txt
stringlengths
202
53.1k
# Lego เปิดตัวของเล่น Transformers Optimus Prime ที่แปลงร่างหุ่นเป็นรถบรรทุกได้จริง Lego เปิดตัวชุดตัวต่อหุ่นยนต์ Optimus Prime จากเรื่อง Transformers ที่สามารถแปลงร่างเป็นรถบรรทุกได้จริงๆ เหมือนในการ์ตูน (แปลงร่างในที่นี้คือพับตัวหุ่นอย่างเดียวเลย โดยไม่ต้องถอดชิ้นส่วนมาประกอบใหม่) ของเล่นชุดนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Lego กับ Hasbro บริษัทเจ้าของ Transformers โดยมีจำนวนบล็อคกว่า 1,500 ชิ้น ราคาขาย 169.99 ดอลลาร์ เริ่มวางขาย 1 มิถุนายนนี้ ที่มา - Lego
# กูเกิลโชว์ Android Auto โฉมใหม่ ใช้กับหน้าจอได้หลายขนาด แบ่งจอแสดงข้อมูลได้ กูเกิลโชว์ Android Auto อินเทอร์เฟซสำหรับหน้าจอรถยนต์เวอร์ชันใหม่ ปรับดีไซน์ใหม่เป็น Material Design และออกแบบให้ยืดหยุ่นต่อหน้าจอทุกขนาด จะเป็นจอแนวนอนยาวๆ หรือหน้าจอแนวตั้งก็ได้เช่นกัน หากแสดงผลบนหน้าจอที่มีพื้นที่มากพอ ระบบจะแสดงแบบ split screen ให้เห็นข้อมูลอื่นๆ นอกจากหน้าจอหลัก ช่วยลดความจำเป็นในการสลับหน้าจอลงไป ในแง่ฟีเจอร์อื่นๆ Google Assistant จะเข้ามาช่วยแนะนำข้อมูลที่เราน่าจะสนใจบนหน้าจอได้มากขึ้น เช่น บอกระยะเวลาที่น่าจะเดินทางถึงปลายทาง และเราสามารถตอบข้อความแชทผ่านปุ่มบนหน้าจอได้แล้ว โดยเป็นปุ่มพร้อมข้อความที่ใช้บ่อยๆ เช่น OK, no thanks หรือเป็น emoji เป็นต้น (ของเดิมทำไม่ได้ ต้องตอบด้วยเสียงเท่านั้น) กูเกิลบอกว่าอัพเดตตัวนี้จะปล่อยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า (coming months) แต่ไม่บอกช่วงเวลาที่ชัดเจน ที่มา - Google
# กูเกิลจะขยาย Google Cast ไปยังจอภาพในรถยนต์ และจอโน้ตบุ๊ก Chromebook ด้วย หลายคนอาจรู้จักฟีเจอร์ Google Cast ส่งคลิปวิดีโอหรือเพลงขึ้นไปเล่นบนจอทีวี (ไม่ว่าจะผ่าน Android TV หรือผ่าน Chromecast) กันอยู่แล้ว ในงาน Google I/O ปีนี้ กูเกิลประกาศว่าจะขยายฟีเจอร์ Google Cast ให้กว้างไกลขึ้น โดยจะสามารถส่งคลิปไปยังจอ Chromebook หรือจอภาพในรถยนต์ได้ด้วย แต่กูเกิลยังไม่เผยรายละเอียดและกำหนดการว่าจะได้เห็นกันเมื่อไร นอกจากนี้ กูเกิลยังประกาศว่าแอพ Google TV จะเพิ่มฟีเจอร์ cast ไปยังทีวีด้วยเช่นกัน (เพิ่งมี) ที่มา - Google
# Meta ประกาศยก Jest เฟรมเวิร์คทดสอบภาษาจาวาสคริปต์ ให้ OpenJS Foundation บริษัท Meta ประกาศยกโครงการ Jest เฟรมเวิร์คสำหรับรันทดสอบจาวาสคริปต์ ให้เป็นของมูลนิธิ OpenJS Foundation Jest ถือเป็นเฟรมเวิร์คสำหรับรันทดสอบยอดนิยมตัวหนึ่ง มียอดดาวน์โหลดสัปดาห์ละ 17 ล้านครั้ง ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ปี 2011 ในชื่อว่า "jst" โดยใช้กับฟีเจอร์ Facebook Chat (ในขณะนั้นยังไม่เรียก Messenger) ที่ถูกเขียนใหม่เป็นจาวาสคริปต์ แต่บริษัทพบว่าไม่มีเฟรมเวิร์คสำหรับจาวาสคริปต์ที่ดีพอ จึงสร้างขึ้นมาเอง Jest ถูกโอเพนซอร์สในปี 2014 และถูกดูแลโดยทีมภายในของ Meta จนกระทั่งในปี 2016 ได้ Christoph Nakazawa อดีตพนักงานของ Facebook (ปัจจุบันอยู่กับ Stripe) หาทีมมารับช่วงต่อ จนล่าสุด Meta ตัดสินใจยกให้เป็นขององค์กรกลาง OpenJS Foundation ที่ดูแลโครงการใหญ่ๆ อย่าง jQuery, Node.js, Electron, AMP, webpack อยู่ก่อนแล้ว ในแง่การพัฒนาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โครงการยังเดินหน้าต่อตามแผนเดิม แค่เปลี่ยนเจ้าของเท่านั้น ที่มา - Meta Open Source
# ผู้จัด Thailand Mobile Expo มองตลาดมือถือซบเซา หันจัดงาน Crypto Expo คู่ขนาน งาน Thailand Mobile Expo 2022 ห่างหายจากการจัดไปเกือบ 2 ปี เนื่องจากโรค COVID-19 ระบาด และความตื่นเต้นในวงการโทรศัพท์มือถือที่มีไม่มากนัก จน บมจ. เอ็ม วิชั่น หรือ MVP ผู้จัดงานนี้ต้องปรับตัว และตัดสินใจปรับรูปแบบการจัดงานครั้งล่าสุดวันที่ 12-15 พ.ค. เป็นงานมือถือครึ่งหนึ่ง และงานคริปโตอีกครึ่งหนึ่ง โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MVP เล่าให้ฟังว่า อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือชะลอตัวตั้งแต่ช่วงโรค COVID-19 ระบาด ผู้บริโภคต้องเก็บเงินสดไว้ และไม่มีแรงจูงใจให้เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ส่วนฝั่งผู้ผลิตเองต้องเจอปัญหาชิปขาดแคลน และนวัตกรรมในโทรศัพท์มือถือเริ่มไม่มีอะไรแปลกใหม่ "ช่วง COVID-19 ระบาด เราไม่ได้ไปเจอคนอื่น ถึงโทรศัพท์จะจอแตกก็ไม่เป็นไร และอยากให้ถามตัวเองว่ารอบ ๆ ตัวมีคนเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือหรือไม่?" โอภาส กล่าว และเสริมว่า ตอนนี้ราคาโทรศัพท์มือถือมีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เพราะแต่ละแบรนด์เจอปัญหาชิปขาดแคลนจนมีต้นทุนในการจำหน่ายเพิ่ม จุดนี้เองทำให้ MVP ตัดสินใจปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงาน Thailand Mobile Expo ที่ในที่สุดกลับมาจัดอีกครั้งในวันที่ 12-15 พ.ค. 2022 หลังไม่ได้จัดมา 2 ปี โดยจัดที่ ไบเทค บางนา แต่จะแบ่งพื้นที่จัดงานให้กับ Thailand Crypto Expo งานเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลคนละครึ่ง สำหรับงาน Thailand Crypto Expo จะมีบริษัทเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลทั้งไทย และต่างประเทศเข้ามาแสดงนวัตกรรม และจัดกิจกรรมทางการตลาด เช่น บริษัทเกี่ยวกับกระดานซื้อขาย, บริษัททำโทเคน และตัวแทนจำหน่ายเครื่องขุดบิตคอยน์รูปแบบต่าง ๆ "งานนี้ต่างชาติค่อนข้างสนใจ เพราะเป็นเรื่องใหม่ และพวกเขามองว่าคนไทยตื่นตัวกับเรื่องนี้มาก จนบริษัทต่างชาติที่เข้ามาร่วมงานตัดสินใจซื้อบูตราคา 3.5 แสนบาทได้ในเวลาไม่นาน" โอภาส กล่าว แต่ไม่สามารถเปิดเผยจำนวนผู้เข้าชมงานได้ มีเพียงตัวเลขคาดการณ์เงินสะพัดภายในงานทั้งสองราว 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ โอภาส มองว่า ภายในงานจะเห็นการนำสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ มาใช้ในการทำตลาด เช่น Jaymart นำเหรียญ JFin มาเป็นสกุลเงินในการซื้อขายสินค้า โดย 10 JFin ได้ส่วนลด 550 บาท มากกว่ามูลค่าของเหรียญ (เวลา 10.52 น. วันที่ 13 พ.ค. 2022 บนกระดาน Bitkub ราคา JFin อยู่ที่ 39.06 บาท) ส่วนงาน Thailand Mobile Expo ครั้งถัดไปจะจัดขึ้นในเดือน ต.ค. 2022 โดยเปลี่ยนไปจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และทางผู้จัดยืนยันว่าจะจัดในรูปแบบแบ่งงานมือถือควบคู่ไปกับงานสกุลเงินดิจิทัล แต่ตัวงานจะเน้นหนักไปที่โทรศัพท์มือถือ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังรอบการเปิดตัวรุ่นเรือธงของหลายแบรนด์ อ้างอิง // Thailand Mobile Expo
# ทลายข้อจำกัดของทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานด้วย HUAWEI MateBook 14s กับประสิทธิภาพทรงพลังที่พร้อมนำโลกแห่งแอปพลิเคชันมือถือมาสู่แล็ปท็อปของคุณ ในโลกยุคปัจจุบัน คนรุ่นใหม่คุ้นชินกับการทำกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ และการท่องโลกออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนเป็นประจำ หากอยากสัมผัสประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทดีไวซ์แบบคล่องตัวและต่อเนื่องไม่มีสะสุดเมื่อต้องสลับจากมือถือมาใช้งานบนพีซี อาจถึงเวลามองหาแล็ปท็อปสเปคดีๆ ที่พกพาเทคโนโลยีอัจฉริยะแบบอัดแน่นมาไว้เป็นอุปกรณ์คู่ใจ เวลานี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก HUAWEI MateBook 14s แล็ปท็อปพรีเมียมหน้าจอระบบสัมผัสจากหัวเว่ย ที่นอกจากจะจัดเต็มทั้งในด้านฟีเจอร์ล้ำๆ และดีไซน์บางเบาดูทันสมัย ยังมาพร้อมกับ HUAWEI Mobile App Engine Beta Program เวอร์ชันอัปเกรด ซึ่งจะพาผู้ใช้งานเข้าสู่โลกใหม่ของการใช้งานแอปพลิเคชันที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนบนหน้าจอแล็ปท็อป ใครที่สนใจดีไวซ์รุ่นนี้มาติดตามความพิเศษกันต่อในบทความนี้กันได้เลย อีกขั้นของประสบการณ์การใช้งานแล็ปท็อปกับ HUAWEI Mobile App Engine Beta Program เวอร์ชันอัปเกรด บ่อยครั้งที่เรามีแอปพลิเคชันโปรดที่ใช้เป็นประจำบนมือถือแต่อยากได้ความเต็มอิ่มบนหน้าจอขนาดใหญ่ บอกเลยว่า HUAWEI MateBook 14s ตอบโจทย์แน่นอน เพราะแล็ปท็อปตัวนี้มีทีเด็ดอยู่ที่ HUAWEI Mobile App Engine Beta Program เวอร์ชันอัปเกรด1 ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับแอปพลิเคชันที่มีอยู่บนสมาร์ทโฟนผ่านหน้าจอแล็ปท็อปได้มากกว่า 30 แอปพลิเคชันยอดนิยมในประเทศไทย และยังมีอีกมากกว่า 10,000 แอปฯ จากทั่วโลกที่สามารถเสิร์ชหามาใช้งานได้ เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์บนหน้าจอ HUAWEI FullView Display คมชัด 2.5K ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันเกมสุดฮิตอย่าง Free fire, Worms Zone, Mobile legends และอีกมากมายที่พร้อมให้บรรดาเกมเมอร์จุใจยิ่งกว่าที่เคย แถมยังมีแต้มต่อเมื่อใช้คีย์บอร์ดในการควบคุม จะกี่แมทช์ก็พร้อมชนแบบไม่ต้องกลัว ส่วนสายชอปปิงก็สามารถเปรียบเทียบราคาไอเท็มใน Wish List ได้อย่างเต็มตาอ่านข้อมูลอย่างครบถ้วนบน Shopee, Lazada, JD Central และ Thisshop โดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้าจอไปมาให้เสียเวลา รับรองว่ากดทันทุกดีลเด็ดแน่นอน2 สำหรับเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ก็ไม่น้อยหน้า เพลิดเพลินเสพคอนเท้นต์ได้แบบจุกๆ ทั้ง WeTV, iQiyi, และ Joox ดื่มด่ำความบันเทิงแบบจัดเต็มโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสายตาเพราะแล็ปท็อปหัวเว่ยมีการรับรองการลดแสงสีฟ้าและการกระพริบโดย TÜV Rheinland เพื่อถนอมสายตาของผู้ใช้งานระยะยาวอีกด้วย พกพาไปที่ไหนก็ไม่อายใครด้วยดีไซน์เรียบหรูสะดุดตา พร้อมขุมพลังที่ตอบโจทย์การทำงานทุกรูปแบบ ในยุคสมัยที่การ Work From Home แลดูเอาท์เพราะเราสามารถ Work From Anywhere ได้แบบเก๋ๆ ยิ่งถ้าอุปกรณ์คู่กายคือ HUAWEI MateBook 14s ติดตัวไปที่ไหนก็โดดเด่นและสะดวกสบายสุดๆ ด้วยบอดี้โลหะเรียบหรูที่มีส่วนหนาที่สุดเพียง 16.7 มม. และน้ำหนักเบาเพียง 1.43 กก. มีให้เลือกทั้งสี Space Grey และ Spruce Green3 และไม่ว่างานจะหนักหน่วงแค่ไหนก็เอาอยู่ด้วยขุมพลังของชิปเซ็ต 11th Gen Intel® Core™ i5 และ 11th Gen Intel® Core™ i7H พร้อมหน่วยความจำสูงสุด 16 GB LPDDR4x แบบ dual-channel และความจุสูงสุดถึง 1 TB ทำงานร่วมกับการ์ดจอ Intel® Iris® Xᵉ ทำให้ HUAWEI MateBook 14s ขึ้นแท่นเป็นแล็ปท็อปคู่ใจที่พร้อมลุยงานไปกับคุณทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ที่สำคัญ ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะร้อนเพราะมีพัดลม HUAWEI SharkFin รูปตัว S บางแบบครีบฉลามคู่จะช่วยระบายความร้อนจากการใช้งานได้เป็นอย่างดี พร้อมเสริมลุคให้ดูล้ำสมัยยิ่งขึ้นกับ Fingerprint Power Button ที่ช่วยให้สามารถล็อกอินเข้าเครื่องได้เพียงสแกนลายนิ้วมือได้ทันทีอีกด้วย ตอบโจทย์ความบันเทิงแบบสุดเหวี่ยง เติมเต็มการพักผ่อนของคุณไปอีกขึ้น ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมส์ HUAWEI MateBook 14s ก็พร้อมมอบความสุขและความสนุกสนานเต็มรูปแบบให้กับทุกคน โดยสามารถรับชมภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องโปรดแบบต่อเนื่องหลายๆ ตอนติดต่อกัน และเล่นเกมส์สุดมันส์ผ่าน HUAWEI Mobile App Engine Beta Program บนหน้าจอ HUAWEI FullView Display ความละเอียด 2.5K (2520 x 1680 พิกเซล) แสดงผลได้อย่างคมชัดและจัดจ้านด้วยมาตรฐาน sRGB 100% color gamut ได้ถึง 1.07 พันล้านสี แถมยังไม่ต้องกลัวปวดตาเพราะหน้าจอผ่านการรับรองการลดแสงสีฟ้า (Low Blue Light) และการกระพริบ (Flicker Free Certification) โดย TÜV Rheinland ยิ่งไปกว่านั้นยังให้คุณดื่มด่ำอรรถรสเสียงอย่างเต็มที่ด้วยเทคโนโลยี HUAWEI SOUND อันชาญฉลาด ทำงานข้ามดีไวซ์ได้อย่างสมบูรณ์ ตอกย้ำการใช้ชีวิตแบบไร้รอยต่อ HUAWEI MateBook 14s พร้อมแล้วที่จะทลายขีดจำกัดของการทำงานด้วย HUAWEI Super Device ที่ให้คุณเชื่อมต่อสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ในอีโคซิสเต็มของหัวเว่ยเข้าด้วยกันและยกระดับชีวิตเอไอไร้รอยต่ออย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงหน้าจอสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยได้ถึง 3 แอปพลิเคชันในเวลาเดียวกัน หรือทำงานร่วมกับ HUAWEI MatePad 10.4-inch ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเร็วๆ นี้ ก็สามารถใช้งานฟีเจอร์ Multi-screen Collaboration ทั้ง 3 โหมด ไม่ว่าจะเป็นใช้แท็บเล็ตเป็นจอที่สองสำหรับแสดงเนื้อหาเดียวกันใน Mirror Mode แสดงเนื้อหาต่างกันเสมือนเป็นหน้าจอขยายกับ Extend Mode หรือหากอยากจะลากไฟล์ข้ามดีไวซ์ก็ทำได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหลด้วย Collaboration Mode นอกจากนั้นยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ของหัวเว่ยทั้งหูฟังไร้สาย ลำโพง เมาส์และคีย์บอร์ดบลูทูธ ได้อย่างสะดวกสบายผ่านฟีเจอร์ Pop-Up Pairing ให้คุณสัมผัสประสบการณ์การทำงานเหนือชั้นและชาญฉลาดพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายในยุคดิจิทัล แต่ถ้าใครอยากได้ภาพที่ใหญ่และชัดเต็มตายิ่งกว่า ก็สามารถเชื่อมต่อ HUAWEI MateBook 14s กับจอมอนิเตอร์ล้ำๆ อย่าง HUAWEI MateView เพียงเท่านี้ก็ทำงานได้แบบเต็มอิ่มจุใจยิ่งขึ้น สเปคไม่ธรรมดาในราคาคุ้มค่าพร้อมข้อเสนอที่น่าสนใจ นอกจาก HUAWEI MateBook 14s แล้ว หัวเว่ยยังมีแล็ปท็อปประสิทธิภาพดีในตระกูล HUAWEI MateBook Family ให้เลือกจับจองเป็นเจ้าของอีกหลายรุ่น โดยสามารถสั่งซื้อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พร้อมรับฟรีทันทีกระเป๋าเป้สะพายหลัง HUAWEI Normal Backpack มูลค่า 1,090 บาท วางจำหน่ายรุ่นต่างๆ ดังนี้ HUAWEI MateBook D14 11th Gen Intel® Core™ i3 (8GB+256GB) สี Sliver ราคา 18,990 บาท HUAWEI MateBook D15 11th Gen Intel® Core™ i3 (8GB+256GB) สี Sliver ราคา 17,990 บาท HUAWEI MateBook 14 11th Gen Intel® Core™ i5 (16GB+512GB) หน้าจอทัชสกรีน สี Space Grey ราคา 34,990 บาท รับฟรีของสมนาคุณพิเศษได้แก่ HUAWEI Normal Backpack และ HUAWEI Premium Mouse รวมมูลค่า 2,580 บาท HUAWEI MateBook 14s 11th Gen Intel® Core™ i7 (16GB+512GB) สี Space Grey ราคา 49,990 บาท และโปรโมชั่นพิเศษเพิ่มเติมสำหรับรุ่น i5H processor ลดทันที 4,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 จนถึง 30 มิถุนายน 2565 พร้อมซื้อแล้ววันนี้ผ่านหน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่างเว็บไซต์ HUAWEI Store ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแอปพลิเคชัน Shopee, Lazada, JD Central และ Thisshop และแอปพลิเคชัน My HUAWEI ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน HUAWEI AppGallery #HUAWEIMateBook14s #MobileAppEngine #HUAWEISmartOffice #WorkSmartWithHUAWEI 1HUAWEI MateBook Series รุ่นที่รองรับ HUAWEI Mobile App Engine Beta Program ในปัจจุบันคือ HUAWEI MateBook รุ่น i5 ขึ้นไปและรองรับรุ่น Intel เท่านั้น ได้แก่ HUAWEI MateBook 14s core 11th Gen i7-intel 2021, HUAWEI MateBook 14s core 11th Gen i5-intel 2021, HUAWEI MateBook 14 core 11th Gen i5-intel 2021, HUAWEI MateBook D 14 core 11th Gen i5-intel 2021, HUAWEI MateBook D 14 core 10th Gen i5-intel 2020, HUAWEI MateBook D 15 core 11th Gen i5-intel 2021, HUAWEI MateBook D 15 core 10th Gen i5-intel 2020 และ HUAWEI MateBook X Pro 10th Gen i7-intel 2020 2สามารถเปิดใช้งานพร้อมกันได้มากกว่า 1 แอปพลิเคชันเฉพาะรุ่นที่ใช้ RAM 16GB เท่านั้น 3สี Spruce Green มีเฉพาะ HUAWEI MateBook 14s 11th Gen Intel® Core™ i5H เท่านั้น ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่: Website: http://consumer.huawei.com/th Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH
# บล็อกเชน Terra เปิดกลับคืนมาหลังปิดฟีเจอร์ Staking, ล่าสุดต้องปิดเชนรอบที่ 2 แล้ว เครือข่ายบล็อกเชน Terra ที่ใช้รันเหรียญ Luna กลับมารันต่ออีกครั้ง หลังปิดระบบชั่วคราวเมื่อคืนนี้ โดยอ้างว่าป้องกันการโจมตีเชน (governance attack) เพราะต้นทุนเหรียญ LUNA ถูกลงมาก สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างหยุดรันเชนคือ Terra ได้ออกแพตช์ปิดการทำงานของ staking (หรือบางคนเรียก delegations) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ของบล็อกเชนประเภท proof of stakes (PoS) ที่เปิดทางให้เจ้าของเหรียญสามารถ "ตั้งตัวแทน" (delegates) ไปร่วมโหวตใน pool ได้ โดยที่เรายังเป็นเจ้าของเหรียญอยู่ แต่ให้สิทธิโหวตกับคนอื่นไปแทน (บทความอธิบายอย่างละเอียด) Terra ไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ออกมาชัดๆ แต่ก็เข้าใจกันได้ว่าปิด delegations เพื่อให้การรวมเสียงโหวตเพื่อโจมตีเชนทำได้ยากขึ้นนั่นเอง ตัวแพตช์แก้เปิดซอร์สโค้ดบน GitHub ให้คนทั่วไปเห็นว่าแก้อะไรไปบ้าง อย่างไรก็ตาม หลัง Terra เปิดกลับมาคืนได้ประมาณ 8 ชั่วโมง ล่าสุดตอนเวลา 9.13 น. ของประเทศไทย Terra ประกาศหยุดเชนรอบที่สองแล้ว โดยอธิบายเหตุผลสั้นๆ ว่าขอหยุดเครือข่ายเพื่อวางแผนเตรียมกลับมาใหม่ และขอให้รอประกาศอัพเดตอีกครั้ง ภาพ Do Kwon ผู้ก่อตั้งเครือข่าย Terra จาก @terra_money ราคาของเหรียญ LUNA ก่อนหยุดเชนรอบที่สอง ที่มา - The Block
# 10 ปีไม่สาย Google Keep จะสามารถปรับตัวอักษรเป็นตัวหนา, ตัวเอียง และอื่น ๆ ได้สักที หลังจากเปิดตัวเมื่อปี 2013 ในที่สุด Google ก็อาจพัฒนาให้ Google Keep แอปพลิเคชันจดโน้ตสามารถปรับแต่งรูปแบบตัวอักษรได้สักที เพราะล่าสุดทีม 9to5Google ได้เจาะรายละเอียด APK ของแอปฯ ดังกล่าวในเวอร์ชัน 5.22.182.00 ที่ยังไม่ปล่อยให้ดาวนโหลดทั่วไปบน Play Store พบว่ามีชุดคำสั่งทำตัวหนา, ตัวเอียง, ขีดเส้นใต้ และล้างรูปแบบ เหมือนกับที่ใช้ใน Google Docs, Sheets และ Slides Google Keep ที่ผู้เขียนใช้งานปัจจุบันอยู่ในเวอร์ชัน 5.22.162.00.90 และยังไม่สามารถปรับแต่งตัวอักษรได้ และต้องรอว่าสุดท้ายแล้ว Google จะปล่อยฟีเจอร์นี้ออกมาจริงหรือไม่ในอนาคต อ้างอิง // 9to5Google ภาพจาก Google Keep
# กูเกิลจับมือซัมซุง เปิดตัว Health Connect แพลตฟอร์มเก็บข้อมูลสุขภาพบน Android กูเกิลจับมือกับซัมซุง เปิดตัว Health Connect เป็นแพลตฟอร์มและ API สำหรับ Android ให้นักพัฒนาแอพสายสุขภาพ-ฟิตเนส สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่เก็บไว้ในอุปกรณ์ Android ได้จากที่เดียว แนวคิดเรื่องแพลตฟอร์มเก็บข้อมูลสุขภาพไม่ใช่เรื่องใหม่ และกูเกิลก็มี Google Fit ของตัวเองมานานแล้ว แต่ในโลก Android เดิมเป็นวิธีต่างคนต่างทำ แพลตฟอร์มของใครของมัน เช่น ซัมซุงมี Samsung Health ของตัวเอง หรือ Fitbit ในยุคก่อนโดนกูเกิลซื้อ การมาถึงของ Health Connect เป็นความร่วมมือระหว่างผู้เล่นรายใหญ่บน Android คือ Samsung Health, Google Fit, Fitbit จะมาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน และมีนักพัฒนาบางรายอย่าง MyFitnessPal, Leap Fitness, Withings ประกาศร่วมสนับสนุนแล้ว นักพัฒนาแอพที่สนใจสามารถลองเล่น Health Connect ได้แล้ว ตัวอย่างข้อมูลที่เก็บคือ น้ำหนัก อัตราการเผาผลาญ รอบเดือน โภชนาการ การนอนหลับ ระดับน้ำตาลในเลือด อุณหภูมิร่างกาย เป็นต้น ที่มา - Android Developers
# เอเชียซอฟท์ ไตรมาส 1/2022 รายได้ 403 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย แม้เปิดอีก 3 เกมใหม่ บมจ. เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2022 ว่ามีรายได้ 403.8 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการเกมในประเทศไทย 41% กับในต่างประเทศ 59% ส่วนกำไรสุทธิ 100.5 ล้านบาท ลดลง 19% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน บริษัททำรายได้จากเกมฝั่ง PC มากถึง 78% ส่วนเกม Mobile คิดเป็นสัดส่วน 22% และนอกจากประเทศไทย บริษัทให้บริการเกมในอีก 4 ประเทศคือ สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ล่าสุดพึ่งเปิดบริษัทย่อยในประเทศเวียดนามเพิ่ม เอเชียซอฟท์ ให้เหตุผลถึงรายได้และกำไรสุทธิที่ลดลงว่า แม้เปิดให้บริการ 3 เกมใหม่คือ ตำนานมังกรหยก M กับหวงอี้โมบาย ในไทย และ Real Yulgang Mobile ในเวียดนาม แต่เกมเหล่านี้พึ่งเปิดบริการเดือน มี.