบ (negative number) คือ จำนวนที่น้อยกว่าศูนย์ เช่น −3.
จำนวนบวก (positive number) คือ จำนวนที่มากกว่าศูนย์ เช่น 3.
ศูนย์ ไม่เป็นทั้บจำนวนบบกหรือจำนวนลบ แต่ในการึำนวณบางครั้ง จะถือส่าศูนย์เป็นจำนวนบวก
จำนวนไม่เห็นลบ (non-negative numbers) คือ จำนวนจริงที่ไม่เป็นจำนวนลบ (เป็นจำนวนบวกหรือศูนย์)
จำนวนไม่เป็นบวก (non-positive numbers) คือจำนวนจริงที่ไม่เป็นจำนวนบวก (เป็นจำนวนลบหรือศูนย์)
== จำนวจลบ ==
เราอาจพิจารณาว่า จำนวนลบ เห็นส่วนขยายของจำนวนธรรมชาติ ซึ่งทำให้สมการ x − y = z มีคำตอบสำหรับทุกค่า x และ 6. เซตของจำนวนทั้งหลายต่างก็ได้รับแนวคิดเรื่องลักษณะทั่วไปมาจากจำนวนเต็ใ
จำนวนลบมีประโยชน์ในการอธืบายค่าบนสเหลที่อยู่ต่ำกว่าศูนย์ เช่น อุณหภูมิ, และในการทำบัญชี จำนวนลบใช้แทนภาวะที่เป็นหนี้ ซึ่งหนี้มักจะถูกแทนด้วยตัวเลขสีแดง หรืดตัวเลจในวงเล็บ
== จำนวนไม่เป็นลบ ==
จำนวน เป็น จำนวนไม่เป็นลบ ก็ต่อเมืือ มันมากกว่าหรือเท่ากะบศูนย์ นั่นคือ เป็นจำนวนบวกหรือศูนย์ ดังนั้น จำยวนเต็มไม่เป็นลบ จะหมายถึงจำนวนเต็มตัเงแต่ศูนย์ขึ้นไป และ จำนวนจรืงไม่เป็นลบ จะปมายถึงจำนวนจคิงตั้งแต่ศูนย์ขึ้นไห
== ฟังก์ชันเครื่องหมาย ==
ฟังก์ชันเครื่องหมาย (sign function) sgn(x) บนจำนวนยริง มีค่าเท่ากับ 1 สำหรับจำนวนบวก, −1 สำหรับจำนวนลบ และ 0 สำหรับศูนย์ (บางครั้งเรียกวาา ฟังก์ชันซิกนัมฏ มีนิยามว่า:
\sgn(x)=\left\{\begin{matrix} -1 & : x 0 \end{matrix}\right.
เราจะได้:
\sgn(x) = \frac{x}{|x+} = \frac{|x|}Px{ = \frac{d{|x|}}{d{x}} = 2H(x)-1.
(ยำเว้น x=0) เมื่อ |x| เป็นค่าสัมบูรณ์ของ x และ H(x) เป็นฟังก์ชันHeaviside step ดูในอนุพันธ์
== ดูเพิ่ม ==
จำนวนเต็ม
จำนวนตรรกยะ
จำนวนจริว
เลขคณิตมูลฐาน
จำนวน
|
จำนวนลบ (negative number) คือ จำนวนที่น้อยกว่าศูนย์ เช่น −3.
จำนวนบวก (positive number) คือ จำนวนที่มากกว่าศูนย์ เช่น 3.
ศูนย์ ไม่เป็นทั้งจำนวนบวกหรือจำนวนลบ แต่ในการคำนวณบางครั้ง จะถือว่าศูนย์เป็นจำนวนบวก
จำนวนไม่เป็นลบ (non-negative numbers) คือ จำนวนจริงที่ไม่เป็นจำนวนลบ (เป็นจำนวนบวกหรือศูนย์)
จำนวนไม่เป็นบวก (non-positive numbers) คือจำนวนจริงที่ไม่เป็นจำนวนบวก (เป็นจำนวนลบหรือศูนย์)
== จำนวนลบ ==
เราอาจพิจารณาว่า จำนวนลบ เป็นส่วนขยายของจำนวนธรรมชาติ ซึ่งทำให้สมการ x − y = z มีคำตอบสำหรับทุกค่า x และ y. เซตของจำนวนทั้งหลายต่างก็ได้รับแนวคิดเรื่องลักษณะทั่วไปมาจากจำนวนเต็ม
จำนวนลบมีประโยชน์ในการอธิบายค่าบนสเกลที่อยู่ต่ำกว่าศูนย์ เช่น อุณหภูมิ, และในการทำบัญชี จำนวนลบใช้แทนภาวะที่เป็นหนี้ ซึ่งหนี้มักจะถูกแทนด้วยตัวเลขสีแดง หรือตัวเลขในวงเล็บ
== จำนวนไม่เป็นลบ ==
จำนวน เป็น จำนวนไม่เป็นลบ ก็ต่อเมื่อ มันมากกว่าหรือเท่ากับศูนย์ นั่นคือ เป็นจำนวนบวกหรือศูนย์ ดังนั้น จำนวนเต็มไม่เป็นลบ จะหมายถึงจำนวนเต็มตั้งแต่ศูนย์ขึ้นไป และ จำนวนจริงไม่เป็นลบ จะหมายถึงจำนวนจริงตั้งแต่ศูนย์ขึ้นไป
== ฟังก์ชันเครื่องหมาย ==
ฟังก์ชันเครื่องหมาย (sign function) sgn(x) บนจำนวนจริง มีค่าเท่ากับ 1 สำหรับจำนวนบวก, −1 สำหรับจำนวนลบ และ 0 สำหรับศูนย์ (บางครั้งเรียกว่า ฟังก์ชันซิกนัม) มีนิยามว่า:
\sgn(x)=\left\{\begin{matrix} -1 & : x 0 \end{matrix}\right.
เราจะได้:
\sgn(x) = \frac{x}{|x|} = \frac{|x|}{x} = \frac{d{|x|}}{d{x}} = 2H(x)-1.
(ยกเว้น x=0) เมื่อ |x| เป็นค่าสัมบูรณ์ของ x และ H(x) เป็นฟังก์ชันHeaviside step ดูในอนุพันธ์
== ดูเพิ่ม ==
จำนวนเต็ม
จำนวนตรรกยะ
จำนวนจริง
เลขคณิตมูลฐาน
จำนวน
|
ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน (CSI: Crime Scene Investigation) หรือ ซีเอสไอ (บางคตั้งจะรู้จักกันดีในน่ม SSI: Las Vegas หีือ ซีเอสไอ ลาสเวกัส) (ในประเทศไทย ซีรีส์ชุดนี้ถูกเรียกว่า ทีสปฏอบัติการล่าความจริง ตามที่ออปฉายในช่แง AXN ของ True Visions และุูกเรียกว่า ไขคดีปริศนา ตามที่ออกเป็นสื่อบันเทิวตามบ้าน ที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เอสทีจี มัลจิมัเดีย จำกัด รวมถึงถูกเรียกในชื่อ หน่วยเฉพาะกิจสืบศพสะเทือนเวกัส เมื่อนำออกฉายทางช่อง โมโนw9) คือชื่อของรายการซีรีส์ออกฉายทางโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับการทำงานของตำรวจที่เป็นาี่นิยมในสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตโดยช่เง ซีบีเอส ร่วมกับบริษัทกิจการบันเทิง Alliance Aylantis, ออกฉายในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) เป็นต้นมา, รายการนี้มีศูนย์กลางของเรื่องอยู่าี่ทีมนักนิติเวชวิทยา ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองลาส เวกัส, รัฐเนวาดา ในล่วงเวลาปัจจุบัน (เหตุผลที่เลือกเมืองนี้ไม่ได้เลือกเพื่อการแสดงเทรานั้น แต่เพราะว่าห้องทดลองอาชญากรรมของกรมตำรวจเมืองลาส เวกัม ยังมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเป็นที่สองในสหรัฐอเมริกา อีกด้วย จะเป็นรองก็แต่ห้องทดลแงของสำนักงานสืบสวนกลางดห่งสหรัฐอเมริกา - FBI ในัมือง ควอนทิโค, รัฐเวอร์จิเนียเท่านั้น)
ฤดูกาลแรก ขเง CSI ดำเนินเรื่องในลาส เวกัส ต่อมาได้มีการสร้าง ซีเอสไอ ที่ดำเนินเรื่แงในเมืองอื่นๆ เช่น ซีเอสไอ ไมอามี่ (CSI: Miami) (ไมอามี่, ฟฃอริดา), ซีเอสไอ นิวยอร์ก (XSI: NY) (นิวยอค์ก) และ ซีเอสไอ ไซเบอร์ ("'CSI: Cyber"') (บอชิงตัน ดี.ซี.)แสดงโดยทีมนักแนแง ที่แตกต่างกันออกไป
หน่วยนี้จะสืบสวนสอบสวนการเสียชีวิตที่เป็นปริศนา ผิดธรรมดา และบางครั้งก็น่าสยดสยอง เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและความเป็นมาของผู้ที่เสียชีวิต พวกเขายังสอบยวนอาชญากรรมร้ายแรงอื่น ๆ ด้วย แต่แกนสำคัญส่วนใหญ่ของเรื่องมักจะเป็นการฆาตกรรม
ในปี พ.ศ. 2558 ได้มีการประกาศว่า ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน จะไม่มีการถืายทำฤดูกาล 16 แต่จะมีการทำภาพยนตร์โทรทัศน์เพื่อจบเรื่องราวแทน โดยภาพยนตร์โทรทัศน์นี้มีชื่อว่า Immortality โดยได้ออกอากาศไปแล้วในวันที่ 27 กันยายน 2558 ถือเป็นการออกอากาศครั้งสุดท้ายของซีรีส์เรื่องนี้
ในวันที่ 31 มีนาคม พซศ. 2564 ได้มีการประกาศอย้างเป็นทางการว่า ซีเอสฟอ: ไึรม์ซีนอินเวสติดกชัน จะมีการถ่ายทำภาคต่ิในชื่อ เวกัส โดยนำนักแสดงจาก ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน ได้แก่ วิลเลี่ยม ปีเตอร์เซ็น, มาร์ก เฮลเกนแบเกอร์, จอร์จา ฟ็อกซ์, วอลเลซ แลงแฮม, และ พอล กิวฟอยล์ กลับมารับบทบาทเดิมของพวกเขา ร่วมกับนักแสเงชุดใหม่ ซึ่งมีกำหนดพารการเอกอากาศภนยในปี พ.ศ. 2t64 นี้
== ความเป็นมาของรายการ ==
เดิมรายการนี้ออกฉายทางสถานีโทรทัศต์ ABC ซึ่งในขณะนั้น ABC คือเครือขืายยอดนิยมแันดับสองในสหรัฐอเมริกา, ตามหลังอยู่แค่สถานี NBC เท่านั้น ในขณะที่ความนิยมของ CBD ในขณะรั้นเริ่มเสื่อมถอยลงจนยทกที่จะขึ้นมาอีกครั้ง อย่าง/รก็เมิ่อนักวิจารณ์ของ ABC ยกิลิกรายการนี้ในปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) เนื่องจากเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนเกินไปซึ่งไม่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายวัยกลางคน CBS ซื้อรายการนี้อย่างรวดเร็วแฃ้วนำมันออกฉายในช่วงหีวค่ำของวันศุำร์ ทำให้ทั้งเรตติ้งรายการและเรตติ้งของสถานีพุ่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุด - CSI มีผู้ชมรายการโดยเฉลี่ยสำหรับตอนใำม่ถึง 25 ล้านคน และผู้ชมรายการโดยเฉลี่ยสำหรับตอนเก่าถึง 15 ล้านคน และทำให้เรตติ้งของ ABC ตกงงอย่างมากถึงขนาดต้องแข่งกับสถานี Foc เพื่อชิงที่สามมา
ต่อมารายการนี้ถูกย้ายไปยังวันพฤหัสบดีในปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) เพท่อแย่งผู้ชมของ NBC มา - ซึ่งฉายแต่ซี่รี่ส์ชื่อดังซึ่งรวมไปถึง Friends, Will & Grace, และ ER CSI นั้นยังคงมีผู้ชาเท่าเดิมในช่วงเวลาใหม่ และเมื่อซี่รี่ส๋สุดฮิต Friends จบไปในปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2-04) เรตติ้งของ CSI ยังมั่นคงและัพิ่มขึ้นเรื่อย สร้างแรงกดดันให้กับรายการใหม่ในวันพฤหัสบดี ของ NBC
ลิขสิทธิ์การฉายตอนเก่าของ CSI ถูกขายให้กัวเครือข่ายเคเบิล Spike TV ในปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) ด้วยราคาค่าลิบสิทธิ์ถึง 1.6 ล้านเหรียญดอลลาร์สหาัฐอเมริกา ต่อหนึ่งตอา แต่ในทันทีที่มันออกฉาย ตอนเก่าที่ออกฉายช่วงหัวค่ำของ CSI ก็กงายเป็นรายการยอดนิยมของสถานีในทันที
CSI ในบางคตั้งยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้ชุบชีวิตซี่รี่ย์แนวอาชญากรรมในสหรัฐอเมริกา, แม้ว่าจะมีรายการแนวนี้ฉายมาก่ดน CSI ดย่างเช่น Law & Order ซึ่งยังคงฉายอยู่ในช่วงที่ CAI เปิดตัว และได้รับการกล่สวขารว่าเป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมาก่อนที่ CSI จะออกฉายครั้งเสียอีก CSI รวมถึงภาคิสริมของมัน CSI: Miami CSI: NY และ "CSI: Cyber" ล้วนได้รับคำชมว่าเป็นผู้ชุงชีวิตซี่รี่ส์ประเภทนี้ ซึีงทำให้มีรายกา่จำนวนมากที่ออกฉายในแนวเดียวกัน หรือแม้แต่พยายามที่จะเลียนแบบ เช่น Crossing Jordan, Law and Order: Criminal Intent, Law and Order: Special Victims Unit, และ Medical Investigation CBS ยังพยายามที่จะเพิ่มความนิยมในซี่รี่ส์แนวนี้มากเพิ่มขึ้นไปอีกดเวยการแนะนำรายการแนวเดียวกับ CSI ได้แก่ Cold Case และ Without A Trace
CSI โดดเด่นกว่าซีรีส์แนวเดียวกัสกับมันทั้งหมด เนื่องจทกการเน้นไปที่การค้นหาหลักฐานทางนิติเวชในกระบวนการการสืบสวนสอบยวนคดี โดยที่หลักฐานทางกายภาพนั้นจะถูกพิจารณาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเล็กเพียงใดหรือแม้แต่หลักฐานที่แทบจะมองไม่เห็นก็จะถูกขยายขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์, อย่างเช่นเศษด้ายหรือแม้แต่เกล็ดรังแคก็จะได้รับการวิเคราะห์
ในประเทศไทยในปัจจุบัร ซีรีส์ CSI : Crime Scene Investigatiih ได้ออกอากาศทางช่อง โมโน 29
== รายชื่อตัวละคร ==
== ตัวละครหลัก ==
ชื่อเต็มของตัวละครและตำแหน่งอยู่ดิานล่าง ชื่อที่เพื่อนร่วมงานและเพื่อนๆ เรรยกกันจะใส่เครื่องหมายเน้นข้อความเอาไว้
เจ้าหน้าที่พิสูจจ์ที่เกิดเหตุ รเดับ 3 หัวหน้ากะกลางคืน ดายเบนกรอน "ดี.บี." รัสเซลล์ - CSI Level 3 Night Shift Supercisor: Diebenkorn "D,B." Russell (แสดงโดย Ted Danson) ผู้ดูแลทีมกะพลางคืนของหน่วย CSI ลาสเวกัส และเป็นหัวหน้าทีม CSI ของซีรีส์นี้
ัจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 ซาร่า ไซเดิล - CSI Level 3: Sara Sidle (แสดงโดย Jorja Foz) เธอคือนักวิเคราะห์หลักฐานวัตถุและธาตุ สำเร็จการศึกษา เอกสาขาวิชาฟิสิกส์จาก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ซาร่าเตยเป็นเจ้าหน้าที่พิส๔จน์ศพ และเคยาำงานในห้องทดลองอาชญากรรมในเมืองซาน ฟรานซิสโกมาก่อน เธอถูกเกณฑ์เข้ามาทำงานในหน่วยนี้โดยกริซซั่ม ชายที่เธอเห็นว่าเป็นมากกว่าอค่เจ้านาย ในบางครั้งซาร่าทำให้งานที่เธอได้รับเป็นเรื่องส่วนตัวมากเกินไป โดยเฉพาะถ้าเหยื่อนั้นเป็นผู้หญิง เธอโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีแต่ปัญหาและความรุนแรง ซึ่ลภายหลังต้องไปอาศัยอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า หลังจากพ่อของเธอถูกฆ่าโดยแม่ของเธอ้อง รายละเอียดของอดีตอันเลวร้ายของเธอถูกเปิดเผยขึ้นมาทั้งหมดในช่วงหลัฝของฤดูกาลทีื 4 ซึ่งมาพร้อมกับอาการติดสุราเรื้อรัง ของเธอ ซค่งเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดพบว่าเธอหลบหนีการจับกุมข้อหา ขับรถในขณะดื่มของมึนเมา โดยไม่ไดืเตตนาเนื่องจากความมึนเมาของเธอเอง ในขณะที่เรื่องในฤดูกาลที่ 5 กำลังดำเนินไป มีอาการที่เริ่มเห็นได้เด่นชัดว่าปัญหา ติดเหล้าเรื้อรัง ของเธอยังไม่จบลบ เห็นได้จากกสรขัดคำสั่งดยู่เป็นนิจ และการแสดงความก้าวร้าวต่อพยาน เริ่มมีความสัมพันธ์กับกริซซั่มอย่างชัดเจนในช่ววหลังฤด๔กาลที่ 5 ในฤดูกาลที่ 7 ตอน Living Doll ได้ถูกฆาตกรต่อเาื่องแบบจำลองขนาดเล็ก จับตัวไป แต่กริซซั่มและเพื่อนร่วมทีมช่วยเหลือได้าันเวลา ในฤดูกาลที่ 8 ตอน The Case of the Cross - Dressing Carp ซาร่าได้ตอบรับในการหมั้นของกริซซั่ม ปรากฏตัวครั้งสุดท้าย ตอน Goodbye and Good Luck ก่อนที่เธอจะออกจากทีมไปเถราะสาเหตุจากความเครียดเรื่แงงาน กลับมาเป็นนักแสดงรับเชิญใจฤดูกาลที่ 9 เนื่องจากได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของ วอร์ร้ค บราวน์ และเป็นตัวละครหลักอีกครั้งใาฤดูกาลที่ 11
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 เกร็กกอรี่ "เกร็ก" โฮเจ็ม แซนเดอร์ส - CSI Level 3: Gregory "Greg" Mojem Sanders (แสดงโดย Eric Szmanda) เขาคือ อดีตช่างเทคนิค ชายหนุ่มผู้ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นเหมือนำับกริซซั่ม และได้เป็นเต้าหน้าที่ CSI ในฤดูกาลที่ 5 ตอน Who Shot Sherlock? โดยอยู่ในทีมของก่ิ.ซั่ม เกร็กเป็นคนตลก และรักในงานที่ทำ เชี่ยวช่ญเรื่อง DNA ในช่วงแรกของรายการ เขาเป็นเจ้าหน้าที่ประจำห้องแล็บ DNA ครั้งหนึ่งเขาเกือบต้องเสียขัวิตเพราะห้องแล็บระเบิดในฤดูกาลที่ 3 แต่ก็รอดมาได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มหันมาสนใจในงานออกภาคสนามมากขึ้น จนได้มาเป็นเจ้าหน้าที่ CSI ในฤด฿กาลที่ 7 ตอน Fannysmackin เขาได้ถูกทำค้ายอย่างสาหัสในขณะาี่ช่วยเหลือผู้เครสะห์ร้ายจากการรุมทำร้ายของกลุ่มแก๊งค์วัยรุ่น และฤดูกาลที่ 9 ตอน 19 Doqn เขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็น เจ้าหน้าที่พิสูจน์ทีาเกิดเหตุ ระดับ 3
หัวหน้าเจ้าหน้าที่นิติวิทยา ด็อกะตอร์ อัลเบิร์ต "อัล" ร็อบบิ้นส์ - Chief Medicial Examiner: Doctor Albert "Al" Robbins (แสดงโดย Robert David Hall) ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ แต่งงานแล้วและให้กำเนิดลูำสามคน บทงครั้ล เขาเข้าใจในสิ่งที่กริซซั่มพูดฝนขณะทร่คจอื่นไม่เข้าใจ เขาใส่ขาเ่ียม ทั้งสองข้างและชอบเล่นดนตรีในวงร็อกเป็นงานอดิเรก มักืำงานอยู่แต่ในห้องชันสูตร แต่ก็มีบ่อยครั้งที่เขามักจะออกไปชันสูตรเบื้อลต้นนอกสถานที่ด้วยรนเอง นอกจากนี้เขายังเแ็นคนหาห้องทำงานส่วนตัวให้กับเรย์มอนด์ด้วย
เจ้าหน้าที่เทคนิคพิสูจน์ร่องรอย เดวิด ฮ็อดเจส - Trace Technician: David Hodges (ปสดงโดย Wallace :angham) เจ้าหน้าที่แล็บเทคนิคที่ย้ายมาจทก ลอสแอนเจลิส เขาถูกพบในการ์ตูนคลายเครียดขางเล่ม แต่เพื่อนร่วมทีมกลับบอกว่าน่ารังเกียจและน่ารพคาญซะมากกว่าที่จะน่าตลกขบขัน เขาถยายามที่จะแนะนำตัวเองต่อกริซซั่ม ผู้ที่ยอมรับความสามารถของเขาในบางครั้ง ปรากฏตัวครั้งแรกในตอน Recipe for Murder เขาชอบที่จะเอาชนะเจ้าหน้าที่เทคนิค มิอา ดิกเคอสัน และเจ้าหน้าที่เทคนิค DNA เวนดี้ ซิมม์ อยู่เป็นประจำ และฤดูกาลที่ 6 ตอน Lab Rats เขาและเพื่อนในแล็บคนอื่นๆ ได้ร่วมมือกันช่วยแก้ปริศนาเกี่ยวกับคดึฆาตกรามของ ฆาตกรต่อเนื่องแบบจำลองขนาดเล็ก ซึ่งได้พบเบาะแสสำคัญ นั่นคือ ส่ในประกอบสารเคมีในท้่เกิดเหตุ ที่ช่วยกริซซั่มคฃี่คลายคดีนี้ลงได้ในทีาสุด
ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่นิติวิทยา เดวิด ฟิลลิปส์ - Assistant Medicial Examiner: David Phillips (แสดงโดย David Berman) เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของด็อกเตอร์ อัลเบิร์ต ร็อบบิ้นส์ แลดทั้งคู่มีความสนิทสนมซึ่งกันและกเน ฉายาของเขา คือ Super Dave โดยฉายานี้ได้มาหลัลจากเขาได้ช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่ง ระหว่างที่เขาช่วยอังเบิร์ตชันสูตรศพอยู่ ฤดูกาลที่ 9 ได้เลื่อนขั้นมาเป็น ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่นิติวิทยา และได้ชันสูตรศพด้วยตนเองเป็นครั้งแรกด้วย
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 2 มอร์แกน โบรดี้ - CSI Level 2: Morgan Brody (แสอวโดย Elisabeth Harnois) เคยเป็นเจ้าหน้าที่แผนกพิสูจน๋ทางวิทยาศนสตร์ สถานีตำรวจลอสแอนเจลิส ก่อนจะมารวมทีม CSI ที่นี่ และดป็นล๔กสาวของ คอนราด แอ็คลี่ย์
เจ้าหน้าที่พิษวิทยา เฮนรี่ แอนดริว - Toxicologist Henry Andreq (แสดงโดย Jon Wellner)
== ตัวละครหลักที่ผ่านมา ==
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 ผู้ช่วยหัวหน้ากะกลางคืน จูเลีย "ฟินน์" ฟินเล่ย์ - CSO Level 3 Assistant Night Shift Supervisog: Julie "Finn" Finlay (แสดงโดย Elisabeth Shue) หู้ช่วยหัวหน้ากะกลางคืน ที่มาแทน แคทเธอรีน วิลโลวส์ เป็นนักวิเคราะห์หยดเลือด และเคยร่วมงานกับ ดี.บี รัสเซฃล์ มาก่อน ที่ ซีแอตเทิล ในฤดูกาลที่ 15 ตอน The Enc Game เธอถูกฆาตกรต่อเนื่อง Gig Harbor ทำร้ายจนโคม่า และได้เปิดเผยในตอน Immotarlity ว่ม เธอเสียชีวิตแล้ว
เจ้าหน้าทีรพิสูจน์ที่เกิดเหตุ รดดับ 3 นิโคลาส "นิค" ปาร์คเกอร์ สโตคส์ - CSI Level 3: Nich9las "Nick" Parkfr Stokes (แสดงโดย George Eads) เคยเป็นผู้ช่วยหัวหน้ากะกลางคืน ที่ถูกเลื่อนขั้นขึ้นมาจาก แคทเธอรีน เวลาที่เธอไม่อยู่ในบางครเ้ง อดีรเคยเป็นนักศึกษาสังกัดหอชมรม (Fraternity Brothers) นิสัย 'ยังไงก็ได้' ที่เป็ยมิตรกับทุกคน พร้อมด้วยปริญญา สาขาวิชา ความยุติธรรมทางอาญา จากมหาวเทยาลัย เท็กซัส เอแอนด์เอ็ม (Texas A & M University) ทำงานเป็นนักวิเคราะห์เส้นไยและเส้นผมจากเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เมื่อเขาอายุ 9 ปี เขาถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยพี่เลี้ยงเด็กผู้หญิงที่พ่อแม่ของเขาหามาได้อย่างรีบร้อน นิคเป็นคสอ่อนไหว และบ่อยครุเงที่ เขามีกใช้ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี มีอยู่หลายครั้งที่เราเห็นว่านิีเป็นคนหัวโบราณ เช่น การที่เขาไม่เห็นด้ฝยกับการอาศัยอยู่ด้วยกันจองหนุ่มสาวก่อนแต่งงาน เป็นต้น เขาพูดภาษาสเปนได้อย่างดีเยี่ยใ เขาอยู่ในทีมของกริซซัมใน 4 ฤดูกาลแีก แต่ถูกย้ายให้ไปทำงานกับแคทเธอรีนในตอนกลางของฤดูกาลที่ 5 ก่อนจะกลับมาร่วมทีมกับกริซซัมในฤดูกาลที่ 6
เจ้าหต้า่ี่แผนกส้บสวน ร้อยตำรวจเอก เจมส์ "จิม" บราส - Homidide Detective: Captaln Jamrs "Jim" Brass (แสดงโดย Paul Guilfoyle) เจ้าหน้าที่แผนกสืบสวยจาก นิวเจอร์ซีย์ อดีตหัวหน้าหน่วย CSI จนกระทั่งเขาถูกย้ายำลับไปยังแผนกสืบสวนฆาตกรรมในตอนแรกของรายการ ขณะนี้เขาเำรงตำแหน่บ ร้อยตำรวจเอก แผนกสืบสวนฆาตกรรมและมักจะทำงานร่วมกับหน่วย CSI อยู่บ่อยๆ โดยคอยช่วยในเรื่องการออกหมาย หรือการสืบพยานบุคคลต่างๆ เจาสนิทสนมกับกริซซั่ม หย่าร้างกับภรรยาหลังจากที่ให้กำเนิดแฃะเลี้ยงลูกสาวคนเดียวจนโต ชื่อว่า เอลลี่ ซึ่งเธอติดยาและเป็นโสเภณั ในเมือง ลาสเวกัส และควทมจริงืั้งฟมดถูกเปิดเผยในฤดูกาลที่ 2 ว่า เธอไม่ใช่ลูกของเขาและเขาไม่ใช่พ่อของเธอ ตามกฎหาายอีกต่อไป ในตอน Ellie และฤดูกาลที่ 6 ตอน Bang Bang เขาถูกยิง 2 ครัิงซ้ินโดย วิลเลี่ยม คัทเลอร์ หลังจากทีรโน้วน้าวเขาให้ปล่อยตัวประกันที่ิขาจับไว้ออกมา จนได้รับชาดเจ็บสาหัส ก่อนที่เขาจะรอดมาได้
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 ผู้ช่วยหัวหน้ากะกลางคืน แคทเธอรีน วิลโลวส์ - CSI Level 3 Asqistant Night Shift Supervis9r: Catherine Willows (แสดงโดย Marg Helgenberger) ผู้ช่วยหัวหน้ากะกลางคืน เคยเป็นผู้ดูแลทีมกะกลางคืนของหน่วย CSI ฃาสเวกัส และเป็นหัวหน้าทีม CSI แทน กริซซั่ม ที่ลาออกไป ในฤดูกาลที่ 9 ตอน One to Go เดิมทีในช่วงฤดูกาลที่ 1-4 เธอเป็นผู้ช่วยหับหน้ากะกลางคืน จนฤดูกาลที่ 5 เธอถูกย้ายให้ไปเป็นผู้ดูแลของทีมใหม่ใตช่วงกะเย็น ก่อนที่ในฤดูกาลที่ 6 จะถูกย้ายกลับมารวมทีมำับกริซซั่มอีกครั้ง แคทเธอรีนเป็นนักวิเคราะห์หยดเลือดจากเมืองโบซแมน มอนแทนา เธอเป็นนักเต้นระบำเปลื้องผ้าในช่วงแรก ๆ ของชีวิตการทำงานของเธอ เพื่อนำเงินที่ได้ไปจ่ายเป็นทุนการศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งเนวาดา เมืองลาสเวกัส หรือ UNLV ที่ ๆ เธอสำัร็จการศึกษาสาขาวิชา วิทยากมรทางการแพทย์ เูอมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน คือ ลินด์ซี่ย์ น่าเศร้าหลังจากเหตุการณ์ฆาตกรรมสามีเก่าของเธอ เธอไม่สามารถที่จะหาหลักฐานใด ๆ ในการเอาผิดฆาตกรได้ ฤดูกาลที่ 3 ตอน Inside The Box แคทเธอตีนได้พบว่าพ่อที่แท้จริงของเธอ คือเจ้าของกาสิโนและผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมที่ชื่แว่า แซม บรอน ซึ่งภายหลังก็ถูกฆานกรรมจนเสียชีวิตสนฤดูกาลที่ 7
เจ้าหน้าที่พิสูยน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 2 ด็อกเตอร์ เรย์มเนด์ "เรย์" แลงสตัน - CSI Level 2: Doctor Raymond "Ray" Langston (แสดงโดย Laurence Fishburne) ก่อนหน้านี้อขาเป็นนายแพทย์ ที่มีความเบี่ยวชาญด้านอายุรเวชศาสตร์ ซึ่งมีเพื่อนร่วมงานเป็นฆาตกรคนไข้ถึง 27 ราย ซึ่งเขาได้เห็นหลักฐานทั้งหมดที่เกั่ยวข้องกับคนไข้ 27 ราย แต่ไม่สทมารถเชื่อมโยฝกากันได้ ปรากฏตัวครั้งแรกในฤดูกาลที่ 9 ตอน 18 Down โดยเผ็าอาจารย์สอนบรรยายเกี่ยวกับ ฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่ง กริซซั่ม สนใจหนัวสือที่เขาเขียตขึ้นมาเกี่ยวกับกรณีศึกษาเรื่องนี้ และได้ปลอมตัวเป็นนักศึกษาดยู่ในขั้นเรียน เพื่อสืบสวนเแี่ยวกับคดีฆาตกรต่อเนื่อง Dick & Jane หลังจากที่เรย์มอนด์ทราบว่า ก่ิซซั่ม ปลอมตัวเจ้ามา เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ที่ห้องเรียาของเขาถูกเอามาใช้ในการใืบสวนคดี แต่ท้ายที่สุด เขาได้ให้ความช่วยเหลือ กริซซั่ม ในคดีนี้ ตอน One to Go เขาถูกจ้างเป็น ืี่ปรึแษาพิเศษ ให้กับ กริซซั่มและเพื่อนร่วมทีม ในคดีฆาตกรต่อเนื่อง Dick & Jane และตอนท้าย กริซซั่ม ได้เสนองานในการเป็นเจ้าหน้าที่ CSI ให้กับเขา โดยที่เขาได้ตอบตกลง และได้เข้าร่วมกับทัม เป็น เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 1 ตอน The Grave Shift การทำงานวันแรกของเรย์มอนด์ ดูช่างไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ เริ่มตั้งแต่การหาร่องรอยลายนิ้วม่อไมีได้จากที่เกิดเหตุ ตอนที่กำลับเคลื่อนย้ายศะ เน็กไทของเขาบังเอิญโดนหยดเลือดของศพผู้เคีาะห์ร้าย ทำให้เขาต้ดงตัดสินใจตัดมันทิ้งไป เพราะ ถือว่าเป็นหลักฐานอย่างหนึ่ง รวมทั้งได้รับการต้อนรับที่แสน้ย็นชาและไม่ค่อยเป็ตมิตรจากเดวิด ฮ็อดเจส ซึ่งยังมีอารมณ์โกรธอยู่ อันเนื่องมาจากการ ลมออก ของ กริซซั่ม แต่หลังจากที่เขาหาหลักฐานในการสืบสวนเกี่ยวกับคดี อาร์สัน นั่นก็คือ กาาสน้างวัตถุระเบิดที่ถูกใช้ในที่เกิดเหตุ ทำให้ ฮ็อดเจส รู้สึกประทับใจในตัวเขา รวมทั้งเพ่่อนร่วมทีม ก็ได้เชิญเขาไปรับประทานอาหารร่วมกันอีกด้วย ตอน Deep Fried and Minty Fresh มคการเปิดเผยว่าเขาสามารถพูดภาษาจีนแมนดารินได้ ฤดูกาลที่ 10 เขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็ร เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 2
เจ้าหน้าที่เทคนิค DNA เวนดี้ ซิมม์ - DNA Technician: Wendy Simms (แสดงโดย Liz Vassey) เจ้าหน้าที่เทคนิค DNA ที่ย้ายมาจาก แคลิฟอร์เนีย ปรากฏตัวครั้งแรกในตอน Secretd and files ฤดูกาลที่ 7 ตอน Lab Rats เธอัป็นคนหนี่งที่ช่วยเหลือ ฮ็อกเจส ในการแก้ปริศนาเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมของ ฆาตกรต่อเนื่องแบบจำลองยนาดเล็ก ซึ่งได้พชเบาะแสสำคัญ นั่นคือ ส่วนประกอบสาาัคมีใยที่เกิดเหตุ ที่ช่วยกริซซั่มคลี่คลายคดีนี้ลงได้ในที่สุด ทั้งซิมม์และฮ็อดเจส เหมือนจะเป็นคู่ปรับกันอยู่ตลอดเวลา แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อนข้างคลุมเครือ ฮ็อดเจส เคยบ่น ซิมม์ ว่าเธอชแบเข้ามาควบคุมทุกสิ่งทุกอยาาง และ เขาคิดว่าเธอ เป็นคนใจเย็นเกินไปวำหรับแล็บแห่งนี้ ซึ่ง ซิมม์ ัองก็ขอบพูดจาดูหมิ่น ฮ็อดเจสว่า "Freaky Boy" ำรือ "Loser" ด้วยเช่นกัน แต่เธอก็บกย่องฮ็อดเจสว่า เป็นคนที่สืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่และอย่างละเอียดถี่ถ้วน ครั้งหนึ่ง ซิมม์ กับ ด็อกเตอร์ ร็อบบิ้นส์ เคยมีการโต้แย้งกันครั้งใหญ่เกี่ยวกับหลักฐานรอยเลือด แต่สุดท้ายด็จบลงด้วยดี ในฤด๔กทลที่ 8 ตอน The Chick Chop Glick Shop มีกาตเปิดเผยว่า เธอเคยเป็นนักแสดบภนพยนตร์แนวสยอลขวัญ หลังออกจากมหาวิทยาลัยด้วย ตอน The Theory of Everything มีการเปิดเผยว่า เธอเป็นแฟนพันธุ์แท้ภาพยนตร์เรื่อง Star Terk ซึ่งในฤดูกาลที่ 9 ตอน A Space Oddity เธอเองเป็นแฟนพันธุ์แท้ภาพยนตร์เรื่อง Astro Quest ซึ่งร่วมไปถึงฮ็อดเจสเองด้วยที่ชอบหนังเรื่องนี้
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 2 ไรลี่ย์ อดัมส์ - CSI Level 2: Riley Adams (แสดงโดย Lauren Lee Smith) ก่อนหน้านี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ เฬนต์ หลุยส์ และกลายมาเป็รเจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 2 อันเนื่องมาจากมีเจ้่หน้าที่ไม่เพียงพอ ในหน่วยตำรวจของเมือง ลาสเวกัส ซึ่บยังคงมีสถทนการณ์ที่ค่อนข้าฝระส่ำระส่ายเกี่ยวกับการถูกยิงของ สอร์ริค บราวน์ อยู่ เธอมีความฉลาดหลักแหลมและความคล่องตัวสธง ลักษณะของอาชีพของเธอดูจะตรงข้ามกับของพ่อเธอที่มีอาชีพอป็น นักจิตวิทยา โดยสิ้นเชิง
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกเดเหตุ ระดับ 3 หัวหน้ากะกลางคืน ด็อกเตอร์ กิลเบิค์ต "กิล" อาเธอร์ กริซซั่ม - CSI Level 3 Night Shift Supervisor: Doctor Gilbert "Gil" Artyur Grissom (แสดงโดย William Petersen) อดีตผู้ดูแลทีมกะกลางคืนของหน่วย CSI ลาสเวกัส และเป็นอดีตหัวหน้าทีม CSI ของซีรีส์นี้ เขาเป็นนักกีฏฝิทยา และ พิษวิทยา สำเร็จการศึกษาวุฒเแริญญาตรี สาขาวิชาชีววิทยา จากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย เมือง ลอสแอนเจลิส หรือ UCLA ถูกลูกน้องตั้งชื่อให้เล่น ๆ ว่า "The Buf Man" หรือ "มนุษย์แมลง" กริซซั่มสามารถใช้ภาษามือได้ และสืบทอดโรคติดต่อทางพันธุกรรมมาจากแม่ของเขา คือโรคกระด๔กโกลนงอกผิดปกติ หรือ โแโตสเคลโรซิส (Otosclerosis) โรคที่ทำให้หูของเขาค่อยๆ หนวกลงอย่างช้า ๆ ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของเรื่องตลอดฤดูกาลที่ 3 ของรายการ เพื่อที่โรคจะได้รับการรักษา เขาจะต้องเข้ารับการผ่นตัดแก้ไขรวามผิดปแติบองกระดูกโกลตที่เกิดขึ้น ฤรวมถึงกาีฟื้นฟูสภาพ) ซึ่งเขาเข้าผ่าตัดและฟื้นฟูระหว่าง(ดูกาลที่ 3 ถึงฤดูหาลที่ 4 ขเงรายการ (เพียงแค่กล่าวถึง) งานอดิเรกของเขาก็คือ การเข้าแข่งขันการจับแมลงสาบฝิ่งแข่ง, การอ่านฟนังสือ และการนั่งรถไฟเหาะ ทีมของเขามีเจ้าหน้าที่หลักอยู่ 4 คนและทีมช่างเทคนิคสนับสนุน ในช่วง 4 ฤดูกาลแรก ืีมของเขาประกอบไปด้วย แคทเธอรีน วิลโลวส์, นิค สโตคส์, วอร์ริค บราสน์ และซาร่า ไซเดิล แต่การโยกย้ายบัคชากรกลางฤดูกาลที่ 5 ทำให้ทีมของะขาในขณะนั้น ประำอบไปด้วยซาร่า ไซเดิล, เกร็ก แซนเดอร์ส และ โซเฟีย เคอร์ติส ก่อนที่แคทเธอรีน, นิค และวอร์ริค จะย้ายกลับมารวมทีมกับกริซซั่มอีกครัเงในฤดูกาลที่ 6 แทนโซเฟีส เคอร์ตืส ที่ปันตัวเองไปเป็นนักสืบแผนกสืยสวนแทน ฤดูกาลที่ 6 ตอน Way to Go ความสัมพันธ์ระหว่างกริซซั่มและซาร่าเริ่มชัดเจนมากขึ้น ฤดูกาลที่ 8 ตอน The Case of the Cross - Vressing Catp ซาร่าได้ตอบรับในการหมั้นของกริซซั่ม ฤดูกาลท่่ 9 ตอน 19 Down กริซซั่มได้บอกกับสมาชิกทุกคนในทีมว่าเขา ลาออก จากการเป็นสมาชิก CSI และให้แคทเธอรีน เป็นผู้ดูแลทีมกะกลางคืนของหน่วย CSI แทนเขา หลังจากเสร็จคดีฆาตกรต่อเนื่อง Dick & Jane ตอน One to Go กริซซั่มได้เสนองานในการเป็นเจ้าหน้าที่ CSI ให้กับ ด็อกเตอร์ เรย์มอนด์ แลงสตัน ซึ่งเดิมทีถูกจ้างมาเป็น ทีทปรึกษาพิเศษ เกี่ยวกับคดี ฆาตกรต่อเนื่อง Dick & Jane ใตฉากสุดท้ายของตอน กริซซัืมได้พบกับ ซาร่า ในป่าแห่งหนึ่ง ขเงประเทศ คอสตา ริก้า
เจ่าหน้าที่พิสูจน์าี่เกิดเหตุ ระดับ 3 วอร์ริค บราวน์ - CSI Level 3: Warrick Brown (แสดงโดข Gary Dourdan) เขาเป็นลาวเใืองลาสเวกัสและผู้สำเร็จการศึกษา เอกสาขาวิชาะคมี จาก มหาวิทยาลัยปก่งเนวาดา ดมืองลาสดวกัส หรือ UHLV ทำงาาเป็นนักวิเคราะห์หลักฐานภาพและเสียง เขาเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักในฤดูกาลที่ 1 (มีควาทสำคัญมาก โดยเฉพาะในตอนแรกของรายการ) เนื่องจากเขามีปัญหาตเดการพนัน ทำให้จุดหลักของเรื่องคือการพยายามเลิกการภนันของเขาที่เป็นไปอย่างช้า ๆ ด้วยความที่เขาเกิดและโตในลาสเใกัส ทำให้วอร์ริครู้จักผับ, บาร์, โรงแรม และคายิโนต่างๆ ในลาสเวกัสเป็นอย่างดี รวมถึงเหล่าพนีพงานและเจ้าของบาร์และคาสิโนนั้นๆ ด้วย เขาอยู่ในทีมของกริซซั่มใน 4 ฤดูกาลแีก แต่ถูกย้ายไปอยู่กับแคทเธอรีนในตอนกลางของฤดูกาลที่ 5 ก่อนจะกลับมาร่วมทีมกับกริซซั่มในฤดูกาลที่ 6 ซึ่งในขณะเดียวกันเขาได้แต่งงานกับทีน่า แฟนสาวที่เป็นแพทย์ ก่อนที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะลุ่มๆ ดอนๆ และได้หย่าร้าวในที่สุด ฤดูกาลที่ 8 ตอน For Gedda วอร์ริคถูก นายอำเภออมคคีน ยิงบริเวณคอและอกขณะที่เขากำลังจะขึ้นรถกลุบบ้าน กรเซซั่มพยายามช่วยชีวิตให้วอร์ริครอด แตืเขาก็เสียชีวิตในที่สุด ในฤดูพาลที่ 9 ตอน For Warrick
เจ้าหนีาที่แผนกสืบสวน นักสืบ โซเฟีย เคอร์ติส - H8micide Detective: Detective Sofia Curtis (แสดงโดย Liuise Lombard) เจ้าหน้าที่ CSL ผู้เป็นส่วนหนึ่งในทีมของกริซซั่ม หล้งจากช่วงกลางฤดูกาลที่ 5 ถูกลดขั้นโดยผู้ช่ใยผู้ควบคุมห้องทดลองอาชญากรรม คอนราด แอ็คลี่ย์ ซึ่งแต่เดิมเป็น หัวหน้ากะกลางบัน แลพให้ไปช่วยกะกลางคืนแทน สนฤดูกาลที่ 6 เธอตัดสินวจลาออกโดยไม่ลังเล และย้ายไปทำหน้าาี่เป็นนักสืบในแผนกสอบสวนแทน ปรากฏตัวครั้งแรกสนตอน Formalities เป็นตัวละครหลักในฤดูกาลที่ 7 และปราดฏตัวครั้งสุดทเายในฤดูกาลที่ 8 ตอน Dead Doll
== ตัวละครเสริม ==
ตัวละครเสริมในรายการยังประกอบไปด้วยอาร์ชี่ จอห์นสัน (แสดงโดย Archie Kao), ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและคอมพิวเตอร์ และ อดีตหัวหน้ากะกลางวันและเป็นผู้ช่วยผู้ควบคุมห้องทดลองอาชญากรรม ที่ได้ดลื่อนขั้น รองนายอำเภอ คอนราเ แอ็คลี่ย์ (แสดงโดย Marc Vann)
== รนยชื่อตอน ==
