txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# Battlefield 2042 เลื่อนวันเปิดตัว 1 เดือน เป็น 19 พฤศจิกายน 2021
EA ประกาศเลื่อนวันวางขายเกม Battlefield 2042 ภาคใหม่ล่าสุดเล็กน้อย จากเดิมกำหนดเปิดให้เล่น 23 ตุลาคม เลื่อนมาเป็น 19 พฤศจิกายน 2021
เหตุผลของการเลื่อนก็คล้ายกับกรณีอื่นๆ คือสถานการณ์โรคระบาดทำให้พนักงานประสานงานกันยากกว่าเดิม จึงต้องการเวลาเพิ่มในการปรับปรุงคุณภาพของเกมให้ดีขึ้น
Battlefield 2042 เป็นการนำซีรีส์ Battlefield กลับสู่ยุคสงครามอนาคต ไม่มีโหมดเนื้อเรื่อง เน้นเล่นมัลติเพลเยอร์อย่างเดียว โดยเกมต้องใช้สตูดิโอภายในของ EA ทั้งหมด 4 แห่งมาช่วยกันทำ มี DICE เป็นผู้นำโครงการเหมือนเดิม และมี Criterion (ที่ต้องหยุดทำ Need for Speed เพื่อมาช่วย Battlefield), EA Gothenburg อีกสตูดิโอที่เคยทำ Need for Speed, Ripple Effect ชื่อใหม่ของ DICE LA เดิม |
# iPhone 13 และ iPhone 13 Pro รองรับการใช้งาน eSIM คู่ แล้ว
มีคุณสมบัติใหม่หนึ่งของ iPhone 13 และ iPhone 13 Pro ที่แอปเปิลไม่ได้ประกาศในงานอีเวนต์ คือการรองรับ eSIM คู่ จากเดิมที่ iPhone รองรับ eSIM เพียงซิมเดียว โดยเป็นการใช้งานคู่กับ Nano-SIM ซึ่งแอปเปิลได้ระบุคุณสมบัตินี้ไว้ในหน้าข้อมูลทางเทคนิค โดยสามารถเลือกได้ทั้งการใช้ซิมคู่แบบเดิม หรือแบบเป็น eSIM ทั้งคู่
iPhone เริ่มรองรับ eSIM ตั้งแต่ iPhone XR และ iPhone Xs
ที่มา: 9to5Mac |
# โปรแกรมจัดการ VM บน Azure มีช่องโหว่ กระทบลินุกซ์จำนวนมากที่รันบน Azure
ทีมวิจัยจาก Wiz.io รายงานถึงช่องโหว่ของโปรแกรม OMI (Open Management Infrastructure) ที่ช่วยจัดการโครงสร้างใน Azure โดยไมโครซอฟต์ติดตั้ง OMI ไปกับบริการจำนวนมากที่รันลินุกซ์บน Azure รวมถึง virtual machine ที่เลือกระบบปฎิบัติการลินุกซ์
ช่องโหว่ที่รายงานออกมามี 4 รายการ ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2021-38647 ช่องโหว่รันโค้ดระยะไกล (CVSSv3 9.8 คะแนน) เนื่องจาก OMI สามารถรับคำสั่งจากภายนอกผ่านพอร์ต HTTP/HTTPS ได้ อย่างไรก็ดีไมโครซอฟท์ติดตั้ง OMI โดยไม่ได้คอนฟิกให้รับคำสั่งผ่านเน็ตเวิร์ค แต่อาศัยการเชื่อมต่อผ่าน unix socket เท่านั้น ทำให้คนร้ายจะต้องล็อกอินเข้ามาในเครื่องเสียก่อนจึงโจมตีผ่าน OMI ได้ ยกเว้น Azure Configuration Management และ System Center Operations Manager (SCOM) ที่ติดตั้ง OMI แบบรับคำสั่งผ่านเน็ตเวิร์คพอร์ต 5986 จึงควรป้องกันด้วยการปิดการเข้าถึงพอร์ตนี้ผ่านเน็ตเวิร์คโดยเร็ว
ปัญหาของผู้ใช้ Azure คือไมโครซอฟท์ติดตั้ง OMI ลงในลินุกซ์โดยไม่ได้ติดตั้งผ่าน repository ซอฟต์แวร์ตามปกติ ทำให้ไม่สามารถปล่อยอัพเดตผ่านคำสั่งเช่น apt upgrade ได้ ผู้ใช้จะต้องติดตั้ง repository ของไมโครซอฟท์ลงในเครื่องด้วยตัวเองจึงอัพเกรดได้
ทาง Wiz แนะนำให้ผู้ใช้ปิดกั้นการเข้าถึงพอร์ต 5986, 5985, และ 1270 เพื่อป้องกันไว้ก่อน
ที่มา - Wiz.io, Microsoft |
# Microsoft เปิดให้ผู้ใช้ "ลบรหัสผ่าน" แล้วใช้แอพ Authenticator หรือกุญแจ U2F อย่างเดียว
Microsoft เป็นองค์กรที่ผลักดันเรื่องการยืนยันตนแบบไร้รหัสผ่าน หรือ passwordless authentication มาโดยตลอด ซึ่งปัจจุบันผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้า Microsoft account ได้โดยไม่ต้องกรอกรหัสผ่าน แต่ใช้ Windows Hello, รับการแจ้งเตือนผ่านแอพ Microsoft Authenticator หรือใช้กุญแจ U2F แทน แต่สามารถสลับกลับไปใช้รหัสผ่านได้เหมือนเดิม
ล่าสุด Microsoft ผลักดันเรื่องนี้มากขึ้นอีก โดยการเปิดให้ผู้ใช้ "ลบรหัสผ่านทิ้ง" แล้วใช้การยืนยันตนผ่านแอพ Microsoft Authenticator, Windows Hello หรือกุญแจ U2F เพียงอย่างเดียว ไม่มีรหัสผ่านอีกต่อไป
Microsoft อธิบายว่ารหัสผ่านเป็นจุดอ่อนของความปลอดภัยมาโดยตลอด เพราะผู้ใช้มักจะตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาง่าย หรือใช้รหัสซ้ำกันในหลายบริการ และถึงแม้ช่วงหลังจะเริ่มใช้การยืนยันตนหลายปัจจัย (Multi-factor Authentication - MFA) ซึ่งก็ช่วยลดการโดนแฮ็กบัญชีไปได้ถึง 99.9% แต่ก็มีการโจมตีที่ลัด MFA ได้แล้ว ฉะนั้นการนำรหัสผ่านออกจากสมการไปเลยจึงเหมาะสมที่สุด
หากใครสนใจ สามารถเข้าไปที่หน้าจัดการความปลอดภัยของบัญชี และเลื่อนลงมาที่หัวข้อ Additional security จะมีตัวเลือก Passwordless account อยู่ ให้กด Turn on
สำหรับลูกค้าฝั่งองค์กร Microsoft ระบุว่ากำลังจะเริ่มพัฒนาให้ Azure AD สามารถใช้งาน passwordless ได้เช่นกัน โดยผู้ดูแลระบบสามารถเลือกได้ว่าจะบังคับให้บัญชีคนในองค์กรต้องมีรหัสผ่าน (เหมือนปัจจุบัน), อนุญาตให้มีรหัสผ่าน หรือห้ามมีรหัสผ่านเลยก็ได้ โดย Microsoft บอกว่าปัจจุบันพนักงานของตนเกือบ 100% ใช้งาน passwordless แล้ว
ที่มา - Microsoft Tech Community, Microsoft Security Blog
ภาพโดย Microsoft |
# เปิดตัว Xiaomi 11T และ 11T Pro จอ 120Hz, กล้องหลัง 108MP เน้นถ่ายวิดีโอ, ชาร์จเร็ว 120W
Xiaomi เปิดตัวมือถือรุ่นห้อย T ประจำครึ่งหลังของปี คือ Xiaomi 11T และ Xiaomi 11T Pro (แบบเดียวกับ Mi 10T/10T Pro ของปีที่แล้ว แต่ปีนี้เลิกใช้ชื่อรุ่นว่า Mi แล้ว)
Xiaomi 11T/11T Pro ใช้สโลแกนว่า Cinemagic ยังเน้นฟีเจอร์ด้านการถ่ายวิดีโอ แบบเดียวกับ Xiaomi Mi 11 ที่ออกเมื่อต้นปี ใช้กล้องหลัง 3 ตัว เซ็นเซอร์หลัก 108MP เหมือนกัน หน้าจอแบบเดียวกัน จุดต่างระหว่างรุ่นปกติกับรุ่น Pro อยู่ที่หน่วยประมวลผลคนละตัว และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W ที่มีเฉพาะในรุ่น Pro
สเปกของ Xiaomi 11T Pro
หน้าจอ 6.67" AMOLED FHD+ 120Hz AdaptiveSync รองรับ Dolby Vision และ HDR10+
ความสว่าง 1000 nits, กระจกจอ Gorilla Glass Victus
หน่วยประมวลผล Snapdragon 888
กล้องหลังหลัก 108MP, telemacro 2x, กล้องมุมกว้าง ultrawide 120 องศา
กล้องหน้า 16MP in-display
ระบบเสียงใช้ลำโพงคู่ Hardman Kardon, รองรับ Dolby Atmos
แบตเตอรี่ 5000 mAh, รองรับชาร์จเร็ว 120 วัตต์ Xiaomi HyperCharge
ราคาเริ่มต้น 649 ยูโร (8GB+128GB), 699 ยูโร (8GB+256GB) และ 749 ยูโร (12GB+256GB)
สเปกของ Xiaomi 11T
หน้าจอ 6.67" AMOLED FHD+ 120Hz AdaptiveSync รองรับเฉพาะ HDR10+
หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 1200-Ultra
กล้องหลังหลัก 108MP, telemacro 2x, กล้องมุมกว้าง ultrawide 120 องศา
กล้องหน้า 16MP in-display
ระบบเสียงใช้ลำโพงคู่, รองรับ Dolby Atmos
แบตเตอรี่ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 67 วัตต์
ราคาเริ่มต้น 499 ยูโร (8GB+128GB), 549 ยูโร (8GB+256GB)
นอกจาก Xiaomi 11T สองรุ่นหลัก ยังมีน้องเล็กรุ่น Lite อีกตัวตามธรรมเนียมคือ Xiaomi 11 Lite 5G NE สเปกดังนี้
หน้าจอ 6.55" AMOLED FHD+ 90Hz รองรับ Dolby Vision และ HDR10+
หน่วยประมวลผล Snapdragon 778G
กล้องหลังหลัก 64MP, กล้อง tele 5MP, กล้อง ultra-wide 8MP
กล้องหน้า 20MP in-display
แบตเตอรี่ 4,250mAh ชาร์จเร็ว 33 วัตต์
ราคาเริ่มต้น 369 ยูโร (6G+128GB) มีรุ่น 8GB+128GB และ 8GB+256GB ที่ยังไม่ประกาศราคา
ที่มา - Xiaomi |
# Sonos เปิดตัวซาวด์บาร์ Sonos Beam Gen 2 รองรับ Dolby Atmos และ eARC
Sonos ผู้ผลิตเครื่องเสียงจากสหรัฐอเมริกาเปิดตัวซาวด์บาร์ Sonos Beam Gen 2 ภาคต่อจาก Sonos Beam รุ่นแรกที่ออกมาในปี 2018 โดยคราวนี้มาพร้อมกับการรองรับระบบเสียง Dolby Atmos และการเชื่อมต่อ HDMI แบบ eARC
หน้าตาของ Sonos Beam Gen 2 แทบจะเหมือนรุ่นแรกเกือบทุกจุด ต่างกันเพียงตะแกรงลำโพงด้านหน้าที่เปลี่ยนจากหุ้มด้วยผ้าเป็นพลาสติกเจาะรู ส่วนขนาดและน้ำหนักยังเท่าเดิมเป๊ะ รวมถึงปุ่มระบบสัมผัสด้านบนก็ยังมีเหมือนเดิม
ด้านฟีเจอร์ของ Sonos Beam Gen 2 ถูกปรับปรุงในส่วนหลักๆ หลายจุด อย่างแรกคือรองรับ Dolby Atmos เหมือน Sonos Arc รุ่นพี่ รวมถึงการเชื่อมต่อก็ได้อัพเกรดจาก HDMI ARC เป็น eARC แล้ว ทำให้แบนด์วิดท์สูงขึ้นกว่าเดิม แปลว่าเสียง Dolby Atmos จะวิ่งด้วยฟอร์แมท Dolby TrueHD แทนที่จะเป็น Dolby Digital Plus ที่รองรับใน ARC ธรรมดา อย่างไรก็ตาม บริการสตรีมมิงทุกเจ้าในปัจจุบันยังเป็น Dolby Digital Plus อยู่ดี หากจะใช้งานเต็มประสิทธิภาพต้องขยับไปเล่นผ่านบลูเรย์แทน
ซีพียูใน Sonos Beam Gen 2 ยังเร็วขึ้นกว่าเดิม 40% ส่วนดอกลำโพงก็เพิ่มจาก 3 ดอกเป็น 5 ดอก โดย 4 ดอกเป็นวูฟเฟอร์ และ 1 ดอกเป็นทวีตเตอร์อยู่ตรงกลาง ทั้งนี้ลำโพงทั้ง 5 ดอกเป็นแบบยิงออกตรงๆ ไม่มียิงขึ้นเพดานเหมือน Sonos Arc
นอกจากนี้ฟีเจอร์ที่ควรจะมีก็ยังคงอยู่ครบเหมือนเดิม เช่น Apple AirPlay 2, Google Assistant, Amazon Alexa และพอร์ตแลน
ราคาของ Sonos Beam Gen 2 ตั้งไว้ที่ 449 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 15,000 บาท (ไม่รวมภาษีของแต่ละรัฐ) แพงกว่ารุ่นเดิมอยู่ 50 ดอลลาร์สหรัฐ มีให้เลือกสองสีเช่นเดิมคือขาวและดำ เริ่มเปิดให้สั่งจองแล้ววันนี้ และจะวางตลาดวันที่ 5 ตุลาคมนี้
ที่มา - What Hi-Fi?
ภาพทั้งหมดโดย Sonos |
# Trend Micro วิเคราะห์การโจมตี ForcedEntry ที่เจาะ iOS ได้โดยไม่ต้องคลิกใดๆ
เมื่อวานนี้แอปเปิลปล่อยอัพเดตฉุกเฉิน iOS 14.8, watchOS 7.6.2, และ macOS 11.6 เพื่ออุดช่องโหว่หลายชุดของการโจมตี ForcedEntry ที่ Citizen Lab ระบุว่าเป็นช่องโหว่ที่ NSO Group ใช้วางมัลแวร์ Pegasus เพื่อติดตามเหยื่อ ตอนนี้ทาง Trend Micro ก็ออกมาวิเคราะห์มัลแวร์ตัวนี้
ช่องโหว่ตัวนี้อาศัยบั๊กในตัวถอดรหัสการบีบอัดภาพ JBIG2 ที่ฝังอยู่ใน PDF อีกทีหนึ่ง โดยฟังก์ชั่น JBIG2Stream::readTextRegionSeg ในเฟรมเวิร์ค CoreGraphics ที่มีบั๊ก Integer Overflow จากการประกาศตัวแปรเป็นชนิด unsigned int ทำให้โค้ดจองหน่วยความจำน้อยกว่าที่ควรจะเป็น และกลายเป็นช่องโหว่ Heap Overflow ในที่สุด แอปเปิลแก้ช่องโหว่นี้โดยเพิ่มการตรวจสอบค่าเพิ่มเติม
ตัวอย่างโค้ดที่แอปเปิลแก้ไขช่องโหว่แล้ว (ในกรอบแดง)
จุดที่เป็นปริศนาคือแม้คนร้ายจะสามารถเจาะช่องโหว่ Heap Overflow ได้ แต่ crash log ที่ Citizen Lab นำมาแสดงกลับแสดงให้เห็นว่าระบบป้องกัน ASLR ที่จะสุ่มค่า address ของฟังก์ชั่นต่างๆ ในระบบนั้นกลับถูกปิดไป ทาง Trend Micro ระบุว่าหาก crash log เป็นข้อมูลที่ได้จากการโจมตีแสดงว่า Pegasus สามารถโจมตีเพื่อปิดการทำงาน ASLR ไปได้ก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังพบว่า virtual function table ของออปเจกต์ถูกแก้ไขค่าระหว่างรัน แสดงให้เห็นว่าคนร้ายสามารถปิดการทำงานของฟีเจอร์ pointer authentication code (PAC) ไปได้ด้วย
ตอนนี้ทาง Trend Micro สามารถวิเคราะห์จากโค้ดที่ Citizen Labเปิดเผยออกมาเท่านั้น และยังไม่สามารถหาตัวอย่างมัลแวร์ได้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อมองเทคโนโลยีแล้วทำให้คาดได้ว่า Pegasus ใช้โจมตีอย่างเจาะจงเป้าหมายเป็นหลัก ไม่ได้เป็นการโจมตีเป็นวงกว้างแต่อย่างใดแต่ผู้ใช้ทุกคนก็ควรรีบอัพเดตเพื่อความปลอดภัย
ที่มา - Trend Micro |
# Apple ขายแยกสายชาร์จเร็ว USB-C สำหรับ Apple Watch Series 7 ราคา 1,190 บาท
แอปเปิลเพิ่มสินค้าอุปกรณ์เสริมใหม่ สายชาร์จเร็ว USB-C แบบแม่เหล็ก สำหรับชาร์จ Apple Watch ได้เร็วขึ้นสูงสุด 33% หรือถึงระดับ 80% ได้ในเวลาประมาณ 45 นาที ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มมาใน Apple Watch Series 7 ที่เพิ่งเปิดตัวไป
ราคาขายของสายชาร์จความยาว 1 เมตร อยู่ที่ 1,190 บาท เท่ากับสายชาร์จแบบ USB-A เดิม ทั้งนี้แอปเปิลบอกว่าคุณสมบัติชาร์จเร็วจะรองรับเฉพาะ Apple Watch Series 7 เท่านั้น หากชาร์จกับรุ่นอื่นจะได้ระยะเวลาตามปกติ
ผู้ที่ซื้อ Apple Watch Series 7 จะได้สายชาร์จเร็วนี้มาในกล่องอยู่แล้ว แต่แอปเปิลยังไม่กำหนดวันเริ่มวางขาย ถ้าหากใครอยากซื้อแค่สายชาร์จมาก่อนก็สามารถทำได้
ที่มา: iMore |
# จะพลาดได้ไง! Samsung ทวีตต้อนรับ iPhone 13 Pro บอก เรามีจอ 120Hz มาสักพักแล้ว
หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญของ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ที่เปิดตัวเมื่อคืนนี้ คือหน้าจอที่รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz ซึ่งคงไม่ใช่ของใหม่อะไรสำหรับคนใช้สมาร์ทโฟนเรือธงค่ายอื่น และซัมซุงก็คงแค่อยากบอกเอาไว้ให้รู้กัน
โดยบัญชีทวิตเตอร์ Samsung Mobile US ได้ทวีตข้อความหลังแอปเปิลเปิดตัว iPhone 13 Pro ว่า "เรามีหน้าจอที่รีเฟรชเรต 120Hz มาสักพักหนึ่งแล้ว"
สมาร์ทโฟนของซัมซุงรุ่นแรกที่รองรับหน้าจอรีเฟรชเรต 120Hz คือ Galaxy S20 ที่เปิดตัวต้นปี 2020 ฉะนั้นซัมซุงมีหน้าจอแบบนี้ขายมาสักพักหนึ่งแล้วจริง ๆ
ที่มา: MacRumors |
# Activision Blizzard จ้างหัวหน้า HR จากดิสนีย์ หวังกู้ภาพลักษณ์องค์กร หลังผู้บริหารลาออกหลายราย
Activision Blizzard เจอปัญหาในองค์กรอย่างหนัก โดยเฉพาะเรื่องการคุกคามเพศสั่งสมจนเป็นวัฒนธรรมองค์กรของ Activision Blizzard ไปแล้ว จนถูกฟ้อง และพนักงานออกมาเดินหยุดงานประท้วงผู้บริหาร ตามมาด้วยบุคคลสำคัญในองค์กรลาออกหลายราย ตั้งแต่ J. Allen Brack ประธานบริษัท, Jesse Meschuk รองผู้บริหารอาวุโสฝ่าย HR, ระดับพนักงานตำแหน่งสูง 3 คน ได้แก่ Luis Barriga ผู้กำกับ Diablo IV, Jesse McCree หัวหน้าทีมออกแบบ Diablo IV (เจ้าของชื่อตัวละคร McCree ในเกม Overwatch), Jonathan LeCraft ทีมออกแบบ World of Warcraft
ล่าสุด Activision Blizzard ได้ว่าจ้างผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำภายนอกเข้ามาทำงานด้วยแล้ว คือ Julie Hodges อดีตรองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ Disney มารับหน้าที่เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของ Activision Blizzard ในวันที่ 21 กันยายน และ Sandeep Dube อดีตรองประธานอาวุโสของ Delta Airlines มารับหน้าที่เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ในวันที่ 27 กันยายน
Hodges เป็นผู้หญิง และมีประาบการณ์ด้านทรัพยากรบุคคลร่วมสิบปี การว่าจ้างเธอคาดว่ามีเป้าหมายเพื่อปรับภาพลักษณ์องค์กร ให้เป็นสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
Julie Hodges จะมาดูแลงานทุกส่วนของบุคลากร ตั้งแต่การจ้างงานให้มีความหลากหลายในองค์กร รวมถึงความเท่าเทียมกันในหมู่พนักงาน ส่วน Sandeep Dube มารับช่วงต่อจาก Armin Zerza อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ที่ตอนนี้ไปเป็น CFO แล้ว
ที่มา - Venture Beat |
# Counterpoint ชี้ซีพียู RISC-V จะกินส่วนแบ่งตลาด IoT ถึง 28% ภายในปี 2025
บริษัทวิจัยตลาด Counterpoint รายงานถึงตลาดเซมิคอนดักเตอร์คาดการณ์ตลาดปี 2025 โดยคาดว่า RISC-V จะเริ่มมีส่วนแบ่งตลาดสูงในบางตลาด โดยเฉพาะตลาด IoT, คอมพิวเตอร์อุตสาหกรรม, และยานยนต์
ตอนนี้ตลาดทรัพสินทางปัญญาของเซมิคอนดักเตอร์ (ที่ขายพิมพ์เขียวซีพียูรุ่นต่างๆ ให้ผู้ผลิต) มีมูลค่า 5.2 พันล้านดอลลาร์และคาดว่าจะเติบโตปีละ 11% จนเป็น 8.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เบอร์หนึ่งในตลาดนี้ยังเป็น Arm ด้วยส่วนแบ่งถึง 37%
Counterpoint ระบุว่าจุดเปลี่ยนสำคัญของ RISC-V คือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้ตอนนี้สมาชิกของ RISC-V มาจากจีนถึง 70% แรงผลักดันจากจีนน่าจะทำให้มีอุตสาหกรรมมาสนับสนุนทั้งไลบรารีของวงจรต่างๆ และบริการรับออกแบบไอซีที่มาสนับสนุนการใช้ซีพียู RISC-V
ที่มา - Counterpoint |
# [WSJ] ใน Facebook ก็มี VIP แยกกลุ่มคนดัง นักการเมืองไว้ต่างหาก ไม่ต้องเข้าระบบคัดกรองเนื้อหา
Facebook มีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 2 พันล้าน และหนึ่งในงานยากของ Facebook คือการคัดกรองเนื้อหาที่ผิดนโยบายแพลตฟอร์มออกไป The Wall Street Journal เผยรายงานว่าใน Facebook มีโครงการ VIP ชื่อว่า XCheck แยกกลุ่มคนดัง นักการเมืองไว้ ไม่ต้องเข้าระบบคัดกรองเนื้อหา
XCheck เป็นโครงการที่สร้างขึ้นภายในเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกวิจารณ์ในวงกว้าง หากไปแบนเนื้อหาของคนดัง ตัวโปรแกรมใน XCheck จะตรวจจับว่า หากหนึ่งในบัญชี VIP คนไหนโพสต์เนื้อหาที่ผิดกฎแพลตฟอร์ม เรื่องจะถูกส่งต่อไปยังอีกทีมหนึ่ง เพื่อให้พนักงาน Facebook ตรวจสอบต่อได้
ตัว XCheck ไม่ใช่เรื่องใหม่ สื่ออื่นเคยเปิดเผยเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่สิ่งที่ Wall Street Journal ค้นพบคือ เนื้อหาส่วนใหญ่ที่ถูกตั้งค่าสถานะโดยระบบ XCheck จะไม่ได้รับการตรวจสอบในภายหลัง เท่ากับว่า คนดัง นักการเมือง และผู้มีชื่อเสียง สามารถฝ่าฝืนกฎแพลตฟอร์มได้โดยไม่มีผลที่ตามมา
ภาพเก่า มาร์ค ซักเคอเบิร์ก เข้าพบ โดนัลด์ ทรัมป์ที่ทำเนียบขาว ปี 2019
ตัวอย่างหนึ่งที่ Wall Street Journal ยกมาคือ Neymar นักฟุตบอลชาวบราซิลผู้โด่งดัง ได้โพสต์ภาพเปลือยของผู้หญิงคนหนึ่งที่กล่าวหาเขาว่าไปล่วงละเมิดทางเพศ โพสต์ดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎของ Facebook อย่างแน่นอนเนื่องจากเป็นภาพเปลือย แต่โพสต์ไม่ได้ถูกลบออกในทันที และยังมีคนเข้าไปดูแล้วกว่า 60 ล้านครั้ง ก่อนที่จะถูกลบในที่สุด นอกจากนี้ ระบบการตรวจสอบดังกล่าวได้เปิดเนื้อหาที่ละเมิดกฎให้คนอื่นเข้ามารับชมได้มากกว่า 16,000 พันล้านครั้งก่อนถูกลบ
Oversight Board หน่วยงานคานอำนาจของ Facebook ออกมาแถลงว่าทาง Oversight Board ได้ย้ำเตือน Facebook หลายครั้งเรื่องขาดความโปร่งใสในมาตรการคัดกรองเนื้อหา โดยเฉพาะเนื้อหาจากบัญชีผู้มีชื่อเสียง
ด้าน Facebook ระบุว่า โครงการ XCheck เป็นข้อมูลที่ล้าสมัยแล้ว และบริษัทก็พยายามปรับปรุงระบบการคัดกรองเนื้อหาเรื่อยมา และตระหนักดีว่าการบังคับใช้นโยบายของ Facebook นั้นไม่สมบูรณ์แบบ และยังมีสิ่งที่ต้องแลกหรือต้องเลือกระหว่างความเร็วและความแม่นยำ
ที่มา - Engadget |
# นาซ่าเลือก 5 บริษัทออกแบบยานพามนุษย์กลับไปดวงจันทร์ SpaceX ถูกที่สุดเพียง 9.4 ล้านดอลลาร์
นาซ่าประกาศเลือก 5 บริษัทให้ออกแบบยานสำหรับลงจอดดวงจันทร์ (lunar lander) ให้เวลาออกแบบ 15 เดือน โดยเป็นการออกแบบคอนเซ็ปต์เบื้องต้นเพื่อดูประสิทธิภาพของดีไซน์ว่ามีประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพียงใด พร้อมกับต้องทดสอบชิ้นส่วนบางชิ้นว่าเทคโนโลยีใช้งานได้จริง
บริษัทที่ชนะโครงการครั้งนี้ ตามลำดับอักษรได้แก่
Blue Origin ของ Jeff Bezos มูลค่า 25.6 ล้านดอลลาร์
Dynetics (บริษัทลูกของ Leidos ผู้ให้บริการไอทีเน้นงานกลาโหมสหรัฐฯ) 40.8 ล้านดอลลาร์
Lockheed Martin มูลค่า 35.2 ล้านดอลลาร์
Northrop Grumman มูลค่า 34.8 ล้านดอลลาร์
SpaceX 9.4 ล้านดอลลาร์
ราคาโครงการครั้งนี้นับว่า SpaceX ถูกกว่าคนที่เสนอราคาแพงที่สุดถึง 4 เท่าตัว และฉีกออกจากกลุ่มมาก เช่นเดียวกับภารกิจ Commercial Crew สำหรับการนำนักบินอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติที่ SpaceX ถูกกว่า Boeing มากเช่นกัน
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Artemis ที่จะนำมนุษย์ไปตั้งศูนย์บนดวงจันทร์อีกครั้ง โดย Artemis มีชิ้นส่วนที่ต้องพัฒนาอีกจำนวนมาก ทั้งยานลงจอด, ระบบขนส่งบนดวงจันทร์, ที่อยู่อาศัยบนดวงจันทร์, ยานนำส่งสัมภาระจากโลก, ชุดอวกาศแบบใหม่ โดยนาซ่าตั้งเป้าให้ Artemis เปิดทางสู่การสำรวจดวงจันทร์ในราคาประหยัดลงและเปิดตลาดการเดินทางไปดวงจันทร์ในอนาคต เป้าหมายแรกๆ ของโครงการนี้คือพานักบินอวกาศไปลงดวงจันทร์โดยรอบนี้จะมีนักบินหญิงและนักบินผิวสีไปด้วย
ที่มา - NASA |
# Razer เปิดตัว Wolverine V2 Chroma จอยโปรสำหรับ Xbox พร้อมไฟ RGB ราคา 149 ดอลลาร์
Razer เปิดตัว Wolverine V2 Chroma จอยโปรสำหรับ Xbox Series X|S และ Xbox One (ใช้บน PC ได้ด้วย) รุ่นปรับปรุงจาก Wolverine V2 เพิ่มไฟ RGB ระบบ Razer Chroma สายถอดได้แล้ว (แต่ไม่ใช่จอยไร้สาย) ปรับแต่งอนาล็อกสติ้ก และ D-Pad ได้ และเพิ่มปุ่มด้านหลังอีก 4 ปุ่ม
Wolverine V2 Chroma มีปุ่มมัลติฟังก์ชั่นเพิ่มเติมรวมเป็น 6 ปุ่ม ด้านบน 2 ปุ่ม (อยู่ด้านข้างปุ่ม LB, LT, RB, RT) ด้านหลัง 4 ปุ่ม ฝาครอบอนาล็อกสติ้กมีระดับความสูงต่างกัน สำหรับการควบคุมที่ละเอียดขึ้น มีสวิตช์ปรับโหมดให้กดปุ่มทริกเกอร์ได้ง่ายขึ้น ทำให้ไม่ต้องกด LT, RT ลึกเท่าเดิม
Razer Wolverine V2 Chroma วางจำหน่ายแล้ว ราคา 149 ดอลลาร์ หรือราว 4,900 บาท
ที่มา - Razer |
# ถึงคราว TikTok โดนสอบสวน GDPR เก็บข้อมูลเด็กอย่างไร ส่งข้อมูลส่วนตัวกลับไปยังจีนหรือไม่
คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลของไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎระเบียบให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคของสหภาพยุโรปหรือ GDPR เริ่มการสอบสวน TikTok เกี่ยวกับการจัดการข้อมูลของเด็กและจากการถูกกล่าวหาว่า TikTok ถ่ายโอนข้อมูลผู้ใช้ไปยังประเทศจีน
ในการสอบสวนจะตรวจสอบการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมถึงมาตรการตรวจสอบอายุของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีว่าใช้เทคโนโลยีอะไร มีมาตรการอย่างไร
ถ้าผลการสอบสวนพิสูจน์ว่าม่ีความผิด TikTok จะถูกสั่งปรับ 4% ของรายได้ทั้งปี ซึ่ง ByteDance บริษัทแม่ TikTok ได้รายงานรายรับต่อปีอยู่ที่ 34.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 ซึ่งเพิ่มขึ้น 111% จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ TikTok กำลังจะเปิดสำนักงานใหญ่ในดับลินด้วย
ภาพจาก American Airlines Newsroom
แน่นอนว่า TikTok ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ส่งข้อมูลไปยังประเทศจีน และช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะในรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ TikTok อยู่ในสถานการณ์ลำบาก เสี่ยงโดนแบนในสหรัฐฯ อันเนื่องมาจากการเมืองระหว่างประเทศสหรัฐ-จีน ในตอนนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากที่ต้องขายบริษัทออกไป
หากไม่นับเรื่องข้อกล่าวหาการส่งข้อมูลกลับไปยังจีน TikTok ก็โดนข้อกล่าวหาเรื่องความเป็นส่วนตัวอยู่เนืองๆ ล่าสุดคือสหราชอาณาจักร นำโดย Anne Longfield อดีตกรรมาธิการเด็กของอังกฤษ ที่ออกมากล่าวหาว่า TikTok เก็บข้อมูลเด็กโดยไม่ได้รับความยินยอม
ที่มา - Financial Times |
# Oracle กลับลำ ออกอัพเดตให้ Oracle Java ฟรีนาน 3 ปีทุกกรณี ใช้งานเชิงพาณิชย์ได้
เมื่อปี 2018 Oracle ประกาศนโยบายหยุดออกแพตช์ฟรีให้ Oracle JDK ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ อยากได้ต้องเสียเงินสมัครสมาชิก Oracle Java SE Subscription เท่านั้น
ประกาศของ Oracle ทำให้ผู้ใช้ Java เหลือทางเลือกแค่ 2 ทางคือ ใช้ OpenJDK เวอร์ชันฟรี แต่อัพเดตสั้น หรือเสียเงินให้ Oracle เท่านั้น ช่องว่างนี้จึงมีบริษัทอื่นๆ เข้ามาออกอัพเดต Java ให้ฟรีหลายราย เช่น Red Hat, Amazon หรือแม้แต่ Microsoft
แต่ล่าสุด Oracle กลับลำ เปลี่ยนนโยบายใหม่ว่าจะออกอัพเดตให้ Oracle JDK ฟรี สำหรับการใช้งานทุกกรณี (แปลว่าเชิงพาณิชย์ก็ใช้ได้) นับตั้งแต่ Java 17 LTS ที่เพิ่งออกวันนี้ มีระยะเวลาการอัพเดตให้นาน 3 ปี (นับถึง LTS รุ่นถัดไปที่ออกทุก 2 ปี แล้วบวกต่อให้อีก 1 ปี)
เมื่อ Oracle JDK เปิดอัพเดตฟรีหมดแล้ว ลูกค้าที่เสียเงินซื้อ Oracle Java SE Subscription จะยังต้องจ่ายเงินต่อไปทำไม? คำตอบของ Oracle คือยังมีฟีเจอร์เฉพาะอย่าง Java Management Service, Advanced Management Console, GraalVM Enterprise ที่ไม่มีในรุ่นฟรี รวมถึงบริการซัพพอร์ตด้วย
นอกจากนี้ Oracle ยังเปิดกว้างมากขึ้นในการดาวน์โหลดไฟล์ Oracle JDK จากของเดิมที่ต้องเข้าหน้ายอมรับเงื่อนไขการใช้งานก่อน ตอนนี้สามารถเข้า URL เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ได้โดยตรงแล้ว (รายละเอียด)
ที่มา - Oracle |
# ทำเครื่องมือออกแบบกราฟิกก็รวยได้ Canva มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาทแล้ว
Canva แพลตฟอร์มออกแบบกราฟิกออนไลน์ ประกาศรับเงินระดมทุนเพิ่มอีก 200 ล้านดอลลาร์ ทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งทะลุ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.3 ล้านล้านบาท) แล้ว ถือเป็นหนึ่งในสตาร์ตอัพที่ยังไม่ IPO ที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาด
Canva เพิ่งระดมทุนมาแล้วรอบหนึ่งในเดือนเมษายน ที่มูลค่าบริษัท 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เท่ากับเวลาผ่านมาเพียงไม่กี่เดือน มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ปัจจุบันบริษัทมีผู้ใช้ต่อเดือน 60 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากการระดมทุนรอบเดือนเมษายนที่มี 55 ล้านคน
Canva เป็นสตาร์ตอัพจากออสเตรเลีย ก่อตั้งในปี 2012 โดยมุ่งเป้าเป็นเครื่องมือออกแบบกราฟิกสำหรับทุกอย่าง ตั้งแต่โปสเตอร์ไปจนถึงพรีเซนเทชัน เปิดตลาดที่กว้างกว่าดีไซเนอร์มืออาชีพเพียงอย่างเดียว
ซีอีโอ Melanie Perkins ให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch ว่าเป้าหมายของบริษัทต้องการ "แทนที่ PDF" จากที่คนส่งไฟล์ PDF ให้กันไปมา ก็มาแก้ไขไฟล์ร่วมกันบน Canva ได้เลย
ที่มา - TechCrunch |
# [ไม่ต้องดีใจไม่มีไทย] แอพ Xbox บนพีซี รองรับการเล่นเกมบน xCloud แล้ว
ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าบริการ Xbox Cloud Gaming (xCloud) อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอัพเดตแอพ Xbox บน Windows 10 ให้สามารถเล่นเกมผ่านคลาวด์ได้บนแอพพีซีแล้ว (ก่อนหน้านี้รองรับเฉพาะบนเบราว์เซอร์) ส่วน Windows 11 จะได้ฟีเจอร์นี้ built-in มาเลย ไม่ต้องลงแอพเพิ่ม
นอกจากฟีเจอร์ xCloud การอัพเดตครั้งนี้ยังรองรับ Xbox remote play คือการสตรีมเกมจาก Xbox มาเล่นบนพีซีได้ด้วย
ปัจจุบัน xCloud มีให้บริการใน 22 ประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีประเทศไทย
ที่มา - Xbox |
# ชิป A15 Bionic ตัวใหม่ โครงสร้างเหมือนเดิม เพิ่มรุ่นจีพียู 5 คอร์เฉพาะ iPhone 13 Pro
เก็บตกรายละเอียดของชิป A15 Bionic ตัวใหม่ที่ใช้ใน iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPad Mini ที่เปิดตัวเมื่อคืนนี้
โครงสร้างหลักของชิปยังเหมือนเดิมกับของ A14 Bionic รุ่นที่แล้วคือ ซีพียู 6 คอร์ (4+2), จีพียู 4 คอร์, Neural Engine 16 คอร์ และยังใช้กระบวนการผลิต 5nm TSMC เหมือนเดิม จุดต่างเดียวคือกรณีที่เป็น iPhone 13 Pro จะได้จีพียู 5 คอร์ที่ถือเป็นรุ่นท็อปของ A15
สิ่งที่เพิ่มมาคือปริมาณทรานซิสเตอร์ ที่เพิ่มจาก 11.8 พันล้านตัวใน A14 มาเป็นเกือบ 15 พันล้านตัวใน A15 ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของชิปเพิ่มขึ้น แอปเปิลให้ตัวเลขแบบคร่าวๆ ว่าซีพียูแรงกว่าคู่แข่ง 50% และจีพียูแรงกว่า 30% แต่ก็เป็นการเปรียบเทียบสไตล์แอปเปิล คือไม่บอกว่าเทียบกับคู่แข่งรุ่นใด
ตัวเลขเดียวที่แอปเปิลให้มาด้วยคือประสิทธิภาพของ Neural Engine ที่ 15.8 trillion ops (operations per second) ทำให้การคำนวณ machine learning เร็วขึ้น รองรับฟีเจอร์ใหม่ของ iOS 15 อย่าง Live Text ตอนถ่ายภาพ และช่วยให้ประมวลผลภาพถ่าย (computational photography) ได้ดีขึ้น
ที่มา - Apple, CNET |
# Java 17 ออกแล้ว เป็นรุ่น LTS ซัพพอร์ตนาน 8 ปี, เปลี่ยนมาออกรุ่น LTS ทุก 2 ปี
Oracle ประกาศออก Java 17 ซึ่งเป็นเวอร์ชันซัพพอร์ตระยะยาว (LTS) ตัวใหม่ ต่อจาก Java 11 LTS ที่ออกในปี 2018 มีระยะซัพพอร์ตนาน 8 ปี เคสนี้คือ Java 17 ใช้ได้จนถึงปี 2029
ในระบบการออกรุ่นของ Java ในปัจจุบัน มีกำหนดออกรุ่น LTS ทุก 3 ปี ล่าสุด Oracle ยังประกาศเปลี่ยนมาออก LTS ทุก 2 ปีแทน ดังนั้นรุ่นหน้าคือ Java 21 ออกกันยายน 2023
ของใหม่ใน Java 17 ได้แก่
Sealed Classes เป็นฟีเจอร์ใหม่ระดับตัวภาษา Java
ปรับปรุงฟีเจอร์ Random Number Generator, Deserialization,
รองรับสถาปัตยกรรม macOS AArch 64 (Apple M1) และปรับปรุงการเรนเดอร์บน macOS เปลี่ยนจาก OpenGL มาเป็น Metal
ประกาศ deprecate ฟีเจอร์เก่าๆ เช่น Java Applet และ Security Manager โดยเตรียมถอดออกในอนาคต
ที่มา - Oracle, OpenJDK |
# Nintendo Switch ออกอัพเดต รองรับ Bluetooth Audio แล้วสักที
นินเทนโดออกอัพเดตเวอร์ชัน 13.0.0 ให้ Nintendo Switch มาพร้อมฟีเจอร์สำคัญคือ Bluetooth Audio ที่แฟนๆ รอกันมานาน (มาก) ผู้ใช้สามารถฟังเสียงจากเกมไปออกทางหูฟัง (หรือแม้แต่ลำโพง) ผ่าน Bluetooth ได้แล้ว
ที่มา - Nintendo, Gizmodo |
# Apple ปรับลดราคา iPhone 11, iPhone 12 ส่วน iPhone XR หยุดขายแล้ว
เมื่อมีของใหม่อย่าง iPhone 13 เข้ามา ก็ถึงเวลาที่ iPhone รุ่นเก่าต้องโบกมือลา หรือขายต่อในราคาที่ลดลง โดยหลังจากแอปเปิลเปิดตัว iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มีการเปลี่ยนแปลงการวางขายของ iPhone รุ่นเก่า
โดย iPhone รุ่นเก่าที่ยังมีขายต่อไปคือ iPhone 12, iPhone 11 และ iPhone SE ส่วนรุ่นที่หยุดจำหน่ายทางออนไลน์คือ iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max และ iPhone XR แต่ทั้งนี้ยังอาจหาซื้อได้ผ่านตัวแทนจำหน่าย
ราคาขายใหม่ที่ปรับลงมาเป็นดังนี้
iPhone SE เริ่มต้น 14,900 บาท ราคาเท่าเดิม
iPhone 11 เริ่มต้น 19,500 บาท เดิม 22,100 บาท
iPhone 12 mini เริ่มต้น 21,900 บาท เดิม 25,900 บาท
iPhone 12 เริ่มต้น 25,900 บาท เดิม 29,900 บาท
ที่มา: MacRumors |
# Apple ประกาศ iOS 15, iPadOS 15, watchOS 8 จะเปิดให้อัพเดต 20 กันยายนนี้
ในงาน California streaming เมื่อคืนนี้ แอปเปิลได้ประกาศวันปล่อยอัพเดตระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้แก่ iOS 15, iPadOS 15, watchOS 8 และ tvOS 15 โดยจะเปิดให้อัพเดตได้ในคืนวันที่ 20 กันยายนนี้
สรุปทั้งหมด iPhone, iPad, Mac, Apple Watch รุ่นไหน ได้ไปต่อกับ OS เวอร์ชันใหม่
iOS 15 และ iPadOS 15 มีฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง ทั้งการแจ้งเตือนแบบใหม่, โหมดโฟกัสลดเหลือการเตือนที่สำคัญ, Live Text ใน Photos ส่วน watchOS 8 และ tvOS 15 ก็เพิ่มเติมคุณสมบัติการทำงานเช่นกัน
ทั้งนี้แอปเปิลไม่ได้ประกาศว่า macOS Monterey จะเปิดให้อัพเดตทั่วไปเมื่อใด แต่คาดว่าแอปเปิลจะรอประกาศพร้อมกับงานเปิดตัว Mac รุ่นใหม่ที่น่าจะจัดขึ้นในเดือนหน้า
ที่มา: MacRumors |
# เปิดราคา iPhone 13 ของไทย - รุ่นปกติ ความจุเดิม ราคาถูกลง ส่วนรุ่น Pro แพงขึ้นทุกความจุ สูงสุด 62,900 บาท
หลังจากแอปเปิลเปิดตัวสินค้าตระกูล iPhone 13 ในคราวนี้แอปเปิลก็ประกาศรายละเอียดราคาขายไทยออกมาพร้อมกันเลย เป็นดังนี้
iPhone 13 mini เริ่มที่ 128GB 25,900 บาท, 256GB 29,900 บาท และ 512GB 37,900 บาท
iPhone 13 เริ่มต้น 128GB 29,900 บาท, 256GB 33,900 บาท และ 512GB 41,900 บาท
iPhone 13 Pro เริ่มต้น 128GB 38,900 บาท, 256GB 42,900 บาท, 512GB 50,900 บาท และ 1TB 58,900 บาท
iPhone 13 Pro Max เริ่มต้น 128GB 42,900 บาท, 256GB 46,900 บาท, 512GB 54,900 บาท และ 1TB 62,900 บาท
มีข้อสังเกตว่า iPhone 13 mini และ iPhone 13 รุ่นความจุเล็กที่สุด 128GB ขายในราคาเดิมเท่ากับปีก่อนที่รุ่นความจุ 64GB ส่วน 256GB มีราคาที่ลดลง และมีรุ่นใหญ่สุด 512GB เพิ่มเข้ามา ส่วน iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ในทุกความจุมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยรุ่น Pro เพิ่มขึ้น 2,000 บาท และรุ่น Pro Max เพิ่มขึ้น 3,000 บาท รวมทั้งเพิ่มความจุสูงสุด 1TB เข้ามา ทำให้ iPhone 13 Pro Max มีรุ่นบนสุดราคาทำสถิติใหม่ 62,900 บาท
iPhone 13 ในประเทศไทยจะเปิดให้สั่งจองสินค้าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป เริ่มส่งมอบสินค้า 8 ตุลาคม ห่างจากกลุ่มประเทศแรกที่เริ่มจำหน่ายเพียง 2 สัปดาห์
ที่มา - แอปเปิล [1], [2] และ MacRumors |
# เปิดตัว iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max แบตใหญ่ขึ้น ปรับรีเฟรชเรตให้อัตโนมัติ
ถึงคราวแอปเปิลเปิดตัว iPhone 13 รุ่นไฮเอนด์ คือ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มาพร้อมขนาดกล้องหลังสามตัวที่ขยายขึ้น ชิป A15 Bionic และสีใหม่ Sierra Blue
กล้องหลังสามตัวอันเป็นเอกลักษณ์คือ กล้อง Tele เลนส์ระยะ 77mm, กล้อง Ultra-wide ใช้ f/ 1.8, กล้อง wide ใช้ f/ 1.5 ทั้งสองรุ่นมีขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ตามลำดับ รองรับการรีเฟรชหน้าจอ 10Hz – 120Hz ปรับรีเฟรชเรตตามการใช้งานของเรา เช่นรีเฟรชจะช้าลงหากเลื่อนอ่านข้อความ
iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มาพร้อม Super Retina XDR พร้อม ProMotion ซึ่งมีอัตราการรีเฟรชเป็นสองเท่าของ iPhone รุ่นก่อน
ราคา iPhone 13 Pro เริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ (38,900 บาท) และ Pro Max เริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์ (42,900 บาท) แอปเปิลยังเพิ่มตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูล 1TB ด้วย (Pro 58,900 บาท และ Pro Max 62,900 บาท) เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 24 กันยายน
ที่มา - CNBC |
# แอปเปิลเปิดตัว iPad รุ่นที่ 9 ใช้ Pencil รุ่นแรก อัพเกรดซีพียูเป็น A13
แอปเปิลเปิดตัว iPad รุ่นที่ 9 โดยรูปร่างภายนอกเหมือนเดิม แต่อัพเกรดซีพียูเป็น Apple A13 (ใช้งานครั้งแรกใน iPhone 11 เมื่อปี 2019) ฟีเจอร์หลักๆ ยังคงเหมือนเดิม โดยใช้ Pencil รุ่นแรก หน้าจอ 10.2 นิ้วเท่าเดิมแต่เป็น True Tone ปรับสีตามสภาพแสงได้
ราคาเริ่มต้น 329 ดอลลาร์เท่าเดิมแต่ความจุทุกรุ่นเพิ่มเป็นสองเท่าตัว ทำให้เริ่มต้นที่ 64GB แล้ว เริ่มสั่งได้แล้ววันนี้
ที่มา - Apple Event |
# Apple เปิดตัว iPhone 13, iPhone 13 mini อัพเกรดซีพียู ขอบบางลง เลย์เอ้าท์กล้องแบบใหม่
iPhone 13 และ 13 mini มาพร้อมชิป A15 Bionic หน้าจอ Super Retina XDR ขนาดเท่าเดิม ขอบบางลง กล้องหน้าและเซ็นเซอร์ Face ID กินพื้นที่หน้าจอน้อยลง วางเลย์เอ้าท์กล้องหลังแบบใหม่ แนวเฉียง กล้องหลัก 12 MP กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP เช่นกัน มีกันสั่นแบบ sensor-shift แล้ว
ชูจุดเด่นสำคัญคือการถ่ายภาพวิดีโอเหมือนภาพยนตร์ Cinematic Mode สามารถดึงโฟกัสได้เหมือนกล้องถ่ายหนัง อาศัยปัญญาประดิษฐ์ช่วยเลือกจุดโฟกัสภาพ
หน่วยความจำภายในเริ่มต้นเพิ่มเป็น 128GB (เดิม 64GB) iPhone 13 ราคาเริ่มต้น 799 ดอลลาร์ iPhone 13 mini ราคาเริ่มต้น 699 ดอลลาร์
สำหรับประเทศไทยสั่งซื้อล่วงหน้าวันที่ 1 ตุลาคม เริ่มวางจำหน่าย 8 ตุลาคมนี้ iPhone 13 เริ่ม 29,900 บาท iPhone 13 mini เริ่ม 25,900 บาท
ที่มา - Apple Event |
# เปิดตัว Apple Watch Series 7 ขอบจอบาง 1.7 มม. พื้นที่แสดงผลหน้าจอเพิ่มขึ้น
แอปเปิลเปิดตัว Apple Watch Series 7 ที่คราวนี้มาพร้อมขอบจอบางลง เหลือเพียง 1.7 มม หน้าปัด 41/45 มม. พื้นที่แสดงผลข้อความในหน้าจอเพิ่มขึ้นกว่าซีรีส์ก่อนหน้า ระบบกันฝุ่น IP6X กันน้ำ WR50 พร้อมการชาร์จเร็วขึ้น 33%
แอปเปิลระบุว่าแบตเตอรี่อยู่ได้ยาวนานสูงสุด 18 ชั่วโมง มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำ สีทอง สีฟ้า สีแดง และสีเขียวเข้ม แอปเปิลเพิ่มคุณสมบัติใหม่บางอย่างใน Watch OS 8 ทำงานได้ดีขึ้นเมื่อต้องทำกิจกรรมอย่างการปั่นจักรยานข้างนอก หยุดโหมดออกกำลังกายอัตโนมัติเมื่อพักหรือหยุดการเคลื่อนไหว ตรวจจับการล้มเมื่อออกกำลังกายหนัก เพื่อนจะได้ติดต่อเบอร์ฉุกเฉินได้ทันทีผ่านนาฬิกา
Apple Watch Series 7 ราคาอยู่ที่ 399 ดอลลาร์
ที่มา - The Verge |
# เปิดตัว iPad mini หน้าจอเล็กเพียง 8.3 นิ้ว ใช้ช่อง USB-C แทน Lightning
แอปเปิลเปิดตัว iPad mini ที่คราวนี้มาในขนาดหน้าจอเล็กเพียง 8.3 นิ้ว รวมถึงใช้พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C แทนขั้วต่อ Lightning กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ TouchID ย้ายมาไว้ที่ปุ่มด้านบน รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย 5G รองรับ Apple Pencil รุ่นที่สอง แปะดินสอติดกับตัวเครื่องได้ผ่านแม่เหล็ก
ราคาเริ่มต้นที่ $499 ราคาไทยเริ่มต้นที่ 17,900 บาท เริ่มเปิดจองสัปดาห์หน้า |
# โซนี่ปล่อยอัพเดต PS5 รอบใหญ่ครั้งที่สอง ใส่ SSD เพิ่มเองได้แล้ว
โซนี่ปล่อยอัพเดตให้ PlayStation 5 ครั้งที่สอง โดยมีจุดเปลี่ยนสำคัญคือ หน้าจอแบบใหม่จัดการเกมได้ง่ายขึ้น, รองรับเสียงสามมิติแม้ใช้กับลำโพงในทีวีเอง, และที่สำคัญคือสามารถใส่ SSD เพื่ออัพเกรดความจุได้แล้ว
ฟีเจอร์สำคัญที่สุดคงเป็นการอัพเกรด SSD ด้วยตัวเองที่เปิดให้ทดสอบในเวอร์ชั่นเบต้าตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา โดยระบุเงื่อนไขว่า SSD ที่นำมาใส่ต้องอ่านได้เร็วกว่า 5,500MB/s ขึ้นไป และต้องมีฮีตซิงก์ในตัว
อีกฟีเจอร์ที่เพิ่มมาคือแอป PS Remote Play สำหรับการสตรีมเกมไปเล่นบนโทรศัพท์ สามารถใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือแทน Wi-Fi ได้ โดยการเชื่อมต่อต้องใช้แบนด์วิดท์ 5Mbps ขึ้นไป
ที่มา - PlayStation |
# LG เปิดตัว Direct View LED จอขนาดยักษ์จับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ใหญ่สุด 325 นิ้ว
LG เปิดตัว Direct View LED (DVLED) เป็นจอขนาดยักษ์สำหรับลูกค้าที่ต้องการจอ (หรือทีวี) ขนาดเท่าบ้านไว้สำหรับความบันเทิงในครอบครัวลักษณะเดียวกับ The Wall ของ Samsung โดยจอจาก LG นี้เน้นจับกลุ่มตลาดไฮเอนด์โดยเฉพาะ
DVLED ของ LG ใช้หลอด LED หลายล้านหลอดเพื่อทำให้เกิดเป็นภาพ มีตัวเลือกหลักคือ 2K Full HD, Dual 2K Ultra Stretch, 4K Ultra HD, Dual 4K Ultra Stretch และ 8K Ultra HD ซึ่งตัวจอสามารถเลือกได้ตั้งแต่ 108 ไปจนถึง 325 นิ้ว พร้อมระบบควบคุมจอ LG Controller ที่รัน WebOS ให้ใช้งาน
ตอนนี้ LG เริ่มรับออร์เดอร์ DVLED สำหรับผู้สนใจแล้ว ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 7 หมื่นดอลลาร์ไปจนถึง 1.7 ล้านดอลลาร์ ขึ้นกับขนาด, ความละเอียด และพิกเซลของจอ
ที่มา - LG, Gizmodo, Engadget
ภาพจาก LG |
# มาแปลก? Tim Cook ทวีตบอก ตอนนี้ไม่อยู่ที่ Apple Park ก่อนงานเปิดตัวสินค้าใหม่คืนนี้
ก่อนงานอีเวนต์ California Streaming เปิดตัวสินค้าใหม่แบบออนไลน์ของแอปเปิลจะเริ่มต้นเพียง 3 ชั่วโมง ซีอีโอ Tim Cook ก็ได้ทวีตภาพนอกสถานที่ พร้อมแคปชั่นว่าอรุณสวัสดิ์จากสถานที่หนึ่ง ซึ่งแตกต่างออกไปจากครั้งก่อน พร้อมบอกว่าแล้วพบกันในสตรีมมิ่ง
ภาพที่ Tim Cook ทวีตคือ Joshua Tree National Park ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่สำนักงานใหญ่ของแอปเปิล Apple Park ตั้งอยู่ในเมือง Cupertino ที่ห่างออกไปมากกว่า 700 กิโลเมตร
ทั้งนี้ในบัตรเชิญร่วมงานนั้น แอปเปิลระบุว่ากิจกรรมนี้จะถ่ายทอดจาก Apple Park ก็ต้องรอดูว่าซีอีโอ Tim Cook จะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์หรือไม่
ที่มา: Business Insider |
# Canon เปิดตัว EOS R3 กล้อง Mirrorless เรือธง พร้อม Eye Control AF กำหนดจุดโฟกัสด้วยตา
Canon เปิดตัว EOS R3 กล้อง Mirrorless เรือธงของค่าย พร้อมถ่ายรัวได้สูงสุด 30 ภาพต่อวินาที, Eye Control AF ใช้ตากำหนดจุดโฟกัส และระบบออโต้โฟกัสใหม่
Canon EOS R3 ใช้เซนเซอร์ Stacked CMOS 24.1 ล้านพิกเซลที่ Canon ออกแบบและผลิตเอง พร้อมโปรเซสเซอร์ DIGIC X ที่โดยรวมแล้วจะให้การอ่านข้อมูลออกจากเซนเซอร์เร็วขึ้น ลด blackout ในการถ่ายภาพ โดย EOS R3 สามารถถ่ายภาพรัวได้สูงสุดถึง 30 เฟรมต่อวินาทีในโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ และ 12 ภาพต่อวินาทีในโหมดชัตเตอร์กลไก พร้อมเร่ง ISO ได้ตั้งแต่ 100-102,400 ขยายได้สูงสุดถึง 204,800 สำหรับภาพนิ่ง
ส่วนระบบโฟกัส Canon ใช้ Dual Pixel CMOS AF II ที่มีจุดออโต้โฟกัส 1,053 จุด พร้อม EOS iTR ที่สามารถติดตามวัตถุได้สูงสุดที่ EV -7.5 สำหรับวัตถุอย่างเช่นตา, หน้า, หัว หรือแม้กระทั่งสัตว์, รถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ พร้อม Eye Control AF ที่ใช้เพียงแค่ตามองไปยังวัตถุอย่างตาหรือหน้าในช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะระบบก็จะโฟกัสไปยังวัตถุนั้นให้ทันที และยังมีระบบกันสั่นในตัวกล้องที่กันสั่นได้สูงสุดถึง 8 สต็อป
ในด้านระบบวิดีโอ Canon EOS R3 รองรับการถ่ายวิดีโอ 6K ที่ 60 เฟรมต่อวินาทีเป็นแบบ RAW และ 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที เป็นแบบ 10-bit ไม่ครอป รองรับ Canon Log 3 พร้อมกันสั่นในตัวบอดี้อีก 5 แกนที่ช่วยลดการสั่นได้เมื่อใช้กับเลนส์ที่ไม่มี Optical IS
ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ของ EOS R3 เป็นแบบ 5.76 ล้านจุด 120 เฟรมต่อวินาทีแบบไม่มี blackout ระบบเชื่อมต่อมีทั้งสายแลน, Wi-Fi ที่ 5GHz, USB และ Bluetooth ช่องเสียบการ์ดมีสองช่อง รองรับ CF express หนึ่งช่องและรองรับ UHS-II SD อีกหนึ่งช่อง
Canon EOS R3 เตรียมวางจำหน่ายที่ราคา 5,999 ดอลลาร์ หรือราว 197,000 บาท โดยกำหนดวางจำหน่ายครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนนี้
ที่มา - dpreview |
# เกาหลีใต้ปรับกูเกิล 5.8 พันล้านบาท จากการห้ามผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ใช้ Android เวอร์ชันอื่น
หน่วยงานกำกับดูแลการผูกขาดของเกาหลีใต้ Korea Fair Trade Commission (KFTC) สั่งปรับกูเกิลเป็นเงิน 2.07 แสนล้านวอน (ประมาณ 5.8 พันล้านบาท) ในข้อหากีดกันไม่ให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนปรับแต่ง Android ใช้เอง ต้องใช้ Android เวอร์ชันของกูเกิลเท่านั้น
KFTC ระบุว่าแม้ Android เป็นโอเพนซอร์ส แต่กูเกิลบีบให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ต้องใช้ Google Android เพียงอย่างเดียว โดยบังคับต้องเซ้นสัญญา anti-fragmentation agreement (AFA) ว่าจะไม่ใช้งานหรือพัฒนา Android เวอร์ชันแยกของตัวเอง
KFTC สั่งปรับกูเกิลและกำหนดให้กูเกิลไม่สามารถบังคับเซ็นสัญญา AFA ได้อีกต่อไป ฝั่งกูเกิลระบุว่าจะยื่นอุทธรณ์ โดยให้เหตุผลว่า KFTC มองข้ามประโยชน์เรื่องความเข้ากันได้ของ Android ที่ผู้บริโภคใช้อุปกรณ์ค่ายใดก็ใช้งานแอพได้เหมือนกัน
ที่มา - KFTC, Reuters, Nikkei |
# จีนสั่งแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Alibaba, Tencent ห้ามบล็อกลิงค์ของบริการคู่แข่ง
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศจีน (MIIT) สั่งบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการแอปพลิเคชันและเว็บไซต์รายใหญ่ในจีนอย่าง Alibaba, Tencent ห้ามบล็อกลิงค์ของบริการคู่แข่ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน แลละบอกด้วยว่าหากฝ่าฝืนจะต้องเผชิญกับผลที่ตามมา แต่ยังไม่บอกว่ามาตรการลงโทษคืออะไร
ก่อนหน้าที่จะเกิดปรากฏการณ์รัฐบาลจีนทุบบริษัทเทคโนโลยี การปิดกั้นบริการคู่แข่งถือเป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ เช่น WeChat Pay ของ Tencent ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อเข้าซื้อของในเว็บไซต์ของ Alibaba และบริการของ Alibaba ไม่สามารถใช้งานได้ผ่าน WeChat Pay ก่อนหน้านี้ยังมีกรณี ByteDance ยื่นฟ้องศาลว่า Tencent ผูกขาด บล็อคเนื้อหา TikTok บน WeChat
ที่มา - The Register |
# Rozy อินฟลูเอนเซอร์สาวเกาหลี สร้างโดย AI มีงานโฆษณาเข้าแล้วกว่า 100 ชิ้น
Baek Seung Yeop ซีอีโอของ Sidus Studio X บริษัทจากเกาหลี เปิดเผยว่า Rozy อินฟลูเอนเซอร์ที่สร้างโดย AI และคอมพิวเตอร์กราฟฟิกของบริษัท ปัจจุบันทำกำไรถึงเป้าที่ตั้งไว้แล้ว แถมยังระบุว่ามีงานโฆษณาเข้ามาอีกกว่า 100 ชิ้น ที่บริษัทกำลังประเมินอยู่ และเธออาจทำรายได้ถึง 1 พันล้านวอน (ราว 28.1 ล้านบาท) ภายในสิ้นปีนี้
Baek Seung Yeop ระบุว่า Rozy สร้างขึ้นมาจากภาพลักษณ์ความงามในอุดมคติของคนในรุ่น MZ (Millenials + Gen Z) ที่แม้จะไม่ซ่อนความไม่เพอร์เฟ็กต์ของรูปลักษณ์ แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยความไม่เพอร์เฟกต์เหล่านี้จนเกินไป และเป็นภาพลักษณ์ความงามที่ไม่ได้ทำตามบิวตี้สแตนดาร์ดจากประเทศตะวันตก
ภาพจาก @rozy.gram
Seung Yeop ระบุเพิ่มเติมว่าข้อได้เปรียบของอินฟลูเอนเซอร์ที่สร้างโดย AI คือเธอจะมีอายุ 22 ปีไปตลอดกาล ไม่ต้องมากังวลกับดราม่า ไม่เจ็บไม่ป่วย ไม่ต้องกลัวการบุลลี่ในโลกออนไลน์ หรือข่าวฉาวข่าวหลุดใดๆ รวมถึงการเซ็ตฉาก ถ่ายทำโฆษณาสถานที่ต่างๆ ก็ทำได้ง่ายจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิก และเธอก็จะสามารถทำงานได้ตลอดไป
ที่มา - AllKpop |
# [อัพเดต: NVIDIA ชี้แจงแล้ว] God of War, Ghost of Tsushima อาจลงพีซี หลังมีชื่อในฐานข้อมูล GeForce Now
อัพเดต: เว็บไซต์ WCCFTech ติดต่อไปถาม NVIDIA โดยตรง ได้ข้อมูลว่ารายชื่อที่หลุด มีไว้เพื่อทำการทดสอบภายในของ GeForce Now เท่านั้น ไม่เป็นการยืนยันหรือปฏิเสธการเปิดตัวของเกมใดๆ บนแพลตฟอร์ม
DSOGaming รายงานว่ามีผู้ขุดฐานข้อมูลของบริการเกมสตรีมมิ่ง GeForce Now พบรายชื่อเกมจาก PlayStation เพียบ ทั้ง God of War, Ghost of Tsushima, Gran Turismo 7, Demon Souls Remake, Ratchet & Clank หรือแม้แต่ Horizon Forbidden West ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าเกมเหล่านี้อาจกำลังเตรียมลงพีซีในอนาคต และไม่ได้เป็นเกมเอ็กซ์คลูซีฟบน PlayStation แบบถาวรอีกต่อไป แม้เป็นเกมจากสตูดิโอของ Sony เอง
ข่าวนี้มีความเป็นไปได้สูงหลัง Sony เน้นซื้อสตูดิโอด้านพอร์ตเกม เช่น Nixxes Software แถมยังประกาศว่า Uncharted Legacy of Thieves Collection จะลงพีซีหลังลง PS5 แน่นอน
งบพัฒนาเกมที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับความเสี่ยงที่เกมจะไม่ประสบความสำเร็จ อาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ Sony ต้องการขายเกมให้ได้มากที่สุด โดยการขยายแพลตฟอร์มมาบนพีซีด้วย แม้จะตามมาทีหลังก็ตาม
หลังจากนี้เราอาจได้เห็นเกมเอ็กซ์คลูซีฟแท้ๆ แบบไม่ใช่แค่ระยะเวลาหนึ่ง (time exclusive) น้อยลงมาก คงต้องติดตามดูว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบกับยอดขายของเครื่องคอนโซลเช่น PS5 เองหรือไม่ เมื่อเกมเมอร์ที่มีพีซีที่ประสิทธิภาพสูง แค่รอไม่นาน ก็จะสามารถเล่นเกมเดียวกันกับชาว PS5 ได้แล้ว
ภาพรายชื่อเกมในฐานข้อมูล GeForce Now จาก DSOGaming
ที่มา - DSOGaming |
# AIS Fibre เผยเทรนด์ WFH ทำแต่ละบ้านใช้อุปกรณ์เฉลี่ยเป็นสิบเครื่อง
AIS Fibre นำโดย นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ AIS แถลงภาพรวมตลาดอินเทอร์เน็ตบ้าน กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ รวมทั้งเผยข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้งานในช่วงโรคระบาดหลายอย่าง
จากข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตบน AIS Fibre พบเทรนด์การใช้งาน ที่เพิ่มขึ้นกว่า 40% ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้ง 3 ระลอก จำนวนอุปกรณ์ที่ใช้งานในแต่ละบ้านก็เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยในแต่ละบ้านจะใช้งาน 10 อุปกรณ์
ด้านพฤติกรรมการใช้งาน พบเทรนด์หลักๆ คือการใช้งานแอปพลิเคชั่นการประชุม, การสตรีมมิ่งคอนเทนต์, เล่นเกม, ซื้อของออนไลน์และสั่งอาหารจากบริการ food delivery
จากข้อมูลเฉพาะบน AIS Fibre พบว่ามีปริมาณการใช้งาน AIS Play สูงที่สุด ส่วนหนึ่งเพราะเป็นบริการที่พ่วงมาด้วยกัน รองลงมาเป็น YouTube, Netflix, Facebook, TikTok
ด้านแอปพลิเคชันเพื่อการประชุมและเรียนออนไลน์ พบว่า Google Meet มีการใช้งานสูงสุด รองลงมาเป็น Zoom, Microsoft Teams, Web Ex
ด้านภาพรวมการใช้งาน AIS Fibre นายกิตติ กล่าวว่า “ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ AIS Fibre ลงสนามตลาดเน็ตบ้าน สามารถขึ้นมาอยู่ในกลุ่มผู้นำได้สำเร็จ ให้บริการลูกค้าไปแล้วกว่า 1.53 ล้านครัวเรือน และยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดขายเติบโต 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว เป็นผู้เล่นที่มีการเติบโตเหนือกว่าตลาด
สำหรับกลยุทธ์ในตลาดเน็ตบ้าน AIS เตรียมขับเคลื่อน Service Innovation เตรียมบุคลากรให้พร้อมรองรับความต้องการตั้งแต่การขายไปจนถึงการติดตั้ง ภายใต้ 3 มาตรฐานคือ แก้ปัญหาภายใน 24 ชม., การติดตั้งเร็ว และ ช่างนัดตรงต่อเวลาทั้งการติดตั้ง การให้บริการ หรือการเข้าไปดูแลเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้งานในทุกกรณี
ที่มา - งานแถลงข่าว |
# [TIOBE] Python ใกล้แซง C ขึ้นเป็นภาษาโปรแกรมยอดนิยม ส่วนต่างลดเหลือแค่ 0.16%
TIOBE Index ดัชนีความนิยมของภาษาโปรแกรม ฉบับเดือนกันยายน 2021 อันดับหนึ่งยังเป็นแชมป์เก่า C แต่อันดับสอง Python ก็ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ส่วนต่างเหลือแค่ 0.16% แล้ว สามารถแซงหน้า C ได้ทุกเมื่อ
TIOBE จัดอันดับภาษาโปรแกรมมานาน 20 ปี เพิ่งเคยมี 2 ภาษาที่ครองแชมป์คือ C และ Java (C เพิ่งกลับมาแซง Java ได้ในปี 2020) หาก Python แซงหน้า C ได้สำเร็จก็จะกลายเป็นแชมป์รายที่สาม
Python ถือเป็นภาษาที่มาแรงในช่วงหลัง สามารถแซงหน้า Java ได้ในช่วงปลายปี 2020 และไล่จี้ C เข้ามาเรื่อยๆ จนใกล้แซงแล้ว
ที่มา - TIOBE |
# ทีมงาน Apex Legends เลื่อนการถอดเทคนิควิ่งและเลี้ยวทันที (tap strafing) เพราะอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวอื่น
ก่อนหน้านี้มีดราม่าที่ทำให้ผู้เล่น Apex Legends แตกเป็นสองฝ่าย หลังทีมงานเตรียมถอด tap strafing ออกจากเกม โดย tap strafing คือเทคนิคสำหรับวิ่งและเลี้ยวทันทีที่ผู้เล่นระดับสูงมักใช้งาน แต่ผู้เล่นที่ใช้เทคนิคนี้ไม่เป็น อาจเสียเปรียบ และทำให้เข้าถึงเกมได้ยาก
การใช้ tap strafing ผู้เล่นต้องกะจังหวะหันหน้าด้วยเม้าส์ พร้อมกับจังหวะปล่อยปุ่มเดินหน้าแล้วกดใหม่ให้ถูกต้อง หลังวิ่งและสไลด์ เพื่อให้ตัวละครสามารถเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางแบบหักศอกได้ทันที แม้อยู่กลางอากาศหรือสไลด์อยู่ก็ตาม
ล่าสุดทีม Respawn ออกมาโพสต์ทวิตเตอร์ ระบุว่าทีมงานจะยังไม่ถอด tap strafing ออกในอัพเดตหน้า แต่เลื่อนไปเป็นอัพเดตอื่นแทน เพราะพบผลข้างเคียงบางอย่างที่ทีมงานไม่ได้ระบุ จากการถอดการเคลื่อนไหวนี้ออกไป แต่ก็ยังมีเป้าหมายจะปรับการใช้งาน tap strafing อยู่ดี
ทีมงานระบุว่าการเคลื่อนไหวในเกมนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก จึงอาจต้องใช้เวลาเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงให้เข้าที่เข้าทาง และไม่ให้การถอด tap strafing มีผลกระทบกับการเคลื่อนไหวในภาพรวม ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้เล่นขาประจำ ที่จะได้ใช้ tap strafing ต่อไปอีกหน่อย และคงต้องติดตามดูว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรในอนาคต
วิดีโอสอน tap strafing จากยูทูบแชนแนล Dazs
ที่มา - Respawn |
# Serverless ของเราไม่เท่ากัน Cloudflare โชว์ Worker หน่วงน้อยกว่า Lambda มากเพราะกินแรมน้อยกว่า
Cloudflare โชว์ระยะเวลาตอบสนองของแอปที่รันบน Cloudflare Worker ว่ามีระยะเวลาหน่วง (latency) ต่ำกว่าบริการ Lambda และ Lambda@Edge ของ AWS อย่างมากแม้จะเป็นบริการประมวลผลแบบ serverless เหมือนกัน
โดยรวมแล้วที่ 90% ที่เร็วที่สุด (P90) ระยะเวลาหน่วงของ Workers เร็วกว่า Lambda 210% และเร็วกว่า Lambda@Edge 298% ทาง Cloudflare ระบุว่าระยะเวลาหน่วงที่เพิ่มขึ้นเนื่องจาก Lambda ต้องปิด/เปิด คอนเทนเนอร์ขึ้นมาประมวลผล และทำได้ช้ากว่าการรันโค้ดใน V8 มาก ทำให้ช่วงเวลา cold start กินเวลานาน แม้ว่า Lambda จะพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการส่งต่อทราฟิกไปประมวลผลในศูนย์ข้อมูลกลางแต่ก็ทำให้ระยะเวลาหน่วงเพิ่มขึ้นไม่เหมือนการรันที่ปลายเน็ตเวิร์ค (edge) จริงๆ
Lambda กินแรมเริ่มต้นประมาณ 35MB ขณะที่โมเดล V8 Isolate นั้นกินแรมเริ่มต้นที่ 3MB ส่วนระยะเวลาการโหลดโค้ดแบบ cold start นั้น Cloudflare ก็เริ่มโหลดตั้งแต่ช่วงเปิด connection (Client Hello) ก่อนเริ่มการเชื่อมต่อ TLS ทำให้ผู้ใช้เห็นความหน่วงของ cold start น้อยลง
ที่มา - Cloudflare |
# ซัมซุงเปิดทดสอบ One UI 4.0 Beta แล้ว ยังจำกัดเฉพาะ Galaxy S21
ซัมซุงเริ่มเปิดทดสอบรอม One UI 4.0 Beta ที่พัฒนาอยู่บน Android 12 แล้ว โดยสมาร์ทโฟนชุดแรกที่เปิดให้ทดสอบยังมีแค่ Galaxy S21 เพียงซีรีส์เดียว
ของใหม่ใน One UI 4.0 ที่เพิ่มมาจากฟีเจอร์ของ Android 12 คือ widget customization ที่ปรับแต่งได้ละเอียดขึ้น, ฟีเจอร์ด้าน emoji ที่หลากหลายมากขึ้น, ระบบจัดการสิทธิ (permission) ที่ย้อนดูสิทธิที่เคยให้นานถึง 7 วันย้อนหลัง (Android 12 ทำได้ 24 ชั่วโมง) เป็นต้น
ซัมซุงระบุว่า One UI 4.0 รุ่นสมบูรณ์จะปล่อยให้อัพเดตภายในปี 2021 นี้
ที่มา - Samsung |
# Xiaomi Smart Glasses ก็มา แว่นตาอัจฉริยะพร้อมจอ MicroLED รับสาย ถ่ายรูป แปลภาษาได้
เปิดตัว Xiaomi Smart Glasses แว่นตาอัจฉริยะตัวแรกของแบรนด์ Xiaomi รูปลักษณ์เป็นแว่นดำคลาสสิค น้ำหนัก 51 กรัมตัวแว่นมีหน้าจอ MicroLED ขนาดเล็ก พอดีกับพื้นที่แว่น แสดงการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น ข้อความเข้า สายเข้า ดูพิกัดสถานที่ หรือแม้แต่ถ่ายรูปก็ได้
Xiaomi Smart Glasses มาพร้อมชิปแสดงผลขนาด 2.4 มม. x 2.02 มม. ตัวจอแสดงผล MicroLED นั้นทาง Xiaomi ระบุว่าใช้เทคโนโลยีการหักเหแสงในแบบโครงสร้างกล้องจุลทรรศน์ เพื่อส่งข้อมูลมายังสายตาของเรา นอกจากนี้ยังมีผู้ช่วยอัจฉริยะ XiaoAI ที่ช่วยคัดกรองการแจ้งเตือนที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้งานจริงๆ ไม่แสดงการแจ้งเตือนทั้งหมด เช่น แสดงการแจ้งเตือนจากระบบ Smart Home, ข้อความด่วนจากที่ทำงาน เป็นต้น
ตัวแว่นตาติดตั้งไมโครโฟนและลำโพงในตัว ผู้ใช้งานจึงสามารถรับสายเข้าและพูดคุยได้ ด้านหน้ามีกล้องความละเอียด 5 MP และยังมีระบบแปลงเสียงเป็นข้อความ แปลภาษาเรียลไทม์ได้ด้วยตามที่ Xiaomi บอก
ภาพจาก @leijun
Xiaomi Smart Glasses ใช้ชิป ARM แบบ Quad-core, มีแบตเตอรี่ในตัว, มีทัชแพด, Wi-Fi/Bluetooth, ระบบปฏิบัติการ Android OS ยังไม่ระบุราคา การวางจำหน่ายว่าจะมีจำหน่ายนอกจีนหรือไม่
ตัว Xiaomi Smart Glasses จะมีความแตกต่างจาก Ray-Ban Stories ของ Facebook ตรงที่เน้นการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น รับสาย นำทาง แต่ Ray-Ban Stories จะเน้นการใช้งานเพื่อโซเชียล ถ่ายคลิปแชร์ลง Stories ได้เลย และมีการคอลแลบกับ Ray-Ban เพิ่มความเป็นแฟชัน
ที่มา - XDA Developer, GSMArena |
# Instagram กำลังพัฒนา Favorites เลือกเฉพาะบางแอคเคาท์ที่อยากเห็นบนหน้าฟีดบ่อยๆ
Instagram ออกมายืนยันแล้วว่ากำลังพัฒนา Favorites ที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกบัญชีที่อยากเห็นบนหน้าฟีดบ่อยๆ ได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ Facebook มีแล้วเช่นกัน โดยใน Facebook สามารถเลือกได้มากสุด 30 บัญชี ส่วน Instagram นั้นยังไม่ชัดเจนว่าเลือกได้กี่บัญชี
จากภาพหน้าจอที่ Alessandro Paluzzi วิศวกรผู้แกะแอปไปเจอมาจะเห็นว่า ในเมนูตั้งค่ามีไอคอนใหม่ Favorites เราสามารถเลือกบัญชีที่อยากติดตามและมองเห็นคอนเทนต์ของบัญชีนั้นๆ ได้บ่อยขึ้นได้ คล้ายกับฟีเจอร์ Close Friends ใน Stories แต่เป็นการนำมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีเมื่อเลื่อนดูหน้าฟีด
Instagram ระบุเพียงว่ากำลังพัฒนาฟีเจอร์นี้อยู่ ยังไม่มีแผนเรื่องการทดสอบภายนอก หรือการเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ Instagram ยังซุ่มพัฒนาระบบ Fan Subscriptions จ่ายเพื่อเข้าถึงเนื้อหาพิเศษ เหมือน Super Follows ใน Twitter และ OnlyFans โดยใช้ชื่อว่า Exclusive Stories สะท้อนให้เห็นทิศทางใหม่ของ Instagram และโซเชียลมีเดียใหญ่ที่พยายามสร้างตัวเองให้เป็นพื้นที่ของครีเอเตอร์
ที่มา - TechCrunch |
# Oracle ไตรมาสล่าสุด รายได้จากธุรกิจคลาวด์หนุนการเติบโตต่อเนื่อง
ออราเคิลรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนสิงหาคม 2021 มีรายได้รวม 9,728 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 2,457 ล้านดอลลาร์
รายได้จากค่าบริการบนคลาวด์และค่าสนับสนุนไลเซนส์ เพิ่มขึ้น 6% เป็น 7,371 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้จากการขายไลเซนส์คลาวด์และออนพรีมิส ลดลง 8% เป็น 813 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Safra Catz กล่าวว่าธุรกิจคลาวด์ของออราเคิลที่เป็น IaaS และ SaaS ตอนนี้มีรายได้คิดเป็น 25% ของรายได้รวมแล้ว และคิดเป็นรายได้ต่อเนื่อง 12 เดือนที่ระดับ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของบริษัทให้เพิ่มมากขึ้น
ที่มา: ออราเคิล ภาพ ออราเคิล |
# RIAA รายงานอุตสาหกรรมเพลงอเมริกา ครึ่งแรกปี 2021 รายได้รวมโต 27% - สตรีมมิ่งจ่ายเงินเป็นรายได้หลัก
RIAA หรือสมาคมอุตสาหกรรมเพลงของสหรัฐอเมริกา ออกรายงานรายได้ของอุตสาหกรรมเพลงในอเมริกาช่วงครึ่งปีแรก 2021 รายได้รวมโต 27.0% เทียบกับครึ่งแรกของปี 2020 เป็น 7,054.0 ล้านดอลลาร์
รายได้ส่วนใหญ่มาจากบริการสตรีมมิ่งคิดเป็น 5,908.4 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25.9% โดยมีปัจจัยเสริมคือแหล่งรายได้ใหม่ได้แก่ Facebook และแอปออกกำลังกาย ซึ่งในรายละเอียดนั้น 4,130.6 ล้านดอลลาร์ มาจากส่วนแบ่งการสมัครใช้งานฟังเพลงแบบเสียเงิน และคิดเป็นจำนวนผู้ใช้งานส่วนนี้ 82.1 ล้านคน
กลุ่มรายได้ที่เป็นอัตราส่วนรองลงมาคือการขายแบบ physical 690.1 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 75.7% โดยแผ่นไวนีลมีการเติบโตสูงที่สุด 94% เป็น 467 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นรายได้ 2 ใน 3 ของรายได้การขาย physical ทั้งหมด (มากกว่าซีดี และเป็นแบบนี้ตั้งแต่ปีก่อน) ส่วนดิจิทัลดาวน์โหลดรายได้รวมลดลง 6.2% เป็น 318.7 ล้านดอลลาร์
ที่มา: RIAA (pdf) และ Variety ภาพ Pixabay |
# Apple ออกอัพเดต iOS 14.8 แก้ไขช่องโหว่ ForcedEntry แนะนำผู้ใช้ให้อัพเดต
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 14.8 และ iPadOS 14.8 ซึ่งออกมาเพียงหนึ่งวันก่อนงานอีเวนต์ California Streaming ที่คาดว่าแอปเปิลจะประกาศวันเปิดให้ดาวน์โหลด iOS 15 และ iPadOS 15 สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
ในอัพเดต iOS 14.8 นี้ แอปเปิลระบุว่าเป็นการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย และแนะนำให้ผู้ใช้งานทุกคนอัพเดต โดยมีสองช่องโหว่คือ CVE-2021-30860 มีชื่อว่า ForcedEntry รายงานโดย Citizen Lab ที่โจมตีผ่าน iMessage มีรายงานผู้ถูกโจมตีจากช่องโหว่ดังกล่าวแล้ว และอีกช่องโหว่คือ CVE-2021-30858
นอกจากนี้แอปเปิลยังออกอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการอื่น เพื่อแก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวด้วยเช่นกัน ได้แก่ watchOS 7.6.2 และ macOS Big Sur 11.6
ที่มา: 9to5Mac และ MacRumors |
# Intuit ประกาศซื้อกิจการแพลตฟอร์มการตลาด Mailchimp มูลค่าดีล 12,000 ล้านดอลลาร์
Intuit บริษัทซอฟต์แวร์การเงินและภาษีรายใหญ่ ประกาศซื้อกิจการ Mailchimp แพลตฟอร์มบริหารจัดการการตลาดออนไลน์ ที่มูลค่าดีลรวม 12,000 ล้านดอลลาร์ โดยจ่ายเป็นเงินสดและหุ้นของบริษัท ซึ่งมูลค่าของดีลแบบเป็นทางการนั้นสูงกว่าข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ 10,000 ล้านดอลลาร์
Intuit บอกว่าดีลนี้จะช่วยให้บริษัทบรรลุสองเป้าหมายใหญ่ที่บริษัทวางไว้ นั่นคือ เป็นศูนย์กลางของการเติบโตในธุรกิจขนาดเล็ก และเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธุรกิจของกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก
Mailchimp ก่อตั้งในปี 2001 เริ่มต้นธุรกิจด้วยบริการการตลาดผ่านอีเมล และพัฒนามาเป็นบริการเครื่องมือด้านการตลาดออนไลน์ มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2.4 ล้านบัญชี โดย Alex Chriss ผู้บริหาร Intuit บอกว่าบริการของ Mailchimp จะนำมาเสริมกับ QuickBooks แพลตฟอร์มจัดการบัญชีและภาษีสำหรับธุรกิจ เพื่อให้บริหารการเงินได้รวดเร็วมากขึ้นในโลกการทำธุรกิจแบบ Omni-Channel
ที่มา: Intuit |
# Apple เผย Shazam ถูกใช้ค้นหาเพลงผ่าน Control Center ใน iOS แล้วมากกว่า 1 พันล้านครั้ง
แอปเปิลประกาศว่า Shazam บริการค้นหาเพลงที่แอปเปิลซื้อกิจการเมื่อปี 2018 ถูกใช้งานเพื่อค้นหาเพลงรวมมากกว่า 1 พันล้านเพลงแล้ว โดยนับเฉพาะการค้นหาผ่านส่วน Music Recognition ใน Control Center ของ iOS
ฟีเจอร์ดังกล่าวแอปเปิลเริ่มเพิ่มเข้ามาใน iOS 14.2 เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ไม่ได้เปิดให้เป็น default ผู้ใช้งานต้องเพิ่มปุ่ม Shazam เข้ามาเองใน Control Center สถิติ 1 พันล้านเพลงจึงน่าสนใจมาก
เมื่อเดือนมิถุนายน แอปเปิลเพิ่งประกาศว่า Shazam ถูกค้นหามากถึงกว่า 1 พันล้านเพลงภายในเดือนเดียว โดยเป็นการนับผ่านทุกแพลตฟอร์ม
แอปเปิลระบุว่าเพลงที่ถูกค้นหาหรือที่เรียกว่า Shazam มากที่สุดคือ Talking To The Moon ของ Bruno Mars ส่วนอันดับสองคือ Astronaut In The Ocean ของ Masked Wolf
ที่มา: 9to5Mac |
# Bloomberg รายงาน สหรัฐฯ เตรียมสอบสวน stablecoins หลังกังวลว่าอาจเป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงิน
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ และหน่วยงานอื่น ๆ กำลังเตรียมสอบสวน stablecoins ผ่านสภาดูแลความมั่นคงทางการเงินหรือ FSOC โดยหน่วยงานภาครัฐกังวลว่าสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และเป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงินได้ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง
กลุ่มเหรียญ cryptocurrency ที่เรียกว่า stablecoins ถูกสร้างขึ้นมาให้มีมูลค่าผูกกับสกุลเงินทั่วไปซึ่งจะผันผวนน้อยกว่าสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ เช่น USDT, USDC หรือ BUSD ที่ 1 เหรียญมีมูลค่าเท่ากับหรือใกล้เคียงกับ 1 ดอลลาร์ ซึ่งบริษัทที่เป็นผู้พัฒนาเหรียญอย่าง Tether ระบุว่าเหรียญเหล่านี้มีสินทรัพย์หนุนหลัง อย่างเช่นตราสารหนี้บริษัทเอกชนหรือว่าเงินดอลลาร์
ปัจจุบันเหรียญ stablecoins ที่อยู่ในตลาดคริปโตมีมูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์ และนิยมใช้กับธุรกรรมต่าง ๆ ในลักษณะที่คล้ายกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างบัญชีธนาคาร รวมถึงใช้เป็นสื่อกลางในการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin ด้วย ดังนั้น stablecoins จึงสำคัญต่อตลาดคริปโตมาก
แหล่งข่าวของ Bloomberg ระบวุ่า หน่วยงานรัฐซึ่งนำโดย Janet Yellen รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เตรียมจะตรวจสอบและออกคำแนะนำเกี่ยวกับ stablecoins ซึ่งคาดว่าคณะกรรมการจะโฟกัสไปที่ Tether ที่บริษัทยืนยันว่ามีสินทรัพย์หนุนหลังจำนวนมหาศาล โดยทางคณะกรรมการจะต้องศึกษาก่อนว่าหน่วยงานรัฐควรดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจต้องให้หน่วยงานรัฐเข้าไปแทรกแซงตลาดหรือกำกับดูแลเพื่อลดความเสี่ยงของธุรกรรมที่ทำผ่าน stablecoins ด้วย
ที่มา - Bloomberg |
# IBM เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ Power E1080 ตัวแรกที่ใช้ซีพียู Power10 ระดับ 7 นาโนเมตร
IBM เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ Power E1080 เซิร์ฟเวอร์ตัวแรกที่ใช้ซีพียูสถาปัตยกรรม Power10 ที่เปิดตัวครั้งแรกในช่วงกลางปี 2020 และเป็นรุ่นอัพเกรดโดยตรงของ Power E980 ของซีรีส์ Power9 เดิม
ซีพียู IBM Power10 ใช้กระบวนการผลิตที่ 7nm EUV ของซัมซุง, เพิ่มจำนวนคอร์เป็น 15 คอร์ (เดิม 12 คอร์) โดยผลิตที่ 16 คอร์และปิด 1 คอร์เพื่อเพิ่มอัตรา yield, มาพร้อมฟีเจอร์ symmetric multiprocessing (SMT) ที่สามารถสเกลทั้งระบบได้ถึง 240 คอร์
ฟีเจอร์อื่นคือมี matrix accelerator จำนวน 4 ตัวต่อคอร์ ช่วยให้ประสิทธิภาพของการประมวลผล inference สูงขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับ E980 รุ่นเดิม, ประสิทธิภาพการรันคอนเทนเนอร์ OpenShift (นับเป็น throughput ต่อคอร์) สูงกว่าซีพียู x86 (Xeon Gold 6248) ถึง 4.1 เท่า
กลุ่มลูกค้าของ IBM Power10 คือฐานลูกค้าที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ตระกูล Power เดิมเป็นหลัก ระบบปฏิบัติการรองรับทั้ง AIX, IBM i และลินุกซ์ ตอนนี้พาร์ทเนอร์ที่เป็นซอฟต์แวร์องค์กรอย่าง SAP ประกาศรองรับแล้ว และ IBM ก็เปิดรับคำสั่งซื้อเครื่องจากลูกค้าแล้ว
ที่มา - IBM |
# ASUS เปิดตัวการ์ด Wi-Fi 6E แบบ PCIe ตัวแรกในโลก
ASUS เปิดตัวการ์ด Wi-Fi 6E แบบ PCIe ชื่อรุ่นว่า PCE-AXE58BT สำหรับการอัพเกรดพีซีให้ไปใช้คลื่น 6GHz ที่ยังมีการใช้งานน้อยอยู่
ตัวการ์ดรองรับ Wi-Fi 6E แบบ 2x2 ช่องสัญญาณ 160MHz แบนด์วิดท์สูงสุด 2.4Gbps เท่าๆ กับ Wi-Fi 6 ในช่องสัญญาณ 5GHz ตัวการ์ดรองรับ Bluetooh 5.2 ในตัว สำหรับกระบวนการรักษาความปลอดภัยรองรับ WPA3
Wi-Fi 6E มีแถบคลื่นกว้างถึง 1200MHz (เฉพาะสหรัฐฯ ประเทศอื่นอาจเปิดให้ไม่เท่ากัน) ทำให้สามารถใช้ช่องสัญญาณขนาด 160MHz แบบไม่ทับกันเลยได้ถึง 7 ช่อง ทำให้มีโอกาสใช้งานได้เต็มความเร็วมากกว่าย่าน 5GHz ที่รองรับช่อง 160MHz ได้เพียง 2 ช่องเท่านั้น ทำให้อัตราการรบกวนกันสูงมาก
ก่อนหน้านี้ ASUS เปิดตัวเราท์เตอร์ ROG Rapture GT-AXE11000 รองรับ Wi-Fi 6E มาก่อนแล้ว ทำให้สามารถใช้คู่กันได้ในเน็ตเวิร์คจริง ตัวเราท์เตอร์รองรับ LAN แบบ 2.5GbE ทำให้หากช่องสัญญาณเต็มก็สามารถใช้แบนด์วิดท์ได้ค่อนข้างเต็มที่
ที่มา - ASUS |
# TCL เคยมีแผนเปิดตัวมือถือจอพับได้ ราคาถูกกว่า Z Flip 3 แต่ยกเลิกไปเพราะยังไม่พร้อม
ยูทูบเบอร์ Mr.Mobile ทำวิดีโอพูดถึงมือถือจอพับได้ของ TCL ที่ราคาถูกกว่า Galaxy Z Flip 3 ในชื่อโค้ดเนมว่าโปรเจกต์ “Chicago” และมีแผนจะเปิดตัวภายในสิ้นปีนี้ ก่อนยกเลิกไป
TCL ให้ Mr.Mobile ยืมเครื่องต้นแบบมาแสดงในวิดีโอ โดยเป็นมือถือจอพับได้ ใช้ชิป Snapdragon 765 มีหน้าจอ OLED เคลือบด้วยพลาสติก อัตราส่วน 20:9 กว้างกว่า Z Flip 3 แต่มืดกว่าเล็กน้อย จอภายนอกเล็กกว่า Z Flip 3 และดูเหมือนเป็นดีไซน์ที่พัฒนาต่อยอดจากดีไซน์ Z Flip รุ่นแรก
ตัวเครื่องเมื่อปิดฝา จะมีช่องว่างที่เล็กกว่า Z Flip 3 มีน้ำหนักมากกว่า Z Flip 3 ราว 10% น่าจะมีราคาอยู่ในระดับ 700-900 ดอลลาร์ แม้ TCL จะไม่เปิดเผยราคาที่ชัดเจน แต่ Mr.Mobile คาดว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 799 ดอลลาร์ ซึ่งจะถูกกว่า Z Flip 3 อยู่ 200 ดอลลาร์
Z Flip รุ่นแรก, TCL “Chicago” และ Z Flip 3 ภาพจาก Mr.Mobile
Mr.Mobile สอบถามทีมงาน TCL ถึงสาเหตุเพิ่มเติมที่ยกเลิกเปิดตัวมือถือจอพับได้ ได้คำตอบว่าแผนกมือถือของ TCL ยังใหม่มาก และต้องพึ่งค่ายมือถือเพื่อช่วยโปรโมต แต่ตอนนี้ค่ายมือถือสนใจโปรโมต 5G มากกว่า ส่วนอีกสาเหตุคือ TCL เองก็รู้สึกว่าอยากปรับปรุงคุณภาพของมือถือจอพับได้ให้ดีกว่านี้ และทำราคาให้ถูกกว่านี้อีก แต่ย้ำว่ายังไม่ยอมแพ้กับมือถือจอพับได้แน่นอน ซึ่งคงต้องรอดูต่อไปในอนาคต
ที่มา - Mr.Mobile |
# [ไม่ยืนยัน] Break Up Big Tech ที่แท้ จีนเตรียมจับแยก Alipay แยกส่วนเงินกู้ออกมาเป็นแอปอิสระ
จากปรากฏการณ์รัฐบาลจีนคุมบริษัทเทคโนโลยีหลายราย และอาลีบาบาถือเป็นรายแรกที่โดนควบคุม ล่าสุด Financial Times รายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแลของจีน สั่งให้ Ant Group จับแยก Alipay ออกเป็นส่วนๆ โดยให้แยกส่วนของธุรกิจให้กู้ยืมสองแห่งคือ Huabei ซึ่งคล้ายกับบัตรเครดิตแบบดั้งเดิมและ Jiebei ให้สินเชื่อขนาดเล็กที่ไม่มีหลักประกันออกจากบริการการเงินส่วนอื่นๆ ที่เหลือ และเปิดให้มีนักลงทุนภายนอกเข้ามาถือหุ้น
นอกจากนี้ หน่วยกำกับดูแลยังอยากให้แยกธุรกิจของทั้งสองแอปเป็นอิสระจากกัน และ Ant Group ต้องส่งต่อข้อมูลผู้ใช้งานในการทำ credit scoring ไปยังอีกบริษัทหนึ่งซึ่งจากคำพูดคนวงในระบุว่ารัฐเป็นเจ้าของบางส่วน และยังบอกด้วยว่า รัฐบาลจีนมีความเชื่อว่าการที่บริษัทเทคโนโลยีจีนผูกขาดได้ขนาดนี้ เป็นเพราะบริษัทถือครองข้อมูลมหาศาล ซึ่งรัฐบาลต้องการหยุดสิ่งนี้
บริการเงินกู้ Huabei และ Jiebei เป็นพลังส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนให้ Ant Group ได้เข้า IPO แต่ก็ถูกรัฐบาลจีนสั่งระงับเสียก่อน ข้อมูลจาก The CreditTech ระบุว่ารายได้จากทั้งสองธุรกิจแซงหน้าธุรกิจการชำระเงินหลักของ Ant เป็นครั้งแรกในครึ่งแรกของปี 2020 โดยคิดเป็น 39% ของรายได้ทั้งหมด
ส่วนหนึ่งในบริษัทที่จะเข้ามาถือหุ้นคือ Zhejiang Tourism Investment Group ซึ่งมีรัฐเป็นเจ้าของ และจากคำพูดของคนที่อยู่ใกล้ชิดกับสถานการณ์ระบุว่า ทีมของแจ๊ค หม่า ยังคงเป็นหัวหลักเพราะทาง Zhejiang ก็ไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับข้อมูลเงินกู้
ที่มา - Financial Times |
# ผู้สร้างเกม NFT Epic Hero Battles ถูกจับได้ว่าก็อปภาพศิลปินคนอื่น, ลบแอคเคาท์ทวิตเตอร์หนี
เกม NFT ชื่อ Epic Hero Battles เป็นเกมที่ทำงานบนบล็อกเชน Ethereum ที่ผู้เล่นจะได้รับตัวฮีโร่และสัตว์เลี้ยงแบบสุ่มมาเป็น NFT เพื่อนำไปต่อสู้ หรือรับ NFT อื่นเพิ่ม และนำไปขายหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินคริปโต เพื่อทำกำไรได้ แต่ล่าสุด ผู้สร้างเกมถูกจับได้ว่าขโมยภาพจากเกม Wildfire มาใช้ โดย
Dan Hindes ผู้พัฒนาเกมที่ถูกขโมยมาโพสต์ทวิตแฉเอง
ทีมงานเกม Epic Hero Battles ออกมาขอโทษ และบอกว่าได้รูปมาจากผู้พัฒนาเว็บ และไม่ได้ตรวจสอบให้ดีก่อน พร้อมรับประกันว่าข้อผิดพลาดแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอน แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เกิดความแคลงใจในหมู่ผู้เล่นไปแล้ว
ผู้เล่นคนอื่นจึงตามหาที่มาของภาพต่างๆ ในเกมต่อ และพบว่าแม้แต่ภาพโปรไฟล์ทวิตเตอร์ ก็ยังนำมาจากโพสต์บน tumblr ของศิลปินท่านหนึ่ง ส่วนภาพแบคกราวด์ Roadmap ของเกม ก็ขโมยมาจากศิลปินอีกคนเช่นกัน
เมื่อถูกจับได้มากๆ เข้า Epic Hero Battles ก็ถึงกับลบบัญชีทวิตเตอร์ทิ้ง และแม้เว็บไซต์เกมจะยังเปิดอยู่ แต่ก็ลบภาพประกอบส่วนใหญ่ออกจนเหลือแต่หน้าเว็บสีเทาๆ
เกมบนบล็อกเชน มีหลายเกมที่มีผู้เล่นทำรายได้ได้จริง แต่หลายเกมก็ทำมาเพื่อหลอกเอาเงินจากผู้เล่นเท่านั้น และต้องไม่ลืมว่าเมื่ออยู่บนระบบบล็อกเชน การคุ้มครองของกฎหมายและมาตรการติดตามผู้ทำผิดอาจทำได้ยาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนทุกครั้ง
ที่มา - Kotaku |
# ผลทดสอบ PS5 ล็อตใหม่ เอพียูเย็นลง 11 องศา, ส่วนอื่นร้อนขึ้นเล็กน้อย
หลังยูทูบเบอร์ Austin Evans ทดสอบระบบระบายความร้อนของเครื่อง PS5 ด้วยกล้องจับความร้อนจากภายนอก พบว่าอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย ก็มีดราม่าตามมาพอสมควร ว่าการทดสอบความร้อนจากพลาสติกส่วนนอกของเครื่อง ไม่สะท้อนความร้อนจริงของฮาร์ดแวร์ภายใน
ล่าสุดยูทูบเบอร์ Hardware Busters International จึงได้นำเครื่อง PS5 ล็อตใหม่มาทดสอบอีกครั้ง คราวนี้วัดอุณหภูมิภายในแยกแต่ละส่วนอย่างชัดเจน และทดสอบขณะเปิดเล่นเกม
Hardware Busters International พบว่าขณะเล่นเกม พัดลมยังหมุนเท่าเดิม ตัวเครื่องกินไฟเท่าเดิม แต่ความร้อนของเอพียู (ในคลิปทดสอบเขียนว่าซีพียู) ลดลงถึง 11 องศา จาก 51 เหลือ 40 องศา แต่ส่วนอื่นเช่นแรม ความร้อนเพิ่มจาก 40 เป็น 48 องศา หน่วยความจำของกราฟฟิก (VRAM) ความร้อนเพิ่มจาก 45 เป็น 46 องศา และลมร้อนจากตัวเครื่องมีอุณหภูมิเพิ่มจาก 40 องศา เป็น 42 องศา
น้ำหนักเครื่องที่ลดลง 300 กรัม อาจแปลว่าฮีทซิงก์และฮีทไปป์ถูกปรับลดจริง แต่อาจเป็นการปรับดีไซน์ของฮีทซิงก์ ไปเน้นการระบายความร้อนของเอพียูแทน เพราะเป็นส่วนที่ทำงานหนักสุดในเครื่องคอนโซล แม้ทำให้ชิ้นส่วนอื่นร้อนขึ้น ก็ยังไม่ถึงขั้นทำให้การทำงานของเครื่องมีปัญหา
ส่วนเรื่องลมร้อน (exhaust) ที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น อาจแปลว่าการระบายความร้อนมีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะการลดแผ่นระบายความร้อนน้อยลงในบางจุด อาจทำให้ลมระบายความร้อนหมุนเวียนได้ดีขึ้น และเมื่อนำอุณหภูมิของเอพียู แรม และวีแรมของ PS5 ล็อตใหม่มารวมกันแล้วหารเฉลี่ย ก็พบว่าลดลงเหลือราว 44.6 องศา เทียบกับ 45.6 องศาของล็อตเก่า
ที่มา - Hardware Busters International |
# แอปใหม่อีกครั้ง ทางรัฐ รวมบริการรัฐตั้งแต่ตรวจสอบสิทธิ์เด็ก, ประกันสังคม, เครดิตบูโร, เงินคนชรา
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA เปิดตัวแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ตั้งเป้าเป็นแอปรวมบริการภาครัฐที่คนไทยสามารถเข้าใช้งานได้ทุกช่วงวัย เบื้องต้นรวมบริการภาครัฐต่างๆ ไว้ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิรักษาพยาบาล, สิทธิประกันสังคม, ตรวจสอบสิทธิ์วัยแรกเกิด, ดูหนังสือรับรองผลฯ O-Net, ตรวจสอบเครดิตบูโร ไปจนถึงตรวจสอบยอดเงินผู้ชราภาพ
ทางรัฐ เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วทั้ง iOS และ Android ในการใช้งานครั้งแรก ผู้ใช้จำเป็นต้องยืนยันด้วยการถ่ายรูปบัตรประชาชน และสแกนใบหน้า ทาง DGA ระบุว่าอนาคตจะมีการขยายความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อนำบริการที่มีความหลากหลายมากขึ้นมาไว้ในแอปพลิเคชัน
ที่มา - ไทยรัฐ |
# ไม่สนเรื่องฉาว สำนักงานตำรวจเยอรมันใช้ Pegasus สปายแวร์ ยันใช้เพื่อการสืบสวนคดี
แม้ Pegasus สปายแวร์นั้นมีความอื้อฉาว โดยก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรวมตัวแฉสปายแวร์ Pegasus ว่ามีรัฐบาลเผด็จการซื้อไปใช้สอดส่องนักข่าว นักเคลื่อนไหว แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเยอรมัน หรือ BKA ก็ยังซื้อสปายแวร์ Pegasus จากบริษัท NSO ในอิสราเอลมาใช้ โดยยืนยันว่าใช้เพื่อการสอบสวนคดีอาชญากรรมและการก่อการร้าย
Deutsche Welle (DW) สื่อเยอรมันระบุว่า สำนักงานตำรวจได้จัดซื้อสปายแวร์ Pegasus มาตั้งแต่ปี 2019 เป็นการซื้ออย่างลับๆ ซึ่งค้านกับคำแนะนำของนักกฎหมายและผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวที่แย้งว่าตัวซอฟต์แวร์สามารถทำได้มากกว่าที่กฎหมายความเป็นส่วนตัวของเยอรมนีจะอนุญาต
ภาพจาก Facebook BKA
Citizen Lab สำนักวิจัยเทคโนโลยี ข้อมูลและสิทธิในแคนาดาเคยออกมาบอกว่าตัวสปายแวร์ Pegasus นั้นสามารถหลีกเลี่ยงโปรโตคอลความปลอดภัยทั้งใน iOS และ Android และยังสามารถหลีกเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัยใน iOS 14 ได้อย่างง่ายดาย มีโอกาสที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลหลายอย่างทั้งหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ติดต่อ ข้อความอีเมล ข้อความในโซเชียลมีเดีย Pegasus ยังสามารถเปิดใช้งานไมโครโฟนและวิดีโอเพื่อสอดแนมแบบเรียลไทม์ สามารถใช้บันทึกการสนทนา เข้าถึงการตั้งค่า อ่านข้อมูลตำแหน่ง และแม้กระทั่งหลีกเลี่ยงการเข้ารหัสได้
ด้านสำนักงานตำรวจยืนยันว่าใช้ Pegasus เพื่อการสืบสวนอาชญากรรมและการก่อการร้ายเท่านั้น สันนิษฐานได้ว่าทางสำนักงานตำรวจจะจำกัดการใช้งานเท่าที่กฎหมายเยอรมันอนุญาต แต่ภาคสังคมก็ต้องการความโปร่งใสจากหน่วยงาน เรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลว่าใครที่สามารถใช้งานระบบนี้ได้บ้าง
ที่มา - Tech Spot |
# ซีอีโอ Epic มองว่า "แพ้คดีแอปเปิล" จากคำตัดสินศาลชั้นต้น, ยื่นอุทธรณ์แล้ว
หลังจากศาลชั้นต้นตัดสินคดี Apple vs Epic Games โดยกำหนดให้แอปเปิลต้องเปิดให้นักพัฒนาแอพโฆษณาวิธีจ่ายเงินทางอื่นได้ แต่ในอีกทางก็บอกว่า Epic ต้องจ่ายค่าเสียหายให้แอปเปิล และบอกว่าการแบนบัญชีนักพัฒนาของ Epic นั้นถูกต้องแล้ว
มุมมองต่อคำตัดสินนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกัน แม้คนส่วนใหญ่มองว่า Epic ชนะคดีเพราะศาลกำหนดให้แอปเปิลปลดล็อคเรื่องการจ่ายเงิน แต่แอปเปิลเองก็บอกว่าพอใจกับคำตัดสินที่ยอมรับว่าแอปเปิลไม่ได้ผูกขาด ในขณะที่ Tim Sweeney ซีอีโอของ Epic ก็โพสต์ทวิตเตอร์ว่า "แพ้คดี"
ล่าสุดทนายของ Epic Games ยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าอุทธรณ์ในประเด็นใดบ้าง (เอกสารยังมีแต่ฟอร์มขอยื่นอุทธรณ์) แต่ก็น่าจะเป็นเรื่องการแบนบัญชีของ Epic และการดันให้แอปเปิลอยู่ในสถานะ "ผูกขาด" ให้ได้
ที่มา - The Verge |
# Disney ประกาศ ภาพยนตร์ที่เหลือในปีนี้ จะฉายในโรงหนังก่อน จึงลงสตรีมมิ่ง Disney+ ตามหลัง
ดิสนีย์ประกาศแผนการฉายภาพยนตร์ตามกำหนดที่เหลือในปี 2021 ว่าภาพยนตร์ทุกเรื่องจะฉายในโรงภาพยนตร์ก่อน เพื่อให้ผู้ชมกลับเข้าสู่โรงหนัง จากนั้นภาพยนตร์จึงลงสตรีมมิ่ง Disney+ ในเวลาต่อมา
โดยอนิเมชัน Encanto จะฉายในโรงภาพยนตร์ก่อน 30 วัน จึงลงสตรีมมิ่ง ส่วน The Last Duel, Eternals และ West Side Story จะฉายในโรงภาพยนตร์อย่างน้อย 45 วัน
ก่อนหน้านี้ผลกระทบจากโควิด 19 ทำให้ดิสนีย์เลือกฉายภาพยนตร์แบบพร้อมกันทั้งในโรงหนังและสตรีมมิ่ง เช่น Jungle Cruise, Cruella และ Black Widow ซึ่งเรื่องหลังทำให้นักแสดงนำ Scarlett Johansson ฟ้องดิสนีย์เนื่องจากทำให้ขาดรายได้
ส่วนอีกสตูดิโอใหญ่ Warner Bros. ยังคงแผนการฉายภาพยนตร์ในปี 2021 นี้ โดยฉายพร้อมกันทั้งในโรงหนังและสตรีมมิ่ง HBO Max
ที่มา: Channel News Asia |
# Google One ออกแพ็กเกจ 5TB เพิ่ม จากเดิมที่มี 2TB แล้วข้ามไป 10TB
Google One ออกแพ็กเกจพื้นที่สตอเรจแบบ 5TB ที่อยู่ตรงกลางระหว่างแพ็กเกจ 2TB และ 10TB เดิม ขายในราคาเดือนละ 25 ดอลลาร์หรือราคาไทย 875 บาท (ราคาต่อปี 8,750 บาท)
ราคาแพ็กเกจ Google One ทั้งสามระดับ หารออกมาเป็นต่อพื้นที่ TB ละ 175 บาทเท่ากัน ไม่มีตัวไหนถูกเป็นพิเศษ ถือเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ที่มีข้อมูลเกิน 2TB แต่ไม่ต้องการจ่ายถึง 10TB
ที่มา - 9to5google |
# ซีอีโอ Instagram ตอบคำถามเรื่องแอปเวอร์ชัน iPad - มีก็ดี แต่ไม่มีแผนจะทำตอนนี้
Adam Mosseri ซีอีโอ Instagram ได้ตอบคำถามที่ถามกันมานานว่า เมื่อไหร่จะมีแอป Instagram เวอร์ชันบน iPad โดยเฉพาะ ซึ่งคราวนี้ Mosseri บอกว่ามีก็ดี (nice to do) แต่ยังมีอย่างอื่นที่ทีมงานน่าทำมากกว่า อย่างไรก็ตามโครงการนี้ยังไม่ได้หายไป
ฟีเจอร์ Instagram เวอร์ชันบน iPad ถูกร้องขอมานานมาก นานตั้งแต่ก่อน Facebook จะซื้อกิจการ Instagram เสียอีก ปัจจุบันแอปในเครือ Facebook ทั้ง Facebook และ Messenger ก็รองรับ iPad แล้ว รวมถึงแอปกล้องของ Instagram อย่าง Hyperlapse กับ Boomerang ก็รองรับ iPad โดยเฉพาะเช่นกัน ส่วน WhatsApp ก็มีแผนจะทำเวอร์ชัน iPad ออกมา
ปัจจุบันผู้ใช้งานสามารถใช้ Instagram บน iPad ได้ แต่เป็นเวอร์ชัน iPhone ซึ่งมีการแสดงผลแบบแนวตั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตามใน iPadOS 15 จะเพิ่มการรองรับแสดงผลแอป iPhone ในโหมดแนวนอนด้วย ก็น่าจะช่วยให้การใช้ Instagram บน iPad ดีขึ้นจากเดิม
ที่มา: 9to5Mac |
# มุมมองจากคดี Epic v Apple: แอปเปิลยืนยันชนะคดี, Spotify ยินดีกับคำตัดสินแต่ยังเรียกร้องกฎหมายเพิ่ม
หลังจากคำพิพากษาคดี Epic v Apple ออกมายาวถึง 185 หน้า บริษัที่เกี่ยวข้องก็ออกมาแสดงท่าทีต่อคดีนี้
แอปเปิลนั้นระบุว่า "พอใจอย่างยิ่ง" ต่อคำพิพากษาที่ออกมา เนื่องจากคำพิพากษายืนยันว่าแอปเปิลไม่ได้เป็นผู้ผูกขาด (monopolist) และคำพิพากษายังยืนยันว่าแอปเปิลทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ทั้งผู้ใช้และนักพัฒนา แต่เมื่อทาง 9to5mac ถามถึงคำสั่งให้เลิกบังคับห้ามโฆษณาการจ่ายเงินภายนอก ทางแอปเปิลระบุว่ายังอยู่ระหว่างการประมวลคำพิพากษาทั้ง 185 หน้า และจะพิจารณาทางเลือกทุกทางที่เป็นไปได้
สำหรับ Epic นั้นแพ้แบบไม่ได้ประโยชน์อะไรจากคำพิพากษา เนื่องจากคำพิพากษาไม่บังคับให้แอปเปิลต้องเปิดบัญชีของ Epic กลับมาแต่อย่างใด ทำให้เกมอย่าง Fortnite ก็ยังคงไม่สามารถให้บริการบน App Store แถม Epic ยังต้องจ่ายส่วนต่าง 30% ระหว่างที่รับเงินโดยตรงจากระบบภายนอกให้กับแอปเปิล ทำให้ทาง Epic ประกาศจะอุทธรณ์คำพิพากษาทันที
Spotify ออกมาแถลงแสดงความยินดีกับคำพิพากษาที่ระบุว่าการกระทำของแอปเปิลนั้นต่อต้านการแข่งขัน (anti-competitive) และการควบคุมแนวทางที่ไม่เป็นธรรม (ของแอปเปิล) เช่นนี้เป็นภารกิจเร่งด่วน (ที่ชาติอื่นควรทำตาม)
ก่อนหน้านี้แอปเปิลเพิ่งประกาศอนุญาตให้แอปประเภท Reader App สามารถแสดงลิงก์จ่ายเงินภายนอกได้ในปี 2022 จากการตกลงกับกรรมการการค้าของญี่ปุ่น แนวทางนี้ครอบคลุมแอปในกลุ่ม นิตยสาร, หนังสือพิมพ์, เพลง, เสียง, และวิดีโอ แต่ก็ไม่ครอบคลุมเกม |
# OWASP ปรับรายการช่องโหว่ 10 อันดับแรก การจำกัดสิทธิ์ไม่สมบูณ์ขึ้นที่ 1 แทนช่องโหว่ Injection
OWASP มูลนิธิสนับสนุนการพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยซอฟต์แวร์ประกาศร่าง OWASP Top 10 ฉบับใหม่ที่เป็นรายการช่องโหว่ยอดนิยมเพื่อการตระหนักนึงช่องโหว่ที่นักพัฒนามักพลาดกันบ่อยๆ โดยมีการเปลี่ยนอันดับใหม่ จากเดิมช่องโหว่ Injection (รวมทั้ง SQL Injection, Script Injection) เป็นอันดับหนึ่ง ฉบับปี 2021 นี้ให้ช่องโหว่ Broken Access Control เป็นอันดับหนึ่งแทนเนื่องจากแอปพลิเคชั่นจำนวนมากถึง 94% มีช่องโหว่ในกลุ่มนี้
นอกจากการปรับอับดับแล้ว ยังมีหมวดหมู่ใหม่ เพิ่มเข้ามาในรายการ ได้แก่
อันดับ 4 ช่องโหว่ที่การออกแบบ: เนื่องจากช่องโหว่จำนวนมากเริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบซอฟต์แวร์ที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเพียงพอ
อันดับ 8 ความน่าเชื่อถือของซอฟต์แวร์หรือข้อมูลไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง: ซอฟต์แวร์อาจจะใช้งานโค้ดจากภายนอกโดยถือว่าโค้ดเหล่านั้นปลอดภัย, กระบวนการคอมไพล์ซอฟต์แวร์ใน CI/CD ไม่ถูกโจมตี โดยไม่มีการยืนยันความปลอดภัยในระบบเหล่านั้นอย่างเพียงพอ
อันดับ 10 Server-Side Request Forgery (SSRF): ช่องโหว่นี้ติดอันดับแม้จะพบไม่บ่อยนัก แต่ทาง OWASP ใส่เข้ามาเพราะผลสำรวจอยู่ในอันดับหนึ่ง โดยช่องโหว่นี้เป็นช่องโหว่ที่เซิร์ฟเวอร์ดาวน์โหลดข้อมูลจากอินพุตของผู้ใช้โดยตรวจสอบไม่เพียงพอ
ตัวรายการ Top 10 เป็นเพียงหมวดหมู่กว้างๆ แต่ในเอกสารจะระบุจุดอ่อนที่พบจริง (Common Weakness Enumeration - CWE) แยกย่อยไปลงอีกหลายรายการ ตัวอย่างเช่น การออกแบบที่ไม่ปลอดภัยจะอ้างอิงถึง CWE-257 ที่เป็นการเก็บรหัสผ่านในรูปแบบที่อ่านรหัสผ่านกลับออกมาได้เป็นต้น
ที่มา - OWASP |
# บริษัทรถเช่า Sixt จะเปิดบริการแท็กซี่ไร้คนขับ เริ่มจากมิวนิกปี 2022 ใช้เทคโนโลยีจาก Mobileye
Sixt บริษัทรถเช่ารายใหญ่ของโลกจากเยอรมนี ที่ภายหลังหันมาทำธุรกิจเรียกรถ ride-hailing ด้วยในบางประเทศ ประกาศความร่วมมือกับ Mobileye บริษัทรถยนต์ไร้คนขับในเครืออินเทล ว่าจะทดสอบให้บริการแท็กซี่แบบไร้คนขับ (robotaxi) ที่เมืองมิวนิก (สำนักงานใหญ่ของ Sixt) ในปีหน้า 2022
เยอรมนีเพิ่งปรับแก้กฎหมายยอมให้รถยนต์ไร้คนขับวิ่งบนถนนจริงได้แล้ว ทำให้ Sixt และ Mobileye ถือโอกาสนี้ทดสอบบริการแท็กซี่ไร้คนขับที่มิวนิกก่อน แล้วมีแผนจะขยายไปยังเมืองอื่นๆ ในเยอรมนีต่อไป
รถยนต์ไร้คนขับจะใช้เทคโนโลยีของ Mobileye แต่จะดูแลและซ่อมบำรุงโดย Sixt ส่วนวิธีการเรียกใช้งานสามารถทำได้ทั้งจากแอพ Sixt (ที่ใช้เรียกรถแบบมีคนขับอยู่แล้วในปัจจุบัน) และแอพ Moovit ของอินเทล
ทั้ง Sixt และ Mobileye กำหนดกรอบเวลาไว้คร่าวๆ แค่ "2022" โดยยังไม่ระบุเดือน
ที่มา - Intel, Sixt |
# Cisco จับมือกูเกิล เปิดให้ฮาร์ดแวร์ Webex และ Google Meet คุยข้ามกันได้
Cisco ประกาศความร่วมมือกับกูเกิล ให้ฮาร์ดแวร์สำหรับประชุมวิดีโอ Webex และ Google Meet สามารถคุยกันแบบข้ามค่ายได้โดยง่าย
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ฮาร์ดแวร์สำหรับคุย Webex จะสามารถคอลล์เข้า Google Meet ได้ และในทางกลับกัน ฮาร์ดแวร์ Google Meet จะคอลล์เข้า Webex ได้เช่นกัน ซึ่ง Cisco อธิบายว่าสามารถทำได้เพราะในทางเทคนิคคุยกันผ่านโปรโตคอล WebRTC ที่เป็นมาตรฐานเปิด
Cisco อ้างผลสำรวจ CIO ขององค์กรต่างๆ พบว่าการประชุมออนไลน์ 80% มักอยู่บนแพลตฟอร์มที่องค์กรเลือกใช้ อีก 20% เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มอื่น (เช่น ตามองค์กรลูกค้า) แต่เมื่อองค์กรเลือกลงทุนกับฮาร์ดแวร์ของค่ายนั้นๆ ไปแล้ว ก็ทำให้การประชุมบนแพลตฟอร์มอื่นไม่สะดวกนัก การจับมือกับ Google Meet จึงช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ไปได้เปลาะหนึ่งนั่นเอง
ที่มา - Cisco |
# รวมข้อมูลล่าสุด iPhone 13, Apple Watch Series 7, AirPods 3 และ MacBook Pro M1X
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข่าวลือสินค้าแอปเปิลในจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On โดยคราวนี้ว่าด้วยรายละเอียด ของสินค้าที่แอปเปิลจะเปิดตัวในงาน California Streaming คืนวันอังคารนี้
เริ่มที่ iPhone 13 โดย Gurman บอกว่าจากข้อมูลที่มีตอนนี้ รอยบากด้านบนหน้าจอจะมีขนาดเล็กลง, รุ่น Pro มีกล้อง 3 ตัว ส่วนรุ่นทั่วไปมี 2 ตัวเหมือนเดิม, กล้องมีโหมด Portrait ใหม่ที่ปรับภาพด้วย AI, วิดีโอแบบ ProRes, ชิป A15, หน้าจอมีรีเฟรชเรตมากขึ้น และการเชื่อมต่อดาวเทียมกรณีฉุกเฉิน
ส่วน Apple Watch Series 7 เป็นตามข่าวก่อนหน้านี้ นั่นคือหน้าจอแบบใหม่เรียบเสมอกับขอบ มีสองขนาด 41 และ 45 มม. พร้อมสายข้อมือแบบใหม่ และหน้าปัดแบบใหม่ ซีพียู S7 ส่วนฟีเจอร์ด้านสุขภาพจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เด่นมากในรุ่นนี้
Gurman ยังให้ข้อมูลของ MacBook Pro รุ่นใหม่ ซีพียู M1X ว่ามีสองขนาดจอ 14 และ 16 นิ้ว, รองรับการชาร์จด้วย MagSafe, จอแบบ miniLED, ตัด Touch Bar ออก คาดว่าจะเปิดตัวและวางจำหน่ายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ไม่ใช่ในงานสัปดาห์นี้
คาดว่า MacBook Pro รุ่นใหม่ จะเปิดตัวในอีกอีเวนต์ของแอปเปิลเดือนตุลาคม พร้อมกับ iPad และ AirPods รุ่นใหม่
เพิ่มเติม: Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ขาประจำ ให้ข้อมูลตรงข้าม ระบุว่า AirPods รุ่นที่ 3 จะเปิดตัวในงานสัปดาห์นี้ โดยเปลี่ยนมาใช้ดีไซน์เหมือนรุ่น Pro แต่ตัดการทำงานส่วนที่เป็น Pro ออกไป
ส่วนข้อมูลเพิ่มเติม iPhone 13 นั้น Kuo บอกว่าจะมี 4 รุ่นย่อยเหมือนเดิม แต่ปรับความจุ โดยจะเริ่มต้นที่ 128GB และในรุ่น Pro จะมีความจุ 1TB สูงสุด
ที่มา: 9to5Mac [1], [2], MacRumors, Apple Insider |
# ไมโครซอฟท์ยืนยัน Windows 11 ไม่ซัพพอร์ต Apple M1
ตัวแทนของไมโครซอฟท์ยืนยันกับ The Register ว่า Windows 11 ไม่รองรับการทำงานบนชิป Apple M1 ทั้งแบบเนทีฟ และผ่านระบบ virtualization อย่าง Parallels แต่ก็ไม่ได้อธิบายเหตุผล (ไมโครซอฟท์ใช้คำว่า supported scenario ซึ่งอาจหมายถึงใช้ได้ แต่ไม่ซัพพอร์ตอย่างเป็นทางการ)
ฝั่งของ Parallels ยืนยันว่าสามารถทำได้ โดยปัจจุบันวิธีการคือต้องผ่าน Windows Insider ก่อน (รายละเอียด) แต่ยังไม่มีข้อมูลว่า หากไมโครซอฟท์ไม่ออกอิมเมจ Windows 11 รุ่น GA ที่เป็นสถาปัตยกรรม Arm64 ให้ใช้งานแล้ว Parallels จะทำอย่างไร
ไมโครซอฟท์เองมีอุปกรณ์สาย Arm อยู่หนึ่งตัวคือ Surface Pro X ซึ่งซัพพอร์ต Windows 11 ด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนนักเรื่องการรองรับอุปกรณ์ Arm ตัวอื่นๆ
ที่มา - The Register |
# Apple ระบุ วาง iPhone ไว้กับมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์กำลังสูง อาจทำให้ระบบกล้องเสียหาย
แอปเปิลเพิ่มข้อมูลใหม่ในหน้า Support ระบุว่าระบบ OIS ที่กันภาพสั่น และระบบปิด AF ในกล้องของ iPhone อาจได้รับความเสียหาย ในกรณีที่อุปกรณ์ได้รับแรงสั่นสูงบนความถี่ระดับหนึ่ง ส่งผลต่อคุณภาพของการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ จึงแนะนำให้ผู้ใช้งานหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว
กรณีที่แอปเปิลยกตัวอย่างคือมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดกำลังเครื่องยนต์สูง โดยตัวเครื่องจะมีแรงสั่นความถี่สูง ส่งมาถึงโครงของรถและแฮนด์ จึงไม่แนะนำให้วางโทรศัพท์ติดกับส่วนดังกล่าวเพราะจะได้รับแรงสั่นโดยตรง ส่วนรถที่มีแรงสั่นความถี่ต่ำกว่า เช่น สกูตเตอร์ แอปเปิลก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงเช่นกัน
ทั้งนี้ฟีเจอร์ OIS มีใน iPhone 6 Plus เป็นต้นไป แต่ไม่มีในส่วนกล้อง Ultra Wide หรือ Telephoto ส่วนฟีเจอร์ AF ระบบปิด มีตั้งแต่ iPhone XS เป็นต้นไป ยกเว้น iPhone SE รุ่นที่สอง
ที่มา: MacRumors |
# Neat สตาร์ทอัพฮาร์ดแวร์การประชุมออนไลน์ รับเงินทุนเพิ่ม 30 ล้านดอลลาร์ จาก Zoom
Zoom ประกาศลงทุนเพิ่มเติมใน Neat บริษัทผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์สำหรับการประชุมออนไลน์ ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์รายสำคัญของ Zoom โดยลงทุนเพิ่มอีก 30 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลงทุนรอบที่สาม มีเงินลงทุนรวม 41 ล้านดอลลาร์ โดย Neat มีมูลค่ากิจการจากการลงทุนรอบล่าสุดนี้ 640 ล้านดอลลาร์
Neat เป็นสตาร์ทอัพจากนอร์เวย์ ที่พัฒนาฮาร์ดแวร์สำหรับห้องประชุม เพื่อรองรับการทำงานในแบบไฮบริดให้ได้สภาพและบรรยากาศการทำงานเหมือนห้องประชุมปกติ มีผลิตภัณฑ์อย่าง Neat Bar เป็นฮาร์ดแวร์เชื่อมต่อกับจอได้สูงสุด 2 จอ พร้อม Pad สำหรับควบคุม, Neat Board จอสำหรับการประชุมขนาด 65 นิ้ว
นอกจาก Zoom แล้ว Neat ยังเป็นพาร์ตเนอร์กับไมโครซอฟท์พัฒนาฮาร์ดแวร์รองรับการทำงาน Teams ด้วยเช่นกัน
ที่มา: Neat |
# KDDI เปิดบริการ Starlink ในญี่ปุ่นปีหน้า ดาวเทียมรุ่นใหม่ใช้กลางทะเล/หุบเขาได้แล้ว
Starlink กำลังขยายบริการไปทั่วโลก ล่าสุด Nikkei Asia ก็รายงานว่า KDDI ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือจะเป็นพันธมิตรให้บริการ Starlink ในญี่ปุ่น โดยเตรียมทดสอบการใช้งานภายในเดือนนี้ และขอใบอนุญาตจากรัฐบาลภายในปีนี้ ก่อนจะเปิดให้บริการทั่วไปในปีหน้า
ก่อนหน้านี้ Elon Musk เคยเปิดเผยว่ามีผู้จ่ายเงินจองคิวใช้งาน Starlink แล้ว 500,000 คนโดยไม่ได้เปิดเผยว่ามาจากชาติใดบ้าง อย่างไรก็ดีช่วงแรกนี้ Starlink ยังจำกัดพื้นที่ให้บริการเฉพาะซีกโลกด้านเหนือช่วงเส้นรุ้ง (latitude) สูงๆ เป็นหลัก ซึ่งญี่ปุ่น หรืออังกฤษเข้าเงื่อนไขนี้
ญี่ปุ่นเป็นชาติที่สัญญาณโทรศัพท์มือถือค่อนข้างครอบคลุมประชากรเนื่องจากประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมือง แต่ในแง่พื้นที่แล้วญี่ปุ่นกลับมีพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถืออยู่มาก การใช้ Starlink มาอุดช่องโหว่สัญญาณจึงยังมีโอกาสทำตลาดในพื้นที่เหล่านี้อยู่ (ดูแผนที่ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ได้ในเว็บ nperf)
วันจันทร์ที่ 13 กันยายนนี้ SpaceX เตรียมนำส่ง Starlink ชุดใหม่ขึ้นวงโคจร โดยดาวเทียมชุดนี้เป็นเวอร์ชั่น 1.5 ที่มีเลเซอร์เชื่อมต่อระหว่างดาวเทียมด้วยกัน ทำให้สามารถให้บริการในพื้นที่ห่างไกลเช่นกลางทะเลหรือภูเขาได้
ที่มา - Nikkei |
# Flutter 2.5 รองรับธีม Material You ของ Android 12, ปรับปรุงประสิทธิภาพให้สะดุดน้อยลง
กูเกิลออก Flutter 2.5 มีของใหม่หลายอย่างดังนี้
ปรับปรุงประสิทธิภาพหลายจุด โดยเฉพาะเรื่อง garbage collector (GC) ของ Dart VM ที่มักทำให้ UI สะดุด (jank) ถูกปรับแก้ให้ทำงานน้อยลง ตัวอย่างของโครงการเองใช้การรันไฟล์ animated GIF ความยาว 20 วินาที ของเดิมต้องคืนหน่วยความจำกว่า 400 ครั้ง ลดลงมาเหลือแค่ 4 ครั้ง ทำให้แอนิเมชันลื่นขึ้น แถมลดการใช้พลังงานของซีพียูลงด้วย
รองรับภาษา Dart เวอร์ชันใหม่ 2.14 มีฟีเจอร์ใหม่ที่ตัวภาษาเพิ่มขึ้น
รองรับระบบธีม Material You ของ Android 12 และปรับวิธีการแสดงผลแอพ Android แบบเต็มหน้าจอ
ปรับปรุงการทำงานของปลั๊กอินหลายตัว เช่น camera และรองรับปลั๊กอินตัวใหม่ๆ แทนตัวเก่าที่เลิกใช้ (ตัวใหม่จะห้อยท้ายชื่อว่า plus เช่น จาก device_info เป็น device_info_plus)
เครื่องมือ Flutter DevTools มีของใหม่หลายอย่าง ปรับปรุงประสิทธิภาพ อัพเดต Widget Inspector เป็นต้น
ปรับปรุงปลั๊กอิน Flutter ที่ใช้กับ IntelliJ/Android Studio โดยเฉพาะเรื่อง test integration
ชาร์ทแสดงการปรับปรุง GC ที่คืนหน่วยความจำน้อยลง
ที่มา - Flutter |
# TCL เปิดตัวทีวีเรือธง X9 หน้าจอ 85" 8K ใช้ระบบปฏิบัติการ Google TV
เมื่อเดือนที่แล้ว เราเห็น TCL หนึ่งในแบรนด์ทีวียักษ์ใหญ่ เริ่มออกสมาร์ททีวีที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Google TV โดยย้ายออกจากแพลตฟอร์มคู่แข่ง Roku TV
TCL เริ่มออกทีวีซีรีส์ต่ำๆ คือ Series 4 และ Series 5 ตัวใหม่ที่เป็น Google TV ส่วนรุ่นบนๆ ยังใช้ Roku TV อยู่ ล่าสุด TCL ออกทีวีเรือธงรุ่นจอใหญ่ XL Collection ตัวใหม่คือ TCL X9 ที่เปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการ Google TV แล้วเช่นกัน ทำให้ตอนนี้ TCL เหลือทีวีที่เป็น Roku TV น้อยลงเรื่อยๆ และน่าติดตามว่าจะยังทำ Roku TV ต่อในระยะยาวหรือไม่
สเปกของ TCL X9 คือเป็นทีวีที่ใช้จอ QLED แบบ mini-LED backlight ขนาดใหญ่ 85 นิ้ว ความละเอียด 8K เทคโนโลยีใช้แสดงผลเรียกว่า OD Zero ช่วยปรับเรื่องความสว่างและคอนทราสต์ให้แม่นยำขึ้น ฟีเจอร์อื่นคือระบบเสียง Dolby Atmos 3D, การรีเฟรชแบบ Variable Refresh Rate สำหรับคอนโซลยุคใหม่, HDMI 2.1 เป็นต้น
TCL X9 จะวางขายในราคาเริ่มต้น 9,999.99 ดอลลาร์ ชนกับ Sony Bravia XR Z9J ทีวีรุ่นเรือธงของโซนี่ประจำปีนี้ ที่เป็น 8K และใช้ระบบปฏิบัติการ Google TV เหมือนกัน (ตอนนี้มีอยู่ 2 ยี่ห้อที่ใช้ Google TV)
ที่มา - TCL, 9to5google |
# Microsoft ซื้อกิจการ TakeLessons แพลตฟอร์มติวเตอร์ออนไลน์
ไมโครซอฟท์ประกาศซื้อกิจการ TakeLessons แพลตฟอร์มสำหรับให้นักเรียนค้นหาและนัดหมายการเรียนกับติวเตอร์ ทั้งในวิชาอย่างดนตรี ภาษา วิชาการตามหลักสูตร ไปจนถึงกิจกรรมงานอดิเรกต่าง ๆ ทั้งการเรียนแบบตัวต่อตัวที่พบปะกัน หรือแบบออนไลน์
ดีลดังกล่าวไม่มีการเปิดเผยมูลค่า โดย TakeLessons ได้รับเงินลงทุนรวมอย่างน้อย 20 ล้านดอลลาร์ มีผู้ลงทุนอาทิ LightBank, Uncork Capital และ Crosslink Capital ทั้งนี้ TakeLessons บอกว่าบริการต่าง ๆ จะยังคงดำเนินการต่อไปตามเดิมและภายใต้แบรนด์เดิม ซึ่งการร่วมมือกับไมโครซอฟท์จะได้เทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเสริมในบริการ ขยายตลาดไปต่างประเทศ และเพิ่มเนื้อหาวิชาได้มากขึ้น
ที่มา: TechCrunch |
# Vimeo รองรับวิดีโอ Dolby Vision แต่ต้องดูผ่านอุปกรณ์ Apple เท่านั้น
Vimeo ประกาศรองรับวิดีโอ Dolby Vision แล้ว โดยสามารถเล่นแสดงผลได้ผ่านอุปกรณ์แอปเปิลที่รองรับ เป็นการเพิ่มความสามารถต่อจากวิดีโอ HDR ที่เริ่มรองรับเมื่อปี 2017
จุดเด่นของภาพแบบ Dolby Vision คือการให้ความสว่างได้มากกว่าวิดีโอปกติสูงสุด 40 เท่า ส่วนความมืดเพิ่มระดับได้มากถึง 10 เท่า และเก็บรายละเอียดของสีได้มากกว่า ส่วนการอัพโหลดนั้น Vimeo จะตรวจสอบเองหากเป็นวิดีโอที่รองรับ Dolby Vision
อุปกรณ์แอปเปิลที่รองรับ Dolby Vision ได้แก่ iPhone 8 ขึ้นไป, iPad Pro ตั้งแต่ 2nd Gen ขึ้นไป, Mac บางรุ่น และ Apple TV 4K ที่เชื่อมต่อกับโทรทัศน์ที่รองรับ
ที่มา: Vimeo ผ่าน GSM Arena |
# Google แก้ปัญหาแอป Clock นาฬิกาปลุกไม่ทำงานแล้ว ต้องอัพเดตทั้ง Clock และ Spotify
จากปัญหาแอป Clock ของกูเกิล ไม่ทำงานในส่วนนาฬิกาปลุก ซึ่งมีผลกับผู้ใช้งาน Android ที่ลงแอป Clock นี้เพิ่มเติม หรือมาพร้อมกับเครื่องเป็นค่าเริ่มต้นเช่น Pixel ล่าสุดปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว
โดยผู้ใช้งานบัญชีทางการของกูเกิลชื่อ Pixel Community บน Reddit ได้โพสต์อัพเดตปัญหาดังกล่าว ระบุว่าเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้งานแอป Clock นี้ เลือกเชื่อมต่อเสียงปลุกกับเพลงในแอป Spotify โดยล่าสุดทั้งแอป Clock และ Spotify ได้ออกอัพเดตที่แก้ไขปัญหานี้แล้ว ให้ผู้ใช้งานอัพเดตแอปทั้งสอง
ที่มา: Android Police |
# Amazon Elasticsearch Service เปลี่ยนชื่อเป็น Amazon OpenSearch Service
AWS ประกาศเปลี่ยนชื่อบริการ Amazon Elasticsearch Service (Amazon ES) มาเป็น Amazon OpenSearch Service หลังจากแยกมาทำโครงการ OpenSearch เอง
เดิมที AWS นำซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส Elasticsearch มาพัฒนาเป็นบริการ Amazon ES ในปี 2015 แต่หลังจากมีปัญหาเรื่องไลเซนส์กับบริษัท Elastic ผู้พัฒนา Elasticsearch ในช่วงต้นปีนี้ ทำให้ AWS ตัดสินใจ fork ซอร์สโค้ดมาเป็นโครงการใหม่คือ OpenSearch ที่เพิ่งออกเวอร์ชัน 1.0 ไปเมื่อเดือนกรกฎาคม
หลัง OpenSearch ออกเวอร์ชัน 1.0 ได้แล้ว ตัวบริการ Amazon ES จึงได้ฤกษ์เปลี่ยนมาใช้ OpenSearch แทน และถือโอกาสเปลี่ยนชื่อไปพร้อมกัน
AWS บอกว่า Amazon OpenSearch Service รองรับทั้ง Elasticsearch 7.10 และ OpenSearch 1.0 ดังนั้นลูกค้าเก่าที่ยังใช้ Elasticsearch ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม บริษัทยังออกแพตช์ความปลอดภัยและแก้บั๊กให้ แต่ฟีเจอร์ใหม่ๆ จะไปพัฒนาต่อในฝั่ง OpenSearch ทั้งหมด ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกอัพเกรดได้ถ้าต้องการ
ที่มา - AWS Blog |
# ศาลสหรัฐฯ สั่งแอปเปิลต้องเปิดให้ผู้พัฒนาแอปโฆษณาช่องทางเก็บเงินโดยตรงภายใน 90 วัน
ศาลเขตแคลิฟอร์เนียเหนือ ออกคำสั่งศาล (injunction) บังคับแอปเปิลต้องอนุญาตให้ผู้พัฒนาแอปโฆษณาช่องทางจ่ายเงินทางอื่นนอกเหนือจาก In-App Purchase (IAP) ภายใน 90 วัน หากคำสั่งนี้มีผล วันที่ 9 ธันวาคมนี้จะเป็นวันปลดพันธการของนักพัฒนาแอป ทำให้สามารถเก็บเงินได้โดยไม่ต้องเสียส่วนแบ่งให้กับแอปเปิลอีกต่อไป
คำสั่งนี้เป็นผลมาจากคดี Apple v. Epic Games ที่เกิดจากทาง Epic รับจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตในเกม Fortnite โดยตรงและถูกแอปเปิลแบนในเวลาต่อมา โดยคำวินิจฉัยระบุว่าแอปเปิลไม่ได้ผูกขาดแต่อย่างใด แต่ระบุว่าแนวทางของแอปเปิลนั้นต่อต้านการแข่งขัน (anti-competitive) ทำให้มีคำสั่งออกมา
เงื่อนไขการห้ามจ่ายเงินเข้าผู้พัฒนาซอฟต์แวร์โดยตรงของแอปเปิลนั้นเข้มงวดอย่างมาก ที่ผ่านมาแอปเปิลห้ามแอปโฆษณาว่าสามารถจ่ายเงินตรงได้ ห้ามแม้แต่การแสดงลิงก์ไปยังเว็บภายนอกเพื่อจ่ายเงิน เดิมนั้นแอปต่างๆ มีทางเลือกคือยอมให้แอปเปิลกินส่วนต่าง 30% จากการจ่ายเงินในแอป บางรายอาจจะขึ้นราคาเมื่อซื้อผ่านบริการ IAP ของแอปเปิลเพื่อชดเชยส่วนต่าง หรือบางรายเช่น Kindle นั้นทำแอปให้เป็นแอปอ่านอย่างเดียว ไม่มีช่องทางซื้อคอนเทนต์เลย
คำพิพากษามาพร้อมกับคำสั่งอีกหลายคำสั่ง สำหรับกรณี Fortnite เองทาง Epic Games ต้องจ่ายค่าเสียหายให้แอปเปิลฐานรับบัตรเครดิตโดยตรงทั้งหมด 3.65 ล้านดอลลาร์ และคำพิพากษาระบุว่าการที่แอปเปิลแบนบัญชี Epic นั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว
งานนี้แม้ Epic Games จะต้องจ่ายค่าเสียหายหลายล้านดอลลาร์ แต่การที่แอปเปิลถูกบังคับให้ต้องปล่อยให้แอปโฆษณาช่องทางรับเงินด้วยตัวเองก็น่าจะสร้างความเสียหายทางธุรกิจให้กับแอปเปิลสูงกว่าหลายสิบหลายร้อยเท่า
ที่มา - ArsTechnica |
# WhatsApp เปิดตัวฟีเจอร์เข้ารหัสแบคอัพข้อความแชทแบบ end-to-end
WhatsApp เปิดตัวฟีเจอร์เข้ารหัสแบบ end-to-end สำหรับการแบคอัพข้อความแชท โดยจะอัพเดตฟีเจอร์นี้ให้ผู้ใช้ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ปัจจุบันระบบแชทของ WhatsApp เก็บไว้บน iCloud หรือ Google Drive (ขึ้นกับแพลตฟอร์มของผู้ใช้งาน) เป็นหลัก และแม้ว่า WhatsApp จะใช้ระบบแชทเข้ารหัสมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่แบคอัพยังไม่ได้เข้ารหัสไว้ ซึ่งอัพเดตใหม่นี้จะเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้เปิดระบบเข้ารหัสแบบ end-to-end เพื่อทำการเข้ารหัสแบคอัพก่อนอัพโหลดขึ้นคลาวด์
WhatsApp ระบุว่า หลังจากเปิดฟีเจอร์นี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น WhatsApp หรือคลาวด์ที่แบคอัพไว้จะไม่เห็นข้อความ เข้ารหัสด้วยกุญแจที่สร้างขึ้นมาแบบสุ่ม สามารถเก็บกุญแจนี้ไว้ด้วยรหัสผ่านหรือกุญแจเข้ารหัส 64-digit ก็ได้
ที่มา - Facebook, Engadget |
# [ลือ] Facebook พัฒนาชิปประมวลผลสำหรับใช้ในศูนย์ข้อมูลของตนเองโดยเฉพาะ
มีรายงานว่า Facebook กำลังพัฒนาออกแบบชิปเพื่อใช้งานในศูนย์ข้อมูลของตนเองโดยเฉพาะ โดยชิปดังกล่าวจะใช้ในงานประมวลผล Machine Learning เช่น ระบบการแนะนำคอนเทนต์บน Facebook นอกจากนี้ยังมีชิปสำหรับการเพิ่มคุณภาพ Transcoding วิดีโอถ่ายทอดสดอีกด้วย ประโยชน์อีกด้านของการออกแบบชิปเองก็คือควบคุมการใช้พลังงานได้ดีขึ้น
ตัวแทนของ Facebook ชี้แจงต่อข่าวดังกล่าวว่าบริษัทพยายามหาแนวทางที่ดีขึ้น ในการเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล และการควบคุมการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูล ทั้งจากการใช้ชิปประมวลจากบริษัทภายนอก รวมทั้งชิปที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง ส่วนแผนงานในอนาคตบริษัทไม่แสดงความเห็น
บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ต่างมีรายงานเรื่องการพัฒนาชิป สำหรับงานโดยเฉพาะเพื่อใช้เองภายในศูนย์ข้อมูล เช่น กูเกิลก็มีชิป Tensor สำหรับงาน TensorFlow หรือไมโครซอฟท์ก็มีข่าวพัฒนาชิปขึ้นมาเองเช่นกัน
ที่มา: Engadget |
# Yahoo แต่งตั้ง Jim Lanzone ซีอีโอ Tinder เป็นซีอีโอคนใหม่ของบริษัท หลังขายกิจการให้ Apollo เสร็จสิ้น
Yahoo ประกาศแต่งตั้ง Jim Lanzone ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ของบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2021 เป็นต้นไป ทั้งนี้ Yahoo ได้เสร็จสิ้นขั้นตอนการขายกิจการจากเจ้าของเดิม Verizon ไปยังบริษัทลงทุน Apollo ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ส่วนซีอีโอปัจจุบัน Guru Gowrappan จะมารับตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสของบริษัทแทน
Jim Lanzone ปัจจุบันเป็นซีอีโอ Tinder โดยก่อนหน้านั้นเขาดูแลส่วนธุรกิจดิจิทัลให้กลุ่มสื่อ CBS
ด้าน Match Group บริษัทแม่ของ Tinder ก็ประกาศการปรับเปลี่ยนตำแหน่งซีอีโอ ซึ่งเป็นผลจากการลาออกของ Lanzone เช่นกัน โดย Renate Nyborg ผู้จัดการทั่วไปดูแลภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาของ Tinder จะมาเป็นซีอีโอหญิงคนแรกของบริษัท มีข้อมูลน่าสนใจว่า Renate เอง ก็พบและแต่งงานกับสามีผ่านการปัดขวาใน Tinder เช่นกัน
ที่มา: Yahoo, Match Group และ CNBC |
# Houseparty แอปวิดีโอคอลของ Epic Games ประกาศปิดตัว ตุลาคมนี้
Houseparty แอปวิดีโอโซเชียลที่ Epic Games ซื้อกิจการไปเมื่อปี 2019 และเป็นหนึ่งในแอปยอดนิยมในช่วงการระบาดของโควิด 19 ปีที่แล้ว ได้ประกาศเตรียมปิดให้บริการ ในเดือนตุลาคมนี้ โดยตัวแอปได้ถอดออกจาก App Store และ Play Store แล้ว ผู้ใช้งานปัจจุบันจะยังใช้งานได้ต่อไปจนกว่าจะถึงกำหนดปิดตัว
การปิดตัวของ Houseparty นี้ มีผลรวมถึง Fortnite Mode ที่เชื่อมต่อการคุยผ่านวิดีโอไปยังเกม Fortnite ด้วย
Epic Games บอกว่าทีมนักพัฒนาของ Houseparty ตอนนี้กำลังพัฒนาเครื่องมือสำหรับการติดต่อพูดคุยกับในแบบ metaverse ผ่านเกมในเครือของบริษัท จึงน่าจะบอกทิศทางในอนาคตที่ Epic Games มองไว้ได้พอสมควร
ที่มา: Houseparty |
# Microsoft Teams เพิ่มฟีเจอร์ประชุมไฮบริด กล้องในห้องประชุมจับภาพรายคน แยกใบหน้าให้ด้วย
ไมโครซอฟท์ออกฟีเจอร์ใหม่ให้ Microsoft Teams สำหรับการประชุมแบบไฮบริด ที่ผู้เข้าร่วมประชุมมีทั้งรีโมทเข้ามาจากที่บ้าน และคนที่นั่งในห้องประชุมที่ออฟฟิศ
ปัญหาของการประชุมแบบนี้คือ ในห้องประชุมมักมีกล้องตัวเดียว ไมโครโฟนชุดเดียว แต่มีคนอยู่ในห้องหลายคน คนที่รีโมทจากบ้านจึงมองไม่เห็นหน้าของผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน ไม่รู้ว่าใครกำลังพูดอยู่บ้าง
แนวทางแก้ปัญหาของไมโครซอฟท์เรียกว่า "intelligent cameras" โดยต้องใช้อุปกรณ์กล้องแบบใหม่ติดตั้งในห้องประชุมด้วย กล้องชุดนี้จะมีเลนส์หลายตัว แยกจับภาพผู้เข้าร่วมประชุมในห้องแต่ละคน (ในคลิปสาธิตมี 4 เลนส์ 4 คน) ทำให้แต่ละคนมีวิดีโอสตรีมของตัวเองส่งเข้าไปในห้องประชุม Teams Rooms พร้อมฟีเจอร์แยกแยะใบหน้าอัตโนมัติ ระบุชื่อได้เลยว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องคือใครบ้าง (ดูคลิปเห็นภาพกว่า)
มุมมองแบบรวมทุกคนในห้อง
มุมมองแบบแยกรายคน พร้อมแท็กชื่อ
กล้องแบบใหม่จะวางขายโดยหลายแบรนด์ ได้แก่ Jabra, Neat, Poly, Yealink ภายในปีนี้ ยังไม่ระบุราคา ในภาพตัวอย่างคือกล้องของ Jabra |
# Epic ขอให้แอปเปิลเลิกแบน Fortnite หลังเกาหลีใต้ผ่านกฎหมายห้ามสโตร์กำหนดวิธีจ่ายเงิน
หลังจากเกาหลีใต้ผ่านกฎหมายห้ามเจ้าของแพลตฟอร์มแอพ จำกัดวิธีการจ่ายเงินของนักพัฒนา ซึ่งกระทบทั้งแอปเปิลและกูเกิลในฐานะเจ้าของร้านขายแอพรายใหญ่ (กฎหมายผ่านสภาแล้ว รอประธานาธิบดีลงนามและมีผลบังคับใช้)
คู่กรณีรายสำคัญอย่าง Epic Games ย่อมไม่พลาดโอกาสนี้ โดยยื่นขอให้แอปเปิลปลดแบนบัญชีนักพัฒนาของ Epic คืนมา และประกาศว่าเตรียมจะออก Fortnite บน iOS เวอร์ชันเกาหลีใต้ ที่ผู้ใช้เลือกจ่ายเงินได้ทั้งผ่าน Epic และแอปเปิลควบคู่กันไป ตามกฎหมายของเกาหลีใต้
ตัวแทนของแอปเปิลบอกว่า ยินดีต้อนรับ Epic กลับมา หาก Epic ยอมปฏิบัติตาม App Store Review Guidelines ซึ่งที่ผ่านมา Epic ไม่ยอม
ในปี 2020 Epic หันมาทำระบบจ่ายเงินของตัวเองบน Fortnite เวอร์ชันมือถือ เพราะไม่ต้องการจ่ายส่วนแบ่ง 30% ผลคือโดนแอปเปิลและกูเกิลแบน จนเป็นคดีฟ้องร้องกันในหลายประเทศ
ที่มา - TechCrunch |
# เปิดตัวโครงการทดลองใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้บริการแท็กซี่ใน สปป ลาว
แอป LOCA ซึ่งเป็นแอปเรียกรถแท็กซี่แนวเดียวกับแกร็บ หรือ อูเบอร์ และ แบรนด์รถยน BYD จากจีน ร่วมกันเปิดตัวโครงการใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ในการนำเอารถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในการให้บริการขนส่งสาธารณะ ใน สปป ลาว จุดประสงค์ของโครงการนี้คือการนำเอารถยนต์ไฟฟ้ามาปรับใช้กับแท็กซี่ของโลก้า เพื่อเป็นการลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
การร่วมมือของทั้งสองมีเป้าหมายที่จะกลายเป็นผู้ริเริ่ม สนับสนุน และเพื่อแสดงให้ผู้สร้างกรอบนโยบาย รวมทั้งผู้บริโภคได้เห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นเหมาะสมกับตลาดใน สปป ลาว รวมทั้งตอบโจตรที่ สปป ลาว วางวิสัยทรรศน์ที่ต้องการอยากจะเป็นแบ็ตเตอรี่ของอาเซียน
ทั้งนี้ รถยนต์ที่จะใช้ในการทดลองครั้งนี้คือ BYD E2 โดยรถรุ่นนี้สามารถวิ่งได้ 305 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบ็ตเตอรี่เต็มหนึ่งครั้ง รวมทั้งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเหมาะกับตลาดของ สปป ลาว ที่สุดในตอนนี้
ในปัจจุบัน โลก้าได้กลายมาเป็นผู้ให้บริการแท็กซี่สาธารระ ที่ใหญ่ที่สุดของ สปป ลาว โดยได้เปิดให้บริการแล้วใน 3 พื้นที่ประกอบด้วย นครหลวงเวียงจันทน์ นครหลวงพระบาง และนครจำปาสัก ซึ่งล่าสุด โลก้ายังกลายเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ และธุรกิจขนาดเล็กใน สปป ลาว รายแรกที่อยู่ในรายชื่อ 100 บริษัทที่น่าจับตามองของเอเชีย ที่จัดโดย Forbes Asia อีกด้วย
ที่มา - Facebook LOCA Laos |
# หมดยุคเอ็กซ์คลูซีฟ Uncharted 4 รวมภาคเสริมรีมาสเตอร์ ลง PS5 ตามด้วย PC ต้นปี 2022
Sony ประกาศเตรียมส่ง Uncharted Legacy of Thieves Collection รีมาสเตอร์ภาค Uncharted 4: A Thief’s End มัดรวมกับภาคเสริม The Lost Legacy ลง PS5 ช่วงต้นปี 2022 และจะมีเวอร์ชั่น PC ที่พัฒนาโดย Iron Galaxy Studios ตามมาภายหลัง
Uncharted 4: A Thief’s End เป็นเนื้อเรื่องการตามล่าสมบัติในแดนสวรรค์ของเหล่าโจรสลัดในตำนาน ที่ก่อตั้งโดยกัปตัน Henry Avery พร้อมเผยปูมหลัง Nathan Drake และสมทบโดยตัวละครอื่นที่คุณไม่คาดคิด ส่วนภาค The Lost Legact เป็นเนื้อเรื่องการผจญภัยของ Chloe Frazer และ Nadine Ross เพื่อตามหางาช้างทองคำของพระพิฆเนศในอินเดีย
ที่มา - PlayStation |
# Ig Nobel ปี 2021 รางวัลสาขาชีวภาพมอบให้การแปลภาษาแมว, รางวัลสันติภาพให้กับผู้พบว่าหนวดมีไว้กันโดนต่อย
รางวัล Ig Nobel มอบรางวัลให้กับนักวิจัยทั่วโลกจากแง่มุมความขำขันของงานวิจัย มีนี้มีงานวิจัยที่ได้รับรางวัล 10 สาขาวิชา ได้แก่
สาขาชีววิทยา: มอบรางวัลให้กับนักวิจัยที่พยายามแปลภาษาแมวที่ร้องเสียงต่างๆ ทั้งร้องเหมียว, ร้องคราง, และหาว ผู้ได้รางวัลเป็นผู้ร่วมวิจัยในรายงาน 5 ฉบับ
สาขานิเวศวิทยา: มอบให้งานวิจัยสำรวจระบบนิเวศของแบคทีเรียในหมากฝรั่งที่มีคนเคี้ยวแล้วแปะไว้ตามผนังทั่วโลก
สาขาเคมี: มอบให้งานวิจัยสารเคมีในอากาศที่เปลี่ยนไปในโรงภาพยนตร์เมื่อเนื้อเรื่องมีเนื้อหาทางเพศ, ความรุนแรง, การต่อต้านสังคม, การใช้ยาเสพติด, และคำหยาบ
สาขาเศรษฐศาสตร์: มอบให้งานวิจัยที่ระบุว่านักการเมืองอ้วนมีความเกี่ยวข้องกับระดับการโกงกิน
