txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# เอนจินเกม CryEngine เปิดตัวเวอร์ชัน Android
เมื่อพูดถึงเอนจินเกมยอดนิยม เรามักนึกถึง Unity หรือ Unreal Engine แต่จริงๆ แล้วในตลาดก็ยังมีเอนจินตัวอื่นๆ เช่น CryEngine ของบริษัท Crytek
ล่าสุด Crytek เปิดตัว CryEngine เวอร์ชัน Android แล้ว (ก่อนหน้านี้มีเฉพาะพีซีกับคอนโซล เพิ่งขยายมา Oculus)
ตอนนี้ CryEngine for Android ยังมีสถานะ Beta โดยเดโมที่นำมาโชว์รันบน Galaxy S20 แต่ทาง Crytek ก็บอกว่าสามารถทำงานได้บน Android รุ่นใหม่ๆ เกือบทั้งหมด
การที่เอนจิน CryEngine รองรับแพลตฟอร์มมากขึ้น ช่วยให้เกมที่เขียนบน CryEngine สามารถพอร์ตไปยังแพลตฟอร์มได้ง่ายขึ้นด้วย นั่นแปลว่าเราจะได้เห็นเกมคุณภาพสูงพอร์ตมายัง Android มากขึ้นนั่นเอง
ที่มา - Crytek |
# Splash Damage สตูดิโอที่ช่วยพัฒนา Gears of War เผยทำเกมเอ็กคลูซีฟให้ Stadia อยู่
อย่างที่ทราบกันว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญและจุดขายของเกมแพลตฟอร์มแต่ละค่ายคือเกมเอ็กคลูซีฟหัวใหญ่ ๆ ซึ่งที่ผ่านมาโซนีกินขาดมาโดยตลอด ขณะที่ล่าสุดไมโครซอฟท์เองก็กำลังไล่ตามจากการสร้างและซื้อสตูดิโอเข้ามาในเครือ (ดูสตูดิโอในเครือ 2 ค่ายเทียบกันได้ที่นี่) และสตูดิโอเกมและเกมเอ็กคลูซีฟก็เป็นสิ่งที่ Stadia ของ Google ต้องไล่ตามทั้งสองค่ายให้ทัน
ข่าวคราวของ Stadia ที่ผ่านมามีแค่การตั้งสตูดิโอเอง 2 แห่งและซื้อสตูดิโอนอกเข้ามา ซึ่งเราก็พอคาดเดาได้ว่า Google พยายามจะทำเกมเอ็กคลูซีฟของตัวเองแน่นอนแต่ยังไม่มีอะไรยืนยันออกมา ซึ่งล่าสุดมีการยืนยันจากทีมพัฒนาจากสตูดิโอภายนอก Stadia แล้วว่ากำลังพัฒนาเกมเอ็กคลูซีฟให้แพลตฟอร์มอยู่
สตูดิโอดังกล่าวคือ Splash Damage จากสหราชอาณาจักร โดยที่ผ่านมาสตูดิโอมีประวัติในการทำเกมยิง FPS อย่าง Brink ปี 2011 หรือ Dirty Bomb ในปี 2014 ไปจนถึงช่วย The Coalition ในการพัฒนา Gears Tactics แลุะโหมดมัลติเพลเยอร์ใน Gears 5 อย่างไรก็ตามรายละเอียดอื่น ๆ ของเกมที่ Splash Damage บน Stadia ยังไม่มีประกาศออกมาครับ
ที่มา - Venturebeat |
# โม้แล้วทำเลย Musk ส่งมอบเครื่องช่วยหายใจให้โรงพยาบาลในแคลิฟอร์เนียแล้ว
ก่อนหน้านี้ Elon Musk ออกมาบอกว่าถ้าเครื่องช่วยหายใจในสหรัฐขาดแคลน จะใช้โรงงาน Fremont ช่วยผลิต หลังทวีตโจมตีว่าคนที่ตื่นตระหนกกับไวรัสโคโรน่านั้นไร้สาระจนมีคนมาทักท้วงว่าให้จริงจังกับเรื่องนี้หน่อย ทำให้ภาพลักษณ์ของ Musk เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนแค่เศรษฐีขี้โม้ที่ไม่แคร์โลก
อย่างไรก็ตามล่าสุด Elon Musk ทำอย่างที่เค้าโม้เอาจริง ๆ เมื่อ Gavin Newsom เทศมนตรีของแคลิฟอร์เนียออกมายืนยันว่าได้รับเครื่องช่วยหายใจจาก Musk แล้วราว 1,000 เครื่องและนำไปแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลในมลรัฐที่กำลังขาดแคลนแล้ว โดยนอกจาก Tesla ก็มี Ford และ GM ที่จะช่วยผลิตเครื่องช่วยหายใจป้อนให้กับโรงพยาบาลเหมือนกัน
ที่มา - Business Insider
ภาพจาก Shutterstock |
# Twitter ปรับลดคาดการณ์รายได้ไตรมาส 1/2020 ผลกระทบจาก COVID-19
Twitter ออกรายงานแจ้งผู้ลงทุน ระบุว่าบริษัทขอยกเลิกตัวเลขคาดการณ์รายได้-กำไร ของไตรมาสที่ 1/2020 ซึ่งบริษัทเคยประเมินก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีผลกระทบของ COVID-19 เพิ่มเข้ามา จึงทำให้ยากต่อการประเมินรายได้ตอนนี้
บริษัทระบุว่าไตรมาส 1/2020 รายได้คาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2019 ทั้งจากผลกระทบของเศรษฐกิจภาพรวม ตลอดจนงบประมาณในการซื้อโฆษณาจากลูกค้า
อย่างไรก็ตาม Twitter บอกว่าอัตราการใช้งาน โดยเฉพาะเพื่อการสนทนาในเรื่อง COVID-19 มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น โดยมี mDAU หรือผู้ใช้งานเป็นประจำรายวันที่สร้างรายได้ 164 ล้านคน เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน และ 8% จากไตรมาส 4/2019
ที่มา: Twitter |
# กสทช.สหรัฐฯ อนุมัติให้ SpaceX ให้บริการอินเทอร์เน็ต ชุดแรกไม่เกิน 1 ล้านจุด
FCC หรือกสทช.สหรัฐฯ อนุมัติคำขอให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของ SpaceX โดยจำกัดการให้บริการชุดแรกไม่เกิน 1 ล้านจุด และเป็นการให้บริการแบบไม่เคลื่อนที่ (fixed earth station)
บริการ Starlink ของ SpaceX วางแผนให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลกด้วยดาวเทียมนับหมื่นดวง โดยตอนนี้มีดาวเทียมในวงโคจรแล้ว 362 ดวง และคาดว่าจะเปิดให้บริการบางพื้นที่ในสหรัฐฯ ได้ภายในปีนี้ หลังจากยิงดาวเทียมเกิน 400 ดวง
Elon Musk ระบุว่าการติดตั้งจุดรับสัญญาณ Starlink นั้นจะง่ายมาก เพียงแค่หันเสาขึ้นฟ้าแล้วต่อสาย โดยกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่อาศัยนอกเมืองใหญ่ที่การเชื่อมต่อบรอดแบนด์ไม่ดีนัก ส่วนเมืองใหญ่นั้นแม้อยากให้บริการก็ทำได้ยาก เพราะลูกค้าจะมากเกินไปจนแบนด์วิดท์ต่อพื้นที่ไม่เพียงพอ
ที่มา - ArsTechnica |
# Instacart บริการส่งสินค้าจากซุปเปอร์มาเก็ตในอเมริกา เตรียมจ้างคนเพิ่ม 300,000 อัตรา
Instacart เป็นแอปซื้อและส่งสินค้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ตในอเมริกาตั้งแต่ปี 2012 คล้ายคลึงกับ honestbee หรือ HappyFresh ในบ้านเรา ซึ่งล่าสุด Instacart มียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 150 เปอร์เซ็นต์ จนต้องเตรียมที่จะจ้างพนักงานแบบเต็มเวลา เพิ่มอีกถึง 300,000 อัตรารวมกันทั้งในสหรัฐและแคนาดา ภายในอีก 3 เดือน เพื่อให้บริการส่งสินค้าในช่วงที่ประชาชนอยู่บ้านเนื่องจากโรค COVID-19 ทำได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
Instacart เตรียมทำสัญญาพนักงานเพิ่มเติม และให้พนักงานลาหยุดโดยได้รับค่าจ้างได้ หากติดโรค COVID-19 หรือมีความเสี่ยงจนต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน นอกจากนี้ Instacart ยังได้เพิ่มตัวเลือกการจัดส่งแบบ contactless เพื่อการส่งสินค้าแบบไม่เกิดการสัมผัสตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนนี้
ที่มา Instacart via Engadget |
# ไมโครซอฟท์พบช่องโหว่ระดับวิกฤติบน Windows กระทบทุกรุ่น เปิดช่องโจมตีทางไกล ยังไม่มีแพตช์
ไมโครซอฟท์ประกาศพบช่องโหว่ร้ายแรงระดับวิกฤติ (critical) ในไลบรารี Adobe Type Manager ที่ช่วยเรนเดอร์ฟอนต์บน Windows โดยวิธีการของแฮกเกอร์คือจะหลอกให้เหยื่อเปิดไฟล์เอกสารหรือเปิดพรีวิวผ่าน Windows Preview และเปิดช่องให้แฮกเกอร์รันโค้ดทางไกลได้
ไมโครซอฟท์ระบุว่าช่องโหว่นี้ยังไม่มีแพตช์และกระทบทุกเวอร์ชันย่อยของ Windows ตั้งแต่ Windows 10, Windows 8.1, Windows 8.1 RT, WIndows 7, Windows Server 2019, Windows Server 2016, Windows Server 2012 R2, Windows Server 2012, Windows Server 2008 R2 และ Windows Server 2008 ขณะที่การโจมตีด้วยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นแล้วแต่เป็นแบบเจาะจงเป้าหมาย (limited targeted attack)
ตามปกติไมโครซอฟท์จะอัพเดตแพตช์ใน Patch Tuesday ทุกอังคารที่ 2 ของเดือนเท่ากับว่าช่องโหว่นี้ต้องรอกลางเดือนหน้าถึงจะมีแพตช์อุด ซึ่งไมโครซอฟท์ก็แนะนำวิธีลดความเสี่ยง อย่างการปิดการใช้งาน (disable) Preview Pane และ Details Pane ใน Windows Explorer ก่อน
ที่มา - Microsoft Security Response Center |
# Google Cloud เปิดตัว Game Servers บริการเซิร์ฟเวอร์เกมให้เช่า สเกลผ่าน Kubernetes
เมื่อคืนนี้ กูเกิลจัดงานออนไลน์ Google for Games Developer Summit แทนงาน GDC ที่ถูกยกเลิกไป โดยประกาศผลิตภัณฑ์และบริการใหม่เพื่อนักพัฒนาเกมหลายอย่าง
บริการใหม่ที่เปิดตัวคือ Game Servers ในสังกัด Google Cloud มันเป็นการนำซอฟต์แวร์เซิร์ฟเวอร์เกม Agones ที่กูเกิลร่วมพัฒนากับ Ubisoft แบบโอเพนซอร์สมาตั้งแต่ปี 2018 มารันแบบ fully managed บนคลาวด์ให้เช่าใช้งาน ลดภาระของนักพัฒนาเกมในการดูแลเซิร์ฟเวอร์ลง
จุดเด่นของ Google Game Servers คือฟีเจอร์ด้านการสเกลคลัสเตอร์ตามจำนวนผู้เล่น (เบื้องหลังรันอยู่บน Kubernetes) และการรันบนคลาวด์กูเกิลที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ก็ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์เข้าใกล้กับผู้เล่นได้สะดวกขึ้นด้วย
Google Game Servers เปิดบริการฟรีไปจนถึงสิ้นปี 2020 (คิดเฉพาะค่า Kubernetes) หลังจากนั้นจะคิดเงินในราคา 0.50 ดอลลาร์ต่อคลัสเตอร์ต่อชั่วโมง
ที่มา - Google Cloud |
# App Store ประกาศเพิ่มบริการในอีก 20 ประเทศ รวมทั้งเมียนมาร์
แอปเปิลแจ้งนักพัฒนาแอปว่าบริการ App Store จะขยายเพิ่มเติมไปอีก 20 ประเทศ จากเดิมที่มีให้บริการอยู่แล้วใน 155 ประเทศ ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับนักพัฒนาได้เข้าถึงตลาดใหม่มากขึ้น
ทั้งนี้นักพัฒนาต้องไปยอมรับเงื่อนไขบริการใหม่ในเว็บ Apple Developer เพื่อให้แอปของตนมีให้ดาวน์โหลดใน 20 ประเทศใหม่ ส่วนแอปแบบเสียเงินต้องเข้าไปเลือกรูปแบบราคาค่าบริการด้วย ก่อนวันที่ 10 เมษายน
20 ประเทศใหม่ที่ App Store จะเปิดให้บริการได้แก่ อัฟกานิสถาน, กาบอง, โกตดิวัวร์, จอร์เจีย, มัลดีฟส์, เซอร์เบีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, แคเมอรูน, อิรัก, โคโซโว, ลิเบีย, มอนเตเนโกร, โมร็อกโก, โมซัมบิก, เมียนมาร์, นาอูรู, รวันดา, ตองกา, แซมเบีย และวานูอาตู
ที่มา: 9to5Mac |
# Mac App Store รองรับ Universal Purchase แล้ว ซื้อแอพครั้งเดียวใช้ได้ข้าม OS
แอปเปิลมีนโยบาย Universal Purchase มาได้สักระยะ เราสามารถซื้อแอพครั้งเดียว ใช้ได้บนทุกระบบปฏิบัติการในเครือ (iOS, iPadOS, watchOS, macOS, tvOS) โดยไม่ต้องซื้อซ้ำ
วันนี้แอปเปิลประกาศเปิดใช้ Universal Purchase บน Mac App Store แล้ว นักพัฒนาจำเป็นต้องสร้าง bundle ID ของแอพตัวเอง โดยใช้ ID ตัวนี้กับแอพบนทุกแพลตฟอร์ม
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทั้งเรื่องเครื่องมือ (Mac Catalyst), ระบบการจ่ายเงินในแอพ หรือการเก็บสถิติ สามารถอ่านได้จากหน้า Apple Support
ที่มา - Apple |
# กักตัว เด็กๆ ต้องรอด Amazon ปลดล็อกการ์ตูน, ซีรีส์เด็กให้ดูฟรีทั่วโลกกว่า 40 เรื่อง
ช่วงนี้ บรรดาผู้ให้บริการคอนเทนต์ต่างออกมาออกแคมเปญดูฟรีช่วงกักตัวกันเยอะ ล่าสุด Amazon ก็ทำด้วย ปลดล็อกการ์ตูน หนังเด็ก ซีรีส์เด็กรวมกันกว่า 40 เรื่องให้ดูฟรีทั่วโลก ไม่ต้องผ่าน paywall
ในบรรดาคอนเทนต์นั้นมีการ์ตูนออริจินัลของ Amazon ด้วยคือ Just Add Magic, Pete the Cat และ If You Give a Mouse a Cookie รายการจากช่อง PBS อย่างเรื่อง Arthur, Daniel Tiger’s Neighborhood, Odd Squad และ Wild Kratts และยังมีอีกหลายต่อหลายเรื่อง สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ ผู้ใช้งานจำเป็นต้องสร้างบัญชี Amazon แต่หลังจากนั้นก็สามารถดูได้เลย ไม่ต้องกรอกข้อมูลการชำระเงิน แต่การ์ตูนไม่มีคำบรรยายภาษาไทย
ที่มา - Variety |
# Cisco รายงานสถิติ Webex ในช่วงพีคพุ่งสูง 24 เท่า หลังคน Work From Home มากขึ้น
Cisco เปิดเผยสถิติของ Webex บริการประชุมทางไกลที่เป็นโซลูชั่นยอดนิยมขององค์กรว่า ตอนนี้ยอดการใช้งานของ Webex พุ่งสูงขึ้นมาก เนื่องจากองค์กรหลายแห่งต้องการใช้โซลูชั่นนี้เพื่อประชุมระหว่างพนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน
Cisco ระบุว่า ปริมาณการใช้งาน Webex ในช่วงนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคม และเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจุดที่น่าสนใจที่สุดคือชั่วโมงพีค 8-9 นาฬิกาในวันจันทร์-ศุกร์ที่มีปริมาณการใช้งานสูงสุด ในช่วงนี้ปริมาณการใช้งานของ Webex เติบโตถึง 24 เท่าจากปกติ
Sri Srinivasan ผู้บริหารจาก Cisco ระบุว่า หลังจากเหตุการณ์นี้แล้ว การทำงานจะเปลี่ยนไปอย่างถาวร เนื่องจากบริษัทจะเริ่มจ้างงานระยะไกลมากขึ้น เพราะพนักงานไม่ต้องเข้าออฟฟิศบ่อยเหมือนเดิมอีกต่อไป
เมื่อมีจำนวนคนใช้งานมากขึ้นอย่างมหาศาลในระยะเวลาอันสั้น คุณภาพการใช้งานของ Webex จึงมีปัญหาบ่อยขึ้นตามมา เนื่องจากเทคโนโลยีที่มีอยู่ไม่สามารถรองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นมหาศาลในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ ซึ่ง Srinivasan ระบุว่าทางบริษัทได้เรียนรู้จากทราฟฟิกที่เติบโตขึ้นเป็นปริมาณมหาศาลในเอเชียมาแล้ว และจะนำบทเรียนดังกล่าวมาปรับใช้กับกรณีของสหรัฐฯ ต่อไป
ธุรกิจโซลูชั่นสำหรับทำงานทางไกลถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพราะนอกจาก Webex แล้ว Zoom ซึ่งเป็นบริการลักษณะเดียวกันก็มีการใช้งานเพิ่มขึ้นสูงมากเหมือนกัน
ที่มา - Bloomberg
ภาพจาก Cisco Webex Help Center |
# รีวิว Slack vs Microsoft Teams จากประสบการณ์จริง ใครเหมาะกับอันไหน
การติดต่อสื่อสารในบริษัทสมัยนี้ไม่ถูกจำกัดด้วยอีเมลและโทรศัพท์อีกต่อไป หลังการเข้ามาของไลน์ (LINE) เราก็ใช้มันเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสื่อสารคุยงานทั้งภายในและนอกองค์กรกันเป็นเรื่องปกติ ทุกครั้งที่จะเริ่มทำโปรเจ็คใหม่นัดคิกออฟแล้วสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือการ "ตั้งกรุ๊ปไลน์" ทำให้ไลน์แทบจะกลายเป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกันไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าไลน์เป็นเพียงแอพสำหรับแชทเท่านั้น การจัดเก็บประวัติการพูดคุยทำได้ไม่ดี ทุกอย่างผูกกับสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวเป็นหลัก หากต้องรีเซ็ตมือถือก็ต้องลำบากแบ็คอัพแชทต่างๆ ขึ้น Google Drive หรือ iCloud ก่อน แถมย้ายข้ามค่าย Android ไป iPhone (หรือกลับกัน) ก็ไม่ได้ อีกทั้งรูปภาพหรือไฟล์ที่อยู่ในแชทต่างๆ ก็มีอายุเพียงไม่กี่สัปดาห์ ล็อกอินหลายเครื่องพร้อมกันก็ไม่ได้
ไลน์เคยให้เหตุผลว่าสตอเรจเป็นของแพงและบริษัทไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายตรงนี้ไว้ได้จึงต้องคอยลบไฟล์เก่าๆ ออกจากเซิฟเวอร์อยู่เสมอ รวมถึงข้อความในกรุ๊ปก็จะผสมกันมั่วไปหมด คุยหลายเรื่องแล้วงง เพิ่งมาดีขึ้นตอนหลังที่มีฟีเจอร์ Reply
ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้ไลน์ (รวมถึงแอพแชทอื่นๆ ในตลาด) ไม่เหมาะกับการใช้คุยงานเท่าใดนัก แต่การติดต่อสมัยนี้นิยมส่งข้อความสั้นๆ กันมากขึ้น ครั้นจะส่งอีเมลก็ดูเป็นทางการไป จึงเป็นที่มาของแอพอีกตัวที่ยังอยู่บนพื้นฐานของการแชท แต่มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่เอื้อให้ใช้ในองค์กรได้สะดวกขึ้น นั่นคือ Slack
Slack เปิดตัวในปี 2013 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยใช้โมเดลธุรกิจแบบ freemium คือมีเวอร์ชันใช้ฟรี และมีแบบจ่ายเงินรายเดือนหรือรายปีเพื่อให้ได้ฟีเจอร์เพิ่มขึ้น ซึ่งมีด้วยกัน 4 แบบคือ Free, Standard, Plus และ Enterprise Grid
เหตุผลหลักที่ทำให้องค์กรตัดสินใจใช้ Slack แบบเสียเงินมีอยู่ 3 ข้อใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ
ย้อนดูข้อความเก่าๆ ได้ไม่อั้น (แบบฟรีดูได้แค่ 10,000 ข้อความล่าสุด)
ได้พื้นที่เก็บไฟล์ต่างๆ มากขึ้น (แบบฟรีได้ 5GB แชร์ทั้งทีม)
มีฟีเจอร์ voice และ video call แบบกลุ่ม 15 คน (แบบฟรีโทรได้แค่ 1 ต่อ 1)
สิ่งที่ทำให้ Slack เหมาะกับการทำงานคือฟีเจอร์ "แชนแนล" (channel) หรือการซอยห้องย่อยๆ ในทีมใหญ่ โดยแต่ละแชนแนลจะมีจุดประสงค์ของตัวเอง ไม่คุยทุกอย่างในห้องห้องเดียวและใช้เครื่องหมาย # นำหน้าชื่อแชนแนล เช่นทีมพัฒนาแอพอาจตั้งแชนแนล #bugreport ใช้คุยกันเฉพาะเรื่องบั๊กในซอฟต์แวร์เท่านั้น คนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมารับรู้ด้วย
นอกจากนี้ยังตั้งแชนแนลให้เป็นแบบ private ได้ด้วย เข้าได้เฉพาะคนที่โดนเชิญเข้าไป เพื่อเป็นห้องที่ไว้คุยกันในเรื่องที่อาจเป็นความลับหรือเกี่ยวกับข้อมูลที่ sensitive มากๆ ไม่อยากให้คนอื่นในทีมรู้
