txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# Cisco ตั้งกองทุนบรรเทาทุกข์ให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ 2.5 พันล้านเหรียญ ฝ่า COVID-19
Cisco ตั้งโครงการ Business Resiliency Program สนับสนุนความยืดหยุ่นทางธุรกิจให้ลูกค้าและคู่ค้าสามารถฝ่าฟันวิกฤต COVID-19 ผ่านกองทุน Cisco Capital เป็นเงิน 2.5 พันล้านเหรียญ หรือราวกว่า 8 หมื่นล้านบาท
โดยลูกค้าและคู่ค้าสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี Cisco เพื่อทำธุรกิจต่อไปได้, สามารถยืดเวลาชำระค่าใช้จ่ายจำนวน 95% ของค่าบริการไปก่อนจนถึงเดือนมกราคม 2021 หลังจากนั้นลูกค้าก็สามารถชำระค่าบริการตามปกติ เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องกระแสเงินสดมากนักในช่วงนี้
Cisco ระบุว่ากองทุนดังกล่าวครอบคลุมคู่ค้า 60,000 แห่ง หวังว่าจะช่วยให้คู่ค้าดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในสถานการณ์ที่แสนท้าทายนี้ ก่อนหน้านี้ Cisco ก็สนับสนุนเงินให้องค์กรที่เกี่ยวข้องในการจัดการโรคระบาด 225 ล้านเหรียญ รวมถึงเปิดให้ใช้ Webex เวอร์ชันฟรี ไม่จำกัดเวลาใช้งาน ประชุมพร้อมกันสูงสุด 100 คน
ที่มา - Cisco |
# ไมโครซอฟท์ออก Patch Tuesday รอบเมษายน 2020 อุดช่องโหว่ Windows ที่มีการโจมตีแล้ว
ไมโครซอฟท์ออก Patch Tuesday รอบเดือนเมษายน 2020 ให้กับผลิตภัณ์ในเครือชุดใหญ่ ทั้ง Windows, Edge (เก่า+ใหม่), Office, Visual Studio, Dynamics ฯลฯ เพื่ออุดช่องโหว่จำนวนทั้งหมด 113 ช่องโหว่
ในจำนวนนี้มีช่องโหว่ระดับร้ายแรง (critical) จำนวน 15 ช่องโหว่ มีช่องโหว่แบบ zero-day จำนวน 4 ตัว โดย 2 ตัวถูกใช้โจมตีแล้ว ต้นเหตุสำคัญมาจากไลบรารี Adobe Font Manager ที่ฝังอยู่ใน Windows ทุกรุ่น
ไมโครซอฟท์เตือนว่าการโจมตีผ่านช่องโหว่ Adobe Font Manager Library ในระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นเก่าๆ (ทุกตัวยกเว้น Windows 10) แฮ็กเกอร์สามารถเข้ามารันโค้ดในเครื่องของเราได้ ในกรณีที่ที่เป็น Windows 10 แฮ็กเกอร์เจาะเข้ามาได้แต่จะรันโค้ดได้ใน sandbox เท่านั้น
ผู้ใช้ Windows ทุกเวอร์ชันรวมถึงแอดมินองค์กร ควรอัพเดตกันโดยเร็ว
ที่มา - Microsoft, Bleeping Computer |
# เศรษฐกิจฝืดเคือง Amazon ปรับลดส่วนแบ่งรายได้ Affiliate Link เหลือแค่ 1-3%
Amazon มีธุรกิจ affiliate link ที่แบ่งรายได้ให้กับคนที่ช่วยโฆษณาสินค้าของ Amazon บนเว็บไซต์ของตัวเอง แล้วได้เปอร์เซนต์จากราคาสินค้าหากมีคนกดตามไปสั่งซื้อจริง โปรแกรมนี้มีชื่อว่า Amazon Associates
ล่าสุด Amazon ส่งอีเมลแจ้งสมาชิก Amazon Associates ว่าจะปรับลดเปอร์เซนต์ส่วนแบ่งรายได้ลง เช่น
สินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์หรือแต่งบ้าน เดิมได้ 8% เหลือ 3%
สินค้ากลุ่มหูฟัง ความงาม เครื่องดนตรี เดิมได้ 6% เหลือ 3%
สินค้ากลุ่มเครื่องมือ หรือของใช้นอกบ้าน เดิมได้ 5% เหลือ 3%
สินค้ากลุ่มของชำ-ของสด (glogery) เดิมได้ 5% เหลือ 1%
โฆษกของ Amazon ยืนยันการเปลี่ยนแปลงเรตการจ่ายเงิน แต่ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมเปลี่ยน การเปลี่ยนอัตราจ่ายจะมีผลในวันที่ 21 เมษายนนี้
ที่มา - CNBC |
# [หลุด] ชิปเซ็ต Google เทคโนโลยี 5 nm. พัฒนาร่วมกับซัมซุง ปรับแต่งสำหรับ Machine Learning
ที่ผ่านมาข่าวว่า Google ดึงตัววิศวกรมาจากทั้ง Intel, Qualcomm และแอปเปิล คาดว่าเพื่อพัฒนาชิปเซ็ตของตัวเอง วันนี้รายละเอียดชิปเซ็ตดังกล่าวเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้วจากที่ Axios ได้ข้อมูลมาจากคนวงใน Google
โค้ดเนมของชิปเซ็ตตัวนี้ชื่อว่า Whitechapel (จากเขตหนึ่งในอีสต์ลอนดอน) พัฒนาร่วมกับซัมซุงและจะใช้เทคโนโลยี 5 นาโนเมตรของซัมซุงในการผลิต แน่นอนเป็นซีพียู ARM มีทั้งหมด 8 แกน ปรับแต่งสำหรับงาน machine learning บนอุปกรณ์และมีการปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการ always-on ของ Google Assistant โดยเฉพาะ
ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา Google เพิ่งได้รับชิปเซ็ตชุดแรกมาทดสอบใช้งาน ซึ่งทีมงานคาดว่ากว่าตัวจริงจะออกและนำมาใช้งานใน Pixel น่าจะรอถึงปีหน้า และรุ่นที่จะมาใช้บน Chromebook ก็น่าจะเป็นรุ่นถัดไปอีก
ชิปเซ็ต Whitechapel น่าจะช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพด้านฮาร์ดแวร์ของ Google ได้มาก
ที่มา - Axios |
# ไปอีกหนึ่ง Standard Chartered สั่งห้ามพนักงานไม่ให้ใช้ Zoom, Hangouts
อีกหนึ่งองค์กรใหญ่อย่างธนาคาร Standard Chartered ได้ออกคำสั่งห้ามพนักงานไม่ให้ใช้ Zoom และ Google Hangouts (Google Meet) จากความกังวลด้านความปลอดภัย
Reuters รายงานเรื่องนี้หลังได้เมมโมภายในของ Standard Chartered ที่ส่งโดยซีอีโอ Bill Winters ซึ่งคาดว่าสาเหตุเพราะทั้งสองบริการไม่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่เพียงพอ ขณะที่โดยแอปตัวที่พนักงาน Standard Chartered ส่วนใหญ่ใช้คือ Blue Jeans
ก่อนหน้านี้มีหน่วยใหญ่ ๆ อย่าง รัฐบาลไต้หวัน, รัฐนิวยอร์ก, SpaceX, NASA และ Google ที่ออกมาแบนการใช้ Zoom
ที่มา - Reuters |
# แอคเคาท์ Zoom กว่า 500,000 แอคเคาท์หลุดขายออนไลน์, แฮกเกอร์ได้ล็อกอินจากข้อมูลหลุดเก่า ๆ
แอคเคาท์ Zoom กว่า 500,000 แอคเคาท์หลุดขายในเว็บมืดและฟอรัมของเหล่าแฮกเกอร์ มีตั้งแต่ราคาต่ำกว่า 1 เพนนีไปจนถึงแจกฟรี
Bleeping Computer ทดลองติดต่อเจ้าของแอคเคาท์อีเมลที่หลุดออกมา ก่อนจะได้ความว่ารหัสผ่านดังกล่าวเป็นรหัสผ่านเก่า Bleeping Computer เลยคาดว่าชุดล็อกอินที่ขายกันในตลาดมืดเหล่านี้น่าจะเป็นชุดข้อมูลที่หลุดออกมานานแล้ว แล้วแฮกเกอร์นำมาทดลองล็อกอินกับ Zoom เมื่อล็อกอินได้ก็นำมาโพสต์ขายหรือแจกฟรี โดยข้อมูล Zoom ที่ขายมีตั้งแต่อีเมล พาสเวิร์ด URL ส่วนตัวสำหรับเข้าประชุมและ HostKey
การโพสต์ขายข้อมูลลักษณะนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เราไม่ควรใช้พาสเวิร์ดซ้ำกันในหลาย ๆ บริการและเป็นหนึ่งในสาเหตุที่โซเชียลมีเดียของใครหลาย ๆ คนถูกแฮกแบบดื้อ ๆ เพราะแฮกเกอร์ได้ชุดล็อกอินมาจากบริการหนึ่งที่ทำข้อมูลรั่วไหลแล้วลองนำล็อกอินในบริการอื่น ๆ อีกต่อ
ที่มา - Bleeping Computer |
# กูเกิลเปิดตัว YouTube Video Builder ตัวทำโฆษณาวิดีโอสั้นให้ใช้ฟรี ไม่ต้องจ้างมืออาชีพ
กูเกิลเปิดตัว YouTube Video Builder เครื่องมือสร้างวิดีโอสั้นด้วยตัวเองง่ายๆ เปิดให้ใช้ฟรี ไม่ต้องมีทักษะออกแบบหรือตัดต่อขั้นสูงก็ทำได้ เจาะกลุ่มธุรกิจรายย่อยที่อยากทำโฆษณาโปรโมทสินค้าตัวเอง YouTube ได้ทดลองใช้ Video Builder กับกลุ่มผู้ใช้บางส่วนแล้วมาร่วมเดือน และเร่งเปิดตัวให้ใช้งานในช่วงโรคระบาดเพื่อที่ธุรกิจจะได้นำไปใช้ได้เลย โดยไม่ต้องจ้างมืออาชีพทำให้
YouTube Video Builder มีเลย์เอาท์ ฟอนต์และสีให้เลือกหลากหลาย พร้อมเพลงและซาวด์เอฟเฟกต์จาก YouTube ให้ใช้ สร้างคลิปได้ยาวสูงสุด 15 วินาที สามารถทำได้เองภายใน 7 ขั้นตอน ผู้ที่สนใจอยากใช้ต้องเข้าไปลงทะเบียน ที่นี่ เพื่อรอกูเกิลอนุมัติให้เข้าใช้งาน ซึ่งกูเกิลระบุว่าไม่เกิน 5 วัน
ธุรกิจนั้นๆ จะต้องมีบัญชี Google หรือ Gmail หรือถ้าไม่มีก็สามารถใช้อีเมลที่ตัวเองมีอยู่เชื่อมกับกูเกิลได้ แต่ในการเผยแพร่วิดีโอจำเป็นต้องมีบัญชี YouTube
ที่มา - กูเกิล |
# [COVID-19] แอปเปิลออกรายงานการสัญจรของผู้คน ใช้ข้อมูลไม่ระบุตัวตนจาก Apple Maps
ก่อนหน้านี้ กูเกิลออกรายงานความหนาแน่นของคนในพื้นที่สำคัญต่างๆ โดยใช้ประโยชน์จาก Google Maps เพื่อจะได้เป็นข้อมูลเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาแก้ปัญหา COVID-19 ต่อไป ล่าสุด แอปเปิลก็ทำรายงานออกมาด้วยเช่นกัน ใช้ข้อมูลไม่ระบุตัวตนจากผู้ใช้งาน Apple Maps แสดงกราฟให้รู้ว่า คนออกมาขับรถและออกมาเดินกันลดน้อยลงขนาดไหน
รายงานของแอปเปิล ครอบคลุม 63 ประเทศ ครอบคลุมประเทศไทยและพื้นที่กรุงเทพด้วย แอปเปิลระบุว่าข้อมูลที่รวบรวมมาแสดงรายงานไม่เชื่อมโยงกับ Apple ID และแอปเปิลไม่เก็บข้อมูลประวัติว่าผู้ใช้งานเดินทางไปไหนมาบ้าง แสดงข้อมูลย้อนหลังไปถึงเดือนมกราคม จนถึงปัจจุบัน
ที่มา - แอปเปิล |
# Facebook ออกแอปทดลองตัวใหม่ Kit ทำงานเฉพาะบน Apple Watch
ทีม NPE ของ Facebook ยังคงออกแอปทดลองตลาดมาเรื่อย ๆ โดยแอปล่าสุดมีชื่อว่า Kit ที่ย่อมาจาก Keep in touch และทำงานเฉพาะบน Apple Watch เท่านั้น
Kit เป็นแอปสนทนาที่ทำงานร่วมกับบัญชี Facebook Messenger แนวคิดคือให้ผู้ใช้งาน พูดคุยติดต่อกับเพื่อนที่สนิทมากไม่กี่คนใน Messenger ผ่าน Apple Watch โดยทำได้ทั้งกดปุ่มส่งข้อความเสียง ส่งอีโมจิ ส่งโลเคชัน คล้ายกับการใช้งาน iMessage บน Apple Watch
Kit มีให้ดาวน์โหลดผ่าน Apple Watch Store ซึ่งตอนนี้มีเฉพาะของแคนาดา
ที่มา: TechCrunch |
# เปิดตัว OnePlus 8 Pro หน้าจอ 120Hz, กล้อง 4 ตัว ซูม 3x, มีชาร์จไร้สาย-กันน้ำแล้ว
OnePlus เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงประจำต้นปี 2020 คือ OnePlus 8 Pro และ OnePlus 8 อย่างเป็นทางการ
หน้าตาของ OnePlus 8/8 Pro เหมือนกับภาพหลุดช่วงก่อนหน้านี้ คือ ใช้ดีไซน์ด้านหลังใกล้เคียงกับของเดิม OnePlus 7 ที่เรียงกล้องหลังเป็นแถวตรงกลาง แต่เปลี่ยนจากกล้องหน้าแบบป๊อปอัป มาเป็นกล้องหน้าแบบเจาะรู punchhole ที่มุมซ้ายบนแทน
ทั้งสองรุ่นรองรับ 5G ในตัว (ใช้โมเด็ม Qualcomm X55) และรองรับ Wi-Fi 6
OnePlus 8 Pro มีให้เลือก 3 สีคือดำ Onyx Black, เขียว Glacial Green และน้ำเงิน Ultramarine Blue
สเปกของ OnePlus 8 Pro
หน้าจอ 6.78" AMOLED QHD+ 3168x1440 อัตรารีเฟรช 120Hz ความสว่าง 1300 nits
หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865
แรม LPDDR5 8GB/12GB
สตอเรจเป็น UFS 3.0 ขนาด 128GB/256GB
กันน้ำ IP68
ลำโพงคู่ รองรับ Dolby Atmos
แบตเตอรี่ 4,510 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว Warp Charge 30 วัตต์ ทั้งแบบมีสายและไร้สาย
กล้องของ OnePlus 8 Pro มีทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX689 รุ่นสั่งทำพิเศษ ความละเอียด 48MP, กล้องมุมกว้าง Sony IMX586 48MP มุมมอง 120 องศา, กล้องซูม 3X lossless และกล้องฟิลเตอร์สี (colour filter) ที่เป็นฟีเจอร์เฉพาะของ OnePlus 8 Pro
OnePlus 8 Pro แบ่งออกเป็นรุ่นความจุ 8GB/128GB ขายราคา 899 ดอลลาร์ (ประมาณ 30,000 บาท) และรุ่น 12GB/256GB ขายราคา 999 ดอลลาร์ (ประมาณ 32,600 บาท)
นอกจากนี้ OnePlus ยังมี OnePlus 8 รุ่นธรรมดา (ไม่ Pro) ที่สเปกลดหลั่นลงมาเล็กน้อย
Snapdragon 865 เหมือนกัน
จอขนาดเล็กลงเป็น 6.55" ไม่ได้เป็น 120Hz ได้แค่ 90Hz เป็นจอ AMOLED ความละเอียด 1080x2400
Warp Charge เฉพาะแบบมีสาย ไม่มีไร้สาย
แบตเตอรี่ 4,300 mAh
กล้องหลังลดเหลือ 3 ตัว คือ กล้องหลัก Sony IMX586 48MP, กล้องมุมกว้าง 16MP และกล้องมาโคร 2MP
มีสีเรืองแสง Interstellar Glow มาแทนสีน้ำเงินของ 8 Pro
ราคาเริ่มต้นที่ 699 ดอลลาร์
ที่มา - OnePlus 8 Pro, OnePlus 8 |
# เล่นเกมอยู่บ้านกันเถอะ Sony แจกเกม PS4 ฟรี Uncharted Collection และ Journey
Sony ประกาศแจกเกม PS4 ฟรีสองเกมคือ Uncharted: The Nathan Drake Collection (รวมภาค 1-3 มารีมาสเตอร์ลง PS4) และ Journey ภายใต้แคมเปญ #PlayAtHome ให้คนเล่นเกมอยู่ที่บ้าน
ทั้งสองเกมจะแจกฟรีระหว่างวันที่ 15 เมษายน ไปจนถึง 5 พฤษภาคม โดยผู้เล่นสามารถกดรับสิทธิแล้วได้เกมเหล่านี้ตลอดไป (ผู้เล่นในจีนและเยอรมนีจะได้เกม Knack 2 แทน Uncharted)
Sony Interactive Entertainment ยังประกาศตั้งกองทุน 10 ล้านดอลลาร์ สนับสนุนนักพัฒนาเกมอิสระที่อาจเผชิญปัญหาเศรษฐกิจในช่วงนี้ด้วย โดยรายละเอียดจะประกาศตามมาต่อไป
ที่มา - PlayStation Blog |
# GitHub เปิดให้ใช้ private repository ฟรี โดยไม่จำกัดจำนวนสมาชิกในทีมแล้ว
ในช่วงหลังบริการ Git repository มีการแข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะจาก GitLab ซึ่งนอกจากจะให้ใช้ repository ได้ฟรีทั้ง public และ private ได้แล้ว ยังมีการโยกฟีเจอร์เสียเงินมาเป็นฟีเจอร์ฟรีอยู่เรื่อยๆ
ล่าสุด GitHub ก็ไม่ทานกระแสนี้อีกต่อไป เปิดให้ใช้ private repository ฟรีแบบไม่มีข้อจำกัดเรื่องจำนวนสมาชิกในทีมแล้ว (เดิมจำกัดไม่เกิน 3 คน) พร้อมทั้งได้ใช้ฟีเจอร์ CI/CD, การรีวิวโค้ด, การจัดการโปรเจกต์ไปด้วย สำหรับทีมที่เสียเงินอยู่ในแพคเกจ Team จะได้ลดราคาจาก $9 เหลือ $4 ต่อคน โดยจะใช้งานฟีเจอร์มากขึ้น และได้โควต้าใช้งานส่วนต่างๆ มากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางใกล้เคียงกับที่ GitLab ทำอยู่ในปัจจุบัน
ที่มา - GitHub Blog |
# dtac ออก Pocket Wi-Fi รองรับคลื่น 2300 พร้อมเน็ต 8Mbps สำหรับคนทำงานจากที่บ้าน
dtac ออกแพ็กเกจเน็ตสำหรับธุรกิจ SME ที่อาจพบปัญหาพนักงานต้องทำงานจากที่บ้าน (work from home) แต่อาจไม่มีอินเทอร์เน็ตที่บ้าน-หอพักใช้งาน ลูกค้าองค์กรจึงสามารถซื้อเน็ตแบบ unlimited ให้พนักงานใช้ในช่วงนี้ได้
ตัวแพ็กเกจที่ออกมาต้องใช้กับ Pocket Wi-Fi รุ่นพิเศษของ D-Link (DLK-DWR-932C) ที่รองรับคลื่น 4G ความถี่ 2300MHz ของ dtac ได้ด้วย โดยคิดค่าแพ็กเกจเน็ต 399 บาทต่อเดือน ได้เน็ตความเร็ว 8Mbps ไม่จำกัดปริมาณ ส่วนค่า Pocket Wi-Fi เลือกได้ว่าจะจ่ายครั้งเดียว 1,700 บาท หรือผ่อน 350 บาทเป็นระยะเวลา 6 เดือน (รวมเป็น 2,100 บาท)
นอกจากนี้ dtac ยังมีแพ็กเกจ Microsoft Office 365 E1 ทดลองใช้ฟรี 6 เดือน ที่ไมโครซอฟท์เปิดให้ใช้ผ่านพาร์ทเนอร์ในไทยหลายราย และมีโปรโมชั่นสำหรับลูกค้านิติบุคคลที่เปิดเบอร์กับ dtac ใหม่ จะใช้งาน Zoom/Office 365/LINE แบบไม่คิดปริมาณเน็ตเป็นเวลา 180 วันด้วย
ที่มา - dtac SME |
# ซอฟต์แวร์ HomePod 13.4 เปลี่ยนมาใช้ tvOS เป็นระบบปฏิบัติการพื้นฐาน แทน iOS
เว็บ 9to5Mac ระบุว่า จากการวิเคราะห์ซอฟต์แวร์ของ HomePod เวอร์ชัน 13.4 พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ แต่แอปเปิลไม่ได้ระบุไว้ นั่นคือตัวระบบปฏิบัติการ เปลี่ยนมาใช้พื้นฐานจาก tvOS ระบบปฏิบัติการของ Apple TV แทนที่ iOS ก่อนหน้านี้
ถึงแม้ HomePod จะเปลี่ยนมาใช้พื้นฐาน tvOS ก็ไม่ได้มีความแตกต่างมากนัก เพราะ tvOS ก็มีพื้นฐานเป็น iOS เช่นกัน แต่จุดสำคัญคือ tvOS ถูกออกแบบมาให้ทำงานกับอุปกรณ์ที่มีไฟเลี้ยงตลอดเวลา ไม่ใช่อุปกรณ์พกพาที่พึ่งแบตเตอรี่แบบ iPhone หรือ iPad อีกเหตุผลสนับสนุนคือ iOS 14 น่าจะยกเลิกการสนับสนุนชิป A8 ซึ่งใช้อยู่ใน HomePod รุ่นปัจจุบัน จึงต้องปรับมาเพื่อให้รองรับต่อไปได้
ทั้งหมดนี้ช่วยอธิบายที่มาที่ไปในการปรับของ HomePod นั่นเอง นอกจากนี้ 9to5Mac ยังคาดเดาว่า อนาคตเราน่าจะเห็นการทำงานร่วมกันของ Apple TV กับ HomePod ร่วมกันมากขึ้น
ที่มา: 9to5Mac |
# Amazon ให้ลูกค้าใหม่ที่สั่งของสด, ของชำลงทะเบียนรอสินค้าก่อน เพื่อจะได้เติมของทัน
Amazon ปรับตัวทุกทางในช่วง COVID - 19 ตั้งแต่จ้างคนเพิ่ม 2 รอบ ลงทุนมาตรการความปลอดภัยพนักงาน ก็ดูเหมือนยังไม่เพียงพอกับความต้องการสินค้าพุ่งสูงในช่วงนี้
ล่าสุด Amazon แนะนำให้ลูกค้ารายใหม่ที่จะสั่งของสดของชำจาก Amazon Fresh และ Whole Foods Market ลงทะเบียนเพื่อรอสินค้าก่อน โดยในทุกสัปดาห์ทาง Amazon จะจัดการเพิ่มสินค้าในคลัง แล้วค่อยเชิญให้ลูกค้าเข้ามาเลือกซื้ออีกที เป็นการให้เวลาพนักงานได้เติมสินค้าให้ทันความต้องการ
ตั้งแต่เกิดโรคระบาดมา Amazon ก็ออกมาตรการรองรับความต้องการสินค้าหลายอย่าง เช่นเพิ่มจุด pickup ของ Whole Foods Market จาก 80 เป็น 150 จุด, และปรับเวลาทำการของร้านค้า Whole Foods Market บางแห่ง เพื่อให้จัดการคลังสินค้าได้ทันต่อความต้องการซื้อออนไลน์ เป็นต้น
