txt
stringlengths
202
53.1k
# รองประธานฝ่ายโปรดัก Vercel แนะนำการสัมภาษณ์งานไอที คนสมัครควรถามกลับ พร้อมแนะคำถามสำคัญ Kathy Korevec รองประธานฝ่ายโปรดักของบริษัท Vercel ผู้พัฒนาเฟรมเวิร์ค NextJS เขียนบทความลง GitHub ลงโครงการ The ReadME Project ถึงการสมัครงานว่าระหว่างสัมภาษณ์เธอถามคำถามกับผู้สัมภาษณ์เสมอ และทำให้เห็นภาพว่าควรทำงานกับบริษัทนั้นหรือไม่ แทนที่การสัมภาษณ์จะเป็นการพิจารณาผู้สมัครอย่างเดียว Kathy เล่าถึง 5 คำถามสำคัญที่เธอถามผู้สัมภาษณ์เธอ “ฉันจะล้มเหลวได้ยังไง” เป็นคำถามเพื่อให้รู้ว่าคนสัมภาษณ์คิดถึงความสำเร็จของคนสมัครเมื่อได้เข้าทำงานหรือไม่ เพราะคนจำนวนมากออกจากบริษัทเพราะการบริหารที่ไม่ดี “บริษัทให้รางวัลทีมอย่างไร” ดูว่าบริษัทให้รางวัลตอบแทนโดยวัดจากอะไร เป็นการวัดจาก KPI ตัวไหนบ้าง และทำให้ผู้สมัครคาดได้ว่าจะเติบโตในบริษัทได้หรือไม่ “ช่วยแชร์เรื่องที่ทีมงานทำได้ไม่ดี และกระบวนการแก้ไขให้ฟังหน่อย” เป็นการดูความเป็นผู้นำในทีม และดูว่าทีมสนับสนุนให้คนทดลองสิ่งใหม่ๆ ที่อาจจะล้มเหลวได้หรือไม่ “กระบวนการปล่อยโค้ดเป็นอย่างไร” และ “หัวหน้าให้ความสนใจกับการแก้ปัญหาการทำงานร่วมกันระหว่างทีมแค่ไหน” คำถามนี้ดูถึงการทำงานในทีมว่าติดปัญหาการทำงานร่วมกัน เพราะการทดสอบไม่ผ่าน หรือการรีวิวโค้ดล่าช้า ไปจนถึงเกิดคอขวดเพราะแต่ละโปรเจคมีคนดูแลคนเดียว คำถามนี้ทำให้เราเห็นภาพว่าการทำงานในทีมจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ Kathy ยังแนะนำการเตรียมตัวสัมภาษณ์ว่า ควรค้นหาข้อมูลบริษัทให้เรียบร้อย วางแผนถึงการสัมภาษณ์ว่ามีเงื่อนไขอะไรที่จะทำให้เราตอบรับหรือปฎิเสธหากได้งาน ที่มา - GitHub: The ReadME Project ภาพโดย Altnet
# Airasia เปิดตัวแอปเรียกรถรับจ้างถูกกฎหมาย Airasia Ride Airasia Ride เปิดตัวซุปเปอร์แอปพลิเคชันให้บริการเรียกรถรับจ้างถูกกฎหมายโดยให้บริการรถยนต์ 3 ประเภท ได้แก่ รถ Economy ขนาดเล็ก 4 นั่ง (ไซส์ S) รถคอมแพ็ค ขนาด 4 ที่นั่ง (ไซส์ M) รถพรีเมี่ยมและรถ SUV ขนาด 6 ที่นั่ง (ไซส์ L) รวมทั้งจะมีบริการอื่น ๆ อย่างการจองตั๋วเครื่องบินและจองโรงแรมด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังเผยว่า ในอนาคตจะเปิดตัวฟีเจอร์ระบุคนขับ 3 อย่าง ได้แก่ คนขับผู้หญิง คนขับเงียบ และคนขับที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า Airasia Ride ยังประกาศรับสมัครคนขับรถพาร์ทเนอร์ด้วย โดยคนขับจะมี 2 ประเภท คือ คนขับอิสระและคนขับประเภท Private Plus ซี่งคนขับประเภทหลังจะได้รับการสนับสนุนด้านรายได้และเวลาในการทำงานเพิ่มเติมจากคนขับอิสระ ที่มา: Airasia newsroom
# Google อัปเดต Workspace ใหม่ ปรับปรุงผลการค้นหาบน Gmail พร้อมให้แชร์ไฟล์ใน Google Meet Google ประกาศอัปเดตปรับปรุง Workspace ให้ผู้ใช้ 3 เรื่องดังนี้ ปรับปรุงการแสดงผลการค้นหาในช่องค้นหาบน Gmail บนเว็บเบราว์เซอร์ โดยเพิ่มการอ้างอิงข้อมูลจากประวัติการค้นหาของผู้ใช้เพื่อให้ผลการค้นหาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ใช้เคยค้นหามากขึ้น สามารถส่งไฟล์เอกสาร Google Docs, Sheets และ Slide ที่กำลังแชร์หน้าจออยู่ได้ในช่องสนทนาของ Google Meet ทำให้สามารถเปิดให้ผู้เข้าร่วมประชุมบางคนหรือทุกคนสามารถเข้าดูไฟล์เอกสาร และร่วมกันแก้ไขงานขณะประชุมได้ อัปเดตให้ผู้ใช้สามารถปรับขนาดแถบแก้ไขตารางใน Google Sheets ได้ขณะสร้างหรือแก้ไขตาราง การเพิ่มขนาดของแถบแก้ไขทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นข้อมูลเต็มเมื่อชื่อคอลัมน์หรือหัวข้อบนตารางมีขนาดยาวเกินไป ที่มา: Google
# Tesla ประเทศไทยเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้ หลังจากเมื่อเดือนพฤษภาคมมีข่าวฮือฮาว่า Tesla ได้จดทะเบียนบริษัทในประเทศไทยตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา พร้อมกับประกาศรับสมัครงานในประเทศไทยในเวลาต่อมา ล่าสุด Tesla ประเทศไทยได้ปล่อยรูปยืนยันว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือนธันวาคมนี้ นอกจากนี้ยังเปิดตัวบัญชี LINE official ของประเทศไทยด้วย สามารถแอดได้ที่ @TeslaTH อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่าจะมีบัญชีทวิตเตอร์ด้วยหรือไม่ ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# ซีอีโอ Gran Turismo บอกว่าการออกเวอร์ชันพีซีเป็นไปได้ กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ GTPlanet เว็บแฟนเกม Gran Turismo มีโอกาสสัมภาษณ์ Kazunori Yamauchi ซีอีโอของ Polyphony Digital และผู้สร้างเกมซีรีส์นี้ ด้วยคำถามสำคัญว่าจะมีโอกาสเห็น Gran Turismo เวอร์ชันพีซีหรือไม่ ตามแนวทางของโซนี่ยุคใหม่ที่พอร์ตเกมลงพีซีอย่างต่อเนื่อง คำตอบของ Yamauchi คือ “Yes, I do think so” โดยเขาบอกว่าเกม Gran Turismo จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์พลังสูงในการเล่นภาพระดับ 4K@60fps ดังนั้นแพลตฟอร์มที่เล่นได้จึงจำกัดพอสมควร แต่เขาก็บอกว่าทีมพัฒนากำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ (we are looking into it and considering it) ที่ผ่านมา Gran Turismo เป็นเอ็กซ์คลูซีฟของ PlayStation เท่านั้น โดยเกมภาค 7 ลงทั้ง PS4 และ PS5 ที่มา - GTPlanet
# Elon Musk เผย สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้สมัครใช้งานใหม่ Twitter ทำ All-time high ช่วงนี้ Elon Musk ออกมาบอกเล่าแผนงานในอนาคตของ Twitter หลายอย่าง แต่มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ โดยเขาบอกว่าจำนวนผู้สมัครใช้งาน Twitter ใหม่ทำสถิติสูงสุด (all-time high) โดยเขาระบุว่าวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จำนวนผู้สมัครใช้งานมีมากกว่า 2 ล้านบัญชี คำนวณระยะเวลาย้อนหลัง 7 วัน เพิ่มขึ้น 66% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว นอกจากผู้สมัครใช้งานใหม่ ระยะเวลาใช้งานรวมก็ทำสถิติเช่นกันคือราว 8 พันล้านนาทีต่อวัน เพิ่มขึ้น 30% ส่วนคาดการณ์ในอนาคตนั้น Musk บอกเพียง Twitter จะมีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคน ภายใน 12-18 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้จำนวนผู้ใช้งานล่าสุดของ Twitter มีอยู่ราว 450 ล้านบัญชี ที่มา: Engadget
# ไมโครซอฟท์อธิบายวิธีคิด เกมขนาดกลางควรเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ เกมใหญ่-เล็กควรลงทุกแพลตฟอร์ม ไมโครซอฟท์ยื่นเอกสารต่อ CMA หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของสหราชอาณาจักร ในประเด็นเรื่อง Activision Blizzard ที่แกนกลางคือการเป็นเอ็กซ์คลูซีฟหรือไม่ของเกม Call of Duty ประเด็นที่น่าสนใจคือไมโครซอฟท์อธิบายวิธีคิดของตัวเอง (พร้อมแผนภาพ) ว่าเกมแบบใดควรเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ และเกมแบบใดควรลงแพลตฟอร์มคู่แข่งด้วย วิธีคิดของไมโครซอฟท์แบ่งเกมเป็น 3 ระดับ ได้แก่ เกมที่มีฐานผู้เล่นจำนวนมากๆ (mass market audience) เช่น Call of Duty, Minecraft เกมใหม่ หรือเกมที่ฐานผู้เล่นยังไม่ชัดเจน (new IP / uncertain audience) มักเป็นเกมที่เล่นคนเดียว และจับตลาดแฟนเฉพาะกลุ่ม เช่น Redfall, Starfield เกมเฉพาะกลุ่ม (niche audience) เป็นเกมขนาดเล็ก จับตลาดผู้เล่นเฉพาะกลุ่ม เช่น Fallout 76, Psychonauts 2 ไมโครซอฟท์บอกว่าเกมกลุ่มที่ 1 และ 3 เหมาะแก่การลงทุกแพลตฟอร์ม เพราะมีคุณค่าของการเป็นเอ็กซ์คลูซีฟน้อย (low exclusive value) ส่วนเกมกลุ่มที่ 2 เหมาะกับการเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ เกมของค่าย Bethesda ที่ไมโครซอฟท์ประกาศเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ ได้แก่ Redfall, Starfield, The Elder Scrolls 6 ในขณะที่เกม Minecraft ที่ลงทุกแพลตฟอร์มมาตั้งแต่แรก ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ หลังถูกไมโครซอฟท์ซื้อกิจการมา ที่มา - Kotaku
# Epic Games แจกเกมฟรี Star Wars: Squadron Epic Games แจกเกมฟอร์มยักษ์ฟรี Star Wars: Squadron เกมขับยานในจักรวาล Star Wars ที่พัฒนาโดยสตูดิโอ Motive ในสังกัด EA และออกขายเมื่อปี 2020 เกมได้คะแนนรีวิวเฉลี่ย 79/100 สามารถกดรับสิทธิกันได้จนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2022 สตูดิโอ Motive กำลังจะมีผลงานใหม่คือ Dead Space Remake กำหนดวางขายเดือนมกราคม 2023 ที่มา - Epic Games
# รัฐบาลรัสเซียสังหารชาวรัสเซีย 3 คน ข้อหาฝักใฝ่ยูเครน แต่แท้จริงแล้วเป็นเกมเมอร์ สำนักข่าว Russia-1 ของรัฐบาลรัสเซียรายงานว่า FSB หน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ได้สังหารชาวรัสเซีย 3 คน ที่มีพฤติกรรมฝักใฝ่ยูเครน และเตรียมโจมตีโรงไฟฟ้าของรัสเซียในเมือง Voronezh โดย FSB พบตราสัญลักษณ์รูปหมาป่า ที่ระบุว่าเป็นของกองกำลังฝ่ายขวายูเครน Volya อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Moscow Times (ไม่ได้เป็นของรัฐบาล) ตรวจสอบแล้วพบว่า 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตเป็นชาวเมือง Voronezh จริง แต่เป็น "เกมเมอร์" ที่ชื่นชอบในเกมสงคราม S.T.A.L.K.E.R. ของสตูดิโอเกมยูเครน GSC Game World ต่างหาก ผู้เสียชีวิตรายหนึ่งระบุชื่อว่า Vladimir Kotovsky ใช้นามแฝงว่า Stalker Phosgene ค่อนข้างมีชื่อเสียงในกลุ่มเกมเมอร์ S.T.A.L.K.E.R. ส่วนชุดทหาร อุปกรณ์ และตราสัญลักษณ์ที่พบ ไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของกองกำลังยูเครน แต่เป็นของกองกำลังฝ่าย Svoboda (Freedom) ในเกม S.T.A.L.K.E.R. ซึ่งเกมเมอร์กลุ่มนี้นำมาเล่นในเกมปืนลม (airsoft) ในพื้นที่เมือง Voronezh ภาพธง Freedom จากสำนักข่าว Russia-1 ภาพสัญลักษณ์กลุ่ม Freedom จากเกม S.T.A.L.K.E.R. คลิปตัวอย่างเกม S.T.A.L.K.E.R. 2 ที่มา - Moscow Times, Russia-1, Business Insider
# โซนี่บอกความสำเร็จของ Call of Duty เลียนแบบไม่ได้ EA ทำยังไงก็เข็น Battlefield ไม่ขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านมา โซนี่ส่งเอกสารให้กับ Competition and Markets Authority (CMA) หน่วยงานกำกับดูแลเรื่องการแข่งขันของสหราชอาณาจักร ที่กำลังสอบสวนเรื่องไมโครซอฟท์ซื้อ Activision Blizzard ทำให้เราได้เห็นมุมมองของโซนี่ต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมเกมหลายอย่าง ประเด็นหลักของโซนี่ยังเป็นเรื่องความสำคัญของ Call of Duty ที่ไม่ควรยอมให้ตกอยู่ในมือของคู่แข่งรายสำคัญ เอกสารของโซนี่บอกว่าความสำเร็จของ Call of Duty นั้นเลียนแบบไม่ได้ (Call of Duty is not replicable) เกมทุกภาคติดอันดับเกมขายดีประจำปีเกือบทุกปี และไม่มีบริษัทเกมรายอื่นที่สามารถสร้างเกมมาเทียบชั้นกับ Call of Duty ได้เลย ความเจ็บปวดคือโซนี่ยกตัวอย่างซีรีส์ Battlefield ว่าแม้บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับ EA พยายามแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถสู้กับ Call of Duty ได้ โดยเปรียบเทียบตัวเลขยอดขายรวมของซีรีส์ว่า Call of Duty สูงถึง 400 ล้านชุด ส่วน Battlefield ทำได้เพียง 88.7 ล้านชุดเท่านั้น ปัจจุบัน EA มอบหมายให้ Vince Zampella อดีตซีอีโอของ Infinity Ward ทีมสร้าง Call of Duty มาเป็นผู้ดูแลซีรีส์ Battlefield ที่มา - The Verge
# FCC สั่งแบนอุปกรณ์จากจีน 5 บริษัท Huawei, ZTE, Hytera, Hikvision, Dahua FCC หรือ กสทช สหรัฐ ลงมติด้วยคะแนน 4-0 ออกคำสั่งห้ามใช้อุปกรณ์สื่อสารจากประเทศจีน ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ อุปกรณ์ที่โดนแบนจากบริษัท 5 รายดังต่อไปนี้ Huawei ZTE Hytera Hangzhou Hikvision Digital Technology Dahua Technology อุปกรณ์ของบริษัทเหล่านี้จะห้ามนำเข้าและวางขายในสหรัฐอเมริกา และไม่สามารถผ่านการรับรองจาก FCC ได้อีก การแบนของ FCC เป็นการแบนอุปกรณ์ของทั้งบริษัท (รวมถึงบริษัทลูกและบริษัทในเครือ) ไม่ได้แยกเป็นรายหมวด กรณีของ Huawei/ZTE คงเป็นที่รู้จักอยู่แล้วเรื่องอุปกรณ์สื่อสาร ส่วน Hytera เป็นบริษัทที่ทำด้านวิทยุสื่อสาร และ Hikvision กับ Dahua เน้นเรื่องกล้องวงจรปิด ที่มา - FCC
# AIS ขายเงินลงทุนทั้งหมดใน บริษัทร่วมทุน AISCB คืนให้ SCBX AIS แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าก่อนหน้านี้ที่บริษัทได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน AISCB ร่วมกับ เอสซีบี เอกซ์ บริษัทแม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อให้บริการการเงินดิจิทัล เช่นการให้สินเชื่อผ่านแพลตฟอร์ม ล่าสุดทาง AIS แจ้งว่าบริษัทจะจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมด ให้แก่ เอสซีบี เอกซ์ ทั้งนี้ AIS ไม่ได้อธิบายสาเหตุที่ตัดสินในขายเงินลงทุนคืน แต่บอกว่าบริษัทยังคงเปิดโอกาสที่จะร่วมกับกลุ่ม SCBX อีกในอนาคต ที่มา: AIS (pdf)
# กลาโหมสหรัฐฯ วางแผนอิมพลีเมนต์ Zero Trust ทั้งองค์กรภายในปี 2027 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศแผนอิมพลีเมนต์ระบบความปลอดภัยแบบ Zero Trust ทั้งระบบ โดยวางแผนว่าจะสามารถอิมพลีเมนต์ได้สำเร็จทั้งองค์กรภายในปี 2027 การวางระบบความปลอดภัยแบบ Zero Trust จำกัดการเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ในองค์กร โดยตรวจสอบความปลอดภัยทุกอย่าง กระบวนการเข้าถึงแต่ละครั้งต้องตรวจสอบทั้งยืนยันตัวตนผู้ใช้, รูปแบบการเข้าถึงว่าผิดปกติหรือไม่, อุปกรณ์ที่ใช้มีความปลอดภัย โดยการอนุญาตให้เข้าถึงทรัพยากรต่างๆ เป็นรูปแบบที่จำกัดการอนุญาตเท่าที่จำเป็นเท่านั้น แผนการนี้ยอมรับว่ามีระบบเก่า (legacy) จำนวนมาก ที่ไม่สามารถปรับให้เข้ากับรูปแบบ zero trust ได้เต็มรูปแบบ แต่ก็ต้องออกแบบการควบคุมป้องกับภัยไซเบอร์ให้เพียงพอ หรือไม่ก็ปรับปรุงระบบเหล่านี้ให้เข้ากับแนวทางสมัยใหม่ ที่มา - U.S. Department of Defence
# Project Zero รายงานช่องโหว่ไดรเวอร์ Arm Mali GPU มีแพตช์แล้ว แต่ผู้ผลิตมือถือยังไม่อัพเดต Project Zero ของกูเกิล รายงานช่องโหว่ความปลอดภัยในไดรเวอร์ Arm Mali GPU ที่ใช้กันแพร่หลายในวงการ Android จำนวนรวม 5 จุด โดยส่งข้อมูลนี้ให้บริษัท Arm ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2022 และ Arm ออกแพตช์อุดช่องโหว่ให้เรียบร้อยแล้วในเดือนสิงหาคม 2022 อย่างไรก็ตาม แพตช์อันนี้กลับไม่ถูกแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนนำไปอัพเดตในสินค้าของตัวเองที่ใช้จีพียู Mali (แม้กระทั่ง Pixel ของกูเกิลเองก็ด้วย) ทำให้ช่องโหว่นี้ยังถูกเรียกใช้งานได้อยู่เช่นเดิม ทาง Project Zero ลองตรวจสอบกับตลาดแฮ็กเกอร์ใต้ดินก็พบว่านำช่องโหว่นี้ไปใช้งานกันอย่างแพร่หลายเช่นกัน ทางโครงการจึงออกมากระตุ้นเตือนอีกรอบให้บรรดาผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเร่งอัพเดตแพตช์จาก Arm ให้เรียบร้อย ที่มา - Project Zero
# Elon Musk ประกาศบริการระบบยืนยันตัวตนใหม่ มีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า ทอง และเทา Elon Musk ประกาศว่าจะให้บริการระบบยืนยันตัวตนของ Twitter แบบใหม่ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ โดยจะมีกระบวนการยืนยันตัวตนบุคคลแบบ manual ทีละบัญชีก่อนที่จะได้รับเครื่องหมายติ๊กถูกเพื่อแก้ปัญหาการปลอมบัญชีเป็นบุคคลอื่น นอกจากนี้เครื่องหมายติ๊กยืนยันตัวตนก็จะเพิ่มเป็น 3 สี ได้แก่ สีทอง สำหรับบริษัทหรือแบรนด์ต่าง ๆ สีเทา สำหรับหน่วยงานภาครัฐ สีฟ้า สำหรับบุคคลทั่วไปที่เป็นสมาชิก Twitter Blue เดือนละ 8 เหรียญสหรัฐฯ Musk ยังเผยว่า บัญชีส่วนบุคคลจะเป็นเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าเหมือนกันหมด ส่วนบุคคลใดที่เป็นบุคลากรในหน่วยงานใด ๆ ก็ตาม ก็สามารถมีเครื่องหมายรองขนาดเล็กได้หากได้รับการยืนยันตัวตนว่าเป็นบุคลากรของหน่วยงานนั้นจริง ก่อนหน้านี้ Musk มีแผนว่าจะนำ Twitter Blue กลับมาในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ แต่ก็ได้แจ้งพนักงานว่าจะไม่เปิดบริการอีกครั้งจนกว่าการปลอมบัญชีจะลดลง ที่มา: The Verge
# Twitter ปิดสำนักงานในบรัสเซลส์ ไม่มีพนักงานเหลือติดต่อกับ EU อีกแล้ว Financial Times รายงานข่าวว่าบริษัท Twitter ปิดสำนักงานในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ตอนนี้ไม่มีพนักงานเหลืออยู่แล้ว โดยมีทั้งกลุ่มที่ถูกปลดออกและกลุ่มที่ลาออกไปเอง ความสำคัญของสำนักงานที่บรัสเซลส์ คือการเป็นจุดติดต่อประสานงานกับสหภาพยุโรปที่มีสำนักงานใหญ่ที่บรัสเซลส์เช่นกัน ทำให้ตอนนี้ Twitter ไม่เหลือพนักงานที่ติดต่อกับสหภาพยุโรปเหลืออีกแล้ว หากหน่วยงานภาครัฐต้องร้องขอให้ Twitter ลบข้อมูลที่ผิดกฎหมายบางอย่างตาม กฎหมาย Digital Services Act ฉบับใหม่ของสหภาพยุโรป ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ ตามข่าวบอกว่า Julia Mozer และ Dario La Nasa ผู้บริหารที่เป็นแกนหลักในการประสานงานกับสหภาพยุโรปมาตลอด รอดจากการปลดพนักงานรอบแรกของ Twitter แต่สุดท้ายก็เลือกลาออกไปเองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่มา - Financial Times
# Samsung เตรียมเปิดบริการสื่อสารผ่านดาวเทียมใน Galaxy S23 ตามหลัง Huawei และ Apple สำนักข่าว ETNews ของเกาหลีใต้รายงานว่า Samsung ได้ตกลงร่วมมือกับบริษัทสื่อสารดาวเทียมที่ชื่อ Iridium เพื่อทำให้ Galaxy S23 ที่จะเปิดตัวในอนาคตรองรับบริการการสื่อสารผ่านดาวเทียมทำให้สามารถส่งข้อความและไฟล์รูปภาพขนาดเล็กผ่านดาวเทียมได้ โดย Iridium ใช้ดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำ 66 ดวงเพื่อให้บริการส่งข้อความและข้อความเสียงผ่านดาวเทียมบนสมาร์ทโฟน Samsung คาดว่าบริการสื่อสารดาวเทียมจะมีประสิทธิภาพในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ยุโรป รัสเซีย และจีน รวมทั้งน่าจะเป็นที่ต้องการในบริเวณที่การเชื่อมต่อเซลลูลาร์ไม่เสถียร ทั้งนี้ Samsung ต้องเผชิญความท้าทายตรงที่โทรศัพท์ที่สามารถสื่อสารผ่านดาวเทียมจะต้องติดตั้งเสาอากาศที่ยาวมาก ซึ่งเป็นปัญหาว่าทำอย่างไรจึงจะติดตั้งลงใน Galaxy S23 ได้ เป็นไปได้ว่า Samsung จะประกาศบริการดาวเทียมดังกล่าวก่อนจะเปิดตัว Galaxy S23 เพราะตอนนี้ Huawei และ Apple ให้บริการดาวเทียมแซงหน้าไปแล้วใน Huawei Mate 50 และ iPhone 14 ที่เพิ่งเปิดให้ใช้งาน ที่มา: PhoneArena ภาพกราฟิกดาวเทียมโคจรรอบโลกจาก PIRO4D
# [ไม่ยืนยัน] แหล่งข่าวจาก Apple ปฏิเสธข่าวลือซื้อ Manchester United สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวลือว่า Apple สนใจจะซื้อ Manchester United หลังตระกูลเกลเซอร์เจ้าของทีม ออกมาประกาศขายทีม ล่าสุด MacRumors รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวของตัวเองว่า Apple ไม่ได้มีแผนสนใจซื้อทีมฟุตบอลตามที่เป็นข่าว ซึ่งก็น่าจะมีน้ำหนัก เพราะหากพิจารณาในแง่เหตุผลการซื้อกิจการ Manchester United ของ Apple ในเชิงธุรกิจแล้ว ไม่น่าจะมีประโยชน์ใดๆ กับ Apple (ถ้าบอกว่าพาร์ทเนอร์กับ MUTV เพื่อเอามาลง Apple TV+ ยังเป็นไปได้มากกว่า) นอกจากนี้แหล่งข่าวที่ปล่อยข่าวนี้คือ The Daily Star ซึ่งเป็น tabloid ท้องถิ่นที่ถูกเรียกว่า "สื่อหัวแดง" (red tops tabloid) เพราะมีความน่าเชื่อถือค่อนข้างต่ำ เช่นเดียวกับ The Sun (แฟนฟุตบอลน่าจะพอรู้ชื่อเสียงดี) ที่มา - MacRumors
# รัฐบาลอังกฤษออกคำสั่งแบนกล้องวงจรปิดจากจีน ห้ามใช้ในพื้นที่ของหน่วยงานภาครัฐ รัฐบาลสหราชอาณาจักร ออกคำสั่งห้ามใช้งานกล้องวงจรปิดจากประเทศจีน ในพื้นที่ของหน่วยงานภาครัฐ ด้วยเหตุผลว่าบริษัทผู้ผลิตกล้องเหล่านี้จะต้องทำตามกฎหมายข่าวกรองแห่งชาติ (National Intelligence Law) ของรัฐบาลจีน มีความเสี่ยงที่จะต้องส่งข้อมูลกลับไปให้รัฐบาลจีน หน่วยงานภาครัฐของสหราชอาณาจักรจะต้องหยุดการใช้กล้องจากจีนในพื้นที่อ่อนไหวสูง (sensitive sites) โดยทันที ส่วนพื้นที่อื่นๆ ก็ให้เป็นวิจารณญาณของแต่ละหน่วยงานในการตัดสินใจว่าควรทำอย่างไร ที่มา - UK Parliament via The Register Photo by Pixabay from Pexels
# Twitter ปลดวิศวกรเพิ่มอีก 50 คน เพราะ "เขียนโค้ดไม่มีคุณภาพมากพอ" Twitter ยังเดินหน้าปลดพนักงานสายวิศวกรรมอีกราว 50 คน โดยพนักงานบางคนได้รับแจ้งสาเหตุว่าเป็นเพราะ "คุณภาพของโค้ดไม่ดีพอ" (code is not satisfactory) และพนักงานอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่โดนปลด ก็ได้รับคำเตือนเรื่องประสิทธิภาพในการทำงาน (performance warning) ตามข่าวบอกว่า Twitter กำหนดให้พนักงานสายวิศวกรรมต้องส่งตัวอย่างโค้ดให้ผู้บริหารรีวิวทุกสัปดาห์ ส่วนพนักงานที่ถูกปลดออกจะได้ค่าชดเชยเป็นค่าตอบแทน 4 สัปดาห์
# Mercedes Benz