Slack แบบเสียเงินยังสามารถคุยกับคนนอกทีมได้ด้วยโดยได้ทั้งคุยกับทีมอื่นหรือคนอื่นที่ใช้ Slack เหมือนกัน หรือไม่ได้ใช้ก็ตาม
อีกฟีเจอร์ใหญ่ที่ทำให้ Slack กลายเป็นจุดศูนย์กลางของการทำงานได้คือการใช้งานร่วมกับเครื่องมือตัวอื่นที่มีในตลาด โดยมากจะทำให้ใช้งานเครื่องมือนั้นๆ ได้จากภายใน Slack เลย เช่นใช้ Trello แบ่งงานในทีม หรือกดปุ่มประชุม Zoom กับทีมได้ทันที หากเป็นฝั่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็มีเครื่องมือเช่น GitHub ที่ดูสถานะ commit, pull request ฯลฯ ได้จากใน Slack พร้อมพูดคุยกับทีมได้อย่างต่อเนื่องในที่เดียว
เมื่อ Slack ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีท่าทีว่าจะมีคู่แข่งรายใดที่จะสู้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ฝั่ง Microsoft เลยอยู่นิ่งไม่ได้ จึงออกซอฟต์แวร์แบบเดียวกับ Slack มาเมื่อเดือนมีนาคม 2017 ในชื่อ Microsoft Teams โดยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชุดโปรแกรม Office 365 แบบองค์กรที่บริษัทต่างๆ ซื้อให้พนักงานใช้งานอยู่แล้ว และถึงไม่ได้ใช้ Office 365 ก็ยังมี Teams เวอร์ชันฟรีแบบไม่มีข้อผูกมัดด้วย เพียงลงทะเบียนด้วย Microsoft Account ก็เข้าใช้งานได้เลยในฟีเจอร์พื้นฐาน
โมเดลการคิดเงินของ Teams จะซับซ้อนกว่าของ Slack อยู่พอสมควร เนื่องจากใช้การคิดราคาตาม Office 365 แล้วแบ่งย่อยว่าแพ็กเกจไหนจะได้ Teams บ้าง ซึ่งเอาเข้าจริงแทบจะทุกแพ็กเกจก็รวม Teams มาให้อยู่แล้ว ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ Office 365 สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ และ Office 365 สำหรับบริษัทขนาดเล็กถึงกลาง ทั้งนี้ Office 365 Home และ Personal นั้นไม่มีบริการ Teams รวมมาด้วย หากอยากใช้ต้องใช้แบบฟรี
ในด้านการใช้งาน ด้วยความที่ Teams ผูกอยู่กับ Office 365 นั่นแปลว่าจุดแข็งของ Teams เหนือ Slack คือการทำงานร่วมกับชุดโปรแกรม Office 365 ได้อย่างสะดวก ผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์จากใน OneDrive ส่วนตัวเข้าไปใน Teams ได้ทันที พร้อมเปิดให้สมาชิกในทีมเข้าดูและแก้ไขไฟล์ได้พร้อมกันแบบเรียลไทม์เหมือน Google Docs
ต่อไปเราจะมาดูว่าฟีเจอร์หลักๆ ของทั้ง Slack และ Teams เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
การเขียนข้อความ และการทำงานร่วมกับทีม
ช่องสำหรับการเขียนข้อความของ Slack และ Teams มีความต่างกันค่อนข้างมาก โดยใน Slack จะสามารถทำ format ของข้อความได้ในขั้นพื้นฐาน เช่นตัวหนา, ตัวเอียง, bullets ฯลฯ
ในขณะที่ Teams สามารถเลือกได้ว่าจะให้ข้อความเป็นข้อความธรรมดา หรือเป็นประกาศ รวมถึงทำไฮไลต์ข้อความ, ระบุว่าเป็นข้อความสำคัญ, ทำตัวเล็กตัวใหญ่ หรือแม้กระทั่งใส่ตารางเข้าไปก็ได้
อย่างที่เขียนไปข้างต้นว่าทั้ง Slack และ Teams รองรับการติดตั้งแอพอื่นๆ เข้าไปเพื่อเสริมความสามารถ เช่น Trello, Asana, GitHub, Zoom ฯลฯ ซึ่งผู้ใช้ก็เลือกได้ตามชอบ แต่อย่าลืมว่า Slack แบบฟรีรองรับการใช้งานแอพเหล่านี้ได้ 10 ตัวเท่านั้น ส่วน Teams แบบฟรีผมเข้าใจว่าใช้ได้ไม่จำกัด
นอกจากนี้ Teams ยังมีอีกฟีเจอร์ที่ทำไว้ดี คือฟีเจอร์ "แท็บ" นั่นคือเราเอาแอพต่างๆ มาเพิ่มไว้เป็นแท็บในแชนแนลเพื่อให้ทีมเข้าถึงกันได้ง่าย เช่นในทีมใช้ Trello เพื่อแบ่งงานก็เอาบอร์ดมาแปะไว้เป็นแท็บ แล้วทุกคนก็ใช้ Trello ได้จากใน Teams เลย ไม่ต้องสลับไปเบราว์เซอร์
การทำงานกับไฟล์ต่างๆ
ทั้ง Slack และ Teams รองรับการทำงานร่วมกับ cloud storage หลากหลายยี่ห้อ เช่น OneDrive, Dropbox, Google Drive, Box โดย Teams รองรับในตัวเลย แต่ของ Slack จะมาในรูปแบบส่วนขยาย (apps)
ไฟล์ที่เราใช้งานกันบ่อยๆ คงหนีไม่พ้นไฟล์เอกสาร เช่น Word, Excel, PowerPoint หรือหากใช้ G Suite ก็จะเป็น Docs, Sheets, Slides โดยเมื่อคลิกเปิดไฟล์ Google Docs ใน Slack จะไปเปิดเบราว์เซอร์ต่ออีกที และถ้าเป็นไฟล์ Office จะดูไฟล์นั้นๆ ได้จากใน Slack เลย แต่หากต้องการแก้ไขก็ต้องเซฟไฟล์ลงมาในเครื่องก่อนแล้วค่อยเปิดด้วย Microsoft Office อีกที
ตัวอย่างการสร้างไฟล์ Google Docs จากใน Slack
ส่วน Teams ถ้ากดเปิดไฟล์ Office แล้วจะแก้ไขไฟล์นั้นได้โดยตรงจากใน Teams เลย มีฟีเจอร์เทียบเท่ากับการใช้ Office Online แก้ไขไฟล์พร้อมกับคนอื่นได้แบบเรียลไทม์ แต่หากต้องการใช้ Office เต็มรูปแบบต้องกด Open in Desktop App อีกที อย่างไรก็ตาม ผมลองเชื่อมต่อ Google Drive เข้า Teams ไม่สำเร็จ หลังจากอนุญาตให้ Teams เข้าถึง Google Drive แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นอกจากนี้ฟีเจอร์ที่จัดว่าดีมากเกี่ยวกับการจัดการไฟล์ของ Teams คือปุ่ม Sync เมื่อกดปุ่มนี้แล้ว OneDrive ในเครื่องเราจะโชว์ไฟล์ในแชนแนลนั้นทั้งหมดใน Windows Explorer ให้ทันที ทำให้เราจัดการไฟล์ได้ง่ายขึ้นมากเหมือนกับมีไฟล์อยู่ในเครื่อง จะลบหรือเพิ่มไฟล์ก็ทำจาก Windows Explorer ได้เลยไม่ต้องมาทำใน Teams และแน่นอนว่าคนอื่นที่อยู่ในทีมเราก็จะเข้าถึงไฟล์เหล่านั้นได้ทันที (ผมลองในเวอร์ชันฟรีแล้วไม่ได้ แต่แบบเสียเงินใช้ได้)
การประชุม
อีกฟีเจอร์สำคัญคือการทำ video conference ซึ่งในเวอร์ชันฟรีของ Slack ไม่สามารถประชุมหลายคนได้ ทำได้เพียงวิดีโอคอลหากันแบบ 1 ต่อ 1 รวมถึงไม่สามารถแชร์หน้าจอให้ปลายสายดูได้เช่นกัน แต่หากเป็นเวอร์ชันเสียเงินตั้งแต่ Standard ขึ้นไปจะ conference ได้มากสุด 15 คนรวมถึงแชร์หน้าจอได้
ฝั่ง Teams เวอร์ชันฟรีก็วิดีโอคอลได้แบบ 1 ต่อ 1 เหมือน Slack แต่มีฟีเจอร์แชร์หน้าจอมาให้ ส่วนเวอร์ชันเสียเงินจะเข้าประชุมพร้อมกันได้สูงสุดถึง 250 คน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ "เบลอฉากหลัง" ให้ด้วยในทุกเวอร์ชัน มีประโยชน์เวลาทำงานอยู่บ้านและไม่ต้องการให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นฉากหลัง หรือในกรณีที่ด้านหลังมีกระดานข้อมูลลับก็เป็นประโยชน์เช่นกัน
อีกลูกเล่นที่มีประโยชน์ใน Slack และ Teams คือการเขียนบนหน้าจอ แต่ของทั้งสองเจ้าจะต่างกันนิดหน่อย คือ Teams จะเป็นกระดานให้ผู้เข้ารวมประชุมสามารถขีดเขียนออกไอเดียร่วมกันได้ แต่ของ Slack จะเขียนบนหน้าจอเลย เช่นวาดทับเนื้อหาบน PowerPoint (ฟีเจอร์วาดเขียนควรใช้แล็ปท็อปแบบมีปากกาถึงจะสะดวก หรือจะใช้แท็บเล็ตก็ได้) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์วาดเขียนใน Slack นั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์แชร์หน้าจอ นั่นแปลว่าต้องเสียเงินจึงจะใช้งานได้
นอกจากนี้ใน Teams แบบเสียเงินยังสามารถนัดประชุมล่วงหน้า (sync เข้า Outlook อัตโนมัติ) รวมถึงอัดวิดีโอการประชุมได้ด้วย ซึ่ง Slack ไม่มีฟีเจอร์เหล่านี้
ประสิทธิภาพ
เรื่องประสิทธิภาพเป็นอีกเรื่องที่ทั้งสองโปรแกรมต่างกันค่อนข้างมาก โดยจากการใช้งานจริง ผมพบว่า Slack ทำงานเร็วกว่า Teams อย่างเห็นได้ชัด เป็นผลจากการอัพเดตใหญ่เมื่อกลางปี 2019
ฝั่ง Teams นั้นมีอาการ "หนึบๆ" กดแล้วจะหน่วงๆ ไม่ลื่นอย่างที่ควรจะเป็น แถมยังกินแรมเยอะ ซึ่งก็มีผู้ใช้บ่นกันเยอะมากและ Microsoft ก็ทราบเรื่องนี้แล้ว โดยระบุว่ากำลังแก้ไขอยู่
แอพบนอุปกรณ์พกพา
แน่นอนว่าทั้ง Slack และ Teams ต่างก็มีแอพบน Android และ iOS โดยฝั่ง Slack นั้นทำแอพออกมาได้ดีมากทีเดียว ความสามารถใกล้เคียงกับในคอมพิวเตอร์มากๆ แถมแอพก็ทำงานได้เร็วไม่ติดขัดอะไร
ส่วนแอพมือถือฝั่ง Teams ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน ฟีเจอร์ค่อนข้างครบ ไม่หน่วงเหมือนในคอม ประชุมแบบกลุ่มได้ไม่ติดขัด แถมข้อดีมากๆ คือแชร์หน้าจอได้ด้วย ผู้ใช้สามารถเปิดแอพอื่นแชร์ให้ผู้เข้าร่วมประชุมดูได้เลย (รองรับทั้ง Android และ iOS) แต่ส่วนตัวเคยเจอปัญหาว่าบางทีข้อความ sync ช้า เช่นคุยกันอยู่ในคอมแล้วลุกออกจากหน้าจอก็สลับไปใช้มือถือแทน แต่ข้อความที่คุยไว้ยังไม่ขึ้นในมือถือ
สรุป
Slack และ Teams คือผู้นำตลาดของแอพแชทในองค์กร โดย Slack ทำมาก่อน มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นอยู่จนถึงปัจจุบัน (ล่าสุดพนักงาน IBM 350,000 คนกำลังจะย้ายมาใช้ Slack) เรียกว่าทีมหรือองค์กรไหนไม่ได้อิงกับบริการของ Microsoft ก็มักจะใช้ Slack กันซะเยอะ ส่วน Teams มาทีหลังแต่จำนวนผู้ใช้เพิ่มอย่างรวดเร็วเพราะบันเดิลมาใน Office 365 แถมยังมีทีมขายกระจายอยู่ทั่วโลก
ทั้งสองแพลตฟอร์มมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่ต่างกัน หากทีมหรือองค์กรคุณใช้งาน Office 365 ก็แน่นอนว่าควรใช้ Teams มากกว่าเพราะทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ตัวอื่นๆ ในชุดได้แบบไร้รอยต่อ แต่หากใช้ G Suite ก็ใช้ได้ทั้ง Teams และ Slack
ด้านการประชุม ถ้าใช้แบบฟรีโทรแบบกลุ่มไม่ได้ทั้งคู่ แต่ Teams แชร์หน้าจอพร้อมวาดเขียนได้ ถ้าเสียเงินฝั่ง Teams ก็ยังเหนือกว่าเพราะจุคนในการประชุมได้เยอะกว่า แต่จากประสบการณ์ที่ใช้งานมานานพบว่าประสิทธิภาพการประชุมแบบกลุ่มของ Teams ยังทำออกมาได้ไม่ดีนัก ภาพและเสียงยังมีกระตุกบ้าง เรียกว่า "พอใช้งานได้" หากต้องการประชุมจริงจัง แนะนำใช้ Zoom คุณภาพดีกว่าเยอะมาก โดยทั้ง Slack และ Teams มีแอพ Zoom ให้ใช้ นั่นคือเรากดเริ่มประชุม Zoom จากใน Slack หรือ Teams ได้เลย
จุดอ่อนสำคัญของ Teams คือประสิทธิภาพของแอพ โดยแอพในคอมมีความหน่วงแบบรู้สึกได้ ตรงนี้ Slack ทำได้ดีกว่ามาก ผมเคยพบปัญหาระหว่างการใช้ไวท์บอร์ดว่าคนในประชุมลบเส้นออกไปแล้ววาดใหม่ แต่ฝั่งเรายังเห็นเส้นเดิมอยู กลายเป็นรูปมั่วๆ ส่วนในมือถือก็เคยเจอว่าข้อความ sync มาช้า
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงของทีมว่าสไตล์การทำงานเป็นอย่างไร, เครื่องมือ (tool) ต่างๆ ที่เราใช้อยู่หรือต้องการใช้นั้นทำงานร่วมกับ Teams หรือ Slack ได้หรือไม่ และทีมเราอิงกับบริการของ Microsoft มากแค่ไหน |
# Google Podcasts โฉมใหม่พร้อมฟีเจอร์ดาวน์โหลดอัตโนมัติเริ่มทยอยปล่อยให้ใช้งานแล้ว
Google เริ่มทยอยปล่อยแอป Podcasts เวอร์ชันใหม่บน Android อย่างเป็นทางการ โดยรอบนี้มาพร้อมการรีดีไซน์ใหม่และฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายอย่าง
Google Podcasts เวอร์ชันใหม่จะใช้ระบบ 3 แท็บ โดยแท็บหลักคือ Home จะแสดง episode ล่าสุดที่สมัครสมาชิกไว้ พร้อม carousel แสดงรายการต่าง ๆ แทนที่เลย์เอาท์แบบเดิมที่เป็นกริด และ Google เลิกแนะนำพอดคาสท์ในหน้า Home แล้ว และย้ายไปอยู่ในส่วน Discover ที่อยู่ภายใต้หน้า Search แทน ส่วนแท็บสุดท้ายคือ Activity มีไว้เพื่อจัดการคิวเล่นพอดคาสท์, ดาวน์โหลด และสมัครสมาชิก เป็นต้น
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Podcasts เวอร์ชันใหม่ก็มีระบบดาวน์โหลดและลบพอดคาสท์อัตโนมัติ รวมถึงฟีเจอร์เลือกว่าต้องการรับการแจ้งเตือนการอัพเดตจากพอดคาสท์ที่ไปสมัครสมาชิกไว้หรือไม่
9to5Google ระบุว่า ตอนนี้ Google เริ่มทยอยปล่อย Podcasts เวอร์ชันใหม่แล้ว
ที่มา - 9to5Google, Engadget |
# Xiaomi เปิดตัว Mi Smart Compact Projector โปรเจคเตอร์รัน Android TV 9.0
Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโปรเจคเตอร์รุ่นใหม่ Mi Smart Compact Projector ความละเอียด Full HD 1080P ฉายภาพได้ตั้งแต่ขนาด 60 นิ้วถึง 120 นิ้ว สัดส่วนฉาย 1.2:1 พร้อมลำโพงรองรับระบบเสียงง Dolby และ DTS มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android TV 9.0 ดาวน์โหลดแอปผ่าน Google Play Store ได้ (ปัจจุบันยังไม่รองรับแอป Netflix แต่จะมีอัปเดตแบบ OTA ในอนาคต) และมี Chromecast ในตัว
Mi Smart Compact Projector วางจำหน่ายบน Lazada, Shopee, JD Central และร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจาก Xiaomi ในวันที่ 7 เมษายน ในราคา 19,990 บาท แต่ถ้าซื้อบน Shopee ภายในวันวางจำหน่าย จะซื้อได้ในราคา 15,999 บาท
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# เปิดตัว Mi Handheld Vacuum Cleaner 1C ที่ดูดฝุ่นไร้สายจาก Xiaomi ราคา 7,999 บาท
Xiaomi เปิดตัว Mi Handheld Vacuum Cleaner 1C ที่ดูดฝุ่นไร้สายรุ่นใหม่ มาพร้อมกับมอเตอร์ความเร็วเร็ว 100,000 รอบต่อนาที พลังการดูด 120 AW พร้อมไส้กรองฝุ่น H12-class HEPA filter ดักจับฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% ชาร์จหนึ่งครั้ง ใช้งานได้ 60 นาทีในโหมด ECO และมาพร้อมหัวเปลี่ยน 4 แบบ
Mi Handheld Vacuum Cleaner 1C มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจาก Xiaomi ที่ราคา 7,999 บาท และวางจำหน่ายออนไลน์เป็นที่แรกบน Lazada ในวันที่ 27 มีนาคมนี้ หลังจากนั้นจะมีวางจำหน่ายบน Shopee และ JD Central
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# Xiaomi เปิดตัวหูฟังไร้สาย Mi True Wireless Earphones 2 ในไทย ราคา 2,399 บาท
Xiaomi เปิดตัว Mi True Wireless Earphones 2 หูฟังแบบ True Wireless รุ่นใหม่ รองรับ Bluetooth 5.0 รองรับ Codec SBS/AAC/LHDC มีระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก ENC (Environment Noise Cancellation) มีฟีเจอร์ Pop-up pairing เชื่อมต่อบลูทูธทันทีที่เปิดเคส มีระบบสัมผัส แตะที่หูฟังสองครั้งเพื่อเล่น-หยุดเพลง รับสาย-วางสาย หรือใช้ voice assistant และมี optical sensor ตรวจจับว่าตัวหูฟังอยู่ในหูหรือไม่ เพื่อเล่นและหยุดเพลงอัตโนมัติ
Mi True Wireless Earphones 2 วางจำหน่ายในร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจาก Xiaomi แล้ววันนี้ ในราคา 2,399 บาท และจะวางจำหน่ายแบบออนไลน์บน Lazada เป็นที่แรก ในวันที่ 27 มีนาคมนี้ ตามด้วย Shopee และ JD Central
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# Xiaomi เปิดตัว Redmi Note 9S ในไทย กล้องหลัง 4 ตัว ราคาเริ่มต้น 6,499 บาท
Xioami เปิดตัว Redmi Note 9S ในไทยอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ กับกล้องหลัง AI 4 กล้อง ประกอบด้วยกล้องหลัก 48 MP ที่มีเซ็นเซอร์รับภาพขนาดครึ่งนิ้ว เลนส์ ultra-wide 8 MP เลนส์มาโคร 5 MP และเลนส์ depth 2 MP กล้องหน้า 16 MP แบบเจาะรู บนหน้าจอ 6.67 นิ้ว Gorrilla Glass 5 และมีสเปกภายในดังนี้
ซีพียู Qualcomm Snapdragon 720G octa-core 2.3GHz
จีพียู Adreno 618
แรม 4GB/6GB
หน่วยความจำภายใน 64GB/128GB
หน้าจอ 6.67 นิ้ว FHD+ DotDisplay
สแกนรอยนิ้วมือด้านข้างเครื่อง
มอเตอร์สั่นแบบ Z-Axis
เคลือบนาโนกันน้ำ
แบตเตอรี่ 5020mAh
รองรับชาร์จเร็ว 18W พอร์ต USB-C แถมหัวชาร์จ 22.5W ในกล่อง
มีสามสี Interstellar Grey, Aurora Blue และ Glacier White
Redmi Note 9S รุ่น 4GB+64GB ทั้งสามสี เริ่มวางจำหน่ายบนลาซาด้า ในราคาพิเศษ 5,999 จาก 6,499 บาท ในวันที่ 27 มีนาคมนี้ พร้อมรับ Mi Smart Band 4 มูลค่า 1,299 บาท ฟรี โดยระยะเวลาโปรโมชั่นพิเศษนี้มีระยะเวลาเริ่มตั้งแต่ 27 มีนาคม ถึง 31 เมษายน 2563 หรือจนกว่าของจะหมด
Redmi Note 9S รุ่น 6GB+128GB ทั้งสามสี วางจำหน่ายในราคา 7,999 บาท ที่ร้าน COM7, TG FONE, JAYMART ในวันที่ 7 เมษายนนี้ และร้านค้าอื่นที่ได้รับอนุญาตจากเสียวหมี่อย่างเป็นทางการ
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# ไม่ใช่แค่เกมเมอร์ แต่ดีเจอิสระก็ใช้ Twitch ปล่อยของ ทำรายได้และสร้างฐานแฟนคลับ
Twitch คือแพลตฟอร์มไลฟ์ที่เกมเมอร์ใช้งานเป็นหลัก แต่เทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นคือคนทำเพลง,โปรดิวเซอร์เพลงอิเล็กทรอนิกส์เองก็ใช้ Twitch ในการส่งเพลงและสื่อสารกับแฟนๆ และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ตัวอย่างดีเจอิสระที่ใช้ Twitch เช่น JVNA, HANA, Flux Pavilion, Dan Le Sac และ Grimes รวมถึงค่ายเพลงอิเล็กทรอนิกส์อย่าง Monstercat และ Anjunabeats โดยรูปแบบที่ดีเจอิสระสามารถทำเงินและสร้างการมีส่วนร่วมกับแฟนๆ ได้คือ ทำไลฟ์คอนเสิร์ตเหมือนกับการไลฟ์เล่นเกม, ถ่ายทอดสดตั้งแต่กระบวนการเขียนเพลง เริ่มทำเพลง ระหว่างนั้นก็สื่อสารกับแฟนๆ ไปด้วย และแฟนๆ ก็ให้ของขวัญเป็นเงินหรือรางวัลใน Twitch หรือจะเป็นการไลฟ์พูดคุยตอบคำถามแฟนๆ เกี่ยวกับอัลบั้มใหม่เหมือนอย่างที่ศิลปินสาว Grimes ทำ