ที่มา - Amazon |
# Reddit ปรับกฎรับโฆษณาทางการเมือง เพื่อเพิ่มความโปร่งใสก่อนเลือกตั้ง ปธน.
Reddit เว็บบอร์ดชื่อดังของอเมริกา ปรับกฏใหม่สำหรับโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยเฉพาะ จากเดิมที่เว็บรับลงโฆษณาเฉพาะข้อมูลที่เป็นความจริง และมีกฏเกี่ยวกับโฆษณาทางการเมืองเบื้องต้นอยู่แล้ว โดยกฎใหม่คือ Reddit จะไม่รับลงโฆษณาจากผู้ซื้อโฆษณาหรือผู้ลงสมัครรับตำแหน่งทางการเมืองที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกา รับโฆษณาในระดับประเทศของสหรัฐเท่านั้น (...only allow political ads at the federal level.) และทีมงาน Reddit จะทำการคัดกรองทั้งรูปภาพและข้อความของโฆษณาทางการเมืองแต่ละชิ้นด้วยตนเอง
ตั้งแต่วันนี้ไป Reddit จะบังคับให้ผู้ลงโฆษณาทางการเมืองบนเว็บไซต์ ต้องประสานงานกับทีมเซลของ Reddit และเปิดรับคอมเม้นต์สาธารณะเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่เริ่มแคมเปญ เพื่อสื่อสารกับผู้ใช้งานโดยตรงในช่องคอมเม้นต์
นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้ง subreddit หรือหมวดย่อยของบอร์ด ในชื่อ r/RedditPoliticalAds เพื่อเปิดเผยข้อมูลผู้ลงโฆษณา กลุ่มเป้าหมาย ยอด impressions และยอดการใช้จ่ายในแคมเปญโฆษณาทางการเมืองทุกชิ้น เพิ่มความโปร่งใสให้กับเว็บไซต์
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านกฏการลงโฆษณาบน Reddit แบบเต็มๆ ได้ที่นี่
ที่มา - Reddit |
# SoftBank คาดขาดทุนประจำปีครั้งแรกในรอบ 15 ปี จากพิษ COVID-19 และ Vision Fund
SoftBank ที่เตรียมกำลังจะออกรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดเปิดเผยว่า ผลประกอบการรวมทั้งปีของบริษัทน่าจะขาดทุนจากการดำเนินงานที่ราว 12,000-13,000 ล้านเหรียญสหรัฐและขาดทุนสุทธิที่ราว 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับเป็นการขาดทุนในผลประกอบการรายปีครั้งแรกในรอบ 15 ปี หลังขาดทุนติดต่อกันมา 3 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว
ปัจจัยสำคัญมาจากการขาดทุนของ Vision Fund ที่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 17,000 ล้านเหรียญเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ จากการขาดทุนในบริษัทที่ลงทุน โดยเฉพาะกรณีของ WeWork ที่ไม่สามารถเข้าตลาดได้และมูลค่าบริษัทหายไปไม่ต่ำกว่า 80% รวมถึงสภาพตลาดที่ผันผวน ปัญหาโรคระบาดและการขาดทุนในหลายบริษัทที่ SoftBank ลงทุนไปโดยตรง
จากสารพัดปัญหาใน WeWork และหลาย ๆ บริษัทที่ Vision Fund ไปลงทุนจนส่งถึงผลประกอบการและความน่าเชื่อถือของ Masayoshi Son ล่าสุดมีรายงานว่า SoftBank ยกเลิกการระดมทุน Vision Fund 2 ไปแล้วด้วย
ที่มา - WSJ, Reuters |
# Sony ลงทุนใน Bilibili แพลตฟอร์มเกมและความบันเทิงของจีนกว่า 13,000 ล้านบาท
Sony ลงทุนใน Bilibili แพลตฟอร์มอะนิเมะ เกมและความบันเทิงแขนงต่างๆ ของจีนถึง 400 ล้านเหรียญหรือกว่า 13,000 ล้านบาท เป็นสัดส่วนการถือหุ้น 4.98% เป็นการลงทุนผ่านบริษัทในเครือ Sony Corporation of America
Bilibili มีอายุ 10 ปี แจ้งเกิดจากการเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอะนิเมะ จากนั้นจึงขยายขอบเขตคอนเทนต์ให้ครอบคลุมอีสปอร์ต, คอนเทนต์ที่ผู้ใช้งานสร้างเอง หรือ UGC, สารคดี, มิวสิควิดีโอ มีผู้ใช้งานมากถึง 130 ล้านราย ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาไม่น้อย รวมถึง Tencent และ อาลีบาบา
Sony ระบุว่า จีนเป็นเป้าหมายตลาดความบันเทิงที่สำคัญ ด้าน Bilibili เอง ก็มีเป้าหมายผู้ใช้งานเป็น Gen Z ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ประมาณ 80% เกิดระหว่างปี 1990 ถึง 2009
ที่มา - TechCrunch |
# Razer ออกหูฟัง True Wireless ลายปิกาจู เคสเป็นโปเกบอล
Razer บริษัทผลิตอุปกรณ์เกมมิ่งชื่อดัง ออกหูฟังเกมมิ่งลายปิกาจู ที่มีเคสชาร์จเป็นโปเกบอลขนาดเท่าของจริง (ในการ์ตูน) โดยตัวหูฟังจะมีสีเหลือง และลายจะเปลี่ยนจากโลโก้รูปงูของ Razer เป็นตัวปิกาจูด้านหลังแทน รวมทั้งเสียงในระบบของหูฟัง (เช่นแจ้งเตือนแบตเตอรี่ต่ำ) ก็จะเป็นเสียงปิกาจูด้วย
หูฟังนี้ใช้ไดรเวอร์ขนาด 13mm ทั้งสองข้าง เหมือนกับรุ่น Hammerhead กันน้ำแบบ IPX4 ใช้ Bluetooth 5.0 และมีโหมด low latency ที่ลดการดีเลย์ของหูฟังเหลือเพียง 60ms สำหรับการเล่นเกมแบบจริงจังเหมือนกับใน Hammerhead แต่แบตเตอรี่จะอยู่ได้เพียง 3 ชั่วโมงต่อชาร์จเท่านั้น (Hammerhead อยู่ได้ 4 ชั่วโมง) และชาร์จในเคสโปเกบอลได้อีก 4 รอบ รวมเป็น 15 ชั่วโมง
หูฟังปิกาจูรุ่นนี้จะมีวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น ในราคา 849 หยวน หรือประมาณ 3,950 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 16 เมษายน บนเว็บไซต์ Tmall
ที่มา - Engadget |
# ESRB เพิ่มรายละเอียดในฉลากเรทติ้งว่าเกมไหนมี loot box
ESRB (Entertainment Software Rating Board) ที่เป็นหน่วยงานจัดเรทติ้งให้กับซอฟต์แวร์หรือเกมในอเมริกา เตรียมเพิ่มรายละเอียดใหม่บนฉลากเรทติ้ง ประเภท In-Game Purchases (Includes Random Items) จากเดิมที่เคยบอกเพียงเรทติ้งของเกม และ In-Game Purchases หรือมีการซื้อของด้วยเงินจริงภายในเกมเท่านั้น
ฉลาก In-Game Purchases (Includes Random Items) นี้ จะอยู่บนเกมที่มีระบบการซื้อของแบบสุ่ม ที่ผู้เล่นไม่ทราบล่วงหน้าว่าจะได้รับอะไร เช่น loot boxes, แพ็คไอเท็มลับ, กาชาสุ่มตัวละคร หรือรางวัลแบบสุ่ม โดยใช้เงินจริง หรือสามารถใช้เงินจริงซื้อ “เหรียญ” หรือค่าเงินอื่นในเกม เพื่อนำไปซื้อของสุ่มได้
Loot box หรือไอเท็มแบบสุ่ม ถูกมองว่ามีรูปแบบคล้ายคลึงกับการพนันและชักจูงให้เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จ่ายเงินจริงในปริมาณมากเพื่อสุ่มให้ได้ของที่ต้องการ ซึ่ง ESRB กล่าวว่า “มีผู้บริโภคและผู้ที่เกี่ยวข้องกับเกมเป็นจำนวนมาก ร้องขอให้ ESRB เพิ่มข้อมูลนี้ลงบนเรทติ้ง
ก่อนหน้านี้ ESRB เพิ่มข้อมูล “In-Game Purchases” เข้ามาบนฉลากเรทติ้งในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 แต่ข้อมูลนี้ก็ยังกว้างเกินไป เพราะไปนับรวมทั้งค่าสมาชิกแบบรายเดือน การซื้อ DLC การซื้อไอเท็มแบบเจาะจง และการจ่ายเงินเพื่อปิดโฆษณาในเกมด้วย
ที่มา - The Verge |
# Half-Life: Alyx มีม็อดให้เล่นแบบไม่ต้องมีแว่น VR แล้ว
Half-Life: Alyx เป็นเกม VR ในซีรีส์ Half-Life ที่มีเนื้อเรื่องเป็นช่วงก่อน Half-Life 2 แต่เพราะแว่น VR ยังมีราคาแพง และคุณภาพที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่น ทำให้มีข้อจำกัดในการเล่นค่อนข้างมาก
วันนี้มี mod หรือตัวปรับแต่งเกมโดยยูสเซอร์ r57zone บน GitHub ทำออกมาให้เล่นได้โดยไม่ต้องมีแว่น VR แล้ว
วิธีการใช้งานค่อนข้างซับซ้อน โดยต้องดาวน์โหลดไฟล์จาก GitHub และทำตามวิดีโอบน Youtube ตัวนี้
ถือเป็นตัวเลือกหนึ่ง ที่อาจจะไม่ดีที่สุด แต่แฟนๆ Half-Life หลายคน ที่อยากสัมผัสเนื้อเรื่องภาคนี้อาจจะอยากลองดู โดยมือของ Alyx จะถูกล็อกไว้ด้านหน้าของตัวผู้เล่น และสภาพก็ออกจะเก้ๆ กังๆ หน่อย ตามวิดีโอเกมเพลย์ด้านล่างนี้
ที่มา - Kotaku |
# [ลือ] iPhone 12 ดีไซน์ใหม่ขอบเรียบกับหน้าจอ เหมือน iPad Pro ปีนี้, ติ่งหน้าจอเล็กลง
มีรายงานเกี่ยวกับ iPhone รุ่นใหม่ของปีนี้อีกแล้ว คราวนี้เป็นรายงานจาก Bloomberg โดยระบุว่าปีนี้จะมี iPhone ตัวใหม่ออกมา 4 รุ่น รายละเอียดเบื้องต้นดังนี้
โดย 2 รุ่นที่จะเป็นรุ่นต่อจาก iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือขอบเครื่องจะเรียบเสมอกับหน้าจอ จากปัจจุบันเป็นขอบโค้ง ดีไซน์จึงเหมือนกับ iPad Pro ส่วนอีก 2 รุ่น ที่มีราคาต่ำกว่า จะเป็นรุ่นต่อของ iPhone 11
รายละเอียดเกี่ยวกับกล้อง ระบุว่ากล้องหน้าจะเป็นรุ่นใหม่ ทำให้ติ่งที่กินพื้นที่หน้าจอเล็กลงประมาณ 1 ใน 3 นอกจากนี้ iPhone รุ่นบนจะมีฟีเจอร์ LiDAR แบบเดียวกับใน iPad Pro รุ่นที่วางขายในปีนี้
ในรายงานยังระบุถึงสินค้าอื่นที่แอปเปิลจะเปิดตัวปีนี้ ได้แก่ HomePod รุ่นใหม่ ที่ราคาถูกลง, Apple Tags อุปกรณ์สำหรับติดตามสิ่งของเครื่องใช้ (ก่อนหน้านี้เรียกว่า AirTag)
ที่มา: MacRumors |
# OPPO เปิดตัว Ace2 5G ชิป Snapdragon 865 จอ 90Hz ชาร์จเร็วไร้สาย 40W
OPPO เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่สเปกแน่น มาพร้อมชิปเรือธง Snapdragon 865 แรม 8GB/12GB จอ 6.5 นิ้วแบบ 90Hz กับอัตรารีเฟรชระบบสัมผัสที่ 180Hz ใส่ชาร์จเร็วแบบไร้สายมาให้ถึง 40W แต่ต้องใช้ที่ชาร์จ AirVOOC ของ OPPO เท่านั้น ถ้าใช้ที่ชาร์จไร้สายแบบ Qi ทั่วไป จะชาร์จได้แค่ 10W เหมือนเดิม แต่ตัวชาร์จมีสาย ก็ชาร์จเร็วแบบ VOOC Charge 65W อยู่ และมาพร้อมระบบระบายความร้อนชื่อแปลกๆ “4D fever cooling system”
ตัวเครื่องจะมีสามสี คือสีดำ ม่วง และสีเงิน วางจำหน่าย 20 เมษายน ราคาในประเทศจีน เป็นดังนี้
รุ่น 8GB + 128GB 3,999 หยวน (ประมาณ 18,600 บาท)
รุ่น 8GB + 256GB 4,399 หยวน (ประมาณ 20,500 บาท)
รุ่น 12GB + 256GB 4,599 หยวน (ประมาณ 21,200 บาท)
เรียกได้ว่าเปิดตัวตัดหน้า Oneplus ที่อาจจะเปิดตัวมือถือรุ่นแรกของบริษัทที่มีชาร์จเร็วแบบไร้สาย ภายในอีกไม่กี่วันนี้
ที่มา - TalkAndroid |
# ยูทูเบอร์โอด แม้ทราฟิก YouTube เพิ่มเพราะคนอยู่บ้าน แต่รายได้โฆษณาก็ลดลงอยู่ดี
โรคระบาดกระทบทุกอุตสาหกรรมอย่างไม่ต้องสงสัย บริษัทและแบรนด์ต่างลดงบประมาณโฆษณากระทบวงการสื่อทุกแขนง ไม่เว้นแม้แต่แพลตฟอร์มวิดีโอใหญ่อย่าง YouTube ที่แม้จะมีคนใช้งานเพิ่มขึ้นในช่วง lock down แต่ก็ไม่ได้เพิ่มรายได้ให้ยูทูเบอร์แต่อย่างใด เพราะแบรนด์ก็หยุดลงทุนในการโฆษณาช่วงนี้เช่นกัน
ข้อมูลจาก Interactive Advertising Bureau (IAB) หน่วยงานอุตสาหกรรมโฆษณา เผยว่าหนึ่งในสี่ของผู้ซื้อและแบรนด์สื่อหยุดการโฆษณาทั้งหมดในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 ค่าใช้จ่ายในโฆษณาดิจิทัลลดลงไปราว 39% และมียูทูเบอร์หลายรายเผยว่าค่าโฆษณาของตัวเองที่ควรจะได้ หรือ CPM (cost per mille) หายไป 30-50%
ยูทูเบอร์ที่พอจะได้รับผลกระทบน้อยหน่อยแต่ก็กระทบอยู่ดีคือคนที่ทำเกี่ยวกับเกม เพราะเป็นเนื้อหาที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วง lockdown แต่ก็มองเห็นการลดลงของเม็ดเงินอยู่ดี แต่ไม่มากเท่ายูทูเบอร์ช่องอื่นที่ทำเนื้อหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยว รีวิวตามหาร้านอาหาร และเนื้อหาทั่วไป
Jason Kint ซีอีโอ Digital Content Next หน่วยงานไม่แสวงหากำไรทำงานด้านเนื้อหาดิจิทัล ให้ความเห็นว่า เมื่องบประมาณของแบรนด์มีจำกัด พวกเขาจะมองหาทางเลือกลงโฆษณาที่ปลอดภัยซึ่งก็คือ ทีวี เนื่องจาก YouTube มีความหลากหลายและมีอิสระจากแบรนด์สูง
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องคนดูมากขึ้น เป็นแรงผลักดันที่ดีให้ยูทูเบอร์ผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ และสร้างสรรค์มันออกมา แต่การผลิตก็ต้องใช้เงิน ยิ่งในช่วงนี้เม็ดเงินโฆษณาลด ก็บีบให้ยูทูเบอร์ไม่สามารถทำอะไรได้มาก
ภาพจาก Shutterstock
ที่มา - Medium One Zero |
# หลุด Galaxy Tab S6 Lite ปรับสเปคลงจากรุ่นท็อป ราคาราว 14,000 บาท
แม้จะยังไม่ได้เปิดตัวและมีข่าวหลุดออกมาค่อนข้างเยอะจนล่าสุดหน้าเว็บไซต์ Argos ที่ขายสินค้าไอทีอิเล็กทรอนิคส์ของ Saintbury's เชนซูเปอร์มาร์เก็ตของอังกฤษ ได้ขึ้นหน้าเว็บถึงราคาและรายละเอียดของ Galaxy Tab S6 Lite แท็บเล็ตรุ่นเล็กของ Galaxy Tab S6 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว
รูปลักษณ์ภายนอกไม่ต่างจาก Tab S6 รุ่นใหญ่ หน้าจอขยับลงมาเล็กน้อยที่ 10.4 นิ้ว (รุ่นใหญ่ 10.5 นิ้ว) แพแนล LED ไม่ระบุความละเอียด (แต่จากที่หลุด ๆ กันมาคือ FHD+) ชิปเซ็ต Exynos 9611 (ชิปเซ็ตระดับกลางถ้าเทียบกับ Snapdragon ประมาณซีรีส์ 7xx) แรม 4GB ความจุ 64GB รองรับ microSD 1TB กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล รัน Android 10 มี S-Pen ให้ในตัว แบตเตอรี่ที่หลุดมาคือ 7,040 mAh
ราคาในหน้าร้าน Argos คือ 339 ปอนด์หรือราว 14,000 บาท
ที่มา - Argos via SamMobile |
# Nintendo Switch อัพเดตซอฟต์แวร์ รองรับการย้ายเกมไปมาระหว่างเครื่องกับ SD Card
Nintendo Switch ออกอัพเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 10.0.0 โดยมีการปรับปรุงรายการที่สำคัญดังนี้
ย้ายเกมที่ดาวน์โหลด, อัพเดต, DLC ไปมาระหว่างหน่วยความจำเครื่อง กับการ์ด SD ได้แล้ว (ข้อมูลเซฟของเกมย้ายไม่ได้)
ปรับแต่งสลับปุ่มควบคุม รองรับ Joy-Con, ปุ่ม Switch Lite และ Nintendo Pro Controller
เพิ่มไอคอนจาก Animal Crossing ให้เลือกใช้เป็นรูปโปรไฟล์
การอัพเดตทำได้ที่หัวข้อ System ในหน้า System Settings
ที่มา: Engadget |
# YouTube ออกฟีเจอร์ video chapters แสดงหัวข้อตรงแถบเวลา เลื่อนหาส่วนที่จะดูได้ง่ายขึ้น
YouTube ออกฟีเจอร์ใหม่ video chapters ในแอปแอนดรอยด์ ช่วยให้กดหาส่วนของคลิปวิดีโอที่จะดูได้สะดวกมากขึ้นโดยไม่ต้องเลื่อนหรือคลำหาเอง โดยใช้ประโยชน์จาก timestamps ที่คนทำคลิปนั้นๆ ระบุไว้ให้
ตัว video chapters จะปรากฏตรงแถบเวลาคลิป พร้อมแคปชั่นอธิบายตรงเวลาคลิปว่าเรากำลังดูส่วนไหนอยู่ และสามารถใช้นิ้วแตะดูว่าพาร์ทอื่นของคลิปเป็นเรื่องอะไร ให้สามารถเลื่อนข้ามไปดูส่วนที่เราอยากดูได้เลย ซึ่งปกติการที่เราจะข้ามเนื้อหาคลิปได้ต้องอาศัย timestamps ที่คนทำคลิปสร้างให้กดตรงคำบรรยายใต้คลิป แต่ฟีเจอร์ใหม่นี้ดึง timestamps เข้ามาในคลิปเลย
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ใช้งานไม่กี่รายที่มองเห็นฟีเจอร์นี้ และจะมีบางคลิปที่มีฟีเจอร์ video chapters ให้
ที่มา - Android Police |
# Zoom เตรียมเปิดให้ลูกค้าที่เสียเงิน เลือกศูนย์ข้อมูลที่จะให้ทราฟิควิดีโอวิ่งผ่าน
หนึ่งในปัญหาด้านความปลอดภัยที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับ Zoom คือการส่งทราฟฟิควิ่งเข้าศูนย์ข้อมูลจีน แถมไม่ใช่การเข้ารหัสแบบ end-to-end ทำให้ล่าสุด Zoom ประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนเป็นต้นไป โฮสต์สามารถเลือกศูนย์ข้อมูลสำหรับการทำวิดีโอคอลได้แล้ว แต่เฉพาะแอคเคาท์ที่เสียเงินเท่านั้น
Zoom บอกว่าจะสามารถเลือกทั้ง opt-in หรือ opt-out จากตัวเลือกศูนย์ข้อมูลในระดับภูมิภาคไหนก็ได้ แต่จะไม่สามารถ opt-out ภูมิภาคเริ่มต้น (default) ที่ตัวเองอยู่ได้ โดยภูมิภาค ณ ตอนนี้ที่ Zoom แบ่งเอาไว้มี the United States, Canada, Europe, India, Australia, China, Latin America, และ Japan/Hong Kong (เข้าใจว่าไทยอยู่ในภูมิภาคนี้)
อย่างไรก็ตามแม้จะมีแค่ผู้ใช้เสียเงินที่เลือกศูนย์ข้อมูลได้ แต่ Zoom ก็ยืนยันว่าผู้ใช้งานนอกจีน (รวมถึงลูกค้าฟรี) จะไม่ถูกส่งทราฟฟิคผ่านเข้าไปในจีนแน่นอน
ที่มา - Zoom Blog |
# Microsoft Teams แสดงหน้าเพื่อนร่วมประชุมเยอะขึ้นเป็น 3x3 ช่อง วิ่งไล่ตาม Zoom
ช่วงหลังเราเห็น Microsoft Teams อัดฟีเจอร์เพิ่มหลายอย่าง โดยเฉพาะในฝั่งการสนทนาแบบวิดีโอให้ทัดเทียมกับ Zoom เช่น เปลี่ยนภาพพื้นหลังตอนคุย, ยกมือระหว่างประชุม/ตัดเสียงรบกวน
ล่าสุด Microsoft Teams ประกาศปรับหน้าจอตอนคุยวิดีโอแบบ Gallery View ที่เห็นเพื่อนร่วมห้องประชุมหลายๆ คน จากเดิมที่แสดงแบบ 2x2 ช่อง (4 คน) มาเป็น 3x3 ช่อง (9 คน) แล้ว ถึงแม้ยังไม่เยอะระดับเดียวกับ Zoom ที่ทำได้ 7x7 ช่อง (49 คน) แต่ก็น่าจะช่วยให้การประชุมกลุ่มใหญ่สักหน่อยผ่าน Teams ทำได้สะดวกขึ้น