ขายแพ็กเกจปลดล็อคการเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น ราคา 1,200 ดอลลาร์ต่อปี Mercedes-Benz ขึ้นขายแพ็กเกจ Acceleration Increase ของรถยนต์ไฟฟ้าซีรีส์ Mercedes-EQ ราคา 1,200 ดอลลาร์ต่อระยะเวลา 1 ปี เมื่อซื้อแล้วจะเป็นการโอเวอร์คล็อคปลดล็อคให้รถยนต์สามารถเร่งความเร็วจาก 0 เป็น 60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้เร็วขึ้นจากเดิม 0.8-1 วินาที รถยนต์ที่ถูกล็อคการเร่งความเร็วเอาไว้ แล้วต้องซื้อแพ็กเกจเพื่อปลดล็อคคือ Mercedes EQE และ EQS ทั้งเวอร์ชันซีดานและ SUV ตอนนี้แพ็กเกจยังมีเฉพาะหน้าเว็บของ Mercedes Benz ประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แนวทางของค่ายรถยนต์หลายแห่งในช่วงหลังเริ่มมีการขายแพ็กเกจเพื่อปลดล็อคฟีเจอร์ต่างๆ เช่น BMW ขายแพ็กเกจอุ่นที่นั่งแบบจ่ายรายเดือน ที่มา - The Verge
# God of War Ragnarök เปิดตัวสวย ยอดขาย 5.1 ล้านชุดในสัปดาห์แรก โซนี่ประกาศข่าวความสำเร็จของเกม God of War Ragnarök มียอดขาย 5.1 ล้านชุดในสัปดาห์แรกที่วางขาย ถือเป็นเกมของโซนี่เอง (first party) ที่เปิดตัวแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของ PlayStation God of War Ragnarök เป็นผลงานพัฒนาของ Santa Monica Studio ในสังกัดโซนี่เอง โดยได้คะแนนรีวิวออกมาดี เฉลี่ย 94/100 จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยอดขายเกมแรงต่อเนื่องตลอดสัปดาห์แรกที่วางขาย และเป็นหนึ่งในเกมตัวเต็งชิงรางวัลเกมยอดเยี่ยมประจำปี 2022 ที่ต้องเบียดแย่งกันกับ Elden Ring
# Stable Diffusion 2.0 สร้างภาพจากภาพต้นฉบับได้หลากหลายขึ้น ทำภาพความละเอียดสูงได้ Stability AI เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Stable Diffusion 2.0 โดยฝึกจากชุดข้อมูล LAION-5B ที่ลบภาพโป๊ออกหมดแล้ว ตัวโมเดลสามารถสร้างภาพได้ขนาด 512x512 พิกเซลหรือ 768x768 พิกเซลพร้อมกับตัวเพิ่มความละเอียดภาพให้เป็นระดับ 2048x2048 พิกเซลหรือสูงกว่าได้ ฟีเจอร์สำคัญที่เพิ่มมาคือการสร้างภาพแบบ Depth-to-Image ที่สร้างภาพจากภาพต้นฉบับ แล้วใส่ขอความแนะนำเพิ่มเติม และโหมดปรับจากภาพเดิม (inpainting) โมเดล Stable Diffusion 2.0 ยังคงรันได้ในชิปกราฟิกตัวเดียว และจะเปิดให้ใช้งานในแพลตฟอร์มออนนไลน์ต่อไป ที่มา - Stability AI
# Pokémon Scarlet and Violet ขาย 10 ล้านชุดใน 3 วันแรก เป็นเกมเปิดตัวสูงสุดของนินเทนโด นินเทนโดประกาศความสำเร็จของเกม Pokémon Scarlet and Violet สามารถทำยอดขาย 10 ล้านชุดได้ภายใน 3 วันแรกที่วางขาย ถือเป็นเกมที่ยอดขายช่วงเปิดตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของนินเทนโด ยอดขาย 4.05 ล้านชุดมาจากในญี่ปุ่นประเทศเดียว ส่วนที่เหลือคือประเทศอื่นๆ รวมกัน ส่วนสถิติของภาคที่แล้ว Pokémon Sword and Shield ทำไว้คือ 2 ล้านชุดใน 3 วันแรกที่วางขาย ถึงแม้ Pokémon Scarlet and Violet ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องคุณภาพของเกม โดยเฉพาะกราฟิกที่มีบั๊กการแสดงผลมากมาย แต่กระแสโปเกมอนรอบนี้มาแรงจริงๆ ต่อให้มีเสียงวิจารณ์ก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อยอดขายได้ สถิติยอดขายเกมอันดับหนึ่งของ Nintendo Switch คือ Mario Kart 8 Deluxe มียอดขายสะสมอยู่ที่ 48.41 ล้านชุด ตามด้วย Animal Crossing: New Horizons ยอดขายสะสม 40.17 ล้านชุด ที่มา - Nintendo, Kotaku
# ไมโครซอฟท์เตือน อุปกรณ์ IoT จำนวนมากรันเว็บเซิร์ฟเวอร์ Boa ที่หยุดพัฒนาตั้งแต่ปี 2005 ไมโครซอฟท์ออกรายงานเตือนภัยการใช้งานเว็บเซิร์ฟเวอร์ Boa ที่หยุดพัฒนาไปตั้งแต่ปี 2005 แต่ยังนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในอุปกรณ์ IoT และกล้องวงจรปิด Boa เป็นซอฟต์แวร์เว็บเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กที่เขียนขึ้นในปี 1995 และหยุดพัฒนาในปี 2005 จุดเด่นของมันคือใช้ทรัพยากรน้อย ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์ IoT และชุดพัฒนา SDK ต่างๆ (ที่ไมโครซอฟท์ระบุยี่ห้อมี 1 รายคือ Realtek) แต่การที่มันไม่ถูกพัฒนามานานมาก ทำให้แทบไม่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยใดๆ แม้กระทั่ง access control หรือการรองรับ SSL รายงานของไมโครซอฟท์ระบุว่ามีอุปกรณ์ที่รัน Boa มากกว่า 1 พันล้านชิ้น และถูกใช้งานมากในอินเดีย ช่องโหว่ของ Boa ยังเป็นเหตุให้เกิดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในอินเดีย เช่น ระบบกริดไฟฟ้า แม้ Realtek ในฐานะผู้ผลิต SDK ออกแพตช์ป้องกันมาแล้ว แต่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์จำนวนมากก็ไม่ได้อัพเดตแพตช์ตามอยู่ดี ไมโครซอฟท์จึงเตือนให้ผู้ดูแลโครงสร้างพื้นฐานไอทีต้องพิจารณาถึงอุปกรณ์ที่อาจรัน Boa อยู่เงียบๆ แต่ไม่รู้ตัวกันมาก่อนด้วย ที่มา - Microsoft, The Register
# OBS Studio รองรับการเข้ารหัสวิดีโอ AV1 ด้วยจีพียูครบทั้ง 3 ค่ายแล้ว OBS Studio ซอฟต์แวร์บันทึกและสตรีมวิดีโอชื่อดัง ออกเวอร์ชัน 29 Beta มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือรองรับการเข้ารหัสวิดีโอแบบ AV1 ด้วยจีพียู Intel Arc และ AMD Radeon 7000 แล้ว ก่อนหน้านี้ OBS Studio รองรับการเข้ารหัส AV1 ด้วยจีพียู NVIDIA (GeForce RTX 40 Series) แล้ว เท่ากับว่าตอนนี้ OBS Studio รองรับการเข้ารหัส AV1 ด้วยจีพียูครบทั้งสามค่ายเรียบร้อยแล้ว นอกจาก AV1 แล้ว OBS Studio 29 Beta ยังรองรับการเข้ารหัสวิดีโอแบบ HEVC (H.265) บนจีพียู Intel Arc เพิ่มอีกอย่างด้วย ที่มา - OBS, Phoronix
# JD.com ประกาศลดเงินเดือนผู้บริหารทั้งหมด เริ่มต้นที่ 10% คาดเป็นผลจากการซื้อกิจการ Logistics Richard Liu ผู้ก่อตั้ง JD.com อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน ออกอีเมลถึงพนักงานทุกคน ว่าผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดจะลดเงินเดือนลง มีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2023 โดยระดับผู้จัดการอาวุโส จะลดเงินเดือนราว 10-20% ส่วนระดับสูงกว่านั้นจะเป็นอัตราที่มากขึ้น คาดว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ JD.com ออกประกาศนี้ เนื่องจากเมื่อกลางปีบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัทขนส่ง Deppon ผ่านบริษัทในเครือ JD Logistics ทำให้มีจำนวนพนักงานรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า 5.4 แสนคน อีกทั้ง JD.com มีแผนว่าจ้างพนักงานในบริษัทขนส่งนี้เป็นพนักงานประจำ มีค่าใช้จ่ายสวัสดิการเพิ่มขึ้นมาก บริษัทจึงต้องปรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายส่วนเงินเดือน ผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา JD Logistics เป็นรายได้ 16.2% ของรายได้รวมทั้งกลุ่ม JD.com และธุรกิจขนส่งของ JD.com ก็เติบโตดี มีลูกค้าภายนอกบริษัทถึง 69.5% ที่มา: Pandaily
# Xiaomi รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2022 รายได้ลดลง 9.7% Xiaomi รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2022 มีรายได้รวม 70,474.3 ล้านหยวน ลดลง 9.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,117.3 ล้านหยวน Xiaomi ส่งมอบสมาร์ทโฟนได้ 40.2 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ผ่านมา และมีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกอันดับ 3 ตามข้อมูลของ Canalys จำนวนผู้ใช้งาน MIUI ก็เติบโตเพิ่มเป็น 563.9 ล้านบัญชีทั่วโลก ขณะที่ยุทธศาสตร์ AIoT ที่มาเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและระบบนิเวศของ Xiaomi ยังเติบโตสูง มีผู้ใช้งานระดับ 5 ดีไวซ์ขึ้นไปถึง 10.9 ล้านคน ทั้งนี้ในรายงานผลประกอบการนี้ Xiaomi ยังไม่ได้พูดถึงความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้า EV ที่เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวของบริษัท ที่มา: Xiaomi (pdf)
# Meta โอเพนซอร์สระบบซิงก์เวลาข้ามเซิร์ฟเวอร์ แม่นระดับนาโนวินาที วิศวกร Meta เขียนบล็อกเล่าถึงประสบการณ์การเปลี่ยนโปรโตคอลซิงก์เวลาข้ามเซิร์ฟเวอร์จากเดิมที่ใช้ Network Time Protocol (NTP) มาเป็น Precision Time Protocol (PTP) เพื่อซิงก์เวลาข้ามเซิร์ฟเวอร์ให้ตรงกันระดับนาโนวินาที จากเดิมที่ NTP นั้นสามารถซิงก์เวลาให้ตรงกันได้ระดับมิลลิวินาทีเท่านั้น เวลาที่แม่นมากๆ จำเป็นต่องานหลายประเภท เช่น การติดตามข้อมูลต่างๆ (event tracing) หรือการชดเชย latency ที่ผู้ใช้จะได้รับข้อมูลในกรณีการแสดงข้อมูล Metaverse ไปจนถึงการรันปัญญาประดิษฐ์โดยซิงก์การทำงานข้ามเซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก ระบบซิงก์เวลาของ Meta อาศัยข้อมูลเวลาจากระบบดาวเทียม GNSS แล้วส่งสัญญาณผ่านสายไฟเบอร์เข้าไปยังตู้เซิร์ฟเวอร์เวลา ในเซิร์ฟเวอร์มี Time Card ที่เป็นนาฬิกาอะตอมขนาดจิ๋วสำหรับจับเวลาต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่ได้รับสัญญาณ GNSS ทาง Meta โอเพนซอร์สข้อมูลการออกแบบเซิร์ฟเวอร์เวลาในแบบ PTP ออกมาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และบริษัทเชื่อว่าในอนาคต PTP จะกลายเป็นมาตรฐานเวลาที่จำเป็นต่อการใช้ metaverse ที่มา - Engineering at Meta Time Card นาฬิกาอะตอมขนาดเล็กสำหรับเซิร์ฟเวอร์เวลาแบบ PTP
# คนงานโรงงานผลิต iPhone แห่งใหญ่ในจีนแห่ประท้วง เหตุไม่ได้รับค่าแรง กลัวติดโควิด มีคลิปวิดีโอที่ถูกเปิดเผยออกมา เป็นภาพของพนักงานในโรงงานผลิต iPhone ของซัพพลายเออร์ใหญ่อย่าง Foxconn ในเมืองเจิ้งโจวหลายร้อยราย กรูกันออกมาจากหอพักในช่วงเช้ามืดเมื่อวานนี้และปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มีมากกว่าจำนวนผู้ประท้วงอย่างมาก ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโต้กลับผู้ประท้วง ขณะที่พนักงานบางส่วนล้อมรถตำรวจและเขย่ารถไปพร้อมกับการตะโกนก่อนที่ตำรวจจะเข้าควบคุมสถานการณ์ได้ พยานผู้เห็นเหตุการณ์ให้ข้อมูลว่า คนงานออกมาประท้วงเพราะโรงงานไม่จ่ายค่าแรงและคนงานต่างมีความกังวลว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากรัฐบาลท้องถิ่นประกาศใช้มาตรการ Zero-Covid ในเดือนตุลาคมทำให้มีพนักงานจำนวนมากถูกกักตัวอยู่ภายในโรงงาน การประท้วงครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย นอกจากนี้ ยังมีคลิปวิดีโอที่พนักงานต่างพากันตั้งคำถามและแสดงความคับข้องใจต่อผู้จัดการในห้องประชุมด้วยแต่ไม่มีรายละเอียดว่าการประชุมเกิดขึ้นเมื่อไร ความตึงเครียดเริ่มมาตั้งแต่รัฐบาลประกาศมาตรการ Zero-Covid จนทำให้ Foxconn ประกาศขึ้นค่าแรงและให้โบนัสเพื่อจูงใจให้พนักงานอยู่ทำงาน แต่ก็มีพนักงานจำนวนมากหนีออกมาจากโรงงานและเผยว่าสถานการณ์โควิดภายในโรงงานไม่สู้ดีนัก เมืองเจิ้งโจวเป็นแหล่งผลิต iPhone ที่สำคัญโดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ 4 ใน 5 ของ Apple ถูกผลิตในโรงงานแห่งนี้ ซึ่งรวมถึง iPhone 14 Pro จำนวนมากด้วย เหตุการณ์ประท้วงอาจทำให้ Apple ตื่นตัวกับการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น ๆ มากขึ้น รัฐบาลจีนได้มีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ไปบ้างแล้วแต่ที่รัฐบาลท้องถิ่นจำเป็นต้องปิดเมืองเจิ้งโจวเป็นเพราะว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ที่มา: Bloomberg
# Vivo เปิดตัวมือถือเรือธงซีรีส์ X90, รุ่นท็อปสุด X90 Pro+ ใช้ Snapdragon 8 Gen 2 Vivo เปิดตัวมือถือเรือธงรุ่นใหม่ซีรีส์ X90 ในประเทศจีน แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อยคือ X90, X90 Pro, X90 Pro+ มือถือรุ่นสูงสุด Vivo X90 Pro+ ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 2 รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Qualcomm (และถือเป็นเรือธงตัวแรกที่ใช้ 8 Gen 2 ด้วย) สเปกอย่างอื่นคือหน้าจอ 6.78" AMOLED 120Hz, กล้องหลัง 4 ตัว เซ็นเซอร์หลัก IMX989 ขนาด 1 นิ้ว 50MP, Ultrawide 48MP, Telephoto 50MP, Periscope Telephoto 64MP, แบตเตอรี่ 4,700mAh ชาร์จเร็ว 80W รุ่นความจุมาตรฐาน 12/256GB ราคา 6,499 หยวน (ประมาณ 33,000 บาท) ส่วนอีกสองรุ่นที่รองลงมาคือ X90 Pro และ X90 ใช้ชิป MediaTek Dimensity 9200 เรือธงของค่าย MediaTek แต่ลดสเปกกล้องหลังลงเหลือ 3 ตัว โดยรุ่น X90 Pro ตัดกล้อง Periscope จากตัว Pro+ ออก และรุ่น X90 ธรรมดา ลดสเปกเซ็นเซอร์ของกล้องหลังลงมา ทั้งสองรุ่นรองรับชาร์จเร็วที่สูงกว่าคือ 120W X90 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 4,999 หยวน และ X90 ราคาเริ่มต้นที่ 3,699 หยวน ที่มา - Android Central
# Android TV และ Google TV จะเริ่มบังคับใช้แพ็กเกจแอพแบบใหม่ AAB มีผล พ.ค. 2023 กูเกิลประกาศนโยบายว่าแพลตฟอร์มสมาร์ททีวี Android TV และ Google TV จะเริ่มบังคับใช้แพ็กเกจแอพแบบใหม่ Android App Bundle (.aab) มีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2023 เป็นต้นไป Android App Bundle (AAB) เป็นเทคนิคการแจกจ่ายไฟล์แอพแบบใหม่ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2018 แนวคิดคือให้ Google Play Store ตัดสินใจเลือกแพ็กเกจที่จำเป็นต่ออุปกรณ์นั้นๆ ไม่จำเป็นต้องโหลดไฟล์ APK ไปทั้งก้อน (แล้วไม่ได้ใช้บางส่วนอยู่ดี) ผลคือประหยัดเนื้อที่สตอเรจมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีของสมาร์ททีวีที่อาจมีสตอเรจเพียง 8GB ก็น่าจะช่วยให้ประหยัดเนื้อที่ได้เพิ่มขึ้นมากนั่นเอง กูเกิลเริ่มบังคับใช้ AAB สำหรับแอพสมาร์ทโฟนมาตั้งแต่ปี 2021 และตอนนี้เป็นคิวของแอพบนสมาร์ททีวีบ้าง กูเกิลบอกว่าแจ้งล่วงหน้า 6 เดือนเพื่อให้มีเวลาเตรียมตัว และการเปลี่ยนแพ็กเกจแอพจาก APK มาเป็น AAB ก็ทำได้ง่าย ใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 3 วันเท่านั้น ที่มา - Android Developers Blog
# Zoom หุ้นร่วง 90% หลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น แอปพลิเคชันวิดีโอคอล Zoom หุ้นร่วงราว 90% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดหนักที่สุดในเดือนตุลาคมปี 2020 หลังไม่สามารถปรับตัวเข้าสู่ยุคหลังโควิด-19 ได้ หุ้นของ Zoom ลดลงเกือบ 10% หลังจากบริษัทได้ลดตัวเลขประมาณการณ์ยอดขายต่อปีลงและเผยว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ บริษัทเติบโตช้าที่สุด หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้นทำให้การประชุมผ่านวิดีโอลดลง Zoom ก็เน้นไปที่ฝั่งธุรกิจอย่าง Zoom Phone ที่เป็นบริการด้าน Cloud และการประชุมผ่าน Zoom Rooms แทน อย่างไรก็ตาม ต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้น 56% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เพราะลงทุนกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดที่เพิ่มขึ้น โบรกเกอร์บางรายมองว่า Zoom จะดีขึ้นหากควบรวมกิจการกับบริษัทอื่น ซึ่งไปในทางเดียวกับนักวิเคราะห์ที่มองว่าการเติบโตของบริษัทจะดีขึ้นได้แต่ต้องใช้เวลาหลายปีหากไม่มีการควบรวมกิจการ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ด้านตราสารหุ้นยังมองว่าการที่ Zoom ให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าการเติบโตของบริษัทเป็นสิ่งที่เป็นปัญหา ก่อนหน้านี้ Zoom ก็เพิ่งรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ไป รายได้ของบริษัทยังเติบโตอยู่ ที่มา: Reuters
# "ถ้าจบไม่ตรงสาย จะเป็น Developer ได้ยังไง" กับคุณลิ่ว วสันต์ ลิ่วลมไพศาล ผู้ร่วมก่อตั้ง Blognone งานนักพัฒนาอย่าง Developer หรือ Software Engineer กำลังได้รับความนิยม เงินเดือนก็ค่อนข้างสูง แต่จบไม่ตรงสาย จะเปลี่ยนมาสายนี้ได้อย่างไร คำถามนี้น่ากลายเป็นหนึ่งคำถามยอดฮิตไปแล้วในปัจจุบัน คุณลิ่ว วสันต์ ลิ่วลมไพศาล ผู้ร่วมก่อตั้ง Blognone และ CTO ของ MFEC บริษัทให้คำปรึกษา พัฒนาและวางระบบไอทีองค์กรชั้นนำของไทย ได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่ได้จบมาทางสาย Computer Science แต่มีความสนใจจะพัฒนาทักษะด้านโปรแกรมมิ่ง ไปจนถึงหางานด้านนี้อย่างจริงจัง คิดว่าคนที่จบไม่ตรงสายและอยากเป็น Dev ควรจะเริ่มต้นยังไงดี? ลองเริ่มต้นเขียนโค้ดและรันโปรแกรมดูเลยว่าชอบไหมและเข้ากับเราไหม เช่น ทุกวันนี้มีแพลตฟอร์มฝึกเขียนโปรแกรมอย่าง CodeWars หรือ IDE ออนไลน์อย่าง CodePen เราสามารถลงมือทำเลยได้เพราะปัจจุบันการซื้อคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องเล็กลง คอมพิวเตอร์อยู่กับเราในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว และราคาก็ไม่แพงเหมือนเมื่อก่อน อีกอย่างหนึ่งคือการลองลงคอร์สเรียนระยะสั้นหรือคลิปวิดีโอ Tutorial ต่าง ๆ ใน YouTube ที่มีอยู่แล้วและฟรีค่อนข้างเยอะ หรือถ้าจะซื้อคอร์สเรียนที่ต้องเสียเงินก็หาได้ง่าย ส่วนถ้าเราลองเรียนคอร์ส Basic Programming ซักคอร์สนึงไม่ยาวนัก ก็เป็นจุดเริ่มต้นอีกส่วนที่ดีและมีราคาไม่แพง ถ้ารู้สึกว่ายังไม่ใช่ ให้ลองถามตัวเองดูก่อนว่าเราอาจจะต้องการคอร์สที่มีคนช่วยแนะนำและสามารถถามตอบคำถามระหว่างทางหากเราติดปัญหา ซึ่งราคาอาจจะสูงหน่อยซักประมาณ 10,000-20,000 บาทหรือเรียน onsite ราว 50,000-100,000 บาท แต่การเรียนคอร์สแบบนี้ก็จำเป็นที่จะต้องคิดให้มากขึ้น ก่อนฝึกโค้ดดิ้งหรือลงเรียนสักภาษา ควรทำความเข้าใจภาพรวมของการทำงานคอมพิวเตอร์ก่อนไหม เช่น ระบบ binary การคอมไพล์ต่างๆ เพื่อปูพื้นแบบ 0 ก่อนไป 1 อันนี้เป็นเรื่องที่เถียงกันยังไม่จบว่าเราควรให้คนเรียนแบบ top-down หรือ bottom-up กันดี มุมมองของคุณลิ่วคือไม่จำเป็นนัก เราสามารถสอนให้คนเข้าใจการควบคุมคอมพิวเตอร์ได้โดยคนควบคุมไม่ต้องเข้าใจคอมพิวเตอร์ไปทั้งหมดว่าภายในมันทำงานอย่างไร และความเข้าใจอย่างจำกัดก็สร้างมูลค่าได้แล้ว เรื่องการคิด algorithm รู้สึกมันเหมือนการทำโจทย์เลขที่อาจต้องใช้ความคุ้นเคยและคลุกคลีกับมันบ่อยๆ ควรฝึกควบคู่ไปกับการเรียนภาษาโค้ดดิ้งแค่ไหน อย่างไร ถ้าโจทย์แบบ algorithm เพียวๆ หลายคนอาจจะเรียกว่า leetcode ล้อไปกับชื่อเว็บฝึกเขียนโปรแกรมชื่อดังที่ใช้ฝึกสัมภาษณ์งานบริษัทใหญ่ๆ คุณลิ่วแนะนำว่า ถ้าเป็นคนทำงานเขียนโปรแกรมอยู่แล้วก็ควรฝึกพวกนี้เป็นช่วง ๆ เพราะหลายครั้ง การฝึกพวกนี้ต้องคลุกคลี การฝึกเป็นช่วง ๆ จะทำให้เราเจอปัญหาใหม่ ๆ แล้วนึกออกว่าถ้าจะแปลงปัญหาให้กลายเป็นคำสั่งที่คอมพิวเตอร์เข้าใจจะแปลงอย่างไร อย่างไรก็ตาม คุณลิ่วบอกว่าไม่น่าจะต้องกังวลกับการออปติไมซ์ หรือต้องเขียนโปรแกรมให้ทำงานเร็วที่สุด งานส่วนมากไม่ต้องการความรู้ algorithm ขนาดนั้น ขนาดข้อมูลที่เจอ ถ้าไม่ใช่องค์กรขนาดใหญ่จริงๆ เช่น ธนาคาร เราอาจจะไม่ได้เจอปัญหาระดับที่ต้องออปติไมซ์มาก แม้จะเขียนไม่ดีไปบ้างแต่ก็พอชดเชยด้วยการขยายขนาดเซิร์ฟเวอร์ไปได้ แต่แน่นอนว่าคนที่ทำได้ดีก็ได้เปรียบในงานที่ยากขึ้นไปมากกว่า ถ้าฝึกข้อยากๆ ได้ก็ฝึก แต่คุณลิ่วมองว่าทำข้อระดับที่ไม่ยากมากแต่ฝึกเพื่อให้ใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว เข้าใจข้อจำกัดและฟีเจอร์ของภาษาได้ดีก็เพียงพอกับการทำงานส่วนมาก อีกจุดหนึ่งคือแพลตฟอร์มฝึกเขียนโปรแกรมอย่าง LeetCode หรือ ​CodeWar นั้นเมื่อเราทำโจทย์เสร็จแล้ว ตัวแพลตฟอร์มจะมีเฉลยที่เขียนมาเป็นอย่างดีให้อ่าน ทำให้ได้เรียนรู้โค้ดจากคนอื่น เราอาจจะไม่เคยรู้ว่าภาษาที่เราใช้มีฟังก์ชั่นในตัวที่ไม่ต้องเขียนเอง หรือเทคนิคการเขียนบางอย่างที่ไม่ใช่แค่โค้ดเร็วขึ้น แต่อาจจะทำให้โค้ดสวยขึ้น อ่านง่ายขึ้นอีกด้วย กระบวนการเรียนรู้ควรเป็นยังไง? หรือจะเลือกคอร์สเรียนยังไงดี? เลือกวิธีเรียนให้เหมาะกับรูปแบบที่ตัวเองชอบ บางคนชอบฟัง Lecture หรือดูคนสอนทางวิดีโอ บางคนชอบอ่านเองจะได้ปรับระดับความเร็ว-ช้าในการเรียนได้ แต่การอ่านหนังสือก็จะมีข้อจำกัดเพราะอาจข้ามขั้นตอนไปบ้างทำให้ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ส่วนการดูวิดีโอเราจะเห็นทุกขั้นตอนในการทำอยู่แล้ว ส่วนเวลาที่เรามีคำถามและค้นหาใน Google โดยเฉพาะใน Stack Overflow ต้องระวังปัญหาอย่างนึงคือการสนใจแค่การหาคำตอบและ Copy & Paste คำสั่งมา แต่กลับไม่สามารถทำความเข้าใจว่าคำตอบที่คนมาตอบเขาเสนอแนวทางมาให้นั้นเขากำลังทำอะไร ทำให้หลายคนมองการเขียนโปรแกรมกลายเป็นการลองหาเฉลยมาลองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ผลที่ต้องการ แต่กลับมองข้ามข้อสำคัญคือการ Copy & Paste คำตอบนั้นเราต้องการเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนที่เคยเจอปัญหาเดียวกับเราว่าเขาแก้ปัญหาอย่างไรหากเราเข้าใจเราก็จะปรับเปลี่ยนได้เวลาที่เราเจอปัญหาใหม่ ๆ หรือได้โจทย์ใหม่ ๆ ซึ่งการประยุกต์ใช้เป็นเรื่องสำคัญเพราะงานโปรแกรมมิ่งถือว่าเป็นงานสร้างสรรค์ การค้นหาคำตอบโดยไม่พยายามเข้าใจคอนเซปต์ว่าแต่ละอันมีที่มาที่ไปยังไงเชื่อมโยงไปถึงการศึกษาไทยที่เน้นการให้คำตอบมากกว่ากระบวนการคิดด้วย เลือกเรียนภาษาโปรแกรมมิ่งจากอะไร? ภาษาที่เลือกเรียนจะเป็นตัวกำหนดว่าจะเจองานประเภทไหน เพราะฉะนั้นคนที่สนใจควรศึกษางานที่ต้องการทำก่อน แต่แนะนำว่าในช่วงแรก ควรเลือกเรียนแค่ภาษาใดภาษาหนึ่งก่อน ภาษายุคใหม่ส่วนมากจะเป็น JavaScript และ TypeScript เพราะเป็นภาษาที่มีคนใช้เยอะและมักใช้กับการทำงานเป็น Full Stack Developer แต่งานจำนวนมากในโลกความเป็นจริงก็ยังใช้ภาษา PHP กันเยอะมากทั้งงานเว็บและอีคอมเมิร์ชทั้งหลาย ถ้าทำงานในระดับองค์กรก็ใช้ Java ส่วนด้าน Data หรือ AI นั้นก็แทบจะจำเป็นต้องเรียนภาษา Python ยืนพื้นไว้ ข่าวดีก็คือในตลาดแรงงานยังขาด Developer ในทุก ๆ ภาษาอยู่ และภาษาโปรแกรมมิ่งต่าง ๆ ก็มักมีแนวคิดที่หยิบยืมกันไปมาได้ การเรียนภาษาใหม่หลังจากคล่องภาษาแรกแล้วจึงง่ายขึ้นพอสมควร หลังจากภาษาได้แล้ว เข้าใจ syntax แก้ปัญหาต่าง ๆ แล้ว ควรเรียนรู้อะไรต่อ เช่น เฟรมเวิร์ค ทูลส์ต่างๆ โดยทั่วไปแล้วการทำงานมักจะไม่สามารถหยุดที่การเขียนโปรแกรมภาษาใดภาษาหนึ่ง ยกตัวอย่าง ถ้าคนอยากทำงาน Full Stack Developer เราอาจจะเขียน TypeScript ได้คล่องพอสมควรก็ต้องไปเรียน SQL ต่อ สำหรับเฟรมเวิร์คต่าง ๆ ถ้าตอนนี้เองที่ครองตลาดอยู่ก็คงเป็น React หรือ Vue ก็สามารถเลือกฝึกได้ สำหรับคนทำเว็บไซต์ เครื่องมือหนึ่งที่ควรฝึกให้คล่อง ๆ คือ Inspector Tools ในเบราว์เซอร์เราเอง เพื่อให้เราตอบคำถามได้ว่าเบราว์เซอร์เราส่งข้อมูลอะไรไปกลับเซิร์ฟเวอร์บ้าง เครื่องมือที่ควรเรียนค่อนข้างแน่นอนทุกวันนี้ เช่น Git หรือ Docker/Docker-Compose ก็เป็นสิ่งที่ Developer หนีกันไม่พ้น Soft Skills อะไรบ้างที่เป็นประโยชน์และคนจบไม่ตรงสายสามารถพัฒนาได้? ทักษะที่เป็นประโยชน์กับการเป็น Developer อย่างแรกคือการทำงานด้วยความแม่นยำและความชัดเจน เพราะการทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นการทำงานกับอุปกรณ์ที่ทำงานแบบตายตัว การสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เลยไม่เหมือนกับการสื่อสารกับคนปกติที่ไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น เวลามีปัญหาเราต้องอธิบายปัญหาในรูปแบบที่ชัดเจนที่สุด ไม่ใช่แค่บอกว่ารันโค้ดแล้วคอมพิวเตอร์ไม่ทำงาน ถ้าเราขอความช่วยเหลือในอินเทอร์เน็ต เราจำเป็นต้องบอก error code ตรง ๆ ต้องบอกขั้นตอนการทำงานว่าทำอย่างไรจึงเกิด error นั้น เราไม่สามารถสื่อสารได้ว่า มันทำไม่ได้ หรือบอกว่าเราเจอ error โดยไม่บอกว่า error อะไร การฝึกสังเกตและความละเอียดก็เป็น Soft Skills อีกอย่างหนึ่ง อย่างถ้าเกิด error ขึ้น เราต้องดูสิ่งที่โชว์บนหน้าจอให้ละเอียดจะได้รายงานปัญหาได้ถูก และต้องรู้วิธีสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ รู้ว่าเวลามีปัญหาแล้วเราต้องจัดการยังไง คนที่จบไม่ตรงสายจะเตรียมความพร้อมยังไงให้เป็น Candidate ที่น่าสนใจพอ ๆ กับคนที่จบตรงสาย? ถ้านับงานเฉพาะด้านแล้ว คนจบตรงสายไม่ได้ได้เปรียบขนาดนั้นเพราะเทคโนโลยีที่ใช้งานมักต้องการความเชี่ยวชาญกับเทคโนโลยีบางตัว เช่น React, NodeJS ที่ได้รับความนิยมทุกวันนี้ หรืองานจำนวนมากต้องการผู้ที่ปรับแต่ง Wordpress ได้คล่อง ๆ ซึ่งไม่ใช้ความรู้ที่เรียนในมหาวิทยาลัยนัก แม้แต่มหาวิทยาลัยเองก็เริ่มปรับหลักสูตรมากขึ้น ช่วงหลังเราเริ่มเห็นวิชาที่สอนเนื้อหาตรงเพื่อใช้ในการทำงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่น บางที่ก็มีวิชาที่สามารถนำไปใช้ทำงานเป็น Full Stack Developer ที่กำลังได้รับความนิยม โดยรวมก็เป็นคำถามว่าการออกแบบหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัยควรจะมีวิชาพื้นฐานเยอะ ๆ หรือจะเน้นไปที่ทักษะที่ได้ใช้ในการทำงานโดยตรง ส่วนคนจบไม่ตรงสายแล้วมาเรียนเปลี่ยนสายงานสามารถเลือกเรียนเฉพาะวิชาที่ตรงกับการทำงานจริงๆ อาจจะสามารถเรียนจบภายใน 3 เดือนก็ได้ ทั้งนี้ เมื่อเจองานที่ลึกมากขึ้น ตรงนี้คนจบตรงสายจะได้เปรียบมากกว่า เช่น ถ้าโจทย์คือการสร้างเว็บไซต์ที่รองรับผู้ใช้จำนวนมาก ๆ คนจบตรงสายจะรู้วิธีสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้มากกว่าเพราะรู้เรื่องการทำงานและเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ ไม่ได้รู้แค่งานเฉพาะด้าน เช่น การเขียนโปรแกรม อย่าง Front End หรือ Back End เท่านั้น แต่สามารถทำความเข้าใจว่าคอขวดของการทำงานคืออะไร หรืออย่างประเด็นความปลอดภัยทางไซเบอร์ คนที่เข้าใจพื้นฐานของโปรโตคอลต่าง ๆ ก็จะเห็นภาพได้ง่ายกว่าว่าคนร้ายโจมตีอย่างไร จุดใด หรือเข้าใจระบบป้องกันต่าง ๆ เช่น ไฟร์วอลล์นั้นทำงานอย่างไร จนสามารถออกแบบหรือพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ทำงานร่วมกับระบบเหล่านั้นได้ดีขึ้น คนที่จบไม่ตรงสายเมื่อต้องการทำงานที่ลึกขึ้นอาจจะต้องกลับไปเรียนความรู้พื้นฐานไปด้วยขณะที่ทำงาน ซึ่งอาจจะใช้เวลามากหน่อย ไม่ใช่เหมือนตอนเรียนเขียนโปรแกรมที่จบ 3 เดือนแล้วทำงานได้เลย ปัญหาที่คนไม่ได้จบตรงสายอาจจะเจอมีอะไรบ้าง และจะแก้ได้ยังไง? อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าการเรียนคอร์สเฉพาะทางเพื่อเขียนโปรแกรมทำให้สามารถเริ่มทำงานได้เลยก็จริง แต่มักมีปัญหาจากการขาดความรู้พื้นฐานบางอย่าง ทำให้มีข้อจำกัดในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงการที่เราจะไม่รู้ว่าปัญหานั้น ๆ เกิดขึ้นมาจากส่วนไหน บางครั้งอาจจะอธิบายปัญหาด้วยคำเรียกเฉพาะทางไม่ถูก เช่น ทำเว็บได้แต่ไม่ได้เข้าใจว่า HTTP Request หน้าตาเป็นอย่างไร เห็น error แล้วแต่บอกไม่ได้ว่า error มันเกิดจากตรงไหน วิธีแก้ปัญหาคือต้องไปหาความรู้พื้นฐานมากขึ้นระหว่างทำงานไปด้วย ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมามหาวิทยาลัยหลายแห่งก็มีโครงการเปิดให้คนทำงานลงเรียนบางวิชากันได้แล้ว เป็นไปได้ไหมที่คนจบไม่ตรงสายจะเก่งเท่าหรือเก่งกว่าคนที่จบตรงสาย? เป็นไปได้ เพราะถ้าเราทำงานกับเรื่องเฉพาะทางที่เราทำอยู่ตลอด เราก็จะทำงานได้คล่องกว่าและดีกว่า ยกตัวอย่างคนเรียนตรงสายอาจจะได้ใช้ React อยู่เทอมเดียว แต่คนจบไม่ตรงสายอาจจะเรียนทำเว็บอย่างเดียว 3 เดือนเต็ม เจอ error ทุกรูปแบบ ทำให้แก้ปัญหามาทุกรูปแบบก็ทำให้จัดการกับงานได้คล่องกว่า มองว่าอนาคตของสาย Developer จะเป็นอย่างไรบ้าง คำว่า Developer จะถูกใช้เยอะขึ้นเรื่อย ๆ เพราะปัจจุบันก็มีคนจบไม่ตรงสายที่เรียนเขียนโปรแกรมมากขึ้นและจะมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งในอนาคตน่าจะมีเทคโนโลยีที่ทำให้การเขียนโค้ดเป็นเรื่องง่ายขึ้น อย่างตอนนี้ที่มีการเอา AI มาช่วยเขียนโค้ด ทำให้คนเข้าถึงการสายงาน Developer ได้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตำแหน่งงานในสายอื่นอาจจะควบตำแหน่ง Developer มากขึ้นเรื่อย ๆ ในบางระดับ อย่างทุกวันนี้เองเราเห็นการใช้งาน Excel กับซับซ้อนมากในโลกธุรกิจ ซึ่งคนพัฒนาไฟล์ Excel เหล่านั้นก็มักไม่ใช่คนจบคอมพิวเตอร์โดยตรงเหมือนกัน รูปแบบเดียวกันนี้ในอนาคตคนทำงานที่เชี่ยวชาญหน้าที่เฉพาะอื่น ๆ ก็น่าจะมีเครื่องมือที่ทำให้ทำงานเหมือนเป็นคนพัฒนาซอฟต์แวร์ไปในตัว คนทำงานตำแหน่งต่าง ๆ จะควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น จนหลายครั้งก็กลายเป็นซอฟต์แวร์เต็มตัวใช้งานกันในองค์กร ในช่วงนี้ก็เริ่มมีกระแส No Code/ Low Code เข้ามาด้วยที่ทำให้เราสามารถเขียนโค้ดจำนวนน้อย ๆ แบบเดียวกับการใช้ Excel แต่สร้างซอฟต์แวร์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยที่ตำแหน่งของเขาอาจจะไม่ใช่ Developer โดยตรง สำหรับ Developer แบบเต็มเวลาจริง ๆ ก็จะเจอกับความเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้น เราอาจจะต้องเตรียมตัวว่าภาษาหรือเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสูงอยู่ช่วงหนึ่งอาจจะเปลี่ยนไปภายในเวลาไม่กี่ปี แล้วเราก็ต้องเรียน stack ใหม่อีกครั้ง แต่ความเปลี่ยนแปลงแบบนี้ก็อาจจะไม่จริงกับทุกคนนัก ทุกวันนี้บริการจำนวนมากที่เราใช้งานกันก็ยังเป็นเทคโนโลยีเดิม ๆ ที่ใช้มาแล้วหลายสิบปี PHP ยังมีการใช้งานสูงมาก หรือฐานข้อมูลที่หลายคนอาจจะตื่นเต้นกับ NoSQL กันพักใหญ่แต่ความรู้ SQL ก็ยังใช้งานกันจนทุกวันนี้ และอาจจะได้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ดี คำแนะนำในการหางาน โปรโมทตัวเองลง Resume เช่น อัพผลโหลดงานลง Github ฯลฯ สำหรับคนที่ยังไม่เคยทำงานเลยคิดว่าควรเขียนให้ชัดว่าถนัดเทคโนโลยีตัวใด การอัพโหลดผลงานลง GitHub สามารถทำได้เลยและถ้าคิดว่าเป็นโปรเจคที่ใหญ่พอก็อาจจะใส่ไว้ใน Resume ได้ด้วย แต่ควรระวังว่าเราเข้าใจโปรเจคครบถ้วนดีไหม ถ้าใส่โปรเจคลงไปแต่คนสัมภาษณ์ขอเปิดโค้ดมาถาม หรือขอให้ไล่กระบวนการทำงานแล้วตอบไม่ได้ก็จะดูไม่ดี ตอนเรียนเราอาจจะแบ่งกลุ่มหรือแบ่งงานกันทำ แต่หลังจากเสร็จแล้วก็ควรรู้ว่าเราจำเป็นต้องเข้าใจทั้งโปรเจคโดยเฉพาะโปรเจคที่ขนาดไม่ได้ใหญ่มากในวิชาเรียน เราอาจจะต้องลองเปิดโค้ดเพื่อนมานั่งดูให้เข้าใจว่าทำงานอย่างไรและให้เพื่อนอธิบายกันในกลุ่มให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าทำอะไรไปบ้าง เรื่องหนึ่งคือแพลตฟอร์มฝึกเขียนโปรแกรมอย่าง CodeWar หรืองานแข่งเขียนโปรแกรมอย่าง Google CodeJam ตลอดจนเว็บสอนเขียนโปรแกรม นั้นมักมี profile ของผู้ใช้เหมือนกัน เราสามารถใส่ข้อมูลพวกนี้เข้าไปเพื่อให้คนอ่านเห็นว่าเราเรียนอะไรมาแล้วบ้าง รูปแบบก็คล้ายๆ การแนบใบรับรองที่ได้จากการอบรม แต่คนอ่านจะเข้าไปดูโค้ดที่เราเคยเขียน หรือระดับคะแนนได้เลย ใครที่มีประสบการณ์ด้านนี้หรือเป็น Developer / Engineer มานานแล้วมีคำแนะนำให้กับคนนอกสายที่สนใจ สามารถคอมเมนท์ไว้ได้เลยครับ ส่วนใครที่สนใจหางานประจำด้านโปรแกรมมิ่งและด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ เข้ามาดูงานได้เลยที่ Blognone Jobs
# Huawei Cloud บริการคลาวด์ที่รองรับการออปติไมซ์ค่าใช้จ่ายอย่างหลากหลาย เปิดทางองค์กรใช้คลาวด์ได้คุ้มค่าสูงสุด บริการคลาวด์ได้รับความนิยมขึ้นอย่างมากจากความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการใช้งานที่องค์กรสามารถขยายขนาดระบบได้ทันความต้องการในทุกนาที เห็นได้จากการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันและอนาคต ลูกค้าจึงเริ่มมองหาการออปติไมซ์ต้นทุนเพื่อการใช้งานคลาวด์ให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูง True IDC ผู้ให้บริการ Huawei Cloud ระบบคลาวด์ที่มี Availability Zone (AZ) 3 แห่งในไทย เต็มรูปแบบพร้อมกับอีก 27 ภูมิภาคทั่วโลก มีความเข้าใจถึงเงื่อนไขการใช้งานของลูกค้าเป็นอย่างดี จึงมีตัวเลือกสำหรับการออปติไมซ์ค่าใช้จ่ายบนคลาวด์ที่หลากหลาย เปิดทางให้องค์กรสามารถใช้คลาวด์ได้ในราคาประหยัด เลือกซื้อเซิร์ฟเวอร์ได้หลายรูปแบบ บริการหลักของHuawei Cloud เรียกว่า Elastic Cloud Server (ECS) โดยซื้อ ECS ใช้งานปกติแต่จ่ายตามการใช้งานจริง (Pay-per-use) โดยไม่มีเงื่อนไขผูกมัดใดๆ การคิดค่าบริการนั้นคิดเป็นรายวินาที แถมเครื่อง ECS ของ Huawei Cloud นั้นยังสามารถหยุดเครื่องไว้โดยไม่เสียค่าซีพียูหรือเมมโมรีได้อีกด้วย (ยกเว้น ECS ประเภทที่ใช้ดิสก์ประสิทธิภาพสูงบนเซิร์ฟเวอร์โดยตรง) สำหรับ Workload ที่ไม่สำคัญนัก และสามารถรันช่วงเวลาใดก็ได้ อาจจะเลือกใช้ Spot Price ที่เป็นการประมูลเครื่องในศูนย์ข้อมูลมาใช้งาน ทำให้เราสามารถใช้เครื่องขนาดใหญ่ๆ ในราคาถูกกว่าราคาปกติเป็นอย่างมาก แต่บางองค์กรมี Workload จำนวนมากเป็นงานที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์ขนาดคงที่ รันระบบทิ้งไว้ยาวนานโดยไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก ซึ่ง Huawei Cloud มีตัวเลือกสมัครใช้งานระยะยาวทั้งแบบรายเดือนและรายปี ทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ทันที การสมัครใช้งานแบบรายเดือนหรือรายปียังสามารถปรับขนาดเครื่องได้ตาม Workload การใช้งานจริง ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หาก Workload มีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ทางเลือกแบนวิดท์หลากหลายควบคุมราคาได้ ซื้อตามแบนวิดท์ได้ ค่าบริการอีกอย่างหนึ่งของคลาวด์ที่ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากตกใจกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น คือค่าแบนวิดท์ เพราะคลาวด์แทบทุกรายคิดค่าแบนวิดท์ตามปริมาณข้อมูลที่ส่งออกจากคลาวด์ซึ่งเปลี่ยนจากรูปแบบการคิดราคาตามแบนวิดท์ที่เรามักชินกันกับการวางเซิร์ฟเวอร์หรือสร้างศูนย์ข้อมูลใช้งานเอง Huawei Cloud เป็นคลาวด์ระดับโลกเพียงรายเดียวในไทยที่ให้ตัวเลือกคิดค่าบริการส่งข้อมูลเข้าออกทั้งแบบคิดตามปริมาณข้อมูลและคิดตามแบนวิดท์ที่ต้องการใช้งาน การย้าย Workload ขึ้นมาบน Huawei Cloud จึงสามารถเลือกใช้งานในรูปแบบเดิมได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีค่าใช้จ่ายเกินที่คาดไว้ การที่ Huawei Cloud มีศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย ยังทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือก Direct Connect สามารถเชื่อมเซิร์ฟเวอร์หรือเน็ตเวิร์คเข้าไปยังศูนย์ข้อมูลของ Huawei Cloud โดยตรงเพื่อเชื่อมระบบให้เป็นผืนเดียวกับระบบอื่นๆภายในองค์กรและ True IDC ยังมีบริการ Hosted Connected ที่เปิดทางให้ผู้ใช้สามารถใช้ลิงก์เชื่อมต่อเข้าไปยัง Huawei Cloud ผ่านทาง True IDC โดยไม่มีค่าพอร์ตเพิ่มเติมและยังสามารถเปิดการเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว จุดเด่นอีกอย่างนึงไม่มีค่าบริการ การส่งข้อมูลออกบน Direct Connect และ Hosted Connect ซึ่งต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น ระบบสำรองเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานได้ง่าย ค่าใช้จ่ายต่ำ ค่าใช้จ่ายสำคัญอีกส่วนของระบบไอทีคือการวางระบบสำรอง Huawei Cloud มีตัวเลือกอีกสองทางที่ทำให้สามารถออกแบบระบบที่มีการสำรองโดยมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า บริการแรกคือ Free Auto Recovery ที่ป้องกันเซิร์ฟเวอร์ในกรณีที่ฮาร์ดแวร์ของ ECS มีปัญหา ระบบจะย้ายข้อมูลไปยังเครื่องใหม่ให้โดยอัตโนมัติ เพียงการรีสตาร์ตเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้ภายนอกแทบไม่เห็นว่าระบบมีปัญหา หรือระบบที่มีความสำคัญสูงอาจจะเลือกใช้บริการ Storage Disaster Recovery Service (SDRS) ที่เตรียมพร้อมรับมือระดับภัยพิบัติ (Disaster Recovery) สตอเรจที่เปิดการใช้งาน SDRS จะซิงก์ข้าม AZ ตลอดเวลา หากเกิดภัยพิบัติขึ้นมา ก็จะสามารถเปิดบริการทั้งหมดที่ AZ ใหม่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่เตรียมไว้ในฝั่ง DR ยังปิดการทำงานไว้เป็นมาตรฐาน ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้งานซีพียูและแรมขณะที่เตรียมการรับมือภัยพิบัติแต่อย่างใด ทางเลือกที่หลากหลาย ง่ายขึ้นเมื่อมีที่ปรึกษาช่วยวางแผน ตัวเลือกในการลดค่าใช้จ่ายของ Huawei Cloud มีหลากหลาย อาจจะทำให้องค์กรไม่แน่ใจว่าเลือกใช้ได้เหมาะสมหรือยัง และหลายคนอาจต้องการที่ปรึกษาเพื่อมาช่วยเหลือในการวางแผนดูแลระบบให้ค่าใช้จ่ายลดลงทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทาง True IDC พร้อมให้บริการเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถออปติไมซ์ค่าใช้จ่ายได้เต็มที่ True IDC ให้บริการ Huawei Cloud หลายระดับ โดยลูกค้าอาจจะเลือกใช้บริการตั้งแต่การออกบิลจากทาง True IDC พร้อมคำแนะนำเบื้องต้นให้ลูกค้าสามารถดูแลระบบคลาวด์ของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับลูกค้าที่ต้องการทำ Cloud Transformation ทาง True IDC มีบริการให้คำปรึกษาว่าควรวางระบบอย่างไร และออกแบบการเทรนนิ่งให้กับทีมงานขององค์กรเพื่อให้พร้อมสำหรับการใช้งานเต็มรูปแบบ ในกรณีที่ต้องการให้ True IDC เข้าไป implement ระบบ บริการ Professional Service ของ True IDC ให้บริการได้เต็มรูปแบบ ทั้งการใช้งาน Infrastructure-as-a-Service และการใช้ฐานข้อมูล RDS ทำให้องค์กรมีทางเลือกว่าจะย้ายระบบมาเป็น virtual machine เหมือนเดิมหรือจะใช้แพลตฟอร์มของ Huawei Cloud เพื่อให้ได้ประโยชน์มากขึ้น และเมื่อองค์กรใช้งาน Huawei Cloud เต็มรูปแบบแล้ว ทาง True IDC ยังมีบริการ Managed Service ให้บริการ ดูแลการทำงานว่ายังสามารถใช้งานได้ดีต่อเนื่อง ตรวจสอบการใช้งานว่าทรัพยากรที่เตรียมไว้ให้กับแอปพลิเคชั่นมากหรือน้อยเกินไปหรือไม่ และปรับเปลี่ยนแก้ไขเมื่อมีความต้องการเปลี่ยนไป โดยองค์กรจะได้รับรายงานจากทาง True IDC หรือหากระบบมีปัญหาก็ได้จะได้รับการแจ้งเตือนเพื่อให้ตรวจสอบแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ Optimize ค่าใช้จ่ายบน Huawei Cloud และบริการของ True IDC ที่ช่วยดูแลให้องค์กรใช้งานคลาวด์ได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด ติดต่อ https://www.trueidc.com/th/contact หรือ โทร 02-494-8300
# Steam เริ่มเทศกาลลดราคา Autumn Sale 2022 Steam เริ่มเทศกาลลดราคาประจำปีรอบฤดูใบไม้ร่วง Autumn Sale 2022 พร้อมกับการเสนอเกมเข้าชิงรางวัล Steam Awards 2022 ตัวอย่างเกมลดราคาที่น่าสนใจมีดังนี้ FIFA 23 ลด 40% เหลือ 1,139.40 บาท Stray ลด 20% เหลือ 319.20 บาท Monster Hunter Rise ลด 50% เหลือ 644.50 บาท Cyberpunk 2077 ลด 50% เหลือ 899.50 บาท God of War ลด 25% เหลือ 967.50 บาท Tekken 7 ลด 85% เหลือ 178.50 บาท ที่มา - Steam
# Dell ไตรมาสล่าสุด กลุ่ม Infrastructure เติบโตสูง ทำสถิติรายได้อีกไตรมาส Dell Technologies รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนตุลาคม มีรายได้รวม 24,721 ล้านดอลลาร์ ลดลง 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 241 ล้านดอลลาร์ ที่น่าสนใจคือกลุ่ม Infrastructure Solutions รายได้เติบโตทำสถิติสูงสุดประจำไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 12% เป็น 9,630 ล้านดอลลาร์ และเป็นการเติบโตติดต่อกันไตรมาสที่ 7 แล้ว การเติบโตมาจากสินค้ากลุ่มเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์เน็คเวิร์ก ที่เพิ่มขึ้น 14% ส่วนสตอเรจเพิ่มขึ้น 11% กลุ่ม Client Solutions รายได้ลดลง 17% เป็น 13,775 ล้านดอลลาร์ ปัจจัยหลักจากลูกค้าทั่วไป (Consumer) ที่รายได้ลดลง 29% Jeff Clarke รองประธานและซีโอโอร่วมของ Dell Technologies กล่าวว่าบริษัทเคลียร์แบ็คล็อก เพื่อให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า และมีรายได้ทำสถิติสูงสุดในกลุ่ม Infrastructure ขณะเดียวกันบริษัทยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ในหมวดที่เป็นกลยุทธ์สำคัญทั้ง Edge, Multicloud และ as-a-Service ที่มา: Dell Technologies
# NordPass รายงาน Password ยอดฮิตปี 2022: 123456 ตกไปอันดับ 2 "password" ขึ้นที่ 1 NordPass ผู้พัฒนาแอปจัดการรหัสผ่าน ออกรายงานรหัสผ่านยอดนิยมประจำปี 2022 (Top 200 Most Common Passwords) โดยบอกว่าแม้ผู้คนจะตื่นตัวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้น แต่พฤติกรรมเก่า ๆ ก็ยังคงอยู่ โดยรหัสผ่านยอดนิยม ที่รวบรวมจากนักวิจัยอิสระและพาร์ตเนอร์ จากฐานข้อมูลหลุดมาซึ่งรวบรวมไว้ขนาด 3TB พบว่า password คือรหัสผ่านยอดนิยมอันดับที่ 1 แซงหน้า 123456 แชมป์เก่าปีที่แล้วไปได้ รหัสผ่านยอดนิยมอื่นที่น่าสนใจ เช่น tinder Oscars batman euphoria encanto ซึ่งมาจากกระแสความนิยมในหัวข้อตามช่วงเวลานั้น การจัดอันดับครั้งนี้ NordPass ยังคงมีตัวเลือกดูแบบแยกรายประเทศ และเพิ่มเติมคือแยกตามเพศ หากมีการระบุในฐานข้อมูล ทั้งนี้ไม่มีข้อมูลประเทศไทยในรายงานปีนี้ 10 อันดับรหัสผ่านยอดนิยมของปี 2022 เป็นดังนี้ password 123456 123456789 guest qwerty 12345678 111111 12345 col123456 123123 ที่มา: NordPass
# HP ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมลดลงจากธุรกิจ PC, ประกาศปลดพนักงาน 4-6 พันคน ใน 3 ปีข้างหน้า HP รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนตุลาคม รายได้รวม 14,801 ล้านดอลลาร์ ลดลง 11.2% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และขาดทุนตามบัญชี GAAP 2 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากการบันทึกค่าใช้จ่ายภาษีซึ่งเป็นรายการครั้งเดียว รายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจ กลุ่ม Personal Systems ซึ่งมีพีซีเป็นธุรกิจหลัก ลดลง 13% เป็น 10,267 ล้านดอลลาร์ จำนวนเครื่องที่ส่งมอบลดลง 21% เฉพาะโน้ตบุ๊คลดลงถึง 26% ส่วนเดสก์ท็อปลดลง 3% ขณะที่กลุ่ม