txt
stringlengths
202
53.1k
# Affinity อัปเดตใหญ่ V2 เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ เปิดขายชุดราคาเดียวใช้ได้ทุกแอพ ทุกแพลตฟอร์ม Serif ผู้พัฒนา Affinity ประกาศออกอัปเดตใหญ่ทั้งหมดได้แก่ Designer, Photo และ Publisher ทุกบนแพลตฟอร์มเป็นเวอร์ชั่น 2 ใช้ชื่อว่า V2 พร้อมเปิดตัว Affinity V2 Universal Licence จ่ายครั้งเดียวใช้โปรแกมได้ทุกตัวและทุกแพลตฟอร์ม การอัปเดตนี้ Serif ปรับปรุงหน้าตาการใช้งานใหม่, ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น, รองรับการใช้งานบน Apple silicon M1 กับ M2, และเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่มาบนเวอร์ชั่นนี้เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานสายกราฟิก และสายครีเอทีฟมากขึ้น โดยฟังก์ชั่นใหม่มีดังต่อไปนี้ Affinity Designer 2 เครื่องมือ Vector Warp รองรับการนำเข้าไฟล์ DXF/DWG จาก AutoCAD เพิ่มมุมมองโหมด X-Ray เพิ่มเครื่องมือ Knife และ Shape builder เครื่องมือการวัดระยะ, ขนาด และพื้นที่ Affinity Photo 2 สามารถแก้ไขไฟล์ RAW โดยไม่เสียคุณภาพ แม้จะมีการแก้ไขมาก่อนหน้านี้ Compound masks Live Mesh Warp รองรับไฟล์ JPEG XL ทั้งการบันทึกและนำเข้า เพิ่มประสิทธิ์ภาพ Live Masks ได้แก่ Hue Range, Band-Pass และ Luminosity เพิ่มประสิทธิ์ภาพการตั้งค่าและบันทึกเลเยอร์ได้มากขึ้น Affinity Publisher 2 รองรับการใช้งานบน iPadOS แล้ว เพิ่มโหมด Books (ยังรองรับเฉพาะบน Desktop) เพิ่มการใส่อ้างอิงเชิงอรรถ, บรรณานุกรม และความคิดเห็น Place Auto-flow - ความสามารถในการวางภาพเพียงไม่กี่คลิกตามกรอกที่ต้องการ เพิ่มประสิทธิ์ภาพการเชื่อมเลเยอร์ให้ดีขึ้น รองรับการวางไฟล์ DWG/DXF ส่วนเวอร์ชั่นของ iPad ได้เพิ่มเมนูลัดที่สามารถเข้าถึงคลิปบอร์ด, คำสั่งพื้นฐาน และตั้งค่าเมนูลัดได้ถึง 9 เมนู, โหมด Compact, ตัวควบคุมคำสั่งแบบ Radial และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพบน iPadOS 16 รายละเอียดต่างๆ ของแต่ละฟังก์ชั่นสามารถอ่านได้จากที่มาของข่าว ทั้งนี้ได้เปิดตัว Affinity V2 Universal Licence เป็นการรวมชุดโปรแกรมทั้ง 3 โดยจ่ายเพียงราคาเดียวและใช้ได้ทุกอุปกรณ์ไม่ว่า PC, Mac และ iPad ตลอดการใช้งาน เปิดตัวด้วยราคา 169.99 ดอลล่าสหรัฐฯ แต่ขณะนี้กำลังจัดโปรโมชั่นเฉพาะช่วงเปิดตัวจ่ายเพียง 99.99 ดอลล่าสหรัฐฯ และมีแบบทดลองใช้งาน 30 วันให้ได้ทดลองใช้ ส่วนโปรแกรมแบบแยกยังคงมีขายเช่นเดิม เวอร์ชั่นเดสท็อปเปิดตัวด้วยราคา 69.99 ดอลล่าสหรัฐฯ และเวอร์ชั่น iPad เปิดด้วยราคา 19.99 ดอลล่าสหรัฐฯ และกำลังจัดโปรโมชั่นเฉพาะช่วงเปิดตัวเช่นกัน ทาง Serif ระบุว่าผู้ใช้งานที่ซื้อ V1 ยังคงใช้งานได้ปกติ แต่จะไม่ได้รับการอัปเดตใดๆ ในเวอร์ชั่นนี้แล้ว และจะไม่สามารถเปิดไฟล์แก้ไขที่ทำบน V2 ในเวอร์ชั่น V1 ได้ แต่ V2 จะยังคงเปิดไฟล์ที่ทำจาก V1 ได้ตามปกติ ส่วน Add-ons และเนื้อหาที่ซื้อแยกใช้งานได้ทั้งสองเวอร์ชั่น ที่มา - Affinity Newsroom, The Verge และ Affinity 2 FAQ
# YouTube Premium และ Music ประกาศยอดสมาชิก 80 ล้านคน เพิ่มขึ้น 30 ล้านคนในปีเดียว YouTube ประกาศจำนวนสมาชิกแบบพรีเมียม YouTube Music และ YouTube Premium (นับรวมกัน) ที่ 80 ล้านคน เพิ่มขึ้นมาถึง 30 ล้านคนจากตัวเลขที่ประกาศในเดือนกันยายน 2021 ที่ 50 ล้านคน YouTube บอกว่าจะยังใช้โมเดลหารายได้ทั้ง 2 แบบคือโฆษณาและค่าสมาชิกผสมผสานกันไป โดยบอกว่าความสำเร็จของยอดสมาชิก 80 ล้านคน มาจากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องฟีเจอร์ (สลับระหว่างเพลงกับวิดีโอได้), คอนเทนต์สายเพลงที่หลากหลาย (คอนเสิร์ต คลิปสั้น พ็อดแคสต์) และการพาร์ทเนอร์กับบริษัททั่วโลก (เช่น Samsung, Vodafone, SoftBank) นำเสนอแพ็กเกจสมาชิกที่ดึงดูดมากขึ้น YouTube ยังเปิดเผยตัวเลขว่าจ่ายเงินให้อุตสาหกรรมดนตรีไปแล้ว 6 พันล้านดอลลาร์ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา และตั้งเป้าเป็นผู้จ่ายเงินให้อุตสาหกรรมดนตรีมากเป็นอันดับ 1 ให้ได้ หากดูตัวเลขของคู่แข่งในวงการ (แม้เทียบไม่ได้ตรงๆ เพราะผลิตภัณฑ์ไม่เหมือนกันซะทีเดียว) Spotify มียอดสมาชิกแบบเสียเงิน 195 ล้านบัญชี ส่วน Apple Music ไม่แถลงตัวเลขแยกต่างหากมานานแล้ว แต่ประเมินกันว่าอยู่ราว 78 ล้านรายเมื่อต้นปี 2021 ที่มา - YouTube Blog
# Twitter เพิ่มป้าย Official แล้วเอาออก, Elon บอกว่าเป็นคนสั่งเอาออกเอง เมื่อวานนี้ Twitter เริ่มแสดงป้ายคำว่า "Official" อยู่ใต้ชื่อผู้ใช้ (username) เพิ่มเติมจากเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าของเดิม (เท่ากับว่ามีติ๊กถูกสองอันในหน้า Profile) อย่างไรก็ตาม ป้าย Official อันใหม่มีตัวตนอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนถูกนำออกไป และ Elon Musk ได้ตอบข้อความของ @MKBHD ยูทูบเบอร์คนดังว่า "เขาเป็นคนฆ่ามันเอง" (I just killed it) Musk ยังโพสต์ข้อความอธิบายเพิ่มเติมว่าเราจะได้เห็น Twitter ลองทำอะไรแปลกๆ อีกหลายอย่าง เพื่อดูว่าอะไรเวิร์คและไม่เวิร์คในระยะยาว (คนจริงเทสต์บนโปรดักชั่น)
# Animal Crossing: New Horizons เป็นเกมขายดีที่สุดตลอดกาลของญี่ปุ่นแล้ว ข้อมูลจาก Game Data Library ระบุว่า Animal Crossing: New Horizons ทำยอดขายรวมเฉพาะในญี่ปุ่นไปแล้ว 10.45 ล้านชุด ขึ้นเป็นเกมขายดีที่สุดตลอดกาลของประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดยเกมมียอดขายที่อันดับ 2 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ส่วนอันดับ 2 ที่แซงมาได้ก็คือ Pokémon Red/Blue/Green ที่ 10.23 ล้านชุด ตามด้วยอันดับ 3 Pokémon Gold/Silver ที่ 7.17 ล้านชุด ซึ่งทั้งสองเกม ออกมามากกว่า 20 ปีที่แล้วทั้งคู่ Animal Crossing: New Horizons เริ่มวางขายเมื่อเดือนมีนาคม 2020 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการล็อกดาวน์จากสถานการณ์โควิด 19 ทั่วโลก ทำให้เกมเป็นที่ต้องการสูงของผู้เล่นในช่วงเวลาดังกล่าว ที่มา: IGN
# Photos ใน Windows 11 ออกอัพเดตรองรับ iCloud Photos สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปแล้ว ไมโครซอฟท์ประกาศอัพเดตแอป Photos บน Windows 11 โดยรองรับการเชื่อมต่อกับบัญชี iCloud Photos ของแอปเปิลแล้ว มีผลกับผู้ใช้งานทุกคน ตามที่ออกพรีวิวมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ไมโครซอฟท์บอกว่าอัพเดตนี้จะทยอยได้รับกับผู้ใช้งานภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการรูปภาพและวิดีโอได้จากทุกแหล่ง ทั้งที่อยู่ในพีซี จากกล้อง จากโทรศัพท์ และบนคลาวด์ทั้ง iCloud และ OneDrive การใช้งานนั้น นอกจากผู้ใช้งานต้องอัพเดต Photos เป็นเวอร์ชันล่าสุดผ่าน Microsoft Store ก็ต้องมีโปรแกรม iCloud for Windows สำหรับซิงก์รูปภาพเข้ามาด้วย ที่มา: ไมโครซอฟท์
# Binance ประกาศล้มดีล ถอนตัวจากแผนซื้อกิจการ FTX แล้ว Binance ออกแถลงการณ์ว่าบริษัทตัดสินใจไม่ซื้อกิจการ FTX.com ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ หลังจากบริษัทได้ทำ Due Diligence หรือสอบทานธุรกิจ ตามขั้นตอนก่อนเข้าซื้อกิจการ Binance กล่าวว่า ในตอนแรกนั้นบริษัทหวังว่าจะเข้ามาช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับ FTX ได้ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าปัญหาไปไกลเกินกว่าจะควบคุมหรือสามารถแก้ไขได้ (beyond our control) ผู้เล่นในตลาดที่ใช้เงินลงทุนไม่ถูกต้อง ก็จะต้องออกจากตลาดไปตามกลไก โดย Binance เชื่อว่า ในระหว่างที่กลไกการตรวจสอบยังพัฒนาปรับปรุง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นจะทำให้ระบบรวมของอุตสาหกรรมแข็งแรงมากขึ้นด้วย ที่มา: CNBC
# กูเกิลเริ่มทดลอง FedCM API สำหรับการล็อกอินด้วยเว็บภายนอกแต่ไม่ต้องใช้ third-party cookie กูเกิลเริ่มทดสอบ API ใหม่ที่ชื่อว่า Federated Credential Management API หรือ FedCM สำหรับการล็อกอินเว็บต่างๆ จากผู้ให้บริการภายนอก เช่น การที่เราสามารถล็อกอินเว็บด้วยเฟซบุ๊ก, กูเกิล, ทวิตเตอร์, หรือ GitHub ได้ โดย Chrome 108 จะเริ่มมีฟีเจอร์นี้เป็น flag ให้เปิดใช้งาน และคาดว่าจะเริ่มเข้า stable ภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ กระบวนการล็อกอินโดยใช้มาตรฐาน OAuth2 หรือ OpenID Connect (ซึ่งก็กำหนดมาตรฐานบน OAuth2 อีกชั้น) นั้นมีมานาน แต่ข้อจำกัดคือฟีเจอร์บางอย่างนั้นอาศัย third-party cookie หรือ cookie ของโดเมนอื่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติของเบราว์เซอร์ที่ถูกใช้ไปกับการติดตามผู้ใช้เพื่อโฆษณาอย่างหนัก และช่วงหลังมานี้เบราว์เซอร์หลายเจ้าเริ่มพยายามปิดกั้น third-party cookie กันมากขึ้น ทำให้มีปัญหากับการใช้งานบางฟีเจอร์ เช่น การล็อกเอาท์ ทุกวันนี้เบราว์เซอร์มักหาทางหลบบางโดเมนที่เป็นผู้ให้บริการล็อกอินไปพร้อมๆ กับพยายามบล็อคโดเมนที่ใช้ติดตามผู้ใช้เพื่อโฆษณา ตัวมาตรฐาน FedCM จะเปิดให้ฟีเจอร์การล็อกอินข้ามเว็บยังทำงานได้ครบแม้จะไม่มี third-party cookie เลยก็ตาม ตอนนี้กูเกิลกำลังพูดคุยกับทั้งแอปเปิลและมอซิลล่าเพื่อวางมาตรฐาน ทำให้ API ตอนนี้ยังไม่นิ่งและคาดว่าจะนิ่งจริงๆ ปลายปี 2023 ที่มา - Chrome Developer
# รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมออกกฎหมายให้รัฐสั่งปิดเครื่องปรับอากาศในบ้านประชาชนจากทางไกลได้ ในช่วงเวลานี้ที่วิกฤติพลังงานแผ่ขยายไปทุกประเทศทั่วโลก ภาครัฐของหลายประเทศก็ต้องคิดเรื่องนโยบายและข้อกำหนดต่างๆ เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่กฏหมายบางอย่างก็อาจต้องแลกมาด้วยเสียงคัดค้านจากประชาชนจำนวนมาก เช่นเดียวกับกฎหมายใหม่ที่รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามผลักดันให้หน่วยงานรัฐมีอำนาจสามารถสั่งปิดเครื่องปรับอากาศในบ้านประชาชนได้จากการสั่งงานระยะไกล เพื่อควบคุมการใช้พลังงานไฟฟ้าในภาพรวม ไอเดียนี้มาจากคณะอนุกรรมการอนุรักษ์พลังงาน (Energy Conservation Subcommittee) ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจ, การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น โดยจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมการใช้พลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเครื่องปรับอากาศของประชาชนในช่วงเวลาที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงเกินกว่าที่ระบบจะสามารถจ่ายไหวซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดไฟดับเป็นวงกว้าง ทั้งนี้จากข้อมูลของกระทรวงพบว่าระบบเครื่องปรับอากาศเป็นตัวใช้พลังงานไฟฟ้าสูงถึงร้อยละ 30 ของการใช้ไฟทั้งหมดในภาคครัวเรือน หากมีการคลอดกฎหมายนี้ออกมาใช้จริงแล้วทางผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศก็จะต้องเพิ่มระบบที่อนุญาตให้หน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึงระบบการทำงานของเครื่องได้ผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อให้สามารถสั่งลดการทำงานหรือปิดการทำงานของอุปกรณ์ได้ นอกเหนือจากเครื่องปรับอากาศแล้วอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอีกประเภทที่อยู่ในข่ายการพิจารณาอำนาจการควบคุมสั่งปิดหรือล็อกการทำงานโดยหน่วยงานรัฐก็คือเครื่องทำน้ำร้อน จะว่าไปไอเดียของกฎหมายนี้ก็คล้ายคลึงกับมาตรการป้องกันปัญหาไฟดับในสหรัฐฯ เมื่อบริษัทผู้ให้บริการระบบไฟฟ้ารายหนึ่งสั่งล็อกการทำงานของระบบปรับอากาศของลูกค้าผู้ใช้ไฟมากกว่า 20,000 บ้าน เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไฟดับเป็นวงกว้างเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ที่มาภาพ: Ryosuke Sekido, CC BY 2.0 ที่มา - SoraNews24
# ฝรั่งเศสออกกฎหมายใหม่บังคับให้ลานจอดรถต้องติดตั้งแผงโซลาเซลล์ เพื่อให้เป็นการสอดรับกับแนวทางการใช้พลังงานสะอาดประเภทอื่นให้มากขึ้นและลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ให้น้อยลง วุฒิสภาของฝรั่งเศสจึงได้ผ่านกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ลานจอดรถที่มีขนาดจอดรถได้ตั้งแต่ 80 คันขึ้นไปต้องติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ สำหรับลานจอดรถขนาด 80-400 คันจะต้องติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 ปีนับตั้งแต่เดือนกรกฏาคมปี 2023 ส่วนลาดจอดรถขนาดใหญ่กว่านั้นจะต้องติดตั้งให้แล้วเสร็จเร็วยิ่งขึ้นภายในช่วงเวลาไม่เกิน 3 ปีนับจากช่วงเวลาเดียวกัน โดยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์จะต้องครอบคลุมพื้นที่ขนาดอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของลานจอดรถนั้น เป้าหมายของการออกกฎหมายใหม่นี้เน้นไปที่ลานจอดรถกลางแจ้งบริเวณริมทางหลวงต่างๆ โดยรัฐบาลฝรั่งเศสหวังไว้ว่าแผงโซลาร์เซลล์จากลานจอดรถทั่วประเทศนี้จะช่วยกันผลิตไฟได้มากถึง 11 GW เทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 10 โรง อย่างไรก็ตามกฎหมายนี้มีข้อยกเว้นให้ลานจอดรถกลางแจ้งบางแห่งที่เข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้ มีข้อขัดข้องทางเทคนิคในเรื่องความปลอดภัยในการใช้ลานจอดรถและต่อระบบไฟฟ้าเอง การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มีผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มีผลลบในแง่การทำลายภูมิสถาปัตย์ ลานจอดรถกลางแจ้งนั้นมีต้นไม้ให้ร่มเงาปกคลุมพื้นที่อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ลานจอดรถบรรทุก การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ "ไม่สามารถทำได้ด้วยเหตุผลทางการเงินในระดับที่ไม่อาจยอมรับได้" (เป็นข้อความที่กำกวมและตีความได้กว้าง แต่โดยพื้นฐานอาจหมายถึงการเว้นช่องว่างของกฎหมายไว้เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระทางการเงินแก่เจ้าของลานจอดรถในระดับที่เกินรับไหว) จนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่แน่ชัดว่ากฎหมายใหม่นี้จะมาพร้อมมาตรการช่วยเหลือด้านการลงทุนแก่เจ้าของพื้นที่จอดรถที่โดนบังคับใช้กฎหมายหรือไม่ นอกเหนือจากการออกกฎหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากพื้นที่ลานจอดรถแล้ว รัฐบาลฝรั่งเศสยังเล็งที่จะสร้างฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ตามพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ข้างทางด่วน, รางรถไฟ รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตรต่างๆ ทั้งนี้สำหรับการรถไฟของฝรั่งเศส (SNCF) เองนั้นก็มีแผนที่จะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กินพื้นที่รวม 1 ล้านตารางเมตรเพื่อลดค่าใช้จ่ายพลังงานให้ได้ 1 ใน 4 ภายในปี 2030 อยู่แล้ว ที่มาภาพ: Tony Webster, CC BY-SA 2.0 ที่มา - Engadget
# IBM Quantum System Two คอมพิวเตอร์ควอนตัมเป็นโมดูลขยายได้ เริ่มใช้จริงปี 2023, ปรับซอฟต์แวร์ให้ทนสัญญาณรบกวน ไอบีเอ็มอัพเดตแผนการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัม ที่ไม่สามารถสเกลอยู่ในชิปตัวเดียวได้ แต่ต้องเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หลายๆ ตัวเข้าด้วยกันเป็นโมดูลเรียกทั้งระบบว่า IBM Quantum System Two โดยระบบนี้เปิดตัวแนวคิดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และผ่านมาหนึ่งปีทางไอบีเอ็มก็ระบุเป้าว่าจะได้เห็นเครื่องทำงานจริงสิ้นปี 2023 เป้าหมายหมายของไอบีเอ็มจะสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมระดับใหญ่กว่า 4,000 คิวบิตภายในปี 2025 นอกจากฝั่งฮาร์ดแวร์แล้ว ทางไอบีเอ็มยังอัพเดตซอฟต์แวร์ Qiskit Runtime สำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์ควอนตัม โดยเพิ่มออปชั่นให้รันโค้ดโดยยังทนทานต่อสัญญาณรบกวน เพราะคอมพิวเตอร์ควอนตัมอ่อนไหวต่อสัญญาณรบกวนมากจนต้องทำงานที่อุณหภูมิเย็นจัด Qiskit เพิ่มเทคนิคเพื่อให้โค้ดที่รันทนทานต่อสัญญาณรบกวน 3 ระดับ ระดับสูงสุดใช้เทคนิค probabilistic error cancellation (PEC) สามารถประมาณค่าคำตอบโดยไม่มีไบแอส นับเป็นเทคนิคการทนต่อสัญญาณรบกวนที่ดีที่สุดในตอนนี้ แต่การเปิดเทคนิคนี้ก็จะมีผลเสียที่ใช้เวลาของคอมพิวเตอร์ควอนตัมนานเช่นกัน ตอนนี้ลูกค้าของไอบีเอ็มเริ่มใช้งานคอมพิวเตอร์ควอนตัมศึกษาความเป็นไปได้หลายราย ส่วนมากที่ไอบีเอ็มเปิดเผยออกมายังเป็นการจำลองโมเลกุล เช่น Good Chemistry กำลังใช้ทดสอบการจำลองโมเลกุล เพื่อลดเวลารันการจำลองในซูเปอร์คอมพิวเตอร์, QunaSys และ JSR สร้างซอฟต์แวร์จำลองโมเลกุลเมื่ออยู่ในความต่างศักย์เพื่อศึกษาการสังเคราะห์แสง, Lawrence Berkeley National Lab กำลังทดลองแปลงปัญหาที่จำลองกระบวนการทางเคมีบางส่วนมารันในคอมพิวเตอร์ควอนตัม นอกจากนี้ไอบีเอ็มยังประกาศความร่วมมือกับ Vodafone เพื่อศึกษากระบวนการเข้ารหัสลับที่ทนทานต่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมต่อไป ที่มา - IBM
# ไอบีเอ็มประกาศความสำเร็จสร้างชิปควอนตัม 433 คิวบิต ทำงานที่ความถี่เพิ่มขึ้นสิบเท่า ไอบีเอ็มประกาศความสำเร็จในการสร้างชิปควอนตัม Osprey ขนาด 433 คิวบิตสำเร็จ นับว่าทำได้ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยนอกจากจำนวนคิวบิตจะมากขึ้นแล้ว ความถี่ในการวัดผล (Circuit Layer Operations Per Second - CLOPS) สูงขึ้นถึงสิบเท่าตัวจากหลักพันรอบต่อวินาทีขึ้นมาเป็นหลักหมื่นรอบ CLOPS เป็นหน่วยวัดความเร็วที่ไอบีเอ็มเสมอไว้เมื่อปีที่แล้ว โดยระบุว่านอกจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมจะต้องมีจำนวนคิวบิตมากๆ เพื่อให้คำนวณงานที่ซับซ้อนได้แล้ว ความถี่ในการใส่พารามิเตอร์และวัดผลก็มีผลอย่างมากต่อการใช้งานจริง เพราะการอ่านค่าผลลัพธ์จากชิปควอนตัม อาจจะต้องอ่านค่ากลับไปยังคอมพิวเตอร์ปกติแล้วใส่พารามิเตอร์ใหม่กลับเข้ามาชิปควอนตัมเพื่อเร่งความเร็วงานบางส่วน จำนวนคิวบิตที่เพิ่มขึ้นทำให้ไอบีเอ็มต้องพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การนำสัญญาณไมโครเวปจากเดิมที่ต้องเชื่อมต่อสาย coaxial เข้าไปยังทุกคิวบิต กลายเป็นสายแพแบบ ribbon คล้ายสายจอหรือกล้อง LCD ทุกวันนี้ ทำให้สามารถนำสัญญาณเข้าออกคิวบิตจำนวนมากๆ ที่มา - IBM สายแพเชื่อมสัญญาณชิป Osprey
# MediaTek เปิดตัวชิปเรือธง Dimensity 9200, ใช้แกน Cortex X3, จีพียู Raytracing, Wi-Fi 7 MediaTek เปิดตัวชิปเรือธงประจำปีคือ Dimensity 9200 ที่เป็นรุ่นต่อจาก Dimensity 9000 รุ่นของปี 2021 ของใหม่ที่สำคัญคือ เปลี่ยนมาใช้แกนซีพียูตัวใหม่ Arm Cortex X3 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน (เรียงแกนเป็น Cortex X3 x1 + Cortex-A715 x3 + Cortex A-510 x4) และใช้จีพียูตัวใหม่ Arm Immortalis-G715 ที่รองรับ raytracing เรียกว่าใช้ของใหม่จาก Arm ครบชุดทุกอย่าง ใช้กระบวนการผลิต 4nm รุ่นที่สองของ TSMC ของใหม่อย่างอื่นๆ ได้แก่ รองรับแรม LPDDR5X-8533 แบนด์วิดท์ 13% เซ็นเซอร์ภาพ MediaTek Imagiq 890 รองรับภาพแบบ RGBW ชิป AI MediaTek APU 690 นับเป็นรุ่นที่หก เพิ่มประสิทธิภาพ AI 35% Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3, รองรับ 5G ในตัว MediaTek บอกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นที่ใช้ชิป Dimensity 9200 จะออกวางขายภายในสิ้นปี 2022 ที่มา - MediaTek
# Meta ประกาศปลดพนักงานชุดใหญ่ ราว 11,000 คน ยังมุ่งลงทุนกับ Metaverse ตามแผน Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ประกาศปลดพนักงาน 11,000 รายหรือราว 13% ของพนักงานทั้งหมดของบริษัท พร้อมกล่าวว่าเขามองโลกในแง่ดีเกินไปเรื่องผลกระทบของโควิด-19 ต่อการเติบโตของบริษัทเพราะอีคอมเมิร์ชเติบโตสูงมากในช่วงที่มีการกักตัวทำให้ Meta เพิ่มการลงทุนอีก Zuckerberg กล่าวว่าบริษัทจะยังคงรักษาพนักงานในส่วนที่มีความสำคัญต่อบริษัทอย่างฝ่าย AI โฆษณา และจะยังให้ความสำคัญกับการลงทุนและพัฒนา Metaverse ส่วนทีมทรัพยากรบุคคลจะได้รับผลกระทบอย่างมาก การปลดพนักงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่สุดตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2004 Meta เผชิญกับรายได้ลดลงทั้งจากการที่มี TikTok เข้ามาเป็นคู่แข่งขัน การที่ Apple ปรับนโยบายการโฆษณาใหม่ให้แอปต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ใช้ก่อน ล่าสุด Apple ก็ได้เก็บค่าธรรมเนียมจากการบูสต์โพสต์บน Facebook ด้วย รวมทั้งการที่ Zuckerberg ทุ่มเงินกับการพัฒนา Metaverse ซึ่งในปีนี้ได้ลงทุนไปแล้วถึง 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐแต่ผลตอบแทนกลับไม่ได้ดีอย่างที่คิด ทั้งนี้ Zuckerberg กล่าวว่าพนักงานที่ถูกปลดออกจะได้รับเงินเดือนจำนวน 4 เดือนบวกกับเงินเดือน 2 สัปดาห์คูณด้วยจำนวนปีที่ทำงานในบริษัทมา ประกันสุขภาพครอบคลุม 6 เดือน โดยบริษัทจะให้ความช่วยเหลือเรื่องการหางานใหม่และการย้ายถิ่นฐาน นอกจากนี้ บริษัทจะชะลอการจ้างงานตลอดช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า หุ้นของ Meta ตกลงกว่า 70% ในปีนี้ หลังจากมีการประกาศว่าบริษัทจะปลดคนออก ราคาหุ้นก่อนตลาดเปิดขึ้นมา 4% ที่มา: Meta via The Verge
# ถนนทุกสายมุ่งสู่แอป ธนาคารไทยพาณิชย์ลดฟีเจอร์บางส่วนของเว็บ SCB Easy Net ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศลดฟีเจอร์บางส่วนของบริการบนเว็บ SCB Easy Net ลง โดยเฉพาะบริการด้านบัตร เช่น การขอแลกรางวัล, การขอเพิ่มวงเงินชั่วคราว, บริการเบิกเงินโอนเข้าบัญชี, หรือการขอแบ่งชำระ แต่ยังคงฟีเจอร์สำคัญๆ เช่น การชำระเงินค่าบัตรเครดิต หรือการชำระเกินกู้ไว้ครบ โดยทางธนาคารแนะนำให้ใช้งานผ่านแอป SCB Easy ที่ใช้งานได้ครบ บริการ SCB Easy Net ไม่ได้อัพเดตมานาน ระดับที่หน้าแรกของเว็บมี Flash ฝังอยู่ หน้าจอประกาศของธนาคารเองยังติดภาพ "This plug-in isn't supported" ด้วยซ้ำ และหน้าเว็บก็เป็นเลย์เอาท์เดิมมานาน (ภายในใช้ table จัดหน้าด้วย) ขณะที่เราเห็น SCB ทุ่มพัฒนาแอป SCB Easy อย่างหนักและมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ แนวทางการคงแพลตฟอร์มแอปโทรศัพท์เป็นหลักดูจะคุ้มค่ามากกว่าเมื่อดูปริมาณผู้ใช้ ที่มา - SCB
# [ไม่ยืนยัน] TSMC เตรียมเปิดแผนสร้างโรงงานอีกแห่งในแอริโซนา ใกล้โรงงานที่กำลังสร้างอยู่ แหล่งข่าวของ Wall Street Journal ระบุว่าบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติไต้หวัน TSMC เตรียมประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ใกล้กับโรงงานอีกแห่งที่กำลังสร้างอยู่ในเมืองเดียวกัน หาก TSMC สร้างโรงงานแห่งใหม่จริงก็ถือว่าเป็นไปตามความต้องการของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ต้องการสนับสนุนให้มีการลงทุนตั้งโรงงานผลิตชิปภายในสหรัฐอเมริกามากขึ้นเพื่อแข่งขันกับจีน รวมทั้งเพื่อป้องกันการขาดแคลนชิปเหมือนที่เกิดขึ้นในปี 2020 และ 2021 สหรัฐฯ ยังผ่านกฎหมายอุดหนุนเงิน 5 หมื่นล้านเหรียญให้กับบริษัทผู้ผลิตชิปที่เข้ามาตั้งโรงงานในสหรัฐฯ ด้วย รวมทั้งมีการออกข้อบังคับห้างส่งออกเทคโนโลยีผลิตชิปขั้นสูงไปยังจีน โรงงานของ TSMC ส่วนใหญ่อยู่ในไต้หวัน แต่ขณะนี้ได้ขยายออกมายังประเทศอื่น ๆ บ้างแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และกำลังพูดคุยกับรัฐบาลเยอรมนีเพื่อขยายโรงงานเข้าสู่ยุโรป ที่มา: Bloomberg
# Salesforce ยืนยันปลดพนักงาน ไม่บอกตัวเลขจริง แต่ไม่ถึงพัน Salesforce ยืนยันว่าได้ปลดพนักงานในบริษัทออกจริงโดยไม่ได้บอกจำนวนตัวเลขจริง แต่ระบุว่าไม่ถึง 1,000 คน หลังจากก่อนหน้านี้เว็บข่าว Protocol อ้างแหล่งข่าวระบุว่าบริษัทได้ปลดพนักงานออกหลักร้อย แม้ว่า รายได้ของบริษัทจะยังเติบโตในช่วงไตรมาสที่ 2 แต่ดูเหมือนว่า Salesforce จะยังพยายามลดต้นทุนและเพิ่มกำไร เพราะด้าน Starboard Value ที่เข้าถือหุ้นในบริษัทไปเมื่อเดือนที่แล้วก็เผยว่า การเติบโตและกำไรของ Salesforce ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ 13%-14% ส่วน Amy Weaver ซีอีโอของบริษัทเองก็เผยก่อนที่ Starboard จะเข้าถือหุ้นว่า บริษัทยังต้องการทำกำไรมากขึ้นด้วยโดยตั้งเป้าอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Margin) 25% ภายในปี 2026 ด้วยการลดต้นทุน ก่อนที่จะมีการปลดพนักงานออก บริษัทมีพนักงานอยู่กว่า 73,000 คน จำนวนพนักงานที่ถูกปลดจึงถือว่าน้อยหากเทียบกับ Twitter ที่เพิ่งปลดคนออกคาดว่าราว 50% ที่มา: TechCrunch
# Riot Games จะทำตลาด League of Legends เองในไทยต้นปี 2023 หลังหมดสัญญา Garena Riot Games ประกาศเข้ามาทำตลาดเกม League of Legends และ Teamfight Tactics ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยตนเองตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป หลังสัญญากับ Garena ที่ทำมานาน 12 ปีสิ้นสุดลง ก่อนหน้านี้ Riot Games เริ่มเข้ามาทำตลาดเกม Valorant, Legends of Runeterra และ League of Legends: Wild Rift ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เองอยู่แล้ว การเข้ามาทำตลาด LoL และ Teamfight Tactics เองจะทำให้เกมทั้งหมดของ Riot Games เป็นการให้บริการโดยบริษัทเองทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ผู้เล่น LoL ในไทยจะต้องย้ายบัญชีจาก Garena มาเป็นบัญชีของ Riot Games โดยตรง สามารถทำได้ตั้งแต่ 18 พฤศจิกายน 2022 (รายละเอียด) ส่วนเซิร์ฟเวอร์ของ Riot จะเปิดให้เล่นในเดือนมกราคม 2023 (ยังไม่ระบุวัน) ช่องทางการสื่อสารกับเกมเมอร์จะเปลี่ยนมาใช้เพจ Leagueoflegendsth ที่ดูแลโดย Riot แทน นอกจากนี้ Riot Games ยังประกาศจะตั้งสำนักงานในประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคคือ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียด้วย ที่มา - Riot Games
# YouTuber จีนจับ iPhone มาดัดแปลงร่วมกับ Moto Razr ให้พับได้ แถมใช้งานได้จริง ช่อง YouTube ชาวจีน 科技美学 ได้จับ iPhone มาดัดแปลงให้กลายเป็นมือถือพับได้ เพื่อดูว่า iPhone จะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ โดยเริ่มตั้งแต่การแยกชิ้นส่วนหน้าจอโดยใช้หน้าจอของ iPhone X นำมาแยกแต่ละเลเยอร์ออก ตามด้วยการทำให้ตัวเครื่องสามารถพับได้ด้วยการแยกชิ้นส่วน Motorola Razr เพื่อนำช่วงข้อต่อพับจอมาประกอบกับหน้าจอของ iPhone ปิดท้ายด้วยการปรับแต่งและดัดแปลงเมนบอร์ดและปรับดีไซน์ โดยทั้งหมดนี้ใช้ระยะเวลารวมกว่า 1 ปี ผลลัพธ์พบว่า iPhone สามารถใช้งานได้จริง แต่หน้าจอก็ไม่ได้ติดไปกับตัวเครื่องอย่างสมาร์ทโฟนพับได้ปกติ ที่มา: YouTube 科技美学
# EU ประกาศสอบสวนเชิงลึกดีลไมโครซอฟท์ซื้อ Activision Blizzard กำหนดเสร็จ มี.ค. 2023 คณะกรรมการยุโรป (European Commission เทียบได้กับรัฐบาลของ EU) ประกาศตั้งทีมสอบสวนเชิงลึกเรื่องดีลไมโครซอฟท์ซื้อ Activision Blizzard อย่างเป็นทางการ เพื่อดูว่ามีผลกระทบต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรมเกมหรือไม่ ทั้งบนพีซีและคอนโซล European Commission ระบุว่าสนใจประเด็นที่ไมโครซอฟท์อาจใช้อิทธิพลผ่านเกมของ Activision Blizzard (เช่น Call of Duty) เพื่อกีดกันคอนโซลคู่แข่ง รวมถึงการใช้เกมเหล่านี้ผ่านบริหารสมาชิกแบบ Game Pass หรือ xCloud มาบีบคู่แข่งที่เป็นบริการแบบเดียวกัน (เช่น GeForce Now) คณะทำงานมีเวลา 90 วันจนถึง 23 มีนาคม 2023 เพื่อให้ European Commission ตัดสินใจต่อไปว่าจะให้ดีลนี้ผ่านหรือไม่ ไมโครซอฟท์เพิ่งได้รับอนุมัติดีลจากคณะกรรมการแข่งขันของบราซิล แต่ CMA หน่วยงานด้านการแข่งขันของอังกฤษ กำลังสอบสวนดีลนี้อย่างละเอียด และล่าสุดคือ EU ประกาศทำแบบเดียวกัน ที่มา - European Commission
# Surface Pro 9 และ Surface Laptop 5 เปิดราคาไทย เริ่ม 40,900 บาท, จองล่วงหน้าแถมคีย์บอร์ด ไมโครซอฟท์ประกาศราคาและวันวางขาย Surface Pro 9 และ Surface Laptop 5 ในประเทศไทย เริ่มขายวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 Surface Pro 9 นำเข้ามาเฉพาะรุ่น x86 (Core 12th Gen) ยังไม่มีรุ่นซีพียู Arm ที่รองรับ 5G ในตัว รุ่นต่ำสุดเป็น Core i5, 8GB, 256GB เริ่มต้นที่ 40,900 บาท Surface Laptop 5 มีทั้งรุ่นหน้าจอ 13" และ 15" รุ่นหน้าจอ 13" สเปกเริ่มต้น Core i5, 8GB, 256GB ราคา 40,900 บาท รุ่นหน้าจอ 15" สเปกเริ่มต้น Core i7, 8GB, 256GB ราคา 50,900 บาท ลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าจนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน จะได้ของแถมคือ Surface Pro 9 แถม Surface Pro Signature Keyboard มูลค่า 6,190 บาท Surface Laptop 5 แถม Microsoft USB-C Travel Hub มูลค่า 3,999 บาท
# ภัยไซเบอร์ ปัญหาของทุกองค์กรยุคดิจิทัล เฝ้าระวังได้ด้วยศูนย์ CSOC พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย มั่นใจยิ่งกว่าเดิม ทุกวันนี้ภัยไซเบอร์กลายเป็นสิ่งที่หลายคนและหลายองค์กรคุ้นเคยมากขึ้น เพราะมีจำนวนการโจมตีเกิดขึ้นให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และสร้างความเสียหายรุนแรงขึ้นอย่างทวีคูณ แต่อาชีพด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์กลับยังขาดแคลนมากในประเทศไทย หลายองค์กรไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลด้าน Cybersecurity ทั้งเพราะเห็นว่ายังไม่จำเป็น หรืออาจจะคิดว่าองค์กรตัวเองไม่อยู่ในข่ายที่จะโดนโจมตี แต่หารู้ไม่ว่าภัยไซเบอร์ไม่เลือกเวลา มีโอกาสเกิดการโจมตีได้ตลอด และทำให้เจ้าหน้าที่ระบบไอทีที่วไป ไม่สามารถจัดการหรือแก้ปัญหาได้ทันท่วงที และส่งผลเสียต่อองค์กรได้ ทางออกของปัญหานี้คือการตั้งศูนย์ปฏิบัติการ Cyber Security Operations Center (CSOC) เพื่อนำมาใช้เฝ้าระวังภัยด้านไซเบอร์ด้วยตัวเอง แต่อุปสรรคสำคัญทั้งเรื่องเทคโนโลยี ขั้นตอนการปฏิบัติ และบุคลากร ทำให้เป็นเรื่องยากที่แต่ละองค์กรจะมี CSOC ที่มีประสิทธิภาพ ศูนย์ Cyber Security Operations Center คืออะไร มีหน้าที่อย่างไร ศูนย์ปฏิบัติการ CSOC คือ ศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์และความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มีหน้าที่เฝ้าระวัง ตรวจสอบ วิเคราะห์ และให้คำแนะนำแก่ผู้ดูแลระบบในการรับมือ ป้องกัน การถูกบุกรุกทางไซเบอร์ หรือการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต มายังระบบหรืออุปกรณ์สำคัญขององค์กร ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัย CSOC จะต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในการเฝ้าระวังภัยคุกคามตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อตรวจพบเหตุการณ์ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลแวดล้อมของเหตุการณ์ ประเมินระดับความรุนแรงของเหตุกาณ์ พร้อมทั้งให้คำแนะนำเบื้องต้นในการรับมือ จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อลดผลกระทบ และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการดำเนินธุรกิจ องค์ประกอบสำคัญของ CSOC ทีมงาน หรือ บุคลลากร (People) - บุคลากรต้องมีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ ผ่านการอบรมด้าน Cybersecurity ที่มีการรับรอง Certification และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นปัจจัยหลักหนึ่งปัจจัยในการสร้างศูนย์ CSOC โดย Blue team, Red team และผู้ดูแลระบบจะทำงานร่วมกันตาม Cyber Security Incident Response Cycle ได้แก่ Preparation - เตรียมความพร้อม รับมือเหตุการณ์ Detection & Analysis - ตรวจสอบและวิเคราะห์ Containment Eradication - จำกัดและกักกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น Recovery - การกู้คืน Post Incident - ประเมินหลังเกิดเหตุ เพื่อให้การบริหารจัดการครอบคลุมตั้งแต่ การรับมือ จัดการกับปัญหา แก้ไขปัญหา รวมถึงป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อระบบ ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Process) - ขั้นตอนการปฏิบัติภายในศูนย์​ CSOC ต้องเป็นไปอย่างเป็นระบบ ได้มาตรฐาน ควบคู่กับบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมการทำงานให้ดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกันอย่างถูกต้อง เช่น Incident Management Procedure, Escalation Procedure, Knowledge Management, Threat Hunting Procedure, Incident Drill /Attack & War gaming, Reporting and Compliance, ISO 27001 : 2013, BCM & BCP Management, NIST Cybersecurity Framework และ Awareness Training เป็นต้น เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ (Technology) - การมีเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจจับภัยคุมคามที่มีการพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ และความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นมากในการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ CSOC ซึ่งจะต้องมีการเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจจับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ใช้เทคโยโลยีที่ทันสมัย ได้แก่ ระบบ Security Information Event Management หรือ SIEM ในการบริหารจัดการ เก็บรวบรวมข้อมูล และประมวลผลข้อมูล วิเคราะห์เหตุกาณ์ (Correlate) ที่ผิดปกติ จากการสร้าง Use Case และ การใช้ Machine Learning Model ผนวกกับการนำเข้าข้อมูล Threat Intelligence เพื่อเพิ่มความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามไซเบอร์ในรูปแบบใหม่ ๆ และการนำไปใช้ในการทำ Threat Hunting รวมถึงมีการทำ Incident Response แบบ Automation โดยใช้ SOAR (Security Ochestrator and Automate Response) SIEM หัวใจสำคัญการตรวจจับภัยไซเบอร์ ระบบ SIEM มีส่วนสำคัญในการเฝ้าระวัง ตรวจจับและแจ้งเตือนภัยคุกคาม ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถรับมือได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตาม พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 มาตรา 56 ที่ระบุว่า “หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (CII) ต้องกำหนดให้มีกลไกหรือขั้นตอนเพื่อการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศของตน ตามมาตรฐานซึ่งกำหนดโดยหน่วยงานควบคุมหรือกำกับดูแล และตามประมวลแนวทางปฏิบัติฯ” สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่เป็น Critical Information Infrastructure หรือ CII ที่มีการเก็บ Log จำนวนมากจากอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยภายในเครือข่าย จึงเลือกจัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการ CSOC ที่มี SIEM บริหารจัดการหรือให้หน่วยงานภายนอกที่มีบริการศูนย์ CSOC รูปแบบเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์และมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ด้าน Cybersecurity ตลอด 24×7 เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ตามที่กฎหมายกำหนด แต่สำหรับหน่วยงานที่ไม่ถูกระบุเป็น CII ก็สามารถใช้ SIEM แบบ Open source บริหารจัดการเองได้เช่นกัน สำหรับในบทความนี้จะกล่าวถึง SIEM คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง และทำไมถึงสำคัญ SIEM คืออะไร Security Information & Event Management (SIEM) คือ ระบบ Automation ที่ใช้ในการจัดการและวิเคราะห์กับ Log และ Event ต่าง ๆ ด้านความปลอดภัยขององค์กร ไปจนถึงทำการ Alert ระบุตำแหน่งของภัยคุกคามให้ทีม CSOC ทราบเมื่อมี Event ที่ผิดปกติ ทำให้องค์กรสามารถป้องกัน และตอบสนองภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว SIEM เปรียบเหมือนศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลและเป็นตัวคัดกรอง Event ระหว่าง IT Framework และ Security Framework รวมทั้งยังรวบรวมข้อมูลจากระบบ Host, Network, Firewall, Antivirus และอุปกรณ์ Security ต่าง ๆ SIEM สร้าง Threat Rules ทำให้ทราบถึง Insight ของ Attacker จนเข้าใจ Tactics, Techniques และ Procedures ของ Attacker (TTPs) รวมทั้งรู้ถึง Indicators of Compromise (IOCs) องค์ประกอบของ Threat Detection สามารถช่วยให้ตรวจเจอภัยคุกคามใน Emails, ทรัพยากร Cloud, แอปพลิเคชัน, ทรัพยากร External Threat Intelligence และ Endpoints เมื่อเกิดเหตุหรือมีการระบุ Event, Analyzed และ Categorized จากนั้น SIEM จะทำการจัดส่งรายงานและแจ้งเตือนไปยังทีมงานผู้เกี่ยวข้องในองค์กร ซึ่งในส่วนนี้อาจรวมถึง User และ Entity Behavior Analytics (UEBA) ที่จะช่วยวิเคราะห์พฤติกรรม กิจกรรม เพื่อมอนิเตอร์ ติดตามพฤติกรรมที่ไม่ปกติ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดได้ SIEM ทำอะไรได้บ้าง 1. การจัดเก็บข้อมูล Log - SIEM จัดเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่ใช้ในการตรวจสอบความปลอดภัย โดยสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้จากหลากหลายแหล่งที่มา ไม่ว่าจะเป็น Firewalls, Server, EDR, XDR หรือแหล่งข้อมูลความปลอดภัยอื่น ๆ ไปจนถึง Device หรือ Computer ที่มีการใช้งานในองค์กร 2. การวิเคราะห์ตรวจสอบภัยคุกคาม (Threat Hunting and Detection) - วิเคราะห์หรือตรวจสอบช่องโหว่ของระบบต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อนได้ ระบบอัตโนมัติสามารถเชื่อมโยงพฤติกรรม การกระทำ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นความเสี่ยงให้เกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ SIEM เป็นหัวใจในการทำ Threat Hunting (การไล่ล่าภัยคุกคาม) โดยการ Integrate SIEM เข้าศูนย์กลางการทำงานของ Threat Investigation Tools (เครื่องมือตรวจสอบภัยคุกคาม) ช่วยให้สามารถตรวจเจอภัยคุกคามที่อาจเกิดจะเกิดขึ้นได้ 3. ติดตามภัยคุกคามได้แบบ Realtime - ช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาและระบุตำแหน่งของจุดอ่อนภายในระบบ ทำให้รู้ช่องโหว่ที่ต้องแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว จากการวิเคราะห์และแจ้งเตือนให้แก่ทีม CSOC เพื่อให้สามารถตรวจสอบกิจกรรม หรือระบบที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที 4. การจัดหมวดหมู่ Event ของภัยคุกคาม - จัดหมวดหมู่ของภัยคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นภัยในอีเมลระบบคลาวด์ แอปพลิเคชัน แหล่งข้อมูลภายนอก พร้อมกับระบุตำแหน่งจุดเสี่ยงที่ต้องแก้ไขได้ 5. ลดเวลา Response time - โดยใช้ Enhance Situational Awareness ระบบของ SIEM สามารถใช้ประโยชน์จาก Threat Intelligence ทั่วโลก เพื่อสามารถค้นพบเหตุการณ์การสื่อสารที่น่าสงสัย หรือ Malicious IP ที่เป็นอันตราย พร้อมทั้งยังสามารถระบุตำแหน่งที่อาจถูกโจมตีได้ ลดเวลา Response time สามารถจัดการภัยคุกคามที่ผลต่อระบบของเราอย่างรวดเร็วเช่นกัน 6. การทำงานร่วมกับระบบด้านความปลอดภัยอื่น ๆ - ทำงานร่วมกับระบบด้านความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น SOAR, EDR และ XDR เป็นต้น ทำให้การตรวจสอบเหตุการณ์ ช่องโหว่ ความเสี่ยง และค้นหาภัยคุกคาม มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงอาจใช้ระยะเวลาน้อยลงอีกด้วย 7. การแสดงผลข้อมูล Dashboard - สามารถแสดงผลเป็น Dashboard ที่ง่ายสำหรับทีม CSOC หรือ Admin ในการเรียกดูข้อมูล Log, Alerts, ลำดับของเหตุการณ์ รวมไปถึงสามารถตรวจสอบในเชิงลึกได้ง่ายยิ่งขึ้น กระบวนการทำงานของ SIEM มีอะไรบ้าง การรวบรวมข้อมูล (Data Collection) เป็นการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลความปลอดภัยในระบบหรือเครือข่ายทั้งหมด เช่น ข้อมูล Log ระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส ระบบป้องกันการบุกรุก Server และ Firewall เป็นต้นเพื่อทำการบันทึกข้อมูลเก็บไว้ก่อนนำไปวิเคราะห์หาจุดอ่อนภายในระบบในคราวเดียว ช่วยให้ประหยัดเวลาและพื้นที่ในการดำเนินงาน ข้อกำหนด (Policies) คือสิ่งที่ถูกสร้างโดย SIEM administrator เพื่อกำหนดพฤติกรรมของ Enterprise system (ระบบศูนย์กลางของทั้งองค์กร) ภายใต้สถานการณ์ปกติและระหว่างเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น SIEMs มีความสามารถสร้าง default rules, การแจ้งเตือน, รีพอร์ท และแดชบอร์ด ที่สามารถปรับแต่งให้สอดคล้องกับความจำเป็นด้านความปลอดภัยที่เราต้องการเฉพาะ การจัดการความสัมพันธ์ (Data consolidation and correlation) โดย SIEM จะจัดเรียงแปลงข้อมูล วิเคราะห์ และหาความสัมพันธ์ของ Log ต่าง ๆ ที่ทำการเก็บมา แล้วจัดประเภทข้อมูลและข้อกำหนด เพื่อให้ได้ตำแหน่งของจุดเสี่ยงที่อาจถูกภัยคุกคามทางไซเบอร์โจมตีได้ การแจ้งเตือน (Alerts & Notifications) ถ้ามี event หรือ set ของ event trigger กับ SIEM rule ระบบจะแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ด้าน Security สรุป CSOC ทางออกสำหรับองค์กรในการป้องกันภัยไซเบอร์ การจัดตั้งศูนย์ CSOC ต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน คือ บุคลากร, เทคโนโลยี และขั้นตอนการปฏิบัติงาน ซึ่งทางออกสำหรับองค์กรอาจเลือกจัดหางบประมาณ เตรียมบุคลากร เทคโนโลยี และวางขึ้นตอนปฏิบัติที่ได้มาตรฐาน หรือสามารถเลือกใช้ผู้ให้บริการ MSSP ในรูปแบบ SOC as a Service โดยผู้ให้บริการจะบริหารจัดการองค์ประกอบสำคัญทั้งหมด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยลดเวลา และ งบประมาณในการลงทุนทุกองค์ประกอบ NT cyfence มีบริการ Cyber Security Monitoring ที่ปฏิบัติงานผ่าน ศูนย์ปฏิบัติการ Cyber Security Operations Center (CSOC) ที่พร้อมดูแลและให้คำปรึกษา โดยในขั้นต้น สามารถติดต่อให้เราเข้าไปนำเสนอบริการได้ที่ www.cyfence.com/contact-us หรือโทร NT contact center 1888
# LG เปิดแพแนลตัวจอ micro-LED บิดได้พับได้ แถมยืดขยายได้ 20% LG Display เปิดตัวแพแนลจอแบบใหม่ขนาด 12 นิ้วที่มาสามารถพับ บิดและยืดได้โดยที่ไม่เสียหาย สิ่งที่น่าสนใจคือสามารถยืดขยายออกได้ราว 20% ของขนาดความยาวจอหรือขยายออกได้ถึงขนาด 14 นิ้ว เพราะทำจากวัสดุแบบเดียวกับที่ใช้ทำคอนแทคเลนส์ แพแนลจอนี้ใช้เทคโนโลยี micro-LED ความละเอียด 100 ppi เทียบเท่ากับจอโทรทัศน์ LG เผยว่าคุณสมบัติของจอที่สามารถโค้งตามลักษณะพื้นผิวได้ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า อุปกรณ์สวมใส่ ยานพาหนะ รวมถึงเกมมิ่งด้วย LG ได้พัฒนาเทคโนโลยีจอขยายได้มาตั้งแต่ปี 2020 และคาดว่าจะพัฒนาสำเร็จในปี 2024 ที่มา: LG Display via Engadget
# Google ประกาศใช้หน้าเว็บใหม่ Gmail เป็นมาตรฐาน เปลี่ยนกลับไม่ได้แล้ว ก่อนหน้านี้ Google ประกาศปรับรูปแบบหน้าเว็บไซต์ของ Gmail โดยเพิ่มแถบ sidebar ทางซ้ายมือและเพิ่มไอคอนบริการ Mail, Chat, Spaces และ Meet แต่เป็นแบบ opt-in ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นค่าตั้งต้นแต่ผู้ใช้ยังคงสามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นแค่บริการ Gmail ได้ ล่าสุด Google ประกาศให้รูปแบบหน้าเว็บไซต์นี้เป็นมาตรฐานใหม่ คือผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนกลับเป็นแบบ Gmail อย่างเดียวได้อีกต่อไป เริ่มต้นตั้งแต่เดือนนี้ ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งค่า customize ไอคอนบน side bar ได้ที่ Quick Settings ที่มา: Google
# VMware ออก vSphere 8 เวอร์ชัน GA, รองรับการใช้ DPU ช่วยประมวลผล VMware ประกาศออก vSphere 8 เข้าสถานะ General Availability (GA) พร้อมใช้งานเป็นการทั่วไปแล้ว หลังออกเวอร์ชัน Initial Availability (IA) มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ตามโมเดลการออกเวอร์ชันแบบใหม่ที่แยกเป็น IA กับ GA ของใหม่ใน vSphere 8 ได้แก่ vSphere Distributed Services Engine ช่วยกระจายโหลดการประมวลผลจากซีพียู ไปยังชิป DPU (Data Processing Unit) ที่ใช้ประมวลผลข้อมูลระดับล่าง เริ่มเป็นเทร็นด์ใหม่ของวงการเซิร์ฟเวอร์ เช่น NVIDIA BlueField, AMD Pensando, Intel IPU ช่วยให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 36% และ latency ลดลง 27% ใช้ GPU เร่งการประมวลผล AL/ML มากขึ้น รองรับ GPU NVIDIA สูงสุด 32 ตัว ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 4 เท่าจาก vSphere 7 ฝั่ง DevOps มี Tanzu Kubernetes Grid 2.0 จัดการคลัสเตอร์ได้ดีกว่าเดิม, เพิ่มอินเทอร์เฟซ Cloud Consumption Interface ให้นักพัฒนาสามารถ provision เครื่องเองได้ง่ายขึ้น รองรับ vSphere+ บริการจัดการเครื่อง on-premise ผ่านคลาวด์ vMotion รองรับการย้าย VM ข้ามโฮสต์โดยอาศัยฟีเจอร์ฮาร์ดแวร์ Intel Scalable I/O Virtualization (Intel SIOV) ประสิทธิภาพการย้าย VM ดีขึ้น เพิ่ม Green Metrics วัดพลังงานของระบบเซิร์ฟเวอร์ เพื่อตรวจเช็คผลกระทบจากการปล่อยคาร์บอน ที่มา - VMware, VMware
# ปัญหา Apple ตอนนี้ - ยังหาคนมาแทน Jony Ive ไม่ได้ - ทางเลือกที่มีก็ยังไม่ดีมากนัก มีรายงานล่าสุดจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg พูดถึงปัญหาการหาหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์คนใหม่ของแอปเปิล เพื่อมาแทนที่ Jonathan Ive นักออกแบบที่มีประวัติยาวนานกับบริษัท ซึ่งลาออกไปตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งข้อมูลเผยว่าทีมงานเดิมที่ทำงานกับ Ive ก็ทยอยลาออกจากแอปเปิลด้วย หลายคนไปทำงานที่บริษัทอื่น แต่อีกหลายคนก็ย้ายไปอยู่ที่ LoveFrom บริษัทการออกแบบของ Ive Jonathan หรือ Jony Ive ร่วมงานกับแอปเปิลมานานตั้งแต่สมัยสตีฟ จ็อบส์ และทีมพิเศษที่ขึ้นตรงกับจ็อบส์ ก่อนหน้านี้เขารับผิดชอบส่วนฮาร์ดแวร์อย่างเดียว แต่ขยายมาดูแลส่วนติดต่อผู้ใช้งานเพิ่มในปี 2012 จนคาดว่าเป็นสาเหตุทำให้หัวหน้าฝ่ายออกแบบ UI ลาออกในเวลาต่อมา เมื่อ Ive ประกาศลาออกอย่างเป็นทางการ แอปเปิลก็ตั้งผู้บริหารสองคน แยกกันดูแลงานออกแบบอีกครั้ง คือ Evans Hankey มาดูแลส่วนฮาร์ดแวร์ และ Alan Dye ดูส่วนการออกแบบ UI อย่างไรก็ตาม Hankey เพิ่งประกาศลาออกเมื่อเดือนที่แล้ว และแอปเปิลก็ยังไม่ได้แต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่มาแทน รายงานบอกว่าเหตุผลหลักที่ทำให้พนักงานฝ่ายออกแบบแอปเปิลทยอยลาออก เนื่องจากแอปเปิลให้ความสำคัญกับส่วนบริหารการผลิตมากขึ้น จนมีอิทธิพลเหนือกว่าฝ่ายออกแบบ ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ 9to5Mac อ้างแหล่งข่าวภายใน ว่าแอปเปิลมีทางเลือก 3 อย่างสำหรับหัวหน้าฝ่ายออกแบบคนใหม่ แต่ทั้ง 3 ทางก็ไม่ค่อยดีนัก ทางแรกคือแต่งตั้ง Richard Howarth ซึ่งถือเป็นลูกมือคนสำคัญของ Ive ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขาถนัดงานออกแบบมากกว่าบริหาร ทางที่สองคือให้ Alan Dye ที่ดูแลงาน UI ขยายมาดูแลฮาร์ดแวร์ด้วย ซึ่งไม่ชัดเจนว่าทีมฮาร์ดแวร์จะยอมรับหรือไม่ และทางสุดท้ายคือหาบุคคลภายนอกมาดูแลส่วนนี้เลย แต่ก็ไม่ใช่แนวทางที่แอปเปิลนิยมทำนัก โดยเฉพาะกับงานออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มา: 9to5Mac
# เผย Netflix เริ่มสนใจซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดการแข่งขันกีฬามาลงแพลตฟอร์ม The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง เผยว่า Netflix เริ่มสนใจซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬามาลงในแพลตฟอร์มแล้ว โดยช่วงที่ผ่านมาได้เข้าร่วมประมูลซื้อการถ่ายทอดสด เทนนิส ATP เพื่อฉายในยุโรป แต่ก็ตัดสินใจถอนตัว และได้เจรจาซื้อลิขสิทธิ์เทนนิสหญิง และการแข่งจักรยาน เพื่อฉายในอังกฤษด้วย แนวทางตอนนี้ที่ Netflix สนใจในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬา คือเน้นทัวร์นาเมนต์ที่ยังไม่เป็นที่นิยมในวงกว้างนัก เช่น เคยเจรการแข่งขันโต้คลื่น World Surf League โดยหวังว่าฐานผู้ชม Netflix ที่มีมาก จะทำให้ความนิยมในกีฬานี้มีมากขึ้น อีกแนวทางคือการเข้าไปถือหุ้นบริษัทจัดการแข่งขันกีฬาเลย เพื่อให้ไม่ต้องประมูลซื้อสิทธิเป็นระยะ ช่วงที่ผ่านมาแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรายใหญ่ เริ่มหันมาซื้อการถ่ายทอดสดกีฬามากขึ้น Prime Video มีถ่ายทอดสด NFL Thursday Night Football ส่วน Apple TV+ มีเบสบอล MLB เพราะการถ่ายทอดสดกีฬา เป็นคอนเทนต์ที่ยังดึงดูดให้คนต้องดูสดพร้อมกันได้ จึงเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อโฆษณาด้วยเช่นกัน ที่มา: The Wall Street Journal
# Disney+ จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นรวม 164.2 ล้านราย แต่ขาดทุนมากขึ้น คาดเริ่มมีกำไรอีก 2 ปี ดิสนีย์รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดวันที่ 1 ตุลาคม 2022 ภาพรวมรายได้เพิ่มขึ้น 9% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 20,150 ล้านดอลลาร์ โดยการเติบโตมาจากธุรกิจสวนสนุกและลิขสิทธิ์ ขณะที่ธุรกิจสื่อบันเทิงมีรายได้ลดลง 3% บริการสตรีมมิ่ง Disney+ มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 12.1 ล้านราย ทำให้จำนวนสมาชิกรวมมี 164.2 ล้านราย อย่างไรก็ตามเฉพาะส่วนธุรกิจสตรีมมิ่งทั้งหมด (รวม Hulu กับ ESPN+ ด้วย) ก็ขาดทุนจากการดำเนินงานมากขึ้นเป็น 1,474 ล้านดอลลาร์ โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 4,907 ล้านดอลลาร์ Bob Chapek ซีอีโอดิสนีย์ มองว่า Disney+ จะขาดทุนลดลงจากนี้ และสามารถทำกำไรได้ภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยการปรับโครงสร้างต้นทุนดำเนินงาน ปรับราคาค่าสมาชิก และออกแพ็คเกจแบบมีโฆษณา ที่มา: ดิสนีย์ (pdf) และ The Wall Street Journal
# Instagram ให้ตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้แล้ว สูงสุด 75 วัน - ปรับปรุงเว็บบนเดสก์ท็อปใหม่ Adam Mosseri หัวหน้าทีม Instagram ประกาศ 2 ฟีเจอร์ใหม่ ที่เขาเรียกว่าเป็นฟีเจอร์ในที่สุดก็มาเสียที ฟีเจอร์แรกคือ Schedule Posts หรือการตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้า ทำได้ทั้งการลงรูปภาพหรือคลิป Reels จบภายในแอป โดยไปที่ Advanced Settings ขณะโพสต์ เพื่อตั้งวันเวลาที่ต้องการลงโพสต์นั้น สามารถตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้สูงสุด 75 วัน ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้งานกับผู้ใช้ทุกคนเร็ว ๆ นี้ ฟีเจอร์ที่สอง เป็นการปรับหน้าตาของ Instagram เวอร์ชันเดสก์ท็อปผ่าน Instagram.com ซึ่ง Mosseri บอกว่าสะอาดตาขึ้น เร็วขึ้น และใช้งานง่ายขึ้น โดยการออกแบบนั้นทำเพื่อรองรับการแสดงผลบนหน้าจอขนาดใหญ่ ที่มา: Adam Mosseri
# Renault จับมือ Google Cloud พัฒนา Software Defined Vehicle สำหรับรถยนต์ร่วมกัน กูเกิลเซ็นสัญญาความร่วมมือกับ Renault บริษัทรถยนต์จากฝรั่งเศส พัฒนาเรื่อง Software Defined Vehicle (SDV) ร่วมกัน ผ่านแนวคิด Digital Twin สร้างฝาแฝดรถยนต์ในโลกดิจิทัล เพื่อประมวลผลด้วยคลาวด์ได้ง่ายขึ้น ภายใต้ข้อตกลงนี้ Renault Group จะนำเทคโนโลยีของ Google Cloud มาใช้เรื่องการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ เพื่อสนับสนุนการพัฒนารถยนต์ในอนาคต เช่น การซ่อมบำรุงล่วงหน้า (predictive maintenance), การนำเสนอบริการภายในรถยนต์ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล (personalized In-Car services), บริการด้านประกันที่อิงกับพฤติกรรมการขับขี่ เป็นต้น Renault บอกว่าเป็นลูกค้า Google Cloud มาก่อนแล้ว มีข้อตกลงเรื่องคลาวด์ร่วมกันตั้งแต่ปี 2018 และใช้ Android Automotive อยู่แล้ว รอบนี้เป็นขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมถึงกระบวนการพัฒนารถยนต์ด้วย ที่มา - Renault
# สื่อสารครบวงจร Zoom เพิ่มฟีเจอร์ Email และ Calendar ในแอพ Zoom บนเดสก์ท็อป Zoom เปิดตัวไคลเอนต์อีเมลและปฏิทิน (Zoom Mail and Zoom Calendar) เสริมเรื่องการสื่อสารให้ครบวงจร จากเดิมที่มีประชุม (Meet), โทรศัพท์​ (Phone) และห้องแชท (Team Chat) อยู่แล้ว ไม่ต้องสลับแอพไปมาให้เสียเวลา แผนการใหญ่ของ Zoom เรียกว่า Zoom One ผู้ใช้งานเชื่อมต่อการสื่อสารหลายแบบผสมผสานกัน เช่น เปิดอีเมลแล้วเข้าห้องประชุมวิดีโอ,​ แชทคุยอยู่แล้วเปลี่ยนเป็นโทรคุย ทุกอย่างทำได้จากโปรแกรม Zoom ตัวเดียว และในปีหน้าจะเพิ่มฟีเจอร์ไวท์บอร์ด ระดมไอเดียร่วมกันด้วย โปรแกรมอีเมลและปฏิทินของ Zoom ใช้กับอีเมลของค่ายใดก็ได้ หรือถ้าไม่มี ก็สามารถใช้บริการเซิร์ฟเวอร์​ Zoom Mail Service และ Zoom Calendar Service ได้เช่นกัน รวมอยู่ในแพ็กเกจแบบจ่ายเงินของ Zoom ให้พื้นที่สตอเรจเริ่มต้นที่ 15GB ที่มา - Zoom Blog
# เยอรมนีเปิดตัวลิฟต์ยกเรือตัวใหม่ ยกเรือขนสินค้าระหว่างประเทศได้หลายพันตัน เยอรมนีเปิดลิฟต์ยกเรือตัวใหม่ในเมือง Niederfinow ซึ่งสามารถยกเรือได้หนักหลายพันตัน ช่วยให้เรือแล่นผ่านคลอง Oder–Havel Canal ที่เชื่อมการเดินทางจากท่าเรือ Szczecin ในประเทศโปแลนด์สู่ Berlin เมืองหลวงของเยอรมนี ลิฟต์ตัวนี้ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการตั้งตามชื่อเมืองที่ตั้งว่า Niederfinow North Ship Lift เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมาหลังการก่อสร้างที่กินระยะเวลายาวนานถึง 14 ปี ตัวลิฟต์มีลักษณะเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่ยักษ์ เมื่อจะยกเรือขึ้นหรือลง อ่างดังกล่าวจะเปิดออกให้เรือแล่นเข้ามาในตัวลิฟต์ก่อนที่ระบบลิฟต์จะปิดส่วนที่เป็นอ่างกักน้ำเอาไว้แล้วจึงจะเคลื่อนตัวยกเรือขึ้นหรือลง ตัวลิฟต์สามารถยกเรือโดยรวมน้ำหนักของมวลน้ำและอ่างทั้งหมด 98,000 ตัน โครงสร้างอาคารของลิฟต์สูง 55 เมตร ยาว 133 เมตร และกว้าง 46 เมตร สามารถยกเรือที่มีความยาวไม่เกิน 110 เมตร และกว้างไม่เกิน 11.45 เมตรได้ กลไกการยกอาศัยการทำงานของมอเตอร์หลัก 4 ตัวรวมกำลังงาน 1,280 กิโลวัตต์ สามารถยกเรือขึ้น-ลงเป็นระยะความสูง 36 เมตรได้ภายในเวลา 3 นาที ตัวลิฟต์ได้รับการออกแบบเรื่องระบบความปลอดภัยโดยมีสลักนิรภัยช่วยล็อกตำแหน่งหากเกิดเหตุขัดข้องจนทำให้โครงลิฟต์เสียสมดุลระหว่างการยก ลิฟต์ตัวใหม่นี้ถูกก่อสร้างติดตั้งขึ้นในตำแหน่งด้านข้างของลิฟต์ยกเรือตัวเก่า โดยในอดีตเมื่อแรกเริ่มมีการขุดคลอง Oder–Havel Canal ขึ้นในปี 1914 ได้มีการก่อสร้างระบบล็อกขั้นบันได 4 ขั้นเพื่อช่วยให้เรือสามารถแล่นจากคลองอีกฝั่งไปยังคลองอีกฝั่งที่มีระดับน้ำต่างกันได้โดยไม่ต้องจอดพักเพื่อขนถ่ายสินค้าเปลี่ยนลำเรือ (กลไกแบบเดียวกับที่ใช้ในคลองปานามา) ภายหลังเมื่อปริมาณเรือที่แล่นผ่านคลองสายนี้มากเกินกว่าที่ระบบล็อกขั้นบันไดจะรองรับการจราจรไหว จึงเริ่มก่อสร้างลิฟต์ยกเรือตัวแรกเพื่อใช้งานในปี 1934 ซึ่งถูกใช้งานต่อเนื่องมาเกือบ 90 ปีจนมีการก่อสร้างลิฟต์ตัวใหม่ล่าสุดนี้ ภาพลิฟต์ยกเรือใหม่ในระหว่างการก่อสร้าง (อาคารสีขาว) โดยมีลิฟต์ยกเรือตัวเก่าตั้งอยู่ข้างๆ (อาคารสีเทา) การก่อสร้างลิฟต์ยกเรือตัวใหม่นี้จะรองรับการสัญจรของเรือระหว่างโปแลนด์และเยอรมนีได้ราว 20,000 ลำต่อปี โดยในช่วงแรกเริ่มนี้ลิฟต์ตัวเก่าก็จะยังคงเปิดใช้งานควบคู่กันเพื่อสนับสนุนการทำงานของลิฟต์ตัวใหม่ ที่มา - DW, The Japan News, Siemag-Tecberg
# ตลาดคริปโต FTX.com ขาดสภาพคล่อง ขอให้ Binance เข้ามาช่วยซื้อ FTX.com กระดานซื้อขายคริปโตรายใหญ่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องจนไม่สามารถคืนโทเค็นให้ลูกค้าได้ และวันนี้ก็เจรจาขอให้ Binance เข้ามาซื้อกิจการเพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอคืนเงินลูกค้า แต่กระบวนการเข้าซื้อยังอยู่ระหว่างการสอบทานธุรกิจ (due diligence) ทาง Binance เซ็นหนังสือแสดงความจำนงค์เข้าซื้อกิจการแล้ว แต่เป็นหนังสือแบบไม่ผูกมัดโดยอาจจะยกเลิกการเข้าซื้อได้ตลอดเวลา ปัญหาของทาง FTX เริ่มจากข่าวบัญชีของ FTX หลุดไปยัง CoinDesk พบว่าบริษัทลงทุน Alameda Research ที่เจ้าของหลักคือ Sam Bankman-Fried (SBF) นั้นถือสินทรัพย์เป็นโทเค็น FTT ของ FTX จำนวนมาก โดย SBF เองก็เป็นซีอีโอ FTX อยู่ ทำให้ทั้งบริษัทลงทุน, โทเค็น, และกระดานซื้อขายนั้นวนไปมาในกลุ่มจนผิดปกติ เมื่อวานนี้เองซีอีโอของ Binance ก็ประกาศจะขาย FTT ทิ้งทั้งหมดเพื่อตัดความเสี่ยงเพราะกลัวเกิดเหตุซ้ำแบบ LUNA SBF ยืนยันว่า FTX.us ซึ่งเป็นบริษัทแยกไม่มีปัญหาสภาพคล่องแต่อย่างใด โดย FTX.us เป็นผู้เข้าไปซื้อสินทรัพย์ของ Voyager ที่ล้มละลายไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ที่มา - @CZ_Binance
# McDonald’s ในญี่ปุ่นติดตั้งอ่างล้างมือแบบใหม่ มีช่องทำความสะอาดสมาร์ทโฟน มีผู้ใช้ Twitter ชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ @shao1555 ได้เข้าไปใช้ห้องน้ำในร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง McDonald’s แล้วสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่เขาไม่คุ้นตามมาก่อนบริเวณอ่างล้างมือ มันเป็นช่องว่างเล็กๆ เรียวยาวอยู่บริเวณขอบอ่าง และเมื่อเขาอ่านคำแนะนำการใช้งานต่างๆ ก็เข้าใจในที่สุดว่ามันคือช่องทำความสะอาดสมาร์ทโฟน @shao1555 ได้โพสต์วิดีโอการใช้ระบบทำความสมาร์ทโฟนนี้ด้วย ผู้ใช้เพียงนำสมาร์ทโฟนสอดลงไปในช่องว่างดังกล่าว จากนั้นเครื่องจะดึงสมาร์ทโฟนลงไปและปิดฝาช่องทำความสะอาด ในระหว่างที่เครื่องทำความสะอาดสมาร์ทโฟนอยู่นั้นจะมีไฟ LED บอกให้รู้ว่าเครื่องอยู่ในระหว่างการทำงาน และหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีฝาเครื่องก็จะเปิดออกพร้อมกับดันสมาร์ทโฟนกลับขึ้นมาคืนให้ผู้ใช้ ทั้งนี้ข้อความบนฝาปิดช่องทำความสะอาดระบุไว้ว่าเป็นการทำความสะอาดด้วยรังสี UV (ดูวิดีโอได้ท้ายข่าว) อ่างล้างมือที่มีระบบทำความสะอาดสมาร์โฟนนี้มีชื่อเรืยกว่า WOSH เป็นผลิตภัณฑ์ผลงานการพัฒนาโดย WOTA บริษัทญี่ปุ่นผู้พัฒนาอุปกรณ์เพื่อการประหยัดน้ำ อ่างล้างมือ WOSH นี้ที่จริงแล้วถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานโดยมีการนำน้ำมาหมุนเวียนใช้ซ้ำได้มากถึง 98% และนั่นทำให้ตัวอ่างสามารถติดตั้งให้ใช้งานได้ในจุดที่ไม่มีท่อน้ำเดินผ่าน โดยอาศัยการเติมน้ำในถังเก็บน้ำเพียง 20 ลิตรก็สามารถใช้งานล้างมือได้มากถึง 500 ครั้ง ทั้งนี้การนำน้ำที่ผ่านการใช้งานแล้ววนกลับมาใช้ใหม่นั้น WOSH อาศัยระบบการกรองด้วยไส้กรอง 3 ชนิดที่สามารถกรองเอาสิ่งสกปรกรวมถึงไวรัสออกไปได้ นอกจากนี้ตัวอุปกรณ์ยังมีเซ็นเซอร์วัดคุณภาพน้ำตลอดเวลาและใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการควบคุมการทำงาน และยังมีลูกเล่นเป็นไฟ LED รอบขอบอ่างรูปวงกลมที่เมื่อผู้ใช้เริ่มล้างมันไฟดังกล่าวจะค่อยๆ สว่างขึ้นทีละส่วนไล่เรียงไปจนสว่างครบรอบขอบอ่างใน 30 วินาที ซึ่งลูกเล่นนี้เป็นการจับเวลาเพื่อช่วยเตือนให้ผู้ใช้ล้างมือนานพอที่จะทำให้มือสะอาดตามหลักสุขอนามัย และฟีเจอร์สำคัญของ WOSH ที่ทำให้เป็นที่มาของข่าวนี้ก็คือระบบทำความสะอาดสมาร์ทโฟนด้วยแสง UV ทาง WOTA ระบุว่าการทำความสะอาดสมาร์ทโฟนด้วยเวลา 30 วินาทีสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ 99.99% เรียกว่าเป็นนวัตกรรมที่เหมาะกับร้านอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านที่ผู้ใช้บริการนิยมหยิบจับอาหารด้วยมือเปล่าในระหว่างการรับประทาน นอกจากจะได้ทำความสะอาดมืออย่างถูกต้องตามหลักสุขอนามัยโดยที่ประหยัดน้ำโดยการใช้น้ำหมุนเวียนได้ถึง 98% แล้ว ยังได้ทำความสะอาดสมาร์ทโฟนที่เราต้องหยิบจับแทบทั้งวันให้สะอาดปลอดเชื้อด้วย ที่มา - Japan Today
# Sony ประเทศไทย เปิดจอง PS5 รอบใหม่ 9 พฤศจิกายน 11.00น. เวลาเดิม โซนี่ประเทศไทย ประกาศเปิดจอง PlayStation 5 รอบใหม่ ในวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ตั้งแต่เวลา 11:00น. เป็นต้นไป ในการเปิดจองรอบนี้ มีตัวเลือก 3 แบบ ทั้งแบบบันเดิล และเครื่องอย่างเดียว โดยมีรายละเอียดดังนี้ รุ่นมีช่องอ่านแผ่น God of War Ragnarok Bundle บวกคอนโทรลเลอร์ไร้สาย DualSense ราคา 20,790 บาท รุ่นมีช่องอ่านแผ่น God of War Ragnarok Bundle บวกคอนโทรลเลอร์ไร้สาย DualSense และ TV 55X90K ราคา 51,990 บาท รุ่นมีช่องอ่านแผ่น CFI-1118A 01 ราคา 18,690 บาท เฉพาะรุ่นนี้เงื่อนไขการขายแจ้งผ่าน Facebook Live ที่มา: Sony Store Thailand
# Nintendo Switch ขายไปแล้วกว่า 114 ล้านเครื่อง ใกล้แซง Game Boy แล้ว นินเทนโดรายงานผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนกันยายน ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 5.2% จากปีก่อนเป็น 6.57 แสนล้านเยน และมีกำไรสุทธิ 2.30 แสนล้านเยน Nintendo Switch ขายได้เพิ่มอีก 3.25 ล้านเครื่อง ในไตรมาสที่ผ่านมา แบ่งเป็น Switch OLED 2.01 ล้านเครื่อง, Switch รุ่นเดิม 0.91 ล้านเครื่อง และ Switch Lite 0.33 ล้านเครื่อง ทำให้ยอดขายรวมนับตั้งแต่วางขายเป็น 114.33 ล้านเครื่อง เหลืออีกไม่ถึง 4 ล้านเครื่อง จะมียอดขายรวมแซง Game Boy (118.69 ล้านเครื่อง) ซึ่งตอนนี้เป็นคอนโซลขายดีตลอดกาลอันดับ 2 ของนินเทนโด ส่วนอันดับ 1 คือ DS (154.02 ล้านเครื่อง) เกมเด่นในไตรมาสที่ผ่านมาคือ Splatoon 3 ขายไปแล้ว 7.90 ล้านชุด และ Nintendo Switch Sports ขายได้แล้วรวม 6.15 ล้านชุด นินเทนโดยังประกาศแผนธุรกิจในอนาคต โดยตั้งบริษัทร่วมทุนกับ DeNA ผู้พัฒนาเกมบนมือถือเช่น Super Mario Run และ Mario Kart Tour โดยนินเทนโดจะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนนี้ 80% ส่วน DeNA ถือหุ้น 20% ที่มา: นินเทนโด (pdf)
# [ลือ] Elon Musk มีไอเดีย เก็บเงินผู้ใช้ Twitter ทุกคนซะเลย ถ้าใช้ฟรีถูกจำกัดเวลาใช้งาน อัพเดตข่าว Twitter ประจำวัน เว็บไซต์ Platformer รายงานข้อมูลโดยอ้างแหล่งข่าวภายในบริษัทว่า Elon Musk มีไอเดีย "เก็บเงิน" ผู้ใช้งาน Twitter ทั้งหมด 100% ข้อมูลของ Platformer บอกว่าแพ็กเกจ Twitter Blue ของเดิมมียอดสมาชิกเพียง 100,000 รายเท่านั้น ในขณะที่แพ็กเกจ Blue แบบใหม่ของ Musk แพงขึ้นกว่าเดิม 37.5% และผู้ใช้ทั่วไปยังไม่เห็นประโยชน์จับต้องได้ว่าจะจ่ายเงินไปทำไม พนักงาน Twitter รายหนึ่งยังให้ตัวเลขว่าแพ็กเกจ Blue แบบใหม่ของ Musk ลดการแสดงผลโฆษณาลงครึ่งหนึ่ง ถ้าเป็นแบบนั้น Twitter จะสูญเสียรายได้จากโฆษณาคิดเป็น 6 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้หนึ่งราย (นับเฉพาะผู้ใช้ในสหรัฐ) หากผู้ใช้เหล่านี้จ่ายค่าสมาชิก 8 ดอลลาร์ แล้วหักส่วนแบ่งรายได้ของแอปเปิล/กูเกิลออกไป เท่ากับ Twitter ยังขาดทุนอยู่ ความอลหม่านของ Twitter Blue ที่มี Musk เป็นแกนกลาง และเขาเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่างเพียงคนเดียว ทำให้เขาและ David Sacks ที่ปรึกษาคู่ใจ เริ่มมีไอเดียว่าอาจกำหนดให้จำกัดเวลาใช้งานของผู้ใช้แบบฟรี หากต้องการใช้เต็มรูปแบบต้องจ่ายเงินค่าสมาชิก Blue แทน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเขาจะไปในแนวทางนี้หรือไม่ นอกจากนี้ Platformer ยังรายงานสถานการณ์ของพนักงานที่เหลืออยู่ว่าแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สายงานที่ Musk ให้ความสนใจก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อเร่งออกฟีเจอร์ให้ทันกับที่เจ้านายใหม่ต้องการ ส่วนกลุ่มที่เหลือก็นั่งเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร เพราะไม่มีคนของ Musk เข้ามาสนใจหรือสั่งการให้ทำอะไรเลย ที่มา - Platformer
# Stack Overflow เผยสถิติผู้ชมเดือนละ 100 ล้านคน, เตรียมทำหลักสูตร-ใบรับรองทักษะเขียนโปรแกรม Prashanth Chandrasekar ซีอีโอของ Stack Overflow ให้สัมภาษณ์กับ ZDNet เล่าสถานการณ์ในปัจจุบัน และแผนธุรกิจในอนาคต ตอนนี้ Stack Overflow มีคลังข้อมูลคำถาม-คำตอบด้านเทคนิครวม 50 ล้านเรื่อง มีผู้เข้าชมเดือนละ 100 ล้านคน ติด Top 50 เว็บไซต์ที่มีคนเข้าเยอะที่สุดในโลก หัวข้อที่เติบโตเร็วมากคือเรื่องคลาวด์ ทั้ง AWS, Microsoft Azure, Google Cloud โดขึ้น 50% ทุกปีมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ส่วนเรื่อง containerization, cloud-native services ก็มาแรงเช่นกัน โมเดลธุรกิจมีทั้งการขายโฆษณาบนหน้าเว็บ และ Stack Overflow for Teams เป็นการนำซอฟต์แวร์ถาม-ตอบมาให้บริการกับลูกค้าองค์กรที่อยากได้ชุมชนถาม-ตอบแบบเดียวกัน แต่ไม่ต้องการเผยแพร่โค้ดของตัวเองต่อสาธารณะ แล้วคิดค่าบริการแบบ SaaS ตอนนี้มีลูกค้า 15,000 ราย ตัวอย่างลูกค้ารายใหญ่คือไมโครซอฟท์ ไม่หวั่นว่าเทรนด์ low-code, no-code, การใช้ AI เขียนโปรแกรมจะทำให้งานโปรแกรมเมอร์ลดลง แต่กลับกันด้วยซ้ำคือคนหน้าใหม่ๆ จำเป็นต้องเข้ามาเรียนรู้วิชาเขียนโปรแกรมมากขึ้น รู้ว่าระบบต่างๆ ทำงานอย่างไร เมื่อคนเข้ามาเรียนรู้เรื่องการเขียนโปรแกรม เรื่องเทคนิคมากขึ้น จำเป็นต้องมีใบรับรองว่ามีทักษะความสามารถมากพอสำหรับไปทำงานจริงๆ ซึ่งตอนนี้ Stack Overflow กำลังพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้และใบรับรองทักษะอยู่ โดยอาศัยทรัพยากรจากบริษัทแม่ Prosus (ขายกิจการปี 2021) ที่รวม Stack Overflow อยู่ในกลุ่มธุรกิจการศึกษา และจะประกาศข้อมูลรายละเอียดต่อไป ที่มา - ZDNet
# NVIDIA ออกชิป A800 ล็อกความเร็วเพื่อให้ส่งไปจีนได้ NVIDIA ออกชิป A800 ลดความเร็วลงจากชิป A100 เพื่อให้ส่งออกไปยังจีนได้ หลังจากก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ออกคำสั่งห้ามทั้ง NVIDIA และ AMD ส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ประสิทธิภาพสูง โดยห้ามตั้งแต่ชิปประสิทธิภาพระดับเดียวกับ A100 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2020 หรือชิปรุ่นใหม่ๆ ที่ประสิทธิภาพสูงกว่า จุดขายสำคัญของ A800 คือผ่านการทดสอบแล้วว่ามีประสิทธิภาพตามเงื่อนไขของรัฐบาลสหรัฐฯ และไม่สามารถปลดล็อกเพิ่มประสิทธิภาพได้ ที่มา - Strait Times
# Twitter แจงผู้ซื้อโฆษณา ผู้ใช้รายวันเพิ่มสูงสุด ส่วน Hate Speech ยังเท่าเดิม The Verge ได้รับเอกสารภายในของ Twitter สำหรับฝ่ายขายเพื่อนำไปเสนอต่อผู้ลงโฆษณาระบุว่า แพลตฟอร์มมีจำนวนผู้ใช้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลัง Elon Musk เข้าเป็นซีอีโอ รวมทั้งจำนวนผู้ใช้ที่สร้างรายได้ (monetizable daily user - mDAU) ก็เพิ่มขึ้นถึง 20% (ไม่ระบุว่าเทียบกับช่วงเวลาใด) หรือ 15 ล้านราย ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดใหญ่ของ Twitter ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีผู้ใช้มากขึ้นแต่ผู้ซื้อโฆษณากลับลดลง ก่อนหน้านี้ Musk เผยว่ารายได้ของ Twitter ลดลงอย่างมากเพราะ “กลุ่มนักเคลื่อนไหวได้กดดันผู้ลงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม” หลังจากมีรายงานว่าโพสต์เหยียดเชื้อชาติและแสดงความเกลียดชังเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง Twitter ปฏิเสธหลังจากนั้นว่าเป็นแค่การปั่น (trolling campaign) เท่านั้น ในเรื่องนี้ Twitter ชี้แจงในเอกสารที่ยื่นต่อนักโฆษณาว่า ระดับเนื้อหาที่แสดงความเกลียดชังยังอยู่ในระดับปกติ คือราว 0.25%-0.45% ของโพสต์ทั้งหมดต่อวันที่มีทั้งหมดหลายร้อยล้านโพสต์ต่อวัน เหตุผลอีกอย่างที่สร้างความกังวลให้กับผู้ลงโฆษณาคือเนื้อหาที่ Musk โพสต์ลงบนบัญชี Twitter ของตัวเองที่ทวิตโดยไม่มีหลักฐานซึ่งส่อไปทางข่าวปลอม เช่น เรื่อง Paul Pelosi ที่ขณะนี้ได้ลบทวิตนั้นไปแล้ว ในเอกสารเผยว่านักโฆษณาตั้งคำถามว่ากฎของ Twitter จะบังคับใช้กับ Elon Musk ด้วยหรือไม่ ซึ่ง Twitter ก็ตอบแค่ว่า “ใช่” นอกจากนี้ Twitter ยังพูดถึงการเปลี่ยนแปลงระบบยืนยันตัวตนด้วย Twitter Blue ในเอกสารด้วยว่าผู้ลงโฆษณาที่ยืนยันตัวตนแล้วจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่จะมีป้ายคำว่า “Official” ติดอยู่ใต้ชื่อบัญชีด้วยเมื่อเปิดระบบ Twitter Blue อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ Sarah Personette ผู้บริหารฝ่ายโฆษณาก็ได้ลาออกไป ทำให้ผู้ลงโฆษณาเกิดความสับสนว่าจะสามารถรายงานปัญหาต่าง ๆ กับใคร ส่วน Alex Josephson รองประธาน Twitter Next ที่ดูแลเรื่องแคมเปญของแบรนด์ก็ได้แจ้งฝ่ายขายว่าการปลดคนงานของ Twitter กระทบกับการทำงานของฝ่ายต่าง ๆ 25% ของบริษัท ล่าสุด Elon Musk ก็ได้ทวิตยืนยันว่าจำนวนผู้ใช้ Twitter สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ที่มา: The Verge และ Bloomberg
# เลิกได้เลิก ลดได้ลด ปัญหาติดโซเชียลยังระบาดเพิ่มขึ้น สำนักข่าว BBC สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างผู้เลิกใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คถึงประสบการณ์ช่วงที่ติดและเหตุผลที่เลิก Urvashi Agarwal ผู้ก่อตั้งแบรนด์ชา JP's Originals เผยว่าการเล่นโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องเสียเวลาและไม่มีความเป็นส่วนตัวทำให้เลิกใช้ Twitter และ Facebok ซึ่งทำให้มีเวลาในการอ่านหนังสือก่อนนอน Kashmir เจ้าหน้าที่ PR ที่ทำงานในเมืองโรเชสเตอร์ เผยว่าได้เลิกเล่น Instagram มาเป็นระยะเวลา 10 เดือนแล้วหลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็ได้เลิกเล่น Snapchat ไปเพราะการเล่นโซเชียลมีเดียทำให้เห็นชีวิตของคนอื่น ๆ จนนำมาเปรียบเทียบและกดดันตัวเอง Kashmir เผยว่าตนเองยังคงใช้ LinkedIn อยู่เพื่อหางาน ส่วน Gayle Macdonald ชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในประเทศสเปนกล่าวว่า ตนเองเลิกเล่น Instagram เพราะทำให้คิดถึงการทำคอนเทนต์และสิ่งที่จะโพสต์ลงโซเชียลอยู่ตลอดเวลาจนไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่น ๆ และใช้ชีวิตจริง ๆ ก่อนหน้านี้ Meta ได้รายงานว่า Facebook มีผู้ใช้ลดลงเป็นครั้งแรก รวมทั้งรายงานภายในของ Twitter เมื่อเดือนที่แล้วก็เผยว่าผู้ใช้ทวิตเตอร์ก็โพสต์เนื้อหาบนแพลตฟอร์มน้อยลง อย่างไรก็ดีแพลตฟอร์มอย่าง TikTok นั้นยังคงมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผลสำรวจของ Datareportal พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนเราใช้เวลา 2 ชั่วโมง 29 นาทีต่อวันเพื่อเล่นโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 5 นาที และมีจำนวนผู้ใช้ถึง 59% ของประชากรโลกเพิ่มขึ้น 5.1% สำหรับบางคนการติดโซเชียลเป็นแค่พฤติกรรมที่ไม่ดี แต่บางส่วนถึงขนาดต้องเข้ารักษาบำบัดอาการติดโซเชียลมีเดีย ศูนย์บำบัดอาการติดโซเชียลมีเดีย UK Addiction Center (UKAT) เผยว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีผู้เข้ารับการรักษามากขึ้น 5% Nuno Albuquerque ที่ปรึกษาจาก UKAT กล่าวว่าคนเริ่มติดโซเชียลมีเดียมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 Albuquerque กล่าวว่าการเล่นโซเชียลมีเดียเป็นวิธีหลีกหนีจากโลกความจริงโดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ และเป็นวิธีที่ทำให้สามารถติดต่อกับบุคคลอื่นได้ แต่การเล่นโซเชียลมากเกินไปสามารถนำไปสู่การแยกตัวและความรู้สึกโดดเดี่ยว Hilda Burke นักจิตวิทยาและผู้เขียนหนังสือ The Phone Addiction Workbook เผยว่า คนที่เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่พบว่าการเล่นโซเชียลมีเดียทำให้คุณภาพการนอนแย่ลงและเพิ่มความวิตกกังวล เธอแนะนำว่าก่อนที่จะเลิกเล่นโซเชียลมีเดียให้บอกคนที่จำเป็นต้องติดต่อกันด้วยว่าจะสามารถติดต่อได้ทางไหนอีกเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างไว้แม้ไม่ได้เล่นโซเชียล ที่มา: BBC
# BioNTech ระบุจีนเริ่มเปลี่ยนท่าทีกับวัคซีน mRNA แต่ยังไม่แน่ว่าจะให้ใช้งานวงกว้าง Ryan Richardson ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ BioNTech พูดถึงการขออนุญาตให้ใช้งานวัคซีน COVID-19 ของบริษัทว่าช่วงหลังหน่วยงานกำกับดูแลของจีนมีท่าทีทางบวก จีนยังไม่อนุญาตให้ใช้งานวัคซีน mRNA สำหรับ COVID-19 ทั้งของบริษัท BioNTech/Pfizer และของบริษัท Moderna แม้ว่าปีที่แล้วคณะกรรมการที่ปรึกษาจะแนะนำให้รัฐบาลอนุญาตให้ใช้งานวัคซีนในประเทศก็ตาม ล่าสุดรัฐบาลเยอมนีทำความตกลงกับรัฐบาลจีนให้ฉีดวัคซีน mRNA ให้กับชาวเยอรมันในจีนได้ จีนอนุญาตให้ใช้งานวัคซีน COVID-19 แล้วถึง 7 รายการ แต่เกือบทั้งหมดเป็นแบบเชื้อตาย พร้อมกับแบบ viral vector และ subunit อีกอย่างละรายการ ที่มา - Reuters
# YouTube ปรับ UI การเล่นคลิปสั้น Shorts บนทีวี ให้ประสบการณ์เหมือนบนแอพมือถือ YouTube ประกาศอัพเดตแอพสำหรับสมาร์ททีวีและเกมคอนโซล (ไม่ระบุชัดว่ามีรุ่นใดบ้าง บอกแค่ว่าทีวีปี 2019 ขึ้นไป) ให้แสดงคลิปสั้น YouTube Shorts ดีกว่าเดิม ดึงคนให้ไปชมวิดีโอสั้นกันทุกวิถีทาง ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้น เดิมทีแอพ YouTube บนทีวีใช้ตัว player สำหรับเล่นคลิปสั้นเป็นตัวเดียวกับที่เล่นคลิปยาว มีแถบสีแดงที่เราคุ้นเคยกันดี แต่แถบเลื่อนสีแดงอาจไม่เหมาะกับคลิปสั้นที่มักไม่ค่อยต้องเลื่อน แถมยังทำให้เกะกะสายตา ทำให้ทีมงาน YouTube ต้องปรับ UI ของตัวเล่นคลิปสั้นใหม่ ให้เหมือนกับแอพ YouTube บนสมาร์ทโฟนมากขึ้น UI แบบใหม่สำหรับคลิปสั้น แสดงคลิปแนวตั้งตรงกลาง ไม่มีแถบเลื่อนใดๆ มาบดบังคลิป ส่วนข้อมูลของคลิปทั้งชื่อ ช่อง และปุ่ม like/dislike ถูกย้ายไปรวมกันตรงที่ว่างฝั่งขวามือของหน้าจอ UI แบบเก่า (ซ้าย) และแบบใหม่ (ขวา) ที่มา - YouTube Blog
# Netflix ประกาศทำหนังคนแสดง-ซีรีส์อนิเมจากเกม Gears of War Netflix ประกาศทำหนัง-ซีรีส์จากเกม Gears of War ของค่าย The Coalition ในสังกัดไมโครซอฟท์ อย่างน้อย 2 เรื่องได้แก่ เริ่มด้วยภาพยนตร์คนแสดง (live action) ตามด้วยซีรีส์แอนิเมชันที่เน้นเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ (an adult animated series) Gears of War เริ่มออกขายภาคแรกในปี 2006 โดยเป็นผลงานของ Epic Games มาก่อน แล้วขายต่อให้ไมโครซอฟท์ในปี 2014 ซึ่งไมโครซอฟท์มอบหมายให้สตูดิโอ The Coalition มารับผิดชอบพัฒนาต่อ ตั้งแต่เกมภาค 4 ที่ออกในปี 2016 เป็นต้นมา เนื้อเรื่องของเกม Gears of War เป็นสงครามระหว่างมนุษย์ กับเอเลี่ยนเผ่า Locust Horde โดยมีตัวเอกคือ Marcus Fenix ทหารของฝ่ายมนุษย์ (คนกลางในภาพ) ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลวันฉายของฉบับหนัง-ซีรีส์ ที่มา - Netflix
# Galaxy S20, Note 20, S21 เริ่มได้อัพเดต One UI 5.0 (Android 13) แล้ว หลัง Galaxy S22 ได้อัพเดต One UI 5.0 (Android 13) ไปเมื่อเดือนตุลาคม ล่าสุดเริ่มมีผู้ใช้งาน Galaxy S20, Note 20, S21 ในหลายประเทศเริ่มได้อัพเดต One UI 5.0 แล้วเช่นกัน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่ได้อัพเดต One UI 5.0 อยู่ในยุโรป เช่น เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เบลเยียม สหราชอาณาจักร ฟีเจอร์ใหม่ของ One UI 5.0 คือการจัดการธีมที่ดีขึ้น รองรับสีตามภาพพื้นหลัง, ปรับแต่งล็อคสกรีนได้มากขึ้น, รองรับ stacking widget วาง widget ซ้อนกันเพื่อประหยัดที่หน้าโฮม, ตั้งค่าภาษาแยกรายแอพ, เพิ่ม security dashboard เป็นต้น ที่มา - SamMobile, Android Central
# หนีไม่พ้น! Signal ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Stories แล้ว Signal แอพแชตแบบเข้ารหัส ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ที่ระบุว่าผู้ใช้เรียกร้องกันมามาก นั่นคือ... Stories โดยมีผลกับผู้ใช้ Android และ iOS ส่วนเวอร์ชันเดสก์ท็อปจะตามมาเร็ว ๆ นี้ Signal บอกว่า Stories เป็นรูปแบบการสื่อสารใหม่เฉพาะตัว เน้นภาพ-วิดีโอ ไม่เป็นทางการมาก และไม่เหมือนการแชตที่ต้องการบทสนทนาโต้ตอบ จึงเป็นที่นิยมมากขึ้นในแพลตฟอร์มประเภทนี้ ระบบทำงานของ Stories ใน Signal เหมือนกับบนแพลตฟอร์มอื่น โพสต์จะอยู่เป็นเวลา 24 ชั่วโมง, สามารถกำหนดคนที่เห็นสตอรี่นั้น ๆ ได้ และสามารถเลือกปิดไม่ให้แสดง Stories เลย ก็ได้เช่นกัน ที่มา: Signal
# Airbnb ปรับปรุงการแสดงราคา รวมค่าใช้จ่ายอื่นทั้งหมดเข้ามาในผลเสิร์ช Airbnb ประกาศปรับปรุงการแสดงข้อมูลราคาที่พัก จากก่อนหน้านี้ราคาที่แสดงผลในเสิร์ช ไม่ใช่ราคาสุทธิ ซึ่งหลายกรณีมักมีค่าใช้จ่ายอื่น เช่นค่าทำความสะอาดเพิ่มเข้ามา จนทำให้ราคาห้องพักสูงขึ้นไปมาก โดยตั้งแต่ธันวาคมเป็นต้นไป ผู้ใช้งานสามารถเปิดการแสดงราคาสุทธิ (Total Price) ซึ่งทำให้ราคาที่แสดงในหน้าเสิร์ช เป็นราคาที่รวมค่าใช้จ่ายและส่วนลดอื่นแล้วยกเว้นภาษี ราคาที่ปรับปรุงใหม่นี้ยังถูกนำมาใช้กับอัลกอริทึมคำนวณลำดับการแสดงผลเสิร์ชด้วย Airbnb ยังประกาศเพิ่มคุณสมบัติอื่น โดยตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป โฮสต์จะสามารถปรับแต่งราคาห้องพักได้ละเอียดมากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มแนวทางการออกระเบียบเงื่อนไขตอนเช็กเอาต์ ให้เป็นคำสั่งที่เหมาะสมเท่านั้น เช่น ปิดไฟห้อง ทิ้งอาหารในถังขยะ แต่ไม่อนุญาตให้เขียนคำสั่งที่มากเกินไป เช่น ดูดฝุ่นห้อง นำผ้าไปซัก เป็นต้นไป ที่มา: Airbnb
# [ลือ] Donald Trump บอกไม่กลับไป Twitter แม้ได้ปลดแบน จะอยู่กับ Truth Social ต่อ Elon Musk เคยพูดเอาไว้ว่าการที่ Twitter แบน Donald Trump เป็นเรื่องผิดพลาด และอยากแก้ไขเรื่องนี้ หลังจากเขาเป็นเจ้าของ Twitter เรียบร้อย สิ่งแรกที่ทำก็ปลดผู้บริหารที่รับผิดชอบเรื่องการแบน Trump ทันที ทำให้เกิดกระแสเก็งกันว่าเขาจะปลดแบนให้ Trump ในเร็วๆ นี้ แต่สิ่งที่ Musk ประกาศว่าจะทำคือตั้งคณะกรรมการพิจารณาเนื้อหามาตัดสินใจเรื่องการแบน (ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้ง แค่ประกาศว่าจะตั้ง) โดยเขายังยืนยันว่านโยบายเรื่องการควบคุมเนื้อหาของ Twitter ยังใช้ของเดิมไปก่อน ฝั่งของ Donald Trump เองมีความเคลื่อนไหวบ้างเหมือนกัน โดย Washington Post ให้ข้อมูลว่า Trump พูดคุยกับคนใกล้ชิดว่าต่อให้โดนปลดแบนก็จะไม่กลับไปใช้ Twitter แล้ว เพราะตอนนี้ไปสร้างฐานผู้ใช้งานบน Truth Social ของตัวเองแล้ว จึงไม่อยากทิ้งผู้ใช้กลุ่มนี้ไป อย่างไรก็ตาม โฆษกของ Trump ปฏิเสธไม่แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้ Trump เคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อว่าจะไม่กลับไป Twitter แม้ Elon Musk ซื้อกิจการ ตั้งแต่ช่วงที่ Elon เพิ่งประกาศเสนอซื้อกิจการใหม่ๆ ที่มา - Washington Post
# เด็ก 18 เยอรมันทำกล้องห้อยคอพลัง AI ช่วยบอกทางให้ผู้พิการทางสายตา Tamás Nemes เป็นเด็กหนุ่มชาวเยอรมันวัยเพียง 18 ปี สิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในระดับประเทศคือผลงานการประดิษฐ์กล้องห้อยคอที่มาพร้อมระบบ computer vision ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยจำแนกสิ่งที่กล้องมองเห็นและจำแนกวัตถุในภาพเหล่านั้น การจำแนกวัตถุจากภาพของกล้องนั้นทำไปเพื่อบอกเสียงแจ้งเตือนแก่ผู้ใช้ซึ่งมีปัญหาด้านการมองเห็นให้ได้รับรู้ว่ามีกีดขวางอะไรอยู่รอบตัวผู้ใช้บ้าง และช่วยให้เข้าใจสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ดีขึ้น Tamás Nemes (คนสวมเสื้อแดง) กับอาสาสมัครผู้ร่วมทดสอบใช้งานสิ่งประดิษฐ์ของเขา Nemes ตั้งชื่อสิ่งประดิษฐ์ของเขาว่า GUIDE-Walk โดยในปัจจุบันเขาได้พัฒนามันมาเป็นรุ่น 2.0 แล้ว ตัวอุปกรณ์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อ Gabrielle ช่วยในการจำแนกแยกแยะวัตถุที่กล้องจับภาพได้ เพื่อนำมาบอกแก่ผู้ใช้ด้วยเสียงพูดสังเคราะห์ผ่านหูฟังแบบอาศัยการสั่นสะเทือนผ่านกระดูก ตัวอุปกรณ์หลักส่วนที่เป็นกล่องห้อยคอผู้ใช้นั้นภายในมีกล้องบันทึกภาพที่มีเซ็นเซอร์รับภาพของกล้องสามารถจับภาพขนาด 1280*720 พิกเซล บันทึกภาพได้ 30 เฟรมต่อวินาที ภาพที่ถูกกล้องถ่ายไว้ได้จะถูกส่งให้ปัญญาประดิษฐ์ทำการจำแนกวัตถุในภาพแบบเรียลไทม์ ภายในกล่องอุปกรณ์หลักของ GUIDE-Walk ซึ่งเป็นที่ติดตั้งกล้องยังมีเซ็นเซอร์ LIDAR ช่วยตรวจจับวัตถุโดยรอบผู้ใช้ หากผู้ใช้เดินเข้าใกล้สิ่งกีดขวางที่อยู่ตรงหน้าซึ่ง LIDAR ตรวจจับได้ มันจะส่งเสียงร้องเตือนผู้ใช้เพื่อบอกให้ระวังสิ่งกีดขวางตรงหน้า นอกจากนี้ยังมีชุดเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์วัดอัตราเร่ง, ไจโรสโคป, เซ็นเซอร์วัดค่าสนามแม่เหล็ก, เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ รวมทั้งเซ็นเซอร์วัดแรงดันอากาศในตัว ซึ่งจะช่วยรวบรวมข้อมูลในสภาพพื้นที่การใช้งานรวมทั้งการเคลื่อนตำแหน่งของผู้ใช้นำเอาไปวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ด้วย ชุดอุปกรณ์ทั้งหมดทำงานโดยใช้ไฟจากแบตเตอรี่ขนาด 8300 mAh ตัวแบตเตอรี่นั้นถูกออกแบบให้มีกล่องห่อหุ้มเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ด้วยสายไฟ ทำให้ในระหว่างการใช้งานผู้ใช้สามารถแยกเอาส่วนแบตเตอรี่มาคล้องกับเข็มขัดหรือใส่ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงได้ ช่วยลดน้ำหนักให้เหลือเพียงอุปกรณ์หลักจริงๆ เท่านั้นที่จะต้องห้อยคอ เครื่อง GUIDE-Walk 2.0 ตัวปัญญาประดิษฐ์ Gabrielle ซึ่งเป็นหัวใจหลักในระบบการทำงานของ GUIDE-Walk นั้นสามารถจำแนกวัตถุต่างๆ ในภาพได้ 10 ประเภท คือ คนเดินถนน, รถยนต์, จักรยาน, จักรยานยนต์, รถบัส, เก้าอี้, ม้านั่ง, ถังขยะ รวมถึงไฟจราจรทั้งไฟเขียวและไฟแดง อุปกรณ์ GUIDE-Walk นี้ยังคงอยู่ในขั้นการพัฒนาชิ้นงานต้นแบบ ในการทดสอบใช้งานผู้ร่วมทดสอบเห็นว่าระบบยังทำงานช้าอยู่บ้าง เช่นบางครั้งเขาได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์แล่นผ่านมาก่อนจะได้ยินเสียงแจ้งเตือนจาก GUIDE-Walk แต่ก็คิดว่ามันมีประโยชน์ในฐานะเป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้งานในขณะออกเดินไปไหนมาไหน เนื่องด้วยรูปแบบการสื่อสารโดยเน้นการใช้เสียงแจ้งเตือน ทั้งนี้ Nemes ตั้งเป้าจะปรับปรุง GUIDE-Walk ให้มีขนาดเล็กลงและไอเดียในขณะนี้คือการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้อยู่ในรูปแบบของแว่นตาที่มีแผงวงจรในการประมวลภาพ ที่มา - DW
# The Boring Company ประกาศเริ่มการทดสอบ Hyperloop ขนาดเท่าของจริง The Boring Company บริษัทขุดเจาะอุโมงค์ของ Elon Musk ประกาศเริ่มการทดสอบ Hyperloop ขนาดเท่าของจริง (full scale) พร้อมทวีตภาพอุโมงค์ผนังโค้งที่ภายในมีรถ Tesla จอดอยู่ พร้อมฝาปิดปากอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนทำมาจากโลหะ The Boring Company (TBC) เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการขุดเจาะอุโมงค์ (ซึ่งหลายคนก็เข้าใจว่าเป็นบริษัทที่มีขึ้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี Hyperloop ที่ Elon Musk นำเสนอไอเดียก่อนหน้านั้น) ซึ่งงานหลักในปัจจุบันของ TBC ในช่วงนี้ก็คือการเจาะอุโมงค์เพื่อสร้างเส้นทางจราจรที่เรียกว่า "Loop" โดยเส้นทาง Loop เส้นทางแรกได้เปิดใช้งานแล้วใน Las Vegas อุโมงค์ Loop นี้เป็นอุโมงค์ที่มีผิวทางเรียบให้รถวิ่งได้ทิศทางเดียว และภายในอุโมงค์ไม่ได้ทำเป็นสูญญากาศ ซึ่งแตกต่างจากอุโมงค์ของ Hyperloop โดยผู้ใช้งานสามารถขับรถเข้าไปในอุโมงค์ดังกล่าว จากวิดีโอที่ผู้ใช้ Twitter ขื่อ @QuincyEdmundLee ได้ทวีตไว้ทำให้ได้ยินการพูดคุยเกียวกับการใช้งานอุโมงค์ Loop นี้ โดยระบุว่ารถสามารถทำความเร็วภายในอุโมงค์ได้สูงสุด 40 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือประมาณ 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (สามารถดูวิดีโอนี้ได้ท้ายข่าว) ทั้งนี้มีผู้สอบถาม @QuincyEdmundLee ใน Twitter ว่าการนำรถ Tesla เข้าไปในอุโมงค์นั้นสามารถใช้งานระบบ FSD ของ Tesla ได้หรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวตอบว่ารถยังต้องอาศัยคนขับตามปกติ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ TBC ได้ประกาศข่าวมาใหม่ทาง Twitter ดูเหมือนจะแตกต่างจากอุโมงค์ Loop ใน Las Vegas แบบที่เห็นในคลิปวิดีโอของ @QuincyEdmundLee เนื่องจากข้อความในทวีตของ TBC ใช้คำว่าระบุว่านี่เป็นการทดสอบ "Hyperloop" ไม่ใช่ "Loop" อีกทั้งภาพที่ถูกแนบมาในทวีตนั้นก็เผยให้เห็นชิ้นส่วนที่ดูคล้ายฝาปิดอุโมงค์ (ซึ่งชิ้นส่วนคล้ายฝาปิดนี้ไม่มีให้เห็นในวิดีโออุโมงค์ Loop ที่ Las Vegas) จึงทำให้เกิดการคาดเดาว่านี่อาจเป็นการทดสอบอุโมงแบบลดแรงดันอากาศ ทว่าการที่เราเห็นรถ Tesla อยู่ในอุโมงค์ ก็น่าจะชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ระบบ Hyperrlop