sysid
stringlengths
1
6
title
stringlengths
8
870
txt
stringlengths
0
257k
630648
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. 2553
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ว่า คำขอของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) และบริษัท สหวิริยาเพลทมิล จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ได้ร่วมกันยื่นขอให้พิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าคำขอมีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหาย จึงเห็นควรให้เปิดการไต่สวน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ข้อ ๒ การพิจารณาการทุ่มตลาดและความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาเห็นว่า คำขอของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) และบริษัท สหวิริยาเพลทมิล จำกัด (มหาชน) มีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าการส่งสินค้าที่ถูกพิจารณาดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยมีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหาย โดยมีข้อเท็จจริงโดยสังเขป ดังนี้ ๒.๑ การทุ่มตลาด สินค้าที่ถูกพิจารณาจากประเทศมาเลเซียทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๑.๐๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒.๒ ความเสียหาย หลักฐานเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมภายในได้รับความเสียหาย หรือมีความเสียหายอย่างสำคัญที่อาจเกิดแก่อุตสาหกรรมภายในจากการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณา โดยพิจารณาจาก (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากประเทศมาเลเซียเพิ่มขึ้น (๒) ขีดความสามารถของผู้ส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณาได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและระบายสินค้าได้อย่างอิสระ (๓) การนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณามีผลกระทบต่อราคาขายในประเทศและมีผลกระทบต่อผลการดำเนินการของอุตสาหกรรมภายใน (๔) ปริมาณคงเหลือของสินค้าทุ่มตลาดเพิ่มขึ้น ข้อ ๓ กระบวนการไต่สวน กรมการค้าต่างประเทศจะจัดส่งแบบสอบถามไปให้ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อตอบข้อมูลประกอบการไต่สวน ทั้งนี้ ผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่ได้รับแบบสอบถามแต่ประสงค์จะขอตอบแบบสอบถามเพื่อเข้าร่วมในการไต่สวนครั้งนี้ สามารถแจ้งความจำนงเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศเพื่อขอรับแบบสอบถามภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๔ การเสนอข้อเท็จจริงและความเห็น ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๕ การขอทราบข้อมูลการเปิดการไต่สวน ผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดการไต่สวนให้ยื่นคำขอได้ที่สำนักปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๐ - ๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสาร ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ มนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ [เอกสารแนบท้าย] ๑. บัญชีท้ายประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๕๓ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๗๖ ง/หน้า ๑๖/๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๓
630646
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ.2553
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ว่า คำขอของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) และบริษัท สหวิริยาเพลทมิล จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ได้ร่วมกันยื่นขอให้พิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าคำขอมีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหายจึงเห็นควรให้เปิดการไต่สวน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๒ การพิจารณาการทุ่มตลาดและความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาเห็นว่า คำขอของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) และบริษัท สหวิริยาเพลทมิล จำกัด (มหาชน) มีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าการส่งสินค้าที่ถูกพิจารณาดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยมีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหาย โดยมีข้อเท็จจริงโดยสังเขป ดังนี้ ๒.๑ การทุ่มตลาด สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๐.๙๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒.๒ ความเสียหาย หลักฐานเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมภายในได้รับความเสียหาย หรือมีความเสียหายอย่างสำคัญที่อาจเกิดแก่อุตสาหกรรมภายในจากการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณา โดยพิจารณาจาก (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้น (๒) ขีดความสามารถของผู้ส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณาได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและระบายสินค้าได้อย่างอิสระ (๓) การนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณามีผลกระทบต่อราคาขายในประเทศและมีผลกระทบต่อผลการดำเนินการของอุตสาหกรรมภายใน (๔) ปริมาณคงเหลือของสินค้าทุ่มตลาดเพิ่มขึ้น ข้อ ๓ กระบวนการไต่สวน กรมการค้าต่างประเทศจะจัดส่งแบบสอบถามไปให้ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อตอบข้อมูลประกอบการไต่สวน ทั้งนี้ ผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่ได้รับแบบสอบถามแต่ประสงค์จะขอตอบแบบสอบถามเพื่อเข้าร่วมในการไต่สวนครั้งนี้ สามารถแจ้งความจำนงเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศเพื่อขอรับแบบสอบถามภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๔ การเสนอข้อเท็จจริงและความเห็น ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๕ การขอทราบข้อมูลการเปิดการไต่สวน ผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดการไต่สวนให้ยื่นคำขอได้ที่สำนักปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๐ - ๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสาร ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ มนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ [เอกสารแนบท้าย] ๑. บัญชีท้ายประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๓ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๗๖ ง/หน้า ๑๔/๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๓
624006
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2553
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลาหนึ่งปี ตามอัตราที่กำหนดเดิม นั้น ผลจากการทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เห็นว่า อัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้ากรดซิทริกจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีการเปลี่ยนแปลงไปเห็นสมควรให้มีการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามกระบวนการพิจารณาที่กฎหมายกำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ และมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการพิจารณาทบทวนอัตราตอบโต้การทุ่มตลาดต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๒๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ สำหรับค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ วิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๘ ง/หน้า ๓๕/๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
624004
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. 2553
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ และประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไปอีกเป็นเวลาหนึ่งปี ในอัตราเดิมที่กำหนดไว้ นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสอง มาตรา ๖ มาตรา ๒๕ และมาตรา ๗๐ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศ จึงออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการทบทวน ดังรายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบท้ายประกาศฉบับนี้ ทั้งนี้ หากผู้ยื่นคำขอให้ทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ผู้นำเข้าหรือผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ประสงค์ที่จะทราบรายละเอียดที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นฐานในการทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ก็ให้ยื่นคำขอต่อสำนักปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่มีประกาศ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ วิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ [เอกสารแนบท้าย] ๑. เอกสารแนบท้ายประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๓ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๘ ง/หน้า ๓๔/๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
623668
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน รวม ๒๓ รายการ ไปแล้วนั้น เนื่องจากการกำหนดความหมายของอักษรย่อในหมายเหตุของบัญชีท้ายประกาศดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้องในทางเทคนิคและคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีมติเมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกข้อความในหมายเหตุของบัญชีท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “CD หมายความว่า เส้นด้ายที่ผ่านการสาง (Carded) CM หมายความว่า เส้นด้ายที่ผ่านการสางและหวี (Combed) CM and CD หมายความว่า เส้นด้ายยืนเป็น CM เส้นด้ายพุ่งเป็น CD Half CM หมายความว่า มีการหวีไม่เต็มกระบวนการ (Half Combed)” ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๗ ง/หน้า ๔๖/๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
623004
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. 2553
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริก ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๙๑๘.๑๔.๐๐.๐๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิมประเภทที่ ๒๙๑๘๑๔๐๐๐๘) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในอัตราร้อยละ ๒๘.๗๐ ถึงร้อยละ ๓๘.๑๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีมติตามคำขอของบริษัท ไทยซิตริก แอซิด จำกัด ให้เปิดการทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าวต่อไป ตามประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยในระหว่างการทบทวนให้เรียกเก็บอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ว่าหากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป จึงมีมติให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าวในอัตราเดิมที่เรียกเก็บต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลาหนึ่งปี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เป็นกำหนดเวลาหนึ่งปี ข้อ ๓ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก (๑) RZBC CO.,LTD. ในอัตราร้อยละ ๓๖.๘๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) TTCA CO.,LTD. (ชื่อเดิม SHANGDONG NINGMENG BIOCHEMISTRY CO., LTD.) ในอัตราร้อยละ ๒๘.๗๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๓) ผู้ผลิตรายอื่น ในอัตราร้อยละ ๓๘.๑๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ การยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการทบทวนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๕ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๑๒ ง/หน้า ๕๘/๒๒ มกราคม ๒๕๕๓
660254
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. 2552
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศดังกล่าวต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลา ๕ ปี และให้สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อสำหรับใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize: EG) กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance/Electrical Appliance: HA/EA) และกลุ่มยานยนต์ (Automotive: AUTO) ไม่อยู่ในข่ายสินค้าที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไปนั้น เนื่องจากผู้ใช้สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ได้รับผลกระทบจากการต่ออายุมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าว ได้ขอให้คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาแนวทางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีมติ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ว่าเพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกัน จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ 0 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. กรณีการนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อส่งออกภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร สำหรับใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ และกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างงานเหล็ก ซึ่งจำเป็นต้องนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเนื่องจากอุตสาหกรรมภายในไม่สามารถออกหนังสือรับรองมาตรฐานสากลตามที่ลูกค้าปลายทางกำหนด และให้คืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดที่ได้ชำระไว้แล้วตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ สำหรับการนำเข้าที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่าเป็นการนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการส่งออกภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ข้อ ๓ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย สำหรับใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ และกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างงานเหล็ก ในอัตราร้อยละ 0 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ในกรณีดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการค้าเพื่อส่งออกที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรและนำเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมส่งออก เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อการค้าเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (๒) ผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (๓) ผู้นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ ในการดำเนินการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ 0 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยกเว้นอากรขาเข้าเพื่อการส่งออกตามกฎหมายดังกล่าวแล้วแต่กรณีโดยอนุโลม ข้อ ๔ ให้คืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดที่ได้ชำระไว้แล้วตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ สำหรับการนำเข้าเพื่อใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ และกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างงานเหล็กที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่าเป็นการนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการส่งออกภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๕ มกราคม ๒๕๕๓ นันท์นภัสร์/ตรวจ ๕ มกราคม ๒๕๕๓ จุฑามาศ/ปรับปรุง ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง/หน้า ๑๔/๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๒
620952
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากระเบื้องปูพื้นและทางเดิน กระเบื้องปูพื้นเตาหรือติดผนัง ที่เป็นเซรามิกไม่ได้เคลือบและที่เป็นเซรามิกเคลือบแล้ว รวมทั้งหินโมเสก และของที่คล้ายกันที่เป็นเซรามิกไม่ได้เคลือบและที่เป็นเซรามิกเคลือบแล้ว จะมีสิ่งรองรับหรือไม่ก็ตามที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2552
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากระเบื้องปูพื้นและทางเดิน กระเบื้องปูพื้นเตาหรือติดผนัง ที่เป็นเซรามิกไม่ได้เคลือบและที่เป็นเซรามิกเคลือบแล้ว รวมทั้งหินโมเสก และของที่คล้ายกัน ที่เป็นเซรามิกไม่ได้เคลือบและที่เป็นเซรามิกเคลือบแล้ว จะมีสิ่งรองรับหรือไม่ก็ตาม ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ว่า คำขอของบริษัท เซรามิค อุตสาหกรรมไทย จำกัด บริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) และบริษัท โรแยลเอเซียบริคแอนด์ไทล์ จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัทโรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)) ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ได้ร่วมกันยื่นขอให้พิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากระเบื้องปูพื้นและทางเดิน กระเบื้องปูพื้นเตาหรือติดผนังที่เป็นเซรามิกไม่ได้เคลือบและที่เป็นเซรามิกเคลือบแล้ว รวมทั้งหินโมเสก และของที่คล้ายกัน ที่เป็นเซรามิกไม่ได้เคลือบและที่เป็นเซรามิกเคลือบแล้ว จะมีสิ่งรองรับหรือไม่ก็ตามที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าคำขอมีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหาย จึงเห็นควรให้เปิดการไต่สวน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้ากระเบื้องปูพื้นและทางเดิน กระเบื้องปูพื้นเตาหรือติดผนังที่เป็นเซรามิกไม่ได้เคลือบและที่เป็นเซรามิกเคลือบแล้ว รวมทั้งหินโมเสก และของที่คล้ายกันที่เป็นเซรามิกไม่ได้เคลือบและที่เป็นเซรามิกเคลือบแล้ว จะมีสิ่งรองรับหรือไม่ก็ตาม พิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๖๙.๐๗ (ครอบคลุมพิกัดย่อย ๖๙.๐๗.๑๐.๐๐ และ ๖๙.๐๗.๙๐.๐๐) และ ๖๙.๐๘ (ครอบคลุมพิกัดย่อย ๖๙.๐๘.๑๐.๐๐ ๖๙.๐๘.๙๐.๑๐ และ ๖๙.๐๘.๙๐.๙๐) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๒ การพิจารณาการทุ่มตลาดและความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาเห็นว่า คำขอของบริษัท เซรามิค อุตสาหกรรมไทย จำกัด บริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) และบริษัท โรแยลเอเซียบริคแอนด์ไทล์ จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)) มีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าการส่งสินค้าที่ถูกพิจารณาดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยมีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหาย โดยมีข้อเท็จจริงโดยสังเขป ดังนี้ ๒.๑ การทุ่มตลาด สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๙๗.๗๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒.๒ ความเสียหาย อุตสาหกรรมภายในได้รับความเสียหายอย่างสำคัญจากการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาโดย (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้น (๒) การนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณามีผลกระทบต่อราคาขายในประเทศและมีผลกระทบต่อผลการดำเนินการของอุตสาหกรรมภายใน ข้อ ๓ กระบวนการไต่สวน กรมการค้าต่างประเทศจะจัดส่งแบบสอบถามไปให้ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อตอบข้อมูลประกอบการไต่สวน ทั้งนี้ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากต่างประเทศที่ไม่ได้รับแบบสอบถาม แต่ประสงค์จะขอตอบแบบสอบถามเพื่อเข้าร่วมในการไต่สวนครั้งนี้ สามารถแจ้งความจำนงเป็นหนังสือ ต่อกรมการค้าต่างประเทศเพื่อขอรับแบบสอบถามภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๔ การเสนอข้อเท็จจริงและความเห็น ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๕ การขอทราบข้อมูลการเปิดการไต่สวน ผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดการไต่สวนให้ยื่นคำขอได้ที่สำนักปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๐-๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ วิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๗๖ ง/หน้า ๕๗/๓ ธันวาคม ๒๕๕๒
611075
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนชั้นที่สุด กรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2552
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ผลการไต่สวนชั้นที่สุด กรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟต หรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ว่ามีการทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๒๘๓๕.๓๑๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญ ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลงและผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำขอของบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟต ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้ ๑.๑ สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๒๘๓๕.๓๑๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ (๑) Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. (๒) Kunming Malong Chemical Co., Ltd. (๓) Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. (๔) Jiangyin Chengxing Industrial Group Co., Ltd. (๕) Chongqing Chuandong Chemical Group Co., Ltd. (๖) Guizhou Jiang Fong Chemical Co., Ltd. (๗) Wuhan Inorganic Salt Chemical Plant Co., Ltd. (๘) Xuzhou Tian Fu Chemical Co., Ltd. (๙) Yang Quan Nan Mei Group Chemical Co., Ltd. (๑๐) Luoping Grasun Co., Ltd. (๑๑) Hefei Sifang Phosphate Compound Fertilizer Co., Ltd. (๑๒) Sichuan Blue Sword Chemical (Group) Co., Ltd. (๑๓) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น นอกจาก (๑) ถึง (๑๒) ๑.๒.๒ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (๒) บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด (๓) บริษัท คอลเกต - ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด (๔) บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด (๕) บริษัท เซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด (๖) บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (๗) บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (๘) บริษัท เนชั่นแนล สตาร์ช แอนด์ เคมิเคิล (ไทยแลนด์) จำกัด (๙) บริษัท ไทยฟูด แอนด์ เคมิคอล จำกัด (๑๐) บริษัท จิรคร จำกัด (๑๑) บริษัท เทพไทย เคมี จำกัด (๑๒) บริษัท คอนแนลล์ บราเดอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (๑๓) บริษัท ไทยเฟลเวอร์ แอนด์ แฟรกแร็นซ์ จำกัด (๑๔) บริษัท โรเดีย (ประเทศไทย) จำกัด (๑๕) บริษัท วิคกี้ เอนเตอร์ไพรซ์ จำกัด (๑๖) บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด (๑๗) บริษัท วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (๑๘) บริษัท สหสิทธิ์ อิมปอร์ต แอนด์ เอ๊กปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด (๑๙) บริษัท สยามยูเนียนอินเตอร์เคมีคอล จำกัด (๒๐) บริษัท สาธรเคม จำกัด (๒๑) ผู้นำเข้ารายอื่น นอกจาก (๑) ถึง (๒๐) ๑.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ คือ บริษัท อดิตยา เบอร์ล่าเคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ๑.๒.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีนในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ ๒๗ ถึงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๑ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน คือ บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายในดังกล่าว สำหรับผู้ผลิตและผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีนปรากฎว่ามีจำนวนมาก กรมการค้าต่างประเทศ จึงได้ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง (Sampling) จากผู้ผลิตและผู้ส่งออกดังกล่าว โดยให้ตอบข้อมูลเบื้องต้นเฉพาะข้อมูลการผลิตและการส่งออก เพื่อนำมาคัดเลือกผู้ผลิตและผู้ส่งออกที่มีปริมาณการส่งออกมาประเทศไทยมากที่สุด ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ผลิตและผู้ส่งออกที่ตอบกลับแบบสอบถามเบื้องต้นจำนวน ๓ ราย คือ Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. Kunming Malong Chemical Co., Ltd. และ Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. กรมการค้าต่างประเทศ จึงส่งแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ไปให้เพื่อตอบแบบสอบถาม ซึ่งผู้ผลิตและผู้ส่งออกทั้ง ๓ รายดังกล่าวให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามกรมการค้าต่างประเทศ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถามของผู้ผลิตและผู้ส่งออกทั้ง ๓ รายดังกล่าว ณ ที่ทำการของผู้ผลิตและผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน คือ Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. และ Kunming Malong Chemical Co., Ltd. เมื่อวันที่ ๑๐ ถึงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ และ Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. เมื่อวันที่ ๒๒ ถึงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๑ ข้อ ๓ คำวินิจฉัยเบื้องต้นและการกำหนดมาตรการชั่วคราว เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ส่งสินค้าดังกล่าวเข้ามาทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายใน และมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าวโดยประกาศเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว เป็นระยะเวลา ๔ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป สำหรับการนำเข้าสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๒๘๓๕.๓๑๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิด จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก (๑) Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๘.๗๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) Kunming Malong Chemical Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๙.๓๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๓) Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๔) รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ การยื่นคำขอข้อเท็จจริงและแสดงความคิดเห็นในการใช้มาตรการชั่วคราว เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๒ กรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการกำหนดมาตรการชั่วคราวให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบเพื่อเปิดโอกาสให้ยื่นข้อคิดเห็นหรือข้อโต้แย้ง รวมทั้งแสดงความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจา ภายในวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๒ พร้อมทั้งได้แจ้งรายละเอียดดังกล่าวไปยังรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ปรากฎว่ามีผู้ผลิตและผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑ ราย ได้แสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งในประเด็นเกี่ยวกับการพิจารณาความสามารถในการทำกำไร (Profitability Test) และการเปรียบเทียบราคาส่งออกกับมูลค่าปกติ ณ ระดับการค้าเดียวกัน และมีผู้นำเข้า ๒ ราย ได้แสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งในประเด็นเกี่ยวกับการพิจารณาความเสียหายและประโยชน์สาธารณะ ข้อ ๕ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นฐานในการไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้จัดส่งร่างสรุปผลการไต่สวนซึ่งแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาวินิจฉัยชั้นที่สุด ให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบและแสดงข้อคิดเห็น ข้อโต้แย้งภายในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ ปรากฎว่า ผู้ผลิตและผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑ ราย ที่ได้แสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งในชั้นการใช้มาตรการชั่วคราว ได้แสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งในประเด็นเดิมว่าการพิจารณาความสามารถในการทำกำไรไม่ควรเปรียบเทียบราคาขายต่อหน่วยกับต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยเฉพาะในช่วงระยะเวลาการไต่สวน แต่ควรเปรียบเทียบกับต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยเป็นรายเดือนด้วยและการเปรียบเทียบราคาส่งออกกับมูลค่าปกติควรเปรียบเทียบ ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ณ ระดับตัวแทนการขาย เนื่องจากราคาที่ขายภายในประเทศมีความแตกต่างกันระหว่างการขายให้แก่ตัวแทนการขายกับการขายให้แก่ผู้ใช้ขั้นสุดท้าย โดยราคาที่ขายให้กับผู้ใช้ขั้นสุดท้ายจะมีราคาสูงกว่า และผู้นำเข้า ๑ ราย ที่ได้แสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งในชั้นการเปิดไต่สวนและชั้นการใช้มาตรการชั่วคราวได้แสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นของกรดฟอสฟอริกที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตของอุตสาหกรรมภายใน เป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน สินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่ได้ขายตัดราคา หรือกดราคาและสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตของผู้ผลิตภายในประเทศมีคุณสมบัติเฉพาะ (Specification) สูงเกินความจำเป็นทำให้ผู้ซื้อต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินความจำเป็นด้วย นอกจากนี้ ได้มีข้อคิดเห็นอื่นจากอุตสาหกรรมภายในด้วย เช่น ความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในเกิดจากสินค้าทุ่มตลาดไม่ใช่จากการนำเข้าวัตถุดิบ และการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตมิได้เป็นการส่งเสริมให้มีการผูกขาดหรือทำลายการแข่งขันทางการค้าในสินค้าดังกล่าว หากแต่เป็นการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมภายในเติบโตมากขึ้น เป็นต้น ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงจากการพิจารณาข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งปรากฎว่า ข้อโต้แย้งที่ให้เปรียบเทียบราคาขายต่อหน่วยกับต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยเป็นรายเดือนไม่สามารถยอมรับได้ เนื่องจากผู้โต้แย้งมิได้ให้ข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ว่าสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่ขายในแต่ละเดือนนั้น เป็นสินค้าที่เกิดจากการผลิตภายในเดือนเดียวกันทั้งหมด สำหรับการขายที่นำมาพิจารณามูลค่าปกติเพื่อเปรียบเทียบกับราคาส่งออกได้พิจารณาจากธุรกรรมการขายภายในประเทศทั้งหมดทั้งที่ขายให้แก่ตัวแทนการขายและที่ขายให้แก่ผู้ใช้ขั้นสุดท้ายในช่วงระยะเวลาการไต่สวน (Investigation Period : IP) เนื่องจากความแตกต่างของราคาขาย ณ ระดับตัวแทนการขายและระดับผู้ใช้ขั้นสุดท้ายไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยบางช่วงเวลา ราคาขาย ณ ระดับตัวแทนการขายสูงกว่าราคาขาย ณ ระดับผู้ใช้ขั้นสุดท้าย สำหรับราคากรดฟอสฟอริกที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างความเสียหายบางส่วนต่ออุตสาหกรรมภายใน แต่ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะหักล้างความสัมพันธ์ระหว่างสินค้าทุ่มตลาดกับความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในได้ในเรื่องผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศของอุตสาหกรรมภายใน ซึ่งผลการไต่สวนแสดงให้เห็นว่ามีการตัดราคา โดยสินค้าทุ่มตลาดที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีราคาขายต่ำกว่าสินค้าชนิดเดียวกันของอุตสาหกรรมภายในตลอดในช่วงปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวน และยังพบแนวโน้มของการกดราคาด้วย ข้อ ๖ การพิจารณาผลการไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้จัดทำรายงานสรุปผลการไต่สวนชั้นที่สุดและเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้ว มีความเห็น ดังนี้ ๖.๑ ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดกรณีของผู้ที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตและผู้ส่งออกแต่ละราย ส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามหรือกรณีผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายอื่น จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด (Investigation Period: IP) คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๐ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๑ ซึ่งผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณาที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามมี ๓ ราย คือ Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. Kunming Malong Chemical Co., Ltd. และ Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. โดยทั้ง ๓ รายดังกล่าวมีปริมาณส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการนำเข้ารวมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามสถิติของกรมศุลกากรภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรของสินค้าที่ถูกพิจารณา คิดเป็นร้อยละ ๒๘.๗๗ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สรุปการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ภายใต้หลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี้ ๖.๑.๑ Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำ หนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๘.๗๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๑.๒ Kunming Malong Chemical Co., Ltd. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ (๒) โดยเป็นมูลค่าที่คำนวณขึ้น (Constructed Value) ซึ่งคำนวณจากต้นทุนการผลิตในประเทศแหล่งกำเนิดรวมกับจำนวนที่เหมาะสมของค่าใช้จ่ายในการจัดการ การขาย ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และกำไร เนื่องจากเมื่อพิจารณาข้อมูลการขายภายในประเทศ พบว่าราคาขายไม่ใช่ในทางการค้าปกติ (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๙.๓๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๑.๓ Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๖.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๑.๔ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น คำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ประกอบมาตรา ๒๗ โดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ คือ มูลค่าปกติและราคาส่งออกตามแบบคำขอของอุตสาหกรรมภายใน ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๒ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้วินิจฉัยความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากอุตสาหกรรมภายใน จำนวน ๑ ราย คือ บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้า จำนวน ๖ ราย คือ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท จิรคร จำกัด บริษัท เทพไทย เคมี จำกัด บริษัท ไทยเฟลเวอร์ แอนด์ แฟรกแร็นซ์ จำกัด และบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๓ ราย คือ Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. Kunming Malong Chemical Co., Ltd. และ Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. ซึ่งได้ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามครบถ้วน ทั้งนี้ ข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วงระยะเวลา ๓ ปีย้อนหลัง (ปี ๒๕๔๘ ถึงปี ๒๕๕๐) โดยช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๐ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๑ และช่วงระยะเวลาเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๐ ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ดังนี้ ๖.๒.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติของกรมศุลกากรพบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๙๒.๐๒ เป็นร้อยละ ๙๗.๓๓ ของปริมาณการนำเข้ารวมในขณะที่ปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นรวมกันมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ ๗.๙๘ เป็นร้อยละ ๒.๖๗ของปริมาณการนำเข้ารวม ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน (๒) ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ การทุ่มตลาดทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะการตัดราคา โดยสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการขายตัดราคาระหว่างร้อยละ ๑๓ ถึงร้อยละ ๑๗ ในปี ๒๕๔๘ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด และมีแนวโน้มการกดราคาในปี ๒๕๔๘ ถึงปี ๒๕๕๐ ๖.๒.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายลดลงอย่างต่อเนื่องระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในประสบภาวะขาดทุนในปี ๒๕๔๙ แต่มีกำไรเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตลดลงอย่างต่อเนื่องระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงอย่างมากตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ความสามารถในการผลิต เมื่อพิจารณาจากอัตราของผลผลิตที่ได้เปรียบเทียบกับวัตถุดิบที่ใช้พบว่าความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมภายในคงที่ ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การใช้กำลังการผลิต การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในลดลงอย่างต่อเนื่องระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ราคาสินค้าภายในประเทศ สินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีราคาขายต่ำกว่าราคาสินค้าของอุตสาหกรรมภายใน ระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดทำให้อุตสาหกรรมภายในต้องปรับลดราคาขายลงเพื่อแข่งขันกับสินค้าทุ่มตลาด กระแสเงินสด อุตสาหกรรมภายในมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๘ และปี ๒๕๔๙ เนื่องจากการควบรวมกิจการของอุตสาหกรรมภายในในช่วงปลายปี ๒๕๔๘ และมีกระแสเงินสดลดลงในปี ๒๕๕๐ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังมีการเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในปี ๒๕๔๙ และลดลงเล็กน้อย ในปี ๒๕๕๐ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดและช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด พบว่าสินค้าคงคลังมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การจ้างงาน พิจารณาจากจำนวนแรงงาน โดยอุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยต่อเดือนลดลงโดยตลอด ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อัตราการเจริญเติบโต พิจารณาจากปริมาณการขายภายในประเทศ อุตสาหกรรมภายในมีอัตราการเจริญเติบโตลดลงอย่างต่อเนื่องในระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงปี ๒๕๕๐ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน อุตสาหกรรมภายในไม่มีการเพิ่มทุนตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยมีอัตราการทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนร้อยละ ๖.๙๕ ถึงร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งการทุ่มตลาดดังกล่าวส่งผลให้การนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๙๒.๐๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ในปี ๒๕๔๘ เป็นร้อยละ ๙๗.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ๖.๒.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติการนำเข้าของกรมศุลกากรพบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่นรวมกันเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ ๗.๙๘ ในปี ๒๕๔๘ เป็นร้อยละ ๒.๖๗ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด (๒) ความต้องการใช้ภายในประเทศ ความต้องการใช้สินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศมีอัตราลดลงในระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงปี ๒๕๔๙ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากปี ๒๕๔๙ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายของอุตสาหกรรมภายในมีอัตราลดลงมากกว่าการลดลงของความต้องการใช้ภายในประเทศระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงปี ๒๕๔๙ และมีการลดลงอย่างต่อเนื่องแม้ความต้องการใช้ภายในประเทศได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศของอุตสาหกรรมภายในและของประเทศอื่น ๆ พบว่ามีการลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ในขณะที่ส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศของสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนกลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิได้มีสาเหตุมาจากการหดตัวของตลาดหรือการลดลงของอุปสงค์ จากผลการพิจารณาข้างต้น สรุปได้ว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เนื่องจาก (ก) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (ข) มีผลกระทบต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศโดยมีการขายตัดราคาและมีแนวโน้มการกดราคา (ค) มีผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายใน ซึ่งจากการพิจารณาปัจจัยที่บ่งบอกเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมภายใน ปรากฏว่าสัดส่วนการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสูงขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศของอุตสาหกรรมภายในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง และทำให้ยอดจำหน่ายในประเทศ ปริมาณการขายในประเทศผลผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิต ค่าจ้างแรงงานและอัตราการเจริญเติบโตลดลง รวมทั้งทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานมีแนวโน้มลดลง (ง) มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยในช่วงปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดสัดส่วนการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ จากร้อยละ ๙๒.๐๒ ในปี ๒๕๔๘ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๙๗.๓๓ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๖.๙๕ ถึงร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ได้แก่ ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น และความต้องการใช้ภายในประเทศ พบว่ามิใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน สรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๗ คำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า การนำเข้าสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราเพียงเพื่อขจัดความเสียหายและไม่เกินส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๒๘๓๕.๓๑๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก (๑) Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๘.๗๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) Kunming Malong Chemical Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๙.๓๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๓) Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๔) ผู้ผลิตรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับบรรดาอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่ให้วางไว้ระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราวตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒ กรณีที่ผู้นำเข้าได้ชำระอากรชั่วคราวหรือวางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวไว้แล้ว ให้คืนผลต่างของอากรชั่วคราวส่วนที่เกิน หรือให้คืนหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว เมื่อผู้นำเข้าได้ชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราที่กำหนดไว้ดังกล่าว ทั้งนี้หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๑๐ ง/หน้า ๕๓/๖ สิงหาคม ๒๕๕๒
610161
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟต ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟต ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ กำหนดให้เรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวสำหรับการนำเข้าสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟต ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๒๘๓๕.๓๑๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนไว้แล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ว่ามีการทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๙ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นกำหนดเวลาห้าปี ข้อ ๓ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟต ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๒๘๓๕.๓๑๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก (๑) Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. ในอัตราร้อยละ ๑๘.๗๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) Kunming Malong Chemical Co., Ltd. ในอัตราร้อยละ ๑๙.๓๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๓) Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. ในอัตราร้อยละ ๖.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๔) ผู้ผลิตรายอื่น ในอัตราร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ บรรดาอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่ให้วางไว้ระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราวตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศนี้ กรณีที่ผู้นำเข้าได้ชำระอากรชั่วคราวหรือวางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวไว้แล้วตามวรรคหนึ่ง ให้คืนผลต่างของอากรชั่วคราวส่วนที่เกิน หรือคืนหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเมื่อผู้นำเข้าได้ชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ในอัตราที่กำหนดไว้ตามข้อ ๒ ข้อ ๕ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๐๑ ง/หน้า ๑๔/๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๒
610159
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนขอบเขตสินค้าภายใต้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. 2552
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนขอบเขตสินค้าภายใต้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ เฉพาะที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ตามบัญชีท้ายประกาศในอัตราอากรเดิมที่เรียกเก็บต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลา ๕ ปี และให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อมูลและพยานหลักฐานเกี่ยวกับขอบเขตสินค้าภายใต้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วนแผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๓ ประเทศดังกล่าว ต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ นั้น ปรากฎว่า มีผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อมูลและพยานหลักฐานดังกล่าวภายในเวลาที่กำหนดซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ และมีคำวินิจฉัยว่า ข้อมูลและพยานหลักฐานที่ผู้มีส่วนได้เสียเสนอ เพียงพอในการทบทวนขอบเขตของสินค้าภายใต้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไปตามมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนขอบเขตของสินค้าภายใต้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ และมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศเปิดการทบทวนขอบเขตของสินค้าดังกล่าวตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือหรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการพิจารณาทบทวนขอบเขตของสินค้าต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดการทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักปกป้องและตอบโต้ทางการค้ากรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๘ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ สำหรับค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๐๑ ง/หน้า ๑๒/๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๒
607569
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถานสาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินาประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซียสาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. 2552
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศดังกล่าวต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลา ๕ ปี ตามอัตราที่กำหนดเดิม และให้สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อที่นำไปใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize : EG) กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance/Electrical Appliance : HA/EA) และกลุ่มยานยนต์ (Automotive : AUTO) ไม่อยู่ในข่ายสินค้าที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป นั้น ผลจากการทบทวนความจำ เป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ เห็นว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจาก ๑๔ ประเทศดังกล่าว โดยไม่รวมสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อที่นำไปใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize : EG) กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance/Electrical Appliance : HA/EA) และกลุ่มยานยนต์ (Automotive : AUTO) มีการเปลี่ยนแปลงไป เห็นสมควรให้มีการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย ตามกระบวนการพิจารณาที่กฎหมายกำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ และมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศดังกล่าวโดยไม่รวมสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อที่นำไปใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize : EG) กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance/Electrical Appliance : HA/EA) และกลุ่มยานยนต์ (Automotive : AUTO) ตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการพิจารณาทบทวนอัตราตอบโต้การทุ่มตลาดต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๒๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ สำหรับค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ อิทธิพล ช้างหลำ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๘๗ ง/หน้า ๓๔/๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๒
607567
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลีไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวน ขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๑ นั้น คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ และวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ดังนี้ (๑) การทบทวนขอบเขตสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน เห็นควรให้สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อสำหรับใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีชนิดจุ่มชุบ (Galvanize Iron : GI) อยู่ในข่ายสินค้าที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป และให้สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อสำหรับใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize : EG) กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance/Electrical Appliance : HA/EA) และกลุ่มยานยนต์ (Automotive : AUTO) ไม่อยู่ในข่ายสินค้าที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (๒) หากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย จะทำให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก จึงมีมติให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าวต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลาห้าปี ตามอัตราที่กำหนดเดิม ทั้งนี้ สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อที่นำไปใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize : EG) กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance/Electrical Appliance : HA/EA) และกลุ่มยานยนต์ (Automotive : AUTO) ไม่อยู่ในข่ายสินค้าที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการทบทวนไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ความเป็นมา คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ออกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการ ฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศดังกล่าว เป็นกำหนดเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๖ และต่อมาบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) และผู้ผลิตรายอื่น รวม ๕ ราย ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ได้ยื่นคำขอให้ทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าว ข้อ ๒ การเปิดการทบทวน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้า เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑ กรมการค้าต่างประเทศจึงได้ออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ข้อ ๓ ผลการพิจารณาทบทวนขอบเขตของสินค้า คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้วินิจฉัยผลการทบทวนขอบเขตสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศ ที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ และมีมติให้สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อสำหรับใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีชนิดจุ่มชุบ (Galvanize Iron : GI) อยู่ในข่ายสินค้าที่จะใช้มาตรการ และสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อสำหรับใช้ใน ๓ กลุ่มอุตสาหกรรม คือ กลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize : EG) กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance /Electrical Appliance : HA/EA) และกลุ่มยานยนต์ (Automotive : AUTO) ไม่อยู่ในข่ายสินค้าที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ข้อ ๔ การพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการ กรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการตามกระบวนการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริง ดังต่อไปนี้ ๔.๑ สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนโดยไม่รวมสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อสำหรับใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize : EG) กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance/Electric Appliance : HA/EA) และกลุ่มยานยนต์ (Automotive : AUTO) ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย สินค้าที่ถูกพิจารณาข้างต้นซึ่งถือว่าเป็นสินค้าชนิดเดียวกัน (Like Product) กับสินค้าที่อุตสาหกรรมภายในผลิตได้ เนื่องจากเมื่อพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ลักษณะทางกายภาพขั้นตอนการผลิต พิกัดอัตราศุลกากร รวมถึงการนำไปใช้ ปรากฏว่าเหมือนกันทุกประการ ๔.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๔.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในต่างประเทศ ได้แก่ (๑) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตจาก (ก) JFE STEEL CORPORATION (ข) NIPPON STEEL CORPORATION (ค) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๒) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งผลิตจาก (ก) ISCOR LIMITED และ SALDANHA STEEL (PTY) LTD (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๓) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งผลิตจาก (ก) NOVOLIPETSK IRON & STEEL CORPORATION (ข) JOINT STOCK COMPANY “Severstal” (JSC SEVERSTAL) (ค) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๔) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐคาซัคสถาน ซึ่งผลิตจาก (ก) JSC ARCELORMITTAL TEMIRTAU (ชื่อเดิม OJSC ISPAT KARMET) (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๕) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งผลิตจาก (ก) STEEL AUTHORITY OF INDIA LIMITED, JINDAL VIJAYANAGAR STEEL LIMITED, ISPAT INDUSTRIES LIMITED (ข) TATA STEEL LIMITED (ชื่อเดิม THE TATA IRON AND STEEL COMPANY LIMITED) (ค) ESSAR STEEL LIMITED (ง) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๖) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งผลิตจาก (ก) POSCO (ชื่อเดิม POHANG IRON AND STEEL CO., LTD) (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๗) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ซึ่งผลิตจาก (ก) CHINA STEEL CORPORATION และ CHUNG HUNG STEEL CORPORATION (ชื่อเดิม YIEH LOONG ENTERPRISE CO., LTD) (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๘) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเวเนซูเอลา ซึ่งผลิตจาก (ก) SIDERURGICA DEL ORINOCO, SIDOR, C.A. (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๙) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอาร์เจนตินา ซึ่งผลิตจาก (ก) SIDERAR S.A.I.C. (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๑๐) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน ซึ่งผลิตจาก (ก) ILYICH IRON&STEEL WORKS OF MARIUPOL (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๑๑) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน แอลจีเรีย ซึ่งผลิตจาก (ก) ISPAT ANNABA S.P.A. (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๑๒) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจาก (ก) PT KRAKATAU STEEL (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๑๓) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสโลวัก ซึ่งผลิตจาก (ก) U.S. STEEL KOSICE, s.r.o (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น (๑๔) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโรมาเนีย ซึ่งผลิตจาก (ก) COMBINATUL SIDERURGIC ISPAT SIDEX SA (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ๔.๒.๒ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) ห้างหุ้นส่วนจำกัด กิมฮงเส็ง (๒) บริษัท คอทโก้ - เอสวี อีสเทอร์น สตีลไพพ์ จำกัด (๓) บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) (๔) บริษัท ไทยง้วน เมทัล จำกัด (๕) บริษัท บูลสโคบ สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (๖) บริษัท แปซิฟิก ไพพ์ จำกัด (มหาชน) (๗) บริษัท มหาชัยศูนย์รวมเหล็ก จำกัด (๘) บริษัท เมทัลลิค คอยส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (๙) บริษัท รัชดาวัสดุก่อสร้าง จำกัด (๑๐) บริษัท รัชดาสตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (๑๑) บริษัท วี เอส พี เทรดดิ้ง จำกัด (๑๒) บริษัท สยามยูไนเต็ดสตีล (๑๙๙๕) จำกัด (๑๓) บริษัท สหไทยสตีลไพพ์ จำกัด (มหาชน) (๑๔) บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) (๑๕) บริษัท อาร์พีเค สตีลไพพ์ จำกัด (๑๖) บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (๑๗) บริษัท เอส ทีซี สตีล จำกัด (๑๘) บริษัท เอเบิล อินดัสตรีส์ จำกัด (๑๙) บริษัท เอ็มไพร์ สตีล จำกัด (๒๐) บริษัท กันยงอีเลคทริก จำกัด (มหาชน) (๒๑) บริษัท สยามคอมเพรสเซอร์อุตสาหกรรม จำกัด (๒๒) บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (๒๓) บริษัท ฮิตาชิ คอมเพรสเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (๒๔) บริษัท อีซุซุ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (๒๕) บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (๒๖) ผู้นำเข้ารายอื่น ๔.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ ได้แก่ (๑) บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (๒) บริษัท สหวิริยาเพลทมิล จำกัด (มหาชน) (๓) บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) (๔) บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) (๕) บริษัท แอลพีเอ็น เพลทมิล จำกัด (มหาชน) ๔.๒.๔ สถานเอกอัครราชทูตประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย ประจำประเทศไทย ๔.๒.๕ กลุ่มอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้แก่ (๑) กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (๒) กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ (๓) กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (๔) กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก (๕) กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร (๖) กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลโลหะการ ๔.๓ ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการทบทวน ๔.๓.๑ การพิจารณาการทุ่มตลาด ใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๐ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๑ ๔.๓.๒ การพิจารณาความเสียหาย ใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๑ ข้อ ๕ การตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออก สรุปได้ดังนี้ (๑) POSCO ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายเดียวในสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อวันที่ ๑๘ ถึงวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๒ พบว่าข้อมูลคำตอบในแบบสอบถามมีความน่าเชื่อถือและสามารถยอมรับได้ เนื่องจากมีความถูกต้องตามหลักการบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารหลักฐานต้นฉบับ (๒) JFE STEEL CORPORATION ซึ่งเป็นผู้ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๑๑ ถึงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ พบว่าข้อมูลคำตอบในแบบสอบถามมีความน่าเชื่อถือและสามารถยอมรับได้ เนื่องจากมีความถูกต้องตามหลักการบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารหลักฐานต้นฉบับ ยกเว้นข้อมูลเกี่ยวกับการชดเชยราคา (Price adjustment) และการให้เงินคืน (Rebate) ของการขายภายในประเทศและต้นทุนทางการเงินบางรายการ (๓) NIPPON STEEL CORPORATION ซึ่งเป็นผู้ผลิตจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ ๑๖ ถึงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ พบว่าข้อมูลคำตอบในแบบสอบถามมีความน่าเชื่อถือและสามารถยอมรับได้ เนื่องจากมีความถูกต้องตามหลักการบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารหลักฐานต้นฉบับ (๔) CHINA STEEL CORPORATION และ CHUNG HUNG CORPORATION ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากไต้หวัน เมื่อวันที่ ๑๖ ถึงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ พบว่าข้อมูลคำตอบในแบบสอบถาม มีความน่าเชื่อถือและสามารถยอมรับได้ เนื่องจากมีความถูกต้องตามหลักการบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารหลักฐานต้นฉบับ ยกเว้น ค่าบรรจุภัณฑ์ของ CHINA STEEL CORPORATION (๕) อุตสาหกรรมภายใน ๔ ราย คือ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) บริษัท สหวิริยาเพลทมิล จำกัด (มหาชน) บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) และบริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๒ พบว่า ข้อมูลคำตอบ ในแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายในทั้ง ๔ รายมีความน่าเชื่อถือและสามารถยอมรับได้ เนื่องจากมีความถูกต้องตามหลักการบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารหลักฐานต้นฉบับ สำหรับผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายอื่นไม่ได้ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามอย่างเพียงพอเพื่อใช้ในการพิจารณา จึงใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๖ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดทำร่างผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างผลการพิจารณาทบทวนซึ่งแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าให้ผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อเปิดโอกาสให้เสนอข้อคิดเห็น ข้อโต้แย้งหรือแจ้งความจำนงขอแถลงด้วยวาจาภายในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๒ ซึ่งปรากฏว่ามีผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อคิดเห็นข้อโต้แย้ง และแถลงด้วยวาจา ดังนี้ ๖.๑ ข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งจากผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากต่างประเทศ ๖.๑.๑ กลุ่มผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกจากประเทศญี่ปุ่น (๑) ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าหากยุติการใช้มาตรการกับสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นแล้วจะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือการทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก เนื่องจากพบว่า การทุ่มตลาดของสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นมีอัตราต่ำมาก รวมทั้งผลการพิจารณาการขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดของบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) ปรากฏว่าไม่พบส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดจากการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้เห็นว่ามีการคำนวณอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดไม่เหมาะสม เนื่องจากได้รวมสินค้าเหล็กรีดร้อนที่นำเข้ามาผลิตเพื่อส่งออก (Re - export) มาใช้ในการพิจารณาด้วย การชี้แจง ข้อมูลที่พิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดเป็นข้อมูลตามแบบสอบถามของผู้ที่ให้ความร่วมมือครบถ้วนจากผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกของประเทศญี่ปุ่น ๒ ราย โดยในช่วงระยะเวลาการทบทวนปรากฏว่ายังมีการทุ่มตลาดต่อไปหรือการทุ่มตลาดจากประเทศญี่ปุ่นจะฟื้นคืนมาอีก ซึ่งพิจารณาตามหลักการของความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดขององค์การการค้าโลก ส่วนกรณีการพิจารณาการขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดของบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด รวมทั้งมีขอบเขตของสินค้าที่ใช้ในกระบวนการพิจารณาต่างกันด้วย จึงไม่สามารถนำมาใช้พิจารณาร่วมกันได้ (๒) ไม่ควรพิจารณาผลกระทบที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจากประเทศญี่ปุ่นรวมกับผลกระทบที่เกิดจากประเทศอื่น ภายใต้ข้อ ๓.๓ ของความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดขององค์การการค้าโลก เนื่องจากสินค้าที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่อุตสาหกรรมภายในของประเทศไทยไม่สามารถผลิตได้ตามคุณภาพและปริมาณที่ลูกค้าต้องการ ดังนั้น จึงไม่ใช่สินค้าที่แข่งขันกับสินค้าของอุตสาหกรรมภายใน และหากจะมีการต่ออายุมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดขอให้ชี้แจงขอบเขตของสินค้าที่จะถูกใช้มาตรการให้ชัดเจน การชี้แจง คณะอนุกรรมการพิจารณารายละเอียดทางเทคนิคของสินค้าเหล็กและคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าขอบเขตของสินค้าที่จะต่ออายุมาตรการ ไม่รวมถึงเหล็กรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อสำหรับ ๓ กลุ่ม อุตสาหกรรม คือ กลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize : EG) กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance/Electrical Appliance : HA/EA) และกลุ่มยานยนต์ (Automotive : AUTO) แม้จะเป็นสินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าที่ถูกพิจารณาก็ตาม เนื่องจากเมื่อมีการทดลองร่วมกันระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อพัฒนาการใช้สินค้าในประเทศ ปรากฏว่าผลการทดลองไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ เพื่อมิให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติในการจัดเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรมการค้าต่างประเทศจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำบัญชีรายละเอียดของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนที่จะจัดเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (๓) ไม่เห็นด้วยหากใช้อัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากผลการทบทวน เมื่อปี ๒๕๔๘ ในการต่ออายุมาตรการครั้งนี้ และไม่เห็นด้วยในกรณีที่ไม่ยอมรับการขอหักการชดเชยราคา (Price Adjustment) และการให้เงินคืน (Rebate) นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดต่อไปหรือการทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีกยังไม่เพียงพอภายใต้ข้อ ๖.๙ ของความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดขององค์การการค้าโลก โดยระบุเพียงว่าประเทศญี่ปุ่นยังคงมีการทุ่มตลาด แต่ไม่ได้ระบุหรือชี้แจงข้อมูลสถิติที่ชัดเจน การชี้แจง ได้ปรับการคำนวณมูลค่าปกติใหม่โดยยอมรับข้อมูลการชดเชยราคาและการให้เงินคืนตามข้อโต้แย้งดังกล่าว เนื่องจากเอกสารหลักฐานที่แสดงมีความเชื่อมโยงในการทำธุรกรรมการขายและการชดเชยราคาและการให้เงินคืนระหว่างผู้ขาย บริษัทนายหน้าและผู้ใช้ ทั้งนี้ ได้จัดส่งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทั้งฉบับปกปิดและฉบับเปิดเผย ซึ่งมีข้อมูลเพียงพอ เพื่อให้ผู้ผลิตประเทศในญี่ปุ่นที่ตอบแบบสอบถามครบถ้วนใช้พิจารณาประกอบกัน ๖.๑.๒ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากสหพันธรัฐรัสเซีย ๑ ราย เห็นว่าการคำนวณมูลค่าปกติ ควรใช้ข้อมูลราคาขายในประเทศของสินค้าที่คล้ายคลึงกันอย่างมากกับสินค้าที่ถูกพิจารณา (Closely resembling product) ซึ่งสอดคล้องกับข้อ ๒.๖ ของความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดขององค์การการค้าโลก การชี้แจง ข้อมูลจากแบบสอบถาม แสดงให้เห็นว่าราคาขาย ณ หน้าโรงงาน ของสินค้า ๓ ชนิด ที่บริษัทอ้างว่าคล้ายคลึงกันอย่างมากกับสินค้าชนิดที่ส่งออกมาประเทศไทย มีความแตกต่างกันทางด้านราคาขาย ทำให้ไม่อาจพิจารณาได้ว่าสินค้าทั้ง ๓ ชนิด เป็นสินค้าที่คล้ายคลึงกันอย่างมากกับสินค้าที่ส่งออกมาประเทศไทย ๖.๑.๓ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐอินเดีย ๑ ราย (๑) ขอให้นำผลการทบทวนขอบเขตของสินค้าที่จะไม่ใช้มาตรการสำหรับสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนสำหรับรีดเย็นต่อ ๓ กลุ่ม มาพิจารณากับสินค้าที่บริษัทผลิตด้วยและไม่ควรคำนวณมูลค่าปกติขึ้นใหม่จากต้นทุนการผลิตรวม การชี้แจง บริษัทมิได้แยกประเภทข้อมูลสินค้าตามรูปแบบที่กำหนดในแบบสอบถามเป็นรายธุรกรรมการขาย แม้ว่าจะได้สอบถามเพิ่มเติมหลายครั้ง นอกจากนี้ ได้ขอให้บริษัทชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การปันส่วนต้นทุนการผลิตรวมของสินค้าที่ถูกพิจารณาและความไม่สอดคล้องของข้อมูลสถิติในแต่ละตาราง ซึ่งมีผลต่อการพิจารณาต้นทุนการผลิตของสินค้าที่ถูกพิจารณา รวมทั้งขอเอกสารสนับสนุนในการกระทบยอดของข้อมูลหลักในส่วนของต้นทุนการผลิตรวมเฉพาะของสินค้าที่ถูกพิจารณา แต่บริษัทมิได้จัดทำและมิได้ชี้แจงรายละเอียดของข้อมูลดังกล่าว (๒) การพิจารณาต่ออายุมาตรการควรคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้ใช้ และประโยชน์สาธารณะ การชี้แจง ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติว่าการตอบโต้การทุ่มตลาดให้คำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภคและประโยชน์สาธารณะประกอบกัน ๖.๑.๔ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกไต้หวัน ๑ ราย (๑) การคำนวณราคาส่งออก โดยใช้ราคาส่งออกไปประเทศที่สามควรใช้ราคาประเทศใดประเทศหนึ่งแทนการใช้ราคาส่งออกไปยังประเทศหลัก ๕ ประเทศ การชี้แจง การคำนวณราคาส่งออกเป็นไปตามมาตรา ๑๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งสอดคล้องกับข้อ ๒.๓ ของความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดขององค์การการค้าโลกซึ่งกำหนดว่ากรณีที่ไม่ปรากฏราคาส่งออกให้คำนวณราคาส่งออกจากราคาสินค้าที่ได้จำหน่ายไปยังผู้ซื้ออิสระทอดแรก ดังนั้นการคำนวณราคาส่งออกโดยใช้ข้อมูลการขายส่งออกไปยังประเทศหลัก ๕ ประเทศ จึงเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย นอกจากนี้ปริมาณการส่งออกดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๙๑ ของปริมาณส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณาของบริษัทจึงถือได้ว่าเป็นตัวแทนที่เหมาะสมต่อการนำข้อมูลราคามาใช้ในการคำนวณ (๒) บริษัทสามารถแยกประเภทการใช้งานของสินค้าที่อยู่ในข่ายที่จะไม่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดได้ จึงขอให้นำมาประกอบการพิจารณาในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดด้วย และไม่ควรต่ออายุมาตรการ หากผลการทบทวนไม่พบแนวโน้มการทุ่มตลาด การชี้แจง ได้ปรับการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยนำข้อมูลการแยกประเภทการใช้งานของสินค้าซึ่งบริษัทได้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมมาประกอบการพิจารณาด้วยแล้วและสำหรับผลการทบทวนกรณีนี้พบว่ามีแนวโน้มการทุ่มตลาด ๖.๑.๕ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสาธารณรัฐอาร์เจนตินา ๑ ราย เห็นว่าเนื่องจากเป็นผู้ผลิตรายเล็กซึ่งได้ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามตามเวลาที่กำหนด และไม่ได้ส่งออกมาประเทศไทยตั้งแต่ก่อนช่วงระยะเวลาทบทวนจนถึงปัจจุบัน เพราะมีนโยบายการขายภายในประเทศมากกว่าการส่งออก ประเทศไทยมิใช่ตลาดส่งออกหลัก และยังไม่มีนโยบายส่งออกมาประเทศไทย ดังนั้น เห็นว่าไม่ควรใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าจากสาธารณรัฐอาร์เจนตินา การชี้แจง แม้สาธารณรัฐอาร์เจนตินาไม่มีการส่งออกสินค้ามาไทยตั้งแต่ ปี ๒๕๔๗ แต่ในการพิจารณาความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าจากสาธารณรัฐอาร์เจนตินานั้น การพิจารณาข้อมูลจากแบบสอบถาม พบว่ามีแนวโน้มของการทุ่มตลาดต่อไปหรือฟื้นคืนมา หากยุติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าจากสาธารณรัฐอาร์เจนตินา ๖.๑.๖ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกประเทศโรมาเนีย ๑ ราย เห็นว่ามีหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐเปรู เป็นต้น ได้ยกเลิกการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนของประเทศโรมาเนีย ซึ่งแสดงว่าประเทศโรมาเนียไม่ได้มีการทุ่มตลาด และถ้าประเทศไทยยกเลิกการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดจะเป็นโอกาสดีที่ลูกค้าในประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากสินค้าของประเทศโรมาเนีย อย่างไรก็ดี หากจะวินิจฉัยให้ยุติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ควรให้มีมาตรการจำกัดปริมาณการนำเข้าสินค้าเหล็กตามที่เคยกำหนดไว้ การชี้แจง ได้จัดส่งแบบสอบถามให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออกประเทศโรมาเนียแล้ว แต่ไม่มีรายใดให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม มีเพียง ARCELOR MITTAL GALATI ที่แจ้งว่าขอไม่ตอบแบบสอบถาม ดังนั้น กรมการค้าต่างประเทศจึงพิจารณาใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และหลักการของความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดขององค์การการค้าโลก ทั้งนี้ หากผู้ผลิตประเทศโรมาเนียไม่ได้ทุ่มตลาดในประเทศไทยอีกแล้ว ก็สามารถยื่นคำขอทบทวนเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราอากรได้ ๖.๒ ข้อคิดเห็นและโต้แย้งจากรัฐบาลประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออก ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐอาร์เจนตินา สหพันธรัฐรัสเซีย และประเทศยูเครน รวมทั้งคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทย (ในฐานะผู้แทนของประเทศโรมาเนียและสาธารณรัฐสโลวัก) ขอให้รัฐบาลไทยพิจารณารับข้อโต้แย้งของภาคเอกชนจากประเทศดังกล่าวด้วย โดยเห็นว่าไม่ควรต่ออายุมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเนื่องจากมิได้ทำให้อุตสาหกรรมภายในเสียหาย โดยเฉพาะสหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐอาร์เจนตินา และประเทศยูเครน ซึ่งมีปริมาณการส่งสินค้ามาไทยน้อยมากในช่วงระยะเวลาทบทวน การชี้แจง การพิจารณาทบทวนการต่ออายุมาตรการเป็นไปตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดขององค์การการค้าโลก โดยเป็นการพิจารณาว่า หากยุติการใช้มาตรการจะทำให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก หรือไม่ ๖.๓ ข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งจากผู้นำเข้า บริษัท สยามยูไนเต็ดสตีล (๑๙๙๕) จำกัด และบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) เห็นว่ามาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเป็นมาตรการที่เหมาะสมจะนำมาใช้ปกป้องอุตสาหกรรมภายในจากการนำเข้าที่ไม่เป็นธรรม และควรยกเว้นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับเหล็กแผ่นรีดร้อน ที่นำเข้ามาผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นเพื่อส่งออก และยกเว้นการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อการรีดเย็นต่อทั้ง ๔ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีชนิดจุ่มชุบ กลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มยานยนต์ ทั้งนี้ หากมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดควรเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราที่มีการทบทวนครั้งล่าสุดในขั้นตอนการทบทวนเพื่อขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาด รวมทั้ง ไม่ควรนำข้อมูลสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำเข้ามาผลิตเพื่อการส่งออกมาใช้ในการพิจารณา การชี้แจง คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาผลการทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนแล้วและมีมติตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการพิจารณารายละเอียดทางเทคนิคของสินค้าเหล็ก คือ ให้สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อนำไปรีดเย็นต่อสำหรับใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มยานยนต์ ไม่อยู่ในข่ายสินค้าที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ๖.๔ ข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งจากอุตสาหกรรมภายใน ๔ ราย เห็นด้วยที่จะมีการต่ออายุมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด เพื่อบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมภายใน เนื่องจากสถานการณ์ตลาดโลกและประเทศต่าง ๆ มีแนวโน้มใช้มาตรการเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ แต่ไม่เห็นด้วยที่จะยกเว้นการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นสำหรับใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มยานยนต์ เนื่องจากปัจจุบันอุตสาหกรรมภายในสามารถผลิตได้ และขอขยายขอบเขตสินค้าให้ครอบคลุมความหนา ๐.๙๐ มิลลิเมตร ถึง ๒๐ มิลลิเมตร พร้อมทั้งขอให้ยกเว้นการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าที่นำเข้ามาผลิตเพื่อส่งออกเพื่อมิให้กระทบกับอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ผลิตเพื่อส่งออก และอาจมีปัญหาการหลบเลี่ยงการชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีการนำเข้าสินค้าที่ไม่อยู่ในขอบเขตของการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด การชี้แจง คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาผลการทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนแล้วและมีมติตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการพิจารณารายละเอียดทางเทคนิคของสินค้าเหล็ก ๖.๕ ข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งจากกลุ่มผู้ใช้และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ๖.๕.๑ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและโลหะการ และกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เห็นว่าข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้ในการพิจารณาล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน ควรอ้างอิงข้อมูลปัจจุบันในปี ๒๕๕๑ หรือ ปี ๒๕๕๒ การต่ออายุมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้ราคาเหล็กสูง เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาน้อย (ระบบกึ่งผูกขาด) ซึ่งอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบจะมีต้นทุนสูงและเป็นผลให้สินค้าสำเร็จรูปของประเทศไทยไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องมีมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ควรมีหลักเกณฑ์และกฎระเบียบสำหรับผู้ผลิตเหล็กไทย เช่น ห้ามผู้ผลิตเหล็กไทยส่งออกสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าที่ขายในประเทศ และจะต้องมีปริมาณการผลิตและชนิดของเหล็กที่เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ การชี้แจง การพิจารณาข้อมูลความเสียหายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งในกรณีนี้ได้กำหนดช่วงระยะเวลาการทบทวนคือ เดือนเมษายน ๒๕๕๐ ถึง เดือนมีนาคม ๒๕๕๑ อย่างไรก็ตามในการวินิจฉัยผลการทบทวนได้มีการนำข้อมูลปัจจุบันมาประกอบการพิจารณาด้วยนอกจากนี้ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเป็นมาตรการที่นำมาใช้สำหรับการดำเนินการค้าที่ไม่เป็นธรรมไม่ถือเป็นการกีดกัน ทางการค้า ๖.๕.๒ สมาคมต่อเรือและซ่อมเรือไทย ขอให้ยกเว้นการเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำเข้ามาสำหรับการต่อเรือและซ่อมเรือ ซึ่งมีคุณภาพสูงเพื่อเป็นการสนับสนุนให้อุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือไทย สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ การชี้แจง ได้ประสานสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยเพื่อตรวจสอบว่าสินค้าดังกล่าวอยู่ในข่ายของการใช้มาตรการหรือไม่ อย่างไรก็ดีข้อมูลที่ได้รับจากสมาคมต่อเรือและซ่อมเรือไทยยังขาดรายละเอียดที่เพียงพอ จึงสามารถตรวจสอบได้ในระดับหนึ่งและได้ขอให้สมาคมต่อเรือและซ่อมเรือไทย จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้รับข้อมูลดังกล่าว ๖.๕.๓ บริษัท สังกะสีฟาร์อิสท์ จำกัด ขอให้ยกเว้นการเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน JFE - ZP HOT ROLLED STEEL PLATE ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อประกอบเป็นบ่อชุบสังกะสี เนื่องจากเป็นเหล็กชนิดพิเศษที่ไม่สามารถผลิตในประเทศได้ การชี้แจง ได้ประสานสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยเพื่อตรวจสอบว่าสินค้าดังกล่าวอยู่ในข่ายของการใช้มาตรการหรือไม่ ๖.๕.๔ สมาคมเครื่องจักรกลไทย เห็นว่าขณะนี้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น หากมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอย่างมากและไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ การชี้แจง พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีบทบัญญัติให้พิจารณาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดโดยคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภคและประโยชน์สาธารณะประกอบกัน ดังนั้นในการพิจารณาได้คำนึงถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องและผู้ใช้ด้วย ข้อ ๗ ผลการพิจารณาทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อมูลที่ได้รับจากผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายและผลการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง รวมทั้งข้อคิดเห็นต่อร่างผลการทบทวนมาพิจารณาจัดทำรายงานผลการทบทวนเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้ ๗.๑ ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ๗.๑.