txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# กูเกิลอัพเดต Smart Display เปลี่ยนมาใช้ UI แบบแยกแท็บ, รองรับหลายบัญชี, Dark Theme
กูเกิลประกาศอัพเดตฟีเจอร์และ UI ให้อุปกรณ์กลุ่มหน้าจออัจฉริยะ (Smart Display) ทั้งยี่ห้อของกูเกิลเอง (Nest Hub Max) และยี่ห้ออื่นๆ (เช่น Lenovo)
การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือแยก UI เป็นแท็บ แบ่งออกเป็นหน้าจอต่างๆ ดังนี้
หน้า Your Morning สรุปข้อมูลสำคัญให้ดูว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง (และจะเปลี่ยนเป็น Your Afternoon, Your Evening ตามช่วงเวลาของวัน)
หน้า Media แนะนำคลิปวิดีโอที่น่าสนใจจากแหล่งต่างๆ เช่น Disney+, Netflix, YouTube TV, Spotify
หน้า Home Control สำหรับควบคุมอุปกรณ์ในบ้าน
หน้า Communicate สำหรับวิดีโอคอลล์ผ่านแอพต่างๆ เช่น Google Meet, Duo, Zoom ที่เพิ่งรองรับ
หน้า Discover สอนวิธีการใช้งานอุปกรณ์
ฟีเจอร์อย่างอื่นนอกจากการเปลี่ยน UI คือ
รองรับ multiple account แล้ว สามารถเห็นทั้งนัดหมายเรื่องงานและนัดหมายส่วนตัวได้พร้อมกัน โดยไม่ต้องสลับบัญชีไปมา
auto-frame ขณะที่คุยวิดีโอคอลล์ กล้องจะจับภาพเราเป็นศูนย์กลางให้อัตโนมัติ แม้เราเคลื่อนที่ไปมาก็ตาม
เพิ่ม Dark theme และเลือกสลับธีมมืด-สว่างได้อัตโนมัติ
เพิ่มเสียงกล่อมก่อนนอน เช่น เสียงฝนตก หรือ จั๊กจั่นร้อง
Sunrise Alarm ค่อยๆ เพิ่มความสว่างของหน้าจออย่างช้าๆ ก่อนเวลาปลุก 30 นาที เพื่อให้ตื่นง่ายขึ้น
ที่มา - Google |
# Juniper Networks เข้าซื้อกิจการ 128 Technology ผู้พัฒนา AI สำหรับ SD-WAN มูลค่าดีล 450 ล้านดอลลาร์
Juniper Networks ประกาศเตรียมเข้าซื้อกิจการ 128 Technology สตาร์ทอัพที่พัฒนา AI สำหรับ SD-WAN มูลค่าดีลรวม 450 ล้านดอลลาร์ โดยจ่ายเป็นเงินสดและหุ้นของ Juniper
ดีลนี้เป็นดีลที่ Juniper ซื้อกิจการด้าน AI ต่อจาก Mist ในปี 2019 ซึ่ง Juniper ระบุว่าทำให้พอร์ตโฟลิโอ SD-WAN ของบริษัทโดดเด่นในด้านการบริหารจัดการเครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยลดความยุ่งยากและยังลดค่าใช้จ่ายขององค์กรนั่นเอง
ข้อมูลจาก Crunchbase ระบุว่า 128 Technology ก่อตั้งในปี 2014 มีการเพิ่มทุนครั้งสุดท้ายซีรี่ส์ D ไป 30 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2019 นำโดยกองทุน G20 และ The Perkins Fund ได้เงินเพิ่มทุนรวมกว่า 96 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Juniper Networks และ TechCrunch
ภาพ Pixabay |
# IBM รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2020
ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2020 รายได้รวม 17,560 ล้านดอลลาร์ ลดลง 2.6% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิ 1,698 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจใหม่ตามกลยุทธ์ของไอบีเอ็มยังคงมีการเติบโตสูง กลุ่ม Cloud & Cognitive Software รายได้เพิ่มขึ้น 7% ถ้าดูเฉพาะรายได้กลุ่มคลาวด์โต 19% ขณะที่ Red Hat รายได้เพิ่มขึ้น 17%
Arvind Krishna ซีอีโอไอบีเอ็ม กล่าวว่าผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งจากธุรกิจคลาวด์ นำโดย Red Hat เป็นผลจากการที่ลูกค้าหันมาเลือกใช้แพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์แบบเปิด (Open Hybrid Cloud) ที่บริษัทเป็นผู้นำในตลาดอยู่ ซึ่งไอบีเอ็มเห็นโอกาสที่ตลาดจะมีขนาดใหญ่ระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ไอบีเอ็มประกาศแผนโฟกัสในธุรกิจไฮบริดคลาวด์มากขึ้น โดยจะแยกกิจการใหม่ออกมาจากกลุ่ม Global Technology Services เพื่อเน้นไฮบริดคลาวด์และ AI คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2021
ที่มา: ไอบีเอ็ม (pdf) |
# Telegram ไม่ใช่แอปที่บล็อกไม่ได้ แต่ชาวรัสเซียใช้ VPN/Proxy จนเป็นปกติ
ความนิยมของ Telegram ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายวันที่ผ่านมา และเมื่อมีเอกสารระบุว่ารัฐบาลกำลังพยายามบล็อค Telegram โดยระบุหมายเลขไอพี 4 ไอพี ทำให้หลายคนอาจจะแชร์ข่าวต่อๆ กันว่าแม้แต่ในรัสเซียและจีนก็ไม่สามารถบล็อค Telegram ได้ ความเชื่อนี้ไม่ตรงกับข้อมูลจาก Pavel Durov ผู้ร่วมก่อตั้ง Telegram
รัสเซียสั่งบล็อค Telegram มาในปี 2018 ทั้งที่เป็นแอปแชตยอดนิยม มีผู้ใช้ถึง 30 ล้านคนจากรัสเซีย อย่างไรก็ดีหลังจากรัสเซียสั่งบล็อคแล้วปริมาณผู้ใช้ Telegram จากรัสเซียกลับไม่ลดลงนัก ตัว Durov ระบุเหตุผลว่าชาวรัสเซียพากันใช้ VPN และ sock5 proxy เจาะหลบบล็อคของทางการรัสเซียอย่างหนัก จนแทบไม่มีผล โดยที่ตัว Durov เองประกาศสนับสนุนการใช้ VPN และ proxy ด้วยการบริจาคเงินนับล้านดอลลาร์ให้ชุมชน นอกจากนี้ช่วงที่ Telegram ถูกบล็อคและใช้งานได้บ้างไม่ได้บ้าง Telegram ยังโปรโมท channel ให้กับผู้ที่ตั้ง proxy ให้บริการฟรี (proxy ใช้ต่อบริการอื่นไม่ได้) ทำให้เจ้าของ channel พากันสร้าง proxy มาช่วยหลบบล็อค
ตัวแอป Telegram รองรับ proxy ในตัวเมื่อเปิด URL ในรูปแบบ tg://[proxy]?[arguments] และโครงการ MTProxy เป็นโครงการโอเพนซอร์สพร้อมใช้ให้ทุกคนดาวน์โหลดไปติดตั้งได้
แม้ชาวรัสเซียจะใช้ VPN/Proxy หลบบล็อคอย่างต่อเนื่อง แต่ทางการรัสเซียก็ยังเดินหน้าบล็อคตามหมายเลขไอพีต่อไป แต่หมายเลขไอพีที่ Telegram ให้บริการในรัสเซียกลับเป็นหมายเลขไอพีของ AWS และ Google Cloud การบล็อคอย่างต่อเนื่อง (ไม่มีข้อมูลว่า Telegram จงใจสลับหมายเลขไอพีหลบบล็อคของทางรัสเซียหรือไม่) ทำให้ผู้ให้บริการอื่นที่มาใช้ไอพีต่อจาก Telegram ถูกบล็อคบริการไปด้วย ทำเอาบริการแชต Viber, บริการคลาวด์ของ Volvo, และบริการกล้องวงจรปิดของ Xiaomi ใช้งานในรัสเซียไม่ได้
ทางการรัสเซียพยายามทดสอบเทคโนโลยี Deep Packet Inspection (DPI) เพื่อตรวจสอบ แต่ DPI ก็ไม่แม่นเพียงพอ จนกระทั่งทางรัสเซียเลิกบล็อคไปในที่สุด
ดังนั้นหากใครคาดว่าจะมีการบล็อคอย่างจริงจังก็อาจจะได้เวลาหาทางหลบบล็อคกันได้
ที่มา - TechCrunch, Reuters |
# YouTube ทดสอบตัวเลือกคุณภาพวิดีโอใหม่ ตั้งค่าแยกสำหรับเครือข่ายมือถือและไวไฟได้
YouTube ทดสอบตัวเลือกคุณภาพวิดีโอแบบใหม่บนแอนดรอยด์ โดยปรับให้เรียบง่ายขึ้น แบ่งออกเป็น 3 ตัวเลือก ได้แก่ Auto, High picture quality และ Data saver ส่วนใครที่ต้องการเลือกความละเอียดของวิดีโอเอง ยังสามารถทำได้ผ่านตัวเลือก Advanced
นอกจากนี้ยังเพิ่มเมนูกำหนดคุณภาพเริ่มต้นของทุกวิดีโอในหน้าตั้งค่า โดยสามารถเลือกระดับคุณภาพวิดีโอที่ต้องการ และตั้งค่าแยกสำหรับเครือข่ายมือถือและไวไฟได้
ที่มา - พบด้วยตนเอง |
# Raspberry Pi เปิดตัวบอร์ด Compute Module 4 ในรูปทรงใหม่พร้อมรุ่นย่อยกว่า 32 รุ่น
เป็นธรรมเนียมในทุกครั้งที่ทาง Raspberry Pi Foundation จะต้องออกบอร์ด Compute Module สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานด้านอุตสาหกรรมตามหลังบอร์ด Raspberry Pi รุ่นหลัก ในวันนี้ภายหลังการเปิดตัว Raspberry Pi 4 มากว่า 16 เดือนทาง Raspberry Pi Foundation ได้เปิดตัวบอร์ด Compute Module 4 ในรูปทรงใหม่ที่เล็กลงกว่าเดิมเหลือเพียง 55x40มม. แบ่งเป็น 32 รุ่นย่อยในราคาเริ่มต้นเพียง 25 ดอลลาร์สหรัฐจนถึง 90 ดอลลาร์สหรัฐในรุ่นสูงสุด
Compute Module 4 ทุกรุ่นใช้ชิป BMC2711 ซึ่งเป็นซีพียู 1.5GHz Quad-Core ARM Cortex-A72 รุ่นเดียวกับบอร์ด Raspberry Pi 4 ตัวบอร์ดรองรับการเชื่อมต่อจอภายนอกแบบ HDMI ที่ความละเอียด 4K จำนวน 2 หน้าจอ รวมทั้งการเชื่อมต่อ PCI Express 2.0 แบบ Single-lane และอินเตอร์เฟส MIPI DSI/CSI-2 สำหรับต่อจอภาพและโมกุลกล้องได้อย่างละ 2 ชุด รุ่นเริ่มต้นที่ราคา 25 ดอลลาร์สหรัฐมาพร้อมแรม LPDDR4 ขนาด 1GB ไม่มีหน่วยความจำแฟลชและโมดุลไวเลส โดยสามารถเลือกเพิ่มแรมได้เป็น 2, 4 หรือ 8GB เพิ่มหน่วยความจำแฟลชชนิด eMMC ที่ความจุ 8, 16 หรือ 32GB และเพิ่มโมดุลไวเลสรองรับบลูทูธและไวไฟ 2.4/5GHz มาตรฐาน 802.11b/g/n/ac โดยมีรุ่นออปชั่นสูงสุดอยู่ที่ราคา 90 ดอลลาร์สหรัฐและยังคงราคาเท่ากับ Compute Module 3+ ในรุ่นย่อยที่มีออปชั่นเทียบเท่ากัน
นอกจากนี้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้ Compute Module 4 ทาง Raspberry Pi ยังได้เปิดตัว Compute Module 4 Antenna Kit ชุดเสาอากาศแบบภายนอกสำหรับ Compute Module 4 ในราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยในการรับสัญญาณให้ดียิ่งขึ้นในกรณีที่ติดตั้งบอร์ดในกล่องปิด และ Compute Module 4 IO Board บอร์ดต่อขยายที่ประกอบด้วยช่องเชื่อมต่อประเภทต่าง ๆ อย่างครบครันในราคา 35 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยในการทดลองบอร์ดและเป็นต้นแบบสำหรับคนที่ต้องการออกแบบบอร์ดต่อขยายสำหรับ Compute Module 4 ของตนเอง
ที่มา: Raspberry Pi Blog |
# ค่าเกมก็จ่ายเต็ม NBA 2K21 เพิ่มคลิปโฆษณาก่อนเข้าแมตช์ กดข้ามไม่ได้ด้วย
ก่อนหน้านี้เพิ่งมีกรณี EA แทรกโฆษณาบังหน้าจอในเกมต่อสู้ UFC 4 ที่เพิ่งวางขาย ล่าสุดเกิดประเด็นแบบเดียวกันกับเกมกีฬา NBA 2K21 ของ 2K Games ที่เป็นคู่แข่งกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นคือเกม NBA 2K21 เพิ่มโฆษณาช่วงก่อนเข้าแมตช์ (ขณะกำลังรอโหลด) โดยเป็นโฆษณาของแว่น Oculus Quest 2 ที่กดข้ามไม่ได้ซะด้วย และโฆษณานี้เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาหลังเกมวางขายได้ประมาณ 1 เดือน
เกมซีรีส์ NBA 2K เคยมีประเด็นยัดเยียดโฆษณาแบบเดียวกันในภาคที่แล้ว 2K20 และโดนแฟนๆ รุมถล่มเช่นกัน เพราะเป็นเกมราคาเต็ม 59 ดอลลาร์ (แถมปีนี้ เวอร์ชัน PS5 และ Xbox Series X ขึ้นราคาเป็น 69 ดอลลาร์)
ที่มา - Eurogamer |
# Playtika บริษัทเกมมือถือจากอิสราเอล ยื่นเอกสาร IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐ
Playtika บริษัทเกมมือถือจากอิสราเอล ยื่นเอกสารเตรียมขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ
Playtika เป็นเจ้าของเกมมือถือหลายเกม ส่วนใหญ่เป็นเกมแนวพัซเซิลหรือคาสิโน เช่น Best Fiends, Bingo Blitz, Board Kings, Caesars Slots, House of Fun, Poker Heat, Slotmania เป็นต้น มีฐานผู้เล่น 35 ล้านคนต่อเดือน และ 12 ล้านคนต่อวัน ตัวเลขรายได้ปี 2020 เฉพาะ 9 เดือนแรกสูงถึง 9.2 พันล้านดอลลาร์
บริษัทมีพนักงานมากถึง 4,000 คน และสำนักงานในยุโรปหลายประเทศ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา ซึ่งได้มาจากการซื้อกิจการสตูดิโอเกมในประเทศต่างๆ เจ้าของปัจจุบันคือ Alpha Frontier กลุ่มบริษัทจากประเทศจีน
ที่มา - VentureBeat |
# กระทรวงดิจิทัลประกาศเอาผิด ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์, สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล, ไมค์ ระยอง พร้อมสั่งปิด Royalist Market Place (ตลาดหลวง) อีกรอบ
เมื่อเช้านี้หลังกรมประชาสัมพันธ์เผยแพร่คำเตือนของกระทรวงดิจิทัลว่าให้ระวังการโพสโซเชียลผิดกฎหมาย ทางกระทรวงเองก็ประกาศรายละเอียดออกมาเพิ่มเติมว่าจะเอาผิดกับกลุ่มผู้โพสต้นทางก่อน โดยระบุชื่อได้แก่ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์, สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล, ภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์ ระยอง) พร้อม Voice TV และเพจ Free YOUTH
ทางกระทรวงไม่ได้ระบุว่าจำนวนโพสที่จะเอาผิดกับบุคคลเหล่านี้เป็นจำนวนกี่โพส แต่ระบุเพียงจำนวนรวม 324,990 เรื่อง เป็นทวิตเตอร์ 75,076 เรื่อง, เฟซบุ๊ก 245,678 เรื่อง, และเว็บบอร์ด 4,236 เรื่อง ในจำนวนนี้รวมถึงการรีทวีตและกดแชร์ไปด้วย
ทางกระทรวงยังระบุว่าได้สั่งปิด Royalist Market Place (ตลาดหลวง) ไปแล้วสองครั้ง หากแพลตฟอร์ม (ซึ่งก็คือเฟซบุ๊ก) ไม่ยอมปิดก็จะดำเนินคดีตามมาตรา 27 ของพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ต่อไป โดย Royalist Marketplace นับเป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้งระหว่างเฟซบุ๊กและทางกระทรวงเนื่องจากเฟซบุ๊กออกมาเปิดเผยว่าทางกระทรวงขู่จะดำเนินคดีอาญากับตัวแทนเฟซบุ๊กในไทย ทางเฟซบุ๊กจึงต้องยอมปิดเพจ อย่างไรก็ดีหลังปิดเพจไปเพียงวันเดียวเพจ "ตลาดหลวง" ที่เปิดขึ้นมาใหม่ก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ที่มา - Facebook: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม |
# Telegram โดนบล็อคแล้วทำไงดี แนะนำบริการ VPN ใช้งานฟรีและน่าเชื่อถือ
จากข่าว กระทรวงดิจิทัลขอให้ กสทช. สั่งบล็อค Telegram ก่อให้เกิดคำถามว่า ถ้าหาก Telegram โดนบล็อคแล้วจะทำอย่างไรดี?
ทางออกของเรื่องนี้คือการใช้งาน VPN (virtual private network) เพื่อเข้ารหัสทราฟฟิกที่ส่งผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่ให้ ISP ในไทยทราบว่าเรากำลังทำอะไรอยู่บ้าง และไม่สามารถบล็อคทราฟฟิกที่เราส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ Telegram ได้
บทความนี้ขอแนะนำโซลูชัน VPN อย่างง่าย สำหรับคนที่ไม่เคยใช้งาน VPN มาก่อน โดยเน้นที่การใช้งานบนสมาร์ทโฟนเป็นหลัก
Cloudflare WARP บริการฟรีจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ
บริการ VPN ในท้องตลาดมีเป็นจำนวนมาก ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน โดยบริการ VPN ฟรีบางยี่ห้ออาจมีความเสี่ยงเรื่องความน่าเชื่อถือ เพราะผู้ให้บริการ VPN อาจ "ดัก" ข้อมูลของเราไปใช้เสียเอง แนวทางการเลือก VPN จึงมีทั้งการตั้งเซิร์ฟเวอร์เองเพื่อการันตีความปลอดภัย หรือ การเลือกผู้ให้บริการ VPN เจ้าที่น่าเชื่อถือมากพอ
ผู้ให้บริการที่เราเลือกมาแนะนำในรอบนี้คือ Cloudflare ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านเครือข่ายและระบบความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซานฟรานซิสโก และเป็นบริษัทใหญ่ระดับที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ประวัติการทำงานที่ผ่านๆ มาของ Cloudflare ค่อนข้างเป็นบวก มีผลงานด้านความปลอดภัย คุ้มครองการโจมตีไซเบอร์ให้กับหน่วยงานต่างๆ มากมาย
Cloudflare มีบริการ VPN ใช้งานฟรีชื่อ WARP สามารถดาวน์โหลดแอพได้ทั้งบน Android และ iOS รวมถึงแอพเวอร์ชันเดสก์ท็อปทั้ง Windows, Mac, Linux ด้วย
เมื่อดาวน์โหลด WARP แล้ว เราสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียนใดๆ เพียงแค่กดปุ่ม Connect มือถือของเราจะส่งทราฟฟิกทั้งหมดผ่านเซิร์ฟเวอร์ 1.1.1.1 ของ Cloudflare ในทันที (ส่งผลให้ Telegram สามารถใช้งานได้เพราะไม่ถูกบล็อคระหว่างทาง) ถือเป็นบริการที่ง่าย สะดวก และปลอดภัย
ข้อจำกัดของ WARP คือบริการแบบฟรี ที่ความเร็วอาจจะจำกัดบ้าง และมีบริการพรีเมียม WARP+ สำหรับความเร็วสูงที่เสียค่าบริการ สามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 59 บาทต่อเดือน
Outline ตั้งเซิร์ฟเวอร์ VPN ของตัวเอง ควบคุมความปลอดภัยได้เอง
ถ้าต้องการแอดวานซ์ขึ้นอีกขั้น การตั้งเซิร์ฟเวอร์ VPN ของตัวเองปัจจุบันทำได้ง่ายขึ้นมากแล้ว เราเพียงเช่าเซิร์ฟเวอร์จากคลาวด์รายใดก็ได้ในราคาไม่แพง (เช่น DigitalOcean ราคา 5 ดอลลาร์ต่อเดือน เซิร์ฟเวอร์อยู่ที่สิงคโปร์) แล้วติดตั้งซอฟต์แวร์ VPN บนเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นใช้มือถือของเราเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN แห่งนี้อีกต่อหนึ่ง
ซอฟต์แวร์ที่แนะนำคือ Outline ซึ่งสร้างโดยกูเกิล (ภายใต้ Project Jigsaw ของกูเกิล) วิธีใช้งานแบบสั้นๆ คือ
เช่าคลาวด์ที่ไหนก็ได้
ติดตั้งซอฟต์แวร์ Outline Manager จากเว็บ Outline
ติดตั้งแอพ Outline Client บนมือถือ (Android, iOS)
รายละเอียดสามารถอ่านได้จากบทความ รู้จักกับ Outline บริการ VPN ทำเองแบบติดตั้งง่าย เลือกประเทศปลายทางได้ แชร์ให้เพื่อนใช้ด้วยกันได้ |
# Xiaomi เปิดตัวชาร์จไร้สาย 80W ชาร์จแบต 4,000 mAh เต็ม 100 ได้ใน 19 นาที
Xiaomi เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จไร้สาย 80W Mi Wireless Charging Technology ชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh ได้ 50% ใน 8 นาที และ 100% ใน 19 นาที เทียบชาร์จไร้สาย 30W ของเดิมชาร์จได้ 50% ในเวลาประมาณ 25 นาทีและ 100% ในเวลา 69 นาที
ก่อนหน้านี้ Xiaomi เปิดตัว Mi 10 Ultra ที่รองรับการชาร์จมีสาย Quick Charge 5 ไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมกับการชาร์จแบบมีสาย 120W และไร้สาย 50W ส่วนเทคโนโลยีชาร์จไร้สาย 80W นั้น จะมาอยู่บนมือถือจริงเมื่อไร ต้องติดตามกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม จุดเล็กๆ ที่ควรทราบคือเทคโนโลยีชาร์จไร้สายในปัจจุบัน ยังส่งประจุไฟได้ไม่เต็มที่เท่ากับแบบมีสาย ทำให้กินไฟมากกว่า และเช่นเดียวกับเทคโนโลยีชาร์จเร็วอื่นๆ คือความร้อนที่เพิ่มขึ้นระหว่างชาร์จ อาจทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลง
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# EPOS บริษัทลูกผู้ผลิตเครื่องช่วยฟัง เปิดตัวโซลูชันหูฟังและลำโพงสำหรับองค์กรในไทย
Epos บริษัทลูกในเครือ Demant Group ของเดนมาร์กที่เป็นผู้ผลิตระบบประสาทหูชั้นในเทียม เครื่องช่วยฟัง อุปกรณ์การแพทย์สำหรับตรวจเช็คการได้ยิน เปิดตัวโซลูชันหูฟังและลำโพงสำหรับองค์กรในไทย 2 ซีรีส์คือ Adapt ที่เป็นหูฟังและ Expand ที่เป็นลำโพงไร้สายสำหรับห้องประชุม
Adapt มี 2 รุ่นย่อยคือ Adapt 500 หูฟังไร้สายพร้อมก้านไมโครโฟน มีระบบ ANC ใช้งานได้ต่อเนื่อง 46 ชม. ราคา 9,900 บาทและ Adapt 100 หูฟังมีสาย เชื่อมต่อผ่าน USB-A, USB-C หรือ 3.5mm พร้อม ANC ราคา 1,100 บาท
ส่วน Expand 3000 ลำโพงไร้สายขนาดเล็ก เชื่อมต่อได้ทั้งบลูทูธ, USB-C และ USB-A มีไมค์รองรับเสียงพูดหลายทิศทาง และไมค์ตัดเสียงรบกวน มีฟีเจอร์ Call Merge ที่รวมวงสนทนาของ MS Teams, Zoom ไม่ว่าจะบนพีซีหรือสมาร์ทโฟนเข้ามาไว้ด้วยกัน ราคา 8,550 บาท
นอกจากนี้ยังมีรุ่นย่อย Expand 30T Certified for Microsoft Team มีปุ่มกดเรียกใช้ Microsoft Teams แยกต่างหาก พร้อมอุปกรณ์เสริม USB Bluetooth Dongle สำหรับเชื่อมต่อกับพีซี ราคา 10,800 บาท |
# หลุดเอกสารลับ ก.ดิจิทัลถึง กสทช. สั่งบล็อก Telegram ในไทย
แอคเคาท์ทวิตเตอร์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) เผยแพร่เอกสารลับของกระทรวงดิจิทัล พร้อมด้วยคำสั่งของ ผบ.ตร. ที่อ้างอิงเอกสารของกระทรวงดิจิทัลที่มีคำสั่งไปยัง กสทช. ให้บล็อกการเข้าถึงแอป Telegram ในประเทศไทย หลังกลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free Youth) ใช้เป็นช่องทางนัดหมายและเผยแพร่ข่าวสารการชุมนุม
กระทรวงดิจิทัลอ้างว่าเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 ของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยกระทรวงดิจิทัลขอให้ กสทช. ไปขอความร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายมือถือบล็อกการเข้าถึงไอพีแอดเดรสของ Telegram ตามที่แนบมากับเอกสารลับ
ที่มา - @TLHR2014 |
# Google Assistant เริ่มรองรับการเล่นพ็อดแคสต์จาก Spotify
เดิมตัวเลือกพ็อดแคสต์ที่เชื่อมต่อกับ Google Assistant จะมีแต่ Google Podcast เท่านั้น ล่าสุด Android Police พบว่า Google Assistant รองรับการเชื่อมต่อผู้ให้บริการอื่นแล้ว โดยมี Spotify เป็นเจ้าแรก
การเปลี่ยนตัวเลือกนี้ต้องเข้าไปที่ Google Assistant Settings (สั่งได้ด้วยเสียง หรือเปิดหน้า Assistant แตะรูปเข็มทิศล่างขวาและแตะที่โปรไฟล์ขวาบนแล้วเลือก Settings) แล้วเลื่อนลงมาจนเจอแท็บ Podcast จะพบตัวเลือก Spotify เพิ่มจาก Google Podcast
ที่มา - Android Police |
# ปี 2020 เป็นปีที่ผู้หญิงเป็นตัวละครในเกมมากที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 18%
Feminist Frequency องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรวิเคราะห์สื่อกับประเด็นสังคมต่างๆ ทั้งเพศ เชื้อชาติ เผลรายงานบทบาทผู้หญิงในวงการเกมที่ทำมาแล้ว 6 ปี พบว่าปี 2020 มีเกมที่มีตัวละครหญิงรับบทนำเพิ่มขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ทำมา
ในปี 2020 นี้ มีเกมที่มีผู้หญิงเป็นตัวละครนำมี 18% ที่เหลือเป็นตัวละครชาย 23%, ผู้เล่นเลือกได้ 54%, ไม่ระบุเพศชัดเจน 3% และ N/A หรือไม่มีข้อมูลอีก 2% ตัวเลขของผู้หญิงถือว่าเพิ่มขึ้นจากปี 2019 อย่างก้าวกระโดด เพราะมีตัวเลขเพียง 5% เท่านั้น
ทางองค์กรระบุว่า ได้เก็บข้อมูลเกมจากสตูดิโอและผู้จัดจำหน่ายเกมรายใหญ่ที่จัดงานแถลงเกมระหว่างวันที่ 11 มิ.ย.-10 ก.ย. ดูจากอีเว้นท์ Sony 2 งาน อีเว้นท์ Ubisoft 2 งานและ EA 1 งาน
เมื่อพูดถึงประเด็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเกมซึ่งมักจะมีแต่ผู้ชายนั้น ยังไม่สามารถตอบได้แน่ชัดว่าแต่ละบริษัทและสตูดิโอมีการจ้างผู้หญิงมากขึ้นเท่าไร แต่ถ้าดูจากการนำเสนอเกมต่อหน้าสื่อ ตามงานอีเว้นท์ต่างๆ พบว่ามีผู้หญิงออกมานำเสนอเกม 23% เท่านั้น
ที่มา - Wired |
# หลุดเรนเดอร์ Samsung Galaxy S21 ภาพแรก โมดูลกล้องดีไซน์ใหม่ นูนเหมือนเดิม
Sammobile เปิดเผยภาพเรนเดอร์ของ Samsung Galaxy S21 จากสองแหล่งที่คล้ายคลึงกันคือ Onleaks บน Voice.com กับ Xleaks7 บนเว็บไซต์ Pigtou พบว่าด้านหน้าไม่มีอะไรแปลกใหม่ เป็นจอ Infinity-O เจาะรูตรงกลางเหมือนเดิม แต่จะเป็นหน้าจอแบบแบน ส่วนด้านหลังเป็นโมดูลกล้องดีไซน์ใหม่ นูนเหมือนเดิม แต่คราวนี้จะกินพื้นที่เว้าไปจนถึงขอบตัวเครื่อง
Samsung Galaxy S21 จะมีหน้าจอขนาด 6.2 นิ้วเท่ากับ S20 ตัวเครื่องขนาด 151.7 x 71.2 x 7.9 มิลลิเมตร ใกล้เคียงกับ 151.7 x 69.1 x 7.9 มิลลิเมตร บน S20 (ยาว x กว้าง x สูง) แต่ความหนา ณ จุดโมดูลกล้อง ถูกระบุว่าอยู่ที่ 9 มิลลิเมตร และในรุ่น Ultra หากมีเลนส์ 108MP และเลนส์เทเล อาจจะนูนมากกว่านี้ โดยรวมแล้วจุดโมดูลกล้องด้านหลังน่าจะเป็นดีไซน์ที่เปลี่ยนมากที่สุด ส่วนตัวเครื่องจะเป็นวัสดุอะไร หรือวางจำหน่ายเมื่อไร ยังไม่มีระบุ