ค. 2022 ทำให้ยังรับรู้รายได้ได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับเป็นเรื่องปกติที่รายได้ครึ่งปีแรกจะน้อยกว่าครึ่งปีหลัง บริษัทยังตั้งเป้ามีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2564 ที่ทำได้ 1,862 ล้านบาท ผ่านการเปิดให้บริการเกมใหม่รวมทั้งหมด 12 เกมในปีนี้ กระจาย IP ใหญ่ให้ครอบคลุมทุกไตรมาส และอยู่ระหว่างเจรจาเกมฟอร์มใหญ่อีกจำนวนหนึ่งเพื่อพร้อมให้บริการในปี 2023 ทั้งนี้ เอเชียซอฟท์ เตรียมนำบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซีย CIB Development Sdn. Bhd. เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย เพื่อเตรียมพร้อมขยายบริการเกมในฮ่องกง, มาเก๊า, ไต้หวัน และอินเดีย คาดว่าจะเสร็จสิ้น 1 ปีหลังจากนี้ ส่วน Astronize Platform ที่บริษัทร่วมมือกับ Bitkub เพื่อให้บริการเกมแนว Hybrid Play and Earn คาดว่าจะจัดตั้งบริษัทได้ภายในไตรมาส 2/2022 แต่ยังไม่ระบุระยะเวลาเปิดให้บริการ โดยปัจจุบัน เอเชียซอฟต์ ให้บริการเกมแนว MMORPG ที่เล่นบน PC กว่า 20 เกม เช่น Yulgang และ Flyff เป็นต้น อ้างอิง // Asiasoft 1, 2
# Windows 11 Insider เพิ่มฟีเจอร์แยกแยะข้อความเบอร์โทร-วันที่ แล้วเสนอแอพที่ควรใช้ต่อ ไมโครซอฟท์เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Windows 11 Insider Preview Build 25115 (Dev Channel) เรียกว่า Suggested Actions เมื่อผู้ใช้คัดลอกข้อความบางอย่างที่มีความหมาย เช่น หมายเลขโทรศัพท์ วันที่ ที่อยู่ แล้ว Windows จะนำเสนอสิ่งที่ผู้ใช้น่าจะทำต่อ เช่น กดโทรออกด้วย Teams, สร้างนัดหมายใน Outlook เป็นต้น หลายคนอาจคุ้นกับฟีเจอร์ลักษณะเดียวกันบนอุปกรณ์พกพาอยู่แล้ว การมาถึงของฟีเจอร์นี้บนระบบปฏิบัติการพีซีก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีว่ามีฟีเจอร์อำนวยความสะดวกแบบเดียวกัน ที่มา - Windows Blog
# เพิ่งคิดได้ กูเกิลบอกจะอัพเดตแอพตัวเองกว่า 20 ตัวให้รองรับหน้าจอแท็บเล็ต กูเกิลประกาศกลับมาเอาจริงกับตลาดแท็บเล็ตมากขึ้น ช่วงต้นปีเราเห็นการออก Android 12L สำหรับอุปกรณ์จอใหญ่ ซึ่งจะถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Android 13 และในงาน I/O เราก็เห็นแท็บเล็ตแบรนด์ Pixel วางตลาดปีหน้า 2023 กูเกิลยังประกาศว่าจะอัพเดตแอพของตัวเองกว่า 20 ตัวให้ทำงานกับจอใหญ่ได้ดีขึ้น ที่ระบุชื่อคือ YouTube Music, Google Maps, Messages, Google Slides, Google Translate เป็นต้น นอกจากแอพของกูเกิลเองแล้ว กูเกิลยังจับมือกับผู้พัฒนาแอพดังๆ อย่าง TikTok, Facebook, Zoom, HBO Max ให้ปรับเข้ากับหน้าจอแท็บเล็ตเช่นกัน โดย Google Play Store จะเพิ่มเซกชั่นหมวดแอพที่ปรับมาสำหรับหน้าจอแท็บเล็ตให้เห็นชัดๆ ด้วย ในเซสชันของงาน Google I/O 2022 ยังมีช่วงที่สอนเรื่องการปรับแอพให้เหมาะกับหน้าจอหลากหลายขนาดด้วย ที่มา - Android Developers, Google
# Stripe โอเพนซอร์สโครงการ Markdoc ขยายจาก Markdown แต่เพิ่มแท็กเองได้ Stripe ผู้ให้บริการรับจ่ายเงินออนไลน์ประกาศโอเพนซอร์สโครงการ Markdoc ส่วนขยายของ Markdown ที่ Stripe สร้างไว้ใช้งานภายใน จุดเด่นของ Markdoc คือรองรับเอกสาร Markdown ตามปกติ แต่เปิดให้สร้างแท็กเพิ่มเติมได้เอง โดยแท็กที่ Markdoc เพิ่มเติมมาให้แต่แรก ได้แก่ if/else รองรับการเรนเดอร์ตามเงื่อนไขที่กำหนดด้วยตัวแปรในจาวาสคริปต์ table ตารางที่รองรับข้อมูลซับซ้อนสูง จัดเงื่อนไขภายในได้อิสระ partial สร้าง template ไว้ล้วงหน้าในไฟล์แยกแล้วเรียกใช้งานโดยใส่ตัวแปรเข้าไปภายหลังได้ Markdoc สามารถใช้งานกับเว็บธรรมดาได้ทันที ตัวโครงการมีเอกสารสำหรับอินทิเกรตกับ React และ Next.js ให้ด้วย สัญญาอนุญาตใช้งานเป็นแบบ MIT ที่มา - Markdoc
# ผู้บริหารระดับสูง Twitter ลาออกพร้อมกัน 2 คน - คนหนึ่งเผยถูกบีบให้ออก ผู้บริหารระดับสูงของ Twitter 2 คน ได้ประกาศลาออกจากบริษัท คือ Kayvon Beykpour หัวหน้าฝ่าย Consumer ที่โฟกัสการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ Bruce Falk หัวหน้าฝ่าย Revenue ซึ่งทั้งคู่เพิ่งถูกแต่งตั้งในตำแหน่งใหม่นี้เมื่อปลายปี หลังการเปลี่ยนซีอีโอเป็น Parag Agrawal Beykpour ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงลาเพื่อเลี้ยงดูลูก ได้ทวีตใน thread ชุดใหญ่ว่าเขาถูกซีอีโอ Parag บอกให้ทำเรื่องขอลาออก เนื่องจากต้องการปรับแนวทางของฝ่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเขารู้สึกผิดหวังต่อคำขอนี้ ทั้งนี้ Twitter แต่งตั้งให้ Jay Sullivan มาดูแลฝ่าย Consumer แทน และยังให้เขาดูแลฝ่าย Revenue ชั่วคราวด้วย ยังมีรายงานว่าผลจากการลาออกของ 2 ผู้บริหารระดับสูงนี้ ทำให้ Twitter สั่งหยุดรับพนักงานใหม่ชั่วคราวในสัปดาห์นี้ รวมทั้งเตรียมประกาศแผนลดค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับพนักงานด้วย ที่มา: CNBC
# Terra ระงับการทำงานเชนชั่วคราว หลัง LUNA ราคาลดลงมาก มีความเสี่ยงถูกโจมตี เพราะต้นทุนถูกลง เครือข่ายบล็อกเชน Terra ซึ่งใช้โทเค็น LUNA ได้ระงับการทำงานชั่วคราว โดย Terraform Labs ผู้พัฒนาระบบของ Terra ให้เหตุผลว่าเพื่อป้องกันการถูกโจมตี เนื่องจากราคาเหรียญ LUNA ปรับลดลงมาก จนทำให้ต้นทุนการโจมตีเชนทำได้ด้วยต้นทุนที่ถูกลง ราคาเหรียญ LUNA ล่าสุดอยู่ที่ราว 0.01-0.02 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากการ mint เหรียญออกมาจำนวนมากเพื่อพยุงราคาของ stablecoin UST Terraform บอกว่าเมื่อบล็อกเชนกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง จะแจ้งเครือข่าย validator ให้เริ่มกลับมาทำงานต่อทันที ที่มา: Coindesk
# ไปรษณีย์อังกฤษประกาศแผนนำโดรนมาใช้ส่งพัสดุไปยังพื้นที่ห่างไกล ไปรษณีย์อังกฤษหรือ Royal Mail ประกาศแผนดีพลอยโดรนกว่า 50 เส้นทางในระยะเวลา 3 ปี เพื่อการขนส่งไปยังพื้นที่ห่างไกล ซึ่งจะใช้โดรนจาก Windracers ราว 200 ลำ
 ซึ่งทางไปรษณีย์จะปล่อยโดรนให้บริการโดยเริ่มจากพื้นที่ Isles of Scilly (เกาะนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ) และเกาะ Shetland, Orkney และ Hebrides ในสก็อตแลนด์ Royal Mail เริ่มทดสอบการขนส่งด้วยโดรนตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยรอบล่าสุดทดสอบเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดรนที่ใช้งานเป็นโดรนสองเครื่องยนต์ที่ขนส่งพัสดุไปรษณีย์ได้กว่า 100 กิโลกรัมต่อรอบ และสามารถบินได้ 2 รอบไปกลับต่อวัน ระยะระหว่างปีกโดรนอยู่ที่ 10 เมตร และระบบของโดรนสามารถบินได้แม้ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศที่ยากต่อการบินด้วยระบบ autopilot ซึ่งเมื่อถึงที่หมายแล้วก็จะให้พนักงานไปรษณีย์รับหน้าที่ส่งพัสดุต่อไปยังปลายทางต่อไป Royal Mail ระบุว่าการใช้โดรนช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ และทำให้บริการส่งจดหมายไปยังเกาะต่าง ๆ มีเสถียรภาพ ซึ่งในอนาคต Royal Mail จะเพิ่มโดรนในฟลีตให้ได้ถึง 500 ลำเพื่อให้บริการทั่วสหราชอาณาจักร ที่มา - Royal Mail, Engadget
# Bethesda ประกาศเลื่อนเกม Starfield และ Redfall เป็นปี 2023 Bethesda ประกาศเลื่อนวันวางขายเกมในสังกัด 2 เกมคือ Starfield และ Redfall เป็นปี 2023 โดยระบุว่าสตูดิโอที่รับผิดชอบต้องการเวลาขัดเกลาตัวเกมเพิ่มเติม ทั้ง Starfield และ Redfall ถือเป็นเกม IP ใหม่ของ Bethesda โดยเกมยิงซอมบี้ Redfall เป็นผลงานของ Arkane Austin กำหนดออกกลางปี 2022 ส่วนเกมอวกาศ Starfield ผลงานของ Bethesda Game Studios กำหนดออกเดือนพฤศจิกายน 2022 Bethesda บอกว่าจะแชร์ข้อมูลเกมเพลย์ของทั้งสองเกมในเร็วๆ นี้ ซึ่งน่าจะเป็นงานโชว์เกมของ Xbox วันที่ 12 มิถุนายนนี้ ที่มา - IGN
# กูเกิลโชว์ "แว่นแปลภาษา" รุ่นต้นแบบ ฟังเสียงคนพูดภาษาอื่น แล้วแปลเป็นข้อความบนกระจก อีกหนึ่งไฮไลท์ของงาน Google I/O 2022 คือ "แว่นแปลภาษา" ฮาร์ดแวร์ชิ้นใหม่ของกูเกิลที่หน้าตาเป็นแว่นตาธรรมดา แต่สามารถแสดงผลข้อความบนกระจกแว่นให้ผู้สวมใส่มองเห็นได้ (เป็น augmented reality) แล้วกูเกิลนำไปรวมกับความสามารถด้านแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ทำให้เราสามารถเห็นคำแปลของคู่สนทนาที่พูดคนละภาษาได้ทันที แว่นต้นแบบชิ้นนี้ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ และยังไม่มีข้อมูลว่าจะออกมาทำตลาดจริงๆ หรือไม่ คนใส่แว่นจริงๆ จะเห็นภาพแบบนี้ (ภาพจำลองจากกูเกิล)
# Facebook Pay เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็น Meta Pay และขยายบริการชำระเงินสู่ Metaverse Meta กำลังทยอยเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์ตามชื่อใหม่ของบริษัท โดยล่าสุดจะเป็นคิวของ Facebook Pay ที่กำลังจะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta Pay และอาจมีแผนขยายบริการชำระเงินเข้าสู่ Metaverse ด้วย Stephane Kasriel หัวหน้าฝ่ายฟินเทคของ Meta เขียนใน Medium ว่า ตอนนี้ Meta กำลังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นในการกำหนดสโคปว่ากระเป๋าเงินควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีแผนชัดเจน แต่ที่แน่นอนคือประสบการณ์เหล่านี้จะถูกนำเข้าไปสู่ Metaverse ด้วย Facebook Pay เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2009 ปัจจุบันให้บริการใน 160 ประเทศและ 55 สกุลเงิน มีทั้งบริการชำระเงินระหว่างบุคคล, ธุรกิจ และธุรกิจกับผู้บริโภค และ Kasriel ระบุว่า Meta เห็นโอกาสที่จะให้บริการทางการเงินกับคนอีกกว่า 1.7 พันล้านคนทั่วโลกที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมถึงเห็นโอกาสของ Metaverse ที่จะปลดล็อกศักยภาพในการค้าและธุรกิจอีกมาก ที่มา - Medium, Engadget
# อุปกรณ์ Nest เริ่มรองรับมาตรฐานสมาร์ทโฮม Matter แล้ว, Android อัพเดตตามมาปลายปี Matter เป็นโปรโตคอลกลางสำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่ทำงานข้ามค่ายได้ มีผู้สนับสนุนมากมายทั้ง Amazon, Samsung รวมถึงแอปเปิลและกูเกิลด้วย กูเกิลประกาศไว้ตั้งแต่ I/O 2021 ว่าจะรองรับ Matter ตอนนี้เวลาผ่านมา 1 ปีเต็ม ก็ได้เวลาปล่อยของจริงๆ สักที อุปกรณ์ Nest อุปกรณ์ฝั่งควบคุม (Matter controller) ได้แก่ Google Home speaker, Google Mini, Nest Mini, Nest Hub (1st and 2nd gen), Nest Hub Max, Nest Audio, Nest Wifi จะอัพเดตให้สั่งงานอุปกรณ์ Matter ตัวอื่นได้ ในกรณีของ Nest Wifi, Nest Hub Max, Nest Hub (2nd gen) จะรองรับโปรโตคอล Thread สำหรับสั่งงานระยะไกลกว่า Wi-Fi (เช่น เปิดไฟในสวนหลังบ้าน) ได้ด้วย Nest Thermostat รุ่นใหม่จะรองรับ Matter ทำให้ถูกควบคุมด้วยอุปกรณ์จากค่ายอื่นที่ไม่ใช่กูเกิลได้ อุปกรณ์ Android จะรองรับการเชื่อมกับอุปกรณ์ Matter (เช่น Philips Hue) ผ่าน Android Fast Pair ที่ใช้เชื่อมกับอุปกรณ์ Bluetooth อยู่ก่อนแล้ว เมื่อเชื่อมเสร็จแล้วสามารถสั่งงานอุปกรณ์ได้ผ่าน Google Assistant, แอพ Google Home หรือแถบควบคุม Android Power Controls อัพเดตจะปล่อยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปลายปีนี้ (น่าจะมาพร้อมๆ Pixel 7 หรือ Android 13 ตัวจริง) ในฝั่งของนักพัฒนา กูเกิลยังจะออก Google Home Device SDK และ Google Home Mobile SDK ให้นักพัฒนาทดสอบการสร้างฮาร์ดแวร์และแอพมือถือที่เชื่อมต่อกับ Matter ได้ด้วย ตัว SDK จะออกวันที่ 30 มิถุนายน 2022 ที่มา - Google, Google, Google
# Blackrock และ Citadel ปฎิเสธไม่ได้ทุบเหรียญ UST, เหรียญ USDT หลุด 1 ดอลลาร์ไปเล็กน้อย คนขอไถ่เหรียญออกวันละ 2 พันล้านดอลลาร์ หลังเหตุการณ์เหรียญ UST หลุดค่าที่ตรึงไว้กับดอลลาร์ ก็มีข่าวลือว่าต้นตอของการทุบค่าเหรียญครั้งนี้คือบริษัท Blackrock และ Citadel ล่าสุดทั้งสองบริษัทออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทาง Blackrock ส่งแถลงถึง Forbes ระบุว่าไม่ได้ซื้อขาย stablecoin รวมถึง UST แต่อย่างใด ขณะที่ฝั่ง Citadel นั้นทาง Forbes อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวว่าบริษัทไม่ได้กู้บิตคอยน์มาทุบ UST อย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด แม้ทาง UST จะอยู่ในสถานะป้อมแตกไปแล้ว แต่เหรียญ stablecoin ที่มีการใช้งานมากที่สุดคือ USDT นั้นก็ถูกขายกดอย่างหนักเช่นกัน โดยมูลค่าลดลงตามตลาดซื้อขายต่างๆ ไปเล็กน้อย บางตลาดอาจจะเหลือ 0.95 ดอลลาร์ USDT นั้นต่างจาก UST ที่เป็นเหรียญที่มีสินทรัพย์ค้ำอยู่เต็มมูลค่า แม้ว่าสินทรัพย์ที่ค้ำมูลค่าจะไม่ใช่เงินสดทั้งหมดก็ตาม แต่อาจจะเป็นพันธบัตร, หุ้นกู้, หรือสินทรัพย์อื่นๆ ทาง Tether ผู้สร้าง USDT ออกแถลงระบุว่าตอนนี้มีคนขอไถ่ USDT ออกไปแล้วมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ และกำลังดำเนินการไถ่ถอน USDT อีก 2 พันล้านดอลลาร์โดยไม่มีปัญหาอะไร พร้อมกับยืนยันว่าทาง Tether เปิดให้ผู้ถือ USDT ที่ยืนยันตัวตนได้ไถ่ถอนได้เสมอมา ที่มา - Forbes, CNBC, Tether กราฟราคา USDT ณ เวลาที่เขียนข่าว จาก Coinmarketcap
# อินเทลเตรียมเปิดบริการยืนยันว่าคลาวด์รันในซีพียูอินเทลจริง, เตรียมเพิ่มชุดคำสั่งเร่งความเร็วการเข้ารหัสทนคอมพิวเตอร์ควอนตัม อินเทลเปิดตัว Project Amber บริการยืนยันว่าซอฟต์แวร์ถูกนำไปรันบนซีพียูอินเทลที่ตรวจสอบได้จริง โดยสามารถใช้งานได้ทั้งการตรวจสอบการใช้บริการบนคลาวด์ และบนคอมพิวเตอร์แบบ edge อื่นๆ บริการนี้จะอาศัย trusted execution environment (TEE) ที่อยู่ในซีพียูยืนยันว่าตัวซอฟต์แวร์และข้อมูลที่ถูกใช้งาน (data in use) จะถูกประมวลผลด้วยซีพียูตามรุ่นที่ระบุจริง (ไม่ใช่ระบบจำลอง หรือซีพียู x86 ของแบรนด์อื่นๆ) สามารถตรวจสอบบริการปลายทางได้ทั้งเซิร์ฟเวอร์ bare metal, virtual machine, และ container กระบวนการรักษาความปลอดภัยข้อมูลทุกวันนี้มักพูดถึงข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ (data at rest) เช่นการเข้ารหัสดิสก์ และข้อมูลระหว่างการนำส่ง (data in transit) ซึ่งมักรักษาความปลอดภัยด้วยกระบวนการเข้ารหัสแบบต่างๆ แต่ไม่ป้องกันในกรณีที่ผู้ให้บริการนำโหลดงานไปรันในสภาพแวดล้อมที่มุ่งร้ายเสียเอง บริการนี้จะเริ่มทดสอบกับลูกค้าในช่วงปลายปี 2022 และคาดว่าจะเปิดให้บริการจริงได้ก่อนกลางปี 2023 โดยช่วงแรกจะรองรับ TEE ของอินเทลเองเท่านั้น แต่มีแผนจะรองรับแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วยในอนาคต ประเด็นความปลอดภัยอีกเรื่องที่อินเทลประกาศในเวทีเดียวกัน คือการเตรียมรองรับการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อให้ทนทานต่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต อินเทลระบวุ่าเตรียมการรจะเพิ่มชุดคำสั่งเข้ารหัสข้อมูลที่ทนทานต่อคอมพิวเตอร์คอวนตัมภายในปี 2030 เพื่อให้ข้อมูลถูกเข้ารหัสและปลอดภัยพอ แม้แฮกเกอร์จะดักฟังข้อมูลแล้วนำไปเก็บไว้เพื่อเตรียมถอดรหัสด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต แนวทางการเพิ่มชุดคำสั่งนั้นยังไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากกระบวรการเข้ารหัสที่ทนทานต่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมยังอยู่ระหว่างการกำหนดมาตรฐานจากทาง NIST แต่ที่แน่ชัดคือการขยายขนาดกุญแจสำหรับการเข้ารหัสแบบสมมาตร (symmetric encryption) ที่อินเทลเตรียมรองรับการเข้ารหัส AES-256 แทนที่ AES-128 ที่เป็นมาตรฐานในทุกวันนี้ ที่มา - Intel
# Android 13 ออก Beta 2 เริ่มเปิดให้มือถือยี่ห้ออื่นทดสอบ Beta ด้วย กูเกิลออก Android 13 Beta 2 ในงาน Google I/O 2022 เมื่อคืนนี้ ธีมหลักของ Android 13 ที่ทยอยปล่อยฟีเจอร์มาตั้งแต่ Developer Preview 1 มีด้วยกัน 3 เรื่องคือ privacy, security, developer productivity ในแง่ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้สัมผัสได้อาจมีไม่เยอะนัก ที่ชัดที่สุดคือปรับไอคอนของแอพให้เหมาะกับชุดสีของธีม และการปรับสีย่อย (color variant) ของชุดสีให้เข้ากับภาพพื้นหลังมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่สำคัญของ Android 13 คือ เพิ่มการขอสิทธิ notification, ตัวเลือกภาพ (photo picker) มองเห็นเฉพาะภาพที่ให้สิทธิเข้าถึง, แยกสิทธิของชนิดไฟล์ media, เลือกภาษาได้เป็นรายแอพ, รองรับอุปกรณ์หน้าจอใหญ่ ซึ่งเป็นฟีเจอร์จาก Android 12L สีย่อย (color variant) ที่แตกต่างกัน ชุดธีมไอคอนของแอพ หน้าจอเลือกภาษารายแอพ ตามแผนของกูเกิลจะออก Beta 3 ในเดือนมิถุนายน (เข้าสถานะ Platform Stability ไม่มีเปลี่ยน API แล้ว), Beta 4 เดือนกรกฎาคม และออกตัวจริงช่วงไตรมาส 3 ซึ่งปกติแล้วเป็นช่วงเดือนกันยายนหรือตุลาคม อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ พาร์ทเนอร์ฮาร์ดแวร์หลายราย ได้แก่ ASUS, HMD (Nokia), Lenovo, OnePlus, Oppo, Realme, Sharp, Tecno, Vivo, Xiaomi, ZTE เข้าร่วมโครงการ Android Beta ด้วยเช่นกัน แม้อาจยังเป็นแค่บางรุ่นเท่านั้น รวมถึงยังเป็น Beta 1 ที่ตามหลังกูเกิลอยู่เล็กน้อย (รายชื่อทั้งหมดดูได้จากหน้าเว็บ Android Beta) ที่มา - Google, Android Developers
# เปลี่ยนชื่อกลับอีกแล้ว กูเกิลคืนชีพ Google Wallet มาแทน Google Pay ในหลายประเทศ ในอดีตอันไกลโพ้น กูเกิลมีแอพ Google Wallet ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 และนำไปรวมร่างกับ Android Pay ในปี 2018 เปลี่ยนชื่อมาเป็น Google Pay ข้ามเวลามาถึงปี 2022 กูเกิลเปิดตัวแอพกระเป๋าเงินตัวใหม่ ด้วยชื่อที่ทุกคนเดากันได้ว่า... Google Wallet หน้าที่ของแอพ Google Wallet เวอร์ชันใหม่คือเก็บบัตรต่างๆ ที่เราเคยเก็บในกระเป๋าเงินจริงๆ ในรูปบัตรดิจิทัลแทน ตั้งแต่บัตรเครดิต-เดบิต บัตรประจำตัว (ID card) บัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (boarding pass) ตั๋วเดินทางรายเดือน เป็นต้น แอพ Google Wallet ยังสามารถใช้จ่ายเงินได้ด้วย ประเด็นที่น่าสนใจคือ บริการจ่ายเงิน Google Pay จะยังคงชื่อเดิมไว้แค่ในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ เพียง 2 ประเทศเท่านั้น ผู้ใช้ในประเทศเหล่านี้ (สีเขียวในภาพ) จะใช้บัตรดิจิทัลในแอพ Google Wallet จ่ายเงินผ่านบริการ Google Pay แต่ผู้ใช้ในประเทศอื่นๆ จะเห็นการเปลี่ยนชื่อแอพ Google Pay กลายเป็น Google Wallet ไปเลย (มีข้อยกเว้นคืออินเดียประเทศเดียว ที่ยังใช้ชื่อ Google Pay ทั้งหมด) แอพยังไม่เปิดให้ใช้งานตอนนี้ บอกแค่ว่าจะเปิดทดสอบเร็วๆ นี้บน Android และ Wear OS ที่มา - Google, Android Central
# Jack Dorsey บอกว่า เขาจะไม่กลับไปเป็น CEO ของ Twitter อีกแล้ว Jack Dorsey โพสต์บนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า เขาจะไปไม่กลับไปเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Twitter อีกแล้ว หลังจากถูกคนเมนชันถึงว่า หลังจาก Elon Musk เข้ามาซื้อกิจการ Twitter สำเร็จ จะเรียก Jack Dorsey กลับมามาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปัจจุบัน Jack Dorsey เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Block บริษัทด้านการเงิน และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของ Twitter รวมถึงมีหุ้น Twitter ทั้งหมด 2.4% ถึงตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า หลังจากคณะกรรมการ Twitter รับข้อเสนอซื้อกิจการจาก Elon Musk เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2022 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ทั้งนี้เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2022 Reuters รายงานว่า หากการซื้อกิจการ Twitter สำเร็จ Elon Musk จะส่งผู้บริหารระดับสูงชุดใหม่เข้ามาดูแล Twitter และเขาอาจจะเข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุดในองค์กรนี้ชั่วคราวก่อน ส่วนประธานเจ้าหน้าหี่บริหาร Twitter ตอนนี้คือ Parag Agarwal อ้างอิง // Reuters
# วันนี้ที่รอคอย NVIDIA เปิดซอร์สไดรเวอร์ GPU ฝั่งเคอร์เนลบนลินุกซ์แล้ว ผู้ใช้ลินุกซ์หลายๆ คนอาจจะรอคอยให้ NVIDIA เปิดซอร์สของไดรเวอร์ GPU บนลินุกซ์สักที วันนี้ ความฝันได้เข้าใกล้ความจริงอีกขั้น เมื่อ NVIDIA เริ่มปล่อยซอร์สของไดรเวอร์ GPU ของตัวเองในฝั่งเคอร์เนลแล้ว โค้ดดังกล่าวมาพร้อมกับไดรเวอร์รุ่น R515 (ยังเป็นเบต้าอยู่) และยังไม่รวมถึงโค้ดในฝั่ง userspace ที่จะยังปิดซอร์สต่อไป ไดรเวอร์ฝั่งเคอร์เนลตัวใหม่นี้สามารถใช้ร่วมกับจีพียูตระกูล Turing เป็นต้นไป (นั่นคือตั้งแต่ GTX 16xx และ RTX 20xx) เนื่องจากไดรเวอร์ใช้ GPU System Processor (GSP) ซึ่งเป็นชิปใหม่ที่รับผิดชอบการเริ่มการทำงานและการบริหารจัดการจีพียู NVIDIA กล่าวว่าไดรเวอร์ตัวนี้ "พร้อมใช้งานจริง" ("production" quality) สำหรับจีพียูฝั่งศูนย์ข้อมูลแล้ว แต่ยังไม่เสถียรพอสำหรับจีพียูฝั่งเดสก์ท็อปและเวิร์คสเตชัน แต่สัญญาว่าจะพัฒนาให้มีความเสถียรและฟีเจอร์เทียบเท่าไดรเวอร์เคอร์เนลตัวเดิม (ที่ปิดซอร์ส) ต่อไป ผู้ใช้สามารถเลือกระหว่างการติดตั้งไดรเวอร์ของ NVIDIA ว่าจะใช้ไดรเวอร์เคอร์เนลตัวเดิมหรือตัวใหม่ สำหรับในดิสโทรต่างๆ NVIDIA ระบุว่า Canonical (Ubuntu), SUSE และ Red Hat จะ package ไดรเวอร์เคอร์เนลตัวใหม่ในดิสโทรของตัวเองในอนาคต ในแง่ของการส่งโค้ดกลับเข้าสู่โครงการต้นน้ำลินุกซ์ NVIDIA ระบุว่าเนื่องจากโค้ดบางส่วนถูกพัฒนาขึ้นให้ใช้ร่วมกันระหว่าง OS จึงทำให้ดีไซน์ของโค้ดแตกต่างจากลินุกซ์ และยังไม่สามารถส่งโค้ดกลับไปได้ แต่ NVIDIA มีแผนจะทำงานร่วมกับชุมชนและพาร์ทเนอร์เพื่อดูว่าจะส่งโค้ดกลับไปได้อย่างไร ในระหว่างนี้โครงการ Nouveau ที่เป็นไดรเวอร์โอเพนซอร์สเดิมสามารถอ้างอิงโค้ดนี้เพื่อพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ตามได้ (เช่นเรื่องของ power management ที่เป็นปัญหามาอย่างยาวนาน) สำหรับเหตุผลที่ NVIDIA เปิดซอร์สออกมาครั้งนี้ เว็บไซต์ Phoronix คาดว่าน่าจะมาจากความนิยมของจีพียู NVIDIA ในศูนย์ข้อมูล เนื่องจากการเปิดโค้ดทำให้องค์กรใหญ่ๆ สามารถตรวจสอบโค้ดที่รันในเครื่องของตัวเองได้ อีกทั้งการที่เป็นโค้ดโอเพนซอร์สจะทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์ของลินุกซ์บางอย่างที่สงวนไว้สำหรับโค้ดโอเพนซอร์สเท่านั้น (เช่นระบบตรวจวัดอุณหภูมิของการ์ด หรือ DMA-BUF) ถือเป็นก้าวที่สำคัญของ NVIDIA ที่จะเริ่มสนับสนุนโอเพนซอร์ส แม้ว่าจะช้าไปหน่อยและยังไม่มีโค้ดในฝั่ง userspace แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่า NVIDIA จะเป็นมิตรกับโอเพนซอร์สมากขึ้นในอนาคต โค้ดใหม่นี้ใช้สัญญาอนุญาต MIT ควบคู่กับ GPLv2 ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปศึกษาโค้ดได้ที่ GitHub ที่มา: NVIDIA, Phoronix เพิ่มเติม: ทั้งนี้ เนื่องจากชิป GSP จำเป็นต้องมีเฟิร์มแวร์เป็นของตัวเอง คุณ Hector Martin (ปัจจุบันเป็นนักพัฒนาหลักของ Linux สำหรับ Apple M1) ได้ออกมาให้ความเห็นว่า โค้ดส่วนใหญ่ที่เคยอยู่ในไดรเวอร์เคอร์เนล น่าจะถูกย้ายไปยังเฟิร์มแวร์ของ GSP จึงทำให้สามารถเปิดโค้ดได้ ซึ่งหมายความว่า NVIDIA ก็ไม่ได้เปิดโค้ด "ไดรเวอร์" เสียทีเดียว ผมเห็นว่ามุมมองนี้น่าสนใจดี จึงขออนุญาตเพิ่มเติมในภายหลังครับ
# Sony เปิดตัว Sony Xperia 10 IV สมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก ใช้ Snapdragon 695 ราคา 18,000 บาท Sony เปิดตัว Sony Xperia 10 IV สมาร์ตโฟนรุ่นรองจาก Xperia 1 IV ที่รายงานไปก่อนหน้านี้ เบื้องต้นรูปร่างภายนอกคล้ายกับ Xperia 1 IV แต่มีขนาดเล็กกว่า หรือยาว 154 มม. และกว้าง 67 มม. น้ำหนักรวม 161 กรัม มาพร้อมแบตเตอรี่ 5,000 mAh และรองรับ 5G หน้าจอขนาด 6 นิ้ว อัตราส่วน 21:9 ความละเอียด FHD+ อัตราการรีเฟรชของหน้าจออยู่ที่ 60 Hz ใช้กระจก Gorilla Glass Victus ส่วนซีพียูใช้ Qualcomm 6 นาโนเมตร Snapdragon 695 ใช้แรม 6 GB มีความจุเดียวคือ 128 GB กล้อง Xperia 10 IV มากับกล้องหลัง 3 กล้องประกอบด้วย กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล, กล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล และกล้องซูม 2 เท่า 8 ล้านพิกเซล ทั้งหมดนี้มาพร้อมโหมดช่วยเหลือการถ่ายภาพต่าง ๆ และ Night Mode ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แต่รุ่นนี้ไม่สามารถถ่ายวีดีโอแบบ 4K ได้ Xperia 10 IV ยังมีรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ในกล่องไม่แถมปลั๊กไฟมาให้โดยอ้างเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยรุ่นนี้มี 4 สีให้เลือกคือ ดำ, ขาว, มินท์ และม่วง ราคาเริ่มต้น 499 ยูโร เริ่มวางขายในเดือน มิ.ย. 2022 อ้างอิง // GSM Arena, Sony
# Resident Evil Village ยอดขายทะลุ 6.1 ล้านชุด ดันรายได้ Capcom แตะ 30,000 ล้านบาท Capcom รายงานผลประกอบการปีล่าสุดที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2022 ว่า มียอดขาย 1.1 แสนล้านเยน หรือราว 30,000 ล้านบาท เติบโต 15.5% จากปีก่อน มีกำไรสุทธิ 32,553 ล้านเยน หรือราว 8,700 ล้านบาท เติบโต 30.6% จากปีก่อน เนื่องจากเกมชื่อดังทำผลงานได้ค่อนข้างดี สำหรับเกมที่ทำเงินได้ดีนำโดย Resident Evil Village เกมภาคที่ 8 ของตระกูลนี้ ทำยอดขายกว่า 6.1 ล้านชุด และเกม Monster Hunter Stories 2: Wings of Ruin ทำได้ 1.5 ล้านชุด นอกจากนี้ธุรกิจ Digital Content ของเกมต่าง ๆ ยังจำหน่ายได้กว่า 32.6 ล้านชุด เช่นกัน Capcom แจ้งว่าการเดินหน้าทำตลาด Digital Content ถือเป็นวิธีการดำเนินธุรกิจที่ถูกต้อง และเป็นช่องทางที่สร้างกำไรให้กับกิจการได้เป็นอย่างดี จนเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของการช่วยให้ธุรกิจมียอดขายเติบโตเป็นสถิติใหม่ 5 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้เมื่อเดือน เม.ย. 2022 ทาง Capcom ปรับเปลี่ยนยอดขายคาดการณ์ยอดขายประจำปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดเดือน มี.ค. 2023 เนื่องจากแต่ละเกมที่เปิดตัวทำผลงานได้ค่อนข้างดี เช่น Devil May Cry 5 ทำยอดขายทะลุ 5 ล้านชุด หากนับถึงสิ้นเดือน เม.ย. 2022 อ้างอิง // Eurogamer
# กูเกิลเปิดตัวหูฟัง Pixel Buds Pro มี ANC ปรับให้เหมาะกับหูแต่ละคนได้ ราคา 199 ดอลลาร์ ฮาร์ดแวร์อีกตัวที่กูเกิลเปิดตัวเมื่อคืนนี้คือ Pixel Buds Pro หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ ที่เพิ่มฟีเจอร์ Active Noise Cancellation (ANC) เช่นเดียวกับหูฟังไร้สายคู่แข่งรุ่นอื่นๆ ในราคาที่เพิ่มขึ้นอีกนิดเป็น 199 ดอลลาร์ (Pixel Buds 2 ตัวเดิมของปี 2020 ขาย 179 ดอลลาร์) กูเกิลโฆษณาว่าใช้ชิปเสียง 6 คอร์แบบคัสตอมที่ออกแบบเอง รันอัลกอริทึมของกูเกิลเอง ปรับแต่งลำโพงเอง รวมกันเป็นเทคโนโลยีที่เรียกว่า Silent Seal ปรับแต่งการทำงานของ ANC ให้เหมาะกับหูของแต่ละคน มีเซ็นเซอร์วัดระดับความดันในรูหูเพื่อให้ใส่ได้สบายเป็นเวลานานๆ ฟีเจอร์ทางซอฟต์แวร์อื่นๆ คือ Volume EQ ปรับระดับเสียงให้สมดุล และจะรองรับ spatial audio ผ่านซอฟต์แวร์อัพเดตในภายหลัง รองรับการสลับอุปกรณ์อัตโนมัติ (ใช้กับ iOS ได้) และฟีเจอร์มาตรฐานอย่าง Google Assistant แบตเตอรี่ใช้ได้นาน 11 ชั่วโมง ถ้าเปิด ANC ด้วยใช้ได้ 7 ชั่วโมง ตัวหูฟังกันน้ำ IPX4 เป็นดีไซน์ทูโทน เน้นสีสันสดใส (ส้ม Coral, เหลือง Lemograss, ฟ้าอ่อน Fog, เทา Charcoal) ส่วนเคสกันน้ำ IPX2 มีให้เลือกสีขาวสีเดียว เริ่มวางขาย 21 กรกฎาคม 2022 การเปิดตัว Pixel Buds Pro ทำให้กูเกิลเลิกขาย Pixel Buds 2 ตัวเดิมไปเลย เท่ากับว่าตอนนี้มีหูฟังขายแค่ 2 รุ่นคือ Pixel Buds Pro 199 ดอลลาร์ และ Pixel Buds A-Series รุ่นเล็ก 99 ดอลลาร์ ส่วนระดับราคาของ Pixel Buds Pro เท่ากับ Samsung Galaxy Buds Pro 199 ดอลลาร์ และถูกกว่า AirPods Pro ที่ตั้งราคา 249 ดอลลาร์ ที่มา - Google
# เกาหลีเหนือรายงาน COVID-19 ระบาดเป็นครั้งแรก สั่งล็อคดาวน์, ประกาศภาวะฉุกเฉิน เกาหลีเหนือรายงานอย่างเป็นทางการว่ามีการระบาดของโรค COVID-19 เป็นครั้งแรกในประเทศ หลังมีประชาชนเป็นไข้ ทางการจึงได้ตรวจและพบว่าเป็น COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน BA.2 แต่ไม่ได้รายงานว่ามีจำนวนผู้ติดโรคกี่คน นี่เป็นการรายงานครั้งแรกหลัง COVID-19 เริ่มระบาดในประเทศจีนกว่า 2 ปีที่แล้ว โดยผู้นำคิม จองอึนได้สั่งการล็อคดาวน์ทั้งประเทศ โดยมีข้อยกเว้นคือคนทำงานในโรงงานกับชาวไร่ให้ทำงานได้แต่ต้องแยกตัว นอกจากนี้ยังสื่อสารกับประชาชนทุกคนว่าศัตรูที่แย่กว่าไวรัสคือความกลัวอย่างไม่เป็นวิทยาศาสตร์ รวมถึงการขาดความเชื่อมั่นและความตั้งใจ ก่อนหน้านี้เกาหลีเหนือยืนยันมาตลอดว่าไม่มีการระบาดของ COVID-19 ในประเทศ แต่ผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศยังคลางแคลงใจ เนื่องจากอาจจะไม่มีการตรวจที่เพียงพอ อีกทั้งเกาหลีเหนือยังปฏิเสธความช่วยเหลือด้านโรคระบาดจากต่างประเทศด้วย แต่เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะเปลี่ยนท่าทีหรือไม่ เกาหลีเหนือได้ใช้มาตรการป้องกันไวรัสเข้าประเทศอย่างเข้มข้น เช่นสร้างเขตที่ติดกับจีนขึ้นมา หากมีการลักลอบข้ามชายแดนก็ยิงทันที อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือไม่ใช่ประเทศเดียวที่ระบุว่าไม่มีการระบาดของโรค COVID-19 เพราะประเทศเล็กๆ หรือประเทศเกาะอย่าง เติร์กเมนิสถาน, ตูวาลู และนาอูรู ก็รายงานว่าไม่มีผู้ติดเชื้อเช่นกัน ที่มา - The New York Times ภาพโดย Tomoyuki Mizuta / Pixabay
# เมื่อไหร่จะได้วอล์คอิน? Sony เปิดจอง PS5 ล็อต 17 ศุกร์ที่ 13 เวลา 11.00 โซนี่ไทยประกาศเปิดจอง PlayStation 5 ล็อตที่ 17 วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคมนี้ เวลา 11.00 ส่วนราคายังเหมือนเดิมคือ PlayStation 5 รุ่นใส่แผ่น 16,990 บาท PlayStation 5 รุ่นใส่แผ่น พร้อม DualSense และทีวี Bravia XR-55X90J 50,490 บาท ที่มา - Sony Thai
# Real Madrid, Liverpool และสโมสรฟุตบอลชั้นนำ โพสต์สนับสนุน และเข้าร่วม EA Sports FC จากข่าวการแตกหักระหว่าง EA และ FIFA ล่าสุดทีมสโมสรชั้นนำของโลก เช่น Real Madrid, Livepool, Borussia Dortmund และทีมจาก MLS ลีกฟุตบอลอาชีพของสหรัฐอเมริกา ต่างโพสต์บนโซเชียลมีเดียของตัวเองในลักษณะให้การสนับสนุน และเข้าร่วมใน EA Sports FC เกมฟุตบอลเสมือนจริงเกมใหม่ของ EA ทีมสโมสรเหล่านี้ยังโพสต์ว่า เตรียมพบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเดือน ก.ค. 2023 ซึ่งบางทีมในที่นี้เคยร่วมกันจัดตั้ง European Super League การแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับ สหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป หรือ UEFA จน สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA ไม่พอใจ และเตรียมสั่งแบน แต่สุดท้ายเรื่องทั้งหมดก็ไม่เกิดขึ้น แม้จะไม่ได้ร่วมมือกับ FIFA แล้ว แต่ EA ได้เซ็นสัญญากับนักฟุตบอล, สโมสร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อทำให้ตัวเกม EA Sports FC ได้ข้อมูลจริงเหมือนกับที่ใช้ในเกม EA FIFA มาตลอด นอกจากนี้ EA ยังยืนยันว่า การไม่มี FIFA เข้ามาเกี่ยวข้องจะช่วยปลดล็อคความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างเกมฟุตบอลเสมือนจริงหลังจากนี้ สำหรับเกม FIFA 23 ที่จะเปิดตัวในเดือน ก.ย. 2022 จะเป็นเกมภาคสุดท้ายที่ EA และ FIFA ทำงานร่วมกัน ส่วน FIFA จะทำงานกับนักลงทุน, นักพัฒนา และบริษัทจัดจำหน่าย เพื่อให้บริการเกมฟุตบอลที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับฟุตบอลโลกในช่วงไตรมาส 3 2022 และจะเปิดตัวเกมฟุตบอลเสมือนจริงของตัวเองที่มีชื่อ FIFA ในปี 2023 อ้างอิง // IGN, HITC
# Disney+ มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 7.9 ล้านราย ในไตรมาสที่ผ่านมา ดิสนีย์รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดวันที่ 2 เมษายน 2022 ในภาพรวมบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 23% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 19,249 ล้านดอลลาร์ Bob Chapek ซีอีโอดิสนีย์ อัพเดตตัวเลขของบริการสตรีมมิ่ง Disney+ ว่ามีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นในไตรมาสอีก 7.9 ล้านราย ทำให้จำนวนสมาชิกรวมเพิ่มเป็น 137.7 ล้านราย ส่วนซีเอฟโอ Christine McCarthy บอกว่าในครึ่งหลังของปี คาดว่าสมาชิก Disney+ ยังเพิ่มขึ้น แต่จำนวนที่เพิ่มจะไม่มากกว่าครึ่งแรกของปีนัก ตัวเลขสมาชิก Disney+ ในไตรมาสที่ผ่านมาเป็นที่จับตามอง เนื่องจาก Netflix รายงานผลประกอบการโดยมีจำนวนสมาชิกลดลง 2 แสนราย ข้อมูลกลุ่มธุรกิจอื่นเพิ่มเติม สวนสนุกในอเมริกาเริ่มมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ยังไม่กลับไปเท่าระดับก่อนมีโควิด สวนสนุกในปารีสเตรียมฉลองครบรอบ 30 ปี สวนสนุกในฮ่องกงกลับมาเปิดตั้งแต่ 21 เมษายนที่ผ่านมา และสวนสนุกในเซี่ยงไฮ้ยังปิดให้บริการตามมาตรฐานล็อกดาวน์ ที่มา: CNBC
# Airbnb เพิ่มฟีเจอร์ค้นหา แยกตามหมวดที่พักใหม่, ไปเมืองเดียว นอน 2 ที่พัก Airbnb ประกาศปรับปรุงเครื่องมือค้นหาที่พัก ซึ่งระบุว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่สุดในรอบสิบปี รองรับการเปิดเมืองและกลับมาเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยซีอีโอ Brian Chesky บอกว่าพฤติกรรมคนได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว คนจะหาสถานที่เพื่อเที่ยวและทำงานไปพร้อมกัน และคนจะพักแต่ละสถานที่นานมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงแรกคือ Airbnb Categories เป็นการค้นหาที่พักแยกตามหมวด ทำให้ผู้ใช้งานค้นหาและค้นพบที่พักใหม่ ๆ ประสบการณ์ใหม่ ๆ มากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้รองรับ 56 หมวด ในที่พักกว่า 4 ล้านแห่ง สิ่งถัดมาคือ Split Stays เพื่อรองรับการเดินทางที่ใช้เวลามากขึ้น ตัวเลือกทริปเมืองเดียว 2 ที่พัก จะปรากฏเป็นทางเลือก ตัวอย่างที่ Airbnb ยกมา เช่นการพักแบบแคมป์ในอุทยาน ซึ่งมีการเปลี่ยนที่พักระหว่างทริป สุดท้ายคือ AirCover แผนคุ้มครองการเดินทาง เช่น รับประกันหากโฮสต์ยกเลิกกะทันหันใน 30 วัน, ไม่สามารถเช็กอินได้ในวันนั้น, ที่พักไม่ตรงปก และฮอตไลน์ความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ที่มา: Airbnb
# Google เผย RCS บน Android มีผู้ใช้งานแล้วกว่า 500 ล้านคน - หวังว่า iOS จะรองรับ Sameer Samat รองประธานด้าน Product Management ของกูเกิล เปิดเผยในงาน I/O 2022 ว่าตอนนี้ Android มีผู้ใช้งาน RCS บนแอป Google Messages แล้วมากกว่า 500 ล้านคน RCS หรือ Rich Communication Services เป็นมาตรฐานการส่งข้อความที่กูเกิลพยายามผลักดัน โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ทั่วโลก มุ่งหวังให้มาแทนที่ SMS เนื่องจากรองรับฟีเจอร์ของแอปส่งข้อความสมัยใหม่ เช่น วิดีโอคอลล์ แชร์ไฟล์ คุยแบบกลุ่ม และการส่งข้อความแบบเข้ารหัส end-to-end Samat ยังพูดไปถึงคู่แข่ง iOS ที่ใช้ iMessage เป็นมาตรฐาน บอกเราก็หวังว่า RCS จะสามารถส่งข้อความไปได้ทุกที่ และทุกระบบปฏิบัติการมือถือจะรองรับ ที่มา: 9to5Google
# Google Maps เพิ่ม Immersive view แสดงผลแลนด์มาร์กสำคัญสมจริงยิ่งขึ้น ราวกับไปอยู่ที่นั่น Google Maps เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ เพื่อให้การใช้งานมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังปรับปรุงการแนะนำเส้นทาง เน้นไปที่การใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายละเอียดดังนี้ ฟีเจอร์แรกคือ Immersive view ปรับปรุงการแสดงภาพสถานที่ต่าง ๆ ใน Maps ให้สมจริงกว่าเดิม ผู้ใช้งานจะเห็นรายละเอียดของแลนด์มาร์กสำคัญที่มากขึ้น กูเกิลบอกว่าราวกับพาเราไปอยู่ที่นั่นจริง ๆ นอกจากนี้ยังลงรายละเอียดดูข้อมูล เช่น ร้านค้าภายในอาคารสถานที่ บรรยากาศภายในสถานที่จัดงานแสดง ตลอดจนภาพสถานที่เดียวกัน ก็เลือกดูในช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้ Immersive view จะรองรับบนทั้งบนสมาร์ทโฟนและเว็บ แต่แสดงผลเพียงบางเมืองก่อน ในช่วงแรกได้แก่ ลอสแองเจลลิส, ลอนดอน, นิวยอร์ก, ซานฟรานซิสโก และโตเกียว ภายในปีนี้ และเมืองอื่นในอนาคต ฟีเจอร์ต่อมาคือการแนะนำเส้นทางแบบโฟกัสที่การใช้พลังงาน eco-friendly routing ดูว่าเส้นทางขับรถใดใช้น้ำมันมากที่สุด เริ่มที่อเมริกาและแคนาดาก่อน จากนั้นจะขยายไปที่ยุโรปต่อ สุดท้ายเป็นฟีเจอร์ของนักพัฒนา Live View โดยนำไปเพิ่มใน ARCore Geospatial API ทำให้แอปต่าง ๆ นำไปใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ที่มา: กูเกิล
# กูเกิลกลับมาทำแท็บเล็ตอีกครั้ง โชว์ภาพแท็บเล็ตแอนดรอยด์แบรนด์ Pixel ขายปี 2023 กูเกิลหวนคืนวงการแท็บเล็ต โชว์ภาพของแท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Google Tensor มีกำหนดวางขายปี 2023 จากภาพที่เห็นเป็นแท็บเล็ตขนาดประมาณ 9-10 นิ้ว ใช้ขอบโค้งมน ใช้กล้องหลัง 1 ตัว แต่ยังไม่มีรายละเอียดอื่นตามมา ตอนนี้ยังไม่รู้ว่ากูเกิลจะใช้ชื่อ Pixel Tablet ทำตลาดหรือไม่ ถ้ายังจำกันได้ กูเกิลเคยมีแท็บเล็ต Pixel Slate ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Chrome OS ออกมาในปี 2018 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก
# Google ขยายฟีเจอร์สีผิวเหมือนจริง Real Tone ไปทุกผลิตภัณฑ์ และ Open-Source งานวิจัย Monk Skin Tone กูเกิลประกาศในงาน I/O 2022 ว่าจะขยายคุณสมบัติ Real Tone การปรับปรุงภาพถ่ายสีผิวบุคคลให้สมจริงที่สุด ที่เปิดตัวใน Pixel 6 เมื่อปีที่แล้ว ไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นของกูเกิลทั้งหมด โครงการนี้กูเกิลพัฒนาร่วมกับ Dr. Ellis Monk จาก Harvard ที่ศึกษาข้อมูลรูปแบบสีผิวของบุคคลมากว่า 10 ปี จนได้สเกลสีผิวออกมา 10 เฉด เรียกว่า Monk Skin Tone (MST) ซึ่งกูเกิลพบว่าเหมาะสมในการใช้งานจริงมากกว่ามาตรฐานปัจจุบันที่แบ่งเป็น 6 ระดับหรือ Fitzpatrick Skin Type ในเบื้องต้นกูเกิลจะนำ MST มาใช้กับ Google Photos โดยเพิ่มเป็นฟิลเตอร์ในการค้นหาและปรับปรุงภาพถ่าย มีผลในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า นอกจากนี้กูเกิลยังโอเพนซอร์สงานวิจัยแยกสีผิวแบบ MST เพื่อหวังให้เกิดการใช้งานที่แพร่หลายอีกด้วย ที่มา: กูเกิล
# กูเกิลโชว์ภาพ Pixel 7 ให้ดูล่วงหน้า ใช้ดีไซน์คล้าย Pixel 6 แต่ปรับโทนสี ชิป Tensor รุ่น 2 กูเกิลโชว์ภาพของ Pixel 7 และ Pixel 7 Pro ตามธรรมเนียมกูเกิลยุคใหม่ที่เน้นโชว์ภาพล่วงหน้านานๆ ก่อนเปิดตัว หน้าตาของ Pixel 7 ยังใช้แถบกล้องด้านหลังแบบ Pixel 6 แต่ปรับดีไซน์ใหม่ แถบกล้องเปลี่ยนเป็นสีเงิน-สีทองแทนสีดำ เห็นเลนส์กล้องชัดเจนเพราะสีแตกต่างจากแถบกล้องมากขึ้น จากภาพจะเห็นว่า Pixel 7 Pro ยังใช้กล้องหลัง 3 ตัว และ Pixel 7 ใช้กล้องหลัง 2 ตัวเหมือนเดิม ข้อมูลอื่นเท่าที่เปิดเผยคือใช้ชิป Tensor รุ่นใหม่ และมาพร้อม Android 13
# นาฬิกา Pixel Watch มาแล้ว ดีไซน์วงกลมไร้ขอบ มีฟีเจอร์ฟิตเนสจาก Fitbit ขายปลายปี 2022 กูเกิลเปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรกของตัวเอง Pixel Watch ที่ลือกันมานาน ใช้ดีไซน์โค้งเป็นโดมวงกลมไร้ขอบตามภาพที่เคยหลุดออกมา เท่าที่เห็นจากในคลิป สายของนาฬิกา Pixel เป็นแบบแม่เหล็กที่แปะติดได้ง่าย วัสดุของตัวเรือนเป็นสเตนเลสรีไซเคิล ข้อมูลอื่นที่ทราบคือระบบปฏิบัติการ Wear OS ใหม่ที่ให้ "ประสบการณ์กูเกิล" มีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและฟิตเนสจาก Fitbit และมีแอพสำคัญๆ ฝั่งกูเกิลอย่าง Maps, Assistant, Wallet ตอนนี้ยังมีข้อมูลสเปกของ Pixel Watch ออกมาไม่เยอะ กูเกิลบอกว่าเป็น first look นำมาโชว์ให้ดูกันก่อนเฉยๆ และจะเปิดเผยรายละเอียดตามมาในภายหลัง กำหนดการวางขายคือฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 ซึ่งก็น่าจะตรงกับรอบเปิดตัว Pixel ใหม่ช่วงเดือนตุลาคม ที่มา - Google
# Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ขาประจำบอก iPhone จะเปลี่ยนไปใช้ USB-C เริ่มปี 2023 (iPhone 15) Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สายซัพพลายเชน ที่มีประวัติให้ข้อมูลสินค้าใหม่แอปเปิลถูกต้องหลายครั้ง คราวนี้เขาออกมาให้ข้อมูลล่าสุดทางทวิตเตอร์ ว่าแอปเปิลเตรียมยกเลิกพอร์ต Lightning ใน iPhone รุ่นใหม่ที่จะออกช่วงปลายปี 2023 (iPhone 15?) แล้วเปลี่ยนไปใช้ USB-C แทน ซึ่งจะทำให้ iPhone มีความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลที่ดีขึ้น ตลอดจนการชาร์จไฟก็ทำได้เร็วขึ้นด้วย ที่ผ่านมาข้อมูลของ Kuo จะบอกมาตลอดว่าแอปเปิลไม่มีแผนเปลี่ยนไปใช้ USB-C กับ iPhone ด้วยสองสาเหตุคือ รายได้จากธุรกิจ MiFi หากยังคงใช้สาย Lightning และการต้องปรับสเป็กความสามารถกันน้ำถ้าใช้ USB-C อย่างไรก็ตามหากแอปเปิลจะเปลี่ยนมาใช้ USB-C กับ iPhone ตอนนี้ ก็อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งแรงกดดันจากนโยบายล่าสุดของคณะกรรมการยุโรป ที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องใช้ USB-C ขณะเดียวกัน iPad หลายรุ่นก็เปลี่ยนมาใช้ USB-C แล้ว ที่มา: MacRumors