๑ การคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด กรณีของผู้ที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามจะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกแต่ละรายส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามหรือกรณีผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นจะพิจารณาใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามความในมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยในการทบทวนมีผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนหรือไม่เป็นม้วนให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามครบถ้วน ๖ รายจาก ๔ ประเทศ คือ JFE STEEL CORPORATION และ NIPPON STEEL CORPORATION จากประเทศญี่ปุ่น POSCO จากสาธารณรัฐเกาหลี CHINA STEEL CORPORATION และ CHUNG HUNG STEEL CORPORATION จากไต้หวัน และ JOINT STOCK COMPANY “Severstal” (JSC SEVERSTAL) จากสหพันธรัฐรัสเซีย มีผู้ผลิตและผู้ส่งออกที่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามบางส่วน ๗ ราย และมีผู้ผลิตและผู้ส่งออกที่แจ้งขอไม่ตอบแบบสอบถาม ๘ ราย โดยสรุปการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณาภายใต้หลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ มีดังนี้ (๑) ประเทศญี่ปุ่น (ก) JFE STEEL CORPORATION มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในประเทศญี่ปุ่นตามแบบสอบถาม ซึ่งได้พิจารณาปรับแก้ไขในส่วนของการชดเชยราคา (Price Adjustment) และการให้เงินคืน (Rebate) ตามข้อโต้แย้งของบริษัทแล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติกับราคาส่งออก ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการทบทวน ซึ่งพบว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (ข) NIPPON STEEL CORPORATION มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในประเทศญี่ปุ่นตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติกับราคาส่งออก ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการทบทวน ซึ่งพบว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (ค) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นพิจารณาจากส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดอัตราสูงสุดของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายที่ให้ความร่วมมือ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีการให้ความร่วมมือในระดับสูง (๒) สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสาธารณรัฐแอฟริกาใต้พิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ปรากฏว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (๓) สหพันธรัฐรัสเซีย (ก) JOINT STOCK COMPANY “Severstal” (JSC SEVERSTAL) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณมูลค่าปกติขึ้นใหม่จากต้นทุนการผลิตในประเทศแหล่งกำเนิด รวมกับจำนวนที่เหมาะสมของค่าใช้จ่ายในการจัดการการขาย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตลอดจนกำไรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีการขายสินค้าที่ถูกพิจารณาภายในประเทศ ในช่วงระยะเวลาทบทวน ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติกับราคาส่งออกซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งพบว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นพิจารณาจากส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดอัตราของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายที่ให้ความร่วมมือ เนื่องจากสหพันธรัฐรัสเซียมีการให้ความร่วมมือในระดับสูง (๔) สาธารณรัฐคาซัคสถาน (ก) JSC ARCELOR MITTAL TERMIRTAU CO., LTD. มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยพิจารณาจากข้อมูลราคาส่งออกของสินค้าชนิดเดียวกันจากสาธารณรัฐคาซัคสถานไปยังประเทศที่สามตามข้อมูลในคำขอของอุตสาหกรรมภายใน แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยพิจารณาจากข้อมูลราคาส่งออกของสาธารณรัฐคาซัคสถานไปยังประเทศที่สามตามข้อมูลในคำขอของอุตสาหกรรมภายในแล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน เนื่องจากบริษัทไม่มีการส่งออกมายังไทยในช่วงระยะเวลาทบทวน ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติกับราคาส่งออก ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกันซึ่งอยู่ในช่วง ระยะเวลาการทบทวน ซึ่งพบว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นพิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ปรากฏว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (๕) สาธารณรัฐอินเดีย (ก) ESSAR STEEL LIMITED มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณมูลค่าปกติขึ้นใหม่จากต้นทุนการผลิตในประเทศแหล่งกำเนิด รวมกับจำนวนที่เหมาะสมของค่าใช้จ่ายในการจัดการการขาย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตลอดจนกำไรต่าง ๆ ตามแบบสอบถาม ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากข้อมูลราคาส่งออกของบริษัทไปยังประเทศหลัก ๕ อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านและสหราชอาณาจักรตามแบบสอบถามแล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน เนื่องจากบริษัทไม่มีการส่งออกมายังประเทศไทยในช่วงระยะเวลาทบทวน ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติกับราคาส่งออก ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ระยะเวลาการทบทวน ซึ่งพบว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นพิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ซึ่งพบว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (๖) สาธารณรัฐเกาหลี (ก) POSCO มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐเกาหลีตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติกับราคาส่งออก ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ระยะเวลาการทบทวน ซึ่งพบว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นพิจารณาจากส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดอัตราของผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายที่ให้ความร่วมมือ เนื่องจากสาธารณรัฐเกาหลี มีการให้ความร่วมมือในระดับสูง (๗) ไต้หวัน (ก) CHINA STEEL CORPORATION และ CHUNG HUNG STEEL CORPORATION มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในไต้หวันตามแบบสอบถาม ซึ่งได้พิจารณาปรับแก้ไขตามข้อโต้แย้งของบริษัทแล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ สำหรับ CHINA STEEL CORPORATIONคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออก ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน สำหรับ CHUNG HUNG STEEL CORPORATION คำนวณจากราคาส่งออกของบริษัทไปยังประเทศหลัก ๕ อันดับแรก ได้แก่ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศมาเลเซีย และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน เนื่องจากบริษัทไม่มีการขายส่งออกมายังประเทศไทยในช่วงระยะเวลาการทบทวน ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติกับราคาส่งออก ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ระยะเวลาการทบทวน ซึ่งพบว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นพิจารณาจากส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดอัตราของผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายที่ให้ความร่วมมือ เนื่องจากไต้หวันมีการให้ความร่วมมือในระดับสูง (๘) สาธารณรัฐเวเนซูเอลา (ก) SIDERURGICA DEL ORINOGO, SIDOR, C.A. (SIDOR, C.A.) มูลค่าปกติ พิจารณาข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามมาตรา ๒๗ โดยพิจารณาข้อมูลจากวารสารเหล็ก (Steel Business Briefing (SBB)) ตามข้อมูลในคำขอของอุตสาหกรรมภายในแล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ราคาส่งออก พิจารณาข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามมาตรา ๒๗ โดยพิจารณาข้อมูลจากวารสารเหล็ก (Steel Business Briefing (SBB)) ตามข้อมูลในคำขอของอุตสาหกรรมภายในแล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติกับราคาส่งออก ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกันซึ่งอยู่ภายในช่วงระยะเวลาการทบทวน ซึ่งพบว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นพิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ปรากฏว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (๙) สาธารณรัฐอาร์เจนตินา (ก) SIDERAR S.A.I.C. มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในประเทศตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากข้อมูลราคาส่งออกของบริษัทที่ถูกพิจารณาทั้งหมดไปยังประเทศที่สามตามข้อมูลจากแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน เนื่องจากบริษัทไม่มีการส่งออกมายังประเทศไทยในช่วงระยะเวลาการทบทวน ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติกับราคาส่งออก ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือช่วงระยะเวลาการทบทวน ซึ่งพบว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นพิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ปรากฏว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (๑๐) ประเทศยูเครน การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกจากประเทศยูเครน พิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ปรากฏว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (๑๑) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย พิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ปรากฏว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (๑๒) สาธารณรัฐอินโดนีเซีย การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย พิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ปรากฏว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (๑๓) สาธารณรัฐสโลวัก การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐสโลวัก พิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ปรากฏว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (๑๔) ประเทศโรมาเนีย การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกจากประเทศโรมาเนีย พิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ปรากฏว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา จากการพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดพบว่า การส่งออกสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนและไม่ม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศมายังประเทศไทยยังคงมีการทุ่มตลาด ดังนั้น หากยุติการใช้มาตรการ อาจทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือการทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก ๗.๑.๒. สินค้าจากทั้ง ๑๔ ประเทศถูกใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและมาตรการตอบโต้ทางการค้าอื่น เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา เครือรัฐออสเตรเลีย สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐอาร์เจนตินา เป็นต้น จึงพิจารณาได้ว่าหากประเทศไทยยุติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าวที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศ จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก ๗.๒ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้วินิจฉัยความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยนำข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน ๔ ราย คือ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) บริษัท สหวิริยาเพลทมิล จำกัด (มหาชน) บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) และผู้นำเข้า ๒ ราย มาพิจารณาปริมาณและราคาของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ และผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ปรากฏว่า หากไม่ต่ออายุมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด จะเกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ซึ่งสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศจะเข้ามาทุ่มตลาดได้อีกและทำให้อุตสาหกรรมภายในเสียหาย โดยยอดขาย ราคาขาย ส่วนแบ่งตลาด กำไรสุทธิ และผลตอบแทนการลงทุน มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจัยดังนี้ ๗.๒.๑ ประเทศที่ถูกใช้มาตรการทั้ง ๑๔ ประเทศยังมีกำลังการผลิตส่วนเกินโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก มีอัตราการใช้กำลังการผลิตไม่ถึงร้อยละ ๕๐ หากยุติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดอาจขยายการผลิตเพื่อส่งสินค้าทุ่มตลาดเข้ามายังประเทศไทยได้อีกเป็นจำนวนมาก ๗.๒.๒ แม้จะมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ แต่สัดส่วนการนำเข้าจาก ๑๔ ประเทศยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๖๕ ในปี ๒๕๔๘ เป็นร้อยละ ๗๕ ในช่วงระยะเวลาการทบทวน ๗.๒.๓ เมื่อเปรียบเทียบราคาขายเหล็กแผ่นรีดร้อนจาก ๑๔ ประเทศกับราคาขายของอุตสาหกรรมภายใน ณ ระดับการค้าเดียวกันในช่วงระยะเวลาการทบทวนพบว่า สินค้าจากประเทศญี่ปุ่นมีราคาขายต่ำกว่าราคาขายของอุตสาหกรรมภายใน ๗.๒.๔ เมื่อพิจารณาอัตราการเจริญเติบโตโดยเปรียบเทียบปริมาณการขายในประเทศกับปริมาณความต้องการใช้ในประเทศพบว่า อัตราการเจริญเติบโตของปริมาณการขายในประเทศเริ่มถดถอยลงตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ข้อ ๘ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ และวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ว่า หากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศ จะทำให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก จึงมีมติให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย โดยเรียกเก็บต่อไปอีก เป็นกำหนดเวลาห้าปี ตามบัญชีท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒ ในอัตราที่กำหนดดังนี้ (๑) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตจาก (ก) JFE STEEL CORPORATION อัตราร้อยละ ๓.๒๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) NIPPON STEEL CORPORATION อัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ค) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๓๖.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งผลิตจาก (ก) ISCOR LIMITED และ SALDANHA STEEL (PTY) LTD อัตราร้อยละ ๑๒๘.๑๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๑๒๘.๑๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๓) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งผลิตจาก (ก) NOVOLIPETSK IRON & STEEL CORPORATION อัตราร้อยละ ๒๔.๒๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) JOINT STOCK COMPANY “Severstal” (JSC SEVERSTAL) อัตราร้อยละ ๓๕.๑๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ค) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๓๕.๑๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๔) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐคาซัคสถาน ซึ่งผลิตจาก (ก) JSC ARCELORMITTAL TEMIRTAU (ชื่อเดิม OJSC ISPAT KARMET) อัตราร้อยละ ๑๐๙.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๑๐๙.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๕) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งผลิตจาก (ก) STEEL AUTHORITY OF INDIA LIMITED, JINDAL VIJAYANAGAR STEEL LIMITED และ ISPAT INDUSTRIES LIMITED อัตราร้อยละ ๒๖.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) TATA STEEL LIMITED (ชื่อเดิม THE TATA IRON AND STEEL COMPANY LIMITED) อัตราร้อยละ ๓๑.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ค) ESSAR STEEL LIMITED อัตราร้อยละ ๒๖.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ง) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๓๑.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๖) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งผลิตจาก (ก) POSCO (ชื่อเดิม POHANG IRON AND STEEL CO., LTD) อัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๑๓.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๗) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ซึ่งผลิตจาก (ก) CHINA STEEL CORPORATION และ CHUNG HUNG STEEL CORPORATION (ชื่อเดิม YIEH LOONG ENTERPRISE CO., LTD) อัตราร้อยละ ๓.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๒๕.๑๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๘) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเวเนซูเอลา ซึ่งผลิตจาก (ก) SIDERURGICA DEL ORINOCO, SIDOR, C.A. อัตราร้อยละ ๗๘.๔๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๗๘.๔๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๙) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอาร์เจนตินา ซึ่งผลิตจาก (ก) SIDERAR S.A.I.C. อัตราร้อยละ ๓๗.๙๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๕๓.๐๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๐) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน ซึ่งผลิตจาก (ก) ILYICH IRON&STEEL WORKS OF MARIUPOL อัตราร้อยละ ๓๐.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๖๗.๖๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๑) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย ซึ่งผลิตจาก (ก) ISPAT ANNABA S.P.A. อัตราร้อยละ ๓๓.๒๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๓๓.๒๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๒) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจาก (ก) PT KRAKATAU STEEL อัตราร้อยละ ๒๔.๔๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๒๔.๔๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๓) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสโลวัก ซึ่งผลิตจาก (ก) U.S. STEEL KOSICE, s.r.o อัตราร้อยละ ๕๑.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๕๑.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๔) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโรมาเนีย ซึ่งผลิตจาก (ก) COMBINATUL SIDERURGIC ISPAT SIDEX SA อัตราร้อยละ ๒๗.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๒๗.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. โดยให้มีผลนับแต่วันที่ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒ มีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ อิทธิพล ช้างหลำ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๘๗ ง/หน้า ๖/๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๒
605039
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. 2552
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด และทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการ ฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศต่าง ๆ รวม ๑๔ ประเทศ เป็นกำหนดเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และต่อมาบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าวต่อไปอีก ๕ ปี ตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยแสดงเหตุผลข้อเท็จจริงว่า หากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศข้างต้น จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป หรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีกซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดตามที่บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ยื่นคำขอ พร้อมทั้งให้ทบทวนขอบเขตของสินค้าดังกล่าวด้วย ตามประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวักและประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ นั้น คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ และวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ดังนี้ (๑) การทบทวนขอบเขตสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน เห็นควรให้สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อสำหรับใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีชนิดจุ่มชุบ (Galvanize Iron : GI) อยู่ในข่ายสินค้าที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป และให้สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อสำหรับใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize : EG) กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance/Electrical Appliance : HA/EA) และกลุ่มยานยนต์ (Automotive : AUTO) ไม่อยู่ในข่ายสินค้าที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (๒) หากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย จะทำให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก จึงมีมติให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าวต่อไปอีกเป็นเวลาห้าปี ตามอัตราที่กำหนดเดิม ทั้งนี้ สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเพื่อรีดเย็นต่อที่นำไปใช้ในกลุ่มเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (Electro Galvanize : EG) กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Home Appliance/Electrical Appliance : HA/EA) และกลุ่มยานยนต์ (Automotive : AUTO) ไม่อยู่ในข่ายสินค้าที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ และวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นกำหนดเวลาห้าปี ข้อ ๓ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย ตามบัญชีท้ายประกาศนี้ ในอัตราที่กำหนด ดังนี้ (๑) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตจาก (ก) JFE STEEL CORPORATION อัตราร้อยละ ๓.๒๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) NIPPON STEEL CORPORATION อัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ค) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๓๖.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งผลิตจาก (ก) ISCOR LIMITED และ SALDANHA STEEL (PTY) LTD อัตราร้อยละ ๑๒๘.๑๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๑๒๘.๑๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๓) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสหพันธ์รัฐรัสเซีย ซึ่งผลิตจาก (ก) NOVOLIPETSK IRON & STEEL CORPORATION อัตราร้อยละ ๒๔.๒๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) JSC SEVERSTAL อัตราร้อยละ ๓๕.๑๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ค) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๓๕.๑๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๔) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐคาซัคสถาน ซึ่งผลิตจาก (ก) JSC ARCELORMITTAL TEMIRTAU (ชื่อเดิม OJSC ISPAT KARMET) อัตราร้อยละ ๑๐๙.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๑๐๙.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๕) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งผลิตจาก (ก) STEEL AUTHORITY OF INDIA LIMITED, JINDAL VIJAYANAGAR STEEL LIMITED และ ISPAT INDUSTRIES LIMITED อัตราร้อยละ ๒๖.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) TATA STEEL LIMITED (ชื่อเดิม THE TATA IRON AND STEEL COMPANY LIMITED) อัตราร้อยละ ๓๑.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ค) ESSAR STEEL LIMITED อัตราร้อยละ ๒๖.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ง) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๓๑.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๖) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งผลิตจาก (ก) POSCO (ชื่อเดิม POHANG IRON AND STEEL CO., LTD) อัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๑๓.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๗) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ซึ่งผลิตจาก (ก) CHINA STEEL CORPORATION และ CHUNG HUNG STEEL CORPORATION (ชื่อเดิม YIEH LOONG ENTERPRISE CO., LTD) อัตราร้อยละ ๓.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๒๕.๑๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๘) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเวเนซูเอลา ซึ่งผลิตจาก (ก) SIDERURGICA DEL ORINOCO, SIDOR, C.A. อัตราร้อยละ ๗๘.๔๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๗๘.๔๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๙) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอาร์เจนตินา ซึ่งผลิตจาก (ก) SIDERAR S.A.I.C. อัตราร้อยละ ๓๗.๙๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๕๓.๐๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๐) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน ซึ่งผลิตจาก (ก) ILYICH IRON&STEEL WORKS OF MARIUPOL อัตราร้อยละ ๓๐.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๖๗.๖๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๑) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย ซึ่งผลิตจาก (ก) ISPAT ANNABA S.P.A. อัตราร้อยละ ๓๓.๒๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๓๓.๒๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๒) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจาก (ก) PT KRAKATAU STEEL อัตราร้อยละ ๒๔.๔๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๒๔.๔๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๓) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสโลวัก ซึ่งผลิตจาก (ก) U.S. STEEL KOSICE, s.r.o อัตราร้อยละ ๕๑.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๕๑.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๔) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโรมาเนีย ซึ่งผลิตจาก (ก) COMBINATUL SIDERURGIC ISPAT SIDEX SA อัตราร้อยละ ๒๗.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น อัตราร้อยละ ๒๗.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ การยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการทบทวนอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่องการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๕ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน [เอกสารแนบท้าย] ๑. บัญชีท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๒ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๗๓ ง/หน้า ๑๙/๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๒
603206
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ผลการไต่สวนเบื้องต้นกรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟต หรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2552
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ผลการไต่สวนเบื้องต้นกรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟต หรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ กำหนดมาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนพ.ศ. ๒๕๕๒ นั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนหรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวนให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดการไต่สวน บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟต ได้ยื่นคำขอต่อกรมการค้าต่างประเทศให้ดำเนินการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟต พิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๒๘๓๕.๓๑๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศพิจารณาแล้วเห็นว่าคำขอมีรายละเอียดและพยานหลักฐานครบถ้วนถูกต้อง จึงได้เสนอคำขอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณา ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการได้มีคำวินิจฉัยว่า คำขอมีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหายกรมการค้าต่างประเทศจึงได้ออกประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟต ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้ ๑.๑ สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๒๘๓๕.๓๑๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ (๑) Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. (๒) Kunming Malong Chemical Co., Ltd. (๓) Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. (๔) Jiangyin Chengxing Industrial Group Co., Ltd. (๕) Chongqing Chuandong Chemical Group Co., Ltd. (๖) Guizhou Jiang Fong Chemical Co., Ltd. (๗) Wuhan Inorganic Salt Chemical Plant Co., Ltd. (๘) Xuzhou Tian Fu Chemical Co., Ltd. (๙) Yang Quan Nan Mei Group Chemical Co., Ltd. (๑๐) Luoping Grasun Co., Ltd. (๑๑) Hefei Sifang Phosphate Compound Fertilizer Co., Ltd. (๑๒) Sichuan Blue Sword Chemical (Group) Co., Ltd. (๑๓) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นนอกจาก (๑) ถึง (๑๒) ๑.๒.๒ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (๒) บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด (๓) บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด (๔) บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด (๕) บริษัท เซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด (๖) บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (๗) บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (๘) บริษัท เนชั่นแนล สตาร์ช แอนด์ เคมิเคิล (ไทยแลนด์) จำกัด (๙) บริษัท ไทยฟูด แอนด์ เคมิคอล จำกัด (๑๐) บริษัท จิรคร จำกัด (๑๑) บริษัท เทพไทย เคมี จำกัด (๑๒) บริษัท คอนแนลล์ บราเดอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (๑๓) บริษัท ไทยเฟลเวอร์ แอนด์ แฟรกแร็นซ์ จำกัด (๑๔) บริษัท โรเดีย (ประเทศไทย) จำกัด (๑๕) บริษัท วิคกี้ เอนเตอร์ไพรซ์ จำกัด (๑๖) บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด (๑๗) บริษัท วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (๑๘) บริษัท สหสิทธิ์ อิมปอร์ต แอนด์ เอ๊กปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด (๑๙) บริษัท สยามยูเนียนอินเตอร์เคมีคอล จำกัด (๒๐) บริษัท สาธรเคม จำกัด (๒๑) ผู้นำเข้ารายอื่นนอกจาก (๑) ถึง (๒๐) ๑.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ คือ บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ๑.๒.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีนในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อเท็จจริง กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน คือ บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ ๒๗ ถึงวันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และเนื่องจากมีผู้ผลิตและผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวนมาก กรมการค้าต่างประเทศจึงได้ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง (Sampling) จากผู้ผลิตและผู้ส่งออกดังกล่าว โดยให้ตอบข้อมูลเบื้องต้นเฉพาะข้อมูลการผลิตและการส่งออก เพื่อนำมาคัดเลือกบริษัทที่มีปริมาณการส่งออกมาประเทศไทยมากที่สุด ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ผลิตและผู้ส่งออกตอบกลับแบบสอบถามเบื้องต้นจำนวน ๓ ราย คือ Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. Kunming Malong Chemical Co., Ltd. และ Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. กรมการค้าต่างประเทศจึงส่งแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ไปให้เพื่อตอบแบบสอบถาม ซึ่งผู้ผลิตและผู้ส่งออกทั้ง ๓ รายดังกล่าวให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม และได้ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของผู้ผลิตและผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน คือ Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. และ Kunming Malong Chemical Co., Ltd. เมื่อวันที่ ๑๐ ถึงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ และ Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. เมื่อวันที่ ๒๒ ถึงวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๓ ผลการพิจารณาไต่สวนการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดกรณีของผู้ที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามจะพิจารณาจากข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตและผู้ส่งออกแต่ละราย ส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด (Investigation Period) คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณาที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์มี ๓ ราย คือ Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. Kunming Malong Chemical Co., Ltd. และ Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. โดยทั้ง ๓ รายดังกล่าวมีปริมาณส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการนำเข้ารวมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามสถิติของกรมศุลกากรภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรของสินค้าที่ถูกพิจารณา คิดรวมกันเป็นร้อยละ ๒๘.๗๗ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสรุปการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ภายใต้หลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ ดังนี้ ๓.๑ Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๘.๗๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓.๒ Kunming Malong Chemical Co., Ltd. (๑) มูลค่าปกติ เป็นมูลค่าที่คำนวณ (Constructed Value) โดยคำนวณจากต้นทุนการผลิตในประเทศแหล่งกำเนิดรวมกับจำนวนที่เหมาะสมของค่าใช้จ่ายในการจัดการ การขาย ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และกำไร ตามหลักเกณฑ์มาตรา ๑๕ (๒) เนื่องจากเมื่อพิจารณาข้อมูลการขายภายในประเทศตามที่รายงาน พบว่าราคาขายไม่ใช่ในทางการค้าปกติ (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อม การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๙.๓๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓.๓ Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ราคา ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อม การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๖.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓.๔ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น คำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ประกอบมาตรา ๒๗ โดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ คือ มูลค่าปกติและราคาส่งออกตามแบบคำขอ ของอุตสาหกรรมภายใน ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการได้วินิจฉัยความเสียหายเบื้องต้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตามมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากอุตสาหกรรมภายใน จำนวน ๑ ราย คือ บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้า จำนวน ๖ ราย คือ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท จิรคร จำกัด บริษัท เทพไทย เคมี จำกัด บริษัท ไทยเฟลเวอร์ แอนด์ แฟรกแร็นซ์ จำกัด และบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๓ ราย คือ Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. Kunming Malong Chemical Co., Ltd. และ Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. ซึ่งได้ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามครบถ้วน ทั้งนี้ ข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง (ปี ๒๕๔๘ ถึงปี ๒๕๕๐) โดยช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และช่วงระยะเวลาเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ผลการพิจารณาความเสียหายเบื้องต้น ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๔.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ๔.๑.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติของกรมศุลกากรพบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๙๒.๐๒ เป็นร้อยละ ๙๗.๓๓ ของปริมาณการนำเข้ารวมในขณะที่ปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นรวมกันมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ ๗.๙๘ เป็นร้อยละ ๒.๖๗ ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ๔.๑.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ การทุ่มตลาดทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาสินค้าชนิดเดียวกัน ในตลาดภายในประเทศของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะการตัดราคา โดยสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการขายตัดราคาระหว่างร้อยละ ๑๓ ถึงร้อยละ ๑๗ ในปี ๒๕๔๘ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด และมีแนวโน้มการกดราคาในปี ๒๕๔๘ ถึงปี ๒๕๕๐ ๔.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายลดลงอย่างต่อเนื่องระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในประสบภาวะขาดทุนในปี ๒๕๔๙ แต่มีกำไรเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตลดลงอย่างต่อเนื่องระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงอย่างมากตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ความสามารถในการผลิต เมื่อพิจารณาจากอัตราของผลผลิตที่ได้เปรียบเทียบกับวัตถุดิบที่ใช้ พบว่าความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมภายในคงที่ ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การใช้กำลังการผลิต การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในลดลงอย่างต่อเนื่องระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ราคาสินค้าภายในประเทศ สินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีราคาขายต่ำกว่าราคาสินค้าของอุตสาหกรรมภายใน ระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ทำให้อุตสาหกรรมภายในต้องปรับลดราคาขายลงเพื่อแข่งขันกับสินค้าทุ่มตลาด กระแสเงินสด อุตสาหกรรมภายในมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๘ และปี ๒๕๔๙ เนื่องจากการควบรวมกิจการในช่วงปลายปี ๒๕๔๘ และมีกระแสเงินสดลดลงในปี ๒๕๕๐ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังมีการเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในปี ๒๕๔๙ และลดลงเล็กน้อย ในปี ๒๕๕๐ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดและช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด พบว่าสินค้าคงคลังมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การจ้างงาน พิจารณาจากจำนวนแรงงาน โดยอุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยต่อเดือนลดลงโดยตลอดตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อัตราการเจริญเติบโต พิจารณาจากปริมาณการขายภายในประเทศ อุตสาหกรรมภายในมีอัตราการเจริญเติบโตลดลงอย่างต่อเนื่องในระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงปี ๒๕๕๐ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วง ระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน อุตสาหกรรมภายในไม่มีการเพิ่มทุนตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยมีอัตราการทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนร้อยละ ๖.๙๕ ถึงร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งการทุ่มตลาดดังกล่าวส่งผลให้มีการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๙๒.๐๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ในปี ๒๕๔๘ เป็นร้อยละ ๙๗.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ๔.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ๔.๓.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติการนำเข้าของกรมศุลกากรพบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่นรวมกันเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ ๗.๙๘ ในปี ๒๕๔๘ เป็นร้อยละ ๒.๖๗ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ๔.๓.๒ ความต้องการใช้ภายในประเทศ ความต้องการใช้สินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศมีอัตราลดลงในระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงปี ๒๕๔๙ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากปี ๒๕๔๙ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายของอุตสาหกรรมภายในมีอัตราลดลงมากกว่าการลดลงของความต้องการใช้ภายในประเทศระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงปี ๒๕๔๙ และมีการลดลงอย่างต่อเนื่องแม้ความต้องการใช้ภายในประเทศได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศของอุตสากรรมภายในและของประเทศอื่น ๆ พบว่าลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวน ในขณะที่ส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศของสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนกลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิได้มีสาเหตุมาจากการหดตัวของตลาด หรือการลดลงของอุปสงค์ จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เนื่องจาก (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (๒) มีผลกระทบต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศโดยมีการขายตัดราคา และมีแนวโน้มการกดราคา (๓) มีผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายใน ซึ่งจากการพิจารณาปัจจัยที่บ่งบอกเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมภายใน ปรากฏว่าสัดส่วนการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสูงขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศของอุตสาหกรรมภายในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง และทำให้ยอดจำหน่ายในประเทศ ปริมาณการขายในประเทศ ผลผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิต ค่าจ้างแรงงานและอัตราการเจริญเติบโตลดลงรวมทั้งทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานมีแนวโน้มลดลง (๔) มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศพ.ศ. ๒๕๔๒ โดยในช่วงปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด สัดส่วนการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือ จากร้อยละ ๙๒.๐๒ ในปี ๒๕๔๘ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๙๗.๓๓ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๖.๙๕ ถึงร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน อันได้แก่ ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น และความต้องการใช้ภายในประเทศ พบว่ามิใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน สรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๕ ผลคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับจากการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายข้างต้นแล้ว มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า การนำเข้าสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ อันมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว โดยให้เรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นกำหนดเวลาสี่เดือน นับแต่วันที่ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๒ มีผลใช้บังคับจากการนำเข้าสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๒๘๓๕.๓๑๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก (๑) Yibin Tianyuan Group Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๘.๗๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) Kunming Malong Chemical Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๙.๓๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๓) Hubei Xingfa Chemicals Group Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๔) รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ทั้งนี้หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นรับคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดมาตรการชั่วคราว รวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ อิทธิพล ช้างหลำ รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๕๘ ง/หน้า ๒๒/๒๑ เมษายน ๒๕๕๒
603204
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้ การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจาก ประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. 2552
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจาก ประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑ และประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑ ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๙.๓๒ ๗๒๑๙.๓๓ ๗๒๑๙.๓๔ ๗๒๑๙.๓๕ และ ๗๒๒๐.๒๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลา ๕ ปี และไม่ต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าวที่มีแหล่งกำเนิดจากสหภาพยุโรป นั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนหรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวนให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ความเป็นมา คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ออกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๙.๓๒ ๗๒๑๙.๓๓ ๗๒๑๙.๓๔ ๗๒๑๙.๓๕ และ ๗๒๒๐.๒๐ ตามบัญชีท้ายประกาศที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ในอัตราร้อยละ ๐ ถึงร้อยละ ๕๐.๙๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นกำหนดเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ บริษัท ไทยน๊อคซ์สเตนเลส จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ได้ยื่นคำขอให้ทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าว ข้อ ๒ การเปิดการทบทวน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ กรมการค้าต่างประเทศจึงได้ออกประกาศ เรื่อง เปิดทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และในระหว่างการทบทวน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ออกประกาศ เรื่อง เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ กรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการตามกระบวนการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริง ดังต่อไปนี้ ๒.๑ สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๙.๓๒ ๗๒๑๙.๓๓ ๗๒๑๙.๓๔ ๗๒๑๙.๓๕ และ ๗๒๒๐.๒๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นสินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าที่ถูกพิจารณาในการไต่สวนครั้งแรก ๒.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๒.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในต่างประเทศ ได้แก่ (๑) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตจาก (ก) บริษัท Sumitomo Metal Industries, Ltd. และบริษัท Sumitomo Metal (Naoetsu), Ltd. (ข) บริษัท JFE Steel Corporation (ค) บริษัท Nisshin Steel Co.,Ltd. (ง) บริษัท Nippon Kinzoku Co.,Ltd. (จ) บริษัท Nippon Steel and Sumikin Stainless Steel Corporation (ฉ) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น นอกจาก (ก) ถึง (จ) (๒) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสหภาพยุโรป ซึ่งผลิตจาก (ก) บริษัท Thyssen Krupp Nirosta GMBH และบริษัท Thyssen Krupp Acciai Speciali Terni Spa (ข) บริษัท Avesta Polarit Stainless Oy และบริษัท Avesta Polarit AB. (Nyby and Avesta KBR) (ค) บริษัท Acerinox, S.A. (ง) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น นอกจาก (ก) ถึง (ค) (๓) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ซึ่งผลิตจาก (ก) บริษัท Chia Far Industrial Factory (ข) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น นอกจาก (ก) (๔) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ๒.๒.๒ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) บริษัท ไมย์เออร์ อินดัสตรีย์ จำกัด (๒) บริษัท เมททัลฟอร์มเอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด (๓) บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ เอเซีย จำกัด (๔) บริษัท ชาร์พ แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (๕) บริษัท นิปปอนคินโซคุ (ประเทศไทย) จำกัด (๖) บริษัท ซี เอส เมทอล จำกัด (๗) บริษัท ซีเอสนันเฟอร์รัสเซ็นเตอร์ จำกัด (๘) ห้างหุ้นส่วนจำกัด จุ้งหลีอุตสาหกรรม (๙) บริษัท ฮอนด้า เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (๑๐) บริษัท ทีแคป จำกัด (๑๑) บริษัท ลัคกี้เฟลม จำกัด (๑๒) บริษัท อุตสาหกรรมสเตนเลสเคหภัณฑ์ จำกัด (๑๓) บริษัท เฟดเดอรัล อิเล็คตริค จำกัด (๑๔) บริษัท พานาโซนิค โฮม แอ็พไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (๑๕) บริษัท ฮิตาชิ คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด (๑๖) บริษัท พัฒนานาฬิกา จำกัด (๑๗) บริษัท นาสโตะ (ประเทศไทย) จำกัด (๑๘) บริษัท ฮันวา สตีล เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด (๑๙) บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (๒๐) บริษัท โตโย มิลเลนเนียม จำกัด (๒๑) บริษัท ซีวีก้า (ไทยแลนด์) จำกัด (๒๒) บริษัท เกรท เฉียง จำกัด (๒๓) บริษัท เสถียรสเตนเลสสตีล จำกัด (มหาชน) (๒๔) ผู้นำเข้ารายอื่น นอกจาก (๑) ถึง (๒๓) ๒.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ คือ บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) ๒.๒.๔ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๒.๒.๕ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ๒.๒.๖ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ๒.๒.๗ สมาคมอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทย ๒.๒.๘ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ๒.๒.๙ สำนักงานคณะผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทย ๒.๒.๑๐ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ๒.๒.๑๑ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ๒.๓ ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการทบทวน ๒.๓.๑ การพิจารณาการทุ่มตลาด ใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒.๓.๒ การพิจารณาความเสียหาย ใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อมูลที่แสดงแนวโน้มของปี ๒๕๕๑ และปี ๒๕๕๒ ข้อ ๓ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในประเทศญี่ปุ่น โดยมีผู้ที่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามครบถ้วน ๑ ราย คือ บริษัท Nippon Kinzoku Co.,Ltd. และ ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน คือ บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ ๑๔ ถึงวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และวันที่ ๑๙ ถึงวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามลำดับ พบว่าข้อมูลคำตอบในแบบสอบถามมีความน่าเชื่อถือและสามารถยอมรับได้ เนื่องจากมีความถูกต้องตามหลักการบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารหลักฐานต้นฉบับ ส่วนผู้ผลิตและผู้ส่งออกอื่นไม่ได้ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามอย่างเพียงพอเพื่อใช้ในการพิจารณา จึงใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๔ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดทำร่างผลทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างผลการพิจารณาทบทวนซึ่งแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดให้ผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อเปิดโอกาสให้เสนอข้อคิดเห็น ข้อโต้แย้งหรือแจ้งความจำนงขอแถลงด้วยวาจาภายในวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งปรากฏว่ามีผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อคิดเห็นและ ข้อโต้แย้ง ดังนี้ ๔.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสหภาพยุโรป ๑ ราย โต้แย้งว่าการไม่ต่ออายุมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าจากสหภาพยุโรปจะไม่ทำให้เกิดการทุ่มตลาดฟื้นกลับคืนมา เนื่องจากความต้องการสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นในสหภาพยุโรปยังคงอยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประเทศไทยไม่ใช่ตลาดหลักของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสหภาพยุโรป สินค้าส่งออกจากสหภาพยุโรปไม่ได้เป็นสินค้าที่แข่งขันโดยตรงกับสินค้าที่ผลิตโดยอุตสาหกรรมภายในเนื่องจากสินค้าจากสหภาพยุโรปส่วนใหญ่เป็นสินค้าชั้นคุณภาพพิเศษที่มีราคาสูงและอุตสาหกรรมภายในของไทยไม่สามารถผลิตได้ และแนวโน้มความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในเกิดจากสินค้าทุ่มตลาดของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในภูมิภาคเอเชีย ๔.๒ ผู้นำเข้าจำนวน ๘ ราย ให้ข้อมูลและร้องเรียนว่า ๔.๒.๑ อุตสาหกรรมภายในไม่มีกระบวนการผลิตสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมที่ครบวงจรและต้องนำเข้าวัตถุดิบจากหลายแหล่ง ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพสินค้าที่ผลิตได้ตามความต้องการของลูกค้า อีกทั้งไม่สามารถผลิตสินค้าบางประเภทได้ตามคุณภาพที่ผู้ใช้หรือผู้นำเข้าต้องนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าต่อเนื่องคุณภาพสูงได้ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมภายในได้ปฏิเสธและบอกเลิกคำสั่งซื้อของผู้ใช้ในประเทศเนื่องจากมีปริมาณการสั่งซื้อไม่มากและปฏิเสธการผลิตในบางชั้นคุณภาพ ๔.๒.๒ ในช่วงระยะเวลา ๕ ปีของการบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดที่ผ่านมาไม่ปรากฎชัดว่ามีการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดมาเพื่อสร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมภายในนอกจากนี้ภาวะขาดแคลนวัตถุดิบในตลาดโลกทำให้ประเทศที่ถูกพิจารณาลดปริมาณการส่งออกเพื่อบรรเทาภาวะขาดแคลนภายในประเทศ ๔.๒.๓ การต่ออายุมาตรการเป็นการเพิ่มภาระต้นทุนให้กับผู้นำเข้าซึ่งใช้เหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นเป็นวัตถุดิบ ส่งผลให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก และกระทบต่อการจ้างงาน อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นในการต่ออายุมาตรการควรพิจารณาทบทวนขอบเขตของสินค้าให้ใช้มาตรการเพียงในส่วนที่อุตสาหกรรมภายในสามารถผลิตได้เท่านั้น ๔.๒.๔ ผู้นำเข้าส่วนใหญ่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนร้องเรียนให้มีการ ยกเว้นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้ามาเพื่อการส่งออก เนื่องจากจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าที่มีระดับชั้นคุณภาพสูงซึ่งอุตสาหกรรมภายในไม่สามารถผลิตให้ได้ตามความต้องการ ๔.๓ รัฐบาลประเทศญี่ปุ่น โต้แย้งว่าการไม่ยกเว้นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าที่นำเข้าเพื่อการส่งออกไม่สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเป็นการเพิ่มภาระทางการเงินให้กับผู้ผลิตญี่ปุ่นในประเทศไทยที่มีความจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น อาจส่งผลให้ผู้ผลิตญี่ปุ่นขาดแรงจูงใจและพิจารณาปรับโครงสร้างการลงทุน ๔.๔ ผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทย ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลข้อเท็จจริงที่ใช้ในการพิจารณาทบทวนว่า สินค้าที่ถูกพิจารณาที่ส่งออกจากสหภาพยุโรปมายังประเทศไทยในช่วงระยะเวลาการทบทวนไม่ได้ส่งออกในราคาทุ่มตลาด จึงขอให้พิจารณายุติการใช้มาตรการดังกล่าวกับสินค้าจากสหภาพยุโรป ๔.๕ กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรม และสมาคมอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทย ขอให้ยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเป็นต้นทุนสูงถึงร้อยละ ๑๐ ถึงร้อยละ ๕๐ ส่งผลให้สูญเสียศักยภาพในการแข่งขันนอกจากนี้ ประเทศไทยยังมิใช่ตลาดหลักของผู้ผลิตในต่างประเทศ ๔.๖ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ให้ข้อคิดเห็นว่าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นเป็นสินค้าที่มีความหลากหลายในชั้นคุณภาพหรือประเภทผิว การเลือกใช้งานจะแตกต่างกันตามชั้นคุณภาพและประเภทผิว นอกจากนี้ เหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงเมื่อเทียบกับสินค้าเหล็กกล้าประเภทอื่นและไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้ ซึ่งด้วยข้อจำกัดที่มีผู้ผลิตในประเทศเพียงรายเดียวทำให้การใช้วัตถุดิบในประเทศอาจไม่สะดวก โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ซื้อมีความต้องการใช้น้อยกว่าปริมาณขั้นต่ำที่จะทำการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ อีกทั้งการผลิตเพื่อการส่งออกของอุตสาหกรรมบางประเภทจำเป็นต้องมีต้นทุนต่ำเพื่อรักษาระดับต้นทุนให้สามารถแข่งขันได้ ดังนั้น อาจพิจารณายกเว้นการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้ามาเพื่อการส่งออก ซึ่งที่ผ่านมาผู้ผลิตในประเทศก็ไม่ได้รับผลกระทบจากการยกเว้นดังกล่าว ๔.๗ อุตสาหกรรมภายใน ให้ข้อคิดเห็นว่าการบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดในปี ๒๕๔๖ ทำให้อุตสาหกรรมภายในสามารถแข่งขันในตลาดในประเทศได้มากขึ้น แต่หากยุติการใช้มาตรการดังกล่าว อุตสาหกรรมภายในคาดการณ์ว่าจะส่งผลเชิงลบต่อสถานะการดำเนินงานของอุตสาหกรรมภายในทั้งในด้านส่วนแบ่งตลาด ปริมาณการขายในประเทศ ความสามารถในการเพิ่มทุนการเติบโตของธุรกิจ ผลตอบแทนการลงทุน กระแสเงินสด และรายได้ นอกจากนี้ แม้ว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาลดลงอย่างชัดเจนหลังจากมีมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดในปี ๒๕๔๖ แต่ในปี ๒๕๕๐ พบว่ามีการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลีในระดับที่สูงกว่าปี ๒๕๔๖ ประกอบกับสถานการณ์ในตลาดโลกที่มีกำลังการผลิตส่วนเกิน ซึ่งรวมถึงประเทศที่ถูกพิจารณา จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการส่งออกสินค้ามายังประเทศไทยมากขึ้น สำหรับข้อโต้แย้งและข้อร้องเรียนข้างต้น กรมการค้าต่างประเทศได้นำประเด็นเกี่ยวกับความจำเป็นในการนำเข้าสินค้ามาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้าส่งออกเสนอต่อคณะอนุกรรมการพิจารณารายละเอียดทางเทคนิคของสินค้าเหล็ก ซึ่งคณะอนุกรรมการพิจารณารายละเอียดทางเทคนิคของสินค้าเหล็กมีข้อสรุปว่า ประเด็นดังกล่าวมีนัยสำคัญให้เปิดการทบทวนขอบเขตของสินค้าภายใต้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นได้ หากมีการยื่นขอทบทวนโดยผู้มีส่วนได้เสีย และสำหรับการยกเว้นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อการส่งออกไม่อยู่ในกรอบของการยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ดังนั้น หากผู้นำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นมาเพื่อการส่งออกไม่สามารถใช้สินค้าที่ผลิตโดยอุตสาหกรรมภายในได้ ให้ยื่นขอทบทวนขอบเขตสินค้าภายใต้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าที่ถูกพิจารณา ข้อ ๕ ผลการพิจารณาทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อมูลที่ได้รับจากผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายและผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล รวมทั้งข้อคิดเห็นต่อร่างผลการทบทวนมาพิจารณาจัดทำรายงานผลการทบทวนเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้ ๕.๑ ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด กรณีของผู้ที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามจะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกแต่ละรายส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม หรือกรณีผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น จะพิจารณาใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการทบทวน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบในต่างประเทศที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามมี ๑ ราย คือ บริษัท Nippon Kinzoku Co., Ltd. ซึ่งมีปริมาณการส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทย เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้ารวมจากประเทศญี่ปุ่นตามสถิติกรมศุลกากรภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรที่ถูกไต่สวนคิดเป็นร้อยละ ๑๕ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดจากประเทศญี่ปุ่น สรุปการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณาภายใต้หลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ มีดังนี้ ๕.๑.๑ ประเทศญี่ปุ่น (๑) บริษัท Nippon Kinzoku Co., Ltd. มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในประเทศญี่ปุ่นตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติและราคาส่งออก ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งพบว่ามีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา (๒) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น พิจารณาจากข้อมูลของ MEPS (International) Ltd. และ Heinz H.Parlser Alloy Metals & Steel Market Research ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน และปรับเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน ปรากฏว่ามีการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา ๕.๑.๒ ไต้หวัน การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกไต้หวันพิจารณาจากข้อมูลของ MEPS (International) Ltd. และ Heinz H.Parlser Alloy Metals & Steel Market Research ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน และปรับเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน ปรากฏว่ามีการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา ๕.๑.๓ สหภาพยุโรป การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสหภาพยุโรปพิจารณาจากข้อมูลของ MEPS (International) Ltd. และ Heinz H.Parlser Alloy Metals & Steel Market Research ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน และปรับเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันไม่ปรากฏว่ามีการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา ๕.๑.๔ สาธารณรัฐเกาหลี การพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกเกาหลี พิจารณาจากข้อมูลของ MEPS (International) Ltd. และ Heinz H.Parlser Alloy Metals & Steel Market Research ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน และปรับเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันปรากฏว่ามีการทุ่มตลาดของสินค้าที่ถูกพิจารณา ดังนั้น การส่งออกสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี มายังประเทศไทยยังคงมีการทุ่มตลาด นอกจากนี้สินค้าจากทั้ง ๓ ประเทศดังกล่าวยังถูกใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและมาตรการตอบโต้ทางการค้าอื่นโดยสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สหพันธรัฐรัสเซีย จึงพิจารณาได้ว่าหากประเทศไทยยุติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าวที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป ๕.๒ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้วินิจฉัยความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยนำข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน ๑ ราย คือ บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน)และผู้นำเข้า ๘ ราย มาพิจารณาปริมาณและราคาของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ และผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ได้แก่ ยอดจำหน่าย กำไร ผลผลิต ส่วนแบ่งตลาด ความสามารถในการผลิต ผลตอบแทนการลงทุน กำลังการผลิต และการใช้กำลังการผลิต ความต้องการใช้ภายในประเทศและส่วนแบ่งตลาด กระแสเงินสด สินค้าคงคลัง การจ้างงาน ค่าจ้างแรงงาน อัตราการเจริญเติบโต และความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน ปรากฏว่าหากไม่ต่ออายุมาตรการ จะเกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ได้แก่ ปริมาณและมูลค่าการขายในประเทศ กำไรสุทธิ ผลผลิต อัตราการใช้กำลังการผลิตผลตอบแทนการลงทุน และกระแสเงินสด ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน อีกทั้งประเทศที่ถูกพิจารณาทั้ง ๔ ประเทศมีกำลังการผลิตส่วนเกินแม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าปริมาณการบริโภคสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นอาจปรับตัวสูงขึ้นในปี ๒๕๕๑ และปี ๒๕๕๒ แต่กำลังการผลิตและปริมาณการผลิตของประเทศที่ถูกพิจารณาทั้ง ๔ ประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงซึ่งส่งผลให้ยังคงสถานภาพเป็นผู้ส่งออกในตลาดโลก การพิจารณาปัจจัยอื่นที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิตินำเข้าของกรมศุลกากร พบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นจากประเทศอื่นรวมกันเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าของประเทศที่ถูกพิจารณามีสัดส่วนลดลงนับแต่ปี ๒๕๔๖ เป็นต้นมา (๒) ความต้องการใช้ภายในประเทศ ความต้องการใช้ภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าสถานการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในประเทศจะส่งผลให้การผลิตและการบริโภคสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นลดลง แต่ภาพรวมตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัว โดยปัจจัยที่เป็นตัวขับเคลื่อน ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง โครงการลงทุนขนาดใหญ่ และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมปลายน้ำของอุตสาหกรรมเหล็กกล้าไร้สนิมจะขยายตัว จากการพิจารณาดังกล่าวข้างต้นสรุปได้ว่า หากไม่ต่ออายุมาตรการจะเกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในต่อไป ๕.๓ ผลการพิจารณาผลกระทบและประโยชน์สาธารณะ ในการพิจารณาผลกระทบและประโยชน์สาธารณะ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งแบบสอบถามเกี่ยวกับการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นต่อไปให้แก่ผู้ใช้หรือผู้นำเข้าภายในประเทศรวม ๑๗ ราย และได้รับความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม รวม ๔ ราย ต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งข้อมูลข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนให้ผู้มีส่วนได้เสีย ปรากฏว่ามีผู้ใช้หรือผู้นำเข้ารวม ๑๑ รายให้ข้อคิดเห็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมภายใน คุณสมบัติสินค้าของอุตสาหกรรมภายใน และขอบเขตของสินค้าที่ถูกพิจารณา ข้อ ๖ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ว่า หากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป จึงมีมติให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ในอัตราอากรเดิมที่เรียกเก็บต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลา ๕ ปี และไม่ต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสหภาพยุโรปเนื่องจากไม่พบการทุ่มตลาดและความเสียหายที่จะทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก ประกอบกับเมื่อพิจารณาข้อร้องเรียนในส่วนที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาตอบแบบสอบถามแล้ว โดยคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกันเห็นสมควรให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ในช่วงระยะเวลาการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด และให้คืนหลักประกันอากรที่ได้เรียกเก็บในช่วงระยะเวลาการทบทวนดังกล่าว ตลอดจนให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อมูลและพยานหลักฐานต่อกรมการค้าต่างประเทศ ภายในวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ รวมทั้งให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นับแต่วันที่ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๒ มีผลใช้บังคับ จนกว่าคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจะประกาศให้ใช้อัตราอากรเดิมที่เรียกเก็บต่อไปหรือเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ อิทธิพล ช้างหลำ รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๕๘ ง/หน้า ๙/๒๑ เมษายน ๒๕๕๒
601274
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2552
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟต ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๒ ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ว่าผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ส่งสินค้าดังกล่าวเข้ามาทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงเห็นสมควรให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นกำหนดเวลาสี่เดือน ข้อ ๓ ให้เรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งดำเนินกิจการหรือมีสาขาดำเนินกิจการในประเทศไทย จากการนำเข้าสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๒๘๓๕.๓๑๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก (๑) Yibin Tianyuan Group Co.,Ltd ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๘.๗๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) Kunming Malong Chemical Co.,Ltd ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๙.๓๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๓) Hubei Xingfa Chemicals Group Co.,Ltd ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๔) รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๔๑ ง/หน้า ๒๕/๑๙ มีนาคม ๒๕๕๒
601270
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. 2552
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๙.๓๒ ๗๒๑๙.๓๓ ๗๒๑๙.๓๔ ๗๒๑๙.๓๕ และ ๗๒๒๐.๒๐ ตามบัญชีรายละเอียดแนบท้ายประกาศ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ในอัตราร้อยละ ๐ ถึงร้อยละ ๕๐.๙๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นกำหนดเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศ เรื่อง เปิดทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามคำขอของบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) โดยในระหว่างการทบทวนได้มีการเรียกหลักประกันตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ไปแล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ว่า หากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป จึงมีมติให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ในอัตราอากรเดิมที่เรียกเก็บต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลา ๕ ปี และไม่ต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสหภาพยุโรป เนื่องจากไม่พบการทุ่มตลาดและความเสียหายที่จะทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก ประกอบกับเมื่อพิจารณาข้อร้องเรียนในส่วนที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาตอบแบบสอบถามแล้ว โดยคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกัน เห็นสมควรให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ในช่วงระยะเวลาการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและให้คืนหลักประกันอากรที่ได้เรียกเก็บในช่วงระยะเวลาการทบทวนดังกล่าว ตลอดจนให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อมูลและพยานหลักฐานต่อกรมการค้าต่างประเทศ ภายในวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อให้คณะอนุกรรมการพิจารณารายละเอียดทางเทคนิคของสินค้าเหล็กพิจารณาประมวลและสรุปผลเสนอคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายในหกเดือนนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ รวมทั้งให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นับแต่ประกาศนี้ใช้บังคับจนกว่าคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจะประกาศให้ใช้อัตราอากรเดิมที่เรียกเก็บต่อไปหรือเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๑๑ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เป็นกำหนดเวลา ๕ ปี ข้อ ๓ ภายใต้บังคับข้อ ๖ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ตามพิกัดอัตราศุลการกรประเภทที่ ๗๒๑๙.๓๒ ๗๒๑๙.๓๓ ๗๒๑๙.๓๔ ๗๒๑๙.๓๕ และ ๗๒๒๐.๒๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ตามบัญชีท้ายประกาศนี้ ในอัตราที่กำหนดดังนี้ (๑) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตจาก (ก) บริษัท Sumitomo Metal Industries, Ltd. และบริษัท Sumitomo Metal (Naoetsu), Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๔.๘๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) บริษัท JFE Steel Corporation ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๙.๘๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ค) บริษัท Nisshin Steel Co.,Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๓๗.๐๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ง) บริษัท Nippon Kinzoku Co.,Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (จ) บริษัท Nippon Steel and Sumikin Stainless Steel Corporation ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๑.๕๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ฉ) ผู้ผลิตรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๕๐.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ซึ่งผลิตจาก (ก) บริษัท Chia Far Industrial Factory ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (ข) ผู้ผลิตรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๓๓.๙๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๓) สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๕๐.๙๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ ไม่ต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสหภาพยุโรป ข้อ ๕ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๙.๓๒ ๗๒๑๙.๓๓ ๗๒๑๙.๓๔ ๗๒๑๙.๓๕ และ ๗๒๒๐.๒๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างการทบทวนตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และให้คืนหลักประกันอากรที่ได้เรียกเก็บในช่วงระยะเวลาการทบทวนดังกล่าวแก่ผู้นำเข้าโดยไม่ชักช้า ข้อ ๖ ในกรณีที่ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตสินค้าภายใต้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับและให้ใช้อัตราอากรดังกล่าวจนกว่าคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจะประกาศให้ใช้อัตราอากรตามข้อ ๓ หรือเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ข้อ ๗ การยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการทบทวนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๘ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน [เอกสารแนบท้าย] ๑. บัญชีท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๔๑ ง/หน้า ๒๑/๑๙ มีนาคม ๒๕๕๒
598693