ที่มา - Onleaks, Xleaks7 via Sammobile |
# ก.ดิจิทัลเตือนระวังโพสต์โซเชียลระวังผิดกฎหมาย มีเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์ 24 ชม.
ทวิตเตอร์ของกรมประชาสัมพันธ์ทวีตคำเตือนจากกระทรวงดิจิทัล ให้ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียระวังการโพสต์ข้อความหรือรูปภาพใด ๆ ที่ผิดกฎหมายทั้ง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์และ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พร้อมระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชม.
นอกจากนี้ระบุด้วยว่าตั้งแต่วันที่ 13 - 18 ตค. มีเคสเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายทั้ง 2 ฉบับจากทั้งที่ได้รับแจ้งและเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรวมกันกว่า 324,990 เรื่อง
ที่มา - @prd_official |
# เอกสารโทรคมนาคมบราซิลระบุ แบต iPhone 12 Mini จุ 2,227 mAh, iPhone 12 จุ 2,815 mAh
เว็บไซต์ Technoblog ระบุว่าพบเอกสารที่มีข้อมูลแบตเตอรี่ของ iPhone 12 ทั้งสี่รุ่นจากหน่วยงานโทรคมนาคมแห่งชาติของบราซิล (ANATEL) แต่เปิดเผยแค่สองรุ่น โดยระบุว่า iPhone 12 จะมีความจุแบตเตอรี่ 2,815 mAh และ iPhone 12 Mini ที่ 2,227 mAh ซึ่งน้อยกว่า iPhone 11 ที่ความจุแบต 3,110 mAh
บนเว็บไซต์ Apple ระบุว่า iPhone 12 mini เล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 15 ชั่วโมง ส่วน iPhone 12 เล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 17 ชั่วโมง เท่ากับ iPhone 11 แม้แบตจะมีความจุน้อยกว่า น่าจะมาจากการที่ชิป A14 Bionic กินพลังงานน้อยลง ส่วน iPhone 12 Pro และ Pro Max ยังไม่มีข้อมูลความจุแบตเตอรี่ แต่บนเว็บไซต์ Apple ระบุว่าเล่นวิดีโอได้นาน 17 และ 20 ชั่วโมงตามลำดับ
นอกจากนี้เอกสารจาก ANATEL ยังระบุว่า จะมี iPhone รุ่นใหม่ที่ผลิตในประเทศบราซิลและอินเดีย โดยตอนนี้ระบุแค่ iPhone 12 Pro แต่ก็น่าจะมีรุ่นอื่นด้วย เพราะมาตรการภาษีของอินเดียและบราซิล ทำให้ iPhone มีราคาแพงกว่าหากผลิตนอกประเทศ
iPhone 12 และ 12 Pro จะเริ่มสั่งจองในสหรัฐได้ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม ส่วน iPhone 12 Mini และ Pro Max เริ่มสั่งจองในสหรัฐได้ในวันที่ 6 พฤศจิกายน และจัดส่ง 13 พฤศจิกายนนี้ ส่วนในอินเดีย สั่งจอง iPhone 12 และ 12 Pro ได้ในวันที่ 23 ตุลาคม ส่วนในบราซิล หรือบ้านเรา ยังไม่มีข้อมูลวันวางจำหน่าย
ที่มา - 9to5Mac
iPhone 12 Mini
iPhone 12 |
# กอร.ฉ. สั่งกสทช./กระทรวงดิจิทัล ตรวจสอบและบล็อคสื่อออนไลน์ รวมถึง Voice TV, The Standard, The Reporters
กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) ออกคำสั่งให้กสทช. และกระทรวงดิจิทัลตรวจสอบและระงับการออกรายการของสื่อออนไลน์หลายแห่ง ได้แก่ Voice TV, ประชาไท, The Reporters, The Standard, และเพจเยาวชนปลดแอก
คำสั่งฉบับนี้ลงวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่เพิ่งมีการเผยแพร่ผ่านเพจจุลสารราชดำเนินของสมาคมนักข่าวในเช้าวันนี้ และทางเพจได้ลบเอกสารออกไปภายหลัง อย่างไรก็ดีคุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย นักข่าวของ The Reporters ยืนยันว่าเป็นเอกสารจริง และทางกอร.ฉ. จะแถลงข่าวในวันนี้
กอร.ฉ. เพิ่งตั้งขึ้นตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยวันที่ตั้งขึ้นนั้น ทั้งกสทช.และกระทรวงดิจิทัลก็จัดประชุมร่วมกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการปิดกั้นข้อมูลตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที
ที่มา - @thapanee3miti |
# BMW เริ่มปล่อยอัพเดต OS ครั้งใหญ่ผ่าน OTA รองรับ Android Auto แล้ว
BMW เริ่มปล่อยอัพเดตให้ใช้งาน Android Auto แล้ว โดยเลื่อนมาจากที่สัญญาไว้ว่าจะมาเดือน ก.ค. 2020 เล็กน้อย
อัพเดตครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ BMW Operating System 7 (เลขเวอร์ชันคือ 7/20) ครอบคลุมฟีเจอร์ใหม่อื่นๆ อย่าง BMW Maps, Connected Charging, eDrive Zones ด้วย
ลูกค้ากลุ่มแรกที่จะได้อัพเดตนี้คือประเทศแม่อย่างเยอรมนี จะเริ่มอัพเดตแบบ over-the-air ในวันที่ 19 ตุลาคม จากนั้นจะเป็นคิวของยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา และจีน แล้วจึงเป็นประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
BMW ระบุว่าหลังจากออก BMW Operating System 7 ในปี 2018 ก็สัญญาว่าจะอัพเดตระบบปฏิบัติการแบบรีโมท over-the-air ที่เป็นกระบวนการอัตโนมัติ ใช้เวลาติดตั้งประมาณ 20 นาที โดยการอัพเดตครั้งนี้ครอบคลุมจำนวนรถมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทคือ 750,000 คัน ส่วนรถยนต์ที่ผลิตหลังเดือนกรกฎาคม 2020 จะได้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันนี้มาตั้งแต่โรงงาน
ที่มา - BMW via Android Central |
# Sony ถอดข้อความ "2020" ออกจากหน้าเว็บ PS5 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัญหาสต๊อค PS5 ขาดแคลน อาจทำให้ Sony ต้องเลื่อนการวางขายในบางประเทศออกไป และภูมิภาคที่น่าจะโดนผลกระทบคือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทยด้วย
เดิมทีในหน้าเว็บ PS5 ของหลายประเทศมีคำว่า "Launces Holiday 2020" แต่มีคนสังเกตว่าหน้าเว็บในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย ถอดข้อความนี้ออกไปแล้ว เหลือเพียงสิงคโปร์ประเทศเดียวที่ยังระบุวันวางขายชัดเจน 19 พฤศจิกายน 2020 ดังเดิม
กำหนดการวางขายของ PS5 คือกลุ่ม wave 1 อย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น แคนาดา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ จะเริ่มขายวันที่ 12 พฤศจิกายน ในขณะที่ wave 2 คือประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุชื่อแบบตายตัว จะวางขาย 19 พฤศจิกายน
ที่มา - Reddit |
# Tesla ถอดนโยบายไม่พอใจยินดีคืนเงินเต็มจำนวนใน 7 วันออกอย่างเงียบ ๆ
ปกติแล้ว Tesla จะมีนโยบายไม่พอใจยินดีคืนเงินให้ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ของบริษัท เพื่อให้ลูกค้าสามารถคืนสินค้าพร้อมรับเงินเต็มจำนวนหากไม่พึงพอใจได้ในระยะเวลา 7 วันหลังออกรถโดยไม่ถามคำถามเพิ่มเติม (no questions asked return policy) ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายดังของ Elon Musk ที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้รถยนต์ของ Tesla
ล่าสุด เว็บไซต์ Electrek พบว่าตอนนี้ Tesla แอบถอดนโยบายนี้ออกอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่า Tesla ถอดนโยบายอกเพราะอะไร ถ้าตอนนี้ผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ของ Tesla จะคืนรถและรับเงินเต็มจำนวนจะต้องจัดการผ่านหน่วยบริการลูกค้าของ Tesla
การออกนโยบายไม่พอใจยินดีคืนเงินของ Tesla ถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักในอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจาก Musk มั่นใจในผลิตภัณฑ์ของ Tesla มาก และเขาต้องการให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด รวมถึงต้องการให้รถยนต์ของ Tesla จับต้องง่ายเหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปที่สามารถสั่งออนไลน์ได้ โดยหลังจากถอดนโยบายนี้ออกแล้วยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายรับประกันความพึงพอใจใหม่จาก Tesla ว่าจะคืนเงินให้ผู้ใช้เท่าไรในกรณีใดบ้าง
ที่มา - The Verge, Electrek
ภาพประกอบข่าวจากเว็บไซต์ Tesla |
# แนะนำการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวก่อนใช้ Telegram
Telegram เป็นแอปแชตอีกตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงหลัง จากฟีเจอร์แชตที่ค่อนข้างดี สร้างห้องได้ขนาดใหญ่ถึง 200,000 คน และมีฟีเจอร์ Secret Chat สำหรับการส่งข้อความพร้อมทำลายข้อความตามเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ดี Telegram มีข้อเสียที่ต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์สมัครใช้งานเสมอ และหากเราเปิดแอปให้เข้าถึง Contact List ในโทรศัพท์ Telegram จะเพิ่มเพื่อนให้เราอัตโนมัติพร้อมกับแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้อื่นที่ใช้งาน Telegram อยู่ด้วย จึงควรระวังการใช้งานดังนี้
ไม่ให้ Telegram เข้าถึง Contact List
การใช้งาน Telegram เพื่อร่วมห้องแชตนั้นไม่จำเป็นต้องอนุญาตให้ตัวแอปเข้าถึง Contact List ของเราแต่อย่างใด iOS และ Android ล้วนสามารถจำกัดการเข้าถึงรายชื่อในสมุดโทรศัพท์เราได้ทั้งสิ้น ควรปิดไว้ตลอดเวลา
ไม่เปิดให้ใครเห็นหมายเลขโทรศัพท์
Telegram เป็นแอปแชตที่สามารถเปิดให้คนอื่นๆ เห็นหมายเลขโทรศัพท์ได้ ควรปิดฟีเจอร์นี้ทิ้งเสีย ในช่อง "Who can see my phone number?" แล้วปรับให้เป็น Nobody ส่วนช่อง "Who can find me by my phone number?" จะเปิดให้คนอื่นแชตหาเราได้หากเรามีหมายเลขของเขาอยู่ในโทรศัพท์ ควรปรับเป็น "My Contacts" ไว้เช่นกัน
เปลี่ยนชื่อก่อนเข้าห้องแชต
ในกรณีที่เราต้องการความเป็นส่วนตัวในการเข้าร่วมห้องแชต ควรตระหนักว่าชื่อผู้ใช้จะปรากฎให้ทุกคนในห้องแชตเห็นเสมอ แต่สามารถเปลี่ยนเป็นชื่ออะไรก็ได้ อาจใช้ตัวสุ่มชื่อมาช่วยเพิ่มความมั่ว เพื่อไม่ให้เราเผลอใช้ชื่อที่เกี่ยวข้องกับตัวเราเอง มาตรการเช่นนี้เป็นแนวทางของหน่วยงานความมั่นคงเช่น NSA ที่ห้ามตั้งชื่อโครงการเองแต่ใช้ซอฟต์แวร์ตั้งชื่อให้เพื่อให้แน่ใจว่าคาดเดาลักษณะโครงการจากชื่อไม่ได้
ปรับค่าความเป็นส่วนตัวให้หนาแน่น
Telegram เปิดให้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวอื่นๆ ได้มาก ทั้งการแสดงช่วงเวลาออนไลน์, ภาพโปรโฟล์, การดึงเพื่อนเข้าห้องรวม, โทรหาคนอื่น ควรปรับค่าเหล่านี้ให้หนาแน่นกว่าค่าเริ่มต้นเช่นกัน ผมแสดงภาพการปรับความเป็นส่วนตัวระดับหนาแน่นที่สุดไว้ในภาพ
เปิดการล็อกอิน 2-factor authentication
Telegram เปิดให้ล็อกอินด้วยการล็อกอินสองชั้น โดยใช้รหัสผ่านและอีเมลยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เป็นฟีเจอร์ที่ควรเปิดใช้งาน พร้อมกับเก็บรักษารหัสผ่านไว้ให้ดี การตั้งรหัสผ่านที่ดีอาจใช้ซอฟต์แวร์สุ่มรหัสผ่าน สำหรับแบบเว็บก็มี LastPass Generator หากรหัสผ่านจำยากอาจจะจดแล้วเก็บรักษาไว้ในกระเป๋าสตางค์ หรือใช้โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน |
# สรุปรีวิว Pixel 5 ซอฟต์แวร์ดี กล้องดี แบตอึดแล้ว แต่มีตัวเลือกดีกว่า ในราคา 700 เหรียญ
Pixel 5 ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เริ่มมีรีวิวจากสื่อต่างๆ ออกมาแล้ว คราวนี้ Pixel 5 เปลี่ยนกลยุทธจากการเป็นมือถือเรือธงที่ใช้ชิปรุ่นสูงสุด มาใช้ชิปรองท็อปอย่าง Snapdragon 765G แต่ยังเน้นจุดขายที่กล้องและซอฟต์แวร์ Pure Android เช่นเคย พร้อมนำเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือด้านหลังกลับมา และตัดการปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้าผ่านเรดาร์ Soli ออกไป
นอกจากนี้ Google ยังใส่ฟีเจอร์ เช่น หน้าจอรีเฟรชเรต 90Hz กันน้ำ IP68 และรองรับชาร์จไร้สาย ที่มักพบได้พร้อมกันบนมือถือเรือธงเท่านั้นมาให้ พร้อมกลบจุดด้อย เรื่องดีไซน์หน้าจอ ที่เคยมีมาในรุ่นก่อนๆ เช่น รอยแหว่งขนาดใหญ่ หรือ “คาง” ที่ขอบจอด้านล่างไปจนหมด เพิ่มขนาดแบตเตอรี่เป็น 4,080 mAh และใส่กล้องอัลตร้าไวด์มาแทนกล้องเทเล ในราคา 700 เหรียญสหรัฐ
ในภาพรวม สื่อต่างๆ ชื่นชมซอฟต์แวร์ Pure Android การซัพพอร์ตของ Google และการนำเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือด้านหลังกลับมา พร้อมทั้งชื่นชม Google ที่ทำตามข้อเรียกร้องของแฟนๆ โดยการนำกล้องอัลตร้าไวด์มาใส่แทนกล้องเทเลในกล้องคู่ ส่วนแบตเตอรี่ที่เคยเป็นจุดอ่อนของ Pixel 4 เพราะ Google ใส่มาให้แค่ 2,800 mAh ก็ได้รับการเพิ่มขนาดแบตเตอรี่เป็น 4,080 mAh และสื่อแทบทุกเจ้าเขียนในข้อดีว่า แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ตั้งแต่หนึ่งวันเต็มๆ ไปจนถึงวันครึ่งตามการใช้งาน
ในด้านข้อติ เรื่องหลักๆ จะเป็นลำโพงบนที่อยู่ใต้หน้าจอ เสียงเบากว่าลำโพงด้านล่างของเครื่อง และสื่อบางเจ้าเช่น Engadget และ Android Authority เริ่มเล็งเห็นว่าการใช้เพียงซอฟต์แวร์เพื่อปรับปรุงคุณภาพของภาพถ่าย คู่กับเซ็นเซอร์ Sony IMX363 ที่ใช้มาตั้งแต่ Pixel 3 อาจไม่เพียงพออีกต่อไป และทำให้ Pixel ถูกสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นกับเซ็นเซอร์รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าแซงได้ แม้ซอฟต์แวร์กล้องของสมาร์ทโฟนเหล่านั้นจะด้อยกว่า Pixel ก็ตาม กับเรื่องสุดท้ายที่อาจเป็นจุดเล็กๆ คือระบบชาร์จแบบมีสายยังรองรับเพียง 18W เท่านั้น
Engadget ชื่นชมซอฟต์แวร์ของ Pixel และการซัพพอร์ตจาก Google ส่วนในด้านกล้อง Engadget ระบุกล้อง Pixel 5 เก็บรายละเอียดของภาพได้น้อยกว่า S20 FE รวมถึงภาพถ่ายในพื้นที่ที่มีแสงน้อย แต่ไม่มืดพอให้ Night Mode ทำงาน ก็มีคุณภาพที่ไม่ดีนัก พร้อมระบุว่าในระดับราคา 700-750 เหรียญ ยังมีตัวเลือกที่น่าสนใจอื่น เช่น Samsung Galaxy S20 FE และ OnePlus 8T ที่ใช้ชิป Snapdragon 865 และมีชาร์จเร็ว แม้กล้องจะด้อยกว่าก็ตาม รวมถึงถ้าไม่ได้ซีเรียสเรื่องฟีเจอร์กันน้ำกันฝุ่นหรือชาร์จไร้สาย Pixel 4a 5G ก็ยังเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในราคาที่ถูกกว่า
The Verge ชื่นชมภาพที่ถ่ายด้วย Night Mode รวมไปถึงซอฟต์แวร์ Pure Android และชื่นชม Google ที่แก้ไขปัญหาด้านแบตเตอรี่ และให้แบตมาถึง 4,080 mAh แล้ว รวมถึงชื่นชมการกลับมาของเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง แต่ติว่าการประมวลผลภาพหลังถ่าย ใช้เวลาพอสมควร และลำโพงสเตอริโอที่มีด้านหนึ่งอยู่ใต้หน้าจอ มีคุณภาพด้อยกว่าลำโพงแบบทั่วไป แม้จะใช้งานได้ดีในการโทร แต่จะรู้สึกได้ชัดเจนว่าคุณภาพไม่ดีนัก เวลาดูวิดีโอ ฟังเพลง หรือเล่นเกม แต่โดยรวมก็ยังถือว่า Pixel 5 เป็นมือถือ Android ที่ตอบโจทย์ในด้านคุณภาพการประกอบ แบตเตอรี่ และกล้อง แม้จะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นนัก
TechCrunch ระบุว่าปัจจัยในการให้แฟนๆ อัปเกรดมาเป็น Pixel 5 คือแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น และการรองรับ 5G (ซึ่งก็มีใน Pixel 4a 5G) ส่วนเรื่องอื่นๆ เช่นกล้อง หรือซอฟต์แวร์และการซัพพอร์ต ก็ยังคงดีงามตามมาตรฐานของ Pixel แต่ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น และพูดคล้ายคลึงกับ Engadget ว่าในระดับราคาใกล้เคียงกัน ยังมีมือถือ Android รุ่นอื่นที่มีฟีเจอร์เยอะกว่านี้
สรุป
Pixel 5 เป็นมือถือ Pixel มาพร้อมชิปรุ่นกลางที่ยังตอบโจทย์คนรักมือถือ Pure Android เช่นเคย แม้จะไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นนัก แต่คุณภาพของกล้องโดยรวมยังดีพอเป็นจุดขายได้อยู่ แม้จะลดสเปกลงไปใช้ชิป Snapdragon 765G รุ่นรองท็อป แต่ก็กลบจุดอ่อนเดิมๆ ในรุ่นก่อนโดยการเพิ่มขนาดแบตเตอรี่ เปลี่ยนกล้องคู่จากเลนส์เทเลเป็นเลนส์อัลตร้าไวด์ และนำเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือด้านหลังกลับมา ซึ่งน่าจะตอบโจทย์แฟนๆ Pixel ได้เป็นอย่างดี แม้จะมีข้อติบ้างในด้านลำโพงใต้หน้าจอ และยังชาร์จมีสายได้แค่ 18W อยู่
อย่างไรก็ตาม หากเพิ่มเงินประมาณ 50 เหรียญ ยังมีมือถือรุ่นคู่แข่งอย่าง Samsung Galaxy S20 FE 5G และ OnePlus 8T ที่แม้จะไม่ใช่ Pure Android และกล้องยังมีคุณภาพด้อยกว่า แต่ก็ได้ชิปเรือธง Snapdragon 865 กับจอ 120Hz ทั้งคู่ รวมถึงเทคโนโลยี WarpCharge 65W ใน OnePlus 8T ก็ยังเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เมื่อเทียบ Pixel 5 ที่รองรับการชาร์จแค่ 18W อีกด้วย
คะแนนจากสื่อต่างๆ
Engadget - 82/100
CNET - 8.3/10
The Verge - 8/10
The Guardian - 4/5 |
# สหภาพยุโรปพอใจแพตช์ Boeing 737 Max คาดอนุญาตให้กลับมาบินได้พฤศจิกายนนี้
Patrick Ky ผู้อำนวยการ European Union Aviation Safety Agency (EASA) ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวแสดงท่าทีพอใจต่อแพตช์ซอฟต์แวร์ของ Boeing 737 Max ว่าปลอดภัยเพียงพอ และทาง Boeing สัญญาว่าจะพัฒนาเซ็นเซอร์ตัวที่สามติดตั้งเพิ่มเติมในปี 2022 ซึ่งหากไม่มีความผิดพลาดอะไรทาง Boeing ก็จะได้ใบรับรองให้กลับมาบินในยุโรปได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้
เครื่อง Boeing 737 Max ถูกสั่งห้ามบินไปทั่วโลกตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019 หลังเกิดเหตุเครื่องบินตกถึงสองรอบติดๆ กัน จน Boeing ต้องหยุดสายการผลิตไปเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังมีเครื่องบินค้างสต็อกกว่า 400 ลำส่งมอบไปยังสายการบินไม่ได้
ปัญหาของเครื่อง 737 Max เกิดจากระบบปรับระดับการยกหัวเครื่องบินอัตโนมัติ หรือ MCAS ที่อ่านค่าจากเซ็นเซอร์ AOA (angle of attack) เพียงตัวเดียวทำให้ซอฟต์แวร์สั่งการกดหัวเครื่องทันทีที่เซ็นเซอร์อ่านค่าผิดพลาด แพตช์ซอฟต์แวร์จาก Boeing แก้ไขปัญหานี้โดยจะเทียบค่าจากเซ็นเซอร์สองข้างก่อนเสมอ หากค่าไม่ตรงกันก็จะไม่ทำงานอัตโนมัติ
Boeing สัญญาว่าเครื่อง 737 Max 10 ที่เป็นรุ่นต่อไปจะติดตั้งเซ็นเซอร์ตัวที่สาม เรียกว่า synthetic sensor เพิ่มเติมเข้าไปอีก และหลังจาก 737 Max 10 เริ่มบินแล้วบริษัทก็จะนำโมดูลนี้ไปอัพเกรดให้เครื่องรุ่นก่อนหน้าด้วย
ทางด้าน FAA ของสหรัฐฯ ยังคงตรวจสอบแพตช์ใหม่อยู่และไม่ระบุว่าจะกลับมาอนุญาตให้ 737 Max ขึ้นบินได้เมื่อใด
ที่มา - Bloomberg
ภาพ Dennis A. Muilenburg อดีตซีอีโอโบอิ้งกำลังนั่งเที่ยวบินสาธิตแพตช์ใหม่ ภาพโดยโบอิ้ง |