ที่ออกแบบตัวยานพาหนะเคลื่อนที่ลอยตัวด้วยแรงแม่เหล็กไปตามรางเหมือนไอเดียแรกเริ่มที่เข้าใจกัน ส่วนรูปถ่ายอีกรูปที่ถูกใส่มาพร้อมกันในทวีตเดียวกันนั้นเป็นรูปรถ Tesla ที่มองผ่านช่องกระจกของแผ่นฝาปิดปากอุโมงค์ จากรูปที่ 2 นี้ ทำให้เห็นข้อความบนป้ายทะเบียนรถระบุว่า Texas จึงทำให้เกิดการคาดเดากันว่าอุโมงค์ใหม่ที่ TBC ทำขึ้นและกำลังทดสอบนี้จะอยู่ในรัฐดังกล่าว ถึงตอนนี้ TBC ยังไม่อธิบายขยายความอะไรเพิ่มเติม ยังคงปล่อยให้ผู้คนที่สนใจข่าวคราวคาดการณ์และวิเคราะห์ข้อมูลกันไป เราคงยังไม่รู้แน่ว่านายใหญ่ของ TBC จะยังคงตั้งใจพัฒนา Hyperloop ตามแนวคิดเดิมที่เคยนำเสนอไว้หรือไม่หลังจากมีข่าวเรื่องการรื้อถอนอุโมงค์ต้นแบบ Hyperloop ใกล้สำนักงาน SapceX ออกเพื่อทำเป็นลานจอดรถก่อนหน้านี้ ที่มา - Electrek
# Cherry เปิดตัวสวิตช์ MX Black Clear-Top สัมผัสคอมพิวเตอร์ยุค 80s Cherry เปิดตัวสวิตช์รุ่นใหม่ MX Black Clear-Top ที่เป็นการนำสวิตช์ MX Nixie ที่ผลิตให้กับบริษัท Nixdorf Computer AG ตั้งแต่ช่วงปี 1980 กลับมาผลิตใหม่ ตัวสวิตช์เป็นแบบ linear ไม่มีเสียงคลิก แรงต้าน 63.5 cN ค่อนข้างแข็ง (Blue 60c cN, Brown 55 cN, Red 45 cN) ความพิเศษของรุ่นนี้คือมีรุ่นพร้อมใส่จารบีหล่อลื่น KRYTOX GPL 205 GRADE 0 ไว้ภายในให้เลือก เพื่อให้สัมผัสเหมือนกับคอมพิวเตอร์ยุคเก่ายิ่งขึ้น สวิตช์จะเริ่มขายจริงต้นปี 2023 ตอนนี้ยังไม่มีผู้ผลิตคีย์บอร์ดประกาศว่าจะใช้สวิตช์รุ่นนี้มาผลิตคีย์บอร์ดแต่อย่างใด ที่มา - Cherry MX
# Alibaba Cloud ถอนผลทดสอบ SPEC ของชิป Yitian 710 หลังประสบปัญหายังให้บริการเต็มรูปแบบไม่ได้ Alibaba Cloud เปิดตัวซีพียู Yitian 710 มาตั้งแต่ปีที่แล้ว และเพิ่งประกาศว่าเตรียมใช้งานซีพียูตัวนี้ในเซิร์ฟเวอร์ใหม่ถึง 20% ในช่วงสองปีข้างหน้า แต่ล่าสุดก็ต้องถอนผลการทดสอบ SPEC CPU@2017 ออกไปเนื่องจากชิปไม่มีให้ใช้งานตามเงื่อนไขของทาง SPEC เงื่อนไขของทาง SPEC นั้นระบุว่าผู้ทดสอบต้องเปิดให้ลูกค้าใช้งานชิปเท่าๆ กับที่ส่งผลทดสอบเข้ามาได้ เพื่อให้สามารถทำซ้ำผลการทดสอบได้ว่าเป็นผลจริง ตอนนี้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ชิป Yitian 710 ก็ยังไม่เปิดให้บริการทั่วไป แต่ต้องได้รับคำเชิญเท่านั้น และผู้ที่ได้รับเชิญตอนนี้ก็รายงานออกมาว่าเปิดเครื่องได้เพียง 4 ซีพียู สัญญาณนาฬิกา 2.75GHz แรมสูงสุด 16GB เท่านั้น แม้ว่าสเปคซีพียูเต็มจะมี 128 คอร์และทำงานได้ที่สัญญาณนาฬิกา 3.2GHz ก็ตาม ทำให้ผู้ทดสอบไม่สามารถทำคะแนน SPECint2017 ได้ถึง 440 คะแนนตามที่ Alibaba Cloud เคยแสดงผลออกมา (Xeon Platinum 8352S สองซ็อกเก็ต 64 คอร์ 128 เธรด ทำคะแนนได้ 470 คะแนน) Yitian 710 เป็นชิปขนาดใหญ่มากขนาดชิปแต่ละตัวมีทรานซิสเตอร์กว่าหกหมื่นล้านตัวผลิตด้วยเทคโนโลยี 5nm ที่มา - Tom's Hardware
# AMD บอกคู่แข่งของ Radeon 7900 XTX คือ GeForce 4080 ไม่ใช่ 4090 Frank Azor หัวหน้าฝ่ายเกมมิ่งของ AMD ไปออกรายการของ PCWorld ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจีพียู Radeon RX 7900 XTX รุ่นท็อปที่เพิ่งเปิดตัว ยืนยันว่าคู่แข่งของ 7900 XTX คือ GeForce RTX 4080 รุ่นรองท็อปของ NVIDIA ไม่ใช่ 4090 รุ่นท็อปแต่อย่างใด หากเทียบระดับราคาแล้ว Radeon 7900 XTX ขายที่ 999 ดอลลาร์ ถูกกว่า RTX 4080 ที่ราคา 1,199 ดอลลาร์ ซึ่ง Azor บอกว่า 7900 XTX คงไม่สามารถสู้กับ RTX 4090 ที่ราคา 1,599 ดอลลาร์ แพงกว่ากัน 60% ได้อยู่แล้ว เขายังบอกว่าตอนนี้ NVIDIA ยังไม่ออกผลเบนช์มาร์ค 4080 ออกมา ทำให้ AMD ไม่สามารถเทียบระหว่าง 7900 XTX กับ 4080 ได้นั่นเอง ข้อมูลอีกอย่างที่ Azor พูดถึงคือเทคโนโลยี FSR 3 ที่จะออกในปี 2023 จะสามารถใช้กับจีพียูที่ไม่เป็น RDNA 3 ได้ด้วย ซึ่งเป็นแนวทางที่ AMD ใช้มาตลอด ต่างจาก DLSS 3 ของ NVIDIA ที่ต้องใช้กับจีพียู Ada Lovelace เท่านั้น ที่มา - Notebookcheck
# Unity เสร็จสิ้นการควบรวมกับบริษัทโฆษณา ironSource บริษัทเอนจินเกม Unity เสร็จสิ้นการควบรวมกับบริษัทโฆษณามือถือ ironSource จากอิสราเอล ตามที่ประกาศไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2022 เป้าหมายของดีลนี้คือการสร้างแพลตฟอร์มเกมมือถือแบบครบวงจร ตั้งแต่การสร้าง (build), เผยแพร่ (publishing) และทำเงินจากการโฆษณา ก่อนหน้านี้ Unity มีแพลตฟอร์ม Unity Ads สำหรับโฆษณาอยู่แล้ว แต่การได้แพลตฟอร์มของ ironSource มาร่วมด้วยก็ช่วยให้การหารายได้แข็งแกร่งมากขึ้น ก่อนหน้านี้เคยมีแพลตฟอร์มโฆษณาอีกรายคือ AppLovin สนใจมาควบรวมกับ Unity ด้วยเช่นกัน แต่สุดท้าย Unity ปฏิเสธและเลือกไปแต่งงานกับ ironSource ที่มา - Unity
# Phil Spencer ยกย่อง StarCraft อยากไปคุยกับทีม Blizzard ว่ามีโอกาสทำเกมอะไรต่อได้บ้าง Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ให้สัมภาษณ์เรื่อง Age of Empires แล้วได้รับคำถามว่าสนใจอยากนำเกม real-time strategies (RTS) กลับมาทำใหม่หรือไม่ หากซื้อ Activision Blizzard เสร็จแล้ว Spencer ออกตัวว่าเขายังไม่อยู่ในสถานะที่ตัดสินใจอะไรได้ เพราะกระบวนการยังไม่เสร็จ นี่เป็นแค่ไอเดียของเขาเท่านั้น ยังไม่มีแผนอะไรจริงจัง เขาบอกว่า Blizzard คือผู้บุกเบิกวงการเกม RTS โดย StarCraft เป็นต้นแบบของหลายๆ เรื่อง เช่น esport, การทำเกม RTS บนคอนโซล (ลง Nintendo 64) และการเล่าเรื่องของเกม RTS เขาบอกว่าอยากนั่งคุยกับทีม Activision, Blizzard, King เพื่อคุยถึงคลังเกมในอดีตและโอกาสความเป็นไปได้ในอนาคต เขาบอกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่ถ้ามองความเป็นไปได้ของแฟรนไชส์เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก เพราะเขาก็เล่นเกมเหล่านี้มาก่อนเช่นกัน ที่มา - Wired, Eurogamer
# แฮกเกอร์โจมตีคนเล่นคริปโต ดักตรวจข้อมูล clipboard ถ้าพบ Wallet Adress จะเปลี่ยนเป็นของคนร้าย Phylum ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยซัพพลายเชนซอฟต์แวร์รายงานถึงกลุ่มคนร้ายที่พยายามขโมยเงินคริปโตจากกลุ่มนักพัฒนา ด้วยการฝังสคริปต์ใส่เครื่องของเหยื่อหากเหยื่อไปรันตัวติดตั้งแพ็กเกจภาษา Python โดยพิมพ์ชื่อแพ็กเกจผิด ตัวอย่างชื่อแพ็กเกจที่ตั้งชื่อเลียนแบบแพ็กเกจยอดนิยม แต่ผิดเล็กน้อย เช่น baeutifulsoup4, ipyhton, slenium, sqlachemy, cryptograpyh, notebok เป็นต้น โดยรวมมักเป็นการดักกรณีที่นักพัฒนาพิมพ์สลับหรือพิมพ์ตกบางตัวไป เมื่อเหยื่อติดตั้งแพ็กเกจเหล่านี้แล้วสคริปต์ติดตั้งจะพยายามติดตั้งส่วนขยายเบราว์เซอร์ลงไปใส่ Chrome, Edge, หรือ Brave สคริปต์ส่วนขยายนี้จะดัก clipboard ว่ามีข้อมูลอะไรอยู่บ้าง หากตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าเป็น Wallet address สำหรับเงินคริปโต ตัวสคริปต์ก็จะเปลี่ยน address ให้เป็นของคนร้าย จากการวิเคราะห์สคริปต์พบว่าคนร้ายรองรับ address ในเชนต่างๆ ได้แก่ Ethereum, Bitcoin, และ BNB ทาง Phylum ระบุว่าพบการดาวน์โหลดแพ็กเกจทั้งหมดเพียงหลักร้อย และ address ในสคริปต์ก็ยังไม่มีเงินเข้า แสดงว่ายังไม่มีใครถูกโจมตีจริง ที่มา - Phylum ภาพโดย mohammed_hassan
# ไมโครซอฟท์ออกรายงานการโจมตีไซเบอร์ปี 2022 พบชาตินาโต้ถูกโจมตีโครงสร้างสำคัญเพิ่มขึ้น แฮกเกอร์จีนใช้ zero-day มากขึ้น ไมโครซอฟท์ออกรายงาน Microsoft Digital Defense Report 2022 รายงานถึงภัยไซเบอร์และการป้องกันในช่วงปีที่ผ่านมา ความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญยิ่งยวด (critical infrastructure) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงหลังจากรัสเซียเริ่มโจมตียูเครน ทำให้โครงสร้างไอทีในชาตินาโต้ถูกโจมตีไปด้วย รายงานยังระบุถึงกลุ่มแฮกเกอร์จีนว่าใช้งานช่องโหว่ที่ไม่เคยมีรายงานมาก่อน (zero-day) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยการใช้ช่องโหว่เหล่านี้เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการประกาศกฎหมายรายงานช่องโหว่ซอฟต์แวร์ที่ต้องแจ้งรัฐบาลก่อนเสมอ ช่องโหว่ก้อนใหญ่ของระบบไอทีคืออุปกรณ์ IoT/OT ทั้งหลาย ที่มักวางอยู่บนเน็ตเวิร์คแต่กลับไม่มีมาตรการตรวจสอบหนาแน่นเหมือนจุดเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คอื่นๆ โดยผลสำรวจบพบว่ามีอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่ระดับวิกฤติในเฟิร์มแวร์เกิน 10 รายการถึง 32% ที่มา - Microsoft
# หลายบริษัทเลิกใช้หุ่นยนต์ส่งของและเสิร์ฟอาหาร ตั้งคำถามคุ้มกับต้นทุนไหม การนำหุ่นยนต์มาใช้ในภาคส่วนบริการและร้านอาหารเป็นวิธีที่ภาคบริการมองว่าจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและให้บริการได้เร็วขึ้น รวมทั้งช่วยให้พนักงานสามารถบริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่เพราะมีหุ่นยนต์ช่วยทำงานอื่น ๆ เช่น เสิร์ฟอาหาร เก็บโต๊ะ นอกจากนี้ หุ่นยนต์ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับร้านนั้น ๆ ว่าเป็นร้านที่ทันสมัยและเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ ข้อมูลจากสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติเผยว่าหุ่นยนต์สำหรับส่วนการบริการขายได้ราว 121,000 เครื่องเมื่อปีที่แล้ว ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ชื่อว่า White Castle ที่ใช้หุ่นยนต์ Flippy 2 ส่งอาหารในร้านค้ากว่า 350 สาขาและวางแผนจะใช้เพิ่มอีก 100 แห่ง อย่างไรก็ตาม หลายบริษัทได้นำหุ่นยนต์มาใช้แต่ก็เลิกใช้ไปในภายหลัง เพราะมองว่าหุ่นยนต์ทำงานได้ไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่ต้องเสียไป รวมทั้งทำงานช้าและมีข้อจำกัดในการทำงาน เช่น Amazon ที่ยกเลิกหุ่นยนต์ Scout ที่ใช้ส่งของถึงบ้าน เพราะไม่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือบริษัท FedEx ที่ยกเลิกการใช้หุ่นยนต์ส่งของที่ใช้ชื่อว่า Roxo ธุรกิจหลายแห่งที่เปลี่ยนจากการลงทุนกับหุ่นยนต์ไปลงทุนทางด้านอื่น ๆ แทน เช่น McDonald ที่ลงทุนกับระบบจดจำเสียงอัตโนมัติที่สามารถรับออเดอร์ลูกค้าผ่านทาง Drive Thru หรือร้านอาหาร Chili’s Grill & Bar ที่เลิกใช้หุ่นยนต์ Rita และเปลี่ยนไปลงทุนกับการซื้อเครื่องครัวที่ช่วยทุ่นเวลาทำอาหารและทำให้ทำความสะอาดโต๊ะได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงการทำให้หน้าเว็บไซต์ของร้านใช้งานง่ายมากขึ้น ภาพหุ่นยนต์ Scout ของ Amazon Matt Beane ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการจัดการเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียกล่าวว่าการที่บริษัทต่าง ๆ เลิกใช้หุ่นยนต์แสดงว่าร้านค้าต่าง ๆ ประสบปัญหาในการหาสมดุลระหว่างต้นทุนของหุ่นยนต์กับการใช้ประโยชน์จริง ๆ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ลูกค้ายังไม่ค่อยคุ้นชินกับหุ่นยนต์และต้องการพนักงานบริการมากกว่า ผลประเมินความพึงพอใจของลูกค้าของร้าน Chili’s Grill & Bar เผยว่าเกือบลูกค้าเกือบ 60% กล่าวว่าหุ่นยนต์ Rita ไม่ได้ช่วยให้ประสบการณ์ในการทานอาหารที่ร้านดีขึ้น ทั้งยังมีคอมเมนต์ในเพจร้านค้าใน Facebook ที่บอกให้เลิกเอาหุ่นยนต์มาทำงานแทนคน ส่วนข้อจำกัดอื่น ๆ ก็อย่างเช่น หุ่นยนต์กีดขวางทางสำหรับผู้ที่นั่งเก้าอี้รถเข็นสำหรับคนป่วยหรือผู้พิการ อย่างกรณีเมืองโตรอนโตของแคนาดาที่แบนการใช้หุ่นยนต์เดลิเวอรี่จนกว่าจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการของเมืองเพื่อศึกษาผลกระทบของหุ่นยนต์ หรือเช่นกรณีที่หุ่นยนต์ของร้านอาหาร Rachel’s Kitchen ไม่สามารถเสิร์ฟอาหารให้โต๊ะส่วนด้านนอกตัวร้านได้เพราะแสงแดดรบกวนการทำงานของระบบระบุตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือหุ่นยนต์มีผลกับภาพลักษณ์ของร้าน เจ้าของร้าน Conan’s Pizza ในรัฐเท็กซัสเผยว่า หุ่นยนต์ส่งพิซซ่าของร้านส่งพิซซ่าได้ช้ากว่าคนส่งที่เป็นมนุษย์และมีปัญหาเรื่องการเดินทาง แต่ร้านยังคงใช้หุ่นยนต์อยู่เพราะช่วยเรื่องการโฆษณา ทำให้มีคนพูดถึงร้านมากขึ้น ที่มา: Wall Street Journal
# Elon Musk เปลี่ยนกฎใหม่ ระงับบัญชี Twitter ที่ปลอมเป็นบุคคลอื่นถาวร หลังมีคนปลอมเป็นตัวเอง Elon Musk ประกาศเปลี่ยนนโยบาย Twitter เรื่องการระงับบัญชีว่าบัญชีใดก็ตามที่ปลอมเป็นบุคคลอื่นโดยไม่มีการชี้แจงไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นเพียงแค่การล้อเลียนจะถูกระงับบัญชีอย่างถาวร และหากบัญชีที่ได้รับการยืนยันตัวตนแล้วมีการเปลี่ยนชื่อ Twitter จะระงับการแสดงเครื่องหมายถูก (verified checkmark)ชั่วคราว เหตุการณ์เกิดขึ้นจากที่ก่อนหน้านี้ Musk เผยว่าจะให้ผู้ใช้สามารถใช้ระบบยืนยันตัวตน Twitter Blue ในราคา 8 เหรียญสหรัฐฯ จึงมีผู้ที่มีบัญชียืนยันตัวตนอยู่แล้วรวมถึงนักแสดงตลก Kathy Griffin และ Sarah Silverman เปลี่ยนชื่อบัญชีเป็น Elon Musk เพื่อแสดงให้เห็นว่าระบบยืนยันตัวตนไม่ได้ตรวจสอบจริง ๆ ว่าใครเป็นเจ้าของบัญชี ทำให้ทั้ง 2 บัญชีนี้ถูกล็อคและระงับชั่วคราว แต่เดิม Twitter มีนโยบายควบคุมการปลอมเป็นบุคคลอื่นอยู่แล้ว ซึ่งกำหนดว่าหากบัญชีผู้ใช้ทำให้เกิดความสับสนกับบุคคลอื่น Twitter จะเตือนให้แก้ไขโปรไฟล์ และหากทำผิดอีกจะถูกระงับบัญชีถาวร ส่วนกรณีที่ผู้ใช้ถูกระงับบัญชีชั่วคราวจะต้องแสดงเอกสารให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลดูเพื่อยืนยันตัวตนและนำบัญชีกลับมา นโยบายใหม่ของ Musk จึงถือเป็นการข้ามขั้นตอนทั้ง 2 ไป แม้ Musk จะเคยพูดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายควบคุมเนื้อหาจนกว่าจะตั้งคณะกรรมการดูแลเนื้อหาขึ้นมาเพื่อช่วยกันออกความเห็น แต่แน่นอนว่าการเปลี่ยนกฎใหม่นี้ Musk ตัดสินใจเองคนเดียว ที่มา: The Verge
# โมเดลธุรกิจใหม่อินเทล Xeon รุ่นหน้าจะรองรับการจ่ายเงินเพื่อปลดล็อคฟีเจอร์ในซีพียูได้ อินเทลเตรียมเพิ่มฟีเจอร์ Software Define Silicon (SDS) กับซีพียู Xeon Scalable รุ่นใหม่ Sapphire Rapids ที่จะเปิดตัวในเดือนมกราคม 2023 รองรับการ [จ่ายเงินเพื่อ] "ปลดล็อค" ฟีเจอร์บางอย่างในซีพียูได้ เดิมทีฟีเจอร์นี้ถูกเรียกว่า Software Define Silicon แต่ตอนนี้มีชื่อใหม่แล้วคือ Intel On Demand และวิศวกรของอินเทลเคยส่งแพตช์เข้าเคอร์เนลลินุกซ์ 5.18 เรียบร้อยแล้ว และแพตช์ล่าสุดน่าจะถูกรวมเข้าในเคอร์เนล 6.2 ในไม่ช้า วิธีการทำงานของ Intel On Demand เป็นดังนี้ Discover which features are physically present on a particular CPU. Offer administrators to activate them. Enable administrators to assess how often the feature is used. ตอนนี้อินเทลยังไม่ประกาศรายละเอียดว่าฟีเจอร์ใดบ้างใน Sapphire Rapids ถูกล็อคไว้ (คาดว่าน่าจะเป็นฟีเจอร์ระดับสูงบางอย่าง เช่น AMX) และการ "อัพเกรด" จะต้องจ่ายเงินเท่าไรบ้าง คงต้องรอการเปิดตัวในช่วงเดือนมกราคมอีกที ที่มา - Phoronix, Tom's Hardware
# ไมโครซอฟท์ประกาศรีมาสเตอร์ Age of Mythology Retold, ออก Age of Empires Mobile เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ประกาศข่าวโปรเจคใหม่ของเกมซีรีส์ Age of Empires สองเกม (ยังไม่ระบุวันออกทั้งคู่) ได้แก่ Age of Mythology Retold เวอร์ชันรีมาสเตอร์ของ Age of Mythology ภาคแยกของ Age of Empires ที่ออกในปี 2022 แต่เปลี่ยนธีมมาเป็นสงครามระหว่างเทพเจ้ากรีก อียิปต์ นอร์ส (ตัวเกมต้นฉบับยังซื้อได้บน Steam) Age of Empires Mobile เวอร์ชันมือถือของเกม Age of Empires ตอนนี้ยังมีแค่ทีเซอร์อย่างเดียว ยังไม่มีเกมเพลย์ออกมาให้ดูกัน ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์เพิ่งประกาศออก Age of Empires II และ IV เวอร์ชันคอนโซลในปี 2023 ทำให้ปีหน้าเราน่าจะได้เห็นเกมซีรีส์ Age of Empires ออกมาถล่มวงการกันอีกมาก Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ให้สัมภาษณ์กับ Wired ยอมรับว่าหลังจากไมโครซอฟท์หันไปทำคอนโซล Xbox ก็ลดความสำคัญของเกมฝั่งพีซีลงไปเยอะ ทำให้ชุมชนผู้เล่นเกมอย่าง Flight Simulator และ Age of Empires ถูกทอดทิ้งไปมาก (แม้แฟนๆ เกมยังเหนียวแน่นกันอยู่ก็ตาม) ภายหลังเมื่อไมโครซอฟท์ปรับยุทธศาสตร์เรื่องเกม หันมาโฟกัสที่ตัวเกมเมอร์ให้เล่นบนหน้าจอไหนก็ได้ ไมโครซอฟท์จึงหันมาดูแฟรนไชส์เก่าๆ ที่ชุมชนยังเหนียวแน่นอยู่ แล้วหาพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมมาช่วยพัฒนาเกมภาคใหม่อีกครั้ง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Relic Entertainment ที่เชี่ยวชาญเรื่องเกม RTS มาทำเกม Age of Empires IV ส่วนกรณีของ Age of Mythology เป็นอีกเกมที่ชุมชนผู้เล่นเรียกร้องให้รีมาสเตอร์กันมานาน ตอนนี้ก็ได้เวลาทำแล้ว ที่มา - Xbox, Wired
# ประกาศสมัครงานไมโครซอฟท์ระบุกำลังลองทำพีซีราคาถูก หารายได้ผ่านโฆษณา-ค่าสมาชิก มีคนตาดีไปเห็นประกาศ ตำแหน่งงาน Principal Software Engineering Manager ของไมโครซอฟท์ ระบุขอบเขตของงานว่าไปทำโครงการ "พีซีราคาถูกที่หารายได้ผ่านโฆษณาและค่าสมาชิก" (low-cost PCs powered through advertising and subscriptions) หลังประโยคนี้กลายเป็นข่าว ไมโครซอฟท์นำข้อความส่วนนี้ออก แต่ยังระบุอ้อมๆ ว่าเนื้องานของทีมนี้คือการทดลองแนวคิดใหม่ๆ ของ Windows ในยุค cloud-first และ web-first ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์เคยทดลองแสดงโฆษณาใน File Explorer มาบ้าง เช่น การโฆษณา OneDrive หรือ Microsoft Editor แต่ภายหลังก็นำออกไป ส่วนโมเดลการขายฮาร์ดแวร์ราคาถูกแบบมีโฆษณา ก็เคยเกิดขึ้นมานานแล้วกับ Kindle with Special Offers ภาพฮาร์ดแวร์ Surface Pro 9 ของไมโครซอฟท์ ที่มา - Neowin
# Apple ออกแถลงการณ์ ระบุมาตรการล็อกดาวน์ กระทบการผลิต iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max แอปเปิลออกแถลงการณ์ชี้แจงนักลงทุน เกี่ยวกับสถานการณ์ซัพพลายเชนของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ระบุว่ามาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันโควิด 19 ในเมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน ส่งผลกระทบชั่วคราวต่อการประกอบ iPhone ทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวโดยตรง โดยโรงงานต้องดำเนินการภายใต้กำลังการผลิตที่มีอย่างจำกัด แอปเปิลบอกว่าความต้องการ iPhone ทั้งรุ่น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ยังมีอยู่สูงมาก อย่างไรก็ตามผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ลูกค้า จะต้องรอคอยสินค้าเป็นเวลาที่นานขึ้น ซึ่งบริษัทยังดำเนินงานร่วมกับซัพพลายเออร์ เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด และมีความปลอดภัยกับพนักงานทุกคน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แอปเปิลได้รับผลกระทบเป็นระยะอยู่แล้วจากการปิด-เปิดโรงงานผลิต iPhone แต่การที่บริษัทออกแถลงการณ์แบบนี้ อาจเป็นเพราะประเมินว่าจะส่งผลโดยตรงต่อยอดขายในไตรมาส โดยเฉพาะกับสองรุ่น Pro ที่มีความต้องการสูง ระยะเวลาล่าสุดในการรอสินค้าของ iPhone 14 Pro ใน Apple Store ออนไลน์ของไทยคือ 3-4 สัปดาห์ ที่มา: แอปเปิล ผ่าน 9to5Mac
# [ลือ] Meta จะปลดพนักงานครั้งใหญ่หลายพันคนในสัปดาห์นี้ Wall Street Journal รายงานว่าบริษัท Meta จะปลดพนักงานครั้งใหญ่ "หลายพันคน" (many thousands) ในสัปดาห์นี้ ข่าวอย่างเป็นทางการน่าจะแจ้งในวันพุธนี้ (9 พ.