title
stringlengths 2
223
| body
stringlengths 496
195k
| summary
stringlengths 34
1.83k
| type
stringlengths 4
98
⌀ | tags
stringlengths 2
1.52k
⌀ | url
stringlengths 27
112
|
---|---|---|---|---|---|
งานใหญ่สมัชชาสุขภาพ#4 เขาคุยอะไรกัน | เน้นการจัดการภัยพิบัติธรรมชาติโดยท้องถิ่นเป็นฐาน สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) โดยนายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๔ พ.ศ.๒๕๕๔ (คจ.สช.) ประกาศความพร้อมในการจัดประชุม สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ระหว่างวันที่ ๒-๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิดหลัก รับมือภัยพิบัติ จัดการภัยสุขภาวะ การประชุมครั้งนี้ มีระเบียบวาระที่มาจาก 206 กลุ่มเครือข่ายทั่วประเทศ โดยสมาชิกสมัชชาสุขภาพกว่า 1500 คน จะหยิบยกระเบียบวาระมาถกแถลงกันรวม 6 เรื่อง ได้แก่ 1.การจัดการปัญหาโฆษณายาและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายทางวิทยุท้องถิ่น เคเบิ้ลทีวี โทรทัศน์ ดาวเทียม และอินเตอร์เน็ต 2.ความปลอดภัยทางอาหาร : การจัดการน้ำมันทอดซ้ำเสื่อมสภาพ 3.การเข้าถึงบริการอาชีวอนามัยเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของคนทำงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ 4.การจัดการภัยพิบัติธรรมชาติโดยชุมชนท้องถิ่นเป็นศูนย์กลาง 5.การบริหารจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำขนาดเล็กอย่างยั่งยืน โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของเครือข่ายและภาคีทุกภาคส่วน และ 6.การจัดการปัญหาฆ่าตัวตาย (สุขใจไม่คิดสั้น) นอกจากนี้ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งนี้ ยังมีการนำเสนอผลการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติของปีที่ผ่านมารวม 8 เรื่อง ได้แก่ 1.ยุติการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรม : เพื่อลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสุขภาพของผู้ป่วย 2.ยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ 3.โรคติดต่ออุบัติใหม่ 4.การพัฒนาการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ให้เป็นระบบบริการสุขภาพหลักของประเทศ คู่ขนานกับการแพทย์แผนปัจจุบัน 5.การจัดการปัญหาภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน 6.การพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง 7.มาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน 8.การป้องกันผลกระทบต่อสุขภาวะและสังคมจากการค้าเสรีระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ในบริเวณงานยังจัดสรร ลานสมัชชา สำหรับกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเครือข่ายที่สนใจในการขับเคลื่อนมติสมัชชาฯ และการประชุมวิชาการอีก 12 หัวข้อ ซึ่งแต่ละเรื่อง สมาชิกสมัชชาสุขภาพจะได้ร่วมเรียนรู้และเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนมติและการปฏิบัติร่วมกัน | สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) พร้อมจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ 2-4 กุมภาพันธ์นี้ ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ เพื่อพิจารณา 6 ร่างมติขาขึ้น และติดตามมติขาเคลื่อน | คุณภาพชีวิต | การประชุม,สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ | https://prachatai.com/journal/2012/01/38890 |
ตร.นราฯพบเบาะแสกลุ่มแนวร่วมลอบวางบึ้ม ผกก.รือเสาะ แล้ว | เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะจังหวัดนราธิวาสกว่า 30 นายเข้าตรวจค้นบ้านไม่มีเลขที่หมู่ 2 บ้านยะบะ ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ หลังต้องสงสัยว่า อาจเป็นที่หลบซ่อนของผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิด 3 ลูกซ้อนในสวนสาธารณะกาญจนาภิเษกจนมีผู้บาดเจ็บ 12 คน ในจำนวนนี้มี พ.ต.อ.ดุลยามาน แยนา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรรือเสาะ รวมอยู่ด้วยโดยการตรวจค้นครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลจากซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือที่ผู้ก่อเหตุใช้กดชนวนระเบิดตกในที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน จะขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ ซึ่งเชื่อว่า เป็นกลุ่มของนายรอพี อุเซ็งส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง12 คน แพทย์อนุญาตให้กลับแล้ว 9 คน รวมถึง พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ส่วนนายชม เครือดำ นายพิมพิ์สิทธิสงคราม และ นายปรีชา สายทอง ที่บาดเจ็บสาหัส ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด | ตำรวจภูธรนราธิวาสพบเบาะแสกลุ่มแนวร่วมที่ลอบวางระเบิดทำร้ายผู้กำกับการตำรวจภูธรรือเสาะ แล้ว หลังพบรายชื่อในซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ผู้ก่อเหตุใช้จุดชนวนระเบิด | ภูมิภาค | ซิมการ์ด,นราฯ,รือเสาะ,วางบึ้ม,วางระเบิด,สถานการณ์ใต้,แนวรรวม | https://news.thaipbs.or.th/content/95913 |
ผู้ตรวจฯ มีมติให้ ศานิตย์-ไทยเบฟฯ แจงรับเงินที่ปรึกษาฯภายใน 7 วัน | เหตุไม่อยากให้คดีตกค้าง,เมื่อวันที่ 24 ม.ค.60 นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ในที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินวันนี้ (24 ม.ค.) มีมติและมีหนังสือแจ้ง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ให้ชี้แจงภายใน 7 วัน กรณีมีรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในอัตราเดือนละ 50,000 บาท ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้สอบถามว่า รับตำแหน่งที่ปรึกษาจริงหรือไม่ รับเงินในฐานที่ปรึกษาหรือไม่ และปัจจุบันยังรับเงินดังกล่าวอยู่หรือไม่ รวมทั้งมีการลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวแล้วหรือยัง ,นอกจากนี้ยังได้มีหนังสือสอบถามไปยังบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ถูกพาดพิงถึง โดยให้ตอบกลับภายใน 7 วัน และยังมีหนังสือสอบถามสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ว่ามีการแจ้งรายการรับเงินดังกล่าวหรือไม่ โดยให้เวลาชี้แจงกลับมาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่รับหนังสือ ซึ่งในส่วนของ ผบช.น.และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ให้เวลา 7 วัน เพราะเห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ซับซ้อน ไม่ต้องค้นหาเอกสารอะไรมาก จึงให้เวลาไปแค่ 7 วันเท่านั้น,นายรักษเกชา กล่าวต่อว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินได้อย่างเร็วเมื่อใด เพราะต้องรอให้ทั้ง 3 ฝ่าย ชี้แจงกลับมาก่อน แต่อย่างไรก็ตาม จะเร่งดำเนินการเพื่อให้เสร็จทันก่อนที่รัฐธรรมนูญใหม่จะมีผลบังคับใช้ เนื่องจากไม่ต้องการให้เรื่องค้างอยู่ที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน และเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นที่สนใจของประชาชน แต่การพิจารณาของผู้ตรวจฯจะต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย | ผู้ตรวจฯ มีมติร่อนหนังสือให้ ศานิตย์-ไทยเบฟฯ แจงปมรับเงินที่ปรึกษา ภายใน 7 วัน พร้อมขอข้อมูลแสดงทรัพย์สิน-หนี้สิน น.1 ต่อ ป.ป.ช. ชี้แจงกลับใน 15 วัน เผยเตรียมเร่งดำเนินการให้เสร็จทันก่อน รธน.ใหม่บังคับใช้ | null | ผู้ตรวจการฯ,ไทยเบฟฯ,ศานิตย์ มหถาวร,น.1,ผบช.น. | https://www.thairath.co.th/content/842954 |
กองทัพอากาศจัดโชว์บินผาดแผลง เนื่องในวันกองทัพอากาศ | ลีลาการวาดท้องฟ้าด้วยท่าทางการบินผาดแผลงของหมู่บินไบร์ทลิ่งเจ็ตทีม หมู่บินนผาดแผลงพลเรือน หมู่บินแรกของโลก จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่สร้างความประทับใจมาแล้วกว่า 32 ประเทศทั่วโลก ในช่วง 10 ปี เดินทางมาแสดงการบินเหนือน่านฟ้ากรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก ในโอกาสเฉลิมฉลองวันที่ระลึกกองทัพอากาศ และ วันกองทัพอากาศ หมู่บินไบร์ทลิ่งเจ็ททีม ใช้เครื่องบินขับไล่แบบแอล 39 จำนวน 7 เครื่อง ทำการบิน โดยมีนักบินในทีม 7 คนผ่านการบินมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5000 ชั่วโมงบิน เน้นท่าทางการบินผาดแผลงทั้งในรูปแบบมาตรฐานที่การบินทั่วโลกยอมรับ รวมทั้งออกแบบท่าทางการบินขึ้นใหม่ อย่างเช่นท่าอาปาเช่โลว์ ที่เป็นการบินควงสว่านรอบหมู่บิน และการบินผาดแผลงโดยใช้ทักษะการบินขั้นสูง อย่างเช่นการบินใกล้ชิดที่สุดแบบเครื่องคู่ และการบินตัดกันระหว่างหมู่บิน แจ็คแควส โบทลิน หัวหน้าทีม หมู่บินผาดแผลงไบร์ทลิ่งเจ็ททีม เผยว่า ประทับใจการบินในครั้งนี้ หมู่บินไบร์ทลิ่งเจ็ททีม ยังจะร่วมบินบันทึกภาพกับหมู่บินบลูฟินิกส์ หมู่บินผาดแผลงหมู่บินแรกของกองทัพอากาศไทย กองทัพอากาศยังจัดเครื่องบินขับไล่กริพเพน จากกองบิน 7 สุราษฎ์ธานี และเครื่องบินขับไล่ เอฟ16 จากกองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับหมู่บินไบร์ทเจ็ททีมและแสดงขีดความสามารถในการบินผาดแผลงของนักบินไทย การเดินทางของไบร์ลิ่งเจ็ททีมไปยังประเทศต่างๆ จะเน้นทำการบินในสถานที่สวยงามและท้าทายแตกต่างกันไปทั้งภูเขา ทะเล และธารน้ำแข็ง โดยจะบันทึกภาพระหว่างการบินบนน่านฟ้าทุกประเทศที่เดินทางผ่าน | กองทัพอากาศจัดแสดงการบินผาดแผลงของอากาศยานไทยและต่างประเทศ ในโอกาสวันกองทัพอากาศ ประจำปี 2556 โดยมีหมู่บินผาดแผลงไบร์ทลิ่ง เจ็ททีม ซึ่งเป็นหมู่บินผาดแผลงพลเรือน จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เดินทางมาร่วมแสดงการบินเป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งเป้าหมายของความร่วมมือครั้งนี้ ไม่เพียงแค่การเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ แต่ยังเป็นโอกาสของการแลกเปลี่ยนทักษะการบินของกันและกันด้วย | สังคม | กองทัพอากาศ,ผาดแผลง,ไบร์ทลิ่ง เจ็ททีม | https://news.thaipbs.or.th/content/156537 |
สมเด็จพระเทพรัตน์ ทรงส่งเสริมงานพิพิธภัณฑ์ แหล่งเรียนรู้สำคัญของคนทุกยุคทุกเพศวัย | ได้เปิดอย่างเป็นทางการครบ 3 ปี พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ จึงจัดกิจกรรมเสวนาในเรื่อง สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับงานพิพิธภัณฑ์ เพื่อถ่ายทอดความสนพระราชหฤทัยและพระอัจฉริยภาพในด้านที่ทรงมีความรู้และเข้าใจงานพิพิธภัณฑ์เป็นอย่างดี โดยมี คุณชวลี อมาตยกุล รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ ผศ.ดร.ประพจน์ อัศววิรุฬหการ คณบดีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาร่วมเป็นผู้ถ่ายทอด ที่ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ,คุณชวลี อมาตยกุล กล่าวว่า สมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯทอด พระเนตรพิพิธภัณฑ์มาทั่วทุกมุมโลก เวลาเสด็จฯต่างประเทศ สถานที่เสด็จฯเป็นประจำคือ พิพิธภัณฑ์, สวน และมหาวิทยาลัยที่เป็นแหล่งความรู้ ส่วนร้านค้าที่จะเสด็จฯไปช็อปปิ้งมีเพียงร้านหนังสือ และร้านขายของที่ระลึกในมิวเซียมเท่านั้น จึงทำ ให้พระองค์ทรงมีความรอบรู้และเข้าใจงานพิพิธภัณฑ์เป็นอย่างดี ทรงมีพระราชดำริว่า พิพิธภัณฑ์ที่ดีไม่ได้เป็นเพียงสถานที่เก็บรวบรวมสิ่งของ แต่ต้องเป็นแหล่งความรู้สำหรับคนทุกเพศทุกวัย จึงทรง พระกรุณาพระราชทานคำแนะนำการบริหารจัดการงานพิพิธภัณฑ์ให้แก่หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งทรงมีพระราชดำริในการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ต่างๆ คือ พิพิธภัณฑ์สภากาชาดไทย, พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย, พิพิธภัณฑ์บัว, พิพิธภัณฑ์พระตำหนักบ้านสวนปทุม และพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า นอกจากนี้ ยังทรงให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรเกี่ยวกับความรู้ในการทำงานพิพิธภัณฑ์ เพราะไม่มีวิชานี้ในมหาวิทยาลัย จึงเลือกคนไปฝึกอบรมที่หน่วยงานอนุรักษ์ กรมศิลปากร เพราะงาน พิพิธภัณฑ์ถ้าเราจัดเก็บได้ดี ก็จะมีของมาจัดแสดงได้ดี การไปดูงานพิพิธภัณฑ์ต่างประเทศจึงมีประโยชน์ ดังนั้น จะทำอย่างไรที่จะปลูกจิตสำนึกให้คนไทยเข้าไปหาความรู้ในพิพิธภัณฑ์ ในส่วนพิพิธภัณฑ์เองก็จะต้องจัดแสดงให้มีความน่าสนใจ,ด้าน อ.ประพจน์ อัศววิรุฬหการ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี โปรดเสด็จฯพิพิธภัณฑ์ เพราะพิพิธภัณฑ์เป็นบันทึกความรู้ของมนุษยชาติ อย่างพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ทำไมต้องมี เพราะ ผ้าเป็นบันทึกความเจริญของคน คนสมัยก่อนไม่มีปัญญาเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยๆ ทุกวัน เหมือนเดี๋ยวนี้ เราเลยมีประเพณีซื้อผ้าใหม่ให้ผู้ใหญ่ ผ้าเป็นบันทึกความเจริญทางวัฒนธรรมของมนุษย์อย่างหนึ่ง พิพิธภัณฑ์จึงเป็นการประมวลความรู้ของคน ถ้าเราไม่ดูก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ซึ่ง ในการเสด็จฯพิพิธภัณฑ์ของพระองค์ ทรงไม่ทอดพระเนตรเฉพาะเรื่องที่จัด แสดง แต่จะทรงศึกษาถึงเรื่องการจัดเก็บ หามาได้อย่างไร รวมถึงการรักษา ดังนั้น ทุกพิพิธภัณฑ์ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ล้วนแต่มีประโยชน์ และเมื่อเข้าชมในพิพิธภัณฑ์แล้วก็ต้องมีคำถาม เพื่อที่จะก่อให้เกิดความรู้. | ในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานที่ปรึกษาพิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา และพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ | null | สมเด็จพระเทพรัตน์,ชวลี อมาตยกุล,สภากาชาดไทย,พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ,พิพิธภัณฑ์บัว,พิพิธภัณฑ์พระตำหนักบ้านสวนปทุม,ข่าว,ไทยรัฐฉบับพิมพ์ | https://www.thairath.co.th/content/499570 |
บิ๊กปุย เปิดรั้วทัพไทยรับ ผบ.สส.สิงคโปร์ ถกงานมั่นคง ลาดตระเวนร่วม | , เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 ส.ค.60 พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้การต้อนรับ พล.ท. Perry Lim Cheng Yeow (เพอร์รี่ ลิม เช็ง หย่าว) ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพสิงคโปร์ และคณะ ณ กองบัญชาการกองทัพไทย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกองทัพไทย เพื่อรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย ระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม, ,โดยพล.ท.เพอร์รี่ ลิม เช็ง หย่าว ได้ร่วมในพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศผสมสามเหล่าทัพ หลังจากนั้นได้เข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อหารือความร่วมมือด้านต่างๆ อาทิ การแลกเปลี่ยนข่าวสารด้านความมั่นคง การฝึก การศึกษา ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงความร่วมมือในการลาดตระเวนร่วมทางทะเล และการลาดตระเวนร่วมทางอากาศในช่องแคบมะละกา ระหว่างกองทัพไทย สิงคโปร์ และมิตรประเทศในอาเซียน ซึ่งทำให้เกิดความมั่นคงและช่วยสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจของ,ภูมิภาค , ,โดยในวันพรุ่งนี้ (24 ส.ค.) พล.ท. เพอร์รี่ จะได้เข้าร่วมพิธีรับมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย ณ ศาลาว่าการกลาโหม โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมเป็นประธานในพิธี การเดินทางมาเยือนในครั้งนี้ นับเป็นการยืนยันความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์และขยายขอบเขตความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ทั้งในระดับกองทัพและระดับประเทศของทั้งสองฝ่ายต่อไป | มิตรภาพ!! บิ๊กปุย เปิดรั้วบก.กองทัพไทย เตรียมมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ ผบ.ทหารสูงสุด สิงคโปร์ พร้อมถกงานมั่นคง ลาดตระเวนร่วม ทางทะเล อากาศ ช่องแคบมะละกา ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ | ข่าว,การเมือง | สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์,ผบ.ทหารสูงสุด,ผบ.ทหารสูงสุด สิงคโปร์,แขกกองทัพไทย,รับเครื่องราช,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1047275 |
คนร้ายค้ายาโหด ยิงชายพิการโปลิโอตายย่านซ.อรุณอัมรินทร์ ชิงมอเตอร์ไซต์หนีตำรวจไปได้ 1 คน | ตำรวจพบศพนายชินทัต แสนสุข อายุ 49 ปี พิการเป็นโปลิโอที่ขาทั้ง 2 ข้าง ถูกคนร้ายยิงเข้าที่ขมับขวาเสียชีวิต บริเวณริมทางเดินหน้าบ้านเลขที่ 80/5 ใกล้กันมีปลอกกระสุนขนาด 9 มิลลิเมตร ตกอยู่ใต้ฝ่าเท้าของผู้ตาย 1 ปลอก ขณะเกิดเหตุตำรวจสามารถควบคุมตัวเพื่อนของคนร้ายไว้ได้ 1 คน คือ นายชานนท์ อั้นเจริญ อายุ 29 ปี ส่วนมือปืนคือนายบอล ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริงได้วิ่งหลบหนีไป โดยก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุตำรวจนครบาลบางยี่ขันได้เข้าไปตรวจความเรียบร้อยภายในโรงแรมอาร์ดี และพบผู้ต้องหาทั้ง 2 คน สวมชุดคล้ายทหารกำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโรงแรมจึงเข้าขอตรวจค้น แต่นายบอลได้ยิงปืนต่อสู้ 4 นัด และวิ่งหลบหนีเข้าไปในชุมชน ภายในซอยอรุณอัมรินทร์ 24 ติดกับโรงแรม ระหว่างนั้นตำรวจควบคุมตัวนายชานนท์ไว้ได้ พร้อมรถจักรยานยนต์ แต่นายบอลได้ว่ายน้ำหลบหนีเข้าไปในซอย และยิงชายพิการเสียชีวิต ก่อนจะขโมยรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำเทา หมายเลขทะเบียน ยลจ 388 กรุงเทพมหานคร ที่จอดไว้บริเวณหน้าเมรุภายในวัดดุสิตาราม ขับหลบหนีไปมุ่งหน้าสี่แยกอรุณอัมรินทร์ ขณะที่พยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าคนร้ายได้ปีนกำแพงหลบหนีออกมาจากหลังบ้านเลขที่ 80 /5 ในสภาพเนื้อตัวเปียก แล้ววิ่งออกมาตรงทางเดิน และเมื่อเห็นผู้ตายนั่งอยู่ที่หน้าร้านขายของชำ จึงใช้ปืนยิงเข้าที่ขมับขวาทำให้เสียชีวิตทันที ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่าผู้ต้องหามาเปิดห้องพักที่โรงแรมดังกล่าวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้เสพยาเสพติดกันทั้งคืน จากประวัติพบว่านายชานนท์เป็นพ่อค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่เอกชัย และจังหวัดสมุทรสาคร เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาครอบครองและเสพยาเสพติดในท้องที่ตำรวจนครบาลตลาดพลู บางยี่เรือ และบางบอน ส่วนนายบอลอ้างว่าเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน ทราบว่าเป็นคนจังหวัดภูเก็ต เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดในจังหวัดภูเก็ตด้วย คาดว่าที่นายบอลยิงต่อสู้ครั้งนี้น่าจะกลัวถูกจับและมีความผิดเรื่องของยาเสพติด และที่ยิงนายชินทัตเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ล่าสุดผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 สั่งตั้งชุดไล่ล่านายบอลแล้ว พร้อมทั้งกำชับหากพบการต่อสู้ขัดขืนสามารถวิสามัญฆาตกรรมได้ทันที ส่วนนายชานนท์เจ้าหน้าที่จะสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดและร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ | พ่อค้ายาเสพติดยิงต่อสู้และหลบหนีการจับกุมของตำรวจ ขณะเข้าขอค้นตัวภายในโรงแรมย่านอรุณอัมรินทร์ ก่อนจะหลบหนีเข้าไปในชุมชนแล้วยิงคนพิการเสียชีวิต แล้วขโมยรถจักรยานยนต์ชาวบ้านขับหลบหนี ล่าสุดตำรวจจัดชุดเฉพาะกิจไล่ล่าแล้ว | อาชญากรรม | คนพิการ,ตำรวจ,ยาเสพติด,ยิง,อรุณอัมรินทร์ | https://news.thaipbs.or.th/content/14265 |
เกษตรชงแผนฯ แก้ภัยแล้ง-น้ำท่วมซ้ำซาก | เตรียมเสนอแผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา หวังแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยซ้ำซากให้แล้วเสร็จใน 4 ปี พร้อมกำชับกรมส่งเสริมการเกษตรเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนการทำนาปรัง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในปีนี้สถาน การณ์ภัยแล้งมีแนวโน้มรุนแรง และอาจเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงจนถึงกลางปี กระทรวงเกษตรฯ จึงได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร เร่งประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนภัยเรื่องสถานการณ์น้ำให้เกษตรกรในแต่ละพื้นที่ทราบอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการรณรงค์การปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทนการทำนาปรัง เพื่อบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยนอกเขตชลประทาน ถ้าเกษตรกรยืนยันจะปลูกข้าวนาปรังรอบ 2 และเกิดความเสียหายขึ้น กระทรวงเกษตรฯจะไม่เข้าไปให้ความเหลือเชื่อใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานร่วมกันสำรวจความเสียหายจริงที่เกิดขึ้นกับพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดทำมาตรฐานให้ความช่วยเหลือที่สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ สำหรับสถานการณ์น้ำของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศในขณะนี้พบว่า ปริมาณน้ำโดยเฉลี่ยเพียงร้อยละ 47 ของความจุการใช้งาน ซึ่งน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 ที่ผ่านมา โดย เฉพาะสถานการณ์น้ำของเขื่อนลำตะคอง ลำพระเพลิง ทับเสลาและกระเสียว อยู่ที่เกณฑ์ร้อยละ 9 9 8 และ 0 ของความจุการใช้งานตามลำดับ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เข้าขั้นวิกฤต และเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภคในช่วงฤดูแล้งของประชาชนในพื้นที่ กรมชลประทานจึงได้ชี้แจงให้เกษตรกรในพื้นที่ทราบถึงความจำเป็นในการงดจ่ายน้ำเพื่อการเกษตรตั้งแต่บัดนี้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2548 ซึ่งเบื้องต้นเกษตรกรส่วนใหญ่พร้อมให้ความร่วมมือและปฏิบัติตาม ขณะเดียวกันกระทรวงเกษตรฯ ยังเตรียมที่จะนำเสนอแผนการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาในวันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยที่จะดำเนินการใน 4 ปีข้างหน้าของรัฐบาล โดยแผนการดังกล่าวประกอบด้วย 1.แผนระยะยาวได้แก่ การบริหารจัดการน้ำใน 25 ลุ่มน้ำหลัก ระบบชลประทานเพื่อการเกษตร ซึ่งยึดตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำทั่วประเทศของกรมชลประทาน 2.แผนการแก้ไขและป้องกันปัญหาภัยแล้งในระยะเร่งด่วน ได้แก่ แผนรับสถานการณ์ในฤดูแล้ง เป้าหมายการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง โครงการพัฒนาเครือข่ายน้ำและการเกษตรแบบบูรณาการ (น้ำแก้จน) โครงการแหล่งน้ำในไร่นา และโครงการพัฒนาที่ดินเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ดินเสื่อมโทรม จากตัวเลขปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีของประเทศไทย ถ้ามีการบริหารจัดการเก็บกักน้ำที่ดีพอ รวมทั้งการกระจายการเก็บให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่มากขึ้น คาดว่านอกจากจะช่วยลดผลความเสียหายจากภัยแล้งและอุทกภัยที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยที่ได้รับความเสียหายทุกปีแล้ว ยังเป็นผลดีต่อการจัดทำแผนการผลิต และการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามการบริหารจัดการในที่นี้ ไม่ได้หมายความเฉพาะการก่อสร้างเขื่อนเก็บน้ำขนาดใหญ่หรือขนาดกลางเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้และการจัดสรรน้ำที่มีอยู่ให้เหมาะสมกับพื้นที่. | สถานการณ์ภัยแล้งปี 2548 ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ หลายพื้นที่ในเขตภาคเหนือเริ่มได้รับผลกระทบขาดแคลนน้ำ พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ถึงขั้นแย่งชิงน้ำกันก็มี ล่าสุด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | สิ่งแวดล้อม | null | https://prachatai.com/journal/2005/02/2902 |
ศึกธรรมกายใกล้ปะทุ DSI ฟาดร่วงโดรนสอดแนม ผวจ.ย้ำยึดคำสั่ง ม.44 | ,เวลา 13.30 น. วันที่ 22 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมประชุม มอบแนวทางปฏิบัติในกรณีวัดพระธรรมกาย แก่นายอำเภอคลองหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้เกี่ยวข้อง ประมาณ 300 คน ที่ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง ,ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้กำชับและขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ ให้ความร่วมมือกับทางราชการ โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมายและคำสั่งมาตรา 44 ของ คสช. และกฎหมายต่างๆ อย่างเคร่งครัด โดยไม่ให้กระทำการสนับสนุนแก่ผู้กระทำความผิด และให้ความร่วมมือ และสนับสนุนแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน ,นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้สั่งการให้หน่วยงานด้านปกครอง ในจังหวัดปทุมธานีทั้ง 7 อำเภอ เตรียมพร้อมเพื่อให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา พร้อมทั้งให้การสนับสนุนด้านกำลังคน การเตรียมการรักษาพยาบาล และการระมัดระวังป้องกันภัยให้แก่ประชาชน ,ขณะที่บรรยากาศการตรึงกำลังของทั้งสองฝ่าย ตึงเครียดขึ้นตามลำดับ โดยที่หน้าประตูรถกู้ชีพมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้มาจอดเพื่อมารับคนป่วยจากภายในวัดหลังจากได้รับการประสานเจ้าหน้าที่ของวัดพระธรรมกาย โดยมีทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้ามาแจ้งให้รถกู้ชีพเข้าไปรับคนป่วยด้านใน แต่ทางเจ้าหน้าที่ของกู้ชีพเกรงว่า จะเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา ที่เข้าไปรับผู้ป่วยแล้วเกือบออกมาไม่ได้ ทำให้รถฉุกเฉินของวัดพระธรรมกายต้องนำผู้ป่วยซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ออกมาส่งบริเวณด้านหน้า โดยกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าว ก่อนที่จะรีบนำตัวผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ทันที,จากนั้นเวลา 17.00 น. ได้มีโดรน ไม่ทราบเป็นของผู้ใด บินวนเวียนอยู่บริเวณด้านหน้าประตู 7 เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จึงได้ใช้สัญญาณ ก่อนที่จะพากันวิ่งเข้าไปใช้ไม้ฟาดโดรนจนร่วงลงมา แล้วนำเข้าไปตรวจสอบ โดยยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ว่าเป็นโดรนของผู้ใด แต่ไม่ใช่โดรนของดีเอสไอแน่. ,** ข่าวที่เกี่ยวข้อง ,คลิกที่นี่, ** | สถานการณ์ที่วัดพระธรรมกายสุดตึงเครียด สองฝ่ายตรึงกำลัง ผวจ.เรียกกำนัน ผญบ. อปท.กำชับให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ห้ามช่วยฝ่ายตรงข้ามเด็ดขาด ขณะที่ดีเอสไอสอยโดรนลึกลับไม่ทราบสังกัด บินสอดแนม ไล่ฟาดร่วงหน้าประตู 7 | ข่าว,ทั่วไทย | ธัมมชโย,ธรรมกาย,ดีเอสไอสอยโดรน,จับธัมมชโย,โดรนสอดแนม | https://www.thairath.co.th/news/local/864341 |