ฟีเจอร์นี้จะทยอยเปิดใช้งานในเร็วๆ นี้
ที่มา - @MicrosoftTeams, MSpoweruser
หน้าจอประชุมกลุ่มใหญ่ของ Zoom (ภาพจาก Zoom) |
# ข้อมูลเพิ่มเติม API ติดตามตัวของแอปเปิลและกูเกิล: ใช้ได้ถึง Android 6, เปิดให้เฉพาะหน่วยงานรัฐใช้งาน
หลังจากแอปเปิลและกูเกิลเปิดตัว Contact Tracing API สำหรับการติดตามผู้มีประวัติเข้าใกล้ผู้ป่วยโรค COVID-19 ทั้งสองบริษัทก็จัดถามตอบนักข่าวเพื่อแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม
ข้อจำกัดแรกของ API คือทั้งสองบริษัทจะเปิดให้เฉพาะหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขเท่านั้น บริษัททั่วไปไม่สามารถเข้าถึง API นี้ได้
สำหรับแอนดรอยด์จะได้ใช้ API นี้ผ่านทาง Google Play Services ที่อัพเดตย้อนกลับไปถึง Android 6.0
ช่วงแรกของโครงการนี้ ผู้ใช้งานจะต้องดาวน์โหลดแอปของหน่วยงานรัฐก่อนใช้งานเท่านั้น แต่หลังจากนี้ทั้งสองบริษัทจะฝังฟีเจอร์นี้ลงในโทรศัพท์ทำให้ไม่ต้องลงแอปอีก แต่หากได้รับแจ้งเตือนว่าเคยเข้าใกล้ผู้ป่วย โทรศัพท์จะเตือนให้ดาวน์โหลดแอปของรัฐบาลเพื่อรับทราบข้อมูลว่าควรทำอย่างไรต่อไป
การยืนยันว่าผู้ใดติดเชื้อหรือไม่เป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐแต่ละประเทศเอง ซึ่งในทางทฤษฎีหน่วยงานรัฐจะตั้งมาตรฐานแบบใดก็ได้ เช่น ยืนยันทันทีเมื่อมีอาการชัดเจน
ตอนนี้ยังมีเฉพาะระบบสาธารณสุขแห่งชาติของสหราชอาณาจักรยืนยันว่าจะพัฒนาแอปติดตามตัวโดยใช้ Contact Tracing API อย่างไรก็ดี แอปของหน่วยงานรัฐอื่นๆ เช่น TraceTogether ของสิงคโปร์นั้นมีข้อจำกัดอย่างยิ่งใน iOS ที่ต้องเปิดแอประหว่างการติดตามตัวตลอดเวลา ทำให้หน่วยงานรัฐทั้งหลายมีแรงจูงใจอย่างยิ่งที่จะปรับมาใช้ API นี้แทน
ที่มา - TechCrunch |
# Microsoft Edge ออกเวอร์ชัน 81 ตาม Chrome, ข้ามเลข 82 เหมือนกัน
หลังกูเกิลกลับมาออก Chrome 81 จากที่ต้องหยุดออกรุ่นใหม่ไปช่วงหนึ่ง ฝั่ง Microsoft Edge ที่ใช้เอนจิน Chromium ก็ออกเวอร์ชัน 81 ตามมา
ของใหม่ในเวอร์ชัน 81 มีไม่มากนัก เน้นไปที่การแปลภาษา DevTools เท่านั้น ในมุมของผู้ใช้งานคงไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไร ส่วน Edge เวอร์ชันหน้าจะข้ามเลข 82 เช่นเดียวกับ Chrome โดยจะเป็นเลขเวอร์ชัน 83 เลย
ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์เพิ่งประกาศฟีเจอร์ใหม่ชุดใหญ่ให้ Edge ที่จะทยอยเพิ่มเข้ามาใเวอร์ชัน Insiders เร็วๆ นี้
ที่มา - Neowin |
# รีวิว Galaxy A71 สมาร์ทโฟนเกมมิ่งฟีเจอร์แน่น เล่นเกมลื่นในราคาแค่หมื่นต้นๆ
ตลาดเกมบนมือถือเติบโตขึ้นมากในช่วงหลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็น RoV, Call of Duty Mobile เกมไพ่อย่าง Hearthstone และเกมแนวแบทเทิลรอยัล อย่าง PUBG หรือ Free Fire
หลายคนอาจคิดว่าการจะเล่นเกมได้ลื่นๆ ต้องใช้สมาร์ทโฟนราคาเหยียบสองหมื่นขึ้นไป แต่จริงๆ แล้วแค่ Samsung Galaxy A71 ราคา 13,990 บาท ก็มีสเปกแรงๆ ที่มาพร้อมกับ AI Game Booster ช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นไม่แพ้รุ่นแพงๆ เลย
หน้าจอและตัวเครื่อง
Samsung Galaxy A71 มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED+ แบบ Infinity-O ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080x2400 พิกเซล สีสันสดใส สว่างพอเล่นสู้แดดได้ ตัวเครื่องหนาเพียง 7.7มม. ไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป ใส่กระเป๋ากางเกงได้สบาย
แบตเตอรี่ของ Galaxy A71 ให้มาใหญ่ถึง 4,500 mAh แต่มีน้ำหนักแค่ 179 กรัมเท่านั้น หลายคนอาจเคยเล่นเกมนานๆ แล้วเมื่อยมือเพราะสมาร์ทโฟนเกมมิ่งหลายๆ รุ่นมักหนาและหนัก แต่กับ A71 ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ เล่นกันได้แบบยาวๆ ตัวผู้เขียนเองลองเล่น RoV กับ PUBG ประมาณ 2-3 ชั่วโมงติดต่อกัน ก็ไม่รู้สึกเมื่อยมือแต่อย่างใด
สำหรับเกมเมอร์ที่ชอบใส่หูฟังเพื่อตัดเสียงภายนอก ไม่ให้เสียงเกมดังออกไปรบกวนคนอื่น และมีหูฟังเกมมิ่งตัวโปรดที่ใช้แจ๊คแบบ 3.5 มิลลิเมตร ก็สบายใจได้ เพราะ A71 ยังมาพร้อมรูหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร ไม่ได้ตัดออกไปแบบรุ่นเรือธง ในกล่องยังให้ที่ชาร์จแบบชาร์จเร็ว 25W แบบ USB-C ชาร์จได้ถึง 48% ภายในครึ่งชั่วโมง
สเปกภายใน
A71 ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 730 Octa-Core ใช้ชิปกราฟฟิก Adreno 618
แรม 8GB และใช้สตอเรจแบบ UFS 2.1 ขนาด 128 GB เรียกว่าสเปกแน่นแบบไม่ต้องห้วงเรื่องแล็กหรือค้าง
ช่องเสียบซิมใส่ได้สองซิม พร้อมรองรับ MicroSD card ความจุสูงสุดถึง 512 GB มีระบบปลดล็อคด้วยรอยนิ้วมือใต้จอแบบ Optical สแกนใบหน้าแบบ 2D และรันบน OneUI 2.0 ของ Samsung บนพื้นฐาน Android 10
เล่นเกมลื่นไม่มีสะดุดด้วย AI Game Booster
นอกจากสเปกที่อัดมาแน่นๆ กับ Qualcomm Snapdragon 730 ที่เป็นชิป Octa-Core ความเร็ว 2.2 Ghz กับชิปกราฟฟิก Adreno 618 และแรมอีก 8GB แล้ว A71 ยังมีระบบ AI Game Booster เรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้แล้วรีดประสิทธิภาพของ CPU ออกมาอย่างเต็มที่ ทำให้เล่นเกมได้แบบลื่นๆ ในโหมดเฟรมเรตสูงของเกม RoV ก็เล่นได้แบบ 59-60 fps แบบนิ่งๆ สบายๆ
นอกจากนี้ยังสามารถปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ให้รบกวนการเล่นเกม รวมถึงรับโทรศัพท์ได้ขณะเล่นเกม โดยไม่ต้องกดปิดเกมไปก่อนด้วย หน้าจอที่มีขนาด 6.7 นิ้ว ก็ใหญ่พอที่จะทำให้นิ้วมือไม่บดบังหน้าจอเกมในขณะเล่น
ระบบระบายความร้อนที่ดีของ A71 ก็ทำให้ตัวเครื่องรู้สึกแค่อุ่นๆ เท่านั้น หลังจากที่เล่นเกมต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เลือกปิดการแจ้งเตือนและฟังก์ชั่นอื่นๆ ขณะเล่นเกมได้
กล้อง
กล้องหน้า 32MP f/2.2 แบบ Infinity-O กล้องหน้าอยู่ตรงกลาง ไม่ไปบดบังไอค่อนแบตเตอรี่ หรือการแจ้งเตือนต่างๆ
กล้องหลักแบบไวด์ 64MP f/1.8 มาพร้อมเลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP มุมมองกว้างสุด 123 องศา f/2.2 + เลนส์มาโคร 5MP f/2.4 และ Depth Sensor 5MP f/2.2
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัก 64MP
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP
การถ่ายรูปทำได้ดีพอใช้ เมื่อใช้เลนส์อัลตร้าไวด์ ขอบของภาพอาจหลุดโฟกัสไปบ้างถ้าแสงไม่มากพอ (ในรูปด้านบนถ่ายในช่วงเย็น) แต่การที่มีทั้งเลนส์อัลตร้าไวด์ มาโคร แถมยังมี Depth Sensor มาให้ ก็ถือว่า ให้เลนส์มาคุ้ม ใช้งานในชีวิตประจำวันได้แบบสบายๆ
สรุป
สำหรับใครที่อยากได้สมาร์ทโฟนที่สามารถเล่นเกมได้แบบลื่นๆ แบบต่อเนื่อง น่าจะถูกใจ Galaxy A71 เครื่องนี้ เพราะทั้งสเปก ฟังก์ชั่น และประสิทธิภาพจาก AI Game Booster คุ้มค่ากับราคาแค่ 13,990 บาทแน่นอน แถมแบตเตอรี่ 4,500 mAh กับตัวเครื่องที่มีน้ำหนักแค่ 179 กรัม กับรูหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร ก็ทำให้การใส่หูฟังเล่นเกมแบบต่อเนื่องยาวๆ ทำได้แบบสบายๆ เลยเช่นกัน
Galaxy A71 มีให้เลือก 3 สีคือ Prism Crush Black, Prism Crush Blue และ Prism Crush White ส่วนในรีวิวนี้ เป็นเครื่องสี Prism Crush Black |
# กูเกิลเสนอ SimCLR เฟรมเวิร์คสำหรับจัดหมวดหมู่ภาพโดยใช้ภาพน้อยลง
กูเกิลเสนอเฟรมเวิร์ค SimCLR สำหรับการฝึกโมเดล deep learning เพื่อการจัดหมวดหมู่ภาพ (image classification) โดยใช้ภาพที่จัดหมวดหมู่ไว้ล่วงหน้าให้น้อยลง จากความสามารถในการฝึกโมเดลด้วยข้อมูลที่ไม่ได้จัดหมวดหมู่ไว้ล่วงหน้า
SimCLR อาศัยการดัดแปลงโมเดลจัดหมวดหมู่ภาพ ResNet รับภาพที่ถูกดัดแปลง (augmented) มาสร้างข้อมูลแทนภาพ (image repesentation) แล้วแปลงข้อมูลซ้ำด้วยโมเดลแบบ fully-connected เพื่อแปลงข้อมูลให้เห็นลักษณะของภาพที่ถูกดัดแปลงมาให้ชัดเจนขึ้น จากนั้นนำข้อมูลแทนภาพนี้มาฝึกกันเอง โดยหากภาพต้นทางเป็นภาพเดียวกันที่ถูกแปลงมาคนละแบบให้พยายามดึงข้อมูลให้ใกล้กัน (attract) ถ้าเป็นคนละภาพให้ดันให้ข้อมูลแทนภาพต่างกัน (repel) กระบวนการฝึกเช่นนี้ทำให้ไม่ต้องใช้ข้อมูลภาพที่มีหมวดหมู่กำกับอยู่ก่อนแล้ว
กูเกิลทดสอบ SimCLR โดยฝึกกับชุดข้อมูล ImageNet และแสดงให้เห็นประสิทธิภาพในสองแง่ ด้านแรกคือความแม่นยำสูงเมื่อใช้ข้อมูลน้อย โดยใช้ข้อมูลเพียง 1% ยังสามารถทำความแม่นยำได้ 63% ดีกว่าโมเดลแบบเดียวกันก่อนหน้านี้อย่าง CPCv2 ที่ทำได้ 52.7% อีกด้านคือความเร็วในการฝึกเมื่อใช้ข้อมูลเต็ม โดยเมื่อใช้ SimCLR ที่ฝึกกับข้อมูลที่ไม่ได้หมวดหมู่มาก่อนมาฝึกกับภาพ ImageNet เต็มรูปแบบ สามารถทำความแม่นยำได้ 80.1% ภายใน 30 epoch ขณะที่การฝึก ResNet-50 จากศูนย์ทำความแม่นยำได้เพียง 78.4% แม้ฝึกไปแล้วถึง 90 epoch
ซอร์สโค้ด SimCLR อยู่บน GitHub ของ Google Research
ที่มา - Google AI Blog |
# Qt Company พิจารณาปิดซอร์สเวอร์ชั่นใหม่นาน 12 เดือน, อาจทำให้โครงการถูก fork
Olaf Schmidt-Wischhöfer จาก KDE เล่าถึงสถานะการณ์ของ Qt ไลบรารี GUI ที่เป็นแกนกลางของระบบเดสก์ทอป KDE ว่าบริษัทกำลังพยายามเร่งรายได้ระยะสั้น โดยความเป็นไปได้หนึ่งคือการปิดเวอร์ชั่นล่าสุดทั้งหมดไม่ให้โลกโอเพนซอร์สใช้งานเป็นระยะเวลา 12 เดือน
Qt เป็นไลบรารีที่พัฒนาโดยบริษัท Trolltech และเคยขึ้นถึงสุดสูงสุดคือโนเกียซื้อบริษัทไป เพื่อพัฒนาโทรศัพท์ในระบบปฎิบัติการ MeeGo แต่ก็ล้มเหลวและขายบริษัทแยกออกมา โดยบริษัทพยายามหารายได้จากการขายซัพพอร์ตตัวไลบรารีและเครื่องมือออกแบบ GUI
ก่อนหน้านี้ Qt Company เคยปิดเวอร์ชั่นซัพพอร์ตระยะยาว (LTS) ให้สำหรับลูกค้าที่ซื้อไลเซนส์เท่านั้น การปิดซอร์สเวอร์ชั่นล่าสุดจะทำให้ชุมชนฝั่ง KDE ได้ใช้โค้ดที่แก้ปัญหาช้ากว่าปกติ และอาจจะกลายเป็นการบีบให้ KDE ต้อง fork โครงการออกมาทำเอง
Olaf ระบุว่าสาเหตุที่บริษัทมีแนวโน้มจะตัดสินใจเช่นนี้เพราะเศรษฐกิจที่แย่ลงอย่างรวดเร็วจากโรค COVID-19 ทำให้ต้องเร่งทำรายได้ในระยะสั้น
ที่มา - kde-community
ภาพจาก Qt.io |
# ยืนยันแล้ว NHS อังกฤษกำลังพัฒนาแอพติดตาม COVID-19 ผ่าน API ของกูเกิล-แอปเปิล
จากข่าวก่อนหน้านี้ กูเกิล-แอปเปิลเตรียมเปิด API ให้แอปติดตามคนใกล้ชิดผู้ป่วยโรค COVID-19
ล่าสุด NHS หรือระบบสาธารณสุขแห่งชาติของสหราชอาณาจักร ยืนยันแล้วว่ากำลังพัฒนาแอพติดตามตัวตน ที่ใช้ API Contact Tracing Bluetooh ของกูเกิล-แอปเปิล ถือเป็นหน่วยงานด้านสาธารณสุขประเทศแรกที่ใช้งาน API ตัวนี้
ข้อมูลนี้ยืนยันโดย Matt Hancock รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษว่า NHS กำลังร่วมมือกับทั้งสองบริษัทอยู่จริง และระบุว่าการใช้งานแอพตัวนี้เป็นไปตามความสมัครใจ ส่วนการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
BBC ยังรายงานว่าทีมที่พัฒนาคือ NHSX ซึ่งเป็นทีมนวัตกรรมดิจิทัลของ NHS จะเริ่มทดสอบแอพในวงจำกัดสัปดาห์หน้า
ที่มา - BBC
ภาพจาก @NHSuk |
# เท่าไรก็ไม่พอ Amazon จ้างอีก 75,000 ตำแหน่ง หลังจ้างไปแล้ว 1 แสนตำแหน่ง
เดือนที่แล้วเราเห็นข่าว Amazon ประกาศจ้างพนักงานเพิ่ม 1 แสนตำแหน่ง เพื่อตอบสนองความต้องการเดลิเวอรี-ส่งสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นมาก
เวลายังผ่านไม่ครบเดือนดี Amazon ออกมาประกาศจ้างงานเพิ่มอีก 75,000 ตำแหน่ง เพราะ 1 แสนตำแหน่งที่จ้างไปชุดแรก (ได้คนครบหมดแล้ว) ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
ก่อนหน้านี้ Amazon ถูกวิจารณ์ว่า ดูแลความปลอดภัยของพนักงานเดลิเวอรีและคลังสินค้าไม่ดีนัก มีพนักงานเป็นโรค COVID-19 หลายราย ซึ่ง Amazon ก็ประกาศว่ามีมาตรการด้านความปลอดภัย เช่น อุปกรณ์ป้องกัน ตรวจอุณหภูมิ การทำความสะอาดคลังสินค้า หรือ ร้าน Whole Foods ในเครือ เป็นต้น
ที่มา - Amazon
ภาพจาก @AmazonFulfillment |
# ทีม Longdo Map เปิดเว็บสงกรานต์ออนไลน์บนแผนที่จริงแบบเรียลไทม์
ผู้ให้บริการแผนที่ออนไลน์ Longdo Map (ทีมพัฒนา Longdo Dict พจนานุกรมออนไลน์) ได้ปล่อยเว็บไซต์ "สงกรานต์ออนไลน์บนแผนที่จริง" เพื่อให้คนไทยและชาวต่างชาติที่กักตัวเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ไม่หลงลืมเทศกาลสำคัญที่ถูกเลื่อนออกไปนี้ โดยเว็บไซต์สามารถร่วมสร้างตัวละครบนสถานที่เล่นสงกรานต์ในชีวิตจริงได้, เลือกชุด, เขียนคำที่อยากบอก หรือจะเลือกสาดน้ำ ประแป้งคนอื่น ก็ทำได้ที่เว็บนี้เลย
อีกทั้งเว็บไซต์ยังมีตำแหน่งพิกัดการส่งกำลังใจให้บุคลากรการแพทย์อีกด้วย
สามารถเล่นได้แล้วที่: https://songkran.longdo.com
อ้างอิงข่าว: https://map.longdo.com/blog/2020/04/13/songkran-online-63/ |
# มหาวิทยาลัยในเนเธอร์แลนด์ สร้างซิลิคอนหกเหลี่ยมเปล่งแสง เปิดทางใช้แสงในชิปกรุยทางสู่ซีพียูที่เร็วยิ่งขึ้น
หลังจากที่เป็นเพียงทฤษฎีมานานกว่า 50 ปี ว่าซิลิคอนที่มีโครงสร้างผลึกแบบหกเหลี่ยมที่เปล่งแสงได้ (light-emitting silicon) จะเป็นอนาคตของวงการชิป เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะเชื่อมวงจรแสงเข้ากับชิปซิลิกอนแบบเดิมๆ
ชิปปัจจุบัน ที่ใช้อิเล็กตรอนเป็นตัวกลางในการส่งข้อมูลระหว่างทรานซิสเตอร์จะเกิดความร้อนเมื่ออิเล็กตรอนเจอกับแรงต้านทานในตัวกลางเช่นทองแดง การใช้แสงแทนอิเล็กตรอนจะทำให้สามารถสร้างชิปที่ใช้อนุภาคของแสงหรือโฟตอนเป็นตัวกลางในการส่งข้อมูลแทนอิเล็กตรอนได้ และจะไม่มีปัญหาเรื่องแรงต้านทาน เพราะโฟตอนไม่มีทั้งมวลและประจุ และจะทำการส่งข้อมูลภายในชิปหรือระหว่างชิป ได้เร็วขึ้นเป็นหลัก 1,000 เท่า
เซมิคอนดักเดอร์ที่เปล่งแสงได้นั้นมีการใช้งานมานาน แต่มักใช้โครงสร้างที่ซับซ้อนกว่า เช่น gallium arsenide และ indium phosphide ที่ทำให้เปล่งแสงได้ง่าย แต่โครงสร้างมีความซับซ้อนสูง และรวมเข้ากับชิปที่เป็นซิลิกอนเดิมได้ยาก ทำให้การสร้างเซมิคอนดักเตอร์เปล่งแสงด้วยซิลิกอนเป็นหลักชัยสำคัญ โดยทฤษฎีตั้งแต่ 50 ปีก่อนระบุความเป็นไปได้ที่จะสร้างเซมิคอนดักเตอร์เปล่งแสงด้วยซิลิกอนหกเหลี่ยมและอัลลอยด์ด้วยเจอร์เมเนียม
หลังจากทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีไอนด์โฮเฟิน (TU/e) สามารถสร้างโลหะผสมซิลิคอนเจอร์เมเนียมอัลลอยด์ ที่มีโครงสร้างผลึกหกเหลี่ยมแต่ยังไม่มีความสามารถในการเปล่งแสง ได้ตั้งแต่ปี 2015 วันนี้ทีมนักวิจัยก็สามารถเพิ่มความบริสุทธิ์ และลดตำหนิในโครงสร้างผลึกของโลหะผสมนี้ ให้มากพอที่จะมีความสามารถในการเปล่งแสงได้แล้ว
ภาพจาก: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีไอนด์โฮเฟิน
ทีมนักวิจัยเตรียมต่อยอด สร้างซิลิคอนเลเซอร์เพื่อจะนำมาใช้ในชิปต่อไปภายในปีนี้ แต่ยังต้องมีการปรับปรุงเทคโนโลยีนี้อีกมาก กว่าการส่งข้อมูลด้วยโฟตอน หรือโฟตอนิกส์จะถูกนำมาใช้งานในชิปทั่วไปได้ แต่ถือว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญของการผลิตชิปคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว
ที่มา TU/e via Engadget |
# องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกของ UN เผยปีที่แล้วจีนจดทะเบียนมากสุดแซงสหรัฐ
องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization - WIPO) สังกัด UN เปิดเผยว่าปีที่แล้วจีนยื่นขอจดสิทธิบัตรมากที่สุดแซงสหรัฐที่เป็นเบอร์ 1 มาตลอดนับตั้งแต่มีความร่วมมือด้านสิทธิบัตรระหว่างประเทศ (เริ่มจาก Patent Cooperation Treaty) ในปี 1978
WIPO เผยว่าปีที่แล้วจีนยื่นจดทรัพย์สินทางปัญญาไปทั้งหมด 58,990 รายการ เพิ่มขึ้น 200 เท่าเมื่อเทียบกับราว 20 ปีที่แล้ว ขณะที่สหรัฐยื่นจดไป 57,840 รายการ โดย WIPO เผยด้วยว่า Huawei เป็นองค์กรที่ยื่นจดสิทธิบัตรอันดับ 1 มา 3 ปีติดต่อกัน ส่วนประเทศอันดับ 3 คือญี่ปุ่น ตามมาด้วยเยอรมนีและเกาหลีใต้