Spotify, Apple Music คือพื้นที่ปล่อยของของศิลปินก็จริง แต่ด้วยธรรมชาติของแพลตฟอร์มจะให้น้ำหนักที่ศิลปินดังและค่ายเพลงใหญ่ ซึ่งต่างจาก Twitch ที่เอื้อต่อศิลปินอิสระ โดยเฉพาะศิลปินเพลงอิเล็กทรอนิกส์และบรรดาดีเจทั้งหลาย และมีโอกาสที่ค่ายเพลงจะมาสนใจดีเจอิสระบน Twitch มากขึ้น เพราะบางครั้งเกมเมอร์ดังๆ ก็เปิดเพลงดีเจเป็นแบคกราวด์ระหว่างไลฟ์ ช่วยให้เพลงเข้าถึงคนจำนวนมากได้อีกด้วย
Athena Koumis ผู้ซึ่งเป็น Music Partnerships Manager ของ Twitch ระบุว่า ได้เห็นเนื้อหาที่ไม่ใช่เกมบน Twitch เพิ่มขึ้น 4 เท่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาและยังคงลงทุนในวิธีการใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนเนื้อหาดังกล่าวให้โตขึ้น
จุดเริ่มต้นที่ทำให้คนทำเพลงอิเล็กทรอนิกส์หันมาสนใจ Twitch คือ ดีเจดัง Steve Aoki จัดไลฟ์คอนเสิร์ตบน Twitch ในปี 2014 และในปี 2015 Twitch ก็มีช่องทางให้เกมเมอร์นำเพลงอิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ได้ฟรี ไม่ต้องกังวลเรื่องลิขสิทธิ์ เช่น เพลงจากค่าย Spinnin’ Records, Dim Mak และ OWSLA เป็นต้น แต่ปัจจุบันไม่ได้เปิดฟังก์ชั่นนี้ให้ใช้แล้ว และมีกฎที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการใช้เพลง
Dan Le Sac ศิลปินฮิปฮอป อิเล็กทรอนิกส์ บอกว่า ในฐานะโปรดิวเซอร์เพลง ถ้าต้องการเผยแพร่วิดีโอเกี่ยวกับวิธีการสร้างผลงานเพลง YouTube จะเป็นสถานที่ที่ดีกว่าในการทำเช่นนั้น เพราะเรามีอิสระที่จะแก้ไขวิดีโอและใส่คำบรรยาย แต่ Twitch จะให้ความรู้สึกว่าเป็นการชวนแฟนๆ มาปาร์ตี้ มาดูเราเล่นดนตรี มาเยี่ยมชมสตูดิโอ
เรียกได้ว่า Twitch เป็นสถานที่แจ้งเกิดของศิลปินอิสระได้ ผ่านกระบวนการทำเพลง และสื่อสารกับคนดูตั้งแต่แรกๆ
ที่มา - DJ Mag |
# สามค่ายมือถือยืนยันยังให้บริการได้แม้ห้างปิด เปิดซิมได้ผ่านสาขานอกห้าง, เว็บ, หรือแอป
ประกาศของกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากระทบการใช้ชีวิตประจำวันของคนจำนวนมาก แต่ในมุมหนึ่งที่อาจจะกระทบด้วยคือการติดต่อค่ายโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะบางธุรกรรมที่เราเคยต้องไปแสดงตัวที่ร้าน เช่นการเปิดซิมใหม่ ล่าสุดผมสอบถามไปยังทั้งสามค่ายหลัก ทั้งสามค่ายยืนยันว่าสามารถให้บริการได้
AIS มีบริการ KYC สำหรับผู้ที่ซื้อซิมผ่าน AIS Store อยู่แล้ว หากซื้อซิมแบบเติมเงิน หรือต่อให้เป็นซิมรายเดือน พนักงานที่นำส่งสินค้าก็สามารถทำ KYC ให้ได้ ส่วนผู้ที่มีซิมจากที่อื่นมาก่อนแอป myAIS บนแอนดรอยด์สามารถเปิดซิมออนไลน์ได้เหมือนกัน (เวอร์ชั่น iOS จะตามมาภายหลัง)
dtac มีบริการส่งซิม SIM ถึงบ้าน โดยหากสั่งออนไลน์ก็จะสามารถส่งเอกสารแล้วแนบภาพเซลฟี่เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของซิม ก่อนที่ทาง dtac จะส่งซิมให้ถึงบ้าน
True ระบุว่ามีสาขาตามอาคารสำนักงานที่ยังเปิดบริการ และมีบริการ wemall.com ที่สามารถลงทะเบียนออนไลน์และจัดส่งซิมถึงบ้านได้เช่นกัน (รีวิวขั้นตอนจากเว็บ Hacktrue)
ส่วนบริการอื่นๆ เช่นการชำระค่าบริการนั้น ทั้งสามค่ายมีช่องทางทั้งเว็บและแอปที่ใช้งานได้ค่อนข้างสะดวกกันอยู่แล้ว
โดยรวมแล้วจะเห็นว่าตอนนี้หากใครซื้อซิมมาใหม่เพื่อใช้แพ็กเกจทำงานที่บ้าน ฝั่ง AIS น่าจะสะดวกกว่ารายอื่นเพราะสามารถซื้อซิมจากร้านแถวบ้านมาเปิดใช้งานได้เลย แต่ก็อาจจะไม่ต่างกันนัก หากรอซิมมาส่งที่บ้านได้ทุกค่ายก็สามารถให้บริการออนไลน์ได้ทั้งหมด |
# แนะนำ Google Maps Timeline: ดูสถานที่ย้อนหลังได้นับเดือนไม่ต้องนั่งนึก หากติด COVID-19
อย่างที่ทราบกันว่าโรค COVID-19 มีช่วงเวลาของการฟักตัว 2-4 สัปดาห์ ทำให้เวลาค้นพบว่าคนรอบตัวหรือตัวเองเป็น ต้องมานั่งนึกกันว่าระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตนเองเดินทางไปที่ไหนมาบ้าง ซึ่งก็อาจทำให้ตกหล่นผิดพลาดกันได้
Google Maps มีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Google Maps Timeline เดิมสำหรับเอาไว้ย้อนดูว่าที่ผ่านมาเราเดินทางไปที่ไหนมาบ้าง ซึ่งสามารถย้อนไปได้เป็นปี ๆ (ในช่วงสิ้นปี Google จะส่งอีเมลสรุปมาให้ด้วยว่าปีที่ผ่านมาเราเดินทางไปไหนมาบ้าง) และก็เป็นฟีเจอร์นี้เองที่จะมาช่วยให้เราเช็คได้อย่างแม่นยำว่า 2-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราไปไหนมาบ้าง หากตัวเองหรือคนรอบตัวติดเชื้อ
หากเปิดบนคอม ให้เข้าไปที่ google.com/maps/timeline จะเจอรายละเอียดคร่าว ๆ ว่าที่ผ่านมาเราเคยเดินทางไปไหนมาบ้าง ตลอดระยะเวลาการใช้แอคเคาท์ Google นี้บนสมาร์ทโฟน
ด้านซ้ายบนมีตัวเลือกวันเดือนปี สามารถเลือกให้แสดงผลสถานที่เดินทางได้ในระดับปี (ทั้งปี) เดือน (ทั้งเดือน) หรือหลักวัน ซึ่งระดับวันก็จะบอกได้ละเอียดว่าเราเดินทางไปไหน กี่โมงถึงกี่โมง เส้นทางไหน ด้วยรถยนต์หรือรถไฟฟ้า
ส่วนบนสมาร์ทโฟน เข้าไปที่ Google Maps แตะขวาบนที่รูปโปรไฟล์แอคเคาท์ Google แล้วเลือก Your Timeline ก็จะเจอหน้าอินเทอร์เฟสคล้าย ๆ กันโดยเลือกวันที่ได้จากด้านบน
อย่างไรก็ตามการที่ Google Maps จะแสดงไทม์ไลนน์การเดินทาง ผู้ใช้งานจะต้องเปิด Location History ใน Settings ของแอคเคาท์ Google ก่อน
สำหรับพีซีให้เข้าไปที่ myaccount.google.com เลือก Data Personalization ในแท็บ Activity Control กดที่ตัวเลือก Location History สามารถเปิดหรือปิดได้ที่ตรงนี้
ขณะที่บนสมาร์ทโฟน เข้าไปที่ Google Maps แตะขวาบนที่รูปโปรไฟล์ เลือก Your Data in Maps ล่างสุดแล้วเลือก Location History สามารถเปิดหรือปิดได้ที่ตรงนี้เช่นกัน |
# โปรดิวเซอร์ Animal Crossing หวังผู้เล่นใช้เกมเป็นที่พักใจ หลีกหนีความจริงอันโหดร้าย
ช่วงนี้มองไปทางไหนก็มีแต่คนเครียด และกังวลในเรื่อง COVID-19 ไหนจะต้องถูกกักตัวอยู่แต่บ้านอีก แต่เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา เกม Animal Crossing: New Horizons เพิ่งจะเปิดตัวไปบนเครื่อง Nintendo Switch ซึ่งเกมนี้เป็นเกมแนวพักผ่อนหย่อนใจ ที่จะให้บรรยากาศเหมือนไปเที่ยวบ้านญาติในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ได้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ พบปะกับเพื่อนๆ และทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นเกมที่เหมาะจะใช้หลบหนีจากโลกความจริง ในช่วงกักตัวอยู่บ้าน
Hisashi Nogami โปรดิวเซอร์ของเกมนี้ เพิ่งให้สัมภาษณ์กับ The Verge ว่าเขารู้สึก “เสียใจกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นรอบโลกในขณะนี้ และหวังว่าแฟนๆ เกม Animal Crossing จะใช้เกมนี้เพื่อหลบหนีจากโลกความจริง เพื่อมาพักใจ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้”
Animal Crossing: New Horizons ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลาม โดยมีคะแนนเฉลี่ยจากนักวิจารณ์ บน Metacritic อยู่ที่ 91 คะแนน และเป็นเกมขายดีอันดับ 1 ในประเทศอังกฤษ มียอดขายแบบตลับช่วงเปิดตัว มากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา และมากกว่า Animal Crossing: New Leaf ภาคก่อนหน้าถึง 3.5 เท่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกมภาคนี้ขายดีกว่าภาคก่อนๆ คือผู้คนที่อยู่ติดบ้านตามคำแนะนำของรัฐบาลอังกฤษ ในช่วง COVID-19 ระบาดนั่นเอง
ที่มา The Verge via Nintendo Life |
# Wikipedia เลือกใช้ Vue.js เหนือ React ในการอัพเกรดเฟรมเวิร์คให้ทันสมัย
Wikipedia ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2001 โดยใช้ซอฟต์แวร์ MediaWiki ที่เขียนขึ้นในยุคนั้น ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายส่วนที่เริ่มล้าสมัยแล้ว
มูลนิธิ Wikimedia Foundation ในฐานะผู้ดูแลโครงการ Wikipedia จึงพยายาม "ยกเครื่อง" ซอฟต์แวร์ MediaWiki ให้ทันสมัยขึ้น หนึ่งในแผนการคือเปลี่ยนมาใช้เฟรมเวิร์คจาวาสคริปต์ตัวใหม่ๆ แทน jQuery ที่ใช้มานาน และเฟรมเวิร์คของตัวเองที่ชื่อ OOUI
คณะทำงานมีเกณฑ์การคัดเลือกเฟรมเวิร์คหลายข้อ เช่น ต้องนิยาม UI แบบ declarative, ตัว UI ต้องอัพเดตแบบ reactive (ตามการป้อนข้อมูลของผู้ใช้), เป็นโครงการโอเพนซอร์สที่มีชุมชนเหนียวแน่น, ประสิทธิภาพสูง, ยืดหยุ่นต่อการใช้งานหลายสถานการณ์
เฟรมเวิร์คที่นำมาพิจารณา มีตั้งแต่ Angular, Ember (สอบตกเรื่องความยืดหยุ่นที่นำมาใช้ในช่วงเปลี่ยนผ่าน) Svelte, Inferno, Preact (ชุมชนผู้ใช้มีขนาดเล็กเกินไป) Stimulus.js (ตกเรื่องการเรนเดอร์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์) สุดท้ายเหลือตัวเลือก 2 รายที่เข้ารอบสุดท้ายคือ Vue.js และ React
สุดท้ายคณะทำงานเลือก Vue.js ด้วยเหตุผล 4 ข้อ
ใช้งานโดยไม่ต้องมี front-end build tools ได้ดีกว่า React
เรียกใช้ไลบรารีภายนอกน้อย มี dependency น้อย
ไลบรารี Vue ค่อนข้างเสถียร ไม่มีปัญหาความเข้ากันได้ระหว่างเวอร์ชันใหญ่ๆ
โครงการพัฒนา Vue ไม่อิงกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งเกินไป (React อิงกับ Facebook)
ขั้นถัดไป ทีมงานของ Wikimedia จะค่อยๆ นำ Vue.js มาใช้ในโครงการนำร่องขนาดเล็กๆ ก่อน เพื่อทดสอบว่าใช้งานได้ดีจริงแค่ไหนในสถานการณ์จริงๆ
ที่มา - Wikimedia, The Register, ภาพจาก @Vuejs |
# ทุบสถิติเก่ง Call of Duty: Warzone มีผู้เล่นมากกว่า 30 ล้านคนใน 10 วันแล้ว
หลังจากทำสถิติมีผู้เล่น 6 ล้านคนภายใน 24 ชั่วโมงแรกไป Call of Duty: Warzone ที่เปิดให้เล่นฟรี ก็ทำสถิติมีผู้เล่นมากกว่า 30 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยไปเมื่อ 20 มีนาคมที่ผ่านมา
ปัจจัยสำคัญคือ Call of Duty: Warzone มาได้ถูกจังหวะที่คนกักตัวอยู่บ้านไม่มีอะไรทำพอดี แถมยังเป็นเกมที่เล่นฟรีบนทุกแพลตฟอร์มและสามารถ cross-play มาเจอกันได้อีก เป้าหมายต่อไปน่าจะเป็นสถิติผู้เล่น 50 ล้านคนในหนึ่งเดือน ที่ Apex Legends เคยทำไว้ ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะทำได้สำเร็จหรือเปล่า
ดาวน์โหลดและเล่น Call of Duty: Warzone ได้บน Battle.net ฟรี
ที่มา - DualShockers |
# Debian เปิดโมดูล WireGuard เป็นค่าเริ่มต้นใน testing
Debian testing (ชื่อรหัส Bullseye) เปิดใช้งานโมดูล WireGuard ในเคอร์เนลเป็นค่าเริ่มต้น หลังจากโมดูลเข้าไปยังโครงการลินุกซ์เคอร์เนลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โมดูล WireGuard จะอยู่ในโครงการเคอร์เนลหลักตั้งแต่ Linux 5.6 เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี Ubuntu 20.04 LTS ที่กำลังจะออกเดือนหน้านั้นใช้ Linux 5.4 หรือ 5.5 แต่ทาง Canonical จะพอร์ตโมดูล WireGuard กลับไปใช้งานด้วย ทำให้ Ubuntu เวอร์ชั่น LTS ตัวต่อไปจะมี WireGuard มาในตัวค่อนข้างแน่
WireGuard เป็นซอฟต์แวร์ VPN ที่มีความได้เปรียบในแง่ของความเรียบง่ายในการคอนฟิก, รองรับกระบวนการเข้ารหัสใหม่ๆ จำนวนมาก, และโค้ดมีความเรียบง่าย โดยตัวโมดูลในเคอร์เนลมีขนาดเพียง 4,000 บรรทัดเท่านั้น
ที่มา - phoronix |
# แอปเปิลเริ่มใช้ Rust สำหรับ VPN ภายใน รับสมัครนักพัฒนาเพิ่ม
แอปเปิลประกาศรับสมัครงานตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาระบุความต้องการเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีประสบการณ์ภาษา Rust หรือภาษา C โดยมีหน้าที่มีย้ายโค้ดเดิมในภาษา C ไปยัง Rust
บริการนี้ไม่ใช่บริการภายนอก แต่เป็นโค้ด VPN แบบ IPSec เฉพาะของแอปเปิลเองที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างศูนย์ข้อมูล
ภาษา Rust ได้รับความสนใจในหมู่งานด้านความมั่นคงปลอดภัย เนื่องจากภาษามีฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยหน่วยความจำ แต่ก็ยังคงประสิทธิภาพของโค้ดในระดับเดียวกับโค้ดที่เขียนด้วยภาษา C ตัวอย่างเช่นไลบรารี Rustls นั้นประสิทธิภาพดีกว่า OpenSSL เสียอีก
ที่มา - jobs.apple.com |
# World of Warcraft เพิ่มค่าประสบการณ์ 100% ดึงคนกลับมาเล่นช่วงกักตัว
World of Warcraft เกมออนไลน์ยอดนิยมที่อยู่มาอย่างยาวนาน จะให้สถานะพิเศษ “Winds of Wisdom” เพิ่มค่าประสบการณ์ 100% กับผู้เล่นทุกคนที่เล่นภาค Battle of Azeroth, Legion หรือซื้อแบบ Starter Edition แต่ไม่ได้เพิ่มให้ผู้เล่นภาค Classic สถานะพิเศษนี้จะอยู่ถึงวันที่ 20 เมษายน ถือเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่จะดึงคนที่ติดอยู่บ้านให้กลับมาอัพเลเวลตัวละครที่สร้างใหม่ หรือเก็บเลเวลตัวละครเก่าที่ไม่ได้เล่นมานานกันอีกครั้ง
ที่มา - Engadget |
# ไต้หวันเริ่มติดตามโลเคชันในสมาร์ทโฟน เพื่อติดตามการกักกันตัวของผู้ป่วย
ความเป็นส่วนตัวที่แลกมาด้วยความปลอดภัยมั่นคงของสาธารณะกลายเป็นประเด็นในหลาย ๆ ประเทศอีกครั้งหลังเกิด COVID-19 จากให้รัฐบาลติดตามตัวเพื่อยืนยันการกักกันตัว อย่างก่อนหน้านี้อิสราเอลก็เพิ่งผ่านกฎหมายลักษณะนี้ ล่าสุดเป็นไต้หวัน ที่จะเริ่มบังคับใช้มาตรการนี้แล้ว
รัฐบาลไต้หวันนำโดยกระทรวงความมั่นคงไซเบอร์ ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศ ตรวจสอบสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ป่วยที่ต้องกักกันตัวอยู่บ้าน ว่าอยู่บ้านจริง ๆ ไม่ออกไปแพร่เชื้อหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่จะโทรไปตรวจสอบวันละ 2 เวลาด้วยเพื่อตรวจสอบว่าไม่ได้ทิ้งมือถือไว้ที่บ้าน
ตามกฎหมายของไต้หวันหากใครละเมิดการกักกันตัวจะถูกปรับ 1 ล้านดอลลาร์ไต้หวันหรือราว 1 ล้านบาท
ที่มา - Reuters
ภาพจาก Getty Images |
# Sony ยืนยัน PS5 จะเล่นเกมของ PS4 ได้เกือบทั้งหมด
Sony อัปเดตสเปกแบบเต็มของ PS5 บนหน้าบล็อกอย่างเป็นทางการของ Playstation พร้อมยืนยันว่า PS5 จะสามารถ “เล่นเกมส่วนใหญ่จากกว่า 4,000+ เกมบน PS4” ได้ และ Sony จะทดสอบเกมทั้งหมด โดยเริ่มทดสอบไปแล้วจากเกมยอดนิยม 100 อันดับแรกบน PS4 โดยยืนยันว่าสามารถเล่นบน PS5 ได้เกือบทั้งหมด (almost all of them) และหลังจากนั้นก็จะขยายไปเกมอื่นๆ ที่เหลือกว่า 4,000 เกมต่อไป
Sony ต้องทำการทดสอบเกมกับชิปตัวใหม่ที่มีความเร็วมากกว่าบน PS4 ซึ่งอาจทำให้เล่นเกมเก่าๆ ได้ ในเฟรมเรตที่เสถียรมากขึ้น หรือที่ความละเอียดสูงขึ้น แต่ Sony ก็ยังต้องทำการทดสอบเกมต่างๆ จาก PS4 เป็นรายเกม เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจถึงความเข้ากันได้
PS5 ยังไม่เปิดเผยหน้าตาและวันวางจำหน่าย นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะวางจำหน่ายช่วงเทศกาลปลายปีนี้ แต่ด้วยวิกฤต COVID-19 ก็อาจะทำให้วันวางจำหน่ายเลื่อนได้ คงต้องติดตามกันต่อไป
ที่มา - IGN |
# [Ask Blognone] ร่วมแชร์ประสบการณ์ Work From Home ทำอย่างไรถึงจะเวิร์ค
มาถึงสัปดาห์นี้ ชาว Blognone หลายคนน่าจะต้องทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) กันแล้ว Ask Blognone จึงขอเชิญชวนมาร่วมแชร์ประสบการณ์กันว่า ทำงานจากที่บ้านอย่างไรถึงจะเวิร์ค แต่ละคนมีบทเรียนอะไรกันบ้างทั้งด้านบวกและด้านลบ (Do & Don't) เพื่อให้การทำงานของทุกๆ คนราบรื่นกันมากขึ้นครับ
ภาพจาก Pixabay |
# Sharp ยื่นฟ้อง Tesla ในญี่ปุ่นฐานละเมิดสิทธิบัตรอุปกรณ์เครือข่าย, ขอศาลห้ามนำเข้า Tesla
Sharp ยื่นฟ้อง Tesla Motors ในญี่ปุ่น โดยอ้างว่าบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐละเมิดสิทธิบัตรอุปกรณ์เครือข่ายบนรถ พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามคำเข้า Tesla ทั้ง 3 รุ่นที่จำหน่ายในญี่ปุ่นคือ Model S, Model X และ Model 3