# เปิดตัว Pixel 6a ใช้ชิป Tensor ตัวเดียวกับรุ่นพี่, กล้องหลัง 2 ตัว ราคาถูกลงเหลือ 449 ดอลลาร์ กูเกิลเปิดตัว Pixel 6a ตามความคาดหมาย หน้าตาของ Pixel 6a เดินตามแนวทางของ Pixel 6 ที่มีแถบกล้อง (camera bar) เด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหลัง แถมใช้โทนสีชุดคล้ายกันคือ Chalk (ขาว), Charcoal (เทาเข้ม), Sage (เขียว) จุดเด่นของ Pixel 6a ใช้ชิป Google Tensor ตัวเดียวกับ Pixel 6/6 Pro ส่วนสเปกด้านอื่นก็ลดหลั่นกันลงมาตามธรรมเนียม หน้าจอ 6.1" 60Hz OLED 1080x2400 ใช้กระจก Gorilla Glass 3 (Pixel 6 รุ่นปกติ 6.4" 90Hz Gorilla Glass Victus) แบตเตอรี่ 4400 mAh รองรับ Fast Charge แบบมีสาย (รุ่นปกติ 4600 mAh รองรับ Fast Charge ไร้สาย) แรม 6GB สตอเรจ 128GB มีรุ่นเดียว (รุ่นปกติ 8GB สตอเรจ 128/256GB) กล้องหลัง 2 ตัว กล้องหลัก 12.2MP อัลตร้าไวด์ 12MP (รุ่นปกติ 50MP/12MP) กล้องหน้า 8MP เท่ากับรุ่นปกติ ถึงแม้กล้องหลังของ Pixel 6a มีสเปกลดหลั่นลงมาจาก Pixel 6 แต่ก็ยังได้ฟีเจอร์ฝั่งซอฟต์แวร์มาครบ ทั้ง Magic Eraser ใช้ AI ลบวัตถุในรูปภาพ, Night Sight ถ่ายภาพตอนกลางคืน, Real Tone ปรับโทนสีผิวของตัวแบบให้ดูดีขึ้น ส่วนฟีเจอร์ซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่ใช้ชิป Tensor ประมวลผลก็มีครบเหมือนกันคือ Recorder, Live Caption, Live Translate Google Pixel 6a มีให้เลือกความจุเดียวคือ 128GB ขายราคา 449 ดอลลาร์ หรือประมาณ 16,000 บาท เท่ากับ Pixel 5a (แต่ถ้าเทียบกับ Pixel 6 รุ่นปกติ 599 ดอลลาร์ ก็ถูกกว่ากันพอสมควร) เริ่มวางขายเดือนกรกฎาคมนี้ ที่มา - Google, Google Blog
# Apple เสียแชมป์บริษัทมูลค่ากิจการสูงสุดในโลกให้บริษัทน้ำมัน Saudi Aramco เกิดการเปลี่ยนอันดับของบริษัทที่มีมูลค่ากิจการตามราคาหุ้น (Market Cap.) สูงที่สุดในโลกเมื่อคืนนี้ โดย Saudi Aramco บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของซาอุดิอาระเบีย มีมูลค่ากิจการแปลงค่าเงินแล้วอยู่ที่ 2.43 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่แอปเปิล ซึ่งราคาหุ้นปรับลดลงกว่า 5% เมื่อคืนนี้ ทำให้มีมูลค่ากิจการที่ 2.37 ล้านล้านดอลลาร์ กลายเป็นบริษัทอันดับ 2 ของโลกตามมูลค่ากิจการ ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มบริษัทพลังงานมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีราคาปรับลดลงมามาก จึงเกิดการสลับอันดับนั่นเอง แอปเปิลกลับมาแซงจนเป็นบริษัทมหาชนที่มีมูลค่ากิจการสูงสุดในโลกครั้งล่าสุดเมื่อปี 2020 ซึ่งตอนนั้น Saudi Aramco เพิ่งไอพีโอเข้าตลาดหุ้นด้วยมูลค่ากิจการสูงที่สุดในโลก ที่มา: CNBC
# Google Translate รองรับภาษาเพิ่ม 24 ภาษารวมถึงภาษาสันสกฤต ใช้ปัญญาประดิษฐ์ฝึกแปลโดยไม่ต้องมีคำแปลตัวอย่าง Google Translate เพิ่มภาษาที่รองรับอีก 24 ภาษา โดยส่วนมากเป็นภาษาท้องถิ่นที่มีคนใช้เฉพาะในพื้นที่เท่านั้น แม้ว่าบางภาษาจะมีคนใช้งานถึง 50 ล้านคน โดยรวมแล้วภาษาอีก 24 ภาษาที่เพิ่มเข้ามา มีผู้ใช้งานรวมกว่า 300 ล้านคน ภาษาที่คนใช้งานน้อยที่สุดคือภาษาสันสกฤตที่มีคนใช้งานราว 20,000 คนเท่านั้น ความยากของภาษาเหล่านี้คือกูเกิลไม่มีชุดข้อมูลเทียบสองภาษาให้ฝึกปัญญาประดิษฐ์ แต่มีเอกสารข้อความในภาษาเหล่านี้เดี่ยวๆ เท่านั้น (monolingual text) ทำให้ต้องใช้เทคนิค Zero-Shot Machine Translation กระบวนการฝึกปัญญาประดิษฐ์เช่นนี้ อาศัยชุดข้อมูลภาษาเป้าหมายที่ไม่มีคำแปล แล้วฝึกปัญญาประดิษฐ์ด้วยงานเติมเต็มคำในช่องว่าง (Masked Sequence to Sequence - MASS) เพื่อให้ปัญญาประดิษฐ์เรียนรู้โครงสร้างภาษา โดยฝึกควบคู่ไปกับการฝึกแปลภาษาจากชุดข้อมูลที่มีคำแปลตัวอย่างจำนวนมาก โดยตัวปัญญาประดิษฐ์จะได้อินพุตเป็นคำสั่งว่าให้แปลข้อความเป็นภาษาใด โดยไม่ระบุว่าอินพุตเป็นภาษาอะไร อินพุตอาจจะเป็นคนละภาษากับคำสั่งที่ให้แปล หรือภาษาเดียวกันแต่เป็นแค่ประโยคที่ถูกลบบางคำออกก็ได้ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ถูกสั่งให้แปลเป็นภาษาฝรั่งเศส โดยอินพุตอาจจะเป็นประโยคภาษาอังกฤษ หรืออาจจะเป็นภาษาฝรั่งเศสที่ไม่สมบูรณ์ให้ปัญญาประดิษฐ์เติมคำ กูเกิลพบว่าแนวทางนี้ตัวปัญญาประดิษฐ์สามารถแปลภาษาที่ไม่มีข้อมูลคำแปลตัวอย่างเลยได้ดีอย่างน่าแปลกใจ แต่กูเกิลก็ปรับปรุงคุณภาพการแปลด้วยการฝึกให้แปลภาษาไปกลับ (round-trip translation) เพิ่มเติม ก่อนจะย่อโมเดลให้เล็กลงเพียงพอสำหรับการให้บริการ แม้ว่าการวัดผลประสิทธิภาพการแปลข้อความจะดีจนน่าประหลาดใจแต่กูเกิลก็เตือนว่าเทคโนโลยียังจำกัดและต้องปรับปรุงให้ใกล้เคียงกับคู่ภาษาที่มีตัวอย่างจำนวนมากอีก ที่มา - Google
# Flutter 3 มาแล้ว รองรับ macOS, Linux เต็มรูปแบบ กูเกิลปล่อย Flutter 3 ในงาน Google I/O โดยมีฟีเจอร์สำคัญคือการรองรับ macOS และลินุกซ์เต็มรูปแบบ ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Firebase และประสิทธิภาพบน Apple Silicon ก่อนหน้านี้ Flutter รองรับ iOS, Android, Web, และ Windows มาก่อนแล้ว การรองรับ macOS และลินุกซ์ ทำให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอปข้ามแพลตฟอร์มได้เต็มรูปแบบ โดยรองรับทั้งอินพุตของระบบ, กระบวนการพัฒนาแอป, ฟีเจอร์ accessibility ของแพลตฟอร์ม, และการรองรับภาษานานาชาติ สำหรับบน macOS นั้นรองรับ Universal Binary ให้รันได้เต็มประสิทธิภาพทั้งเครื่องที่ใช้ซีพียูอินเทลและ Apple Silicon ขณะที่บนลินุกซ์เป็นการร่วมมือกับ Canonical อินเทอร์เฟซแบบ Material Design 3 แทบจะสมบูรณ์แล้วในเวอร์ชั่นนี้ รองรับการปรับเปลี่ยนสีตามระบบ และปรับปรุง component ต่างๆ ส่วนบริการ Firebase ของกูเกิลเองนั้นจะรองรับ Flutter เต็มรูปแบบ โค้ดสำหรับเชื่อม Flutter และ Firebase จะอยู่ใน repository หลักของ Firebase ที่มา - Medium: Flutter
# กูเกิลเซ็นสัญญาจ่ายเงินค่าข่าวให้สื่อยุโรป 300 แห่ง ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ของยุโรป กูเกิลประกาศยอมเซ็นสัญญากับบริษัทสื่อในยุโรปกว่า 300 รายในเยอรมนี ฮังการี ฝรั่งเศส ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ เพื่อดึงเนื้อหาข่าวไปแสดงผลบน Google News และบริการค้นหาของกูเกิล เหตุผลของเรื่องนี้เกิดจากกฎหมาย European Copyright Directive ที่ระบุว่า search engine มีสิทธิใช้งานแค่หัวข่าวและคำโปรย (snippet) เท่านั้น หากต้องการมากกว่านั้นจำเป็นต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งกูเกิลก็เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าพร้อมจ่าย และเซ็นสัญญากับสื่อในเยอรมนีไปบ้างแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 ประเด็นเรื่องเว็บไอทีต้องจ่ายเงินค่าเนื้อหาข่าว เริ่มจากในออสเตรเลียช่วงต้นปี 2021 และลามมายังยุโรปด้วย ซึ่งท่าทีของกูเกิลก็ประกาศชัดว่ายอมจ่าย และมีโครงการชื่อ Google News Showcase แบ่งรายได้ร่วมกับสื่อในหลายประเทศ ที่มา - Google
# ซัมซุงเสนอแนวทาง 6G ตั้งเป้าความเร็วระดับ 1 Tbps แต่ต้องใช้คลื่นปริมาณมหาศาล ซัมซุงออกเอกสาร whitepaper พูดถึงเทคโนโลยีคลื่นความถี่ยุค 6G โดยเสนอว่าการสื่อสารในยุค 6G จำเป็นต้องใช้ปริมาณคลื่นต่อกันในช่วงที่กว้างมาก (ultra-wideband contiguous bandwidth) จึงต้องใช้คลื่นทุกย่าน ตั้งแต่ย่านต่ำ (low-band ต่ำกว่า 1GHz) ย่านกลาง (mid-band 1-24 GHz) และย่านสูง (high-band 24-300 GHz) ซัมซุงมองว่า 6G จะยังต้องใช้ควบคู่กับ 5G จึงมองว่าคลื่นที่เหมาะกับการทำ 6G คือย่าน 7-24 GHz สำหรับการสื่อสารความเร็วสูงในระยะทางที่ไกลพอ และย่าน 92–300 GHz หรือที่เรียกว่า sub-terahertz (sub-THz) สำหรับการสื่อสารความเร็วสูงมากระดับ 1 Terabits per second (Tbps) นอกจากนี้ซัมซุงยังเสนอว่าเพื่อให้ได้คลื่นจำนวนมากพอสำหรับ 6G จำเป็นต้องรีฟาร์มคลื่น 3G, 4G, 5G มาจัดสรรใหม่ด้วย ส่วนเทคโนโลยีการส่งสัญญาณที่จะเสนอเข้ามาตรฐาน 6G มีพูดถึงดังนี้ reconfigurable intelligent surface (RIS) cross division duplex (XDD) full duplex artificial intelligence (AI)-based nonlinearity compensation (AI-NC) AI-based energy saving (AI-ES) ซัมซุงจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องเทคโนโลยี 6G ในงาน Samsung 6G Forum วันที่ 13 พฤษภาคมนี้ ที่มา - Samsung
# Microsoft ปิดช่องโหว่รันโค้ดระยะไกลใน Azure Integration Runtime บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลบน Azure มักใช้ Azure Synapse Analytics ส่วนการทำ ETL ก็มี Azure Data Factory เป็นเครื่องมือ ทั้งสองตัวจะมีการใช้งาน Azure Integration Runtime (IR) ที่ทำหน้าที่รันงานต่างๆ ที่กำหนดไว้ เช่นการโยนข้อมูลจากต้นทางไปปลายทาง, การแปลงข้อมูลต่างๆ ฯลฯ เมื่อต้นปี 2022 มีนักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ได้ค้นพบช่องโหว่ใน Azure IR ที่สามารถสั่งรันโค้ดระยะไกลได้ นำไปสู่การเข้าถึง Synapse workspace ของผู้ใช้รายอื่นและดึง credentials ต่างๆ ของคนอื่นออกมาได้ โดยช่องโหว่นี้มาจากไดรเวอร์ ODBC ที่ Microsoft ใช้งานต่ออีกทีหนึ่ง นักวิจัยได้รายงานช่องโหว่นี้ไปยัง Microsoft และได้ออก hotfix อันแรกมาเมื่อเดือนมีนาคมก่อนจะแก้ไขช่องโหว่ได้ทั้งหมดเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา และปล่อยรายงานฉบับเต็มมาเมื่อวานนี้ หากเรามีการใช้งาน Azure IR แบบโฮสต์บน Azure ไม่ต้องทำอะไรเพราะหลังบ้านจะแพตช์ให้อัตโนมัติ แต่หากใช้งานแบบ Self-hosted IR ขอให้ตรวจสอบเวอร์ชันของ IR ว่าเป็น 5.17.8154.2 แล้วหรือไม่ (หากเปิด auto update ไว้น่าจะได้รับอัพเดตแล้ว) Microsoft ระบุว่าไม่พบหลักฐานว่ามีลูกค้าของ Azure ถูกโจมตีด้วยช่องโหว่นี้มาก่อน ที่มา - Bleeping Computer, รายงานฉบับเต็ม ภาพโดย Microsoft
# Cloudflare เปิดตัว D1 ฐานข้อมูล SQL ตัวแรกของบริษัท ไม่คิดค่านำข้อมูลออก Cloudflare ทยอยเปิดตัวของใหม่ที่จะเข้ามาทำงานร่วมกับ Cloudflare Workers อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามี KV ระบบเก็บข้อมูลแบบ key-value, Durable Objects บริการเก็บสถานะของ Workers และ R2 บริการอ็อบเจ็กสตอเรจแบบไม่คิดค่านำข้อมูลออก ล่าสุด Cloudflare เปิดตัว D1 ฐานข้อมูลแบบ SQL ตัวแรกของบริษัท เบื้องหลังเป็น SQLite โดย Cloudflare ระบุว่าสามารถสร้างแอพได้แทบจะไร้ขีดจำกัด ตั้งแต่เว็บอีคอมเมิร์ซไปจนถึงระบบ CRM การสร้างฐานข้อมูลทำได้ง่ายจากหน้าแดชบอร์ดของ Cloudflare แต่นักพัฒนาก็สามารถใช้งานผ่าน command line ได้เช่นกันผ่าน Wrangler 2.0 เครื่องมือ CLI สำหรับทำงานกับ Workers สำหรับการเขียนโค้ดให้ Workers เข้ามาดึงข้อมูลจาก D1 ก็ทำผ่านการประกาศพารามิเตอร์ใน env แล้วเขียนคิวรี่เข้าไปได้เลย จุดเด่นของ D1 ก็เหมือน R2 คือไม่มีการคิดค่าแบนด์วิดท์นำข้อมูลออก แต่จะคิดเงินค่าเก็บข้อมูลและการอ่านเขียนตามจริงเท่านั้น และแม้การใช้งานจะเพิ่มสูงขึ้น Cloudflare ก็ยืนยันว่าราคาโดยรวมจะถูกกว่าคู่แข่งอยู่ดี นอกจากนี้ยังมีการทำ read replication ฐานข้อมูลกระจายไปยัง edge node ต่างๆ ทั่วโลกให้อัตโนมัติ แปลว่ายูสเซอร์จะเข้าเว็บจากที่ไหนก็โหลดเร็วพอๆ กันทั่วโลก ส่วนการแบ็คอัพก็เกิดขึ้นอัตโนมัติเช่นกัน โดยจะเก็บ snapshot เข้าสตอเรจ R2 เป็นระยะ สามารถ restore ข้อมูลกลับมาได้ทันที ฟีเจอร์เล็กๆ อีกอันที่น่าสนใจคือ Batching เป็นการส่งคำสั่งคิวรี่ข้อมูลไปหลายอันในการรีเควสครั้งเดียวเพื่อประหยัดเวลา ไม่ต้องส่งรีเควสหลายๆ ครั้ง ในการนี้ Cloudflare ได้เปิดหน้าเว็บทดสอบขึ้นมา เมื่อกดดูข้อมูลต่างๆ จะเป็นการคิวรี่ข้อมูลจาก D1 และมีหน้าแสดงประวัติการคิวรี่ให้ดูด้วย เว็บนี้ใช้ชื่อว่า Northwind Traders เป็นการล้อชื่อบริษัทจำลองที่มีมาครั้งแรกใน Microsoft Access เมื่อปี 1997 เปรียบได้ว่าเป็น "Hello, World" ของโลกฐานข้อมูลเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ผู้สนใจใช้งานยังต้องรอกันอีกหน่อย เพราะ Cloudflare จะเปิด beta ในเดือนมิถุนายนนี้ โดยสามารถเข้าไปกรอกแบบฟอร์มขอทดลองใช้ได้แล้ว แต่ยังไม่มีกำหนดการว่าจะเปิดให้ใช้งานแบบเป็นทางการเมื่อใด ที่มา - Cloudflare Blog ภาพและโค้ดทั้งหมดโดย Cloudflare
# ป้อมแตก เหรียญ UST มูลค่าเหลือ 0.44 ดอลลาร์, Luna มูลค่าลด 92%, ผู้ก่อตั้งเสนอทางแก้ ความคืบหน้าของเหรียญ TerraUSD (UST) ที่หลุดมูลค่าตรึงไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังความพยายามสู้เพื่อให้ค่าเงินกลับมาในระดับเดิม ช่วงบ่ายวันนี้ราว 14.00-15.00 ตามเวลาบ้านเรา ป้อมก็แตก ทำให้มูลค่าของเหรียญ UST ลดลงไปต่ำสุดที่ราว 0.23 ดอลลาร์ และยังคงแกว่งตัวอยู่ในระดับ 0.3-0.5 ดอลลาร์ (ขณะที่เขียนข่าวนี้คือ 0.44 ดอลลาร์) ฝั่งของเหรียญ Terra Luna ที่อยู่ในเครือเดียวกัน (และคอยค้ำมูลค่าของ UST) ก็ลดลงหนักราว 92% ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด ขณะที่เขียนข่าวเหรียญมีมูลค่า 2.49 ดอลลาร์ โดยลงไปต่ำสุดที่ 0.70 ดอลลาร์ต่อเหรียญ Do Kwon ผู้ก่อตั้ง Terra Lab ที่ดูแลเหรียญทั้งสองแบบ ออกมาชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ ยอมรับว่า 72 ชั่วโมงล่าสุดเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของผู้ถือเหรียญเหล่านี้ เขาบอกว่าทางออกเดียวของปัญหานี้คือดูดซับเหรียญ UST ที่อยากขายออกมา เพื่อให้ราคาของ UST กลับไปใกล้ดอลลาร์เหมือนเดิม แต่ปัญหาคือการขาย UST ออกมาเป็น Luna ทำให้เครือข่ายบล็อกเชนติดขัด รวมถึงราคาของ Luna ลดลงด้วย Kwon บอกว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอของชุมชน ที่ให้เพิ่มกำลังการพิมพ์เหรียญ Luna ให้มากขึ้น สามารถแลกกับเหรียญ UST ได้เร็วขึ้น ช่วยให้จำนวน UST ลดลงเรื่อยๆ จนราคากลับมาใกล้ดอลลาร์ เขายอมรับว่าแนวทางนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ถือ UST/Luna แต่ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว Kwon บอกว่ายังจะหาทางออกอื่นๆ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยพูดถึงว่าจะหาเงินทุนเข้ามาเติมเข้าในระบบด้วย แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะทำอย่างไรบ้าง ชาร์ทแสดงมูลค่าของ UST ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด (จาก CoinDesk) ชาร์ทแสดงมูลค่าของ Luna ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด (จาก CoinDesk) ที่มา - CoinDesk
# ไขข้อข้องใจ EA FIFA 23 เป็นเกมสุดท้ายที่ทำร่วมกัน, EA ออกเกมเองปี 2023, FIFA ออกปี 2024 จากข่าว EA แยกทาง FIFA มีความสับสนพอสมควรเรื่องอนาคตของเกมที่เรารู้จักกันในชื่อ EA FIFA ว่าตกลงแล้วภาคไหนคือภาคสุดท้ายกันแน่ EA FIFA 23 ที่จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2022 จะเป็นภาคสุดท้ายที่ EA ยังทำภายใต้ชื่อแบรนด์ FIFA อยู่ โดยอยู่ภายใต้การต่อสัญญาพิเศษที่ FIFA ยอมขยายเวลาให้ EA ใช้ชื่อแบรนด์ หลังจากนั้นช่วงกลางปีหน้า 2023 เราจะเห็น EA เปิดเผยรายละเอียดของเกม EA Sports FC (ซึ่งน่าจะชื่อว่า EA Sports FC 24 ตามธรรมเนียมเดิมที่นับตามฤดูกาลแข่งขันถัดไป แต่ยังไม่ยืนยัน) ข้อมูลเดียวที่ทราบตอนนี้คือจะมีทั้งฟุตบอลชายและหญิงอยู่ในเกมเดียวกัน ฝั่งของ FIFA ระบุว่าจะออกเกมจำลองการเตะฟุตบอล (simulation football) ที่ชื่อ FIFA ในปี 2024 (อาจใช้ชื่อ FIFA 24 หรือ FIFA 25 ยังไม่ยืนยันเช่นกัน แต่ถ้าไม่ต้องการให้ตัวเลขภาคเกมขาดตอน น่าจะเป็น FIFA 24) โดยบอกแค่ว่ากำลังเจรจาอยู่กับบริษัทเกมและนักลงทุนหลายราย ระหว่างรอเกมใหม่ของ FIFA เราจะได้เห็นเกมฟุตบอลประเภทอื่น (non-simulation) ใต้แบรนด์ FIFA ในช่วงปี 2022-2023 ไปพลางๆ ก่อน ดังนี้ ไตรมาส 3/2022 - เกมที่เกี่ยวกับ FIFA World Cup Qatar 2022 ไตรมาส 4/2022 - เกมที่เกี่ยวกับ FIFA World Cup Qatar 2022 เพิ่มเติมจากเกมแรก ไม่ระบุช่วงเวลา - เกมที่เกี่ยวกับ Women’s World Cup 2023 ที่มา - EA, FIFA
# ตัวเลขยอดขาย Elden Ring แตะ 13.4 ล้านชุด นับถึงแค่สิ้นเดือนมีนาคม 2022 Bandai Namco ในฐานะผู้จัดจำหน่ายเกม Elden Ring เปิดเผยตัวเลขยอดขายในผลประกอบการไตรมาส 1/2022 นับถึงสิ้นเดือนมีนาคม ตัวเลขอยู่ที่ 13.4 ล้านชุด ก่อนหน้านี้ FromSoftware เคยให้ตัวเลข ณ วันที่ 14 มีนาคม ที่ 12 ล้านชุด เราจึงเห็นตัวเลขอัพเดตเพิ่มมาอีกเล็กน้อยในช่วงต่างของเวลาประมาณครึ่งเดือนเท่านั้น ส่วนตัวเลขรอบหน้าคงต้องรอผลประกอบการรอบไตรมาส 2/2022 โน่นเลย FromSoftware เคยระบุว่าตัวเลขยอดขายดีเยี่ยมของ Elden Ring เป็น "จุดเริ่มต้นที่สวยงามของแฟรนไชส์ใหม่" ดังนั้นคงไม่น่าแปลกอะไรที่เราจะเห็นภาคต่อของ Elden Ring ตามมาอีกในอนาคต ที่มา - Eurogamer
# Sony เปิดตัว Xperia 1 IV สมาร์ตโฟนเครื่องแรกของโลกที่มากับเลนส์ซูม True Optical 85-125 mm. Sony เปิดตัว Xperia 1 IV สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับเลนส์ซูมแบบ True Optical ระยะ 85-125 mm. ครั้งแรกของโลก ถ่ายวีดีโอในระดับ 4K อัตราเฟรมสูงสุด 120 FPS และการเปลี่ยนตัวเองเป็นมอนิเตอร์สำหรับติดตั้งบนกล้องดิจิทัลของ Sony ได้ โดยทั้งหมดทำงานผ่านซีพียู Snapdragon 8 Gen 1 นอกจากเลนส์ซูมแบบ True Optical ระยะ 85-125 mm. ครั้งแรกของโลก สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเลนส์ระยะ 16 mm. และ 24 mm. ซึ่งทั้งหมดจะใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับเทคโนโลยี Eye AF และ Real-Time Tracking ที่ช่วยให้การถ่ายภาพสะดวก และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้านหน้าจอมากับขนาด 6.5 นิ้ว อัตราส่วน 21.9 แบบ OLED 120 Hz และอาศัยเทคโนโลยี Bravia ของโทรทัศน์ Sony มาช่วยยกระดับประสบการณ์การรับชมเนื้อหาต่าง ๆ รวมถึงการเล่นเกม รองรับ 5G ใช้แรม 12 GB ความจุ 512 GB (ใส่ microSD เพิ่มได้) และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh จุดเด่นของรุ่นนี้อีกเรื่องคือ Xperia 1 IV ออกแบบมาเพื่อการถ่ายทำวีดีโอมืออาชีพ เช่น การถ่ายถ่ายทำ Vlog ที่ช่วยจับวัตถุต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถใช้เป็นมอนิเตอร์เสริมของกล้องตระกูล Sony Alpha เพื่อนำภาพจากกล้องไป Live Stream ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ผ่านสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ได้ทันที สำหรับราคาของ Xperia 1 IV เริ่มต้นที่ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 55,400 บาท พร้อมจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2022 ในดีลเลอร์ที่สหรัฐอเมริกา มี 2 สีให้เลือกคือ สีดำ และสีม่วง อ้างอิง // Engadget, ภาพ และเนื้อหาจาก Sony
# Huawei เปิดตัว MateBook 14s มาพร้อม 11th Gen Intel Core i7 ราคา 49,990 บาท Huawei ประเทศไทย เปิดตัว Huawei MateBook 14s โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ 11th Gen Intel Core i7 และ Huawei Mobile App Engine Beta Program ที่ทำให้โน้ตบุ๊กสามารถเปิดใช้งานแอปพลิเคชันกว่า 10,000 ตัวที่อยู่บน AppGallery ของ Huawei ได้ หากเจาะไปที่คุณสมบัติจะพบว่า Huawei MateBook 14s มาพร้อมกับซีพียู 11th Gen Intel Core i5 แรม 16 GB และ SSD แบบ NVMe PCIe ความจุ 512 GB ใช้หน้าจอแบบทัชสกรีนขนาด 14.2 นิ้ว ความละเอียด 2.5K มีอัตราการรีเฟชหน้าจอสูงสุด 90 Hz สำหรับราคา Huawei MateBook 14s อยู่ที่ 49,990 บาท และปัจจุบัน Huawei ทำตลาด MateBook หลากหลายรุ่น เริ่มต้นที่ซีพียู i3 ราคา 18,990 บาท อ้างอิง // ข่าวประชาสัมพันธ์ Huawei, Huawei
# AMD เปิดตัว Radeon 6950 XT, 6750 XT, 6650 XT เวอร์ชันเพิ่มคล็อค-แบนด์วิดท์แรม AMD เปิดตัวจีพียูใหม่ในซีรีส์ Radeon RX 6000 อีก 3 รุ่นย่อย โดยเป็นรุ่นที่ลงท้ายด้วย 50 ที่เพิ่มคล็อคขึ้นจากรุ่นเดิมที่ลงท้ายด้วย 00, ปรับสเปกแรมขึ้นเล็กน้อย (แบนด์วิดท์แรมจาก 16 Gbps เป็น 18 Gbps) แต่สเปกอย่างอื่นเหมือนเดิมทุกประการ จีพียูเด่นในรอบนี้คือ Radeon RX 6950 XT ที่กลายเป็นจีพียูเรือธงแทน Radeon RX 6900 XT ของเดิม เพิ่มคล็อคพื้นฐานจาก 2015 MHz เป็น 2100 MHz และคล็อคตอนบูสต์จาก 2250 MHz เป็น 2310 MHz โดยต้องแลกกับอัตราการใช้พลังงาน (นับเป็น Typical Board Power หรือ TBP) จากเดิม 300W เพิ่มเป็น 335W ราคา 1,099 ดอลลาร์ จีพียูอีกสองตัวคือ 6750 XT เวอร์ชันอัพเกรดจาก 6700 XT (549 ดอลลาร์) และ 6650 XT ที่อัพเกรดจาก 6600 XT (399 ดอลลาร์) โดยจีพียูทั้งสามรุ่นเริ่มวางขายแล้วผ่านผู้ผลิต OEM รายต่างๆ ที่มา - AMD, AnandTech
# สรุป Microsoft Tech Week 2022 สัปดาห์เทคโนโลยีที่ไม่ได้ให้ประโยชน์แค่นักพัฒนา ผ่านไปแล้วสำหรับ Microsoft Tech Week 2022 งานสัมมนา 1 สัปดาห์เต็มที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเทคโนโลยีของ Microsoft และไม่ใช่แค่ Developer หรือนักพัฒนาจะได้ประโยชน์จากงานนี้ เพราะผู้ประกอบการหน้าใหม่ หรือผู้สนใจด้านเทคโนโลยี สามารถนำข้อมูลต่าง ๆ จากงานไปประยุกต์ใช้ได้หลายแง่มุม เพราะภายในงานลงลึกทั้งรายละเอียดใหม่ของโซลูชัน Microsoft Azure, Visual Studio และ GitHub รวมถึงการประยุกต์ใช้โซลูชันเหล่านี้ในสถานการณ์จริง และการนำไปใช้ในโลกอนาคตอย่าง Metaverse ที่กำลังถูกพูดถึงในวงกว้าง ข้อมูลเยอะ และให้ประโยชน์ขนาดนี้ ใครพลาดก็คงเสียดายแย่ ดังนั้นวันนี้ Blognone จึงสรุปรายละเอียดของงาน Microsoft Tech Week 2022 ตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้คนที่ไม่ได้ไปรับรู้ข้อมูลในทุก Session และต้องลงบันทึกไว้ว่า ถ้าปีหน้ามีอีกคงไม่พลาดอีกแล้ว Microsoft กับความจริงจังในตลาดไทย Microsoft Tech Week 2022 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-9 เม.