ย.) ถ้าเป็นจริง การปลดพนักงานรอบนี้จะถือเป็นการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดของ Meta (มีพนักงานประมาณ 87,000 คน) โดยมีสัญญาณมาก่อนเมื่อเดือนกันยายนที่ Mark Zuckerberg สั่งหยุดรับพนักงานใหม่ และหาวิธีลดค่าใช้จ่าย ผลประกอบการไตรมาสล่าสุด 3/2022 ของ Meta รายได้ลดลง 4% แม้ยังมีกำไร แต่ธุรกิจฝั่ง Metaverse ขาดทุนถึง 3,672 ล้านดอลลาร์ ที่มา - Wall Street Journal
# [ลือ] Twitter เรียกพนักงานที่ถูกปลดออกกลับมาบางส่วน บอกว่าปลดผิดพลาด Bloomberg รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าพนักงานของ Twitter ที่ถูกปลดออกจำนวนหนึ่ง (dozens ก็น่าจะหลักหลายสิบคน) ถูกเรียกตัวกลับไปทำงานใหม่อีกครั้ง โดยบริษัทให้เหตุผลว่า "มีความผิดพลาดในการปลดคน" (mistake) พนักงานบางส่วนถูกปลดไปแล้ว แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่แผนงานพัฒนาฟีเจอร์ของ Elon Musk ทำให้หัวหน้างานต้องเรียกตัวกลับ เพราะพนักงานกลุ่มนี้มีประสบการณ์หรือทักษะที่จำเป็นต่อฟีเจอร์เหล่านี้ ข้อมูลก่อนหน้านี้จากอีเมลภายใน Twitter ระบุว่าบริษัทปลดพนักงานไปราว 3,700 คน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของพนักงานทั้งหมด ที่มา - Bloomberg
# Apple เตรียมลดคำสั่งเรียกใช้ Siri จาก "Hey Siri" เหลือเพียง "Siri" Mark Gurman แห่ง Bloomberg ให้ข้อมูลผ่านจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On คราวนี้พูดถึงระบบผู้ช่วยอัจฉริยะของแอปเปิล Siri ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเรียกการทำงานลัดได้ผ่านการออกคำสั่งเสียงว่า "Hey Siri" หรือ "หวัดดี Siri" ในภาษาไทย โดยแอปเปิลมีแผนจะลดความยาวของคำสั่งลง Gurman อ้างข้อมูลภายในแอปเปิล ระบุว่าแอปเปิลกำลังทดสอบการส่งคำสั่งเสียงสั้นลงเหลือแค่ "Siri" แล้วตามด้วยคำสั่งที่ต้องการให้ทำ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ใช้ชุดข้อมูลสำหรับเทรน AI ใหม่ทั้งหมด คาดว่าแอปเปิลจะเปลี่ยนแปลงการทำงาน Siri นี้ได้เร็วที่สุดในปีหน้า หรืออย่างช้าคือปี 2024 การลดคำสั่งเหลือแค่ Siri จะทำให้ Siri มีคำสั่งที่สั้นลง ไม่ต้องมีคำว่า Hey เหมือนกับ Alexa ของ Amazon ส่วน Google Assistant คำสั่งที่ใช้ยังเป็น "Hey Google" หรือ "Ok Google" แต่ก็สามารถตามด้วยคำสั่งที่ต้องการให้ทำได้เลยเช่นกัน ที่มา: Bloomberg
# กฎใหม่ของ EU จะทำให้ทีวี 8K ถูกห้ามขายในยุโรป (พ่วงด้วยทีวี 4K อีกหลายรุ่น) ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2023 ทางสหภาพยุโรปจะบังคับใช้กฎเกี่ยวกับการใช้พลังงานของทีวี 4K และทีวี 8K ซึ่งผลจากกฎนี้จะทำให้ทีวี 8K ทุกยี่ห้อทุกรุ่นในท้องตลาดตอนนี้ (รวมทั้งทีวี 4K ส่วนใหญ่) ไม่สามารถวางขายในยุโรปได้อีกต่อไป เช่นเดียวกับนานาประเทศทั่วโลกทางสหภาพยุโรปเองมีข้อกำหนดให้ผู้ผลิตข้าวของเครื่องใช้สารพัดประเภทโดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านต้องติดฉลากพลังงานซึ่งจะแสดงข้อมูลการใช้พลังงานของตัวผลิตภัณฑ์เอาไว้ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวประกอบการตัดสินใจเพื่อเลือกซื้อสินค้าได้อย่างเหมาะสม ซึ่งทีวีทุกประเภทเองก็ไม่มีข้อยกเว้น จะต้องมีการติดฉลากพลังงานไว้บนตัวผลิตภัณฑ์ด้วยเช่นกัน ที่มาภาพ: Marco Verch, CC BY 2.0 ข้อมูลของฉลากพลังงานสำหรับทีวีนั้นมีตัวเลขที่สำคัญอยู่ 1 อย่าง นั่นคือดัชนีประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Energy Efficiency Index (EEI) ซึ่งค่าดัชนีที่ว่านี้ยิ่งมีค่าน้อยแปลว่ายิ่งมีประสิทธิภาพดี ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภทจะถูกตัดเกรดตามค่า EEI ไล่ตั้งแต่เกรดดีสุดคือเกรด A ไปจนถึงเกรด G ซึ่งเป็นเกรดต่ำสุด ทั้งนี้ในปัจจุบันจอภาพอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งรวมถึงทีวีทุกประเภทที่วางขายในยุโรปจะต้องติดฉลากพลังงานที่แสดงค่า EEI พร้อมเครื่องหมายระบุเกรดที่ตนเองได้รับไว้ด้วย และหากจอหรือทีวีรุ่นดังกล่าวมีโหมดแสดงภาพแบบ HDR ก็จะมีการแสดงเกรดสำหรับโหมดการใช้งานแบบ HDR แสดงไว้คู่กันด้วย (สามารถดูรายละเอียดเรื่องฉลากพลังงานสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มจอภาพอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งรวมถึงสูตรการคำนวณดัชนี EEI และเกณฑ์การตัดเกรดต่างๆ ได้ที่นี่) รูปแบบฉลากพลังงานของสหภาพยุโรปสำหรับจอภาพอิเล็กทรอนิกส์และทีวี จุดที่เป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้ทีวี 8K ในปัจจุบันไม่สามารถวางขายในยุโรปได้ในต้นปีหน้าคือเรื่องดัชนี EEI นี้เอง โดยในปีหน้าค่า EEI สูงสุดที่ยอมรับได้ (ซึ่งก็คือค่า EEI สูงสุดสำหรับอุปกรณ์เกรด G) สำหรับทีวีและจอภาพที่ความละเอียดสูงถึงระดับ 4K จะถูกปรับลดลงทั้งหมด และทีวีรวมถึงจอภาพที่มีความละเอียด 8K ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยโดนจำกัดค่า EEI สูงสุดก็จะเริ่มมีเกณฑ์บังคับใช้ โดยมีรายละเอียดดังนี้ ไม่เพียงแค่นั้น นอกเหนือจากการปรับลดค่าดัชนี EEI สูงสุดที่ยอมรับได้แล้ว สหภาพยุโรปได้กำหนดอย่างชัดเจนด้วยว่าจอภาพขนาดต่างๆ ต้องใช้พลังงานสูงสุดได้ไม่เกินเท่าไหร่ โดยไล่ตั้งแต่ขนาดจอภาพ 40 นิ้วไปจนถึง 88 นิ้ว ทั้งนี้เว็บไซต์ FlatPanelsHD ได้รวบรวมข้อมูลการใช้พลังงานของทีวี 8K ในท้องตลาดมานำเสนอ (โดยข้อมูลที่ถูกใส่ในตารางนี้เป็นค่าการใช้พลังงานที่น้อยที่สุดในบรรดาทีวี 8K หลายรุ่นที่มีขนาดจอเท่ากัน) ซึ่งเปรียบเทียบกับเกณฑ์ใหม่ของสหภาพยุโรปได้ดังนี้ จะเห็นได้ว่าไม่มีทีวี 8K รุ่นใดยี่ห้อใดเลยที่วางขายในท้องตลาดขณะนี้ที่ใช้พลังงานต่ำกว่าเกณฑ์ที่สหภาพยุโรปจะบังคับใช้ในปีหน้า ในขณะที่ทีวี 4K นั้นก็มีหลายรุ่นหลายยี่ห้อเช่นกันที่ใช้พลังงานเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดซึ่งจะทำให้ไม่สามารถวางขายได้หลังวันที่ 1 มีนาคมปีหน้า ผลสืบเนื่องจากเรื่องนี้ทำให้ผู้ผลิตทีวีทุกรายต้องไปวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองกันอย่างเร่งด่วน และในระหว่างนี้ก็จะต้องเร่งระบายสินค้าที่ผลิตออกมาแล้วก่อนกฎใหม่จะถูกบังคับใช้ ซึ่งคาดว่าจะมีผลทำให้ราคาทีวีในกลุ่มนี้ลดต่ำลง ที่มา - FlatPanelsHD ผ่าน The Next Web
# systemd ออกเวอร์ชั่น 252 ล็อกเคอร์เนลเข้ากับดิสก์เข้ารหัส systemd ออกเวอร์ชั่น 252 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเปลี่ยนระบบการบูตใหม่ ไปใช้ unified kernel image (UKI) อิมเมจของเคอร์เนลลินุกซ์ที่รวมกับอิมเมจของ /initrd/, และ UEFI boot stub เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อปิดช่องโหว่การโจมตีดิสก์เข้ารหัสด้วยการเปลี่ยนเคอร์เนลระหว่างรัน แนวทางนี้ Lennart Poettering ผู้สร้าง systemd ได้เสนอมาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากทุกวันนี้ระบบการบูตดิสก์เข้ารหัสที่ปลดล็อกด้วย TPM 2.0 บนลินุกซ์ยังมีช่องโหว่ให้คนร้ายสามารถโจมตีด้วยการเปลี่ยนเคอร์เนลได้ แต่ด้วยระบบใหม่ผู้พัฒนาดิสโทรสามารถสร้าง UKI และเซ็นอิมเมจทั้งก้อนไว้ได้ ในกระบวนการเก็บกุญแจเข้ารหัสดิสก์ก็ให้ลงทะเบียนกับ TPM 2.0 ไว้ด้วยกุญแจสาธารณะของผู้พัฒนาดิสโทร ในอนาคตแม้จะมีการอัพเดตเคอร์เนล แต่หาก TPM 2.0 ยังตรวจสอบ UKI ว่ามาจากผู้ผลิตเดิมก็สามารถปลดล็อกการเข้ารหัสดิสก์ได้อัตโนมัติ กระบวนการนี้มีผลกับผู้ที่เข้ารหัสดิสก์และต้องการให้ปลดล็อกการเข้ารหัสโดยอัตโนมัติเมื่อดิสก์บูตบนคอมพิวเตอร์เครื่องเดิมด้วย TPM 2.0 แต่หากใช้กระบวนการปลดล็อกอื่น เช่น พิมพ์รหัสผ่านหน้าเครื่อง ก็ยังคงใช้งานต่อไปได้ไม่เปลี่ยนแปลง และฟีเจอร์นี้ต้องรอผู้พัฒนาดิสโทรต่างๆ รองรับเสียก่อน ความเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ systemd ประกาศจะเลิกซัพพอร์ต cgroup v1 ภายในปี 2023 หลังจากที่ cgroup v2 รวมอยู่ในเคอร์เนลตั้งแต่ปี 2015 ที่มา - systemd, The Register ชิป TPM 2.0 ของบริษัท Gigabyte
# Microsoft Teams ปรับปรุงประสิทธิภาพ สลับห้องแชทเร็วขึ้น 11%, เข้าห้องประชุมเร็วขึ้น 21% ไมโครซอฟท์ประกาศอัพเดตแอพ Teams เวอร์ชันเดสก์ท็อป (ทั้งบนวินโดวส์และแมค) เพิ่มสิ่งที่ผู้ใช้งานน่าจะเรียกร้องกันมากที่สุดแล้วคือ ปรับปรุงประสิทธิภาพให้ทำงานเร็วขึ้น (ในบางเรื่อง) บล็อกของ Teams ระบุว่าปรับแก้เฟรมเวิร์คของ Teams ให้เรนเดอร์ HTML tree เร็วขึ้น, รันจาวาสคริปต์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลคือการสลับเธร็ดของแชทเร็วขึ้น 12% (เทียบกับแอพเวอร์ชันเดือนมิถุนายน) และการสลับห้อง channel เร็วขึ้น 11% Teams เคยออกแอพเวอร์ชันปรับปรุงประสิทธิภาพมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อเดือนมิถุนายน 2022 หากนำการปรับปรุงทั้งสองรอบ (มิ.ย. + พ.ย.) มารวมกัน ประสิทธิภาพจะดีขึ้น 32% และ 39% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับแอพเวอร์ชันปี 2020 นอกจากนี้ Teams ยังปรับปรุงการเข้าห้องประชุม (joining a meeting) ให้เร็วขึ้น 21%, การยกมือในห้องประชุมมี latency ลดลง 16% ที่มา - Microsoft Teams Blog via MSpoweruser
# Virgin ถอนตัวจาก Virgin Hyperloop หลังบริษัทเปลี่ยนมาเน้นขนสินค้าแทนการขนคน Virgin Hyperloop เปลี่ยนชื่อบริษัทกลับเป็น Hyperloop One หลังกลุ่มบริษัท Virgin ตัดสินใจถอดแบรนด์ออก เนื่องจากทิศทางการพัฒนาธุรกิจหันเหจากการพัฒนาระบบโดยสารคมนาคม เปลี่ยนมาเน้นเพื่อการขนส่งสินค้าเป็นหลัก โดยตอนนี้เว็บไซต์ของบริษัทก็ได้ปรับเปลี่ยนชื่อเว็บและชื่อบริษัทกลับมาเป็น Hyperloop One เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ Virgin Hyperloop มีปีที่ยากลำบากและเป็นเหตุให้ต้องปลดพนักงานออก 111 คนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาหลังการเปลี่ยนทิศทางธุรกิจทิ้งไอเดียการพัฒนาระบบเพื่อการโดยสารของคนไป โดยทิศทางใหม่จะเน้นการขนส่งสินค้าภาคพื้นดินเพื่อเชื่อมโยงกับท่าเรือขนถ่ายสินค้าเป็นหลัก หน้าเว็บไซต์ปัจจุบันของบริษัท ในการนี้กลุ่มบริษัท Virgin ได้ออกแถลงการณ์เพื่อยืนยันการแยกตัวออกจาก Virgin Hyperloop โดยมีใจความดังนี้ กลุ่มบริษัท Virgin ได้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท Hyperloop One (ชื่อ ณ ตอนนั้น) ในปี 2017 และได้ปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทเสียใหม่เป็น Virgin Hyperloop ทั้งนี้กลุ่มบริษัท Virgin มีการลงุทนในธุรกิจหลากหลายประเภท ทั้งธุรกิจสายการบิน Virgin Atlantic, ธุรกิจบริษัทขนส่งอวกาศ Virgin Galactic รวมทั้งธุรกิจสถานีวิทยุ Virgin Radio ที่มา - Engadget
# Archimedes Waveswing ทุ่นผลิตไฟด้วยพลังคลื่นใต้น้ำ สามารถใช้งานได้ไม่ต้องกลัวพายุ AWS Ocean Energy บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ปั่นไฟจากพลังงานคลื่นได้ทดสอบเครื่อง Archimedes Waveswing ซึ่งเป็นทุ่นผลิตไฟฟ้าที่อาศัยพลังงานจากคลื่นใต้น้ำ ได้ผลการทดสอบสามารถผลิตไฟได้กำลังงานไม่ต่ำกว่า 10 kW ถือเป็นทางเลือกใหม่ของเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าจากพลังงานคลื่น ด้วยจุดเด่นของอุปกรณ์ที่สามารถทำงานได้แม้อยู่ในสภาพอากาศที่เลวร้าย Archimedes Waveswing เป็นทุ่นผลิตไฟที่ถูกออกแบบให้ติดตั้งยึดโยงไว้ใช้งานในระดับต่ำกว่าผิวน้ำทะเล โดยสามารถใช้ได้กับทะเลบริเวณที่มีความลึกอย่างน้อย 25 เมตร โครงสร้างของมันมีลักษณะคล้ายกระบอกสูบที่กักอากาศไว้ภายใน โครงสร้างที่ว่านี้สามารถยุบตัวได้ตามแรงกดของคลื่นใต้น้ำและจะขยายยืดตัวออกเมื่อแรงที่มากระทำต่อมันลดลง แกนกลางของ Archimedes Waveswing มีกระบอกไฮดรอลิกที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่องปั่นไฟ Archimedes Waveswing ทุ่นผลิตไฟจากพลังงานคลื่นใต้น้ำ เมื่อมีคลื่นใต้น้ำเคลื่อนผ่านมายังทุ่น Archimedes Waveswing ตัวทุ่นจะยุบตัวลงทำให้กระบอกไฮดรอลิกที่อยู่บริเวณแกนกลางถูกอัด แรงดันของระบบไฮดรอลิกจะไปขับให้เครื่องปั่นไฟหมุน และเมื่อแรงดันน้ำจากคลื่นลดลงแรงดันของอากาศภายในทุ่นจะดันให้ทุ่นยืดตัวออกส่งผลให้กระบอกไฮดรอลิกตรงบริเวณแกนกลางของทุ่นยืดตัวตามออกด้วย เกิดเป็นการเคลื่อนที่ของน้ำมันไฮดรอลิกขับเครื่องปั่นไฟอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ Archimedes Waveswing ถูกออกแบบให้ติดตั้งโดยอาศัยการยึดโยงกับพื้นใต้น้ำโดยใช้การยึดแบบจุดเดียว ภายในตัวทุ่นเองมีกว้านที่สามารถม้วนเก็บสายโยงหรือผ่อนสายออกมาเพื่อปรับระดับความสูงของทุ่นจากระดับพื้นดินใต้น้ำได้ AWS Ocean Energy ระบุว่าการติดตั้งใช้งาน Archimedes Waveswing สามารถติดตั้งเพื่อใช้งานแบบทุ่นเดี่ยวก็ได้ หรือจะใช้งานแบบเป็นชุดอาศัยการเชื่อมต่อหลายทุ่นเข้าด้วยกันก็ได้ ตัวทุ่นมีหลายขนาดสามารถผลิตไฟได้ตั้งแต่ 15 kW ถึง 500 kW และในกรณีที่ใช้งานแบบเป็นชุดสามารถผลิตไฟได้สูงสุด 10 MW (ใช้ทุ่นขนาด 500 kW จำนวน 20 ตัวมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน) ทั้งนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้มีการนำเอาทุ่น Archimedes Waveswing ขนาด 16 kW ไปทดสอบเพื่อเก็บข้อมูลที่ European Marine Energy Centre (EMEC) ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบด้านพลังงานทางทะเลของยุโรปในเมือง Orkney ประเทศสก็อตแลนด์ สถานที่เดียวกันที่ทำการทดสอบทุ่นลอยน้ำปั่นไฟขนาด 1 MW ของบริษัท OceanEergy สำหรับทุ่น Archimedes Waveswing ที่ถูกส่งไปทดสอบนี้มีความสูง 7 เมตร, เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 เมตร และมีน้ำหนัก 50 ตัน โดยผลการทดสอบพบว่าทุ่นสามารถผลิตไฟได้ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10 kW ตลอดเวลา โดยมีบางช่วงขณะสามารถผลิตไฟได้มากถึง 80 kW ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่มากกว่าการคาดการณ์ของ AWS Ocean Energy ถึง 20% Archimedes Waveswing ขนาด 16 kW ที่ถูกส่งมาทำติดตั้งทดสอบที่ EMEC ตัวทุ่น Archimedes Waveswing ถูกออกแบบมาให้มีความเสถียรในระหว่างการติดตั้งใช้งาน แม้ว่าคลื่นใต้น้ำจะกระทำแรงกดต่อตัวทุ่นให้ยุบตัว แต่ตัวทุ่นจะยังคงตั้งดิ่งและทำงานได้ตามปกติโดยไม่โยกไหวเอนไปมา โดยภาพวิดีโอที่บันทึกในระหว่างการทดสอบที่ EMEC เผยให้เห็นว่าทุ่น Archimedes Waveswing ยังสามารถทำงานผลิตไฟได้แม้ในขณะที่มีพายุคลื่นลมแรงระดับ 10 ตามมาตรแบ่งความแรงลมของ Beaufort (ความแรงระดับ 10 คือลมพายุที่มีความเร็วลม 89-102 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีความสูงของคลื่น 9-12.5 เมตร) ระดับความแรงลมตามมาตรจัดระดับของ Beaufort AWS Ocean Energy มองว่าทุ่น Archimedes Waveswing ในตอนนี้จะเป็นทางเลือกด้านการผลิตไฟฟ้าสำหรับการใช้งานกลางทะเลเฉพาะจุด เช่น ฐานขุดเจาะน้ำมันใต้ทะเล, หรือระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าต่างๆ กลางทะเล ด้วยจุดเด่นที่สามารถทำงานได้แม้ในสภาพอากาศที่เลวร้าย และการติดตั้งที่ง่ายโดยอาศัยการยึดโยงแค่จุดเดียวต่อทุ่น ส่วนการใช้งานในระดับการจ่ายไฟเพื่อสาธารณูปโภคนั้นก็สามารถทำได้เช่นกันหากการพัฒนาระบบใช้งานทุ่นแบบเป็นชุดเพื่อผลิตไฟร่วมกันแล้วเสร็จ ที่มา - Interesting Engineering, EMEC
# Chrome เพิ่มฟีเจอร์ติดตามราคาสินค้า, แถบแสดงผลการค้นหาด้านข้าง และการซิงก์รหัสผ่าน Google เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญ 3 อย่างให้กับ Chrome เวอร์ชั่น 108 ที่กำลังจะปล่อยให้ผู้ใช้อัพเดตใช้งานกัน โดยมีทั้งระบบติดตามราคาของสินค้าบนร้านค้าออนไลน์, การเพิ่มแถบแสดงผลการค้นหาด้วย Google Search บริเวณด้านข้างของหน้าจอ รวมถึงการซิงก์รหัสผ่านของผู้ใช้จากการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ของบัญชีผู้ใช้คนเดียวกัน รายละเอียดของฟีเจอร์ใหม่ข้างต้นมีดังนี้ 1. ระบบติดตามราคาสินค้า เมื่อผู้ใช้เปิดดูสินค้าในร้านค้าออนไลน์ จะปรากฏปุ่มสัญลักษณ์แจ้งเตือนพร้อมข้อความ "Track price" ขึ้นในช่อง address bar ของ Chrome หากผู้ใช้ต้องการติดตามราคาของสินค้าตัวดังกล่าวก็สามารถกดปุ่มที่ว่านี้ หลังจากนั้นหากมีการลดราคาสินค้าตัวนั้นไม่ว่าบนเว็บไซต์ใดก็ตาม ระบบจะส่งอีเมลแจ้งให้ผู้ใช้ทราบ 2. แถบแสดงผลการค้นหาด้านข้างของหน้าจอ เมื่อผู้ใช้ทำการค้นหาข้อมูลด้วย Google Search และทำการคลิกลิงก์ใดลิงก์หนึ่งจากหน้าแสดงผลการค้นหาแล้ว จะมีปุ่มสัญลักษณ์ Google (ตัว G แบบ 4 สี) ปรากฏขึ้นในแถบ address bar ซึ่งเมื่อผู้ใช้คลิกสัญลักษณ์ดังกล่าวจะเป็นการเปิดแถบแสดงผลการค้นหาด้านข้างของหน้าจอ Chrome โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถกดลิงก์เพื่อเปลี่ยนไปดูผลการค้นหาลิงก์อื่นได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกดปุ่ม back เพื่อย้อนกลับไปหน้าแสดงผล ทั้งนี้ผู้ที่ใช้ Chrome เวอร์ชั่น 107.0.5304.88 อยู่ในปัจจุบันก็สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้แล้ว 3. การซิงก์รหัสผ่านจากหลายอุปกรณ์ สำหรับผู้ใช้ที่มีการใช้งาน Chrome บนอุปกรณ์หลายเครื่องและมีการบันทึกรหัสผ่านไว้หลายที่ ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ซิงก์ข้อมูลรหัสผ่านเหล่านั้นเข้าด้วยกัน ผู้ใช้สามารถเปิดการซิงก์รหัสผ่านได้จากเมนู Setting ทั้งนี้ข้อมูลจากหน้าเว็บ Chrome Developers ของ Google ระบุว่า Chrome เวอร์ชั่น 108 จะปล่อยให้ใช้งานจริงในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ที่มา - BGR
# YouTube เพิ่มฟังก์ชั่น Go Live Together ให้ผู้ใช้เชิญเพื่อนมาร่วมสตรีมได้ YouTube เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ให้ YouTuber สายสตรีมในชื่อ Go Live Together ทำให้ผู้ใช้สามารถเชิญเพื่อนครั้งละ 1 คนมาร่วมสตรีมภาพพร้อมกันได้ โดยจะเริ่มปล่อยให้ผู้ใช้บางส่วนสามารถใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ในการใช้งานผู้ใช้จะเห็นปุ่ม "Go Live Together" ปรากฏในหน้าจอบัญชีใช้งานของตนเอง จากตรงนั้นผู้ใช้จะต้องกรอกข้อมูลก่อนการเริ่มสตรีม เช่น ชื่อวิดีโอ, คำบรรยาย, การตั้งค่าระบบคิดเงิน, ภาพ thumbnail และอื่นๆ จากนั้นผู้ใช้จะพบว่ามีตัวเลือก "Invite a co-streamer" ให้สามารถเลือกได้ว่าจะเชิญใครมาร่วมสตรีม ผู้ที่ได้รับเชิญจะได้ลิงก์ที่ส่งเข้าห้องรอสตรีม เมื่อทั้งคู่พร้อมผู้ใช้งานที่เป็นคนเชิญจะสามารถกดปุ่ม "Go Live" เพื่อเริ่มการสตรีมภาพได้ ในช่วงแรกเริ่มนี้ฟังก์ชั่นดังกล่าวจะสามารถใช้งานได้เฉพาะการสตรีมผ่านอุปกรณ์พกพาเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้งานกับการสตรีมผ่านเครื่องเดสก์ท็อปได้ และแน่นอนว่าในอนาคต YouTube จะขยายวงให้ผู้ใช้รายอื่นสามารถใช้งาน Go Live Together! ได้ทั้งหมด ที่มา - TechCrunch
# Telegram เพิ่มฟีเจอร์ สร้างห้องแชตย่อยตามหัวข้อ ใน Group ขนาดใหญ่ Telegram ประกาศอัพเดตฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ มีรายละเอียดดังนี้ Topics in Groups กลุ่มขนาดใหญ่สามารถเปิดฟีเจอร์ Topics เพื่อสร้างห้องแชตย่อย ไว้คุยตามหัวข้อ ซึ่งสามารถตั้งการเตือนแยกได้ด้วย รองรับเฉพาะกลุ่มที่มีสมาชิกมากกว่า 200 คน รวม Username ต่อจากฟีเจอร์ซื้อขายชื่อบัญชี ผู้ใช้งานสามารถรวมชื่อบัญชีมาเป็นคอลเลกชันได้ด้วย Voice-to-Text ใน Video สามารถแปลงเสียงในวิดีโอ ออกมาเป็นข้อความประกอบวิดีโอที่ส่งได้ รองรับเฉพาะ Telegram Premium ฟีเจอร์อื่น ได้แก่ อีโมจิเพิ่มเติม, ปรับปรุง Night Mode ใน iOS, ปรับขนาดตัวหนังสือใน Android ที่มา: Telegram
# Jack Dorsey ขอโทษพนักงาน Twitter ที่ถูกปลดออก ยอมรับผิดที่ขยายบริษัทมากเกินไป Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ Twitter ออกมาโพสต์ข้อความเป็นครั้งแรกหลัง Elon Musk ซื้อกิจการสำเร็จ และปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมาก (น่าจะ 50%) Dorsey ยอมรับว่ามีลูกน้องเก่าจำนวนไม่น้อยโกรธเขา และบอกว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ขยายจำนวนพนักงานของ Twitter มากเกินไปในช่วงที่เป็นซีอีโอ ซึ่งเขาขอโทษในสิ่งนี้ เขายังบอกว่าพนักงานของ Twitter นั้นเข้มแข็ง จะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ได้อย่างแน่นอน เขาขอขอบคุณทุกคนที่เคยทำงานกับ Twitter และยอมรับว่าพนักงานบางคนอาจไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับเขา ซึ่งเขาเข้าใจ ทั้งนี้ Jack Dorsey ยังถือหุ้นของ Twitter ต่อไป (ก่อนหน้านี้มีหุ้นราว 2.4%) แต่เปลี่ยนรูปไปถือหุ้นในบริษัท X Holdings I ของ Elon ที่มีสถานะเป็นเจ้าของ Twitter Inc. อีกทอดหนึ่งแทน ภาพจาก @jack
# Fitbit รองรับ Google Maps/Pay, ใช้แอพบนสมาร์ททีวี, ออกฮาร์ดแวร์ราคาถูกมากขึ้น Fitbit เริ่มรีแบรนด์ตัวเองเป็น "Fitbit by Google" พร้อมประกาศแนวทางใหม่หลังเข้ามาเป็นบริษัทลูกของกูเกิลตั้งแต่ปี 2021 ฮาร์ดแวร์ Fibit จะเชื่อมโยงกับบริการของกูเกิลมากขึ้น รองรับการนำทางด้วย Google Maps และจ่ายเงินด้วย Google Pay/Wallet แอพออกกำลังกายของ Fitbit จะรองรับการส่งขึ้นจอทีวีที่รองรับ Chromecast เพื่อให้เห็นสถานะการออกกำลังกายบนจอใหญ่ขึ้น บริการของ Fitbit จะขยายไปบนฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ มากขึ้น เช่น สมาร์ทโฮอม ทีวี และมือถือ Fitbit จะวางขายฮาร์ดแวร์ที่ราคาเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ตัวอย่างคือ Inspire 3 ที่วางขายในเดือนสิงหาคม ราคา 99.95 ดอลลาร์ ร่วมกับกูเกิลพัฒนาฟีเจอร์ด้านสุขภาพให้ดีกว่าเดิม ตัวอย่างคือ Pixel Watch ที่ใช้ทั้งฮาร์ดแวร์และอัลกอริทึมร่วมกัน ให้วัดค่าการเต้นของหัวใจได้แม่นยำที่สุดเท่าที่ Fitbit เคยทำมา โฆษณา Fitbit by Google พร้อมโชว์ฟีเจอร์ Google Maps และ Google Pay/Wallet ที่มา - Fitbit
# ซีเอฟโอ Qualcomm ยืนยันเอง Galaxy S23 จะใช้ Snapdragon "ทั้งโลก" Akash Palkhiwala ซีเอฟโอของ Qualcomm ตอบคำถามในงานแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ว่าบริษัทจะมีรายได้จากมือถือเรือธงรุ่นใหม่ปี 2023 ของซัมซุงมากขึ้นจากเดิม จากเดิมตอน Galaxy S22 ใช้ชิปของ Qualcomm ราว 75% จะเพิ่มเป็น "global share" ในรุ่นของ Galaxy S23 คำว่า "global share" นี้ทำให้สื่อหลายเจ้าตีความกันว่าอาจหมายถึง Galaxy S23 ใช้ชิป Snapdradon เพียงอย่างเดียว (น่าจะเป็น Snapdragon 8 Gen 2 ที่ปกติเปิดตัวช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม) ไม่มีการแยกรุ่นเป็น Exynos อีกแล้ว เมื่อกลางปีนี้เคยมีข่าวลือแบบเดียวกันนี้ออกมา ว่าซัมซุงจะเลิกใช้ Exynos เพราะประสิทธิภาพสู้ Snapdragon ไม่ได้ แต่คราวนี้เป็น Qualcomm ยืนยันเอง ทำให้ข่าวมีน้ำหนักขึ้นมาก ที่มา - Notebookcheck
# Twitter Blue แบบใหม่ ราคา 8 ดอลลาร์ ได้เครื่องหมายถูกสีน้ำเงิน เริ่มทดสอบกับผู้ใช้งานบางส่วนแล้ว ไม่ต้องรอกันนาน Twitter เริ่มทดสอบบริการสมัครสมาชิก Twitter Blue รายเดือนแบบใหม่ ที่ราคา 8 ดอลลาร์ต่อเดือนแล้ว โดยตอนนี้ทดสอบกับผู้ใช้งานบางส่วน เฉพาะในอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอังกฤษ มีเฉพาะบน iOS เท่านั้นตอนนี้ อย่างไรก็ตาม Twitter บอกว่าสถานะตอนนี้เป็นแค่การทดสอบเท่านั้น ยังสมัครใช้งานไม่ได้ ในรายละเอียดที่ประกาศ ของใหม่ที่สำคัญใน Twitter Blue แบบใหม่ ก็คือการได้เครื่องหมายถูกสีน้ำเงิน (Blue checkmark) เพื่อเป็นการยืนยันตัวตน ซึ่ง Twitter บอกว่าทำให้คนทั่วไป ได้เครื่องหมายนี้แบบเดียวกับ คนดัง องค์กร และนักการเมือง ที่คุณติดตามอยู่ Twitter ยังพูดถึงฟีเจอร์อื่นที่จะมีใน Twitter Blue ใหม่ แต่สถานะคือเร็ว ๆ นี้ เช่น แสดงโฆษณาน้อยลงครึ่งหนึ่ง และคุณภาพโฆษณาดีกว่า, โพสต์วิดีโอได้ความยาวมากขึ้น, ได้แรงก์คอนเทนต์ที่ดีขึ้น ซึ่งทั้งหมด Twitter บอกว่าเพราะคุณเป็นผู้สนับสนุนการลดจำนวนบอตบนแพลตฟอร์ม ที่มา: 9to5Mac
# นักวิจัยสร้างเซ็นเซอร์อัตราเร่ง 3 มิติแบบควอนตัม ใช้นำทางได้ไม่ต้องง้อ GPS ทีมนักวิจัยจาก French National Centre for Scientific Research (CNRS) ได้พัฒนาเซ็นเซอร์วัดอัตราเร่งแบบ 3 มิติชนิดใหม่ที่อาศัยเลเซอร์และอะตอมของ rubidium (Rb) ที่เย็นจัดจนสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอัตราเร่งได้อย่างแม่นยำทั้ง 3 มิติ จนสามารถนำมาใช้ติดตามการเคลื่อนที่ของวัตถุและยานพาหนะได้แม่นยำถึงขนาดที่สามารถใช้งานกับระบบนำทางโดยไม่ต้องอาศัยการระบุพิกัดด้วยดาวเทียม ทุกวันนี้เซ็นเซอร์อัตราเร่งชนิดที่ใช้กันนั้นเป็นเซ็นเซอร์แบบเชิงกล ซึ่งก็สามารถนำมาคำนวณเพื่อติดตามการเคลื่อนของวัตถุหรือยานพาหนะและระบุตำแหน่งของสิ่งที่มันใช้ติดตามการเคลื่อนที่ได้ ทว่าความแม่นยำของมันนั้นยิ่งใช้งานไปนานยิ่งทำให้การระบุพิกัดคลาดเคลื่อนผิดไปได้ถึงระดับกิโลเมตร ดังนั้นแล้วการระบุพิกัดตำแหน่งของสิ่งของหรือพาหนะในปัจจุบันจึงอาศัยการสื่อสารกับดาวเทียมระบุพิกัดเช่นระบบ GPS ของสหรัฐอเมริกา เพื่อให้การระบุตำแหน่งแม่นยำถูกต้อง อย่างไรก็ตามใช่ว่าทุกที่และทุกเวลาบนโลกนี้จะสามารถรับสัญญาณจากดาวเทียมระบุพิกัดได้ ในบางครั้งสัญญาณดาวเทียมอาจโดนรบกวนจากคลื่นสัญญาณอื่นๆ หรือบางทีก็ขัดข้องโดยที่ไม่สามารถระบุสาเหตุได้แน่ชัด (ดังเช่นในกรณีที่สัญญาณ GPS บริเวณรอบสนามบินในสหรัฐฯ ขัดข้องนานข้ามวัน) และยิ่งสำหรับพาหนะอย่างเรือดำน้ำแล้วยิ่งเป็นเรื่องยากซับซ้อนที่จะรับสัญญาณดาวเทียมระบุพิกัด ดังนั้นการพัฒนาเซ็นเซอร์วัดอัตราเร่งของ CNRS จึงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับสถานการณ์เช่นที่ว่านี้ เซ็นเซอร์ของ CNRS ใช้แสงเลเซอร์ยิงไปที่อะตอมธาตุ rubidium ที่ถูกทำให้เย็นลงจนมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงช้าลง ในสภาพดังกล่าวอะตอมเหล่านั้นจะมีพฤติกรรมเหมือนคลื่นแสงที่มีรูปแบบเฉพาะของการแทรกสอดในระหว่างที่มันเคลื่อนไหว และจุดนี้เองที่มีการใช้แสงเลเซอร์เพื่อตรวจสอบรูปแบบการแทรกสอดที่เกิดขึ้นจนทำให้สามารถรับรู้การเคลื่อนที่ของตัวเซ็นเซอร์ได้ว่ามีการเคลื่อนไหวในทิศทางใด ขนาดของเซ็นเซอร์ที่ทีมวิจัยสร้างขึ้นนั้นเป็นกล่องที่มีขนาดใกล้เคียงกับเครื่องแลปท็อป ภายในมีอุปกรณ์เลเซอร์ติดตั้งไว้ทั้ง 3 แนวแกนเพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอะตอมธาตุ rubidium ที่ถูกกักเก็บอยู่ในกล่องแก้วและถูกทำให้เย็นลงจนมีอุณหภูมิใกล้ศูนย์สัมบูรณ์ ซึ่งจากการทดสอบของทีมวิจัยพบว่าเซ็นเซอร์วัดอัตราเร่งที่พวกเขาพัฒนาขึ้นใหม่นี้มีความแม่นยำในการตรวจวัดข้อมูลเหนือกว่าเซ็นเซอร์ทั่วไปที่ใช้งานกันอยู่ 50 เท่า ด้วยขนาดของมันทำให้การใช้งานเซ็นเซอร์วัดอัตราเร่งแบบใหม่นี้ยังไม่สามารถติดตั้งลงในอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟนได้ แต่ทว่ามันสามารถนำไปติดตั้งใช้งานในเรือเดินสมุทรหรือเรือดำน้ำได้ หรือหากจะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อการศึกษาทางภูมิศาสตร์เพื่อค้นหาแหล่งแร่ก็ได้เช่นกันโดยอาศัยจากการสังเกตค่าของแรงโน้มถ่วงที่เปลี่ยนไปในแต่ละพื้นที่ซึ่งทำการตรวจวัด ทั้งนี้แรงโน้มถ่วงแต่ละจุดบนโลกนี้อาจแตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับระดับความสูงรวมทั้งแร่ธาตูที่อยู่ในบริเวณนั้น ทว่าความแตกต่างของแรงโน้มถ่วงอันเนื่องมาจากปริมาณแร่ธาตุสะสมในพื้นที่แต่ละแห่งนั้นอาจน้อยมากจนเซ็นเซอร์ทั่วไปยากจะแยกแยะได้ ผู้ที่สนใจงานพัฒนาเซ็นเซอร์วัดอัตราเร่งแบบควอนตัมของ CNRS นี้สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ หน้าจอระบบนำทางที่ใช้ในเรือพาณิชย์ (ที่มาภาพ: Hervé Cozanet, CC BY-SA 3.0) ที่มา - Interesting Engineering
# แฟนหนังรอลุ้น Lionsgate แย้มสนใจพัฒนา John Wick เป็นเกมระดับ AAA เชื่อว่าภาพยนตร์ John Wick เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ในดวงใจของใครหลายคน ด้วยเสน่ห์ของตัวละครอันแสนโดดเด่นที่ Keanu Reeves สวมบทสุดยอดมือสังหารที่จำต้องหวนคืนสู่วงการนักฆ่ากับฉากแอคชั่นที่น่าประทับใจที่อัดแน่นมาในภาพยนตร์ทุกภาค และนั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่ Lionsgate เจ้าของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ชุดนี้จะมีไอเดียที่จะดัดแปลงภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เป็นเกมฟอร์มยักษ์ระดับ AAA คนที่เปิดเผยเรื่องนี้คือ Jon Feltheimer ซีอีโอของ Lionsgate เองในระหว่างการแถลงผลประกอบการของบริษัทเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ John Wick ได้ถูกนำมาทำเป็นเกมแล้วในชื่อว่า John Wick Hex ซึ่งเป็นเกมแนววางกลยุทธ์ที่เปิดตัวเมื่อปี 2019 ลงในหลายแพลตฟอร์ม ทว่า John Wick Hex ไม่ใช่เกมระดับ AAA แบบที่ Feltheimer พูดถึง ที่มา - IGN
# Snapchat จับมือ Strava เชื่อมโยงบัญชี ดึงข้อมูลการออกกำลังกายมาโชว์ Snapchat ร่วมมือกับ Strava เพิ่มเลนส์ Strava ให้ผู้ใช้สามารถแชร์กิจกรรมการออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่ต้องเซฟข้อมูลกิจกรรมจาก Strava เป็นไฟล์รูปภาพก่อนแล้วจึงจะนำมาแชร์ต่อได้ ในการใช้งาน ผู้ใช้จะต้องเปิดแอป Strava แล้วเลือกกิจกรรมที่ต้องการแชร์ โดยกิจกรรมที่ถูกแชร์นั้นจะต้องถูกตั้งค่าให้ "ทุกคน" หรือ "ผู้ติดตาม" สามารถมองเห็นได้ พร้อมทั้งมีแผนที่กิจกรรมแที่แสดงให้เห็นได้ด้วย เมื่อเปิดแอป Snapchat ผู้ใช้สามารถค้นหาเลนส์ Strava ได้ในโหมด Lens Explorer จากตรงนั้นผู้ใช้จะเห็นกิจกรรมการออกกำลังกายครั้งล่าสุดที่บันทึกในแอป Strava ปรากฏขึ้นมาให้สามารถแชร์ได้ หรือหากมีกิจกรรมรายการอื่นก่อนหน้านั้นที่ตั้งค่าการแชร์ไว้ก็สามารถเลือกขึ้นมาแสดงได้เช่นกัน ข้อมูลกิจกรรมการออกกำลังกายจะมีทั้งแผนที่ประกอบกิจกรรมนั้นพร้อมข้อมูลอื่นๆ เช่น ระยะทาง, เวลาที่ใช้, รวมทั้งประเภทของกิจกรรมออกกำลังกาย (เช่นการวิ่ง, การเดิน, การขี่จักรยาน ฯลฯ) ปรากฎขึ้นมาเป็นภาพ AR ให้ผู้ใช้สามารถสร้าง snap หรือ story ได้ โดยโพสต์ที่ถูกสร้างขึ้นจะมีลิงก์ให้ผู้ใช้อื่นที่รับชมสามารถกดเพื่อเข้าไปดูข้อมูลแบบละเอียดในแอป Strava ได้ด้วย ฟีเจอร์การแชร์ข้อมูลแบบใหม่นี้สามารถใช้งานได้แล้วทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ซึ่งน่าสนใจว่า Strava จะพัฒนาฟีเจอร์การแชร์ข้อมูลการออกกำลังสำหรับแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์เจ้าอื่น อาทิ Facebook, Instagram ที่มีฟังก์ชั่น story ซึ่งลอกมาจากคล้าย Snapchat ตามมาในภายหลังหรือไม่ ที่มา - TechCrunch
# ผู้กำกับ FF16 บอกเกมเสร็จไปแล้ว 95%, เตรียมประกาศวันขายภายในปี 2022 ทีมงาน Final Fantasy XVI เดินสายให้สัมภาษณ์กับสื่อเกมหลายราย ทำให้เราได้ข้อมูลอัพเดตของ FF16 เพิ่มเติมดังนี้ ผู้กำกับ Hiroshi Takai บอกว่าเกมพัฒนาเสร็จไปแล้ว 95% ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงดีบั๊กและแก้จุดบกพร่องของเกมให้เรียบร้อย ไม่รับโค้ดใหม่เพิ่มแล้ว Square Enix จะประกาศข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องวันวางขายภายในปีนี้ ตอนนี้กำหนดคร่าวๆ คือกลางปี 2023 เกมภาค 16 จะเน้นการเล่าเรื่องโดยมี Clive ตัวละครเอกเป็นศูนย์กลาง เป็นเรื่องของการแก้แค้น มิตรภาพ ความสัมพันธ์ และการเติบโต ตัวละครเจ้าชาย Dion Lesage (ร่างสิงของ Bahamut) เป็นตัวแทนของอาชีพ Dragoon เป็นด้านกลับของ Clive คือหล่อ เท่ เก่ง ส่วนกษัตริย์ Barnabas Tharmr (ร่างสิง Odin) เป็นตัวแทนอาชีพ Dark Knight เน้นความลึกลับ เกมมีเนื้อหามืดหม่น และอาจได้เรต M (Mature) เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นความตั้งใจของทีมงานที่เน้นเกมสำหรับผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก เนื้อเรื่องในเกมเป็นยุคสงคราม หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมีเลือดและความรุนแรง ในเกมมีมอนสเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์อย่าง Chocobo, Moogle มาเป็นกิมมิค แต่จะไม่ได้ตลกมากเหมือนภาคก่อนๆ เพราะโทนของภาคนี้เน้นซีเรียส มนต์อสูร (Eikons) ของภาคนี้มีจำนวนไม่เยอะมากเมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ แต่จำนวนน้อยช่วยให้ลงรายละเอียดของมนต์อสูรแต่ละตัวได้มากขึ้น เซ็ตติ้งในเกมอิงจากยุโรปยุคกลาง (medieval Europe) เป็นสงครามระหว่างประเทศในทวีปเดียวกัน โลกในเกมไม่ได้ใหญ่มากเหมือนภาค 14 ที่เป็นโลกทั้งใบ และอารยธรรมของแต่ละประเทศอาจไม่ได้แตกต่างกันสุดขั้ว Clive, Dion, Barnabas ตามลำดับ ที่มา - Famitsu, IGN, IGN
# เพื่อวิทยาศาสตร์! จีนเตรียมส่งลิงขึ้นไปทำลูกกันบนสถานีอวกาศ หนึ่งในความทะเยอทะยานของมนุษยชาติที่ยังคงเดินหน้าคือการหาหนทางดำรงเผ่าพันธุ์ใช้ชีวิตเป็นการถาวรนอกโลก นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งระบบการเดินทาง, การผลิตและหมุนเวียนทรัพยากรเพื่อการดำรงชีพในอวกาศและบนดาวเคราะห์อื่นมากมาย แต่ปัญหาหนึ่งที่ยังไม่แน่ชัดก็คือมนุษย์เราสามารถสืบพันธ์กันนอกโลกได้หรือไม่? เพื่อค้นหาคำตอบสำหรับข้อสงสัยดังกล่าวได้มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในอวกาศ ตั้งแต่การทดลองกับแบคทีเรีย ไปจนถึงการศึกษาเรื่องการสืบพันธุ์ของหนู อย่างไรก็ตามยังไม่เคยมีการทดลองเรื่องการสืบพันธุ์ของสัตว์ใหญ่บนอวกาศมาก่อน และจีนตั้งเป้าว่าจะลองทำเรื่องนี้ด้วยการส่งลิงขึ้นไปผสมพันธุ์กันบนสถานีอวกาศ Tiangong ของตนเอง การสร้างสถานีอวกาศนั้นมีมานานหลายปีแล้ว ซึ่งสถานีอวกาศที่เป็นที่รู้จักและคุ้นหูคนทั่วไปกันมากที่สุดเห็นจะไม่พ้นสถานีอวกาศ ISS ซึ่งเป็นสถานีอวกาศนานาชาติที่มีการริเริ่มเสนอแผนงานสร้างมาตั้งแต่ยุค 70 ทว่าสถานีอวกาศ ISS นั้นไม่ได้มีสภาพเหมาะสำหรับการทดลองให้สัตว์ใหญ่ผสมพันธุ์กันในนั้น ด้วยข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ว่างภายในสถานีที่ต้องจัดสรรใช้งานกับภารกิจมากมายหลายอย่าง อีกทั้งการใช้งานร่วมกันระหว่างประเทศก็ย่อมต้องการการเห็นชอบของหลายฝ่ายในการทำการทดลองใดๆ แต่สถานีอวกาศ Tiangong ซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 สถานีอวกาศที่มีอยู่ในขณะนี้เป็นของจีนเพียงชาติเดียว นั่นทำให้การตัดสินใจทำการทดลองต่างๆ สามารถบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น โดย Tiangong นั้นประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลักแบ่งออกเป็น 3 โมดูล คือ Tianhe โมดูลแกนกลางของสถานีซึ่งใช้เป็นพื้นที่พักอาศัยของนักบินอวกาศด้วย มีขนาดภายใน 50 ลูกบาศก์เมตร Wentian โมดูลส่วนต่อขยายใช้งานเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานทดลอง ขนาดพื้นที่ใช้งาน 50 ลูกบาศก์เมตร Mengtian โมดูลส่วนต่อขยายใช้งานเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานทดลอง ขนาดพื้นที่ใช้งาน 32 ลูกบาศก์เมตร โดยโมดูล Mengtian อันเป็นโมดูลสุดท้ายที่ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศนั้นเพิ่งถูกประกอบเข้ากับโมดูลแกนกลาง Tianhe สำเร็จเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ภาพสถานีอวกาศ Tiangong ที่เชื่อมต่อโมดูลต่างๆ จนสมบูรณ์ (ที่มาภาพ: Shujianyang, CC BY-SA 4.0) ก่อนหน้านี้การทดลองระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตนั้น พบว่าแบคทีเรียสามารถสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศได้บนอวกาศและกลับมาถึงพื้นโลกได้โดยไม่ตายไปเสียก่อน ส่วนการทดลองในสัตว์นั้นสหภาพโซเวียตเคยใช้หนูทดลองผสมพันธุ์กันในอวกาศจนมีหนูบางตัวตั้งท้องแต่พบว่าไม่มีหนูตัวไหนสามารถคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัยเมื่อกลับมายังโลก ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ารังสีคอสมิกในอวกาศมีผลทำให้เซลล์สืบพันธุ์ทั้งสเปิร์มและไข่ด้อยประสิทธิภาพในการผสมพันธุ์ลงไป ทั้งนี้การใช้ชีวิตอยู่ในสถานีอวกาศจะทำให้ได้รับรังสีคอสมิกมากกว่าตอนอยู่บนพื้นโลกหลายเท่าเนื่องจากไม่มีชั้นบรรยากาศคอยป้องกันรังสี และนอกจากเรื่องของรังสีแล้วสภาวะไร้น้ำหนักกลางอวกาศยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความสามารถในการสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต เนื่องจากแรงดันโลหิตในร่างกายที่เปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงของมวลกล้ามเนื้อและกระดูก รวมทั้งแรงกระทำต่อร่างกายในอิริยาบถต่างๆ ที่ไม่เหมือนสภาวะบนพื้นโลก รายละเอียดแผนการทดลองของจีนนั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผยเป็นที่แน่ชัดแต่คาดกันว่าจีนจะเริ่มจากการทดลองกับสัตว์เล็กก่อนที่จะส่งลิงขึ้นไปทดลองผสมพันธุ์กัน และก่อนจะถึงขั้นตอนนั้นมีเรื่องมากมายที่ต้องฝึกให้ลิงเพื่อให้มันสามารถใช้ชีวิตในสภาวะไร้น้ำหนักได้ ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร, การขับถ่าย รวมไปถึงขั้นตอนสำคัญของการทำลูก ที่มา - Interesting Engineering
# Matter มาตรฐานอุปกรณ์สมาร์ทโฮมเปิดตัวทางการ เชื่อมต่ออุปกรณ์ข้ามยี่ห้อได้แล้ว โปรโตคอล Matter มาตรฐานกลางสำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมข้ามค่าย เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (สเปกเวอร์ชัน 1.0 ออกเมื่อเดือนตุลาคม) โดยชูว่าตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ 190 รุ่นผ่านการรับรองหรืออยู่ระหว่างการรับรองว่าเข้ากันได้กับ Matter Matter เป็นสเปกที่พัฒนาโดยกลุ่ม Connectivity Standards Alliance (CSA) หรือเดิมใช้ชื่อว่า ZigBee Alliance โดยมียักษ์ใหญ่ในวงการไอทีเข้าร่วมกันพร้อมหน้า ก่อนหน้านี้ Samsung, Google, Apple, Amazon ประกาศรองรับไปแล้ว ในงานเปิดตัว Matter ยังมีบริษัทผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมอย่าง Schneider Electric, Signify, Philips และ Tuya Smart ร่วมสนับสนุน และ Amazon เองก็ประกาศแปะตราสัญลักษณ์ Works with Alexa (WWA) กับอุปกรณ์ที่ใช้งาน Matter ด้วย ที่มา - CSA, Amazon, XDA
# อุโมงค์ต้นแบบ Hyperloop ของ SpaceX กำลังถูกรื้อถอนเพื่อใช้พื้นที่ทำเป็นลานจอดรถ Erik Wright เจ้าของบริษัท Precision Construction Services ผู้ได้รับการว่าจ้างให้ก่อสร้างอุโมงค์ Hyperloop เมื่อปี 2016 ได้เปิดเผยข้อมูลว่าเมื่อไม่นานมานี้บริษัทของเขาได้รับการติดต่อให้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออก เพื่อทำการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งานเป็นที่จอดรถ อุโมงค์ Hyperloop นี้เป็นของบริษัท SpaceX (เจ้าของเดียวกับโทนาฟ Twitter) ตัวอุโมงค์มีรูปหน้าตัดเป็นวงกลมขนาดกว้าง 3.6 เมตร มีความยาว 1 ไมล์ ใช้เพื่อการทดสอบระบบการขนส่ง Hyperloop ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่ด้วยแคปซูลลอยตัวด้วยแรงแม่เหล็ก (คล้ายรถ maglev) ในอุโมงค์สุญญากาศ ด้วยหลักการนี้จะทำให้แรงเสียดทานในระหว่างการเคลื่อนที่ของแคปซูลลดลงมากจนทำให้แคปซูลสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุโมงค์ต้นแบบ Hyperloop ของ SpaceX นี้ถูกก่อสร้างขนานไปตามแนวถนน Jack Northrop ในย่าน Hawthorne ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของ SapceX ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับสนามบิน Hawthorne Municipal นอก Los Angeles จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดทำเลดังกล่าวจึงถูกพิจารณาทำเป็นที่จอดรถ ข่าวการรื้อถอนอุโมงค์ต้นแบบ Hyperloop ของ SpaceX เพื่อทำเป็นที่จอดรถนี้ได้รับการยืนยันจากหนึ่งในสมาชิกสภาเมือง โดยในขณะนี้ชิ้นส่วนของอุโมงค์และร่องรอยงานก่อสร้างเดิมได้หายไปจากแนวเลียบถนน Jack Northrop จนหมดแล้ว และคนงานยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างปรับเปลี่ยนพื้นที่ ที่มา - Bloomberg ผ่าน Interesting Engineering
# Holoride บริการสื่อบันเทิงแบบ VR สำหรับใช้งานในรถยนต์โดยเฉพาะ เริ่มให้บริการจริงแล้ว เวลาที่นั่งรถทางไกลใช้เวลานานๆ หลายคนเลือกที่จะนั่งชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อย ในขณะที่บางคนอาจจะเลือกงีบหลับพักผ่อน ส่วนบางคนอาจหาความบันเทิงให้ตนเองด้วยการรับชมวิดีโอหรือเล่นเกมไป แต่ตอนนี้มีผู้เสนอทางเลือกใหม่สำหรับการฆ่าเวลาระหว่างการเดินทาง ด้วยการนำเสนอสื่อบันเทิงแบบ VR ที่ทำงานสัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของรถที่วิ่งอยู่สร้างประสบการณ์โลกเสมือนที่แปลกใหม่ ผู้ให้บริการสื่อบันเทิงที่ว่านี้คือ Holoride บริษัทที่แยกตัวมาจาก Audi ซึ่งเพิ่งประกาศข่าวเตรียมจะเริ่มให้บริการจริงแล้ว หลังจากใช้เวลาในการพัฒนาระบบมานานกว่า 3 ปี ระบบของ Holoride นอกเหนือจะใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนที่ในตัวเพื่อการแสดงผลที่สัมพันธ์กับการหันหน้าของผู้ใช้แล้ว มันยังอาศัยข้อมูลจากเซ็นเซอร์หลายอย่างของตัวรถ ทั้งพิกัดตำแหน่งจากระบบ GPS, ความเร็วของรถ รวมทั้งอัตราเร่งของรถ ข้อมูลที่ระบบ Holoride ได้จากเซ็นเซอร์ของรถยนต์ทำให้มันสามารถแสดงภาพที่สอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของรถ หากรถวิ่งไปข้างหน้าภาพที่ปรากฏในแว่น VR ก็จะโชว์ภาพเหมือนกับว่าผู้ใช้กำลังเคลื่อนตัวไปด้านหน้าในโลกเสมือน, การเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางของรถ ก็ทำให้ภาพในแว่น VR แสดงการเปลี่ยนทิศทางสัมพันธ์กับรถจริงๆ ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้นจากแรง G ที่กระทำต่อตนเองในขณะนั่งอยู่บนรถที่เคลื่อนที่จริง ในช่วงแรกเริ่มนี้ Holoride มีคอนเทนต์ให้เลือกใช้งานทั้งเกมและสื่อสาระการเรียนรู้ต่างๆ โดยมีเกมให้เล่น 4 เกม และมีสื่อบันเทิงคดีให้เลือกรับชม 4 รายการ นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถท่องอินเทอร์เน็ตหรือรับชมสื่อจากผู้ให้บริการสตรีมมิ่งได้ผ่านเบราว์เซอร์ของ Holoride แต่ในอนาคต Holoride จะเพิ่มคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มของตนเองให้มากขึ้นและหลากหลายยิ่งขึ้น สามารถเข้าไปดูรายละเอียดคอนเทนต์ของ Holoride ได้ที่นี่ คอนเทนต์ของ Holoride ในขณะนี้ Holoride เริ่มขายแพคเกจ Pioneers' Pack ในราคาไม่ถึง 700 ยูโรให้แก่ผู้ที่ซื้อรถยนต์ Audi ตั้งแต่ปีหน้าที่มีระบบ MIB 3 อันเป็นระบบความบันเทิงภายในรถยนต์ของ Audi ติดมาในตัว โดยเริ่มให้บริการในประเทศเยอรมนีก่อนเป็นที่แรก และจะขยายบริการไปยังสหรัฐอเมริกาเร็วๆ นี้ ผู้ที่ซื้อแพคเกจ Pioneers' Pack จะได้รับเครื่องเล่น HTC VIVE Flow จำนวน 1 เครื่อง, จอยเกม 8BitDo Pro 2 จำนวน 1 อัน โดยสามารถใช้บริการรับชมสื่อของ Holoride ได้นาน 1 ปี หลังจากนั้นจะคิดค่าบริการเดือนละ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ชุดอุปกรณ์ใน Pioneers' Pack ทั้งนี้แม้ว่า Holoride จะเป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจาก Audi และจะเริ่มให้บริการแก่ผู้ที่ใช้รถยนต์ Audi เป็นกลุ่มแรก แต่ในอนาคต Holoride จะหาพันธมิตรผู้ผลิตรถยนต์เพิ่มเติมเพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับรถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ ได้ โดยก่อนหน้านี้ในระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยี ทาง Holoride ก็เคยจัดโปรแกรมสาธิตการใช้งานร่วมกับรถ BMW และ Porsche มาแล้ว ที่มา - Ars Technica
# Rockman 11 เป็นเกมภาคหลักขายดีที่สุดตลอดกาล แซง Rockman 2 แล้ว Capcom อัพเดตตัวเลขยอดขายเกมล่าสุดของเดือนกันยายน 2022 มีตัวเลขน่าสนใจคือ Rockman 11 เป็นเกมที่ทำสถิติยอดขายรวมสูงสุดในซีรี่ส์เกมทั้ง 11 ภาค ที่จำนวน 1.60 ล้านชุด แซงหน้า Rockman 2 ซึ่งเป็นภาคที่ขายดีที่สุดก่อนหน้านี้ ความน่าสนใจกว่าคือ Rockman 2 นั้น เปิดตัวในปี 1988 หรือกว่า 30 ปีที่แล้ว ด้วยจำนวนยอดขายรวม 1.51 ล้านชุด เป็นเวลาที่นานมากกว่าสถิตินี้จะถูกทำลาย ถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวของ Rockman 12 (หรือชื่อฝั่งตะวันตกคือ Mega Man) มีเพียงข่าวกำลังพัฒนาเกมภาคใหม่ของซีรี่ส์ย่อยหนึ่งเท่านั้น ที่มา: Rockman-Corner
# Elon Musk สั่งทีมวิศวกร Twitter ลดค่าใช้จ่าย Infrastructure ให้ได้ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ข่าวของ Twitter ยังมีมาเรื่อย ๆ นอกจากการปลดพนักงานแล้ว Reuters ยังมีรายงานว่า Elon Musk ออกคำสั่งให้ลดต้นทุนครั้งใหญ่ โดยให้ทีมงานศึกษาหาวิธีลดค่าใช้จ่ายด้าน Infrastructure ให้ได้ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หรือคิดเป็น 1.5-3 ล้านดอลลาร์ต่อวัน และต้องให้รายละเอียดแผนการลดค่าใช้จ่ายภายในวันที่ 7 พฤศจิกายน ตัวเลขนี้มีที่มาจากผลประกอบการของ Twitter ที่ขาดทุนอยู่ โดยคิดเป็นวันละ 3 ล้านดอลลาร์ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของ Infrastructure ก็คือเซิร์ฟเวอร์และการเช่าพื้นที่คลาวด์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อคุณภาพการให้บริการ โดยเฉพาะเวลามีผู้ใช้งานจำนวนมาก ซึ่งในอเมริกาใกล้ถึงวันจัดการเลือกตั้งกลางเทอม 2022 ที่คาดว่าจะมีคนใช้ Twitter เพื่อแสดงความเห็นจำนวนมาก ก็อาจเป็นการทดสอบว่า Twitter จะรองรับการใช้งานไหวหรือไม่ ที่มา: Ars Technica
# หัวหน้าทีม Instagram ยอมรับ การผลักดัน Reels เป็นภารกิจสำคัญและเร่งด่วนของ Meta Adam Mosseri หัวหน้าทีม Instagram ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg บอกว่าการผลักดัน Reels แพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นแนวตั้ง เป็นภารกิจที่เร่งด่วนและสำคัญมากในตอนนี้ ซึ่งเขาเองก็พยายามรักษาสมดุลไม่ให้ผิดพลาด จากการเร่งผลักดัน Reels บน Instagram มากจนเกินไป ปัจจุบัน Meta บริษัทแม่ของ Instagram และ Facebook กำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ที่สะท้อนจากราคาหุ้นลดลงไปมาก บริษัทประกาศยุทธศาสตร์ชัดเจนว่าจะมุ่งไปยัง Metaverse ซึ่งใช้เงินลงทุนสูง และภาพความสำเร็จยังไม่ชัดนัก เป็นเกมระยะยาว แต่ในระยะสั้น Meta ยังสร้างรายได้เพิ่มขึ้นได้ จากการผลักดันแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น Reels ที่เน้นระบบแนะนำคอนเทนต์เหมือน TikTok เมื่อถามว่าวันนี้ Reels ประสบความสำเร็จแค่ไหน Mosseri บอกว่ามีหลักไมล์สำคัญสองอย่าง ซึ่ง Reels ทำได้ในขั้นแรกแล้วคือทำให้คนใช้เวลาดูวิดีโอมากขึ้น มีการแชร์วิดีโอผ่าน DM มากกว่า 1 พันล้านครั้งต่อวัน ส่วนหลักไมล์ที่สองซึ่งยังไปไม่ถึง คือให้ Reels สร้างรายได้ มีนักการตลาดสนใจและลงโฆษณามากขึ้น ส่วนอัลกอริทึมแนะนำเนื้อหา ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ TikTok ประสบความสำเร็จ เขาบอกว่าช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา Reels ทำได้ดีขึ้นมาก แต่เขายังเห็นโอกาสอีกมากที่จะทำให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้ ที่มา: Bloomberg
# Elon Musk บอกเอง Twitter ตอนนี้มีรายได้ลดลงมาก เพราะสินค้าต่าง ๆ พากันหยุดซื้อโฆษณา เพียง 1 สัปดาห์ หลังจาก Elon Musk ซื้อกิจการ Twitter เขาก็เปิดเผยข้อมูล ว่าตอนนี้รายได้ของ Twitter ลดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากมีกลุ่มเคลื่อนไหว พยายามกดดันผู้ซื้อโฆษณาให้หยุดซื้อโฆษณาบน Twitter โดยเขาบอกว่าตอนนี้ Twitter ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงวิธีกำกับดูแลเนื้อหา พร้อมบอกคนเหล่านั้นกำลังทำลายเสรีภาพในการพูดของคนอเมริกา ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่าหลายผลิตภัณฑ์สินค้า ได้ระงับการลงโฆษณาบน Twitter ชั่วคราว แต่มีเหตุผลต่างกันไป เช่นกรณีของ GM ก็บอกว่าเพราะ Elon Musk เป็นเจ้าของ Tesla ที่ถือเป็นคู่แข่ง Elon Musk เคยให้ความเห็นก่อนหน้านี้ ว่าเขาต้องการให้ Twitter พึ่งพารายได้จากโฆษณาน้อยลง จากปัจจุบันถือเป็นรายได้หลักเกือบทั้งหมด โดยมองโมเดลการขาย subscription อย่าง Twitter Blue ว่าเป็นโอกาสที่จะลดการพึ่งโฆษณา ที่มา: The Verge
# Lenovo รายงานผลประกอบการ กำไรเติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 10 - ธุรกิจ Non-PC คิดเป็น 37% ของรายได้ Lenovo รายงานผลประกอบการของไตรมาสสิ้นสุดเดือนกันยายน 2022 รายได้รวม 17,090 ล้านดอลลาร์ ลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 541 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 10 สะท้อนการปรับปรุงประสิทธิภาพการกำไรที่ดีขึ้น Lenovo บอกว่าทุกกลุ่มธุรกิจล้วนทำกำไรได้ในหน่วยธุรกิจตนเอง ขณะเดียวกันบริษัทก็กระจายธุรกิจออกไปดีขึ้น โดยตอนนี้มีธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับพีซี คิดเป็นรายได้ 7% ของรายได้รวมแล้ว Yuanqing Yang ซีอีโอ Lenovo กล่าวว่าธุรกิจที่โซลูชันและธุรกิจ Infrastructure ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่เกี่ยวกับพีซี มีการเติบโตสูง ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์สร้างการเติบโตใหม่ให้กับบริษัท ที่มา: Lenovo
# Steam บน ChromeOS เข้าสถานะ Beta, ขยายฮาร์ดแวร์ Chromebook ที่รองรับเป็น 20 รุ่น Steam เปิดตัวเวอร์ชัน ChromeOS อย่างเป็นทางการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 โดยเริ่มต้นด้วยสถานะ Alpha และจำกัดการใช้งานแค่บนฮาร์ดแวร์ไม่กี่รุ่นเท่านั้น เวลาผ่านมาครึ่งปีกว่า กูเกิลและ Valve ประกาศ Steam on ChromeOS Beta ใช้งานได้แล้วบน ChromeOS ที่เป็น Beta Channel (เวอร์ชัน 108.0.5359.24 ขึ้นไป) และขยายการใช้งานบน Chromebook เพิ่มเป็น 20 รุ่น โดยสเปกขั้นต่ำต้องเป็น Core i3/Ryzen 3 ที่มีแรมอย่างน้อย 8GB ส่วนวิธีการติดตั้งเพียงแค่หาคำว่า Steam ใน launcher ของ ChromeOS ก็ใช้งานได้แล้ว กูเกิลยังได้เพิ่มรายการเกมที่ลองบน ChromeOS แล้วเวิร์คเป็น 50 เกม มีเกมดังๆ อย่าง Age of Empires II: Definitive Edition, Cuphead, Dark Souls: Remastered, Disco Elysium, Disney Dreamlight Valley, Football Manager 2022, Octopath Traveler เป็นต้น เกมบน ChromeOS จะเลือกเวอร์ชันลินุกซ์มารันก่อน หากไม่มีจะเป็นเวอร์ชันวินโดวส์แล้วรันบน Proton แทน ที่มา - Chromium via 9to5google
# Starlink เริ่มจำกัดปริมาณข้อมูลต่อเดือน 1TB ถ้าใช้เกินจะโดนลดความเร็ว Starlink บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของบริษัท SpaceX ประกาศนโยบาย Fair Use policy กำหนดปริมาณใช้งานข้อมูลไม่เกิน 1TB ต่อเดือน หากใช้เกินจะถูกลดความเร็วลงตลอดเดือนนั้น เพดานข้อมูล 1TB ต่อเดือน นับเฉพาะการใช้งานช่วงกลางวันและหัวค่ำ (ตามเวลาสหรัฐและแคนาดา) ที่มีการใช้งานหนาแน่น ตั้งแต่ 7.00-23.00 น. ส่วนช่วงดึกๆ ไปจนถึงเช้าไม่จำกัดปริมาณข้อมูลส่วนนี้ และหากผู้ใช้จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเกิน 1TB ในความเร็วปกติ สามารถซื้อเพิ่มในราคา GB ละ 25 เซนต์ Starlink ระบุว่ามีผู้ใช้ราว 10% ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ และมีผลบังคับใช้เฉพาะผู้ใช้ตามบ้านเท่านั้น (ผู้ใช้กลุ่มธุรกิจ รถบ้าน การบิน เรือเดินสมุทร ต้องจ่ายแพ็กเกจในอีกราคาอยู่แล้ว) การจำกัดปริมาณอินเทอร์เน็ตต่อเดือน เป็นสิ่งที่ ISP บางรายในสหรัฐอเมริกาทำมาก่อนแล้ว เช่น Comcast มีนโยบายจำกัดข้อมูลที่ 1.2TB ต่อเดือน ที่มา - Starlink via The Verge
# พนักงาน Twitter ที่โดนปลดเตรียมฟ้องบริษัท แจ้งล่วงหน้าไม่ถึง 60 วันตามกฎหมาย การปลดพนักงาน Twitter เกิดขึ้นแล้วในช่วงคืนของวันที่ 4 พฤศจิกายน (ตามเวลาในสหรัฐ) แม้ยังไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการว่าปลดเท่าไร แต่คาดกันว่ามากถึง 50% (อ่านเสียงของคนถูกปลดได้จากแท็ก #TwitterLayoffs และ #OneTeam) พนักงานที่โดนปลดส่วนหนึ่งเริ่มรวมตัวกันเพื่อฟ้องบริษัท Twitter เนื่องจากทำผิดกฎหมาย Worker Adjustment and Retraining Notification Act of 1988 (WARN Act) ของสหรัฐอเมริกา ที่กำหนดว่าการปลดพนักงานมากกว่า 100 คนขึ้นไปจะต้องประกาศล่วงหน้าอย่างน้อย 60 วัน อย่างไรก็ตาม กฎหมาย WARN Act ก็มีช่องโหว่คือจำกัดการชดเชยพนักงานแต่ละคนตามค่าแรงสูงสุด 60 วัน และเสียค่าปรับให้หน่วยงานภาครัฐในแคลิฟอร์เนีย (ที่สำนักงานของบริษัทตั้งอยู่) เพียงวันละ 500 ดอลลาร์เท่านั้น การถูกฟ้องตามกฎหมาย WARN Act ไม่ใช่เรื่องใหม่ของ Elon Musk เพราะ Tesla ก็เคยโดนมาก่อนแล้ว (คดียังอยู่ในชั้นศาล) และตัว Elon เองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นคดี "เล็กน้อย" (trivial) ที่มา - Bloomberg, Yahoo Finance
# Hideo Kojima บอกได้รับข้อเสนอซื้อกิจการบ่อยๆ แต่ไม่ขาย อยากเป็นอิสระ ได้ทำสิ่งที่อยากทำ Hideo Kojima เล่าในรายการพ็อดแคสต์ของเขาเองบน Spotify ว่า บริษัท Kojima Productions ได้รับข้อเสนอซื้อกิจการอยู่เรื่อยๆ ทุกวัน (Every day I am approached by offers from all over the world to buy our studio.) บางรายให้ราคาที่สูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เป้าหมายของเขาไม่ใช่เรื่องเงิน เขาแค่อยากทำในสิ่งที่เขาอยากทำ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการขายสตูดิโอออกไปตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ Kojima ยังบอกด้วยว่าเงินที่ใช้ตั้ง Kojima Productions มาจากเงินตัวเองทั้งหมด 100% (It was 100 percent out of my pocket - no funding from anyone whatsoever) ตอนนี้ Kojima กำลังทำโปรเจคใหม่ร่วมกับไมโครซอฟท์ลง Xbox แต่ยังไม่บอกว่าคือเกมอะไร ในรายการพ็อดแคสต์ตอนนี้ Kojima ยังปฏิเสธข่าวลือว่าเขาไปยุ่งเกี่ยวกับเกม Abandoned ของสตูดิโอ Blue Box Studios ที่มีทฤษฎีว่า Kojima ใช้ชื่อปลอมไปทำเกมนี้ด้วย (เจ้าตัวเคยปลอมตัวเป็นนักพัฒนาชื่ออื่น ทำให้ข่าวลือดูมีมูล) ซึ่ง Kojima บอกว่าเขาไม่รู้จักกับ Hasan Kahraman นักพัฒนาเกมนี้เลย และขอให้ทุกคนหยุดส่งรูปมาให้เขาได้แล้ว ในขณะที่ Blue Box ก็โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ยืนยันว่า Kojima ไม่มีส่วนร่วมจริงๆ เช่นกัน ที่มา - Eurogamer
# แพ็กเกจ Netflix แบบมีโฆษณา ดูไม่ได้บน Apple TV ทุกรุ่น, PS3, Chromecast รุ่นเก่า แพ็กเกจดูสตรีมมิ่งแบบมีโฆษณา Basic with Ads ของ Netflix เริ่มให้บริการจริงไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา (ยังจำกัดแค่ 12 ประเทศและยังไม่มีไทย) สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้แพ็กเกจแบบมีโฆษณาค้นพบคือ มันไม่รองรับการชมสตรีมมิ่งบนฮาร์ดแวร์รุ่นเก่าๆ หลายตัว iOS ต้องเป็นเวอร์ชัน 15 ขึ้นไป Android ต้องเป็นเวอร์ชัน 7 ขึ้นไป Chromecast รองรับเฉพาะรุ่นที่เป็น Google TV เท่านั้น ไม่รองรับ Chromecast รุ่นเก่าๆ รวมถึง Chromecast Ultra Apple TV ไม่รองรับเลยทั้งหมด อยากดูต้องอัพเกรดเป็นแพ็กเกจ Basic ขึ้นไป PS3 ไม่รองรับแล้ว ต้องเป็น PS4 หรือ PS5 เท่านั้น ที่มา - Netflix via xda
# เปิดตัว Radeon RX 7900 XTX และ 7900 XT, สถาปัตยกรรม RDNA 3, แรงขึ้น 54%, รองรับ AV1 เมื่อคืนนี้ AMD เปิดตัวจีพียู Radeon RX 7000 Series ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 3 ตามสัญญา โดยเปิดตัวการ์ดรุ่นท็อปสุดออกมา 2 ตัวคือ Radeon RX 7900 XTX และ Radeon RX 7900 XT (ตามธรรมเนียมปฏิบัติคือ ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ถึงจะออกรุ่นอัพเกรดที่แรงขึ้นเป็น X950 ตามมา) ของใหม่ใน Radeon RX 7000 Series ได้แก่ สถาปัตยกรรม RDNA 3 ที่ประกอบด้วยส่วนย่อยๆ คือ compute units (CU) ที่ออกแบบใหม่ ปรับปรุงทั้ง AI และ ray tracing, การออกแบบชิปแบบ chiplet แบบเดียวกับฝั่งซีพียู แต่เพิ่งนำมาใช้กับจีพียูเป็นครั้งแรก, บัสระหว่างชิป AMD Infinity Cache รุ่นที่สอง ประสิทธิภาพรวม 61 TFLOPS เทียบกับ 23 TLFOPS ในยุค RDNA 2 แค่การใช้ Chiplet Design เพียงลำพัง ช่วยให้เพิ่มความถี่ขึ้นสูงสุด 15% และประสิทธิภาพต่อพลังงานดีขึ้นสูงสุด 54% เทียบกับ RDNA 2 Infinity Cache รุ่นที่สองทำให้แบนด์วิดท์เพิ่มเป็น 5.3 TB/s ดีขึ้น 2.7 เท่า ตัวแผ่น Graphics Compute Die (GCD) หลักใช้การผลิตแบบ 5nm, ส่วน Memory Cache Die (MCD) ใช้การผลิต 6nm AMD Radiance Display รองรับสเปก DisplayPort 2.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ตามข่าวลือก่อนหน้านี้, แบนด์วิดท์ไปที่จอสูงสุด 54 Gbps, สามารถอัดอัตรารีเฟรชไปได้สูงสุดที่ 900Hz@1440p หรือ 165Hz@8K, รองรับสี 12 bit-per-channel รวมเป็นสูงสุด 68 พันล้านสี Dual Media Engine เข้ารหัส-ถอดรหัสวิดีโอพร้อมกัน, รองรับการเข้ารหัส AV1 แล้ว (เพิ่มจาก HEVC) เข้ารหัสได้เร็วขึ้น 7 เท่าเทียบกับการใช้ซอฟต์แวร์อย่างเดียว ฟีเจอร์ฝั่งซอฟต์แวร์ ได้แก่ AMD FidelityFX Super Resolution (FSR) 2.2 และจะอัพเกรดเป็น FSR 3 ที่ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุด 2X ในปี 2023 ในแง่ประสิทธิภาพการเล่นเกมจริงที่นำมาโชว์ การใช้ FSR 2.2 สามารถเล่นเกม Assassin's Creed Valhalla: Dawn of Ragnarök ที่ความละเอียด 8K ที่ 96 FPS ได้แล้ว เฟรมเรตอื่นๆ เทียบระหว่าง 6950 XT กับ 7900 XTX การ์ดรุ่นที่เปิดตัวชุดแรก แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย เริ่มวางขาย 13 ธันวาคม 2022 AMD Radeon RX 7900 XTX 96 CU, คล็อคสูงสุด 2.5GHz, แรม 24GB, Infinity Cache 96MB, memory interface 384-bit, TBP 355W, ราคา 999 ดอลลาร์ AMD Radeon RX 7900 XT 84 CU, คล็อคสูงสุด 2.4GHz, แรม 20GB, Infinity Cache 80MB, memory interface 320-bit, TBP 300W, ราคา 899 ดอลลาร์ ราคาเปิดตัวของ RX 7900 XTX ตั้งที่ 999 ดอลลาร์เท่ากับ Radeon 6900 XT รุ่นท็อปสุดที่เปิดตัวในปี 2020 เมื่อเทียบกับคู่แข่ง GeForce 4090 Ti ที่เปิดราคามาถึง 1,599 ดอลลาร์ ก็ถูกกว่ากันเยอะ ส่วนคู่รอง 7900 XT แรม 20GB ราคา 899 ดอลลาร์ ก็ถูกกว่า GeForce RTX 4080 (แรม 16GB) ตั้งราคา 1,199 ดอลลาร์ นอกจากเรื่องราคาแล้ว AMD ยังบอกว่า Radeon RX 7900 นั้น "อัพเกรดง่าย" เพราะใช้สล็อตของเดิม ขนาดการ์ดเท่าเดิม ถอดแล้วเปลี่ยนอันใหม่ใส่ได้เลย ไม่เหมือนคู่แข่งบางราย ที่มา - AMD
# จีนประกาศอัพเกรดระบบดาวเทียมนำทาง BeiDou ให้ทันสมัยไม่แพ้ระบบของชาติอื่น ทางการจีนเตรียมอัพเกรดระบบการทำงานของดาวเทียมระบุพิกัด BeiDou ของตนเอง (ชื่อตัวย่อคือ BDS มาจาก BeiDou Navigation Satellite System) พร้อมทั้งเผยแพร่ไวท์เปเปอร์ (เอกสารนำเสนอข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ของโครงการ) ฉบับใหม่ในวันนี้ โดยเป้าหมายสำคัญคือยกระดับการทำงานของดาวเทียมระบุพิกัดให้ทันสมัยทัดเทียมกับระบบของชาติอื่น ในการอัพเกรดนี้จะมีการพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่ทั้งระบบการทำงานหลัก, การซ่อมบำรุง รวมทั้งการบริหารจัดการเพื่อการใช้งานดาวเทียมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะมีการปรับปรุงการใช้งานให้ดีขึ้นในหลายด้าน อาทิ การสื่อสารด้วยข้อความ, การเพิ่มคุณภาพสัญญาณทั้งภาคพื้นดินและที่ตัวดาวเทียมเอง, ระบบนำทางเครื่องบินพลเรือน, ระบบนำทางสำหรับการเดินเรือ รวมทั้งปรับปรุงระบบการทำงานสำหรับปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยในระดับนานาชาติ ในแง่การปรับปรุงระบบการทำงานเพื่อการค้นหาและกู้ภัยนั้น BDS จะเปลี่ยนจากการสื่อสารทางเดียวเป็นการสื่อสาร 2 ทาง จากเดิมที่ผู้ประสบเหตุส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือผ่านดาวเทียมนั้นจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีหน่วยกู้ภัยได้รับสัญญาณของตนหรือไม่ ก็จะเปลี่ยนมารับรู้ได้หลังการปรับปรุงนี้ ทั้งนี้ในปัจจุบันระบบดาวเทียม BDS สามารถระบุพิกัดตำแหน่งในระยะคลาดเคลื่อนไม่เกิน 5 เมตร (ในบางพื้นที่คลาดเคลื่อนแค่ 2-3 เมตร) ซึ่งถือว่าทำได้ดีกว่าเป้าหมายในตอนออกแบบที่กำหนดความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 10 เมตร แต่หลังการปรับปรุงระบบในครั้งใหม่นี้ระบบ BDS จะสามารถระบุพิกัดตำแหน่งได้ด้วยความแม่นยำที่คลาดเคลื่อนในระดับเดซิเมตร (นั่นคือคลาดเคลื่อนในระดับไม่กี่สิบเซนติเมตร) ส่วนเรื่องความแม่นยำด้านเวลานั้นระบบดาวเทียม BDS มีความคลาดเคลื่อนในระดับ 10 ns ซึ่งถือว่าทำได้ดีกว่าเป้ายหมายที่ตั้งไว้ 20 ns ในปัจจุบันทางการจีนได้พยายามปรับปรุงการทำงานของระบบดาวเทียม BDS ให้ทำงานควบคู่กับดาวเทียมระบุพิกัดของชาติอื่นๆ ทั้ง GPS ของสหรัฐอเมริกา, GLONASS ของรัสเซีย และ Galileo ของสหภาพยุโรป โดยจากนี้ทางจีนจะพยายามการทำงานร่วมกับดาวเทียมของชาติอื่นทั้งโดยการเพิ่มช่องสัญญาณ และการสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการทำงานร่วมกัน จีนได้เริ่มพัฒนาดาวเทียมระบุพิกัดของตนเองขึ้นในปี 1994 และได้พัฒนาระบบจนพร้อมใช้งานในเฟสแรกที่เรียกว่า BDS-1 ที่มีระบบดาวเทียมระบุพิกัดครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศของจีนได้สำเร็จในช่วงปลายปี 2000 ซึ่งในตอนนั้นถือเป็นประเทศที่ 3 ของโลกที่พัฒนาระบบดาวเทียมระบุพิกัดขึ้นใช้งานเป็นของตนเอง ก่อนที่เฟสต่อมา BDS-2 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ของมหาสมุทนอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกจะพร้อมใช้งานในปี 2012 และเฟสล่าสุด BDS-3 ที่ขยายพื้นที่การทำงานครอบคลุมทั้งโลกเพิ่งแล้วเสร็จในปี 2020 โดยในช่วง 3 ปีหลังมานี้จีนได้ส่งดาวเทียม BDS ขึ้นสู่วงโคจร 30 ดวงด้วยจรวด 18 เที่ยว ที่มา - China Xinhua, China Daily - 1, 2
# Instagram เตรียมเปิดให้ครีเอเตอร์สร้างและขายงาน NFT ในแอป Meta เตรียมจะเปิดให้ครีเอเตอร์สร้างสรรค์และขายผลงาน NFT ผ่านทาง Instagram ได้โดยตรงทั้งภายในแอปเองและลิ้งก์ออกไปนอกแอป แม้ว่ามูลค่าการซื้อขายผลงาน NFT จะตกลงถึง 90% ในช่วงนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดือนมกราคมที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุด นอกจากนี้ ยังเตรียมเพิ่มฟีเจอร์ให้แฟนคลับสามารถสนับสนุนครีเอเตอร์ได้ผ่านการสมัครสมาชิกรายเดือนเพื่อชมคอนเทนต์พิเศษ รวมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ “stars” และ “gifts” ที่ผู้ใช้สามารถกดซื้อเพื่อให้ครีเอเตอร์ได้รับรายได้ Meta กำลังมองหาช่องทางการเพิ่มรายได้ใหม่หลังจากที่รายได้จากการโฆษณาลดลง รวมถึงต้องแข่งขันกับแอปอย่าง TikTok โดยมองว่าการให้ขายผลงาน NFT บน Instagram จะทำให้ครีเอเตอร์และแฟนคลับเข้ามาใช้แอปมากขึ้น Meta ยังสูญเสียรายได้จากการที่ Apple จะเก็บค่าธรรมเนียม 30% จากการซื้อบูสต์เพื่อโฆษณารวมถึงการซื้อผลงาน NFT ภายในแอป Facebook และ Instagram ด้วย ที่มา: Financial Times
# แบงค์ชาติ/ปปง./กสทช. วางมาตรการฝากเงินผ่านตู้อัตโนมัติ ยืนยันตัวตนด้วย OTP ผ่านโทรศัพท์ หลังจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ออกมาตรการบังคับให้มีการยืนยันตัวตนก่อนฝากเงินในเครื่องรับฝากอัตโนมัติ จนกระทั่งผู้ใช้ต้องมีบัตรเดบิตของธนาคารจึงใช้งานได้ ล่าสุด ปปง. และธนาคารแห่งประเทศไทยก็ปรับมาตรการ เป็นการยืนยันตัวตนผ่าน OTP ของโทรศัพท์มือถือโดยไม่มีค่าใช้จ่าย มาตรการใหม่นี้ผู้ใช้จะต้องกรอกหมายเลขบัตรประชาชน และหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่หน้าเครื่อง จากนั้นรอรับ OTP เพื่อยืนยันตัวตนก่อนฝากเงิน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เนื่องจากกสทช.และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ทุกรายได้การสนับสนุน มาตรการนี้เริ่มวันที่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป ที่มา - ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาพโดย mrganso
# Acer เปิดตัวโน้ตบุ๊ก Acer Swift Edge จอ OLED 16 นิ้ว เริ่มต้นที่ 45,990 บาท Acer ไทยเปิดตัวโน้ตบุ๊ก Acer Swift Edge หน้าจอ 4K OLED ขนาด 16 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 400 นิต ตัวเครื่องทำด้วยโลหะผสมแมกนีเซียมอะลูมิเนียม (Mg-Al Alloy) น้ำหนัก 1.17 กิโลกรัม กล้อง Full HD Acer Swift Edge ใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen 6000 U-Series ที่ใช้กระบวนการผลิตขนาด 6 nm จีพียู RDNA2 แรม 16GB ความจุ 1TB มีพอร์ต HDMI 2.1, USB-A และ USB-C Gen 2 รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E แบตใช้งานได้สูงสุด 10.5 ชั่วโมงและรองรับระบบชาร์จเร็ว โน้ตบุ๊กมีเทคโนโลยี Microsoft Pluton ที่เป็นโปรเซสเซอร์ด้านความปลอดภัยที่พัฒนาโดย Microsoft Acer Swift Edge มี 2 รุ่นย่อยดังนี้ Swift Edge โปรเซสเซอร์ Ryzen 5 6600U วางจำหน่ายในราคา 45,990 บาท Swift Edge โปรเซสเซอร์ Ryzen 7 6800U วางจำหน่ายในราคา 45,990 บาท ทั้ง 2 รุ่นมี 2 สี คือ Flax White และ Olivine Black จะวางจำหน่ายในไทยตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน