txt
stringlengths
202
53.1k
# Bitwarden เปิดให้ล็อกอินเว็บโดยไม่ใช้รหัสผ่าน บริการจัดการรหัสผ่าน Bitwarden เพิ่มฟีเจอร์ "Log in with device" สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลรหัสผ่านได้โดยไม่ต้องใส่รหัสผ่านหลักอีก แต่อาศัยการกดยืนยันจากแอปในโทรศัพท์มือถือ บริษัทยืนยันว่ากระบวนการนี้ยังคงปลอดภัย และบริษัทไม่มีกุญแจถอดรหัสฐานข้อมูลอยู่กับบริษัทเอง กระบวนการส่งกุญแจปลดล็อกฐานข้อมูลเป็นการส่งแบบ end-to-end จากโทรศัพท์มือถือไปยังเบราว์เซอร์โดยตรง ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่ากุญแจจากเบราว์เซอร์นั้นค่า fingerprint (เป็นคำภาษาอังกฤษ 5 คำ) ตรงกับที่แสดงในโทรศัพท์มือถือ และการปลดล็อกฐานข้อมูลรูปแบบนี้จะใช้ได้กับเบราว์เซอร์ที่เคยล็อกอินแบบปกติมาก่อนแล้วเท่านั้น รวมถึงที่ตัวแอปต้องเปิดฟีเจอร์ Approve login request เอง ตัวแอป Bitwarden เองรองรับการปลดล็อกโดยไม่ต้องใส่รหัสผ่านมาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อใช้ร่วมกับฟีเจอร์ล็อกอินเว็บไปด้วยในตัวก็นับว่าแทบไม่ต้องจำรหัสผ่านอีกเลย (ยกเว้นการล็อกอินครั้งแรกในแต่ละเครื่อง) ที่มา - Bitwarden
# OnePlus จับมือ Keychron ซุ่มพัฒนาคีย์บอร์ดแมคคานิคอลที่ปรับแต่งได้อิสระ OnePlus จับมือกับทาง Keychron แบรนด์คีย์บอร์ดชื่อดังพัฒนาคีย์บอร์ดใหม่ในแบรนด์ OnePlus โดยคีย์บอร์ดเป็นแมคคานิคอลที่จะสามารถปรับแต่งได้เต็มรูปแบบตามความต้องการของผู้ใช้งาน ปัจจุบันยังไม่มีรายละเอียดของตัวคีย์บอร์ดมากนัก โดยมีการเผยข้อมูลบางส่วนในชุมชนของ OnePlus ว่าจะเน้นเรื่องความทนทานที่มาพร้อมกับสัมผัสที่นุ่มนวล, ออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานในส่วนใหญ่, เน้นย้ำจุดยืนที่สามารถปรับแต่งคีย์บอร์ดได้อย่างเต็มที่เช่นตัวสวิตซ์ และคีย์แคป และใช้เทคโนโลยีของทาง Keychron ในการพัฒนาตีย์บอร์ด ในรายละเอียดต่างๆ จะทยอยเปิดเผยให้ทราบเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 15 ธันวาคม 2565 บนเว็บของทาง OnePlus ครับ ที่มา - XDA และ OnePlus ชุดเริ่มต้นของสวิตซ์ และคีย์แคปประเภทต่างๆ ที่ใช้ในการทดสอบกับ
# ไมโครซอฟท์เทียบโซนี่เป็นร้านเช่าวิดีโอ Blockbuster กำลังเจอ Netflix จากดีลซื้อ Activision Brad Smith รองประธานบอร์ดและประธานบริษัทของไมโครซอฟท์ (president ตำแหน่งรองจาก CEO) เขียนบทความลง Wall Street Journal ชี้แจงเรื่องดีล Activision Blizzard ที่กำลังโดนหน่วยงานภาครัฐทั่วโลกเข้ามาสอบสวนในประเด็นว่าผูกขาดหรือไม่ Smith บอกว่าตอนนี้ Xbox ถือเป็นผู้เล่นเบอร์สามในตลาดคอนโซล ตามหลัง PlayStation และ Nintendo Switch แถมยังไม่มีตัวตนในตลาดเกมมือถือ ซึ่งมีแอปเปิลและกูเกิลคอยหักส่วนแบ่งอยู่ตลอด การซื้อ Activision Blizzard จะช่วยให้ไมโครซอฟท์แข่งขันได้มากขึ้น ทั้งเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่ใช้มือถือสเปกต่ำ สามารถเล่นเกมแบบสตรีมผ่านคลาวด์ได้แทนการดาวน์โหลดเกม โมเดลสมาชิกแบบ Game Pass ยังให้นักพัฒนามีโอกาสเข้าถึงฐานลูกค้ากว้างขึ้น ด้วยยุทธศาสตร์นี้ ไมโครซอฟท์จำเป็นต้องมีเกมจำนวนเยอะพอในการดึงดูดลูกค้ามาจ่ายรายเดือน ซึ่ง Smith ยอมรับว่าปัจจุบันยังมีไม่พอ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องซื้อ Activision Blizzard ที่มีเกมดังๆ อย่าง Candy Crush, World of Warcraft, Call of Duty จากนั้น Smith อัดโซนี่โดยบอกว่าเป็นผู้คัดค้านดีลที่เสียงดังที่สุด (Sony has emerged as the loudest objector) โดยท่าทีของโซนี่ต่อดีลนี้เหมือนกับร้านเช่าวิดีโอรายใหญ่ Blockbuster กำลังเห็น Netflix เริ่มรุ่งเรืองขึ้นมา ภาพโดย Stu pendousmat จาก Wikipedia Smith บอกว่าโซนี่พยายามชูประเด็นเรื่อง Call of Duty จะไม่ลง PlayStation ซึ่งเขาบอกว่ามันไม่เมคเซนส์เลยในเชิงธุรกิจ เพราะรายได้ของ Call of Duty มีสัดส่วนจาก PlayStation อยู่เยอะ แถมธรรมชาติของการเล่น cross-play ข้ามแพลตฟอร์ม หากไมโครซอฟท์ตัดสินใจไม่เอา Call of Duty ลง PlayStation ก็จะไปกระทบกับฐานผู้เล่นของ Xbox อีกด้วย Smith ย้ำว่าไมโครซอฟท์เสนอดีล Call of Duty บน PlayStation ระยะเวลานาน 10 ปีให้โซนี่แล้ว และยินดีเสนอดีลแบบเดียวกันให้แพลตฟอร์มอื่นด้วย เขายกตัวอย่างตอนที่ไมโครซอฟท์ซื้อ LinkedIn ว่าสัญญาให้คู่แข่งเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญๆ ได้ ซึ่งไมโครซอฟท์ก็รักษาคำพูดมาโดยตลอด ที่มา - Wall Street Journal
# Biz Stone ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter วิจารณ์ Elon Musk บอกพวกเราไม่ได้สร้าง Twitter มาทำอะไรแบบนี้ Biz Stone ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter อีกราย (ปัจจุบันทำบริษัท Medium) โพสต์ข้อความวิจารณ์ Elon Musk ว่า "gross" ในประเด็นเรื่อง Elon Musk นำข้อมูลภายในของ Twitter ยุคก่อนที่เขาซื้อกิจการ มาเปิดเผยต่อสาธารณะในชื่อว่า Twitter Files Twitter Files เป็นเอกสารภายในของ Twitter ที่โต้เถียงกันเรื่องการกำกับดูแลเนื้อหาโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเมืองสหรัฐ โดย Elon Musk ส่งให้กับ Matt Taibbi นักข่าวอิสระมาเผยแพร่ต่อ Stone ยังโพสต์ข้อความวิจารณ์ว่า Musk ไม่ใช่คนจริงจัง เขาทำสิ่งนี้เพื่อความสนุก แต่กลับส่งผลกระทบอย่างหนักต่อคนอื่นๆ และบอกว่า Twitter เป็นบริการที่มีคนใช้ทั่วโลก เรื่องการเมืองสหรัฐเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งที่อาจเล็กกว่า K-pop ซะอีก เขายังพูดเรื่องการที่ Elon Musk ตั้งโพลถามว่าควรปลดแบน Donald Trump หรือไม่ และอ้างความเห็นของมหาชนว่าอยากให้ปลด โดย Stone บอกว่าคนโหวตคือคนทั้งโลก ไม่ใช่แค่คนอเมริกัน มีคนรัสเซียมาโหวตเท่าไรก็ไม่มีใครบอก และบอกว่าพวกเราไม่ได้สร้าง Twitter มาเพื่อให้เขา (Chief หมายถึง Elon) ทำอะไรแบบนี้ ภาพถ่าย Biz Stone ร่วมกับ Jack Dorsey จาก @biz ที่มา - Business Insider
# พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบาย NFT เพื่อการเกษตร, Blockchain ของไทย, CBDC แก้คอร์รัปชัน พรรคเพื่อไทย นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แถลงนโยบายหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 โดยมีส่วนที่เกี่ยวกับนโยบายด้านดิจิทัล-เทคโนโลยีดังนี้ ใช้ NFT มาช่วยในการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า สร้าง Blockchain ของประเทศไทยเอง เพื่อใช้ซื้อขายสินค้าเกษตร และสินค้าที่เกิดจากนโยบาย softpower ของพรรค ผลักดันการใช้เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency หรือ CBDC) เพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ผลักดันนโยบายรัฐบาลดิจิทัลเพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบงบประมาณได้ การแถลงนโยบายรอบนี้ยังไม่มีการลงรายละเอียดของแต่ละนโยบายแต่ละข้อมากนัก ยังเป็นการเปิดตัวว่ามีนโยบายอะไรบ้างเท่านั้น คลิปฉบับเต็ม (ช่วงแถลงนโยบายเริ่มประมาณนาทีที่ 40)
# คุณยายวัย 77 ปี ฟ้องร้องตำรวจรัฐโคโลราโด เหตุค้นบ้านผิดเพราะตามจาก Find My Ruby Johnson หญิงวัย 77 ปีเข้าฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโดว่าตำรวจได้เข้าค้นบ้านของเธอโดยผิดกฎหมายรวมทั้งกักขังอย่างผิดกฎหมายด้วย หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหาว่ารถบรรทุกที่ถูกขโมยไปอยู่ในบ้านของเธอเพราะตามพิกัดจาก iPhone ที่อยู่บนรถด้วยแอป Find My เหตุเกิดจากมีรถบรรทุกที่ถูกขโมยมา โดยภายในรถมีปืน 6 กระบอกและ iPhone อีก 1 เครื่อง ผู้ที่ถูกขโมยรถบรรทุกจึงได้ติดตามพิกัดรถด้วย Find My และได้คิดว่ารถบรรทุกน่าจะจอดอยู่ในโรงรถของบ้าน Johnson จึงได้แจ้งตำรวจทำให้ตำรวจสายที่ชื่อว่า Gary Staab ใช้หน้า Find My เพื่อยื่นขอหมายค้นและสั่งให้หน่วยอาวุธและยุทธิวิธีพิเศษหรือ SWAT เข้าค้นบ้านของ Johnson พร้อมทั้งได้กักตัวเธอไว้ในรถตำรวจหลายชั่วโมงซึ่งส่งผลกระทบด้านจิตใจกับเธออย่างมากจนได้ยื่นฟ้องร้อง Gary Staab ไม่รู้ว่าแอปพลิคชัน Find My ทำงานอย่างไรจึงไม่รู้ว่าหากขึ้นรัศมีสีฟ้าไม่ได้แปลว่า iPhone อยู่ในจุดนั้น แต่แปลว่า iPhone อาจจะอยู่แถว ๆ นั้นตามที่รัศมีสีฟ้าสิ้นสุด การขอหมายค้นจึงถือว่าไม่สมบูรณ์และไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะได้รับการอนุมัติอย่างเร่งรีบและมาจากหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือพอ คดีนี้ได้กลายเป็นกรณีตัวอย่างของปัญหาการขอหมายค้นและบุกค้นบ้านโดยใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง จนทำให้สถานีตำรวจเมืองเดนเวอร์เตรียมที่จะเทรนเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ช่วยอัยการเขตในการขอหมายค้นจากการใช้แอปพลิเคชันระบุพิกัดโทรศัพท์ รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆ ด้วย ที่มา: Ars Technica
# พี่ไปได้ตอนไหน Cyberpunk 2077 เตรียมออก Game of the Year Edition ปีหน้า CD Projekt เปิดเผยในการประชุมผู้ถือหุ้นว่าเตรียมจะออก Cyberpunk 2077 Game of the Year Edition ในปีหน้า หลังจากออกภาคเสริม Phantom Liberty Game of the Year Edition หรืออีกชื่อที่ควรจะใช้คือ Complete Edition ก็คือตัวเกมที่จำหน่ายพร้อมกับส่วนเสริมหรือ DLC ทั้งหมด โดย Adam Kiciński ประธานสตูดิโอ CD Projekt RED ระบุว่ารูปแบบนี้เป็นการดำเนินรอยตาม The Witcher 3 ที่วางขาย Game of the Year Edition หลัง DLC 2 ภาค วางจำหน่ายครบสมบูรณ์ (แต่อันนั้น The Witcher 3 ได้ Game of the Year นะ) ที่มา - IGN
# Meta ขู่ลบข่าวออกจาก Facebook ถ้าสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายฉบับใหม่ที่ต้องเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ให้สำนักข่าว Meta ขู่จะลบข่าวทุกอย่างออกจาก Facebook หลังจากที่มีข่าวว่าฝ่ายนิติบัญญัติกำลังพิจารณาเพิ่มกฎหมาย Journalism Competition and Preservation Act (JCPA) ลงในร่างกฎหมายด้านความมั่นคงที่จะต้องผ่านร่างประจำปี กฎหมาย JCPA มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมข่าวโดยกำหนดยกเว้นให้สำนักข่าวสามารถต่อรองรายได้กับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook หรือ Google เพื่อรับส่วนแบ่งโฆษณาที่มากขึ้นจากการลงข่าวบนแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ในระยะเวลา 4 ปีภายใต้กฎหมายต่อต้านการผูดขาดของสหรัฐฯ ที่มุ่งใช้กับบริษัทเทคโนโลยี ทางฝั่ง Facebook ได้ประกาศว่าการให้สำนักข่าวได้รับส่วนแบ่งโฆษณามากขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม เพราะสำนักข่าวก็ได้ประโยชน์จาก Facebook ทำให้มีคนเข้ามาอ่านข่าวและสมัครสมาชิกเพิ่มอยู่แล้ว และยังไม่ยุติธรรมต่อครีเอเตอร์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่สำนักข่าวด้วย กลุ่มต่าง ๆ รวมถึงสหภาพเสรีพลเมืองอเมริกันได้ส่งจดหมายไปยังผู้นำในรัฐสภาเพื่อต่อต้านการผ่านกฎหมาย JCPA โดยกล่าวว่าจะทำให้ปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดและบิดเบือนมีมากขึ้นเพราะสำนักข่าวสามารถฟ้องร้องบริษัทโซเชียลมีเดียได้และอาจข่มขู่ไม่ให้มีการคัดกรองข่าวที่ผิดได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมองว่าร่างกฎหมายให้ประโยชน์กับสำนักข่าวใหญ่มากกว่าสำนักข่าวท้องถิ่นหรือสำนักข่าวขนาดเล็ก เป็นไปได้ว่า Meta จะทำตามที่ขู่ไว้เพราะเคยมีกรณีที่ Facebook ปิดกั้นคนออสเตรเลียจากการเห็นและแชร์ข่าวมาแล้ว หลังจากที่ออสเตรเลียประกาศใช้กฎหมาย News Media Bargaining Code ที่มีลักษณะเดียวกันกับ JCPA ที่มา: Reuters และ CNN
# ก้าวต่อไปของ SCB 10X กับการปั้นยูนิคอร์นไทย และเป้าหมายเบอร์ 1 CVC กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์เป็นหนึ่งในธนาคารแรกๆ ในไทยที่มีการปรับตัวเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่สิ่งใหม่ๆ สำหรับด้านอุตสาหกรรมการเงินและการธนาคาร ตั้งแต่นวัตกรรม เทคโนโลยี ไปจนถึงวัฒนธรรมองค์กร โดยการตั้ง SCB 10X ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว ซึ่งทาง SCB 10X เองก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงโครงสร้างองค์กรและเป้าหมาย จากจุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงหน่วยงานย่อยภายใน SCB เป้าหมายเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ก่อนจะกลายมาเป็นบริษัทแยกของตัวเองในปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายเพื่อลงทุนและสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ ๆ ภายใต้แนวคิด Moonshot Mission หรือการคิดและทำ มองเห็นความต้องการของตลาดก่อนคนอื่น SCB 10X ในปัจจุบัน ปัจจุบัน SCB 10X มี SCBX ถือหุ้น 100% ซึ่งคุณ ไพลิน วิชากูล ตำแหน่ง Chief Operating Officer, Head of Strategic Planning, and Partner – Venture Capital บอกว่าฐานะของ SCB 10X เป็นเหมือน Venture Capital และ Innovation Arm ให้กับ กลุ่ม SCBX คุณไพลิน วิชากูล ตำแหน่ง Chief Operating Officer, Head of Strategic Planning, and Partner – Venture Capital ภารกิจใหญ่ของ SCB 10X คือสร้างขีดความสามารถใหม่ทางด้านเทคโนโลยี ผ่านการสร้างและพัฒนานวัตกรรมเพื่อ Spin-Off ไปเป็นสตาร์ทอัพ (Venture Builder) และการลงทุนในสตาร์ทอัพชั้นนำด้านเทคโนโลยี (Venture Capital) ที่สามารถสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งเป็นความพยายามคิดใหม่ทำใหม่ และกล้ารับความเสี่ยง เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและอยู่รอดอย่างยั่งยืน และภารกิจทั้งหมดทั้งมวลนี้ถูกเรียกรวมๆ ว่าเป็น Moonshot Mission อันที่จริงเป้าหมายหรือภารกิจของ SCB 10X ก็แทบไม่ต่างจากเดิมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงคือ Area of Focus ที่ถูกปรับให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ SCB 10X เน้นไปที่ 4 Ecosystems ได้แก่ FinTech, Blockchain-Based Financial Services, Digital Work & Lifestyle Digital Health & Wellness และ และ Deep Tech ปัจจุบัน ได้กลายมาเป็น Blockchain และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น Digital Asset, Web 3.0 ไปจนถึง Metaverse ส่วน Deep Tech ยังคงอยู่เหมือนเดิม ขณะที่ Vision หรือวิสัยทัศน์ ของ SCB 10X ยังคง 3 ข้อเหมือนเดิมคือ สร้างสตาร์ทอัพไทย ระดับยูนิคอร์นให้เกิดขึ้น เป็น VC ชั้นนำในระดับประเทศและภูมิภาค Southeast Asia เป็น Employer of Choice หรือบริษัทที่ Digital Talent ต้องการทำงานด้วย รู้จักทีม Venture Builder (VB) หน้าที่ของทีม Venture Builder นอกจากการสร้างสตาร์ทอัพไทยระดับยูนิคอร์นให้เกิดขึ้นให้ได้แล้ว ยังมีหน้าที่สร้าง Disruptive Technology ใหม่ๆ ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคด้วย คุณอรรณวุฒิ ลีไพศาลสุวรรณา ตำแหน่ง Head of Venture Builder เล่าเพิ่มว่าเทคโนโลยีปัจจุบันที่ทีม VB ให้ความสนใจคือ Blockchain, DeFi, NFT, Metaverse, E-Commerce, Healthtech และ Deep Tech ที่จะเข้ามา Disrupt ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ โดยทีม Venture Builder มีการวาง 4 กลยุทธหลักๆ คุณอรรณวุฒิ ลีไพศาลสุวรรณา, Co-Head of Venture Builder การกำหนดแนวทางและขอบเขตของอุตสาหกรรมที่จะสร้างโปรดักส์ เช่น Blockchain และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางหรือ Digital Talent Hub ระดับโลก รวบรวมคนเก่งๆ จากหลายแขนง ไม่ว่าจะฝั่งธุรกิจ ฝั่งเทคโนโลยี ฝั่งมาร์เก็ตติ้งหรือแม้แต่ดีไซเนอร์ เพื่อให้ได้มาร่วมสร้างนวัตกรรมร่วมกัน โดยจะมีกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพหลายอย่างเพื่อให้เกิดการสร้างและทำงานวมกัน เช่น จัด Hackathon หรือ BlockCamp เป็นต้น สร้างเน็ตเวิร์ค เพราะไอเดียที่ดีและธุรกิจที่ดีอาจไม่เพียงพอต่อการเติบโตและขยายธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงบริษัทใน Port กับเครือข่ายบริษัทเทคโนโลยี หรือนักลงทุนระดับโลก หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจะช่วยพัฒนาความสามารถของ สตาร์ทอัพรวมถึงช่วยหาลูกค้าหรือผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว สร้างแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งในการสร้างธุรกิจของสตาร์ทอัพโดย VB ทำหน้าที่บ่มเพาะ สนับสนุน และส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการโดยการสนับสนุนแบบ End-to-End ตั้งแต่ Ideation จนไปถึงสปินออฟไปเป็นบริษัท ที่ผ่านมา VB เรามีบริษัทที่เราได้ไปลงทุนร่วมสร้าง เช่น T-Pop application แอพฯที่สามารถเชื่อมโลกของศิลปินไทยและแฟนคลับจากทั่วโลกไว้ในที่เดียว , SkinX แอปพลิเคชันสำหรับการพบหมอผิวหนังออนไลน์ที่ได้รวบรวมเหล่าทีมแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำมาให้คำปรึกษาปัญหาด้านผิวหนังออนไลน์ แบบ End-to-End , GoDungFaiFaa (โกดังไฟฟ้า) ตลาดออนไลน์ที่รวบรวมอุปกรณ์โซล่าเซลครบวงจร และ Ape Board แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลกที่รวบรวมและแสดงพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนบุคคล ซึ่งปัจจุบันได้ถูกซื้อไปโดยบริษัท Nansen แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลบนระบบบล็อกเชนชั้นนำของโลก นอกจากนี้ทีม VB ยังเข้าไปศึกษาในพื้นที่ใหม่ๆ เช่น Blockchain ด้วยการเข้าไปเป็น Node Validator ใน Chain ต่างๆ รวมถึงมี Blockchain Lab เพื่อศึกษาและพัฒนานวัตกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับ Blockchain ส่วนในด้าน Metaverse ก็มีการสร้าง HQ ของ SCB 10X ในโลก Metaverse เพื่อทำความเข้าใจในโลกเสมือนและต่อยอดในการศึกษาและพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse และ NFT ที่จะมีบทบาทต่อหลากหลายธุรกิจในอนาคต และล่าสุด SCB 10X ก็มีการเปิดพื้นที่ที่เรียกว่า DISTRICTX เป็น Collaborative Space ด้าน Blockchain และ Web 3 โดยมีการแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ Exponential Hub ที่เป็นพื้นที่ที่ SCB 10X ลงทุน สามารถมาใช้เป็นออฟฟิศ อีกส่วนคือ Hacker House หรือเป็น Incubation Program สำหรับคนที่มีไอเดียด้านธุรกิจหรือนักพัฒนาด้าน Blockchain และ Web 3 ให้สามารถมาทำงานร่วมกัน หาไอเดีย สร้างทีม รับ mentorship โดยมีการสนับสนุนให้ครบวงจร ทั้งสถานที่, facility และ resource ต่างๆ เช่นพาร์ทเนอร์ บริษัทที่ไปร่วมลงทุนหรือภายในทีม VB เอง เพื่อที่จะสร้างธุรกิจและสปินออฟออกไป รู้จักทีม Venture Capital (VC) หน้าที่ของทีม Venture Capital ก็ตามชื่อคือลงทุนในด้านธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพจะดิสรัปของเก่า โดยพุ่งเป้าไปที่เทคโนโลยีอย่าง Blockchain, Digital Assets & Defi, Fintech และ Deep Tech โดยกลยุทธในการลงทุนมีทั้งในแง่ strategic return และ financial return ที่ผ่านมา SCB 10X ลงทุนทั้งบริษัทด้านเทคโนโลยีโดยตรง รวมถึงกองทุนและสตาร์ทอัพทั่วโลก โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นนักลงทุนชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมาทีม VC ก้ได้รับรางวัลและการยอมรับมากมายทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคและระดับโลก อย่างในปี 2021 SCB 10X ได้รับการจัดอันดับจาก CB Insights เป็นอันดับที่ 2 ของ CVC ทั่วโลกที่ลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน Fintech และอันดับ 8 ของ CVC ทั้งหมดในทุกหมวดหมู่ คุณวรวรรณ หวังพนิตกุล, Principal, Venture Capital ​​ คุณวรวรรณ หวังพนิตกุล ตำแหน่ง Principal, Venture Capital บอกว่า แนวทางของ SCB 10X นอกจากลงทุนแล้ว ยังมีการช่วยซัพพอร์ทสตาร์ทอัพที่เข้าไปลงทุนด้วย เช่นการขยายเครือข่ายและสร้างเน็ตเวิร์คกับกลุ่มเป้าหมายของสตาร์ทอัพ ทั้งในไทยและอาเซียน รวมถึงมีการให้ความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องที่ทาง SCB 10X ไปลงทุน เช่นการจัดงานออนไลน์อีเวนท์ REDeFiNE TOMORROW ที่มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าระดับโลกในวงการ DeFi และ Web 3 มาให้ความรู้เกี่ยวกับโลกการเงินยุคใหม่และเทคโนโลยีแห่งอนาคตด้วย วัฒนธรรมการทำงาน ความโดดเด่นของ SCB 10X คือการเป็นลูกผสมระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทใหญ่ ทำให้มีบรรยากาศการทำงานเหมือนสตาร์อัพ แต่มีความมั่นคง ในแง่ของความพร้อมเชิงบุคคลากรที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ด้านการลงทุน พัฒนานวัตกรรม และเงินลงทุน มีรูปแบบการทำงานที่คล่องตัว สนุกสนาน สร้างสรรค์ และมีสวัสดิการการดูแลพนักงานเหมือนกับองค์กรขนาดใหญ่ ที่สำคัญคือ SCB 10X ให้ความสำคัญกับ “คน” เป็นอันดับแรก เพราะเชื่อว่าคนคือฟันเฟืองสำคัญที่สุดในการทำภารกิจให้สำเร็จ บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการของวางรากฐานที่คน และมองว่าคนของ SCB 10X จะต้องมี Mindset มี Attitude ที่ก้าวไปข้างหน้า กล้าทำในสิ่งใหม่ๆ กล้าล้มเหลว อยากร่วมสร้างธุรกิจมีความฝันและพร้อมก้าวเดินไปด้วยกัน สำหรับคนของ SCB 10X จะเรียกตัวเองว่า “10Xers” มี core value อยู่ด้วยกัน 5 ข้อ ที่เรียกกันว่า B-O-O-S-T มาจาก Boldness, Ownership, Open, Speed, Trust for Impact ซึ่งบริษัทเชื่อว่า 5 ข้อนี้เป็นสิ่งที่ช่วยกำหนดและตีกรอบการทำงานของเราให้ไปถึงภารกิจที่ตั้งใจไว้ได้ ออฟฟิศของ SCB 10X ก็เดินทางง่าย อยู่ที่อาคาร FYI Center สถานี MRT ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หากใครเห็นภาพรวมแล้วสนใจอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ดูตำแหน่งที่เปิดรับได้ที่ Blognone Jobs
# Stack Overflow แบนคำตอบจาก OpenAI ChatGPT บอกว่าตอบผิดมากกว่าตอบถูก ผู้ใช้สับสน Stack Overflow ประกาศนโยบายห้ามโพสต์คำตอบจากแชทบ็อต OpenAI ChatGPT ที่กำลังฮิตในช่วงนี้ โดยให้เหตุผลว่าค่าเฉลี่ยของคำตอบจาก ChatGPT ไม่ถูกต้องมากนัก (the average rate of getting correct answers from ChatGPT is too low) การนำคำตอบจาก ChatGPT มาแปะอาจเป็นโทษ (substantially harmful) และทำให้ผู้ใช้เว็บบอร์ดสับสนว่าคำตอบที่ถูกต้องคืออะไร Stack Overflow บอกว่าคำตอบจาก ChatGPT อาจดูน่าเชื่อถือ แต่จริงๆ แล้วมีอัตราผิดพลาดสูง แถมผู้ใช้บางคนอาจพยายามให้ ChatGPT ตอบคำถาม โดยที่ผู้ถามไม่มีความเชี่ยวชาญในหัวข้อนั้นๆ หรือไม่พยายามตรวจสอบว่าถูกต้องแค่ไหน ปริมาณการโพสต์คำตอบของ ChatGPT ยังทำให้ผู้ตรวจสอบคำตอบในกระทู้ทำงานยากขึ้น จึงต้องปิดกั้นไม่ให้นำคำตอบจาก ChatGPT มาโพสต์ชั่วคราว ที่มา - Stack Overflow
# Steam หลุดวันวางขายเกม Star Wars Jedi: Survivor วันที่ 15 มีนาคม 2023 EA โพสต์ภาพใหม่ของเกม Star Wars Jedi: Survivor ภาคต่อของ Jedi: Fallen Order โดยระบุว่าจะเผยข้อมูลเพิ่มเติมในงาน The Game Award 2022 วันที่ 8 ธันวาคมนี้ หน้าเว็บบน Steam ยังเผยข้อมูลของเกม Star Wars Jedi: Survivor ว่าจะวางขายวันที่ 15 มีนาคม 2023 ก่อนลบออกไปในภายหลัง Star Wars Jedi: Survivor เป็นเกมแอคชั่นในจักรวาล Star Wars ช่วงระหว่างภาค III และ IV โดยตัวเอก Cal Kestis เป็นเจไดฝึกหัดที่หนีรอดจากการตามล่าของจักรวรรดิได้ เกมภาคแรก Jedi: Fallen Order ออกขายในปี 2019 ประสบความสำเร็จทั้งแง่เสียงวิจารณ์ (คะแนนรีวิวเฉลี่ย 81/100) และยอดขายเกิน 10 ล้านชุด ผู้พัฒนาเกมนี้คือสตูดิโอ Respawn ในสังกัด EA ส่วนผู้กำกับคือ Stig Asmussen อดีตทีมสร้าง God of War และผู้กำกับ God of War III ที่มา - IGN
# [ลือ] สตรีมมิ่งจากการรวม HBO Max กับ Discovery+ จะใช้ชื่อใหม่สั้น ๆ ว่า "Max" ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า Warner Bros. Discovery บริษัทสื่อที่เกิดจากการควบรวมของ Warner Media และ Discover ประกาศว่าจะรวมบริการสตรีมมิ่ง 2 ตัวจากแต่ละฝั่งคือ HBO Max และ Discovery+ เข้าด้วยกัน แต่ยังไม่ได้ประกาศชื่อแพลตฟอร์มใหม่ รายงานจาก CNBC บอกว่าฝ่ายกฎหมายของบริษัทได้พิจารณาและเลือกชื่อบริการสตรีมมิ่งใหม่นี้ว่า Max แต่ยังไม่สรุปว่าจะเป็นชื่อนี้ในท้ายที่สุดหรือใหม่ โดยบริการใหม่นี้จะคล้ายกับ Disney+ ที่มีคอนเทนต์แต่ละค่ายแยกย่อยภายใน โดยในบริการตัวใหม่นี้จะมีทั้ง HBO, Discovery, DC Comics และ Warner Bros. ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าชื่อใหม่ดังกล่าวจะมีผลกับในไทยด้วยหรือไม่ ที่ปัจจุบันใช้ HBO Go ที่มา: CNBC
# กูเกิลอัพเดตฟีเจอร์ Pixel 7 รองรับ Clear Calling เสียงคุยโทรศัพท์ชัดขึ้น, VPN ฟรี กูเกิลออก Android 13 อัพเดตฟีเจอร์ประจำไตรมาส Quarterly Platform Releases (QPR1) ให้กับ Pixel 7 และ Pixel 7 Pro ดังนี้ รองรับฟีเจอร์ Clear Calling ให้เสียงคุยโทรศัพท์ที่ชัดเจนขึ้นด้วยพลังชิป Tensor G2 ฟีเจอร์นี้เปิดตัวพร้อม Pixel 7 แต่เพิ่งปล่อยให้ใช้งาน Google One VPN ให้ใช้ฟรีสำหรับผู้ใช้ Pixel 7 หน้า Security & Privacy Settings แบบใหม่ แสดงสถานะความปลอดภัยในภาพรวมว่าโอเคหรือยัง แอพอัดเสียง Pixel Recorder แยกแยะเสียงของคนพูดแต่ละคนได้อัตโนมัติ Pixel 6 และ 6 Pro ได้ฟีเจอร์ตรวจจับการกรนและการไอระหว่างนอน ส่วนนาฬิกา Pixel Watch ยังได้อัพเดตฟีเจอร์ Sleep Profile ของ Fitbit ช่วยตรวจสอบคุณภาพการนอน, เพิ่ม Sunrise/Sunset Tile แสดงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก ที่มา - Google
# Tesla รายงานตัวเลขการผลิตในจีน เดือนพฤศจิกายน ทำสถิติใหม่มากกว่า 1 แสนคัน รายงานตัวเลขการผลิตรถยนต์ในจีนของเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เปิดเผยว่า Tesla ส่งมอบรถยนต์ที่ผลิตในประเทศจำนวน 100,291 คัน ซึ่งเป็นสถิติใหม่สูงสุดที่มากกว่า 1 แสนคันในเดือนเดียว เพิ่มขึ้น 90% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายนปี 2021 และเพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตามมีรายงานเพิ่มเติมว่าปัจจัยที่ทำให้ความต้องการ Tesla เพิ่มสูง ส่วนหนึ่งมาจากการทำโปรโมชันลดราคาแบบ referral และแผนคืนเงินผ่านบริษัทประกันภัย ขณะที่คำสั่งซื้อตอนนี้มีจำนวนลดลง อย่างไรก็ตามตัวแทนของ Tesla ได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าว ด้านผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน BYD ก็รายงานตัวเลขในเดือนเดียวกันที่ 230,427 คัน ซึ่งเป็นสถิติใหม่สูงสุดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 แล้ว ที่มา: Electrek และ SCMP
# ไมโครซอฟท์จะขึ้นราคาเกม Xbox ของตัวเองเป็น 70 ดอลลาร์ เริ่มมีผลปี 2023 ไมโครซอฟท์แจ้งกับ IGN ว่าจะขึ้นราคาเกม Xbox ของตัวเอง (first party) จาก 60 ดอลลาร์เป็น 70 ดอลลาร์ มีผลในปี 2023 ตัวอย่างเกมในเครือไมโครซอฟท์ที่จะออกในปีหน้าได้แก่ Forza Motorsport, Redfall, Starfield โดยเหตุผลที่ต้องขึ้นราคาเป็นเพราะต้นทุนและความซับซ้อนในการผลิตเกมมากขึ้น แต่ไม่ได้ระบุว่าจะขึ้นราคาเกมเดียวกันที่เป็นเวอร์ชันพีซีด้วยหรือไม่ ทิศทางการขึ้นราคาเกมจาก 60 ดอลลาร์เป็น 70 ดอลลาร์เกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว โดยค่ายที่ขึ้นราคาไปแล้วได้แก่ Sony, Take Two, Activision, Square Enix ที่มา - IGN
# เผย Apple เตรียมหารือรัฐบาลอินเดีย เพื่อย้ายฐานการผลิต iPad มาเพิ่มเติม CNBC อ้างแหล่งข่าวสองรายที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลอินเดีย เผยว่าแอปเปิลได้ติดต่อหารือ เพื่อศึกษาแนวทางย้ายฐานการผลิต iPad มาที่อินเดีย แต่ยังไม่มีข้อสรุปตอนนี้ ปัจจุบันแอปเปิลมีการผลิต iPhone 14 ที่เป็นรุ่นปัจจุบันบางส่วนในอินเดีย จากก่อนหน้านี้โรงงานในอินเดียจะเน้นการผลิต iPhone รุ่นเก่าเป็นหลัก ข่าวการย้ายฐานการผลิต iPad จากจีนมาที่อินเดียเพิ่มเติม จึงสะท้อนการเร่งเพิ่มสายการผลิตที่นี่ให้มากขึ้น ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าแอปเปิลเร่งแผนย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ไปสู่ประเทศอื่น เช่น อินเดีย เวียดนาม อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ประเมินว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากข้อจำกัดทั้งซัพพลายเชน ทักษะแรงงาน ที่มา: CNBC
# Circle บริษัทที่ออกเหรียญ USDC ยกเลิกแผนนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นด้วยวิธี SPAC Circle บริษัทผู้ออกเหรียญ stablecoin USDC ซึ่งก่อนหน้านี้ประกาศแผนเตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น ประกาศยกเลิกแผนดังกล่าว ที่จะใช้วิธีควบรวมกิจการกับบริษัท SPAC ชื่อ Concord Acquisition Corp ซึ่งบอร์ดบริหารของทั้งสองบริษัทอนุมัติการยกเลิกดีลนี้แล้ว Circle มีแผนนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นตั้งแต่กลางปี 2021 ที่มูลค่ากิจการ 4.5 พันล้านดอลลาร์ ต่อมาเมื่อต้นปีได้เพิ่มมูลค่ากิจการอีกเท่าตัว หลังจากไม่สามารถนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้ตามแผน ซึ่งการประกาศยกเลิกแผนครั้งนี้ ซีอีโอ Jeremy Allaire ก็ระบุว่าบริษัทไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของ SEC ได้ครบถ้วนตามกรอบเวลา ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโต Allaire ยังพูดถึงสถานะการเงินบริษัท ว่าในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา บริษัทเริ่มมีกำไรแล้ว และคาดว่าสิ้นปีจะมีเงินสดในมือที่สามารถนำมาใช้ได้ไม่มีข้อจำกัดราว 400 ล้านดอลลาร์ ที่มา: Circle ผ่าน CoinDesk
# ซีอีโอ Slack ประกาศลาออกจากตำแหน่ง มีผลในเดือนมกราคมปีหน้า Stewart Butterfield ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Slack ได้แจ้งลาออกจากตำแหน่งกับพนักงาน โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า และได้ Lidiane Jones รองประธานฝ่าย Digital Experiences Clouds ของ Salesforce ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของ Slack มาเป็นซีอีโอคนใหม่ เนื่องจากประกาศการลาออกของเขาเกิดขึ้นไม่กี่วัน หลังจาก Bret Taylor ซีอีโอร่วมของ Salesforce ประกาศลาออก จึงอาจมองได้ว่าเป็นเรื่องต่อเนื่องกัน แต่ Butterfield ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน เขาวางแผนลาออกมาระยะหนึ่งแล้ว แค่จังหวะเวลาเกิดขึ้นพร้อมกันเท่านั้น ประวัติของ Stewart Butterfield นั้นเคยร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพและขายกิจการให้บริษัทใหญ่มาสองครั้ง โดยครั้งแรกคือ Flickr ที่ขายให้ Yahoo! เมื่อปี 2005 จากนั้นจึงมาก่อตั้ง Slack ในปี 2013 ซึ่งพัฒนาจากระบบแชตในทีม ช่วงที่กำลังทำเกมออนไลน์ Glitch ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่ง Slack ก็เติบโตมากและขายกิจการให้ Salesforce ในปี 2020 ที่มา: The Verge ภาพ Wikimedia
# AWS เปิดตัว Finch โปรแกรมรันคอนเทนเนอร์สำหรับ macOS AWS เปิดโครงการ Finch ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สสำหรับการรันคอนเทนเนอร์ ตลอดจนการ build และเผยแพร่อิมเมจ ตัวโปรแกรมสร้างโดยใช้ nerdctl, containerd, BuildKit ของ Docker, และ Lima สำหรับการสร้าง virtual machine ขึ้นมารัน เนื่องจาก Lima จำลองซีพียู Arm64 และ x86 ได้ในตัวทำให้ finch สามารถสร้างอิมเมจสำหรับทั้งสองสถาปัตยกรรมได้ไม่ว่าจะใช้เครื่องอะไรอยู่ ที่ผ่านมานักพัฒนาที่ต้องการพัฒนาแอปเป็นคอนเทนเนอร์บนแมคมักใช้โปรแกรม เช่น Docker Desktop หรือ Rancher Desktop การที่มี Finch ก็น่าจะเป็นตัวเลือกอีกตัว ทีมงาน Finch ระบุว่าจะขยายความสามารถต่อไป โดยใช้ทรัพยากรให้น้อยลง รองรับวินโดวส์และลินุกซ์ในอนาคต ตลอดจนรองรับส่วนขยายเพิ่มเติมต่อไป ที่มา - AWS
# OpenStack เผย มีการดีพลอยแล้วมากกว่า 40 ล้าน production cores เติบโต 60% เทียบกับปี 2021 OpenStack ออกรายงาน 2022 User Survey เผยว่าตอนนี้มีการใช้งาน OpenStack มากกว่า 40 ล้าน production cores เติบโตมากกว่า 60% เมื่อเทียบกับตัวเลขในปี 2021 และเพิ่มขึ้น 166% เมื่อเทียบกับปี 2020 รายละเอียดการดีพลอย พบว่ามากกว่าครึ่ง (56%) เป็นโครงการระดับ 100-10,000 คอร์ โดยมีโครงการขนาดใหญ่ระดับมากกว่า 1 ล้านคอร์ จากบริษัทใหญ่ อาทิ LINE, Workday, OVH ขณะที่บริษัทโทรคมนาคมจำนวนมากก็เลือกใช้ OpenStack เป็นโครงสร้างพื้นฐาน OpenStack ยังให้ข้อมูลว่ามีผู้ให้บริการพับลิกคลาวด์มากกว่า 300 ราย ที่ใช้ OpenStack ซึ่งพูดถึง NIPA Cloud ของประเทศไทยด้วย จุดเด่นที่ทำให้มีการใช้งาน OpenStack แพร่หลาย คือการรองรับ Kubernetes ที่สนับสนุนแนวทางไฮบริดคลาวด์ ซึ่งมีผู้ใช้งาน OpenStack กว่า 80% ที่ดีพลอยในโหมดไฮบริดคลาวด์ ที่มา: OpenStack
# Google ประกาศปิดบริการผู้ช่วย Duplex เวอร์ชันบนเว็บ กูเกิลอัพเดตข้อมูลในหน้าซัพพอร์ต ระบุว่าคุณสมบัติผู้ช่วย Duplex on the Web จะปิดตัวลงและยุติการสนับสนุนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022 Duplex เป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่กูเกิลเปิดตัวในปี 2018 โดยตอนแรกมาในรูปแบบผู้ช่วยจัดการงานทางโทรศัพท์ ซึ่งมีจุดเด่นคือการแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ให้ดูเหมือนคุยกับมนุษย์จริง ๆ ในปี 2019 กูเกิลขยายการทำงานของ Duplex มารองรับการทำงานบนเว็บไซต์ สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android เน้นไปที่งานจองตั๋วหนังหรือจองรถเช่า ช่วยลดขั้นตอนเช่นการกรอกข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลบัตรเครดิต โดยอาศัยค่าจดจำใน Chrome กูเกิลไม่ได้ให้เหตุผลที่ปิดตัวบริการ Duplex บนเว็บ แต่พอคาดเดาได้จากรูปแบบการทำงาน ที่ผู้ดูแลเว็บนั้น ๆ ต้องเปิดการใช้งาน ให้ตัวดำเนินการหรือ agent ของกูเกิล เข้าไปเรียนรู้รูปแบบของเว็บไซต์ และดึงข้อมูลมาเพื่อจดจำค่าและตำแหน่งในการกรอกข้อมูล ซึ่งอาจส่งผลต่อโหลดและประสิทธิภาพของเว็บไซต์นั้น ๆ ซึ่งเป็นผลเสียต่อทั้งสองฝ่ายนั่นเอง ที่มา: TechCrunch
# Foxconn ประเมิน โรงงานเจิ้งโจวจะกลับมาผลิต iPhone ที่ระดับปกติ เร็วสุดปลายเดือนธันวาคม Reuters อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง เผยว่า Foxconn โรงงานประกอบ iPhone รายหลักให้กับแอปเปิล คาดว่าสายการผลิตจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็วที่สุด ปลายเดือนธันวาคม ไม่เกินต้นเดือนมกราคม หลังจากเกิดปัญหาการประท้วงในโรงงานที่เมืองเจิ้งโจวเมื่อสัปดาห์ก่อน นักวิเคราะห์ประเมินว่า Foxconn ปัจจุบันรับงานประกอบ iPhone คิดเป็น 70% ของ iPhone ทั้งหมดที่แอปเปิลวางแผนขาย และมีโรงงานเจิ้งโจวเป็นฐานการผลิตหลักของ iPhone 14 Pro ซึ่งเป็นรุ่นราคาแพงที่ทำยอดขายหลักให้แอปเปิล แหล่งข่าวบอกว่า Foxconn เร่งรับพนักงานใหม่เข้ามาต่อเนื่อง โดยได้ความร่วมมือจากหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งหากกระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามแผน ภายใน 3-4 สัปดาห์ ก็จะสามารถกลับมาเดินสายการผลิตได้ต่อในระดับปกติ อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงที่การรับพนักงานเพิ่มเติมจะไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากยังมีความกลัวต่อการระบาดของโควิด 19 และสถานการณ์ประท้วงภายในโรงงาน ที่มา: Reuters
# Epic เปิดตัว Fortnite Chapter 4 เกมแรกที่ใช้ Unreal Engine 5.1 Epic Games เปิดตัว Fortnite Battle Royale อัพเดตเนื้อหา Chapter 4 เพิ่มตัวละครใหม่ๆ จากเกมซีรีส์อื่น เช่น Geralt จาก The Witcher และ Doom Slayer จาก Doom ของใหม่ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Fortnite Chapter 4 เป็นเกมแรกที่ใช้ Unreal Engine 5.