จำนวนสิทธิบัตรเป็นตัวบ่งชี้สถานะและความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ รวมถึงองค์ความรู้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของประเทศนั้น ๆ
ที่มา - Reuters |
# แอปเปิลจดโดเมน AppleCoronavirus.com ยังไม่รู้ใช้ทำอะไร
MacRumors ค้นพบว่าแอปเปิลได้จดโดเมนเดมชื่อ AppleCoronavirus.com กับ CSC Corporate Domains ที่รับจดโดเมนให้องค์กรใหญ่ ๆ เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งถึงแม้จะยังไม่แอคทีฟหรือมีรายงานระบุว่าจะใช้โดเมนทำอะไร แต่ก็ไม่น่าเดากันยาก ที่สำคัญคือจดวันเดียวกับที่แถลงความร่วมมือกับ Google เปิด API สำหรับติดตามผู้ป่วย COVID-19
ที่มา - Macrumors |
# ขายดีแม้มี COVID-19, Resident Evil 3 Remake ทำยอดขาย 2 ล้านชุด ใน 5 วันแรก
Capcom ออกแถลงการว่า Resident Evil 3 Remake ทำยอดขายได้ 2 ล้านชุด ใน 5 วันแรกหลังวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ถือว่าไม่แย่ แต่ยังตามหลัง Resident Evil 2 ที่ทำยอดขายได้ 3 ล้านชุดในเวลา 7 วันหลังวางจำหน่าย
ตัวเกมภาค PC ได้คะแนนไป 80 คะแนนจากนักวิจารณ์ และ 5.4 คะแนนจากผู้เล่น บน Metacritic ส่วนภาค PS4 บน Metacritic ได้ไป 80 คะแนนและ 6.3 คะแนน คำวิจารณ์ด้านเกมเพลย์ส่วนใหญ่เป็นไปในทางบวก แต่มีปัญหาเกี่ยวกับการตัดเนื้อหาบางอย่างที่มีในภาคต้นฉบับออก ทำให้ตัวเกมสั้นลงจนสามารถเล่นจบได้ภายใน 1-3 ชั่วโมง (พี่เบน ชลาทิศ จบแรงค์ S ได้ใน 1 ชั่วโมง 38 นาที) และการใส่เกมภาค ออนไลน์ Resident Evil: Resistance เข้ามา ที่หลายๆ คนมองว่าเป็นไม่จำเป็น
Resident Evil 3 Remake มีวางจำหน่ายบน Steam (PC), PS4 และ Xbox One
ที่มา - Capcom |
# ชื่อใหม่ไฉไลกว่าเดิม สมาร์ทโฟน LG รุ่นถัดไป จะใช้ชื่อว่า LG Velvet
หลังมีข่าวเปิดตัวแนวทางดีไซน์ใหม่ แบบโค้งมน เรียบง่าย พร้อมกล้องแบบ “Raindrop” ที่จะมีส่วนนูนออกมาจากตัวเครื่อง แค่กล้องตัวหลักเท่านั้น วันนี้ LG ก็ได้เปิดชื่อสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไป ที่จะมีชื่อว่า “LG Velvet”
Velvet จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัท ที่ใช้แนวทางการตั้งชื่อแบบใหม่ โดยไม่ใช่แค่หนึ่งตัวอักษรและตัวเลขอีกต่อไป แต่จะใช้ชื่อเป็นคำที่มีความหมาย เพื่อสื่อถึงความรู้สึกและดีไซน์ที่เป็นแกนหลัก (essence) ของมือถือรุ่นนั้น ซึ่งจะสะท้อนบุคลิก และรสนิยมของผู้ใช้ ผ่านการพัฒนาด้านดีไซน์ที่มากขึ้น
LG กล่าวว่า “velvet” จะสื่อถึง “ความเรียบลื่นที่เงางาม และความนุ่มนวลที่หรูหรา” (lustrous smoothness and premium softness) ซึ่งเป็นสองเอกลักษณ์สำคัญในดีไซน์ของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้ และเชื่อว่าชื่อใหม่นี้ จะเข้าถึงผู้บริโภคปัจจุบัน และสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจนขึ้น
ยังไม่มีข้อมูลยืนยันจาก LG ว่า Velvet จะเปิดตัวเมื่อไร หรือราคาเท่าไร แต่มีรายงานข่าวของ เว็บไซต์ Naver เป็นภาษาเกาหลีว่า LG จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 765 และรองรับ 5G ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้
ที่มา - LG,Naver |
# Aruba RAP โซลูชันเพื่อการทำงานที่บ้านอย่างสะดวก ปลอดภัย ลดปัญหาการเชื่อมต่อของพนักงาน
ทุกบริษัทตอนนี้คงต้องรับมือกับการซัพพอร์ตพนักงานจำนวนมากให้ทำงานที่บ้านเกือบทั้งหมด แม้ว่าพนักงานจะไม่ได้อยู่ในสำนักงานอีกต่อไปแต่ก็ยังต้องเข้าถึงข้อมูลจากส่วนกลางและระบบภายในต่างๆ ให้ครบถ้วนเพื่อประสิทธิภาพการทำงานจะไม่ลดลง การใช้ VPN (Virtual Private Network) เพื่อให้พนักงานเชื่อมต่อเข้าไปยังเครือข่ายบริษัทเป็นแนวทางมาตรฐานที่องค์กรจำนวนมากเลือกใช้ การเพิ่มความปลอดภัยของการเชื่อมต่อทำให้พนักงานใช้งานบริการต่างๆ ได้เหมือนนั่งอยู่ในสำนักงานเอง แต่ VPN มีผู้ผลิตหลากหลาย และมักมีกระบวนการตั้งค่าที่ซับซ้อนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เมื่อเกิดปัญหาแต่ละครั้งฝ่ายซัพพอร์ตก็จะเสียเวลานานกว่าจะแก้ไขได้โดยเฉพาะเมื่อผู้ซัพพอร์ตและพนักงานที่พบปัญหาต่างอยู่ที่บ้านทั้งคู่
Aruba Remote Access Points (Aruba RAP) คือทางออกสำหรับองค์กรที่ต้องการความต่อเนื่องในการทำงานควบคู่ไปกับความปลอดภัย เหมาะสำหรับการใช้งานไม่ว่าจะสำหรับพนักงานทำงานที่บ้าน หรือการติดตั้งสาขาสำรอง โดยต้องการเพียงแค่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้น ตัว RAP จะเชื่อมต่อกลับองค์กรผ่าน SSL/IPSec เข้าไปยังศูนย์กลางโดยอัตโนมัติ
การทำงานของ Aruba RAP จะรับรองว่าพนักงานทุกคนจะเชื่อมต่อเข้าสู่สำนักงานได้อย่างต่อเนื่อง และเน็ตเวิร์คจะไม่ใช่คอขวดของการทำงาน ด้วยความสามารถในการสลับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หากอินเทอร์เน็ตบ้านมีปัญหาไปใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้เอง หรือจะเป็นความสามารถในการเชื่อมต่อเข้าศูนย์ข้อมูลสำรองอัตโนมัติในกรณีที่ไม่สามารถเชื่อมต่อศูนย์ข้อมูลหลัก
การติดตั้ง Aruba RAP รองรับองค์กรขนาดใหญ่ในต้นทุนที่ไม่สูงเกินไป เซิร์ฟเวอร์ Mobile Controller ของ Aruba รองรับการเชื่อมต่อจาก RAP ถึง 2,000 ชุดพร้อมกันsinv ขณะที่การจัดส่ง RAP ไปยังพนักงานก็ไม่ใช่เรื่องลำบาก เพราะสามารถจัดส่ง RAP ไปยังพนักงานโดยตรง แล้วคอนฟิกจากระยะไกลด้วยฟีเจอร์ zero-touch provisioning ในภายหลัง
ที่สำคัญที่สุด การควบคุมความปลอดภัยของเครือข่ายองค์กรยังทำได้เทียบเท่ากับการทำงานในสำนักงานโดยตรง Aruba RAP เปิดทางให้องค์กรควบคุมการใช้เครือข่ายภายในที่เชื่อมต่อผ่านเครื่อง RAP ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อตรงแบบมีสายหรือการเชื่อมต่อไร้สาย ทำให้องค์กรตรวจสอบได้ว่ามีใครเข้ามาใช้งานเครือข่ายบ้าง และยังสามารถติดตั้งโมดูลป้องกันการโจมตีและไฟร์วอลล์เพิ่มเติมได้
กระบวนการควบคุมความปลอดภัยของ Aruba Policy Enforcement Firewall and AirWave ช่วยควบคุมการเข้าถึงข้อมูล ป้องกันการละเมิดการกำกับดูแลมาตรฐานด้านข้อมูลสุขภาพหรือข้อมูลด้านการเงินที่มีการควบคุมที่เข้มงวด
โซลูชัน Aruba RAP คือคำตอบสำหรับองค์กรที่ช่วยให้การทำงานจากที่บ้านกลายเป็นเรื่องง่าย โดยยังมีความปลอดภัย มั่นคง และเชื่อถือได้ สนใจรายละเอียด สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
โทร. 0-2020-3074
Email : [email protected], [email protected]
หรือเรียนรู้เพิ่มเติมที่ : www.aruba-thai-partner.com |
# Google ปล่อยแอป Phone แอปโทรศัพท์บน Pixel ขึ้น Play Store ให้ผู้ใช้รุ่นอื่น
แอป Google Phone ที่เป็นแอปโทรศัพท์เฉพาะบน Pixel และ Android One อย่างเดียวมานาน (อ้อมี Xiaomi ด้วย) ล่าสุด Google ปล่อยแอปนี้เวอร์ชันเบต้าให้กับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นอื่นโหลดไปใช้แล้วผ่าน Play Store
อย่างไรก็ตาม XDA พบว่าสมาร์ทโฟนซัมซุงและ OnePlus ไม่สามารถเสิร์ชและติดตั้งแอป Google Phone จาก Play Store ได้เพราะตัวแอปต้องเรียกใช้ไลบรารี com.google.android.dialer.support ซึ่งสมาร์ทโฟนทั้งสองยี่ห้อไม่มี
ที่มา - XDA |
# มาตรฐาน 800 Gigabit Ethernet มาแล้ว
กลุ่มผู้พัฒนามาตรฐานอีเธอร์เน็ต Ethernet Technology Consortium ประกาศออกสเปก 800 Gigabit Ethernet (GbE) ที่ยกระดับการส่งข้อมูลไปอีกขั้น
800 Gigabit Ethernet เป็นการนำ 400 Gigabit Ethernet (มาตรฐาน IEEE 802.3bs) สองชุดมาใช้ร่วมกัน แล้วดัดแปลงวิธีการส่งข้อมูลอีกเล็กน้อย โดยยังคง Physical Coding Sublayer (PCS) ไว้ เพื่อให้ใช้สายและหัวต่อเดิมได้
เอกสารสเปกเปิดให้ดาวน์โหลดแล้วบน Ethernet Technology Consortium
ที่มา - Ethernet Technology Consortium |
# Apple Maps เตรียมแสดงสถานที่ตรวจ COVID-19 เปิดให้โรงพยาบาลเข้ามาลงทะเบียน
Apple สร้างช่องทางลงทะเบียนสำหรับโรงพยาบาลที่รับตรวจ COVID-19 เพื่อที่จะแสดงบนแผนที่ Apple Maps ได้ เวลาผู้ใช้งานต้องการค้นหาว่า มีโรงพยาบาลไหนใกล้เราที่สามารถตรวจ COVID-19 ได้บ้าง เมื่อโรงพยาบาลกรอกข้อมูลมาแล้ว ทาง Apple จะเป็นฝ่ายพิจารณาอนุมัติอีกครั้ง
บน Apple Maps ผู้ใช้จะเป็นเป็นสัญลักษณ์ ทางการแพทย์สีแดง พร้อมแสดงข้อมูลทั่วไปของสถานที่ตรวจสอบ เช่นเป็นโรงพยาบาล หรือเป็นคลีนิก
หรือเป็นห้องปฏิบัติการ พร้อมชื่อสถานที่ เบอร์โทรติดต่อ และเว็บไซต์ของสถานที่นั้นๆ
ก่อนหน้านี้ ทาง Apple และ Google ก็ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญเตรียมเปิด API ให้แอปติดตามคนใกล้ชิดผู้ป่วยโรค COVID-19
ที่มา - 9to5Mac |
# ผู้ใช้งานสามารถดูไลฟ์ Instagram ผ่านเว็บไซต์ได้แล้ว
Instagram เพิ่มฟีเจอร์ Instagram ให้สะดวกต่อการใช้งานบนเว็บไซต์มากขึ้น ก่อนหน้านี้ Instagram เปิดให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความ Direct บนเว็บได้ ล่าสุด ผู้ใช้งานก็สามารถดูไลฟ์บนเว็บไซต์ได้แล้วเหมือนกัน
หน้าตาของการดูไลฟ์บน Instagram เวอร์ชั่นเว็บไซต์จะแบ่งเป็นสองหน้าจอ คือหน้าจอไลฟ์แนวตั้ง และหน้าจอไว้ดูและโพสต์คอมเม้นท์ด้านขวา ผู้ใช้ยังไม่สามารถทำการไลฟ์ของตัวเองบนเว็บไซต์ได้
ที่มา - Android Police |
# เมืองซานฟรานซิสโกออกกฎ ห้ามเดลิเวอรีเก็บคอมมิชชันร้านอาหารเกิน 15%
ประเด็นเรื่องบริการส่งอาหารเดลิเวอรี คิดค่าคอมมิชชันหรือส่วนแบ่งรายได้ (GP) จากร้านอาหาร ไม่ได้มีเฉพาะในไทย บริการแบบเดียวกันในต่างประเทศก็มีโมเดลธุรกิจที่คิดค่าคอมมิชชัน 10-30% เช่นเดียวกัน (ตัวเลขของ Uber Eats คือ 25%)
ล่าสุด นายกเทศมนตรีนครซานฟรานซิสโก ออกมาประกาศบังคับไม่ให้บริการเดลิเวอรีเก็บค่าคอมมิชชันแพงกว่า 15% เพื่อไม่ให้กระทบรายได้ของร้านอาหาร โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ร้านอาหารต้องปิด และรายได้ส่วนใหญ่ของร้านมาจากการส่งเดลิเวอรีด้วย
ประกาศนี้มีผลในวันนี้ (13 เมษายน ตามเวลาสหรัฐ) และบังคับใช้ไปจนกว่าสถานการณ์ฉุกเฉินจะสิ้นสุด ร้านอาหารกลับมาเปิดให้นั่งกินในร้านได้
ตัวอย่างบริการเดลิเวอรีในสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากประกาศนี้คือ Uber Eats, Postmates, Grubhub, DoorDash ซึ่งผู้ประกอบการบางรายอย่าง DoorDash ก็ออกมาประกาศลดค่าคอมมิชชันลงครึ่งหนึ่งไปก่อนแล้ว
ที่มา - Eater
ภาพจาก DoorDash |
# Microsoft Office เพิ่มฟีเจอร์แทรกรูป Stock Images คุณภาพสูง ไม่ติดปัญหาลิขสิทธิ์
ในยุคสมัยที่ทำเอกสารแล้วต้องรูปสวยไว้ก่อน และการค้นหารูปเอาเองในอินเทอร์เน็ตอาจเจอปัญหาลิขสิทธิ์ ล่าสุด Microsoft Office จึงเพิ่มฟีเจอร์แทรกรูป Stock Image คุณภาพสูงที่ไม่ติดปัญหาลิขสิทธิ์มาให้
รูปที่ไมโครซอฟท์เตรียมไว้ให้มีถึง 8,000 รูป ที่ครอบคลุมการใช้งานหลากหลายประเภท และไมโครซอฟท์ระบุว่าจะเพิ่มรูปใหม่ๆ เข้ามาอีกในอนาคต
ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับทั้ง Word, Excel, PowerPoint, Outlook โดยเริ่มเปิดให้ใช้แล้วในกลุ่มผู้ทดสอบ Office Insiders (Fast ring v2004) วิธีใช้งานคือเลือกเมนู Insert > Pictures ตามปกติ โดยจะมีเมนู Stock Images เพิ่มเข้ามาให้
ที่มา - Office |
# Azure Data Studio ได้รับอัพเดต, ปรับปรุง SQL Notebooks วาดแผนภูมิได้ในตัว, รองรับการสร้าง Jupyter Book
เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Azure Data Studio เครื่องมือจัดการฐานข้อมูลตัวใหม่ของไมโครซอฟท์ ได้รับอัพเดต เพื่อปรับปรุงและเพิ่มความสามารถใหม่สำหรับงานวิเคราะห์ข้อมูลบน SQL Server รวมถึง PostgreSQL
ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจอย่างแรกคือการปรับปรุงให้ SQL Notebooks สามารถวาดแผนภูมิได้ในตัว เปลี่ยนจากเดิมที่เคยแสดงผลข้อมูลในลักษณะตารางเท่านั้น
ผู้ใช้จะสามารถปรับแต่งแผนภูมิให้อยู่ในรูปแบบที่ต้องการ และเมื่อพอใจกับผลลัพธ์แล้วยังสามารถสั่งก็อปปี้/บันทึกแผนภูมิเป็นรูปภาพได้อีกด้วย
อย่างที่สองเป็นการเพิ่มความสามารถให้กับการใช้งาน Jupyter Book โดยในเวอร์ชันนี้ ผู้ใช้จะสามารถสั่งสร้าง Jupyter Book ด้วย Azure Data Studio ได้แล้ว ผ่านการกดปุ่ม Create Book (preview) ในเมนู ... ซึ่งจะปรากฎขึ้นมาเมื่อวางเมาส์ไว้เหนือแถบ Saved Books ในหน้า Jupyter Books
เมื่อกดปุ่มข้างต้นเรียบร้อย Azure Data Studio จะเปิดหน้า notebook ซึ่งมาพร้อมกับคำสั่งที่ต้องใช้รันเพื่อสร้าง Jupyter Book ใหม่ ให้ผู้ใช้อ่านและทำตามขั้นตอนที่ได้กำหนดไว้
สำหรับการปรับปรุงอื่นๆ ที่ไมโครซอฟท์ยกให้เป็นไฮไลท์ของอัพเดตครั้งนี้มีดังนี้
ปรับปรุงส่วนขยาย PostgreSQL ให้รองรับการล็อกอินเข้าใช้งานด้วย Azure Active Directory
แก้ไขบั๊กด้านฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้พิการ (accessibillity) เช่น ปรับปรุงการใช้งานด้วยคีย์บอร์ดและ screen reader
ปรับ VS Code ที่ใช้เป็นฐานไปใช้เวอร์ชัน 1.42
แก้ไขบั๊กอื่นๆ
ที่มา - SQL Server Blog |
# แอนตี้ไวรัส Avira เปลี่ยนเจ้าของ ขายหุ้นใหญ่ให้บริษัทลงทุน Investcorp
Avira แบรนด์แอนตี้ไวรัส "ร่มแดง" จากเยอรมนี มีอันต้องเปลี่ยนเจ้าของหุ้นใหญ่ เมื่อกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัทเดิมขายหุ้นให้ Investcorp Technology Partners บริษัทลงทุนในเครือ Investcorp จากสหรัฐอเมริกา ภายใต้ดีลนี้ บริษัทมีมูลค่า 180 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่มีรายละเอียดว่า Investcorp เข้ามาถือหุ้นเป็นสัดส่วนเท่าไร
Avira ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1986 โดยใช้เงินของผู้ก่อตั้งล้วนๆ ไม่ต้องพึ่งพาแหล่งทุนจากภายนอกเลยตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมา ทางซีอีโอ Travis Witteveen ระบุว่าได้ข้อเสนอซื้อกิจการมาเรื่อยๆ แต่ไม่มีข้อเสนอใดถูกใจ จนมาพบกับ Investcorp ที่แนวทางตรงกัน และเตรียมใช้เงินก้อนนี้ซื้อกิจการบริษัทอื่นๆ เพื่อขยาย Avira ให้ไปไกลมากขึ้น
ที่มา - Avira, TechCrunch |
# เสาโทรศัพท์มือถือถูกไล่เผาในเนเธอร์แลนด์ หลังข่าวปลอมว่าเสาแพร่ COVID-19 ยังกระจาย
หลังข่าวปลอมว่าสัญญาณ 5G เร่งการกระจายโรค COVID-19 แพร่กระจายในอังกฤษ สัปดาห์นี้ในเนเธอร์แลนด์ก็พบการไล่เผาสัญญาณโทรศัพท์มือถือเช่นกัน โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีเสาถูกเผาไปแล้วอย่างน้อย 4 ต้น
ศูนย์ประสานงานความมั่นคงและต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ไม่ยืนยันว่ามีการทำลายเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือไปแล้วกี่ต้น แต่บอกเพียงว่าเกิดเหตุขึ้นหลายครั้ง พร้อมกับเตือนว่าการทำลายเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือเป็นอันตรายต่อการสื่อสาร โดยเฉพาะการสื่อสารสำหรับหน่วยงานรับมือเหตุฉุกเฉิน
อย่างไรก็ดียังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการเผาเหล่านี้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงแรงจูงใจว่าเกี่ยวกับข่าวปลอมว่าเสาแพร่โรค COVID-19 หรือไม่ โดยเฉพาะเสาเหล่านี้ในเนเธอร์แลนด์มักไม่ใช่เสา 5G เนื่องจากอยู่ระหว่างการทดสอบเท่านั้น และการประมูลคลื่นจริงจะเสร็จสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
ที่มา - Engadget |