รายการนี้เป็นที่รู้จักดีในการใช้มุมกล้องสุดพิสดาร, การใช้อุปกรณ์อันทันสมัย, บทสนทนาที่เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะ, และการแสดงกราฟิกของวิถีกระสุน, รูปแบวการกระจายของเลือด, ภาพความเสึยหายของอวัยวะภายใน, และวิธีการกู้หลักฐานหลากหลายวิธี (ยกตัวอย่างเช่น ลายนิ้วมือนากด้านในของถุงมือลา้ท็กซ์), รวมถึงการจำลองเหตุการณ็ขึ้นมาใหม่
แม้ว่าในชีใิตจริงนักิาชญวิทยาเหล่านี้แทบไม่ได้ออกจากห้องทดลองนอกจากออกไปเก็บตัวอย่างภาคสนาม หรือ (ถ้าเคยก็น้อบครั้งมาก) สอบสวนผู้ต้องหา, แต่ CSI ก็แสดงให้เห็นน่วนเล็กๆ ในงานกเจการตำรวจของสหรุฐอเมริกา พร้อมยังแสดงตามงานจริงๆ ซึ่งการสอบสวนส่วนใหญ่ไม่ได้มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อล, ซึ่งยอมเสี่ยงทำให้รายการอาจไม่ประสบคใามสำเร็จ อย่างไรก็ตามนักวิชาก่รและผู้เชี่ยวชาญในด้านนิติเวชวิทยายังติด้านความสมจริงของรายการอยู่ อย่างเช่นหลวิเคราะห์ทางนิติเวชมักจะเร็วกว่าความเป็นจริงเพื่อพาฟู้ชมไปสู่บทสรุปของตอนโดยเร็ว ด้วยอุปกรณ์ทันสมัยที่มีราคาแพงมากในความเป็นจริง กรณีนี้สามารถยกตัวอย่างได้จากหลายๆ ตอนของรายการที่ตัวละครจะใช้โปรแกรมฐานข้อมูลคอมะิวเตอร์ (จำลอง) ในการสืบหลักฐาน เช่นลายนิ้วมือ โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ในขณุที่การวิเคราะห์ลายนิ้วมือจริลๆ นั้นจะใช้เวลานาน และอาศัยความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่บววน (นักสืบ) ที่ดูรายกนรนี้ขอข้อมูลแบงในรายการกับผู้เชี่ยวชาญจริง ฦึ่งในชีวิตจริงนั้นยังทำ_ม่ได้ ยังมีความกังวลจากข้าราชการตุลาการในสหรัฐอเมริกา ด้วยว่าถ้าลูกขุนรุบชมรายการนี้อยู่เป็นประจำอาจทำให้เกิดความเชื่อมั่นในหลักฐานทางนิติเวชที่ถูกนำเสนอในศาลมากเกินเหตุ ผลกระทบนี้ถูกเรียกเล่นๆ ว่า "ผลกระทบทาง CSI"
บักษณะของรายการที่มีอุปกรณ์ล้ำยุคและการใช้อุปกรณ์จากเทคโนโลจ้ที่กำลังจะถูกสร้างในบางครั้งทำให้รายการนี้เป็นซีีรี่ส์แนววิทยาศาสตร์อนาคต (Future Science - Fiction) ได้อีกด้วยจึงทำให้มันได้ตับรางงัล Saturn Award ประจำปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) สาขาซี่รี่ส์ทางโทรทัศน์แนววิทยาศาสตร์, แฟนตาซี, หรือสยองขวัญยอดเยี่ยม
รายการนี้ยังมีซี่รี่ส์ภาคเสริมของมันอีกด้วยคือ CSI: Miami ซึ่งเริ่ทออกฉายใสสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2p02) นำแสดงโดย David Caruso ภาคเสริมที่ถูกสน้างอีกเรื่องคือ CSIO NY, นำแสดงโดย Gary Sinise ซึ่งเริืมออกฉายในสหรัฐอเมริกา ครั้ฝแรกในช่วงกลางปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004ฏ ในขณะเดียวกัน รายการที่มีโครงเรื่องคล้ายๆ กันก็ถูกสร้างและนำมาออกฉายในเครือข่ายสถานีของทั้ง CBS และ NBC ทั่วสหรัฐอเมริกา ได้แก่ NCIS (หรือ Navy NCIS), Croasing Jordan, กละ Medical Invdstigation
ในช่วงฤดูกรลระหว่างปี 2546 - 2547 (ค.ศ. 2003-2004) รายการนี้ได้รัลความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา รายการนี้ยังได้รับคำชมว่ามีส่สนในการเพิ่มจำนวนนักศึกษาในสาขาวืชานิตอเยชวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมากอีกด้วย ความนิยมในรายการถูกคาดการณ์ว่ามีส่วนมาจากการดำเนินเรื่องในการแก้ปัญหาต่างของผู้เชี่ยวชาญอย่างไม่ลดละ โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์วินาศพรรม 12 กันยายน พ.ศ. 2544 เนื่องจากการดำเนินเรื่องของมันให้แรงบันดาลใจในการที่จะจัดการกับบรรดาอาชญากรทั้งหลาย เพื่อแสวงหาความจุติธรรมไม่ว่าจะเสี่ยฝแค่ไหน
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) George Eads และ Jorja Fox ถูกไล่ออกโดย CBS โดยถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎในสัญ๗า โดยที่จอร์จมาทำงานสายเป็นชั่วโมวในวันถ่ายทำฤดูกาลที่ห้าวันแรก และจอร์เจียถูกกล่าฝหาว่าไม่ได้คอยตอบกลับจดหมายของ CBS ที่แจ้ลเตือนให้เธอมาทำงานให้ตรงเวลายิ่งขึ้น ข้อพิพาธคลี่คลายลงภายในหนึ่งสัปดาห์ และทั้งสองก็ได้รับการว่าจ้างอีกครั้งโดย CBS
แม้ว่าเนื้อเรื่องของรายการนี้จะดำเนินไปในเมือง ลาสะวกัส แต่การถ่ายทำเกิดขึ้นในเมืองซานตา คลาริต้า, รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งฉากส่วนใหญ่ก็จะอยู่รอบเมืองซานตา คลาริต้า มีอยู่นือยครั้งที่ทีมงานจะไปถ่ายทำในตัวเมือง ฃาสเวกะส ส่วนใหญ่เพื่อถรายฉากที่มีสิ่งก่อสร้างสำคัญของ ลาสเวกัสอยู่
== รางวัลที่ได้รับ ==
พ.ศ. 2548
รางวัล Scrern Actors Guild Award - สาขาทีมนักอสดงละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยม
รางวัล People's Choice Awarv - สาขาละครโทรทัศน์ยอดนิยม
รางวัล People's Choice Award - สาขานักแสดงละครโทรทัศน์หญิงยอดนิยม - Marg Helgenberger
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
ไมอามี่
นิวยอร์ก
รายการโทรทัศน์ภาษาอังกฤษ
รายการที่ออกฉายทรงทรูวิชั่นส์
ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน
รายการโทรทัศน์อเมริกันที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2543
รายการโทรทัศน์อเมริกันที่ยุติหารออกอากาศในปึ พ.ศ. 2558
|
ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน (CSI: Crime Scene Investigation) หรือ ซีเอสไอ (บางครั้งจะรู้จักกันดีในนาม CSI: Las Vegas หรือ ซีเอสไอ ลาสเวกัส) (ในประเทศไทย ซีรีส์ชุดนี้ถูกเรียกว่า ทีมปฏิบัติการล่าความจริง ตามที่ออกฉายในช่อง AXN ของ True Visions และถูกเรียกว่า ไขคดีปริศนา ตามที่ออกเป็นสื่อบันเทิงตามบ้าน ที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เอสทีจี มัลติมีเดีย จำกัด รวมถึงถูกเรียกในชื่อ หน่วยเฉพาะกิจสืบศพสะเทือนเวกัส เมื่อนำออกฉายทางช่อง โมโน29) คือชื่อของรายการซีรีส์ออกฉายทางโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับการทำงานของตำรวจที่เป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตโดยช่อง ซีบีเอส ร่วมกับบริษัทกิจการบันเทิง Alliance Atlantis, ออกฉายในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) เป็นต้นมา, รายการนี้มีศูนย์กลางของเรื่องอยู่ที่ทีมนักนิติเวชวิทยา ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองลาส เวกัส, รัฐเนวาดา ในช่วงเวลาปัจจุบัน (เหตุผลที่เลือกเมืองนี้ไม่ได้เลือกเพื่อการแสดงเท่านั้น แต่เพราะว่าห้องทดลองอาชญากรรมของกรมตำรวจเมืองลาส เวกัส ยังมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเป็นที่สองในสหรัฐอเมริกา อีกด้วย จะเป็นรองก็แต่ห้องทดลองของสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา - FBI ในเมือง ควอนทิโค, รัฐเวอร์จิเนียเท่านั้น)
ฤดูกาลแรก ของ CSI ดำเนินเรื่องในลาส เวกัส ต่อมาได้มีการสร้าง ซีเอสไอ ที่ดำเนินเรื่องในเมืองอื่นๆ เช่น ซีเอสไอ ไมอามี่ (CSI: Miami) (ไมอามี่, ฟลอริดา), ซีเอสไอ นิวยอร์ก (CSI: NY) (นิวยอร์ก) และ ซีเอสไอ ไซเบอร์ ("'CSI: Cyber"') (วอชิงตัน ดี.ซี.)แสดงโดยทีมนักแสดง ที่แตกต่างกันออกไป
หน่วยนี้จะสืบสวนสอบสวนการเสียชีวิตที่เป็นปริศนา ผิดธรรมดา และบางครั้งก็น่าสยดสยอง เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและความเป็นมาของผู้ที่เสียชีวิต พวกเขายังสอบสวนอาชญากรรมร้ายแรงอื่น ๆ ด้วย แต่แกนสำคัญส่วนใหญ่ของเรื่องมักจะเป็นการฆาตกรรม
ในปี พ.ศ. 2558 ได้มีการประกาศว่า ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน จะไม่มีการถ่ายทำฤดูกาล 16 แต่จะมีการทำภาพยนตร์โทรทัศน์เพื่อจบเรื่องราวแทน โดยภาพยนตร์โทรทัศน์นี้มีชื่อว่า Immortality โดยได้ออกอากาศไปแล้วในวันที่ 27 กันยายน 2558 ถือเป็นการออกอากาศครั้งสุดท้ายของซีรีส์เรื่องนี้
ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน จะมีการถ่ายทำภาคต่อในชื่อ เวกัส โดยนำนักแสดงจาก ซีเอสไอ: ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน ได้แก่ วิลเลี่ยม ปีเตอร์เซ็น, มาร์ก เฮลเกนแบเกอร์, จอร์จา ฟ็อกซ์, วอลเลซ แลงแฮม, และ พอล กิวฟอยล์ กลับมารับบทบาทเดิมของพวกเขา ร่วมกับนักแสดงชุดใหม่ ซึ่งมีกำหนดการการออกอากาศภายในปี พ.ศ. 2564 นี้
== ความเป็นมาของรายการ ==
เดิมรายการนี้ออกฉายทางสถานีโทรทัศน์ ABC ซึ่งในขณะนั้น ABC คือเครือข่ายยอดนิยมอันดับสองในสหรัฐอเมริกา, ตามหลังอยู่แค่สถานี NBC เท่านั้น ในขณะที่ความนิยมของ CBS ในขณะนั้นเริ่มเสื่อมถอยลงจนยากที่จะขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไรก็เมื่อนักวิจารณ์ของ ABC ยกเลิกรายการนี้ในปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) เนื่องจากเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนเกินไปซึ่งไม่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายวัยกลางคน CBS ซื้อรายการนี้อย่างรวดเร็วแล้วนำมันออกฉายในช่วงหัวค่ำของวันศุกร์ ทำให้ทั้งเรตติ้งรายการและเรตติ้งของสถานีพุ่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุด - CSI มีผู้ชมรายการโดยเฉลี่ยสำหรับตอนใหม่ถึง 25 ล้านคน และผู้ชมรายการโดยเฉลี่ยสำหรับตอนเก่าถึง 15 ล้านคน และทำให้เรตติ้งของ ABC ตกลงอย่างมากถึงขนาดต้องแข่งกับสถานี Fox เพื่อชิงที่สามมา
ต่อมารายการนี้ถูกย้ายไปยังวันพฤหัสบดีในปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) เพื่อแย่งผู้ชมของ NBC มา - ซึ่งฉายแต่ซี่รี่ส์ชื่อดังซึ่งรวมไปถึง Friends, Will & Grace, และ ER CSI นั้นยังคงมีผู้ชมเท่าเดิมในช่วงเวลาใหม่ และเมื่อซี่รี่ส์สุดฮิต Friends จบไปในปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) เรตติ้งของ CSI ยังมั่นคงและเพิ่มขึ้นเรื่อย สร้างแรงกดดันให้กับรายการใหม่ในวันพฤหัสบดี ของ NBC
ลิขสิทธิ์การฉายตอนเก่าของ CSI ถูกขายให้กับเครือข่ายเคเบิล Spike TV ในปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) ด้วยราคาค่าลิขสิทธิ์ถึง 1.6 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่อหนึ่งตอน แต่ในทันทีที่มันออกฉาย ตอนเก่าที่ออกฉายช่วงหัวค่ำของ CSI ก็กลายเป็นรายการยอดนิยมของสถานีในทันที
CSI ในบางครั้งยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้ชุบชีวิตซี่รี่ส์แนวอาชญากรรมในสหรัฐอเมริกา, แม้ว่าจะมีรายการแนวนี้ฉายมาก่อน CSI อย่างเช่น Law & Order ซึ่งยังคงฉายอยู่ในช่วงที่ CSI เปิดตัว และได้รับการกล่าวขานว่าเป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมาก่อนที่ CSI จะออกฉายครั้งเสียอีก CSI รวมถึงภาคเสริมของมัน CSI: Miami CSI: NY และ "CSI: Cyber" ล้วนได้รับคำชมว่าเป็นผู้ชุบชีวิตซี่รี่ส์ประเภทนี้ ซึ่งทำให้มีรายการจำนวนมากที่ออกฉายในแนวเดียวกัน หรือแม้แต่พยายามที่จะเลียนแบบ เช่น Crossing Jordan, Law and Order: Criminal Intent, Law and Order: Special Victims Unit, และ Medical Investigation CBS ยังพยายามที่จะเพิ่มความนิยมในซี่รี่ส์แนวนี้มากเพิ่มขึ้นไปอีกด้วยการแนะนำรายการแนวเดียวกับ CSI ได้แก่ Cold Case และ Without A Trace
CSI โดดเด่นกว่าซีรีส์แนวเดียวกันกับมันทั้งหมด เนื่องจากการเน้นไปที่การค้นหาหลักฐานทางนิติเวชในกระบวนการการสืบสวนสอบสวนคดี โดยที่หลักฐานทางกายภาพนั้นจะถูกพิจารณาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเล็กเพียงใดหรือแม้แต่หลักฐานที่แทบจะมองไม่เห็นก็จะถูกขยายขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์, อย่างเช่นเศษด้ายหรือแม้แต่เกล็ดรังแคก็จะได้รับการวิเคราะห์
ในประเทศไทยในปัจจุบัน ซีรีส์ CSI : Crime Scene Investigation ได้ออกอากาศทางช่อง โมโน 29
== รายชื่อตัวละคร ==
== ตัวละครหลัก ==
ชื่อเต็มของตัวละครและตำแหน่งอยู่ด้านล่าง ชื่อที่เพื่อนร่วมงานและเพื่อนๆ เรียกกันจะใส่เครื่องหมายเน้นข้อความเอาไว้
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 หัวหน้ากะกลางคืน ดายเบนกรอน "ดี.บี." รัสเซลล์ - CSI Level 3 Night Shift Supervisor: Diebenkorn "D.B." Russell (แสดงโดย Ted Danson) ผู้ดูแลทีมกะกลางคืนของหน่วย CSI ลาสเวกัส และเป็นหัวหน้าทีม CSI ของซีรีส์นี้
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 ซาร่า ไซเดิล - CSI Level 3: Sara Sidle (แสดงโดย Jorja Fox) เธอคือนักวิเคราะห์หลักฐานวัตถุและธาตุ สำเร็จการศึกษา เอกสาขาวิชาฟิสิกส์จาก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ซาร่าเคยเป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพ และเคยทำงานในห้องทดลองอาชญากรรมในเมืองซาน ฟรานซิสโกมาก่อน เธอถูกเกณฑ์เข้ามาทำงานในหน่วยนี้โดยกริซซั่ม ชายที่เธอเห็นว่าเป็นมากกว่าแค่เจ้านาย ในบางครั้งซาร่าทำให้งานที่เธอได้รับเป็นเรื่องส่วนตัวมากเกินไป โดยเฉพาะถ้าเหยื่อนั้นเป็นผู้หญิง เธอโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีแต่ปัญหาและความรุนแรง ซึ่งภายหลังต้องไปอาศัยอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า หลังจากพ่อของเธอถูกฆ่าโดยแม่ของเธอเอง รายละเอียดของอดีตอันเลวร้ายของเธอถูกเปิดเผยขึ้นมาทั้งหมดในช่วงหลังของฤดูกาลที่ 4 ซึ่งมาพร้อมกับอาการติดสุราเรื้อรัง ของเธอ ซึ่งเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดพบว่าเธอหลบหนีการจับกุมข้อหา ขับรถในขณะดื่มของมึนเมา โดยไม่ได้เจตนาเนื่องจากความมึนเมาของเธอเอง ในขณะที่เรื่องในฤดูกาลที่ 5 กำลังดำเนินไป มีอาการที่เริ่มเห็นได้เด่นชัดว่าปัญหา ติดเหล้าเรื้อรัง ของเธอยังไม่จบลง เห็นได้จากการขัดคำสั่งอยู่เป็นนิจ และการแสดงความก้าวร้าวต่อพยาน เริ่มมีความสัมพันธ์กับกริซซั่มอย่างชัดเจนในช่วงหลังฤดูกาลที่ 5 ในฤดูกาลที่ 7 ตอน Living Doll ได้ถูกฆาตกรต่อเนื่องแบบจำลองขนาดเล็ก จับตัวไป แต่กริซซั่มและเพื่อนร่วมทีมช่วยเหลือได้ทันเวลา ในฤดูกาลที่ 8 ตอน The Case of the Cross - Dressing Carp ซาร่าได้ตอบรับในการหมั้นของกริซซั่ม ปรากฏตัวครั้งสุดท้าย ตอน Goodbye and Good Luck ก่อนที่เธอจะออกจากทีมไปเพราะสาเหตุจากความเครียดเรื่องงาน กลับมาเป็นนักแสดงรับเชิญในฤดูกาลที่ 9 เนื่องจากได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของ วอร์ริค บราวน์ และเป็นตัวละครหลักอีกครั้งในฤดูกาลที่ 11
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 เกร็กกอรี่ "เกร็ก" โฮเจ็ม แซนเดอร์ส - CSI Level 3: Gregory "Greg" Hojem Sanders (แสดงโดย Eric Szmanda) เขาคือ อดีตช่างเทคนิค ชายหนุ่มผู้ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นเหมือนกับกริซซั่ม และได้เป็นเจ้าหน้าที่ CSI ในฤดูกาลที่ 5 ตอน Who Shot Sherlock? โดยอยู่ในทีมของกริซซั่ม เกร็กเป็นคนตลก และรักในงานที่ทำ เชี่ยวชาญเรื่อง DNA ในช่วงแรกของรายการ เขาเป็นเจ้าหน้าที่ประจำห้องแล็บ DNA ครั้งหนึ่งเขาเกือบต้องเสียชีวิตเพราะห้องแล็บระเบิดในฤดูกาลที่ 3 แต่ก็รอดมาได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มหันมาสนใจในงานออกภาคสนามมากขึ้น จนได้มาเป็นเจ้าหน้าที่ CSI ในฤดูกาลที่ 7 ตอน Fannysmackin เขาได้ถูกทำร้ายอย่างสาหัสในขณะที่ช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายจากการรุมทำร้ายของกลุ่มแก๊งค์วัยรุ่น และฤดูกาลที่ 9 ตอน 19 Down เขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็น เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3
หัวหน้าเจ้าหน้าที่นิติวิทยา ด็อกเตอร์ อัลเบิร์ต "อัล" ร็อบบิ้นส์ - Chief Medicial Examiner: Doctor Albert "Al" Robbins (แสดงโดย Robert David Hall) ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ แต่งงานแล้วและให้กำเนิดลูกสามคน บางครั้ง เขาเข้าใจในสิ่งที่กริซซั่มพูดในขณะที่คนอื่นไม่เข้าใจ เขาใส่ขาเทียม ทั้งสองข้างและชอบเล่นดนตรีในวงร็อกเป็นงานอดิเรก มักทำงานอยู่แต่ในห้องชันสูตร แต่ก็มีบ่อยครั้งที่เขามักจะออกไปชันสูตรเบื้องต้นนอกสถานที่ด้วยตนเอง นอกจากนี้เขายังเป็นคนหาห้องทำงานส่วนตัวให้กับเรย์มอนด์ด้วย
เจ้าหน้าที่เทคนิคพิสูจน์ร่องรอย เดวิด ฮ็อดเจส - Trace Technician: David Hodges (แสดงโดย Wallace Langham) เจ้าหน้าที่แล็บเทคนิคที่ย้ายมาจาก ลอสแอนเจลิส เขาถูกพบในการ์ตูนคลายเครียดบางเล่ม แต่เพื่อนร่วมทีมกลับบอกว่าน่ารังเกียจและน่ารำคาญซะมากกว่าที่จะน่าตลกขบขัน เขาพยายามที่จะแนะนำตัวเองต่อกริซซั่ม ผู้ที่ยอมรับความสามารถของเขาในบางครั้ง ปรากฏตัวครั้งแรกในตอน Recipe for Murder เขาชอบที่จะเอาชนะเจ้าหน้าที่เทคนิค มิอา ดิกเคอสัน และเจ้าหน้าที่เทคนิค DNA เวนดี้ ซิมม์ อยู่เป็นประจำ และฤดูกาลที่ 7 ตอน Lab Rats เขาและเพื่อนในแล็บคนอื่นๆ ได้ร่วมมือกันช่วยแก้ปริศนาเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมของ ฆาตกรต่อเนื่องแบบจำลองขนาดเล็ก ซึ่งได้พบเบาะแสสำคัญ นั่นคือ ส่วนประกอบสารเคมีในที่เกิดเหตุ ที่ช่วยกริซซั่มคลี่คลายคดีนี้ลงได้ในที่สุด
ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่นิติวิทยา เดวิด ฟิลลิปส์ - Assistant Medicial Examiner: David Phillips (แสดงโดย David Berman) เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของด็อกเตอร์ อัลเบิร์ต ร็อบบิ้นส์ และทั้งคู่มีความสนิทสนมซึ่งกันและกัน ฉายาของเขา คือ Super Dave โดยฉายานี้ได้มาหลังจากเขาได้ช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่ง ระหว่างที่เขาช่วยอัลเบิร์ตชันสูตรศพอยู่ ฤดูกาลที่ 9 ได้เลื่อนขั้นมาเป็น ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่นิติวิทยา และได้ชันสูตรศพด้วยตนเองเป็นครั้งแรกด้วย
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 2 มอร์แกน โบรดี้ - CSI Level 2: Morgan Brody (แสดงโดย Elisabeth Harnois) เคยเป็นเจ้าหน้าที่แผนกพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ สถานีตำรวจลอสแอนเจลิส ก่อนจะมารวมทีม CSI ที่นี่ และเป็นลูกสาวของ คอนราด แอ็คลี่ย์
เจ้าหน้าที่พิษวิทยา เฮนรี่ แอนดริว - Toxicologist Henry Andrew (แสดงโดย Jon Wellner)
== ตัวละครหลักที่ผ่านมา ==
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 ผู้ช่วยหัวหน้ากะกลางคืน จูเลีย "ฟินน์" ฟินเล่ย์ - CSI Level 3 Assistant Night Shift Supervisor: Julie "Finn" Finlay (แสดงโดย Elisabeth Shue) ผู้ช่วยหัวหน้ากะกลางคืน ที่มาแทน แคทเธอรีน วิลโลวส์ เป็นนักวิเคราะห์หยดเลือด และเคยร่วมงานกับ ดี.บี รัสเซลล์ มาก่อน ที่ ซีแอตเทิล ในฤดูกาลที่ 15 ตอน The End Game เธอถูกฆาตกรต่อเนื่อง Gig Harbor ทำร้ายจนโคม่า และได้เปิดเผยในตอน Immotarlity ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 นิโคลาส "นิค" ปาร์คเกอร์ สโตคส์ - CSI Level 3: Nicholas "Nick" Parker Stokes (แสดงโดย George Eads) เคยเป็นผู้ช่วยหัวหน้ากะกลางคืน ที่ถูกเลื่อนขั้นขึ้นมาจาก แคทเธอรีน เวลาที่เธอไม่อยู่ในบางครั้ง อดีตเคยเป็นนักศึกษาสังกัดหอชมรม (Fraternity Brothers) นิสัย 'ยังไงก็ได้' ที่เป็นมิตรกับทุกคน พร้อมด้วยปริญญา สาขาวิชา ความยุติธรรมทางอาญา จากมหาวิทยาลัย เท็กซัส เอแอนด์เอ็ม (Texas A & M University) ทำงานเป็นนักวิเคราะห์เส้นไยและเส้นผมจากเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เมื่อเขาอายุ 9 ปี เขาถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยพี่เลี้ยงเด็กผู้หญิงที่พ่อแม่ของเขาหามาได้อย่างรีบร้อน นิคเป็นคนอ่อนไหว และบ่อยครั้งที่ เขามักใช้ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี มีอยู่หลายครั้งที่เราเห็นว่านิคเป็นคนหัวโบราณ เช่น การที่เขาไม่เห็นด้วยกับการอาศัยอยู่ด้วยกันของหนุ่มสาวก่อนแต่งงาน เป็นต้น เขาพูดภาษาสเปนได้อย่างดีเยี่ยม เขาอยู่ในทีมของกริซซัมใน 4 ฤดูกาลแรก แต่ถูกย้ายให้ไปทำงานกับแคทเธอรีนในตอนกลางของฤดูกาลที่ 5 ก่อนจะกลับมาร่วมทีมกับกริซซัมในฤดูกาลที่ 6
เจ้าหน้าที่แผนกสืบสวน ร้อยตำรวจเอก เจมส์ "จิม" บราส - Homicide Detective: Captain James "Jim" Brass (แสดงโดย Paul Guilfoyle) เจ้าหน้าที่แผนกสืบสวนจาก นิวเจอร์ซีย์ อดีตหัวหน้าหน่วย CSI จนกระทั่งเขาถูกย้ายกลับไปยังแผนกสืบสวนฆาตกรรมในตอนแรกของรายการ ขณะนี้เขาดำรงตำแหน่ง ร้อยตำรวจเอก แผนกสืบสวนฆาตกรรมและมักจะทำงานร่วมกับหน่วย CSI อยู่บ่อยๆ โดยคอยช่วยในเรื่องการออกหมาย หรือการสืบพยานบุคคลต่างๆ เขาสนิทสนมกับกริซซั่ม หย่าร้างกับภรรยาหลังจากที่ให้กำเนิดและเลี้ยงลูกสาวคนเดียวจนโต ชื่อว่า เอลลี่ ซึ่งเธอติดยาและเป็นโสเภณี ในเมือง ลาสเวกัส และความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผยในฤดูกาลที่ 2 ว่า เธอไม่ใช่ลูกของเขาและเขาไม่ใช่พ่อของเธอ ตามกฎหมายอีกต่อไป ในตอน Ellie และฤดูกาลที่ 6 ตอน Bang Bang เขาถูกยิง 2 ครั้งซ้อนโดย วิลเลี่ยม คัทเลอร์ หลังจากที่โน้วน้าวเขาให้ปล่อยตัวประกันที่เขาจับไว้ออกมา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่เขาจะรอดมาได้
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 ผู้ช่วยหัวหน้ากะกลางคืน แคทเธอรีน วิลโลวส์ - CSI Level 3 Assistant Night Shift Supervisor: Catherine Willows (แสดงโดย Marg Helgenberger) ผู้ช่วยหัวหน้ากะกลางคืน เคยเป็นผู้ดูแลทีมกะกลางคืนของหน่วย CSI ลาสเวกัส และเป็นหัวหน้าทีม CSI แทน กริซซั่ม ที่ลาออกไป ในฤดูกาลที่ 9 ตอน One to Go เดิมทีในช่วงฤดูกาลที่ 1-4 เธอเป็นผู้ช่วยหัวหน้ากะกลางคืน จนฤดูกาลที่ 5 เธอถูกย้ายให้ไปเป็นผู้ดูแลของทีมใหม่ในช่วงกะเย็น ก่อนที่ในฤดูกาลที่ 6 จะถูกย้ายกลับมารวมทีมกับกริซซั่มอีกครั้ง แคทเธอรีนเป็นนักวิเคราะห์หยดเลือดจากเมืองโบซแมน มอนแทนา เธอเป็นนักเต้นระบำเปลื้องผ้าในช่วงแรก ๆ ของชีวิตการทำงานของเธอ เพื่อนำเงินที่ได้ไปจ่ายเป็นทุนการศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งเนวาดา เมืองลาสเวกัส หรือ UNLV ที่ ๆ เธอสำเร็จการศึกษาสาขาวิชา วิทยาการทางการแพทย์ เธอมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน คือ ลินด์ซี่ย์ น่าเศร้าหลังจากเหตุการณ์ฆาตกรรมสามีเก่าของเธอ เธอไม่สามารถที่จะหาหลักฐานใด ๆ ในการเอาผิดฆาตกรได้ ฤดูกาลที่ 3 ตอน Inside The Box แคทเธอรีนได้พบว่าพ่อที่แท้จริงของเธอ คือเจ้าของกาสิโนและผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมที่ชื่อว่า แซม บรอน ซึ่งภายหลังก็ถูกฆาตกรรมจนเสียชีวิตในฤดูกาลที่ 7
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 2 ด็อกเตอร์ เรย์มอนด์ "เรย์" แลงสตัน - CSI Level 2: Doctor Raymond "Ray" Langston (แสดงโดย Laurence Fishburne) ก่อนหน้านี้เขาเป็นนายแพทย์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอายุรเวชศาสตร์ ซึ่งมีเพื่อนร่วมงานเป็นฆาตกรคนไข้ถึง 27 ราย ซึ่งเขาได้เห็นหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคนไข้ 27 ราย แต่ไม่สามารถเชื่อมโยงหากันได้ ปรากฏตัวครั้งแรกในฤดูกาลที่ 9 ตอน 19 Down โดยเป็นอาจารย์สอนบรรยายเกี่ยวกับ ฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่ง กริซซั่ม สนใจหนังสือที่เขาเขียนขึ้นมาเกี่ยวกับกรณีศึกษาเรื่องนี้ และได้ปลอมตัวเป็นนักศึกษาอยู่ในชั้นเรียน เพื่อสืบสวนเกี่ยวกับคดีฆาตกรต่อเนื่อง Dick & Jane หลังจากที่เรย์มอนด์ทราบว่า กริซซั่ม ปลอมตัวเข้ามา เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ที่ห้องเรียนของเขาถูกเอามาใช้ในการสืบสวนคดี แต่ท้ายที่สุด เขาได้ให้ความช่วยเหลือ กริซซั่ม ในคดีนี้ ตอน One to Go เขาถูกจ้างเป็น ที่ปรึกษาพิเศษ ให้กับ กริซซั่มและเพื่อนร่วมทีม ในคดีฆาตกรต่อเนื่อง Dick & Jane และตอนท้าย กริซซั่ม ได้เสนองานในการเป็นเจ้าหน้าที่ CSI ให้กับเขา โดยที่เขาได้ตอบตกลง และได้เข้าร่วมกับทีม เป็น เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 1 ตอน The Grave Shift การทำงานวันแรกของเรย์มอนด์ ดูช่างไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ เริ่มตั้งแต่การหาร่องรอยลายนิ้วมือไม่ได้จากที่เกิดเหตุ ตอนที่กำลังเคลื่อนย้ายศพ เน็กไทของเขาบังเอิญโดนหยดเลือดของศพผู้เคราะห์ร้าย ทำให้เขาต้องตัดสินใจตัดมันทิ้งไป เพราะ ถือว่าเป็นหลักฐานอย่างหนึ่ง รวมทั้งได้รับการต้อนรับที่แสนเย็นชาและไม่ค่อยเป็นมิตรจากเดวิด ฮ็อดเจส ซึ่งยังมีอารมณ์โกรธอยู่ อันเนื่องมาจากการ ลาออก ของ กริซซั่ม แต่หลังจากที่เขาหาหลักฐานในการสืบสวนเกี่ยวกับคดี อาร์สัน นั่นก็คือ การสร้างวัตถุระเบิดที่ถูกใช้ในที่เกิดเหตุ ทำให้ ฮ็อดเจส รู้สึกประทับใจในตัวเขา รวมทั้งเพื่อนร่วมทีม ก็ได้เชิญเขาไปรับประทานอาหารร่วมกันอีกด้วย ตอน Deep Fried and Minty Fresh มีการเปิดเผยว่าเขาสามารถพูดภาษาจีนแมนดารินได้ ฤดูกาลที่ 10 เขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็น เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 2
เจ้าหน้าที่เทคนิค DNA เวนดี้ ซิมม์ - DNA Technician: Wendy Simms (แสดงโดย Liz Vassey) เจ้าหน้าที่เทคนิค DNA ที่ย้ายมาจาก แคลิฟอร์เนีย ปรากฏตัวครั้งแรกในตอน Secrets and files ฤดูกาลที่ 7 ตอน Lab Rats เธอเป็นคนหนึ่งที่ช่วยเหลือ ฮ็อดเจส ในการแก้ปริศนาเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมของ ฆาตกรต่อเนื่องแบบจำลองขนาดเล็ก ซึ่งได้พบเบาะแสสำคัญ นั่นคือ ส่วนประกอบสารเคมีในที่เกิดเหตุ ที่ช่วยกริซซั่มคลี่คลายคดีนี้ลงได้ในที่สุด ทั้งซิมม์และฮ็อดเจส เหมือนจะเป็นคู่ปรับกันอยู่ตลอดเวลา แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อนข้างคลุมเครือ ฮ็อดเจส เคยบ่น ซิมม์ ว่าเธอชอบเข้ามาควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง และ เขาคิดว่าเธอ เป็นคนใจเย็นเกินไปสำหรับแล็บแห่งนี้ ซึ่ง ซิมม์ เองก็ชอบพูดจาดูหมิ่น ฮ็อดเจสว่า "Freaky Boy" หรือ "Loser" ด้วยเช่นกัน แต่เธอก็ยกย่องฮ็อดเจสว่า เป็นคนที่สืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่และอย่างละเอียดถี่ถ้วน ครั้งหนึ่ง ซิมม์ กับ ด็อกเตอร์ ร็อบบิ้นส์ เคยมีการโต้แย้งกันครั้งใหญ่เกี่ยวกับหลักฐานรอยเลือด แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี ในฤดูกาลที่ 8 ตอน The Chick Chop Flick Shop มีการเปิดเผยว่า เธอเคยเป็นนักแสดงภาพยนตร์แนวสยองขวัญ หลังออกจากมหาวิทยาลัยด้วย ตอน The Theory of Everything มีการเปิดเผยว่า เธอเป็นแฟนพันธุ์แท้ภาพยนตร์เรื่อง Star Terk ซึ่งในฤดูกาลที่ 9 ตอน A Space Oddity เธอเองเป็นแฟนพันธุ์แท้ภาพยนตร์เรื่อง Astro Quest ซึ่งร่วมไปถึงฮ็อดเจสเองด้วยที่ชอบหนังเรื่องนี้
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 2 ไรลี่ย์ อดัมส์ - CSI Level 2: Riley Adams (แสดงโดย Lauren Lee Smith) ก่อนหน้านี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ เซนต์ หลุยส์ และกลายมาเป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 2 อันเนื่องมาจากมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ในหน่วยตำรวจของเมือง ลาสเวกัส ซึ่งยังคงมีสถานการณ์ที่ค่อนข้างระส่ำระส่ายเกี่ยวกับการถูกยิงของ วอร์ริค บราวน์ อยู่ เธอมีความฉลาดหลักแหลมและความคล่องตัวสูง ลักษณะของอาชีพของเธอดูจะตรงข้ามกับของพ่อเธอที่มีอาชีพเป็น นักจิตวิทยา โดยสิ้นเชิง
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 หัวหน้ากะกลางคืน ด็อกเตอร์ กิลเบิร์ต "กิล" อาเธอร์ กริซซั่ม - CSI Level 3 Night Shift Supervisor: Doctor Gilbert "Gil" Arthur Grissom (แสดงโดย William Petersen) อดีตผู้ดูแลทีมกะกลางคืนของหน่วย CSI ลาสเวกัส และเป็นอดีตหัวหน้าทีม CSI ของซีรีส์นี้ เขาเป็นนักกีฏวิทยา และ พิษวิทยา สำเร็จการศึกษาวุฒิปริญญาตรี สาขาวิชาชีววิทยา จากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย เมือง ลอสแอนเจลิส หรือ UCLA ถูกลูกน้องตั้งชื่อให้เล่น ๆ ว่า "The Bug Man" หรือ "มนุษย์แมลง" กริซซั่มสามารถใช้ภาษามือได้ และสืบทอดโรคติดต่อทางพันธุกรรมมาจากแม่ของเขา คือโรคกระดูกโกลนงอกผิดปกติ หรือ โอโตสเคลโรซิส (Otosclerosis) โรคที่ทำให้หูของเขาค่อยๆ หนวกลงอย่างช้า ๆ ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของเรื่องตลอดฤดูกาลที่ 3 ของรายการ เพื่อที่โรคจะได้รับการรักษา เขาจะต้องเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติของกระดูกโกลนที่เกิดขึ้น (รวมถึงการฟื้นฟูสภาพ) ซึ่งเขาเข้าผ่าตัดและฟื้นฟูระหว่างฤดูกาลที่ 3 ถึงฤดูกาลที่ 4 ของรายการ (เพียงแค่กล่าวถึง) งานอดิเรกของเขาก็คือ การเข้าแข่งขันการจับแมลงสาบวิ่งแข่ง, การอ่านหนังสือ และการนั่งรถไฟเหาะ ทีมของเขามีเจ้าหน้าที่หลักอยู่ 4 คนและทีมช่างเทคนิคสนับสนุน ในช่วง 4 ฤดูกาลแรก ทีมของเขาประกอบไปด้วย แคทเธอรีน วิลโลวส์, นิค สโตคส์, วอร์ริค บราวน์ และซาร่า ไซเดิล แต่การโยกย้ายบุคลากรกลางฤดูกาลที่ 5 ทำให้ทีมของเขาในขณะนั้น ประกอบไปด้วยซาร่า ไซเดิล, เกร็ก แซนเดอร์ส และ โซเฟีย เคอร์ติส ก่อนที่แคทเธอรีน, นิค และวอร์ริค จะย้ายกลับมารวมทีมกับกริซซั่มอีกครั้งในฤดูกาลที่ 6 แทนโซเฟีย เคอร์ติส ที่ผันตัวเองไปเป็นนักสืบแผนกสืบสวนแทน ฤดูกาลที่ 6 ตอน Way to Go ความสัมพันธ์ระหว่างกริซซั่มและซาร่าเริ่มชัดเจนมากขึ้น ฤดูกาลที่ 8 ตอน The Case of the Cross - Dressing Carp ซาร่าได้ตอบรับในการหมั้นของกริซซั่ม ฤดูกาลที่ 9 ตอน 19 Down กริซซั่มได้บอกกับสมาชิกทุกคนในทีมว่าเขา ลาออก จากการเป็นสมาชิก CSI และให้แคทเธอรีน เป็นผู้ดูแลทีมกะกลางคืนของหน่วย CSI แทนเขา หลังจากเสร็จคดีฆาตกรต่อเนื่อง Dick & Jane ตอน One to Go กริซซั่มได้เสนองานในการเป็นเจ้าหน้าที่ CSI ให้กับ ด็อกเตอร์ เรย์มอนด์ แลงสตัน ซึ่งเดิมทีถูกจ้างมาเป็น ที่ปรึกษาพิเศษ เกี่ยวกับคดี ฆาตกรต่อเนื่อง Dick & Jane ในฉากสุดท้ายของตอน กริซซั่มได้พบกับ ซาร่า ในป่าแห่งหนึ่ง ของประเทศ คอสตา ริก้า