Printing รายได้รวมลดลง 7% เป็น 4,533 ล้านดอลลาร์ โดยรายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไปลดลง ขณะที่ลูกค้าองค์กรเพิ่มขึ้น HP ยังประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านในอนาคต โดยส่วนหนึ่งของแผนคือการปลดพนักงานประมาณ 4,000-6,000 คน ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งตัวเลขนี้คิดเป็นประมาณ 10% ของจำนวนพนักงาน HP ปัจจุบัน ที่มา: HP และ CNBC
# โครงการ curl เริ่มรองรับใช้ภาษา C99 บางส่วน หลังอยู่กับ ANSI C มา 26 ปี curl ไลบรารีเชื่อมต่อเว็บยอดนิยม เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 1996 พัฒนาด้วยภาษา C ตามมาตรฐาน ANSI C หรือ C89 มาโดยตลอด ไม่ยอมปรับไปใช้มาตรฐานรุ่นใหม่ๆ แม้จะมีการปรับปรุงมาตรฐานมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดทางโครงการเตรียมยอมรับฟีเจอร์ของมาตรฐาน C99 หนึ่งจุด นั่นคือการสร้างตัวแปรแบบ 64 บิตที่ C89 ไม่รองรับโดยตรง Daniel Stenberg ผู้ดูแลโครงการระบุว่าเป้าหมายของ curl คือการรองรับทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะคอมไพล์ด้วยคอมไพลเลอร์อะไรบนระบบปฎิบัติการไหน ดังนั้นหากมีคอมไพลเลอร์ตัวไหนไม่รองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ ของภาษาทางโครงการก็อยู่กับมาตรฐานเก่าไปก่อนดีกว่า และปัญหาของ curl คือ Visual C++ (MSVC) ของไมโครซอฟท์นั้นรองรับ C99 ช้ามาก เพิ่งรองรับจริงๆ ในปี 2015 และปรับปรุงการทำงานให้เข้ามาตรฐานในปี 2019 นักพัฒนาที่ใช้ MSVC จำนวนมากในทุกวันนี้ยังใช้เวอร์ชั่นเก่าอยู่จึงยังรองรับ C99 เต็มรูปแบบไม่ได้ C99 ปรับปรุงภาษา C เพิ่มฟีเจอร์ที่เราเห็นทุกวันจนชินตา เช่น การคอมเมนต์บรรทัดเดียวด้วย //, ตัวแปรแบบ boolean, ฟังก์ชั่น inline, ตัวแปรขยายยาว ในโครงการ curl 8 ที่จะออกปี 2023 จะยอมให้ใชงานเฉพาะตัวแปร 64 บิตเพราะเบราว์เซอร์ทุกตัวรองรับหมดแล้ว ที่มา - haxx.se
# วิศวกร Mozilla เล่าทริกป้องกันเบราว์เซอร์แครชแม้แรมหมด รอ OS เพิ่ม swap Gabriele Svelto วิศกรของ Mozilla เขียนบล็อกเล่าถึงทริกการลดอัตราการแครชของไฟร์ฟอกซ์บนวินโดวส์ที่ใช้ตั้งแต่เวอร์ชั่น 105 ว่าสาเหตุสำคัญของการแครชอย่างหนึ่งคือแรมหมดทั้งแรมจริงๆ และไฟล์ swap ของระบบปฎิบัติการ ปกติแล้วหากหน่วยความจำหมดทั้งหน่วยความจำจริงๆ และ swap นั้นระบบปฎิบัติการจะคืนค่า error เมื่อซอฟต์แวร์ร้องขอหน่วยความจำเพิ่มเติม จากนั้นตัวโปรแกรมก็จะปิดตัวเองไป แต่ในไฟร์ฟอกซ์ 105 ทีมพัฒนาเปลี่ยนกลไกส่วนนี้ในวินโดวส์ เนื่องจากวินโดวส์มีความสามารถเพิ่มขนาดไฟล์ swap ได้เองเมื่อพื้นที่ใกล้เต็ม ดังนั้นหากตัวเบราว์เซอร์รออีกสักหน่อยแล้วขอหน่วยความจำอีกครั้งก็มักจะขอได้ การรอหน่วยความจำเพิ่มถูกนำมาใช้งานกับตัวโปรเซสหลักของเบราว์เซอร์เท่านั้น โปรเซสของตัวเรนเดอร์สามารถปิดการทำงานไปเลยได้ เพราะมีผลกับผู้ใช้เพียงแค่เห็นแท็บหนึ่งรีโหลดหน้าเว็บเท่านั้น นอกจากนี้โปรเซสของตัวแท็บที่ปิดไปก็ยังช่วยคืนหน่วยความจำให้ระบบรวมอีกด้วย หรือหากเป็นโปรเซสกราฟิกก็ยังเห็นแค่หน้าจอกระพริบเท่านั้น ทริกเล็กๆ นี้ทำให้อัตราการแครชของไฟร์ฟอกซ์ลดลงถึง 70% ตอนนี้ไฟร์ฟอกซ์กำลังพยายามปรับปรุงการใช้งานหน่วยความจำมากขึ้น โดยอาศัยการตรวจสอบระดับหน่วยความจำหากเหลือน้อยก็อาจจะเริ่มปิดบางแท็บที่ทำงานเบื้องหลังทิ้งไป ที่มา - Mozilla Hacks อัตราการแครชหลัง Firefox 105
# Tumblr เตรียมรองรับโปรโตคอล ActivityPub คุยกับ Mastodon ได้ ทางเลือกของคนหนี Twitter ดราม่าใน Twitter ทำให้บริการทางเลือก Mastodon ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นมาก แนวทางของ Mastodon เป็นซอฟต์แวร์ที่ให้ใครก็ได้สามารถโฮสต์เซิร์ฟเวอร์เองได้ และเซิร์ฟเวอร์แต่ละแห่งสามารถสื่อสารข้ามกันได้ผ่านโปรโตคอล ActivityPub ที่เป็นมาตรฐานกลางของ W3C ปัญหาของ Mastodon คือการตั้งโฮสต์เองทำได้ยากสำหรับคนทั่วไป และตอนนี้ยังไม่มีโฮสต์กลางที่ได้รับความนิยม และมีสเกลใหญ่มากพอ แต่เรื่องนี้อาจถูกแก้ไขเมื่อ Tumblr โซเชียลชื่อดังอีกรายประกาศว่ากำลังรองรับ ActivityPub ในเร็วๆ นี้ ผลคือ Tumblr จะกลายเป็นโฮสต์ขนาดใหญ่ของโซเชียลที่รองรับมาตรฐาน ActivityPub ซึ่งครอบคลุม Mastodon และซอฟต์แวร์อีกหลายตัว เราสามารถใช้ไคลเอนต์ Mastodon ตามโพสต์ของผู้ใช้ใน Tumblr ได้ทันที Matt Mullenweg ซีอีโอของ Automattic เจ้าของปัจจุบันของ Tumblr ประกาศเรื่องนี้ใน Twitter เชิญชวนให้ผู้ที่ประสบปัญหาตั้งเซิร์ฟเวอร์ Mastodon ให้เตรียมย้ายมาใช้ Tumblr ในเร็วๆ นี้ ที่มา - TechCrunch
# Elon Musk แจ้งพนักงาน จะไม่เอา Twitter Blue กลับมาจนกว่าจะแน่ใจว่าการปลอมบัญชีลดลง Elon Musk แจ้งพนักงานในที่ประชุม Twitter ว่าจะยังไม่มีการนำระบบยืนยันตัวตน Twitter Blue กลับมาหากยังไม่มั่นใจว่าการปลอมบัญชีเป็นบุคคลอื่นลดลง จากเดิม Twitter มีแผนว่าจะนำบริการ Twitter Blue กลับมาในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้แต่ Musk บอกว่าอาจจะยังไม่นำกลับมาก็ได้ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้มีบัญชีปลอมได้ นอกจากนี้ Musk กล่าวว่าบริษัทอาจจะต้องมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีใหม่สำหรับองค์กรหรือแบรนด์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแยกความแตกต่างระหว่างบัญชีแบรนด์ที่ได้รับการยืนยันตัวตนจริง ๆ กับบัญชีบุคคลทั่วไปที่สมัครสมาชิก Twitter Blue เพื่อให้ได้เครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า ส่วนเหตุผลที่ต้องมี Twitter Blue เขาเผยว่า การสมัครสมาชิกในราคา 8 ดอลลาร์ต่อเดือนจะช่วยป้องกันบัญชีบ็อตและโทรล เพราะทำให้การสร้างบัญชีบ็อตต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น Musk ได้เพิ่มบริการ Twitter Blue ราคาเดือนละ 8 ดอลลาร์ขึ้นมาหลังจากที่ได้ขึ้นเป็นซีอีโอของ Twitter และได้ยกเลิกไปเพียง 2 วันหลังจากให้บริการ เพราะมีการปลอมบัญชีเป็นบุคคลมีชื่อเสียงจำนวนมาก ที่มา: The Verge
# Honda อาจจะเอา PlayStation 5 มาใส่ในรถยนต์ สู้ระบบความบันเทิงบน Tesla Sony และ Honda ได้ร่วมมือกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน Sony Honda Mobility เมื่กลางปีที่ผ่านมา โดยไอเดียคือเอาความเชี่ยวชาญด้านรถยนต์ของ Honda มาร่วมกับความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Sony มาพัฒนาต่อยอดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน ล่าสุด Yasuhide Mizuno ซีอีโอของ Sony Honda Mobility เผยว่า Sony มีความโดดเด่นเรื่องคอนเทนต์ บริการและเทคโนโลยีต่างๆ ดังนั้นสิ่งนี้น่าจะเป็นจุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีพอจะสู้กับ Tesla ที่ไม่มีคอนเทนต์ของตัวเอง Mizuno เสริมด้วยว่า การนำ PlayStation 5 มาใส่ไว้ในรถยนต์ ในทางเทคโนโลยีแล้วเป็นไปได้ ซึ่งก็น่าจะช่วยเติมเต็มความบันเทิงบนรถยนต์นอกเหนือจากเพลงและภาพยนตร์ของ Sony ขณะที่ฝั่ง Tesla นอกจากจะมีแอปสตรีมมิ่งหนังหรือเพลงรองรับบนรถยนต์แล้ว ก็ยังมีเกม Arcade บนรถของตัวเองด้วย แต่ก็ยังถือว่ามีเกมค่อนข้างน้อย เลยกำลังเดินหน้าเอาเกมจากบน Steam มารองรับบนรถยนต์ด้วยเช่นกัน ที่มา - The Financial Times
# AWS เพิ่มฟีเจอร์ให้ Amplify สร้างฟอร์ม React จาก JSON ใช้ได้ฟรี AWS เพิ่มฟีเจอร์ให้ Amplify Studio ตัวพัฒนาแอปพลิเคชั่นบน AWS ให้สามารถสร้าง React component จากไฟล์ JSON ออกมาเป็นฟอร์มไปใช้งานได้ทันที ก่อนหน้านี้ Amplify Studio รองรับการแปลงดีไซน์จาก Figma มาเป็นโค้ด React อยู่แล้ว แต่ในรอบนี้ผู้ใช้สามารถกำหนดข้อมูลที่อยากได้เป็น JSON แล้วให้ Amplify สร้างฟอร์มได้เลย ทำให้สามารถใช้รับข้อมูลในแอปได้ง่ายขึ้น Widget ที่ให้มามีหลากหลายรูแแบบ เช่น วันที่, เวลา, ข้อความ, รหัสผ่าน, URL และยังสามารถสร้างกฎการตรวจสอบข้อมูลได้จากใน Amplify Studio โดยตรง เมื่อออกแบบฟอร์มเสร็จแล้วสามารถดาวน์โหลด component ออกมาเป็น zip โดยไม่ต้องใช้บัญชี AWS เลยก็ได้ หรืออาจจะเชื่อมกับโปรเจคใน Amplify แล้วดาวน์โหลดด้วยคำสั่ง amplify ใช้งานได้ฟรี ผู้ที่ไม่มีบัญชี AWS เลยก็ยังสามารถใช้งานผ่าน Amplify Studio sandbox ได้ ที่มา - AWS
# Ubisoft กลับมาขายเกมบน Steam อีกครั้ง หลังห่างหายไปนาน 4 ปี Ubisoft นำเกมกลับมาขายบน Steam อีกครั้ง หลังห่างหายไปนาน 4 ปี เพราะพยายามไปขายเกมบนช่องทางของตัวเอง Ubisoft Connect แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เกมแรกที่ Ubisoft นำกลับมาขายคือ Assassin's Creed Valhalla เริ่มขายบน Steam วันที่ 7 ธันวาคมนี้ เกมอื่นที่ปรากฎบนหน้า Steam แล้วคือ Anno 1800 และ Roller Champions (เกมหลังเป็น free-to-play) เมื่อปี 2019 Ubisoft เคยบอกว่าโมเดลการหักส่วนแบ่งสูงถึง 30% ของ Steam นั้นไม่เวิร์คแล้ว หลัง Epic Games Store เข้ามาแข่งขันด้วยการหักส่วนแบ่งเพียง 12% แต่การกลับมายัง Steam รอบนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่า Ubisoft ประสบความสำเร็จในการเจรจาส่วนแบ่งใหม่กับ Valve แค่ไหน ช่วงหลังๆ เราเห็นค่ายเกมยักษ์ใหญ่หลายค่ายที่เคยพยายามไปขายเกมเอง ต้องซมซานกลับมาขายเกมบน Steam อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Activision Blizzard ที่เพิ่งนำ Call of Duty กลับมาขายบน Steam, Bethesda, Microsoft, EA ที่มา - Eurogamer
# ไมโครซอฟท์เสนอดีลใหม่ให้โซนี่ การันตีออก Call of Duty บน PlayStation นาน 10 ปี ความคืบหน้าของดีลไมโครซอฟท์ซื้อ Activision Blizzard จากที่เมื่อเดือนกันยายน ฝั่งโซนี่ออกมาโวยว่าไมโครซอฟท์เสนอดีล Call of Duty บน PlayStation ให้อีก 3 ปี ซึ่งโซนี่บอกว่าไม่ดีพอ ล่าสุดไมโครซอฟท์เปิดเผยกับ The New York Times ว่าได้เสนอสัญญาฉบับใหม่ให้โซนี่ ที่เพิ่มระยะเวลาการันตีออก Call of Duty บน PlayStation ให้เป็น 10 ปีแทนแล้วตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในขณะที่โซนี่ยังไม่ชี้แจงว่าพึงพอใจกับข้อเสนอนี้หรือไม่ ไมโครซอฟท์น่าจะต้องการปิดดีล Activision Blizzard โดยเร็ว เพราะช่วงหลัง หน่วยงานภาครัฐหลายแห่งเข้ามาสอบสวนในเชิงลึกเรื่องการผูกขาด หากโซนี่ในฐานะคู่แข่งรายสำคัญพอใจกับข้อเสนอนี้ ก็น่าจะคลายแรงกดดันจากหน่วยงานภาครัฐได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ก็เคยพูดเอาไว้ว่าจะออกเกม Call of Duty บน PlayStation ให้ตราบเท่าที่ยังมีเครื่องให้ออก และเทียบ Call of Duty กับเกม Minecraft ที่ฐานผู้เล่นออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญ แต่ข่าวนี้ก็ช่วยให้เราเห็นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นว่าไมโครซอฟท์มองอย่างไร ที่มา - New York Times, Eurogamer
# ความเป็นส่วนตัว? ระบบวิเคราะห์อุปกรณ์ของ Apple สามารถเก็บข้อมูลและระบุตัวตนผู้ใช้ได้โดยตรง Tommy Mysk และ Talal Haj Bakry นักวิจัยเรื่องความปลอดภัยทางอิเล็กทรอนิกส์โพสต์ผ่าน Twitter ว่าระบบวิเคราะห์อุปกรณ์ของ Apple มีระบบระบุตัวตนที่เรียกว่า DSID ซึ่งย่อมาจาก Directory Services Identifier โดยพบว่าบัญชี iCloud แต่ละบัญชีมี DSID ที่เฉพาะเจาะจง ทำให้สามารถระบุตัวตนผู้ใช้รวมถึงข้อมูลผู้ใช้อย่างชื่อ วันเกิด อีเมล และข้อมูลอื่น ๆ ที่เก็บไว้บน iCloud ได้ผ่าน DSID ที่ต่างกัน การที่ DSID สามารถระบุตัวตนผู้ใช้ขัดแย้งกับนโยบายของ Apple ที่ประกาศว่า ระบบวิเคราะห์ข้อมูลการใช้อุปกรณ์ของ Apple จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์ของผู้ใช้แต่จะไม่สามารถตรวจสอบย้อนกลับเพื่อระบุตัวตนของผู้ใช้ได้ นอกจากนี้ Apple ยังประกาศมาตลอดว่าบริษัทให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ที่มา: MacRumors ภาพจากโฆษณา iPhone ของ Apple ในปี 2019
# PlatinumGames ยืนยันแล้ว มีเกม Bayonetta 4 เนื้อเรื่องต่อจากภาค 3 Hideki Kamiya ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าฝ่ายออกแบบเกมของ PlatinumGames รวมถึงเป็นผู้กำกับเกม Bayonetta ภาคแรก ตอบคำถามแฟนๆ ในทวิตเตอร์ ยืนยันว่าจะมีเกม Bayonetta 4 ที่มีเนื้อเรื่องต่อจากภาค 3 แน่นอน เกม Bayonetta 3 เพิ่งวางขายเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และมีเสียงวิจารณ์ต่อเนื้อเรื่องตอนจบของเกม ทำให้ Kamiya ออกมาชี้แจง (แบบตั้งใจ?) ว่าจะมีเรื่องต่อในเกมภาค 4 แน่นอน ตอนนี้คงยังไม่มีรายละเอียดอื่นๆ ของเกมภาค 4 แต่นี่อาจเป็นการประกาศภาคต่อของเกมที่รวดเร็วที่สุดครั้งหนึ่งเลยก็เป็นได้ ที่มา - IGN
# TSMC เตรียมแผนผลิตชิป 3 นาโนเมตรแล้วที่โรงงานในสหรัฐอเมริกา Morris Chang ผู้ก่อตั้งบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติไต้หวัน TSMC เผยในที่ประชุมในนครไทเปว่า บริษัทได้วางแผนผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตรแล้วที่โรงงานในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ที่กำลังสร้างและจะเริ่มผลิตชิปในปี 2024 Chang เผยว่าตอนนี้แผนยังไม่เสร็จสิ้นแต่ก็ใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว บนหน้าเว็บไซต์ของ TSMC เผยว่าชิป 3 นาโนเมตรนี้จะใช้ชื่อว่า N3 เมื่อเปรียบเทียบกับชิป 5 นาโนเมตรแล้ว จะมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นสูงสุด 70% เร็วกว่าเดิมสูงสุด 15% เมื่อใช้พลังงานในระดับเดียวกันและจะลดการใช้พลังงานสูงสุด 30% เมื่อมีความเร็วอยู่ในระดับเดียวกัน Chang เผยว่า TSMC จะเริ่มผลิตชิป 3 นาโนเมตรในเฟส 2 หลังจากที่ผลิตชิป 5 นาโนเมตรในเฟสแรกแล้ว ทั้งนี้ คู่แข่งของ TSMC อย่าง Samsung Electronics ได้เริ่มผลิตชิปไปแล้วในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่มา: TechCrunch
# Elon Musk แจ้งพนักงาน Twitter เปิดรับตำแหน่งเพิ่มเติม เน้น Engineering และ Sales The Verge ได้ข้อมูลจากการประชุมพนักงานทั้งหมดของ Twitter ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ซีอีโอ Elon Musk ประกาศว่าจากนี้องค์กรจะทำงานกันแบบฮาร์ดคอร์ ทำให้มีพนักงานจำนวนมากลาออก โดย Elon Musk บอกว่ากระบวนการปลดพนักงานออกเสร็จสิ้นแล้ว จากนี้บริษัทจะเริ่มเปิดรับพนักงานโดยเน้นที่ฝ่ายวิศวกรรม และฝ่ายขาย พร้อมทั้งแนะนำให้พนักงานแนะนำคนรู้จักให้มาสมัคร (referral) อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดว่าวิศวกรรมส่วนใด และฝ่ายขายด้านไหน ที่ Elon Musk อยากให้รับเข้ามาเพิ่ม ในช่วงที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้ถามคำถาม มีหลายประเด็นน่าสนใจ เช่น Musk บอกว่าเขายังไม่มีแผนย้ายสำนักงานใหญ่จากซานฟรานซิสโกไปที่เท็กซัส ซึ่งปัจจุบันสำนักงานใหญ่ Tesla อยู่ที่นั่น แต่อาจเลือกมีสำนักงานใหญ่สองที่ไปเลย เพื่อให้ Twitter มีสำนักงานใหญ่ในสองเมืองที่ความนิยมการเมืองเป็นฝั่งซ้ายและขวา เขายังตอบคำถามเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กร ที่แม้แต่คนนอกยังรู้สึกว่ายุ่งเหยิง ว่าเป็นปกติที่บริษัทอาจทำอะไรผิดพลาด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างจะเข้าที่มากขึ้น นอกจากนี้เขาบอกว่า Tech Stack หลายอย่างของ Twitter จำเป็นต้องเริ่มสร้างใหม่ตั้งแต่ต้น (Rebuilt from scratch) นอกจากนี้ Musk บอกว่าเขาสนใจที่จะกระจายศูนย์การทำงาน โดยเฉพาะฝ่ายวิศวกรรม เช่น การมีทีมเฉพาะในญี่ปุ่น อินเดีย อินโดนีเซีย หรือบราซิล โดยยกตัวอย่างว่า Twitter ตอนนี้เป็นการพัฒนาแบบอเมริกาเป็นศูนย์กลาง แต่การใช้งาน Twitter ที่ญี่ปุ่นนั้นสูงใกล้เคียงกับในอเมริกาเลย ทั้งที่มีประชากรน้อยกว่า สุดท้ายในสไลด์ที่นำเสนอ Twitter อัพเดตตัวเลขพนักงานว่ามีอยู่ราว 2,700 คน โดยก่อนที่ Musk มาซื้อกิจการนั้น Twitter มีพนักงานราว 7,400 คน ที่มา: The Verge
# Zoom รายงานผลประกอบการไตรมาส รายได้โต 5% ลูกค้าองค์กรยังมีเพิ่มขึ้น Zoom รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนตุลาคม มีรายได้เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 1,101 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 48.4 ล้านดอลลาร์ จำนวนลูกค้าองค์กรมีเพิ่มขึ้นเป็น 209,300 ราย ขณะที่จำนวนลูกค้าที่สมัครใช้งานตรงผ่านเว็บไซต์ลดลง 9% Eric S. Yuan ซีอีโอ Zoom กล่าวว่าลูกค้ายังคงใช้งาน Zoom เพื่อรองรับการทำงานที่ยืดหยุ่นและสามารถเชื่อมต่อผู้คนได้ต่อไป Zoom ก็ขยายความสามารถของแพลตฟอร์มเพื่อรองรับสิ่งนี้ด้วย ที่มา: Zoom และ CNBC
# มาช่วยกันผลักดัน Common Voice ภาษาลาวกัน!!! หลังจากที่ภาษาไทย เราได้ช่วยกันผลักดันให้โครงการ Common Voice ของ Mozilla เปิดรับบริจาคเสียงภาษาไทยได้เป็นที่สำเร็จเมื่อ 1 ปีก่อน มาวันนี้ขอเชิญชวนคนไทย/คนลาวที่อ่านหรือพิมพ์ภาษาลาวได้ มาช่วยกันผลักดันให้ Common Voice เปิดรับบริจาคเสียงภาษาลาวกัน ชุดข้อมูล Common Voice เป็นชุดข้อมูลเสียงสำหรับระบบรู้จำเสียง โดยเสียงมาจากการบริจาคของอาสาสมัครหรือระบบ crowdsourcing และอยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตสาธารณสมบัติ (CC-0) ทุก ๆ คนจากทั่วโลกสามารถใช้งานได้ฟรี ตัวอย่างเช่น โมเดล OpenAI Whisper ที่รองรับภาษาจากทั่วโลกและรองรับภาษาไทยด้วย เป็นต้น ดำเนินงานภายใต้ Mozilla องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ดูแล Firefox ทำไมต้องภาษาลาว? ภาษาลาวถือเป็นภาษาตระกูลขร้า-ไท ตระกูลเดียวกันกับภาษาไทย ปัจจุบัน ถือว่าเป็นหนึ่งในภาษาที่มีทรัพยากรทางภาษาต่ำ และไม่มีชุดข้อมูลเสียงสาธารณะมากเหมือนกับภาษาไทย หาก Common Voice ภาษาลาวเกิดขึ้นมาได้ จะทำให้ทรัพยากรภาษาแบบสาธารณะของภาษาลาวมีจำนวนมาก จะช่วยให้เทคโนโลยีรู้จำเสียงภาษาลาวจากทั่วโลก (ไม่จำกัดเฉพาะประเทศลาวหรือประเทศไทย) ทำงานกับภาษาลาวได้ดียิ่งขึ้น (เพราะข้อมูลที่นำไปเทรนโมเดลมีจำนวนมากขึ้น) รวมถึงซอฟต์แวร์รู้จำเสียงภาษาลาวแบบโอเพ่นซอร์ส (Open Source) เกิดขึ้นตามมาด้วยในอนาคต และยังมีประโยชน์ในการศึกษาทางภาษาศาสตร์ จะช่วยให้นักภาษาศาสตร์จากทั่วโลกสามารถหาตัวอย่างและศึกษาภาษาลาว รวมถึงภาษาตระกูลขร้า-ไท ได้ง่ายยิ่งขึ้น วิธีการผลักดันภาษาลาวเข้า Common Voice การผลักดันภาษาลาวเข้า Common Voice ต้องอาศัยการทำงาน 3 ส่วนดังนี้ 1) บริจาคประโยคภาษาลาวเข้า Common Voice Sentence Collector 2) ตรวจทานประโยคภาษาลาวใน Common Voice Sentence Collector ว่าเหมาะสมกับการนำไปให้คนอ่านในการบริจาคหรือไม่ 3) แปลหน้าเว็บ Common Voice ให้ครบ 80% ขึ้นไป เรามาลงลึกทีละขั้นตอนกัน 1) บริจาคประโยคภาษาลาวเข้า Common Voice Sentence Collector เข้าไปที่ https://commonvoice.mozilla.org/sentence-collector/#/en แล้วทำการ login จากนั้นไปที่ Profile เลือก Lao ใต้ Add a language you want to contribute to แล้วกด Add Language จากนั้นกลับไปที่หน้าหลัก Home แล้วกด Collect sentences จากนั้นพิมพ์/ก๊อปประโยคภาษาลาวใส่เข้าไปบรรทัดละประโยค จากนั้นพิมพ์ที่มาของประโยคแล้ว ติ๊กถูกเพื่อยืนยันว่าเป็นประโยคสาธารณะ จากนั้น Submit ได้เลย สำหรับเกณฑ์ประโยคของภาษาลาว ปัจจุบันยังไม่มี แต่ผมขอเสนอดังนี้ ไม่มีการย่อคำ ตัวอย่างเช่น สส เป็นต้น ไม่มีอิโมจิ ไม่มีตัวเลข ไม่มีคำศัพท์ต่างภาษาปนเข้าไป เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่น ๆ เป็นต้น ต้องเป็นภาษาลาวทั้งหมด ไม่มีเครื่องหมายพิเศษ ตัวอย่างเช่น “ ) ( เป็นต้น 2) ตรวจทานประโยคภาษาลาวใน Common Voice Sentence Collector ตรวจทานประโยคที่มีคนเข้ามาในระบบว่าเหมาะสมกับอ่านเพื่อบริจาคเสียงภาษาลาวหรือไม่ ตามคำแนะนำเกณฑ์ที่ผมเสนอ และประโยคต้องไม่ยาวเกินไป อ่านจบไม่เกิน 10 วินาที (เวลาสูงสุดในการรับบริจาคเสียงแต่ละเสียงของ Common Voice) เข้าไปที่ Review sentences จากหน้าหลัก Home ของ Common Voice Sentence Collector แล้วกด Approve ถ้าประโยคนั้นผ่าน กด Reject ถ้าประโยคนั้นไม่ผ่าน และกด Skip ถ้าไม่ต้องการตรวจทานประโยคนั้น 3) แปลหน้าเว็บ Common Voice ให้ครบ 80% ขึ้นไป สำหรับขั้นตอนนี้ต้องอาศัยระบบแปลหน้าเว็บ ชื่อ Pontoon ของ Mozilla ในการแปลภาษา โดยเข้าไปที่ https://pontoon.mozilla.org/lo/common-voice/ แล้ว Login จากนั้นลงมือแปลพิมพ์คำแปลภาษาลาวเข้าไปได้เลย รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่ Community Playbook สำหรับจำนวนประโยคที่ต้องการขั้นต่ำสำหรับภาษาลาว ณ เวลานี้คือ จำนวน 5,000 ประโยค (แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนนี้ได้ในอนาคต) เมื่อตรวจครบ 5,000 ประโยคและแปลครบ 80% แล้ว ระบบ Common Voice ถึงจะเปิดรับบริจาคเสียงภาษาลาว มาช่วยกันผลักดันให้ภาษาลาวเข้าไปอยู่ในชุดข้อมูล Common Voice กัน!
