txt
stringlengths
202
53.1k
# [COVID-19] สตาร์ตอัพสหรัฐปลดพนักงานแล้วเกือบ 4,000 ราย, อาจต้องปิดตัวอีกมาก สำนักข่าว CNBC รวบรวมข้อมูลสตาร์ตอัพในสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 จนต้องปลดพนักงาน พบว่ามีกว่า 40 บริษัทแล้ว ส่งผลกระทบต่อพนักงาน 3,800 คนที่ต้องตกงาน สถานการณ์คนตกงานในสหรัฐอเมริกาล่าสุด มีคนตกงานมากกว่า 3.3 ล้านคนแล้ว และจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ นอกจากนี้ วงการนักลงทุน Venture Capital ก็เริ่มออกมาเตือนบรรดาสตาร์ตอัพแล้วว่า เงินทุนจะหายากมากขึ้น เราจึงจะได้เห็นการปิดกิจการของสตาร์ตอัพตามมาอีกระลอกใหญ่ ที่มา - CNBC ภาพจาก GettyImages
# SoftBank ตัดสินใจไม่ซื้อหุ้น WeWork จากผู้ถือหุ้นเดิม SoftBank ผู้ลงทุนรายใหญ่ของ WeWork ประกาศไม่เข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ตรงกับที่แจ้งผู้ถือหุ้นก่อนหน้านี้ โดยข้อตกลงระหว่าง WeWork และ SoftBank จะหมดอายุวันที่ 1 เมษายนทำให้ทาง SoftBank ออกมาประกาศเป็นทางการว่าจะไม่ซื้อหุ้น ทาง WeWork ระบุว่าผิดหวังกับการตัดสินใจนี้และจะพิจารณาช่องทางทางกฎหมายทุกช่องทาง ข้อตกลงส่วนอื่น รวมถึงการปล่อยกู้ 5 พันล้านดอลลาร์ยังคงอยู่ต่อไป ขณะที่ WeWork มีสัญญาค่าเช่ากับอาคารจำนวนมาก หากการปล่อยกู้ยังทำได้ตามข้อตกลงแสดงว่า SoftBank ต้องการกู้ชีวิตของ WeWork มากกว่าจะถือหุ้นเพิ่มเติม โดยเลือกช่องทางส่งเงินตรงเข้าบริษัทและทิ้งช่องทางการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม ที่มา - The New York Times
# Capcom แก้ปริศนาในเดโมเกม RE:3 Remake หลังไปตรงกับเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นรุกรานจีน หลังจากที่ Capcom ได้ปล่อยเดโมเกม Resident Evil 3 Remake เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี มีจำนวนรีวิวในแง่บวก 91% จาก 8,000 กว่ารีวิวใน Steam เนื่องจากตัวเกมรันได้ลื่นไหลและไม่จำกัดเวลาเหมือนตัวเดโมของภาค 2 แต่อยู่ดีๆวันนี้ก็มีการอัพเดทตัวเดโมโดยที่ไม่มีการแจ้งรายละเอียดของอัพเดทแต่อย่างไรทั้งๆที่ตัวเกมเต็มจะเปิดให้เล่นในคืนนี้เวลา 5 ทุ่มแล้ว ล่าสุดมีผู้ไปพบว่าทาง Capcom ได้ไปแก้ปริศนาหนึ่งในตัวเกมเดโม ที่ผู้เล่นต้องหารหัสเปิดเซฟและรหัสดังกล่าวคือ 918 ทำให้ผู้เล่นชาวจีนมองว่าตรงกับเหตุการณ์ 18 กันยายน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นได้ไปรุกรานจีนเมื่อวันที่ 18 กันยายนปี 1931 หรืออีกชื่อก็คืออุบัติการณ์มุกเดน ทำให้ชาวจีนบางส่วนไม่พอใจและเชื่อว่า Capcom ตั้งใจที่จะดูถูกแฟนๆชาวจีน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดว่าตัวปริศนานี้ได้ถูกแก้ในตัวเกมเต็มหรือไม่ โดยตัวเกมเต็มจะเปิดให้เล่นในคืนนี้เวลา 5 ทุ่มตามเวลาประเทศไทย ผู้ที่สนใจสามารถไปจับจองได้ในแพลตฟอร์มที่สะดวกรวมถึงบน Steam ที่มา - The Gamer, Resident Evil 3: Raccoon City Demo ปริศนาดังกล่าวในเกมเดโม
# สู้ยิบตา! Intel เปิดตัวซีพียูโน้ตบุ๊ก Core 10th Gen รหัส H บูสต์ได้ถึง 5.3GHz หลังจากปล่อยให้ AMD ทำคะแนนนำไปก่อนกับซีรีส์ Ryzen 4000 วันนี้ Intel ไม่ยอมแพ้ กลับมาท้าชนด้วยซีพียูโน้ตบุ๊ก Core 10th Gen สถาปัตยกรรม Comet Lake H (14nm) รหัส H ที่พุ่งเป้าไปที่เหล่าเกมเมอร์ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ มีตัวท็อป Core i9-10980HK 8 คอร์ 16 เธรด 2.4 GHz และบูสต์ได้สูงสุดถึง 5.3GHz โดยรวมที่เปิดตัวในซีรีส์ดังนี้ Core™ i9-10980HK – 16M Cache 2.4 GHz up to 5.3 GHz (8 Core 16 Threads) Core™ i7-10875H – 16M Cache 2.3 GHz up to 5.1 GHz (8 Core 16 Threads) Core™ i7-10850H – 16M Cache 2.7 GHz up to 5.1 GHz (6 Core 12 Threads) Core™ i7-10750H – 16M Cache 2.6 GHz up to 5.0 GHz (6 Core 12 Threads) Core™ i5-10400H – 8M Cache 2.6 GHz up to 4.6 GHz (4 Core 8 Threads) Core™ i5-10300H – 8M Cache 2.5 GHz up to 4.5 GHz (4 Core 8 Threads) Intel กล่าวว่า 60% ของซีพียูตระกูลนี้ จะสามารถบูสต์สัญญาณนาฬิกาแบบแกนเดียวได้สูงกว่า 5.0GHz ในขณะที่ AMD ทำได้แค่ 4.4GHz พร้อมกล่าวว่าจะมีโน้ตบุ๊กแบบบางเบา (thin-and-light laptops) ที่ใช้ชิปตระกูลนี้กว่า 30 รุ่น ที่พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนเป็นต้นไป และจะมีโน้ตบุ๊กแบบปกติรุ่นอื่นๆ ตามมาอีกกว่า 100 รุ่นภายในปีนี้ ซีพียู Core 10th Gen ของ Intel จะมาพร้อมกับบอร์ดที่รองรับ Intel Wi-Fi 62 AX201 Gig+ รองรับ Thunderbolt 3 และรองรับ SSD ที่มีเทคโนโลยี Intel Optane memory H10 แต่ส่วนมากมักจะมีราคาที่แรงกว่า AMD ส่วนประสิทธิภาพในการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ต้องติดตามกันต่อไป ที่มา - VentrueBeat
# ไมโครซอฟท์ทดสอบโลโก้ใหม่ Bing โค้งมนกว่าเดิม ตามแนวทาง Fluent Design มีผู้ใช้ Bing บางรายในสหรัฐ ค้นพบว่าไมโครซอฟท์เริ่มทดสอบโลโก้ใหม่ของ Bing ที่ปรับใหม่ตามแนวทาง Fluent Design ให้โค้งมน เล่นแสงเงามากขึ้น คล้ายกับโลโก้ใหม่ของ Microsoft Office มากขึ้น ไมโครซอฟท์ยังไม่ประกาศเรื่องการเปลี่ยนแปลงของโลโก้ Bing อย่างเป็นทางการ ที่มา - Thurrott
# [ลือ] YouTube เตรียมปล่อยฟีเจอร์ Shorts วิดีโอสั้นในแอปชน TikTok The Information รายงานข้อมูลวงในว่า YouTube เตรียมจะเปิดตัวฟีเจอร์ Shorts สำหรับโพสต์วิดีโอขนาดสั้นภายในแอปลักษณะเดียวกับ TikTok หลังจากก่อนหน้านี้ก็มีฟีเจอร์ Story แบบเดียวกับใน Instagram/Snapchat มาแล้ว YouTube มีคลังเสียง เพลงและวิดีโออยู่มหาศาลซึ่งเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบของ YouTube ขณะที่ TikTok ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้รับความนิยมพุ่งขึ้นสูงมากในซีกโลกตะวันตก จากการที่คนส่วนใหญ่กักตัวอยู่บ้าน โดยข้อมูลจาก App Annie เผยว่าอัตราเติบโตของผู้ใช้งานบน TikTok สูงถึง 125% ในรอบสองปีที่ผ่านมา ที่มา - The Information (ต้องสมัครสมาชิก) via The Next Web
# Apple จะเลิกหักค่าธรรมเนียมของบริการสตรีมมิ่งบางเจ้าบน App Store Apple ออกแถลงการเมื่อวันพุธนี้ ว่าจะเลิกหักค่าธรรมเนียมในการทำรายการผ่าน In-app purchase ของแอปสตรีมมิ่งบางแอปที่ “ผ่านเกณฑ์” เช่น Amazon’s Prime Video ก่อนหน้านี้ หากผู้ใช้ต้องการซื้อหรือเช่าหนังและเพลง ไปจนถึงสมัคร subscription รายเดือนบนแอปสตรีมมิ่งต่างๆ ผ่าน App Store ทาง Apple จะบังคับให้ผู้ใช้ ใช้ช่องทางการจ่ายเงินของ Apple เท่านั้น และเรียกเก็บค่าบริการตั้งแต่ 15 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินทั้งหมดที่แอปสตรีมมิ่งนั้นจะได้รับ แอปสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ Spotify ชี้ช่องทางให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงการชำระเงินนี้ โดยให้ผู้ใช้สมัครและผูกบัตรเครดิตกับตัวบริการเองโดยตรงแทน และใช้แอปเป็นเพียงช่องทางการล็อกอินเข้าไปใช้งานเท่านั้น Spotify ได้เคยยื่นคำร้องต้านการผูกขาด (anititrust complaint) กับคณะกรรมาธิการยุโรป ในกรณีที่ Apple เรียกเก็บเงินค่าบริการเพิ่มนี้ ว่าทำให้ผู้ใช้ที่ใช้อุปกรณ์ของ Apple เช่น iPhone ชำระเงินให้กับ Spotify ได้ยากกว่า Apple Music นอกจากนี้ Spotify ยังยื่นเรื่องต่อกระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการตุลาการของสภาผู้แทนราษฏร (House Judiciary Committee) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อร้องเรียนในกรณีนี้ด้วย Apple ได้ออกแถลงการกับ Reuters ว่าหลังจากนี้ “ผู้ใช้จะสามารถซื้อหรือเช่าภาพยนตร์และรายการทีวี ผ่านช่องทางการชำระเงินที่ผูกกับผู้ให้บริการสตรีมวิดีโอแบบพรีเมี่ยมที่ผ่านเกณฑ์ เช่น Prime Video, Altice One และ Canal+ ได้โดยตรง” กล่าวคือจะไม่บังคับใช้ช่องทางการชำระเงินของ Apple เองอีกต่อไป และนอกจากนี้จะเพิ่มฟังก์ชั่นให้ Siri สามารถแนะนำหนังหรือรายการทีวี บนแอปจากผู้พัฒนาอื่นที่ไม่ใช่ Apple ได้ด้วย Apple ไม่ได้ให้ข้อมูลว่าเริ่มให้ใช้วิธีการนี้เมื่อไร และแอปแบบไหนถึงถูกนับว่า “ผ่านเกณฑ์” หรือ Netflix และ Spotify จะได้รับการยกเว้นนี้ด้วยหรือไม่ และการตัดสินใจนี้ มาหลังจากที่ Apple เปิดตัวบริการสตรีมมิ่ง Apple TV+ ของตัวเองไปเมื่อปีที่แล้ว ที่มา - Reuters
# Ford ประกาศจะผลิตเครื่องช่วยหายใจอีก 50,000 เครื่องภายใน 100 วัน Ford ประกาศจะผลิตเครื่องช่วยหายใจให้ได้ 50,000 เครื่องภายในระยะเวลา 100 วันนับตั้งแต่ 20 เมษายนเป็นต้นไป หลังเป็นพาร์ทเนอร์กับ GE Healthcare เพื่อนำเครื่องช่วยหายใจรุ่น GE/Airon โมเดล A-E มาผลิต โดย Ford ต้องรอการรับรองด้านกฎหมายในการเป็นผู้ผลิตเครื่องช่วยหายใจรุ่นดังกล่าวให้ GE Ford ระบุว่าจะใช้โรงงานชิ้นส่วนในรัฐมิชิแกน ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตเครื่องช่วยหายใจได้ราว 30,000 เครื่องต่อเดือน โดย GE/Airon โมเดล A-E เป็นเครื่องช่วยหายใจที่ทำงานโดยอาศัยแรงดันลมทำให้ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าในการใช้งาน ทำให้สามารถใช้งานได้ทุกที่และค่อนข้างเหมาะสมสำหรับการใช้ในช่วงวิกฤติลักษณะนี้ ที่มา - Business Insider ภาพจาก Shutterstock
# iOS 13.4 และ macOS 10.15.4 เวอร์ชันล่าสุด พบปัญหา FaceTime ไปอุปกรณ์รุ่นเก่า iOS 9 ไม่ได้ มีรายงานจากผู้ใช้ iOS ใน Apple Support Communities ว่าพบปัญหาหลังอัพเดต iOS เวอร์ชัน 13.4 และ macOS เวอร์ชัน 10.15.4 ว่าไม่สามารถ FaceTime ทั้งแบบวิดีโอและเสียงกับอุปกรณ์ที่ใช้ iOS รุ่นเก่า iOS 9 ได้ จากที่ก่อนหน้านี้ก็ใช้งานได้ ซึ่งมีผู้พบปัญหาเช่นกันหลายคน เมื่อทดสอบปัญหานี้ โดยใช้ iOS 13.3.1 หรือ macOS 10.15.3 ที่เป็นอัพเดตก่อนหน้านี้ ยังสามารถ FaceTime หาอุปกรณ์รุ่นเก่าได้ ถ้าอ้างอิงหน้าสนับสนุนของแอปเปิล คำตอบมาตรฐานในการแก้ไขปัญหานี้ ก็คือให้อัพเดตระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชันล่าสุด โดยสำหรับ iOS นั้น เวอร์ชันสุดท้ายของ iOS 9 คือ iOS 9.3.6 ซึ่งออกมาปีที่แล้ว เพื่อแก้บั๊ก GPS อุปกรณ์ที่อัพเดตได้สูงสุดที่ iOS 9 ได้แก่ iPad 2, iPad 3, iPhone 4S, iPad mini รุ่นแรก และ iPod Touch 5 ที่มา: MacRumors
# Humble Bundle จัดเกม-อีบุ๊กชุดใหญ่สู้ COVID-19 รายได้บริจาคหน่วยงานการแพทย์ Humble Bundle จัดชุดคอนเทนต์รวมมิตรแก้เบื่อช่วง COVID-19 ในชื่อ Humble Conquer COVID-19 Bundle! บันเดิลชุดนี้ไม่ได้มีแค่เกมอย่างเดียว ยังรวมอีบุ๊ก คอมิก มังงะ แบบไร้ DRM อีกชุดใหญ่ด้วย เกมที่ร่วมรายการก็มีเกมอินดี้ดังๆ อย่าง Into the Breach, Undertale, Hollow Knight, Superhot, World of Goo, Super Hexagon รวมถึงเกมซีรีส์ Darksiders 2 ภาคแรกด้วย (รายชื่อเกมทั้งหมดดูได้จากที่มา) Humble Bundle บอกว่ามูลค่าคอนเทนต์ทั้งหมดในชุดคือ 1,071 ดอลลาร์ ราคาขายที่ 30 ดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดบริจาคให้หน่วยงานการกุศลด้านการแพทย์-สาธารณสุขที่กำลังเผชิญงานหนักในช่วงนี้ ที่มา - Humble Bundle
# Cloudflare เพิ่ม DNS 1.1.1.2 บล็อคมัลแวร์ และ 1.1.1.3 บล็อคเว็บโป๊ Cloudflare มีบริการ DNS ฟรีคือ 1.1.1.1 สำหรับการใช้งานเป็น DNS ตามปกติหรือใช้ผ่าน DNS-over-HTTPS เพื่อความเป็นส่วนตัว วันนี้ก็เพิ่มการใช้งานอีกสองแบบสำหรับการบล็อคมัลแวร์และการป้องกันเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ โดยเรียกว่า 1.1.1.1 for Families การใช้งานเพียงแค่เปลี่ยน DNS ในเราท์เตอร์ก็จะใช้งานได้ทั้งบ้าน โดย ใช้ 1.1.1.2 และ 1.0.0.2 เมื่อต้องการบล็อคเฉพาะมัลแวร์ และใช้ 1.1.1.3 และ 1.0.0.3 เมื่อต้องการบล็อคเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่และมัลแวร์ บริการ 1.1.1.1 for Families อยู่ในกลุ่มเดียวกับ Cloudflare Gateway ที่ใช้กรองโดเมนอันตรายสำหรับองค์กร อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าบริการ 1.1.1.3 นั้นบล็อคเนื้อหาด้าน LGBTQ ไปเสียหมดแม้จะเป็นเว็บข่าวไม่ใช่เว็บเนื้อหาผู้ใหญ่ก็ตาม John Graham-Cumming CTO ของ Cloudflare ออกมาตอบว่ากำลังแก้ไขและจะมีเว็บรายงานการบล็อคที่ผิดพลาดต่อไป ที่มา - Cloudflare
# Cloudflare เปิดให้ Windows, Mac OS ใช้บริการ VPN WARP ได้แล้ว เตรียมรองรับ Linux ทีหลัง ปีที่แล้ว Cloudflare เปิดบริการ VPN ที่ชื่อว่า WARP ที่ใช้ฟรีโดยไม่ต้องลงทะเบียน โดยรองรับเฉพาะอุปกรณ์เคลื่อนที่ ล่าสุดก็เปิดบริการบน Mac OS, และ Windows แล้ว WARP ยังมีบริการ WARP+ แบบเสียเงินที่ทาง Cloudflare ระบุว่าความเร็วจะดีกว่า แต่ทั้ง Mac OS และ Windows ยังไม่รองรับโดย Cloudflare ระบุว่าจะเปิดทดสอบในไม่กี่เดือนข้างหน้า และผู้ที่จ่ายเงินอยู่แล้วจะได้ใช้งานก่อนเป็นกลุ่มแรก ส่วนผู้ใช้ลินุกซ์ ทาง Cloudflare สัญญาว่าจะพัฒนาไคลเอนต์ให้เช่นกัน แต่จะทำหลังจาก Mac OS และ Windows เสร็จแล้ว ที่มา - Cloudflare
# GitLab ประกาศโยกฟีเจอร์ชุดใหญ่ 18 รายการเป็นโอเพนซอร์สให้ใช้ฟรี GitLab ประกาศโยกฟีเจอร์จากส่วนที่เคยมีให้กับลูกค้าเสียเงินเท่านั้น มาเป็นฟีเจอร์ของโครงการโอเพนซอร์สหลัก ทำให้ทุกคนจะเข้าถึงฟีเจอร์ชุดใหม่ได้ฟรีเมื่อกระบวนการโยกย้ายโค้ดเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าตัวโครงการ GitLab เองจะเป็นโอเพนซอร์สแต่ก็เปิดซอร์สเฉพาะส่วนแกนกลางหลัก และฟีเจอร์สำหรับองค์กรจำนวนมากนั้นไม่ได้เป็นโอเพนซอร์สและเก็บไว้สำหรับลูกค้าเสียเงิน แนวทางนี้คล้ายๆ กับโครงการโอเพนซอร์สอื่นๆ เช่น Elsticsearch, MongoDB, หรือ Red Hat Enterprise Linux แต่ล่าสุดทาง GitLab ก็ประกาศว่าได้รีวิวฟีเจอร์ต่างๆ แล้วตัดสินใจว่าฟีเจอร์ 18 รายการควรกลายเป็นฟีเจอร์ฟรี ฟีเจอร์ส่วนที่ยกมา แยกออกเป็นชุด Plan, Create, Verify, Release, Configure, และ Defend Plan: ระบบจัดการ issue รองรับการเชื่อม issue ที่เกี่ยวข้องกัน, export รายการ issue ออกจากระบบ, เพิ่ม focus mode ใน issue board, และเพิ่มบริการ Service Desk สำหรับเปิดให้คนนอกองค์กรเข้ามารายงานปัญหา Create: เพิ่ม Web Terminal ใน Web IDE, ซิงก์ไฟล์เข้า Web Terminal ได้, และเพิ่มส่วนระบบจัดการการออกแบบ Verify: ระบบรายงานคุณภาพโค้ดจะกลายเป็นฟีเจอร์โอเพนซอร์ส Package: รองรับ repository หลายภาษา ทั้ง Conan (C/C++), Maven (Java), NPM (JavaScript), และ NuGet (.NET) Release: canary deployment สำหรับการดีพลอยส่วนเล็กๆ ทดสอบฟีเจอร์ใหม่, incremental rollout ค่อยๆ ดีพลอยเวอร์ชั่นใหม่, feature flags เปิดปิดฟีเจอร์ได้, และ deploy board เป็น dashboard รายงานสถานะการ deploy Configure: รองรับการ deploy ลง Kubernetes หลายคลัสเตอร์แยกจากกัน Defend: ย้าย network policy สำหรับ container ให้เป็นโอเพนซอร์ส ตอนนี้กระบวนการย้ายฟีเจอร์ต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการย้ายโดย GitLab เปิด issue สำหรับแต่ละฟีเจอร์ไว้ให้ดูสถานะกันได้ ในเวอร์ชั่นต่อๆ ไปก็น่าจะได้รับฟีเจอร์เหล่านี้จนครบ ที่มา - GitLab
# Slack เปิดตัวฟีเจอร์โทรศัพท์ผ่าน Microsoft Teams, Zoom, WebEx และอื่น ๆ Slack เปิดตัวแอปใหม่ชื่อว่า Microsoft Teams Calls สำหรับให้ผู้ใช้ Slack สามารถโทรศัพท์ผ่าน Microsoft Teams ได้ทันที ฟีเจอร์นี้ไม่ได้เป็นการใช้ Slack โทรเข้า Microsoft Teams โดยตรง แต่เป็นปุ่มสำหรับ Slack ให้กดเพื่อเปิด Microsoft Teams และโทรศัพท์ ซึ่งผู้ใช้สามารถเซ็ท Microsoft Teams Calls เป็น calling provider หลักและเห็นว่าใครอยู่ในสายบ้างเมื่อกำลังจะกดเข้าร่วมประชุม รวมถึงระบบแจ้งเตือนอีเว้นท์จากแอป Outlook Slack ก็จะรองรับฟีเจอร์นี้ด้วยเช่นกัน แอป Microsoft Teams Calls สำหรับ Slack ดาวน์โหลดได้ทาง App Directory นอกจากร่วมกับ Teams แล้ว Slack ยังเปิดตัวแอปสำหรับโทรศัพท์ผ่าน VoIP โดยอินทิเกรตกับ Zoom, WebEx, Jabber, RingCentral และ Dialpad ด้วย ฟีเจอร์นี้ทำให้ผู้ใช้ Slack สามารถโทรผ่านผู้ให้บริการ VoIP ที่รองรับเข้าเบอร์โทรศัพท์ภายในอินเตอร์เฟสของ Slack ได้เลย ฟีเจอร์โทรศัพท์ทั้งหมดเปิดให้ใช้งานได้แล้ววันนี้ ที่มา - The Verge
# พบแอป Zoom บนวินโดวส์แปลงลิงก์แชร์ไฟล์ให้คลิกได้ เปิดทางแฮกเกอร์ล่อเอาค่าแฮชรหัสผ่าน ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @_g0dmode นักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์รายงานถึงพฤติกรรมพิเศษของแอป Zoom บนวินโดวส์ที่จะแปลง UNC หรือ Universal Naming Convention ที่เป็นระบบอ้างอิงไฟล์แชร์ของวินโดวส์ ให้กลายเป็นลิงก์ที่คลิกได้ ทำให้หากผู้ใช้ได้รับลิงก์และเพียงแค่คลิกลิงก์นั้น วินโดวส์ก็จะพยายามเปิดไฟล์แชร์ตามโปรโตคอล SMB พร้อมกับพยายามล็อกอิน แฮกเกอร์ที่เปิดเซิร์ฟเวอร์ SMB รอไว้จะได้รับข้อมูลชื่อล็อกอินและค่าแฮชของรหัสผ่าน ซึ่งหากรหัสผ่านผู้ใช้ไม่แข็งแกร่งพอก็อาจจะทำให้แฮกเกอร์สามารถหาค่ารหัสผ่านกลับมาได้ นอกจากการดึงข้อมูลล็อกอินแล้ว ช่องโหว่นี้หากอ้างอิงถึงไฟล์ executable บนเครื่องของเหยื่อเองก็อาจจะรันไฟล์ได้ อย่างไรก็ดีวินโดวส์จะแจ้งเตือนผู้ใช้ก่อนรันโปรแกรมขึ้นมาจริงๆ Matthew Hickey นักวิจัยความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อีกรายระบุว่า Zoom ไม่ควรแปลง UNC เป็นลิงก์ให้คลิกได้เช่นนี้ และเขาได้พยายามติดต่อ Zoom แล้วแต่ยังไม่มีการตอบกลับ พฤติกรรมการส่งข้อมูลล็อกอินไปยังงเซิร์ฟเวอร์แชร์ไฟล์เป็นค่าคอนฟิกเริ่มต้นของวินโดวส์แต่สามารถปิดการทำงานได้จาก Group Policy Editor หรือการแก้ค่า registry โดยตรง ที่มา - Bleeping Computer
# ROG เปิดตัว Zephyrus G15 ซีพียู AMD Ryzen 7 4800HS จอ 144Hz ราคา 39,990 บาท Asus ROG เปิดตัว Zephyrus G15 (GA502IU) โน้ตบุ๊กเกมมิ่งตัวแรกในไทยที่ใช้ซีพียู AMD Ryzen 7 4800HS สถาปัตยกรรม Zen 2 7nm มาพร้อมกับแรม 16GB การ์ดจอ GTX 1660Ti หน้าจอ 15.6 นิ้ว รีเฟรชเรต 144Hz อัตราการตอบสนอง 3ms และมี Adaptive Sync ตัวเครื่องหนาเพียง 19.