sysid
stringlengths
1
6
title
stringlengths
8
870
txt
stringlengths
0
257k
301977
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปะอิน พ.ศ. 2535
พระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปะอิน พ.ศ. ๒๕๓๕ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๕ เป็นปีที่ ๔๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปะอิน ในท้องที่ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๒๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปะอิน พ.ศ. ๒๕๓๕” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปะอิน ในท้องที่ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปะอิน พ.ศ. ๒๕๓๕ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนและใช้แรงงานภายในประเทศมากขึ้น และอำนวยความสะดวกในด้านสาธารณูปโภคแก่ผู้ลงทุนเพื่อการส่งออกได้ดียิ่งขึ้น สมควรจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปะอิน ในท้องที่ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และโดยที่มาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๒๒ บัญญัติว่าการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ นุสรา/ปรับปรุง ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙/ตอนที่ ๔๕/หน้า ๓๗/๙ เมษายน ๒๕๓๕
301976
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า พ.ศ. 2534
พระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นปีที่ ๔๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า ในท้องที่ตำบลบ้านเลน และตำบลบ้านหว้า อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๕ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๕๓๔ และมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า พ.ศ. ๒๕๓๔” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า ในท้องที่ตำบลบ้านเลน และตำบลบ้านหว้า อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า พ.ศ. ๒๕๓๔ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนและใช้แรงงานภายในประเทศมากขึ้น และอำนวยความสะดวกในด้านสาธารณูปโภคแก่ผู้ลง ทุนเพื่อการส่งออกได้ดียิ่งขึ้น สมควรจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า ในท้องที่ตำบลบ้านเลน และตำบลบ้านหว้า อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และโดยที่มาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ บัญญัติว่าการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ นุสรา/ปรับปรุง ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๘/ตอนที่ ๒๐๕/ฉบับพิเศษ หน้า ๔๖/๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๔
762440
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน พ.ศ. 2533
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน พ.ศ. ๒๕๓๓ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๓ เป็นปีที่ ๔๕ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน พ.ศ. ๒๕๓๓” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน พ.ศ. ๒๕๓๓ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนและใช้แรงงานภายในประเทศมากขึ้น และอำนวยความสะดวกในด้านสาธารณูปโภคแก่ผู้ลงทุนเพื่อการส่งออกได้ดียิ่งขึ้น สมควรจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และโดยที่มาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมส่งออกให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วริญา/ปริยานุช/พิมพ์ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๗/ตอนที่ ๑๙๘/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๓ ตุลาคม ๒๕๓๓
318760
พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ พ.ศ. 2532
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา เปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ พ.ศ. ๒๕๓๒ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นปีที่ ๔๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ ในท้องที่ตำบลบ้านกลาง และตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ พ.ศ. ๒๕๓๒" มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้เปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ ซึ่งกำหนดไว้ในมาตรา ๓ แห่ง พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ พ.ศ. ๒๕๓๑ โดยให้มีเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากการประกอบอุตสาหกรรมในเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือในท้องที่ตำบลบ้านกลาง และตำบลมะเขือแจ้อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ซึ่งจัดตั้งตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ พ.ศ. ๒๕๓๑ ได้ขยายตัวกว้างขวางขึ้น สมควรเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือให้สอดคล้องกับการขยายตัวดังกล่าว และโดยที่มาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วิภา/ปรับปรุง ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๖/ตอนที่ ๘๓/หน้า ๒๕๒/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๓๒
301975
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกแหลมฉบัง พ.ศ. 2532
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๓๒ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นปีที่ ๔๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกแหลมฉบังในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกแหลมฉบัง พ.ศ. ๒๕๓๒" มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกแหลมฉบัง ในท้องที่ ตำบลทุ่งสุขลาอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกแหลมฉบัง พ.ศ.๒๕๓๒ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนและใช้แรงงานภายในประเทศมากขึ้น และอำนวยความสะดวกในด้านสาธารณูปโภคแก่ผู้ลงทุนได้ดียิ่งขึ้นสมควรจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกแหลมฉบัง ในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีและโดยที่ มาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพ.ศ. ๒๕๒๒ กำหนดว่า การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออก ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วิภา/ปรับปรุง ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๖/ตอนที่ ๕๑/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๓๑ มีนาคม ๒๕๓๒
301974
พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2531
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา เปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๑ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ เป็นปีที่ ๔๓ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบังในท้องที่แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกานี้ขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๑" มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้เปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบังซึ่งกำหนดไว้ในมาตรา ๓ แห่ง พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๒๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๓๑ โดยให้มีเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกา ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๑ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากการประกอบอุตสาหกรรมในเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง ในท้องที่แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบังกรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบังพ.ศ. ๒๕๒๔ และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๓๑ ได้ขยายตัวกว้างขวางขึ้น สมควรเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบังให้สอดคล้องกับการขยายตัวดังกล่าว และโดยที่มาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ กำหนดว่าการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๕/ตอนที่ ๑๘๕/ฉบับพิเศษ หน้า ๑/๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๔
318759
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปู พ.ศ. 2531
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปู พ.ศ. ๒๕๓๑ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๑ เป็นปีที่ ๔๓ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปู ในท้องที่ตำบล แพรกษาอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปู พ.ศ. ๒๕๓๑” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปู ในท้องที่ตำบลแพรกษาอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ป. ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปู พ.ศ. ๒๕๓๑ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนและใช้แรงงานภายในประเทศมากขึ้น และอำนวยความสะดวกในด้านสาธารณูปโภคแก่ผู้ลงทุนได้ดียิ่งขึ้น สมควรจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปูขึ้นในท้องที่ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ และโดยที่มาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ กำหนดว่า การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๕/ตอนที่ ๓๓/หน้า ๗๔/๑ มีนาคม ๒๕๓๑
328381
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ พ.ศ. 2531
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ พ.ศ. ๒๕๓๑ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๑ เป็นปีที่ ๔๓ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือในท้องที่ตำบลบ้านกลาง และตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา ๑๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ พ.ศ. ๒๕๓๑” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ ในท้องที่ตำบลบ้านกลางและตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ป. ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ พ.ศ. ๒๕๓๑ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนและใช้แรงงานภายในประเทศมากขึ้น และอำนวยความสะดวกในด้านสาธารณูปโภคแก่ผู้ลงทุนได้ดียิ่งขึ้นสมควรจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกภาคเหนือ ในท้องที่ตำบลบ้านกลาง และตำบลมะเขือแจ้อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน และโดยที่มาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ กำหนดว่าการจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๕/ตอนที่ ๓๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๖๘/๑ มีนาคม ๒๕๓๑
328382
พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. 2531
ตราพระบรมราชโองการ ตราพระบรมราชโองการ พระราชกฤษฎีกา เปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๓๑ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๑ เป็นปีที่ ๔๓ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบังในท้องที่แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๓๑” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้เปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง ซึ่งกำหนดไว้ใน มาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๒๔ โดยให้มีเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ป. ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๓๑ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากการประกอบอุตสาหกรรมในเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง ในท้องที่แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบังกรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดตั้งตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบังพ.ศ. ๒๕๒๔ ได้ขยายตัวกว้างขวางขึ้นสมควรเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบังให้สอดคล้องกับการขยายตัวดังกล่าว และโดยที่มาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ กำหนดว่า การเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๕/ตอนที่ ๓๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๗๑/๑ มีนาคม ๒๕๓๑
301973
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. 2524
พระราชกฤษฎีกา พระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๒๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นปีที่ ๓๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบังในท้องที่แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๒๔” มาตรา ๒[๑] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง ในท้องที่แขวงลำปลาทิวเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ส. ณ นคร รองนายกรัฐมนตรี [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๒๔ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนและใช้แรงงานภายในประเทศมากขึ้น และอำนวยความสะดวกในด้านสาธารณูปโภคแก่ผู้ลงทุนได้ดียิ่งขึ้น สมควรจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกลาดกระบังขึ้น ในท้องที่แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และโดยที่มาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ กำหนดว่า การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ วิภา/ปรับปรุง ๑๕ มีนาคม .๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๘/ตอนที่ ๑๕๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๒๖/๑๗ กันยายน ๒๕๒๔
451035
กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. 2548
กฎกระทรวง กฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๒ นิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งต้องจัดให้มีระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการที่จำเป็นตามความเหมาะสมกับลักษณะและขนาดของนิคมอุตสาหกรรมแต่ละประเภท ดังต่อไปนี้ (๑) ระบบถนนภายในหรือทางเชื่อมต่อกับถนนหรือทางภายนอกนิคมอุตสาหกรรม (๒) ระบบระบายน้ำฝน หรือระบบป้องกันน้ำท่วม (๓) ระบบประปา (๔) ระบบบำบัดน้ำเสีย (๕) ระบบสื่อสารโทรคมนาคม (๖) ระบบไฟฟ้า (๗) ระบบดับเพลิงและระบบป้องกันอุบัติภัย (๘) ระบบจัดการกากอุตสาหกรรม มูลฝอย และสิ่งปฏิกูล (๙) ระบบติดตามตรวจสอบมลพิษและคุณภาพสิ่งแวดล้อม (๑๐) ระบบรักษาความปลอดภัย นอกจากที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่งแล้ว คณะกรรมการอาจกำหนดให้มีระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการอื่นเพิ่มเติมตามความจำเป็นอีกก็ได้ เช่น ศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์กลางการติดต่อสื่อสาร สถานพยาบาล หรือการบริการรถรับส่ง เป็นต้น ระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ คณะกรรมการสามารถกำหนดให้แตกต่างกันได้ โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการ การควบคุมดูแล และการป้องกันผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนหรือสิ่งแวดล้อมตามลักษณะของนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรม หรือกลุ่มกิจกรรมในแต่ละนิคมอุตสาหกรรม การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในท้องที่ใด หากบริเวณท้องที่นั้นสามารถใช้บริการจากระบบหนึ่งระบบใดตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองจากหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชนที่ได้ดำเนินการในลักษณะสาธารณะ หรือเป็นธุรกิจบริการภายนอกนิคมอุตสาหกรรม ผู้ที่จะจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสามารถจัดให้มีระบบตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง โดยการใช้บริการดังกล่าวได้ตามที่คณะกรรมการเห็นชอบ ข้อ ๓ การจัดสรรพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมให้จัดตามความเหมาะสมกับลักษณะและขนาดของนิคมอุตสาหกรรมแต่ละประเภท โดยแต่ละนิคมอุตสาหกรรมต้องจัดให้มีพื้นที่สีเขียว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๔ ให้ผู้ที่จะจัดตั้งหรือขยายนิคมอุตสาหกรรมจัดทำโครงการเพื่อขออนุมัติต่อคณะกรรมการ โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อมูลในเรื่องดังต่อไปนี้ (๑) ประเภทหรือกลุ่มอุตสาหกรรมหรือกลุ่มกิจกรรมเป้าหมาย (๒) โครงการปรับปรุงที่ดินที่ขอจัดสรรเพื่อให้เป็นนิคมอุตสาหกรรม การจัดให้มีระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการ รวมทั้งการปรับปรุงอื่นตามควรแก่สภาพและลักษณะของนิคมอุตสาหกรรม โดยแสดงแผนผังการใช้ที่ดิน แผนที่สังเขปแสดงแนวเขตที่ดิน แหล่งน้ำใช้ แหล่งรองรับน้ำทิ้ง และบริเวณข้างเคียง แผนงาน และกำหนดระยะเวลาการพัฒนาโครงการตั้งแต่เริ่มต้นจนแล้วเสร็จ (๓) ขนาดของการลงทุน แหล่งเงินทุน แผนการตลาด และแผนการเงิน (๔) ข้อเสนอเกี่ยวกับการดำเนินการให้บริการระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (๕) จำนวนเนื้อที่และรายละเอียดของที่ดินพร้อมหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง หรือหลักฐานแสดงการจะได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินที่เจ้าของที่ดินยินยอมให้ดำเนินการเป็นนิคมอุตสาหกรรมได้ เมื่อคณะกรรมการอนุมัติโครงการจัดตั้งหรือขยายนิคมอุตสาหกรรมตามที่ผู้จัดทำโครงการเสนอแล้ว ให้ประธานกรรมการประกาศการจัดตั้ง การเปลี่ยนแปลงเขต หรือการยุบเขตนิคมอุตสาหกรรมในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๕ ในกรณีที่เอกชนหรือหน่วยงานอื่นของรัฐประสงค์จะจัดสรรที่ดินเพื่อจัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นอกจากจะต้องดำเนินการตามที่กำหนดในข้อ ๒ ข้อ ๓ และข้อ ๔ แล้ว จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดสรรที่ดินเพื่อให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย (๑) การขออนุญาตและการอนุญาตให้จัดสรรที่ดิน (๒) การค้ำประกันการจัดให้มีระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก (๓) การก่อภาระผูกพันแก่ที่ดินในโครงการ (๔) การดำเนินการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่นแก่ผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (๕) การจัดการดูแลและบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก (๖) การจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก ข้อ ๖ นิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งต้องจัดให้มีกองทุนหลักประกันเพื่อการบำรุงรักษา และสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกของนิคมอุตสาหกรรมตามความเหมาะสมกับลักษณะและขนาดของนิคมอุตสาหกรรมแต่ละประเภท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๗ บรรดาหลักเกณฑ์ที่ออกตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้คงใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีหลักเกณฑ์ที่ออกตามกฎกระทรวงนี้ใช้บังคับแทน ข้อ ๘ บรรดาคำขออนุมัติจัดตั้งหรือขยายนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ หรือ กนอ. ในวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นคำขออนุมัติดำเนินโครงการจัดตั้งหรือขยายนิคมอุตสาหกรรมตามกฎกระทรวงนี้โดยอนุโลม ในกรณีที่คำขออนุมัติดังกล่าวมีข้อแตกต่างไปจากคำขออนุมัติตามกฎกระทรวงนี้ ให้คณะกรรมการ หรือ กนอ. มีอำนาจสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติมได้ตามความจำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามกฎกระทรวงนี้ ให้ไว้ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันสถานการณ์ของโลกได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ดังนั้น เพื่อให้การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว สมควรต้องปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับภาวะการลงทุนและสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อเอื้ออำนวยให้นิคมอุตสาหกรรมเป็นกลไกที่มีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศได้อย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิภา/ปรับปรุง ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนที่ ๑๑ ก/หน้า ๔/๒๘ มกราคม ๒๕๔๘
301980
กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2539) ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522
กฎกระทรวง กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ผู้ที่ประสงค์จะจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมจัดทำโครงการ ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย ข้อมูลในเรื่องดังต่อไปนี้ เสนอต่อคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (๑) แผนงานและกำหนดระยะเวลาการพัฒนาโครงการตั้งแต่เริ่มต้นจนแล้วเสร็จ (๒) ประเภทอุตสาหกรรมเป้าหมาย (๓) แผนที่โดยสังเขปแสดงจำนวนเนื้อที่ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า ๒๐ ไร่ แนวเขตที่ดินแหล่งรองรับน้ำทิ้ง และบริเวณข้างเคียง (๔) แผนผังแสดงการใช้ที่ดิน โดยแยกเป็นเขตอุตสาหกรรม เขตพาณิชย์และบริการเขตที่พักอาศัย เขตพื้นที่ระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยสะดวกอย่างอื่น เขตพื้นที่สีเขียว และพื้นที่แนวกันชน ทั้งนี้ ตามลักษณะของนิคมอุตสาหกรรม (๕) แหล่งน้ำใช้ (๖) ขนาดของการลงทุน (๗) แหล่งเงินทุน (๘) แผนการให้เช่า ให้เช่าซื้อ และขายอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ (๙) แผนการเงิน (๑๐)ข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกในนิคมอุตสาหกรรม (๑๑) รายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งรวมถึงขีดความสามารถของสิ่งแวดล้อมในการรองรับมลพิษจากโครงการ ข้อ ๒ ในกรณีที่เอกชนหรือบุคคลอื่นประสงค์จะจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโดยขอให้กนอ. ร่วมดำเนินงานด้วย นอกจากจะต้องดำเนินการตามข้อ ๑ แล้วจะต้องจัดทำรายละเอียดหรือแสดงหลักฐานในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ด้วย (๑) ข้อเสนอเกี่ยวกับการดำเนินการให้บริการระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (๒) การกำหนดค่าบำรุงรักษาและค่าบริการ สำหรับระบบสาธารณูปโภคสิ่งอำนวยความสะดวก และบริการอื่น ๆ ที่จะเรียกเก็บจากผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (๓) หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง หรือหลักฐานแสดงการจะได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง ในที่ดินนั้น ข้อ ๓ การดำเนินการให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการอื่นในนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. จัดตั้งขึ้น หรือ กนอ.ร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่น หรือบุคคลอื่นดำเนินการเอง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำหนด ข้อ ๔ นิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งต้องจัดให้มีกองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกในนิคมอุตสาหกรรมทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๕ ในการจัดพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมต้องจัดให้มีเขตพื้นที่ระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างอื่น เขตพื้นที่สีเขียว และพื้นที่แนวกันชนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕ ของพื้นที่ทั้งหมด ในกรณีที่นิคมอุตสาหกรรมมีพื้นที่ตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ไร่ขึ้นไป ให้จัดให้มีเขตพื้นที่ระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างอื่น เขตพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชนตามที่คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๒๕๐ ไร่ พื้นที่ส่วนที่เหลือจากการจัดตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้จัดเป็นเขตอุตสาหกรรมและเขตพาณิชย์และบริการและเขตที่พักอาศัย (ถ้ามี) แต่ทั้งนี้จะต้องมีเขตอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๕ ข้อ ๖ นิคมอุตสาหกรรมที่มีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ ๒,๐๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องจัดตั้งบนพื้นที่ที่อยู่ติดกับถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า ๓๐ เมตร หรือมีทางเชื่อมกับถนนสาธารณะดังกล่าว โดยมีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า ๓๐ เมตร ข้อ ๗ นิคมอุตสาหกรรมแต่ละประเภทต้องมีระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่จำเป็นอย่างน้อยดังต่อไปนี้ (๑) เขตอุตสาหกรรมทั่วไป (ก) ระบบถนนภายในนิคมอุตสาหกรรม (ข) ระบบระบายน้ำฝน และหรือระบบป้องกันน้ำท่วม (ค) ระบบประปา (ง) ระบบบำบัดน้ำเสีย (จ) ระบบสื่อสารโทรคมนาคม (ฉ) ระบบไฟฟ้า (ช) ระบบดับเพลิงและระบบป้องกันอุบัติภัย (ซ) ระบบจัดการกากอุตสาหกรรม มูลฝอย และสิ่งปฎิกูล (ฌ) ระบบติดตามตรวจสอบมลพิษและคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ญ) ระบบรักษาความปลอดภัย (ฎ) อาคารบริการ และพื้นที่ใช้ประโยชน์อื่น ๆ ตามความจำเป็น เช่น อาคารสำนักงาน และที่พักอาศัยของพนักงาน กนอ. เป็นต้น (๒) เขตอุตสาหกรรมส่งออก นอกจากจะต้องจัดให้มีระบบสาธารณูปโภคสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการตาม (๑) แล้ว ต้องจัดให้มีสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ตามความจำเป็นด้วย (ก) รั้วโดยรอบเขตอุตสาหกรรมส่งออก เส้นทางตรวจสอบทางกายภาพโดยรอบและจุดตรวจสอบการเข้าออก (ข) อาคารสำนักงานศุลกากรและที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่ศุลกากร (ค) โรงพักสินค้าและคลังสินค้า นอกจากที่กำหนดไว้ใน (๑) และ (๒) แล้ว คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยอาจกำหนดให้มีระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการอื่นเพิ่มเติมตามความจำเป็นอีกก็ได้ เช่น ศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์กลางการติดต่อสื่อสาร สถานพยาบาล การบริการรถรับส่ง เป็นต้น ระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการตาม (๑) และ (๒) ให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำหนดตามมาตรา ๒๓ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๒๒ ข้อ ๘ ให้คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาและวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎกระทรวงนี้ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๙ ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๒๒ บัญญัติให้นิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง สมควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการออกแบบ การพัฒนาและการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ วิภา/ปรับปรุง ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๓/ตอนที่ ๒๕ ก/หน้า ๑๔/๕ กรกฎาคม ๒๕๓๙
318762
กฎกระทรวง (พ.ศ. 2525) ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522
กฎกระทรวง กฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒[๑] อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบท้ายกฎกระทรวงนี้ ข้อ ๒ รูปถ่ายที่ติดบัตรประจำตัว ให้เป็นรูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวกขนาด ๓x๔ เซนติเมตร ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ พลตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑. แบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ท้ายกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๒๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๖๐ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงบัตรประจำตัวตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวงต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๙/ตอนที่ ๑๒๓/ฉบับพิเศษ หน้า ๒๒/๑ กันยายน ๒๕๒๕
509119
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมทีเอส 21 (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมทีเอส ๒๑ โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมทีเอส ๒๑ ในท้องที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตำบลตาสิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมทีเอส ๒๑ ในท้องที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตำบลตาสิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (ฉบับที่ ๔) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมทีเอส ๒๑[๓] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนชื่อนิคมอุตสาหกรรม และการเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (ฉบับที่ ๒)[๔] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (ฉบับที่ ๓)[๕] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (ฉบับที่ ๔)[๖] ชไมพร/พิมพ์ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๔ สัญชัย/ปรับปรุง ๒๖ กันยายน ๒๕๔๙ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๖ กันยายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๗/ตอนพิเศษ ๓๗ ง/หน้า ๑/๒๔ เมษายน ๒๕๔๓ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (ฉบับที่ ๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (ฉบับที่ ๔) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๗/ตอนพิเศษ ๑๓๑ ง/หน้า ๔/๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๓ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๔๐ ง/หน้า ๕๓/๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๓/๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๘ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๑๐๑ ง/หน้า ๕๒/๒๙ กันยายน ๒๕๔๙
509121
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค)[๑] โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ในท้องที่ตำบลบ้านหว้า ตำบลบ้านโพ และตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ในท้องที่ตำบลบ้านหว้า ตำบลบ้านโพ และตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๓๔ สิปปนนท์ เกตุทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) (แก้ไขเพิ่มเติม) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า[๓] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า[๔] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า[๕] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า[๖] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๕)[๗] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๖)[๘] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๗)[๙] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๘)[๑๐] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๙)[๑๑] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๑๐)[๑๒] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๑๑)[๑๓] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๑๒)[๑๔] นุสรา/ปรับปรุง ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๘/ตอนที่ ๗๔/หน้า ๓๙๗๐/๓๐ เมษายน ๒๕๓๔ [๒] แผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๑๒) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙/ตอนที่ ๑๒๑/หน้า ๑๐๒๙๐/๒๒ กันยายน ๒๕๓๕ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๓/ตอนที่ ๓๕ ง/หน้า ๑๑/๓๐ เมษายน ๒๕๓๙ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๗/ตอนพิเศษ ๑๓๑ ง/หน้า ๖/๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๓ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๕๔ ง/หน้า ๑๙/๑๘ มิถุนายน ๒๕๔๕ [๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๖ ง/หน้า ๔/๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ [๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๒๖ ง/หน้า ๒๔/๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ [๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๔๗/หน้า ๒๐/๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๘ [๑๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๘๘ ง/หน้า ๕๒/๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๐ [๑๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๒๖ ง/หน้า ๒๒/๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ [๑๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๗๒ ง/หน้า ๕๔/๑๘ เมษายน ๒๕๕๑ [๑๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๘๔ ง/หน้า ๘๐/๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๒ [๑๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๑ ง/หน้า ๒๐/๑๕ มกราคม ๒๕๕๘
509124
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังส่วนขยายที่ 3 (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม ลาดกระบังส่วนขยายที่ ๓[๑] โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังส่วนขยายที่ ๓ ในท้องที่แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๓๖ วรรค ๒ และมาตรา ๖๒ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังส่วนขยายที่ ๓ ตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๓๑ ประมวล สภาวสุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ส่วนขยายที่ ๓ (ฉบับที่ ๔) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังส่วนขยายที่ ๓[๓] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ส่วนขยายที่ ๓[๔] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ส่วนขยายที่ ๓ (ฉบับที่ ๓)[๕] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ส่วนขยายที่ ๓ (ฉบับที่ ๔)[๖] สัญชัย/ปรับปรุง ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๖ กันยายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๕/ตอนที่ ๑๐๗/หน้า ๕๑๘๑/๗ กรกฎาคม ๒๕๓๑ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ส่วนขยายที่ ๓ (ฉบับที่ ๔) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ส่วนขยายที่ ๓ (ฉบับที่ ๔) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๖/ตอนที่ ๑๖๑/หน้า ๖๙๖๘/๒๖ กันยายน ๒๕๓๒ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๔/ตอนที่ ๔๖ ง/หน้า ๑/๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๐ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๖๘ ง/หน้า ๒๑/๘ มิถุนายน ๒๕๔๙ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๖๔ ง/หน้า ๖๔/๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
509126
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์[๑] โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ในท้องที่ตำบลบางเกลือ ตำบลบางวัว และตำบลบางสมัคร อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ บรรหาร ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ (ฉบับที่ ๖) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์[๓] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์[๔] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์[๕] ประกาศคณะกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ (ฉบับที่ ๔)[๖] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ (ฉบับที่ ๕)[๗] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ (ฉบับที่ ๖)[๘] สัญชัย/ปรับปรุง ๒๑ กันยายน ๒๕๔๙ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๖ กันยายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๖/ตอนที่ ๒๒๘/๙๗๖๓/๒๖ ธันวาคม ๒๕๓๒ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ (ฉบับที่ ๖) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ (ฉบับที่ ๖) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙/ตอนที่ ๑๔๙/หน้า ๑๓๒๔๙/๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๕ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๒/ตอนที่ ๘๗ ง/หน้า ๑๗/๓๑ ตุลาคม ๒๕๓๘ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๔/ตอนพิเศษ ๑๐๔ ง/หน้า ๓/๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๓ ง/หน้า ๑๗/๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ [๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๙๐ ง/หน้า ๒๑/๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๙ [๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๐๓ ง/หน้า ๔๖/๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒
509130
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเชียในท้องที่ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย ในท้องที่ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๔๔ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑[๒]. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย[๓] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ฉบับที่ ๒)[๔] ประกาศคณะกรรมการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตนิคมอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ฉบับที่ ๓)[๕] ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ฉบับที่ ๔)[๖] ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สัญชัย/ปรับปรุง ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙ วริญา/เพิ่มเติม ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๘/ตอนพิเศษ ๓๙ ง/หน้า ๑/๓๐ เมษายน ๒๕๔๔ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ฉบับที่ ๔) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๖ ง/หน้า ๑๖/๑๙ มกราคม ๒๕๔๗ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๖๖ ง/หน้า ๕/๑ มิถุนายน ๒๕๔๙ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง/หน้า ๓๓/๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๙ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง/หน้า ๒๒/๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๘
509132
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 47/2541 เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๔๗/๒๕๔๑ เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในนิคมอุตสาหกรรม[๑] เพื่อให้การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในนิคมอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ (๔) และมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงประกาศเรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในนิคมอุตสาหกรรม ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๗/๒๕๔๑ เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ การบริการกำจัดขยะทั่วไปในนิคมอุตสาหกรรมและให้ใช้ประกาศฉบับนี้แทน ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ขยะทั่วไป” หมายความว่า สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งมีลักษณะคุณสมบัติตามที่กำหนดในภาคผนวกที่ ๑ ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว “ขยะอันตราย” หมายความว่า สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช่แล้ว ซึ่งมีลักษณะคุณสมบัติตามที่กำหนดในภาคผนวกที่ ๑ ท้ายประกาศกระทรวงอุสาหกรรม ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว “ขยะมูลฝอย” หมายความว่า เศษกระดาษ เศษอาหาร ถุงพลาสติก ภาชนะที่ใส่อาหาหร มูลสัตว์ ซากสัตว์ หรือสิ่งที่เป็นสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่ไม่ได้เกิดจากกระบวนการผลิต หรือไม่ได้เกิดจากการประกอบกิจการโรงงานและไม่ถูกปนเปื้อน หรือผสม หรือปะปนอยู่กับขยะอันตราย หรือเป็นขยะอันตรายที่มีลักษณะคุณสมบัติเป็นสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ตามที่กำหนดในภาคผนวกที่ ๑ ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว “สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว” หมายความว่า ขยะทั่วไป ขยะอันตรายและให้รวมถึงขยะมูลฝอยด้วย “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม “กนอ.” หมายความว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ข้อ ๓ ให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมที่มีสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วดำเนินการดังต่อไปนี้ ๓.๑ แยกเก็บสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่เป็นขยะมูลฝอยขยะทั่วไปและขยะอันตรายแยกจากกันเป็นสัดส่วน จัดเก็บไว้ในที่รองรับที่เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญก่อนนำไปกำจัด โดยมีชื่อหรือเครื่องหมายแสดงไว้ที่สถานทีจัดเก็บ หรือภาชนะที่จัดเก็บ ระบุชนิดหรือประเภทของขยะให้ชัดเจน ๓.๒ ในการตรวจสอบชนิดหรือประเภทของขยะ ซึ่งไม่มีความชัดเจนคาบเกี่ยว หรือไม่สามารถจำแนกได้ว่าเป็นขยะประเภทใด หากมีความจำเป็นในการตรวจพิสูจน์เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมาย ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมต้องเป็นผู้ดำเนินการพิสูจน์ความชัดเจน พร้อมรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดำเนินการตรวจพิสูจน์นั้น ๓.๓ การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามนัยประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๒๙/๒๕๔๑ เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้งในนิคมอุตสาหกรรม และพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ๓.๔[๒] การนำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วตามข้อ ๓.๓ ออกนอกบริเวณโรงงานต้องได้รับอนุญาตจากผู้ว่าการ หรือผู้ซึ่งผู้ว่าการมอบหมาย และให้ใช้แบบคำขออนุญาตนำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ออกนอกโรงงานที่เป็นขยะอันตราย ขยะทั่วไป ขยะมูลฝอย และใบกำกับการขนส่ง ขยะอันตราย ขยะทั่วไป ขยะมูลฝอย ตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๔[๓] ในการกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ผู้ประกอบการต้องจัดทำบันทึกแสดงรายการที่เป็นสาระสำคัญ เช่น ประเภทของขยะ ปริมาณ จำนวนผู้ให้บริการกำจัด ผู้ให้บริการขนส่ง เป็นต้น ตามแบบใบกำกับการขนส่ง ที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำหนด หรือแบบที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเห็นชอบ โดยเก็บรักษาบันทึกไว้ ณ ที่ตั้งโรงงานให้พร้อมสำหรับการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ข้อ ๕[๔] ให้ผู้ประกอบการจัดส่งรายงานผลการกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วต่อการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยทุกเดือน ภายในวันที่ ๗ ของเดือนถัดไป ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๑ สมเจตน์ ทิณพงษ์ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๔๑/๒๕๔๒ เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม)[๕] สัญชัย/ปรับปรุง ๒๑ กันยายน ๒๕๔๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๖/ตอนพิเศษ ๑๑ ง/หน้า ๑๒/๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ [๒] ข้อ ๓ ๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๔๑/๒๕๔๒ เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม) [๓] ข้อ ๔ เพิ่มโดยประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๔๑/๒๕๔๒ เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม) [๔] ข้อ ๕ เพิ่มโดยประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๔๑/๒๕๔๒ เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม) [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๗/ตอนพิเศษ ๔๓ ง/หน้า ๓๐/๘ พฤษภาคม ๒๕๔๓
509383
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 1/2539 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑/๒๕๓๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่น ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ และข้อ ๔ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ คณะกรรมการ กนอ. จึงวางหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งการจัดให้มีกองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกในนิคมอุตสาหกรรมไว้ ดังต่อไปนี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “ผู้ร่วมดำเนินงาน” หมายความว่า เอกชนหรือหน่วยงานของรัฐที่ขอให้ กนอ. เข้าร่วมดำเนินงาน ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมกับ กนอ. “พื้นที่โครงการ” หมายความว่า พื้นที่ทั้งหมดที่ผู้ร่วมดำเนินงานเสนอเพื่อขอเข้าร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมกับ กนอ. “พื้นที่ขาย” หมายความว่า พื้นที่ที่กำหนดจากจำนวนพื้นที่โครงการหรือจากพื้นที่ที่ขอพัฒนาเป็นระยะ ๆ ที่เสนอเป็นคราว ๆ ไป ของพื้นที่โครงการซึ่งบุคคลอื่นผู้ร่วมดำเนินงานได้กำหนดไว้เป็นพื้นที่แน่นอน สำหรับขาย ให้เช่า หรือให้เช่าซื้อแก่ผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม “เปลี่ยนแปลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม”[๑] หมายความว่า การดำเนินการที่ทำให้พื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นหรือลดลง หรือทั้งเพิ่มขึ้นและลดลงในคราวเดียวกัน “เปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรีหรือทั้งสองเขต”[๒] หมายความว่า การดำเนินการที่ทำให้พื้นที่ภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวนพื้นที่รวมและแนวเขตเดิมของนิคมอุตสาหกรรม” ข้อ ๒ ในการขอให้ กนอ. เข้าร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ผู้ร่วมดำเนินงานต้องเป็นผู้จัดหาที่ดิน ลงทุนและพัฒนาเพื่อขาย ให้เช่า หรือให้เช่าซื้อที่ดิน ข้อ ๓ กนอ. เป็นผู้ดำเนินการให้พื้นที่โครงการเป็นนิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมาย ว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว และถูกต้อง รวมทั้งการอนุญาตการปลูกสร้างอาคาร การตั้งโรงงาน และการประกอบกิจการโรงงานตลอดจนการอนุมัติ การอนุญาตให้สิทธิประโยชน์ และการกำกับดูแล ข้อ ๔ การกำหนดราคาขาย ค่าเช่า ค่าเช่าซื้อ ค่าบำรุงรักษาและค่าบริการต่าง ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมต้องได้รับความเห็นชอบจาก กนอ. ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมในด้านธุรกิจ ข้อ ๕ การก่อสร้าง การจัดให้มีระบบสาธารณูปโภคหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่ กนอ. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบ ข้อ ๖ การให้บริการด้านสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่ กนอ. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบ ข้อ ๗ การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ซึ่ง กนอ. ร่วมดำเนินการกับบุคคลอื่นต้องดำเนินการให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่นในนิคมอุตสาหกรรมอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ ๗.๑ กนอ. เป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่น ๗.๒ ผู้ร่วมดำเนินงานกับ กนอ. เป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภคสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่น ข้อ ๘ การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม โดยร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่น ไม่ว่ากรณีหนึ่งกรณีใดตามข้อ ๗ ผู้ร่วมดำเนินงาน จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังนี้ ๘.๑ ห้ามมิให้นำที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ส่วนควบและอุปกรณ์ซึ่งใช้เป็นระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไปใช้เป็นหลักประกันหนี้ หรือก่อให้เกิดภาระผูกพันไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมเป็นอันขาด ๘.๒ กรณีที่ผู้ร่วมดำเนินงานไม่สามารถดำเนินงานเพื่อให้เป็นไปตามสัญญาร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ไม่ว่ากรณีใด ดังต่อไปนี้ ๘.๒.๑ ผู้ร่วมดำเนินงาน ถูกควบหรือซื้อกิจการ หรืออำนาจการควบคุมบริหารกิจการของผู้ร่วมดำเนินงานถูกเปลี่ยนมือเว้นแต่ กนอ. จะเห็นชอบกับการควบหรือซื้อกิจการ หรือการเปลี่ยนมืออำนาจการควบคุมดังกล่าว หรือ ๘.๒.๒ กนอ. เห็นว่า ผู้ร่วมดำเนินงานมีหนี้สินล้นพ้นตัวและผู้ร่วมดำเนินงานจะไม่สามารถชำระหนี้หรือกลับฟื้นตัวได้ในเวลาอันควร หรือ ๘.๒.๓ ผู้ร่วมดำเนินงานเลิกกิจการหรือดำเนินการอื่นใดเพื่อให้มีการเลิกกิจการของผู้ร่วมดำเนินงาน หรือ ๘.๒.๔ ผู้ร่วมดำเนินงานถูกเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลายหรือถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ไม่ว่าชั่วคราวหรือเด็ดขาด ให้ กนอ. มีสิทธิรับหลักประกัน รวมทั้งมีสิทธิที่จะเรียกหลักประกันเพิ่มเติมจากผู้ร่วมดำเนินงานในจำนวนที่เหมาะสม ตลอดจนมีสิทธิให้ผู้ร่วมดำเนินงานทำหนังสือยินยอมหรือมอบอำนาจให้ กนอ. เข้าครอบครอง และใช้ทรัพย์สินของผู้ร่วมดำเนินงาน เพื่อให้การดำเนินงานนิคมอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ๘.๓ ต้องจัดให้มียานพาหนะ สถานที่ทำงาน ที่พัก ฯลฯ ที่เพียงพอและเหมาะสมกับการปฏิบัติงานของพนักงาน กนอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) ๘.๔ หากผู้ร่วมดำเนินงาน ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานข้อใดข้อหนึ่ง และไม่แก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ กนอ. บอกกล่าวให้แก้ไข หาก กนอ. เห็นว่าหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขนั้นเป็นข้อสาระสำคัญ กนอ. มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย หรือบอกเลิกสัญญาฯ การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม และเรียกค่าเสียหายได้ด้วย หมวด ๒ หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ในกรณี กนอ. เป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่น ข้อ ๙ ในกรณีที่ กนอ. เป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่น ผู้ร่วมดำเนินงานอาจเลือกชำระค่าใช้จ่ายในการร่วมดำเนินงาน วิธีหนึ่งวิธีใดดังนี้ ๙.๑ ชำระค่าบริหารโครงการและค่ากองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นเงินร้อยละ ๑๘ ของค่าพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน อันรวมถึง ถนน ระบบระบายน้ำ ระบบป้องกันน้ำท่วม ระบบประปา ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบกำจัดขยะ อาคารสำนักงาน เป็นต้น ซึ่งแบ่งสัดส่วนค่าบริหารโครงการและค่ากองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกดังนี้ ๙.๑.๑ ค่าบริหารโครงการ เป็นจำนวนเงินร้อยละ ๔๐ ของเงินค่าบริหารโครงการและค่ากองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก ๙.๑.๒ ค่ากองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นจำนวนเงินร้อยละ ๖๐ ของเงินค่าบริหารโครงการและค่ากองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งนี้ โดยให้ผู้ร่วมดำเนินงานแบ่งชำระค่าบริหารโครงการและค่ากองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นรายปี ๆ ละเท่ากัน ภายในกำหนดเวลา ๕ ปี นับแต่วันที่ลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงาน หรือ ๙.๒ ชำระค่าบริหารโครงการและค่ากองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก โดยคำนวณดังนี้ ๙.๒.๑ ค่าบริหารโครงการ ให้คำนวณดังนี้ กรณีพื้นที่โครงการไม่เกิน ๑,๐๐๐ ไร่ ต้องชำระ ๒๑,๖๐๐ บาทต่อไร่ กรณีพื้นที่โครงการส่วนที่เกิน ๑,๐๐๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๒,๐๐๐ ไร่ ต้องชำระ ๑๐,๘๐๐ บาทต่อไร่ กรณีพื้นที่โครงการส่วนที่เกิน ๒,๐๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องชำระ ๕,๔๐๐ บาทต่อไร่ ๙.๒.๒ กองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก ให้คำนวณดังนี้ กรณีพื้นที่โครงการไม่เกิน ๑,๐๐๐ ไร่ ต้องชำระ ๓๒,๔๐๐ บาทต่อไร่ กรณีพื้นที่โครงการส่วนที่เกิน ๑,๐๐๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๒,๐๐๐ ไร่ ต้องชำระ ๒๗,๐๐๐ บาทต่อไร่ กรณีพื้นที่โครงการส่วนที่เกิน ๒,๐๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องชำระ ๒๑,๖๐๐ บาทต่อไร่ โดยให้ผู้ร่วมดำเนินงานชำระเงินงวดแรกเป็นจำนวนร้อยละ ๕ ของค่าบริหารโครงการตาม ๙.๒.๑ และค่ากองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก ตาม ๙.๒.๒ ให้ กนอ. ในวันลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงาน สำหรับงวดที่ ๒ ให้ชำระเป็นเงินร้อยละ ๕ ของค่าบริหารโครงการตาม ๙.๒.๑ และค่ากองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก ตาม ๙.๒.๒ เมื่อได้ประกาศเขตพื้นที่โครงการเป็นนิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแล้ว ภายใน ๗ วัน นับแต่วันได้รับแจ้งจาก กนอ. นอกจากการชำระเงินตาม ๙.๒ วรรคสองและวรรคสามแล้ว ให้ผู้ร่วมดำเนินงานชำระเงินตามพื้นที่ขายที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก กนอ. ทั้งนี้ ต้องชำระเงินค่าบริหารโครงการและค่ากองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนที่เหลือทั้งสิ้นภายใน ๗ ปี นับแต่วันลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงาน ข้อ ๙/๑[๓] เมื่อ กนอ. ได้ประกาศการจัดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงเขตนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานแล้ว และผู้ร่วมดำเนินงานประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรีหรือทั้งสองเขต ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานให้แก่ กนอ. ในอัตราครั้งละ ๑,๘๐๐ บาท ต่อไร่ โดยคิดคำนวณเฉพาะจำนวนพื้นที่ของเขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรีที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานดังกล่าวจะปรับเพิ่มขึ้นทุกรอบระยะ ๓ ปี ในอัตราร้อยละ ๑๐ ของอัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานในการเปลี่ยนแปลงเขตในขณะนั้นเป็นฐานในการคำนวณ โดยให้เริ่มปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีปฏิทิน พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ตามบัญชีการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานท้ายประกาศนี้ การชำระค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงาน ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระในวันทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาร่วมดำเนินงาน ข้อ ๑๐ ให้ผู้ร่วมดำเนินงานจัดหลักประกันการร่วมดำเนินงานมามอบไว้แก่ กนอ. เพื่อประโยชน์แก่ผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมดังนี้ ๑๐.๑ จัดให้มีการโอนบรรดาอสังหาริมทรัพย์ ส่วนควบ และอุปกรณ์ ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกในนิคมอุตสาหกรรมให้แก่ กนอ. ทันทีเมื่อได้ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาแล้วเสร็จตามโครงการแต่ละส่วน ๑๐.๒ จัดให้มีหนังสือค้ำประกันของธนาคารในวงเงินค่าใช้จ่ายในการร่วมดำเนินงานซึ่งผู้ร่วมดำเนินงานได้เลือกชำระโดยวิธีใดวิธีหนึ่งตามข้อ ๙.๑ หรือ ๙.๒ ในส่วนที่ยังชำระไม่ครบถ้วน หมวด ๓ หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ในกรณีผู้ร่วมดำเนินงานเป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่น ข้อ ๑๑[๔] กรณีผู้ร่วมดำเนินงานเป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่น ผู้ร่วมดำเนินการดังกล่าวต้องชำระค่าใช้จ่ายในการร่วมดำเนินงานให้แก่ กนอ. ดังต่อไปนี้ ๑. ค่าบริหารโครงการมี ๒ ประเภท คือ (ก) ค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงาน ให้ชำระในอัตราดังนี้ (๑) พื้นที่โครงการไม่เกิน ๕๐๐ ไร่ ต้องชำระในอัตรา ๗๖๐,๐๐๐ บาท (๒) พื้นที่โครงการส่วนที่เกินกว่า ๕๐๐ ไร่ขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ไร่ ต้องชำระในอัตรา ๒๔๐,๐๐๐ บาท (๓) พื้นที่โครงการส่วนที่เกินกว่า ๑,๐๐๐ ไร่ขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๓,๐๐๐ ไร่ ต้องชำระในอัตรา ๑,๐๐๐ บาท ต่อไร่ (๔) พื้นที่โครงการส่วนที่เกินกว่า ๓,๐๐๐ ไร่ขึ้นไป ต้องชำระในอัตรา ๑๐๐ บาทต่อไร่ ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานดังกล่าวจะกำหนดเป็นอัตราผันแปร และปรับเพิ่มขึ้นทุกรอบระยะสามปี ในอัตราร้อยละสิบของอัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานในขณะนั้นเป็นฐานในการคำนวณ โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่ปีปฏิทิน พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ตามบัญชีการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานท้ายประกาศนี้ การชำระค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงาน ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระในวันทำสัญญาร่วมดำเนินงาน (ข) ค่ากำกับการบริการ ให้ชำระในอัตราดังนี้ (๑) พื้นที่โครงการไม่เกิน ๕๐๐ ไร่ ต้องชำระในอัตรา ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ต่อปี (๒) พื้นที่โครงการส่วนที่เกินกว่า ๕๐๐ ไร่ ขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ไร่ ต้องชำระในอัตรา ๔๔๐,๐๐๐ บาท ต่อปี (๓) พื้นที่โครงการส่วนที่เกินกว่า ๑,๐๐๐ ไร่ ขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๓,๐๐๐ ไร่ต้องชำระในอัตรา ๒๐๐ บาท ต่อไร่ต่อปี (๔) พื้นที่โครงการส่วนที่เกินกว่า ๓,๐๐๐ ไร่ ขึ้นไป ต้องชำระในอัตรา ๑๐๐ บาทต่อไร่ต่อปี ทั้งนี้ อัตราค่ากำกับการบริการดังกล่าวจะกำหนดเป็นอัตราผันแปร และปรับเพิ่มขึ้นทุกรอบระยะเวลาสามปี ในอัตราร้อยละสิบของอัตราค่ากำกับการบริการในขณะนั้นเป็นฐานในการคำนวณ โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่ปีปฏิทิน พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ตามบัญชีการคำนวณอัตราค่ากำกับการบริการท้ายประกาศนี้ การชำระค่ากำกับการบริการ ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระเงินดังกล่าวตั้งแต่ปีที่ ๓ ในวันทำการของ กนอ. ภายในเดือนเมษายนของทุกปีตลอดไปในอัตราที่คำนวณได้ในปีนั้น โดยให้ถือปีที่ทำสัญญาร่วมดำเนินงาน (สัญญาหลัก) เป็นปีที่ ๑[๕] ๒. ค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุน ให้คำนวณตามพื้นที่ขายของพื้นที่พัฒนาในแต่ละระยะในอัตราไร่ละ ๑๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ อัตราค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุนดังกล่าวจะกำหนดเป็นอัตราผันแปร และปรับเพิ่มขึ้นทุกรอบระยะเวลาสามปี ในอัตราร้อยละสิบของอัตราค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุนในขณะนั้นเป็นฐานในการคำนวณ โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่ปีปฏิทิน พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ตามบัญชีการคำนวณอัตราค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุนท้ายประกาศนี้ การชำระค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุน ให้แบ่งชำระเป็นงวด ๆ ดังนี้ (ก) งวดที่หนึ่ง ชำระในวันทำสัญญาร่วมดำเนินงานหรือวันทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาเพื่อขยายการพัฒนาในแต่ละระยะ ในอัตราร้อยละ ๕ ของค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุนของพื้นที่ขายแต่ละระยะ (ข) งวดที่สอง ชำระเมื่อมีการประกาศเขตนิคมอุตสาหกรรมหรือประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออก ในอัตราร้อยละ ๕ ของค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุนของพื้นที่ขายแต่ละระยะที่ได้ประกาศเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรม โดยให้ชำระภายใน ๗ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก กนอ. (ค) งวดต่อ ๆ ไป ชำระเงินจำนวน ๙,๐๐๐ บาท ต่อไร่ ตามพื้นที่ขายที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินจาก กนอ. โดยให้ชำระภายในวันสิ้นเดือนของเดือนถัดไป นับแต่เดือนที่ผู้ใช้ที่ดินได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดิน กรณีพื้นที่ขายเพิ่มขึ้น ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระเงินค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุนตามจำนวนที่เพิ่มขึ้นให้แก่ กนอ. ในงวดสุดท้ายโดยไม่คิดดอกเบี้ย กรณีพื้นที่ขายลดลง กนอ. ต้องคืนเงินค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุนตามจำนวนที่ลดลงให้แก่ผู้ร่วมดำเนินงานในงวดสุดท้ายโดยไม่คิดดอกเบี้ย ข้อ ๑๑/๑[๖] เมื่อ กนอ. ได้ประกาศการจัดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงเขตนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานแล้ว และผู้ร่วมดำเนินงานประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระค่าใช้จ่ายในการขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ให้แก่ กนอ. ดังต่อไปนี้ (ก) ค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานให้ชำระทั้งในส่วนที่ทำให้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นและลดลงในอัตราดังนี้ (๑) พื้นที่ที่ขอเปลี่ยนแปลงไม่เกิน ๒,๕๐๐ ไร่ ต้องชำระในอัตราครั้งละ ๑,๘๐๐ บาท ต่อไร่ (๒) พื้นที่ที่ขอเปลี่ยนแปลงส่วนที่เกิน ๒,๕๐๐ ไร่ ต้องชำระในอัตราครั้งละ ๓๒๐ บาท ต่อไร่ ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานดังกล่าวจะปรับเพิ่มขึ้นทุกรอบระยะ ๓ ปี ในอัตราร้อยละ ๑๐ ของอัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานในการเปลี่ยนแปลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในขณะนั้นเป็นฐานในการคำนวณ โดยให้เริ่มปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีปฏิทิน พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ตามบัญชีการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานท้ายประกาศนี้ (ข) ค่ากำกับการบริการ ให้ชำระในอัตราปีละ ๓๕๐ บาท ต่อไร่ ของพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อัตราค่ากำกับการบริการดังกล่าวจะปรับเพิ่มขึ้นทุกรอบระยะ ๓ ปี ในอัตราร้อยละ ๑๐ ของอัตราค่ากำกับการบริการในการเปลี่ยนแปลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในขณะนั้นเป็นฐานในการคำนวณ โดยให้เริ่มปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีปฏิทิน พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ตามบัญชีการคำนวณอัตราค่ากำกับการบริการท้ายประกาศนี้ การชำระค่ากำกับการบริการ ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระเงินดังกล่าวตั้งแต่ปีที่ ๓ ในวันทำการของ กนอ. ภายในเดือนเมษายนของทุกปีตลอดไปในอัตราที่คำนวณได้ในปีนั้น โดยให้ถือปีที่ทำสัญญาร่วมดำเนินงาน (สัญญาหลัก) เป็นปีที่ ๑ กรณีพื้นที่โครงการลดลง กนอ. จะปรับลดค่ากำกับการบริการตามจำนวนของพื้นที่โครงการที่ลดลงในปีถัดไป (ค) ค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุน ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระค่าใช้จ่ายในการขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ตามอัตราและเงื่อนไขที่กำหนดในข้อ ๑๑ (๒) โดยให้คิดคำนวณเฉพาะในส่วนพื้นที่ขายที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวเท่านั้น ข้อ ๑๑/๒[๗] เมื่อ กนอ. ได้ประกาศการจัดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงเขตนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานแล้ว และผู้ร่วมดำเนินงานประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรีหรือทั้งสองเขต ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระค่าใช้จ่ายในการขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ให้แก่ กนอ. ดังต่อไปนี้ (ก) ค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานให้ชำระในอัตราครั้งละ ๑,๘๐๐ บาทต่อไร่ โดยคำนวณเฉพาะจำนวนของพื้นที่ของเขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรีที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานดังกล่าวจะปรับเพิ่มขึ้นทุกรอบระยะ ๓ ปี ในอัตราร้อยละ ๑๐ ของอัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานในการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรีหรือทั้งสองเขตในขณะนั้นเป็นฐานในการคำนวณ โดยให้เริ่มปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีปฏิทิน พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ตามบัญชีการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานท้ายประกาศนี้ การชำระค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงาน ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระในวันทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาร่วมดำเนินงาน (ข) ค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุน ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระค่าใช้จ่ายในการขอเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรีหรือทั้งสองเขต ตามอัตราและเงื่อนไขที่กำหนดในข้อ ๑๑ (๒) โดยให้คิดคำนวณเฉพาะในส่วนพื้นที่ขายที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงเขตดังกล่าวเท่านั้น ข้อ ๑๒[๘] ในกรณีที่ผู้ร่วมดำเนินงานเป็นผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการอื่น ผู้ร่วมดำเนินงานต้องจัดให้มีหลักประกันการร่วมดำเนินงานดังนี้ (๑)[๙] จัดให้มีกองทุนหลักประกันเพื่อการบำรุงรักษา และสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกของนิคมอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์แก่ผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม โดยผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระเงินให้แก่ กนอ. เพื่อนำเงินเข้าบัญชีกองทุนฯ ดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (ก) พื้นที่โครงการไม่เกิน ๕๐๐ ไร่ ต้องชำระในอัตรา ๓๐,๐๐๐ บาท ต่อไร่ (ข) พื้นที่โครงการส่วนที่เกิน ๕๐๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ไร่ ต้องชำระในอัตรา ๒๐,๐๐๐ บาท ต่อไร่ (ค) พื้นที่โครงการส่วนที่เกิน ๑,๐๐๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๒,๐๐๐ ไร่ ต้องชำระในอัตรา ๑๕,๐๐๐ บาท ต่อไร่ (ง) พื้นที่โครงการส่วนที่เกิน ๒,๐๐๐ ไร่ แต่ไม่เกิน ๓,๐๐๐ ไร่ ต้องชำระในอัตรา ๑๐,๐๐๐ บาท ต่อไร่ (จ) พื้นที่โครงการส่วนที่เกิน ๓,๐๐๐ ไร่ ขึ้นไป ต้องชำระในอัตรา ๕,๐๐๐ บาทต่อไร่ และให้กำหนดเงินกองทุนฯ ไว้สูงสุดที่จำนวน ๖๐ ล้านบาท สำหรับพื้นที่โครงการที่ไม่เกิน ๘,๐๐๐ ไร่ หากพื้นที่โครงการเกิน ๘,๐๐๐ ไร่ ผู้ร่วมดำเนินงานต้องชำระเงินกองทุนฯ ตามสัดส่วนจำนวนพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดังกล่าวเสมือนหนึ่งเป็นการจัดตั้งกองทุนฯ ขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ในทุก ๆ ส่วนที่เกิน ๘,๐๐๐ ไร่ เงินกองทุนดังกล่าวข้างต้น ไม่รวมถึงเงินเพิ่มที่เกิดจากการผิดนัดชำระเงินกองทุนฯ และรายได้หรือผลประโยชน์อื่นใดอันเกิดจากเงินในบัญชีกองทุนฯ ผู้ร่วมดำเนินงานต้องนำเงินสดเข้าบัญชีกองทุนฯ ตามวรรคหนึ่ง ตามสัดส่วนของพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินจาก กนอ. ภายในวันสิ้นเดือนของเดือนถัดไป นับแต่เดือนที่ผู้ใช้ที่ดินได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดิน ดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินในบัญชีกองทุนฯ ตามวรรคหนึ่ง ให้สมทบเข้าในกองทุนฯ เมื่อได้มีการชำระเงินครบถ้วนตามจำนวนที่คำนวณตามอัตราที่กำหนดตามวรรคหนึ่งแล้ว เงินอันเกิดจากดอกเบี้ยของบัญชีกองทุนฯ ในส่วนเกินวงเงินกองทุนฯ ผู้ร่วมดำเนินงานอาจขอนำไปใช้เพื่อการบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกได้ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่ กนอ. กำหนด การเปิดบัญชีกองทุนฯ ตามวรรคหนึ่งกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน ให้เงินในบัญชีดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของ กนอ. ในฐานะผู้บริหารจัดการกองทุนฯ และให้ กนอ. เป็นผู้มีสิทธิใช้และสั่งจ่ายเงินจากบัญชีกองทุนฯ เพื่อนำไปใช้บำรุงรักษา และสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก ในกรณีผู้ร่วมดำเนินงานไม่สามารถดำเนินงานตามวัตถุประสงค์หรือสัญญาร่วมดำเนินงาน ให้เงินในบัญชีกองทุนฯ ตามวรรคหนึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ กนอ. ในฐานะผู้ดูแลกองทุนฯ และให้ กนอ. เป็นผู้มีสิทธิใช้และสั่งจ่ายเงินจากบัญชีกองทุนฯ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการจัดให้มีกองทุนฯ ในกรณีที่ผู้ร่วมดำเนินงานขอใช้เงินในบัญชีกองทุนฯ ไปดำเนินการเพื่อการบำรุงรักษา และสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่ กนอ. กำหนด ซึ่งทำให้ยอดเงินในบัญชีกองทุนฯ ของนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานนั้นต่ำกว่าวงเงินกองทุนฯ ที่คำนวณตามอัตราที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง ผู้ร่วมดำเนินงานต้องนำเงินมาทดแทนให้ครบถ้วนตามวงเงินกองทุนฯ ที่กำหนดไว้นั้นภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่ กนอ. สั่งจ่ายเงินออกจากบัญชีกองทุนฯ ทั้งนี้ ผู้ร่วมดำเนินงานต้องนำหลักประกันเป็นหนังสือค้ำประกันของธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ กนอ. เห็นชอบในวงเงินเท่ากับจำนวนเงินที่ กนอ. สั่งจ่าย มาวางเป็นหลักประกันให้แก่ กนอ. ในวันที่ กนอ. สั่งจ่ายเงินยอดนั้นออกจากบัญชีกองทุนฯ (๒)[๑๐] ในวันทำสัญญาร่วมดำเนินงานหรือวันทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาเพื่อขยายการพัฒนาในแต่ละระยะ แล้วแต่กรณี ผู้ร่วมดำเนินงานต้องจัดให้มีหลักประกันสัญญาเป็นเงินสดหรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารในจำนวนเท่ากับวงเงินค่ากำกับการบริการ และอีกจำนวนร้อยละ ๑๐ ของค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุนของพื้นที่พัฒนาในแต่ละระยะ รวมทั้งอีกจำนวนร้อยละ ๑๐ ของวงเงินกองทุนหลักประกันเพื่อการบำรุงรักษา และสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกของพื้นที่พัฒนา ในแต่ละระยะเพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาร่วมดำเนินงาน ผู้ร่วมดำเนินงานมีสิทธิขอลดวงเงินหลักประกันตามวรรคหนึ่งได้ เมื่อผู้ร่วมดำเนินงานได้ชำระเงินค่าใช้จ่ายในการร่วมดำเนินงานและเงินกองทุนหลักประกันเพื่อการบำรุงรักษา และสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกบางส่วนแล้ว และยอดวงเงินค่าใช้จ่ายในการร่วมดำเนินงานและเงินกองทุนฯ ที่คงเหลือต่ำกว่าวงเงินหลักประกันที่มอบไว้แก่ กนอ. ในวันทำสัญญาร่วมดำเนินงาน แต่ทั้งนี้ ผู้ร่วมดำเนินงานยังคงต้องวางหลักประกันไว้ไม่น้อยกว่าสามเท่าของค่ากำกับการบริการต่อปีตลอดไป ข้อ ๑๓ การเปลี่ยนแปลงอัตราหรือจำนวนเงินค่าบริหารโครงการและค่ากองทุนเพื่อบำรุงรักษาและสร้างทดแทนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่เป็นไปตามข้อ ๙ ข้อ ๑๑ และข้อ ๑๒ นั้น จะกระทำได้ โดย กนอ. พิจารณาความเหมาะสมและเหตุผลเฉพาะราย แต่ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ กนอ. ด้วยคะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ กนอ. ทั้งหมด ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ ทองฉัตร หงศ์ลดารมภ์ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๑๒] บัญชีคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) ลงวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒.[๑๓] บัญชีคำนวณอัตราค่ากำกับการบริการท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) ลงวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ๓. บัญชีคำนวณอัตราค่าประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุนท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๖) ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑/๒๕๔๔ เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๒)[๑๔] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑/๒๕๔๗ เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๓)[๑๕] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๔/๒๕๔๗ เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๔)[๑๖] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑/๒๕๔๙ เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๕)[๑๗] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๖)[๑๘] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗)[๑๙] สัญชัย/ปรับปรุง ๔ เมษายน ๒๕๕๑ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๕ กันยายน ๒๕๖๑ [๑] ข้อ ๑ นิยามคำว่า “เปลี่ยนแปลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม” แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) [๒] ข้อ ๑ นิยามคำว่า “เปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรีหรือทั้งสองเขต” แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) [๓] ข้อ ๙/๑ เพิ่มโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) [๔] ข้อ ๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๖) [๕] วรรคสามของ ๑. ของข้อ ๑๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) [๖] ข้อ ๑๑/๑ เพิ่มโดยโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) [๗] ข้อ ๑๑/๒ เพิ่มโดยโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) [๘] ข้อ ๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑/๒๕๔๙ เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๕) [๙] ข้อ ๑๒ (๑) เพิ่มโดยโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) [๑๐] ข้อ ๑๒ (๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๖) [๑๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๓/ตอนพิเศษ ๒๔ ง/หน้า ๑/๒๓ สิงหาคม ๒๕๓๙ [๑๒] บัญชีคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมและบริการร่วมดำเนินงานท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) ลงวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) [๑๓] บัญชีคำนวณอัตราค่ากำกับการบริการท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) ลงวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗) [๑๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๘/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๓๙/๖ ธันวาคม ๒๕๔๔ [๑๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๗๓ ง/หน้า ๓๘/๒ กรกฎาคม ๒๕๔๗ [๑๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๒๗ ง/หน้า ๖๕/๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ [๑๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๒๒ ง/หน้า ๑๙/๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ [๑๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๐๑ ง/หน้า ๔๐/๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๐ [๑๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๖๒ ง/หน้า ๓๑/๓ มิถุนายน ๒๕๕๔
677473