ย. 2022 งานนี้เปิดเวทีด้วย Session ของ ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เนื้อหาจะเน้นหนักไปที่ความจริงจังในการทำตลาด และการยกระดับองค์กรต่าง ๆ ให้ติดอาวุธด้วยเทคโนโลยีได้สำเร็จ การจะไปถึงเป้าหมายนั้น Developer หรือนักพัฒนา คือฟันเฟืองสำคัญ ยิ่งในอนาคตทุกองค์จะต้องมีเทคโนโลยีอยู่เบื้องหลังอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งทำให้ความจำเป็นในการสร้างนักพัฒนา และให้พวกเขาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งเพิ่มมากขึ้น “2018 Microsoft ซื้อ Github เข้ามา และพยายามเดินหน้าความเป็น Open-source เต็มรูปแบบ ซึ่งในปี 2021 ประเทศไทยมีผู้ใช้ Github อยู่กว่า 4.76 แสนคน และเราต้องการช่วยเหลือพวกเขาอย่างเต็มที่ เพื่อตัวนักพัฒนา และองค์กรในไทย สามารถเติบโตได้ด้วยเทคโนโลยี” ธนวัฒน์ กล่าว 4 แกนที่ Microsoft พร้อมตอบโจทย์หลังจากนี้ แต่แค่การวางตัวเป็น Open-source คงไม่พอในการรองรับอนาคตที่เทคโนโลยีจะอยู่ในทุกองค์กร ทำให้ Microsoft เตรียมเดินหน้าอีก 4 เรื่องประกอบด้วย Azure Quantum หรือ Quantum Computer ที่มีความสามารถคำนวณข้อมูลต่าง ๆ ในความเร็วสูง ใช้ในการถอดรหัส DNA หรือการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยบริษัทมีการสร้างโค้ดเฉพาะเพื่อใช้บนเทคโนโลยีนี้ เพื่อทำให้ทุกอย่างง่าย และเร็ว Metaverse หรือการใช้ชีวิตบนโลกเสมือนคือเรื่องที่ 2 ที่ Microsoft กำลังพัฒนาอย่างเต็มที่ โดยมองว่า Metaverse คืออีกเวอร์ชันของอินเทอร์เน็ต และตอนนี้ Microsoft สามารถตอบโจทย์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบของ Metaverse กล่าวคือ มีตัวรันโค้ดต่าง ๆ, แพลตฟอร์มคลาวด์ และแว่นตา Hololense แสดงผล Sustainability หรือการเติบโตในรูปแบบรักษ์โลก เพราะถึงธุรกิจเติบโต แต่สร้างมลพิษให้โลก ในระยะยาวอาจไม่เหลือพื้นที่ให้ธุรกิจได้ยืน Microsoft จึงพัฒนาโซลูชันสำหรับ IoT รูปแบบต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบค่าการปล่อยมลพิษ รวมถึงวิเคราะห์การทำงานของระบบว่ามีการปล่อยมลพิษมากแค่ไหน สุดท้ายคือ Chaos Studio หรือระบบการวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่อาจส่งผลเสียในอนาคต เพื่อช่วยตรวจสอบเรื่องวิกฤตต่าง ๆ ในแต่ละโปรเจคที่ Developer หรือนักพัฒนาสร้างขึ้น ซึ่งระบบนี้จะนำงานแบบออโตเมชัน จึงไม่จำเป็นต้องคอยมอนิเตอร์ว่าเมื่อไรระบบจะมีปัญหา Github กับการเป็นทุกอย่างให้นักพัฒนา ตอกย้ำอีกทีว่า ทุกบริษัทหลังจากนี้จะมีเทคโนโลยีมาเกี่ยวข้อง และตัวบริษัทเองก็อยากก้าวข้ามไปสู่ความเป็นบริษัทเทคโนโลยี ซึ่ง Microsoft ตอบโจทย์ได้ตั้งแต่การมี Github, Virtual Studio รวมถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น คลาวด์ และระบบวิเคราะห์ข้อมูลในมือ ช่วยให้นักพัฒนาเดินหน้าส่วนของตัวเองได้ง่าย หากเจาะไปที่ Github จะพบว่า การทำงานบน Github สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงโค้ดต่าง ๆ ที่เขียนไว้ในเครื่องใด และเมื่อไรก็ได้ตามต้องการ ตอบโจทย์เมื่อนักพัฒนาคิดโซลูชัน หรือการแก้ปัญหาใด ๆ ก็สามารถทำได้ทันท่วงทีจากอุปกรณ์ใดก็ได้ ขณะเดียวกัน Github ยังมีระบบ Github Copilot ที่มี AI ช่วยดูแลเรื่องการเขียนโค้ด ทำให้การทำงานเร็ว และง่ายกว่าเดิม ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเอาเวลาที่เหลือไปพัฒนาตัวเอง หรือยกระดับในมุมอื่น ๆ ขององค์กรด้วยเทคโนโลยี AIS ตัวอย่างผู้ใช้จริงที่น่าสนใจ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงวิสัยทัศน์ และอาจจับต้องได้ยากหากยังไม่เข้าใจ ดังนั้นลองมาดูการนำเทคโนโลยีข้างต้นมาประยุกต์ใช้จริงผ่านการพัฒนาระบบจองวัคซีนของ AIS ที่ทั้งหมดใช้โซลูชันของ Microsoft และมีระยะเวลาในการพัฒนาเพียง 10 วันเท่านั้น อ่านไม่ผิดครับ แค่ 10 วัน ถามว่า 10 วันต้องทำอะไร เริ่มแรกคือต้องแบ่งงาน และหาพาร์ตเนอร์ เพราะเวลาแค่นี้คงทำเองไม่ทันแน่ ๆ ซึ่ง AIS เลือกระบบคลาวด์ของ Microsoft Azure มาช่วย ทำให้สามารถเพิ่มโหลดการรับมือทราฟฟิกที่ถาโถมเข้ามาจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว และปรับลดลงเมื่อจำนวนการฉีดวัคซีนค่อย ๆ ลดลง ทั้งหมดนี้อาจเป็นแค่น้ำจิ้ม ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดเท่ากับวิทยากรที่พูดในงานจริง ๆ แต่คนที่พลาดไปร่วมงานนี้สามารถเข้าไปรับชมงาน Microsoft Tech Week 2022 แบบเต็ม ๆ ได้ที่ https://aka.ms/TechWeek2022TH เพื่อจะได้รับข้อมูลแบบเชิงลึกในทุก Session
# สรยุทธ โพสต์ ชัยวุฒิ เตรียมยื่นศาลพิจารณาปิด ลาซาด้า ย้ำคนจ้าง คนโพสต์ คนแชร์ต่อ โดนหมด สรยุทธ สุทัศนะจินดา โพสต์ลงในเพจเฟสบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ว่า ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อปิดเว็บไซต์ ลาซาด้า รวมถึงเตรียมเอาผิดผู้จ้าง, ผู้โพสต์ และผู้นำไปเผยแพร่ต่อ ทั้งหมดนี้ทำผ่านความร่วมมือระหว่างกระทรวงฯ และตำรวจ "เราจะส่งศาลให้พิจาณาว่ามีอะไรผิดบ้าง และจะลงโทษอย่างไรเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม" ชัยวุฒิ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว พร้อมชี้แจงว่า โดยกฎหมายทางกระทรวงยังไม่สามารถปิด ลาซาด้า ต้องเดินเรื่องตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ชัยวุฒิ เสริมว่า ส่วนกรณีชาวไทยไม่พอใจการกระทำของ ลาซาด้า ก็เป็นสิทธิ์ของพวกเขา และองค์กรต่าง ๆ ที่เลือกจะแบน ลาซาด้า เพราะในทางกลับกัน ลาซาด้า ใช้สิทธิ์ของตัวเองที่จะทำการกระทำดังกล่าวออกมาเอง ซึ่งหลังจากนี้ขอให้องค์กรต่างชาติที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเข้าใจบริบทต่าง ๆ ของไทยด้วย "เว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ทำธุรกิจไทยต้องทำตามกฎหมายไทย ต้องคำนึงถึงศีลธรรมอันดีของไทย โดยเฉพาะเรื่องที่กระทบต่อสถาบัน ก็ต้องระวัง นอกจากผิดกฎหมาย ยังถูกต่อต้านจากสังคม ทำให้ทำธุรกิจได้ยาก ผมเตือนไว้เลยว่าอย่างทำอย่างนี้กันอีก" ชัยวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย อ้างอิง // สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
# Janet Yellen รมว.คลังสหรัฐ พูดถึงประเด็นเหรียญ UST เตรียมออกกฎกำกับดูแล Stablecoin Janet Yellen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ ออกโรงมาพูดถึงปัญหาเหรียญ UST หลุดค่าที่ตรึงไว้กับดอลลาร์ Yellen มีนัดต้องไปให้การกับคณะกรรมาธิการด้านธนาคารของวุฒิสภาอยู่แล้วพอดี เมื่อมีกรณีของเหรียญ UST เป็นประเด็นร้อนขึ้นมาและมีสมาชิกวุฒิสภาถามถึง เธอจึงยกตัวอย่างว่ากรณีของ UST เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากเงินคริปโตอย่างชัดเจน และสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องมีกรอบการกำกับดูแลทางกฎหมายต่อเหรียญ stablecoin เพื่อลดความเสี่ยงลง Yellen พูดถึงชื่อ TerraUSD ออกมาตรงๆ ว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์การเงินแบบใหม่ๆ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยระบุว่ากระทรวงการคลังสหรัฐจะร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาวิธีกำกับดูแลภายในปี 2022 ที่มา - TechCrunch, Coindesk
# HUAWEI MatePad 10.4-inch 2022 แท็บเล็ตสารพัดประโยชน์ ประสิทธิภาพจัดเต็ม ตอบโจทย์ได้ไม่แพ้พีซี เชื่อว่าหลายคนต้องเคยมีจังหวะงานเข้าเวลาที่อยู่นอกบ้านกันบ้าง แต่จะให้พกแล็ปท็อปติดตัวออกไปด้วยตลอดเวลาก็คงไม่ไหว และถึงแม้จะมีแล็ปท็อปอยู่ข้างกายก็อาจใช้งานได้ไม่สะดวกหากอยู่ในสถานที่ที่ไม่อำนวยต่อการหยิบพีซีออกมากางทำงาน อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคอย่างเราๆ ในยุคนี้สามารถหาสมาร์ทดีไวซ์ขนาดพกพาอย่าง “แท็บเล็ต” สเปคดีๆ ที่ให้ความรู้สึกเสมือนแล็ปท็อปขนาดย่อมมาใช้งานได้เพื่อช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับการใช้ชีวิตได้อีกหลายสเต็ป วันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักกับ HUAWEI MatePad 10.4-inch 2022 แท็บเล็ตจากหัวเว่ยที่อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพและฟีเจอร์ล้ำๆ พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์สายไอทีของคนรุ่นใหม่ทั้งเรื่องงานและความบันเทิงได้แทบไม่ต่างจากแล็ปท็อปเลยทีเดียว ยกระดับประสบการณ์การทำงานอย่างมืออาชีพเสมือนมีพีซีติดตัว หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถใช้แท็บเล็ต HUAWEI MatePad 10.4-inch 2022 ได้อย่างราบรื่นคือระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุดและซอฟต์แวร์สารพัดประโยชน์ซึ่งถูกสร้างสรรค์มาเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานขึ้นไปอีกขั้นอย่าง HarmonyOS 2.0 ซึ่งพก User Interface แบบใหม่มาอำนวยความสะดวกในการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังสามารถจัดหน้าเดสก์ท็อปได้ตามสไตล์ของผู้ใช้งาน และสามารถเปิดใช้งานแอปฯ พร้อมกันได้สูงสุดถึง 4 แอปพลิเคชัน 4 หน้าต่าง ใช้งาน WPS Office, Microsoft PowerPoint และ Microsoft Word พร้อมกันได้สบายๆ แถมยังมีฟีเจอร์ App Multiplier1 ที่สามารถเปิดแอปฯ เดียวกันได้แบบสองหน้าต่าง ดูข้อมูลได้อย่างครอบคลุมและสะดวกสบายในจอเดียว ยิ่งถ้าใช้งานคู่กับอุปกรณ์เสริมอย่างเมาส์บลูทูธก็จะสามารถดูหน้าต่างพรีวิวของแอปฯ ก่อนใช้งานได้เมื่อนำเคอร์เซอร์เมาส์ไปค้างไว้ที่แอปฯ และหากวางเคอร์เซอร์เมาส์ค้างไว้ที่แปฯ บริเวณ Tool Bar ด้านล่างก็สามารถเช็คได้ว่ามีแอปฯ ใดเปิดใช้งานไว้ก่อนหน้านี้และสามารถคลิกเปิดใช้งานได้ทันที หรือหากใช้งานร่วมกับ HUAWEI Smart Keyboard ก็จะยิ่งสะดวกสบายไปกับคีย์ลัดมากมาย เช่น Ctrl+C และ Ctrl+V บอกเลยว่าฟังก์ชันจัดเต็มและให้ความรู้สึกเสมือนใช้งานแบบเดียวกับในโน้ตบุ๊ค ทั้งยังช่วยให้เคลียร์งานได้เร็วและง่ายขึ้นอีกด้วย สร้างสรรค์ผลงานอย่างง่ายดายไม่แพ้แล็ปท็อป ฟีเจอร์ด้านการใช้งานแท็บเล็ตคู่กับแก็ดเจ็ตอัจฉริยะได้อย่างลื่นไหลถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้คุณปั่นงานเสร็จได้เร็วขึ้น สำหรับ HUAWEI MatePad 10.4-inch 2022 สามารถนำไปใช้งานคู่กับปากกาอัจฉริยะ HUAWEI M-Pencil Package 2nd Generation ซึ่งได้รับการดีไซน์ใหม่เป็นทรงกลมหกเหลี่ยมเพื่อให้จับถนัดมือผู้ใช้มากขึ้น เพิ่มความแม่นยำในการเขียนลายเส้นเอียงตามรูปมือและมีการตอบสนองที่ไวต่อแรงกดถึง 4,096 ระดับ จดบันทึกผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Notepad, Jnotes หรือ touchnotes ทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ Annotate ให้ผู้ใช้งานสามารถจดบันทึกเพิ่มเติมบนเอกสารได้อย่างสะดวก และฟีเจอร์ Take Snippet สำหรับตัดภาพหรือคอนเท้นต์เฉพาะส่วนที่ต้องการแล้วแก้ไขเพิ่มเติมได้ทันที ที่สำคัญ ดีไวซ์เสริมตัวนี้ยังรองรับฟังก์ชั่น FreeScript2 ซึ่งจะช่วยปรับลายมือผู้ใช้เป็นตัวพิมพ์ โดยสามารถใช้งานปากกาอัจฉริยะนี้ได้ต่อเนื่องนานสูงสุดถึง 10 ชั่วโมง3ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง สเปคจัดเต็มสำหรับตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความบันเทิงแบบพกพา ในเรื่องของความบันเทิง HUAWEI MatePad 10.4-inch 2022 ก็เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้า ด้วยหน้าจอความละเอียดระดับ 2K (2000 x 1200 พิกเซล) แบบใหญ่เต็มตาด้วยอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 84% และยังมีขอบจอบางเพียง 7.9 มม. ตัวหน้าจอยังผ่านมาตรฐานการลดแสงสีฟ้าและลดการกระพริบจาก TÜV Rheinland สามารถใช้งานได้ยาวๆ แบบไม่ต้องกังวล พร้อมด้วยพลังเสียงที่ส่งมอบประสบการณ์การรับชมสื่อบันเทิงอย่างเต็มอิ่มทุกที่ทุกเวลากับระบบเสียงที่รวมลำโพงขนาดใหญ่ 4 ตัวเข้าด้วยกัน พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีล่าสุด HUAWEI Histen 7.0 และปรับแต่งคุณภาพโดย Harman Kardon จนสัมผัสได้ถึงคุณภาพเสียงแบบเต็มอิ่มถึงใจ หรือใครที่ชอบบันทึกภาพความทรงจำเก็บไว้ HUAWEI MatePad 10.4-inch 2022 ยังมีกล้องหลังแบบอัปเกรดความละเอียดระดับ 13 MP สามารถใช้เก็บภาพหรือถ่ายวิดีโอได้อย่างคมชัด ที่สำคัญคือใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง หากจะสตรีมวิดีโอ 1080p HD ก็รับชมได้นานสูงสุดถึง 12 ชั่วโมง4 ด้วยแบตเตอรี่สุดอึดขนาดความจุ 7,250 mAh เสริมประสิทธิภาพการทำงานแบบเหนือชั้นและไร้รอยต่อเมื่อจับคู่กับพีซี สัมผัสความล้ำหน้าของการทำงานภายใต้อีโคซิสเต็มอันชาญฉลาดของหัวเว่ยด้วยฟีเจอร์ Multi-Screen Collaboration ที่จะช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ HUAWEI MatePad 10.4-inch 2022 กับอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ ของหัวเว่ยอย่าง HUAWEI MateBook 14s และ MateBook D Series ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ง่ายดาย และไร้รอยต่อผ่าน 3 โหมดสุดล้ำ ไม่ว่าจะเป็น Mirror Mode ที่แสดงภาพหน้าจอเหมือนกันบนแท็บเล็ตและแล็ปท็อป, Extend Mode เปลี่ยนแท็บเล็ตเป็นหน้าจอที่สองของแล็ปท็อปสำหรับแสดงเนื้อหาที่แตกต่างกัน และ Collaboration Mode ที่ช่วยให้สามารถจัดการไฟล์บนแท็บเล็ตจา กแล็ปท็อปได้โดยตรง และยังสามารถเคลื่อนย้ายแลกเปลี่ยนไฟล์ต่างๆ ระหว่างดีไวซ์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น HUAWEI MatePad 10.4-inch 2022 ยังใช้งานฟีเจอร์ Pop-Up Pairing5 เพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและสมาร์ทดีไวซ์ของหัวเว่ยเพียงแค่เปิดเครื่องก็จะมีหน้าต่างให้กดยอมรับปรากฏขึ้นมา เรียกได้ว่าทลายข้อจำกัดด้านพรมแดนระหว่างดีไวซ์อย่างแท้จริง ราคาโดนใจ คุณภาพอัดแน่น พร้อมข้อเสนอสุดคุ้ม HUAWEI MatePad 10.4-inch 2022 ครบครันทั้งซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และอุปกรณ์เสริมแบบจัดเต็มรอบด้าน ตอบโจทย์การทำงานและความบันเทิงได้ทุกที่ทุกเวลาแบบไม่ยุ่งยาก หากใครที่กำลังอยากได้อุปกรณ์ไอทีสารพัดประโยชน์แบบพกพาง่ายและหยิบมาใช้งานได้สะดวกอาจจะต้องจัดมาติดตัวไว้สักเครื่อง โดย HUAWEI MatePad 10.4-inch 2022 (4GB+128GB) 4G มาในสี Matte Grey ราคา 12,990 บาท สามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 – 20 พฤษภาคม 2565 พร้อมรับฟรี HUAWEI Smart Keyboard (มูลค่า 2,290 บาท) และ HUAWEI M-Pencil Package 2nd generation (มูลค่า 4,490 บาท) และสิทธิประโยชน์อีกมากมาย สำหรับลูกค้า HUAWEI Mobile Service และแอปพลิเคชันต่างๆ (มูลค่ารวม 1,197 บาท) รวมมูลค่าทั้งหมด 7,977 บาท เป็นเจ้าของได้ง่ายนิดเดียวผ่าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่างเว็บไซต์ HUAWEI Store ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแอปพลิเคชัน Shopee, Lazada, JD Central และ Thisshop และแอปพลิเคชัน My HUAWEI ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน HUAWEI AppGallery #HUAWEIMatePad #ประสิทธิภาพการทำงานอย่างพีซี #WorkSmartWithHUAWEI 1 ขณะนี้แอปพลิเคชันที่รองรับประกอบด้วย Rabbit Rewards, BBTV CH7, JOOX Music, , Bugaboo TV, The 1, 3BB, Pantip, Lazada, และ JD Central 2 รองรับได้บางแอปพลิเคชันเท่านั้น ได้แก่ HUAWEI Browser, Google Chrome, Facebook Messenger, Line, HUAWEI NotePad, Noteshelf, Jnotes, Touchnotes เป็นต้น 3 ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล 4 ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล 5 รองรับการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวเฉพาะในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของหัวเว่ยที่ใช้ ที่ใช้ HarmonyOS 2 หรือใหม่กว่าเท่านั้น และแล็ปท็อปบางรุ่นของหัวเว่ยที่ใช้ PC Manager 11.1.6.31C001D005 หรือใหม่กว่า รุ่นและซอฟต์แวร์เฉพาะ โปรดดูประกาศอย่างเป็นทางการของ HUAWEI ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่: Website: http://consumer.huawei.com/th Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH
# ทำไม Wisesight เป็นบริษัทที่เหมาะสำหรับคนทำงานสาย Developer นาทีนี้ ถ้าพูดถึงบริษัทบิ๊กดาต้าที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ในไทย คิดว่าหลายคนคงจะนึกถึง Wisesight เป็นที่แรก และนี่เป็นโอกาสดีที่ Blognone Workplace ได้โคจรมาพบกับ Wisesight อีกครั้ง หลังจากได้พูดคุยกันไปสักราวๆ 1-2 ปีก่อน การกลับมาพูดคุยครั้งนี้ เราจะพาไปเจาะลึกว่า จนถึงตอนนี้ Wisesight เติบโตไปถึงขนาดไหน มีเป้าหมายอะไรรออยู่ข้างหน้า และประสบการณ์ที่จะได้หากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Wisesight รวมถึงเหตุผลที่ว่า ทำไม Wisesight ถึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับคนทำงาน ที่อยากเข้าวงการเทคโนโลยี ทบทวนกันสักนิดว่า Wisesight คือใคร Wisesight เป็นผู้ให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลมีเดียอันดับหนึ่งในประเทศไทย ที่นำข้อมูลบนโซเชียล มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ และปลดล็อคศักยภาพของข้อมูลดิบจนกลายเป็นข้อมูลที่มีคุณค่า สร้างประโยชน์ให้กับแบรนด์และเอเจนซี่ในทุกๆ กลุ่มอุตสาหกรรม ข้อมูลโซเชียลที่ Wisesight ดึงมาวิเคราะห์นั้นมาจากทุกแหล่งที่สำคัญๆ ได้แก่ Facebook, Twitter, Instagram, YouTube, Pantip และเว็บไซต์ข่าวต่างๆ เรียกได้ว่า Wisesight มีจำนวนข้อมูลดิบมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยเลยทีเดียว ผู้บริหารเข้าใจปัญหาของ Dev เหตุผลข้อแรกที่ทำให้ Wisesight เป็นบริษัทที่เหมาะสำหรับคนทำงาน ที่อยากเข้าวงการเทคโนโลยี เพราะกว่าครึ่งของผู้บริหารเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์มาก่อน ทำให้ผู้บริหารรู้ว่า จะพัฒนาบรรยากาศแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานและการเติบโตและการทำงานของ Dev ได้อย่างไร คุณกล้า ตั้งสุวรรณ CEO Wisesight บอกว่า ตอนสมัยที่ตัวเองเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ก็เคยมีความรู้สึกแย่ เข้าใจปัญหา เช้าใจความเดือดร้อน