แจ้ง 4 ข้อหา รวมเมาแล้วขับ หนุ่มซิ่งกระบะคว่ำทำ นศ.เทคนิคตาย 13 ศพ (คลิป) | จากกรณีเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 29 กันยายน 2562 มีอุบัติเหตุรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ ดีแมคซ์ ซุปเปอร์แค็บ สีเทา ทะเบียน ผจ 5322 ระยอง นายนิตยา สุขจันทร์ อายุ 27 ปี ชาวบ้าน ม.7 ต.ตาโกน อ.เมืองจันทร์ จ.ศรีสะเกษ เป็นคนขับ เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทางพลิกคว่ำ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ที่บริเวณถนนกิ่งแก้ว ปากทางเข้าซอยกิ่งแก้ว 21 มุ่งหน้าลาดกระบัง ม.12 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จนมีผู้เสียชีวิต 13 คน บาดเจ็บสาหัส 6 คน และคนขับได้รับบาดเจ็บต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9,ล่าสุดเมื่อ 10.00 น. วันที่ 3 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.สำราญ ช่วยท้าว สว.(สอบสวน) สภ.บางแก้ว สมุทรปราการ ได้นำตัว นายนิตยา สุขจันทร์ อายุ 27 ปี คนขับรถกระบะคันที่เกิดเหตุ หลังจากอาการดีขึ้นจนแพทย์ อนุญาตให้ออกจาก รพ.มาสอบปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป,จากการสอบสวน นายนิตยา สุขจันทร์ อายุ 27 ปี คนขับรถกระบะ กล่าวว่า ตนยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยก่อนเกิดเหตุ ตนและน้องๆ ได้พากันไปดูหมอลำซิ่งที่ซอย 2 หลังหมอลำเลิก และกำลังจะกลับที่พัก ได้มีการขว้างปาขวดกันใกล้ที่พวกตนจอดรถอยู่ ตนจึงพาน้องๆ ขับรถกลับที่พัก โดยตนยอมรับว่าขับรถมาด้วยความเร็วกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และก่อนถึงที่เกิดเหตุตนยอมรับว่าแซงรถอย่างกะทันหัน จนรถเกิดเสียการทรงตัวพลิกคว่ำจนเกิดเหตุสลดขึ้น และเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น,ด้าน พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางแก้ว กล่าวว่า วันนี้ได้นำตัว นายนิตยา สุขจันทร์ อายุ 27 ปี คนขับรถกระบะคันที่เกิดเหตุ จนมีผู้เสียชีวิต 13 ราย และบาดเจ็บ 6 ราย มาสอบปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา โดยกล่าวหาว่า ขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจและได้รับบาดเจ็บสาหัส,เนื่องจากว่า นายนิตยา มีใบอนุญาตขับรถประเภทชั่วคราว โดยในกฎกระทรวงออกตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก โดยทั่วไปปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ถ้าเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าขับรถในขณะเมาสุรา แต่ว่ามีข้อยกเว้นในกรณีที่ผู้ขับขี่ได้รับใบอนุญาตประเภทชั่วคราว หากจำนวนปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมีเกินกว่า 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าขับรถในขณะเมาสุรา ขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ใช้รถไม่ตรงกับประเภทที่จดทะเบียนไว้ นำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป. | ตร.สมุทรปราการ นำตัวคนขับกระบะคว่ำ นศ.เทคนิคตาย 13 ศพ มาสอบสวน รับขับเร็วแซงรถกะทันหัน ตร.ฟัน 4 ข้อหา รวมเมาแล้วขับ เหตุถือใบขับขี่ชั่วคราว แอลกอฮอล์ต้องไม่เกิน 20 มก.เปอร์เซ็นต์ | ข่าว,ทั่วไทย | นศ.เทคนิคตาย,เมาแล้วขับ,นศ.เทคนิคศรีสะเกษ,กระบะคว่ำ 13 ศพ,สภ.บางพลี,สมุทรปราการ,ขับรถเร็ว,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1674633 |
ป่วนจุฬา-มธ.ทหารผวาล้อการเมือง (ชมคลิป) | บล็อกสนามศุภฯบอลประเพณียึดป้ายผ้าข้อเขียนเหน็บแนมนศ.ใช้แผนลวงโชว์ขบวนฮือฮา,ทหาร-ตร.ตรึงสนามศุภฯคุมเข้มงานบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ เอกซเรย์ขบวนพาเหรดล้อการเมือง นศ.งัดแผนลับ ลวง พราง ใช้สารพัดวิธีซ่อนหุ่น ฝ่าด่านเข้างาน เผยโฉมออกมาเล่นเอาคนดูข้างสนามฮือฮาหน้าคล้าย บิ๊กตู่ ล้วนๆ ไม่มีล็อกตัว นศ. ทหารยอมถอนกำลังออกไปไร้เหตุวุ่นวาย วรชัย ยังโวยไม่หยุด หลังถูกเรียกปรับทัศนคติ อ้างมีทหาร-ตร.สะกดรอยทุกฝีก้าวยิ่งกว่ายุคจอมพลสฤษดิ์ รมต.สุวพันธุ์ ยันมีคลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัวอยู่ มาร์ค จี้แม่น้ำ 5 สายเร่งคลอด รธน. สมชัย ยังมโนจะได้อำนาจกลับคืนมา ไก่อู ลั่นไม่ ลต.เร็วตามใจมะกัน,งานบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งสีสันที่ขาดไม่ได้คือการโชว์ขบวนล้อการเมือง แต่ปีนี้การจัดงานท่ามกลางบรรยากาศคุมเข้ม การแสดงความเห็นทางการเมืองได้ส่งมาถึงกิจกรรมเหล่านี้ด้วย,เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ก.พ. ที่สนามศุภชลาศัย มีการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ บรรยากาศคึกคักเหมือนทุกปีที่ผ่านมา โดยก่อนพิธีเปิดจะเริ่มขึ้น พ.ท.ภาสกร กุลรวิวรรณ ผู้บังคับ การ ม.พัน 1 พล.ร.2 นำกำลังทหารทั้งในและนอก เครื่องแบบนับร้อยนายสนธิกำลังกับตำรวจนครบาล 6 นำโดย พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 กระจายกำลังตรึงพื้นที่ทุกประตูเข้าออกสนามกีฬาฯ เพื่อเกาะความเคลื่อนไหวโดยเฉพาะขบวนพาเหรดล้อการเมือง ซึ่งอาจจะมีลักษณะและข้อความกระทบการสร้างความปรองดองและเกิดความขัดแย้งขึ้นได้,อย่างไรก็ตาม พ.ท.ภาสกรได้แบ่งกำลังทหารนอกเครื่องแบบกว่าสิบนายเข้าตรวจสอบหุ่น 5 ตัว ในขบวนพาเหรดล้อการเมืองของนักศึกษา กลุ่มอิสระล้อการเมือง มธ. ที่ตั้งอยู่บริเวณประตู 12 โดยมีนายวชิรวิทย์ คงคาลัย นักศึกษารัฐศาสตร์ ปี 2 มธ. ประธานกลุ่มอิสระล้อการเมือง เข้าชี้แจงว่า ไม่ได้ จงใจล้อทหาร ต้องการแค่สื่อความหมายสะท้อน ปัญหาสังคม เช่น หุ่นค่านิยม 12 ประการ หุ่นโฆษณา ชวนเชื่อที่เน้นการนำเสนอที่ไม่เหมาะสมของสื่อยุคปัจจุบัน และหุ่นที่คลุมผ้าดำไว้ที่หน้าคือ การแสดงถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ทางทหารจาก ม.พัน 1 ไม่เชื่อ แต่ไม่กล้าขวางไม่ให้ขบวนพาเหรดเข้าสู่สนาม จึงนำกำลังทหารนอกเครื่องแบบไปตรึงไว้หน้าประตูทางเข้า เพื่อเตรียมเซ็นเซอร์หากมีการแสดงออกที่สื่อไปในทางการเมือง,ต่อมาในเวลาประมาณ 14.30 น. ขบวนพาเหรดล้อการเมืองเริ่มเคลื่อนเข้าสู่สนาม โดยมีนักศึกษากลุ่มอิสระล้อการเมือง มธ.เกือบร้อยคนเข้าร่วมในขบวน ท่ามกลางการจับตาของสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ปรากฏว่าเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เมื่อขบวนหยุดที่ภายในประตู 6 ทางเข้าสู่สนาม กลุ่มนักศึกษาเริ่มเปิดยุทธการแผนลวงเจ้าหน้าที่โดยนำป้ายผ้าข้อความที่เตรียมไว้มากาง ซึ่งล้วนแต่ มีข้อความที่เหน็บแนมทางการเมือง พ.ท.ภาสกรจึงสั่งทหารปิดประตูทางเข้าไม่ให้ขบวนพาเหรดเดินเข้าสู่สนามพร้อมให้เจ้าหน้าที่ดึงป้ายผ้าทั้งหมดมายึดไว้ 5 ป้าย ทำให้นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รอง อธิการบดี มธ. ต้องเข้ามาขอเจรจา จนทาง ม.พัน. 1 ยินยอมให้ขบวนพาเหรดล้อการเมืองเคลื่อนเข้าสู่สนามได้แต่ห้ามถือป้าย ซึ่งระหว่างที่เข้ายึดป้ายผ้าข้อความล้อการเมือง มีเสียงโห่จากนักศึกษาบนอัฒจันทร์เกิดขึ้น,จากนั้นเมื่อขบวนหุ่นพาเหรดล้อการเมือง สามารถผ่านด่านกำลังทหาร ม.พัน 1 เคลื่อนเข้าในสนามเข้าสู่พิธีเปิดฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ได้สำเร็จ กลุ่มอิสระล้อการเมือง มธ.จึงเปิดเผยตัวจริงของหุ่นแต่ละตัว ที่ถูกพรางไว้เพื่อลวงเจ้าหน้าที่ เริ่มจากหุ่นชายคลุมหน้า มีการเปิดผ้าดำที่คลุมแล้วแกะโฟมที่หุ้มตัวหุ่นออก กลายมาเป็นหุ่นทหารสวมชุดเขียว มีใบหน้าคล้าย พล.อ.ประยุทธ์ แต่เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยสติกเกอร์ มือถือแปรงซักผ้า กำลังขัดถู หุ่นสวมเสื้อเหลืองแดงฟ้า ในกะละมัง โดยทางกลุ่มอ้างว่าต้องการสื่อความหมายถึงกองทัพที่คอยมาทำความสะอาดคนอื่น แต่ไม่ทำความสะอาดตัวเอง,ส่วนหุ่นตัวค่านิยม 12 ประการ ที่เดิมเป็นแค่หุ่นครูกำลังยืนสอนหนังสือธรรมดา ถูกนักศึกษาฉีกข้อความเดิมออกเผยให้เห็นเป็นข้อความที่ซ่อนไว้ว่า ประชาธิปไตย เสรีภาพ แล้วขีดเส้นใต้ทับไว้ ด้วยสีแดง เช่นเดียวกับหุ่นโฆษณาชวนเชื่อที่เดิมเป็นหุ่นคนนั่งดูทีวีธรรมดาก็มีการฉีกกระดาษดำที่คลุมหน้าจอทีวี กลายมาเป็นรูป พล.อ.ประยุทธ์บนจอทีวีแทน เหตุดังกล่าวเรียกเสียงฮือฮาให้ผู้ชมในสนามทั้งศิษย์เก่าและปัจจุบัน และสร้างความไม่พอใจ ให้ทหารที่เตรียมกำลังมาควบคุมสถานการณ์ แต่สุดท้ายก็ยอมถอนกำลังกลับโดยไม่ได้จับกุมนักศึกษากลุ่มอิสระล้อการเมืองแม้แต่รายเดียว,หลังขบวนพาเหรดล้อการเมืองเคลื่อนตัวออกจากสนาม กลุ่มนักศึกษาได้ช่วยกันยกหุ่นที่เป็นรูปของทหารแต่งตัวมอมแมมยกออกไปวางไว้ด้านหน้าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก่อนส่งเสียงไชโยโห่ร้องยินดีกับความสำเร็จ จากนั้นมีนักศึกษาแห่มาถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างสนุกสนาน นายรังสิมันต์ โรม นักศึกษานิติศาสตร์ปีที่ 2 แกนนำกลุ่ม ได้ประกาศกับทีมงานว่า สิ่งที่พวกเราทำวันนี้ คือประวัติศาสตร์หน้าหนึ่ง ที่มีราคาแพง เพราะเราอาจถูกจับกุมหลังจากนี้ ดังนั้นขอให้ทุกคนเอา,ตัวรอดด้วยการแยกย้ายกันหนีแล้วพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ จากนั้นนักศึกษา มธ.ที่ร่วมพาเหรดล้อการเมืองทั้งหมดได้วิ่งแยกย้ายกันไปคนละทาง เวลาต่อมาบริเวณอัฒจันทร์ฝั่งคบเพลิง ก็มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งนำป้ายผ้าขนาดใหญ่ข้อความว่า เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ ขึ้นไปกางไว้ ทำให้พิธีกรในงานฟุตบอลประเพณี ต้องประกาศผ่านไมค์ว่า ขอให้มีการแสดงออกที่เหมาะสมกับงานด้วย จึงมีการเก็บป้ายผ้าออกในที่สุด,นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควบคุมตัวนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะ ทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยว่า คิดว่าเป็นการเชิญตัวไปพูดคุยปรับทัศนคติตามกฎอัยการศึก เหมือน ที่ตนเคยถูกควบคุมตัวช่วงที่มีการรัฐประหารใหม่ๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไร ที่ผ่านมาทางพรรคก็ให้ความร่วมมือกับ คสช.มาโดยตลอด และการควบคุมตัวก่อนหน้านี้ก็ใช้ระยะเวลาไม่นาน คิดว่าอีกไม่กี่วัน นายเรืองไกรก็จะได้รับการปล่อยตัวออกมา อย่างไร ก็ตาม อยากฝากให้ คสช.รับฟังการแสดงความคิดเห็น ที่อยู่ในขอบเขตของภาคส่วนต่างๆ บ้าง ทั้งภาคประชาชน ฝ่ายการเมือง และสื่อมวลชน เพราะการปฏิรูป ประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับสังคมไทยจำเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย,นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า รู้สึกอึดอัดมากที่ คสช.ส่งทั้งทหารและตำรวจมาคอยติดตามเฝ้าดูตนทุกฝีก้าว จะไปไหน ทำอะไร ใช้รถ คันไหนทะเบียนอะไร จะมีเจ้าหน้าที่มาจับตาและรายงานผู้บังคับบัญชา คิดว่ามันละเมิดสิทธิกันเกินไป เลี้ยวขวาเจอทหาร เลี้ยวซ้ายเจอตำรวจ อยากฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ว่าตนไม่ได้ทำอะไรเสียหาย บอกแล้วว่าจะไม่มีการปลุกระดมคนมาต่อต้าน ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องทำกันถึงขนาดนี้ ขอให้เราไปไหนมาไหนแบบส่วนตัวได้บ้าง ทำแบบนี้มันย้อนยุคยิ่งกว่าสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกฯ เสียอีก,นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลังเกิดเหตุระเบิดสยามพารากอนและปลอมแถลงการณ์ว่า ยอมรับว่ายังมีคนที่เห็นต่าง ยังมีคลื่นใต้น้ำ มีพวกนิยมความรุนแรง ยิ่งการปฏิรูปงวดใกล้เสร็จมากเท่าไร ความเห็นต่างย่อมมีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องปกติ ประเมินไว้แล้ว และรัฐบาลเตรียมรับมือ ไว้แล้ว ประสานทำความเข้าใจกลุ่มต่างๆ ไม่ได้อยู่เฉย ส่วนทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นฝีมือคนกลุ่มเดียวทำหรือไม่ ตนไม่มีข้อมูล แต่ที่แน่ๆมีผลกับรัฐบาลต้องเดือดร้อนแน่ บอกว่าไม่มีผลมันคงเป็นไปไม่ได้ และคนไทยควรร่วมกันประณาม และขอบอกไว้ก่อนเราไม่สามารถเอาเหตุระเบิดเพียงครั้งเดียวมาตัดสินว่าการปฏิรูปจะไม่สำเร็จ เพราะยังมีคนอีกมากอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข,สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างแถลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ถูกรัฐบาลทหารควบคุมตัวสอบสวนปรับทัศนคติภายในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ภายหลังจากนายเรืองไกรส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายแพทริค เมอร์ฟีย์ อุปทูตสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งบุคคล โดยคณะ รัฐบาลทหารหลังการรัฐประหาร กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแก่นายเรืองไกรคือปัญหาและเรียกร้องถึงรัฐบาลไทยให้หยุดการออกหมายเรียกตัวหรือควบคุมตัวบุคคลต่างๆ ทั้งนักการเมือง นักวิชาการ สื่อมวลชน กลุ่มผู้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองบนเครือข่ายออนไลน์หรือกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงโดยสงบและให้ปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวทั้งหมดทันที ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย แต่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับสหรัฐฯต้องมัวหมองลงจากเหตุรัฐประหารในประเทศไทย,เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ศูนย์วิจัยขีดความสามารถในการแข่งขัน สำนักวิจัยแห่งนิด้า จัดสัมมนาในหัวข้อ ผู้นำยุคใหม่ บูรณาการนิด้าโมเดลเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายบรรเจิด สิงคะเนติ กมธ.ยกร่างฯ ร่วมบรรยาย ทั้งนี้ นายสมบัติกล่าวถึงแนวคิดการปฏิรูปการเมืองว่า ระบอบประชาธิปไตยที่ดีต้องให้คนดี และนักการเมืองที่ดีมาปกครองบ้านเมือง แต่ ที่ผ่านมานักการเมืองไทยทำผิดกฎหมายมาตลอด ทั้งการจ่ายเงินเลี้ยง ส.ส.เป็นกลุ่มก๊วน มีการซื้อเสียง นโยบายพรรคดี แต่ไม่จ่ายเงินคนก็ไม่เลือก คือเงินบ่มา กาบ่เป็น เงินบ่มี หนีเข้านา ซึ่งพอได้เป็น นายกฯ ก็เข้ามากอบโกยประพฤติมิชอบในระบบรัฐสภา ต่อมาก็ต้องจัดงบประมาณ ให้กับ ส.ส.ที่เลี้ยงไว้ไปจัดสรรปันส่วน ถ้าปฏิรูปแล้วไม่ได้คนดีจะปฏิรูปทำไม และตราบใดที่ให้ ส.ส.เลือกนายกฯ นายกฯก็จะต้องอุปถัมภ์ ส.ส.ตอบแทน ซึ่งจะเป็นปัญหาในการบริหารประเทศ,นายสมบัติกล่าวว่า การที่นายกฯยังคงเป็น ส.ส.อยู่จะต้องทำหน้าที่ในสภาถึงปีละ 8 เดือน ไม่มี เวลาบริหารประเทศแก้ปัญหายากจน ยกตัวอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นนายกรัฐมนตรี เน้นเข้าแก้ปัญหาประชาชนมาก ทำให้ประชาชนรากหญ้าชื่นชอบ ขณะที่สมัยนายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ยึดมั่นเคร่งครัดระบบรัฐสภาไม่เคยขาดประชุม แต่ถามว่า มีผลงานการบริหารอะไรบ้างที่คนจดจำได้ นี่คือจุดอ่อนของการบริหารประเทศในระบบรัฐสภา,ด้านนายบรรเจิด สิงคะเนติ กล่าวถึงแนวทางการปฏิรูปด้านการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน และสร้างมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้บริหารประเทศว่า ต้องปฏิรูปตั้งแต่ต้น กลาง และปลายรากฐานพีระมิด เพราะการทุจริตถูกฝังชิพไว้ก่อนที่จะคลอดเป็น พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีแล้ว โดยตอนแปรญัตติตัดทอนงบประมาณ แต่ละกระทรวงต้องตัดทอนไว้ให้เผื่อ ส.ส. 10% ถึงจะได้รับการอนุมัติโดยง่าย ดังนั้นการร่างรัฐธรรมนูญรอบนี้จึงวางหลักเรื่องงบประมาณไว้อาทิ กำหนดคำนิยมของคำว่าเงินของแผ่นดิน ถ้าตัดทอนงบประมาณไปแล้ว จะขอเพิ่มอีกไม่ได้ และ มีการตั้งศาลการคลังและงบประมาณ ซึ่งเป็นการปิดช่องโหว่ความขัดแย้งระหว่างอัยการ กับ ป.ป.ช.เรื่องการสั่งฟ้อง และปิดช่องโหว่เรื่องวินัยงบประมาณการคลัง ทั้งหมดเป็นการวางหลักเพื่อป้องกันงบประมาณแผ่นดิน,นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ทำจดหมายเปิดผนึกถึงแม่น้ำ 5 สาย ชี้แจง 3 ประเด็นกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีมติลดทอนอำนาจของ กกต.ว่าสิ่งที่ต้องมองคือรัฐธรรมนูญที่จะเกิดใหม่ต้องใช้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่ใช้ไปแล้วมาหวนคิดว่าหลักการไม่ถูกต้องแล้วมาเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพราะขณะนี้ยังสามารถคิดทบทวนแม้ กมธ.ยกร่างฯจะเดินหน้าไปหมวดอื่นแล้วก็ตาม แต่พอยกร่างเสร็จก็ต้องส่งให้ คสช. ครม. รวมทั้ง สปช.พิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายและคงฝากความหวังไว้กับองค์กรเหล่านี้ที่สามารถทบทวนปรับแก้ได้และหลักการที่ กกต.เสนอไปใน 3 ประเด็นก็ถือเป็นหลักการที่สำคัญ,นายสมชัยยังกล่าวถึงกรณีที่จะยื่นฟ้องค่าเสียหาย 3,000 ล้านบาทกับบุคคลที่ทำให้การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.2557 เป็นโมฆะว่า จากเดิมที่เคยบอกว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 20 ม.ค. หรือ 27 ม.ค. ซึ่งคณะทำงานได้ทำเรื่องเสนอให้ กกต.พิจารณาแล้ว แต่ยังมีปัญหาในเรื่องการรวบรวมรายชื่อผู้กระทำผิด เพราะมีอยู่เกือบทั่วประเทศ กกต.จึงมีมติให้ไปทบทวนให้ครบถ้วนก่อน นอกจากนี้อายุความในเรื่องนี้ยังไม่ถือว่านับหนึ่งจนกว่าจะส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องภายใน 1 ปี และเท่าที่คุยกับฝ่ายกฎหมายเรื่องอายุความไม่ได้เป็นปัญหา ส่วนกรอบเวลาที่จะสามารถส่งฟ้องร้องได้อาจจะเป็นช่วงเดือน เม.ย.หรือช่วงเดียวกับที่นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยระบุว่าจะส่งฟ้องเกี่ยวกับประเด็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯกรณีทัวร์นกขมิ้น และการออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งกรณีสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เชิญผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตของพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว ไปออกรายการช่วงที่มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง,นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่ารัฐธรรมนูญจะเสร็จเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองด้วยว่า หากเดินไปตามโรดแม็ปก็ชัดเจนอยู่แล้ว ความไม่แน่นอนมีเพียงอย่างเดียวคือ รัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ แต่สิ่งที่นายกฯพูดนั้นมองว่าสิ่งที่จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองผ่านไปได้ก็ต้องมีความสงบ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ยืนยันว่าฝ่ายการเมืองส่วนใหญ่ไม่มีใครต้องการเห็นความปั่นป่วน มีแต่ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายและความเป็นธรรม สำหรับนักการเมืองอยากย้ำว่า ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำให้รัฐธรรมนูญออกมาช้า,เมื่อถามว่า ถ้ารัฐธรรมนูญต้องสะดุดหรือว่ายืดเวลาออกไปจากที่กำหนดรับได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ขอย้ำว่าความต้องการของสังคมและสิ่งที่ดีสำหรับประเทศ ถ้าไม่มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจะเป็นเรื่องดีที่สุด ฉะนั้นขอให้ คสช. และองค์กรที่เกี่ยวข้องจริงจัง จริงใจ เร่งรัดในการผลักดัน ขณะเดียวกัน ต้องดูแลไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นด้วย เพราะเชื่อว่าคนที่อยากจะสร้างปัญหามีเพียงส่วนน้อย,นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญระบุจะส่งหนังสือเชิญ 74 พรรคการเมืองร่วมเสวนาในวันที่ 16 ก.พ.นี้ เกี่ยวกับระบบการเมืองใหม่ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือ แต่พรรคก็ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด ซึ่งอยากสะท้อนปัญหาว่า ขณะนี้พรรคไม่สามารถจัดประชุมภายในได้เนื่องจากติดคำสั่งห้าม เราจึงทำได้เพียงส่งคนไปร่วม ซึ่งเป็นการให้ความเห็นส่วนตัวเท่านั้น,เมื่อถามว่า พรรคจะเสนอแนะหรือคัดค้านในเรื่องระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม ที่ กมธ.ยกร่างฯระบุจะนำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในเบื้องต้นยังไม่มีข้อเสนอแนะอะไร คงต้องรอให้ กมธ.ยกร่างฯ ร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จก่อน เพราะขณะนี้ยังไม่มีการอธิบายที่ชัดเจน โดยเฉพาะการได้มาของ ส.ส. เพราะมีการพูดถึงเพียงเรื่องคะแนนเสียงและที่นั่งในสภาเท่านั้นจึงต้องรอคำอธิบายรายละเอียดเหล่านี้,ส่วนกรณีที่ระดับผู้บริหารของชาติมหาอำนาจทั้งประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาเข้าพบปะผู้นำรัฐบาลไทย แต่มีท่าทีต่างกัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ เพราะบางประเทศก็มีจุดยืนของเขา ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจสังคมโลก ซึ่งความเหมาะสมและความพอดี ถือเป็นหัวใจหลัก ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราต้องไปทะเลาะกับใคร ขณะเดียวกัน เราต้องรักษาศักดิ์ศรีของประเทศไทยไว้ด้วย,พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนักการทูตระดับสูงสหรัฐฯระบุว่า สหรัฐฯจะไม่ฟื้นฟูความเป็นพันธมิตรทางการทหารอย่างเต็มรูปแบบกับไทย หากยังไม่ฟื้นฟูประชาธิปไตยและมีรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งว่า เราได้ทำความเข้าใจกับสหรัฐฯหลายครั้งแล้ว ที่พูดมาเราก็เข้าใจท่าทีของสหรัฐฯ แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ แก้ไขปัญหาของประเทศชาติ มองถึงปัญหาความขัดแย้งเป็นหลัก เพราะเราเข้ามาเพื่อหยุดยั้งความขัดแย้ง และได้วางโรดแม็ปในการดำเนินการเพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ไว้แล้ว ต้องใช้เวลา เราไม่สามารถทำตามคำท้วงติงของใครที่ต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วได้ และสิ่งสำคัญคือรัฐบาลจะพยายามไม่ขยายความขัดแย้งเพิ่มเติม,นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า วิธีการแบบนี้ไม่เหมาะสม กระทรวงการต่างประเทศต้องท้วงติงไปบ้าง ต้องชี้แจงต่อสาธารณชนด้วย ไม่อย่างนั้นอาจบาดหมางใจกันได้ ทำให้พื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้วอ่อนไหว,ขณะเดียวกัน คนไทยอย่าไปเต้นตาม แสดงออกอะไรที่รุนแรง เพราะยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เรื่องนี้ถ้าสังเกต มีแค่ 3-4 คนของสหรัฐฯมักออกมาพูด ไม่รู้ว่าพูดทำไม และเท่าที่รู้สนิทนักการเมืองบางกลุ่มในไทย พูดคุยกันอยู่บ่อยๆ ที่คอนโดใกล้สถานทูตสหรัฐฯในไทย ยืนยันความสัมพันธ์ไทยสหรัฐฯโดยรวมปกติ มีข้อจำกัดทางการทหารบางเรื่องเท่านั้น ตามกฎหมายสหรัฐฯ เมื่อมีรัฐประหารเกิดขึ้น ขณะที่การฝึกร่วมทหารยังเป็นปกติ,เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ร่วมกับ สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) จัดโครงการสัมมนาและรับฟังความคิดเห็น ประเด็น การปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธาน สปท.กล่าวเปิดการสัมมนาตอนหนึ่งว่า คสช.ตั้งใจที่จะเข้ามาต่อต้านการทุจริตทั้งภาครัฐและเอกชน ปัญหาการทุจริตของไทยพัฒนาไปไกลกว่าที่คนไทยเข้าใจ แม้ว่าจะมีรัฐบาลที่สุจริตแต่การทุจริตก็ยังจะมีต่อไป ในภาคราชการ รัฐวิสาหกิจและองค์กรท้องถิ่นมีกลุ่มผลประโยชน์สามารแทรกเข้ามาอยู่ในโครงสร้าง โดยการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ฝังรากลึกในโครงสร้างโดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจ ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีการเปลี่ยนแปลงบอร์ดรัฐวิสาหกิจแล้วจำนวนมาก แต่หากบอร์ดไม่สามารถควบคุมความละโมบได้ก็ยังจะเกิดการทุจริตอีก ดังนั้น รัฐบาลต้องติดตามรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะการบริหารจัดการที่โปร่งใส หากรัฐบาลอยากให้ประชาชนมีความสุข การจัดการที่โปร่งใส โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจเป็นสิ่งที่รัฐบาลสมควรทำเป็นอย่างยิ่ง,ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธาน กมธ.ปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบ สปช. กล่าวว่า การป้องกันไม่ให้มีการทุจริต ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมและมีบทบาทสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน หากคนไทยไม่มีสำนึกการต้านคอร์รัปชันจะไม่สำเร็จ รวมทั้งต้องมีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภาครัฐให้ประชาชนได้รับทราบ และต้องมีกองทุนต่อต้านคอร์รัปชันทำงานเพื่อป้องกันและต่อสู้กับการทุจริต การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐต้องมีความโปร่งใสตรวจสอบได้และมีกลไกป้องกันการทุจริต มีการปลูกฝังและรณรงค์ให้คนมีคุณธรรมจริยธรรม โดยอาจรณรงค์ผ่านสื่อต่างๆและส่งเสริมการมีคุณธรรมทั้งภาครัฐและเอกชน ส่วนการปราบปรามจะต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เช่น จัดตั้งศาลชำนาญพิเศษต้านคอร์รัปชัน ปรับปรุงและบูรณาการการทำงานขององค์กรอิสระต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริต,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ทนายความของ ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือ เต่านา เดินทางมายื่นหนังสือต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำท่าชี้นิ้วเชือดคอตัวเอง ภายหลังจาก สนช.มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม,นางนรรัตน์ พิมพ์เสน เลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว โดยข้อร้องเรียนระบุถึงพฤติกรรมของนายวัลลภว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติ มีพฤติกรรมไม่เป็นกลาง และผิดจริยธรรม ขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบข้อร้องเรียนดังกล่าวว่า เข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรมหรือไม่ โดยในวันที่ 9 ก.พ.จะมีการประชุมกัน จากนั้นจะนำเสนอต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ให้พิจารณา หากประธาน สนช.เห็นว่า เข้าข่ายผิดตามประมวลจริยธรรมก็ต้องส่งให้คณะกรรมการประมวลจริยธรรมของ สนช.พิจารณาต่อไป แต่ขณะนี้ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ สนช.ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คงต้องใช้ประมวลจริยธรรมวุฒิสภาไปก่อน ซึ่งสามารถเทียบเคียงได้เช่นกัน,กรุงเทพโพล ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องประเทศไทยวันนี้เป็นอย่างไรหลังผ่าน 8 เดือน คสช. โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,120 คน โดยเมื่อถามว่าการประกาศใช้กฎอัยการศึกตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา มีผลมากน้อยเพียงใดต่อบรรยากาศความสงบสุขของประเทศในปัจจุบัน พบว่า ร้อยละ 46.2 มีผลอย่างมาก ร้อยละ 35.3 มีผลบ้าง และร้อยละ 16.5 ไม่มีผล เมื่อถามว่าเหตุการณ์ความไม่สงบ การวางระเบิดที่รถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม และห้างพารากอน เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อท้าทายกฎอัยการศึกใช่หรือไม่ พบว่า ร้อยละ 50.7 ใช่ ร้อยละ 20.9 ไม่ใช่ และร้อยละ 28.4 ไม่แน่ใจ,นอกจากนี้ เมื่อถามว่ากฎอัยการศึกยังจำเป็นสำหรับ คสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ในการบริหารประเทศหรือไม่ ในสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่า ร้อยละ 70.4 ยังจำเป็น เพราะเป็นการป้องกันการชุมนุม ร้อยละ 22.3 ไม่จำเป็น เพราะจะทำให้ดูไม่ดีในสายตาชาวต่างชาติ,ผู้สื่อข่าวรายงานจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ทำเรื่องขออนุญาตมาถึง คสช.เพื่อขอเดินทางไปฮ่องกงในวันที่ 8 ก.พ.58 แต่ทาง คสช.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วจึงไม่อนุญาตและขอให้ชะลอเรื่องไว้ก่อน เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังมีคดีที่อัยการสูงสุด สั่งฟ้องในคดีโครงการรับจำนำข้าว | ทหาร-ตร.ตรึงสนามศุภฯคุมเข้มงานบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ เอกซเรย์ขบวนพาเหรดล้อการเมือง นศ.งัดแผนลับ ลวง พราง ใช้สารพัดวิธีซ่อนหุ่น ฝ่าด่านเข้างาน | ข่าว,ทั่วไทย | ข่าวหน้า1,ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์,ขบวนพาเหรด,ล้อเลียนการเมือง,สนามศุภชลาศัย,ค่านิยม 12 ประการ,ระเบิด,ระเบิดพารากอน,ระเบิดสยาม,ระเบิดบีทีเอส,หม้อแปลงระเบิด,ข่าวระเบิด,วางระเบิด,ระเบิดแสวงเครื่อง,งบประมาณแผ่นดิน,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง | https://www.thairath.co.th/news/local/479775 |