# ไมโครซอฟปล่อยแพตช์ฉุกเฉินแก้ช่องโหว่รันโค้ดระยะไกล หลังเพิ่งปล่อยแพตช์ตามรอบเดือน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ปล่อยแพตช์ความปลอดภัยประจำรอบเดือนแก้ไขช่องโหว่ 87 รายการแต่ช่วงสุดสัปดาห์ไมโครซอฟท์ก็ตัดสินใจปล่อยแพตช์ความปลอดภัยนอกรอบปกติให้กับช่องโหว่อีก 2 จุด สำหรับ Windows 10 และ Visual Studio Code
ช่องโหว่แรก CVE-2020-17022 เป็นช่องโหว่รันโค้ดระยะไกลโดยคนร้ายสามารถส่งภาพเพื่อให้เหยื่อเปิดแล้วกลายเป็นการรันโค้ด ช่องโหว่นี้กระทบ Windows 10 ทุกรุ่นที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ถอดรหัสภาพ HEVC from Device Manufacturer เท่านั้น
ช่องโหว่ที่สอง CVE-2020-17023 เป็นช่องโหว่ของ Visual Studio Code โดยคนร้ายสามารถสร้างไฟล์ package.json รูปแบบเฉพาะเพื่อให้รันโค้ดขึ้นมาได้
รายงานของไมโครซอฟท์ระบุว่าช่องโหว่ทั้งสองยังไม่มีรายละเอียดออกสู่สาธารณะ และยังไม่มีการโจมตี ไม่แน่ชัดว่าทำไมไมโครซอฟท์จึงเลือกปล่อยแพตช์ทันทีแทนที่จะรอรอบแพตช์เดือนหน้า
ที่มา - ZDNet |
# Uber ประกาศลงทุน 150 ล้านดอลลาร์ ใน T Map Mobility แพลตฟอร์มแท็กซี่ของ SK Telecom
Uber ประกาศความร่วมมือกับ SK Telecom ผู้ให้บริการเครือข่ายในเกาหลีใต้ โดย Uber จะลงทุนผ่านบริษัทร่วมทุนจัดตั้งใหม่ 100 ล้านดอลลาร์ และอีก 50 ล้านดอลลาร์ ใน T Map Mobility ที่เป็นบริษัทจัดตั้งใหม่นี้โดยตรง ทำให้เงินลงทุนรวมเป็น 150 ล้านดอลลาร์
T Map เป็นบริการแพลตฟอร์มบนมือถือรายใหญ่ของเกาหลีใต้ มีผู้ใช้งานราว 13 ล้านคน มีบริการหลักในเครืออาทิ T Map Taxi แอปเรียกรถแท็กซี่อันดับสองในประเทศ ไปจนถึง T Map Auto ระบบข้อมูลและความบันเทิงในรถยนต์, T Map Public Transportation และ T Map Parking
Uber ทำตลาดในเกาหลีใต้มาหลายปีแล้ว แต่ในปี 2015 ได้หยุดให้บริการ UberX ไป การร่วมมือกับ SK Telecom ที่มีฐานรถแท็กซี่ในแพลตฟอร์มอยู่จึงช่วยเพิ่มโอกาสที่มากขึ้น
ที่มา: Reuters และ SK Telecom |
# dtac ไตรมาส 3/2563 รายได้ลดลง 6.1% การใช้ data เพิ่มเป็น 19.2GB ต่อเลขหมายต่อเดือน
ดีแทครายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2563 รายได้รวม 19,053 ล้านบาท ลดลง 6.1% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักจากการลดลงของรายได้จากการบริการ และรายได้จากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์และชุดเลขหมาย มีกำไรสุทธิ 1,463 ล้านบาท ลดลง 18.3% สาเหตุหลักจากค่าเสื่อมราคาและค่าจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น
ดีแทคให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่าไตรมาสที่ผ่านมา มีการแข่งขันสูงขึ้นในตลาดระบบเติมเงิน โดยเฉพาะการนำเสนอแพ็คเกจใช้งานข้อมูลไม่จำกัดด้วยความเร็วที่กำหนด
ในไตรมาส 3/2563 ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 18.683 ล้านเลขหมาย ลดลง 1.07 แสนเลขหมาย จากไตรมาส 2/2563 มีรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (ARPU) 255 บาทต่อเดือน ปริมาณการใช้ข้อมูล 19.2GB ต่อเลขหมายต่อเดือน
ที่มา: ดีแทค |
# Full Throttle, Grim Fandango เกมผจญภัยยุค LucasArts ได้ฤกษ์ลง Xbox แล้ว
แฟนเกมรุ่นเก่าหน่อยคงรู้จักเกมของ LucasArts สตูดิโอเกมในสังกัด Lucasfilm ที่ถูก Disney สั่งปิดไปในปี 2013 โดยเกมที่ขึ้นชื่อคือเกมผจญภัย (adventure) อย่าง Monkey Island, Sam & Max, Full Throttle, Grim Fandango
ทีมงานบางส่วนของ LucasArts นำโดย Tim Schafer ผู้ออกแบบเกมผจญภัยเหล่านี้ ลาออกมาตั้งบริษัทใหม่ Double Fine Productions ในปี 2000 และภายหลังก็นำเกมบางส่วนมารีมาสเตอร์ใหม่ มีทั้งหมด 3 เกมคือ Grim Fandango Remastered (2015), Day of the Tentacle Remastered (2016), Full Throttle Remastered (2017)
ความย้อนแย้งคือ Double Fine มีดีลกับโซนี่ ทำให้เกมเหล่านี้ลงเฉพาะพีซีและคอนโซล PS4 และ PS Vita (ภายหลังมีเวอร์ชัน Switch ตามมา) แต่ในปี 2019 Double Fine กลับถูกไมโครซอฟท์ซื้อกิจการ ทำให้สุดท้ายแล้ว เกมผจญภัญเหล่านี้ก็ได้ฤกษ์มาลง Xbox สักที
ล่าสุด Tim Schafer ประกาศในรายการ Xbox Podcast ว่าเกมผจญภัยทั้ง 3 เกมมีกำหนดออกบน Xbox One ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ โดยมาพร้อมกันทั้งเกมเวอร์ชันขายปกติ และเปิดให้เล่นบน Xbox Game Pass ทั้งบนคอนโซลและพีซี
Double Fine ยังมีเกมใหญ่อีกเกมคือ Psychonauts 2 กำหนดวางขายในปี 2021 (เกมนี้เปิดตัวตั้งแต่ปี 2015) โดยรอบนี้ประกาศลงทั้ง PS4, Xbox One, Xbox Series X|S แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะลง PS5 ด้วยหรือไม่
ที่มา - Xbox Wire |
# ไมโครซอฟท์ออกส่วนขยาย Microsoft Edge Tools, เรียกใช้ Edge DevTools ดีบัก DOM/ตรวจสอบเน็ตเวิร์คได้จาก VS Code
เมื่อต้นเดือนตุลาคมไมโครซอฟท์ได้ประกาศออกส่วนขยาย Microsoft Edge Tools สำหรับ Visual Studio Code เครื่องมือซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการตรวจสอบและดีบักเว็บ ด้วยการดึง DevTools พร้อมหน้าเว็บจากเบราว์เซอร์ Microsoft Edge (Chromium) มาแสดงผลให้นักพัฒนาเรียกใช้งานได้จากภายใน VS Code ได้โดยตรง
ส่วนขยาย Microsoft Edge Tools เป็นรุ่นใช้งานจริง (general availability) ของ Elements for Microsoft Edge ซึ่งเปิดให้ทดสอบมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และยังได้ผนวกเอาความสามารถของ Network for Microsoft Edge มาไว้ภายใต้ส่วนขยายเดียวกัน
ภาพโปรโมทจากทวิตเตอร์เมื่อครั้งเปิดตัวในชื่อ Elements for Microsoft Edge
ทำให้ความสามารถของส่วนขยายในตอนนี้ไม่ใช่เป็นแค่เพียงดึงแท็บ Elements จาก Edge DevTools มาเพือดีบัก DOM เท่านั้น แต่ยังสามารถตรวจสอบ request/response ที่เบราว์เซอร์ รับ/ส่ง ได้จากแท็บ Network อีกด้วย
ภาพตัวอย่างการใช้งานแท็บ Network
ไม่เพียงแค่นั้น ส่วนขยายเวอร์ชันนี้ได้เพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการเปิด Edge ในโหมด headless หรือการเลือกเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใช้งานโดยไม่แสดงผลเป็นหน้าต่างใหม่ ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้เครื่อง Mac ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานส่วนขยายได้เมื่อหน้าต่างเบราว์เซอร์โหมดปกติถูกซ่อนจากหน้าจอ
ภาพตัวอย่างการใช้งานแท็บ Elements เมื่อเปิดเบราว์เซอร์ในโหมดปกติ
ภาพตัวอย่างการใช้งานแท็บ Elements เมื่อเปิดเบราว์เซอร์ในโหมด headless
สำหรับเหตุผลในการพัฒนาส่วนขยาย Microsoft Edge Tools ไมโครซอฟท์กล่าวว่าแม้ VS Code จะมาพร้อมกับฟีเจอร์หลายๆ อย่างที่ทำให้การเขียนโปรแกรมสะดวกขึ้น แต่เมื่อนักพัฒนา (รวมถึงทางไมโครซอฟท์เอง) ต้องการปรับแต่งหน้าเว็บอย่างละเอียด DevTools บนเบราว์เซอร์นั้นยังคงเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้ดีกว่ามาก (เนื่องจากนักพัฒนาสามารถทดลองแก้ไขโค้ด HTML/CSS แล้วดูผลที่เปลี่ยนแปลงได้ทันที - ผู้เขียน)
การดึง DevTools บนเบราว์เซอร์ให้สามารถใช้งานบน VS Code จึงจะช่วยให้การพัฒนาเว็บตั้งแต่เขียนโค้ดต้นทางไปจนถึงการตรวจสอบและดีบักผลที่เกิดขึ้นบนเบราว์เซอร์ปลายทางสามารถทำได้ครบ จบจากในตัว VS Code ไม่ต้องคอยสลับหน้าต่างไปมาอย่างแต่ก่อน
ท่านใดสนใจเข้าไปศึกษาวิธีการใช้งานได้ที่หน้าดาวน์โหลดของส่วนขยายครับ
ที่มา - Microsoft Edge Blog via MSPoweruser |
# ASUS ยืนยัน ซีพียู Ryzen 5000 ใช้กับบอร์ดเก่า ชิปเซ็ต X470 และ B450 ได้ด้วย
จุดเด่นของซีพียูสาย AMD คือการใช้งานกับซ็อคเก็ต AM4 อย่างยาวนาน และบอร์ดรุ่นเก่าสามารถนำมาใช้กับซีพียูใหม่ได้
การเปิดตัว Ryzen 5000 แกน Zen 3 ก็มีคำถามว่ายังใช้กับบอร์ดเก่าได้หรือไม่ ซึ่งทาง AMD เองก็เคยออกมายืนยันแล้วว่าใช้ได้กับบอร์ดที่เป็นชิปเซ็ต X470 และ B450 ด้วย โดยต้องอัพเดต BIOS ที่จะปล่อยออกมาในช่วงเดือนมกราคม 2021 (ชิปเซ็ตรุ่นล่าสุดในปัจจุบันคือ X570 และ B550)
อย่างไรก็ตาม มีความสับสนในหมู่แบรนด์ผู้ผลิตเมนบอร์ดเช่นกัน โดยมีข่าวว่า ASUS จะไม่ซัพพอร์ตชิปเซ็ต X470 และ B450 แต่ภายหลังบริษัทก็ออกมาแก้ข่าวว่าจะซัพพอร์ตชิปเซ็ตทั้งสองตัวนี้อย่างแน่นอน
ที่มา - ExtremeTech, Notebookcheck |
# Phil Spencer มอง Xbox Series S จะขายดีกว่า Series X ในระยะยาว
นอกจากประเด็นการไม่จำเป็นต้องนำเกม Bethesda ไปขายบนแพลตฟอร์มคู่แข่ง ในบทสัมภาษณ์ของ Phil Spencer ยังพูดถึงมุมมองของเขาต่อ Xbox Series X และ Xbox Series S
Spencer บอกว่าในช่วงแรกๆ Series X จะขายดีกว่าแน่ๆ จากฐานผู้เล่นเดิม แต่เขาก็บอกว่าในช่วงแรกวางขาย ไม่ว่าจะเป็น Series X, Series S หรือ PS5 จะเจอปัญหาสินค้าขาดตลาดแน่นอน ปัจจัยเรื่องยอดขายจะมาจากจำนวนซัพพลายเป็นหลัก (เพราะมีเท่าไรก็ขายหมด)
แต่ในระยะยาว เขามองว่า Series S จะมียอดขายรวมสูงกว่า Series X เพราะปัจจัยราคาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เขามองว่าการตั้งราคา Series S ให้ต่ำจะช่วยดึงแฟนๆ ยุค Xbox 360 ที่ผิดหวังกับ Xbox One ให้กลับคืนมา รวมถึงยังเล็งฐานลูกค้า PS5 ที่อาจซื้อ Series S เป็นคอนโซลเครื่องที่สองด้วย โดยเขาบอกว่าการซื้อคอนโซลราคา 500 ดอลลาร์สองเครื่องอาจแพงเกินไป แต่การซื้อคอนโซล 500+300 ดอลลาร์ ย่อมมีความเป็นไปได้มากกว่า
ส่วนประเด็นเรื่องสเปกของ Series S และ Series X ที่แตกต่างกันพอสมควร เขาบอกว่าไม่กังวลในเรื่องนี้ เพราะนักพัฒนาเกมจะปรับตัวตามสเปกของเครื่องเองดังที่เราเห็นมาแล้วจากเกมพีซี และปัจจัยราคาจะสำคัญกว่าสเปก
นอกจากนี้เขายังบอกว่าจากประสบการณ์ส่วนตัว เกมบน Series S โหลดเร็วกว่า Series X ด้วยซ้ำ เพราะเท็กซ์เจอร์มีความละเอียดต่ำกว่า
ที่มา - Kotaku |
# Phil Spencer บอกไม่จำเป็นต้องนำเกม Bethesda ลง PS5 เพื่อถอนทุนคืนจากดีลซื้อกิจการ
Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ให้สัมภาษณ์กับ Kotaku ในหลายประเด็น สิ่งที่แฟนๆ อยากรู้มากที่สุดหนีไม่พ้นประเด็นว่าเกมของ Bethesda ในอนาคตจะไปลงแพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง PS5 หรือ Switch หรือไม่
Kotaku ถามว่าการซื้อ Bethesda ใช้เงินมากถึง 7.5 พันล้านดอลลาร์ ไมโครซอฟท์จำเป็นต้องนำเกมเด่นๆ อย่าง Elder Scrolls VI มาขายบน PlayStation เพื่อถอนทุนคืนหรือไม่
Spencer ตอบว่าแนวทางของไมโครซอฟท์คือขยายจำนวนผู้เล่นให้มากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง แต่ปัจจุบันไมโครซอฟท์มีแพลตฟอร์มมากมาย ทั้ง Xbox, PC, Game Pass, xCloud เขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องนำเกมพวกนี้ไปลงแพลตฟอร์มอื่นเพื่อถอนทุนคืนจากดีล Bethesda อีกแล้ว
ถึงแม้ Spencer ไม่ได้ตอบเรื่องนี้ตรงๆ ว่าสุดท้ายแล้วเราจะได้เห็นเกม Bethesda ลง PS5 หรือไม่ (นอกเหนือจากเกมที่เคยประกาศไปแล้วคือ Deathloop และ Ghostwire: Tokyo) แต่โอกาสก็มีได้ทั้งสองแบบคือ ลงแพลตฟอร์มคู่แข่งด้วย (เหมือนกรณี Minecraft) หรือไม่ลงเลย ซึ่งไมโครซอฟท์ก็ประกาศไว้ว่าจะพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป
ที่มา - Kotaku |
# Assassin's Creed Valhalla เข้าสู่สถานะ gone gold เข้ากระบวนการผลิตแล้ว
Ubisoft ประกาศว่า Assassin's Creed Valhalla ที่มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ตอนนี้เสร็จสิ้นในกระบวนการพัฒนาแล้ว และเข้าสู่สถานะ "gone gold" หรือพร้อมลงแผ่นเพื่อปั๊มขายแล้ว
ด้วยชื่อเสีย(ง)ของ Ubisoft ทำให้คาดว่าแม้จะพัฒนาตัวเกมเสร็จแล้ว แต่ทีมพัฒนาน่าจะต้องนั่งแก้บั๊กและเตรียมปล่อยอัพเดตวันแรก (day-1 patch) หลังเปิดให้เล่นแน่ ๆ
ที่มา - @assassincreed |
# ไปอีกหนึ่ง Google เอาแอป Trusted Contacts ออกจากสโตร์แล้ว, เลิกซัพพอร์ท 1 ธ.ค. เป็นต้นไป
Google เปิดตัวแอป Trusted Contacts สำหรับแชร์โลเคชันกับผู้ใช้งานที่ไว้ใจ ล่าสุดแอปนี้กำลังลงสุสาน Google ไปอีกแอป
Google ระบุว่าจะไม่ซัพพอร์ท Trusted Contacts หลังจากวันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป โดยผู้ใช้งานที่ดาวน์โหลดแอปไปแล้วจะยังคงใช้ได้อยู่เหมือนเดิม ส่วนผู้ใช้ใหม่ไม่สามารถดาวน์โหลดแอปได้แล้วเพราะ Google นำออกจากทั้ง Play Store และ App Store เรียบร้อยแล้ว
Google ยังเปิดให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดรายชื่อติดต่อที่เราเพิ่มเข้าไปใน Trusted Contracts ด้วย
ที่มา - Google Trusted Contacts via Android Police |
# โซนี่ยืนยันระบบเก็บข้อความเสียงบน PS5 มีไว้เพื่อรายงานพฤติกรรมที่อาจผิดกฎเท่านั้น
โซนี่ออกอัพเดตซอฟต์แวร์ PS4 เวอร์ชัน 8.0 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งก็ตามมาด้วยประเด็น About Party Safety ในหน้าแจ้งเตือนว่ามีการเก็บข้อมูลเสียง (voice chat)
ล่าสุด Catherine Jensen รองประธานฝ่ายประสบการณ์ลูกค้าของ SIE ได้ออกมาขอโทษเรื่องที่ไม่ได้ชี้แจงเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนอัพเดต PS4 เวอร์ชัน 8.0 พร้อมอธิบายว่าฟีเจอร์นี้เอาไว้สำหรับการรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบน PS5 และยืนยันว่าการเก็บข้อความเสียงดังกล่าวไม่ได้มีไว้เพื่อติดตามหรือดักฟังใด ๆ และไม่มีวันทำ ฟีเจอร์นี้มีไว้เพื่อใช้ประกอบการรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเท่านั้น
โซนี่เปิดให้ผู้เล่น PS5 และ PS4 สามารถเล่นเกมและแชทเสียงร่วมกันได้ แต่ฟีเจอร์ About Party Safety เอาไว้สำหรับผู้เล่น PS5 เพื่อรายงานโซนี่ถึงพฤติกรรมที่อาจผิดกฎเช่น harassment หรือการ abuse ผ่านแชทเสียง โดยโซนี่บอกว่าผู้เล่นสามารถส่งข้อความเสียงได้ความยาวสูงสุด 40 วินาที และข้อความเสียงที่สามารถเลือกเพื่อส่งรายงานได้นั้น จะเป็นข้อความเสียงระยะเวลา 5 นาทีล่าสุดเท่านั้น
ที่มา - PlayStation Blog |
# ฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ยื่นเรื่องให้ EU ออกมาตรการควบคุมบริษัทเทคยักษ์ใหญ่
Cedric O และ Mona Keijzer รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลของฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ตามลำดับ ลงนามร่วมกันในข้อเรียกร้องไปยัง EU สำหรับการออกมาตรการในกฎหมาย Digital Services Acts ที่กำลังจะออก เพื่อควบคุมและจัดการบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เจ้าของแพลตฟอร์มที่มีลักษณะ "gatekeeper" หรือผู้ควบคุมการเข้าออก (สินค้า, บริการ, ข้อมูล ฯลฯ)
ข้อเสนอของฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์เรียกร้องให้ออกมาตรการในลักษณะ "pre-emptive" หรือมาตรป้องกันก่อนที่จะเกิดเรื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทเทคมีขนาดใหญ่เกินไปตั้งแต่ต้น ส่วนมาตรการจัดการกับบริษัทยักษ์ใหญ่ตอนนี้ก็มีข้อเสนอ เช่น เฟซบุ๊กและแอปเปิลต้องอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถนำข้อมูลของตัวเองไปยังแพลตฟอร์มอื่นที่เป็นคู่แข่งได้ หรือการแบนกูเกิลสำหรับการโปรโมทบริการของตัวเองที่ได้ประโยชน์จากความเสียเปรียบของคู่แข่งรายย่อย
นอกจากนี้ประเด็นเรื่องการแตกบริษัทยักษ์ใหญ่ให้มีขนาดเล็กลง (break up big companies) ก็ถูกระบุเอาไว้ในข้อเสนอด้วย โดย รมต. ของเนเธอร์แลนด์ระบุว่าเป็นทางแก้ไขสุดท้าย
ที่มา - FT |
# กูเกิลเริ่มขาย Coral Dev Board Mini บอร์ดพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ขนาดเล็ก ราคา 99.99 ดอลลาร์
กูเกิลเปิดตัว Coral Dev Board Mini บอร์ดรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์สำหรับนักพัฒนามาตั้งแต่ต้นปีพร้อมกับโมดูลสำหรับผู้ผลิตรุ่นอื่นๆ สัปดาห์นี้ก็เพิ่งเริ่มวางขายบอร์ดจริง โดย SeeedStudio เป็นผู้จัดจำหน่ายในราคา 99.99 ดอลลาร์
ตัวบอร์ดใช้ซีพียู MediaTek 8167s พร้อมแรม 2GB และหน่วยความจำแฟลช 8GB รองรับ Wi-Fi 5 และ Bluetooth 5.0 แต่จุดเด่นคือชิป Edge TPU ที่สามารถรันคำสั่งได้ระดับ 4 TOPS (ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที) โดยกินไฟเพียง 2 วัตต์ ทำให้น่าสนใจกับงานที่มีเงื่อนไขการใช้ไฟฟ้า สำหรับงานที่สามารถใช้ไฟฟ้าได้มากๆ บอร์ด NVIDIA Jetson Nano รุ่นใหม่ สเปคดีกว่าหลายด้านในขณะที่ราคาถูกกว่า
ฝั่งซอฟต์แวร์เป็น Debian รุ่นดัดแปลงที่ใช้ชื่อว่า Mendel รองรับ TensorFlow Lite, และ AutoML Vision Edge ในตัว
ที่มา - SeeedStudio |
# ไมโครซอฟท์เริ่มรองรับสเปค Manifest V3 ของ Chrome แต่สัญญาว่าจะหาทางออกให้ตัวบล็อคโฆษณา
ไมโครซอฟท์ประกาศทดสอบรองรับ Manifest V3 สเปคส่วนเสริมเบราว์เซอร์ที่ออกโดยกูเกิล โดย Manifest V3 จะถอด API บางส่วนออกจนทำให้ตัวบล็อคโฆษณาหลายยี่ห้อใช้งานไม่ได้ อย่างไรก็ดีไมโครซอฟท์สัญญาว่าจะแก้ข้อจำกัดนี้ก่อนจะถอด API เดิมไปจริงๆ
API เดิมที่ตัวบล็อคโฆษณาใช้งานกันคือ Web Request API ที่เปิดให้ส่วนเสริมสามารถดัดแปลงแก้ไขข้อมูลเว็บก่อนแสดงบนเบราว์เซอร์ได้ ขณะที่ Manifest V3 เพิ่ม Declarative Net Request API ที่เป็นการใส่กฎเพื่อให้เบราว์เซอร์เป็นคนดัดแปลงแก้ไขข้อมูลเอง แนวทางนี้ลดความเสี่ยงส่วนเสริมที่อันตรายลงไปแต่ก็แลกกับความยืดหยุ่นที่น้อยลง โฆษณาสเปคของกูเกิลกำหนดให้ใส่กฎแก้ไขข้อมูลได้ไม่เกิน 30,000 ข้อ
ไมโครซอฟท์มีแนวทางการปรับตัว Microsoft Edge ให้ตรงกับ Chrome อย่างหนักในช่วงหลังตั้งแต่เปลี่ยนเอนจินมาใช้ Blink แม้จะมีการปรับแก้ฟีเจอร์บางส่วนไปก็ตาม
ที่มา - Microsoft Edge Blog
ภาพ uBlock Origin ส่วนขยายที่ได้รับกระทบจาก Declarative Net Request API บน Chrome |
# Apple ประเทศไทย เปิดให้สั่งซื้อ iPad Air รุ่นใหม่แล้ว ราคาเริ่มต้น 19,900 บาท
แอปเปิลประเทศไทยเปิดให้สั่งซื้อ iPad Air รุ่นใหม่ (iPad Air 4) ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่านช่องทาง Apple Store Online โดยตอนนี้มีเฉพาะรุ่น Wi-Fi ส่วนรุ่น Wi-Fi + Cellular จะจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ ตัวเลือกมีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ สีโรสโกลด์ สีเขียว และสีสกายบลู สินค้าจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม เป็นต้นไป