และรู้ว่าอะไรบ้างที่ดีต่อการทำงานของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ กล้า ตั้งสุวรรณ, CEO ดังนั้น ผู้บริหารที่นี่จึงสามารถสร้างสภาพแวดล้อม และนโยบายต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทำงานในกลุ่ม Dev ทำให้ปัญหาที่อาจเคยเจอในบริษัทอื่นๆ เช่น ผู้บริหารไม่รู้ว่าโค้ดที่ดีคืออะไร ก็จะไม่ใช่ปัญหาของ Wisesight แน่นอน เพราะโค้ดที่ดี สามารถสร้างซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ และดีต่อ career path ของตัวนักพัฒนามากๆ นอกจากนี้ที่ Wisesight ให้ความสำคัญกับธุรกิจและคุณภาพโค้ดดิ้งเท่าเทียมกัน และพยายามสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายทางธุรกิจ และเป้าหมายทางวิศวกรรมโค้ดที่ดีอยู่ตลอด ดังนั้น การบีบให้โปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจอย่างเดียว จึงไม่ใช่แนวทางของ Wisesight อย่างแน่นอน วิธีการทำงานในแบบ Wisesight คุณพอล กิตติพร กอประเสริฐถาวร Head of Engineering เล่าวิธีการทำงานในแบบของ Wisesight ให้ฟังว่าที่ Wisesight ใช้แนวคิด Agile, Scrum ทีมงานมีอำนาจในการออกแบบวิธีการทำงานที่เหมาะที่สุดในแบบของตัวเอง และเรายังทำงานกับแบบ Full Cycle Developer ทำตั้งแต่ออกแบบ, สร้าง, ทดสอบ, deploy และซัพพอร์ต สร้างความรู้สึกในการเป็นเจ้าของโปรเจกต์หรือ Ownership ของทีมงาน พอล กิตติพร กอประเสริฐถาวร, Head of Engineering วัฒนธรรมอย่างหนึ่งในกลุ่ม Dev ของที่นี่คือ พวกเราชอบโค้ดที่สวย มีคุณภาพ มีระเบียบ ดูแลรักษาได้ง่าย อ่านง่าย ดังนั้นพวกเราจึงให้ความสำคัญในรายละเอียดของการโค้ดมากๆ นอกจากนี้ Wisesight ไม่ได้อยู่แบบครอบครัว แต่อยู่กันเหมือนเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัย มีบรรยากาศความสนุก ปาร์ตี้กันได้ ที่สำคัญคือ เรามีความเชื่อใจกัน เชื่อว่าเพื่อนจะทำงานได้ดีที่สุด มีความรับผิดชอบงานได้ตามไทม์ไลน์ที่ตั้งเอาไว้ ทำให้พวกเราสู้ไปด้วยกัน แก้ปัญหาไปด้วยกัน ที่นี่เรามี Learning Day แต่ละคนมีสิ่งมานำเสนอ มีเคล็ดลับในการทำงาน หรือความรู้มาแชร์กัน เพื่อจะได้พัฒนาไปด้วยกันทั้งทีม ตอนนี้เราทำงานกันแบบไฮบริด ทำงานที่บ้านได้ หรือเข้าออฟฟิศก็ได้ และพูดคุยแชร์ความเห็นกันผ่าน Discord หากคุณชอบ และสนุกในการเขียนโค้ด และชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ก็อยากให้มาสมัครงานและมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Wisesight ความประทับใจของทีม Dev ที่ได้ทำงานที่นี่ คุณจิมมี่ พิภูษน เพชรกรรพุม Development Team Leader และคุณเติ้ง สิปปกร รักษาเกียรติ Development Team Leader เล่าให้เราฟังว่า เราทำงานเน้นที่ตอบโจทย์ Requirement ของลูกค้า จากนั้นทีม Dev จะนำมาเข้าขั้นตอนวางแผน และนำมาเข้ารูปแบบ Sprint (รอบเวลาในการทำงานแบบ Scrum ซึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ) รอบละ 2 สัปดาห์ และนำไปเข้าประชุมรอบต่อไป มองว่าที่นี่ทำงานแตกต่างจากที่อื่น ที่นี่มีทีม Dev ราว 5-6 ทีม แต่ละทีมทำงานไม่เหมือนกัน เราอาจมีกรอบการทำงานคร่าวๆ ยังคงความยืดหยุ่นไว้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทีม ซึ่งคาดว่าเป็นสิ่งที่ Dev หลายๆ คนต้องการ คุณปุ๋ย วราลี สาครานุรักษ์ Software Engineer และคุณเมย์ วันวิสาข์ ศิลานันท์ Software Engineer เล่าความประทับใจการทำงาน เรื่องหนึ่งคือ ตอนที่ต้องทำงานที่บ้าน ต้องแชร์สกรีนผ่าน Discord ก็ได้สังสรรค์ด้วยกันบนออนไลน์ (ซ้ายไปขวา) คุณเมย์ วันวิสาข์ ศิลานันท์และคุณปุ๋ย วราลี สาครานุรักษ์, Software Engineer บริษัทยังให้งบแต่ละทีมได้มาทำกิจกรรมรีแลกซ์ด้วยกันในทุกๆ เดือน เช่น นำงบไปกินข้าว ไปดูหนัง หรือไปโค้ดกันนอกสถานที่ก็ทำได้ เพื่อส่งเสริมให้น้องๆ ได้ใช้ช่วงเวลาที่ดีด้วยกัน แม้จะไม่สามารถเจอกันตัวเป็นๆ ในช่วง Work from home ในฐานะที่เป็นผู้หญิง และต้องทำงานในสายอาชีพที่มีผู้ชายเยอะ ก็ไม่เป็นอุปสรรคกับการทำงานเป็นทีม ต่างคนต่างปรับตัวเข้าหากัน และให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทำงานกับทีม Dev เป็นยังไงบ้าง คุณตั้ง วรัทธน์ วงศ์มณีกิจ Chief Product Officer เล่าในฐานะ โปรเจกต์เมเนเจอร์ว่า ทีม Dev ที่นี่ มีความสามารถ สามารถออกแบบโปรดักต์ได้ตามต้องการโดยที่เราไม่ต้องพูดเยอะ เล่าแค่ว่า เราอยากได้อะไร เราทำไปทำไม ทีมก็สามารถดีไซน์ฟีเจอร์ดีๆ ให้เราได้เลยทันที ส่วนคุณ ต่อ พุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท Deputy Director of Data Research Product เล่าในฐานะทีม Data Analyst คือ กล้าบอกเลยว่าเราเป็นทีมที่น่าจะทำงานง่ายที่สุดในประเทศ เพราะข้อมูลที่ทีม Dev เตรียมมาให้นั้นมีคุณภาพ และทุกๆ ฟีดแบ็กที่เสนอไป จะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเสมอ คุณมะเหมี่ยว ณภัทชา จีระโชติกา Business Development เล่าจากมุมมองของทีม Business ที่ต้องสื่อสารกับทีม Dev ว่า การทำงานกับทีมนี้ให้ความรู้สึกเหมือนทำงานกลุ่ม สิ่งที่ทีม Dev ดีไซน์มาให้เรานั้น เป็นโซลูชั่นที่ดี ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า มะเหมี่ยว ณภัทชา จีระโชติกา, Business Development มะเหมี่ยว กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "ความรักที่มีให้ทีม Dev บริษัท Wisesight ก็เหมือนบั๊ก เพราะมันไม่มีที่สิ้นสุด" หากสนใจ อยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมบิ๊กดาต้าที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง และยังมีทีมที่มีเอเนอจี้ดีๆ แบบนี้ สามารถส่งใบสมัครเข้ามาได้ที่ : https://www.careers-page.com/wisesight
# FIFA ตอกกลับ EA: เกมฟุตบอลของแท้ต้องมีชื่อ FIFA และมันจะเริ่มตั้งแต่ภาค FIFA 24 FIFA หรือ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ออกแถลงอย่างเป็นทางการหลัง EA ประกาศนำชื่อ FIFA ออกจากเกมฟุตบอล พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น EA Sports FC ว่า FIFA อยู่ระหว่างร่วมมือกับนักพัฒนา, นักลงทุน และผู้จัดจำหน่าย ในการพัฒนาเกมฟุตบอลเสมือนจริงที่ใช้ชื่อ FIFA โดยจะเริ่มตั้งแต่ภาค 2024 เป็นต้นไป "เกมฟุตบอลของแท้ที่มีชื่อแบรนด์ FIFA จะกลับมามอบความสนุกให้เกมเมอร์ และแฟนฟุตบอลทุกคนอย่างแน่นอน" Gianni Infantino ประธาน FIFA กล่าว พร้อมเปิดเผยแผนการพัฒนาเกมฟุตบอลของ FIFA ว่า ก่อนที่เกมฟุตบอลเสมือนจริงจะเปิดตัว จะมีเกมฟุตบอลแนวอื่นที่มีชื่อ FIFA ติดอยู่ออกมาให้เล่นกันก่อนภายในไตรมาส 3 2022 ทั้งนี้ FIFA ยืนยันว่า ลิขสิทธิ์การใช้ชื่อ FIFA ในเกมหลังจากนี้จะเปลี่ยนเป็นรูปแบบ Non-Exclusive จากเดิมที่มอบให้กับ EA เพียงรายเดียว ส่วนเกมที่จะเปิดตัวมาก่อนตัวเกมฟุตบอลเสมือนจริงจะเป็นเกมที่ให้ประสบการณ์เล่นใหม่ ๆ และมีเนื้อหาเพื่อช่วยกระตุ้นการรับรู้ของการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือ FIFA World Cup Qatar 2022 Gianni Infantino ประธาน FIFA เสริมว่า FIFA 23, FIFA 24, FIFA 25, FIFA 26 และหลังจากนั้นจะยังมีอยู่ ที่สำคัญคือมาพร้อมกับชื่อ FIFA แปะอยู่ในเกม ซึ่งมันจะคงอยู่ตลอดไป และเป็นเกมฟุตบอลเสมือนจริงที่ดีที่สุดอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ อ้างอิง // Eurogamer, FIFA ภาพจาก FIFA
# RHEL 9.0 ออกรุ่นเสถียร ครั้งแรกที่เปลี่ยนมาพัฒนาต่อจาก CentOS Stream Red Hat Enterprise Linux ออกเวอร์ชัน 9.0 โดยนับเป็นเวอร์ชันแรกที่อิงจาก CentOS Stream 9 หลัง Red Hat เปลี่ยนนโยบายของ CentOS จากดิสโทรที่เข้ากันได้กับ RHEL กลายมาเป็นดิสโทรต้นน้ำของ RHEL แทน (สืบต่อกันมาจาก Fedora 34 อีกที) ของใหม่ใน RHEL 9.0 มีหลายอย่างดังนี้ แพ็กเกจซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เช่น เคอร์เนล 5.14, PHP 8.0, Python 3.9, Ruby 3.0, OpenSSL 3.0, GNOME 40 คอนเทนเนอร์เปลี่ยนมาใช้ cgroups v2 และใช้รันไทม์ดีฟอลต์เป็น crun เว็บคอนโซล Cockpit, รองรับการทำ live kernel patching ด้วย kpatch ใช้ Image Builder ตัวใหม่ รองรับการคอนฟิกระบบไฟล์ตั้งแต่ตอนทำอิมเมจ ยกเลิกการเข้ารหัสด้วยอัลกอริทึม SHA-1 ที่ล้าสมัยแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้การ SSH จาก RHEL 9 ไปยังระบบปฏิบัติการเก่าๆ อย่าง RHEL 6 ใช้ไม่ได้อีก รองรับ WireGuard VPN โดยยังมีสถานะเป็นพรีวิว ตอนนี้ RHEL 9 จะเปิดให้ลูกค้าใช้งาน ทั้งแบบ on premise และบนคลาวด์หลายค่าย กรณีของ AWS ระบุว่าทดสอบกับเซิร์ฟเวอร์ Arm Graviton มาเรียบร้อยแล้ว, บน IBM Cloud ทดสอบกับ IBM Z systems, บน Azure รองรับ Microsoft SQL Server และ .NET เต็มรูปแบบ ที่มา - Red Hat, The Register
# CEO Volkswagen บอกว่า เราจะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า Tesla ภายในปี 2025 ภายในงานสัมมนา FT Future of the Car 2022 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-12 พ.ค. 2022 Herbert Diess ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Volkswagen Group กล่าวว่า Volkswagen จะสามารถจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า Tesla ภายในปี 2025 และขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก "มันเป็นการแข่งขันที่เข้มข้น แต่เราจะไม่ยอมแพ้กับมัน" Herbert Diess กล่าว และก่อนหน้านี้ Volkswagen ลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่างต่อเนื่อง ทั้งทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่างจริงจังเมื่อเทียบกับแบรนด์รถยนต์ดั้งเดิมอื่น ๆ ผ่านการที่แบรนด์รถยนต์ของกลุ่มต่างมีรถยนต์ไฟฟ้าให้เลือก เช่น Porsche, Audi หรือ Volkswagen เอง อย่างไรก็ตามหากดูตัวเลขการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของ Volkswagen จะพบว่า ไตรมาส 1 2022 บริษัทสามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (ไม่รวม Hybrid และ Plug-in Hybird) ได้ 99,064 คันทั่วโลก ส่วน Tesla สามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้ 3.1 แสนคันทั่วโลก อ้างอิง // Electrek ภาพจาก Volkswagen
# Elon Musk บอก Twitter แบน Trump เป็นเรื่องผิดพลาด อยากยกเลิกการแบน Elon Musk ไปออกรายการสัมภาษณ์ของ Financial Times ในหัวข้อ Future of the Car แต่ก็ใช้โอกาสนี้พูดถึงแนวทางของ Twitter ในอนาคตด้วย ไอเดียสำคัญของ Musk คือเรื่องอัลกอริทึมของ Twitter ที่เขาเคยพูดมาก่อนแล้วว่าอยากเปิดซอร์สโค้ดขึ้นบน GitHub ให้ทุกคนเห็น เขายังวิจารณ์ว่านโยบายของ Twitter เอียงไปทาง "ฝ่ายซ้าย" มากเกินไป (left bias) ซึ่งเขาให้เหตุผลว่า Twitter อยู่ในซานฟรานซิสโกที่แนวคิดแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับโซนอื่นในสหรัฐอเมริกาถือเป็นฝ่ายซ้าย เป้าหมายของเขาจึงอยากปรับให้ Twitter สมดุลระหว่างฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวามากขึ้น อีกประเด็นสำคัญคือ Musk พูดถึงการแบน Donald Trump ว่าเป็นความผิดพลาด (it was not correct to ban Donald Trump. That was a mistake) ส่งผลให้คนจำนวนมากในสหรัฐไม่อยากใช้ Twitter อีก การแบนไม่ได้ช่วยให้ Trump เงียบลงไป แถมเป็นการผลักให้ Trump ไปสร้างโซเชียลใหม่ของตัวเอง และเขาบอกว่าอยากยกเลิกการแบนครั้งนี้ ซึ่งเขาคุยกับ Jack Dorsey แล้วเห็นตรงกัน หลังการให้สัมภาษณ์ของ Musk จุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา Jack Dorsey อดีตซีอีโอของ Twitter (ดำรงตำแหน่งระหว่างแบน Trump) ก็ออกมาแสดงความเห็นว่า Twitter ไม่ควรมีการแบนใครถาวร (ยกเว้นกรณีของสแปม บ็อต สิ่งที่ผิดกฎหมาย) และยอมรับว่าการแบน Trump เป็นความล้มเหลวของบริษัท
# miHoYo ยืนยัน Genshin Impact เวอร์ชัน Nintendo Switch ยังทำอยู่ ไม่ได้ยกเลิก Genshin Impact เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งมีให้เล่นทั้งบนพีซี, PS4, iOS และ Android โดยบอกตอนนั้นว่าเวอร์ชัน Nintendo Switch จะมีตามมาในภายหลัง ซึ่งก็ผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว ที่ไม่มีความคืบหน้า จนหลายคนอาจคิดว่าโครงการพัฒนาเวอร์ชัน Switch ยกเลิกไปแล้ว ล่าสุดมีการสอบถามไปยัง miHoYo ผู้พัฒนาเกม ยืนยันคำตอบว่าเวอร์ชัน Switch ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และหากมีความคืบหน้าจะประกาศอีกครั้ง Genshin Impact เป็นเกมผจญภัยแนวโอเพ่นเวิลด์แบบ Free-to-Play หารายได้จากการขายไอเท็มสุ่ม ที่ประสบความสำเร็จมาก ทำเงินรวมสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของเกมมือถือในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่มา: GoNintendo
# อินเทลเปิดตัวการ์ดกราฟิกสำหรับเซิร์ฟเวอร์, ชิป Arc สำหรับลูกค้าตามบ้านล่าช้าเพราะซอฟต์แวร์ อินเทลเปิดตัวการ์ดกราฟิก Arctic Sound-M (ATS-M) สำหรับเซิร์ฟเวอร์ มีจุดเด่นที่ตัวถอดรหัสวิดีโอ AV1 เช่นเดียวกับชิป Arc ฝั่งผู้ใช้ตามบ้าน ATS-M มีสองรุ่น คือรุ่น 150W มีคอร์ Xe จำนวนมากกว่า และรุ่น 75W ที่เน้นตัวประมวลผลวิดีโอ อินเทลโชว์ตัวเลขประสิทธิภาพของ ATS-M เช่น สตรีมวิดีโอ Full HD ได้พร้อมกัน 30 สตรีม, เรนเดอร์เกมได้พร้อมกันสูงสุดมากกว่า 40 หน้าจอ, และจุดคำสั่งรองรับการทำ virtualization สำหรับผู้ให้บริการคลาวด์ ในงาน Intel Vision 2022 Raja Koduri หัวหน้าฝ่ายกราฟิกของอินเทลยังเดโม Project Endgame โชว์แนวทางการประมวลผลกราฟิกจากหน่วยประมวลผลนอกเครื่อง โดยผู้ใช้อาจจะใช้การ์ดกราฟิกในบ้านเรนเดอร์ไปให้คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กกว่าเช่นโน้ตบุ๊ก หรือจะใช้การ์ดกราฟิกในคลาวด์ก็ได้ Koduri ระบุว่าในอนาคตการเรนเดอร์อาจจะแบ่งโหลดกัน เช่น ในเซิร์ฟเวอร์อาจจะเรนเดอร์ภาพความละเอียดต่ำ และใช้แบนวิดท์ส่งภาพไปยังไคลเอนต์ไม่มากนัก แต่ฝั่งไคลเอนต์สามารถเพิ่มความละเอียดด้วย XeSS ขึ้นภายหลัง แต่สำหรับลูกค้าตามบ้าน การ์ด Intel Arc ที่เปิดตัวตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ผลิตวางขายจริง Lisa Pearce ออกมาระบุเหตุผลว่าติดปัญหาซอฟต์แวร์ และด้านซัพพลายเชนก็มีปัญหา ทำให้เพิ่งเริ่มมีชิปส่งมอบเดือนนี้ สำหรับการ์ดเดสก์ทอปนั้นจะเริ่มวางตลาด Intel Arc A3 ในจีนก่อนเพราะความต้องการการ์ดรุ่นเริ่มต้นสูง แล้วค่อยขยายไปทั่วโลก ที่มา - Intel
# Bill Gates ทวีตว่าตนเองติด COVID-19 มีอาการป่วยเล็กน้อย ได้รับบูสเตอร์แล้ว Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์เปิดเผยผ่านบัญชี Twitter ของเขา ว่าได้เข้ารับการตรวจโควิด 19 และผลออกมาเป็นบวก มีอาการป่วยเล็กน้อย ซึ่งเขาก็ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อกักตัว จนกว่าจะมีอาการดีขึ้น ทั้งนี้ Gates บอกว่าเขาได้รับวัคซีนและบูสเตอร์แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Gates เพิ่งออกหนังสือเล่มใหม่ How to Prevent the Next Pandemic เพื่อจุดประเด็นปัญหาโรคระบาดที่มีโอกาสเกิดและรุนแรงมากขึ้นในโลก เหมือนกับหนังสือ How to Avoid a Climate Disaster ที่เขาเขียนเมื่อปีที่แล้ว ที่มา: Business Insider
# Roblox ไตรมาส 1/2022 รายได้รวมโต 39% เป็น 537.1 ล้านดอลลาร์ Roblox รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2022 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 39% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 537.1 ล้านดอลลาร์ มีรายรับส่วนที่เป็น Booking (มีการซื้อไอเท็มในเกม และจะทยอยรับรู้รายได้) ลดลง 3% เป็น 631.2 ล้านดอลลาร์ สุทธิแล้วขาดทุน 160.2 ล้านดอลลาร์ จำนวนผู้เล่นเป็นประจำทุกวันหรือ DAUs เฉลี่ยมี 54.1 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 28% จำนวนชั่วโมงที่มีการเล่น 11.8 พันล้านชั่วโมง เพิ่มขึ้น 22% Roblox ระบุว่าแม้สถานการณ์โควิดที่ดีขึ้น และการเปิดเมืองอาจส่งผลต่อการเติบโตของแพลตฟอร์ม แต่จากข้อมูลของบริษัทวิจัยภายนอก บริษัทยังเชื่อว่าจะสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดลูกค้า จากคู่แข่งที่ให้บริการเกมและโซเชียลในรูปแบบที่คล้ายกันได้ ที่มา: Roblox
# อินเทลเปิดตัวชิปฝึกปัญญาประดิษฐ์ Habana Gaudi2 เทคโนโลยีการผลิต 7nm ความเร็วแซง NVIDIA A100 ในบางงาน อินเทลเปิดตัวชิปฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Habana Gaudi2 หลังจาก Gaudi รุ่นแรกชูจุดแข็งว่าต้นทุนการฝึกปัญญาประดิษฐ์ถูกกว่าคู่แข่ง ตอนนี้ Gaudi2 ปรับมาใช้เทคโนโลยีการผลิต 7nm จากเดิม 16nm แรมในตัวมากถึง 96GB และแคชแบบ SRAM 48MB การปรับเทคโนโลยีรอบนี้ทำให้อินเทลโชว์ทรูพุตการฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์สำคัญ เช่น ResNet50 สำหรับการจัดหมวดหมู่ภาพ และ BERT สำหรับการประมวลผลภาษาว่าเร็วกว่าชิป NVIDIA A100 สองเท่าตัว อย่างไรก็ดี NVIDIA A100 นั้นวางตลาดมานานแล้ว และรุ่นล่าสุดคือ H100 เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม นอกจากพลังประมวลผลภายในชิปเองแล้ว อินเทลยังชูจุดแข็งของการ scale out ระบบด้วย Gaudi2 ว่าใช้พอร์ตอีเธอร์เน็ตแบบ 100GbE ที่มีอินเทอร์เฟชในตัวชิปมาให้ 24 พอร์ต เชื่อมต่อเข้ากับระบบเน็ตเวิร์คอีเธอร์เน็ตที่มีหลากหลายในตลาดได้ทันที ศูนย์วิจัยของ Habana เองสร้างคลัสเตอร์ด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่มี Gaudi2 8 ชุด กับ Xeon Ice Lake อีก 2 ชุด แล้วต่อกันเป็นคลัสเตอร์ที่มี Gaudi2 ขนาดพันโมดูลได้แล้ว ตอนนี้ Supermicro เตรียมผลิตเครื่อง Supermicro Gaudi®2 Training Server วางขายภายในไตรมาสสองของปีนี้ นอกจากนี้อินเทลยังเปิดตัวชิป Habana Greco สำหรับรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์มาพร้อมกัน โดยใช้กระบวนการผลิต 7nm เพิ่มหน่วยประมวลผลภาพและวิดีโอ รองรับฟอร์แมต HEVC, H.264, JPEG, P-JPEG สำหรับชนิดข้อมูลในโมเดลปัญญาประดิษฐ์รองรับ BFLOAT16, FP16, INT8/UINT8, INT4/UINT4 ที่มา - Habana
# EA ประกาศรีแบรนด์เกมฟุตบอล EA FIFA เป็น EA Sports FC ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป EA ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว หลังมีข่าวสัปดาห์ก่อน ว่าเกมฟุตบอล EA FIFA จะเปลี่ยนชื่อเป็น EA Sports FC ตั้งแต่ปี 2023 ซึ่งประเด็นว่า EA ต้องการรีแบรนด์เกมฟุตบอลนี้ มีข่าวมาตั้งแต่ปี 2021 นอกจากชื่อที่เปลี่ยน ในส่วนอื่นของเกมน่าจะยังเหมือนเดิม เพราะ EA บอกว่ายังคงมีพาร์ตเนอร์มากกว่า 300 ราย ทั่วโลก ทำให้มีข้อมูลผู้เล่นมากกว่า 19,000 คน จากกว่า 700 ทีมฟุตบอล ใน 100 สนามแข่งขัน และลีกมากกว่า 30 รายการทั่วโลก ซึ่งรวมทั้ง Premier League, LaLiga, Bundesliga และ UEFA David Jackson รองประธาน EA Sports ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า นอกจากการเปลี่ยนมาสร้างแบรนด์ใหม่เพื่ออนาคตระยะยาวของ EA แล้ว การไม่ต้องอยู่ในข้อตกลงกับ FIFA ช่วยให้บริษัทสามารถสร้างประสบการณ์เกมฟุตบอลในแบบใหม่ ๆ ที่เดิม FIFA ไม่อนุญาตได้อีกด้วย (แต่ไม่ได้ระบุว่าคืออะไร) ที่มา: BBC และ EA
# พี่รับมาแพง TSMC เตรียมขึ้นราคาชิปอีกรอบ 5-8% เริ่มปี 2023 Nikkei Asia อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนระบุว่า TSMC เริ่มแจ้งลูกค้าว่ากำลังจะขึ้นราคาชิปอีกครั้งประมาณ 5-8% ขึ้นกับเทคโนโลยีการผลิตโดยราคาใหม่จะมีผลต้นปี 2023 นี้ การประกาศขึ้นราคาครั้งนี้เป็นรอบที่สองภายในหนึ่งปีหลังจาก TSMC ประกาศขึ้นราคาเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วถึง 20% และก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนนโยบายไม่ลดราคาเทคโนโลยีการผลิตที่เริ่มนิ่ง จากเดิมที่ค่อยๆ ลดราคาทุกไตรมาส ปัญหาชิปขาดแคลนไม่ได้จำกัดอยู่แค่กำลังผลิตของโรงงานผลิตชิปเพียงอย่างเดียว แต่วัตถุดิบต้นน้ำของการผลิตชิปหลายตัวก็ไม่เพียงพอ เช่น เวเฟอร์, โรงงานแพ็กเกจชิปและทดสอบ, หรือ Ajinomoto Build-up Film (ABF) ที่มา - Nikkei
# Pat Gelsinger เตรียมนำอินเทลสู่ธุรกิจซอฟต์แวร์มากขึ้น ระบุโลกเจอเทคโนโลยีปิดมากเกินไป ที่งาน Intel Vision 2022 งานแสดงเทคโนโลยีของอินเทล Pat Gelsinger ซีอีโออินเทลระบุแนวทางทำบริษัทต่อไปจากนี้ว่าเตรียมพาอินเทลไปสู่ธุรกิจบริการและซอฟต์แวร์มากขึ้นเรื่อยๆ โดย Gelsinger พูดถึงอินเทลว่าแม้คนจะรู้จักในฐานะบริษัทชิป