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดของ Epic ด้วย โดยรองรับทั้งบนพีซี, PS5, Xbox Series X|S และคลาวด์เกมมิ่ง UE 5.1 มีของใหม่ที่อัพเดตเพิ่มเติมจาก UE5 หลายอย่าง ฟีเจอร์ที่น่าสนใจได้แก่ Nanite เอนจินโพลีกอนขนาดเล็กความละเอียดสูง สำหรับสร้างสภาพแวดล้อมเหมือนจริง เพิ่มฟีเจอร์ Programmable Rasterizer สร้างแอนิเมชันอิงกับชนิดของวัตถุได้ เช่น ใบไม้จากต้นไม้ปลิวตามลม Pipeline State Object (PSO) รองรับการแคชบนเกมที่เป็น DirectX 12 World Partition รองรับการทำ Large World Coordinates สำหรับเกมที่มีโลกในเกมขนาดใหญ่ HLOD (Hierarchical Level of Detail) รองรับการเรนเดอร์น้ำและกระแสน้ำไหล Fortnite Chapter 4 ยังใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ของ UE5 เช่น ระบบแสงแบบเรียลไทม์ Lumen, ระบบเงา Virtual Shadow Maps และการขยายความละเอียดภาพ Temporal Super Resolution (TSR) การที่ Epic นำเกม Fortnite ที่มีฐานผู้เล่นจำนวนมหาศาล มาเป็นตัวอย่างการใช้งานเอนจิน UE ของตัวเองให้นักพัฒนารายอื่นๆ เห็น ย่อมช่วยกระตุ้นการใช้งาน UE ในเกมอื่นๆ อีกจำนวนมาก ซึ่ง Epic ก็โฆษณาว่าครึ่งหนึ่งของเกม next-gen ที่ประกาศว่ากำลังพัฒนาอยู่ตอนนี้ ล่วนแต่ใช้เอนจิน UE5 ทั้งนั้น ตัวอย่างภาพ Fortnite ที่เป็น UE 5.1 ที่มา - Epic Games, Epic Games (UE 5.1)
# เผย เฮดเซต AR/VR ของ Apple เลื่อนกำหนดวางขายเป็นครึ่งหลังปีหน้า เนื่องจากปัญหาซอฟต์แวร์ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ที่ให้ข้อมูลสินค้าใหม่แอปเปิลมาโดยตลอด เผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเฮดเซต AR/VR ว่าตามข่าวลือก่อนหน้าที่บอกว่าแอปเปิลจะเปิดตัวต้นปีหน้า ตอนนี้อาจเลื่อนออกไปจนถึงครึ่งหลังของปีหน้า 2023 Kuo บอกว่าสาเหตุที่แอปเปิลเลื่อนกำหนดเปิดตัวมาจากปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติม กรณีดีที่สุด แอปเปิลก็อาจเลือกประกาศสินค้าตัวนี้ตอนต้นปี แต่จะเริ่มผลิตและส่งมอบในครึ่งหลังของปี จากข้อมูลที่ Kuo มี แอปเปิลวางตำแหน่งสินค้าเฮดเซต AR/VR นี้ เป็นรุ่นที่ราคาแพง จับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ และน่าจะขายได้ไม่ถึง 5 แสนชิ้นในปีแรกที่วางขาย ที่มา: MacRumors ภาพแว่น VR ทั่วไป จาก Pixabay
# ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ Android ทำกุญแจเข้ารหัสหลุด แฮ็กเกอร์อาจใช้ sign มัลแวร์ให้น่าเชื่อถือได้ ทีมความปลอดภัยของ Android แจ้งเตือนว่ามีกุญแจเข้ารหัสของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM หลายรายหลุดออกสู่สาธารณะ ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถใช้กุญแจเหล่านี้ sign แอพประสงค์ร้ายให้ดูน่าเชื่อถือได้ เว็บไซต์ Ars Technica ลองตรวจสอบรายชื่อกุญแจที่หลุดออกมา พบว่าเป็นของ Samsung, LG, MediaTek รวมถึงผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายย่อยๆ เช่น Revoview, Szroco กุญแจของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM เหล่านี้ แตกต่างจากกุญแจของนักพัฒนาแอพทั่วไป เพราะแอพที่ sign ด้วยกุญแจของ OEM จะถูกนำไปรวมใน system image ของระบบ มีสิทธิเข้าถึงระบบมากกว่าแอพที่ติดตั้งผ่าน Play Store ซึ่งแปลว่าแฮ็กเกอร์สามารถสร้างแอพประสงค์ที่เข้าถึงสิทธิต่างๆ ระบบได้มากขึ้น ทีมความปลอดภัยของกูเกิลแนะนำให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM เปลี่ยนชุดกุญแจเหล่านี้ (key rotation) และตรวจสอบว่ากุญแจหลุดไปได้อย่างไร ภาพจาก Pexels ที่มา - Chromium Issue Tracker, Ars Technica
# GeForce 1650 กลายเป็นจีพียูยอดนิยมบน Steam แซงหน้า GeForce 1060 ได้สำเร็จ วงการจีพียูมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ GeForce GTX 1060 แชมป์การ์ดจอยอดนิยมตลอดกาลจากสถิติของ Steam ถูกโค่นเรียบร้อย โดยแชมป์รายใหม่คือ GeForce GTX 1650 ที่มีส่วนแบ่งผู้ใช้งานเพิ่มเป็น 6.27% แซงหน้า 1060 ที่มีส่วนแบ่งลดลงเหลือ 5.77% ตลาดจีพียูยอดนิยมใน Steam เป็นของจีพียูรุ่นล่างของค่าย NVIDIA มาโดยตลอด นอกเหนือจาก 1650 และ 1060 แล้ว อันดับถัดๆ มาคือ 2060, 3060 Laptop, 1050 Ti, 3060, 1660 Ti ตามลำดับ (คือเป็นกลุ่มลงท้ายด้วย 50 หรือ 60 ทั้งสิ้น) เหตุผลก็เข้าใจง่ายๆ เพราะราคาเข้าถึงได้สำหรับมหาชนนั่นเอง GeForce GTX 1060 ถือเป็นจีพียูในสถาปัตยกรรม Pascal (GeForce 10 Series) เริ่มวางขายในปี 2016 นับถึงตอนนี้มีอายุได้ 6 ปีแล้ว ส่วน GeForce GTX 1650 เริ่มขายในปี 2019 ใช้สถาปัตยกรรม Turing ตัวเดียวกับ GeForce 20 Series แต่ตัดฟีเจอร์กลุ่ม RTX ออกไป ที่มา - Steam Hardware Survey via PCGamer
# Rackspace ผู้ให้บริการคลาวด์แพตช์ Exchange ไม่ทันจนโดนแฮก แนะนำให้ลูกค้าย้ายไป Microsoft 365 Rackspace ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ถูกแฮกเซิร์ฟเวอร์ Microsoft Exchange ที่นำมาให้บริการ Hosted Exchange จนระบบล่มยาวนานนับวัน และบริษัทต้องปิดระบบทิ้งเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม โดยตอนนี้บริษัทให้ทางเลือกลูกค้าด้วยการย้ายไปใช้งาน Microsoft Exchange Plan 1 จนกว่าจะกู้ระบบสำเร็จ Kevin Beaumont ผู้เขียนจดหมายข่าวด้านความปลอดภัยรายงานถึงการแฮกครั้งนี้ ว่าเวอร์ชั่นของเซิร์ฟเวอร์ Exchange ที่ Rackspace ใช้งานนั้นเป็นเวอร์ชั่นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ยังมีช่องโหว่ ProxyNotShell (CVE-2022–41040, CVE-2022–41082) ที่มีการโจมตีมาแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน และแพตช์เต็มรูปแบบออกมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ช่องโหว่นี้เปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดในเซิร์ฟเวอร์ได้ กระบวนการอัพเดต Exchange โดยยังแน่ใจว่าเซิร์ฟเวอร์ทำงานได้ต่อเนื่องนั้นเป็นงานที่ซับซ้อน และเซิร์ฟเวอร์เปิดรับข้อมูลจากภายนอกตลอดเวลา เหตุการณ์ครั้งนี้ก็อาจจะแสดงให้เห็นว่าองค์กรที่ดูแลเซิร์ฟเวอร์เองต้องรีบติดตั้งแพตช์ให้ทัน ไม่เช่นนั้นก็จะถูกโจมตีหนักๆ เช่นนี้ ที่มา - Rackspace
# [ลือ] Zero-COVID เร่งแอปเปิลย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ไปสู่อินเดียและเวียดนาม Wall Street Journal รายงานว่าแอปเปิลกำลังเริ่มย้ายซัพพลายเชนบางส่วนออกจากประเทศจีนให้เร็วขึ้นจากเดิม โดยจะย้ายไปอินเดียและเวียดนาม รวมถึงลดการพึ่งพาการจ้างโรงงานของ Foxconn ลงจากเดิม เหตุผลเป็นเพราะนโยบาย zero-COVID ของรัฐบาลจีน ส่งผลกระทบต่อการผลิต iPhone เข้าเต็มๆ จากกรณีคนงานในโรงงาน Foxconn ประท้วงใหญ่ ก่อนหน้านี้แอปเปิลพยายามกระจายความเสี่ยงจากฐานการผลิตในจีนอยู่แล้วจากเรื่องสงครามการค้าจีน-สหรัฐ แต่พอมีการประท้วง zero-COVID ทำให้แอปเปิลต้องเร่งย้ายฐานให้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ไม่ง่ายเพราะจีนมีจุดแข็งเรื่องเครือข่ายซัพพลายเออร์และวิศวกรการผลิต ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ไม่มีความพร้อมเท่า ตามข่าวบอกว่าแอปเปิลตั้งเป้าผลิต iPhone จากอินเดียให้ได้ราว 40-45% ของจำนวนเครื่องทั้งหมด ตัวเลขในปัจจุบันคือต่ำกว่า 10% ส่วนเวียดนามจะเป็นฐานผลิตสินค้าอื่นๆ เช่น Mac และ Apple Watch ที่มา - Wall Street Journal, Apple Insider
# Elon Musk บอกแอปเปิลกลับมาลงโฆษณา Twitter แล้ว เป็นผู้ซื้อโฆษณารายใหญ่ที่สุดด้วย Elon Musk ออกรายการสัมภาษณ์ใน Twitter Spaces เปิดเผยว่าแอปเปิลกลับมาลงโฆษณาใน Twitter เหมือนเดิมแล้ว และยังบอกว่าแอปเปิลถือเป็นผู้ซื้อโฆษณารายใหญ่ที่สุดของ Twitter ด้วย เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน Elon โวยวายแอปเปิลหยุดลงโฆษณากับ Twitter และขู่ถอดแอพออกจากสโตร์ หลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาบินไปหา Tim Cook ที่สำนักงานใหญ่ของแอปเปิล และเคลียร์กันเรื่องการถอดแอพจากสโตร์เรียบร้อย การที่ Musk ประกาศว่าแอปเปิลกลับมาลงโฆษณาแล้ว ถือเป็นการเคลียร์ประเด็นที่สองเช่นกัน ตอนนี้เหลืออีก 1 ประเด็นคือ Musk ไม่ต้องการจ่ายส่วนแบ่ง 30% ให้แอปเปิล ซึ่งไม่รู้ว่ามีข้อสรุปอย่างไร ที่มา - Bloomberg
# Scalper เองก็ลำบาก กักตุน GeForce 4080 แล้วขายไม่ได้ ขอคืนเงินกับร้านก็ไม่ได้อีก กลุ่มนักกวาดซื้อการ์ดจอมาขายต่อ หรือที่เรียกกันว่า scalper กำลังเจอปัญหาว่าซื้อการ์ด GeForce RTX 4080 มากักตุนแล้วขายต่อไม่ออก จนต้องยอมขายต่อในราคาที่ผู้ผลิตแนะนำ (MSRP) เพื่อระบายสินค้าออกและหาทุนคืน scalper รายหนึ่งได้โพสต์ขายสินค้าใน Facebook Marketplace บอกว่าซื้อการ์ดจอมา 6 ตัว แต่ตลาดไม่เป็นไปอย่างที่คิด จึงมาโพสต์ขายในราคาปกติ (MSRP) ไม่ได้โก่งราคาเพิ่มขึ้น เมื่อ scalper ขายของต่อไม่ออก ทางออกหนึ่งคือการขอคืนเงิน (refund) จากร้านค้าปลีกออนไลน์ต่างๆ เช่น Newegg ทำให้ร้านค้าปลีกเหล่านี้ก็เริ่มปรับนโยบายการขอคืนเงินสำหรับการ์ดจอบางรุ่น เช่น RTX 4080 แล้ว แต่การขอเปลี่ยนสินค้าเป็นตัวใหม่ (replacement) ยังสามารถทำได้อยู่ เหตุผลที่ scalper ขายการ์ดจอไม่ออก น่าจะเป็นเพราะตลาดเองก็มีความต้องการซื้อการ์ดจอน้อยลง, ผู้ผลิตการ์ดจอมีสต๊อกสินค้าเพิ่มขึ้น และรอบการออกการ์ดจอรุ่นใหม่ๆ ทั้งฝั่ง NVIDIA และ AMD ในช่วงนี้พอดี ที่มา - Reddit, Videocardz
# AWS เปิดตัวออกแบบ Application Composer มองเห็นภาพรวมแอปพร้อมปรับแต่งได้ AWS เปิดตัวบริการ AWS Application Composer ตัวช่วยออกแบบแอปพลิเคชั่นแบบ severless ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถออกแบบแอปพลิเคชั่นโดยรวมได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยมองเห็นภาพรวมว่าแอปพลิเคชั่นมีกระบวนการทำงานอย่างไร เริ่มต้นจากไหนและจบที่ตรงไหนบ้าง หลังจากออกแบบแล้ว ผู้ใช้จะได้ไฟล์ CloudFormation ออกมา ทำให้เห็นภาพเดียวกันทั้งผู้ใช้และวิศวกรคลาวด์ว่ากระบวนการทำงานจะเป็นแบบใด นอกจากนี้ผู้ใช้ยังโหลดไฟล์ CloudFormation ที่อยู่เดิมมาสร้างแผนภาพใน Application Composer ได้อีกด้วย ตอนนี้ Application Compose ยังอยู่ในระดับทดลองและเปิดให้ใช้งานเฉพาะบางศูนย์ข้อมูล ได้แก่ สหรัฐฯ​, ยุโรป, ญี่ปุ่น และการใช้งานไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่มา - AWS
# AWS เปิดบริการ CodeCatalyst พัฒนาซอฟต์แวร์ครบกระบวนการในชุดเดียว AWS เปิดบริการ CodeCatalyst บริการพัฒนาซอฟต์แวร์บนคลาวด์ที่เตรียมทั้งเครื่องสำหรับพัฒนา, IDE บนคลาวด์, บริการ CI/CD, ระบบจัดเก็บซอร์สโค้ด, และระบบจัดการบั๊ก (issue tracker) เข้าไว้ด้วยกัน เซิร์ฟเวอร์สำหรับพัฒนาจะถูกกำหนดสเปคด้วย devfile ทำให้นักพัฒนาที่เปิดพื้นที่พัฒนา (Dev Environment) ขึ้นมาใช้งานก็สามารถเริ่มพัฒนาได้ทันที ส่วนตัว IDE ใช้ AWS Cloud9 หรือจะใช้งานจาก IDE อื่นๆ ที่ AWS ซัพพอร์ตก็ได้เช่นกัน เช่น VS Code นั้นทาง AWS สามารถเชื่อมต่อกับ CodeCatalyst ผ่านทาง AWS Toolkit for VS Code บริการ CodeCatalyst คิดค่าบริการ 4 ดอลลาร์ต่อคนต่อเดือน และมี Free Tier ให้ใช้งานฟรี 2,000 นาทีต่อเดือน ด้วยเครื่องขนาดเล็ก 2 vCPU/ RAM 4GB พร้อมสตอเรจ 10GB และสตอเรจสำหรับ Dev Environment อีก 64GB โดยผู้ใช้เสียเงินจะสามารถเลือกเครื่องขนาดใหญ่และซื้อสตอเรจเพิ่มได้ ที่มา - AWS
# ClamAV โปรแกรมป้องกันไวรัสแบบโอเพนซอร์สออกเวอร์ชั่น 1.0 หลังพัฒนามา 20 ปี ClamAV โครงการพัฒนาโปรแกรมป้องกันไวรัสแบบโอเพนซอร์ส เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2002 ก่อนที่ผู้พัฒนาจะขายสิทธิ์ขาดในซอร์สโค้ดให้ Sourcefire และสุดท้ายไปรวมกับซิสโก้เมื่อปี 2013 ล่าสุดทางโครงการก็ประกาศออกเวอร์ชั่น 1.0 เป็นเวอร์ชั่นซัพพอร์ตระยะยาวตัวที่สอง หลังจากปล่อยเวอร์ชั่น 0.103 เป็น LTS ตัวแรกเมื่อปีที่แล้ว เวอร์ชั่นนี้มีความเปลี่ยนแปลงคือการถอดรหัสไฟล์ XLS ที่เข้ารหัสด้วยรหัสผ่านตั้งต้นได้, ปรับปรุงตัวตรวจจับแบบ all-match ให้ดูแลรักษาในระยะยาวได้ง่ายขึ้น และ ABI เปลี่ยนไปจาก 0.103 ทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อไฟล์ .so ในลินุกซ์เสียใหม่ให้เลขเวอร์ชั่นเปลี่ยนไป การแก้ไขอื่นๆ เช่น แยกโครงการสำหรับอิมเมจ Docker ออกไปจากโครงการหลัก แก้ไขบั๊กจำนวนมากโดยเฉพาะที่ได้คำเตือนจากโครงการ OSS-Fuzz ของกูเกิล ที่มา - ClamAV
# ผู้กำกับ Elden Ring บอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเกมประสบความสำเร็จ Hidetaka Miyazaki ประธานของ FromSoftware และผู้กำกับเกม Elden Ring ให้สัมภาษณ์ระหว่างไปรับรางวัล PlayStation Partner Awards โดยได้รับคำถามว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ Elden Ring ประสบความสำเร็จอย่างสูง คำตอบของเขาคือไม่รู้เหมือนกัน ยอดขายเกม Elden Ring สูงกว่าเกมก่อนๆ ของ FromSoftware จริง แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุผลคืออะไร และตอบแบบติดตลกว่า หากเขาเองอยากประสบความสำเร็จแบบเดียวกันซ้ำอีก เขาก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน Miyazaki ยังบอกว่าจะตั้งใจทำเกมต่อไปเหมือนเดิม โดยไม่นำความสำเร็จของ Elden Ring มาเป็นปัจจัยในการทำเกมถัดไป และไม่อยากวิเคราะห์เหตุผลว่าทำไม Elden Ring ประสบความสำเร็จมากจนเกินไป เพราะกลัวจะติดกรอบและพยายามทำแบบเดียวกันกับเกมถัดไป ที่มา - IGN
# ตกลงยังไง Twitter ปลดแบนบัญชีแกนนำนีโอนาซี แม้เพิ่งแบน Kanye West โพสต์โลโก้นาซี Elon Musk เพิ่งแบนแร็ปเปอร์ Kanye West ที่โพสต์สัญลักษณ์นาซีไปหมาดๆ แต่ในอีกด้าน Twitter ก็ปลดแบน Andrew Anglin นักเคลื่อนไหวด้านนีโอนาซีชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ถูกแบนจากแพลตฟอร์มมานานตั้งแต่ปี 2015 Andrew Anglin มีชื่อเสียงจากการเปิดเว็บ The Daily Stormer ที่เชิดชูแนวคิดคนขาวเป็นใหญ่ (white supremacist) และตั้งชื่อตามหนังสือพิมพ์ในยุคนาซี ซึ่งทำให้เขาโดนแบนจากโซเชียลหลายๆ แพลตฟอร์ม รวมถึงเว็บไซต์ถูกแบนจากโฮสติ้งต่างๆ ด้วย การปลดแบน Anglin เกิดขึ้นหลัง Elon Musk ตั้งโพลถามผู้ใช้ (ไม่รู้มีบ็อตไหม) ว่าอยากให้ "นิรโทษกรรม" ปลดแบนบัญชีเก่าๆ หรือไม่ ซึ่งเสียงโหวตก็สนับสนุนให้ปลดแบน ตอนที่เข้ามาคุม Twitter ใหม่ๆ นั้น Elon เคยประกาศว่าจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเนื้อหา ลักษณะเดียวกับ Facebook Oversight Board เพื่อมากลั่นกรองเรื่องการแบน-ไม่แบน แต่ดูเหมือนว่าเขาลืมเรื่องนี้ไปแล้ว และหันมาใช้วิธีทำโพลหาเสียงสนับสนุนแทน ที่มา - TechCrunch
# Discord ขยายระบบ Server Subscription สำหรับครีเอเตอร์ทุกคนในอเมริกาแล้ว เมื่อปีที่แล้ว Discord ทดสอบระบบ Membership ให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์สามารถเก็บค่าเข้าร่วมได้ โดย Discord หักส่วนแบ่ง 10% แต่ยังทดสอบในวงจำกัด ล่าสุด Discord ประกาศขยายรองรับรูปแบบสมาชิกนี้ให้กับครีเอเตอร์มากขึ้น โดยรูปแบบดังกล่าวที่เรียกว่า Server Subscription จะขยายไปยังครีเอเตอร์ในอเมริกาทุกคน โดยเจ้าของเซิร์ฟเวอร์สามารถเรียกเก็บค่าสมาชิกได้ตั้งแต่ 2.99 ดอลลาร์ ไปจนถึง 199.99 ดอลลาร์ต่อเดือน นอกจากนี้ครีเอเตอร์ยังสามารถกำหนดเทียร์ของสมาชิก โดยให้สิทธิที่แตกต่างกันในแต่ละราคาได้อีกด้วย ที่มา: Discord
# DeepMind เผยแพร่โมเดลใหม่ DeepNash ที่คำนวณการเล่นเกมแบบรวม Nash Equilibrium เข้ามาด้วย DeepMind เผยแพร่งานวิจัยใหม่ เป็นตัวดำเนินการ AI เรียกชื่อว่า DeepNash สำหรับการเล่นเกมที่ทำงานผสมผสานระหว่าง Model-Free Deep Reinforcement Learning ร่วมกับวิธีการ Nash Equilibrium ของ Game Theory รูปแบบดังกล่าวเหมาะสำหรับเกมที่ผู้เล่นจะไม่มีข้อมูลในมือครบทั้งหมด (Imperfect Information) ต้องอาศัยการเดาอีกฝ่ายว่ามีเบี้ยหรือถือตัวเลขใดอยู่ และมีโอกาสตัดสินใจทางไหนได้บ้าง ต่างจากหมากกระดานที่ต่างฝ่ายต่างเห็นทุกอย่างเหมือนกันหมด จึงมีความซับซ้อนในการคิดหาทางเลือกมากขึ้น โมเดล DeepNash ถูกสาธิตกับการเล่นบอร์ดเกม Stratego เกมหมากกระดานที่สองฝ่ายจะไม่เห็นเบี้ยของอีกฝ่าย และมีโอกาสเจอกับระเบิดที่ซ่อนอยู่ได้ เท่ากับเกมนี้มีทั้งโอกาสเกิดเหตุการณ์ที่เกินคาดหมาย