iPad Air รุ่นใหม่ เปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายน ซึ่งมีดีไซน์ใหม่ที่เหมือนกับ iPad Pro มากขึ้น มีหน้าจอ 10.9 นิ้ว ขอบเรียบ ใช้หน้าจอ LCD และย้าย Touch ID ไปที่ปุ่มล็อกด้านบนตัวเครื่องแทน
ราคาขาย iPad Air แต่ละรุ่นเป็นดังนี้
64GB Wi-Fi 19,900 บาท
64GB Wi-Fi + Cellular 24,400 บาท
256GB Wi-Fi 24,900 บาท
256GB Wi-Fi + Cellular 29,400 บาท
iPad Air รุ่นใหม่มีราคาส่วนลดแบบส่งเสริมการศึกษา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.apple.com/th/education/k12/
ที่มา: แอปเปิล |
# ซัมซุงไทยหั่นราคา Galaxy S20 FE วันเปิดตัว จากเริ่มต้น 20,900 เหลือ 18,810 บาท
ซัมซุงประเทศไทย เริ่มวางขาย Galaxy S20 FE โดยปรับราคาลงจากที่เคยประกาศไว้
รุ่น 4G ความจุ 128GB เดิม 20,900 บาท เหลือ 18,810 บาท (ลดลง 2,090 บาท)
รุ่น 5G ความจุ 128GB เดิม 23,900 บาท เหลือ 21,510 บาท (ลดลง 2,390 บาท)
รุ่น 5G ความจุ 256GB เดิม 25,900 บาท เหลือ 23,310 บาท (ลดลง 2,590 บาท)
ในอีเมลประชาสัมพันธ์ของซัมซุงระบุว่า ราคานี้เป็นราคาโปรโมชั่นเฉพาะร้านออนไลน์ของซัมซุงเอง, Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ มีผลเฉพาะวันที่ 16 ตุลาคม - 30 พฤศจิกายน 2563 เท่านั้น |
# Google Sheets เพิ่มฟีเจอร์ Smart Fill ช่วยกรอกข้อมูลที่ split จากค่าในคอลัมน์
Google Workspace ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Google Sheets เรียกว่า Smart Fill ซึ่งจะตรวจจับและเรียนรู้รูปแบบการกรอกข้อมูล จากนั้นก็ช่วยเดาและกรอกข้อมูลที่เหลือให้
ตัวอย่างที่กูเกิลอธิบาย เช่นมีคอลัมน์ตั้งต้นที่เป็นชื่อและนามสกุล หากเรากรอกข้อมูลในอีกคอลัมน์ที่เป็นเฉพาะชื่อจริง Google Sheets ก็จะเดาเซลล์ที่เหลือว่าเป็นชื่อจริงทั้งหมดให้ และสามารถใช้กรณีข้อมูลนั้นผูกกับสูตรได้ด้วย เช่นในตัวอย่างเป็นการเดาอีเมล หรือประโยคทักทาย
Smart Fill ยังสามารถใช้ข้อมูลจาก Knowledge Graph ในการเติมข้อมูลได้ ตัวอย่างเช่น ข้อมูลเมือง กับประเทศนั้น ๆ
ฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดให้กับผู้ใช้ทุกคนเป็น default ตั้งแต่ 5 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
ที่มา: กูเกิล |
# โซนี่เตรียมอัพเดต PS Store บนเว็บและมือถือเอาเกมและคอนเทนท์ที่เกี่ยวกับ PS3, PS Vita, PSP ออก
โซนี่เริ่มส่งอีเมลหาผู้ใช้ PlayStation (น่าจะในสหรัฐ) ว่าเตรียมจะอัพเดต PlayStation Store วันที่ 21 ตุลาคมนี้ โดยจะนำเกมบน PlayStation 3, PlayStation Vita และ PlayStation Portable รวมถึงคอนเทนท์ที่เกี่ยวข้องอย่างธีมหรืออวาตาร์ออกไปจากสโตร์บนเว็บละมือถือ
การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการใกล้วางขาย PS5 และโซนี่อาจต้องการลดความสำคัญของคอนเทนท์เก่า ๆ ลงไปด้วย อย่างไรก็ตามบ้านเราอาจไม่ได้รับผลกระทบนักเพราะคอนเทนท์เหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีขายใน PS Store บ้านเราอยู่แล้ว
ที่มา - Kotaku |
# Galaxy Note 9 ได้อัพเดต One UI 2.5 แล้ว อาจเป็นรุ่นสุดท้ายของ Note 9
One UI 2.5 ถือเป็นรอมซัมซุงรุ่นล่าสุดที่ออกพร้อม Note 20 และทยอยอัพเดตให้กับมือถือรุ่นก่อนๆ หน้า เช่น Galaxy S20, Note 10, S10/Note 10 Lite
One UI 2.5 ยังเป็น Android 10 จึงอาจมีฟีเจอร์ใหม่ไม่เยอะนัก (เช่น Wireless DeX) เมื่อเทียบกับ One UI 3.0 ที่อยู่บน Android 11 และเพิ่งเปิดทดสอบ Public Beta
ล่าสุดมือถือที่เก่าหน่อยและตกรุ่นไปแล้วสองปีคือ Note 9 ก็ได้อัพเดตเป็น One UI 2.5 แล้ว และอาจเป็นการอัพเดตใหญ่รอบสุดท้ายเพราะครบกำหนดสองปีพอดี ในขณะที่ Galaxy S9 ที่เป็นคู่แฝดกันและได้อัพเดต One UI 2.1 พร้อมกัน น่าจะไม่ได้ไปต่อแล้วเพราะออกก่อนหน้าครึ่งปี (แต่ทั้งสองรุ่นยังได้อัพเดตแพตช์ความปลอดภัยกันต่อ)
ก่อนหน้านี้ ซัมซุงเพิ่งประกาศนโยบายใหม่ที่การันตีการอัพเกรด Android 3 รุ่น แต่นโยบายนี้มีผลตั้งแต่ Galaxy S10 เป็นต้นมาเท่านั้น ทำให้ S9/Note 9 ไม่ได้อัพเกรด 3 รุ่นไปด้วย และยังอยู่ในนโยบาย 2 ปีเหมือนเดิม
ที่มา - SamMobile |
# เผย GameStop ได้ส่วนแบ่งจากไมโครซอฟท์ แม้ลูกค้า Xbox ซื้อเกมแบบดิจิทัลก็ตาม
สัปดาห์ที่แล้วมีข่าว ร้านขายเกม GameStop เซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กับไมโครซอฟท์ โดยครอบคลุมทั้งการใช้ระบบคลาวด์ ฮาร์ดแวร์ Surface และซอฟต์แวร์ Teams ในการทำงานของพนักงาน
ในสัญญานี้ยังมีส่วนที่เกี่ยวกับการขายเครื่องแบบผ่อนผ่านโครงการ Xbox All Access ที่ GameStop จะร่วมผลักดันกับไมโครซอฟท์ด้วย
หลังจากนั้น มีข่าวไม่ยืนยันออกมาจากบริษัทลงทุน DOMO Capital Management ว่าทาง GameStop จะได้ส่วนแบ่งรายได้จากไมโครซอฟท์ด้วย แม้ลูกค้าซื้อเกมแบบดาวน์โหลด ไม่ได้ซื้อแบบแผ่นก็ตาม ขอเพียงแค่ซื้อเกมบนคอนโซลที่ซื้อจาก GameStop เท่านั้น
DOMO Capital บอกว่าได้ข้อมูลนี้โดยตรงจากฝ่ายบริหารนักลงทุนของ GameStop และระบุว่าสัญญาครอบคลุมถึง DLC หรือคอนเทนต์อื่นๆ ที่ซื้อผ่านช่องทางดิจิทัลด้วย (เช่น ซื้อเกมแบบแผ่นจากที่อื่น แต่มาซื้อ DLC ผ่านดิจิทัล) และมีผลเฉพาะกับคอนโซลเจนหน้าคือ Xbox Series X|S เท่านั้น
ข่าวนี้สร้างความน่าสนใจ เพราะตลาดร้านขายเกมแบบขายปลีกอย่าง GameStop กำลังถดถอยจากพฤติกรรมลูกค้าที่ซื้อผ่านดิจิทัลมากขึ้น การที่ไมโครซอฟท์เข้ามาแชร์รายได้ดิจิทัลบางส่วนให้ ย่อมช่วยร้านขายเกมเพิ่มรายได้อีกทาง ในขณะที่ไมโครซอฟท์ก็ยังได้ประโยชน์จากช่องทางการขายเครื่องของ GameStop เช่นกัน
ที่มา - Ars Technica, GamesIndustry |
# Google Maps อัพเดต เห็นสถานะความหนาแน่นของร้านค้าได้ โดยไม่ต้องกดเข้าไปดู
ในงาน SearchOn ของ Google มีอัพเดตของใหม่ใน Google Maps ด้วยคือ ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นข้อมูลเรียลไทม์ของร้านค้า ว่ามีลูกค้าหนาแน่นหรือไม่ สามารถมองเห็นได้จากหน้าแผนที่ โดยไม่ต้องค้นหาหรือกดเข้าไปดู (ตัวอย่างรูปภาพด้านล่าง)
ปกติ Google มีข้อมูลความหนาแน่นของลูกค้าตามร้านค้าต่างๆ อยู่แล้ว แต่ต้องกดค้นหา หรือกดเข้าไปดูถึงจะมองเห็น การอัพเดตใหม่ทำให้เราสามารถมองเห็นสถานะความหนาแน่นของร้านค้าใกล้ตัวเรา และถ้าปักหมุดไปยังร้านค้าเพื่อขับรถไปยังจุดหมาย ระบบก็จะแสดงสถานะความหนาแน่นของการให้บริการไปด้วย
เมื่อใช้การนำทางด้วย AR หรือ Live View จะสามารถมองเห็นข้อมูลร้านค้าได้เช่นกันว่าเปิด-ปิดกี่โมง
นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับมาตรการป้องกันช่วง COVID-19 เช่นหากร้านใดต้องการให้ลูกค้าโทรจองก่อน หรือต้องใส่หน้ากากอนามัยก็จะแสดงข้อมูลให้เห็นในเมนู Health & safety
ที่มา - Google |
# Google Assistant มาอยู่บนสมาร์ททีวีของ Samsung คู่กับ Bixby แล้ว
Google ระบุในบล็อกว่านอกจากจะเพิ่ม Google Assistant บนสมาร์ทคล็อก เช่น Lenovo Smart Clock Essential แล้ว ยังเตรียมนำ Google Assistant มาอยู่บนสมาร์ททีวีที่รัน Tizen OS ของ Samsung ในสหรัฐอเมริกาควบคู่ไปกับ Bixby (คาดว่าเลือกใช้ได้ในการตั้งค่า) และจะเริ่มทยอยปล่อยอัปเดตให้สมาร์ททีวี Samsung ในประเทศอื่นต่อไป
ผู้ใช้จะสามารถกดปุ่มรูปไมค์บนรีโมต เพื่อสั่งให้ Google Assistant ช่วยเปลี่ยนช่อง ปรับเสียง เล่นหรือหยุดวิดีโอ เปิดแอปต่างๆ และอื่นๆ ได้ หรือจะถามสภาพอากาศ สั่งให้ Google Assistant เปิด ปิด หรือปรับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่นๆ ในบ้านก็ทำได้เช่นกัน
นอกจากนี้นาฬิกาฟิตเนสอย่างของ Fitbit (ที่ถูก Google ซื้อกิจการ ในปี 2019) รุ่น Sense และ Fitbit Versa 3 ก็เตรียมได้รับอัปเดตให้ใช้งาน Google Assistant ได้ และ Google ยังพูดถึงอุปกรณ์ลำโพงอัจฉริยะอื่นๆ นอกจาก Nest Audio เช่นลำโพง Mi Smart Speaker และ Bose Smart Soundbar ที่มาพร้อม Google Assistant เช่นเดียวกัน น่าจะเป็นอีกหนึ่งก้าวในความพยายามของ Google ที่ต้องการให้ Google Assistant อยู่บนอุปกรณ์ให้มากที่สุด เพราะยิ่งมีการใช้งานมากเท่าไร Google Assistant ก็จะยิ่งเรียนรู้จากข้อมูลการใช้งานได้มากขึ้น และฉลาดมากขึ้นเท่านั้น
ที่มา - Google
ภาพจาก Google Blog |
# ASUS เริ่มตัดรูหูฟังออกจากโน้ตบุ๊กตระกูล Zenbook บางรุ่นแล้ว
เว็บไซต์ Notebookcheck รีวิวโน้ตบุ๊ก Asus ZenBook 14 UX425E และ Zenbook S UX393JA ก่อนจะพบว่า Zenbook ตัดรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรออกไปจากโน้ตบุ๊กสองรุ่นนี้ และแถมหัวแปลง 3.5 มิลลิเมตรเป็น USB-C มาแทน ซึ่ง Notebookcheck สันนิษฐานว่าน่าจะทำไปเพื่อใส่พอร์ตอื่น เช่น HDMI และ USB-A มาพร้อมกับพอร์ต Thunderbolt และ ASUS อาจเตรียมผลักดันการใช้หูฟัง Bluetooth เช่นเดียวกับ Apple
ในอนาคต มีความเป็นไปได้ที่ Lenovo, Dell หรือ HP อาจตัดรูหูฟังออกไปในโน้ตบุ๊กรุ่นบางเบาเช่นเดียวกัน ผู้ที่ต้องการซื้อโน้ตบุ๊กมาใช้กับหูฟังในการทำงาน คงต้องเริ่มเช็คพอร์ตเชื่อมต่อดีๆ ก่อนซื้อทุกครั้ง เพราะรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร อาจกำลังเริ่มหายไปจากโน้ตบุ๊กแบบบางเบา แบบที่เคยหายไปจากมือถือก็เป็นได้
ที่มา - Notebookcheck
Asus Zenbook S UX393JA ภาพจาก ASUS |
# Google Lens ใน Search ส่องกล้องแก้โจทย์เลข, กดค้างที่รูปเพื่อดูรายละเอียดสินค้า
Google จัดงาน SearchOn มีการอัพเดตของใหม่ใน Search หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ Google Lens ใน Search เพิ่มความสามารถส่องกล้องเพื่อแก้โจทย์เลข เช่นเดียวกับที่เคยมีในแอปหลัก Google Lens มาแล้ว
วิธีใช้งานคือกดที่ไอคอนรูปกล้องตรงแถบ Search เลื่อนเมนูไปที่ Homework ระบบจะแสดงคำแนะนำทีละขั้นตอน รวมถึงวิดีโอแนะนำการเรียนการสอน ให้สามารถทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ รวมทั้งโจทย์เคมี, ชีววิทยาและฟิสิกส์
ใช้ Lens ส่องดูวัตถุและหาแหล่งซื้อของชิ้นนั้นๆ ได้ เมื่อเรียกดูรูปภาพในแอป Google สำหรับ Android กดค้างที่รูป ก็จะมองเห็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันมาให้ ใช้งานใน Google Chrome บน Android ได้ด้วย ส่วน iOS จะเปิดใช้งานในภายหลัง
นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลผลิตภัณฑ์รถแบบ AR มองเห็นได้ 360 องศา โดย Google ได้ร่วมมือกับ Volvo และ Porsche เพื่อการแสดงผลดังกล่าว เบื้องต้นยังอยู่ในช่วงทดลองใช้งานในสหรัฐฯ และจะขยายไปยังแบรนด์รถอื่นๆ ต่อไป
ที่มา - Google |
# ร่วมด้วยช่วยแกง, Samsung และ Xiaomi แซว iPhone เรื่องไม่แถมที่ชาร์จมาในกล่อง
หลัง iPhone ไม่แถมหูฟังและที่ชาร์จมาในกล่อง iPhone ทั้ง iPhone 12 และรุ่นเก่ากว่า ก็ทำให้เกิดดราม่าในโลกโซเชียลพอสมควร ในประเด็นที่ว่า Apple ไม่แถมสองสิ่งนี้เพราะรักโลกจริงหรือไม่ แล้วทำไมไม่ลดราคา หรือเปลี่ยนไปใช้พอร์ต USB-C ในการชาร์จ พร้อมกับมีมีมต่างๆ ออกมาหยอกล้อมากมาย ล่าสุด Samsung กับ Xiaomi ก็ออกมาแซว Apple ด้วยเช่นกัน
Samsung โพสตรูปที่ชาร์จที่มีคำว่า “แถมมากับมือถือ Galaxy ของคุณด้วยนะ” บน Facebook พร้อมแคปชั่นพร้อมพูดถึงกล้อง แบตเตอรี่ ประสิทธิภาพ และหน้าจอ 120Hz ที่ดีที่สุดบนสมาร์ทโฟน แม้ Samsung จะมีข่าวลือว่าเตรียมไม่แถมที่ชาร์จเหมือนกันมาก่อนหน้านี้ แต่ล่าสุดใน Galaxy S20 FE ก็ยังแถมอยู่ แต่ต้องรอดูในอนาคต ว่าจะแอบกลับมาลบทีหลัง เหมือนตอนทำโฆษณาแซว iPhone ตัดรูหูฟังออกหรือไม่
ส่วน Xiaomi ก็ทวิตคลิปเปิดฝากล่อง Mi 10T Pro มาเจอที่ชาร์จ 33W พร้อมแคปชั่นว่า “ไม่ต้องห่วง เราไม่ได้ตัดอะไรไปจากกล่อง Mi 10T Pro” คงต้องติดตามกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้ว Apple จะเป็นผู้นำเทรนด์เหมือนตอนตัดรูหูฟังออก หรือว่าฝั่ง Android จะต้านทานเทรนด์นี้ได้ แล้วแถมที่ชาร์จต่อไปเรื่อยๆ เหมือนตอนที่ Samsung ไม่ยอมทำมือถือที่มีรอยบากบนหน้าจอในสไตล์เดียวกับ iPhone
ที่มา - MSPoweruser |
# เปิดโลกตลาดทุนแบบใหม่ SET ร่วมกับ KBTG พัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รองรับการออก ICO ไปจนถึง Wallet
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ SET ประกาศพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจร โดยร่วมมือกับ KBTG บริษัทเทคโนโลยีของธนาคารกสิกรไทยเป็นพาร์ทเนอร์รายแรก ในการเข้ามาร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มและหาโซลูชั่น นวัตกรรมใหม่ๆ ในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล
ตัวแพลตฟอร์มใช้เทคโนโลยีประมวลผลและจัดเก็บแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger Technology) เพื่อเพิ่มโอกาสความหลากหลายของการระดมทุนและการลงทุน ตอบสนองพฤติกรรมของการลงทุนในยุคดิจิทัล สร้างโอกาสการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกที่เชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจจริง ไม่ใช่การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิตคอยน์
องค์ประกอบหลักของแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ SET ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวแพลตฟอร์มว่ามีความครอบคลุมสามอย่างหลักๆ คือ
การเชื่อมต่อกับระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในตลาดแรก หรือ ICO Portal (Initial Coin Offering Portal) ให้แก่ผู้ประกอบการทุกรายที่มีผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนและผู้ระดมทุน
การซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดรอง หรือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)
กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Wallet) เอาไว้เก็บรักษาโทเคน
ตัวแพลตฟอร์มเป็นแพลตฟอร์มเปิด ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงและใช้งานร่วมกันได้ โดยตอนนี้มีพาร์ทเนอร์รายแรกคือ KBTG มาเป็นผู้ให้บริการ ICO Portal ที่จะเชื่อมต่อกับระบบของ SET ได้
ลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกได้ เพิ่มโอกาสธุรกิจเข้าถึงแหล่งทุนใหม่
นายเรืองโรจน์ พูนผล หรือ กระทิง ประธาน KBTG เผยถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า เป็นการเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจในการระดมทุนและยังเป็นทางเลือกแก่นักลงทุนที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่างและสามารถให้ผลตอบแทนได้ทั้งรูปแบบของตัวเงินและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ธนาคารกสิกรไทย ที่เน้นให้บริการที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงการบริหารความมั่งคั่งได้อย่างเท่าเทียม
นอกจากนี้ KBTG ยังมีประสบการณ์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบหนังสือค้ำประกันบนบล็อกเชนมาแล้ว เป้าหมายของการร่วมสร้างแพลตฟอร์มครั้งนี้คือ ทำให้เป็นแพลตฟอร์มกลางที่ช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ แก่ภาคธุรกิจไทย เข้าถึงแหล่งทุนใหม่ และมีศักยภาพจะเติบโตต่อไปได้ และเชื่อว่า นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนของการระดมทุนและการลงทุนใน 2-3 ปีข้างหน้า
สถานะของแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล ตอนนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา MVP การประเมินความเป็นไปได้ และการวิเคราะห์ประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อเตรียมความพร้อมในการยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากสำนักงาน ก.ล.ต. ตั้งเป้าจะเกิดการระดมทุนโทเคนดิจิทัลบนแพลตฟอร์มในปี 2021และเริ่มในวงจำกัดก่อน
ในงานประกาศความร่วมมือ มีเสวนาเกี่ยวกับแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่
จึงมีการพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมของเทคโนโลยี DLT หรือ Distributed Ledger Technology ที่เป็นหัวใจหลักของแพลตฟอร์มว่า เป็นเสมือนซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งที่ช่วยให้เราเห็นข้อมูลเหมือนกันทั้งหมด สามารถเขียน smart contract เข้าไปเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงข้อมูล เป็นสัญญากลาง ยืนยันความถูกต้องของแต่ละ transaction ได้ ในไทยก็มีกรณีการประยุกต์บล็อกเชนมาใช้แล้วคือ NDID
แม้จะเป็นการระดมทุนแบบ ICO แต่ทั้ง SET และ KBTG ก็ระบุว่าต้องการเปิดทางระดมทุนสำหรับธุรกิจที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจจริง และตัวโทเคนเป็นตัวแทนสินทรัพย์ที่มีอยู่จริง เพื่อสร้างช่องทางการลงทุน ต่างจากการระดมทุนสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากที่สร้างขึ้นมาเพื่อเก็งกำไรเป็นหลัก และมูลค่าของสินทรัพย์เหล่านี้ผันผวนรุนแรง
ผู้ประกอบการที่สนใจระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถติด กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ได้ที่: [email protected] |
# Google เผย Duplex ให้ AI คุยโทรศัพท์ให้ มีร้านค้าใช้งานกว่า 3 ล้านรายการแล้ว
Google อัพเดตความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมของ Google Duplex ให้ AI คุยโทรศัพท์ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2018 สามารถจองร้านค้าบริการ คุยนัดหมายช่วงเวลาได้ และในช่วงโรคระบาด Google ก็เปิดใช้งาน Duplex เพิ่มขึ้นในอีก 8 ประเทศ
ล่าสุด Google เผยว่า มีร้านค้าที่ใช้งาน Duplex แล้ว 3 ล้านรายการตั้งแต่ร้านขายยา, ร้านอาหารและร้านขายของชำ และยังบอกด้วยว่า 99% ของการโทรบน Duplex เป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด
Google Duplex มีจุดเด่นตรงที่สามารถเลียนแบบกิริยาของมนุษย์ได้อย่างการพูด mm-hm และ อืมได้ เมื่อไม่นานมานี้ Google ก็อัพเดต Hold for Me ให้สามารถพักสาย Duplex ได้ เพื่อให้คนจริงๆ มาคุยแทนในกรณีที่ต้องคุยลงรายละเอียดที่ AI คุยให้ไม่ได้ และปีที่แล้ว ก็เปิดให้ใช้งาน Google Duplex บนเว็บไซต์ ใช้จองตั๋วหนังและเช่ารถได้ ล่าสุดมีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่าจะขยายคุณสมบัติไปยังการซื้อของออนไลน์, สั่งอาหารเดลิเวอรี่