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.1 กิโลกรัมรองรับการชาร์จแบบ PD ผ่าน USB-C รองรับ Wi-Fi 6 และมีลำโพงเสียง 7.1 แชนแนล ใช้ซอฟต์แวร์ Sonic Studio III สเปกแบบละเอียดมีดังนี้ ซีพียู AMD Ryzen 7 4800HS 8 คอร์ 16 เธรด หน้าจอ 15.6 นิ้ว IPS Panel 144Hz มี Adaptive Sync การ์ดจอ Geforce GTX 1660Ti 6 GB GDDR6 แรม 32GB DDR4 3200 MHz ฮาร์ดดิสก์ SSD NVMe PCIe 512GB ตัวรับสัญญาณ Intel WiFi 6 (802.11ax) + Bluetooth 5.0 พอร์ตเชื่อมต่อ USB 3.2 แบบ USB-A x3, USB 3.2 Gen 2 Type-C มี Display Port 1.4 และ PD x1, พอร์ต LAN x1, HDMI 2.0 x1, มีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และมี Kensington lock แบตเตอรี่ 76 Wh 4-cell Lithium-ion อแดปเตอร์ 180 W AC Adapter ขนาด 360 x 252 x 19.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.1 กิโลกรัม วางจำหน่ายที่ Asus Official Store และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ 1 เมษายนนี้ ในราคา 39,990 บาท ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# ผู้ให้บริการมือถือทั้ง 3 ค่ายในไทย เปลี่ยนชื่อเครือข่าย เป็นข้อความรณรงค์ให้คนอยู่บ้าน การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มมาหลายวันแล้วหากใครสังเกตเห็น โดยผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในไทยได้ทยอยเปลี่ยนข้อความ ที่อยู่ด้านบนของหน้าจอโทรศัพท์ จากเดิมเป็นชื่อเครือข่าย มาเป็นข้อความรณรงค์ให้อยู่บ้าน ตามแนวทาง อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ โดยดีแทคใช้ข้อความว่า Stay Safe เอไอเอสเปลี่ยนเป็น #StayHome และทรูมูฟ เอช ใช้คำว่า SafeAtHome เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ในไทยที่ทำ แต่การเปลี่ยนชื่อเครือข่ายเป็นข้อความรณรงค์ให้คนอยู่บ้านนั้น ผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลกต่างก็ทำเช่นกัน โดยหวังเป็นคำแนะนำเล็ก ๆ เพื่อบอกย้ำนั่นเอง อ้างอิง The Verge ภาพจาก Facebook dtac
# SCB เตือนระวัง LINE ปลอมทักหาเหยื่อ ของจริงบัญชีพรีเมียมมีสัญลักษณ์โล่ดาวสีเขียว จากเว็บธนาคารปลอม, SMS ปลอมไปจนถึงเพจเฟซบุ๊กปลอม วันนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ออกมาแจ้งเตือนว่ามีการใช้งาน LINE ธนาคารไทยพาณิชย์ปลอมที่ตั้งชื่อเหมือนของจริงและจะทักไปหาเหยื่อก่อนและหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว บัญชี LINE ปลอมมี 2 บัญชี อันแรกใช้ชื่อว่า SCB Connect เหมือนกับบัญชีจริง เพียงแต่เป็นบัญชีทั่วไปที่สามารถเพิ่มเพื่อนได้ และบัญชีคือ SCB EASY ที่เป็น LINE Official Account ทว่าเป็นแบบบัญชีฟรี ไม่ใช่บัญชีพรีเมียม ธนาคารไทยพาณิชย์เตือนว่าวิธีดูคือ SCB Connect ของจริง จะมีเครื่องหมายโล่ดาวสีเขียวที่แสดงว่าเป็นบัญชีพรีเมียม ขณะที่ของปลอมคือจะสามารถเพิ่มเพื่อนได้ (เป็นบัญชีทั่วไป) และเครื่องหมายโล่ดาวเป็นสีเทา (Official Account แบบฟรี) และแนะนำให้รายงานปัญหาหรือรีพอร์ท และบล็อคแอคเคาท์ปลอมเหล่านั้นทันที ส่วน LINE จริงของไทยพาณิชย์มี 2 บัญชีคือ SCB Thailand และ SCB Connect ที่มา - SCB
# Eclipse Theia ออกเวอร์ชัน 1.0, IDE ที่พัฒนาต่อจาก VS Code แต่รันในเบราว์เซอร์ได้ Eclipse Foundation เปิดตัว Eclipse Theia เวอร์ชัน 1.0 โดยเรียกมันว่าเป็น "IDE ทางเลือกของ Visual Studio Code" Theia (อ่านว่า "ธีอา" เป็นชื่อเทพธิดากรีก) เป็น code editor ที่ยอมรับตรงๆ ว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก Visual Studio Code และตัวมันเองก็เป็นการนำโค้ดของ VS Code มาพัฒนาต่อด้วย Eclipse Theia เขียนด้วยเทคโนโลยีเว็บ (เป็น TypeScript เหมือน VS Code) โดยใช้เอนจินแก้ไขโค้ด Monaco ตัวเดียวกัน และใช้ Language Server Protocol (LSP) ของ VS Code เพื่อรองรับภาษาโปรแกรมต่างๆ แถมใช้งานส่วนขยายของ VS Code ได้ด้วย จุดต่างของ Theia กับ VS Code คือ Theia ออกแบบให้ทำงานได้ทั้งบนคลาวด์ (รันจากเบราว์เซอร์) และบนเดสก์ท็อป (เหมือน VS Code) โดยแยกส่วนเป็น frontend/backend ออกจากกัน สถาปัตยกรรมของ Theia แยกส่วนโมดูลมากกว่า และอนุญาตให้ปรับแต่งได้มากกว่า Theia เป็นโครงการโอเพนซอร์สใต้ Eclipse Foundation ที่ไม่มีบริษัทไหนมีอิทธิพลในการพัฒนา ต่างจาก VS Code ที่ไมโครซอฟท์เป็นผู้พัฒนาหลัก ที่ผ่านมา Eclipse มีโครงการ Web IDE หลายตัว เช่น Eclipse Orion หรือ Eclipse Che แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะเป็นการเขียนใหม่ทั้งหมด เลยยังขาด ecosystem ที่เหมาะสม เช่น การรองรับภาษาโปรแกรมใหม่ๆ หรือส่วนขยายสำหรับงานต่างๆ แต่ยุทธศาสตร์ของ Theia คือการขี่อยู่บนจักรวาลของ VS Code ที่คึกคักอยู่แล้ว ทำให้ Theia ไปต่อได้ง่ายกว่า (ปัจจุบัน Eclipse Che 7.0 เปลี่ยนมาใช้เอนจินของ Theia แล้วเช่นกัน) โครงการ Theia เริ่มพัฒนาโดย Ericsson และ TypeFox ตั้งแต่ปี 2016 และมีคนจากบริษัทอื่นๆ เช่น ARM, Arduino, Red Hat, Google, IBM, SAP มาร่วมพัฒนาด้วย และบริษัทเหล่านี้ก็นำ Theia ไปใช้งานเป็น Web IDE ของตัวเองบ้างแล้ว เช่น Google Cloud Shell, Arduino Pro IDE, SAP Business Application Studio เป็นต้น ผู้ที่สนใจสามารถลองเล่นได้จาก Gitpod และดูรายละเอียดได้จาก เว็บไซต์ Theia ที่มา - Eclipse, Theia
# Galaxy S7 ยังได้แพตช์ความปลอดภัยประจำไตรมาส แม้อายุครบ 4 ขวบแล้ว Galaxy S7/S7 Edge มือถือเรือธงอายุ 4 ขวบเต็ม (เปิดตัวปี 2016) แม้ไม่ได้อัพเกรดระบบปฏิบัติการอีกแล้ว แต่ก็ยังได้แพตช์ความปลอดภัยเป็นรายไตรมาสอยู่ ล่าสุดมีรายงานว่าได้แพตช์ประจำรอบเดือนมีนาคม 2020 เรียบร้อยแล้ว ตามนโยบายของซัมซุง มือถือระดับเรือธงจะได้แพตช์ความปลอดภัยทุกเดือน เป็นเวลานาน 3 ปี เมื่อเข้าปีที่ 4 จะได้แพตช์เป็นรายไตรมาสแทน เมื่อเข้าปีที่ห้า จะได้เฉพาะแพตช์ที่สำคัญจริงๆ เท่านั้น แพตช์รอบเดือนมีนาคม 2020 น่าจะเป็นแพตช์ตัวสุดท้ายของ Galaxy S7/S7 Edge ก่อนเข้าปีที่ห้านั่นเอง ที่มา - SamMobile
# Xiaomi ไตรมาส 4/2019 รายได้ทำสถิติใหม่ มอง COVID-19 กระทบระยะสั้น เพราะสมาร์ทโฟนยังจำเป็น Xiaomi รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2019 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 27.1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 5.647 หมื่นล้านหยวน ทำสถิติใหม่สูงสุดของบริษัท และมีกำไรสุทธิ 2.34 พันล้านหยวน Wang Xiang ประธาน Xiaomi กล่าวถึงผลกระทบของ COVID-19 ต่อสายการผลิตว่า สถานการณ์ตอนนี้เริ่มกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติแล้ว และดีกว่าที่บริษัทประเมินไว้ และมองว่าสถานการณ์ตอนนี้ดีกว่าคู่แข่งเนื่องจากสินค้าของ Xiaomi มีตลาดหลักคือจีน อีกทั้งสมาร์ทโฟนจะเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบช่วงสั้น เพราะยังจำเป็นต้องใช้ในการติดต่อสื่อสาร แม้ช่วงสถานการณ์โรคระบาด Xiaomi ยังประกาศว่าบริษัทจะลงทุนราว 5 หมื่นล้านหยวน ใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างนวัตกรรมสินค้าใหม่ ๆ และเพิ่มประสบการณ์ให้มีฐานแฟนของสินค้าตระกูล Mi มากขึ้น ที่มา: Xiaomi และ South China Morning Post
# Zoom ยอมรับไม่ได้เข้ารหัส end-to-end จริงอย่างที่โฆษณา แต่ใช้แค่ TCP/UDP หนึ่งในฟีเจอร์ (เด่น?) ที่ Zoom โฆษณามาตลอดคือวิดีโอคอลจะถูกเข้ารหัสแบบ 'end to end' (ไม่มี -) ทุกครั้ง ซึ่ง Zoom ระบุเอาไว้ทั้งบนหน้าเว็บไซต์, White Paper และ UI ตอนวิดีโอคอล อย่างไรก็ตามเมื่อ The Intercept สอบถามไปยัง Zoom เรื่องการเชื่อมต่อแบบ end-to-end ก็ได้คำตอบกลับมาว่าตอนนี้ยังทำไม่ได้ Zoom ใช้แค่ TCP ร่วมกับ UDP เท่านั้น เท่ากับว่า Zoom ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลและวิดีโอผู้ใช้งานได้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลถึงกรณีที่รัฐบาลขอข้อมูลผู้ใช้งานจาก Zoom แบบเดียวกับที่ Google, Facebook และ Microsoft โดน (แต่บริษัทเหล่านั้นมีการออกรายงาน transparency report) Zoom ให้เหตุผลว่าที่ใช้คำว่า 'end to end' เพราะการเชื่อมต่อระหว่างปลายทาง (endpoint) ที่เป็น Zoom นั้นถูกเข้ารหัส ('connection being encrypted from Zoom end point to Zoom end point') หรือกล่าวอีกอย่างคือ Zoom เรียกเซิร์ฟเวอร์ตัวเองเป็นปลายทาง (endpoint) ไม่ใช่เครื่องผู้ใช้งาน (client) โดยกระบวนการติดต่อสื่อสารบน Zoom ที่เข้ารหัส end-to-end มีเพียงแชทเท่านั้น Matthew Green นักวิทยาการเข้ารหัสจาก John Hopkins ให้ความเห็นว่าการเข้ารหัสวิดีโอคอลนั้นไม่ใช่ทำไม่ได้ มันแค่ค่อนข้างยุ่งยากสำหรับผู้ให้บริการ หนึ่งในเหตุผลก็เพราะผู้ให้บริการต้องตรวจสอบว่าใครกำลังเป็นคนพูด เพื่อส่งภาพและเสียงที่มีความละเอียดมากยิ่งขึ้นออกไป การไม่เข้ารหัสจะทำให้กระบวนการเหล่านี้ทำได้ง่ายกว่า พร้อมได้ยกตัวอย่างกรณีของ Facetime ของแอปเปิลที่เป็นการให้บริการวิดีโอคอลแบบเข้ารหัส end-to-end ขึ้นมาเทียบด้วยว่า มันทำได้ Green บอกว่ากรณี Zoom ไม่ค่อยจริงใจกับผู้ใช้งานเท่าไหร่นักและคงจะดีกว่านี้ถ้า Zoom แสดงออกมาตรง ๆ ที่มา - The Intercept
# Facebook ขยาย Community Help ช่องทางขอและเสนอความช่วยเหลือให้ครบคลุมวิกฤต COVID-19 Facebook เปิดตัว Community Help มาตั้งแต่ปี 2017 เป้าหมายคือให้คนขอความช่วยเหลือกันระหว่างวิกฤต เช่น ก่อการร้าย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ล่าสุด Facebook ขยายมาให้ครบคลุมโรคระบาด COVID-19 แล้ว จะเริ่มเปิดตัวในสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ผู้ใช้งานสามารถโพสต์ขอความช่วยเหลือ หรือให้ความช่วยเหลือต่างๆ ระหว่างต้องกักตัวได้ และข้อมูลจะเป็น localize ตามท้องถิ่น เช่น บริจาคเงิน สิ่งของให้โรงพยาบาล, องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร, เสนอสิ่งของ ข้าวปลาอาหารให้คนที่จำเป็นต้องออกไปทำงานในช่วงนี้ การสนับสนุน ช่วยเหลือธุรกิจท้องถิ่น เป็นต้น ทาง Facebook ระบุด้วยว่าจะขยาย Community Help ไปยังประเทศเสี่ยงอื่นๆ เพิ่มเติม ที่มา - TechCrunch
# Xerox ประกาศยกเลิกแผนซื้อกิจการ HP แล้ว Xerox ประกาศยุติแผนการเข้าซื้อกิจการ HP รวมทั้งจะไม่เสนอตัวแทนเข้าไปเป็นบอร์ดบริหารของ HP ด้วย หลังจากที่บริษัทพยายามเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ HP ซึ่งแม้บอร์ดของ HP จะปฏิเสธข้อเสนอ แต่ Xerox ก็พยายามซื้อกิจการให้สำเร็จ ซึ่งข่าวล่าสุดก็ได้เพิ่มราคาเสนอซื้อด้วย โดย Xerox บอกว่าสาเหตุที่ยกเลิกแผนเข้าซื้อ ก็เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ ทำให้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้ควบรวมกิจการ การตัดสินใจเช่นนี้จึงเหมาะสมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมากกว่า ที่มา: Xerox
# Houseparty อีกหนึ่งแอปวิดีโอคอลสายบันเทิง มีเกมให้เล่นกับเพื่อนในตัว แม้ที่ผ่านมาแอปวิดีโอคอลส่วนใหญ่ที่ถูกพูดถึงและแนะนำจะเป็นแอปวิดีโอคอลที่เอาไว้ใช้ทำงานหรือสอนออนไลน์เป็นหลักอย่าง Zoom, Skype, WebEx เป็นต้น แต่ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมามีแอปวิดีโอคอลอีกตัวที่มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด Houseparty เป็นแอปวิดีโอคอลที่ไม่ได้มีความเป็นงานเป็นการเท่าแอปอื่น เน้นไปที่ความบันเทิงเป็นหลัก อย่างการมีเกมให้เล่นกับเพื่อนภายในตัวแอประหว่างวิดีโอคอลกับเพื่อน อันที่จริง Houseparty ไม่ใช่แอปใหม่แต่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2016 แล้วและถูก Epic Games ซื้อไปเมื่อปีที่แล้ว แต่เพิ่งมาได้รับความนิยมในช่วงนี้จากการกักตัวอยู่บ้านของคนครึ่งค่อนโลก จนยอดดาวน์โหลดพุ่งขึ้นไปที่ 2 ล้านดาวน์โหลดบน iOS จากราว 130,000 ดาวน์โหลดต่อสัปดาห์ในเดือนกุมภาพันธ์และพุ่งขึ้นเป็นแอปเบอร์ 1 บน iOS ในนิวซีแลนด์, แคนาดา, และสหราชอาณาจักร ตัวแอปมีให้เล่นทั้งบน iOS, Play Store, macOS และบน Chrome Extension ที่มา - Medium
# Marriott เผยข้อมูลลูกค้ารั่วไหล คราวนี้กระทบข้อมูลกว่า 5 ล้านคน กำลังสืบสวน เครือกิจการโรงแรม Marriott งานเข้าอีกครั้ง โดยทางโรงแรมเปิดเผยว่าพบการรั่วไหลของข้อมูลลูกค้า กระทบ 5.2 ล้านราย เป็นข้อมูลชื่อ อีเมล เบอร์โทรศัพท​์ วันเกิด ที่อยู่ ข้อมูลบัญชีสมาชิกโปรแกรม loyalty ของโรงแรมและสายการบิน ทางโรงแรมระบุว่า ช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่าอาจมีการเข้าถึงข้อมูลของแขกที่เข้าพักโดยไม่คาดคิดโดยใช้ข้อมูลรับรองการเข้าสู่ระบบของพนักงานสองคนในสถานที่ให้บริการแฟรนไชส์ และเชื่อว่าการหลุดรั่วของข้อมูลเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา เชื่อว่าไม่มีข้อมูลการเงินของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ หรือมีการนำข้อมูลไปหาประโยชน์ ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างสอบสวน Marriott เคยเจอเหตุถูกแฮกข้อมูลมาแล้ว กระทบถึง 327 ล้านคน เป็นโรงแรม Starwood อยู่ในเครือ Marriott ที่มา - Mashable
# Microsoft Edge ประกาศแผนปิด TLS 1.0/1.1 ในเดือนกรกฎาคม 2020 Microsoft Edge ประกาศแผนการยกเลิก TLS 1.0 และ 1.1 ในเวอร์ชัน 84 ที่จะออกในเดือนกรกฎาคม 2020 โดยผู้ที่จำเป็นต้องใช้ TLS 1.0/1.1 ยังสามารถเปิดกลับคืนได้อยู่ (ปิดเป็นค่าดีฟอลต์) ส่วน IE11 และ Edge ตัวเก่า (ปัจจุบันเรียก Edge Legacy) จะปิดการทำงานของ TLS 1.0/1.1 ในเดือนกันยายน 2020 ไมโครซอฟท์ระบุว่า เลื่อนแผนการปิด TLS 1.0/1.1 ของ Edge Chromium ออกมาจากเดิมเล็กน้อย จากเดิมที่จะปิดภายในครึ่งแรกของปีนี้ ด้วยเหตุผลว่ายังมีเว็บหน่วยงานภาครัฐที่ให้ข้อมูลสถานการณ์ COVID-19 ยังใช้ TLS 1.0/1.1 อยู่ ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับ Firefox ที่เปิดไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ต้องเปิดกลับคืนมาชั่วคราว ที่มา - Microsoft
# Spotify Kids แอปแยกเพลงเด็กเปิดตัวในสหรัฐฯ แคนาดา ฝรั่งเศส พร้อมเพลย์ลิสต์เพลงประกอบการล้างมือ Spotify ทดลองพัฒนา Spotify Kids แอปสตรีมมิ่งเพลงสำหรับเด็กแยกเป็นอีกแอป เปิดตัวเวอร์ชั่นเบต้าในบางประเทศมาก่อนหน้านี้ ล่าสุดเปิดให้ใช้งานแล้วในสหรัฐฯ แคนาดา และฝรั่งเศส โดย Spotify Kids ใช้งานได้เฉพาะผู้ใช้งานแพ็กเกจ Family Plan ราคา 14.99 ดอลลาร์เท่านั้น Spotify Kids มาพร้อมเพลย์ลิสต์เพลงที่ร้องตามได้ เพลงจากศิลปินดังอย่าง Taylor Swift, Shakira, Justin Bieber เพลงประกอบหนังดิสนีย์ เป็นต้น และยังทำเพลย์ลิสต์เพลงประกอบการล้างมือให้เข้ากับสถานการณ์ COVID-19 ด้วย และได้เพิ่มเนื้อหาเพลงที่เหมาะกับเด็กเช่น เพลงกล่อมนอน นิทานก่อนนอน เป็นต้น ที่มา - Variety
# WordPress 5.4 ออกแล้ว WordPress ออกเวอร์ชัน 5.4 ของใหม่เน้นไปที่ตัว Block Editor (Gutenberg) ที่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง เช่น เพิ่มบล็อคแสดงปุ่มโซเชียล, เพิ่มตัวเลือกปรับแต่งสีข้อความ, ตัว Editor โหลดเร็วขึ้น 14% และแสดงผลการพิมพ์ข้อความเร็วขึ้น 51% ฟีเจอร์อื่นที่ไม่ใช่ Block Editor คือเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้ WordPress สามารถดาวน์โหลดข้อมูลของตัวเองกลับไปได้ เพื่อทำตาม compliance ด้านกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศต่างๆ ที่มา - WordPress
# LINE เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Explore คัดเลือกคอนเทนต์น่าสนใจจาก Timeline LINE ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่วันนี้ใน Timeline เรียกชื่อว่า Explore โดยผู้ใช้งานสามารถเห็นโพสต์เนื้อหาบน Timeline ที่ LINE คิดว่าเราน่าจะสนใจจากผู้โพสต์ที่ไม่ได้เป็นเพื่อนเรา วิธีการเข้าสู่หน้า Explore ทำได้โดยไปที่ Timeline และเลือกรูปโลกมุมบนขวา นอกจาก Explore แล้ว LINE ยังเพิ่มคุณสมบัติใหม่คือ Follow ทำให้เราสามารถติดตามบุคคลที่เราสนใจจากการเจอใน Explore ได้ โดยไม่ต้องกดขอเป็นเพื่อน ทั้งนี้โพสต์ที่จะแสดงใน Explore ต้องถูกกำหนดค่าเป็นสาธารณะ (Public) ดังนั้นผู้ใช้คนใดที่ต้องการ Follower เพิ่ม ก็ให้เลือกการโพสต์เนื้อหาลง Timeline แบบสาธารณะนั่นเอง ที่มา: LINE
# เปิดตัว Call of Duty: Modern Warfare 2 Campaign Remastered รีมาสเตอร์เฉพาะโหมดแคมเปญ มีข่าวหลุดออกมาเรื่อยๆ ในที่สุดข่าวเป็นทางการก็มา Activision เปิดตัว Call of Duty: Modern Warfare 2 Campaign Remastered เป็นการนำเกม Call of Duty: Modern Warfare 2 เวอร์ชันปี 2009 มารีมาสเตอร์ใหม่ (เฉพาะโหมดแคมเปญแบบเล่นคนเดียว) Activision นำเกม Call of Duty: Modern Warfare ภาคแรกมารีมาสเตอร์ในปี 2016 (ตอนนั้นขายพร้อมภาค Infinite Warfare แล้วนำมาขายแยกภาคในปี 2017) ดังนั้นการรีมาสเตอร์ภาค Modern Warfare 2 จึงไม่น่าแปลกใจมากนัก เกมยังคงมิชชันดั้งเดิมทั้งหมด (เช่น No Russian ที่โด่งดัง) และตัวละครเดิมๆ อย่าง Soap, Captain Price หรือ Ghost ด้วย เช่นเคยเหมือนกับภาคแรกที่รีมาสเตอร์ เกมภาคนี้ Modern Warfare 2 Campaign Remastered จะเป็น time-exclusive ให้กับ PS4 ก่อนเป็นเวลา 30 วัน โดยวางขายเวอร์ชัน PS4 แล้ววันนี้ ส่วนเวอร์ชันพีซีและ Xbox One จะตามมาในวันที่ 30 เมษายน ที่มา - Call of Duty, IGN
# แบงก์ชาติกำชับธนาคารให้ดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบระบบล่มภายใน 24 ชั่วโมง หลังธนาคารกรุงเทพล่มหลายชั่วโมงเมื่อวานนี้ คุณสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาระบุถึงกรณีที่สถาบันการเงินบางแห่งมีปัญหาว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำชับให้เร่งแก้ไข รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบไปแล้วให้ตรวจสอบและจัดการภายใน 24 ชั่วโมง แม้คุณสิริธิดาจะไม่ได้ระบุชื่อธนาคารแห่งใดเป็นพิเศษ แต่เมื่อวานนี้ระบบของธนาคารกรุงเทพก็มีปัญหาต่อเนื่องยาวนานหลายชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เงินโอนออกแล้วกลับไม่ถึงปลายทาง โดยมีปัญหาแบบเดียวกันกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และทางธนาคารเคยชี้แจงว่าสามารถคืนเงินกลับเข้าบัญชีได้ภายใน 24 ชั่วโมงต่อเมื่อเป็นการโอนธนาคารเดียวกันเท่านั้น หากเป็นการโอนต่างธนาคารนั้นธนาคารกรุงเทพบอกเพียงว่าจะคืนให้เร็วที่สุดแต่ไม่กำหนดกรอบเวลา เนื่องจากธนาคารกรุงเทพไม่มีหน้าเฟซบุ๊กหลัก ช่องทางที่ผู้ใช้มักใช้ส่งเสียงวิจารณ์การทำงานของระบบคือทวิตเตอร์ในแท็ก #ธนาคารกรุงเทพ และผู้ใช้บางส่วนก็ระบุว่ารอเงินคืนมาแล้วหลายวัน (1, 2, 3) สำหรับคนที่ยังต้องใช้งาน โดยเฉพาะเงินจำนวนมากๆ ผมแนะนำให้โอนทดสอบจำนวนน้อยๆ เช่น 1 บาท ไปก่อนว่าระบบยังทำงานดีอยู่หรือไม่ หากเงินไปถึงปลายทางทันทีแสดงว่าระบบยังอยู่ดีค่อยโอนส่วนที่เหลือ ที่มา - @bankofthailand
# Palo Alto Networks ซื้อกิจการ CloudGenix สตาร์ทอัพความปลอดภัย SD-WAN มูลค่าดีล 420 ล้านดอลลาร์ Palo Alto Networks ประกาศว่าบริษัทได้ตกลงจะเข้าซื้อกิจการ CloudGenix มูลค่าดีล 420 ล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าดีลจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ CloudGenix เป็นผู้พัฒนา SD-WAN สำหรับจัดการด้านความปลอดภัยเครือข่าย ซึ่ง Palo Alto Networks ระบุว่าเทคโนโลยีของ CloudGenix นี้จะเข้ามาเป็นโซลูชัน SASE (Secure Access Service Edge) ให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อตอบสนองลูกค้าองค์กรที่ตอนนี้ใช้ระบบเครือข่ายแบบกระจายมากขึ้น ระบบความปลอดภัยจึงต้องพัฒนาควบคู่ตาม CloudGenix ก่อตั้งในปี 2013 มีลูกค้ามากกว่า 250 องค์กร และได้รับเงินเพิ่มทุนไปแล้วราว 100 ล้านดอลลาร์ ที่มา: TechCrunch
# Apple ซื้อกิจการ Dark Sky แอปรายงานสภาพอากาศแบบข้อมูลละเอียด Dark Sky แอปรายงานสภาพอากาศ ประกาศว่าแอปเปิลได้เข้าซื้อกิจการบริษัทเป็นที่เรียบร้อย โดยทีมงานทั้งหมดจะไปร่วมงานกับแอปเปิล Adam Grossman ผู้ร่วมก่อตั้ง Dark Sky กล่าวว่าเป้าหมายใหญ่คือการให้ข้อมูลสภาพอากาศกับผู้ใช้งานที่ดีที่สุด และยังเคารพความเป็นส่วนตัว จึงไม่มีที่ไหนจะช่วยให้ทีมงานบรรลุเป้าได้ดีกว่าแอปเปิล ทั้งนี้ Dark Sky เป็นแอปรายงานสภาพอากาศ มีโมเดลรายได้คือสมัครใช้งานรายเดือนเพื่อรับข้อมูลอัพเดตแบบรายนาที Dark Sky จะยังมีให้ดาวน์โหลดต่อไปเฉพาะบน App Store (ไม่มีในไทย) ส่วนบน Android และ Wear OS ปิดการดาวน์โหลดไปแล้ว ตัวแอปยังใช้งานได้ถึง 1 กรกฎาคม 2020 ส่วน API จะใช้งานได้จนถึงสิ้นปี 2021 หากใครซื้อ subscription ไว้บน Android จะคืนเงินในช่วงเวลาที่เหลือให้ ที่มา: The Verge
# Niantic ซื้อกิจการ 6D.ai สตาร์ทอัพด้าน AR Cloud Niantic สตูดิโอผู้พัฒนาเกม Pokémon Go ประกาศเข้าซื้อกิจการ 6D.ai สตาร์ทอัพจากซานฟรานซิสโกที่เชี่ยวชาญด้าน AR Cloud 6D.ai ก่อตั้งในปี 2017 โดยเป็นบริษัทที่แยกออกมาจาก Active Vision Lab ของมหาวิทยาลัย Oxford เน้นไปที่การสร้าง AR บนแผนที่ 3D ขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาของ AR แบบเรียลไทม์ได้ดีมากขึ้น บริษัทไอทีรายใหญ่หลายแห่งให้ความสำคัญกับ AR มากขึ้น ดีลซื้อกิจการของ Niantic จึงน่าสนใจว่าบริษัทอาจขยายมาให้บริการแพลตฟอร์มด้าน AR เนื่องจากลูกค้าของ 6D.ai เป็นลูกค้าระดับองค์กร ที่มา: TechCrunch
# Stack Overflow เปิด Dark Mode เป็นเบต้า เว็บในเครือยังไม่ได้ Stack Overflow เปิดตัวโหมดหน้าจอมืด (dark mode) โดยยังอยู่ในสถานะเบต้า ผู้ใช้ต้องล็อกอินก่อนจึงสามารถเลือกได้ และยังจำกัดเฉพาะเว็บหลัก ไม่ครอบคลุมเว็บในเครืออื่นๆ แม้แต่ส่วน Jobs ที่อยู่บนโดเมนหลักก็ยังใช้งานไม่ได้ โหมดหน้าจอมืดเป็นฟีเจอร์ที่มีการเรียกร้องมากที่สุด และเป็นคำถามอันดับ 12 บน meta ของ Stack Exchange ถ้าใครล็อกอิน Stack Overflow ตอนนี้ก็จะมีแบนเนอร์ขนาดใหญ่ให้กดเลือกกันได้โดยสะดวก ที่มา - Stack Overflow
# แนะนำเทคโนโลยีไมโครซอฟท์ ที่ให้องค์กรปฏิบัติตามกฎคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างมั่นใจ ใกล้เข้ามาทุกทีกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กฎหมายที่ว่าด้วยการกำหนดกฎข้อบังคับว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิใดบ้างเหนือข้อมูลนั้นๆ วางแนวทางการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ละเมิดสิทธิของเจ้าของข้อมูล พร้อมกำหนดหน้าที่ที่องค์กรผู้ควบคุมข้อมูล และผู้ประมวลผลข้อมูลจะต้องกระทำเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล รวมถึงในกรณีที่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลขึ้นอีกด้วย โดยกฎหมายฉบับนี้ มีต้นแบบมาจากกฎหมายการคุ้มครอง ‘สิทธิของข้อมูลส่วนบุคคล’ หรือ General Data Protection Regulation (GDPR) ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีบทลงโทษค่าปรับในอัตราที่สูงมาก ดังจะเห็นจากข่าวที่องค์กรระดับโลกหลายแห่งปล่อยปละละเลยทำให้มีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าถูกปรับเป็นตัวเงินหลายร้อยล้านบาท แม้กฎหมายของเราจะไม่มีโทษปรับที่รุนแรงเหมือน GDPR แต่หากเกิดความเสียหายขึ้น ความเสียหายในแง่ของชื่อเสียง ความเชื่อมั่นของลูกค้า เวลา และค่าใช้จ่ายในการแก้ไข อาจมากกว่าค่าปรับหลายเท่า ดังนั้นการป้องกันด้วยการปรับกระบวนการทำงานต่างๆ และนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยและควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล จึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า เพื่อช่วยองค์กรในการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ ไมโครซอฟท์จึงได้พัฒนาชุดเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรที่ใช้งาน Microsoft 365 สามารถปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทั้งในรูปแบบของ Structured และ Unstructured ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดย Microsoft 365 มีความสามารถหลักๆ ครอบคลุมการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. 3 ด้าน ได้แก่ การระบุตัวตน และกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล (Identity and Access Management) การปกป้องและคุ้มครองข้อมูล (Information Protection) การป้องกันการถูกโจมตีจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Threat Protection) โดยมีหลากหลายเครื่องมือ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ รวมถึงมีขั้นตอนปฏิบัติที่ช่วยทำให้ผู้ใช้ Microsoft 365 สามารถปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ง่ายยิ่งขึ้น 7 ขั้นตอนหลักและเครื่องมือต่างๆ ประกอบด้วย 1. ค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลที่กระจายอยู่ในองค์กร ด้วย Advanced eDiscovery ระบบจะสามารถสแกนหาข้อมูลส่วนบุคคลที่กระจายอยู่ในระบบไอทีส่วนต่างๆ ขององค์กรไม่ว่าจะอยู่ใน File Server ซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่ในองค์กร, Office 365 รวมถึงแอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์ ระบบสามารถทำ Classify หรือแบ่งประเภทเอกสาร เพื่อระบุว่าข้อมูลที่พบในไฟล์ต่างๆ นั้นเป็นข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ รวมทั้งกำหนดระดับความสำคัญของข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น วันเดือนปีเกิด เลขบัตรประชาชนของคนไทย เลขบัตรเครดิต และดำเนินการกำหนด Label ให้ไฟล์ๆ นั้น ว่ามีสิทธิการใช้งานระดับใดอัตโนมัติ เครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ : Advanced eDiscovery, Cloud App Security, Advanced Data Governance, Azure Information Protection 2. Encryption ปกป้องข้อมูลที่พบด้วยการเข้ารหัสและกำหนดนโยบายรักษาความปลอดภัย หลังจากค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ พบแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ ใช้ Advanced Information Protection (AIP) ในการกำหนดนโยบายรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส (Encryption) ทั้งข้อมูลที่อยู่ในระบบ เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ Office 365 รวมถึงหากไฟล์ที่ถูกระบุว่ามีข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ภายในถูกย้ายไปยังแอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์ของผู้ให้บริการอื่นๆ ก็จะถูกเข้ารหัสก่อนเช่นกัน ด้วยการทำงานร่วมกับ Intune โซลูชันบริหารจัดการการนำอุปกรณ์โมบายมาใช้งานในองค์กร ทำให้การกำหนดนโยบายการเข้ารหัสข้อมูลดังกล่าวยังครอบคลุมถึงข้อมูลที่ถูกเก็บอยู่ในอุปกรณ์โมบายต่างๆ อีกทั้งยังสามารถกำหนดสิทธิเพิ่มเติมได้ว่า สามารถแชร์ข้อมูลดังกล่าวไปยังแอปพลิเคชันใดในอุปกรณ์โมบายได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ไฟล์เอกสารไปยัง Line หรือ Facebook Messenger เป็นต้น ถือเป็นการรักษาความปลอดภัยและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (Data Loss Prevention) ให้แก่ข้อมูลส่วนบุคคลได้เป็นอย่างดี หรือหากอุปกรณ์โมบายที่มีไฟล์ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลเก็บอยู่เกิดสูญหายหรือถูกขโมย ระบบก็สามารถสั่งลบข้อมูลในอุปกรณ์จากระยะไกลได้ เครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ : Cloud App Security, Intune, BitLocker, Azure Information Protection, Windows Information Protection 3. การกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูล เป็นกระบวนการในการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ เพราะเพียงแค่การล็อกอินเข้าสู่ระบบด้วย Username และ Password ในปัจจุบันนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป การระบุตัวตนผู้ใช้ผ่านอินเทอร์เน็ตหรือระบบคลาวด์อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ควรใช้ระบบ Multi Factor Authentication โดยมีกระบวนการล็อกอินด้วยวิธีอื่นๆ อย่างน้อยอีกหนึ่งชั้น ไม่ว่าจะเป็นใช้ระบบไบโอเมตริก รหัส PIN, การใช้รหัส OTP (One Time Password) รวมถึงการเปรียบเทียบอุปกรณ์และพฤติกรรมการล็อกอิน เป็นต้น เครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ : Azure Active Directory Premium, Multi-Factor Authentication, Intune 4. ติดตามการใช้งานข้อมูลและแอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์ของผู้ใช้ Microsoft 365 มีชุดเครื่องมือ ที่สามารถ ติดตาม ตรวจสอบ และป้องกัน การใช้งานไฟล์ที่มีข้อมูลส่วนตัวไปใช้งานบนแอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ขององค์กร แต่เพื่อไม่เป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล สิ่งที่ผู้ดูแลระบบเห็นจะเป็นแนวโน้มการใช้งานแอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์ ซึ่งมีประโยชน์ในการวางแผนกำหนดนโยบายการใช้งานคลาวด์ขององค์กร จะอนุญาต หรืออนุญาตให้ใช้โดยจำกัดสิทธิการใช้งานบางอย่างก็ได้ เช่น ใช้กับอุปกรณ์ใดได้บ้าง ใช้กับไฟล์ที่มีข้อมูลส่วนตัวประเภทใดได้บ้าง ซึ่งไฟล์ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ภายใน แต่ถูกนำไปใช้งานบนบริการคลาวด์อื่นๆ นโยบายการปกป้องที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรกก็จะติดตามไปด้วย ทำให้ไฟล์ข้อมูลยังคงมีความปลอดภัยแม้จะอยู่นอกระบบขององค์กรก็ตาม เครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ : Cloud App Security, Azure Information Protection, Azure Active Directory (Conditional Access) 5. ป้องกันข้อมูลจากการคุกคามและเจาะระบบทางไซเบอร์ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของ Microsoft 365 ไม่ใช่แค่การแจ้งเตือนผู้ใช้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เจาะระบบหรือขโมยข้อมูลขึ้นเท่านั้น แต่ระบบรักษาความปลอดภัยอย่าง Advanced Threat Protection สามารถป้องกันผู้ใช้และองค์กร ก่อนที่จะเกิดการบุกรุก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากการถูกเจาะระบบหรือเข้ามาขโมยข้อมูล เครื่องมือรักษาความปลอดภัยของ Microsoft 365 ประกอบด้วย Advanced Threat Protection ที่จะคอยปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามใหม่ๆ ในโลกไซเบอร์ ตรวจจับไฟล์อันตรายที่แนบมากับอีเมล หรือลิงก์ต้องสงสัยต่างๆ ตรวจจับพฤติกรรมต้องสงสัยที่อาจเกิดขึ้นในระบบ และตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เบื้องหลังกลไกรักษาความปลอดภัยอันทรงประสิทธิภาพของ Microsoft 365 คือระบบ Threat Intelligent แสนฉลาด ประกอบด้วย AI และ Big Data ที่จะเก็บข้อมูลภัยคุกคามจากทั่วโลก วิเคราะห์แนวโน้มอันตรายใหม่ จับตารูปแบบพฤติกรรมต้องสงสัย ซึ่งผู้ใช้สามารถวางใจได้ว่า ไฟล์ข้อมูลที่เก็บอยู่ใน SharePoint, OneDrive และ Microsoft Teams จะเป็นไฟล์ที่ปลอดภัยแล้วจริงๆ 6. แนวทางสำหรับองค์กร เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย ที่ผ่านมา การที่เราจะสามารถปรับกระบวนการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลในระบบไอทีขององค์กรให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น มีเครื่องมือช่วยอยู่มากมาย แต่สำหรับองค์กรที่ยังไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นกระบวนการที่จุดไหนดี Microsoft 365 ก็ยังมี Compliance Manager เครื่องมือที่จะประเมินระดับการปฏิบัติตามกฎหมายขององค์กรและแนะนำแนวทางปฏิบัติให้แก่องค์กรที่ใช้ Microsoft 365 ว่า การปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้น จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง และควรตั้งทีมทำงานที่ประกอบด้วยบุคลากรที่มีหน้าที่อะไรบ้าง โดยในปัจจุบันยังคงยึดกรอบปฏิบัติของ GDPR ส่วนกรอบปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยจะมีตามมาในเร็วๆ นี้ 7. ต้องสามารถจัดการกับคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลได้ หนึ่งในข้อกำหนดของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลก็คือ ให้สิทธิเจ้าของข้อมูลในการขอรับข้อมูลที่เกี่ยวกับตนหรือคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ควบคุมข้อมูล ซึ่ง Microsoft 365 ก็มีเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งในส่วนของ Structured และ Unstructured data ออกมาได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะบริหารจัดการกับคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลได้ ทั้งหมดที่กล่าวไปแล้ว คือความสามารถด้านต่างๆ ของ Microsoft 365 ที่ช่วยให้องค์กรที่อยู่ในฐานะถือครองข้อมูลส่วนบุคคลสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายได้อย่างครอบคลุม ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในระบบ ทั้งการรั่วไหลจากภายในและจากภัยคุกคามภายนอก รวมถึงปรับกระบวนการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นระบบระเบียบ ง่ายต่อการดูแลและบริหารจัดการ ขอเชิญท่านเข้าร่วมฟังสัมมนากับเราในหัวข้อนี้ ในวันที่ 24 มีนาคม 2563 เพื่อเข้าใจถึงการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อประโยชน์ในการดูแลเก็บรักษาข้อมูลเหล่านั้น ลงทะเบียนเพื่อสำรองที่นั่งวันนี้ที่ https://aka.ms/PDPA_articleTH หรือพูดคุยกับทางบริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) เพิ่มเติมผ่านช่องทาง https://aka.ms/ContactMSFTTH อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.microsoft.com/th-th/trust-center/privacy/gdpr-overview
# Amazon ปลดพนักงานออก หลังร่วมประท้วงให้ปิดโกดังสินค้าเพราะมีพนักงานเป็น COVID-19 มีรายงานว่า Amazon ปลดพนักงานรายหนึ่งออก หลังเขาร่วมประท้วงบริษัทตัวเองให้ปิดโกดังสินค้าและฆ่าเชื้อเพราะมีพนักงานติดโรค COVID-19 เรื่องของเรื่องคือพนักงานของ Amazon ชื่อ Smalls ถูกบริษัทสั่งให้กักตัวอยู่บ้าน 14 วันแบบได้รับค่าจ้างตามปกติ เพราะเคยใกล้ชิดกับพนักงานอีกคนที่เป็นโรค COVID-19 ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้กับพนักงาน Amazon ทั่วโลก แต่เมื่อวานนาย Smalls กลับฝ่าฝืนคำสั่งบริษัทโดยออกมาที่โกดังสินค้าที่ Staten Island รัฐ New York เพื่อร่วมประท้วง walk-out ช่วงพักเที่ยง เพราะ Smalls เคยพยายามบอกให้พนักงานอาวุโสของโกดังปิดโกดังและฆ่าเชื้อ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ด้านโฆษก Amazon ระบุว่านาย Smalls ฝ่าฝืนคำสั่งของบริษัท โดยการเอาตัวเองออกมาเพิ่มความเสี่ยงให้เพื่อนพนักงานคนอื่น ส่วนนาย Smalls เปิดเผยว่าเขาเป็นคนเดียวที่โดนลงโทษจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมแบบไม่แยแสของบริษัท แต่เขาก็บอกว่าคาดไว้แล้วว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น โดยเขาจะไปร้องเรียนเรื่องนี้กับภาครัฐด้วย อีกทั้งทนายก็ระบุว่ามันน่าอัปยศที่ Amazon ปลดพนักงานที่พยายามจะยืนขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองและเพื่อนร่วมงาน ที่มา - CNN
# Huawei รายงานผลประกอบการปี 2019 เติบโตแข็งแกร่ง แม้มีแรงกดดันมหาศาล Huawei รายงานผลประกอบการของปี 2019 รายได้รวม 858,833 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.1% จากปี 2018 กำไรสุทธิ 62,656 ล้านหยวน ทั้งนี้ Huawei ระบุว่าบริษัทได้ทุนด้าน R&D ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไปแล้ว มากกว่า 6 แสนล้านหยวน Eric Xu ประธานบริษัทที่หมุนเวียนตามวาระของ Huawei กล่าวว่า ปี 2019 เป็นที่พิเศษของ Huawei แม้จะมีแรงกดดันมหาศาลจากภายนอก แต่ทีมงานก็ยังก้าวข้ามไปข้างหน้า ด้วยเป้าหมายเพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า ธุรกิจจึงยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง Huawei มีธุรกิจหลัก 3 ส่วน โดยธุรกิจโทรคมนาคม บริษัทเป็นผู้นำในการติดตั้งเครือข่าย 5G โดยตอนนี้มีใช้งานแล้วกว่า 50 ประเทศ ธุรกิจลูกค้าองค์กรก็มีรายได้เพิ่มขึ้น 8.6% มีบริษัทระดับ Fortune 500 ถึง 228 บริษัทที่เลือก Huawei เป็นพันธมิตรในการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ดิจิทัล สำหรับธุรกิจลูกค้าทั่วไป สมาร์ทโฟนขายไปได้ถึง 240 ล้านเครื่อง รายได้รวมสูงถึง 4.6 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 34% ที่มา: Huawei
# Vint Cerf บิดาอินเทอร์เน็ตติดโรค COVID-19 Vint Cerf วิศวกรนักวิจัยผู้ออกแบบโปรโตคอล TCP และได้ชื่อว่าบิดาอินเทอร์เน็ต โพสบนเฟซบุ๊กแจ้งข่าวว่าเขาตรวจโรค COVID-19 แล้วพบว่าติดโรค ในโพสของเขายังแนะนำให้ทุกคนชมรายการ Last Week Tonight ของ John Oviler เพื่อศึกษาข้อมูลของโรคนี้ ปัจจุบันเขาเป็นพนักงานของกูเกิลดำรงตำแหน่งรองประธานและ Chief Internet Evangelist ที่มา - Facebook: Vint Cerf ภาพ Vint Cerf เมื่อปี 2007
# Fitbit เปิดตัว Charge 4 สายรัดข้อมือรุ่นใหม่พร้อม GPS, ยังคงรูปแบบเหมือน Charge 3 Fitbit เปิดตัวสายรัดข้อมือ Charge 4 โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง แต่จะยังคงลักษณะเหมือนกับ Charge 3 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Fitbit Charge 4 ได้แก่ GPS ในตัว, ระบบควบคุมเพลง Spotify รวมถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ที่พบได้ในสมาร์ทวอชของ Fitbit เช่น Fitbit Pay, การแจ้งเตือนจากแอป, smart wake และเซนเซอร์ SpO2 ฟีเจอร์ที่เด่นที่สุดในรอบนี้คือ GPS เพราะผู้ใช้ FItbit Charge 4 ไม่ต้องนำโทรศัพท์มือถือไปใช้งานขณะออกกำลังกาย โดยข้อมูลการออกกำลังกายจะถูกบันทึกลงแอป และนำมาเปรียบเทียบกับผลการออกกำลังกายในครั้งต่อ ๆ ไป Fitbit Charge 4 จะยังคงมาลักษณะภายนอกเหมือนกับ Charge 3 ทุกอย่าง ดังนั้นสายต่าง ๆ ที่ใช้กับ Charge 3 จึงสามารถใช้กับ Charge 4 ได้ทันที ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุด 7 วัน หรือถ้าเปิดใช้งาน GPS ต่อเนื่องจะใช้งานได้นานสุด 5 ชั่วโมง นอกจากนี้ Fitbit ยังเปิดตัว Active Zone Minutes เป็น fitness metric ใหม่ที่จะระบุได้ว่าอัตราการเต้นหัวใจเป็นอย่างไร รวมถึงนับจำนวนนานทีที่แอคทีฟ ซึ่ง Fitbit ระบุว่าฟีเจอร์นี้ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนแอคทีฟอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน โดยคะแนนของ Active Zone Minutes จะคำนวณจากปัจจัยอื่นนอกจากอัตราการเต้นของหัวใจด้วย เช่น ความสูง, น้ำหนัก หรือระดับความฟิต เป็นต้น Fitbit Charge 4 จะวางจำหน่ายในราคา 149 ดอลลาร์ มีให้เลือก 3 สีคือ ม่วงอมน้ำเงิน (mauve), น้ำเงิน และดำ ที่มา - The Verge
# กสทช. แจกเน็ตมือถือฟรี 10GB ใช้งานได้ 30 วัน ซิมเดิมกดใช้งานได้เลย รับสิทธิ์ 10-30 เมษายนนี้ กสทช. มีมติใช้เงินกองทุน กว่า 3,000 ล้าน แจกเน็ตมือถือฟรี 10GB ใช้งานได้ 30 วัน สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนซิมในนามบุคคลธรรมดา สามารถกดรับได้ตั้งแต่ วันที่ 10-30 เมษายนนี้ โดยการกด *170*ตามด้วยเลขบัตรประชาชน กด # แล้วโทรออก จากนั้นรอตรวจสอบสิทธิ์ และรับ sms ยืนยัน ที่มา - ประชาชาติธุรกิจ
# กล้อง Huawei P40 Pro ได้ 128 คะแนนบน DxOMark ทวงแชมป์กลับมาเป็นอันดับ 1 หลัง Huawei P40 Pro เปิดตัวไม่นาน เว็บไซต์ DxOMark ก็ปล่อยคะแนนกล้องมาแล้ว โดยได้คะแนนไปถึง 128 คะแนน แซงแชมป์เก่า Oppo Find X2 Pro ที่ได้ไป 124 คะแนน ที่เฉือน Huawei P30 Pro 5G ไป 1 คะแนน DxOMark ระบุว่า Huawei P40 Pro ทำคะแนนได้ดีในทุกด้าน นอกจากจะได้คะแนนรวมถึง 128 คะแนนแล้ว คะแนนในหมวด Photo ที่ได้ไปถึง 140 คะแนนก็เป็นสถิติใหม่เช่นกัน โดยด้านที่เด่นจะเป็นความกว้างของ dynamic range ของกล้องหลัก และการรักษาสมดุลระหว่างรายละเอียดภาพกับ noise (texture/noise balance) รวมไปถึงเลนส์ optical zoom 5x ที่ใช้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ ai ถ่ายภาพ ทำงานประสานกันจนได้ภาพที่ออกมามีคุณภาพสูง ส่วนกล้อง ultra-wide ก็ให้ภาพที่มีคุณภาพดีที่สุดเท่าที่ DxOMark เคยพบมา ที่มีทั้ง dynamic range ที่กว้าง รักษารายละเอียดภาพไว้ได้ครบถ้วน และมี noise ต่ำ จะมีข้อเสียก็แค่ทางยาวโฟกัสอยู่ที่ 18 มิลลิเมตร ที่ถือว่ามีมุมมองที่ค่อนข้างแคบเท่านั้น (Oppo Find X2 Pro อยู่ที่ 16 มิลลิเมตร iPhone 11 Pro Max อยู่ที่ 13 มิลลิเมตร - เลขยิ่งน้อย มุมมองยิ่งกว้าง) นอกจากนี้โหมด bokeh ก็ยังทำได้ดี มีการแยกตัวแบบจากฉากหลักที่ถูกต้องและชัดเจน ภาพมีรายละเอียดครบถ้วน มี dynamic range ที่ดี และยังมีระบบ autofocus ที่ DxOMark ยกให้เป็นระบบ autofocus ที่ดีที่สุดบนสมาร์ทโฟน ทั้งในการทดสอบในแล็บและในการใช้งานจริงด้วย ที่มา - DxOMark
# ไม่ต้องกรอกเอง Excel เพิ่มฟีเจอร์ Money ดึงข้อมูลจากธนาคาร-บัตรเครดิต ให้อัตโนมัติ หลายคนคงเคยใช้ Excel ทำตารางรายรับ-รายจ่ายของตัวเองกันมาบ้าง ปัญหาสำคัญที่สุดคือการกรอกข้อมูลของเราในตาราง Excel ที่ต้องทำด้วยมือทั้งหมด ไมโครซอฟท์ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Money in Excel ที่ช่วยให้เราสามารถดึงข้อมูลการเงินจากธนาคารและบัตรเครดิตมาใส่ Excel ได้อัตโนมัติ หากมีตารางเชื่อมข้อมูลอยู่แล้ว เพียงเรากดปุ่ม Update เราจะเห็นรายการธุรกรรมใหม่ๆ ไหลเข้ามายัง Excel ให้ทันที ฟีเจอร์นี้เป็นความร่วมมือของไมโครซอฟท์กับ Plaid สตาร์ตอัพสายฟินเทคที่มีบริการเชื่อมต่อข้อมูลกับสถาบันการเงินอยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่หลายคนคาดเดากันได้ บริการดีๆ แบบนี้จะเปิดให้เฉพาะผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาก่อนเพียงประเทศเดียว โดยยังไม่ระบุกรอบเวลาที่ชัดเจน ที่มา - Microsoft, Plaid
# กูเกิลเปิดฐานข้อมูล COVID-19 ให้ใช้ฟรี เชิญชวนนักวิเคราะห์เข้าร่วมบน BigQuery Google Cloud Platform นำชุดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 มาเปิดให้ผู้สนใจสามารถวิเคราะห์กันบน Google BigQuery ได้สะดวกและไม่คิดเงิน ชุดข้อมูลนี้เป็นข้อมูลสาธารณะอยู่แล้ว เช่น ข้อมูลจาก World Bank, OpenStreetMap, Johns Hopkins Center for Systems Science and Engineering (JHU CSSE) ข้อมูลนี้สามารถใช้งานได้ฟรีไปจนถึงวันที่ 15 กันยายน ส่วนบริการ BigQuery ก็มีเวอร์ชันฟรีให้ลองใช้งาน หากใช้ข้อมูลไม่เกิน 10GB กูเกิลบอกว่าอยากให้นักวิจัย นักวิเคราะห์ข้อมูลทั่วโลก เข้ามาช่วยกันนำข้อมูลนี้ไปใช้งาน การเปิดให้ใช้ฟรียิ่งจะช่วยให้คนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น รายละเอียดดูได้จาก COVID-19 Public Datasets ที่มา - Google
# CAT ลดราคาแพ็กเกจเน็ต 4G ลง 50%, เน็ต 4GB เริ่มต้นที่ 35 บาท ใช้ได้ 7 วัน CAT Telecom เป็นโอเปอเรเตอร์รายล่าสุดที่ออกแพ็กเกจเน็ตมือถือราคาถูก จับตลาดลูกค้ากลุ่ม Work from Home โดยแพ็กเกจของ CAT เป็นแพ็กเกจเสริม ชื่อว่า "my 4G สปีดเว่อร์" ที่ลดราคาจากปกติ 50% จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ใช้ได้กับทั้งลูกค้าแบบรายเดือนและเติมเงิน แพ็กเกจเน็ต 4GB ระยะเวลา 7 วัน เดิม 69 บาท เหลือ 35 บาท ระยะเวลา 15 วัน เดิม 89 บาท เหลือ 45 บาท แพ็กเกจเน็ต 3GB ระยะเวลา 7 วัน เดิม 59 บาท เหลือ 30 บาท ระยะเวลา 15 วัน เดิม 79 บาท เหลือ 40 บาท CAT ยังมีแพ็กเกจเน็ตปริมาณ 1GB/2GB ด้วย แต่ไม่ได้ลดราคาลงมาในช่วงนี้ โดยแพ็กเกจ 1GB เริ่มต้นที่ 29 บาท และ 2GB เริ่มต้นที่ 39 บาท ทำให้ราคาของแพ็กเกจ 3GB/4GB ที่ลดราคาแล้วคุ้มกว่ากันมาก ที่มา - CAT
# Samsung Display เตรียมยกเลิกไลน์การผลิตจอ LCD ทั้งหมดในเกาหลีใต้และจีน Samsung Display บริษัทลูกของซัมซุงที่ผลิตแพแนลหน้าจอเปิดเผยว่าเตรียมจะยกเลิกไลน์การผลิตแพแนล LCD ในเกาหลีใต้และจีนภายในสิ้นปีนี้ หลังความต้องการลดลง ก่อนหน้านี้ Samsung Display ก็ยกเลิกไลน์การผลิต LCD ไปแล้วหนึ่งไลน์ในเกาหลีใต้ ขณะที่แผนการลงทุนในเกาหลีใต้ในอีกอีก 5 ปีข้างหน้าคือเปลี่ยนไลน์การผลิตมาเป็นหน้าจอ Quantum Dot แทน อย่างไรก็ตาม Samsung Display ยังไม่มีแผนสำหรับโรงงานในจีน ที่มา - Yahoo! Finance
# Valorant เตรียมเปิด closed beta วันที่ 7 เมษายนนี้ในบางประเทศ Valorant เกมฮีโร่ชู้ตเตอร์แบบ 5v5 เกมใหม่ของ Riot ค่ายเกมผู้พัฒนา League of Legends ซึ่งจะเป็นเกมที่คล้ายคลึงกับการนำ Counter-Strike มาผสมกับ Overwatch โดยจะเป็นการเล่นแนวทำภารกิจ และฮีโร่แต่ละตัวก็จะมีความสามารถ และมีหน้าที่แตกต่างกันไป ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ล่าสุด Valorant ประกาศเตรียมเปิด closed beta วันที่ 7 เมษายนนี้ ซึ่งจะเปิดให้เล่นเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรป รัสเซีย และตุรกีเท่านั้น โดยผู้เล่นต้องเชื่อมบัญชี Riot เข้ากับบัญชี Twitch ของตัวเอง แล้วเข้าไปลุ้นมีส่วนร่วมใน closed beta ได้ผ่านการร่ว่มสนุกในช่วงสตรีมไฮไลท์เกมบน Twitch Riot กล่าวว่า การระบาดของ COVID-19 ทำให้แผนที่อยากจะเปิด closed beta ให้ผู้เล่นทั่วโลก ต้องลดขนาดลงมาเหลือเพียงบางพื้นที่เท่านั้น ส่วน closed beta ในพื้นที่อื่นอาจตามมาในเดือนต่อๆ ไป ที่มา - The Verge
# เร็ว แรง ใช่เล่น ผลทดสอบ Ryzen 9 4900HS เบียดแซง Core i9 หลายตัวแบบสบายๆ Asus ROG Zephyrus G14 