Sharp ที่ตอนนี้เป็นบริษัทลูกของ Foxconn ของไต้หวัน กำลังยื่นฟ้องหลายบริษัทฐานละเมิดสิทธิบัตร อาทิ Xianyang CaiHong Optoelectronics Technology ผู้ผลิตแพแนลทีวีจีนฐานละเมิดสิทธิบัตรแพแนล LCD และ Oppo ฐานละเมิดสิทธิบัตรด้านอุปกรณ์สื่อสารและสมาร์ทโฟน
ที่มา - Asian Nikkei Review |
# Amazon เปิด Prime Video Cinema เช่า-ซื้อหนังใหม่ที่ไม่ได้ฉายในโรงเพราะโรคระบาด
จากโรคระบาดที่ทำหนังเลื่อนฉายกันมากมาย บางเรื่องก็เอาลงให้เช่าออนไลน์ ล่าสุด Amazon เปิด Prime Video Cinema ช่องทางเช่าหนังใหม่ที่ไม่ได้ฉายในโรงช่วงไวรัส รวมเอาไว้ในที่เดียวเลย
จนถึงตอนนี้มีหนังใหม่ที่อยู่ใน Prime Video Cinema แล้วคือ Onward, The Hunt, The Invisible Man และ Emma โดยมีแค่ Onward ที่ขายขาดราคา 19.99 เหรียญ นอกนั้นเป็นการเช่าดูได้ 48 ชั่วโมงในราคาเดียวกัน
ช่วงโรคระบาดถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่และทางเลือกใหม่ให้คนทำหนังที่แม้จะลงโรงฉายไม่ได้ ก็ยังสามารถหาทางให้หนังทำเงินได้ด้วยการปล่อยเช่าออนไลน์ จากปกติที่ต้องผ่านไป 90 วันหลังออกจากโรง
ที่มา - CNET |
# Azure ประกาศ ถ้าโหลดเยอะจนรับไม่ไหว จะให้ความสำคัญกับหน่วยงานสุขภาพ-รัฐบาลก่อน
Microsoft Azure ประกาศนโยบายล่วงหน้าว่า หากมีการใช้งานเยอะจนเซิร์ฟเวอร์เริ่มรองรับไม่ไหว จะขอให้ความสำคัญกับหน่วยงานด้านสุขภาพ หน่วยงานรับมือปัญหาฉุกเฉิน โครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล เป็นลำดับแรก เพื่อให้ระบบไอทีของหน่วยงานเหล่านี้สามารถทำงานได้ไม่สะดุด
ไมโครซอฟท์ยังบอกว่าอาจปรับลดบริการฟรีของ Azure ลงถ้าจำเป็น เพื่อรักษาทรัพยากรให้ลูกค้าปัจจุบันทำงานได้ด้วย
ปัจจุบัน ระบบของ Azure ยังทำงานได้ปกติ แต่ไมโครซอฟท์ก็แนะนำว่าถ้าต้องการรู้สถานะเครื่องของ Azure ในทุกภูมิภาคสามารถดูได้จาก Azure status ส่วนลูกค้า Azure สามารถดูข้อมูลละเอียดได้จากหน้า Service Health ใน Azure Dashboard
ที่มา - Microsoft |
# Apple อัพเกรดสเปก Mac mini ความจุเพิ่มขึ้น 2 เท่า ราคาถูกลงเล็กน้อย
ข่าวนี้เป็นการเก็บตกสินค้าที่แอปเปิลเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจาก MacBook Air และ iPad Pro ใหม่แล้ว แอปเปิลยังอัพเกรดสเปกที่วางจำหน่ายของ Mac mini อีกด้วย ซึ่งเพิ่มความจุเริ่มต้นเป็นสองเท่าของรุ่นที่เปิดตัวเมื่อปี 2018
โดยสเปกใหม่ของ Mac mini แบ่งเป็นสองรุ่น คือรุ่น Core i3 8th Gen ความจุเริ่มต้น 256GB (เพิ่มได้สูงสุด 2TB) แรม 8GB (เพิ่มได้สูงสุด 64GB) ส่วนอีกรุ่น Core i5 ความจุเริ่มต้น 512GB (เพิ่มได้สูงสุด 2TB) แรม 8GB (เพิ่มได้สูงสุด 64GB)
ราคาขายรุ่น Core i3 เริ่มต้นที่ 25,400 บาท ซึ่งถูกลงจากรุ่นปี 2018 เช่นเดียวกับรุ่น Core i5 ราคาเริ่มต้น 35,400 บาท สินค้าสามารถสั่งซื้อได้ตั้งแต่วันนี้
ที่มา: MacRumors |
# Facebook และ Instagram เตรียมลดคุณภาพวิดีโอในยุโรปด้วย
Facebook เผยว่าจะลดคุณภาพวิดีโอในยุโรปชั่วคราว รวมถึง Instagram ด้วย เพื่อลดความแออัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้ ซึ่งมีความต้องการใช้เน็ตสูงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งการใช้เน็ตเพื่อความบันเทิง การทำงานจากที่บ้าน การเรียนการสอนออนไลน์
เท่ากับว่าตอนนี้มีแพลตฟอร์มวิดีโอที่ตกลงจะลดคุณภาพวิดีโอตามคำร้องขอของสหภาพยุโรปแล้วคือ Netflix, YouTube, Apple TV+, Disney+, Amazon Prime Video
รูปจาก Facebook
ที่มา - Reuters |
# Disney+ เปิดตัวในยุโรป 24 มี.ค. ด้วยเวอร์ชั่นลดคุณภาพวิดีโอ
Disney+ มีกำหนดการเดิมคือจะเปิดตัวในยุโรป 31 มีนาคม และได้เลื่อนมาเปิดตัววันที่ 24 มีนาคม แต่ด้วยช่วงนี้ประชาชนต้องกักตัวลดการเผยแพร่โรค COVID-19 ทำให้มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตสูง Disney+ จึงยอมเปิดตัวในยุโรปด้วยการลดคุณภาพวิดีโอตามที่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่นทำ เพื่อลดความหนาแน่นการใช้งานอินเทอร์เน็ต
ยังไม่มีความชัดเจนว่าราคาเปิดตัวจะลดลงหรือไม่ เพราะผู้ใช้งานไม่สามารถสตรีมความละเอียดสูงได้ โดยราคาการใช้บริการในยุโรปอยู่ที่ 5.99 ปอนด์ต่อเดือนในอังกฤษ และ 6.99 ยูโรในยุโรป ส่วนราคารายปีอยู่ที่ 59.99 ปอนด์ และ 69.99 ยูโร นอกจากนี้ยังมีเฉพาะประเทศฝรั่งเศสที่ Disney+ เปิดตัววันที่ 7 เมษายน เนื่องจากต้องรอกระบวนการอนุมัติจากรัฐบาล
ที่มา - Neowin |
# สํานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) ออกแชทบอทช่วยหาพิกัดร้านวางขายหน้ากากอนามัย, เชิญชวนร้านค้าร่วมลงทะเบียนข้อมูล
สํานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) ได้ประกาศออก LINE Chatbot ซึ่งจะช่วยรวบรวมและค้นหาพิกัดร้านขายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ หรือสินค้าจำเป็นเพื่อป้องกันไวรัส เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ต้องการหาซื้ออุปกรณ์ป้องกันไวรัส COVID-19
บริการแชทบอทของ DGA ข้างต้น ประกอบด้วย LINE Chatbot 2 ตัว ซึ่งทำหน้าที่ต่างกันไปกล่าวคือ
DGA Chatbot สำหรับประชาชนทั่วไปที่หาซื้อสินค้าจำเป็นเพื่อป้องกันไวรัส แชทบอทสามารถแสดงพิกัดร้านค้า รวมถึงข้อมูลจำนวนสินค้าป้องกันไวรัสที่ร้านค้ามีอยู่
SmartShop ChatBot สำหรับร้านค้าที่ต้องการลงทะเบียน และกรอกข้อมูลสินค้าป้องกันไวรัสที่วางจำหน่าย
ภาพตัวอย่างการใช้งาน DGA Chatbot
เท่าที่ผมลองด้วยตัวเอง ข้อมูลร้านค้าบนบริการแชทบอทดังกล่าวยังมีเพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งก็พอเข้าใจได้เมื่อมองว่าตัวแชทบอทเองเพิ่งเปิดตัวได้ไม่ถึงหนึ่งวัน
นอกจากนี้ จากการพูดคุยกับทีมพัฒนาที่ผู้เขียนรู้จัก เป้าหมายที่แท้จริงของบริการแชทบอท จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการช่วยแสดงพิกัดและข้อมูลจำนวนสินค้าที่ได้จากการกรอกโดยร้านค้าเท่านั้น
ทีมพัฒนายังตั้งใจจะเชื่อมข้อมูลกับผู้ให้บริการที่มีความพร้อมเพื่ออัพเดตข้อมูลสินค้าบนบริการแชทบอทแบบเรียลไทม์อีกด้วย ซึ่งก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนที่ถือข้อมูลสินค้าจำเป็นเพื่อพัฒนาบริการต่อไป
ท่านใดสนใจสามารถแอดไลน์เพื่อเข้าใช้งานได้ที่ลิงก์ http://line.me/ti/p/@dgachatbot และขอเชิญชวนร้านค้าร่วมลงทะเบียนผ่านการแอดไลน์ที่ลิงก์ http://line.me/ti/p/@smartshop ครับ
ที่มา - เฟซบุ๊ก DGA Thailand |
# Tesla เตรียมปิดโรงงานใน California และ New York ชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมนี้
หลังจากที่รัฐ California และ New York สั่งปิดเมืองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนแรก Tesla มีท่าทีอิดออดว่าจะไม่ยอมปิดตาม แต่ล่าสุดก็ได้ประกาศปิดโรงงานสองแห่งชั่วคราวแล้วหลังโดนกดดันหนัก
Tesla มีโรงงานสามแห่งในสหรัฐอเมริกา คือที่เมือง Fremont (รัฐ California), เมือง Buffalo (รัฐ New York) และ Gigafactory 1 ในรัฐ Nevada โดยจะค่อยๆ ปิดสองโรงงานแรกในช่วงสิ้นวันที่ 23 มีนาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ที่โรงงาน Fremont ยังดำเนินงานบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเครือข่ายสถานีชาร์จ ส่วนที่โรงงาน Buffalo จะเหลือส่วนที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนของโครงสร้างพื้นฐานและห่วงโซ่อุปทานที่จำเป็นจริงๆ
นอกจากนี้การส่งมอบรถยังดำเนินต่อไปตามปกติ โดย Tesla จัดให้มีการส่งมอบรถแบบไม่มีการสัมผัส คือ Tesla จะนำรถไปจอดไว้ให้ลูกค้าที่ลานส่งมอบ เมื่อลูกค้ามาถึงก็ปลดล็อกรถด้วยแอพ ด้านในรถจะมีเอกสารให้เซ็น เมื่อเซ็นเสร็จแล้วก็นำไปหย่อนไว้ที่ตู้รับเอกสารและขับรถกลับบ้านได้เลย
สุดท้าย Tesla ระบุว่าบริษัทมีเงินสดพอที่จะผ่านช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนนี้ไปได้
ที่มา - Electrek |
# Jeff Bezos เชิญชวน ใครตกงานมาทางนี้ Amazon รับ 1 แสนตำแหน่ง ทำชั่วคราวได้
Jeff Bezos โพสต์ข้อความถึงพนักงาน Amazon ผ่านบัญชี Instagram ของเขาว่าตอนนี้โลกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ซึ่ง Amazon จะปรับตัวเต็มที่ โดยมาเน้นการส่งสินค้ากลุ่มของใช้ในบ้านและเวชภัณฑ์ เป็นอันดับแรก
เขายังย้ำว่า Amazon เปิดจ้างงานอีก 100,000 ตำแหน่ง และเพิ่มค่าแรงรายชั่วโมงให้คนทำงานในศูนย์กระจายสินค้า เขาบอกว่าตอนนี้มีคนตกงานจากธุรกิจที่ปิดตัว เช่น ร้านอาหารหรือบาร์ ซึ่งเขาก็เชิญชวนให้คนเหล่านี้มาทำงานกับ Amazon ไปก่อน จะกว่าจะสามารถกลับไปทำงานเดิมได้อีกครั้ง
Bezos ยอมรับว่างานส่งสินค้าของ Amazon ไม่สามารถทำจากที่บ้านได้ แต่บริษัทก็จะมีมาตรการด้านสุขภาพอย่างเต็มที่ เพื่อให้พนักงานปลอดภัย เขายังเล่าว่า Amazon สั่งหน้ากากอนามัยนับล้านชิ้นให้พนักงานใช้ แต่สินค้าก็ขาดแคลน และยินดีส่งให้คนทำงานด้านสาธารณสุขก่อนเป็นอันดับแรก
ที่มา - Jeff Bezos
ภาพจาก Amazon |
# ยอดขายสมาร์ทโฟนเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ตกลงถึง 38% จากปัญหาไวรัส
Strategy Analytics บริษัทวิจัยตลาดสมาร์ทโฟน ออกรายงานยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลก ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2020 พบว่ายอดตกไปถึง 38% เมื่อเทียบกับปี 2019 ถือเป็นการตกครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมาร์ทโฟน
ยอดขายสมาร์ทโฟนเดือนกุมภาพันธ์ 2019 อยู่ที่ 99.2 ล้านเครื่อง ส่วนเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ยอดขายเหลือเพียง 61.8 ล้านเครื่อง ปัจจัยหลักมาจากตลาดเอเชียที่เผชิญวิกฤต COVID-19 เป็นภูมิภาคแรก
Strategy Analytics ยังเตือนว่ายอดขายสมาร์ทโฟนในเดือนมีนาคม 2020 จะแย่เช่นกัน เพราะ COVID-19 แพร่กระจายไปยังภูมิภาคอื่นๆ แล้ว ผู้คนคงไม่มีอารมณ์มาซื้อสมาร์ทโฟนใหม่กันในช่วงนี้
ที่มา - Strategy Analytics, ภาพจาก Android.com |
# Amazon จ่ายค่าแรงคนทำงานล่วงเวลาในสหรัฐฯเพิ่ม 2 แรง ไปจนถึง พ.ค.
Amazon เผชิญช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดเพราะโรคระบาดทำให้ความต้องการสินค้าออนไลน์สูงขึ้น ล่าสุด Amazon มีมาตรการเพิ่มเติมคือจ่ายค่าแรงล่วงเวลา 2 เท่าให้คนทำงานในสหรัฐฯไปจนถึงวันที่ 9 พ.ค. โดยพนักงานที่ทำงานล่วงเวลาเกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จะได้ค่าแรงเพิ่มเป็น 2 แรง จากเดิมที่จ่ายเพิ่ม 1.5 แรง โดยมีผลกับพนักงาน Whole Foods Market ด้วย ถึงวันที่ 3 พ.ค.
ถือเป็นมาตรการเพิ่มเติมจากที่ก่อนหน้านี้ Amazon ออกมาประกาศรับสมัครคนทำงานจัดการสินค้าเพิ่มอีกแสนตำแหน่ง และจ่ายค่าแรงรายชั่วโมงเพิ่ม ทางบริษัทยังบอกด้วยว่าเปิดรับทุกคนโดยเฉพาะคนที่ตกงาน ขาดรายได้ช่วงวิกฤตโรคระบาด
ด้านคู่แข่ง Walmart ก็มีแผนจะจ้างคนเพิ่มและมีเงินสดเป็นรางวัลพนักงานด้วย 550 ล้านเหรียญ และ HEB เชนร้านขายของชำในเท็กซัสและเม็กซิโกก็จะให้ค่าแรงพนักงานเพิ่ม 2 เหรียญต่อชั่วโมงด้วย
ที่มา - Reuters |
# ทำเลยไม่ต้องโม้ บริษัทรถยนต์ GM เข้าไปช่วยผลิตเครื่องช่วยหายใจแล้ว
เมื่อไม่กี่วันก่อน Elon Musk บอกว่า Tesla จะผลิตเครื่องช่วยหายใจเพื่อผู้ป่วย COVID-19 ถ้าโรงพยาบาลมีไม่พอ ล่าสุด GM ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐ (และคู่แข่งของ Tesla) ประกาศเข้ามาช่วยสนับสนุนการผลิตเครื่องช่วยหายใจแล้ว
GM จะเข้าไปสนับสนุน Ventec Life Systems บริษัทผู้ผลิตเครื่องมือการแพทย์ ขยายกำลังการผลิตเครื่องช่วยหายใจ โดยนำความเชี่ยวชาญของ GM ทั้งด้านลอจิสติกส์ การจัดซื้อ และการผลิต ผ่านความร่วมมือในโครงการ StopTheSpread.org ที่ระดมภาคเอกชนในสหรัฐเข้ามาแก้ปัญหาด้านต่างๆ ในตอนนี้
ที่มา - GM
ภาพเครื่องช่วยหายใจ VOCSN ของ Ventec |
# Google โอเพ่นซอร์สกลุ่มโมดูลสำหรับใช้พัฒนาไมโครคอนโทรลเลอร์ Pigweed
Google ประกาศโอเพ่นซอร์ส Pigweed กลุ่มของโมดูลสำหรับไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ออกแบบมาสำหรับนักพัฒนาโดยใช้อุปกรณ์ 32 บิต โดยเครื่องมือนี้สร้างขึ้นเพื่อเน้นความรวดเร็วและเสถียรในการพัฒนาบนไมโครคอนโทรลเลอร์ ทำให้การพัฒนาฮาร์ดแวร์ในหลาย ๆ วงการ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์, สมาร์ทโฮม หรือโทรคมนาคมเป็นไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
Pigweed มาพร้อมเครื่องมือสำหรับตั้งค่า virtual environment สำหรับเครื่องมือที่จำเป็นทั้งหมด เมื่อรัน bootstrap script ก็จะมาพร้อม environment ที่พร้อมทำงานทันทีโดยไม่ต้องแก้ไข environment หลักของเครื่อง, มีโมดูล pw_watch ที่จะสั่ง build อัตโนมัติเมื่อบันทึกไฟล์และรันเทสที่เกี่ยวข้องกับการแก้โค้ดส่วนนั้น ๆ เพื่อลดรอบการ edit-compile-flash-test ลง และ pw_presubmit ที่จะคอยตรวจและจัดการฟอร์แมตต่าง ๆ ให้เหมาะสมก่อนจะส่งโค้ด
ซอร์สโค้ดของ Pigweed สามารถดาวน์โหลดได้ที่ pigweed.googlesource.com ซึ่งซอร์สโค้ดนี้จะอยู่ภายใต้สัญญาอนุญาต Apache 2.0 และ Google ระบุว่าตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาและยังไม่เหมาะสมกับการใช้งานในโปรดักชั่น
ที่มา - Google Open Source, VentureBeat
ภาพจาก Pixabay |
# Apple ประกาศบริจาคหน้ากาก N95 หลายล้านชิ้นให้อเมริกาและยุโรป สู้ COVID-19
แอปเปิลประกาศบริจาคหน้ากากอนามัย N95 จำนวนหลายล้านชิ้น ให้กับผู้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพทั้งในอเมริกาและยุโรป เพื่อต่อสู้กับการระบาดของ COVID-19
Mike Pence รองประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมาแถลงถึงความช่วยเหลือนี้ โดยระบุว่าแอปเปิลบริจาคหน้ากาก N95 เป็นจำนวน 2 ล้านชิ้น
ก่อนหน้านี้ Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba ก็บริจาคหน้ากากและชุดทดสอบไวรัส ส่วน Elon Musk ก็บอกจะผลิตเครื่องช่วยหายใจ
อัพเดต: จำนวนทั้งหมด 9 ล้านชิ้น (ที่มา)
ที่มา: MacRumors ภาพ Wikimedia |
# GameStop ประกาศปิดร้านค้าทั้งอเมริกาแล้ว แม้ก่อนหน้านี้บอกว่าเป็นร้านค้าที่จำเป็น
ก่อนหน้านี้ร้านขายเกม GameStop ในอเมริกา ประกาศว่าจะไม่ปิดร้านชั่วคราวจากการระบาดของ COVID-19 ด้วยเหตุผลว่าร้านเกมถือเป็นร้านค้าที่จำเป็นแม้จะมีความเห็นต่างจากพนักงาน อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การระบาดปัจจุบัน GameStop ประกาศว่าจะปิดให้บริการร้านค้าทั้งอเมริกา มีผลตั้งแต่ 22 มีนาคม เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามการปิดบริการของ GameStop นั้น เฉพาะการให้ลูกค้าเดินเข้ามาซื้อของในร้านเท่านั้น แต่การสั่งสินค้าออนไลน์เพื่อรับสินค้าที่ร้านยังคงให้บริการต่อไปตามปกติ รวมทั้งบริการเดลิเวอรี่
ทั้งนี้คาดกันว่าเหตุผลที่ GameStop ดึงเวลาปิดหน้าร้านนั้น เพื่อให้ยังสามารถจำหน่ายสองเกมดังอย่าง DOOM Eternal และ Animal Crossing: New Horizon ซึ่งได้เริ่มวางจำหน่ายไปแล้วนั่นเอง
ที่มา: BGR |
# กูเกิลเปิดเว็บ Learn@Home และ Teach from Home ให้นักเรียน-ครู เรียนออนไลน์
สถานการณ์ COVID-19 ทำให้โรงเรียนทั่วโลกต้องปิด ส่งผลกระทบต่อทั้งนักเรียนและครู ล่าสุดกูเกิลเปิดโครงการสนับสนุนการเรียนการสอนออนไลน์ จับตลาดทั้งนักเรียนและครูแยกกันไป
Learn@Home โครงการของ YouTube Learning ให้นักเรียนสามารถเรียนรู้จากการชมคลิป โดยคัดเลือกช่องที่น่าสนใจสำหรับเด็กแต่ละช่วงอายุ (แบ่งเป็นช่วงปฐมวัย, 5 ขวบขึ้นไป, 13 ขวบขึ้นไป)
การมีช่องเนื้อหามากเกินไป อาจทำให้พ่อแม่สับสนว่าจะจัดตารางเรียนออนไลน์ให้ลูกอย่างไร YouTube จึงจับมือกับ Khan Academy หน่วยงานด้านการศึกษาชื่อดัง ออกตารางเรียนที่แนะนำสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย ให้เป็นต้นแบบของพ่อแม่ด้วย
การนั่งเรียนออนไลน์ที่บ้านคนเดียวอาจเป็นเรื่องน่าเบื่อ และพลอยทำให้เด็กเสียสมาธิไม่ตั้งใจเรียนกัน ในอินเทอร์เน็ตจึงมีคนผลักดันแคมเปญ Study With Me แชร์บทเรียนของการเรียนรู้ทางไกลร่วมกัน ซึ่ง YouTube ก็ทำ playlist แนะนำในหัวข้อนี้ด้วยเช่นกัน