# HUAWEI Mate 50 series นี่คือการกลับมาอีกครั้งของผู้นำกล้องสมาร์ทโฟนระดับเรือธงแห่งยุค ตอบโจทย์ทุกบริบทการถ่ายภาพ พร้อมใช้งานทุกสถานการณ์ หลังจากที่เทคโนโลยีกล้องบนสมาร์ทโฟนในท้องตลาดหายคึกคักไปนาน รอบนี้หัวเว่ยกลับมาทวงบัลลังก์ของสมาร์ทโฟนกล้องเทพระดับเรือธงอย่าง HUAWEI Mate 50 series เขย่าวงการด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับขนาดรูรับแสงที่ปรับได้ 10 ขนาดด้วยระบบฮาร์ดแวร์ เก็บภาพสวยในทุกสภาพแสงด้วยค่ารูรับแสงตั้งแต่ F1.4 ถึง F4.0 ultra-large aperture พร้อมกับการปรับแต่งค่าโทนสีของภาพที่ใช่ตามสไตล์ XMAGE นอกจากนั้นยังจัดเต็มกับโหมดกล้องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็เทคโนโลยีการซูมระยะรวมสูงสุด 200 เท่า การถ่ายภาพนิ่งและเคลื่อนไหวแบบมาโครที่สามารถนำผลลัพธ์ที่ได้มาใช้งานได้จริง HUAWEI Mate 50 Pro สามารถรองรับการใช้งานตลอดวันด้วยแบตอึด 4700 mAh แถมชาร์จไวด้วย 66W HUAWEI SuperCharge และยังมีอีกทางเลือกกับ HUAWEI Mate 50 ที่ยังมีไฮไลต์โดดเด่นที่รู้แล้วต้องร้องว้าวอีกเพียบ มีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย! เปิดจองในไทยวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 และระบบปฏิบัติการ EMUI 13 ซึ่งอำนวยความสะดวกในการโต้ตอบอันชาญฉลาดและราบรื่นมากกว่าที่เคย ร่วมสร้างความประทับใจทั้งตระกูล เก็บโมเมนต์ประทับใจในวันสำคัญได้ทั้งกลางวันและกลางคืนด้วย Ultra Aperture XMAGE camera เลนส์ F1.4 ครั้งแรกของสมาร์ทโฟนหัวเว่ยที่มาพร้อมกล้อง Ultra Aperture เลนส์รูรับแสงทางกายภาพขนาดใหญ่ F1.4 ที่สามารถปรับได้ 10 ระดับ คือ 1.4/1.6/1.8/2.0/2.2/2.5/2.8/3.2/3.5/4.0 มอบผลงานภาพหน้าชัดหลังเบลอได้สวยกริบ โดยทำงานร่วมกับ XD Fusion Pro เพื่อกำหนดความสว่างของภาพ รายละเอียดแสงและเงา รวมถึงการเปรียบเทียบโทนความอบอุ่นเพื่อสร้างมุมมองที่ถูกต้องแบบกล้อง SLR HUAWEI Mate 50 Series ยังเป็นสมาร์ทโฟนแห่งการถ่ายภาพชั้นนำของอุตสาหกรรม รองรับโหมดการถ่าย 8 โหมด ได้แก่ True-Chroma Shot, Super Night, Telephoto Shot, Cinematic-like, Super Macro, Fine Portrait, Large-dynamic-range และ Snapshot ซึ่งช่วยจับภาพในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตได้แบบไม่มีพลาด เก็บรายละเอียดภาพถ่ายกลางคืนหรือที่ที่มีแสงน้อยได้อย่างครบถ้วนคมชัด สีสันสดใส และคอนทราสต์แม่นยำ ด้วยรูรับแสงขนาดใหญ่พิเศษ F/1.4 และเซ็นเซอร์ RYYB โดย HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบไปด้วย กล้อง 50MP Ultra Aperture รับแสงมากขึ้น 24%1 กล้อง Periscope ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์แบบ RYYB ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS รองรับการซูมภาพระยะรวมถึง 200 เท่า ทำให้สามารถถ่ายภาพของยอดภูเขาได้อย่างสบาย ๆ และกล้องแบบ Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่รองรับการถ่ายภาพระยะใกล้ในตัว พร้อมเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อช่วยถ่ายภาพโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Focus Sensor, Proximity Light Sensor และ 10-channel multispectral sensor เพื่อช่วยวัดแสง ถ่ายทอดรายละเอียดสีสัน และช่วยในการละลายฉากหลังได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดย ทํางานร่วมกับเอ็นจิ้นภาพ XD Fusion Pro และ XD Optics เพื่อรักษาความสว่างและความคมชัดยิ่งขึ้น ด้าน HUAWEI Mate 50 มาพร้อมกับระบบกล้องหลังจำนวน 3 ตัว ประกอบไปด้วย กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, กล้อง Periscope Zoom ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รองรับการซูมภาพระยะรวม 100 เท่า และกล้องตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์แบบ RYYB เช่นกัน รวมถึงระบบ Laser Focus ที่ช่วยให้โฟกัสภาพได้อย่างแม่นยำ คุณภาพวิดีโอสุดล้ำกับ Super Macro เจาะรายละเอียดเล็กถึงใจ พร้อมการเบลอในแสงน้อยที่ดียิ่งกว่า ฝั่งงานวิดีโอก็ไม่น้อยหน้ามีฟังก์ชั่น Large Aperture Video Blur ที่ช่วยยกระดับการเบลอผ่านการถ่ายวิดีโอได้ง่ายๆ โดยสามารถเข้าไปที่โหมดโปรแล้วเลือกถ่ายวิดีโอ ซึงขณะถ่ายวิดีโอสามารถปรับค่า F ได้แบบเรียลไทม์ ต่อด้วย Ultra HD Low-light Video ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายวีดีโอในที่ที่มีแสงน้อยให้ดีมากยิ่งขึ้น และ Wide-angle Time lapse Video ถ่ายภาพ หรือ วิดีโอในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งโดยใช้การเร่งความเร็ว ส่วนใครที่ชอบถ่ายแบบเจาะรายละเอียด HUAWEI Mate 50 Series มาพร้อมเลนส์ Super Macro ระยะโฟกัส 2.5 เซนติเมตร ซัพพอร์ตทั้งฟังก์ชั่น Super Macro Video บันทึกวิดีโอสวยงามอันสวยงาม สามารถเก็บรายละเอียดที่มองไม่เห็นด้วยความแม่นยําได้อย่างน่าทึ่ง ขณะที่ Wide-angle Macro Video จะบันทึกวิดีโอมาโครมุมกว้าง สะท้อนมุมมองของรายละเอียดระยะใกล้ได้อย่างดี แบตเตอรี่อึด ชาร์จไว Stand by เตรียมพร้อมสำหรับภารกิจที่ยาวนานตลอดวัน HUAWEI Mate 50 Series บรรจุแบตเตอรี่สูงสุด 4700mAh2 ภายในตัวเครื่องอันบางเฉียบ โดย HUAWEI Mate 50 มาพร้อมแบต 4460mAh นำเสนอโซลูชันการชาร์จเร็วทั้งแบบมีสาย 66W HUAWEI Super Charge และไร้สาย 50W3 เพื่อสร้างสมดุลที่เหมาะสมระหว่างอายุการใช้งานแบตเตอรี่ การชาร์จเร็ว ตลอดจนการพกพา มั่นใจได้ว่ายังใช้งานได้ดีแม้ผ่านการใช้งานอย่างเข้มข้น เสริมด้วยเทคโนโลยี SuperCharge แบบหลายช่องสัญญาณล่าสุดเพื่อประสิทธิภาพการชาร์จที่สูงขึ้นและการควบคุมความร้อนที่ดีขึ้นอีกด้วย ไฮไลต์สำคัญกับนวัตกรรมโหมดฉุกเฉินแบตเตอรี่ต่ำเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบในปัจจุบัน โดย HUAWEI Mate 50 Series ได้เปิดตัวโหมดฉุกเฉินแบตเตอรี่ต่ำ ซึ่งรวมแบตเตอรี่สเปกสูงเข้ากับอัลกอริธึม EMUI 13 อันทรงพลังและเทคโนโลยี SuperEnergy Boosting เมื่อระดับแบตเตอรี่ลดลงถึง 1% SuperEnergy Boosting จะรวมพลังงานที่เหลืออยู่ภายใต้โหมดฉุกเฉินแบตเตอรี่ต่ำ ซึ่งไม่ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่เสียหาย ขณะที่สมาร์ทโฟนสามารถรองรับการสแตนด์บายได้ถึง 3 ชั่วโมงหรือการโทรนานถึง 12 นาที4 ปลดล็อคการทำงานแบบใหม่ด้วย Super Device Experience empowered by EMUI 13 เปิดประสบการณ์ใหม่ที่ใครได้ลองใช้ก็ต้องร้องว้าว กับ Super Device Experience empowered by EMUI 13 ระบบปฎิบัติการที่ยกระดับขีดความสามารถในการำงานให้หลากหลายมากขึ้น ประกอบไปด้วย SuperHub: ความสามารถในการถ่ายโอนไฟล์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยสามารถกดข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และไฟล์ใดๆ ค้างไว้ แล้วลากไปที่หน้าต่างลอยของ SuperHub เพื่อจัดเก็บไฟล์ชั่วคราว จากนั้นสามารถเปลี่ยนไปใช้แอปฯ อื่น และเลือกไฟล์ภายใน SuperHub เพื่อการคัดลอกและวางที่ราบรื่น ซึ่งถ่ายโอนได้หลายไฟล์ในเวลาเดียวกันระหว่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และพีซีได้เช่นกัน Super Device: การเชื่อมต่อที่เรียบง่ายผ่านการ 'ลากเพื่อเชื่อมต่อ' ในวิดเจ็ต Super Device ใต้แผงควบคุมของ HUAWEI Mate 50 Series ไอคอนของสมาร์ทโฟนจะ Pop-Up ขึ้นมา ล้อมรอบด้วยอุปกรณ์อื่นๆ เช่น แท็บเล็ต พีซี สมาร์ทหน้าจอ ลำโพง ฯลฯ การเชื่อมต่อทำได้ง่ายเพียงแค่ลากไอคอนของอุปกรณ์หนึ่งไปยังไอคอนสมาร์ทโฟนที่แสดงถึง HUAWEI Mate 50 Series เพื่อเชื่อมต่อทั้งสองเครื่องเข้าด้วยกัน เพียงเท่านี้การแบ่งปันเนื้อหาและข้อมูลก็ทำได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น Smart Service Widgets & Stack Widgets: ด้วยความสามารถของ EMUI 13 สามารถเพิ่มขนาดไอคอนแอปฯ บน Widget ให้ใหญ่ขึ้นได้ตามต้องการ รวมถึงออกแบบการแสดงผลของข้อมูลผ่านหน้าจอได้เช่นกัน อย่าง Fitness and Health Service Widget ที่เลือกแสดงข้อมูลการนับก้าวได้ทันทีบนหน้าไอคอนโดยไม่ต้องกดเข้าแอป เป็นต้น ด้าน Stack Widgets ช่วยสร้างเค้าโครงเดสก์ท็อปโดยการจัดเรียงการ์ดในแบบที่ชอบ รวมถึงสร้างแอปฯ ที่สนใจในรูปแบบของ waterfall flow ซึ่งเรียกดูได้จากการปัดขึ้นและลงตามต้องการ นอกจากจะเพิ่มพื้นที่เดสก์ท็อปให้มากขึ้นแล้ว ยังทําให้หน้าจอเป็นระเบียบมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้หัวเว่ยยังคำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องความเป็นส่วนตัวเสมอ ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรม ทำให้ HUAWEI Mate 50 series ที่มาพร้อมระบบปฎิบัติการ EMUI 13 มีฟังก์ชันการปกป้องความเป็นส่วนตัวของรูปภาพ Image Privacy Protection ซึ่งสามารถลบข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของรูปภาพได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว และข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ต้นทางก็จะไม่เปิดเผยไปยังปลายทางเมื่อแชร์ข้อมูลหรือรูปภาพให้กับคนอื่น ตามมาด้วย Privacy Center แดชบอร์ดทั่วไปสำหรับผู้ใช้เพื่อดูพฤติกรรมการใช้งานของแอปพลิเคชันทั้งหมด เพื่อแนะนำการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวกับแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงมี Security Center ที่สามารถตรวจสอบสถานการณ์ความปลอดภัยของอุปกรณ์ได้ตลอดเวลา เช่น App Lock, Password Vault, File Safe, Find Device เป็นต้น เซอร์ไพรส์กับประสิทธิภาพการใช้งานเหนือชั้นระดับมาสเตอร์พีซ ราบรื่นตลอดการใช้งานด้วยคุณสมบัติขั้นเทพที่ช่วยให้การเล่นสมาร์ทโฟนลื่นไหลได้ตลอดวัน SuperHold: เริ่มต้นไวและคงไว้ซึ่งความรวดเร็วในการเปิด-ปิดแอป ช่วยทั้งการทำงานที่ว่องไว และการท่องเว็บได้อย่างไม่สะดุด SuperRender5: ปกติหลังจากเรียกใช้เกมอัตรารีเฟรชสูงเป็นเวลา 15 นาที สมาร์ทโฟนทั่วไปจะล่าช้าหรืออัตราเฟรมลดลงหรือเครื่องจะร้อน แต่ HUAWEI Mate 50 series เล่นได้นานขึ้นด้วยอัตราเฟรมเรทที่สูงและเสถียรยิ่งกว่าเคย เพราะมาพร้อมเทคโนโลยีการคาดการณ์ระหว่างเฟรมระดับพิกเซล ซึ่งช่วยลดอุณหภูมิความร้อนของสมาร์ทโฟนและการใช้พลังงานได้อย่างดีเยี่ยม SuperStorage: สมาร์ทโฟนจะช่วยประหยัดพื้นที่เก็บข้อมูลได้สูงสุด 20 GB⁠6 พร้อม ROM 256 GB โดยการซ้อนไฟล์ที่ซ้ำกัน บีบอัดแอปที่ใช้น้อย และตัดการดาวน์โหลดซ้ำที่ไม่จำเป็น ทำให้มีพื้นที่มากขึ้นสำหรับภาพถ่ายและวิดีโอจำนวนมาก ลงตัวในทุกมิติกับความงามแบบคลาสสิกผ่านลวดลายพีระมิด Clous de Paris และดีไซน์วงแหวนล้ำสมัย HUAWEI Mate 50 Series มาพร้อมการนำรูปแบบ Clous de Paris ที่มีลักษณะเหมือนพีระมิดฐานสี่เหลี่ยมปลายแหลมทับซ้อนกัน ที่มักถูกนํามาใช้ในครื่องประดับหรูหรา เช่น นาฬิกาข้อมือเพชรพลอย และเครื่องประดับอื่นๆ ผสมผสานการออกแบบ Space Ring เข้ากับการออกแบบที่สมมาตร เผยให้เห็นพื้นผิวที่ดูสะดุดตาในทุกสภาพแสง กระบวนการที่ละเอียดทำให้โมดูลกล้องของ HUAWEI Mate 50 Series สวยงามคล่องตัว ตลอดจนเพิ่มพื้นที่ว่างและสร้างความงามแบบเลเยอร์รูปแบบใหม่ได้อย่างไร้ที่ติ ขณะที่วัสดุด้านหลังของ HUAWEI Mate 50 Series ผลิตจากกระจกคุณภาพสูง ขึ้นชื่อในเรื่องความแฃ็งแรงทนทานและให้สัมผัสที่พรีเมียม มาพร้อม 2 สี ได้แก่ Sliver และ Black HUAWEI Mate 50 Series สะท้อนสีสมจริงในทุกรายละเอียด เพราะรองรับช่วงสีกว้าง P3 และการหรี่แสงด้วย PWM ความถี่สูง 1440Hz ช่วยลดการสั่นไหวของหน้าจอ ถนอมสายตาจากความเมื่อยล้าและมอบประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อดวงตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้แสงสลัว นอกจากนี้ยังรองรับการกันน้ำระดับ IP687 ที่ความลึกสูงสุด 2 เมตรใต้น้ำอีกด้วย ทำให้สามารถจัดการกับสภาพแวดล้อมที่ชื้นและมีฝุ่นได้อย่างง่ายดาย ด้าน HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.74 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรช 120 Hz ขณะที่ HUAWEI Mate 50 นั้นมีขนาดหน้าจอ OLED อยู่ที่ 6.7 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรช 90 Hz HUAWEI Mate 50 Pro มาในราคา 43,990 บาท และ HUAWEI Mate 50 ราคา 36,990 บาท และติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมโปรโมชันพรีออเดอร์อันน่าตื่นเต้นได้ในวันที่ 23 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2565 สำหรับผู้ที่สั่งจองช่วงพรีออเดอร์รับฟรี HUAWEI Sound Joy มูลค่า 4,999 บาท พร้อมด้วยการใช้งานแอปพลิเคชันฟรี HUAWEI Mobile Cloud Storage 200 GB 6 เดือน HUAWEI Music Premium 3 เดือน HUAWEI Video VIP 1 เดือน และ HUAWEI Video Movie Pass 2 เดือน มูลค่ารวม 1,180 บาท รีบต่อคิวเป็นเจ้าของก่อนใครได้ที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Lazada และแอปพลิเคชัน My HUAWEI 1เมื่อเทียบกับ HUAWEI Mate 40 Pro ข้อมูลอ้างอิงจากผลการทดสอบของ Huawei Lab 2ค่าปกติ ความจุสูงสุดของแบตเตอรี่คือ 4600mAh 366W คือกำลังการชาร์จสูงสุด และสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเมื่อใช้ที่ชาร์จและสาย HUAWEI SuperCharge เฉพาะ 66W เท่านั้น 50W คือพลังงานการชาร์จแบบไร้สายสูงสุด และสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเมื่อใช้แท่นชาร์จไร้สาย HUAWEI SuperCharge (สูงสุด 50W) ซึ่งเป็นการซื้อแยกต่างหาก ประสิทธิภาพการชาร์จจริงอาจแตกต่างกันไป 4ข้อมูลมาจาก Huawei Labs 5จำเป็นต้องมีการปรับแต่งเกมที่เล่น โปรดพิจารณาจากการใช้งานจริง 6ข้อมูลมาจาก Huawei Labs และอิงตามการทดสอบกับรุ่น HUAWEI Mate 50 Pro ROM 256 GB 7การกันน้ำระดับ IP68 ทำการทดสอบในห้องแล็บ โดยการกันน้ำจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงอีกครั้ง อาจจะกันได้มากน้อยเมื่อใช้งานในบางสถานการณ์ ไม่แนะนำให้ชาร์จสมาร์ทโฟนในที่ชื้นและเปียก อุณหภูมิในน้ำและสมาร์ทโฟนต้องต่างกันไม่ถึง 5 องศาเซลเซียส ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Facebook Huawei Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery หมายเหตุของสมนาคุณ 1. หัวเว่ยสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงประเภทของแถมเป็นของขวัญที่มีมูลค่าใกล้เคียงกัน โดยจะต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 2. ของแถมในกิจกรรมนี้ให้สิทธิ์ตามลำดับก่อน-หลังจนกว่าของจะหมด ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่: Website: http://consumer.huawei.com/th Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH
# จีนรับสมัครคนเพิ่ม เพื่อมาทำงานในโรงงาน Foxconn หลังผ่อนมาตรการ Zero-Covid เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถื่นในมณฑลเหอหนานเปิดรับสมัครคนเข้ามาทำงานในโรงงานใหญ่ของ Foxconn ในเมืองเจิ้งโจว หลังจากโรงงานถูกปิดเพราะมาตรการ Zero-Covid ของจีนทำให้ขาดพนักงานฝ่ายผลิต iPhone จนกระทบต่อการผลิต iPhone 14 Pro ที่กำลังขายดี รัฐบาลมณฑลเหอหนานได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทั่วมณฑลหาพนักงานใหม่เพื่อทำงานในฝ่ายประกอบชิ้นส่วน iPhone ตัวอย่างเช่นเขตทังยิน เจ้าหน้าที่เผยว่าได้รับสมัครคนงานเข้ามาแล้วกว่า 300 รายในช่วง 1 สัปดาห์ โดยรัฐบาลท้องถิ่นจะช่วยพาคนไปกักตัวในโรงแรมก่อน 3 วันก่อนพาไปยังโรงงานของ Foxconn เพื่อกักตัวอีก 3 วันก่อนเริ่มทำงาน ส่วนเขตอี้ชวนเผยว่า ส่งพนักงานไปที่โรงงานแล้ว 80 ราย นอกจากนี้ สื่อท้องถิ่นของมณฑลเหอหนานได้รายงานภาพโรงงานของ Foxconn ที่สะอาดและเป็นระเบียบ และภาพพนักงานที่มีความสุขกับการทำงาน ในช่วงที่ประกาศมาตรการล็อคดาวน์ Foxconn ได้ขึ้นค่าแรงและโบนัสจูงใจให้คนงานอยู่ทำงาน แต่คนงานจำนวนมากได้หนีออกจากโรงงานเพื่อกลับบ้าน ในช่วงนี้ รัฐบาลจีนได้ผ่อนปรนมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 บางอย่างเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ที่มา: Financial Times
# Tim Bray เล่าประสบการณ์หาประโยชน์ของ Blockchain พบแทบทั้งหมดต้องการแค่ฐานข้อมูลธรรมดา Tim Bray ผู้ร่วมออกแบบ XML และวิศวกรซอฟต์แวร์ระดับตำนานเขียนบล็อกเล่าประสบการณ์การทำงานใน AWS ช่วงปี 2016 ว่าตอนนั้น Andy Jessy ซีอีโอของ AWS (เลื่อนตำแหน่งเป็นซีอีโอของ Amazon ภายหลัง) คุยกับเขาและเล่าว่าลูกค้าจำนวนมากพยายามถามว่า AWS มีแผนการบล็อคเชนอย่างไรบ้าง และลูกค้าเหล่านี้พยายามบอกกับ Jessy ว่าบล็อคเชนเป็นเทคโนโลยีที่ดีมากแต่ Jessy ไม่เข้าใจ Jessy จึงมอบหมายให้ Bray ไปศึกษาเพิ่มเติม Bray พยายามไปหาข้อมูล และไปพูดคุยกับสตาร์ตอัพหลายรายในสหรัฐฯ โดยถามคำถามหลักเพียงสองคำถาม คือ "บริษัทกำลังพยายามทำอะไร" และ "บล็อคเข้ามาช่วยอย่างไร" และมักได้คำตอบที่น่าผิดหวังคือเอาเข้าจริงบริการเหล่านี้ไม่ต้องใช้บล็อคเชนก็ได้ นอกจากนี้บริษัทจำนวนมากก็อ้างอิงกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียพยายามเปลี่ยนระบบมาใช้บล็อคเชน ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีว่าบล็อคเชนมีประโยชน์จริง บทสรุปของ Tim Bray คือประโยชน์ที่แท้จริงของบล็อคเชนนั้นหายากมากๆ (เขาไม่พูดในบล็อกเลยว่าเจอสักอันหรือไม่) ระบบที่พัฒนาขึ้นมาได้สิ้นเปลือง และเมื่อไปดูรายละเอียดของรายงานความสำเร็จของระบบที่ใช้งานแล้วก็มักมีแต่คำพูดเปล่าๆ อย่างนั้นก็ตามนักลงทุนจำนวนมากก็แห่กันลงเงินให้บริษัทเหล่านี้ และสุดท้ายบริษัทเหล่านี้ก็เอาเงินมาใช้บริการคลาวด์อย่าง AWS อยู่ดี Tim Bray ทำงานกับ AWS ตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปี 2020 เขาลาออกประท้วงการจัดการแรงงานของ Amazon ในช่วง COVID-19 ที่มา - Tim Bray แปลจากข้อความในบล็อก
# Cloudflare เปิดบริการฐานข้อมูล D1 ให้คนทั่วไปใช้งาน แต่ย้ำว่ายังเป็นระดับ Alpha Cloudflare เปิดบริการฐานข้อมูล D1 ให้คนทั่วไปใช้งาน หลังจากประกาศทดสอบวงจำกัดตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะใช้งานได้แต่ก็ระบุสถานะว่าเป็น Open Alpha เพราะหลายส่วนยังอยู่ระหว่างการพัฒนาอย่างหนัก ไม่เสถียรพอที่จะเรียกว่าเป็น Beta แต่ทาง Cloudflare ก็อยากให้คนทั่วไปมาพัฒนาซอฟต์แวร์บน D1 ก่อน ในเวอร์ชั่นนี้มี dashboard ให้ใช้งานสามารถคอนฟิกฐานข้อมูลทั่วไปได้ในตัว, สามารถสั่งรัน SQL ผ่านคำสั่ง wrangler, และใช้งานผ่าน Worker รวมถึง Cloudflare Pages ได้ แม้ว่าจะใช้งานพัฒนาแอปพลิเคชั่นได้ แต่ข้อจำกัดสำคัญคือตอนนี้ฐานข้อมูลไม่ได้ถูกสำเนาไปยังภูมิภาคต่างๆ ตามการใช้งานจริง โดยฟีเจอร์ read replication เป็นฟีเจอร์สำคัญที่ Cloudflare