ไปจนถึงอาจถูกอีกฝ่ายปั่นให้เชื่อไปอีกทางได้ด้วย ผลการทดสอบโมเดลนี้ DeepNash สามารถเอาชนะคู่แข่งในแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ที่ระดับ 84% ที่มา: DeepMind ตัวอย่างเกม
# Microsoft Edge มีส่วนแบ่งตลาดเบราว์เซอร์บนเดสก์ท็อปเกิน 11% แล้ว ข้อมูลล่าสุดจาก StatCounter ระบุว่า Microsoft Edge มีส่วนแบ่งตลาดเบราว์เซอร์บนเดสก์ท็อปที่ 11.17% แล้ว ข้ามเส้น 11% ได้เป็นครั้งแรก เพิ่มจาก 9.65% เมื่อเดือนมีนาคม 2022 อันดับหนึ่งยังเป็น Chrome แบบทิ้งขาดที่ 66.18%, อันดับสามคือ Safari 9.59%, อันดับสี่ Firefox 7.1%, อันดับห้า Opera 3.29% ส่วนตลาดเบราว์เซอร์บนมือถือ Chrome นำห่างที่ 66.23% (และส่วนแบ่งตลาดยังเพิ่มขึ้น!), Safari 24.14%, Samsung Internet 4.54% ที่มา - Neowin
# iFixit แกะ iPad 10th Gen แล้ว ยืนยันเป็น iPad Air 4 ปรับสเป็ก iFixit ได้แกะ iPad 10th Gen ซึ่งเป็น iPad รุ่น entry level ตัวแรกที่แสดงผลแบบเต็มหน้าจอ ย้าย Touch ID ไปไว้ที่ปุ่มด้านข้าง โดย iFixit สรุปภาพรวมว่า iPad 10th Gen ก็คือ iPad Air 4 ที่วางขายปี 2020 มีสเป็กที่ใกล้เคียงกันทุกอย่าง ต่างเพียงกล้องหน้าที่เพิ่มจาก 7MP เป็น 12MP และย้ายตำแหน่งเพื่อรองรับ Center Stage ในแนวนอน ประเด็นสำคัญของ iPad 10th Gen คือการต้องใช้งานร่วมกับ Apple Pencil 1 แต่ตัวเครื่องเป็นพอร์ต USB-C แล้ว จึงต้องใช้อะแดปเตอร์แปลงในการชาร์จ ขณะที่ iPad Air 4 รองรับ Apple Pencil 2 ที่ชาร์จไร้สายได้ ซึ่งจากการแกะของ iFixit ก็พบคำตอบ ว่าเพราะกล้องย้ายตำแหน่งมาแนวนอน ซึ่งเดิมเป็นตำแหน่งคอยล์ชาร์จไร้สาย iPad รุ่นนี้เลยทำงานกับ Apple Pencil 2 ไม่ได้นั่นเอง ที่มา: iFixit
# กูเกิลเริ่มรองรับการส่งข้อความ RCS แบบเข้ารหัส End-to-End ใน Google Messages กูเกิลเริ่มเปิดฟีเจอร์เข้ารหัสการส่งข้อความ RCS แบบ end-to-end ในแอพ Google Messages โดยชูว่าเป็นจุดขายเหนือ SMS ที่ไม่มีการเข้ารหัสและอาจถูกดักอ่านได้กลางทาง ฟีเจอร์การเข้ารหัสข้อความ RCS รองรับทั้งการแชทแบบ 1:1 และแชทกลุ่ม แต่ยังปล่อยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ open beta และจะเปิดใช้งานทั่วไปในระยะถัดไป การแชทผ่าน Google Messages ยังรองรับ emoji reaction เหมือนกับแอพแชทรุ่นใหม่ๆ ในท้องตลาด และสุดท้ายในประกาศของกูเกิลก็ยังบอกว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและผู้ให้บริการเครือข่ายนั้นรองรับ RCS กันหมดแล้ว เหลือแค่แอปเปิลเท่านั้นที่ยังปฏิเสธ ที่มา - Google
# Android TV 13 ออกตัวจริง เน้นการปรับปรุงที่ระดับแพลตฟอร์มและ API กูเกิลออก Android 13 for TV รุ่นเสถียร ของใหม่เป็นการปรับปรุงที่ระดับแพลตฟอร์มและ API ต่างๆ (ส่วนฟีเจอร์ฝั่งผู้ใช้จะไปอยู่ใน Google TV ที่เป็นอินเทอร์เฟซครอบ OS) ปรับปรุง AudioManager API ให้นักพัฒนาแอพรู้ active audio device ล่วงหน้า และเลือกฟอร์แมตของมีเดียที่เหมาะสมให้ก่อนเริ่มเล่นไฟล์ ผู้ใช้เลือกปรับค่าดีฟอลต์ของความละเอียดภาพและอัตรารีเฟรชได้ (เฉพาะบนอุปกรณ์ HDMI source device ที่รองรับ) MediaSession รู้ค่าการเปลี่ยนสถานะของ HDMI ทำให้อุปกรณ์เชื่อมต่อทีวีสามารถสั่งเข้าโหมดประหยัดพลังงาน หรือหยุดเล่นไฟล์ตามสถานะ HDMI ได้ InputDevice API รองรับคีย์บอร์ดหลายเลย์เอาต์แล้ว การเล่นเกมบน Android TV จะรองรับคีย์บอร์ดหลายเลย์เอาต์มากขึ้น AccessibilityManager เพิ่ม audio descriptions API สามารถดึงคำบรรยายเสียงได้ที่ระดับ OS เลย ตอนนี้ Android 13 for TV ยังมีเฉพาะอิมเมจของกล่องฮาร์ดแวร์สำหรับนักพัฒนา ADT-3 และอีมูเลเตอร์ เพื่อให้นักพัฒนาทดสอบแอพกันก่อน ส่วนการอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆ เป็น Android 13 ก็ต้องรอผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ทีวีเช่นเคย ที่มา - Android Developers Blog
# OpenAI เปิดตัวแชทบ็อต ChatGPT คุยโต้ตอบได้เหมือนมนุษย์ ยอมรับได้ว่าตอบผิดหรือไม่รู้ OpenAI เปิดให้ทดลองคุยกับแชทบ็อต ChatGPT ที่ใช้เอนจิน GPT เวอร์ชัน 3.5 ที่ปรับปรุงเพิ่มขึ้นจาก GPT-3 ที่เปิดตัวในปี 2021 ความสามารถของ ChatGPT เน้นไปที่การสนทนาโต้ตอบ ตอบคำถาม และสามารถยอมรับความผิดพลาดในสิ่งที่ตัวเองสุนทนาได้ ตัวอย่างที่ OpenAI นำมาโชว์คือการใช้ ChatGPT ช่วยหาบั๊กในโค้ดโปรแกรมตัวอย่าง Mira Murati ซีทีโอของ OpenAI บอกว่าจุดเด่นของ ChatGPT ที่ต่างจากโมเดลสนทนาโต้ตอบตัวอื่นๆ คือการยอมรับได้ว่าไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือตอบผิดพลาดไป ไม่ได้พยายามตอบทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับโมเดลรุ่นก่อนหน้า เบื้องหลังการทำงานของ ChatGPT เป็นการเทรนด้วยวิธี Reinforcement Learning from Human Feedback (RLHF) โดยในช่วงแรกให้มนุษย์ที่ผ่านการอบรมเป็นผู้สอน AI ให้สนทนา (supervised training) จากนั้นนำบทสนทนาที่ได้มาจัดลำดับคุณภาพแล้วให้รางวัล เพื่อสร้างเป็น rewarding model แยกอีกชุด แล้วนำ rewarding model ไปปรับแต่งโมเดลหลักด้วยเทคนิค Proximal Policy Optimization (PPO) อีกทีหนึ่ง กระบวนการเทรนทั้งหมดทำอยู่บนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Microsoft Azure ที่ร่วมลงทุนใน OpenAI อยู่ก่อนแล้ว ทีมงาน OpenAI ยังยอมรับว่า ChatGPT มีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น อาจสร้างคำตอบที่ฟังดูน่าเชื่อถือ แต่จริงๆ แล้วไม่ถูกต้อง เพราะในกระบวนการเทรนก็มีข้อจำกัดว่าข้อมูลไหนบ้างที่ถูกต้อง, คำตอบมักยาวเกินควร เพราะมี bias ตอนเทรนว่ามนุษย์ที่เป็นฝ่ายเทรนมักชอบคำตอบยาวๆ มากกว่า เป็นต้น บริษัทอื่นๆ ที่ทำด้าน AI ต่างมีโมเดลสนทนาแบบเดียวกันนี้หลายตัว เช่น Sparrow ของ DeepMind และ Galactica ของ Meta OpenAI ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาโมเดลตัวใหม่คือ GPT-4 ซึ่งยังไม่ระบุชัดเจนว่าจะเปิดตัวเมื่อไร ตัวอย่างคำตอบของ ChatGPT กับ InstructGPT เวอร์ชันก่อนหน้านี้ ด้วยคำถามยากๆ อย่าง "เล่าเรื่องคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส มาที่สหรัฐอเมริกาในปี 2015" จะเห็นว่า InstructGPT พยายามตอบ (ไปเรื่อย) แต่ ChatGPT รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ของจริง แต่ยังแต่งเรื่องมาตอบให้ได้ ที่มา - OpenAI, MIT Technology Review
# Google ปล่อยฟีเจอร์ Android ใหม่บนสมาร์ทโฟน Google TV และ Wear OS Google อัพเดตฟีเจอร์บน Android ทั้งบนสมาร์ทโฟน Google TV และ Wear OS หลายรายการ ดังนี้ ผู้ใช้สามารถรวมรูปภาพหลายรูปไว้ในรูปเดียวกันได้ผ่าน Google Photo โดยการกดเลือกรูปภาพและกดปุ่ม “Add to” และเลือก “Collage” โดยจะมีลายกรอบหลายลายให้เลือก Emoji Kitchen เพิ่มอิโมจิที่ผู้ใช้สามารถนำอิโมจิที่มีอยู่แล้ว มารวมกันและสร้างเป็นอิโมจิใหม่ได้ Reading Mode ใหม่ที่สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้อย่างเช่น ฟ้อนต์ ขนาดตัวอักษร สีบนหน้าจอ พร้อมฟังก์ชันแปลงข้อความเป็นคำพูด เพื่อให้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาด้านสายตามากขึ้น เพิ่ม Widget บนหน้าจอของ YouTube โดยการกดที่ว่างบนหน้าจอและกด “Widgets” และค้นหา YouTube ผู้ใช้สามารถกดค้นหาเนื้อหาและควบคุม Google TV ได้บนสมาร์ทโฟนเหมือนเป็นรีโมท แต่ฟีเจอร์นี้จะใช้ได้ในสัปดาห์หน้า ฟีเจอร์ที่ทำให้สมาร์ทโฟนเป็นกุญแจรถดิจิทัล โดยสามารถใช้สมาร์ทโฟนเพื่อล็อคและปลดล็อครถยนต์ได้ และยังให้สิทธิกับคนอื่น ๆ ที่ใช้สมาร์ทโฟน Pixel และ iPhone ได้ด้วย แต่ฟีเจอร์นี้จะใช้ได้กับสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่ใช้ Android 12 ขึ้นไปเท่านั้น โดยผู้ใช้สามารถดูและเปลี่ยนแปลงผู้ที่สามารถปลดล็อครถได้ในแอปดิจิทัลวอลเล็ต ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้ในภายหลัง ทางฝั่ง Wear OS เตรียมเพิ่มไทล์ใหม่เพื่อให้ดูข้อมูลสำคัญได้ชัดเจนขึ้น และในสัปดาห์หน้า ผู้ใช้จะสามารถใช้แอป Google Assistant เพื่อเข้าสู่หน้าติดตามข้อมูลออกกำลังกายมากกว่า 30 อย่างผ่านแอป Adidas Running โดยพูดว่า “Hey Google, start a run with adidas Running” และจะเข้าสู่หน้า Adidas Running เองอัตโนมัติ นอกจากนี้ Google ยังประกาศว่าได้อัปเดตแอปพลิเคชัน Google Keep เพื่อให้ใช้งานได้ดีขึ้นแล้ว ที่มา: Google
# Disney โชว์งานวิจัย ใช้ AI ปรับใบหน้านักแสดงให้อ่อนขึ้นหรือแก่ลง ไม่ต้องทำเอฟเฟคต์เอง ทีมวิจัยจาก Disney Research เผยแพร่งานวิจัยการใช้ AI ช่วยปรับภาพใบหน้าของนักแสดงในวิดีโอให้อ่อนวัยขึ้นหรือแก่ลง (Re-Aging) ช่วยประหยัดทรัพยากรในการทำ visual effect ให้ภาพยนตร์ ทีมวิจัยบอกว่าตอนนี้มีการใช้งาน Re-Aging ในวงการภาพยนตร์และทีวีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเทคนิคที่ใช้ปัจจุบันต้องสแกนใบหน้าเป็นโมเดล 3 มิติ แล้วปรับโมเดลให้ใบหน้ามีริ้วรอยมากขึ้นหรือน้อยลง ส่วนการใช้ Deep Learning ที่ผ่านมายังมีข้อจำกัดเรื่องความสมจริงอยู่พอสมควร เทคนิคของ Disney Research เรียกว่า Face Re-Aging Network (FRAN) ใช้วิธีข้อมูลใบหน้าปลอม (synthetic faces) จำนวนมากๆ ที่ไม่สามารถทำได้จากการเก็บภาพใบหน้าคนจริงๆ มาใช้เทรนด้วยอัลกอริทึมแบบ U-Net ที่ใช้กันแพร่หลายอยู่แล้ว ผลคือได้ภาพใบหน้า Re-Aging ที่สมจริงกว่าเทคนิคที่มีอยู่ก่อนมาก มีคุณภาพระดับพร้อมใช้ในภาพยนตร์จริงๆ (production ready) ตามที่เดโมในวิดีโอ ที่มา - Disney Research
# Belkin เปิดตัวชุดอุปกรณ์ทำความสะอาด AirPods ราคาราว 500 บาท Belkin เปิดตัว AirPods Cleaning Kit ชุดอุปกรณ์ทำความสะอาด AirPods แบบใหม่ราคา 14.99 ดอลลาร์หรือราว 520 บาท สามารถใช้ได้กับ AirPods 1, 2 และ 3 ในชุดอุปกรณ์ประกอบด้วยแปรงทำความสะอาด น้ำยาและเจลทำความสะอาด ผ้าไมโครไฟเบอร์ โดยน่าจะเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดแบบครั้งเดียวทิ้งเพราะให้มาในปริมาณน้อย ขณะนี้ยังไม่มีขายบนหน้าเว็บไซต์ Belkin ประเทศไทย ที่มา: MacRumors
# Kanye West ล้มดีลซื้อ Parler, โพสต์ภาพล้อ Elon Musk ก่อนถูกทวิตเตอร์แบนอีกรอบ แอพโซเชียลมีเดีย Parler ประกาศว่า Kanye West แร็ปเปอร์ชื่อดัง ล้มดีลการซื้อกิจการ Parler ที่ประกาศไปเมื่อกลางเดือนตุลาคมแล้ว Parler ไม่ได้ระบุเหตุผลที่ Kanye West ล้มดีล บอกแค่ว่าเป็นการตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่ายตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนตัวของ Kanye กลับมาโพสต์ทวิตเตอร์อีกครั้ง โดยโพสต์โลโก้หาเสียงชิงประธานาธิบดีปี 2024 ของตัวเขาเอง เป็นรูปดาวแห่งเดวิด (ดาว 6 แฉก) ที่มีสัญลักษณ์สวัสดิกะซ้อนอยู่ด้านในอีกที ข้อความนี้ถูกทวิตเตอร์ลบไปหลังจากนั้นไม่นาน และ Kanye ก็ได้โพสต์ข้อความสุดท้ายของเขาเป็นภาพ Elon Musk โดนฉีดน้ำใส่ ก่อนที่บัญชีทวิตเตอร์ของเขาจะถูกแบนรอบใหม่
# [ลือ] Apple เรียกซอฟต์แวร์ VR/AR ว่า xrOS เปิดตัวอย่างเร็วต้นปีหน้า มีแอปสโตร์แยก เราน่าจะได้เห็นเฮดเซ็ต VR/AR ของ Apple กันเร็วๆ นี้จริงๆ แล้วหลังจากช่วงนี้มีข่าวลือจากแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือออกมาค่อนข้างถี่ และล่าสุดก็จาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg เจ้าเดิม ที่บอกว่า Apple อาจจะเปิดตัวอย่างเร็วที่สุดก็ต้นปีหน้า Mark บอกด้วยว่าระบบปฏิบัติการณ์ของเฮดเซ็ต จะใช้ชื่อว่า "xrOS" ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนจาก realityOS ที่เคยหลุดออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งก็น่าจะสะท้อนความสามารถของเฮดเซ็ตที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะ VR หรือ AR โดยคำว่า XR หรือ Extended Reality เป็นคำที่ใช้เรียกร่มของ VR, AR และ MR ทั้งหมด นอกจากนี้ Apple จะยังทำ App Store แยกสำหรับแอปที่ใช้งานบนเฮดเซ็ตนี้ด้วย ที่มา - Bloomberg ภาพแว่น VR ทั่วไปจาก Pixabay
# อนาคตมืดมน - EU ทุ่มเงิน 4 แสนเหรียญจัดงานเลี้ยงบน Metaverse แต่มีคนมาอยู่ 5 คน ฝ่ายให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศของคณะกรรมการธิการสหภาพยุโรปจัดงานเลี้ยงใน Metaverse โดยใช้งบประมาณราว 400,000 เหรียญสหรัฐเพื่อการพัฒนา Metaverse แต่มีคนมางานแค่ประมาณ 5 คนเท่านั้น งานนี้ถูกจัดขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อโปรโมทโครงการ Global Gateway ซึ่งเป็นกองทุนพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อเป็นแหล่งเงินกู้ของประเทศที่กำลังพัฒนา โดยมีเป้าหมายว่าจะใช้เงินราว 3.15 แสนล้านเหรีญสหรัฐไปกับโครงการนี้ นอกจากนี้ ยังจัดขึ้นเพื่อเพิ่มความตระหนักในหมู่คนที่อายุราว 18-35 ปีที่เล่น TikTok และ Instagram ที่ไม่ค่อยรู้จัก EU และไม่ค่อยรับรู้ถึงบทบาทของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปในเวทีโลก ที่มา: POLITICO
# Coinbase โวย แอปเปิลขอหัก 30% จ่ายค่าแก๊สโอน NFT ภายในแอพ ไม่งั้นจะโดนแบน Coinbase ประกาศว่าต้องปิดฟีเจอร์ NFT ในแอพเวอร์ชัน iOS หลังได้รับแจ้งจากแอปเปิลว่าต้องจ่ายส่วนแบ่ง 30% ด้วย ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมให้แอพขึ้น App Store ข้อมูลของ Coinbase บอกว่าแอปเปิลบังคับให้การจ่ายค่าแก๊สเพื่อโอน NFT จำเป็นต้องจ่ายผ่าน In-App Purchase (IAP) ของ App Store ด้วย ซึ่ง Coinbase บอกว่าไม่สามารถทำได้เพราะ IAP ของแอปเปิลยังไม่รองรับการจ่ายด้วยเงินคริปโต ดังนั้น Coinbase จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอดฟีเจอร์นี้ออกชั่วคราว ช่วงหลัง แอปเปิลถูกวิจารณ์เรื่องส่วนแบ่ง 30% ใน App Store มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจาก Elon Musk/Twitter, Telegram และล่าสุดคือ Mark Zuckerberg ยังไม่รวมถึงกรณีเก่าๆ ทั้งของ Spotify และ Epic
# Monster Hunter Rise ประกาศออกเวอร์ชัน PlayStation, Xbox และ Game Pass Capcom ประกาศนำ Monster Hunter Rise ภาคหลักภาคที่หกของซีรีส์ Monster Hunter ที่ออกในปี 2021 แต่มีเฉพาะบน Nintendo Switch และพีซี ขยายมาสู่คอนโซล PlayStation และ Xbox ด้วย Monster Hunter Rise จะลง Xbox Series X|S, Xbox One, PS5, PS4 รวมถึง Xbox Game Pass และ xCloud ในวันที่ 20 มกราคม 2023 เกมเวอร์ชัน Xbox Series X|S และ PS5 จะรองรับกราฟิกระดับ 4K@60 FPS หรือ 1080P@120FPS, ฟีเจอร์ 3D audio และ Adaptive Trigger ของ PS5 ด้วย ถัดจากนี้ Capcom ยังเตรียมออกภาคเสริม Monster Hunter Rise: Sunbreak ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2023 ตามมา ที่มา - Capcom
# กูเกิลโชว์ Android พัฒนาด้วย Rust มาแล้ว 1.5 ล้านบรรทัด ยังไม่มีช่องโหว่หน่วยความจำเลย กูเกิลรายงานถึงความเปลี่ยนแปลงภาพรวมของช่องโหว่ความปลอดภัยในแอนดรอยด์โดยเฉพาะช่องโหว่หน่วยความจำที่เป็นกลุ่มใหญ่ เดิมเคยมีรายงานช่องโหว่รวมถึง 75% ของช่องโหว่ทั้งหมด แต่นับจาก Android 11 เป็นต้นมาแอนดรอยด์ก็เริ่มมีโค้ดภาษา Rust เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จนโค้ดในกลุ่มเนทีฟที่เป็นภาษา Rust ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใน Android 13 นั้นสูงถึง 21% ใกล้เคียงกับภาษา C แล้ว รวมเฉพาะโครงการ AOSP มีโค้ด Rust ทั้งหมด 1.5 ล้านบรรทัด และจนตอนนี้ก็ยังไม่มีช่องโหว่หน่วยความจำในโค้ดภาษา Rust เลย โค้ดภาษา Rust ในแอนดรอยด์มากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับช่องโหว่หน่วยความจำในแอนดรอยด์ก็ลดลงต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ในปี 2022 นี้จะเป็นปีแรกที่ช่องโหว่หน่วยความจำของแอนดรอยด์ลดลงเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งของช่องโหว่ทั้งหมด กูเกิลคาดว่าเมื่อใช้งานไป สุดท้ายก็น่าจะพบช่องโหว่หน่วยความจำในโค้ดส่วนที่เขียนด้วย Rust ในที่สุด แต่กระนั้นภาษา Rust ก็แสดงให้เห็นว่ามันสามารถลดช่องโหว่ต่อบรรทัดของโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่า Rust จะรองรับการเขียนโปรแกรมแบบ unsafe ที่ไม่ป้องกันหน่วยความจำแต่ก็มีการใช้งานน้อย และยังไม่ได้สร้างช่องโหว่ นอกจากช่องโหว่หน่วยความจำแล้ว ความร้ายแรงของช่องโหว่แอนดรอยด์ก็ยังมีแนวโน้มลดลง ช่องโหว่ร้ายแรงระดับวิกฤติลดลงเหลือต่ำกว่า 20% ขณะที่ช่องโหว่ที่เปิดให้คนร้ายโจมตีจากระยะไกลก็เหลือต่ำกว่า 40% ที่มา - Google Security Blog
# Mark Zuckerberg บอกใช้เงินลงทุนกับ Metaverse เพียง 20% ที่เหลือยังเน้นกับโซเชียลเดิม อีกประเด็นที่ Mark Zuckerberg พูดในงานสัมมนาของ The New York Times คือการลงทุนใน metaverse ที่หลายคนมองว่าเขาทุ่มกับเรื่องนี้มากไป Zuckerberg อธิบายว่าเงินลงทุน 80% ของบริษัทยังใช้กับธุรกิจหลัก ได้แก่ Facebook, Instagram, WhatsApp, Messenger และบริการโฆษณาต่างๆ ส่วนเงินที่ลงกับ Reality Labs ที่เกี่ยวกับ VR/AR มีเพียง 20% เท่านั้น เขาบอกว่าบริษัท Meta จะยังโฟกัสกับธุรกิจด้านโซเชียลไปอีกพักใหญ่ๆ จนกว่า metaverse จะเติบโตมากพอ เขาบอกว่าเราสามารถเถียงกันได้ว่า 20% เป็นตัวเลขที่มากไปหรือไม่ แต่ก็ยืนยันได้ว่าสิ่งที่ Meta ทำตอนนี้ยังเป็นเรื่องโซเชียลเป็นหลัก ส่วนเงิน 20% ที่ลงไปกับ Reality Labs ในจำนวนนี้ลงทุนไปกับ VR (Oculus เดิม) ประมาณ 40% และอีกครึ่งหนึ่งเป็นโครงการระยะยาว