ฝั่งของครู กูเกิลจับมือกับ UNESCO เปิดเว็บไซต์ Teach from Home สอนครูทั่วโลกใช้เครื่องมือต่างๆ ของกูเกิล เช่น YouTube, Hangouts, Google Drive, Google Docs, Google Classroom ในการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ที่มา - YouTube Blog, Google Blog |
# Firefox เปิด TLS 1.0 กลับมาชั่วคราว หลังพบเว็บรัฐให้ข้อมูล COVID-19 ยังใช้งานอยู่
Firefox ออกเวอร์ชั่น 74 ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา โดยความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือปิดการรองรับ TLS 1.0 และ 1.1 เป็นค่าเริ่มต้น แม้ผู้ใช้จะสามารถกดเปิดได้เองก็ตาม แต่ล่าสุดทาง Mozilla ก็ตัดสินใจยกเลิกฟีเจอร์นี้โดยระบุว่า "เพื่อเปิดทางให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโรค COVID-19 ในเว็บรัฐบาล"
ทาง Mozilla ไม่ได้ระบุว่าเว็บรัฐบาลใดที่ยังไม่ได้อัพเดตโปรโตคอลจนทำให้ต้องตัดสินใจเช่นนี้
ภาพรวมของอินเทอร์เน็ตนั้นมีการใช้ TLS 1.0/1.1 น้อยมากแล้ว ทาง Qualys SSL Labs ระบุว่าเว็บ 97% รองรับ TLS 1.2 ขึ้นไปแล้ว ส่วนกูเกิลก็ระบุว่ามีการใช้ TLS 1.0/1.1 เพียง 0.5% เท่านั้น แต่เมื่อคิดปริมาณรวมแล้ว เว็บเหล่านี้ก็ยังมีนับแสนหรือนับล้านเว็บทั่วโลก
ที่มา - Bleeping Computer |
# ทวิตเตอร์เร่งให้เครื่องหมายถูกกับบัญชีบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อการเผยแพร่ข้อมูล COVID-19 ที่ถูกต้อง
ทวิตเตอร์ประกาศนำเครื่องหมายติ๊กถูกหรือบัญชีที่ได้รับการยืนยันแล้วให้บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้ข้อมูลที่ถูกต้องภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
ทวิตเตอร์ระบุว่า ตอนนี้ทางบริษัทกำลังร่วมมือกับองค์กรด้านสาธารณสุขเพื่อให้เครื่องหมายบัญชีที่ได้รับการยืนยันแล้วกับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งทางทวิตเตอร์ได้ให้เครื่องหมายบัญชีเหล่านี้ไปแล้วจำนวนมาก
เพื่อความรวดเร็วในการยืนยันบัญชี ทวิตเตอร์ระบุว่าทางบริษัทต้องการความร่วมมือจากบุคลากรทางการแพทย์มากขึ้น คือบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องการเครื่องหมายให้ใส่อีเมลเอดเดรสของสถาบันหรือองค์กรที่เชื่อถือได้ รวมถึงใส่ไบโอพร้อมลิงก์ไปยังสถาบันนั้น ๆ ด้วย ซึ่งจะทำให้ทวิตเตอร์ตรวจสอบข้อมูลและให้ข้อมูลยืนยันได้ไวกว่าเดิม
ท่าทีของทวิตเตอร์ในครั้งนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าทางบริษัทต้องการต่อสู้กับข่าวปลอมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคที่การรับข่าวสารที่ถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญมาก
ที่มา - TechCrunch |
# กองทัพบกอิตาลีส่งช่างเทคนิคเข้าโรงงานช่วยผลิตเครื่องช่วยหายใจ หลังโรงงานต้องเพิ่มกำลังผลิตสามเท่า
กองทัพบกอิตาลีส่งทหารช่าง 25 นาย เข้าช่วย Siare Engineering International Group s.r.l. บริษัทผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ปกติมีกำลังผลิตเครื่องช่วยหายใจเดือนละ 160 เครื่อง โดยทางรัฐบาลขอให้ Siare ส่งมอบเครื่องช่วยหายใจให้ได้ 2,000 เครื่องภายในสี่เดือน ทำให้ต้องเพิ่มกำลังผลิตมากกว่าสามเท่าตัว
นอกจาก Siare ที่เป็นผู้ผลิตโดยตรงแล้ว ทางกองทัพยังเตรียมทหารให้บริษัทต้นน้ำเรียกใช้งานได้ เนื่องจากตอนนี้อุปสาหกรรมเครื่องช่วยหายใจตึงตัวไปทั้งหมด เพราะปกติเป็นอุตสาหกรรมเฉพาะกำลังผลิตไม่มาก
โรงงานขนาดใหญ่อย่าง Hamilton Medical AG ในสวิสเซอร์แลนด์ที่มีกำลังผลิตปีละ 15,000 เครื่องก็กำลังเพิ่มกำลังผลิตให้ได้เป็นปีละ 21,000 เครื่อง โดยตอนนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดต้องลงไปทำงานในสายการผลิตแทน โดย Hamilton มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1 ใน 4 ของตลาดโลก ส่วนผู้ผลิตรายใหญ่อื่นๆ อยู่ใน สหรัฐฯ, สวีเดน, เยอรมัน, และจีน ปัญหาของ Hamilton ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องการทำตลาดแต่เป็นเรื่องว่าจะส่งสินค้าให้ประเทศใดก่อน โดยบางประเทศสะสมเครื่องช่วยหายใจไว้รับมือ COVID-19 แม้จะยังไม่เกิดโรคระบาดเป็นวงกว้างก็ตาม
ก่อนหน้านี้มีกลุ่มเมกเกอร์เริ่มหาทางผลิตเครื่องช่วยหายใจแบบง่ายๆ ให้พร้อมรับมือในกรณีที่ต้องการเครื่องเร่งด่วน และ iFixit ก็พยายามสร้างฐานข้อมูลการซ่อมบำรุงเครื่องช่วยหายใจให้ใช้งานได้เต็มที่
ที่มา - Reuters
ภาพเครื่อง ARIA 104 ของ Siare |
# Microsoft Edge หยุดออกเวอร์ชันใหม่ชั่วคราว ตามรอบของ Chromium
เราเห็นข่าว Chrome หยุดอัพเดตเวอร์ชันใหญ่ เพราะทีมงานมีปัญหาเรื่องสภาพการทำงาน ผลกระทบจากรอบการออกรุ่นของ Chrome ที่เปลี่ยนไป ทำให้เบราว์เซอร์ที่ใช้เอนจิน Chromium ได้รับผลกระทบไปด้วย
ไมโครซอฟท์ประกาศว่า Microsoft Edge จะหยุดการพัฒนา Edge 81 ในรุ่นเสถียรถัดไปเช่นกัน แต่จะยังออกแพตช์ความปลอดภัยให้ Edge 80 รุ่นเสถียรในปัจจุบัน เช่นเดียวกับ Chrome ทุกประการ
ที่มา - OnMSFT |
# Tencent เปิดตัวแอพประชุมออนไลน์ VooV Meeting นอกจีน คุยได้พร้อมกัน 300 คน
Tencent ยักษ์ใหญ่ของวงการอินเทอร์เน็ตจีน เปิดตัวโซลูชัน Tencent Meeting ที่รองรับการประชุมออนไลน์พร้อมกันสูงสุด 300 คน ออกมาทำตลาดนอกประเทศจีน
บริการประชุมออนไลน์ของ Tencent เปิดตัวในจีนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2019 และปัจจุบันมีคนจีนใช้งานมากกว่า 10 ล้านคน รอบนี้ Tencent นำออกมาทำตลาดนอกจีน เปิดใช้งานกว่า 100 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
ชื่อของแอพบนมือถือคือ VooV Meeting (Play Store, App Store)
ที่มา - ZDNet |
# True เปิดแพ็กเกจเสริมประชุมวิดีโอไม่เสียดาต้า ใช้ได้ทั้ง WebEx, Office 365, Hangout Meet
True เปิดแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตสำหรับช่วงเวลาที่หลายคนทำงานหรือเรียนจากที่บ้าน โดยใช้ชื่อแพ็กเกจ VLEARN สำหรับนักเรียนนักศึกษา และ VWORK สำหรับคนทำงา แพ็กเกจพื้นฐานเป็น 4G+ Max Speed Unlimited 1099 เหมือนกันแต่ราคา 699 บาทสำหรับ VLEARN และ 899 บาทสำหรับ VWORK
แพ็กที่เหมือนกันคือแพ็กเสริม VDO Conference สำหรับระชุมโดยไม่เสียดาต้า ใช้ได้กับ Cisco WebEx, Microsoft Office 365 (ไม่ได้ระบุ Teams โดยตรงแต่น่าจะรวมด้วย), Google Hangout Meet, VOOV Meeting, และ Zoom โดยมีสองราคาคือ 99 บาทได้เฉพาะประชุมวิดีโอไม่เสียดาต้า และ 499 บาทได้ดาต้าเพิ่มมาอีก 50GB
บริการอื่นที่มาพร้อมกัน เช่น True Vision อัพเกรดระดับขึ้นฟรี 60 วันในช่วงนี้ และ True Point ใช้ 30 คะแนนแลกรับประกัน COVID-19 ระยะเวลา 1 เดือน
ที่มา - จดหมายข่าว True |
# iFixit ประกาศสร้างฐานข้อมูลคู่มือซ่อมเครื่องช่วยหายใจให้พอใช้ในช่วง COVID-19
iFixit เว็บแนะนำการซ่อมอุปกรณ์ไอทีประกาศสร้างฐานข้อมูลอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะเครื่องช่วยหายใจที่ถูกใช้งานอย่างหนักในประเทศที่โรค COVID-19 ระบาด โดยเครื่องจำนวนมากต้องทำงานต่อเนื่องยาวนาน ช่างเทคนิคที่ซ่อมจะพบภาวะงานล้นมือ
แนวทางของ iFixit คือขอให้ชุมชนช่วยรวบรวมคู่มือซ่อมสำหรับเครื่องช่วยหายใจรุ่นที่ยังมีการใช้งาน พร้อมกับขอให้บุคคลากรทางการแพทย์แนะนำการซ่อมบำรุง เช่นบางชิ้นส่วนสามารถพิมพ์สามมิติออกมาซ่อมแซมได้ จากนั้นชุมชนภายนอกสามารถช่วยกันแปลงไฟล์ PDF ให้อ่านบนเว็บได้ง่าย ค้นหาสะดวก รวมถึงแปลออกไปเป็นภาษาอื่นให้กว้างกว่าเดิม
ตัวอย่างอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เคยมีคู่มือซ่อมบน iFixit แล้ว เช่น Welch Allyn Connex Vital Signs Monitor 6000
ที่มา - iFixit |
# แชร์ริ่งแนวใหม่ บริษัทจีนเปิดแพลตฟอร์มแชร์ลูกจ้าง ในช่วงไวรัสระบาด เพราะบางธุรกิจยังต้องการคนทำงาน
สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีนช่วงที่ผ่านมา มีการปิดร้านค้าจำนวนมาก ส่งผลให้ลูกจ้างโดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหาร ผับ บาร์ ว่างงาน อย่างไรก็ตามธุรกิจอีกประเภทกลับมีความต้องการลูกจ้างเพิ่มสูงเฉพาะกาล เช่น บริการซื้อของออนไลน์ต่าง ๆ จึงทำให้ผู้ให้บริการหลายรายในจีน ปิดช่องว่างตรงนี้ด้วยแพลตฟอร์มแชร์ลูกจ้าง หรือ Employee Sharing
รายงานบอกว่า Freshippo แพลตฟอร์มสั่งสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตเครือ Alibaba หรือ 7Fresh แพลตฟอร์มแบบเดียวกันของ JD.com ได้เปิดระบบแชร์ลูกจ้าง โดยประสานงานกับบรรดาผู้ประกอบการร้านอาหารในเมืองต่าง ๆ จับคู่ลูกจ้างที่ว่างงาน เพื่อมาทำงานชั่วคราวโดยมีหน้าที่จัดและส่งสินค้า เนื่องจากการใช้งานแพลตฟอร์มเหล่านี้มีจำนวนสูงมาก จึงต้องการแรงงานชั่วคราวมาสนับสนุน
สำหรับรูปแบบการว่าจ้างนั้น ทางการจีนได้ลงมาดูแลให้มีการจ่ายค่าจ้างและสวัสดิการที่เหมาะสม เพราะลูกจ้างเหล่านี้จะมีสถานะถูกยืมตัวมา และยังเป็นลูกจ้างของที่ทำงานเดิมอยู่
ถึงแม้โมเดลดังกล่าวจะเริ่มต้นจากการระบาดของไวรัส แต่แนวคิดนี้หากปรับปรุงให้เหมาะสม ก็อาจต่อยอดมาใช้กับบางช่วงเวลาที่บางธุรกิจต้องการลูกจ้างชั่วคราวจำนวนมาก เช่น การจัดแพ็คสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคา ของบรรดาอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น
ที่มา: SCMP |
# อยู่บ้านเล่นเกม Square Enix แจก Tomb Raider เวอร์ชันปี 2013 ฟรีแบบจำกัดเวลา
Square Enix ใจป้ำ แจกเกม Tomb Raider เวอร์ชันรีบูตปี 2013 ให้เล่นกันฟรีๆ ในช่วงที่ทุกคนต้องอยู่บ้านไม่มีอะไรทำ (ชื่อแคมเปญคือ Stay Home and Play)
เกมที่แจกมี 2 เกมคือ Tomb Raider ภาครีบูตปี 2013 (ภาคแรกของไตรภาคล่าสุด) และ Lara Croft and the Temple of Osiris เกมแอคชันมุมมองบน รองรับเล่นแบบ co-op ได้สูงสุด 4 คน ออกเมื่อปี 2014
Tomb Raider ฉบับรีบูตใหม่ให้สมจริงมากขึ้น เป็นเกมที่ได้รับคะแนนรีวิวเฉลี่ยสูง (86/100) และได้รับรางวัล Game of the Year จากหลายสถาบันด้วย
การแจกเกมฟรีสามารถกดรับได้ผ่าน Steam (ลิงก์ไปยัง Tomb Raider และ Lara Croft and the Temple of Osiris) จำกัดเวลาแจกถึงวันจันทร์ที่ 23 มีนาคมนี้
ที่มา - Square Enix |
# กูเกิลเปิดหน้าเว็บรวมข้อมูล COVID-19 และแสดงข้อมูลอัพเดตในผลการค้นหา
กูเกิลเปิดหน้าเว็บเฉพาะกิจ รวมข้อมูลเกี่ยวกับ COVID-19 แบบครบวงจร ตั้งแต่ข้อมูลเบื้องต้นของโรค อาการที่พบ วิธีป้องกัน-รักษา ตัวเลขสถิติต่างๆ เข้าไปดูกันได้ที่ google.com/covid19
หน้าผลการค้นหา (Search Results) ของกูเกิลก็เพิ่มข้อมูลแบบเดียวกันหากค้นด้วยคำที่เกี่ยวข้อง เช่น Covid 19 หรือ Coronavirus โดยแสดงเป็นสีแดงเด่นชัด ทั้งบนเดสก์ท็อปและบนมือถือ
ที่มา - Google |
# Netflix ตั้งกองทุนกว่า 3 พันล้านบาทช่วยคนทำหนัง, ทีมงานที่ตกงานช่วงโรคระบาด
Netflix ตั้งกองทุนช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนจากวิกฤตโรคระบาด COVID-19 ไม่ว่าจะเป็นคนในวงการครีเอทีฟ คนทำหนัง เป็นเงินมูลค่าสูงถึง 100 ล้านเหรียญหรือกว่า 3 พันล้านบาท โดยตัวกองทุนเน้นช่วยเหลือคนที่ตกงาน ขาดรายได้
Ted Sarandos หัวหน้าเจ้าฝ่ายเนื้อหาของ Netflix บอกว่าวิกฤต COVID-19 ส่งผลเสียหายหลายอุตสาหกรรม รวมถึงชุมชนสร้างสรรค์ ครีเอทีฟ เกือบทุกรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ได้หยุดถ่ายทำไปทั่วโลก ส่งผลให้ทีมงาน นักแสดงนับแสนไม่มีงานทำ กองทุนนี้จึงตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือพวกเขาเหล่านี้โดยตรง
ในกองทุน จะมีจำนวนเงิน 15 ล้านเหรียญที่ให้องค์กรภายนอก องค์กรไม่แสวงผลกำไรในการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่คนทำหนังที่ตกงานช่วงนี้
ภาพจาก Netflix Media Center
ที่มา - Variety |
# กูเกิลเลิกจัดงาน Google I/O 2020 ถาวร, แม้แต่จัดงานออนไลน์ก็จัดไม่ได้
เมื่อต้นเดือนนี้ กูเกิลประกาศเลิกจัดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี Google I/O 2020 และปรับฟอร์แมตเป็นออนไลน์ แต่ล่าสุดกูเกิลออกมาบอกว่าต่อให้เป็นงานสัมมนาออนไลน์ก็ไม่สามารถจัดได้แล้ว เพราะพนักงานแถบ Bay Area ต้องอยู่ในบ้านตามนโยบายรัฐ ออกมาจัดงานที่สำนักงานกูเกิลไม่ได้
กูเกิลระบุว่าจะยังประกาศข่าวสารเกี่ยวกับ Android (โดยเฉพาะ Android 11 ที่ปกติเปิดตัวฟีเจอร์ทั้งหมดบนเวที I/O) ผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น บล็อกหรือฟอรัม ต่อไป
นอกจากงาน Google I/O ช่วงเดือนพฤษภาคม กูเกิลยังมีงานสัมมนาใหญ่อีกงานคือ Google Cloud Next ช่วงต้นเดือนเมษายน ที่ตอนแรกประกาศปรับฟอร์แมตเป็นออนไลน์เช่นกัน แต่ล่าสุดก็ประกาศ "เลื่อน" ออกไปอย่างไม่มีกำหนดแล้ว (ยังไม่ประกาศยกเลิก แต่ก็คิดว่าไม่น่ารอด) |
# Apple TV+ ปรับลดคุณภาพวิดีโอสตรีมมิ่งในยุโรป ลดความหนาแน่นการใช้งานเน็ต
Apple TV+ คือสตรีมมิ่งรายล่าสุด ที่ปรับลดคุณภาพวิดีโอในยุโรป ลดความหนาแน่นการจราจรในการใช้งานอินเทอร์เน็ต เท่ากับว่า ตอนนี้มีแพลตฟอร์มวิดีโอใหญ่ที่ปรับลดตามมาตรการดังกล่าวแล้วคือ Netflix, YouTube, Amazon Prime Video
มีผู้ใช้งานในยุโรปสังเกตเห็นว่า คุณภาพวิดีโอ Apple TV+ ลดลงแล้วจริงๆ แม้จะดูบน Apple TV 4K ก็ตาม แต่ทางแอปเปิลไม่ได้ระบุว่าจะลดคุณภาพวิดีโอถึงเมื่อไร
ภาพจาก แอปเปิล
ที่มา - Mashable |
# WhatsApp เพิ่มฟีเจอร์แจ้งเตือนข้อมูลจาก WHO ทุกวัน แชร์ต่อได้ไม่ต้องกลัวข่าวปลอม
WhatsApp ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ WHO Health Alerts แจ้งเตือนข้อมูลอัพเดตจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ทุกวัน ตั้งแต่ข้อมูลผู้ป่วยในแต่ละประเทศ และเทคนิคการดูแลสุขภาพ ที่สามารถแชร์ให้คนอื่นได้อย่างสบายใจ เพราะมั่นใจได้ว่าข้อมูลถูกต้อง ไม่ใช่ข่าวปลอม
ผู้ใช้ที่มี WhatsApp ติดตั้งอยู่ในเครื่อง สามารถสมัครได้ทันทีเพียงแค่กดลิงก์ https://bit.ly/who-covid-19-whatsapp
ที่มา - Mark Zuckerberg |
# Eventpop ปรับตัวยุคอีเวนต์หดหาย เพิ่มระบบ Online Event ให้บริการไลฟ์สตรีม
Eventpop แพลตฟอร์มจองตั๋วออนไลน์สำหรับงานอีเวนต์ (และเป็นพาร์ทเนอร์ของ Blognone ในการจัดงาน Blognone Tomorrow ที่ผ่านมา) ปรับตัวตามสถานการณ์อีเวนต์แบบออฟไลน์หดหาย ด้วยฟีเจอร์ Online Event สำหรับการถ่ายทอดสดออนไลน์แทน
Eventpop ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ Pro Plugin FrogLive และ LiveTube ผู้เชี่ยวชาญการถ่ายทอดสดออนไลน์ในประเทศไทย และ True Digital Park, Thailand eSports Arena เพื่อให้บริการด้านสถานที่ รวมถึงสตูดิโอระดับมืออาชีพที่มีอุปกรณ์ครบครันด้วย
Eventpop ระบุว่าต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการออแกไนเซอร์ แบรนด์สินค้า และองค์กรที่ต้องการจัดงานอีเวนต์ สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยผสานระบบซื้อขายตั๋วเดิมที่มีอยู่แล้ว เข้ากับการถ่ายทอดสดออนไลน์ โดยผู้ร่วมงานจะได้รับลิงก์เข้าร่วมอีเวนต์หลังชำระเงินแล้ว
ที่มา - Eventpop |
# ปัดได้แม้กักตัวอยู่บ้าน Tinder ยกเว้นค่าธรรมเนียมฟีเจอร์ Passport สนับสนุน social distancing
แอปหาคู่ Tinder ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมของฟีเจอร์ Passport ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำหรับให้ผู้ใช้พรีเมียมเชื่อมต่อกันนอกรัศมีการเดท เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทำให้ผู้คนต้องสร้าง social distancing เพื่อเว้นระยะห่างจากสังคม ลดโอกาสติดต่อของโรค
ฟีเจอร์ Passport ของ Tinder คือจะให้ผู้ใช้จำลองตัวเองว่าอยู่ที่ใดก็ได้ในโลก ดังนั้นแม้ว่าผู้ใช้จะกักตัวอยู่ที่บ้านก็สามารถเช็คอินเพื่อไปสร้างตัวตนเสมือนอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่ว่าในช่วงเวลาหนึ่งผู้ใช้จะอยู่ได้เพียงที่เดียวเท่านั้น