มองรอบมุม | ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หงุดหงิดใจแล้วไประบายความฉุนเอากับนักข่าวทำเนียบรัฐบาล,เป็นผลสำรวจคะแนนนิยมประชาชนต่อนายกรัฐมนตรี 6 คน ในช่วง 15 ปี ถึงปัจจุบัน,อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร มีคะแนนนิยมสูงสุด 92.9 เปอร์เซ็นต์ และ คะแนนนิยมตํ่าสุด 77.2 เปอร์เซ็นต์,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามมาเป็นอันดับ 2 คะแนนนิยมสูงสุด 87.5 เปอร์เซ็นต์ และคะแนนนิยมตํ่าสุด 84.6 เปอร์เซ็นต์,อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอันดับ 3 คะแนนนิยมสูงสุด 69.9 เปอร์เซ็นต์ และคะแนนนิยมตํ่าสุด 63.4 เปอร์เซ็นต์,อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หล่นมาเป็นอันดับ 4 คะแนนนิยมสูงสุด 61.6 เปอร์เซ็นต์ และคะแนนนิยมตํ่าสุด 51.2 เปอร์เซ็นต์,แม่ลูกจันทร์ ชี้ว่า ถ้าทำใจร่มๆ มองให้ละเอียดถี่ถ้วน ผลสำรวจความเห็นประชาชนของสถาบันพระปกเกล้า น่าจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ พอใจ มากกว่าไม่พอใจ,เพราะแม้คะแนนความนิยมประชาชนต่อ อดีตนายกฯทักษิณ จะสูงลิ่วถึง 92.9 เปอร์เซ็นต์,แต่ช่วงหลังคะแนนนิยมตกลงเหลือ 77.2 เปอร์เซ็นต์,ลดฮวบไปถึง 15.7 เปอร์เซ็นต์,ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน การที่ได้คะแนนนิยมสูงถึง 87.5 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าสูงติดเพดาน,ถ้าเอาคะแนนนิยมสูงสุดกับคะแนนนิยมตํ่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ มาเทียบเคียงกันจะพบว่าลดลงจิ๊บๆเพียง 2.9 เปอร์เซ็นต์,แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์รักษาเรตติ้งตัวเองได้ดีเยี่ยมกระเทียมโทน,ยิ่งกว่านั้น ถ้าเอาคะแนนต่ำสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ไปวัดกับคะแนนสูงสุดของอดีตนายกฯที่เหลืออีก 4 คน,นายกฯบิ๊กตู่ ยังทิ้งขาดไปครึ่งช่วงตัว,เห็นมั้ยว่าผลสำรวจความเห็นประชาชนของสถาบันพระปกเกล้า น่าจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ พอใจมากกว่าไม่พอใจ,แม่ลูกจันทร์ มองว่า ผลสำรวจความเห็นประชาชนของสถาบันพระปกเกล้า มีความน่าเชื่อถือกว่าผลสำรวจโพลทั่วไป,เพราะสำรวจจากประชาชนทั่วประเทศถึง 33,420 คน,ข้อสำคัญเป็นการร่วมมือทำโพลระหว่างสถาบันพระปกเกล้ากับกระทรวงดิจิทัล และสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยราชการโดยตรง,ดังนั้น ถ้า ท่านนายกฯ ไม่ปลื้มผลสำรวจที่ออกมา ก็ต้องไปเฉ่งปี๋ นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.กระทรวงดิจิทัล ซึ่งรับผิดชอบโดยตรง,แม่ลูกจันทร์ ยํ้าว่า ความจริงสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งรับเบี้ยยังชีพจากรัฐบาลได้พยายามเอาใจรัฐบาลด้วยการสำรวจความพึงพอใจประชาชนต่อนโยบายรัฐบาลปัจจุบัน,สรุปว่าประชาชนพึงพอใจผลงานรัฐบาลในการปกป้องเชิดชูสถาบันสูงถึง 97.2 เปอร์เซ็นต์,พึงพอใจนโยบายเบี้ยยังชีพคนชราสูงถึง 92.4 เปอร์เซ็นต์,พึงพอใจโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค 92 เปอร์เซ็นต์,พึงพอใจการแก้ปัญหาบุกรุกป่า 89.7 เปอร์เซ็นต์,พึงพอใจการแก้ปัญหาลอตเตอรี่เกินราคา 89.4 เปอร์เซ็นต์,พึงพอใจการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด 88.1 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ,ยกเว้นผลงานการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน คะแนนความพึงพอใจได้แค่ 43.9 เปอร์เซ็นต์,แหมเสียดาย สอบตกวิชาเดียว.,แม่ลูกจันทร์ | เพราะผลสำรวจความเห็นประชาชนของสถาบันพระปกเกล้าฯประเด็น เดียวทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หงุดหงิดใจแล้วไประบายความฉุนเอากับนักข่าวทำเนียบรัฐบาล | ข่าว,การเมือง | สำนักข่าวหัวเขียว,แม่ลูกจันทร์,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,คะแนนนิยม,สถาบันพระปกเกล้า,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1062457 |
เตือนก่อนฝนตก-ตก 15 นาทีแรก เสี่ยงถูกฟ้าฝ่ามากสุด แนะหลบในอาคาร-รถยนต์-ต้นไม้เตี้ย ปลอดภัย | จากกรณี คนงาน 7 คน ใน ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ถูกฟ้าผ่าฟ้าผ่า ขณะทำงานปรับพื้นที่ในไซด์ก่อสร้าง จนมีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 6 คน เมื่อต้นเดือน พ.ค. 2559วันนี้ (17 พ.ค. 2559) นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ส่วนใหญ่แล้วฟ้าผ่าจะเกิดในช่วงของฤดูร้อน แต่ถ้ามีฝนฟ้าคะนอง หรือพายุฝนฟ้าคะนอง สามารถทำให้เกิดฟ้าผ่าได้เช่นกัน ทั้งนี้ หากสังเกตจะพบว่าก่อนฟ้าจะผ่าหรือมีเม็ดฝนโปรย จะมีประจุไฟฟ้าวิ่งอยู่ในก้อนเมฆเห็นเป็นแนวสว่าง ซึ่งต้องระวัง เพราะพายุฝนฟ้าคะนองจะเกิดก่อนหรือช่วงขณะมีฝนตกไม่เกิน 15 นาที ฉะนั้น ต้องระวังในช่วงต้นเมื่อเกิดฝนตกด้าน พญ.พิมพ์ภา เตชะกมลสุข แพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าว่า อัตราผู้ที่ถูกฟ้าผ่าในประเทศไทยไม่ได้สูงขึ้น ตั้งแต่ปี 2554-2558 จำนวนผู้บาดเจ็บรุนแรงจากการถูกฟ้าผ่ามี 154 คน เฉลี่ยปีละ 31 คน ส่วนอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 23.38 และช่วงเวลาที่คนถูกฟ้าผ่ามากที่สุดคือเดือน พ.ค.ในวันที่มันมีพายุฝนฟ้าคะนองไม่ว่าก่อนเกิดฝนตก ขณะเกิดฝนตก หลังเกิดฝนตก ขอให้ประชาชนหลบอยู่ในที่ปลอดภัย เช่น ในรถยนต์ อาคาร และพยายามอยู่ห่างจากสื่อนำไฟฟ้า เช่น ต้นไม้สูง ถ้าเกิดอยู่ในที่โล่งแจ้งไม่ควรไปหลบอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ กรณีที่ไม่มีที่หลบขอให้อยู่ใต้ต้นไม้เตี้ยแทนขณะที่ นายบัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ กล่าวว่า ฟ้าผ่าที่สร้างอันตรายกับมนุษย์มีหลายรูปแบบ เช่น ผ่าโดยตรงมาที่คน แต่ฟ้าผ่ารูปแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยนายบัญชา กล่าวต่ออีกว่า รูปแบบต่อมาเป็นกรณีที่เกิดบ่อยที่สุด คือฟ้าผ่าลงมาใกล้กับจุดที่มนุษย์ยืนอยู่แต่ไม่โดนตัว แต่กระแสไฟจะวิ่งกระจายไปรอบๆ จะมีบางส่วนวิ่งเข้าหาทำให้มีโอกาสถูกฟ้าผ่าได้เช่นกันหากยืนอยู่ใกล้วัถตุสูง เช่น ต้นไม้ หรือเสาไฟ เมื่อฟ้าผ่าลงมาและความชื้นในอากาศลดต่ำลงมาก กระแสไฟฟ้าบางส่วนจะกระโดดออกมาและวิ่งเข้าหามนุษย์ ทำให้ถูกฟ้าผ่าได้เช่นกันแม้จะยืนห่าง 1-2 เมตร อย่างไรก็ดี ในกรณีแบบนี้สามารถเกิดขึ้นในบ้านได้เช่นกันหากไม่มีการติดตั้งสายดิน เพราะเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ตัวบ้าน กระแสไฟฟ้าอาจลงมาตามสายไฟและกระโดดออกมาจากปลั๊กไฟเข้าสู่ผู้อาศัยในบ้านได้ นักวิชาการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ระบุ | อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนประชาชนระวังก่อนฝนตก-ตก 15 นาทีแรก มีประจุไฟทำให้เกิดฟ้าผ่า ด้านผู้เชี่ยวชาญขอให้หลบในอาคาร-รถยนต์-ต้นไม้เตี้ย และติดตั้งสายดินในบ้าน ระบุแม้ผ่าลงข้าง ๆ ตัว แต่กระแสไฟกระโดดได้จึงเสี่ยงถูกฟ้าฝ่าเสียชีวิตได้เช่นกัน | สังคม | ฟ้าผ่า,สาเหตุถูกฟ้าผ่า,หลบฟ้าผ่าอย่างไรให้ปลอดภัย,รูปแบบฟ้าผ่าที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์,ติดตั้งสายดิน,วันชัย ศักดิ์อุดมไชย,อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา,พิมพ์ภา เตชะกมลสุข,กรมควบคุมโรค,นักวิชาการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ,ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/252507 |
เจาะตลาดออนไลน์จีน | นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) เปิดเผยว่า ท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประชาชนจีน หลีกเลี่ยงการออกไปที่สาธารณะ และใช้เวลาที่บ้านมากขึ้น ทำให้สั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้นด้วย ดังนั้นการค้าออนไลน์ จึงเป็นอีกช่องทางสำคัญที่จะช่วยเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทย โดยจีนมีความต้องการสูงในระยะนี้ รวมถึงสินค้าที่ตอบสนองต่อรูปแบบการใช้ชีวิตในบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งขนาดเล็ก สินค้ากลุ่มอโรมา และผลิตภัณฑ์สปา เชื่อว่า ด้วยคุณภาพสินค้าไทย จะช่วยให้ไทยรักษาโอกาสทางการค้าในช่วงความท้าทายนี้ได้ทั้งนี้ตามรายงานจาก JD.com ระบุว่ายอดการสั่งซื้อข้าวและผลิตภัณฑ์นมเพิ่มขึ้นกว่า 154% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เช่นเดียวกับอาหารทะเล และเนื้อวัว นอกจากนี้ คนจีนส่วนใหญ่นิยมสั่งอาหารดีลิเวอรี มากขึ้น ขณะเดียวกัน คนจีน ที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน มีการค้นหากิจกรรมออนไลน์มากขึ้น เช่น เกมส์ออนไลน์ ออกกำลังกายผ่านแอปพลิเคชัน และบริการปรึกษาทางการแพทย์ สนค. มองว่าช่วงนี้เป็นโอกาสดีสำหรับไทยในการตีตลาดกลุ่มดิจิทัลคอนเทนต์ เช่น ละครหรือรายการทีวี ที่เริ่มได้รับความนิยมสูงในจีน และใช้โอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์สินค้าไทย รวมถึงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อเพิ่มการรับรู้ และกระตุ้นความต้องการต่อสินค้าและบริการไทยมากขึ้น. | นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประชาชนจีน หลีกเลี่ยงการออกไปที่สาธารณะ | ข่าว,เศรษฐกิจ | ตลาดออนไลน์จีน,พิมพ์ชนก วอนขอพร,การสั่งซื้อข้าว,ผลิตภัณฑ์นม,การค้าออนไลน์,การส่งออกสินค้า,ข่าววันนี้ | https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1774805 |
พบกระดูกในป่า อ.น้ำยืน เก็บพิสูจน์ตรง ผอ.อ้อย หรือไม่ | เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 11 ก.ย.60 ที่บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน พ่อของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย ที่หายตัวไป พร้อมด้วยญาติ ได้ร่วมกันตรวจดูกระดุกที่ขุดมาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำญาติ เข้าตรวจสอบหลังได้รับแจ้งว่า มีชาวบ้านพบหลุมต้องสงสัยในป่าท้องที่บ้านซำหวาย ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยมีชาวบ้านซำหวายนำเจ้าหน้าที่เข้าไปที่จุดที่พบหลุม,ที่หลุมดังกล่าว ซึ่งอยู่ในป่า ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 10 กม. พบกองดิน ซึ่งเป็นหลุมต้องสงสัย มีกิ่งไม้ทับไว้บนกองดินดังกล่าวเมื่อนำกิ่งไม้ออก พบเศษผ้าที่เปื่อยขาดวิ่น คาดว่าจะเป็นเสื้อจึงเก็บไว้ ก่อนที่ชาวบ้านและญาติจะช่วยกันขุดดินลงไป พบกระดุกชิ้นเล็ก เมื่อขุดลึกลงไปก็พบกระดุกชิ้นใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นกระดุกสัตว์ ญาติได้นำกระดุก ที่เป็นซี่คล้ายกระดูกซี่โครง 6 ชิ้น และกระดูกที่เป็นข้อ คล้ายกระดูกสันหลังมนุษย์ 3 ชิ้น กลับมา ซึ่งญาติ ผอ.อ้อย จะได้เตรียมนำส่งพนักงานสอบสวนให้นำส่งไปตรวจพิสูจน์ต่อไป,นายทองจันทร์ อุ่นอ่อน อาของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านซำหวายแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้พาญาติเข้าตรวจสอบหลุมดังกล่าว ซึ่งก็พบกองเศษกิ่งไม้วางทับบนกองดินอยู่ ชาวบ้านเล่าว่า ก่อนหน้านี้ได้เข้าหาเห็ดหาของป่า ได้พบกองดินซึ่งพูนขึ้นมา แต่พอนานเข้า ดินที่พูนสูงขึ้นก็ยุบลง พอได้ดูข่าวจากโทรทัศน์ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบดังกล่าว ซึ่งกระดูกที่พบ ทางญาติจะได้นำส่ง พงส.ให้ส่งไปตรวจพิสูจน์ ว่าเป็นกระดุกมนุษย์หรือกระดูกสัตว์ ถ้าเป็นกระดุกมนุษย์ ก็จะต้องตรวจดีเอ็นเอ ว่าเป็นของ น.ส.จุฑาภรณ์ หรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป. | ชาวบ้านหาของป่า อ.น้ำยืน จ.อุบลฯ พบหลุมต้องสงสัย แจ้งเจ้าหน้าที่ และญาติ ผอ.อ้อย เข้าตรวจสอบ ก่อนขุดเจอกระดูก คล้ายซี่โครง และเศษเสื้อ เก็บชิ้นส่วนทั้งหมด เตรียมส่งพิสูจน์ว่าตรงกับ ผอ.อ้อย หรือไม่ | ข่าว,อาชญากรรม | ผอ.อ้อย,จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน,กระดูก,หลุม,ป่า อ.น้ำยืน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1066979 |
เตรียมลุยสำนัก อาจารย์ป.พะเยา มอมเมาเด็ก เอาค่าขนมแม่ให้ไปสักยันต์หมด | วันที่ 28 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจดังในจังหวัดพะเยา นำเสนอข่าวกรณีพ่อแม่ผู้ปกครองในจังหวัดพะเยาร้องเรียนว่า ,ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปติดตามในพื้นที่ พบว่าสำนักดังกล่าวตั้งอยู่ในตัวเมืองพะเยา เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ในเขตบ้านตำบลตุ่น อ.เมืองพะเยา แต่ตอนที่ไปถึง ไม่ได้มีการเปิดรับสักยันต์แต่อย่างใด ภายในบรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า สำนักดังกล่าวเปิดมานานหลายปีแล้ว รับสักยันต์เกี่ยวกับโชคลาภ ลงของ ลงเสน่ห์ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเยาวชน นักเรียน และนักศึกษาทั่วไป สนนราคาตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ,ขณะเดียวกัน จากการติดตามทางหน้าเฟซบุ๊กของสำนักดังกล่าว มีการโฆษณาระบุว่า เมื่อสักยันต์ที่นี่แล้วเงินทองจะไหลมาเทมา ส่วนผู้หญิงก็จะมีป๋าเปย์โอนเงินมาให้ หรือประมาณว่ามีป๋าเลี้ยง และยังมีการนำข้อความในอินบ็อซ์มาเผยแพร่เป็นตัวอย่างอีกด้วย รวมทั้งข้อความจากผู้ที่ศรัทธาได้โพสต์ให้กำลังใจ ขณะที่เจ้าของสำนักขอให้ยุติการโพสต์เพื่อให้เรื่องจบ นอกจากนี้ยังมีการระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาพบ และจะมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบในวันพรุ่งนี้ด้วย. | ทนไม่ไหวแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองใน จ.พะเยา เผยลูกขโมยเงินแอบสักยันต์สำนักอาจารย์ป. อ้างสักแล้วเงินทองไหลมาเทมา ถ้าเป็นผู้หญิง ป๋ามีเปย์แน่ ล่าสุด ตำรวจ พม.เตรียมลุย | ข่าว,ทั่วไทย | สักยันต์,มอมเมาเด็ก,หลอกเด็ก,หลอกเด็กสักยันต์,พะเยา,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/north/1052197 |
รถยนต์สัญชาติไทยจะไปไกลระดับโลกได้ในชาตินี้จริงหรือ? | ย้อนกลับไปวัยเด็กเมื่อปี 1978 ตอนที่ผมอายุ 13 ปี ผมวาดภาพรถ Mercedes-Benz ในอนาคตส่งไปประกวดที่ประเทศเยอรมนีแล้วได้รางวัล ทำให้ผมมีความฝันและเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเมื่อโตขึ้นผมจะเป็นนักออกแบบรถยนต์คนแรกของประเทศไทยให้ได้ และจะสร้างรถสปอร์ตเป็นของตัวเอง บวกความเชื่อ (ตามประสาเด็กอายุ 13) ว่าประเทศไทยสามารถสร้างรถยนต์ และมีแบรนด์รถยนต์เป็นของเราเองได้เหมือนประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก แต่เมื่อเวลาผ่านไปผมเรียนจบและเริ่มทำงาน ผมก็เริ่มมองเห็นโลกแห่งความเป็นจริงที่ว่า มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเมืองไทยในชาตินี้…ที่จะมีแบรนด์รถยนต์ (แบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน) เป็นของตัวเองในแบบที่มีคุณภาพทัดเทียมแบรนด์ระดับโลกกระดูกคนละเบอร์ อุตสาหกรรมรถยนต์นั้นเกิดขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เป็นต้น ซึ่งประเทศเหล่านี้มีการพัฒนารถยนต์ (แบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน) มานานนับร้อยกว่าปีแล้ว และไม่ได้มีเพียงแค่แบรนด์เดียว แต่ละแบรนด์นั้นก็มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีรถยนต์ และประสบการณ์ด้านการตลาดต่างๆ ในระดับสูงจนยากที่แบรนด์น้องใหม่จะตามทัน หรือเรียกได้ว่า กระดูกคนละเบอร์ แต่ก็ยังมีน้องใหม่ที่มีความฝันอยากเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ ยกตัวอย่างเช่น มาเลเซียเพื่อนบ้านของเราที่มีรถยนต์แห่งชาติเป็นครั้งแรกด้วยแบรนด์ Proton ในปี 1985 แต่ต่อมาก็ไม่ประสบความสำเร็จในตลาดโลก แต่ก็ต้องขอนับถือในความกล้าของเขาที่จะสร้างฝันให้เป็นจริง ถึงแม้ว่าโอกาสในความสำเร็จนั้นจะมีเพียงแค่น้อยนิดก็ตามสำหรับในกรณีของเมืองไทยนั้นหมดสิทธิ์ที่จะมีรถยนต์แห่งชาติไปตั้งแต่ที่รัฐบาลสนับสนุนให้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากทั่วโลกมาตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในบ้านเรา ทำให้ไทยขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการประกอบรถที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย และถูกขนานนามว่าเป็น ดีทรอยต์แห่งเอเชีย นั่นเอง สิ่งที่ตามมาด้วยก็คือโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบที่เรียกว่าเกือบจะครบทั้งคัน รวมไปถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาสำหรับตลาดในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะอีกด้วยตอบได้ว่า 100% ไม่มีทางแล้วสำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเป็นรถยนต์ที่ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ล่ะ? ขอตอบว่าก็ยังมีสิทธิ์อยู่ และเค้าโครงแห่งความเป็นไปได้ก็เริ่มเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 1996 (22 ปีที่แล้ว) เมื่อบริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด (EVT) ได้ติดต่อผมให้เป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบรถไฟฟ้าขนาดเล็กของไทย โดยอาศัยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าจากรถกอล์ฟในเวลานั้น โดยทางผู้บริหารมีไอเดียที่ว่า อยากจะเริ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของไทยให้สำเร็จในระดับโลก เพราะในเวลานั้นเทคโนโลยีเรื่องรถไฟฟ้านั้นยังเป็นเพียงแค่ยุคเริ่มต้น ดังนั้นทุกบริษัททั่วโลกก็เริ่มพร้อมๆ กัน เช่นเดียวกับคนไทยที่จะมีโอกาสสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นแบรนด์ของคนไทยจริงๆ (ไม่เหมือนกับเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนามาเป็นร้อยปีจนเราตามไม่ทันแล้ว) แต่น่าเสียดายที่มีเหตุผลใดก็ไม่ทราบที่ทำให้โครงการนี้หยุดไปต่อมาไม่นานผมก็มีโอกาสได้ทำโปรเจกต์รถเพื่อเข้าพิธีสวนสนาม โดยให้ดัดแปลงรถโฟล์กที่ใช้เครื่องยนต์ปกติให้เป็นระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งนับเป็นความท้าทายมาก เพราะในยุคนั้นก็ยังไม่มีเทคโนโลยีของรถไฟฟ้าใดให้เห็นนอกจากระบบของรถในสนามกอล์ฟ ซึ่งก็ใช้กันไม่ได้เพราะมอเตอร์มีขนาดเล็กเกินไป เราจึงต้องดัดแปลงชุดควบคุมไฟฟ้าที่ใช้กันในโรงงานอุตสาหกรรม และใช้แบตเตอรี่รถยนต์แบบปกติซึ่งมีขนาดใหญ่และมีนำ้หนักมาก แต่โครงการนี้ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นดีที่ทำให้รู้ว่า รถยนต์ไฟฟ้าน่าจะเป็นคำตอบสำหรับรถยนต์แห่งอนาคตได้มากที่สุด เพราะจะช่วยลดมลพิษทางอากาศของโลกอย่างยั่งยืนแล้วจะเราสู้กับเจ้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งอย่างจีนได้หรือ?ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าจีนแซงหน้าสหรัฐอเมริกาไปแล้วในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนก็มุ่งเน้นไปที่ตลาดในประเทศของเขาที่มีประชากรมหาศาลก่อน หลังจากนั้นถึงจะเริ่มส่งออก ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร จังหวะเริ่มต้นนี้แหละคือโอกาสของไทยที่จะมุ่งเน้นตลาดแถบอาเซียนที่มีประชากรอยู่ไม่น้อยถึง 600 ล้านคน อาจพอสรุปได้ว่าการที่จะสร้างรถยนต์แห่งชาติขึ้นมาให้สำเร็จเพื่อไปแข่งขันในตลาดโลกต้องมีองค์ประกอบมากมาย เริ่มตั้งแต่เงินทุน การสนับสนุนจากภาครัฐ แนวคิด และช่องทางในการทำตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม รวมทั้งจังหวะเวลาและโอกาสที่เหมาะสม ที่สำคัญที่สุดก็คือการสนับสนุนจากคนไทยด้วยกันเอง สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือปัจจัยที่จะทำให้พวกเราคนไทยจะมีโอกาสได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทยในเร็ววันนี้ ไม่ใช่ ชาติหน้า อย่างแน่นอน | เมืองไทยนั้นหมดสิทธิ์ที่จะมีรถยนต์แห่งชาติตั้งแต่ที่รัฐบาลสนับสนุนให้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากทั่วโลกตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในบ้านเรา ทำให้ไทยขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการประกอบรถที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย และถูกขนานนามว่าเป็น ดีทรอยต์แห่งเอเชียไทยยังพอมีหวังหากอยากผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพราะเค้าโครงแห่งความเป็นไปได้เริ่มเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 1996 เมื่อบริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด มีไอเดียอยากจะเริ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของไทยให้สำเร็จในระดับโลก เพราะในเวลานั้นเทคโนโลยีเรื่องรถไฟฟ้ายังเป็นเพียงแค่ยุคเริ่มต้น ดังนั้นทุกบริษัททั่วโลกก็เริ่มพร้อมๆ กัน (ไม่เหมือนกับเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนามาเป็นร้อยปีจนเราตามไม่ทัน) แต่น่าเสียดายที่มีเหตุผลใดก็ไม่ทราบที่ทำให้โครงการนี้หยุดไปในปัจจุบันต้องยอมรับว่าจีนแซงหน้าสหรัฐอเมริกาไปแล้วในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนก็มุ่งเน้นไปที่ตลาดในประเทศของเขาที่มีประชากรมหาศาลก่อน หลังจากนั้นถึงจะเริ่มส่งออกซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร จังหวะเริ่มต้นนี้แหละคือโอกาสของไทยที่จะมุ่งเน้นตลาดแถบอาเซียนที่มีประชากรอยู่ไม่น้อยถึง 600 ล้านคน | null | null | https://thestandard.co/automotive-thai/ |