ที่มา - Google, TechCrunch |
# Google Meet ออกเวอร์ชัน Google Glass วิดีโอคอลล์ได้โดยไม่ต้องหยิบมือถือ
หลายคนอาจลืมชื่อ Google Glass ไปแล้ว แต่มันยังไม่ตาย กูเกิลยังมี Google Glass Enterprise Edition 2 ทำตลาดลูกค้าองค์กรที่อยากได้อุปกรณ์เฉพาะทางแบบนี้อยู่
ล่าสุดกูเกิลประกาศนำ Google Meet มาลง Glass Enterprise Edition 2 ให้เราสามารถใส่แว่น Google Glass เพื่อให้พนักงานผู้สวมใส่สามารถวิดีโอคอลล์คุยขณะทำงานหน้างาน (เช่น ซ่อมบำรุงเครื่องจักร ตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูล) โดยไม่ต้องใช้มือจับอุปกรณ์สื่อสารเลย
รูปแบบการใช้งานของ Meet for Glass จะคล้ายกับที่ไมโครซอฟท์เดโม HoloLens ที่ใช้ทำวิดีโอคอลล์แบบ handfree ลักษณะเดียวกัน
ที่มา - Google |
# Google เปิด Google Chat ให้ใช้ฟรีปี 2021 ย้ายผู้ใช้ Hangouts เดิมมาด้วย
Google ประกาศว่าจะเปิดบริการ Google Chat (เดิมคือ Hangouts)ให้ใช้งานโดยทั่วถึงกันในปี 2021 ใช้งานฟรี ทั้งเป็นการใช้งานจากแอป Gmail และเป็นแอปพลิเคชั่นแยก สำหรับผู้ใช้งาน Hangouts เดิม ก็สามารถโอนถ่ายข้อมูลแชท, ข้อมูลผู้ติดต่อมาไว้ที่ Google Chat ได้
Google ยังประกาศลบคุณลักษณะบางอย่างของ Hangouts ออกด้วย ผู้ใช้งาน Google Fi ที่เดิมสามารถจัดการข้อความบน Hangouts ได้บนโทรศัพท์ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2021 เป็นต้นไปจะไม่สามารถทำได้แล้ว แต่ย้ายข้อมูลไปยังแอป Messages ของ Google ได้ นอกจากนี้ยังไม่สามารถใช้การโทรด้วยเสียงบน Hangouts ได้ ต้องไปใช้แอปแยกแทนคือ Google Voice ส่วนการใช้วิดีโอคอลบน Hangouts ก็จะย้ายไปที่ Meets แทน
ที่มา - Google, The Verge |
# Nokia เซ็นสัญญากูเกิล ย้ายศูนย์ข้อมูลและระบบไอทีภายในขึ้น Google Cloud
Nokia ประกาศเซ็นสัญญากับกูเกิลเป็นระยะเวลานาน 5 ปี ย้ายศูนย์ข้อมูลแบบ on premise เดิมขึ้นไปรันบน Google Cloud แทน
Nokia ระบุว่าการย้ายระบบขึ้นคลาวด์ครั้งนี้ สะท้อนยุทธศาสตร์ digital transformation ของบริษัทที่ต้องการให้ระบบไอทีภายในเป็น cloud-first เพื่อรองรับการขยายตัว และการทำงานร่วมกันของพนักงานที่ดีขึ้น
ทั้งสองบริษัทไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของสัญญา แต่การได้ลูกค้ารายใหญ่ระดับ Nokia ก็ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวของ Google Cloud ที่ช่วงหลังหันมาเร่งปรับตัวชิงตลาด enterprise มากขึ้น หลังเปลี่ยนตัวซีอีโอมาเป็น Thomas Kurian อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Oracle
ที่มา - Nokia, ภาพจาก Nokia |
# Google เปิดตัวฟีเจอร์ค้นหาเพลงด้วยการฮัมเพลง ไม่ต้องใช้เพลงจริง
Google เปิดตัวฟีเจอร์ Hum to Search เพื่อให้ผู้ใช้คนหาเพลงได้ด้วยการฮัมเพลงเป็นจังหวะ
Hum to Search เป็นฟีเจอร์ค้นหาเพลงเหมือน Shazam หรือ Soundhound แต่จุดต่างคือ Google ต้องการเฉพาะเสียงฮัมหรือเสียงผิวปากเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเปิดเพลงจริง ๆ เหมาะกับเพลงที่ติดอยู่ในหัวและแต่นึกไม่ออกว่าเพลงอะไร
ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานผ่านทั้ง Google Assistant และ Google Search เพียงกดปุ่มไมค์แล้วพูดว่า “what’s this song” และฮัมเพลงสัก 10-15 วินาที อัลกอริทึมของ Google จะค้นหาเพลงที่คล้ายที่สุดมาให้
ที่มา - Google, Engadget
ภาพจาก Google |
# รู้จักกับ Outline บริการ VPN ทำเองแบบติดตั้งง่าย เลือกประเทศปลายทางได้ แชร์ให้เพื่อนใช้ด้วยกันได้
การเข้ารหัสเว็บได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาในช่วงหลัง ทำให้หลายคนอาจจะมีเหตุผลให้ต้องใช้บริการ VPN น้อยลงกว่าแต่ก่อน โดยหลายคนอาจจะใช้ VPN เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ซึ่งเป็นหน่วยงานในไทย) มองไม่เห็นว่าเรากำลังใช้งานอะไรอยู่บ้าง หรือต้องการเข้าถึงคอนเทนต์บางส่วนที่หลายครั้งเข้าจากประเทศไทยไม่ได้ เช่นการชมวิดีโอที่ล็อกตามไอพีที่ใช้งาน
บริการ VPN ที่เสียเงินแบบไม่แพงหรือแม้กระทั่งฟรีนั้นมีให้เลือกหลากหลาย สำหรับบริการฟรีและง่ายที่สุดในตอนนี้คงเป็น Cloudflare WARP ที่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนใดๆ แต่ก็มีข้อจำกัดว่าไม่สามารถเลือกประเทศปลายทางที่ต้องการออกจาก VPN ได้ และเว็บที่ให้บริการบน Cloudflare จะมองเห็นไอพีที่แท้จริงของเราเหมือนกับการเชื่อมต่อเว็บโดยไม่ได้ใช้ VPN
ผมเองเคยเขียนถึงการคอนฟิกเซิร์ฟเวอร์ OpenVPN ไว้ตั้งแต่ปี 2014 และที่จริงแล้ว OpenVPN ก็ยังใช้งานได้ดีในกรณีส่วนมาก แต่การคอนฟิก OpenVPN ก็ยังต้องการความรู้เชิงเทคนิคค่อนข้างมาก โดยเฉพาะความสามารถในการคอนฟิกเซิร์ฟเวอร์เองบางส่วน ในปี 2018 กูเกิลก็มีโครงการ Outline สร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างเซิร์ฟเวอร์ VPN ด้วยตัวเอง ทำให้คนวางเซิร์ฟเวอร์แทบไม่ต้องมีความรู้เฉพาะทาง และทุกวันนี้โครงการก้าวหน้าไปมากจนกระทั่งหลายคนอาจใช้งานกันเองได้
ข้อดีสำคัญของ Outline คือเซิร์ฟเวอร์อยู่ในความควบคุมของเราเอง โดยเราอาจจะสร้างเซิร์ฟเวอร์ขึ้นมาใช้งานส่วนตัวคนเดียวหลายอุปกรณ์ หรือจะแชร์เซิร์ฟเวอร์ให้คนรู้จักใช้งานก็ได้ (disclaimer: ประเทศไทยมีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่บังคับให้การให้บริการอินเทอร์เน็ตผู้อื่นต้องเก็บ log 90 วัน การแชร์เซิร์ฟเวอร์ VPN โดยไม่มี log เป็นความเสี่ยงของแต่ละคนเอง แม้โดยปกติเราจะแชร์อินเทอร์เน็ตให้ครอบครัวในบ้านใช้พร้อมกันหลายคนเป็นธรรมดาก็ตาม)
Outline แบ่งเป็นสองส่วน คือ Outline Manager สำหรับจัดการเซิร์ฟเวอร์ สามารถติดตั้งได้บนเดสก์ทอปเท่านั้น และ Outline Client ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งบนเดสก์ทอปและโทรศัพท์มือถือ โดย Outline Manager จะขอสิทธิการจัดการเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์ที่เราต้องสร้างบัญชีขึ้นมาเอง โดยผู้สนใจดาวน์โหลดทั้ง Outline Manager และ Outline Client ได้ที่เว็บ getoutline.org
Outline Manager เป็นโปรแกรมตัดตั้งและควบคุมเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานได้กับคลาวด์หลายเจ้า แต่เจ้าที่ทำงานได้ดีที่สุดและแนะนำที่สุดคือ DigitalOcean เพราะค่าใช้งานค่อนข้างถูก เริ่มต้นเดือนละ 5 ดอลลาร์ และอีกอย่างหนึ่ง DigitalOcean นั้นรองรับการใช้งานแบบเติมเงิน ทำให้เราไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนใช้จ่ายล้นจนน่าตกใจนัก ในบทความนี้เราจะข้ามการสมัครและเติมเงิน DigitalOcean ไป โดยสามารถจ่ายผ่าน Paypal เป็นรอบๆ ได้ทำให้ไม่ต้องใส่เลขบัตรเครดิตให้ทาง DigitalOcean แต่อย่างใด
เมื่อเลือกเข้าโปรแกรม Outline Manager ครั้งแรก (สังเกตโลโก้จะเป็น 6 เหลี่ยม) และเลือก DigitalOcean ตัวโปรแกรมจะให้เราเปิดหน้าเว็บของ DigitalOcean และขอสิทธิการจัดการคลาวด์
เมื่อให้สิทธิจัดการแล้ว ตัวโปรแกรมจะถามว่าเราต้องการสร้างเครื่องเซิร์ฟเวอร์ไว้ที่ประเทศอะไร ถ้าใครต้องการใช้งานประสิทธิภาพดีหน่อยก็ควรเลือกสิงคโปร์เพราะใกล้ไทยที่สุด
เมื่อเลือกประเทศแล้วตัว Outline Manager จะเข้าไปสร้างเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์ให้เอง เรารออย่างเดียว
หลังจากสร้างเครื่องเสร็จ โปรแกรม Outline Manager จะให้ key สำหรับล็อกอิน VPN มา key เพียงบรรทัดเดียวสามารถใช้ล็อกอินได้ทันที โดยเราสามารถสร้าง key แยกสำหรับทุกอุปกรณ์ (หรือทุกคน) ได้จาก Outline Manager รวมถึงจำกัดปริมาณการใช้งานของกุญแจแต่ละตัวได้ด้วย
ตัวอย่าง key เช่น ss://[email protected]:21806/?outline=1 โดยในบรรทัดเดียวนี้จะระบุข้อมูลเชื่อมต่อ ได้แก่
ss:// เป็นโปรโตคอลที่ใช้เชื่อมต่อ แบบเดียวกับ https:// ที่ใช้เปิดเว็บ
Y2hhY2hhMjAtaWV0Zi1wb2x5MTMwNTp0MXVsandFVzZERlk= กุญแจเข้ารหัส เป็นกุญแจรักษาความลับระหว่างเครื่องที่ใช้งานและเซิร์ฟเวอร์ ห้ามทำรั่ว
@206.189.36.185:21806 บอกไอพีและพอร์ตที่ใช้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์
/?outline=1 ระบุว่าเป็นกุญแจสำหรับโปรแกรม Outline
เมื่อดาวน์โหลด Outline Client มาแล้วหน้าจอหลักคือการ Add Server เมื่อคลิกจะขอ key ที่เราได้มาจาก Outline Manager เมื่อใส่ key และเชื่อมต่อก็จะได้ VPN ไว้ใช้งาน สามารถทดสอบด้วยการค้นกูเกิลว่า "my ip" ซึ่งจะเป็นการแสดงค่าไอพีที่กูเกิลมองเห็น จะพบว่าเป็นเลขเดียวกับเซิร์ฟเวอร์ที่เราเห็นใน Outline Client แล้ว
DigitalOcean มีค่าใช้บริการ 5 ดอลลาร์ต่อเดือน และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ฟรี 1,000GB ค่าบริการเกินกว่านั้นคิด 0.01 ดอลลาร์ต่อ GB
ค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงมากทำให้เราเปิดใช้งานทิ้งไว้ได้ (โดยเฉพาะหากหารกับเพื่อน) อย่างไรก็ตามเมื่อใช้งานเสร็จสิ้นแล้วควรปิดเซิร์ฟเวอร์ทิ้งเสีย โดยเข้าหน้าคอนโซลของ DigitalOcean เลือกเมนู Droplets แล้วคลิก More เพื่อ Destroy เครื่อง |
# Sony เผยโฉม UI ใหม่ของ PS5 เขียนใหม่ทั้งหมดเพื่อจอ 4K, เพิ่มระบบ Card/Activities
Sony เผยโฉม UI ของ PlayStation 5 ที่บอกว่าเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด ทำให้ตอบสนองได้รวดเร็วกว่าเดิม และเหมาะกับการแสดงผลบนจอ 4K มากขึ้น
ภาพรวมของ UI ใหม่ของ PS5 ยังใช้เมนูแบบเลื่อนข้าง (ซ้าย-ขวา) เหมือนกับ PS4 แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนคือ เปลี่ยนจากสี่เหลี่ยมมุมฉากมาเป็นสี่เหลี่ยมมุมโค้งแทน
หน้าจอ Home ที่เห็นตอนเปิดเครื่องยังคล้ายๆ กับของเดิม มีแอพใหม่ Explore แนะนำข้อมูลของเครื่อง PS5 และคลิปที่น่าสนใจ
หน้าจอที่น่าสนใจคือ Control Center (เปรียบได้กับ App Switcher) ซึ่งเปิดเมื่อกดปุ่ม PS บนจอย จะแสดงข้อมูลของแอพที่รันอยู่ในขณะนั้น (Sony เรียกแต่ละแผ่นว่า card) โดยมีไอคอนที่เป็นการแจ้งเตือน-ตั้งค่าต่างๆ อยู่ด้านล่าง
Card เป็นแนวคิดใหม่ของ PS5 แต่ละแผ่นสามารถมีกิจกรรมแยกย่อยที่เรียกว่า Activities ซ้อนอยู่อีกชั้น เพื่อแสดงข้อมูลสำคัญๆ ของเกมเพลย์ในแต่ละเกม เช่น สถิติหรือสถานะการเล่นในเลเวลนั้นๆ รวมถึงเส้นทางที่จะต้องเจอในเลเวลถัดๆ ไป บางเกมอาจใช้ช่องทาง Activities เพื่อแสดงวัตถุประสงค์ของเลเวล หรือจะแสดงคลิปสอนการเล่น บอกใบ้วิธีการเล่น ก็ได้เช่นกัน (Sony บอกว่าไม่ต้องสลับไปเปิดคลิปดูวิธีการเล่นแล้ว ดูจาก Activities ได้เลย)
ที่มา - PlayStation Blog |
# ASUS วางขายโน้ตบุ๊ก Tiger Lake ในไทย ZenBook 14 ราคา 27,990 บาท, VivoBook เริ่ม 15,990 บาท
ASUS ประเทศไทย เปิดตัวโน้ตบุ๊กที่ใช้ซีพียู Intel Core 11th Gen "Tiger Lake" เป็นแบรนด์แรกในไทย โดยเปิดตัวมา 3 รุ่น ทุกรุ่นจะมาพร้อม Windows 10 Home และ Office Home and Student 2019
ZenBook UX425 หน้าจอ 14" หนัก 1.17 กิโลกรัม, นำมาขายรุ่นเดียวคือ Core i5-1135G7, แรม 8GB, SSD 512GB ราคา 27,990 บาท มีสีเดียวคือเทา Pine Grey
ชุดต่อมาคือ VivoBook มีลูกเล่นที่ปุ่ม Enter ขอบสีเหลือง ขายทั้งรุ่นหน้าจอ 14" และ 15.6" มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี
VivoBook S413 หน้าจอ 14" หนัก 1.4 กิโลกรัม
Core i3-1115G4, แรม 4GB, SSD 512GB ราคา 15,990 บาท
Core i5-1135G7, แรม 8GB, SSD 512GB ราคา 22,990 บาท
Core i7-1165G7, แรม 8GB, SSD 512GB ราคา 26,990 บาท
Core i5-1135G7, แรม 8GB, SSD 512GB, GeForce MX350 ราคา 24,990 บาท
VivoBook S533 หน้าจอ 15.6" หนัก 1.8 กิโลกรัม
Core i5-1135G7, แรม 8GB, SSD 512GB ราคา 23,990 บาท
Core i7-1165G7, แรม 8GB, SSD 512GB, GeForce MX350 ราคา 29,990 บาท |
# กระทรวงดิจิทัลบล็อค Change.org พยายามบล็อคแม้เป็น HTTPS
วันนี้หลังกระทรวงดิจิทัลประกาศกำชับแนวทางการปิดกั้นข้อมูลตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็มีรายงานว่าเว็บ Change.org ถูกปิดกั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผมทดสอบจาก AIS Fibre และ dtac ก็พบว่าถูกบล็อคทั้งคู่ โดย redirect 302 ไปยังไอพี 125.26.170.3
update: ข้อมูลจากคุณ icez พบว่า Change.org จาก https://change.org จะ redirect ไปยัง http://www.change.org เสมอ ทำให้เว็บเชื่อมต่อแบบไม่เข้ารหัสครั้งหนึ่งจนทำให้ระบบบล็อคเว็บสามารถตรวจพบ URL ได้
กระบวนการบล็อคครั้งนี้สามารถบล็อคได้แม้เป็น HTTPS โดยที่ Change.org นั้นใช้บริการ CDN ของ Cloudflare อยู่ ความเป็นไปได้คือการเชื่อมต่อจากเซิร์ฟเวอร์ CDN ของ Cloudflare ไปยังเซิร์ฟเวอร์ต้นทาง (origin) นั้นไม่ได้เป็น HTTPS ทำให้ถูกดักบล็อคการเชื่อมต่อได้ (อีกความเป็นไปได้คือ Cloudflare หรือ Change.org ให้ความร่วมมือในการบล็อคเว็บจากในไทยเอง) เหตุการณ์บล็อคเว็บ HTTPS เคยมีมาแล้วในไทยครั้งหนึ่งคือเว็บ HRW แต่ครั้งนั้นเป็น CDN รายอื่น
เมื่อเข้าเว็บ https://change.org ในตอนนี้จะถูก redirect เข้าเว็บแสดงข้อความบล็อคแบบ HTTPS โดยใบรับรองเข้ารหัสจะระบุชื่อโดเมน illegal.mdes.go.th ข้อมูลในใบรับรองแสดงว่าเพิ่งสร้างใบรับรองเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้
เมื่อวานนี้ Cloudflare ที่เป็นผู้ให้บริการ CDN ของ Change.org เพิ่งเปิดบริการ WARP รุ่นเดสก์ทอปสำหรับคนทั่วไปให้ใช้บริการ VPN ได้ฟรี โดย WARP มีบริการแทบทุกแพลตฟอร์มหลักๆ อยู่แล้ว |
# สรุปรีวิว OnePlus 8T ดีกว่า OnePlus 8 เล็กน้อย จุดขายคือ WarpCharge 65W
หลัง OnePlus 8T เปิดตัวไปเมื่อวานนี้ ในวันนี้สื่อต่างประเทศหลายๆ เจ้าก็ทยอยเริ่มเปิดรีวิวกันออกมาแล้ว เพราะ OnePlus น่าจะส่งเครื่องให้ทดสอบตั้งแต่ก่อนเปิดตัว
คะแนนโดยรวมออกมาในเกณฑ์ดี กล้องโมโนโครมและหน้าจอแบบแบนรีเฟรชเรต 120Hz ที่เพิ่มเข้ามาถือว่าเป็นการอัปเกรดจาก OnePlus 8 (รุ่นไม่ Pro) เล็กน้อย ชิป Snapdragon 865 ที่แม้จะไม่ได้รุ่นพลัส แต่ก็ยังรวดเร็วอยู่ รวมถึง Oxygen OS 11 ที่ครอบทับอยู่บน Android 11 แม้จะเริ่มแตกต่างจาก Pure Android มากขึ้น แต่ก็ยังใช้งานได้อย่างลื่นไหล
สื่อหลายเจ้าระบุว่า OnePlus 8T แม้จะน่าสนใจ แต่ก็ยังไม่โดดเด่นพอให้อัปเกรดจาก OnePlus 8 รวมถึงติในเรื่องคุณภาพกล้องและการไม่รองรับชาร์จไร้สาย แต่มีฟีเจอร์ที่แทบทุกเจ้าชื่นชมเป็นเสียงเดียวกันคือ WarpCharge 65W ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 ให้เต็มได้ ภายในประมาณ 39 นาที โดยที่แบตไม่ร้อนมากนัก
The Verge ระบุว่ากล้องโมโนโครมที่เพิ่มเข้ามา ไม่ได้มีประโยชน์ขนาดนั้น ภาพขาวดำที่ถ่ายก็ไม่ต่างจากภาพที่ใช้ฟิลเตอร์แต่งภาพเท่าไร กล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586 เหมือนเดิม กล้องไวด์แม้จะเปลี่ยนเลนส์ให้มีมุมมองกว้างขึ้น แต่ก็ใช้เซ็นเซอร์ IMX481เหมือนเดิม แต่ก็ไม่รองรับชาร์จไร้สาย และรุ่นที่ไม่ผูกกับค่าย (unlocked) ก็ไม่มีการทดสอบกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP Rating
ฝั่งข้อดี The Verge ชื่นชมว่าเป็นเรื่องดีที่ 8T มีจอ 120Hz แล้ว และเป็นจอแบบแบน Snapdragon 865 ยังทำงานได้ดีในทุกแอป รวมถึงชมการชาร์จแบบ 65W ที่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้มือถือของผู้รีวิวไปเลย เพราะไม่ต้องชาร์จข้ามคืนก่อนนอนอีกต่อไป
Android Authority ระบุว่าฟีเจอร์ที่เพิ่มมาก็ดี แต่ยังไม่ดีพอ ไม่ได้แตกต่างจาก OnePlus 8 ขนาดนั้น กล้องยังมีคุณภาพใกล้เคียงกล้องเดิม แต่ยังตามหลังคู่แข่งอยู่ และชื่นชมแบตเตอรี่ 4,500 mAH ที่ใช้งานได้ประมาณวันครึ่ง กับระบบ WarpCharge 65W แต่ก็เสียดายที่ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย และผู้รีวิวยังคิดว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากพอจะให้อัปเกรดมาจาก OnePlus 8
Engadget ชื่นชมประสิทธิภาพของ OnePlus 8T พอสมควร ระบุว่าคล้ายกับเป็น OnePlus 8 Pro รุ่นย่อส่วน แถมยังมี WarpCharge ที่ชาร์จเต็มได้ภายใน 39 นาที แต่ก็บ่นเรื่องคุณภาพกล้องที่ยังครึ่งๆ กล้างๆ คล้ายกันกับสื่อเจ้าอื่น
XDA Developers พบปัญหากับกล้องเช่นกัน โดยผู้รีวิวนำกล้องไปถ่ายตอนออกไปเที่ยวทะเลสาบ Teal Lake ในรัฐวิสคอนซินด้วย และพบว่าระบบประมวลผลภาพด้วยซอฟต์แวร์ของ OnePlus ยังปรับแต่งภาพได้ไม่ดีนัก บางครั้งเร่งสีจนเกินความจริง และทำอุณหภูมิภาพผิดเพี้ยน เพราะบางภาพก็แต่งไปในโทนเย็น บางภาพก็โทนร้อน แม้จะถ่ายจากสถานที่ใกล้เคียงกัน
ในสรุปสุดท้ายของ XDA Developers แม้จะติเรื่องไม่มี MEMC (ระบบคำนวณเพิ่มเฟรมภาพอัตโนมัติ สำหรับเล่นวิดีโอเฟรมเรตต่ำบนจอเฟรมเรตสูง) และไม่รองรับชาร์จไร้สายเพิ่มเติม แต่ก็บอกว่า OnePlus 8T น่าจะคุ้มค่ากว่า OnePlus 8 แต่ก็ต้องเปรียบเทียบความต้องการให้ดีก่อนซื้อ เพราะ Pixel 5 ของ Google และ Samsung Galaxy S20 FE ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
สรุป
OnePlus 8T เป็นมือถือ Android ที่มีความน่าสนใจในตัวเอง มาพร้อมสเปกเรือธง หน้าจอ 120Hz แบตเตอรี่ความจุสูง และระบบชาร์จเร็ว WarpCharge 65W ก็มีประโยชน์สุดๆ แต่หากเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง OnePlus 8 แล้ว แม้หน้าจอ กล้อง แบตเตอรี่ ก็ยังดีขึ้นเพียงเล็กน้อย อาจไม่น่าดึงดูดใจพอที่จะให้คนที่ใช้ OnePlus 8 ต้องอัปเกรด
นอกจากนี้คุณภาพกล้องโดยรวมของ OnePlus 8T ก็ยังด้อยกว่าคู่แข่งอยู่พอสมควร แม้จะยังไม่มีราคาไทย แต่ราคา 729 เหรียญสหรัฐ (ราว 22,800 บาท) ก็น่าจะใกล้เคียงกับ Galaxy S20 FE รุ่น 5G ที่ราคาเริ่มต้น 23,900 บาท ซึ่งเมื่อเทียบรีวิวกันแล้ว กล้องของ Galaxy S20 FE 5G ได้รับคำชมมากกว่า ชิปและสเปกหน้าจอคล้ายกัน แต่จะแพ้ไปในด้านการชาร์จเร็ว กับรัน S20 FE รัน Android 10 ผู้ใช้คงต้องพิจารณาฟีเจอร์อื่นประกอบต่อไป
คะแนนจากสื่อต่างๆ
The Verge - 8/10
Android Authority - 3.5/5
Engadget - 84/100
TechRadar - 4.5/5