# TEX Shinobi คีย์บอร์ดสำหรับคนคิดถึงคีย์บอร์ด ThinkPad แบบ 7 แถว
แฟนพันธุ์แท้ของ ThinkPad จำนวนมากชอบคีย์บอร์ดของ ThinkPad เป็นพิเศษ แม้ช่วงหลังคีย์บอร์ดจะเปลี่ยนไปมากแล้วก็ตาม โดยรุ่นสุดท้ายที่ยังถือว่าเป็นแบบคลาสสิค คือรุ่นปี 2012 ที่ยังคงเป็น 7 แถว แต่ปรับแต่งให้ปุ่ม ESC และ Delete ใหญ่ขึ้น ตอนนี้ TEX ผู้ผลิตคีย์บอร์ดจากไต้หวันก็ออก TEX Shinobi ที่ระบุว่าพยายามย้อนเวลากลับมา
TEX Shinobi เป็นคีย์บอร์ดที่ใช้สวิตช์จาก Cherry MX โดยมีให้เลือกถึง 8 แบบ และ TrackPoint ตัวใหม่ที่สัมผัสตอบสนองได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดีผมสังเกตว่าคีย์บอร์ดนี้เป็นสวิตช์แบบความสูงเต็ม ไม่ใช่ low-profile ดังนั้นการใช้งานจะต่างจากคีย์บอร์ด ThinkPad พอสมควร
TEX เป็นผู้ผลิตคีย์บอร์ดแมคคานิคที่ออกคีย์บอร์ดเลียนแบบ ThinkPad มาแล้วหลายรุ่น ส่วนใหญ่มี TrackPoint สีแดงคิดมาด้วย
คีย์บอร์ดเริ่มวางจำหน่ายแล้ว ราคาเริ่มต้น 185 ดอลลาร์ขึ้นกับสวิตช์ มีตัวเลือกอัพเกรดไปใช้ Bluetooth ด้วย
ที่มา - TEX, NotebookCheck |
# Cloudflare ย้ายระบบตรวจบ็อตจาก reCAPTCHA เป็น hCaptcha เพราะกูเกิลเริ่มเก็บเงิน
Cloudflare ประกาศย้ายระบบตรวจเช็คว่าเป็นมนุษย์หรือบ็อต (CAPTCHA) จากเดิมที่ใช้ Google reCAPTCHA มาเป็นบริการอีกตัวชื่อ hCaptcha
Cloudflare ให้เหตุผลว่าย้ายจาก reCAPTCHA เพราะของเดิมใช้ฟรีมาตลอด พอกูเกิลจะเริ่มเก็บเงิน จึงจำเป็นต้องย้าย เพราะปริมาณการใช้งานของ Cloudflare ที่เป็น CDN/firewall ให้เว็บไซต์จำนวนมากทั่วโลก ย่อมต้องจ่ายเงินให้กูเกิลในราคาแพงมาก
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่อง reCAPTCHA ดักข้อมูลส่วนตัวเยอะ เพราะกูเกิลต้องนำไปใช้โฆษณาออนไลน์ และ reCAPTCHA ถูกบล็อคในจีน (เพราะกูเกิลถูกบล็อค) ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้เน็ตจีนในการตรวจ CAPTCHA ด้วย
Cloudflare สำรวจทางเลือกหลายทาง แล้วมาจบที่ hCaptcha ที่ประสิทธิภาพดี ไม่มีปัญหาเรื่องดักข้อมูลส่วนตัว ใช้งานในจีนได้ ส่วนประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย ได้ข้อสรุปว่า hCaptcha จะย้ายมาใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Cloudflare Workers แทน แต่แทนที่จะต้องจ่ายค่าเซิร์ฟเวอร์ให้ Cloudflare หักหนี้กันแล้วกลายเป็นว่า Cloudflare จะยังจ่ายเงินค่าใช้งานให้ hCaptcha นำไปพัฒนาระบบให้ดีขึ้นด้วย จึงสมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
ผมลองใช้งานแล้วพบว่า นอกจากโลโก้แล้ว hCaptcha แทบไม่ต่างอะไรจาก reCAPTCHA ถ้าดูเผินๆ แทบไม่รู้เลยว่าเปลี่ยน
ที่มา - Cloudflare |
# ไมโครซอฟท์เผย การประชุมผ่าน Microsoft Teams โตขึ้น 3 เท่า ในเวลาแค่ครึ่งเดือน
ไมโครซอฟท์รายการงานเติบโตของ Microsoft Teams ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงนี้
การประชุมออนไลน์เพิ่มเป็น 2.7 พันล้านนาทีต่อวัน (31 มีนาคม 2020) เพิ่มขึ้นอีก 200% ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน (นับจาก 16 มีนาคม 2020 ที่มี 900 ล้านนาทีต่อวัน)
จำนวนการเปิดกล้องระหว่างการประชุมออนไลน์ เพิ่มขึ้น 2 เท่า
ประเทศที่เปิดวิดีโอมากที่สุด คือ นอร์เวย์และเนเธอร์แลนด์ คิดเป็น 60% ในการโทรออนไลน์ทั้งหมด
ประเทศที่เปิดวิดีโอน้อยที่สุด คือ อินเดีย 22%, สิงคโปร์ 26%, แอฟริกาใต้ 36%
จำนวนครั้งที่โทรวิดีโอคอลล์ใน Microsoft Teams โตขึ้น 1,000% ในเดือนมีนาคมเดือนเดียว
ระยะเวลาเฉลี่ยที่เปิดใช้งาน Teams (นับจากเริ่มใช้ครั้งแรกในวันนั้น-ใช้ครั้งสุดท้าย ไม่ใช่ระยะเวลารวมที่เปิด Teams) เพิ่มขึ้น 1 ชั่วโมง ในเดือนมีนาคม
การใช้งาน Teams บนอุปกรณ์พกพา เพิ่มขึ้น 300% จากช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม
ที่มา - Microsoft |
# กระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ออกประกาศห้ามใช้ Zoom ในการเรียนการสอนโฮมสคูล
สิงคโปร์ประกาศห้ามใช้บริการประชุมทางไกล Zoom สำหรับการเรียนการสอนของโรงเรียนที่บ้านหรือโฮมสคูลอย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีรายงานปัญหาความปลอดภัยของบริการนี้หลายครั้ง
การสั่งหยุดให้บริการนี้เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัยของ Zoom ซึ่งนอกจากสิงคโปร์ก็มีไต้หวันที่สั่งห้ามใช้ Zoom ไปแล้ว โดยผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Zoom ถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก
Zoom ตอนนี้พบปัญหาเรื่องความปลอดภัยมาก จนตอนนี้ต้องร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อยกเครื่องและสะสางประเด็นความปลอดภัยบนแพลตฟอร์มอย่างจริงจัง
ที่มา - Bloomberg |
# TikTok มีจำนวนดาวน์โหลดผ่าน Play Store มากกว่า 1 พันล้านครั้งแล้ว
TikTok เป็นแอปล่าสุดที่มียอดดาวน์โหลดผ่าน Play Store มากกว่า 1,000 ล้านครั้งเรียบร้อยแล้ว จากตัวเลขในหน้าของแอป
ตัวเลขนี้นับเฉพาะการดาวน์โหลด TikTok สำหรับระบบปฏิบัติการ Android ผ่าน Play Store เท่านั้น ยังไม่รวมผู้ใช้ในจีน (ซึ่งชื่อแอปว่า Douyin) และ App Store ของ iOS
ตัวเลขที่มีรายงานก่อนหน้านี้ ยอดดาวน์โหลดรวมทุกระบบปฏิบัติการนอกจีนเกิน 1,000 ล้านครั้ง เมื่อกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ส่วน ByteDance เจ้าของแอป เผยว่าผู้ใช้งานแบบแอคทีฟรายเดือนมากกว่า 1,000 ล้านราย เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
ช่วงที่ผ่านมาซึ่งมีการรณรงค์ให้อยู่บ้านทั่วโลก เพื่อลดการระบาดของ COVID-19 ทำให้ TikTok เป็นแอปหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแอปเองก็ได้ควบคุมการใช้งานแบนด์วิธเหมือนกับแอปวิดีโอรายอื่นด้วย
ที่มา: Android Police |
# [Canalys] ตลาด PC ไตรมาส 1/2020 ดีมานด์สูง แต่ส่งมอบลดลง 8% จากปัญหาซัพพลายเชน
บริษัทวิจัยตลาด Canalys รายงานภาพรวมตลาดพีซีของไตรมาสที่ 1 ปี 2020 โดยระบุว่าความต้องการของพีซีนั้นเพิ่มสูงตลอดทั้งไตรมาส เนื่องจากองค์กรให้พนักงานทำงานที่บ้าน นักเรียนต้องเรียนออนไลน์
อย่างไรก็ตามปัญหาซัพพลายเชนกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่า ทั้งซีพียูอินเทลที่ขาดตลาด ไปจนถึงโรงงานพีซีในจีนไม่สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ จากการระบาดของ COVID-19 จึงทำให้จำนวนพีซีที่ส่งมอบลดลง 8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ที่ 53.7 ล้านเครื่อง
Ishan Dutt นักวิเคราะห์ของ Canalys มองว่าการผลิตพีซีเริ่มกลับมาเป็นปกติในไตรมาส 2 แต่ความต้องการสินค้าที่สูงกว่าปกติจากไตรมาส 1 จะเริ่มลดลง จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายในการรักษาอุปสงค์และอุปทาน
Lenovo ยังคงมีส่วนแบ่งยอดขายสูงสุดที่ 12.8 ล้านเครื่อง ตามด้วย HP, Dell, Apple และ Acer ในลำดับที่ 2-5
ที่มา: Canalys |
# Mozilla แต่งตั้ง Mitchell Baker ประธานบอร์ดและซีอีโอคนแรก กลับมาเป็นซีอีโอ
Mozilla Corporation ประกาศตั้ง Mitchell Baker ประธานบอร์ดและรักษาการซีอีโอ เป็นซีอีโอถาวร
Mitchell Baker เป็นผู้ก่อตั้ง Mozilla มาตั้งแต่ปี 2003 และเป็นซีอีโอคนแรกขององค์กรจนถึงปี 2008 จากนั้นเลื่อนชั้นไปรับตำแหน่งประธานบอร์ด
หลังจาก Chris Beard ซีอีโอคนก่อนของ Mozilla ลาออกในเดือนสิงหาคม 2019 Baker ก็มารักษาการซีอีโอชั่วคราว ระหว่างสรรหาซีอีโอคนใหม่ แต่หลังเวลาผ่านมาเกือบปี ผนวกกับสถานการณ์ COVID-19 ทำให้บอร์ดได้ข้อสรุปว่า Baker เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดกับการเป็นซีอีโอในตอนนี้
Baker ยอมรับว่าภารกิจของ Mozilla ในปัจจุบันท้าทายกว่าในอดีตมาก สภาพการแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์เปลี่ยนไป และอิทธิพลของยักษ์ใหญ่ในโลกออนไลน์ก็กลายเป็นปัญหาต่ออุดมการณ์ open web ของ Mozilla ด้วย
ที่มา - Mozilla
Mitchell Baker ภาพจาก Mozilla |
# Samsung จะหยุดให้บริการระบบผู้ช่วยส่วนตัว S Voice วันที่ 1 มิถุนายนนี้
Samsung ประกาศหยุดให้บริการผู้ช่วยส่วนตัว S Voice โดยกำหนดหยุดให้บริการคือวันที่ 1 มิถุนายนนี้
S Voice เป็นระบบผู้ช่วยส่วนตัวของ Samsung ที่เปิดตัวครั้งแรกพร้อมกับมือถือ Galaxy S III ตั้งแต่ปี 2012 และในช่วงหลังก็ใส่ S Voice มากับอุปกรณ์ Samsung ที่เปิดตัวหลังจากนั้นอีกหลายรุ่น
ภายหลัง Samsung เปิดตัว Bixby มาทดแทนแและใส่เข้ามาในอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ ทำให้ S Voice กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้พัฒนาต่อและถือเป็นผลิตภัณฑ์ซ้ำซ้อน ดังนั้นการหยุดให้บริการจึงเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ไม่ยากเนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานคงจะมีไม่มากนัก โดยเมื่อระบบปิดตัวแล้ว หากผู้ใช้ยังใช้งานต่อไป S Voice จะแจ้งข้อความไม่สามารถประมวลผลได้
สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ Samsung บางรุ่นทางบริษัทจะมีอัพเกรด Bixby ให้ แต่บางรุ่นที่อัพเกรดไม่ได้ก็สามารถเลือกใช้เจ้าอื่นอย่าง Google Assistant หรือ Alexa ได้
ที่มา - SamMobile, Engadget
ภาพจากรีวิว Samsung Galaxy S5 |
# Open Mainframe Project เปิดคอร์สสอน COBOL เพิ่มโปรแกรมเมอร์ ไปแก้ระบบสวัสดิการอเมริกา
Open Mainframe Project โครงการโอเพ่นซอร์สสนับสนุนเมนเฟรม ที่มีสมาชิกได้แก่ Broadcom, IBM, Phoenix Software, Rocket Software, SUSE, Vicom Infinity และ Zoss Team ประกาศแผนงานเพื่อช่วยเหลือ หลังจากเกิดกรณีของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ที่ระบบสวัสดิการสังคมของรัฐ ไม่สามารถตอบสนองคำร้องขอได้ทัน และการแก้ไขก็ทำได้ยากเนื่องจากเป็นโปรแกรมเก่าที่พัฒนาด้วยภาษา COBOL
มีข้อมูลน่าสนใจว่าไม่ใช่แค่รัฐนิวเจอร์ซีย์ที่ประสบปัญหา แต่มีหลายรัฐที่ใช้ระบบนี้เช่นกัน โดยปัญหาที่พบตอนนี้คือเงื่อนไขการขอรับสวัสดิการมีเพิ่มมากขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว จึงต้องการบุคลการมารองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ รายงานยังบอกว่าโค้ด COBOL ที่มีใช้งานตอนนี้มีรวมมากกว่า 2.2 แสนล้านบรรทัด
แผนงานที่ประกาศออกมามี 3 อย่าง ได้แก่ การเปิดฟอรั่มรับสมัครโปรแกรมเมอร์, การเปิดฟอรั่มปรึกษาคำถามทางเทคนิค และเปิดคอร์สออนไลน์สอน COBOL
ที่มา: Open Mainframe Project |
# Call of Duty: Warzone มีผู้เล่นแตะหลัก 50 ล้านคนแล้ว
Call of Duty: Warzone โหมด Battle Royale เล่นฟรีของ Modern Warfare ประสบความสำเร็จอย่างสูงในแง่จำนวนผู้เล่น ที่แตะ 30 ล้านคนใน 10 วันแรก
ล่าสุด Activision อัพเดตข้อมูลจำนวนผู้เล่น Warzone ว่าเพิ่มเป็น 50 ล้านคนเรียบร้อยแล้ว
เว็บไซต์ VentureBeat วิเคราะห์ว่าความสำเร็จของ Warzone เกิดจากตัวเกมทำมาดี, เชื่อมโยงกับเลเวลในเกม Modern Warfare ที่มีฐานผู้เล่นเยอะอยู่แล้ว รวมถึงสถานการณ์ COVID-19 ที่ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้นด้วย
ที่มา - VentureBeat |
# กูเกิล-แอปเปิลเตรียมเปิด API ให้แอปติดตามคนใกล้ชิดผู้ป่วยโรค COVID-19 ทำงานได้ทั้งสองแพลตฟอร์ม
กูเกิลและแอปเปิลออกแถลงความร่วมมือที่จะเปิดทางให้แอปติดตามผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 ที่ก่อโรค COVID-19 โดยความร่วมมือมีสองรายการ
อย่างแรก คือการเพิ่ม API บนแอนดรอยด์และ iOS เพื่อให้แอปติดตามผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 ที่หน่วยงานรัฐต่างๆ กำลังออกมาสามารถทำงานได้เต็มที่ทั้งสองแพลตฟอร์ม
ตอนนี้ทั้งสองบริษัทออกเอกสาร API เบื้องต้นมาให้แล้ว ชื่อว่า Contact Tracing Bluetooh Specification โดยการทำงานคล้ายกับ BlueTrace ของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่ Bluetooth ในโทรศัพท์จะกระจายหมายเลขประจำตัวชั่วคราวที่เปลี่ยนไปทุกๆ 15 นาที และหากเจ้าของเครื่องใดเป็นผู้ติดเชื้อ จะสามารถอัพโหลดกุญแจติดตามตัวผู้ใกล้ชิด หรือ Diagnosis Keys ขึ้นไปยังเซิร์ฟเวอร์ เพื่อติดตามผู้ใกล้ชิดต่อไป
อย่างที่สองคือทั้งสองบริษัทเตรียมฝังฟีเจอร์ติดตามการเข้าใกล้ชิดกันนี้เอาไว้ในแพลตฟอร์มโดยตรง เพื่อให้คนจำนวนมากเข้าใช้งานได้โดยง่าย โดยสัญญาว่าจะเป็นการใช้งานโดยสมัครใจ (opt in) และสามารถทำงานร่วมกับแอปของหน่วยงานรัฐได้
ตอนนี้โปรโตคอลการติดตามตัวผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยของรัฐบาลต่างๆ มีความแตกต่างกันอยู่ แม้หลายโปรโตคอลจะพยายามทำให้หน่วยงานรัฐของประเทศอื่นๆ เข้ามาใช้งานด้วยได้ แต่แอปของหน่วยงานรัฐแทบทั้งหมดจะมีปัญหาที่ไม่สามารถทำให้แอปบนแอนดรอยด์และ iOS ทำงานร่วมกันได้ ยกเว้นแอปบน iOS จะทำงานแบบ foreground เท่านั้น การที่ทั้งสองบริษัทออกโปรโตคอลร่วมที่ทำงานได้ทั้งสองแพลตฟอร์มทำให้โปรโตคอลนี้กลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
ที่มา - Apple, Google |
# Instagram เพิ่มการใช้งาน Direct เวอร์ชันบนเว็บแล้ว
Instagram ประกาศว่า ผู้ใช้งานทุกคนสามารถใช้งาน Direct หรือระบบส่งข้อความส่วนตัว ผ่านเบราว์เซอร์ได้แล้ว โดยเริ่มเปิดให้ใช้งานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้ Instagram เคยทดสอบฟีเจอร์ดังกล่าว กับผู้ใช้กลุ่มเล็ก เมื่อเดือนมกราคม
Direct เวอร์ชันบนเว็บ น่าจะทำให้ผู้ที่ดูแลบัญชี Instagram รายใหญ่ มีความสะดวกมากขึ้น รวมทั้งร้านค้าต่าง ๆ ด้วย
ที่มา: The Verge |
# Microsoft Teams เริ่มปล่อยฟีเจอร์เปลี่ยนภาพพื้นหลังตอนคุยวิดีโอแล้ว
ไมโครซอฟท์เคยประกาศไว้ว่า Microsoft Teams เตรียมเพิ่มฟีเจอร์เปลี่ยนพื้นหลังตอนคุยวิดีโอ แบบเดียวกับ Zoom ล่าสุดฟีเจอร์นี้ทยอยปล่อยให้ใช้งานแล้ว
เบื้องต้น Microsoft Teams ยังรองรับเฉพาะภาพพื้นหลังที่ไมโครซอฟท์เตรียมไว้ให้เท่านั้น (จากในตัวอย่างคือ 8 ภาพ) แต่ไมโครซอฟท์ก็บอกว่าจะเปิดให้อัพโหลดภาพเพิ่มเองได้ในอนาคต ที่ยังไม่ระบุช่วงเวลา |
# [อัพเดต] PlayStation เอเชีย รับทราบปัญหา หลังมีผู้ซื้อ FF7 Remake ผิด ได้เวอร์ชันภาษาจีน/เกาหลี
เกม Final Fantasy 7 Remake ซึ่งเอ็กคลูซีพเฉพาะบน PS4 เป็นเวลา 1 ปี ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้ แต่ผู้เล่นจำนวนหนึ่งก็เจอปัญหาตั้งแต่แรก เนื่องจากเกมแบบดิจิทัลที่ซื้อมาเป็นเวอร์ชันภาษาจีน/เกาหลี จากที่เข้าใจว่าจะได้เวอร์ชันภาษาอังกฤษ/ญี่ปุ่น
ปัญหานี้มีรายงานจาก PlayStation Store โซนเอเชีย ซึ่งมีเกมให้เลือกซื้อ 2 เวอร์ชัน ผู้เล่นที่ซื้อผิดบอกว่ารายละเอียดของภาษาเกมนั้นอธิบายไม่ชัดเจน ทำให้พวกเขาซื้อผิด หลายคนเลือกไม่รอเพราะอยากเล่นแล้ว ก็ตัดสินใจซื้อเวอร์ชันภาษาอังกฤษเพิ่มไปเลย
PlayStation Asia ชี้แจงผ่าน Facebook ว่ารับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว โดยได้เพิ่มคำอธิบายภาษาของเกมให้ชัดเจนมากขึ้น ส่วนการชดเชยผู้ที่ซื้อผิดไปนั้นกำลังหาแนวทางที่ดีที่สุดอยู่
Final Fantasy 7 Remake เป็นหนึ่งในเกมรีเมกที่มีคนรอคอยจำนวนมาก และได้คะแนนรีวิวออกมาสูง
อัพเดต: PlayStation Asia ประกาศจะเริ่มการคืนเงินให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ กลับไปที่ PSN wallet
ที่มา: Gamepur |
# คุณหลอกดาว MediaTek ถูกจับได้ว่าโกงผลแอปเบนช์มาร์คในมือถือหลายรุ่น
เว็บไซต์ Anandtech ค้นพบว่า Mediatek โกงผลเบนช์มาร์คในมือถือหลายรุ่น หลังทำการทดสอบมือถือ Oppo Reno 3 Pro รุ่นจำหน่ายในยุโรป ที่ใช้ชิป Helio P95 และนำมาเทียบกับ Oppo Reno 3 ของจีน ที่ใช้ชิป Mediatek Dimensity 1000L แต่ชิป Helio P95 ที่เก่ากว่า และประสิทธิภาพด้อยกว่า กลับชนะไปซะงั้น!