ใจไม่ถึงอย่าดู 2หนุ่ม ร่างเละสมองกระจุย รถทับตายปริศนากลางถนนเมืองลิง | เมื่อเวลา 03.20 น.วันที่ 19 ต.ค.2560 ร.ต.อ.ธีระชัย กลิ่นโกสุม รอง สว.สอบสวน สภ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุรถจยย.ถูกเฉี่ยวชนแล้วหลบหนีมีผู้เสียชีวิตคาที่จำนวน 2 ศพ บนถนนสายลำนารายณ์-ลำสนธิ บ้านคลองเขว้า ม.6 ต.นิคมลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยพ้งไล้ลำนารายณ์,ที่เกิดเหตุบนถนนพบรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน 1กฆ 1013 สระบุรี ล้มอยู่กลางถนนในสภาพถูกรถบรรทุกขนาดใหญ่ชนทับลากไปจนพังยับเยินไม่มีชิ้นดีใกล้กันพบศพของ,นายอนุวัฒน์ หอมบานเย็น อายุ 22 ปี, บ้านเลขที่ 64 ม.11 ตงหนองรี อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี ทำงานที่โรงแป้งมันใกล้กับที่เกิดเหตุ ผู้ขับขี่เสียชีวิตในสภาพศพหัวสมองเละแตกกระจายเลือดไหนนองถนน ห่างออกไปประมาณ 10 เมตรพบรถจยย. ต่อพ่วงข้าง ยี่ห้อ ซูซูกิ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน กษง 612 ลพบุรี ล้มอยู่ในสภาพพังยับเยินเละทั้งคัน ใกล้กัน พบศพชายไทยไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 50 ปี คาดว่ามีอาชีพเก็บของเก่าขาย สภาพถูกรถบรรทุกขนาดใหญ่ทับจนร่างเละเสียชีวิตคาที่จึงบันทึกที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน,จากการสอบสวนในเบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดเนื่องจากในที่เกิดเหตุพบว่ารถจยย.ทั้ง2คันนั้นมีร่องรอยถูกรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ชนแล้วเยียบทับจนพังเละทั้ง 2 คัน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า จยย.ทั้ง 2 คันนั้น อาจเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นที่มืดกระทั่งรถยนต์ขนาดใหญ่วิ่งมาชนซ้ำซ้อนเนื่องจากมองไม่เห็น หรืออาจเป็นไปได้ที่ รถจยย. 2 คัน วิ่งไปตามทาง กระทั่งถูกรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ตามมาชนเข้า ก่อนจะเยียบทับทีเดียวทั้ง 2คัน ก่อนหลบหนีไป | เละทีเดียว 2 ศพ ! พบศพ 2 หนุ่มเมืองลพบุรี ถูกรถขนาดใหญ่เหยีบสมองกระจุย ร่างเละ พร้อมจยย.ส่วนตัวสภาพพังยับ 2 คันจอดใกล้เคียง บนถนนสายลำนารายณ์-ลำสนธิ จนท.สันนิฐาน อุบัติเหตุยามวิกาล ก่อนถูกรถขนาดใหญ่เหยีบซ้ำ ตายคู่ | ข่าว,ทั่วไทย | อุบัติเหตุ,รถเหยียบตาย,ร่างเละ,สมองกระจุย,ลพบุรี,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1102727 |
ประชาธิปไตย ไทย-พม่า ใครจะเร็วกว่ากัน? | Asia-WEF) ที่กรุงเทพฯบ้านเรา และนับเป็นการออกสู่ต่างประเทศเป็นครั้งแรกของเธอ หลังจากที่เธอถูกเผด็จการทหารเมียนม่าร์กักบริเวณไว้ในบ้านพักถึง 21 ปี และเธอไม่มีโอกาสออกจากประเทศเมียนม่าร์ถึง 24 ปีเต็มการประชุมครั้งนี้นับเป็นการประชุมครั้งสำคัญในระดับสากล ประเทศต่างๆทุกทวีปและอนุทวีปส่งผู้แทนระดับสูงเข้าประชุมกว่า 630 คนจาก 50 ประเทศ ทั้งมีผู้นำทางความคิดเข้าร่วมกว่า 50 คน จาก 20 ประเทศ นักธุรกิจชั้นนำของโลกกว่า 450 คน ผู้แทนบริษัทชั้นนำของโลกที่กำลังมีการเจริญเติบโตสูกอีกเกือบ 60 ราย ผู้นำรุ่นใหม่ 33 คน และนักพัฒนาสังคมอีก 14 ราย ได้เข้าร่วมกันแลกเปลี่ยนทัศนะและอภิปรายประเด็นปัญหาสำคัญที่เอเซียตะวันออกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ทางประเทศเมียนม่าร์นั้น ทีแรกก็มีข่าวว่าประธานาธิบดีเต็งเส่งจะมาด้วยตนเองพร้อมด้วยนางอองซานซูจีที่ได้รับเชิญเป็นส่วนตัวในฐานะแขกของWEF แต่ต่อมาทางการพม่าได้แจ้งมาว่าท่านเต็งเส่งนั้นติดภารกิจสำคัญอย่างกระทันหันจึงขอเลื่อนการมาประเทศไทยเป็นวันที่ 4-5 มิ.ย. ย และได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและ รมช.กระทรวงท่องเที่ยวมาประชุมแทนนางอองซานซูจีนั้นในฐานะแขกพิเศษของWEFได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 29 พ.ค. แล้วไปเยี่ยมแรงงานรับจ้างชาวพม่าที่มหาชัย ซึ่งก็นำมาซึ่งความปลาบปลื้มยินดีจนแรงงานพม่าหลายพันคนยกขบวนมาจากจังหวัดต่างๆเพื่อต้อนรับเธอที่นั่น และเธอก็ได้ใช้โอกาสนั้นพบปะอย่างเป็นกันเองและกล่าวปราศัยเรียกร้องให้ชาวพม่าทุกคนที่ต้องมาอยู่เมืองไทย ให้เคารพกฎหมายไทย และทำตัวอย่าให้มีปัญหาอันใดกับประเทศไทย หากมีปัญหาอันใดเธอก็พร้อมที่จะประสานงานช่วยเหลือ และขอให้รอวันที่จะกลับประเทศในอนาคต วันถัดไปเธอได้ไปตรวจเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยในบริเวณชายแดนไทย-พม่าทางด้านจังหวัดตาก ซึ่งผู้ลี้ภัยเหล่านี้คือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่านั่นเอง และส่วนใหญ่ก็สนับสนุนการต่อสู้ของ อองซานซูจี ซึ่งเธอได้รับปากกับพวกเขาว่า จะพาพวกเขากลับบ้านให้จงได้ในวันที่ 1 มิ.ย. อันเป็นวันสุดท้ายของการประชุมWEFครั้งสำคัญนี้. เธอได้รับเกียรติให้กล่าวปราศัยในที่ประชุม ซึ่งเธอสามารถใช้เวทีสากลนี้เรียกร้องและขอความเห็นอกเห็นใจจากนานาชาติ เชิญชวนให้เข้าไปลงทุนและช่วยพัฒนาพม่า พร้อมทั้งขอร้องถึงประเทศมหาอำนาจว่า อย่าใช้พม่าเป็นเวทีแห่งการแก่งแย่งผลประโยชน์ แต่ควรจะเป็นพื้นที่แห่งความปรองดองสุนทรพจน์ของอองซานซูจีในงานนี้เป็นการกล่าวอย่างไม่มีสคริปส์ แต่เธอสามารถพูดได้ใจความครอบคลุมทุกเรื่องทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม มีท่วงทำนองในการกล่าวที่งดงาม-กระชับ-รัดกุม ทั้งเบื้องต้น-ท่ามกลาง และบทส่งท้าย ซึ่งตลอดเวลาจะมีเสียงปรบมือสลับไปอย่างกึกก้อง วลีต่างๆที่เธอกลั่นออกมาล้วนแต่จับใจผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง และทั้งหมดไม่มีวลีใดที่เธอจะพูดเพื่อประโยชน์ตนหรือพรรคของเธอ หากแต่เป็นการพูดเพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวพม่าทั้งสิ้นถือได้ว่า ประเทศพม่าประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในการให้อองซานซูจีมาประเทศไทยครั้งนี้พม่ากำลังเปิดประตูสู่โลกกว้าง กำลังสร้างความปรองดองในชาติ ข้อตกลงหยุดยิงและหันมาปรองดองกันของรัฐบาลกลางพม่ากับชนเผ่าต่างๆซึ่งมีมากมายได้รับการลงนามตกลงกันได้กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ความสงบรอบแนวชายแดนกำลังบังเกิดขึ้น การพัฒนาประชาธิปไตยก็กำลังดำเนินไปทั่วประเทศ ซึ่งอองซานซูจีก็ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า การปฏิรูปในพม่าครั้งนี้ เป็นการให้คำมั่นของทหารว่า จะพัฒนาประเทศ จะไม่หันหลังกลับ จะเดินไปข้างหน้า ไม่ถอยหลัง ไม่อยากถูกคนอื่นทิ้งห่างเมื่ออองซานซูจีเดินทางกลับประเทศ หนังสือพิมพ์นิวส์ไลฟ์ออฟเมียนม่าร์ อันเป็นสื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลพม่า ได้ตีพิมพ์บทความชื่นชมถึงความสำเร็จเป็นอย่างสูงของอองซานซูจีที่มาประเทศไทยครั้งนี้ ซึ่งสื่อต่างๆในประเทศไทยล้วนแต่มีความเห็นกันว่า เป็นความผิดปกติ ที่สื่อของรัฐบาลพม่าหันมาชื่นชมอองซานซูจี แต่ว่าในข้อเขียนอีกชิ้นหนึ่งมีความมั่นใจว่าเต็งเส่ง และอองซานซูจีนี่แหละจะช่วยกันสร้างประชาธิปไตยในพม่าอองซานซูจี มีกำหนดการเดินทางเยือนยุโรปอีกหลายประเทศ จะไปกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมองค์การแรงงานระหว่างประเทศที่เจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ จากนั้นจะไปเข้าพิธีรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 1991 ที่กรุงออสโล นอร์เวย์ ซึ่งเธอได้รับ แต่ไม่อาจไปรับได้ในปีนั้น และหลังจากนั้นเธอจะไปอังกฤษ พบปะกับลูกชายทั้ง 2 ซึ่งจะจัดงานวันเกิดให้แม่ในวันที่ 19 มิ.ย. และได้รับเชิญให้ไปกล่าวสุนทรพจน์ในรัฐสภาอังกฤษในวันที่ 21 มิถุนายนการที่รัฐบาลพม่าเปิดทางให้อองซานซูจีอย่างกว้างขวางเช่นนี้ น่าจะเป็นสัญญาณให้มั่นใจว่า พม่ากำลังเดินหน้าในทุกๆด้านอย่างเอาจริงเอาจัง-จริง เพราะการปิดประเทศ ใช้ระบบเผด็จการมานาน มีแต่ทำให้พม่าพบแต่ความยากลำบากและล้าหลังลงไปทุกวัน การ หันมาทางประชาธิปไตย และเรียกร้องให้นานาชาติรีบเข้าไปลงทุน พัฒนา ช่วยเหลือ โดยมอบให้อองซานซูจีเคลื่อนไหวทำภารกิจนี้ได้อย่างเต็มที่ อย่างนี้ เชื่อว่าในอีกไม่นาน พม่าจะขึ้นยืนผงาดเป็นประเทศแนวหน้าหนึ่งในอาเซี่ยนเป็นแน่แล้ว พี่ไทย เราล่ะ? ประชาธิปไตยจะไปถึงไหน? รัฐธรรมนูญ ก็ไม่ให้แก้ คนเก่งคนมีความรู้ความสามารถก็ไม่เอามาใช้ แถมยังป้ายสีใส่ให้เลอะเทอะกระเจิงกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง อำนาจเผด็จการยังคงอาละวาดฟาดหัวฟาดหางจนรัฐสภาอันเป็นสถาบันหลักของประชาชนต้องยอมยกธงขาว ไม่อาจจะพาประเทศไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนได้อย่างนี้ ระวังนะครับคนไทย พม่าจะไปก่อนนะครับ. | สัปดาห์ก่อนนี้อองซาน ซูจีนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของพม่า ซึ่งปัจจุบันได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้มาเข้าร่วมประชุมสภาเศรษฐกิจโลกภูมิภาคเอเซียตะวันออก(World Economics Forum on East | การเมือง | ประชาธิปไตย,พม่า,อาคม สุวรรณนพ | https://prachatai.com/journal/2012/06/41046 |
เจอแล้วรถขยะสยองขวัญ มือ-เท้าโผล่หลอน ขนส่งจัดการเฉียบ กลัวเลียนแบบ | เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 ม.ค. 60 จากกรณีโลกออนไลน์ มีการแชร์คลิปวิดีโอจากผู้ใช้ในเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่ได้โพสต์ข้อความ #ขับรถมาเจอ#เพ่นี้ถึงกับตกใจ พร้อมภาพที่ถ่ายท้ายรถบรรทุกขยะ มีชิ้นส่วนคล้าย ขา แขนคน โผล่จากด้านท้ายของรถที่ติดไฟแดงอยู่แถวแยกพูนทรัพย์ อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี ทำให้ผู้ที่ขับขี่รถตามหลังมาตกใจอย่างมาก,ล่าสุดวันนี้ ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดนครปฐม สาขากำแพงแสน โดยมี นายสุชัช ปฐมพุทธิธรรม หน.สนง.ขนส่งจังหวัดนครปฐม สาขากำแพงแสน รับทราบเรื่อง จึงตรวจสอบจากเลขทะเบียนรถ ทราบว่า เป็นรถของบริษัท ส.สามดาวเจริญทรัพย์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ ม.8 ถนนจันทรุเบกษา ต.ทุ่งบัว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยรถบรรทุกคันดังกล่าวใช้ขนส่งขยะจาก กทม. มาส่งบ่อขยะในพื้นที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ทะเบียน ป้ายเหลือง 70-3511 นครปฐม เป็นรถบรรทุก 18 ล้อ ไม่ประจำทาง มีนายจรินทร์ สมทา อายุ 51 ปี เป็นคนขับ จึงได้เชิญตัวมาพร้อมกับ นายเอกฤทธิ์ ขยายวงษ์ อายุ 46 ปี ผจก.บริษัท ส.สามดาวเจริญทรัพย์ ร่วมเดินทางมาด้วย เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่มีการแชร์ในโลกโซเชียล,นายจรินทร์ คนขับรถบรรทุก 18 ล้อ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่ามีแขนและขาที่ลักษณะคล้ายมนุษย์ติดอยู่ด้านท้ายของรถบรรทุก 18 ล้อ มาทราบภายหลังว่า คนงานที่บ่อขยะเป็นคนนำมาแขวน ซึ่งมันเป็นชิ้นส่วนมือกับขาของตุ๊กตา และขอยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ผู้ขับขี่รถตามหลังมาตกใจ,ด้าน นายสุชัช หน.สนง.ขนส่งจังหวัดนครปฐม สาขากำแพงแสน กล่าวว่า กรณีนี้มีทั้งเรื่องของกฎหมายและจริยธรรม มารยาทในการขับรถ ในส่วนของกฎหมาย เมื่อมีผู้กระทำความผิด ทางสำนักงานขนส่งนครปฐม สาขากำแพงแสน ได้มีการบูรณาการร่วมกับทหารและตำรวจตรวจสอบรถ ทำบันทึกข้อตกลง ส่งรูปรถ ซึ่งผู้ประกอบการบริษัทนี้มีรถทั้งหมดจำนวน 40 คัน โดยจะเรียกคนรับรถทั้ง 40 ราย มาเข้าทำการอบรมเรื่องจริยธรรมและข้อกฎหมายต่างๆ กันใหม่,การทำวัสดุที่มีลักษณะคล้ายชิ้นส่วนมนุษย์มาติดด้านหลังรถบรรทุก จะต้องมีการดำเนินการ ถือเป็นความผิดชัดเจน เบื้องต้นเรื่องแผ่นป้ายทะเบียนไม่ชัดเจน ปรับเงินเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท ซึ่งผู้พบเห็นจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ตกใจโดยฉับพลัน และสามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ถ้าเราไม่ดำเนินการแก้ไขในวันนี้ จะมีการทำเป็นวัฒนธรรมต่อๆ กันไป นายสุชัช กล่าว. | เจอแล้ว รถบรรทุกขยะห้อยชิ้นส่วนคล้ายแขนขามนุษย์โผล่ท้ายรถ คันหลังขับตามแทบช็อก เป็นรถ 18 ล้อ บริษัทรับจ้างขนขยะ กทม.ไปทิ้งที่กำแพงแสน คนขับบอกผมไม่รู้เรื่อง คนงานเก็บขยะเอามาห้อย เบื้องต้นปรับ 2 พัน ข้อหาทะเบียนไม่ชัด
| null | ชิ้นส่วนมนุษย์,มือโผล่ท้ายรถ,คลิปมือเท้าคนโผล่ท้ายรถ,รถสยองขวัญ | https://www.thairath.co.th/content/839610 |
โลกสีเทา เบียร์ 0% ดีต่อสุขภาพ จุดสตาร์ตเพิ่มดีกรี ปั้นนักดื่มหน้าใหม่ | ผุดผลิตภัณฑ์ใหม่ เบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือ เบียร์ 0% ผลตอบรับก็เป็นไปตามคาด ยอดขายทะยานพุ่งปรี๊ด แถมเจาะกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น,ก่อนหน้าที่ ,เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์, ที่มีการโฆษณากันว่า ,เบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์, หรือ ,เบียร์ 0%, จะเข้ามาบูมในบ้านเรา ในต่างประเทศเขามีกันมาสักระยะแล้ว และมีผลการศึกษาวิจัยกันมากมายที่ฮือฮาจนเป็นตัวชูโรงก็คือ ,ผลการศึกษาที่บอกว่า เบียร์ 0% เป็นแหล่งรวมวิตามินและแร่ธาตุ มีคุณประโยชน์ของสารอาหารโดยปราศจากผลกระทบด้านลบจากแอลกอฮอล์, ทั้งช่วยให้ลดคอเลสเตอรอล บำรุงผิวพรรณ ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และยังช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย,แต่อย่าเพิ่งดีใจเกินไป ไม่ใช่ว่า เบียร์ 0% จะไม่มีผลเสียอะไรเลย เพราะผลการศึกษาก็มีออกมาเช่นกันว่า ,เบียร์ 0% ก็สามารถทำร้ายร่างกายเราได้เช่นกัน, หากมี 3 ปัจจัยนี้ คือ,1.เสพติดแอลกอฮอล์ :, อาจจะคิดว่า เบียร์ 0% มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์เพียงน้อยนิด แต่ถ้าหากเสพติดแอลกอฮอล์การที่คุณจะหันมาดื่ม เบียร์ 0% แทน เพื่อหวังจะเลิก ไม่ใช่หนทางที่ดีนัก ที่ดีที่สุดคือการที่คุณไปเข้ารับการรักษากับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งผลการศึกษานี้สอดคล้องกับที่ผลสำรวจของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ที่พบว่า หลังจากดื่ม เบียร์ 0% นักดื่มทั้งหลายยังคงดื่มเบียร์ปกติเท่าเดิม 69% แต่คิดจะหันมาดื่ม เบียร์ 0% แทนเบียร์ปกติแค่ 4% เท่านั้น,2.ดื่มแบบไม่พอประมาณ :, แอลกอฮอล์มีปริมาณแคลอรีต่อยูนิตอยู่ที่ 56 แคลอรี ดังนั้นเบียร์ปกติจึงมีปริมาณแคลอรีสูงกว่าเบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ประเภทไหน มีแอลกอฮอล์หรือไม่มี ล้วนมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ในสัดส่วน 4 แคลอรีต่อกรัม และคาร์โบไฮเดรตบางชนิดก็เป็นน้ำตาลด้วย หากว่าดื่มมากจนเกินไปก็มีสิทธิ์ที่จะมีแคลอรีและน้ำตาลสูงเช่นกัน ที่สำคัญ น้ำตาลในเบียร์สามารถทำลายฟันของคุณได้,3.หากว่ามีโรคประจำตัว :, โรคบางโรคอาจต้องหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ดังนั้นเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดตามมาจากการดื่ม เบียร์ 0% ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนจะดีที่สุด,ขณะที่ ประเด็น เบียร์ 0% ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระนั้น ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ได้สอบถามไปยัง ,ดร.นพ.อุดมศักดิ์ แซ่โง้ว นักวิชาการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวิจัยระบบสุขภาพและการแพทย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์, โดยระบุว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่พบและช่วยร่างกายได้จริงๆ คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในกาแฟ นอกจากนี้ยังพบได้ทั่วไปทั้งในเปลือกผลไม้ อย่างเช่น มังคุด เป็นต้น แต่ก็ยังไม่มีตัวไหนที่ช่วยได้จริงๆ บางตัวยังทำให้เกิดโรคได้ เหมือนกับวิตามิน ที่ถ้าคนขาดกินไปก็ได้ประโยชน์ แต่ถ้าคนไม่ขาดวิตามินกินไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ซึ่ง เบียร์ 0% ก็เหมือนกับซอฟต์ดริงก์ เช่น น้ำอัดลม แต่ที่ในวงการวิชาการกังวลกันจริงๆ จะเป็นเรื่องของการใช้ เบียร์ 0% หรือ เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ เป็นตัวกลางการโฆษณามากกว่า เป็นการใช้เพื่อหากำไร,| เบียร์ 0% กระตุ้นดื่มเบียร์ปกติเพิ่มขึ้น,เบียร์ 0% หรือ เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ หรือที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เรียกว่า เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ เพราะว่านิยามแอลกอฮอล์ตามกฎหมายสรรพสามิต ถ้ามีแอลกอฮอล์ต่ำกว่า 0.5% ถือว่าไม่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์,แล้วการดื่ม เบียร์ 0% ช่วยลดการดื่มเบียร์ปกติหรือไม่?,ในส่วนนี้ ,ผศ.ดร.บุญอยู่ ขอพรประเสริฐ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก ,ให้ข้อมูลกับทีมข่าวฯ ว่า ผู้ผลิตเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ใช้แบรนด์เดียวกันกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ใช้ชื่อเดียวกัน โดยหลักแล้วมันก็จะกลายเป็นการกระตุ้นคนดื่มเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ตามปกติด้วย,อิทธิพลของเบียร์ไร้แอลกอฮอล์สู่การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มีทฤษฎีตัวหนึ่งคือเรื่องของการสร้างการเรียนรู้ทางสังคม การปลูกฝัง คือ เบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ กลายเป็นว่าคนทั่วไปนึกว่าให้ลูกดื่มได้ ให้เด็กดื่มได้ เพราะไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่ใช่เบียร์ ทีนี้กลายเป็นการปลูกฝังให้รู้จักเบียร์มากขึ้น พอโตขึ้นนำไปสู่การดื่มเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ได้ง่ายขึ้น,ผศ.ดร.บุญอยู่ อธิบายให้เห็นภาพเพิ่มว่า คนจะหันมาสนใจเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากขึ้น โดยเฉพาะช่วงแรกๆ เด็กและเยาวชนจะถูกห้ามว่า ห้ามไปดื่มเบียร์นะ เพราะจะขายเบียร์ให้ได้ คือ ตามกฎหมายเด็กที่อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี ทีนี้พอเป็นเบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ก็ไม่อยู่ในกฎหมายนี้ เพราะถือเป็นเครื่องดื่มมอลต์ แต่ทีนี้พอดื่ม ทั้งสี ทั้งรสชาติ และกลิ่นเหมือนกับเครื่องดื่มเบียร์ทุกประการ เพียงแต่ถูกสกัดเอาแอลกอฮอล์ออกเท่านั้นเอง,ฉะนั้น กลายเป็นการปลูกฝังให้รู้จักการดื่มเบียร์ พอดื่มมากขึ้นก็ชิน พอโตขึ้นก็อยากดื่มแบบมีแอลกอฮอล์ ในแง่จิตวิทยาวัยรุ่น ,มองว่าสิ่งนี้เป็น จุดสตาร์ต ให้นำไปสู่การดื่มเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ในอนาคตได้ง่ายขึ้น,| โฆษณา เบียร์ 0% ในโลกสีเทา,ภาษานิเทศน์ เรียกว่า ใช้แบรนด์ดีเอ็นเอเดียวกัน, หมายความว่าอย่างไร?,ผศ.ดร.บุญอยู่ ไขข้อข้องใจให้ฟังดังนี้ จากการศึกษาพบว่า เบียร์ที่บอกว่า ไร้แอลกอฮอล์ ใช้ชื่อยี่ห้อและลักษณะแบรนด์มีความเหมือนหรือคล้ายคลึง อาจจะปรับสีเล็กน้อย แต่ว่ายังคงสัญลักษณ์ โลโก ที่ไม่ต่างจากเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เดิม ,ฉะนั้น เมื่อนำมาโฆษณามันก็ทำให้คนนึกถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ กลายเป็นโฆษณาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไปด้วยในตัว, เพราะเป็นยี่ห้อเดียวกัน ใช้ลักษณะเฉพาะของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาจดทะเบียนในเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และเอาไปโฆษณาเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย มันก็มีผลต่อการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั่นเอง,ผิดกฎหมายหรือไม่? ผศ.ดร.บุญอยู่ บอกกับทีมข่าวฯ ว่า ,,,ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำลังนำประเด็นดังกล่าวไปเข้าอนุกรรมการพิจารณาความผิดโฆษณาตาม พ.ร.บ. เพื่อพิจารณาว่าเป็นการโฆษณาแฝงหรือไม่ ฉะนั้นจะบอกว่าผิดหรือไม่ผิดตอนนี้อาจยังไม่ชัดเจน แต่ถ้าถามว่า เข้าข่ายไหม? ,มันก็ เทาๆ,จากการวิจัยของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบว่า คนส่วนใหญ่เมื่อเห็นโฆษณาเครื่องดื่ม เบียร์ 0% คนจะนึกถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า ฉะนั้นมันเป็นการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปในตัว จริงๆ แล้วหลายประเทศไม่ให้จดทะเบียน ถ้าเครื่องดื่มคนละประเภทกัน เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์กับไม่มีแอลกอฮอล์จะไม่ให้จดแบรนด์หรือยี่ห้อเดียวกัน เพราะจะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดในสาระสำคัญของสินค้า,กฎหมายไทยขาดการบูรณาการระหว่างกระทรวงต่างๆ คือ กระทรวงที่ควบคุมเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การลดการบริโภค ก็กลายเป็นกระทรวงสาธารณสุข แต่กระทรวงที่ให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าก็เป็นกระทรวงพาณิชย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา , แล้วก็ไม่ได้บูรณาการแนวคิดให้ไปในทิศทางเดียวกัน, มันก็เลยทำให้มีการจดทะเบียนซ้ำชื่อเดียวกันกับเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ มันทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดในสาระสำคัญ,| เบียร์ 0% สร้างนักดื่มหน้าใหม่,ในปี 2560 ที่ผ่านมา ต้องบอกว่ามูลค่าตลาดเครื่องดื่มในไทยสูงมากทีเดียว ประมาณ 5.7 แสนล้านบาท และมีปริมาณการบริโภครวมกันกว่า 7.5 พันล้านลิตร อีกทั้งเมื่อคิดแยกเป็นสัดส่วนประเภทตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็อยู่ที่ 72:28 ในเชิงปริมาณการบริโภค และคิดเป็นสัดส่วน 35:65 ในเชิงมูลค่า ซึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีปริมาณการบริโภคและมูลค่าตลาดสูงที่สุดคงหนีไม่พ้น เบียร์ สัดส่วนอยู่ที่ 72.2% ของปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมด และหากคิดในเชิงมูลค่า ตลาดเบียร์มีสัดส่วนถึง 54% จากมูลค่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวม,สังคมบอกว่า ถ้าสนุกสนานต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องมีเบียร์ ฉะนั้นการสร้างภาพให้คนรับรู้ว่าความสนุกสนานมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้คนเป็นเพื่อน เหมือนที่โฆษณาบอกว่า ทำให้มีมิตรภาพ คิดว่า ,สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดมายาคติ, ทำให้เด็กและเยาวชนถูกชักจูงให้รู้สึกอย่างนั้น ฉะนั้นจึงเริ่มด้วยการดื่มแบบไม่มีก่อน แล้วเขาจะปลูกฝังว่า มันมีความสนุกสนานอยู่ ถ้าเพิ่มดีกรีความเมา เพิ่มความสนุกสนานด้วยการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็จะถูกนำพาไปในทิศทางนั้นได้ง่ายกว่า,ผศ.ดร.บุญอยู่ ฝากถึงประเด็นสำคัญกับทีมข่าวฯ ทิ้งท้ายว่า บริษัทที่ผลิตเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์นำผลิตภัณฑ์ไปวางคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เวลาขายก็วางรวมกัน ไม่ได้แยกไปอยู่เครื่องดื่ม Non-Alcohol พอวางอยู่รวมกันบางทีแยกไม่ออก การหยิบเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ก็จะเห็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ด้วย ส่วนผลกระทบเชิงสังคม เด็กจะชิน ฝึกฝนการดื่ม พูดง่ายๆ เพิ่มดีกรีในการดื่มง่ายขึ้น.,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์, รายงาน,สิงห์นักสูบ บุหรี่ไฟฟ้า เสี่ยงตาย หลงกลกลิ่นหอมตัวร้าย คิดว่าปลอดภัย,นักดนตรีขี้เมา 20 ปี เผยวีรกรรมฝังใจ หักดิบเลิก 7 วัน คาดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยได้ เมีย,10 ปี อุบัติเหตุท้องถนนไทย ตายเกือบแสน รถกระบะ นั่งท้าย-ในแค็บ รอดยาก, 3 ปัจจัย วิเคราะห์ดื่มหนัก หลังสิ้นใจ ร่างกายแข็งช่วงเวลาใด,จาก บูเช็คเทียน กลยุทธ์ ทูตแพนด้า พันล้าน ช่วงช่วง ตาย ส่อจ่ายมากโข,ข้อมูลอ้างอิง, : | ช่วง 2-3 ปีนี้ เรียกได้ว่ากระแสการรักสุขภาพมาแรง แบรนด์ดังต่างๆ แห่แหนแตกไลน์สินค้าหวังเจาะกลุ่มเป้าหมาย ไม่เว้นแม้แต่ ธุรกิจน้ำเมา ที่ก็เอาใจเทรนด์รักสุขภาพกับเขาด้วย | สกู๊ปไทยรัฐ | เบียร์,เบียร์ 0%,แอลกอฮอล์,สุรา,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์,ข่าวเด่น | https://www.thairath.co.th/scoop/1677436 |
คนงานสลบคาบ่อบำบัดสงขลา ตายรวม 4 รอด 1 เหตุจากก๊าซไข่เน่าเต็มท่อ (คลิป) | กรณีเหตุคนงานตกลงไปในท่อระบายอากาศระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ภายในโรงงานส่งออกน้ำยางข้นไปต่างประเทศ ในพื้นที่หมู่ 5 ตำบลพังลา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา คนงานหมดสติอยู่ในท่อระบายอากาศลึกประมาณ 2 เมตร กว่าง 1.5 เมตร จำนวน 4 คน และอยู่สภาพสภาพท่านั่ง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและเพื่อนคนงานเร่งไปช่วยนำร่างขึ้นมาทีละคน และเร่งปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตเนื่องจากทุกคนหมดสติไม่รู้สึกตัว และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ 2 คน โรงพยาบาลสะเดา 1 คน และโรงพยาบาลปาดังเบซาร์ 1 คน,คืบหน้าเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 ส.ค.2562 ที่ผ่านมา ได้รับทราบจากญาติของคนงานที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า ผู้บาดเจ็บทั้ง 4 คนที่นำส่งโรงพยาบาลได้เสียชีวิตแล้ว สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายสุวิทย์ โจมชู อายุ 31 ปี นายสาธิชล ลิ้มแจ้ง อายุ 31 ปี นายสมคิด ดำเกลี้ยง อายุ 43 ปี ทั้งสามคนเป็นคนงานและเป็นญาติพี่น้องกัน และนายสานิต สังชุม อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็นผู้รับเหมา,หลังเกิดเหตุทางพ.ต.อ.นิพนธ์ คงขวัญ ผู้กำกับการสภ.คลองแงะ ได้สอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทราบว่า ขณะเกิดเหตุมีคนงานทั้ง 4 คนได้ลงไปซ่อมท่อระบายน้ำซึ่งอยู่ลึกลงไปในท่อระบายอากาศของบ่อบำบัดน้ำเสียที่กำลังก่อสร้าง และหมดสติทีละคน และกว่าที่จะมีการแจ้งเจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือได้กินเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง,นางชนนิพัทธิ์ ขำยา อายุ 59 ปี แม่ของนายสาธิชล หนึ่งในผู้เสียชีวิตและอยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คนเป็นญาติพี่น้องกัน ทั้งลูกชายตน คือ นายสาธิชล ลูกชาย นายสมคิดน้องชายและนายสุวิทย์หลานชาย โดยจุดที่ทั้ง 4 คนลงไปทำงานไม่ใช่งานที่รับผิดชอบ แต่ทางผู้ควบคุมงานก่อสร้างได้ขอช่วยให้ลงไปซ่อมท่อระบายน้ำ แต่ระหว่างที่ลงไปในท่อคนงานก็หมดสติ คนที่เหลือก็พยายามลงไปช่วย และทันทีที่ลงไปก็หมดสติต่อๆ กันไป,ด้านนายนิรันดร์ ศรีสุวรรณ อายุ 46 ปี ที่รอดชีวิตมาได้บอกว่า ตอนที่มาถึงทราบว่าทั้ง 4 คนได้ลงไปในท่อและเงียบหายไป จึงพยายามเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบ และเมื่อไปดูก็พบว่าหมดสติอยู่ในท่อ จึงพยายามลงไปช่วยพบว่าข้างล่างมีอากาศอยู่ประมาณครึ่งบ่อตนเกือบหมดสติเหมือนกัน แต่ก็พยายามแข็งใจอุ้มร่างนายสานิต ขึ้นมาได้ 1 คน แต่กว่าจะมีคนไปช่วยก็ใช้เวลานาน,จากการตรวจสอบสาเหตุในเบื้องต้นพบว่า ภายในท่อมีก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือก๊าซไข่เน่า อยู่ในท่อจำนวนมาก โดยต่อมาจากระบบบำบัดน้ำเสียที่กำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม เมื่อสูดอากาศเข้าไปเพียงครั้งเดียวก็ทำให้หมดสติได้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง. | คืบหน้าเหตุคนงานลงไปซ่อมท่อระบายอากาศในบ่อบำบัดน้ำเสียโรงงานที่สงขลา สรุปตายรวม 4 ศพ ด้านคนที่รอดตายมาได้เผย เห็นทั้ง 4 คนลงไปในบ่อแล้วหมดสติ จึงพยายามลงไปช่วยแต่ไม่ไหว พบก๊าซไข่เน่าเต็มบ่อ | ข่าว,ทั่วไทย | คนงานหมดสติ,บ่อบำบัดน้ำเสีย,ก๊าซไข่เน่า,ขาดอากาศ,ตาย 4 ศพ,สงขลา,สภ.คลองแงะ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1636135 |