Tom’s Guide - 3.5/5
Android Central - 4/5 |
# กระทรวงดิจิทัลร่วมมือกสทช. ประสานผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ปิดกั้นข้อมูลตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
กระทรวงดิจิทัลจัดประชุมร่วมกับกสทช., ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP), และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ให้ช่วยกันเฝ้าระวังและดำเนินการต่อข้อมูลและเว็บไซต์ที่ผิดต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่เพิ่งประกาศเมื่อช่วงเวลาตีสี่ที่ผ่านมา และพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ
แถลงของกระทรวงย้ำถึง มาตรา 11 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ระบุว่า "ห้ามเสนอข่าว จำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด รวมตลอดทั้งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์บรรดาที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนในทั่วราชอาณาจักร"
ปีนี้กระทรวงดิจิทัลพยายามกดดันแพลตฟอร์มต่างๆ ให้ลบข้อมูลตามคำสั่งอย่างหนัก โดยเมื่อเดือนกันยายนเพิ่งแจ้งความต่อสามแพลตฟอร์มหลัก ได้แก่ เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, และอินสตาแกรม ที่ไม่ปิดกั้นเนื้อหาตามคำสั่ง
ที่มา - Facebook: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม |
# Vivo V20 รุ่นรองท็อปเปิดตัวในไทย ชิป Snapdragon 720G รัน Android 11 ราคา 11,999 บาท
Vivo เปิดตัว Vivo V20 รุ่นรองจาก Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมชิป Snapdragon 720G กล้องหลังสามกล้อง รัน Android 11 ครอบทับด้วย FunTouch OS 10 จากโรงงาน สเปกภายในดังนี้
ชิป Snapdragon 720G
หน้าจอ OLED 6.44 นิ้ว
แรม 8GB
หน่วยความจำภายใน 128GB
กล้องหลัง 64MP กล้องไวด์/มาโคร/โบเก้ 8MP และ depth sensor 2MP
กล้องหน้า 44MP
แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับ Flash Charge 33W
ไม่รองรับ 5G
Vivo V20 เปิดให้จองวันที่ 16 ถึง 22 ตุลาคมนี้ ราคา 11,999 บาท บน Vivo Official Store รวมถึง Lazada และ Shopee
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# Google เปิดตัว Journalist Studio เครื่องมือทำข่าว ช่วยหาข้อมูลและสร้างกราฟเพื่อเสนอข่าว
Google เปิดตัว Journalist Studio เครื่องมือสำหรับนักข่าว มีสองฟีเจอร์หลักๆ คือ Pinpoint ทำหน้าที่คล้ายการกด Ctrl + F คือช่วยเราหาคีย์เวิร์ดสำคัญจากเอกสารจำนวนมาก แต่ระบบจะหาให้ผ่าน Google Search และ Knowledge Graph โดยที่เราไม่ต้องกด Ctrl + F หาเองบ่อยๆ โดยสามารถหาได้ทั้งไฟล์รูปภาพ, PDF, อีเมล, โน้ตที่จดไว้ และคลิปเสียง
นักข่าวสามารถลงทะเบียนเพื่อขอสิทธิ์เข้าถึงได้ สามารถอัปโหลดไฟล์เอกสารได้ในเจ็ดภาษา คือ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, โปแลนด์, โปรตุเกสและสเปน ทาง Google ยังบอกด้วยว่าได้ทำงานร่วมมือกับ The Center for Public Integrity, Document Cloud, โครงการ Big Local News ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและ The Washington Post เพื่อสร้างเอกสารและแหล่งข้อมูลที่สาธารณะเข้าถึงได้
ใน Journalist Studio ยังมี Common Knowledge Project นักข่าวสามารถเข้ามาหาข้อมูลและสร้างกราฟข้อมูลเพื่อนำไปเสนอข่าวต่อ หรือแชร์ไปยังโซเชียลมีเดีย โดยเป็นข้อมูลที่อยู่ในความสนใจ หรือข้อมูลจากท้องถิ่นเราเอง ตัวอย่างเช่นข้อมูลประชากร, เศรษฐกิจ, ที่อยู่อาศัย, การศึกษาและอาชญากรรม
Common Knowledge Project สร้างโดย Polygraph ทีมสื่อสารมวลชนด้านภาพที่ได้รับรางวัลและได้รับการสนับสนุนโดย Google News Initiative อาศัยข้อมูลจาก Data Commons ซึ่งรวบรวมชุดข้อมูลสาธารณะจากองค์กรต่างๆ รวมถึงการสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกาและ CDC สามารถลองไปสร้างกราฟเล่นๆ ได้ ที่นี่
ที่มา - Google |
# Twitter เอาด้วย ประกาศลบทวีตที่ปฏิเสธเหตุการณ์ Holocaust
ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Facebook ประกาศแบนโพสต์ที่ต่อต้านชาวยิวและสนับสนุนแนวคิดว่าเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวไม่มีจริง ล่าสุด Twitter ประกาศในลักษณะเดียวกันแล้วว่าจะลบทวีตในลักษณะดังกล่าว
แม้นโยบาย Twitter ไม่ได้ระบุตรง ๆ ว่าการปฏิเสธเหตุการณ์ความรุนแรงจะผิดกฎ แต่โฆษก Twitter ก็ยืนยันว่าความพยายามที่จะปฏิเสธ (ว่าไม่มี ไม่เกิดขึ้นจริง) หรือลดทอนเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างเหตุการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว (Holocaust) ทาง Twitter จะตีความว่าเข้าข่ายสนับสนุนความรุนแรงและยกย่องเหตุการณ์ความรุนแรงในประวัติศาสตร์ ซึ่งผิดกฎแพลตฟอร์ม
แม้กรณีของ Twitter ยังไม่เป็นที่แน่ชัดเรื่องการประกาศนโยบายนี้ แต่กรณีของ Facebook บริษัทได้ให้เหตุผลอ้างอิงการทำแบบสำรวจชาวอเมริกันอายุระหว่าง 18-39 ปี พบว่าเกือบ 1 ใน 4 เชื่อว่าเหตุการณ์ Holocaust เป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งขึ้นหรือถูกเติมแต่งให้เกินจริง
ที่มา - Bloomberg |
# OnePlus เปิดตัวหูฟังไร้สาย Bullets Wireless Z รุ่น Bass Edition และแบตสำรอง 10,000mAh ในอินเดีย
นอกจาก OnePlus 8T ที่เปิดตัวไปเมื่อวันก่อนแล้ว ในประเทศอินเดีย OnePlus ยังนำหูฟัง in-ear ไร้สาย Bullet Wireless Z (แบบมีสายพาดคอ) ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2018 มาปรับแต่งใหม่ เป็น Bullets Wireless Z Bass Edition หรือรุ่นเน้นเสียงเบส โดยสเปกส่วนใหญ่เหมือนเดิมคือมี environmental noise cancellation ที่ไม่ใช่ ANC แต่เป็นการใช้จุกยางกันเสียง ใช้ไดรเวอร์ขนาด 9.2 มิลลิเมตร กันน้ำกันฝุ่น IP55 รองรับ Bluetooth 5.0
นอกจากการเน้นเสียงเบสตามชื่อแล้ว มีข้อแตกต่างอื่นอีกเล็กน้อย คือลดความหน่วงจาก 110ms ในรุ่นธรรมดาเหลือ 100ms รองรับ WarpCharge ชาร์จ 10 นาที ใช้งานได้ 10 ชั่วโมง แต่แบตเตอรี่ลดลงจาก 20 ชั่วโมงในรุ่นปกติ เหลือ 17 ชั่วโมง เตรียมวางขายในอินเดีย 15 ตุลาคมนี้บนเว็บไซต์ OnePlus ก่อนลงเว็บไซต์ Amazon และ Flipkart วันที่ 16 ตุลาคม และวางขายทั่วไปวันที่ 2 พฤศจิกายน ในราคา 1,999 รูปี (ราว 860 บาท)
อีกอุปกรณ์ที่เปิดตัวในอินเดีย คือ OnePlus Power Bank 10,000mAh แบตสำรอง พอร์ต USB-A สองพอร์ต ชาร์จไฟ 18W ได้พร้อมกันสองอุปกรณ์ รองรับการชาร์จแบบ pass-through คือชาร์จตัวแบตไปพร้อมกับชาร์จอุปกรณ์ได้ น้ำหนัก 225 กรัม พร้อมสกรีนสโลแกน Never Settle มีสีดำและเขียววางจำหน่ายในอินเดีย ยังไม่เปิดเผยราคาและวันวางจำหน่าย แต่ระบุว่าเร็วๆ นี้
ที่มา - XDA Developers |
# We Company ประกาศเปลี่ยนชื่อกลับเป็น WeWork เน้นย้ำโฟกัสธุรกิจหลัก
We Company บริษัทโฮลดิ้งที่ตั้งขึ้นมาเป็นบริษัทแม่ของ WeWork สมัย Adam Neumann ยังเป็นซีอีโอ สำหรับการขยายไปธุรกิจอื่นนอกจาก co-working space (และเป็นส่วนหนึ่งของความยุ่งเหยิงในโครงสร้างองค์กรที่ถูกพบตอนยื่นไฟลิ่ง IPO)
ล่าสุด We Company ประกาศเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น WeWork เพื่อเน้นย้ำว่าบริษัทต้องการจะโฟกัสกับธุรกิจ co-working space ที่เป็นธุรกิจหลักจริง ๆ โดย WeWork ระบุด้วยว่าหลังการเปลี่ยนบอร์ดและทีมผู้บริหาร บริษัทค่อย ๆ กลับมาในทิศทางบวก ทั้งการปรับขนาดของธุรกิจทั่วโลกที่เหมาะสมและสถานการณ์การเงิน ("rightsizing its global portfolio and improving its balance sheet")
ที่มา - WeWork
ภาพจาก Getty Images |
# LINE BK เปิดตัวแล้ว โอนเงินได้จากหน้าแชท ถ้ามีบัญชี KBank นำมาใช้ได้เลย
LINE BK บริการการเงินที่ร่วมทุนระหว่าง LINE และธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่ปลายปี 2018 เปิดตัวแล้ว
ชื่อ LINE BK มาจากคำว่า LINE Bank แต่เนื่องจากว่าไม่ได้เป็นธนาคารจริงๆ (บริการทั้งหมดอยู่บนไลเซนส์ธนาคารของธนาคารกสิกรไทย) จึงใช้คำว่า LINE BK
จุดเด่นของ LINE BK คือการผสานแพลตฟอร์มแชทของ LINE ที่มีผู้ใช้ 47 ล้านคน กับฐานลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยที่มี 16 ล้านคน ทำให้เราสามารถทำธุรกรรมการเงิน เช่น เปิดบัญชี โอนเงิน ได้จากหน้าแชทโดยตรง แต่ LINE BK ก็ไม่ได้มีข้อจำกัดด้านการใช้งานออฟไลน์ เพราะสามารถถอนเงินได้ตู้ ATM ของธนาคารกสิกรไทย และใช้เครือข่ายสาขา-ตู้ ATM ของธนาคารกสิกรได้ด้วย
การใช้งาน LINE BK สามารถทำได้ทั้งนำบัญชีธนาคารกสิกรไทยที่มีอยู่แล้วมาใช้ได้ทันที หรือจะเปิดบัญชีใหม่ผ่านออนไลน์ก็ได้ (จำเป็นต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนที่จุดยืนยันตัวตนของ KBank)
จุดเด่นที่สุดของ LINE BK ย่อมเป็นการโอนเงินจากหน้าแชท โดยไม่ต้องสลับไปใช้แอพธนาคารออนไลน์ ถือเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้มากขึ้น พร้อมยังมีฟีเจอร์อื่นๆ เช่น แชร์สลิปการโอน, เรียกเก็บเงิน (request money), หารจ่ายบิล (split bill) รวมถึงแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวบัญชีจาก notification ของ LINE เป็นต้น
LINE BK ยังมีบริการบัตรเดบิตให้ด้วย (เปิดบัตรเดบิตให้ทันทีตอนเริ่มใช้งาน) เลือกได้ทั้งบัตรเดบิตแบบดิจิทัล และออกบัตรจริงๆ (ที่เป็นลายการ์ตูนจาก LINE Friends สร้างแรงดึงดูดด้วยพลังคาแรกเตอร์) โดยมีโปรโมชั่นจูงใจคือ 0.5% cashback สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์
นอกจากบริการโอนเงินพื้นฐาน LINE BK ยังมีบริการกู้เงิน/สินเชื่อ Credit Line ที่เป็น microlending
บริการกู้เงินของ LINE BK จะใช้ระบบประเมินความเสี่ยงเป็นรายบุคคล โดยมีอัตราดอกเบี้ยและวงเงินกู้แปรผันไปตามแต่ละบุคคล (วงเงินสูงสุด 8 แสนบาทตามกฏของแบงค์ชาติ) และไม่มีค่าธรรมเนียมอื่นๆ เพิ่มเติม
การประเมินความเสี่ยงระบบ LINE Credit Scoring ที่ใช้ข้อมูลหลายส่วนมาผสมกัน เช่น ข้อมูลแบบดั้งเดิม (เครดิตบูโร), ข้อมูลในระบบของธนาคารกสิกรไทย (ถ้ามี) และข้อมูลการใช้งานบริการทั้งหมดในเครือ LINE
เมื่อสมัครและกรอกข้อมูลแล้ว ระบบจะดึงข้อมูลจากเครดิตบูโร และนำมาประมวลผลกับข้อมูลอื่นๆ (ในกรณีที่ไม่ได้ใช้บัญชีกสิกร ก็ต้องอัพโหลดไฟล์จาก statement ของธนาคารอื่นแทน) เพื่อประเมินความเสี่ยงและอนุมัติ โดยใช้ระยะเวลาตรวจสอบไม่นานเป็นหลักไม่กี่นาที (เร็วกว่านั้นถ้าดึงข้อมูลจากกสิกรโดยตรง เพราะไม่เสียเวลาตรวจ statement ที่ใช้คนตรวจ) |
# [ไม่ยืนยัน] Huawei กำลังเจรจาขายธุรกิจสมาร์ทโฟนแบรนด์ Honor, มี Xiaomi สนใจเจรจา
Reuters รายงานอ้างอิงคนใกล้ชิดกับข้อมูลระบุว่า Huawei กำลังเจรจาอยู่กับผู้ที่สนใจหลายราย สำหรับการขายบางส่วนของธุรกิจสมาร์ทโฟนแบรนด์ Honor ซึ่งดีลนี้อาจมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 3.7 พันล้านเหรียญ
ส่วนที่ Huawei ขายไปอาจประกอบไปด้วยแบรนด์ Honor, R&D และซัพพลายเชน โดยตอนนี้มี Digital China ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายหลักของ Honor เป็นตัวเต็ง ส่วนผู้ที่สนใจรายอื่น ๆ ที่คุ้นชื่อก็มี TCL และ Xiaomi
Honor เป็นแบรนด์ลูกของ Huawei ที่เน้นทำสมาร์ทโฟนราคาประหยัดและทำตลาดออนไลน์เป็นหลัก แต่ดำเนินงานแยกส่วนกับ Huawei ขณะที่สาเหตุของการขาย Honor ก็หนีไม่พ้นการถูกสหรัฐแบน ทำให้ Huawei ต้องปรับกลยุทธหันไปโฟกัสเฉพาะสมาร์ทโฟนตัวท็อปอย่างเดียวแทน
ที่มา - Reuters
ภาพจาก Shutterstock |
# Zoom เปิดทดสอบ OnZoom มาร์เกตเพลสสำหรับอีเว้นท์ออนไลน์
Zoom เปิดตัว OnZoom มาร์เกตเพลสสำหรับอีเว้นท์ออนไลน์ ผู้ใช้งาน Zoom แบบเสียเงินสามารถสร้างกิจกรรมของตัวเองและโพสต์บน OnZoom เพื่อหารายได้เพิ่มได้ เช่น คลาสโยคะ, ออกกำลังกาย, คอนเสิร์ต, การแสดงในรูปแบบต่างๆ
OnZoom มีหน้าเว็บไซต์ไว้ค้นหาอีเว้ท์ เพื่อให้คนทั่วไปเข้ามาเลือกอีเว้นท์ที่ตัวเองสนใจ มีจัดประเภทอีเว้นท์ไว้ เช่นอีเว้นท์สำหรับ การศึกษา, ศิลปะ, สุขภาพ, ไลฟ์สไตล์ ผู้ใช้สามารถกดซื้อได้บนแพลตฟอร์มเลย สามารถจ่ายเงินได้ผ่าน PayPal และบัตรเครดิต สามารถรีวิวและให้เรตติ้งอีเว้นท์นั้นๆ ได้หลังจบงาน
OnZoom ยังเป็นเวอร์ชั่นเบต้าในตอนนี้
ที่มา - Zoom |
# Zoom เริ่มใช้การเข้ารหัส end-to-end สัปดาห์หน้า ได้ทั้งผู้ใช้ฟรีและเสียเงิน
หลังเงียบหายไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่บอกจะเริ่มทดสอบการเข้ารหัส end-to-end ล่าสุด Zoom ประกาศเริ่มใช้งานการเข้ารหัสแบบ end-to-end แล้วทั้งผู้ใช้ฟรีและเสียเงินในแบบพรีวิว คือรับฟีดแบ็คจากผู้ใช้เป็นเวลา 30 วัน
Zoom บอกว่าการใช้การเข้ารหัส end-to-end จะแบ่งเป็น 4 เฟสและครั้งนี้คือเฟสแรก โดยใช้การเข้ารหัสแบบ AES 256-bit GCM และหากการประชุมใช้การเข้ารหัสแบบนี้ จะมีสัญลักษณ์โล่สีเขียวพร้อมกุญแจอยู่ที่ซ้ายบนของจอ
การเข้ารหัส end-to-end จะเริ่มปล่อยพรีวิวสัปดาห์หน้า แต่ผู้ใช้งานหรือโฮสต์จะเปิดใช้งาน end-to-end ทั้งแอคเคาท์ตัวเองและเลือกเวลาสร้างห้องประชุม (จะมีตัวเลือก enhanced encryption และ end-to-end encryption)
ที่มา - Zoom |
# AMD ยืนยันตั้งชื่อ Ryzen 5000 เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนกับ Ryzen บนโน้ตบุ๊ก
แม้จะค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดอยู่แล้วว่าการที่ AMD ออกซีพียูแกน Zen 3 เป็นรุ่น Ryzen 5000 แทนที่จะเป็น Ryzen 4000 ก็เพื่อลดความสับสนและ (น่าจะ) ทำให้สอดคล้องกับซีพียูบนโน้ตบุ๊ก
ล่าสุด AMD ยืนยันแล้วว่าต้องการลดความสับสนกับ Ryzen 4000 Mobile ที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลต่อว่ารุ่นต่อไปจะใช้ชื่อ Ryzen 5000 Mobile เพื่อความสอดคล้องกันทั้ง 2 ไลน์เลยหรือไม่
AMD มีปัญหาชื่อรุ่นซีพียูบนเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กสับสนกันตั้งแต่รุ่นแรกที่ใช้แกน Zen 1 ที่บนพีซีเป็น Ryzen 1000 และโน้ตบุ๊กเป็น Ryzen 2000 Mobile เรื่อยมาจนถึงแกน Zen 2 ล่าสุด ดังนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่า AMD อาจอาศัยโอกาสนี้รื้อชื่อรุ่นใหม่ให้สอดคล้องกันทั้ง 2 ไลน์เสียที
ที่มา - PCWorld |
# Sony ปล่อยแอป Apple TV พร้อมซอฟต์แวร์อัพเดตบน Android TV บางรุ่น
วันนี้ทีวี Sony ออกซอฟต์แวร์อัปเดตให้ทีวีบางรุ่นมีแอป Apple TV แล้ว โดยเริ่มต้นที่ทีวี 4K LED ซีรีส์ X900H (ชื่อรุ่นในไทยคือ X90H) ทั้งขนาด 55 นิ้ว ไปจนถึง 85 นิ้ว และ Sony ระบุ เตรียมออกอัปเดตเดียวกันนี้ให้ทีวีรุ่นปี 2020 และ 2019 “ส่วนใหญ่” และรุ่นปี 2018 “บางรุ่น” โดยยังไม่ระบุรายละเอียดรุ่นแบบชัดเจน และผู้ใช้จะไม่สามารถดาวน์โหลดแอปนี้จาก Play Store บนทีวีได้ จะมากับซอฟต์แวร์อัปเดตเท่านั้น
ตัวแอปจะสามารถใช้งานได้เหมือนแอป Apple TV ทั่วไป สามารถล็อกอินได้ด้วย Apple ID และดู Apple TV+ ได้ปกติ ยังไม่มีรายงานว่าจะลงอุปกรณ์ Android อื่นเช่น Chromecast with Google TV หรือไม่ แต่ดูจากทิศทางของ Apple ที่เริ่มเปิดให้บริการแบบ subscription ของตัวเองเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้า อาจแปลว่าเราจะได้เห็นบริการของ Apple บนแพลตฟอร์มอื่นมากขึ้นในอนาคต
ที่มา - 9to5Google
ภาพทีวีซีรีส์ X900H (X90H) จาก SONY |
# Zoom เพิ่มฟีเจอร์ชุดใหญ่ พื้นหลังห้องเรียน, แยกห้องสัมมนาย่อย, กดโทรฉุกเฉินใน Zoom Phone
Zoom เพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง ในแง่ของการเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างประชุม สามารถทำพื้นหลังการประชุมให้เหมือนนั่งอยู่ด้วยกันในห้องเรียนหรือห้องประชุมได้ คล้ายกับ Microsoft Teams ที่ทำออกมาก่อนหน้านี้
เพิ่มอีโมจิเคลื่อนไหวแสดงการทักทาย พร้อมเสียงที่ออกมาจากอีโมจิด้วย, โฮสต์สามามารถมองเห็นคนที่เข้ามาอยู่ใน Waiting Room ก่อนจะกดยอมรับให้เขาเข้าร่วมประชุมได้ เพื่อความปลอดภัย
สำหรับ Zoom Webinar หรือการจัดประชุมสัมมนาใหญ่ ผู้ใช้สามารถเพิ่มเอกลักษณ์แบรนด์ของตัวเองเข้าไปได้ ตั้งแต่ใบอีเมลเข้าร่วมงาน ก่อนเริ่มประชุม และระหว่างประชุม, เพิ่มฟีเจอร์ Breakout Rooms ทำห้องแยกประชุมเป็นกลุ่มย่อยได้ และเพิ่ม Debrief room หรือห้องซักถาม วิทยากรสามารถเผยข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยไม่ต้องจัดประชุมแยกทีหลัง
นอกจากนี้ยังเพิ่มฟีเจอร์ Nomadic E911 ใน Zoom Phone (บริการโทรศัพท์ผ่านคลาวด์ เน้นกลุ่มองค์กร ให้บริการใน 42 ประเทศ) สามารถโทร 911 ได้กรณีมีเหตุฉุกเฉินในสำนักงาน สามารถมองเห็นได้ว่าใครเป็นผู้โทร และสามารถแจ้งเตือนไปยังแผนกความปลอดภัย ช่วยให้การแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินสามารถทำได้เร็วและรับรู้ทั่วถึงกันในช่วง WFH และต้องมีพนักงานบางส่วนเข้าสำนักงาน, เพิ่มความสามารถการใช้ AI ตรวจจับสแปมที่โทรเข้ามาผ่าน Zoom Phone ช่วยกรองสายที่ไม่ต้องการรับออกไปได้
ที่มา - Zoom |
# Zoom เปิดตัว Zapps กลุ่มแอปที่ใช้ได้ระหว่างคุยวิดีโอคอล ไม่ต้องเปลี่ยนหน้าจอ
Zoom เปิดตัว Zapps เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่รวบรวมกลุ่มแอปพลิเคชั่นให้ใช้ได้เลยระหว่างคุยวิดีโอคอล ไม่ต้องสลับหน้าจอ เป็นหน้าต่างรวบรวมกลุ่มแอปไว้ที่ด้านล่างขวา
แอปที่สามารถใช้งานบน Zapps ได้มี 25 แอปคือ Atlassian, Asana, Box, Dropbox, Slack, Wrike, Coursera, Kahoot!, Kaltura, Cameo, Exer, Slido, Superhuman, Woven, Pitch, Smartsheet, Coda, HubSpot, Chorus, Gong, Lucidspark, Miro, Mural, ServiceNow และ PagerDuty
เท่ากับว่าผู้ใช้สามารถใช้งาน Zoom ไปด้วยและค้นหาไฟล์บน Dropbox, เล่น Kahoot!, จัดการงานต่างๆ บน Asana ระหว่างใช้งานได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าจอ Zoom สามารถใช้งานได้ทั้งผู้ใช้งานแบบฟรีและเสียเงิน
ที่มา - Zoom |