เป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งตัวแรกๆ ของท้องตลาดที่ใช้ซีพียู AMD สถาปัตยกรรม Zen 2 (7 นาโนเมตร) ตัวใหม่ คือ Ryzen 9 4900HS และเว็บไซต์ PCWorld ก็ได้นำมาทดสอบ เปรียบเทียบสมรรถนะกับซีพียูโน้ตบุ๊กตัวท็อปๆ ของ Intel ทั้ง Core i7 และ Core i9 และผลทดสอบที่ได้ ก็ดูจะทำให้ Intel ร้อนๆ หนาวๆ ได้แน่นอน Ryzen 9 4900 HS อยู่ในอันดับท็อป 3 ซะเป็นส่วนใหญ่ในการทดสอบบน Cinebench โดยแพ้ให้แค่ Core i9-9900K ในการทดสอบแบบหลายแกน ทั้งบน Cinebench R15 และ Cinebench R20 แต่จะมีหล่นไปอยู่อันดับ 4 แค่ในการทดสอบแบบแกนเดียว บน Cinebench R15 เท่านั้น แต่ก็พลิกกลับมาชนะเป็นอันดับหนึ่งได้ ในการทดสอบแบบแกนเดียว บน Cinebench R20 ส่วนในการทดสอบเข้ารหัสไฟล์วิดีโอ 1080p ขนาด 30GB บนโปรแกรม Handbrake ก็ใช้เวลาน้อยที่สุดเป็นอันดับสาม แพ้ไปแค่ Core i9-9980HK บน Acer Predator Helios กับ Core i9-9900K บน Alienware Area 51m R1 เท่านั้น การทดสอบอื่นๆ ในด้านเกมมิ่งก็ได้ผลใกล้เคียงกัน เช่นคะแนนซีพียูใน 3DMark Timespy ก็แพ้ให้แค่ Acer Predator Helios กับ Alienware Area 51m R1 เท่านั้น แต่ต้องไม่ลืมว่า Asus ROG Zephyrus G14 เป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่เน้นความบางเบาเป็นพิเศษ เพราะมากับซีพียูรหัส HS ของ AMD ที่ต้องอยู่ใต้ HS Design Standard และมีความหนาไม่เกิน 20 มิลลิเมตร ส่วนในด้านกราฟฟิก Zephyrus G14 ที่ใช้ GTX 2060 Max-Q ยังมีประสิทธิภาพด้อยกว่าการ์ดจออย่าง GTX 1070 หรือ GTX 1080 หรือรุ่นสูงกว่าตัวอื่นในการทดสอบ แต่ในการเล่นเกมจริง อย่างเกม Rise of the Tomb Raider แบบ 1920x1080 ปรับ Very High บน DirectX 11 ก็มีเฟรมเรตเฉลี่ยถึง 88.2 เรียกได้ว่าผ่านฉลุยในการเล่นเกมจริง ติดอยู่นิดหน่อยตรงที่เลน PCIe ของ ชิปตระกูล Ryzen 4000 มีแยกมาให้จีพียูนอกใช้แค่ 8x เท่านั้น แต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่เท่าไร เพราะแทบจะไม่มีจีพียูค่ายไหนใช้งาน PCIe เต็มๆ 16 เลนเลย อย่าง Alienware’s Area 51m R1 ที่ใช้ GeForce RTX 2080 ก็ใช้เลน PCIe แค่ 8x เช่นกัน ส่วนการใช้งานแบตเตอรี่ที่ทดสอบโดยการดูวิดีโอ 4K แบบต่อเนื่อง ก็ใช้งานได้ถึง 6 ชั่วโมงกว่า หรือ 383 นาที ซึ่งเวลาประมาณนี้ ก็โอเคสำหรับการใช้งานทั่วไปแล้ว แถมถ้าใช้แค่พิมพ์เอกสาร หรือใช้งานเบาๆ อาจจะอยู่ได้นานกว่านี้ด้วยซ้ำ จากที่ AMD แทบจะไม่เคยเอาชนะ Intel ในด้านซีพียูโน้ตบุ๊กได้มาก่อน แต่การมาถึงของ Ryzen 4000 ตัวใหม่ๆ ที่เบียดเอาชนะ Core i9 ตัวท็อปของไปได้หลายรายการ และการที่ Ryzen 9 4900HS ที่มาในโน้ตบุ๊กเกมมิ่งแบบสลิม สามารถประชันกับโน้ตบุ๊กเกมมิ่งตัวหนาๆ พัดลมใหญ่ๆ ได้แบบสบายๆ ก็น่าจะทำให้ Intel ต้องเร่งมือกับ Gen 10 ที่ไม่ใช่ซีพียูตัวประหยัดพลังงานอีกสักหน่อย ส่วนพวกเราก็ต้องมาติดตามผลกันต่อไป ที่มา PCWorld
# Steam ประกาศจำกัดระบบอัพเดตเกมอัตโนมัติ เพื่อลดการใช้แบนด์วิดท์ Steam ประกาศแนวทางเพื่อลดปริมาณการใช้แบนด์วิดท์ โดยจะเปลี่ยนแปลงการอัพเดตเกมอัตโนมัติ เพื่อกระจายช่วงโหลด ให้เฉพาะเกมที่มีการเปิดเล่นย้อนหลัง 3 วันเท่านั้น ที่จะได้รับอัพเดตอัตโนมัติทันที หรือเกมที่กำลังจะเปิดเล่นอยู่เท่านั้น ส่วนเกมที่มีในเครื่องแต่ไม่ค่อยได้เล่น จะยังได้รับอัพเดตอัตโนมัติ เพียงแต่จะไม่ทำงานในทันที ในช่วงที่ผ่านมาจำนวนผู้เล่นเกมผ่าน Steam ทำสถิติใหม่สูงสุดมาตลอด ก่อนหน้านี้โซนี่ก็ประกาศลดความเร็วการดาวน์โหลดเกมบน PlayStation Network ที่มา: Steam ผ่าน Engadget
# Skype ผู้ใช้แตะ 40 ล้านคน โตขึ้น 70% ในเดือนเดียว, ปริมาณการโทรเพิ่ม 220% ไมโครซอฟท์เผยสถิติการใช้งาน Skype ในช่วงนี้ จำนวนผู้ใช้ต่อวัน 40 ล้านคน เพิ่มขึ้น 70% จากเดือนที่แล้ว อัตราการโทรระหว่าง Skype ไปยัง Skype เพิ่มขึ้น 220% จากเดือนที่แล้ว Skype เพิ่งออกฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Meet Now ให้สามารถสร้างห้องประชุมแบบเห็นหน้าทางวิดีโอ โดยที่ผู้เข้าร่วมไม่จำเป็นต้องมีบัญชี Skype เพียงแต่คลิกลิงก์ก็เข้าเว็บไปคุยได้เลย ที่มา - Microsoft
# เปิดตัว Microsoft Family Safety แอพคุมการใช้หน้าจอในครอบครัว ใช้คุมพีซี-Xbox ได้ ของใหม่อีกอย่างที่ไมโครซอฟท์เปิดตัวมาคู่กับ Microsoft Teams สำหรับคอนซูเมอร์ คือแอพใหม่ชื่อ Microsoft Family Safety บนสมาร์ทโฟน Android/iOS Family Safety เป็นการรวมชุดฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยสำหรับคนในครอบครัวหลายอย่าง ได้แก่ แชร์พิกัดให้คนในครอบครัว แจ้งเตือนได้ว่าใครออกจากจุดไหนไปจุดไหน การขับรถ วัดความเร็วรถ การเบรกแบบรุนแรง การใช้งานโทรศัพท์ขณะขับรถ มีประวัติย้อนหลังให้ดูเป็นรายวัน (รองรับเฉพาะในบางประเทศ) การคัดกรองคอนเทนต์ออนไลน์ไม่เหมาะสม ทั้งเกม แอพ เว็บ (Edge) รวมถึงการจำกัดการดาวน์โหลดแอพของเด็กๆ จำกัดเวลาใช้งานหน้าจอของลูกๆ ไม่เฉพาะมือถือ (ฟีเจอร์นี้รองรับเฉพาะ Android) แต่รวมถึงพีซี Windows และการเล่น Xbox ด้วย Microsoft Family Safet จะเริ่มเปิดทดสอบในวงจำกัด โดยยังไม่ระบุกรอบเวลาชัดเจน
# ธนาคารกรุงเทพล่มอีกครั้ง เงินกดไม่ออก โอนเงินแล้วไม่ถึงปลายทาง วันนี้ตั้งแต่ช่วงสิบโมงที่ผ่านมา บริการออนไลน์ของธนาคารกรุงเทพก็ล่มไปอีกครั้ง หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วล่มยาวหลายชั่วโมงไปแล้วครั้งหนึ่ง รอบนี้ยังคงมีผู้ใช้รายงานปัญหาโอนเงินแล้วเงินไม่ถึงปลายทางเช่นเดิม โดยรอบที่แล้วทางธนาคารกรุงเทพไม่สามารถยืนยันระยะเวลาปรับปรุงยอดให้เงินกลับมาได้ ว่าจะใช้เวลานานเพียงใด ผมทดลองใช้เว็บ ibanking แม้จะล็อกอินสำเร็จ และสั่งโอนเงินพร้อมเพย์ได้ แต่ตอนนี้ผ่านมาหลายนาทีเงินก็ยังไม่ถึงปลายทาง (update: เงินเข้าปลายทางหลังจากโอนไป 15 นาที) เนื่องจากทางธนาคารไม่มีช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ช่องทางที่เห็นการตอบรับเร็วที่สุดคงเป็นแท็ก #ธนาคารกรุงเทพ ในทวิตเตอร์
# ไม่ต้องหนีไปเล่นข้างนอก Pokemon Go ให้ตีบอสร่วมกับเพื่อนได้แม้อยู่ในบ้าน Pokemon Go เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ชุดใหญ่ ให้ผู้เล่นได้เล่นต่ออย่างสนุกสนานแม้จะออกจากบ้านไม่ได้ก็ตาม คือสามารถนับก้าวเดินจากกิจกรรมในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นออกกำลังกาย ทำงานบ้าน ผ่านฟังก์ชั่น Adventure Sync, ผู้เล่นสามารถเข้าตีบอสหรือ Raid Battles ได้ แม้อยู่ในบ้าน จากเดิมที่ต้องออกไปหายิม ก่อนหน้านี้ Pokemon Go เพิ่มไอเทมรอบตัวและเปิดโอกาสให้เจอโปเกมอนใกล้บ้านมากขึ้น หลีกเลี่ยงการออกไปเล่นข้างนอกช่วงนี้ นอกจากนี้ ทางผู้พัฒนาเกมบอกว่ากำลังมองหาวิธีให้ผู้เล่นได้กลับไปเยี่ยมชมและแบ่งปันความทรงจำเกี่ยวกับสถานที่ที่พวกเขาชื่นชอบแบบเสมือนจริง จนกว่าจะสามารถกลับไปเยี่ยมชมพวกเขาด้วยตนเองอีกครั้ง และกำลังพิจารณาจัด Pokémon GO Fest แบบ live event ด้วย ด้านเกม Harry Potter: Wizards Unite ก็จะมีไอเทมใกล้ตัวมากขึ้นเพื่อให้สามารถพัฒนาเลเวลต่อได้ ภาพจาก Niantic ที่มา - Niantic
# Valve แง้มแผนการพัฒนา Artifact Beta 2.0 - จะไม่ขายการ์ดแล้ว ถือเป็นการออกมาอัพเดตข่าวคราวครั้งแรกในรอบปี สำหรับ Artifact การ์ดเกม Dota 2 หลังจากประกาศยกเครื่องครั้งใหญ่ โดย Valve ได้ออกมาประกาศถึงการพัฒนาและโรดแมปของ Artifact Beta 2.0 ไว้ดังนี้ ในส่วนของตัวเกม การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือการให้ผู้เล่นสามารถซูมถอยออกมาดูรายละเอียดของทั้งสามเลนได้พร้อมกัน แต่เหตุการณ์ในแต่ละเลนนั้นจะเกิดขึ้นตามลำดับเหมือนเดิม นอกจากนี้ ตัวเกมจะไม่มีการขายการ์ดอีกต่อไปแล้ว รวมถึงเพิ่มโหมดใหม่อย่าง Hero Draft เข้าไปในเกมอีกด้วย สำหรับโรดแมปการส่งคำเชิญให้ผู้เล่นมาร่วมทดสอบช่วง Beta นั้นจะเป็นดังต่อไปนี้ 1. ทีมงานทดสอบตัวเกมเป็นการภายใน (ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นนี้) 2. ส่งคำเชิญให้ผู้เล่นที่เคยซื้อเกม Artifact มาร่วมทดสอบ Beta 3. ปรับปรุงเกมในช่วง Beta และค่อยๆ ปรับให้เป็นการเล่นแบบ open beta 4. ออกจากการทดสอบ Beta (ซึ่งทีมงานหวังว่าจะเร็วกว่าเมื่อเทียบกับ Dota 2) ผู้เล่นที่มีสิทธิ์ได้รับคำเชิญ Beta นั้นจะต้องเป็นคนที่ซื้อเกมก่อนวันประกาศนี้ และ การได้มาซึ่งการ์ดใหม่ๆ จะผ่านทางการเล่นเท่านั้น โดย Valve มีไอเดียบางอย่างสำหรับสิ่งที่จะขายภายในเกม แต่ไม่ใช่การ์ด และพวกเขาอาจจะส่งคำเชิญร่วมทดสอบ Beta ให้กับสื่อ คนดัง และสตรีมเมอร์เพิ่มเติมอีกด้วย ที่มา: Artifact
# Airbnb จ่าย 8 พันล้านบาทอุ้มคนให้เช่าที่ถูกยกเลิกเข้าพัก พร้อมระบุคนที่จองจะได้เงินคืนเต็มจำนวน Brian Chesky ซีอีโอ Airbnb ส่งสารถึงผู้ให้เช่าสถานที่พักทั่วโลก ระบุว่า ทางบริษัทจะจ่ายค่าชดเชยให้ผู้ให้เช่าที่พักที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส เป็นเงิน 250 ล้านเหรียญ หรือราวกว่า 8 พันล้านบาท โดย Airbnb จะจ่ายค่ายกเลิกให้ผู้ให้เช่า 25% ตามปกติที่ควรได้รับ เฉพาะที่พักที่มีการจองในช่วงวันที่ 14 มีนาคม - 31 พฤษภาคมนี้ บริษัทจะเริ่มดำเนินการจ่ายเงินแก่ผู้ให้เช่าในเดือนเมษายนนี้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่จองที่พักในช่วง 14 มีนาคม - 31 พฤษภาคม หรือก่อนวันที่ 14 มีนาคม แล้วต้องยกเลิกก็จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวนเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีกองทุนบรรเทาทุกข์ Superhost Relief Fund ให้แก่ Superhost หรือผู้ให้เช่าที่ที่ได้รับสถานะเป็นเจ้าของที่พักดีเด่น 10 ล้านเหรียญ เป็นการระดมทุนกันเองระหว่างผู้บริหารและพนักงาน Airbnb ภาพจาก Airbnb ที่มา - Airbnb
# ท้าชนกรุ๊ปไลน์ Microsoft Teams เปิดตัวเวอร์ชัน Home เพิ่มฟีเจอร์แชร์รูป-พิกัดในครอบครัว ประกาศสำคัญของไมโครซอฟท์เมื่อคืนนี้คือ Office 365 เปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft 365 โดยเพิ่ม Microsoft Teams เข้ามาในทุกแพ็กเกจ รวมถึงการใช้งานฝั่งคอนซูเมอร์กับผู้ใช้ตามบ้านด้วย ในประกาศของไมโครซอฟท์ระบุชัดเจนว่า ต้องการผลักดันการใช้ Microsoft Teams กับเพื่อนและครอบครัวด้วย (Teams for Home) นอกเหนือจากการใช้คุยงานกับเพื่อนร่วมงานเพียงอย่างเดียว โดย Microsoft Teams จะได้ฟีเจอร์สำหรับครอบครัวมาอีกชุดใหญ่ เช่น หน้า Dashbord รวมข้อมูลสำคัญของครอบครัว เช่น ภาพถ่าย ตารางนัดหมาย มาแทนหน้า Files ของ Teams เวอร์ชันปกติ แก้ไขไฟล์ร่วมกัน โดยไมโครซอฟท์ชูตัวอย่างการช่วยลูกทำการบ้าน หรือ ทำตารางค่าใช้จ่ายในครอบครัว แชร์พิกัดปัจจุบันของแต่ละคนในบ้าน แชร์รหัสผ่าน เลขสมาชิก ร่วมกันในครอบครัว ฟีเจอร์เหล่านี้จะทยอยเพิ่มเข้ามาใน Microsoft Teams ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยยังไม่ระบุช่วงเวลาชัดเจน ที่มา - Microsoft
# Netflix ลดทราฟฟิคลง 25% ทั่วโลกรวมไทย ความละเอียดเหมือนเดิม คุณภาพลดลงเล็กน้อย จากปริมาณทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตและการใช้งานของแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพิ่มขึ้นทั่วโลก Netflix ได้ประกาศลลดปริมาณการส่งข้อมูลลง 25% ทั่วโลก รวมประเทศไทย (หลังลดในยุโรปและอินเดียไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงจะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เบื้องต้นจะมีผลไป 30 วันจนสิ้นเดือนเมษายนนี้ อาจมีการขยายตามสถานการณ์อีกครั้ง ในแง่การใช้งาน ระดับความละเอียดสามารถรับชมได้เหมือนเดิมตามแพ็กเกจและเครื่องที่รองรับ ทั้ง UHD/HD/SD แต่คุณภาพในแต่ละความละเอียดจะลดลงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้มีรายงานด้วยว่า Netflix ในสหรัฐและยุโรปล่มไปแล้วครั้งหนึ่ง ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
# Facebook ทดสอบปุ่ม Reactions รูปหัวใจแบบใหม่ สำหรับสถานการณ์ COVID-19 ? นักวิจัยสายแกะหลังบ้านแอปคนเดิม Jane Manchun Wong เผยว่าได้ค้นพบฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook ซึ่งสถานะอยู่ในขั้นทดสอบ โดยเป็นปุ่มแสดงความรู้สึก (Reactions) แบบเดิม ที่เปลี่ยนไปคือหัวใจ กลายเป็นสัญลักษณ์รูปหัวใจ Stay Home ซึ่งผู้ใช้ Facebook และ Instagram คงคุ้นตาในช่วงที่ผ่านมา Facebook และ Instagram เริ่มเผยแพร่สติกเกอร์ Stay Home มาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อรณรงค์การอยู่บ้าน รักษาระยะห่างระหว่างผู้คน ลดการระบาดของ COVID-19 นอกจากนี้ยังเพิ่มหน้าข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ ทั้งหมดใช้สัญลักษณ์รูปหัวใจลักษณะนี้เช่นกัน Facebook ยืนยันว่ากำลังทดสอบหัวใจรูปแบบใหม่นี้ แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งนี้ Facebook เพิ่มปุ่มแสดงความรู้สึกจากกดไลก์ มาเป็นหลากหลายแบบเรียกรวมว่า Reactions ตั้งแต่ปี 2016 ที่มา: Mashable
# WeWork ขาย Meetup โซเชียลมีเดียสำหรับจัดกิจกรรมกลุ่ม ให้กลุ่มทุน AlleyCorp Meetup โซเชียลมีเดียที่เน้นการจัดกิจกรรมพบปะ ระหว่างกลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน ประกาศว่ากลุ่มนักลงทุนนำโดย AlleyCorp ได้เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของบริษัทแล้ว โดยก่อนหน้านี้ Meetup เป็นบริษัทในเครือของ WeWork จากการเข้าซื้อกิจการเมื่อปี 2017 ปัจจุบัน Meetup มีสมาชิกสมัครใช้งานกว่า 49 ล้านคน และองค์กรกว่า 230,000 แห่ง บริการ Meetup Pro ที่เน้นลูกค้าระดับบริษัทก็มีลูกค้ารายใหญ่อาทิ แอปเปิล, กูเกิล, Azure ของไมโครซอฟท์ และ Twitter แผนการขาย Meetup ของ WeWork นั้น มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากบริษัทประสบปัญหาการเงินและอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างองค์กรนั่นเอง ที่มา: TechCrunch
# Microsoft Edge เพิ่มฟีเจอร์แสดงแท็บแนวตั้ง, ตัวช่วยเช็ครหัสผ่านรั่ว, ค้น Bing ไร้ร่องรอย ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ใหม่ชุดใหญ่ให้ Edge โดยจะทยอยเพิ่มมาใน Insider Channel เร็วๆ นี้ Vertical Tabs แสดงรายชื่อแท็บแนวตั้ง สำหรับคนที่อยากเห็นชื่อเว็บยาวขึ้น Collections ฟีเจอร์เก็บข้อมูลจากเว็บลงสมุด แล้วส่งต่อไป Word/Excel รองรับการลากหลายแท็บมาใส่ และประกาศทำ Collections สำหรับ Edge บนมือถือ Smart Copy คัดลอกข้อความบนหน้าเว็บ แล้วไปแปะในหน้าจอเขียนอีเมล โดยไม่เสียฟอร์แมต (เช่น ตาราง) Password Monitor แจ้งเตือนว่ารหัสผ่านรั่วบนอินเทอร์เน็ต แบบเดียวกับที่ Chrome และ Firefox มี InPrivate โหมดท่องเว็บส่วนตัว รองรับการค้นหาบน Bing แบบไร้ตัวตน Immersive Reader โหมดอ่านบทความ เพิ่มตัวช่วยเน้นบรรทัดที่อ่านอยู่ (line focus) Vertical Tabs Smart Copy ที่มา - Microsoft
# ไมโครซอฟท์เปิดตัว Microsoft Editor ปัญญาประดิษฐ์ตรวจแกรมม่า ใช้ได้ในทั้ง Word, Outlook, Chrome, Edge ไมโครซอฟท์เปิดตัว Microsoft Editor พร้อมๆ กับการเปิดแพ็กเกจ Microsoft 365 สำหรับผู้ใช้ตามบ้าน โดยบริการนี้เป็นบริการตรวจคำผิดและแก้ไวยกรณ์ ตลอดจนการปรับรูปประโยคให้เข้าใจง่าย บริการนี้จะเปิดให้ใช้ฟรีสำหรับผู้ใช้ Word และ Outlook.com ทุกคน แต่จำกัดฟีเจอร์ระดับพื้นฐานเท่านั้น สำหรับผู้ใช้ Microsoft 365 จะได้บริการเต็มรูปแบบ ตัว Editor มี 3 เวอร์ชั่น ได้แก่ Editor in Word ตัวที่ล้ำหน้าที่สุดจากการเปิดตัวใน Word ตั้งแต่ปีที่แล้ว สามารถวิเคราะห์ระดับความอ่านง่าย และแจ้งระยะเวลาที่ใช้อ่านเอกสาร, มีระบบตรวจหาข้อความซ้ำจากแหล่งอื่น, และสามารถแนะนำรูปแบบการเขียนที่เหมาะสมให้ได้ด้วย Editor in Outlook ใช้ตรวจความถูกต้องในอีเมลก่อนส่ง โดยใช้ได้ทั้งในเดสก์ทอปและเว็บ Editor in the browser extension เป็นส่วนขยายเบราว์เซอร์ทำให้ใช้ได้ทุกที่ โดยรองรับทั้ง