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตสำหรับของที่เป็นเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ และวัตถุดิบ รวมทั้งส่วนประกอบของสิ่งดังกล่าวที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อพาณิชยกรรม (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตสำหรับของที่เป็น เครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ และวัตถุดิบ รวมทั้งส่วนประกอบของสิ่งดังกล่าว ที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อพาณิชยกรรม โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตในเขตประกอบการเสรี อาศัยอำนาจตามมาตรา ๔๘ (๑) มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑/๒๕๒๕ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้าและภาษีการค้าในเขตอุตสาหกรรมส่งออก ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๕ (๒) ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๒/๒๕๓๕ เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตในเขตอุตสาหกรรมส่งออก ลงวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๕ (๓) ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๐๗/๒๕๓๕ เรื่อง แบบคำขอและรับรองการยกเว้นภาษีอากรสำหรับผู้ประกอบอุตสาหกรรมในเขตอุตสาหกรรมส่งออก ลงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ (๔) ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๖๒/๒๕๓๗ เรื่อง แบบบัญชีการนำของตามมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ เข้าไปในเขตอุตสาหกรรมส่งออก ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ หมวด ๑ ของที่เป็นเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ รวมถึงของที่ใช้ในการก่อสร้าง ประกอบ หรือติดตั้งเป็นโรงงานหรืออาคาร ข้อ ๒ ของตามมาตรา ๔๘ (๑) และมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิต และได้รับยกเว้นหรือคืนค่าภาษีอากร มีดังต่อไปนี้ (๑) เครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องใช้ รวมทั้งส่วนประกอบของสิ่งดังกล่าวที่จำเป็นในการผลิตสินค้า หรือเพื่อการพาณิชยกรรมซึ่งผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือผู้ประกอบพาณิชยกรรมในเขตประกอบการเสรีต้องใช้เพื่อการดังนี้ (๑.๑) การผลิตโดยตรง เช่น เครื่องทอผ้า จักรเย็บผ้า เป็นต้น (๑.๒) สนับสนุนการผลิต เช่น MACHINE SHOP เป็นต้น (๑.๓) การบริหารหรือบริการด้านการผลิต เช่น ระบบ COMPUTER ระบบ MATERIAL HANDLING เป็นต้น (๑.๔) การควบคุม การตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือวัตถุดิบ เช่น อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ เป็นต้น (๑.๕) การปรับปรุงหรือพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ (๑.๖) การปรับปรุงแก้ไขหรือลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบควบคุมมลพิษทางอากาศและเสียง ระบบกำจัดกากอุตสาหกรรม เป็นต้น (๑.๗) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หรือใช้ในการฝึกอบรมพนักงาน เช่น หนังสือคู่มือการผลิตสินค้า เป็นต้น (๑.๘) การควบคุมการผลิต หรือการดำเนินการด้านความปลอดภัยสำหรับอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น ระบบโทรทัศน์วงจรปิด เป็นต้น (๑.๙) การป้องกันอุบัติภัยและเสี่ยงภัย เช่น ระบบดับเพลิง เป็นต้น (๑.๑๐) การอื่นใดที่เกี่ยวข้อง (๒) ของที่ใช้ในการก่อสร้าง ประกอบ หรือติดตั้งเป็นโรงงานหรืออาคารในเขตประกอบการเสรีเพื่อการดังนี้ (๒.๑) สร้างเป็นอาคารหรือโรงงาน (๒.๒) ติดตั้งในระบบไฟฟ้า แสงสว่าง กำลัง (๒.๓) ติดตั้งในระบบประปา (๒.๔) ติดตั้งในระบบขนส่งภายในอาคาร เช่น ลิฟท์ เป็นต้น (๒.๕) เป็นส่วนประกอบอื่น ๆ ของอาคารโรงงาน (๒.๖) การอื่นใดที่เกี่ยวข้อง (๓) ของที่ไม่ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิต มีดังนี้ (๓.๑) ของเพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภค (๓.๒) รถยนต์ ยานยนต์ และรถจักรยานยนต์ทุกประเภทและขนาดที่ต้องจดทะเบียนตลอดจนการเสียภาษีประจำปีตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ของตาม (๒) ต้องสอดคล้องกับแบบแปลนและรายการประกอบแบบแปลนตามที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง ดัดแปลง ซ่อมแซมจากผู้ว่าการหรือผู้ซึ่งผู้ว่าการมอบหมาย ข้อ ๓ ผู้ใดจะนำของตามข้อ ๒ เข้าไปในเขตประกอบการเสรีโดยขอยกเว้นค่าภาษี อากร และค่าธรรมเนียม ให้ยื่นคำขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี อากร และค่าธรรมเนียมตามมาตรา ๔๘ (๑) และมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ ต่อ กนอ. ตามแบบที่ กนอ. กำหนด เมื่อ กนอ. ได้ตรวจสอบและพิจารณาคำขอตามวรรคหนึ่ง และเห็นสมควรอนุมัติให้นำของตามข้อ ๒ เข้าไปในเขตประกอบการเสรีได้ ให้ กนอ. อนุญาตนำของนั้นเข้าไปในเขตประกอบการเสรีก่อน และแจ้งผลการพิจารณาพร้อมทั้งออกใบรับรองชนิด และปริมาณของของดังกล่าวแก่ผู้นำเข้าและเจ้าหน้าที่ศุลกากรทราบเพื่อปฏิบัติพิธีการศุลกากรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนด ทั้งนี้ กนอ. ต้องรายงานผลการพิจารณาเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาอนุมัติการนำของเข้าไปในเขตประกอบการเสรีโดยเร็ว ข้อ ๔ กรณีตามข้อ ๓ หากคณะกรรมการพิจารณาแล้วไม่อนุมัติให้นำของตามข้อ ๒ เข้าไปในเขตประกอบการเสรี ให้ถือว่าของนั้นไม่ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิต และให้ผู้นำเข้า ซึ่งของดังกล่าวชำระค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตต่อกรมศุลกากรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนด ข้อ ๕ ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือผู้ประกอบพาณิชยกรรมในเขตประกอบการเสรีจัดทำรายงานการนำของตามมาตรา ๔๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ เข้าไปในเขตประกอบการเสรีตามแบบที่ กนอ. กำหนดทุกครั้งที่นำของนั้นเข้ามาในเขตประกอบการเสรี และให้แจ้งรายงานนั้นต่อ กนอ. ภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นเดือนของทุก ๆ เดือน หมวด ๒ ของที่เป็นของเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อพาณิชยกรรม[๑] ข้อ ๖[๒] (ยกเลิก) ข้อ ๗[๓] (ยกเลิก) ข้อ ๘[๔] (ยกเลิก) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๕] ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตสำหรับของที่เป็นเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ และวัตถุดิบ รวมทั้งส่วนประกอบของสิ่งดังกล่าวที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อพาณิชยกรรม (ฉบับที่ ๒)[๖] ปณตภร/ผู้จัดทำ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ [๑] หมวด ๒ ของที่เป็นของเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อพาณิชยกรรม ข้อ ๖ ถึง ข้อ ๘ ยกเลิกโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตสำหรับของที่เป็นเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ และวัตถุดิบ รวมทั้งส่วนประกอบของสิ่งดังกล่าวที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อพาณิชยกรรม (ฉบับที่ ๒) [๒] ข้อ ๖ ยกเลิกโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตสำหรับของที่เป็นเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ และวัตถุดิบ รวมทั้งส่วนประกอบของสิ่งดังกล่าวที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อพาณิชยกรรม (ฉบับที่ ๒) [๓] ข้อ ๗ ยกเลิกโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตสำหรับของที่เป็นเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ และวัตถุดิบ รวมทั้งส่วนประกอบของสิ่งดังกล่าวที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อพาณิชยกรรม (ฉบับที่ ๒) [๔] ข้อ ๘ ยกเลิกโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตสำหรับของที่เป็นเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ และวัตถุดิบ รวมทั้งส่วนประกอบของสิ่งดังกล่าวที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตสินค้าหรือเพื่อพาณิชยกรรม (ฉบับที่ ๒) [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๑๐๙ ง/หน้า ๔๔/๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๑ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๕๔ ง/หน้า ๓๓/๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๕
681734
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 3) จังหวัดชลบุรี (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๓) จังหวัดชลบุรี โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๓) จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลหนองขาม ตำบลบ่อวิน และตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๓) จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลหนองขาม ตำบลบ่อวิน และตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ประสาน ตันประเสริฐ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๓) จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ๒) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๓) จังหวัดชลบุรี[๓] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๓) จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ๒)[๔] อุษมล/ผู้จัดทำ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๘๙ ง/หน้า ๓๖/๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๒ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๓) จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๓) จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ๒) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๖๔ ง/หน้า ๗๓/๘ มิถุนายน ๒๕๕๔ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๗ ง/หน้า ๑๒/๑๘ มกราคม ๒๕๕๖
681738
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย ในท้องที่ตำบลตาสิทธิ์ และตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย ในท้องที่ตำบลตาสิทธิ์ และตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ กร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๑) (แก้ไขเพิ่มเติม) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย[๓] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๒)[๔] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๓)[๕] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๔)[๖] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๕)[๗] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๖)[๘] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๗)[๙] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๘)[๑๐] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๙)[๑๑] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๐)[๑๒] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๑)[๑๓] อุษมล/ผู้จัดทำ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โชติกานต์/เพิ่มเติม ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๖ ปณตภร/ผู้ตรวจ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ วิศนี/เพิ่มเติม ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๔/ตอนที่ ๖๘ ง/หน้า ๑๘/๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๐ [๒] แผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย แก้ไขเพิ่มเติมเป็นแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๑) โดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๑) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๗๗ ง/หน้า ๔/๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๕ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๑๐๘ ง/หน้า ๘/๑๗ กันยายน ๒๕๔๖ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๔๖ ง/หน้า ๔/๒๗ เมษายน ๒๕๔๗ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๔๐ ง/หน้า ๕๕/๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ [๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๕๕ ง/หน้า ๔/๒๗ เมษายน ๒๕๔๙ [๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๑๓๖ ง/หน้า ๔๔/๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๙ [๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๖ ง/หน้า ๙๐/๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ [๑๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๗ ง/หน้า ๑๓/๑๘ มกราคม ๒๕๕๖ [๑๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๒๓ ง/หน้า ๓๖/๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ [๑๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๕๕/๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ [๑๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๗๗ ง/หน้า ๑๒/๓ เมษายน ๒๕๕๘
681744
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ กร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๑๐) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้[๓] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๒)[๔] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๓)[๕] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๔)[๖] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๕)[๗] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๖)[๘] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๗)[๙] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๘)[๑๐] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๙)[๑๑] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๑๐)[๑๒] อุษมล/ผู้จัดทำ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ วิศนี/เพิ่มเติม ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๔/ตอนที่ ๒๗ ง/หน้า ๑๓/๓ เมษายน ๒๕๔๐ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๑๐) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๑๐) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๗๗ ง/หน้า ๖/๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๕ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๙๑ ง/หน้า ๑๙/๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๖ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๓๘ ง/หน้า ๑๘/๒ เมษายน ๒๕๔๗ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๔๖ ง/หน้า ๖/๒๗ เมษายน ๒๕๔๗ [๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๓ ง/หน้า ๑๘/๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ [๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๓๙ ง/หน้า ๒๕/๒ เมษายน ๒๕๕๐ [๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๘๙ ง/หน้า ๓๗/๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๒ [๑๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๖๑ ง/หน้า ๕๓/๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ [๑๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๗ ง/หน้า ๑๕/๑๘ มกราคม ๒๕๕๖ [๑๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๗๔ ง/หน้า ๑๘/๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗
681748
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง[๑] โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง ในท้องที่ตำบลคลองตำหรุ และตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง ในท้องที่ตำบลคลองตำหรุ และตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๓๓ พลตำรวจเอก ประมาณ อดิเรกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๒๓) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง[๓] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง (ฉบับที่ ๒)[๔] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง (ฉบับที่ ๓)[๕] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง (ฉบับที่ ๔)[๖] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร”[๗] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๕)[๘] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๖)[๙] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๗)[๑๐] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๘)[๑๑] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๙)[๑๒] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๑๐)[๑๓] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๑๑)[๑๔] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๑๒)[๑๕] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๑๓)[๑๖] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๑๔)[๑๗] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๑๕)[๑๘] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๑๖)[๑๙] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๑๗)[๒๐] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๑๘)[๒๑] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๑๙)[๒๒] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๒๐)[๒๓] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๒๑)[๒๔] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๒๒)[๒๕] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๒๓)[๒๖] อุษมล/ผู้จัดทำ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๗/ตอนที่ ๒๓๐/ฉบับพิเศษ หน้า ๗/๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๓๓ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๒๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๒๓) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙/ตอนที่ ๑๒๑/หน้า ๑๐๒๘๘/๒๒ กันยายน ๒๕๓๕ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๑/ตอนที่ ๖๑ ง/หน้า ๑๓/๒ สิงหาคม ๒๕๓๗ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๒/ตอนที่ ๗๗ ง/หน้า ๑๐/๒๖ กันยายน ๒๕๓๘ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๔/ตอนที่ ๕ ง/หน้า ๓๐/๑๖ มกราคม ๒๕๔๐ [๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๕/ตอนที่ ๓๔ ง/หน้า ๗/๒๘ เมษายน ๒๕๔๑ [๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๖/ตอนที่ ๓๔ ง/หน้า ๑๐๗/๒๙ เมษายน ๒๕๔๒ [๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๓๔ ง/หน้า ๓๔/๑๒ เมษายน ๒๕๔๕ [๑๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๔๑ ง/หน้า ๑๕/๔ เมษายน ๒๕๔๖ [๑๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๔๑ ง/หน้า ๑๗/๔ เมษายน ๒๕๔๖ [๑๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๙๑ ง/หน้า ๑๗/๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๖ [๑๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๑๑๕ ง/หน้า ๓/๒ ตุลาคม ๒๕๔๖ [๑๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๓๒ ง/หน้า ๖/๑๙ มีนาคม ๒๕๔๗ [๑๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๔๖ ง/หน้า ๒/๒๗ เมษายน ๒๕๔๗ [๑๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๕๐ ง/หน้า ๕/๓ พฤษภาคม ๒๕๔๗ [๑๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๒๗ ง/หน้า ๑๑/๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ [๑๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๔๓ ง/หน้า ๕๔/๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ [๑๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๑๑ ง/หน้า ๙/๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ [๒๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๓ ง/หน้า ๓๙/๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ [๒๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๐๐ ง/หน้า ๒๗/๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๐ [๒๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๑๓๗ ง/หน้า ๒๖/๒๖ กันยายน ๒๕๕๐ [๒๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๒๙ ง/หน้า ๓๗/๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ [๒๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๑๔๓ ง/หน้า ๕๙/๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ [๒๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนพิเศษ ๑๐๒ ง/หน้า ๓๙/๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ [๒๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๗ ง/หน้า ๑๗/๑๘ มกราคม ๒๕๕๖
687895
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี[๑] โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ในท้องที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ในท้องที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๓๕ สิปปนนท์ เกตุทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๔) (แก้ไขเพิ่มเติม) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี[๓] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๒)[๔] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๓)[๕] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๔) [๖] ปณตภร/ผู้จัดทำ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ปริญสินีย์/ปรับปรุง ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙/ตอนที่ ๓๐/ฉบับพิเศษ หน้า ๒๗/๑ มีนาคม ๒๕๓๕ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๓) แก้ไขเพิ่มเติมเป็นแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๔) โดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๔) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๕๙ ง/หน้า ๑๐/๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๗ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๒ ง/หน้า ๑๐๓/๗ มกราคม ๒๕๕๒ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๕๓/๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๒๔ ง/หน้า ๑๙/๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
707048
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ในท้องที่ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ในท้องที่ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ กร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๖) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๒)[๓] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๓)[๔] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๔)[๕] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๕)[๖] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๖)[๗] อุษมล/ผู้จัดทำ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ชาญ/ผู้ตรวจ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๔/ตอนที่ ๒๗ ง/หน้า ๑๒/๓ เมษายน ๒๕๔๐ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๖) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๖) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๓ ง/หน้า ๑๖/๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๗๕ ง/หน้า ๖๘/๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๐ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๖๓ ง/หน้า ๔๔/๒๘ มีนาคม ๒๕๕๑ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๖๙ ง/หน้า ๗๑/๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ [๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๙ ง/หน้า ๑๒/๒๘ มกราคม ๒๕๕๗
722231
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร[๑] โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดสมุทรสาคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ในท้องที่ตำบลท่าทราย และตำบลบางกระเจ้า อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๓๓ พลตำรวจเอก ประมาณ อดิเรกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร (แก้ไขเพิ่มเติม) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร[๓] ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ปริยานุช/พิมพ์ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๗/ตอนที่ ๑๘๑/หน้า ๗๗๔๒/๒๐ กันยายน ๒๕๓๓ [๒] แผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ลงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๙๐ ง/หน้า ๑๒/๒๖ กันยายน ๒๕๕๗
728524
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สินสาคร (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมการพิมพและบรรจุภัณฑ สินสาคร[๑] โดยที่ป็นการเห็นสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ สินสาคร ในท้องที่ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแหงประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ อันเปนพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิ และเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ มาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําได โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้ง เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมการพิมพและบรรจุภัณฑ สินสาคร ภายในแนวเขตแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแตบัดนี้เปนตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ พินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร (ฉบับที่ ๖) ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแหงประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมการพิมพและบรรจุภัณฑ สินสาคร[๓] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สินสาคร (ฉบับที่ ๒)[๔] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สินสาคร (ฉบับที่ ๓)[๕] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนชื่อนิคมอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร (ฉบับที่ ๔)[๖] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร (ฉบับที่ ๕)[๗] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร (ฉบับที่ ๖)[๘] ปริญสินีย์/ผู้จัดทำ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๑๐๓ ง/หน้า ๑๑/๒๐ กันยายน ๒๕๔๗ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร (ฉบับที่ ๖) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร (ฉบับที่ ๖) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๔๓ ง/หน้า ๕๓/๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๘๐ ง/หน้า ๔๒/๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๖๒ ง/หน้า ๖๖/๒๗ มีนาคม ๒๕๕๑ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๓๒ ง/หน้า ๒๗/๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ [๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนพิเศษ ๖๙ ง/หน้า ๕๕/๒ มิถุนายน ๒๕๕๓ [๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๙๓ ง/หน้า ๔๐/๒๔ เมษายน ๒๕๕๘
728769
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน[๑] โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ในท้องที่ตำบลคลองจิก และตำบลบางกระสั้น อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ในท้องที่ตำบลคลองจิก และตำบลบางกระสั้น อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๓๔ สิปปนนท์ เกตุทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (แก้ไขเพิ่มเติม) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน[๓] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน[๔] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (ฉบับที่ ๓)[๕] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (ฉบับที่ ๔)[๖] นุสรา/ปรับปรุง ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๘/ตอนที่ ๘๔/๔๓๑๘/๙ พฤษภาคม ๒๕๓๔ [๒] แผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (ฉบับที่ ๔) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙/ตอนที่ ๑๒๙/พ๔๔/๗ ตุลาคม ๒๕๓๕ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๑/ตอนที่ ๑๐๔ ง/หน้า ๑๐/๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๗ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๙ ง/หน้า ๗/๒๓ มกราคม ๒๕๔๗ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๓ ง/หน้า ๑๕/๑๖ มกราคม ๒๕๕๘
729518
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง 36 จังหวัดระยอง (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง ในท้องที่ตำบลพนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง ในท้องที่ตำบลพนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง (แก้ไขเพิ่มเติม) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง[๓] ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ วริษา/เพิ่มเติม ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๒๗ ง/หน้า ๒๑/๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๕๗ ง/หน้า ๒๒/๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘
729520
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ 2 จังหวัดชลบุรี (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี (แก้ไขเพิ่มเติม) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี[๓] ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป วริญา/ผู้จัดทำ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๒๗ ง/หน้า ๒๒/๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ [๒] แผนที่ท้ายประกาศประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๕๗ ง/หน้า ๒๓/๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘
729597
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 103/2556 เรื่อง การพัฒนาที่ดินสำหรับผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๐๓/๒๕๕๖ เรื่อง การพัฒนาที่ดินสำหรับผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ทั่วไปในการพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙ และข้อ ๑๗ ของข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๖๔/๒๕๓๖ เรื่อง หลักเกณฑ์ทั่วไปในการพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๓๖ (๒) ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๙๕/๒๕๓๘ เรื่อง หลักเกณฑ์ทั่วไปในการพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม) ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๘ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “กนอ.” หมายความว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย “นิคมอุตสาหกรรม” หมายความว่า นิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย “เขตอุตสาหกรรม” หมายความว่า เขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรี “ผู้ประกอบกิจการ” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินและประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม “แปลงที่ดิน” หมายความว่า พื้นที่ที่ได้ดำเนินการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ขาย ให้เช่า หรือให้เช่าซื้อแก่ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นไปตามผังแม่บทหรือผังจัดสรรที่ดินที่ได้รับความเห็นชอบจาก กนอ. แล้ว “สำนักงาน” หมายความว่า อาคารหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่ใช้เป็นสำนักงานหรือที่ทำการของผู้ประกอบกิจการ “โรงงาน” หมายความว่า อาคารหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่ใช้เป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน “อาคารอยู่อาศัย” หมายความว่า อาคารซึ่งโดยปกติบุคคลใช้อยู่อาศัยได้ทั้งกลางวันและกลางคืนไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัยอย่างถาวรหรือชั่วคราว “อาคารพาณิชย์” หมายความว่า อาคารที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการพาณิชยกรรมหรือบริการธุรกิจ “ตึกแถว” หมายความว่า อาคารที่ก่อสร้างต่อเนื่องกันเป็นแถวยาวตั้งแต่สองคูหาขึ้นไปมีผนังแบ่งอาคารเป็นคูหาและประกอบด้วยวัสดุทนไฟเป็นส่วนใหญ่ “ที่ว่าง” หมายความว่า พื้นที่อันปราศจากหลังคาหรือสิ่งก่อสร้างปกคลุมซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอาจจะจัดให้เป็นบ่อน้ำ สระว่ายน้ำ บ่อพักน้ำเสีย ที่พักมูลฝอย ที่พักรวมมูลฝอย หรือที่จอดรถที่อยู่ภายนอกอาคารก็ได้ และให้ความหมายรวมถึงพื้นที่ของสิ่งก่อสร้างหรืออาคารที่สูงจากระดับพื้นดินไม่เกิน ๑.๒๐ เมตร และไม่มีหลังคาหรือสิ่งก่อสร้างปกคลุมเหนือระดับนั้น “ทางร่วมทางแยก” หมายความว่า พื้นที่ทางเดินรถที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือต่างระดับกันตั้งแต่สองสายขึ้นไปตัดผ่านกัน รวมบรรจบกัน หรือติดกัน “โครงสร้างรองรับท่อ” หมายความว่า สิ่งก่อสร้างสำหรับรองรับเส้นท่อเพื่อใช้ในการลำเลียงของที่ใช้ในกระบวนการผลิตหรือเพื่อประโยชน์แก่กระบวนการผลิต ข้อ ๓ ผู้ประกอบกิจการต้องมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลที่ดินในส่วนที่ยังไม่ได้พัฒนาให้อยู่ในสภาพที่ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น ข้อ ๔ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการปรับที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของตนให้มีสภาพเป็นบ่อ แอ่ง หรือที่ลุ่ม เว้นแต่ในกรณีที่มีความจำเป็นในทางเทคนิคเพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดี และต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก กนอ. ข้อ ๕ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการขุดเจาะบ่อบาดาลในแปลงที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม ข้อ ๖ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการนำดินออกนอกบริเวณแปลงที่ดินของตน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก กนอ. ข้อ ๗ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการทำการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารในนิคมอุตสาหกรรม เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก กนอ. ข้อ ๘ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการก่อสร้างอาคารอยู่อาศัยในเขตอุตสาหกรรม เว้นแต่เป็นการก่อสร้างอาคารชั่วคราวเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารถาวรซึ่งสูงไม่เกินสองชั้นหรือสูงไม่เกิน ๙.๐๐ เมตร และมีกำหนดเวลารื้อถอนเมื่อได้ก่อสร้างอาคารนั้นแล้วเสร็จ ข้อ ๙ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการแบ่งแปลงที่ดินให้ผิดไปจากผังแม่บทของนิคมอุตสาหกรรม เว้นแต่เป็นการแบ่งแปลงที่ดินที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และผังการใช้ที่ดิน อีกทั้งไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและจะต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก กนอ. ด้วย ข้อ ๑๐ กรณีการพัฒนาที่ดินเพื่อทำการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งก่อสร้างใด ๆ ในแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการจะต้องเว้นที่ว่างไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของพื้นที่แปลงที่ดินนั้น ข้อ ๑๑ กรณีการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคาร หรือการปรับปรุงแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกของนิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบกิจการนั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการซ่อมแซม ปรับปรุง แก้ไข หรือชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตามที่ กนอ. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบตามควรแก่พฤติการณ์และมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ข้อ ๑๒ ผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีที่สำหรับจอดรถยนต์ภายในแปลงที่ดินของตนไม่น้อยกว่า ๑ คันต่อพื้นที่อาคาร ๒๔๐ ตารางเมตร เศษของ ๒๔๐ ตารางเมตรให้คิดเป็น ๒๔๐ ตารางเมตร ทั้งนี้ ให้ถือที่จอดรถยนต์จำนวนที่มากกว่าเป็นเกณฑ์ ข้อ ๑๓ กรณีที่ผู้ประกอบกิจการมีวัตถุมีพิษ วัตถุเคมี วัตถุไวไฟ วัตถุที่อาจเกิดระเบิดหรือวัตถุอื่นใดที่อาจเกิดอันตรายไว้ในครอบครองเพื่อใช้สำหรับการประกอบกิจการ ผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีสถานที่จัดเก็บและการใช้วัตถุดังกล่าวให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบกิจการต้องกำหนดตำแหน่งที่ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า ห้องควบคุมระบบไฟฟ้าภายในอาคาร ตลอดจนตำแหน่งติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างภายนอกอาคารในแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของการไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกำหนด แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๕ การก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารในนิคมอุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) อาคารที่มีความสูงไม่เกิน ๑๒.๐๐ เมตรให้มีระยะร่นจากแนวริมเสาด้านนอกหรือผนังของอาคารถึงแนวรั้วหรือเขตที่ดินด้านหน้าแปลงที่ดินหรือด้านที่มีทางเข้าออกไม่น้อยกว่า ๖.๐๐ เมตร สำหรับอาคารที่มีความสูงเกิน ๑๒.๐๐ เมตรให้มีระยะร่นดังกล่าวไม่น้อยกว่า ๑๒.๐๐ เมตร โดยให้แนวชายคาอาคารมีระยะร่นจากแนวรั้วหรือแนวเขตที่ดินไม่น้อยกว่า ๔.๐๐ เมตร ทั้งนี้ ความสูงของอาคารให้วัดแนวดิ่งจากระดับถนนหรือระดับพื้นดินที่ก่อสร้างขึ้นไปถึงส่วนของอาคารที่สูงที่สุด สำหรับอาคารทรงจั่วหรือปั้นหยาให้วัดถึงยอดผนังของชั้นสูงสุด หากเป็นการก่อสร้างโครงสร้างรองรับท่อ โครงสร้างรองรับหม้อแปลงไฟฟ้า อาคารป้อมยามหลังคาโรงจอดรถ สถานีปรับความดันแก๊สขนาดเล็ก ศาลพระภูมิ หรือเสาธง ให้มีการก่อสร้างชิดแนวเขตที่ดินได้ (๒) การก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารที่ใกล้เคียงหรือติดกับถนนของนิคมอุตสาหกรรมซึ่งไม่ใช่บริเวณด้านหน้าแปลงที่ดินหรือด้านที่มีทางเข้าออก ให้มีระยะร่นจากแนวริมเสาด้านนอกหรือผนังอาคารถึงแนวรั้วหรือแนวเขตที่ดินไม่น้อยกว่า ๖.๐๐ เมตร (๓) การก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารที่ใกล้เคียงหรือติดกับที่ดินของผู้ประกอบกิจการรายอื่นให้มีระยะร่นจากแนวริมเสาด้านนอกหรือผนังอาคารถึงเขตที่ดินของผู้ประกอบกิจการรายนั้นไม่น้อยกว่า ๕.๐๐ เมตรและแนวชายคาอาคารให้มีระยะร่นจากเขตที่ดินของผู้ประกอบกิจการรายดังกล่าวไม่น้อยกว่า ๒.๐๐ เมตร เว้นแต่กรณีที่เป็นโครงสร้างรองรับท่อให้ก่อสร้างชิดแนวเขตที่ดินได้ แต่ทั้งนี้จะต้องไม่เป็นการกีดขวางทางสัญจรเพื่อสะดวกต่อการดับเพลิง (๔) หอถังสูงสำหรับเก็บน้ำใช้ภายในแปลงที่ดิน ให้มีระยะร่นจากริมสุดของถังเก็บน้ำหรือส่วนของโครงสร้างวัดตามแนวดิ่งถึงแนวรั้วหรือเขตที่ดินไม่น้อยกว่า ๕.๐๐ เมตร (๕) สิ่งก่อสร้างหรืออาคารที่มีความสูงจากระดับพื้นดินไม่เกิน ๑.๒๐ เมตร จากระดับหลังถนนนิคมอุตสาหกรรมและไม่มีหลังคาหรือสิ่งก่อสร้างปกคลุมเหนือระดับนั้น ให้เว้นระยะห่างจากขอบนอกสุดของสิ่งก่อสร้างหรืออาคารตามแนวดิ่งถึงแนวรั้วหรือเขตที่ดินไม่น้อยกว่า ๒.๐๐ เมตร และต้องไม่เป็นการกีดขวางทางสัญจรเพื่อสะดวกต่อการดับเพลิง (๖) อาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ ให้มีระยะร่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารกำหนด (๗) อาคารอยู่อาศัย อาคารตึกแถว อาคารพาณิชย์ซึ่งอยู่นอกเขตอุตสาหกรรม ให้มีระยะร่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารกำหนด ข้อ ๑๖ การก่อสร้างอาคารที่เป็นสำนักงานของผู้ประกอบกิจการ ต้องจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพและคนชราด้วย ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพและคนชรา ข้อ ๑๗ ผู้ประกอบกิจการที่ประสงค์จะก่อสร้างรั้วรอบแนวเขตแปลงที่ดินของตนที่ตั้งอยู่ติดหรือใกล้กับถนนในนิคมอุตสาหกรรม ให้ก่อสร้างเป็นรั้วโปร่งสูงไม่เกิน ๒.๐๐ เมตร จากระดับทางเท้าหรือถนนด้านที่ติดหรือใกล้กับแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการนั้น เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นให้มีการก่อสร้างรั้วดังกล่าวสูงเกินกว่า ๒.๐๐ เมตรได้ แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน ๒.๕๐ เมตร โดย กนอ. จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป สำหรับส่วนล่างของรั้วอาจก่อสร้างเป็นรั้วทึบก็ได้ แต่ต้องสูงไม่เกิน ๑.๒๐ เมตร จากระดับทางเท้าหรือถนนด้านที่ติดหรือใกล้กับแปลงที่ดินนั้น[๑] แบบของรั้วตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ กนอ. กำหนดหรือตามแบบมาตรฐานที่ผู้ร่วมดำเนินงานซึ่งได้รับอนุมัติและทำสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมกับ กนอ. เป็นผู้กำหนดด้วยความเห็นชอบของ กนอ. สำหรับกรณีการก่อสร้างรั้วเพื่อใช้ในการป้องกันอุทกภัยเป็นการเฉพาะให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กนอ. กำหนด ข้อ ๑๘ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการทำการก่อสร้างทางเข้าออกบริเวณแปลงที่ดินของตนเพื่อเชื่อมสู่ถนนสายประธานภายในนิคมอุตสาหกรรม เว้นแต่ที่ดินแปลงนั้นไม่มีทางเข้าออกสู่ถนนสายอื่นหรือมีเหตุความจำเป็นอื่น ๆ ทางด้านวิศวกรรม กนอ. จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไปโดยยึดหลักความปลอดภัยด้านวิศวกรรมจราจรเป็นประการสำคัญ ข้อ ๑๙ ผู้ประกอบกิจการจะต้องจัดให้มีทางเข้าออกสำหรับรถยนต์ในแปลงที่ดินตน กว้างไม่น้อยกว่า ๖.๐๐ เมตร เว้นแต่ในกรณีที่จัดให้รถยนต์วิ่งได้ทางเดียวให้มีทางเข้าออกกว้างไม่น้อยกว่า ๔.๐๐ เมตร โดยต้องทำเครื่องหมายแสดงทางเข้าออกไว้ให้ชัดเจน และไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจรของแปลงที่ดินข้างเคียงของผู้ประกอบกิจการรายอื่น กรณีที่ผู้ประกอบกิจการจัดให้มีทางเข้าออกมากกว่าหนึ่งทาง ทางเข้าออกนั้นจะต้องมีระยะห่างไม่น้อยกว่า ๖๐.๐๐ เมตรจากจุดศูนย์กลางทางเข้าออก เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นและไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ได้ กนอ. จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป กนอ. จะอนุญาตให้ก่อสร้างทางเข้าออกได้เฉพาะภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น ข้อ ๒๐ กรณีแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการซึ่งตั้งอยู่บริเวณมุมทางร่วมทางแยกในนิคมอุตสาหกรรม ต้องกำหนดให้ทางเข้าออกสำหรับรถยนต์ห่างจากจุดเริ่มต้นโค้งหรือหักมุมของขอบทางร่วมหรือขอบทางแยกถึงแนวศูนย์กลางปากทางเข้าออกสำหรับรถยนต์ระยะไม่น้อยกว่า ๔๐.๐๐ เมตร เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นและไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ได้ กนอ. จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป แต่ทั้งนี้จะต้องมีระยะห่างไม่น้อยกว่า ๒๐.๐๐ เมตร แนวศูนย์กลางปากทางเข้าออกสำหรับรถยนต์ตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ตั้งอยู่บนเชิงลาดสะพานและต้องห่างจากจุดสุดเชิงลาดสะพานระยะไม่น้อยกว่า ๕๐.๐๐ เมตร ข้อ ๒๑ การก่อสร้างทางเข้าออกในนิคมอุตสาหกรรมที่ผ่านทางระบายน้ำแบบเปิดหรือระบบท่อผู้ประกอบกิจการจะต้องดำเนินการก่อสร้างตามแบบที่ กนอ. กำหนดหรือเห็นชอบ ข้อ ๒๒ ผู้ประกอบกิจการจะต้องแสดงแบบแปลนระบบระบายน้ำเสียและระบบระบายน้ำฝนจากอาคารหรือแปลงที่ดินของตน ให้เหมาะสมกับแหล่งรองรับน้ำทั้งสองระบบ ดังต่อไปนี้ (๑) ระบบระบายน้ำเสียต้องแยกออกจากระบบระบายน้ำฝนโดยเด็ดขาด (๒) ทางระบายน้ำฝนที่ใช้สำหรับการระบายน้ำฝนออกจากอาคารหรือแปลงที่ดินต้องมีลักษณะที่สามารถทำความสะอาดได้โดยสะดวก กรณีทางระบายน้ำฝนเป็นแบบท่อปิดต้องมีบ่อพักน้ำทุกระยะไม่เกิน ๘.๐๐ เมตรและทุกมุมเลี้ยว อีกทั้งจะต้องจัดให้มีบ่อตรวจการระบายน้ำฝนและตะแกรงดักขยะอยู่ในสถานที่ตรวจสอบได้สะดวก ก่อนที่จะระบายน้ำฝนลงสู่ระบบระบายน้ำฝนของนิคมอุตสาหกรรม (๓) น้ำเสียหรือน้ำที่ผ่านการใช้แล้วทุกชนิดจากอาคารหรือแปลงที่ดิน ให้ระบายลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เกณฑ์คุณภาพของน้ำดังกล่าวต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทั่วไปในการระบายน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. กำหนด (๔) ระบบระบายน้ำเสียของผู้ประกอบกิจการต้องก่อสร้างเป็นระบบปิด และต้องจัดให้มีบ่อตรวจคุณภาพน้ำเสีย พร้อมประตูน้ำปิด-เปิดซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ตลอดเวลาก่อนที่จะระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ตามแบบที่ กนอ. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบ ข้อ ๒๓ กรณีที่ผู้ประกอบกิจการจำเป็นต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียเบื้องต้นก่อนระบายลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบกิจการจะต้องดำเนินการจัดเตรียมพื้นที่ภายในแปลงที่ดินให้เพียงพอต่อการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียเบื้องต้น ข้อ ๒๔ ผู้ประกอบกิจการควรจัดให้มีที่เก็บน้ำสำรองไม่น้อยกว่า ๑ วันเพื่อใช้สำหรับการประกอบกิจการในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นต้องปรับปรุงหรือซ่อมแซมระบบประปาหน้าแปลงที่ดินหรือบริเวณใกล้เคียง ข้อ ๒๕ ผู้ประกอบกิจการที่ประสงค์จะทำการถมดินในแปลงที่ดินตน โดยมีความสูงของเนินดินเกินระดับที่ดินของผู้ประกอบกิจการรายอื่นที่อยู่ข้างเคียง ผู้ประกอบกิจการนั้นต้องจัดให้มีการระบายนํ้าเพียงพอที่จะไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความเสียหายแก่ผู้ประกอบกิจการหรือบุคคลอื่นที่เป็นเจ้าของแปลงที่ดินรายอื่นที่อยู่ข้างเคียง ข้อ ๒๖ กรณีการถมดินทั่วไปในแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการ จะต้องไม่สูงกว่าระดับถนนหน้าแปลงที่ดินหรือระดับทางเท้าด้านหน้าแปลงที่ดินนั้น แต่ไม่รวมถึงระดับของพื้นอาคาร สำหรับการถมดินเพื่อก่อสร้างเป็นถนนภายในโรงงานให้ถมดินสูงได้ไม่เกิน ๕๐.๐๐ เซนติเมตรโดยวัดจากระดับกึ่งกลางถนนด้านหน้าแปลงที่ดิน เว้นแต่ในกรณีที่มีความจำเป็นและไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ได้ กนอ. จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป ข้อ ๒๗ ผู้ประกอบกิจการจะต้องดำเนินการปลูกต้นไม้ยืนต้นในพื้นที่โรงงานที่อยู่ในความรับผิดชอบซึ่งมีขนาดตามความเหมาะสมกับพื้นที่เป็นจำนวนสัดส่วนไม่น้อยกว่า ๑ ต้นต่อพื้นที่ ๑ ไร่ และความสูงของต้นไม้ต้องไม่น้อยกว่า ๑.๕๐ เมตร โดยให้แสดงไว้ในแบบผังบริเวณที่ยื่นขออนุญาตก่อสร้างต่อ กนอ. ข้อ ๒๘ การก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารของผู้ประกอบกิจการเพื่อพัฒนาที่ดินสำหรับการประกอบกิจการหรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ตามประกาศนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ข้อ ๒๙ การขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารของผู้ประกอบกิจการเพื่อพัฒนาที่ดินสำหรับการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งได้ยื่นไว้ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับและยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กนอ. ให้ถือว่าเป็นคำขอตามประกาศฉบับนี้ และ กนอ. จะพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ต่อไป ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๒] ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๔/๒๕๕๘ เรื่อง การพัฒนาที่ดินสำหรับผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒)[๓] ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เอกฤทธิ์/ผู้ตรวจ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ วิศนี/เพิ่มเติม ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ข้อ ๑๗ วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๔/๒๕๕๘ เรื่อง การพัฒนาที่ดินสำหรับผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒) [๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๘๗ ง/หน้า ๑๕/๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๗๗ ง/หน้า ๑๑/๓ เมษายน ๒๕๕๘