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนชั้นที่สุดกรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณาผลการไต่สวนชั้นที่สุดกรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้าย และผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่ามีการทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนรวม ๒๓ รายการ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนหรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวนให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ กรมการค้าต่างประเทศได้เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำขอของสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้ ๑.๑ สินค้าที่ไต่สวน สินค้าที่ประกาศไต่สวน คือ สินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ (๑) Qingdao Free Trade Zone, Zhaohai Trade Co., Ltd. (๒) Orient Crown Asia Limited (๓) Weiqiao Textile Company Limited (๔) Baoji Changxin Cloth Co., Ltd. (๕) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นนอกจาก (๑) ถึง (๔) ๑.๒.๒ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) บริษัท เอช. ซี. อิมปอร์ต - เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด (๒) บริษัท ทรินิเต้ จำกัด (๓) ผู้นำเข้ารายอื่นนอกจาก (๑) และ (๒) ๑.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ ในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ ได้แก่ (๑) บริษัท เจียมพัฒนาเท็กซ์ไทล์ส จำกัด (๒) บริษัท พิพัฒนกิจเท็กซ์ไทล์ จำกัด (๓) บริษัท เค คัททัน แอนด์ กอส จำกัด (๔) บริษัท โรงงานส่งเสริมไทยอุตสาหกรรม จำกัด (๕) บริษัท สว่างเท็กซ์ไทล์ จำกัด (๖) บริษัท เอราวัณสิ่งทอ จำกัด (๗) บริษัท งามรุ่งอุตสาหกรรมสิ่งทอ จำกัด (๘) บริษัท กังวาลเท็กซ์ไทล์ จำกัด (๙) บริษัท โรงงานทอผ้ากรุงเทพ จำกัด (๑๐) บริษัท ลัคกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด (มหาชน) (๑๑) บริษัท โรงงานผ้าไทย จำกัด (มหาชน) (๑๒) ผู้ผลิตรายอื่นนอกจาก (๑) ถึง (๑๑) ๑.๒.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีนในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ถึงวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ และวันที่ ๑๙ ถึงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง ที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน โดยใช้วิธีการสุ่มตรวจ ๖ ราย คือ บริษัท เจียมพัฒนาเท็กซ์ไทล์ส จำกัด บริษัท พิพัฒนกิจเท็กซ์ไทล์ จำกัด บริษัท เค คัททัน แอนด์ กอส จำกัด บริษัทโรงงานส่งเสริมไทยอุตสาหกรรม จำกัด บริษัทสว่างเท็กซ์ไทล์ จำกัด และบริษัท เอราวัณสิ่งทอ จำกัด และได้ตรวจสอบ ณ ที่ทำการของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลตามแบบสอบถามและพร้อมรับการตรวจสอบ ๑ ราย คือ Weiqiao Textile Company Limited ข้อ ๓ คำวินิจฉัยเบื้องต้นและการกำหนดมาตรการชั่วคราว เมื่อวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำ ด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ส่งสินค้าดังกล่าวเข้ามาทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายใน และมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว โดยประกาศเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นระยะเวลา ๔ เดือนนับตั้งแต่วันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นไป สำหรับการนำเข้าสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในอัตราดังต่อไปนี้ (๑) สินค้าที่ผลิตจาก Weiqiao Textile Company Limited ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๙.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ และ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และอัตราร้อยละ ๑๑.๔๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ (๒) สินค้าที่ผลิตจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๔.๖๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ และ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และอัตราร้อยละ ๑๔.๕๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ข้อ ๔ การยื่นคำขอข้อเท็จจริงและแสดงความคิดเห็นในการกำหนดมาตรการชั่วคราว เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ กรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ใช้เป็นพื้นฐานในการกำหนดมาตรการชั่วคราว เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียแสดงความเห็นและข้อโต้แย้งการใช้มาตรการดังกล่าวภายในวันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ปรากฏว่า ผู้ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ Weiqiao Textile Company Limited ได้ยื่นข้อโต้แย้งในประเด็นการคำนวณ โดยขอให้ไม่ใช้รายการสินค้าผ้าทอที่บริษัทไม่ได้ผลิตเองแต่เป็นผู้ส่งออกโดยสั่งซื้อจากผู้ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีนรายอื่นในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของบริษัท และไม่ให้ใช้ข้อมูลของ Weiqiao Textile Company Limited ในการคำนวณอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของผู้ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีนรายอื่น นอกจากนี้อุตสาหกรรมต่อเนื่องและผู้ใช้จำนวน ๑๐ ราย ซึ่งนำผ้าทอจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาฟอกย้อมพิมพ์ลายผลิตเป็นผ้าผืนสำเร็จรูปส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ได้มีหนังสือแสดงความเห็นและขอแถลงด้วยวาจาเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการใช้มาตรการชั่วคราวกับสินค้าผ้าทอนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าการประกาศใช้มาตรการชั่วคราวกับสินค้าผ้าทอจากสาธารณรัฐประชาชนจีนส่งผลกระทบให้ผู้นำเข้าเพื่อการส่งออกมีภาระและต้นทุนเพิ่มขึ้น โดยเข้าใจว่าการผลิตผ้าผืนสำเร็จรูปเพื่อส่งออกดังกล่าวจะสามารถขอคืนหรือได้รับการยกเว้นอากรตอบโต้การทุ่มตลาด แต่เมื่อไม่สามารถขอคืนได้หรือไม่ได้รับยกเว้นอากรตอบโต้การทุ่มตลาด จะทำให้ผู้ประกอบการประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและขาดทุนในอนาคต และจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นไม่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ ที่สำคัญอุตสาหกรรมภายในประเทศไม่ผลิตผ้าทอบางโครงสร้าง ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดผ้าผืนในต่างประเทศ ผ้าทอที่สามารถผลิตได้ก็มีปริมาณไม่เพียงพอและไม่สามารถผลิตได้ในเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ การใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดจะเกิดผลกระทบต่อการวางแผนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสิ่งทอของเอเซียตะวันออก ดังนั้น จึงขอให้ยกเลิกหรือยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสำหรับการนำเข้าเพื่อการส่งออกและขอให้คืนหลักประกันอากรที่เรียกเก็บไว้แล้วให้แก่ผู้นำเข้าเพื่อการส่งออก ข้อ ๕ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นฐานในการไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้สรุปผลการไต่สวน ซึ่งแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัยชั้นที่สุด โดยกำหนดขอบเขตสินค้าผ้าทอที่ไต่สวนเฉพาะโครงสร้างสินค้าผ้าทอ ๒๓ รายการ รวมทั้งคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดใหม่และได้ปรับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์เป็นอัตราเดียว เนื่องจากเป็นสินค้าภายใต้การไต่สวนในอุตสาหกรรมผ้าทอชนิดเดียวกัน เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบและแสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งภายในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ปรากฏว่า ๕.๑ ผู้ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ Weiqiao Textile Company Limited ได้ยื่นข้อโต้แย้งขอให้ตัดโครงสร้างผ้าทอ ๒ รายการจากขอบเขตการไต่สวน เนื่องจากเป็นรายการสินค้า ผ้าทอที่อุตสาหกรรมภายในไม่ได้ผลิต และไม่ให้ใช้ข้อมูลของ Weiqiao Textile Company Limited ในการคำนวณอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของผู้ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีนรายอื่น ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ชี้แจงว่า ผ้าทอทั้ง ๒ รายการดังกล่าว มีลักษณะเหมือนกันทุกประการและคล้ายคลึงกันอย่างมากกับสินค้าที่ถูกไต่สวนจึงถือเป็นสินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าผ้าทอที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำนิยาม “สินค้าชนิดเดียวกัน” ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ส่วนประเด็นการใช้ข้อมูลของผู้ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีนมาคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดนั้น ได้ใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ๕.๒ อุตสาหกรรมภายในได้แก่ สมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยและสมาคมอุตสาหกรรมทอผ้าไทย มีข้อโต้แย้งว่าไม่ควรตัดรายการผ้าทอที่ Weiqiao Textile Company Limited ส่งออกโดยซื้อจากผู้ผลิตรายอื่น ออกจากการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดและไม่ควรกำหนดอัตราเฉพาะให้ Weiqiao Textile Company Limited และไม่ควรรวมส่วนเหลื่อมผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายกับผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์เป็นอัตราเดียวในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดรวมทั้งไม่ควรจำกัดขอบเขตการไต่สวนสินค้าผ้าทอภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ เฉพาะสินค้าตามโครงสร้างผ้า ๒๓ รายการ ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้ชี้แจงว่า อากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะพิจารณาเรียกเก็บตามส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดที่คำนวณได้จากผู้ผลิตไม่ใช่ผู้ส่งออก หากผู้ผลิตไม่ได้ผลิตสินค้ารายการใดก็ไม่สามารถนำมาคำนวณเป็นส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดได้ สำหรับการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในกรณีของผู้ที่ให้ความร่วมมือในการไต่สวนโดยให้ข้อมูลข้อเท็จจริง การไต่สวนจะคำนวณจากข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว ส่วนกรณีของผู้ผลิตรายอื่นที่ไม่ได้ให้ความร่วมมือจะใช้ข้อมูลเท่าที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในชั้นที่สุดพิจารณาว่าควรกำหนดเป็นอัตราเดียว เนื่องจากเป็นสินค้าภายใต้การไต่สวนในอุตสาหกรรมผ้าทอชนิดเดียวกัน ทั้งนี้ ได้พิจารณากำหนดขอบเขตของสินค้าผ้าทอโดยพิจารณาจากลักษณะเหมือนกันทุกประการหรือมีลักษณะคล้ายคลึงกันอย่างมากกับสินค้าที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำนิยามในมาตรา ๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ แล้วปรากฏว่ามี ๒๓ รายการ ๕.๓ อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้แก่ สมาคมอุตสาหกรรมฟอกย้อมพิมพ์และตกแต่งสิ่งทอไทย สมาคมพ่อค้าผ้าไทย และผู้นำเข้าเพื่อส่งออก มีข้อคิดเห็นในประเด็นขอให้ยกเว้นมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดในกรณีที่นำเข้ามาผลิตเพื่อการส่งออกเช่นเดียวกับที่ได้รับภายใต้กฎหมายศุลกากรมาตรา ๑๙ ทวิ กฎหมายการส่งเสริมการลงทุน กฎหมายการนิคมอุตสาหกรรมในเขตอุตสาหกรรมส่งออก และเขตปลอดอากร ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ชี้แจงว่า ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการคืนหรือการยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้ามาผลิตเพื่อการส่งออกจึงไม่สามารถยกเว้นได้ ข้อ ๖ ผลการพิจารณาไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้จัดทำรายงานสรุปผลการไต่สวนและเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาวินิจฉัยชั้นที่สุดเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้ ๖.๑ ขอบเขตของสินค้าทุ่มตลาด เมื่อเปรียบเทียบโครงสร้างผ้าที่อุตสาหกรรมภายในผลิตและจำหน่ายในประเทศกับโครงสร้างผ้าที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนข้อมูลตามแบบสอบถามและคำนิยาม “สินค้าชนิดเดียวกัน” ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ขอบเขตสินค้าที่อยู่ภายใต้การไต่สวนครั้งนี้ ได้แก่ สินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน ๒๓ รายการ ซึ่งมีโครงสร้างชนิดด้าย เบอร์ด้าย จำนวนเส้นด้ายยืนและจำนวนเส้นด้ายพุ่งต่อนิ้ว และหน้ากว้างในการทอ ดังนี้ ๖.๑.๑ ผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์พิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ และ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ ลำดับที่ ชนิด/เบอร์ด้าย จำนวนเส้นด้ายยืนและ จำนวนเส้นด้ายพุ่ง/นิ้ว หน้ากว้าง (นิ้ว) ๑ CD ๓๒ x ๓๒ ๑๐๐ x ๕๐ ๔๗ ๒ CD ๓๒ x ๓๒ ๑๐๐ x ๕๒ ๔๗ ๓ CD ๓๒ x ๓๒ ๑๐๐ x ๕๔ ๔๗ ๔ CM ๔๐ x ๔๐ ๖๐ x ๗๐ ๖๓ ๕ CM ๔๐ x ๔๐ ๑๐๐ x ๘๐ ๖๕ ๖ CM ๔๐ x ๔๐ ๑๓๓ x ๗๒ ๔๗ ๗ CM ๔๐ x ๔๐ ๑๓๓ x ๗๒ ๔๘ ๘ CM ๔๐ x ๔๐ ๑๓๓ x ๗๒ ๖๓ ๙ CMandCD ๔๐ x ๔๐ ๑๓๓ x ๗๒ ๖๓ ๑๐ CM ๖๐ x ๖๐ ๘๔ x ๗๘ ๕๐ ๑๑ CM ๖๐ x ๖๐ ๘๘ x ๘๐ ๕๐ ๑๒ CM ๖๐ x ๖๐ ๘๘ x ๘๐ ๖๓ ๑๓ CM ๖๐ x ๖๐ ๙๐ x ๘๐ ๕๐ ๑๔ CM ๖๐ x ๖๐ ๙๐ x ๘๘ ๕๐ ๑๕ CM ๖๐ x ๖๐ ๙๐ x ๘๘ ๖๓ ๑๖ CM ๖๐ x ๖๐ ๙๐ x ๘๘ ๖๔ ๑๗ CMandCD ๖๐ x ๖๐ ๙๐ x ๘๘ ๖๔ ๖.๑.๒ ผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์พิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ลำดับที่ ชนิด/เบอร์ด้าย จำนวนเส้นด้ายยืนและ จำนวนเส้นด้ายพุ่ง/นิ้ว หน้ากว้าง (นิ้ว) ๑ CM ๔๕ x ๔๕ ๑๑๐ x ๗๖ ๔๗ ๒ CM ๔๕ x ๔๕ ๑๑๐ x ๗๖ ๕๖ ๓ CM ๔๕ x ๔๕ ๑๑๐ x ๗๖ ๖๓ ๔ Half CM ๔๕ x ๔๕ ๑๑๐ x ๗๖ ๖๓ ๕ CM ๔๕ x ๔๕ ๑๓๖ x ๗๒ ๔๗ ๖ Half CM ๔๕ x ๔๕ ๑๓๓ x ๗๒ ๔๗ หมายเหตุ CD หมายความว่า เส้นด้ายที่ไม่มีการหวีหรือสาง (Carded) CM หมายความว่า เส้นด้ายที่มีการหวีหรือสางแล้ว (Combed) CM and CD หมายความว่า เส้นด้ายพุ่งเป็น CM เส้นด้ายยืนเป็น CD Half CM หมายความว่า มีการหวีหรือสางไม่เต็มกระบวนการ ๖.๒ ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด กรณีของผู้ที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามจะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกแต่ละราย ส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม หรือกรณีผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาดคือตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่ให้ข้อมูลเพียงพอต่อการพิจารณามีเพียง ๑ ราย คือ Weiqiao Textile Company Limited โดยมีปริมาณส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทย เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้ารวมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามสถิติกรมศุลกากรภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรที่ถูกไต่สวนคิดเป็นร้อยละ ๗๐.๘๒ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสรุปการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดภายใต้หลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ ดังนี้ ๖.๒.๑ Weiqiao Textile Company Limited (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ได้จากแบบสอบถามซึ่งสามารถนำมาพิจารณาได้ เนื่องจากเมื่อพิจารณาการขายผ้าทอดังกล่าวภายในประเทศในช่วงระยะเวลาการไต่สวนแล้ว ปรากฏว่าปริมาณการขายในสาธารณรัฐประชาชนจีนมากกว่าร้อยละ ๕ ของปริมาณการส่งออกมายังประเทศไทยและเมื่อพิจารณาการขายภายในประเทศดังกล่าวแล้วปรากฏว่า มีปริมาณการขายที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตรวมกันไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของปริมาณการขายทั้งหมด ทั้งนี้ มูลค่าปกติ ณ หน้าโรงงานเปลี่ยนแปลงจากผลขั้นต้น เนื่องจากมิได้นำรายการสินค้าผ้าทอ ๗ รายการที่บริษัทส่งออกโดยซื้อจากผู้ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีนรายอื่นมาคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสินค้าของบริษัท นอกจากนี้ได้ปรับขอบเขตสินค้าผ้าทอที่อยู่ภายใต้การไต่สวนครั้งนี้เป็นจำนวน ๒๓ รายการ (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาผ้าทอฝ้ายที่ส่งออกมาจำหน่ายประเทศไทย ตามแบบสอบถามทุกธุรกรรมเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักโดยคำนวณราคาส่งออกเฉลี่ยแยกแต่ละชนิดสินค้า (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) กับราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งได้ปรับให้เป็นระดับเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์จำนวน ๒๓ รายการตามข้อ ๖.๑ ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตรา ร้อยละ ๗.๗๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๒.๒ ผู้ผลิตรายอื่น คำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีนรายอื่น โดยกำหนดมูลค่าปกติและราคาส่งออกสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๘ ประกอบกับมาตรา ๒๗ ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๐.๐๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๓ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้วินิจฉัยความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของผู้ผลิตภายในประเทศซึ่งมีผลผลิตรวมกันได้เกินกึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิตรวมภายในประเทศของสินค้าที่ประกาศไต่สวน คือ ร้อยละ ๕๘.๙๖ จึงเป็นอุตสาหกรรมภายในตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จำนวน ๑๐ ราย คือ บริษัท เจียมพัฒนาเท็กซ์ไทล์ส จำกัด บริษัท พิพัฒนกิจเท็กซ์ไทล์ จำกัด บริษัท เค คัททัน แอนด์ กอส จำกัด บริษัท โรงงานส่งเสริมไทยอุตสาหกรรม จำกัด บริษัท สว่างเท็กซ์ไทล์ จำกัด บริษัท เอราวัณสิ่งทอ จำกัด บริษัท งามรุ่งอุตสาหกรรมสิ่งทอ จำกัด บริษัท กังวาลเท็กซ์ไทล์ จำกัด บริษัท ลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท โรงงานผ้าไทย จำกัด (มหาชน) และผู้นำเข้าจำนวน ๒ ราย คือ บริษัท เอช. ซี. อิมปอร์ต - เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด และบริษัททรินิเต้ จำกัด รวมทั้งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๑ ราย คือ Weiqiao Textile Company Limited ซึ่งได้ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วน โดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาคือข้อมูลในช่วงระหว่างปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๕๐ ปรากฏว่า ไม่มีผู้ยื่นข้อคิดเห็นหรือข้อโต้แย้งที่มีผลต่อการวิเคราะห์ความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การวิเคราะห์สอดคล้องกับการกำหนดให้ผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์เป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้การไต่สวนในอุตสาหกรรมผ้าทอชนิดเดียวกัน จึงได้ปรับการวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลเดิมที่มีอยู่ในการพิจารณาผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาสินค้าชนิดเดียวกันของตลาดในประเทศ ในประเด็นของการตัดราคา การกดราคา การยับยั้งการขึ้นราคา และได้ปรับการวิเคราะห์ความมากน้อยของส่วนเหลื่อม การทุ่มตลาดสินค้า เนื่องจากส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดเปลี่ยนแปลงไปจากผลเบื้องต้น โดยที่การวิเคราะห์ความเสียหายโดยรวมของสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์เป็นสินค้าชนิดเดียวกันและการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดใหม่ไม่มีผลต่อความเสียหายในภาพรวม ซึ่งผลการวิเคราะห์ความเสียหายชั้นที่สุดปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ดังนี้ ๖.๓.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติของกรมศุลกากรพบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๕๐ และการนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีสัดส่วนสูงสุดตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีสัดส่วนร้อยละ ๖๗.๑๓ ถึงร้อยละ ๘๘.๖๗ ของปริมาณการนำเข้ารวม ในขณะที่ปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นในช่วงระยะเวลาเดียวกันรวมกันมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ ๓๒.๘๗ เป็นร้อยละ ๑๑.๓๓ ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน (๒) ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบราคาสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนกับราคาขายของอุตสาหกรรมภายใน ณ ระดับการค้าเดียวกันในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีการขายตัดราคาผ้าทอเฉลี่ยทุกไตรมาส และพบว่าราคาขายสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุตสาหกรรมภายในต้องลดราคาขายลงเพื่อแข่งขันกับสินค้าผ้าทอจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และเมื่อต้นทุนขายเปลี่ยนแปลง อุตสาหกรรมภายในจึงไม่สามารถกำหนดราคาขายให้เป็นไปตามต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ดังนั้น การนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจึงทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาสินค้าชนิดเดียวกันของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะการตัดราคา กดราคา และยับยั้งการขึ้นราคา ๖.๓.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายลดลงนับตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในมีผลกำไรลดลงมากและอยู่ในภาวะขาดทุนในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตลดลงในภาพรวมคือ ในปี ๒๕๔๗ ปี ๒๕๔๘ และในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงเมื่อเปรียบเทียบปี ๒๕๔๙ กับช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ในขณะที่ส่วนแบ่งการนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้น ผลิตภาพ อุตสาหกรรมภายในมีประสิทธิภาพในการใช้ปัจจัยการผลิตคงที่ในสัดส่วนค่อนข้างสูง ผลตอบแทนการลงทุน ผลตอบแทนจากการลงทุนของอุตสาหกรรมภายในตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๕๐ ลดลงอย่างต่อเนื่อง การใช้กำลังการผลิต อัตราการใช้กำลังการผลิตในภาพรวมลดลง ราคาสินค้าภายในประเทศ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น กระแสเงินสด กระแสเงินสดจากการดำ เนินงานลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๔๗ สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังสะสมเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การจ้างงาน อุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๔๙ แต่ได้ลดลงในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด เนื่องจากผู้ผลิตบางรายลดเวลาการดำเนินงานลง ทำให้การจ้างแรงงานโดยรวมลดลง ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการปรับเพิ่มค่าจ้างให้กับคนงานที่มีทักษะ อัตราการเจริญเติบโต อัตราการเจริญเติบโตพิจารณาจากสัดส่วนของการเปลี่ยนแปลงรายได้และสินทรัพย์จากงบการเงินของผู้ผลิตผ้าทอในปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๕๐ ปรากฏว่าอัตราการเจริญเติบโตในภาพรวมลดลง ความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน ผู้ผลิตโดยรวมไม่สามารถระดมหุ้นเพิ่มเพื่อขยายกิจการได้เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยมีอัตราการทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างร้อยละ ๗.๗๖ ถึงร้อยละ ๑๐.๐๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๓.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่นที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน (๑) การนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น ตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๕๐ ปริมาณการนำเข้าสินค้าผ้าทอชนิดเดียวกันจากประเทศอื่นลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจากร้อยละ ๓๒.๘๗ เป็นร้อยละ ๑๑.๓๓ ของปริมาณการนำเข้ารวมในช่วงเวลาการไต่สวน ในขณะที่ราคานำเข้าสูงกว่าราคาสินค้าที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาก (๒) ความต้องการใช้ภายในประเทศ การบริโภคผ้าทอในประเทศลดลงตามที่มีการประมาณการซึ่งสอดคล้องกับส่วนแบ่งตลาดในประเทศของผู้ผลิตและปริมาณการนำเข้าจากประเทศอื่นที่ไม่ได้ถูกกล่าวหาลดลงในทิศทางเดียวกัน แต่ส่วนแบ่งตลาดของสินค้าผ้าทอราคาถูกที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เนื่องจาก (ก) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (ข) มีผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน โดยมีการขายตัดราคา กดราคา และยับยั้งการขึ้นราคา (ค) มีผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายในซึ่งพิจารณาปัจจัยที่บ่งบอกเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมภายในปรากฏว่า สัดส่วนการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดสูงขึ้นเป็นลำดับแทนที่ส่วนแบ่งตลาดของสินค้าชนิดเดียวกันที่นำเข้าจากประเทศอื่นที่ไม่ถูกกล่าวหาและของอุตสาหกรรมผู้ผลิตภายในประเทศ ทำให้ยอดจำหน่ายในประเทศกำไร ผลผลิต ส่วนแบ่งตลาด ผลตอบแทนการลงทุน และการใช้กำลังการผลิต ลดลง ส่งผลกระทบต่อราคาผ้าทอในประเทศ เนื่องจากส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดทำให้สินค้าคงคลังเพิ่มสูงขึ้น การจ้างงานได้รับผลกระทบในภาพรวม อุตสาหกรรมภายในอยู่ในภาวะขาดทุน มีผลตอบแทนการลงทุน อัตราการเจริญเติบโต และความสามารถในการระดมทุนหรือการลงทุนลดต่ำลง เป็นลำดับ (ง) มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๔๙ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีปริมาณเพิ่มขึ้นโดยมีการทุ่มตลาดในระหว่างอัตราร้อยละ ๗.๗๖ ถึงร้อยละ ๑๐.๐๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาจากปัจจัยอื่นที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในได้แก่ ปริมาณและราคาสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นพบว่า มีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณและราคาสินค้าที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ดังนั้น ปัจจัยอื่นจึงไม่ใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน สรุปได้ว่า ความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๗ คำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า การนำเข้าสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการทุ่มตลาด และมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อขจัดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายในที่เกิดขึ้นจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าวอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๒๓ รายการ ตามข้อ ๖.๑ ซึ่งผลิตจาก (๑) Weiqiao Textile Company Limited ในอัตราร้อยละ ๗.๗๖ ของราคาซี.ไอ.เอฟ. (๒) ผู้ผลิตรายอื่นในอัตราร้อยละ ๑๐.๐๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับบรรดาอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บหรือหลักประกันการชำ ระอากรชั่วคราวที่ให้วางระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราว ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาด กรณีที่อากรตอบโต้การทุ่มตลาดมีอัตราต่ำกว่าอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้แล้ว ให้คืนผลต่างของอากรส่วนที่เกินหรือให้คืนหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเมื่อผู้นำเข้าได้ชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามอัตราที่กำหนดไว้ดังกล่าว บรรดาอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่ได้วางไว้แล้วระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราวในสินค้ารายการใด ซึ่งไม่ถูกกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามข้อ ๖.๑ ก็ให้คืนโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นรับคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๒๓ ง/หน้า ๓๔/๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
598691
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนชั้นที่สุด กรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ผลการไต่สวนชั้นที่สุด กรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่ามีการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็กและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือ การอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนหรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวนให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวนกรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก ตามคำขอของบริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าบล็อกแก้ว ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณา การทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ ๑.๑ สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ประกาศไต่สวน คือ สินค้าบล็อกแก้ว ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล พบว่าอุตสาหกรรมภายในผลิตสินค้าบล็อกแก้วตามพิกัดข้างต้นเฉพาะบล็อกแก้วชนิดใสเท่านั้น ดังนั้น ขอบเขตของการไต่สวนเพื่อกำหนดมาตรการจึงจำกัดเฉพาะสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ๑.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐเช็ก ได้แก่ (๑) บริษัท Vitrablok K.S. (๒) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น นอกจาก (๑) ๑.๒.๒ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (๒) บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (๓) ผู้นำเข้ารายอื่น นอกจาก (๑) และ (๒) ๑.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าบล็อกแก้วในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด ๑.๒.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐเช็กในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล เมื่อวันที่ ๒๔ ถึงวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และวันที่ ๘ ถึงวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และ ณ ที่ทำการของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐเช็ก โดยผู้ที่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามมี ๑ ราย คือ บริษัท Vitrablok K.S. ข้อ ๓ คำวินิจฉัยเบื้องต้นและการกำหนดมาตรการชั่วคราว เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็กได้ส่งสินค้าดังกล่าวเข้ามาทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายใน และมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว โดยประกาศเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว เป็นระยะเวลา ๔ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นไป สำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งผลิตจาก (๑) บริษัท Vitrablok K.S. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ การยื่นคำขอข้อเท็จจริงและแสดงความคิดเห็นในการกำหนดมาตรการชั่วคราวเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ กรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการกำหนดมาตรการชั่วคราวให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ เพื่อเปิดโอกาสให้ยื่นข้อคิดเห็นหรือข้อโต้แย้ง รวมทั้งแสดงความจำนงขอให้กรมการค้าต่างประเทศจัดให้พบกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อแถลงด้วยวาจา ภายในวันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ พร้อมทั้งได้แจ้งรายละเอียดดังกล่าวไปยังรัฐบาลสาธารณรัฐเช็ก ปรากฏว่า รัฐบาลสาธารณรัฐเช็กและสำนักงานคณะผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทยได้แสดงข้อคิดเห็นในประเด็นเกี่ยวกับการพิจารณาความเสียหาย และบริษัท Vitrablok K.S. ได้ขอแถลงด้วยวาจา รวมทั้งได้แสดงข้อโต้แย้งในประเด็นเกี่ยวกับการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด การขอปรับความแตกต่างของระดับการค้าภายในสาธารณรัฐเช็กและการขายส่งออกมายังประเทศไทย การขอให้คำนวณมูลค่าปกติขึ้นใหม่โดยใช้ต้นทุนการผลิตของสายการผลิตสินค้าทุ่มตลาดการขอปรับความแตกต่างของปริมาณขายที่ทำให้ราคามีความแตกต่างกัน การนำหลักเกณฑ์ Lesser Duty มาใช้ในการพิจารณาอากรตอบโต้การทุ่มตลาด และการพิจารณาความเสียหายและสถานะของอุตสาหกรรมภายใน ข้อ ๕ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นฐานในการไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างสรุปผลการไต่สวน ซึ่งแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาวินิจฉัยชั้นที่สุด ให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบและแสดงข้อคิดเห็น ข้อโต้แย้งภายในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ปรากฏว่าสำนักงานคณะผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทยได้มีหนังสือลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ โต้แย้งว่า ร่างสรุปผลการไต่สวนควรเปิดเผยวิธีการคำนวณส่วนเหลื่อมความเสียหาย ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้เปิดเผยวิธีการคำนวณส่วนเหลื่อมความเสียหาย และได้จัดส่งให้ผู้มีส่วนได้เสียเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ต่อมาสำนักงานคณะผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทยจึงได้โต้แย้งว่าควรให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกในประเด็น การเปิดเผยวิธีการคำนวณส่วนเหลื่อมความเสียหาย และกรณีอุตสาหกรรมภายในต้องการครองตลาด นอกจากนี้ บริษัท Vitrablok K.S. ได้แสดงข้อโต้แย้งต่อร่างสรุปผลการไต่สวนในประเด็นการขอปรับความแตกต่างของระดับการค้าและความแตกต่างของปริมาณการขายในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด การเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริง การให้เวลาที่เหมาะสมต่อการแสดงข้อโต้แย้งสถานะของอุตสาหกรรมภายใน การพิจารณาการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจากสาธารณรัฐเช็ก การพิจารณาผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน การพิจารณาความเสียหาย การพิจารณาประโยชน์สาธารณะการเปิดเผยข้อมูลในการคำนวณ ส่วนเหลื่อมความเสียหาย และการที่อุตสาหกรรมภายในต้องการครองตลาด รวมถึงรัฐบาลสาธารณรัฐเช็กยังได้โต้แย้งในประเด็นการเปิดเผยวิธีการคำนวณส่วนเหลื่อมความเสียหาย สำหรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อโต้แย้ง กรมการค้าต่างประเทศได้เปิดเผยวิธีการคำนวณส่วนเหลื่อมความเสียหาย คือ ใช้ราคาเป้าหมายซึ่งคำนวณจากต้นทุนการผลิตต่อหน่วยของอุตสาหกรรมภายในที่รวมค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร (SG & A) บวกด้วยอัตรากำไรเป้าหมายและเปรียบเทียบราคาเป้าหมายกับราคาส่งออกของผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากประเทศที่ถูกไต่สวน ณ ระดับการค้าเดียวกัน แต่มิได้เปิดเผยข้อมูลตัวเลขที่ใช้ในการคำนวณ โดยเห็นว่าเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลปกปิด ส่วนกรณีที่ไม่ปรับความแตกต่างของระดับการค้าและความแตกต่างของปริมาณการขายในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดตามที่บริษัท Vitrablok K.S โต้แย้ง เนื่องจากบริษัท Vitrablok K.S. ไม่ได้แสดงหลักฐานสนับสนุนหรือแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ระดับการค้าและปริมาณที่อ้างว่าแตกต่างกันนั้น มีการดำเนินการและการกำหนดราคาที่แตกต่างกันอย่างไร ทำให้ไม่สามารถกำหนดจำนวนที่จะนำมาใช้ในการปรับได้ สำหรับประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาในการโต้แย้ง กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างผลการไต่สวนให้บริษัท Vitrablok K.S. เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยให้แสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งภายในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวกำหนดโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับกรอบระยะเวลาไต่สวน โดยได้พิจารณาแล้วว่าเป็นระยะเวลาที่เพียงพอต่อการแสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้ง ทั้งนี้ ในประเด็นเกี่ยวกับสถานะความเป็นอุตสาหกรรมภายในของผู้ยื่นคำขอพิจารณาเห็นว่าผู้ยื่นคำขอมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ส่วนประเด็นการพิจารณาว่ามีการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปรากฏว่าปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐเช็กเพิ่มขึ้นจาก ๗๖ ตันในปี ๒๕๔๘ เป็น ๓,๙๓๕ ตัน ในช่วงระยะเวลาการไต่สวน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ ๕,๐๐๐ ระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวน และในช่วงระยะเวลาของการพิจารณาความเสียหาย ปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐเช็กเพิ่มขึ้นจาก ๒,๑๐๘ ตัน ในปี ๒๕๔๗ เป็น ๓,๙๓๕ ตัน ในช่วงระยะเวลาการไต่สวน แสดงให้เห็นว่ามีการนำเข้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๘๗ ในช่วงระยะเวลาที่พิจารณา ดังนั้น จึงสรุปได้ว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ข้อมูลจากการไต่สวนแสดงให้เห็นว่า มีการตัดราคาอย่างสำคัญโดยสินค้านำเข้าจากสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งการตัดราคาอย่างสำคัญจากการนำเข้าสินค้าจากสาธารณรัฐเช็กในช่วงระยะเวลาการไต่สวน ทำให้อุตสาหกรรมภายในต้องลดราคาขายลงเพื่อให้สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากสาธารณรัฐเช็กได้ ส่งผลให้อุตสาหกรรมภายในขาดทุนเพิ่มขึ้น สำหรับการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายและส่วนแบ่งตลาดของอุตสาหกรรมภายใน ปรากฏว่าเป็นผลมาจากการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยการนำเข้าจากประเทศอื่นลดลงเกือบร้อยละ ๕๐ ระหว่างปี ๒๕๔๙ และในช่วงระยะเวลาการไต่สวน และเกือบร้อยละ ๗๐ ระหว่างปี ๒๕๔๘ และในช่วงระยะเวลาการไต่สวน ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของปริมาณขายและส่วนแบ่งตลาดจึงเป็นผลโดยตรงจากการลดลงของการนำเข้าจากประเทศอื่น ไม่ใช่ความพยายามที่จะครองส่วนแบ่งตลาด ซึ่งข้อมูลความเสียหายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความสามารถในการทำกำไร ผลตอบแทนจากการลงทุน และสินค้าคงคลังแสดงแนวโน้มที่ดีขึ้นระหว่างปี ๒๕๔๗ และปี ๒๕๔๘ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่การนำเข้าจากสาธารณรัฐเช็ก ลดลงจาก ๒,๑๐๘ ตัน เป็น ๗๖ ตัน อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไร ผลตอบแทนจากการลงทุนกลับลดลงและสินค้าคงคลังกลับเพิ่มขึ้นหลังจากปี ๒๕๔๘ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่การนำเข้าจากสาธารณรัฐเช็กเพิ่มขึ้นจาก ๗๖ ตันเป็น ๓,๙๓๕ ตัน ข้อ ๖ การพิจารณาผลการไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้จัดทำรายงานผลการไต่สวนการทุ่มตลาดชั้นที่สุดและเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้วมีความเห็นดังนี้ ๖.๑ ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด กรณีของผู้ที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามจะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกแต่ละรายส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม หรือกรณีผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นจะพิจารณาใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด (Investigation Period : IP) คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้วที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามมี ๑ ราย คือ บริษัท Vitrablok K.S. ซึ่งมีปริมาณการส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทย เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้ารวมจากสาธารณรัฐเช็กตามสถิติกรมศุลกากรภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรที่ถูกไต่สวนคิดเป็นร้อยละ ๘๗ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดจากสาธารณรัฐเช็กสรุปการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณา ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดภายใต้หลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี้ ๖.๑.๑ บริษัท Vitrablok K.S. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐเช็กตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๑.๒ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น เนื่องจากในการไต่สวนระดับการให้ความร่วมมือของสาธารณรัฐเช็กมีมาก ดังนั้นการพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น จึงพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราเดียวกันกับอัตราของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกที่ให้ความร่วมมือ คือ ร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๒ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้วินิจฉัยความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน ๑ ราย คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และผู้นำเข้า ๑ ราย คือ บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด รวมทั้งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐเช็ก ๑ ราย คือ บริษัท Vitrablok K.S. ซึ่งให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วน โดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง (ปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๔๙) ช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ และช่วงเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ดังนี้ ๖.๒.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติของกรมศุลกากรพบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐเช็กเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๑๓ เป็นร้อยละ ๓๗.๗๖ ในขณะที่ปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นรวมกันมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ ๘๗ เป็นร้อยละ ๖๒.๒๔ ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน (๒) ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ เกิดผลกระทบต่อราคาสินค้าชนิดเดียวกันของอุตสาหกรรมภายในในลักษณะการตัดราคา การกดราคา และการยับยั้งการขึ้นราคา โดยสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐเช็กมีการขายตัดราคาระหว่างร้อยละ ๘ ถึงร้อยละ ๒๕ ระหว่างปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด และมีการกดราคา โดยพบว่าราคาขายของอุตสาหกรรมภายในลดต่ำลง เนื่องจากการแข่งขันกับราคาสินค้าทุ่มตลาดตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวน และจากการเปรียบเทียบราคาขายกับต้นทุนขายของอุตสาหกรรมภายในพบว่ามีการขายต่ำกว่าต้นทุนขายระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลา การไต่สวนการทุ่มตลาด แสดงให้เห็นถึงผลกระทบด้านราคาในลักษณะยับยั้งการขึ้นราคาไม่ให้สูงกว่าต้นทุน ๖.๒.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นระหว่างปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในอยู่ในภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่สามารถเพิ่มราคาขายเพื่อทำกำไรได้ ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตเพิ่มขึ้นระหว่างปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นระหว่างปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ความสามารถในการผลิต เมื่อพิจารณาจากอัตราของผลผลิตที่ได้เทียบกับวัตถุดิบที่ใช้ พบว่าความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมภายในลดลงในปี ๒๕๔๙ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนติดลบตลอดช่วงปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การใช้กำลังการผลิต การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดมีแนวโน้มลดลง ราคาสินค้าภายในประเทศ ระหว่างปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๔๘ อุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น และแม้ว่าในปี ๒๕๔๙ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ต้นทุนขายจะลดลงก็ตาม แต่ราคาขายของอุตสาหกรรมภายในกลับลดลงในสัดส่วนที่สูงกว่าการลดลงของต้นทุนขาย และมีการขายต่ำกว่าต้นทุนขาย ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด กระแสเงินสด อุตสาหกรรมภายในมีกระแสเงินสดติดลบในปี ๒๕๔๘ และติดลบเพิ่มขึ้น อย่างมากตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ จนถึงในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังลดลงเล็กน้อยในปี ๒๕๔๘ แต่กลับเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การจ้างงาน พิจารณาจากจำนวนแรงงาน อุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยต่อเดือนในปี ๒๕๔๙ ลดลงเล็กน้อย แต่กลับเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อัตราการเจริญเติบโต พิจารณาจากปริมาณการขายภายในประเทศ อุตสาหกรรมภายในมีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วงปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งเป็นผลจากการที่อุตสาหกรรมภายในลดราคาลงเพื่อให้สามารถแข่งขันกับสินค้าทุ่มตลาดได้ ความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน ตัวเลขการขาดทุนที่สะสมและผลตอบแทนการลงทุนที่ติดลบแสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมภายในไม่มีความสามารถในการเพิ่มทุน ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยมีอัตราการทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐเช็กร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งส่งผลให้การนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐเช็กมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๑๓ ในปี ๒๕๔๗ เป็นร้อยละ ๓๗.๗๖ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตามวิธีการคำนวณส่วนเหลื่อมความเสียหาย พบส่วนเหลื่อมความเสียหายในอัตราร้อยละ ๕๔.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๒.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่นที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติกรมศุลกากร พบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากประเทศอื่นรวมกันเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐเช็กมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ ๘๗ ใน ปี ๒๕๔๗ เป็นร้อยละ ๖๒.๒๔ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด (๒) ความต้องการใช้ภายในประเทศ ความต้องการใช้สินค้าบล็อกแก้วภายในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๔๙ และแม้ว่าในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดความต้องการใช้ภายในประเทศจะลดลง แต่ปริมาณการขายของอุตสาหกรรมภายในกลับเพิ่มขึ้น ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิได้มีสาเหตุมาจากการหดตัวของตลาดหรือการลดลงของอุปสงค์ จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เนื่องจาก (ก) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐเช็กเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (ข) มีผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน โดยมีการขายตัดราคา กดราคา และยับยั้งการขึ้นราคา (ค) มีผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายใน ซึ่งจากการพิจารณาปัจจัยที่บ่งบอกเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมภายใน ปรากฏว่าอุตสาหกรรมภายในได้รับผลกระทบจากการที่ไม่สามารถขึ้นราคาได้ และต้องจำหน่ายสินค้าในราคาต่ำกว่าทุนส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร ทำให้อุตสาหกรรมภายในอยู่ในภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องโดยมีผลตอบแทนการลงทุนและกระแสเงินสดเป็นลบ (ง) มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดสัดส่วนการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐเช็กเพิ่มขึ้น จากร้อยละ ๑๓ ในปี ๒๕๔๗ เป็นร้อยละ ๓๗.๗๖ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาปัจจัยอื่น ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ได้แก่ ปริมาณและราคาสินค้านำเข้าจากประเทศอื่น พบว่ามีปริมาณการนำเข้าในสัดส่วนที่ลดลง และมีราคาที่สูงกว่าราคาที่นำเข้าจากสาธารณรัฐเช็ก ดังนั้น ปัจจัยอื่นเหล่านี้จึงไม่ใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน สรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐเช็ก ข้อ ๗ คำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า การนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็กมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราเพียงเพื่อขจัดความเสียหายและไม่เกินส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งผลิตจาก (๑) บริษัท Vitrablok K.S. ในอัตราร้อยละ ๕๔.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ในอัตราร้อยละ ๕๔.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับบรรดาอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่ให้วางระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราว ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาด กรณีที่อากรตอบโต้การทุ่มตลาดมีอัตราต่ำกว่าอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้แล้ว ให้คืนผลต่างของอากรชั่วคราวส่วนที่เกินหรือให้คืนหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว เมื่อผู้นำเข้าได้ชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามอัตราที่กำหนดไว้ดังกล่าว ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๒๓ ง/หน้า ๒๒/๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
596297
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดให้เรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวสำหรับการนำเข้าสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนไว้แล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่ามีการทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนรวม ๒๓ รายการ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๙ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ รวม ๒๓ รายการตามบัญชีท้ายประกาศนี้ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งผลิตจาก (๑) Weiqiao Textile Company Limited ในอัตราร้อยละ ๗.๗๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) ผู้ผลิตรายอื่นในอัตราร้อยละ ๑๐.๐๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๓ บรรดาอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่ให้วางไว้ระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราวตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศนี้ กรณีที่ผู้นำเข้าได้ชำระอากรชั่วคราวหรือวางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวไว้แล้วตามวรรคหนึ่ง ให้คืนผลต่างของอากรชั่วคราวส่วนที่เกิน หรือคืนหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเมื่อผู้นำเข้าได้ชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราที่กำหนดไว้ตามข้อ ๒ สินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ไม่อยู่ในบัญชีเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดท้ายประกาศนี้ และผู้นำเข้าได้ชำระอากรชั่วคราวหรือวางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวไว้แล้วตามวรรคหนึ่ง ให้คืนอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวดังกล่าวโดยไม่ชักช้า ข้อ ๔ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ข้อ ๕[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นระยะเวลาห้าปี ประกาศ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน [เอกสารแนบท้าย] ๑. บัญชีท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๕ ง/หน้า ๓๕/๑๔ มกราคม ๒๕๕๒
596290
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดให้เรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวสำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็กไว้แล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่ามีการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้ การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๙ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งผลิตจาก (๑) บริษัท Vitrablok K.S. ในอัตราร้อยละ ๕๔.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) ผู้ผลิตรายอื่น ในอัตราร้อยละ ๕๔.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๓ บรรดาอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่ให้วางไว้ระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราวตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศนี้ กรณีที่ผู้นำเข้าได้ชำระอากรชั่วคราวหรือวางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวไว้แล้วตามวรรคหนึ่ง ให้คืนผลต่างของอากรชั่วคราวส่วนที่เกิน หรือคืนหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเมื่อผู้นำเข้าได้ชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ในอัตราที่กำหนดไว้ตามข้อ ๒ ข้อ ๔ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ข้อ ๕[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นระยะเวลาห้าปี ประกาศ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๕ ง/หน้า ๓๓/๑๔ มกราคม ๒๕๕๒
595862
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. 2552
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจาก สาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๙๑๘.๑๔.๐๐.๐๐๐ (เดิมพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๙๑๘๑๔๐๐๐๘) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในอัตราร้อยละ ๒๘.๗๐ ถึงร้อยละ ๓๘.๑๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ นั้น เนื่องจากบริษัท ไทยซิตริก แอซิด จำกัด ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตกรดซิทริกได้ยื่นคำขอภายในระยะเวลาอันสมควรก่อนครบกำหนดระยะเวลาการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดจะสิ้นสุดลงโดยขอให้คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก ตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณามีมติในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยวินิจฉัยว่าคำขอมีมูลและหลักฐานเพียงพอเชื่อได้ว่า หากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าว จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไปอีกเป็นระยะเวลา ๑ ปี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๒” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นกำหนดเวลาหนึ่งปี หรือจนกว่าจะมีประกาศคณะกรรมการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ข้อ ๓ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้ากรดซิทริกตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๙๑๘.๑๔.๐๐.๐๐๐ (เดิมพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๙๑๘๑๔๐๐๐๘) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก (๑) RZBC CO.,LTD. ในอัตราร้อยละ ๓๖.๘๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) SHANGDONG NINGMENG BIOCHEMISTRY CO.,LTD. ในอัตราร้อยละ ๒๘.๗๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ (๓) ผู้ผลิตรายอื่น ในอัตราร้อยละ ๓๘.๑๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ประกาศ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๘.กันยายน.๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๕๖/๘ มกราคม ๒๕๕๒
595858
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. 2552
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๙๑๘.๑๔.๐๐.๐๐๐ (เดิมพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๙๑๘๑๔๐๐๐๘) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในอัตราร้อยละ ๒๘.๗๐ ถึงร้อยละ ๓๘.๑๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ นั้น เนื่องจากบริษัท ไทยซิตริก แอซิด จำกัด ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตกรดซิทริกได้ยื่นคำขอภายในระยะเวลาอันสมควรก่อนครบกำหนดระยะเวลาการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดจะสิ้นสุดลง โดยขอให้คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก ตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้พิจารณามีมติในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยวินิจฉัยว่าคำขอมีมูลและหลักฐานเพียงพอเชื่อได้ว่า หากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าว จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก จึงให้เปิดการทบทวนตามกระบวนการให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติขององค์การการค้าโลก โดยให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไปอีกเป็นระยะเวลา ๑ ปี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาทบทวนดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] หากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอทบทวนดังกล่าวให้ยื่นคำขอต่อสำนักปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๒๒ และ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๘ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ อิทธิพล ช้างหลำ รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยาน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๓ ง/หน้า ๔๔/๘ มกราคม ๒๕๕๒
590157
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2551
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ หน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๒๑๖.๓๓.๐๐.๐๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๗๒๑๖.๓๓๐.๐๐๕) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในอัตราร้อยละ ๒๗.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นเวลาไม่เกินห้าปีและต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามคำขอของบริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด โดยในระหว่างการทบทวนได้มีการเรียกหลักประกันตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจะทำให้มีการทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีกและเพื่อมิให้กระทบต่อผู้ใช้หรือผู้บริโภค จึงมีมติให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลาสามปี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นไป เป็นกำหนดเวลาสามปี ข้อ ๓ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๒๑๖.๓๓.๐๐.๐๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๗๒๑๖.๓๓๐.๐๐๕) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในอัตราดังต่อไปนี้ (๑) สินค้าที่ผลิตจาก Laiwu Steel Group, Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๒๗.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) สินค้าที่ผลิตจากผู้ผลิตรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๒๗.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ หลักประกันอากรที่เรียกเก็บไว้ระหว่างการทบทวนตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศนี้ ข้อ ๕ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการทบทวนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๖ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยาน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๒๓/๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๑
590141
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2551
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว Hที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว Hที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนลงวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลา ๓ ปี ในอัตราร้อยละ ๒๗.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ความเป็นมา คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ออกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๒๑๖.๓๓.๐๐.๐๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๗๒๑๖.๓๓๐.๐๐๕) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในอัตราร้อยละ ๒๗.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นกำหนดเวลาไม่เกิน ๕ ปี ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด ในฐานะอุตสาหกรรมภายในได้ยื่นคำขอให้ทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๒ การเปิดทบทวน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุมาตรการ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ กรมการค้าต่างประเทศจึงได้ออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ลงวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยประกาศในราชกิจจานุเษกษาเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ออกประกาศ เรื่อง ให้เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยประกาศในราชกิจจานุเษกษาเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการตามกระบวนการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริง ดังต่อไปนี้ (๑) สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๒๑๖.๓๓.๐๐.๐๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม ๗๒๑๖.๓๓๐.๐๐๕) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นสินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าที่ถูกพิจารณาในการไต่สวนครั้งแรก (๒) ผู้มีส่วนได้เสีย (ก) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ Laiwu Steel Group, Ltd. และผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ๆ (ข) ผู้ส่งออกจากต่างประเทศ (สาธารณรัฐสิงคโปร์) คือ Cargill International Trading Pte, Ltd. (ค) ผู้นำเข้าในประเทศไทยหรือผู้ใช้สินค้าที่ถูกพิจารณาได้แก่ (๑) บริษัท เบอร์กโซ่ เมตัลส์ จำกัด (๒) บริษัทไอเบล จำกัด (เวทโก้ ไอเบล) (๓) บริษัท ชิ - เอเชีย จำกัด (๔) บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด (๕) บริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) และสถาบันหรือสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย (ง) อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกัน คือ บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด (จ) รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีนในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด (๓) ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการทบทวน (ก) กรณีการพิจารณาการทุ่มตลาด ใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ (ข) กรณีการพิจารณาความเสียหาย ใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ และแนวโน้มของปี ๒๕๕๑ และปี ๒๕๕๒ ข้อ ๓ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของบริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภายใน ณ ที่ทำการในกรุงเทพมหานคร และที่ตั้งโรงงานในจังหวัดระยองระหว่างวันที่ ๒๕ ถึงวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ พบว่าข้อมูลคำตอบในแบบสอบถามมีความน่าเชื่อถือและสามารถยอมรับได้ เนื่องจากมีความถูกต้องตามหลักการบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารหลักฐานต้นฉบับ ส่วนผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐสิงคโปร์ไม่ได้ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม จึงใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ (Best Information Available: BIA) ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๔ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดทำร่างผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างผลการพิจารณาทบทวนซึ่งแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดให้อุตสาหกรรมภายในและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อเปิดโอกาสให้เสนอข้อคิดเห็น ข้อโต้แย้งหรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจา (Hearing) ภายในวันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งปรากฏว่ามีเพียงอุตสาหกรรมภายในที่แจ้งตอบว่าเห็นด้วยกับร่างดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ สมาคมผู้ก่อสร้างงานเหล็กไทยซึ่งมิได้เข้าร่วมกระบวนการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ได้เสนอให้พิจารณาผลกระทบจากการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ข้อ ๕ ผลการพิจารณาทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อมูลที่ได้รับจากอุตสาหกรรมภายในและผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล รวมทั้งข้อคิดเห็นต่อร่างผลการทบทวนมาพิจารณาจัดทำรายงานผลการทบทวนเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้ (๑) ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด หากไม่ต่ออายุมาตรการ จะทำให้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนฟื้นคืนมาอีก เนื่องจาก (ก) มาตรการที่ใช้สามารถหยุดการทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจากข้อมูลสถิติการนำเข้าพบว่า ตั้งแต่เริ่มใช้มาตรการเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ การนำเข้าสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H จากสาธารณรัฐประชาชนจีนลดลงอย่างต่อเนื่องและไม่มีการนำเข้าเลยในปี ๒๕๔๙ จนถึงปี ๒๕๕๐ (ข) สาธารณรัฐประชาชนจีนส่งสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ไปทุ่มตลาดสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐสิงคโปร์ และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ดังนั้นหากประเทศไทยยุติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าว สาธารณรัฐประชาชนจีนจะส่งสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าวเข้ามาไทยในลักษณะเดียวกันได้อีก จึงพิจารณาได้ว่าการทุ่มตลาดอาจฟื้นคืนมาอีก (๒) ผลการพิจารณาความเสียหาย หากไม่ต่ออายุมาตรการ จะเกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในโดยยอดขาย ราคาขายส่วนแบ่งการตลาด กำไรสุทธิ ผลิตภาพ ผลตอบแทนการลงทุนจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก (ก) ปัจจุบันผู้ผลิตสาธารณรัฐประชาชนจีนมีกำลังการผลิตส่วนเกินโดยมีผลผลิตเกินกว่าความต้องการใช้ภายในประเทศ เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิตและมีผู้ผลิตรายใหม่ทำให้ต้องขยายการส่งออก โดยส่วนใหญ่ส่งออกมายังภูมิภาคเอเชียเกือบทุกประเทศ ยกเว้นประเทศไทยเนื่องจากมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (ข) เมื่อเปรียบเทียบราคาสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H จากสาธารณรัฐประชาชนจีนกับราคาขายของอุตสาหกรรมภายใน ณ ระดับการค้าเดียวกันในช่วงระยะเวลาการทบทวน พบว่าสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีราคาขายต่ำกว่าราคาภายในประเทศ (ค) อุตสาหกรรมภายในกำลังฟื้นตัวจากการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดหากมีการนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในลักษณะการทุ่มตลาด จะทำให้อุตสาหกรรมภายในได้รับความเสียหายอีก (ง) สินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนถูกบางประเทศใช้มาตรการเพื่อจำกัดการนำเข้า ซึ่งหากประเทศไทยไม่มีมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าว ก็จะทำให้สาธารณรัฐประชาชนจีนส่งสินค้าดังกล่าวเข้ามาทุ่มตลาดประเทศไทยได้อีก (๓) ผลการพิจารณาผลกระทบและประโยชน์สาธารณะ ในการพิจารณาผลกระทบและประโยชน์สาธารณะ ได้ส่งแบบสอบถามไปยังผู้ซื้อหรือผู้นำเข้าภายในประเทศรวม ๓๔ ราย ปรากฎว่ามีเพียง ๕ ราย คือ บริษัท เบอร์กโซ่ เมตัลส์ จำกัด บริษัท ไอเบล จำกัด (เวทโก้ ไอเบล) บริษัท ชิ - เอเชีย จำกัด บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และบริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) ที่ให้ข้อมูลว่าไม่มีปัญหาจากการใช้มาตรการดังกล่าว เพราะสามารถนำเข้าสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H จากแหล่งอื่นหรือใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศทดแทนได้ ข้อ ๖ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจะทำให้มีการทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีกตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และเมื่อคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกันตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว เห็นว่าเพื่อมิให้กระทบต่อผู้ใช้หรือผู้บริโภค จึงมีมติให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๒๑๖.๓๓.๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไปอีกเป็นกำหนดเวลา ๓ ปี นับแต่วันที่ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่องผลการพิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑ มีผลใช้บังคับ ในอัตราดังต่อไปนี้ (๑) สินค้าที่ผลิตจาก Laiwu Steel Group, Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๒๗.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) สินค้าที่ผลิตจากผู้ผลิตรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๒๗.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นรับคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการพิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าว เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยาน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๗๑ ง/หน้า ๕/๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๑
587479
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2551
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นเมื่อวันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่าผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ส่งสินค้าดังกล่าวเข้ามาทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายใน ตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน จึงเห็นสมควรให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นกำหนดเวลาสี่เดือน ข้อ ๓ ให้เรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งดำเนินกิจการหรือมีสาขาดำเนินกิจการในประเทศไทยจากการนำเข้าสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในอัตราดังต่อไปนี้ (๑) สินค้าที่ผลิตจาก Weiqiao Textile Company Limited ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๙.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ และ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และอัตราร้อยละ ๑๑.๔๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ (๒) สินค้าที่ผลิตจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๔.๖๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ และ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และอัตราร้อยละ ๑๔.๕๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ประกาศ ณ วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยาน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๕๒ ง/หน้า ๔๐/๑๒ กันยายน ๒๕๕๑
587475
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนเบื้องต้นกรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2551
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณาผลการไต่สวนเบื้องต้นกรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอ ที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อวันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดมาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่องการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑ นั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนหรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ กรมการค้าต่างประเทศได้เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำขอของสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ ๑.๑ สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ประกาศไต่สวน คือ สินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ (๑) Qingdao Free Trade Zone, Zhaohai Trade Co., Ltd. (๒) Orient Crown Asia Limited (๓) Weiqiao Textile Company Limited (๔) Baoji Changxin Cloth Co., Ltd. (๕) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ๆ นอกจาก (๑) ถึง (๔) ๑.๒.๒ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) บริษัท เอช. ซี. อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด (๒) บริษัท ทรินิเต้ จำกัด (๓) ผู้นำเข้ารายอื่น ๆ นอกจาก (๑) และ (๒) ๑.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้าย และผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ ในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ ได้แก่ (๑) บริษัท เจียมพัฒนาเท็กซ์ไทล์ส จำกัด (๒) บริษัท พิพัฒนกิจเท็กซ์ไทล์ จำกัด (๓) บริษัท เค คัททัน แอนด์ กอส จำกัด (๔) บริษัท โรงงานส่งเสริมไทยอุตสาหกรรม จำกัด (๕) บริษัท สว่างเท็กซ์ไทล์ จำกัด (๖) บริษัท เอราวัณสิ่งทอ จำกัด (๗) บริษัท งามรุ่งอุตสาหกรรมสิ่งทอ จำกัด (๘) บริษัท กังวาลเท็กซ์ไทล์ จำกัด (๙) บริษัท โรงงานทอผ้ากรุงเทพ จำกัด (๑๐) บริษัท ลัคกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด (มหาชน) (๑๑) บริษัท โรงงานผ้าไทย จำกัด (มหาชน) (๑๒) ผู้ผลิตรายอื่น ๆ นอกจาก (๑) ถึง (๑๑) ๑.๒.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ถึงวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ และวันที่ ๑๙ ถึงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายในโดยใช้วิธีตรวจสอบโดยการสุ่มตรวจ ๖ ราย คือ บริษัท เจียมพัฒนาเท็กซ์ไทล์ส จำกัด บริษัท พิพัฒนกิจเท็กซ์ไทล์ จำกัด บริษัท เค คัททัน แอนด์ กอส จำกัด บริษัท โรงงานส่งเสริมไทยอุตสาหกรรม จำกัด บริษัท สว่างเท็กซ์ไทล์ จำกัด และ บริษัท เอราวัณสิ่งทอ จำกัด และตรวจสอบ ณ ที่ทำการของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีนในรายที่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลตามแบบสอบถามและพร้อมรับการตรวจสอบ ๑ ราย คือ Weiqiao Textile Company Limited ข้อ ๓ ผลการพิจารณาไต่สวนการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดกรณีของผู้ที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามจะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกแต่ละราย ส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม หรือผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ๆ จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด (Investigation Period) คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่ให้ข้อมูลเพียงพอต่อการพิจารณามีเพียง ๑ ราย คือ Weiqiao Textile Company Limited โดยบริษัทดังกล่าวมีปริมาณส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทย เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้ารวมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามสถิติกรมศุลกากร ภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรที่ถูกไต่สวน คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๘๒ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๓.๑ Weiqiao Textile Company Limited ๓.๑.๑ มูลค่าปกติ คำนวณมูลค่าปกติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี้ กรณีสินค้าผ้าทอรายการที่มีจำหน่ายให้ผู้ซื้อในสาธารณรัฐประชาชนจีนในปริมาณไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ของปริมาณที่ส่งออกมายังประเทศไทย จะคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ส่วนสินค้าผ้าทอรายการที่ไม่มีจำหน่าย หรือที่จำหน่ายในสาธารณรัฐประชาชนจีนน้อยกว่าร้อยละ ๕ ของปริมาณที่ส่งออกมายังประเทศไทย จะคำนวณจากต้นทุนสินค้าที่เหมือนกันทุกประการกับผ้าทอที่ส่งออกมาจำหน่ายประเทศไทยรวมกับกำไร สำหรับในกรณีที่ Weiqiao Textile Company Limited ไม่ได้ให้ข้อมูลต้นทุนในรายการดังกล่าว จะคำนวณจากต้นทุนการผลิตผ้าทอจากอุตสาหกรรมผ้าทอในประเทศไทยรวมกับกำไร เป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงาน ๓.๑.๒ ราคาส่งออก คำนวณราคาส่งออกตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน ๓.๑.๓ ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ดังนี้ (๑) สินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ และ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ ในอัตราร้อยละ ๙.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) สินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ในอัตราร้อยละ ๑๑.๔๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓.๒ ผู้ผลิตรายอื่น ๆ คำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๘ ประกอบกับมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ คือ คำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกจากข้อมูลตามคำตอบแบบสอบถามของผู้ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามคือ Weiqiao Textile Company Limited ซึ่งสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ดังนี้ (๑) สินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ และ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ ในอัตราร้อยละ ๑๔.๖๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) สินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ในอัตราร้อยละ ๑๔.๕๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการได้วินิจฉัยความเสียหายเบื้องต้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของผู้ผลิตภายในประเทศ จำนวน ๑๐ ราย คือ บริษัท เจียมพัฒนาเท็กซ์ไทล์ส จำกัด บริษัท พิพัฒนกิจ เท็กซ์ไทล์ จำกัด บริษัท เค คัททัน แอนด์ กอส จำกัด บริษัท โรงงานส่งเสริมไทยอุตสาหกรรม จำกัด บริษัท สว่างเท็กซ์ไทล์ จำกัด บริษัท เอราวัณสิ่งทอ จำกัด บริษัท งามรุ่งอุตสาหกรรมสิ่งทอ จำกัด บริษัท กังวาลเท็กซ์ไทล์ จำกัด บริษัท ลักกี้เท็กซ์ (ไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โรงงานผ้าไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีผลผลิตรวมกันได้เกินกึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิตรวมภายในประเทศของสินค้าที่ประกาศไต่สวน คือ ร้อยละ ๕๘.๙๖ จึงเป็นอุตสาหกรรมภายในตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๒๔ และผู้นำเข้า จำนวน ๒ ราย คือ บริษัท เอช. ซี. อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด และ บริษัท ทรินิเต้ จำกัด รวมทั้งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๑ ราย คือ Weiqiao Textile Company Limited ซึ่งได้ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วน โดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วงระหว่าง พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึง พ.ศ. ๒๕๕๐ ผลการพิจารณาความเสียหายเบื้องต้น ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๔.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ๔.๑.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติของกรมศุลกากรพบว่า ปริมาณการนำเข้าสินค้าผ้าทอฝ้ายและผ้าทอโพลีเอสเตอร์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๕๐ และการนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีสัดส่วนสูงสุดตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีสัดส่วนร้อยละ ๖๗.๑๓ ถึงร้อยละ ๘๘.๖๗ ของปริมาณการนำเข้ารวม ในขณะที่ปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นในช่วงระยะเวลาเดียวกันรวมกันมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ ๓๒.๘๗ เป็นร้อยละ ๑๑.๓๓ ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ๔.๑.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบราคาสินค้าผ้าทอจากสาธารณรัฐประชาชนจีนกับราคาขายของอุตสาหกรรมภายใน ณ ระดับการค้าเดียวกันในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีการขายตัดราคาผ้าทอเฉลี่ยทุกไตรมาส และพบว่าราคาขายสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุตสาหกรรมภายในต้องลดราคาขายลงเพื่อแข่งขันกับสินค้าผ้าทอจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และเมื่อต้นทุนขายเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมภายในไม่สามารถกำหนดราคาขายให้เป็นไปตามต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ดังนั้น การนำเข้าสินค้าผ้าทอจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจึงทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาสินค้าผ้าทอของอุตสาหกรรมภายในในลักษณะการตัดราคา กดราคา และยับยั้งการขึ้นราคา ๔.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายลดลงนับตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในมีผลกำไรลดลงมากและอยู่ในภาวะขาดทุนในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตลดลงในภาพรวม คือ ในปี ๒๕๔๗ ปี ๒๕๔๘ และในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงเมื่อเปรียบเทียบปี ๒๕๔๙ กับช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ในขณะที่ส่วนแบ่งการนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้น ผลิตภาพ อุตสาหกรรมภายในมีประสิทธิภาพในการใช้ปัจจัยการผลิตคงที่ในสัดส่วนค่อนข้างสูง ผลตอบแทนการลงทุน ผลตอบแทนจากการลงทุนของอุตสาหกรรมภายในตั้งแต่ ปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๕๐ ลดลงอย่างต่อเนื่อง การใช้กำลังการผลิต อัตราการใช้กำลังการผลิตในภาพรวมลดลง ราคาสินค้าภายในประเทศ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น กระแสเงินสด กระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับ ปี ๒๕๔๗ สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังสะสมเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การจ้างงาน อุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๔๙ แต่ได้ลดลงในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด เนื่องจากผู้ผลิตบางรายลดเวลาการดำเนินงานลง ทำให้การจ้างแรงงานโดยรวมลดลง ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการปรับเพิ่มค่าจ้างให้กับคนงานที่มีทักษะ อัตราการเจริญเติบโต อัตราการเจริญเติบโตพิจารณาจากสัดส่วนของการเปลี่ยนแปลงรายได้และสินทรัพย์จากงบการเงินของผู้ผลิตผ้าทอในปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๕๐ ปรากฏว่าอัตราการเจริญเติบโตในภาพรวมหดตัวลง ความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน ผู้ผลิตโดยรวมไม่สามารถระดมหุ้นเพิ่มเพื่อขยายกิจการได้ เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดโดยมีอัตราการทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างร้อยละ ๙.๙๖ ถึงร้อยละ ๑๔.๖๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งการทุ่มตลาดดังกล่าวทำให้มีปริมาณการนำเข้าสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ๔.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน เมื่อพิจารณาการนำเข้าสินค้าผ้าทอชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ถูกกล่าวหาและการบริโภคในประเทศไม่พบว่าเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ดังนี้ ๔.๓.๑ การนำเข้าสินค้าผ้าทอชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น ๆ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๕๐ ปริมาณการนำเข้าสินค้าผ้าทอชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น ๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจากร้อยละ ๓๒.๘๗ เป็นร้อยละ ๑๑.๓๓ ของปริมาณการนำเข้ารวมในช่วงเวลาการไต่สวน ในขณะที่ราคานำเข้าสูงกว่าราคาสินค้าที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาก ๔.๓.๒ ความต้องการใช้ภายในประเทศ การบริโภคผ้าทอในประเทศลดลงตามที่มีการประมาณการซึ่งสอดคล้องกับส่วนแบ่งตลาดในประเทศของผู้ผลิตและปริมาณการนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้ถูกกล่าวหาลดลงในทิศทางเดียวกัน แต่ส่วนแบ่งตลาดของสินค้าผ้าทอราคาถูกที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับจากร้อยละ ๖๗.๑๓ ในปี ๒๕๔๗ ร้อยละ ๘๘.๖๗ ของปริมาณการนำเข้ารวมในช่วงเวลาการไต่สวน จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแกอุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เนื่องจาก (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (๒) มีผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน โดยมีการขายตัดราคา กดราคา และยับยั้งการขึ้นราคา (๓) มีผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายใน ซึ่งพิจารณาปัจจัยที่บ่งบอกเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมภายใน ปรากฏว่า สัดส่วนการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดสูงขึ้นเป็นลำดับ แทนที่ส่วนแบ่งตลาดของสินค้าชนิดเดียวกันที่นำเข้าจากประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ถูกกล่าวหาและของอุตสาหกรรมผู้ผลิตภายในประเทศ ทำให้ยอดจำหน่ายในประเทศ กำไร ผลผลิต ส่วนแบ่งตลาด ผลตอบแทนการลงทุน และการใช้กำลังการผลิต ลดลง ส่งผลกระทบต่อราคาผ้าทอในประเทศ เนื่องจากส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดทำให้สินค้าคงคลังเพิ่มสูงขึ้น การจ้างงานได้รับผลกระทบในภาพรวม อุตสาหกรรมภายในอยู่ในภาวะขาดทุน มีผลตอบแทนการลงทุนอัตราการเจริญเติบโต และความสามารถในการระดมทุนหรือการลงทุนลดต่ำลง เป็นลำดับ (๔) มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๔๙ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ จาก ๖๙.๒๙ ล้านหลาในปี ๒๕๔๗ เพิ่มขึ้นเป็น ๑๘๔.๗๔ ล้านหลาในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีการทุ่มตลาดในระหว่างอัตราร้อยละ ๙.๙๖ ถึงร้อยละ ๑๔.๖๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาจากปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน อันได้แก่ ปริมาณและราคาสินค้านำเข้าจากประเทศอื่น ๆ พบว่ามีสัดส่วนน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณและราคาสินค้าที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ดังนั้น ปัจจัยอื่น ๆ เหล่านี้จึงมิใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน สรุปได้ว่า ความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๕ ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับจากการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายข้างต้นแล้ว มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า การนำเข้าสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ อันมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว โดยให้เรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งดำเนินกิจการหรือมีสาขาดำเนินกิจการในประเทศไทย จากการนำเข้าสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นระยะเวลา ๔ เดือนนับแต่วันที่ประกาศคณะกรรมการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑ มีผลใช้บังคับ ในอัตราดังต่อไปนี้ (๑) สินค้าที่ผลิตจาก Weiqiao Textile Company Limited ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๙.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ และ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และอัตราร้อยละ ๑๑.๔๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ (๒) สินค้าที่ผลิตจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๔.๖๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ และ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และอัตราร้อยละ ๑๔.๕๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นรับคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดมาตรการชั่วคราวรวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยาน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๕๒ ง/หน้า ๒๗/๑๒ กันยายน ๒๕๕๑
587471
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการพิจารณาการขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน สำหรับการนำเข้าระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 และเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 ของ บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2551
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการพิจารณาการขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน สำหรับการนำเข้าระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ของ บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าว เป็นระยะเวลา ๕ ปีไปแล้ว นั้น บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจากบริษัท JFE STEEL CORPORATION จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓.๒๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ยื่นคำขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาด เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ สำหรับการนำเข้าระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยแสดงข้อมูลหลักฐานเบื้องต้นและระบุว่าธุรกรรมนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนในช่วงดังกล่าวไม่มีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาและมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่า คำขอดังกล่าวมีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอากรตอบโต้การทุ่มตลาดที่ใช้บังคับ จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดกระบวนการพิจารณาการขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ มาตรา ๕๙ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กรมการค้าต่างประเทศจะเริ่มกระบวนการพิจารณาคำ ขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามคำขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนสำหรับการนำเข้าระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ของ บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอคืนอากรดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักตอบโต้การทุ่มตลาด กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๙ และ ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๐ - ๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยาน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๕๒ ง/หน้า ๒๕/๑๒ กันยายน ๒๕๕๑
586343
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนเบื้องต้นกรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก พ.ศ. 2551