เช่น แว่นตาธรรมดาที่สามารถแสดงโฮโลแกรมได้ ที่มา - Business Insider ภาพจาก Mark Zuckerberg
# Twitch เปิดตัว Shield Mode ให้สตรีมเมอร์เปิดโหมดป้องกันตัวเมื่อถูกคุกคาม Twitch ออกเครื่องมือความปลอดภัยตัวใหม่ Shield Mode ให้บรรดาสตรีมเมอร์สามารถเปิดโหมดป้องกันภัยได้ทันทีระหว่างไลฟ์ (หรือจะให้แอดมินช่องช่วยกดเปิดให้แทนก็ได้) หากพบสถานการณ์ที่ถูกคุกคาม (harassment) จากผู้ชม Shield Mode สามารถตั้งค่าไว้ล่วงหน้าได้ว่าจะควบคุมช่องของเราอย่างไร เช่น อนุญาตให้แชทได้เฉพาะคนที่ติดตามหรือเป็นสมาชิกเท่านั้น, ต้องยืนยันตัวตนก่อนแชทหรือไม่, สามารถสั่งแบนแชทโดยอิงตามข้อความที่ระบุได้ ฯลฯ เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ก็สามารถออกจาก Shield Mode ได้ทันที Twitch บอกว่า Shield Mode เป็นเครื่องมือที่อยู่ตรงกลาง ระหว่างการควบคุมและปิดกั้นทุกอย่างจนฐานผู้ชมไม่โต กับการปล่อยทุกอย่างจนเป็นภัยต่อสตรีมเมอร์เอง การที่มีเครื่องมือให้เปิด-ปิดได้ตามความเหมาะสมจึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับสตรีมเมอร์ โดยเฉพาะกลุ่มคนดำหรือ LGBT ที่มักโดนคุกคามจากผู้ชมอยู่บ่อยๆ ที่มา - Twitch
# Mark Zuckerberg วิจารณ์แอปเปิลผูกขาดสโตร์ เทียบ Android เปิดกว้างกว่าเพราะยอมให้ Sideload Mark Zuckerberg ไปพูดที่งานสัมมนา DealBook ของ The New York Times มีประเด็นที่น่าสนใจคือเขาวิจารณ์การผูกขาดสโตร์ของแอปเปิล ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน Zuckerberg บอกว่าแอปเปิลเป็นบริษัทเดียวที่พยายามควบคุมว่าแอพไหนถึงมีสิทธิอยู่ในโทรศัพท์ได้ ซึ่งเขามองว่ามันไม่ยั่งยืน เขายังเปรียบเทียบกับกรณีของ Android ที่กูเกิลยอมให้ sideload ได้ และยอมให้มีสโตร์อื่นเข้ามาแข่งขันกับ Google Play ซึ่งเขาบอกว่า Meta จะใช้แนวทางนี้กับแว่น VR/AR เช่นกัน Zuckerberg บอกว่าแอปเปิลนั้นมีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะคู่แข่งธุรกิจของแอปเปิลต้องเผยแพร่แอพผ่านช่องทางของแอปเปิล ที่มา - CNBC, ภาพจาก Mark Zuckerberg
# Mozilla ถอด TrustCor ออกจากฐานข้อมูล root CA หลังพบเกี่ยวข้องกับบริษัทขายมัลแวร์ Mozilla ประกาศถอดใบรับรองของบริษัท TrustCor ผู้ให้บริการออกใบรับรองรายเล็กออกจากฐานข้อมูล root CA หลังมีรายงานว่า TrustCor มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท Measurement Systems ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยที่สร้าง SDK เก็บข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใช้จากซอฟต์แวร์จำนวนมาก จนกูเกิลต้องไล่ถอดแอปออกจาก Google Play นับสิบรายการ ทาง TrustCor ยืนยันว่าเป็นคนละบริษัทกับ Measurement Systems แต่ทั้งสองบริษัทก็มีผู้บริหารที่ทำงานข้ามบริษัทไปมา ทั้งสองบริษัทจดทะเบียนในปานามาในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน และยังใช้ศูนย์ข้อมูลแห่งเดียวกัน ตอนนี้ไม่มีข้อมูลว่า TrustCor ออกใบรับรองไม่ถูกต้องเพื่อใช้งานมุ่งร้ายผู้ใช้แต่อย่างใด โดยเฉพาะในช่วงหลังไคลเอนต์จำนวนมากบังคับว่าใบรับรองต้องถูกบันทึกลงฐานข้อมูลภายนอกก่อน (certification transparency log) จึงจะสามารถใช้งานได้ ทาง Mozilla ประกาศเพิ่มเงื่อนไข “Distrust for TLS After Date” ทำให้ใบรับรองจาก TrustCor ที่ออกหลังวันที่ 30 พฤศจิกายนไม่สามรถใช้งานได้อีกต่อไป ส่วนทาง TrustCor ออกมาโวยว่าไมโครซอฟท์ตั้งวันที่หยุดรับใบรับรองจาก TrustCor เป็นวันที่ 1 พฤศจิกายนทำให้ลูกค้าที่ได้รับใบรับรองไปก่อนหน้านี้นับพันรายไม่สามารถใช้งานใบรับรองได้ ที่มา - [email protected]
# Bluebik ประกาศซื้อกิจการ Innoviz ผู้ให้บริการ ERP และธุรกิจ Digital Delivery ของ MFEC Bluebik บริษัทคอนซัลท์ด้านดิจิทัลประกาศซื้อกิจการ Innoviz Solutions ที่ปรึกษาและผู้ให้บริการวางระบบ Microsoft Dynamic 365 ซอฟต์แวร์ตระกูล ERP/CRM และหน่วยธุรกิจ Digital Delivery ของ MFEC ทั้งหมด 100% ทั้ง 2 ส่วน มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท Bluebik ระบุว่าการควบรวมกิจการครั้งใหญ่นี้ เป็นการเสริมแกร่งให้กับงานด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และต่อยอดบริการด้าน ERP โดยจะมีจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 350 คน เป็น 780 คน เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจและบริการทั้งในและต่างประเทศ Innoviz เป็นผู้ให้บริการที่ได้รับใบรับรอง Gold Certified Partner จากไมโครซอฟท์มีประสบการณ์มากว่า 17 ปี ขณะที่ธุรกิจ Digital Delivery ของ MFEC เป็นหน่วยธุรกิจที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและวางระบบซอฟต์แวร์ สำหรับกระบวนการเข้าซื้อกิจการ MFEC จะเริ่มหลังจากที่ MFEC จัดตั้งบริษัทย่อยสำหรับหน่วยธุรกิจนี้ โดยใช้เงินสดจาก IPO, กระแสเงินสดและแผนการระดมทุนเพิ่ม ซึ่งกระบวนการดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1 ปี 2566 ขณะที่กระบวนการซื้อ Innoviz ทาง Bluebik จะซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดด้วยเงินสด แบ่งการชำระค่าหุ้น 3 งวด งวดแรกจะเริ่มต้นในไตรมาส 1 ปี 2566 และจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2568 ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
# Elon Musk บอกสายสื่อประสาทจาก Neuralink จะทดลองในมนุษย์ครั้งแรกได้ในอีก 6 เดือน Elon Musk เปิดเผยในการแถลงข่าว “Show and Tell” ว่า Neuralink ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยการเชื่อมต่อของสมองมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์จะสามารถนำสายสื่อประสาทที่พัฒนามาทดลองฝังไว้ในสมองมนุษย์ได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยบริษัทได้ส่งเอกสารงานวิจัยส่วนใหญ่ที่จำเป็นให้กับองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาเพื่อตรวจสอบแล้ว สายสื่อประสาทนี้มีลักษณะเป็นเส้นใยยืดหยุ่นที่สามารถสอดเข้าไปในสมองได้โดยใช้ระบบหุ่นยนต์ โดยสามารถสอดสายสื่อประสาท 64 เส้นได้ภายใน 15 นาที ซึ่งนักวิจัยของ Neuralink กล่าวว่าสายสื่อประสาทเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงการมองเห็นและการเคลื่อนไหวของมนุษย์ได้ จริง ๆ แล้ว Musk เคยบอกว่าเขาหวังว่าจะได้ทดลองสายสื่อประสาทนี้กับมนุษย์ในปี 2020 โดยได้เผยความคืบหน้าเป็นระยะ ๆ โดย Musk บอกว่าตัวเองก็จะทดลองใช้ด้วยเหมือนกันในอนาคต ก่อนหน้านี้ก็ได้ทดลองให้ลิงเล่นเกม Pong จากความคิด และได้ลองฝังโมดูลไว้ในกระโหลกหมูแล้ว ส่วนในปีนี้ วิดีโอในงานแถลงเผยให้เห็นวิดีโอลิงพิมพ์คำว่า “welcome to show and tell” ผ่านการทำงานของสายสื่อประสาทที่ฝังไว้ในสมอง และวิดีโอหมูบนลู่วิ่งที่นักวิจัยบอกว่าจะพัฒนาใช้แก้ปัญหาด้านการเคลื่อนไหวของมนุษย์ ที่มา: The Verge
# Google เปลี่ยน doodle ระลึกถึง Gerald Lawson ผู้สร้างแผ่นเกมแบบตลับและปุ่ม pause บนจอย Google เปลี่ยน doodle ในหน้าโฮมเป็นคอลเลคชันมินิเกมเพื่อระลึกถึง Gerald “Jerry” Lawson ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวิดีโอเกมแบบตลับ โดย Google ได้ร่วมมือกับศิลปิน 3 คน ได้แก่ Davionne Gooden, Lauren Brown, and Momo Pixel ในการทำมินิเกมที่เล่าประวัติคร่าวๆ ของเจ้าตัว บทบาทของ Gerald “Jerry” Lawson เริ่มต้นจากความสนใจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จนเข้ามาทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมและใช้เวลาสร้างเกมอาร์เคดหยอดเหรียญที่มีชื่อว่า “Demolition Derby” ส่วนสำคัญอยู่ที่ Lawson ได้เป็นผู้นำในการสร้างคอนโซลวิดีโอเกมที่มีชื่อว่า Fairchild Channel F. ตามชื่อบริษัท Fairchild Semiconductor ที่เขาทำงานอยู่ คอนโซลได้รับการพัฒนาให้รองรับแผ่นเกมแบบตลับ เป็นจุดกำเนิดที่ทำให้คอนโซล 1 เครื่องเล่นได้หลายเกม แล้วแต่ตลับที่เสียบจากเดิมที่คอนโซลหนึ่งจะเล่นได้แค่เกมเดียวซึ่งถูกติดตั้งมาจากโรงงาน นอกจากนี้ยังมีจอยสติ๊กแบบ 8 ทิศทางและเป็นคอนโซลเกมแบบแรกที่มีปุ่มหยุดชั่วคราว โดยได้เริ่มวางขายในปี 1976 ต่อมาบริษัท Atari 2600 ได้พัฒนาคอนโซลสำหรับวิดีโอเกมแบบตลับ Lawson จึงออกมาตั้งบริษัทของตัวเองชื่อว่า VideoSoft เพื่อพัฒนาเกมแบบตลับเป็นหลักก่อนปิดไปและมาทำงานเป็นที่ปรึกษาในอุตสาหกรรมวิดีโอเกมแทน VideoSoft เป็นบริษัทแรกที่มีชาวผิวดำเป็นเจ้าของแห่งแรกในอุตสาหกรรมเกมด้วย จนในภายหลัง Lawson ได้รับยกย่องจาก International Game Developers Association ว่าเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมวิดีโอเกม Gerald “Jerry” Lawson เสียชีวิตเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา และวันนี้เป็นครบรอบวันเกิดของเขา หากมีชีวิตอยู่เขาจะมีอายุ 82 ปี ที่มา: 9to5Google
# ดีกันแล้ว Elon Musk เผยพบหน้า Tim Cook แอปเปิลยืนยันไม่ถอด Twitter จาก App Store สงครามระหว่าง Elon Musk กับแอปเปิลจบลงเร็วกว่าที่คาดกัน หลัง Elon Musk โพสต์ภาพว่าไปพบกับ Tim Cook ที่สำนักงานใหญ่ของแอปเปิล พาเดินทัวร์สวนกันอย่างชื่นมื่น Elon Musk ยังบอกว่าแก้ไขความเข้าใจผิดเรื่อง Twitter จะโดนถอดออกจาก App Store โดย Tim Cook ยืนยันว่าแอปเปิลไม่เคยคิดทำอะไรแบบนั้น อย่างไรก็ตาม Elon ไม่ได้เปิดเผยว่าได้คุยกันเรื่องอื่นหรือไม่ เช่น เรื่องแอปเปิลจะไม่ลงโฆษณากับ Twitter แล้ว หรือประเด็นเรื่องส่วนแบ่ง 30% ของ App Store ที่เขาไม่อยากจ่าย
# LastPass อัพเดตกรณีถูกแฮ็ก สรุปว่าแฮ็กเกอร์เข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ แต่ไม่ได้รหัสผ่าน LastPass อัพเดตข้อมูลกรณีการโดนแฮ็กเมื่อเดือนสิงหาคม 2022 ที่ตอนแรกเชื่อว่าข้อมูลลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบ เพราะแฮ็กเกอร์เข้าถึงเฉพาะซอร์สโค้ดของบริษัท จากการตรวจสอบอย่างละเอียด LastPass ยอมรับว่าแฮ็กเกอร์เข้าถึงข้อมูลบางส่วนของลูกค้า (certain elements of our customers’ information) แต่ไม่ได้เข้าถึงข้อมูลรหัสผ่านของลูกค้าที่ถูกเข้ารหัสอีกที และตัว LastPass เองก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ LastPass บอกว่าตอนนี้กำลังวิเคราะห์อยู่ว่ามีข้อมูลใดบ้างถูกเข้าถึงได้ และจะประกาศข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป ที่มา - LastPass
# ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโต Kraken ปลดพนักงานออก 1,100 คน (30%) เพราะสภาพตลาดขาลง Kraken ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตชื่อดังอีกราย ประกาศปลดพนักงานออกราว 1,100 คน หรือคิดเป็น 30% ของพนักงานทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าเป็นการปรับตัวตามสภาพตลาดคริปโตขาลง (crypto winter) ในช่วงนี้ Kraken ยอมรับว่าขยายตัวเร็วเกินไป รับพนักงานเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในช่วงตลาดคริปโตขาขึ้น แต่สภาพเศรษฐกิจของปี 2022 ส่งผลกระทบต่อภาคการเงิน ทำให้ปริมาณการเทรดลดลง ลูกค้าใหม่น้อยลง ที่ผ่านมาบริษัทชะลอการจ้างพนักงานและลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดแล้ว แต่ยังไม่พอ จึงต้องปลดพนักงานออก พนักงานจะได้รับเงินชดเชยอย่างน้อย 16 สัปดาห์ และโบนัสอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงให้ความช่วยเหลือพนักงานที่ต้องมีวีซ่าทำงานด้วย (บางบริษัทใช้วิธียืดสถานะพนักงานให้อีกหน่อย เพื่อให้มีวีซ่าทำงานอยู่ในสหรัฐได้ยาวขึ้น) ที่มา - Kraken
# Cloudflare เตรียมขึ้นราคาเป็นครั้งแรกเดือนมกราคมปีหน้า ลูกค้าเก่าจ่ายราคาเดิมถึงกลางปี Cloudflare ประกาศขึ้นราคาเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2017 โดยปัจจุบัน Cloudflare มีแพ็คเกจให้บริการอยู่ 4 ระดับหลักๆ คือ Free, Pro, Business และ Enterprise ซึ่งก็จะได้ฟีเจอร์เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ แต่ตัวฟรีก็มาพร้อมกับระบบป้องกัน DDoS แบบไม่จำกัด, ใบรับรองความปลอดภัยฟรี รวมถึง CDN เช่นกัน ส่วนแพ็คเกจ Pro ราคา 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ราว 700 บาท) ได้ฟีเจอร์ความปลอดภัยมากขึ้นเช่น WAF และตัวช่วยต่างๆ ให้เว็บโหลดเร็วขึ้น แพ็คเกจ Business ราคา 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ราว 7,000 บาท) ก็ได้การรับรอง PCI DSS 3.2 เหมาะสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการเงิน, การันตี uptime 100% และระบบป้องกันบอทขั้นสูง ส่วนแพ็คเกจ Enterprise จะไม่มีการกำหนดราคาตายตัว ต้องคุยกับเซลส์เป็นเคสๆ แต่ก็ได้ฟีเจอร์เต็มที่ทุกอย่าง Cloudflare จะปรับราคาขึ้นในวันที่ 15 มกราคม 2023 โดยแพ็คเกจ Pro จะขึ้นราคาเป็น 25 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ราว 870 บาท) และ Business จะขึ้นเป็น 250 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ราว 8,700 บาท) ทั้งนี้ลูกค้าเดิมหรือลูกค้าใหม่ที่สมัครใช้งานก่อน 15 มกราคม 2023 จะได้สิทธิ์จ่ายราคาเดิมไปจนถึง 14 พฤษภาคม 2023 นอกจากนี้ยังออกแพ็คเกจรายปีที่หารออกมาแล้วได้ราคาเดิม แต่ต้องจ่ายล่วงหน้าทั้งปี Matthew Prince ซีอีโอของ Cloudflare ระบุว่าการขึ้นราคานี้ไม่ได้ทำเพื่อให้บริษัทมีกำไรมากขึ้น แต่เพื่อนำรายได้ไปลงทุนกับการพัฒนาเครือข่ายของตนเองต่อไป รวมถึงยืนยันว่าตัวฟรีจะฟรีต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และจะนำฟีเจอร์จากแพ็คเกจเสียเงินมาให้ตัวฟรีเรื่อยๆ เหมือนเดิม ที่มา - Cloudflare Blog
# Square Enix เตรียมประกาศวันวางจำหน่าย Final Fantasy XVI ในงาน The Game Awards 2022 หลังจาก Square Enix ได้เผยตัวอย่างที่สามของ Final Fantasy XVI และทีมงานได้เดินสายประชาสัมพันธ์เกม ก็ใกล้เวลาที่จะประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยมีรายงานคาดการณ์ว่า Square Enix จะประกาศวันวางจำหน่ายพร้อมเปิดให้สั่งจองเกมล่วงหน้าในวันที่ 8 ธันวาคม 2022 ซึ่งตรงกับช่วงงานประกาศผลรางวัล The Game Awards และ Yoshida Naoki โปรดิวเซอร์ของเกม อาจขึ้นเวทีดังกล่าวเพื่อประกาศข่าวนี้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ ในประเทศบราซิล Final Fantasy XVI ยังได้เรต 16 หรือเกมที่เหมาะกับผู้เล่นอายุ 16 ปีขึ้นไป (เทียบเท่า ESRB T/M ของสหรัฐอเมริกา/แคนาดา, PEGI 16 ของยุโรป/อิสราเอล และ CERO C/D ของญี่ปุ่น) โดยในคำอธิบายระบุว่า เกมประกอบด้วย "ฉากเซ็กส์ที่ไม่เปิดเผยชัดเจน, ความรุนแรงจากอาวุธ, เลือด, การตายโดยเจตนา (หมายรวมทั้งการฆ่าตัวตายและฆ่าผู้อื่น), การทรมาน, ยาเสพติด, การค้าประเวณี, การข่มขืน และอาชญากรรมจากความเกลียดชัง" ทั้งนี้ Final Fantasy Type-0 ซึ่งเป็นเกมภาคขยายจักรวาลของ Final Fantasy XIII เคยได้เรต ESRB M แต่สำหรับ Final Fantasy XVI อาจเป็นครั้งแรกของภาคหลักในซีรีส์ Final Fantasy ที่ได้เรต M Final Fantasy XVI กำหนดวางจำหน่ายช่วงฤดูร้อนปี 2023 ที่มา: Insider Gaming, The Game Awards, คณะกรรมการจัดเรตติ้งบราซิล
# Apple ออกอัพเดต iOS 16.1.2 ปรับปรุงการทำงานหลายรายการ แอปเปิลออกอัพเดตย่อย iOS 16.1.2 ซึ่งออกมาหลังจาก iOS 16.1.1 ที่ออกมาเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตได้โดยไปที่ Settings > General > Software Update ในอัพเดต iOS 16.1.2 นี้ แอปเปิลบอกว่าเป็นการปรับปรุงการทำงานร่วมกัน กับเครือข่ายจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ และปรับปรุงระบบตรวจจับรถชนในสินค้ากลุ่ม iPhone 14 และ iPhone 14 Pro ซึ่งเคยมีรายงานว่า ผู้ใช้งาน iPhone 14 มีการส่งข้อความเตือนออกมาหลายคน เมื่อไปเล่นรถไฟเหาะในสวนสนุก ที่มา: MacRumors
# Binance ซื้อกิจการ Sakura Exchange BitCoin ผู้ให้บริการซื้อขายคริปโตในญี่ปุ่น Binance ประกาศซื้อกิจการทั้งหมดของ Sakura Exchange BitCoin หรือ SEBC ผู้ให้บริการซื้อขายคริปโตในญี่ปุ่น โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของดีลดังกล่าว ผลจากดีลนี้ Binance บอกว่า จะทำให้บริษัทเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นแบบมีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งญี่ปุ่นถือเป็นตลาดคริปโตที่มีบทบาทสูง และถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทเข้ามาลงธุรกิจในโซนเอเชียตะวันออก จากก่อนหน้านี้ Binance ให้บริการกับลูกค้าญี่ปุ่น แต่ไม่ได้ใบอนุญาตจากหน่วยงานท้องถิ่น Binance ยังประกาศว่าบริษัทจะปิดการสมัครใช้งาน Binance ใหม่ มีผลกับผู้ใช้งานในญี่ปุ่นทันที หลังประกาศดีลซื้อ SEBC ดังกล่าว โดยไม่กระทบกับผู้ใช้งานเดิม ที่มา: Binance [1], [2]
# Salesforce รายได้ไตรมาสล่าสุดโต 14% - Bret Taylor ประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO ร่วม Salesforce รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนตุลาคม มีรายได้รวม 7,837 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 210 ล้านดอลลาร์ รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Subscription และ Support ที่เป็นรายได้หลักบริษัท เพิ่มขึ้น 13% เป็น 7,233 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจ Professional services เพิ่มขึ้น 25% เป็น 604 ล้านดอลลาร์ Salesforce ยังประกาศว่า Bret