Google Chrome และ Microsoft Edge ตอนนี้ไมโครซอฟท์เริ่มปล่อย Microsoft Editor ในวงจำกัดแล้ว และจะเปิดให้ใช้ทั่วไปปลายเดือนเมษายน ที่มา - Microsoft 365 Blog
# Apple ออก ProRes RAW เบต้า สำหรับใช้งานบน Windows แอปเปิลออก ProRes RAW เวอร์ชันบน Windows ซึ่งตอนนี้มีสถานะเป็นเบต้า ทำให้ผู้ใช้ Windows สามารถเปิดดูไฟล์วิดีโอที่เป็น ProRes RAW และ ProRes RAW HQ ได้ ทั้งนี้แอปเปิลระบุว่าการเปิดไฟล์ ProRes RAW บน Windows ต้องทำผ่านโปรแกรมที่รองรับ ซึ่งตอนนี้มี 4 โปรแกรมได้แก่ Adobe After Effects, Adobe Media Encocder, Adobe Premiere และ Adobe Premiere Rush ProRes RAW เป็นรูปแบบไฟล์วิดีโอของแอปเปิล ซึ่งแอปเปิลบอกว่ามีจุดเด่นคือนำคุณภาพและเวิร์กโฟลว์ของ RAW ควบคู่กับประสิทธิภาพของ ProRes ทั้งยังมีขนาดเล็กกว่าไฟล์แบบ ProRes 4444 Apple ProRes RAW for Windows สามารถดาวน์โหลดได้ที่หน้าสนับสนุนของแอปเปิล ที่มา: MacRumors
# Office 365 รีแบรนด์เป็น Microsoft 365, ราคาเท่าเดิม เพิ่ม Teams, Family Safety ไมโครซอฟท์ประกาศรีแบรนด์ Office 365 เป็น Microsoft 365 โดยจะมีผลในวันที่ 21 เมษายน 2020 แพ็กเกจ Microsoft 365 สำหรับคอนซูเมอร์คือ Personal รุ่นมาตรฐาน และ Family รุ่นครอบครัว ยังได้โปรแกรมตระกูล Office, สตอเรจ OneDrive 1TB, เครดิตการโทร Skype 60 นาทีเหมือนของเดิม สิ่งที่เพิ่มมาคือ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย Microsoft Family Safety และ Microsoft Teams ที่เพิ่มเข้ามาในแพ็กเกจคอนซูเมอร์เป็นครั้งแรก ราคาของ Microsoft 365 Personal ยังเท่าเดิมที่ 6.99 ดอลลาร์/เดือน และ Family ที่ 9.99 ดอลลาร์/เดือน (ใช้งานได้ 6 คนเท่าเดิม) ส่วน Office 365 สำหรับภาคธุรกิจขนาดเล็ก (Business) จะเปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft 365 ด้วยเช่นกัน (โดยยังมีคุณสมบัติเท่าเดิม และใช้ราคาเดิม) ได้แก่ Office 365 Business Essentials กลายเป็น Microsoft 365 Business Basic Office 365 Business Premium กลายเป็น Microsoft 365 Business Standard Microsoft 365 Business กลายเป็น Microsoft 365 Business Premium Office 365 Business และ Office 365 ProPlus กลายเป็น Microsoft 365 Apps Office 365 สำหรับภาคธุรกิจขนาดใหญ่ (Enterprise/Education/Government) ยังคงใช้แบรนด์ Office ต่อไป เพื่อแยกจาก Microsoft 365 รุ่น Enterprise ที่รวมไลเซนส์ Windows 10 มาให้ในชุดด้วย ที่มา - Microsoft, Microsoft
# ACM ประกาศเปิดห้องสมุดดิจิทัลทั้งหมดให้อ่านฟรี ดาวน์โหลดเป็น PDF ไว้อ่านทีหลังก็ได้ ACM หรือ Association of Computing Machinery สมาคมด้านคอมพิวเตอร์ที่เป็นผู้ดำเนินการวารสารวิจัยและงานประชุมวิชาการดังๆ ด้านคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ประกาศเปิดห้องสมุดดิจิทัลที่เดิมให้เฉพาะสมาชิก กลายเป็นห้องสมุดสาธารณะให้ทุกคนดาวน์โหลดบทความทั้งการประชุมวิชาการและวารสารออกมาอ่านได้ฟรี โดยมีกำหนดถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ โมเดลรายได้ของ ACM มักเก็บเงินจากสถาบันการศึกษา และตรวจสอบจากหมายเลขไอพีว่าเข้าเว็บจากสถาบัน การที่นักศึกษาและนักวิจัยไม่ได้เข้าไปทำงานในมหาวิทยาลัยในช่วงนี้ก็อาจจะทำให้เข้าถึงงานวิจัยได้ยากกว่าเดิม ทาง ACM ระบุว่าต้องการช่วยเหลือชุมชนนักวิจัยในช่วงเวลาที่ COVID-19 ระบาด สำหรับคนทำงานไอทีที่ไม่ได้เป็นนักวิจัยโดยตรง ผมแนะนำนิตยสาร Communications of the ACM ที่รวมเอาทั้งบทความวิจัย และบทความมุมมองในวงการไอทีโดยรวมเอาไว้ด้วย ที่มา - ACM
# Facebook ทุ่มกว่า 3 พันล้านบาทช่วยสำนักข่าวท้องถิ่นให้ทำงานต่อได้แม้เงินโฆษณาหดหาย Facebook ลงทุนช่วยเหลือสื่อ สำนักข่าวที่กำลังแย่เพราะโดนพิษไวรัสเล่นงานถึงกว่า 3 พันล้านบาท หรือ 100 ล้านเหรียญ โดยแบ่งเป็นลงทุน 25 ล้านเหรียญช่วยเหลือสำนักข่าวท้องถิ่นแบบฉุกเฉินผ่านโครงการ Facebook Journalism Project และอีก 75 ล้านเหรียญเป็นการลงทุนช่วยเหลือสำนักข่าวทั่วโลก เป้าหมายของการลงทุนครั้งนี้ Facebook ว่าเป็นไปเพื่อให้สำนักข่าวได้ทำงานเสนอข่าวต่อไปโดยเฉพาะในห้วงเวลาที่คนต้องการข่าวสารมากที่สุดในเวลานี้ แต่ในขณะเดียวกันสื่อก็กำลังแย่เพราะเงินโฆษณาเข้าน้อยลง โดยเม็ดเงินจะไปยังสื่อในประเทศที่โดนไวรัสเล่นงานหนักที่สุดก่อน ความช่วยเหลือรอบแรกจะไปยังสื่อในสหรัฐและแคนาดา เช่น The Post and Courier จาก South Carolina, Southeast Missourian จาก Missouri, El Paso Matters จาก Texas ที่มา - Facebook
# Swift ประกาศแผนพัฒนารุ่น 5.3 เตรียมรองรับวินโดวส์และลินุกซ์เพิ่มเติม โครงการพัฒนาภาษา Swift ของแอปเปิลประกาศแผนการพัฒนารุ่น 5.3 โดยเป้าหมายหลักของเวอร์ชั่นนี้คือการพัฒนาประสิทธิภาพ และพยายามซัพพอร์ตแพลตฟอร์มให้มากขึ้น โดยเฉพาะการรองรับวินโดวส์และลินุกซ์ให้ครอบคลุมดิสโทรต่างๆ มากขึ้น ก่อนหน้านี้ Swift มีคอมไพลเลอร์เป็นทางการบน Mac OS และ Ubuntu เท่านั้น แม้จะมีบริษัทภายนอกพัฒนาคอมไพลเลอร์มาคอมไพล์เป็น .NET และ Java Bytecode ได้ แต่ความเข้ากันได้ก็ไม่เท่ากับโครงการหลักอยู่ดี Swift 5.3 จะตัด branch ในวันที่ 4 เมษายนนี้แยกออกไปพัฒนาตามเป้าหมาย โค้ดใน master หากต้องการรวมเข้า 5.3 จะต้องดึงผ่าน pull request เอา อย่างไรก็ดีมีโครงการย่อยๆ ตัดโค้ดออกไปตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมแล้วบางส่วน ที่มา - Swift Blog
# [ลือ] iPhone 12 ยังคงกำหนดตามเดิม ไม่เลื่อน, iPhone SE2 อาจเปิดตัวกลางเดือนหน้า มีข่าวลือหลายทางเกี่ยวกับแผนการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ประจำปี หรือเรียกตอนนี้ว่า iPhone 12 ว่าอาจเลื่อนออกไปจากช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ที่เป็นรอบเปิดตัวปกติ เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ที่กระทบต่อทั้งสายการผลิต ไปจนถึงความกังวลเรื่องยอดขาย ล่าสุดมีรายงานจาก Bloomberg ระบุว่า Foxconn โรงงานประกอบ iPhone หลักที่จีน ตอนนี้เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตตามปกติแล้ว และตามช่วงการดำเนินงานปกติ iPhone รุ่นใหม่ประจำปี ก็จะไม่เริ่มการผลิตจนกว่าจะถึงช่วงกลางปี ในตอนนี้จึงถือว่า iPhone 12 ยังอยู่ในแผนการผลิตตามกำหนดนั่นเอง อย่างไรก็ตาม มีสินค้าที่อาจต้องเลื่อนเปิดตัวไปจากแผนกำหนด ได้แก่ AirPods รุ่นใหม่, แท่นชาร์จตัวใหม่ที่มาแทน AirPower และแท็กติดสิ่งของ AirTags รายงานบอกว่าเดิมสินค้ากลุ่มนี้จะเปิดตัวพร้อม iPhone 12 แต่อาจเลื่อนเป็นเดือนพฤศจิกายนแทน ส่วน iPhone รุ่นราคาถูกตัวใหม่ ที่คาดว่าจะใช้ชื่อ iPhone 9 หรือ iPhone SE2 นั้น ตามแผนเดิมจะต้องเปิดตัวสัปดาห์นี้ แต่อาจเลื่อนไปเป็นกลางเดือนเมษายน หรือช้าที่สุดคือเดือนมิถุนายน ที่มา: Phone Arena
# ปีนี้จะหนักกว่าเดิม? Foxconn กำไรหด 6% ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติ COVID-19 Hon Hai Precision Industry Co. หรือที่รู้จักกันในนาม Foxconn แถลงตัวเลขกำไรในปี 2019 ที่ลดลงถึง 6 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 แต่เป็นเพราะภาษีนำเข้าของอเมริกาที่พุ่งสูงขึ้นจากสงครามการค้า และอุปสงค์ต่อสมาร์ทโฟนที่ลดลงในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ Hon Hai ที่มีรายได้กว่าครึ่งมาจากการผลิต iPhone และอุปกรณ์อื่นๆ ให้กับ Apple ยังต้องรับมือกับการระบาดของโรค COVID-19 ในปีนี้อีก แม้ตอนนี้บริษัทจะกลับมามีกำลังผลิตตามปกติแล้ว และ iPhone รุ่นใหม่ที่มีตัวรับสัญญาณ 5G ยังมีกำหนดเปิดตัวเดิมอยู่ แต่การที่ซัพพลายเชนจากหลายโรงงานทั่วโลกของ Apple ถูกรบกวน ก็อาจส่งผลให้อุปกรณ์อื่นของ Apple ที่ Hon Hai ผลิตให้ เกิดความล่าช้าได้ การระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อรายได้ในไตรมาสแรกของ Foxconn อย่างแน่นอน โดย Foxconn ได้ลดเป้าการเติบโตของยอดขายที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ลง จาก 3 - 5% เหลือเพียง 1 - 3% เท่านั้น และทำให้การเปิดตัว “iPhone City” หรือคอมเพล็กซ์โรงงานขนาดใหญ่ในเมืองเจิ้งโจว ต้องถูกเลื่อนออกไปในขณะที่บริษัทยังใช้มาตรการกักกันพนักงานที่เข้มงวดอยู่ แต่ขณะนี้ Foxconn ก็เริ่มเพิ่มเงินโบนัสเซ็นต์สัญญา เพื่อเร่งหาพนักงานใหม่แล้ว นอกจากนี้ Foxconn ยังทุ่มเงินมากกว่าหนึ่งหมื่นเจ็ดพันล้านดอลลาร์ไต้หวัน เปิดโรงงานใหม่ในอินเดียและเวียดนามเพื่อลดผลกระทบจากทั้งสงครามการค้า และการระบาดของ COVID-19 โดย David Huang ซีเอฟโอของ Foxconn ยังได้กล่าวว่าโรงงานในสองประเทศนี้ จะกลายเป็นฮับการผลิตในภูมิภาคในที่สุด ที่มา - Blomberg
# คนเยอะรับไม่ไหว Microsoft ปิดการอัพโหลด ภาพประจำตัวผู้เล่นชั่วคราว ช่วยลดงานให้ moderators COVID-19 ทำให้คนที่ต้องกักตัวอยู่บ้านหันมาเล่นเกมมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และทำให้ Microsoft ต้องปิดระบบการอัพโหลดรูปภาพแบบ custom เช่น ภาพประจำตัวผู้เล่น (gamerpics) และภาพประจำกลุ่ม (club images) โดยผู้ใช้บน Xbox Live ชั่วคราว โดยไม่มีกำหนดว่าจะกลับมาเปิดเมื่อไร เพื่อลดปริมาณภาพที่ทีมงานต้องตรวจสอบและคัดกรอง หลังยอดผู้ใช้งาน Xbox Live เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงกักตัวอยู่บ้าน โดยไม่มีผลกับรูปที่อัพโหลดไปก่อนหน้านี้ Microsoft แถลงว่าตัวเลขผู้ใช้งาน “เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์” ทั้งบน Xbox Live, Xbox Game Pass และ Mixer ทำให้ต้องตัดสินใจปิดระบบเบื้องต้นนี้ นอกจากนี้ในอีกแถลงการเกี่ยวกับ Azure, Microsoft ก็ชี้แจงว่ากำลังทำการลดภาระของเซิฟเวอร์ เช่นการปล่อยอัปเดตเกม ในช่วงที่มีผู้ใช้งานน้อย การปิดระบบนี้แสดงให้เห็นถึงปัญหาเกี่ยวกับการตรวจสอบคอนเทนต์ของผู้ให้บริการออนไลน์ต่างๆ ที่เมื่อมีคอนเทนต์มากกว่าปกติ ผู้ให้บริการอาจต้องเลือกระหว่างการปล่อยให้คอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสมหลุดรอดสายตาไปได้ หรือจะตัดสินใจปิดการให้บริการบางอย่าง เพื่อให้ทำการคัดกรองได้อย่างทั่วถึงขึ้นอย่างที่ Microsoft ทำ ที่มา - Engadget
# Gabe Newell เล่า Steam Workshop เกิดขึ้นได้เพราะเขาลองขายไอเท็มใน WoW เป็นเงินจริง Gabe Newell ผู้ก่อตั้ง Valve ให้สัมภาษณ์กับ Edge Magazine ถึงพัฒนาการของ Steam และการเกิดขึ้นของ Steam Workshop ว่ามีจุดหนึ่งที่ Valve เริ่มมองว่าเกมเป็นมากกว่าแค่ความบันเทิง และสามารถเป็น “productivity platform” หรือ “แพลตฟอร์มสร้างผลผลิต” ได้ เพื่อเป็นการพิสูจน์แนวคิดนี้ Gabe Newell จึงตัดสินใจลงไปเป็น gold farmer หรือการหาไอเท็มมาขายเป็นเงินจริงในเกม World of Warcraft ด้วยตัวเอง (นึกถึงการขายเอ็มในเกม Ragnarok) โดยเขาสามารถทำเงินได้ถึง 20 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อเทียบกับค่าจ้างรายชั่วโมงของหลายที่ในโลก หลังจากที่ได้เห็นการทำงานของเศรษฐกิจในเกมอย่างใกล้ชิดแล้ว Valve จึงเริ่มสร้าง Steam Workshop ขึ้นมา เพื่อให้ผู้เล่นสามารถขายไอเท็ม หรือ mods ต่างๆ ได้ และสามารถทำรายได้ให้หลายๆ คนได้มากกว่า 20 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงด้วยซ้ำ นอกจากนี้ Gabe ยังเล่าถึงเหตุการณ์หนึ่งที่มีพ่อแม่ของเด็ก โทรมาหา Valve เพราะ PayPal แจ้งเตือนว่ายอดเงินที่ลูกของพวกเขาได้รับ เกินลิมิตของเงินที่บัญชี PayPal รับได้ต่อเดือน และลูกของเขาอาจกำลังขายของผิดกฏหมาย หรือค้ายาเสพติดอยู่ จน Gabe ต้องแจ้งว่า “ลูกของคุณขายของใน Team Fortress Workshop เขาทำเงินได้ถึง 500,000 ดอลลาร์ต่อปีเลยนะ” และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้ Gabe เชื่อว่าการมองเกมเป็นแพลตฟอร์ม เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และทำให้ Valve ใช้มุมมองนี้ในการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ในเกม multiplayer มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Gabe ยังพูดถึงมุมมองของเขาต่อ Epic Game Store และการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้นของสโตร์ขายเกมแบบออนไลน์ โดย Gabe บอกว่าเขามีปัญหากับ Apple Arcade และการที่ผู้คนเริ่ม “ตกหลุมรักวิธีที่ Apple พยายามควบคุมทุกอย่าง” มากที่สุด ที่มา - PCGamer
# Linus Torvalds บอกไวรัสไม่มีผลกับนักพัฒนาลินุกซ์ เพราะ Social Distancing อยู่แล้ว Linus Torvalds ประกาศออกเคอร์เนลลินุกซ์เวอร์ชัน 5.6 ตามรอบปกติ ของใหม่ที่สำคัญคือ WireGuard ซอฟต์แวร์ VPN ที่ถูกผนวกเข้ามายังเคอร์เนลลินุกซ์ สิ่งที่น่าสนใจคือในอีเมลของ Linus พูดถึงสถานการณ์ "social distancing" ที่ทั้งโลกกำลังเผชิญอยู่ว่าไม่มีผลกระทบต่อการพัฒนาเคอร์เนล เพราะนักพัฒนาเคอร์เนลส่วนใหญ่ทำงานจากที่บ้านอยู่แล้ว กรณีของตัวเขาเองยังโดนลูกสาวแซวด้วยซ้ำว่าเป็น "แชมป์ social distancing" (social distancing champ) และเขาก็คาดว่าเคอร์เนล 5.7 จะพัฒนาเสร็จตามปกติ ที่มา - LKML, The Register
# TOT ออกซิมใหม่ SIM for Work ราคา 66 บาท ใช้ 4G ไม่อั้น นาน 60 วัน TOT ออกโปรใหม่ สำหรับซิมระบบเติมเงิน (Prepaid) ชื่อ TOT SIM for Work ซึ่งโปรแรก SIM for Work #1 ราคา 66 บาทที่มาพร้อมซิม สามารถใช้งาน 4G ความเร็วสูงสุดแบบไม่จำกัดได้ 60 วัน หลังจากนั้นสามารถเติมเงินเพื่อสมัครบริการเสริมอื่นได้ ดังนี้ SIM for Work#2 ใช้งาน 4G ไม่อั้น ที่ความเร็ว 4 Mbps ค่าบริการ 500 บาท ระยะเวลาใช้งาน 10 เดือน SIM for Work#3 ใช้งาน 4G ไม่อั้น ไม่จำกัดความเร็ว ค่าบริการ 900 บาท ระยะเวลาใช้งาน 10 เดือน TOT SIM for Work ซื้อได้ที่ศูนย์บริการ TOT ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม - 31 พฤษภาคม นี้ ที่มา และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม - TOTmobile
# สิงคโปร์เตรียมโอเพนซอส TraceTogether แอปติดตามการใกล้ชิดกับคนอื่น เพื่อทำแผนผัง COVID-19 อย่างที่ทราบกันว่าสิงคโปร์ค่อนข้างโดดเด่นเรื่องมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 หนึ่งในนั้นคือการจัดทำแผนผังผู้ติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ บอกชัดเจนว่าผู้ป่วยเดินทางไปที่ไหนบ้างและติดต่อกันสถานที่ไหน เชื่อมโยงให้เห็นว่าเคสไหนติดต่อไปเคสไหน หน่วยงาน Government Technology Agency (GovTech) ของรัฐบาลสิงคโปร์ได้ออกแอป TraceTogether สำหรับช่วยบันทึกว่าเจ้าของเครื่องว่ามีปฏิสัมพันธ์หรือใกล้ชิดใครที่มีแอปติดเครื่องเหมือนกันบ้าง ซึ่งช่วยให้ภาครัฐสร้างแผนผังติดตามการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น และล่าสุดรัฐบาลสิงคโปร์ก็เตรียมจะโอเพนซอสแอปนี้แล้ว การทำงานของแอปคือคือดาวน์โหลดแอปลงมาและเปิดบลูทูธ เมื่อเจ้าของเครื่อง 2 คนอยู่ใกล้กันในระยะ 6 ฟุต (แม้จะไม่รู้จักกัน) ตัวแอปจะแลกเปลี่ยนยูสเซอร์ไอดี (temporary ID) ที่ถูกสุ่มและเข้ารหัสเอาไว้ในเครื่องและติดตามตัวไม่ได้ ไม่มีข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง (geolocation) ไม่มีข้อมูลส่วนตัว ด้วยโปรโตคอล BlueTrace ที่ทาง Government Digital Servies (GDS) ของรัฐบาลสิงคโปร์ออกแบบขึ้นใหม่ มีเพียงเซิร์ฟเวอร์เท่านั้นที่รู้ว่าหมายเลขชั่วคราวนี้เป็นของหมายเลขโทรศัพท์ใด โดยเลขประจำตัวชั่วคราวนี้จะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาเพื่อป้องกันหน่วยงานอื่นใช้ติดตามตัวผู้ใช้โทรศัพท์ เมื่อเจ้าของเครื่องติด COVID-19 เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำหน้าที่สร้างแผนผังผู้ติดเชื้อ จะขอเข้าถึงข้อมูลของ TraceTogether ว่าได้แลกเปลี่ยนไอดีกับใครเอาไว้บ้าง และทางกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์สัญญาว่าจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อติดตามผู้เข้าใกล้ผู้ป่วยโรค