# บอร์ด micro:bit ออกเวอร์ชั่น 2 เปลี่ยนชิปเพิ่มแรม 8 เท่า ใส่สำโพงและไมโครโฟนมาในตัว ยังรันซอฟต์แวร์เดิมได้
โครงการ micro:bit ของ BBC เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 ในฐานะคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา ที่ใช้แจกให้นักเรียนทั่วสหราชอาณาจักรถึงล้านชุด ตอนนี้ผ่านมา 5 ปีทางโครงการก็ประกาศอัพเกรดบอร์ดเป็น v2 โดยเปลี่ยนชิปหลักเป็น nRF52833 ที่ซีพียูแรงขึ้น สตอเรจเพิ่มสองเท่าเป็น 512kB และแรมเพิ่ม 8 เท่าเป็น 128kB และรองรับ Bluetooth 5.0
นอกจากชิปหลักแล้ว ตัวบอร์ดยังใส่ลำโพงและไมโครโฟนมาในตัว เปลี่ยนโลโก้เป็นเซ็นเซอร์ capacitive ตรวจจับการสัมผัส มีไฟแสดงสถานะการทำงาน และขาจ่ายไฟ 3V สามารถจ่ายเพิ่มเป็น 200mA จากเดิม 90mA
ทางโครงการยืนยันว่าซอฟต์แวร์ที่พัฒนาด้วย MakeCode และ MicroPython บนบอร์ดรุ่นเดิมจะใช้งานในบอร์ดรุ่นใหม่ได้ (ซึ่งทำให้ห้องเรียนสามารถใช้บอร์ดรุ่นใหม่บางส่วนได้) ส่วนพลังประมวลผลที่มากขึ้นจะทำให้เพิ่มบทเรียนด้าน AI/ML ในห้องเรียนได้ด้วย
ทางโครงการระบุว่าบอร์ดรุ่นใหม่จะราคาเท่าเดิม (ในไทย Cytron ขายอยู่ 543 บาท) และจะเริ่มเปิดให้สั่งซื้อเดือนพฤศจิกายนนี้
ที่มา - micro:bit |
# Cloudflare เปิดบริการ VPN ฟรี WARP บนเดสก์ทอป รองรับแมคและวินโดวส์ พัฒนาด้วย Rust
Cloudflare เปิดบริการ VPN ฟรีในชื่อ WARP มาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่จำกัดเฉพาะบนโทรศัพท์ทั้ง Android และ iOS เท่านั้น วันนี้ทาง Cloudflare ก็เปิดให้ดาวน์โหลดเวอร์ชั่นเดสก์ทอป รองรับทั้งแมคและวินโดวส์ พร้อมกับระบุว่าเวอร์ชั่นลินุกซ์จะตามมาเร็วๆ นี้
WARP เวอร์ชั่นเดสก์ทอปสามารถใช้งานได้สองโหมด คือโหมด 1.1.1.1 ที่ใช้คิวรี DNS แบบ DoH อย่างเดียว หรือ 1.1.1.1 with WARP ที่เป็น VPN เต็มรูปแบบ
รอบนี้ Cloudflare เน้นขายบริการ WARP ระดับพรีเมี่ยมให้กับองค์กรมากกว่าเดิม โดยเปิดให้ใช้ WARP กับ Cloudflare for Teams ที่องค์กรสามารถกำหนดเงื่อนไขการใช้งานได้อย่างละเอียด เช่น กำหนดเงื่อนไขความปลอดภัยอุปกรณ์ ผ่านทาง CrowdStrike หรือ VMware Carbon Black, รองรับการทำ split tunnel ปล่อยให้ทราฟิกที่ไม่เกี่ยวข้องไม่วิ่งผ่าน VPN, มีระบบเก็บ log, ใช้งานไฟร์วอลล์ของ Cloudflare ได้
WARP เป็นซอฟต์แวร์ VPN ที่ใช้โปรโตคอล WireGuard ที่ทาง Cloudflare อิมพลีเมนต์ใหม่เองในภาษา Rust รอบนี้ Vlad Krasnov วิศวกรของ Cloudflare ก็ยังระบุว่าไคลเอนต์บนเดสก์ทอปพัฒนาด้วย Rust ทั้งหมด
ที่มา - Cloudflare |
# เปิดตัว OnePlus 8T จอ 120Hz รองรับ 5G มีกล้องโมโนโครม ราคาราว 22,000 บาท
เรือธงรุ่นครึ่งปีหลังของ OnePlus มาแล้วกับ OnePlus 8T ด้วยหน้าจอ 6.55 นิ้วแบบ Fluid AMOLED รีเฟรชรท 120Hz รองรับ HDR10+ อัตราส่วน 20:9 ความสว่าง 1100nits ได้คะแนนจาก DisplayMate ที่ A+
กล้องหลังหลัก 48 ล้านพิกเซล f/1.7 เซ็นเซอร์ IMX586, เลนส์อัลตร้าไวด์ 16 ล้านพิกเซล กว้าง 123 องศา, เลนส์มาโคร 5 ล้านพิกเซลและเลนส์ถ่ายโมโนโครม 2 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.4 เซ็นเซอร์ IMX471
ชิปเซ็ต Snapdragon 865 ชิป 5G คือ Snapdragon X55 แรม LDPPR4X 8GB/12GB หน่วยความจำ UFS 3.1 128GB/256GB แบตเตอรี่ 4,500mAH รองรับ Warp Charge 65W สแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ รัน Android 11 ครอบด้วย OxygenOS 11 มี 2 สีคือ Aquamarine Green และ Lunar Silver ราคาเริ่มที่ 599 ยูโร (8GB+128GB) หรือราว 22,000 บาทและ 699 ยูโร (12GB+256GB) หรือราว 26,000 บาท มีกำหนดเปิดตัวในไทย 20 ตุลาคมนี้ |
# เทรลเลอร์ Monster Hunter ฉบับหนังมาแล้ว - จา พนม vs Diablos
Sony Pictures ปล่อยเทรลเลอร์ฉบับเต็มตัวแรกของ Monster Hunter เวอร์ชันภาพยนตร์ ที่นำแสดงโดย Milla Jovovich และ "จา พนม" Tony Jaa
ใน Monster Hunter ฉบับภาพยนตร์ เป็นเรื่องของหน่วยทหารที่นำโดย Milla Jovovich หลุดข้ามมิติไปยังโลกของ Monster Hunter และได้รับการช่วยเหลือจาก "The Hunter" ที่แสดงโดยจา พนม ส่วนมอนสเตอร์ตัวหลักที่เป็นคู่อาฆาตกันคือ Diablos ที่แฟนๆ มอนฮันต์คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
ผู้กำกับคือ Paul W. S. Anderson ที่เคยกำกับและโปรดิวซ์ Resident Evil ฉบับภาพยนตร์หลายภาค หนังมีกำหนดฉายในอังกฤษ 4 ธันวาคม และในอเมริกา 30 ธันวาคม (ถ้ายังมีโอกาสได้ฉาย)
ที่มา - Eurogamer |
# Canon เปิดตัว PowerShot Zoom กล้องส่องทางไกลถ่ายรูปได้ขนาดกะทัดรัด
Canon เผยรายละเอียดของกล้องรุ่นใหม่ PowerShot Zoom กล้องดิจิทัลคอมแพคสำหรับใช้ถ่ายภาพและวิดีโอในระยะไกลลแบบตาเดียวขนาดกะทัดรัด พกพาใส่กระเป๋าง่าย
กล้อง PowerShot Zoom ใช้เซนเซอร์ 1/3 นิ้ว ถ่ายภาพ JPEG ได้ 12 ล้านพิกเซล (ถ่าย RAW ไม่ได้) อัดวิดีโอได้ 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที มีเลนส์ที่ใช้ทางยาวโฟกัสได้ที่ 100mm และ 400mm สามารถดิจิทัลซูมได้สูงสุดถึง 800mm มีช่วง ISO อยู่ที่ 100-3,200 และระบบกันสั่นในตัวกล้อง
PowerShot Zoom สามารถชาร์จผ่าน USB-C ได้, มีช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์แบบ 2.36 ล้านจุดในตัว, แบตเตอรี่ชาร์จเต็ม 1 ครั้งถ่ายภาพได้ 150 ภาพ หรือใช้ส่องได้นานสุด 70 นาที, พร้อมระบบเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth, รองรับแอป Canon Camera Connect เพื่อดาวน์โหลดรูปแบบวิดีโอ, ช่องเสียบการ์ด Micro SD สำหรับใช้เก็บข้อมูลไฟล์ภาพและวิดีโอ ภายใต้ขนาดที่เล็กกะทัดรัด พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก และใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์
Canon จะเริ่มวางจำหน่าย PowerShot Zoom ในเดือนพฤศจิกายนนี้ที่ราคา 299 ดอลลาร์ หรือราว 9,300 บาท
ที่มา - dpreview |
# Google Analytics ออกเวอร์ชัน 4 วัดค่าเว็บและแอพรวมไปด้วยกัน พยากรณ์แม่นยำขึ้น
กูเกิลเปิดตัว Google Analytics เวอร์ชัน 4 ของใหม่ที่สำคัญคือการวัดค่าสถิติผู้ใช้เว็บ+แอพไปพร้อมกันเลย ไม่ต้องแยกสถิติของเว็บกับแอพเหมือนสมัยก่อน
กูเกิลบอกว่า Analytics เวอร์ชันใหม่เป็นการวัดการใช้งานของตัวลูกค้า (customer-centric) แทนการวัดค่าแยกตามอุปกรณ์หรือแพลตฟอร์มเหมือนที่แล้วๆ มา กูเกิลใช้เทคนิคหลายอย่างเพื่อแยกแยะโพรไฟล์ของลูกค้าแต่ละคน เพื่อให้ติดตามดูได้ว่าลูกค้าเจอผลิตภัณฑ์ของเราจากที่ไหน และมีปฏิสัมพันธ์อย่างไรกับเราบ้าง อีกทั้งปรับหน้า report ใหม่ให้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ง่ายขึ้น
ฟีเจอร์อีกอย่างที่เพิ่มมาคือการนำ machine learning มาใช้งาน ช่วยแจ้งเตือนเทรนด์สำคัญๆ ในข้อมูลของเรา เช่น มีผลิตภัณฑ์บางตัวได้รับความนิยมพุ่งสูงขึ้น, พยากรณ์ความน่าจะเป็นในการรักษาลูกค้า (churn probability) รวมถึงการประเมินรายได้ที่เราจะได้จากลูกค้าแต่ละกลุ่ม
การใช้งาน Analytics เวอร์ชันใหม่จำเป็นต้องตั้งค่า property ที่วัดค่าเป็นประเภท App + Web ก่อน (ถ้ายังใช้ property อันเดิมจะยังเห็นสถิติเป็นเวอร์ชันเก่า) กูเกิลบอกว่าจะทยอยเปลี่ยนผ่าน property แบบเดิมในอนาคต
ที่มา - Google |
# Nikon เปิดตัว Z7 II และ Z6 II พร้อมชิป Dual EXPEED 6, ระบบออโต้โฟกัสและวิดีโอปรับปรุงใหม่
Nikon เปิดตัวกล้อง mirrorless เซนเซอร์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ ทั้งรุ่น Z7 II และ Z6 II ซึ่งทั้งคู่ยังคงคอนเซปต์เป็นรุ่นที่มีบอดี้คล้ายกันและต่างกันที่ฟีเจอร์ภายใน
สำหรับ Nikon Z7 II ใช้เซนเซอร์ BSI CMOS ขนาดฟูลเฟรม 45.7 ล้านพิกเซล พร้อม ISO 64-25600 (ขยายได้ 32-102400) มีจุดโฟกัส 493 จุด ครอบคลุมพื้นที่ 90% ของเซนเซอร์ ทำงานได้ที่แสงต่ำสุด -3EV ถ่ายภาพรัวได้สูงสุด 10 ภาพต่อวินาที และถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที
ส่วน Nikon Z6 II ใช้เซนเซอร์ BSI CMOS ขนาดฟูลเฟรม 24.5 ล้านพิกเซล พร้อม ISO 100-51200 (ขยายได้ 50-204800) มีจุดโฟกัส 273 จุด ทำงานได้ที่แสงต่ำสุด -4.5EV ถ่ายภาพรัวได้สูงสุด 14 ภาพต่อวินาที และถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที (จะมาในอัพเดตเฟิร์มแวร์ต้นปีหน้า)
ที่เหลือจะเป็นจุดที่ทั้งสองรุ่นเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นชิป Dual EXPEED 6 อัพเกรดจากรุ่นเดิมที่เป็น EXPEED 6 ธรรมดา, ระบบออโต้โฟกัสปรับปรุงใหม่, ช่องเสียบการ์ด CFexpress/XQD หนึ่งช่อง และเพิ่มช่องเสียบ UHS-II SD หนึ่งช่อง, รองรับการชาร์จผ่าน USB-C ชาร์จผ่านแบตสำรองได้, บอดี้แมกนีเซียมอัลลอยพร้อมซีลเพื่อความทนต่อสภาพอากาศ, ระบบกันสั่น VR ในตัวกล้องที่ลดการสั่นไหวได้สูงสุด 5 สต็อป และเปิดหน้ากล้องได้นานสุด 900 วินาที
Nikon Z6 II และ Z7 II จะวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้ตามลำดับ โดยราคาวางจำหน่ายมีดังนี้
Nikon Z7 II เฉพาะบอดี้อย่างเดียว 2,999.95 ดอลลาร์ หรือราว 94,000 บาท
Nikon Z7 II พร้อมเลนส์ NIKKOR Z 24-70mm f/4 ราคา 3,599.95 ดอลลาร์ หรือราว 112,000 บาท
Nikon Z6 II เฉพาะบอดี้อย่างเดียว 1,999.95 ดอลลาร์ หรือราว 62,000 บาท
Nikon Z6 II พร้อมเลนส์ NIKKOR Z 24-70mm f/4 ราคา 2,599.95 ดอลลาร์ หรือราว 81,000 บาท
ที่มา - dpreview |
# PS4 ออกอัพเดตเวอร์ชัน 8.0 แอพ Party และ Messages ใช้กลุ่มเพื่อนเดียวกันแล้ว
Sony เริ่มปล่อยอัพเดต PS4 system software เวอร์ชัน 8.00 มีของใหม่ที่สำคัญคือ
ระบบ Party และ Messages เชื่อมต่อกันดีขึ้น ใช้กลุ่มเพื่อนเดียวกันได้แล้ว จากก่อนหน้านี้ที่แต่ละแอพแยกกลุ่มเพื่อนกัน
เพิ่มรูป avatar ให้เลือกจากเกมดังๆ อย่าง Bloodborne, The Last of Us Part II, God of War เป็นต้น
สั่งปิดไมค์ทั้งหมด (mute all microphones) ได้จากเมนูลัด Quick Menu
ปรับปรุงระบบ Parental Controls
ปรับปรุง 2-Step Verification รองรับแอพ authenticator ภายนอก
เปลี่ยนชื่อแอพ PS4 Remote Play เป็น PS Remote Play เพื่อรองรับการใช้งานกับ PS5
ที่มา - PlayStation Blog |
# Canon เปิดตัว EOS M50 Mark II ปรับปรุงออโต้โฟกัสและระบบถ่ายวิดีโอ
Canon เปิดตัว EOS M50 Mark II กล้อง mirrorless รุ่นเริ่มต้นรุ่นใหม่ที่ปรับปรุงระบบออโต้โฟกัสและการถ่ายวิดีโอ
สำหรับตัวกล้อง M50 Mark II นี้ Canon ใช้เซนเซอร์ APS-C 24 ล้านพิกเซลพร้อมชิป DIGIC 8 เหมือนรุ่นก่อนหน้า ส่วนระบบออโต้โฟกัสแบบ Dual-Pixel อัพเกรดใหม่ให้รองรับการติดตามดวงตาทั้งในฝั่งภาพนิ่งและวิดีโอ และรองรับการถ่ายวิดีโอแนวตั้งและสตรีมเข้าไปยัง YouTube Live ผ่านอินเทอร์เน็ตของสมาร์ทโฟน
ฟีเจอร์อื่น ๆ ของตัวกล้องยังคงคล้ายรุ่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นอัดวิดีโอ 4K ที่ 24 เฟรมต่อวินาทีแบบครอป 1.5 เท่า, ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ความเร็วในการถ่ายภาพสูงสุด 7.4 ภาพต่อวินาทีในโหมด continuous autofocus, ระบบหน้าจอ LCD แบบสัมผัสปรับหมุนได้ที่เพิ่มปุ่มเริ่มอัดวิดีโอและ self-timer, Wi-Fi และ Bluetooth สำหรับเชื่อมต่อมือถือ
สำหรับ Canon EOS M50 Mark II จะวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนนี้ที่ราคาเฉพาะบอดี้อย่างเดียว 599.99 ดอลลาร์ หรือราว 18,700 บาท, บอดี้พร้อมเลนส์ EF-M 15-45mm ราคา 699.99 ดอลลาร์หรือราว 22,000 บาท และบอดี้พร้อมเลนส์ EF-M 15-45mm และ EF-M 55-200mm อยู่ที่ 929.99 ดอลลาร์หรือราว 29,000 บาท
ที่มา - dpreview |
# Kahoot! รับเงินเพิ่มทุน 215 ล้านดอลลาร์ จาก SoftBank
Kahoot! แพลตฟอร์มสำหรับจัดการเรียนรู้ในรูปแบบเกม ประกาศรับเงินเพิ่มทุน 215 ล้านดอลลาร์ จาก SoftBank โดยเป็นการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเจาะจง ทำให้ SoftBank จะถือหุ้น 9.7%
Eilert Hanoa ซีอีโอ Kahoot! กล่าวว่าเงินเพิ่มทุนใหม่นี้ จะนำไปใช้ขยายการเติบโตของธุรกิจผ่านพาร์ทเนอร์รายใหม่, บริษัทร่วมทุน ไปจนถึงใช้เข้าซื้อกิจการ
แพลตฟอร์ม Kahoot! มีผู้เล่นเกมในช่วง 12 เดือนย้อนหลังมากกว่า 1,300 ล้านราย ช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา บริษัทก็ได้ประโยชน์จากการที่โรงเรียนต้องจัดการเรียนสอนแบบออนไลน์มากขึ้น
ที่มา: Kahoot!, TechCrunch และ CNBC |
# Asus เตรียมขายฮาร์ดแวร์พีซีธีม Gundam และ Zaku ในประเทศญี่ปุ่น
หลัง Asus เปิดตัวเร้าเตอร์ธีม Gundam และ Zaku ที่ปรับโฉมใหม่ในวาระครบรอบ 40 ปี Gundam ไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ล่าสุดทวิตเตอร์ @9550pro ได้ทวีตภาพฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์เสริมในธีม Gundam และ Zaku เพิ่มอีกหลายชนิด โดยมีทั้งเมนบอร์ด การ์ดจอ เคส พาวเวอร์ซัพพลาย คีย์บอร์ด และอื่นๆ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายแฟนๆ อนิเมะในญี่ปุ่น
เว็บไซต์ Videocardz ลงข้อมูลเมนบอร์ดเพิ่มเติม ว่าเป็นรุ่น Maximus XII Extreme ซ็อกเก็ต LGA1150 มาพร้อมบล็อกน้ำ EKWB และรายละเอียดการ์ดจอ GTX Gundam ที่น่าจะเป็นรุ่น GTX 1660Ti ถอดแบบมาจาก GTX 1660 Ti TUF X3 แต่เติมสีธีม Gundam เข้าไป
ยังไม่มีข้อมูลด้านราคา หรือจะมีการวางจำหน่ายในประเทศอื่นนอกจากประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ แฟนๆ Gundam ในบ้านเราอาจจะต้องรอกันไปก่อน
ที่มา - @9950pro via Tom’s Hardware, Videocardz, Videocardz |
# Lenovo เปิดตัว ThinkPad C13 Yoga Chromebook Enterprise เลือกได้ถึง Ryzen 7 รองรับปากกา
Lenovo เปิดตัว ThinkPad C13 Yoga Chromebook Enterprise โครมบุ๊กสำหรับทำงานรุ่นใหม่แบบ 2-in-1 หน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว รัน Chrome OS มาพร้อมตัวเลือกซีพียูสูงุสด Ryzen 7 3700C และตัวเลือกปากกาแบบเก็บในเครื่องได้ สเปกภายในดังนี้
ซีพียูสูงสุด AMD Ryzen 7 3700C
Chrome OS (เวอร์ชัน Enterprise)
หน้าจอ IPS ทัชสกรีน ความละเอียด FHD ขนาด 13.3 นิ้ว
น้ำหนักน้อยกว่า 1.5kg (Lenovo ไม่ได้ระบุน้ำหนักที่แน่นอน) บาง 15.5 มิลลิเมตร
กล้องเว็บแคมแบบ HD พร้อมที่ปิดหน้ากล้อง
ตัวเลือกกล้องด้านหลังเครื่อง
ตัวเลือกปากกาแบบเก็บในเครื่องได้
พอร์ต USB 3.2 Gen 2 Type-C สองพอร์ต USB 3.2 Gen 1 Type-A สองพอร์ต และ HDMI 2.0
รองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0
Lenovo ยังไม่เปิดเผยวันวางจำหน่าย แต่ระบุราคาเริ่มต้นที่ 799 เหรียญสหรัฐ (ราว 24,900 บาท)
ที่มา - Lenovo |
# พีรพัฒน์เทคโนโลยี ผู้ให้บริการโซลูชันความสะอาด ที่ช่วงวิกฤติกลายเป็นโอกาสเติบโต
ธุรกิจทำความสะอาดและฆ่าเชื้อมีความสำคัญมากในช่วงโรคระบาดนี้ ไม่เพียงแต่บ้านเรือนที่ต้องรักษาความสะอาดและฆ่าเชื้อตลอดเวลา แต่ยังรวมถึงธุรกิจอุตสาหกรรมที่ต้องปลอดเชื้อ และสะอาด เพื่อให้ลูกค้าไว้วางใจมาใช้บริการ ให้ธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้
Blognone ได้พูดคุยและบุกไปยังโรงงานของบริษัทพีรพัฒน์เทคโนโลยี ผู้ให้บริการน้ำยาทำความสะอาดที่มาพร้อมเครื่องจักร เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม เช่น โรงแรม ภัตตาคาร ศูนย์อาหารขนาดใหญ่ หรือสถานบริการต่างๆ
เดิมทีบริษัทพีรพัฒน์เทคโนโลยี เป็นบริษัทขายน้ำยาทำความสะอาดอย่างเดียว แต่ด้วยความต้องการของลูกค้ากลุ่มธุรกิจมีความหลากหลาย และไม่ต้องการแค่น้ำยาทำความสะอาดอีกต่อไป แต่ต้องการน้ำยาที่มาพร้อมเครื่องจักรทำความสะอาดด้วย
ผันตัวจากบริษัทขายน้ำยาซักรีด มาเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นเพื่อความสะอาด
คุณสืบพงศ์ เกตุนุติ ประธานคณะกรรมการบริหารพีรพัฒน์เทคโนโลยี เล่าความเป็นมาของบริษัทให้ฟังว่า บริษัทเริ่มจากธุรกิจเล็กๆ ขายน้ำยาความสะอาดซักรีดให้แก่กลุ่มโรงแรม (Hospitality) และโชคดีที่บริษัทพีรพัฒน์ในตอนนั้นมีลูกค้าเป็นกลุ่มโรงแรมเสียส่วนใหญ่ ช่วง พ.ศ. 2530 เป็นต้นมาธุรกิจโรงแรมโตขึ้นมาก ส่งผลให้เราเติบโตขึ้นตามไปด้วย
เมื่อธุรกิจโตขึ้น บริษัทค้นพบว่า การขายแค่น้ำยาซักรีดนั้นไม่เพียงพอ เนื่องจากความต้องการของลูกค้ามีความหลากหลายมากขึ้น จึงเพิ่มน้ำยาความสะอาดเพื่อใช้ในครัวโรงแรม ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เข้ามาเสริมด้วย
หลังจากนั้นอีกราวสิบปี เราเริ่มเห็นความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้น ลูกค้าของบริษัทไม่ได้ต้องการแค่น้ำยาทำความสะอาดเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ต้องการเครื่องจักรทำความสะอาดไปพร้อมกัน เพราะการทำความสะอาดสเกลใหญ่ ไม่สามารถใช้แรงคนทำความสะอาดได้ทั้งหมด เราจึงขยายธุรกิจกลายเป็นซัพพลายเออร์เครื่องจักรทำความสะอาด ที่สามารถใช่ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดของบริษัทได้โดยตรง
โดยตอนแรกไม่ได้คิดว่าบริษัทจะต้องกลายมาเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านความสะอาด แต่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับบริษัท BASF ในเยอรมนี จึงได้ความรู้ด้านเทคโนโลยีการทำน้ำยาและการทำเครื่องจักรทำความสะอาดมาด้วย แต่กว่าจะปรับตัวจากคนขายน้ำยาทำความสะอาด มาสู่คนขายเครื่องจักรทำความสะอาดก็ใช้เวลานานพอสมควร เกือบ 20 ปีเลยทีเดียว
เพราะจากเดิมที่บุคลากรในบริษัทเป็นนักเคมีผลิตน้ำยาทำความสะอาด เราก็จำเป็นต้องหาบุคคลที่เป็นวิศวกรเชี่ยวชาญการซ่อมบำรุงเครื่องจักรเข้ามาด้วย และยังต้องเพิ่มทีมดูแลเครื่องจักรที่กลายมาเป็นสินค้าสำคัญไม่แพ้น้ำยาเลย
มีแนวทางศึกษานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างไร
นวัตกรรมเป็นสิ่งที่เกิดมาพร้อมบริษัท เริ่มตั้งแต่คิดสูตรน้ำยาเอง แต่เครื่องจักรนั้น ทางบริษัทไม่ได้ผลิตขึ้นมาเอง จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ก็ไม่ใช่แค่นำเครื่องจักรเข้ามาขายแล้วจบ เพราะเครื่องจักรที่ต่างประเทศเหมาะสำหรับการใช้น้ำเย็น ซึ่งสอดคล้องกับอุณหภูมิของประเทศนั้นๆ ทางพีรพัฒน์ จึงต้องนำเครื่องจักรมาปรับแต่งให้ใช้งานได้กับน้ำอุ่นที่อุณหภูมิ 30 องศาขึ้นไป ซึ่งต้องใช้นวัตกรรมมาแก้ไข ทางบริษัทยังศึกษาพัฒนาเครื่องเติมน้ำยาซักรีด แบบไม่ต้องเติมเองด้วยแรงงานคนเป็นเจ้าแรกในเอเชียด้วย