Tinder มีกำหนดเปิดฟรีค่าธรรมเนียมฟีเจอร์ Passport สำหรับผู้ใช้พรีเมียมในสัปดาห์หน้า โดยโปรโมชั่นนี้จะอยู่จนถึง 30 เมษายนนี้
ที่มา - TechCrunch
ภาพจาก Shutterstock |
# Waymo ประกาศหยุดให้บริการเกือบทุกอย่างชั่วคราว ลดการแพร่กระจาย COVID-19
Waymo บริษัทรถยนต์ไร้คนขับในเครือ Alphabet ประกาศหยุดให้บริการเกือบทุกอย่างชั่วคราวเพื่อลดการแพร่กระจายของไวรัส COVID-19
สำหรับบริการของ Waymo ที่ต้องหยุดชั่วคราวคือบริการทุกอย่างยกเว้นโครงการทดสอบบางอย่าง และรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบเต็มตัวที่ให้บริการใน Phoenix ซึ่งทางบริษัทระบุว่า การหยุดให้บริการนี้คือเพื่อให้ผู้ใช้บริการ, คนขับที่ได้รับการฝึกอบรมแล้ว รวมถึงทีม Waymo ทั้งหมดปลอดภัย ซึ่งเบื้องต้น Waymo กำหนดว่าจะให้บริการอีกทีวันที่ 7 เมษายนนี้ แต่ทางบริษัทจะคอยติดตามสถานการณ์ไวรัสเพื่อตัดสินใจต่ออีกทีหนึ่ง
ทั้งนี้ หากมีรายละเอียดคืบหน้า Waymo จะแจ้งผู้ใช้บริการอีกครั้งผ่านอีเมล, แอป และหน้าช่วยเหลือของ Waymo
ที่มา - Engadget
ภาพจาก Waymo Press |
# เซอรไพรส์! Onward หนังใหม่ Pixar เตรียมลงฉาย Disney+ หลังเพิ่งเข้าโรงไม่นาน
โรคระบาดทำหนังที่ตั้งเป้าว่าจะทำรายได้ Box Office ในช่วงฤดูนี้ต้องเลื่อนฉายกันหมด ก่อนหน้านี้ Universal Pictures แก้เกมด้วยการเอาหนังที่ตั้งใจฉายในโรง มาให้ดูทางออนไลน์เสียเลย ล่าสุด Pixar ก็ส่งหนังแอนิเมชั่น Onward ลงฉายในสตรีมมิ่ง Disney+ ด้วย ฉายวันที่ 3 เมษายนนี้ ทั้งๆ ที่หนังเพิ่งเข้าโรงเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา น่าเสียดายที่ Disney+ ยังไม่เปิดตัวในไทยเสียที
Onward เป็นเรื่องราวแฟนตาซีที่มีทั้งชาวเอลฟ์ โทรลล์ และเทวดาที่เวทมนตร์ที่มีอยู่จริงถูกหลงลืมเพราะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี นอกจากช่องทางสตรีมมิ่งแล้ว ยังพบว่าหนัง Onward มีปล่อยให้พรีออเดอร์ใน Amazon ด้วย
ปกติแล้วหนังจะออกโรงไปแล้วไม่ต่ำกว่า 90 วันถึงจะลงให้เช่าตามช่องทางออนไลน์
ที่มา - Polygon |
# dtac เผยสถิติการใช้แอพช่วงหยุดอยู่บ้าน Zoom ผู้ใช้เพิ่ม 828%, Skype เพิ่ม 215%
dtac เผยการใช้งานแอพกลุ่มประชุมออนไลน์-แอพยอดนิยมช่วงคนหยุดอยู่บ้าน ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2563 (นับเฉพาะบนเครือข่ายของ dtac เอง)
Zoom จำนวนผู้ใช้งานเติบโตสูงสุด 828%
Skype เติบโต 215%
Google Hangouts เติบโต 67%
Grab เติบโต 36%
LINE / Facebook Messenger เติบโต 17%
5 จังหวัดที่มีการใช้งานสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกคือ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรปราการ สงขลา และชลบุรี
นายประเทศ ตันกุรานันท์ CTO ของ dtac ระบุว่าพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้เปลี่ยนไป จากเดิมที่กระจุกตัวในพื้นที่เทศกาล จัดงาน หรือช่วงหยุดยาว กลายเป็นการกระจายตามที่พักอาศัย หมู่บ้าน คอนโดแทน ซึ่ง dtac มีแผนทั้งระยะสั้น-ยาวรองรับปริมาณทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว และมีทีมวิศวกรโครงข่ายทำงาน 24 ชั่วโมงคอยมอนิเตอร์สถานการณ์ตลอด
ที่มา - dtac |
# Facebook ปล่อย Dark Mode แล้ว เฉพาะบนเดสก์ท็อป บังคับเปิดพร้อมดีไซน์ใหม่
วันนี้ Facebook ประกาศปล่อยดีไซน์ใหม่ให้สามารถเลือกใช้ได้อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะมาพร้อมกับ Dark Mode ที่ทุกคนรอมานาน ผู้ใช้จะสามารถเลือก opt-in ใช้งานดีไซน์ใหม่นี้ได้ในเมนูการตั้งค่าที่มุมขวาบน แล้วเลือก “Switch to New Facebook” หลังจากนั้นจะสามารถเลือกเปิดปิด Dark Mode ได้ที่เมนูการตั้งค่า รวมทั้งสามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบเดิม (Classic Facebook) ได้ในระยะทดลองนี้ ก่อน Facebook จะเปลี่ยนให้ทุกคนใช้ดีไซน์ใหม่แบบถาวรต่อไปภายในปีนี้
รูปจาก Facebook
ที่มา - Techcrunch |
# ประเทศไทยเข้าร่วมโครงการทดสอบยารักษา COVID-19 ของ WHO
ประเทศไทยเข้าร่วมโครงการทดสอบยารักษาโรค COVID-19 ของ WHO โดยนำยา 4 ตัวที่มีอยู่แล้วมาทดสอบประสิทธิภาพว่าสามารถรักษา COVID-19 ได้หรือไม่
โครงการนี้มีชื่อว่า Solidarity Trial มีประเทศเข้าร่วมทั้งหมด 10 ประเทศ (รวมไทย) ประเทศที่เหลือคือ อาร์เจนตินา บาห์เรน แคนาดา ฝรั่งเศส อิหร่าน นอร์เวย์ แอฟริกาใต้ สเปน สวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการรีบคิดค้นยารักษา COVID-19
โครงการนี้จะทดสอบผลของยา 4 ตัว แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน ได้แก่
remdesivir
lopinavir + ritonavir
lopinavir + ritonavir + interferon beta
chloroquine
ที่มา - WHO |
# HMD Global เปิดตัว Nokia 8.3 5G, Nokia 5.3, Nokia 1.3
นอกจาก Nokia 5310 รุ่น XpressMusic รีเมค ทาง HMD Global ยังเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่อีก 3 รุ่นมาพร้อมกัน
Nokia 8.3 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ตัวแรกของแบรนด์ Nokia, Snapdragon 765G, กล้องหลัก 64MP + ultrawide + depth + macro เลนส์ ZEISS, จอใหญ่ 6.81" เจาะรู punchhole ตรงมุมซ้ายบน, ตัวเครื่องใช้สี Polar Night ที่ได้แรงบันดาลใจจากท้องฟ้าขั้วโลกเหนือยามค่ำคืน
ราคาขาย 599 ยูโร (ประมาณ 21,000 บาท) สำหรับรุ่นแรม/ความจุ 6GB/64GB เริ่มวางขายช่วงฤดูร้อน 2020
Nokia 5.3 หน้าจอใหญ่ 6.55" กล้องหน้าเป็นหยดน้ำ, Snapdragon 665, แบตเตอรี่ 4000 mAh, กล้องหลัง 4 ตัว
ราคา 189 ยูโร (ประมาณ 7,000 บาท) สำหรับรุ่น 4GB/64GB เริ่มวางขายเดือนเมษายน 2020
Nokia 1.3 น้องเล็กสุดในการเปิดตัวรอบนี้ หน้าจอ 5.71", Snapdragon 215, แบตเตอรี่ 3000 mAh, ระบบปฏิบัติการเป็น Android 10 (Go) การันตีอัพเกรดเป็น Android 11 (Go)
ราคา 95 ยูโร (ประมาณ 3,600 บาท) เริ่มขายเดือนเมษายน 2020
ที่มา - HMD Global |
# YouTube เอาด้วย ยอมลดคุณภาพวิดีโอในยุโรป ลดความหนาแน่นการใช้งานเน็ต
Netflix ยอมทำตามข้อเรียกร้องของสหภาพยุโรป ลดคุณภาพวิดีโอไม่สตรีมแบบ HD ลดภาวะการใช้งานหนาแน่น ล่าสุด YouTube อีกแพลตฟอร์มวิดีโอรายใหญ่ก็ประกาศมาตรการเดียวกัน
โดย Thierry Breton กรรมาธิการยุโรปซึ่งรับผิดชอบด้านอินเทอร์เน็ต ได้พูดคุยกับ Sundar Pichai ซีอีโอ Alphabet และ Susan Wojcicki ซีอีโอ YouTube โดยตรง และตัดสินใจลดคุณภาพวิดีโอลงเหลือเป็นระดับมาตรฐาน แม้จะไม่ได้พบการใช้งานระดับสูงมากขนาดนั้น
ที่มา - The Strait Times |
# โรคระบาดทำคนทำงาน gig economy อยู่ในภาวะเสี่ยงทั้งสุขภาพและเสี่ยงล้มละลาย
ชัดเจนแล้วว่า โรคระบาด COVID-19 กระทบทุกกิจกรรมทั้งความเสี่ยงทางสุขภาพ และความเสี่ยงที่จะล้มละลาย และกระทบในแทบทุกอุตสาหกรรม ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ครั้งหนึ่ง gig economy ได้รับการยอมรับว่าเป็นอนาคตแนวใหม่ของการทำงาน เราสามารถทำงานสร้างรายได้จากแพลตฟอร์มได้หลายๆ ที่ สร้างรายได้หลายทาง ส่งเสริมการทำงานที่ยืดหยุ่น แต่โรคระบาดเผยให้เห็นอีกมุมของคนทำงาน gig economy ว่าชีวิตไม่ง่าย และบางครั้งก็ต้องเลือกระหว่างยอมออกไปหารายได้ทั้งๆ ที่ก็กลัวตัวเองจะติดเชื้อด้วย
New York Times สัมภาษณ์คนทำงาน gig economy ทั้งในสหรัฐฯและยุโรป มีหลากหลายความเห็นแต่ก็สะท้อนไปในทำนองเดียวกัน เช่น
Jaime Maldonado อายุ 51 ปี บอกว่าเขาต้องรอหน้าสนามบินซานฟรานซิสโก 2 ชั่วโมงกว่าจะมีคนเรียกรถผ่านแอป Lyft เข้ามา และยังกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ
Giovanni Marra อายุ 57 ปี ทำงานส่งอาหารผ่านแอป Just Eat ในมิลาน อิตาลี ซึ่งเป็นพื้นที่แพร่ระบาดอันดับต้นๆ ของโลก ก็ยังคงทำงานส่งอาหารต่อไป เพราะเป็นรายได้ทางเดียว แม้จะกลัวว่าตัวเองจะติดโรคก็ตาม
Feres Dabouze คนขับรถ Uber ในอัมสเตอร์ดัมบอกว่าไม่สามารถวิ่งรถหารายได้ให้พอกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ของเขา
บริษัท gig economy รายใหญ่ก็พยายามปรับตัวและสนองตอบต่อสถานการณ์วิกฤต Uber, Lyft, Instacart และ DoorDash จะให้คนขับลาป่วยโดยที่ยังมีรายได้อยู่ ถ้ามีการตรวจพบว่าติดเชื้อหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง, Uber และ Lyft บอกว่าพวกจะจัดหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดให้แม้จะเป็นของหายากในขณะนี้, Postmates, DoorDash, Uber Eats และ Grubhub ยังเปิดตัวบริการ “no-contact delivery” วางอาหารไว้หน้าบ้านลูกค้าเลี่ยงการติดต่อ สัมผัสกัน, ยกเลิกบริการแชร์รถคันเดียวกันไปด้วยกัน แต่ดูเหมือนมาตรการเหล่านี้ก็ยังไม่เพียงพอในสถานการณ์ที่เปราะบางอย่างยิ่ง
Andrew Macdonald รองประธานอาวุโสของ Uber ดูแลการดำเนินงานทั่วโลก บอกว่า ไม่ใช่ทุกงานที่สามารถทำงานได้จากที่บ้านและเป็นความจริงที่เคยขับรถ และคนส่งของบนแพลตฟอร์มต้องเจอ สิ่งที่บริษัทพยายามทำได้คือ ทำให้ประสบการณ์การบริการนั้นปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
Mark Warner วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตจากเวอร์จิเนีย ผู้เสนอให้รัฐบาลมอบสิทธิแก่คนทำงาน gig economy ในสหรัฐฯราว 15 ล้านคนบอกว่า คนทำงาน gig economy เหล่านี้ไม่มีประกันสังคมใดๆ และพวกเขาจะไม่เหลืออะไรเลย
ก่อนหน้าวิกฤตโรคระบาด ในวงการ gig economy ก็มีการต่อสู้กันทางกฎหมายแรงงาน เพื่อให้คนทำงานได้สวัสดิการเหมือนพนักงานประจำ โดยรัฐแคลิฟอร์เนียผ่านกฎหมาย AB5 ไปแล้วเมื่อปลายปี 2019 แต่ต่อมา Uber และ Postmates ได้ยื่นฟ้องเพื่อหยุดการออกกฎหมายฉบับนี้แล้ว
ภาพจาก Shutterstock
ที่มา - New York Times |
# Google เพิ่มเงื่อนไขห้ามไซด์โหลดแอป, บังคับเปิด Play Protect สำหรับผู้ที่เปิด Advanced Protection
ความปลอดภัยบนแอนดรอยด์เป็นหนึ่งในประเด็นที่ Google ถูกวิจารณ์มาตลอดซึ่งบริษัทเองก็พยายามหาทางแก้และจริงจังขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดก็เพิ่มขึ้นเงื่อนไขที่ค่อนข้างเขี้ยวสำหรับผู้ใช้งานแอนดรอยด์ที่เปิดตัวเลือก Advanced Protection ด้วยการห้ามไซด์โหลดแอปและบังคับเปิด Play Protect
Google ระบุว่าผู้ใช้แอนดรอยด์ที่เปิด Advanced Protection ยังคงสามารถใช้งานแอปนอกสโตร์ที่พรีโหลดมาจากผู้ผลิตและผ่าน ADB ได้อยู่ ส่วนแอปที่ติดตั้งไปแล้วก็จะไม่ถูกลบ โดย Google จะเริ่มทยอยบังคับใช้มาตรการนี้กับผู้ที่เปิด Advanced Protection ตั้งแต่วันนี้
ที่มา - Google Blog |
# Game Developer Conference กลับมาจัดแบบ 3 วัน ที่ซานฟรานซิสโก เดือนสิงหาคมนี้
หลังจากที่งาน Games Developer Conference (GDC) ในเดือนมีนาคม ถูกยกเลิกไปเพราะ COVID-19 ล่าสุด ทาง GDC ได้ตัดสินใจเปลี่ยนงานเป็น GDC Summer ซึ่งจะเป็นงาน “เฉลิมฉลองทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับการพัฒนาเกม” เหมือนเดิม แต่จะเป็นงานขนาดเล็กที่จะจัดเพียง 3 วันเท่านั้น จากปกติที่งานจะจัด 5 วัน โดยจะมีทั้งวันที่เป็นงานสนทนาของผู้เชี่ยวชาญในวงการเกมหนึ่งวัน และงานโชว์แบบ expo อีกสองวัน
ทางผู้จัดสัญญาว่าในงานจะมีการขึ้นเวทีพูดของผู้เชี่ยวชาญแบบสั้นๆ (microtalks) การร่วมวงสนทนาระหว่างผู้พัฒนาเกม (fireside chats) และมุมหนึ่งในงานสำหรับช่วยเหลือและพัฒนาเส้นทางในอาชีพ สำหรับนักพัฒนาเกมหน้าใหม่
GDC Summer จะจัดขึ้นในวันที่ 4-6 สิงหาคม ที่ Moscone Center ในซานฟรานซิสโก และทาง GDC จะติดตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อจัดงานที่น่าสนใจและให้ความปลอดภัยแก่ผู้เข้าร่วมงานทุกคน
ที่มา - Engadget, GDC |
# GameStop ร้านเกมในอเมริกาไม่ปิดช่วง COVID-19 ระบาดเพราะ “เป็นร้านค้าที่จำเป็น”
GameStop ร้านเกมในอเมริกาที่ช่วงหลังยอดขายไม่ดีเท่าไร เพราะคนเริ่มหันไปซื้อเกมทางช่องทางออนไลน์มากขึ้น มีประเด็นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงรัฐบาลสหรัฐอเมริกาออกคำสั่งให้ปิดร้านค้าที่ไม่จำเป็น เพื่อลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ร้าน GameStop ไม่ปิด พร้อมอ้างว่าได้รับอนุญาต เพราะเป็น “ร้านค้าที่จำเป็น” ท่ามกลางเสียงบ่นของพนักงานร้านที่ต้องทำงานกับความเสี่ยงทุกวัน เพราะการจับแผ่นเกมในร้าน และการรับซื้อแผ่นเกมมือสองที่ไม่รู้ว่าผ่านมือใครมาบ้าง
พร้อมทั้งมีจดหมายสื่อสารภายในองค์กรออกมาว่า “เพราะสินค้าของเรา เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยพัฒนาประสบการณ์ในการทำงานจากบ้านของลูกค้า เราจึงเชื่อว่า GameStop เป็นร้านค้าที่จำเป็น และยังสามารถเปิดให้บริการในช่วงเวลานี้ได้” และได้แจ้งกับพนักงานว่า “ทางบริษัทได้รับการรายงานมาว่ามีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องการที่จะทำการปิดร้านของเรา แม้เราจะถูกจัดอยู่ในสถานะร้านค้าจำเป็น และหากเกิดกรณีนี้ขึ้น ให้ผู้จัดการร้านแสดงเอกสารชี้แจงถึงสถานะร้านค้าได้”
ภาพจาก Shutterstock
ทางร้านยังได้แจ้งกับ IGN ว่ายังเปิดอยู่ได้ เพราะร้านมีสินค้าจำเป็นสำหรับการทำงานจากบ้านเช่น เว็บแคม, ไมโครโฟน, เม้าส์, คีย์บอร์ด ที่ชาร์จ และอุปกรณ์เครื่องเสียงจำหน่าย โดยไม่มีการพูดถึงเครื่องเกมคอนโซลแต่อย่างใด
นอกจากนี้ พนักงานของร้าน GameStop ต่างออกมาส่งเสียงประท้วงผ่าน IGN ถึงประสบการณ์การทำงานที่ย่ำแย่ในช่วงนี้ ว่าผู้บริหารของบริษัท ไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพของพนักงาน พร้อมทั้งบอกว่าพนักงานไม่ได้รับผลิตภัณฑ์ในการทำความสะอาดหรือฆ่าเชื้อโรคที่ร้านมาสักพักแล้ว แต่ GameStop ก็ยังบอกกับลูกค้า ว่าทางร้านยังทำความสะอาดพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยอยู่ และยังไม่ได้รับการยืนยันที่ชัดเจน ว่าจะต้องเปิดหรือปิดร้านกันแน่
ที่มา IGN |
# Redmi Note 9 Pro เปลี่ยนชื่อเป็น Redmi Note 9S เปิดตัวนอกอินเดีย 23 มีนาคมนี้
หลังจาก Xiaomi เปิดตัว Redmi Note 9 Pro ในอินเดีย ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีข่าวหลุดออกมาอีกว่าจะมีสมาร์ทโฟนชื่อรุ่น Redmi Note 9S ถูกเปิดตัวเร็วๆ นี้ แต่จากข้อมูลผลทดสอบ Geekbench เรียกว่าได้คะแนนทดสอบแทบจะเท่ากับ Redmi Note 9 Pro เลยทีเดียว และจะมาพร้อมกับชิป Snapdragon 720G กับแรม 6GB RAM และรันบน Android 10 เช่นเดียวกัน จึงคาดว่าน่าจะเป็น Redmi Note 9 Pro ที่ถูกนำมาเปลี่ยนชื่อใหม่ สำหรับตลาดอื่นนอกอินเดียมากกว่า
Redmi Note 9S จะเปิดตัวในมาเลเซีย และปากีสถาน ในวันที่ 23 มีนาคมนี้
ที่มา - GSM Arena |
# อดีตพนักงาน Waymo และผู้ร่วมก่อตั้ง Otto ยอมรับผิดแอบดาวน์โหลดเอกสารลับจาก Waymo
เป็นอีกหนึ่งมหากาพย์คดีความที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Waymo ที่ยื่นฟ้อง Uber ว่ารู้เรื่องที่ผู้ก่อตั้ง Otto (บริษัทรถไร้คนขับที่ Uber ซื้อ) ซึ่งเป็นอดีตพนักงานของ Waymo (ตอนนั้นยังเป็นเพียงแผนกรถไร้คนขับใต้ Alphabet) แอบขโมยความลับทางการค้าและเทคโนโลยี แม้ Uber จะขอยอมความและจ่ายค่าเสียหายไปแล้ว แต่คดีความกับ Anthony Levandowski ผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ยังอยู่
Anthony Levandowski จาก Wikipedia (CC-BY 4.0)
สำนักงานอัยการของเขตแคลิฟอร์เนียเหนือ (Northern District of California) เป็นโจทก์ในเรื่องนี้ที่ยื่นฟ้องอาญาต่อ Levandowski (ที่ Uber ไล่ออกไปแล้ว) ฐานขโมยความลับทางการค้า เหตุเพราะระหว่างกระบวนการสอบสวน (ตอนเป็นคดีความระหว่าง Waymo vs Uber) เจ้าตัวปฏิเสธที่จะส่งมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องรวมถึงไม่ยอมให้การในศาล โดยอ้างสิทธิของจำเลยที่ระบุเอาไว้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 5 ของสหรัฐ (Fifth Amendment / Take the fifth ประมาณว่าจำเลยมีสิทธิปฏิเสธให้การปรักปรำตนเอง)