Taylor ที่เป็นซีอีโอร่วม (Salesforce มีซีอีโอ 2 คน) ประกาศลาออกจากตำแหน่ง รวมทั้งตำแหน่งรองประธานบอร์ด มีผลตั้งแต่ 31 มกราคม 2023 โดย Marc Benioff ซีอีโอร่วมอีกคน จะเป็นซีอีโอเพียงคนเดียว รวมทั้งเป็นประธานบอร์ดบริหารต่อไป ที่มา: Salesforce [1], [2]
# ธนาคารกรุงไทยยกเลิกบริการผ่านเว็บ หลังจากนี้ใช้แอป NEXT เท่านั้น ธนาคารกรุงไทยประกาศยกเลิกบริการ KTB netbank บริการผ่านเว็บเนื่องจากปริมาณผู้ใช้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยจะให้บริการผ่านแอป Krungthai NEXT เท่านั้น นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2023 เป็นต้นไป แอป Krungthai NEXT นั้นเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2018 และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ทางธนาคารระบุว่ามีผู้ใช้ถึง 16 ล้านคน แนวทางการให้ทุ่มทรัพยากรเพื่อพัฒนาแอปของธนาคารกรุงไทย คล้ายกับธนาคารไทยพาณิชย์ที่ก่อนหน้านี้ก็ประกาศลดฟีเจอร์ของบริการผ่านเว็บลง กระแสความนิยมแอปพลิเคชั่นก็น่าจะทำให้เราเห็นธนาคารต่างๆ ให้น้ำหนักกับแอปพลิเคชั่นมากกว่าเว็บมาก แม้จะไม่ได้ปิดบริการไปก็ตามที ที่มา - ธนาคารกรุงไทย
# Maersk ยุติโครงการนำบล็อคเชนมาใช้กับอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ ที่ร่วมทุนกับ IBM Maersk บริษัทลอจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ของโลก ประกาศยุติกิจการของ TradeLens บริษัทที่นำระบบบล็อกเชนมาใช้เรื่องลอจิสติกส์ ที่ร่วมทุนกับ IBM ในปี 2018 Maersk บอกว่า TradeLens ไม่ประสบผลสำเร็จในเชิงพาณิชย์ตามเป้าที่วางไว้ เหตุผลเป็นเพราะไม่สามารถชักชวนให้อุตสาหกรรมลอจิสติกส์ทั่วโลกมาร่วมมือกันได้ โดย TradeLens จะเริ่มหยุดให้บริการแพลตฟอร์มภายในไตรมาส 1/2023 และเปลี่ยนผ่านระบบไม่ให้คู่ค้าได้รับผลกระทบ แผนการเดิมของ TradeLens คือการนำสถาปัตยกรรมแบบบล็อคเชนมาใช้เก็บข้อมูลในอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ โดยมุ่งเป้าเพื่อลดความซับซ้อนของอุตสาหกรรมนี้ลง ที่มา - Maersk
# OnePlus ประกาศนโยบายอัพเกรด Android ให้ 4 เวอร์ชัน เยอะกว่า Pixel ที่ได้ 3 เวอร์ชัน OnePlus ประกาศนโยบายการันตีการอัพเกรดระบบปฏิบัติการอย่างน้อย 4 รุ่นใหญ่ และอัพเดตความปลอดภัยนาน 5 ปี โดยจะเริ่มมีผลกับอุปกรณ์ "บางรุ่น" เริ่มตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป นโยบายเดิมของ OnePlus คือการอัพเกรดระบบปฏิบัติการ 3 รุ่นใหญ่ + แพตช์ความปลอดภัย 4 ปี เท่ากับว่าเพิ่มมาอีกอย่างละ 1 นโยบายใหม่นี้จะทำให้ OnePlus มีการอัพเกรดระบบปฏิบัติการนานกว่ามือถือ Pixel ของกูเกิลเองด้วยซ้ำ (อัพเกรด 3 รุ่น + ความปลอดภัย 5 ปี) อย่างไรก็ตาม OnePlus ยังไม่เปิดเผยว่ามีมือถือรุ่นใดบ้างที่จะได้อัพเกรดตามนโยบายนี้ (อย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีรุ่นเรือธงที่ได้) ที่มา - XDA, Android Central
# ออสเตรเลียผ่านกฎหมายลงโทษคนทำข้อมูลส่วนบุคคลหลุดสุดโหด ค่าปรับคิดตามความเสียหาย ออสเตรเลียผ่านกฎหมายขึ้นค่าปรับการทำข้อมูลส่วนบุคคล จากเดิมที่ค่าปรับสูงสุดอยู่ที่ 2.2 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย กลายเป็นค่าปรับไม่มีเพดานแต่จะคิดจากความเสียหายหรือขนาดองค์กรที่ทำข้อมูลหลุดแทน โดยค่าปรับในกรณีที่เกิดความเสียร้ายแรงหรือทำผิดซ้ำ โดยเพดานค่าปรับจะดูจากสามเงื่อนไขและคิดเงื่อนไขที่เพดานค่าปรับสูงสุด เงื่อนไขได้แก่ 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย สามเท่ามูลค่าผลประโยชน์ที่คนร้ายได้ไปจากการใช้ข้อมูล 30% ของเงินหมุนเวียนของบริษัท (adjusted turnover) ออสเตรเลียพบปัญหาข้อมูลหลุดครั้งใหญ่ๆ หลายครั้งในปีนี้ เช่น เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ Optus ทำข้อมูลลูกค้าหลุด 9.8 ล้านคน หรือบริการประกันสุขภาพ Medibank ที่ทำข้อมูลหลุดถึง 9.7 ล้านคน นอกจากการเพิ่มบทลงโทษแล้ว กฎหมายนี้ยังให้อำนาจกรรมการข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับการช่วยสอบสวนเหตุการณ์ข้อมูลหลุดและการเปิดเผยข้อมูลเพื่อปกป้องลูกค้าขององค์กรที่ข้อมูลหลุด กฎหมายนี้นับเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล Albanese ที่เพิ่งรับตำแหน่งในปีนี้ ทางรัฐบาลประกาศว่าจะแก้ไขกฎหมายข้อมูลส่วนตัวเพิ่มเติมต่อไป ที่มา - Australia Attorney General ภาพโดย vjohns1580
# AWS เผยวิสัยทัศน์ Zero ETL ข้อมูลจาก Aurora ไหลเข้า Redshift อัตโนมัติ, รันคิวรี่ Spark บน Redshift ได้เลย วันนี้ที่งาน AWS re:Invent 2022 Adam Selipsky ซีอีโอของ AWS ได้พูดถึงแนวทางการจัดการข้อมูลที่น่าสนใจ คือ “Zero ETL” เขาบอกว่าลูกค้าต่างมีข้อมูลที่กระจัดกระจาย เช่นแอพดึงข้อมูลจาก database และดึงข้อมูลอีกส่วนจาก data lake ซึ่งการนำข้อมูลมาใช้ปกติต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า ETL (Extract, Transform, Load) เพื่อให้ข้อมูลพร้อมใช้งาน และการทำ ETL ก็ใช้เวลาเยอะ แถมยังยากอีกด้วย Adam ระบุว่า AWS พยายามออกบริการต่างๆ มาให้ลูกค้าเพื่อให้การทำ ETL นั้นง่ายที่สุด แต่อย่างไรก็ยังเสียเวลาอยู่ดี AWS จึงเลือกทางเดินสู่ Zero ETL หรือไม่มีการทำ ETL เลย ในการนี้จึงประกาศว่า Amazon Aurora กับ Amazon Redshift จะทำงานร่วมกันได้โดยไม่ต้องทำ ETL Aurora คือบริการฐานข้อมูลแบบ relational ที่ AWS พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีฐานข้อมูลที่เป็นโอเพนซอร์สอย่าง MySQL และ PostgreSQL โดยโฆษณาว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ MySQL/PostgreSQL เดิมๆ Redshift คือบริการ data warehouse สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งการนำข้อมูลที่อยู่ใน Aurora เข้ามาวิเคราะห์ก็ต้องพัฒนา pipeline ขึ้นมาเพื่อเชื่อมข้อมูลทั้งสองที่เข้าด้วยกัน และมักมีค่าใช้จ่ายสูง ต้องเขียนโค้ดและดูแลเอง การเปิดตัว Zero ETL ระหว่าง Aurora และ Redshift คือการเชื่อมข้อมูลแบบไร้รอยต่อ โดยข้อมูลที่ไหลเข้า Aurora จะไหลต่อเข้า Redshift เกือบจะทันที (หลักวินาที) ซึ่งลูกค้าสามารถเริ่มการวิเคราะห์ข้อมูลบน Redshift ได้เลย หรือจะใช้ฟีเจอร์ขั้นสูงอย่าง Redshift ML ก็ได้ เชื่อมกับ Aurora หลายตัวก็ได้ แถมยังทำงานแบบ serverless คือเรียกใช้งานก็คิดเงิน ถ้าหยุดทำงานก็หยุดคิดเงิน ไม่ต้องดูแลเอง นอกจากนี้ยังประกาศว่า Redshift จะทำงานร่วมกับ Apache Spark เฟรมเวิร์คสำหรับงาน big data โดยสามารถรันคิวรี่ Spark บนข้อมูลที่อยู่ใน Redshift จาก EMR, Glue และ SageMaker ได้เลย ไม่ต้องเอาข้อมูลไปลง S3 ก่อน รองรับภาษา Java, Python, R และ Scala และยังโฆษณาว่าการรัน Spark บน AWS นั้นเร็วกว่ารันเดิมๆ ถึง 3 เท่า บริการ Zero ETL ระหว่าง Aurora และ Redshift อยู่ในสถานะพรีวิว ขอทดลองใช้ผ่านแบบฟอร์ม มีเฉพาะรีเจี้ยน US East (N. Virginia) ส่วนการทำงานร่วมกันระหว่าง Redshift และ Spark เปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการเลย ที่มา - AWS re:Invent 2022 ภาพทั้งหมดโดย Blognone
# "สิ่งที่เรามอบให้กับผู้ใช้งาน จะเริ่มไม่ใช่สิ่งที่สร้างได้ง่ายๆ" คุยกับ CTO LINE MAN Wongnai ในวันที่สวนกระแส หาคน Tech เพิ่ม เพราะการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และบริษัทก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ การพัฒนาด้านเทคโนโลยีของ LINE MAN Wongnai เลยหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องคอยแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทั้งในแง่เทคโนโลยีหลังบ้านที่ดีมากขึ้น ตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น และตอบโจทย์ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงและเติบโตอยู่ตลอดเวลา Blognone Jobs พาไปอ่านแนวคิดในแง่เป้าหมาย การทำงาน และการเติบโตของทีม Engineer ของ LINE MAN Wongnai จากปากของคุณภัทราวุธ ซื่อสัตยาศิลป์ ตำแหน่ง CTO กัน ภัทราวุธ ซื่อสัตยาศิลป์ CTO ของ LINE MAN Wongnai Q: เล่าเกี่ยวกับทีมเทคโนโลยีใน LINE MAN Wongnai ปัจจุบัน LINE MAN Wongnai มีทีมที่พัฒนา Product เกือบ 400 คน ซึ่งเป็นคนไทยมากกว่า 90% โดยในทีมประกอบไปด้วย Software Engineer, Product Manager, UX/UI Designer, Data Engineer, Data Scientist และ People Manager อย่าง Engineering Manager ด้วย ซึ่งก็จะแบ่งเป็นทีมย่อยๆ ลงไปในแต่ละระบบผู้ใช้งานทั้ง 3 ส่วนหลักของธุรกิจ Food Delivery นั่นคือ ผู้ใช้งานที่สั่งอาหาร (User), ร้านค้า (Merchant), พนักงานส่ง (Rider) จุดแข็งของการมีทีมวิศวกรคนไทย คือ เนื่องจากธุรกิจของเราอยู่ในประเทศไทย เราเข้าใจและใกล้ชิดกับผู้ใช้งานในไทย ทำให้คล่องตัวในการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับความต้องการของคนไทยโดยเฉพาะได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเคสที่ประสบความสำเร็จคือ การเชื่อมระบบคนละครึ่งเข้ากับฟู้ดเดลิเวอรีที่เราเริ่มจากศูนย์ จนกระทั่งทดสอบระบบสำเร็จได้ภายใน 6 สัปดาห์ และได้กระแสตอบรับที่ดีมากจากร้านอาหารว่าใช้งานง่าย จึงทำให้มีร้านเข้าร่วมคนละครึ่งกับ LINE MAN มากถึง 75% ของร้านคนละครึ่งเดลิเวอรีทั้งหมด ในขณะเดียวกันวิศวกรที่เป็นชาวต่างชาติเพื่อรองรับการ Scale ด้านเทคโนโลยีให้เทียบเท่าแพลตฟอร์มระดับโลก Q: อะไรคือสิ่งที่ LINE MAN Wongnai แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ ปัจจุบันเชื่อว่า ณ ตอนนี้บริษัท Tech หลายๆ ที่พร้อมจะจ้าง Engineer โดยให้ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดีมากๆ ซึ่งที่ LINE MAN Wongnai ก็มีเช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ Product ที่ทำเกิดจากโจทย์ในประเทศ และถูกใช้งานจริงภายในประเทศ ที่สำคัญคือเป็นสเกลที่ใหญ่ มีผู้ใช้งานระดับหลักสิบล้านคน และใช้งานกันทุกวันวันละหลายๆ ครั้ง ทำให้ทีมพัฒนาได้เห็นผลงานไปถึงผู้ใช้งานจริงๆ ว่ามีผลประทบกับสังคมโดยตรง มันทำให้ผู้คนใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากขึ้น มันทำให้ธุรกิจร้านอาหารมีช่องทางการขายที่ดี สร้างอาชีพให้กับคนที่ส่งอาหาร เชื่อว่าทีมงานทุกคนภูมิใจกับผลงาน เพราะแค่เดินไปบนท้องถนน เราก็สามารถเห็นผลงานของเราถูกใช้งานจริง แม้แต่ตัวเราเองก็ใช้งาน เพื่อนหรือญาติก็ใช้อยู่ มองไปบนถนนก็เห็นพี่ๆ คนขับ LINE MAN กำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งอาหาร, ร้านค้าที่เราสั่งเป็นประจำรับออเดอร์ Delivery ที่เข้ามาตลอดทั้งวัน การได้เห็นผลงานตัวเองส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานจริงในชีวิตประจำวันแบบนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ได้รับฟีดแบ็คโดยตรงจากผู้ใช้ด้วย ทั้งคำติและคำชมอยู่เสมอ เวลาพลาดก็ได้รับคำติ แต่เป็นคำติที่ทำให้ทีมงานกระตือรือร้นที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้นเพราะมันแสดงให้เห็นว่ามันมีผู้ใช้งานอยู่จริงๆ อีกหนึ่งสิ่งที่ LINE MAN Wongnai โดดเด่นคือ การทำงานเป็นโหมด Startup ความเร็วและความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์คือ Core ของบริษัท ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่ความบังเอิญแต่เป็นความตั้งใจ เราปรับตัวอยู่ตลอดเพื่อให้มั่นใจว่าเรามีโครงสร้างทีมที่เอื้อให้การตัดสินใจต่างๆ เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ไม่ต้องผ่านขั้นตอนมากมายเหมือนองค์กรใหญ่ๆ อย่างกรณีที่เห็นได้ชัดคือการทำโครงการคนละครึ่ง ที่ใช้เวลาแค่ 6 สัปดาห์เท่านั้น Q: ความท้าทายของงานสายเทคใน LINE MAN Wongnai บริการ Food Delivery ที่เราให้บริการอยู่ตอนนี้ เราต้องแข่งกับคู่แข่งในระดับโลก ดังนั้นการจะมีความสามารถในการแข่งขันได้กับผู้เล่นระดับโลกได้ สิ่งที่เรามอบให้กับผู้ใช้งานมันจะเริ่มไม่ใช่ความสามารถพื้นฐานที่สร้างได้อย่างตรงไปตรงมาหรือสร้างได้ง่ายๆ แล้ว มันจะลึกมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความคาดหวังของผู้ใช้งานก็สูงขึ้นเรื่อยๆ จากการได้ใช้ Product ต่างๆ จากบริษัทระดับโลก ในธุรกิจ Food Delivery ก็แบบเดียวกัน ถ้าผมกับเพื่อนอีกคนในออฟฟิศนั่งอยู่ใกล้ๆ กัน ต่างคนต่างกำลังหาร้านสำหรับสั่งอาหารมื้อเที่ยง แล้วผลลัพธ์การค้นหาแสดงเหมือนกันหมด มันไม่เพียงพอแล้ว เพราะแต่ละคนก็มีรสนิยมต่างกัน ซึ่ง Product ของเราเองก็ยังต้องปรับปรุงอีกเรื่อยๆ ในหลายๆ จุด Q: ปีนี้จะขยายทีมเทคโนโลยีอย่างไร? เพื่อรองรับแผนของบริษัทที่จะมีบริการใหม่ๆ ออกมาในอนาคต เรามีแผนจะขยายทีมจาก 400 คนเป็น 500 คนภายในกลางปี 66 โดยเปิดรับทุกตำแหน่งและทุกเลเวล ทั้งทีม Engineering ที่มี Software Engineer (Frontend/Backend/QA) ทีม Product ที่มี Product Manager, UX/UI Designer, UX Researcher, ทีม Data ที่มี Data Scientist, Data Engineer, BI Analyst และด้วยโจทย์ทางธุรกิจที่สเกลมากขึ้นเรื่อยๆ การเติมคนก็จะเน้นไปที่คนที่มีประสบการณ์เฉพาะทางหรือมีประสบการณ์ในสเกลที่ใหญ่กว่าเพิ่มเข้ามา ซึ่งแน่นอนว่าต่อไปเราจะมีทีมงานที่เป็นชาวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนเรื่องสถานที่ทำงาน ปัจจุบันบริษัทไม่มีการกำหนดขอบเขตของออฟฟิศอีกต่อไปแล้ว มีหลายคนก็ทำงานแบบรีโมทในต่างประเทศ เช่น อินเดียและจีน แต่สำหรับในไทย ก็มีทั้งทำงานในกรุงเทพและเชียงใหม่ ซึ่งไม่ว่าจะทำงานที่ไหน ทุกคนก็จะได้รับสวัสดิการในมาตรฐานเดียวกันหมด Q: คนแบบไหนที่บริษัทกำลังมองหา LINE MAN Wongnai เติบโตมาในรูปแบบของ Startup (สู้, ปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ได้ไว, ) ถ้าในมุมของ Engineer เราก็มองหาคนที่มีพื้นฐาน Engineering ที่ดี น้ำไม่เต็มแก้ว พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ด้วยตัวเองได้ตลอด และลงลึกในสิ่งที่ตัวเองทำได้ เป็น good team player และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือ บริษัทมองหาคนที่อินไปกับมิชชัน ที่จะทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น คนที่อยากเห็นผลงานของตัวเองมีผลกระทบกับสังคมเป็นวงกว้าง เชื่อว่าคนกลุ่มนี้ต่อไปก็จะมีศักยภาพสูงในการที่จะออกไปสร้างบริษัท Tech ที่แข็งแรงให้ประเทศไทยอีกเช่นกัน Q: เป้าหมายต่อไปของทีมเทคโนโลยีที่ LINE MAN Wongnai ในวันที่บริษัทเป็นยูนิคอร์น เป็นบริษัทเทคสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงเป็นสถานที่ที่คนเก่งๆ ที่ทำงานอยู่ที่ Silicon Valley อยากกลับมาทำงานด้วย ในแง่ที่ว่าจะได้ประสบการณ์ทำงานในระดับเดียวกันโดยที่ไม่ต้องไปอยู่ต่างประเทศก็ได้ Q: เห็นอะไรบ้างจากการเป็น CTO ของสตาร์ทอัพในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา? ถ้ามองไปที่ภาคการศึกษา สังเกตได้ว่าเด็กรุ่นใหม่เลือกเรียนตรงกับสิ่งที่พวกเขาสนใจมากขึ้น พอเรียนจบมา ก็รู้ตัวเองว่าอยากจะทำอะไรมากกว่ารุ่นก่อนๆ มาก ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่เด็กรุ่นใหม่ๆ เริ่มฝึกงานเพื่อค้นหาตัวเองตั้งแต่ปีแรกๆ ของชีวิตมหาวิทยาลัย ปรากฎการณ์ดังกล่าวทำให้ได้เห็นว่าคนรุ่นใหม่มีศักยภาพมาก เพียงแค่เราต้องให้โอกาสเขาได้แสดงให้เห็นฝีมือ ช่วงแรกของการทำบริษัทเราไม่ได้เป็นที่รู้จักจนสามารถดึงดูดให้คนมีประสบการณ์มากๆ มาทำงานกับเราได้ เราก็ต้องเน้นรับน้องๆ จบใหม่รวมถึงนิสิตนักศึกษาฝึกงานเข้ามาเพื่อสอน ซึ่งคนกลุ่มนี้ เหล่านี้ได้ทำงานจริงๆ ไปกับพี่ๆ ก็ทำให้น้องเก่งขึ้น หลังจากนั้นเราจึงเชื่อในศักยภาพของเด็กจบใหม่และไม่กลัวที่จะให้งานสำคัญๆ ให้รับผิดชอบ ถ้าใครคิดว่ามีแพชชันตรงกับ LINE MAN Wongnai มีความทะเยอทะยาน และอยากทำให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยี สามารถค้นหาตำแหน่งที่เปิดรับและกดสมัครได้ที่เว็บไซต์ Blognone Jobs หรือ https://careers.lmwn.com/
# Netflix เปิดตัวเกมมือถือใหม่อีก 7 เกม มีสามก๊ก, Hello Kitty, เลี้ยงผีเสื้อ, แมวทำกับข้าว Netflix ยังเดินหน้าขยายบริการเกมมือถือใต้แบรนด์ตัวเองต่อไป (ทั้งที่พัฒนาเกมเองและซื้อไลเซนส์มา) ในรอบเดือนพฤศจิกายน 2022 มีเกมให่มอีก 7 เกมดังนี้ Skies of Chaos เกมขับเคลื่อนบินจอแนวตั้งเหมือนเกมตู้สมัยก่อน กราฟิกสีสันสดใส Flutter Butterflies เกมจำลองการเลี้ยงผีเสื้อกว่า 400 สายพันธุ์ Stranger Things: Puzzle Tales เกมพัซเซิลแบบจับคู่บล็อค 3 ด้วยธีม Stranger Things Country Friends เกมสร้างฟาร์ม ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ กราฟิกน่ารักสดใส Cats & Soup เกมแมวทำอาหาร มีแมวหลายสายพันธุ์ให้เล่น Reigns: Three Kingdoms เกมสามก๊ก สร้างกองทัพ ภาพสไตล์การ์ตูน Hello Kitty Happiness Parade เกมกดตามจังหวะ ด้วยคาแรกเตอร์จาก Sanrio เกมทั้งหมดเล่นฟรี ไม่มีโฆษณา ไม่มี in-app purchase เพราะถือว่ารวมอยู่ในค่าสมาชิก Netflix อยู่แล้ว สามารถเลือกเล่นได้จากแอพ Netflix บนมือถือทั้ง Android และ iOS ที่มา - Netflix
# YouTube Music ปล่อยแคมเปญ Recap 2022 ให้ผู้ใช้ดูสถิติการฟังเพลงของตัวเอง YouTube Music ปล่อยแคมเปญ Recap 2022 ให้ผู้ใช้สามารถดูสถิติการฟังเพลงของตนเองผ่าน YouTube Music ตลอดปีนี้ เช่น ศิลปินที่ฟังบ่อย เพลงและ MV ที่ฟังและดูบ่อยประจำปี แคมเปญ Recap