กทม.มีฝน 40% ช่วงบ่ายถึงค่ำ ภาคเหนือ-ตะวันออก ตกหนัก | เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ว่า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันตอนบนเดินเรือด้วยความระมัดระวัง,ทั้งนี้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบนและประเทศไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งเกิดขึ้นในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง,ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น และชัยภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซีย อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.,ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี อุทัยธานี ชัยนาท และนครสวรรค์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.,ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดระนองขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2-3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร,กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. | ช่วงนี้ไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง ตกหนักในภาคเหนือตอนบน-ตะวันออก ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝน 40% ช่วงบ่ายถึงค่ำ ขณะที่ทะเลอันดามัน คลื่นสูง 2 เมตร | ข่าว,ทั่วไทย | ภาคเหนือฝนตกหนัก,สภาพอากาศ,พยากรณ์อากาศ,อากาศวันที่ 28 มิ.ย.,กรมอุตุนิยมวิทยา,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/986097 |
สุดท้ายไม่ได้ค้น วัดพระธรรมกาย เข้าบ้านโฆษกแทน แต่ไร้เงาเป้าหมาย | ขณะที่ เดดไลน์หมายค้นวัดพระธรรมกายวันสุดท้าย ดีเอสไอยังนิ่ง ส่งแต่โดรนไปบันทึกภาพความเคลื่อนไหวภายในวัดแค่ 10 นาทีแล้วกลับ อัยการติงดีเอสไอ เอาแต่กดดันวัดพระธรรมกายด้านกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามหมายค้นของศาล ครั้งหน้าอาจขออนุมัติยากขึ้น แถมอาจถูกแจ้งดำเนินคดีตาม ม.157 ขณะที่มีข่าวทีมเจรจาเตรียมตั้งโต๊ะต่อรองกับวัดพระธรรมกายอีกรอบ ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช เผย ตำรวจ แจ้งข้อหาดำเนินคดีวัดพระธรรมกายและผู้เกี่ยวข้องแล้ว 102 คดี ส่วน กรณ์ มีดี เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย ชูลูกศิษย์วัดพระธรรมกายล้วนเป็นคนมีการศึกษาสูงและฉลาด อ้างส่งอาหารปัจจัยช่วยพระใน 3 จังหวัดชายแดนตลอด ถ้าไม่มีวัดพระธรรมกาย วัดใน 3 จังหวัดจะอยู่ไม่ได้,กรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้องพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พร้อมพวกรวม 5 คน 3 ข้อหาประกอบด้วย สมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร คดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มูลค่าประมาณ 1,400 ล้านบาท พร้อมสั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จับกุมพระธัมมชโยมาส่งฟ้องศาลภายในวันที่ 30 พ.ย. แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถนำตัวพระธัมมชโย มาส่งอัยการได้ หลายฝ่ายเร่งเจรจากับวัดพระธรรมกาย แต่ไม่เป็นผล พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จึงเดินทางไปขออำนาจศาลออกหมายค้นวัดพระธรรมกาย ศาลอนุมัติหมายค้นให้ระหว่างวันที่ 13-16 ธ.ค. นอกจากนี้ ยังดำเนินคดีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพระธัมมชโย วัดพระธรรมกาย และผู้เกี่ยวข้องตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น,ความคืบหน้าจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 16 ธ.ค. พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษและรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอกล่าวว่า ผู้บังคับ บัญชากำชับให้งดการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน หากมีการเคลื่อนไหวใดๆ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติจะเป็นผู้ออกมาให้ข้อมูลด้วยตัวเอง ส่วนที่ดีเอสไอยังไม่เข้าค้นวัด ยังไม่ขอพูดถึงเรื่องดังกล่าวเวลานี้ หากช่วงไหนมีเวลาที่เหมาะสมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหานายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายกับพวกเพิ่มเติมหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินการต่อ,ด้านนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 เผยว่า การที่ดีเอสไอมีหมายค้น แต่ไม่เข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพราะยังกังวลเรื่องการปะทะกับมวลชนจำนวนมากที่อยู่ภายในวัด ขณะเดียวกัน ดีเอสไอใช้วิธีเดินหน้ากดดันทางกฎหมายแทน อย่างล่าสุดแจ้งความดำเนินคดีกับนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระ-ธรรมกาย ตนกังวลผลเสียที่จะตามมาคือ ศาลอาจตั้งคำถามกับดีเอสไอว่า เหตุใดมีหมายค้นแต่ไม่เข้าค้น อาจส่งผลให้การขอหมายค้นครั้งต่อไปยากขึ้นขณะเดียวกัน ดีเอสไออาจถูกแจ้งความมาตรา 157 ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ สิ่งที่ดีเอสไอควรทำหลังได้หมายค้นคือ การประกาศเป็นเขตตรวจค้นและกันคนเข้าออก รวมถึงปิดประตูทางเข้าออกทุกประตู แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ,ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รรท.ผบก.ส.4 กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 14-15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจแจ้งความดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายและผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 102 คดี ไม่รวมคดีที่ศาลออกหมายจับคดีบุกรุกป่าในพื้นที่หลายจังหวัด ซึ่งกว่า 100 คดีนี้รวมถึงการดำเนินคดีกับนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ข้อหาหมิ่นประมาทและยุยงปลุกปั่นด้วย,พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีการดำเนินคดีกับพระธัมมชโยต้องขอความกรุณา เนื่องจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะเป็นผู้ให้ข่าวแต่เพียงผู้เดียว เบื้องต้นทราบเพียงว่า ดำเนินคดีข้อหาต่างๆ ในหลายข้อหา เป็นไปตามที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ดำเนินการอยู่ สำหรับคดี ต่างๆที่ตั้งข้อกล่าวหาเป็นความจริง เป็นการดำเนินคดีตามปกติ ใครทำความผิดส่วนไหนก็ว่าไปตามนั้น แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่ามีอะไรบ้าง ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไปต้องไปดูตามขั้นตอน และต้องดูสถานการณ์วันต่อวัน,ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการดำเนินคดีพระธัมมชโย ตำรวจจะดำเนินการสำเร็จหรือไม่ว่า ไม่ทราบ แต่ต้องเชื่อใจเจ้าหน้าที่ว่าต้องทำหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย มาถามว่าโจรผู้ร้ายเยอะแยะจะสามารถจับได้สักคดี อย่างนี้ไม่ถูกต้อง ถามอย่างนี้มันถามกระแนะกระแหนกันคงไม่ถูก เพราะในแง่ของเจ้าหน้าที่ต้องพยายามทำอย่างเต็มที่อยู่แล้ว อย่าว่าแต่มีคดีเลย ป้องกันไม่ให้มีคดีถือเป็นหน้าที่ แล้วจะมาสบประมาทว่าจะได้สักคดีหรือไม่ หรือว่าจะได้สักครึ่งหนึ่งหรือไม่ ตนตอบไม่ถูก,เมื่อถามว่า หากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่เข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายตามหมายค้นครั้งนี้ การขอหมายค้นครั้งต่อไปจะยากขึ้นหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่รู้เรื่องจริงๆ ดีเอสไอไม่ได้รายงานมา และตนเคยบอกไปว่าไม่ต้องมารายงานอะไร นอกเสียจากมีอุปสรรคอะไรให้มาบอกจะได้ช่วยแก้ไข ถ้าดีเอสไอทำได้ให้ทำไป ดีเอสไอสามารถดำเนินการได้เลย เพราะเป็นอำนาจของเขา ฝ่ายการเมืองไม่ควรลงไปล้วงลูก ยกเว้นถ้าติดขัดให้มาบอก ดีเอสไอแจ้งมาเหมือนกันว่า มีติดขัดปัญหาบ้าง แต่ได้แก้ปัญหาไปแล้ว,มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รักษาการ รมว.ยุติธรรม สั่งการมายังดีเอสไอ และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้หาแนวทางการเจรจากับวัดพระธรรมกายเพื่อหาทางออก นายสุวพันธุ์จึงสั่งการไปยังนายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯแล้ว แต่เนื่องจากทีมเจรจายังไม่พร้อมจึงยังไม่สามารถ กำหนดวันเวลาเข้าเจรจากับวัดพระธรรมกายได้ ทั้งนี้กำหนดการเข้าเจรจาครั้งใหม่จะเป็นการดูตามสถานการณ์ เช่น หากมีการบุกเข้าตรวจค้นแล้วไม่ได้ผลจะขอเข้าเจรจา เป็นต้น ทีมเจรจามีแผนรองรับไว้แล้ว ด้านนายพนมกล่าวถึงกรณีที่นายกฯจะให้เจรจาอีกครั้งว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบรายละเอียด ขณะนี้ตนยังติดราชการในพื้นที่ภาคใต้,ส่วนความเคลื่อนไหวที่วัดพระธรรมกาย ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 12.00 น. บริเวณหน้าประตู 7 วัดพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่ดีเอสไอประมาณ 6 นายนำโดรน 2 ตัวขึ้นบินสำรวจความเคลื่อนไหวภายในบริเวณวัดพระธรรมกาย โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว บอกเพียงว่า มาดูโดยรอบวัด ส่วนรายละเอียดให้สอบถามอธิบดีดีเอสไอเอง หลังจากนั้น 10 นาทีได้รับคำสั่งให้นำโดรนลง แต่ระหว่างนั้นเกิดอุบัติเหตุกับเจ้าหน้าที่รายหนึ่งระหว่างที่นำโดรนลงจอดยังไม่สนิท รีบเข้าไปจับโดรนจนสะบัดถูกศีรษะแตกเลือดอาบรีบขึ้นรถกลับไปทันที ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ มีเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายมาคอยบันทึกภาพตลอดเวลา,ขณะที่บรรยากาศที่วัดพระธรรมกาย วันสุดท้ายตามหมายค้นที่ศาลอนุมัติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าตรวจค้นจับกุมพระธัมมชโย ที่คาดว่ายังคงนอนรักษาอาการอาพาธอยู่ภายในอาคารดาวดึงส์ พบว่าที่ประตู 7 ทางเข้าหลักของวัดพระธรรมกายยังคงมีรถยนต์ส่วนบุคคลเดินทางเข้าออกตั้งแต่ช่วงเช้า ส่วนที่ประตู 6 มีพระภิกษุสงฆ์กว่า 100 รูปนั่งอยู่ในเต็นท์ที่ทางวัดเตรียมไว้ ร่วมกันสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ขณะที่ประตู 5 ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเข้าไปอาคารดาวดึงส์มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันมือที่สามที่อาจเข้ามาก่อเหตุความวุ่นวาย แต่ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นแต่อย่างใด,ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 ธ.ค. นายเอกลักษณ์ ศรีสุกใส และนายทรงพล เรืองสมุทร ช่างภาพของสำนักข่าวอัมรินทร์ทีวี เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง หลังถูกพระลูกวัดวัดพระธรรมกายคุกคาม โดยเข้ามาตบกล้องและใช้แสงเลเซอร์ยิงใส่กล้อง,ส่วนพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเชิญชวนคณะศิษย์ให้มาร่วมสวดมนต์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ที่วัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่อง โดยเชิญชวนให้มาร่วมสวดให้ถึง 12,345,678 จบภายในวันที่ 21 ธ.ค. บูชาธรรมพระเดชพระคุณคุณครูไม่เล็ก (พระทัตตชีโว) ให้อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์บูชาธรรมท่านให้ถึงเป้าหมาย นอกจากนี้ยังนำจดหมายขององค์กรชาวพุทธมาเลเซียที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้อง ให้แก้ปัญหาวัดพระธรรมกายโดยสันติวิธี ลงนามโดยพระธรรมมาจารย์ ซิก ฮุย ไห่ ประธานองค์กรชาวพุทธมาเลเซียระบุว่า รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก กรณีข่าวที่กำลังเป็นศูนย์กลางความสนใจในประเทศ ไทย กรณีที่เกิดกับวัดพระธรรมกาย วัดในพระพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดวัดหนึ่งของประเทศไทย ขณะนี้สื่อต่างๆนำเสนอเหตุการณ์เกี่ยวกับการใช้กองกำลังจำนวนมากบุกไปยังวัดพระธรรมกายในขณะที่มีสาธุชนจำนวนมากมาร่วมปฏิบัติธรรมตามปกติ มีจุดประสงค์เพื่อความสงบสุขของชาติ การใช้กำลังเกินกว่าเหตุนี้เป็นการกระทำอันไม่สมควรยิ่ง เนื่องจากวัดพระธรรมกายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในภูมิภาคเอเชียว่า เป็นวัดที่จัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนสันติภาพมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวัด ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำครั้งนี้จะทำให้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมประพฤติปฏิบัติธรรมเกิดความตระหนกตกใจและรู้สึกเป็นกังวล ขอวิงวอนให้ท่านนายกรัฐมนตรีจัดการ ดูแลเรื่องนี้ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ในประเทศไทยสืบไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดูแลสถานการณ์ให้เป็นไปอย่างสันติและยุติธรรม,ขณะที่นายกรณ์ มีดี เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย เผยว่า ขอออกตัวก่อนว่าตนไม่เคยฝึกแนวของพระธรรมกาย จึงไม่ทราบว่าดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด แต่เมื่อพิจารณาว่า ทำไมสังคมโจมตีพระธัมมชโยมาก แต่ลูกศิษย์ยังแน่นวัด แต่ละคนไม่ใช่คนโง่ที่ให้ใครหลอกง่าย ทั้งเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคม ที่สำคัญตอนนี้ลูกศิษย์ยอมสละงาน สละเวลา สละหน้าที่ส่วนตัวเอาชีวิตมาเป็นเดิมพันมาปกป้องโดยไม่ใช้ความรุนแรง กลับเลือกที่จะสวดมนต์แทน ทำไมลูกศิษย์แต่ละคนล้วนมีการศึกษาสูง และเป็นคนฉลาด สิ่งเหล่านี้น่าคิดและสังคมกลับละเลย ตนได้ข้อคิดว่า ไม่ควรตัดสินพระธัมมชโยตามกระแสสังคม,นายกรณ์กล่าวต่อไปว่า ตนเคยถามพระที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ว่า ทุกวันนี้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร ทั้งที่โดนกลุ่มผู้ไม่หวังดีในพื้นที่กดดันสารพัด คำตอบคือ พระธรรมกายช่วยเหลือพระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้มานาน ทั้งส่งปัจจัยพร้อมส่งข้าวสารอาหารแห้งให้พระเหล่านั้นนำเอาข้าวสารอาหารแห้งไปแจกจ่ายให้คนพุทธและมุสลิมพื้นที่ใกล้วัด ส่งผลให้ทั้งชาวพุทธและมุสลิมเป็นเกราะกำบังให้พระดำรงอยู่เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้ จึงคิดว่าถ้าโค่นพระธรรมกายสำเร็จ แล้วพระใน 3 จังหวัดชายแดนใต้จะทำอย่างไร การโค่นธรรมกายมีใครประสงค์จะขับไล่พระและชาวพุทธให้สิ้นไปจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้หรือไม่ ฝากให้ชาวพุทธฉุกคิดกันบ้าง,ต่อมาเวลา 15.30 น. พ.ต.อ.สามารถ ศรีสิริ-วิบูลย์ชัย รอง ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง นำหมายศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 638/2559 เข้าตรวจค้นบ้านนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เลขที่ 24/1 ซอยคลองหลวง 66 หมู่ 7 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นเนื้อที่ 100 ตารางวา ในบ้านพบ น.ท.สมชาย ธรรมนิทา บิดานายองอาจที่เกษียณอายุราชการแล้ว และนายปรัชญา ก้อนจันทร์ ทนายความของนายองอาจเป็นผู้ตรวจสอบหมายค้น จากการตรวจไม่พบนายองอาจและสิ่งผิดกฎหมาย น.ท.สมชาย ธรรมนิทา เผยว่า ไม่ได้พบนายองอาจมานานแล้ว ไม่รู้ว่าลูกไปพักที่ไหน ตนเพียงติดตามเรื่องจากสื่อเพียงเท่านั้น ส่วนนายปรัชญา ก้อนจันทร์ ทนายความนายองอาจเผยว่า จะเข้ามาช่วยดูเรื่องคดี และประสานนายองอาจเพื่อมอบตัวต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป,ส่วนความคืบหน้าคดีสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนคลองจั่น จำกัด นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการคดีพิเศษ กล่าวถึงกระแสข่าวประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นคนปัจจุบันขอถอนฟ้องอุทธรณ์คดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 22 ล้านบาท ที่มีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 59 ปี อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นเป็นจำเลยว่า ตามหลักกฎหมายหากเป็นคดีที่ยอมความได้ เช่น คดียักยอกทรัพย์ ผู้เสียหายในคดีมีสิทธิ์ยื่นถอนฟ้องอุทธรณ์ได้ แต่หากเป็นสำนวนที่มีการแจ้งความและอัยการส่งฟ้องต่อศาลแล้ว อัยการต้องพิจารณารายละเอียดก่อน แต่อัยการยังไม่เห็นหนังสือจากผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้เสียหายทางคดีมายื่นขอถอนฟ้องอุทธรณ์,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นคนปัจจุบัน ขอถอนฟ้องอุทธรณ์คดีดังกล่าว เนื่องจากได้รับเงินชดเชยค่าเสียหายแล้ว วันนี้มีผู้เสียหายรายอื่นที่ไม่เห็นด้วยมายื่นคำร้องคัดค้านการถอนฟ้องอุทธรณ์ต่อศาล ซึ่งศาลได้รับคำร้องไว้เพื่อส่งให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งต่อไป,สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นตัดสินเมื่อวันที่ 8 มี.ค.59 หลังจากที่นายศุภชัยให้การรับสารภาพ และศาลมีคำพิพากษาลงโทษฐานเป็นผู้จัดการทรัพย์สินกระทำหน้าที่โดยทุจริตและยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.353 และ 354 ให้จำคุก 8 กระทง รวม 32 ปี แต่จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยรวม 16 ปี โดยอัยการไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ แต่นายศุภชัยมอบหมายให้ทนายความยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา | ตำรวจบุกค้นบ้าน องอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับ สภ.คลองหลวง เจอแต่พ่ออยู่กับทนาย ให้การว่าไม่กลับบ้านนานแล้ว | null | ธัมมชโย,ศิษย์ธรรมกาย,ดีเอสไอ,ค้นบ้านองอาจ,องอาจ ธรรมนิทา | https://www.thairath.co.th/content/813707 |
มีเซอร์ไพรส์? คาด 11 ตัวจริงหงส์แดง เกมดวลPSG พร้อมแผนการเล่น | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 17 ก.ย. ว่า ความเคลื่อนไหวศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี นัดแรก ซึ่ง หงส์แดง ลิเวอร์พูล จะเปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ ปารีส แซงต์ แชร์แมง ยอดทีมแห่งศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ในวันอังคารนี้,ล่าสุด สื่ออังกฤษ ออกมาคาดการณ์ 11 ตัวจริงของทีมลิเวอร์พูลที่ เยอร์เกน คลอปป์ จะส่งลงสนามในเกมดังกล่าว ผู้รักษาประตู, กองหลัง และ แผงมิดฟิลด์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่จุดน่าสนใจอยู่ที่แนวรุก ถ้า โรแบร์โต เฟอร์มิโน กองหน้าทีมชาติบราซิลยังไม่หายดีจากการเจ็บตา คลอปป์ อาจต้องส่ง เซอร์ดัน ชาคิรี ลงสนามเป็นตัวจริง ทำเกมรุกแดนหน้าฝั่งขวา ส่วนมาเนยืนฝั่งซ้าย โดยมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับหน้าที่กองหน้าตัวเป้าแทน เฟอร์มิโน,รายชื่อ 11 ตัวจริงหงส์แดงที่คาดว่าจะลงสนาม มีดังนี้,อลิสสัน เบคเกอร์ (GK), เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิตา, เซอร์ดัน ชาคิรี, ซาดิโอ มาเน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ | มีการคาดการณ์ 11 ตัวจริงของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล พร้อมแผนการเล่น ในเกมเปิดบ้านรับมือ ปารีส แซงต์ แชร์แมง ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดแรก | กีฬา,ฟุตบอลยุโรป | ลิเวอร์พูล,เปแอสเช,ปารีส แซงต์ แชร์แมง,เซอร์ดัน ชาคิรี,ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก | https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/eufa/1377567 |
ย่ำกรุงเทพฯ ย้อนรอยเหตุการณ์ ‘อภิวัฒน์สยาม 2475’ | คนไทยทุกคนต่างรู้ดีว่า วันที่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย เป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของสยามประเทศ การอภิวัฒน์ในครั้งนั้นนำพาชาวสยามหลุดจากการปกครองเดิมตามระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นก้าวแรกของสังคมประชาธิปไตยที่ประชาชนอย่างเราได้สัมผัส ปฏิบัติ ยึดถือ และพยายามพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังว่าจะผลิบานเต็มใบทั้งทางนิตินัยและพฤตินัยสักวันหนึ่ง THE STANDARD อยากพาคุณย้อนอดีตไปรำลึกวันสำคัญนี้ด้วยการชมสถานที่สำคัญย่านเมืองเก่าไปด้วยกันพระบรมรูปทรงม้า ก้าวสำคัญของประวัติศาสตร์ สถานที่แห่งแรกเพื่อการย้อนรำลึกคงไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่า พระบรมรูปทรงม้า ตั้งอยู่ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า ติดกับสวนอัมพร งานประติมากรรมปูนปั้นฝีมือช่างจากโรงหล่อในประเทศฝรั่งเศส เนื่องในโอกาสเถลิงถวัลยราชสมบัติ 40 ปี ฉันมาถึงที่นี่ช่วง 10 โมงกว่า ฟ้าโปร่ง แสงแดดเริ่มร้อน ลานโล่งกว้างแน่นขนัดไปด้วยรถบัสจากทัวร์จีน ผู้คนนับร้อยเดินกันขวักไขว่ บรรยากาศอาจอนุมานได้ว่าวุ่นวายคล้ายคลึงกับวันนั้น ทว่าเป็นความยุ่งเหยิงกันละคนแบบ ไม่มีพลทหารม้าและทหารราบจากนักเรียนนายร้อยชุมนุม ไม่มีรถหุ้มเกราะ มีแต่รถบัสบรรจุนักท่องเที่ยว บนพื้นหน้าลานเสือป่า หมุดไพร่ฟ้าหน้าใส ถูกแทนที่ด้วย หมุดคณะราษฎร หมุดทองเหลืองที่ทำหน้าที่อ้างอิงตำแหน่งพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นำประกาศคณะราษฎรขึ้นมาอ่าน เช้าวันนั้นรู้เรื่องกันที่สนามกอล์ฟ พระยาอิศราฯ (อธิบดีกรมมหาดเล็กหลวง) เป็นคนไปกราบบังคมทูลให้ในหลวงทรงทราบ…ระหว่างนั้นก็ทราบข่าวกระท่อนกระแท่นจากวิทยุ…ต่อมาในหลวงก็ทรงได้รับโทรเลขมีความว่า ทางกรุงเทพฯ ได้ส่งเรือรบมาทูลเชิญเสด็จกลับ…หลังจากนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงเศษ หลวงศุภชลาศัยก็มาถึง (กับเรือรบ) … ในหลวงท่านรับสั่ง ไม่กลับหรอก เรือสุโขทัยพวกนั้นจึงกลับไป ระหว่างนั้นเราก็ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร…เมื่อฉันรู้เรื่องจากในหลวง ฉันก็บอกว่าไม่ไปหรอก ยังไงก็ไม่ไป (ต่างประเทศ) ตายก็ตายอยู่แถวนี้ ท่านรับสั่งว่า ตกลงจะกลับ… ตกลงว่าจะเดินทางกลับโดยรถไฟ – พระราชบันทึกทรงเล่าในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ จากหนังสือ เบื้องแรกประชาธิปไตย บันทึกความทรงจำของผู้อยู่ในเหตุการณ์สมัย พ.