สำนักงานอัยการได้ยื่นฟ้อง Levandowski ทั้งหมด 33 ข้อหา ก่อนที่ล่าสุดเจ้าตัวจะยอมรับผิดหนึ่งใน 33 ข้อหาดังกล่าวแลกกับเงื่อนไขว่าอัยการจะถอนฟ้องอีก 32 คดีที่เหลือ โดย Levandowski ยอมรับว่าดาวน์โหลดเอกสารจาก Waymo ออกมาและเปิดมันหลังจากลาออกจากบริษัทแล้ว ซึ่งอัยการอาจยื่นเรื่องให้ Levandowski ถูกจำคุกราว 24-30 เดือน
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ Levandowski มีคดีแยกต่างหากกับ Google อีกคดีฐานพยายามละเมิดสัญญาว่าจะไม่ดึงตัววิศวกรของ Google โดยศาลสั่งให้จ่ายเงินชดเชย 179 ล้านเหรียญ ก่อนเจ้าตัวยื่นขอล้มละลาย อ้างว่าเพราะไม่มีเงินจ่าย ด้าน Uber ที่ตอนนั้นยังมีสถานะเป็นนายจ้าง Levandowski ปฏิเสธจะจ่ายเงินแทน
ที่มา - Reuters, The Verge |
# เปิดตัว DirectX 12 Ultimate ชุดคำสั่งกราฟิกของ Xbox Series X และพีซียุคถัดไป
ไมโครซอฟท์เปิดตัว DirectX 12 ในปี 2014 และออกตัวจริงในปี 2015 (พร้อม Windows 10 รุ่นแรก) เวลาผ่านมา 6 ปีก็ได้เวลาของ DirectX รุ่นถัดไปที่ไม่ใช่ DirectX 13 แต่เป็น DirectX 12 Ultimate
จุดเด่นสำคัญของ DirectX 12 Ultimate คือการนำฟีเจอร์กราฟิกใหม่ๆ ของคอนโซลยุคใหม่ Xbox Series X มาให้เกมฝั่งพีซีใช้งานได้ด้วย
ในอดีตที่ผ่านมา API ของ Xbox แต่ละรุ่นกับ DirectX นั้นไม่เหมือนกันซะทีเดียว (แม้ใช้แกนกลางเดียวกัน ต่างกันในรายละเอียด) แต่ในยุคใหม่ DX12 Ultimate จะเป็น API ตัวเดียวที่ใช้ได้ทั้งสองฝั่ง ช่วยเร่งให้นักพัฒนาเกมหันมาใช้ฟีเจอร์กราฟิกใหม่ๆ ของฮาร์ดแวร์ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ของใหม่ใน DX12 Ultimate แบ่งออกเป็น 4 หมวดใหญ่ๆ
DirectX Raytracing 1.1 (DXR 1.1) เพิ่มฟีเจอร์ด้าน raytracing จากเวอร์ชัน 1.0 ในปัจจุบัน ให้นักพัฒนาเกมสามารถควบคุมการเรนเดอร์ลำแสงได้ละเอียดขึ้น (inline raytracing)
Variable Rate Shading (VRS) เปิดให้นักพัฒนาเกมสามารถปรับ shading rate บางจุดของหน้าจอให้ต่างกันได้ เช่น บางจุดให้มากหรือน้อยเป็นพิเศษ
Mesh Shaders ช่วยดึงพลัง pipeline ของจีพียูให้ประมวลผล shader แบบขนานได้ดีกว่าเดิม ในอดีตนักพัฒนาสั่งจีพียูให้ทำงานผ่าน API ที่อาจไม่ดึงศักยภาพของจีพียูได้เต็มที่นัก
Sampler Feedback นักพัฒนาสามารถเช็คได้ว่าจุดไหนในฉากที่ไม่จำเป็นต้องใส่ texture เพราะมุมกล้องมองไม่เห็นหรือโดนบัง ทำให้สั่งโหลด texture เฉพาะจุดที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ ช่วยลดความจำเป็นในการประมวลผลลง
ภาพตัวอย่าง Variable Rate Shading ที่วัตถุแต่ละอย่างบนจอไม่จำเป็นต้องเรนเดอร์ด้วยความละเอียดเท่ากัน
คลิปอธิบายฟีเจอร์ของ DirectX 12 Ultimate ของ NVIDIA
ไมโครซอฟท์การันตีว่าเกมที่เรียกฟีเจอร์ของ DX12 Ultimate จะยังรันบนฮาร์ดแวร์ DX12 ตัวเดิมได้แน่นอน เพียงแต่จะลดฟีเจอร์กราฟิกระดับสูงไปเท่านั้น
DirectX 12 Ultimate จะเริ่มใช้ใน Windows 10 เวอร์ชันถัดไป (v2004 หรือ 20H1) ที่จะออกในเร็วๆ นี้
หลังไมโครซอฟท์เปิดตัว DirectX 12 Ultimate ผู้ผลิตการ์ดจอทั้งสองค่ายคือ NVIDIA และ AMD ก็ประกาศสนับสนุนทันที
NVIDIA ถึงขั้นบอกว่าจะรองรับ DX12 Ultimate อย่างเต็มรูปแบบ ครบทุกฟีเจอร์บนจีพียูตระกูล GeForce RTX 20 ในวันที่ Windows 10 v2004 เปิดให้ดาวน์โหลด
AMD บอกว่าจะรองรับ DX12 Ultimate ในจีพียูรุ่นถัดไป สถาปัตยกรรม RDNA 2 ที่จะเปิดตัวในปีนี้เช่นกัน
ที่มา - Microsoft, NVIDIA |
# Google ฉลอง Android (Go edition) ครบ 100 ล้านเครื่อง เปิดตัว Camera Go แอปกล้องใหม่
วันนี้ Google อัปเดตความคืบหน้าของ Android (Go edition) หรือแอนดรอยด์เวอร์ชั่นบางเบาสำหรับมือถือรุ่นกลางถึงล่าง ว่ามีผู้ใช้งาน (active users) บนอุปกรณ์กว่า 100 ล้านเครื่องแล้ว และพูดถึงฟังก์ชั่นของ Android (Go edition) ในแอปต่างๆ ที่ช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้เริ่มใช้สมาร์ทโฟนมือใหม่ เช่นการค้นหาด้วย Google Go ที่จะไม่เก็บประวัติการค้นหา และ Gallery Go ที่จะช่วยผู้ใช้จัดการกับภาพถ่าย โดยไม่ต้องอัปโหลดขึ้น cloud
นอกจากนี้ Google ยังเปิดตัวแอปกล้องใหม่สำหรับ Android (Go edition) ชื่อ Camera Go ซึ่งจะเป็นแอปกล้องที่ไม่จำเป็นต้องใช้สเปกเครื่องที่เร็วนักสำหรับการใช้งาน และมีหน้าตาการใช้งานที่เรียบง่ายออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนมือใหม่
Google บอกว่าจะทยอยอัพเดตให้ผู้ใช้ Android (Go edition) เร็ว ๆ นี้
ที่มา Google |
# SanDisk เปิดตัว microSD Max Endurance เน้นใช้งานต่อเนื่อง รับประกัน 3-15 ปีตามความจุ
SanDisk เปิดตัว microSD รุ่น Max Endurance ที่ขายความทนทานในการใช้งาน สามารถใช้กับกล้องวงจรปิดภายในบ้านหรือกล้องติดหน้ารถได้ต่อเนื่องตั้งแต่ 15,000 ชั่วโมงหรือราว 2 ปีไปจนถึง 120,000 ชั่วโมงหรือราว 13 ปี พร้อมการรับประกันจาก SanDisk ที่ 3 ปีไปจนถึง 15 ปีตามความจุ
SanDisk Max Endurance ใช้อินเทอร์เฟส UHS-I สปีดคลาส Class 10, UHS สปีดคลาส U3 ส่วนวิดีโอสปีดคลาส V30 ความเร็วในการเขียนสูงสุด 40MB/s และอ่านสูงสุด 100MB/s ไม่ระบุประสิทธิภาพในการอ่านเขียนแบบสุ่ม มีทั้งหมด 4 ความจุที่มีความทนทานและประกันแตกต่างกันไป
32GB ใช้งานได้ต่อเนื่อง 15,000 ชั่วโมง รับประกัน 3 ปี ราคา 12.99 เหรียญหรือราว 400 บาท
64GB ใช้งานได้ต่อเนื่อง 30,000 ชั่วโมง รับประกัน 5 ปี ราคา 21.99 เหรียญหรือราว 650 บาท
128GB ใช้งานได้ต่อเนื่อง 60,000 ชั่วโมง รับประกัน 10 ปี ราคา 42.99 เหรียญหรือราวหรือราว 1,300 บาท
256GB ใช้งานได้ต่อเนื่อง 120,000 ชั่วโมง รับประกัน 15 ปี ราคา 84.99 เหรียญหรือราวหรือราว 2,600 บาท
ที่มา - Anandtech, Western Digital |
# หมดปัญหาวิดีโอคอลบ้านรก (ภาค 2) วิธีเปิด Blur Background บน Skype และ MS Teams
นอกจาก Zoom ที่มีฟีเจอร์คล้ายกัน Skype และ Microsoft Teams ก็เป็นอีกเครื่องมีที่มีคนใช้งานค่อยข้างเยอะ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะคุ้นเคยกับชื่อ Skype และใช้งาน Office 365 กันอยู่แล้วในองค์กร โดยทั้งสองแอปมาพร้อมฟีเจอร์ Blur Background ที่ช่วยเบลอภาพพื้นหลังให้เวลาวิดีโอคอล และวิธีก็ค่อนข้างง่ายด้วย
ในส่วนของ Microsoft Teams สามารถเปิด Blur Background ได้ 2 วิธี วิธีแรกคือก่อนเริ่มวิดีโอคอล (เฉพาะ scheduled meeting) สามารถเลือกเปิดได้ที่ Choose your audio and video settings ก่อนเข้าร่วมวิดีโอคอลและอีกวิธีคือที่ตัวเลือก More options (...) เวลาวิดีโอคอลแล้วเลือก Blur your background ระหว่างวิดีโอคอล
ส่วนของ Skype คล้ายกันคือเปิดที่คือในตัวเลือก More (...) และเลือก Blur your background หรือเอาเม้าส์ไปค้างที่ปุ่มวิดีโอจะมีตัวเลือก Blur my background ให้เลือก |
# Hangouts Meet เพิ่มฟีเจอร์สำหรับลูกค้า Education ให้ครูผู้สอนควบคุมห้องเรียนได้มากขึ้น
กูเกิลประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Hangouts Meet หลังจากปลดล็อกบริการระดับพรีเมียมให้กับลูกค้า G Suite ทุกคน รวมทั้ง G Suite for Education ไปก่อนหน้านี้จากเหตุ COVID-19
คุณสมบัติที่เพิ่มเข้ามานั้นมีไว้สำหรับการนำ Hangouts Meet ใช้ในการเรียนการสอน ได้แก่ (1) เฉพาะผู้สร้างการประชุมเท่านั้น ที่สามารถสั่ง mute หรือนำผู้เข้าประชุมออกจากห้องสนทนาได้ (2) ผู้เข้าร่วมประชุม จะไม่สามารถเข้าร่วมในห้องเดิมซ้ำได้อีก เมื่อคนสุดท้ายออกจากห้องแล้ว เพื่อป้องกันนักเรียนใช้ห้องต่อโดยไม่มีผู้สอน
ทั้ง 2 คุณสมบัติใหม่นี้ กูเกิลระบุว่าเพิ่มเข้ามาในลูกค้า G Suite for Education และ G Suite Enterprise for Education เท่านั้น โดยมีผลกับทุกคนภายใน 2-3 สัปดาห์
ที่มา: กูเกิล |
# Scribd เปิดคลังหนังสือทั้งหมด อ่านฟรี 30 วันในช่วงปรับวิถีชีวิต
เราเห็นบริษัทไอทีหลายรายออกมาช่วยสนับสนุนผู้คนในช่วง COVID-19 ระบาด เช่น GOG แจกเกมฟรี, Audibles เปิดหนังสือเสียงบางส่วนฟรี
ล่าสุด Scribd แพลตฟอร์มอ่านอีบุ๊ก แมกกาซีน หนังสือเสียง ก็ประกาศเปิดคลังหนังสือทั้งหมดฟรีเป็นเวลา 30 วัน โดยไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตก่อนด้วย
ผู้ที่ต้องการอ่านฟรีต้องเข้าไปกดโค้ดที่ลิงก์ Scribd Read Free โดยมีเงื่อนไขว่าเฉพาะลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยจ่ายเงินให้ Scribd มาก่อนเท่านั้น (ใช้ฟรีได้ถึง 17 เมษายน)
Scribd ระบุว่าต้องการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ระหว่างที่ปรับตัวสู่วิถีชีวิตแบบใหม่
ที่มา - Scribd |
# Netflix ยอมลดคุณภาพวิดีโอ เฉพาะในยุโรป 30 วัน ลดความหนาแน่นการใช้อินเทอร์เน็ต
จากประเด็น EU ขอ Netflix หยุดสตรีมแบบ HD เพื่อการใช้งานเน็ตลื่นไหลในช่วงวิกฤตโรคระบาดที่ความต้องการใช้เน็ตสูง ล่าสุด Netflix ยอมทำตามข้อเรียกร้อง ลดความละเอียดภาพในยุโรปเป็นเวลา 30 วัน
Netflix ระบุว่า การลดคุณภาพวิดีโอนี้ช่วยลดการใช้งานดาต้า Netflix ได้ 25% โดยที่ยังคงสตรีมภาพชัดอยู่ และ BBC ระบุว่า การใช้งาน Netflix สตรีมแบบธรรมดา 1 ชั่วโมง ใช้ปริมาณเน็ต 1GB ต่อชั่วโมง แต่ถ้าสตรีมแบบ HD สามารถใช้ปริมาณเน็ตถึง 3GB ยังไม่รู้รายละเอียดว่า Netflix จะจัดการกับลูกค้าที่มีสิทธิ์ใช้งานแบบ HD อย่างไร และจะมีมาตรการแบบเดียวกันกับภูมิภาคอื่นหรือไม่
การใช้งานอินเทอร์เน็ตพุ่งสูงในยุโรป โดย Vodafone ค่ายมือถือเผยยอดใช้งานอินเทอร์เน็ตพุ่งขึ้น 50% ในบางประเทศ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้อีก
ภาพจาก Stranger Things 3 Official Final Trailer
ที่มา - BBC |
# ช่วงปิดโรงเรียน Audible เปิดบริการ Audible Stories ให้ฟังหนังสือเสียงจำนวนหนึ่งฟรี
ช่วงนี้ COVID-19 กำลังระบาด หลายประเทศมีมาตรการสั่งหยุดการเรียนการสอน ทำให้เด็กๆ น้องๆ หลายคนต้องหยุดอยู่กับบ้าน ในวันนี้ทาง Audible ผู้ให้บริการหนังสือเสียง เปิดบริการ Audible Stories ให้ฟังหนังสือเสียงฟรีโดยไม่ต้องสมัคร ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตใดๆ ไม่มีข้อตกลงผูกมัดใดๆ มีแต่เว็บเบราเซอร์ก็พอ
เนื้อหาหนังสือเสียงมีให้เลือกฟังใน 6 ภาษา แต่ละภาษาอาจจะมีหนังสือเสียงให้ฟังมากน้อยแตกต่างกันไป ในแง่จำนวนหนังสือเสียงก็มีให้เลือกฟัง โดยมีตั้งแต่เนื้อหาสำหรับเด็กเล็ก เด็กโต จนไปถึงวรรณกรรมสุดคลาสิค แม้จะไม่ใช่ยกคลังแต่ก็นับว่ามีจำนวนไม่น้อยนับเป็นร้อยเล่ม ยกตัวอย่างในภาษาอังกฤษ ที่รู้จักกันมากหน่อยจะมี Alice's Advantures in Wonderland (ฉบับที่อ่านโดย Scarlett Johansson), Hollow City, Moby Dick, Brave New World, Jungle Book, Pride & Prejudice, The Metamorphosis, Les Miserables, Frankenstein เป็นต้น
ส่วนจะให้บริการฟรีไปถึงเมื่อไรนั้น ทางต้นทางไม่ได้แจ้งไว้ว่าจะคงบริการฟรีนี้ไปถึงเมื่อไร ใครสนใจก็ลองไปเยี่ยมชมดูได้ครับ
ที่มา: Audible Stories |
# เทสโก้อังกฤษขอความร่วมมือไม่ซื้อของออนไลน์ ให้ผู้สูงอายุมีโอกาสได้ซื้อของด้วย
เทสโก้อังกฤษ ออกมาตรการช่วงที่ประชาชนแห่ซื้อของกักตุนช่วงโรคระบาด โดยขอความร่วมมือลูกค้าให้หยุดการสั่งซื้อของออนไลน์ เพื่อเปิดทางให้ผู้สูงอายุซื้อสินค้าได้ด้วย ถ้าเป็นไปได้ขอให้เดินทางไปซื้อของในสาขาใกล้บ้านแทน
ทางเทสโก้มีมาตรการอื่นด้วย เช่น นำกฎ social distancing มาใช้ในร้านค้า เว้นระยะห่างระหว่างพนักงานกับลูกค้า จำกัดการซื้อสินค้าไม่เกิน 3 ชิ้น นำโปรโมชั่นลดราคาออก มีช่วงเวลาให้ผู้สูงอายุได้เข้ามาซื้อของก่อนคือ 9-10 โมงเช้าของวันจันทร์, พุธ, ศุกร์
ที่มา - เทสโก้ |
# คนเดินทางเข้าฮ่องกงจะได้สายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อติดตามว่ากักตัวตามกฎหรือไม่
หน่วยงานสารสนเทศฮ่องกง (CIO) ผุดไอเดีย ให้คนเดินทางเข้าประเทศสวมใส่สายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมกับแอปพลิเคชั่นในมือถือ เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลติดตามได้ว่าคนที่สวมใส่กักตัวอยู่ที่บ้านหรือที่พักหรือไม่
ทาง CIO ระบุว่า ตัวระบบไม่ได้ระบุพิกัดที่แน่นอนของผู้สวมใส่ แต่ถ้ามีการเปลี่ยนพิกัด ทางหน่วยงานจะรู้ และระบุได้ว่าใครไม่ยอมกักตัว เมื่อเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์พบเจอก็จะโทรเข้าไปหาบุคคลนั้นเลย
Victor Lam หัวหน้าหน่วยงานสารสนเทศบอกว่า ตัวสายรัดไม่สามารถถอดได้ง่ายๆ ถ้าสายรัดพัง หรือจงใจโยนสายรัดออกไปนอกบ้าน ระบบจะส่งคำแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานสาธารณสุขและตำรวจ
ฮ่องกงถือเป็นอีกประเทศที่ใช้เทคโนโลยีในการตามติดชีวิตประชาชนช่วงโรคระบาดหลังก่อนหน้านี้ จีนและอิสราเอลก็ทำในทำนองเดียวกัน
ที่มา - The Register |
# ไมโครซอฟท์ต่ออายุ Windows 10 v1709 Enterprise อีก 6 เดือนเป็นกรณีพิเศษ จากปัญหาไวรัส
ในยุคที่ Windows 10 ออกรุ่นอัพเดตใหญ่ทุก 6 เดือน ไมโครซอฟท์จึงมีนโยบายซัพพอร์ตให้แต่ละอัพเดตนานแค่ 18 เดือนเท่านั้น (รุ่น Enterprise/Education จะนานขึ้นเป็น 30 เดือน) เพื่อบีบให้ผู้ใช้ต้องอัพเดตไปยังรุ่นที่ใหม่ขึ้น
รอบการอัพเดตแบบนี้ทำให้ Windows 10 v1709 Enterprise/Education/IoT Enterprise ที่ออกช่วงปลายปี 2017 จะหมดระยะซัพพอร์ตในเดือนเมษายน 2020 หรือในเดือนหน้านี้เอง แต่ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ย่อมส่งผลให้องค์กรไม่สามารถอัพเดตระบบปฏิบัติการได้ง่ายนัก
ไมโครซอฟท์เลยประกาศขยายระยะเวลาซัพพอร์ต Windows 10 v1709 Enterprise ไปอีก 6 เดือน เป็นเดือนตุลาคม 2020 เพื่อให้องค์กรยังมีเวลาหายใจกันบ้าง
ที่มา - Microsoft |
# HMD Global เปิดตัว Nokia 5310 ฟีเจอร์โฟนรีเมคจากรุ่น XpressMusic เมื่อ 13 ปีที่แล้ว
HMD Global เปิดตัวมือถือโนเกียรีเมคใหม่คือ Nokia 5310 ที่รีเมคจาก Nokia 5310 XpressMusic มือถือที่เน้นเรื่องการเล่นเพลงในยุคปี 2007 หรือราว 13 ปีที่แล้ว
ตัวมือถือ Nokia 5310 รุ่นดั้งเดิมจะมีปุ่มเล่นเพลง 3 ปุ่ม, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และช่องเสียบ microSD สูงสุด 4GB ซึ่งรุ่นรีเมคจะมาพร้อมกับดีไซน์แคนดี้บาร์พร้อมแถบข้างสีแดงที่วางปุ่มเล่นเพลง โดยฝั่งซ้ายจะเป็นปุ่มปรับเสียง และฝั่งขวาจะเป็นปุ่มเล่น/หยุด, ไปข้างหน้า และถอยกลับ ซึ่งจะมาพร้อมระบบรับวิทยุเอฟเอ็ม และคงช่องเสียบหูฟังไว้ ส่วนช่องเสียบ microSD จะรองรับสูงสุดถึง 32GB
ในด้านจอ รุ่นรีเมคจะใช้จอ QVGA 2.4 นิ้ว พร้อมปุ่มกด T9 ภายในตัวเครื่องใช้ชิพ MT6260A MediaTek พร้อมแรม 8MB และแบตเตอรี่ 1,200mAh แบบถอดเปลี่ยนได้ อยู่ในโหมดสแตนด์บายได้นานสุด 30 วัน
Nokia 5310 รุ่นรีเมคจะวางจำหน่ายในสีขาวหรือดำราคา 39 ยูโร โดย Nokia 5310 ถือเป็นรุ่นรีเมครุ่นที่ 4 ถัดจาก Nokia 3310, Nokia 8110 ทรงกล้วย และ Nokia 2720 Flip
ที่มา - Engadget
ภาพจาก HMD Global |
# Elon Musk ระบุ Tesla จะผลิตเครื่องช่วยหายใจเพื่อผู้ป่วย COVID-19 ถ้าโรงพยาบาลมีไม่พอ
ตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสในสหรัฐอเมริกายังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้ Elon Musk ได้แสดงความเห็นว่าการตื่นตระหนกกับเรื่องนี้นั้น "ไร้สาระ" และต่อมาก็บอกว่าความอันตรายจากการตื่นตูมนั้นร้ายแรงกว่าตัวไวรัสเสียอีก ก่อให้เกิดกระแสด้านลบกับตัวเขาอย่างมาก
ล่าสุดเมื่อเช้าวันนี้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งทวีตไปหา Elon Musk ว่าให้เลิกงี่เง่าเสียที แล้วปรับสายการผลิตในโรงงาน Tesla เพื่อมาผลิตเครื่องช่วยหายใจโดยด่วน ซึ่ง Elon ก็ตอบกลับว่าพวกเขาจะผลิตเครื่องช่วยหายใจ หากเกิดภาวะขาดแคลนขึ้นจริงๆ
ต่อมาก็มีผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายทวีตว่าตอนนี้ถือว่าขาดแคลนแล้ว พร้อมถามว่า Elon จะผลิตเครื่องช่วยหายใจกี่เครื่อง และ Elon ก็ตอบกลับว่า Tesla ผลิตรถยนต์ที่มีระบบหมุนเวียนอากาศชั้นเลิศ ส่วน SpaceX ก็ผลิตยานอวกาศที่มีระบบพยุงชีพ พร้อมบอกว่าการผลิตเครื่องช่วยหายใจไม่ยาก แต่ทำไม่ได้ในทันที อย่างไรก็ตาม Elon ถามกลับว่าโรงพยาบาลไหนที่ขาดแคลน ซึ่งก็โดนชาวทวิตเตอร์ถล่มกลับว่าทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศก็ขาดแคลนกันทั้งนั้น