COVID-19 เท่านั้น และเมื่อหมดช่วงการไล่ติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วย แอปจะแจ้งให้ผู้ใช้ปิดการทำงานของแอปไป ที่มา - Tracetogether, @johnrobb via MSPowerUser, BlueTrace
# Fox Sports จะถ่ายทอดสดทัวร์นาเมนท์กีฬาอีสปอร์ตแทนการแข่งจริง ทั้ง NFL และ NASCAR ช่วงนี้การแข่งขันกีฬาต่าง ๆ ต้องหยุดหรือยกเลิกการแข่งขันไปเพราะโรคระบาด จนช่องกีฬาหลายช่องมีตารางว่างและรายได้หดหายไปด้วย ทำให้ Fox Sports เตรียมจะจัดการแข่งขันและถ่ายทอดสดทัวร์นาเมนท์ทั้ง NFL และการแข่งรถ NASCAR ผ่านอีสปอร์ตแทน ส่วนของ NFL จะแข่งกันด้วย Madden NFL 20 ซึ่งเป็นอีเวนท์จบในวันเดียวระยะเวลา 2 ชั่วโมง ให้ผู้เล่น 8 คนที่มีนักกีฬาและนักวิเคราะห์อาชีพร่วมด้วยมาแข่งกันแบบ single-elimination ผ่านออนไลน์ ขณะที่ NASCAR การแข่งรถสปอร์ต เปลี่ยนรูปแบบกลายเป็น eNASCAR ที่เล่นกันผ่านเกม iRacing แทน ( eNASCAR iRacing Pro invitational Series) โดยเพิ่งเริ่มต้นซีซันการแข่งขันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Fox เผยด้วยว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ที่เป็นการถ่ายทอดสดงานเปิดตัวการแข่งขัน eNASCAR มีผู้เข้าชมสูงถึง 903,000 คน ก่อนหน้านี้ Formula 1 ก็จัดอีเวนท์อีสปอร์ตผ่านเกม rFactor 2 เช่นกัน ที่มา - The Verge, Engadget ภาพจาก EA
# นักวิเคราะห์คาด Apple ลดต้นทุนซีพียูได้ 40-60% หาก Mac หันมาใช้ ARM Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ชื่อดังชาวไต้หวัน ที่วิเคราะห์ Apple อย่างแม่นยำมาแล้วหลายครั้ง และเคยทำนายว่าผู้ใช้งานจะได้เห็นเครื่อง Mac ที่ใช้ซีพียู ARM ได้อย่างเร็วที่สุด คือไตรมาสที่สี่ของปีนี้ และจะมีเครื่อง Mac รุ่นอื่นๆ เปลี่ยนมาใช้งานซีพียู ARM เพิ่มมากขึ้น นับจากปี 2021 เป็นต้นไป (ข่าวเก่า) นอกจากนี้ Kuo ยังเชื่อว่า Apple จะสามารถลดต้นทุนในด้านซีพียูได้ 40-60% หากเปลี่ยนมาใช้ซีพียู ARM แทน Intel ซึ่งการลดต้นทุนนี้ สำคัญต่อ Apple ในการรักษาราคาของ Macbook รุ่นประหยัด เช่น Macbook Air รุ่นราคาต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์ (ต่ำกว่า 32,640 บาท) ให้อยู่เท่าเดิมได้ อย่างไรก็ตาม Apple อาจมีต้นทุนด้านอื่นที่เพิ่มขึ้นแทน เพราะในปัจจุบัน Apple ใช้ตัว USB Controller ที่มากับชิปเซ็ตของ Intel อยู่ หากต้องเปลี่ยนไปใช้ ARM แล้ว Apple คงต้องหาซัพพลายเออร์เจ้าใหม่ และ Kuo ก็เชื่อว่าซัพพลายเออร์เจ้านั้นคือ ASMedia ซึ่งจะเป็นผู้จำหน่าย USB Controller ให้กับ Mac ที่ใช้ ARM เพียงเจ้าเดียว ซึ่ง Kuo คาดว่า Apple จะซัพพอร์ต USB 3.1 ต่อจนถึงปี 2021 และจะใช้ชิ้นส่วน USB4 Controller ของ ASMedia ที่จะมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงกว่าแทน ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป Kuo คาดว่าการเปลี่ยนมาใช้ซีพียู ARM จะทำให้ Apple จำหน่ายเครื่อง Mac ได้มากขึ้น และจำนวนเครื่องที่ Apple จำหน่าย อาจเพิ่มจากปัจจุบัน ที่อยู่ประมาณ 20 ล้านเครื่องต่อปี เป็น 30 ล้านเครื่องต่อปีได้ในภายภาคหน้า ที่มา - 9to5Mac
# กักตัวแต่ไม่หยุดเรียน Google Classroom มียอดดาวน์โหลดเกิน 50 ล้านครั้งแล้ว คนกักตัวอยู่บ้าน โรงเรียน สถานศึกษาปิดเพื่อความปลอดภัย แต่การศึกษายังต้องไปต่อ ส่งผลให้ Google Classroom มียอดดาวน์โหลดเกิน 50 ล้านครั้งแล้ว ข้อมูลจาก AppBrain เผยว่าไม่ใช่เพียงได้รับความนิยมในตลาดโหลดแอปเท่านั้น แต่ยังมียอดดาวน์โหลดพุ่งสูงเร็วช่วงวันที่ 10 มีนาคม และสัปดาห์ที่ผ่านมากลายเป็นแอปติด 5 อันดับยอดนิยมในสหรัฐฯ และยังได้รับความนิยมสูงในอินโดนีเซีย, เม็กซิโก, แคนาดา, ฟินแลนด์, อิตาลีและโปแลนด์ ที่มา - Android Police
# Nier Replicant ภาคแรกของเกม Nier รีมาสเตอร์ลง PS4, Xbox One, พีซี Square Enix ประกาศรีมาสเตอร์เกม Nier Replicant ภาคแรกของเกม Nier ที่ออกในปี 2010 (อยู่ในจักรวาลเดียวกับ Nier Automata และเกมตระกูล Drakengard) Nier Replicant ออกขายในปี 2010 บนเครื่อง PS3 และ Xbox 360 พัฒนาโดยสตูดิโอ Cavia ของญี่ปุ่น (ปิดตัวไปแล้ว โดย Nier Replicant เป็นเกมสุดท้ายของบริษัท ส่วน Nier Automata พัฒนาโดย Platinum Games คนละสตูดิโอกัน) Square Enix บอกว่านำเกมนี้มารีมาสเตอร์ในโอกาสครบรอบ 10 ปี โดยใช้ชื่อว่า Nier Replicant ver. 1.22474487139 ลงคอนโซลยุคปัจจุบันคือ PS4, Xbox One และพีซีผ่าน Steam โดยยังไม่ประกาศวันวางขาย นอกจากนี้ยังมีเกม Nier Reincarnation เป็นเกมใหม่ในจักรวาล Nier บนมือถือ iOS/Android ที่ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก และยังไม่ชัดว่าจะออกมาทำตลาดนอกญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ ที่มา - Square Enix, IGN
# เกมตอบคำถามชิงเงิน HQ Trivia กลับมาแล้ว ได้นักลงทุนไม่ประสงค์ออกนามช่วยไว้ HQ Trivia ต้นแบบของแอปเกมตอบคำถาม 3 ตัวเลือก ที่ปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมากลับมาให้เล่นแล้ว หลังเพิ่งปิดตัวไปได้เดือนกว่า โดยการเปิดตัวรอบใหม่นี้ได้นักลงทุนที่ไม่เอ่ยนามช่วยไว้ ถือว่ากลับมาให้เล่นในเวลาที่เหมาะเจาะ เพราะทั่วโลกตอนนี้กำลังทำ social distancing เพื่อลดโรคระบาด กิจกรรมออนไลน์ที่คนสามารถทำร่วมกันได้จึงเป็นกิจกรรมสำคัญยิ่งกว่าครั้งไหนๆ โดยโมเดลของเกม HQ Trivia คือตอบคำถามแล้วได้เงินจริง โดยมีคำถามเป็นรอบๆ ไป ไม่สามารถเล่นได้ตลอดเวลา ช่วงก่อนปิดตัว HQ Trivia ประสบปัญหาการเงิน เพราะความนิยมลดลง จนถึงขั้นปลดพนักงานออก ก่อนจะประกาศปิดตัวในเวลาต่อมา อ่านเพิ่ม รู้จักกับ HQ Trivia แอพเกมโชว์ตอบคำถาม เล่นสด ได้เงินจริง ที่กำลังฮิต และมีแอพทำตามในหลายประเทศ ที่มา - The Verge
# สตาร์ทอัพเช่าชุด Rent the Runway ประกาศปลดพนักงานประจำร้านทั้งหมด เซ่นพิษไวรัส สตาร์ทอัพเช่าชุด Rent the Runway ที่ได้รับการลงทุนจาก Blue Pool Capital กองทุนบริหารความมั่งคั่งของ Jack Ma ประกาศปลดพนักงานผ่านแอปประชุม Zoom โดยพนักงานที่ปลดทั้งหมดทำหน้าที่ในร้านค้า ตัวบริษัทให้บริการเช่าชุดออนไลน์อยู่แล้ว และมีหน้าร้านที่แคลิฟอร์เนีย, นิวยอร์ก , วอชิงตัน ดีซี และชิคาโก ทางบริษัทกล่าวว่าจากโรคระบาด ทำให้ต้องปิดเมือง และธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิตก็ต้องปิดทำการไปก่อน และไม่รู้จริงๆ ว่าหน้าร้านจะได้กลับมาเปิดเมื่อไร จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจที่ลำบาก คือต้องปลดพนักงานประจำร้านออก พนักงานที่ถูกปลดได้เงินเดือนเดือนล่าสุดที่ทำงาน เงินชดเชยประกันสุขภาพ และอีเมลแนะนำการขึ้นทะเบียนคนว่างงาน ซึ่งในสหรัฐฯตอนนี้มีคนว่างงานพุ่งสูง ที่มา - The Verge
# ทีมเทคโนโลยีของ Elizabeth Warren โอเพ่นซอร์สเครื่องมือที่ใช้ทำแคมเปญเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 คณะทำงานของแคมเปญการเลือกตั้งประธานาธิบดีประจำปี 2020 ให้ Elizabeth Warren ประกาศโอเพ่นซอร์สเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการทำแคมเปญบางส่วนบน GitHub สำหรับให้ผู้ที่สนใจนำโค้ดไปศึกษาต่อ ทีมเทคโนโลยีของ Warren ระบุว่าหลังจากที่ได้เรียนรู้จากเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สจำนวนมาก ทีมงานก็ต้องการที่จะให้การสนับสนุนตอบแทนชุมชนด้วยการโอเพ่นซอร์สเครื่องมือบางอย่างที่ใช้ในเคมเปญของ Elizabeth Warren เพื่อให้ผู้ที่สนใจนำไปศึกษาหรือใช้งานต่อ ตัวอย่างของเครื่องมือที่ทีมโอเพ่นซอร์สออกมา เช่น Spoke แอปส่งข้อความแบบ peer-to-peer ที่ทีมใช้ส่งข้อความกว่า 4 ล้านข้อความเฉพาะในวัน Super Tuesday, Pollaris เครื่องมือสำหรับหาตำแหน่งด้วย API ที่พัฒนาสำหรับอินเตอร์เฟสกับเว็บไซต์แคมเปญของ Warren เพื่อให้ผู้สนับสนุนเดินทางไปสถานที่ลงคะแนนเสียง เป็นต้น รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือแต่ละอย่าง รวมถึงลิงก์ต่อไปยัง GitHub อ่านเพิ่มเติมได้จาก Medium (@teamwarren) ที่มา - TechCrunch
# Edward Snowden ระบุ แม้ COVID-19 หายไป แต่ข้อมูลที่ให้รัฐไปแล้วอาจถูกนำไปใช้ในทางอื่นต่อ Edward Snowden อดีตเจ้าหน้าที่ CIA ผู้เปิดเผยเอกสารลับจำนวนมากได้ให้ความเห็นเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีการควบคุมตรวจตราประชากรในสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเขาเตือนว่าเมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกนำออกมาใช้งานแล้ว มันจะอยู่อย่างถาวร การจะยกเลิกจะไม่ใช่เรื่องง่าย Snowden ให้สัมภาษณ์กับ Copenhagen International Documentary Film Festival โดยเขาระบุว่าเมื่อกฎหมายสภาวะฉุกเฉินผ่านแล้วเช่นทุกวันนี้ สิ่งเหล่านี้จะยังคงอยู่แบบเหนียวแน่น โดยกฎหมายเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่แล้ว พวกเขาจะรู้สึกสะดวกสบายกับอำนาจที่พวกเขาได้รับมา ทำให้เขาเริ่มที่จะชอบมันแล้ว ยกตัวอย่างเช่น รัฐบาลสามารถขอข้อมูลจากผู้ผลิตสายรัดข้อมือฟิตเนสได้ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี ไวรัสหายไปหมดแล้วแต่ข้อมูลเหล่านี้ก็ยังคงอยู่กับรัฐ และพวกเขาอาจะเริ่มใช้มันเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง เครื่องมือติดตามทางเทคโนโลยีเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการติดตามการแพร่กระจายของไวรัสมาก เพราะสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของผู้คนได้ แต่หากมองในอีกแง่หนึ่ง เครื่องมือเหล่านี้ก็อาจถูกใช้เพื่อติดตามบุคคลที่หน่วยงานภาครัฐมองว่าเป็นภัยได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดีฝั่งผู้ที่สนับสนุนการใช้กฎหมายที่เข้มงวดให้ความเห็นแย้งว่า กฎหมายปกติในสภาวะปกติไม่เหมาะสมต่อสภาวะการแพร่ระบาดไปทั่ว และความเสี่ยงในระยะยาวสามารถจัดการได้หากการแพร่ระบาดอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว ที่มา - The Next Web, Business Insider
# iFixit แกะ iPad Pro รุ่นใหม่ 2020 แล้ว คะแนนซ่อม 3/10 เท่าเดิม ต่อจาก MacBook Air คราวนี้ iFixit ก็เริ่มแกะชิ้นส่วนของ iPad Pro รุ่นปี 2020 โดยเป็นรุ่นหน้าจอ 12.9 นิ้ว ภาพรวมนั้นการจัดวางชิ้นส่วนและองค์ประกอบ เหมือนกับ iPad Pro รุ่นปี 2018 มีของใหม่ที่สำคัญคือเซ็นเซอร์ LiDAR ที่ใช้สำหรับวัดระยะสูงสุด 5 เมตร สำหรับงานด้าน AR ซีพียูในเครื่องเป็นรุ่นใหม่ A12Z Bionic จีพียู 8 คอร์ แรม 6GB (ในรุ่น 2018 แรม 4GB ยกเว้นรุ่นความจุ 1TB ที่แรม 6GB) การซ่อมแซมนั้น มีเฉพาะพอร์ต USB-C ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้อิสระ ขณะที่ชิ้นส่วนอื่นยึดติดมากันทั้งชุดทำให้เปลี่ยนซ่อมได้ยาก คะแนนการซ่อมแซมจึงอยู่ที่ 3 เต็ม 10 เท่ากับรุ่นปี 2018 ที่มา: iFixit ผ่าน MacRumors
# VS Code ออกเวอร์ชัน 1.43 เพิ่มหน้า Search Editor ค้นหาโค้ดได้สะดวกขึ้น, เลือกโค้ดทีละหลายบรรทัดด้วย Column Selection Mode เมื่อต้นเดือนมีนาคม ไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดตเวอร์ชัน 1.43 ให้กับ Visual Studio Code มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงหลายอย่าง ฟีเจอร์สำคัญอย่างแรกในอัพเดตนี้ คือ Search Editor ซึ่งเป็นหน้าค้นหน้าแบบใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์จากฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ของตัว editor เช่นการไฮไลท์สีโค้ดตาม syntax, คำสั่ง Go to/Peek Definition หรือจะยังบันทึกผลการค้นหาออกมาเป็นไฟล์ก็ทำได้ และยังสามารถปรับแต่งให้ผลลัพธ์การค้นหา ช่วยแสดงผลโค้ดบรรทัดรอบข้างได้อีกด้วย (คลิกที่ปุ่ม Show Context ที่มุมขวาบนของ Search Editor) ภาพตัวอย่างการใช้งาน Search Editor ซึ่งได้เปิดการแสดงผลโค้ดรอบข้างไว้ที่ 2 บรรทัด สามารถเข้าใช้งาน Search Editor ได้ผ่าน คำสั่ง Search Editor: Open New Search Editor ใน command pallette ปุ่ม Open New Search Editor หรือลิงก์ Open in Editor เมื่อค้นหาโค้ดในแถบ Search view เดิม ส่วนอีกอย่างเป็นการปรับปรุงฟีเจอร์เลือกโค้ดเป็นคอลัมน์ทีละหลายบรรทัดเดิม ซึ่งเคยใช้งานผ่านคีย์ Alt / Shift + Alt ร่วมกับการคลิกซ้าย หรือคลิกแล้วลากด้วยเมาส์กลาง ให้สามารถเปิดใช้งานผ่านเมนู Selection > Column Selection Mode ได้อีกหนึ่งช่องทาง ภาพตัวอย่างการใช้งาน Column Selection Mode ส่วนการปรับปรุงอื่นๆ ที่ไมโครซอฟท์ยกให้เป็นไฮไลท์ของอัพเดตครั้งนี้มีดังนี้ (หรือเข้าไปชมวิดีโอได้ที่นี่) สามารถคลิกลากที่มุมระหว่างหน้า editor และ view เพื่อปรับแต่งขนาดและเลย์เอาต์ของหน้าต่างๆ ที่แสดงอยู่ใน VS Code ได้แล้ว รองรับ Orca screen reader บน Linux เพิ่มตัวเลือกปรับความสูงของ Minimap มาเข้าสองตัวเลือกคือ fit (ย่อขนาด Minimap จนไม่เกินความสูงของตัว editor) และ fill (เติมขนาด Minimap ให้ความสูงเท่ากับ editor เสมอ) แสดงสัญลักษณ์ระบุ whitespace เมื่อมีการลากเมาส์คลุมโค้ดเป็นค่าตั้งต้น (เวอร์ชันก่อนให้เปิดใช้งานเอง) เพิ่มตัวช่วย refactor ซึ่งจะแปลงการ concatenate string บนภาษา JavaScript/TypeScript ให้เป็น template strings (คลิกที่ไอคอนหลอดไฟหน้าโค้ดที่เลือก > Convert to template string) รองรับการเรียกดู Call Hierarchy หรือลำดับชั้นของการใช้งานฟังก์ชั่นภายในโค้ดบนภาษา JavaScript/TypeScript ปรับปรุงส่วนขยาย Remote Development รองรับการเชื่อมต่อ SSH กับโฮสต์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows และ macOS, แชร์การเชื่อมต่อ SSH เป็นค่าตั้งต้น เริ่มทดสอบฟีเจอร์ซิงก์การตั้งค่า (Setting Sync) บน VS Code รุ่นทดสอบหรือที่เรียกว่า Insider build ที่มา - Visual Studio Code
# สิงคโปร์ปรับกฎให้รถโดยสารหันมาส่งสินค้าและอาหารได้เป็นกรณีพิเศษ กระทรวงคมนาคมสิงคโปร์ประกาศปรับกฎการให้บริการรถโดยสารเป็นกรณีพิเศษในช่วงรับมือโรค COVID-19 โดยอนุญาตให้รถโดยสารทั้งแท็กซี่และรถโดยสารเรียกผ่านแอปสามารถรับงานรับส่งสินค้าและอาหารได้ สิงคโปร์ออกกฎหมายควบคุมรถโดยสารเรียกผ่านแอปมาตั้งแต่ปี 2017 แต่รถโดยสารที่ได้รับอนุญาตรวมถึงรถแท็กซี่เดิมนั้นไม่สามารถรับงานรับส่งสินค้าได้ โดยระบุเหตุผลว่าหากรถโดยสารไปรับงานขนส่งสินค้ามากๆ ก็อาจจะทำให้ผู้โดยสารเดินทางลำบากหรือรถติดขัดกว่าเดิม แต่ช่วงเวลานี้เป็นเหตุการณ์พิเศษก็จะยกเลิกข้อจำกัดให้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ผู้คนในสิงคโปร์ทำงานจากที่บ้านสูงขึ้นมาก ส่งผลให้การส่งสินค้ามากขึ้นเป็นเงาตามตัว ร้านค้าปลีกอย่าง FairPrice นั้นต้องเพิ่มพนักงานและหันไปเปิดสาขาชั่วคราว (pop-up store) ตามแหล่งชุมชนเพิ่มเติม ที่มา - Strait Times ภาพโดย cegoh
# Animal Crossing: New Horizons ทำสถิติยอดขาย 3 วันแรก สูงสุดในทุกเกมของ Nintendo Switch ที่ญี่ปุ่น นิตยสาร Famitsu ของญี่ปุ่น รายงานว่ายอดขายใน 3 วันแรกของ Animal Crossing: New Horizons เกมภาคล่าสุดของ Animal Crossing บน Nintendo Switch ที่เริ่มวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้ทำสถิติสูงสุด โดยขายไปได้ 1.88 ล้านตลับ เฉพาะในญี่ปุ่น สูงที่สุดในทุกเกมของ Switch และทุกภาคของ Animal Crossing ตัวเลขดังกล่าววัดเฉพาะยอดขายแบบตลับเท่านั้น ไม่รวมยอดขายแบบดิจิทัล ซึ่งหากรวมด้วย ก็น่าจะสูงกว่า 2 ล้านชุด Animal Crossing: New Horizons ยังทำให้ยอดขายเครื่องเกม Switch เพิ่มสูงด้วยเช่นกัน โดยขายไปได้รวม 392,000 เครื่อง ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเพราะมีคอนโซลรุ่นพิเศษของ Animal Crossing สีพาสเทล และ Switch Lite สีใหม่ Coral วางจำหน่ายด้วย ก่อนหน้านี้ Hisashi Nogami โปรดิวเซอร์ของเกม ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเกมได้ออกมาในช่วงการระบาดของ COVID-19 ทำให้คนต้องอยู่บ้าน เขาจึงหวังให้ผู้เล่นใช้เกมนี้หลบหนีโลกความจริง