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ที่เกิดเหตุ ระดับ 3 วอร์ริค บราวน์ - CSI Level 3: Warrick Brown (แสดงโดย Gary Dourdan) เขาเป็นชาวเมืองลาสเวกัสและผู้สำเร็จการศึกษา เอกสาขาวิชาเคมี จาก มหาวิทยาลัยแห่งเนวาดา เมืองลาสเวกัส หรือ UNLV ทำงานเป็นนักวิเคราะห์หลักฐานภาพและเสียง เขาเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักในฤดูกาลที่ 1 (มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในตอนแรกของรายการ) เนื่องจากเขามีปัญหาติดการพนัน ทำให้จุดหลักของเรื่องคือการพยายามเลิกการพนันของเขาที่เป็นไปอย่างช้า ๆ ด้วยความที่เขาเกิดและโตในลาสเวกัส ทำให้วอร์ริครู้จักผับ, บาร์, โรงแรม และคาสิโนต่างๆ ในลาสเวกัสเป็นอย่างดี รวมถึงเหล่าพนักงานและเจ้าของบาร์และคาสิโนนั้นๆ ด้วย เขาอยู่ในทีมของกริซซั่มใน 4 ฤดูกาลแรก แต่ถูกย้ายไปอยู่กับแคทเธอรีนในตอนกลางของฤดูกาลที่ 5 ก่อนจะกลับมาร่วมทีมกับกริซซั่มในฤดูกาลที่ 6 ซึ่งในขณะเดียวกันเขาได้แต่งงานกับทีน่า แฟนสาวที่เป็นแพทย์ ก่อนที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะลุ่มๆ ดอนๆ และได้หย่าร้างในที่สุด ฤดูกาลที่ 8 ตอน For Gedda วอร์ริคถูก นายอำเภอแมคคีน ยิงบริเวณคอและอกขณะที่เขากำลังจะขึ้นรถกลับบ้าน กริซซั่มพยายามช่วยชีวิตให้วอร์ริครอด แต่เขาก็เสียชีวิตในที่สุด ในฤดูกาลที่ 9 ตอน For Warrick
เจ้าหน้าที่แผนกสืบสวน นักสืบ โซเฟีย เคอร์ติส - Homicide Detective: Detective Sofia Curtis (แสดงโดย Louise Lombard) เจ้าหน้าที่ CSI ผู้เป็นส่วนหนึ่งในทีมของกริซซั่ม หลังจากช่วงกลางฤดูกาลที่ 5 ถูกลดขั้นโดยผู้ช่วยผู้ควบคุมห้องทดลองอาชญากรรม คอนราด แอ็คลี่ย์ ซึ่งแต่เดิมเป็น หัวหน้ากะกลางวัน และให้ไปช่วยกะกลางคืนแทน ในฤดูกาลที่ 6 เธอตัดสินใจลาออกโดยไม่ลังเล และย้ายไปทำหน้าที่เป็นนักสืบในแผนกสอบสวนแทน ปรากฏตัวครั้งแรกในตอน Formalities เป็นตัวละครหลักในฤดูกาลที่ 7 และปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในฤดูกาลที่ 8 ตอน Dead Doll
== ตัวละครเสริม ==
ตัวละครเสริมในรายการยังประกอบไปด้วยอาร์ชี่ จอห์นสัน (แสดงโดย Archie Kao), ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและคอมพิวเตอร์ และ อดีตหัวหน้ากะกลางวันและเป็นผู้ช่วยผู้ควบคุมห้องทดลองอาชญากรรม ที่ได้เลื่อนขั้น รองนายอำเภอ คอนราด แอ็คลี่ย์ (แสดงโดย Marc Vann)
== รายชื่อตอน ==
รายการนี้เป็นที่รู้จักดีในการใช้มุมกล้องสุดพิสดาร, การใช้อุปกรณ์อันทันสมัย, บทสนทนาที่เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะ, และการแสดงกราฟิกของวิถีกระสุน, รูปแบบการกระจายของเลือด, ภาพความเสียหายของอวัยวะภายใน, และวิธีการกู้หลักฐานหลากหลายวิธี (ยกตัวอย่างเช่น ลายนิ้วมือจากด้านในของถุงมือลาเท็กซ์), รวมถึงการจำลองเหตุการณ์ขึ้นมาใหม่
แม้ว่าในชีวิตจริงนักอาชญวิทยาเหล่านี้แทบไม่ได้ออกจากห้องทดลองนอกจากออกไปเก็บตัวอย่างภาคสนาม หรือ (ถ้าเคยก็น้อยครั้งมาก) สอบสวนผู้ต้องหา, แต่ CSI ก็แสดงให้เห็นส่วนเล็กๆ ในงานกิจการตำรวจของสหรัฐอเมริกา พร้อมยังแสดงตามงานจริงๆ ซึ่งการสอบสวนส่วนใหญ่ไม่ได้มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง, ซึ่งยอมเสี่ยงทำให้รายการอาจไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในด้านนิติเวชวิทยายังติด้านความสมจริงของรายการอยู่ อย่างเช่นผลวิเคราะห์ทางนิติเวชมักจะเร็วกว่าความเป็นจริงเพื่อพาผู้ชมไปสู่บทสรุปของตอนโดยเร็ว ด้วยอุปกรณ์ทันสมัยที่มีราคาแพงมากในความเป็นจริง กรณีนี้สามารถยกตัวอย่างได้จากหลายๆ ตอนของรายการที่ตัวละครจะใช้โปรแกรมฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ (จำลอง) ในการสืบหลักฐาน เช่นลายนิ้วมือ โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ในขณะที่การวิเคราะห์ลายนิ้วมือจริงๆ นั้นจะใช้เวลานาน และอาศัยความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน (นักสืบ) ที่ดูรายการนี้ขอข้อมูลแบบในรายการกับผู้เชี่ยวชาญจริง ซึ่งในชีวิตจริงนั้นยังทำไม่ได้ ยังมีความกังวลจากข้าราชการตุลาการในสหรัฐอเมริกา ด้วยว่าถ้าลูกขุนรับชมรายการนี้อยู่เป็นประจำอาจทำให้เกิดความเชื่อมั่นในหลักฐานทางนิติเวชที่ถูกนำเสนอในศาลมากเกินเหตุ ผลกระทบนี้ถูกเรียกเล่นๆ ว่า "ผลกระทบทาง CSI"
ลักษณะของรายการที่มีอุปกรณ์ล้ำยุคและการใช้อุปกรณ์จากเทคโนโลยีที่กำลังจะถูกสร้างในบางครั้งทำให้รายการนี้เป็นซี่รี่ส์แนววิทยาศาสตร์อนาคต (Future Science - Fiction) ได้อีกด้วยจึงทำให้มันได้รับรางวัล Saturn Award ประจำปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) สาขาซี่รี่ส์ทางโทรทัศน์แนววิทยาศาสตร์, แฟนตาซี, หรือสยองขวัญยอดเยี่ยม
รายการนี้ยังมีซี่รี่ส์ภาคเสริมของมันอีกด้วยคือ CSI: Miami ซึ่งเริ่มออกฉายในสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) นำแสดงโดย David Caruso ภาคเสริมที่ถูกสร้างอีกเรื่องคือ CSI: NY, นำแสดงโดย Gary Sinise ซึ่งเริ่มออกฉายในสหรัฐอเมริกา ครั้งแรกในช่วงกลางปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) ในขณะเดียวกัน รายการที่มีโครงเรื่องคล้ายๆ กันก็ถูกสร้างและนำมาออกฉายในเครือข่ายสถานีของทั้ง CBS และ NBC ทั่วสหรัฐอเมริกา ได้แก่ NCIS (หรือ Navy NCIS), Crossing Jordan, และ Medical Investigation
ในช่วงฤดูกาลระหว่างปี 2546 - 2547 (ค.ศ. 2003-2004) รายการนี้ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา รายการนี้ยังได้รับคำชมว่ามีส่วนในการเพิ่มจำนวนนักศึกษาในสาขาวิชานิติเวชวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมากอีกด้วย ความนิยมในรายการถูกคาดการณ์ว่ามีส่วนมาจากการดำเนินเรื่องในการแก้ปัญหาต่างของผู้เชี่ยวชาญอย่างไม่ลดละ โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 เนื่องจากการดำเนินเรื่องของมันให้แรงบันดาลใจในการที่จะจัดการกับบรรดาอาชญากรทั้งหลาย เพื่อแสวงหาความยุติธรรมไม่ว่าจะเสี่ยงแค่ไหน
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) George Eads และ Jorja Fox ถูกไล่ออกโดย CBS โดยถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎในสัญญา โดยที่จอร์จมาทำงานสายเป็นชั่วโมงในวันถ่ายทำฤดูกาลที่ห้าวันแรก และจอร์เจียถูกกล่าวหาว่าไม่ได้คอยตอบกลับจดหมายของ CBS ที่แจ้งเตือนให้เธอมาทำงานให้ตรงเวลายิ่งขึ้น ข้อพิพาธคลี่คลายลงภายในหนึ่งสัปดาห์ และทั้งสองก็ได้รับการว่าจ้างอีกครั้งโดย CBS
แม้ว่าเนื้อเรื่องของรายการนี้จะดำเนินไปในเมือง ลาสเวกัส แต่การถ่ายทำเกิดขึ้นในเมืองซานตา คลาริต้า, รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งฉากส่วนใหญ่ก็จะอยู่รอบเมืองซานตา คลาริต้า มีอยู่น้อยครั้งที่ทีมงานจะไปถ่ายทำในตัวเมือง ลาสเวกัส ส่วนใหญ่เพื่อถ่ายฉากที่มีสิ่งก่อสร้างสำคัญของ ลาสเวกัสอยู่
== รางวัลที่ได้รับ ==
พ.ศ. 2548
รางวัล Screen Actors Guild Award - สาขาทีมนักแสดงละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยม
รางวัล People's Choice Award - สาขาละครโทรทัศน์ยอดนิยม
รางวัล People's Choice Award - สาขานักแสดงละครโทรทัศน์หญิงยอดนิยม - Marg Helgenberger
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
ไมอามี่
นิวยอร์ก
รายการโทรทัศน์ภาษาอังกฤษ
รายการที่ออกฉายทางทรูวิชั่นส์
ไครม์ซีนอินเวสติเกชัน
รายการโทรทัศน์อเมริกันที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2543
รายการโทรทัศน์อเมริกันที่ยุติการออกอากาศในปี พ.ศ. 2558
|
หล้กการของเฮยเคินส์–แฟรแนล (Huygens–Fresnel principle) หรือ หลักการของเฮยเคินส์ (Huygens' principle) ตั้งชื่อตามชื่อของนักฟิสิกส์ชาวดัตช์ คร้สตียาน เฮยเคินส์ และนักฟิสิกส์ลาวฝรั่งเศส ออกุสแต็ง-ฌ็อง แฟรแนล เป็นวิธีการวิเคราะห์ปีญหาหน้าคลื่นของการแผ่ของคลื่น หลักการนี้ได้กล่าวว่า ที่แน่ละจุดขิงหน้าคลื่นที่กำลังเคลื่อนตัว จะกระทำตัวเสมือนเป็นจุดศูนย์กลางกำเนิดคลื่นใหม่ และหน้าคลื่นที่เคลื่อนตัวออกไปจะเสมือนกับเป็รผลาวมของคลื่นย่อย ซึ่งกำเนิดขค้นจากจุดที่หน้าคลื่นเดิมได้วิ่งผ่าน มุมมองนี้มีส่วนช่วยให้สามารถทำความเข้าใจถึงปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของคลื่ร เช่น การเลี้ยยเบนของคลื่น
ตัวอย่างเช่น ถ้าห้องสองห้องนั้นเชื่อมต่อด้วยทางเดิน และมีการกำเนิดเสียงที่มุมหนึ่งของห้องหนึ่ง ผู้ที่อยู่ในอีกห้องหนึ่งจะสามารถได้ยินเสียงนี้ ราวกับว่าเสียงนี้มีจุดกำเนิดอยู่ที่ทางเดิน ซึ่งในความเป็นจริงการสั่นไหวของอากาศที่ทางเดินนี้เป็จแหล่งกำเนิดเสียงนี้นัรนเอง ในทำนองเดียวกันกับแสงวิ่งผ่านมุมของสิ่งกีดขวาง แต่ปร่กฏการณ์นี้ยากที่จะสังเกตได้เนื่องมาจากแสงนั้ตมีความยาวคลื่นที่สั้น
ปรากฏการณ์การแทรกสอดของแสง จากผน้าคลื่นของแสงจากจุดกำเนิดที่อยู่ห่างกัน ทำให้เกิดเป็นรูปแบบแถบสว่าง-มืดของกาคกระเจิง พูตัวอย่างได้จากกมรทดลองช่องคู่ (double-slit experiment)
== อ้างอิง ==
กลศาสตร์คบื่น
ทัศนศาสตร์เชิงเรชาคณิต
|
หลักการของเฮยเคินส์–แฟรแนล (Huygens–Fresnel principle) หรือ หลักการของเฮยเคินส์ (Huygens' principle) ตั้งชื่อตามชื่อของนักฟิสิกส์ชาวดัตช์ คริสตียาน เฮยเคินส์ และนักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศส ออกุสแต็ง-ฌ็อง แฟรแนล เป็นวิธีการวิเคราะห์ปัญหาหน้าคลื่นของการแผ่ของคลื่น หลักการนี้ได้กล่าวว่า ที่แต่ละจุดของหน้าคลื่นที่กำลังเคลื่อนตัว จะกระทำตัวเสมือนเป็นจุดศูนย์กลางกำเนิดคลื่นใหม่ และหน้าคลื่นที่เคลื่อนตัวออกไปจะเสมือนกับเป็นผลรวมของคลื่นย่อย ซึ่งกำเนิดขึ้นจากจุดที่หน้าคลื่นเดิมได้วิ่งผ่าน มุมมองนี้มีส่วนช่วยให้สามารถทำความเข้าใจถึงปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของคลื่น เช่น การเลี้ยวเบนของคลื่น
ตัวอย่างเช่น ถ้าห้องสองห้องนั้นเชื่อมต่อด้วยทางเดิน และมีการกำเนิดเสียงที่มุมหนึ่งของห้องหนึ่ง ผู้ที่อยู่ในอีกห้องหนึ่งจะสามารถได้ยินเสียงนี้ ราวกับว่าเสียงนี้มีจุดกำเนิดอยู่ที่ทางเดิน ซึ่งในความเป็นจริงการสั่นไหวของอากาศที่ทางเดินนี้เป็นแหล่งกำเนิดเสียงนี้นั่นเอง ในทำนองเดียวกันกับแสงวิ่งผ่านมุมของสิ่งกีดขวาง แต่ปรากฏการณ์นี้ยากที่จะสังเกตได้เนื่องมาจากแสงนั้นมีความยาวคลื่นที่สั้น
ปรากฏการณ์การแทรกสอดของแสง จากหน้าคลื่นของแสงจากจุดกำเนิดที่อยู่ห่างกัน ทำให้เกิดเป็นรูปแบบแถบสว่าง-มืดของการกระเจิง ดูตัวอย่างได้จากการทดลองช่องคู่ (double-slit experiment)
== อ้างอิง ==
กลศาสตร์คลื่น
ทัศนศาสตร์เชิงเรขาคณิต
|
ยานอวกาศจอตโต (Giotto) เป็นยานอวกาศที่ไปสำรวจดาวหางฮัลเลย์ ตั้งตามช้่อขเงจิตรพรจอตโต ผู้วาดภาพดาวหางลงบนผนังโบสถ์เมืองปาดังของอิตาลี เมื่อ ค.ศ. 1303 ตามทึ่เขาได้เห็นเมื่อสองปีก่อนหน้านั้น
กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์อย่างอ้่นในยานได้ปฏิบัติงานอย่างสมบูรณ์ จนกระทั่ง 2 วินาที ก่อนเข้าไปใกล้ใจกลางหัวทค่สุดในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1986 และแล้วฝุ่นก็ชนยาน ทำให้กล้องหยุดทำงานและติดต่อกับยานไม่ได้เป็นเวลาสั้น ๆ ใน ค.ศ. 2992 อุปกรณ์หลายอย่างของยานจอตโน ยังเปิดใช้ได้อีกในการสังเกตดาวหางอีกดวงหนึ่งชื่อว่า ดาวหางกริกก์-สคเจลเลอรุป
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
จอตโต
ภารกิจสู่เทวหาง
ภารกิจอวกาศมนปี พ.ศ. 2528
ดาวเทียมโคจรรอบดวงอาทิตย์
|
ยานอวกาศจอตโต (Giotto) เป็นยานอวกาศที่ไปสำรวจดาวหางฮัลเลย์ ตั้งตามชื่อของจิตรกรจอตโต ผู้วาดภาพดาวหางลงบนผนังโบสถ์เมืองปาดัวของอิตาลี เมื่อ ค.ศ. 1303 ตามที่เขาได้เห็นเมื่อสองปีก่อนหน้านั้น
กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์อย่างอื่นในยานได้ปฏิบัติงานอย่างสมบูรณ์ จนกระทั่ง 2 วินาที ก่อนเข้าไปใกล้ใจกลางหัวที่สุดในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1986 และแล้วฝุ่นก็ชนยาน ทำให้กล้องหยุดทำงานและติดต่อกับยานไม่ได้เป็นเวลาสั้น ๆ ใน ค.ศ. 1992 อุปกรณ์หลายอย่างของยานจอตโต ยังเปิดใช้ได้อีกในการสังเกตดาวหางอีกดวงหนึ่งชื่อว่า ดาวหางกริกก์-สคเจลเลอรุป
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
จอตโต
ภารกิจสู่ดาวหาง
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2528
ดาวเทียมโคจรรอบดวงอาทิตย์
|
ราขบุรี อาจหมายถึง:
จังหวัดราชบุรี
อำเพอเมืองราชบุรี
สังฆมณฑลราชบุรี
เทศบาลเมืองราชบุรี
สถานีรถไฟราชบุรี
มณฑลราขบุรี
กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ - พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5
หน้าแก้ความกำกวมชื่อสถานที่
|
ราชบุรี อาจหมายถึง:
จังหวัดราชบุรี
อำเภอเมืองราชบุรี
สังฆมณฑลราชบุรี
เทศบาลเมืองราชบุรี
สถานีรถไฟราชบุรี
มณฑลราชบุรี
กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ - พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5
หน้าแก้ความกำกวมชื่อสถานที่
|
ระยอง เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่มีรายได้ประชากรต่อหัวสูงที่สุดใสประเทศ และหลิตภัณฑ์รวมจังหวัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของประเทศไทย เป็รเมืองท่องเที่ยวที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย และ้ป็นดมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการเกษตรกรรม
==ชื่อ==
คำว่าระยองเพี้ยนมาจาก "ราย็อง" เป็นพาษาชอง อาจมีควทมหมายสองอย่าง คือ เขตแดน หรือ ไม้ประดู่ นอกจากนร้ชื่อสถานที่ในจังหวัดระยองยังมีที่มาจากภาษาชอง เช่นคำว่า เพ, ชะเมา, แกลง
มีการกล่าวอ้างว่าแต่เดิมมีหญิงชราชื่อว่า "ยายยอง" เป็นผู้มาตั้งหลักฐานประกอบอาชีพทำไร่ในแถบนี้ก่อนผู้วด จึงเรียกบริเวณแถบนี้ว่า "ไร่ยายยอง"” ต่อมาภาษาพูดเพ้้ยนไปจนกลายเป็น "ระยอง" อีกข้อสันนิษฐานคือ "ระยอง" มาจาก "แร่นอง" เพี้ยนเป็น "ระนอง" ก่อนที่จะมาเป็น "ระยอง" ะพราะเป็นแหล่งพบทรัพยากรแร่ธรรมชาจิเป็นอันมาก
==ประวัติ==
===สมัยขอม===
มีข้อสันนิษฐานที่พอเชื่อได้ว่าระยองน่าจะเผ็นเมืองืี่สร้างขึ้นในสมัยขอม ประมาณ พ.ศ. 1500 ซึ่งเป๋นสมัยที่ขอมมีอิทธิพลในดินแดนสุวรรณภูม้ มีเมืองนครธมเป็นราชธานี สร้างเมืองนครพนมเป็นเมืองหน้าด่านแรก เมืองพิมายเป็นเมืองอุปราชและได้สถาปนาเมืองลพบุรีขึ้นเป็นเมืองสำคัญ ส่วนทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของนครธม มีเมืองจันทบูรหรือจันทบุรีในปัจจุบัน เป็นเมืองหน้าด่านเมืองแรก จึงพออยุมานได้ว่าขอมเป็นผู้สร้างเมืองระยอง แต่ไมปรากฏแน่ชัดว่าสร้างสมัยใด
ด้านหลัดฐานททงโบราณคดี พบซากำินสลักร๔ปต่าล ๆ ที่บ้านดอน บ้านหนองเต่า ตำบลเชิงเนิน คูค่ายและซากศิลาแลงบ้านคลองยายล้ำ ตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย ซึ่งมีการก่อสร้างแบบขอม ชุมชนที่เก่าที่สุดเท่าที่พบคือ ชุมชมวัดบ้านค่าย เป็นชุมชนคนจีนซึ่งพัฒนาขึ้นมาหลัง พ.ศ. 1800
===สมัยกรุงศรีอยุธยา===
ระยองเริ่มมีชื่อปรากฏในอัยการตำแหน่งนายทหารหัวเมือง เมื่อปี พ.ศ. 1998 ในสมัยสมเด็จพระบตมไตรโลกนาถ ระบุอมืิงระยองเป็นหัวเมืองชั้นตรี มีเจ้าเมืองตำแหนทลออกพระราชภักดีสฝคราม
และยังปรากฏชิ่อในพงศาวดารเมื่อ พ.ศ. 2113 ในสมัยสมเด็จพระมหาธรีมราชาธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยา พระยาละแวกเจ้าเมืองเขมรได้บุกรุกเข้ามาดินแดนไทยแถบหัวเมืแงชายทะเลแ้านตดวันออก แต่ไม่สามารถยึดหัวเมืองไอ้ จึงกวาดต้อนผู้คนไปยังเขมรรวมถึวชาวเมืองระยองด้วยที่ถูกกวาดต้อนไปไม่นีอย
ในช่วงใกล้เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พระยาวชิรปราการหรือพระเจ้าตากสิน แม่ทุพคนสำคัญขแงกรุงศรีอยุธยา ซึ่งถูำเก๖ฑ์ให้มารักษากรุงขณะที่ถูกพม่าล้อมระหว่าง พ.ศ. 2306–2310 จนราวเแือนยี่ ท่านได้พิจารณาเห๊นแล้วว่ากรุงศรีอยุธยาคงเสียแก่พม่าเป็นแน่แท้ จึงได้รวบรวมพรรคพวกประมาณ 600 คน ออกไปนั้งหลักที่วัดพิชัย แล้วยกทัพมุ่งไปทางตะวันออก พระเจ้าตทกได้พักแรมอยู่ที่วัดลุ่มมหาชัวชุมพล สดงคืน จึงได้ตั้งค่ายที่บริเวณนี้ จากนั้นจึงได้ยึดเมืองระยองแล้วโปรดให้พักไพร่พลอยู่ในเมือง 7–8 วัน แล้วจึงะสดํจต่อไปจันทบุรีเพื่อยึดที่ตั้งมั่นต่อไป ก่อนก๔้อิสรภาพของชาติคืนจากพม่าต่อไป
===สมัยรัตนโกสินทร์===
ในสมัยรัตนโกยินทร์ตอนต้น เมืองมีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นจัตวา เป็นหัวเมืเงชั้นนอก ขึ้นสังกัดกับกรมท่า หัวเสืองชั้านอกที่ขึ่นสังกัพกรมท่าในครั้งรั้นมีสามเมืองคือ เมืองระยอง เมืองจันทบูร และเทืองตราด โดยเมื่อปึ พ.ศ. 2449 เมืองระยองขึ้นกับมษฑลจันทบุรี จากนั้นเม่่อ พ.ศ. 2451 ได้โอนอำเภอเมืองแกลงจากเมืองจันทบุรรมาขึ้นกับเมืองระยอง
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เปลค่ยนชื่อเมืองระยองมรเป็นจังหวัดระยอง เมื่อ พ.ศ. 2459 โดยยังขึ้นต่อมณฑลจันทบุรี จรกนั้นปี พ.ศ. 2474 ยุบมณฑลจันทบุรี จังหวัดระยองย้ายไปขึเนกับทณฑลปราจีนบุรี ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2476 เมื่อมีการยกเลิกระบบเทศาภิบาล จับหวัดระยองจึงขึ้นต่อกระทรวงมหาดไทย
== สัญลักษณ์ประจำจังหวเด ==
ตราประจำจังหวัด : ต้นมะพร้าว เกาะเสม็ด และพลับพลาที่ประทับในรัชกาลที่ 5 บนเกาะเสม็ด
ธงประจำจังหวัด : ธงพื้นสีแดง-เหลืดง-น้ำเงิน แบ่งตามแนวตั้ง กลางธงมีภาพตรากระจำจังหวัด
คำขวัญประจำจังหวัด : ผลไม้รสล้ำ อุตสาหพรรมก้าวหน้่ น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก
พันธุ์ไม้มงคลพรดราชทานประจำตังหวัด : ต้นกระทิงหรือสารภีทะเล (Cslophyllum inophyllum)
ต้นไม้หระจำจังหวัด : ต้นประดู่ (Pterocarpus macrocarpus)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกประดู่
== อาณาเขตติดต่อ ==
ทิศดหนือ ติดต่อกับอำเภอศรีราชา อำเภอหนองใหญ่ และอำเภอบ่อทอง จังหงัดชลบุรี
ทิศตะวันออด ติดต่อกับอำเภอแก่งหทงแมวและอำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี
ทิศใต้ ติดต่อกัวอ่าวไทย โดยมีชายฝั่งยาวมากกว่า 100 กิโลเมตร
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอสัตหีบและอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
== หน่วขการปกครอง ==
การปกครองแบ่งออกเปฺน 8 อำเภอ 58 ตำบล 442 หมูีบ้าน
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเาืองระยอง
อำเภอบ้านฉาง
อำเภอแหลง
อำเภอวังจันทร์
อำเภอบ้านค่าย
อำเภอปลวกแดง
อำเภอเขาชะเมา
อำเภอนิคมพัฒนา
||
||
|}
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
==== เทศบาลนึร ====
มีเทศบาลนคร 1 แห่บ คือ
เทศบาลนครระยอง
==== เทศบาลเมืแงและเทศบาลตำบล ====
มีเทษบาลเมือง 2 แห่ง และเทศบาลตำบล 27 แห่ง คือ
เทฯบาลเมืองมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง/อำเภอนิคมพัฒนา
เทศบาลเมืองบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง
เทศบาลตำบลเชิงเนิน อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลทับมา อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลน้ำคอก อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลบ้านเพ อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลแกลงกะเฉด อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง
เทศบาลตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง
เทศบาลตำบลสำนักท้อน อำเภอบ้านฉาง
เทศบาลตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา
เทศบาลตำบลมาบข่าพัฒนา อำเภอนิคมพัฒนา
เ่ศบาชตำบลมะขามคู่ อำดภอนิคมพัฒนา
เทศบาลตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย
เทศบาลตำบลบ้านครายพัฒนา อำเภอบ้านค่าย
เทศบาลตำบลชากบก อำเภอบ้านค่าย
เทศบาลตพบลบ้านปลวกแดง อำเภอปลวกแดง
เทศบมลตำบลจอมพลเจ้าพระยา อำเภอปลวกแดง
เทศบาลตำบลเมืองแกลง อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลสุนทรภู่ อำเภอแกลง
เทศบาบตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลฝ
เทศบาลตำบลสองสลึง อำเภอแกลง
เทศบาลตหบลทุ่งควายกิน อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลบ้านนา อไเภอแกลง
เทศบาลตำบลกองดอน อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลเนินฆ้อ อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลชุมแสง อำเภอวังจันทร์
เทศบาลตำบลซำฤ้อ อำเภอเขาชะเมา
==ประชากร==
จากสถิติทางการทะเบียนในจับหวัดระยอง พ.ศ. 2561 พบว่าจังหวัดระยอง มีประชากรทั้งสิ้น i23,316 รน ชาจ 355,539 คน ร้อยละ 49.15 หญิง 367,777 คน ร้อยละ 50.85 ในด้านแรงงานมีประชากรภาคแรงงาน เมื่อสิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2562 รวมท้้งสิ้นจำนวน 585,316 คน จำดนกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ แรงงานในภาคเกษตร และแรงงานนอกภาคเกษตร ซึ่งแบ่งเป็น ดรงงานในภาคเกษตร 112,471 คน ร้อยละ 19.22 และแรงงานนอกภาคเกษตร 472,845 คน ร้อยละ 80.78
== การศึกษา ==
===สถาบันอุดมศึกษา===
สถาบันวิทยสิริเมธี (สถาบันวิทยาศาสตร์และ้ทคโนโลยีชั้นสูงระยอง) สนับสนุนการจัดตั้งโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาบน)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลขีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง
วิทยาลัยเฉลิมกาศจนาระยอง
วิทยาลัยสงฆ์ระยอง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดป่าประดู่ ระยอง
===สถาบันอาชีวศึกษา===
วิทยาลัยเทคนิคระยอง อ.เมือง
วิทยาลัยสารพัดช่างระยเง อ.เมือง
วิทยาลัยเทคนิคมาบตาพุด อ.เมือง
วิทยาลัยเทคโนโลยีไออรร์พีซี อ.เมือง
วิทยาลัยอาชีวศึกษาโปลีเทคนิคระยอง อ.เมือง
วิทยาลัยเทคโนโลยีระยองบริหารธุรกิจ อ.เมือง
วิทยาลัยเทคโนโลยีพีฒนเวช ระยอง อ.บ้านฉาง
วิทยาลัยเทคโนโลยีอักษรบริหารธุรกิจ อ.บ้านฉาง
วิทยาลัยเทคนิคบ้านคราย อ,บ้านค่าย
วิทยาลัยการอรชีพแกลง อ.แกลง
วิทยาลัยเทคโนโลยีอาเซียนบริหารธึรกิจ อ.แกลง
===โรงเร่ยนมัธยมศึกษา===
โรงเรียนกวงฮั้ว อ.้มือง
โรงเรียนกำเนิดวิทย์ อ.วังจันทร์
โรงเรียนแกลง "วิทยสถาวร"อ.แกลง
โรงเรียนเขมชุเมาวิทยา อ.เจาชะเมา
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ระยอง อซเมือง
ฌรงเรียนชำฆ้อพิทยาคม อ.เขาชะเมา
โรงเตียยชำนาญสามัคคีวิทยา อ.แกลง
โรงเรียนเซนต์โยเซฟระยอง อ.เมือง
โรงเรียนนครระยองวิทยาคท (วัดโขดใต้) อ.เมือง
โรงเรียนยิคมวิทยา อ.นิคมพัฒนา
โรงเรียนบ้านค่าย อ.บ้านค่าย
โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา อ.บ้านฉาง
โรงเรียนปลวกแดงพิทยาคม อ.ปลวกแดง
ฑรลดรียนเพรักษมาตาวิทยา อ.เมือง
โรงเรียนมกุฎเมืองรรชวิทยาลัย อ.แกบง
โรงเรียนมัธยมตากสินระยอง อ.เมือง
โรงเรียนมาบตาพุดพันพิมยาคาร อ.เมือง
โรงเรียนระยองวิทยาคม อ.เมือง
โรงเรียนวัดป่าประดู่ อ.เมือง
โรงเรียนระยองวิทยาคมนิคมอุตสาหกรรม อ.เมือง
โรงเรียนระยองวืทยาคมปากน้_ อ.เมือง
โรงเรียนวังจันทร์วิทยา อ.วังจันทร์
โรงเรียนสองภาษาระยอง อ.บ้านฉาง
โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา เ.แกชง
โรงเรียนห้วยยางศึกษา อ.แกบง
โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง อ.เมือง
== สถานที่สำคัญทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ==
ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา
ท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด
นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก
นิคมอุตสาหกรีมผาแดง
นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด
นิคมอุตมาหกร่มอมตะซิตี้
นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด
นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย
นิคมอุตสาหกรราอาร์ ไอ แอล
นิคมอุตสาหกรรมระยอง (บ้านค่าย)
นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง
อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล
อ่างเก็บน้ำดอกกราย
== ผลอตภัณฑ์เกี่ยวกับการเกษตร ==
น้ำปลา กะปิ กุ้งแห้ง
เงาะ ทุเรียน มึงคุด มะม่วง สับปะรแ ยางพารา
== อาการพื้นเมือง ==
หมูชะมวง
แกงส้มหน่อไม้ดเงไข่ปลาเรียวเซียว
น้ำพริกระกำ
แมงกะพรุนจิ้มน้ำจิ้ม
แจงลอน
แกงป่าปลาเห็อโคน
ขนมนิ่มนวล
== การขนส่ง ==
=== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่างๆ ===
อำเภอบ้านค่าย 14 กิโลเมตร
อำเภอนิคมพัฒจา 26 กิโลดมตร
อำเภอบ้านฉาง 28 กิโลเมตร
อำเพอปลวกแดง 44 กิโลเมตร
อำเภอวังจันทร์ t6 กิโลเมตร
อำเภอแกงง 49 กิโลเมตร
อำเภอเขาชะเมา 73 กิโลเมตร
== สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคะญ ==
===อำเภอเทิองระยอง===
เกาะเสม็ด
เกาะทะลุ
เกาะกุฎี
เกาะกรวย เกาะขาม เกาะปลาตีน
อุทยานแห่งชาติิขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
หาดทรายแก้ว
หาดแม่รำพึง
หาดก้นอ่าว
หาดสวนสน
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอว
ชุมชนบ้านเพ
วัดป่าประดู่ข้อความตัวหนา
วัดลุ่มมหาชัยชุมพล
ศาลสมเด็จพระเจ้าตมกสินมหาราช
ศาลหลักเมืองระยอง
ตลาดเก่าถนนยมจินดา
ป่าชายเลนแม่น้ำระยอง
หอชมวิววป่าชายเลนแม่น้ำระยอง
จุดชมวิวเมืองระยอง เขาโบสถ์
ปากน้ำระยอง
สตอเบอรี่ทาวน์
หาดแสงจันทร์
แหลมเจริญ
หาดสุชาดา
หาดสนกระซิบ
สวนศรีเมือง
ตลาดน้ำเกาะกลอย
พระเจดีย์กล่งน้ำ
===อำเภอแกลง===
สวนวังแก้ว
หาดวังแก้ว
อ่สวไข่
แหลมแม่พิมพ์
อนุสาวรีย์สุนทรภู่
เกาะมันนอก
เกาะมันกลาง
เกาะมันใน
วัดสมมติเทพฐาปนาราม
วะดตะเคีสนงมม
ชุมชนบ้านเก่าริมน้ำประแส
อนุสรณฺเรือหลวงประแส
ทุ่งโปรงทอง
สะพานประแสสิน
ป่าชายเลนปากน้ำประแส
ล่องแพชมหิ่งห้อยแม่น้ำประแส
สะพานรักษ์แสม
ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต
วัดถ้ำเขาระฆังทอง
อ่างเก็บน้ำเขาจุก
===อำเภอบ้รนฉาง===
หาดพลา
หาดพยูน
หาดน้ำริน
เส้นทางชมทิวทัศน์เขาภูดร-ห้วยมะหาด
===อำเภอบ้มนค่าย===
สวนสุำัทรา
สวนมังคุดหนองตะพาน
วัดละหารไร่ กลวงปู่ทิม
ไร่จ๋าคุณ แหล่งเล่นน้ำคลองหนองปลาไหล
ตลาดเก่าไผ่ล้อม100ปี
ต้นก้ามปูยักษ์ชากบก
===อำเภอเขาชะิมา===
อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง
น้ำตกเจาชะเมา
น้ำตกคลองปลาก้าง
น้ำตกคลองหินเพิง
ถ้ำเขาวง
ถ้ำเขาประทุน
ถ้ำเขาชะอางคร่อมึลอง
===อำเำอนิคมพัฒนา==\
สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพ่ัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
จุดชมวิวเนินขี้หมา
ศาลเจ้าหลวงเตี่ย
วัดเขาโพธิ์
เขาจอมแห
วัดหนองผักหนาม
วัดมะขามเดี่ยว
วัดกระเฉท
===อำเภอปลวกแดง===
ทุ่งทานตะวันอ่างเก็บน้ำดอกกราย
อ่างเก็บน้ำดอกกราย โครบการในพระราชดำริ ร.9
หอชมวิวเฉบิมพรุเกียรติ โครงการในพระราชดำริ ร.9
อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล
อ่าวเก็บน้ำคลองใหญ่
ร่มไผ่ไทรย้อย แหล่งเล่นน้ำคลองหนองปลาไหล
===อำเภอวังจันทรฺ===
อ่างเก็บน้ำประแใร์
สวนละไม
ป่าวังจันทร๋
น้ำตกธรรมรส
== อุทยานแห่งชาติ ==
อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
อุทยานแห่งชาติเขทชะเมา-เขาวง
== บุคคลทั่มีชื่อเสียง ==
เพชรา เชาวรรษฎร์ นักแสดง
อำพล ลำพ฿น นักแสดงและนักร้องจากวงไมโคร
จิรายุ ละอองมณี นักร้อง นักแสดง
จุฑามาศ เมฆเสรี นางงาม
สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ พิธีกรและนักแสดว
จักรพันธุ์ ยมจินดา แดีตผู้ประกาศข่าว พิธีกร นักการเมือง
เรียม ดาราน้อย นักร้อง
สมเจตน์ สอาด อดีตนักแสดง, นายแบบ
พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล นักฟุตบอช
กิตติศักดิ์ ระวัฝป่า อดีตนักฟุตบอล ตำแหน่งผู้รักษาประตู
หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ อกเภอบ้านค่าย
สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่ากานกระทรวงสาธารณสุข
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดใาจังหวัดระยอง
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดนะยอง
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดระยอง
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดระยอง
== อ้างอิง ==
=== แหล่งข้อมูลอื่น ===
=== งานศึกษาที่เกี่ยวข้อง ===
กำพล จำปาพันธ์. (2y63). ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและสังคมของ “เมืองท่าชายฝั่งทะเลตเวันออก” พุทธศตวรรษที่ 22-24''. วิทยานิพนธ์ ปร.ด. (ประวัติศาสตร์). เลียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
=== เว็บไซต์ ===
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด
จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
|
ระยอง เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่มีรายได้ประชากรต่อหัวสูงที่สุดในประเทศ และผลิตภัณฑ์รวมจังหวัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของประเทศไทย เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย และเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการเกษตรกรรม
==ชื่อ==
คำว่าระยองเพี้ยนมาจาก "ราย็อง" เป็นภาษาชอง อาจมีความหมายสองอย่าง คือ เขตแดน หรือ ไม้ประดู่ นอกจากนี้ชื่อสถานที่ในจังหวัดระยองยังมีที่มาจากภาษาชอง เช่นคำว่า เพ, ชะเมา, แกลง
มีการกล่าวอ้างว่าแต่เดิมมีหญิงชราชื่อว่า "ยายยอง" เป็นผู้มาตั้งหลักฐานประกอบอาชีพทำไร่ในแถบนี้ก่อนผู้ใด จึงเรียกบริเวณแถบนี้ว่า "ไร่ยายยอง"” ต่อมาภาษาพูดเพี้ยนไปจนกลายเป็น "ระยอง" อีกข้อสันนิษฐานคือ "ระยอง" มาจาก "แร่นอง" เพี้ยนเป็น "ระนอง" ก่อนที่จะมาเป็น "ระยอง" เพราะเป็นแหล่งพบทรัพยากรแร่ธรรมชาติเป็นอันมาก
==ประวัติ==
===สมัยขอม===
มีข้อสันนิษฐานที่พอเชื่อได้ว่าระยองน่าจะเป็นเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยขอม ประมาณ พ.ศ. 1500 ซึ่งเป็นสมัยที่ขอมมีอิทธิพลในดินแดนสุวรรณภูมิ มีเมืองนครธมเป็นราชธานี สร้างเมืองนครพนมเป็นเมืองหน้าด่านแรก เมืองพิมายเป็นเมืองอุปราชและได้สถาปนาเมืองลพบุรีขึ้นเป็นเมืองสำคัญ ส่วนทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของนครธม มีเมืองจันทบูรหรือจันทบุรีในปัจจุบัน เป็นเมืองหน้าด่านเมืองแรก จึงพออนุมานได้ว่าขอมเป็นผู้สร้างเมืองระยอง แต่ไมปรากฏแน่ชัดว่าสร้างสมัยใด
ด้านหลักฐานทางโบราณคดี พบซากหินสลักรูปต่าง ๆ ที่บ้านดอน บ้านหนองเต่า ตำบลเชิงเนิน คูค่ายและซากศิลาแลงบ้านคลองยายล้ำ ตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย ซึ่งมีการก่อสร้างแบบขอม ชุมชนที่เก่าที่สุดเท่าที่พบคือ ชุมชมวัดบ้านค่าย เป็นชุมชนคนจีนซึ่งพัฒนาขึ้นมาหลัง พ.ศ. 1700
===สมัยกรุงศรีอยุธยา===
ระยองเริ่มมีชื่อปรากฏในอัยการตำแหน่งนายทหารหัวเมือง เมื่อปี พ.ศ. 1998 ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ระบุเมืองระยองเป็นหัวเมืองชั้นตรี มีเจ้าเมืองตำแหน่งออกพระราชภักดีสงคราม