732368
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตประกอบการเสรี ในพื้นที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี มีความประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์พื้นที่โดยกันพื้นที่บางส่วนในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ๒ งาน ๘๔ ตารางวา มากำหนดเป็นเขตประกอบการเสรีจึงสมควรนำพื้นที่ซึ่งได้กันออกจากเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าวมากำหนดเป็นเขตประกอบการเสรีนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และข้อ ๔ วรรคสองของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงประกาศจัดตั้งเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานีในพื้นที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ประสาน ตันประเสริฐ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑[๒]. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (แก้ไขเพิ่มเติม) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี[๓] ปริญสินีย์/ผู้จัดทำ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๒ ง/หน้า ๑๐๕/๗ มกราคม ๒๕๕๒ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี แก้ไขเพิ่มเติมเป็นแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี โดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๒๔ ง/หน้า ๒๑/๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
845099
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร ในท้องที่ตำบลหนองหลุม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร ในท้องที่ตำบลหนองหลุม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๗ พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร (ฉบับที่ ๒) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร[๓] ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร (ฉบับที่ ๒)[๔] ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ปุณิกา/เพิ่มเติม ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๑/ตอนพิเศษ ๕๒ ง/หน้า ๔๘/๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร (ฉบับที่ ๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร (ฉบับที่ ๒) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๖๘ ง/หน้า ๕/๒๒ กรกฎาคม ๒๕๔๕ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง/หน้า ๓๓/๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑
865126
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา (ฉบับ Update ล่าสุด)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ ในท้องที่ตำบลท่าสะอ้าน ตำบลหนองจอก และตำบลบางวัว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยกำหนดเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ในท้องที่ตำบลท่าสะอ้าน ตำบลหนองจอก และตำบลบางวัว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ สมชาย หาญหิรัญ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา[๓] ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ภวรรณตรี/จัดทำ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ พัชรภรณ์/ตรวจ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ชญานิศ/เพิ่มเติม ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ สุภาทิพย์/ตรวจ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง/หน้า ๑๕/๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนพิเศษ ๑๓๔ ง/หน้า ๓๕/๘ มิถุนายน ๒๕๖๓
860397
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ จังหวัดอ่างทอง
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ จังหวัดอ่างทอง[๑] โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม เวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ จังหวัดอ่างทอง ในท้องที่ตำบลไชยภูมิ และตำบลหลักฟ้า อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๓ จึงประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ จังหวัดอ่างทอง โดยกำหนดเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ในท้องที่ตำบลไชยภูมิ และตำบลหลักฟ้า อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม เวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ จังหวัดอ่างทอง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ชญานิศ/ธนบดี/จัดทำ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ สุภาทิพย์/ตรวจ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนพิเศษ ๑๓๔ ง/หน้า ๓๖/๘ มิถุนายน ๒๕๖๓
860395
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา ลงวันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ในท้องที่ตำบลท่าสะอ้าน ตำบลหนองจอก และตำบลบางวัว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื้อที่ประมาณ ๘๔๑ ไร่ ๔๒ ตารางวา โดยกำหนดให้เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามประกาศข้างต้น มีความประสงค์ขอเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าว โดยกันพื้นที่บางส่วนประมาณ ๑๑๐ - ๒ - ๘๑.๖๐ ไร่ ภายในเขตอุตสาหกรรมทั่วไปเพื่อกำหนดไปเป็นเขตประกอบการเสรีต่อไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขตนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยกำหนดให้เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป และเขตประกอบการเสรี และให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศข้างต้น ทั้งนี้ ให้มีเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ชญานิศ/ธนบดี/จัดทำ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ สุภาทิพย์/ตรวจ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนพิเศษ ๑๓๔ ง/หน้า ๓๕/๘ มิถุนายน ๒๕๖๓
826120
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 134/2561 เรื่อง ยกเลิกการเรียกสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๓๔/๒๕๖๑ เรื่อง ยกเลิกการเรียกสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน[๑] ตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยข้อ ๑๗ ของคำสั่งนี้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต รับจดทะเบียน รับจดแจ้งหรือรับแจ้ง จะต้องอำนวยความสะดวกด้านเอกสารราชการแก่ผู้มายื่นคำขออนุมัติ อนุญาต หรือใบอนุญาต หรือผู้ยื่นขอจดทะเบียนหรือจดแจ้ง หรือผู้แจ้ง ซึ่งเป็นเอกสารเพื่อใช้ประกอบการยื่นคำขอดังกล่าว ประกอบกับการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑ มีมติให้ยกเลิกการใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านเพื่อรองรับการเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) นั้น เพื่อให้การอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต รับจดทะเบียน รับจดแจ้ง รับแจ้ง หรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกฎหมายอื่นที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และมติคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลดังกล่าวข้างต้น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๓๔/๒๕๖๑ เรื่อง ยกเลิกการเรียกสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกการเรียกสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและหรือสำเนาทะเบียนบ้านในการอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต รับจดทะเบียน รับจดแจ้ง รับแจ้ง หรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกฎหมายอื่นที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ข้อ ๔ กรณีจำเป็นและต้องการสำเนาเอกสารตามข้อ ๓ ให้พนักงานการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดทำสำเนาเอกสารดังกล่าวขึ้นเอง และห้ามมิให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการทำสำเนาเอกสารนั้น ข้อ ๕ กรณีมีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาดำเนินการแทน ให้ใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พิมพ์มาดา/ธนบดี/จัดทำ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖/ตอนพิเศษ ๑๗ ง/หน้า ๑๙/๑๗ มกราคม ๒๕๖๒
824331
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสงขลา
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสงขลา โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสงขลา ในท้องที่ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และความในข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๑ และมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ จึงประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสงขลา โดยกำหนดเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ในท้องที่ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสงขลา (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ชญานิศ/จัดทำ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๓๒๙ ง/หน้า ๑๐/๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๑
819227
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 116/2561 เรื่อง คุณสมบัติของผู้ตรวจประเมิน และการขึ้นทะเบียนผู้ตรวจประเมินภายนอก
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๑๖/๒๕๖๑ เรื่อง คุณสมบัติของผู้ตรวจประเมิน และการขึ้นทะเบียนผู้ตรวจประเมินภายนอก[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดคุณสมบัติของผู้ตรวจประเมิน และการขึ้นทะเบียนผู้ตรวจประเมินภายนอก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๙ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ความในข้อ ๕ ของข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ และ ข้อ ๒๙/๔๖ ของข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๑๖/๒๕๖๑ เรื่อง คุณสมบัติของผู้ตรวจประเมิน และการขึ้นทะเบียนผู้ตรวจประเมินภายนอก ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “กนอ.” หมายความว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย “ข้อบังคับ” หมายความว่า ข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ “ผู้ประกอบอุตสาหกรรม” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมหรือการบริการในนิคมอุตสาหกรรม “ประกอบอุตสาหกรรม” หมายความว่า การทำ ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบำรุงตรวจสอบ ทดสอบ ปรับปรุง แปรสภาพ ลำเลียง เก็บรักษา หรือทำลายสิ่งใด ๆ ตามลักษณะกิจการของโรงงาน ตลอดจนการทดลองเดินเครื่องจักร “กระบวนการผลิต” หมายความว่า กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตรายร้ายแรง รวมถึงการจัดเก็บ การใช้ การผลิต การครอบครอง หรือเคลื่อนย้ายสารเคมีใด ๆ ภายในเขตนิคมอุตสาหกรรม “ความปลอดภัยกระบวนการผลิต” (Process Safety) หมายความว่า กระบวนการในการป้องกันหรือลดความรุนแรงความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินที่อาจเกิดจากอุบัติการณ์ที่เป็นผลจากการเบี่ยงเบนของสภาวะกระบวนการผลิตที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ โดยให้บูรณาการการดำเนินงานด้านเดินเครื่องกระบวนการผลิตและวิศวกรรม รวมทั้งขั้นตอนดำเนินงานและการปฏิบัติให้มีความปลอดภัยตลอดเวลา “การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต” (Process Safety Management : PSM) หมายความว่า การจัดการให้เกิดความปลอดภัย การป้องกันการเกิดอุบัติการณ์และการบาดเจ็บที่เกี่ยวเนื่องกับกระบวนการผลิตที่มีการใช้สารเคมีอันตรายร้ายแรง โดยใช้มาตรการทางการจัดการและพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมในการชี้บ่ง ประเมิน และควบคุมอันตรายจากกระบวนการผลิต และให้หมายความรวมถึงการจัดเก็บ การออกแบบ การใช้ การผลิต การบำรุงรักษา การตรวจสอบ การทดสอบ และการขนส่งหรือเคลื่อนย้ายสารเคมีอันตรายร้ายแรงในเขตนิคมอุตสาหกรรม “สารเคมีอันตรายร้ายแรง” (Highly Hazardous Chemicals) หมายความว่า สารประกอบสารผสมซึ่งอยู่ในรูปของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส ที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง เช่น สารพิษ (Toxics) ที่ก่อมะเร็ง และทำให้เกิดการระคายเคือง อาการแพ้หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย สารไวต่อการเกิดปฏิกิริยา (Reactives) และทำปฏิกิริยารุนแรง สารไวไฟ (Flammables) สารระเบิดได้ (Explosives) สารกัดกร่อน (Corrosives) ตัวออกซิไดส์ (Oxidizing Agents) เป็นต้น ตามบัญชีรายชื่อสารเคมีอันตรายร้ายแรงท้ายข้อบังคับ “อันตราย” (Hazard) หมายความว่า สิ่งหรือสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือความเจ็บป่วยจากการทำงาน ความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ตลอดจนความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมในการทำงานหรือต่อสาธารณชน “การวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิต” (Process Hazard Analysis : PHA) หมายความว่า กระบวนการวิเคราะห์อันตรายจากกระบวนการผลิต “อุบัติการณ์” (Incident) หมายความว่า เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นแล้ว และมีผลให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์เกือบเกิดอุบัติเหตุ “อุบัติเหตุ” (Accident) หมายความว่า เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ หรือเหตุการณ์ที่อาจเกิดจากการขาดการควบคุม และเมื่อเกิดขึ้นแล้วมีผลให้เกิดการบาดเจ็บ หรือความเจ็บป่วยจากการทำงานหรือการเสียชีวิต หรือความสูญเสียต่อทรัพย์สิน หรือความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมในการทำงานหรือต่อสาธารณชน “เหตุการณ์เกือบเกิดอุบัติเหตุ” (Near Miss) หมายความว่า เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์และเมื่อเกิดขึ้นแล้วมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ “การทบทวนความปลอดภัยก่อนการเริ่มเดินเครื่อง” (Pre - Startup Safety Review : PSSR) หมายความว่า การทบทวนตรวจสอบความปลอดภัยของกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับงานก่อสร้างการติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ การดัดแปลงกระบวนการผลิต การเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต การบำรุงรักษาครั้งใหญ่ก่อนนำสารเคมีอันตรายร้ายแรงเข้าสู่กระบวนการผลิต รวมถึงก่อนนำอุปกรณ์เข้าใช้งานหรือเดินเครื่อง “ผู้รับเหมา” (Contractors) หมายความว่า ผู้รับเหมาขั้นต้นและผู้รับเหมาช่วงตามที่กำหนดไว้ในนิยามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ “งานที่ไม่ใช่งานประจำ” (Non – routine Work) หมายความว่า งานที่นอกเหนือจากงานปกติงานที่ยังไม่เคยมีมาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standard Operating Procedures) งานที่ไม่ได้ปฏิบัติบ่อยงานที่มีวิธีปฏิบัติแตกต่างจากที่แสดงไว้ในขั้นตอนการปฏิบัติงาน งานที่ไม่เคยปฏิบัติมาก่อน รวมถึงงานประจำแต่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายสูง “การตรวจประเมิน” (Audit) หมายความว่า การตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตที่เป็นระบบอย่างเป็นอิสระ โดยการจัดทำเป็นเอกสารเพื่อให้ได้หลักฐานการตรวจประเมิน และประเมินว่าเป็นไปตามเกณฑ์การตรวจประเมินการปฏิบัติตามข้อกำหนด (Compliance Audits) “การตรวจประเมินภายใน” (Internal Audit) หมายความว่า การดำเนินการตรวจประเมินโดยคณะผู้ตรวจประเมินภายในของสถานประกอบการเอง เพื่อทบทวนระบบความปลอดภัยและการจัดการว่าองค์กรได้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต ทั้งนี้ ผู้ตรวจประเมินภายในไม่ควรเป็นผู้รับผิดชอบในกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายให้ไปตรวจประเมิน “การตรวจประเมินภายนอก” (External Audit) หมายความว่า การดำเนินการตรวจประเมินโดยคณะผู้ตรวจประเมินที่ขึ้นทะเบียนกับ กนอ. และได้รับการมอบหมายจาก กนอ. ให้ตรวจประเมินเป็นกรณีไป “คณะผู้ตรวจประเมิน” (Audit Team) หมายความว่า คณะบุคคลที่ดำเนินการตรวจประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต และการตรวจประเมินความปลอดภัยกระบวนการผลิตของแต่ละสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม “ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง” (Specialists) หมายความว่า ผู้ที่มีความรู้และความชำนาญซึ่งเหมาะสมกับสถานประกอบการนั้น หมวด ๑ คณะผู้ตรวจประเมิน ส่วนที่ ๑ คณะผู้ตรวจประเมินภายใน ข้อ ๔ คณะผู้ตรวจประเมินภายใน ประกอบด้วยคณะผู้ตรวจประเมินของผู้ประกอบอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ผู้ตรวจประเมินภายในอย่างน้อย ๑ คน ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิต ซึ่งอาจมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางร่วมอยู่ด้วยตามความจำเป็น หรืออาจมีผู้ตรวจประเมินฝึกหัดร่วมอยู่ด้วยก็ได้ ข้อ ๕ ผู้ตรวจประเมินภายใน ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิต และมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเคมี หรือสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า หรือสาขาวิศวกรรมเครื่องกล หรือสาขาวิศวกรรมอุตสาหการ หรือเทียบเท่า หรือปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ สาขาเคมี หรือเทียบเท่า ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิต และมีประสบการณ์ทางานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือ (๒) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอื่น หรือเทียบเท่า หรือปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ สาขาอื่น หรือเทียบเท่า นอกเหนือจากสาขาที่กำหนดไว้ใน (๑) ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิต และมีประสบการณ์ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๒ ปี ขึ้นไป หรือ (๓) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาครุศาสตร์วิศวกรรมหรือเทียบเท่า หรือปริญญาตรีอุตสาหกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรม หรือเทียบเท่า หรือสำเร็จการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือเทียบเท่า ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิต และมีประสบการณ์ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๕ ปี ขึ้นไป ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ตรวจประเมินภายในการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตตามที่ กนอ. กำหนดไว้ท้ายประกาศฉบับนี้ ข้อ ๖ กรณีผู้ตรวจประเมินภายในตามข้อ ๕ เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ตรวจประเมินภายในการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตอื่นที่ไม่ใช่เป็นการอบรมตามหลักสูตรที่ กนอ. กำหนดไว้ ไม่ว่าก่อนหรือภายหลังที่ข้อบังคับฉบับนี้ประกาศใช้บังคับ และก่อนที่จะมีหลักสูตรการฝึกอบรมการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตท้ายประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้ว ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องอบรมดังกล่าว ข้อ ๗ กรณีที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมไม่อาจที่จะหาผู้ที่มีคุณสมบัติตามข้อ ๕ มาตรวจประเมินภายในได้ ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมนั้นสามารถขอความร่วมมือจากคณะผู้ตรวจประเมินของสถานประกอบการอื่นหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีคุณสมบัติตามประกาศที่ กนอ. กำหนดมาเป็นผู้ร่วมตรวจประเมินก็ได้ หรืออาจให้มีผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษา หรือผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มาเป็นผู้ร่วมตรวจประเมินภายในด้วยก็ได้ ส่วนที่ ๒ คณะผู้ตรวจประเมินภายนอก ข้อ ๘ คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกประกอบด้วยหัวหน้าคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกและผู้ตรวจประเมินภายนอก ซึ่งจะต้องมีอย่างน้อย ๓ คนขึ้นไป และต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ โดยอาจมีผู้ตรวจประเมินฝึกหัดร่วมอยู่ด้วยก็ได้ (๑) ผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิต และ (๒) ผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษา และ (๓) ผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย หรือ (๔) ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เหมาะสมกับสถานประกอบการ (ตามความจำเป็น) ข้อ ๙ ผู้ตรวจประเมินภายนอกที่ขอขึ้นทะเบียนกับ กนอ. และได้รับการมอบหมายจาก กนอ. ให้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีที่เป็นบุคคลธรรมดา (๑.๑) มีสัญชาติไทย (๑.๒) เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๐ (๑) (๒) และ (๓) แล้วแต่กรณี (๑.๓) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ (๑.๔) ไม่เป็นโรคดังต่อไปนี้ คือ โรคเรื้อน วัณโรคในระยะอันตราย โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม โรคติดยาเสพติดให้โทษ และโรคพิษสุราเรื้อรัง (๑.๕) ไม่มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือมีพฤติการณ์ที่ไม่สุจริต หรือหย่อนความสามารถในการปฏิบัติงานการตรวจประเมิน (๑.๖) ไม่เคยถูกเพิกถอนการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตในระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ปี ก่อนวันขอขึ้นทะเบียน (๑.๗) คุณสมบัติอื่นที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจประเมินภายนอกที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ตรวจประเมินเอง หรือเกิดความเสียหายต่อการตรวจประเมิน (๒) กรณีที่เป็นนิติบุคคล (๒.๑) ต้องจดทะเบียนนิติบุคคลตามกฎหมายไทย โดยทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งต้องเป็นของผู้มีสัญชาติไทย และมีผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้ถือหุ้นหรือกรรมการเป็นผู้มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้ถือหุ้นหรือกรรมการทั้งหมด (๒.๒) ต้องมีผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตที่มีคุณวุฒิและประสบการณ์การทำงานตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๐ (๑) (๒) และ (๓) แล้วแต่กรณี ที่ขึ้นทะเบียนประเภทบุคคลธรรมดากับ กนอ. อยู่ไม่น้อยกว่าด้านละ ๑ คน และต้องไม่ขึ้นทะเบียนภายใต้สังกัดนิติบุคคลมากกว่า ๑ แห่งในเวลาเดียวกัน (๒.๓) ไม่เคยถูกเพิกถอนการขึ้นทะเบียนนิติบุคคลการตรวจประเมินภายนอกเพื่อการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตในระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ปี ก่อนวันขอขึ้นทะเบียน ข้อ ๑๐ ภายใต้บังคับตามข้อ ๙ ให้ผู้ตรวจประเมินภายนอกที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ และต้องมีคุณวุฒิและประสบการณ์การทำงาน ดังนี้ด้วย (๑) ผู้ตรวจประเมินภายนอกที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิต (๑.๑) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเคมี หรือสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า หรือสาขาวิศวกรรมเครื่องกล หรือสาขาวิศวกรรมอุตสาหการ หรือเทียบเท่า หรือปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ สาขาเคมี หรือเทียบเท่า ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิต และมีประสบการณ์ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๘ ปี หรือ (๑.๒) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอื่น หรือเทียบเท่า หรือปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ สาขาอื่น หรือเทียบเท่า นอกเหนือจากสาขาที่กำหนดไว้ใน (๑.๑) ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิต และมีประสบการณ์ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี หรือ (๑.๓) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ หรือเทียบเท่า หรือปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ หรือเทียบเท่า และมีประสบการณ์ทำงานด้านการจัดทำ (Establish) หรือการปฏิบัติ (Implement) หรือการตรวจประเมิน (Audit) เกี่ยวกับการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิตไม่น้อยกว่า ๕ ปี หรือตรวจสอบและกำกับ ดูแลโรงงานด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิตไม่น้อยกว่า ๕ ปี หรือ (๑.๔) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาครุศาสตร์วิศวกรรมหรือเทียบเท่า หรือปริญญาตรีอุตสาหกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรม หรือเทียบเท่า หรือสำเร็จการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือเทียบเท่า ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิต และมีประสบการณ์ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๑๒ ปี ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ใน (๑.๑) หรือ (๑.๒) หรือ (๑.๓) หรือ (๑.๔) ต้องเป็นผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ตรวจประเมินภายนอกการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตตามที่ กนอ. กำหนดไว้ท้ายประกาศฉบับนี้ โดยจะต้องมีเวลาเข้าอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของระยะเวลาการฝึกอบรม และต้องผ่านการทดสอบความรู้ตามเกณฑ์ที่ กนอ. กำหนด (๒) ผู้ตรวจประเมินภายนอกที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษา (๒.๑) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเคมี หรือสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า หรือสาขาวิศวกรรมเครื่องกล หรือสาขาวิศวกรรมอุตสาหการ หรือเทียบเท่า ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษา และมีประสบการณ์ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๘ ปี หรือ (๒.๒) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอื่น หรือเทียบเท่า นอกเหนือจากสาขาที่กำหนดไว้ใน (๒.๑) ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษาและมีประสบการณ์ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี หรือ (๒.๓) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาครุศาสตร์วิศวกรรม หรือเทียบเท่า หรือปริญญาตรีอุตสาหกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรม หรือเทียบเท่าหรือสำเร็จการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือเทียบเท่า ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษา และมีประสบการณ์ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๑๒ ปี ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ใน (๒.๑) หรือ (๒.๒) หรือ (๒.๓) ต้องเป็นผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ตรวจประเมินภายนอกการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตตามที่ กนอ. กำหนดไว้ท้ายประกาศฉบับนี้ โดยจะต้องมีเวลาเข้าอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของระยะเวลาการฝึกอบรม และต้องผ่านการทดสอบความรู้ตามเกณฑ์ที่ กนอ. กำหนด (๓) ผู้ตรวจประเมินภายนอกที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (๓.๑) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีสาธารณสุขศาสตร์ หรือเทียบเท่า หรือปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ สาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย หรือเทียบเท่า และมีประสบการณ์ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๘ ปี หรือ (๓.๒) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ หรือเทียบเท่า หรือปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ สาขาอื่น หรือเทียบเท่า นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ใน (๓.๑) ซึ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และมีประสบการณ์ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ใน (๓.๑) หรือ (๓.๒) ต้องเป็นผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ตรวจประเมินภายนอกการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตตามที่ กนอ. กำหนดไว้ท้ายประกาศฉบับนี้ โดยจะต้องมีเวลาเข้าอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของระยะเวลาการฝึกอบรมและต้องผ่านการทดสอบความรู้ตามเกณฑ์ที่ กนอ. กำหนด ข้อ ๑๑ หัวหน้าคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก นอกเหนือจากที่จะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๙ และมีความรู้และความเชี่ยวชาญตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๐ แล้ว ให้คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม โดยอาจพิจารณาจากประสบการณ์ทำงานของผู้ตรวจประเมินภายนอกที่เหมาะสมกับสถานประกอบการก็ได้ ส่วนที่ ๓ ผู้ตรวจประเมินภายนอก ข้อ ๑๒ กรณีที่ผู้ตรวจประเมินภายนอกตามข้อ ๑๐ ซึ่งเป็นผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ตรวจประเมินภายนอกการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตอื่นที่ไม่ใช่เป็นการอบรมตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ท้ายประกาศฉบับนี้ ไม่ว่าก่อนหรือภายหลังที่ข้อบังคับประกาศใช้บังคับ และก่อนที่จะมีหลักสูตรผู้ตรวจประเมินภายนอกการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตท้ายประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้แล้วให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องอบรมหลักสูตรดังกล่าว แต่หากผู้ตรวจประเมินภายนอกนั้นมีความประสงค์ที่จะขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจประเมินภายนอกจะต้องผ่านการทดสอบความรู้ตามเกณฑ์ที่ กนอ. กำหนดก่อน ข้อ ๑๓ กรณีการทดสอบเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) กนอ. หรือหน่วยงานอื่นที่ กนอ. มอบหมายหรือให้ความเห็นชอบ เป็นผู้ดำเนินการเพื่อจัดให้มีการทดสอบความรู้ในการตรวจประเมินภายนอกการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตตามหลักเกณฑ์ที่ กนอ. กาหนด (๒) ให้ผู้ที่สอบได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖๕ ของคะแนนรวมทั้งหมด จึงจะถือว่าสอบผ่านเกณฑ์การทดสอบของ กนอ. กรณีหากมีความจำเป็น กนอ. จะดำเนินการขึ้นทะเบียนการเป็นผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่งก็ได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามวิธีการที่ กนอ. เห็นสมควร ความในวรรคนี้ให้ใช้บังคับเป็นระยะเวลา ๑ ปีนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลบังคับใช้ หมวด ๓ การขึ้นทะเบียน การต่ออายุ และการเพิกถอนการขึ้นทะเบียนผู้ตรวจประเมินภายนอก ข้อ ๑๔ ผู้ประสงค์ที่จะขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต ให้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียน พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามแบบที่ กนอ. กำหนด กนอ. จะพิจารณาคำขอขึ้นทะเบียน พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานให้ทราบโดยเร็ว นับแต่วันที่ได้รับคำขอตามวรรคหนึ่ง กรณี กนอ. เห็นว่าคำขอขึ้นทะเบียน ตลอดจนเอกสารและหลักฐานนั้น ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน กนอ. จะมีหนังสือแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องหรือครบถ้วนภายในระยะเวลา ๗ วัน นับแต่ที่ได้รับแจ้งจาก กนอ. หากผู้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาดังกล่าวให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนนั้นไม่ประสงค์จะให้ กนอ. ดำเนินการต่อไป เมื่อ กนอ. พิจารณาคำขอขึ้นทะเบียน พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามวรรคสองเสร็จแล้ว กนอ. จะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการทดสอบซึ่งต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติของการเป็นผู้ตรวจประเมินภายนอกตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ โดย กนอ. จะดำเนินการทดสอบ พร้อมทั้งประกาศผลรายชื่อผู้สอบผ่านเกณฑ์การทดสอบของ กนอ. ต่อไป ข้อ ๑๕ กรณี กนอ. เห็นว่าคำขอขึ้นทะเบียน ตลอดจนเอกสารและหลักฐานตามข้อ ๑๔ มีความถูกต้องและครบถ้วน กนอ. จะขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตต่อไป ข้อ ๑๖ การอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตมีระยะเวลา ๕ ปี นับแต่วันที่ได้รับการขึ้นทะเบียน การขอต่ออายุขึ้นทะเบียน ให้ยื่นคำขอก่อนวันสิ้นอายุการขึ้นทะเบียนไม่น้อยกว่า ๑๒๐ วัน พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามแบบที่ กนอ. กำหนด เมื่อยื่นคำขอขึ้นทะเบียนดังกล่าวแล้วให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอนั้นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจประเมินภายนอกต่อไปได้ ในกรณีที่ กนอ. ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าผลการปฏิบัติงานของผู้ยื่นคาขอต่ออายุขึ้นทะเบียนนั้นไม่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานที่ กนอ. กำหนดไว้ กนอ. จะไม่พิจารณาการต่ออายุขึ้นทะเบียนดังกล่าวให้ ข้อ ๑๗ กนอ. มีอำนาจสั่งเพิกถอนการขึ้นทะเบียนการเป็นผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตได้ เมื่อปรากฏว่าผู้ขึ้นทะเบียน (๑) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๙ (๒) มีการแสดงข้อความหรือหลักฐานอันเป็นเท็จในคำขอขึ้นทะเบียนหรือคำขอต่ออายุการขึ้นทะเบียนในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ (๓) กระทำการในลักษณะที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) (๔) เสนอรายงานการตรวจประเมินภายนอก หรือรายงานการตรวจประเมินซ้ำ หรือผลการตรวจความมีประสิทธิผลของการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไขอันเป็นเท็จ หรือตรวจประเมินความปลอดภัยกระบวนการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมโดยไม่ได้พิจารณาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานที่ กนอ. กำหนด (๕) มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือมีพฤติการณ์ที่ไม่สุจริต หรือหย่อนความสามารถในการปฏิบัติงานการตรวจประเมิน (๖) โรงงานร้องเรียน (๗) กระทำการที่เป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวทางการตรวจประเมินการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตในนิคมอุตสาหกรรม และ กนอ. พิจารณาเห็นสมควรให้เพิกถอนการขึ้นทะเบียน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ อัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รองผู้ว่าการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. หลักสูตรการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต ท้ายประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง คุณสมบัติของผู้ตรวจประเมิน และการขึ้นทะเบียนผู้ตรวจประเมินภายนอก (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) พัชรภรณ์/ธนบดี/จัดทำ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๘๓ ง/หน้า ๔๖/๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