Anandtech จึงลองใช้ PCMark เวอร์ชันภายในของ PCMark เองที่ตัวชิปเซ็ตไม่รู้จัก แล้วทดสอบอีกครั้ง จึงได้ผลออกมาว่า Oppo Reno 3 Pro ที่ใช้ Helio P95 จริงๆ แล้วประสิทธิภาพด้อยกว่า Dimensity 1000L โดยผลการทดสอบครั้งหลัง ชิป Helio P95 มีคะแนนลดลงถึง 30% ในการทดสอบประสิทธิภาพทั่วไป และ 75% ในการทดสอบการทำงานแบบแยกชนิด
เมื่อขุดไปยังเฟิร์มแวร์ของตัวเครื่อง Anandtech พบไฟล์ _whitelist_cfg.xml ที่มีชุดคำสั่งให้ชิปเซ็ตเปิด Sport Mode เมื่อถูกรันด้วยแอปเบนช์มาร์คส่วนใหญ่ในตลาด อาทิ GeekBench, AnTuTu, 3DBench และ PCMark
นอกจากนี้ Anandtech ยังพบอีกว่าใน Reno Z ที่ใช้ชิป Helio P90, Vivo S1 ที่ใช้ Helio P65, Xiaomi Note 8 Pro ที่ใช้ชิป Helio G90 และอีกหลายรุ่น ก็โกงผลเบนช์มาร์คแอปดังๆ เช่น PCMark, Antutu และ Geekbench เช่นเดียวกัน
Mediatek ได้ชี้แจงผ่าน blog ในเว็บไซต์ โดยมีข้อสรุปสามประเด็นดังนี้
ชิปเซ็ตจะมีการปรับประสิทธิภาพตามการใช้งานแอปต่างๆ อยู่แล้ว การทดสอบก็ไม่ต่างกัน
ผู้ผลิตมือถือสามารถเลือกที่จะปิดฟังก์ชั่นนี้ได้
บอกว่าบริษัทอื่นก็ปรับแต่งชิปเซ็ตเพื่อการเบนช์มาร์คเช่นกัน
ผลทดสอบ Oppo Reno3 Pro ประสิทธิภาพจริง(ซ้าย) และประสิทธิภาพที่ MediaTek โกง (ขวา)
Anandtech แย้งว่าเรื่องการปรับแต่งประสิทธิภาพชิปเซ็ตสำหรับแต่ละแอปว่า ในแง่หนึ่งอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อไหร่ที่ตัวชิปเซ็ตเร่งประสิทธิภาพตอนเบนช์มาร์คขึ้นไปเกินจริง (unattainable performance) รวมถึงการโกงผลเบนช์มาร์คบน PCMark ที่เน้นไปที่เวิร์คโหลดและประสบการณ์ใช้งานจริง ทำให้ข้อโต้แย้งนี้จะใช้ไม่ได้ทันที เพราะมันก็คือเท่ากับโกงผลการทดสอบน่ะแหละ
Huawei เคยถูกจับได้ว่าโกงผล 3DMark มาก่อน เช่นเดียวกันกับ Oppo ด้วย และการโกงผลทดสอบแบบนี้ก็มีมาตั้งแต่ปี 2013 แล้ว ในกรณี Galaxy S4 ของ Samsung และค่ายอื่นๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องดีต่อผู้บริโภคเลย
ที่มา - Anandtech |
# Animal Crossing ถูกอุ้มหายจากร้านขายเกมในจีน หลังคนฮ่องกงใช้เป็นแพลตฟอร์มประท้วง
วันนี้เกม Animal Crossing ภาค New Horizons ที่กำลังเป็นที่นิยมถูกเก็บไปจากร้านขายเกม และถูกลบไปจากสโตร์ออนไลน์ รวมทั้งรายการที่มีผู้ลงขายบน Taobao เว็บไซต์ลงขายของในประเทศจีนจนหมดเกลี้ยง สร้างความโกรธเกรี้ยวให้กับชาวเน็ตในประเทศจีนอย่างมาก ซึ่งไม่ได้โกรธรัฐบาลเพราะเก็บเกม แต่ไปโกรธชาวฮ่องกงและไต้หวัน เช่น โจชัว หว่อง ที่ใช้พื้นที่ในเกมเป็นอีกช่องทางในการแสดงออกทางการเมืองและประท้วงต่อต้านอำนาจของรัฐบาลจีน
โดยภายหลังโจชัว หว่อง ก็ได้ออกมาแซวว่า ทำไมชาวเน็ตจีนถึงต้องมาโกรธเขาที่เล่นเกมนี้ แทนที่จะไปโกรธรัฐบาลที่แบนเกมไปล่ะ
ผู้เล่นอีกหลายคน ยังออกแบบ “ฮวงซุ้ย” ที่มีใบหน้าของท่านผู้นำสีจิ้นผิงอยู่เพื่อเป็นสัญลักษณ์การต่อต้านรัฐบาลจีน ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่พอใจ และนอกจากนี้ยังมีการสร้างเมืองและใช้ตัวละครที่ใส่ผ้าปิดปาก เพื่อแซวสถานการณ์การปิดเมืองอู่ฮั่นอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ชาวจีนจำนวนมาก ใช้เกมนี้เป็นช่องทางการหลีกหนีจากโลกจริงในช่วงกักตัวอยู่บ้าน หรือทำการเรียนการสอนแบบออนไลน์ในตัวเกม และยังมีผู้เล่นสายฮาร์ดคอร์อีกมากมาย ทำรายได้จากการขายไอเท็มโดยใช้ระบบจ่ายเงินด้วย QR Code ของประเทศจีนอีกด้วย
ปัจจุบัน เครื่องเกม Nintendo Switch ขาดตลาดทั้งในอเมริกา ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศในโลก จากอุปสงค์ที่มากขึ้นในช่วง COVID-19 ระบาด และกำลังการผลิตที่ลดลงในประเทศจีน โดยราคาเครื่องพุ่งสูงขึ้นเกือบสองเท่า
ที่มา - The News Lens |
# อ่านข่าวแบบย้อนยุค Microsoft News Bar แสดงข่าวบนเดสก์ท็อป-หัวข่าวเป็นตัววิ่ง
ไมโครซอฟท์เปิดตัวแอพใหม่ Microsoft News Bar ที่จะพาเรากลับไปสู่โลกยุค 90s กับแถบหัวข่าวตัววิ่ง และการแสดงข่าวใน sidebar ด้านข้างของเดสก์ท็อปอีกครั้ง
แอพตัวนี้เรียกใช้ข้อมูลข่าวจาก Microsoft News กว่า 4,500 แหล่ง มาแสดงผลในแถบ sidebar ด้านขวาหรือซ้ายของเดสก์ท็อป หรือถ้ารู้สึกว่าเกะกะ ก็ย่อลงเป็นแถบข้อความวิ่งด้านบนหรือด้านล่างก็ได้เช่นกัน
ถึงแม้แนวคิดเก่า แต่เป็นแอพใหม่ยุคปี 2020 ก็รองรับฟีเจอร์ทั้ง light/dark theme รวมถึงการแสดงผลแบบหลายหน้าจอด้วย
แอพยังมีสถานะเป็น Beta รองรับเฉพาะข่าวในสหรัฐอเมริกา สามารถดาวน์โหลดได้แล้วจาก Microsoft Store
ที่มา - Microsoft |
# AWS เปิดคลังข้อมูล COVID-19 ให้ใช้ฟรี เชิญนักวิจัย-นักวิเคราะห์ข้อมูลไปใช้งาน
เราเห็นข่าว กูเกิลเปิดฐานข้อมูล COVID-19 ให้ใช้ฟรี เชิญชวนนักวิเคราะห์เข้าร่วมบน BigQuery กันไปแล้ว วันนี้ฝั่ง AWS เปิดตัวโครงการคล้ายๆ กันชื่อ AWS COVID-19 data lake
AWS COVID-19 data lake เป็นการรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัส SARS-CoV-2 และโรค COVID-19 เก็บไว้บนคลาวด์ AWS เพื่อให้นักวิจัย นักวิเคราะห์ข้อมูลจากทั่วโลกนำไปใช้ต่อได้ทันที ข้อมูลทั้งหมดใช้ได้ฟรี ขอเพียงแค่มีบัญชี AWS เท่านั้น
แหล่งข้อมูลในคลังมีตั้งแต่ข้อมูลจำนวนผู้ป่วยที่รวบรวมโดย Johns Hopkins และ The New York Times, ข้อมูลเตียงที่ยังว่างในโรงพยาบาลจาก Definitive Healthcare และบทความวิจัยที่เกี่ยวข้อง 45,000 ชิ้นจาก Allen Institute for AI
ตัวอย่างหน่วยงานที่เข้ามาใช้คลังข้อมูลนี้แล้วคือ Chan Zuckerberg Biohub หน่วยงานวิจัยที่ไม่หวังผลกำไรของ Mark Zuckerberg และภรรยา
ที่มา - AWS Blog
ตัวอย่างการใช้คลังข้อมูลของ AWS ไปสร้าง Dashboard |
# แขนกลชนไวรัส CD Projekt Red ยืนยัน Cyberpunk 2077 วางจำหน่าย 17 กย. นี้ ไม่มีเลื่อน
CD Projekt Red ยืนยันในการประชุมแบบ conference call กับผู้ถือหุ้นวันนี้ ว่าวิกฤต COVID-19 ไม่ทำให้เกม Cyberpunk 2077 ถูกเลื่อนวันวางจำหน่ายแน่นอน เพราะปัจจุบันตัวเกมหลักพัฒนาจนเสร็จแล้ว เหลือแค่เพียงการทดสอบและแก้บัคเท่านั้น ซึ่งทีมทดสอบกว่า 130 คนที่ทำงานจากบ้าน และเวลาอีก 4 เดือน เพียงพอที่จะทำให้เกมวางจำหน่ายได้แบบมีคุณภาพ และมีเวลามากพอในการผลิตแผ่นแน่นอน
ข้อจำกัดเล็กน้อยที่ทีมงานพบมีเพียงเรื่องการอัดเสียงพากย์เพิ่มเติมในสตูดิโอ ซึ่ง CD Projekt Red ก็ยืนยันว่าปัญหานี้แก้ด้วยการออก patch เมื่อเกมเปิดตัวได้ และแผนการโปรโมตในงานอีเว้นต์ต่างๆ เช่น E3 ที่ถูกยกเลิก ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะบริษัทปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นอีเว้นต์แบบออนไลน์แทนอย่างเต็มตัวแล้ว
ปีนี้เกมดังที่มีการลงทุนสูงๆ หลายเกมถูกเลื่อนวางจำหน่ายออกไป เช่น The Last of Us II ที่เลื่อนวันวางจำหน่ายออกไปอย่างไม่มีกำหนด Minecraft Dungeons ที่ประกาศเลื่อนการวางจำหน่ายจากเดือนนี้ไปเป็นวันที่ 26 พฤษภาคม รวมทั้ง The Outer Worlds บนเครื่อง Nintendo Switch ก็ถูกเลื่อนจากเดือนกุมภาพันธ์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ก่อนจะมีการยืนยันวันวางจำหน่ายเป็นวันที่ 5 มิถุนายนแทน
ที่มา - VentureBeat |
# LG เปิดตัวแนวทางการออกแบบสมาร์ทโฟนใหม่ เพิ่มความโค้งมน อิงรูปทรงธรรมชาติ
LG เปิดตัวแนวทางการออกแบบ (design language) ใหม่ของสมาร์ทโฟนรุ่นต่อไป ด้วยคอนเซปต์เข้าใกล้ธรรมชาติ ลดความเหลี่ยม เพิ่มความโค้งที่สมมาตรทั้งด้านหน้าและหลัง
แผงกล้องด้านหลัง LG ให้ชื่อว่าดีไซน์แบบ “Raindrop” มีสามกล้องกับแฟลชแบบ LED วางเรียงในแนวตั้ง ไล่ขนาดจากกล้องหลักที่ใหญ่ที่สุดลงมา เหมือนเม็ดฝนที่กำลังหยด โดยจะมีเพียงกล้องหลักที่นูนออกมา จากตัวเครื่อง ส่วนกล้องที่เหลือและแฟลชจะเรียบไปกับฝาหลัง
ตัวเครื่องจะมาใน 3D Arc Design ที่ความโค้งของหน้าจอด้านหน้าและแผงด้านหลังจะสมมาตรกัน ที่ LG กล่าวว่า นอกจากดูสวยงามขึ้นแล้ว ยังลดความคมของขอบ และทำให้จับตัวเครื่องได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
LG เพิ่งโละสมาร์ทโฟนตระกูล G ทั้งแผง ไปเมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุดสำนักข่าว Naver ของเกาหลี ก็รายงานว่า LG เตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่รองรับ 5G ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะเป็นรุ่นอะไรกันแน่
ที่มา - LG, TechRadar, Naver |
# เปิดตัวแอพ "หมอชนะ" ให้ประชาชนรายงานความเสี่ยง COVID-19 และติดตามพิกัดได้
ความคืบหน้าต่อจากข่าว ทีม Code for Public ร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลไทยเตรียมปล่อยแอปติดตามการเข้าใกล้ผู้ป่วย COVID-19 วันนี้แอพตัวนี้เปิดตัวแล้วในชื่อว่า หมอชนะ
"หมอชนะ" เป็นระบบเก็บข้อมูลการเดินทางของประชาชน เพื่อประเมินความเสี่ยงได้ว่า ในบริเวณนั้นมีผู้ป่วย COVID-19 หรือไม่
ตอนนี้แอพเปิดให้ดาวน์โหลดแล้วบน App Store และ Play Store
แอพ "หมอชนะ" คืออะไร?