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ผลการไต่สวนเบื้องต้นกรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก ลงวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดมาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็กตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก พ.ศ. ๒๕๕๑ นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนหรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวนให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดการไต่สวน บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าบล็อกแก้วได้มีคำขอต่อกรมการค้าต่างประเทศให้ดำเนินการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศพิจารณาแล้วเห็นว่าคำขอมีรายละเอียดและพยานหลักฐานครบถ้วนถูกต้อง จึงได้เสนอคำขอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณา ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ คณะกรรมการได้มีคำวินิจฉัยว่าคำขอมีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหายกรมการค้าต่างประเทศจึงได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ ๑.๑ สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ประกาศไต่สวน คือ สินค้าบล็อกแก้วตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าอุตสาหกรรมภายในผลิตสินค้าบล็อกแก้วตามพิกัดข้างต้นเฉพาะชนิดใสเท่านั้น ดังนั้น ขอบเขตของการไต่สวนเพื่อกำหนดมาตรการจึงได้จำกัดเฉพาะสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ๑.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐเช็ก ได้แก่ (๑) บริษัท Vitrablok K.S. (๒) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ๆ นอกจาก (๑) ๑.๒.๒ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (๒) บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (๓) ผู้นำเข้ารายอื่น ๆ นอกจาก (๑) และ (๒) ๑.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าบล็อกแก้วในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด ๑.๒.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐเช็ก ในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ ๒๔ ถึงวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และวันที่ ๘ ถึงวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และ ณ ที่ทำการของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งมีบริษัทที่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม ๑ ราย คือ บริษัท Vitrablok K.S. ข้อ ๓ ผลการพิจารณาไต่สวนการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดกรณีของผู้ที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามจะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกแต่ละราย ส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด (Investigation Period) คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้วที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามมี ๑ ราย คือ บริษัท Vitrablok K.S. โดยบริษัทดังกล่าวมีปริมาณส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทย เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้ารวมจากสาธารณรัฐเช็กตามสถิติกรมศุลกากร ภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรของสินค้าที่ถูกไต่สวน คิดเป็นร้อยละ ๘๗ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดจากสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ ๓.๑ บริษัท Vitrablok K.S. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐเช็กตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมายังประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓.๒ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ๆ จากการไต่สวนปรากฏว่า ระดับการให้ความร่วมมือของสาธารณรัฐเช็กมีมาก ดังนั้น จึงพิจารณาอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ๆ ในอัตราเดียวกันคือ อัตราร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการได้วินิจฉัยความเสียหายเบื้องต้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากอุตสาหกรรมภายในจำนวน ๑ ราย คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และผู้นำเข้าจำนวน ๑ ราย คือ บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด รวมทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกในสาธารณรัฐเช็กจำนวน ๑ ราย คือ บริษัท Vitrablok K.S. ซึ่งให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วน โดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง (ปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๔๙) โดยช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ และช่วงเวลาเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ผลการพิจารณาความเสียหายเบื้องต้น ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๔.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ๔.๑.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติของกรมศุลกากรพบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐเช็กเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๑๓ เป็นร้อยละ ๓๗.๗๖ ในขณะที่ปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นรวมกันมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ ๘๗ เป็นร้อยละ ๖๒.๒๔ ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ๔.๑.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ การทุ่มตลาดทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาสินค้าดังกล่าวของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะการตัดราคา การกดราคา และการยับยั้งการขึ้นราคา โดยสินค้าจากสาธารณรัฐเช็กมีการขายตัดราคาระหว่างร้อยละ ๘ ถึงร้อยละ ๒๕ ระหว่างปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด และมีการกดราคา โดยพบว่าราคาขายของอุตสาหกรรมภายในลดต่ำลง เนื่องจากการแข่งขันกับราคาสินค้าทุ่มตลาด ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด และจากการเปรียบเทียบราคาขายกับต้นทุนขายของอุตสาหกรรมภายในพบว่ามีการขายต่ำกว่าต้นทุนขายระหว่างปี ๒๕๔๘ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด แสดงให้เห็นถึงผลกระทบด้านราคาในลักษณะยับยั้งการขึ้นราคาไม่ให้สูงกว่าต้นทุน ๔.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นระหว่างปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาการ ไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในอยู่ในภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่สามารถเพิ่มราคาขายเพื่อทำกำไรได้ ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตเพิ่มขึ้นระหว่างปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นระหว่างปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ความสามารถในการผลิต เมื่อพิจารณาจากอัตราของผลผลิตที่ได้เทียบกับวัตถุดิบที่ใช้ พบว่าความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมภายในลดลงในปี ๒๕๔๙ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนติดลบตลอดช่วงปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การใช้กำลังการผลิต การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดมีแนวโน้มลดลง ราคาสินค้าภายในประเทศ ระหว่างปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๔๘ อุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น และแม้ว่าในปี ๒๕๔๙ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดต้นทุนขายจะลดลงก็ตาม แต่ราคาขายของอุตสาหกรรมภายในกลับลดลงในสัดส่วนที่สูงกว่าการลดลงของต้นทุนขาย และมีการขายต่ำกว่าต้นทุนขาย ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด กระแสเงินสด อุตสาหกรรมภายในมีกระแสเงินสดติดลบในปี ๒๕๔๘ และติดลบเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ จนถึงในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังลดลงเล็กน้อยในปี ๒๕๔๘ แต่กลับเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การจ้างงาน พิจารณาจากจำนวนแรงงาน อุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยต่อเดือนในปี ๒๕๔๙ ลดลงเล็กน้อย แต่กลับเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อัตราการเจริญเติบโต พิจารณาจากปริมาณการขายภายในประเทศ อุตสาหกรรมภายในมีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วงปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งเป็นผลจากการที่อุตสาหกรรมภายในลดราคาลงเพื่อให้สามารถแข่งขันกับสินค้าทุ่มตลาดได้ ความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน ตัวเลขการขาดทุนที่สะสมและผลตอบแทนการลงทุนที่ติดลบแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมภายในไม่มีความสามารถในการเพิ่มทุน ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยมีอัตราการทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐเช็กร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งการทุ่มตลาดจากประเทศดังกล่าวส่งผลให้การนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐเช็ก มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๑๓ ในปี ๒๕๔๗ เป็นร้อยละ ๓๗.๗๖ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ๔.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ๔.๓.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติกรมศุลกากร พบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากประเทศอื่นรวมกันเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐเช็ก มีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ ๘๗ ในปี ๒๕๔๗ เป็นร้อยละ ๖๒.๒๔ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ๔.๓.๒ ความต้องการใช้ภายในประเทศ ความต้องการใช้สินค้าบล็อกแก้วภายในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๔๙ และแม้ว่าในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ความต้องการใช้ภายในประเทศจะลดลง แต่ปริมาณการขายของอุตสาหกรรมภายในกลับเพิ่มขึ้น ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิได้มีสาเหตุมาจากการหดตัวของตลาดหรือการลดลงของอุปสงค์ จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เนื่องจาก (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐเช็กเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (๒) มีผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน โดยมีการขายตัดราคา กดราคา และยับยั้งการขึ้นราคา (๓) มีผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายใน ซึ่งจากการพิจารณาปัจจัยที่บ่งบอกเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมภายใน ปรากฏว่าอุตสาหกรรมภายในได้รับผลกระทบจากการที่ไม่สามารถขึ้นราคาได้ แต่กลับต้องจำหน่ายสินค้าในราคาต่ำกว่าทุนส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร ทำให้อุตสาหกรรมภายในอยู่ในภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องโดยมีผลตอบแทนจากการลงทุนและกระแสเงินสดเป็นลบ (๔) มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยในช่วงปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดสัดส่วนการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐเช็กเพิ่มขึ้น คือ จากร้อยละ ๑๓ ในปี ๒๕๔๗ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๓๗.๗๖ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน อันได้แก่ ปริมาณและราคาสินค้านำเข้าจากประเทศอื่น ๆ พบว่าปริมาณการนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ มีสัดส่วนที่ลดลง และมีราคาที่นำเข้าจากประเทศอื่นสูงกว่าราคาที่นำเข้าจากสาธารณรัฐเช็ก ดังนั้น ปัจจัยอื่น ๆ เหล่านี้จึงมิใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน สรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐเช็ก ข้อ ๕ ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับจากการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายข้างต้นแล้ว มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า การนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็กมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ อันมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าวโดยให้เรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นระยะเวลา ๔ เดือนนับแต่วันประกาศคณะกรรมการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก พ.ศ. ๒๕๕๑ มีผลใช้บังคับสำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งผลิตจาก ๕.๑ บริษัท Vitrablok K.S. เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๕.๒ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดมาตรการชั่วคราว รวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยาน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๔๑ ง/หน้า ๒๔/๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๑
586341
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดดอนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD สาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. 2551
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ของ บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD สาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD สาธารณรัฐเกาหลี ลงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งผลิตจากบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD เป็นอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ความเป็นมา คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้ออกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นระยะเวลา ๕ ปี โดยสินค้าดังกล่าวที่ผลิตจาก บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD ถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๓.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ต่อมาเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD ได้ยื่นคำขอให้เปิดทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ข้อ ๒ การเปิดทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD สาธารณรัฐเกาหลี ลงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเษกษา เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริง ดังต่อไปนี้ (๑) สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๐๘.๑๐.๐๐, ๗๒๐๘.๓๖.๐๐, ๗๒๐๘.๓๗.๐๐, ๗๒๐๘.๓๘.๐๐ ๗๒๐๘.๓๙.๐๐, ๗๒๐๘.๔๐.๐๐, ๗๒๐๘.๕๑.๐๐, ๗๒๐๘.๕๒.๐๐, ๗๒๐๘.๕๓.๐๐, ๗๒๐๘.๕๔.๐๐ ๗๒๐๘.๙๐.๐๐, ๗๒๑๑.๑๓.๑๐, ๗๒๑๑.๑๓.๒๐, ๗๒๑๑.๑๓.๙๐, ๗๒๑๑.๑๔.๑๐, ๗๒๑๑.๑๔.๒๐ ๗๒๑๑.๑๔.๙๐, ๗๒๑๑.๑๙.๑๐, ๗๒๑๑.๑๙.๒๐, ๗๒๑๑.๑๙.๓๐ และ ๗๒๑๑.๑๙.๙๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ที่ผลิตจาก บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD ทั้งนี้ สินค้าดังกล่าวถือว่าเป็นสินค้าชนิดเดียวกัน (Like product) กับสินค้าที่อุตสาหกรรมภายในผลิตได้ (๒) ผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ (ก) บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD (ข) บริษัท POSCO STEEL SERVICE AND SALES CO., LTD (ค) อุตสาหกรรมภายในประเทศซึ่งผลิตสินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าที่ถูกพิจารณา (ง) ผู้นำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาและ/หรืออุตสาหกรรมภายในประเทศที่ใช้สินค้าที่ถูกพิจารณาเป็นวัตถุดิบในการผลิต (๓) ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการทบทวน คือ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๓ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการ และโรงงานผลิตของ บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD ในสาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ ๒๐ ถึงวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ พบว่า ข้อมูลตามแบบสอบถามที่บริษัทรายงานมีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากเมื่อได้ตรวจสอบเอกสารต้นฉบับและหลักฐานทางบัญชีที่ผ่านการรับรองแล้ว ปรากฏว่าข้อมูลตัวเลขมีความคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยและบริษัทได้ปรับแก้ไขแล้ว จึงสามารถยอมรับได้ ข้อ ๔ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดทำร่างผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างผลการทบทวนซึ่งแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้ บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD และบริษัท สยามยูไนเต็ดสตีล (๑๙๙๕) จำกัด ผู้นำเข้าซึ่งเป็นผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกันและอุตสาหกรรมภายใน เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อเปิดโอกาสให้ยื่นข้อคิดเห็น ข้อโต้แย้งหรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจา (Hearing) ได้ภายในวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD ได้ขอขยายกำหนดเวลาในการยื่นข้อคิดเห็นข้อโต้แย้ง เป็นวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ และขอแถลงการณ์ด้วยวาจาร่วมกับสำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย และบริษัท สยามยูไนเต็ดสตีล (๑๙๙๕) จำกัด เมื่อวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยมีประเด็นสำคัญในเรื่องการคำนวณมูลค่าปกติ (Constructed Normal Value) ขึ้นใหม่ ซึ่งโดยหลักการตามความตกลงภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) และพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดให้คำนวณจากต้นทุนการผลิตรวมกับกำไรที่เหมาะสม โดย บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD เห็นว่าต้นทุนการผลิตที่จะนำมาคำนวณ ควรเป็นต้นทุนของสินค้าที่มีคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการกับสินค้าที่ถูกพิจารณา (Identical Product) ที่ส่งออกมายังประเทศไทย ไม่ควรใช้ต้นทุนของสินค้าที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก (Closely Resembling Product) ตามที่กรมการค้าต่างประเทศนำมาพิจารณา เพราะสินค้าบางชนิดแม้จะสามารถเทียบเคียงได้ว่าเป็นสินค้าที่คล้ายคลึงกันอย่างมากกับสินค้าชนิดเดียวกันที่มีการส่งออกมายังประเทศไทย แต่สินค้าทั้งสองชนิดอาจมีต้นทุนการผลิตที่แตกต่างกัน การนำต้นทุนของสินค้าที่คล้ายคลึงกันอย่างมากมาคำนวณเป็นมูลค่าปกติขึ้นใหม่ จึงไม่เหมาะสมเพราะจะเป็นการบิดเบือนมูลค่าปกติที่ควรจะเป็นและส่งผลให้ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสูงกว่าความเป็นจริงได้ ข้อ ๕ การพิจารณาข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นต่อร่างผลการทบทวน บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD ได้ยื่นข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นภายในเวลาที่กำหนด โดยได้ยื่นเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้พิจารณาข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นของบริษัทเกี่ยวกับการคำนวณมูลค่าปกติขึ้นใหม่แล้วเห็นว่า ข้อโต้แย้งและข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติมจากบริษัทค่อนข้างมีน้ำหนักและเหตุผลที่เชื่อถือได้ จึงเป็นไปได้ที่สินค้าชนิดเดียวกันจะมีต้นทุนต่างจากสินค้าที่คล้ายคลึงกันอย่างมากได้ เนื่องจากข้อมูลทางบัญชีและข้อมูลต้นทุนของบริษัทสามารถเชื่อถือได้และได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลแล้ว ดังนั้น ในการคำนวณมูลค่าปกติขึ้นใหม่ จึงสามารถใช้ข้อมูลต้นทุนสินค้าที่มีคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการกับสินค้าที่ถูกพิจารณาที่ส่งออกมายังประเทศไทยมาคำนวณได้ ข้อ ๖ การพิจารณาผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นที่มีต่อร่างผลการทบทวนที่ได้รับ รวมทั้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลมาพิจารณาจัดทำรายงานผลการทบทวนเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นดังต่อไปนี้ (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยใช้ข้อมูลราคาขายภายในสาธารณรัฐเกาหลีของบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD และบริษัท POSCO STEEL SERVICE AND SALES CO., LTD ซึ่งเป็นบริษัทผู้แทนจำหน่าย (Trader) ในเครือ ซึ่งขายให้ผู้ซื้ออิสระทอดแรก ตามที่รายงานมาในแบบสอบถาม เพื่อนำมาคำนวณราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักและทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่งภายในประเทศ ค่าขนถ่ายสินค้า ค่าเช่าคลังสินค้า และค่าชดเชยสินค้าที่ไม่ตรงตามมาตรฐานที่สั่ง นอกจากนี้ ยังมีการคำนวณมูลค่าปกติขึ้นใหม่ตามหลักเกณฑ์มาตรา ๑๕ (๒) ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณราคาจากต้นทุนการผลิตสินค้าดังกล่าวในสาธารณรัฐเกาหลีรวมกับจำนวนที่เหมาะสมของอัตรากำไรที่เกิดขึ้น (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาที่ส่งออกมายังประเทศไทยตามที่บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD รายงานในแบบสอบถามและคำนวณเป็นราคาส่งออก ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่งภายในประเทศ ค่าขนส่งระหว่างประเทศ ค่าขนถ่ายสินค้า และบวกค่าชดเชยภาษีนำเข้าวัตถุดิบ (Duty drawback) (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตามข้อ (๑) และราคาส่งออกตามข้อ (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการทบทวน ปรากฏว่าไม่พบส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ข้อ ๗ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD มีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลีที่ผลิตจากบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราร้อยละ ๑๓.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการ ฯ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการ ฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นับแต่วันประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD พ.ศ. ๒๕๕๑ มีผลใช้บังคับ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยาน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๔๑ ง/หน้า ๑๘/๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๑
585693
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD สาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. 2551
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วนของบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD สาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลีไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการ ฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่ผลิตและมีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ในอัตราร้อยละ ๑๓.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับผู้ผลิตทุกราย และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD สาธารณรัฐเกาหลี ตามคำขอของบริษัทดังกล่าว โดยกรมการค้าต่างประเทศได้เปิดการทบทวน ตามประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD สาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามคำขอของบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD และได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่า อัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD ได้เปลี่ยนแปลงไปจากผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดตามประกาศคณะกรรมการ ฯ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๖ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD สาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ข้อ ๓ ให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ที่ผลิตจากบริษัท POHANG IRON AND STEEL CO., LTD ตามประกาศคณะกรรมการ ฯ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการ ฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราร้อยละ ๑๓.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการทบทวนอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๕ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยาน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๓๕ ง/หน้า ๓๒/๘ สิงหาคม ๒๕๕๑
585691
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก พ.ศ. 2551
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่าผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็กได้ส่งสินค้าดังกล่าวเข้ามาทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายในคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงเห็นสมควรให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก พ.ศ. ๒๕๕๑” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นกำหนดเวลาสี่เดือน ข้อ ๓ ให้เรียกเก็บอากรชั่วคราว หรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งดำเนินกิจการหรือมีสาขาดำเนินกิจการในประเทศไทย สำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งผลิตจาก (๑) บริษัท Vitrablok K.S. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๙๓.๖๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ประกาศ ณ วันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยาน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๓๕ ง/หน้า ๓๐/๘ สิงหาคม ๒๕๕๑
581125
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท PT MULIAGLASS สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. 2551
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ของบริษัท PT MULIAGLASS สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจากบริษัท PT MULIAGLASS ในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท PT MULIAGLASS สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามคำขอของบริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภายใน นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีดังกล่าวแล้ว มีคำวินิจฉัยว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของบริษัท PT MULIAGLASS ได้เปลี่ยนแปลงไปจากผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๖ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท PT MULIAGLASS สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๕๑” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป จนกว่าจะมีผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท PT MULIAGLASS ครั้งใหม่ หรือจนสิ้นสุดการบังคับใช้มาตรการในวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๓ ให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจากบริษัท PT MULIAGLASS ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ จากเดิมที่ต้องชำระในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นอัตราร้อยละ ๑๓.๘๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาด รวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๕ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๘ กันยาน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๙๔ ง/หน้า ๖๗/๖ มิถุนายน ๒๕๕๑
581118
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท PT MULIAGLASS สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. 2551
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณาผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ของบริษัท PT MULIAGLASS สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท PT MULIAGLASS สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจากบริษัท PT MULIAGLASS จากเดิมที่ต้องชำระในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นอัตราร้อยละ ๑๓.๘๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนการยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ความเป็นมา คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ออกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นเวลา ๕ ปี ซึ่งสินค้าที่ผลิตจากบริษัท PT MULIAGLASS ถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ต่อมาเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด อุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าบล็อกแก้วภายในประเทศ ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท PT MULIAGLASS ข้อ ๒ การเปิดทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท PT MULIAGLASS สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ (๑) สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิมคือ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ที่ผลิตจากบริษัท PT MULIAGLASS โดยสินค้าดังกล่าวถือว่าเป็นสินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าที่อุตสาหกรรมภายในผลิตได้ในตลาดภายในประเทศ (๒) ผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ บริษัท PT MULIAGLASS อุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกัน และผู้นำเข้า (๓) ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาทบทวน คือ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๓ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการ และโรงงานของบริษัท PT MULIAGLASS ในสาธารณรัฐอินโดนีเซียระหว่างวันที่ ๑๗ ถึงวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ จากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลส่วนใหญ่มีความถูกต้องตามหลักการทางบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารต้นฉบับ ยกเว้นการขอหักค่านายหน้าด้านมูลค่าปกติที่บริษัท PT MULIAGLASS ระบุว่ามีการจ่ายให้กับบริษัทแม่ที่มีความสัมพันธ์กันแต่ไม่มีการบันทึกการจ่ายค่านายหน้าดังกล่าวทางบัญชี จึงขาดความน่าเชื่อถือ ข้อ ๔ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดทำร่างผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างผลการทบทวนซึ่งแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้บริษัท PT MULIAGLASS และอุตสาหกรรมภายในทราบเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อเปิดโอกาสให้ยื่นข้อคิดเห็น ข้อโต้แย้ง และ/หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาได้ถึงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งปรากฏว่าได้มีการยื่นข้อโต้แย้งจากบริษัท PT MULIAGLASS และการยื่นข้อคิดเห็นจากอุตสาหกรรมภายใน ข้อ ๕ การพิจารณาข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นต่อร่างผลการทบทวน บริษัท PT MULIAGLASS และอุตสาหกรรมภายในได้ยื่นข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งสรุปประเด็นได้ดังต่อไปนี้ (๑) บริษัท PT MULIAGLASS ได้โต้แย้งในเรื่องการคำนวณมูลค่าปกติ โดยไม่เห็นด้วยเรื่องการไม่ยอมรับให้หักค่านายหน้า ในกรณีนี้ได้พิจารณาแล้วว่า การจ่ายค่านายหน้าที่บริษัท PT MULIAGLASS แจ้งว่าได้จ่ายให้กับบริษัทแม่ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความสัมพันธ์กันนั้น ขาดความน่าเชื่อถือเนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานการจ่ายค่านายหน้าดังกล่าวในทางบัญชี จึงไม่สามารถยอมรับให้นำมาหักออกจากการคำนวณมูลค่าปกติได้ (๒) บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด อุตสาหกรรมภายใน ได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับราคาส่งออกและมูลค่าปกติของบริษัท PT MULIAGLASS สรุปได้ว่า ทั้งราคาส่งออกและมูลค่าปกติไม่อยู่ในระดับปกติที่จะนำมาเปรียบเทียบเพื่อคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยอาจมีการบิดเบือนราคาส่งออก รวมทั้งมีการใช้มูลค่าปกติที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากบริษัท PT MULIAGLASS ขายผ่านบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน และการนำบล็อกแก้วขนาดพิเศษมารวมคำนวณ จะทำให้ข้อมูลไม่สะท้อนส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดที่แท้จริง ในกรณีนี้ได้พิจารณาแล้วว่า ไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงต่อกรมการค้าต่างประเทศที่สนับสนุนว่ามีการบิดเบือนราคาส่งออก สำหรับมูลค่าปกติที่นำมาใช้ในการคำนวณส่วนเหลื่อม การทุ่มตลาดเป็นราคาขายถึงผู้ซื้ออิสระทอดแรกในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ไม่ใช่ราคาที่บริษัท PT MULIAGLASS ขายให้กับบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน สำหรับเหตุผลที่นำบล็อกแก้วชนิดใสขนาดพิเศษมารวมคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดด้วย เนื่องจากประกาศเปิดทบทวนครอบคลุมสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสทุกขนาด ข้อ ๖ การพิจารณาผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นต่อร่างผลการทบทวนที่ได้รับ รวมทั้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลมาพิจารณาจัดทำรายงานผลการทบทวนเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นดังต่อไปนี้ (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐอินโดนีเซียของบริษัท PT MULIAGLASS ที่รายงานในแบบสอบถาม และคำนวณเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าขนส่งภายในประเทศและค่าบรรจุภัณฑ์ (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาที่ส่งออกมาประเทศไทยตามที่บริษัท PT MULIAGLASS รายงานในแบบสอบถาม และคำนวณเป็นราคาส่งออก ณ หน้าโรงงานโดยหักค่าขนส่งภายในประเทศ ค่าบรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออก และค่าใช้จ่ายอื่นๆ (Clearance and Handling) (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติ ตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการทบทวน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๓.๘๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๗ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของบริษัท PT MULIAGLASS ได้เปลี่ยนแปลงไปจากผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ที่ผลิตจากบริษัท PT MULIAGLASS จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เป็นอัตราร้อยละ ๑๓.๘๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๙๔ ง/หน้า ๕๓/๖ มิถุนายน ๒๕๕๑
580534
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการพิจารณาการขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วนของบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2551
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการพิจารณาการขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วนของบริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าว เป็นระยะเวลา ๕ ปีไปแล้ว นั้น ปรากฏว่า บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของประเทศไทย ซึ่งนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากบริษัท JFE STEEL CORPORATION จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓.๒๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ยื่นคำขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ สำหรับการนำเข้าระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยแสดงข้อมูลหลักฐานเบื้องต้นและระบุว่าธุรกรรมนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนในช่วงดังกล่าวไม่มีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาและมีคำวินิจฉัยเมื่อ ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาและมีคำวินิจฉัยเมื่อ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่าคำขอดังกล่าวมีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอากรตอบโต้การทุ่มตลาดที่ใช้บังคับ จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดกระบวนการพิจารณาการขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีดังกล่าว อาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๙ มาตรา ๕๙ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาการขอคืนอากรตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าวตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอคืนอากรดังกล่าวให้ยื่นคำขอต่อสำนักตอบโต้การทุ่มตลาด กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๙ และ ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๐ – ๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๘๖ ง/หน้า ๓๒/๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
580532
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2551
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟต ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่า คำขอของบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๓๓ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ยื่นขอให้พิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าโซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นได้ว่าคำขอมีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหาย จึงเห็นควรให้เปิดการไต่สวน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ โซเดียมไตรโพลิฟอสเฟตหรือโซเดียมไตรฟอสเฟตพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๒๘๓๕.๓๑๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๒ การพิจารณาการทุ่มตลาดและความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาเห็นว่า คำขอของบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการส่งสินค้าที่ถูกพิจารณาดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยมีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหาย โดยมีข้อเท็จจริงโดยสังเขป ดังนี้ ๒.๑ การทุ่มตลาด สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒.๒ ความเสียหาย อุตสาหกรรมภายในได้รับความเสียหายอย่างสำคัญจากการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณา โดย (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้น (๒) การนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณามีผลกระทบต่อราคาขายในประเทศและมีผลกระทบต่อผลการดำเนินการของอุตสาหกรรมภายใน ข้อ ๓ กระบวนการไต่สวน กรมการค้าต่างประเทศจะจัดส่งแบบสอบถามไปให้ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อตอบข้อมูลประกอบการไต่สวน ทั้งนี้ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากต่างประเทศที่ไม่ได้รับแบบสอบถาม แต่ประสงค์จะขอตอบแบบสอบถามเพื่อเข้าร่วมในการไต่สวนครั้งนี้ สามารถแจ้งความจำนงเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศเพื่อขอรับแบบสอบถามภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๔ การเสนอข้อเท็จจริงและความเห็น ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๕ การขอทราบข้อมูลการเปิดการไต่สวน ผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดการไต่สวนให้ยื่นคำขอได้ที่สำนักตอบโต้การทุ่มตลาด กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๐ – ๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๘๖ ง/หน้า ๓๐/๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
580530
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถานสาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซียสาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. 2551
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจาก ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าว ตามบัญชีรายละเอียดแนบท้ายประกาศ เป็นระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ นั้น ปรากฏว่า บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ได้ยื่นคำขอภายในระยะเวลาอันสมควรก่อนครบกำหนดเวลาการบังคับใช้มาตรการดังกล่าว ให้พิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไปอีก ๕ ปี โดยแสดงเหตุผลข้อเท็จจริงว่า หากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศข้างต้น จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป หรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยมีคำวินิจฉัยว่า คำขอดังกล่าวมีมูลเพียงพอที่จะพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ตามมาตรา ๕๗ และเห็นสมควรให้มีการทบทวนขอบเขตของสินค้าดังกล่าวที่อาจเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา ๕๖ จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด และทบทวนขอบเขตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ มาตรา ๓๙ มาตรา ๕๖ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๖๐แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาทบทวนดังกล่าวตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักตอบโต้การทุ่มตลาด กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๒๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๘๖ ง/หน้า ๒๘/๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๑
575329
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. 2551
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ของบริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจาก บริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. ในอัตราร้อยละ ๕๐.๕๙ ของราคาซี.ไอ.เอฟ. และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยกรมการค้าต่างประเทศได้มีประกาศ ลงวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัทดังกล่าวไปแล้ว นั้น ปรากฏว่าในระหว่างกระบวนการพิจารณาทบทวน บริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำขอให้มีการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าว ไม่ได้ให้ความร่วมมือในการนำพยานหลักฐานมาแสดงอย่างเพียงพอภายในเวลาที่กำหนด คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้รับฟังเพียงข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ตามมาตรา ๒๗ โดยเห็นว่าข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของผู้ยื่นคำขอเปลี่ยนแปลงไปจริง จึงมีมติให้ยุติการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดของบริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๗ มาตรา ๕๖ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๕๑” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยุติการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราเดิมตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๔ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๖๕ ง/หน้า ๘๓/๑ เมษายน ๒๕๕๑
575327
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. 2551
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้ การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจาก ประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๙.๓๒, ๗๒๑๙.๓๓, ๗๒๑๙.๓๔ ๗๒๑๙.๓๕ และ ๗๒๒๐.๒๐ ตามบัญชีรายละเอียดแนบท้ายประกาศ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ในอัตราร้อยละ ๐ ถึงร้อยละ ๕๐.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยมีเงื่อนไขการยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีนำเข้ามาเพื่อการส่งออกตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร นั้น ปรากฏว่า บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ได้ยื่นคำขอภายในระยะเวลาอันสมควรก่อนครบกำหนดระยะเวลาในการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะสิ้นสุดลง ว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป หรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีกซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้ว มีมติให้เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าทุ่มตลาดภายใต้ประกาศดังกล่าวตามมาตรา ๓๑ และมาตรา ๕๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับ มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอาจต้องมีการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าดังกล่าวต่อไปอีก จึงให้กรมศุลกากรเรียกเก็บหลักประกันอากรในระหว่างการเปิดทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๑ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศคณะกรรมการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ข้อ ๓ ให้กรมศุลกากรเรียกเก็บหลักประกันอากรสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ทุกธุรกรรมที่นำเข้ารวมไปถึงธุรกรรมที่นำเข้ามาเพื่อการส่งออก ตามบัญชีท้ายประกาศนี้ ในอัตราที่กำหนดดังนี้ (๑) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตจาก ก. บริษัท Sumitomo Metal Industries, Ltd. และบริษัท Sumitomo Metal (Naoetsu), Ltd. ในอัตราร้อยละ ๑๔.๘๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข. บริษัท JFE Steel Corporation ในอัตราร้อยละ ๑๙.๘๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ค. บริษัท Nisshin Steel Co.,Ltd. ในอัตราร้อยละ ๓๗.๐๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ง. บริษัท Nippon Kinzoku Co.,Ltd. ในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. จ. บริษัท Nippon Steel and Sumikin Stainless Steel Corporation ในอัตราร้อยละ ๑๑.๕๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ฉ. รายอื่น ๆ ในอัตราร้อยละ ๕๐.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสหภาพยุโรป ซึ่งผลิตจาก ก. บริษัท Thyssen Krupp Nirosta GMBH และบริษัท Thyssen Krupp Acciai Speciali Terni Spa ในอัตราร้อยละ ๒๕.๕๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข. บริษัท Avesta Polarit Stainless Oy และบริษัท Avesta Polarit AB. (Nyby and Avesta KBR) ในอัตราร้อยละ ๑๐.๐๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ค. บริษัท Acerinox, S.A. ในอัตราร้อยละ ๒๐.๓๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ง. รายอื่นๆ ในอัตราร้อยละ ๒๕.๕๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๓) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ซึ่งผลิตจาก ก. บริษัท Chia Far Industrial Factory ในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข. รายอื่น ๆ ในอัตราร้อยละ ๓๓.๙๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๔) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๕๐.๙๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน [เอกสารแนบท้าย] ๑. บัญชีท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. 2551 (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๖๕ ง/หน้า ๘๕/๑ เมษายน ๒๕๕๑
573205
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจาก ประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. 2551
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจาก ประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๑[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๙.๓๒, ๗๒๑๙.๓๓, ๗๒๑๙.๓๔, ๗๒๑๙.๓๕ และ ๗๒๒๐.๒๐ ตามบัญชีรายละเอียดแนบท้ายประกาศ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี เป็นเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ นั้น ปรากฎว่า บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศดังกล่าวต่อไปอีก ๕ ปี โดยแสดงเหตุผลข้อเท็จจริงว่า หากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป หรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยมีคำวินิจฉัยว่าคำขอดังกล่าวมีมูลเพียงพอที่จะพิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ตามมาตรา ๕๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาทบทวนดังกล่าวตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักตอบโต้การทุ่มตลาด กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๘ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๕๒ ง/หน้า ๒๒/๑๒ มีนาคม ๒๕๕๑
566361
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณายุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง ที่มีแหล่งกำเนิดจาก สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณายุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง ที่มีแหล่งกำเนิดจาก สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ว่า (๑) สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง (High Carbon Steel Wire Rods) ที่ผลิตจากสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ และสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยบริษัท Beijing Shougang Co., Ltd. มีปริมาณการนำเข้าและมีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในช่วงระยะเวลาการไต่สวนน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดเกณฑ์ในการยุติการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงมีมติให้ยุติการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าว (๒) สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่ผลิตจากสาธารณรัฐอินเดีย และสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีนรายอื่นนอกจากบริษัท Beijing Shougang Co., Ltd. มีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมภายใน แต่เมื่อคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมต่อเนื่องภายในประเทศ ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกันแล้ว จึงมีมติไม่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนหรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวนให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดไต่สวน เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดียและสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ตามคำขอของบริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ ๑.๑ สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ประกาศไต่สวน คือ สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง (High Carbon Steel Wire Rods) ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๖๐ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๗๐ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๖๐ และ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๗๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๖๐ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๗๐ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๖๐ และ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๗๐) ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕.๕ ถึง ๒๐ มิลลิเมตร และ ๗๒๒๗.๙๐.๐๐.๐๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิมคือ ๗๒๒๗.๙๐๐.๐๐๖) ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕ มิลลิเมตรขึ้นไปที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ๑.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ (๑) Wuhan Iron & Steel (Group) Corp. / WISCO (๒) BaoSteel Group Shanghai No.5 Iron & Steel Co., Ltd. (๓) Jiangsu Sha-Gang Group Ltd. (๔) Baotou Iron and Steel (Group) Co., Ltd. (๕) Shougang Group (The Capital Iron and Steel Company: CISC) (๖) Shanghai Baosteel Group Corp. (๗) Chongqing Iron & Steel (Group) Co., Ltd. (๘) Xiangtan Iron & Steel (Group) Co., Ltd. (Xianggang) (๙) Baoshan Iron & Steel Co., Ltd. (๑๐) Wujin NatSteel Co., Ltd. (๑๑) Xingtai Iron & Steel Co., Ltd. (๑๒) Benxi Iron & Steel (Group) Co., Ltd. (๑๓) Taiyuan Iron & Steel (Group) Co., Ltd. / TISCO (๑๔) Kunming Iron & Steel (Group) Co., Ltd. (๑๕) Jiuquan Iron & Steel (Group) Co., Ltd. / JISCO (๑๖) Maanshan Iron & Steel Co., Ltd (๑๗) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกจีนรายอื่น ๆ นอกจาก (๑) ถึง (๑๖) ๑.๒.๒ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐอินเดีย ได้แก่ (๑) The Tata Iron & Steel Co., Ltd. / TISCO (๒) Usha Beltron Ltd (Steel Division) / Usha Martin Limited (๓) Isibars Ltd. (๔) Mukand Ltd. (๕) Tata SSL Ltd. (๖) Steel Authority of India Ltd. / SAIL (๗) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกอินเดียรายอื่นๆ นอกจาก (๑) ถึง (๖) ๑.๒.๓ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ได้แก่ (๑) Mittal Steel South Africa Limited (๒) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกแอฟริกาใต้รายอื่น ๆ นอกจาก (๑) ๑.๒.๔ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) บริษัท เฉียวเป่า เมททัล จำกัด (๒) บริษัท บางกอกสตีลไวร์ จำกัด (๓) บริษัท ซี. พี. แอล. ไวร์โรพ จำกัด (๔) บริษัท ธนอินเตอร์ จำกัด (๕) บริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (๖) บริษัท ที.ซี.ไอ. อุตสาหกรรมเหล็ก จำกัด (๗) บริษัท สินธานีอุตสาหกรรม จำกัด (๘) บริษัท พี.ที.ไวร์ จำกัด (๙) บริษัท ไทยสะเปเชียลไวร์ จำกัด (๑๐) บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (๑๑) บริษัท ไทยไวร์โพรดัคท์ จำกัด (มหาชน) (๑๒) บริษัท อูช่า สยาม สตีล อินดัสตรียส์ จำกัด (มหาชน) (๑๓) บริษัท สยามลวดเหล็กอุตสาหกรรม จำกัด (๑๔) ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ่ะเซ่งไถ่ (๑๕) บริษัท วิวัฒน์ อุตสาหกรรมลวดสลิง (๑๙๗๙) จำกัด (๑๖) บริษัท ค้าสากลซีเมนต์ไทย จำกัด (๑๗) บริษัท สยามไวร์ อินดัสทรี จำกัด (๑๘) ผู้นำเข้ารายอื่น ๆ นอกจาก (๑) ถึง (๑๗) ๑.๒.๕ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ ได้แก่ (๑) บริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) (๒) บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (๓) บริษัท มิลเลเนียม สตีล จำกัด ๑.๒.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ๑.๓. ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวน ๑.๓.๑ การพิจารณาการทุ่มตลาด คือ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ๑.๓.๒ การพิจารณาความเสียหาย คือ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล เมื่อวันที่ ๑๙ ถึงวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน ๒ ราย คือ บริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระหว่างวันที่ ๒๒ มกราคม ถึงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และวันที่ ๖ ถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ณ ที่ทำการของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ๔ ราย คือ บริษัท Baotou Iron & Steel (Group) Co., Ltd. บริษัท Wuhan Iron and Stee Company Limited บริษัท Beijing Shougang Co., Ltd. และบริษัท Jiangsu Shagang Group Co., Ltd. ตามลำดับ และระหว่างวันที่ ๑๙ ถึงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ณ ที่ทำการของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐอินเดีย คือ บริษัท Usha Martin Limited ข้อ ๓ ผลการพิจารณาเบื้องต้นของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมใน ๓ ประเด็น คือ กำลังการผลิตและการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมการภายใน คุณภาพสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่อุตสาหกรรมภายในผลิตได้และผลกระทบต่อผู้ใช้สินค้าต่อเนื่อง ข้อ ๔ คำวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า เห็นควรไม่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด แม้ว่าจะพบการทุ่มตลาดและการทุ่มตลาดก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน เนื่องจากได้คำนึงถึงประโยชน์สาธารณะประกอบกันตามมาตรา ๗ กล่าวคือ แม้อุตสาหกรรมภายในมีกำลังการผลิตเพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ แต่มีปริมาณการผลิตไม่สม่ำเสมอ คุณภาพสินค้าของอุตสาหกรรมภายในไม่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ในอุตสาหกรรมสินค้าต่อเนื่องบางประเภทเพราะไม่สามารถหาวัตถุดิบ คือเหล็กแท่ง (Billet) ที่มีคุณภาพสูงมาผลิตเหล็กลวดคาร์บอนสูงได้ ซึ่งหากนำมาผลิตสินค้าต่อเนื่องจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บในระหว่างการผลิต เกิดอันตรายหลังจากการใช้ และเกิดความล่าช้าในการผลิตและการส่งมอบสินค้า อีกทั้งเหล็กลวดคาร์บอนสูงเป็นต้นทุนส่วนใหญ่ของต้นทุนการผลิตสินค้าต่อเนื่องในแต่ละประเภท เมื่ออุตสาหกรรมภายในไม่สามารถจัดหาเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่มีคุณภาพและปริมาณตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้ ผู้ใช้โดยส่วนใหญ่ที่มีแผนงานโครงการตามสัญญาจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาผลิตเพื่อส่งมอบงานตามกำหนด หากมีการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้ต้นทุนการผลิตของผู้ใช้เพิ่มขึ้นและผู้บริโภคขั้นสุดท้ายต้องรับภาระในส่วนดังกล่าว และเนื่องจากผู้ใช้ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมต่อเนื่องประเภทต่างๆ ที่ใช้เหล็กลวดคาร์บอนสูงเป็นวัตถุดิบในการผลิตมีการจ้างงานทั้งสิ้นกว่า ๒๐,๐๐๐ คน นอกจากนี้รัฐบาลจีนได้ปรับนโยบายภาษีเพื่อควบคุมการส่งออกสินค้าเหล็กหลายประเภทซึ่งเหล็กลวดคาร์บอนสูงเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่ได้รับผลกระทบด้วย คือ การยกเลิกการได้คืนภาษีบางส่วน (Tax Rebate) สำหรับสินค้าภายใต้พิกัดศุลกากร ๗๒๑๓.๙๑ และลดการได้คืนภาษีบางส่วน (Tax Rebate) สำหรับสินค้าภายใต้พิกัดอัตราศุลกากร ๗๒๒๗.๙๐ เหลือร้อยละ ๕ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ รวมทั้งการกำหนดให้ผู้ส่งออกสินค้าเหล็กต้องขอใบอนุญาตส่งออก (Export License) จากรัฐบาล ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และการประกาศเรียกเก็บภาษีส่งออกสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงในอัตราร้อยละ ๑๐ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งผู้ใช้ให้ความเห็นว่าราคาสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจะมีราคาสูงขึ้นจากการปรับนโยบายภาษีดังกล่าว ประกอบกับการประกาศระงับการดำเนินกิจการชั่วคราวของบริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) จะทำให้ปริมาณการผลิตสินค้าของอุตสาหกรรมภายในลดลงและมีผลกระทบต่อผู้ใช้ จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงจากต่างประเทศมากขึ้น ข้อ ๕ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นฐานในการไต่สวนชั้นที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการไต่สวนภายใต้มาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงได้แจ้งผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ อุตสาหกรรมภายใน ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสาธารณรัฐอินเดีย ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ และผู้นำเข้า เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และได้แจ้งสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๐ ให้ทราบถึงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาวินิจฉัย เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียมีโอกาสให้ยื่นข้อโต้แย้งภายในวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และวันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามลำดับ ปรากฏว่า บริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภายใน และบริษัท ไทยไวร์โพรดัคท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้นำเข้า ได้แสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้ง กล่าวคือ อุตสาหกรรมภายในได้ให้ความเห็นว่า ระยะเวลาการไต่สวนที่ได้อ้างอิงในรายงานสรุปข้อมูลข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนไม่สอดคล้องกับระยะเวลาไต่สวนตามที่ระบุในแบบสอบถาม และได้ชี้แจงนโยบายการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมภายในที่ผ่านมาว่ามุ่งเน้นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ มีการแจ้งปัญหาให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า รวมถึงช่วยแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อลูกค้าน้อยที่สุด และอุตสาหกรรมภายในเชื่อว่า แม้จะมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด จะเป็นเพียงการเยียวยาความเสียหายที่ผ่านมาอันเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมภายในและไม่กระทบรุนแรงต่อผู้ใช้และผู้นำเข้า เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในมีปริมาณการผลิตที่เพียงพอและสามารถรองรับความต้องการใช้สินค้าในประเทศ คุณภาพสินค้าของอุตสาหกรรมภายในมีคุณภาพไม่แตกต่างจากสินค้าทุ่มตลาดที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และสามารถใช้ทดแทนกันได้ ประกอบกับการหยุดดำเนินการของบริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) เป็นเพียงการหยุดการผลิตเพียงชั่วคราว เนื่องจากบริษัทไม่สามารถขายสินค้าได้ในราคาที่เหมาะสมกับต้นทุนการผลิต การใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดจะช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถกลับมาดำเนินการผลิตและขายสินค้าตามปกติได้อีกครั้ง นอกจากนี้ อุตสาหกรรมภายในได้ให้ความเห็นอีกว่า หลักเกณฑ์ในการพิจารณาประกาศใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดตามที่กฎหมายกำหนด มีองค์ประกอบสำคัญ ๓ ประการ คือ การทุ่มตลาด ความเสียหายของอุตสาหกรรมภายใน และความเสียหายนั้นเป็นผลสืบเนื่องจากการทุ่มตลาด ซึ่งจากข้อมูลที่ปรากฏตามรายงานสรุปข้อมูลข้อเท็จจริงย่อมเห็นได้ชัดเจนว่าครบตามหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาประกาศใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดได้ สำหรับบริษัท ไทยไวร์โพรดัคท์ จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความเห็นว่า ไม่ควรใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง เนื่องจากความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในเกิดจากปัญหาภายในเฉพาะของบริษัทผู้ผลิตในประเทศทั้งสองรายที่ไม่สามารถผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพและมีการผลิตที่ไม่ต่อเนื่องไม่สม่ำเสมอตลอดระยะเวลา ๘ ปีที่ผ่านมา โดยมีส่วนแบ่งตลาดในระดับร้อยละ ๑๕ ถึง ๒๐ ประกอบกับอุตสาหกรรมภายในรายหนึ่งประกาศปิดโรงงานไม่มีกำหนดเนื่องจากปัญหาด้านเงินทุนหมุนเวียนและไม่มีการเพิ่มทุนจึงไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งอุตสาหกรรมภายในรายที่เหลือจะผลิตสินค้าให้แก่อุตสาหกรรมต่อเนื่องได้ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ ของความต้องการใช้ในประเทศและอุตสาหกรรมภายในขาดปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการผลิต เช่น เหล็กแท่งคาร์บอนสูงที่มีคุณภาพนอกจากนี้ อุตสาหกรรมภายในไม่ได้ใช้ข้อมูลจริงในการคำนวณหามูลค่าปกติ ค่าขนส่งและอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ใช่ข้อมูลในช่วงเวลาของธุรกรรมในการยื่นคำร้องให้ไต่สวน ซึ่งหากนำข้อมูลซึ่งไม่น่าเชื่อถือมาใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาวินิจฉัยก็จะไม่สามารถให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ใช้ได้ อีกทั้งอุตสาหกรรมภายในมีต้นทุนสูงผิดปกติ โดยมีต้นทุนเหล็กแท่ง (Billet) สูงมากในการผลิตเหล็กลวดคาร์บอนสูง ขณะที่มีอัตราการใช้เครื่องจักรในระดับร้อยละ ๓๐ ทั้งนี้ ประเด็นต่างๆ ในข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งที่อุตสาหกรรมภายในเสนอนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ระยะเวลาไต่สวนที่ระบุในรายงานสรุปข้อมูลข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากที่กำหนดในแบบสอบถามเกิดจากความคลาดเคลื่อนในการพิมพ์ไม่มีผลต่อการพิจารณาแต่ประการใด ในประเด็นผลกระทบต่อผู้ใช้และผู้นำเข้าได้มีการพิจารณาในการไต่สวนขั้นต้นสำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาประกาศใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดนอกจากองค์ประกอบ ๓ ประการในการพิจารณาประกาศใช้มาตรการตอบโต้ การทุ่มตลาดที่อุตสาหกรรมภายในได้ระบุมานั้น ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๗ ยังกำหนดเงื่อนไขการตอบโต้การทุ่มตลาดให้ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกัน ดังนั้นแม้จะมีการทุ่มตลาด ความเสียหายของอุตสาหกรรมภายใน และความเสียหายนั้นเป็นผลสืบเนื่องจากการทุ่มตลาดครบถ้วน แต่หากพิจารณาร่วมกับประโยชน์ของฝ่ายต่าง ๆ โดยรวมแล้วอาจไม่กำหนดมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดก็ได้ ส่วนประเด็นในข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งของบริษัท ไทยไวร์โพรดัคท์ จำกัด (มหาชน) ข้อเท็จจริงปรากฏว่า การพิจารณาข้อมูลคำตอบแบบสอบถามของผู้มีส่วนได้เสียในช่วงระยะเวลาการไต่สวน พบว่าสินค้าทุ่มตลาดจากประเทศที่ถูกพิจารณาก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมภายใน ประกอบกับอุตสาหกรรมภายในมีกระบวนการผลิตเริ่มต้นจากการนำเข้าวัตถุดิบคือ เหล็กแท่งจากต่างประเทศ โดยซื้อจากแหล่งต่างๆ ในราคาที่หลากหลาย เช่น จีน รัสเซีย เป็นต้น ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพ ราคา และปริมาณให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ สำหรับข้อมูลที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาวินิจฉัย มิได้ใช้เพียงข้อมูลที่อุตสาหกรรมภายในกล่าวอ้างมาในคำร้องขอให้ไต่สวน แต่เป็นข้อมูลของผู้ส่งออกในต่างประเทศที่ตอบแบบสอบถามและได้มีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลแล้ว ข้อ ๖ ผลการพิจารณาไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้จัดทำรายงานผลการไต่สวนการทุ่มตลาดชั้นที่สุดเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้วมีความเห็นดังนี้ ๖.๑ ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด กรณีผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามจะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกแต่ละรายส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามหรือผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นๆ จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จากข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับพบว่ามีการทุ่มตลาดจากสินค้าสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐอินเดีย ยกเว้นบริษัท Beijing Shougang Co., Ltd. จากสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างไรก็ตาม สืบเนื่องจากได้พิจารณาโดยคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้ใช้ และประโยชน์สาธารณะประกอบกัน จึงพิจารณาไม่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ๖.๒ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้วินิจฉัยความเสียหายชั้นที่สุดตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของ - อุตสาหกรรมภายใน ๒ ราย คือ บริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) - ผู้นำเข้า ๑๒ ราย คือ บริษัท เฉียวเป่า เมททัล จำกัด บริษัท บางกอกสตีลไวร์ จำกัด บริษัท ธนอินเตอร์ จำกัด บริษัท สินธานีอุตสาหกรรม จำกัด บริษัท ไทยสะเปเชียลไวร์ จำกัด บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด บริษัท ไทยไวร์โพรดัคท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท อูช่าสยาม สตีล อินดัสตรียส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามลวดเหล็กอุตสาหกรรม จำกัด บริษัท วิวัฒน์อุตสาหกรรมลวดสลิง (๑๙๗๙) จำกัด บริษัท ค้าสากลซีเมนต์ไทย จำกัด และบริษัท สยามไวร์อินดัสทรี จำกัด - หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒ ราย คือ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยและสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม - ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วน ๔ ราย คือ บริษัท Baotou Iron & Steel (Group) Co., Ltd. บริษัท Wuhan Iron and Steel Company Limited บริษัท Beijing Shougang Co., Ltd. และบริษัท Jiangsu Shagang Group Co., Ltd. - ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐอินเดียที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วน ๑ ราย คือ บริษัท Usha Martin Limited โดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง (ปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘) โดยช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และช่วงเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ผลการพิจารณาความเสียหายชั้นที่สุดพบความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาดตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๖.๒.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติกรมศุลกากร พบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ทั้งนี้ สัดส่วนการนำเข้าสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ๒๕๔๘ และปี ๒๕๔๙ คิดเป็นร้อยละ ๓๖ และร้อยละ ๔๓ ของปริมาณนำเข้าทั้งหมดตามลำดับสำหรับสัดส่วนการนำเข้าสินค้าจากสาธารณรัฐอินเดียนับตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ คิดเป็นร้อยละ ๖ ถึงร้อยละ ๙ ของปริมาณนำเข้าทั้งหมด อย่างไรก็ดี ปริมาณการนำเข้าสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงจากสาธารณรัฐแอฟริกาใต้มีแนวโน้มลดลงนับแต่ปี ๒๕๔๗ เป็นต้นมา โดยในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาดมีการนำเข้าประมาณร้อยละ ๐.๔๒ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ซึ่งน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำ หนดเกณฑ์ในการยุติการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าวที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ในทันที (๒) ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ เกิดผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะการตัดราคา การกดราคา และ การยับยั้งการขึ้นราคา ๖.๒.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายภายในประเทศลดลงในปี ๒๕๔๘และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร/ขาดทุน อุตสาหกรรมภายในประสบปัญหาขาดทุนในปี ๒๕๔๘ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตลดลงนับแต่ปี ๒๕๔๘ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ และในช่วงระยะเวลา ไต่สวนการทุ่มตลาด ความสามารถในการผลิต อุตสาหกรรมภายในมีความสามารถในการผลิตคงที่ ไม่มีการเพิ่มหรือลดกำลังการผลิตนับแต่ปี ๒๕๔๖ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนติดลบในปี ๒๕๔๘ และช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด การใช้กำลังการผลิต อุตสาหกรรมภายในมีอัตราการใช้กำลังการผลิตไม่ถึงร้อยละ ๕๐ ของกำลังการผลิตทั้งหมด และมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดอุตสาหกรรมภายในไม่สามารถขึ้นราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นได้ กระแสเงินสด อุตสาหกรรมภายในมีกระแสเงินสดติดลบในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ถึงช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด การจ้างงาน อุตสาหกรรมภายในมีการรักษาระดับการจ้างแรงงาน แต่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการลดการจ้างงานเนื่องจากแนวโน้มการลดลงของรายได้ ผลผลิตต่อหนึ่งชั่วโมงแรงงาน อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตต่อหนึ่งชั่วโมงแรงงานลดลงในช่วงระยะเวลาการไต่สวน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันก่อนระยะเวลาการไต่สวน อัตราการเจริญเติบโต ในปี ๒๕๔๗ มีการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ภายในที่ทำให้ปริมาณและมูลค่าการขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ในช่วงปี ๒๕๔๘ ถึงปี ๒๕๔๙ อัตราการเจริญเติบโตของปริมาณการใช้ในประเทศได้มีการลดลงอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน อุตสาหกรรมภายในไม่มีการเพิ่มทุนในช่วงปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๙ ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด การนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในขณะที่ราคานำเข้ามีแนวโน้มลดลงนับแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ทำให้สินค้าทุ่มตลาดส่งผลต่อสถานะผลประกอบการของอุตสาหกรรมภายในในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ๖.๒.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติกรมศุลกากรและแบบสอบถาม พบว่าการนำเข้าจากประเทศอื่นรวมกันมีสัดส่วนปริมาณลดลงจากร้อยละ ๗๒.๗๑ ในปี ๒๕๔๖ เหลือร้อยละ ๕๑.๓๑ ในปี ๒๕๔๘ อีกทั้งราคาส่งออก ซี.ไอ.เอฟ. ของประเทศอื่นสูงกว่าราคาส่งออก ซี.ไอ.เอฟ. ของประเทศที่ถูกพิจารณา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นในสินค้าเกรดพิเศษซึ่งมีราคาสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับราคาของสินค้าทุ่มตลาดและเป็นการขายให้กับผู้ซื้อที่เกี่ยวข้องกันในประเทศไทย (๒) ความต้องการใช้ภายในประเทศ ภาพรวมของความต้องการใช้สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงภายในประเทศอยู่ในระดับสูงในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด จากการพิจารณาผลการไต่สวนการทุ่มตลาด พบว่ามีการนำเข้าสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง ทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐอินเดียก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมภายใน โดยได้พิจารณาผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน พบว่ามีการตัดราคา กดราคา ประกอบกับการพิจารณาปัจจัยอื่น ได้แก่ การนำเข้าจากประเทศอื่น และความต้องการใช้ภายในประเทศแล้ว พบว่าไม่ใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน จึงสรุปได้ว่าความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในที่เกิดขึ้น เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐอินเดีย ข้อ ๗ การพิจารณาประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะ คณะกรรมการพิจารณาทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกันแล้ว เห็นว่าไม่ควรใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐอินเดีย เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในมีกำลังการผลิตเพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ แต่มีปริมาณการผลิตไม่สม่ำเสมอ และคุณภาพสินค้าของอุตสาหกรรมภายในไม่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ในอุตสาหกรรมสินค้าต่อเนื่องบางประเภท อีกทั้งเหล็กลวดคาร์บอนสูงเป็นต้นทุนส่วนใหญ่ของต้นทุนการผลิตสินค้าต่อเนื่องในแต่ละประเภท หากมีการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด จะทำให้ต้นทุนการผลิตของผู้ใช้เพิ่มขึ้นและผู้บริโภคขั้นสุดท้ายต้องรับภาระในส่วนนี้ ประกอบกับการประกาศระงับการดำเนินกิจการชั่วคราวของบริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) จะทำให้ปริมาณการผลิตสินค้าของอุตสาหกรรมภายในลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่จะต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงจากต่างประเทศมากขึ้น ข้อ ๘ คำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า - ให้ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง (High Carbon Steel Wire Rods) ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๖๐ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๗๐ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๖๐ และ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๗๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิมคือ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๖๐ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๗๐ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๖๐ และ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๗๐) ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕.๕ ถึง ๒๐ มิลลิเมตรและ ๗๒๒๗.๙๐.๐๐.๐๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๗๒๒๗.๙๐๐.๐๐๖) ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕ มิลลิเมตรขึ้นไป ที่มีแหล่งกำเนิดจากบริษัท Beijing Shougang Co., Ltd. สาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เนื่องจากสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่มีแหล่งกำเนิดจากบริษัท Beijing Shougang Co., Ltd. สาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีปริมาณการนำเข้าและส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดเกณฑ์ในการยุติการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. ๒๕๔๕ - ไม่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง (High Carbon Steel Wire Rods) ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๖๐ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๗๐ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๖๐ และ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๗๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๖๐ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๗๐ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๖๐ และ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๗๐) ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕.๕ ถึง ๒๐ มิลลิเมตร และ ๗๒๒๗.๙๐.๐๐.๐๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๗๒๒๗.๙๐๐.๐๐๖) ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕ มิลลิเมตรขึ้นไปมีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ยกเว้นบริษัท Beijing Shougang Co., Ltd.) และสาธารณรัฐอินเดีย เนื่องจากเมื่อได้คำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกันตามมาตรา ๗ ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ แม้จะมีการนำเข้าสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐอินเดียในราคาทุ่มตลาด และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ทั้งนี้หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นรับคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการพิจารณาไม่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าวเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง/หน้า ๖/๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
566358
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้า หลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้า หลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้ยุติการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย นั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวนให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ความเป็นมา คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ออกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ แจ้งผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า มีการทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้งที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้วและ ๒๕ นิ้ว และสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบนที่มีขนาด ๒๑ นิ้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย จึงกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าดังกล่าวในอัตราเพียงเพื่อขจัดความเสียหาย คือ ร้อยละ ๐ ถึง ๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นเวลา ๕ ปี ซึ่งสินค้าจากบริษัท Chunghwa Picture Tubes (Malaysia) SDN BHD ถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ บริษัท Chunghwa Picture Tubes (Malaysia) SDN BHD ได้ยื่นคำขอให้เปิดการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ข้อ ๒ การเปิดทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามคำขอของบริษัท Chunghwa Picture Tubes (Malaysia) SDN BHD ตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศพ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริง ดังต่อไปนี้ ๒.๑ สินค้าที่ถูกพิจารณา สินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้ง ที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว และ ๒๕ นิ้ว และสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบนที่มีขนาด ๒๑ นิ้ว ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๘๕๔๐.๑๑.๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๘๕๔๐.๑๑) ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ๒.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๒.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในประเทศมาเลเซีย ได้แก่ (๑) บริษัท Chunghwa Picture Tubes (Malaysia) SDN BHD (๒) บริษัท Samsung SDI BHD ๒.๒.๒ ผู้นำเข้าและผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ผลิตโทรทัศน์สีในประเทศไทย รวม ๑๓ ราย ๒.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ รายเดียวที่เหลืออยู่ คือ บริษัท เอ็มที พิกเจอร์ ดิสเพลย์ (ประเทศไทย) จำกัด ๒.๒.๔ รัฐบาลของประเทศมาเลเซีย ในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ข้อ ๓ กระบวนการทบทวน ๓.๑ แนวทางการพิจารณาทบทวน เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในรายที่เป็นผู้ยื่นคำขอให้มีมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดในครั้งแรกได้เลิกกิจการ แต่ยังมีผู้ผลิตในประเทศเหลืออยู่อีก ๑ ราย จึงพิจารณาว่า หากยุติการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาด จะทำให้อุตสาหกรรมภายในรายที่เหลืออยู่ได้รับความเสียหายหรือไม่ ๓.๒ ความร่วมมือในกระบวนการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศ ได้ส่งแบบสอบถามให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกรายตามข้อ ๒.๒ เพื่อให้แสดงข้อมูลที่จำเป็นในการทบทวน โดยมีผู้ร่วมมือตอบแบบสอบถามรวม ๓ รายดังนี้ ๓.๒.๑ ผู้ส่งออกมาเลเซีย คือ บริษัท Chunghwa Picture Tubes (Malaysia) SDN BHD ๓.๒.๒ ผู้นำเข้าและผู้ใช้ ๒ ราย คือ บริษัท ทีซีแอล ทอมสัน อิเลคโทรนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เจวีซี แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ๓.๓ ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการทบทวน ข้อมูลที่นำมาใช้พิจารณาในกระบวนการทบทวนเป็นข้อมูลในช่วงระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๔ การพิจารณาความเสียหาย การพิจารณาความเสียหายของอุตสาหกรรมภายใน พิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยที่กรณีนี้อุตสาหกรรมภายในไม่ได้ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม การพิจารณาจึงใช้ข้อมูลที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถามของผู้มีส่วนได้เสียที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม และจากแหล่งข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลการพิจารณาความเสียหายปรากฎดังนี้ ๔.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากประเทศมาเลเซีย จากข้อมูลการนำเข้าตามสถิติของกรมศุลกากร พบว่าในภาพรวมการนำเข้าสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจากประเทศมาเลเซียในช่วงระยะเวลาที่พิจารณาเพิ่มขึ้นในเชิงปริมาณแต่หากเปรียบเทียบในเชิงสัดส่วนการนำเข้าพบว่าลดลง ทั้งนี้ ปริมาณการนำเข้าดังกล่าว ได้รวมสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีทุกขนาด รวมทั้งขนาดที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การทบทวนด้วย ๔.๒ ผลกระทบของการนำ เข้าสินค้าทุ่มตลาดที่มีต่อการดำ เนินงานของอุตสาหกรรมภายใน พิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในไม่ได้ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม จึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานที่ได้รับจากอุตสาหกรรมภายในโดยตรง จึงใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ โดยสรุปผลการวิเคราะห์การดำเนินงานของอุตสาหกรรมภายใน ในช่วงระยะเวลาการทบทวนได้ดังนี้ ยอดขาย ในปี ๒๕๔๘ อุตสาหกรรมภายในมียอดขายเพิ่มขึ้น ประมาณร้อยละ ๓๓จากปี ๒๕๔๗ แต่ยังต่ำกว่ายอดขายในปี ๒๕๔๖ อยู่ร้อยละ ๓๗ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของความต้องการใช้ในประเทศ ทั้งนี้ วัฏจักรของสินค้าโทรทัศน์สีแบบหลอดภาพปัจจุบันอยู่ในช่วงใกล้สิ้นสุดเนื่องจากความนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบันกำลังมุ่งไปที่โทรทัศน์นวัตกรรมใหม่ที่ไม่ใช้หลอดภาพ ความสามารถในการทำกำไร อุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มของความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงระยะเวลาที่พิจารณา โดยพลิกสถานการณ์จากที่เคยขาดทุนเป็นมีกำไร ก่อนที่จะมีการใช้บังคับมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ผลผลิต การใช้กำลังการผลิตและผลิตภาพ อุตสาหกรรมภายในใช้กำลังการผลิตเต็มกำลังโดยตลอดช่วงเวลาที่พิจารณารวมทั้งสามารถเพิ่มกำลังการผลิตในปี ๒๕๔๙ และมีประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ในสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีขนาดต่างๆ ที่อุตสาหกรรมภายในผลิต มีเพียงขนาดเดียวที่ตรงกับขนาดสินค้าที่ผู้ส่งออกมาเลเซียผลิต และตรงกับขนาดสินค้าภายใต้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน โดยการผลิตหลอดภาพโทรทัศน์สีของอุตสาหกรรมภายในมุ่งตอบสนองการผลิตต่อเนื่องของผู้ผลิตโทรทัศน์สีในเครือบริษัทเดียวกันเป็นหลัก ข้อ ๕ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นฐานในการทบทวน เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างผลการทบทวนซึ่งแสดงข้อมูลข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นฐานในการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้ผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ อุตสาหกรรมภายใน ผู้ผลิตและผู้ส่งออกประเทศมาเลเซีย ผู้นำเข้า และสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เพื่อให้แสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งภายในวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ปรากฏว่า สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยได้แสดงความเห็นสนับสนุนให้ประเทศไทยยุติการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาด สำหรับผู้มีส่วนได้เสียรายอื่นๆ มิได้แสดงข้อคิดเห็นหรือข้อโต้แย้งแต่อย่างใด ข้อ ๖ คำวินิจฉัยผลการทบทวนของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้ยุติการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย เนื่องจาก ไม่มีแนวโน้มว่าอุตสาหกรรมภายในรายที่เหลืออยู่จะได้รับความเสียหายตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ หากมีการยุติการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๖๙ ง/หน้า ๑/๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
565921
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การแก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2549 พ.ศ. 2550
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การแก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๙ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยที่ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจำนวน ๘ ฉบับ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดและยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากการนำเข้าสินค้ารวม ๗ รายการ ได้แก่ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H เหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนแผ่นตัด และแผ่นแถบ เหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน กรดซิทริก บล็อกแก้วชนิดใส และหลอดภาพโทรทัศน์สี ได้ระบุประเภทพิกัดอัตราศุลกากรของสินค้าที่เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดไว้ด้วย บัดนี้ได้มีพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๙ ให้แก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรใหม่โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นไป ทำให้พิกัดอัตราศุลกากรบางรายการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงมีมติเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้แก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรตามประกาศคณะกรรมการให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การแก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๙ พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้แก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรที่ระบุไว้ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนให้เป็นไปตามบัญชีการแก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน [เอกสารแนบท้าย] ๑. บัญชีการแก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การแก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๙ พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง/หน้า ๗๒/๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๐
565919
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการไต่สวนและพิจารณาไม่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ พ.ศ. 2550