ชูเป็นจุดขายตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก ทำให้ latency เมื่อใช้งานจากพื้นที่ที่ไกลจากจุดที่ฐานข้อมูลทำงานอยู่นั้นกินเวลานาน นอกจากนี้ D1 ยังไม่สามารถสำเนาฐานข้อมูลขึ้นมาช่วยแบ่งโหลด หากมีการใช้งานหนักๆ ในตอนนี้ก็จะเกิดคอขวดเพราะคิวรีต่างๆ จะเข้าคิวรอส่งคำสั่งในฐานข้อมูลตัวเดียว ระหว่างการทดสอบ ผู้ใช้สามารถสร้างฐานข้อมูลขนาดไม่เกิน 100MB และแต่ละคนจะสร้างได้ไม่เกิน 10 ฐานข้อมูล ที่มา - Cloudflare
# Cloudflare เปิดบริการ Snippets รันโค้ดขนาดเล็กมากเพื่อแก้ไข HTTP Request Cloudflare เปิดบริการ Cloudflare Snippets รองรับการรันจาวาสคริปต์ขนาดเล็กมากๆ เพื่อแก้ไข HTTP request/HTTP response ที่ซับซ้อนขึ้นกว่า Ruleset ปกติ ก่อนหน้านี้ลูกค้า Cloudflare สามารถใช้ Cloudflare Workers เพื่อแก้ไขแบบเดียวกันได้อยู่แล้ว แต่ Cloudflare Workers นั้นออกแบบให้รองรับงานที่ซับซ้อนมากๆ ได้ด้วย โดยรันได้นานถึง 30 วินาที และเชื่อมต่อออกไปยังระบบภายนอกได้หลากหลาย แต่ Cloudflare Snipppets จะถูกบีบให้รันเสร็จภายใน 5ms เท่านั้น และตัวโค้ดจะทำงานเป็นส่วนหนึ่งของ Ruleset Engine ไปเลย นอกจากนี้ข้อจำกัดอื่นๆ ของบริการ Snippets ก็บีบมาก เช่น หน่วยความจำสูงสุด 2MB, แพ็กเกจโค้ดรวม 32KB, ใส่ environment variable ได้ 8 ตัว ขนาดรวมไม่เกิน 1KB และเชื่อมต่อภายนอกแทบไม่ได้เลย นอกจาก subrequest เพียงครั้งเดียว แต่โค่ดที่รองรับก็เพียงพอสำหรับการทดแทนสคริปต์แก้ไข HTTP request ที่องค์กรใช้งานกันภายในจำนวนมาก ข้อดีสำคัญของ Snippets คือบริการนี้ฟรีแทบทุกกรณี มีข้อจำกัดเพียงจำนวน Snippets ที่ใส่ได้ต่อโซนเท่านั้น ตอนนี้บริการยังเป็นการทดสอบ คาดว่าจะใช้งานได้ทั่วไปในปี 2023 ที่มา - Cloudflare
# Phil Schiller ผู้บริหาร Apple ปิดบัญชี Twitter แล้ว Phil Schiller ผู้บริหารของ Apple ที่ดูแลเรื่องการจัดงานและ App Store ปิดการใช้งานบัญชี Twitter ของตนเองแล้ว โดยปกติ Schiller มักจะใช้บัญชี Twitter ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2008 โปรโมทผลิตภัณฑ์และบริการด้านซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ของ Apple โดยบัญชีของเขามีผู้ติดตามกว่า 200,000 ราย ในการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ Tim Cook ซีอีโอของ Apple ก็ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Apple และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และกล่าวว่าเขาหวังว่า Twitter จะยังสามารถรักษามาตรฐานไว้ได้ภายใต้ผู้นำคนใหม่อย่าง Elon Musk ที่มา: MacRumors
# ระบบตรวจสอบลิขสิทธิ์ผลงานของ Twitter ใช้การไม่ได้ คาดมาจากทีมงานลาออกจำนวนมาก ระบบตรวจสอบและป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และเพลงของ Twitter ใช้งานไม่ได้ ทำให้มีผู้ใช้จำนวนมากโพสต์เธรดภาพยนตร์ทั้งเรื่องลงบนแพลตฟอร์ม ซึ่ง The Verge คาดว่าที่ระบบใช้ไม่ได้ส่วนหนึ่งมาจากที่มีพนักงานลาออกจากบริษัทหลายร้อยคน มีผู้ใช้รายหนึ่งโพสต์เธรดภาพยนตร์ Avatar (2009) ในวันที่ 17 พฤศจิกายน จนมาถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน Twitter ก็ยังไม่ได้จัดการกับโพสต์ดังกล่าว รวมถึงมีผู้โพสต์ภาพยนตร์เรื่อง The Fast and the Furious: Tokyo Drift ด้วย ทั้งนี้ ขณะนี้ Avatar ได้ถูก Twitter ลบไปแล้วเพราะปัญหาด้านลิขสิทธิ์ ส่วนบัญชีที่โพสต์ The Fast and the Furious ถูกระงับชั่วคราวซึ่งไม่แน่ว่ามาจากเรื่องลิขสิทธิ์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ใช้ที่โพสต์ภาพยนตร์เรื่อง Need for Speed ทั้งเรื่องและผู้ใช้อีกรายโพสต์ตอนหนึ่งของ SpongeBob SquarePants ลงใน Twitter ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถูกแบนจาก Twitter เลย ที่มา: The Verge
# Bob Iger กลับมาเป็น CEO ของ Disney 2 ปี เพื่อวางไดเรกชันให้บริษัทโต หลังจากที่ Bob Iger อดีตซีอีโอของ Disney ลาออกและได้ Bob Chapek มานั่งเก้าอี้แทนเมื่อปี 2020 ล่าสุด The Hollywood Reporter รายงานว่า Bob Iger จะกลับมาเป็นซีอีโอ Disney อีกรอบ และมีผลทันที บอร์ดของ Disney เพิ่งประกาศเรื่องนี้ โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมที่มีมากขึ้นและเป็นช่วงเวลาที่ซับซ้อน บอร์ดเลยมองว่า Bob โดดเด่นและเหมาะสมกับช่วงเวลานี้ อย่างไรก็ตาม การกลับมาเป็นซีอีโอของ Bob จะเป็นระยะเวลาแค่ 2 ปี เท่านั้น เพื่อวางทิศทางเชิงกลยุทธของบริษัท ให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยระหว่างนั้นก็จะมีการวางตัวผู้สืบทอดต่อด้วย ที่มา - The Hollywood Reporter
# Nextcloud เพิ่ม Mastodon เข้าไว้ในชุดซอฟต์แวร์หลัง Elon Musk เข้าซื้อทวิตเตอร์ Nextcloud ผู้รวบรวมชุดซอฟต์แวร์ทดแทนบริการออนไลน์ ประกาศรวมเอา Mastodon บริการทดแทนทวิตเตอร์แบบโอเพนซอร์สเข้าไว้ในชุด โดยเรียกว่า Nextcloud Social เปิดทางให้องค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการติดตั้งซอฟต์แวร์ใช้งานเองสามารถใช้งานได้โดยง่าย ทาง Nextcloud ระบุว่าเตรียมให้บริการตั้งแต่ Elon Musk เริ่มประกาศแผนว่าจะเข้าซื้อทวิตเตอร์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพราะมองว่าการที่แพลตฟอร์มแสดงความเห็นและสื่อสารกำลังถูกควบคุมโดยเศรษฐีนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีและแพลตฟอร์มควรกระจายตัวมากกว่านี้ ปกติแล้วผู้ใช้จำนวนมากก็ติดตั้ง Mastodon ใช้งานเอง แต่ Nextcloud ก็เป็นชุดซอฟต์แวร์ที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่คนที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ใช้งานเอง (self hosted) การที่ Nextcloud รวมซอฟต์แวร์เข้ามาเช่นนี้ก็น่าจะได้เห็นเซิร์ฟเวอร์ผุดมากขึ้น โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์สำหรับองค์กรขนาดเล็ก ที่มา - Nextcloud
# Donald Trump บอกชัดอีกรอบ ไม่สนใจกลับไปใช้งาน Twitter Donald Trump อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวในระหว่างการพูดที่งานหนึ่ง ต่อประเด็นการกลับไปใช้งาน Twitter ว่า เขาไม่เห็นเหตุผลที่ต้องกลับไปใช้งานมัน (Twitter) ก่อนหน้านี้ Elon Musk ได้ทำโพลใน Twitter ถามผู้ใช้งานว่าให้นำบัญชีของ Trump กลับคืนมาหรือไม่ และคำตอบคือนำกลับมา เขาจึงเปิดบัญชีของ Trump คืน อย่างไรก็ตาม Trump ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียล Truth Social เองอยู่แล้ว ยังคงยืนยันว่าจะไม่กลับไป เขาบอกว่าการอยู่ใน Truth Social นั้น ได้ engagement ดีกว่าบน Twitter เสียอีก แถมตัวแพลตฟอร์มตอนนี้ก็ยอดเยี่ยมมาก ที่มา: CNBC ภาพ Gage Skidmore/Flickr (CC BY-SA 2.0)
# Elon Musk ยกเลิกแบนบัญชีทวิตเตอร์ของ Donald Trump แล้ว Elon Musk ตั้งโพลในทวิตเตอร์ถามว่าอยากให้นำบัญชีของ Donald Trump กลับคืนมาหรือไม่ มีคนเข้ามาโหวตจำนวน 15 ล้านคน (ไม่บอกว่ามีบ็อตเท่าไร และดูเหมือนเจ้าตัวไม่แคร์เรื่องนี้แล้วด้วย) ผลลัพธ์คือ 51.8% ต้องการให้คืนบัญชีของ Trump ส่วนอีก 48.2% ไม่เห็นด้วย ผลคือตอนนี้ทวิตเตอร์เปิดบัญชีของ Trump (@realdonaldtrump) กลับคืนมาแล้ว ถึงแม้เคยมีข่าวออกมาว่า Trump ไม่ต้องการกลับไปใช้ทวิตเตอร์อีก เพราะหันไปสร้าง Truth Social ของตัวเองแล้ว แต่อย่างน้อยๆ ข้อความเก่าๆ ของ Trump ก็ถูกนำกลับมาใช้งานได้ทั้งหมด
# การเพิ่มวินาทีพิเศษ "อธิกวินาที" (Leap Second) ถูกยกเลิกแล้ว มีผลในปี 2035 ที่ประชุมของหน่วยงานมาตรฐานชั่งตวงนานาชาติ (International Bureau of Weights and Measures หรือ BIPM) ที่มีตัวแทนจากหลายประเทศเข้าร่วม ลงมติยกเลิก "อธิกวินาที" (leap second) โดยจะมีผลในปี 2035 leap second เป็นการเพิ่ม "วินาทีพิเศษ" เข้ามาอีก 1 วินาทีต่อปี (เฉพาะแค่บางปี) เพื่อปรับให้การนับเวลาตาม atomic time (ที่คงตัวเสมอ เช่น ใช้ใน GPS) ตรงกับเวลาตามการหมุนของโลก (UTC time ที่อาจไม่คงตัว เพราะโลกหมุนเร็วช้าไม่เท่ากัน) แนวคิดนี้เริ่มใช้งานในปี 1972 และที่ผ่านมามีวินาทีพิเศษถูกเพิ่มเข้ามาแล้ว 27 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2016 ปัญหาของ leap second คือเราไม่สามารถพยากรณ์ได้เลยว่าปีไหนบ้างจะมีวินาทีพิเศษเพิ่มเข้ามา เพราะขึ้นกับการหมุนของโลกในปีนั้นๆ ทำให้โลกยุคปัจจุบันที่อาศัยการซิงก์เวลากันอย่างแม่นยำจะเกิดปัญหาขึ้น หากต้องมีวินาทีแทรกเข้ามา (เคอร์เนลลินุกซ์รุ่นเก่ามีปัญหา Leap Second ทำระบบล่มในช่วงเปลี่ยนวันใหม่) ที่ผ่านมาก็มีข้อเสนอหลายอย่างที่พยายามแก้ปัญหานี้ เช่น วิศวกร Meta เสนอไอเดีย ยกเลิก Leap Second เปลี่ยนมาปรับสปีดนาฬิกาแทน ที่ประชุมของ BIPM ลงมติว่าจะยกเลิก leap second ภายในปี 2035 ซึ่งจะส่งผลให้เวลา atomic time และเวลาตามการหมุนของโลก (UTC) เริ่มต่างกัน โดย BIPM ยังไม่ได้พิจารณาว่าจะยอมให้ความต่างนี้เป็นเท่าไร รวมถึงจะมีวิธีปรับค่าอย่างไร แนวคิดหนึ่งที่เสนอกันคืออาจให้มีการเพิ่ม "นาทีพิเศษ" (leap minute) เข้ามาในทุกๆ 50 หรือ 100 ปีแทน เป็นต้น ที่มา - Guardian
# Yuji Naka ผู้สร้างเกม Sonic ถูกจับ หลังพัวพันคดีหุ้นที่เกี่ยวกับ Square Enix Yuji Naka บิดาผู้สร้างเกม Sonic the Hedgehog ถูกจับกุมด้วยข้อหา insider trading นำความลับของบริษัทไปเผยแพร่จนมีผลกับราคาหุ้น Yuji Naka ลาออกจาก Sega ตั้งแต่ปี 2006 จากนั้นเข้าทำงานกับ Square Enix ในปี 2018 เพื่อทำเกม Balan Wonderworld ออกขายปี 2021 แต่เกมไม่ประสบความสำเร็จ เขาจึงลาออกจาก Square Enix ในปี 2022 ส่วนคดีเทรดหุ้นเกิดขึ้นในปี 2020 เมื่อสตูดิโอ Aiming Inc. ได้งานพัฒนาเกมมือถือ Dragon Quest Tact ต่อจาก Square Enix แต่ก่อนหน้านั้นมีพนักงานของ Square Enix รายหนึ่งชื่อ Taisuke Sazaki ทราบข่าวก่อน จึงไปซื้อหุ้นของ Aiming ล่วงหน้าเป็นเงิน 47.2 ล้านเยน เพื่อทำกำไรจากราคาหุ้นของ Aiming ที่พุ่งขึ้นหลังข่าวดีว่าได้งานเกมใหญ่จากค่ายใหญ่ ตามข่าวบอกว่า Yuji Naka ก็มีเอี่ยวกับการซื้อหุ้นครั้งนี้ด้วย โดยเขาซื้อหุ้นของ Aiming มูลค่า 2.8 ล้านเยน ภาพจาก @Nakayuji ที่มา - Game Informer
# VMware Fusion 13 รองรับ Apple Silicon เต็มตัว รัน Windows on Arm ได้ VMware เปิดตัว VMware Fusion 13 เวอร์ชั่นเต็มตัวแรกที่รองรับ Apple Silicon หลังจากก่อนหน้านี้ออกเวอร์ชั่น Technical Preview มาก่อนแล้ว แม้ว่าจะรันได้เฉพาะ Windows on Arm เท่านั้น ไม่สามารถรัน Windows เวอร์ชั่น x86 ตามปกติได้ การใช้ Windows on Arm อาจจะทำให้การใช้งานจำกัดลงเพราะแอปที่จำเป็นต้องใช้งานบนวินโดวส์ส่วนมากน่าจะเป็นแอป x86 อย่างไรก็ดี Windows on Arm นั้นสามารถจำลอง x86 ได้ในตัว ดังนั้นแอปจำนวนมากที่คอมไพล์เป็น x86 ก็น่าจะรันได้ สำหรับผู้ใช้ macOS บน x86 เวอร์ชั่นนี้รองรับ Windows 11 เต็มรูปแบบยิ่งขึ้น สามารถใช้ clipboard ข้ามไปมาระหว่าง host และ guest รวมถึงการแชร์โฟลเดอร์ และอุปกรณ์ USB ต่างๆ ไดร์เวอร์กราฟิกของเครื่อง guest รองรับ OpenGL 4.3 และ DirectX 11 ทำให้ใช้งานกราฟิกบน virtual machine ยังมีประสิทธิภาพที่ดี สามารถใช้งานได้ฟรีเมื่อใช้งานส่วนตัว สำหรับการใช้งานเชิงการค้า ช่วงเปิดตัวนี้ลดราคา 30% เหลือ 99 ดอลลาร์สำหรับรุ่น Pro และ 79 ดอลลาร์สำหรับรุ่น Player ที่มา - VMware
# Tailscale เปิดบริการ Funnel เปิดทางเชื่อมต่อเข้าเซิร์ฟเวอร์ผ่านอินเทอร์เน็ต Tailscale ผู้ให้บริการเครือข่ายส่วนตัวผ่านอินเทอร์เน็ต (คล้าย VPN) เปิดบริการ Tailscale Funnel เพื่อให้เครื่องอื่นๆ นอกเครือข่าย tailnet สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ภายในได้ด้วย บริการ Funnel ทำให้ Tailscale ให้บริการคล้ายกับบริการอย่าง Cloudflare Tunnel ยิ่งขึ้นโดยผู้ใช้ไม่ต้องมีโดเมนเป็นของตัวเอง แต่ใช้โดเมน .ts.net ของ Tailscale ทาง Tailscale จะส่งแพ็กเก็ตของผู้ใช้แบบที่เข้ารหัสไปยังโหนดของลูกค้าโดยตรงไม่มีการถอดรหัสระหว่างทาง และทาง Tailscale ยืนยันว่าลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ว่าทางบริษัทไม่ได้ออกใบรับรองเข้ารหัสสำหรับโดเมน .ts.net เพื่อดักฟังข้อมูล หลังจากข้อมูลที่เข้ารหัสไปถึงโหนดของลูกค้าแล้ว ลูกค้ามีทางเลือกว่าจะจัดการใบรับรอง TLS ด้วยตัวเอง หรือจะใช้ Tailscale daemon จัดการให้ แต่ไม่ว่าอย่างไรข้อมูลก็ไปถอดรหัสที่เครื่องลูกค้าเท่านั้น บริการนี้ทำให้ลูกค้าของ Tailscale สามารถเปิดเซิร์ฟเวอร์มารับ Web hook หรือเปิดเซิร์ฟเวอร์สู่สาธารณะได้ แต่ที่ผ่านมา Tailscale ก็ไม่ใช่บริการ CDN เต็มรูปแบบนัก หากใช้งานเว็บที่ผู้ใช้มากๆ การไปใช้ Cloudflare อาจจะเหมาะกว่า ตอนนี้บริการ Tailscale Funnel ยังอยู่ระดับ Alpha และจะทดสอบกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ที่มา - Tailscale
# NVIDIA ชี้แจง สายเคเบิล GeForce RTX 4090 ไหม้ เกิดจากการเสียบสายไม่แน่นพอ จากข่าว ผู้ใช้ GeForce RTX 4090 รายงานปัญหาสายไฟต่อเข้าการ์ดไหม้ เวลาผ่านมาเกือบเดือน NVIDIA ได้ชี้แจงกับช่อง Gamers Nexus และประกาศบนเว็บไซต์ของตัวเอง ว่าหลังจากสอบสวนปัญหากว่า 50 เคส พบว่าสาเหตุเกิดจากการเสียบสายเคเบิลแบบใหม่ 12VHPWR กับตัวจีพียูไม่แน่นพอ (connectors are not fully plugged into the graphics card) ทางช่อง Gamers Nexus เองก็ได้ทดสอบการเสียบสาย 12VHPWR กับ GeForce 4090 แบบไม่แน่นมากนัก และพบว่าเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นไปที่ 250 เซลเซียสจนทำให้สายไหม้และเกิดควันขึ้นมา (ดูในคลิปที่สอง) ที่มา - NVIDIA, PCWorld
# และแล้วก็มีวันนี้ นาฬิกาของ Windows 11 แสดงตัวเลขหลักวินาทีได้แล้ว ไมโครซอฟท์ออก Windows 11 Insider Preview Build 25247 ให้กับ Dev Channel มีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ หลายอย่างที่น่าสนใจดังนี้ นาฬิกาบน system tray สามารถตั้งค่าให้แสดงตัวเลขวินาทีได้แล้ว (ของเดิมจะดูเลขวินาทีต้องกดที่นาฬิกาก่อน) Suggested Action เพิ่มการลากข้อความในที่ใดๆ ก็ได้ (เช่น Notepad) แล้ว search ด้วย Edge ได้แล้ว Quick Settings เพิ่มการตั้งค่า Windows Studio Effects เบลอฉากหลังเว็บแคม ที่ระดับ OS Task Manager เพิ่มกล่องค้นหาที่ขอบด้านบน เอาไว้ฟิลเตอร์ดูเฉพาะโพรเซสที่ต้องการ, ตั้งค่าธีมตาม OS ได้แล้ว หน้า Settings > Accounts แสดงพื้นที่ของเราใน OneDrive ว่าเหลือเยอะแค่ไหน ที่มา - Microsoft
# SwiftKey for iOS กลับมาให้ดาวน์โหลดใน App Store อีกครั้ง ไมโครซอฟท์ตัดสินใจนำแอปคีย์บอร์ด SwiftKey มาให้ดาวน์โหลดใช้งานบน App Store ของผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS อีกครั้ง จากก่อนหน้าที่แอปถูกถอดออกไปต้นเดือนตุลาคม ตัวแทนของไมโครซอฟท์ชี้แจงแบบไม่ได้ให้เหตุผลชัดเจนมาก (ซึ่งตอนเอาแอปออกก็ไม่ได้บอกเช่นกัน) ว่าจากผลตอบรับของลูกค้า จึงตัดสินใจนำแอป SwiftKey บน iOS กลับมาให้ดาวน์โหลดอีกครั้ง สามารถดูรายละเอียดเพิ่้มเติมได้ที่นี่ Support.SwiftKey.com อย่างไรก็ตาม แม้แอปจะกลับมา แต่เวอร์ชันล่าสุดที่ให้ดาวน์โหลดบน App Store ยังคงเป็นเวอร์ชัน 2.9.2 ที่อัพเดตครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ส่วนตัวแอปบน Android ยังคงมีให้ใช้งานตามปกติ ที่มา: The Verge
# ศาลชั้นต้นตัดสินลงโทษ Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้ง Theranos จำคุก 11 ปี 3 เดือน ศาลชั้นต้นแคลิฟอร์เนีย อ่านคำตัดสินลงโทษ Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้ง Theranos สตาร์ทอัพอื้อฉาว ที่อ้างว่ามีเทคโนโลยีตรวจหาโรคจากเลือดเพียงหยดเดียว โดยให้จำคุกเป็นเวลา 135 เดือน ซึ่งเท่ากับ 11 ปี กับ 3 เดือน หลังจากศาลมีคำตัดสินว่าผิดไปเมื่อต้นปี และอัยการยื่นเสนอโทษ คำตัดสินนี้เป็นที่จับตามองมาก เนื่องจากอาจใช้เป็นบรรทัดฐาน ของคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงในวงการเทคโนโลยี ก่อนที่ศาลอ่านคำตัดสิน Holmes ได้กล่าวต่อศาลพร้อมกับร้องไห้ ขอโทษนักลงทุน ตลอดจนคนไข้ที่ใช้บริการเครื่องมือตรวจโรคของ Theranos พร้อมบอกว่ารู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องที่ผ่านมา ศาลก็ได้กล่าวก่อนอ่านคำตัดสินว่า Holmes ถือเป็นผู้ประกอบการ (entrepreneur) ที่ฉลาดหลักแหลม การทำธุรกิจที่ล้มเหลวคือเรื่องธรรมดา แต่ธุรกิจที่ล้มเหลวจากการหลอกลวง ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง คาดว่า Holmes ก็จะยื่นเพื่อรับการพิจารณาที่ชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป เนื่องจากตัวแทนฝั่ง Holmes มองว่าโทษจำคุกไม่ควรเกิน 18 เดือน ที่มา: BBC และ CNBC ภาพ Yahoo! Finance
# Elon Musk อีเมลแจ้งพนักงาน Twitter ที่ยังอยู่ ว่าต้องการหารือกับคนที่เขียนซอฟต์แวร์ได้จริง ๆ Business Insider อัพเดตสถานการณ์ใน Twitter จากหลายแหล่งข้อมูล หลังมีข่าวว่าพนักงานส่วนใหญ่เลือกลาออก เมื่อซีอีโอ Elon Musk ประกาศมุ่งสู่ Twitter 2.0 ที่ทำงานแบบฮาร์ดคอร์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อจากการปลดพนักงานชุดใหญ่ก่อนหน้านี้ จนทำให้ Twitter สั่งปิดสำนักงานทุกแห่งชั่วคราว โดยรายงานบอกว่า Elon Musk ส่งอีเมลหาพนักงานช่วงเที่ยงคืนเข้าสู่วันศุกร์ ว่าใครที่สามารถเขียนซอฟต์แวร์ได้จริง ๆ ขอให้มาพบเขาที่ชั้น 10 เวลาบ่าย 2 โมง และก่อนมา ขอให้อีเมลทำสรุปโค้ดส่วนที่เป็นผลงานช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาด้วย จากนั้นเขาก็ส่งอีเมลฉบับที่สอง บอกว่าพนักงานคนใดที่ทำงานแบบรีโมท แต่เข้าเงื่อนไขก่อนหน้านี้ ก็ให้อีเมลแจ้งมา และเขาจะพยายามวิดีโอคอลคุย พร้อมบอกว่าใช้เวลาไม่มาก ทั้งหมดต้องการสอบถามเพื่อทำความเข้าใจ Tech Stack ของ Twitter จากนั้น Musk ก็ส่งอีเมลอีกฉบับ บอกว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้บินมาที่สำนักงานใหญ่ Twitter ในซานฟรานซิสโก เพื่อคุยกันแบบเห็นหน้า โดยเขาจะอยู่ที่สำนักงานใหญ่ถึงเที่ยงคืน และเข้ามาอีกทีพรุ่งนี้เช้า ซึ่งมีข้อมูลว่าพนักงานสามารถเบิกค่าใช้จ่ายนี้ได้ Business Insder ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าผลจากการลาออกรอบใหม่นี้ ทำให้บางแผนกตอนนี้พูดได้ว่าแทบไม่มีพนักงานเหลือแล้ว เช่น ฝ่ายการเงินและบัญชี ฝ่ายสื่อสารองค์กร และฝ่ายการรักษาความปลอดภัยของของข้อมูล (InfoSec) เนื้อหาอีเมลทั้ง 3 ฉบับ สามารถดูได้จากที่มา ที่มา: Business Insider
# Frederick Brooks วิศวกรซอฟต์แวร์ผู้กำหนดให้ 1 ไบต์มี 8 บิต เสียชีวิตด้วยวัย 91 ปี Frederick P. Brooks วิศวกรซอฟต์แวร์ระดับตำนาน ผู้ดูแลโครงการ OS/360 สำหรับคอมพิวเตอร์ IBM System/360 