มาพักใจ ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่มา: The Verge
# ฟีเจอร์ Shortcut ของ Google Drive เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับผู้ใช้ทุกคน กูเกิลประกาศว่า ฟีเจอร์ Shortcut ของ Google Drive ที่เปิดให้ทดลองใช้งานในสถานะเบต้าเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับผู้ใช้ทุกคน ทั้งลูกค้า G Suite และผู้ใช้งานทั่วไปที่มีบัญชีกูเกิล Shortcut เป็นคุณสมบัติที่ทำให้การแชร์ไฟล์หากันระหว่างผู้ใช้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่มีไดรฟ์หรือโฟลเดอร์แยกทีม เป็นการเปิดอ่านหรือแก้ไขที่ไฟล์เดียวเท่านั้น ไม่ต้องเจอปัญหาก๊อปปี้ไฟล์ข้ามไดรฟ์ และเนื้อหาไม่อัพเดตตามอีก การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ผู้ใช้จะสังเกตเห็น คือไอคอน Add to My Drive เวลาเปิดดูไฟล์ที่แชร์มา จะเปลี่ยนเป็นคำว่า Add shortcut to Drive แทน กูเกิลยังบอกว่าไฟล์ที่เคยมีการก๊อปปี้ข้ามโฟลเดอร์ จะถูกเปลี่ยนเป็น Shortcut ทั้งหมด มีผลตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2020 ที่มา: กูเกิล
# ปริมาณการฟัง Podcast ในอเมริกาลดลง 10% ผลจากการระบาดของ COVID-19 ถึงแม้การระบาดของ COVID-19 จะทำให้คนอยู่บ้าน และน่าจะเป็นผลดีกับสื่อออนไลน์ แต่มีข้อมูลจาก Podtrac พบว่าภาพรวมการฟัง Podcast ในอเมริกามีจำนวนลดลง โดยปริมาณการฟังลดลง 10% ส่วนตัวเลขผู้ฟังนั้นลดลงถึง 20% การลดลงนั้นพบในทุกหมวดรายการ โดยกลุ่มรายการ Podcast แนวอาชญากรรม ซึ่งเป็นที่นิยมในอเมริกา การฟังลดลงถึง 30% หมวดกีฬาลดลง 13% ส่วนหมวดรายการตลกลดลง 15% ทั้งนี้ Podcast กลายเป็นสื่อออนไลน์แนวทางใหม่ที่มีการเติบโตสูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คาดว่าสาเหตุที่การฟัง Podcast ลงลง ก็เนื่องจากคนต้องกักตัวอยู่ในบ้าน ทำให้สื่ออย่างโทรทัศน์และเว็บข่าวออนไลน์ กลายเป็นทางเลือกหลักในการรับสื่อ สะท้อนจากเรตติ้งช่องข่าวเคเบิ้ลทีวีในอเมริกามีผู้ชมเพิ่มมากกว่าเท่าตัว ที่มา: WWD ภาพ Pixaybay
# สงสัยจะข่าวปลอม ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ของรัฐบาลเตือนเว็บรับเงินช่วยเหลือปลอม แต่ THNIC ระบุ .th ยังจดชื่อไทยไม่ได้ หลังการเปิดเว็บ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ทางศูนย์ข้อมูล COVID-19 ของรัฐบาลก็ออกมาเตือนถึงโดเมนปลอมเพื่อหลอกเอาข้อมูลประชาชน รวม 44 โดเมน อย่างไรก็ดีวันนี้ทาง THNIC ก็ออกมาปฎิเสธว่าโดเมนเกือบครึ่งที่อยู่ภายใต้ .th นั้นไม่มีการจดจริง เพราะ .th ยังไม่รองรับการจดโดเมนเป็นภาษาไทย เกณฑ์การตั้งชื่อโดเมนนั้นต่างออกไปในแต่ละ TLD (top level domain อันดับสูงสุด เช่น .com, .org, .net, หรือ .th ในกรณีของไทย) โดยเกณฑ์การตั้งชื่อของ .th ที่ปรับปรุงเมื่อปีที่แล้ว จะอนุญาตเฉพาะตัวอักษรภาษาอังกฤษและขีดกลางเท่านั้น ผมทดสอบ resolve DNS โดเมนในกลุ่ม .th หลายอันก็พบว่าไม่สามารถ resolve ได้ ตามประกาศของ THNIC อย่างไรก็ดี เว็บเราไม่ทิ้งกันมีการขอข้อมูลส่วนตัวเป็นจำนวนมาก (ซึ่งก็จำเป็นตามการใช้งาน) ก็เป็นความเสี่ยงที่จะถูกล่อลวงเอาข้อมูล ผู้ใช้ทุกคนควรดูโดเมนให้ตรงกับประกาศก่อนจะกรอกข้อมูล ที่มา - @THNICF
# ไมโครซอฟท์เผยสถิติ บางภูมิภาคมีคนใช้คลาวด์เพิ่ม 775% ในสัปดาห์เดียว ไมโครซอฟท์เผยสถิติการเพิ่มขึ้นของทราฟฟิก-การใช้งานในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา บริการคลาวด์ เติบโตถึง 775% ในบางภูมิภาค Microsoft Teams มีผู้ใช้ต่อวัน 44 ล้านคน (จากเดิมสัปดาห์ก่อน 32 ล้านคน) มีการประชุม-โทรคุยกัน 900 ล้านนาทีต่อสัปดาห์ Windows Virtual Desktop มีการใช้งานเพิ่มขึ้น 3 เท่า หน่วยงานภาครัฐนำ Power BI ไปแชร์ข้อมูล COVID-19 ให้ประชาชนรับทราบ เติบโต 42% ไมโครซอฟท์ยืนยันว่าจะทำงานเต็มที่เพื่อให้ Azure ใช้งานได้ต่อเนื่อง แม้มีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นในหลายภูมิภาค แต่ถ้าเจอปัญหาเรื่องทราฟฟิกจริงๆ ก็มีนโยบายจะให้ความสำคัญกับระบบของหน่วยงานด้านสาธารณสุข-ฉุกเฉินก่อน ไมโครซอฟท์ยังแนะนำให้ตรวจเช็คเว็บไซต์ Azure status, Xbox Live status และ Office 365 (ที่ต้องล็อกอินด้วยบัญชีแอดมินขององค์กร) ที่มา - Microsoft
# อยู่ไกลกันก็เล่นเกมด้วยกันได้ WHO จับมือค่ายเกม ดันแคมเปญ #PlayApartTogether เราเพิ่งเห็นข่าว ผู้อำนวยการ WHO แนะนำ ช่วงอยู่บ้านให้ “เล่นเกม” ล่าสุด WHO เอาจริง จับมือบริษัทเกมหลายสิบราย เปิดตัวแคมเปญ #PlayApartTogether อยู่บ้านใครบ้านมัน แต่เล่นเกมด้วยกัน เพื่อสนับสนุนนโยบาย social distancing ไม่ให้ต้องมาเจอกันในชีวิตจริงๆ บริษัทที่เข้าร่วมมีทั้งยักษ์ใหญ่อย่าง Activision Blizzard, Riot Game, Zynga, Glu Mobile บริษัทเกมรายเล็กอีกจำนวนมาก และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเกม เช่น Twitch, YouTube Gaming, Unity ในเบื้องต้น ค่ายเกมต่างๆ จะเชิญชวนผู้เล่นติดแท็ก #PlayApartTogether ผ่านช่องทางโซเชียล, แจกรางวัลหรือคอนเทนต์ในเกมเพิ่มเติม รวมถึงไลฟ์/สตรีมเชิญชวนให้ผู้เล่นมาเข้าร่วมแคมเปญด้วย ใน YouTube เองก็มีการรวมวิดีโอหมวด #WithMe สำหรับคนอยู่บ้านมาให้ดูกันสะดวกๆ เช่นกัน ที่มา - WHO, VentureBeat, Unity
# ดูง่ายใช้สะดวก LINE เปิด Mini App รายงานสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทย เราเห็นเว็บโซเชียลของต่างประเทศ เปิดศูนย์ข้อมูลรายงานสถานการณ์ COVID-19 กันถ้วนหน้า (Facebook, Google, WhatsApp, Apple) แอพแชทยอดนิยมของคนไทยอย่าง LINE ก็เปิดบริการข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์ของประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยอยู่ในรูป LINE Mini App แอพขนาดเล็กที่อยู่บนแอพ LINE อีกชั้น (ปัจจุบัน Mini App เปิดให้เฉพาะพาร์ทเนอร์บางรายใช้งาน แต่กรณีนี้ LINE Thailand ได้รับความร่วมมือจากทีมนักพัฒนาของบริษัท Cleverse) ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มแอพ COVID-19 Info Hub ได้จากหน้าแท็บ Home > Service > COVID-19 Info Hub โดยจะแสดงสถานการณ์ล่าสุดจากระบบเว็บของบริษัท Cleverse ที่ทำข้อมูลให้กับ Workpoint News อยู่แล้ว อ่านเบื้องหลังจุดเริ่มต้นการพัฒนาได้จาก Medium ของคุณ Thananut Santatiyanon ผู้ริเริ่มไอเดียมินิแอปตัวนี้
# เว็บ "เราไม่ทิ้งกัน" มีคนลงทะเบียนแตะ 12 ล้าน, เบื้องหลังเป็น Google Cloud, ล่มไป ชม. เศษ เมื่อวานเป็นวันแรกที่เว็บไซต์ เราไม่ทิ้งกัน.com เปิดให้บริการ และล่มในช่วงแรก วันนี้มีข้อมูลเบื้องหลังของระบบเว็บไซต์ออกมาให้ดูกัน ข้อมูลนี้มาจากคุณสมคิด จิรานันตรัตน์ อดีตประธาน KBTG ของธนาคารกสิกรไทย ที่ปัจจุบันไปเป็นที่ปรึกษาให้ธนาคารกรุงไทย ในฐานะองค์กรที่รับผิดชอบเว็บไซต์โครงการรัฐบาล ทั้ง "ชิมช้อปใช้" ช่วงก่อนหน้านี้ และโครงการล่าสุดคือ "เราไม่ทิ้งกัน" ทีมงานของธนาคารกรุงไทย มีเวลาเตรียมตัวเพียง 1 สัปดาห์ในการพัฒนาระบบขึ้นมาทั้งหมด รูปแบบการทำงานแตกต่างจาก ชิมช้อปใช้ ที่กรองผู้ใช้เข้ามาทีละส่วนเพื่อให้ระบบรองรับไหว แต่ "เราไม่ทิ้งกัน" จะเปิดรับผู้ลงทะเบียนทั้งหมดพร้อมกัน ระบบเบื้องหลังเป็น Google Cloud ที่ศูนย์ข้อมูลอยู่ที่สิงคโปร์ ตัวระบบ Google Cloud รองรับไหว แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาเกี่ยวข้อง ทีมงานคุยกับโอเปอเรเตอร์ เพื่อประสานงานเรื่อง network capacity และความเร็วของการส่งรหัส OTP ผ่าน SMS ล่วงหน้า เมื่อเปิดใช้งานระบบตอน 18.00 น. มีผู้ใช้งานจำนวนมาก (20 ล้านรีเควสต์) ทำให้ระบบล่ม ทีมงานจึงต้องปรับปรุงระบบใหม่ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ แต่ตอนหลังก็ไปติดคอขวดที่ระบบส่ง SMS อยู่ดี จึงต้องปรับปรุงระบบคิว SMS ให้คิวเก่าหายไป รีเซ็ตคิวใหม่ ข้อมูลล่าสุด (ประมาณ 9 โมงเช้าวันนี้ 29 มีนาคม) มีผู้ลงทะเบียนบนหน้าเว็บแล้วเกือบ 12 ล้านราย
# ไม่ต้องเลื่อน Firefox ยังรักษาตารางการออกเวอร์ชัน แต่ใช้วิธีลดฟีเจอร์ลง เราเห็นข่าว Chrome ขอหยุดพักการอัพเดตเวอร์ชันไปหลายวัน เพราะทีมพัฒนาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส ฝั่งของ Firefox (ที่สำนักงานใหญ่ Mozilla ก็อยู่ไม่ห่างจากกูเกิลนัก) เลือกใช้นโยบายที่ต่างไป คือ ยังรักษาตารางการออกเวอร์ชันใหม่ที่เคยประกาศเอาไว้ แต่อาจลดจำนวนฟีเจอร์ใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงในแต่ละเวอร์ชัน เพื่อป้องกันปัญหาเจอบั๊กแล้วไม่สามารถแก้ได้ทัน Firefox เวอร์ชันถัดไปคือ Firefox 75 มีกำหนดออกวันที่ 7 เมษายน 2020 ที่มา - Mozilla, gHacks
# เว็บ "เราไม่ทิ้งกัน" ล่มแล้วหลังเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนไม่กี่นาที จากการที่รัฐบาลเปิดให้แรงงาน ลูกจ้าง ผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com เพื่อรับเงิน 5,000 เพื่อเยียวยาสนับสนุนต่อเนื่อง 3 เดือน โดยเปิดให้ลงทะเบียนวันนี้ (28 มีนาคม) เวลา 18.00 น. ล่าสุด เว็บไซต์ล่มแล้ว ลงทะเบียนไม่ได้ ซึ่งวิธีการรับเงินของคนที่ลงทะเบียนคือจ่ายผ่านพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารใดก็ได้
# Zoom เลิกใช้ Facebook SDK บน iOS หลังพบว่าส่งข้อมูลเครื่องผู้ใช้กลับเฟซบุ๊ก หลายวันที่ผ่านมา Zoom ถูกวิจารณ์ว่าแอป iOS ส่งข้อมูลผู้ใช้บางส่วนให้กับเฟซบุ๊ก แม้ผู้ใช้จะไม่ได้ใช้บริการอะไรที่เกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊กเลยก็ตาม ล่าสุดทาง Zoom ออกมารับทราบปัญหานี้และแก้ปัญหาแล้ว ปัญหานี้เกิดจากการใช้ Facebook SDK ในแอป โดยตัว SDK จะเก็บข้อมูลบางส่วนของผู้ใช้ ได้แก่ หมายเลขประจำแอป, เวอร์ชั่นของแอป, เครือข่ายที่โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เชื่อมต่ออยู่, หมายเลขประจำเครื่องสำหรับโฆษณา, จำนวนซีพียู, พื้นที่ดิสก์, ขนาดจอ, รุ่นเครื่อง, ภาษาที่ใช้งาน, โซนเวลา, เวอร์ชั่น iOS, และหมายเลขไอพี ทาง Zoom ตัดสินใจเลิกใช้ Facebook SDK สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการล็อกอินด้วยเฟซบุ๊กจะล็อกอินทางเว็บได้ และทางบริษัทขออภัยกับความผิดพลาดนี้และจะตรวจสอบกระบวนการอิมพลีเมนต์ฟีเจอร์ให้รัดกุมขึ้น ที่มา - Zoom
# เก็บมุกไว้รอบหน้า Google จะงดเล่น April Fools ปีนี้ เพื่อโฟกัสกับสถานการณ์ COVID-19 Google มักจะเล่น April Fools’ Day อยู่เป็นประจำทุกปีจนเรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมไปแล้ว แต่สำหรับปีนี้ Google จะงดเล่น April Fools หนึ่งปีเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 Business Insider รายงานว่า Google ได้ส่งอีเมลภายในขอให้งดการเล่นตามธรรมเนียมนี้เพื่อเคารพต่อผู้ที่ต้องต่อสู้กับการระบาดของ COVID-19 ก่อน ตอนนี้เป้าหมายสูงสุดของ Google คือจะต้องช่วยเหลือผู้คน ดังนั้นให้เก็บมุกต่าง ๆ เอาไว้ใช้ในเมษารอบหน้าซึ่งจะสนุกกว่ารอบนี้แน่นอน Lorraine Twohill หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Google กล่าวผ่านอีเมลว่าตอนนี้หน่วยงานกลางได้หยุดการเล่น April Fools ไปแล้ว แต่มักจะมีโครงการเล็ก ๆ ภายในทีมที่ส่วนกลางไม่รู้ ซึ่งก็ขอให้ทุกทีมตระหนักและหยุดเล่นมุกต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ไม่ว่าจะเป็นในหรือนอกบริษัท เป็นที่รู้กันว่าการเล่น April Fools มักจะเป็นธรรมเนียมที่ Google ทำมาตลอดหลายปี (ดูได้จากแท็ก April Fools ของ Blognone) แต่ปีนี้ด้วยสถานการณ์การระบาดของ ​COVID-19 ทำให้การรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้องเป็นความสำคัญอันดับต้น ๆ และการเล่นมุกตลกที่สร้างความสับสนในเวลานี้จึงเป็นการไม่สมควรเพราะจะทำให้ผู้คนแตกตื่นหรือเข้าใจผิดได้ง่าย ๆ ที่มา - The Verge ภาพจาก Google
# Apple เปิดตัวเว็บและแอปคัดกรองผู้ป่วย COVID-19 ให้คำแนะนำการดูแลตัวเอง Apple เปิดตัวเว็บและแอปสำหรับการคัดกรองผู้ป่วย COVID-19 โดยตัวแอปดาวน์โหลดได้เฉพาะในสหรัฐฯ แต่เว็บสามารถใช้งานได้ทั่วโลก บริการนี้เป็นการร่วมมือกับศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐฯ (CDC), ชุดทำงานรับมือ COVID-19 ของทำเนียบขาว, และสำนักงานจัดการภัยพิบัติ (FEMA) ให้คำแนะนำการคัดกรองโรค โดยถามคำถามผู้ใช้ว่ามีอาการเข้าข่ายกลุ่มใดบ้าง และผู้ใช้ควรปฎิบัติตัวอย่างไร เช่น ควรติดต่อแพทย์ทันที หรือควรกักตัวเองเท่านั้น ข้อควรระวังก็คือบริการนี้เป็นข้อมูลของสหรัฐฯ เกณฑ์การพบแพทย์อาจจะไม่ตรงกับของไทย สำหรับคนไทยติดตามข้อมูลได้จากเว็บไซต์กรมควบคุมโรคติดต่อ ที่มา - Apple
# ไมโครซอฟท์จะหยุดลงทุนในบริษัทระบบจดจำใบหน้า หลังหนึ่งในบริษัทที่ลงทุนอาจเกี่ยวข้องกับรัฐบาลอิสราเอล ไมโครซอฟท์เผย จะหยุดลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพทำระบบจดจำใบหน้าที่เป็นบริษัทภายนอกหรือ third party หลังมีกรณีข้อสงสัยว่า AnyVision บริษัทในอิสราเอล ไปช่วยทำระบบจดจำใบหน้าในเขต West Bank ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลอิสราเอล และไมโครซอฟท์ก็ได้ร่วมลงทุนในบริษัทนี้ด้วย ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระทบสิทธิมนุษยชน สิทธิพลเมืองหรือไม่ กรณีดังกล่าวกำลังสืบสวนกันอยู่ แต่ไมโครซอฟท์ก็ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่าจะหยุดการลงทุนใน AnyVision และบริษัทอื่นๆ โดยไมโครซอฟท์เองก็เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ออกมากำหนดแนวทางการใช้ระบบจดจำใบหน้าอย่างไม่กระทบความเป็นส่วนตัว ประกาศไม่ขายระบบให้ลูกค้าที่มีแนวโน้มเอาระบบไปใช้ในทางที่ผิด แม้ไมโครซอฟท์จะหยุดการลงทุน แต่ไมโครซอฟท์ก็ยังมีเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าของตัวเองผ่านคลาวด์ Azure คือ Face API ที่ให้นักพัฒนาเข้ามาใช้เพื่อเป้าหมายพัฒนาประสบการณ์การใช้งานและเพื่อความปลอดภัย ที่มา - The Verge
# Instacart เพิ่มเงินให้คนทำงาน ขยายเวลาจ่ายเงินกักตัวไปถึง พ.ค. หลังโดนจ่อประท้วงหยุดงาน Instacart บริการฝากซื้อของชำส่งตามบ้านในสหรัฐฯ ขยายเวลาจ่ายเงินให้คนทำงานที่ต้องกักตัวและติดโรค COVID-19 ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม จากเดิมที่จะหมดระยะในวันที่ 8 เมษายนนี้ นอกจากนี้ยังเพิ่มเงินรายได้ให้อยู่ในช่วงระหว่าง 25 - 200 เหรียญ และยกเลิกการเซ็นลายเซ็นของผู้ใช้บริการ ลดการสัมผัสป้องกันติดเชื้อ มาตรการใหม่นี้เป็นผลมาจากกลุ่มคนทำงานส่งของชำ Instacart หรือที่เรียกกันว่า Instacart Shopper ไม่พอใจที่บริษัทไม่สามารถจัดหาเจลล้างมือ กระดาษเช็ดฆ่าเชื้อมาให้มากพอ ส่งผลให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยงติดเชื้อ ในขณะเดียวกันก็ยังต้องทำงานอยู่ ไม่สามารถกักตัวเองที่บ้านแล้วยังได้เงินเดือนเหมือนพนักงานในระบบอื่นๆ โดยกลุ่ม Instacart Shopper จะเริ่มประท้วงหยุดงานในวันที่ 30 มีนาคม และจะหยุดจนกว่าบริษัทจะทำตามเงื่อนไขดังนี้ จัดหาอุปกรณ์ป้องกันเชื้อต่างๆ ให้โดยไม่คิดฆ่าใช้จ่ายเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น เจลล้างมือ ผ้าเช็ดฆ่าเชื้อ สเปรย์ฆ่าเชื้อ สบู่ เป็นต้น มีค่าตอบแทนในสถานการณ์ที่อันตราย เรียกร้องค่าทิปในแอปอย่างน้อย 10% ของยอดคำสั่งซื้อทั้งหมด และเพิ่มค่าใช้บริการต่อคำสั่งซื้ออีก 5 เหรียญ ขยายเวลารับค่าจ้างสำหรับ Instacart Shopper ที่ติด COVID-19 ขยายเวลาสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่บริษัทเคยให้ออกไปอีก จากเดิมที่จะหมดอายุในวันที่ 8 เมษายนนี้ ภาพจาก Instacart ซึ่งจากการตอบกลับของ Instacart ยังขาดเรื่องอุปกรณ์ป้องกันติดเชื้ออยู่ และถือว่าเป็นปัญหาของบริษัทอื่นอย่าง Amazon ด้วยเช่นกันที่เริ่มจัดหาอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้พนักงานได้ไม่มากพอ ที่มา - Medium 1, 2