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการไต่สวนและพิจารณาไม่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ พ.ศ. ๒๕๕๐ ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ว่า (๑) สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง (High Carbon Steel Wire Rods) ที่ผลิตจากสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ และสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยบริษัท Beijing Shougang Co., Ltd. มีปริมาณการนำเข้าและมีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในช่วงระยะเวลาการไต่สวนน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดเกณฑ์ในการยุติการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงมีมติให้ยุติการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าว (๒) สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่ผลิตจากสาธารณรัฐอินเดีย และสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีนรายอื่นนอกจากบริษัท Beijing Shougang Co., Ltd. มีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมภายใน แต่เมื่อคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมต่อเนื่องภายในประเทศ ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกันแล้ว จึงมีมติไม่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๒๘ และมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการไต่สวนและพิจารณาไม่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง (High Carbon Steel Wire Rods) ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๖๐ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๗๐ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๖๐ และ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๗๐ ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕.๕ - ๒๐ มิลลิเมตร และ ๗๒๒๗.๙๐.๐๐.๐๐๐ ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕ มิลลิเมตรขึ้นไป ที่ผลิตจากสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ และที่ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยบริษัท Beijing Shougang Co., Ltd. ข้อ ๔ ไม่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง (High Carbon Steel Wire Rods) ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๖๐ ๗๒๑๓.๙๑.๐๐.๐๗๐ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๖๐ และ ๗๒๑๓.๙๙.๐๐.๐๗๐ ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕.๕ - ๒๐ มิลลิเมตร และ ๗๒๒๗.๙๐.๐๐.๐๐๐ ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕ มิลลิเมตรขึ้นไป ที่ผลิตจากสาธารณรัฐอินเดีย และที่ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ยกเว้นสินค้าที่ผลิตโดยบริษัท Beijing Shougang Co., Ltd. จากสาธารณรัฐประชาชนจีน) ข้อ ๕ ผู้ใดไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์หรือโต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลปกครองได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง/หน้า ๗๐/๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๐
565917
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยกเลิกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 พ.ศ. 2550
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยกเลิกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้ การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๘๕๔๐.๑๑ เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้ง ที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว และ ๒๕ นิ้ว และสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบนที่มีขนาด ๒๑ นิ้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ในอัตราร้อยละ ๐ - ๗ ของราคา ซี. ไอ. เอฟ. และประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศคณะกรรมการดังกล่าวต่อไป เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในผู้ยื่นคำขอให้มีมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด ตามประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้เลิกกิจการและอุตสาหกรรมภายในรายที่เหลืออยู่ไม่มีแนวโน้มจะได้รับความเสียหายตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้ยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๖ และมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยกเลิกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๔ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง/หน้า ๖๘/๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๐
565915
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2550
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ออกประกาศ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในอัตราร้อยละ ๒๗.๘๑ ของราคา ซี. ไอ. เอฟ. เป็นเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นต้นไป ต่อมาก่อนที่จะสิ้นสุดระยะเวลาในการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าว บริษัทเหล็กสยามยามาโตะ จำกัด ร้องขอว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าวจะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาแล้ว มีมติให้พิจารณาการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าที่ถูกพิจารณารายนี้ต่อไป และได้พิจารณาด้วยว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า อาจต้องมีการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าที่ถูกพิจารณารายนี้ต่อไปอีก จึงขอให้กรมศุลกากรเรียกเก็บหลักประกันอากรตามมาตรา ๓๑ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๕๐ เปิดการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๑ มาตรา ๕๗ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกหลักประกันอากรในระหว่างการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศผลการทบทวนเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ข้อ ๓ ให้กรมศุลกากรเรียกเก็บหลักประกันอากรสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ตามพิกัดศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๖.๓๓๐.๐๐.๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก ๑) บริษัท Laiwu Steel Group, Ltd. ในอัตราร้อยละ ๒๗.๘๑ ของราคา ซี. ไอ. เอฟ. ๒) รายอื่น ในอัตราร้อยละ ๒๗.๘๑ ของราคา ซี. ไอ. เอฟ. ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง/หน้า ๖๖/๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๐
563451
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๖.๓๓๐.๐๐๕ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในอัตราร้อยละ ๒๗.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นเวลา ๕ ปี นั้น ปรากฏว่า บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามอัตราดังกล่าวต่อไปอีกเมื่อครบกำหนด ๕ ปี โดยแสดงเหตุผลข้อเท็จจริงว่า หากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป หรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนอีกตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยมีคำวินิจฉัยว่าคำขอดังกล่าวมีมูลเพียงพอที่จะพิจารณาทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป และให้เรียกหลักประกันอากร ตามอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดที่กำหนดไว้เดิม ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศผลการทบทวน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๗ และมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาทบทวนดังกล่าวตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๒๒ และ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๘ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๕๐ ง/หน้า ๒๐/๘ ตุลาคม ๒๕๕๐
563449
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและ ผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและ ผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ว่า คำขอของสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ยื่นขอให้พิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีมูลเพียงพอเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหาย จึงเห็นควรให้เปิดการไต่สวน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ ผ้าทอที่ทำด้วยฝ้ายและผ้าทอที่ทำด้วยเส้นใยสั้นโพลีเอสเตอร์พิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๕๒๐๘.๑๑.๐๐๐๐๐ ๕๒๐๘.๑๒.๐๐๐๐๐ และ ๕๕๑๓.๑๑.๐๐๐๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาเห็นว่าคำขอของสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย มีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าการส่งสินค้าที่ถูกพิจารณาดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยมีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหาย โดยมีข้อเท็จจริงโดยสังเขป ดังนี้ ๒.๑ การทุ่มตลาด สินค้า ที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๔.๘๙ - ๕๑.๘๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒.๒ ความเสียหาย อุตสาหกรรมภายในได้รับความเสียหายอย่างสำคัญจากการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาโดย ๒.๒.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้น ๒.๒.๒ การนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณามีผลกระทบต่อราคาขายในประเทศและมีผลกระทบต่อผลการดำเนินการของอุตสาหกรรมภายใน ๓. ในกระบวนการไต่สวน กรมการค้าต่างประเทศจะจัดส่งแบบสอบถามไปให้ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อตอบข้อมูลประกอบการไต่สวน ทั้งนี้ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากต่างประเทศที่ไม่ได้รับแบบสอบถามแต่ประสงค์จะขอตอบแบบสอบถามเพื่อเข้าร่วมในการไต่สวนครั้งนี้ สามารถแจ้งความจำนงเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศเพื่อขอรับแบบสอบถามภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๔. ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๕. ผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดการไต่สวน ให้ยื่นคำขอได้ที่สำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๙ และ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๔๘ ง/หน้า ๓/๔ ตุลาคม ๒๕๕๐
563447
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ว่า คำขอของบริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ยื่นขอให้พิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็กมีมูลเพียงพอเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหาย จึงเห็นควรให้เปิดการไต่สวน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าบล็อกแก้ว พิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็ก ๒. คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาเห็นว่า คำขอของบริษัทบางกอกคริสตัล จำกัด มีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าการส่งสินค้าที่ถูกพิจารณาดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยมีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหาย โดยมีข้อเท็จจริงโดยสังเขป ดังนี้ ๒.๑ การทุ่มตลาด สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐเช็ก ทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๔๔.๐๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒.๒ ความเสียหาย อุตสาหกรรมภายในได้รับความเสียหายอย่างสำคัญจากการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาโดย ๒.๒.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐเช็กเพิ่มสูงขึ้น ๒.๒.๒ การนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณามีผลกระทบต่อราคาขายในประเทศและมีผลกระทบต่อผลการดำเนินการของอุตสาหกรรมภายใน ๓. ในกระบวนการไต่สวน กรมการค้าต่างประเทศจะจัดส่งแบบสอบถามไปให้ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อตอบข้อมูลประกอบการไต่สวน ทั้งนี้ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากต่างประเทศ ที่ไม่ได้รับแบบสอบถามแต่ประสงค์จะขอตอบแบบสอบถามเพื่อเข้าร่วมในการไต่สวนครั้งนี้ สามารถแจ้งความจำนงเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศเพื่อขอรับแบบสอบถามภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๔. ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๕. ผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดการไต่สวน ให้ยื่นคำขอได้ที่สำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๐-๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๔๘ ง/หน้า ๑/๔ ตุลาคม ๒๕๕๐
562610
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณายุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๘๑๗.๐๐.๑๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๒๘๑๗.๐๐๐.๑๐๗) ที่มีโครงสร้างหรือส่วนประกอบทางเคมี คือ ZnO อยู่ระหว่างร้อยละ ๙๘.๐ ถึงร้อยละ ๙๙.๙ โดยน้ำหนัก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องจากไม่พบความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศพ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวนกรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดไต่สวน เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำขอของบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เมทอ๊อกไซด์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าสังกะสีออกไซด์ ทั้งนี้เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ ๑.๑. สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ประกาศไต่สวนคือสินค้าสังกะสีออกไซด์ (Zinc Oxide) ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๘๑๗.๐๐.๑๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๒๘๑๗.๐๐๐.๑๐๗) ที่มีโครงสร้างหรือส่วนประกอบทางเคมี คือ ZnO อยู่ระหว่างร้อยละ ๙๘.๐ ถึงร้อยละ ๙๙.๙ โดย น้ำหนัก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๒. ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ (๑) กลุ่มบริษัท Gredmann ประกอบด้วย บริษัท Gredmann Guigang Chemical Ltd. บริษัท Gredmann Guangzhou Ltd และ บริษัท Rickeed Industries Limited (๒) บริษัท Guangxi Tanghan Zinc & Indium Ltd. (๓) บริษัท Liuzhou Fuxin Chemical Industry Ltd. (๔) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นๆ นอกจาก (๑) ถึง (๓) ๑.๒.๒ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) บริษัท เฟอร์โร (ประเทศไทย) จำกัด (๒) บริษัท เกรดแมน (ประเทศไทย) จำกัด (๓) บริษัท บีเอเอสเอฟ (ไทย) จำกัด (๔) บริษัท อีเล็คแมทไทย จำกัด (๕) บริษัท ท็อปไฟล์ จำกัด (๖) ผู้นำเข้ารายอื่นๆ นอกจาก (๑) ถึง (๕) ๑.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าสังกะสีออกไซด์ในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ ได้แก่ (๑) บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) (๒) บริษัท เมทอ๊อกไซด์ ประเทศไทย จำกัด (๓) บริษัท อุทิศเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (๔) บริษัท ส. สามพรานเคมีคอล จำกัด (๕) บริษัท จักรวาลเคมี จำกัด (๖) บริษัท ซิ้งค์แอนด์เคมีคอลอินดัสทรีส์ จำกัด (๗) บริษัท ท็อปไฟล์ จำกัด (๘) ผู้ผลิตรายอื่นๆ นอกจาก (๑) ถึง (๗) ๑.๒.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล เมื่อวันที่ ๖ ถึงวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ กรมการค้าต่างประเทศ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน ๒ ราย คือ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เมทอ๊อกไซด์ ประเทศไทย จำกัด และระหว่างวันที่ ๑๐ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ณ ที่ทำการของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ๒ ราย คือ กลุ่มบริษัท Gredmann และบริษัท Guangxi Tanghan Zinc & Indium Ltd. ข้อ ๓ คำวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า เห็นควรยุติการไต่สวนการทุ่มตลาด เนื่องจากไม่พบความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ แม้ว่าจะพบการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓.๖๙ ถึงร้อยละ๔๐.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. อย่างไรก็ตาม หากในระยะต่อไปอุตสาหกรรมภายในมีข้อมูลและหลักฐานว่าได้รับความเสียหายจากการทุ่มตลาด ก็สามารถยื่นคำขอให้เปิดการไต่สวนได้ ข้อ ๔ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาวินิจฉัยชั้นที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการไต่สวนภายใต้มาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคมพ.ศ. ๒๕๕๐ กรมการค้าต่างประเทศจึงแจ้งผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ อุตสาหกรรมภายใน ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้นำเข้า และสถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยให้ทราบข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา เพื่อเปิดโอกาสให้แสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งภายในวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ปรากฏว่า บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เมทอ๊อกไซด์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภายใน และบริษัท Guangxi Tanghan Zinc & Indium Ltd. ซึ่งเป็นผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งว่าไม่เห็นด้วยกับการยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดดังกล่าว กล่าวคืออุตสาหกรรมภายในเห็นว่า ยังมีผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวนมากที่ไม่ให้ความร่วมมือในกระบวนการไต่สวน ซึ่งเป็นไปได้ที่จะส่งออกมาในราคาทุ่มตลาด และสาธารณรัฐอินเดียยังต่ออายุมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนออกไปอีก ๕ ปี หากประเทศไทยไม่มีมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด อาจทำให้สินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาทุ่มตลาดในประเทศไทยได้ นอกจากนี้ เห็นว่าแม้ในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาดอุตสาหกรรมภายในมีผลประกอบการดีขึ้น แต่ก็ยังมีความเสียหายซึ่งสามารถพิจารณาได้จากข้อมูลในช่วง 3 ปีย้อนหลัง รวมทั้งมีผลกระทบด้านปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาสินค้าของอุตสาหกรรมภายใน ส่วนบริษัท Guangxi Tanghan Zinc & Indium Ltd. ให้ข้อคิดเห็นว่า ควรให้มีการไต่สวนต่อเพื่อกำหนดมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด เพราะอาจพบความเสียหายอย่างสำคัญที่อาจเกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน และบริษัท Guangxi Tanghan Zinc & Indium Ltd. ก็ได้รับความเสียหายจากการทุ่มตลาดของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นๆ จากสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย นอกจากนี้สาธารณรัฐอินเดียยังต่ออายุมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนออกไปอีก ๕ ปี ทั้งนี้ประเด็นต่างๆ ในข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งที่อุตสาหกรรมภายในเสนอนั้น ในการวิเคราะห์ความเสียหายเบื้องต้นได้นำประเด็นดังกล่าวทั้งหมดมาประกอบพิจารณาด้วยแล้ว โดยพบว่าช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อุตสาหกรรมภายในไม่ได้มีความเสียหายที่เกิดจากการทุ่มตลาดส่วนกรณีที่บริษัท Guangxi Tanghan Zinc & Indium Ltd. ขอให้ดำเนินการไต่สวนต่อ แต่มิได้แสดงหลักฐานข้อเท็จจริงสำหรับการพิจารณาความเสียหายอย่างสำคัญที่อาจเกิดแก่อุตสาหกรรมภายในทั้งนี้การที่บริษัทได้รับความเสียหายจากการทุ่มตลาดของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น เป็นปัญหาของบริษัทเองมิได้สะท้อนถึงความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในของประเทศไทย ข้อ ๕ ผลการพิจารณาไต่สวนชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ กรมการค้าต่างประเทศได้จัดทำรายงานสรุปผลการไต่สวนและนำเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้วมีความเห็นดังนี้ ๕.๑ ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด กรณีผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม จะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกแต่ละรายส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามหรือผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นๆ จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด (Investigation Period :IP) คือตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าสังกะสีออกไซด์ ที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วนมี ๓ ราย คือ กลุ่มบริษัท Gredmann บริษัท Guangxi Tanghan Zinc & Indium Ltd. และบริษัท Liuzhou Fuxin Chemical Industry Ltd. โดยทั้ง ๓ รายมีปริมาณส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทย เมื่อเทียบกับปริมาณที่ไทยนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามสถิติกรมศุลกากร ภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรที่ถูกไต่สวน คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๗๒ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สรุปการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ดังนี้ ๕.๑.๑ กลุ่มบริษัท Gredmann ได้แก่ บริษัท Gredmann Guigang Chemical Ltd. บริษัท Gredmann Guangzhou Ltd. และบริษัท Rickeed Industries Limited (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๒.๗๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๕.๑.๒ บริษัท Guangxi Tanghan Zinc & Indium Ltd. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเป็นราคาที่คำนวณขึ้นจากต้นทุนการผลิตของบริษัทรวมกับค่าใช้จ่ายในการจัดการ การขาย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ และกำไรที่เกิดจากการขายสินค้าสังกะสีออกไซด์ (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓.๖๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๕.๑.๓ บริษัท Liuzhou Fuxin Chemical Industry Ltd. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำ หนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๒.๑๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๕.๑.๔ ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่นๆ คำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดตามมาตรา ๑๘ ประกอบมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศพ.ศ. ๒๕๔๒ โดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ คือ มูลค่าปกติและราคาส่งออกของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกที่ร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม ซึ่งปรากฎส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๔๐.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๕.๒ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้วินิจฉัยความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน ๒ ราย คือ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เมทอ๊อกไซด์ ประเทศไทย จำกัด และผู้นำเข้า ๑ ราย คือ บริษัท เฟอร์โร (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ๓ ราย คือ กลุ่มบริษัท Gredmann บริษัท Guangxi Tanghan Zinc & Indium Ltd. และบริษัท Liuzhou Fuxin Chemical Industry Ltd. ซึ่งให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วน โดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาคือ ข้อมูลในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง (ปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘) ช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาดคือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และช่วงเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาดคือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ผลการพิจารณาความเสียหาย ปรากฏว่าในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาดไม่พบความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ ดังนี้ ๕.๒.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติกรมศุลกากรพบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าสังกะสีออกไซด์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ทั้งนี้ สัดส่วนการนำเข้าสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนคิดเป็นประมาณร้อยละ ๗๐ ถึงร้อยละ ๗๗ ของปริมาณนำเข้าทั้งหมด (๒) ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ เกิดผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะการตัดราคา การกดราคา และการยับยั้งการขึ้นราคา ๕.๒.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายภายในประเทศเพิ่มขึ้นโดยตลอดตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในมีกำไรจากการขายเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๗ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตเพิ่มขึ้นระหว่างปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๗ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นระหว่างปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๗ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ความสามารถในการผลิต อุตสาหกรรมภายในมีความสามารถในการผลิตค่อนข้างคงที่ ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนเป็นบวกในปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๗ และติดลบในปี ๒๕๔๘ และช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด การใช้กำลังการผลิต การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๖ถึงปี ๒๕๔๗ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศ ระหว่างปี ๒๕๔๖ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด สินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีราคาต่ำกว่าราคาสินค้าของอุตสาหกรรมภายใน ทำให้อุตสาหกรรมภายในไม่สามารถขึ้นราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นได้ แต่อุตสาหกรรมภายในก็สามารถปรับตัวจนมีผลกำไร กระแสเงินสด อุตสาหกรรมภายในมีกระแสเงินสดลดลงในปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๗ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด แต่เพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๘ สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๗ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี ๒๕๔๘ การจ้างงาน อุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานค่อนข้างคงที่ตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ถึงปี ๒๕๔๘ และลดลงเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานทางตรงเฉลี่ยต่อเดือนค่อนข้างคงที่ในช่วงปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘ แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด อัตราการเจริญเติบโต อัตราการเจริญเติบโตของปริมาณการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีการเพิ่มทุนเล็กน้อยในช่วงปี ๒๕๔๖ ถึงปี๒๕๔๙ ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด แม้ว่าจะมีการนำเข้าสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในราคาทุ่มตลาด ซึ่งกระทบต่อราคาขายของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะของการตัดราคา การกดราคา และการยับยั้งการขึ้นราคา แต่ไม่ส่งผลต่อสถานะผลประกอบการของอุตสาหกรรมภายในในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด จึงเห็นว่าในภาพรวมอุตสาหกรรมภายในไม่ได้รับความเสียหายอย่างสำคัญ ๕.๒.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติกรมศุลกากร พบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าสังกะสีออกไซด์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนอยู่ในระดับคงที่ คือ มีสัดส่วนประมาณร้อยละ ๗๐ ถึงร้อยละ ๗๗ ของการนำเข้าทั้งหมด ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นรวมกันมีสัดส่วนค่อนข้างคงที่เช่นกัน คือ ประมาณร้อยละ ๑๙ ถึงร้อยละ ๒๙ ของการนำเข้าทั้งหมดนอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบระหว่างราคาสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและจากประเทศอื่นๆ พบว่าราคาสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีราคาต่ำกว่า (๒) ความต้องการใช้ภายในประเทศ ในภาพรวมความต้องการใช้สินค้าสังกะสีออกไซด์ภายในประเทศเพิ่มขึ้นโดยตลอดในช่วงปี ๒๕๔๖ ถึงช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่สาเหตุจากการหดตัวของตลาดหรือการลดลงของอุปสงค์ จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า ในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด อุตสาหกรรมภายในไม่ได้รับความเสียหายตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่เกิดจากการทุ่มตลาดของสินค้าสังกะสีออกไซด์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน แม้ว่าจะพบการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓.๖๙ ถึงร้อยละ ๔๐.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๖ คำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า แม้จะมีการนำเข้าสินค้าสังกะสีออกไซด์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในราคาทุ่มตลาด แต่ไม่พบความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนอาศัยอำนาจตามมาตรา ๗๓ จึงมีมติให้ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าสังกะสีออกไซด์ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๘๑๗.๐๐.๑๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๒๘๑๗.๐๐๐.๑๐๗) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นรับคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดให้ยุติการไต่สวนดังกล่าวเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง/หน้า ๓๖/๑๔ กันยายน ๒๕๕๐
562608
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนชั้นที่สุด กรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ผลการไต่สวนชั้นที่สุด กรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ว่ามีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิมคือ ประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวนกรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำขอของบริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าบล็อกแก้ว ทั้งนี้เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ ๑.๑. สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ประกาศไต่สวน คือ สินค้าบล็อกแก้ว ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล พบว่าอุตสาหกรรมภายในผลิตสินค้าบล็อกแก้วตามพิกัดข้างต้นเฉพาะบล็อกแก้วชนิดใสเท่านั้น ขอบเขตของการไต่สวนเพื่อกำหนดมาตรการจึงจำกัดเฉพาะสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ๑.๒. ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ (๑) บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. (๒) บริษัท Shanghai Seves Glass Co., Ltd. (๓) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นๆ นอกจาก (๑) และ (๒) ๑.๒.๒ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) บริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด (๒) บริษัท ที.พี.ไอ.ทวีไพศาล จำกัด (๓) บริษัท เวสเทิร์นเดคคอร์ จำกัด (๔) ผู้นำเข้ารายอื่นๆ นอกจาก (๑) ถึง (๓) ๑.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าบล็อกแก้วในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด ๑.๒.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ และวันที่ ๑๘ ถึงวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน คือบริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และ ณ ที่ทำการของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีนรายที่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามมี ๑ ราย คือ บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. ข้อ ๓ คำวินิจฉัยเบื้องต้นและการกำหนดมาตรการชั่วคราว เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า สินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญเกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน อันมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว โดยประกาศเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว เป็นระยะเวลา ๔ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นไป สำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิมคือประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก ๓.๑ บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓.๒ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคาซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ การยื่นคำขอข้อเท็จจริงและแสดงความคิดเห็นในการกำหนดมาตรการชั่วคราว ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ กำหนดให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถยื่นคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดมาตรการชั่วคราว รวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นได้ โดยเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ กรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการกำหนดมาตรการชั่วคราวให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ เพื่อเปิดโอกาสให้ยื่นข้อคิดเห็นหรือข้อโต้แย้ง รวมทั้งแสดงความจำนงขอให้กรมการค้าต่างประเทศจัดให้พบกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อแถลงการณ์ด้วยวาจาภายในวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ รวมทั้งได้แจ้งรายละเอียดดังกล่าวไปยังรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วยแล้ว ซึ่งปรากฎว่าไม่มีผู้ใดร้องขอให้จัดให้พบกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อแถลงการณ์ด้วยวาจา มีเพียงกรณีบริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด มีหนังสือขอรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียรายอื่น และบริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. ยื่นแสดงข้อโต้แย้งในประเด็นการปรับต้นทุนวัตถุดิบ และค่าขนส่ง (Transportation Fee) และการปรับส่วนต่างของภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ๔ เปอร์เซนต์ ระหว่างการขายภายในประเทศและการขายส่งออก รวมทั้งแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การปรับต้นทุนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสหภาพแรงงาน (Labour Union Expense) ข้อ ๕ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาวินิจฉัยชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างสรุปผลการไต่สวน ซึ่งแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาวินิจฉัยชั้นที่สุด ให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบและแสดงข้อคิดเห็นข้อโต้แย้ง ภายในวันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ปรากฎว่า บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด อุตสาหกรรมภายใน ได้ยื่นแสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งว่า มิได้ส่งข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อมาตรการชั่วคราว(ฉบับเปิดเผย) ของผู้ส่งออกให้กับบริษัท ฯ ความไม่เหมาะสมของระยะเวลาที่กำหนดให้ส่งข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อร่างสรุปผลการไต่สวน การปรับต้นทุนวัตถุดิบ Dolomite การปันส่วนค่าขนส่ง (Transportation Fee) ระหว่างค่าขนส่งภายในประเทศและค่าขนส่งในการส่งออก ทั้งนี้บริษัทได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับส่วนลดการส่งออก รวมทั้งแสดงความคิดเห็นในเรื่องผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในที่เกิดจากการปรับลดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามร่างสรุปผลการไต่สวน โดยมีข้อเท็จจริงตามกรณีข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งของบริษัท บางกอกคริสตัลจำกัด ปรากฏว่า บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด ได้ร้องขอให้ส่งข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อมาตรการชั่วคราวของผู้ส่งออก (ฉบับเปิดเผย) เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ส่งให้บริษัทฯ แล้ว เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ สำหรับระยะเวลาให้ส่งข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อร่างสรุปผลการไต่สวน กำหนดโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับกรอบเวลาในการไต่สวน และใช้กรอบเวลาเดียวกันกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ในส่วนของการปรับต้นทุนวัตถุดิบ Dolomite ได้ปรับจากราคาที่ซื้อจากบริษัทที่มีความสัมพันธ์เป็นราคาที่ซื้อจากบริษัทไม่มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติสากลนั้น มิได้มีการปันส่วนค่าขนส่งในการจัดทำร่างสรุปผลการไต่สวนรวมทั้งได้นำปัจจัยส่วนต่างของภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ระหว่างการขายภายในประเทศและการขายส่งออก ตามที่บริษัทให้ข้อสังเกตว่าเป็นส่วนลดการส่งออกมาพิจารณาด้วยแล้ว ข้อ ๖ ผลการพิจารณาไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้จัดทำรายงานสรุปผลการไต่สวนและนำเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาวินิจฉัยชั้นที่สุดเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้ ๖.๑ ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด กรณีของผู้ที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามจะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกแต่ละราย ส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามหรือผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นๆ จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด (Investigation Period :IP) คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้วที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามมีเพียง ๑ ราย คือ บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. โดยบริษัทดังกล่าวมีปริมาณการส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทย เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้ารวมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามสถิติกรมศุลกากร ภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรที่ถูกไต่สวน คิดเป็นร้อยละ ๕๑ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สรุปการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ดังนี้ ๖.๑.๑ บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๕.๑๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๑.๒ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นๆ คำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ประกอบมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ คือมูลค่าปกติและราคาส่งออกตามแบบคำขอของอุตสาหกรรมภายใน ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคาซี.ไอ.เอฟ. ๖.๒ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้วินิจฉัยความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน ๑ ราย คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และผู้นำเข้า ๑ รายคือ บริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด รวมทั้งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑ รายคือ บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. ซึ่งให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วนโดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง (ปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘) โดยช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และช่วงเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ผลการพิจารณาความเสียหาย ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๖.๒.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติของกรมศุลกากร พบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘ และมีสัดส่วนสูงสุดตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๔๘ จนถึงช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีสัดส่วนร้อยละ ๖๐ ถึง ๖๖ ในขณะที่ปริมาณการนำเข้าจากประเทศอื่นในช่วงระยะเวลาเดียวกันรวมกันมีสัดส่วนร้อยละ๓๔ ถึง ๔๐ ของช่วงระยะเวลาเดียวกัน (๒) ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ เกิดผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะการตัดราคา การกดราคา และการยับยั้งการขึ้นราคา ๖.๒.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายลดลงในปี ๒๕๔๗ แต่เพิ่มขึ้นในปี๒๕๔๘ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในอยู่ในภาวะขาดทุนไม่สามารถเพิ่มราคาขายเพื่อทำกำไรได้ ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตลดลงระหว่างปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๗ และในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงระหว่างปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘ อย่างไรก็ตาม มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ความสามารถในการผลิต เมื่อพิจารณาจากอัตราของผลผลิตที่ได้เทียบกับวัตถุดิบที่ใช้ พบว่าความสามารถใน การผลิตของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนติดลบตลอดช่วงปี ๒๕๔๗ จนถึง ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การใช้กำลังการผลิต การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในค่อนข้างคงที่ ผลกระทบต่อราคาสินค้าภายในประเทศ พบว่าระหว่างปี ๒๕๔๖ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดอุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นและยังมีการขายต่ำกว่าทุน กระแสเงินสด อุตสาหกรรมภายในมีกระแสเงินสดลดลงในปี ๒๕๔๗ ถึงปี ๒๕๔๘ อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดได้เพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังลดลงตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การจ้างงาน พิจารณาจากจำนวนแรงงาน โดยอุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานค่อนข้างคงที่ตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานทางตรงเฉลี่ยต่อเดือนค่อนข้างคงที่ในช่วงปี๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๗ แต่เพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๘ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อัตราการเจริญเติบโต อัตราการเจริญเติบโตของปริมาณการขายภายในประเทศของอุตสาหกรรมภายในในช่วงปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๗ ติดลบ ซึ่งแปรผกผันกับปริมาณการใช้ในประเทศที่เพิ่มขึ้น และระหว่างปี ๒๕๔๘ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อุตสาหกรรมภายในมีอัตราการเจริญเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราการเจริญเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศ ความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีการเพิ่มทุนในช่วงปี ๒๕๔๘ ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยมีอัตราการทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างร้อยละ ๕.๑๐ ถึงร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งการทุ่มตลาดดังกล่าวส่งผลให้มีการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ๖.๒.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติของกรมศุลกากร พบว่าเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ปริมาณการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากประเทศอื่นโดยรวมมีสัดส่วนลดลงในช่วงปี ๒๕๔๖ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ในขณะที่ปริมาณการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีสัดส่วนสูงขึ้นอย่างมาก (๒) ความต้องการใช้ภายในประเทศ ในภาพรวมความต้องการใช้สินค้าบล็อกแก้วภายในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงปี ๒๕๔๖ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิได้มีสาเหตุมาจากการหดตัวของตลาดหรือการลดลงของอุปสงค์ จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เนื่องจาก ก. ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ข. มีผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน โดยมีการขายตัดราคา กดราคา และยับยั้งการขึ้นราคา ค. ด้านผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายในซึ่งพิจารณาจากปัจจัยที่บ่งบอกเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมภายใน ปรากฏว่าในขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศเพิ่มขึ้น แต่อุตสาหกรรมภายในกลับไม่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากถูกสินค้าทุ่มตลาดเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด รวมทั้งยังต้องขายสินค้าในราคาต่ำกว่าทุน ส่งผลให้อยู่ในภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องและมีผลตอบแทนการลงทุนเป็นลบ ง. มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๘ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือจาก ๗๗ ตัน ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เพิ่มขึ้นเป็น ๑๑,๗๖๘ ตัน ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดโดยมีการทุ่มตลาดในอัตรา ระหว่างร้อยละ ๕.๑๐ ถึงร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในได้แก่ปริมาณและราคาสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ พบว่ามีสัดส่วนน้อยในขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นมากดังนั้นปัจจัยอื่นๆ เหล่านี้จึงมิใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน สรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๗ คำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า การนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าว คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนอาศัยอำนาจตามมาตรา ๔๙ จึงกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิมคือ ประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก ๗.๑ บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๕.๑๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๗.๒ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคาซี.ไอ.เอฟ. สำหรับอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้แล้วในระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราว ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาด กรณีที่อากรตอบโต้การทุ่มตลาดมีอัตราต่ำกว่าอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้แล้วให้คืนผลต่างของอากรส่วนที่เกิน หรือให้คืนหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว เมื่อผู้นำเข้าได้ชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามอัตราที่กำหนดไว้ดังกล่าว ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ วิ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง/หน้า ๒๕/๑๔ กันยายน ๒๕๕๐
560906
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับระยะเวลาในการยื่นคำขอทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับระยะเวลาในการยื่นคำขอทบทวนความจำเป็น ในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาในการยื่นคำขอทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียดำเนินการยื่นคำขอโดยมีข้อมูลประกอบการพิจารณาทันต่อสถานการณ์และมีระยะเวลาเพียงพอ ที่คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจะสามารถดำเนินการพิจารณาคำขอให้แล้วเสร็จก่อนครบกำหนดการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนในแต่ละกรณี คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงออกประกาศกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับระยะเวลาในการยื่นคำขอทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในกรณีที่บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งทำการแทนอุตสาหกรรมภายในมีความประสงค์จะขอให้มีการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป โดยเห็นว่าหากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก ให้บุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวยื่นคำขอล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสี่เดือนก่อนระยะเวลาการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะสิ้นสุดลง ทั้งนี้ต้องไม่ยื่นล่วงหน้าเกินหกเดือน เว้นแต่ในกรณีมีเหตุจำเป็นคณะกรรมการอาจพิจารณาคำขอตามควรแก่กรณี ข้อ ๒ คำขอตามข้อ ๑ จะต้องมีเอกสารหลักฐานแสดงว่าหากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๙๗ ง/หน้า ๒๘/๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๐
560904
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2550
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ว่าผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าสังกะสีออกไซด์ (Zinc Oxide) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ส่งสินค้าเข้ามาทุ่มตลาดจริง แต่มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงมีมติให้ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒ ให้ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์ (Zinc Oxide) ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๘๑๗.๐๐.๑๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๒๘๑๗.๐๐๐.๑๐๗) ที่มีโครงสร้างหรือส่วนประกอบทางเคมี คือ ZnO อยู่ระหว่างร้อยละ ๙๘.๐ - ๙๙.๙ โดยน้ำหนัก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๓ ผู้ใดไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์หรือโต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลปกครองได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ข้อ ๔[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๙๗ ง/หน้า ๒๗/๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๐
560898
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ กำหนดให้เรียกเก็บอากรชั่วคราว หรือวางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวสำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนไว้แล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ว่ามีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๙ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก (๑) บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co.,Ltd. ในอัตราร้อยละ ๕.๑๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) รายอื่น ในอัตราร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๓ อากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้ระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราวตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศนี้ กรณีที่อากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามข้อ ๒ มีอัตราต่ำกว่าอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้แล้วให้คืนผลต่างของอากรส่วนที่เกิน หรือให้คืนหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว เมื่อผู้นำเข้าได้ชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามอัตราที่กำหนดไว้ ข้อ ๔ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ข้อ ๕[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นระยะเวลาห้าปี ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๙๗ ง/หน้า ๒๕/๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๐
560674
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO.,LTD. สาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วนของ บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO.,LTD. สาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจากประเทศต่างๆ ไปแล้วนั้น ปรากฏว่า บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO.,LTD. ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจากสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๓.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการดังกล่าวข้างต้น ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด และคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ มีคำวินิจฉัยว่า คำขอดังกล่าวมีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ บริษัท POHANG IRON AND STEEL CO.,LTD. ตามกระบวนการพิจารณาที่กฎหมายกำหนด อาศัยอำนาจตามมาตรา ๕๖ และมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาทบทวนดังกล่าวตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๒๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๙๔ ง/หน้า ๑๗/๘ สิงหาคม ๒๕๕๐
560902
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของ บริษัท PT. MULIAGLASS สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ของ บริษัท PT. MULIAGLASS สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ - ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.ไปแล้ว นั้น ปรากฏว่า บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด อุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าบล็อกแก้วภายในประเทศ ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท PT. MULIAGLASS ซึ่งถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการดังกล่าวข้างต้นและคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ มีคำวินิจฉัยว่าคำขอดังกล่าวมีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของ บริษัท PT. MULIAGLASS ตามกระบวนการพิจารณาที่กฎหมายกำหนด อาศัยอำนาจตามมาตรา ๕๖ และมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาทบทวนดังกล่าวตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปหากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๘ และ ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๐ - ๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๙๔ ง/หน้า ๑๕/๘ สิงหาคม ๒๕๕๐
558405
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ของบริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ - ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ไปแล้ว นั้น ปรากฏว่า บริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการดังกล่าวข้างต้น ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด และคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ มีคำวินิจฉัยว่า คำขอดังกล่าวมีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสของบริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL LTD. ตามกระบวนการพิจารณาที่กฎหมายกำหนด อาศัยอำนาจตามมาตรา ๕๖ และมาตรา ๖๐ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาทบทวนดังกล่าวตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปหากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทร. ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๘ ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๐ - ๒ โทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๗๗ ง/หน้า ๑๗/๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๐
548819
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนเบื้องต้นกรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ผลการไต่สวนเบื้องต้นกรณีการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ กำหนดมาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ นั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำขอของบริษัท บางกอกคริสตัลจำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าบล็อกแก้ว ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ ๑.๑ สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ประกาศไต่สวนคือสินค้าบล็อกแก้วตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล พบว่าอุตสาหกรรมภายในผลิตสินค้าบล็อกแก้วตามพิกัดข้างต้นเฉพาะบล็อกแก้วชนิดใสเท่านั้น ขอบเขตของการไต่สวนเพื่อกำหนดมาตรการจึงจำกัด เฉพาะสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ๑.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ (๑) บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. (๒) บริษัท Shanghai Seves Glass Co., Ltd. (๓) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นๆ นอกจาก (๑) และ (๒) ๑.๒.๒ ผู้นำเข้าในประเทศไทย ได้แก่ (๑) บริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด (๒) บริษัท ที.พี.ไอ.ทวีไพศาล จำกัด (๓) บริษัท เวสเทิร์นเดคคอร์ จำกัด (๔) ผู้นำเข้ารายอื่นๆ นอกจาก (๑) ถึง (๓) ๑.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าบล็อกแก้วในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด ๑.๒.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะรัฐบาลของประเทศ ผู้ส่งออกสินค้าทุ่มตลาด ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ และวันที่ ๑๘ ถึงวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตอบแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน คือ บริษัท บางกอกคริสตัลจำกัด และ ณ ที่ทำการของผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน รายที่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามมี ๑ ราย คือ บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. ข้อ ๓ ผลการพิจารณาไต่สวนการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดกรณีของผู้ที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามจะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกแต่ละราย ส่วนกรณีของผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามหรือผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ๆ จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด (Investigation Period : IP) คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้วที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามมีเพียง ๑ ราย คือ บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. โดยบริษัทดังกล่าวมีปริมาณส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทยเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้ารวมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตามสถิติกรมศุลกากร ภายใต้พิกัดอัตราศุลกากรที่ถูกไต่สวน คิดเป็นร้อยละ ๕๑ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสรุปการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ดังนี้ ๓.๑ บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออก ตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓.๒ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นๆ คำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ประกอบมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ คือมูลค่าปกติและราคาส่งออกตามแบบคำขอของอุตสาหกรรมภายในซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการได้วินิจฉัยความเสียหายเบื้องต้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน ๑ ราย คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และผู้นำเข้า ๑ ราย คือ บริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด รวมทั้งผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑ ราย คือ บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd.ซึ่งให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วนโดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง (ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๘) โดยช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และช่วงเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ผลการพิจารณาความเสียหายเบื้องต้น ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๔.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ๔.๑.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติของกรมศุลกากรพบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๘ และการนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีสัดส่วนสูงสุดตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๘ จนถึงช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาดโดยมีสัดส่วนร้อยละ ๖๐ ถึง ๖๖ ในขณะที่ปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นในช่วงระยะเวลาเดียวกันรวมกันมีสัดส่วนร้อยละ ๓๔ ถึง ๔๐ ของช่วงระยะเวลาเดียวกัน ๔.๑.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ เกิดผลกระทบต่อราคาสินค้าดังกล่าวของอุตสาหกรรมภายในในลักษณะ การตัดราคา การกดราคา และการยับยั้งการขึ้นราคา โดยสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการขายตัดราคาตั้งแต่ ๑,๗๓๙ ถึง ๒,๔๐๒ บาทต่อตัน ในปี ๒๕๔๘ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดและมีการกดราคา โดยพบว่าราคาขายของสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นต้นมา และจากการเปรียบเทียบราคาขายกับต้นทุนขายของอุตสาหกรรมภายในพบว่ามีการขายต่ำกว่าต้นทุนระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๘ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดแสดงให้เห็นถึงผลกระทบด้านราคาในลักษณะยับยั้งการขึ้นราคาไม่ให้สูงกว่าต้นทุน ๔.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายลดลงในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ และในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในอยู่ในภาวะขาดทุนไม่สามารถเพิ่มราคาขายเพื่อทำกำไรได้ ผลผลิตอุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตลดลงระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๗ และในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๘ อย่างไรก็ตาม มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ความสามารถในการผลิต เมื่อพิจารณาจากอัตราของผลผลิตที่ได้เทียบกับวัตถุดิบที่ใช้ พบว่าความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนติดลบตลอดช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การใช้กำลังการผลิต การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในค่อนข้างคงที่ ผลกระทบต่อราคาสินค้าภายในประเทศ พบว่าระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดอุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นและยังมีการขายต่ำกว่าทุน กระแสเงินสด อุตสาหกรรมภายในมีกระแสเงินสดลดลงในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๘ อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดได้เพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การจ้างงาน พิจารณาจากจำนวนแรงงาน โดยอุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานค่อนข้างคงที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๘ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานทางตรงเฉลี่ยต่อเดือนค่อนข้างคงที่ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๗ แต่เพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อัตราการเจริญเติบโต อัตราการเจริญเติบโตของปริมาณการขายภายในประเทศของอุตสาหกรรมภายในในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๗ ติดลบ ซึ่งแปรผกผันกับปริมาณการใช้ในประเทศที่เพิ่มขึ้น และระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๘ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อุตสาหกรรมภายในมีอัตราการเจริญเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราการเจริญเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศ ความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีการเพิ่มทุนในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดโดยมีอัตราการทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างร้อยละ ๑๑.๔๒ ถึงร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งการทุ่มตลาดจากประเทศดังกล่าวส่งผลให้มีการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ๔.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ๔.๓.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติกรมศุลกากร พบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากประเทศอื่นรวมกันเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีสัดส่วนลดลงในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ในขณะที่ปริมาณการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีสัดส่วนสูงขึ้น โดยในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดมีสัดส่วนร้อยละ ๖๐ ของปริมาณการนำเข้ารวม ๔.๓.๒ ความต้องการใช้ภายในประเทศ ในภาพรวมนั้น ความต้องการใช้สินค้าบล็อกแก้วภายในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิได้มีสาเหตุมาจากการหดตัวของตลาดหรือการลดลงของอุปสงค์ จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เนื่องจาก (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (๒) มีผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน โดยมีการขายตัดราคา กดราคา และยับยั้งการขึ้นราคา (๓) ด้านผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายในซึ่งพิจารณาปัจจัยที่บ่งบอกเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมภายใน ปรากฏว่าในขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศเพิ่มขึ้น แต่อุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากถูกสินค้าทุ่มตลาดเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด รวมทั้งยังต้องขายสินค้าในราคาต่ำกว่าทุน ส่งผลให้อยู่ในภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องและมีผลตอบแทนการลงทุนเป็นลบ (๔) มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๘ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือจาก ๗๗ ตันในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เพิ่มขึ้นเป็น ๑๑,๗๖๘ ตันในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีการทุ่มตลาดในอัตรา ระหว่างร้อยละ ๑๑.๔๒ ถึงร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน อันได้แก่ปริมาณและราคาสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ พบว่ามีสัดส่วนน้อยในขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นมาก ดังนั้นปัจจัยอื่นๆ เหล่านี้จึงมิใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน สรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๕ ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับจากการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายข้างต้นแล้ว มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า การนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ตามมาตรา ๑๙ (๑) ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ อันมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าวโดยเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นระยะเวลา ๔ เดือน สำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิมคือ ประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก ๕.๑ บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co., Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๕.๒ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ทั้งนี้หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นรับคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดมาตรการชั่วคราวรวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๕๙ ง/หน้า ๒๓/๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๐
535549
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิด จากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2550
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิด จากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐ ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ว่าผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ส่งสินค้าเข้ามาทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งความเสียหายดังกล่าวเป็นความเสียหายอย่างสำคัญตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัตินี้ และมีความจำเป็นเพื่อป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงเห็นสมควรให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรชั่วคราว หรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งดำเนินกิจการหรือมีสาขาดำเนินกิจการในประเทศไทยสำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อยที่ ๗๐๑๖.๙๐.๐๐ (พิกัดอัตราศุลกากรเดิม คือ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก (๑) บริษัท Dezhou Zhenhua Decoration Glass Co.,Ltd. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๑.๔๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๓[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นกำหนดเวลาสี่เดือน ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๔๑ ง/หน้า ๒๒/๔ เมษายน ๒๕๕๐
535547
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. 2550
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๕๐[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๘๕๔๐.๑๑ (พิกัดอัตราศุลกากรปัจจุบันคือ ประเภทย่อยที่ ๘๕๔๐.๑๑.๐๐) เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้งที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว ๒๕ นิ้วและหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบนที่มีขนาด ๒๑ นิ้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซียไปแล้ว นั้น บริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN.BHD. ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการดังกล่าวข้างต้น ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อยุติการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ และมีคำวินิจฉัยว่าคำขอมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาด จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการเปิดทบทวนการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซียดังกล่าวข้างต้น ตามกระบวนการพิจารณาที่กฎหมายกำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๖ และมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาทบทวนดังกล่าวตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปหากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เลขที่ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๘ และ ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๑-๒ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๔๑ ง/หน้า ๑๒/๔ เมษายน ๒๕๕๐
510404
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ NIPPON STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2549
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วนของ NIPPON STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากผู้ส่งออกสินค้าดังกล่าว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศต่าง ๆ รวม ๑๔ ประเทศ ทั้งนี้ สินค้าที่ผลิตและมีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ในอัตราร้อยละ ๓๖.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สำหรับผู้ผลิตทุกราย ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ NIPPON STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ตามคำร้องขอของ NIPPON STEEL CORPORATION ซึ่งเป็นผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่น นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ มีคำวินิจฉัยว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของ NIPPON STEEL CORPORATION ได้เปลี่ยนแปลงไปจาก ผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๖ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ NIPPON STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๙” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป จนกว่าจะมีผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดของ NIPPON STEEL CORPORATION ครั้งใหม่ หรือจนครบอายุมาตรการในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๓ ให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ที่ผลิตจาก NIPPON STEEL CORPORATION จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราร้อยละ ๓๖.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการทบทวนอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๕ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน พัชรินทร์/ผู้จัดทำ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๙ จุฑามาศ/ปรับปรุง ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๙๖ ง/หน้า ๒๘/๑๓ กันยายน ๒๕๔๙
508028
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ NIPPON STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2549
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ของ NIPPON STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๙[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ NIPPON STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด สำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตจาก NIPPON STEEL CORPORATION เป็นอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด หรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญ ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนการยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ความเป็นมา คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้ออกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ แจ้งผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า มีการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน จาก ๑๔ ประเทศ และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าดังกล่าวที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศดังกล่าวในอัตราเพียงเพื่อขจัดความเสียหาย (Lesser Duty) โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นเวลา ๕ ปี ซึ่งสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ที่ผลิตจาก NIPPON STEEL CORPORATION ถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๖.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ NIPPON STEEL CORPORATION ได้ยื่นคำขอให้เปิดทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ข้อ ๒ การเปิดทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้มีประกาศ ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเษกษา เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ NIPPON STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริง ดังต่อไปนี้ ๒.๑ สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๐๘.๑๐ ๗๒๐๘.๓๖ ๗๒๐๘.๓๗ ๗๒๐๘.๓๘ ๗๒๐๘.๓๙ ๗๒๐๘.๔๐ ๗๒๐๘.๕๑ ๗๒๐๘.๕๒ ๗๒๐๘.๕๓ ๗๒๐๘.๕๔ ๗๒๐๘.๙๐ ๗๒๑๑.๑๓ ๗๒๑๑.๑๔ และ ๗๒๑๑.๑๙ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ที่ผลิตจาก NIPPON STEEL CORPORATION ทั้งนี้ สินค้าดังกล่าวถือว่าเป็นสินค้าชนิดเดียวกัน (Like product) กับสินค้าที่อุตสาหกรรมภายในผลิตได้ ๒.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ ๒.๒.๑ NIPPON STEEL CORPORATION ๒.๒.๒ อุตสาหกรรมภายในประเทศผู้ผลิตสินค้าที่ถูกพิจารณา ๒.๒.๓ ผู้นำเข้าและ/หรืออุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าต่อเนื่องที่ใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนเป็นวัตถุดิบ ๒.๓ ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการทบทวน คือ วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๓ ข้อคิดเห็นต่อข้อมูลคำตอบแบบสอบถาม ฉบับเปิดเผย อุตสาหกรรมภายในได้มีหนังสือถึงกรมการค้าต่างประเทศขอข้อมูลคำตอบแบบสอบถาม ฉบับเปิดเผยของ NIPPON STEEL CORPORATION เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ และได้ส่งข้อคิดเห็นต่อคำตอบแบบสอบถาม ฉบับเปิดเผยดังกล่าว เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ในประเด็นการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด การพิจารณาธุรกรรมกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน การเปรียบเทียบสินค้าที่ขายในประเทศกับสินค้าที่ส่งออก การพิจารณาวันที่ขายสินค้า รวมทั้งให้ข้อสังเกตต่อการตอบแบบสอบถามของ NIPPON STEEL CORPORATION ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้นำประเด็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาในกระบวนการทบทวนด้วย ข้อ ๔ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการ และโรงงานผลิตของ NIPPON STEEL CORPORATION ในประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๑๓ ถึง ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ จากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลส่วนใหญ่มีความถูกต้อง ตามหลักการทางบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารต้นฉบับ ยกเว้นค่าใช้จ่ายบางรายการที่ไม่ยอมรับให้นำมาหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน คือ ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้จ่ายให้ผู้ซื้อทอดแรก ซึ่งบริษัทไม่มีนโยบาย หลักการ หรือข้อตกลงในการจ่ายที่เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน และค่าหีบห่อ เพราะค่าหีบห่อรวมอยู่ในต้นทุนการผลิตสินค้าที่พร้อมจำหน่าย ณ หน้าโรงงานแล้ว ดังนั้น ต้นทุนการผลิต ที่รายงานในแบบสอบถามต้องปรับแก้ไขให้รวมค่าหีบห่อที่บันทึกในระบบบัญชีด้วย ข้อ ๕ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดทำร่างผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างผลการทบทวน ซึ่งแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้ NIPPON STEEL CORPORATION และอุตสาหกรรมภายในทราบเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อให้ยื่นข้อคิดเห็น ข้อโต้แย้ง และ/หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจา (Hearing) ได้ภายในวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งปรากฏว่าไม่มีผู้ใดขอให้มีการแถลงการณ์ด้วยวาจา มีเพียงการยื่นข้อโต้แย้งจาก NIPPON STEEL CORPORATION และการยื่นข้อคิดเห็นจากอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน ข้อ ๖ การพิจารณาข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นต่อร่างผลการทบทวน NIPPON STEEL CORPORATION และอุตสาหกรรมภายในได้ยื่นข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นภายในเวลาที่กำหนด โดย NIPPON STEEL CORPORATION ได้ยื่นข้อโต้แย้งเมื่อวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และ อุตสาหกรรมภายในได้ยื่นข้อคิดเห็นต่อร่างผลการทบทวน เมื่อวันที่ ๓ และ วันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งจากการพิจารณาข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นดังกล่าวสรุปประเด็นได้ ดังต่อไปนี้ ๖.๑ NIPPON STEEL CORPORATION ได้โต้แย้งในเรื่องการคำนวณมูลค่าปกติ โดยไม่ยอมรับให้หักค่าใช้จ่ายที่มิได้จ่ายให้ผู้ซื้อทอดแรก และในเรื่องการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดที่กำหนดส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดติดลบให้มีค่าเป็นศูนย์ รวมทั้งโต้แย้งว่าตัวเลขปริมาณการส่งออกที่ใช้ในการคำนวณไม่ตรงกับตัวเลขส่งออกที่ NIPPON STEEL CORPORATION รายงานในแบบสอบถาม ในกรณีนี้ พิจารณาแล้วเห็นว่า การเปรียบเทียบราคา ณ ระดับการขายถึงผู้ซื้อทอดแรก และทอนกลับเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน เป็นการพิจารณาหาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยมีการเปรียบเทียบอย่างเป็นธรรมตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และสอดคล้องกับหลักการขององค์การการค้าโลก (WTO) ประกอบกับ NIPPON STEEL CORPORATION มิได้มีนโยบาย หลักการ หรือข้อตกลงในการจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวที่เป็นลายลักษณ์อักษร สำหรับการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดได้คำนวณตามชนิดของสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน (๑๕ ชนิด) หากชนิดใดไม่พบส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดหรือมีค่าติดลบ ก็จะไม่นำมารวมคำนวณเป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด แต่จะนำปริมาณการส่งออกมาประเทศไทยทั้งชนิดที่ทุ่มตลาดและไม่ได้ทุ่มตลาดมารวมคำนวณร้อยละของราคาเฉลี่ย ซี.ไอ.เอฟ. ของทุกธุรกรรมที่ส่งออกมาประเทศไทยด้วย สำหรับการคำนวณ ได้ใช้ตัวเลขปริมาณการส่งออกที่ NIPPON STEEL CORPORATION รายงาน และหักธุรกรรมของสินค้าที่ไม่อยู่ในข่ายการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ตามบัญชีแนบท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ แก้ไขเพิ่มเติมตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ๖.๒ อุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน ได้เสนอข้อคิดเห็น เรื่อง การพิจารณาความสัมพันธ์ของ NIPPON STEEL CORPORATION กับบริษัทที่เกี่ยวข้อง การพิจารณาวันที่ขายสินค้า และการเปรียบเทียบราคาในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด และขอดูรายงานและเอกสารประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งเสนอให้อุตสาหกรรมภายในสามารถแต่งตั้งทนายความเป็นบุคคลที่สามเพื่อเข้าดูข้อมูลความลับ ในกรณีนี้ ได้พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง NIPPON STEEL CORPORATION กับบริษัทที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าสามารถยอมรับราคาที่ NIPPON STEEL CORPORATION ขายให้กับผู้ซื้อที่มีความสัมพันธ์กัน (Related party) เพื่อนำมาคำนวณมูลค่าปกติหรือราคาส่งออกได้ เนื่องจากราคาดังกล่าวโดยเฉลี่ยทุกชนิด ไม่แตกต่างกับราคาที่ขายให้กับผู้ซื้ออิสระอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับการพิจารณาวันที่ขายนั้น NIPPON STEEL CORPORATION ได้อธิบายขั้นตอนการขาย การตกลงราคา พร้อมให้เอกสารสนับสนุนรายการขายที่สุ่มตรวจสอบระหว่างการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงแล้ว จากข้อมูลและเอกสารดังกล่าวพบว่า วันที่ขายสินค้าที่ NIPPON STEEL CORPORATION รายงานเป็นวันที่เหมาะสมและสอดคล้องกับข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นวันที่ตกลงกันได้ในสาระสำคัญเกี่ยวกับการขายราคาขายและปริมาณขาย ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลง สำหรับการเปรียบเทียบราคาสินค้าที่ขายในประเทศญี่ปุ่นกับที่ส่งออกมายังประเทศไทย ได้เปรียบเทียบโดยแบ่งตามรหัสสินค้า พิกัดอัตราศุลกากร และเกรดเดียวกัน ซึ่งแบ่งเป็น ๑๕ ชนิด เมื่อนำมูลค่าปกติและราคาส่งออกของแต่ละชนิดมาเปรียบเทียบกันได้เป็นส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของแต่ละชนิดแล้ว จากนั้นจะเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักด้วยปริมาณการส่งออกสินค้ามายังประเทศไทยทั้งหมด สำหรับการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดนั้น คำนวณโดยถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ราคา ณ หน้าโรงงานเป็นค่าเฉลี่ยในช่วงระยะเวลาไต่สวนของสินค้าแต่ละชนิดแล้วเปรียบเทียบราคา ณ หน้าโรงงานสำหรับมูลค่าปกติและราคาส่งออกของสินค้าแต่ละชนิดในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นวิธีคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดที่ถือปฏิบัติโดยทั่วไป สำหรับการขอดูรายงานและเอกสารประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างผลการทบทวนฉบับเปิดเผยให้อุตสาหกรรมภายในแล้ว ซึ่งประกอบด้วย ข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เปิดเผยได้ สำหรับการแต่งตั้งทนายความเป็นบุคคลที่สามเพื่อดูข้อมูลความลับนั้น ตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดให้การพิจารณาจะต้องไม่กระทำการใดให้เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่ต้องปกปิดโดยสาระและเนื้อหา หรือผู้ให้ข้อมูลข่าวสารนั้นขอให้ปกปิด ข้อ ๗ การพิจารณาผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อโต้แย้งและข้อคิดเห็นต่อร่างผลการทบทวนที่ได้รับ รวมทั้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลมาพิจารณาจัดทำรายงานผลการทบทวนเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน และ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นดังต่อไปนี้ ๗.๑ มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในประเทศญี่ปุ่นของ NIPPON STEEL CORPORATION ที่รายงานในแบบสอบถามและคำนวณเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าขนส่งภายในประเทศ และค่าชดเชยสินค้าเสียหาย (claim) ๗.๒ ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้ การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาที่ส่งออกมาประเทศไทยตามที่ NIPPON STEEL CORPORATION รายงานในแบบสอบถามและคำนวณเป็นราคาส่งออก ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าขนถ่ายสินค้า ทั้งนี้ รายการที่ไม่ยอมรับให้นำมาหักทอนในมูลค่าปกติ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้จ่ายให้ผู้ซื้อทอดแรกและค่าหีบห่อ และในราคาส่งออก ได้แก่ ค่าหีบห่อ ซึ่งเป็นไปตามผลการตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง ๗.๓ ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติ ตามข้อ ๗.๑ และราคาส่งออกตามข้อ ๗.๒ ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการทบทวน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๐.๐๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๘ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของ NIPPON STEEL CORPORATION มีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด สำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นที่ผลิตจาก NIPPON STEEL CORPORATION จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราร้อยละ ๓๖.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และแก้ไขเพิ่มเติมตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๙๕ ง/หน้า ๗/๘ กันยายน ๒๕๔๙
501232
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซียสาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2549
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าว นั้น เนื่องจาก YIEH LOONG ENTERPRISE CO.,LTD ซึ่งเป็นผู้ส่งออกสินค้าจากไต้หวันที่ถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศดังกล่าว ได้แจ้งต่อกรมการค้าต่างประเทศว่าได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อนิติบุคคลเป็น CHUNG HUNG STEEL CORPORATION กับ Department of Commerce, Ministry of Economic Affairs ของไต้หวันแล้ว ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาและมีมติเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ว่า นิติบุคคลดังกล่าวยังคงสถานภาพเป็นนิติบุคคลเดิม เห็นควรให้ใช้อัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามอัตราเดิม ในอัตราร้อยละ ๓.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๔๙” ข้อ ๒ ให้แก้ข้อความในข้อ ๒ (๗) ของประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและ ไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เฉพาะข้อความ “YIEH LOONG ENTERPRISE CO.,LTD” ป็น “CHUNG HUNG STEEL CORPORATION” ข้อ ๓[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดไปจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน นันทนา/ผู้จัดทำ ๒ สิงหาคม ๒๕๔๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๘๑ ง/หน้า ๓๐/๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๙
501230
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ไต้หวัน พ.ศ. 2549
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ไต้หวัน พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจาก ประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากผู้ส่งออกสินค้าดังกล่าวที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวันซึ่งผลิตจากบริษัท CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ในอัตราร้อยละ ๔.๘๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ไต้หวัน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามคำร้องขอของบริษัทดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ผลิตในไต้หวัน นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ มีคำวินิจฉัยว่า อัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ได้เปลี่ยนแปลงไปจากผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๖ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ไต้หวัน พ.ศ. ๒๕๔๙” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป จนกว่าจะมีผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ครั้งใหม่ หรือจนครบอายุมาตรการในวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๓ ให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ซึ่งผลิตจาก CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราร้อยละ ๔.๘๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๔ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้ การทุ่มตลาด รวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๕ ผู้ใดไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามประกาศนี้ ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ประกาศ ณ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๘๑ ง/หน้า ๒๘/๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๙
501228
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ไต้หวัน พ.ศ. 2549
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ไต้หวัน พ.ศ. ๒๕๔๙[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ไต้หวัน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ซึ่งผลิตจาก CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD เป็นอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่าเมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ความเป็นมา คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ออกประกาศคณะกรรมการ พิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ แจ้งผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า มีการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบจากประเทศดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีดังกล่าวข้างต้น ในอัตราเพียงเพื่อขจัดความเสียหาย (Lesser Duty) โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นเวลา ๕ ปี ซึ่งสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวันดังกล่าว ที่ผลิตจาก CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตรารายอื่น คือ ร้อยละ ๔.๘๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และต่อมา CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ได้ยื่นคำขอให้เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๒ การเปิดทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้มีประกาศ ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ไต้หวัน ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ ๒.๑ สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๙.๓๒ ๗๒๑๙.๓๓ ๗๒๑๙.๓๔ ๗๒๑๙.๓๕ และ ๗๒๒๐.๒๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ที่ผลิตจาก CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ทั้งนี้ สินค้าดังกล่าวถือว่าเป็นสินค้าชนิดเดียวกัน (Like product) กับสินค้าที่อุตสาหกรรมภายในผลิตได้ ๒.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ ๒.๒.๑ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ๒.๒.๒ อุตสาหกรรมภายในประเทศผู้ผลิตสินค้าที่ถูกพิจารณา ๒.๒.๓ ผู้นำเข้าและ/หรืออุตสาหกรรมภายในประเทศซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าต่อเนื่องที่ใช้เหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นเป็นวัตถุดิบ ๒.๓ ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการทบทวน คือ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๓ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการ และโรงงานผลิตของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ในไต้หวัน ระหว่างวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ จากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลส่วนใหญ่มีความถูกต้องตามหลักการทางบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารต้นฉบับยกเว้น ๑) การปันส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย การบริหารและการเงิน บริษัทฯ ได้ปันส่วนค่าใช้จ่ายของสินค้าที่ถูกไต่สวนด้วยปริมาณการผลิตตามบัญชีโรงงาน ซึ่งโดยข้อเท็จจริงควรปันส่วนตามยอดขายตามบัญชีค่าใช้จ่ายในการขาย การบริหารและการเงิน ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จึงคำนวณตามยอดขาย ๒) ราคาขายของสินค้าภายในประเทศ จากการที่บริษัทฯ มีลักษณะการขายสินค้าภายในประเทศ ๒ ลักษณะ คือ การขายตามคำสั่งซื้อปกติของลูกค้า และการขายส่วนที่เหลือจากการผลิตสินค้าหลักให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อเศษในราคาต่ำ ดังนั้นในการเปรียบเทียบราคาเพื่อคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด จึงใช้เฉพาะข้อมูลจากธุรกรรมการค้าหลัก ข้อ ๔ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดทำร่างผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างผลการทบทวน ซึ่งแสดงข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการทบทวนอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดให้ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD และอุตสาหกรรมภายในทราบ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อให้ยื่นข้อคิดเห็นหรือข้อโต้แย้งและ/หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจา (Hearing) ได้ ภายในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ (๑๕ วันทำการ) ข้อ ๕ การพิจารณาข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อร่างผลการทบทวน บมจ. ไทยน๊อคส์ สเตนเลส ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในได้ยื่นข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อร่างผลการทบทวน รวมทั้งขอแถลงการณ์ด้วยวาจาเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ และได้ยื่นข้อคิดเห็นเพิ่มเติม เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เข้าแถลงการณ์ด้วยวาจาเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ สรุปประเด็นได้ดังต่อไปนี้ บริษัทฯ ได้โต้แย้งการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ในอัตราที่ต่ำกว่าเดิม โดยให้เหตุผลโต้แย้งว่า อัตราเดิมที่ใช้ในช่วงที่ผ่านมามิได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของผู้ผลิตในไต้หวัน เนื่องจากยังมีการนำเข้าจากไต้หวันเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการที่ผู้ผลิตในไต้หวันไม่สามารถส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักดั้งเดิมของไต้หวันได้ ทั้งนี้ บริษัทมิได้โต้แย้งเรื่องการคำนวณและมิได้ให้ข้อมูลสนับสนุนเพื่อเปลี่ยนแปลงผลการคำนวณอัตราอากร ยิ่งไปกว่านั้น การขยายกำลังการผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีนส่งผลให้เกิดการแข่งขันและการตัดราคาที่รุนแรงในภูมิภาค การกำหนดอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามผลของการทบทวนซึ่งมีอัตราต่ำกว่าเดิมจะเป็นช่องทางให้ผู้ผลิตในไต้หวันผลักดันสินค้าเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการตลาดและการขายสินค้าเพื่อเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมส่งออกของประเทศไทย รวมทั้งเป็นอุปสรรคต่อการขยายชนิดของผลิตภัณฑ์และพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กไร้สนิมรีดเย็น กรมการค้าต่างประเทศได้พิจารณาข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งของอุตสาหกรรมภายในและได้มีข้อชี้แจง ดังต่อไปนี้ การทบทวนครั้งนี้เป็นการทบทวนตามคำขอของผู้ผลิตในไต้หวันคือ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ซึ่งขอทบทวนอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของตนเอง ข้อมูลที่ใช้จึงพิจารณาจากข้อมูลของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ซึ่งได้มีการตรวจสอบตามกระบวนการทบทวนแล้ว นอกจากนั้นมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดว่า อากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้กำหนดเพียงเพื่อขจัดความเสียหายและจะเกินกว่าส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดมิได้ ดังนั้น จึงไม่อาจกำหนดอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดใหม่เกินกว่าส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดที่พบตามผลการทบทวนได้อย่างไรก็ตาม หากอุตสาหกรรมภายในมีหลักฐานว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดได้เปลี่ยนแปลงไปอุตสาหกรรมภายในสามารถยื่นคำขอต่อกรมการค้าต่างประเทศให้เปิดทบทวนได้ สำหรับการขยายกำลังการผลิตของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ส่งผลให้มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงและมีการขายตัดราคาในภูมิภาคนั้น หากเป็นการขายในราคาทุ่มตลาดหรือมีข้อมูลว่าอาจมีการทุ่มตลาดและความเสียหาย อุตสาหกรรมภายในสามารถยื่นคำขอเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดได้ ข้อ ๖ การพิจารณาผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งที่ได้รับและที่ได้รับเพิ่มเติมรวมทั้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลมาพิจารณาจัดทำรายงานผลการทบทวนเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นดังนี้ ๖.๑ มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในไต้หวันของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ที่รายงานในแบบสอบถามซึ่งผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลแล้ว และคำนวณเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าส่วนลด ค่าบรรจุภัณฑ์ และค่าขนส่งภายในประเทศ ๖.๒ ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาที่ส่งออกมาประเทศไทยตามคำตอบแบบสอบถามของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD และได้คำนวณเป็นราคาส่งออก ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าขนส่งระหว่างประเทศ ค่าประกันภัยทางทะเลค่า Clearance & Handling ค่าบรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออก ค่าขนส่งภายในประเทศ ค่า Banking Charge และบวกกลับการคืนอากร (Duty Drawback) ๖.๓ ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตามข้อ ๖.๑ และราคาส่งออกตามข้อ ๖.๒ ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการทบทวน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๐.๑๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๗ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ว่า อัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของ CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD มีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ที่ผลิตจาก CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY CO., LTD ซึ่งกำหนดไว้ในอัตราร้อยละ ๔.๘๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๘๑ ง/หน้า ๑๔/๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๙
500284
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ พ.ศ. 2549
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ พ.ศ. ๒๕๔๙[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ว่า คำขอของบริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยคูณ เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำการแทนอุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ยื่นขอให้พิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีพยานหลักฐานที่แสดงว่ามีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน จึงเห็นควรให้เปิดการไต่สวน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ ๑.๑ สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง (High Carbon Steel Wire Rod) ที่ได้จากการรีดร้อนขดม้วนอย่างไม่เป็นระเบียบทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้าไม่เจือ พิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๖๐ ๗๒๑๓.๙๑๐.๐๗๐ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๕๐ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๖๐ และ ๗๒๑๓.๙๙๐.๐๗๐ ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕.๕ – ๒๐ มิลลิเมตร ซึ่งมีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ๑.๒ สินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง (High Carbon Steel Wire Rod) ที่ได้จากการรีดร้อนขดม้วนอย่างไม่เป็นระเบียบทำ ด้วยเหล็กกล้าเจืออื่นๆ พิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๒๗.๙๐๐.๐๐๖ ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๕ มิลลิเมตรขึ้นไป ซึ่งมีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ๒. คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาเห็นว่า คำขอของบริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยคูณ เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการส่งสินค้าที่ถูกพิจารณาดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยมีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหาย โดยมีข้อเท็จจริงโดยสังเขป ดังนี้ ๒.๑ การทุ่มตลาด สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๒๔.๙๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐอินเดีย ทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๘.๓๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๐.๑๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒.๒ ความเสียหาย อุตสาหกรรมภายในได้รับความเสียหายอย่างสำคัญจากการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาโดย ๒.๒.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้เพิ่มสูงขึ้น ๒.๒.๒ การนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณามีผลกระทบต่อราคาขายในประเทศและมีผลกระทบต่อผลการดำเนินการของอุตสาหกรรมภายใน ๓. ในกระบวนการไต่สวน กรมการค้าต่างประเทศจะจัดส่งแบบสอบถามไปให้ผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อตอบข้อมูลประกอบการไต่สวน ทั้งนี้ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากต่างประเทศที่ไม่ได้รับแบบสอบถามแต่ประสงค์จะขอตอบแบบสอบถามเพื่อเข้าร่วมในการไต่สวนครั้งนี้ สามารถแจ้งความจำนงเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อขอรับแบบสอบถามภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๔. ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๕. ผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดการไต่สวน ให้ยื่นคำขอได้ที่สำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ นนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทร. ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๘ โทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ หรือที่ www.dft.moc.go.th ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๗๘ ง/หน้า ๖/๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๙
500282
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2549
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๔๙[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ว่า คำขอของบริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ยื่นขอให้พิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีพยานหลักฐานที่แสดงว่ามีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน จึงเห็นควรให้เปิดการไต่สวน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าบล็อกแก้ว พิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาเห็นว่า คำขอของบริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการส่งสินค้าที่ถูกพิจารณาดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยมีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหาย โดยมีข้อเท็จจริงโดยสังเขป ดังนี้ ๒.๑ การทุ่มตลาด สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๘๒.๗๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒.๒ ความเสียหาย อุตสาหกรรมภายในได้รับความเสียหายอย่างสำคัญจากการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาโดย ๒.๒.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้น ๒.๒.๒ การนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณามีผลกระทบต่อราคาขายในประเทศและมีผลกระทบต่อผลการดำเนินการของอุตสาหกรรมภายใน ๓. ในกระบวนการไต่สวน กรมการค้าต่างประเทศจะจัดส่งแบบสอบถามไปให้ผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อตอบข้อมูลประกอบการไต่สวน ทั้งนี้ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากต่างประเทศ ที่ไม่ได้รับแบบสอบถาม แต่ประสงค์จะขอตอบแบบสอบถามเพื่อเข้าร่วมในการไต่สวนครั้งนี้ สามารถแจ้งความจำนงเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อขอรับแบบสอบถามภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๔. ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๕. ผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดการไต่สวน ให้ยื่นคำขอได้ที่ สำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทร. ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๐-๒ โทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ หรือที่ www.dft.moc.go.th ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๗๘ ง/หน้า ๔/๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๙
500280
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2549
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๔๙[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ว่า คำขอของบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เมทอ๊อกไซด์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งทำการแทนอุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ยื่นขอให้พิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าสังกะสีออกไซด์ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีพยานหลักฐาน ที่แสดงว่ามีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน จึงเห็นควรให้เปิดการไต่สวน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ และมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าสังกะสีออกไซด์ (Zinc Oxide) พิกัดอัตราศุลกากร ประเภทที่ ๒๘๑๗.๐๐๐.๑๐๗ ที่มีโครงสร้างหรือส่วนประกอบทางเคมี คือ ZnO อยู่ระหว่างร้อยละ ๙๘.๐ - ๙๙.๙ โดยน้ำหนัก ซึ่งมีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนพิจารณาเห็นว่า คำขอของบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เมทอ๊อกไซด์ ประเทศไทย จำกัด มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า การส่งสินค้าที่ถูกพิจารณาดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยมีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายโดยมีข้อเท็จจริงโดยสังเขป ดังนี้ ๒.๑ การทุ่มตลาด สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๒.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒.๒ ความเสียหาย อุตสาหกรรมภายในได้รับความเสียหายอย่างสำคัญจากการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาโดย ๒.๒.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้น ๒.๒.๒ การนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณามีผลกระทบต่อราคาขายในประเทศ และมีผลกระทบต่อผลการดำเนินการของอุตสาหกรรมภายใน ๓. ในกระบวนการไต่สวน กรมการค้าต่างประเทศจะจัดส่งแบบสอบถามไปให้ผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อตอบข้อมูลประกอบการไต่สวน ทั้งนี้ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากต่างประเทศที่ไม่ได้รับแบบสอบถาม แต่ประสงค์จะขอตอบแบบสอบถามเพื่อเข้าร่วมในการไต่สวนครั้งนี้ สามารถแจ้งความจำนงเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศเพื่อขอรับแบบสอบถามภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๔. ให้ผู้มีส่วนได้เสียเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นเป็นหนังสือ หรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจาประกอบการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายเป็นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๕. ผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดการไต่สวน ให้ยื่นคำขอได้ที่ สำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ นนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทร. ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๒๒ โทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ หรือที่ www.dft.moc.go.th ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๗๘ ง/หน้า ๒/๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๙
467572
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2548
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากผู้ส่งออกสินค้าดังกล่าวที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นในอัตรารายอื่น คือ ในอัตราร้อยละ ๕๐.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ตามคำร้องขอของบริษัทดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่น นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ มีคำวินิจฉัยว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ได้เปลี่ยนแปลงไปจากผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๖ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วนแผ่น และแผ่นแถบ ของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป จนกว่าจะมีผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ครั้งใหม่ หรือจนครบอายุมาตรการในวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๓ ให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตโดย NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ที่จะต้องชำระในอัตรารายอื่น ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นร้อยละ ๑๑.๕๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๓๗ ง/หน้า ๘/๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
467568
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2548
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญ ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการทบทวนอัตราอากร ตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วนแผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตจาก NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION เป็นอัตราร้อยละ ๑๑.๕๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ความเป็นมา เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ออกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ แจ้งผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า มีการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบจากประเทศดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ในการนำเข้าสินค้าจากประเทศดังกล่าว ในอัตราเพียงเพื่อขจัดความเสียหาย (Lesser Duty) โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นเวลา ๕ ปี ซึ่ง NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น ถูกเรียกเก็บอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตรารายอื่น คือ อัตราร้อยละ ๕๐.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๒ การเปิดทบทวน NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ได้ยื่นคำขอให้เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดโดยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้เปิดการทบทวน และกรมการค้าต่างประเทศได้มีประกาศ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ ๒.๑ สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๙.๓๒ ๗๒๑๙.๓๓ ๗๒๑๙.๓๔ ๗๒๑๙.๓๕ และ ๗๒๒๐.๒๐ ที่ผลิตจาก NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้สินค้าดังกล่าวถือว่าเป็นสินค้าชนิดเดียวกัน (Like product) กับสินค้าที่อุตสาหกรรมภายในผลิตได้ ๒.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๒.๒.๑ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ๒.๒.๒ อุตสาหกรรมภายในประเทศผู้ผลิตสินค้าที่ถูกพิจารณา ๒.๒.๓ ผู้นำเข้าและอุตสาหกรรมภายในประเทศซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าต่อเนื่อง ที่ใช้เหล็กกล้า ไร้สนิมรีดเย็นเป็นวัตถุดิบ ๒.๓ ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการทบทวน คือ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๓ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล กรมการค้าต่างประเทศได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการ และโรงงานของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ในประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๖ มิถุนายน ถึงวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ พบว่าข้อมูลส่วนใหญ่มีความถูกต้อง ตามหลักการทางบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารต้นฉบับ ยกเว้น ๑) ค่าใช้จ่ายบางรายการที่ไม่รับให้นำมาหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน ได้แก่ - ค่าดอกเบี้ยเพื่อการเก็บรักษา (Storage Interest) เพราะไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นโดยตรงกับการขายสินค้าที่ถูกพิจารณา - ค่าหีบห่อ (Packing) เพราะรวมอยู่ในต้นทุนการผลิตสินค้าที่พร้อมจำหน่าย ณ หน้าโรงงานแล้ว ๒) ต้นทุนการผลิตสินค้าเกรดหนึ่งในเกรดต่าง ๆ ที่ใช้ในการคำนวณ ซึ่งเห็นควรปรับใหม่เพื่อให้สะท้อนกลไกตลาด เนื่องจากบริษัทดังกล่าวได้ซื้อวัตถุดิบ (Black Hot Coil) จากบริษัทที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน ข้อ ๔ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดทำร่างผลการทบทวน เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศได้จัดส่งข้อมูลที่ใช้เป็นฐานในการทบทวนอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดให้ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION และอุตสาหกรรมภายในทราบ ซึ่งพบว่าอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION มีอัตราร้อยละ ๑๑.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นอกจากนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียยื่นข้อคิดเห็นหรือข้อโต้แย้งหรือแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจา (Hearing) ภายใน ๑๕ วันทำการ ปรากฏว่าคงมีแต่การยื่นข้อโต้แย้งจาก NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION และอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น โดยไม่มีผู้ใดขอให้มีการแถลงการณ์ด้วยวาจา ข้อ ๕ การยื่นข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อร่างผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้นำผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล ข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อร่างผลการทบทวนที่ได้รับจากทั้งสองฝ่ายมาพิจารณาแล้ว จึงได้ให้ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ส่งหลักฐานสนับสนุนข้อโต้แย้งที่ระบุว่าไม่ควรนำอัตราสูญเสียวัตถุดิบ (Yield loss) มาพิจารณาในการปรับต้นทุนการผลิตสินค้าเกรดดังกล่าวในข้อ ๓ ส่วนอุตสาหกรรมภายในได้แจ้งไม่เห็นด้วยกับผลการทบทวนที่อัตราลดลง แต่มิได้โต้แย้งผลการคำนวณและไม่ได้ให้ข้อมูลสนับสนุนเพื่อเปลี่ยนแปลงผลการพิจารณา กรมการค้าต่างประเทศมีข้อชี้แจงต่อข้อโต้แย้งโดยสรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้ ๕.๑ กรณี NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ไม่เห็นด้วยกับวิธีการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดนั้น กรมการค้าต่างประเทศพิจารณาแล้วเห็นว่าได้คำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดตามข้อมูลในแบบสอบถามของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ซึ่งผ่านการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง ณ ที่ทำการของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION แล้ว พบว่ามีความน่าเชื่อถือและนำข้อมูลมาใช้คำนวณได้ โดยเปรียบเทียบมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดแล้วถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามปริมาณการส่งออกมาประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ใช้ในการคำนวณเพื่อกำหนดมาตรการครั้งแรก สำหรับการพิจารณาอัตราค่าสูญเสียวัตถุดิบ (Yield loss) ในการปรับต้นทุนการผลิตสินค้าเกรดดังกล่าวนั้น กรมการค้าต่างประเทศได้พิจารณาหลักฐานสนับสนุนที่ได้รับเพิ่มเติมแล้วพบว่าสามารถกระทบยอดตัวเลขต้นทุนค่าสูญเสียวัตถุดิบได้กับเอกสารต้นทุนการผลิตเพื่อยืนยันว่าต้นทุนสูญเสียวัตถุดิบได้รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายในการผลิตแล้ว จึงไม่ต้องหักลดค่าสูญเสียที่วัตถุดิบอีกกรมการค้าต่างประเทศจึงได้ปรับการคำนวณต้นทุนดังกล่าวและพบว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดเปลี่ยนแปลงลดลงจากร่างผลการทบทวนเป็นอัตราร้อยละ ๑๑.๕๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. กรณี NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION เห็นว่าควรพิจารณาอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดแยกเป็นสองช่วงของระยะเวลาการทบทวน เพื่อสะท้อนราคาสินค้าที่แท้จริงซึ่งมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบมีการเปลี่ยนแปลงมากกรมการค้าต่างประเทศพิจารณาแล้วเห็นว่าราคาวัตถุดิบในช่วงระยะเวลาการทบทวนระหว่างครึ่งแรกและครึ่งหลังไม่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่เป็นการเคลื่อนไหวตามแนวโน้มราคาในแต่ละเดือน ดังนั้นการเปรียบเทียบด้วยวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตลอดระยะเวลาการทบทวนจะสะท้อนสภาพตลาดมากกว่า ๕.๒ กรณีอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นไม่เห็นด้วยกับอัตราทบทวนที่ลดลงโดยเห็นว่ามาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดในช่วงที่ผ่านมาไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของผู้ผลิตในญี่ปุ่น เพราะยังมีการนำเข้าจากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผู้ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีนยังขยายการผลิตและส่งออกมาประเทศไทยเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตญี่ปุ่นจึงต้องผลักดันเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดดังนั้นหากลดอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ก็จะทำให้ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ส่งสินค้าเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้นนั้น กรมการค้าต่างประเทศพิจารณาแล้วเห็นว่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการเร่งผลิตสินค้าส่งออกของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง หากอุตสาหกรรมภายในได้รับผลกระทบจากสินค้าของสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็สามารถยื่นคำขอให้ไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าวได้ ข้อ ๖ การพิจารณาผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้นำร่างผลการทบทวน ข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อร่างผลการทบทวนและรายละเอียดข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติมมาพิจารณาจัดทำรายงานผลการทบทวนเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้ ๖.๑ มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณมูลค่าปกติจากราคาขายภายในประเทศญี่ปุ่นของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ที่ได้จากแบบสอบถามและคำนวณเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าส่วนลด และค่าขนส่งภายในประเทศ แต่มีค่าใช้จ่าย ๒ รายการที่ไม่ยอมรับให้นำมาหักทอน คือ ค่าดอกเบี้ยเพื่อการเก็บรักษาและค่าหีบห่อ ๖.๒ ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณราคาส่งออกจากราคาที่ส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถามของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION และคำนวณเป็นราคาส่งออก ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าส่วนลดและค่าขนส่งภายในประเทศ ยกเว้นค่าหีบห่อ ๖.๓ ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตามข้อ ๖.๑ และราคาส่งออกตามข้อ ๖.๒ ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการทบทวน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๑.๕๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๗ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของ NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION มีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วนแผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งผลิตโดย NIPPON STEEL AND SUMIKIN STAINLESS STEEL CORPORATION ซึ่งจะต้องชำระในอัตรารายอื่นตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นอัตราร้อยละ ๑๑.๕๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาด รวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๓๗ ง/หน้า ๑/๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
463653
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2548
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณาผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วนของ JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่นลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น เป็นอัตราร้อยละ ๓.๒๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. นั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องมาจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียด ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนการยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลง และผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ความเป็นมา เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้ออกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ แจ้งผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดว่ามีการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจาก ๑๔ ประเทศ และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจาก ๑๔ ประเทศ ในอัตราเพียงเพื่อขจัดความเสียหาย (Lesser Duty) โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นเวลา ๕ ปี ซึ่ง JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น ถูกเรียกเก็บอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๖.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๒ การเปิดทบทวน JFE STEEL CORPORATION ได้ยื่นคำขอให้เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดโดยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้มีคำ วินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้เปิดการทบทวน และกรมการค้าต่างประเทศได้มีประกาศลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้ ๒.๑ สินค้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๐๘.๑๐ ๗๒๐๘.๓๖ ๗๒๐๘.๓๗ ๗๒๐๘.๓๘ ๗๒๐๘.๓๙ ๗๒๐๘.๔๐ ๗๒๐๘.๕๑ ๗๒๐๘.๕๒ ๗๒๐๘.๕๓ ๗๒๐๘.๕๔ ๗๒๐๘.๙๐ ๗๒๑๑.๑๓ ๗๒๑๑.๑๔ และ ๗๒๑๑.๑๙ ที่ผลิตจาก JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ สินค้าดังกล่าวถือว่าเป็นสินค้าชนิดเดียวกัน (Like product) กับสินค้าที่อุตสาหกรรมภายในผลิตได้ ๒.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๒.๒.๑ JFE STEEL CORPORATION ๒.๒.๒ อุตสาหกรรมภายในประเทศผู้ผลิตสินค้าที่ถูกพิจารณา ๒.๒.๓ ผู้นำเข้า/อุตสาหกรรมภายในประเทศซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าต่อเนื่องที่ใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนเป็นวัตถุดิบ ๒.๓ ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการทบทวนการทุ่มตลาด คือ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๓ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล กรมการค้าต่างประเทศได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการ และโรงงานของ JFE STEEL CORPORATION ในประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ ๑๙ ถึง ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘ พบว่าข้อมูลส่วนใหญ่มีความถูกต้องตามหลักการทางบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารต้นฉบับ ยกเว้น ๑) ค่าใช้จ่ายบางรายการที่ไม่รับให้นำมาหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน ได้แก่ - ค่าปรับลด (Allowance) เพราะไม่มีการบันทึกจริงทางบัญชีแต่เป็น การคำนวณบนพื้นฐานของการประมาณการซึ่งไม่ใช่ค่าใช้จ่ายจริง - ค่าการชดเชยราคา (Rebate) เพราะไม่ได้ให้กับผู้ซื้ออิสระทอดแรก - ค่าหีบห่อ (Packing) เพราะรวมอยู่ในต้นทุนการผลิตสินค้าที่พร้อมจำหน่าย ณ หน้าโรงงานแล้ว ๒) ไม่ยอมรับข้อมูลต้นทุนการผลิตช่วงครึ่งแรกของระยะเวลาการทบทวน (ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗) เพราะไม่สามารถกระทบยอดได้กับงบการเงิน และบริษัทไม่สามารถชี้แจงได้ ข้อ ๔ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดทำร่างผลการทบทวน เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศได้รับเอกสารชี้แจงและแสดงการคำนวณที่มาของข้อมูลต้นทุนการผลิตช่วงครึ่งแรกของระยะเวลาการทบทวน ซึ่งปรากฏว่าสามารถกระทบยอดได้กับบัญชีแยกประเภททั่วไป งบดุล และงบการเงินที่ผ่านการรับรองจากทางการญี่ปุ่นแล้ว จึงสามารถยอมรับข้อมูลต้นทุนการผลิตช่วงครึ่งแรกเพื่อประกอบกับข้อมูลต้นทุนช่วงครึ่งหลังของระยะเวลาการทบทวนที่ผ่านการตรวจสอบแล้วได้ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาจัดทำร่างผลการทบทวน ซึ่งเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งรายละเอียดข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดทำร่างผลการทบทวนให้ JFE STEEL CORPORATION และอุตสาหกรรมภายในทราบ คือ พบว่าอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดของ JFE STEEL CORPORATION ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอัตราร้อยละ ๓.๒๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายยื่นข้อคิดเห็นหรือข้อโต้แย้ง ภายใน ๑๕ วันทำการ รวมทั้งแจ้งความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจา (Hearing) ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดขอให้มีการแถลงการณ์ด้วยวาจาคงมีแต่การยื่นข้อโต้แย้งจาก JFE STEEL CORPORATION และอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน ข้อ ๕ การยื่นข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อร่างผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้นำผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล ข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อร่างผลการทบทวนที่ได้รับจากทั้งสองฝ่ายมาพิจารณาแล้ว จึงได้ให้ JFE STEEL CORPORATION พิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับการจัดทำข้อมูลฉบับเปิดเผยและชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพื่อขอหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน โดยเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ JFE STEEL CORPORATION ได้จัดทำรายงานประจำปีเป็นภาษาอังกฤษและชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งจากการพิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้ว กรมการค้าต่างประเทศมีข้อชี้แจงต่อข้อโต้แย้งโดยสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ ๕.๑ กรณี JFE STEEL CORPORATION ที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศพิจารณาแล้ว เห็นว่าได้คำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดตามข้อมูลในแบบสอบถามของ JFE STEEL CORPORATION ซึ่งผ่านการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง ณ ที่ทำการของ JFE STEEL CORPORATION แล้ว พบว่ามีความน่าเชื่อถือและนำข้อมูลมาใช้คำนวณได้โดยใช้ข้อมูลที่เป็นสินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าส่งออกทุก ธุรกรรมมาคำนวณด้วยวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ใช้ในการคำนวณเพื่อกำหนดมาตรการครั้งแรก ๕.๒ กรณีอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตเหล็กรีดร้อนที่มีความเห็นว่า ข้อมูลฉบับเปิดเผยของ JFE STEEL CORPORATION ถูกปกปิดจนไม่สามารถเข้าใจได้ และยังเห็นว่า JFE STEEL CORPORATION ตอบแบบสอบถามไม่ครบถ้วน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการทบทวนได้โดยเฉพาะในประเด็น การพิจารณากำหนดและยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทในเครือ และการยอมรับราคาเพื่อนำมาใช้คำนวณและพิจารณาต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงานและการเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติกับราคาส่งออกแยกตามประเภทและเกรดสินค้า ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศพิจารณาแล้ว เห็นว่าในระหว่างกระบวนการทบทวนได้แจ้งให้ JFE STEEL CORPORATION จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมกว่า ๑๐ ครั้ง นอกเหนือจากการตอบแบบสอบถามจนมีข้อมูลเพียงพอสำหรับการพิจารณาทบทวนได้ตามกฎหมาย และ JFE STEEL CORPORATION ได้ส่งรายงานประจำปีเป็นภาษาอังกฤษเพื่อเป็นข้อมูลที่เปิดเผยได้เพิ่มเติมให้ รวมทั้งชี้แจงรายละเอียดและยืนยันว่ามีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในการขนส่งและขนถ่ายสินค้าเพื่อหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงานด้วยแล้ว สำหรับการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง JFE STEEL CORPORATION กับบริษัทในเครือกรมการค้าต่างประเทศได้พิจารณาภายใต้หลักการขององค์การการค้าโลก และเห็นว่าสามารถยอมรับราคาที่ JFE STEEL CORPORATION ขายให้กับผู้ซื้อที่มีความเกี่ยวพันกัน (Related party) เพื่อนำมาคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกได้ เนื่องจากราคาดังกล่าวโดยเฉลี่ยทุกชนิด (Model types) ไม่แตกต่างกับราคาที่ขายให้กับผู้ซื้ออิสระอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนประเด็นต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงานนั้น สามารถยอมรับข้อมูลต้นทุนช่วงครึ่งแรกของระยะเวลาการทบทวน (ซึ่งเดิมไม่สามารถตรวจสอบได้) เนื่องจาก JFE STEEL CORPORATION ได้แสดงข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งกระทบยอดได้กับงบดุลและงบการเงินที่ผ่านการรับรองจากทางการญี่ปุ่น ส่วนค่าใช้จ่ายที่อุตสาหกรรมภายในโต้แย้งนั้น ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนจึงไม่ต้องหักออกจากราคาขายเพื่อทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน ในการทบทวน ได้เปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติและราคาส่งออกโดยแบ่งสินค้าที่ถูกพิจารณาที่ขายในประเทศญี่ปุ่นกับที่ส่งออกมาประเทศไทยเป็น ๒๒ ชนิด ตามพิกัดศุลกากร และเกรดหรือมาตรฐานเดียวกันหรือที่เทียบเท่ากันได้โดยใช้ข้อมูลจากแบบสอบถาม ดังนั้นเมื่อนำมูลค่าปกติและราคาส่งออกของแต่ละชนิดมาเปรียบเทียบกันได้เป็นส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของแต่ละชนิดแล้วจะเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักโดยใช้ปริมาณการส่งออกมาประเทศไทยทั้งหมด ข้อ ๖ การพิจารณาผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้นำร่างผลการทบทวน รวมทั้งข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อร่างผลการทบทวน และรายละเอียดข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติมมาพิจารณาจัดทำรายงานผลการทบทวนเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยคณะกรรมการการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้ ๖.๑ มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณมูลค่าปกติจากราคาขายภายในประเทศญี่ปุ่นของ JFE STEEL CORPORATION ที่ได้จากแบบสอบถามและคำนวณเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าขนส่งภายในประเทศ ค่าประกันภัยการขนส่งภายในประเทศและค่าเก็บรักษา แต่มีค่าใช้จ่าย ๓ รายการที่ไม่ยอมรับให้นำมาหักทอน คือ ค่าปรับลด (Allowance) (เพราะไม่มีการบันทึกจริงทางบัญชีแต่เป็นการคำนวณบนพื้นฐานของการประมาณการซึ่งไม่ใช่ค่าใช้จ่ายจริง) ค่าชดเชยราคา (เพราะไม่ได้ให้กับผู้ซื้ออิสระทอดแรก) และค่าหีบห่อ (เพราะรวมอยู่ในต้นทุนการผลิตสินค้าที่พร้อมจำหน่าย ณ หน้าโรงงานแล้ว) ๖.๒ ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณราคาส่งออกจากราคา ที่ส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถามของ JFE STEEL CORPORATION และคำนวณเป็นราคาส่งออก ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าขนส่งภายในประเทศ และค่าเก็บรักษา ยกเว้นค่าหีบห่อเพราะรวมอยู่ในต้นทุนการผลิตสินค้าที่พร้อมจำหน่าย ณ หน้าโรงงานแล้ว ๖.๓ ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้ การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตามข้อ ๖.๑ และราคาส่งออกตามข้อ ๖.๒ ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการทบทวน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓.๒๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๗ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำ วินิจฉัยว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของ JFE STEEL CORPORATION มีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจาก JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น จากอัตราตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ และประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นอัตราใหม่ คือ ร้อยละ ๓.๒๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาด รวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็น ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๒ /ตอน พิเศษ ๑๑๘ ง/หน้า ๔๙/๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๘
463651
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนชั้นที่สุดกรณีการตอบโต้ทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. 2548
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐาน ในการพิจารณาผลการไต่สวนชั้นที่สุดกรณีการตอบโต้ทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๘ ว่ามีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๘๕๔๐.๑๑ เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้ง ที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว และ ๒๕ นิ้ว และสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบนที่มีขนาด ๒๑ นิ้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอ ทำข้อตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลงและผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวน การทุ่มตลาดและความเสียหายสำหรับสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ตามคำขอของบริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด ในฐานะอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ ๑.๑ สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ประกาศไต่สวนคือสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๘๕๔๐.๑๑ เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้ง (Conventional Cathode Ray Tubes) ที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว และ ๒๕ นิ้ว และสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบน (Flat Cathode Ray Tubes) ที่มีขนาด ๒๑ นิ้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ๑.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในประเทศมาเลเซีย ได้แก่ (๑) บริษัท SAMSUNG SDI (MALAYSIA) BHD หรือ บริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD (๒) บริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN BHD (๓) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นๆ นอกจาก (๑) และ (๒) ๑.๒.๒ ผู้นำเข้าในไทย ได้แก่ (๑) บริษัท เจวีซี อิเลคทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (๒) บริษัท เจวีซี แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (๓) บริษัท ทีซีแอล ทอมสัน อิเลคทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (๔) บริษัท พานาโซนิค เอวีซี เน็ตเวิร์คส์ (ประเทศไทย) จำกัด (๕) บริษัท เวิลด์ อิเลคทริค (ประเทศไทย) จำกัด (๖) บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิกส์ จำกัด (๗) รายอื่นๆ นอกจาก (๑) ถึง (๖) ๑.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศมี ๓ ราย คือ บริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด บริษัท ซีอาร์ที ดิสเพลย์ เทคโนโลยี จำกัด และบริษัท เอ็มที พิคเจอร์ ดิสเพลย์ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งบริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด เป็นผู้ยื่นคำขอให้ไต่สวนการทุ่มตลาด มีปริมาณการผลิตคิดเป็นร้อยละ ๕๒ ของปริมาณการผลิตรวมภายในประเทศของสินค้าชนิดเดียวกัน จึงมีสถานะเป็นอุตสาหกรรมภายใน นอกจากนี้ บริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด ได้ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วนแล้ว ๑.๒.๔ รัฐบาลของประเทศมาเลเซีย ในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณา ๑.๓ ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวน ๑.๓.๑ ข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาการทุ่มตลาด คือ ข้อมูลในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ๑.๓.๒ ข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาความเสียหาย คือ ข้อมูลในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล ในระหว่างวันที่ ๒๔ ถึง ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ และวันที่ ๑๙ ถึง ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน ๑ ราย คือ บริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด และ ณ ที่ทำการของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในประเทศมาเลเซีย ๒ ราย คือ บริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD และ บริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN BHD ตามลำดับ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าข้อมูลของบริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายในมีความน่าเชื่อถือและยอมรับได้ สำหรับผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในมาเลเซียทั้งสองรายพบว่าข้อมูลส่วนใหญ่ที่ได้รับมีความถูกต้องตามหลักการทางบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารต้นฉบับ ยกเว้นในประเด็นการชดเชยราคา (Rebate) ตามใบลดหนี้ (Credit Note) เนื่องจากเอกสารที่แสดงความเชื่อมโยงของยอดเงินที่โอนจ่ายคืนลูกค้ากับเอกสารใบลดหนี้ที่แสดงยอดการชดเชยราคาขาดความน่าเชื่อถือ ข้อ ๓ คำวินิจฉัยเบื้องต้นและการกำหนดมาตรการชั่วคราว เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า สินค้าที่ถูกพิจารณามีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายในจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าว จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราว โดยประกาศเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวสำหรับการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณา ดังนี้ ๑) บริษัท SAMSUNG SDI (MALAYSIA) BHD หรือ บริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๔.๙๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒) บริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN BHD ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓) ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ทั้งนี้ ให้ใช้มาตรการชั่วคราวดังกล่าวเป็นระยะเวลา ๔ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นต้นไป และเพื่อประโยชน์สาธารณะ จึงให้ยกเว้นการใช้มาตรการสำหรับการนำเข้ามาผลิตเพื่อส่งออกภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ข้อ ๔ การยื่นข้อเท็จจริงและแสดงความคิดเห็นในการกำหนดมาตรการชั่วคราว ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ กำหนดให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถยื่นคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดมาตรการชั่วคราวรวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นได้ โดยเมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศได้จัดส่งเอกสาร ฉบับเปิดเผยของข้อมูล/ข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นฐานในการกำหนดมาตรการชั่วคราวให้ผู้มีส่วนได้เสียที่ร่วมมือในกระบวนการไต่สวนทราบ เพื่อเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นและข้อโต้แย้ง รวมทั้งแสดงความจำนงขอแถลงการณ์ด้วยวาจา (Hearing) ซึ่งมีผู้ให้ข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อข้อมูลฉบับเปิดเผยฯ และขอแถลงการณ์ด้วยวาจา ๒ ราย ได้แก่ ผู้ผลิต/ส่งออกในประเทศมาเลเซีย ๑ ราย และผู้นำเข้า ๑ ราย สรุปได้ดังนี้ ๑) บริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD โต้แย้งว่าการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของบริษัทฯ ที่ไม่นำข้อมูลการหักการชดเชยราคามาคำนวณนั้นไม่เป็นธรรม เนื่องจากไม่ได้ใช้ราคาขายที่แท้จริงของบริษัทฯ จึงทำให้ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสูงเกินจริง ๒) บริษัท ซัมซุงอิเลคโทรนิกส์ จำกัด โต้แย้งว่าความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในไม่ได้เกิดจากการนำเข้า แต่เกิดจากขนาดการผลิตที่เล็กและการไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง ทำให้ต้นทุนสูงและไม่สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้ กรมการค้าต่างประเทศได้มีข้อชี้แจงต่อประเด็นต่างๆ ข้างต้นว่า การไม่นำข้อมูลการชดเชยราคามาคำนวณในการไต่สวนการทุ่มตลาดขั้นต้น เนื่องจากเอกสารที่แสดงความเชื่อมโยงของยอดเงินที่โอนจ่ายเป็นการชดเชยราคาและเอกสารใบลดหนี้ ขาดความน่าเชื่อถือ รวมทั้งไม่มีหลักฐานที่แสดงหลักการในการให้การชดเชยราคากับลูกค้า ส่วนประเด็นความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในนั้น กรมการค้าต่างประเทศได้พิจารณาตามหลักการที่กฎหมายกำหนดไว้ รวมทั้งได้คำนึงถึงประโยชน์สาธารณะจากการกำหนดมาตรการประกอบกัน จึงได้เสนอให้ยกเว้นการใช้มาตรการสำหรับการนำสินค้าที่ถูกพิจารณาเข้ามาผลิตเพื่อส่งออกภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ข้อ ๕ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งผลการไต่สวนขั้นต้นและผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลมาประกอบการพิจารณาไต่สวนชั้นที่สุด โดยได้รับการชี้แจงและแสดงข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมจากบริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD ในประเด็นการชดเชยราคาประกอบด้วยคำอธิบายขั้นตอน/กระบวนการการชดเชยราคากับลูกค้าโดยละเอียด และหนังสือจากลูกค้ายืนยันว่าบริษัทฯ มีการให้ค่าชดเชยราคาจริง จึงนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณา และตรวจสอบพบว่า ราคาเฉลี่ยสุทธิของรายการขายทั้งหมดที่มีการชดเชยราคามิได้ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของรายการขายที่ไม่มีการชดเชยราคา จึงเชื่อได้ว่าการขายโดยมีการชดเชยราคาเป็นรูปแบบปกติสำหรับลูกค้าบางรายของบริษัท ซึ่งแตกต่างจากการขายให้ลูกค้าอื่นๆ เพียงวิธีการชำระราคาเท่านั้น จึงได้ยอมรับข้อมูลการชดเชยราคาของบริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD โดยคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับบริษัทฯ ได้เท่ากับร้อยละ ๑.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ทำให้ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะใช้มาตรการได้ (ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ ๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.) และเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งร่างผลการไต่สวนชั้นที่สุดแจ้งรายละเอียดข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาวินิจฉัยผลชั้นที่สุดให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบและมีโอกาสแสดงข้อคิดเห็น/ข้อโต้แย้งภายในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ปรากฏว่ามีผู้แสดงข้อคิดเห็น ๑ ราย คือ บริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด (อุตสาหกรรมภายใน) โดยมีประเด็นข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่อร่างผลการไต่สวนชั้นที่สุดสรุปได้ว่า บริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด ไม่เห็นด้วยกับการยอมรับข้อมูลการชดเชยราคาของบริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD มาคำนวณและทำให้ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดลดลงจนต่ำกว่าเกณฑ์การใช้มาตรการว่า ข้อมูลการชดเชยราคาของบริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD มีความน่าสงสัยถึงความมีอยู่จริงและความสมเหตุผลทางธุรกิจ กรมการค้าต่างประเทศได้มีข้อชี้แจงในประเด็นข้างต้นว่า จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่บริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD แสดง ตั้งแต่การสั่งซื้อจนถึงการชำระราคาและการชดเชยราคา พบว่า บริษัทฯ มีการขายโดยให้มีการชดเชยราคากับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งจริง โดยปฏิบัติมาเป็นระยะเวลานานแล้ว นอกจากนี้บริษัทฯ ยังให้มีการชดเชยราคาในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับการขายทั้งหมด เมื่อกรมการค้าต่างประเทศได้ตรวจสอบราคาเฉลี่ยสุทธิหลังหักค่าชดเชยราคาของรายการขายทั้งหมดที่มีการให้การชดเชยราคาแล้ว พบว่ามิได้ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของรายการขายอื่นที่ไม่มีการให้การชดเชยราคา จึงเชื่อว่าการขายโดยให้การชดเชยราคาของบริษัทดังกล่าวเป็นการขายรูปแบบหนึ่งที่ไม่ได้ส่งผลให้ราคาขายสุทธิเบี่ยงเบนไปจากรายการขายปกติอื่นๆ ข้อ ๖ ผลการไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งต่างๆ ที่ได้รับและที่ได้รับเพิ่มเติมรวมทั้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง มาใช้เป็นฐานในการจัดทำรายงานสรุปผลการไต่สวนการทุ่มตลาดชั้นที่สุดเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้วมีความเห็นดังนี้ ๖.๑ ผลการไต่สวนการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามกรมการค้าต่างประเทศจะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกแต่ละราย ส่วนกรณีผู้ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามและผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่น ๆ จะพิจารณารับฟังเพียงข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาดคือ วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งมีผู้ผลิตหลอดภาพโทรทัศน์สี ๒ รายที่ตอบแบบสอบถามครบถ้วนสมบูรณ์ คือ บริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD และบริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN BHD โดยทั้งสองบริษัทนี้มีปริมาณการส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณามาประเทศไทยในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ รวมทั้งสิ้น ๖.๖ ล้านหลอด เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าหลอดภาพโทรทัศน์สีทุกขนาดจากประเทศมาเลเซียจำนวน ๙.๐๔ ล้านหลอด ตามสถิติกรมศุลกากร ปริมาณนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาของผู้ผลิตมาเลเซียที่ให้ความร่วมมือจึงคิดเป็นร้อยละ ๗๓ ของปริมาณนำเข้าหลอดภาพโทรทัศน์สีรวมทุกขนาด ดังนั้น ข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถามของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในประเทศมาเลเซียทั้ง ๒ ราย จึงถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในประเทศมาเลเซียทั้งหมด จากการพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในประเทศมาเลเซีย ทั้งสองรายดังกล่าว และข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติมหลังจากมีการประกาศผลการไต่สวนขั้นต้น พบว่าข้อมูลส่วนใหญ่ตามแบบสอบถามมีความถูกต้องอ้างอิงได้กับเอกสารต้นฉบับ สามารถยอมรับได้สำหรับประเด็นการชดเชยราคาของบริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD นั้น บริษัทฯ ได้ชี้แจงและเสนอหลักฐานในประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติมจนมีความชัดเจนและสามารถยอมรับข้อมูลได้ จึงได้ปรับการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับบริษัทดังกล่าวในชั้นผลการไต่สวนในชั้นที่สุด ส่วนบริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN BHD นั้น การชดเชยราคายังไม่สมบูรณ์เนื่องจาก บริษัทฯ ยังค้างจ่ายค่าชดเชยราคาดังกล่าวให้กับลูกค้า โดยบริษัทฯ ไม่ได้ชี้แจงหรือแสดงหลักฐานเพิ่มเติมหลังจากที่มีการประกาศผลการไต่สวนขั้นต้น ผลการไต่สวนชั้นที่สุดจึงเป็นไปตามผลการไต่สวนขั้นต้น ทั้งนี้รายละเอียดผลการไต่สวนชั้นที่สุดมีดังต่อไปนี้ ๖.๑.๑ บริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในประเทศมาเลเซียตามแบบสอบถาม ซึ่งแยกตามขนาดและชนิดของสินค้า แล้วทอนเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงานถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ทั้งนี้ได้นำค่าชดเชยราคาจากใบลดหนี้มารวมในค่าใช้จ่ายสำหรับการหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงานด้วย สำหรับขนาดและชนิดของสินค้าที่ไม่ได้ขายในประเทศมาเลเซียแต่มีการส่งออกมาประเทศไทย จะพิจารณามูลค่าปกติโดยปรับจากราคาขายภายในประเทศของรุ่นที่เทียบเคียงกันได้แล้วคำนวณเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงาน ตามวิธีการข้างต้น (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม ซึ่งแยกตามขนาดและชนิดของสินค้าเช่นเดียวกับมูลค่าปกติ แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งการชดเชยราคาจากใบลดหนี้ (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม ๖.๑.๑ (๑) และราคาส่งออกตาม ๖.๑.๑ (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด รวมทั้งได้เปรียบเทียบแยกตามรุ่นของสินค้าและลักษณะของหลอดภาพที่เป็นหลอดเปล่า (Bare) และหลอดเปล่าที่มีการติดตั้ง Deflection York แล้ว (ITC) เนื่องจากราคาและต้นทุนการผลิตสินค้าแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑.๓๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำตามกฎหมายคือ ร้อยละ ๒ ของราคาซี.ไอ.เอฟ. (De Minimis) ๖.๑.๒ บริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN BHD (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในประเทศมาเลเซียตามแบบสอบถาม ซึ่งแยกตามขนาดและชนิดของสินค้า แล้วทอนเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงานถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ทั้งนี้ไม่ได้นำการชดเชยราคาจากใบลดหนี้มารวมในค่าใช้จ่ายสำหรับการหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม ซึ่งแยกตามขนาดและชนิดของสินค้าเช่นเดียวกับการคำนวณหามูลค่าปกติ แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ยกเว้นการชดเชยราคาจากใบลดหนี้ (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม ๖.๑.๒ (๑) และราคาส่งออกตาม ๖.๑.๒ (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือราคา ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด รวมทั้งได้เปรียบเทียบแยกตามชนิดของสินค้าและตามลักษณะของหลอดภาพที่เป็นหลอดเปล่า (Bare) และหลอดเปล่าที่มีการประกอบ Deflection York แล้ว (ITC) เนื่องจากราคาและต้นทุนการผลิตสินค้าในแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๑.๓ ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่นๆ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่และพิจารณาในอัตราสูงสุดของผู้ที่ให้ความร่วมมือบริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN BHD คือ ร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เนื่องจากระดับการให้ความร่วมมือของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในมาเลเซียที่ตอบแบบสอบถามอยู่ในระดับสูง ข้อ ๗ ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการได้วินิจฉัยความเสียหายเบื้องต้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน ๑ ราย คือ บริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด และผู้นำเข้า ๖ ราย คือ บริษัท เจวีซี อิเลคทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เจวีซี แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ทีซีแอล ทอมสัน อิเลคทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท พานาโซนิค เอวีซี เน็ตเวิร์คส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เวิล์ด อิเลคทริค (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิกส์ จำกัด ที่ตอบแบบสอบถามครบถ้วน รวมทั้งผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในประเทศมาเลเซีย ๒ ราย คือ บริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD และบริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN BHD โดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง (ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๖) ช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือ วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึง ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และช่วงเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด (๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ถึง ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖) ผลการพิจารณาความเสียหายเบื้องต้น ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญเกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๗.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ๗.๑.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติของกรมศุลกากรที่แสดงปริมาณนำเข้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจากประเทศมาเลเซียหักด้วยปริมาณการนำเข้าจากบริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD ซึ่งมีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ พบว่ามีการนำเข้าในปริมาณสูงในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยการนำเข้าจากประเทศมาเลเซียยังคงสัดส่วนสูงที่สุดตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีสัดส่วนร้อยละ ๔๖ ถึง ๖๒ ในขณะที่ปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นทั้งหมดรวมกัน มีสัดส่วนเพียงร้อยละ ๓๒ ถึง ๔๗ ของช่วงระยะเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามปริมาณสินค้านำเข้าลดลงเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาดเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนแต่ก็ยังคงสัดส่วนที่สูงที่สุดตลอดระยะเวลาการพิจารณาความเสียหาย ๗.๑.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ราคาสินค้าดังกล่าวของอุตสาหกรรมภายในได้รับผลกระทบจากการตัดราคาการกดราคาและการหยุดยั้งการขึ้นราคา โดยประเทศมาเลเซียมีการขายตัดราคาตั้งแต่ ๒๗๗ ถึง ๓๕๖ บาทต่อหลอด ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด และมีการกดราคาโดยพบว่าราคาเฉลี่ยของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มลดลงตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ เป็นต้นมา และจากการพิจารณาเปรียบเทียบราคาขายกับต้นทุนขายของอุตสาหกรรมภายใน พบว่ามีการขายต่ำกว่าต้นทุน ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด แสดงให้เห็นผลกระทบด้านราคาในลักษณะหยุดยั้งการขึ้นราคาไม่ให้สูงกว่าต้นทุน ๗.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ลดลงในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ และแม้จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาดแต่ก็ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ในระดับเดียวกับปี พ.ศ. ๒๕๔๕ กำไร อุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มของกำไรที่ลดลงโดยตลอด จากในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ที่มีกำไรมาเป็นขาดทุนในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ผลผลิต ปริมาณการผลิตของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับตัวเพื่อลดต้นทุน โดยปรับปรุงกระบวนการผลิตและเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดของต้นทุน (Economy of Scale) และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดค่อนข้างคงที่ เนื่องจากการขายมีแนวโน้มในทิศทางตามปริมาณความต้องการใช้ ความสามารถในการผลิต ความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมภายใน พิจารณาจากอัตราของผลผลิตที่ได้เทียบกับวัตถุดิบที่ใช้ พบว่ามีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยประมาณร้อยละ ๒ ของความสามารถในการผลิตที่มีอยู่เดิม ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนลดลงโดยตลอด การใช้กำลังการผลิต แนวโน้มของอัตราการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในเพิ่มขึ้น ผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศ ผลกระทบต่อราคาหลอดภาพโทรทัศน์สีในประเทศ ได้พิจารณาจากราคาขายเฉลี่ยของอุตสาหกรรมภายในซึ่งเป็นผู้ผลิตโทรทัศน์สีในประเทศที่ขายให้แก่ผู้ใช้ พบว่ามีแนวโน้มลดลงตลอดในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด กระแสเงินสด มีความผันผวนในทิศทางที่ลดลง สินค้าคงคลัง อุตสาหกรรมภายในมีสินค้าคงคลังลดลงตลอดช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๖ แต่เพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การจ้างงาน พิจารณาจากจำนวนแรงงาน โดยอุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานฝ่ายผลิตเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยบริษัทพยายามลดจำนวนพนักงานประจำลง และเพิ่มจำนวนพนักงานรับเหมา ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานทางตรงเฉลี่ยต่อเดือนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย อัตราการเจริญเติบโต จากปริมาณการขายในประเทศมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ ๑๗ ตามการเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศเฉพาะในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ มีปริมาณการขายซึ่งมีการเติบโตที่ติดลบ ร้อยละ ๑๒ จากการแข่งขันกับสินค้านำเข้า ความสามารถในการระดมทุนหรือการลงทุน มีความสามารถในการลงทุน เนื่องจากในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ อุตสาหกรรมภายในได้ระดมทุนเพิ่มจากสถาบันการเงิน เพื่อนำไปลงทุนในบริษัทย่อย ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยมีการทุ่มตลาดจากจากประเทศมาเลเซียร้อยละ ๑.๓๓ ถึง ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งการทุ่มตลาดจากประเทศดังกล่าวส่งผลให้มีการนำเข้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจากมาเลเซียเป็นปริมาณมาก ๗.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ๗.๓.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติของกรมศุลกากรพบว่าปริมาณการนำเข้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจากประเทศอื่นรวมกันมีสัดส่วนร้อยละ ๓๒ ถึง ๔๗ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากประเทศมาเลเซียซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าจากทุกๆ ประเทศรวมกันตลอดช่วงระยะเวลาดังกล่าว คือร้อยละ ๕๓ ถึง ๖๘ ๗.๓.๒ ความต้องการใช้ภายในประเทศ ปริมาณการใช้สินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีภายในประเทศเพิ่มขึ้นตลอดในช่วงปีพ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิได้มีสาเหตุมาจากการหดตัวของตลาดหรือการลดลงของอุปสงค์ จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) จากการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากประเทศมาเลเซีย ข้อ ๘ ผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า การนำเข้าสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซียมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๔๙ จึงกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๘๕๔๐.๑๑ เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้งที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว และ ๒๕ นิ้ว และสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบนที่มีขนาด ๒๑ นิ้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซียซึ่งผลิตจากผู้ผลิตรายต่างๆ เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าว ในอัตราดังนี้ ๑) บริษัท SAMSUNG SDI (MALAYSIA) BHD หรือบริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เนื่องจากพบอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดร้อยละ ๑.๓๓ ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ ตามข้อ ๒ ของกฎกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดเกณฑ์ในการยุติการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. ๒๕๔๕ ๒) บริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN BHD ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓) ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. โดยให้เรียกเก็บอากรเป็นเวลา ๕ ปี นับแต่วันที่ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีผลบังคับใช้ และเพื่อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการส่งออก ให้ยกเว้นมาตรการการตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าที่นำเข้ามาผลิตเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรม กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร สำหรับอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่ได้เรียกเก็บไว้แล้วระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราว ให้ดำเนินการดังนี้ ๑) กรณีบริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN BHD และผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่นๆ ที่มีอัตราอากรจากการไต่สวนชั้นที่สุดเท่ากับอัตราตามมาตรการชั่วคราว ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ๒) กรณีบริษัท SAMSUNG SDI (MALAYSIA) BHD หรือบริษัท SAMSUNG SDI (M) BHD ซึ่งผลการไต่สวนชั้นที่สุดพบว่า มีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดต่ำกว่าเกณฑ์ร้อยละ ๒ นั้น ให้คืนอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่ได้เรียกเก็บไว้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ฐิติพงษ์/ผู้จัดทำ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๒ /ตอน พิเศษ ๑๑๘ ง/หน้า ๓๕/๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๘
463563
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2548
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลีไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากผู้ส่งออกสินค้าดังกล่าว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นทุกราย ในอัตราร้อยละ ๓๖.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ตามคำร้องขอของบริษัทดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่น นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ มีคำวินิจฉัยว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของ JFE STEEL CORPORATION ได้เปลี่ยนแปลงไปจากผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๖ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนจึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ JFE STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปจนกว่าจะมีผลการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดของ JFE STEEL CORPORATION ครั้งใหม่ หรือจนครบอายุมาตรการในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๓ ให้ปรับลดอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่น รีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตโดย JFE STEEL CORPORATION จากอัตราเดิมตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นร้อยละ ๓.๒๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ประกาศ ณ วันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๑๘ ง/หน้า ๖๖/๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๘
463560
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว สำหรับการนำเข้าสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๘๕๔๐.๑๑ เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้ง ที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว และ ๒๕ นิ้ว และสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบนที่มีขนาด ๒๑ นิ้วที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซียไว้แล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ว่ามีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๒๘ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๑มาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการฯ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๘๕๔๐.๑๑ เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้ง (Conventional Cathode Ray Tubes) ที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว และ ๒๕ นิ้ว และสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบน (Flat Cathode Ray Tubes) ที่มีขนาด ๒๑ นิ้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซียซึ่งผลิตจาก ๑) บริษัท SAMSUNG SDI (MALAYSIA) BHD หรือ SAMSUNG SDI (M) BHD ในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒) บริษัท CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN BHD ในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓) ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่น ในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๓ อากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้ในระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราวตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศนี้ อนึ่ง ให้คืนอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่ได้เรียกเก็บไว้แล้วแก่บริษัท SAMSUNG SDI (MALAYSIA) BHD หรือ SAMSUNG SDI (M) BHD ข้อ ๔ ให้ยกเว้นการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าดังกล่าว ในกรณีดังต่อไปนี้ ๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการค้าเพื่อส่งออกที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรและนำเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมส่งออก เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อการค้าเพื่อส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรม ๒) ผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ๓) ผู้นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ ในการดำเนินการยกเว้นอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยกเว้นอากรขาเข้าเพื่อการส่งออกตามกฎหมายดังกล่าวแล้วแต่กรณีโดยอนุโลม ข้อ ๕[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นระยะเวลา ๕ ปี ประกาศ ณ วันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๑๘ ง/หน้า ๖๓/๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๘
461517
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ว่ามีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่าเมื่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำข้อตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนการตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนหรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลงและผลการทบทวนกรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียตามคำขอของบริษัทบางกอกคริสตัล จำกัด ในฐานะอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าบล็อกแก้ว ตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ ๑.๑ สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ประกาศไต่สวนคือสินค้าบล็อกแก้วตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลปรากฏว่า สินค้าบล็อกแก้วที่อุตสาหกรรมภายในผลิตในช่วงระยะเวลาไต่สวนเป็นบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดข้างต้น ดังนั้น ขอบเขตของการไต่สวนเพื่อกำหนดมาตรการจึงจำกัดเฉพาะสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ๑.๒ ผู้มีส่วนได้เสีย ๑.๒.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้แก่ (๑) บริษัท PT MULIAGLASS (๒) บริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL Ltd. (๓) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ๆ นอกจาก (๑) และ (๒) ๑.๒.๒ ผู้นำเข้าในไทย ได้แก่ (๑) บริษัท AP GLOBAL SITE Co., Ltd (๒) รายอื่นๆ นอกจาก (๑) ๑.๒.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าบล็อกแก้วในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ มี ๒ ราย คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด สถานะของอุตสาหกรรมภายในคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ เนื่องจากผู้ผลิตทั้งสองรายได้ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วน ๑.๒.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐอินโดนีเซียในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณา ๑.๓ ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวน ๑.๓.๑ ข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาการทุ่มตลาด คือ ข้อมูลในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ๑.๓.๒ ข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาความเสียหาย คือ ข้อมูลในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๒ การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล ในระหว่างวันที่ ๒๐ ถึง ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และวันที่ ๑๘ ถึง ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายในทั้งสองราย คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด และของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในสาธารณรัฐอินโดนีเซียที่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งมีเพียงรายเดียว คือ บริษัท PT MULIAGLASS ตามลำดับ พบว่าข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายในทั้งสองรายมีความน่าเชื่อถือและยอมรับได้สำหรับข้อมูลของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในสาธารณรัฐอินโดนีเซียดังกล่าวพบว่าข้อมูลส่วนใหญ่มีความถูกต้องตามหลักการทางบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารต้นฉบับ ยกเว้นการขอหักค่านายหน้าด้านมูลค่าปกติที่จ่ายให้กับบริษัทแม่ซึ่งไม่มีการบันทึกทางบัญชี จึงขาดความน่าเชื่อถือ ข้อ ๓ คำวินิจฉัยเบื้องต้นและการกำหนดมาตรการชั่วคราว เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า สินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายในจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวโดยประกาศเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือวางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว สำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียซึ่งผลิตจาก - บริษัท PT MULIAGLASS ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ทั้งนี้ ให้ใช้มาตรการชั่วคราวดังกล่าวเป็นระยะเวลา ๔ เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นต้นไป ข้อ ๔ การยื่นคำขอข้อเท็จจริงและแสดงความคิดเห็นในการกำหนดมาตรการชั่วคราว ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ กำหนดให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถยื่นคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดมาตรการชั่วคราวรวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นได้ โดยเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการกำหนดมาตรการชั่วคราวให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ เพื่อยื่นแสดงข้อคิดเห็นและแจ้งความประสงค์ให้กรมการค้าต่างประเทศจัดให้พบกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อแถลงการณ์ด้วยวาจาภายในวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ รวมทั้งได้แจ้งรายละเอียดดังกล่าวไปยังรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียด้วยแล้ว ซึ่งปรากฏว่า ได้มีผู้ผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซียทั้งหมด ๒ ราย ผู้นำเข้า ๑ ราย และอุตสาหกรรมภายใน ๑ ราย ได้ยื่นแสดงข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้ง แต่ไม่มีผู้ใดร้องขอให้จัดให้พบกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อแถลงการณ์ด้วยวาจาแต่อย่างใด ข้อ ๕ การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อคิดเห็นข้อโต้แย้งที่ได้รับ และผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลมาประกอบการพิจารณาไต่สวนชั้นที่สุด และเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ส่งร่างผลการไต่สวนชั้นที่สุดแจ้งรายละเอียดข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นฐานในการพิจารณาวินิจฉัยชั้นที่สุด ให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบและแสดงข้อคิดเห็นภายในวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยได้ขยายเวลาให้ถึงวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ปรากฏว่ามีผู้แจ้งข้อคิดเห็นรวม ๓ ราย ได้แก่ ผู้ผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย คือ บริษัท PT MULIAGLASS และบริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL Ltd. และผู้นำเข้า คือ บริษัท AP GLOBAL SITE Co., Ltd ซึ่งข้อคิดเห็น/ข้อโต้แย้งที่ได้รับจากผู้แจ้งข้อคิดเห็นทั้งสามรายนั้นเป็นเพียงการให้รายละเอียดเพิ่มเติมจากที่เคยให้ข้อคิดเห็น/ข้อโต้แย้งต่อการกำหนดมาตรการชั่วคราว ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ตอบชี้แจงไปแล้วโดยสามารถสรุปประเด็นข้อคิดเห็น/ข้อโต้แย้งต่อร่างผลการไต่สวนชั้นที่สุดได้ดังนี้ ๕.๑ บริษัท PT MULIAGLASS ผู้ผลิตจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย บริษัทมิได้โต้แย้งต่อร่างผลการไต่สวนชั้นที่สุด แต่ได้ยกประเด็นเกี่ยวกับคำขอฉบับเปิดเผยและการพิจารณาผลการไต่สวนขั้นต้น ดังนี้ (๑) ตามมาตรา ๓๐ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จะต้องมีการเปิดเผยคำขอต่อผู้มีส่วนได้เสีย ข้อชี้แจงของกรมฯ บริษัท PT MULIAGLASS ได้มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เพียงพอของคำขอให้เริ่มดำเนินการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดฉบับเปิดเผยตั้งแต่ขั้นตอนการเปิดไต่สวน ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ขอให้ผู้ยื่นคำขอจัดทำคำขอฉบับเปิดเผยฉบับใหม่ และได้ส่งให้บริษัท PT MULIAGLASS แล้ว (๒) การพิจารณามูลค่าปกติ เพื่อคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดควรพิจารณาจากข้อมูลของบริษัทซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่าย (distributor) ของบริษัท PT MULIAGLASS ในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (บริษัท JAYA DESUMA LESTARI) ซึ่งมีปริมาณการขายมากกว่าร้อยละ ๕ ของปริมาณที่ส่งออกมายังประเทศไทยในช่วงระยะเวลาการไต่สวนโดยอ้างมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และโต้แย้งประเด็นที่ไม่ได้หักค่านายหน้าในการคำนวณ ข้อชี้แจงของกรมฯ มาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดว่าให้พิจารณามูลค่าปกติจากการขายปริมาณใดปริมาณหนึ่งที่เหมาะสมซึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ ของปริมาณสินค้านั้นที่ส่งออกจากประเทศผู้ส่งออกมายังประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับมาตรา ๒.๒ ของความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดขององค์การการค้าโลก ซึ่งในกรณีนี้การพิจารณามูลค่าปกติพิจารณาจากปริมาณการขายทั้งหมดของบริษัท PT MULIAGLASS ในสาธารณรัฐอินโดนีเซียเปรียบเทียบกับปริมาณการส่งออกของบริษัท PT MULIAGLASS จากสาธารณรัฐอินโดนีเซียมายังประเทศไทยในช่วงระยะเวลาการไต่สวน ซึ่งมีมากกว่าร้อยละ ๕ จึงสามารถนำมาพิจารณามูลค่าปกติได้ สำหรับค่านายหน้านั้นเนื่องจากไม่มีหลักฐานทางบัญชีจึงไม่สามารถให้นำมาหักออกจากการคำนวณมูลค่าปกติได้ (๓) มูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายในและไม่ส่งผลกระทบด้านราคาและยอดขายมิได้ลดลง แต่มีปัญหาด้านสินค้าคงคลัง และปัญหาเกี่ยวกับลูกหนี้รวมถึงปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ข้อชี้แจงของกรมฯ ข้อมูลที่บริษัท PT MULIAGLASS ใช้สนับสนุนข้อโต้แย้งไม่ใช่ข้อมูลในช่วงระยะเวลาการไต่สวน ในขณะที่การพิจารณาความเสียหายพิจารณาจากผลกระทบด้านปริมาณและราคาของการขายสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ ตามมาตรา ๑๙ และ ๒๐ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ตลอดจนปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาความเสียหาย ๑๕ ปัจจัย ในช่วงระยะเวลาการไต่สวน อนึ่ง ข้อคิดเห็น/ข้อโต้แย้งที่บริษัท PT MULIAGLASS กล่าวอ้างตาม (๓) นี้ เกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เช่น กรณีที่บริษัทอ้างว่า กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในคงที่ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ว่าผลผลิตและการใช้กำลังการผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงข้อโต้แย้งของบริษัทที่ว่าบริษัทมิได้ทำการตัดราคา โดยอ้างอิงจากมูลค่าสถิติการนำเข้า ซึ่งในการพิจารณาว่ามีการตัดราคาหรือไม่ กรมการค้าต่างประเทศจะวิเคราะห์จากราคานำเข้าที่ปรับเป็นระดับการค้าเดียวกัน (Adjusted import price) กับราคาขายที่เกิดขึ้นจริงของอุตสาหกรรมภายใน นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่เกี่ยวกับปัจจัยอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ได้แก่ กรณีการจัดการด้านบัญชีลูกหนี้ที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรมภายใน อาจทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นแต่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านราคาที่จะส่งผลต่อการขายภายในประเทศ สินค้าคงคลัง กำลังการผลิตและการใช้กำลังการผลิต ส่วนแบ่งตลาด ผลกำไร ผลตอบแทนจากการลงทุน กระแสเงินสด ความสามารถในการเพิ่มทุนและการเติบโตของอุตสาหกรรมภายในประเทศ ส่วนกรณีระดับสินค้าคงคลังนั้นได้มีการชี้แจงแล้วในร่างผลการไต่สวนชั้นที่สุด ๕.๒ บริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL Ltd. ผู้ผลิตจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (๑) บริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL Ltd. อ้างว่ามีการเลือกปฏิบัติในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ซึ่งควรจะมีการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราเดียวกันกับที่เรียกเก็บจากบริษัท PT MULIAGLASS เนื่องจากในคำขอนั้นอ้างถึงบริษัท PT MULIAGLASS เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึง ASEAN spirit ข้อชี้แจงของกรมฯ ในคำขอจะระบุชื่อผู้ผลิต/ผู้ส่งออกที่ทราบเท่านั้นแต่กระบวนการไต่สวน กรมการค้าต่างประเทศจะทำการไต่สวนผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสินค้าชนิดเดียวกันทุกราย ซึ่งได้เปิดโอกาสให้บริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL Ltd. ส่งข้อมูลที่สมบูรณ์ต่อกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา แต่บริษัท P.T. KEDAUNG MEDAN INDUSTRIAL Ltd. ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลที่สมบูรณ์ ดังนั้น กรมการค้าต่างประเทศจึงต้องใช้เพียงข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ กรมการค้าต่างประเทศคำนึงถึงความสำคัญของการให้ความร่วมมือในการไต่สวนในการพิจารณากำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาด นอกจากนี้ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกอาเซียนจึงได้คำนึงถึง ASEAN spirit ในการแก้ไขการดำเนินการค้าที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าวแล้ว ๕.๓ บริษัท AP GLOBAL SITE Co., Ltd ผู้นำเข้า (๑) ในการพิจารณาไต่สวนสินค้าบล็อกแก้ว บริษัทเห็นว่ากรมการค้าต่างประเทศไม่ควรนำสินค้าบล็อกแก้วขนาด 190x190x100 มิลลิเมตร เข้ามารวมอยู่ในการไต่สวน ข้อชี้แจงของกรมฯ ในการพิจารณาสินค้าบล็อกแก้วที่จะนำเข้ามารวมอยู่ในการไต่สวนนั้น กรมการค้าต่างประเทศพิจารณาจากคุณสมบัติของสินค้าที่สามารถแข่งขันกันได้ในการนำไปใช้และตลาดที่เหมือนกันโดยมิได้คำนึงถึงขนาดของสินค้า ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าบริษัท PT MULIAGLASS ไม่ได้ส่งสินค้าบล็อกแก้วขนาดดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรในช่วงระยะเวลาการไต่สวนจึงไม่ได้เป็นเหตุที่จะไม่นำสินค้าขนาดดังกล่าวเข้ามารวมอยู่ในการไต่สวน (๒) อุตสาหกรรมภายในขายสินค้าผ่านบริษัทผู้ถือหุ้น ข้อชี้แจงของกรมฯ ไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และจากผลการไต่สวนยืนยันได้ว่าการขายภายในประเทศในช่วงระยะเวลาการไต่สวนเป็นการขายให้กับผู้ซื้ออิสระ (๓) การตัดราคาและกดราคา ควรจะวิเคราะห์ความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในจากข้อมูลของบริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด ด้วย อีกทั้งควรวิเคราะห์จากข้อเท็จจริงที่ว่าสินค้าบล็อกแก้วมีราคานำเข้าที่เพิ่มขึ้น ข้อชี้แจงของกรมฯ บริษัททั้งสองรายดังกล่าวถือเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าบล็อกแก้ว ดังนั้น การวิเคราะห์ความเสียหายของอุตสาหกรรมภายใน จึงได้นำข้อมูลของทั้งสองบริษัทมาเป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ความเสียหายของอุตสาหกรรมภายในด้วยแล้วในส่วนของราคานำเข้าที่เพิ่มขึ้นมิอาจนำมาใช้ในการอ้างว่าไม่มีการตัดราคา เนื่องจากราคานำเข้าที่เพิ่มขึ้นอาจมีสาเหตุจากราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น การที่อุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มราคาขายได้เนื่องจากยังคงมีการตัดราคาอย่างต่อเนื่อง (๔) การที่บริษัทบางกอกคริสตัล จำกัด มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ ๕๐ นั้น ไม่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับกำลังการผลิตของบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด ข้อชี้แจงของกรมฯ กรมการค้าต่างประเทศไม่ได้ระบุถึงส่วนแบ่งตลาดของอุตสาหกรรมภายในไว้ในร่างผลการไต่สวนชั้นที่สุด โดยระบุเพียงว่า ในขณะที่มีการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาการไต่สวน แต่อุตสาหกรรมภายในกลับไม่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดตามปริมาณการบริโภคที่เพิ่มขึ้นได้ (๕) ความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมิได้เป็นผลจากการนำเข้าจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ข้อชี้แจงของกรมฯ ประเด็นนี้ได้ชี้แจงแล้ว ในข้อ ๓.๑ ของร่างผลการไต่สวนชั้นที่สุด (๖) กฎหมายตอบโต้การทุ่มตลาดกำลังถูกใช้เพื่อการกีดกันทางการค้า ข้อชี้แจงของกรมฯ กฎหมายตอบโต้การทุ่มตลาดมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศจากการนำเข้าสินค้าในราคาไม่เป็นธรรม ซึ่งผลของการใช้มาตรการทำให้สินค้าที่นำเข้าจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียยังคงสามารถนำเข้าได้อย่างต่อเนื่องในราคาที่เป็นธรรม ๕.๔ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด อุตสาหกรรมภายใน ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ของ บริษัท PT MULIAGLASS ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ข้อชี้แจงของกรมฯ ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดคำนวณบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงของข้อมูลอุตสาหกรรมภายใน ที่ได้ตรวจสอบแล้ว ข้อ ๖ ผลการไต่สวนชั้นที่สุด กรมการค้าต่างประเทศได้นำข้อคิดเห็น/ข้อโต้แย้งที่ได้รับมาเป็นข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาวินิจฉัยผลการไต่สวนชั้นที่สุดอีกครั้งหนึ่ง และจัดทำรายงานผลการไต่สวนการทุ่มตลาดชั้นที่สุดเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาแล้วและมีความเห็นดังนี้ ๖.๑ ผลการไต่สวนการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดกรณีผู้ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วนสมบูรณ์ กรมการค้าต่างประเทศจะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกแต่ละราย ส่วนกรณีผู้ไม่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามหรือตอบแบบสอบถามไม่ครบถ้วน และผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่น ๆ จะพิจารณารับฟังเพียงข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยช่วงระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด คือ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งปรากฏตามข้อเท็จจริงว่ามีเพียงบริษัท PT MULIAGLASS ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้วที่ตอบแบบสอบถามครบถ้วนสมบูรณ์ โดยบริษัท PT MULIAGLASS มีปริมาณการส่งออกเฉพาะสินค้าที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทย รวมทั้งสิ้น ๗,๗๑๒.๑๕ ตัน เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียตามสถิติของกรมศุลกากรซึ่งรวมสินค้าบล็อกแก้วทุกขนาด รวมทั้งสิ้น ๙,๖๕๐.๕๙ ตัน คิดเป็นร้อยละ ๘๐ ของปริมาณนำเข้าที่รวมสินค้าบล็อกแก้วทุกขนาด ดังนั้นข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถามของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียจำนวน ๑ รายดังกล่าว จึงถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียทั้งหมด จากการพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียพบว่า ข้อมูลในแบบสอบถามเกี่ยวกับการขอหักค่านายหน้าเพื่อให้ได้มาซึ่งมูลค่าปกติไม่น่าเชื่อถือเนื่องจากเป็นการจ่ายให้กับบริษัทแม่ของผู้ตอบแบบสอบถามและไม่มีการบันทึกทางบัญชีจึงไม่สามารถนำข้อมูลส่วนนี้มาใช้ในการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ดังรายละเอียดต่อไปนี้ ๖.๑.๑ บริษัท PT MULIAGLASS (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักภายในสาธารณรัฐอินโดนีเซียตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงาน โดยไม่ได้นำค่านายหน้ามาใช้ในการหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณราคาส่งออกตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม ๖.๑.๑ (๑) กับราคาส่งออกตาม ๖.๑.๑ (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน ในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖.๑.๒ ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่นๆ กรมการค้าต่างประเทศได้ใช้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ในการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยมีรายละเอียดดังนี้ (๑) มูลค่าปกติ ใช้ข้อมูลราคาขายภายในสาธารณรัฐอินโดนีเซียในระดับราคา ณ หน้าโรงงานตามแบบสอบถามของบริษัท PT MULIAGLASS จากธุรกรรมการขายสินค้าชนิดที่ส่งออกมายังประเทศไทยมากที่สุดที่มีราคาสูงสุด (๒) ราคาส่งออก ใช้ข้อมูลราคาส่งออก ณ หน้าโรงงานตามแบบสอบถามของบริษัท PT MULIAGLASS โดยเลือกธุรกรรมการขายสินค้าชนิดเดียวกันกับที่ใช้พิจารณามูลค่าปกติที่มีราคาต่ำสุด (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม ๖.๑.๒ (๑) และราคาส่งออกตาม ๖.๑.๒ (๒) ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดร้อยละ ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๗ ผลการไต่สวนความเสียหาย คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้วินิจฉัยความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน ๒ ราย คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด ผู้นำเข้า ๑ ราย คือ บริษัท AP GLOBAL SITE Co., Ltd รวมทั้งผู้ผลิต/ผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๑ ราย ซึ่งให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วน โดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วงระยะเวลา ๓ ปีย้อนหลังคือปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ การพิจารณาความเสียหายชั้นที่สุด ปรากฏว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๗.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ๗.๑.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติของกรมศุลกากรปรากฏว่า ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ มีสัดส่วนการนำเข้าสูงสุดตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คิดเป็นร้อยละ ๖๗ ถึงร้อยละ ๙๘ ในขณะที่ปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นมีสัดส่วนร้อยละ ๒ ถึงร้อยละ ๓๓ ของช่วงระยะเวลาเดียวกัน ๗.๑.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ เกิดผลกระทบต่อราคาสินค้าของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะการตัดราคาและการกดราคาโดยสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียมีการขายตัดราคาตั้งแต่ ๔,๘๗๓ ถึง ๕,๒๓๔ บาทต่อตันในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดและมีการกดราคาโดยพบว่าราคาขายเฉลี่ยของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๔๔ เป็นต้นมา ๗.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดนั้นที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย ยอดจำหน่ายของอุตสาหกรรมภายในได้เพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ และปีพ.ศ. ๒๕๔๖ แต่มีแนวโน้มลดลงในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในอยู่ในภาวะขาดทุน และไม่สามารถเพิ่มราคาขายหรือทำกำไรในระดับที่เพียงพอต่อการเยียวยาความเสียหายได้ ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีการเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดของต้นทุน (Economy of Scale) และสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ แต่มีส่วนแบ่งตลาดลดลงตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวน ความสามารถในการผลิต เมื่อพิจารณาจากอัตราของผลผลิตที่ได้เทียบกับวัตถุดิบที่ใช้ พบว่าความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผลตอบแทนการลงทุน ผลตอบแทนการลงทุนโดยรวมของอุตสาหกรรมภายในติดลบ การใช้กำลังการผลิต การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในค่อนข้างคงที่ ผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศ ผลกระทบต่อราคาสินค้าบล็อกแก้วในประเทศ ซึ่งพิจารณาจากราคาขายเฉลี่ยของอุตสาหกรรมภายในที่ขายให้ผู้ซื้อทอดแรก ปรากฏว่ามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด กระแสเงินสด กระแสเงินสดมีแนวโน้มลดลง สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การจ้างงาน การจ้างงานซึ่งพิจารณาจากจำนวนแรงงาน ปรากฏว่า อุตสาหกรรมภายในมีการจ้างงานคงที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานทางตรงเฉลี่ยต่อเดือนลดลงในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ แต่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาการไต่สวน อัตราการเจริญเติบโต อัตราการเจริญเติบโตของปริมาณการขายภายในประเทศอยู่ในอัตราต่ำมากและลดลง นอกจากนี้ยังปรากฏว่า อัตราการเจริญเติบโตอยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าการเจริญเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศ ความสามารถในการระดมทุนหรือการลงทุน ไม่ปรากฏว่า มีการเพิ่มทุนหรือกู้ยืมเพิ่มเติมในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงปีพ.ศ. ๒๕๔๖ ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดมีความสัมพันธ์กัน โดยมีอัตราการทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียระหว่างร้อยละ ๑๔.๒๗ ถึงร้อยละ ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งการทุ่มตลาดจากประเทศดังกล่าว ส่งผลให้มีการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ๗.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ๗.๓.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติของกรมศุลกากร ปรากฏว่า ปริมาณการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากประเทศอื่นรวมกันเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย มีสัดส่วนเพียงร้อยละ ๒ ถึงร้อยละ ๓๓ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดในขณะที่การนำเข้าจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียครองสัดส่วนสูงที่สุดตลอดช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ร้อยละ ๖๗ ถึงร้อยละ ๙๘ ๗.๓.๒ ความต้องการใช้ภายในประเทศ ความต้องการใช้สินค้าบล็อกแก้วภายในประเทศเพิ่มขึ้นโดยตลอดในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมิได้มีสาเหตุมาจากการหดตัวของตลาดหรือการลดลงของอุปสงค์ จากการพิจารณาข้อเท็จจริงข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ (๑) ปริมาณนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (๒) มีผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน โดยมีการขายตัดราคาและกดราคาจากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (๓) มีผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายใน เนื่องจากสินค้าทุ่มตลาดได้เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด ทำให้อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งตลาดลดลงและแม้ว่าความต้องการใช้ภายในประเทศจะเพิ่มขึ้น แต่อุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้แต่กลับมีส่วนแบ่งตลาดลดลงอย่างมากในช่วงระยะเวลาการไต่สวน (๔) มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ และในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือจาก ๕,๙๕๗ ตัน ในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ เพิ่มขึ้นเป็น ๙,๖๕๑ ตัน ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีการทุ่มตลาดในอัตราระหว่างร้อยละ ๑๔.๒๗ ถึงร้อยละ ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ได้แก่ปริมาณและราคาสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ พบว่า มีสัดส่วนน้อยในขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นมาก ปัจจัยอื่นๆ เหล่านี้จึงมิใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ข้อ ๘ คำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า การนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าว คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนอาศัยอำนาจตามมาตรา ๔๙ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจาก - บริษัท PT MULIAGLASS ในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น ในอัตราร้อยละ ๕๐.๕๙ ของราคาซี.ไอ.เอฟ. สำหรับอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้ตามอัตราข้างต้นในระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราว ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาด หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๗๘ ง/หน้า ๓/๗ กันยายน ๒๕๔๘
460251
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดให้เรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือวางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวสำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียไว้แล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ว่ามีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๙ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการฯ ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจาก ๑) บริษัท PT MULIAGLASS ในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒) รายอื่น ในอัตราร้อยละ ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๓ อากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้ในระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราวตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามประกาศนี้ ข้อ ๔[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นระยะเวลา ๕ ปี ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๖๐ ง/หน้า ๒๒/๔ สิงหาคม ๒๕๔๘
460249
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH (ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL) ประเทศยูเครน พ.ศ. 2548
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วน ของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH (ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL) ประเทศยูเครน[๑] พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลีไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH หรือที่มีชื่อในทางการค้าว่า ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL ประเทศยูเครน ในอัตราร้อยละ ๓๐.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคำวินิจฉัยให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัทดังกล่าวโดยกรมการค้าต่างประเทศได้มีประกาศ ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH (ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL) ไปแล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้รับรายงานจากกรมการค้าต่างประเทศว่า บริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH หรือที่มีชื่อในทางการค้าว่า ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL ประเทศยูเครน ไม่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามเพื่อให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาภายในระยะเวลาตามที่กรมการค้าต่างประเทศกำหนด ทำให้ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของบริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๗ มาตรา ๕๖ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยว่า เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นได้ว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH หรือที่มีชื่อในทางการค้าว่า ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL ประเทศยูเครน มีการเปลี่ยนแปลงไป จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากบริษัทดังกล่าว ในอัตราเดิม คือ ในอัตราร้อยละ ๓๐.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศของคณะกรรมการฯ ที่ประกาศไว้เดิมข้างต้น ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ทะนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๖๐ ง/หน้า ๒๐/๔ สิงหาคม ๒๕๔๘
460247
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนชั้นที่สุดกรณีการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH (ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL) ประเทศยูเครน
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง แสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ผลการไต่สวนชั้นที่สุดกรณีการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิด เป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH (ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL) ประเทศยูเครน พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH (ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL) ประเทศยูเครน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๘ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH หรือที่มีชื่อทางการค้าว่า ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL ประเทศยูเครน ในอัตราเดิม คือ ในอัตราร้อยละ ๓๐.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่นสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ต่อไป นั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑ ของกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นหรือคำวินิจฉัยชั้นที่สุดเกี่ยวกับการไต่สวนการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การยอมรับข้อเสนอทำข้อตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน การเพิกถอนความตกลงเพื่อระงับการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุน หรือการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนอันเนื่องจากการทบทวน ให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน การยอมรับหรือการเพิกถอนความตกลงและผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ๑. ความเป็นมา เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้ออกประกาศคณะกรรมการฯ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคมพ.ศ. ๒๕๔๖ แจ้งผลการวินิจฉัยชั้นที่สุดซึ่งเห็นว่ามีการทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจาก ๑๔ ประเทศ ในอัตราเพียงเพื่อขจัดความเสียหาย (Lesser Duty) โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นเวลา ๕ ปี ซึ่งบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH (ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL) ถูกเรียกเก็บอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๐.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒. การเปิดการทบทวน บริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH (ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL) ได้มีคำขอให้เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดโดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ให้เปิดการทบทวน และกรมการค้าต่างประเทศได้มีประกาศลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH (ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL) ประเทศยูเครน โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ๓. รายละเอียดการดำเนินการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ๑) สินค้าทุ่มตลาด เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน พิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่๗๒๐๘, ๗๒๑๑.๑๓, ๗๒๑๑.๑๔ และ ๗๒๑๑.๑๙ ยกเว้นสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากร ดังต่อไปนี้ (๑) พิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๐๘.๒๕, ๗๒๐๘.๒๖ และ ๗๒๐๘.๒๗ซึ่งเป็นเหล็กรีดร้อนที่ผ่านการกัดล้างแล้ว (Pickling and Oiling) (๒) พิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๐๘.๓๙ เฉพาะเหล็กแผ่นรีดร้อนสำหรับนำไปผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นชั้นคุณภาพ Tin Mill Black Plate: TMBP ๒) ระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการทบทวนการทุ่มตลาด คือ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ๓) วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศได้จัดส่งแบบสอบถามเบื้องต้นให้บริษัท ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL ประเทศยูเครน โดยจดหมายลงทะเบียนเพื่อสอบถามปริมาณการส่งออกสินค้าดังกล่าวมายังประเทศไทยในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งบริษัทได้แจ้งว่ามีการส่งออกสินค้าดังกล่าวมายังประเทศไทยเพียง ๒ เดือน คือ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ๔) วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศได้จัดส่งแบบสอบถามตามกระบวนการทบทวนไปยังบริษัท ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL ประเทศยูเครน โดยจดหมายลงทะเบียน โดยมีกำหนดให้ตอบกลับภายในวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ แต่บริษัทไม่ได้ตอบแบบสอบถามและมิได้แจ้งการติดต่อใด ๆ ภายในเวลาที่กำหนด กรมการค้าต่างประเทศจึงไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงและหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดของบริษัทฯ ได้ ๔. คำวินิจฉัยชั้นที่สุดของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน กรมการค้าต่างประเทศได้สรุปผลการดำ เนินการไต่สวนการทบทวนเสนอต่อคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๒๗ มาตรา ๕๖ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๗๓ (๑) ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ มีคำวินิจฉัยชั้นที่สุดว่า เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นได้ว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH หรือที่มีชื่อในทางการค้าว่า ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL ประเทศยูเครน มีการเปลี่ยนแปลงไป จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากบริษัทดังกล่าวในอัตราเดิม คือ ในอัตราร้อยละ ๓๐.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการฯ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๕ ง/หน้า ๓๗/๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖
459758
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ของบริษัท CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY ไต้หวัน พ.ศ. 2548
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ของบริษัท CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY ไต้หวัน พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบจากประเทศต่างๆ ไปแล้ว นั้น ปรากฏว่า บริษัท CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบจากไต้หวัน ซึ่งถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๔.๘๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการดังกล่าวข้างต้นได้ยื่นคำขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด และคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๘ เห็นว่ามีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบของบริษัท CHIA FAR INDUSTRIAL FACTORY ตามกระบวนการพิจารณาที่กฎหมายกำหนด อาศัยอำนาจตามมาตรา ๕๖ และมาตรา ๖๐ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาทบทวนการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าวตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ นนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทร. ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๑-๒ โทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ประกาศ ณ วันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๕๕ ง/หน้า ๓๘/๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๘
459754
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน ชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วนของ NIPPON STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2548
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน ชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วนของ NIPPON STEEL CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจากประเทศต่างๆ ไปแล้วนั้น ปรากฏว่า NIPPON STEEL CORPORATION ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๖.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการดังกล่าวข้างต้น ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด และคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๘ เห็นว่ามีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของ NIPPON STEEL CORPORATION ตามกระบวนการพิจารณาที่กฎหมายกำหนด อาศัยอำนาจตามมาตรา ๕๖ และมาตรา ๖๐ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาทบทวนการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าวตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ นนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทร. ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๓๘, ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๑-๒ โทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ ประกาศ ณ วันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๕๕ ง/หน้า ๓๖/๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๘
458217
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนเบื้องต้นการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. 2548
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนเบื้องต้นการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๔๘ กำหนดมาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศจึงได้ออกประกาศ เรื่อง ผลการไต่สวนเบื้องต้นการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งออกตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อประกาศรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน ดังนี้ ๑. การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๔๗ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามคำขอของ บริษัทบางกอกคริสตัล จำกัด ในฐานะอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าบล็อกแก้ว ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒. สินค้าทุ่มตลาด สินค้าที่ประกาศไต่สวนคือสินค้าบล็อกแก้วตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล พบว่าอุตสาหกรรมภายในผลิตเฉพาะสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดข้างต้นเท่านั้น ขอบเขตของการไต่สวนเพื่อกำหนดมาตรการจึงจำกัดเฉพาะสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ๓. ผู้มีส่วนได้เสีย ๓.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้แก่ (๑) บริษัท PT Muliaglass (๒) P.T. Keduang Medan Industrial Ltd. บริษัท P.T. Keduang Medan Industrial Ltd. ได้ส่งคืนแบบสอบถามและตอบไม่ครบถ้วนในส่วนที่เป็นสาระสำคัญที่ใช้เพื่อการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด นอกจากนั้นกรมการค้าต่างประเทศ ได้มีหนังสือถึงบริษัทดังกล่าวให้ตอบแบบสอบถามให้ครบถ้วนแต่บริษัทดังกล่าวปฏิเสธการให้ความร่วมมือดังนั้นกรมการค้าต่างประเทศจึงใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ (Best Information Available) (๓) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่น ๆ นอกจาก ๓.๑ (๑) และ ๓.๑ (๒) ๓.๒ ผู้นำเข้าในไทย ได้แก่ (๑) บริษัท เอพี โกลบอลไซท์ จำกัด (๒) รายอื่น ๆ นอกจาก ๓.๒ (๑) ๓.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าบล็อกแก้วในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด สถานะของอุตสาหกรรมภายในคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ เนื่องจากทั้งบริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด ได้ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วน ๓.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในฐานะรัฐบาลของประเทศที่ถูกไต่สวน ๔. การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล เมื่อวันที่ ๒๐ - ๒๒ ธันวาคม ๒๕๔๗ และวันที่ ๑๘ – ๒๐ มกราคม ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศ ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน ๒ ราย คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัดและ ณ ที่ทำการของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๑ ราย ที่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามคือ PT Muliaglass ตามลำดับ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าข้อมูลในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายในมีความน่าเชื่อถือและยอมรับได้ แต่สำหรับผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ดังกล่าว พบว่าข้อมูลส่วนใหญ่ตามคำตอบแบบสอบถามมีความถูกต้องตามหลักการทางบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารต้นฉบับ ยกเว้นการขอหักค่านายหน้าด้านมูลค่าปกติซึ่งเป็นการจ่ายให้กับบริษัทแม่และไม่มีการบันทึกทางบัญชี จึงขาดความน่าเชื่อถือ ๕. ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ให้ความร่วมมือ จะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกแต่ละราย สำหรับผู้ไม่ให้ความร่วมมือหรือผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่น ๆ จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ (Best Information Available : BIA) ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด (Investigation Period : IP) คือ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ – วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๗ ซึ่งผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้ว ๑ รายที่ตอบแบบสอบถาม คือ บริษัท PT Muliaglass มีปริมาณส่งออกมาไทยเฉพาะสินค้าที่ถูกพิจารณา รวมทั้งสิ้น ๗,๗๑๒.๑๕ ตัน เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียตามสถิติกรมศุลกากร ซึ่งรวมบล็อกแก้วทุกขนาดเท่ากับ ๙,๖๕๐.๕๙ ตัน ปริมาณนำเข้าของผู้ผลิตสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ที่ให้ความร่วมมือจึงคิดเป็นร้อยละ ๘๐ ของปริมาณนำเข้าที่รวมบล็อกแก้วทุกขนาด ดังนั้นข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถามของผู้ผลิตสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๑ รายถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ผลิต/ผู้ส่งออก จากสาธารณรัฐอินโดนีเซียทั้งหมดได้ จากการพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามของผู้ผลิตสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๑ รายดังกล่าว พบว่าข้อมูลในแบบสอบถามในประเด็นการขอหักค่านายหน้าด้านมูลค่าปกติไม่น่าเชื่อถือเพราะเป็นการจ่ายให้กับบริษัทแม่และไม่มีการบันทึกทางบัญชี จึงไม่นำข้อมูลส่วนนี้มาใช้สรุปการคำนวณมูลค่าปกติและราคาส่งออกเพื่อพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ดังนี้ ๕.๑ PT Muliaglass (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐอินโดนีเซียตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงานถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักทั้งนี้ไม่ได้นำค่านายหน้ามารวมในค่าใช้จ่ายสำหรับการหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้ การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม๕.๑ (๑) และราคาส่งออกตาม ๕.๑ (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ ๕.๒ ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่น ๆ ได้ใช้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ในการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยมีรายละเอียดดังนี้ (๑) มูลค่าปกติ ใช้ข้อมูลราคาขายภายในสาธารณรัฐอินโดนีเซียในระดับราคา ณ หน้าโรงงานตามแบบสอบถามของบริษัท PT Muliaglass จากธุรกรรมการขายสินค้าชนิดที่ส่งออกมายังประเทศไทยมากที่สุดที่มีราคาสูงสุด (๒) ราคาส่งออก ใช้ข้อมูลราคาส่งออก ณ หน้าโรงงานตามแบบสอบถามของบริษัท PT Muliaglass โดยเลือกธุรกรรมการขายสินค้าชนิดเดียวกันกับที่ใช้พิจารณามูลค่าปกติที่มีราคาต่ำสุด (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม ๕.๒ (๑) และราคาส่งออกตาม ๕.๒ (๒) ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดร้อยละ ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ ๖. ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการได้วินิจฉัยความเสียหายเบื้องต้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน ๒ ราย คือ บริษัท บางกอกคริสตัล จำกัด และ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด ผู้นำเข้า ๑ ราย คือ บริษัท เอพี โกลบอล ไซท์ จำกัด ที่ตอบแบบสอบถามครบถ้วน รวมทั้งผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๑ ราย โดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง (ปี ๒๕๔๔ –๒๕๔๖) ช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๗ และช่วงเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๕ -๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๖ ผลการพิจารณาความเสียหายเบื้องต้น ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๖.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ๖.๑ (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติกรมศุลกากรพบว่าปริมาณนำ เข้าสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี ๒๕๔๔ - ๒๕๔๖ และการนำเข้าจากอินโดนีเซียมีสัดส่วนสูงสุดตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๔๔ - ช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีสัดส่วนร้อยละ ๖๗ -๙๘ ในขณะที่ปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นมีสัดส่วนร้อยละ ๒ - ๓๓ ของช่วงระยะเวลาเดียวกัน ๖.๑ (๒) ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ เกิดผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะการตัดราคาและการกดราคา โดยสินค้าจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียมีการขายตัดราคาตั้งแต่ ๔,๘๗๓ - ๕,๒๓๔ บาท/ตันในปี ๒๕๔๔ – ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด และมีการกดราคา โดยพบว่าราคาขายเฉลี่ยของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มลดลงตลอดตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ เป็นต้นมา ๖.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดนั้นที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๕ และปี ๒๕๔๖ แต่มีแนวโน้มลดลงในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในอยู่ในภาวะขาดทุนไม่สามารถเพิ่มราคาขายหรือทำกำไรในระดับที่เพียงพอต่อการเยียวยาความเสียหายได้ ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในได้เพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดของต้นทุน (Economy of Scale) และสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๕ อย่างไรก็ตามส่วนแบ่งตลาดลดลงตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ – ช่วงระยะเวลาการไต่สวน ความสามารถในการผลิต ความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมภายในเมื่อพิจารณาจากอัตราของผลผลิตที่ได้เทียบกับวัตถุดิบที่ใช้ พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผลตอบแทนการลงทุน โดยรวมอุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนติดลบ การใช้กำลังการผลิต การใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในค่อนข้างคงที่ ผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศ ผลกระทบต่อราคาสินค้าบล็อกแก้วในประเทศ ได้พิจารณาจากราคาขายเฉลี่ยของอุตสาหกรรมภายในที่ขายให้ผู้ซื้อทอดแรก พบว่ามีแนวโน้มลดลงตลอดในปี ๒๕๔๔ – ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด กระแสเงินสด มีแนวโน้มในทิศทางที่ลดลง สินค้าคงคลัง สินค้าคงคลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ – ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การจ้างงาน พิจารณาจากจำนวนแรงงาน โดยอุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานคงที่ตั้งแต่ปี๒๕๔๔ – ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานทางตรงเฉลี่ยต่อเดือนลดลงในช่วงปี ๒๕๔๔ – ๒๕๔๖ แต่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาการไต่สวน อัตราการเจริญเติบโต อัตราการเจริญเติบโตของปริมาณขายในประเทศน้อยมากและเป็นในอัตราที่ลดลงรวมทั้งเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าการเจริญเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศ ความสามารถในการระดมทุนหรือการลงทุน ไม่มีการเพิ่มทุนหรือกู้ยืมเพิ่มเติมในช่วงปี ๒๕๔๔ – ๒๕๔๖ ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดโดยมีอัตราการทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียระหว่างร้อยละ ๑๔.๒๗ - ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ ซึ่งการทุ่มตลาดจากประเทศดังกล่าว ส่งผลให้มีการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ๖.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ๖.๓ (๑) ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติกรมศุลกากรจะเห็นว่าปริมาณการนำเข้าบล็อกแก้วจากประเทศอื่นรวมกันเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ปรากฏว่ามีสัดส่วนเพียงร้อยละ ๒ – ๓๓ ในช่วงปี ๒๕๔๔ – ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ในขณะที่การนำเข้าจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียครองสัดส่วนสูงที่สุดตลอดช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ร้อยละ ๖๗ – ๙๘ ๖.๓ (๒) ความต้องการใช้ภายในประเทศ ความต้องการใช้สินค้าบล็อกแก้วภายในประเทศเพิ่มขึ้นโดยตลอดในช่วงปี ๒๕๔๔ – ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่สาเหตุจากการหดตัวของตลาดหรือการลดลงของอุปสงค์ จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) เนื่องจาก ๑. ปริมาณนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ๒. มีผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน โดยมีการขายตัดราคา และกดราคา ๓. ด้านผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายใน สินค้าทุ่มตลาดได้เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด ทำให้อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งตลาดลดลง และแม้ว่าความต้องการใช้ภายในประเทศจะเพิ่มขึ้น แต่อุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ แต่กลับลดลงอย่างมากในช่วงระยะเวลาการไต่สวน ๔. มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ ในช่วงปี ๒๕๔๔– ๒๕๔๖ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือจาก ๕,๙๕๗ ตันในปี ๒๕๔๔ เพิ่มขึ้นเป็น ๙,๖๕๑ ตันในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีการทุ่มตลาดในอัตราระหว่างร้อยละ ๑๔.๒๗-๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ และเมื่อพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ได้แก่ปริมาณและราคาสินค้านำเข้าจากประเทศอื่น ๆ พบว่ามีสัดส่วนน้อยในขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นมาก ดังนั้นปัจจัยอื่น ๆ เหล่านี้จึงมิใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน สรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๗. ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการ คณะกรรมการได้พิจารณาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับจากการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายข้างต้นแล้ว มีผลวินิจฉัยเบื้องต้นว่า การนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ตามมาตรา ๑๙ (๑) อันมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว โดยเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว สำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจาก ๗.๑ บริษัท PT Muliaglass ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ ๗.๒ ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นรับคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดมาตรการชั่วคราว รวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๒๕ ง/หน้า ๑๔/๒๓ มีนาคม ๒๕๔๘
458056
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2548
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ ฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าว เป็นระยะเวลา ๕ ปี และกำหนดปริมาณและช่วงระยะเวลาการนำเข้าในการยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจำนวน ๑๐ รายการ เฉพาะที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำไปผ่านกรรมวิธีรีดเย็นต่อสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องประเภทต่าง ๆ ไปแล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีมติเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ เห็นชอบในหลักการให้ปรับเพิ่มปริมาณนำเข้าที่ได้รับการยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าวรวม ๑๐ รายการ เฉพาะที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำไปผ่านกรรมวิธีรีดเย็นต่อ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องประเภทยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กเคลือบสังกะสีสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า และเหล็กเคลือบสังกะสีที่เข้มงวดเรื่องคุณภาพขอบเหล็ก ตามที่ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนและผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นซึ่งใช้เหล็กรีดร้อนเป็นวัตถุดิบได้ร่วมกันจัดทำบันทึกความเข้าใจฉบับลงวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๔๘ และเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ซึ่งความต้องการใช้เหล็กเพิ่มสูงขึ้นและการทดลองผลิตสินค้าเพื่อทดแทนการนำเข้ายังมีความล่าช้า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปจนถึงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ ของประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔ ให้ยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน จำนวน ๑๐ รายการ เฉพาะที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำไปผ่านกรรมวิธีรีดเย็นต่อ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องประเภทยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กเคลือบสังกะสีสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า และเหล็กเคลือบสังกะสีที่เข้มงวดเรื่องคุณภาพขอบเหล็ก ตามพิกัด ๗๒๐๘.๓๗ รหัสสถิติ ๐๒๒ ๐๒๓ พิกัด ๗๒๐๘.๓๘ รหัสสถิติ ๐๒๒ ๐๒๓ ๐๓๒ ๐๓๓ พิกัด ๗๒๐๘.๓๙ รหัสสถิติ ๐๒๒ ๐๒๓ ๐๓๒ ๐๓๓ ที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศข้างต้น ดังต่อไปนี้ ปีที่ ๑ นำเข้าปริมาณไม่เกิน ๔๗๐,๐๐๐ เมตริกตัน ช่วงระหว่างวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ปีที่ ๒ นำเข้าปริมาณไม่เกิน ๔๔๘,๐๐๐ เมตริกตัน ช่วงระหว่างวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ปีที่ ๓ นำเข้าปริมาณไม่เกิน ๔๖๐,๐๐๐ เมตริกตัน ช่วงระหว่างวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ปีที่ ๔ นำเข้าปริมาณไม่เกิน ๒๘๕,๐๐๐ เมตริกตัน ช่วงระหว่างวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ปีที่ ๕ นำเข้าปริมาณไม่เกิน ๓๗,๐๐๐ เมตริกตัน ช่วงระหว่างวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑” ประกาศ ณ วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ วัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๒๕ ง/หน้า ๗๓/๒๓ มีนาคม ๒๕๔๘
458052
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใสที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. 2548
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘ ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ว่าผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้ส่งสินค้าเข้ามาทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมผู้ผลิตในประเทศซึ่งความเสียหายดังกล่าวเป็นความเสียหายอย่างสำคัญตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัตินี้เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด คณะกรรมการจึงเห็นสมควรให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรชั่วคราว หรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว เป็นหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งดำเนินกิจการหรือมีสาขาดำเนินกิจการในประเทศไทย สำหรับการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วชนิดใส ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๐๑๖.๙๐๐.๐๐๑ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจาก ๑) บริษัท PT MULIAGLASS ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๔.๒๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ ๒) รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๕๐.๕๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ ข้อ ๓[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นกำหนดเวลาสี่เดือน ประกาศ ณ วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ วัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๒๕ ง/หน้า ๗๖/๒๓ มีนาคม ๒๕๔๘
456854
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH (ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL) ประเทศยูเครน พ.ศ. 2548
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH (ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL) ประเทศยูเครน พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจากประเทศต่าง ๆ ไปแล้ว นั้น บริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH หรือที่มีชื่อในทางการค้าว่า ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจากประเทศยูเครน ซึ่งถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ในอัตราร้อยละ ๓๐.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ตามประกาศคณะกรรมการดังกล่าวข้างต้น ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด และคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ เห็นว่ามีมูลเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป จึงมีมติให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนของบริษัท IRON & STEEL WORKS named after ILYICH หรือ ILYICH IRON & STEEL WORKS OF MARIUPOL ตามกระบวนการพิจารณาที่กฎหมายกำหนด อาศัยอำนาจตามมาตรา ๕๖ และมาตรา ๖๐ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ กรมการค้าต่างประเทศจึงประกาศให้ทราบว่าจะเริ่มดำเนินกระบวนการพิจารณาทบทวนดังกล่าวตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปหากผู้ใดประสงค์ขอทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการขอทบทวนดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อสำนักมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ ๔๔/๑๐๐ ถนนนนทบุรี ๑ นนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทร. ๐ ๒๕๔๗ ๕๐๘๑-๒ โทรสาร ๐ ๒๕๔๗ ๔๗๔๑ หรือที่ www.dft.moc.go.th ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๖ ง/หน้า ๕/๑ มีนาคม ๒๕๔๘
456852
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริก ที่มีแหล่งกำเนิดจาก สาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. 2548
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ มีมติให้เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้มีประกาศลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกาศเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดกรณีดังกล่าวไปแล้วนั้น บัดนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้สรุปผลการไต่สวนและเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา ๔๐ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ แล้ว ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกัน และมีคำวินิจฉัยให้ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริกชนิดความเข้มข้นไม่เกิน ๖๙% ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี เนื่องจากไม่พบความเสียหายอย่างสำคัญอันเกิดจากการทุ่มตลาดต่ออุตสาหกรรมภายใน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๒๘ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเรื่อง ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒ ให้ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริกชนิดความเข้มข้นไม่เกิน ๖๙% ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ข้อ ๓[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ วัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๕ ง/หน้า ๓๗/๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖
456848
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ มีมติให้เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย และต่อมากรมการค้าต่างประเทศได้มีประกาศ ลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกาศเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดกรณีดังกล่าวไปแล้วนั้น บัดนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้สรุปผลการไต่สวนและเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา ๔๐ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ แล้ว ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกันและมีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่าผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๘๕๔๐.๑๑ เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้ง ที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว และ ๒๕ นิ้ว และสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบน ที่มีขนาด ๒๑ นิ้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ได้ส่งสินค้าเข้ามาทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งความเสียหายดังกล่าวเป็นความเสียหายอย่างสำคัญตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการจึงเห็นสมควรให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด และเพื่อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมส่งออก ให้ยกเว้นมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อการส่งออก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรชั่วคราว หรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งดำเนินกิจการ หรือมีสาขาดำเนินกิจการในประเทศไทย สำหรับการนำเข้าสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๘๕๔๐.๑๑ เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้ง (Conventional Cathode Ray Tubes) ที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว และ ๒๕ นิ้ว และสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบน (Flat Cathode Ray Tube) ที่มีขนาด ๒๑ นิ้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งผลิตจาก ๑) SAMSUNG SDI (MALAYSIA) BHD. หรือ SAMSUNG SDI (M) BHD. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๔.๙๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒) CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN.BHD. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓) รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๓ ให้ยกเว้นการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดในกรณีดังต่อไปนี้ ๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการค้าเพื่อส่งออกที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรและนำเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมส่งออก เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อการค้าเพื่อการส่งออกภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๒) ผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ๓) ผู้นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ ในการดำเนินการยกเว้นอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยกเว้นอากรขาเข้าเพื่อการส่งออกตามกฎหมายดังกล่าว แล้วแต่กรณีโดยอนุโลม ข้อ ๔[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นระยะเวลาสี่เดือน ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ วัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๕ ง/หน้า ๓๔/๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘
455809
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนในกรณียุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. 2548
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนในกรณียุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] ตามที่ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ให้ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศจึงได้ออกประกาศ เรื่อง ผลการไต่สวนในกรณียุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งออกตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อประกาศรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณายุติการไต่สวน ดังนี้ ๑. การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๗ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ตามคำขอของ บริษัท ไนเตรทไทย จำกัด ในฐานะอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้ากรดไนตริก ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๔๗ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒. สินค้าทุ่มตลาด กรดไนตริกชนิดความเข้มข้นไม่เกิน ๖๙% ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๘๐๘.๐๐๐.๑๐๑, ๒๘๐๘.๐๐๐.๑๐๒, ๒๘๐๘.๐๐๐.๑๐๕ และ ๒๘๐๘.๐๐๐.๒๐๖ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ๓. ผู้มีส่วนได้เสีย ๓.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐเกาหลี ได้แก่ บริษัท DONGBU HANNONG CHEMICAL บริษัท HUCHEMS FINE CHEMICAL และ บริษัท HANWHA CORPORATION ๓.๒ อุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตกรดไนตริก ได้แก่ บริษัท ไนเตรทไทย จำกัด ๓.๓ ผู้นำเข้าในไทย ได้แก่ บริษัท ไนโตรเคมีอุตสาหกรรม จำกัด บริษัท วี เอส เยนเนอรัล เคม จำกัด บริษัท ไต๋เหลียงเคมีภัณฑ์ จำกัด บริษัท บี แอนด์ เค เคมีเคิล เทรดดิ้ง จำกัด และ บริษัท วิทย์คอร์ป เคมิคอลส์ จำกัด และรายอื่นนอกจากที่ระบุดังกล่าว ๓.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐเกาหลี ในฐานะรัฐบาลของประเทศที่ถูกไต่สวน ๔. ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน และ ณ ที่ทำการของผู้ผลิตในสาธารณรัฐเกาหลี ๓ ราย ตามข้อ ๓.๑ เมื่อวันที่ ๒๒-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ และเมื่อวันที่ ๑๑-๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๗ ตามลำดับ ซึ่งผลการตรวจสอบปรากฏว่า ข้อมูลในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายในและผู้ผลิตในสาธารณรัฐเกาหลีทั้ง ๓ ราย สามารถเชื่อถือและยอมรับได้ ๕. ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ให้ความร่วมมือ จะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากแต่ละราย โดยระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด (Investigation Period : IP) คือ วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๖–วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๗ ซึ่งผู้ผลิตกรดไนตริกของสาธารณรัฐเกาหลีรวม ๓ รายที่ตอบแบบสอบถามคือ บริษัท DONGBU HANNONG CHEMICAL บริษัท HUCHEMS FINE CHEMICAL และ บริษัท HANWHA CORPORATION มีปริมาณส่งออกมาไทยรวมทั้งสิ้น ๑๘,๒๕๘.๕๒ ตัน เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลีทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกันตามสถิติกรมศุลกากรซึ่งเท่ากับ ๑๖,๖๖๑ ตัน จึงถือว่าข้อมูลตามแบบสอบถามทั้ง ๓ ราย เป็นตัวแทนของระดับประเทศที่นำมาใช้คำนวณได้ โดยสรุปผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ดังนี้ ๕.๑ บริษัท DONGBU HANNONG CHEMICAL มีปริมาณการส่งออกมาประเทศไทยในช่วงระยะเวลาการไต่สวน คิดเป็นร้อยละ ๘๑.๑๑ ของปริมาณการส่งออกรวม ๓ บริษัท (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐเกาหลีเฉพาะความเข้มข้น ๖๘% ทุกธุรกรรมตามแบบสอบถาม เพราะเป็นชนิดเดียวกับที่ส่งออกมาประเทศไทย แล้วคำนวณเป็นราคา ณ หน้าโรงงานถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยซึ่งเป็นชนิดความเข้มข้น ๖๘% ทุกธุรกรรมตามแบบสอบถาม แล้วคำนวณเป็นราคา ณ หน้าโรงงานถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑.๕๓ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ให้ยุติการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาด คือมีส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดน้อยกว่าร้อยละ ๒ ของราคาซี ไอ เอฟ ตามกฎกระทรวงกำหนดเกณฑ์ในการยุติการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. ๒๕๔๓ ๕.๒ บริษัท HUCHEMS FINE CHEMICAL มีปริมาณการส่งออกมาประเทศไทยในช่วงระยะเวลาการไต่สวน คิดเป็นร้อยละ ๙.๓๑ ของปริมาณการส่งออกรวม ๓ บริษัท (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐเกาหลีเฉพาะความเข้มข้น ๖๘% ทุกธุรกรรมตามแบบสอบถาม เพราะเป็นชนิดเดียวกับที่ส่งออกมาประเทศไทย แล้วคำนวณเป็นราคา ณ หน้าโรงงานถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยซึ่งมีเพียงธุรกรรมเดียวและเป็นชนิดความเข้มข้น ๖๘% ตามแบบสอบถาม แล้วคำนวณเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวน ปรากฏว่าไม่พบส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ๕.๓ บริษัท HANWHA CORPORATION มีปริมาณการส่งออกมาประเทศไทยในช่วงระยะเวลาการไต่สวน คิดเป็นร้อยละ ๙.๕๘ ของปริมาณการส่งออกรวม ๓ บริษัท (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในสาธารณรัฐเกาหลีเฉพาะความเข้มข้น ๖๘% ทุกธุรกรรมตามแบบสอบถาม เพราะเป็นชนิดเดียวกับที่ส่งออกมาประเทศไทย แล้วคำนวณเป็นราคา ณ หน้าโรงงานถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยซึ่งมีเพียงธุรกรรมเดียวและเป็นชนิดความเข้มข้น ๖๘% ตามแบบสอบถาม แล้วคำนวณเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๔.๐๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๖. ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการได้วินิจฉัยความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน ผู้นำเข้าซึ่งนำเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลีที่ตอบแบบสอบถามครบถ้วน ๒ ราย รวมทั้งข้อมูลจากผู้ผลิตสาธารณรัฐเกาหลี ๓ ราย โดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาคือ ข้อมูลในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง (ปี ๒๕๔๔–๒๕๔๖) ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด (๑ เมษายน ๒๕๔๖–๓๑ มีนาคม ๒๕๔๗) และช่วงเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด (๑ เมษายน ๒๕๔๕–๓๑ มีนาคม ๒๕๔๖) ผลการพิจารณาความเสียหาย ปรากฏว่าไม่มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๖.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ๖.๑.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔–๒๕๔๖ ปริมาณนำเข้าสินค้ากรดไนตริกจากสาธารณรัฐเกาหลีมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมภายในเป็นผู้นำเข้าเองจากสาธารณรัฐเกาหลีในปี ๒๕๔๕ และ ๒๕๔๖ สำหรับในช่วงระยะเวลาการไต่สวน ปรากฏว่าปริมาณสินค้าทุ่มตลาดมีเพียงร้อยละ ๙.๕๘ ของปริมาณที่ส่งออกมาจากสาธารณรัฐเกาหลีทั้งหมด ในขณะที่ส่วนที่เหลือคือ ร้อยละ ๙๐.๔๒ มิได้ทุ่มตลาด ดังนั้น ปริมาณสินค้าทุ่มตลาดจึงไม่มีนัยสำคัญที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย ๖.๑.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ โดยเกิดผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะการตัดราคาเฉพาะสินค้าชนิด Bulk นอกจากนี้ พบการกดราคาและการหยุดยั้งการขึ้นราคา อย่างไรก็ดี แม้ว่าสินค้าจากสาธารณรัฐเกาหลีได้ส่งผลกระทบด้านราคา แต่สินค้าดังกล่าวร้อยละ ๙๐.๔๒ ของปริมาณที่นำเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลีทั้งหมด มิได้ส่งมาในราคาทุ่มตลาดและอุตสาหกรรมภายในยังคงระดับอัตรากำไรตลอดระยะเวลาการพิจารณาความเสียหาย ๖.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดนั้นที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย ยอดจำหน่ายและปริมาณการขายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๕ และลดลงในช่วงปี ๒๕๔๖ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในมีกำไรลดลงตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ โดยลดลงร้อยละ ๗๓ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๔๕ และในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดลดลงร้อยละ ๗๐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนแบ่งตลาด แม้ว่าอุตสาหกรรมภายในสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับประเทศที่ถูกกล่าวหา แต่อุตสาหกรรมภายในยังคงครองส่วนแบ่งตลาดได้เกือบทั้งหมด โดยประเทศที่ถูกกล่าวหามีส่วนแบ่งตลาดเพียงร้อยละ ๓ ในปี ๒๕๔๕ และเพิ่มเป็นร้อยละ ๑๑ และร้อยละ ๑๓ ในปี ๒๕๔๖ และในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ตามลำดับ ความสามารถในการผลิต อุตสาหกรรมภายในมีความสามารถในการผลิต (output / input) อยู่ในระดับคงที่ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔–ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุน ยอดขาย และกำไรเพิ่มขึ้นและลดลงในทิศทางเดียวกัน การใช้กำลังการผลิต ปี ๒๕๔๖ อุตสาหกรรมภายในขยายกำลังการผลิตเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการกรดไนตริกเพิ่มขึ้นในส่วนที่ใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้าต่อเนื่อง ในขณะที่ปี ๒๕๔๔-๒๕๔๕ อุตสาหกรรมภายในใช้กำลังการผลิตเต็มอัตรา ผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศ อุตสาหกรรมภายในลดราคาขายลงเพื่อแข่งขันกับสินค้าจากสาธารณรัฐเกาหลี สำหรับการขายทั้งในแบบ Pack หรือ Bulk กระแสเงินสด ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔–ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดอุตสาหกรรมภายในมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อย สินค้าคงคลัง ในปี ๒๕๔๕ อุตสาหกรรมภายในมีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นจากในปี ๒๕๔๔ และลดลงในปี ๒๕๔๖ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด เนื่องจากสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้น การจ้างงาน มีการจ้างงานคงที่ ค่าจ้างแรงงาน ค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อัตราการเจริญเติบโต ในปี ๒๕๔๕ อุตสาหกรรมภายในมีสัดส่วนการเปลี่ยนแปลงปริมาณการขายในประเทศ ยอดจำหน่ายและกำไรเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับปริมาณการใช้ในประเทศ โดยสามารถขายและมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๔๔ แต่ในปี ๒๕๔๖ แม้ว่าปริมาณการใช้ในประเทศขยายตัวเล็กน้อยแต่อุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มปริมาณการขายได้ เช่นเดียวกันสำหรับในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน กล่าวคือ ปริมาณการใช้ในประเทศหดตัวเล็กน้อยแต่ปริมาณการขาย ยอดจำหน่าย และกำไรของอุตสาหกรรมภายในกลับลดลงมากกว่าปริมาณการใช้ในประเทศที่หดตัว ความสามารถในการระดมทุนหรือการลงทุน ในช่วงปี ๒๕๔๔–ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด อุตสาหกรรมภายในมิได้มีการเพิ่มทุน หรือกู้ยืมเพิ่มเติม แต่ได้เพิ่มกำลังการผลิตในปี ๒๕๔๖ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการใช้ของตนเอง ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ไม่มีความสัมพันธ์ของการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามมาตรา ๒๑ เนื่องจากพบว่าแม้การนำเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลีจะก่อให้เกิดการตัดราคา และมีผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของอุตสาหกรรมภายใน แต่ผลกระทบดังกล่าวมิได้เกิดจากการทุ่มตลาด เนื่องจากปริมาณสินค้านำเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลีส่วนใหญ่ คือ ร้อยละ ๙๐.๔๒ ไม่ได้ทุ่มตลาด สำหรับการพิจารณาปัจจัยอื่นที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน นอกจากการทุ่มตลาด พบว่าความเสียหายเกิดจากความเสียเปรียบในการแข่งขัน และนโยบายการตั้งราคาขายของอุตสาหกรรมภายใน ๗. การพิจารณาประโยชน์สาธารณะ คณะกรรมการได้พิจารณาประโยชน์สาธารณะประกอบกันแล้ว เห็นว่าไม่ควรใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในเป็นผู้ผลิตรายเดียวในไทย โดยผลิตกรดไนตริกส่วนใหญ่กว่าร้อยละ ๘๐ เพื่อใช้ผลิตสินค้าต่อเนื่องของตนเอง ส่วนที่เหลือไว้จำหน่ายภายในประเทศหรือส่งออก หากสินค้าต่อเนื่องมีความต้องการเพิ่มขึ้นและมีมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด อาจเกิดการขาดแคลนเพราะการผูกขาด (Monopoly) และกระทบอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้กรดไนตริกเป็นวัตถุดิบ นอกจากนี้ กำลังการผลิตปัจจุบันของอุตสาหกรรมภายในไม่สามารถรองรับความต้องการใช้ในประเทศทั้งหมดของสินค้ากรดไนตริกได้ ๘. ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการ คณะกรรมการได้พิจารณาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับจากการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายข้างต้นแล้ว โดยคำนึงถึงประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชน์สาธารณะประกอบกัน และมีคำวินิจฉัยให้ยุติการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดไนตริก ชนิดความเข้มข้นไม่เกิน ๖๙% ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี เนื่องจากไม่พบความเสียหายอย่างสำคัญอันเกิดจากการทุ่มตลาดต่ออุตสาหกรรมภายใน ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ จุฑามาศ/ปรับปรุง ๗ มกราคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๑๙ ง/หน้า ๒๐/๘ มีนาคม ๒๕๔๘
455807
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนเบื้องต้นการทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. 2548