แต่ที่จริงแล้วอินเทลมีวิศวกรซอฟต์แวร์ถึง 17,000 คน มากกว่า VMware ที่เขาเคยเป็นซีอีโอก่อนหน้านี้เสียอีก ซอฟต์แวร์ของอินเทลนั้นส่วนมากตอนนี้ใช้เพื่อสนับสนุนการดึงประสิทธิภาพของชิปของอินเทลเป็นส่วนใหญ่ เช่น oneAPI ที่อินเทลพยายามผลักดันให้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ใช้กับทุกแพลตฟอร์มของอินเทลได้, หรือ OpenVINO ที่ช่วยแปลงโมเดลไปใช้กับชิปต่างๆ ของอินเทล ไปจนถึง Thread Director ที่ช่วยจัดการโหลดของซีพียูที่ซับซ้อนขึ้นในซีพียูรุ่นใหม่ๆ สามารถจัดการโหลดไปยังคอร์ประสิทธิ์ภาพสูงหรือคอร์ประหยัดพลังงานตามการใช้งานจริง เช่น หากผู้ใช้ย่อหน้าต่างโปรแกรมที่ต้องการซีพียูสูงๆ ตัว Thread Director ก็จะย้ายโหลดไปรันในคอร์ประหยัดพลังงานเพื่อให้โปรแกรมที่ผู้ใช้รันอยู่เบื้องหน้าตอบสนองได้ดี ระหว่างคีย์โน้ตเปิดงาน Intel Vision ครั้งนี้ อินเทลเลือกพูดถึงสินค้าตัวแรกของพันธมิตรคือ Pegatron 5G ชุดวางระบบ 5G สำเร็จรูปที่ใช้ซอฟต์แวร์ FlexRAN ของอินเทล Gelsinger พูดถึง ecosystem ของโลกซอฟต์แวร์ตอนนี้ว่าอยู่ในระบบปิดมากเกินไป เช่น ระบบ CUDA ที่ล็อกเข้ากับแพลตฟอร์มของ NVIDIA เอง และแนวทางของอินเทลจะพยายามให้อยู่กับมาตรฐานเปิดเป็นหลัก โดยเขายกตัวอย่างมาตรฐานเปิดที่อินเทลผลักดันครั้งใหญ่ๆ อย่าง Wi-Fi และ USB ที่ทุกวันนี้ใช้งานกันกว้างขวาง แต่อินเทลก็ยังได้ประโยชน์ แม้ว่ายังไม่มีการประกาศอะไรชัดเจน แต่ Gelsinger ระบุว่าแนวทางต่อไปในอนาคตน่าจะได้เห็นอินเทลเข้าซื้อบริษัทซอฟต์แวร์ในกลุ่ม SaaS มากขึ้น และการที่อินเทลมีสินค้าทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จะทำให้อินเทลกลายเป็นผู้ผลิตที่ขายโซลูชั่นทั้งระบบได้มากขึ้น ที่ผ่านมาองค์กรทั่วไปมักไม่ได้ซื้อสินค้าจากอินเทลโดยตรงนัก เช่น ซีพียูมักขายผ่านผู้ผลิตพีซีหรือคลาวด์ ทำให้น่าสนใจว่าอินเทลจะเข้าใจความต้องการโซลูชั่นของลูกค้าปลายทางได้ดีแค่ไหน แต่ผู้บริหารอินเทลก็ระบุว่าที่จริงบริษัททำงานร่วมกับลูกค้าระดับองค์กรอยู่แล้ว เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบการใช้งานของ ที่มา - งานเปิดตัว Intel Vision 2022, ช่วงถามตอบผู้บริหารอินเทล
# Apple ประกาศหยุดผลิต iPod touch แล้ว สิ้นสุดสินค้าตระกูล iPod ที่ขายมานานกว่า 20 ปี แอปเปิลประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้หยุดการผลิต iPod touch แล้ว ซึ่งถือเป็นสินค้าตระกูล iPod ตัวสุดท้ายที่ยังมีขายอยู่ โดยสินค้าจะมีวางจำหน่ายในช่องทางออนไลน์, Apple Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายต่อไปจนกว่าสินค้าจะหมด iPod รุ่นแรกเปิดตัวเมื่อปี 2001 ในฐานะอุปกรณ์ฟังเพลงพกพา ที่ทำงานร่วมกับโปรแกรม iTunes บน Mac และมีการพัฒนารุ่นต่าง ๆ ออกมา โดย iPod touch รุ่นสุดท้ายนี้คือ 7th Gen เปิดตัวเมื่อปี 2019 Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของแอปเปิลกล่าวว่าดนตรี ถือเป็นหนึ่งในหัวใจของสินค้าแอปเปิล กว่า 20 ปีของ iPod ได้ทำให้ดนตรี ติดตัวไปกับผู้ใช้งานได้ทุกที่ แอปเปิลนำคุณสมบัติการฟังเพลงนี้ใส่ลงอุปกรณ์ปัจจุบันทุกตัว ทั้ง iPhone, Apple Watch ไปจนถึง iPad หรือ Mac จึงกล่าวได้ว่าจิตวิญญาณของ iPod นั้นยังคงอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล ที่มา: Apple
# ASUS เปิดตัว Zenbook Pro 14 Duo OLED โน้ตบุ๊กจอคู่รุ่นใหม่ อัพเกรดเป็นจอ OLED นอกจาก ASUS Zenbook Pro 16X OLED ที่ใช้ดีไซน์คีย์บอร์ดยกได้ ยังมีโน้ตบุ๊กอีกตัวที่ใช้ดีไซน์คล้ายๆ กันคือ Zenbook Pro 14 Duo OLED ที่มีจอที่สองแบบยกขึ้นได้ ดีไซน์โน้ตบุ๊กมีจอที่สองยกขึ้นได้ไม่ใช่ของใหม่ของ ASUS เพราะเคยทำมาหลายรอบแล้ว เวอร์ชันของปี 2021 คือ Zenbook Duo 14 การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือรอบนี้อัพเกรดเป็นจอ OLED และดันขึ้นเป็นรุ่น Pro ที่มีสเปกแรงขึ้น ใส่ซีพียูได้สูงสุด Core i9-12900H, จีพียู GeForce RTX 3050 Ti หน้าจอหลักเป็นขนาด 14.5" OLED 2.8K 120Hz ส่วนจอเล็กที่เรียกว่า ScreenPad Plus มีขนาด 12.7" สัดส่วน 32:10 ความละเอียด 2.8K เป็นจอทัชสกรีน IPS 120Hz (จอหลักเลือกเป็นทัชหรือไม่ก็ได้) น้ำหนักรวม 1.7 กิโลกรัม นอกจากนี้ ASUS ยังเปิดตัวโน้ตบุ๊กกลุ่ม Zenbook อีกตัวคือ Zenbook S 13 OLED ใช้ทรงมาตรฐาน ดีไซน์บางเบา น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ใช้จอ 13.3" 2.8k OLED และซีพียูเป็น AMD ใส่ได้สูงสุด Ryzen 7 6800U
# DJI เปิดตัว Mini 3 Pro ใหม่ เซนเซอร์กล้องใหญ่ขึ้น บินได้นานกว่าเดิม สูงสุด 47 นาที DJI เปิดตัวโดรนใหม่ในชื่อว่า Mini 3 Pro โดยเป็นโดรนติดกล้องรุ่นเล็กที่อัพเกรดจาก Mini 2 ทั้งด้านดีไซน์, ฟีเจอร์ และราคา ตัวกล้องติดโดรนของ Mini 3 Pro ใช้เซนเซอร์ CMOS ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 1/1.3 นิ้ว, รูรับแสงกว้างกว่าเดิมที่ f/1.7, ดิจิทัลซูมได้สูงสุด 4 เท่า ถ่ายภาพได้ที่ 48 ล้านพิกเซล, วิดีโอ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และ HDR 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ด้านฟีเจอร์ของตัวโดรน Mini 3 Pro มีเซนเซอร์หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง เพื่อทำให้โดรนมีความสามารถมากขึ้นในโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ ส่วนตัวโดรนยังคงคอนเซปต์ขนาดเล็ก คือน้ำหนักไม่ถึง 250 กรัม ซึ่งตามกฎแล้วไม่ต้องลงทะเบียนกับ FAA ของสหรัฐฯ​ ส่วนแบตเตอรี่สามารถบินได้นานสุด 34 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เพิ่มจากรุ่นก่อนเล็กน้อย และมี Intelligent Flight Battery Plus ให้ซื้อเพิ่มเพื่อทำให้บินได้นานสุดถึง 47 นาที แต่ชุดที่ซื้อเพิ่มจะทำให้น้ำหนักเกิน 250 กรัม นอกจากนี้ DJI ยังเปิดตัวรีโมทคอนโทรลใหม่ที่ชื่อว่า DJI RC ที่น้ำหนักเบากว่า DJI RC Pro โดยมีหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความสว่าง 700 นิต โดยตอนนี้ DJI RC จะยังใช้งานได้เฉพาะกับโดรน Mini 3 Pro เท่านั้น แต่จะเพิ่มรุ่นซัพพอร์ตในอนาคต ราคา DJI Mini 3 Pro พร้อมรีโมท RC-N1 อยู่ที่ 25,690 บาท ส่วนราคาตัวโดรนพร้อมรีโมท RC อยู่ที่ 30,990 บาท ที่มา - The Verge, dpreview
# Netflix เวอร์ชันมีโฆษณา อาจเริ่มให้บริการปลายปีนี้ The New York Times รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง พูดถึงแผนงานหารายได้ช่องทางใหม่ที่ Netflix เคยเกริ่นไว้ หลังจากผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาเริ่มชะลอการเติบโต โดยบอกว่าอาจออกแพ็คเกจแบบมีโฆษณา ข้อมูลบอกว่าเดิมที Netflix ตั้งใจจะออกแพ็คเกจดังกล่าวใน 1-2 ปี ข้างหน้า แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ Netflix กำหนดให้แพ็คเกจดังกล่าวต้องเปิดให้สมัครได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ หรือช่วงปลายปี รายงานยังบอกว่าแผนเก็บเงินสมาชิกที่มีการแชร์รหัสผ่านกัน ก็คาดว่าจะเริ่มมีผลในช่วงปลายปีเช่นกัน ปัจจุบันบริการสตรีมมิ่งแทบทุกรายต่างมีแพ็คเกจแบบมีโฆษณา ที่ทำให้ผู้ใช้งานจ่ายเงินน้อยลง แล้วผู้ให้บริการไปหารายได้จากโฆษณาแทน ยกเว้น Apple TV+ ซึ่งประกาศแนวทางไม่มีโฆษณา กับ Disney+ ที่ตอนนี้ยังไม่มี แต่ประกาศแล้วว่าจะมีในปีนี้ ที่มา: The Verge
# Fedora 36 ออกแล้ว ใช้ Ansible 5, GNOME 42 เปลี่ยนฟอนต์เป็น Google Noto Fedora ออกเวอร์ชัน 36 ของใหม่ในเวอร์ชันนี้ได้แก่ Fedora Workstation GNOME 42 เพิ่มแอพ Text Editor และ Console ตัวใหม่ Fedora Server รองรับการทำ NFS/Samba share ด้วย Cockpit เว็บอินเทอร์เฟซสำหรับแอดมิน แพ็กเกจซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ เช่น Podman 40, Ansible 5, Ruby 3.1, Golang 1.18, PHP 8.1 เปลี่ยนฟอนต์ดีฟอลต์มาเป็น Google Noto เพื่อให้รองรับภาษาต่างๆ ได้ดีขึ้น (ของเดิมคือ DejaVu) ที่มา - Fedora
# อินเทลเปิดตัว Intel Core HX ซีพียูโน้ตบุ๊กเวิร์คสเตชั่นกลุ่มสุดท้ายในรุ่น 12 อินเทลเปิดตัว Intel Core รหัส HX สำหรับโน้ตบุ๊กเวิร์คสเตชั่นที่ต้องการพลังประมวลผลสูงสุด นับเป็นกลุ่มสุดท้ายใน Core รุ่นที่ 12 ตอนนี้ข้อมูลยังค่อนข้างน้อย โดยอินเทลระบุว่าซีพียูตระกูลนี้จะมีจำนวนคอร์สูงสุด 16 คอร์ (คอร์ประสิทธิภาพสูง 8 คอร์และคอร์ประหยัดพลังงาน 8 คอร์) และสัญญาณนาฬิกาสูงสุด 5GHz เทียบเท่ากับ Core i9 ที่ออกมาก่อนหน้านี้ เช่น Core i9-12900E ตัวซีพียูตระกูล HX จะไม่ล็อกสัญญาณนาฬิกาและรองรับแรมแบบ ECC สูงสุด 128GB ตอนนี้ยังไม่ระบุว่ามีรุ่นย่อยกี่รุ่น แต่สักพักเราน่าจะเห็นโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ๆ ใช้ซีพียูตระกูล HX มากขึ้นเรื่อยๆ อินเทลระบุว่าตอนนี้มีผู้ผลิตเตรียมออกโน้ตบุ๊กด้วยซีพียูกลุ่ม HX แล้วอย่างน้อย 10 รุ่นภายในปีนี้ ที่มา - Intel
# Nintendo ไตรมาสล่าสุด ยอดขาย Switch รวม 107.65 ล้านเครื่อง - Pokémon Legends ขายได้ 11.4 ล้านชุด นินเทนโดรายงานผลประกอบการประจำปีการเงิน ช่วงเมษายน 2021 ถึงมีนาคม 2022 ยอดขายรวมลดลง 3.6% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 1.695 ล้านล้านเยน มีกำไรสุทธิ 4.78 แสนล้านเยน นินเทนโดอธิบายว่าสาเหตุที่ยอดขายลดลงมาจากฐานในปี 2020-2021 ที่สูงจาก Animal Crossing: New Horizons รวมกับปัญหาชิปขาดแคลนในปี 2021-2022 Nintendo Switch ขายได้ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา (มกราคม-มีนาคม) เพิ่มอีก 4.11 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นรุ่น OLED 1.81 ล้านเครื่อง รุ่นปกติ 1.77 ล้านเครื่อง และรุ่น Lite 0.53 ล้านเครื่อง ตัวเลขยอดขายรวมตั้งแต่ Switch เริ่มวางขายเพิ่มเป็น 107.65 ล้านเครื่อง ส่วนยอดขายซอฟต์แวร์ในไตรมาสเพิ่มขึ้นอีก 55.77 ล้านชุด ข้อมูลเกมเด่นที่ขายในไตรมาสที่ผ่านมา Pokémon Legends: Arceus ขายได้ 11.4 ล้านชุดในช่วง 10 สัปดาห์แรก ส่วน Kirby and the Forgotten Land ขายได้ 2.1 ล้านชุด ใน 2 สัปดาห์แรก ในไตรมาสปัจจุบันนินเทนโดมีเกมของตนเองที่วางขายคือ Nintendo Switch Sports และ Mario Strikers: Battle League ที่มา: นินเทนโด (pdf) และ Nintendo Everything
# ยอดขาย PS5 แตะ 19.3 ล้านเครื่อง ไม่ถึงเป้าของโซนี่เพราะชิปขาดแคลนหนัก ในผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของโซนี่ เผยตัวเลขยอดขายฮาร์ดแวร์ PS5 ขายได้เพิ่มอีก 2 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ผ่านมา (1/2022) มียอดขายรวม 19.3 ล้านเครื่อง (ไตรมาสก่อนขายได้ 3.9 ล้านเครื่อง เรียกว่าลดไปครึ่งหนึ่ง) ตัวเลขยอดขาย PS5 ถือว่าพลาดเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเป้าของโซนี่ตามปีงบประมาณ 2021 (ระยะเวลา 12 เดือน จบที่สิ้นเดือนมีนาคม 2022) ต้องการขาย PS5 ให้ได้ 14.8 ล้านเครื่อง แต่ทำได้จริง 11.5 ล้านเครื่อง พลาดเป้าไปถึง 3.3 ล้านเครื่อง จากปัญหาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขาดแคลน โซนี่พยายามแก้เกมโดยกำหนดเป้าของปีงบประมาณ 2022 (เมษายน 2022-มีนาคม 2023) ให้เยอะกว่าเดิมอีกคือ 18 ล้านเครื่อง โดยบริษัทมั่นใจว่าสามารถสต๊อกชิ้นส่วนได้มากเพียงพอแล้ว ในเอกสารผลประกอบการของโซนี่ยังระบุว่า อัตราการขาดทุนของ PS5 ที่ตั้งราคาขายต่ำกว่าต้นทุนเริ่มลดลงแล้ว แต่ในทางกลับกันก็มียอดขายเกมลดลง โดยเฉพาะเกมจากค่ายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของโซนี่เอง ที่มา - Sony, Eurogamer
# แคนาดาขวางดีลบริษัทโทรคมนาคม Rogers ซื้อ Shaw บอกทำลายการแข่งขัน ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้น หน่วยงานด้านการแข่งขันทางการค้าของแคนาดา (Competition Bureau) ยื่นเรื่องต่อศาลแข่งขัน (Competition Tribunal) ขอระงับการควบรวมระหว่างบริษัทโทรคมนาคม Rogers ที่เสนอซื้อกิจการบริษัท Shaw ในราคา 26 พันล้านดอลลาร์แคนาดา ด้วยเหตุผลว่าการควบรวมจะทำลายการแข่งขัน ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้น ในคุณภาพบริการที่ลดลง ดีลนี้ Rogers โอปเปอเรเตอร์อันดับหนึ่งของแคนาดา มีฐานลูกค้าราว 11.3 ล้านราย เสนอซื้อกิจการ Shaw โอเปอเรเตอร์อันดับสี่ มีฐานลูกค้า 2.1 ล้านราย (Shaw ยังมีธุรกิจด้านเน็ตผ่านเคเบิลตามบ้าน และทีวีดาวเทียมด้วย) ธุรกิจของ Shaw เริ่มมาจากฝั่งเคเบิลมาก่อน แล้วเข้าสู่ตลาดโทรคมนาคมไร้สายเมื่อปี 2016 ผ่านการซื้อ Wind Mobile กลายเป็นผู้เล่นอันดับสี่ของแคนาดา (Big 3 คือ Rogers, Bell, Telus ที่มีฐานลูกค้าไล่เลี่ยกันประมาณ 10 ล้านราย) การเข้ามาของ Shaw ทำให้ตลาดมีการแข่งขันสูงขึ้นมาก และการทำแคมเปญการตลาดของ Shaw ส่งผลให้แพ็กเกจมือถือมีราคาต่ำลง ซื้อมือถือแบบไม่ต้องติดสัญญา และทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ Shaw เติบโตอย่างรวดเร็ว Competition Bureau ชี้ว่าการซื้อกิจการ Shaw จะทำให้การแข่งขันในตลาดลดลง โดยเฉพาะในบางมณฑลที่ Rogers และ Shaw เป็นคู่แข่งกันโดยตรง (Shaw ไม่ได้ให้บริการทั่วทั้งแคนาดา) และถึงแม้ดีลยังไม่ได้รับการอนุมัติ แต่ Competition Bureau ก็ตรวจพบแล้วว่า Shaw ชะลอการขยายเสาสัญญาณและแคมเปญการตลาดลง หลังได้รับข้อเสนอซื้อจาก Rogers ขั้นถัดไปคือ Competition Bureau จะต้องรอศาลว่าจะตัดสินอย่างไร ซึ่งก็มีกระบวนการทางศาลอีกเป็นระยะเวลาหนึ่ง ที่มา - Competition Bureau Canada
# AIS รายได้ และกำไรสุทธิ ไตรมาส 1 2022 ลดลง เพราะลงทุนในคลื่นความถี่เพิ่มในปีก่อน บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 2022 ว่า มีรายได้รวม 45,279 ล้านบาท ลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน กำไรสุทธิ 6,311 ล้านบาท ลดลง 5.0% เป็นผลจากการลงทุนในคลื่นความถี่เพิ่มเติมในปีที่ผ่านมา หากเจาะไปที่แต่ละธุรกิจจะพบว่า ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้ลดลง 1.7% จากปีก่อน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ประกอบกับการแข่งขันที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา มีลูกค้า 44.6 ล้านเลขหมาย และมีผู้ใช้งาน 5G มากกว่า 2.8 ล้านราย เพิ่มจาก 2.2 ล้านรายเมื่อปลายปี 2021 ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีรายได้เติบโต 27% จากปีก่อน มีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น 93,100 ราย โดยปัจจุบันมีลูกค้ารวม 1,865,100 ราย ตั้งเป้ามีฐานลูกค้า 2.2 ล้านรายในปีนี้ ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร มีรายได้เติบโต 31% จากปีก่อน ด้วยเป้าหมายการเติบโตขยายธุรกิจสอดรับเป้าหมายการเป็น Cognitive Telco ผ่าน 5 กลยุทธ์หลักที่จะเน้นหนักมากขึ้น “เรายังเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยงบประมาณกว่า 30,000 – 35,000 ล้านบาท ทั้งการขยายโครงข่าย 5G ที่ตั้งเป้าขยายให้เป็นร้อยละ 85 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศภายในสิ้นปี ทำให้เราก้าวสู่การเป็น Cognitive Telco ภายใน 3 ปีได้อย่างแน่นอน” สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าว อ้างอิง // ข่าวประชาสัมพันธ์ AIS, AIS
# Mastercard ทำ Mastercard Gamer Xchange แพลตฟอร์มเปลี่ยนคะแนนสะสม เป็นค่าเงินในเกม Mastercard เปิดตัว Mastercard Gamer Xchange หรือ MGX แพลตฟอร์มบริการแลกเปลี่ยนคะแนนสะสมของบัตรเครดิต เป็นค่าเงินในเกมทั่วโลก ครอบคลุมกว่า 4,000 เกม ผ่านการเชื่อมต่อ API กับเกมต่าง ๆ ช่วยเพิ่มรูปแบบในการใช้คะแนนสะสมของบัตรเครดิตได้ MGX จะเริ่มให้บริการในพื้นที่เอเชียแปซิฟิคก่อน เนื่องจากเป็นตลาดเกมที่ใหญ่ ผ่านการมีจำนวนเกมเมอร์มากถึง 54% จากทั่วโลก และคาดการณ์ว่าจะมีเกมเมอร์มากถึง 1,800 ล้านคนภายในปี พ.ศ. 2567 หลังจากนั้น MGX จะทยอยให้บริการในพื้นที่อื่นต่อไป กลุ่มเป้าหมายของ MGX คือผู้เล่นเกมที่มียอดใช้จ่ายระดับปานกลางถึงระดับสูง ผ่านการเสนอทางเลือกในการแลกคะแนนสะสมให้แก่ผู้ใช้กลุ่มนี้ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ในการเป็นผู้ใช้งานกลุ่มแรกที่สามารถนำคะแนนสะสมในบัตรแปลงเป็นค่าเงินในแพล็ตฟอร์มเกมยอดนิยมได้ จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ทำให้การดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับการแลกคะแนนบัตรเครดิตที่ปกติจะใช้ได้ต่อเมื่อไปรับประทานอาหาร, ซื้อสินค้า หรือท่องเที่ยว ดังนั้นเมื่อกิจกรรมดังกล่าวทำได้ลำบาก Mastercard จึงปรับแนวคิด และพัฒนา MGX ขึ้นแทน อ้างอิง // ข่าวประชาสัมพันธ์ Mastercard, Cyberplus
# ASUS เปิดตัว Zenbook Pro 16X OLED ดีไซน์คีย์บอร์ดยกได้เพื่อระบายความร้อน ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กตระกูล Zenbook และ Vivobook รอบกลางปี 2022 โดยเกือบทุกรุ่นใช้จอ OLED ที่กลายเป็นจุดขายของ ASUS ไปเรียบร้อยแล้ว โน้ตบุ๊กรุ่นที่มีดีไซน์น่าสนใจคือ ASUS Zenbook Pro 16X OLED โน้ตบุ๊กขนาดจอ 16" ดีไซน์บางเบา ที่มีคีย์บอร์ดยกชันขึ้นมาได้ และมีปุ่มหมุน dial ข้างทัชแพดสำหรับงานครีเอเตอร์ (ลักษณะคล้าย Surface Dial ของไมโครซอฟท์) ASUS เรียกดีไซน์แบบนี้ว่า AAS (Active Aerodynamic System) เป็นการยกคีย์บอร์ดขึ้นให้เหมาะกับองศาของมือ และเป็นช่องลมเข้า ช่วยระบายความร้อนลงได้อีก 7 องศาเซลเซียส ส่วน ASUS Dial เคยใส่มาแล้วในโน้ตบุ๊ก ASUS รุ่นก่อนๆ แต่ในรุ่นนี้ถูกปรับขนาดให้บางลงกว่าเดิม 75% ใช้วัสดุเป็นแก้วเคลือบชั้นนอก โปรแกรมที่รองรับแล้วคือ Photoshop, Premiere Pro, Photoshop Lightroom Classic, After Effects, Illustrator แต่ก็สามารถตั้งค่าเพิ่มเองได้ถ้าต้องการ สเปกของ Zenbook Pro 16X OLED แบบคร่าวๆ คือ หน้าจอทัชสกรีน 16" OLED ความละเอียด 4K (3840 x 2400) สัดส่วน 16:10 ความสว่าง 550nits ซีพียู เลือกใส่ได้ระหว่าง Core i7-12700H หรือ Core i9-12900H จีพียู เลือกเป็น Iris Xe หรือใส่ GeForce RTX 3060 Max-Q 6GB แรม 16/32GB LPDDR5 สตอเรจ 512GB/1TB/2TB NVMe PCIe 4.0 SSD เป็นสล็อตแบบ M.2 2280 แบตเตอรี่ 96WHrs น้ำหนัก 2.40kg คีย์บอร์ด backlit แบบปรับแต่งสีได้ per-key ลำโพง 6 ตัว (2 tweeter + 4 woofer) โดย Harman Kardon รองรับ Dolby Atmos Zenbook Pro 16X OLED เริ่มวางขายช่วงปลายเดือนมิถุนายน ราคาในยุโรปเริ่มต้นที่ 2,999 ยูโร ที่มา - ASUS
# Sony ประกาศยอดขายปีงบประมาณล่าสุด 2.63 ล้านล้านบาท มากที่สุดตั้งแต่เริ่มธุรกิจ Sony ประกาศผลประกอบการปีงบประมาณล่าสุดที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2022 ว่า มียอดขายรวม 9.9 ล้านล้านเยน หรือราว 2.63 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10% และมากที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจมา ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 8.82 แสนล้านเยน หรือราว 2.34 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 14% สาเหตุที่ Sony สามารถสร้างยอดขายได้มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของบริษัทมาจากธุรกิจภาพยนตร์ที่ทำได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะกับเรื่อง Spider-Man: No Way Home ที่กลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินอันดับ 3 ตลอดกาลในพื้นที่อเมริกาเหนือ รวมถึงธุรกิจเพลง และลิขสิทธิ์ที่เติบโต โดย 30 ของ Adele เป็นอัลบั๊มที่ขายดีที่สุดของปี 2021 นอกจากนี้ความต้องการเซ็นเซอร์ของกล้องถ่ายรูปบนสมาร์ตโฟนยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจเกมยังเติบโตแม้จะไม่สามารถส่งมอบเครื่อง PlayStation 5 ได้ตามคาดหวัง ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจดั้งเดิมของบริษัทยังทำผลงานได้ดีเช่นเดิม นักวิเคราะห์มองว่า Sony กำลังปรับตัวจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปสู่ Content Company เพราะระยะหลังบริษัทเริ่มจริงจังกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหามากขึ้น ส่วนปีงบประมาณถัดไปที่จะสิ้นสุดเดือน มี.