ตามรายงานระบุว่าโรงพยาบาลทั่วสหรัฐฯ มีเครื่องช่วยหายใจราว 162,000 เครื่อง และมีสำรองของรัฐอีกราว 12,700 เครื่อง แต่สำนักข่าว New York Times คาดว่าหากตัวเลขผู้ป่วยยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็น่าจะมีเครื่องช่วยหายใจไม่พอ
ขณะนี้ยังไม่มีการตอบกลับจาก Elon Musk ว่าเขาจะผลิตเครื่องช่วยหายใจจริงหรือไม่
ที่มา - The Mercury News |
# Logitech เปิดตัว Combo Touch คีย์บอร์ดเคสพร้อมแทรกแพด ทางเลือกเพื่อผู้ใช้ iPad ที่ไม่รองรับ Magic Keyboard
Logitech เปิดตัวคีย์บอร์ดเคสใหม่ในชื่อว่า Combo Touch ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดเคสพร้อมแทรกแพด เป็นทางเลือกให้ผู้ใช้ iPad (2019), iPad Air (2019) และ iPad Pro (2017) ที่ไม่สามารถใช้คีย์บอร์ดเคสของ Apple ได้
ตัวคีย์บอร์ดของ Logitech จะเชื่อมต่อกับ iPad ผ่าน Smart Connector โดยจะมาพร้อมฟีเจอร์ที่คล้ายกับ Magic Keyboard ของ Apple หลายอย่าง เช่น ไฟส่องสว่างใต้คีย์บอร์ด, แทรกแพดที่รองรับระบบ gesture เป็นต้น และเนื่องจากตัวคีย์บอร์ดต่อกับ iPad ผ่าน Smart Connector ผู้ใช้จึงสามารถดึงออกได้ตลอดเวลาที่ไม่ต้องการใช้งาน
Logitech จะเริ่มวางจำหน่ายคีย์บอร์ดเคสนี้ในเดือนพฤษภาคม โดยราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 149.99 ดอลลาร์
ที่มา - Logitech, Engadget |
# ไมโครซอฟท์ระบุ COVID-19 ทำผู้ใช้ Teams พุ่ง 44 ล้านคนต่อวัน
ไมโครซอฟท์รายงานสถิติการใช้งาน Microsoft Teams ในโอกาสครบรอบ 3 ปีของบริการ และผลกระทบจากโรค COVID-19 ที่ทำให้อัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สถิติการใช้งาน Teams เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2020 ยังคงอยู่ที่ 32 ล้านคนต่อวันซึ่งยังเป็นไปตามแนวโน้มความเติบโตปกติ แต่เพียงสัปดาห์เดียวยอดผู้ใช้ก็สูงขึ้นกลายเป็น 44 ล้านคนเมื่อวันที่ 18 มีนาคม
สำหรับองค์กรที่ใช้งาน Teams ขนาดเกินแสนคนนั้นก็เพิ่มขึ้นเป็น 20 องค์กร เช่น Ernst & Young, SAP, Accenture เป็นต้น
ที่มา - Microsoft |
# Microsoft Teams เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ชุดใหญ่ ตัดเสียงรบกวน, ยกมือขอพูดในที่ประชุม, แชตแยกหน้าต่าง
ไมโครซอฟท์ประกาศอัพเกรดฟีเจอร์ชุดใหม่ในบริการ Microsoft Teams ในโอกาสครบรอบบริการสามปี โดยมุ่งไปที่การใชังานระดับมืออาชีพมากขึ้น ได้แก่
ลดเสียงรบกวน บริการจะตัดเสียงพื้นหลังหรือแม้แต่เสียงคีย์บอร์ดออกไปให้เหลือแต่เสียงพูด
ยกมือระหว่างประชุม สามารถกดยกมือเพื่อขอพูดในที่ประชุมได้ โดยเฉพาะการประชุมออนไลน์ที่มีคนร่วมเยอะๆ
หน้าต่างแชตแยก (pop out) สามารถแยกหน้าต่างแชตออกมาต่างหาก คล้ายกับการ pop up สำหรับการเขียนอีเมล
แชตแบบออฟไลน์ รองรับการพูดคุยเหมือนอีเมล โดยส่งข้อความตอบกลับไว้ได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต
นอกจากฟีเจอร์ของตัวบริการเองแล้ว Teams ยังรองรับฮาร์ดแวร์มากขึ้น เช่น แว่นตาสวมหัวจาก RealWear สามารถคุยและส่งภาพจากกล้องสวมหัวไปยังเจ้าหน้าที่ สำหรับการซัพพอร์ตคนทำงานหน้าไซต์งาน (first line) เช่นการซ่อมเครื่องจักรที่ต้องการความช่วยเหลือจากหัวหน้าช่าง กล้องติดจอภาพ Yealink VC210 ที่ได้รับการรับรองว่าทำงานร่วมกับ Teams ได้เต็มที่ หรือหูฟัง Bose 700 UC
ฟีเจอร์ทั้งหมดยังไม่ได้ปล่อยทันที แต่จะปล่อยภายในสิ้นปีนี้
ที่มา - Microsoft |
# Square Enix เตือน แผ่นเกม FF7 Remake อาจวางขายไม่ทัน 10 เมษายน จากปัญหาไวรัส
Square Enix ออกประกาศเตือนให้ลูกค้า Final Fantasy VII Remake ที่สั่งซื้อเกมแบบแผ่นดิสก์ ว่าสถานการณ์ COVID-19 ทำให้อาจส่งแผ่นให้ไม่ทันวันวางขาย 10 เมษายน ซึ่งสถานการณ์ขึ้นกับระบบการจัดส่งในแต่ละประเทศ
Final Fantasy VII Remake จะยังเปิดขาย 10 เมษายนตามกำหนดเดิม โดยผู้เล่นที่ซื้อเกมแบบดิจิทัลจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
Square Enix บอกว่าจะทยอยแถลงรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป
ที่มา - Kotaku |
# EU ขอ Netflix หยุดสตรีมแบบ HD เพื่อการใช้งานเน็ตลื่นไหลในช่วงวิกฤตที่ความต้องการใช้เน็ตสูง
หลายประเทศในยุโรปออกมาตรการ lock down ประชาชนต้องกักตัวอยู่บ้าน บริษัทห้างร้านโรงเรียนปิดหมดเพื่อลดการแพร่ระบาด COVID-19 การใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นปัจจัยสำคัญอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งการเรียนออนไลน์ work from home และความบันเทิงต่างๆ
ล่าสุด Thierry Breton กรรมาธิการยุโรปซึ่งรับผิดชอบด้านอินเทอร์เน็ตโพสต์ทวิตเตอร์ว่าได้พูดคุยกับ Reed Hastings ซีอีโอ Netflix ถามถึงความเป็นไปได้ว่า จะเป็นไปได้ไหม ถ้า Netflix จะสตรีมเนื้อหาที่คววามละเอียดธรรมดา ไม่ใช่ HD เพื่อให้ไม่กระทบแบนวิดธ์ เขายังติดแฮชแท็ก #SwitchtoStandard ด้วย
โฆษก Netflix ระบุว่า ทางบริษัทเน้นความสำคัญของประสิทธิภาพเครือข่ายมานาน และ Thierry Breton ก็มีสิทธิ์เต็มที่ที่จะสร้างความมั่นใจว่าอินเทอร์เน็ตจะสามารถใช้งานได้ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ และจะมีการพูดคุยเรื่องนี้อักครั้ง
ที่มา - CNN |
# GOG แจกเกมฟรี 27 เกม ไว้เล่นช่วงกักตัวเพราะ COVID-19
GOG เว็บไซต์จำหน่ายเกมในเครือ CD Projekt RED จัดแพ็คเกมที่มีชื่อว่า “อยู่บ้านเล่นเกมไปนะ” (Stay at home and play some games) ซึ่งเป็นการรวมเกมฟรี 27 เกมในเว็บ มาไว้ในแพ็คเดียวกัน ให้คนที่โดนกักตัวอยู่บ้านได้มีอะไรทำแก้เบื่อกันไปยาวๆ ส่วนคนที่ work from home อาจจะต้องแบ่งเวลาเล่นเกมกับทำงานดีๆ (หรือไม่ให้เจ้านายจับได้) ซึ่งเกมที่แจกฟรี มีดังนี้
Akalabeth: World of Doom
Alder’s Blood Prologue
Beneath a Steel Sky
Bio Menace
Builders of Egypt: Prologue
Cayne
Doomdark’s revenge
Eschalon: Book I
Flight of the Amazon Queen
GWENT: The Witcher Card Game
Hello Neighbor Alpha Version
Jill of the Jungle: The Complete Trilogy
Legend of Keepers: Prologue
The Lords of Midnight
Lure of the Temptress
Overload – Playable Teaser
Postal: Classic and Uncut
Sang-Froid: Tales of Werewolves
Shadow Warrior Classic Complete
Stargunner
Sunrider: Mask of Arcadius
Teenagent
Treasure Adventure Game
Tyrian 2000
Ultima 4: Quest of the Avatar
Ultima World of Adventure 2: Martian Dreams
Worlds of Ultima: The Savage Empire
Hello Neighbor Alpha Version
ที่มา - ExtremeTech |
# Overwatch เปิดตัวฮีโร่ใหม่ Echo หุ่นยนต์สาวสุดล้ำจากผู้สร้างหุ่นยนต์ Omnics
ก่อนหน้านี้ Echo หุ่นยนต์สาวเคยโผล่มาครั้งแรกจากแอนิเมชัน “Reunion” ที่ McCree ไปชิงมาจากแก๊งค์ Deadlock ของ Ashe ก่อนจะปรากฎอีกครั้งในภาคอาร์ตเวิร์คที่เป็นการบอกใบ้ว่า Echo อาจเป็นฮีโร่ตัวใหม่
วันนี้ทาง Blizzard เปิดตัว Echo อย่างเป็นทางการแล้วในฐานะฮีโร่ใหม่ พร้อมปล่อยคลิปเนื้อเรื่องต้นกำเนิดของเธอออกมา ที่เฉลยว่า Echo เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างโดย ด็อกเตอร์ Mina Liao ผู้สร้าง Omnics ที่ภายหลังได้เข้าร่วม Overwatch และสร้างเธอขึ้นมา เพื่อเป็นผู้สืบทอดจิตวิญญาณที่ต้องการเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้น และเพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่เธอเคยสร้าง Omnics ที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติขึ้นมา
Blizzard ยังไม่เปิดเผยวันที่ Echo จะถูกเพิ่มเข้าไปในเกม แต่ในภาพ teaser ใหม่บน Twitter ของ Overwatch ในช่อง Date บนแฟ้มโปรไฟล์ของเธอ มีเลข “3/23” อยู่ด้วย ซึ่งอาจแปลว่าเธอจะถูกเพิ่มเข้ามาในเกม ในวันที่ 23 มีนาคมนี้ก็เป็นได้
ภาพจาก twitter: Overwatch
ที่มา - PlayOverwatch |
# Realme แบรนด์ลูก Oppo แตกแบรนด์ย่อยของตัวเอง Narzo จับตลาดราคาถูก สเปคแรง
ไม่รู้เป็น DNA ของสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนหรืออย่างไรที่ต้องแตกแบรนด์ลูกออกมากันแทบทุกแบรนด์ อย่างล่าสุดก็ Realme ที่เป็นแบรนด์ลูกของ Oppo แตกแบรนด์ลูกของตัวเองอีกที (แบรนด์หลาน Oppo?) ในชื่อ Narzo โดยจะเน้นที่สมาร์ทโฟนราคาถูก
Realme ระบุว่า Narzo จะเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับคนรุ่นใหม่ (Gen-Z) เน้นประสิทธิภาพและคาดว่าจะชนกับแบรนด์ Poco โดยตรง (สเปคดีราคาถูก) โดย Narzo จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของตัวเองในอินเดีย แต่ยังไม่ระบุกรอบเวลา
ที่มา - Android Central, Realme Narzo |
# ไม่มีอีเวนต์เปิดตัวไม่ใช่ปัญหา Craig Federighi ออกวิดีโอสาธิตการใช้ Trackpad บน iPad Pro รุ่นใหม่
Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิล ได้เผยแพร่วิดีโอสาธิตการใช้งาน iPad Pro รุ่นใหม่ คู่กับ Magic Keyboard ใหม่ ผ่านเว็บไซต์ The Verge เพื่อให้เห็นภาพเวลาใช้งานมากขึ้น เนื่องจากครั้งนี้แอปเปิลไม่ได้จัดงานเปิดตัวในรูปแบบเดิมเพราะปัญหา COVID-19
ในวิดีโอนั้น Craig บอกว่าเคอร์เซอร์ที่แสดงบนหน้าจอ ออกแบบมาสำหรับ iPadOS โดยเฉพาะ บนแนวคิด Touch-First คือต้องแตะ Trackpad ก่อนจึงจะปรากฏเคอร์เซอร์ ไม่เหมือนกับเวลาใช้ Mac ที่แสดงเคอร์เซอร์ค้างตลอด
หน้าตาของเคอร์เซอร์จะเป็นปุ่มรูปวงกลม และเปลี่ยนรูปร่างเมื่อลากผ่านไอคอนต่าง ๆ ในแอป และสะดวกมากขึ้นเมื่อต้องจัดการกับข้อความ เพราะสามารถเลือก ลาก คลุมข้อความที่ต้องการได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับ Gestures ต่าง ๆ เหมือนเวลาสัมผัสหน้าจอ iPad Pro
วิดีโอสาธิตสามารถชมได้จากที่มา
ที่มา: The Verge |
# ท้าชนแบบจัดเต็ม เปรียบเทียบสเปก PlayStation 5 vs Xbox Series X
ตอนนี้ทั้งฝั่ง PS5 และ Xbox Series X ก็เปิดตัวสเปกกันไปจนครบแล้ว ถึงแม้ PS5 จะยังไม่เปิดเผยหน้าตา และข้อมูลพอร์ตเชื่อมต่ออย่างละเอียด แต่ข้อมูลสเปกภายในก็อยู่ในจุดที่พอจะเปรียบเทียบกันได้ ลองมาดูกันดีกว่าว่าเครื่องในของทั้งสองค่าย เหมือนหรือต่างกันยังไงบ้าง
ตัวประมวลผลกลาง ทั้งสองค่ายใช้ซีพียู 8 แกน สถาปัตยกรรม Zen 2 ของ AMD แบบคัสตอมเหมือนกัน (ต่างคนต่างสั่ง) แตกต่างกันที่ซีพียูของ Xbox Series X จะมีความเร็วคล็อคที่ 3.8GHz และ 3.6GHz ถ้าทำงานด้วยระบบ SMT (Simultaneous Multithreading เทคโนโลยีประมวลผลพร้อมกันหลายเธร็ดที่ AMD ใช้)
ส่วนซีพียูของ PS5 จะมีความเร็วคล็อคสูงสุดที่ 3.5GHz โดยจะใช้ระบบที่เรียกว่า ‘boost’ ที่ไม่ใช่การเพิ่มความเร็วซีพียูแบบที่เราคุ้นเคยกัน แต่เป็นการจ่ายไฟแบบคงที่ให้กับระบบอยู่ตลอดเวลา (constant power budget) จากนั้นตัวชิปจะมีการตรวจวัดและแบ่งจ่ายไฟไปให้กับส่วนต่างๆ เช่นซีพียู หรือจีพียู ตามความหนักในการประมวลผลในเวลานั้น ทำให้ผู้พัฒนาเกม ไม่ต้องออกแบบเกมโดยมาคอยกังวลกับกระแสไฟที่ขึ้นๆ ลงๆ หรือความร้อนในตัวเครื่องที่สูงจนเกินไป
แรม ทั้ง PS5 และ Xbox Series X จะมีแรม 16GB เท่ากัน ของ PS5 จะมีแบนด์วิธ 448GB/s แต่ของ Xbox Series X จะแยกเป็นแบนด์วิธ 560GB/s ขนาด 10GB กับแบนด์วิธ 335GB/s อีก 6 GB ตรงนี้น่าจะขึ้นอยู่กับการจัดการแรมของทั้งสองค่าย ว่าดีกว่ากันแค่ไหน แต่การมีหน่วยความจำที่มีแบนด์วิธ 560GB/s ของ Xbox Series X ก็น่าจะได้เปรียบอยู่พอสมควร
จีพียูของทั้งสองค่าย ใช้เป็น RDNA 2 เหมือนกัน (ต่างคนต่างสั่งอีกเช่นกัน) แต่ความเร็ว จำนวน TFLOPS และ CU (Compute unit) ไม่เท่ากัน ของ PS5 จะอยู่ที่ 10.28 TFLOPS และมี 36 CUs ที่ความเร็ว 2.23GHz ส่วน Xbox Series X ความสามารถประมวลผลจะอยู่ที่ 12 TFLOPS และมี 52 CUs ที่ความเร็ว 1.825GHz ทั้งสองค่ายรองรับการประมวลผล ray tracing ในระดับฮาร์ดแวร์ PS5 จะใช้ Intersection Engine ส่วน Microsoft จะรองรับ DirectX Ray Tracing
ที่ต่างกันมากอีกส่วนน่าจะเป็นตัวเก็บข้อมูล ที่ Xbox Series X ใช้ SSD NVMe 1TB แบบคัสตอม ที่มีความเร็ว 2.4 GB/s (Raw) ส่วน PS5 ใช้หน่วยความจำ SSD NVMe แบบ PCIe 4.0 ขนาด 825GB ที่มีความเร็วถึง 5.5GB/s (Raw) เลยทีเดียว และ Sony ก็ดูจะสนใจในด้านความเร็วในการโหลดข้อมูล ที่มีผลต่อการโหลดฉากเป็นพิเศษ เพราะจะมีผลต่อการออกแบบเกมในอนาคต ที่ผ่านมา ฉากที่ต้องออกแบบให้คดเคี้ยวหรือมีมุมมองแคบ หรือการที่ตัวละครไม่สามารถเคลื่อนที่เร็วเกินระดับหนึ่งได้ ล้วนมาจากข้อจำกัดด้านความเร็วในการโหลดฉากของฮาร์ดดิสก์
ทาง Xbox โฆษณาฟังก์ชั่น Quick Resume ที่จะเก็บสถานะของเกมที่เล่นค้างไว้ใน SSD และสามารถกลับเข้าเกมในจุดที่หยุดเกมไว้ได้ทันทีโดยไม่ต้องโหลดเกมใหม่ตั้งแต่ต้น แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าจะสามารถเก็บสถานะของเกมไว้ได้พร้อมกันกี่เกม (แต่ในวิดีโอตัวอย่าง โชว์ 5 เกม ลิมิตอาจจะอยู่ที่ 5)
ส่วนการต่อฮาร์ดดิสก์เพิ่ม ทั้งสองเจ้ารองรับฮาร์ดดิสก์ภายนอกแบบทั่วไปด้วยพอร์ต USB แต่การเพิ่มฮาร์ดดิสก์ในตัวเครื่อง สำหรับ Xbox Series X จะต้องซื้อการ์ด SSD ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษจากทาง Xbox เท่านั้น ส่วนของ PS5 สามารถซื้อ SSD NVMe PCIe 4.0 ตามท้องตลาดได้ แต่ก็ต้องเป็นรุ่นที่ Sony รับรองเช่นเดียวกัน
มาถึงตรงนี้ ถ้าดูจากสเปกแล้ว Xbox Series X น่าจะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าแทบจะทุกด้าน แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าบางครั้งสเปกบนกระดาษ ไม่ได้สะท้อนประสิทธิภาพจริงเสมอไป ยังมีตัวแปรอีกหลายด้านที่ต้องรอวัดกันในตอนที่เครื่องออกและเล่นเกมบนเครื่องจริงๆ อีกที และต้องไม่ลืมว่าหัวใจของเครื่องเกม คือตัวเกมบนเครื่องนั่นเอง |
# Vodafone เผยยอดใช้งานอินเทอร์เน็ตพุ่งขึ้น 50% ในบางประเทศในยุโรป
ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่จากสถานการณ์ที่คนส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านกันเพราะโรค COVID-19 โดยเฉพาะในยุโรปที่หลายประเทศสั่งปิดเมืองแล้ว เมื่อ Vodafone เปิดเผยว่ายอดใช้งานทราฟิคอินเทอร์เน็ตในบางประเทศของยุโรปเพิ่มขึ้นสูงถึง 50%
Vodafone ระบุว่าตัวเลขดังกล่าวน่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีก แต่ไม่ได้ระบุเจาะจงว่าประเทศไหนที่มีจำนวนปริมาณทราฟิคอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึนมากที่สุด แต่ก็คาดว่าอาจเป็นหนึ่งในประเทศที่รัฐบาลมีคำสั่งปิดเมืองอย่างสเปน, อิตาลีและฝรั่งเศส โดย Vodafone มีลูกค้าในภูมิภาคยุโรปทั้งหมดราว 120 ล้านคน ขณะที่เฉพาะในสหราชอาณาจักร Vodafone ระบุว่าทราฟิคเพิ่มขึ้นราว 30% จากลูกค้า 18 ล้านคน
ที่มา - The Guardian
ภาพจาก Shutterstock |
# ไม่ต้องอัพเกรดยกชุด! Magic Keyboard รุ่นใหม่ รองรับการใช้งานกับ iPad Pro ปี 2018 ด้วย
ไฮไลท์หนึ่งของ iPad Pro รุ่นใหม่ที่แอปเปิลเปิดตัวเมื่อคืนนี้ คืออุปกรณ์เสริม Magic Keyboard ใหม่ ที่มาพร้อมกับ Trackpad พร้อมขาตั้งที่ยกหน้าจอ iPad Pro ให้ลอยขึ้นมา และยังมีพอร์ต USB-C สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม แต่ข่าวดีคือไม่จำเป็นต้องอัพเกรด iPad Pro เป็นรุ่นใหม่ เพื่อให้รองรับการใช้ Magic Keyboard ใหม่นี้
โดยแอปเปิลระบุว่า Magic Keyboard ใหม่นี้ จะรองรับการใช้งานร่วมกับ iPad Pro ทั้งรุ่นหน้าจอ 12.9 นิ้ว และ 11 นิ้ว ที่วางจำหน่ายในปี 2018 ด้วย (12.9" 3rd Gen และ 11" 1st Gen)
Magic Keyboard ใหม่ จะรองรับการทำงานร่วมกับ iPadOS 13.4 ขึ้นไป อย่างไรก็ตามสินค้าจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม โดยราคาขายอยู่ที่ 9,990 บาท สำหรับรุ่นใช้กับ iPad Pro 11 นิ้ว และ 11,690 บาท สำหรับรุ่น 12.9 นิ้ว
ที่มา: MacRumors และ แอปเปิล |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.