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนเบื้องต้นการทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] ตามที่ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ กำหนดมาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมการค้าต่างประเทศจึงได้ออกประกาศ เรื่อง ผลการไต่สวนเบื้องต้นการทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งออกตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อประกาศรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวน ดังนี้ ๑. การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๗ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ตามคำขอของ บริษัทไทยซีอาร์ที จำกัด ในฐานะอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สี ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒. สินค้าทุ่มตลาด สินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๘๕๔๐.๑๑ เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้ง (Conventional Cathode Ray Tubes) ขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว และ ๒๕ นิ้ว และจอแบน (Flat Cathode Ray Tube) ขนาด ๒๑ นิ้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ๓. ผู้มีส่วนได้เสีย ๓.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในประเทศมาเลเซีย ได้แก่ (๑) SAMSUNG SDI (M) BHD. (๒) CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN.BHD. (๓) ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกรายอื่นๆ นอกจาก (๑) และ (๒) ๓.๒ ผู้นำเข้าในไทย ได้แก่ (๑) บริษัท เจวีซี อิเลคทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (๒) บริษัท เจวีซี แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (๓) บริษัท ทีซีแอล ทอมสัน อิเลคทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (๔) บริษัท พานาโซนิค เอวีซี เน็ตเวิร์คส์ (ประเทศไทย) จำกัด (๕) บริษัท เวิลด์ อิเลคทริค (ประเทศไทย) จำกัด (๖) บริษัท ไทยซัมซุง จำกัด (๗) รายอื่นๆ นอกจาก (๑) ถึง (๖) ๓.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ คือ บริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด บริษัท ซีอาร์ที ดิสเพลย์ เทคโนโลยี จำกัด และ บริษัท เอ็มที พิคเจอร์ ดิสเพลย์ (ไทยแลนด์) จำกัด ๓.๔ รัฐบาลของประเทศมาเลเซีย ในฐานะรัฐบาลของประเทศที่ถูกไต่สวน ๔. การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล เมื่อวันที่ ๒๔-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ และวันที่ ๑๙-๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๗ กรมการค้าต่างประเทศได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับตามแบบสอบถาม ณ ที่ทำการของอุตสาหกรรมภายใน ๑ ราย คือ บริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด และ ณ ที่ทำการของผู้ผลิต/ ผู้ส่งออกในมาเลเซีย ๒ ราย คือ SAMSUNG SDI (M) BHD. และ CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN.BHD. ตามลำดับ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าข้อมูลในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายในมีความเชื่อถือและยอมรับได้ แต่สำหรับผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในมาเลเซียทั้ง ๒ ราย พบว่าข้อมูลส่วนใหญ่ตามคำตอบแบบสอบถามมีความถูกต้องตามหลักการทางบัญชีและสามารถอ้างอิงได้กับเอกสารต้นฉบับ ยกเว้นประเด็นใบลดหนี้ (Credit Note) ซึ่งยังขาดความน่าเชื่อถือ ๕. ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ให้ความร่วมมือ จะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกแต่ละราย สำหรับผู้ไม่ให้ความร่วมมือหรือผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่นๆ จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ (Facts Available) ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด (Investigation Period :IP) คือ วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๖-วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๗ ซึ่งผู้ผลิตหลอดภาพโทรทัศน์สี ๒ รายที่ตอบแบบสอบถาม คือ SAMSUNG SDI (M) BHD. และ CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN.BHD. มีปริมาณส่งออกมาไทยเฉพาะสินค้าที่ถูกพิจารณา รวมทั้งสิ้น ๖.๖ ล้านหลอด เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากประเทศมาเลเซียตามสถิติกรมศุลกากรซึ่งรวมหลอดภาพโทรทัศน์สีทุกขนาด เท่ากับ ๙.๐๔ ล้านหลอด ปริมาณนำเข้าของผู้ผลิตมาเลเซียที่ให้ความร่วมมือจึงคิดเป็นร้อยละ ๗๓ ของปริมาณนำเข้าที่รวมหลอดภาพโทรทัศน์สีทุกขนาด ดังนั้น ข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถามของผู้ผลิตมาเลเซียทั้ง ๒ ราย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกมาเลเซียทั้งหมดได้ จากการพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามของผู้ผลิตมาเลเซีย ๒ รายดังกล่าว พบว่าข้อมูลในแบบสอบถามในประเด็นใบลดหนี้ (Credit Note) ไม่น่าเชื่อถือ โดยขาดหลักการที่จะอธิบายนโยบายการตั้งราคา และการชดเชยราคาที่ชัดเจน นอกจากนี้ เอกสารหลักฐานแสดงการเชื่อมโยงระหว่างการจ่ายเงินชดเชยคืนให้ลูกค้ากับเอกสารใบลดหนี้ยังขาดความชัดเจน ดังนั้น จึงไม่นำข้อมูลในส่วนใบลดหนี้ (Credit Note) มาใช้ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ดังนี้ ๕.๑ SAMSUNG SDI (M) BHD. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในประเทศมาเลเซียตามแบบสอบถาม ซึ่งแยกตามรุ่นของสินค้า แล้วทอนเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงานถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ทั้งนี้ ไม่ได้นำค่าส่วนลดจากใบลดหนี้ (Credit Note) มารวมในค่าใช้จ่ายสำหรับการหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน สำหรับรุ่นของสินค้าที่ไม่ได้ขายในประเทศมาเลเซีย แต่มีการส่งออกมาไทย จะพิจารณามูลค่าปกติโดยปรับจากราคาขายภายในประเทศของรุ่นที่เทียบเคียงกันได้ แล้วคำนวณเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงาน ตามวิธีการเช่นเดียวกับข้างต้น (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม ซึ่งแยกตามรุ่นของสินค้าเช่นเดียวกับมูลค่าปกติ แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ยกเว้นค่าส่วนลดจากใบลดหนี้ (Credit Note) (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด รวมทั้งได้เปรียบเทียบแยกตามรุ่นของสินค้าและลักษณะของหลอดภาพที่เป็น Bare (หลอดเปล่า) และ ITC (หลอดเปล่าที่มีการใส่ Deflection York แล้ว) เนื่องจากราคาและต้นทุนการผลิตในแต่ชนิดสินค้านั้นมีความแตกต่างกันปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๔.๙๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๕.๒ CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN.BHD. (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในประเทศมาเลเซียตามแบบสอบถาม ซึ่งแยกตามรุ่นของสินค้า แล้วทอนเป็นราคาขาย ณ หน้าโรงงานถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ทั้งนี้ ไม่ได้นำค่าส่วนลดจากใบลดหนี้ (Credit Note) มารวมในค่าใช้จ่ายสำหรับการหักทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออกมาประเทศไทยตามแบบสอบถาม ซึ่งแยกตามรุ่นของสินค้าเช่นเดียวกับมูลค่าปกติ แล้วทอนเป็นราคาส่งออกถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ณ หน้าโรงงาน โดยหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ยกเว้นค่าส่วนลดจากใบลดหนี้ (Credit Note) (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ณ หน้าโรงงาน และในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด รวมทั้งได้เปรียบเทียบแยกตามชนิดของสินค้าและตามลักษณะของหลอดภาพที่เป็น Bare (หลอดเปล่า) และ ITC (หลอดเปล่าที่มีการใส่ Deflection York แล้ว) เนื่องจากราคาและต้นทุนการผลิตในแต่ชนิดสินค้านั้นมีความแตกต่างกันปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๕.๓ ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่น ๆ คำนวณตามหลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ และพิจารณาในอัตราสูงสุดของผู้ที่ให้ความร่วมมือ CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN.BHD. คือ ร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เนื่องจากระดับการให้ความร่วมมือของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกในมาเลเซียที่ตอบแบบสอบถามอยู่ในระดับสูง ๖. ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการได้วินิจฉัยความเสียหายเบื้องต้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายใน ๑ ราย คือ บริษัท ไทยซีอาร์ที จำกัด ผู้นำเข้า ๖ รายที่ตอบแบบสอบถามครบถ้วน รวมทั้งผู้ผลิต/ผู้ส่งออกมาเลเซีย ๒ ราย โดยข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา คือ ข้อมูลในช่วง ๓ ปีย้อนหลัง (ปี ๒๕๔๔–๒๕๔๖) ช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือ วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๖-๓๑ มีนาคม ๒๕๔๗ และช่วงเดียวกันก่อนช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด (๑ เมษายน ๒๕๔๕-๓๑ มีนาคม ๒๕๔๖) ผลการพิจารณาความเสียหายเบื้องต้น ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๖.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ๖.๑.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสถิติกรมศุลกากรพบว่า ปริมาณนำเข้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจากประเทศมาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงปี ๒๕๔๔-๒๕๔๕ และการนำเข้าจากมาเลเซียครองสัดส่วนสูงที่สุดตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๔๔-ช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด โดยมีสัดส่วนร้อยละ ๕๓-๖๘ ในขณะที่ปริมาณนำเข้าจากประเทศอื่นมีสัดส่วนร้อยละ ๓๒-๔๗ ของช่วงระยะเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามปริมาณสินค้านำเข้าลดลงในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้การนำเข้าจากมาเลเซียจะมีแนวโน้มลดลง แต่พิจารณาได้ว่า การนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากมาเลเซียมีสัดส่วนที่สูงมากตลอดระยะเวลาการพิจารณาความเสียหาย ๖.๑.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ โดยเกิดผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน ในลักษณะการตัดราคา การกดราคา และการหยุดยั้งการขึ้นราคา โดยประเทศมาเลเซียมีการขายตัดราคาตั้งแต่ ๑๕๒-๓๒๖ บาท/หลอดในปี ๒๕๔๔-ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด และมีการกดราคาโดยพบว่า ราคาเฉลี่ยของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มลดลงตลอดตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ เป็นต้นมา และจากการพิจารณาเปรียบเทียบราคาขายกับต้นทุนขายของอุตสาหกรรมภายในพบว่า มีการขายต่ำกว่าต้นทุนในปี ๒๕๔๖ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด แสดงให้เห็นผลกระทบด้านราคาในลักษณะหยุดยั้งการขึ้นราคาไม่ให้สูงกว่าต้นทุน ๖.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดนั้นที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๕ ลดลงในปี ๒๕๔๖ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด กำไร อุตสาหกรรมภายในมีกำไรที่ลดลงโดยตลอด จากปี ๒๕๔๔ และขาดทุนในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ผลผลิต ปริมาณการผลิตของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับตัวเพื่อลดต้นทุน โดยปรับปรุงกระบวนการผลิตและเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดของต้นทุน (Economy of Scale) และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งการตลาดค่อนข้างคงที่ เนื่องจากการขายมีแนวโน้มในทิศทางตามปริมาณความต้องการใช้ ความสามารถในการผลิต ความสามารถในการผลิตของอุตสาหกรรมภายในเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย โดยพิจารณาจากอัตราของผลผลิตที่ได้เทียบกับวัตถุดิบที่ใช้ พบว่า มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยประมาณร้อยละ ๒ ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนลดลงโดยตลอด การใช้กำลังการผลิต แนวโน้มอัตราการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมภายในเพิ่มขึ้น ผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศ ผลกระทบต่อราคาหลอดภาพโทรทัศน์สีในประเทศ ได้พิจารณาจากราคาขายเฉลี่ยของอุตสาหกรรมภายในที่ขายให้แก่ผู้ใช้ ซึ่งเป็นผู้ผลิตโทรทัศน์สีในประเทศ พบว่า มีแนวโน้มลดลงตลอดในปี ๒๕๔๔-ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด กระแสเงินสด มีความผันผวนในทิศทางที่ลดลง สินค้าคงคลัง อุตสาหกรรมภายในมีสินค้าคงคลังลดลงตลอดช่วงปี ๒๕๔๔-ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การจ้างงาน พิจารณาจากจำนวนแรงงาน โดยอุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานฝ่ายผลิตที่เพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๔-ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด โดยบริษัทพยายามลดจำนวนพนักงานประจำลงและเพิ่มจำนวนพนักงานรับเหมา ค่าจ้างแรงงาน อัตราค่าจ้างแรงงานทางตรงเฉลี่ยต่อเดือนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อัตราการเจริญเติบโต จากปริมาณการขายในประเทศมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ ๑๗ ตามการเติบโตของอุปสงค์ภายในประเทศ เฉพาะในปี ๒๕๔๖ มีปริมาณขายซึ่งมีการเติบโตที่ติดลบร้อยละ ๑๒ จากการแข่งขันกับสินค้านำเข้า ความสามารถในการระดมทุนหรือการลงทุน ไม่มีการเพิ่มทุนในช่วงปี ๒๕๔๔-๒๕๔๖ แต่มีความสามารถในการลงทุน เนื่องจากในปี ๒๕๔๕ อุตสาหกรรมภายในได้ระดมทุนเพิ่มจากสถาบันการเงิน เพื่อนำไปลงทุนในบริษัทย่อย ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยมีการทุ่มตลาดจากจากประเทศมาเลเซียคิดเป็นระหว่างร้อยละ ๔.๙๔-๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งการทุ่มตลาดจากประเทศดังกล่าว ส่งผลให้มีการนำเข้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจากมาเลเซียเป็นปริมาณมาก ๖.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ๖.๓.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศอื่น จากสถิติกรมศุลกากรจะเห็นว่า ปริมาณการนำเข้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจากประเทศอื่นรวมกันเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากมาเลเซีย ปรากฏว่ามีสัดส่วนร้อยละ ๓๒-๔๗ ในช่วงปี ๒๕๔๔-ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ในขณะที่การนำเข้าจากมาเลเซียครองสัดส่วนสูงที่สุดตลอดช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ร้อยละ ๕๓-๖๘ ๖.๓.๒ ความต้องการใช้ภายในประเทศ ปริมาณการใช้สินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีภายในประเทศเพิ่มขึ้นตลอดในช่วงปี ๒๕๔๔-ช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่สาเหตุจากการหดตัวของตลาดหรือการลดลงของอุปสงค์ จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ตามมาตรา ๑๙ (๑) เนื่องจาก ๑. ปริมาณนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากประเทศมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ๒. สินค้าทุ่มตลาดจากมาเลเซียมีการขายตัดราคาสินค้าชนิดเดียวกันของอุตสาหกรรมภายใน ทำให้อุตสาหกรรมภายในต้องลดราคาลงเพื่อพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาด จนประสบกับภาวะขาดทุนจากการขายภายในประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบในลักษณะการกดราคาและหยุดยั้งการขึ้นราคา ๓. ด้านผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายใน ซึ่งพิจารณาจากปัจจัยที่บ่งบอกเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมภายใน ปรากฏว่าในช่วงระยะเวลาการไต่สวนแม้ว่าอุตสาหกรรมภายในมีผลประกอบการด้านการผลิตดีขึ้น โดยสามารถเพิ่มกำลังการผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิต ทำให้มีต้นทุนลดลงและมีความสามารถในการผลิตคงที่ในระดับที่สูง มีส่วนแบ่งการตลาดค่อนข้างคงที่ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามการเติบโตของตลาดและมีการจ้างงานเพิ่ม แต่อุตสาหกรรมภายในประสบกับการขาดทุนจากการขายในประเทศ ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนลดลง และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลง ๔. มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ตามมาตรา ๒๑ โดยแม้ว่าในช่วงปี ๒๕๔๔–๒๕๔๖ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด การนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากประเทศมาเลเซียมีแนวโน้มลดลง คือจาก ๑๓,๓๐๗ พันหลอดในปี ๒๕๔๕ เหลือ ๙,๐๓๗ พันหลอด ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด แต่พบว่ามีการทุ่มตลาดในอัตราระหว่างร้อยละ ๔.๙๔-๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ได้แก่ ปริมาณและราคาสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ มีสัดส่วนน้อยและไม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศสูงขึ้น จึงมิใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ดังนั้น สรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากประเทศมาเลเซีย ๗. ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการ คณะกรรมการได้พิจารณาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับจากการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายข้างต้นแล้ว มีผลวินิจฉัยเบื้องต้นว่า การนำเข้าสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซียมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน ตามมาตรา ๑๙ (๑) อันมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายในจึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว โดยเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว สำหรับการนำเข้าสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๘๕๔๐.๑๑ เฉพาะสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอโค้ง (Conventional Cathode Ray Tubes) ที่มีขนาด ๑๔ นิ้ว ๒๐ นิ้ว ๒๑ นิ้ว และ ๒๕ นิ้ว และสินค้าหลอดภาพโทรทัศน์สีจอแบน (Flat Cathode Ray Tubes) ที่มีขนาด ๒๑ นิ้ว ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งผลิตจาก ๑) SAMSUNG SDI (MALAYSIA) BHD. หรือ SAMSUNG SDI (M) BHD. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๔.๙๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒) CHUNGHWA PICTURE TUBES (MALAYSIA) SDN.BHD. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๓) ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๗.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการส่งออก ให้ยกเว้นมาตรการการตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นรับคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดมาตรการชั่วคราว รวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๑๙ ง/หน้า ๑๐/๘ มีนาคม ๒๕๔๘
660833
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐ อินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2547
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐ อินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมประกาศฯ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้กำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าว เป็นระยะเวลา ๕ ปี ไว้แล้ว นั้น คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีมติเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ว่า เพื่อให้อัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์การค้าเหล็กของโลกและสถานการณ์ภายในประเทศที่มีความผันผวนมาก และเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยส่วนรวม จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นระยะเวลา ๖ เดือน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๗” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เป็นระยะเวลา ๖ เดือน ข้อ ๓ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณสาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ในอัตราร้อยละ ๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ วัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๓๒ ง/หน้า ๔๗/๑๙ มีนาคม ๒๕๔๗
438461
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2547
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๔๖ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นต้นไป ตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๗” ข้อ ๒[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ ของประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นต้นไป” ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗ วัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๒๒ ง/หน้า ๖๔/๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖
660829
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2546
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้ เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าว รวม ๖๖ รายการไปแล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน มีมติเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ว่าเพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และสาธารณะประกอบกัน จึงให้ยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจำนวน ๑๐ รายการ เฉพาะที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำไปผ่านกรรมวิธีรีดเย็นต่อ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องประเภทยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กเคลือบสังกะสีสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า และเหล็กเคลือบสังกะสีที่เข้มงวดเรื่องคุณภาพขอบเหล็ก ที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศดังกล่าวข้างต้นเป็นเวลา ๕ ปี รวมทั้งให้กำหนดขอบเขตความคลาดเคลื่อนของขนาดของเหล็กแผ่นรีดร้อนที่มีมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดด้วย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐ สโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ จนถึงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๓ ให้ยกเลิกบัญชีรายละเอียดแนบท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการ ทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐ คาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐ อาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้บัญชีรายละเอียดแนบท้ายประกาศนี้แทน ข้อ ๔ ให้ยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าเหล็ก แผ่นรีดร้อน จำนวน ๑๐ รายการเฉพาะที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำไปผ่านกรรมวิธีรีดเย็นต่อ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องประเภทยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กเคลือบสังกะสีสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า และเหล็กเคลือบสังกะสีที่เข้มงวดเรื่องคุณภาพขอบเหล็ก ตามพิกัด ๗๒๐๘.๓๗ รหัสสถิติ ๐๒๒ ๐๒๓ พิกัด ๗๒๐๘.๓๘ รหัสสถิติ ๐๒๒ ๐๒๓ ๐๓๒ ๐๓๓ พิกัด ๗๒๐๘.๓๙ รหัสสถิติ ๐๒๒ ๐๒๓ ๐๓๒ ๐๓๓ ที่มีแหล่งกำเนิดจาก ๑๔ ประเทศข้างต้น เป็นระยะเวลา ๕ ปี ภายใต้ปริมาณการนำเข้าและช่วงระยะเวลา ดังต่อไปนี้ ปีที่ ๑ นำเข้าปริมาณไม่เกิน ๔๗๐,๐๐๐ เมตริกตัน ช่วงระหว่าง วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ถึง วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ .ศ. ๒๕๔๗ ปีที่ ๒ นำเข้าปริมาณไม่เกิน ๓๘๐,๐๐๐ เมตริกตัน ช่วงระหว่าง วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึง วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ .ศ. ๒๕๔๘ ปีที่ ๓ นำเข้าปริมาณไม่เกิน ๒๔๐,๐๐๐ เมตริกตัน ช่วงระหว่าง วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึง วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ .ศ. ๒๕๔๙ ปีที่ ๔ นำเข้าปริมาณไม่เกิน ๙๐,๐๐๐ เมตริกตัน ช่วงระหว่าง วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึง วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ .ศ. ๒๕๕๐ ปีที่ ๕ นำเข้าปริมาณไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ เมตริกตัน ช่วงระหว่าง วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึง วันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๕ ให้กรมการค้าต่างประเทศออกใบกำกับปริมาณการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนนำไปรีดเย็นต่อในข้อ ๔ ตามแบบ ล.๑ ท้ายประกาศนี้ เพื่อแสดงประกอบพิธีการนำเข้าต่อกรมศุลกากร และให้กรมศุลกากรจัดทำทะเบียนเป็นรายเดือนแสดงรายละเอียดการนำเข้าแต่ละครั้ง เช่น ปริมาณที่นำเข้าจริง ราคาต่อหน่วย มูลค่ารวม ประเทศผู้ส่งออก ชื่อผู้ส่งออก และชื่อผู้นำเข้า เพื่อส่งให้กรมการค้าต่างประเทศภายในเดือนถัดไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ อดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ [เอกสารแนบท้าย] ๑. บัญชีรายละเอียดแนบท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) วิภา/ผู้จัดทำ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๗๗ ง/หน้า ๓๐/๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๖
660827
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2546
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย ไปแล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ว่ามีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว แต่ให้ยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีนำเข้ามาเพื่อการส่งออกรายละเอียดผลการพิจารณาของคณะกรรมการปรากฏในประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กเแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๗ และ มาตรา ๗๓(๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐ สโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศที่ระบุตามประกาศในข้อ ๑ โดยมีรายละเอียด ตามบัญชีรายละเอียดแนบท้ายประกาศนี้ ตามอัตราที่กำหนดดังนี้ (๑) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตจาก - NKK CORPORATION และ NIPPON STEEL CORPORATION อัตราร้อยละ ๓๖.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๓๖.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งผลิตจาก - ISCOR LIMITED และ SALDANHA STEEL(PTY) LTD. อัตราร้อยละ ๑๒๘.๑๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๑๒๘.๑๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ (๓) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งผลิตจาก - OVOLIPETSK IRON & STEEL CORPORATION อัตราร้อยละ ๒๔.๒๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๓๕.๑๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๔) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐคาซัคสถาน ซึ่งผลิตจาก - OJSC ISPAT KARMET อัตราร้อยละ ๑๐๙.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๑๐๙.๒๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ (๕) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งผลิตจาก - STEEL AUTHORITY OF INDIA LIMITED, JINDAL VIJAYANAGAR STEEL LIMITED, ESSAR STEEL LIMITED และ ISPAT INDUSTRIES LIMITED อัตราร้อยละ ๒๖.๘๑ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - THE TATA IRON AND STEEL COMPANY LIMITED อัตราร้อยละ ๓๑.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๓๑.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๖) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งผลิตจาก - POHANG IRON AND STEEL CO.,LTD. อัตราร้อยละ ๑๓.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๑๓.๙๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๗) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ซึ่งผลิตจาก - CHINA STEEL CORPORATION และ YIEH LOONG ENTERPRISE CO.,LTD. อัตราร้อยละ ๓.๔๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๒๕.๑๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๘) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเวเนซูเอลา ซึ่งผลิตจาก - SIDERURGICA DEL ORINOCO,SIDOR, C.A. อัตราร้อยละ ๗๘.๔๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๗๘.๔๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๙) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอาร์เจนตินา ซึ่งผลิตจาก - SIDERAR S.A.I.C. อัตราร้อยละ ๓๗.๙๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๕๓.๐๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๐) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน ซึ่งผลิตจาก - IRON & STEEL WORKS NAMED AFTER ILYICH อัตราร้อยละ ๓๐.๕๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๖๗.๖๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๑) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย ซึ่งผลิตจาก - ISPAT ANNABA/S.P.A อัตราร้อยละ ๓๓.๒๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๓๓.๒๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๒) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจาก - PT KRAKATAU STEEL อัตราร้อยละ ๒๔.๔๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๒๔.๔๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๓) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสโลวัก ซึ่งผลิตจาก - U.S. STEEL KOSICE, s.r.o. อัตราร้อยละ ๕๑.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๕๑.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๑๔) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโรมาเนีย ซึ่งผลิตจาก - COMBINATUL SIDERURGIC ISPAT SIDEX SA อัตราร้อยละ ๒๗.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๒๗.๙๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๓ อากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว ที่เรียกเก็บไปแล้วในระหว่าง ที่มีการใช้มาตรการชั่วคราว ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาด หากอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามข้อ ๒ มีอัตราต่ำกว่าอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้แล้ว ให้คืนอากรชั่วคราว ที่เก็บไว้เกิน หรือให้คืนหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว เมื่อผู้นำเข้าได้ชำระอากรตอบโต้การ ทุ่มตลาดตามอัตราที่กำหนดไว้ ข้อ ๔ ให้คืนอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้แล้วในระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราว ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ดังนี้ ๔.๑ เหล็กกล้าที่มีคาร์บอนตั้งแต่ร้อยละ ๐.๖ ขึ้นไป หรือเหล็กกล้าชั้นคุณภาพ JIS G ๓๑๐๑:SS๕๔๐ JIS G ๓๑๐๓:SB JIS G ๓๑๑๕:SPV JIS G ๓๑๑๘:SGV JIS G ๓๑๒๖:SLA JIS G ๓๑๓๔:SPFH JIS G ๔๐๕๑:S๔๘C ถึง S๕๘C หรือมาตรฐานอื่น ๆ ที่เทีบบเท่า ตามพิกัด ๗๒๐๘.๙๐ รหัสสถิติ ๐๙๐ ๔.๒ เหล็กกล้าที่ผ่านการกัดล้างแล้ว เหล็กกล้าที่มีคาร์บอนตั้งแต่ร้อยละ ๐.๖ ขึ้นไป หรือเหล็กกล้าชั้นคุณภาพ JIS G ๓๑๐๑:SS๕๔๐ JIS G ๓๑๐๓:SB JIS G ๓๑๑๕:SPV JIS G ๓๑๑๘:SGV JIS G ๓๑๒๖:SLA JIS G ๓๑๓๔:SPFH JIS G ๔๐๕๑:S๔๘C ถึง S๕๘C หรือมาตรฐานอื่น ๆ ที่เทียบเท่า ตามพิกัด ๗๒๑๑.๑๓ รหัสสถิติ ๐๐๐ พิกัด ๗๒๑๑.๑๔ รหัสสถิติ ๐๒๐ ๐๓๐ ๐๙๐ พิกัด ๗๒๑๑.๑๙ รหัสสถิติ ๐๒๐ ๐๓๐ ๐๙๐ ข้อ ๕ ให้คืนหลักประกันอากรที่กรมศุลกากรได้เรียกเก็บไว้แล้วตามมาตรา ๓๑ ในระหว่างวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ถึงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ข้อ ๖ ความในข้อ ๒ ให้ยกเว้นกับกรณีดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการค้าเพื่อส่งออกที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรและนำเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมส่งออก เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อการค้าเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (๒) ผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (๓) ผู้นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ ในการดำเนินการยกเว้นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยกเว้นอากรขาเข้าเพื่อการส่งออกตามกฎหมายดังกล่าวแล้วแต่กรณีโดยอนุโลม ข้อ ๗[๑] ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา ๕ ปี ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ อดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน [เอกสารแนบท้าย] ๑. บัญชีรายละเอียดแนบท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจาก ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) สุกัญญา/พิมพ์ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๕๙ ง/หน้า ๙/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๖
660825
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2546
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้า ไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้ การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ไปแล้ว นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนมีคำวินิจฉัยชั้นที่สุด เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ว่ามีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเพื่อขจัดความเสียหายที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดดังกล่าว แต่ให้ยกเว้นการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกรณีนำเข้ามาเพื่อการส่งออก รายละเอียดผลการพิจารณาของคณะกรรมการปรากฏในประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในการนำเข้าสินค้าเหล็กกล้า ไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ตามบัญชีรายละเอียดแนบท้ายประกาศนี้ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี ในอัตรา ที่กำหนดดังนี้ (๑) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลิตจาก - บริษัท Sumitomo Metal Industries, Ltd. และบริษัท Sumitomo Metal (Naoetsu), Ltd. อัตราร้อยละ ๑๔.๘๘ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - บริษัท Kawasaki Steel Corporation อัตราร้อยละ ๑๙.๘๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - บริษัท Nisshin Steel Co., Ltd. อัตราร้อยละ ๓๗.๐๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - บริษัท Nippon Kinzoku Co., Ltd. อัตราร้อยละ ๐.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๕๐.๙๒ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๒) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสหภาพยุโรป ซึ่งผลิตจาก - บริษัท Thyssen Krupp Nirosta GMBH และบริษัท Thyssen Krupp Acciai Speciali Terni Spa อัตราร้อยละ ๒๕.๕๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - บริษัท Avesta Polarit Stainless Oy และบริษัท Avesta Polarit AB. (Nyby and Avesta KBR) อัตราร้อยละ ๑๐.๐๒ ของราคา ซี.ไอ.ไอฟ. - บริษัท Acerinox, S.A. อัตราร้อยละ ๒๐.๓๕ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๒๕.๕๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๓) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากไต้หวัน ซึ่งผลิตจาก - บริษัท Chia Far Industrial Factory อัตราร้อยละ ๔.๘๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น อัตราร้อยละ ๓๓.๙๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (๔) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๕๐.๙๙ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๓ อากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว ที่เรียกเก็บไว้แล้วในระหว่างที่มีการใช้มาตรการชั่วคราว ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ให้เรียกเก็บเป็นอากรตอบโต้การทุ่มตลาด หากอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามข้อ ๒ มีอัตราต่ำกว่าอากรชั่วคราวที่เรียกเก็บไว้แล้วให้คืนอากรชั่วคราวที่เก็บไว้เกินหรือให้คืนหลักประกันการชำระอากรชั่วคราว เมื่อผู้นำเข้าได้ชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดตามอัตราที่กำหนดไว้ ข้อ ๔ ความในข้อ ๒ ให้ยกเว้นกับกรณีดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการค้าเพื่อส่งออกที่ นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรและนำเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมส่งออก เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อการค้าเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (๒) ผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนที่ นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (๓) ผู้นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ ในการดำเนินการยกเว้นอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยกเว้นอากรขาเข้าเพื่อการส่งออกตามกฎหมายดังกล่าวแล้วแต่กรณีโดยอนุโลม ข้อ ๕[๑] ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เป็นระยะเวลา ๕ ปี ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ อดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน [เอกสารแนบท้าย] ๑. บัญชีรายละเอียดแนบท้ายประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็นชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) สุกัญญา/พิมพ์ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๓๐ ง/หน้า ๑๓/๑๒ มีนาคม ๒๕๔๖
660823
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การ๔ตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ กำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศดังกล่าว เป็นระยะเวลา ๔ เดือน นับแต่วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นต้นไป นั้น บัดนี้ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้ขยายเวลาการใช้มาตรการชั่วคราวออกไปอีก เพื่อให้กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดต่อไปเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าสมควรจะเรียกเก็บอากรตอบโต้การ ทุ่มตลาดเป็นอัตราเท่าใด จึงจะเพียงพอต่อการขจัดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ (๓) และ มาตรา ๗๓ (๑) แห่ง พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถานสาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลา สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐ สโลวัก และประเทศโรมาเนีย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖” ข้อ ๒ ให้ขยายระยะเวลาการใช้มาตรการชั่วคราวตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนและไม่เป็นม้วนที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สหพันธรัฐรัสเซียสาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐเวเนซูเอลาสาธารณรัฐอาร์เจนตินา ประเทศยูเครน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสโลวัก และประเทศโรมาเนีย พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ออกไปอีกเป็นระยะเวลา ๒ เดือน ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ อดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๓๐ ง/หน้า ๑๐/๑๒ มีนาคม ๒๕๔๖
430000
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. 2546
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๖[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยขั้นต้นกำหนดมาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครนและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๖ กรมการค้าต่างประเทศจึงได้ออกประกาศ เรื่อง ผลการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งออกตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อประกาศรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนขั้นต้นดังนี้ ๑. การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามคำขอของบริษัท เหล็กสยาม (๒๐๐๑) จำกัด และบริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด ในฐานะอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และสรุปผลการไต่สวนให้คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยขั้นต้นเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ๒. สินค้าทุ่มตลาด เหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๓.๙๑ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๓. ผู้มีส่วนได้เสีย ๓.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในต่างประเทศ ๓.๑.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในประเทศยูเครน ได้แก่ บริษัท ENAKIYEVSDY, บริษัท KRIVOI ROG STATE-OWNED INTEGRATED MINING & METALLURGICAL WORKS “KRIVOROZHSTAL” หรือ KRIVOY ROG IRON & STEEL WORKS, บริษัท MAKEYEVKA IRON & STEEL WORKS และรายอื่นๆ นอกจากที่ระบุดังกล่าว ๓.๑.๒ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้แก่ บริษัท P.T. ISPAT INDO, บริษัท P.T. GUNUNG GAH, บริษัท P.T. GUNUNG GAR บริษัท P.T. HANIL JAYA, บริษัท P.T. INDUSTRI G, บริษัท P.T. JAKARTA KY บริษัท P.T. JAKARTA PR, บริษัท P.T. KRAKATAU และรายอื่น ๆ นอกจากที่ระบุดังกล่าว ๓.๒ ผู้นำเข้าในไทย ได้แก่ บริษัท เด่นไทยลวดตาข่าย จำกัด บริษัท เค.วาย.อินเตอร์เทรด จำกัด บริษัท สหเอเซียโลหะภัณฑ์ จำกัด และรายอื่นๆ นอกจากที่ระบุดังกล่าว ๓.๓ อุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ ได้แก่ บริษัท เหล็กสยาม (๒๐๐๑) จำกัด บริษัทโรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด บริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยคูนเวิลด์ไวด์กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท น่ำเฮงสตีล จำกัด ๓.๔ รัฐบาลของประเทศยูเครนและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณา ๔. ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ให้ความร่วมมือ จะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากแต่ละราย โดยระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด คือ วันที่ ๑ มกราคม – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๕ สำหรับผู้ไม่ให้ความร่วมมือหรือผู้ผลิตรายอื่นๆ จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ (Best Information Available: BIA) ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และ ข้อ ๖.๘ ตามความตกลงว่าด้วยการปฏิบัติตามข้อ VI ของความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า ๑๙๙๔ โดยสรุปผลการพิจารณาการทุ่มตลาดของแต่ละประเทศ ดังนี้ ๔.๑ ประเทศยูเครน ๔.๑.๑ บริษัท KRIVOI ROG STATE-OWNED INTEGRATED MINING & METALLURGICAL WORKS “KRIVOROZHSTAL” หรือ KRIVOY ROG IRON & STEEL WORKS (๑) มูลค่าปกติ ใช้มูลค่าที่คำนวณขึ้น (Constructed value) ตามหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๕ (๒) โดยคำนวณจากต้นทุนการผลิตในประเทศแหล่งกำเนิดรวมกับจำนวนที่เหมาะสมของค่าใช้จ่ายในการจัดการการขายและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตลอดจนกำไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งได้ปรับแล้วโดยพิจารณาเห็นว่าราคาขายภายในประเทศตามที่บริษัทรายงานไม่ถือเป็นราคาในทางการค้าปกติที่จะนำมาพิจารณาหามูลค่าปกติได้ เนื่องจากราคาดังกล่าวต่ำกว่าต้นทุนการผลิตรวมกับค่าใช้จ่ายในการจัดการ การขาย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๕ วรรค ๓ ในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออก ณ หน้าโรงงานตามแบบสอบถามถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๑๙.๓๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๔.๑.๒ ผู้ผลิต หรือผู้ส่งออกรายอื่น ได้ใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ในการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี้ (๑) มูลค่าปกติ ใช้มูลค่าปกติที่คำนวณขึ้นของบริษัท “KRIVOROZHSTAL” (๒) ราคาส่งออก ใช้ข้อมูลราคาส่งออก ณ หน้าโรงงานตามแบบสอบถามของบริษัท “KRIVOROZHSTAL” โดยเลือกธุรกรรมที่มีราคาต่ำที่สุด (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๔.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๔.๒ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๔.๒.๑ บริษัท P.T. ISPAT INDO (๑) มูลค่าปกติ คำนวณตามหลักเกณฑ์มาตรา ๑๕ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาขายภายในประเทศ ณ หน้าโรงงาน ตามแบบสอบถามถัวเฉลี่ยน้ำหนัก (๒) ราคาส่งออก คำนวณตามหลักเกณฑ์มาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคำนวณจากราคาส่งออก ณ หน้าโรงงานตามแบบสอบถามถัวเฉลี่ยน้ำหนัก (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกัน คือ ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๒๗.๔๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๔.๒.๒ ผู้ผลิต หรือผู้ส่งออกรายอื่น ได้ใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ในการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกรณีนี้ถือว่าระดับการให้ความร่วมมือของประเทศมีมาก จึงพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดเท่ากับอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดของผู้ให้ความร่วมมือ คือ บริษัท P.T. ISPAT INDO คือ อัตราร้อยละ ๒๗.๔๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๕. ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการได้วินิจฉัยความเสียหายขั้นต้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาข้อมูลตอบแบบสอบถามของอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม รวม ๓ ราย คือ บริษัท เหล็กสยาม (๒๐๐๑) จำกัด บริษัท โรงงานเหล็กกรุงเทพฯ จำกัด และบริษัท อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด (มหาชน) ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี ๒๕๔๒–๒๕๔๕ การพิจารณาความเสียหายขั้นต้นได้ประเมินผลของการนำเข้าจากประเทศยูเครนและสาธารณรัฐอินโดนีเซียรวมกัน เนื่องจาก ๑) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำจากทั้ง ๒ ประเทศ ดังกล่าว เกินกว่าร้อยละ ๒ ของราคาส่งออก คือ อยู่ในระหว่างร้อยละ ๑๙.๓๗–๓๔.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ.และมีปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากทั้ง ๒ ประเทศเกินกว่าร้อยละ ๓ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ดังนั้น ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดและปริมาณการนำเข้าจากประเทศที่ถูกกล่าวหาแต่ละประเทศเกินกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง กำหนดเกณฑ์ในการยุติการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. ๒๕๔๕ และ ๒) มีความเหมาะสมต่อสภาพการแข่งขันในระหว่างสินค้าทุ่มตลาดด้วยกันและในระหว่างสินค้าทุ่มตลาดกับสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศเนื่องจากสามารถใช้งานทดแทนกันได้และไม่มีความแตกต่างด้านช่องทางการจัดจำหน่ายระหว่างสินค้าทุ่มตลาดและสินค้าชนิดเดียวกัน การพิจารณาความเสียหายขั้นต้นปรากฏว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๕.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ๕.๑.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากประเทศยูเครนและสาธารณรัฐอินโดนีเซียรวมกันมีปริมาณเพิ่มขึ้นโดยตลอด จาก ๓๐,๙๕๖ ตัน ในปี ๒๕๔๒ เป็น ๓๒,๔๒๔ ตัน ในปี ๒๕๔๓ และเพิ่มเป็น ๕๙,๔๙๒ ตัน ในปี ๒๕๔๔ ปี ๒๕๔๕ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาการไต่สวนมีการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้นถึง ๑๑๓,๑๖๓ ตัน คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๒๔ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ๕.๑.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ การนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากประเทศที่ถูกกล่าวหาทั้ง ๒ ประเทศ ได้ก่อให้เกิดการตัดราคา การกดราคา และการยับยั้งการเพิ่มราคา โดยประเทศยูเครนมีการขายตัดราคาประมาณ ๓๓๓–๑,๑๒๖ บาทต่อตัน สาธารณรัฐอินโดนีเซียขายตัดราคาประมาณ ๕๒๐–๕๒๒ บาทต่อตัน ๕.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดนั้นที่มีต่ออุตสาหกรรมภายในยอดจำหน่าย แม้ว่าอุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในสามารถขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในประเทศแต่ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นก็ยังน้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้ในประเทศ กำไร อุตสาหกรรมภายในต้องประสบกับภาวะขาดทุนตลอดมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ - ๒๕๔๕ ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ - ๒๕๔๕ เนื่องจากตลาดภายในประเทศมีการขยายตัวและอุตสาหกรรมภายในต้องการลดต้นทุนคงที่ต่อหน่วยด้วย จึงต้องเพิ่มการผลิตเพื่อให้เกิดการประหยัดจากขนาด โดยปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนหนึ่งอุตสาหกรรมภายในได้ระบายสินค้าโดยส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในได้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับประเทศที่ถูกกล่าวหา โดยอุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งตลาดลดลงจากร้อยละ ๘๒.๘๔ ในปี ๒๕๔๓ เหลือร้อยละ ๘๑.๐๕ ในปี ๒๕๔๔ และในปี ๒๕๔๕ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาการไต่สวนมีส่วนแบ่งตลาดเหลือเพียงร้อยละ ๗๖.๑๔ ขณะที่สินค้าจากประเทศที่ถูกกล่าวหามีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๙.๖๙ ในปี ๒๕๔๓ เป็นร้อยละ ๑๔.๗๘ ในปี ๒๕๔๔ และเพิ่มเป็น ๒๑.๗๗ ในปี ๒๕๔๕ ความสามารถในการผลิต อุตสาหกรรมภายในมีความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้มีการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต สามารถลดส่วนสูญเสียที่เกิดจากการผลิตให้เหลือน้อยลง ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนติดลบมาโดยตลอดตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ ทั้งนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในไม่สามารถขายสินค้าในราคาที่ก่อให้เกิดกำไรได้ การใช้กำลังการผลิต อุตสาหกรรมภายในมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๓๒.๒๘ ในปี ๒๕๔๒ เป็นร้อยละ ๕๘.๕๒ ในปี ๒๕๔๕ ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิต ผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนราคาขายสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ ๒ และ ๓ แต่ในไตรมาสที่ ๔ ราคากลับมีแนวโน้มลดลง กระแสเงินสด ในปี ๒๕๔๒ และ ๒๕๔๓ กระแสเงินสดของอุตสาหกรรมภายในติดลบสูงถึง ๑,๒๘๐ และ ๑,๕๐๖ ล้านบาท ตามลำดับ ในปี ๒๕๔๔ และในปี ๒๕๔๕ อุตสาหกรรมภายในมีกระแสเงินสดดีขึ้นเล็กน้อย สินค้าคงคลัง อุตสาหกรรมภายในมีสินค้าคงคลังลดลง เนื่องจากได้มีบางส่วนส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ การจ้างงาน พิจารณาจากจำนวนแรงงาน โดยอุตสาหกรรมภายในมีการจ้างแรงงานลดลงมาตลอดปีตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ ซึ่งมีจำนวนแรงงาน ๑,๑๐๕ คน เหลือ ๑,๐๔๗ คน ในปี ๒๕๔๕ ค่าจ้างแรงงาน อุตสาหกรรมภายในมีค่าจ้างแรงงานต่อชั่วโมงสูงขึ้นเล็กน้อย คือ จาก ๘๐.๔๘ บาทต่อชั่วโมง ในปี ๒๕๔๒ เป็น ๘๓.๕๗ บาทต่อชั่วโมง ในปี ๒๕๔๓ ในปี ๒๕๔๔ เพิ่มเป็น ๘๗.๙๓ บาทต่อชั่วโมง และในปี ๒๕๔๕ เพิ่มเป็น ๙๑.๔๔ บาทต่อชั่วโมง อัตราการเจริญเติบโต แม้อุตสาหกรรมภายในจะขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น แต่เป็นการขายที่ไม่เกิดกำไรและมีอัตราการเติบโตของปริมาณขายอยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราการเติบโตของปริมาณการใช้ในประเทศ ความสามารถในการระดมหรือการลงทุน เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในมีผลประกอบการขาดทุนมาตลอดตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ โดยในปี ๒๕๔๕ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาการไต่สวนมียอดขาดทุนสะสมสูงถึง ๕,๙๗๙ ล้านบาท ทำให้ไม่มีความสามารถในการระดมทุนหรือลงทุน ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด มีความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด โดยมีการทุ่มตลาดจากประเทศยูเครนคิดเป็นระหว่างร้อยละ ๑๙.๓๗ - ๓๔.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียคิดเป็นร้อยละ ๒๗.๔๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งการทุ่มตลาดจากทั้ง ๒ ประเทศดังกล่าว ส่งผลให้ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนปริมาณการนำเข้าจากทั้ง ๒ ประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๒๔ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ๕.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ๕.๓.๑ ปริมาณและราคาของสินค้านำเข้าที่มิได้ขายในราคาที่มีการทุ่มตลาด เมื่อพิจารณาปริมาณและราคานำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญอื่น ๆ คือ สิงคโปร์ และมาเลเซียแล้วพบว่า ปริมาณการนำเข้าจากทั้ง ๒ ประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงระยะเวลาการไต่สวนมีปริมาณการนำเข้ารวมกันเพียงร้อยละ ๘.๗๖ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด และมีราคาจำหน่ายอยู่ในระดับราคาที่สูงกว่าอุตสาหกรรมภายในประเทศมาโดยตลอด ๕.๓.๒ ความต้องการใช้ภายในประเทศ ปริมาณการใช้ภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ เป็นต้นมา จึงไม่ใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) เนื่องจาก ๑. ปริมาณนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากประเทศที่ถูกกล่าวหาทั้ง ๒ ประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ - ๒๕๔๕ ๒. มีผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายใน โดยมีการขายตัดราคาทำให้อุตสาหกรรมภายในต้องลดราคาขายลงเพื่อแข่งขันกับสินค้าทุ่มตลาด และยังส่งผลกระทบในลักษณะการยับยั้งการขึ้นราคา โดยอุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มราคาขายให้เท่ากับต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นได้ ๓. ด้านผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายใน สินค้าทุ่มตลาดได้เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด ทำให้อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งตลาดลดลง ประสบกับภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ผลตอบแทนการลงทุนติดลบ ส่งผลให้ไม่สามารถระดมทุนหรือลงทุนเพิ่มได้ เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมภายใน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและความสามารถในการผลิตที่มีแนวโน้มลดลง ๔. มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ โดยในช่วงปี ๒๕๔๒ - ๒๕๔๔ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด (๑ มกราคม – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๕) มีการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากทั้ง ๒ ประเทศในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการทุ่มตลาดระหว่างร้อยละ ๑๙.๓๗ - ๓๔.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ได้แก่ ปริมาณและราคาสินค้านำเข้าจากประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้ขายในราคาทุ่มตลาด และความต้องการใช้ภายในประเทศแล้วพบว่า มิใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในในเวลาเดียวกัน ดังนั้น สรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายใน เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากประเทศยูเครนและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๖. ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการ คณะกรรมการได้พิจารณาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับจากการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายข้างต้นแล้ว มีผลวินิจฉัยขั้นต้นว่า การนำเข้าสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครนและสาธารณรัฐอินโดนีเซียมีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) อันมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายในจึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราว โดยเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือวางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวสำหรับการนำเข้าสินค้าดังกล่าวตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๓.๙๑ ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กลวดคาร์บอนต่ำมาตรฐานเลขที่ มอก. ๓๔๘ - ๒๕๔๐ ในอัตราเท่ากับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดขั้นต้นที่พบ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๔๑ ดังนี้ ๑) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน ซึ่งผลิตจาก - บริษัท KRIVOIROG STATE – OWNED INTEGRATED MINING & METALLURGICAL WORKS “KRIVOROZHSTAL” หรือ KRIVOY ROG IRON & STEEL WORKS ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๙.๓๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๓๔.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตจาก - บริษัท P.T. ISPAT INDO ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๒๗.๔๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๒๗.๔๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ที่นำเข้าจาก ๒ ประเทศดังกล่าว เพื่อการส่งออกสำหรับกรณีดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการค้าเพื่อส่งออกที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรและนำเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมส่งออก เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อการค้าเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (๒) ผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (๓) ผู้นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยศุลกากร หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นรับคำขอข้อเท็จจริง ที่ใช้ในการกำหนดมาตรการชั่วคราว รวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็น เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ มยุรี/พิมพ์ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ จีระ/พัชรินทร์/ตรวจ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๗ A+B [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง/หน้า ๒๔/๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๖
425902
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครนและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. 2546
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครนและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๖ ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยขั้นต้นเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ว่า ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครนและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้ส่งสินค้าเข้ามาทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งความเสียหายดังกล่าวเป็นความเสียหายอย่างสำคัญตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัตินี้ มีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด คณะกรรมการจึงเห็นสมควรให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้ การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว และเพื่อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมส่งออกให้ยกเว้นมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อการส่งออก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครนและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย พ.ศ. ๒๕๔๖” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งดำเนินกิจการหรือมีสาขาดำเนินกิจการในประเทศไทยสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๓.๙๑ ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กลวดคาร์บอนต่ำมาตรฐานเลขที่ มอก. ๓๔๘-๒๕๔๐ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครนและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในอัตราดังนี้ ๑) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศยูเครน ซึ่งผลิตจาก - KRIVOI ROG STATE-OWNED INTEGRATED MINING & METALLURGICAL WORKS “KRIVOROZHSTAL” หรือ KRIVOY ROG IRON & STEEL WORKS ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๑๙.๓๗ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๓๔.๐๐ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒) ผู้ส่งออกสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐอินโดนีเซียซึ่งผลิตจาก - P.T ISPAT INDO ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๒๗.๔๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๒๗.๔๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๓ ให้ยกเว้นการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดในกรณีดังต่อไปนี้ ๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการค้าเพื่อส่งออกที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรและนำเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมส่งออก เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อการค้าเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๒) ผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนที่นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ๓) ผู้นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาเพื่อการส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ ในการดำเนินการยกเว้นอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยกเว้นอากรขาเข้าเพื่อการส่งออกตามกฎหมายดังกล่าวแล้วแต่กรณีโดยอนุโลม ข้อ ๔[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เป็นกำหนดเวลาสี่เดือน ประกาศ ณ วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ อดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง/หน้า ๑๔๘/๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๖
421469
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการทบทวนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ พ.ศ. 2546
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการทบทวนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ ตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ พ.ศ. ๒๕๔๖[๑] ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ พ.ศ ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๑๘) พ.ศ. ๒๕๓๙ ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษในการนำเข้าสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๐ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๖.๓๓ ซึ่งมีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ เป็นสินค้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมพิเศษในอัตราที่กำหนดสำหรับการนำเข้ามาในราชอาณาจักรไว้และเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ประชุมวินิจฉัยผลการทบทวนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษตอบโต้การทุ่มตลาดตามคำขอของอุตสาหกรรมภายในและมีมติให้ยุติการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษดังกล่าว ตามข้อ ๑๕ และ ๑๗.๒ ของประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษซึ่งสินค้านำเข้าเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. ๒๕๓๙ ลงวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ กรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศผลการทบทวน ดังนี้ ๑. ข้อมูลเบื้องต้น การจัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ เป็นผลมาจากการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ซึ่งครบกำหนด ๕ ปี ในวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๕ และก่อนที่จะครบกำหนดดังกล่าวอุตสาหกรรมภายใน คือ บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด ได้ยื่นคำขอให้ทบทวนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษดังกล่าวต่อไปอีก โดยแสดงเหตุผลและข้อมูลประกอบว่าหากยุติการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษจะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาคำขอและมีมติเห็นควรให้เปิดการทบทวนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ตามประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การทบทวนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ๒. สินค้าที่ทบทวน สินค้าที่ทบทวน คือ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H (Angles Shapes and Sections of Iron or Non-Alloy Steel: H Sections) พิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๗๒๑๖.๓๓ ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ ๓. ระยะเวลาของการทบทวน ตั้งแต่ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๐ ถึง วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๔ ๔. ผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ ๔.๑ ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกของโปแลนด์ - บริษัท Huta Katowice - บริษัท Stalexport ๔.๒ อุตสาหกรรมภายใน - บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด ๔.๓ ผู้นำเข้าไทยจำนวน ๔๓ ราย ๔.๔ รัฐบาลโปแลนด์ ๕. ผู้ตอบแบบสอบถาม ๕.๑ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕ กรมการค้าต่างประเทศได้จัดส่งประกาศเปิดการทบทวนและแบบสอบถามให้รัฐบาลโปแลด์ และผู้ผลิต/ผู้ส่งออกโปแลนด์ โดยกำหนดให้ส่งแบบสอบถามคืนภายในวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๕ ปรากฏว่าไม่มีผู้ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม ๕.๒ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๔๕ กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งประกาศเปิดการทบทวนและแบบสอบถามให้กับอุตสาหกรรมภายใน ๑ ราย โดยกำหนดให้ส่งแบบสอบถามคืนภายในวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๕ และเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๕ จัดส่งให้ผู้นำเข้าที่ได้รับการสุ่มตัวอย่างจำนวน ๑๐ รายได้แก่ บริษัท พิสุทธิ์โกมล จำกัด บริษัท พิสุทธิ์โชติ จำกัด บริษัท ลีไทยมุ้ย ๑๙๙๑ จำกัด บริษัท เกรียงไกร สตีล อิมปอร์ต จำกัด บริษัท ต. วรคุณ จำกัด บริษัท ดูสยาม จำกัด บริษัท ลีฟา ไออ้อน จำกัด บริษัท จิวัฒนา จำกัด บริษัท โลหะไพศาลวานิช จำกัด และบริษัท อุดมโลหะกิจ (๑๙๗๕) จำกัด โดยกำหนดให้ส่งแบบสอบถามคืนภายในวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๕ ปรากฏว่ามีเพียงอุตสาหกรรมภายในที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม ๖. ข้อมูลที่ใช้ในการทบทวน ในการพิจารณาทบทวน กรมการค้าต่างประเทศพิจารณาข้อมูลจาก (๑) ผู้ยื่นคำขอได้แก่ บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด (๒) ผู้ใช้ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง (๓) สถิติจากกรมศุลกากรของไทย (๔) สถิติจากสำนักงานสถิติกลางโปแลนด์ ๗. ผลการทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้พิจารณาทบทวนว่าการยุติการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป หรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีกหรือไม่ โดยสรุปผลการทบทวนได้ ดังนี้ ๑. ในช่วงระยะเวลาการทบทวนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ ไม่มีการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากโปแลนด์เลย ดังนั้นจึงพิจารณาได้ว่าไม่มีการทุ่มตลาดจากโปแลนด์ และไม่เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ๒. เมื่อพิจารณาว่าการทุ่มตลาดอาจฟื้นคืนมาอีกหรือไม่หากยุติการใช้มาตรการสรุปได้ว่าหากยุติการใช้มาตรการอาจมีการทุ่มตลาดจากโปแลนด์ขึ้นอีก และอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในได้ อย่างไรก็ดีจากหลักฐานข้อเท็จจริงที่มีอยู่ไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าการทุ่มตลาดจะฟื้นขึ้นมาอีก กรมการค้าต่างประเทศจึงเห็นควรให้ยุติการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ ๘. ผลการวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๖ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้พิจารณาผลการทบทวนของกรมการค้าต่างประเทศแล้ว และมีมติว่าให้ยุติการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ ๙. การเปิดเผยรายละเอียดในการทบทวน ตามข้อ ๕.๒ ของประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษซึ่งสินค้านำเข้าเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. ๒๕๓๙ ลงวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ผู้ยื่นคำขอ ผู้นำเข้า และผู้ส่งออกจากต่างประเทศสามารถยื่นคำร้องขอทราบรายละเอียดที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นฐานในการทบทวนได้ที่กรมการค้าต่างประเทศ ถนนสนามบินน้ำ-นนทบุรี อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทร. ๐–๒๕๔๗–๔๗๓๘–๔๐ โทรสาร ๐–๒๕๔๗–๔๗๔๑ ตามแบบฟอร์มที่กำหนด ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณหน้าตัดรูปตัว H ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ มีผลบังคับใช้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๑๑๑ ง/หน้า ๗/๒๕ กันยายน ๒๕๔๖
415450
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2546
ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง ผลการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๔๖[๑] ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยขั้นต้นกำหนดมาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริก ที่มีแห่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๔๖ กรมการค้าต่างประเทศจึงได้ออกประกาศ เรื่อง ผลการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ.๒๕๔๖ ซึ่งออกตามความในข้อ ๑ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๓) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อประกาศรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาผลการไต่สวนดังนี้ ๑. การเปิดการไต่สวน เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำขอของ บริษัท ไทยซิตริก แอซิด จำกัด และบริษัท เอเชียซีทริค จำกัด ในฐานะอุตสาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้ากรดซิทริก ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และสรุปผลการไต่สวนให้คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยขั้นต้นเมื่อวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ๒. สินค้าทุ่มตลาด สินค้ากรดซิทริก (กรดมะนาว) พิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๙๑๘๑๔๐๐๐๘ อยู่ภายใต้มาตรฐานอุตสาหกรรม BP ๑๙๙๓ (อังกฤษ) และ USP ๒๓ (สหรัฐอเมริกา) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ๓. ผู้มีส่วนได้เสีย ๓.๑ ผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ (๑) RZBC CO., LTD. (๒) SHANGDONG NINGMENG BIOCHEMISTRY CO., LTD. (๓) รายอื่น นอกจาก (๑) และ (๒) ๓.๒ ผู้นำเข้าในไทย ได้แก่ (๑) บริษัท เคมมิน จำกัด (๒) บริษัท ไทยฟูดแอนด์เคมิคอล จำกัด (๓) รายอื่น นอกจาก (๑) และ (๒) ๓.๓ อุตสาหกรรมภายในที่ผลิตสินค้ากรดซิทริกทั้งหมด ในฐานะผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ ได้แก่ บริษัท ไทยซิตริก แอซิด จำกัด และ บริษัท เอเชียซีทริค จำกัด ๓.๔ รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกสินค้าที่ถูกพิจารณา ๔. ผลการพิจารณาการทุ่มตลาด ในการคำนวณส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดสำหรับผู้ให้ความร่วมมือ จะพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้รับจากแต่ละราย โดยระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการไต่สวนการทุ่มตลาด คือ วันที่ ๑ มกราคม – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๕ สำหรับผู้ไม่ให้ความร่วมมือหรือผู้ผลิตรายอื่น ๆ จะพิจารณาโดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ (Best Information Available: BIA) ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ และข้อ ๖.๘ ตามความตกลงว่าด้วยการปฏิบัติตามข้อ VI ของความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า ๑๙๙๔ โดยสรุปผลการพิจารณาการทุ่มตลาดของสาธารณรัฐประชาชนจีนดังนี้ ๔.๑ RZBC CO., LTD. และ SHANGDONG NINGMENG BIOCHEMISTRY CO., LTD. จากการพิจารณาข้อมูลตามแบบสอบถาม พบว่าข้อมูลในแบบสอบถามไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากข้อมูลที่สำคัญที่ใช้ในการพิจารณาไม่สอดคล้องกับงบการเงินตามที่บริษัททั้งสองแจ้ง ดังนั้น จึงพิจารณาไม่รับข้อมูลตามแบบสอบถามที่บริษัทแจ้งทั้งหมดและใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ (Best Information Available: BIA) ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี้ (๑) มูลค่าปกติ คำนวณโดยใช้มูลค่าปกติจากคำขอของอุตสาหกรรมภายใน (๒) ราคาส่งออก คำนวณโดยใช้ราคานำเข้าเฉลี่ยปี ๒๕๔๕ จากข้อมูลของผู้นำเข้า หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากคำขอของอุตสาหกรรมภายใน (๓) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด คำนวณตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๘ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าปกติตาม (๑) และราคาส่งออกตาม (๒) ซึ่งเป็นราคา ณ ระดับการค้าเดียวกันคือ ณ หน้าโรงงานและในช่วงระยะเวลาเดียวกันคือ ช่วงระยะเวลาการไต่สวน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ ๓๘.๐๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๔.๒ รายอื่น ได้ใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ในการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกรณีนี้ถือว่าระดับการให้ความร่วมมือของประเทศมีน้อย จึงพิจารณาส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดเท่ากับอัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดจากคำขอของอุตสาหกรรมภายใน คืออัตราร้อยละ ๔๕.๘๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๕. ผลการพิจารณาความเสียหาย คณะกรรมการได้วินิจฉัยความเสียหายเบื้องต้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ ของพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยพิจารณาข้อมูลตามคำขอของอุตสาหกรรมภายใน ในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด คือ วันที่ ๑ มกราคม – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๕ และช่วงระยะเวลา ๓ ปีย้อนหลัง คือ ปี ๒๕๔๒ – ๒๕๔๔ และพิจารณาจากข้อมูลและสถานะของบริษัทที่ทำการผลิตสินค้าชนิดเดียวกันในช่วงระยะเวลาไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม รวม ๒ ราย ได้แก่ ๑. บริษัท ไทยซิตริก แอซิด จำกัด ๒. บริษัท เอเชียซีทริค จำกัด การพิจารณาความเสียหายเบื้องต้นปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) ดังนี้ ๕.๑ ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ ๕.๑.๑ ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีปริมาณเพิ่มขึ้นโดยตลอด จาก ๒,๖๒๘ ตัน ในปี ๒๕๔๒ เป็น ๔,๗๔๘ ตัน ในปี ๒๕๔๓ และเพิ่มเป็น ๔,๙๓๘ ตัน ในปี ๒๕๔๔ สำหรับปี ๒๕๔๕ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาการไต่สวนมีการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้นถึง ๗,๕๔๔ ตัน คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๕ ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ๕.๑.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ การนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากประเทศที่ถูกกล่าวหา ได้ก่อให้เกิดการตัดราคา การกดราคา และการยับยั้งการเพิ่มราคา โดยสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการขายตัดราคาระหว่าง ๑.๔๑ – ๖.๙๓ บาทต่อกิโลกรัม ๕.๒ ผลกระทบของการทุ่มตลาดนั้นที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ยอดจำหน่าย อุตสาหกรรมภายในมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ – ๒๕๔๔ แต่ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ปรากฏว่ามียอดจำหน่ายกลับลดลง กำไร อุตสาหกรรมภายในต้องประสบกับภาวะขาดทุนตลอดมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ – ๒๕๔๕ ผลผลิต ปริมาณการผลิตของอุตสาหกรรมภายในเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้ในประเทศ และเพื่อให้เกิดการประหยัดจากขนาดของต้นทุน (economy of scale) อย่างไรก็ตาม อัตราการเพิ่มผลผลิตของอุตสาหกรรมภายในได้ชะลอลง คือ จากอัตราร้อยละ ๔๓.๘๖ ในปี ๒๕๔๓ เหลืออัตราร้อยละ ๒๖.๓๒ ในปี ๒๕๔๔ และเหลืออัตราร้อยละ ๐.๐๕ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด ซึ่งอุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มปริมาณขายในอัตราส่วนเดียวกันกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการใช้ภายในประเทศได้ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในตลาดภายในประเทศ ส่วนแบ่งตลาด แม้ว่าอุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๔๒ – ๒๕๔๔ อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งตลาดของอุตสาหกรรมภายในน้อยกว่าส่วนแบ่งตลาดของสาธารณรัฐประชาชนจีน และเมื่อพิจารณาส่วนแบ่งตลาดในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดแล้วพบว่า ส่วนแบ่งตลาดของอุตสาหกรรมภายในลดลงเหลือร้อยละ ๓๓.๒๔ ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๕๙.๗๕ อันบ่งบอกได้ว่าอุตสาหกรรมภายในได้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ความสามารถในการผลิต ความสามารถในการผลิตพิจารณาจากต้นทุนการผลิตซึ่งมีแนวโน้มลดลงมาโดยตลอดตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ ผลตอบแทนการลงทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนติดลบตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ – ๒๕๔๔ ในช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาดอุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนการลงทุนดีขึ้น แต่ก็อยู่ในระดับที่ต่ำมาก อัตราการใช้กำลังการผลิต อุตสาหกรรมภายในมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากร้อยละ ๓๖.๐๑ ในปี ๒๕๔๒ เป็นร้อยละ ๕๑.๘๐ ร้อยละ ๖๕.๔๓ และร้อยละ ๖๘.๘๐ ในปี ๒๕๔๓ ปี ๒๕๔๔ และปี ๒๕๔๕ ตามลำดับ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิต ผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศ ราคาขายเฉลี่ยของอุตสาหกรรมภายในขายให้แก่ผู้ใช้ขั้นสุดท้าย (end user) ตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ – ๒๕๔๕ ปรากฏว่าลดลงมาโดยตลอด กระแสเงินสดและสภาพคล่อง ในปี ๒๕๔๒ – ๒๕๔๔ อุตสาหกรรมภายในมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น แต่เมื่อพิจารณาสินทรัพย์หมุนเวียนเมื่อเปรียบเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนของอุตสาหกรรมภายในแล้วพบว่ามีสัดส่วนที่ต่ำมาก คือน้อยกว่า ๑ ซึ่งแสดงว่าอุตสาหกรรมภายในขาดสภาพคล่อง สินค้าคงคลัง อุตสาหกรรมภายในมีสินค้าคงคลังลดลงระหว่างปี ๒๕๔๒ – ๒๕๔๓ ยกเว้นปี ๒๕๔๔ ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น ส่วนในปี ๒๕๔๕ มีปริมาณลดลง เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในพยายามระบายสินค้าส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ การจ้างงานและค่าจ้างแรงงาน การจ้างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และค่าจ้างแรงงานต่อชั่วโมงระหว่างปี ๒๕๔๒ – ๒๔๔๔ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ในปี ๒๕๔๕ กลับลดลง เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในพยายามลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความสามารถในการผลิต อัตราการเจริญเติบโต เมื่อพิจารณาปริมาณการขายในประเทศและปริมาณการใช้ภายในประเทศพบว่าในปี ๒๕๔๕ ปริมาณการขายในประเทศของอุตสาหกรรมภายในลดลงร้อยละ ๑.๑๑ ในขณะที่ปริมาณการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๒๑.๖๑ จึงกล่าวได้ว่าอุตสาหกรรมภายในไม่มีการเจริญเติบโต ความสามารถในการเพิ่มทุนหรือการลงทุน เมื่อพิจารณางบการเงิน พบว่าอุตสาหกรรมภายในมีผลขาดทุนสะสมมาโดยตลอด อันเป็นอุปสรรคในการเพิ่มทุนหรือลงทุน นอกจากนั้นเมื่อพิจารณาในส่วนผู้ถือหุ้นของงบดุลแล้วพบว่า บริษัทไม่มีการเพิ่มทุนแต่อย่างใด ทั้งนี้ เนื่องจากผลกระทบของสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ความสัมพันธ์ของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดกับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด เมื่อพิจารณาจากส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดพบว่า สินค้ากรดซิทริกจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการทุ่มตลาดระหว่างร้อยละ ๓๖.๐๖ – ๔๕.๘๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ส่งผลให้มีปริมาณการนำเข้ากรดซิทริกจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นจำนวนมาก ๕.๓ การพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ๕.๓.๑ ปริมาณและราคาของสินค้านำเข้าที่มิได้ขายในราคาที่มีการทุ่มตลาด จากสถิติกรมศุลกากรจะเห็นว่าปริมาณการนำเข้ากรดซิทริกจากประเทศอื่น ๆ เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ปรากฏว่ามีสัดส่วนเพียงร้อยละ ๒๓.๕๐ ร้อยละ ๑๒.๘๖ ร้อยละ ๑๙.๕๕ และร้อยละ ๑๐.๕๐ ในปี ๒๕๔๒ ปี ๒๕๔๓ ปี ๒๕๔๔ และปี ๒๕๔๕ ตามลำดับ ๕.๓.๒ ความต้องการใช้ภายในประเทศ เมื่อพิจารณาปริมาณการใช้สินค้าภายในประเทศแล้วพบว่า ปริมาณความต้องการใช้สินค้ากรดซิทริกภายในประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ เป็นต้นมา ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่สาเหตุจากการหดตัวของตลาดหรือการลดลงของอุปสงค์ จากการพิจารณาข้างต้นสรุปได้ว่า มีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) เนื่องจาก ๑. ปริมาณนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากประเทศที่ถูกกล่าวหาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี ๒๕๔๒ – ๒๕๔๕ ๒. มีผลกระทบต่อราคาของอุตสาหกรรมภายในโดยมีการขายตัดราคา ทำให้อุตสาหกรรมภายในต้องลดราคาลงเพื่อแข่งขันกับสินค้าทุ่มตลาด และยังส่งผลกระทบ ในลักษณะการยับยั้งการขึ้นราคา โดยอุตสาหกรรมภายในไม่สามารถเพิ่มราคาขายให้เท่ากับจุดคุ้มทุนได้ ๓. ด้านผลกระทบต่อสถานะของอุตสาหกรรมภายใน สินค้าทุ่มตลาดได้เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด ทำให้อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งตลาดลดลง ประสบกับภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ผลตอบแทนการลงทุนติดลบ ส่งผลให้ไม่สามารถระดมทุนหรือลงทุนเพิ่มได้เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมภายใน ๔. มีความสัมพันธ์ระหว่างการทุ่มตลาดและความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๒๑ โดยในช่วงปี ๒๕๔๒ – ๒๕๔๔ และช่วงระยะเวลาการไต่สวนการทุ่มตลาด (วันที่ ๑ มกราคม – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๕) มีการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการทุ่มตลาดระหว่างร้อยละ ๓๘.๐๖ – ๔๕.๘๔ ของราคาส่งออก ซี.ไอ.เอฟ. และเมื่อพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน ได้แก่ ปริมาณและราคาสินค้านำเข้าจากประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้ขายในราคาทุ่มตลาด และความต้องการใช้ภายในประเทศแล้ว พบว่ามิใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในในเวลาเดียวกัน ดังนั้น สรุปได้ว่าความเสียหายที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในเกิดจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ๖. ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการ คณะกรรมการได้พิจารณาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับจากการไต่สวนการทุ่มตลาดและความเสียหายข้างต้นแล้ว มีผลวินิจฉัยขั้นต้นว่า การนำเข้าสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มีการทุ่มตลาดและมีความเสียหายอย่างสำคัญที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในตามมาตรา ๑๙ (๑) อันมีความจำเป็นต้องป้องกันความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน จึงกำหนดให้ใช้มาตรการชั่วคราวโดยเรียกเก็บอากรชั่วคราวหรือหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นกำหนดเวลาสี่เดือน ในอัตราเท่ากับส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดขั้นต้นที่พบ สำหรับการนำเข้าสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก - RZBC CO., LTD. และ SHANGDONG NINGMENG BIOCHEMISTRY CO., LTD. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๓๘.๐๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. - รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๔๕.๘๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. หลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอข้อเท็จจริงที่ใช้ในการกำหนดมาตรการชั่วคราว รวมทั้งการยื่นแสดงความคิดเห็นเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จุฑามาศ/จัดทำ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๑๐๗ ง/หน้า ๕๔/๑๕ กันยายน ๒๕๔๖
414952
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริกที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2546
ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๔๖ ด้วยคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีคำวินิจฉัยขั้นต้นเมื่อวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ว่าผู้ผลิตหรือผู้ส่งออกสินค้ากรดซิทริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ส่งสินค้าเข้ามาทุ่มตลาดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งความเสียหายดังกล่าวเป็นความเสียหายอย่างสำคัญตามมาตรา ๑๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัตินี้เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด คณะกรรมการจึงเห็นสมควรให้ใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๗๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากรดซิทริก ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๔๖” ข้อ ๒ ให้เรียกเก็บอากรชั่วคราว หรือให้วางหลักประกันการชำระอากรชั่วคราวเป็นหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งดำเนินกิจการ หรือมีสาขาดำเนินกิจการในประเทศไทยสำหรับการนำเข้าสินค้ากรดซิทริก ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๙๑๘๑๔๐๐๐๘ ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลิตจาก ๑) RZBC CO.,LTD. และ SHANGDONG NINGMENG BIOCHEMISTRY CO.,LTD. ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๓๘.๐๖ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ๒) รายอื่น ให้เรียกเก็บในอัตราร้อยละ ๔๕.๘๔ ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. ข้อ ๓[๑] ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปเป็นกำหนดเวลาสี่เดือน ประกาศ ณ วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ อดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน วิภา/ผู้จัดทำ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๕๙ ง/หน้า ๙/๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๖