รูปแบบการใช้งาน "หมอชนะ" แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ให้ผู้ใช้รายงานความเสี่ยงของตัวเอง และแจ้งเตือนผู้ใช้หากเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยง ที่มีผู้ติด COVID-19
ในการใช้งาน ให้ประชาชนดาวน์โหลดแอพ "หมอชนะ" บนสมาร์ทโฟน และตอบคำถามประเมินอาการของตัวเอง โดยแอพจะแบ่งระดับของความเสี่ยงเป็น 4 ระดับคือ
สีเขียว สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงต่ำมาก ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีอาการ ไม่มีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
สีเหลือง สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงน้อย ซึ่งอาจจะมีอาการไข้หวัด แต่ไม่มีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
สีส้ม สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยง เพราะเป็นคนที่มีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา แต่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการไม่เด่นชัด คนในกลุ่มนี้ต้องกักตัวอยู่กับบ้านจนครบ 14 วัน พร้อมทั้งเฝ้าระวัง ถ้ามีอาการควรรีบไปโรงพยาบาลทันที
สีแดง สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะทั้งมีอาการ และมีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา จะต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที
ผมลองใช้งานแล้วพบว่าคำถามมีทั้งหมด 4 ข้อ ตามภาพ ซึ่งถ้าตอบว่า "ไม่" ทุกข้อ จะได้ค่าความเสี่ยงเป็นสีเขียว
จากนั้นแอพจะรายงานพิกัดของผู้ใช้งานเข้าไปในระบบ แต่เราไม่สามารถดูได้ว่าผู้ใช้คนไหนอยู่ตรงไหนบ้าง ทำได้แค่เพียงอนุญาตให้แอพแจ้งเตือนผ่าน notification หากเราเข้าไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยง (ซึ่งจะเช็คข้อมูลด้วย GPS และ Bluetooth)
ทางผู้พัฒนาแอพระบุว่า การประเมินความเสี่ยงผ่าน "หมอชนะ" ช่วยให้บุคลากรด้านการแพทย์สามารถเช็คข้อมูลของผู้ที่มาขอรับบริการทางการแพทย์ ว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด เพื่อจัดลำดับความเร่งด่วนของการรักษา-ส่งตรวจได้แม่นยำมากขึ้น แก้ปัญหาเรื่องการปกปิดอาการ COVID-19 ลงไปได้
ข้อมูลส่วนตัว
ผมลองดาวน์โหลด "หมอชนะ" มาใช้งาน พบว่าต้องถ่ายภาพโพรไฟล์ตัวเองก่อนจึงสามารถใช้แอพได้, แอพขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง (location), การเคลื่อนที่ (motion), Bluetooth โดยประกาศไว้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนเข้าแอพ
แอพ "หมอชนะ" ไม่ขอข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือบัตรประชาชน (ยกเว้นขอให้ถ่ายภาพตัวเอง) ทางทีมผู้พัฒนาระบุว่าตัวโค้ดของแอพเป็นโอเพนซอร์สให้ตรวจสอบได้ ส่วนข้อมูลที่บันทึกเข้าแอพจะถูกทำลายทิ้งหลังผ่านวิกฤตแล้ว และจะร่วมมือกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จัดตั้งกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบกระบวนการจัดการข้อมูลให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ด้วย
ใครคือผู้พัฒนา "หมอชนะ"
"หมอชนะ" เป็นผลงานร่วมระหว่าง กลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ Code for Public, กลุ่มผู้เชี่ยวชาญซอฟต์แวร-วิเคราะห์ข้อมูลชื่อ กลุ่มช่วยกัน และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรธุรกิจ สถาบันการศึกษาอีกจำนวนมาก (รายชื่อเต็มๆ ท้ายข่าว)
ตัวแทนผู้พัฒนาที่ร่วมแถลงข่าว "หมอชนะ" มี 3 คน ได้แก่
ดร.อนุชิต อนุชิตานุกูล (National Digital ID - NDID)
นายสุทธิพงศ์ กนกากร (บริษัท บล็อคฟินท์ จำกัด)
ผศ.ดร.ณัฐวุฒิ หนูไพโรจน์ (คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
ชื่อผู้พัฒนาแอพ "หมอชนะ" ใน App Store คือ Electronic Government Agency (Public Organization) Thailand ส่วนบน Play Store คือ Digital Government Development Agency, ThailandTools ซึ่งก็คือ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
ในงานแถลงข่าวยังมี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายแพทย์ไผท สิงห์คำ แพทย์ระบาดวิทยาภาคสนาม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงข่าวด้วย
คลิปการแถลงข่าวเปิดตัว "หมอชนะ"
รายชื่อผู้สนับสนุนโครงการ "หมอชนะ"
สถาบันการศึกษา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยบูรพา
หน่วยงานภาครัฐ
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สํานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) บมจ. กสท โทรคมนาคม บมจ. ทีโอที บจก. ไปรษณีย์ไทย
หน่วยงานด้านสาธารณสุข
โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โรงพยาบาลภูมิพล สภากาชาดไทย
องค์กรภาคเอกชน
Dtac AIS และ True ด้านการเงินธนาคาร ได้แก่ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ด้านเทคโนโลยี ได้แก่ บมจ. เอ็ม เอฟ อี ซี บจก. Blockfint บจก. Cleverse บจก. ทรูเวฟ (ประเทศไทย) บจก. Invitrace บจก. เอเทน เทคโนโลยีส์ (ไทยแลนด์) บจก. NODSTAR Longdo Map ด้านพลังงาน ได้แก่ บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ ด้านยานยนต์ โลจิสติกส์และก่อสร้าง ได้แก่ บจก. เจแปนคาร์ แอดแซสเซอรี่ แอนด์ พาร์ท บจก. ฮอนด้า ประเทศไทย บจก. เค.คอนเนค เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) บจก. โกลบเทค ด้านบริการสื่อสารและบันเทิง ได้แก่ บมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ Rabbit Digital Group Likehouse บจก. แมด อะไรดี
สื่อมวลชนและกลุ่มพลังอิสระเพื่อสังคม
บมจ. มติชน บมจ. เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป สำนักข่าวอิศรา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย และมูลนิธิสะพานบุญ |
# Google ออกคีย์บอร์ดใหม่พิมพ์อักษรเบรลล์บนมือถือได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม
Google ออกคีย์บอร์ดใหม่บนมือถือแอนดรอยด์ ให้ผู้ใช้งานที่มีปัญหาการมองเห็นสามารถพิมพ์อักษรเบรลล์ได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม ทาง Google บอกว่าได้ร่วมมือกับนักพัฒนาและผู้ใช้งานที่มีความจำเป็นต้องใช้อักษรเบรลล์ในการพัฒนาแป้นพิมพ์นี้ ดังนั้นผู้ที่ใช้อักษรเบรลล์เป็นประจำจะมีความคุ้นเคยในการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ตัวแป้นพิมพ์มีเลย์เอาท์อักษรเบรลล์ 6 จุด ซ้ายขวาด้านละ 3 จุด เช่นถ้าจะพิมพ์ A ก็กดที่จุดตำแหน่งที่ 1 พิมพ์ Bกดที่ตำแหน่งที่ 1 และ 2 พร้อมกัน เป็นต้น ผู้ใช้ต้องเปิดการใช้งานที่หมวดการตั้งค่า ไปที่ Accessibility จากนั้นก็ไปที่ TalkBack สามารถใช้งานได้ในแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 5.0 ขึ้นไป และยังรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ
ที่มา - Google Blog |
# สิงคโปร์เปิดโปรโตคอล BlueTrace ติดตามผู้ใกล้ชิดคนติดเชื้อ เน้นป้องกันผู้ใช้ถูกติดตามตัว, รายการพบปะไม่ส่งกลับเซิร์ฟเวอร์
รัฐบาลสิงคโปร์เปิดรายละเอียดโปรโตคอล BlueTrace โปรโตคอลติดตามการเข้าใกล้กัน โดยโปรโตคอลนี้เป็นหัวใจของโปรแกรม TraceTogether ที่รัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนติดตั้ง
โปรโตคอล BlueTrace กำหนดหน้าที่ของเซิร์ฟเวอร์, โทรศัพท์ที่ติดตั้งแอป, และกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างโทรศัพท์ที่เข้าใกล้กัน ดังนี้
เซิร์ฟเวอร์: เซิร์ฟเวอร์หลักจะเก็บข้อมูลการลงทะเบียน ซึ่งในกรณีของสิงคโปร์มีเฉพาะหมายเลขโทรศัพท์เท่านั้น พร้อมกับหมายประจำตัวผู้ใช้ที่ไม่เปลี่ยนไปตลอดการติดตั้ง หน้าที่ของเซิร์ฟเวอร์จะเป็นผู้สร้างหมายเลขประจำตัวชั่วคราว (temporary ID/Temp ID) ให้แอปไว้แลกเปลี่ยนกับโทรศัพท์เครื่องอื่น Temp ID นี้เป็นข้อความที่เข้ารหัสแบบ AES-256-GCM โดยภายในมีหมายเลขประจำตัวจริงๆ และเวลาที่อนุญาตให้ใช้ Temp ID นี้ได้ (Temp ID ใช้งานได้อันละประมาณ 15 นาที) โดยเซิร์ฟเวอร์จะสร้าง Temp ID คราวละมากๆ ให้แอปนำไปใช้งานตามช่วงเวลาที่กำหนดทำให้แอปไม่ต้องต่อเซิร์ฟเวอร์ตลอดเวลา
แอปพลิเคชั่น: ทำหน้ากระจาย Temp ID ออกไปยังเครื่องรอบๆ ผ่าน Bluetooth Low Energy (BLE) โดยนอกจาก Temp ID แล้ว ตัวแอปจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติม ได้แก่ รุ่นโทรศัพท์ (เพื่อให้ประมาณระยะห่างระหว่างกันได้), ชื่อย่อประเทศและองค์กร (เตรียมการสำหรับใช้ร่วมกันหลายประเทศ), และหมายเลขเวอร์ชั่นโปรโตคอล
โปรโตคอล การส่งข้อมูลระหว่างโทรศัพท์จะส่งเป็น JSON เนื้อในเป็น UTF-8 โดยมีเครื่องหนึ่งทำหน้าที่ "อุปกรณ์" (Peripheral) ส่งข้อมูลฝั่งตัวเองก่อน จากนั้นโทรศัพท์อีกเครื่องจะทำหน้าที่ "ศูนย์กลาง" (Central) รับข้อมูลแล้วส่ง Temp ID, ชื่อประเทศและองค์กร, รุ่นโทรศัพท์, และความแรงสัญญาณที่วัดได้
ตัวแอปจะเก็บข้อมูลที่แลกเปลี่ยนระหว่างกันไว้นาน 21 วัน โดยทางทีมงาน BlueTrace ระบุเป้าหมาย 4 ประการ ได้แก่
ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องติดตามตัวผู้ใช้ไม่ได้
ระบบเก็บข้อมูลระบุตัวตนอย่างจำกัด
ประวัติการพบปะอยู่บนอุปกรณ์เองเท่านั้น
การให้ข้อมูลสามารถยกเลิกได้เสมอ
นอกจากตัวโปรโจตอลแล้ว ทางสิงคโปร์ยังเปิดซอร์สโปรแกรม OpenTrace ที่อิมพลีเมนต์ตามโปรโตคอลออกมาด้วย อย่างไรก็ดีข้อจำกัดของโปรแกรมนี้คือมันทำงานบน iOS ได้ไม่เต็มที่เนื่องจาก iOS ไม่เปิดให้แอปส่งข้อมูล BLE โดยที่ไม่ได้รันแบบเบื้องหน้า การใช้งานจึงต้องเปิดแอปทิ้งไว้ ซึ่งค่อนข้างแปลกสักหน่อย
สำหรับแอปแบบเดียวกันของไทยที่กำลังเปิดตัววันนี้ ข้อมูลที่ออกมาบ่งบอกว่ากระบวนการรักษาความปลอดภัยยังด้อยกว่า BlueTrace สองข้อจากสี่ข้อ เนื่องจากข้อมูลส่งกลับเซิร์ฟเวอร์และหมายเลขประจำตัวที่กระจายออกมาไม่มีการเปลี่ยนตามเวลาเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว
ที่มา - BlueTrace.io |
# Twitch ออกฟีเจอร์ Watch Parties ในสหรัฐฯ ให้สตรีมเมอร์กับแฟนๆ ดูหนังจาก Prime Video พร้อมกัน
Twitch ทำฟีเจอร์ใหม่แก้เหงาในช่วงกักตัว คือ Watch Parties ให้สตรีมเมอร์และแฟนๆ ร่วมกันดูคอนเทนต์จาก Prime Video ร่วมกันได้ เปิดใช้งานเวอร์ชั่นเบต้าในสหรัฐฯ และยังมีสตรีมเมอร์ไม่กี่รายที่ใช้งานฟีเจอร์นี้ได้
อย่างไรก็ตาม Twitch เคยเผยว่าจะทำฟีเจอร์นี้ออกมาก่อนแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2019 และยังอยู่ในขั้นตอนทดสอบเท่านั้น ผู้ชมที่เป็นแฟนๆ ของสตรีมเมอร์ที่ได้ถูกเลือกให้ทดสอบฟีเจอร์ จะได้ดูคอนเทนต์ร่วมกันสดๆ เห็นรีแอกชั่นของสตรีมเมอร์ในฉากต่างๆ รวมถึงคอมเม้นท์ได้ ซึ่ง Facebook เองก็มีฟีเจอร์ Watch Party ดูคลิปต่างๆ บน Facebook พร้อมกับเพื่อนๆ ได้
ทาง Twitch ระบุว่า จะเปิดให้สตรีมเมอร์ทุกรายในสหรัฐฯได้ใช้ Watch Parties ในช่วงสัปดาห์ถัดๆ ไป และจะขยายไปยังทั่วโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วนเนื้อหาที่สตรีมได้มีมากพอสมควร เช่น Jack Ryan series, Star Trek และ Survivor และมีแผนจะขยายคอนเทนต์ให้ครอบคลุมทั้งหมดที่มีใน Prime Video สามารถดูคอนเทนต์ที่สตรีมได้ ที่นี่
Twitch เป็นส่วนหนึ่งของ Amazon ที่มาเข้าซื้อไปเมื่อปี 2014
ที่มา - Engadget, Twitch |
# กูเกิลเปลี่ยนชื่อ Hangouts Chat เป็น Google Chat (แบบเดียวกับ Google Meet)
ถัดจากการเปลี่ยนชื่อ Hangouts Meet เป็น Google Meet กูเกิลก็ทยอยเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์อีกตัวในตระกูล Hangouts คือ Hangouts Chat แอพแชทองค์กร มาเป็น Google Chat
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ตอนนี้ ผลิตภัณฑ์ในตระกูล Hangouts เหลือแค่ Hangouts Classic ตัวต้นฉบับเพียงตัวเดียว (และในชุด G Suite ไม่มีผลิตภัณฑ์ชื่อ Hangouts อีกแล้ว) เรื่องนี้ กูเกิลก็เคยประกาศว่าจะย้ายผู้ใช้ Hangouts Classic ไปใช้ Meet/Chat
กูเกิลไม่ได้ประกาศข่าวการเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ แต่หน้าเว็บของ Hangouts Chat ก็เปลี่ยนชื่อเป็น Google Chat แล้ว (เทียบกับหน้าเว็บภาษาไทยที่ยังใช้คำว่า Hangouts Chat อยู่)
ส่วนชื่อแอพใน Play Store ยังเป็นของเดิมอยู่ ยังเป็น Hangouts ทั้ง 3 ตัว ซึ่งน่าจะทยอยเปลี่ยนตามในอนาคต
ที่มา - 9to5google |
# Google ขยายเวลาให้ผู้ใช้ G Suite ใช้ฟีเจอร์พรีเมี่ยมของ Google Meet ยาวๆ ถึง 30 กันยายน
ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Google ปลดล็อกบริการ Hangouts Meet หรือชื่อใหม่คือ Google Meet ระดับ Enterprise ให้กับผู้ใช้ G Suite ทุกราย รวมถึง G Suite for Education ล่าสุด Google ขยายระยะเวลาให้ใช้งานไปยาวๆ ถึง 30 กันยายน
ฟีเจอร์ระดับ Enterprise ประกอบด้วย การปลดล็อกจะทำการประชุมสามารถมีผู้ร่วมได้ถึง 250 คน, สามารถเซฟวิดีโอการประชุมลง Google Drive ได้, และสามารถถ่ายทอดสดการประชุมออกไปผู้ชมอื่นๆ ได้ถึงแสนคน เป็นต้น
ผลจากมาตรการอยู่บ้าน ชะลอโรคระบาด ทำให้ต้องทำงานจากที่บ้าน Google เองก็เพิ่งประกาศตัวเลขใหม่ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ใช้งาน Google Meet ที่เป็นผู้ใช้งานรายใหม่ 2 ล้านราย ที่เข้าใช้งานทุกวัน รวมถึงเผยแพร่มาตรการความปลอดภัยออกมาด้วย
ที่มา - Google Blog |
# นักวิจัยรายงานช่องโหว่ Zoom สวมรอยเป็นใครก็ได้
นักวิจัยความปลอดภัยชื่อผู้ใช้ @s3c บน Medium รายงานถึงช่องโหว่ Zoom ที่มีช่องโหว่ในระบบยืนยันความเป็นเจ้าของอีเมล ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าสวมรอยบัญชีผู้ใช้ใดๆ ก็ได้ในระบบ
ช่องโหว่นี้อยู่ในส่วนการล็อกอินด้วยเฟซบุ๊กที่บางกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กไม่มีอีเมล ทำให้ Zoom ขอให้ลงทะเบียนอีเมลเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี URL บนหน้าส่งอีเมลนั้นมีอาร์กิวเมนต์ code ระบุอยู่ และ @s3c พบว่าอาร์กิวเมนต์นี้เป็นรหัสยืนยันสำหรับลิงก์ยืนยันความเป็นเจ้าของอีเมล
ความผิดพลาดร้ายแรงเช่นนี้ทำให้ใครสามารถยืนยันความเป็นเจ้าของอีเมลใดๆ ก็ได้ โดยไม่ต้องอ่านอีเมลได้จริงๆ และเมื่อยืนยันอีเมลในระบบแล้ว Zoom จะผูกบัญชีเจ้าของอีเมลเดิมเข้ากับบัญชีที่ล็อกอินด้วยเฟซบุ๊กที่สร้างขึ้นใหม่โดยอัตโนมัติ
ความร้ายแรงของช่องโหว่นี้คือเหยื่อสามารถถูกสวมรอยเข้าไปประชุมแทน ผู้ร้ายอ่านข้อมูลเก่าเช่นข้อความแชตหรือไฟล์ต่างๆ ได้
@s3c ระบุว่า Zoom ใช้เวลาสองวันในการแก้ช่องโหว่หลังจากได้รับแจ้งในวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา และเขาได้รับเงินรางวัล 3,000 ดอลลาร์พร้อมของที่ระลึก โดยเขายืนยันว่าไม่มีระบบใดปลอดภัย 100% และการทดสอบนี้เขาทดสอบด้วยบัญชีของตนเองเท่านั้น
ที่มา - Medium: @s3c |
# Facebook เพิ่ม Quiet Mode ปิดและลดการเตือนแบบ Push ตามช่วงเวลา เพื่อให้ผู้ใช้ได้พักผ่อนบ้าง
Facebook ประกาศเพิ่มคุณสมบัติเรียกชื่อว่า Quiet Mode ซึ่งเป็นหนึ่งในอัพเดตสำหรับช่วงสถานการณ์ COVID-19 โดยเป็นการลดการเตือนแบบพุชส่วนใหญ่ในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อให้ผู้ใช้ Facebook รักษาสมดุลในการใช้งาน ได้พักผ่อน ได้ใช้เวลากับครอบครัว และไม่ติดกับ Facebook มากเกินไป โดยหากเปิดแอปในช่วงเวลาทีกำหนด ตัวแอปก็จะเตือนด้วยว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ Quite Mode ทำงาน
ทั้งนี้ Facebook ไม่ได้ระบุว่าการเตือนแบบไหนที่ยังส่งมาแม้เปิด Quite Mode แต่น่าจะเป็นการเตือนเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน
นอกจากนี้ Facebook ยังระบุว่าได้เพิ่มทางลัดสำหรับจัดการการแจ้งเตือน และเนื้อหาที่แสดงใน News Feed เพื่อให้ผู้ใช้งานควบคุมประเภทของเนื้อหาที่แสดงได้ตรงความต้องการมากขึ้น
อัพเดตนี้มีผลกับผู้ใช้บน iOS ตั้งแต่วันนี้ ส่วน Android จะเริ่มใช้ได้ในเดือนพฤษภาคม
ที่มา: The Verge |
# [ไม่ยืนยัน] iOS 14 มีฟีเจอร์ใหม่ Clips แสดงเนื้อหาจากแอปได้ โดยไม่ต้อง install แอปนั้น
9to5Mac อ้างข้อมูลจากโค้ดที่พบของ iOS 14 ว่ามี API ตัวใหม่ ซึ่งมีชื่อเรียกภายในว่า Clips ซึ่งทำให้ผู้ใช้ iOS เข้าถึงการทำงานของแอปต่าง ๆ โดยไม่ต้อง install แอปนั้นก็ได้
โดย Clips API ทำงานผ่านตัวสแกน QR Code ปกติเวลาสแกน QR Code ของแอปใด ๆ จะเป็นการเรียก Safari เพื่อไปที่หน้าดาวน์โหลดแอปนั้นลงเครื่อง กรณีไม่มีแอป แต่บนคุณสมบัติใหม่นี้ ผู้พัฒนาแอปสามารถเลือกให้แสดงเนื้อหาที่ต้องการจากแอปได้เลยผ่านตัวเว็บเพจ
ข้อมูลระบุว่าแอปที่มีการทดสอบ Clips API แล้ว ซึ่งคาดว่าเพื่อใช้นำเสนอใน WWDC ปีนี้ ได้แก่ OpenTable, Yelp, DoorDash, Sony (แอป PS4) และ YouTube
ที่มา: 9to5Mac |
# ทีม Code for Public ร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลไทยเตรียมปล่อยแอปติดตามการเข้าใกล้ผู้ป่วย COVID-19 ใช้ทั้ง GPS และ BLE
คุณสิทธิพล พรรณวิไล เจ้าของบล็อก NuuNeoi.com (หลายคนอาจจะรู้จักในฐานผู้ร่วมก่อตั้งเว็บ DroidSans) เผยแพร่บทความสัมภาษณ์ผู้พัฒนาแอปติดตามตัวผู้เข้าใกล้ผู้ป่วยโรค COVID-19 โดยระบุว่าแอปนี้จะเปิดตัวโดย "หน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง"
แอปนี้แนวคิดคล้ายกับ TraceTogether ของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่อาศัยการกระจายแพ็กเก็ต Bluetooth Low Energy (BLE) ออกไปรอบๆ ตัว แล้วให้ตัวแอปในเครื่องอื่นๆ เก็บข้อมูลไว้ว่าเจอใครมาบ้าง หากมีผู้ใช้แอปนี้ติดโรค COVID-19 ก็สามารถไปตามตัวผู้เข้าใกล้ผู้ป่วยทั้งหมดกลับมากักกันโรคได้