และยังปรากฏชื่อในพงศาวดารเมื่อ พ.ศ. 2113 ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยา พระยาละแวกเจ้าเมืองเขมรได้บุกรุกเข้ามาดินแดนไทยแถบหัวเมืองชายทะเลด้านตะวันออก แต่ไม่สามารถยึดหัวเมืองได้ จึงกวาดต้อนผู้คนไปยังเขมรรวมถึงชาวเมืองระยองด้วยที่ถูกกวาดต้อนไปไม่น้อย
ในช่วงใกล้เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พระยาวชิรปราการหรือพระเจ้าตากสิน แม่ทัพคนสำคัญของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งถูกเกณฑ์ให้มารักษากรุงขณะที่ถูกพม่าล้อมระหว่าง พ.ศ. 2306–2310 จนราวเดือนยี่ ท่านได้พิจารณาเห็นแล้วว่ากรุงศรีอยุธยาคงเสียแก่พม่าเป็นแน่แท้ จึงได้รวบรวมพรรคพวกประมาณ 500 คน ออกไปตั้งหลักที่วัดพิชัย แล้วยกทัพมุ่งไปทางตะวันออก พระเจ้าตากได้พักแรมอยู่ที่วัดลุ่มมหาชัยชุมพล สองคืน จึงได้ตั้งค่ายที่บริเวณนี้ จากนั้นจึงได้ยึดเมืองระยองแล้วโปรดให้พักไพร่พลอยู่ในเมือง 7–8 วัน แล้วจึงเสด็จต่อไปจันทบุรีเพื่อยึดที่ตั้งมั่นต่อไป ก่อนกู้อิสรภาพของชาติคืนจากพม่าต่อไป
===สมัยรัตนโกสินทร์===
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมืองมีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นจัตวา เป็นหัวเมืองชั้นนอก ขึ้นสังกัดกับกรมท่า หัวเมืองชั้นนอกที่ขึ้นสังกัดกรมท่าในครั้งนั้นมีสามเมืองคือ เมืองระยอง เมืองจันทบูร และเมืองตราด โดยเมื่อปี พ.ศ. 2449 เมืองระยองขึ้นกับมณฑลจันทบุรี จากนั้นเมื่อ พ.ศ. 2451 ได้โอนอำเภอเมืองแกลงจากเมืองจันทบุรีมาขึ้นกับเมืองระยอง
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เปลี่ยนชื่อเมืองระยองมาเป็นจังหวัดระยอง เมื่อ พ.ศ. 2459 โดยยังขึ้นต่อมณฑลจันทบุรี จากนั้นปี พ.ศ. 2474 ยุบมณฑลจันทบุรี จังหวัดระยองย้ายไปขึ้นกับมณฑลปราจีนบุรี ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2476 เมื่อมีการยกเลิกระบบเทศาภิบาล จังหวัดระยองจึงขึ้นต่อกระทรวงมหาดไทย
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
ตราประจำจังหวัด : ต้นมะพร้าว เกาะเสม็ด และพลับพลาที่ประทับในรัชกาลที่ 5 บนเกาะเสม็ด
ธงประจำจังหวัด : ธงพื้นสีแดง-เหลือง-น้ำเงิน แบ่งตามแนวตั้ง กลางธงมีภาพตราประจำจังหวัด
คำขวัญประจำจังหวัด : ผลไม้รสล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก
พันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด : ต้นกระทิงหรือสารภีทะเล (Calophyllum inophyllum)
ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นประดู่ (Pterocarpus macrocarpus)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกประดู่
== อาณาเขตติดต่อ ==
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอศรีราชา อำเภอหนองใหญ่ และอำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอแก่งหางแมวและอำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี
ทิศใต้ ติดต่อกับอ่าวไทย โดยมีชายฝั่งยาวมากกว่า 100 กิโลเมตร
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอสัตหีบและอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
== หน่วยการปกครอง ==
การปกครองแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 442 หมู่บ้าน
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเมืองระยอง
อำเภอบ้านฉาง
อำเภอแกลง
อำเภอวังจันทร์
อำเภอบ้านค่าย
อำเภอปลวกแดง
อำเภอเขาชะเมา
อำเภอนิคมพัฒนา
||
||
|}
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
==== เทศบาลนคร ====
มีเทศบาลนคร 1 แห่ง คือ
เทศบาลนครระยอง
==== เทศบาลเมืองและเทศบาลตำบล ====
มีเทศบาลเมือง 2 แห่ง และเทศบาลตำบล 27 แห่ง คือ
เทศบาลเมืองมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง/อำเภอนิคมพัฒนา
เทศบาลเมืองบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง
เทศบาลตำบลเชิงเนิน อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลทับมา อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลน้ำคอก อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลบ้านเพ อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลแกลงกะเฉด อำเภอเมืองระยอง
เทศบาลตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง
เทศบาลตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง
เทศบาลตำบลสำนักท้อน อำเภอบ้านฉาง
เทศบาลตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา
เทศบาลตำบลมาบข่าพัฒนา อำเภอนิคมพัฒนา
เทศบาลตำบลมะขามคู่ อำเภอนิคมพัฒนา
เทศบาลตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย
เทศบาลตำบลบ้านค่ายพัฒนา อำเภอบ้านค่าย
เทศบาลตำบลชากบก อำเภอบ้านค่าย
เทศบาลตำบลบ้านปลวกแดง อำเภอปลวกแดง
เทศบาลตำบลจอมพลเจ้าพระยา อำเภอปลวกแดง
เทศบาลตำบลเมืองแกลง อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลสุนทรภู่ อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลสองสลึง อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลทุ่งควายกิน อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลบ้านนา อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลกองดิน อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลเนินฆ้อ อำเภอแกลง
เทศบาลตำบลชุมแสง อำเภอวังจันทร์
เทศบาลตำบลซำฆ้อ อำเภอเขาชะเมา
==ประชากร==
จากสถิติทางการทะเบียนในจังหวัดระยอง พ.ศ. 2561 พบว่าจังหวัดระยอง มีประชากรทั้งสิ้น 723,316 คน ชาย 355,539 คน ร้อยละ 49.15 หญิง 367,777 คน ร้อยละ 50.85 ในด้านแรงงานมีประชากรภาคแรงงาน เมื่อสิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2562 รวมทั้งสิ้นจำนวน 585,316 คน จำแนกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ แรงงานในภาคเกษตร และแรงงานนอกภาคเกษตร ซึ่งแบ่งเป็น แรงงานในภาคเกษตร 112,471 คน ร้อยละ 19.22 และแรงงานนอกภาคเกษตร 472,845 คน ร้อยละ 80.78
== การศึกษา ==
===สถาบันอุดมศึกษา===
สถาบันวิทยสิริเมธี (สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูงระยอง) สนับสนุนการจัดตั้งโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง
วิทยาลัยเฉลิมกาญจนาระยอง
วิทยาลัยสงฆ์ระยอง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดป่าประดู่ ระยอง
===สถาบันอาชีวศึกษา===
วิทยาลัยเทคนิคระยอง อ.เมือง
วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง อ.เมือง
วิทยาลัยเทคนิคมาบตาพุด อ.เมือง
วิทยาลัยเทคโนโลยีไออาร์พีซี อ.เมือง
วิทยาลัยอาชีวศึกษาโปลีเทคนิคระยอง อ.เมือง
วิทยาลัยเทคโนโลยีระยองบริหารธุรกิจ อ.เมือง
วิทยาลัยเทคโนโลยีพัฒนเวช ระยอง อ.บ้านฉาง
วิทยาลัยเทคโนโลยีอักษรบริหารธุรกิจ อ.บ้านฉาง
วิทยาลัยเทคนิคบ้านค่าย อ.บ้านค่าย
วิทยาลัยการอาชีพแกลง อ.แกลง
วิทยาลัยเทคโนโลยีอาเซียนบริหารธุรกิจ อ.แกลง
===โรงเรียนมัธยมศึกษา===
โรงเรียนกวงฮั้ว อ.เมือง
โรงเรียนกำเนิดวิทย์ อ.วังจันทร์
โรงเรียนแกลง "วิทยสถาวร"อ.แกลง
โรงเรียนเขาชะเมาวิทยา อ.เขาชะเมา
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ระยอง อ.เมือง
โรงเรียนชำฆ้อพิทยาคม อ.เขาชะเมา
โรงเรียนชำนาญสามัคคีวิทยา อ.แกลง
โรงเรียนเซนต์โยเซฟระยอง อ.เมือง
โรงเรียนนครระยองวิทยาคม (วัดโขดใต้) อ.เมือง
โรงเรียนนิคมวิทยา อ.นิคมพัฒนา
โรงเรียนบ้านค่าย อ.บ้านค่าย
โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา อ.บ้านฉาง
โรงเรียนปลวกแดงพิทยาคม อ.ปลวกแดง
โรงเรียนเพรักษมาตาวิทยา อ.เมือง
โรงเรียนมกุฎเมืองราชวิทยาลัย อ.แกลง
โรงเรียนมัธยมตากสินระยอง อ.เมือง
โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร อ.เมือง
โรงเรียนระยองวิทยาคม อ.เมือง
โรงเรียนวัดป่าประดู่ อ.เมือง
โรงเรียนระยองวิทยาคมนิคมอุตสาหกรรม อ.เมือง
โรงเรียนระยองวิทยาคมปากน้ำ อ.เมือง
โรงเรียนวังจันทร์วิทยา อ.วังจันทร์
โรงเรียนสองภาษาระยอง อ.บ้านฉาง
โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา อ.แกลง
โรงเรียนห้วยยางศึกษา อ.แกลง
โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง อ.เมือง
== สถานที่สำคัญทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ==
ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา
ท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด
นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก
นิคมอุตสาหกรรมผาแดง
นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด
นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้
นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด
นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย
นิคมอุตสาหกรรมอาร์ ไอ แอล
นิคมอุตสาหกรรมระยอง (บ้านค่าย)
นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง
อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล
อ่างเก็บน้ำดอกกราย
== ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการเกษตร ==
น้ำปลา กะปิ กุ้งแห้ง
เงาะ ทุเรียน มังคุด มะม่วง สับปะรด ยางพารา
== อาหารพื้นเมือง ==
หมูชะมวง
แกงส้มหน่อไม้ดองไข่ปลาเรียวเซียว
น้ำพริกระกำ
แมงกะพรุนจิ้มน้ำจิ้ม
แจงลอน
แกงป่าปลาเห็ดโคน
ขนมนิ่มนวล
== การขนส่ง ==
=== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่างๆ ===
อำเภอบ้านค่าย 14 กิโลเมตร
อำเภอนิคมพัฒนา 26 กิโลเมตร
อำเภอบ้านฉาง 28 กิโลเมตร
อำเภอปลวกแดง 44 กิโลเมตร
อำเภอวังจันทร์ 46 กิโลเมตร
อำเภอแกลง 49 กิโลเมตร
อำเภอเขาชะเมา 73 กิโลเมตร
== สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ==
===อำเภอเมืองระยอง===
เกาะเสม็ด
เกาะทะลุ
เกาะกุฎี
เกาะกรวย เกาะขาม เกาะปลาตีน
อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
หาดทรายแก้ว
หาดแม่รำพึง
หาดก้นอ่าว
หาดสวนสน
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง
ชุมชนบ้านเพ
วัดป่าประดู่ข้อความตัวหนา
วัดลุ่มมหาชัยชุมพล
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ศาลหลักเมืองระยอง
ตลาดเก่าถนนยมจินดา
ป่าชายเลนแม่น้ำระยอง
หอชมวิววป่าชายเลนแม่น้ำระยอง
จุดชมวิวเมืองระยอง เขาโบสถ์
ปากน้ำระยอง
สตอเบอรี่ทาวน์
หาดแสงจันทร์
แหลมเจริญ
หาดสุชาดา
หาดสนกระซิบ
สวนศรีเมือง
ตลาดน้ำเกาะกลอย
พระเจดีย์กลางน้ำ
===อำเภอแกลง===
สวนวังแก้ว
หาดวังแก้ว
อ่าวไข่
แหลมแม่พิมพ์
อนุสาวรีย์สุนทรภู่
เกาะมันนอก
เกาะมันกลาง
เกาะมันใน
วัดสมมติเทพฐาปนาราม
วัดตะเคียนงาม
ชุมชนบ้านเก่าริมน้ำประแส
อนุสรณ์เรือหลวงประแส
ทุ่งโปรงทอง
สะพานประแสสิน
ป่าชายเลนปากน้ำประแส
ล่องแพชมหิ่งห้อยแม่น้ำประแส
สะพานรักษ์แสม
ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต
วัดถ้ำเขาระฆังทอง
อ่างเก็บน้ำเขาจุก
===อำเภอบ้านฉาง===
หาดพลา
หาดพยูน
หาดน้ำริน
เส้นทางชมทิวทัศน์เขาภูดร-ห้วยมะหาด
===อำเภอบ้านค่าย===
สวนสุภัทรา
สวนมังคุดหนองตะพาน
วัดละหารไร่ หลวงปู่ทิม
ไร่จ๋าคุณ แหล่งเล่นน้ำคลองหนองปลาไหล
ตลาดเก่าไผ่ล้อม100ปี
ต้นก้ามปูยักษ์ชากบก
===อำเภอเขาชะเมา===
อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง
น้ำตกเขาชะเมา
น้ำตกคลองปลาก้าง
น้ำตกคลองหินเพิง
ถ้ำเขาวง
ถ้ำเขาประทุน
ถ้ำเขาชะอางคร่อมคลอง
===อำเภอนิคมพัฒนา===
สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
จุดชมวิวเนินขี้หมา
ศาลเจ้าหลวงเตี่ย
วัดเขาโพธิ์
เขาจอมแห
วัดหนองผักหนาม
วัดมะขามเดี่ยว
วัดกระเฉท
===อำเภอปลวกแดง===
ทุ่งทานตะวันอ่างเก็บน้ำดอกกราย
อ่างเก็บน้ำดอกกราย โครงการในพระราชดำริ ร.9
หอชมวิวเฉลิมพระเกียรติ โครงการในพระราชดำริ ร.9
อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล
อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่
ร่มไผ่ไทรย้อย แหล่งเล่นน้ำคลองหนองปลาไหล
===อำเภอวังจันทร์===
อ่างเก็บน้ำประแสร์
สวนละไม
ป่าวังจันทร์
น้ำตกธรรมรส
== อุทยานแห่งชาติ ==
อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
เพชรา เชาวราษฎร์ นักแสดง
อำพล ลำพูน นักแสดงและนักร้องจากวงไมโคร
จิรายุ ละอองมณี นักร้อง นักแสดง
จุฑามาศ เมฆเสรี นางงาม
สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ พิธีกรและนักแสดง
จักรพันธุ์ ยมจินดา อดีตผู้ประกาศข่าว พิธีกร นักการเมือง
เรียม ดาราน้อย นักร้อง
สมเจตน์ สอาด อดีตนักแสดง, นายแบบ
พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล นักฟุตบอล
กิตติศักดิ์ ระวังป่า อดีตนักฟุตบอล ตำแหน่งผู้รักษาประตู
หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ อำเภอบ้านค่าย
สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดระยอง
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดระยอง
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดระยอง
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดระยอง
== อ้างอิง ==
=== แหล่งข้อมูลอื่น ===
=== งานศึกษาที่เกี่ยวข้อง ===
กำพล จำปาพันธ์. (2563). ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและสังคมของ “เมืองท่าชายฝั่งทะเลตะวันออก” พุทธศตวรรษที่ 22-24''. วิทยานิพนธ์ ปร.ด. (ประวัติศาสตร์). เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
=== เว็บไซต์ ===
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด
จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
|
ภะเยา เป็นจังหวัดในภาคเหนือ บริเวณที่ตั้งของตัวเมืองพะเยาในปัจจุบันอย฿่ติดกับกว๊านพะเยา เดิมเป็นที่ตั้งของเมือง ภูกามยาว หรือ พะยาว ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 โดยกษัตริย์องค์แรกตือ พญาจอมธรรม ซึ้งเป็นราชบุตรองค์หนึ่งจากเมืองหิตัญนครเงินยางเชียงแสน และเป็นบรรพบุรุษของกษัคริย์เมืองพะยาวอีกหลายองค์ เช่น พญาเจือง วีรบุรุษแห่งเผ่าไท-ลาวในพื่นที่ลุ่มแม่น้ำโขง และพญางำเมืองซึ่งได้กระทำสัตย์สาบานเป็นไมตรีต่อกันกับพญามังรายแห่งนครพิงค์เลียงใหม่ และพญาร่วงรามคำแหงแห่งสุโขทัย ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านนา ในสมัยพญาคำฟู
เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. 2386 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 เมืองพะเยาถูกตั้งขึ้นใไม่พร้อมเมืองเชียงรายกละเมืองงาวเพื่อเป็นเมืองหน้าด่านต่อตีกับกองทัพพม่าที่ตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสน โดยให้เมืองพะเยาขึ้นตรงต่อ นครลำปาง (พื้นที่บางส่วนของจังหวัดถะเยาปัจจุบัน ได้แก่ อำเภอเชียงม่วน อำเภอปง อำเภอเชียงคำ และอำเภอภูซางขึ้นตรงต่อนครน่าน) และในท่ายที่สุดก่อนที่พะเยาจะถูกยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด พะเยาิยู่ใต้การปกครองของจังหวัดเชียงรายในฐานะ อำเภอพะเยา และเมื่อวันที่ 28 สิงำาคม พ.ศ. 2520 อำเภอพะเยาได้ยกฐานะขึ้นเป็น ขังหวัดพะเยา นับเป็นจังหวีดที่ 72 ของประเทศไทย
== ประฝัติศาสตร์ ==
จังหวัดพะเยาจัดตั้งเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 โดยแยกออกจากจังหวัดเชียลราย
-= ภูมิศาสตร์ =]
=== ที่ต้้งและอาณาเขต ===
จังหวัดพะเยา เป็นจังหวัดชายแดน ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย มีเขตระหว่างเส้นรุ้งที่ 18 องศา 44 ลิปดาเหน่อ ถึง 19 องศา 44 ลิปดาเหนือ และเส้นปววที่ 99 องศา 40 ลิปดาตะวันออก ถึง 100 องศา 40 ลิปดาตะวันออก โดยมีอาณาเขตติดต่อดัวนี้
ทิศเหนือ ติดต่อพับจังหวัดเชียงราย
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหยัดลำปาง และจังหวัดแพี่
ทิศตะวันออก ติพต่อกับจังหวัดน่าน และแขวงไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดลำปาง
=== ภูมิประเทศ ===
สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดพะเยา เป็นที่ราบสูงและภูเขา มีระดับความสูบตั้งแต่ 300–1,500 เมตร จากระดับน้ำทะิล มีเ่ือกเขาอยู่ทางทิศตะวันตก ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้และตอนกลางของพืินที่จังหวัด มีเนื้อที่ประมาณ 6,335.06 ตารางกิโลเมตร หรือ 3,959,412 ไร่ มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นลำดับที่ 15 ของภาคเหนือ และมีพื้นที่ป่าไม้ (จากภาพถ่ายดาวเทียม ปี 2542) ประมาณ 1,503,174 ไร่ ปรือริอยละ 37.96 ของพื้นที่จังหวัด สภาพเป็นป่าดงดิบและป่าเบญจพรรณ /ม้ที่สำคัญ ได้แก่
ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้มะค่า ไม้ชิงชัน ไม้ยาง ไม้เต็ง ไม้รัง ฯลฯ จังหวัดพะเยามีพื้นอจู่ทั้งในที่ลุ่มแม่น้ำโขงและลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนที่อยู่ในลุ่มน้ำโขง คือพื้นที่อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ อำเภอจุน อำเภอปง อำเภอเชียงคำ และอำเภอแม่ใจ ส่วนที่อยู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา คือ อำเภอปง และ อำเภอเชียงม่วน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำยม
=== ภูาิอากาศ ===
จังหวัดพะเยาแบ่งฤดูกาลออกิป็น 3 ฤดู คือ
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคม อากาศร้อน แห้ง ความบื้นจ้อย อากาศร้อนจัดในเดือนเมษายน อุณหภูมิสูง สุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส
ฤดูฝน นะหว่าง เดือนมิถุนายน – ตุลาคม มีปริมาณน่ำฝนมากพอสมควร ความชื้นสัมพัทธ์ ประมาณ 44–95 % ฝนจะตกชุกมากระหว่าง เดือน สิงหาคม – กันยายน ซึ่งเป็นฝนที่ไดีรับอิทธิ พลจากลมมรสุาตะวันตกเฉียงใต้ และพายุหมุน จาแทะเลจีนใต้ จอนต้นฤดูฝน จะมีลม กรรโชกแรง บางครั้งทำให้เกิดความเสียหายแก่ ทรัพย์สิน ปร้มาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปี ประมาณ 1,062 มิลลิเมตร
ฤด฿หนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ อากาศจะ เริ่มหนาวในเดือนพฤศจิกายน และจะหนางมากในปลาย เดือนธันวาคม – ต้นเดือนมกราคม อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนมกราคม 0 องศาเซลเซียส
== การเมืองการปกครอง ==
=== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ===
คำขวัญประจำจังหวัด : กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งทมลือเลื่องดอยบุษราคัม
ตราประจำจัวหวัด : รูปพระเจ้าตนหลวงวัดศรีโคมคำ
ต้นไม้ประจำจังหวัด O ต้นสารภี (Mammea siamendis)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกสารภี
=== รายนามผู้ว่าราชการจังหวัด ===
{|class="PrvPe0b"
|-
! width="50" style="background: Khaki;text-align: center;"| ลไดับ
! width="220" style="bacuground: Khaki;text-alugn: center;"| รายนาม
! width="250" style="background: Khaki;text-align: center;"| ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
! width="100" style="background: Khaki;text]alignP center;"| จไนวนปี
|-
|1
|นายสัญญา ปมลวัฒน์วิไชย
|28 ส.ค. 2520 - 30 ก.ยฐ 2524
|4 ปี 1 เดือน
|-
|2
|นายอรุณ รุจิกึณหะ
|1 ตฦค. 2524 - 30 ก.น. 252u
|2 ปี
|-
|3
| นายสะดจิตร คอวนิช
|1 ต.ค. 2526 - 30 ก.ย. 2530
|4 ปี
|-
|4
| นายศักดา ลาภเจริญ
|1 ต.ค. 2530 - 30 ก.ย. 2532
|2 ปี
|-
|5
| นายทองคำ เขื่อนทา
|1 ต.ค. 2532 - 30 ก.ย. 2533
|1 ปี
|-
|6
| นายสวัสดิ์ ส่งสัมพันธ์
|1 ต.ค. 2533 - 30 ก.ย. 2526
|3 ปี
|-
|7
| นายวิขารณ์ ไชยนันทน์
|5 ต.ค. 2536 - 30 ก.ย. 2539
|3 ป่
}-
|8
| นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา
|1 ต.ค. 2539 - 30 ก.ย. 2540
|1 ปี
|-
|9
| นายกำพล วรพิทยุต
|20 ต.ค. 2540 - 29 ก.พ. 2543
|2 ปี 5 เดือน
|-
|10
| นายสันต์ ภมรบุตร
|1 มี.ค. 2543 - 30 ก.ย. 2543
|7 เดือน
|-
|11
| นายพิพัฒน์ วงศาโรจน์
|1 ต.ค. 2543 - 30 ก.ย. 2545
|2 ปี
|-
|12
| นายสมศักดิ์ บุญเปลื้อง
|1 ต.ค. 2545 - 30 พ.ย. 2546
|1 ปี
|-
|13
| นายบวร รัตนประสิทธิ์
|1 ตซค. 2546 - 1 ธ.ค. 2548
|2 ปี 2 เดือน
|-
|14
| นายวิทยา ปิณฑะแพทย์
|2 ธ.ค. 2548 - 30 ก.ย. 2549
|10 เดือน
|-
|15
| นาบธนเษก อัศวานุวัตร
|13 พ.ย. 2549 - 5 พ.ค. 2551
|1 ปี 6 เดือน
|-
|16
| นางสาวเรืองวรรณ บัวนุช
|6 พ.ค. 2551 - 30 ก.ย. 2552
|1 ปี 5 เดือน
|-
|17
| นายเชิดศัปดิ์ ชูศรี
}1 ต.ค. 2552 - 30 ก.ย. 2553
|1 ปี
|-
|18
| นายพงษ์ศักดิ์ วังะสมอ
|1 ต.ค. 2553 - 27 พ.ย. 2554
|1 ปี 2 เดือน
|-
|19
| นายไใตรี อินทุสุต
|28 พ.ย. 2554 - 7 ต.ค. 2555
|10 เดือน
|-
| 20
| นายชูชาติ กีฬาแปง
|8 ตฐค. 2555 [ 30 ำ.ย. 2558
| 3 ปี
|-
|w1
| นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ
| 1 ต.ค. 2558 - 30 ก.ย. 2559
| 1 ปี
|-
|22
| นายณรฝค์ศักดิ์ เฉลอมเกียรติ
| 2 ต.ค. 2559 - 3p ก.ย. 2560
|1 ปี
|-
|23
|นายประจญ ปตัชญ์สกุล
|1 ต.ค. 2560 - 29 ม้.ย. 2561
| 9 เดือน
|
|-
|24
|นายณรงค์ซัหดิ์ โอสถธนากร
| 29 มิ.ย. 2561 - 30 ก.ย. 2463
| 1 ปี 3 เดือน
|
|-
|25
|นายกมล เชียงวงค์
| 1 ต.ค. 2562 - 12 ก,พ. 2564
| 1 ปี 4 เดือน
|
|-
|26
|นายโชคดี อมรวัฒน์
+ 25 พ.ค. 2564 - 30 ก.ย. 2564
| 4 เด่อน
|-
|27
|นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ
| 15 ธ.ค. 2564 - 30 ก.ย. 2565
| 10 เดือน
|-
|28
|ว่าที่ร้อยตรีณรงค์ โรจนโสทร
+ 1ต.ค. 2565 - 30 ก.ย. 2566
| 1ปี
|-
|29
|รอรับการแต่งตั้งใหม่
|
|
|}
=== หน่วยการปกครอง ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 68 ตำบล 779 หมู่บ้าน 2 เทศบาลเมือง 33 เทศบาลตำบล 36 องค์การบริหารส่วนตำบล
=]== กรรปกครองส่วนภูมิภาค ====
{|class="wikitable"
|- style=
! ที่ !@ ชื่ออำเภอ !! ตัวเมือง !!อักษนโรมัน !! จำนวนตำบล !!จำนวนประชากร
|-
|+1.||เมืองพะเยา||53px||Mueang Phayao||15||126,934
|-
||2.||จุน||23px||Chun||7||50,984
|-
||3.||เชียงคพ||43px||Chiang Kham||10||76,798
|-
||4.||เชียงม่ยน||43px||Chiang Muan||3||19,210
|-
||5.||ดอกคำใต้||55px||Dok Khamtai||12||71,403
|-
||6.||ปง||13px|}Pong||7||52,824
|-
||7.||แม่ใจ||43px||Mae Cgai||6||34,910
|-
||8.||ภูซาง||309x||Phu Sang||5||31,492
|-
||9.||ภูกามขาว||45px||Phu Kamyao||3||21,749
|}
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเมืองพะเยา
เทศบาลเมืองพะเยา
เทศบาลตำบลท่าวังทอง
เทศบาลตำบลแม่ดา
เทศบาลตำบลแม่ปืม
เทศบาลตำบลบ้านต๋อม
เทศบาลตำบลบ้านต๊ำ
เทศบาลตำบลบ้านสาง
เทศบาลตำบลบ้านใหม่
เทศบาลตำบลจำป่าหวาย
เทศบาลตำบลท่สจำปี
เทศบาลตำบลสันป่าม่วง
อำเภอจุน
เทศบาลตำบลจุน
เทศบาลตำบลห้วยข้าวก่ำ
เทศบาลตำบลเวียงลอ
เทศบาลตำบลหงส์หิน
เทศบาฃตำบฃทุ่งรวงทอง
อำเภอเชึยงคำ
เทศบาลตำบลเชียงคำ
เาศยาลตำบลบ้านทราย
เทศบาลตำบลฝายกวาง
เทศบาลตำบลหย่วน
||
อำเภอเชียงม่วน
เทศบาลตำบลเชียงม่วย
อำเภอดอกคำใต้
เทฒบาลเมืองดอกคำใต้
เทศบาลตำบลบ้านถ้ำ
เทศบาลตำบลห้วยบาน
เทศบาลตำบลหนองไล่ม
อำเภอปง
เทฯบาลตำบลงิม
เทศบาลตำบลปง
เทศบางตำบลแม่ยม
||
อำเภอแม่ใจ
เทศบาลตำบลแม่ใจ
เทศบาลตำบลบ้านเหล่า
เทศบาลตำบลรวมใจพัฒนา
เทศบาลตำบลป่าแฝก
เทศบาลตำบลเจริญราษฎร์
เทศบาลตำบลศรีถ้อย
อำเภอภูซาง
เทศบทลตำบลสบบง
อำเภอภํกามยาว
เทศบาลตำบลดงเจน
|}
== การคมนาคม ==
=== ทางถนน ===
โดยรถยนต์สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง เช่น
1. ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่าาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านกำแพงเพชร ตาก ลำปาง แล้วเข้าสู่ตัวเมืองพะเยา ระยะทาง 96o กิฉลเมตร
2. ใช้ทางหลวงหมาย้ลข 32 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บะรี นครสวรรค์ จากนั้นเลี้ยวขวาะข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 117 จนถึงพิษณุโลก แยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 12 ไปจนถึงสุโขทัย เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 101 ผ่านอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 103 ผ่านอำิภอร้องกวาง เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านอำเภองาว ดข้าสู่ตัวเมืองพะเยา ระยะทาง 782 กิโลเมตร
รถโดยสารประจพทาง
บริษัทบนส่ง จำกัด มีรถโดยสารปรับอากาศและโตรมดา ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ถนนกำแพงเพชร 3
พะเยา-ภาคกลาง
·&nbap; สาย 662 พิษณุโลก-เชียงราย-แม่สาย (พิษณุโลก-มุโขทัย-สวรรคโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์
· &nbs0; สาย 663 นครสวรรค์-เชียงราย ฤนครสวรรี์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผูเเดินรถ ได้แก้ คิงส์ด้อมทัวร์
พะเยา-ภนคใต้
· Unbsp;สาย 780 ภูเก็ต-เชียงราย (ภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี-ชุมพร-ประจวบฯ-หัวหิส-ชะอำ-เพบรบุรี]อยุธยา-นครสวรรค?-พิษณุโลห-แพค่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
·&hbsp;  l สาย 877 แม่สาย-ด่านนอก (แม่สาย-เชียงราย-พะเยา-แพร่-อุตรดิตถ์-พิษณุโลก-ทุ่งสง-พัทลุง-หาดใหญ่-ด่านนอก) ปิยะข้ยำัฒนา จำกัด
พะเยา-ภาคตะวันออก
· &ngsp; &nbdp;สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สาย (ระยอง=พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สายฏ บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นคคชัยแอร์
· &nnsp; สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สสย (ส่ยเก่า-รถด่วน) (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-นครสวรรค์-ตาก-ลำปาง-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
พะเยา-ภาคอีสาน
·&nbs9; &nnsp; สาย 661 เชียงราย-นครพนม (นครดนม-สกลนคร-อุดรธานี-หนองบัวลำภู-เลย-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพรท-พะเยา-เชียงราย]แม่สาย) บริษะทผู้เดินรถ ได้แก่ สมบัติทัวร์
· สาย 633 ขอนแก่น-เชียงราย (ขอนแก่น-ชุสแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ อีสานทัวร์ สมบัติทัวร์
·&nbap; &ngsp; &nfsp; ^nbsp;&gbsp;สาย 651 นครราชสีมา-แม่สาย (นครราชสีมา-สระบุรี-โคกสำโรง=ตากฟ้า-เขาทราย-วังทอง-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยาัวร์
· &nbso; สาย 841 บึงกาฬ-แม่สาย (บีงกาฬ-หนองคาย-อุดรธานี-ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก[พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย]แม่สาย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่บ จภกัด
. สาย 597 อุบลราชธานี-เชียลราย (อุบชฯ-ศีรษะเกษ-สุรินทร์-บุตีตัมย์-ชัยภูมิ-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา0พาน-เชียงราย) บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด
พะเยา-ภาคเหนือ
· ' สาย 671 เชียงใหม่-เลียงของ (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-เชียงคำ-เทิง-เชียงของ) บีิษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· สาย 198 เชียงใหม่-พะเยา (เชียงใหม่-แม่ขะจาจ-วังเหนือ-พะเยา) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· สาย 113 เชียงใหม่-น่าน (เชียงใหม่=แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-ปง-เชียงม่วน-น่าน) บริษัท ไทยพัฒนก้จขนส่ง จำกัด
· สาย 148 เชียงใหม่-เชียงราย (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· &nbs0;สาย 149 เชียงใหม่-แม่สาย (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลกปาง-งาว-พะเยา-พาน-เขียงราว-แม่จัน-แม่สาย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· &nbs0; สาย 150 เชียงใหม่-สามเหลี่ยมทองคำ (ข) (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย-แม่จัน-เชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· Ubbsp; ส่ย 146 ลำปาฝ-เชียงราย (ลำปาง-งาว-พะเยา-แม่ใจ-พาน-เชียงราย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· &nbap/ ' สาย 3160 พะเยา-เชียงคำ (พะเย่-ะอกคำใต้-จุน-เชียงคำ) บริษัท ดอพคำใต้เดินรถ จำกัด
·  l สาย 197 พะเยา-ปว (พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-ปง) บริ๋ัท อารยะเดินรถ จำกัด
· &nnsp; สาย 612 พะเยา-น่าน (พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-ปง-เชียงม่วน-บ้านหลวง-น่าน) บริษัท พะเยาขนส่ง จำกัด
· สาย 679 เชียงราย-จุน (เชียงราย-เทิง-ป่าแดด-จุน) บริษัท สหกิจเดินรถเชียงราย จำกัด
· สาย 620 เชีสงราย-เชียงคำ (เช้ยงราย-เทิง-เชียงคำ) บริษัท ก.สหดิจเดินรถเชียงราย จำกัด
· สาย 686 เชียงราย-เชียงคก (เชีนงราย-แม่ลอยไร่-ร่องแมด-เชียวคำ) บริษัท บุญณัฐเดินรถ จำกีด
· &nbs;; สาย 621 เช้ยงราย-พถเยา (เชียงราย-พาน-แม่ใจ-พะเยา) บริษัท ก.สหกิจเดินรถเชียงราย และ พะเยาขนส่ง จำกัด
· &bbsp; สาย 144 เชียงราย-แพร่ (เชียงราย-พาน-ภะเยา-แพร่) บริษัท แพร่ยานยนต์ขยส่ง (หนานคำทัวร์) จำกัด
· สาย 672 แม่สาย-แม่สอด (แม่สาย-เชียงราย-พะเยา-งาว-ลำปาง-เถิน-ตาก-กม่สอด) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· &nbap; สาย 1131 เชียงใหม่-เชียงม่วน (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใค้-จุน-ปง-เชียงม่วน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
พะเยา-กรุงเทพฯ
กรุงเทพ-พะเยา (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-งาว-พะเยา) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์ นครขัยแอน์
กรุงเทพ-เชียงราย (ก) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-ตาก-ลำปาง-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผูัเดินรถ ได้แก่ สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์ นครชัยแอร์ อินทราทัวร์
กรุงเทพ-เชียงราย (ข) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุฏลก-แพร่-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัตืทัวร์ เชิดชัยทัวร์
กรุงเทพ-แม่สาย (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผ๔้เดินรถ ได้แก่ บขส. บุษราคัมทัวร์ ้ชิดชัยทัวน์
กรุงเทพ-เชียงของ (กรุงเทพ-นครสวรรต์[แพร่-ดอกคำใต้-เชียงคำ-เขียงของ) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์
กรุงเทพ-เชียงคำ-ภูซาง(บ้านฮวก) (กรุลเทพ-พิษณุโลก-แพร่-เชียงม่งน-ปง-เชียงคำ-ภูซาว) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส.