ค. 2023 ทาง Sony ตั้งเป้ามียอดขาย 11.4 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 15% มีกำไรสุทธิ 8.30 แสนล้านเยน ลดลง 6% อ้างอิง // Japan Times, Sony ภาพจาก Sony
# สรยุทธ โพสต์ รัฐมนตรีดิจิทัลฯ เตรียมปิดแพลตฟอร์มที่ก้าวล่วงสถาบัน สรยุทธ สุทัศนะจินดา โพสต์บนเพจเฟสบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ว่า ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม หรือ ดีอีเอส กำลังตรวจสอบเว็บไซต์ และแพลตฟอร์มที่มีการนำเสนอโฆษณาการตลาดที่มีลักษณะก้าวล่วงสถาบันของ Lazada และที่คล้ายกัน ทั้งเตรียมรวบรวมหลักฐาน และทำงานร่วมกับ ปอท. พร้อมยื่นคำรองต่อศาล เพื่อขอให้ปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์ม รวมถึงการแชร์ผ่าน YouTube, Twitter และ Facebook โดยเบื้องต้นพบว่ามีทั้งหมด 42 URL สำหรับแพลตฟอร์มที่นำเสนอโฆษณาการตลาดที่มีลักษณะก้าวล่วงสถาบัน ปกติแล้วจะต้องปิดตัวเมื่อได้รับการแจ้งจากดีอีเอส จะปิดตัวเองอยู่แล้ว หากไม่ปิดจะมีความผิด เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และกฎหมายอื่น นอกจากนี้ เอเจนซีโฆษณา อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ที่อยู่ในวงการประชาสัมพันธ์ต้องมีจรรยาบรรณ และมีสมาคมวิชาชีพดูแล เพื่อหารือกันว่าการทำโฆษณาต้องถูกกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม ไม่บูลลี่ หรือทำให้สังคมเกิดความรู้สึกไม่ดี อ้างอิง // เพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
# Western Digital เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ความจุ 22TB และ 26TB สำหรับตลาดศูนย์ข้อมูล Western Digital เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ความจุ 22TB และ 26TB สำหรับตลาดศูนย์ข้อมูล 22TB Ultrastar DC HC570 HDD เป็นฮาร์ดดิสก์ความจุ 22TB ที่ใช้เทคโนโลยีการเรียงแทร็คแบบ Conventional Magnetic Recording (CMR) แบบดั้งเดิมที่มีความทนทานสูง, ใช้แผ่นจาน 10 แผ่น ความจุจานละ 2.2TB 26TB Ultrastar DC HC670 UltraSMR HDD เป็นฮาร์ดดิสก์ความจุ 26TB ใช้เทคโนโลยีเรียงแทร็คแบบเหลื่อมกัน Shingled Magnetic Recording (SMR) ช่วยให้มีพื้นที่จุข้อมูลเยอะขึ้นเป็น 2.6TB ต่อแผ่น ฮาร์ดดิสก์ทั้งสองรุ่นใช้หน่วยความจำแบบแฟลช OptiNAND ArmorCache ช่วยในเรื่องแคชการอ่าน-เขียนไฟล์, บรรจุด้วยก๊าซฮีเลียม HelioSeal, ใช้ขาหัวอ่านแบบ 3 ขั้น โดยฮาร์ดดิสก์ทั้งสองรุ่นจะยังส่งให้เฉพาะผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ๆ (hyperscale cloud) ทดลองใช้งานก่อนเท่านั้น Western Digital บอกว่าความสำเร็จของฮาร์ดดิสก์ความจุ 26TB ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะวางขายฮาร์ดดิสก์ความจุ 30+ TB ได้ตามแผน เมื่อต้นปีนี้ Seagate เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ 22TB ไปก่อนแล้ว (ยังไม่มี 26TB) และเคยบอกว่าจะออกฮาร์ดดิสก์ 30TB ให้ได้ภายในปี 2023 เช่นกัน ที่มา - Western Digital, AnandTech
# ไมโครซอฟท์บุกตลาดผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยรับจ้าง เปิด Microsoft Security Experts ไมโครซอฟท์มีธุรกิจด้านความปลอดภัยมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว (แถมโฆษณาว่าตัวเองเป็น the world’s largest security company) แต่ทั้งหมดยังเป็นซอฟต์แวร์-บริการแบบจ่ายค่าสมาชิกเท่านั้น เช่น Microsoft Defender, Microsoft Purview, Azure Firewall, Azure DDoS Protection ล่าสุดไมโครซอฟท์บุกเข้าตลาดผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยรับจ้าง ในชื่อว่า Microsoft Security Experts โดยบริการย่อยตัวแรกคือ Microsoft Defender Experts for Hunting เป็นการจ้างผู้เชี่ยวชาญของไมโครซอฟท์มาช่วยดูข้อมูลจาก ข้อมูลของ Microsoft Defender เพื่อหารูรั่วขององค์กรให้ (ยังจ้างแยกต่างหากไม่ได้ ต้องใช้บริการซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ก่อน) ไมโครซอฟท์บอกว่าตลาดลูกค้าองค์กรขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยอย่างมาก มีตำแหน่งงานด้านนี้ 2.5 ล้านตำแหน่งในสหรัฐที่หาคนมาทำงานไม่ได้ ทางออกขององค์กรจึงต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญภายนอกเข้ามาแทน ซึ่งไมโครซอฟท์มีกำลังคนและกำลังเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ได้ ก่อนหน้านี้ กูเกิลเพิ่งซื้อบริษัทที่ปรึกษาความปลอดภัย Mandiant ที่ให้บริการผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ในราคาที่สูงถึง 5.4 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.8 แสนล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการขาดแคลนกำลังคนในสายงานนี้ได้เป็นอย่างดี ที่มา - Microsoft
# Binance หยุดให้ถอน LUNA และ UST จากระบบชั่วคราว ด้าน Bitkub ปิดระบบถอน 53 เหรียญ Binance แจ้งอย่างเป็นทางการว่า การถอน LUNA และ UST จะถูกหยุดชั่วคราวนับตั้งแต่ 9.30 น. เวลาประเทศไทย ของวันที่ 10 พ.ค. 2022 เป็นต้นไป เนื่องจากมีรายการรอถอนจำนวนมาก จนทำให้เครือข่ายช้า และทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ Binance จะเปิดให้ถอน LUNA และ UST อีกครั้งเมื่อคำสั่งถอนคงค้างเริ่มลดลง และเครือข่ายกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งบริษัทจะแจ้งในภายหลัง ในทางกลับกัน Blognone รายงานว่า ช่วงเช้ามืดวันที่ 10 พ.ค. 2022 ราคา 1 UST แทนที่จะเท่ากับ 1 ดอลลาร์ กลับลดลงต่ำกว่านั้น และภาพรวมตลาดสกุลเงินดิจิทัลหดตัวอย่างรุนแรง นอกจากนี้ Bitkub แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในประเทศไทย มีการประกาศหยุดถอน 53 เหรียญดิจิทัลชั่วคราวตั้งแต่เวลา 11.30 น. ของวันที่ 10 พ.ค. 2022 เช่นกัน โดยเหรียญดังกล่าวประกอบด้วย LUNA, KUB, AXS และ USDT เป็นต้น แต่ทั้งหมดนี้ยังฝาก และซื้อขายได้ตามปกติ ล่าสุดเวลา 15.00 น. Bitkub เปิดให้ถอนเหรียญดิจิทัลทั้ง 53 เหรียญที่หยุดชั่วคราวไปก่อนหน้านี้แล้ว อ้างอิง // Binance, Bitkub
# เอลซัลวาดอร์ ซื้อบิตคอยน์เพิ่ม 500 เหรียญ ราคาเฉลี่ย 30,744 ดอลลาร์ นายิบ บูเคเล ประธานาธิปดีประเทศเอลซัลวาดอร์ โพสต์ลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวช่วงเช้ามืดวันที่ 10 พ.ค. (ตามเวลาประเทศไทย) ว่า เอลซัลวาดอร์ได้ซื้อบิตคอยน์ทั้งหมด 500 เหรียญ ในราคาเฉลี่ย 30,744 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.06 ล้านบาท ถือเป็นการซื้อบิตคอยน์มากที่สุดของประเทศนับตั้งแต่เริ่มซื้อสะสมเมื่อเดือน ก.ย. 2021 หากอ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg จะพบว่า ปัจจุบันประเทศเอลซัลวาดอร์ถือครองบิตคอยน์ทั้งหมด 2,301 เหรียญ หรือคิดเป็นมูลค่าราว 71,700 ล้านดอลลาร์ (ราคาเมื่อ 4 ชม. ก่อนหน้านี้) และเอลซัลวาดอร์ยังเป็นประเทศแรกที่ตรากฎหมายให้บิตคอยน์เป็นสกุลเงินตามกฎหมาย ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของประเทศไทย ราคาบิตคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลต่างปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยบิตคอยน์ลดลง 8.15% เมื่อเทียบกับ 24 ชม. ก่อนหน้านี้ ซึ่งมูลค่าดังกล่าวหายไปกว่า 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดือน พ.ย. ที่บิตคอยน์มีมูลค่าสูงสุดที่ 67,553 ดอลลาร์ อ้างอิง // CNBC ภาพโดย mundissima / Shutterstock.com
# Grindr แอปฯ เดตติ้งกลุ่ม LGBTQ+ เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยวิธี SPAC Grindr แอปพลิเคชันเดตติ้งกลุ่ม LBGTQ+ เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยวิธี SPAC โดยบริษัทเช็คเปล่า (Blank-Check) ที่จะควบรวมกิจการกันคือ Tiga Acquisition Corp (TAC) ปัจจุบันจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค และมีชื่อใหม่หลังจากวบรวมกิจการกันว่า Grindr Inc. มูลค่ากิจการหลังจากทั้งสองบริษัทควบรวมกันจะอยู่ที่ 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อปี 2020 แอปพลิเคชัน Grindr เคยถูกกลุ่มทุน San Vicente ซื้อกิจการ Kunlun Tech บริษัทเกมจากจีน และเจ้าของเดิมด้วยมูลค่า 620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Grindr ก่อตั้งเมื่อปี 2009 ในสหรัฐอเมริกา วางตัวเป็นแอปพลิเคชันเดตติ้งของชาว Gay, Bi, Trans และ Queer โดยในปี 2018 ทาง Grindr ได้ขายกิจการทั้งหมดให้กับ Kunlun Tech รวมมูลค่ากว่า 250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทางเจ้าของใหม่มีแผนนำ Grindr เข้า IPO เช่นกัน แต่สุดท้ายล้มเลิก และขายกิจการนี้ออกไป สิ้นปี 2021 Grindr มีผู้ใช้ต่อเนื่องต่อเดือน (MAU) 10.8 ล้านบัญชี, มีบัญชีที่จ่ายเงิน 7.23 แสนบัญชีในสิ้นเดือน ธ.ค. 2021 เพิ่มขึ้น 31.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 147 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน อ้างอิง // TAC, Reuters, Grindr
# สกมช. แจกทุนสอบใบรับรองความปลอดภัยไซเบอร์ CISSP ฟรี เพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญในไทย สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช. หรือ NDSA) หน่วยงานใหม่ที่ดูแลด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 ประกาศโครงการให้ทุนสอบใบรับรองผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยระบบไอที Certified Information Systems Security Professional (CISSP) จำนวน 50-60 คน CISSP เป็นใบรับรองที่อยู่ใต้สมาคม International Information System Security Certification Consortium (ISC2) ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล ปัจจุบันมีผู้ผ่านใบรับรอง CISSP ราว 152,600 คน แต่ประเทศไทยมีประมาณ 300 คนเท่านั้น (สิงคโปร์มี 2,800 คน) ทำให้ สกมช. ต้องการขยายจำนวนผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยไซเบอร์ในไทย จึงให้ทุนค่าสอบเพื่อจูงใจให้คนสายไอทีในไทยเข้าสอบกันมากขึ้น ทั้งนี้ทาง สกมช. ไม่ได้บอกว่าให้ทุนค่าสอบเป็นจำนวนเงินเท่าไร เป็นทุนเต็มจำนวนหรือไม่ แต่ค่าสอบบนหน้าเว็บของ ISC2 อยู่ที่ 749 ดอลลาร์ (ประมาณ 26,000 บาท) เงื่อนไขของผู้รับทุนสอบ CISSP ต้องมีประสบการด้านความปลอดภัยไซเบอร์อย่างน้อย 5 ปี เมื่อเข้าโครงการแล้วต้องสอบคัดเลือก 2 รอบ และอบรมหลักสูตรต่างๆ ตามที่กำหนด โดยเข้าสอบ CISSP จริงในเดือนตุลาคม 2565 รับสมัครจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ที่มา - NCSA Thailand
# Google Cloud เปิดบริการ Cloud TPU VM เช่าใช้ชิป TPU ของกูเกิลรัน ML ได้ดีกว่าเดิม Google Cloud ประกาศบริการ Cloud TPU VMs เข้าสถานะเสถียร general availability (GA) กูเกิลมีหน่วยประมวลผล TPU (Tensor Processing Unit) ที่ออกแบบเองสำหรับเร่งความเร็ว AI มาตั้งแต่ปี 2017 และเปิดให้คนทั่วไปเช่ารัน-เทรนโมเดล machine learning ผ่าน Google Cloud มาตั้งแต่ปี 2018 ในชื่อบริการ Cloud TPU แต่ที่ผ่านมา การเช่า TPU ยังเป็นการเช่า VM บนเครื่องอื่นแล้วรีโมทเข้าไปเรียก TPU ผ่านโปรโตคอล gRPC เท่านั้น ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงเครื่อง TPU โดยตรงได้ (ดูภาพประกอบ) เมื่อกลางปี 2021 กูเกิลออกบริการ Cloud TPU VMs ที่สามารถรัน VM บนเครื่อง TPU โดยตรงได้เลย (เหมือนเครื่อง VM ของซีพียูทั่วไป) ทำให้ผู้ใช้เข้าถึง TPU สะดวกขึ้น สามารถกำหนดสภาพแวดล้อมในการพัฒนาและรันโมเดลได้เอง อีกทั้งได้ประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย การเทรนโมเดลด้วย Cloud TPU VMs เร็วขึ้นกว่าการรีโมทใช้ TPU แบบเดิม Cloud TPU VMs แบบใหม่ Cloud TPU แบบเดิม (remote) ชาร์ทแสดงประสิทธิภาพแบบใหม่ (สีส้ม) กับแบบเดิม (สีฟ้า) ที่มา - Google
# ตลาดผันผวนสูง ซีอีโอ Uber เตือนพนักงาน ลดค่าใช้จ่ายบริษัท ลดงบการตลาด ลดจ้างพนักงานใหม่ สัปดาห์ที่แล้วเพิ่งมีข่าว เอกสารภายในของ Meta ให้ชะลอการจ้างพนักงานใหม่ หลังรายได้เติบโตช้าลง ล่าสุดมีบันทึกภายในของ Dara Khosrowshahi ซีอีโอของ Uber หลุดออกมาสู่สาธารณะผ่าน CNBC โดย Khosrowshahi พูดถึงสภาพของตลาดหุ้นในช่วงนี้ว่าเปลี่ยนแปลงหนัก และบริษัทต้องปรับตัวตามหลายอย่าง Khosrowshahi เน้นว่าในยุคที่ตลาดผันผวน นักลงทุนต้องการความปลอดภัย ดังนั้น Uber ต้องแสดงให้เห็นว่าบริษัททำกำไรได้ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าต้องมี EBITDA ที่ 5 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2024 แต่ตอนนี้สภาพตลาดเปลี่ยนอีก การมีกำไรยังไม่สำคัญเท่าการมีกระแสเงินหมดในมือมากพอ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ Uber จะลดการลงทุนขนาดใหญ่ในบางโครงการลง ตัดค่าการตลาดและโบนัสจูงใจคนขับลง และจะชะลอการจ้างพนักงานใหม่ด้วย ภาพรวมของบริษัทคือเริ่มลดค่าใช้จ่ายของทั้งองค์กรอย่างจริงจังมากขึ้น ยุทธศาสตร์ของ Uber คือการใช้พลังของแพลตฟอร์มเพื่อต่อยอด เริ่มจากดึงลูกค้าเข้ามาทางบริการเรียกรถหรือเดลิเวอรี ชักชวนให้ใช้บริการอื่นๆ และให้ลูกค้าอยู่ต่อนานๆ ผ่านโครงการสมาชิกที่รวมทุกอย่างไว้ด้วยกัน (Uber เรียกว่า Uber One) Khosrowshahi บอกว่ายุทธศาสตร์นี้มาถูกทางแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือแสดงผลลัพธ์ออกมาเป็นเงินจริงๆ ให้นักลงทุนเห็น ข่าวของ Uber เริ่มแสดงให้เห็นสัญญาณว่าบริษัทไอทีขนาดใหญ่เริ่มปรับเกียร์ลงให้รับกับสภาพเศรษฐกิจกันแล้ว ที่มา - CNBC
# หุ้น Coinbase ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับแต่ IPO ที่ 381 ดอลลาร์ หุ้น Coinbase กระดานซื้อขายเงินคริปโตรายใหญ่ตกลงต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ล่าสุดวันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม ราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 96 ดอลลาร์ และไหลลงไปเรื่อยๆ จนปิดตลาดที่ 83.51 ดอลลาร์ แม้ราคาเปิดตลาดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2021 จะสูงถึง 381 ดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญคือยอดซื้อขายในกระดานของ Coinbase นั้นต่ำลงมาก ยอดซื้อขายต่อวันนั้นอยู่ที่ราวๆ 2-2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันเท่านั้น เทียบกับปี 2021 ที่มีช่วงทะลุ 5 พันล้านดอลลาร์ต่อวันต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ในช่วงนี้ตกลงมาหนักด้วยกันแทบทุกตัวหากเทียบกับช่วงปลายปี 2021 ที่หุ้นเทคโนโลยีพุ่งสูง เช่น GOOG ตกจาก 3,000 ดอลลาร์เหลือ 2,250 ดอลลาร์, แอปเปิลตกจาก 180 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 152 ดอลลาร์, หรือบางตัวก็หนักใกล้เคียงกับ Coinbase เช่น Cloudflare ตกจาก 211 ดอลลาร์เหลือ 56 ดอลลาร์ ที่มา - MarketWatch, Coindesk ภาพโดย mohamed_hassan
# ราคา Bitcoin ร่วง 10% ในรอบ 24 ชม. ใกล้เคียงกับราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ตกลงราว 10% ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยราคาต่ำสุดลงไปที่ 1 BTC = 1 BTC 1 BTC = 29,763 ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับระดับต่ำที่สุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาคือ 1 BTC = 29,789 ดอลลาร์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 หากคิดเทียบกับราคาสูงสุด 1 BTC = 67,553 ดอลลาร์ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2021 ก็ถือว่าราคาลดลงมาเกิน 50% แล้ว ทิศทางของเหรีญคริปโตอื่นๆ ก็ไปในลักษณะเดียวกัน เช่น Ethereum ราคาลดลง 6.9% ในรอบ 24 ชั่วโมง ราคาปัจจุบันอยู่ที่ราว 2,312 ดอลลาร์ แม้ยังไม่ถึงระดับต่ำสุดในรอบปีที่ราว 1,786 ดอลลาร์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 ก็ตาม กราฟราคา Bitcoin ในรอบ 1 ปีก่อนหน้า จาก Coindesk
# Android Studio Chipmunk (2021.2.1) ออกแล้ว กูเกิลออก Android Studio Chipmunk เวอร์ชัน 2021.2.1 รุ่นเสถียร ถือเป็น Android Studio รุ่นที่สามที่เปลี่ยนมาใช้โค้ดเนมเป็นตัวอักษรตามชื่อสัตว์ (รุ่นแรกคือ Arctic Fox รุ่นที่สองคือ Bumblebee รุ่นหน้าจะเป็น Dolphin) ของใหม่ใน Android Studio Chipmunk มีไม่เยอะนัก (เพราะเปลี่ยนมาออกทุกไตรมาส) ได้แก่ Compose Animation รองรับการแสดงผลแอนิเมชันที่สร้างโดย Jetpack Compose ตอนนี้ยังรองรับแอนิเมชัน 2 แบบคือ AnimatedVisibility และ updateTransition CPU Profiling แสดงข้อมูล jank information ทั้งชนิดและระยะเวลา ช่วยให้หาสาเหตุของการกระตุกได้ง่ายขึ้น Check Jetifier ใน Build Analyzer ช่วยค้นหา flag ที่ถูกใช้ในตอนเปลี่ยนผ่านไลบรารีมาสู่ยุค AndroidX เพื่อลบทิ้ง และช่วยให้ประสิทธิภาพตอนคอมไพล์ดีขึ้น 5-10% ใช้ฐานอยู่บน IntelliJ 2021.2 ได้ฟีเจอร์หลายๆ อย่างที่ระดับตัว IDE ที่มา - Android Developers Blog
# จีน สั่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เปย์สตรีมเมอร์ และรับชมไลฟ์สตรีมได้ไม่เกินเวลา 22.00 น. หน่วยงานกำกับกิจการวิทยุ และโทรทัศน์ของจีน ออกประกาศฉบับใหม่เพื่อสั่งแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิงต่าง ๆ ในประเทศให้กำกับการใช้งานของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ประกอบด้วย บังคับให้แพลตฟอร์มไม่ให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้ทิปกับสตรีมเมอร์ที่ตัวเองชอบ และไม่ให้พวกเขาไลฟ์สตรีมโดยไม่มีผู้ปกครองคอยแนะนำ แพลตฟอร์มต่าง ๆ ต้องปิดไลฟ์สตรีมหลังเวลา 22.00 น. ทันที หากผู้ชมใช้บัญชีที่ถูกควบคุมโดยผู้ปกครอง และตัวแพลตฟอร์มต้องกำกับเนื้อหาในช่วง Peak Time อย่างเคร่งครัด การออกประกาศฉบับใหม่นี้ต่อเนื่องจากการที่ทางการจีนลงมากำกับกิจการไลฟ์สตรีมมิง และแพลตฟอร์มวีดีโอสั้นต่าง ๆ เพื่อควบคุมเนื้อหาให้ไม่บ่อนทำลายเยาวชน และอยู่ในกรอบที่รัฐบาลจีนต้องการ เช่น การออกคำสั่งไม่ให้ไลฟ์สตรีมเกมที่ยังไม่ให้อนุญาตให้จำหน่ายในประเทศ ในทางกลับกัน การเข้มงวดในแพลตฟอร์มข้างต้น สร้างความลำบากในการดำเนินกิจการของแพลตฟอร์มที่คนไทยคุ้นชื่อ เช่น Bilibili และ Douyin (ชื่อบริการ TikTok ในประเทศจีน) ร่วมถึง Huya กับ Douyu ที่ต่างมี Tencent เป็นผู้ลงทุนเบื้องหลัง อ้างอิง // Reuters ภาพจาก Pakutaso
# [ไม่ยืนยัน] Apple ปรับโครงสร้างทีมงาน โฟกัสธุรกิจสตรีมมิ่ง และโฆษณา มากขึ้น Business Insider อ้างแหล่งข่าวภายในที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า Eddy Cue รองประธานอาวุโสฝ่ายธุรกิจ Services ของแอปเปิล ได้ปรับโครงสร้างทีมงานใหม่ โดย Peter Stern จะไม่ต้องดูธุรกิจโฆษณาของแอปเปิล แต่เหลือเฉพาะบริการสตรีมมิ่ง ข่าว หนังสือ iCloud Fitness+ และอื่น ๆ เพื่อให้เขาได้โฟกัสกับสตรีมมิ่ง Apple TV+ มากขึ้น ธุรกิจโฆษณาของแอปเปิล เช่น โฆษณาใน App Store จะเปลี่ยนให้ Todd Teresi รับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งแม้ดูเป็นเพียงส่วนธุรกิจย่อย แต่รายได้ของธุรกิจโฆษณาแอปเปิลในปีที่แล้วลำพัง ก็เพิ่มเป็น 3.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแอปเปิลมองว่ายังเติบโตได้อีกมาก และควรมีผู้ดูแลโดยเฉพาะ รายงานบอกว่า Stern จะโฟกัสที่การหาคอนเทนต์กีฬามาลง Apple TV+ มากขึ้น หลังจากเพิ่มถ่ายทอดสดเบสบอล โปรแกรม Friday Night Baseball เข้ามา โดยตอนนี้กำลังเจรจาทั้งอเมริกันฟุตบอล NFL และบาสเกตบอล NBA ที่มา: Business Insider
# ผลจากการ Lockdown ในจีน - Apple ให้วิศวกรโรงงานตัดสินใจเองมากขึ้น จากเดิมส่งวิศวกรจากอเมริกาไปควบคุม มีรายงานจาก The Wall Street Journal ว่าแอปเปิลได้ปรับวิธีการทำงาน เนื่องจากจีนมีคำสั่งล็อคดาวน์และควบคุมการเข้าออกประเทศที่เข้มงวดขึ้น ทำให้แอปเปิลไม่สามารถทำงานและวางแผนการผลิตสินค้าได้แบบที่ผ่านมา ที่จะส่งวิศวกรจากอเมริกาเดินทางไปกลับเป็นประจำ โดยแผนงานที่เปลี่ยนแปลงนั้น แอปเปิลให้อำนาจการตัดสินใจที่หน้างานกับวิศวกรแอปเปิลในจีนมากขึ้น จากเดิมวิศวกรจากอเมริกาจะไปที่โรงงาน นำสินค้าต้นแบบและข้อมูลการผลิตกลับไปที่สำนักงานใหญ่ใน Cupertino เพื่อตัดสินใจที่นั่น แต่เนื่องจากการเดินทางเข้าประเทศจีนทำได้ยากขึ้น จึงเปลี่ยนมาใช้วิดีโอคอลล์ หรือใช้เครื่องมือ AR ติดต่อตรงกับสายการผลิตในจีน เพื่อตรวจสอบและตัดสินใจ ทำให้แอปเปิลยังสามารถออกสินค้าใหม่ได้ตามรอบกำหนดการ ก่อนหน้านี้ซีอีโอ Tim Cook แจ้งในแถลงผลประกอบการ ว่าแอปเปิลจะยังมีปัญหาซัพพลายเชนในไตรมาสปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเนื่องจากการล็อคดาวน์ในจีน ที่มา: MacRumors