ข้อมูลที่กระจายผ่าน BLE นั้นเป็นหมายเลขประจำตัวผู้ใช้ที่เป็นเลขสุ่ม และไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัวตนผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม หมายเลขประจำตัวนี้จะไม่เปลี่ยนตลอดการใช้งานแอป ต่างจาก TraceTogether ของสิงคโปร์ที่จะสร้างหมายเลขประจำตัวชั่วคราวขึ้นมาใหม่ทุกๆ 15 นาที เพื่อป้องกันการติดตามตัวจากหมายเลขประจำตัวในแอป คุณสิทธิพลระบุว่าทีมงานรับทราบความกังวลนี้แล้วและน่าจะหาทางแก้ไขอยู่ นอกจากนี้แอปของไทยนี้ยังเก็บข้อมูล GPS ตลอดเวลาใช้งานอีกทางหนึ่ง
ทีม Code for Public นำโดยบริษัท Cleverse ที่เคยพัฒนา Mini App ใน LINE สำหรับรายงานสถานการณ์ COVID-19 แอปทำงานบนแอนดรอยด์ได้ตลอดเวลา แต่บน iOS จะทำงานเฉพาะเมื่อเปิดแอปเท่านั้น ข้อมูลถูกเก็บขึ้นคลาวด์ AWS ที่เป็นบัญชีของภาครัฐ และทีมงานตกลงกันว่าจะทำลายข้อมูลทั้งหมดทิ้งเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย และซอร์สโค้ดของแอปอยู่บน GitHub
ที่มา - NuuNeoi.com
ภาพโดย Pexels |
# Yelp เจอวิกฤต ปลดพนักงาน 1,000 คน, พักงาน 1,100 คน, ลดชั่วโมงทำงานคนที่เหลือ
Yelp เว็บไซต์รีวิวร้านอาหารและร้านค้า ประกาศปลดพนักงาน 1,000 คน, พักงานพนักงาน 1,100 คน และลดชั่วโมงการทำงานของพนักงานที่เหลือลง เพราะธุรกิจได้รับผลกระทบเต็มๆ จาก COVID-19 ทำให้รายได้ลดลงมาก (Yelp มีพนักงานประมาณ 6 พันคน)
Jeremy Stoppelman ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Yelp ระบุว่าพยายามลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ แล้ว เช่น ค่าเซิร์ฟเวอร์, ลดโครงการที่ไม่สำคัญ, ปรับลดเงินเดือนผู้บริหารลง 20-30% โดยตัวเขาเองไม่รับเงินเดือน และไม่ใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นตลอดทั้งปี 2020 ด้วย แต่ก็ยังไม่เป็นผล จึงต้องยอมใช้มาตรการปลดพนักงานเพื่อรักษาองค์กรไว้
Stoppelman ระบุว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งปกติ และไม่เคยเห็นวิกฤตที่รุนแรงระดับนี้มาก่อน มาตรการข้างต้นไม่สมเหตุสมผลเลยในช่วงเวลาปกติ แต่ในตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
Yelp ยังให้ข้อมูลว่าความสนใจในร้านอาหารลดลง 81%, ยิมและธุรกิจใกล้เคียงลด 73%, ร้านตัดผม-เสริมสวยลดลง 83%
ที่มา - Yelp |
# Twitter มีปัญหาหน้า Timeline ไม่อัพเดต
ทวิตเตอ์มีปัญหาทั่วโลกตั้งแต่ช่วงสองทุ่มสี่สิบนาทีที่ผ่านมา โดยผู้ใช้ไม่สามารถอัพเดตข้อความใหม่ๆ ได้ ในหน้า Timeline ของตัวเอง
อย่างไรก็ดีข้อมูลการโพสยังคงทำงาน ทวีตใหม่ยังคงสามารถค้นหาได้ และรายการกด retweet ก็จะแสดงผล
ข้อมูลจาก Down Detector แสดงให้เห็นว่าปัญหามีการรายงานมากในแถบสหรัฐฯ ฝั่งตะวันตก, ญี่ปุ่น, และฟิลิปปินส์ โดยเว็บ Twitter API Status ระบุว่าไม่มีปัญหาอะไร
ที่มา - Down Detector |
# TikTok ประกาศบริจาคเงิน 250 ล้านดอลลาร์ ให้หน่วยงานต่าง ๆ จากเหตุ COVID-19
TikTok ประกาศบริจาคเงินรวม 250 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ (150 ล้านดอลลาร์), บุคลาการด้านการศึกษา เพื่อพัฒนาระบบการเรียนออนไลน์ (50 ล้านดอลลาร์) และชุมชนท้องถิ่น (50 ล้านดอลลาร์) ที่ประสบปัญหาจากการระบาดของ COVID-19
นอกจากเงินบริจาคแล้ว TikTok ยังประกาศเตรียมแจกเครดิตโฆษณารวม 100 ล้านดอลลาร์ ให้กับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง ใช้โฆษณาบนแพลตฟอร์ม เพื่อให้กลับมาดำเนินธุรกิจต่อได้ตามปกติ
สุดท้าย TikTok ยังให้เครดิตพื้นที่โฆษณาอีก 25 ล้านดอลลาร์ สำหรับให้องค์กรสาธารณะ ใช้สำหรับการสื่อสารข้อมูลเพื่อให้เกิดความเข้าใจใน COVID-19 อย่างถูกต้อง
ที่มา: TikTok |
# เผยเทรลเลอร์ DLC Dragonball Z: Kakarot ตัวแรกดำเนินเนื้อเรื่องภาค Super
หลังเปิดตัวและวางขายไปได้อย่างค่อนข้างถูกใจแฟนบอยกับ Dragon Ball Z: Kakarot ที่ดำเนินเนื้อเรื่องจากมังงะ Dragon Ball Z ทำให้แฟน ๆ คาดว่าจะมี DLC เป็นเนื้อเรื่องเสริมในช่วงภาค Super ไม่รวมข้อมูลการแงะข้อมูลตัวละครในไฟล์เกมที่หลุดออกมา
ล่าสุด Bandi Namco เผยเทรลเลอร์สั้น ๆ ของ DLC ของเกม Dragon Ball Z: Kakarot แล้ว โดย DLC จะมี 2 ตัว ตัวแรกจะเป็นเนื้อเรื่องสั้น ๆ มีบอสใหญ่ตัวใหม่มาให้สู้ แบ่งเป็น 2 อีพี และอีพีแรกจะดำเนินเรื่องจากภาค Dragon Ball Z: Battle of God ที่มีบิลส์ เทพแห่งการทำลายล้างเป็นตัวร้าย วางจำหน่ายฤดูใบไม้ผลินี้ (น่าจะภายในเดือนพฤษภาคม)
ส่วนอีพีที่ 2 ของ DLC ตัวแรกยังไม่มีข้อมูล แต่คาดว่าน่าจะหนีไม่พ้นเนื้อเรื่องจากภาค Dragon Ball Z: Resurrection 'F' ที่เป็นเนื้อเรื่องต่อกัน ส่วน DLC ตัวที่ 2 ระบุแค่ว่าเป็นเนื้อเรื่ององก์ใหม่เลย (อาจจะเป็นองก์แบล็คโกคู + Tournament of Power)
ที่มา - Bandai Namco |
# Eventbrite เว็บขายตั๋วงานอีเวนต์ ต้องปลดคนออก 45% เพราะไม่มีอีเวนต์
เว็บไซต์ข่าวไอที Protocol รายงานว่า Eventbrite เว็บไซต์ขายตั๋วงานอีเวนต์ชนิดต่างๆ (หารายได้ผ่านค่าธรรมเนียมขายตั๋ว) ต้องปลดพนักงานออกถึง 45% หลังสถานการณ์ COVID-19 ทำให้อีเวนต์เกือบทุกชนิดต้องยกเลิก
Eventbrite ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2006 และขายหุ้น IPO เข้าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2018 มีพนักงานประมาณ 1,000-1,100 คน นั่นแปลว่าจะต้องปลดพนักงานออกราว 500 คน มีรายงานว่าทีมเซลส์ของ Eventbrite จะถูกปลดออกถึง 90% เลยด้วยซ้ำ
พนักงานของ Eventbrite ระบุว่าซีอีโอ Julia Hartz เรียกประชุมพนักงานผ่าน Google Hangouts เพื่อประกาศข่าวเรื่องการปลดคน ส่วนโฆษกของ Eventbribe ยืนยันข่าวการปลดพนักงาน และบอกว่าจะคุยกับพนักงานที่โดนปลดทีละคนผ่านวิดีโอคอลล์ เพราะช่วงนี้พนักงานทุกคนต้องทำงานจากที่บ้าน
ที่มา - Protocol |
# กระแส Work from Home ดัน G Suite มีลูกค้าองค์กรเพิ่ม 1 ล้านราย
Javier Soltero ผู้บริหารของกูเกิลให้ข้อมูลกับ CNBC ว่ามีลูกค้า G Suite เพิ่มถึง 1 ล้านบริษัทในรอบปีที่ผ่านมา โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 G Suite มีลูกค้าองค์กร 5 ล้านราย ตัวเลขนี้เพิ่มมาเป็น 6 ล้านรายในเดือนมีนาคม 2020 อันเป็นผลมาจากกระแส Work from Home ทั่วโลก
Soltero ยอมรับว่า G Suite เติบโตเร็วในระดับที่เขาเองก็ยังตกใจ ข้อมูลอีกอย่างที่เขาเปิดเผยคือ Google Meet (ชื่อใหม่ของ Hangouts Meet) มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 25 เท่าจากเดือนมกราคม
ที่มา - CNBC |
# [ไม่ยืนยัน] Surface Neo และ Windows 10X ออกไม่ทันกำหนดในปี 2020
ZDNet อ้างแหล่งข่าววงในจากไมโครซอฟท์ว่า Surface Neo อุปกรณ์สองจอที่รัน Windows 10X จะวางขายไม่ทันปี 2020 ด้วยเหตุผลเรื่อง COVID-19 ทำให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ล่าช้ากว่ากำหนด
แหล่งข่าวของ ZDNet แจ้งว่า Panos Panay หัวหน้าทีมผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์แจ้งข่าวนี้เป็นการภายในแล้ว โดยจะมีผลกับทั้ง Surface Neo ของไมโครซอฟท์เอง และอุปกรณ์ของบริษัทฮาร์ดแวร์รายอื่นที่ใช้ Windows 10X ด้วย
ส่วน Surface Duo อุปกรณ์สองจอที่เป็น Android ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับการเลื่อนออกมา
โฆษกของไมโครซอฟท์บอกว่ายังไม่มีการประกาศข้อมูลใดๆ ในเรื่องนี้
ที่มา - ZDNet |
# อยู่บ้านดูคอนเสิร์ตวนไป วงดนตรี Radiohead อัพโหลดคอนเสิร์ตเก่าๆ ให้ดูเต็มอิ่มบน YouTube
วงดนตรี Radiohead เตรียมอัพโหลดคอนเสิร์ตเก่าๆ ที่วงเคยทำการแสดงให้ดูบน YouTube และอัพเป็นรายสัปดาห์ เริ่มจากคอนเสิร์ต Live From a Tent in Dublin ทำการแสดงเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ปี 2000 คลิปแรกเริ่มสตรีมได้ในวันที่ 10 เมษายนเวลาไทย ถ้าใครรอไม่ไหวก็เข้าไปกดดูใน Radiohead Public Library ก่อนได้
นอกจากวง Radiohead ยังมีวง Metallica ที่อัพคอนเสิร์ตให้ดูรายสัปดาห์เหมือนกัน ในชื่อซีรีส์ว่า Metallica Mondays โพสต์ให้ดูทุกวันจันทร์ และมีช่องให้กด donate สนับสนุนศิลปินด้วย
ที่มา - Pitchfork |
# Unicode เลื่อนการประกาศ Emoji 14.0 ออกไปอีก 6 เดือน
Unicode Consortium ซึ่งเป็นกลุ่มที่รับรองการออกอีโมจิใหม่ ประกาศว่า Emoji เวอร์ชัน 14 จะเลื่อนการรับรองจากกำหนดเดิมออกไปอีก 6 เดือน เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19
โดย Unicode 14.0 จะประกาศรับรอง จากเดิมมีนาคม 2021 ออกไปเป็น กันยายน 2021 ทั้งนี้การประกาศเลื่อนดังกล่าวไม่มีผลกับ Emoji 13.0 ที่รับรองไปก่อนหน้านี้ โดยระบบปฏิบัติการหลักจะเริ่มใช้กันช่วงปลายปีตามเดิม
ผลดังกล่าว น่าจะทำให้ในปี 2021 อาจไม่มี Emoji ใหม่ออกมาให้ใช้งาน เนื่องจากหลังประกาศรับรองแล้ว ฝั่งผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการ จะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อเพิ่มชุดอีโมจิเข้าไป
ที่มา: MacRumors |
# ผู้ผลิตเกมมิ่งพีซี Maingear หันมาผลิตเครื่องช่วยหายใจ กำลังขออนุญาตใช้ในโรงพยาบาล
Maingear ผู้ผลิตเกมมิ่งพีซีแบบประกอบสำเร็จ ได้เปลี่ยนโรงงานบางส่วนมาผลิตเครื่องช่วยหายใจฉุกเฉินสำหรับโรงพยาบาลในการต่อสู้กับโรค COVID-19 ที่ผู้ป่วยที่ระบบทางเดินหายใจมีปัญหา มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นจำนวนมาก
Maingear หันมาผลิตเครื่องช่วยหายใจที่มีชื่อว่า LIV เพื่อสู้กับการขาดแคลนเครื่องช่วยหายใจในวิกฤตครั้งนี้ ซึ่งเครื่อง LIV จะมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเกมมิ่งพีซีที่มีท่อต่อยาวออกมา เพราะในรุ่นโปรโตไทป์ใช้กรอบนอกเป็นเคสของเครื่องพีซี F131 PC I ที่วางจำหน่ายในปี 2012 แต่ภายในเครื่องจะอุปกรณ์ช่วยให้ออกซิเจนสำหรับผู้ป่วย และมีหน้าจอทัชสกรีน สามารถเปิดเครื่องและเริ่มให้ออกซิเจนได้ภายใน 1.5 วินาที
Maingear กล่าวว่า บริษัทสามารถผลิตเพิ่มกำลังการผลิต LIV มากขึ้นจนทำให้มีราคาเพียง 1 ใน 4 ของเครื่องช่วยหายใจทั่วไปได้ โดยเครื่องนี้อยู่ระหว่างการขอรับอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ แต่ Maingear ก็เริ่มประสานงานกับเจ้าหน้าที่ เตรียมส่งเครื่องที่ไปยังสถานพยาบาลทั่วสหรัฐอเมริกา และมีแผนส่งต่อไปต่างประเทศแล้ว
นอกจากนี้ Maingear ยังลงทุนทำหน้าเว็บโปรโมต ให้กับเครื่อง LIV เหมือนเป็นเกมมิ่งพีซีที่มีขายบนเว็บอีกรุ่นหนึ่งด้วย
ที่มา - Kotaku |
# Zoom ถูกผู้ถือหุ้นฟ้อง ฐานปิดบังปัญหาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
ก่อนหน้านี้ Zoom ถูกผู้ใช้งานฟ้องร้อง ไปแล้วจากปัญหาความเป็นส่วนตัว ล่าสุดเป็นคิวของนักลงทุนที่ฟ้องบริษัทและผู้บริหารระดับสูงแบบกลุ่ม กล่าวหาว่า Zoom ปกปิดความจริงเกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัยและกระบวนการเข้ารหัส
Zoom มีผู้ใช้ก้าวกระโดดขึ้นอย่างมากจนถึงราว 200 ล้านคน นำมาซึ่งการค้นพบช่องโหว่และปัญหาต่าง ๆ ซึ่งซีอีโอ Eric Yuan ออกมาขอโทษและทุ่มกำลังในการแก้ปัญหานี้เป็นอันดับแรก และเบื้องต้นก็ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากหลายอุตสาหกรรมในการแก้ปัญหานี้แล้ว
กว่าที่ Zoom จะยกเครื่องความปลอดภัยและแก้ปัญหาทั้งก็ไม่รู้ว่าจะเสียจำนวนผู้ใช้หรือเสียหายไปมากกว่านี้แค่ไหน อย่างน้อย ๆ ตอนนี้หน่วยงานหลายแห่งอย่าง รัฐบาลไต้หวัน, รัฐนิวยอร์ก, SpaceX, NASA และ Google มีมาตรการสั่งห้ามใช้ Zoom ออกมาแล้ว
ที่มา - SCMP |
# Facebook มอบ Portal กว่า 2,000 ตัวให้สถานดูแลผู้ป่วยในอังกฤษ ไว้วิดีโอคอลคุยกับญาติ
Facebook ร่วมมือกับ NHS หรือระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ มอบ Portal อุปกรณ์วิดีโอคอล 2,050 ตัว เอาไปใช้ในโรงพยาบาล, สถานดูแลผู้ป่วยต่างๆ ให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถออกไปไหนได้ สามารถติดต่อกับเพื่อนและญาติได้ผ่านอุปกรณ์วิดีโอคอล โดยเฉพาะในช่วง lockdown ที่คนไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้
จนถึงตอนนี้มีการใช้งาน Portal 50 นำร่องในเมือง Surrey และจะเริ่มใช้ในลอนดอน, แมนเชสเตอร์, นิวคาสเซิล ซึ่งอุปกรณ์จะช่วยให้คนทำงานในโรงพยาบาล สถานพยาบาลได้ใช้งานจากระยะไกล การประสานงานกันระหว่างทีมอื่นๆ เป็นต้น และมีแผนจะใช้งานทั่วอังกฤษ ซึ่งจากข้อมูลของ Competition and Markets Authority พบว่ามีสถานพยาบาลในสหราชอาณาจักรจำนวน 11,300 แห่ง และมีผู้อยู่อาศัยประมาณ 410,000 คน
ที่มา - Engadget, Wired |
# Wing ของ Alphabet มียอดขนส่งสินค้าด้วยโดรนเพิ่มขึ้นหลังวิกฤติ COVID-19
Wing บริษัทที่พัฒนาและให้บริการโดรนภายใต้ Alphabet ทดสอบให้บริการเชิงพาณิชย์ในรัฐเวอร์จิเนียตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ล่าสุดจากวิกฤติ COVID-19 ที่ทำให้คนต้องอยู่แต่บ้าน ทำให้ยอดการส่งของด้วยโดรนของ Wing เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่า
Jonathan Bass โฆษกของ Wing เปิดเผยว่ายอดการส่งของด้วยโดรนเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในเมือง Christianburg ของรัฐเวอร์จิเนีย โดยนอกจาก FedEx และ Walgreen ที่เคยประกาศเป็นพาร์ทเนอร์ไปแล้วยังมีการใช้โดรนขนส่งเบเกอรี่และกาแฟจากร้านคอฟฟี่ช็อปด้วย อย่างร้านคาเฟ่ร้านหนึ่งสามารถขายขนมผ่านโดรน Wing ได้มากกว่าช่วงเวลาปกติที่ยังไม่มีไวรัสระบาดถึง 50%
Bass บอกว่าแม้โดรนจะบรรทุกได้ไม่เยอะในแต่ละครั้ง แต่ก็สามารถรับส่งของได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาที
ที่มา - Bloomberg |
# Disney+ ทำยอดผู้ใช้งานเกิน 50 ล้านรายแล้ว หลังเปิดตัวในยุโรปและอินเดีย
Disney+ ประกาศความสำเร็จหลังเปิดตัวในอินเดีย และ 8 ประเทศในยุโรปคือ สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, สเปน, ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ มาได้ 3 สัปดาห์ พบว่ามียอดผู้ใช้งานเกิน 50 ล้านรายแล้ว
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Disney+ ประกาศว่าในไตรมาสแรกของปี ได้ยอดผู้ใช้งานมา 26.5 ล้านราย และในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ มียอดผู้ใช้งาน 28.6 ล้านราย เท่ากับว่าการเปิดตัวในตลาดใหม่ช่วยดันยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม Disney+ ได้ทำโปรโมชั่นร่วมกับ Verizon ช่วยให้ดันยอดผู้ใช้ได้มาก และในอินเดียก็ได้ขายเป็นแพ็กเกจพ่วงกับบริการสตรีมมิ่ง Hotstar ที่ดิสนีย์เป็นเจ้าของอยู่แล้ว
ที่มา - The Streamable |
# Windows 10 เพิ่มไอคอนเพนกวินใน File Explorer เปิดไฟล์จากลินุกซ์ได้แล้ว
ไมโครซอฟท์ออก Windows 10 Insider Preview Build 19603 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ แสดงไฟล์จากลินุกซ์ใน File Explorer
ฟีเจอร์นี้เป็นผลพวงมาจาก Windows Subsystem for Linux (WSL) หากเครื่องนั้นเปิดใช้ WSL อยู่ จะเห็นไอคอนรูปเพนกวินโผล่ขึ้นมาใน File Explorer เมื่อเปิดเข้าไปแล้วจะเห็นดิสโทรลินุกซ์ที่เราติดตั้งไว้ (เช่น Debian, Ubuntu) และเข้าไปเจอกับ root file system ที่คุ้นเคย (เช่น /bin /boot /etc)
ที่มา - Microsoft |
# กูเกิลสั่งห้ามพนักงานใช้ Zoom เฉพาะเดสก์ท็อป แนะนำให้ใช้ผ่านมือถือ-เบราว์เซอร์แทน
กูเกิลเป็นหน่วยงานล่าสุดที่มาสั่งห้ามไม่ให้พนักงานติดตั้ง Zoom ในคอมพิวเตอร์ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
โฆษกของกูเกิลยืนยันข่าวนี้กับ BuzzFeed โดยอ้างนโยบายของบริษัท ที่ห้ามใช้แอพที่ไม่ได้รับอนุญาตกับงานที่อยู่นอกระบบเครือข่ายของบริษัท ล่าสุดทีมความปลอดภัยพบการใช้งาน Zoom Desktop Client ที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของบริษัท จึงออกคำสั่งห้ามใช้งาน
กูเกิลยังบอกว่าอนุญาตให้พนักงานใช้ Zoom คุยกับเพื่อนฝูง-ครอบครัวได้ แต่ต้องใช้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์หรือแอพบนมือถือเท่านั้น
ก่อนหน้านี้มีหน่วยงานหลายแห่งที่ประกาศห้ามใช้ Zoom เช่น รัฐบาลไต้หวัน, รัฐนิวยอร์ก, SpaceX และ NASA
กูเกิลมีผลิตภัณฑ์ที่ชนกับ Zoom ตรงๆ คือ Google Meet (ชื่อใหม่ของ Hangouts Meet) ที่เพิ่งออกมาชูประเด็นเรื่องความปลอดภัยที่เหนือกว่า
ที่มา - BuzzFeed |
# macOS 10.15.4 ออกอัพเดตเสริม แก้บั๊ก FaceTime หาเครื่องรุ่นเก่าไม่ได้
แอปเปิลออกอัพเดตเสริมของ macOS 10.15.4 ซึ่งออกมาหลังแอปเปิลออก macOS 10.15.4 เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน Mac App Store
อัพเดตนี้ออกมาแก้ปัญหาที่มีรายงานก่อนหน้านี้ ว่า macOS 10.15.4 ไม่สามารถ FaceTime หาอุปกรณ์ที่รัน macOS รุ่นตั้งแต่ OS X El Capitan 10.11.6 หรือเก่ากว่า รวมทั้ง iOS รุ่นเก่าได้ ซึ่ง iOS 13.4.1 ได้ออกอัพเดตเพื่อแก้ไขไปแล้วเมื่อวาน
ในอัพเดตนี้แอปเปิลยังระบุว่าได้แก้ไขปัญหาอื่นด้วย ได้แก่ การถามรหัสผ่านซ้ำหลายครั้งสำหรับผู้ใช้ Office 365, แก้ปัญหา MacBook Air รุ่นปี 2020 ค้าง เมื่อเข้าหน้า Setup Assistant หรือต่อสาย-ถอดสาย กับจอ 4K และ 5K และแก้ปัญหาที่พอร์ต USB-C อาจไม่ตอบสนอง
แอปเปิลยังออกอัพเดต watchOS 6.2.1 แก้ปัญหา FaceTime เช่นเดียวกัน
ที่มา: MacRumors [2] |
# กูเกิลเปิดหนังสือ Building Secure and Reliable Systems ให้อ่านฟรีทั้ง PDF และ ebook
กูเกิลเปิดตัวหนังสือ Building Secure and Reliable Systems หนังสือเล่มที่สามในชุด Site Reliability Engineering (SRE) โดยพิเศษกว่าเล่มอื่นคือ เล่มนี้ให้อ่านฟรีทั้ง PDF, mobi, และ epub ส่วนเล่มอื่นอ่านบนเว็บได้ฟรีเท่านั้น
คำนำหนังสือระบุว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์การออกแบบระบบที่ขยายตัวได้ (scalable) และเชื่อถือได้ (reliable) โดยที่ยังปลอดภัยเต็มที่ เนื้อหาครอบคลุมกลยุทธ์การออกแบบระบบ, คำแนะนำในการพัฒนา/ทดสอบ/ดีบั๊ก, กลยุทธ์ในการรับมือเหตุต่างๆ, และแนวทางวัฒนธรรมในองค์กรเพื่อการทำงานร่วมกัน
หนังสือหนา 500 หน้า ผมสแกนดูเนื้อหาคร่าวๆ ไม่ได้อิงกับเทคโนโลยีใดเป็นการเฉพาะ แต่เล่าประสบการณ์การรับมือภัยรูปแบต่างๆ
ที่มา - Google SRE |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.