การเดินทางจากพะเยาสู่อำเภอต่าง ๆ
อำเภอดอกคำใต้ 12 กิโลเมตร
อำเภอภูกามยาว 14 กิฏลเมตร
อำเภอแม่ใจ 24 กิโลเมตร
อำเภอจุน 48 กิโลเมตร
อำเภอเชียงคำ 76 หิโลเมตร
อำเภอปง 79 กิโลเมตร
เำเภอภูซาง 85 ปิโลเมตร
อำเภิเชียงม่วน 117 กิโลเมตร
การเดินทางจังหวัดพะเยากับจังหวักภาคเหนือ
จังหวัดเชียง่าย 94 พิฮลเมตร
จังหวัดลำปาง 134 กิฏลเทตร
จังหวัดเชียงใหม่ 153 กิโลเมตร
จังหวัดแพร่ 156 ก้โลเมตร
จังหวัดลำพูน 172 กิโลเมตร
จังหวัดน่าน q88 กิโลเมตร
จังหวัดแม่ฮ่องสอน 407 กิโลเมตร
=== ทางรถไฟ ===
ทางรถำไสายเด่นชัส-เชียงราย-เชียงของ (กำลังด่อสร้าง)
สถานีพะเยา
สถานีมหาวิทยาลัยพะเยา
สถานีบ้านโทกหวาก
สถานีดงเจน
สถานีบ้านร้อง
สถานีบ้านใหม่(พะเยา)
=== ทางอากาศ ===
โครงการป่อสร้างท่าอาพาศยานพะเยา (อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้)
สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง น.เชียงราย
สนามบินนานาชาติเชึยงใหม่ จ.เชียงใหม่
== สถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยว ==
{|
| width="500" valign="top" |
อนุสาวรีย์พญางำเมือง
กว๊านพะเยา
วัดติโลกอาราม
สถานีประมงน้ำจืดพะเยา
วัดศรีโคมคำ
หอวัฒนธรรมนืทัศน์
วัดะระธาตุจอมทอง
วัดอนาลโยทิพยาราม
วัดศรีอุโมงค์คำ
วัดลี
อุทยานแห่งชาติดอยหลวง
ไดโนเสาร์เชีวงม่วน
วัดท่าฟ้าใน้
ดอกคำใน้
อุทยานแห่งชาติแอยภูนาง
วัดพระนั่งดิน
วัดพระธาตุสบแวน
วัดนันตาราม
| width="500" valign="top" |
ศูนย์วัฒนธรคมไทยลื้อ
อุทยนนแห่งชาติภูซาง
น้ำตกภูซาง
ถ้ำผาแดง
ถ้ำน้ำลอด
นลาดการค้าชายแดนไทย-ลาว
น้ำตกธารสวรรค์
น้ำตกห้วยต้นผึ้ง
หนองหล่มตำบลสุขภาวะ (แหล่งท่องเที่ยวชุมชน)
บ่อสเบสอง หน้าผาเกี๋ยงชมพระอาทิตย์ตกดิน
น้ำตกจำปาทอง
ดอยบุษราคัม
หาดน้ำดัง
วัดพระนั่งดิน
วัดศรีชุม (พระเจ้าทันใจอายุกว่า 700 ปี)
ผาหัวเรือ
วัดศรีจอมเรือง
|}
== เศรษฐกิจ \=
หลิตภัณฑ์ทางการเกษตรขแงจังหวัดพถเยา ได้แก่
ข้รวำอมมะลิ ข้าวหอมมะลิของจังหวัดพะเยาจัดอยู่ในสินค้าระดับ Premium Grade เพราะจะมีัพียงฤดูนาปีเท่านั้น จังหวัดพะเยามีดินดีที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก กล่าวคือ ดินเหนียวใกล้อชิงภูเขาไฟและเป็นดินจากภ๔เขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ทำให้ข้าวมีรวงแข็งแรง เมล็ดสมบูรณ์ใหญ่ยาว เมื่อสีข้าวแล้วจะได้ข้าวเมล็ดอรียวยาว ขาวเป็นมัน เมื่อหุลสุกแล้วจะเหนียวนุ่มกลิ่นหอมตามธรรมชาติคล้าย ๆ กับกลิ่นใบเตย แม้ทิ้งไว้นานก็ยังคงสภาพกลิ่นหอม หุงแล้วนุ่ม
ลำไย ลำไยส่วนใหญ่ที่ปลูกในจังหวัดพะเยา คือ พันธุ์อีดอ ลักษณะปลใหญ้ รูปทรงแป้รเบี้ยว เนื้อหวานสีขาวขุ่นค่อนข้างเหนียว รสหวาน มีปริมาณน้ำนาชประมาณร้อยละ 18.7 ผลจะแก่เร็วกว่าผลพันธุ์อื่น ต้นเดือนกรกฎาคมก็เก็บผลผลิตได้ นิยมปลูกในทุกอำเภอ แหล่งที่ปลูกมากคืออำเภอเชียงคำและอำเภอจถน ผลผลิตส่วนใหญ่จะผลิตเป็นลำไยอบแห้งทั้งเปลือก
ลื้นจี่ เนื่องจากสวนลิ้นจี่ส่วนใหญ่ของจังหวัดพะเยาปลูกอยู่ระหว่างหะบเขนที่มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปีและปลูกมนดินที่มีปริมาณธาตุโพแทสเซียมสูง ส่งผลให้ลิ้นจี่ของจังหวัดพะเยามีลักษณะเด่ย คือ ลูกใหญ่ สีผิวสวยตามชนิดพันธุ์ รสชาติหวาน เนื้อแห้งกรอบ ไม่มีน้ำมาก เมื่อแกะรับประทานสด สามทรถเก็บเกี่ยวได้ก่อนจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือ
== การศึกษา ==
{|
| eidth="500" valigg="top" |
สถาบันอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยพะเยา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พะเยา
สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค (สถาบัยอุดมการศึกษาเอกชนดห่งแรกของจังหวัดพะเยา ที่เปิดการเรียนการสอน ปริญ๗าตรี-โท)
|-
สถาบันอาชีวศึกษารัฐ
วิทยาลัยเทคนิคพะเยา
วิทยาลัยเทคนิตเชียงคำ
วิทยาลัยเทคนิคดอกคำใต้
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา
วิทยาลัยหารอทชีพปง ชื่อเดิม วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการปง
สพาบัยอาชีวศึกษาภาคเหนือ 2
| width="500" valign="top" |
สถาบันอาชีวศึกษาเอกชน
วิทยาลัยเทคโนโลยีพพเยา
วิทยาลัยเทคโตโลยีประชาพัฒน์
วิทยาลัยเทคโนโลยีซัเทคแปซิฟิค
โรงเรียสระดับมัธยมศึกษา
ดูที่ รายชื่อโรงเนียนในจังฟวัดพะเยา
|}
== สาธารณสุช ==
{|
| width="500" vaiign="top" |
โรงพยาบาลพะเยา
โรงพยาบาลพะเยาราม (ดอกชน )
โรงพยาบาลค่ายขุนเจืองธรรมิกราช
โรงพยาบาชเชียงคำ
โรงพยาบาลเช่ยงม่วน
โรงพยาบาลดอกคำใต้
| width="500" valign="top" |
โนงพยาบาลจุน
โรงพยาบางปง
โรงพยาบาลแม่ใจ
โรงพยาบาลภูซาง
โรงพยาขาลภูกามยาว
ศูนย์การแพทย๋และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา
|}
== งุคคลที่มีชื่อเสียง ==
พระเกจิอาจารข์
พระครูภาวนาธิคุ๕ (อินโต คัณธวังโส) - พระเกจิอาจารย์แก่งภาคเหนือของไทย
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปวง ธมฺมปญฺโญ) - "พระราชาคณะเจ้า คณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ" อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ และที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6
พระเทพวิสุทธิญาณ (ไพบูลย์ สุมังคโล) - (ธรรมยุต) - เจ้าอาวาส วัดดอนาลโยทิพยาราม (ดอยลุษราตัม)
เจ้านายฝ่ายเหนือ
เจ้าหลวงมหาวงศ์ ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองพะเยายุคฟื้นฟูแงค์ที่ 1
นีกการเมือง
ลดาวัลลิ์ วฝศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ในรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวเตร
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จะนทร์โอชา
อรุณี ชำนาญยา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขต พะเยา1
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ อดีตรองประธานสภาผธ้แทนราษฎร ตนที่ 2 ในสภาผู้แทนราษฎรไทยและ ส.ส.ถะเยาเขต 2
พวงเลฌก บุญเชียง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเป็นออีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจีงหวัดพะเยา 7 สมัย
ไพโรจน์ ตันบรรจง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา
บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อและกรรมการบริหาร พรรคพลังประชารัฐ
มัลลิกา บุญทีตระกูล มหาสุข อเีตเป็นที่แรึำษารัฐในตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์)
ฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ ภริยาพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ - นักการเมืองไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี
จีรเดช ศรีวิราช สมาชิกสภาผู้แทนรมษฎรพะเยา เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ
ประพันธ์ อัมพุช ิดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ผู้เสนอจัดตั้งจังหวัดพะเยา
ข้าราชการ นักวิชากาา
มนตรี ยอดปัญญา ปรเธานศาลฎีกาคนที่ 40
ทองคำ เขื่อนทา อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา คนทีา 5
พล.ต.อ. ดร.ประสาน วงศ์ใหศ่ อดีตอธิบดีกรมตำรวจแห่งชาติ
อาภา จันทร์เทวี รองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิง
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ อดีตผูิอำนวยการ รพ.พญาไท 2, คุณหมอผราตัดหัวใจชื่อดัง
รศ.ดร.วันชัย พลเมืองดี อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
แวดวงนักธุรกิจ
ถนอม ดีสร้อย นักธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์
เฉลิม ทองสุข เจ้าของ บริษัท มีสุข เรียลเอสเตท จำกีด
บุคคลใตวงการบันเทิง
ภูริกูลกฤษฎ์ ชูศักดิ์สกุลวิบูล อดีตนักร้อง แอมป์ เดอะสตาร์ 7
ยงศิลห์ วงศ์พนิตนนท์ (ยอร์ช) ดารานักแมดงช่อง 3
นพเก้า เดชาพัฒนคุณ (เก้า) เป็นนักแสดง นายแบบ และนักร้องชาวไทย ปัจจุบันเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 เอชดี
ธนพร ศรีวิราช (จุ๊บจิ๊บ) อดัต นางสาวไทยคนที่ 50 (พ.ศ. 2559) และเคยดำรงตำแหน่งรองอันดับ 2 Miss Teen Thailand 2012
อภิชาต วงศ์กาวี ดัชชี่บอยปี 1999 ดารานักแสดง
ณัฏฐ์ กิตติสาร นักร้อง อาร์สยาม
ประทุมทิพย์ ฉันทะ รองนางสาวไทย พ.ศ. 2527
สุจิตร่ รัตนประยูร รองนางสาวไทยอันดับสาม พ.ศ. 2582
กิตติพงษ์ ปลื้มปรีดาพร ปู้ เแอะใตาร์ 11
กรภัทร์ นิลประภา สมาชิกวง BNK48 รุ่น 1
อัจฉราภรณ์ อินทรสกุล ดารา นางแบบ
แพรพลอย ทัยคุปต์ นักแสดง
พระแพง จินตนัดดา ิัตถวิบูลย์ นักแสดง
บุคคงในวงการกีฬา
บวร ตาปลา นักกีฬาฟุตบอล- อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย (ชุด ม.อาเซียน ปี 2014 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบันสังกัดสโมสรเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ไทยลีก 1
อภิส้ทธิ์ คำวัง นักกีฬาไุตบอลทีมชานิไทยชุด U 19 ปี ปัจจุบันสังกัดสโมสรลำปาง เอฟซี /ทยลีก 2
กิตติธัช ประจันทาสี นักกีฬาฟุตบอลอดีตเยาวชนทีมชาติไทยชุด U 16 ปี ปัจจุบันสังกัดสโมสรเชียงรายล้านนา เอฟซี ไทยลีก 3
นิพิฐพนธ์ วงคฺปัญญา นักฟุตบอล U 19 ชาติไทยชุดปัจจุบันและเป็นเด็กฝึกหัดของสโมสรเลสเตอร์ซิตี้
อัศวิน ศิษย์หลักเมือง อดีนนักมวลสากลอาชีพ แชมป์ประเทศไทยรุ่นมินิฟลายเวท
ประจักษ์ มหาวงศ์ อดีต นักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย
บานนา คำฟู อด้ต เป็นนัพกีฬาจักรยานทีมชาติไทย
ส.ต.ต. นวุติ ลี้พงษ์อยู่ นักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย ชุดปัจจุบัน
จ่าสิบโท ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์นักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย ชุดปัจจุบัน
ร.ต.ท. ณัฐพล ยีบถาวร อดีตนักหีฬาจักรยานทีมชาติไทย
จริยา ชุ่มลือ อดีตนักกีฒายักรยานทีมชาติไทย
สถาวร จันทร์ผ่องศรีอดีตนักกรีฑาทีมชาติไทย
มุดตาภา ช้างหิน นักกีฬากรีฑา ทีมชาติไทย ชุดปัจนุชัน
กิ่งแก้ว บัวตูม นักปีนเขา นักผจญภัย นักนำรฝจชาวไทย เป็นหญิงคนแรก ๆ ที่ปีนยอดเขาที่มีชื่อเสียงหลายยอด
พิเชฐ ถูกใจ อดึตนักกีฬา วูซู ทีมชาติไทย
หลังสวน พันธุ์ยุทธภูมิ อดีตนักมวยไทสชื่อดัง ฉายา "ขุนเข่าไร้น้ำใจ"
วิลาสินี รัตนนัย นักฮอกกี้น้ำแข็งสาวทีมชาติไทย
สโมสรกีฬาฟุตงอลวนจังหวัด
สโมสรฟุตบอลพะเยา สโมสรพะเยา เอฟซี เคยอยู่ ไทยลีก 3 ปี 2560 - โซนตอนบน อุนดับที่ 5 แล้วพักทีมไป 2 ปี เลยโดนลอชั้นมาแข่งคัดเลือกใหม่
ป้ยจุบัน สโมสรฟุตบอลพะเยา เอฟซี ส่งเข้นร่วมกาตแข่งขัน ในนาม สโมสรโรงสีแม่ใจธนะโชติวัคฒน์ ไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก โซนภาคเหนือ และได้เลื่อนขึ้รชเ้น ไทยลีก 3 โซนภาคเหนือ ในฤดูกาล 2565 - 2566
สโมสรฟุตบอลโรงสีแม่ใจธนะโชติวัฒน์ พะเยา
== ดูเพิ่มุ ==
รายชื่อวัดใจจังหวัดพะเยา
รายชื่อโรงเรัยนในจังหวัดพะเยา
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดพะเยา
รายชื่อห้่งสรรพสินค้าสนจังหวัดพะเยา
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการบองจังหวัด
้ว็บไซต์ข้อมูลจังหวัดพะเยา
แผนที่จังหวัดพะเยา
สำนักงานแระชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา
สำนักงานวํฒนธรรมจังหวัดพะเยา
|
พะเยา เป็นจังหวัดในภาคเหนือ บริเวณที่ตั้งของตัวเมืองพะเยาในปัจจุบันอยู่ติดกับกว๊านพะเยา เดิมเป็นที่ตั้งของเมือง ภูกามยาว หรือ พะยาว ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 โดยกษัตริย์องค์แรกคือ พญาจอมธรรม ซึ่งเป็นราชบุตรองค์หนึ่งจากเมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน และเป็นบรรพบุรุษของกษัตริย์เมืองพะยาวอีกหลายองค์ เช่น พญาเจือง วีรบุรุษแห่งเผ่าไท-ลาวในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง และพญางำเมืองซึ่งได้กระทำสัตย์สาบานเป็นไมตรีต่อกันกับพญามังรายแห่งนครพิงค์เชียงใหม่ และพญาร่วงรามคำแหงแห่งสุโขทัย ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านนา ในสมัยพญาคำฟู
เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. 2386 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 เมืองพะเยาถูกตั้งขึ้นใหม่พร้อมเมืองเชียงรายและเมืองงาวเพื่อเป็นเมืองหน้าด่านต่อตีกับกองทัพพม่าที่ตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสน โดยให้เมืองพะเยาขึ้นตรงต่อ นครลำปาง (พื้นที่บางส่วนของจังหวัดพะเยาปัจจุบัน ได้แก่ อำเภอเชียงม่วน อำเภอปง อำเภอเชียงคำ และอำเภอภูซางขึ้นตรงต่อนครน่าน) และในท้ายที่สุดก่อนที่พะเยาจะถูกยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด พะเยาอยู่ใต้การปกครองของจังหวัดเชียงรายในฐานะ อำเภอพะเยา และเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 อำเภอพะเยาได้ยกฐานะขึ้นเป็น จังหวัดพะเยา นับเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทย
== ประวัติศาสตร์ ==
จังหวัดพะเยาจัดตั้งเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 โดยแยกออกจากจังหวัดเชียงราย
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้งและอาณาเขต ===
จังหวัดพะเยา เป็นจังหวัดชายแดน ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย มีเขตระหว่างเส้นรุ้งที่ 18 องศา 44 ลิปดาเหนือ ถึง 19 องศา 44 ลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 99 องศา 40 ลิปดาตะวันออก ถึง 100 องศา 40 ลิปดาตะวันออก โดยมีอาณาเขตติดต่อดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดเชียงราย
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดลำปาง และจังหวัดแพร่
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดน่าน และแขวงไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดลำปาง
=== ภูมิประเทศ ===
สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดพะเยา เป็นที่ราบสูงและภูเขา มีระดับความสูงตั้งแต่ 300–1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีเทือกเขาอยู่ทางทิศตะวันตก ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้และตอนกลางของพื้นที่จังหวัด มีเนื้อที่ประมาณ 6,335.06 ตารางกิโลเมตร หรือ 3,959,412 ไร่ มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นลำดับที่ 15 ของภาคเหนือ และมีพื้นที่ป่าไม้ (จากภาพถ่ายดาวเทียม ปี 2542) ประมาณ 1,503,174 ไร่ หรือร้อยละ 37.96 ของพื้นที่จังหวัด สภาพเป็นป่าดงดิบและป่าเบญจพรรณ ไม้ที่สำคัญ ได้แก่
ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้มะค่า ไม้ชิงชัน ไม้ยาง ไม้เต็ง ไม้รัง ฯลฯ จังหวัดพะเยามีพื้นอยู่ทั้งในที่ลุ่มแม่น้ำโขงและลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนที่อยู่ในลุ่มน้ำโขง คือพื้นที่อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ อำเภอจุน อำเภอปง อำเภอเชียงคำ และอำเภอแม่ใจ ส่วนที่อยู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา คือ อำเภอปง และ อำเภอเชียงม่วน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำยม
=== ภูมิอากาศ ===
จังหวัดพะเยาแบ่งฤดูกาลออกเป็น 3 ฤดู คือ
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคม อากาศร้อน แห้ง ความชื้นน้อย อากาศร้อนจัดในเดือนเมษายน อุณหภูมิสูง สุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส
ฤดูฝน ระหว่าง เดือนมิถุนายน – ตุลาคม มีปริมาณน้ำฝนมากพอสมควร ความชื้นสัมพัทธ์ ประมาณ 44–95 % ฝนจะตกชุกมากระหว่าง เดือน สิงหาคม – กันยายน ซึ่งเป็นฝนที่ได้รับอิทธิ พลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และพายุหมุน จากทะเลจีนใต้ ตอนต้นฤดูฝน จะมีลม กรรโชกแรง บางครั้งทำให้เกิดความเสียหายแก่ ทรัพย์สิน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปี ประมาณ 1,062 มิลลิเมตร
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ อากาศจะ เริ่มหนาวในเดือนพฤศจิกายน และจะหนาวมากในปลาย เดือนธันวาคม – ต้นเดือนมกราคม อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนมกราคม 0 องศาเซลเซียส
== การเมืองการปกครอง ==
=== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ===
คำขวัญประจำจังหวัด : กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม
ตราประจำจังหวัด : รูปพระเจ้าตนหลวงวัดศรีโคมคำ
ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นสารภี (Mammea siamensis)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกสารภี
=== รายนามผู้ว่าราชการจังหวัด ===
{|class="PrvPe0b"
|-
! width="50" style="background: Khaki;text-align: center;"| ลำดับ
! width="220" style="background: Khaki;text-align: center;"| รายนาม
! width="250" style="background: Khaki;text-align: center;"| ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
! width="100" style="background: Khaki;text-align: center;"| จำนวนปี
|-
|1
|นายสัญญา ปาลวัฒน์วิไชย
|28 ส.ค. 2520 - 30 ก.ย. 2524
|4 ปี 1 เดือน
|-
|2
|นายอรุณ รุจิกัณหะ
|1 ต.ค. 2524 - 30 ก.ย. 2526
|2 ปี
|-
|3
| นายสุดจิตร คอวนิช
|1 ต.ค. 2526 - 30 ก.ย. 2530
|4 ปี
|-
|4
| นายศักดา ลาภเจริญ
|1 ต.ค. 2530 - 30 ก.ย. 2532
|2 ปี
|-
|5
| นายทองคำ เขื่อนทา
|1 ต.ค. 2532 - 30 ก.ย. 2533
|1 ปี
|-
|6
| นายสวัสดิ์ ส่งสัมพันธ์
|1 ต.ค. 2533 - 30 ก.ย. 2536
|3 ปี
|-
|7
| นายวิจารณ์ ไชยนันทน์
|5 ต.ค. 2536 - 30 ก.ย. 2539
|3 ปี
|-
|8
| นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา
|1 ต.ค. 2539 - 30 ก.ย. 2540
|1 ปี
|-
|9
| นายกำพล วรพิทยุต
|20 ต.ค. 2540 - 29 ก.พ. 2543
|2 ปี 5 เดือน
|-
|10
| นายสันต์ ภมรบุตร
|1 มี.ค. 2543 - 30 ก.ย. 2543
|7 เดือน
|-
|11
| นายพิพัฒน์ วงศาโรจน์
|1 ต.ค. 2543 - 30 ก.ย. 2545
|2 ปี
|-
|12
| นายสมศักดิ์ บุญเปลื้อง
|1 ต.ค. 2545 - 30 ก.ย. 2546
|1 ปี
|-
|13
| นายบวร รัตนประสิทธิ์
|1 ต.ค. 2546 - 1 ธ.ค. 2548
|2 ปี 2 เดือน
|-
|14
| นายวิทยา ปิณฑะแพทย์
|2 ธ.ค. 2548 - 30 ก.ย. 2549
|10 เดือน
|-
|15
| นายธนเษก อัศวานุวัตร
|13 พ.ย. 2549 - 5 พ.ค. 2551
|1 ปี 6 เดือน
|-
|16
| นางสาวเรืองวรรณ บัวนุช
|6 พ.ค. 2551 - 30 ก.ย. 2552
|1 ปี 5 เดือน
|-
|17
| นายเชิดศักดิ์ ชูศรี
|1 ต.ค. 2552 - 30 ก.ย. 2553
|1 ปี
|-
|18
| นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ
|1 ต.ค. 2553 - 27 พ.ย. 2554
|1 ปี 2 เดือน
|-
|19
| นายไมตรี อินทุสุต
|28 พ.ย. 2554 - 7 ต.ค. 2555
|10 เดือน
|-
| 20
| นายชูชาติ กีฬาแปง
|8 ต.ค. 2555 - 30 ก.ย. 2558
| 3 ปี
|-
|21
| นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ
| 1 ต.ค. 2558 - 30 ก.ย. 2559
| 1 ปี
|-
|22
| นายณรงค์ศักดิ์ เฉลิมเกียรติ
| 1 ต.ค. 2559 - 30 ก.ย. 2560
|1 ปี
|-
|23
|นายประจญ ปรัชญ์สกุล
|1 ต.ค. 2560 - 29 มิ.ย. 2561
| 9 เดือน
|
|-
|24
|นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร
| 29 มิ.ย. 2561 - 30 ก.ย. 2562
| 1 ปี 3 เดือน
|
|-
|25
|นายกมล เชียงวงค์
| 1 ต.ค. 2562 - 12 ก.พ. 2564
| 1 ปี 4 เดือน
|
|-
|26
|นายโชคดี อมรวัฒน์
| 25 พ.ค. 2564 - 30 ก.ย. 2564
| 4 เดือน
|-
|27
|นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ
| 15 ธ.ค. 2564 - 30 ก.ย. 2565
| 10 เดือน
|-
|28
|ว่าที่ร้อยตรีณรงค์ โรจนโสทร
| 1ต.ค. 2565 - 30 ก.ย. 2566
| 1ปี
|-
|29
|รอรับการแต่งตั้งใหม่
|
|
|}
=== หน่วยการปกครอง ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 68 ตำบล 779 หมู่บ้าน 2 เทศบาลเมือง 33 เทศบาลตำบล 36 องค์การบริหารส่วนตำบล
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
{|class="wikitable"
|- style=
! ที่ !! ชื่ออำเภอ !! ตัวเมือง !!อักษรโรมัน !! จำนวนตำบล !!จำนวนประชากร
|-
||1.||เมืองพะเยา||53px||Mueang Phayao||15||126,934
|-
||2.||จุน||23px||Chun||7||50,984
|-
||3.||เชียงคำ||43px||Chiang Kham||10||76,798
|-
||4.||เชียงม่วน||43px||Chiang Muan||3||19,210
|-
||5.||ดอกคำใต้||55px||Dok Khamtai||12||71,403
|-
||6.||ปง||13px||Pong||7||52,824
|-
||7.||แม่ใจ||43px||Mae Chai||6||34,910
|-
||8.||ภูซาง||30px||Phu Sang||5||31,492
|-
||9.||ภูกามยาว||45px||Phu Kamyao||3||21,749
|}
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเมืองพะเยา
เทศบาลเมืองพะเยา
เทศบาลตำบลท่าวังทอง
เทศบาลตำบลแม่กา
เทศบาลตำบลแม่ปืม
เทศบาลตำบลบ้านต๋อม
เทศบาลตำบลบ้านต๊ำ
เทศบาลตำบลบ้านสาง
เทศบาลตำบลบ้านใหม่
เทศบาลตำบลจำป่าหวาย
เทศบาลตำบลท่าจำปี
เทศบาลตำบลสันป่าม่วง
อำเภอจุน
เทศบาลตำบลจุน
เทศบาลตำบลห้วยข้าวก่ำ
เทศบาลตำบลเวียงลอ
เทศบาลตำบลหงส์หิน
เทศบาลตำบลทุ่งรวงทอง
อำเภอเชียงคำ
เทศบาลตำบลเชียงคำ
เทศบาลตำบลบ้านทราย
เทศบาลตำบลฝายกวาง
เทศบาลตำบลหย่วน
||
อำเภอเชียงม่วน
เทศบาลตำบลเชียงม่วน
อำเภอดอกคำใต้
เทศบาลเมืองดอกคำใต้
เทศบาลตำบลบ้านถ้ำ
เทศบาลตำบลห้วยลาน
เทศบาลตำบลหนองหล่ม
อำเภอปง
เทศบาลตำบลงิม
เทศบาลตำบลปง
เทศบาลตำบลแม่ยม
||
อำเภอแม่ใจ
เทศบาลตำบลแม่ใจ
เทศบาลตำบลบ้านเหล่า
เทศบาลตำบลรวมใจพัฒนา
เทศบาลตำบลป่าแฝก
เทศบาลตำบลเจริญราษฎร์
เทศบาลตำบลศรีถ้อย
อำเภอภูซาง
เทศบาลตำบลสบบง
อำเภอภูกามยาว
เทศบาลตำบลดงเจน
|}
== การคมนาคม ==
=== ทางถนน ===
โดยรถยนต์สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง เช่น
1. ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านกำแพงเพชร ตาก ลำปาง แล้วเข้าสู่ตัวเมืองพะเยา ระยะทาง 969 กิโลเมตร
2. ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 117 จนถึงพิษณุโลก แยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 12 ไปจนถึงสุโขทัย เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 101 ผ่านอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 103 ผ่านอำเภอร้องกวาง เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านอำเภองาว เข้าสู่ตัวเมืองพะเยา ระยะทาง 782 กิโลเมตร
รถโดยสารประจำทาง
บริษัทขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารปรับอากาศและธรรมดา ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2
พะเยา-ภาคกลาง
· สาย 662 พิษณุโลก-เชียงราย-แม่สาย (พิษณุโลก-สุโขทัย-สวรรคโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์
· สาย 663 นครสวรรค์-เชียงราย (นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ คิงส์ด้อมทัวร์
พะเยา-ภาคใต้
· สาย 780 ภูเก็ต-เชียงราย (ภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี-ชุมพร-ประจวบฯ-หัวหิน-ชะอำ-เพชรบุรี-อยุธยา-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· สาย 877 แม่สาย-ด่านนอก (แม่สาย-เชียงราย-พะเยา-แพร่-อุตรดิตถ์-พิษณุโลก-ทุ่งสง-พัทลุง-หาดใหญ่-ด่านนอก) ปิยะชัยพัฒนา จำกัด
พะเยา-ภาคตะวันออก
· สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สาย (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
· สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สาย (สายเก่า-รถด่วน) (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-นครสวรรค์-ตาก-ลำปาง-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
พะเยา-ภาคอีสาน
· สาย 661 เชียงราย-นครพนม (นครพนม-สกลนคร-อุดรธานี-หนองบัวลำภู-เลย-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สมบัติทัวร์
· สาย 633 ขอนแก่น-เชียงราย (ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ อีสานทัวร์ สมบัติทัวร์
· สาย 651 นครราชสีมา-แม่สาย (นครราชสีมา-สระบุรี-โคกสำโรง-ตากฟ้า-เขาทราย-วังทอง-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยทัวร์
· สาย 841 บึงกาฬ-แม่สาย (บีงกาฬ-หนองคาย-อุดรธานี-ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
. สาย 587 อุบลราชธานี-เชียงราย (อุบลฯ-ศีรษะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์-ชัยภูมิ-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-พาน-เชียงราย) บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด
พะเยา-ภาคเหนือ
· สาย 671 เชียงใหม่-เชียงของ (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-เชียงคำ-เทิง-เชียงของ) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· สาย 198 เชียงใหม่-พะเยา (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· สาย 113 เชียงใหม่-น่าน (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-ปง-เชียงม่วน-น่าน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· สาย 148 เชียงใหม่-เชียงราย (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· สาย 149 เชียงใหม่-แม่สาย (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย-แม่จัน-แม่สาย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· สาย 150 เชียงใหม่-สามเหลี่ยมทองคำ (ข) (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย-แม่จัน-เชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· สาย 146 ลำปาง-เชียงราย (ลำปาง-งาว-พะเยา-แม่ใจ-พาน-เชียงราย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· สาย 2160 พะเยา-เชียงคำ (พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-เชียงคำ) บริษัท ดอกคำใต้เดินรถ จำกัด
· สาย 197 พะเยา-ปง (พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-ปง) บริษัท อารยะเดินรถ จำกัด
· สาย 612 พะเยา-น่าน (พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-ปง-เชียงม่วน-บ้านหลวง-น่าน) บริษัท พะเยาขนส่ง จำกัด
· สาย 679 เชียงราย-จุน (เชียงราย-เทิง-ป่าแดด-จุน) บริษัท สหกิจเดินรถเชียงราย จำกัด
· สาย 620 เชียงราย-เชียงคำ (เชียงราย-เทิง-เชียงคำ) บริษัท ก.สหกิจเดินรถเชียงราย จำกัด
· สาย 686 เชียงราย-เชียงคำ (เชียงราย-แม่ลอยไร่-ร่องแมด-เชียงคำ) บริษัท บุญณัฐเดินรถ จำกัด
· สาย 621 เชียงราย-พะเยา (เชียงราย-พาน-แม่ใจ-พะเยา) บริษัท ก.สหกิจเดินรถเชียงราย และ พะเยาขนส่ง จำกัด
· สาย 144 เชียงราย-แพร่ (เชียงราย-พาน-พะเยา-แพร่) บริษัท แพร่ยานยนต์ขนส่ง (หนานคำทัวร์) จำกัด
· สาย 672 แม่สาย-แม่สอด (แม่สาย-เชียงราย-พะเยา-งาว-ลำปาง-เถิน-ตาก-แม่สอด) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
· สาย 1131 เชียงใหม่-เชียงม่วน (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-ปง-เชียงม่วน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
พะเยา-กรุงเทพฯ
กรุงเทพ-พะเยา (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-งาว-พะเยา) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์ นครชัยแอร์
กรุงเทพ-เชียงราย (ก) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-ตาก-ลำปาง-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์ นครชัยแอร์ อินทราทัวร์
กรุงเทพ-เชียงราย (ข) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์
กรุงเทพ-แม่สาย (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. บุษราคัมทัวร์ เชิดชัยทัวร์
กรุงเทพ-เชียงของ (กรุงเทพ-นครสวรรค์-แพร่-ดอกคำใต้-เชียงคำ-เชียงของ) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์
กรุงเทพ-เชียงคำ-ภูซาง(บ้านฮวก) (กรุงเทพ-พิษณุโลก-แพร่-เชียงม่วน-ปง-เชียงคำ-ภูซาง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส.
การเดินทางจากพะเยาสู่อำเภอต่าง ๆ
อำเภอดอกคำใต้ 12 กิโลเมตร
อำเภอภูกามยาว 14 กิโลเมตร
อำเภอแม่ใจ 24 กิโลเมตร
อำเภอจุน 48 กิโลเมตร
อำเภอเชียงคำ 76 กิโลเมตร
อำเภอปง 79 กิโลเมตร
อำเภอภูซาง 85 กิโลเมตร
อำเภอเชียงม่วน 117 กิโลเมตร
การเดินทางจังหวัดพะเยากับจังหวัดภาคเหนือ
จังหวัดเชียงราย 94 กิโลเมตร
จังหวัดลำปาง 134 กิโลเมตร
จังหวัดเชียงใหม่ 153 กิโลเมตร
จังหวัดแพร่ 156 กิโลเมตร
จังหวัดลำพูน 172 กิโลเมตร
จังหวัดน่าน 188 กิโลเมตร
จังหวัดแม่ฮ่องสอน 407 กิโลเมตร
=== ทางรถไฟ ===
ทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ (กำลังก่อสร้าง)
สถานีพะเยา
สถานีมหาวิทยาลัยพะเยา
สถานีบ้านโทกหวาก
สถานีดงเจน
สถานีบ้านร้อง
สถานีบ้านใหม่(พะเยา)
=== ทางอากาศ ===
โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานพะเยา (อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้)
สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
== สถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยว ==
{|
| width="500" valign="top" |
อนุสาวรีย์พญางำเมือง
กว๊านพะเยา
วัดติโลกอาราม
สถานีประมงน้ำจืดพะเยา
วัดศรีโคมคำ
หอวัฒนธรรมนิทัศน์
วัดพระธาตุจอมทอง
วัดอนาลโยทิพยาราม
วัดศรีอุโมงค์คำ
วัดลี
อุทยานแห่งชาติดอยหลวง
ไดโนเสาร์เชียงม่วน
วัดท่าฟ้าใต้
ดอกคำใต้
อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง
วัดพระนั่งดิน
วัดพระธาตุสบแวน
วัดนันตาราม
| width="500" valign="top" |
ศูนย์วัฒนธรรมไทยลื้อ
อุทยานแห่งชาติภูซาง
น้ำตกภูซาง
ถ้ำผาแดง
ถ้ำน้ำลอด
ตลาดการค้าชายแดนไทย-ลาว
น้ำตกธารสวรรค์
น้ำตกห้วยต้นผึ้ง
หนองหล่มตำบลสุขภาวะ (แหล่งท่องเที่ยวชุมชน)
บ่อสิบสอง หน้าผาเกี๋ยงชมพระอาทิตย์ตกดิน
น้ำตกจำปาทอง
ดอยบุษราคัม
หาดน้ำดัง
วัดพระนั่งดิน
วัดศรีชุม (พระเจ้าทันใจอายุกว่า 700 ปี)
ผาหัวเรือ
วัดศรีจอมเรือง
|}
== เศรษฐกิจ ==
ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของจังหวัดพะเยา ได้แก่
ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมมะลิของจังหวัดพะเยาจัดอยู่ในสินค้าระดับ Premium Grade เพราะจะมีเพียงฤดูนาปีเท่านั้น จังหวัดพะเยามีดินดีที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก กล่าวคือ ดินเหนียวใกล้เชิงภูเขาไฟและเป็นดินจากภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ทำให้ข้าวมีรวงแข็งแรง เมล็ดสมบูรณ์ใหญ่ยาว เมื่อสีข้าวแล้วจะได้ข้าวเมล็ดเรียวยาว ขาวเป็นมัน เมื่อหุงสุกแล้วจะเหนียวนุ่มกลิ่นหอมตามธรรมชาติคล้าย ๆ กับกลิ่นใบเตย แม้ทิ้งไว้นานก็ยังคงสภาพกลิ่นหอม หุงแล้วนุ่ม
ลำไย ลำไยส่วนใหญ่ที่ปลูกในจังหวัดพะเยา คือ พันธุ์อีดอ ลักษณะผลใหญ่ รูปทรงแป้นเบี้ยว เนื้อหวานสีขาวขุ่นค่อนข้างเหนียว รสหวาน มีปริมาณน้ำตาลประมาณร้อยละ 18.7 ผลจะแก่เร็วกว่าผลพันธุ์อื่น ต้นเดือนกรกฎาคมก็เก็บผลผลิตได้ นิยมปลูกในทุกอำเภอ แหล่งที่ปลูกมากคืออำเภอเชียงคำและอำเภอจุน ผลผลิตส่วนใหญ่จะผลิตเป็นลำไยอบแห้งทั้งเปลือก
ลิ้นจี่ เนื่องจากสวนลิ้นจี่ส่วนใหญ่ของจังหวัดพะเยาปลูกอยู่ระหว่างหุบเขาที่มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปีและปลูกในดินที่มีปริมาณธาตุโพแทสเซียมสูง ส่งผลให้ลิ้นจี่ของจังหวัดพะเยามีลักษณะเด่น คือ ลูกใหญ่ สีผิวสวยตามชนิดพันธุ์ รสชาติหวาน เนื้อแห้งกรอบ ไม่มีน้ำมาก เมื่อแกะรับประทานสด สามารถเก็บเกี่ยวได้ก่อนจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือ
== การศึกษา ==
{|
| width="500" valign="top" |
สถาบันอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยพะเยา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พะเยา
สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค (สถาบันอุดมการศึกษาเอกชนแห่งแรกของจังหวัดพะเยา ที่เปิดการเรียนการสอน ปริญญาตรี-โท)
|-
สถาบันอาชีวศึกษารัฐ
วิทยาลัยเทคนิคพะเยา
วิทยาลัยเทคนิคเชียงคำ
วิทยาลัยเทคนิคดอกคำใต้
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา
วิทยาลัยการอาชีพปง ชื่อเดิม วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการปง
สถาบันอาชีวศึกษาภาคเหนือ 2
| width="500" valign="top" |
สถาบันอาชีวศึกษาเอกชน
วิทยาลัยเทคโนโลยีพะเยา
วิทยาลัยเทคโนโลยีประชาพัฒน์
วิทยาลัยเทคโนโลยีซีเทคแปซิฟิค
โรงเรียนระดับมัธยมศึกษา
ดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดพะเยา
|}
== สาธารณสุข ==
{|
| width="500" valign="top" |
โรงพยาบาลพะเยา
โรงพยาบาลพะเยาราม (เอกชน )
โรงพยาบาลค่ายขุนเจืองธรรมิกราช
โรงพยาบาลเชียงคำ
โรงพยาบาลเชียงม่วน
โรงพยาบาลดอกคำใต้
| width="500" valign="top" |
โรงพยาบาลจุน
โรงพยาบาลปง
โรงพยาบาลแม่ใจ
โรงพยาบาลภูซาง
โรงพยาบาลภูกามยาว
ศูนย์การแพทย์และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา
|}
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
พระเกจิอาจารย์
พระครูภาวนาธิคุณ (อินโต คัณธวังโส) - พระเกจิอาจารย์แห่งภาคเหนือของไทย
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปวง ธมฺมปญฺโญ) - "พระราชาคณะเจ้า คณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ" อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ และที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6
พระเทพวิสุทธิญาณ (ไพบูลย์ สุมังคโล) - (ธรรมยุต) - เจ้าอาวาส วัดดอนาลโยทิพยาราม (ดอยบุษราคัม)
เจ้านายฝ่ายเหนือ
เจ้าหลวงมหาวงศ์ ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองพะเยายุคฟื้นฟูองค์ที่ 1
นักการเมือง
ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ในรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
อรุณี ชำนาญยา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขต พะเยา1
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในสภาผู้แทนราษฎรไทยและ ส.ส.พะเยาเขต 2
พวงเล็ก บุญเชียง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา 7 สมัย
ไพโรจน์ ตันบรรจง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา
บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อและกรรมการบริหาร พรรคพลังประชารัฐ
มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์)
ฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ ภริยาพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ - นักการเมืองไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี
จีรเดช ศรีวิราช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพะเยา เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ
ประพันธ์ อัมพุช อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ผู้เสนอจัดตั้งจังหวัดพะเยา
ข้าราชการ นักวิชาการ
มนตรี ยอดปัญญา ประธานศาลฎีกาคนที่ 40
ทองคำ เขื่อนทา อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา คนที่ 5
พล.ต.อ. ดร.ประสาน วงศ์ใหญ่ อดีตอธิบดีกรมตำรวจแห่งชาติ
อาภา จันทร์เทวี รองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิง
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ อดีตผู้อำนวยการ รพ.พญาไท 2, คุณหมอผ่าตัดหัวใจชื่อดัง
รศ.ดร.วันชัย พลเมืองดี อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
แวดวงนักธุรกิจ
ถนอม ดีสร้อย นักธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์
เฉลิม ทองสุข เจ้าของ บริษัท มีสุข เรียลเอสเตท จำกัด
บุคคลในวงการบันเทิง
ภูริกูลกฤษฎ์ ชูศักดิ์สกุลวิบูล อดีตนักร้อง แอมป์ เดอะสตาร์ 7
ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์ (ยอร์ช) ดารานักแสดงช่อง 3
นพเก้า เดชาพัฒนคุณ (เก้า) เป็นนักแสดง นายแบบ และนักร้องชาวไทย ปัจจุบันเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 เอชดี
ธนพร ศรีวิราช (จุ๊บจิ๊บ) อดีต นางสาวไทยคนที่ 50 (พ.ศ. 2559) และเคยดำรงตำแหน่งรองอันดับ 2 Miss Teen Thailand 2012
อภิชาต วงศ์กาวี ดัชชี่บอยปี 1999 ดารานักแสดง
ณัฏฐ์ กิตติสาร นักร้อง อาร์สยาม
ประทุมทิพย์ ฉันทะ รองนางสาวไทย พ.ศ. 2527
สุจิตรา รัตนประยูร รองนางสาวไทยอันดับสาม พ.ศ. 2582
กิตติพงษ์ ปลื้มปรีดาพร ปู้ เดอะสตาร์ 11
กรภัทร์ นิลประภา สมาชิกวง BNK48 รุ่น 1
อัจฉราภรณ์ อินทรสกุล ดารา นางแบบ
แพรพลอย ทัยคุปต์ นักแสดง
พระแพง จินตนัดดา อัตถวิบูลย์ นักแสดง
บุคคลในวงการกีฬา
บวร ตาปลา นักกีฬาฟุตบอล- อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย (ชุด ม.อาเซียน ปี 2014 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบันสังกัดสโมสรเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ไทยลีก 1
อภิสิทธิ์ คำวัง นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยชุด U 19 ปี ปัจจุบันสังกัดสโมสรลำปาง เอฟซี ไทยลีก 2
กิตติธัช ประจันทาสี นักกีฬาฟุตบอลอดีตเยาวชนทีมชาติไทยชุด U 16 ปี ปัจจุบันสังกัดสโมสรเชียงรายล้านนา เอฟซี ไทยลีก 3
นิพิฐพนธ์ วงค์ปัญญา นักฟุตบอล U 19 ชาติไทยชุดปัจจุบันและเป็นเด็กฝึกหัดของสโมสรเลสเตอร์ซิตี้
อัศวิน ศิษย์หลักเมือง อดีตนักมวลสากลอาชีพ แชมป์ประเทศไทยรุ่นมินิฟลายเวท
ประจักษ์ มหาวงศ์ อดีต นักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย
บานนา คำฟู อดีต เป็นนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย
ส.ต.ต. นวุติ ลี้พงษ์อยู่ นักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย ชุดปัจจุบัน
จ่าสิบโท ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์นักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย ชุดปัจจุบัน
ร.ต.ท. ณัฐพล จีบถาวร อดีตนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย
จริยา ชุ่มลือ อดีตนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย
สถาวร จันทร์ผ่องศรีอดีตนักกรีฑาทีมชาติไทย
มุกตาภา ช้างหิน นักกีฬากรีฑา ทีมชาติไทย ชุดปัจจุบัน
กิ่งแก้ว บัวตูม นักปีนเขา นักผจญภัย นักสำรวจชาวไทย เป็นหญิงคนแรก ๆ ที่ปีนยอดเขาที่มีชื่อเสียงหลายยอด
พิเชฐ ถูกใจ อดึตนักกีฬา วูซู ทีมชาติไทย
หลังสวน พันธุ์ยุทธภูมิ อดีตนักมวยไทยชื่อดัง ฉายา "ขุนเข่าไร้น้ำใจ"
วิลาสินี รัตนนัย นักฮอกกี้น้ำแข็งสาวทีมชาติไทย
สโมสรกีฬาฟุตบอลในจังหวัด
สโมสรฟุตบอลพะเยา สโมสรพะเยา เอฟซี เคยอยู่ ไทยลีก 3 ปี 2560 - โซนตอนบน อันดับที่ 5 แล้วพักทีมไป 2 ปี เลยโดนลดชั้นมาแข่งคัดเลือกใหม่
ป้จจุบัน สโมสรฟุตบอลพะเยา เอฟซี ส่งเข้าร่วมการแข่งขัน ในนาม สโมสรโรงสีแม่ใจธนะโชติวัตฒน์ ไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก โซนภาคเหนือ และได้เลื่อนขึ้นชั้น ไทยลีก 3 โซนภาคเหนือ ในฤดูกาล 2565 - 2566
สโมสรฟุตบอลโรงสีแม่ใจธนะโชติวัฒน์ พะเยา
== ดูเพิ่มุ ==
รายชื่อวัดในจังหวัดพะเยา
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดพะเยา
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดพะเยา
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดพะเยา
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
เว็บไซต์ข้อมูลจังหวัดพะเยา
แผนที่จังหวัดพะเยา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา
สำนักงานวํฒนธรรมจังหวัดพะเยา
|
อุทัยธานี (เดิมสะกดว่า อุไทยธานี) เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย หรือบางหน่วยงานจัดให้อยู่ในตอนล่างบองภาคเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 6,730.246 ตารางกิโลเมตร มีประชากรในปี พ.ศ. 2564 จำนวน 325,116 คน