ในแง่การใช้เทคโนโลยีเข้ามาให้บริการ พีรพัฒน์เทคโนโลยีมองว่าเครื่องจักรควรทำงานได้อย่างอัตโนมัติ สำหรับเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาอย่าง IoT นั้นบริษัทก็เตรียมรับมือไว้ แต่ยังพบว่าลูกค้าอาจจะใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่เพราะพื้นที่ติดตั้งเครื่องซักล้างมักอยู่ในชั้นใต้ดินที่ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
คุณสืบพงศ์บอกว่า ตอนนี้ขั้นตอนการผลิตในโรงงานเป็น Batch คือการผสมน้ำยาถังต่อถัง เน้นใช้งานระบบอัตโนมัติในการคุมสูตรน้ำยา
แต่ลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ อายุน้อย มีแนวโน้มอยากได้โซลูชั่นที่เป็น automation สูง และเขาสามารถรู้จักเราได้บนอินเทอร์เน็ต ต่างจากลูกค้ารุ่นเก่าที่ต้องอาศัยการขายตรง และให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปแนะนำพูดคุย เทียบอัตราส่วนลูกค้าคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่นั้น เป็นสัดส่วน 80-20
ผลกระทบจากโรคระบาด
เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ พีรพัฒน์เทคโนโลยี เป็นกลุ่ม Hospitality ที่ได้รับแรงกระแทกโดยตรงจากโรคระบาด ซึ่งคุณสืบพงศ์มองว่า ผลกระทบจากโรคระบาดที่มีต่อบริษัทนั้น มีทั้งด้านบวกและด้านลบ
แม้โรงแรมไม่เปิด แต่ร้านอาหารกลับมาในสภาพที่เกือบจะเป็นปกติแล้วและกำลังไปได้ดี ส่งผลให้กิจการบริษัทเราเดินหน้าต่อไปได้ด้วย
ในอีกด้าน โรคระบาดทำให้หลายธุรกิจกลับมาสนใจเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยกันมาก สินค้าหลายตัวที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีใครสนใจ อย่างเครื่องฉีดพ่นแอลกอฮอล์ เครื่องปล่อยเจลล้างมือ ตอนนี้ก็นำไปใช้กันแพร่หลาย
หรือแม้แต่สถานศึกษา ที่ดูไม่อยากลงทุนสูงเรื่องเครื่องจักรทำความสะอาด แต่หลังโรคระบาด มีการนำเครื่องล้างจานไปใช้กันเยอะมากขึ้น เนื่องจากเลี่ยงการติดเชื้อจากมือคนได้ และใช้น้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อทำความสะอาดได้ ซึ่งคุณสืบพงศ์มองว่า ตลาดความสะอาดหลังโรคระบาด จะขยายตัวมากขึ้นไปอีก
เป้าหมายของพีรพัฒน์เทคโนโลยี
คุณสืบพงศ์บอกว่า เป้าหมายของบริษัทยังเป็นเป้าเดียวกันกับ 30 ปีที่ผ่านมา คือ เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการทำความสะอาดและสุขอนามัย ไม่ใช่แค่ในไทยตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) เราเป็นผู้นำอยู่แล้ว และเป้าหมายต่อไปคือตลาด AEC ทั้งหมด
เกี่ยวกับบริษัทพีรพัฒน์เทคโนโลยี
บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เดิมชื่อบริษัท พีรพัฒน์ เคมีอุตสาหกรรม จำกัด ก่อตั้งโดยคุณสืบพงศ์ เกตุนุติ เริ่มต้นจากการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท พีรพัฒน์ เคมีอุตสาหกรรม จำกัด เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2531 สำนักงานใหญ่อยู่ที่อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี
ตัวอย่างสินค้าเรือธง
เครื่องล้างจาน เป็นผู้ขายและให้เช่าเครื่องล้างจานเป็นอันดับหนึ่งของประเทศติดต่อกันมา 8 ปี
เครื่องเติมน้ำยาซักรีดอัตโนมัติที่ใช้ IoT สามารถรายงานผลปริมาณการใช้น้ำยาไปยังมือถือได้
เครื่องทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เราเป็นผู้ติดตั้งระบบที่เปลี่ยนจากเติมคลอรีนในสระว่ายน้ำเป็นเติมเกลือแทน และกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาระบบดูแลสระว่ายน้ำอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องมีคนมาเดินเติมน้ำยาเอง
ดูข้อมูลบริษัทเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์พีรพัฒน์เทคโนโลยี |
# เจาะงานทาวน์ฮอลล์ KBTG เป้าหมายหลังโควิดคือพาธุรกิจรายย่อยให้รอดไปด้วยกัน
ช่วงโรคระบาด KBTG ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีเครือธนาคารกสิกรไทย ปล่อยของออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขุนทอง แชทบ็อททวงเงินผ่าน LINE, Eatable แพลตฟอร์มช่วยร้านอาหารในยุคโควิด, Contactless Technology โซลูชั่นทำธุรกรรมโดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสอุปกรณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างขึ้นภายในเวลาเพียงแต่ไม่เกินสามเดือน
“เพราะโควิด เร่งการ transformation จากสองปี เหลือเพียงสองเดือน” เรืองโรจน์ พูนผล หรือ กระทิง ประธาน KBTG เคยกล่าวไว้เมื่อครั้งเปิดตัวบริการใหม่ๆ ในช่วงโรคระบาด
ล่าสุด Blognone ได้เข้าร่วมงานประชุมใหญ่ KBTG คือ ONE KBTG: The New Chapter of ONE ซึ่งเป็นการประชุมสำคัญ มีการเผยยุทธศาสตร์ของบริษัทในอนาคต และเป้าหมายที่ต้องการไปให้ถึง คือไม่สามารถอยู่รอดคนเดียวได้ แต่ต้องพาคนไทยและธุรกิจรายย่อยรอดไปด้วยกัน รวมถึงเป้าหมายระยะยาวคือการเป็นที่หนึ่งในอาเซียน
KBank ไม่สามารถรอดไปคนเดียวได้ ต้องพาคนไทยรอดไปด้วยกัน
ขัตติยา อินทรวิชัย CEO หญิงคนแรกของ KBank เป็นสปีคเกอร์คนแรกที่ขึ้นพูดในงาน กล่าวว่า ไทยเจอความท้าทายตั้งแต่ก่อนโรคระบาดแล้ว ทั้งภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ, ภัยแล้ง, ค่าเงินแข็งตัว จนโรคระบาดเข้ามาเร่งปฏิกิริยาทุกอย่างให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่เป้าหมายของ KBTG ยังคงเดิม คือ Empower หรือเพิ่มอำนาจให้ลูกค้าและธุรกิจเอสเอ็มอี ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้าถึงสินเชื่อ ทั้งนาโนและไมโคร รวมถึงประกันต่างๆ และบริษัทยังมีแผนจะนำของดีที่มีไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย
ยุทธศาสตร์ในองค์กรในระยะต่อไปก็คือ การสร้างนวัตกรรมด้วยต้นทุนที่ถูกลง และมี Productivity มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการของ KBTG ได้ และต้องเข้าไปเป็นพาร์ทเนอร์กับคนอื่นให้มากที่สุด เพื่อจะได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้างได้
คุณขัตติยาเน้นย้ำว่า ธนาคารไทย ยังแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ยังคงมีเงินกองทุนและสภาพคล่องสูงกว่าธนาคารในต่างประเทศ แต่ในขณะที่ธนาคารแข็งแกร่ง คนกลับจนลง อ่อนแอลง นั่นจึงเป็นเป้าหมายสำคัญของ KBTG คือ พาทุกคนรอดไปด้วยกัน ทั้งลูกค้าทั่วไป เอสเอ็มอี ผ่านการทำโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อเถ้าแก่ใจดี, สินเชื่อโรงงาน, อัดฉีดเงินช่วยดูแลหมอ บุคลากรการแพทย์ เป็นต้น
เรืองโรจน์ พูนผล หรือ กระทิง ประธาน KBTG กล่าวว่า โควิดสร้างโอกาสใหม่ๆ และคว้านไส้เศรษฐกิจไทยออกมาให้เห็นในหลากหลายรูปแบบ เราเห็นปรากฏการณ์ค้าขายออนไลน์โต ฟินเทค, ประกันภัย, เดลิเวอรี่โตกระฉูด แต่มันก็มาพร้อมสิ่งที่น่าเศร้าคือ คนตกงาน ที่ผ่านมา KBTG จึงพยายามทำหลายอย่างเช่นเปิดคอร์สเรียนฟรี และทำโครงการสินเชื่อต่างๆ แต่ก็ยังไม่พอ เพราะการขายของยังคงเหนื่อย ธุรกิจเหนื่อย คนเหนื่อย และอนาคตหลังโควิดยังมีความท้าทายอื่นๆ รออยู่ และมีแนวโน้มว่าจะมีอีกหลายวิกฤตรออยู่อีกมาก
KBTG ไม่สามารถรอดไปคนเดียวได้ พันธสัญญาใหม่ของ KBTG นับจากนี้ คือ พาทุกคนรอดไปด้วยกัน
KBTG จึงต้องคิดใหม่ Reimagine Banking ใหม่ ไม่สามารถกลับไปเป็นธนาคารแบบเดิมที่ทุกคนรู้จักได้อีกต่อไปแล้ว เราต้องปฏิรูปใหม่เพื่อให้คนเข้าถึงความมั่นคงทางการเงินได้ ทั้งสินเชื่อ การลงทุน การออมเงิน
ภายในงาน ONE KBTG: The New Chapter of ONE ยังมีการเผยวัฒนธรรมในองค์กรที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น ความพยายามที่จะ Transform กระบวนการทำงานอีกเรื่อยๆ แม้ KBTG จะได้ชื่อว่าเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมการทำงานและกระบวนการที่คล่องตัวมากอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดคิดพัฒนาต่อไป ทั้งลดขั้นตอนการโค้ด พัฒนาซอฟต์แวร์ กระบวนการประสานงาน ทำแพลตฟอร์มรวมศูนย์ข้อมูลไว้ในที่เดียว ลดขั้นตอนและเวลาการทำงาน ซึ่งเป็นโครงการที่คิดและสร้างโดยทีม KBTG ที่มองเห็นปัญหาโดยตรง |
# แอปเปิลลดราคาหูฟัง EarPods ที่ขายแยกลง 500 บาท เหลือ 690 บาท
นอกจากอะแดปเตอร์ชาร์จไฟที่แอปเปิลหยุดให้มาในกล่องของ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว รวมไปถึง iPhone รุ่นก่อนหน้าที่ยังจำหน่ายอยู่ด้วย ของอีกอย่างที่แอปเปิลหยุดการให้มาในกล่องก็คือหูฟังมีสาย EarPods ซึ่งแอปเปิลก็มีทางออกให้สำหรับคนที่ไม่มีหูฟัง เช่นเดียวกับอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ นั่นคือขายแยกแบบลดราคา
โดยในเว็บแอปเปิลได้ปรับราคาขายหูฟัง EarPods พร้อมหัวต่อ Lightning ลงจากเดิม 1,190 บาท เหลือ 690 บาท (รุ่นหัวเสียบ 3.5 มม. ก็ปรับราคาลงเช่นกัน)
ในงานแถลงข่าวเมื่อคืนนี้ แอปเปิลระบุว่าลูกค้ามีหูฟังแบบ Lightning แล้วมากกว่า 700 ล้านอัน ยังไม่รวมหูฟังไร้สายต่าง ๆ ที่มีความนิยมมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลในการไม่ให้หูฟังมากับ iPhone เครื่องใหม่นั่นเอง
ที่มา: MacRumors |
# ซัมซุงเปิดตัว SD การ์ดรุ่น EVO Plus และ PRO Plus ต่างกันที่ความเร็วอ่านเขียน
ซัมซุงเปิดตัว SD การ์ดรุ่นใหม่หลังจากห่างหายไป 5 ปีด้วยรุ่น EVO Plus และ PRO Plus ที่แตกต่างกันแค่เรื่องความเร็ว ใช้อินเทอร์เฟส UHS-I สปีดคลาส Class 10, UHS สปีดคลาส U3 และ U1
EVO Plus เป็นรุ่นล่างกว่าความจุ 32GB, 64GB (2 รุ่นนี้ U1) 128GB และ 256GB ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูล 100MB/s
PRO Plus มีตัวเลือกความจุเหมือนกัน ความเร็วในการอ่านต่อเนื่อง สูงสุด 100MB/s เขียนต่อเนื่องสูงสุด 60MB/s (สำหรับรุ่น 32GB, 64GB) และ 90MB/s (สำหรับรุ่น 128GB, 256GB)
ทั้งสองรุ่นกันน้ำ กันเอ็กซเรย์ กันแม่เหล็ก กันกระแทกและมีประกันครอบคลุม 10 ปี
ที่มา - ซัมซุง |
# งานเปิดตัว iPhone 12 ของแอปเปิลไม่มีไลฟ์สตรีมในจีนผ่านโซเชียลมีเดียเหมือนทุกครั้ง
หลังจีนมีปัญหากับรัฐบาลสหรัฐเรื่อง Huawei มานับปี ซึ่งแอปเปิลที่ค่อนข้างขายดีในจีนก็เริ่มได้รับผลกระทบไปแล้ว
ล่าสุดแพลตฟอร์มออนไลน์และโซเชียลมีเดียของจีนทั้ง Tencent Video, iQiyi, Bilibili และ Weibo พร้อมใจกันไม่ไลฟ์สตรีมอีเวนท์เปิดตัว iPhone 12 เมื่อคืนนี้เหมือนทุกครั้ง ทำให้ชาวจีนที่ต้องการดูไลฟ์ต้องเข้าเว็บแอปเปิลโดยตรงอย่างเดียว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วแอคเคาท์แอปเปิลบน Weibo โปรโมท iPhone 12 ว่าจะมีไลฟ์สตรีมบนแพลตฟอร์มดังกล่าวด้วย แม้ว่าจะมีโน้ตเล็ก ๆ ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากพาร์ทเนอร์ได้ก็ตาม
ที่มา - Bloomberg |
# "Echoes of Valhalla" พ็อดแคสต์ตำนานไวกิ้งภาษาไทยจาก Ubisoft โปรโมท AC: Valhalla
แม้ตัวเกมจะยังไม่มีภาษาไทยหรือแม้แต่ซับไทย แต่ Ubisoft ดูเหมือนพยายามทำตลาดในไทยอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่เทรลเลอร์ภาษาไทยและล่าสุดก็พ็อดแคสต์ Echos of Valhalla ในภาษาไทยบน Spotify
Echoes of Valhalla เป็นพ็อดแคสต์สารคดีกึ่งประวัติศาสตร์เกี่ยวกับไวกิ้งและเรื่องราวของการรุกรานเกาะอังกฤษในศตวรรษที่ 9 โดยอิงเนื้อหาในเกมเป็นหลัก เพื่อโปรโมทเกม Assassin's Creed: Valhalla ตอนนี้ออกมาแล้ว 5 ตอน
ที่มา - Spotify (ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ) |
# iPhone 12 ชาร์จไร้สายแบบ 15W ได้เฉพาะกับอุปกรณ์ที่รองรับ MagSafe เท่านั้น
iPhone 12 ที่คราวนี้ไม่ได้มาพร้อมกับที่ชาร์จ อาจทำให้ผู้ใช้ที่ต้องซื้อที่ชาร์จใหม่ หันมามองที่ชาร์จแบบไร้สายกันมากขึ้น เพราะไหนๆ ก็ต้องซื้ออยู่แล้ว แต่มีข้อสังเกตหนึ่งที่น่าสนใจ คือแม้ iPhone 12 (รวมถึง Mini, Pro และ Pro Max) จะรองรับระบบชาร์จไร้สายมาตรฐานQi และมีระบุในงานเปิดตัวว่ารองรับการชาร์จไร้สายแบบ 15W แต่ข้อมูลเพิ่มเติมบนหน้าผลิตภัณฑ์ ในเว็บไซต์ Apple ระบุไว้ว่าระบบชาร์จ 15W จะรองรับบนอุปกรณ์ชาร์จไร้สายด้วยระบบ MagSafe เท่านั้น
อุปกรณ์ MagSafe Charger ปัจจุบันราคา 39 เหรียญ (ราว 1,290 บาท) บนเว็บไซต์ Apple ส่วน MagSafe Duo แบบชาร์จสองอุปกรณ์ ยังไม่เปิดราคา และคาดว่าในอนาคตน่าจะมีอุปกรณ์เสริม third-party ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ได้เช่นกัน เช่นที่วางมือถือบนรถของ Belkin ที่ถูกพูดถึงในงานเปิดตัว
แม้ระบบชาร์จไร้สายแบบ MagSafe ระบุว่าชาร์จได้ถึง 15W แต่เมื่อถึงเวลาใช้งานจริง ก็อาจไม่ได้ชาร์จเร็วเท่า 15W แบบมีสาย เพราะการชาร์จแบบไร้สายอาจไม่สามารถส่งพลังงานทั้งหมดไปยังมือถือได้เท่ากับการชาร์จแบบมีสาย แต่ก็น่าจะเร็วกว่าแบบ Qi ที่ 7.5W อยู่ดี แม้อาจจะไม่ได้มากถึงสองเท่าตามตัวเลขก็ตาม
ที่มา - 9to5Google |
# Rockstar ซื้อสตูดิโอ Ruffian Games ในสกอตแลนด์ เปลี่ยนชื่อเป็น Rockstar Dundee
Rockstar Games ซื้อสตูดิโอเกมเพิ่มแบบเงียบๆ โดยซื้อกิจการ Ruffian Games จากสกอตแลนด์ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Rockstar Dundee
Ruffian Games เป็นสตูดิโอขนาดเล็ก ที่เน้นช่วยสนับสนุนงานพัฒนาของสตูดิโอใหญ่อื่นๆ ผลงานเกมของตัวเองคือ Crackdown 2 เกมยิงในยุค Xbox 360 นอกจากนั้นคือไปช่วยทำ Crackdown 3, เกมตระกูล Kinect และ Halo: The Master Chief Collection ซึ่งเกมเกือบทั้งหมดจัดจำหน่ายโดยไมโครซอฟท์
ตัวบริษัท Rockstar เองมีต้นกำเนิดมาจากอังกฤษ และสตูดิโอแรกสุดคือ Rockstar North ที่เป็นบ้านเกิดของ Grand Theft Auto ก็ก่อตั้งที่เมือง Dundee ในสกอตแลนด์เช่นกัน (ปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่ Edinburgh)
ที่มา - GamesIndustry |
# ลาก่อน Microsoft Office 2010 และ Office 2016 for Mac หมดระยะซัพพอร์ตแล้ว
ไมโครซอฟท์ประกาศหยุดซัพพอร์ต Office 2010 และ Office 2016 for Mac อย่างเป็นทางการ หลังจากนี้จะไม่มีแพตช์ความปลอดภัย แพตช์แก้บั๊ก และบริการสนับสนุนหลังขายอีกต่อไป
องค์กรที่ใช้ระบบอีเมลหรือเอกสารผ่าน Exchange Online หรือ SharePoint Online จะไม่ได้รับการันตีว่าจะใช้งานกับ Office 2010 ได้ราบรื่น ไมโครซอฟท์บอกว่าจะไม่บล็อคการเชื่อมต่อกับ Office 2010 แต่หากบริการออนไลน์มีอัพเดตในอนาคต ก็จะไม่ทดสอบกับ Office 2010 อีกแล้ว
ไมโครซอฟท์แนะนำให้ย้ายไปใช้ Office 2019 (ทั้งแมคและพีซี) หรือ Microsoft 365 แทน
ปกติแล้ว ไมโครซอฟท์มีระยะเวลาซัพพอร์ต Office นาน 10 ปี ดังนั้นเวอร์ชันหน้า Office 2016 จะหมดระยะซัพพอร์ตในเดือนตุลาคม 2025
ที่มา - Microsoft |
# Apple ขายแยก หัวชาร์จ USB-C ขนาด 20W ราคา 690 บาท
เมื่อ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ประกาศไม่ให้อะแดปเตอร์ชาร์จไฟมาในกล่อง โดยมีเพียงสายชาร์จ USB-C to Lightning แอปเปิลก็ต้องมีทางเลือกขายอะแดปเตอร์แยกออกมาด้วย ซึ่งก็มีข่าวดีอยู่เหมือนกัน
โดยแอปเปิลปรับมาขายอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C เป็นรุ่น 20 วัตต์ แบบเดียวกับที่แถมมาใน iPad Air รุ่นใหม่ ราคาขายอยู่ที่ 690 บาท เท่ากับราคาของอะแดปเตอร์ USB 5 วัตต์ ที่หลายคนคุ้นเคย
ก่อนหน้านี้แอปเปิลขายอะแดปเตอร์ USB-C แยก ที่ขนาด 18 วัตต์ มีราคา 1,190 บาท ซึ่งอะแดปเตอร์รุ่นนี้ได้หยุดจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ไปแล้ว โดยเปลี่ยนมาขายรุ่น 20 วัตต์ ในราคาที่ถูกลงนั่นเอง
ที่มา: แอปเปิล ผ่าน MacRumors |
# Apple ปรับราคา iPhone 11 และ iPhone XR ลง หลังเปิดตัว iPhone 12
เมื่อแอปเปิลเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ซึ่งปีนี้คือ iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ก็ถึงเวลาที่รุ่นเก่าจะหยุดจำหน่าย หรือจำหน่ายต่อแต่ลดราคาลง
โดย iPhone รุ่นที่แอปเปิลยกเลิกการขายผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว ได้แก่ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max แต่ทั้งนี้ยังหาซื้อได้ผ่านตัวแทนจำหน่าย
ส่วน iPhone รุ่นเก่าที่ยังจำหน่ายต่อไป และปรับราคาลงในบางรุ่น มีดังนี้
iPhone XR ราคาเริ่มต้น 18,400 บาท (เดิม 21,900 บาท) มี 2 ความจุ 64GB กับ 128GB
iPhone 11 ราคาเริ่มต้น 22,100 บาท (เดิม 24,900 บาท) มี 3 ความจุ 64GB, 128GB และ 256GB
iPhone SE คงราคาเดิม เริ่มต้น 14,900 บาท มี 3 ความจุ 64GB, 128GB และ 256GB
ที่มา: MacRumors |
# ลามไปรุ่นเก่า แอปเปิลเลิกแถมที่ชาร์จ iPhone ทั้งหมด เปลี่ยนสายแถมเป็น USB-C to Lightning
วันนี้แอปเปิลประกาศแนวทางรักษาสิ่งแวดล้อมโดยเลิกแถมที่ชาร์จ คุณ arth สมาชิก Blognone ก็พบว่าแอปเปิลตัดที่ชาร์จในกล่องไปจาก iPhone รุ่นอื่นๆ ที่ยังแถมอยู่เหมือนกัน กระทบ 3 รุ่น ได้แก่ iPhone SE 2, iPhone 11, และ iPhone XR
ทั้งสามรุ่นเคยแถมที่ชาร์จ USB แบบ 5 วัตต์ พร้อมกับสาย USB-A to Lightning มาก่อน ส่วน iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max เคยแถมรุ่น 18 วัตต์แบบ USB-C แต่เมื่อประกาศเปิดตัว iPhone 12 วันนี้แล้วแอปเปิลก็ถอดทั้งสองรุ่นออกจากเว็บไป
ที่มา - Apple |
# Apple แถมฟรี Apple Arcade เป็นเวลา 3 เดือน สำหรับผู้ซื้อ iPhone, iPad, Mac เครื่องใหม่
เมื่อปีที่แล้วแอปเปิลประกาศว่าลูกค้าที่ซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ทั้ง iPhone, iPad, iPod touch, Apple TV และ Mac สามารถสมัครสมาชิก Apple TV+ ได้ฟรีเป็นเวลา 1 ปี (ราคาปกติ 99 บาทต่อเดือน) โดยโปรโมชันนี้ยังคงมีต่อไปสำหรับ iPhone 12 แต่ปีนี้เพิ่มเติมคือบริการเล่นเกมเหมาจ่าย Apple Arcade
แอปเปิลระบุว่าลูกค้าที่ซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ นอกจากจะได้ Apple TV+ ฟรี 1 ปี ยังได้สิทธิใช้งาน Apple Arcade ฟรี เป็นเวลา 3 เดือน อีกด้วย (ราคาปกติ 99 บาทต่อเดือน)
ทั้งนี้ข้อเสนอดังกล่าวมีอายุ 3 เดือน นับตั้งแต่เปิดใช้งานอุปกรณ์ใหม่ โดยข้อเสนอของ Apple Arcade นั้น จะเริ่มต้นในวันที่ 22 ตุลาคม
ที่มา: แอปเปิล ผ่าน MacRumors |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.