819225
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 115/2561 เรื่อง แนวทางการตรวจประเมินการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตในนิคมอุตสาหกรรม
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๑๕/๒๕๖๑ เรื่อง แนวทางการตรวจประเมินการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตในนิคมอุตสาหกรรม[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดแนวทางการตรวจประเมินการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตในนิคมอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๙ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ความในข้อ ๕ ของข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๒๙/๓ ข้อ ๒๙/๔ และข้อ ๒๙/๔๖ ของข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๑๕/๒๕๖๑ เรื่อง แนวทางการตรวจประเมินการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตในนิคมอุตสาหกรรม” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “กนอ.” หมายความว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย “ข้อบังคับ” หมายความว่า ข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ “ผู้ประกอบอุตสาหกรรม” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมหรือการบริการในนิคมอุตสาหกรรม “ประกอบอุตสาหกรรม” หมายความว่า การทำ ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบำรุง ตรวจสอบ ทดสอบ ปรับปรุง แปรสภาพ ลำเลียง เก็บรักษา หรือทำลายสิ่งใด ๆ ตามลักษณะกิจการของโรงงาน ตลอดจนการทดลองเดินเครื่องจักร “กระบวนการผลิต” หมายความว่า กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตรายร้ายแรง รวมถึงการจัดเก็บ การใช้ การผลิต การครอบครอง หรือเคลื่อนย้ายสารเคมีใด ๆ ภายในเขตนิคมอุตสาหกรรม “ความปลอดภัยกระบวนการผลิต” (Process Safety) หมายความว่า กระบวนการในการป้องกันหรือลดความรุนแรงความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินที่อาจเกิดจากอุบัติการณ์ที่เป็นผลจากการเบี่ยงเบนของสภาวะกระบวนการผลิตที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ โดยให้บูรณาการการดำเนินงานด้านเดินเครื่อง กระบวนการผลิตและวิศวกรรม รวมทั้งขั้นตอนดำเนินงานและการปฏิบัติให้มีความปลอดภัยตลอดเวลา “การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต” (Process Safety Management : PSM) หมายความว่า การจัดการให้เกิดความปลอดภัย การป้องกันการเกิดอุบัติการณ์และการบาดเจ็บที่เกี่ยวเนื่องกับกระบวนการผลิตที่มีการใช้สารเคมีอันตรายร้ายแรง โดยใช้มาตรการทางการจัดการและพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมในการชี้บ่ง ประเมิน และควบคุมอันตรายจากกระบวนการผลิต และให้หมายความรวมถึงการจัดเก็บ การออกแบบ การใช้ การผลิต การบำรุงรักษา การตรวจสอบ การทดสอบ และการขนส่งหรือเคลื่อนย้ายสารเคมีอันตรายร้ายแรงในเขตนิคมอุตสาหกรรม “การขยายกำลังการผลิตที่กระบวนการผลิตเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกระบวนการผลิต ” หมายความว่า การขอขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่มีกระบวนการผลิตเข้าข่ายที่ต้องดำเนินการการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตและการตรวจประเมินความปลอดภัยกระบวนการผลิตที่มีอยู่เดิมตามข้อ ๒๙/๓ ของข้อบังคับ และต่อมาภายหลังผู้ประกอบอุตสาหกรรมดังกล่าวมีปริมาณครอบครองสารเคมีอันตรายร้ายแรง หรือแก๊สไวไฟ หรือของเหลวไวไฟเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ ๓๕ ขึ้นไป ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญที่จะต้องให้มีการตรวจประเมินภายนอก “อุบัติเหตุเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกระบวนการผลิต” หมายความว่า อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกระบวนการผลิตของผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่มีกระบวนการผลิตเข้าข่ายที่ต้องดำเนินการการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตและการตรวจประเมินความปลอดภัยกระบวนการผลิต ตามข้อ ๒๙/๓ ของข้อบังคับ และอุบัติเหตุดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ ระเบิดสารเคมีรั่วไหล หรืออุบัติภัยร้ายแรงอื่น จนเป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตาย หรือบาดเจ็บจนถึงขั้นทุพพลภาพ หรือการประกอบกิจการโรงงานของผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องหยุดประกอบอุตสาหกรรมตั้งแต่ ๓๐ วันขึ้นไปตามคาสั่งของ กนอ. “สารเคมีอันตรายร้ายแรง” (Highly Hazardous Chemicals) หมายความว่า สารประกอบสารผสมซึ่งอยู่ในรูปของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส ที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง เช่น สารพิษ (Toxics) ที่ก่อมะเร็ง และทำให้เกิดการระคายเคือง อาการแพ้หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย สารไวต่อการเกิดปฏิกิริยา (Reactives) และทำปฏิกิริยารุนแรง สารไวไฟ (Flammables) สารระเบิดได้ (Explosives) สารกัดกร่อน (Corrosives) ตัวออกซิไดส์ (Oxidizing Agents) เป็นต้น ตามบัญชีรายชื่อสารเคมีอันตรายร้ายแรงท้ายข้อบังคับ “แก๊สไวไฟ” (Flammable Gases) หมายความว่า แก๊สที่อุณหภูมิ ๒๐ องศาเซลเซียส และมีความดัน ๑๐๑.๓ กิโลปาสกาล สามารถติดไฟได้เมื่อผสมกับอากาศ ๑๓ เปอร์เซ็นต์หรือต่ำกว่าโดยปริมาตรหรือมีช่วงกว้างที่สามารถติดไฟได้ ๑๒ เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเมื่อผสมกับอากาศ โดยไม่คำนึงถึงความเข้มข้นต่ำสุดของการผสม “ของเหลวไวไฟ” (Flammable Liquids) หมายความว่า ของเหลวหรือของเหลวผสมหรือของเหลวที่มีสารแขวนลอยผสมที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า ๓๗.๘ องศาเซลเซียส หรือ ๑๐๐ องศาฟาเรนไฮต์ “อันตราย” (Hazard) หมายความว่า สิ่งหรือสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือความเจ็บป่วยจากการทำงาน ความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ตลอดจนความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมในการทำงานหรือต่อสาธารณชน “การวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิต” (Process Hazard Analysis : PHA) หมายความว่า กระบวนการวิเคราะห์อันตรายจากกระบวนการผลิต “อุบัติการณ์” (Incident) หมายความว่า เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นแล้วและมีผลให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์เกือบเกิดอุบัติเหตุ “อุบัติเหตุ” (Accident) หมายความว่า เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ หรือเหตุการณ์ที่อาจเกิดจากการขาดการควบคุม และเมื่อเกิดขึ้นแล้วมีผลให้เกิดการบาดเจ็บ หรือความเจ็บป่วยจากการทำงานหรือการเสียชีวิต หรือความสูญเสียต่อทรัพย์สินหรือความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมในการทำงานหรือต่อสาธารณชน “เหตุการณ์เกือบเกิดอุบัติเหตุ” (Near Miss) หมายความว่า เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์และเมื่อเกิดขึ้นแล้วมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ “การทบทวนความปลอดภัยก่อนการเริ่มเดินเครื่อง” (Pre - Startup Safety Review : PSSR) หมายความว่า การทบทวนตรวจสอบความปลอดภัยของกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับงานก่อสร้าง การติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ การดัดแปลงกระบวนการผลิต การเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต การบำรุงรักษาครั้งใหญ่ก่อนนำสารเคมีอันตรายร้ายแรงเข้าสู่กระบวนการผลิต รวมถึงก่อนนำอุปกรณ์เข้าใช้งานหรือเดินเครื่อง “ผู้รับเหมา” (Contractors) หมายความว่า ผู้รับเหมาขั้นต้นและผู้รับเหมาช่วงตามที่กำหนดไว้ในนิยามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ “งานที่ไม่ใช่งานประจำ” (Non - routine Work) หมายความว่า งานที่นอกเหนือจากงานปกติงานที่ยังไม่เคยมีมาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standard Operating Procedures) งานที่ไม่ได้ปฏิบัติบ่อย งานที่มีวิธีปฏิบัติแตกต่างจากที่แสดงไว้ในขั้นตอนการปฏิบัติงาน งานที่ไม่เคยปฏิบัติมาก่อน รวมถึงงานประจำแต่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายสูง “การตรวจประเมิน” (Audit) หมายความว่า การตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตที่เป็นระบบอย่างเป็นอิสระ โดยการจัดทำเป็นเอกสารเพื่อให้ได้หลักฐานการตรวจประเมิน และประเมินว่าเป็นไปตามเกณฑ์การตรวจประเมินการปฏิบัติตามข้อกำหนด (Compliance Audits) “การตรวจประเมินภายใน” (Internal Audit) หมายความว่า การดำเนินการตรวจประเมินโดยคณะผู้ตรวจประเมินภายในของสถานประกอบการเอง เพื่อทบทวนระบบความปลอดภัยและการจัดการว่าองค์กรได้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต ทั้งนี้ ผู้ตรวจประเมินภายใน ไม่ควรเป็นผู้รับผิดชอบในกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายให้ไปตรวจประเมิน “การตรวจประเมินภายนอก” (External Audit) หมายความว่า การดำเนินการตรวจประเมินโดยคณะผู้ตรวจประเมินที่ขึ้นทะเบียนกับ กนอ. และได้รับการมอบหมายจาก กนอ. ให้ตรวจประเมินเป็นกรณีไป “เกณฑ์การตรวจประเมิน” (Audit Criteria) หมายความว่า บรรทัดฐานที่ใช้ในการพิจารณาซึ่งอาจจะเป็นนโยบาย ขั้นตอนการดาเนินงาน หรือข้อกำหนดต่าง ๆ ทั้งนี้ เกณฑ์การตรวจประเมินดังกล่าวจะนำมาใช้อ้างอิงโดยเทียบเคียงกับมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต “คณะผู้ตรวจประเมิน” (Audit Team) หมายความว่า คณะบุคคลที่ดำเนินการตรวจประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต และการตรวจประเมินความปลอดภัยกระบวนการผลิตของแต่ละสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม “โปรแกรมการตรวจประเมิน” (Audit Program) หมายความว่า การวางแผนสำหรับการตรวจประเมินหนึ่งครั้งหรือหลายครั้งที่มีการกำหนดไว้สำหรับช่วงเวลาหนึ่ง และมีการควบคุมเพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการวางแผนการจัดการ และการดำเนินการตรวจประเมิน “ขอบเขตการตรวจประเมิน” (Audit Scope) หมายความว่า ขอบเขตและกรอบของการตรวจประเมินในช่วงเวลาที่กำหนด โดยมีรายละเอียดที่ครอบคลุมถึงสถานที่ตั้งของหน่วยงานย่อยภายในสถานประกอบการนั้น ตลอดจนกิจกรรม และกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง “หลักฐานการตรวจประเมิน ” (Audit Evidence) หมายความว่า บันทึก ถ้อยคำหรือข้อมูลข่าวสารอื่น ๆ ทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเกณฑ์การตรวจประเมินและสามารถทวนสอบได้ “สิ่งที่พบจากการตรวจประเมิน” (Audit Findings) หมายความว่า ผลของการตรวจประเมินตามหลักฐานการตรวจประเมินที่รวบรวมได้ โดยเทียบกับเกณฑ์การตรวจประเมินซึ่งสามารถชี้บ่งได้ทั้งความสอดคล้องและความไม่สอดคล้องกับเกณฑ์การตรวจประเมินหรือโอกาสสำหรับการปรับปรุง “ข้อเสนอแนะ” (Recommendations) หมายความว่า ข้อเสนอแนะของคณะผู้ตรวจประเมินที่มีต่อผู้ประกอบอุตสาหกรรมเพื่อให้ดำเนินการพัฒนาปรับปรุง “ข้อบกพร่องหลัก” (Major Non - Conformity) หมายความว่า การไม่มีเอกสารในการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการความปลอดภัยในกระบวนการผลิต หรือไม่มีหลักฐานการปฏิบัติจริงตามที่กำหนดไว้ในข้อใดข้อหนึ่งของข้อบังคับ หรือไม่ได้ปฏิบัติตามนัยสำคัญตามข้อบังคับ “ข้อบกพร่องย่อย” (Minor Non - Conformity) หมายความว่า ความไม่สอดคล้องของเอกสารขณะที่ปฏิบัติจริง หรือความไม่สอดคล้องหรือความคลาดเคลื่อนในเชิงปฏิบัติ “โอกาสสำหรับการปรับปรุง” (Opportunity for Improvements) หมายความว่า ข้อแนะนำของคณะผู้ตรวจประเมินที่มีต่อผู้ประกอบอุตสาหกรรมเพื่อพิจารณาพัฒนาปรับปรุงระบบตามมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ประกอบอุตสาหกรรม “ผลสรุปของการตรวจประเมิน” (Audit Conclusion) หมายความว่า ผลของการตรวจประเมินโดยคณะผู้ตรวจประเมิน ซึ่งพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของการตรวจประเมิน และสิ่งที่พบจากการตรวจประเมินทั้งหมด ข้อ ๔ ผู้ขอให้มีการตรวจประเมินต้องเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมตามข้อ ๒๙/๓ ของข้อบังคับ หมวด ๑ วัตถุประสงค์และประเภทของการตรวจประเมิน ข้อ ๕ วัตถุประสงค์ของการตรวจประเมินตามประกาศนี้ (๑) เพื่อเป็นการตรวจประเมินระบบการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตของผู้ประกอบอุตสาหกรรมตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ และ (๒) เพื่อป้องกันอุบัติภัยร้ายแรง หรือลดระดับความรุนแรง และลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิต สุขภาพ ทรัพย์สินของบุคลากรและสิ่งแวดล้อมภายในนิคมอุตสาหกรรม ตลอดจนชุมชนใกล้เคียง การตรวจประเมินตามวรรคหนึ่ง เพื่อให้ได้รายงานการตรวจประเมินทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณที่เป็นมาตรฐานตามเกณฑ์การตรวจประเมิน และถือเป็นการสนับสนุนการจัดการนโยบายความปลอดภัยกระบวนการผลิตและควบคุมการนำนโยบายไปใช้ ข้อ ๖ ประเภทของการตรวจประเมินให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๒๙/๔ และข้อ ๒๙/๔๖ ของข้อบังคับดังนี้ (๑) การตรวจประเมินภายใน โดยคณะผู้ตรวจประเมินภายในที่มีคุณสมบัติตามประกาศที่ กนอ. กำหนด กรณีที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมไม่สามารถหาผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ กนอ. กำหนดไว้ได้ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมนั้นสามารถขอความร่วมมือจากคณะผู้ตรวจประเมินของสถานประกอบการอื่นหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีคุณสมบัติตามประกาศที่ กนอ. กำหนดมาเป็นผู้ร่วมตรวจประเมินก็ได้ (๒) การตรวจประเมินภายนอก โดยคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกที่มีคุณสมบัติตามประกาศที่ กนอ. กำหนด และขึ้นทะเบียนกับ กนอ. หมวด ๒ การตรวจประเมินภายใน ข้อ ๗ การตรวจประเมินภายใน ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมเป็นผู้แต่งตั้งคณะผู้ตรวจประเมินภายใน ข้อ ๘ กรณีตามข้อ ๗ การตรวจประเมินภายในให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) หัวหน้าคณะผู้ตรวจประเมินภายในต้องจัดส่งรายละเอียดข้อมูล เช่น วัตถุประสงค์ของการตรวจประเมินภายใน รายละเอียดของโปรแกรมการตรวจประเมินภายใน ขอบเขตการตรวจประเมินภายในหน่วยงานที่จะตรวจประเมินภายในเกณฑ์การตรวจประเมินภายใน เป็นต้น ก่อนที่จะดำเนินการตรวจประเมินภายใน (๒) การประเมินผลการตรวจประเมินภายในควรระบุและเปรียบเทียบสิ่งที่พบจากการตรวจประเมินภายใน และหลักฐานการตรวจประเมินภายในที่สามารถทวนสอบได้กับเกณฑ์การตรวจประเมินภายในเพื่อแสดงความสอดคล้องหรือความไม่สอดคล้องกับเกณฑ์การตรวจประเมินภายใน (๓) ให้หัวหน้าคณะผู้ตรวจประเมินภายในสรุปผลการตรวจประเมินภายในแก่หน่วยงานที่ได้รับการตรวจประเมินดังนี้ (๓.๑) สิ่งที่สอดคล้องและสิ่งที่ไม่สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายใน (๓.๒) ข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่ได้รับการตรวจประเมินจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายในและข้อบังคับ (๓.๓) โอกาสสำหรับการปรับปรุงเพื่อพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ข้อ ๙ กรณีการตรวจประเมินภายในตามข้อ ๘ เสร็จสิ้นแล้ว ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) คณะผู้ตรวจประเมินภายในต้องจัดทำรายงานการตรวจประเมินภายใน ซึ่งมีเนื้อหาตามข้อเท็จจริง มีความชัดเจน ระบุสิ่งที่พบจากการตรวจประเมินภายในและหลักฐานการตรวจประเมินภายในทั้งที่สอดคล้องและที่ไม่สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายใน รวมทั้งข้อเสนอแนะหรือโอกาสสำหรับการปรับปรุง (ถ้ามี) และผลสรุปของการตรวจประเมินภายใน (๒) การรับรองและจัดส่งรายงานการตรวจประเมินภายใน (๒.๑) กรณีข้อบกพร่องหลัก (Major Non - Conformity) ซึ่งระบุถึงความไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างมีนัยสำคัญ ให้หน่วยงานที่ได้รับการตรวจประเมินจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขอย่างเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายใน และต้องมีการแก้ไขในสิ่งที่ปฏิบัติไม่ครบถ้วนหรือไม่มีการปฏิบัติดังกล่าวภายในระยะเวลาตามที่ได้ตกลงไว้กับคณะผู้ตรวจประเมินภายในเพื่อไม่ให้เกิดความไม่สอดคล้องซ้ำอีก ทั้งนี้ คณะผู้ตรวจประเมินภายในต้องตรวจติดตามผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไขนั้นด้วย (๒.๒) กรณีข้อบกพร่องย่อย (Minor Non - Conformity) ซึ่งระบุถึงความไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างไม่มีนัยสำคัญ ให้หน่วยงานที่ได้รับการตรวจประเมินจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขอย่างเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายใน และต้องมีการแก้ไขภายในระยะเวลาตามที่ได้ตกลงไว้กับคณะผู้ตรวจประเมินภายในเพื่อไม่ให้เกิดความไม่สอดคล้องซ้ำอีก ทั้งนี้ คณะผู้ตรวจประเมินภายในต้องตรวจติดตามผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไขนั้นด้วย (๒.๓) ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมเก็บรายงานการตรวจประเมินภายในที่บันทึกส่วนที่บกพร่องที่ได้รับการแก้ไขแล้วไว้เป็นหลักฐานที่สถานประกอบการอย่างน้อย ๓ ปีตามข้อ ๒๙/๔๖ (๑) ของข้อบังคับ หมวด ๓ การตรวจประเมินภายนอก ข้อ ๑๐ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสามารถยื่นขอรับการตรวจประเมินภายนอกกับ กนอ. ได้ในกรณีดังต่อไปนี้ (๑) กรณีการยื่นขอต่ออายุใบอนุญาต ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องยื่นคำขอรับการตรวจประเมินภายนอกต่อ กนอ. ตามแบบที่ กนอ. กำหนด ภายใน ๖ เดือนก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นผล (๒) กรณีการขอขยายกำลังการผลิตที่กระบวนการผลิตเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกระบวนการผลิต (๒.๑) เมื่อผู้ประกอบอุตสาหกรรมก่อสร้างอาคารโรงงานและติดตั้งเครื่องจักรส่วนขยายแล้วเสร็จ ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมมีหนังสือแจ้งการทดลองเครื่องจักร (Commissioning) พร้อมทั้งยื่นคำขอรับการตรวจประเมินภายนอกต่อ กนอ. ตามแบบที่ กนอ. กำหนดโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกิน ๖๐ วันก่อนวันที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะยื่นคำขอแจ้งเริ่มประกอบอุตสาหกรรม (๒.๒) กรณีผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่ประสงค์ขอแก้ไขการประกอบกิจการ ให้ยื่นคำขอรับการตรวจประเมินภายนอกต่อ กนอ. ตามแบบที่ กนอ. กำหนดภายใน ๖ เดือนก่อนที่จะยื่นคำขอทั่วไป (๓) กรณีเกิดอุบัติเหตุเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกระบวนการผลิต (๓.๑) เมื่อเกิดอุบัติเหตุเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกระบวนการผลิต และ กนอ.มีคำสั่งให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมหยุดประกอบกิจการบางส่วนหรือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกระบวนการผลิต และในส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามความในมาตรา ๓๙ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ (๓.๒) กรณีตาม (๓.๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมได้ดำเนินการปรับปรุง แก้ไขหรือปฏิบัติให้ถูกต้องแล้ว และหากประสงค์จะประกอบอุตสาหกรรมต่อไป ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยื่นคำขอรับการตรวจประเมินภายนอกตามแบบที่ กนอ. กำหนดโดยเร็ว ทั้งนี้ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องมีหนังสือแจ้งต่อ กนอ. และจัดส่งเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้มีการปรับปรุง แก้ไข หรือปฏิบัติให้ถูกต้องดังกล่าวพร้อมทั้งรายงานการตรวจประเมินภายนอกเพื่อพิจารณาตรวจสอบ และเมื่อมีคำสั่งหรืออนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมได้แล้ว ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจึงจะดำเนินการต่อไปได้ (๔) ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยื่นคำขอรับการตรวจประเมินภายนอกต่อ กนอ. ทุก ๆ ๓ ปี ตามแบบที่ กนอ. กำหนด ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการภายใน ๖ เดือนก่อนวันสุดท้ายของการตรวจประเมินภายนอกครั้งล่าสุดตาม (๑) หรือ (๒) หรือ (๓) แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๑ กรณีการตรวจประเมินภายนอกตามข้อ ๑๐ ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมเป็นผู้คัดเลือกคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกตามบัญชีรายชื่อที่ขึ้นทะเบียนกับ กนอ. ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติและเงื่อนไขตามประกาศที่ กนอ. กำหนด ข้อ ๑๒ การดำเนินการคัดเลือกคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกตามข้อ ๑๑ มีดังต่อไปนี้ (๑) กรณีผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่ประสงค์จะตรวจประเมินภายนอกตามข้อ ๑๐ (๑) หรือ (๒) หรือ (๓) ได้คัดเลือกคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก พร้อมทั้งผู้ตรวจประเมินภายนอกฝึกหัด (ถ้ามี) เพื่อเข้าร่วมสังเกตการณ์แล้ว ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมแจ้งรายชื่อคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก พร้อมทั้งผู้ตรวจประเมินภายนอกฝึกหัดดังกล่าว ให้ กนอ. พิจารณา (๒) เมื่อ กนอ. ได้รับแจ้งตาม (๑) แล้ว ให้ กนอ. พิจารณารายชื่อหัวหน้าคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก คณะผู้ตรวจประเมินภายนอก หรือผู้ตรวจประเมินภายนอกฝึกหัด (ถ้ามี) พร้อมทั้ง กนอ. แจ้งรายชื่อพนักงานของ กนอ. ที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ (ถ้ามี) ตลอดจนรับทราบโปรแกรมการตรวจประเมินภายนอกที่เสนอจากผู้ประกอบอุตสาหกรรมให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการนับจากวันที่ได้รับแบบลงทะเบียนการขอรับการตรวจประเมินภายนอกจากผู้ประกอบอุตสาหกรรม (๓) กรณีที่ กนอ. ไม่เห็นชอบกับรายชื่อตาม (๒) ให้ กนอ. ชี้แจงเหตุผลและแจ้งให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมทราบและดำเนินการจัดส่งรายชื่อคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกใหม่ ทั้งนี้ จนกว่าจะได้รับความเห็นชอบจาก กนอ. (๔) กรณีที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกหรือวันและเวลาของการตรวจประเมินภายนอก ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมนั้น แจ้งเหตุผลความจำเป็นต่อ กนอ. เพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ตามแบบที่ กนอ. กำหนด ข้อ ๑๓ กรณีที่ กนอ. เห็นชอบกับการคัดเลือกคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกตามข้อ ๑๒ แล้ว ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ ก่อนที่จะมีการตรวจประเมินภายนอก (๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องจัดส่งเอกสารเบื้องต้น (ถ้ามี) ให้แก่คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกดังนี้ (๑.๑) ข้อมูลบริษัท (๑.๒) นโยบายความปลอดภัย ข้อกำหนด กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย (๑.๓) ข้อมูลชนิด และปริมาณสารเคมีอันตรายร้ายแรง และ/หรือของเหลวไวไฟ และ/หรือแก๊สไวไฟ (๑.๔) แผนผังที่ตั้งอุปกรณ์ เครื่องจักร และอาคารทั้งหมด (๑.๕) ข้อมูลความปลอดภัยกระบวนการผลิต เช่น แผนภาพการไหล หรือแผนภาพการไหลกระบวนการผลิตอย่างง่าย คำอธิบายแสดงขั้นตอนการผลิต และอุปกรณ์วิกฤตในกระบวนการผลิต (Critical Process Equipment) (๑.๖) ตัวอย่างรายงานการวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิต การปฏิบัติการแก้ไขตามมาตรการต่าง ๆ ที่จำเป็นในการป้องกันและลดผลกระทบของอันตรายกระบวนการผลิตต่าง ๆ (๑.๗) ตัวอย่างขั้นตอนการปฏิบัติงาน (๑.๘) ตัวอย่างบันทึกการฝึกอบรม (๑.๙) ตัวอย่างข้อมูลการจัดการความปลอดภัยผู้รับเหมา (๑.๑๐) ตัวอย่างเอกสารการทบทวนความปลอดภัยก่อนการเริ่มเดินเครื่อง (๑.๑๑) ตัวอย่างรายงานการตรวจสอบและการทดสอบความพร้อมใช้ของอุปกรณ์วิกฤตในกระบวนการผลิต (๑.๑๒) ตัวอย่างใบอนุญาตการทางานที่อาจทำให้เกิดความร้อนและประกายไฟ และตัวอย่างใบอนุญาตการทำงานที่เป็นงานที่ไม่ใช่งานประจำ (๑.๑๓) รายการการเปลี่ยนแปลงของอุปกรณ์และเครื่องจักรที่มีนัยสำคัญในรอบ ๓ ปีและตัวอย่างเอกสารแสดงการจัดการการเปลี่ยนแปลง (๑.๑๔) คู่มือการเตรียมความพร้อมและการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน (๑.๑๕) รายงานอุบัติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกระบวนการผลิตในรอบ ๕ ปี และรายงานการสอบสวนอุบัติการณ์ (๑.๑๖) รายงานการตรวจประเมินการปฏิบัติตามข้อกำหนด เช่น การตรวจประเมินการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตทั้งการตรวจประเมินภายในและการตรวจประเมินภายนอก (๑.๑๗) ผลการตรวจติดตามการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไขสำหรับการตรวจประเมินภายในและแผนปฏิบัติการแก้ไขพร้อมทั้งหลักฐานการปฏิบัติการแก้ไขในรอบการตรวจประเมินภายนอกที่ผ่านมา (๑.๑๘) เอกสารเพิ่มเติมที่จำเป็นต่อการตรวจประเมินภายนอก (๒) กรณีจำเป็น คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกอาจให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมก่อนที่จะดำเนินการการตรวจประเมินภายนอก (๓) ก่อนการตรวจประเมินภายนอก คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกต้องจัดส่งรายละเอียดข้อมูลดังนี้ ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมทราบล่วงหน้า (๓.๑) วัตถุประสงค์การตรวจประเมินตามข้อ ๕ (๓.๒) โปรแกรมการตรวจประเมินภายนอก ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการวางแผน การจัดการ และการดำเนินการตรวจประเมินภายนอก (๓.๓) ขอบเขตการตรวจประเมินภายนอกซึ่งครอบคลุมเนื้อหาและขอบเขตการตรวจประเมินภายนอก เช่น สถานที่ หน่วยงาน กิจกรรม กระบวนการที่รับการตรวจประเมินภายนอกและผู้รับผิดชอบในกิจกรรมต่าง ๆ เป็นต้น รวมทั้งระยะเวลาในการตรวจประเมินภายนอก (๓.๔) เกณฑ์การตรวจประเมินภายนอกที่ใช้เป็นข้ออ้างอิงในการประเมินความสอดคล้องและความไม่สอดคล้องตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ (๔) ให้คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกจัดประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาทบทวนเอกสารเบื้องต้นที่ได้รับจากผู้ประกอบอุตสาหกรรมตาม (๑) และ (๒) (ถ้ามี) ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับโปรแกรมการตรวจประเมินภายนอกตาม (๓.๒) และขอบเขตการตรวจประเมินภายนอกตาม (๓.๓) รวมทั้งจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็นเพื่อใช้สำหรับการอ้างอิง ตลอดจนเอกสารสำหรับการบันทึกผลการตรวจประเมินและอาจรวมถึง (๔.๑) แบบรายการตรวจสอบการตรวจประเมิน (Checklists) (๔.๒) แบบฟอร์มการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เช่น หลักฐานแสดงสิ่งที่พบจากการตรวจประเมินรายงานการประชุม เอกสารที่จำเป็นเพื่อใช้สำหรับการอ้างอิง รวมถึงบันทึกที่สำคัญจากการปฏิบัติงาน ข้อ ๑๔ การตรวจประเมินภายนอก ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ดังต่อไปนี้ (๑) จัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก ผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้องของผู้ประกอบอุตสาหกรรม ก่อนการตรวจประเมินภายนอกดังนี้ (๑.๑) แจ้งวัตถุประสงค์ตามข้อ ๕ รวมถึงรายละเอียดของโปรแกรมการตรวจประเมินภายนอก ขอบเขตการตรวจประเมินภายนอก และหน่วยงานที่จะตรวจประเมินภายนอก เช่น ฝ่ายวิศวกรรมกระบวนการผลิต (Process Engineering) ฝ่ายผลิต (Production) ฝ่ายบำรุงรักษา (Maintenance) ฝ่ายวิศวกรรม (Engineering) ฝ่ายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม (Safety, Health and Environment) เป็นต้น (๑.๒) แจ้งเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก (๑.๓) แนะนำคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก แจ้งวิธีการและกิจกรรมการตรวจประเมินภายนอก ได้แก่ การตรวจเอกสาร การตรวจสอบพื้นที่ปฏิบัติงาน การตรวจสอบการปฏิบัติงานในพื้นที่และการสัมภาษณ์พนักงานที่เกี่ยวข้อง (๑.๔) แจ้งจรรยาบรรณ การรักษาความลับของการตรวจประเมินภายนอกสิทธิ และความรับผิดชอบของคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก (๑.๕) วิธีการติดต่อสื่อสาร (๑.๖) ให้โอกาสผู้ประกอบอุตสาหกรรมซักถาม (๒) กรณีการเก็บรวบรวมข้อมูลการตรวจประเมินภายนอกและการทวนสอบ ให้คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกใช้วิธีการตรวจประเมินตามหลักฐานเชิงประจักษ์ดังนี้ (๒.๑) การตรวจสอบเอกสาร และหลักฐานการบันทึกต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง (๒.๒) การตรวจสอบพื้นที่ปฏิบัติงาน และการตรวจสอบการปฏิบัติงานในพื้นที่ ทั้งนี้ หากผู้ตรวจประเมินภายนอกประสงค์จะได้รูปถ่ายเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจประเมินภายนอกให้แจ้งผู้ประกอบอุตสาหกรรมเพื่อดำเนินการก็ได้ตามกฎ ระเบียบของผู้ประกอบอุตสาหกรรมนั้น (๒.๓) การเก็บรวบรวมข้อมูลจากพื้นที่ปฏิบัติงานและการสัมภาษณ์พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกควรพิจารณาจำนวนข้อมูลที่เหมาะสมและเชื่อถือได้ และต้องบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร (๓) การประเมินผลการตรวจประเมินภายนอกจะต้องเปรียบเทียบสิ่งที่พบจากการตรวจประเมินภายนอก และหลักฐานการตรวจประเมินภายนอกที่สามารถทวนสอบได้กับเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก เพื่อแสดงความสอดคล้องหรือความไม่สอดคล้องกับเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอกโดยคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกต้องปฏิบัติดังนี้ (๓.๑) ทบทวนสิ่งที่พบจากการตรวจประเมินภายนอก และหลักฐานการตรวจประเมินภายนอกที่สามารถทวนสอบได้ทุกขั้นตอนในระหว่างการตรวจประเมินภายนอก (๓.๒) บันทึกสิ่งที่สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก โดยระบุสถานที่ หน่วยงานกระบวนการที่รับการตรวจประเมินภายนอก หรือการสัมภาษณ์พนักงาน (๓.๓) บันทึกสิ่งที่ไม่สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก โดยระบุสถานที่หน่วยงาน กระบวนการที่รับการตรวจประเมินภายนอก หรือการสัมภาษณ์พนักงาน พร้อมหลักฐานสนับสนุน และอาจจัดระดับความสำคัญของสิ่งที่ไม่สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอกเพื่อให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมดำเนินการแก้ไขตามระดับความสำคัญ (๔) การเตรียมผลสรุปการตรวจประเมินภายนอกระหว่างคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก มีดังนี้ (๔.๑) ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างหัวหน้าคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกและคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก เพื่อให้มีการดำเนินการดังนี้ (๔.๑.๑) ทบทวนสิ่งที่พบจากการตรวจประเมินภายนอก หลักฐานการตรวจประเมินภายนอกที่สามารถทวนสอบได้ และข้อมูลอื่น ๆ ที่รวบรวมได้ระหว่างการตรวจประเมินภายนอกเปรียบเทียบกับเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก (๔.๑.๒) ตกลงผลสรุปของการตรวจประเมินภายนอกแต่ละข้อกำหนดอย่างรอบคอบ (๔.๒) ผลสรุปของการตรวจประเมินภายนอก (๔.๒.๑) สิ่งที่สอดคล้องและสิ่งที่ไม่สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก (๔.๒.๒) ข้อเสนอแนะเพื่อให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขให้สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก และตามข้อบังคับ (๔.๒.๓) โอกาสสำหรับการปรับปรุงเพื่อพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น (๕) การประชุมสรุปผลการตรวจประเมินภายนอกร่วมกับผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้องของผู้ประกอบอุตสาหกรรม มีดังนี้ ให้คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกสรุปผลการตรวจประเมินภายนอกตามสิ่งที่พบจากการตรวจประเมินภายนอก และหลักฐานการตรวจประเมินภายนอกที่สามารถทวนสอบได้ แจ้งสิ่งที่สอดคล้องและสิ่งที่ไม่สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก ทบทวนกับพนักงานที่เกี่ยวข้องของผู้ประกอบอุตสาหกรรมเพื่อยอมรับร่วมกันว่าสิ่งที่พบจากการตรวจประเมินภายนอก และหลักฐานการตรวจประเมินภายนอกมีความถูกต้อง สมบูรณ์ และยืนยันว่าพนักงานที่เกี่ยวข้องของผู้ประกอบอุตสาหกรรมเข้าใจสิ่งที่ไม่สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก ตลอดจนกำหนดแผนปฏิบัติการแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับ การประชุมดังกล่าว ให้คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกเป็นผู้จัดทำบันทึกรายงานสรุปผลการตรวจประเมินภายนอกเบื้องต้น และรายชื่อผู้เข้าประชุม รวมทั้งรายชื่อพนักงานของ กนอ.ที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ (ถ้ามี) หรือผู้ตรวจประเมินภายนอกฝึกหัด (ถ้ามี) โดยคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกและผู้แทนของผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องลงนามรับทราบ ข้อ ๑๕ กรณีการตรวจประเมินภายนอกตามข้อ ๑๔ เสร็จสิ้นแล้ว ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) ให้คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกมีหน้าที่รับผิดชอบการจัดทำรายงานการตรวจประเมินภายนอกซึ่งประกอบด้วย (๑.๑) หน้าปกของรายงานการตรวจประเมินภายนอกที่ต้องลงนามรับรองโดยคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก และผู้แทนของผู้ประกอบอุตสาหกรรม (๑.๒) วัตถุประสงค์ของการตรวจประเมินภายนอก (๑.๓) โปรแกรมการตรวจประเมินภายนอก (๑.๔) รายชื่อคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก และข้อกำหนดที่รับผิดชอบในการตรวจประเมินภายนอก (๑.๕) รายชื่อพนักงานของ กนอ. ที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ (ถ้ามี) หรือผู้ตรวจประเมินภายนอกฝึกหัด (ถ้ามี) (๑.๖) ขอบเขตการตรวจประเมินภายนอก หน่วยงาน กระบวนการ หรือพื้นที่ที่รับการตรวจประเมินภายนอก และระยะเวลาการตรวจประเมินภายนอก (๑.๗) เกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก และเกณฑ์การพิจารณารับรองผลการตรวจประเมินภายนอก (๑.๘) บทสรุปย่อรายงานการตรวจประเมินภายนอก และผลสรุปการตรวจประเมินภายนอกของแต่ละข้อกำหนด (๑.๙) รายละเอียดของสิ่งที่พบจากการตรวจประเมินภายนอก และหลักฐานการตรวจประเมินภายนอกที่สามารถทวนสอบได้ของแต่ละข้อกำหนด ทั้งสิ่งที่สอดคล้องและสิ่งที่ไม่สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก (๑.๑๐) ข้อเสนอแนะหรือโอกาสสำหรับการปรับปรุง ผลสรุปของการตรวจประเมินภายนอก (๑.๑๑) อุปสรรคที่พบ ซึ่งอาจทำให้ความเชื่อมั่นของผลการตรวจประเมินภายนอกลดลง (ถ้ามี) เช่น ไม่สามารถตรวจประเมินได้ครอบคลุมทุกสายการผลิต ไม่มีการทำงานของผู้รับเหมาในพื้นที่ปฏิบัติงานระหว่างการตรวจประเมิน พร้อมระบุเหตุผล เป็นต้น (๑.๑๒) ข้อคิดเห็นที่แตกต่างระหว่างคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกกับผู้ประกอบอุตสาหกรรม (ถ้ามี) (๒) การรับรอง และการจัดส่งรายงานการตรวจประเมินภายนอก (๒.๑) ให้คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกทุกคนต้องตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนพร้อมทั้งลงนามรับรองรายงานการตรวจประเมินภายนอก และจัดส่งรายงานการตรวจประเมินภายนอกซึ่งระบุวันที่ส่ง ตลอดจนจัดส่งรายงานในรูปอิเล็กทรอนิกส์ไฟล์ให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจำนวนไม่น้อยกว่า ๒ ชุด ภายในระยะเวลา ๓๐ วัน นับถัดจากวันที่ได้ดำเนินการตรวจประเมินภายนอกแล้วเสร็จ ทั้งนี้ ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมส่งรายงานการตรวจประเมินภายนอกให้ กนอ. พิจารณาต่อไป (๒.๒) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องเก็บรายงานการตรวจประเมินภายนอกที่บันทึกส่วนที่บกพร่องที่ได้รับการแก้ไขแล้ว ๒ ฉบับล่าสุดไว้เป็นหลักฐานที่สถานประกอบการ และยื่นหลักฐานดังต่อไปนี้ ประกอบการยื่นขออนุญาตประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมต่อ กนอ. เช่น รายงานการตรวจประเมินภายนอก แผนปฏิบัติการแก้ไขพร้อมทั้งหลักฐานการปฏิบัติการแก้ไข (ถ้ามี) รายงานการตรวจประเมินซ้ำ (ถ้ามี) และผลการตรวจความมีประสิทธิผลของการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไขในรอบการตรวจประเมินภายนอกที่ผ่านมา (ถ้ามี) (๒.๓) กนอ. จะดำเนินการทวนสอบความสมบูรณ์และความถูกต้องของรายงานการตรวจประเมินภายนอก แผนปฏิบัติการแก้ไขพร้อมทั้งหลักฐานการปฏิบัติการแก้ไข (ถ้ามี) รายงานการตรวจประเมินซ้ำ (ถ้ามี) และผลการตรวจความมีประสิทธิผลของการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไขในรอบการตรวจประเมินภายนอกที่ผ่านมา (ถ้ามี) และหาก กนอ. พิจารณาแล้วเห็นว่ามีผลการดำเนินงานไม่ครบถ้วน กนอ. จะแจ้งให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมปฏิบัติให้ครบถ้วน กรณีหากผู้ประกอบอุตสาหกรรมไม่ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไข กนอ. จะพิจารณาดำเนินการมาตรการบังคับตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๓๐ ข้อ ๓๑ และข้อ ๓๒ ของข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ต่อไป (๓) การจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไข (๓.๑) กรณีข้อบกพร่องหลัก (Major Non-Conformity) ซึ่งคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกระบุถึงความไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างมีนัยสำคัญ ให้ดำเนินการดังนี้ (๓.๑.๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องจัดส่งหลักฐานการปฏิบัติการแก้ไขที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ (ถ้ามี) หรือจัดส่งแผนปฏิบัติการแก้ไขตามแบบที่ กนอ. กำหนดสำหรับกรณีที่ยังไม่ดำเนินการแล้วเสร็จให้แก่คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อพิจารณาภายในระยะเวลา ๓๐ วัน นับถัดจากวันที่ได้รับรายงานการตรวจประเมินภายนอกจากคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก เพื่อไม่ให้เกิดความไม่สอดคล้องซ้ำอีก (ก) กรณีคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกเห็นชอบกับแผนปฏิบัติการแก้ไข (ก/๑) หากผู้ประกอบอุตสาหกรรมดำเนินการแก้ไขตามแผนปฏิบัติการแก้ไขแล้วเสร็จก่อนวันที่ใบอนุญาตจะหมดอายุ ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขนั้นให้แล้วเสร็จ (ก/๒) ให้ยื่นขอรับการตรวจประเมินซ้ำในสิ่งที่ปฏิบัติไม่ครบถ้วนหรือไม่มีการปฏิบัติดังกล่าวตามข้อกำหนดนั้น โดยคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกรายเดิมหรือคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกรายใหม่ที่ กนอ. เห็นชอบ จากนั้นให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยื่นรายงานการตรวจประเมินภายนอก แผนปฏิบัติการแก้ไขพร้อมทั้งหลักฐานการปฏิบัติการแก้ไข (ถ้ามี) และรายงานการตรวจประเมินซ้ำเพื่อพิจารณาประกอบการขออนุญาตประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมต่อ กนอ. เป็นกรณีไป (ก/๓) หากผู้ประกอบอุตสาหกรรมดำเนินการแก้ไขตามแผนปฏิบัติการแก้ไขแล้วเสร็จเกินกว่าวันที่ใบอนุญาตจะหมดอายุ ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยื่นรายงานการตรวจประเมินภายนอก แผนปฏิบัติการแก้ไขพร้อมทั้งหลักฐานการปฏิบัติการแก้ไข (ถ้ามี) ต่อ กนอ. ก่อนเพื่อพิจารณาประกอบการขออนุญาตประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมเป็นกรณีไป จากนั้นให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขนั้น และนำเสนอรายงานความคืบหน้าผลการปฏิบัติการแก้ไขทุก ๓ เดือน จนกว่าจะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขแล้วเสร็จต่อสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมหรือสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมที่กำกับ ดูแล และหากผู้ประกอบอุตสาหกรรมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขนั้นแล้วเสร็จ ให้ดำเนินการตาม (ก/๒) ต่อไป (ข) กรณีหากคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกไม่เห็นชอบแผนปฏิบัติการแก้ไข ให้คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกระบุเหตุผลความจำเป็นและกำหนดระยะเวลาให้ยื่นแผนปฏิบัติการแก้ไขใหม่ (๓.