ของปีนี้มีสถิติเพิ่มเติมจากของปีที่แล้วด้วย ดังนี้ Top Trends แสดงรายชื่อศิลปินที่ผู้ใช้เจอก่อนผู้ใช้คนอื่น ๆ มีแค่บน YouTube Music Identity แสดงผลสรุปลักษณะและอารมณ์ของเพลงในภาพรวมจากเพลงที่ผู้ใช้ฟังบ่อยออกมาเป็น music personality มีแค่บน YouTube Music Hard-to-Find Content แสดงเนื้อหาที่มีแค่บน YouTube อย่างรีมิกซ์หรือการแสดงสดที่ผู้ใช้ชอบ โดยสามารถดูได้ทั้งบน YouTube และ YouTube Music อีกอย่างหนึ่งที่ต่างจากปีที่แล้วคือผู้ใช้สามารถเข้าไปดูสถิติของตัวเองได้ที่แอป YouTube ด้วยโดยค้นหาคำว่า "2022 Recap" Recap 2022 มีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถกดแชร์ข้อมูลลงไปบนโซเชียลมีเดียได้ด้วยการกดลูกศรที่อยู่ด้านล่างสตอรี่แสดงข้อมูล นอกจากนี้ ผู้ใช้ YouTube Music จะได้รับการ์ดภาพกราฟิกที่แสดงเพลงโปรดที่แบ่งตามแต่ละฤดู และสามารถปรับแต่งภาพกราฟิกโดยการใส่รูปของตัวเองจาก Google Photos ได้ ที่มา: YouTube
# เผย Elon Musk แก้ปัญหาแบรนด์ไม่ลงโฆษณา Twitter ด้วยการโทรไปด่าซีอีโอของแบรนด์นั้น Financial Times รายงานข่าวว่า Elon Musk พยายามแก้ปัญหาแบรนด์ไม่ลงโฆษณาใน Twitter ด้วยการโทรไปหาซีอีโอของบางแบรนด์ เพื่อด่าว่าทำไมตัดโฆษณาออก (ต้นฉบับใช้คำว่า berate) ผลที่ได้คือแบรนด์อื่นๆ ก็ลดโฆษณาลงอยู่ในระดับวงเงินต่ำที่สุด (bare minimum) เพื่อลดการเผชิญหน้ากับ Musk ที่มีพฤติกรรมวิจารณ์แบรนด์ที่ลดโฆษณาในที่สาธารณะ (ข่าวของ Elon วิจารณ์แอปเปิล) Financial Times ยังบอกว่าทีมธุรกิจโฆษณาของ Twitter มีคนทำงานน้อยลงมาก จนตอนนี้เอเยนซี่โฆษณาไม่รู้แล้วว่าต้องติดต่อกับใคร เพราะคนที่เคยคุยด้วยลาออกหรือโดนไล่ออกไปเกือบหมดแล้ว บางแบรนด์ถึงขั้นไม่ได้รับข้อมูลว่าแคมเปญล่าสุดที่ลงโฆษณาไปนั้นได้ผลแค่ไหน การซื้อกิจการ Twitter ของ Elon Musk ใช้วิธีกู้เงินมาซื้อ 13 พันล้านดอลลาร์ (จากวงเงินทั้งหมดที่ซื้อ 44 พันล้านดอลลาร์) ทำให้ต้องเจอดอกเบี้ยปีละ 1 พันล้านดอลลาร์ และเป็นสาเหตุว่าทำไม Musk ต้องเร่งหารายได้เข้า Twitter อย่างมากด้วยวิธีการต่างๆ ที่มา - Financial Times
# Ubisoft ประกาศวันขายเกมสร้างเมือง The Settlers: New Allies เดือนกุมภาพันธ์ 2023 Ubisoft โชว์เทรลเลอร์ของเกม The Settlers: New Allies ภาคใหม่ของเกมสร้างบ้านแปงเมืองซีรีส์ The Settlers โดยมีกำหนดวางขาย 17 กุมภาพันธ์ 2023 บนพีซีและคอนโซลทุกแพลตฟอร์ม The Settlers เป็นเกมสร้างเมืองที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เกมภาคแรกออกตั้งแต่ปี 1993 เป็นผลงานของสตูดิโอ Blue Byte จากเยอรมนี จากนั้น Ubisoft ซื้อกิจการ Blue Byte ในปี 2001 และยังทำเกมภาคต่อมาเรื่อยๆ เกมภาคสุดท้ายคือ The Settlers 7 ออกในปี 2010 แล้วก็ยังไม่มีเกมใหม่ออกมาเลยเป็นเวลา 13 ปีแล้ว เกม The Settlers: New Allies เคยเปิดตัวมาแล้วครั้งหนึ่งและมีกำหนดออกปี 2019 แต่เลื่อนมาเรื่อยๆ จนมีกำหนดออกใหม่ในปี 2023 โดยทีมพัฒนายังเป็น Ubisoft Düsseldorf ที่สืบต่อมาจาก Blue Byte เดิม รูปแบบเกมเป็นการรีบูทซีรีส์ใหม่ เกมโหมดเนื้อเรื่องเป็นเรื่องของเผ่า Elari ที่ต้องย้ายถิ่นฐาน และคบหากับอีก 2 เผ่าคือ Maru และ Jorn นอกจากโหมดหลักยังมีโหมดมัลติเพลเยอร์แบบ co-op และ PVP และโหมดซีนาริโอด้วย ที่มา - Ubisoft
# Epson เลิกขายเครื่องพิมพ์เลเซอร์ปี 2026, บอกว่าอิงค์เจ็ตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า Epson ประกาศหยุดขายเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ในปี 2026 เปลี่ยนไปขายเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ตเพียงอย่างเดียว โดยให้เหตุผลเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา Epson หยุดขายเครื่องพิมพ์เลเซอร์ในบางประเทศแล้ว แต่ยังขายอยู่บ้างในตลาดยุโรปและเอเชีย และระบุว่าจะยังมีอะไหล่และหมึกให้กับลูกค้าเดิมต่อไป ตัวเลขของ Epson เองระบุว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตใช้พลังงานน้อยกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ถึง 85% (ที่ความเร็วการพิมพ์เท่ากัน) ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 85%, ใช้วัสุดสิ้นเปลืองพวกตลับหมึกน้อยกว่า 59% ชิ้นส่วนอุปกรณ์สิ้นเปลืองของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ต Epson เทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์คู่แข่ง เมื่อพิมพ์เอกสารไปแล้ว 1 ล้านหน้าเท่ากัน ที่มา - The Register
# หลุดภาพเรนเดอร์ Pixel 7a หน้าตาคล้าย Pixel 7 ขนาดเครื่องยังใกล้เคียงกับ Pixel 6a @OnLeaks นักปล่อยภาพหลุดมือถือชื่อดัง โพสต์ภาพเรนเดอร์ของ Google Pixel 7a มือถือรุ่นราคาถูกของตระกูล Pixel ที่น่าจะวางขายช่วงต้นปีหน้า (Pixel 6a เปิดตัวและวางขายเดือนพฤษภาคม 2022 แต่รอบนี้เป็นไปได้ว่าอาจเปิดตัวในไตรมาสแรกของปี 2023) หน้าตาของ Pixel 7a ใช้ดีไซน์คล้ายกับ Pixel 7 คือมีแถบสีเงินแนวนอนด้านหลังสำหรับวางกล้อง ตัวเครื่องมีขนาดใกล้เคียงกับ Pixel 6a มีให้เลือกสองสีคือขาวและเทาเข้ม ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า Pixel 7a จะใช้หน้าจออัตรารีเฟรช 90Hz, รองรับการชาร์จไร้สาย (ซึ่งไม่มีใน Pixel 6a) และอัพเกรดกล้องหลังมาใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX787 ที่มา - SmartPrix
# [ลือ] Yahoo! กำลังศึกษาให้บริการซื้อขายหุ้นผ่าน Yahoo Finance - อาจเปิดระบบเดิมพันใน Yahoo Sports เว็บไซต์ Axios รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวภายใน Yahoo! ว่าหลังจากบริษัทขายกิจการให้บริษัทการลงทุน Apollo Global Management ก็เตรียมปรับยุทธศาสตร์จากธุรกิจสื่อ มาเน้นธุรกิจที่มีการเก็บเงินจากลูกค้าชัดเจนมากขึ้น และมองว่าหากธุรกิจย่อยตัวไหนสามารถทำกำไรได้ดี ก็อาจแยกบริษัทออกมาเข้าตลาดหุ้นโดยเฉพาะ โดยกลุ่มธุรกิจสื่อ เช่น TechCrunch หรือ Engadget นั้น Yahoo! ยังไม่มีแผนขายกิจการออกไป ตรงข้ามอาจเพิ่มเว็บไซต์ในเครือมากขึ้นเพื่อให้มีคอนเทนต์ครบหมวดมากขึ้น ส่วนธุรกิจภายใต้แบรนด์ Yahoo! นั้น รายงานบอกว่า Yahoo Finance กำลังศึกษาการเปิดให้บริการซื้อขายหุ้น เน้นกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ขณะที่ Yahoo Sports ก็ศึกษาแผนพาร์ทเนอร์ร่วมกับเว็บพนัน และ Yahoo Mail กำลังศึกษาแผนทำงานร่วมกับบริษัทการตลาดต่าง ๆ หลังพบว่า คนจำนวนมากเปิด Yahoo Mail เป็นอีเมลสำรองไว้รับอีเมลโฆษณาโดยเฉพาะ ที่มา: Axios
# Twitter ยกเลิกการแปะคำเตือน ทวีตที่ให้ข้อมูลไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ COVID-19 แล้ว ตั้งแต่ปี 2020 ที่เกิดการระบาดของโควิด 19 นั้น Twitter เริ่มการแปะป้ายคำเตือนข้อความที่เผยแพร่ข้อมูลไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับโรคดังกล่าว แต่ล่าสุด Twitter ประกาศสั้น ๆ ว่า มีผลตั้งแต่ 23 พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นไป จะไม่มีการแปะป้ายคำเตือนเกี่ยวกับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องของโควิด 19 แล้ว Twitter เริ่มการแสดงข้อความเตือนดังกล่าว และเพิ่มในหัวข้อวัคซีนเมื่อปีที่แล้ว โดยมีระดับตั้งแต่เริ่มเตือน จนถึงแบนบัญชี ซึ่งมีบัญชีที่ถูกแบนจากเรื่องนี้มากกว่า 1 หมื่นบัญชี ประเด็นการเตือนข้อความเกี่ยวกับข้อมูลโควิด 19 นั้น Meta เองก็มีการหารือจะยกเลิกแนวทางควบคุมตั้งแต่เมื่อกลางปี แต่ยังไม่มีข้อสรุปออกมา ที่มา: The Verge
# HPE ไตรมาสล่าสุด ตัวเลขทำสถิติใหม่หลายกลุ่มธุรกิจ HPE หรือ Hewlett Packard Enterprise รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนตุลาคม มีรายได้รวม 7,871 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีขาดทุนสุทธิตามบัญชี GAAP 304 ล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักจากบักทึกตัดค่าใช้จ่ายครั้งเดียว หากไม่มีรายการดังกล่าวก็มีกำไร ตัวเลขสำคัญที่ HPE ให้ความสนใจคือรายรับต่อเนื่องรายปีหรือ ARR ซึ่งมาจากรายได้กลุ่มบริการ as-a-Service เพิ่มขึ้น 17% เป็น 936 ล้านดอลลาร์ หากดูจำนวนคำสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นถึง 33% และเป็นอัตราที่ HPE ประเมินว่าจะคงอยู่ระดับนี้ถึงปีการเงิน 2025 อย่างน้อย Tarek Robbiati ซีเอฟโอ HPE กล่าวว่าตอนนี้บริษัทเข้าสู่ช่วงเวลาที่แตกต่างออกไป นั่นคือการปรับโครงสร้างต้นทุนบริษัท ขณะเดียวกันก็มีรายได้จาก as-a-Service ที่จะเติบโตทำกำไรก้าวกระโดด รายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจของ HPE เป็นดังนี้ Intelligent Edge เพิ่มขึ้น 18% เป็น 965 ล้านดอลลาร์, HPC & AI ลดลง 14% เป็น 862 ล้านดอลลาร์, Compute เพิ่มขึ้น 16% เป็น 3,737 ล้านดอลลลาร์, สตอเรจ เพิ่มขึ้น 4% เป็น 1,305 ล้านดอลลาร์ ที่มา: HPE (pdf)
# BITFRONT ตลาดคริปโตของ LINE ประกาศปิดกิจการ BITFRONT ตลาดคริปโตหนึ่งใน ecosystem ด้านบล็อคเชนของ LINE ประกาศปิดกิจการ หลังจากเปิดบริการมาเพียงสองปีครึ่งเท่านั้น BITFRONT เป็นหนึ่งในบริการที่สามารถใช้โทเค็น LINK ของ LINE มาจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมได้ ราคาล่าสุดของ LINK ตอนนี้อยู่ที่ 23 ดอลลาร์ต่อโทเค็นเท่านั้น จากเดิมที่เคสูงสุดกว่า 300 ดอลลาร์ในช่วงปี 2021 ตอนนี้ BITFRONT ปิดรับผู้ใช้ใหม่ทั้งหมดแล้ว เดือนธันวาคมนี้จะหยุดรับฝากเงินเพิ่มเติม สิ้นเดือนธันวาคมจะหยุดการซื้อขายทั้งหมดและผู้ใช้จะมีเวลาถอนสินทรัพย์ทั้งหมดภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2023 ที่มา - BITFRONT
# เผย Jack Ma หลบภัยการเมืองจีน ไปอยู่เงียบๆ ในโตเกียวได้เกือบ 6 เดือนแล้ว Financial Times รายงานว่า Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba หลบไปใช้ชีวิตอยู่ในกรุงโตเกียวแบบเงียบๆ มาได้เกือบ 6 เดือนแล้ว เพื่อหลบเลี่ยงปัญหาการเมืองในประเทศจีน Ma ลงจากตำแหน่งที่ Alibaba ในปี 2019 หลังจากนั้นเขาก็ถูกรัฐบาลจีนกดดันในเรื่องต่างๆ เช่น การสั่งเบรกแผนการ IPO ของ Ant Financial แหล่งข่าวของ Financial Times บอกว่า Jack Ma และครอบครัวย้ายมาอยู่ญี่ปุ่น โดยไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตสาธารณะมากนัก มีจ้างเชฟส่วนตัวและเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย เขาหันไปสนใจเรื่องงานศิลปะ มีไปเที่ยวบ่อน้ำร้อนและรีสอร์ทสกีบ้าง รวมถึงมีกิจกรรมสังคมกับนักธุรกิจจีนคนอื่นๆ ผ่านคลับเอ็กซ์คลูซีฟในย่าน Ginza และ Marunouchi Ma ยังมีเดินทางไปต่างประเทศบ้าง โดยไปอเมริกาและอิสราเอลบ่อยๆ และก่อนหน้านี้เคยมีคนเห็นเขาปรากฏตัวที่สเปนและเนเธอร์แลนด์ด้วย ที่มา - Financial Times ภาพจาก Alizila
# นี่สิการทำงานแบบฮาร์ดคอร์ Twitter เริ่มมีปัญหาจ่ายเงินเดือนให้พนักงานช้ากว่าปกติ เว็บไซต์ Ars Technica รายงานข่าวว่าพนักงานบริษัท Twitter ในยุโรป เริ่มได้รับการจ่ายเงินเดือนช้ากว่าปกติ โดยจากเดิมได้รับเงินเดือนวันที่ 25 ของทุกเดือน แต่ในเดือนพฤศจิกายน 2022 พนักงานได้รับอีเมลแจ้งว่าขอเปลี่ยนวันจ่ายเงินเป็น 28 พฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม พนักงานในสหราชอาณาจักรและเยอรมนีก็บอกว่ายังไม่ได้เงินเดือนในเช้าวันที่แจ้ง (28 พฤศจิกายน) รวมถึงมีอดีตพนักงานแจ้งว่ามีปัญหาล่าช้าเรื่องการเบิกค่าใช้จ่ายของบริษัทด้วย ปัญหาเงินเดือนออกช้าทำให้พนักงานจำนวนหนึ่งมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย และต้องขอเลื่อนการจ่ายค่างวดบ้านกับธนาคารออกไป ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าพนักงานด้านเงินเดือน (payroll) ลาออกทั้งหมด หลังจาก Elon Musk ยื่นคำขาดเรื่องการทำงานแบบฮาร์ดคอร์ในยุค Twitter 2.0 จึงอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้จ่ายเงินเดือนให้พนักงานไม่ตรงตามนัด ที่มา - Ars Technica
# Google ต้องจ่ายเกือบ 10 ล้านเหรียญ จากคดีจ้างวิทยุโฆษณา Pixel 4 โดยไม่ให้ลองใช้จริง Google และ iHeartMedia เจรจาเตรียมจ่ายเงินมูลค่า 9.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับหน่วยงานกำกับดูแลการค้าของสหรัฐอเมริกา (Federal Trade Commission- FTC) และอัยการสูงสุดอีก 7 รัฐ หลังจากที่ถูก FTC พร้อมทั้งอัยการสูงสุดของรัฐทั้งหมด 7 รัฐฟ้องร้องจากการที่ Google ไปจ้างวานให้สถานีวิทยุในเครือบริษัท iHeartMedia อ่านสคริปต์โฆษณาสมาร์ทโฟน Pixel 4 โดยไม่ได้ส่งตัวอย่างสมาร์ทโฟนให้ลองใช้จริงก่อน คำฟ้องระบุว่า Google ได้จ่ายเงินกว่า 2.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้สถานีวิทยุ iHeartRadio รวมทั้งจ่ายเงินอีกเกือบ 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับสถานีวิทยุขนาดเล็กอื่น ๆ อีกเพื่อให้โฆษณาสมาร์ทโฟน Pixel 4 ด้วยการอ่านสคริปต์ที่ทางฝั่ง Google เป็นคนเขียนเอง แม้ว่าในคำฟ้องจะมีรายงานว่าบริษัท iHeartMedia จะร้องขอสมาร์ทโฟน Pixel 4 มาลองใช้ก่อนการออกอากาศในช่วงปลายปี 2019 และในช่วงต้นปี 2020 ทำให้ Google ส่งสมาร์ทโฟนมาให้ลองใช้สถานีละ 1 เครื่อง รวมทั้งสิ้น 5 เครื่อง แต่ในโฆษณาส่วนใหญ่ที่เผยแพร่ออกไปในปี 2019 และ 2020 Google ยังไม่ได้ส่งตัวอย่างสมาร์ทโฟนให้ทางสถานีวิทยุลองใช้เลย ตัวอย่างสคริปต์โฆษณาของ Google ที่ออกอากาศผ่านวิทยุ "The only thing I love more than taking the perfect photo? Taking the perfect photo at night." "With Google Pixel 4 both are a cinch." "It’s my favorite phone camera out there, especially in low light, thanks to Night Sight Mode." ที่มา: FTC via The Verge
# เรียกแล้วมาทันที AWS เปิดตัว Lambda SnapStart ลดเวลา cold start ได้ถึง 90% ใช้ฟรีด้วย สำหรับนักพัฒนาที่รันโค้ดแบบ serverless บน AWS Lambda ก็ต้องเจอปัญหา cold start กันมาทุกคน นั่นคือเมื่อตัวฟังก์ชันไม่ได้ถูกเรียกใช้มาระยะเวลาหนึ่งทำให้ AWS ปิดฟังก์ชันไป และในการเรียกใช้งานครั้งต่อไปหากไม่อยู่ในแคชก็จะต้องรันใหม่ตั้งแต่ต้น กินเวลานานหลายวินาที ส่งผลต่อประสิทธิภาพของแอพโดยรวมได้ แม้ที่ผ่านมา AWS จะพยายามลดเวลา cold start มาตลอด แต่ก็ยังกินเวลาหลายวินาที ล่าสุดได้เปิดตัว Lambda SnapStart ที่โฆษณาว่าช่วยลดระยะเวลา cold start ลงได้มากถึง 90% หรือแทบจะไม่มีการรอ cold start เลยทีเดียว หลักการทำงานคือเมื่อฟังก์ชันถูกเรียกใช้งานครั้งแรกตามปกติ ระบบจะเก็บ snapshot ของฟังก์ชันด้วย Firecracker หลังจากนั้นเมื่อฟังก์ชันตายไปแล้วและถูกเรียกขึ้นมาใหม่ก็จะดึง snapshot มารันได้เลย ไม่ต้อง cold start ใหม่หมดตั้งแต่เริ่ม โดยจะเก็บ snapshot ไว้ให้ 14 วัน ทั้งนี้ Lambda SnapStart ยังมีให้ใช้เฉพาะบน Lambda ที่รัน Java ด้วย Amazon Corretto 11 JDK เท่านั้น สามารถเปิดใช้งานได้เลยทั้งฟังก์ชันที่มีอยู่แล้วและฟังก์ชันที่จะสร้างใหม่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม อย่างการเดโมบนโค้ด Java ได้จากที่มา (โชว์ลดการ start ฟังก์ชันจาก 6.3 วินาที เหลือเพียง 181.9 มิลลิวินาที) ที่มา - AWS re:Invent 2022 ภาพทั้งหมดโดย Blognone
# AWS เปิดตัว EC2 รุ่นใหม่ C7gn, HPC7g แกนกลาง Graviton 3E ใหม่ ใช้ hypervisor รุ่นใหม่ Nitro v5 วันนี้ที่งาน AWS re:Invent 2022 AWS ได้เปิดตัว EC2 รุ่นใหม่หลายตัว โดยแกนกลางเป็น Graviton ซีพียูที่ออกแบบเอง และรันผ่าน Nitro ฮาร์ดแวร์ hypervisor ของตัวเองที่ขณะนี้เดินทางมาถึง v5 แล้ว C7gn เป็น EC2 ในกลุ่มที่เน้นซีพียู (Compute Optimized) เช่นนำมาทำระบบเน็ตเวิร์ค, วิเคราะห์ข้อมูล หรือการคำนวณแบบคลัสเตอร์ ใช้ซีพียู Graviton 3E รุ่นใหม่ที่เปิดตัวพร้อมกัน รองรับแบนด์วิดท์เน็ตเวิร์ค 200 Gbps และประมวลผลแพ็คเก็ตได้สูงขึ้น 50% (เทียบกับ C6gn) มีให้เลือกหลายขนาด สูงสุด 64 vCPU และแรม 128 GiB เริ่มให้ทดลองแล้วผ่านการลงทะเบียน HPC7g เป็น EC2 ตัวใหม่อีกตัวที่ใช้แกนเป็น Graviton 3E เช่นกัน จัดอยู่ในกลุ่ม Compute Optimized ประมวลผลเวคเตอร์ได้เร็วขึ้น 35% เมื่อเทียบกับ Graviton 3 ทำให้เป็น EC2 สำหรับงาน HPC ที่มีอัตราราคาต่อประสิทธิภาพที่ดี รองรับเน็ตเวิร์ค 200Gbps เช่นกัน เลือกขนาดได้สูงสุด 64 vCPU และแรม 128GiB เช่นกัน R7iz เป็น EC2 ที่ใช้ซีพียู Intel Xeon gen 4 (Sapphire Rapids) เร่งความเร็วได้สูงสุดทุกคอร์ที่ 3.9 GHz เหมาะกับงานด้านการเงิน, การจำลองเวิร์คโหลด และรวมถึงใช้งานเป็นฐานข้อมูลได้เช่นกัน เลือกขนาดได้สูงสุดถึง 128 vCPU และแรม 1TiB ส่วนฮาร์ดแวร์ hypervisor ของ AWS อย่าง Nitro ที่ใช้งานมานาน ขณะนี้เดินทางมาถึงรุ่น v5 แล้ว มีทรานซิสเตอร์มากขึ้น 2 เท่า, DRAM เร็วขึ้น 50% และแบนด์วิดท์ของ PCIe สูงขึ้น 2 เท่า ออกแบบโดย Annapurna Labs บริษัทชิปจากอิสราเอลที่ซื้อกิจการมาตั้งแต่ปี 2015 ที่มา - AWS re:Invent 2022 ภาพทั้งหมดโดย Blognone
# กูเกิลขายไลเซนส์ปัญญาประดิษฐ์ตรวจมะเร็งเต้านมให้บริษัทเฉพาะทาง กูเกิลขายไลเซนส์ปัญญาประดิษฐ์ตรวจจับมะเร็งเต้านมให้กับบริษัท iCAD ที่ขายเทคโนโลยีการตรวจจับมะเร็งโดยเฉพาะ โดยทาง iCAD จะนำเทคโนโลยีนี้ไปทดสอบการใช้งาน แล้วนำความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ของกูเกิลไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของ Breast AI Suite และ ProFound AI Risk ของ iCAD เอง กูเกิลรายงานการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อตรวจจับมะเร็งเต้านมมาตั้งแต่ปี 2020 พบว่าช่วยลดความผิดพลาดการตรวจลงได้ แต่ที่ผ่านมาก็กูเกิลก็ยังไม่ได้เดินหน้าที่จะขออนุญาตใช้งานจริง ที่มา - Google Blog, iCAD
# AWS จะ "เป็นบวกทางน้ำ" คืนน้ำสะอาดให้ชุมชนมากกว่าที่ตนเองใช้ในการดำเนินงาน AWS ประกาศว่าบริษัทตั้งเป้าจะเป็นบวกทางน้ำ (water positive) ภายในปี 2030 กล่าวคือ AWS จะคืนน้ำสะอาดให้ชุมชนต่างๆ มากกว่าที่ใช้ในการดำเนินกิจการ เช่นการใช้น้ำระบายความร้อนศูนย์ข้อมูล นอกจากนี้ AWS ยังรายงานว่าในปี 2021 บริษัทมีประสิทธิภาพในการใช้น้ำ วัดด้วยหน่วย WUE (Water Usage Effectiveness) อยู่ที่ 0.25 (เลขยิ่งน้อยยิ่งดี) สำหรับการเป็นบวกทางน้ำ AWS มี 4 กลยุทธ์ด้วยกันคือ ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนำเทคโนโลยี IoT ของตนเข้ามาวิเคราะห์การใช้น้ำแบบเรียลไทม์และตรวจหาการรั่วของท่อน้ำ รวมถึงการลดการใช้น้ำระบายความร้อนศูนย์ข้อมูลให้ได้มากที่สุด โดยการเปลี่ยนไปใช้ลมแทนซึ่งศูนย์ข้อมูลในสวีเดนและไอร์แลนด์ใช้น้ำระบายความร้อนเพียง 5% ของทั้งปีเท่านั้น รวมถึงนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำหลายรอบด้วย ใช้แหล่งน้ำที่ยั่งยืน เช่นน้ำที่ผ่านการบำบัดและใช้น้ำฝน โดยน้ำที่บำบัดมาแล้วก็เหมาะกับการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมและการชลประทาน ทำให้เหลือน้ำสะอาดไว้ให้ประชาชนอุปโภค ปัจจุบัน AWS ใช้น้ำบำบัดในการระบายความร้อนศูนย์ข้อมูลแล้ว 20 แห่งทั่วโลก แบ่งปันน้ำให้เกษตรกร หลัง AWS ใช้น้ำในศูนย์ข้อมูลแล้ว น้ำก็ยังสะอาดพอจะใช้ต่อได้ในเรื่องอื่น เช่นในรัฐโอเรกอน AWS บริจาคน้ำถึง 96% ให้เกษตรกรท้องถิ่นนำไปใช้ในสวนต่อโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จัดหาน้ำสะอาด โดย AWS ตั้งโปรเจ็คในหลายประเทศเช่นบราซิล, อินเดีย, อินโดนีเซีย และแอฟริกาใต้ ส่งน้ำสะอาดราว 1.6 พันล้านลิตรสู่ชุมชน เช่นในอินเดียได้ร่วมกับ WaterAid สร้างท่อส่งน้ำสะอาด 5 ท่อ และระบบเติมน้ำบาดาล ส่งน้ำสะอาดปีละ 47 ล้านลิตรให้ประชาชน 500 ครัวเรือน หรือราว 2,100 ชีวิต ที่มา - AWS re:Invent ฟาร์มกังหันลมของ Amazon ที่รัฐเท็กซัส | ภาพโดย Amazon
# App Store Award 2022 - BeReal และ GoodNotes 5 คว้ารางวัลแอปแห่งปี Apple ประกาศแอปพลิเคชันและแอปพลิเคชันเกมผู้ชนะรางวัล App Store Award เป็นแอปและเกมที่ดีที่สุดแห่งปี 2022 รวม 16 แอป ผลการคัดเลือกมาจากฝ่ายบรรณาธิการของ App Store ทั่วโลก ผู้ชนะจะได้รับรางวัลรูปไอคอน App Store สีฟ้า รายชื่อแอปพลิเคชันที่ได้รับรางวัลมีดังนี้ แอป iPhone แห่งปี: BeReal แอป iPad แห่งปี: GoodNotes 5 แอป Mac แห่งปี: MacFamilyTree 10 แอป Apple TV แห่งปี: ViX แอป Apple Watch แห่งปี: Gentler Streak รายชื่อเกมที่ได้รับรางวัลมีดังนี้ เกม iPhone แห่งปี: Apex Legends Mobile เกม iPad แห่งปี: Moncage เกม Mac แห่งปี: Inscryption เกม Apple TV แห่งปี: El Hijo เกม Apple Arcade แห่งปี: Wylde Flowers เกมจีนแห่งปี: League of Legends Esports Manager นอกจากนี้ Apple ยังประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล Cultural Impact ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับโปรเจคที่มีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่ของผู้คนและมีอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมรวมทั้งสิ้น 5 โปรเจค ดังนี้ How We Feel แอปบันทึกอารมณ์ในแต่ละวันเป็นคำพูดเพื่อหาทางจัดการกับอารมณ์และสร้างสุขภาพจิตที่ดี Dot’s Home แอปนำเสนอความไม่ยุติธรรมในการปฏิบัติต่อคนต่างสีผิวผ่านเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลา Locket Widget แอปเพิ่มลูกเล่นให้ Widget สามารถส่งภาพเคลื่อนไหว (live photo) ไปยังหน้าโฮมบนสมาร์ทโฟนของผู้อื่นได้เพื่อช่วยสร้างความสัมพันธ์โดยไม่ต้องอาศัยโซเชียลมีเดีย Waterllama แอปกระตุ้นให้ตั้งเป้าหมาย สร้างความท้าทาย การเตือนความจำ พร้อมทั้งติดตามความสำเร็จของเป้าหมายที่ตั้งไว้ Inua - A Story in Ice and Time แอปผจญภัยที่เล่าผ่านเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ นิทานบ้าน และเรื่องเล่าของชาวเอสกิโม ที่มา: Apple
# Windows 11 Insider เพิ่มไอคอนบอกว่ากำลังต่อ VPN ที่ System Tray ไมโครซอฟท์ออก Windows 11 Insider Preview Build 25252 ให้กลุ่มทดสอบ Dev Channel มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจคือ ไอคอนเครือข่ายใน system tray มีป้าย (badge) รูปโล่ เพื่อบอกว่ากำลังเชื่อมต่อ VPN อยู่ในตอนนั้น ความนิยมใน VPN เพิ่มขึ้นมากในยุคหลังด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว การหลบเลี่ยงเซ็นเซอร์​ หรือการใช้งานบริการที่จำกัดภูมิภาค เราจึงเริ่มเห็นบริษัทเจ้าของ OS หรือเบราว์เซอร์เริ่มทยอยเพิ่มฟีเจอร์ด้าน VPN เข้ามา เช่น Microsoft Edge มี VPN ใช้ฟรี, iOS มีบริการ Private Relay หรือ Google One VPN เป็นต้น ฟีเจอร์อื่นใน Build 25252 คือการทดลองหน้าตาใหม่ๆ ของช่อง Search ใน Taskbar ซึ่งไมโครซอฟท์บอกว่ารอดูผลลัพธ์จากการใช้งานจริง เพื่อตัดสินใจว่าจะเลือก UI แบบไหนต่อ ที่มา - Windows Blog
# การประท้วงที่โรงงาน Foxconn ในจีนกระทบการผลิต iPhone 14 Pro ผลิตได้ลดลง 6 ล้านเครื่อง แหล่งข่าวของ Bloomberg เผยว่าเหตุการณ์ประท้วงของพนักงานในโรงงาน Foxconn ในเมืองเจิ้งโจว ประเทศจีนกระทบต่อการผลิต iPhone 14 Pro ทำให้ผลิตได้ลดลง 6 ล้านเครื่อง ทั้งนี้ Apple และ Foxxconn คาดว่าจะผลิต iPhone มาชดเชยจำนวน 6 ล้านเครื่องที่สูญเสียไปได้ในปีหน้า เหตุการณ์ประท้วงในโรงงานของ Foxconn เกิดขึ้นจากการที่พนักงานที่ถูกกักตัวอยู่ในที่พักของโรงงานกังวลว่าจะติดเชื้อโควิด รวมทั้งการที่ยังไม่ได้รับค่าแรงจากโรงงาน Foxconn ได้รับสมัครพนักงานใหม่เข้ามาโดยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลท้องถิ่นของเมืองเจิ้งโจว หลังจากพนักงานจำนวนมากพากันหนีกลับบ้านหลังเมืองเจิ้งโจวประกาศมาตราการ Zero-Covid ซึ่งพอเกิดการประท้วง พนักงานที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ส่วนหนึ่งก็ออกจากโรงงานด้วย ตอนนี้ Foxconn ได้ประกาศเพิ่มโบนัส 1,800 เหรียญสหรัฐฯ ให้กับพนักงานที่จะอยู่ทำงานในโรงงานเพื่อผลิต iPhone ในช่วงเดือนธันวาคมและมกราคมด้วย ทั้งนี้ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ประท้วง Morgan Stanley บริษัทวิเคราะห์ทางการเงินได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า Foxconn และ Apple จะผลิต iPhone 14 Pro ได้ลดลง 6 ล้านเครื่องเพราะมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ของจีน ทางฝั่ง Apple เองก็ได้ออกแถลงการณ์ให้ลูกค้ารอสินค้าระยะเวลานานขึ้นเพราะมาตรการ Zero-Covid กระทบการผลิต iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ก่อนหน้านี้ Apple ได้ลดตัวเลขคาดการณ์การผลิต iPhone 14 รวมทุกรุ่นมาอยู่ที่ราว 87 ล้านเครื่อง จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะผลิตให้ได้ 90 ล้านเครื่องในปีนี้ ที่มา: Bloomberg
# CD Projekt RED เผย The Witcher Remake จะเป็นเกม Open-World หลังจากประกาศรีเมค The Witcher ภาคแรก ไปเมื่อเดือนตุลาคม ล่าสุด CD Projekt RED เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมในการประกาศผลประกอบการล่าสุดว่า The WItcher Remake จะเป็นเกมโอเพนเวิลด์ The Witcher ภาคแรกถูกปล่อยออกมาเมื่อปี 2007 เป็นเกม Action RPG ที่ดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง ไม่ได้เป็นโอเพนเวิลด์ที่เปิดพื้นที่ให้ผู้เล่นออกไปทำอะไรก็ได้เหมือนกับภาค 3 อย่างไรก็ตาม CD Projekt RED ระบุว่า คงต้องรออีกซักพัก กว่าที่สตูดิโอจะสามารถเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ The Witcher ภาคแรกดำเนินเรื่องใน Vizima เมืองหลวงของแคว้น Temaria เป็นหลัก (เราได้เข้าไปในปราสาทของเมือง Vizima เล็กน้อยในภาค 3) ซึ่งการทำเป็นโอเพนเวิลด์ เราน่าจะได้เห็นแคว้น Temeria มากยิ่งขึ้น ที่มา - IGN
# รางวัลแรกมาแล้ว God of War Ragnarök ได้เกมแห่งปีจากนิตยสาร TIME หลังจากเปิดตัวก็เป็นกระแสที่ค่อนข้างแรงกับ God of War Ragnarök ในแง่การขึ้นมาท้าชิง Game of the Year สำนักต่างๆ กับ Elden Ring ล่าสุดนิตยสาร TIME ประกาศผล Top 10 Best Video Games of 2022 ออกมาแล้ว และ God of War Ragnarök ก็คว้าอันดับ 1 ไปได้เป็นรางวัลแรก ส่วนอันดับอื่นๆ มีดังนี้ Horizon: Forbidden West The Quarry Elden Ring Stray The Last of Us Part 1 (อุตส่าห์จะติด) Sifu Resident Evil Village: Shadows of Rose LEGO Star Wars: The Skywalker Saga Teenage Mutant Ninja Turtles: Shredder’s Revenge ที่มา - TIME
# Yahoo! ประกาศซื้อหุ้น 25% แพลตฟอร์มโฆษณาแนวแนะนำคอนเทนต์ Taboola Yahoo! ประกาศซื้อหุ้น 25% ใน Taboola แพลตฟอร์มโฆษณาในรูปแบบการแนะนำคอนเทนต์ สำหรับผู้ผลิตเนื้อหา โดยผลจากดีลดังกล่าว Yahoo! จะให้ Taboola มาเป็นพาร์ตเนอร์ของระบบโฆษณา โดยมีสัญญาเป็นระยะเวลา 30 ปี ผู้อ่านหลายคนอาจคุ้นเคยหรือเคยผ่านตาบริการของ Taboola อยู่บ้าง โดยจะเป็นชุดลิงก์แนะนำเนื้อหา วางตำแหน่งอยู่ที่ท้ายเนื้อหาในเว็บข่าวหรือเว็บคอนเทนต์ Jim Lanzone ซีอีโอปัจจุบันของ Yahoo! กล่าวว่าบริการของ Taboola จะเข้ามาเติมเต็มรูปแบบบริการโฆษณาที่หลากหลาย และทำให้บริการรวมของ Yahoo! แตกต่าง แต่ผู้ผลิตเนื้อหาได้ประโยชน์ร่วมกัน ที่มา: Yahoo!
# บริษัทคริปโต BlockFi ยื่นล้มละลาย ผลกระทบต่อเนื่องจาก FTX ล้มละลาย บริษัทคริปโต BlockFi ประกาศยื่นล้มละลายตามกฎหมาย chapter 11 ของสหรัฐ หลังได้รับผลกระทบจากการล้มละลายของ FTX ที่เป็นคู่สัญญาด้านการเงิน (counterparty) ระหว่างกัน BlockFi เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านคริปโตหลายอย่าง ทั้งการเทรดคริปโต การรับฝากและการให้กู้เงินคริปโต รวมถึงการให้บริการบัตรเครดิตคริปโตด้วย BlockFi ไม่ได้เปิดเผยว่ามีสินทรัพย์ค้างอยู่กับ FTX เท่าไร บอกแต่ว่ามีเงินสดในมือ 256.9 ล้านดอลลาร์ และตัดสินใจยื่นล้มละลายเพื่อฟื้นฟูกิจการตามกฎหมาย โดยจะพยายามขอให้ศาลล้มละลายอนุมัติจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน แม้เว็บไซต์ Decrypt อ้างแหล่งข้อมูลภายในว่ามีการปลดพนักงานออกจำนวนหนึ่งด้วยก็ตาม บริษัท BlockFi มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ FTX มาตลอด และเมื่อกลางปีนี้เพิ่งรับเงินสินเชื่อ 250 ล้านดอลลาร์จาก FTX เข้ามาช่วยเติมสภาพคล่อง ที่มา - BlockFi
# Elon Musk เปิดศึกแอปเปิล บอกแอปเปิลหยุดลงโฆษณา Twitter และขู่ถอดจาก App Store Elon Musk เปิดศึกกับ Tim Cook และแอปเปิล โดยเขาระบุว่าแอปเปิลหยุดลงโฆษณากับ Twitter และยังขู่ถอด Twitter ออกจาก App Store โดยไม่ระบุเหตุผล นอกจากนี้เขายังโพสต์ภาพมีมเรื่องการบังคับหักส่วนแบ่ง 30% ของแอปเปิลด้วย โดยบอกว่าจะไม่ยอมจ่ายตรงนี้ และยินดีก่อสงครามแทน เว็บไซต์ Washington Post รายงานตัวเลขว่า แอปเปิลถือเป็นผู้ลงโฆษณารายใหญ่ของ Twitter โดยใช้เงินค่าโฆษณา 48 ล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส (ตัวเลขไตรมาส 1/2022) คิดเป็น 4% ของรายได้ Twitter ในไตรมาสนั้นๆ
# GWM ชี้แจง ค่าเปลี่ยนแบต Ora Good Cat กว่า 6 แสนบาท เป็นการประเมินเบื้องต้น จริงๆ เปลี่ยนแค่ฝาครอบพอ Great Wall Motor ออกชี้แจงกรณีรถยนต์​ Ora Good Cat ของลูกค้ารายหนึ่ง ประสบปัญหาฝาครอบแบตเตอรี่ใต้ท้องรถยนต์เสียหาย และศูนย์บริการประเมินค่าเสียหายกว่า 6 แสนบาท เพราะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั้งชุด จนเป็นประเด็นข่าวใหญ่ในวงการรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย (ข่าวจากข่าวสด) Great Wall Motor บอกว่าราคาดังกล่าวเป็นการแจ้ง "เบื้องต้น" เท่านั้น ซึ่งจากการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่าสามารถเปลี่ยนเฉพาะฝาครอบได้ และราคาค่าเปลี่ยนยังอยู่ในการคุ้มครองของบริษัทประกัน (ไม่เปิดเผยว่าเท่าไร) Great Wall Motor บอกว่าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการสื่อสารแบบเดียวกันขึ้นอีก จึงจะมีมาตรการดังนี้ ลูกค้าที่เกิดปัญหาอุบัติเหตุและแบตเตอรี่ได้รับความเสียหาย ทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ สำนักงานใหญ่ จะเข้าไปร่วมพูดคุยและเจรจาแก้ปัญหากับบริษัทประกันให้กับลูกค้าใน “ทุกเคส” จัดตั้ง HOTLINE สายด่วนเพื่อรับปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่โดยเฉพาะ จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะเพื่อตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่หลังอุบัติเหตุ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการทำงานกับบริษัทประกันและลดความกังวลของลูกค้า ทำงานกับทางสำนักงานใหญ่ที่ประเทศจีนเพื่อเจรจาเกี่ยวกับราคาแบตเตอรี่และการถ่ายโอนความรู้ในการเปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นบางโมดูลหรือการซ่อมแบตเตอรี่เพื่อลดภาระของลูกค้า เพื่อรองรับเคสที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทำงานร่วมกับบริษัทประกันในการตรวจสอบความถูกต้องของใบประเมินราคาก่อนนำส่งลูกค้า และปรับปรุงการสื่อสารระหว่างบริษัทประกัน, GWM Partner Store, GWM สำนักงานใหญ่ และลูกค้า หาแนวทางร่วมกับบริษัทประกันถึงความเป็นไปได้ในการทำประกันแยกเฉพาะสำหรับแบตเตอรี่ หรือการทำประกันเพื่อคุ้มครองเต็มมูลค่าทุนประกันของตัวรถ เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์จาก Great Wall Motor ประเทศไทย
# PHP 7.4 หมดระยะซัพพอร์ตแล้ว ตัวสุดท้ายของสาย 7.x โครงการ PHP ประกาศว่า PHP 7.4 เวอร์ชันสุดท้ายของสาย PHP 7.x สิ้นระยะซัพพอร์ตแล้วในวันนี้ 28 พฤศจิกายน 2022 เท่ากับว่าจากนี้ไปจะเหลือ PHP 8.x เท่านั้นที่ยังอยู่ในระยะซัพพอร์ต ช่วงหลัง PHP มีนโยบายออกรุ่นปีละ 1 ครั้งช่วงปลายปี แต่ละรุ่นมีระยะเวลาซัพพอร์ตนาน 3 ปีเต็ม โดย PHP 7.4 ออกเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2019 ถือว่าครบ 3 ปีพอดีในวันนี้ ตอนนี้เวอร์ชันล่าสุดของ PHP คือ 8.1 จะหมดระยะซัพพอร์ตวันที่ 25 พฤศจิกายน 2024 และโครงการกำลังจะออก PHP 8.2 ในวันที่ 8 ธันวาคมนี้
# เบื้องหลังการล็อบบี้ของ Huawei ในยุโรป พยายามแค่ไหนก็ล้มเหลว โดนยุโรปแบนอยู่ดี เว็บไซต์ Politico รายงานโดยอ้างข้อมูลจากพนักงานและอดีตพนักงานว่า Huawei เริ่ม "ถอยทัพ" ในตลาดยุโรป ลดพนักงานฝ่ายล็อบบี้และประชาสัมพันธ์ลง ปิดสำนักงานในบรัสเซลส์ หลังความพยายามล็อบบี้หน่วยงานภาครัฐในยุโรปไม่ประสบความสำเร็จ เรื่องราวของ Huawei ที่โดนรัฐบาลสหรัฐในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันและสั่งแบน เป็นสิ่งที่ชาว Blognone คงรู้กันอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ Huawei หันไปเน้นตลาดยุโรปที่ไม่ได้มีมุมมองการแบนโดยตรงแบบสหรัฐ และจ้างพนักงานระดับสูงที่เป็นชาวตะวันตกจำนวนมาก ทั้งอดีตนักข่าวและอดีตนักการเมือง เพื่อเข้าหาและสร้างสัมพันธ์กับตัวแทนหน่วยงานภาครัฐในประเทศต่างๆ กิจกรรมของ Huawei ในยุโรป ขึ้นชื่อเรื่องการจัดปาร์ตี้ การเข้าเป็นสปอนเซอร์งานอีเวนต์ใหญ่ๆ (เช่น Mobile World Congress หรือ World Economic Forum) การเชิญนักการเมืองไปชมสำนักงานใหญ่ของ Huawei ที่เซินเจิ้น และการแจก "ถุงของขวัญ" ที่ข้างในนั้นมีสมาร์ทโฟนของ Huawei อยู่ด้วย แนวทางการล็อบบี้ของ Huawei ในยุโรปประสบความสำเร็จในช่วงแรกราวปี 2019 โดยเฉพาะในประเทศที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกามากนัก เช่น เยอรมนี สเปน อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนของนโยบาย Huawei ในตลาดโลกมีด้วยกันหลายครั้ง ได้แก่ การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีจุดเริ่มต้นจากจีน ทำให้รัฐบาลหลายประเทศเริ่มไม่ไว้ใจจีน และรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าทีแข็งกร้าวกับจีนมากขึ้นมาก รวมถึงนโยบาย Zero Covid ของจีนทำให้ผู้บริหารระดับสูงของ Huawei ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ Meng Wanzhou ลูกสาวของผู้ก่อตั้ง Huawei เดินทางกลับจีนในเดือนกันยายน 2021 และกลับเข้ามารับตำแหน่งประธานร่วมของบริษัท ทำให้บริษัทมีทิศทางสนใจตลาดโลกลดน้อยลง สงครามรัสเซีย-ยูเครนช่วงต้นปี 2022 ทำให้รัฐบาลยุโรปท่าทีเปลี่ยนไป มองว่าไม่สามารถพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย และอุปกรณ์โครงข่ายจากจีนได้อีกแล้ว ในช่วงปี 2021 รัฐบาลของชาติยุโรปหลายแห่งเริ่มแบนอุปกรณ์เครือข่ายของ Huawei ตามแนวทางของสหรัฐอเมริกา-สหราชอาณาจักร ทำให้โครงการล็อบบี้ของ Huawei ประสบความล้มเหลว ช่วงหลังๆ พนักงานสายงานเหล่านี้หลายคนทยอยลาออกจาก Huawei และบริษัทก็ปิดสำนักงานในกรุงบรัสเซลส์ ที่ตั้งของรัฐบาลยุโรป เหลือสำนักงานใหญ่ในยุโรปที่เมืองดุสเซลดอล์ฟ เยอรมนีเพียงแห่งเดียว ตอนนี้ Huawei ยังมีธุรกิจในยุโรปอยู่บ้างเป็นบางประเทศ เช่น ฮังการี แต่ลดโฟกัสลง เหลือแต่การบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ติดตั้งไปแล้วเป็นหลัก และต้องหันกลับไปเน้นตลาดจีนที่ตัวเองยังแข็งแกร่งอยู่ ที่มา - Politico