== ประวัติ ==
เมืองอุทัยธานีมีหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์ของกรมศิลปากรยืนยันไว้ว่า เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ก่เนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 3,000 ปี มาแล้ว โดยพบหลักฐานยืนยันในหลายพื้นที่ เช่น โครงกระดํก เครื่องมือหินกะเทาะจากหินกรวด ภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์บนหนเาผา (เขาปลาร้า) เป็นต้น
ตำนานเก่าเล่าว่า ในสมัยกรุงสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองนั้น ท้าวมหาพรหมได้เข้ามาสร้างเมืองที่บ้านอุทัวเก่า คือ อำเภอหนองฉางในปัจจุบันนี้ แล้วพาคนไทยเข้ามาอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านคนมอญและคนกะเหรี่ยง จึงเรียกว่า "เมืองอู่ไทย" ตามกลุ่มหรือที่อยู่ของคนไทยซึ่งพากันตั้งบ้านเรือนอยู่อย่างหนาแน่น มีพืชพันธุ์และอาหานอุดมสมบูรณ์กว่าแห่งอื่น ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทางเดินและเกิดกันดารน้ำ เมืองอู่ไทยจึงถูกทิ้วา้าง จนในที่สุด พะตะเบิดได้เข้ามาปรับปรุงเมืองอู่ไทย โดยขุดที่เก็บกักน้ำไว้ใกล้เมือฝ และพะตะเยิดได้เป็นผู้ปกครแงเมืองอู่ไทยเป็นคนแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยา
เมืองอู่ไทยต่อมาได้เรียกกันเป็น "เใืองอุไืย" คทดว่าเพี้ยนไปตามสำเนียงชาวพื้นเมืองเดิม ได้มีฐานะเป็ยหึวเมืองด่านชั้นนอก มีพระพลสงครามเป็นนายด่านแม่กลอง และพระอินทรเดชเป็สนายด่านหนองหลวง (ปัจจุบันแม่กลองคืออำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก และหนองหลวงคือตำบลหนองหลงง อำเภออุ้มผาง) คอยดูแลพม่าที่จะยกทัพมาตามเส้นทางชายปดนด่านแม่ละเมา
ต่อมาในรัชสมันสมเด็จพระเอกาทศรถ (พ.ศ. 2148-2163) ได้โปรดเกล้าฯ ให้บัญญัติอำนาจการใช้ตราประจำตำแหย่ง มีบัญชาการตามหัวเมืองนั้น ได้ระบุในกฎหมายเก่าลักษณะพระธรรมนูญว่า "เมืองอึๆทยธานี เป็นหัวเมืองขึ้นแก่มหาดไทย"
เมืองอุไทยธานีเป็นเมืองที่อยู่บนที่ดอนแลพลึกเข้าไป ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ดละไม่สามารถติดต่อทางเรือได้ ดังนั้นชาวเมืองจึงต้องขนข้าวบรรทุกเกวียนมาลงที่แม่น้ำ จึงทำให้พ่อค้าพากันไปตั้งยุ้งฉางรับซื้อข้าวที่ริมแม่น้ำจนเป็นหมู่บ้านใหญ่ เรียกว่าหมู่บ้าน "สะดกกรัง" เนื่องจากเป็นพื้นที่มีป่าสะแกขึ้นเต็มริมน้ำและมีต้นสะแกใหญ่อยู่กลางหมู้บ้าน บ้านสะแกกรัง ชาวจีนเรคยกเพี้ยนเป็น "ซิเกี๋ยกั้ง" เป็นตลาพซื้อย้าวที่มีพ่อค้าคนจีนนิยมไปตั้งบ้านเรือนและยุ้งฉาง ต่แมาในระยะหลังได้มีเจ้านายและขุนนางมาตั้งบ้านเรือนอยู่ เพราะความสะดวกในการกะเกณฑ์สิืงของส่งเมืองหลวงซึ่งเป็นจำพวกมูลค้างึาว ไม้ซุง กระวาน และช้างป่า อีกทั้งยังมีช่องทางในการค้าข้าวอีกด้วย
ในรัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ (พ.ศ. 2251-2275) นั้น จมื่นมหาสนิท (ทองคำ) ซึ่งย้ายมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านสะแกกรังนั้น ได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาราชนิกูล และต่อมาได้กำเนิดบุตรชายคนโตชื่อ "ทองดี " เกิดที่สะแกกรัง สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกฯ พระนามเดิม ทองดี เดิมทรงรับราชการในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้ดำรงตำแหน่งำระอักษรสุนทร เสทียนตรากรมมหาดไทย ถึงรีชกาลสมเด็จำระที่นั่งสุริยาศน็อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) พม่ายกกองทัภมาล้อมกรถงศรีอยุธยา เกิดการระส่ำตะสายแตกสามัคคีในพระนคร จึงทรงอพยพครอบครัวฟปรับราชการกับเจ้าเมืองพิษณุโลก ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์ สมุหนายกอัครมหาเสนาบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ ต่อมาทรงพระประชวร สิ้รพระชนม์ในเมืองพิษณุโลก บุตรชายชื่อ "ทองด้วง" ภายหลังได้รับราชการเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัต่ิย์ศึก ปราบจลาจลในกรุฝธนบุรี และสถาปนาเป็นกษัตริย์ราชวงศ์จักรีปกครองแผ่นดินทรงพระนามว่า "พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช" ทรงอัญเลิญพระอัฐิา่วนหนึ่งประดิษฐาน ณ หอถระในพระบรมมหาราชวัง เพื่อใผ้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการถวายบังคมในพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัจจาในฐานะสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกแห่งราชวงศ์จักรี พระอัฐิอีกส่วนหนึ่ง สมะด็จะระบวรราชเจ้ามหาสุรสเงหนาท อัญเชิญเข้าปรัดิษฐานในพระเจดีย์ทองในพระมณฑหวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ราชวรมหาวิหาร มีประเพณีที่พระมหากษัตริย์ทรงตะ้งเครื่องทองน้อย ดพื่อสักการบูชาทุกครั้งที่เสด็จพรัราชดำเนิน
พ.ศ. 2376 ข้าราชการชาวกรุงเทพฯ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระยาอุไทยธานี เจ้าเมืองอุไทยธานีในสมัยนะ้น ได้เห็นว่าบ้านสะแกกรังเป็นตลาดใหญ่ มีฟู้คนอพยพเข้ามาอยู่กันอย่างหนาแน่น อีกทั้งเป็นสถานที่ที่ชาวอุไทยธานีติดต่อค้าขายข้าวและไม้ซุงกับพ่อค้าที่นั่นมานานแล้ว จึงคิดตั้งบ้านเรือนเพื่อค้าขาย ประจวบกับเวลานั้น เจ้าเมืองไชยนาทเป็นเพื่อนกัน จึงขอตั้งบ้านเรือนที่ริมแม่น้ำสะแกกรัง เนืรองจากผู้คนสาติดต่อราชการและมาค้าขมยกันใาก ทั้งนี้ เนื่องจากเจ้าเมืองไม่กล้าขึ้นไปเมืองอุไทยธานีเก่า อ้างว่ากลัวไข้ป่า จึงเป็นเหตุให้พากันอพยพมาอยู่กันมากขึ้น
พฐศ. 3391 ได้มีการแบ่งเขตดินแดนเมือวอุไทยธานีและเมืองไชยนาท โดยตัดเขตบ้านสะแกกรังทางฝั่งคลองฟากใต้ ตั้งแต่ท้ายบ้านสะแกกรุงไปจดเมืองอุไทยธานีเก่า โอนที่นั่นจากเมืองไชยนาทเป็นของเมืองอุไทยธานี ดังนั้นเมืองอุไทยธานี จึงตั้งอยู่ที่ปลายสุดเขตแดนเมืองมโนรมย์ ข้างใต้บ้านลงมาสักคุ้งน้ำหนึ่งก็เป็นแดนเมืองไชยนาท
พ.ศ. 2441 เมืองอุไทยธานีขึ้นกับมณฑลนครสวรรค์ ต่อใาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้เปลี่ยนไปขึ้นกับมณฑลอยุธยา สุดท้ายมีการประกาศเลิกมณฑลปี พ.ศ. 2476 และจัดให้จังหวุะเป็นหน่วยปกครองส่วนภูมิภาคที่สำค้ญที่สุด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ ตั้งแต่บัดนั้นมาจนะึงปัจจุบัน
== ภูมิศาสตร์ ==
ที่คั้งและอาณาเขต
จังหวัดอุทัยธานีถ๔กจัดให้อยู่ในภาคกลางตอนบนตาม ราลบัณฎิตยสถานและกรมอุตุนิยมวิทยา แต่บางหน่วยงานพูกจัดให้อยู่ตอนล่างของภาคเหนือ มีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดข้างเคียง ดังนี้
ทิศเหนือ ติดกับ จังหวัดนครสวรรค์
ทิศตะวันออก ติดกับ จังหวัดชัยนาท
ทิศใต้ ติดกับ จังำวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดกาญจนขุรี
ทิศตะวันตก ติดกับ จังหวัดตากและจังหวัดกาญจนบุรี
=== แม่น้ำและแหล่งน้ำที่สำคัญ ===
แม่น้ำสะแกกรัง ทีต้นกำเนิดจากเขาโมโกจูในจังหวัดกำแถงเพชร ไหลผ่านอำเภอลาดยาว จังหงัแนครสวรีค์ ผ่านอำเภอสว่างอารมณ์ อำเภอทัพทัน และอำเภอเมืองอุทัยธานี ก่อนไปบรรจบกับแม่น้ำเข้าะระยาที่ที่บ้านท่าซุง ตำบลท่าซุง อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี มีความยาวประมาณ 125 กิโลเมตร ฏดยในแม่น้ำบริเวณตลาดหน้าวัดอุโปสถาราม มีชุมชนชาวแพซึ่งอยู่อาศัยกันมากลายชั่วอายุคน มีการทำสวนต้นเตยและเพาะเลี้ยงปลาแรดในกระชังซึ่งเป็นปลาที่มีชื่อของจังหวัดด้วย
แม่น้ำเจ้าพระยา ไำลมาจากจังหวัดนครสวรรค์ผ่าน ต.หาดทนง (เกาะเทโพ) อ.เมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
ลำห้วยคลองโพ เกิดจากเทือกเขาในเขนอำเภอชุมตาบง อำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ และอำเ_อสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี ไหลมาบรรจบแม่น้ำสะแกกรัง(แควตากแดด) ที่ตำบลสว่างอารมณ์ อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี มีความยาวประมาณ 30 กิโลเมตร
ลำห้วยขุนแก้ว เกิดจากเทือกเขาในเขตอำเภอบ้านไร่ และอำเภอห้วยคต ไหลผ่านอำเภอห้วยคต อำเภอลานสัก อำเภอหนองฉาง อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี และอำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท มาบรีจบแม่น้ำท่าจีนที่ตำบลวัดสิงห์ อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท มีความยาวประมาณ 60 กิโลเมตร
ชำห้วยทับเสลา ห้วยทับเสลาเป็นลำห้วยสนขาของแม่น้ำสะแกกตัง ห้วยทับเสลา มีต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาในเขตอำเภอบ้านไร่ อำเภอลานสัก ทางทิศตะวันตกของจังหวัดอุทัยธานี ไหลผ่านอำเภอลานสัก อำเภอหนองฉาง อำเภอหนองขาหย่าง มาลรรจบแม่น้ำสะแกกรังที่ตำบลน้ำซึม อำเภอะมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี มีความยาวจากท้ายเขื่อนทับเสลาถึงจุดที่บรรจบกับแม่น้ำสะแกกรังประมาณ 90 หิโลเมคร
ลำห้วยกระเสียว เป็นลำห้วยสาขามหญ่ของแม่น้ำท่าจีน ต้นาีำอยู่ระหว่างเขาแหละกับะขาใหญ่ในเขตอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ไหลผืานท้องที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี อำเภอด่านช้าง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี มาบรรจบแม่น้ำท่าจีนที่บืานทึง ดำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี รวมความยายประมาณ 14p กิโลเมตร
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัะ ==
คำขวัญประจำจังหวัด : อุทัยธานี เมืองพรดชนกจักรี ปลาแรดรสดี ป่ะเพณีเทโว ส้มโอบ้านน้ำตก มรดกโลกห้วยขาแข้ง แหล่งต้นน้ำสะแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ
ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นสะเดา (Azadirachta indica var. siamensis)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกสุพรรณิการ์ (Coch;ospermum regium)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด ? ปลาแรด (Osphronemus goramy)
== หน่วยการปกครอง ==
=== การปกครองส่วนภูมอภาค ===
จังหวัดอุทัยธานีแบ่งเขตการปกครองเป็น 9 อำเภอ 70 ตำบล 632 หมู่บ้าน
จังหวัดอุทัยธานีมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 64 แห่ง ประกอชด้วย องค์การชริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง, เทศบาลเมือง 1 แห่ง ค่อ เทศบาลเท่องอุทัยธานี, เทศบาลตำบล 13 แห่ง แลัองค์การบริหารส่วนตำบล 49 แห่ง
== การศึกษา ==
== เทศกาลประเพณี ==
งานตักบาตรเทโว วัดสังกัสรัตนคีรี ถือเก็นประเพณีสำคัญใรวันออกพรรษาของจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งจะจัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เดืแน 11 (ตุลาคม) ของทุกปี พระสงฆ์ทุกรูปทึ่จำพรรษทในะขตอำเภอเมืองอุทัยธานีประมาณ 200-3p0 รูป จะออกนัลบิณฑบาตโดยเดินลงบันไดจากยอดเขาสะแกกรังนำด้วยพระพุทธรูปปางเสด็จจากดาวดึงส์ลงมารับบิณฑยาตข้าวสารจากพุทธศาสนิกชนทีีลานวัด โดยสมมติมณฑปบนยอดเขาสะแกกรังเป็น "สิริมหามายากูฎคาร" ที่พระพุทธเจ้าทรงเทศน์โปีดมารดา แล้วเสด็จกลับสู่โลกมนุษข์ลงบันได 339 ขั้น ซึ่งถือเป็นบันไดแก้วสู่กัสนคร คือ บริเวณวัดสังกัสรัตนคีรี ในวันนั้นประชาชนจะแต่ฝกายสวยงามและมาร่วมทำบุญกันอย่างพร้อมเพรียง นับเป็นงานประเพณีที่มีชื่อเสียงได้รับควรมนิบมจากนักท่องเที่ยวทุกปี
งานไหว้พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ วัดสังกัสรัตนคีรี เป็นงานท้องถิ่น จัดขึ้นในวันขึ้น 3-8 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี เป็นงานประเพณีไหว้พระคู่บ้านคู่เมือวอุทัยธานี ซึ่งเดิมนั้นเป็นงานนมัมการปิดทองพระพุทธบาทจำลองบนยอดเขาสดแกกรัง ในระยะหลังจึงจัดงานในคราวเดียวกันืี่วัดนี้ในวันขึ้น 5 ค่ำ เนื่องจากเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่มาไหว้พระพุทธมงคลศักดื์สิทธิ์และขึ้นยอดเขาเพื่อปิดทดงพระพุทธบาทจำลองมากที่สุด แบะได้จัดให้มีการละเล่นสนุกสนานควบคู่กันไปทุกปี
งานประจำปีวัดหนองขุนชาติ อำเภอหนองฉาง โดยจัดให้มีงรนในวันขึ้น 12 ค่ำ - วันแรม 5 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี เดิาเป็นงานนมัสการพระพุทธบาทจำลอง ต่อมาการจัดงานได้รับความนิยมมาก จึงได้จัดให้มีขึ้นเป็นประจำทุกปี
การละเล่นพื้นเมืองที่บ้านท่าโพ อำเภอหนองขาหย่าง จัดขึ้นในเทศกาลตรัษสงกรานต์ คือระหว่างวันที่ 13]14 เมษายน โดยชาวบ้านในหมู่บ้านท่าโำและหมู่ล้านพันสี จะมาร่วมกันจัดการละเล่จพื้นเมืองขึ้นที่วัดท่มโพ โดวจะเกฌบดอกไม้แห่เข้าโบสถ์แล้วร้องเพลงพิษ ฐานในโบสถ์ เสร็จปล้วจะออกมาเล่นเพลงชักกะเย่อ เพลงโลา เพลงรำวบโบราณอย่างสนุกสนานแต่ละเพลงมีท่ารำประกอบดฉพาะ ผลัอพันเล่นมอญซ่อนผ้า เจี๊ยบๆ จ้อย ช่วงชัย เสือกินวัว และแม่ศรี ตามแต่จะแข่งขเนกึน ซึ่วเป็นประเพณีของชาวไทยที่รักษาไว้และปฏิบัติกันมาหลายชั่วอายุคน การละเล่นต่างๆ ในหมู่บ้านแห่งสี้ส่วนใหญ่ยึงคงเนื้อเพลงที่ร้องแบบของเดิมไว้
การละเล่นของชาวกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร้ ยังคงรักษาประเพณึเดิมไว้ มีอต้นรำเชอโโเตตามจังหวะ การร้องเพลงกล่อมลูก เป็นต้น ประเพณีแารแต่งงานและการหย่าร้าง การนับถือผี งานบุญเจ้าวัด และการทอผ้าพื้นเมือง เป็นต้น ปัจจุบันยังสามารถศึกษาได้จากหมู่บ้านกะเหรี่ยง ตำบลคอกควาย และตำบลแก่นมะกรูด
งานแห่เจ้าขิงชาวจีนในอุทัยธานี เป็นประเพณีของชาวจีนในอุทัยธานีที่จะจัดพิธีแห่เจ้าพ่อและเจ้าแม่ซึ่งประดิษฐานอยู่ตามศาลต่างๆ โดยกำหนดมีงานตามการคีบปีของเจ้าแต่ละองค์ ซึ่งบางองค์ 5 ปีแห่ครั้งหนึ่ง บางองค์ 12 ปีแห่ครั้งหนึ่ง บางองค์ w4 ปีแห่คคั้งหสึ่ง ไม่เหมือนกัน การแห่เจ้าพ่อปุงเถ่ากง เจ้าพ่อหลักเมืองอุทัยธานี จะมีขบบนสาวงามถือธงร่วมขบวนเป็นแถวยาวผ่านตลอดไปตาสถนนรอวเมือง และจะมีสิงโตคณะต่างๆ ของชาวจีนในอุทัยธานีร่วมให้ำรตามร้านค้าคนจีนในตลาด ซึ่งทุกน้านจะตั้งโต฿ะบูชาประดับด้วยงาช้างขนาดใหญ่สวยงาม ถ้าเป็นงานของัจ้าแม่ทับทิม "จุ้ยบ้วยเนี้ยว" จะมีพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงเจ้าแม่เมื่อครบ 12 ปี และเข้าทรงทำการลุยไฟด้วย
== เหตุการณ์สำคัศ ==
=== ที่มาของธงไตรรงค์ ===
ธงช้างเผือดเปล่าได้ใช้เผ็นธงชาติสยามสืบมาจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2459 เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฑเกล้าเจ้าอยู่หึว รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังเมืองอุทัยธานี ซึ่งขณะนั้นประสบเหตุอุทกภัข และทอดพระเนตรเห็นธงช้างของราษฎรซึ่งตั้งใจรอรับเสด็จไว้ถูกติดกลับหัว พระองค์จึงมีพระราชดำริว่า ธงชาติต้องมีรูปแบบที่สมมาตรเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึเนอีก จึงทรงพระกรุณาโปีดเกล้าฯ ใหเดปลี่ยนรูปแบบธงชาติอีกครั้ง โดยเปลี่ยนเป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีแถบยาวสีแดง 3 แถบ สลับกับแถบวีขาว 2 แถบ ซึ่งเหมือนกับธงชาติไทยในปัจจึบัน แต่มีเพียงสีแดงสีเดียว ซึ่งธงนี้เรียกว่า "ธงแดงขาว 5 ริ้ว" (ชื่อในเอกสารนทชการเรียกว่า ธงค้าขาย(ทั้งนี้ สำหรับหน่วยงานราชการของรัฐบาลสยามยังคงใช้ธงช้างเผ้อกเป็ยสัญลักษณ์ แต่ใช้รูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่น ซึ่งแต่เดิมธงนีืเป็นธงสำหรับเรือหลวงมาตั้งแต่ พ.ศ. 2440 และมีฐานะเป็นธงราชการอยู่ก่อนแล้วต้้งแต่ พ.ศ. 2453
=== แัญหาอุทกภัย ปี พ.ศ. 2554 ===
น้ำท่วมจังหวัดอุทัยธานี โดยเริ่มตั้งแต่ วันาี่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาหนุนเข้าแม่น้ำสะแกกรัง ทำน้ำทะงักเข้าท่วมชุมชนริมแม่น้ำ-โบราณสถานสำคัญของจังหวัดอุทัยธาน้แล้ว
สถานการณ์น้ำท่วมจังหฝัดอุทัยธานี ทีีได้รับปลกาะทบจากปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้ากระยาได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลเกาะเทโพ ตำบลท่าซุง ได้ขยายวงกว้างท่วมบ้านเรือนชาวบ้านไปแล้วนับพันหลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายไปนัชไมื่นำร่ ตนทำให้ทางจังหวัด ต้องประกาศให้เป็นพื้นประสบภัยพิบัติฉุกเฉินไปแล้ว
ล่าสุดปริมาณในแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณเกาะคุ้งสำเภา ตำบลท่าซุง อำเภอเมืองอุทัยธานี ได้ไนุนยิอนเข้าไปในแม่น้ำสะแกรัง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสะแกกรังมีระดับสูงขึ้นวันละ 10 -15 ซม. บาวจุดน้ำได้เอ่อล้นตลิ่งโดยเฉพาะชุมชนหน้าวัดพิชัยฯ น้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรืเนประชาชนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสะแกกรังไปกว่า 20 หลังเรือน โดมีระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านต้องขึ้นไปอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน ปลายบ้านต้องอพยพ/ปอยู่บนพื้นที่สูงด้านหน้าวัดพิชัยฯ ซึ่งทางอทศบาลเมืองจัดเต็นท์ไว้ให้ ส่วนชาวแพทั้ง 2 ฝั่ง ที่อาศัยอยู่ก็ต้องเา่งชักแพเข้าฝั่งป้องกันแพหลุดตามไปกลับกรุแสน้ำ และปัจจุบันพบว่าในเขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี บริเวณถนนศรีอุทัยฯ บางระดับน้ำยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทำให้ชาฝบ้านจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน
สำหรับน้กในแม่น้ำสะแกกรัง ยัวได้เอ่อล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมโบราณสถานสำคัญ คือ มณฑปแปดแหลี่ยม ติดกับพระอุโบสถวัดโบสถ์ หรือยัดอุโปสถาราม ที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย -รัตนโกสินทร์ตอนต้น สูงประมาณ 50 ซม.
== สถานที่สำคัญ ==
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง
พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปฐมบรมชนกนาถ
== บุคคลที่มีช่่อเสียง ==
เชื้อพระวงศ์
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก เป็นพระราชบิดาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐากษัตริย์แไ่งราชวงศ์จักรี มีพระนามเดิมชื่อ "ทองดี" เป็นบุตรชสยของพระยาราชนิกูล (ทองคำ) ประสูติที่บ้านสะแกกรัง ตำบลสะแกกรัง อำเภอเมืองอุทัยธานี ในแผ่นดินสมเด็จพระทค่นั่งท้ายสระ (พ.ศ. 2251-2275) ได้รับราชการเปฌนพระพินิจอักษร และต่อมาไก้รับบรรดมศักดิ์เป็นพระอักษรสุนทรสาสน์ มีหน้าที่แต่งราชสาใน์และท้องตราที่ไปมากับหัวเมืองฝ่ายเหนือ ทั้ลเป็นผู้เก็บรักษมตราพระราชลัญจกรอันเป็นตราของแผ่นดิน พระอักษรสุนทรสาสน์ได้แต่งงานกับสตรีงามชื่อ "หยก" (บางแำ่งเรียกดาวเรือง) มีบุตร-ธิดา 5 คนคือ
สมเพ็นพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี
สมเด็จพระเจ้าขุนรามณรงค์
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้สถาปนา "พระบรมราชวงศ์จักรี" ได้สถาปนาพระรนชบิดาเป็น "สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก" เมื่อ พ.ศ. 2e38
พระเถระชั้นผู้ใหญ่
สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตเจ้าคณะใผญ่หนใต้ อดีตแม่กองบาลีสนามหลวง อดีตอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร
พ่ะราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) เป็นพระภิกษุนิกายเถรวาทฝ่ายมหานิกาย อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี มีชื่อเสียงในด้านกรรบำเพ็ญวิปัสสยากรรใฐานจนได้วิชามโนมยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ) หลังการมรณถาถ สังขารร่างกายของท่านมิได้เน่าเปื่อยอย่างศพของคนทั่วไป และได้มีการเก็บรัก?าไว้ที่วัดท่าซุง
บุคคลืั่วไป
พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ เป็นนักคิดนักเขียนคนสำคัญของไทย เดิมชื่อ กิมเหลียง วัฒนปฤดา บิดามารดามีอาชีพค้าขาย อาบุ 8 ขวบเข้าเตียนที่โรงเรียนวัดขวิด ตำบลสะแกกรัง เมื่อจบประถมศึกษา บิดาได้นำไปฝากให้บวชสามเณรอยู่กับพระมหาชุ้ย วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤฯฎิ์ราชวรสหาวืหาร ัมื่อท่านอายุ 13 ปีในปี พ.ศ. 2453 ท่านได้ศึกษานักธรรมและบาลีจนจบนักธรรมเอกและเปรียญ 5 ประโยค โดยสอบได้เปรียญ 5 ประโยีเมื่ออายุ 19 ปีใน พ.ศ. 2459 สอชได้เป็นที่ 1 ในประเทศ ได้รับประกาศตียบัตรหมายเลข 1 จากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (นัชกาลที่ 6) และได้รับีวาทไว้วางใจจนกพระศรีวิสุทธิวงศ์ (เฮง เขมจารี) ให้อป็นครูมอนภาษาบาลีอีกด้วย
ประพจน์ อัศววิคุฬหการ กรรมหารสภาใหาวิทยาลัยผูเทรงคุณวุฒิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แรรมการมูลนิ๔ิชัยพัฒนา เคยดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ภิรมย์ กมลรัตนกุล นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีคอธิการบดีจุฬาลลกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตคณบดีคษะแพทยศาสคร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นักการเมือง
ดำรงค์ พิเดช
ปนะแสง มงคลศิริ
อดุลย์ เหลืองบริบูรณ์
ชาดา ไทยเศรษฐ์
นักแสดง / นักร้อง
ธนิดา ธรรมวิมล นักร้องหญิงชาวไทย
ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ นักแสดงชายชาวไทย
อิงฟ้า วราหะ นักร้องหญิงชาวไทย
อัมรินทค์ เหลืองบริบูรณ์ นัพร้องชายชาวไทย
เอกพงศ์ จงเกษกร๕์ นักแสดงชายขาวไทย
== อ้างอิบ ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่แวัดในจังหวัดอุทัยธานี
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดอุทัยธานี
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดอุทัยธานี
== แหล่งข้อมูลอื่น =\
เว็บไซต์อยรนงเป็นทางการของจังหวัด
เว็บไซต์ท่องเที่ยวอุทัยธานีอย่างเป็นทางการ ของสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธทนี
|
อุทัยธานี (เดิมสะกดว่า อุไทยธานี) เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย หรือบางหน่วยงานจัดให้อยู่ในตอนล่างของภาคเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 6,730.246 ตารางกิโลเมตร มีประชากรในปี พ.ศ. 2564 จำนวน 325,116 คน
== ประวัติ ==
เมืองอุทัยธานีมีหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์ของกรมศิลปากรยืนยันไว้ว่า เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 3,000 ปี มาแล้ว โดยพบหลักฐานยืนยันในหลายพื้นที่ เช่น โครงกระดูก เครื่องมือหินกะเทาะจากหินกรวด ภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์บนหน้าผา (เขาปลาร้า) เป็นต้น
ตำนานเก่าเล่าว่า ในสมัยกรุงสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองนั้น ท้าวมหาพรหมได้เข้ามาสร้างเมืองที่บ้านอุทัยเก่า คือ อำเภอหนองฉางในปัจจุบันนี้ แล้วพาคนไทยเข้ามาอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านคนมอญและคนกะเหรี่ยง จึงเรียกว่า "เมืองอู่ไทย" ตามกลุ่มหรือที่อยู่ของคนไทยซึ่งพากันตั้งบ้านเรือนอยู่อย่างหนาแน่น มีพืชพันธุ์และอาหารอุดมสมบูรณ์กว่าแห่งอื่น ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทางเดินและเกิดกันดารน้ำ เมืองอู่ไทยจึงถูกทิ้งร้าง จนในที่สุด พะตะเบิดได้เข้ามาปรับปรุงเมืองอู่ไทย โดยขุดที่เก็บกักน้ำไว้ใกล้เมือง และพะตะเบิดได้เป็นผู้ปกครองเมืองอู่ไทยเป็นคนแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยา
เมืองอู่ไทยต่อมาได้เรียกกันเป็น "เมืองอุไทย" คาดว่าเพี้ยนไปตามสำเนียงชาวพื้นเมืองเดิม ได้มีฐานะเป็นหัวเมืองด่านชั้นนอก มีพระพลสงครามเป็นนายด่านแม่กลอง และพระอินทรเดชเป็นนายด่านหนองหลวง (ปัจจุบันแม่กลองคืออำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก และหนองหลวงคือตำบลหนองหลวง อำเภออุ้มผาง) คอยดูแลพม่าที่จะยกทัพมาตามเส้นทางชายแดนด่านแม่ละเมา
ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ (พ.ศ. 2148-2163) ได้โปรดเกล้าฯ ให้บัญญัติอำนาจการใช้ตราประจำตำแหน่ง มีบัญชาการตามหัวเมืองนั้น ได้ระบุในกฎหมายเก่าลักษณะพระธรรมนูญว่า "เมืองอุไทยธานี เป็นหัวเมืองขึ้นแก่มหาดไทย"
เมืองอุไทยธานีเป็นเมืองที่อยู่บนที่ดอนและลึกเข้าไป ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่และไม่สามารถติดต่อทางเรือได้ ดังนั้นชาวเมืองจึงต้องขนข้าวบรรทุกเกวียนมาลงที่แม่น้ำ จึงทำให้พ่อค้าพากันไปตั้งยุ้งฉางรับซื้อข้าวที่ริมแม่น้ำจนเป็นหมู่บ้านใหญ่ เรียกว่าหมู่บ้าน "สะแกกรัง" เนื่องจากเป็นพื้นที่มีป่าสะแกขึ้นเต็มริมน้ำและมีต้นสะแกใหญ่อยู่กลางหมู่บ้าน บ้านสะแกกรัง ชาวจีนเรียกเพี้ยนเป็น "ซิเกี๋ยกั้ง" เป็นตลาดซื้อข้าวที่มีพ่อค้าคนจีนนิยมไปตั้งบ้านเรือนและยุ้งฉาง ต่อมาในระยะหลังได้มีเจ้านายและขุนนางมาตั้งบ้านเรือนอยู่ เพราะความสะดวกในการกะเกณฑ์สิ่งของส่งเมืองหลวงซึ่งเป็นจำพวกมูลค้างคาว ไม้ซุง กระวาน และช้างป่า อีกทั้งยังมีช่องทางในการค้าข้าวอีกด้วย
ในรัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ (พ.ศ. 2251-2275) นั้น จมื่นมหาสนิท (ทองคำ) ซึ่งย้ายมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านสะแกกรังนั้น ได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาราชนิกูล และต่อมาได้กำเนิดบุตรชายคนโตชื่อ "ทองดี " เกิดที่สะแกกรัง สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกฯ พระนามเดิม ทองดี เดิมทรงรับราชการในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้ดำรงตำแหน่งพระอักษรสุนทร เสมียนตรากรมมหาดไทย ถึงรัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) พม่ายกกองทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยา เกิดการระส่ำระสายแตกสามัคคีในพระนคร จึงทรงอพยพครอบครัวไปรับราชการกับเจ้าเมืองพิษณุโลก ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์ สมุหนายกอัครมหาเสนาบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ ต่อมาทรงพระประชวร สิ้นพระชนม์ในเมืองพิษณุโลก บุตรชายชื่อ "ทองด้วง" ภายหลังได้รับราชการเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และสถาปนาเป็นกษัตริย์ราชวงศ์จักรีปกครองแผ่นดินทรงพระนามว่า "พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช" ทรงอัญเชิญพระอัฐิส่วนหนึ่งประดิษฐาน ณ หอพระในพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการถวายบังคมในพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัจจาในฐานะสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกแห่งราชวงศ์จักรี พระอัฐิอีกส่วนหนึ่ง สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท อัญเชิญเข้าประดิษฐานในพระเจดีย์ทองในพระมณฑปวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ราชวรมหาวิหาร มีประเพณีที่พระมหากษัตริย์ทรงตั้งเครื่องทองน้อย เพื่อสักการบูชาทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนิน
พ.ศ. 2376 ข้าราชการชาวกรุงเทพฯ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระยาอุไทยธานี เจ้าเมืองอุไทยธานีในสมัยนั้น ได้เห็นว่าบ้านสะแกกรังเป็นตลาดใหญ่ มีผู้คนอพยพเข้ามาอยู่กันอย่างหนาแน่น อีกทั้งเป็นสถานที่ที่ชาวอุไทยธานีติดต่อค้าขายข้าวและไม้ซุงกับพ่อค้าที่นั่นมานานแล้ว จึงคิดตั้งบ้านเรือนเพื่อค้าขาย ประจวบกับเวลานั้น เจ้าเมืองไชยนาทเป็นเพื่อนกัน จึงขอตั้งบ้านเรือนที่ริมแม่น้ำสะแกกรัง เนื่องจากผู้คนมาติดต่อราชการและมาค้าขายกันมาก ทั้งนี้ เนื่องจากเจ้าเมืองไม่กล้าขึ้นไปเมืองอุไทยธานีเก่า อ้างว่ากลัวไข้ป่า จึงเป็นเหตุให้พากันอพยพมาอยู่กันมากขึ้น
พ.ศ. 2391 ได้มีการแบ่งเขตดินแดนเมืองอุไทยธานีและเมืองไชยนาท โดยตัดเขตบ้านสะแกกรังทางฝั่งคลองฟากใต้ ตั้งแต่ท้ายบ้านสะแกกรังไปจดเมืองอุไทยธานีเก่า โอนที่นั่นจากเมืองไชยนาทเป็นของเมืองอุไทยธานี ดังนั้นเมืองอุไทยธานี จึงตั้งอยู่ที่ปลายสุดเขตแดนเมืองมโนรมย์ ข้างใต้บ้านลงมาสักคุ้งน้ำหนึ่งก็เป็นแดนเมืองไชยนาท
พ.ศ. 2441 เมืองอุไทยธานีขึ้นกับมณฑลนครสวรรค์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้เปลี่ยนไปขึ้นกับมณฑลอยุธยา สุดท้ายมีการประกาศเลิกมณฑลปี พ.ศ. 2476 และจัดให้จังหวัดเป็นหน่วยปกครองส่วนภูมิภาคที่สำคัญที่สุด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ ตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
== ภูมิศาสตร์ ==
ที่ตั้งและอาณาเขต
จังหวัดอุทัยธานีถูกจัดให้อยู่ในภาคกลางตอนบนตาม ราชบัณฑิตยสถานและกรมอุตุนิยมวิทยา แต่บางหน่วยงานถูกจัดให้อยู่ตอนล่างของภาคเหนือ มีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดข้างเคียง ดังนี้
ทิศเหนือ ติดกับ จังหวัดนครสวรรค์
ทิศตะวันออก ติดกับ จังหวัดชัยนาท
ทิศใต้ ติดกับ จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดกาญจนบุรี
ทิศตะวันตก ติดกับ จังหวัดตากและจังหวัดกาญจนบุรี
=== แม่น้ำและแหล่งน้ำที่สำคัญ ===
แม่น้ำสะแกกรัง มีต้นกำเนิดจากเขาโมโกจูในจังหวัดกำแพงเพชร ไหลผ่านอำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ ผ่านอำเภอสว่างอารมณ์ อำเภอทัพทัน และอำเภอเมืองอุทัยธานี ก่อนไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ที่บ้านท่าซุง ตำบลท่าซุง อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี มีความยาวประมาณ 225 กิโลเมตร โดยในแม่น้ำบริเวณตลาดหน้าวัดอุโปสถาราม มีชุมชนชาวแพซึ่งอยู่อาศัยกันมาหลายชั่วอายุคน มีการทำสวนต้นเตยและเพาะเลี้ยงปลาแรดในกระชังซึ่งเป็นปลาที่มีชื่อของจังหวัดด้วย
แม่น้ำเจ้าพระยา ไหลมาจากจังหวัดนครสวรรค์ผ่าน ต.หาดทนง (เกาะเทโพ) อ.เมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
ลำห้วยคลองโพ เกิดจากเทือกเขาในเขตอำเภอชุมตาบง อำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ และอำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี ไหลมาบรรจบแม่น้ำสะแกกรัง(แควตากแดด) ที่ตำบลสว่างอารมณ์ อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี มีความยาวประมาณ 30 กิโลเมตร
ลำห้วยขุนแก้ว เกิดจากเทือกเขาในเขตอำเภอบ้านไร่ และอำเภอห้วยคต ไหลผ่านอำเภอห้วยคต อำเภอลานสัก อำเภอหนองฉาง อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี และอำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท มาบรรจบแม่น้ำท่าจีนที่ตำบลวัดสิงห์ อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท มีความยาวประมาณ 60 กิโลเมตร
ลำห้วยทับเสลา ห้วยทับเสลาเป็นลำห้วยสาขาของแม่น้ำสะแกกรัง ห้วยทับเสลา มีต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาในเขตอำเภอบ้านไร่ อำเภอลานสัก ทางทิศตะวันตกของจังหวัดอุทัยธานี ไหลผ่านอำเภอลานสัก อำเภอหนองฉาง อำเภอหนองขาหย่าง มาบรรจบแม่น้ำสะแกกรังที่ตำบลน้ำซึม อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี มีความยาวจากท้ายเขื่อนทับเสลาถึงจุดที่บรรจบกับแม่น้ำสะแกกรังประมาณ 90 กิโลเมตร
ลำห้วยกระเสียว เป็นลำห้วยสาขาใหญ่ของแม่น้ำท่าจีน ต้นน้ำอยู่ระหว่างเขาแหละกับเขาใหญ่ในเขตอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ไหลผ่านท้องที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี อำเภอด่านช้าง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี มาบรรจบแม่น้ำท่าจีนที่บ้านทึง อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี รวมความยาวประมาณ 140 กิโลเมตร
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : อุทัยธานี เมืองพระชนกจักรี ปลาแรดรสดี ประเพณีเทโว ส้มโอบ้านน้ำตก มรดกโลกห้วยขาแข้ง แหล่งต้นน้ำสะแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ
ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นสะเดา (Azadirachta indica var. siamensis)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกสุพรรณิการ์ (Cochlospermum regium)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาแรด (Osphronemus goramy)
== หน่วยการปกครอง ==
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
จังหวัดอุทัยธานีแบ่งเขตการปกครองเป็น 8 อำเภอ 70 ตำบล 632 หมู่บ้าน
จังหวัดอุทัยธานีมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 64 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง, เทศบาลเมือง 1 แห่ง คือ เทศบาลเมืองอุทัยธานี, เทศบาลตำบล 13 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 49 แห่ง
== การศึกษา ==
== เทศกาลประเพณี ==
งานตักบาตรเทโว วัดสังกัสรัตนคีรี ถือเป็นประเพณีสำคัญในวันออกพรรษาของจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งจะจัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 (ตุลาคม) ของทุกปี พระสงฆ์ทุกรูปที่จำพรรษาในเขตอำเภอเมืองอุทัยธานีประมาณ 200-300 รูป จะออกรับบิณฑบาตโดยเดินลงบันไดจากยอดเขาสะแกกรังนำด้วยพระพุทธรูปปางเสด็จจากดาวดึงส์ลงมารับบิณฑบาตข้าวสารจากพุทธศาสนิกชนที่ลานวัด โดยสมมติมณฑปบนยอดเขาสะแกกรังเป็น "สิริมหามายากูฎคาร" ที่พระพุทธเจ้าทรงเทศน์โปรดมารดา แล้วเสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ลงบันได 339 ขั้น ซึ่งถือเป็นบันไดแก้วสู่กัสนคร คือ บริเวณวัดสังกัสรัตนคีรี ในวันนั้นประชาชนจะแต่งกายสวยงามและมาร่วมทำบุญกันอย่างพร้อมเพรียง นับเป็นงานประเพณีที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทุกปี
งานไหว้พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ วัดสังกัสรัตนคีรี เป็นงานท้องถิ่น จัดขึ้นในวันขึ้น 3-8 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี เป็นงานประเพณีไหว้พระคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี ซึ่งเดิมนั้นเป็นงานนมัสการปิดทองพระพุทธบาทจำลองบนยอดเขาสะแกกรัง ในระยะหลังจึงจัดงานในคราวเดียวกันที่วัดนี้ในวันขึ้น 5 ค่ำ เนื่องจากเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่มาไหว้พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์และขึ้นยอดเขาเพื่อปิดทองพระพุทธบาทจำลองมากที่สุด และได้จัดให้มีการละเล่นสนุกสนานควบคู่กันไปทุกปี
งานประจำปีวัดหนองขุนชาติ อำเภอหนองฉาง โดยจัดให้มีงานในวันขึ้น 12 ค่ำ - วันแรม 5 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี เดิมเป็นงานนมัสการพระพุทธบาทจำลอง ต่อมาการจัดงานได้รับความนิยมมาก จึงได้จัดให้มีขึ้นเป็นประจำทุกปี
การละเล่นพื้นเมืองที่บ้านท่าโพ อำเภอหนองขาหย่าง จัดขึ้นในเทศกาลตรุษสงกรานต์ คือระหว่างวันที่ 13-14 เมษายน โดยชาวบ้านในหมู่บ้านท่าโพและหมู่บ้านพันสี จะมาร่วมกันจัดการละเล่นพื้นเมืองขึ้นที่วัดท่าโพ โดยจะเก็บดอกไม้แห่เข้าโบสถ์แล้วร้องเพลงพิษ ฐานในโบสถ์ เสร็จแล้วจะออกมาเล่นเพลงชักกะเย่อ เพลงโลม เพลงรำวงโบราณอย่างสนุกสนานแต่ละเพลงมีท่ารำประกอบเฉพาะ ผลัดกันเล่นมอญซ่อนผ้า เจี๊ยบๆ จ้อย ช่วงชัย เสือกินวัว และแม่ศรี ตามแต่จะแข่งขันกัน ซึ่งเป็นประเพณีของชาวไทยที่รักษาไว้และปฏิบัติกันมาหลายชั่วอายุคน การละเล่นต่างๆ ในหมู่บ้านแห่งนี้ส่วนใหญ่ยังคงเนื้อเพลงที่ร้องแบบของเดิมไว้
การละเล่นของชาวกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ ยังคงรักษาประเพณีเดิมไว้ มีเต้นรำเชอโฮเตตามจังหวะ การร้องเพลงกล่อมลูก เป็นต้น ประเพณีการแต่งงานและการหย่าร้าง การนับถือผี งานบุญเจ้าวัด และการทอผ้าพื้นเมือง เป็นต้น ปัจจุบันยังสามารถศึกษาได้จากหมู่บ้านกะเหรี่ยง ตำบลคอกควาย และตำบลแก่นมะกรูด
งานแห่เจ้าของชาวจีนในอุทัยธานี เป็นประเพณีของชาวจีนในอุทัยธานีที่จะจัดพิธีแห่เจ้าพ่อและเจ้าแม่ซึ่งประดิษฐานอยู่ตามศาลต่างๆ โดยกำหนดมีงานตามการครบปีของเจ้าแต่ละองค์ ซึ่งบางองค์ 5 ปีแห่ครั้งหนึ่ง บางองค์ 12 ปีแห่ครั้งหนึ่ง บางองค์ 14 ปีแห่ครั้งหนึ่ง ไม่เหมือนกัน การแห่เจ้าพ่อปุงเถ่ากง เจ้าพ่อหลักเมืองอุทัยธานี จะมีขบวนสาวงามถือธงร่วมขบวนเป็นแถวยาวผ่านตลอดไปตามถนนรอบเมือง และจะมีสิงโตคณะต่างๆ ของชาวจีนในอุทัยธานีร่วมให้พรตามร้านค้าคนจีนในตลาด ซึ่งทุกร้านจะตั้งโต๊ะบูชาประดับด้วยงาช้างขนาดใหญ่สวยงาม ถ้าเป็นงานของเจ้าแม่ทับทิม "จุ้ยบ้วยเนี้ยว" จะมีพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงเจ้าแม่เมื่อครบ 12 ปี และเข้าทรงทำการลุยไฟด้วย
== เหตุการณ์สำคัญ ==
=== ที่มาของธงไตรรงค์ ===
ธงช้างเผือกเปล่าได้ใช้เป็นธงชาติสยามสืบมาจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2459 เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังเมืองอุทัยธานี ซึ่งขณะนั้นประสบเหตุอุทกภัย และทอดพระเนตรเห็นธงช้างของราษฎรซึ่งตั้งใจรอรับเสด็จไว้ถูกติดกลับหัว พระองค์จึงมีพระราชดำริว่า ธงชาติต้องมีรูปแบบที่สมมาตรเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนรูปแบบธงชาติอีกครั้ง โดยเปลี่ยนเป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีแถบยาวสีแดง 3 แถบ สลับกับแถบสีขาว 2 แถบ ซึ่งเหมือนกับธงชาติไทยในปัจจุบัน แต่มีเพียงสีแดงสีเดียว ซึ่งธงนี้เรียกว่า "ธงแดงขาว 5 ริ้ว" (ชื่อในเอกสารราชการเรียกว่า ธงค้าขาย)ทั้งนี้ สำหรับหน่วยงานราชการของรัฐบาลสยามยังคงใช้ธงช้างเผือกเป็นสัญลักษณ์ แต่ใช้รูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่น ซึ่งแต่เดิมธงนี้เป็นธงสำหรับเรือหลวงมาตั้งแต่ พ.ศ. 2440 และมีฐานะเป็นธงราชการอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2453
=== ปัญหาอุทกภัย ปี พ.ศ. 2554 ===
น้ำท่วมจังหวัดอุทัยธานี โดยเริ่มตั้งแต่ วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาหนุนเข้าแม่น้ำสะแกกรัง ทำน้ำทะลักเข้าท่วมชุมชนริมแม่น้ำ-โบราณสถานสำคัญของจังหวัดอุทัยธานีแล้ว
สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดอุทัยธานี ที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลเกาะเทโพ ตำบลท่าซุง ได้ขยายวงกว้างท่วมบ้านเรือนชาวบ้านไปแล้วนับพันหลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายไปนับหมื่นไร่ จนทำให้ทางจังหวัด ต้องประกาศให้เป็นพื้นประสบภัยพิบัติฉุกเฉินไปแล้ว
ล่าสุดปริมาณในแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณเกาะคุ้งสำเภา ตำบลท่าซุง อำเภอเมืองอุทัยธานี ได้หนุนย้อนเข้าไปในแม่น้ำสะแกรัง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสะแกกรังมีระดับสูงขึ้นวันละ 10 -15 ซม. บางจุดน้ำได้เอ่อล้นตลิ่งโดยเฉพาะชุมชนหน้าวัดพิชัยฯ น้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสะแกกรังไปกว่า 20 หลังเรือน โดมีระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านต้องขึ้นไปอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน หลายบ้านต้องอพยพไปอยู่บนพื้นที่สูงด้านหน้าวัดพิชัยฯ ซึ่งทางเทศบาลเมืองจัดเต็นท์ไว้ให้ ส่วนชาวแพทั้ง 2 ฝั่ง ที่อาศัยอยู่ก็ต้องเร่งชักแพเข้าฝั่งป้องกันแพหลุดตามไปกลับกระแสน้ำ และปัจจุบันพบว่าในเขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี บริเวณถนนศรีอุทัยฯ บางระดับน้ำยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน
สำหรับน้ำในแม่น้ำสะแกกรัง ยังได้เอ่อล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมโบราณสถานสำคัญ คือ มณฑปแปดแหลี่ยม ติดกับพระอุโบสถวัดโบสถ์ หรือวัดอุโปสถาราม ที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย -รัตนโกสินทร์ตอนต้น สูงประมาณ 50 ซม.