๒) กรณีข้อบกพร่องย่อย (Minor Non-Conformity) ซึ่งคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกระบุถึงความไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างไม่มีนัยสำคัญ ให้ดำเนินการดังนี้ (๓.๒.๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องจัดส่งหลักฐานการปฏิบัติการแก้ไขที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ (ถ้ามี) หรือจัดส่งแผนปฏิบัติการแก้ไขตามแบบที่ กนอ. กำหนดสำหรับกรณีที่ยังไม่ดำเนินการแล้วเสร็จให้แก่คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อพิจารณาภายในระยะเวลา ๓๐ วัน นับถัดจากวันที่ได้รับรายงานการตรวจประเมินภายนอกจากคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อไม่ให้เกิดความไม่สอดคล้องซ้ำอีก (ก) กรณีคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกเห็นชอบแผนปฏิบัติการแก้ไขให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขนั้นให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา ๓๐ วัน นับถัดจากวันที่ได้รับความเห็นชอบ จากนั้นให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยื่นรายงานการตรวจประเมินภายนอก แผนปฏิบัติการแก้ไขพร้อมทั้งหลักฐานการปฏิบัติการแก้ไข (ถ้ามี) รวมทั้งผลการตรวจความมีประสิทธิผลของการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไขในรอบการตรวจประเมินภายนอกที่ผ่านมา (ถ้ามี) เพื่อพิจารณาประกอบการขออนุญาตประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมต่อ กนอ. เป็นกรณีไป (ข) กรณีคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกไม่เห็นชอบแผนปฏิบัติการแก้ไขให้คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกระบุเหตุผลความจำเป็นและกำหนดระยะเวลาให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยื่นแผนปฏิบัติการแก้ไขใหม่ (๓.๒.๒) กรณีที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขแล้วเสร็จเกินกว่า ๓๐ วัน นับถัดจากวันที่ได้รับความเห็นชอบ ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมระบุเหตุผลความจำเป็น พร้อมทั้งยื่นรายงานการตรวจประเมินภายนอก แผนปฏิบัติการแก้ไขพร้อมทั้งหลักฐานการปฏิบัติการแก้ไข (ถ้ามี) รวมทั้งผลการตรวจความมีประสิทธิผลของการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไขในรอบการตรวจประเมินภายนอกที่ผ่านมา (ถ้ามี) ต่อ กนอ. ก่อน เพื่อพิจารณาประกอบการขออนุญาตประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมเป็นกรณีไป จากนั้นให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขนั้น และนำเสนอรายงานความคืบหน้าผลการปฏิบัติการแก้ไขต่อสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมหรือสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมที่กำกับ ดูแลทุก ๓ เดือนจนกว่าจะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขนั้นแล้วเสร็จ (๓.๒.๓) กรณีที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขแล้วเสร็จตาม (๓.๒.๑) หรือ (๓.๒.๒) ให้คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกตรวจความมีประสิทธิผลของการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไขกรณีข้อบกพร่องย่อยในการตรวจประเมินภายนอกรอบถัดไป พร้อมทั้งจัดส่งผลการตรวจความมีประสิทธิผลของการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไขในการตรวจประเมินภายนอกรอบที่ผ่านมาภายในระยะเวลา ๓๐ วัน นับถัดจากวันที่ได้ดำเนินการตรวจประเมินภายนอกแล้วเสร็จ หมวด ๔ เกณฑ์การพิจารณารับรองผลการตรวจประเมินภายนอก ข้อ ๑๖ การพิจารณารับรองผลการตรวจประเมินภายนอก แบ่งเป็น ๓ ลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมได้ปฏิบัติโดยถูกต้องและครบถ้วนตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้ทุกประการให้ถือว่าการปฏิบัติดังกล่าวมีความสอดคล้องกับข้อบังคับ และผ่านเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก (๒) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมได้ปฏิบัติโดยถูกต้องและครบถ้วนตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้แล้วแต่มีข้อบกพร่องย่อย (Minor Non - Conformity) บางประการที่ยังไม่ได้ปฏิบัติ ให้ถือว่าการปฏิบัติดังกล่าวไม่มีความสอดคล้องกับข้อบังคับอย่างไม่มีนัยสำคัญ และผ่านเกณฑ์การพิจารณาโดยที่คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกมีข้อเสนอแนะให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอกต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกดาเนินการตรวจความมีประสิทธิผลของการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการแก้ไขกรณีข้อบกพร่องย่อยในการตรวจประเมินภายนอกรอบถัดไป (๓) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมได้ปฏิบัติตามข้อบังคับไม่ครบถ้วน หรือครบถ้วนแล้วแต่มีข้อบกพร่องหลัก (Major Non - Conformity) บางประการ ให้ถือว่าการปฏิบัติดังกล่าวไม่มีความสอดคล้องกับข้อบังคับอย่างมีนัยสำคัญและไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณา โดยคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกมีข้อเสนอแนะให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องตามเกณฑ์การตรวจประเมินภายนอก พร้อมทั้งต้องมีการแก้ไขเพื่อขอรับการตรวจประเมินซ้ำในสิ่งที่ปฏิบัติไม่ครบถ้วน หรือไม่มีการปฏิบัติดังกล่าวตามข้อกำหนดนั้น โดยคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกรายเดิมหรือคณะผู้ตรวจประเมินภายนอกรายใหม่ที่ กนอ. เห็นชอบ กรณีตามวรรคหนึ่ง คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกสามารถให้โอกาสสำหรับการปรับปรุงหากสิ่งที่พบจากการตรวจประเมินภายนอกนั้นสามารถนำไปสู่ข้อบกพร่องต่อไปได้ในอนาคต หมวด ๕ ความรับผิดชอบของ กนอ. ผู้ประกอบอุตสาหกรรม และสิทธิและความรับผิดชอบของคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก ข้อ ๑๗ ให้ กนอ. คณะผู้ตรวจประเมินภายนอก และผู้ตรวจประเมินภายนอกฝึกหัด (ถ้ามี) ต้องรักษาเอกสารหรือข้อมูลที่สำคัญของการตรวจประเมินภายนอกตามข้อตกลงรักษาความลับหรือข้อตกลงการไม่เปิดเผยข้อมูล คณะผู้ตรวจประเมินภายนอกมีความเป็นอิสระในการทวนสอบ มีข้อจำกัดของอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ มีสิทธิในการเข้าถึงเอกสารหรือหลักฐานที่จำเป็นในการจัดเก็บหรือทำลายเอกสารเบื้องต้นที่ได้รับจากผู้ประกอบอุตสาหกรรมตามข้อ ๑๓ (๑) และ (๒) และเอกสารที่ได้รับระหว่างการตรวจประเมินภายนอกตามข้อตกลงรักษาความลับ และต้องผูกพันในผลการรับรองของตนเอง ข้อ ๑๘ ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องพิจารณาความเสี่ยงและความเหมาะสมด้วยความรอบคอบในการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะ หรือโอกาสสำหรับการปรับปรุงที่ได้รับจากคณะผู้ตรวจประเมินภายนอก ทั้งนี้ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสามารถจัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขให้สอดคล้องกับข้อบกพร่องได้เอง บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๙ กรณีการยื่นขอรับการตรวจประเมินภายนอกกับ กนอ. ซึ่งหนังสืออนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมของผู้ประกอบอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กนอ. หรือเหลืออายุไม่ถึง ๖ เดือนก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมดังกล่าวสามารถยื่นขอรับการตรวจประเมินภายนอกกับ กนอ. ได้นับตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ และ กนอ. จะพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ อัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รองผู้ว่าการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พัชรภรณ์/ธนบดี/จัดทำ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๘๓ ง/หน้า ๒๙/๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
819223
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 33/2561 เรื่อง กำหนดอัตราค่าบริการในการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้องสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตหรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๓๓/๒๕๖๑ เรื่อง กำหนดอัตราค่าบริการในการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชน และชุมชนที่เกี่ยวข้องสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดของประชาชน หรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง[๑] โดยที่มาตรา ๕๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติให้การดำเนินการใดของรัฐหรือที่รัฐจะอนุญาตให้ผู้ใดดำเนินการ ถ้าการนั้นอาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง รัฐต้องดำเนินการให้มีการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนหรือชุมชน และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้องก่อน ประกอบกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนดให้โครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ให้ผู้ขออนุญาตต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้อง จึงสมควรปรับปรุงประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๒๒/๒๕๕๔ เรื่อง กำหนดอัตราค่าบริการ และหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงในนิคมอุตสาหกรรม ลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๑๐ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙ และมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๓๓/๒๕๖๑ เรื่อง กำหนดอัตราค่าบริการในการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้องสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๒๒/๒๕๕๔ เรื่อง กำหนดอัตราค่าบริการ และหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงให้นิคมอุตสาหกรรม ลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔ ข้อ ๔ ในประกาศนี้ “กนอ.” หมายความว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย “โครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบอย่างรุนแรง” หมายความว่า การดำเนินการหรืออนุญาตให้ดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงตามที่กฎหมายกำหนดหรือกำหนดโดยหน่วยงานผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย “ค่าบริการ” หมายความว่า ค่าบริการและค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้องสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบอย่างรุนแรง “ผู้ขอร่วมดำเนินงาน” หมายความว่า ผู้ซึ่งมีความประสงค์จะเข้าร่วมดำเนินงานกับ กนอ. ในการจัดตั้งหรือขยายนิคมอุตสาหกรรม และเป็นโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบอย่างรุนแรง “ผู้ขอผนวกพื้นที่” หมายความว่า ผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่มีความประสงค์จะนำที่ดินที่ตนมีกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองในที่ดินเพิ่มเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมอุตสาหกรรมและเป็นโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบอย่างรุนแรง “ผู้ขออนุญาตประกอบกิจการ” หมายความว่า ผู้ขออนุญาตประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมและเป็นโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบอย่างรุนแรง ข้อ ๕ กนอ. จะเรียกเก็บค่าบริการจากผู้ขอร่วมดำเนินงาน ผู้ขอผนวกพื้นที่ และผู้ขออนุญาตประกอบกิจการ แล้วแต่กรณี ในอัตรา ๑,๖๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านหกแสนบาทถ้วน) ต่อหนึ่งโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบอย่างรุนแรง ข้อ ๖ กนอ. จะแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ขอร่วมดำเนินงาน ผู้ขอผนวกพื้นที่ และผู้ขออนุญาตประกอบกิจการ มาชำระค่าบริการเมื่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเห็นชอบกับรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดส่งผลการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการให้ กนอ. แล้ว ข้อ ๗ ผู้ขอร่วมดำเนินงาน ผู้ขอผนวกพื้นที่ และผู้ขออนุญาตประกอบกิจการ แล้วแต่กรณี ต้องชำระค่าบริการภายในกำหนด ๓๐ (สามสิบ) วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งตามข้อ ๖ ณ กองการเงินการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เลขที่ ๖๑๘ ถนนนิคมมักกะสัน แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ ข้อ ๘ กรณีที่ผู้ขอร่วมดำเนินงาน ผู้ขอผนวกพื้นที่ และผู้ขออนุญาตประกอบกิจการ แล้วแต่กรณี ได้ชำระค่าบริการครบถ้วนแล้ว กนอ. จะดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้องสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงและเมื่อได้ดำเนินการดังกล่าวเสร็จแล้ว กนอ. จะแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้ผู้ขอร่วมดำเนินงาน ผู้ขอผนวกพื้นที่ และผู้ขออนุญาตประกอบกิจการทราบ ข้อ ๙ บรรดาประกาศหรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่กำหนดไว้แล้วตามประกาศนี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับประกาศนี้ ให้ใช้ประกาศนี้แทน ข้อ ๑๐ กนอ. ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการตามประกาศนี้ ให้เหมาะสมกับภาระค่าใช้จ่ายของ กนอ. ได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ อัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รองผู้ว่าการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พัชรภรณ์/ธนบดี/จัดทำ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๘๓ ง/หน้า ๒๖/๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
818436
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร (ฉบับที่ 2)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร (ฉบับที่ ๒) ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกพิจิตร พ.ศ. ๒๕๔๕ และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร ลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อจัดตั้งเป็นเขตอุตสาหกรรมส่งออกพิจิตร ในท้องที่ตำบลหนองหลุม อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กันออกจากพื้นที่บางส่วนของเขตอุตสาหกรรมทั่วไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรมพิจิตร ลงวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ ทั้งนี้ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งปัจจุบันได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยบัญญัติให้ “เขตอุตสาหกรรมส่งออก” เป็น “เขตประกอบการเสรี” และให้การจัดตั้ง ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปและเขตประกอบการเสรี เป็นอำนาจของคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา นั้น เนื่องจากผู้ประกอบอุตสาหกรรมมีความประสงค์ที่จะลงทุนเพื่อประกอบอุตสาหกรรมภายในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร จึงสมควรกันพื้นที่เขตประกอบการเสรีตามพระราชกฤษฎีกาและประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมข้างต้น ออก เพื่อกำหนดไปเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไปต่อไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และความในข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๑ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร โดยกำหนดเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป และให้ยกเลิกแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกพิจิตร พ.ศ. ๒๕๔๕ แผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร ลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ และแผนที่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร ลงวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ โดยให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร (ฉบับที่ ๒) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปุณิกา/ธนบดี/จัดทำ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง/หน้า ๓๓/๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑
812208
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ "นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี" เป็น "นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี"
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี” ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี (บ่อวิน) ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. 25๓๒ กำหนดให้พื้นที่ตำบลบ่อวินอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ตามแผนที่ท้ายประกาศนี้เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ่อวิน (ระยะที่ ๒) ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ่อวิน (ระยะที่ ๒) ลงวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดให้พื้นที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีตามแผนที่ท้ายประกาศนี้เป็น เขตอุตสาหกรรมทั่วไปและต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อนิคมอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งดังกล่าวเป็น “นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี” แต่เพียงชื่อเดียวตามประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ“นิคมอุตสาหกรรมชลบุรี (บ่อวิน) และนิคมอุตสาหกรรมบ่อวินระยะที่ ๒” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี” ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับ ที่ ๔ ) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมตามประกาศข้างต้น มีความประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี” เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อโครงการในปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี” เป็น “นิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ ชลบุรี” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย วิวรรธน์/จัดทำ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง/หน้า ๒๒/๔ กันยายน ๒๕๖๑
812206
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ "นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (โครงการ 2)" เป็น "นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี (โครงการ 2)"
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (โครงการ ๒)” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี (โครงการ ๒)”[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (โครงการ ๒) ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ กำหนดให้พื้นที่ตำบลเกาะลอย ตำบลบ้านเก่า ตำบลบางนาง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรีและตำบลบางผึ้ง ตำบลตลาดควาย อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแผนที่ท้ายประกาศดังกล่าวเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมตามประกาศข้างต้น มีความประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (โครงการ ๒)” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี (โครงการ ๒)” เพื่อให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับชื่อโครงการ ตลอดจนวิสัยทัศน์และพันธกิจของผู้ร่วมดำเนินงานในการมุ่งสู่ความเป็น Smart City อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔)พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (โครงการ ๒)” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี (โครงการ ๒)” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย วิวรรธน์/จัดทำ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๒๑๔ ง/หน้า ๒๑/๔ กันยายน ๒๕๖๑
807100
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมลำพูน ๒ จังหวัดลำพูน” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ (ลำพูน)”
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมลำพูน ๒ จังหวัดลำพูน” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ (ลำพูน)” ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลำพูน ๒ จังหวัดลำพูน ลงวันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยกำหนดให้พื้นที่ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ตามแผนที่ท้ายประกาศดังกล่าวเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลำพูน ๒ จังหวัดลำพูน โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมลำ พูน ๒ จังหวัดลำ พูนดังกล่าว มีความประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมลำพูน ๒ จังหวัดลำพูน” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ (ลำพูน)” เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อโครงการในปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมลำพูน ๒ จังหวัดลำพูน” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ (ลำพูน)” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พิมพ์มาดา/จัดทำ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๑๗/๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๑
807098
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง”
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง” ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ลงวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๑๐) ลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ กำหนดให้พื้นที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ตามแผนที่ท้ายประกาศดังกล่าวเป็น เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ดังกล่าว มีความประสงค์ขอเปลี่ยนแปลงชื่อนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เพื่อให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับชื่อโครงการ ตลอดจนวิสัยทัศน์และพันธกิจของผู้ร่วมดำเนินงานในการมุ่งสู่ความเป็น Smart City ยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พิมพ์มาดา/จัดทำ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๑๖/๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๑
807096
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี”
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี” ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง ลงวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งได้มีการเปลี่ยนชื่อนิคมอุตสาหกรรมบางปะกง เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร” ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร” ลงวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ ทั้งนี้ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมล่าสุดโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ฉบับที่ ๒๓) ลงวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๖ กำหนดให้พื้นที่ตำบลคลองตำหรุ ตำบลดอนหัวฬ่อ และตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมืองชลบุรี ตำบลบ้านเก่า ตำบลบางนาง ตำบลหนองกะขะ และตำบลหนองตำลึง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ตามแผนที่ท้ายประกาศดังกล่าวเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ดังกล่าว มีความประสงค์ขอเปลี่ยนแปลงชื่อนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เพื่อให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับชื่อโครงการ ตลอดจนวิสัยทัศน์และพันธกิจของผู้ร่วมดำเนินงานในการมุ่งสู่ความเป็น Smart City ยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร” เป็น “นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พิมพ์มาดา/จัดทำ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง/หน้า ๑๕/๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๑
793889
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี (ฉบับที่ 4)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี (ฉบับที่ ๔) ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ลงวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ และประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตประกอบการเสรีนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดให้พื้นที่ตำบลท่าสะอ้าน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป และเขตประกอบการเสรี ตามมาตรา ๓๖ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสองของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปและเขตประกอบการเสรีดังกล่าว ตามประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ลงวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม ที่ เอฟ ดี (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ และประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม ที่ เอฟ ดี (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น ขอขยายพื้นที่โครงการออกไปอีกจึงสมควรประกาศการเปลี่ยนแปลงเขต นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขตนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี โดยกำหนดแบ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป และเขตประกอบการเสรี และให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ลงวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ และประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตประกอบการเสรีนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ลงวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปวันวิทย์/อัญชลี/จัดทำ ๔ มกราคม ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๓๒๑ ง/หน้า ๔๗/๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๐
790285
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ ในท้องที่ตำบลท่าสะอ้าน ตำบลหนองจอก และตำบลบางวัว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยกำหนดเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ในท้องที่ตำบลท่าสะอ้าน ตำบลหนองจอก และตำบลบางวัว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ สมชาย หาญหิรัญ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที เอฟ ดี ๒ จังหวัดฉะเชิงเทรา (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย ภวรรณตรี/จัดทำ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ พัชรภรณ์/ตรวจ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง/หน้า ๑๕/๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
788987
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ส่วนขยาย
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ส่วนขยาย โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ส่วนขยาย ในท้องที่ตำบลบางกระเจ้า อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ส่วนขยายโดยกำหนดเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ในท้องที่ตำบลบางกระเจ้า อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาครภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ สมชาย หาญหิรัญ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่แนบท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ส่วนขยาย (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) พิมพ์มาดา/ภวรรณตรี/จัดทำ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ วิชพงษ์/ตรวจ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๒๖๐ ง/หน้า ๓๒/๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๐
781208
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมประเภทท่าเรือเอเซีย เทอร์มินัล
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมประเภทท่าเรือเอเซีย เทอร์มินัล[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมประเภทท่าเรือเอเซีย เทอร์มินัล ลงวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ในท้องที่ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ตามมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ นั้น เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมประเภทท่าเรือเอเซีย เทอร์มินัล ที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศดังกล่าวข้างต้นมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการ และไม่สามารถได้รับใบอนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวไม่ประสงค์จะดำเนินโครงการต่อไปให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ตามสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมประเภทท่าเรือเอเซียเทอร์มินัล ระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้ร่วมดำเนินงานจึงสมควรให้ยุติการดำเนินโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๐ พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบให้ยุติสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมประเภทท่าเรือเอเซีย เทอร์มินัล โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป และยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมประเภทท่าเรือเอเซียเทอร์มินัล ตามที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเสนอ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมประเภทท่าเรือเอเซีย เทอร์มินัล และให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมประเภทท่าเรือเอเซีย เทอร์มินัล ลงวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พิมพ์มาดา/อัญชลี/จัดทำ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๘๐ ง/หน้า ๓๔/๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐
781206
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 76/2560 เรื่อง กำหนดมาตรฐานทั่วไปในการระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๗๖/๒๕๖๐ เรื่อง กำหนดมาตรฐานทั่วไปในการระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ทั่วไปในการระบายน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙ ข้อ ๑๗ และข้อ ๒๙ ของข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ผู้ว่าการจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๗๘/๒๕๕๔ เรื่อง หลักเกณฑ์ทั่วไปในการระบายน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “นิคมอุตสาหกรรม” หมายความว่า นิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรีหรือทั้งสองเขต “น้ำเสีย” หมายความว่า น้ำที่ผ่านการใช้แล้วทุกชนิดที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการหรือกิจกรรมอื่นในนิคมอุตสาหกรรม “ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง” หมายความว่า สิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้จัดให้มีไว้สำหรับบำบัดน้ำเสียจากการประกอบกิจการหรือกิจกรรมอื่นในนิคมอุตสาหกรรม “ระบบระบายน้ำเสีย” หมายความว่า ระบบของท่อ พร้อมทั้งส่วนประกอบต่าง ๆ สำหรับรวบรวมและระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม “ระบบระบายน้ำฝน” หมายความว่า ระบบของท่อหรือรางระบาย พร้อมทั้งส่วนประกอบต่าง ๆสำหรับรวบรวมและระบายน้ำฝน “ผู้ประกอบกิจการ” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมหรือการบริการหรือพาณิชยกรรมในนิคมอุตสาหกรรม ข้อ ๓ ระบบระบายน้ำเสียที่จะระบายลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมจะต้องดำเนินการออกแบบก่อสร้างระบบระบายน้ำตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ท่อระบายน้ำเสียต้องเป็นระบบท่อปิด (๒) ระบบระบายน้ำเสียต้องแยกออกจากระบบระบายน้ำฝนโดยเด็ดขาด (๓) ต้องมีบ่อตรวจคุณภาพน้ำ (INSPECTION MANHOLE) อย่างน้อย ๑ บ่อภายในสถานประกอบกิจการก่อนที่จะระบายน้ำเสียลงสู่ระบบระบายน้ำเสียส่วนกลาง (๔) ต้องมีบ่อเก็บกักขนาดเหมาะสมเพียงพอที่จะปรับปรุงคุณลักษณะของน้ำเสียให้คงที่ในกรณีที่น้ำเสียมีคุณลักษณะเปลี่ยนแปลงมากในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะระบายน้ำเสียลงสู่ระบบระบายน้ำเสียส่วนกลาง (๕) จะต้องมีประตูน้ำปิด - เปิด ก่อนที่จะระบายน้ำเสียลงท่อระบายน้ำเสียส่วนกลาง (๖) การเชื่อมต่อท่อน้ำเสียเข้าท่อระบายน้ำเสียส่วนกลาง จะต้องต่อท่อจากบ่อตรวจคุณภาพน้ำ (INSPECTION MANHOLE) ของสถานประกอบกิจการ เชื่อมกับบ่อพักน้ำเสีย (MANHOLE) ที่ กนอ. ได้จัดเตรียมไว้ให้ โดยต้องเชื่อมรอยต่อให้สนิทเพื่อป้องกันน้ำซึมเข้า - ออก ข้อ ๔ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการระบายสารที่มีผลต่อการระบายและการบำบัดน้ำเสียลงสู่ระบบระบายน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรม เช่น สารที่มีความหนืดสูง สารที่จับหรือตกตะกอนในท่อระบายแล้วทำให้อุดตัน หรือวัสดุที่ทำให้อุดตัน ตะกอนแคลเซี่ยมคาร์ไบด์ (Calcium Carbide Sludge) หรือสารตัวทำละลาย (Solvent) เป็นต้น ข้อ ๕ กำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำเสียที่จะระบายลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมไว้ ดังต่อไปนี้ (๑) ความเป็นกรดและด่าง (pH) ตั้งแต่ ๕.๕ ถึง ๙.๐ (๒) อุณหภูมิ (Temperature) ไม่เกิน ๔๕ องศาเซลเซียส (๓) สี (Color) ไม่เกิน ๖๐๐ เอดีเอ็มไอ (๔) กลิ่น (Odor) ต้องไม่เป็นที่พึงรังเกียจ (๕) ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (Total Dissolved Solids หรือ TDS) ไม่เกิน ๓,๐๐๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๖) ของแข็งแขวนลอยทั้งหมด (Total Suspended Solids) ไม่เกิน ๒๐๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๗) บีโอดี (Biochemical Oxygen Demand) ที่อุณหภูมิ ๒๐ องศาเซลเซียส เวลา ๕ วัน ไม่เกิน ๕๐๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๘) ซีโอดี (Chemical Oxygen Demand) ไม่เกิน ๗๕๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๙) ซัลไฟด์ (Sulfide) ไม่เกิน ๑ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๐) ไซยาไนด์ (Cyanides HCN) ไม่เกิน ๐.๒ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๑) น้ำมันและไขมัน (Fat Oil and Grease) ไม่เกิน ๑๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๒) ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ไม่เกิน ๑ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๓) สารประกอบฟีนอล (Phenols Compound) ไม่เกิน ๑ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๔) คลอรีนอิสระ (Free Chlorine) ไม่เกิน ๑ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๕) สารฆ่าศัตรูพืชและสัตว์ (Pesticide) ต้องตรวจไม่พบ (๑๖) ทีเคเอ็น (Total Kjeldahl Nitrogen) ไม่เกิน ๑๐๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๗) ฟลูออไรด์ (Fluoride) ไม่เกิน ๕ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๘) สารซักฟอก (Surfactants) ไม่เกิน ๓๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙) โลหะหนัก มีค่าดังนี้ (๑๙.๑) สังกะสี (Zinc) ไม่เกิน ๕.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๒) โครเมียมเฮกซะวาเลนท์ (Hexavalent Chromium) ไม่เกิน ๐.๒๕ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๓) โครเมียมไตรวาเลนท์ (Trivalent Chromium) ไม่เกิน ๐.๗๕ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๔) สารหนู (Arsenic) ไม่เกิน ๐.๒๕ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๕) ทองแดง (Copper) ไม่เกิน ๒.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๖) ปรอท (Mercury) ไม่เกิน ๐.๐๐๕ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๗) แคดเมียม (Cadmium) ไม่เกิน ๐.๐๓ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๘) แบเรียม (Barium) ไม่เกิน ๑.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๙) ซีลีเนียม (Selenium) ไม่เกิน ๐.๐๒ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๑๐) ตะกั่ว (Lead) ไม่เกิน ๐.๒ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๑๑) นิกเกิล (Nickel) ไม่เกิน ๑.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๑๒) แมงกานีส (Manganese) ไม่เกิน ๕.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๑๓) เงิน (Silver) ไม่เกิน ๑.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร (๑๙.๑๔) เหล็กทั้งหมด (Total Iron) ไม่เกิน ๑๐.๐ มิลลิกรัมต่อลิตร ข้อ ๖ การตรวจสอบค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำเสียตามข้อ ๕ ให้เป็นไปตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม หรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด หรือให้เป็นไปตามคู่มือวิเคราะห์น้ำและน้ำเสียของสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย หรือ Standard Methods for the Examination of Water and Wastewater ซึ่ง American Public Health Association, American Water Work Association และ Water Environment Federation ของประเทศสหรัฐอเมริกากำหนด หรือตามที่คณะกรรมการควบคุมมลพิษประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้วแต่กรณี ก็ได้ การตรวจวัดหรือตรวจวิเคราะห์ตามวรรคหนึ่ง ต้องดำเนินการโดยห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของราชการว่า มีความสามารถในการตรวจวัดหรือตรวจวิเคราะห์คุณลักษณะน้ำเสียในพารามิเตอร์นั้น ข้อ ๗ มาตรฐานคุณภาพน้ำเสียที่ผู้ประกอบกิจการจะระบายลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ เว้นแต่ในกรณีในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำหนดไว้แตกต่างกับประกาศนี้ ก็ให้ปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าวนั้น กรณีนิคมอุตสาหกรรมใดได้จัดทำบัญชีฐานข้อมูลการระบายน้ำเสียไว้ ให้กำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางให้แตกต่างจากที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ก็ได้ ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และได้รับอนุญาตจาก กนอ. ก่อน ข้อ ๘ กรณีมาตรฐานคุณภาพน้ำเสียที่ผู้ประกอบกิจการจะระบายลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ หรือไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบกิจการจะต้องก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียเบื้องต้นที่มีขนาดและประสิทธิภาพเพียงพอที่จะปรับปรุงคุณภาพน้ำเสียของสถานประกอบการของตนให้มีคุณลักษณะตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ในประกาศนี้หรือตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ก่อนระบายน้ำเสียทุกส่วนลงสู่ระบบระบายน้ำเสียส่วนกลาง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พิมพ์มาดา/อัญชลี/จัดทำ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๘๐ ง/หน้า ๓๐/๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐
775084
ประกาศคณะกรรมการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว เพื่อรองรับโครงการประชารัฐ และตอบสนองความต้องการผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและนักลงทุนในพื้นที่ด้าน OTOP SMEs อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และการค้า และคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ได้มีมติเห็นชอบการลงทุนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว จึงสมควรให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว ในท้องที่ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ประกอบด้วย เขตอุตสาหกรรมทั่วไป (พื้นที่ประกอบอุตสาหกรรม การบริการ หรือกิจการอื่นที่เป็นประโยชน์หรือเกี่ยวเนื่องกับการประกอบอุตสาหกรรมหรือการบริการ) และเขตประกอบการเสรี (พื้นที่ประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบอุตสาหกรรมหรือพาณิชยกรรม) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบกับข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ จึงประกาศจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว โดยแบ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป และเขตประกอบการเสรีในท้องที่ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ชวัลพร/ภวรรณตรี/จัดทำ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนพิเศษ ๑๑๐ ง/หน้า ๓๔/๒๑ เมษายน ๒๕๖๐
761020
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี ลงวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ กำหนดให้ท้องที่ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าว ตามประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี ลงวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ นั้น เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี ที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศดังกล่าวข้างต้น มีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการตามสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กับภาคเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานจึงสมควรยุติการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบการยกเลิกโครงการนิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี และยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี ตามที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเสนอ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี ลงวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี ลงวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย วริญา/ปริยานุช/จัดทำ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๕๐ ง/หน้า ๑๘/๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
761018
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนชื่อ "เขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน" เป็น "เขตประกอบการเสรีเหมราชชลบุรี"
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนชื่อ “เขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน” เป็น “เขตประกอบการเสรีเหมราชชลบุรี” [๑] ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน พ.ศ. ๒๕๓๓ ให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และต่อมาพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้บัญญัติให้เขตอุตสาหกรรมส่งออกเป็นเขตประกอบการเสรี โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๑ และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๑ เป็นต้นไป นั้น เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีความประสงค์จะขอเปลี่ยนชื่อ “เขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน” เป็น “เขตประกอบการเสรีเหมราชชลบุรี” เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อโครงการในปัจจุบันที่ได้ประชาสัมพันธ์ไว้ในทางธุรกิจ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงประกาศเปลี่ยนชื่อ “เขตอุตสาหกรรมส่งออกบ่อวิน” เป็น “เขตประกอบการเสรีเหมราชชลบุรี” ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย วริญา/ปริยานุช/จัดทำ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๒๕๐ ง/หน้า ๑๗/๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
755565
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ กำหนดให้ท้องที่ตำบลสำนักทอง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไปตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าว ตามประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยางจังหวัดระยอง ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นั้น เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองระยอง เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และมติคณะกรรมการผู้ชำนาญการที่ให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง ประกอบกับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยองฉบับเดิม และให้ดำเนินการประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง ขึ้นใหม่ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงให้ยกเลิกประกาศดังกล่าวข้างต้น และประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง ในท้องที่ตำบลสำนักทองอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ขึ้นใหม่ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/จัดทำ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ วิศนี/ตรวจ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๗๐ ง/หน้า ๓๙/๒ สิงหาคม ๒๕๕๙
751243
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ 5)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๕) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ลงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลง เขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าว ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ลงวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ และต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าวอีก ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๔) ลงวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘โดยได้กำหนดให้พื้นที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ตามแผนที่ท้ายประกาศดังกล่าวเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี มีความประสงค์จะขอลดพื้นที่โครงการซึ่งเป็นพื้นที่พาณิชยกรรมในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป เนื้อที่ประมาณ ๓-๐-๐ ไร่ เพื่อนำไปใช้ประกอบกิจการอื่น โดยคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้มีมติอนุมัติให้ลดพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงสมควรประกาศเปลี่ยนแปลงเขตโดยการกันพื้นที่บางส่วนของนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ออก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ลงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๔) ลงวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๕) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/จัดทำ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ วิศนี/ตรวจ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๑๒๑ ง/หน้า ๓๔/๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙
749773
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี[๑] ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ กำหนดให้ท้องที่ตำบลบ้านน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี ที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศดังกล่าวได้มีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ เอกชนผู้ร่วมดำเนินงานจึงแจ้งความประสงค์ขอยุติการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้พิจารณาการยุติสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี และมีมติเห็นชอบให้ยุติสัญญาร่วมดำเนินงานดังกล่าวกับเอกชนผู้ร่วมดำเนินงาน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีมติเห็นชอบ และเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้มีมติอนุมัติให้ยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี ตามที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเสนอ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย วิศนี/ปริยานุช/จัดทำ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๙๒ ง/หน้า ๓๑/๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
745220
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม. ราชบุรี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม. ราชบุรี[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม. ราชบุรี ลงวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ กำหนดให้พื้นที่ ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น โดยที่นิคมอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม. ราชบุรี ที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศดังกล่าวข้างต้น ได้มีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม. ราชบุรี ระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กับภาคเอกชนผู้ร่วมดำเนินงาน อันเนื่องมาจากพื้นที่โครงการทับซ้อนกับเขตดำเนินการของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมทำให้ไม่สามารถพัฒนาพื้นที่โครงการ เป็นนิคมอุตสาหกรรมต่อไปได้ จึงสมควรยุติการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้มีมติเห็นชอบการยุติสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม. ราชบุรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีมติเห็นชอบ และให้ยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม. ราชบุรี ตามที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเสนอแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม. ราชบุรี โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม. ราชบุรี ลงวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปริยานุช/จัดทำ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ปุณิกา/ตรวจ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓/ตอนพิเศษ ๓๐ ง/หน้า ๒๒/๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
734864
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การให้ความยินยอมและการชำระราคาที่ดินให้แก่กระทรวงการคลังตามมาตรา 36/1 แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522
ประกาศกระทรวงมหาดไทย ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การให้ความยินยอมและการชำระราคาที่ดินให้แก่กระทรวงการคลัง ตามมาตรา ๓๖/๑ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒[๑] โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับการขอความยินยอมให้ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของกระทรวงมหาดไทยในเขตนิคมอุตสาหกรรมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖/๑ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ถ้าที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยประสงค์จะเปลี่ยนแปลงสภาพอยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและอำเภอใดให้ขอความเห็นจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและนายอำเภอนั้น เพื่อมาประกอบการพิจารณาด้วย ข้อ ๒ ในกรณีที่พลเมืองยังใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นอยู่ หรือยังไม่เปลี่ยนสภาพจากการเป็นที่ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย และให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจัดที่ดินแปลงอื่นให้พลเมืองใช้ร่วมกันแทน ข้อ ๓ ในกรณีที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่เป็นลำรางสาธารณประโยชน์หรือทางน้ำสาธารณประโยชน์อื่นจะต้องศึกษาวิเคราะห์ถึงผลกระทบและการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการระบายน้ำ และการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม พร้อมทั้งต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่อาศัยโดยรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำด้วย ข้อ ๔ ถ้าที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมีผู้บุกรุกเข้าครอบครองทำประโยชน์การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหากับผู้บุกรุกให้เป็นที่ยุติก่อนโดยการให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันปัญหาด้านการเมือง การปกครอง มิให้เกิดการร้องเรียนในภายหลัง ข้อ ๕ ให้มีคณะกรรมการกำหนดราคาที่ดินเพื่อชำระให้แก่กระทรวงการคลัง ดังนี้ (๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย อธิบดีกรมที่ดินหรือผู้แทน เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมือง ผู้แทนกรมธนารักษ์ ผู้แทนผู้อำนวยการเขตท้องที่ซึ่งที่ดินตั้งอยู่เป็นกรรมการและเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการและเลขานุการ (๒) ในเขตจังหวัดอื่น ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทน เป็นประธานกรรมการโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ธนารักษ์พื้นที่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งที่ดินตั้งอยู่เป็นกรรมการ และเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง มีอำนาจหน้าที่กำหนดราคาที่ดินให้ได้ราคาซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด ใกล้เคียงกับวันที่กระทรวงมหาดไทยให้ความยินยอมให้ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินในเขตนิคมอุตสาหกรรมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ข้อ ๖ ในกำหนดราคาซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดที่ใกล้เคียงกับวันที่กระทรวงมหาดไทย ให้ความยินยอมดังกล่าว ให้พิจารณาจาก (๑) ราคาที่ซื้อขายแจ้งไว้ที่กรมที่ดินในบริเวณใกล้เคียง (๒) รายการจดทะเบียนจำนองที่ดินหรืออาคารพร้อมที่ดินจากธนาคาร และสถาบันการเงิน (๓) ราคาขายที่ดิน หรือราคาขายที่ดินพร้อมอาคารในโครงการจัดสรรใกล้เคียงแล้วนำมาคำนวณหาราคาที่ดิน (๔) ราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและ (๕) สภาพและที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์นั้น ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๘ ปัญจพร/ผู้ตรวจ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๑๗ ง/หน้า ๖/๑๔ กันยายน ๒๕๕๘
734169
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ กำหนดให้พื้นที่ตำบลสำนักทอง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น โดยที่เอกชนผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น มีความประสงค์จะขอลดพื้นที่โครงการบางส่วนลงจำนวนประมาณ ๒๓๑ - ๐ - ๑๕.๑๐ ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะทางกายภาพไม่เหมาะสมต่อการพัฒนาโครงการ ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้มีมติอนุมัติให้ลดพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงสมควรประกาศเปลี่ยนแปลงเขตโดยการกันพื้นที่บางส่วนของนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง ออก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๔ กันยายน ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๒๐๒ ง/หน้า ๓๒/๑ กันยายน ๒๕๕๘
733664
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ฉบับที่ 4)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ฉบับที่ ๔) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย ลงวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๔ กำหนดให้พื้นที่ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ดังกล่าวตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ และประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามมาตรา ๓๖ (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น มีความประสงค์ขอลดพื้นที่โครงการในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป และขอขยายพื้นที่โครงการในเขตอุตสาหกรรมทั่วไปออกไปอีก จึงสมควรกันพื้นที่ดังกล่าวออก และขยายพื้นที่โครงการในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซียดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย ลงวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๔ และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ และประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย (ฉบับที่ ๔) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง/หน้า ๒๒/๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๘
731846
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหนองคาย
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหนองคาย โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหนองคาย ในท้องที่ตำบลโพนสว่าง อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหนองคาย ในท้องที่ตำบลโพนสว่าง อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมหนองคาย (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ปัญจพร/ผู้ตรวจ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๖๕ ง/หน้า ๒๗/๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘
728199
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยได้กำหนดให้พื้นที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร เป็นเขตประกอบการเสรีตามมาตรา ๓๖ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานมีความประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยการกันพื้นที่บางส่วนในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี เนื้อที่ประมาณ ๔ - ๐ - ๕๕ ไร่ มากำหนดเป็นเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้มีมติเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงสมควรประกาศเปลี่ยนแปลงเขตโดยการขยายพื้นที่เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๒๔ ง/หน้า ๒๑/๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
728197
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ 4)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๔) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ลงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลง เขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าว ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ลงวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ และต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าวอีก ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยได้กำหนดให้พื้นที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ตามแผนที่ท้ายประกาศดังกล่าวเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานมีความประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยการกันพื้นที่บางส่วนในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี เนื้อที่ประมาณ ๔ - ๐ - ๕๕ ไร่ มากำหนดเป็นเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้มีมติเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงสมควรประกาศเปลี่ยนแปลงเขตโดยการกันพื้นที่บางส่วนในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ออก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ลงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๔) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๒๔ ง/หน้า ๑๙/๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
727984
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ กำหนดให้ท้องที่ตำบลบ้านกลางและตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นเขตประกอบการเสรี ตามมาตรา ๓๖ (๒) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ นั้น เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน ที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศดังกล่าวข้างต้นมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการตามสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน ระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับภาคเอกชน ประกอบกับพื้นที่โครงการยังมิได้มีการพัฒนาให้แล้วเสร็จ จึงสมควรให้ยุติการดำเนินโครงการดังกล่าว คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ได้พิจารณาแล้วมีมติให้ยุบนิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูนตามที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเสนอ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศยุบเขตประกอบการเสรีนิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน โดยให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๑๘ ง/หน้า ๑๒/๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘
727982
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน[๑] ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ กำหนดให้ท้องที่ตำบลบ้านกลางและตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ นั้น เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน ที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศดังกล่าวข้างต้นมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการตามสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน ระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับภาคเอกชน ประกอบกับพื้นที่โครงการยังมิได้มีการพัฒนาให้แล้วเสร็จ จึงสมควรให้ยุติการดำเนินโครงการดังกล่าว คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ได้พิจารณาแล้วมีมติให้ยุบนิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูนตามที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเสนอ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศยุบเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน โดยให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมลำพูน จังหวัดลำพูน ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๑๘ ง/หน้า ๑๑/๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘
726674
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร (ฉบับที่ 6)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร (ฉบับที่ ๖) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สินสาคร ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าว ตามประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สินสาคร ลงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘ และต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าวอีก ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร (ฉบับที่ ๕) ลงวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยได้กำหนดให้พื้นที่ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ตามแผนที่ท้ายประกาศดังกล่าวเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไปตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานมีความประสงค์จะขอขยายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้นโดยได้จัดหาที่ดินมาร่วมดำเนินงานเพิ่มเติมอีกจำนวนประมาณ ๘๓ - ๑ - ๖๔.๓ ไร่ ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้มีมติอนุมัติให้ขยายพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงสมควรประกาศเปลี่ยนแปลงเขตโดยการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสินสาครออกไปอีก เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมและการประกอบอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สินสาคร ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร (ฉบับที่ ๕) ลงวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร (ฉบับที่ ๖) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๙๓ ง/หน้า ๔๐/๒๔ เมษายน ๒๕๕๘
726288
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ดแห่งที่ 4 จังหวัดระยอง
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๔ จังหวัดระยอง โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ดแห่งที่ ๔ จังหวัดระยอง ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๔ จังหวัดระยอง ในท้องที่ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ภายในเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๔ จังหวัดระยอง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ วริญา/ผู้ตรวจ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๘๖ ง/หน้า ๑๓/๑๖ เมษายน ๒๕๕๘
725840
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ 11)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๑) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าว ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย ลงวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ และต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าวอีก ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๐) ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยได้กำหนดให้พื้นที่ตำบลตาสิทธิ์และตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง และตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ตามแผนที่ท้ายประกาศดังกล่าวเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไปตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานมีความประสงค์จะขอขยายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น โดยได้จัดหาที่ดินมาร่วมดำเนินงานเพิ่มเติมอีกจำนวนประมาณ ๗๐๔ - ๒ - ๓๖.๓ ไร่ ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้มีมติอนุมัติให้ขยายพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงสมควรประกาศเปลี่ยนแปลงเขตโดยการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย ออกไปอีก เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม และการประกอบอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์น ซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๐) ลงวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๑) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๗๗ ง/หน้า ๑๒/๓ เมษายน ๒๕๕๘
725838
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 14/2558 เรื่อง การพัฒนาที่ดินสำหรับผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับที่ 2)
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๔/๒๕๕๘ เรื่อง การพัฒนาที่ดินสำหรับผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับที่ ๒) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๐๓/๒๕๕๖ เรื่อง การพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมสำหรับผู้ประกอบกิจการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙ และความในข้อ ๕ และข้อ ๑๗ ของข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๑๗ ของประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๐๓/๒๕๕๖ เรื่อง การพัฒนาที่ดินสำหรับผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๗ ผู้ประกอบกิจการที่ประสงค์จะก่อสร้างรั้วรอบแนวเขตแปลงที่ดินของตนที่ตั้งอยู่ติดหรือใกล้กับถนนในนิคมอุตสาหกรรม ให้ก่อสร้างเป็นรั้วโปร่งสูงไม่เกิน ๒.๐๐ เมตร จากระดับทางเท้าหรือถนนด้านที่ติดหรือใกล้กับแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการนั้น เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นให้มีการก่อสร้างรั้วดังกล่าวสูงเกินกว่า ๒.๐๐ เมตรได้ แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน ๒.๕๐ เมตร โดย กนอ. จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป สำหรับส่วนล่างของรั้วอาจก่อสร้างเป็นรั้วทึบก็ได้ แต่ต้องสูงไม่เกิน ๑.๒๐ เมตร จากระดับทางเท้าหรือถนนด้านที่ติดหรือใกล้กับแปลงที่ดินนั้น” ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๗๗ ง/หน้า ๑๑/๓ เมษายน ๒๕๕๘
724604
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม เหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ 2 จังหวัดชลบุรี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ กำหนดให้พื้นที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานมีความประสงค์จะขอขยายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น โดยได้จัดหาที่ดินมาร่วมดำเนินงานเพิ่มเติมอีกจำนวนประมาณ ๖๓๑ - ๓ - ๖๗.๐ ไร่ ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้มีมติอนุมัติให้ขยายพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงสมควรประกาศเปลี่ยนแปลงเขตโดยการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี ออกไปอีกเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมและการประกอบอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๕๗ ง/หน้า ๒๓/๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘
724600
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง 36 จังหวัดระยอง
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ กำหนดให้พื้นที่ตำบลพนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานมีความประสงค์จะขอขยายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น โดยได้จัดหาที่ดินมาร่วมดำเนินงานเพิ่มเติมอีกจำนวนประมาณ ๔๙ - ๐ - ๒๒.๒ ไร่ ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้มีมติอนุมัติให้ขยายพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงสมควรประกาศเปลี่ยนแปลงเขตโดยการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง ออกไปอีกเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมและการประกอบอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๕๗ ง/หน้า ๒๒/๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘
721023
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปะอิน พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปะอิน ในท้องที่ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเขตอุตสาหกรรมส่งออกตามมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ต่อมาพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้บัญญัติให้เขตอุตสาหกรรมส่งออกเป็นเขตประกอบการเสรี นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น มีความประสงค์ขอขยายพื้นที่โครงการในเขตประกอบการเสรีออกไปอีก จึงสมควรขยายพื้นที่ในเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินดังกล่าวข้างต้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุม ครั้งที่ ๖/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขตเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปะอิน พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๓ ง/หน้า ๑๖/๑๖ มกราคม ๒๕๕๘
721018
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (ฉบับที่ 4)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (ฉบับที่ ๔) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๓๔ กำหนดให้พื้นที่ตำบลคลองจิก และตำบลบางกระสั้น อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไปตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าวตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๓๕ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๔๗ นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น มีความประสงค์ขอขยายพื้นที่โครงการในเขตอุตสาหกรรมทั่วไปออกไปอีก จึงสมควรขยายพื้นที่โครงการในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ดังกล่าวข้างต้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุม ครั้งที่ ๖/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๔๗ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (ฉบับที่ ๔) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๓ ง/หน้า ๑๕/๑๖ มกราคม ๒๕๕๘
720821
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ 2)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๒) ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า ในท้องที่ตำบลบ้านเลน และตำบลบ้านหว้า อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเขตอุตสาหกรรมส่งออกตามมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกดังกล่าวตามพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า พ.ศ. ๒๕๔๓ และพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ ต่อมาพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้บัญญัติให้เขตอุตสาหกรรมส่งออก เป็นเขตประกอบการเสรี และต่อมาได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขตเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า ลงวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๑ ตามมาตรา ๓๖ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น มีความประสงค์ขอขยายพื้นที่โครงการในเขตประกอบการเสรีออกไปอีก จึงสมควรขยายพื้นที่ในเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้าดังกล่าวข้างต้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบ้านหว้า พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า ลงวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๑ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๒) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๑ ง/หน้า ๒๑/๑๕ มกราคม ๒๕๕๘
720819
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ 12)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๑๒) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๓๔ กำหนดให้พื้นที่ตำบลบ้านหว้า ตำบลบ้านโพและตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไปตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าวอีกตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า ลงวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๑๑) ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสองของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ นั้น เนื่องจากผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น มีความประสงค์ขอลดพื้นที่โครงการในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป และขอขยายพื้นที่โครงการในเขตอุตสาหกรรมทั่วไปออกไปอีกจึงสมควรกันพื้นที่ดังกล่าวออก และขยายพื้นที่โครงการในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้าดังกล่าวข้างต้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกับมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๑๑) ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ฉบับที่ ๑๒) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ นุสรา/ผู้ตรวจ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนพิเศษ ๑๑ ง/หน้า ๒๐/๑๕ มกราคม ๒๕๕๘
720222
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ 10)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๑๐) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ลงวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลง เขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าว ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ลงวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ และต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าวอีก ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๙) ลงวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสองของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยได้กำหนดให้พื้นที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ตามแผนที่ท้ายประกาศดังกล่าวเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานมีความประสงค์จะขอขยายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น โดยได้จัดหาที่ดินเพิ่มเติมอีกจำนวนประมาณ ๒,๕๒๔-๐-๓๗.๕๐ ไร่ ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ ได้มีมติอนุมัติให้ขยายพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ดังนั้น จึงสมควรประกาศเปลี่ยนแปลงเขตโดยการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ออกไปอีก เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมและการประกอบอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ลงวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๙) ลงวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๑๐) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๘ มกราคม ๒๕๕๘ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๗๔ ง/หน้า ๑๘/๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗
718501
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านบึง
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านบึง ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านบึง ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ กำหนดให้พื้นที่ตำบลหนองอิรุณ อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น โดยที่เอกชนผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น มีความประสงค์ขอลดพื้นที่โครงการบางส่วนจำนวนประมาณ ๒๓๔ - ๓ - ๓๘ ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความลาดชันสูงเป็นอุปสรรคต่อการปรับปรุงและพัฒนาโครงการ และขอขยายพื้นที่โครงการโดยการจัดหาที่ดินที่เหมาะสมใหม่มาร่วมดำเนินงานเพิ่มเติมอีกจำนวนประมาณ ๔๓๖ - ๐ - ๒๔ ไร่ ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้มีมติอนุมัติให้ลดพื้นที่โครงการและขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นตามที่เสนอแล้ว ดังนั้น จึงสมควรกันพื้นที่บางส่วนของนิคมอุตสาหกรรมบ้านบึงออก และประกาศขยายพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวด้วย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านบึง โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านบึง ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบ้านบึง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ วิศนี/ผู้ตรวจ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๔๖ ง/หน้า ๒๒/๔ ธันวาคม ๒๕๕๗