เมื่อปี 1966 และนำประสบการณ์มาเขียนหนังสือ The Mythical Man-Month เล่าถึงความพยายามแก้ปัญหาโปรเจคล่าช้าด้วยการเพิ่มโปรแกรมเมอร์เข้าไปในโครงการ แต่กลับทำให้โครงการช้าลงไปไปอีก Brooks เสียชีวิตด้วยวัย 91 ปี นอกจากหนังสือที่สร้างชื่อเสียงให้เขาแล้ว Brooks ยังตีพิมพ์งานวิชาการด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์อีกหลายชิ้น จนได้รับรางวัลทางวิชาการอีกมาก เช่น รางวัล Turing Award ในปี 1999 Brook เคยให้สัมภาษณ์ถึงงานที่เขาภูมิใจที่สุด คือการเปลี่ยนสเปคของ OS/360 ให้ 1 ไบต์มี 8 บิต จากตอนแรกมีเพียง 6 บิต เพื่อให้สามารถเขียนข้อความด้วยตัวอักษรเล็กและใหญ่ได้ การออกแบบนี้กลายเป็นมาตรฐานจนใช้งานกันทั่วไป ลูกชายของ Brooks แจ้งข่าวไปยังเพื่อนร่วมงานของเขาจำนวนหนึ่ง ระบุว่าอาการของเขาแย่ลงมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา และวันนี้ภาควิชาคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย North Carolina ก็แจ้งข่าวว่า Brooks เสียชีวิตแล้ว ที่มา - Hacker News ภาพ Frederick Brooks เมื่อปี 2007 โดย Carola Lauber การบรรยายของ Fred Brooks ในงาน ICSE 2018
# Meta เร่งพนักงานให้รีวิวโค้ด: ปรับ UI รีวิวได้ต่อเนื่อง, แนะนำคนรีวิว, แชทบอททวงงาน Meta เขียนบล็อครายงานถึงกระบวนการเร่งการรีวิวโค้ดภายในบริษัท กระบวนการรีวิวโค้ดที่กินเวลานานกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้โปรแกรมเมอร์ทำงานไม่มีความสุข จึงพัฒนาเครื่องมือรีวิวโค้ดให้มีฟีเจอร์ใหม่เพื่อให้คนเข้ามารีวิวได้เร็วขึ้น และทีมงานเก็บข้อมูลระยะเวลาที่ใช้รีวิว (time in review) ว่าแพตช์แต่ละชุดใช้เวลารีวิวนานแค่ไหน และทีมงานพบว่าแม้โดยทั่วๆ ไปแล้วคนรีวิวโค้ดจะเข้ามารีวิวกันค่อนข้างเร็วในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่แพตช์บางส่วนกับกินเวลานานเป็นวัน เครื่องมือตัวแรกคือ Next reviewable diff แนะนำแพตช์ที่ควรรีวิวต่อไปรูปแบบเดียวกับการแนะนำภาพยนตร์เรื่องต่อไปแบบเดียวกับบริการสตรีมมิ่งทั้งหลาย หลังจากผู้รีวิวโค้ดรีวิวแพตช์เสร็จแล้วก็จะป๊อบอัพแพตช์ต่อไปมาให้ดูต่อทันที เพื่อให้ผู้รีวิวทำงานได้ต่อเนื่อง ระบบแนะนำใช้ machine learning มาคาดเดาด้วยว่าผู้รีวิวคนนี้น่าจะช่วยดูแพตช์ตัวไหนได้บ้าง เครื่องมือตัวต่อไปคือการแนะนำผู้รีวิวให้กับผู้ส่งแพตช์ ระบบแนะนำดูข้อมูลจากชั่วโมงทำงานในแต่ละไฟล์ ระบบแนะนำผู้รีวิวนี้ปรับปรุงการแนะนำอัตโนมัติ หลังปรับปรุงระบบนี้มีแพตช์ที่ได้รับรีวิวภายใน 24 ชั่วโมงเพิ่มขึ้น 1.5% และสามารถแนะนำผู้รีวิวได้แม่นยำ 75% นับความถูกต้องเมื่อผู้รับแพตช์เป็นหนึ่งในผู้ที่ระบบแนะนำสามคน สุดท้ายคือระบบตามงาน Nudgebot ในกรณีที่แพตช์ถูกทิ้งไว้ไม่มีใครรีวิวนานๆ จนผู้ส่งแพตช์อาจจะไม่อยากรอจนไปทำงานอย่างอื่นแล้ว แชทบอทจะไปตามคนรีวิวให้มาช่วยดูโดยอัตโนมัติ ระบบนี้ระบบเดียวสามารถลดระยะเวลารีวิวแพตช์รวมลงถึง 7% ที่มา - Engineering at Meta หน้าจอแชทบอทเตือนผู้รีิวให้มาช่วยดูแพตช์
# Facebook เลิกแสดงข้อมูลผู้ใช้บางอย่างบนหน้าโปรไฟล์ หลังผู้ใช้เริ่มให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว Facebook แจ้งผู้ใช้งานว่า จะยกเลิกการแสดงข้อมูลบางอย่างบนหน้าโปรไฟล์ของผู้ใช้ ได้แก่ มุมมองทางศาสนา มุมมองทางการเมือง ที่อยู่ และ ความสนใจทางเพศ (Sexual Orientation) ของผู้ใช้งาน โดยจะมีผลเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม และ Matt Navarra นักวิเคราะห์สายโซเชียลมีเดียเป็นคนแรกที่สังเกตุเห็น Facebook ส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ที่กรอกข้อมูลเหล่านี้บนหน้าโปรไฟล์ Facebook ปรับเปลี่ยนการแสดงข้อมูลในหน้าโปรไฟล์ส่วนหนึ่งอาจมาจากที่ผู้ใช้งานเริ่มให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มา: TechCrunch
# อินเดียวางแผนตามรอยยุโรป ใช้ USB-C เป็นมาตรฐานสำหรับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อป อินเดียเตรียมกำหนดให้พอร์ต USB-C เป็นมาตรฐานสำหรับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อปในอนาคตอันใกล้ หลังคณะทำงาน Central Inter-Ministerial Task Force บรรลุฉันทามติในเรื่องนี้ คณะทำงานนี้ประกอบด้วยตัวแทนจากสมาคมอุตสาหกรรม สถบันการศึกษา กระทรวงต่าง ๆ ของรัฐบาลกลางและรัฐบาลพาราณสี พร้อมด้วยบริษัทสมาร์ทโฟนอย่าง Samsung และ Apple สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคยังจัดตั้งหน่วยงานย่อยเพื่อประเมินว่าควรจะใช้มาตรฐานนี้กับการชาร์จอุปกรณ์ส่วมใส่อย่างสมาร์ทวอร์ซและหูฟังไร้สายด้วยหรือไม่ รวมทั้งผู้เข้าร่วมประชุมยังเสนอว่าให้กระทรวงสิ่งแวดล้อม (MoEFCC) ประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้ USB-C ด้วย ยังไม่มีรายละเอียดว่าอินเดียจะเริ่มบังคับใช้ USB-C กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เมื่อไร แต่เป็นไปได้ว่าจะบังคับใช้เมื่อแนวทางกฎหมายแบบเดียวกันของสหภาพยุโรปมีผลบังคับใช้ภายในสิ้นปี 2024 ที่มา: Gadgets 360
# Twitter สั่งปิดสำนักงานทั้งหมดชั่วคราว - ด้าน Elon Musk บอก 🏴‍☠️ Twitter แจ้งพนักงานทุกคนว่าอาคารสำนักงานของบริษัททั้งหมด จะปิดชั่วคราว มีผลทันที และจะกลับมาเปิดให้เข้าสำนักงานได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน ทั้งนี้ Twitter เองก็ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลของประกาศดังกล่าว ประกาศนี้ออกมาหลังจากมีรายงานว่าพนักงาน Twitter จำนวนมากตัดสินใจลาออก ต่อเนื่องจากที่ซีอีโอ Elon Musk ประกาศว่าจากนี้บริษัทจะมีวัฒนธรรมทำงาน Twitter 2.0 แบบฮาร์ดคอร์ หากรับไม่ได้ก็ให้ลาออก ตัวแทน Twitter ไม่ได้ชี้แจงต่อข่าวดังกล่าว ขณะที่ Elon Musk ก็ทวีตชุดใหญ่ หลังจากผู้ใช้งาน Twitter เริ่มกังวลว่า Twitter จะปิดให้บริการ ที่มา: BBC
# Meta ลงโทษพนักงานและไล่ออกกว่า 20 ราย พบขายบัญชีผู้ใช้ให้แฮ็กเกอร์ เอกสารภายในบริษัทและแหล่งข่าวของ Wall Street Journal ระบุว่า Meta ได้จัดการกับพนักงานกว่า 20 รายด้วยการไล่ออกหรือลงโทษทางวินัยเมื่อปีที่แล้ว หลังพบว่าพนักงานควบคุมบัญชีผู้ใช้งาน Facebook และ Instagram ขายบัญชีผู้ใช้ให้กับแฮ็กเกอร์ พนักงานที่ถูกลงโทษบางส่วนทำงานเป็นผู้ดูแลศูนย์บริการของ Meta และได้นำข้อมูลบัญชีผู้ใช้ออกไปให้บุคคลที่สามผ่านทางระบบที่เรียกเป็นการภายในบริษัทว่า Oops ย่อมาจาก Online Operations ที่ Meta อนุญาตให้พนักงานสามารถเข้าสู่ระบบเพื่อจัดการกับข้อมูลผู้ใช้ได้ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการความช่วยเหลือ เช่น ต้องการรีเซ็ตรหัสผ่าน หรือเมื่อบัญชีถูกแฮ็ก การขโมยข้อมูลผู้ใช้มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการติดสินบนและขายบัญชีให้แฮ็กเกอร์นำไปขายต่อซึ่งมีมูลค่าเป็นหมื่นเหรียญสหรัฐ หรือในรูปแบบบริษัทกลางหรือคนกลางรับจ้างรีเซ็ตบัญชีที่ไปจ้างพนักงานภายใน Meta อีกทอดหนึ่ง บางกรณีเป็นคนใกล้ตัวที่พนักงานไว้ใจที่มาจ้างให้รีเซ็ตบัญชีของบุคคลที่สามให้ นอกจากนี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนวิธีการขโมยข้อมูลเพื่อหลบหลีกการตรวจสอบจาก Meta ด้วย สาเหตุสำคัญเกิดจากที่ Meta มีข้อมูลผู้ใช้กว่า 3 พันล้านคนแต่กลับไม่มีฝ่ายบริการลูกค้าทางออนไลน์ เมื่อผู้ใช้พบปัญหาก็ต้องติดต่อผ่านพนักงานทางโทรศัพท์หรืออีเมลและให้พนักงานเป็นผู้จัดการบัญชีให้ ซึ่งเป็นช่องโหว่ให้มีการขายบัญชีผู้ใช้ ที่มา: Wall Street Journal
# 1Password เปิดตัว Passkeys ระบบล็อกอินไม่ต้องใช้รหัสผ่าน 1Password ผู้ให้บริการ Password Manager เปิดตัวระบบ Passkey ซึ่งเป็นมาตรฐาน WebAuthen ที่ FIDO Alliance พัฒนาร่วมกับ W3C ให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินบริการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องใช้พาสเวิร์ดอีกต่อไป จุดที่ 1Password โชว์คือการรองรับการซิงก์ข้ามแพลตฟอร์ม, แชร์ Passkeys กับครอบครัวหรือการพอร์ตข้อมูล โดยลูกค้า 1Password จำเป็นจะต้องใช้ส่วนเสริมบน Chrome เพื่อใช้งาน Passkeys และจะเริ่มให้บริการจริงช่วงต้นปี 2023 ที่มา - 1Password
# พนักงาน Twitter จำนวนมากเลือกลาออก ไม่ไปต่อกับ Twitter 2.0 ของ Elon ตัวเลขอาจสูงถึง 75% หลัง Elon Musk ออกจดหมายถึงพนักงาน บอกว่าจะทำ Twitter 2.0 แบบฮาร์ดคอร์ พร้อมให้พนักงานที่อยากอยู่ต่อต้องเลือก yes ในฟอร์มภายในเวลาที่กำหนด สื่อหลายแห่งรายงานตรงกันว่าพนักงาน Twitter (ที่เหลืออยู่จากการปลดพนักงานครั้งใหญ่รอบแรก) เลือกไม่ไปต่อกับ Elon โดยตัวเลขพนักงานที่ลาออกอาจสูงถึง 75% ของพนักงาน 3,700 คน หรือเหลือพนักงานประมาณ 1,000 คนเท่านั้น และในจำนวนนี้ หลายคนจำใจอยู่ต่อเพราะต้องมีวีซ่าทำงานเพื่ออยู่ในสหรัฐอเมริกาต่อไป ในกรณีของบางทีมที่มี 50 คน มีคนจำนวนถึง 40 คนที่เลือกรับแพ็กเกจ 3 เดือนและลาออก เหลือพนักงานเพียง 10 คนเท่านั้น ตามข่าวบอกว่าทีมวิศวกรสำคัญๆ บางทีมแทบไม่มีคนเหลือแล้ว และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบของ Twitter ในอีกไม่ช้า การที่พนักงาน Twitter จำนวนมากเลือกลาออก ทำให้ Elon ต้องผ่อนท่าทีลง และมีข่าวว่าได้ประชุมกับวิศวกรอาวุโสบางคนเพื่อขอให้อยู่ต่อ ฝั่งพนักงานที่ลาออกก็ลากันด้วยอีโมจิ 🫡💙 ซึ่งหาอ่านได้จากใน Twitter ที่มา - The Verge
# [ลือ] iPhone 15 Pro อาจมาพร้อม USB-C 3.2 ส่วนรุ่นเริ่มต้นยังเป็น USB 2.0 ที่เร็วเท่า Lightning Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ข้อมูล Apple เผยว่า iPhone 15 ทุกรุ่นที่คาดว่าจะเปิดตัวในปีหน้าจะมาพร้อมกับพอร์ต USB-C แทนที่พอร์ต Lightning แต่มีเพียงแค่ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ที่อาจใช้พอร์ต USB 3.2 หรือไม่ก็ Thunderbolt 3 หรืออาจจะใช้พอร์ตที่แรงขึ้นกว่านั้น ขณะที่รุ่นธรรมดาอย่าง iPhone 15 และ iPhone 15 Plus น่าจะใช้พอร์ต USB 2.0 ที่ถ่ายโอนข้อมูลเร็วเทียบเท่ากับ Lightning USB 2.0 สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็ว 480Mb/s ขณะที่ USB 3.2 และ Thunderbolt 3 สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็ว 20Gb/s และ 40Gb/s ตามลำดับ ดังนั้น หาก Apple อัปเกรดพอร์ตจริง iPhone 15 Pro ก็จะสามารถถ่ายโอนไฟล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะวิดีโอได้รวดเร็วขึ้น การที่ Apple เริ่มเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C มาจากแนวทางกฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปที่บังคับให้ใช้พอร์ตนี้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในสิ้นปี 2024 ที่มา: MacRumors
# ซีอีโอใหม่ FTX บอกว่าบริษัทมีระบบควบคุมภายในแย่ที่สุดเท่าที่เคยทำงานมา 40 ปี John J. Ray III ซีอีโอคนใหม่ของ FTX ที่เข้ามาปรับโครงสร้างบริษัทหลังยื่นขอล้มละลาย ส่งรายงานการเข้าสอบสวนสถานการณ์ของ FTX ต่อศาล โดยระบุว่า FTX เป็นบริษัทที่มีระบบควบคุมภายในแย่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาตลอดชีวิตการทำงานเลยทีเดียว ตัวของ John J. Ray III เชี่ยวชาญเรื่องการฟื้นฟูกิจการอย่างมาก ทำงานเรื่องนี้มากว่า 40 ปี และเขาเคยเข้าไปจัดการปัญหาของบริษัท Enron ที่ล้มละลายในปี 2001 ซึ่งเขาบอกว่า FTX แย่ที่สุดตั้งแต่เคยทำงานสายนี้มา ก่อนหน้านี้ Sam Bankman-Fried เพิ่งให้สัมภาษณ์ว่าปัญหาของ FTX เกิดจากการลงบัญชีที่แย่ (messy accounting) รายงานของ John J. Ray III ก็แสดงให้เห็นว่าระดับของความแย่นั้นเป็นอย่างไร ตัวอย่างปัญหาที่พบใน FTX ได้แก่ พนักงานยื่นขอเบิกเงินผ่านการแชท โดยผู้อนุมัติใช้ emoji ประจำตัวเป็นการยืนยันว่าอนุมัติแล้ว การตามหาร่องรอยของเอกสารทำได้ยาก เพราะใช้แชทกันเป็นหลัก และเป็นแชทที่ตั้งให้ลบข้อความเก่าอัตโนมัติเมื่อหมดอายุ บริษัทให้ผู้บริหารกู้เงินไปใช้ส่วนตัว เช่น Alameda Research ให้เงินกู้กับ Sam Bankman-Fried ถึง 1 พันล้านดอลลาร์ และหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม Nishad Singh อีก 543 ล้านดอลลาร์ เงินทุนของบริษัทนำไปใช้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินส่วนตัวอื่นๆ ให้กับผู้บริหารและที่ปรึกษาบางคน FTX ไม่เคยมีการประชุมบอร์ดใดๆ ทำให้การตรวจสอบกิจการเป็นไปไม่ได้เลย ไม่มีระบบบริหารเงินสดจากส่วนกลาง บริษัทไม่รู้ว่าตัวเองมีเงินสดอยู่ในมือเท่าไร โครงสร้างธุรกิจซับซ้อน ชื่อพนักงานปนกันอยู่ในหลายบริษัทย่อย ไม่รู้ว่าใครอยู่ที่บริษัทไหน ควรทำงานให้บริษัทใด และมี "พนักงานผี" ที่ไม่มีตัวตนจริงอยู่จำนวนหนึ่ง ไม่มีรายชื่อพนักงานทั้งหมด สัญญาของพนักงานแต่ละคน และสถานะล่าสุดของพนักงานแต่ละคน เงินคริปโตของลูกค้าไม่ถูกบันทึกลงในบัญชีงบดุล (balance sheet) ของบริษัทเลย แต่ถูกเก็บรวมกันไว้ในบัญชีคริปโตเพียงอันเดียว ใครจะนำไปใช้ทำอะไรก็ได้ ไม่มีการควบคุม คนจัดการเงินคริปโต มีแค่ Sam Bankman-Fried และ Gary Wang ผู้ร่วมก่อตั้งอีกคน ใช้วิธีสร้าง group mail เอาไว้แลกเปลี่ยน private key กัน จ้างบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชี Prager Metis ที่ไม่มีใครรู้จัก และโฆษณาตัวเองว่ามีสำนักงานอยู่ใน Metaverse ที่มา - Coindesk
# Elon Musk บอกจะไม่เป็นซีอีโอของ Twitter นาน เดี๋ยวจะหาคนอื่นมาทำงานแทน Elon Musk ชี้แจงในการไต่สวนคดี Tesla ที่ระบุว่าเขาวางตัวผู้สืบทอดตำแหน่งซีอีโอ Tesla ไว้แล้ว ว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นซีอีโอ Twitter และต้องการหาคนมารับตำแหน่งนี้ในระยะยาวเช่นกัน Musk บอกว่าสิ่งที่เขาทำอยู่กับ Twitter ตอนนี้คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงหลังซื้อกิจการ เพื่อปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เมื่อเสร็จแล้ว เขาจะลดเวลาที่ใช้กับ Twitter ลง และหาคนอื่นมาบริหารแทน ก่อนหน้านี้ Musk เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่สนใจตำแหน่งซีอีโอ แม้ตอนนี้นั่งเป็นซีอีโออยู่ 3 บริษัทก็ตาม ที่มา - Business Insider
# JetBrains เปิดตัว IDE ใหม่ Aqua สำหรับงาน Test Automation JetBrains ยังเดินหน้าสร้าง IDE ใหม่ในวงศาคณาญาติของตัวเองอยู่ตลอดเวลา (ใครจำชื่อได้หมดบ้าง?) IDE ตัวใหม่ล่าสุดชื่อว่า Aqua สำหรับงาน test automation ทั้งสามระดับคือ unit test, web API test, UI test JetBrains Aqua รองรับการทำงานหลายภาษา (เช่น JVM, Kotlin, Python, JavaScript, TypeScript) มีเครื่องมือสำหรับการทดสอบประเภทต่างๆ มาใช้ครบครัน เช่น มี HTTP client ในตัว, มีตัวจัดการฐานข้อมูล, Docker, test management system (TMS), web inspector สำหรับ UI automation ฝั่งของการทดสอบโปรแกรม มีตัวช่วยรัน unit test ตามเฟรมเวิร์คยอดนิยมต่างๆ เช่น JUnit, TestNG, Pytest, Jest, Mocha และดูผลลัพธ์ได้จากตัว IDE แบบ tree view ตอนนี้ Aqua เข้าสถานะ public preview แล้ว ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลองเล่นได้จากเว็บไซต์ของ JetBrains ที่มา - JetBrains
# RHEL 9.1 ออกแล้ว, AlmaLinux ออกเวอร์ชัน 9.1 ตามทันที Red Hat ออก Red Hat Enterprise Linux (RHEL) เวอร์ชัน 9.1 ทิ้งช่วงห่าง 6 เดือนพอดีจากเวอร์ชัน 9.0 ที่เป็นอัพเกรดใหญ่ นอกจากการอัพเดตแพ็กเกจตามปกติ ของใหม่คือการติดตั้ง Microsoft SQL Server ง่ายขึ้น, Smart Management สำหรับการจัดการระดับสูง, Insights วิเคราะห์ข้อมูลของระบบ Red Hat ยังออกแพ็กเกจ .NET 7 ให้ลูกค้า RHEL ทั้งบน RHEL 8.7 และ 9.1 โดยซัพพอร์ตเครื่องที่เป็น IBM Power ด้วย สำหรับผู้ใช้สายฟรี ดิสโทรที่อิงจาก RHEL บางตัวก็อัพเดตเวอร์ชันเป็น 9.1 ตามอย่างรวดเร็ว เช่น AlmaLinux ที่ออกเวอร์ชัน 9.1 ตามในวันเดียวกัน ที่มา - Red Hat
# Palo Alto Networks ซื้อกิจการ Cider Security ผู้พัฒนาเครื่องมือจัดการความปลอดภัยระดับ Code-to-Cloud Palo Alto Networks ผู้ให้บริการเครื่องมือความปลอดภัยไซเบอร์ ประกาศบรรลุข้อตกลงเพื่อซื้อกิจการ Cider Security ผู้พัฒนาความปลอดภัยสำหรับแอพพลิเคชัน (AppSec) และกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยบริการของ Cider จะนำมาสนับสนุน Prisma แพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับบริหารจัดการความปลอดภัยแอพพลิเคชันระดับ code-to-cloud ของ Palo Alto มูลค่าดีลดังกล่าวมีสองส่วนคือเงินสด 195 ล้านดอลลาร์ และหุ้นของบริษัทอีกจำนวนหนึ่งขึ้นกับผลการดำเนินงาน คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2 ปี 2023 Lee Klarich ซีอีโอ Palo Alto Networks กล่าวว่า องค์กรใด ๆ ที่ใช้พับลิกคลาวด์และมีแอพพลิเคชันหลายตัวรันอยู่ ก็จะมีเครื่องมือหลากหลาย ที่สามารถเข้าถึงโค้ดได้ จึงต้องมีการจำกัดสิทธิเข้าถึงตามมา เครื่องมือของ Cider ส่วนให้สามารถวิเคราะห์ และชี้ความเสี่ยงที่มีอยู่ในกระบวนการดังกล่าวได้ ที่มา: Palo Alto Networks
# บอร์ดบริหาร Tesla เผย Elon Musk วางตัวซีอีโอที่มารับตำแหน่งต่อไว้แล้ว ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยระหว่างการไต่สวนคดีฟ้องร้องเมื่อวันก่อน เรื่องเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ของ Elon Musk ใน Tesla ปี 2018 โดย James Murdoch บอร์ดบริหาร Tesla ได้ให้การในศาล เมื่อถูกถามว่า Musk ได้วางแผนหาผู้สืบทอดตำแหน่งซีอีโอหรือไม่ Murdoch บอกว่าจริง Musk มีคนที่เลือกไว้แล้ว โดยเขาเปิดเผยเรื่องนี้เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ประเด็นซีอีโอคนใหม่ของ Tesla ถูกตั้งคำถามอีกครั้ง หลังช่วงที่ผ่านมาเขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับ Twitter แพลตฟอร์โซเชียลที่ซื้อกิจการมา และตอนนี้เขามีตำแหน่งรักษาการซีอีโอที่นั่น ทำให้นักลงทุนใน Tesla ตั้งคำถามว่าเขาใช้เวลากับ Twitter มากไป จนลดโฟกัสที่ Tesla ซึ่งบริษัทก็อยู่ในสถานการณ์ที่สำคัญไม่ต่างกันหรือไม่ ปัจจุบัน Elon Musk ถือหุ้นใน Tesla 14% ของหุ้นทั้งหมด เขาเคยตอบคำถามเรื่องนี้ในการประชุมผู้ถือหุ้นที่ผ่านมา ว่าเขาอยากทำงานที่นี่ไปเรื่อย ๆ ตราบที่ยังมีประโยชน์กับบริษัท และบอกว่าทีมงานใน Tesla เป็นทีมที่สุดยอดมาก บริษัทสามารถดำเนินงานต่อได้ปกติแน่นอน แม้เขาจะถูกลักพาตัวไปอยู่ดาวอื่นโดยมนุษย์ต่างดาวก็ตาม รายงานบอกว่าตัวเก็งซีอีโอคนใหม่ Tesla มีสองคนคือ Andrew Baglino ซึ่งเป็นรองประธานอาวุโสด้านวิศวกรรมพลังงาน และ Zachary Kirkhorn ซีเอฟโอที่ดูแลการเงิน นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะเป็นคนนอกอย่าง Herbert Diess อดีตซีอีโอ Volkswagen ด้วย ที่มา: Yahoo! Finance
# Alibaba ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมเติบโตเล็กน้อย ประกาศซื้อหุ้นคืนอีก 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสิ้นสุดเดือนกันยายน 2022 รายได้รวม 207,176 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน กลับมามีรายได้เติบโตอีกครั้ง จากไตรมาสก่อนหน้านี้รายได้ทรงตัว และขาดทุนสุทธิตามบัญชี GAAP 22,467 ล้านหยวน สาเหตุหลักจากบันทึกขาดทุนในบริษัทต่าง ๆ ที่ไปลงทุนตามราคาหุ้นปัจจุบัน หากไม่รวมรายการดังกล่าวจะมีกำไร 33,820 ล้านหยวน Toby Xu ซีเอฟโอ Alibaba กล่าวว่าบริษัทได้รับกระทบจากการบริโภคที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์โควิด 19 ในจีน ที่กลับมาระบาดอีกครั้ง รวมทั้งการส่งออกก็ชะลอตัวเนื่องจากต้นทุนขนส่งที่เพิ่มสูง ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ Alibaba ได้ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนเพิ่มเติมจากวงเงินเดิม 25,000 ล้านดอลลาร์ อีก 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยวงเงินใหม่นี้กำหนดซื้อแล้วเสร็จภายในมีนาคม 2025 รายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจ ส่วนการขายออนไลน์ในจีนลดลง 1%, ตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 4% ปัจจัยหลักคือ Trendyol ขณะที่ Lazada มีจำนวนคำสั่งซื้อลดลง, บริการ O2O ในประเทศเพิ่มขึ้น 21% ตามการเติบโตของ Ele.me, บริการขนส่ง Cainiao เพิ่มขึ้น 36% โดยเป็นรายได้จากลูกค้านอกบริษัทถึง 73% และคลาวด์ เพิ่มขึ้น 4% ที่มา: Alibaba (pdf)
# Jeff Bezos เปิดเผยเป็นครั้งแรกว่าจะบริจาคเงินส่วนใหญ่ที่มีให้กับการกุศล Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชื่อดังที่มี AWS ผู้ให้บริการคลาวด์อันดับหนึ่งของโลกเป็นธุรกิจในเครือ ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่าเขาตั้งใจจะบริจาคเงินส่วนใหญ่ที่มีให้กับการกุศล Bezos ที่เคยครองตำแหน่งผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก (ตอนนี้อยู่อันดับ 4) ถูกวิจารณ์มาตลอดว่าไม่ค่อยบริจาคให้กับการกุศล โดยเขาเคยปฏิเสธการเข้าร่วมโครงการ The Giving Pledge ที่ริเริ่มโดยมหาเศรษฐี Warren Buffett และ Bill Gates ซึ่งเป็นโครงการเชิญชวนมหาเศรษฐีระดับท็อปทั่วโลกมาแสดงความจำนงว่าจะบริจาคเงินอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินที่มีให้กับการกุศล ล่าสุด Jeff Bezos และแฟนใหม่ Lauren Sánchez ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNN โดยเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่าเขาตั้งใจจะบริจาคเงินส่วนใหญ่ที่มีให้กับการกุศลตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองคนได้มอบรางวัล Courage and Civility Award ให้กับนักร้อง Dolly Parton ไปเป็นจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับองค์กรไม่แสวงผลกำไรต่อไป อย่างไรก็ตาม Bezos ยังปฎิเสธที่จะให้รายละเอียดว่าเขาจะบริจาคเงินกี่เปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สิน หรือจะมอบเงินให้ใครหรือหน่วยงานใด แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยสัญญาว่าจะบริจาค 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 360,000 ล้านบาท) ในเวลา 10 ปี หรือคิดเป็นประมาณ 8% ของทรัพย์สินที่เขามีขณะนี้ให้กับกองทุน Bezos Earth Fund ซึ่งเป็นกองทุนใหม่ที่เขาตั้งเมื่อปี 2020 และมี Lauren Sánchez เป็นรองประธาน นอกจากนี้ในการสัมภาษณ์เดียวกัน Bezos ยังได้พูดถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังจะเกิด โดยเตือนว่าคนทั่วไปควรยั้งการซื้อของชิ้นใหญ่ เช่นรถยนต์หรือแม้แต่ตู้เย็น ส่วนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กก็ควรชะลอการใช้จ่าย ไตร่ตรองให้ดีว่าต้องการของนั้นจริงหรือไม่ และควรเก็บเงินสดไว้เยอะๆ เพื่อลดความเสี่ยง ที่มา - CNN
# ซีอีโอ FTX เปิดปาก บอกคิดผิดที่ยื่นล้มละลาย, ที่เคยพูดเรื่องการกำกับดูแลเป็น PR ล้วนๆ Sam Bankman-Fried หรือ SBF ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ FTX โผล่มาให้สัมภาษณ์กับ Kelsey Piper ผู้สื่อข่าวของ Vox (ผ่านทาง Twitter DM) มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ SBF ไม่ได้บอกว่าเขาอยู่ที่ไหน (เชื่อกันว่ายังอยู่ในบาฮามาส) เขาบอกว่าสาเหตุของปัญหาเกิดจากระบบบัญชีที่ซับซ้อนระหว่าง FTX และ Alameda Research โดยยืนยัน FTX ไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุน แต่ให้ Alameda ยืมเงินไปลงทุน โดยเขาคิดว่าฝั่ง Alameda มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (collateral) มากพอ ซึ่งภายหลังมาพบว่าไม่จริง เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความตั้งใจของใคร (it was never the intention) แต่เป็นปัญหาเรื่องการลงบัญชี (messy accounting) ซึ่งเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นเรื่องใหญ่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กระบวนการแต่ละขั้นตอนสมเหตุสมผลในตัวมันเอง แต่พอนำมารวมกันเป็นภาพใหญ่แล้วเกิดปัญหา เขาบอกว่าตัดสินใจผิดที่เลือกนำ FTX ล้มละลายตามกฎหมาย chapter 11 และบอกว่าถ้าไม่ล้มละลาย ลูกค้าน่าจะกลับมาถอนเงินคืนได้ภายใน 1 เดือน แม้บริษัทล้มละลายและเขาลาออกจากตำแหน่งซีอีโอไปแล้ว แต่เขายืนยันว่ากำลังหาเงินอีก 8 พันล้านดอลลาร์ภายในกรอบเวลา 2 สัปดาห์ ประเด็นเรื่องการแฮ็ก FTX เป็นการแฮ็กจริงๆ โดยอาจเป็นอดีตพนักงานหรือมัลแวร์ในเครื่องพนักงาน เขาบอกว่าที่ผ่านมาพูดเรื่องจริยธรรม (ethics) หรือการกำกับดูแล มันเป็นเรื่อง PR ล้วนๆ โลกเราชอบคำอะไรเท่ๆ ดูดี ซึ่งเขาพูดแล้วทั้งโลกก็ชอบคำเหล่านี้ เลยเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา ที่มา - Vox
# ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ล้มโครงการย้ายระบบ COBOL เป็นบล็อกเชน หลังทำมา 7 ปียังไม่เสร็จ ตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย ASX ประกาศล้มแผนการอัพเกรดระบบเทรดหุ้นมาเป็นบล็อกเชน หลังพยายามเปลี่ยนมา 7 ปี ดีเลย์มา 5 รอบแล้วยังไม่ประสบความสำเร็จ เสียเงินค่าพัฒนาไปแล้วราว 250 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 6 พันล้านบาท) ตลาด ASX มีระบบจัดการบัญชีหุ้น (clearing & settlement) ของเดิมชื่อ CHESS ใช้งานมานาน 25 ปี เขียนด้วยภาษา COBOL ถึงแม้ว่าระบบมีเสถียรภาพมากระดับ 99.99% แต่ทาง ASX ก็อยากเปลี่ยนมาใช้ระบบ distributed ledger technology (DLT) ที่ทันสมัยขึ้น โครงการเปลี่ยนระบบ (CHESS Replacement) เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2015 โดยจ้างบริษัทชื่อ Digital Asset มาทำระบบ DLT ให้ อย่างไรก็ตาม ระบบใหม่ล่าช้ามาแล้วหลายรอบ และปีนี้ ASX ได้จ้างบริษัทที่ปรึกษา Accenture มาประเมินแนวทาง ข้อสรุปของ Accenture คือ CHESS ยังเสถียรดีอยู่ ส่วนระบบ DLT ยังพัฒนาคืบหน้าไปเพียง 63% ของแผนที่วางไว้ โดยมีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ (integrated solution) ระหว่างระบบของ ASX กับตัว ledger และแอพพลิเคชัน รวมถึงปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกันระหว่าง ASX กับ Digital Asset สุดท้าย ASX ตัดสินใจหยุดไปในทาง DLT บันทึกค่าใช้จ่ายเป็นขาดทุน และกลับมาพัฒนา CHESS ต่อไปแทน Damian Roche ประธานของ ASX บอกว่าตัดสินใจเปลี่ยนระบบเมื่อปี 2015 จากข้อมูลที่ดีที่สุดในตอนนั้น แต่เมื่อพบว่าระบบใหม่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ ASX ต้องการก็จำเป็นต้องยกเลิก และในนามของ ASX เขาก็ขอโทษทุกคนที่ทำโปรเจคนี้เป็นเวลาหลายปีแล้วล้มเหลว ที่มา - ASX, Financial Times
# NVIDIA จับมือไมโครซอฟท์สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์สำหรับงาน AI ตัวใหม่ ใช้จีพียู H100 NVIDIA ประกาศความร่วมมือกับ Microsoft Azure สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์สำหรับประมวลผล AI ที่คุยว่าจะเป็นหนึ่งในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่แรงที่สุดในโลก ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ใช้ชื่อว่าอะไร และจะเสร็จเมื่อไร แต่ระบุว่าใช้จีพียู H100 สถาปัตยกรรม Hopper รุ่นใหม่ล่าสุด และจีพียู A100 รุ่นก่อนหน้า รวมกันเป็นจำนวนหลายหมื่นตัว (tens of thousands) ส่วนเครือข่ายใช้ Quantum-2 InfiniBand รุ่นใหม่ อัตราส่งข้อมูล 400Gb/s เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากรุ่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์เคยมีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Voyager-EUS2 ติดอันดับ Top 10 ของโลก ในลักษณะเดียวกันคือเป็นเครื่องที่ให้บริการงาน AI สำหรับลูกค้า Azure แต่ใช้จีพียู A100 ที่เก่ากว่า ที่มา - NVIDIA
# Qualcomm เปิดตัว Snapdragon AR2 Gen 1 ชิปสำหรับแว่น AR Qualcomm เปิดตัวชิปสำหรับแว่น AR ใช้ชื่อว่า Snapdragon AR2 Gen 1 ชิปตัวนี้ต่างกับ Snapdragon XR ที่ใช้กับแว่น Meta Quest เพราะแว่น AR เป็นแว่นกระจกที่ติดกล้อง ขนาดแว่นเล็กและบางกว่าแว่น VR ทั่วไป ทำให้ตัวชิปต้องมีขนาดเล็ก แต่ก็ยังต้องประมวลผลเซ็นเซอร์, computer vision, รวมถึงเชื่อมต่อ Wi-Fi ด้วย (รองรับ Wi-Fi 7) ชิปกระจายกัน 3 ตัวอยู่ตามขาแว่นสองข้าง และตรงกลางของขอบแว่น (ดูภาพหรือวิดีโอประกอบ) แบรนด์ที่ประกาศใช้ชิปตัวนี้ทำแว่นมีแล้วหลายราย ที่ระบุชื่อคือ Lenovo, LG, Nreal, OPPO, Pico, QONOQ, Rokid, Sharp, TCL, Vuzix, Xiaomi โดยมีไมโครซอฟท์ให้การสนับสนุนเรื่องแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ (เราน่าจะได้เห็นสินค้าทยอยเปิดตัวกันในงาน CES 2023 ช่วงต้นปีหน้า) ที่มา - Qualcomm
# ประเทศ Tuvalu หวังพึ่ง metaverse เก็บความทรงจำของประเทศไว้ก่อนจะจมหายไปในทะเล ประเทศ Tuvalu หนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทรบจากปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างรุนแรงได้ออกมาแถลงเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว โดย Simon Kofe รัฐมนตรีต่างประเทศของ Tuvalu ได้กล่าวต่อผู้ร่วมงานประชุม COP27 ว่า Tuvalu จะหันมาใช้เทคโนโลยี Metaverse เพื่อช่วยเก็บความทรงจำอันล้ำค่าของชาติตนเองไว้ก่อนที่แผ่นดินจะจมหายไปในทะเลที่นับวันจะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ Tuvalu เป็นประเทศหมู่เกาะในภูมิภาค Polynesian อยู่กลางมหาสมุทร Pacific ประกอบไปด้วยเกาะทั้งหมด 9 เกาะ พื้นที่แผ่นดินทั้งหมดของประเทศรวมกันมีขนาด 26 ตารางกิโลเมตร โดยมีจุดที่สูงที่สุดอยู่เหนือระดับน้ำทะเลปานกลางเพียง 4.6 เมตร และมีประชากรรวมประมาณ 12,000 คน โดยครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหลวงบนเกาะ Funafuti ในการแถลงต่อที่ประชุม COP27 ใจความตอนหนึ่งของถ้อยแถลงโดย Kofe กล่าวว่า ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ประมาณการว่าแผ่นดินทั้งหมดของประเทศ Tuvalu อาจจะจมอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลในช่วงปลายศตวรรษที่ 21 นี้ สำหรับการประชุม COP27 นี้เป็นการประชุมของนานาประเทศที่จัดขึ้นโดยสหประชาชาติ วัตถุประสงค์หลักของงานว่าด้วยเรื่องการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นรวมทั้งสร้างข้อตกลงร่วมกันเพื่อรับมือกับปัญหาความเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลก โดยปีนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 27 ซึ่งจัดขึ้นที่เมือง Sharm El Sheikh ประเทศอียิปต์ ตั้งแต่วันที่ 6 - 18 พฤศจิกายน ที่มา - Engadget
# พนักงาน Twitter ในสิงคโปร์เปิดใจช่วงถูกปลด มีแต่ความสับสน ได้เงินไม่ตรงกับที่ Musk แจ้ง CNA สัมภาษณ์พนักงาน Twitter ทั้งอดีตพนักงานและพนักงานปัจจุบันรวม 10 คนถึงเหตุการณ์ที่ Elon Musk ปลดพนักงานออกครั้งใหญ่หลังจากขึ้นเป็นซีอีโอ พนักงานที่ถูกปลดเผยว่าการปลดพนักงานของ Twitter ไม่เหมือนบริษัทเทคโนโลยีใหญ่รายอื่น ๆ คือ ไม่มีการแจ้งอย่างชัดเจน ไม่มีการสื่อสารกันภายในองค์กร ไม่เหมือนการทำงานใน Twitter ที่ปกติให้คุณค่ากับความโปร่งใสและความเห็นใจกัน พนักงานคนหนึ่งยังบอกอีกว่าในช่วงที่บริษัทปิดออฟฟิศเพื่อประกาศปลดพนักงาน บางคนก็ไม่สามารถเข้า Email และ Slack ได้ตั้งแต่ก่อนที่จะได้รับอีเมลว่าถูกปลดออก หลังจากเปิดบริษัทก็มีความสับสนเกิดขึ้นในบริษัทเพราะพนักงานโดนปลดออกจำนวนมาก บางทีระดับผู้จัดการถูกปลดออก พนักงานก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำงานอย่างไร บางทีมถูกปลดออกเกือบหมด แม้แต่คนที่ไม่ถูกปลดก็รู้สึกผิดกับเพื่อร่วมงาน พนักงานมองว่าการเปลี่ยนแปลงและการปลดพนักงานเป็นเรื่องปกติเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าของ แต่งเธอมองว่าอย่างน้อยก็ไม่ควรจะปลดซีอีโอ Parag Agrawal และผู้บริหารออกเป็นคนแรก ๆ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงเรื่องเงินชดเชย พนักงานในสิงคโปร์ได้รับอีเมลเลิกจ้างในวันที่ 9 พฤศจิกายนและมีเวลาตอบกลับถึง 16 พฤศจิกายน โดยบริษัทให้พนักงานหยุดทำงานแต่ยังคงได้รับค่าจ้างถึงวันที่ 31 พฤศจิกายน (Garden leave) และพนักงานจะได้รับเงินชดเชยตามขั้นเงินเดือนครึ่งเดือนคูณกับจำนวนปีที่ทำงานในบริษัท ซึ่งไม่ตรงกับที่ Elon Musk บอกว่า 3 เดือน ในสิงคโปร์นายจ้างจะต้องแจ้งกระทรวงแรงงานภายใน 5 วันหลังจากแจ้งลูกจ้างเรื่องการเลิกจ้างแล้ว พนักงานที่ให้สัมภาษณ์กับ CNA จึงรอเผื่อพนักงานคนอื่น ๆ ที่ยื่นเรื่องไปยังสภาสหภาพการค้าแห่งชาติ (National Trades Union Congress - NTUC) จะสามารถเจรจาต่อรองได้ แต่ได้รับคำตอบจาก ว่า Twitter ไม่ได้เป็นสมาชิกของสภาทำให้การช่วยเหลือมีจำกัด ที่มา: CNA
# ซัมซุงจะอัพเดตสมาร์ททีวีรุ่นปี 2021 ให้รองรับคลาวด์เกมมิ่งด้วย ซัมซุงประกาศจะออกอัพเดตให้สมาร์ททีวีรุ่นปี 2021 บางรุ่น รองรับการเล่นเกมผ่านคลาวด์ Samsung Gaming Hub เหมือนสมาร์ททีวีรุ่นปี 2022 สมาร์ทีวีรุ่นที่จะได้อัพเดตคือ QN800, QN850, QN900, WS1A, QN700, LS03A, AU7000, AU8000, AU9000, Q50, Q60, Q95-Q70 โดยอัพเดตจะทยอยปล่อยให้ภายในปีนี้ บริการคลาวด์เกมมิ่งที่ซัมซุงรองรับอยู่แล้วคือ Xbox, NVIDIA GeForce NOW, Utomik และเพิ่มรายใหม่อีก 2 รายคือ Antstream Arcade, Blacknut ที่จะตามมาในปี 2023 ถึงแม้บริการคลาวด์เกมมิ่งของค่ายใหญ่ๆ ยังไม่มีเปิดอย่างเป็นทางการในไทย แต่อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าลูกค้าซัมซุง (อย่างน้อยคือซื้อปี 2021) ยังไม่ถูกทอดทิ้งซะทีเดียว โดยตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าจะตามอัพเดตต่อให้ถึงรุ่นปี 2020 ด้วยหรือไม่ ที่มา - Samsung
# Twitter กำลังพัฒนาระบบเข้ารหัสข้อความ Direct Message แบบ end-to-end Jane Manchun Wong นักวิจัยและพัฒนาแอปพลิเคชันโพสต์ลง Twitter หลังสังเกตเห็นโค้ดที่บ่งบอกว่า Twitter กำลังพัฒนาระบบเข้ารหัสจากปลายทางถึงปลายทาง (end-to-end encryption) ในฟีเจอร์ส่งข้อความ Direct Message ของ Twitter บน Android ซึ่งต่อมา Elon Musk ได้ตอบกลับทวิตของ Wong ด้วยอิโมจิขยิบตาซึ่งก็ช่วยยืนยันว่ากำลังพัฒนาระบบอยู่จริง ก่อนหน้านี้ ก่อนที่ Musk จะเสนอดีลซื้อกิจการ Twitter ก็ได้พูดไว้ว่า Direct Message ของ Twitter ควรจะมีระบบ end-to-end แบบเดียวกับแอปแชท Signal เพื่อป้องกันการแฮ็กข้อความ จริง ๆ แล้ว Twitter เคยทดลองการเข้ารหัสแบบ end-to-end ในปี 2018 แต่ฟีเจอร์นี้ก็ไม่ได้เปิดให้ใช้โดยทั่วไป ที่มา: Engadget
# Microsoft Teams เพิ่มเกม Solitaire, Minesweeper มาให้เล่นกันช่วงพักเบรกระหว่างประชุม เพื่อไม่ให้การประชุมออนไลน์มีแต่เรื่องเครียดเกินไป Microsoft เลยจัดเกมของ Windows มาผนวกเข้าไปใน Microsoft Teams ให้ผู้ใช้เล่นร่วมกันได้ โดยเกมที่ว่าจะมาในรูปแบบของแอปให้ติดตั้งเพิ่มเข้าไปที่ชื่อว่า "Games for Work" ในแอปดังกล่าวตอนแรกเริ่มนี้จะมีเกม 4 เกม คือ Solitaire, Minesweeper, IceBreakers และ Wordament สำหรับ Solitaire นั้นเป็นเกมเรียงไพ่สุดคลาสสิกที่หลายคนคงรู้จักกันดีและเคยเล่นบน Windows กันมาแล้ว ผู้ใช้ Microsoft Teams จะได้เล่นแข่งกันว่าใครเคลียร์เกมได้เร็วที่สุด ในขณะที่ Minesweeper เกมค้นหากับระเบิดนั้นจะเปลี่ยนจากการแข่งกันมาช่วยกันแทน ผู้ใช้จะเล่นเกมในด่านเดียวกันเพื่อช่วยกันหากับระเบิดให้ครบ ส่วนเกมที่อาจจะคุ้นหูน้อยลงมาหน่อยอย่าง Wordament เป็นเกมปริศนาคำที่ให้ผู้ใช้หาคำที่ซ่อนอยู่ในกระดานตารางที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ การเล่นแบบหลายคนก็เปิดให้แข่งกันว่าใครจะค้นหาคำที่ซ่อนอยู่ได้มากที่สุด ส่วนเกมสุดท้าย IceBreakers ก็ตรงตามชื่อคือเป็นเกมถาม-ตอบที่เน้นสร้างความคุ้นเคยในกลุ่มผู้ใช้ด้วยกัน ด้วยการตอบคำถามทั่วๆ ไปจะทำให้แต่ละคนรู้จักและเข้าใจเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ได้มากขึ้น ผลงานแอป "Games for Work" พัฒนาโดยทีม Microsoft Casual Games ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฝ่าย Xbox Game Studios และก็อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าไอเดียนี้เน้นสร้างมาเพื่อให้ผู้ใช้ Microsoft Teams ได้ผ่อนคลายในระหว่างการพักเบรกการคุยงาน ซึ่ง Microsoft ระบุว่าจากผลการศึกษาพบว่าทีมที่เล่นเกมด้วยกัน 45 นาทีจะทำงานได้ผลผลิตมากกว่าทีมที่ทำกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์แบบอื่น 20% งานนี้อาจจะช่วยให้หลายคนที่รับหน้าที่จัดประชุมอาจจะปวดหัวน้อยลงหน่อยกับการที่ต้องรับหน้าที่คิดเกมและกิจกรรมมาให้เพื่อนร่วมงานเล่นกันในระหว่างการทำกิจกรรมกลุ่มแต่ละครั้ง ที่มา - Engadget
# Deno ออกเวอร์ชัน 1.28 รองรับโมดูล npm อย่างเป็นทางการแล้ว โครงการ Deno รันไทม์จาวาสคริปต์ ออกเวอร์ชัน 1.28 มีของใหม่ที่สำคัญคือรองรับโมดูล npm ของโครงการ Node.js ตามที่ประกาศไว้ ทำให้เราสามารถอิมพอร์ตโมดูล npm ที่มีมหาศาล 1.3 ล้านโมดูลมาใช้กับ Deno ได้ การใช้งาน npm ของ Deno ไม่จำเป็นต้องสั่ง npm install เพราะโมดูลจะถูกติดตั้งตอนรันโปรแกรมครั้งแรก, ไม่ต้องมีไฟล์ package.json และไม่ต้องมีโฟลเดอร์ node_modules เพราะโมดูลจะถูกแคชในไดเรคทอรี global แทน ทีมงาน Deno บอกว่าอาจยังมีโมดูล npm บางส่วนที่ยังทำงานเข้ากันไม่ได้ ซึ่งจะทยอยแก้ไขไปเรื่อยๆ แต่โมดูลดังๆ ที่ใช้งานได้แล้วก็อย่างเช่น Prisma, Mongoose, Apollo, React, Vue, Express เป็นต้น ที่มา - Deno