ศ. 2475-2500 รวบรวมและจัดพิมพ์โดยสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ธันวาคม 2516รัฐสภาแห่งแรก สถานที่ก่อเกิดรัฐธรรมนูญสยามฉบับถาวร หลังพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงตัดสินพระทัยเป็นมหากษัตริย์ไทยภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เพราะทรงไม่อยากให้เกิดเหตุปะทะจนเสียเลือดเนื้อ ดังพระราชดำรัสที่พระราชทานไว้ว่า … ข้าพเจ้าไม่สามารถนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่เปื้อนเลือดได้… 3 วันหลังจากเหตุการณ์ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า คณะราษฎรได้เข้าเฝ้าฯ และนำร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พุทธศักราช 2475 ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ซึ่งเป็นเอกสารร่างเขียนขึ้นล่วงหน้าโดยนายปรีดี พนมยงค์ ผู้นำคณะราษฎร ฝ่ายพลเรือน พระองค์ทรงเติมคำว่า ชั่วคราว ต่อท้าย และทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับถาวร (ฉบับแรก) ให้แก่ราษฎรในวันที่ 10 ธันวาคม 2475 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นท้องพระโรงเดิมของพระราชวังดุสิต สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่แล้วเสร็จในรัชสมัยของรัชกาลที่ 6 ออกแบบและตกแต่งโดยสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อ มาริโอ ตามานโญ โดยได้แรงบันดาลใจจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ แห่งนครรัฐวาติกัน และโบสถ์เซนต์ปอลแห่งกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เป็นพระที่นั่งหินอ่อนเพียงองค์เดียวในประเทศไทย และยังเป็นหินอ่อนสีขาวชั้นหนึ่งจากเมืองคาร์รารา ประเทศอิตาลี ความโอ่อ่าของพระที่นั่งชวนให้รู้สึกขนลุกอย่างแปลกประหลาด แต่ยามเมื่อนึกจำลองเหตุการณ์ในวันนั้นว่าเป็นเช่นไรแล้วขนลุกยิ่งกว่า เมื่อนึกตามพระราชบันทึกทรงเล่าในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ว่า เราผ่านพระที่นั่งอนันตสมาคมก็ไม่มีอะไร มาทราบเอาทีหลังว่า บนพระที่นั่งอนันตสมาคม เขาตั้งปืนไว้เต็มหมด เพราะรู้ว่าเราจะมาทางนั้น ความสำคัญของพระที่นั่งอนันตสมาคมกับเหตุการณ์อภิวัฒน์ 2475 นอกจากพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นรัฐสภาแห่งแรกของประเทศ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรสมัยแรกตามธรรมนูญการปกครองฯ มีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย และมีนายปรีดี เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของสภาผู้แทนราษฎร ปารุสกวัน สำนักงานชั่วคราวคณะราษฏร อีกหัวมุมถนนลานพระบรมรูปทรงม้า ตรงถนนพิษณุโลกตัดกับถนนพระราชดำเนินนอก วังปารุสกวัน ตั้งตระหง่านอวดความงามด้วยสถาปัตยกรรมปูนปั้นแบบยุโรป อาคารสีเหลืองอมส้ม ซึ่งอดีตเคยเป็นวังที่ประทับของจอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ พระราชโอรสในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสที่ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการทหาร จากประเทศรัสเซีย หลังเปลี่ยนระบอบการปกครอง วังปารุสกวันถูกเปลี่ยนบทบาทกลายเป็นที่ทำการของคณะราษฎรชั่วคราว ในนามของสำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ก่อนจะย้ายไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม และที่เป็นพำนักของพระยาพหลพลพยุหเสนาระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรีและพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว พวกเราเดินสะพายกล้องเดินเลียบกำแพงเข้าไปยังตัววังผ่านประตูของกองบัญชาการตำรวจนครบาล แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อตัวอาคารปิดซ่อม จะเปิดให้บริการในวันที่ 23 กรกฎาคมที่กำลังจะมาถึง ทำได้เพียงแค่เดินชมรอบนอก และถ่ายรูปไกลๆ เท่านั้น มองประวัติศาสตร์ผ่านอัตชีวประวัติ ช่วงหัวบ่าย เราตัดสินใจไปเติมพลังกับของกินอร่อยๆ ในย่านเสาชิงช้า ที่มีให้เลือกทั้งข้าวหน้าเป็ด เย็นตาโฟเจ้าดัง ก๋วยเตี๋ยวเรือมีชื่อ และอีกสารพัดเยอะแยะละลานตาจนกินไม่ไหว ก่อนนั่งตุ๊กตุ๊กย้อนกลับไปแถวสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อไปเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที อาคารสีเขียวไข่กาในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก มีหอคอยยอดโดมตกแต่งด้วยลายปูนปั้นแบบกรีก-โรมัน สวยงามน่าดูชมนัก จนกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอาคารเป็นโบราณสถานแห่งชาติ และได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ตัวพิพิธภัณฑ์มีทั้งหมด 4 ชั้น ด้านล่างจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ชั้น 2-4 เป็นนิทรรศการถาวรบอกเล่าเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อย่างครบถ้วน ฉันเชื่อว่าที่นี่ให้ข้อมูลเกือบสมบูรณ์ที่สุดแล้วเกี่ยวกับพระองค์ รวมไปถึงเหตุการณ์ในสมัยอภิวัฒน์ 2475 ด้วย คุณสามารถเห็นพระราชบันทึก พระราชสาส์นต่างๆ ที่พระองค์ตรัสโต้ตอบกับคณะราษฎร บทความที่พระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อต่างประเทศ รวมไปถึงภาพสำคัญต่างๆ ในสภาพสมบูรณ์วังริมน้ำของต้นราชสกุลบริพัตร ปิดท้ายทริปด้วยวังริมน้ำของต้นราชสกุลบริพัตร วังบางขุนพรหม ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสะพานพระราม 8 ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของธนาคารแห่งประเทศไทย เดิมเป็นวังเก่าที่ออกแบบโดยใช้อิทธิพลจากสถาปัตยกรรมแบบบาโรกและโรโกโก โครงสร้างก่ออิฐฉาบปูน ผนังรับน้ำหนัก หลังคาไม้เนื้อแข็งทรงมังซาร์ มุงด้วยกระเบื้องว่าวไล่ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ตามกรอบประตูและช่องแสงมีปูนปั้นเส้นนูนประดับ บางส่วนปิดด้วยแผ่นไม้ฉลุลาย ฝ้าเพดานเขียนสีทองเน้นลวดลาย พื้นภายในเป็นพื้นไม้สักปูเข้าลิ้น ความวิจิตรของงานตกแต่งทำให้วังบางขุนพรหมขึ้นชื่อว่าเป็นวังที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ สมัยการอภิวัฒน์ 2475 ครานั้น เป้าหมายสำคัญของขั้นตอนการอภิวัฒน์คือ การบุกจับกุมสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร แทนกษัตริย์สยาม ช่วงเวลาเช้าประมาณตีสี่ของวันที่ 24 มิถุนายน พลตำรวจโทพระยาอธิกรณ์ประกาศ (หลุย จาติกวณิช) อธิบดีกรมตำรวจ ได้ขอเข้าเฝ้าเพื่อรายงานทางลับว่ามีคณะบุคคลกำลังก่อการอภิวัฒน์ โดยเตรียมเรือกลไฟเล็กมาจอดคอยอยู่ที่ท่าน้ำ ณ ตำหนักน้ำ เพื่อให้สมเด็จฯ เสด็จหนีไปก่อน แต่พระองค์ทรงสวนรับสั่งว่าจะอยู่ที่นี่ ไม่นานวังบางขุนพรหมก็ถูกล้อมรอบด้วยทหาร ดังเนื้อความในหนังสือ บันทึกพระยาทรงสุรเดช เมื่อวันอภิวัฒน์ 24 มิถุนายน 2475 ว่า หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวก็มีขบวนรถถังและรถเกราะ 6 คัน พร้อมด้วยนักเรียนนายร้อย 1 หมวด นำโดยพระประศาสน์ฯ และหลวงพิบูลฯ เข้ายึดสถานีตำรวจหน้าวังไว้ และเคลื่อนพลเข้ามาในวังบางขุนพรหม และเมื่อจับกุมสมเด็จฯ สำเร็จ ก็เท่ากับว่าคณะราษฎรทำการอภิวัฒน์สำเร็จไปแล้วถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าเหตุการณ์ในวันนั้นจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เราได้จากการอภิวัฒน์คือการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในหนึ่งวันการย้อนรอย อภิวัฒน์สยาม 2475 ทำให้เห็นและเข้าใจถึงอดีตมากขึ้น การอภิวัฒน์ยึดอำนาจนั้นไม่ยาก แต่ยากที่จะทำให้บรรลุผลทางอุดมการณ์ เพราะผลจากการอภิวัฒน์ในครั้งนั้นทำให้เกิดการก่อกบฏอีกหลายครั้ง รวมถึงความขัดแย้งกันเองในหมู่คณะราษฎรด้วย ประชาธิปไตยในนามใช่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยในทางปฏิบัติ ความเป็นประชาธิปไตยจะเกิดผลไปทางใดนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะใช้มันไปในทิศทางใด …ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาชน – ส่วนหนึ่งของพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงสละราชสมบัติ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2477Where to Eat หากหิวระหว่างการเดินย้อนรอยประวัติศาสตร์ ละแวกตัวเมืองเก่ายังมีของกินอร่อยๆ หลายอย่าง แนะนำให้หาของกินบริเวณ ถนนดินสอ ไปจนถึง เสาชิงช้า มีทั้งร้านมีชื่ออย่าง ครัวอัปสร บ้านดินสอ มิตรโกหย่วน ไปจนถึงร้านของกินริมทาง อาทิ ก๋วยเตี๋ยวนายอ้วนเย็นตาโฟ เทียนซ้งเป็ดย่าง ราดหน้ายอดผัก (สูตร 40 ปี) เป็นต้นอ้างอิง: | ความสำคัญของพระที่นั่งอนันตสมาคมกับเหตุการณ์อภิวัฒน์สยาม 2475 นอกจากพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นรัฐสภาแห่งแรกของประเทศ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อาคารสีเขียวไข่กาในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอาคารเป็นโบราณสถานแห่งชาติ นอกจากจะบอกเล่าเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังรวมไปถึงเหตุการณ์ในสมัยอภิวัฒน์ 2475 ด้วย คุณสามารถเห็นพระราชบันทึก พระราชสาส์นต่างๆ ที่พระองค์ตรัสโต้ตอบกับคณะราษฎร บทความที่พระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อต่างประเทศ รวมไปถึงภาพสำคัญต่างๆ ในสภาพสมบูรณ์ | null | null | https://thestandard.co/lifestyle-travel-siam-revolution-2475/ |
เจเจ เป็นปลื้มร่วมเดินแบบโตเกียวแฟชั่นวีค ต้าเหนิง ช่วยเทรนไม่ห่าง | ไร้โอกาสอยู่เที่ยวต่อ เปรยได้มีโอกาสเป็นจิตอาสาไปแจกของที่ท้องสนามหลวง รู้สึกแฮปปี้ขนาดฝนตกก็ยังแจกของอยู่,รู้สึกอย่างไรที่วันนี้ได้มีโอกาสมาร่วมแจกของที่บ้านพักคนชรา? รู้สึกคิดถึงอากง อาม่า โดยส่วนตัวมีโอกาสได้มาทำบุญที่บ้านพักคนชราบ่อยๆ อยู่แล้ว เห็นว่าก่อนหน้านี้ไปเกาหลีมา? ใช่ครับ บินไปพักผ่อนกับที่บ้าน แล้วก็บินไปเดินแบบที่ญี่ปุ่น ในงานโตเกียวแฟชั่นวีค แบรนด์ของมิฮาร่า เขาติดต่อมายังไง? ผ่านพี่ก้อง ไฮฟ์ ซาลอน เขา รู้จักกับดีไซเนอร์ที่โน่น ก็เลยเอาโปรไฟล์ ของเราให้ทางนั้นดู พอไปแคส เขาก็ชอบ เลยได้งานนี้มา แคสยากไหม? คนข้างยากคนญี่ปุ่น เขาทำงานกันค่อนข้างจริงจังของคนไทย,คาดหวังว่าจะได้ไหม? ทำเต็มที่ครับเพราะเราก็ไม่มีทักษะในด้านการเดินแบบเท่าไร ค่อนข้างตื่นเต้นและประหม่า เพราะเป็นดาราไทยคนเดียว และเป็นการไปเดินแบบต่างประเทศครั้งแรกของผมด้วย ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เจอคนรอบข้างดีๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากไปอีก มีแต่ผลดีต่อตัวเราล้วนๆ ต้องรอดูผู้ใหญ่อีกที ต้าเหนิงเทรนให้ยังไงบ้าง? ไปถาม ไปปรึกษา เขาก็บอกให้เดินเหมือนในชีวิตประจำวัน มีความมั่นใจในตัวเอง เพราะถ้าไม่มั่นใจสีหน้าเราจะแสดงออกได้ชัดเจน ตัวเค้าเองก็ไปให้กำลังใจเราด้วย,ได้ไปเที่ยวกันต่อไหม? ไม่มีครับเสร็จงานแล้วก็บินกลับมาเลยเพราะมีงานต่อ เห็นว่าไปเป็นจิตอาสาที่สนามหลวง? ใช่ครับมีโอกาสได้ไปเป็นจิตอาสาแจกขนมให้ประชาชนที่สนามหลวงรู้สึกดีมากๆ คนไทยทุกคนช่วยเหลือกัน อย่างวันที่ผมไปฝนตก ก็ยืนตากฝนแจกของกับเพื่อนๆ พอแจกหมดฝนก็หยุดตกทันที ต่อให้ฝนตกทุกคนก็ยังแบ่งปันน้ำใจให้กัน ถ้ามีโอกาสก็จะไปอีกครับ. | เจเจ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม เผยไปเดินแบบที่ญี่ปุ่น บอกการทำงานยากและแตกต่างจากเมืองไทยมาก ตนยังไม่ค่อยมีสกิลการเดินแบบเท่าไหร่ เป็นการเดินแบบต่างประเทศครั้งแรก หากมีโอกาสก็อยากไปอีก มีถาม ต้าเหนิง เรื่องเดินแบบ | null | เจเจ,เจเจ กฤษณภูมิ,กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม,เจเจ ต้าเหนิง,เจเจ เดินแบบ,ข่าว,ข่าวบันเทิง,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/781341 |
สมศักดิ์ ลุยเมืองแพร่ คุยปราชญ์ชาวบ้าน รับฟังปัญหาเกษตรกร | เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.61 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงการลงพื้นที่เพื่อพบปะเกษตรกร ที่ถูกยกย่องให้เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.หนองม่วงไข่ จ.แพร่ ว่า ตนได้เข้าพบและปรึกษาหารือกับ นายมนู ไผ่แก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.วังหลวง และ นายอิทธิพล คำแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.วังหลวง อ.หนองม่วงไข่ จ.แพร่ เพราะบุคคลทั้ง 2 ถือเป็นเกษตรกรตัวอย่าง นำวิถีเกษตรพอเพียงปลูกพืชผักแบบปลอดสารพิษ มาปฏิบัติใช้จนพลิกวิกฤติของเกษตรกรให้เป็นโอกาส โดยประเด็นสำคัญที่ได้จากการพูดคุย คือ รับทราบถึงปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่ ที่พบว่ามีต้นทุนการผลิตที่สูง ทำให้รายได้ลดลงและบางครั้งพบปัญหาขาดทุน,นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตามข้อมูลที่ได้รับทราบ คือ เกษตรกรที่ปลูกข้าว พบต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 3,000-3,500 บาทต่อไร่ เกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด พบต้นทุนที่ 5,700 บาทต่อไร่ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าเมล็ดพันธุ์ที่แพง, ค่ายาปราบศัตรูพืชและค่าปุ๋ย หากช่วงใดที่ราคาขายดีจะทำให้มีกำไร แต่หากช่วงใดที่ราคาสินค้าตกต่ำทำให้เจอกับภาวะขาดทุน ดังนั้นจากปัญหาดังกล่าว ทำให้มีแนวคิดที่จะแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนของเกษตร ทั้งการใช้เทคโนโลยีแลโนฮาว เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ไฮบริดจ์เพื่อลดราคาเมล็ดพันธุ์ลง เช่น ปัจจุบันเกษตรกรต้องแบกรับภาระค่าเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่กิโลกรัมละ 120 บาท การส่งเสริมการใช้ปุ๋ยที่ผลิตภายในประเทศ ลดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้กับอุปกรณ์การเกษตร เป็นต้น,สำหรับปัจจัยที่จะเป็นตัวช่วยเกษตรกรระยะยาวและยั่งยืน คือ การนำปราชญ์ชาวบ้านมารวมกลุ่มและร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ ปรึกษาหารือถึงปัญหาและแก้ไขในประเด็นต่างๆ หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าให้เกษตรกรเป็นคอนเซาท์ นอกจากนั้นในด้านที่เกี่ยวข้องต้องให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกที่ไม่เกินความต้องการของตลาด และให้องค์ความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อขายสินค้า นายสมศักดิ์ กล่าว,นายสมศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า ปัญหาของเกษตรกรในด้านต่างๆ เป็นปัญหาที่สะสมและเกิดขึ้นมานาน แม้หลายรัฐบาลจะพยายามแก้ปัญหา แต่พบว่าเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทั้งนี้ตนเข้าใจในทิศทางและการบริหารงานของรัฐบาลหลายคณะที่ผ่านมาๆ เพราะยังขาดบุคคลที่เข้าใจเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา อย่างแท้จริง ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร โดยเราจะต้องปลูกตามความต้องการของตลาด และเราจะต้องสร้างอาชีพเสริม(ปศุสัตว์)ให้เป็นเงินออมและให้เป็นรูปธรรม | สมศักดิ์ ลงพื้นที่ จ.แพร่ ถกปราชญ์ชาวบ้าน นำวิถีเกษตรพอเพียง พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ดันแนวทางแก้ปัญหาขาดทุน ผ่านกลไกลดต้นทุน-เสริมศักยภาพการตลาด | เลือกตั้ง | เลือกตั้ง62,พลังประชารัฐ,กลุ่มสามมิตร,สมศักดิ์ เทพสุทิน,เลือกตั้ง | https://www.thairath.co.th/news/politic/1457953 |
เชียงราย หมอกควันเกินค่ามาตรฐาน กระทบการบิน | พื้นที่อำเภอแม่สาย และอำเภอเมืองเชียงราย ประสบปัญหาหมอกควัน โดยมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน สูงสุดในพื้นที่ภาคเหนืออีกครั้ง โดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย มีค่าสูงสุดอยู่ที่ 431.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากค่ามาตราฐานที่ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าคุณภาพอากาศในขณะนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ เบื้องต้นท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยกองทัพอากาศ ได้นำเครื่องบินลำเลียงบรรทุกน้ำ 2000 ลิตร ขึ้นบินโปรยละอองน้ำ วันละ 3 เที่ยว เพื่อคลี่คลายปัญหาหมอกควันส่วนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน หมอกควันที่ปกคลุมพื้นที่ ทำทัศนะวิสัยในการมองเห็นที่เหลือเพียง 800 เมตร ทำให้ขณะนี้ สายการบินต้องหยุดให้บริการทุกเที่ยวบิน ผู้โดยสารต้องเดินทางกลับโดยทางรถตู้ปรับอากาศแทน โดยผู้ประกอบการท่องเที่ยวประเมินว่า หากยังถูกปกคลุมด้วยหมอกควันแบบนี้ไปอีกจะกระทบกับการท่องเที่ยวอย่างแน่นอนด้าน นายสุรพล ลีลาวโรภาส ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียม พบว่ามีจุดฮอทสปอร์ต ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอแม่แจ่ม และ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเผาเพื่อเตรียมทำการเกษตร จึงได้สั่งการให้เร่งทำความเข้าใจและรณรงค์ป้องกันแล้วขณะที่ นายบุญเชิด คิดเห็น ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นำผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานต่างๆ กล่าวคำสาบานตนว่าจะไม่เผาป่า หรือ มีส่วนร่วมในการกระทำผิด หลังจังหวัดลำปาง เป็นหนึ่งในพื้นที่ ที่เกิดปัญหาหมอกควันต่อเนื่องมาตั้งเดือนกุมภาพันธ์ และคลี่คลายลงในช่วงสัปดาห์ก่อน เนื่องจากพายุฤดูร้อน แต่ล่าสุดกลับมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐาน ทั้ง 4 สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ | เที่ยวบินทุกเที่ยวบินในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต้องหยุดให้บริการอีกครั้ง เนื่องจากปัญหาหมอกควันทำให้ทัศนะวิสัยในการมองเห็นได้ไม่ถึง 1 กิโลเมตร ขณที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเคยเป็นจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานมากที่สุดในพื้นที่ภาคเหนือ | ภูมิภาค | null | https://news.thaipbs.or.th/content/73661 |
ออกหมายจับเพิ่มผู้ก่อเหตุระเบิดหน้ารามฯ เชื่อหลบหนีภายในประเทศ | พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานด้านสืบสวน เปิดเผยภาพหมายจับ กลุ่มผู้ก่อเหตุวางระเบิดแสวงเครื่อง บริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 หลังศาลอาญารับฝากขัง 2 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุไว้แล้ว คือ นายอัฟฟาฮัม สะอะ และ นายอิดริส สะตาปอ เมื่อวันที่ 16 กรกาฎาคมที่ผ่านมานอกจากนี้ ศาลยังได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาอีก 3 คน คือ นายคัมคีร์ ลาเต๊ะ นายอิลรอเฮ็ง แวแม และนายฮาเล็ม มะลี ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหลบหนีพล.ต.ต.ปริญญา ระบุว่าตัวการสำคัญที่ถูกซัดทอดจาก 2 ผู้ต้องหา คือ นายคัมภีร์ ซึ่งคำให้การระบุว่า เป็นคนชักชวนให้เพื่อน 4 คน เดินทางจากภาคใต้มาร่วมก่อเหตุ โดยให้ช่วยประกอบวัตถุระเบิด และช่วยดูต้นทางขณะลงมือลอบวางระเบิดส่วนปมเหตุการลงมือจนถึงขณะนี้ยังไม่แน่ชัด ยังมีความเป็นไปได้ทั้งเรื่องขัดผลประโยชน์ระหว่างแผงค้า ความขัดแย้งส่วนตัว และสร้างสถานการณ์ แต่จากการตรวจสอบประวัติทั้งหมดไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และไม่พบประวัติเคยก่อคดีอาชญากรรมมาก่อนสำหรับหมายจับดังกล่าวได้ถูกส่งไปให้ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ นำไปใช้เพื่อติดตามหาตัวคนร้ายทั้ง 3 มาดำเนินคดีแล้ว และคาดว่าผู้ต้องหายังคงหลบอยู่ในประเทศไทย โดยหมายจับนี้มีอายุความ 20 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลอนุมัติหมายจับ | หลังศาลอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุในคดีลอบวางระเบิดหน้าปากซอยรามคำแหง 43/1 เพิ่มเติมอีก 3 คน กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ เปิดเผยภาพกลุ่มผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นเชื่อว่า ผู้ต้องหายังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย | อาชญากรรม | ระเบิด,รามคำแหง 43/1,ออกหมายจับ | https://news.thaipbs.or.th/content/184926 |
สื่อแฉ เจอร์ราร์ด ตะลุยไนท์คลับโต้รุ่ง ย้อมใจถูกเขี่ยร่วงเอฟเอ คัพ | สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วันที่ 21 เม.ย. 58 ว่า สตีเวน เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีมลิเวอร์พูล พร้อมด้วยเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ออกตระเวนราตรีในไนท์คลับกลางกรุงลอนดอน เพื่อปลดปล่อยอารมณ์ความเศร้า หลังถูกทีม แอสตัน วิลลา เฉือนเอาชนะไปอย่างหวุดหวิด 2-1 ในเกมรอบรองชนะเลิศศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ 2015 อดเข้าชิงถ้วยในฤดูกาลสุดท้ายกับการค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์,โดยสำนักข่าว เดลี เมล์ สื่อชื่อดังแห่งเมืองผู้ดี รายงานว่า กองกลางจอมทุ่มเทของทีมหงส์แดง วัย 34 ปี ได้เปิดห้องสูทวีไอพี พร้อมด้วยเพื่อนอีกจำนวนหนึ่งในไนท์คลับชื่อดัง ย่านเคนซิงตัน ในกรุงลอนดอน ที่ชื่อว่า บูจิส หลังเกมพ่ายต่อ แอสตัน วิลลา อดเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ ซึ่งจะเตะกันในวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 และตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ เจอร์ราร์ด อีกด้วย รวมถึงเป็นการปิดฉากชีวิตการค้าแข้งบนถิ่นแอนฟิลด์ที่น่าผิดหวังในฤดูกาลสุดท้าย,สำหรับ สตีเวน เจอร์ราร์ด จะอำลาทีมลิเวอร์พูล หลังอยู่ร่วมกับทีมดังในละแวกเมอร์ซีไซด์ตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชน ทั้งหมดรวมเวลากว่า 25 ปี เพื่อย้ายไปค้าแข้งในเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ในสหรัฐอเมริกากับทีมแอลเอ กาแลกซี่ หลังจบฤดูกาลนี้. | สตีเวน เจอร์ราร์ด เปิดห้องวีไอพีไนท์คลับชื่อดังกลางกรุงลอนดอน ย้อมใจหลังถูกทีม สิงห์ผยอง เขี่ยตกรอบตัดเชือกฟุตบอลเอฟเอ คัพ อดเข้าชิงชนะเลิศซึ่งตรงกับวันเกิดครบรอบ 35 เต็ม ในวันที่ 30 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ | null | สตีเวน เจอร์ราร์ด,ลิเวอร์พูล,หงส์แดง,ไนท์คลับ,ลอนดอน,เอฟเอ คัพ 2015,สิงห์ผยอง,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์,แอสตัน วิลลา | https://www.thairath.co.th/content/494189 |
ไวยาวัจกร วัดป่าหลวงตาบัว-พี่เลี้ยง อดเยี่ยมเสือ | ด้านคนเลี้ยง ยันไม่ควรย้ายเสือมา เพราะไม่มีความพร้อม,วันที่ 2 ก.ค.59 นายศิริ หวังบุญเกิด ไวยาวัจกรณ์ วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปัณโณ จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความประจำวัด ได้นำชาวต่างชาติ ที่เป็นพี่เลี้ยงเสือ จำนวน 6 คน ได้เดินทางมาที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน ต.รางบัว และที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง ต.ปากช่อง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โดยพยายามที่จะขอเข้าเยี่ยมดูอาการของเสือ ที่อ้างว่า อาจจะป่วยและเสียชีวิต เพิ่มอีกได้ แต่ นายวินันท์ วิระนะ หน.สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน ได้ออกมาชี้แจ้งว่า ต้องทำหนังสือขออนุญาตจากทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ก่อน จึงสามารถให้เข้าได้,นายศิริ หวังบุญเกิด ไวยาวัจกร วัดป่าหลวงตามหาบัว กล่าวว่า เสือที่ถูกย้ายมาอยู่ที่ จ.ราชบุรี มีอาสาสมัครที่เคยดูแลและรู้จักคุ้นเคยกับเสือแต่ละตัวดี เมื่อทราบข่าวว่า เสือหลายตัวป่วย บางตัวไม่กินอาหาร ก็ต้องการมาให้กำลังใจเพื่อรักษาชีวิตของเสือไว้ โดยยังมีความหวังว่า จะได้เสือทั้งหมดกลับไปอยู่ที่วัด ประกอบกับยังมีสัตว์อีกหลายตัว ที่ตอนนี้กำลังอดอยาก ขาดแคลนอาหาร เนื่องจากเสือเป็นผู้หล่อเลี้ยงสัตว์เหล่านั้น พวกตนเห็นว่า การเลี้ยงดูของเจ้าหน้าที่ยังไม่เป็นมืออาชีพ เมื่อนำเสือมาจากวัดแล้วเสือก็มาป่วยตาย ซึ่งก็คาดว่า อาจจะมีเสือตายอีกเยอะ,นายศิริ ยังกล่าวว่า ตอนนี้ตนเองและอาสาสมัคร ห่วงเจ้า ดอกรัก ลูกเสือวัย 2 ปีเศษ ที่ป่วยเป็นหอบมาตั้งแต่กำเนิด ต้องได้รับการหยอดยา ซึ่งเจ้าหน้าที่เองไม่สามารถจับมันป้อนได้ ซึ่งตนเองทราบว่า ทางกรมฯ มีอาหารไม่พอสำหรับดูแลแล้ว โดยไม่น่าจะย้ายเสือมา ควรใช้กฎหมายควบคุมในการให้วัดดูแลเสือ ต่อไปมากกว่า ไม่รู้ว่าจะเกลียดชังวัดไปทำไม ไม่ว่า จะเป็นการกล่าวหาวัดว่า เป็นซ่องโจรและอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งการย้ายเสือมาวันนี้ก็เห็นแล้วว่า เอามาแล้วเดือดร้อน ตนเองก็จะนำเรื่องนี้ชี้แจงไปยังคณะกรรมาธิการฯ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้ให้เห็นว่า เมื่อย้ายเสือมาแล้วต้องเดือดร้อนกัน ทั้งที่ทางเอกชนดูแลกันได้ เสือเมื่อตกเป็นทรัพยากรแผ่นดิน ก็สามารถใช้กฎหมายควบคุมในการดูแลกันต่อไปได้ ไม่รู้ว่า จะนำเสือย้ายมาทำไม หรือว่ามีผลประโยชน์อะไรกับตรงนี้ หรือไม่ และกำลังปกปิดอะไรอยู่,นายวินันท์ วิระนะ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเขาสน กล่าวว่า หากทางนายศิริ และอาสาสมัครต้องการเข้าเยี่ยม หรือ ติดตามการดูแลเสือภายในสถานีฯ ก็ต้องได้มีหนังสืออนุญาตจากกรมอุทยานฯ ก่อน ส่วนการเลี้ยงดูเสือ ก็ยืนยันว่า มีสัตวแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างดีเช่นกัน | ไวยาวัจกร วัดป่าหลวงตาบัว พาพี่เลี้ยง 6 คน ขอเยี่ยมเสือที่สถานีเพาะเลี้ยง แต่ต้องผิดหวังเพราะเข้าไม่ได้ จนท.แจ้งต้องมีหนังสือขออนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาแสดงก่อน | null | วัดป่าหลวงตาบัว,ไวยาวัจกรณ์,กาญจนบุรี,พี่เลี้ยงเสือ,ผิดหวัง,เสือ,ป่วย,เสียชีวิต,สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน,เขาประทับช้าง,จอมบึง,ราชบุรี,ศิริ หวังบุญเกิด,กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวสังคม,ภูมิภาค,ทั่วไทย | https://www.thairath.co.th/content/653299 |
เปิ้ล ปลอดภัยแล้ว จูน อยากให้เลิกเจ็ตสกี แต่ห้ามไม่ได้ | กันใหม่ๆ แล้ว ซึ่งเปิ้ลจะบอกตลอดว่าไม่ต้องห่วง แต่มาครั้งนี้รู้สึกจะเริ่มคิดได้ เพราะเขาบอกตอนเกิดเรื่องนึกถึงหน้าลูกหน้าเมียขึ้นมาทันที,ตกอกตกใจไปตามๆ กัน หลังทราบข่าว เปิ้ล นาคร ศิลาชัย นักแสดง พิธีกรและนักกีฬาเจ็ตสกีชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุขณะแข่งขันเรือฟอร์มูล่า 1 ในรายการ สิงห์ ฟอร์มูล่า-วัน พาวเวอร์ โบ๊ท ไทยแลนด์ 2017 สนามที่ 2 ณ บึงหนองโคตร จ.ขอนแก่น เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา,ซึ่งหลังจากเกิดอุบัติเหตุ เปิ้ล ได้โพสต์รูปพร้อมข้อความผ่านทางอินสตาแกรม ขณะนอนพักและเช็กร่างกายอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ จ.ขอนแก่น โดยบอกว่า เพิ่งรู้ความรู้สึกของคนที่กำลังจะจมน้ำตายว่าเป็นยังไง ขอบคุณทุกคนที่โดดน้ำลงมาช่วย และขอบคุณบุญของลูกและเมียที่มาต่อชีวิตให้,
,
,
,
,ล่าสุดทางบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ได้ยกหูถึง จูน กษมา ศิลาชัย ภรรยาของเปิ้ล นาคร เพื่ออัพเดตอาการ ว่าตอนนี้เปิ้ลเป็นอย่างไรบ้าง โดยจูนได้บอกว่า,ตอนนี้พี่เปิ้ลโอเคแล้ว ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เมื่อคืนหลังจากทีมงานพาส่งโรงพยาบาล ก็รอเอกซเรย์ ตรวจเช็กอะไรเรียบร้อย ก็กลับไปนอนพักที่โรงแรม เพราะตัวพี่เปิ้ลเป็นคนไม่ชอบเข้าโรงพยาบาล เดี๋ยววันนี้จะบินกลับจากขอนแก่นตอน 3 ทุ่ม กะว่าพรุ่งนี้จะพาเขาไปเช็กร่างกายอีกทีที่โรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ ค่ะ,ตอนที่เกิดเรื่อง คือจูนก็นั่งดูสดทางโทรศัพท์นะ เพราะเขาจะมีทีมงานคอยไลฟ์สดบนอัฒจรรย์ เราเห็นทุกอย่างผ่านทางโทรศัพท์ พอเกิดเหตุการณ์เราไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่พิมพ์ไปบอกทีมงานว่า ให้หยุดไลฟ์สดก่อน แล้วรีบวิ่งลงไปดู เพราะตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าทีมงานที่ไลฟ์สดคือใคร เราไม่มีเบอร์เขาไง เขาก็รีบหยุดไลฟ์แล้วลงไปดู แล้วก็โทรกลับมาหาเรา บอกว่าพี่เปิ้ลปลอดภัยแล้ว,คือเจ็ตสกีที่พี่เปิ้ลขับมันเป็น F1 ซึ่งแรงที่สุดในโลก แล้วอุปกรณ์มันจะหนักและเยอะ ตอนที่คว่ำ เหมือนพี่เปิ้ลไปกระแทกมันแล้วตกน้ำ ซึ่งจูนก็ได้คุยกับพี่เปิ้ลนะ เขาบอกว่ามันปวดระบมไปหมดเลย สำลักน้ำ และปวดหู,ถ้าถามว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยมั้ย ไม่บ่อยนะคะ เพราะพี่เปิ้ลเขาจะรู้จักระมัดระวังตัวเองอยู่แล้ว เขาเล่นมานาน เขารู้วิธีปกป้องและดูและตัวเองค่ะ แต่ครั้งนี้เหมือนเป็นครั้งแรกของเขาที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตอนเรานั่งดูนะ ใจหายแวบเลย จูนก็เคยบอกตลอดนะ เรื่องการเล่นเจ็ตสกีให้เพลาๆ ลงบ้าง เราบอกเขาตั้งแต่คบกันใหม่ๆ แล้ว เขาก็รับรู้ค่ะ แต่เราก็เปลี่ยนเขาไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขารักและเป็นความฝันของเขา เราก็ได้แต่ดูอยู่ห่างๆ ค่ะ เขาก็บอกตลอดว่า ไม่ต้องห่วงหรอก เขาดูแลตัวเองได้ ซึ่งเราก็ได้แต่เตือนว่า ยังไงก็ยังมีเมียและลูกๆ อีก 4 คนนะ แต่มาครั้งนี้รู้สึกว่าเขาน่าจะรู้ตัวแล้ว เพราะเขาบอกว่านึกถึงหน้าเมียและลูกขึ้นมาทันทีเลย.,ข่าวที่เกี่ยวข้อง,เปิ้ล นาคร เรือเร็วคว่ำจมน้ำหวิดดับ โพสต์ไอจีขอบคุณคนช่วยชีวิต | จูน กษมา บอกอาการ เปิ้ล นาคร ดีขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วง เหลือแค่ยังช้ำระบมเท่านั้น เผยครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น เพราะปกติเปิ้ลจะระมัดระวังตัวเองดีมาก รู้สึกโล่งที่สามีปลอดภัย เผยเคยเตือนให้เพลาลงตั้งแต่ช่วงคบ | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | เปิ้ล นาคร,เปิ้ล จูน,จูน กษมา,เปิ้ล นาคร เรือคว่ำ,เปิ้ล นาคร อุบัติเหตุ | https://www.thairath.co.th/entertain/news/940755 |
น้ำแข็งแอนตาร์กติกตะวันตกสูญเสียมวลและบางลง | ภาพ : Centre for Polar Observation and Modelling,25 ปีมานี้องค์การอวกาศยุโรปได้ใช้เครื่องวัดความสูงดาวเทียม และทำแบบจำลองสภาพอากาศ รวมทั้งศูนย์สังเกตการณ์และสร้างแบบจำลองขั้วโลก (Centre for Polar Observation and Modelling-CPOM) ของสหราชอาณาจักร ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของหิมะและน้ำแข็งปกคลุมทั่วทั้งทวีปแถบขั้วโลก จากการรวมข้อมูลก็พบว่าน้ำทะเลอุ่นทำให้น้ำแข็งบางลงอย่างรวดเร็วถึง 24% มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 โดยเฉพาะธารน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาตะวันตกได้รับผลกระทบอยู่ในขณะนี้,ทีมวิจัยนำโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย ลีดส์ ในอังกฤษพบว่าแผ่นน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกาบางลงถึง 122 เมตร และการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วที่สุดเกิดขึ้นในแอนตาร์กติกาตะวันตก การละลายก็ทำให้เกิดความไม่สมดุลของธารน้ำแข็ง หมายความว่าธารน้ำแข็งที่ได้รับผลกระทบมีความไม่เสถียร เพราะสูญเสียมวลมากขึ้นจากการละลายและการหลุดออกจากภูเขาน้ำแข็ง ที่น่ากังวลก็คือการสูญเสียมวลน้ำแข็งกำลังผลักดันระดับน้ำทะเลรอบๆโลก,นักวิจัยเผยว่า การใช้ดาวเทียมสามารถช่วยให้เข้าใจว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ภูมิภาคแถบขั้วโลกมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเข้าถึงด้วยพื้นดิน ดังนั้น มุมมองจากอวกาศจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ผลมากกว่า. | 25 ปีมานี้องค์การอวกาศยุโรปได้ใช้เครื่องวัดความสูงดาวเทียม และทำแบบจำลองสภาพอากาศ รวมทั้งศูนย์สังเกตการณ์และสร้างแบบจำลองขั้วโลก (Centre for Polar Observation and Modelling-CPOM) ของ | ข่าว,ต่างประเทศ | ธารน้ำแข็ง,น้ำแข็งขั้วโลก,แอนตาร์กติกาตะวันตก,ทวีปแอนตาร์กติกา,น้ำแข็งละลาย,ขั้วโลก,ทันโลก,การศึกษา | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1571713 |
กระบะข้ามเลนชนอีกคัน หนุ่ม 37 เคราะห์ร้าย กระเด็นออกนอกรถ ดับคาที่ | คน,เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 17 ก.ย.60 พ.ต.ท.รณพงษ์ จรสาย สารวัตร(สอบสวน) สภ.สว่างวีระวงศ์ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 อุบลราชธานี มีอุบัติเหตุรถกระบะ ชนกับรถกระบะ มีผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบริเวณกิโลเมตรที่ 28-29 ถนนวาริน-พิบูล ต.แก่งโดม อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมประสานรถพยาบาลจากโรงพยาบาลสว่างวีระวงศ์ โรงพยาบาลพิบูลมังสาหาร โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบูชาธรรม เข้าช่วยเหลือ,ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ อีซูซุสีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน บบ 9651 อุบลราชธานี มีนายสุพจน์ วงที เป็นคนขับ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ด้านข้างรถฝั่งซ้ายพบศพนายสวรรค์ วงที อายุ 37 ปี ชาว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี,ด้านหน้ารถพบรถกระบะ อีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน ผค 5975 อุบลราชธานี สภาพด้านหน้าพังยับเยินอยู่ในช่องทางขาเข้า มุ่งหน้าอำเภอวารินชำราบ มีนายศักดิ์ศรี สัตย์ธรรม อายุ 27 ปี ชาว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เป็นผู้ขับ,จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายศักดิ์ศรี พร้อมเพื่อนรวม 5 คน ได้ขับรถออกมาจากร้านคาราโอเกะมาจากทางอำเภอวารินชำราบ มุ่งหน้าขาออกไปอำเภอพิบูลมังสาหาร เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถได้เสียหลักข้ามเลนมาชนประสานงากับรถกระบะของนายสุพจน์ พร้อมญาติรวม 8 คน เดินทางมาจากอำเภอพิบูลมังสาหาร มุ่งหน้าสถานีขนส่งนครชัยแอร์ เพื่อไปส่งนายสวรรค์ ไปทำงานที่จังหวัดชลบุรี แต่ไปไม่ถึง รถเกิดอุบัติเหตุจนทำให้นายสวรรค์ กระเด็นออกนอกรถเสียชีวิตดังกล่าว ,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ชีพกำลังตรวจที่เกิดเหตุได้มี รถเก๋ง โตโยต้า หมายเลขทะเบียน กท 8293 อุบลราชธานี ขับผ่านที่เกิดเหตุ และมีรถเก๋งสีขาว ยี่ห้อเชฟโลเล็ต หมายเลขทะเบียน กฉ 4179 อุบลราชธานี ขับพุ่งเข้าชนท้ายอีก 1 คู่ ทำให้เหตุการณ์นี้มีอุบัติเหตุ 4 คัน บาดเจ็บ 12 คน และเสียชีวิตอีก 1 คน,ส่วนสาเหตุในครั้งนี้คาดว่าอาจจะเกิดจากพายุ ทกซูรี ทำฝนตกในพื้นที่ตลอดทั้งวัน ทำให้ถนนลื่นจนรถกระบะของนายศักดิ์ศรีเสียหลักข้ามเลนมาชนกับรถกระบะของนายาสุพจน์ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว | พายุ ทกซูรี ปล่อยฝนตลอดทั้งวัน ทำถนนลื่น กระบะเสียหลักข้ามเลนประสานงากระบะ หนุ่มวัย 37 เคราะห์ร้าย กระเด็นออกนอกรถดับ เผยญาติกำลังพาไปส่งขึ้นรถ ไปทำงานที่ชลบุรี แต่ยังไม่ถึงท่ารถ นอกจากนี้ ยังมีเก๋งมาชนซ้ำอีก 2 รวมมีคนเจ็บ 12 | ข่าว,ทั่วไทย | กระบะชนกระบะ,อุบัติเหตุซ้ำซ้อน,อุบลราชธานี,ฝนตกถนนลื่น,ร่างกระเด็น,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1072992 |
นักข่าวอเมริกันวิเคราะห์กระแสผู้สนับสนุนสุเทพ จากกรณีแห่โหวตบุคคลแห่งปีเว็บต่างประเทศ | และกระแสสนับสนุนส่วนนี้มาจากไหน10 ม.ค. 2557 เว็บไซต์ Asia Society รายงานเรื่องราวเกี่ยวกับสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. หลังจากที่มีกลุ่มคนมาโหวตให้สุเทพเป็นบุคคลแห่งปี 2556 ในเว็บไซต์ของพวกเขาอย่างถล่มทลายเว็บไซต์ Asia Society ซึ่งเป็นองค์กรสร้างความเข้าใจเพื่อกระชับสัมพันธ์สหรัฐฯ กับประเทศในทวีปเอเชียระบุว่า หลังจากที่มีการเปิดโพลล์ให้ผู้อ่านโหวตบุคคลแห่งปี 2556 ในเอเชีย ก็มีผู้คนแห่เข้าไปโหวตให้สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์และแกนนำ กปปส. กันอย่างล้นหลามสุเทพได้รับคะแนนโหวตในเว็บไซต์ประมาณ 116000 เสียง คิดเป็นร้อยละ 88 ของผลโหวตทั้งหมด ขณะที่มาลาลา ยูซาฟไซ ผู้เรียกร้องสิทธิให้กับการศึกษาของสตรีในปากีสถานได้รับคะแนนเสียงประมาณ 12000 เสียง โดยก่อนหน้านี้ตั้งแต่การเปิดให้โหวตในวันที่ 20 ธ.ค. 2556 ดูเหมือนว่ามาลาลาน่าจะชนะคะแนนในการโหวตครั้งนี้แล้วเนื่องจากสุเทพมีคะแนนโหวต 0 คะแนน ก่อนช่วงปีใหม่Asia Society ระบุว่าหลังจากเข้าสู่ปีใหม่ 2557 ได้ไม่นาน หน้าโพลล์สำรวจของพวกเขาก็มีผู้เข้าชม 172000 ครั้ง โดยมี 165000 ครั้งเป็นผู้เข้าชมจากประเทศไทย การเข้าชมส่วนใหญ่มาจากการคลิกเข้ามาทางเฟซบุ๊กและส่วนหนึ่งก็มาจากเว็บบอร์ดบางแห่งของไทย ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นนี้คล้ายกับกรณีที่เกิดขึ้นในการโหวตปี 2555 ที่มีผู้สนับสนุนอิมราน ข่าน ผู้นำกลุ่มพรรคฝ่ายค้านของปากีสถาน ใช้โซเชียลมีเดียในการเชิญชวนให้คนเทคะแนนโหวตให้อย่างไรก็ตาม Asia Society ระบุว่าผลโหวตในครั้งนี้ทำให้พวกเขาตั้งคำถามว่าเป็นผลโหวตของจริงหรือไม่ หรือเว็บไซต์ของพวกเขาโดนแฮ็ก แต่เมื่อเทียบกับเลขสถิติอื่นๆ เช่นผู้เข้าชมจากประเทศไทย จำนวนไลค์ในเฟซบุ๊ก จำนวนผู้แสดงความคิดเห็น รวมถึงผู้ที่ลงคะแนนเสียงด้วยการเขียนชื่อแล้ว พวกเขาก็พบว่าการโหวตนี้มาจากคนจริงๆ ที่มีความจริงจังมากเรื่องนี้ทำให้ Asia Society เกิดความสนใจสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นมาถึงได้สัมภาษณ์พูดคุยกับ แพทริค วินน์ นักข่าวอาวุโสประจำพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสำนักข่าว GlobalPost ผู้ทำข่าวการประท้วงในไทยตั้งแต่ปี 2551Asia Society คั้งคำถามว่าสุเทพเป็นใครและกำลังเคลื่อนไหวอะไรในไทย ซึ่งวินน์ตอบว่าบางคนอาจจะมองสุเทพเป็นกบฏ แต่บางคนก็อาจจะมองเป็นวีรบุรุษ เขามีอาชีพนักการเมืองมาตั้งแต่ราว 40 ปีที่แล้ว ท่ามกลางความผันผวนของการเมืองไทยต้องนับว่าเขาเป็นคนที่เอาตัวรอดได้เก่งวินน์กล่าวว่า สุเทพผันตัวมาเป็นผู้นำการกำจัดการทุจริตในประเทศไทย แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง สุเทพได้รับการสนับสนุนยกย่องจากกลุ่มผู้ติดตามที่มีความเลื่อมใสมากแต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากมวลชนทั้งหมดวินน์กล่าวอีกว่าวิธีการที่สุเทพคิดจะใช้ในการกำจัดทุจริตคอร์รัปชั่นก็เป็นวิธีการสุดโต่งมากคือการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้งสภาผู้ทรงภูมิปัญญาขึ้นมาแทน ซึ่งดูเหมือนว่าสุเทพและพรรคพวกของเขาจะได้รับสิทธิพิเศษจากกลุ่มที่มาจากการแต่งตั้งกันเองกลุ่มนี้ สำหรับวินน์แล้วฟังดูเหมือนพวก โปลิทบูโร (คณะกรรมการบริหารสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์ในโซเวียต)เมื่อ Asia Society ถามว่า สุเทพได้รับความนิยมขนาดไหน และอะไรที่ดึงดูดให้คนติดตามเขา วินน์ก็ตอบว่าก่อนหน้านี้สุเทพไม่เคยเป็นผู้นำมวลชนเช่นนี้มาก่อน เขาเหมือนเป็นคนคุมเกมการเมืองที่สามารถรอดข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นมาได้ เขาเป็นนักการเมืองแนวลุยๆ ที่ไม่สนว่าจะเหยียบเท้าใครเพื่อให้เป้าหมายลุล่วง ชวนให้นึกถึงดิก เชนีย์ (นักการเมืองพรรคริพับลิกันผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสมัยจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช)วินน์กล่าวว่าความพยายามปราบปรามการคอร์รัปชั่นของเขามักจะถูกตีความไปในทางการต่อต้านกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามคือเครือข่ายตระกูลชินวัตรที่มีอำนาจมาก ซึ่งสามารถชนะการเลือกตั้งระดับประเทศได้มาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว แต่อดีตนายกฯ ทักษิณก็กำลังหลบหนีการดำเนินคดีข้อหาคอร์รัปชั่นอยู่ที่ดูไบ ขณะเดียวกันฐานเสียงของทักษิณมักจะมาจากต่างจังหวัด โดยสุเทพก็อาศัยความเชื่อที่ว่าการให้อำนาจแก่คนในจังหวัดอื่นจะทำให้ประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองที่ไม่ดีเป็นแรงสนับสนุนการเคลื่อนไหวของตนจากการสำรวจของมูลนิธิเอเชียระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงของสุเทพส่วนใหญ่เป็นคนที่มีการศึกษาและมีฐานะ ร้อยละ 85 จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมฯ และมากกว่าครึ่งมีเงินเดือนมากกว่า 30000 บาทวินน์บอกว่าการที่คนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น ไลน์ หรือเฟซบุ๊ก ทำให้พวกเขาสะท้อนความคิดเห็นของตัวเองไปมาและอาจทำให้เกิดความคิดแบบสุดโต่งจากการอยู่รวมกันของคนที่คิดแบบเดียวกันอย่างเดียวได้ พวกเขายังสามารถขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่หาเงินทุน จัดการประท้วงปิดถนน ตามฟลัดความคิดเห็นในเพจของเฟซบุ๊กด้วยท่าทีดูถูกคนอื่น รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Asia Society คือการทำให้ผลโพลล์ไปในทางที่พวกตนต้องการเมื่อถามวินน์ว่าเขารู้สึกแปลกใจหรือไม่ที่เกิดปรากฏการณ์คนยกขบวนโหวตให้สุเทพซึ่งดูจะจริงจังมากกับผลโพลล์ท้ายปี และปรากฏการณ์นี้แถลงให้เห็นอะไรเกี่ยวกับสุเทพ วินน์ตอบว่ากลุ่มคนที่ร่วมโหวตเป็นคนใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำอยู่แล้วและเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการประชาสัมพันธ์ฟรีๆจากการที่ผมทำข่าวการประท้วงตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ผมคงต้องบอกว่ากลุ่มผู้ประท้วงกลุ่มนี้มีความคิดจิตใจที่มีลักษณะเฉพาะ คนส่วนมากมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็น ทหารเดินเท้า ในการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่จะกำหนดอนาคตของประเทศไทย วินน์กล่าวการทำกิจกรรมของพวกเขายึดพื้นที่ชีวิตประจำวันของพวกเขาไปหมด แม้แต่ใน โลกความจริง พวกเขาก็มักจะสวมของที่ใส่ในการประท้วง มักจะเป็นพวกริบบิ้นหรือนกหวีดเวลาออกไปกินข้าวเย็นหรือตอนทำงาน วินน์กล่าวหลังจากที่เขาได้รับคำถามจาก Asia Society แล้วเขาก็เกิดความสงสัยจึงได้สืบค้นเรื่องราวของผู้ชุมนุมที่ร่วมโหวตในพลล์ เขาพบว่าคนโหวตคนหนึ่งเห็นเพื่อนเขาโหวตให้สุเทพผ่านทางเฟซบุ๊ก และคิดว่าการโหวตโพลล์นี้เป็น แค่เรื่องที่ทำตามเทรนด์ โดยที่ผู้โหวตคนนี้ไม่เคยรู้จักเว็บ Asia Society มาก่อนและรู้สึกดีที่วิธีนี้ได้ผลเมื่อ Asia Society ถามว่าสุเทพเป็นคนที่สร้างกรณีให้เกิดข้อถกเถียง (controversial) หรือไม่ วินน์ยกเรื่องแผนการ ปิดกรุงเทพฯ เพื่อล้มล้างรัฐบาลจากการเลือกตั้งว่าเป็นสิ่งที่สร้างข้อถกเถียงอย่างมาก (hugely controversial) รวมถึงการที่สุเทพประกาศว่าตนเองเหมาะสมในการเข้าร่วมสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งก็เป็นตัวการอย่างดีในการสร้างข้อถกเถียงAsia Society ยังได้ถามความคิดเห็นของวินน์ว่าสุเทพจะมีชะตากรรมเช่นใดในปีนี้ วินน์ตอบว่า การเมืองไทยมีการหักมุมยิ่งกว่าละครน้ำเน่า การคาดเดาล่วงหน้าอาจทำให้คุณดูกลายเป็นคนโง่ได้อย่างไรก็ตาม วินน์บอกว่า เขาเสี่ยงทายไว้อย่างหนึ่งคือสุเทพจะยังไม่เข้าคุกง่ายๆ ภายในปีนี้จนถึง ม.ค. 2558 วินน์บอกว่าแกนนำผู้ชุมนุมที่แม้จะถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายและก่อกบฏ พวกเขาต่างมีวิธีในการเลี่ยงคุกหรืออย่างน้อยก็ประกันตัวออกมาได้หลังจากติดคุกไปไม่นานสุเทพเป็นคนที่มีเส้นสายและได้รับการสนับสนุนจากคนระดับสูง การมีเส้นสายเช่นนี้เป็นแรงผลักดันให้คนบางคนนำขบวนการเคลื่อนไหวล้มล้างรัฐบาล วินน์กล่าววินน์ยังได้อ้างถึงคำกล่าวของสุนัย ผาสุก นักวิจัยขององค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ที่กล่าวในการให้สัมภาษณ์วินน์เมื่อไม่นานมานี้แกนนำผู้ชุมนุมใช้คำขวัญในเชิงเผชิญหน้าและชาตินิยมในการปลุกระดมผู้ชุมนุม แต่ก็เป็นไปได้ยากที่แกนนำการชุมนุมจะได้รับผลกระทบโดยตรง แทบทุกครั้งที่มีการเผชิญหน้าพวกเขาจะหนีไปได้โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ สุนัยกล่าว ความเป็นจริงแตกต่างกันอย่างมากกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกสังหาร ได้รับบาดเจ็บหรือพิการ พวกเขาไม่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นเดียวกับแกนนำของพวกเขาHow Thailands Suthep Thaugsuban Ran Away With Our Person of the Year Poll Asia Society 10-01-2014 | เว็บไซต์ Asia Society แปลกใจมากที่จู่ๆ ก็มีคนระดมโหวตให้สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นบุคคลแห่งปีของเว็บไซต์ ทำให้มีการสัมภาษณ์นักข่าวที่รายงานเรื่องความขัดแย้งการเมืองไทย เพื่อหาคำตอบว่าสุเทพเป็นใคร | การเมือง | กปปส.,บทวิเคราะห์,สุเทพ เทือกสุบรรณ | https://prachatai.com/journal/2014/01/51103 |
ดีเอสไอขอหมายจับ ชัยวัฒน์ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งกระจานและพวก คดี บิลลี่ | ดีเอสไอขอหมายจับ ชัยวัฒน์ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งกระจานและพวกรวม 4 ราย ซึ่งเคยควบคุมตัวบิลลี่ไว้ก่อนที่เขาจะหายตัวไป ด้านชัยวัฒน์เผยไม่ได้กังวล ชี้ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม11 พ.ย. 62 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า วันนี้ เมื่อช่วงเช้า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เรียกประชุมหารือ ชุดพนักงานสอบสวน คดีฆาตกรรม พอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ทั้งนี้ได้พิจารณาพยานหลักฐาน ที่รวบรวมได้ และมอบได้มอบหมายพนักงานสอบสวน เดินทางไปยังศาลอาญา เพื่อขออนุมัติหมายจับกุม ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวก รวม 4 รายทั้งนี้ ได้สัมภาษณ์ชัยวัฒน์เพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ไม่กังวลเพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมผมยังไม่ได้ข่าวว่าเขา (ดีเอสไอ) ทำอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไร ชัยวัฒน์กล่าว เมื่อถามว่าเตรียมดำเนินการอย่างไรบ้างหากศาลอนุมัติหมายจับ เขาตอบสั้น ๆ ว่า ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมอนึ่ง ชัยวัฒน์ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) กล่าวว่าวันนี้ (11 พ.ย.) เขาอยู่ที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี เพื่อรับมอบนโยบายเรื่องการรับสถานการณ์หมอกควันและการจัดการอุทยานแห่งชาติจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯบิลลี่ แกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หายตัวไปที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2557 โดยชัยวัฒน์ อดีตหัวหน้าอุทยานฯ ยอมรับว่าเขาได้ควบคุมตัวบิลลี่ไว้ด้วยข้อหาครอบครองน้ำผึ้งป่าอย่างผิดกฎหมาย แต่ได้ปล่อยตัวไปแล้วในวันเดียวกันต่อมาวันที่ 3 ก.ย. 2562 ดีเอสไอเปิดเผยหลักฐานสำคัญเชื่อมโยงการหายตัวไปของบิลลี่ คือ กระดูกกะโหลกมนุษย์ในถังขนาด 200 ลิตรที่จมอยู่ใต้น้ำ บริเวณสะพานแขวนเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน การตรวจสอบพบว่ากระดูกที่พบมีสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอตรงกับโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของบิลลี่ เจ้าหน้าที่จึงสรุปว่าบิลลี่เสียชีวิตแล้ว และได้เดินหน้าสอบสวนหาผู้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเขารายงานว่า สำหรับข้อหาที่ดีเอสไอตั้งแก่ผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้แก่ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเสี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย ร่วมกันมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เช็ญว่จะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้นร่วมกันปลันทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดติดตัวไปด้วยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบหพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การขันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 83 289 (4)(7) 309 310 33 340 340 ตรี ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 50 ทวิ และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โตยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 147 148 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 172 | ดีเอสไอขอหมายจับ ชัยวัฒน์ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งกระจานและพวกรวม 4 ราย ซึ่งเคยควบคุมตัวบิลลี่ไว้ก่อนที่เขาจะหายตัวไป ด้านชัยวัฒน์เผยไม่ได้กังวล ชี้ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมชัยวัฒน์ | สังคม,สิทธิมนุษยชน,คุณภาพชีวิต | บิลลี่,พอละจี รักจงเจริญ,ดีเอสไอ,ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร | https://prachatai.com/journal/2019/11/85106 |
ครอบครัวทำพิธีบรรจุศพแกนนำต่อต้านทิ้งกากสารเคมี | พิธีบรรจุศพนายประจบ เนาวโอภาส ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 14 ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา มีขึ้นบริเวณสุสานเกาะกลาง โดยมีญาติ ข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ไปร่วมงานจำนวนมาก ครอบครัวนายประจบ ยืนยันว่า จะบรรจุศพนายประจบเก็บไว้จนกว่าตำรวจจะจับผู้กระทำผิดและผู้จ้างวานมาดำเนินคดีได้ จึงจะจัดพิธีฌาปนกิจ นายประจบถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ขณะนำรถกระบะไปซ่อมที่อู่รถริมถนน พนมสารคาม-บ้านสร้าง หมู่ 1 ตำบลพนมสารคาม เบื้องต้นตำรวจมุ่งประเด็นผู้เสียชีวิตเป็นแกนนำต่อต้านกลุ่มนายทุนลักลอบนำกากสารเคมีเข้าไปทิ้งในพื้นที่ แต่ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องส่วนตัวหรือธุรกิจรับเหมาถมดินที่ผู้เสียชีวิตทำอยู่ ขณะที่การดำเนินคดีนี้ ตำรวจ ระบุว่า ทราบตัวผู้กระทำผิด รวมถึงสถานที่ใช้วางแผน และการเข้าไปฝังตัวในพื้นที่ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ จากพยานบุคคล และกล้องวงจรปิดแล้ว แต่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน คาดว่า จะออกหมายจับกลุ่มผู้บงการและก่อเหตุได้ในเร็วๆ นี้ | คดีที่นายประจบ เนาวโอภาส แกนนำต่อต้านการทิ้งกากสารเคมีถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างการสืบสวนหาหลักเพิ่ม หลังจากที่ทราบเบาะแสผู้ก่อเหตุแล้ว ขณะที่วานนี้(3 มี.ค.) ครอบครัวนายประจบได้ทำพิธีบรรจุศพ โดยมีประชาชนไปร่วมงานจำนวนมาก | ภูมิภาค | ครอบครัว,ทิ้งกากสารเคมี,บรรจุศพ | https://news.thaipbs.or.th/content/151146 |
กิ๊ฟ ผู้ต้องหาแชร์ทองคำ มูลค่าเสียหายกว่า 50 ล้าน มอบตัวตร.แล้ว | วันที่ 26 ส.ค. ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้มี น.ส.นิชนิภา หรือกิ๊ฟ ชอบพจน์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138/1 ม.8 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เลขที่ 309/2561 ลงวันที่ 24 ส.ค.2561 ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, กู้ยืมเงินกันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ในคดีฉ้อโกงแชร์ทองคำ มีผู้เสียหายจำนวนกว่า 50 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท ที่ตกเป็นข่าวคราวโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ได้ย่องเงียบเข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช โดยมีญาติพี่น้องเป็นผู้นำพามามอบตัว หลังหลบหนีออกจากพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชไปตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.61 ที่ผ่านมา,ในเบื้องต้นทราบว่า น.ส.นิชนิภา หรือกิ๊ฟ ชอบพจน์ ได้ทำการติดต่อขอเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และได้เดินทางเข้ามอบตัวในที่สุด โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำ แต่ผู้ต้องหาไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน และ จนท.ควบคุมตัวไปฝากขังไว้ภายในห้องขังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช ก่อนจะเตรียมนำตัวไปฝากขังต่อที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชในวันพรุ่งนี้ จันทร์ที่ 27 ส.ค.61 โดยสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมเด็ดขาด และไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ซึ่งข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป. | กิ๊ฟ ผู้ต้องหาแชร์ทองคำ เมืองคอน มูลค่าเสียหายกว่า 50 ล้านบาท เข้ามอบตัวแล้ว หลังถูกออกหมายจับ เจ้าตัวขอให้การในชั้นสอบสวน นำตัวผู้ต้องหาแสบฝากขังพรุ่งนี้ ด้าน ตร.คัดค้านประกันตัว | ข่าว,ทั่วไทย | แชร์ทองคำ,มูลค่าเสียหาย 50 ล้าน,กิ๊ฟ,มอบตัว,นครศรีธรรมราช,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1362561 |