716137
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี ตามที่ได้มีประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๓ กำหนดให้พื้นที่ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไปตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ นั้น เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น มีความประสงค์จะขอขยายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมออกไปอีก จึงสมควรขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวเพื่อรองรับการลงทุนภาคอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๓ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบริการ THAI DAIMOND CITY จังหวัดเพชรบุรี (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๑๓ ง/หน้า ๑๕/๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗
716000
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ในท้องที่ตำบลขอนกว้าง ตำบลหนองนาคำ และตำบลหนองไผ่ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ในท้องที่ตำบลขอนกว้าง ตำบลหนองนาคำ และตำบลหนองไผ่ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๒๐๙ ง/หน้า ๒๘/๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗
713376
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ลงวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ กำหนดให้พื้นที่ตำบลท่าทรายและตำบลบางกระเจ้า อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไปตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เนื่องจากผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น ได้ขอนำที่ดินซึ่งได้จัดหามาเองและมีแนวเขตติดต่อกับนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ผนวกเพิ่มเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร เพื่อขยายการประกอบกิจการ ซึ่งคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ ได้มีมติเห็นชอบให้ผู้ประกอบกิจการดังกล่าวผนวกพื้นที่ส่วนขยายเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร รวมเนื้อที่ประมาณ ๘๓ ไร่ ๒ งาน ๘๓.๑ ตารางวาได้ และผู้ประกอบกิจการได้ดำเนินการ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขที่กำหนดแล้ว จึงสมควรประกาศขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาครออกไปอีก เพื่อรองรับความต้องการประกอบอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ลงวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๗ จุฑามาศ/ผู้ตรวจ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๙๐ ง/หน้า ๑๒/๒๖ กันยายน ๒๕๕๗
709913
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ 3 จังหวัดชลบุรี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๓ จังหวัดชลบุรี โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๓ จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลหนองเสือช้าง อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๓ จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลหนองเสือช้าง อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๓ จังหวัดชลบุรี (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๒๗ ง/หน้า ๒๓/๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗
709911
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ 2 จังหวัดชลบุรี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ ๒ จังหวัดชลบุรี (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๒๗ ง/หน้า ๒๒/๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗
709907
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง 36 จังหวัดระยอง
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง ในท้องที่ตำบลพนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง ในท้องที่ตำบลพนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง ๓๖ จังหวัดระยอง (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ กฤษดายุทธ/ผู้ตรวจ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๒๗ ง/หน้า ๒๑/๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗
711635
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมยามาโตะ อินดัสทรีส์ จังหวัดชลบุรี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมยามาโตะ อินดัสทรีส์ จังหวัดชลบุรี โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมยามาโตะ อินดัสทรีส์ จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลหนองใหญ่ อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมยามาโตะ อินดัสทรีส์ จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลหนองใหญ่ อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมยามาโตะ อินดัสทรีส์ จังหวัดชลบุรี (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ วันทิตา/ผู้ตรวจ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๓๓ ง/หน้า ๒๕/๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗
706381
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) จังหวัดชลบุรี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๕) จังหวัดชลบุรี โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๕) จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๕) จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๕) จังหวัดชลบุรี (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๘๑ ง/หน้า ๖๒/๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗
706377
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 4) จังหวัดชลบุรี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๔) จังหวัดชลบุรี โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๔) จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๔) จังหวัดชลบุรี ในท้องที่ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ ๔) จังหวัดชลบุรี (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ปริญสินีย์/ผู้ตรวจ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๘๑ ง/หน้า ๖๑/๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗
703742
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู (เหนือ) จังหวัดสมุทรปราการ
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู (เหนือ) จังหวัดสมุทรปราการ โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู (เหนือ) จังหวัดสมุทรปราการ ในท้องที่ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู (เหนือ) จังหวัดสมุทรปราการ ในท้องที่ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู (เหนือ) จังหวัดสมุทรปราการ (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗ โชติกานต์/ผู้ตรวจ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๔๒/๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗
703740
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบางปู (ฉบับที่ 2)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบางปู (ฉบับที่ ๒) ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปู พ.ศ. ๒๕๓๑ ให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปู ในท้องที่ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลง เขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปูดังกล่าวตามพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปู พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งเป็นการจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และต่อมาได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๔ ก วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๑ ให้ใช้บังคับพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ซึ่งมีผลให้เขตอุตสาหกรรมส่งออกที่ได้จัดตั้งขึ้นดังกล่าว เป็นเขตประกอบการเสรีตามมาตรา ๓๖ (๒) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ตามนัยมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ แล้ว นั้น โดยที่เป็นการสมควรให้ลดพื้นที่บางส่วนในเขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบางปูลง จึงสมควรกันพื้นที่ดังกล่าวออก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบางปู โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปู พ.ศ. ๒๕๓๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมส่งออกบางปู พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตประกอบการเสรี นิคมอุตสาหกรรมบางปู (ฉบับที่ ๒) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗ โชติกานต์/ผู้ตรวจ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๔๑/๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗
703738
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู (ฉบับที่ 12)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู (ฉบับที่ ๑๒) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู ลงวันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ซึ่งต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าว ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ และต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าวอีก ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู (ฉบับที่ ๑๑) ลงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยได้กำหนดให้พื้นที่ตำบลบางปูใหม่ และตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการตามแผนที่ท้ายประกาศดังกล่าวเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น โดยที่เป็นการสมควรให้ลดพื้นที่บางส่วนในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปูลง จึงสมควรกันพื้นที่ดังกล่าวออก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู ลงวันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู (ฉบับที่ ๑๑) ลงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมบางปู (ฉบับที่ ๑๒) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗ โชติกานต์/ผู้ตรวจ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๓๙/๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗
701475
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ 6)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๖) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๐ กำหนดให้พื้นที่ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าวตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๔๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๕) ลงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ นั้น เนื่องจากเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง มีผู้ประกอบกิจการได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อประกอบกิจการเต็มพื้นที่แล้ว แต่ยังมีผู้ประสงค์จะประกอบกิจการในเขตนี้อยู่อีก จึงสมควรขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวเพื่อรองรับความต้องการในการประกอบอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๕) ลงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (ฉบับที่ ๖) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ อุษมล/ผู้ตรวจ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนพิเศษ ๑๙ ง/หน้า ๑๒/๒๘ มกราคม ๒๕๕๗
732360
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับ Update ณ วันที่ 29/04/2556)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี[๑] โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ในท้องที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ในท้องที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๓๕ สิปปนนท์ เกตุทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๓) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี[๓] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๒)[๔] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๓)[๕] ปณตภร/จัดทำ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓ กันยายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙/ตอนที่ ๓๐/ฉบับพิเศษ หน้า ๒๗/๑ มีนาคม ๒๕๓๕ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๓) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (ฉบับที่ ๓) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๕๙ ง/หน้า ๑๐/๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๗ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๒ ง/หน้า ๑๐๓/๗ มกราคม ๒๕๕๒ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๕๓/๒๙ เมษายน ๒๕๕๖
729595
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับ Update ณ วันที่ 29/04/2556)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย ในท้องที่ตำบลตาสิทธิ์ และตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย ในท้องที่ตำบลตาสิทธิ์ และตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ กร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๐) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย[๓] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๒)[๔] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๓)[๕] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๔)[๖] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๕)[๗] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๖)[๘] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๗)[๙] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๘)[๑๐] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๙)[๑๑] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๐)[๑๒] อุษมล/ผู้จัดทำ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โชติกานต์/เพิ่มเติม ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๖ ปณตภร/ผู้ตรวจ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓ กันยายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๔/ตอนที่ ๖๘ ง/หน้า ๑๘/๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๐ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๐) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๐) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๗๗ ง/หน้า ๔/๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๕ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๑๐๘ ง/หน้า ๘/๑๗ กันยายน ๒๕๔๖ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๔๖ ง/หน้า ๔/๒๗ เมษายน ๒๕๔๗ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๔๐ ง/หน้า ๕๕/๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ [๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๕๕ ง/หน้า ๔/๒๗ เมษายน ๒๕๔๙ [๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนพิเศษ ๑๓๖ ง/หน้า ๔๔/๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๙ [๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๑๖ ง/หน้า ๙๐/๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ [๑๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๗ ง/หน้า ๑๓/๑๘ มกราคม ๒๕๕๖ [๑๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๒๓ ง/หน้า ๓๖/๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ [๑๒] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๕๕/๒๙ เมษายน ๒๕๕๖
722261
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับ Update ณ วันที่ 18/01/2556)
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ กร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม [เอกสารแนบท้าย] ๑.[๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๙) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้[๓] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๒)[๔] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๓)[๕] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๔)[๖] ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๕)[๗] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๖)[๘] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๗)[๙] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๘)[๑๐] ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๙)[๑๑] อุษมล/ผู้จัดทำ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณัฐพร/ผู้ตรวจ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ปิยะธิดา/ปรับปรุง ๓ กันยายน ๒๕๖๑ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๔/ตอนที่ ๒๗ ง/หน้า ๑๓/๓ เมษายน ๒๕๔๐ [๒] แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๙) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ฉบับที่ ๙) [๓] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙/ตอนพิเศษ ๗๗ ง/หน้า ๖/๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๕ [๔] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนพิเศษ ๙๑ ง/หน้า ๑๙/๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๖ [๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๓๘ ง/หน้า ๑๘/๒ เมษายน ๒๕๔๗ [๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนพิเศษ ๔๖ ง/หน้า ๖/๒๗ เมษายน ๒๕๔๗ [๗] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒/ตอนพิเศษ ๑๓ ง/หน้า ๑๘/๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ [๘] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนพิเศษ ๓๙ ง/หน้า ๒๕/๒ เมษายน ๒๕๕๐ [๙] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๘๙ ง/หน้า ๓๗/๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๒ [๑๐] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ตอนพิเศษ ๖๑ ง/หน้า ๕๓/๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ [๑๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๗ ง/หน้า ๑๕/๑๘ มกราคม ๒๕๕๖
700146
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ 103/2556 เรื่อง การพัฒนาที่ดินสำหรับผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม
ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๑๐๓/๒๕๕๖ เรื่อง การพัฒนาที่ดินสำหรับผู้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ทั่วไปในการพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙ และข้อ ๑๗ ของข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกตามความในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๖๔/๒๕๓๖ เรื่อง หลักเกณฑ์ทั่วไปในการพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๓๖ (๒) ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ ๙๕/๒๕๓๘ เรื่อง หลักเกณฑ์ทั่วไปในการพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม (แก้ไขเพิ่มเติม) ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๘ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “กนอ.” หมายความว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย “นิคมอุตสาหกรรม” หมายความว่า นิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย “เขตอุตสาหกรรม” หมายความว่า เขตอุตสาหกรรมทั่วไปหรือเขตประกอบการเสรี “ผู้ประกอบกิจการ” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินและประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม “แปลงที่ดิน” หมายความว่า พื้นที่ที่ได้ดำเนินการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ขาย ให้เช่า หรือให้เช่าซื้อแก่ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นไปตามผังแม่บทหรือผังจัดสรรที่ดินที่ได้รับความเห็นชอบจาก กนอ. แล้ว “สำนักงาน” หมายความว่า อาคารหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่ใช้เป็นสำนักงานหรือที่ทำการของผู้ประกอบกิจการ “โรงงาน” หมายความว่า อาคารหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่ใช้เป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน “อาคารอยู่อาศัย” หมายความว่า อาคารซึ่งโดยปกติบุคคลใช้อยู่อาศัยได้ทั้งกลางวันและกลางคืนไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัยอย่างถาวรหรือชั่วคราว “อาคารพาณิชย์” หมายความว่า อาคารที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการพาณิชยกรรมหรือบริการธุรกิจ “ตึกแถว” หมายความว่า อาคารที่ก่อสร้างต่อเนื่องกันเป็นแถวยาวตั้งแต่สองคูหาขึ้นไปมีผนังแบ่งอาคารเป็นคูหาและประกอบด้วยวัสดุทนไฟเป็นส่วนใหญ่ “ที่ว่าง” หมายความว่า พื้นที่อันปราศจากหลังคาหรือสิ่งก่อสร้างปกคลุมซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอาจจะจัดให้เป็นบ่อน้ำ สระว่ายน้ำ บ่อพักน้ำเสีย ที่พักมูลฝอย ที่พักรวมมูลฝอย หรือที่จอดรถที่อยู่ภายนอกอาคารก็ได้ และให้ความหมายรวมถึงพื้นที่ของสิ่งก่อสร้างหรืออาคารที่สูงจากระดับพื้นดินไม่เกิน ๑.๒๐ เมตร และไม่มีหลังคาหรือสิ่งก่อสร้างปกคลุมเหนือระดับนั้น “ทางร่วมทางแยก” หมายความว่า พื้นที่ทางเดินรถที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือต่างระดับกันตั้งแต่สองสายขึ้นไปตัดผ่านกัน รวมบรรจบกัน หรือติดกัน “โครงสร้างรองรับท่อ” หมายความว่า สิ่งก่อสร้างสำหรับรองรับเส้นท่อเพื่อใช้ในการลำเลียงของที่ใช้ในกระบวนการผลิตหรือเพื่อประโยชน์แก่กระบวนการผลิต ข้อ ๓ ผู้ประกอบกิจการต้องมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลที่ดินในส่วนที่ยังไม่ได้พัฒนาให้อยู่ในสภาพที่ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น ข้อ ๔ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการปรับที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของตนให้มีสภาพเป็นบ่อ แอ่ง หรือที่ลุ่ม เว้นแต่ในกรณีที่มีความจำเป็นในทางเทคนิคเพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดี และต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก กนอ. ข้อ ๕ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการขุดเจาะบ่อบาดาลในแปลงที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม ข้อ ๖ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการนำดินออกนอกบริเวณแปลงที่ดินของตน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก กนอ. ข้อ ๗ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการทำการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารในนิคมอุตสาหกรรม เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก กนอ. ข้อ ๘ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการก่อสร้างอาคารอยู่อาศัยในเขตอุตสาหกรรม เว้นแต่เป็นการก่อสร้างอาคารชั่วคราวเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารถาวรซึ่งสูงไม่เกินสองชั้นหรือสูงไม่เกิน ๙.๐๐ เมตร และมีกำหนดเวลารื้อถอนเมื่อได้ก่อสร้างอาคารนั้นแล้วเสร็จ ข้อ ๙ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการแบ่งแปลงที่ดินให้ผิดไปจากผังแม่บทของนิคมอุตสาหกรรม เว้นแต่เป็นการแบ่งแปลงที่ดินที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และผังการใช้ที่ดิน อีกทั้งไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและจะต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก กนอ. ด้วย ข้อ ๑๐ กรณีการพัฒนาที่ดินเพื่อทำการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งก่อสร้างใด ๆ ในแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการจะต้องเว้นที่ว่างไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของพื้นที่แปลงที่ดินนั้น ข้อ ๑๑ กรณีการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคาร หรือการปรับปรุงแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกของนิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบกิจการนั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการซ่อมแซม ปรับปรุง แก้ไข หรือชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตามที่ กนอ. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบตามควรแก่พฤติการณ์และมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ข้อ ๑๒ ผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีที่สำหรับจอดรถยนต์ภายในแปลงที่ดินของตนไม่น้อยกว่า ๑ คันต่อพื้นที่อาคาร ๒๔๐ ตารางเมตร เศษของ ๒๔๐ ตารางเมตรให้คิดเป็น ๒๔๐ ตารางเมตร ทั้งนี้ ให้ถือที่จอดรถยนต์จำนวนที่มากกว่าเป็นเกณฑ์ ข้อ ๑๓ กรณีที่ผู้ประกอบกิจการมีวัตถุมีพิษ วัตถุเคมี วัตถุไวไฟ วัตถุที่อาจเกิดระเบิดหรือวัตถุอื่นใดที่อาจเกิดอันตรายไว้ในครอบครองเพื่อใช้สำหรับการประกอบกิจการ ผู้ประกอบกิจการต้องจัดให้มีสถานที่จัดเก็บและการใช้วัตถุดังกล่าวให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบกิจการต้องกำหนดตำแหน่งที่ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า ห้องควบคุมระบบไฟฟ้าภายในอาคาร ตลอดจนตำแหน่งติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างภายนอกอาคารในแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของการไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกำหนด แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๕ การก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารในนิคมอุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) อาคารที่มีความสูงไม่เกิน ๑๒.๐๐ เมตรให้มีระยะร่นจากแนวริมเสาด้านนอกหรือผนังของอาคารถึงแนวรั้วหรือเขตที่ดินด้านหน้าแปลงที่ดินหรือด้านที่มีทางเข้าออกไม่น้อยกว่า ๖.๐๐ เมตร สำหรับอาคารที่มีความสูงเกิน ๑๒.๐๐ เมตรให้มีระยะร่นดังกล่าวไม่น้อยกว่า ๑๒.๐๐ เมตร โดยให้แนวชายคาอาคารมีระยะร่นจากแนวรั้วหรือแนวเขตที่ดินไม่น้อยกว่า ๔.๐๐ เมตร ทั้งนี้ ความสูงของอาคารให้วัดแนวดิ่งจากระดับถนนหรือระดับพื้นดินที่ก่อสร้างขึ้นไปถึงส่วนของอาคารที่สูงที่สุด สำหรับอาคารทรงจั่วหรือปั้นหยาให้วัดถึงยอดผนังของชั้นสูงสุด หากเป็นการก่อสร้างโครงสร้างรองรับท่อ โครงสร้างรองรับหม้อแปลงไฟฟ้า อาคารป้อมยามหลังคาโรงจอดรถ สถานีปรับความดันแก๊สขนาดเล็ก ศาลพระภูมิ หรือเสาธง ให้มีการก่อสร้างชิดแนวเขตที่ดินได้ (๒) การก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารที่ใกล้เคียงหรือติดกับถนนของนิคมอุตสาหกรรมซึ่งไม่ใช่บริเวณด้านหน้าแปลงที่ดินหรือด้านที่มีทางเข้าออก ให้มีระยะร่นจากแนวริมเสาด้านนอกหรือผนังอาคารถึงแนวรั้วหรือแนวเขตที่ดินไม่น้อยกว่า ๖.๐๐ เมตร (๓) การก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารที่ใกล้เคียงหรือติดกับที่ดินของผู้ประกอบกิจการรายอื่นให้มีระยะร่นจากแนวริมเสาด้านนอกหรือผนังอาคารถึงเขตที่ดินของผู้ประกอบกิจการรายนั้นไม่น้อยกว่า ๕.๐๐ เมตรและแนวชายคาอาคารให้มีระยะร่นจากเขตที่ดินของผู้ประกอบกิจการรายดังกล่าวไม่น้อยกว่า ๒.๐๐ เมตร เว้นแต่กรณีที่เป็นโครงสร้างรองรับท่อให้ก่อสร้างชิดแนวเขตที่ดินได้ แต่ทั้งนี้จะต้องไม่เป็นการกีดขวางทางสัญจรเพื่อสะดวกต่อการดับเพลิง (๔) หอถังสูงสำหรับเก็บน้ำใช้ภายในแปลงที่ดิน ให้มีระยะร่นจากริมสุดของถังเก็บน้ำหรือส่วนของโครงสร้างวัดตามแนวดิ่งถึงแนวรั้วหรือเขตที่ดินไม่น้อยกว่า ๕.๐๐ เมตร (๕) สิ่งก่อสร้างหรืออาคารที่มีความสูงจากระดับพื้นดินไม่เกิน ๑.๒๐ เมตร จากระดับหลังถนนนิคมอุตสาหกรรมและไม่มีหลังคาหรือสิ่งก่อสร้างปกคลุมเหนือระดับนั้น ให้เว้นระยะห่างจากขอบนอกสุดของสิ่งก่อสร้างหรืออาคารตามแนวดิ่งถึงแนวรั้วหรือเขตที่ดินไม่น้อยกว่า ๒.๐๐ เมตร และต้องไม่เป็นการกีดขวางทางสัญจรเพื่อสะดวกต่อการดับเพลิง (๖) อาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ ให้มีระยะร่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารกำหนด (๗) อาคารอยู่อาศัย อาคารตึกแถว อาคารพาณิชย์ซึ่งอยู่นอกเขตอุตสาหกรรม ให้มีระยะร่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารกำหนด ข้อ ๑๖ การก่อสร้างอาคารที่เป็นสำนักงานของผู้ประกอบกิจการ ต้องจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพและคนชราด้วย ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพและคนชรา ข้อ ๑๗ ผู้ประกอบกิจการที่ประสงค์จะก่อสร้างรั้วรอบแนวเขตแปลงที่ดินของตนที่ตั้งอยู่ติดหรือใกล้กับถนนของนิคมอุตสาหกรรม ให้ก่อสร้างเป็นรั้วโปร่งสูงได้ไม่เกิน ๒.๐๐ เมตรจากระดับทางเท้าหรือถนนด้านที่ติดกับแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการ ทั้งนี้ ส่วนล่างของรั้วอาจก่อสร้างเป็นรั้วทึบก็ได้แต่ต้องสูงได้ไม่เกิน ๑.๒๐ เมตรจากระดับทางเท้าหรือถนนด้านที่ติดกับแปลงที่ดินนั้น แบบของรั้วตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ กนอ. กำหนดหรือตามแบบมาตรฐานที่ผู้ร่วมดำเนินงานซึ่งได้รับอนุมัติและทำสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมกับ กนอ. เป็นผู้กำหนดด้วยความเห็นชอบของ กนอ. สำหรับกรณีการก่อสร้างรั้วเพื่อใช้ในการป้องกันอุทกภัยเป็นการเฉพาะให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กนอ. กำหนด ข้อ ๑๘ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการทำการก่อสร้างทางเข้าออกบริเวณแปลงที่ดินของตนเพื่อเชื่อมสู่ถนนสายประธานภายในนิคมอุตสาหกรรม เว้นแต่ที่ดินแปลงนั้นไม่มีทางเข้าออกสู่ถนนสายอื่นหรือมีเหตุความจำเป็นอื่น ๆ ทางด้านวิศวกรรม กนอ. จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไปโดยยึดหลักความปลอดภัยด้านวิศวกรรมจราจรเป็นประการสำคัญ ข้อ ๑๙ ผู้ประกอบกิจการจะต้องจัดให้มีทางเข้าออกสำหรับรถยนต์ในแปลงที่ดินตน กว้างไม่น้อยกว่า ๖.๐๐ เมตร เว้นแต่ในกรณีที่จัดให้รถยนต์วิ่งได้ทางเดียวให้มีทางเข้าออกกว้างไม่น้อยกว่า ๔.๐๐ เมตร โดยต้องทำเครื่องหมายแสดงทางเข้าออกไว้ให้ชัดเจน และไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจรของแปลงที่ดินข้างเคียงของผู้ประกอบกิจการรายอื่น กรณีที่ผู้ประกอบกิจการจัดให้มีทางเข้าออกมากกว่าหนึ่งทาง ทางเข้าออกนั้นจะต้องมีระยะห่างไม่น้อยกว่า ๖๐.๐๐ เมตรจากจุดศูนย์กลางทางเข้าออก เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นและไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ได้ กนอ. จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป กนอ. จะอนุญาตให้ก่อสร้างทางเข้าออกได้เฉพาะภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น ข้อ ๒๐ กรณีแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการซึ่งตั้งอยู่บริเวณมุมทางร่วมทางแยกในนิคมอุตสาหกรรม ต้องกำหนดให้ทางเข้าออกสำหรับรถยนต์ห่างจากจุดเริ่มต้นโค้งหรือหักมุมของขอบทางร่วมหรือขอบทางแยกถึงแนวศูนย์กลางปากทางเข้าออกสำหรับรถยนต์ระยะไม่น้อยกว่า ๔๐.๐๐ เมตร เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นและไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ได้ กนอ. จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป แต่ทั้งนี้จะต้องมีระยะห่างไม่น้อยกว่า ๒๐.๐๐ เมตร แนวศูนย์กลางปากทางเข้าออกสำหรับรถยนต์ตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่ตั้งอยู่บนเชิงลาดสะพานและต้องห่างจากจุดสุดเชิงลาดสะพานระยะไม่น้อยกว่า ๕๐.๐๐ เมตร ข้อ ๒๑ การก่อสร้างทางเข้าออกในนิคมอุตสาหกรรมที่ผ่านทางระบายน้ำแบบเปิดหรือระบบท่อผู้ประกอบกิจการจะต้องดำเนินการก่อสร้างตามแบบที่ กนอ. กำหนดหรือเห็นชอบ ข้อ ๒๒ ผู้ประกอบกิจการจะต้องแสดงแบบแปลนระบบระบายน้ำเสียและระบบระบายน้ำฝนจากอาคารหรือแปลงที่ดินของตน ให้เหมาะสมกับแหล่งรองรับน้ำทั้งสองระบบ ดังต่อไปนี้ (๑) ระบบระบายน้ำเสียต้องแยกออกจากระบบระบายน้ำฝนโดยเด็ดขาด (๒) ทางระบายน้ำฝนที่ใช้สำหรับการระบายน้ำฝนออกจากอาคารหรือแปลงที่ดินต้องมีลักษณะที่สามารถทำความสะอาดได้โดยสะดวก กรณีทางระบายน้ำฝนเป็นแบบท่อปิดต้องมีบ่อพักน้ำทุกระยะไม่เกิน ๘.๐๐ เมตรและทุกมุมเลี้ยว อีกทั้งจะต้องจัดให้มีบ่อตรวจการระบายน้ำฝนและตะแกรงดักขยะอยู่ในสถานที่ตรวจสอบได้สะดวก ก่อนที่จะระบายน้ำฝนลงสู่ระบบระบายน้ำฝนของนิคมอุตสาหกรรม (๓) น้ำเสียหรือน้ำที่ผ่านการใช้แล้วทุกชนิดจากอาคารหรือแปลงที่ดิน ให้ระบายลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เกณฑ์คุณภาพของน้ำดังกล่าวต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทั่วไปในการระบายน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. กำหนด (๔) ระบบระบายน้ำเสียของผู้ประกอบกิจการต้องก่อสร้างเป็นระบบปิด และต้องจัดให้มีบ่อตรวจคุณภาพน้ำเสีย พร้อมประตูน้ำปิด-เปิดซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ตลอดเวลาก่อนที่จะระบายน้ำเสียลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ตามแบบที่ กนอ. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบ ข้อ ๒๓ กรณีที่ผู้ประกอบกิจการจำเป็นต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียเบื้องต้นก่อนระบายลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบกิจการจะต้องดำเนินการจัดเตรียมพื้นที่ภายในแปลงที่ดินให้เพียงพอต่อการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียเบื้องต้น ข้อ ๒๔ ผู้ประกอบกิจการควรจัดให้มีที่เก็บน้ำสำรองไม่น้อยกว่า ๑ วันเพื่อใช้สำหรับการประกอบกิจการในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นต้องปรับปรุงหรือซ่อมแซมระบบประปาหน้าแปลงที่ดินหรือบริเวณใกล้เคียง ข้อ ๒๕ ผู้ประกอบกิจการที่ประสงค์จะทำการถมดินในแปลงที่ดินตน โดยมีความสูงของเนินดินเกินระดับที่ดินของผู้ประกอบกิจการรายอื่นที่อยู่ข้างเคียง ผู้ประกอบกิจการนั้นต้องจัดให้มีการระบายนํ้าเพียงพอที่จะไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความเสียหายแก่ผู้ประกอบกิจการหรือบุคคลอื่นที่เป็นเจ้าของแปลงที่ดินรายอื่นที่อยู่ข้างเคียง ข้อ ๒๖ กรณีการถมดินทั่วไปในแปลงที่ดินของผู้ประกอบกิจการ จะต้องไม่สูงกว่าระดับถนนหน้าแปลงที่ดินหรือระดับทางเท้าด้านหน้าแปลงที่ดินนั้น แต่ไม่รวมถึงระดับของพื้นอาคาร สำหรับการถมดินเพื่อก่อสร้างเป็นถนนภายในโรงงานให้ถมดินสูงได้ไม่เกิน ๕๐.๐๐ เซนติเมตรโดยวัดจากระดับกึ่งกลางถนนด้านหน้าแปลงที่ดิน เว้นแต่ในกรณีที่มีความจำเป็นและไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ได้ กนอ. จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป ข้อ ๒๗ ผู้ประกอบกิจการจะต้องดำเนินการปลูกต้นไม้ยืนต้นในพื้นที่โรงงานที่อยู่ในความรับผิดชอบซึ่งมีขนาดตามความเหมาะสมกับพื้นที่เป็นจำนวนสัดส่วนไม่น้อยกว่า ๑ ต้นต่อพื้นที่ ๑ ไร่ และความสูงของต้นไม้ต้องไม่น้อยกว่า ๑.๕๐ เมตร โดยให้แสดงไว้ในแบบผังบริเวณที่ยื่นขออนุญาตก่อสร้างต่อ กนอ. ข้อ ๒๘ การก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารของผู้ประกอบกิจการเพื่อพัฒนาที่ดินสำหรับการประกอบกิจการหรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ตามประกาศนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ข้อ ๒๙ การขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารของผู้ประกอบกิจการเพื่อพัฒนาที่ดินสำหรับการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งได้ยื่นไว้ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับและยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กนอ. ให้ถือว่าเป็นคำขอตามประกาศฉบับนี้ และ กนอ. จะพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ต่อไป ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เอกฤทธิ์/ผู้ตรวจ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๘๗ ง/หน้า ๑๕/๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๖
699129
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมไฮเทคกบินทร์ จังหวัดปราจีนบุรี
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมไฮเทคกบินทร์ จังหวัดปราจีนบุรี โดยที่เป็นการสมควรให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมไฮเทคกบินทร์ จังหวัดปราจีนบุรี ในท้องที่ตำบลลาดตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงประกาศจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมไฮเทคกบินทร์ จังหวัดปราจีนบุรี ในท้องที่ตำบลลาดตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมไฮเทคกบินทร์ จังหวัดปราจีนบุรี (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ โชติกานต์/ผู้ตรวจ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๑๗๕ ง/หน้า ๒๘/๖ ธันวาคม ๒๕๕๖
685593
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ 10)
ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๐) ตามที่ได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าว ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย ลงวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ และต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอุตสาหกรรมทั่วไปดังกล่าวอีก ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๙) ลงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยได้กำหนดให้พื้นที่ตำบลตาสิทธิ์และตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง และตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ตามแผนที่ท้ายประกาศดังกล่าวเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาตรา ๓๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น เนื่องจากเอกชนผู้ร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น มีความประสงค์จะขอขยายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมออกไปอีก จึงสมควรขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๒ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และข้อ ๔ วรรคสอง ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงประกาศเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย โดยให้ยกเลิกแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๙) ลงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้แผนที่ท้ายประกาศนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑] ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย [เอกสารแนบท้าย] ๑. แผนที่ท้ายประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขต เขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ส่วนขยาย (ฉบับที่ ๑๐) (ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย) ปริยานุช/ผู้จัดทำ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โชติกานต์/ผู้ตรวจ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ [๑] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐/ตอนพิเศษ ๕๓ ง/หน้า ๕๕/๒๙ เมษายน ๒๕๕๖