สาขาแพทย์ศาสตร์: มอบให้งานวิจัยที่แสดงว่าการถึงจุดสุดยอดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ช่วยทำให้จมูกโล่ง หายใจสะดวก
สาขาสันติภาพ: มอบให้งานวิจัยทดสอบว่าหนวดเคราของมนุษย์มีไว้เพื่อป้องกันการถูกต่อยหน้ากัน
สาขาฟิสิกส์: มอบให้งานวิจัยโมเดลฟิสิกส์ของกลุ่มคนข้ามถนนโดยไม่เดินชนกัน
สาขาจลนศาสตร์: มอบให้งานวิจัยศึกษากลุ่มคนข้ามถนนว่าทำไมเดินชนกัน
สาขากีฏวิทยา: มอบให้การศึกษาวิธีการควบคุมแมลงสาปในเรือดำน้ำ
สาขาคมนาคม: มอบให้การศึกษาการขนส่งแรด ว่าควรส่งแบบกลับหัวหรือไม่
งานมอบรางวัลปีนี้เป็นแบบเว็บแคส สามารถชมงานได้บน YouTube
ที่มา - Ig Nobel |
# นำเสนองานยุคออนไลน์ PowerPoint ตัดใบหน้าของคนพูดมาแสดงบนสไลด์ได้เลย
ไมโครซอฟท์โชว์ฟีเจอร์ใหม่ของ PowerPoint ชื่อว่า Cameo ออกแบบมาแก้ปัญหาการประชุมนำเสนองานยุคออนไลน์ ที่ช่องแสดงใบหน้าของผู้นำเสนอกับหน้าจอสไลด์แยกจากกัน ทำให้รู้สึกแปลกแยกกว่าเมื่อเทียบกับการนำเสนอแบบเจอหน้ากัน
Cameo จะตัดพื้นหลังออก แล้วเอาใบหน้าของผู้นำเสนอมาโชว์ทับหน้าจอสไลด์เลย สามารถเลือกวิธีการวางทับสไลด์ได้หลายแบบ ฟีเจอร์นี้ยังไม่เสร็จ และจะเปิดใช้งานช่วงต้นปี 2022
ที่มา - Microsoft
คลิปสาธิตการทำงานของ Cameo อยู่นาที 1:44 |
# รัฐบาลจีนเรียกบริษัทเกมเข้าพบ ย้ำต้องควบคุมเกมตามนโยบายรัฐ โฟกัสเรื่องทำกำไรให้น้อยลง
Bloomberg อ้างอิงสำนักข่าว Xinhua ของจีน รายงานว่ากรรมาธิการกรมประชาสัมพันธ์พรรคคอมมิวนิสต์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน, หน่วยงานกำกับสื่อและการสื่อสารสาธารณะ และอีกสองหน่วยงานไม่เปิดเผยชื่อ เรียกบริษัทเกมรายใหญ่ในประเทศเข้าพบ เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญในการควบคุมการเล่นเกม หลังออกนโยบายให้เยาวชนเล่นเกมได้สัปดาห์ละ 3 ชั่วโมงเมื่อไม่นานมานี้
รัฐบาลจีนระบุว่าต้องการให้บริษัทเกมเข้าใจถึงความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาติดเกมออนไลน์ในเยาวชน งดให้บริการการแลกเปลี่ยนแอคเคาท์เกมออนไลน์ และบังคับใช้กฎที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาในเยาวชนแทน รวมถึงขอให้บริษัทเลิกโฟกัสแต่การหาเงิน หาผู้เล่นเพิ่ม หรือออกแบบเกมเพื่อทำให้ผู้เล่นเสพติด ลดการใช้ดาราโปรโมตเกม ควบคุมการสตรีมมิ่ง และงดแจกรางวัลแก่ผู้เล่นที่เป็นเยาวชน
รัฐบาลยังต้องการให้บริษัทเกมเข้มงวดในการเซ็นเซอร์เนื้อหาที่มีความไม่เหมาะสม รุนแรง บูชาเงินทุน และ “มีความเป็นเพศหญิง” จนเกินไป (Bloomberg ใช้คำว่า effeminacy) ซึ่งน่าจะคล้ายกับการพยายามควบคุมภาพลักษณ์ดาราไอดอลชายที่มีภาพลักษณ์อ่อนหวานก่อนหน้านี้
ภาพ Li Yang
การเรียกบริษัทเกมเข้าพบนี้ทำให้หุ้นของบริษัทเช่น Tencent ตกกว่า 6.7%, Netease ตก 7.7% และ Bilibili ตก 5.9% และส่งผลให้ดัชนีรวมหุ้นจีนในตลาดหุ้นสหรัฐ Nasdaq Golden Dragon China Index ตกลง 3.3%
การควบคุมธุรกิจเกมและสื่อ รวมถึงนโยบายเกี่ยวกับชาวต่างชาติของจีนดูจะจริงจังและเข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดเกมและสื่อบันเทิงโลกที่มีจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ไม่น้อย คงต้องติดตามต่อว่าผลกระทบจะขยายวงกว้างแค่ไหน และวงการเกมจะปรับตัวอย่างไร
ที่มา - Bloomberg |
# Outlook เพิ่มฟีเจอร์บอกในปฏิทิน วันนี้เข้าออฟฟิศหรือ WFH, เลือกเข้าประชุมเจอหน้าหรือออนไลน์
Outlook เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ฝั่งปฏิทินสำหรับการเข้าออฟฟิศยุคไฮบริด ผู้ใช้สามารถระบุลงไปได้เลยว่าวันไหนบ้างที่ทำงานแบบรีโมท, สถานที่อยู่ในปัจจุบันอยู่ที่เมืองไหน (แบบเดียวกับที่ Google Meet เพิ่งเพิ่มเข้ามาเมื่อวันก่อน)
นอกจากนี้ การรับนัดประชุมยังสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าประชุมแบบออนไลน์ หรือไปประชุมด้วยตัวเอง (in person) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นๆ รับทราบ
ทั้งสองฟีเจอร์จะเริ่มเปิดใช้งานในช่วงต้นปี 2022
ที่มา - Microsoft |
# เพราะเราประชุมกันทุกที่ Microsoft Teams รองรับ Apple CarPlay แล้ว
ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ Microsoft Teams รองรับ Apple CarPlay ภายในเดือนนี้ ช่วยให้สามารถประชุมออนไลน์ (เฉพาะเสียง) ระหว่างขับรถ โดยไม่ต้องใช้งานสมาร์ทโฟน
Microsoft Teams ไม่ได้เป็นแอพประชุมออนไลน์รายแรกที่ใช้งานบน CarPlay ได้ เพราะ Zoom ทำมาก่อนตั้งแต่ปี 2018 โดยเป็นการคุยเฉพาะเสียงเช่นกัน
ที่มา - Microsoft |
# แอปเปิลปลดพนักงานหญิงที่ร้องเรียนว่าโดนบุลลี่ ด้วยเหตุผลว่าเธอเปิดเผยข้อมูลลับ
ช่วงนี้แอปเปิลตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อพนักงานหลายประเด็น ก่อนหน้านี้คือการห้ามตั้งห้อง Slack คุยกันเรื่องการกลั่นแกล้งและเหยียดในที่ทำงาน จนพนักงานต้องเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง Tim Cook
ล่าสุดมีพนักงานหญิงอีกราย ชื่อ Ashley Gjøvik มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการอาวุโสงานวิศวกรรม (Senior Engineering Program Manager) ได้ระบุว่าเธอถูกแอปเปิลไล่ออกด้วยเหตุผลที่เธอเปิดเผยข้อมูลลับของบริษัท
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา Ashley ทวีตเกี่ยวกับเรื่องการเหยียด, การสอดแนมพนักงาน และความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน โดยเธอระบุว่าเริ่มชูประเด็นด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงานมาตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่ถูกตอบโต้และข่มขู่กลับทันที เธอจึงเตรียมตัวว่าอาจจะถูกไล่ออกได้ และมันก็เกิดขึ้นจริง
Ashley บอกว่าเธอเป็นห่วงสุขภาพเพราะสำนักงานแอปเปิลที่เธอประจำอยู่นั้นเคยมีประวัติการปนเปื้อนของของเสีย รวมถึงเธอยังโดนเหยียดและกลั่นแกล้งจากหัวหน้าและสมาชิกทีม นอกจากนี้เธอยังไม่สบายใจกับนโยบายที่แอปเปิลบังคับให้เชื่อม Apple ID ส่วนตัวของพนักงานเข้ากับบัญชีที่ทำงาน เพราะเมื่อ 3 ปีที่แล้วเธอเคยโดนฝ่ายกฎหมายบังคับให้ส่งข้อความแชททั้งหมดไปให้ และห้ามลบข้อมูลใดๆ ออกก่อน เธอแย้งว่าแชทเหล่านี้เป็นของส่วนตัวมาก เพราะมีแม้กระทั่งรูปโป๊ของตัวเธอเองอยู่ด้วย แต่ฝ่ายกฎหมายก็ไม่ยอมและบังคับให้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้ เพียงแต่ระบุว่ามันจะถูกเก็บอยู่ใน "ล็อคเกอร์หลักฐานถาวร"
Ashley ขอหยุดพักงานเมื่อต้นเดือนสิงหาคมระหว่างที่แอปเปิลสอบสวนเรื่องทั้งหมด และเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่จากแอปเปิลส่งอีเมลถึง Ashley ว่าขอพูดคุยกับเธอในเรื่องนี้ทันที แต่เธอตอบกลับไปว่าขอคุยทางอีเมลแทนเพราะจะได้มีหลักฐาน อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตอบกลับมาว่า Ashley ไม่ให้ความร่วมมือจึงจะสอบสวนเรื่องนี้ต่อด้วยข้อมูลที่มีอยู่ พร้อมทั้งปิดการเข้าถึงระบบภายในของแอปเปิลทันที
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง Ashley ก็ได้รับอีเมลอีกฉบับว่าเธอถูกให้พ้นสภาพการเป็นพนักงาน มีผลในวันถัดไป
ด้านโฆษกของแอปเปิลได้บอกกับเว็บไซต์ The Verge ว่าแอปเปิลพยายามสร้างบรรยากาศที่ดีในที่ทำงาน และสอบสวนทุกเรื่องอย่างเต็มที่ แต่จะไม่กล่าวถึงพนักงานคนใดคนหนึ่ง
ที่มา - The Verge |
# กางกรงเล็บ เปิดตัว Marvel’s Wolverine ลง PS5 จากทีมสร้างเกม Spider-Man
Sony ประกาศว่า Insomniac Games ทีมสร้าง Spider-Man ทุกภาคบน PS4 และ PS5 กำลังทำเกม Marvel’s Wolverine พร้อมโชว์ตัวอย่างแบบภาพยนตร์สั้นๆ ที่ยังไม่เปิดเผยอะไรมากนัก นอกจากวูลฟ์เวอรีนที่เพิ่งจบการต่อสู้ในบาร์มาหมาดๆ แต่ก็ได้เห็นแค่กรงเล็บ ยังไม่เปิดเผยหน้าตา
Insomniac Games ปัจจุบันแทบจะเหมาแฟรนไชส์เกมทำตลาดช่วงปีแรกๆ ของ PlayStation 5 โดยเป็นทีมสร้างทั้ง Ratchet & Clank: Rift Apart, Spider-Man: Miles Morales, Spider-Man 2 และ Marvel’s Wolverine เกมล่าสุด
เกมยังไม่เปิดเผยวันวางจำหน่าย แต่ดูจากตัวอย่าง Spider-Man 2 ที่มีความสมบูรณ์มากกว่า คาดว่าเราอาจจะได้เล่นเป็น Wolverine หลัง Spider-Man 2 วางจำหน่ายไปแล้วในปี 2023 สักระยะหนึ่ง และคงต้องรอรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป
ที่มา - Marvel Entertainment |
# Yandex ระบุถูก DDoS ยิง 22 ล้านครั้งต่อวินาที รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
Yandex ผู้ให้บริการเว็บค้นหาที่ได้รับความนิยมในรัสเซียแถลงว่าช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายนที่ผ่านมาบริษัทถูกโจมตีแบบ DDoS หนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสูงสุดเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา นับได้ถึง 21.8 ล้านครั้งต่อวินาที นับเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Cloudflare เคยรายงานถึงการโจมตี DDoS ครั้งใหญ่ที่สุด 17.2 ล้านครั้งต่อวินาที การโจมตี Yandex ครั้งนี้จึงนับว่ารุนแรงขึ้น 27% ภายในเวลาไม่ถึงเดือนเท่านั้น
การโจมตีแบบ DDoS นับเป็นการโจมตีที่ป้องกันได้ยาก และเสียทรัพยากรจำนวนมากเพื่อรับมือ โดยคนร้ายมักอาศัยคอมพิวเตอร์ทั่วโลกที่มีช่องโหว่แล้วส่งคำสั่งให้ยิงทราฟิกไปยังเป้าหมายในเวลาเดียวกัน ทำให้แบนด์วิดท์และซีพียูของเซิร์ฟเวอร์เหยื่อไม่สามารถรับมือทราฟิกไหว จนให้บริการผู้ใช้งานจริงไม่ได้
ที่มา - Yahoo! Finance
ภาพสำนักงานใหญ่ Yandex ในกรุงมอสโควเมื่อปี 2019 โดย WikiFido |
# ปั้มเงินยาว 3 เจ็นเนอเรชั่น GTA:V เตรียมวางขายบน PS5 อีกรอบ เดือนมีนาคม 2022
Rockstar เตรียมออก GTA:V เวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่สำหรับ PS5 อีกรอบ หลังเปิดตัวครั้งแรกในปี 2013 บนเครื่อง PS3 ออกเวอร์ชั่นปรับปรุงอีกครั้งบน PS4 และวางขายบน PC หลังจากนั้นก็ทำเงินให้กับบริษัทแบบต่อเนื่องด้วย GTA:Online และกลายเป็นเกมที่ขายดีที่สุดในรอบทศวรรษ
หลังจาก GTA:V ทีม Rockstar ออก Red Dead Redemption 2 ไปเมื่อปี 2018 แต่หลังจากนั้นก็โฟกัสความสนใจไปที่ GTA:Online และ Red Dead: Online โดยไม่ออกภาคเสริมใดๆ ให้กับตัวเกมหลักทั้งสองเกม
ก่อนหน้านี้ยังมีข่าวลือที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ ว่า Rockstar กำลังนำเกมที่เก่ากว่าอย่าง GTA 3, Vice City และ San Andreas มารีเมคบน Unreal Engine โดยทีมงาน Rockstar Dundee ฝั่งสก็อตแลนด์อีก
การที่ Rockstar ยังไม่มีวี่แววจะออก GTA:VI แม้มีข่าวลือมาหลายครั้ง ผนวกกับการนำเกมเก่า และภาคเก่ามาวนขายซ้ำๆ เริ่มทำให้แฟนเกมไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนสังเกตในอัตราไลค์ต่อดิสไลค์ และช่องคอมเมนต์ของตัวอย่างใหม่นี้ คงต้องติดตามกันต่อไปว่า Rockstar จะเปิดตัว GTA ภาคใหม่ตอนไหน และจะได้เสียงตอบรับอย่างไร
ที่มา - PlayStation |
# ตัวอย่างแรก God of War: Ragnarok สองพ่อลูกออกตามหาเทียร์ เทพนอร์สแห่งสงคราม ขายจริง 2022
Sony เปิดตัวอย่างเต็มตัวแรกของ God of War: Ragnarok ที่ผสมระหว่างภาพยนตร์ในเกมและเกมเพลย์ เนื้อเรื่องอยู่ในยุค Fimbulwinter หรือเหมันต์นิรันดร์ ฤดูหนาวอันยาวนานที่มาถึงก่อน Ragnarok
คราวนี้เครโทสและอาทรีอุสที่โตขึ้นเล็กน้อย ต้องออกเดินทางตามหาคำตอบและตัวตนของทั้งคู่ พร้อมกับตามหาเทียร์ เทพนอร์สแห่งสงครามที่ถูกโอดินจองจำไว้ เพื่อมาช่วยทำสงครามกับแอสการ์ด
เกมเพลย์ใหม่โชว์ที่เครโทสกลับมาใช้ดาบโซ่ Blades of Chaos แบบถาวร คู่กับขวาน Leviathan Axe แล้ว และสามารถใช้โซ่ของดาบเพื่อเคลื่อนไหว หรือดึงศัตรูเข้าหาตัวได้ ตัวเกมมีกำหนดวางจำหน่ายช่วงปี 2022 และลงทั้ง PS4 และ PS5
ที่มา - PlayStation |
# Star Wars: Knights of the Old Republic เตรียมถูกรีเมค ลง PS5 ก่อน ตามด้วย PC
เกม RPG ในตำนาน Star Wars: Knights of the Old Republic (KOTOR) กำลังถูกรีเมค เตรียมลงให้ PS5 ก่อนจากนั้นจึงลง PC ทีมสร้างคือทีม Aspyr ที่พอร์ตเกม Civilization VI และ Star Wars Republic Commandos, และเกม Star Wars ตระกูล Jedi Knight ลงเครื่อง Nintendo Switch
Star Wars: Knights of the Old Republic เป็นเกม RPG สร้างโดย BioWare วางขายครั้งแรกปี 2003 เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการตามหาความจริงของเจไดลึกลับ และต่อกรกับ Darth Malak ในยุค Old Republic ก่อน Battle of Yavin ในภาค A New Hope สี่พันปี (4000 BBY) ยังไม่มีข้อมูลว่าตัวเกมจะถูกรีเมคด้วยเอนจิ้นใด และจะมีการเปลี่ยนแปลงใดบ้าง รวมถึงยังไม่มีกำหนดวันวางจำหน่าย
ที่มา - PlayStation |
# บริการคลาวด์เกมมิ่ง Amazon Luna รองรับ Chromebook, เพิ่มโหมดเล่นกับเพื่อน, ช่องเกมเด็ก
Amazon Luna บริการคลาวด์เกมมิ่งเปิดตัวในเดือนกันยายน 2020 ผ่านมาครบปีพอดี
Amazon ประกาศอัพเกรดใหญ่รอบปีแรกให้ Luna ดังนี้
รองรับอุปกรณ์เพิ่มเติมคือ แท็บเล็ต Fire ของ Amazon เอง และเล่นบน Chromebook ผ่านเบราว์เซอร์
เพิ่มจำนวน "ช่อง" (Game Channels) ให้เลือกเป็นสมาชิก จากเดิมที่มี Luna+ รวมเกมหลายค่าย (5.99 ดอลลาร์/เดือน) และ Ubisoft+ (17.99 ดอลลาร์/เดือน) เพิ่มมาอีกช่องคือ Family Channel เกมสำหรับเด็ก เล่นได้ทั้งครอบครัว ราคา 2.99 ดอลลาร์/เดือน และอนาคตจะเพิ่มช่องเกมย้อนยุค Retro Channel เข้ามาอีก
ฟีเจอร์ Luna Couch สำหรับเล่นเกมร่วมกับเพื่อนๆ จากระยะไกล โดยเพื่อนไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิก Luna ก็ได้ ตอนนี้ยังรองรับเฉพาะบนพีซีและแมค
ที่มา - Amazon Luna |
# Amazon เปิดตัวสมาร์ททีวีแบรนด์ Fire TV ของตัวเอง หน้าจอ 4K 43-75" มีไมโครโฟนในตัว
Amazon เปิดตัวสมาร์ททีวีแบรนด์ของตัวเอง ใช้ระบบปฏิบัติการ Fire TV ที่มีอยู่แล้ว ตรงตามข่าวลือก่อนหน้านี้
สมาร์ททีวีแบรนด์ Amazon แบ่งออกเป็น 2 ซีรีส์คือ รุ่นบน Amazon Fire TV Omni Series และรุ่นล่าง Amazon Fire TV 4-Series มีขนาดหน้าจอให้เลือกตั้งแต่ 43" ไปจนถึง 75"
Fire TV Omni Series ใช้หน้าจอ LED ความละเอียด 4K UHD รองรับ HDR10/HLG, ระบบเสียง Dolby Digital Plus ในหน้าจอขนาด 43", 50", 55" และถ้าเป็นรุ่นจอใหญ่คือ 65" และ 75" จะรองรับ Dolby Vision เพิ่มเข้ามา
ฟีเจอร์สำคัญใน Omni Series คือมีไมโครโฟนแบบ far-field ในตัว รองรับคำสั่งเสียง Alexa ได้จากระยะไกล (มีปุ่มปิดไมค์แยกที่ตัวเครื่อง) สามารถต่อเว็บแคมเพื่อคุยวิดีโอคอลล์ได้ (รองรับ Alexa Calling และ Zoom) ราคาเริ่มต้นที่ 409.99 ดอลลาร์
Fire TV 4-Series รุ่นรองลงมา ใช้หน้าจอ LED 4K UHD รองรับ HDR10/HLG แบบเดียวกัน มีขนาดหน้าจอให้เลือกน้อยกว่าคือ 43", 50", 55" เท่านั้น ไม่รองรับ Dolby Vision และไม่มีไมโครโฟนในตัว ต้องสั่งงานด้วยเสียงผ่านรีโมท ราคาเริ่มต้นที่ 369.99 ดอลลาร์
ที่มา - Amazon |
# Sony เปิดตัว Marvel's Spider-Man 2 ปีเตอร์และไมล์ส ปะทะ Venom ลงเฉพาะ PS5 ปี 2023
Sony เปิดตัวเกม Spider-Man 2 พร้อมตัวอย่างแรก ช่วงเช่าตรูวันนี้ ในตัวอย่างยังไม่ใช่เกมเพลย์ แต่จะได้เห็นการร่วมมือกันต่อสู้ของปีเตอร์กับไมล์ส ชุดใหม่ของปีเตอร์ที่มีขาจักรกล 4 ขา พร้อมมีเสียงตัวร้ายลึกลับ และปิดท้ายด้วยการเปิดตัว Venom
Spider-Man 2 ยังพัฒนาด้วยทีม Insomniac เช่นเคย และเตรียมลงให้เครื่อง PS5 เท่านั้น ในปี 2023 ซึ่งน่าจะทำให้ผู้เล่นได้เห็นกราฟฟิกแบบเน็กซ์เจ็นอีกขั้นของเมืองนิวยอร์ก รวมถึงทำให้การเคลื่อนที่ในเมืองกับการเปลี่ยนฉากน่าจะทำได้เร็วขึ้นจาก SSD ของ PS5 เมื่อไม่ต้องย้อนกลับไปรองรับ PS4 แล้ว
ที่มา - PlayStation |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.