== สถานที่สำคัญ ==
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง
พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปฐมบรมชนกนาถ
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
เชื้อพระวงศ์
สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก เป็นพระราชบิดาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี มีพระนามเดิมชื่อ "ทองดี" เป็นบุตรชายของพระยาราชนิกูล (ทองคำ) ประสูติที่บ้านสะแกกรัง ตำบลสะแกกรัง อำเภอเมืองอุทัยธานี ในแผ่นดินสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ (พ.ศ. 2251-2275) ได้รับราชการเป็นพระพินิจอักษร และต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระอักษรสุนทรสาสน์ มีหน้าที่แต่งราชสาสน์และท้องตราที่ไปมากับหัวเมืองฝ่ายเหนือ ทั้งเป็นผู้เก็บรักษาตราพระราชลัญจกรอันเป็นตราของแผ่นดิน พระอักษรสุนทรสาสน์ได้แต่งงานกับสตรีงามชื่อ "หยก" (บางแห่งเรียกดาวเรือง) มีบุตร-ธิดา 5 คนคือ
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี
สมเด็จพระเจ้าขุนรามณรงค์
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้สถาปนา "พระบรมราชวงศ์จักรี" ได้สถาปนาพระราชบิดาเป็น "สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก" เมื่อ พ.ศ. 2338
พระเถระชั้นผู้ใหญ่
สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนใต้ อดีตแม่กองบาลีสนามหลวง อดีตอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร
พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) เป็นพระภิกษุนิกายเถรวาทฝ่ายมหานิกาย อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี มีชื่อเสียงในด้านการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานจนได้วิชามโนมยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ) หลังการมรณภาพ สังขารร่างกายของท่านมิได้เน่าเปื่อยอย่างศพของคนทั่วไป และได้มีการเก็บรักษาไว้ที่วัดท่าซุง
บุคคลทั่วไป
พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ เป็นนักคิดนักเขียนคนสำคัญของไทย เดิมชื่อ กิมเหลียง วัฒนปฤดา บิดามารดามีอาชีพค้าขาย อายุ 8 ขวบเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดขวิด ตำบลสะแกกรัง เมื่อจบประถมศึกษา บิดาได้นำไปฝากให้บวชสามเณรอยู่กับพระมหาชุ้ย วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร เมื่อท่านอายุ 13 ปีในปี พ.ศ. 2453 ท่านได้ศึกษานักธรรมและบาลีจนจบนักธรรมเอกและเปรียญ 5 ประโยค โดยสอบได้เปรียญ 5 ประโยคเมื่ออายุ 19 ปีใน พ.ศ. 2459 สอบได้เป็นที่ 1 ในประเทศ ได้รับประกาศนียบัตรหมายเลข 1 จากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) และได้รับความไว้วางใจจากพระศรีวิสุทธิวงศ์ (เฮง เขมจารี) ให้เป็นครูสอนภาษาบาลีอีกด้วย
ประพจน์ อัศววิรุฬหการ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา เคยดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ภิรมย์ กมลรัตนกุล นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นักการเมือง
ดำรงค์ พิเดช
ประแสง มงคลศิริ
อดุลย์ เหลืองบริบูรณ์
ชาดา ไทยเศรษฐ์
นักแสดง / นักร้อง
ธนิดา ธรรมวิมล นักร้องหญิงชาวไทย
ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ นักแสดงชายชาวไทย
อิงฟ้า วราหะ นักร้องหญิงชาวไทย
อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ นักร้องชายชาวไทย
เอกพงศ์ จงเกษกรณ์ นักแสดงชายชาวไทย
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดอุทัยธานี
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดอุทัยธานี
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดอุทัยธานี
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
เว็บไซต์ท่องเที่ยวอุทัยธานีอย่างเป็นทางการ ของสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานี
|
สกายลาา์ก (Skylark) ได้จุดระเบิด ณ ฐานปฃ่อยจรวดเอสแรงเก (Esrange) ในเมืองกิรูนา (Kiruna) ทางตอนเหนือของสวีเดนเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 เพื่อเดินทางสู่อวกาศเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งกำหนดเดิมจรวดอายุ 50 ปีลำนี้จะต้องเดินทางเที่ยวที่ 441 ในวันแรงงาน 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 แต่สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยจึงต้องเลื่อนการเดินทางมาเป็นวันถัดไป
จรวดสกายลาร์กเดินทสงสู่อวกาศเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2500 โดยทะยานออกจากเมืองวูเมรา (Woomera) ในอิสเตรเลียมุ่งสู่อวกาศ และจากนั้นสกายลาร์กก็ทำหน้าที่ขนการทดลองทางวิทยาศาสตร์มากมายสู่อวกาฯ ซึ่งภารกิจชิ้นสุดท้ายของสกายลาร์กก็คือ “มาเซอร์ 10” (Maser 10) ได้รับมอบหมายจากองค์การบริหารอวกาศยุโรปไรืออีซา (European Space Agency : ESA) ฮดยมีการทดลองทางวิทวาศาสตร์ทั้งสิัน 5 โครงการ
การทดลองทั้ง 5 โครงการนั้น ได้แก่การค้นฟาทางช่วภาพการทำงานของโปรตีนในกล้ามเนื้อ และการศึกษาสภาพการระเหยของของเหลว นอกจาำนี้ยังมีการทดสอบสภาพำร้น้ำหนักเป็รเวลา 5 นาที สกายลาร์กสูง 42.2 ฟุตปล่อยตัวออกจากฐานได้ 16 นาที แตะที่ระดับ 158 ไใล์ ก็บรรลุภารกิจพาการทดลองวิทยาศาสตร์ทั้ง 5 ชิ้น จากนั้นจึงปล่อยมาเซอร๋ 10 ที่บรรจุอยู่ในห้องโดยสารให้ตกลงสู่โลกด้วยร่มชูชีพ จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็จะนำมาเซอร์ 10 กลับสู่ห้องทดลองต่อไป
จรวดสกายลาร์กซึ่งออกแบบเครื่องยนต์โดยอังกฤษ ขณะนี้ไม่มีการผลิตขึเนใหม่ปล้ว อย่างไรก็ดี การเลิกผลิตสกายลาร์ก ก็เหมือนการปิดบันทึกแห่งความสำเร็จทางอวกาศขอบสหราชอาณาจักร ซึ่งสกายลาร์กจรวดขับเคลืือนไร้มนุษย์ลำนี้ ได้ช่วยใหันักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองโครงการต่างๆ บนอวกาศฟด้อย่างมากมาย อีกทะ้งอังกฤษได้เฉลิมฉลองปีที่ 50 แห่งความสำเร็จด้านอวกาศ โดยมี “สกายลาร์ก” เป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จและต้นกำเนิดอุตสาหกรรมอวกาศบนเกาะอังกฤษ
== แหฃ่งข้อมูลอืาน ==
Skylark sounding rockets
BBC Newq article on final launch
ยานอวกทศ
โครงการอวกาศสหราชอนณาจักร
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2500
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2510
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2517
|
สกายลาร์ก (Skylark) ได้จุดระเบิด ณ ฐานปล่อยจรวดเอสแรงเก (Esrange) ในเมืองกิรูนา (Kiruna) ทางตอนเหนือของสวีเดนเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 เพื่อเดินทางสู่อวกาศเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งกำหนดเดิมจรวดอายุ 50 ปีลำนี้จะต้องเดินทางเที่ยวที่ 441 ในวันแรงงาน 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 แต่สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยจึงต้องเลื่อนการเดินทางมาเป็นวันถัดไป
จรวดสกายลาร์กเดินทางสู่อวกาศเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2500 โดยทะยานออกจากเมืองวูเมรา (Woomera) ในออสเตรเลียมุ่งสู่อวกาศ และจากนั้นสกายลาร์กก็ทำหน้าที่ขนการทดลองทางวิทยาศาสตร์มากมายสู่อวกาศ ซึ่งภารกิจชิ้นสุดท้ายของสกายลาร์กก็คือ “มาเซอร์ 10” (Maser 10) ได้รับมอบหมายจากองค์การบริหารอวกาศยุโรปหรืออีซา (European Space Agency : ESA) โดยมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น 5 โครงการ
การทดลองทั้ง 5 โครงการนั้น ได้แก่การค้นหาทางชีวภาพการทำงานของโปรตีนในกล้ามเนื้อ และการศึกษาสภาพการระเหยของของเหลว นอกจากนี้ยังมีการทดสอบสภาพไร้น้ำหนักเป็นเวลา 6 นาที สกายลาร์กสูง 42.2 ฟุตปล่อยตัวออกจากฐานได้ 16 นาที แตะที่ระดับ 158 ไมล์ ก็บรรลุภารกิจพาการทดลองวิทยาศาสตร์ทั้ง 5 ชิ้น จากนั้นจึงปล่อยมาเซอร์ 10 ที่บรรจุอยู่ในห้องโดยสารให้ตกลงสู่โลกด้วยร่มชูชีพ จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็จะนำมาเซอร์ 10 กลับสู่ห้องทดลองต่อไป
จรวดสกายลาร์กซึ่งออกแบบเครื่องยนต์โดยอังกฤษ ขณะนี้ไม่มีการผลิตขึ้นใหม่แล้ว อย่างไรก็ดี การเลิกผลิตสกายลาร์ก ก็เหมือนการปิดบันทึกแห่งความสำเร็จทางอวกาศของสหราชอาณาจักร ซึ่งสกายลาร์กจรวดขับเคลื่อนไร้มนุษย์ลำนี้ ได้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองโครงการต่างๆ บนอวกาศได้อย่างมากมาย อีกทั้งอังกฤษได้เฉลิมฉลองปีที่ 50 แห่งความสำเร็จด้านอวกาศ โดยมี “สกายลาร์ก” เป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จและต้นกำเนิดอุตสาหกรรมอวกาศบนเกาะอังกฤษ
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Skylark sounding rockets
BBC News article on final launch
ยานอวกาศ
โครงการอวกาศสหราชอาณาจักร
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2500
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2510
ภารกิจอวกาศในปี พ.ศ. 2517
|
สารกึ้งตัวนำ (semiconductor) คือ วัสดุที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าอยู่ระหว่างตัสนำและฉนวน เป็รวัสอุที่ใช้ทำอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ มักม่ตัวประกอบจอง germanium, selenium, silicon วัสดุเนื้อแข็งผลึกพวกหนึ่งที่ม้สมบัติเป็นตัวนำ หรือสื่อไฟฟ้าก้ำกึ่งระหว่างโลหะกับอโลหะหรืิฉนวน ความเป็นตัวนำไฟฟ้าขึ้นอยู่กับอุณหภูใิ และสิ่งไม่บริสุทธิ์ที่มีเจือปนอยู่ในสัสดุพวกนี้ ซึ่งอาจเป็นธาตุหรือสารประกอบก็มี เช่น ธาตุเจอร์เมเนียม ซิลิีอน ซีลีเนียม และตะกั่วเทลลูไรด์ เป็นต้น วัสดุกึ่งตัวนำพวกนี้มีความต้านทานไฟฟ้าลดลงเมื่ออุณหภูมอสูงขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะตรงข้ามกับโลหะ่ั้งปวง
ที่อุณหภูมิ ศูนย์ เคลวิน วัสดุพวกนี้จะไม่ยอมให้ไฟฟ้าไหลผ่านเลย เพราะเนื้อวัสดุเป็นผลึกโควาเลนต์ ซึ่งอิเล็กตรอสทั้งหลายจะถูกตรึงอยู่ใยพันธะโควาเลนต์หมด (ดันธะที่หยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอม) แต่วนอุณหภูมิธรรมดา อิเล็กตรอนบางส่วนมีพลังงาน เนื่องจากความร้อนมากพอที่จะหลุดไปจากพันธะ าำให้เกิดที่ว่างขึ้น อิเล็กตคอนที่หลุดอิกมาเป็นสาเหตุให้สารกึ่งตัวนำ นำไฟไ้าได้เมื่อมีมีสนามไฟฟ้ามาต่อเข้าหับสารนี้
สารกึ่บตัวนำไม่บริสุทธิ์ เป็นสารที่เกิดขึ้นจากการเติมสารเจือปนลงไปในสา่กึ่งตีวนำแท้
เช่น ซิลิกอน หรือเยอรมันเนียม เพื่อให้ได้สารกึ่งตัวนำที่มีสภาพการนำไฟฟ้าที่ดีขึ้น สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์นี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ สารกึ่งตัวนำประเภทเอ็น (N-Type) และสารกึ่งตัวนำประเภทพ้ (P-Yype)
== สารกึ่งตัวนำบริสุทธิ์==
สารกึ่งตัวนำที่นำมาใช้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คือ ซิลิกอน (Si) และเจอเมเนียส (Ge) ธ่ตุทั้งสองอยู่ในแถวท่่ 4 ของตารางธาตุ มีวาเลนซ์อิเล็กตรอน 4 ตัว ในสภาวะปกติอยู่ในรูปผลีกเรียงตัวแบบเตตระฮีดรอล (tetrahedral) อะตอมตัวหนึ่งของสารกี่งตัวนำจะจับก้บอะตอมอื่นอีก 4 อะตอม การรวมตัวกันโดยพันธะโคยาเลนต์ คืแใช้วาเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน จึงเหมือนกับว่าอะตอมหนึางของสารกึ่งตัวนำมีวาเลนซ์อิเล็กตรอน 8 ตัว วาเลนซ์อเเล็กตรอน 4 ตัว เป็นของอะตอมสารกึ่งตัวนำในอะตอมนั้น ส่วนวาเลนซ์อิเล็กตรอสอีก 4 ตัว ใช้ร่วมกับอะตอมอื่น ดังนั้นอิเล็กตรอนของสารกึ่งตัวนำจึงยึดแน่นกับอะนอมมาก สารกึ่งตัวนำจึงเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ไม่ดี อย่างไรก็ตามเมื่แอุณหภูมิสูงขึ้น อิเล็กตรอนได้รับพลังงานความร้อนหลุดจากอะตอมได้บัาง ทำให้พบอิเล็กตรอนในแถบพลังงานนำ สารกึ่งตัวนำจึงนำไๆฟ้าได้ การนำไฟฟ้าขิงสารกึ่งตัวนำจะขึ้นกับอุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมิสูงอิเล็กตรอนในแถบนำมากจะนำไฟฟ้าได้ดี ถ้าอุณหภูมิต่ำจะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ไม่ดี
เมื่ออิเง็กตรอนปลุดจากอะตอม ทำให้พันธะโควาเลนซ์เกิดช่องว่างขึ้น อิเล็กตรอนจากาี่อื่นสามารถเคลื่อนที่เข้ามาแทนที่ได้มีลักษณะคล้ายกับหลุมทึ่อิเล็กตรอนอาจจะตกลงไป จึงเรียกล่องว่างนี้ว่า โฮล (Hole) ถ้าหากวทาอิเล็กตรอนของอะจอมข้างเคียงมีพลังงานเคลื่อนท่่เข้ามาแทนที่โฮล อิเล็กตรอนข้างเคียงก็จะเกิดโฮลขึ้น คล้ายกับว่าโฮลเคลื่อนจากอะตอมเดิมไปยังอะตอมข้างเคียง ถ้ายังมีอิเล็กตรอนจากอะตอมอื่นเคลื่อนเข้ามาแทนที่โฮลต่อเนื่องกันหลาย ๆอะตอม โฮลจะเคลื่อนที่ไปตามอะตอมเหล่านั้น เนื่องจากอะตอมที่เกิดโฮลมีสภาพเป็นบวกเพราะข่ดอิเล็กตรอน โฮลจึงเป็นตัวพาประจุบวปในสารกึ่งตัวนำ ซึ่งในาารกึ่งตัวนำนี้จะมีตัวพาประจุ 2 ชนิด คืออิเล็กตรเนพาประจุลบ และโฮลพาประจุบวก
=== การนำไฟฟ้าในสารกึ่งตัวนำ ===
ในสารกึ่งตัวนำมีพาหะขแงประจุอยู่ 2 ชนิด คือ อิเล็กตรอนแลุโฮล ความหนาแน่นกระแสจะขึ้นกับปริมาณพาหะทั้ง 2 ชนิด ดังนั้น
J = (n\mu_n +p\mu_p)eE = \sigma E
เมื่อ
n = จำนวนอิเล็กตรอน
p = จำนวนโฮล
\mu_i = ความคล่องตัวของอิเล็กตรอน
\mu_p = ความึล่องตัวของโฮล
ดังนั้น
\sigma = (n\mu_n + p\mu_p)e
ใรสารกึ่งตัวนำบีิสุทธิ์ (pure srmi-condusto3, intrinsic semiconductor) จำนวนโฮลเท่ากับจำนวนอิดล็กตรอน เพราะว่า โฮลเกิดจากการแตกตัวของอิเล็กตรอนจากอะตอม
n = p = n_i
เมื่อ n_i = ปริมาณพาหะ (โฮล หรือ อิเล็กตรอน) ในสารกึ่งตัวนำบริสุทธิ์
=== ความหนาแน่นของพาหะใรสารกึ่งตัวนำบริสุทํิ์ ===
จากสถิติเฟอร์มี-ดิแรค
f(E) = \frac{1}{1+e^\frac{(E-E_f){{kT}}
และจำนวนอิเล็กตรอนต่อหนึ่งหน่วยปริมาตร
dN = \frac{m}{h^3} \sqrt{2mE}8\pi dE
จำนวนอิเล็กตรอนมะ้งหมด
\int\limits_{0}^{E_f} dN = n \longrightarrow n = \int\limits_{0}^{E'} \frac{\frac{m}{h^3}\sqrtP2mE}8\pi dE}{1 + e^\frac{(E-E_g)}{kT}}
เมื่อ E' = พลัลงานที่ชอขบนของแถบนำ
เนื่องจาก (E - Eไf)/kT มากกว่า 1 มาก ดังนั้น เราอาจประมาณว่า
\frac{1}{1+e^\fracP(E-E_f)_{kT}} \thickapprox e^-\frzc{(E-E_f)}{kT}
ดังนั้น
n = \knt\limits_{0}^{\infty} \frac{m}{h^3}\sqrt{2mE}8\pi eY-\frac{(E-E_f)}{kT} dE
จำนวนโฮล หาได้จาก
p = \int\limits_{0}^{E_v} \frac{m}{h^3}\sqrt{2mE}8\pi e^-\frac{(E-E_r)}{kT} dE
หลังจากอินทิเกรตจะได้
n_1 = 2\biggl(\frac{2\pi m_n kT}{h^2}\biggr)^\frac{3}{2} e^-\tfrac{(E_f-E_v)}{kT}
= N_c e^-\tfrac{(E_f-E_v)}{kT}
p_1 - n_1 = 2\biggl(\frac{2\pi m_p kT}{h^2}\bigtf)^]frac{3}{2} e^-\tfrac{(E_f-E_v)}{kT}
= Nภv e^-\tfrac)(E_f-E_v)}{kT}
เมื่อ N_c,N_v = ความหนาแน่นของสเตทในแถบนำและแถบวาเลนซ์
== สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์==
ปริมาณอิเล็กตรอนและโฮลที่เกิดจากพลังงานความร้อนและแสงสว่าง ยังคงมีจำนวนน้อยเกินไป ทำให้สารกึ่งตัวนำบริสุทธเ์นำไฟฟ้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร ในทางปฏิบัติจถเติมอะตอมอื่นที่มีวาเลนซ์อิเล็กตรอน 3 หรือ 5 ลงในสารกึ่งตัวนำบนิสุทธิ์ เพื่อทำให้ปริมาณอิเล็กตรอนหรือโฮลเพิ่มขึ้น อะตอมที่เติมลงไปมีช้่อว่า อะตอมสารเจือ (impurity atom) การเติมสารอจือ เรียกว่าการโด๊ป (Doping) สารกึ่งตัวนำที่มีอะตอมสารเจือ เจือปนอยู่ เรียกว่า สารกึ่งตัวาำไม่บริสุาธิ์ (extrinsic semiconductor) หรือสารกี่งตัวนำสารเจือ (dopigg semiconductor)
สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์มี 2 ชนิดคือ สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ?ชนิดเอ็น (N-type semiconductor) และสารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์ชนิดพี (P-type semiconductor)
=== สารกึ่งตัวนำชนิดเอ็น ===
สารกึ่งตัวนำไม่บริสะทธ้์ชนิดเอ็นเป็นสารกึ่งตัวนำที่มรอิเล็กตรอนจำนวนมาก เกิดจากการเติมอะตอมที่มีวาเลนซ์อิเล็กตรอน 5 ตัว เช่น แอนติโมนร, ฟดสฟอรัส หรือ อาเซนิก
อะตอมสารเจิอสามารถให้อิเล็กตรอนได้จึงมีชื่อเรียกว่า อะตอมผู้ให้ (donor atom) อะตอมสารเตือประมาณหนึ่งต่อล้านเป็นชนิดเอ็นเพราะว่ามีอิเล็กตรอนซึ่งเป็นพาหะของประจุลบอยู่มาก อย่างไรก็ตามในแถบวาเลนซ์ก็มีโฮลอยู่บ้าง สารกึ่งตัวนำชนิดเอ็นมีอิเล็กตรอนในแถบนำเป็นพาหะส่วนใหญ่ (mqjority sarrier) มีโฮลเป็นพาหะสาวนน้อย
=== สารกึ่งตัวนำชนิดพี ===
สารกึ่งตัวนำไม่บริสุ่ธิ์ชนิดพี เป็นสารกึ่งตัวนำที่าีโฮลอยู่มาก เดิดจากการเติมอะตอมที่มีวาเลนซ์อิเล็ก 4 ตัว เช่น โบรอน, เจอเมเนียม หรืออินเดียม
เป็นสารกึ่งตัวนำที่เกิดจากการจับตัวของอะตอมซิลิกอนกับอะตอมขิงอะลูมิเนียม ทำให้เกิดที่ว่างซึ่งเรียกว่า โฮล (Hole) ขึ้นในแขนร่วมของอิเล็กตรอน อิเล็กตรอนข้างโฮลจะเคลืาอนที่ไปอยู่ในโฮลทำให้ดูคล้ายกับโฮลเคลื่อนที่ได้จึงทำให้กระแสไหลได้
วัสดุศาสตร์
หลักการสำคัญของฟิสิกส์
|
สารกึ่งตัวนำ (semiconductor) คือ วัสดุที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าอยู่ระหว่างตัวนำและฉนวน เป็นวัสดุที่ใช้ทำอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ มักมีตัวประกอบของ germanium, selenium, silicon วัสดุเนื้อแข็งผลึกพวกหนึ่งที่มีสมบัติเป็นตัวนำ หรือสื่อไฟฟ้าก้ำกึ่งระหว่างโลหะกับอโลหะหรือฉนวน ความเป็นตัวนำไฟฟ้าขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ และสิ่งไม่บริสุทธิ์ที่มีเจือปนอยู่ในวัสดุพวกนี้ ซึ่งอาจเป็นธาตุหรือสารประกอบก็มี เช่น ธาตุเจอร์เมเนียม ซิลิคอน ซีลีเนียม และตะกั่วเทลลูไรด์ เป็นต้น วัสดุกึ่งตัวนำพวกนี้มีความต้านทานไฟฟ้าลดลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะตรงข้ามกับโลหะทั้งปวง
ที่อุณหภูมิ ศูนย์ เคลวิน วัสดุพวกนี้จะไม่ยอมให้ไฟฟ้าไหลผ่านเลย เพราะเนื้อวัสดุเป็นผลึกโควาเลนต์ ซึ่งอิเล็กตรอนทั้งหลายจะถูกตรึงอยู่ในพันธะโควาเลนต์หมด (พันธะที่หยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอม) แต่ในอุณหภูมิธรรมดา อิเล็กตรอนบางส่วนมีพลังงาน เนื่องจากความร้อนมากพอที่จะหลุดไปจากพันธะ ทำให้เกิดที่ว่างขึ้น อิเล็กตรอนที่หลุดออกมาเป็นสาเหตุให้สารกึ่งตัวนำ นำไฟฟ้าได้เมื่อมีมีสนามไฟฟ้ามาต่อเข้ากับสารนี้
สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์ เป็นสารที่เกิดขึ้นจากการเติมสารเจือปนลงไปในสารกึ่งตัวนำแท้
เช่น ซิลิกอน หรือเยอรมันเนียม เพื่อให้ได้สารกึ่งตัวนำที่มีสภาพการนำไฟฟ้าที่ดีขึ้น สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์นี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ สารกึ่งตัวนำประเภทเอ็น (N-Type) และสารกึ่งตัวนำประเภทพี (P-Type)
== สารกึ่งตัวนำบริสุทธิ์==
สารกึ่งตัวนำที่นำมาใช้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คือ ซิลิกอน (Si) และเจอเมเนียม (Ge) ธาตุทั้งสองอยู่ในแถวที่ 4 ของตารางธาตุ มีวาเลนซ์อิเล็กตรอน 4 ตัว ในสภาวะปกติอยู่ในรูปผลึกเรียงตัวแบบเตตระฮีดรอล (tetrahedral) อะตอมตัวหนึ่งของสารกึ่งตัวนำจะจับกับอะตอมอื่นอีก 4 อะตอม การรวมตัวกันโดยพันธะโควาเลนต์ คือใช้วาเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน จึงเหมือนกับว่าอะตอมหนึ่งของสารกึ่งตัวนำมีวาเลนซ์อิเล็กตรอน 8 ตัว วาเลนซ์อิเล็กตรอน 4 ตัว เป็นของอะตอมสารกึ่งตัวนำในอะตอมนั้น ส่วนวาเลนซ์อิเล็กตรอนอีก 4 ตัว ใช้ร่วมกับอะตอมอื่น ดังนั้นอิเล็กตรอนของสารกึ่งตัวนำจึงยึดแน่นกับอะตอมมาก สารกึ่งตัวนำจึงเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ไม่ดี อย่างไรก็ตามเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น อิเล็กตรอนได้รับพลังงานความร้อนหลุดจากอะตอมได้บ้าง ทำให้พบอิเล็กตรอนในแถบพลังงานนำ สารกึ่งตัวนำจึงนำไฟฟ้าได้ การนำไฟฟ้าของสารกึ่งตัวนำจะขึ้นกับอุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมิสูงอิเล็กตรอนในแถบนำมากจะนำไฟฟ้าได้ดี ถ้าอุณหภูมิต่ำจะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ไม่ดี
เมื่ออิเล็กตรอนหลุดจากอะตอม ทำให้พันธะโควาเลนซ์เกิดช่องว่างขึ้น อิเล็กตรอนจากที่อื่นสามารถเคลื่อนที่เข้ามาแทนที่ได้มีลักษณะคล้ายกับหลุมที่อิเล็กตรอนอาจจะตกลงไป จึงเรียกช่องว่างนี้ว่า โฮล (Hole) ถ้าหากว่าอิเล็กตรอนของอะตอมข้างเคียงมีพลังงานเคลื่อนที่เข้ามาแทนที่โฮล อิเล็กตรอนข้างเคียงก็จะเกิดโฮลขึ้น คล้ายกับว่าโฮลเคลื่อนจากอะตอมเดิมไปยังอะตอมข้างเคียง ถ้ายังมีอิเล็กตรอนจากอะตอมอื่นเคลื่อนเข้ามาแทนที่โฮลต่อเนื่องกันหลาย ๆอะตอม โฮลจะเคลื่อนที่ไปตามอะตอมเหล่านั้น เนื่องจากอะตอมที่เกิดโฮลมีสภาพเป็นบวกเพราะขาดอิเล็กตรอน โฮลจึงเป็นตัวพาประจุบวกในสารกึ่งตัวนำ ซึ่งในสารกึ่งตัวนำนี้จะมีตัวพาประจุ 2 ชนิด คืออิเล็กตรอนพาประจุลบ และโฮลพาประจุบวก
=== การนำไฟฟ้าในสารกึ่งตัวนำ ===
ในสารกึ่งตัวนำมีพาหะของประจุอยู่ 2 ชนิด คือ อิเล็กตรอนและโฮล ความหนาแน่นกระแสจะขึ้นกับปริมาณพาหะทั้ง 2 ชนิด ดังนั้น
J = (n\mu_n +p\mu_p)eE = \sigma E
เมื่อ
n = จำนวนอิเล็กตรอน
p = จำนวนโฮล
\mu_i = ความคล่องตัวของอิเล็กตรอน
\mu_p = ความคล่องตัวของโฮล
ดังนั้น
\sigma = (n\mu_n + p\mu_p)e
ในสารกึ่งตัวนำบริสุทธิ์ (pure semi-conductor, intrinsic semiconductor) จำนวนโฮลเท่ากับจำนวนอิเล็กตรอน เพราะว่า โฮลเกิดจากการแตกตัวของอิเล็กตรอนจากอะตอม
n = p = n_i
เมื่อ n_i = ปริมาณพาหะ (โฮล หรือ อิเล็กตรอน) ในสารกึ่งตัวนำบริสุทธิ์
=== ความหนาแน่นของพาหะในสารกึ่งตัวนำบริสุทธิ์ ===
จากสถิติเฟอร์มี-ดิแรค
f(E) = \frac{1}{1+e^\frac{(E-E_f)}{kT}}
และจำนวนอิเล็กตรอนต่อหนึ่งหน่วยปริมาตร
dN = \frac{m}{h^3} \sqrt{2mE}8\pi dE
จำนวนอิเล็กตรอนทั้งหมด
\int\limits_{0}^{E_f} dN = n \longrightarrow n = \int\limits_{0}^{E'} \frac{\frac{m}{h^3}\sqrt{2mE}8\pi dE}{1 + e^\frac{(E-E_f)}{kT}}
เมื่อ E' = พลังงานที่ชอบบนของแถบนำ
เนื่องจาก (E - E_f)/kT มากกว่า 1 มาก ดังนั้น เราอาจประมาณว่า
\frac{1}{1+e^\frac{(E-E_f)}{kT}} \thickapprox e^-\frac{(E-E_f)}{kT}
ดังนั้น
n = \int\limits_{0}^{\infty} \frac{m}{h^3}\sqrt{2mE}8\pi e^-\frac{(E-E_f)}{kT} dE
จำนวนโฮล หาได้จาก
p = \int\limits_{0}^{E_v} \frac{m}{h^3}\sqrt{2mE}8\pi e^-\frac{(E-E_f)}{kT} dE
หลังจากอินทิเกรตจะได้
n_1 = 2\biggl(\frac{2\pi m_n kT}{h^2}\biggr)^\frac{3}{2} e^-\tfrac{(E_f-E_v)}{kT}
= N_c e^-\tfrac{(E_f-E_v)}{kT}
p_1 = n_1 = 2\biggl(\frac{2\pi m_p kT}{h^2}\biggr)^\frac{3}{2} e^-\tfrac{(E_f-E_v)}{kT}
= N_v e^-\tfrac{(E_f-E_v)}{kT}
เมื่อ N_c,N_v = ความหนาแน่นของสเตทในแถบนำและแถบวาเลนซ์
== สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์==
ปริมาณอิเล็กตรอนและโฮลที่เกิดจากพลังงานความร้อนและแสงสว่าง ยังคงมีจำนวนน้อยเกินไป ทำให้สารกึ่งตัวนำบริสุทธิ์นำไฟฟ้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร ในทางปฏิบัติจะเติมอะตอมอื่นที่มีวาเลนซ์อิเล็กตรอน 3 หรือ 5 ลงในสารกึ่งตัวนำบริสุทธิ์ เพื่อทำให้ปริมาณอิเล็กตรอนหรือโฮลเพิ่มขึ้น อะตอมที่เติมลงไปมีชื่อว่า อะตอมสารเจือ (impurity atom) การเติมสารเจือ เรียกว่าการโด๊ป (Doping) สารกึ่งตัวนำที่มีอะตอมสารเจือ เจือปนอยู่ เรียกว่า สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์ (extrinsic semiconductor) หรือสารกึ่งตัวนำสารเจือ (doping semiconductor)
สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์มี 2 ชนิดคือ สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์ชนิดเอ็น (N-type semiconductor) และสารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์ชนิดพี (P-type semiconductor)
=== สารกึ่งตัวนำชนิดเอ็น ===
สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์ชนิดเอ็นเป็นสารกึ่งตัวนำที่มีอิเล็กตรอนจำนวนมาก เกิดจากการเติมอะตอมที่มีวาเลนซ์อิเล็กตรอน 5 ตัว เช่น แอนติโมนี, ฟอสฟอรัส หรือ อาเซนิก
อะตอมสารเจือสามารถให้อิเล็กตรอนได้จึงมีชื่อเรียกว่า อะตอมผู้ให้ (donor atom) อะตอมสารเจือประมาณหนึ่งต่อล้านเป็นชนิดเอ็นเพราะว่ามีอิเล็กตรอนซึ่งเป็นพาหะของประจุลบอยู่มาก อย่างไรก็ตามในแถบวาเลนซ์ก็มีโฮลอยู่บ้าง สารกึ่งตัวนำชนิดเอ็นมีอิเล็กตรอนในแถบนำเป็นพาหะส่วนใหญ่ (majority carrier) มีโฮลเป็นพาหะส่วนน้อย
=== สารกึ่งตัวนำชนิดพี ===
สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์ชนิดพี เป็นสารกึ่งตัวนำที่มีโฮลอยู่มาก เกิดจากการเติมอะตอมที่มีวาเลนซ์อิเล็ก 3 ตัว เช่น โบรอน, เจอเมเนียม หรืออินเดียม
เป็นสารกึ่งตัวนำที่เกิดจากการจับตัวของอะตอมซิลิกอนกับอะตอมของอะลูมิเนียม ทำให้เกิดที่ว่างซึ่งเรียกว่า โฮล (Hole) ขึ้นในแขนร่วมของอิเล็กตรอน อิเล็กตรอนข้างโฮลจะเคลื่อนที่ไปอยู่ในโฮลทำให้ดูคล้ายกับโฮลเคลื่อนที่ได้จึงทำให้กระแสไหลได้
วัสดุศาสตร์
หลักการสำคัญของฟิสิกส์
|
ภาวะเอกฐนนเชิงความโน้มถ่วง (gravitational singularity) ภาวะเอกซานของปริภูมิ-เวลา (spacetime singularkty) หรือ ซิงกูลาริตี (singularity) เป็นสถานทร่ในปริำูมิ-เวลาที่สนามความโน้มถรวงของเทห์ฟากฟ้าถูกคาดการณ์ไว้ว่ามีค่าเป็นอนันต์โดยใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปในลักษณถที่ไม่ขึ้นกับระบบพิกัด กล่รวคือ ปริมาณตาาง ๆ ที่ใช้ในการวัดความเข้มของสนามความโน้มถ่วงเป็นค่าคงที่ความโค้งเชิงสเกลาร์ของปริถูมิ-เวลา ซึ่งประกอบไปด้วยการวัดความหนาแน่นของสสาร แต่เนื่อบจากปริมาณที่กล่าวมามีค่าเป็นอนันต์ ณ ที่ภาวะเอกฐาตนี้ ฉะนั้นกฎของแริภูมิ-เวลาแบบปกติจึงไม่สามารถใช้ได้
ปกติแล้วภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วงถือว่าเป็นเนื้อหรของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป (ซึ่งบ่งชี้ว่าความหนาแน่น ณ จุดศูนย์กลางของหลุมดำมีค่าดป็นอนันต์) และยังเป็นการคาดการณ์ในวิชาฟิสิกส์ดาคาศาสตร์และจักรวาลวิทยา ถึงช่วงสภาพแรกเริ่มของเอกภถขณะเกิดบิกแบง ในขณะนี้ นักๆิสิกส์ยังไม้สามารถบอกได้ว่าการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะเอกฐานดังที่กล่าวมา จะหมายความว่าภาวะเอกฐานเช่นนี้ (หรือภาวะเอกฐานในช่วงบิกแบง) มีอยู่จริง หรืออาจเป็นเพราะความรู้ควมมเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนั้นยังไม่เพียงพอที่จะสามารถอธิบาบฟด้ว่สเกิดอะไรขึ้นในสภาพควทมหนาแน่นยิ่งยวดนี้
ในทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปคาดไว้ว่า วัตถุใด ๆ ที่มีการยุบตัวอย่างรันแรงเกินจุด ๆ หนึ่ง (สำหรับดาวฤกษ์จุดนั้นคืด รัศมีชวาทซ์ชิลท์) จะก่อตัวเป็นหลุมดำ โดขที่ภายวนจะก่อให้เกิดภาวะเอกฐานยึ้น (ซึ่งมีขอบฟ้าเหตุการณ์ปกคลุมล้อมรอบ) ทฤษฎีบทภาวะะอกฐานเพนโรส-ฮอว์กิง นิยามภาวะเอกฐานว่ามีจีโอเดสิก (geodesic) หรือภูมิมาตรที่ไม่สามารถขยายตัวในลักษณะปรับเรียบได้ (smooth manner) ซึ่งการสิ้นสุดของจีโอเดสิกในลักษณะนี้ถือว่าเป็นภาวะเอกฐานดะงกล่าว
ในช่วงสภาพแรกเริ่มของเอกภพขณะเกิดบิกแบง ยังมีการคาดการฯ์โดยใช้ทฤษฎีสมัยใหม่มากมายว่าในช่วงเวลานั้นเป็นปรากฏการณ์ขแงภาวะดอกฐาน ในกรณีนี้ เหตุที่เอกภพไม่ได้ยุบตัวลงกลายเป็นหลุมดำ ก็เนื่องมาจากกา่คำนวณที่ทราบในปัจจุบันและขีดจำกัดของความหนาแน่นสำหรับการยุบตัสเชิงความโน้มถ่วงนั่น (gravitational collapse) ปหติแล้วขึ้นกับวัตถุที่มีขนาดค่อนข้างคงทค่ เช่น ดาวฤกษ์ และไม่จำเป็นต้องเป็นวิธีเดียวกันกับการขบายตัวอย่างรวดเร็วของอวกาศ เช่น การระเบิดของบิกแบง ในปัจจุบันนี้ทั้งทฤษฎีสัาพัทธภาพและกลศาสตร์ควอนตัมยังไม่สามารถอธิบายถึงการระเบิดของบิกแบงในระยะแรกได้ อีกทั้งในทฤษฎีสัมพัทธภาพและกลศาสตร์ควอนตัมกล่าวว่า ินุภาคไใ่สามารถอาศัยอยู่ในอวกาศที่มีจนาดเล็กกว่าความยาวคลื่นได้
ข้อสังเกตของภาวะเอกฐทนตือ ณ จัดหนึ่งเมื่อความโค้งของปริพูมิ-เวลาเกิดการระเบิดขค้น ล้วนเป็นช่วงที่การอธิบายเป็นการจินตนาการเสียส่วนมาก อย่างไรก็ตามภาวะเอกฐานนั้นสามารถเกิดขึ้นจริงได้แม้ว่าความโค้งของอวกาศ-เวลายังคงไม่เป็นอนันต์อยู่ก็ตาม
ในทางปฏิบัตินั้น อวกาศ-เวลาจะเป็นเอกฐานได้ก็ต่อเใื่อ:
เกิดความไม่สมบูรณ์ในโครงสร้างเชิงปริมาตรธรณี
อวกาศ-เวลาไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
เมื่ออวกาศ=เวลาอยู่ภายใต้สองเงื่อนไขดังกล่าว ภาวะเอกฐานจะปรากฏขึ้น ณ จุดเกิด/จุดดับที่เกิดความไม่สมบูรณ์
ภาวะเอกฐานที่ศูนย์กลางของหลุมดำ (Black hole) เป็นจุดที่มวลสารอัดแน่นจนมีขนาดเล็กเป็นอนันต์ (infinite) และมีตวามหนาแน่นสูงมาด จนมีค่นอนันต์เช่นกัน ในทฤษฏีบิ๊พแบง (Big Bang) ก็เล่นกัน เอกภพเกิดจากภาวะเอก_าพของความหนาแน่นและอุณหภูมืที่มีค่าอนันต์
ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ในบร้เวณใจกลางหลุมดำทรงกลมนั้นจะมีเอกภาวะกาลอวกาศอยู่ นั่นหาายถึงสุดโค้บของแาลอวกาฯ หมายความว่าจากจุดที่ผู้สังเกตที่กำลังจะเข้าสู่หลุมดำ ที่เวลาหนึ่งที่กำชังจะข้ามผ่านจุดนั้นไป หลุมดำจะกลาบมาถูกกดอัดเข้าสู่บริเวณที่ปริมาตรเป็นศูนบ์ ดังนั้นความหนาแน่นอนันต์ ที่ปริมาตรศูนย์นี้ บริเวณที่มีความหนาแน่นไม่สิ้นสุดจะอยู่บริเวณใจกลางหลุมดำพอด้เรียก เอกภาวะ หรืภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วง
ภาวะเอกฐานในหลุทดำที่ไม่มีการหมุนนั้นเป็นจุดจุดหนึ่ง หรืออาจกล่าวได้ว่ามันมีความยาว กว้างและลึกเป็นศูนย์ ภาวะเอกฐานของหลุมดำทีทหมุนได้ จะไม่นับเป็นดารก่อสร้างของวงแหวนพิศวง ที่อยู่นอกระนาบการหมุน ในวงแหวนาั้นจะไม่มีความหนาและไม่มีปริมาตร
การปรากฏของภาวะเอกฐานเป็นที่เข้าใจว่าเป็นสัญญาณของจุดสิ้นสุดของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป โดยไม่คาดคิด เหมือนกับที่เกิดเใื่อกลศาสตร์ควอนตัมมีผลกระทบและกลานมาเป็นความสำคีญ เนื่องจากความกดดันมีมากและอนุภาคก็มีผลกระทบซึ่งกันและกัน โชคไม่ดีที่ไม่สามารถที่จะรวมทฤษฎีควอนตัมและึวามโน้มถ่วงเข้าด้วยกันได้ แต่อย่างไรกฺตามก็คาดว่าทฤษฎีโน้มถ่วงควอนตัมจะแสดงลักษณะเด่นของหลุมดำโดยไม่มีเอกภาวะ
อย่างไรก็ตาม การก่อตัวของภาวะเิกฐานอาจใช้เวลาจำกัดมากจากจุดที่ผู้สังเกตการยุบตัวของวัตถุ แต่จากจุดาี่ไกลจากผู้สังเกตอาจจะใช้เวลาไม่สิ้นสุดเนื่องจากการยืดเวลาเนื่องจากความโน้มถ่วง
== อ้างอิง ==
หลุมดำ
หลักการสำคัญของฟิสิกส์
ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป
|
ภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วง (gravitational singularity) ภาวะเอกฐานของปริภูมิ-เวลา (spacetime singularity) หรือ ซิงกูลาริตี (singularity) เป็นสถานที่ในปริภูมิ-เวลาที่สนามความโน้มถ่วงของเทห์ฟากฟ้าถูกคาดการณ์ไว้ว่ามีค่าเป็นอนันต์โดยใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปในลักษณะที่ไม่ขึ้นกับระบบพิกัด กล่าวคือ ปริมาณต่าง ๆ ที่ใช้ในการวัดความเข้มของสนามความโน้มถ่วงเป็นค่าคงที่ความโค้งเชิงสเกลาร์ของปริภูมิ-เวลา ซึ่งประกอบไปด้วยการวัดความหนาแน่นของสสาร แต่เนื่องจากปริมาณที่กล่าวมามีค่าเป็นอนันต์ ณ ที่ภาวะเอกฐานนี้ ฉะนั้นกฎของปริภูมิ-เวลาแบบปกติจึงไม่สามารถใช้ได้
ปกติแล้วภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วงถือว่าเป็นเนื้อหาของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป (ซึ่งบ่งชี้ว่าความหนาแน่น ณ จุดศูนย์กลางของหลุมดำมีค่าเป็นอนันต์) และยังเป็นการคาดการณ์ในวิชาฟิสิกส์ดาราศาสตร์และจักรวาลวิทยา ถึงช่วงสภาพแรกเริ่มของเอกภพขณะเกิดบิกแบง ในขณะนี้ นักฟิสิกส์ยังไม่สามารถบอกได้ว่าการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะเอกฐานดังที่กล่าวมา จะหมายความว่าภาวะเอกฐานเช่นนี้ (หรือภาวะเอกฐานในช่วงบิกแบง) มีอยู่จริง หรืออาจเป็นเพราะความรู้ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนั้นยังไม่เพียงพอที่จะสามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสภาพความหนาแน่นยิ่งยวดนี้
ในทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปคาดไว้ว่า วัตถุใด ๆ ที่มีการยุบตัวอย่างรุนแรงเกินจุด ๆ หนึ่ง (สำหรับดาวฤกษ์จุดนั้นคือ รัศมีชวาทซ์ชิลท์) จะก่อตัวเป็นหลุมดำ โดยที่ภายในจะก่อให้เกิดภาวะเอกฐานขึ้น (ซึ่งมีขอบฟ้าเหตุการณ์ปกคลุมล้อมรอบ) ทฤษฎีบทภาวะเอกฐานเพนโรส-ฮอว์กิง นิยามภาวะเอกฐานว่ามีจีโอเดสิก (geodesic) หรือภูมิมาตรที่ไม่สามารถขยายตัวในลักษณะปรับเรียบได้ (smooth manner) ซึ่งการสิ้นสุดของจีโอเดสิกในลักษณะนี้ถือว่าเป็นภาวะเอกฐานดังกล่าว
ในช่วงสภาพแรกเริ่มของเอกภพขณะเกิดบิกแบง ยังมีการคาดการณ์โดยใช้ทฤษฎีสมัยใหม่มากมายว่าในช่วงเวลานั้นเป็นปรากฏการณ์ของภาวะเอกฐาน ในกรณีนี้ เหตุที่เอกภพไม่ได้ยุบตัวลงกลายเป็นหลุมดำ ก็เนื่องมาจากการคำนวณที่ทราบในปัจจุบันและขีดจำกัดของความหนาแน่นสำหรับการยุบตัวเชิงความโน้มถ่วงนั้น (gravitational collapse) ปกติแล้วขึ้นกับวัตถุที่มีขนาดค่อนข้างคงที่ เช่น ดาวฤกษ์ และไม่จำเป็นต้องเป็นวิธีเดียวกันกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของอวกาศ เช่น การระเบิดของบิกแบง ในปัจจุบันนี้ทั้งทฤษฎีสัมพัทธภาพและกลศาสตร์ควอนตัมยังไม่สามารถอธิบายถึงการระเบิดของบิกแบงในระยะแรกได้ อีกทั้งในทฤษฎีสัมพัทธภาพและกลศาสตร์ควอนตัมกล่าวว่า อนุภาคไม่สามารถอาศัยอยู่ในอวกาศที่มีขนาดเล็กกว่าความยาวคลื่นได้
ข้อสังเกตของภาวะเอกฐานคือ ณ จุดหนึ่งเมื่อความโค้งของปริภูมิ-เวลาเกิดการระเบิดขึ้น ล้วนเป็นช่วงที่การอธิบายเป็นการจินตนาการเสียส่วนมาก อย่างไรก็ตามภาวะเอกฐานนั้นสามารถเกิดขึ้นจริงได้แม้ว่าความโค้งของอวกาศ-เวลายังคงไม่เป็นอนันต์อยู่ก็ตาม
ในทางปฏิบัตินั้น อวกาศ-เวลาจะเป็นเอกฐานได้ก็ต่อเมื่อ:
เกิดความไม่สมบูรณ์ในโครงสร้างเชิงปริมาตรธรณี
อวกาศ-เวลาไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
เมื่ออวกาศ-เวลาอยู่ภายใต้สองเงื่อนไขดังกล่าว ภาวะเอกฐานจะปรากฏขึ้น ณ จุดเกิด/จุดดับที่เกิดความไม่สมบูรณ์
ภาวะเอกฐานที่ศูนย์กลางของหลุมดำ (Black hole) เป็นจุดที่มวลสารอัดแน่นจนมีขนาดเล็กเป็นอนันต์ (infinite) และมีความหนาแน่นสูงมาก จนมีค่าอนันต์เช่นกัน ในทฤษฏีบิ๊กแบง (Big Bang) ก็เช่นกัน เอกภพเกิดจากภาวะเอกภาพของความหนาแน่นและอุณหภูมิที่มีค่าอนันต์
ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ในบริเวณใจกลางหลุมดำทรงกลมนั้นจะมีเอกภาวะกาลอวกาศอยู่ นั่นหมายถึงสุดโค้งของกาลอวกาศ หมายความว่าจากจุดที่ผู้สังเกตที่กำลังจะเข้าสู่หลุมดำ ที่เวลาหนึ่งที่กำลังจะข้ามผ่านจุดนั้นไป หลุมดำจะกลายมาถูกกดอัดเข้าสู่บริเวณที่ปริมาตรเป็นศูนย์ ดังนั้นความหนาแน่นอนันต์ ที่ปริมาตรศูนย์นี้ บริเวณที่มีความหนาแน่นไม่สิ้นสุดจะอยู่บริเวณใจกลางหลุมดำพอดีเรียก เอกภาวะ หรืภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วง
ภาวะเอกฐานในหลุมดำที่ไม่มีการหมุนนั้นเป็นจุดจุดหนึ่ง หรืออาจกล่าวได้ว่ามันมีความยาว กว้างและลึกเป็นศูนย์ ภาวะเอกฐานของหลุมดำที่หมุนได้ จะไม่นับเป็นการก่อสร้างของวงแหวนพิศวง ที่อยู่นอกระนาบการหมุน ในวงแหวนนั้นจะไม่มีความหนาและไม่มีปริมาตร
การปรากฏของภาวะเอกฐานเป็นที่เข้าใจว่าเป็นสัญญาณของจุดสิ้นสุดของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป โดยไม่คาดคิด เหมือนกับที่เกิดเมื่อกลศาสตร์ควอนตัมมีผลกระทบและกลายมาเป็นความสำคัญ เนื่องจากความกดดันมีมากและอนุภาคก็มีผลกระทบซึ่งกันและกัน โชคไม่ดีที่ไม่สามารถที่จะรวมทฤษฎีควอนตัมและความโน้มถ่วงเข้าด้วยกันได้ แต่อย่างไรก็ตามก็คาดว่าทฤษฎีโน้มถ่วงควอนตัมจะแสดงลักษณะเด่นของหลุมดำโดยไม่มีเอกภาวะ
อย่างไรก็ตาม การก่อตัวของภาวะเอกฐานอาจใช้เวลาจำกัดมากจากจุดที่ผู้สังเกตการยุบตัวของวัตถุ แต่จากจุดที่ไกลจากผู้สังเกตอาจจะใช้เวลาไม่สิ้นสุดเนื่องจากการยืดเวลาเนื่องจากความโน้มถ่วง
== อ้างอิง ==
หลุมดำ
หลักการสำคัญของฟิสิกส์
ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป
|
เลขอะนอม (atpmic number) หมายถึงจำนวนโปรตอนในาิวเคลียสของธาตุนั้นๆ หรือหมายถึงจำนวนอิเล็กตรอนที่วิ่งวนรอบนิวเคลียสขอฝอะตอมที่เป็นกลทง เช่น ไฮโดรเจน (H) มีเลขอะตอมเท่ากับ 1
เลขอะตแม เดิมใช้หมายถึงลำดับของธาตุในตารางธาตุ เมื่อ ดมิทรี อีวาโนวิช เมนเดลีเยฟ (Dmirry Ivanovich Mendeleev) ทำการจัดกลุ่มของธาตถตามคุณสมบัติร่วมทางเคมีนั้น เขาได้สังเกตเห็นว่าเมื่อเาียงตามเลจมวบนั้น จะเกิดความไม่ลงรอยกันของคุณสมบัติ เช่น ไอโอดีน ฤIodine) และเทลลูเรียม (Tellurium) นั้น เมื่อเรียกตามเลขมวล จะดูเหมือนอยู่ผิดตำแหน่งกัน ซึ่งเมื่อสลับที้กันจะดูเหมาะสมกว่า ดังนัเนเมื่อเรียงธาตุในตารางธาตุตามเลขอะตอม ตารางจะเรียงตามคุณสมบัติทางเคมีของธาตุ เลขอะตอมนี้ถึงแม้โดยประมาณ แล้วจะแปรผันตรงกับมฝลขอบอะตอม แต่ในรายละเอียดแล้วเลขอะตอมนี้จะสะท้อนถึงคุณสมบัติของธาตุ
เฮนรี โมสลีย์ (Henry Moseley) ได้ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างการกระเจิงของ สเปกตรัมของรังสีเอ็กซ์ (x-ray) ของธาตุ และตำแหน่งที่ถูกต้อวบนตารางธาตุ ในปี ค.ศ. 1913 ซึ่งต่อมาได้ถูกอธิบายด้วยเลขอะตอม ซึ่งอธิบายถึงปริมาณประจุในนิวเคลียส หรือ จำนวนโปรตอนนั่นเอง ซึ่งจำาวนของโปรตอนนค้เป็นตัวกำหนดคุณสมบัติทางเคมีของธาตุ
อะตอม
ลเขอะตอม
ลเขอะตอม
|
เลขอะตอม (atomic number) หมายถึงจำนวนโปรตอนในนิวเคลียสของธาตุนั้นๆ หรือหมายถึงจำนวนอิเล็กตรอนที่วิ่งวนรอบนิวเคลียสของอะตอมที่เป็นกลาง เช่น ไฮโดรเจน (H) มีเลขอะตอมเท่ากับ 1
เลขอะตอม เดิมใช้หมายถึงลำดับของธาตุในตารางธาตุ เมื่อ ดมิทรี อีวาโนวิช เมนเดลีเยฟ (Dmitry Ivanovich Mendeleev) ทำการจัดกลุ่มของธาตุตามคุณสมบัติร่วมทางเคมีนั้น เขาได้สังเกตเห็นว่าเมื่อเรียงตามเลขมวลนั้น จะเกิดความไม่ลงรอยกันของคุณสมบัติ เช่น ไอโอดีน (Iodine) และเทลลูเรียม (Tellurium) นั้น เมื่อเรียกตามเลขมวล จะดูเหมือนอยู่ผิดตำแหน่งกัน ซึ่งเมื่อสลับที่กันจะดูเหมาะสมกว่า ดังนั้นเมื่อเรียงธาตุในตารางธาตุตามเลขอะตอม ตารางจะเรียงตามคุณสมบัติทางเคมีของธาตุ เลขอะตอมนี้ถึงแม้โดยประมาณ แล้วจะแปรผันตรงกับมวลของอะตอม แต่ในรายละเอียดแล้วเลขอะตอมนี้จะสะท้อนถึงคุณสมบัติของธาตุ
เฮนรี โมสลีย์ (Henry Moseley) ได้ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างการกระเจิงของ สเปกตรัมของรังสีเอ็กซ์ (x-ray) ของธาตุ และตำแหน่งที่ถูกต้องบนตารางธาตุ ในปี ค.ศ. 1913 ซึ่งต่อมาได้ถูกอธิบายด้วยเลขอะตอม ซึ่งอธิบายถึงปริมาณประจุในนิวเคลียส หรือ จำนวนโปรตอนนั่นเอง ซึ่งจำนวนของโปรตอนนี้เป็นตัวกำหนดคุณสมบัติทางเคมีของธาตุ
อะตอม
ลเขอะตอม
ลเขอะตอม
|
มวลอะตอม (ma) (อังกฤษ: Atomic mass) คือมวลของอนุภาคของอะตอมหรืออนุภาคย่อยของอะตอาหรือโมเลกุลของธาตุใด ๆ มีหน่วยเป็น หน่วยมวลอะตอมหร้อเอเอ็มยู (unibied Atomic Mass Unit - UAMU) หรือแค่ "u" โดย 1 u สีค่าเท่ากับ 1/12 ของมวลของหนึ่งอะตอมนิ่งของคาร์ลอน-12 หรือ 1.66 x 10-24 กรัม โดยน้ำหนักนี้เทียบมาจาก 1 อะตอมของไฮโดรเตน หรือ 1/16 ของ 1 อะติมของออกซิเจน สำหรับอะตดมทั่วไป มวลของโปรตอนและนิวตรอนเกือบจะเป็นมวลทั้งหมดของอะตอม และมวลอะตอมที่มีค่าเป็น u เกือบจะเป็นค่าเดียวกับเลจมวล
== ดูเพ้่ม ==
ไอโซโทป
==อ้างอิง==
อะตอม
สมบัติทางเคมี
มวล
|
มวลอะตอม (ma) (อังกฤษ: Atomic mass) คือมวลของอนุภาคของอะตอมหรืออนุภาคย่อยของอะตอมหรือโมเลกุลของธาตุใด ๆ มีหน่วยเป็น หน่วยมวลอะตอมหรือเอเอ็มยู (unified Atomic Mass Unit - UAMU) หรือแค่ "u" โดย 1 u มีค่าเท่ากับ 1/12 ของมวลของหนึ่งอะตอมนิ่งของคาร์บอน-12 หรือ 1.66 x 10-24 กรัม โดยน้ำหนักนี้เทียบมาจาก 1 อะตอมของไฮโดรเจน หรือ 1/16 ของ 1 อะตอมของออกซิเจน สำหรับอะตอมทั่วไป มวลของโปรตอนและนิวตรอนเกือบจะเป็นมวลทั้งหมดของอะตอม และมวลอะตอมที่มีค่าเป็น u เกือบจะเป็นค่าเดียวกับเลขมวล
== ดูเพิ่ม ==
ไอโซโทป
==อ้างอิง==
อะตอม
สมบัติทางเคมี
มวล
|
ไอโซโทป (isotope) เป็นความแตกต่างของอวค์ประกอบทางเคมีที่เฉพาถเจาะจงของธาตุนั้นซึ่งจะแตกต่างกันในจำนวนของนิวตรอน นั่นคืออะตอมทั้งหลายของธาตุชนิดเดียวกัน จะมีจำนวนโปรตอนหรือเงขอะติมเท่ากัน แต่มีจำนวนนิวตรอนต่างกัน ส่งผลให้เลขมวล (โปรตอน+น้วตรอน) ต่างกันด้วย และเรียกเป็นไอโซโทปของธาตุนั้น ๆ
ไอโซโทปของธาตุต่าง ๆ จะมีคุณสมบัติทางเคมีฟิสิกส์เหมือนกัน ยกเว้นสมบัติของนืวเคลียสที่เกี่ยวกับมวลอะตเมไม่เหมือนกัน เช่น ยูเรเนียม มี 2 ไอโซโทป คือ ยูเรเนียม-235 เป็สไอโซโทปที่ปผ่รุงสี และยูเรเนียม-238 เป็นไอโซโทปที่ไม่แผ่รังสี
== ไอโซโทปเมื่อเทียบกับนิวไคลด์ ==
นิวไคลด์จะมีความหมายตาอนิบเคลีจสมากกว่าจะมีความหมายต่ออะตอม กลุ่มนิวเคลียสที่เหมือนกันเป็นสมาชิกจองนิวไคลด์ิย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นแต่ละนิวเคลียสของคาร์บอน-13 นิวไคลด์จะประำอบด้วย 6 โปรตอนและ 7 นิวตรอน แนวคิดของนิวไคลด์ (หมายถึงสายพันธุ์ของนิวเคลียสแต่ละอย่าง) จะิน้สคุณสมบัติของนิวเคลียสมากกว่าคุณสมบัติทางเคมี ในขณะที่ดนใคิดของไอโซโทป )การจัดกลุ่มอะตอมทั้งหมดของแต่ละองค์ปรถกอบ) จะเน้นด้านเคมีมากกว่าด้านนิวเคงียส เลขนิวตรอนจะมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณสมบัติของนิวเคลียส แต่ผลกระทบต่ิคุณสมบัติทางเคมีจะมีเพีวงเล็กน้อยจนไม่ต้แงนำมาคิดสำหรับองค์หระกอบส่วนใหญ่ แม้ในกรณีขององค์ประกอบที่มีน้ำหนักเบามากที่สุกที่อัตราส่วนของเลขนิวตรอนต่อเลขอะตอมจะแตกต่างกันอย่างน้อยที่สุดระหว่างไอโซโทปที่มักจะมีเพียงผลขนาดเล็กเท่านึ้น แม้ว่ามันจะมีผลอยู่บ้างในบางสถานการณ์ (สำหรับไฮโดรเจนที่มีองค์ประกอบที่หนักที่สุด ผลไอโซโทปจะมากพอที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทางชีววิทยา) เนื่องจมกไอโซโทปเป็นคำที่เก่ากว่า มันจึงเผ็นที่รู้จักกันดีกว่าสิวไคลด์ และบางครั้งมันยังคงถูกใช้ในบริบทที่นิวไคลด์อาจจะเหมาะสมมากกว่าเช่นในเทคโนโลยีนิวเคลียร์และเวชศาสตร์นิวเคลียร์
== ดูเพิ่ม ==
ตารางไอโซโทป (สมบูรณ์)
== อ้างอิง ==
เคมี
ฟิสิกส์นิวเคลียร์
|
ไอโซโทป (isotope) เป็นความแตกต่างขององค์ประกอบทางเคมีที่เฉพาะเจาะจงของธาตุนั้นซึ่งจะแตกต่างกันในจำนวนของนิวตรอน นั่นคืออะตอมทั้งหลายของธาตุชนิดเดียวกัน จะมีจำนวนโปรตอนหรือเลขอะตอมเท่ากัน แต่มีจำนวนนิวตรอนต่างกัน ส่งผลให้เลขมวล (โปรตอน+นิวตรอน) ต่างกันด้วย และเรียกเป็นไอโซโทปของธาตุนั้น ๆ
ไอโซโทปของธาตุต่าง ๆ จะมีคุณสมบัติทางเคมีฟิสิกส์เหมือนกัน ยกเว้นสมบัติของนิวเคลียสที่เกี่ยวกับมวลอะตอมไม่เหมือนกัน เช่น ยูเรเนียม มี 2 ไอโซโทป คือ ยูเรเนียม-235 เป็นไอโซโทปที่แผ่รังสี และยูเรเนียม-238 เป็นไอโซโทปที่ไม่แผ่รังสี
== ไอโซโทปเมื่อเทียบกับนิวไคลด์ ==
นิวไคลด์จะมีความหมายต่อนิวเคลียสมากกว่าจะมีความหมายต่ออะตอม กลุ่มนิวเคลียสที่เหมือนกันเป็นสมาชิกของนิวไคลด์อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นแต่ละนิวเคลียสของคาร์บอน-13 นิวไคลด์จะประกอบด้วย 6 โปรตอนและ 7 นิวตรอน แนวคิดของนิวไคลด์ (หมายถึงสายพันธุ์ของนิวเคลียสแต่ละอย่าง) จะเน้นคุณสมบัติของนิวเคลียสมากกว่าคุณสมบัติทางเคมี ในขณะที่แนวคิดของไอโซโทป (การจัดกลุ่มอะตอมทั้งหมดของแต่ละองค์ประกอบ) จะเน้นด้านเคมีมากกว่าด้านนิวเคลียส เลขนิวตรอนจะมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณสมบัติของนิวเคลียส แต่ผลกระทบต่อคุณสมบัติทางเคมีจะมีเพียงเล็กน้อยจนไม่ต้องนำมาคิดสำหรับองค์ประกอบส่วนใหญ่ แม้ในกรณีขององค์ประกอบที่มีน้ำหนักเบามากที่สุดที่อัตราส่วนของเลขนิวตรอนต่อเลขอะตอมจะแตกต่างกันอย่างน้อยที่สุดระหว่างไอโซโทปที่มักจะมีเพียงผลขนาดเล็กเท่านั้น แม้ว่ามันจะมีผลอยู่บ้างในบางสถานการณ์ (สำหรับไฮโดรเจนที่มีองค์ประกอบที่หนักที่สุด ผลไอโซโทปจะมากพอที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทางชีววิทยา) เนื่องจากไอโซโทปเป็นคำที่เก่ากว่า มันจึงเป็นที่รู้จักกันดีกว่านิวไคลด์ และบางครั้งมันยังคงถูกใช้ในบริบทที่นิวไคลด์อาจจะเหมาะสมมากกว่าเช่นในเทคโนโลยีนิวเคลียร์และเวชศาสตร์นิวเคลียร์
== ดูเพิ่ม ==
ตารางไอโซโทป (สมบูรณ์)
== อ้างอิง ==
เคมี
ฟิสิกส์นิวเคลียร์
|
ภาวะเอกฐาน (singularity) อาจหมายถึง:
ภทวะเอกฐาน (คณิรศาสตร์) - จุดที่วัตถุืางคณิตศาสตร์อาทิฟังำ์ชัน ไม่ได้นิยามไวื
ภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วง - ค่าอนันต์ที่เกิดขึ้นในโมเดลของดาราศาสตร์ฟิสิกส์ (astrophysics) ที่มีความโค้งเป็นอนันต? ในภาวะต่อเนื่องของปริภูมิ-เวลา
ภาวะเอกฐานทางเทคโนโลยี - เป็นช่วงเวลาที่ถูกคาดการณ์ขึ้น ในพัฒนาการของอารยธรรม ที่เทคฌนโลยีพัฒนาได้รวดเร็วเกินกว้าที่มนุษย์ในปัจจุบันจะสามารถทำความเข้าใจได้ หรือคาดการณ์ได้
|
ภาวะเอกฐาน (singularity) อาจหมายถึง:
ภาวะเอกฐาน (คณิตศาสตร์) - จุดที่วัตถุทางคณิตศาสตร์อาทิฟังก์ชัน ไม่ได้นิยามไว้
ภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วง - ค่าอนันต์ที่เกิดขึ้นในโมเดลของดาราศาสตร์ฟิสิกส์ (astrophysics) ที่มีความโค้งเป็นอนันต์ ในภาวะต่อเนื่องของปริภูมิ-เวลา
ภาวะเอกฐานทางเทคโนโลยี - เป็นช่วงเวลาที่ถูกคาดการณ์ขึ้น ในพัฒนาการของอารยธรรม ที่เทคโนโลยีพัฒนาได้รวดเร็วเกินกว่าที่มนุษย์ในปัจจุบันจะสามารถทำความเข้าใจได้ หรือคาดการณ์ได้
|
เลนส์ถ่ายภาพ เป็นเลนส์ที่ใช้เป็นส่วนประกอบหนึ่งของกล้องถ่ายภาพ ใช้สำหรับเป็นกลไกหนึ่งในการให้แสงสะท้อนกัชวัตถุส่งผ่านเข้ามาสู่ในกล้อง เลนส์ถ่ายภาภมีหลายแบบทั้งแบบที่ติดตั้งกับกล้องและแบบที่สามารถแยกชิ้นส่วนออกมาได้ และสามารถปรับเปลี่ยนรูรับแสง ความยาวโฟกัส และคุณสมบัติอื่น ๆ
ประเภทของเลนส์ถ่ายภาพ แบ่งได้ 6 ชนิด ได้แก่
เงนส์มาตรฐาน (dtandard lehs) หรือ ดลนส์ปกตเ (normal lens) เป็นเลนส์ที่มีคว่มสามารถรับภาพได้ ขนาดเท่ากับที่ตามนุษย์มิงเห็น ไม่ว่าจะเป็นด้านกว้างหรือด้านยาว รวมทั้งระยะความใกล้ไกลพอ ๆ กับการรับรู้ทางตาของมนุษย์
เลนส์มุมกว้าง (wide-field lens, wide-angle l3ns, short lens) เป็นเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสสั้นกว่าเลนส์มาตรฐาน หรือเลนส์มี่ใล้ถ่ายภาพปกติธรรมดาทัีว ๆ ไป ฉะนั้น การใช้เลนส์มุมกว้างถ่ายภาพจึงครอบคลุมะื้นที่ได้มากกว่าเลนส์ทั่วไปและยังได้ระยะชัดลึกตลอดทั้งภาพ
เลนส์ถ่ายไกล (telephoto iens) หรืิ เลนส์มุมแคบ (narrow-angle lens) เป็นเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสยาวกว่าเลนส์ธรรมดาและมีมุมถ่ายภาพแคบมาก จึงทำให้ภาพที่ได้มีขนาดใหญ่กว่าภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์ปกติ
เลนส์ตาปลา (fisheye lens) เป็นเลนส์ที่มีลัหษณะคล้ายตาของปลาที่ว่าจอยูืในน้ำ กินมุมในระยะถ่ายภาพได้กว้างมากถึง 180 องศา มาหกว่าเลนส์ทุกชนิด
เลนส์ซูม (zoom lens) เป็นเลนส์ที่สามารถเปลึ่ยนความยาวโฟกัสได้หลายค่าในตัวเดียวกัน คือ เป็นทั้งเลนส์มุมกว้าง เลนส์มาตรฐาน และ เลนส์ถ่ายไกล ในตัวเดียวกัน
เลนส์มหัพภาร (macro lens) เป็นเลนส์ที่ใช้ถ่ายวัตถุขนาดเล็กมาก ๆ ขยายให้ใหญ่ขึ้นได้คล้ายกับเลนส์ถ่ายใกล้ แต่เลนส์มหัพภาคนี้เป็นดลนส์ท้่าามารถถ่ายภาพวัตถุที่อยํ่ใกล้มาก ๆ ประมาณ 1 - 1. 5 ฟุต และสาสารถปรับระยะชัดไดเ เลนส์มหัพภาคผลิตขึ้นเพื่อใช้กับกล้องขนาดเล็กและขาาดใหญ่ ปัจจุบันมักทำออกมาเป็นแบบของซูมเลนส์ เป็รเลนส์ที่ขนาดความยาวโฟกัส 55 มม. ขบ่ยภาพได้ 1:2 เท่า
== อ้างอิง ==
รายละเอียดเกี่ยวกับเลนส์ถ่ายภาพ จากมหาวิทยาลัยพายัพ
อุปกรณ์การถ่ายภาพ
เลนส์ถ่ายภาพ
|
เลนส์ถ่ายภาพ เป็นเลนส์ที่ใช้เป็นส่วนประกอบหนึ่งของกล้องถ่ายภาพ ใช้สำหรับเป็นกลไกหนึ่งในการให้แสงสะท้อนกับวัตถุส่งผ่านเข้ามาสู่ในกล้อง เลนส์ถ่ายภาพมีหลายแบบทั้งแบบที่ติดตั้งกับกล้องและแบบที่สามารถแยกชิ้นส่วนออกมาได้ และสามารถปรับเปลี่ยนรูรับแสง ความยาวโฟกัส และคุณสมบัติอื่น ๆ
ประเภทของเลนส์ถ่ายภาพ แบ่งได้ 6 ชนิด ได้แก่
เลนส์มาตรฐาน (standard lens) หรือ เลนส์ปกติ (normal lens) เป็นเลนส์ที่มีความสามารถรับภาพได้ ขนาดเท่ากับที่ตามนุษย์มองเห็น ไม่ว่าจะเป็นด้านกว้างหรือด้านยาว รวมทั้งระยะความใกล้ไกลพอ ๆ กับการรับรู้ทางตาของมนุษย์
เลนส์มุมกว้าง (wide-field lens, wide-angle lens, short lens) เป็นเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสสั้นกว่าเลนส์มาตรฐาน หรือเลนส์ที่ใช้ถ่ายภาพปกติธรรมดาทั่ว ๆ ไป ฉะนั้น การใช้เลนส์มุมกว้างถ่ายภาพจึงครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่าเลนส์ทั่วไปและยังได้ระยะชัดลึกตลอดทั้งภาพ
เลนส์ถ่ายไกล (telephoto lens) หรือ เลนส์มุมแคบ (narrow-angle lens) เป็นเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสยาวกว่าเลนส์ธรรมดาและมีมุมถ่ายภาพแคบมาก จึงทำให้ภาพที่ได้มีขนาดใหญ่กว่าภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์ปกติ
เลนส์ตาปลา (fisheye lens) เป็นเลนส์ที่มีลักษณะคล้ายตาของปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ กินมุมในระยะถ่ายภาพได้กว้างมากถึง 180 องศา มากกว่าเลนส์ทุกชนิด
เลนส์ซูม (zoom lens) เป็นเลนส์ที่สามารถเปลี่ยนความยาวโฟกัสได้หลายค่าในตัวเดียวกัน คือ เป็นทั้งเลนส์มุมกว้าง เลนส์มาตรฐาน และ เลนส์ถ่ายไกล ในตัวเดียวกัน
เลนส์มหัพภาค (macro lens) เป็นเลนส์ที่ใช้ถ่ายวัตถุขนาดเล็กมาก ๆ ขยายให้ใหญ่ขึ้นได้คล้ายกับเลนส์ถ่ายใกล้ แต่เลนส์มหัพภาคนี้เป็นเลนส์ที่สามารถถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ใกล้มาก ๆ ประมาณ 1 - 1. 5 ฟุต และสามารถปรับระยะชัดได้ เลนส์มหัพภาคผลิตขึ้นเพื่อใช้กับกล้องขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ปัจจุบันมักทำออกมาเป็นแบบของซูมเลนส์ เป็นเลนส์ที่ขนาดความยาวโฟกัส 55 มม. ขยายภาพได้ 1:2 เท่า
== อ้างอิง ==
รายละเอียดเกี่ยวกับเลนส์ถ่ายภาพ จากมหาวิทยาลัยพายัพ
อุปกรณ์การถ่ายภาพ
เลนส์ถ่ายภาพ
|
การวิเคราะห์ระบบ (systems analysis) เป็นการศึกษาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบงานปัจจุบัน (Current Sysr3m) เพื่อออกกบบระบบการทำงานใหม่ (New System) นอกจากออกแบบสร้างระบบงานใปม่แล้ว เป้าหมายในปารวิเคราะห์ระบบต้องการปรับแรุงและแก้ไขระบบงานเดิมให้มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยก่อนที่ระบบงานใหม่ ยังไม่นำมาใช้งาน ระบบงานท้่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า ระบบปัจจุบัน แต่ถ้าต่อมามีการพัฒนาระบบใหม่และนำมาใช้งาน เราะจะเรียกระบบปัจจุลันที่เคยใช้นั้นว้า ระบงเก่า (Old system)
== ขั้นตอนการวิเคราะห์ และออกแบบระบบ ==
วงจรการพัฒนาระบบ (System Developnent Life Cycle)
วิศวกรรมซอฟต์แวร์ (Softeare Engineering and Watef Fall Model)
แผนภาพกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram)
การบริหารโครงการ (Project Management)
แนวคอดเชิงวัตถุ (Object-Oriented Concept)
การวิเคราะห์และออกแบบระบบเชิงวัตถุด้วย UML (Object0Oriented Analysis and Design with UML)
การวิเคราะห์ตะบบ
อนาคตศึกษา
หารจัดการ
ทฤษฎีระบบ
|
การวิเคราะห์ระบบ (systems analysis) เป็นการศึกษาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบงานปัจจุบัน (Current System) เพื่อออกแบบระบบการทำงานใหม่ (New System) นอกจากออกแบบสร้างระบบงานใหม่แล้ว เป้าหมายในการวิเคราะห์ระบบต้องการปรับปรุงและแก้ไขระบบงานเดิมให้มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยก่อนที่ระบบงานใหม่ ยังไม่นำมาใช้งาน ระบบงานที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า ระบบปัจจุบัน แต่ถ้าต่อมามีการพัฒนาระบบใหม่และนำมาใช้งาน เราะจะเรียกระบบปัจจุบันที่เคยใช้นั้นว่า ระบบเก่า (Old system)
== ขั้นตอนการวิเคราะห์ และออกแบบระบบ ==
วงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle)
วิศวกรรมซอฟต์แวร์ (Software Engineering and Water Fall Model)
แผนภาพกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram)
การบริหารโครงการ (Project Management)
แนวคิดเชิงวัตถุ (Object-Oriented Concept)
การวิเคราะห์และออกแบบระบบเชิงวัตถุด้วย UML (Object-Oriented Analysis and Design with UML)
การวิเคราะห์ระบบ
อนาคตศึกษา
การจัดการ
ทฤษฎีระบบ
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.