ตร.ตามประกบ จ่อจับกิ๊ก รู้เห็นฆ่าเจ้าสาว | ครอบครัวยังไม่เผาศพน้องปอ พ่อแม่เจ้าบ่าวโผล่เยี่ยม ไอ้เก่ง ยันลูกเป็นฝ่ายกู้เงินค่าสินสอด,ตำรวจเค้นสอบปากคำเพิ่มเจ้าบ่าวหนุ่มการไฟฟ้าหาความเชื่อมโยงรูปคดียิงฝ่ายหญิง จ่อหมายจับกิ๊กสาวมีส่วนรู้เห็นร่วมสนับสนุนการฆาตกรรมพ่อแม่เจ้าบ่าวร่ำไห้เยี่ยมลูกชาย ขอความเป็นธรรมสื่ออย่าฟังข้อมูลด้านเดียว ยันเงินสินสอด 4 แสนบาท และทองคำหนัก 10 บาท เป็นของฝ่ายชายกู้จากธนาคารออมสิน ชี้ทุกอย่างมีหลักฐานชัด ขณะที่ครอบครัวผู้ตายข้องใจตำรวจไม่ดำเนินคดีกิ๊กสาว ลั่นไม่มีกำหนดเผาจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม,จากเหตุคนร้ายใช้ปืนลูกซองบุกยิง น.ส.,นนทิญา หรือปอ ครัวจตุรัส, อายุ 25 ปี ตำแหน่งเจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข รพ.สต.สลุย จ.ชุมพร เจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานในอีก 5 วัน ถูกยิงเสียชีวิตคาห้องนอนชั้นสองในบ้านพักข้าราชการพื้นที่ หมู่ 5 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานของผู้ต้องสงสัยเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดลักษณะคล้ายแฟนหนุ่มคือนายรณชัย หรือเก่ง ปานชาติ อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าอำเภอหลังสวน จ.ชุมพร นำตัวมาสอบเค้นจนยอมรับสารภาพเป็นคนบุกยิงเจ้าสาวเอง อ้างมีแฟนใหม่และไม่อยากแต่งงาน รวมถึงต้องการเงิน 4 แสนบาท กับทองหนัก 10 บาท ที่ผู้ตายเตรียมเป็นสินสอด ในวันแต่ง,ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ธ.ค. พ.ต.อ.สำราญ มาเจริญ รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ตำรวจสอบปากคำนายรณชัย ผู้ต้องหาเพิ่มเติมเพื่อขยายผลหาความเชื่อมโยงของรูปคดีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องถึงใครอย่างไรบ้าง ก่อนจะนำตัวขออำนาจศาลจังหวัดชุมพรฝากขัง ส่วนกรณีครอบครัวผู้ตาย กังวลเกี่ยวกับคดีมีหญิงสาวคนสนิทนายรณชัย ทำหน้าที่ขับรถรับส่งและรู้เห็นเกี่ยวกับการก่อเหตุ แต่ตำรวจยังไม่จับกุมทำให้ถูกมองว่าเกรงกลัวอิทธิพลหรือไม่นั้น เรื่องนี้ขอยืนยันว่าไม่มีเรื่องอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง กำลังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด ยืนยันว่าตำรวจทำงานตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน ก่อนหน้านี้นำตัวหญิงสาวคนดังกล่าวมาสอบปากคำแล้วให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากปล่อยตัวไป ขณะนี้อยู่ระหว่างหาพยานหลักฐานบางอย่างเพิ่มเติม หากได้หลักฐานเพียงพอจะแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับได้ นอกจากนี้ ส่งชุดสายสืบติดตามความเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนดังกล่าวแล้ว เท่าที่ได้รับข้อมูลยังไม่มีทีท่าว่าจะหลบหนีแต่อย่างใด,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากแนวทางการสืบสวนขยายผลทราบว่ากิ๊กสาวคนดังกล่าว ทำงานอยู่ที่เดียวกับนายรณชัย รู้เรื่องมาตั้งแต่ต้นและนำเงินจากนายรณชัย 7 พันบาท ไปซื้อปืนลูกซองสั้นจากแก๊งวัยรุ่นในพื้นที่ อ.หลังสวน เป็นบ้านเกิดของกิ๊กสาว และคืนเกิดเหตุขับรถเก๋งตัวเองส่งนายรณชัย ไปบ้านพักผู้ตายเพื่อก่อเหตุ จากนั้นพาหลบหนีและนำของกลางไปทิ้งตามจุดต่างๆ หลายพื้นที่ ขณะนี้ตำรวจเก็บหลักฐานที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุเกือบครบทุกอย่างแล้ว อาทิ เสื้อผ้า รองเท้า ปลอกกระสุน แต่ยังขาดปืนที่ใช้ก่อเหตุ เนื่องจากผู้ต้องหาอ้างว่านำไปทิ้งแม่น้ำแต่ยังค้นหาไม่พบ และมีรายงานว่าวันที่ 22 ธ.ค. พนักงานสอบสวน สภ.สลุย จะนำหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวโยงกับกิ๊กสาว มีส่วนรู้เห็นร่วมสนับสนุนการฆาตกรรมในครั้งนี้ไปเสนอขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดชุมพร,วันเดียวกัน นายวินัย ปานชาติ อายุ 58 ปี และนางยุพเยาว์ ปานชาติ อายุ 51 ปี พ่อและแม่นายรณชัย เดินทางมาจากบุรีรัมย์ เพื่อเข้าเยี่ยมนายรณชัย ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.สลุย เมื่อทั้งสองฝ่ายเจอหน้ากันถึงกับร้องไห้ และสอบถามเรื่องราวปัญหาต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากนั้นตำรวจเชิญนายวินัย และนางยุพเยาว์ ไปห้องสอบสวนเพื่อขอรายละเอียดและประวัติส่วนตัวของผู้ต้องหา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบคดี และในวันที่ 22 ธ.ค. พนักงานสอบสวนจะนำตัวนายรณชัย ผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก,นางยุพเยาว์ ปานชาติ อายุ 51 ปี แม่นายรณชัย เปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นต่างเสียใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ยอมรับว่าลูกชายคิดสั้นทำให้เกิดความสูญเสีย ปัญหานี้ถ้ามาพูดปรึกษาเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น ส่วนกรณีฝ่ายหญิงอ้างว่าส่งเสียช่วยเหลือลูกชาย ไม่เป็นความจริง แม้ครอบครัวจะมีฐานะยากจน แต่ทำงานส่งให้ลูกเรียนจบและสอบเข้าทำงานด้วยตัวเอง ส่วนสินสอดเป็นของลูกชายไปกู้ธนาคารออมสิน 4 แสนบาท และซื้อทองคำหนัก 10 บาท ก่อนงานแต่งลูกชายยังกู้เงินสวัสดิการจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีก 6 แสนบาท เพื่อนำไปใช้ในงานแต่งงาน ทุกอย่างมีหลักฐานการกู้และยังชดใช้ไม่หมด ส่วนสมุดบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็มของลูกชาย แฟนสาวเป็นคนเก็บและจัดการเรื่องเงินเองทั้งหมด แต่ช่วงหลังรู้ว่าทั้งสองมีปากเสียงกันบ่อย เนื่องจากลูกชายบอกว่าฝ่ายหญิงเป็นคนขี้หึงมาก,นายวินัย ปานชาติ อายุ 58 ปี พ่อนายรณชัย เปิดเผยว่า อยากขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนหลักตกเป็นข่าวถูกประณามจากสังคม ทั้งที่เป็นข้อมูลเพียงด้านเดียว ที่ผ่านมาผู้ตายคุ้นเคยกับครอบครัวมาตลอด บางครั้งมานอนอยู่ที่บ้านเป็นเดือนๆ รักเหมือนลูก ส่วนเรื่องเงินและทองค่าสินสอดเป็นของลูกชาย เข้าใจว่าบางเรื่องฝ่ายหญิงไม่ได้บอกให้ญาติรู้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาว่าเป็นของผู้ตาย สำหรับเรื่องงานศพครอบครัวคงไม่กล้าไปเพราะญาติยังมีความโกรธอยู่ และไม่ขอประกันตัวลูกชายเพราะไม่มีหลักทรัพย์เพียงพอ,ส่วนบรรยากาศงานศพ น.ส.นนทิญา ที่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 10 ต.ทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร เมื่อคืนวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความโศกเศร้ามีบรรดาญาติๆ ผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้านมาร่วมงานกว่า 100 คน หลังพระสวดพระอภิธรรมศพ ญาติของผู้เสียชีวิตจับไมค์ประกาศต่อหน้าแขกผู้มาร่วมงานว่า ครอบครัวจะบำเพ็ญกุศลศพไปอย่างไม่มีกำหนดเผา เพื่อรอความเป็นธรรมให้กับผู้ตาย เนื่องจากคดียังไม่มีความชัดเจน หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจะนำศพไปประท้วงที่ศูนย์ดำรงธรรม และขอความเป็นธรรมต่อนายณรงค์ พลละเอียด ผวจ.ชุมพร ทุกคนที่มาร่วมงานต่างยกมือแสดงความเห็นด้วย แต่ถ้าตำรวจสามารถจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้ทั้งหมด จะจัดงานฌาปนกิจวันที่ 24 ธ.ค. ที่วัดถ้ำฤๅษี ต.เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร ตรงกับวันแต่งงานของลูกสาวพอดี,นายเชาว์ ครัวจตุรัส อายุ 54 ปี พ่อ น.ส.นนทิญาเปิดเผยว่า ครอบครัวยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีของตำรวจ โดยเฉพาะกิ๊กสาวของนายรณชัย มีพฤติกรรมร่วมกันกระทำความผิดรู้เห็นตั้งแต่เตรียมการ และยังเป็นคนขับรถเก๋งไปรับส่งก่อนและหลังเกิดเหตุ รวมถึงนำของกลางบางส่วนไปทิ้ง เคยมีปัญหาทะเลาะกับลูกสาวมาหลายครั้ง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีส่วนรู้เห็น สำหรับทรัพย์สินของลูกสาวหายไป อาทิ เงินสินสอด 4 แสนบาท ทองคำ 10 บาท และยังมีทองคำส่วนตัว 5 บาท รวมถึงเงินในสมุดบัญชีฝากร่วมกัน 6-7 แสนบาท หายไปโดยไม่รู้อยู่ที่ใด,นางสมศรี ครัวจตุรัส อายุ 51 ปี ผู้เป็นแม่เปิดเผยว่า การจัดงานแต่งงานลูกสาวจะเป็นผู้ดำเนินการและออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ก่อนตายบอกว่าทุกอย่างจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว ขณะที่นายรณชัย ลูกสาวจะคอยดูแลช่วยเหลือมาตลอดและพาไปสอบเข้าทำงานเพราะมีฐานะไม่ค่อยดี ไม่มีรถยนต์ขับ กระทั่งให้กิ๊กขับรถเก๋งพาไปฆ่าลูกสาวจนตายอย่างโหดเหี้ยม จากงานวิวาห์ที่ได้เตรียมการไว้ทั้งหมดแล้วเหลือเวลาอีก 5 วันเท่านั้น แต่ต้องกลับกลายมาเป็นงานศพของตัวเองแทน | ตำรวจเค้นสอบปากคำเพิ่มเจ้าบ่าวหนุ่มการไฟฟ้าหาความเชื่อมโยงรูปคดียิงฝ่ายหญิง จ่อหมายจับกิ๊กสาวมีส่วนรู้เห็นร่วมสนับสนุนการฆาตกรรมพ่อแม่เจ้าบ่าวร่ำไห้เยี่ยมลูกชาย ขอความเป็นธรรมสื่ออย่าฟังข้อมูลด้านเดียว | ข่าว,อาชญากรรม | ข่าวหน้า 1,หมอปอ,ฆ่าเจ้าสาว,ไอ้เก่ง,กิ๊กสาว,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1159522 |
บิ๊กตู่ ซัดพวกชักศึกเข้าบ้าน ไม่ใช่คนไทย ทำไร้เสถียรภาพ | ,เมื่อวันที่ 17 ก.ย.58 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ประจำปี 2558 (Prime Ministers Export Award 2015) และพิธีเปิดงาน Thailand Innovation and Design Expo 2015 โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งที่ตนอยากจะพูดวันนี้ คือความขัดแย้งบนโลกใบนี้เริ่มจากความยากจน เมื่อมีความยากจนก็จะมีการหาคนโทษให้ได้ คนที่ยากจน เกษตรกร คนที่รู้สึกว่าเหลื่อมล้ำก็จะโทษรัฐบาล จากนั้นก็มีผู้นำในการต่อสู้ รัฐบาลก็ต้องใช้กำลังและพอต่อสู้กันขึ้นมาต่างชาติ ยูเอ็น ก็จะเข้ามาแล้วก็จะจบลงที่ทั้งรัฐบาลและคนต่อต้านเสียทั้งคู่ โดยมีคนกลางต้องเข้ามา,ดังนั้นสิ่งที่ผมระวังที่สุด คือ จะอย่างไรก็ตาม อย่าให้คนอื่นหรือชาวต่างชาติเข้ามายุ่งในบ้านเรา เพราะมันเป็นดินแดน ประเทศของเรา ตามคำพูดว่า our home our country อย่าลืมว่า นี่คือบ้านของเรากฎหมายของเราก็มีอยู่ ใครก็ตามที่ชอบชักชวนคนนั้น คนนี้ เข้ามา ผมว่าไม่ใช่คนไทย เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในพื้นที่ของเราเป็นอย่างไร ถ้าเราทะเลาะกันและขัดแย้งกันอยู่อย่างนี้แล้วใครจะทำงาน เราก็จะเสียด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นสิ่งที่ผ่านมาผมพยายามทำทุกอย่างให้เกิดความปลอดภัยเรียบร้อยให้สังคมมั่นใจ ซึ่งทุกคนต้องช่วยกัน สร้างความมั่นใจให้กับนอกประเทศด้วย ว่าสิ่งที่เราพยายามทำในวันนี้คือการสร้างปัจจุบันและอนาคต เอาขยะใต้พรมมารื้อใหม่ มันมีเยอะ หลายชั้น ขณะเดียวก็ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่จะขับเคลื่อนให้อยู่ดีกินดี จากนั้นค่อยเริ่มสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้มีแต่คนรู้โจทย์ แต่ไม่มีคนทำ ถ้าอ่านหนังสือพิมพ์ ตั้งแต่เช้าถึงเย็นหรือฟังจากสื่อต่างๆ ก็จะบอกว่ามันมีปัญหาอยู่ในทุกๆ ที่ ทั้งๆ ที่มันเป็นปัญหาต่อเนื่องยาวนานเป็น 10 ชาติ รัฐบาลต้องแก้ไขให้ได้ ภายในเวลาเท่านั้น เท่านี้นี้ มันจะทำได้อย่างไร ที่ผ่านมาทุกคนไม่เคยเรียนรู้การนำไปสู่การปฏิบัติอย่างไร มีแต่หลักการ วิชาการ มีแต่โจทย์ และสิ่งที่ต้องการ เรียกร้องจะเอาสิ่งนั้น สิ่งนี้ พอมันช้าก็บอกว่าเราอยากอยู่เพื่อสืบทอดอำนาจ แต่ความจริงแล้วตนพร้อมที่จะไป แล้วทุกคนก็จะอยู่แบบเดิม ส่วนตนก็ไปแล้ว ดังนั้นสิ่งต่างๆ มีความเสี่ยงว่าสิ่งที่ทำอยู่มันจะเกิดผลหรือไม่,นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องของปัญหาความมั่นคง ที่ยังมีแมลงสาบคอยแทะไปเรื่อยเปื่อยเป็นตัวคอยทำลายไม่ให้ประเทศเกิดเสถียรภาพ ถ้าเป็นแบบนี้การลงทุนในประเทศก็จะไม่เกิด ประเทศเดินไม่ได้ วันนี้ถ้าประเทศไม่สงบก็ยังเดินไปไม่ได้ ต้องดูแลทุกคนที่มาในประเทศไทย ถ้ามาถามเรื่องการเลือกตั้งตนก็ยืนยันว่าเป็นไปตามโรดแม็ปที่ชัดอยู่แล้ว ที่ทำทุกวันนี้ไม่มีกำไร เป็นการลงทุนด้วยชีวิต ถ้าทุกคนคิดว่าไม่เป็นประโยชน์ ก็ว่ากันต่อไป วันนี้ตนอยู่ที่สว่าง ไม่ได้อยู่ในที่มืด ถูกโจมตีทุกวัน แต่ใจยังสู้อยู่ เพื่อประเทศชาติ สถาบัน และพวกเราทุกคน ระบอบการประเทศที่ดีก็ต้องเป็นประชาธิปไตย แต่ก็ไม่ได้ดีที่สุดของที่อื่น และถ้าประชาธิปไตยมีปัญหาก็ไม่มีอะไรแก้ได้ นอกจากการเข้ามาแบบตน ที่ผ่านมาประชาธิปไตยของเรารัฐบาลขับเคลื่อนอะไรไม่ได้ ถ้าเขาดีตนไม่เข้ามาหรอก ตนได้ทรมานเขามา 6-7 เดือน คนข้างนอกก็ตายทุกวันๆ เศรษฐกิจเดินไม่ได้ เดี๋ยวต้องสอบถามคนที่มาเที่ยวก่อนหน้านี้ เขามาดูสนามรบกันหรือเปล่า มีการทำนาในทำเนียบรัฐบาลมันเกิดขึ้นได้ยังไง,ผมไม่ได้พูดหาเสียง เพราะไม่ได้คิดอยู่ต่อ เพียงพูดให้สำนึกว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น วันนี้คนที่มามอบรางวัลคือผม แล้วก็ถ่ายรูปไว้ วันหน้าก็มารับกับคนอื่นรูปของผมก็ถูกเอาลงไป เอารูปคนใหม่ขึ้นมา ซึ่งเป็นธรรมดา มันเป็นสัจธรรม ไม่มีอะไรที่จะอยู่ยาวนาน นอกจากการทำความดีซื่อสัตย์ สุจริต พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว,พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาถ้าเราไม่ทำอะไรเลยก็มีปัญหา เพราะมีทั้งสองฝ่าย แต่ทำอย่างไรจะไม่ให้เดือดร้อน ต้องเห็นอกเห็นใจ ไม่มีอะไรที่ได้ทุกอย่างหรือเสียทุกอย่าง ไม่มีอะไรขาดทุน ทุกอย่างต้องมีได้มีเสีย มากบ้างน้อยบ้างทุกคนต้องร่วมมือกันช่วยกัน ต้องมีการเสียสละกันบ้าง อย่าให้ตนต้องลงทุนคนเดียว เสียสละคนเดียวเพื่อปฏิรูปคนเดียว ตนไม่ต้องการเป็นวีรบุรุษ แต่ต้องการให้คนไทยทั้งหมดเป็นวีรบุรุษ วีรสตรีร่วมกันทำให้ประเทศชาติเดินหน้าเพื่อลูกหลานของท่านและคนที่ยังไม่เกิดในประเทศไทยอีกหลายล้านคน ถ้าเกิดมาแล้วสับสนวุ่นวายเขาไม่อยากเกิด เดี๋ยวไปเกิดประเทศอื่น,นอกกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงครั้งที่ไปเยือนประเทศญี่ปุ่นว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเคยถามว่า ผมสนใจเล่นการเมืองหรือไม่ ผมตอบว่า ไม่เล่น ผมนั่งดูท่านเล่นดีกว่า ผมไม่ใช่นักการเมือง | บิ๊กตู่ ย้ำปัญหาภายในต้องแก้ด้วยตัวเอง ซัดคนชักจูงต่างชาติเข้ามา ถือว่าไม่ใช่คนไทย บอกตัวเองลงทุนด้วยชีวิต ถูกโจมตีทุกวัน แต่ใจสู้ เพื่อชาติ-สถาบัน ชี้ปัญหาความมั่นคงยังมี พวกแมลงสาบคอยแทะเล็มประเทศ ไม่มีเสถียรภาพ | null | พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,บิ๊กตู่,ชักจูงต่างชาติเข้าประเทศ,ความมั่นคง,นายกรัฐมนตรี,ปัญหาภายในประเทศ,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง | https://www.thairath.co.th/content/525950 |
พื้นที่แห่งความทรงจำ Capture App รับฝากภาพและวิดีโอสูงสุด 100GB | เชื่อว่าทุกคนที่ใช้สมาร์ทโฟน ต้องเคยถ่ายภาพด้วยกล้องมือถือของตัวเองมาแล้วอีกหนึ่งปัญหานอกจากเรื่องความคมชัด หรือมุมสวยๆ ในการบันทึกความทรงจำด้วยภาพถ่ายนั้น ยังมีเรื่องพื้นที่จัดเก็บเป็นอีกเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะมือถือที่มีหน่วยความจำไม่มาก การลบและเลือกภาพที่จะเก็บไว้ อาจเป็นเรื่องชวนให้ลำบากใจ เพราะรูปนั้นก็ดี รูปนี้ก็สวย หรือหากวันไหนโชคร้าย มือถือหาย หรือเสีย ก็กลายเป็นสูญเสียความทรงจำเหล่านั้นไปด้วย,นายซิควาร์ท โวส เอริคเซน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า เราเปิดตัว Capture App เพื่อให้ลูกค้ามีพื้นที่ในการจัดเก็บภาพถ่ายและวิดีโอบนมือถือ ด้วยการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าทั่วไป ไม่จำกัดอยู่เพียงกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี,ปัจจุบันเทรนด์การถ่ายภาพด้วยมือถือนั้น ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยพบว่ามีสัดส่วนถึง 81% ที่ใช้กล้องมือถือในการถ่ายภาพ และ 64% ยังมีนิยมใช้มือถือถ่ายภาพอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ทำให้สถิติการโพสต์ภาพผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2557 คนไทยได้โพสต์ภาพขึ้นเฟซบุ๊กถึง 497 ล้านภาพ และยังโพสต์ภาพและวิดีโอบนอินสตาแกรม อีกกว่า 99.4 ล้านครั้ง,อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้มือถือชาวไทยมีอัตราการทำโทรศัพท์ สูญหายประมาณ 4 เครื่องต่อชั่วโมง เช่นเดียวกับลูกค้าดีแทค ที่มีการแจ้งหายมากกว่า 1,000 รายต่อเดือน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวภาพและวิดีโอที่มีอยู่ในมือถือ จึงต้องการบริการจัดเก็บภาพและวิดีโอเพื่อสำรองข้อมูล ซึ่งเป็นแนวคิดของแอพพลิเคชั่น Capture App ซึ่งดีแทคพยายามนำเสนอสู่ลูกค้าในยุคดิจิตอลที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย โดย Capture App สามารถทำได้ทั้งการ Save (บันทึก) See (ชม) Share (แชร์) ด้วยการจัดเก็บทั้งรูปและวิดีโอตามความละเอียดของต้นฉบับ แม้จะมีความละเอียดสูงก็ตาม,สำหรับ Capture App เปิดให้บริการในประเทศนอร์เวย์และเซอร์เบีย มาแล้วประมาณ 1 ปี โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในโลก แต่เป็นประเทศแรกในเอเชียที่เปิดให้บริการ ซึ่งศูนย์จัดเก็บข้อมูลนี้อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยดีแทคตั้งเป้าผู้ใช้งาน Capture App ไว้ที่ 300,000 รายภายในสิ้นปีนี้,หากคุณสนใจใช้งาน Capture App สามารถทำได้ ดังนี้,1. ค้นหาคำว่า Capture App จาก App Store หรือ Play Store เพื่อดาวน์โหลด,2. ลงทะเบียนใช้งาน ด้วยเบอร์โทรศัพท์และอีเมล์,3. รอรับเอสเอ็มเอสแจ้งรหัส สำหรับเข้าใช้งานครั้งแรก,4. เมื่อเข้าสู่แอพพลิเคชั่นแล้ว ก็สามารถเลือกเชื่อมต่อรูปและวิดีโอบนมือถือของคุณได้ทันที ทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าจะให้เป็นการจัดเก็บภาพแบบอัตโนมัติ หรือเลือกด้วยตนเอง และยังสามารถแชร์ภาพ หรืออัลบั้มภาพลงโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ได้ด้วย,5. สำหรับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ดีแทคให้ฟรีนี้ แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ลูกค้าดีแทค (รายเดือน) ได้พื้นที่ตั้งแต่ 25GB, 50GB, 100GB ลูกค้าแฮปปี้ (เติมเงิน) 25GB (ใช้งานได้ฟรีจนถึงสิ้นปีนี้) และผู้ใช้ค่ายอื่นที่สนใจดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าว ได้รับฟรีพื้นที่ 2GB.,ลองดาวน์โหลดดูหรือยัง? | ดีแทค เปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ ในชื่อ Capture App (แคปเจอร์ แอพ) เพื่อจัดเก็บภาพและวิดีโอฟรีสำหรับลูกค้า พร้อมให้ลูกค้าข่ายอื่นได้ลองใช้ฟรี 2GB…
| null | Capture App,แคปเจอร์ แอพ,แอพ เก็บรูป,แอพ เก็บ VDO,แอพ เก็บข้อมูล,ดีแทค,Dtac,ซิควาร์ท โวส เอริคเซน,โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวไลฟ์สไตล์,ข่าวไอที | https://www.thairath.co.th/content/494712 |
รวบ 8 ผู้ต้องหา ซื้อกามเด็กหญิง อึ้ง มีทั้งเซียนพระ-นายช่างโยธา | เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 ธันวาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.กก.2 บก.ป. ได้นำกำลังชุดปฏิการเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นมิได้เต็มใจไปด้วย, พาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร หลังซื้อบริการเด็กหญิง อายุไม่เกิน 18 ปี รวม 14 ราย โดยทางเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็นทั้งหมด 14 ชุด ในการปฏิบัติการครั้งนี้,ด้าน พ.ต.อ.อรุณ ผกก.กก.2 บก.ป. กล่าวว่า การปฏิบัติครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ป. ได้ร่วมกับมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี บุกเข้าช่วยเหลือเด็กหญิงอายุ 15 ปี ที่ถูกอาเลี้ยงบังคับให้ขายบริการทางเพศในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ประกอบด้วย นายวิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 61 ปี อดีตข้าราชการครู ผู้ต้องหาในข้อหา พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นมิได้เต็มใจไปด้วย และกระทำชำเรา,และ น.ส.ปาวีณา (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นอาเลี้ยง ผู้ต้องหาในข้อหา เป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวงใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือโดยใช้เงิน หรือผลประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลบุคคลนั้น เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลให้ความยินยอมแก่ผู้กระทำความผิดในการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ตนดูแล โดยทั้งสองผู้ต้องหาหลังจากถูกสอบปากคำแล้วทาง ร.ต.อ.ศรสุพรรณ อดทนศรีอนันต์ รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. ได้ควบคุมตัวนำฝากขังต่อศาลอาญาไปแล้วเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา,ต่อมาได้ทำการขยายผลนำกำลังลงพื้นที่ตรวจค้น โดยการนำของ พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร สว.กก.2 บก.ป. สามารถจับกุม นายอโนทัย (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี อาชีพขับวินจักรยานยนต์ ผู้ต้องหาตามหมายจับพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นมิได้เต็มใจไปด้วย, พาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งจับกุมได้ที่วินจักรยานยนต์ ปากซอยบางเอียน 10 ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอยุธยา,ทั้งนี้ ในการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เคยซื้อบริการเด็กหญิงดังกล่าวจริง ในราคาครั้งละ 500 บาท ซึ่งตนเองจะเป็นคนไปรับเด็กที่หอพัก ก่อนจะไปร่วมหลับนอนกันในโรงแรม อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าไม่ได้ซื้อบริการผ่านแม่เล้าแต่อย่างใด ตนเองจะติดต่อกันกับเด็กทางโปรแกรมไลน์,ทั้งนี้ จากการปฏิบัติการตั้งแต่เช้ามืดที่ผ่านมา ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 คน จาก 14 คน โดยจับกุมได้ในพื้นที่ อ.ท่าเรือ, อ.พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งผู้มีความหลากหลายทางอาชีพ เช่น เซียนพระ, นายช่างโยธาประจำสำนักงานเทศบาลแห่งหนึ่ง, ช่างทำกุญแจ. | ตำรวจ กก.2 บก.ป. ขยายผลลงพื้นที่ปฏิบัติการล้อมกรุงเก่า กวาดล้าง 14 ผู้ต้องหาตามหมายจับ ซื้อบริการเด็กหญิง อายุไม่เกิน 15 และ 18 ปี สามารถจับได้ 8 ราย พบมีทั้งเซียนพระ นายช่างโยธาฯ | ข่าว,ทั่วไทย | ซื้อบริการเด็ก,ซื้อกาม,นายช่างโยธา,เซียนพระ,พรากผู้เยาว์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1145812 |
ฝากขัง 12 วัน อาเมเรีย -ค้านประกันตัว | ความคืบหน้ากรณีตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) จับกุม หรือเอมี่ อายุ 28 ปีอดีตนางเอกละครเรื่องธิดาวานร และผู้ชนะการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ประจำปี 2006 พร้อมกับนายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ หรือพล แฟนหนุ่มอายุ 40 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันมียาไอซ์ และยาอีไว้ เพื่อจำหน่าย และเสพยาเสพติดวันนี้(21 ก.ย.2560)พนักงานสอบสวนสวน สน.สายไหม ควบคุมตัว น.ส.อาเมเรีย พร้อมนายปุณยวัจน์ มายื่นคำร้องที่ศาลมีนบุรี ฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. – 2 ต.ค.นี้ พร้อมคัดค้านการให้ประกันตัวด้วยเนื่องจากคดีอัตราโทษสูง เกรงว่าปล่อยตัวแล้วจะหลบหนีผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ถูกตำรวจควบคุมตัวขึ้นรถ น.ส.อาเมเรีย อยู่ในสีหน้าสลด น้ำตาคลอเบ้า บอกว่า เสียใจ พร้อมขอโทษพ่อแม่ แฟนคลับ และยืนยันว่าเป็นเพียงผู้เสพเท่านั้น ส่วนยาไม่ใช่ของเธอ ขณะที่นายปุณยวัจน์ ขอให้การในชั้นศาล สำหรับการจับกุมเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา พบของกลางยาไอซ์ 70 กรัม ยาอี 16 เม็ด เครื่องชั่งน้ำหนัก 1 เครื่อง อุปกรณ์ในการเสพ ก่อนถูกควบคุมตัวมาคุมขังที่ สน.สายไหมอ่านข่าวเพิ่มเติม | ค้านประกันตัว อาเมเรีย จาคอปพร้อมแฟนหนุ่ม ฝากขังครั้งแรก 12 วันเริ่มวันนี้ -2 ต.ค.นี้ ร่ำไห้ขอโทษพ่อแม่ แฟนคลับ ปฏิเสธแค่เป็นผู้เสพเท่านั้น | อาชญากรรม | ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,อาเมเรีย จาคอป,ยาเสพติด,ยาไอซ์ | https://news.thaipbs.or.th/content/266290 |
พร้อมแล้ว อดีตแข้งปราสาทสายฟ้า ปะทะ ตำนานเสือเหลือง 18 พ.ย.นี้ | ที่สนามช้าง อารีนา,บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลอันดับ 1 ของอาเซียน และทีมแชมป์ลีกไทย ฤดูกาล 2018 จับมือร่วมเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรชั้นนำจากบุนเดสลีกา เยอรมนี ซึ่งมีดีกรีแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1997 โดยการจับมือเป็นพันธมิตรร่วมกันระหว่าง ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ดอร์ทมุนด์จะนำทีมรวมตำนานของสโมสร (Dortmund Legends) เดินทางออกมาทำกิจกรรมภายนอกประเทศเป็นครังแรก เพื่อปะทะแข้งกับ Buriram United OG (Original Gangsters) ทีมรวมอดีตนักเตะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รวมไปถึงจะมีการทำความร่วมมือที่จะพัฒนาฟุตบอลระดับเยาวชนร่วมกัน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสร้างพันธมิตรในเอเชียของดอร์ทมุนด์ ซึ่งนอกจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แล้ว ก็ยังมีสโมสรชั้นนำในประเทศญี่ปุ่นและจีน,ด้าน นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวถึงการร่วมมือครั้งนี้ว่า ดอร์ทมุนด์ ถือเป็นหนึ่งในทีมที่พวกเราชื่นชอบสไตล์การเล่น และการบริหารจัดการทีมที่เป็นมืออาชีพอยู่แล้ว อีกทั้ง ดอร์ทมุนด์ ยังมีแฟนบอลที่ขึ้นชื่อเรื่องการเชียร์มากที่สุดในโลก แทบจะเรียกได้ว่าแฟนบอลเกือบเต็มในทุกนัดที่ลงแข่งขัน โดยเฉพาะ Yellow wall หรือ กำแพงสีเหลือง ของกองเชียร์ฝั่งหลังประตู ซึ่งเป็นสแตนด์ของตั๋วปีที่ขายหมดเกือบตลอด,ถึงแม้ว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะมีประวัติศาตร์ที่น่าภาคภูมิใจ ในการประสบความสำเร็จที่ได้ 24 แชมป์ใน 9 ปีที่ผ่านมา แต่เราถือว่าเป็นสโมสรที่ยังมีอายุน้อย และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้เรียนรู้จากสโมสรชั้นนำอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในการร่วมมือครั้งนี้ ทั้งบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มีฐานแฟนบอลที่เหนียวแน่น ที่บุรีรัมย์ แฟนๆ ถูกเรียกว่า GU12 ซึ่งหมายถึงผู้เล่นคนที่ 12 และเช่นกัน สำหรับดอร์ทมุนด์ Yellow Wall หรือ กำแพงสีเหลือง ถูกใช้เรียกคลื่นมนุษย์ที่ใส่เสื้อสีเหลือง จำนวน 25,000 คน ที่อัฒจันทร์หลังประตู ทั้งสองสโมสรทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และตอบแทนแฟนบอลด้วยสไตล์การเล่นเกมบุกที่ดุดัน นายเนวิน กล่าว,ขณะที่ นายทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า พวกเรามีความยินดีอย่างมากที่จะได้ร่วมมือกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ มีแฟนบอลที่เข้ามาสนับสนุนทีมเต็มสนามตลอดเวลาในทุกการแข่งขัน แมตช์ปะทะแข้งระหว่างตำนานของดอร์ทมุนด์ กับ อดีตนักเตะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาทีมร่วมกัน และยังรวมไปถึงการจับมือกันพัฒนานักกีฬาระดับเยาวชน เริ่มตั้งแต่ยู-9 ไปจนถึง ยู-19 และอาจจะมีโอกาสก้าวไปสู่ทีมชุดใหญ่ต่อไป ทั้งนี้ ทั้งสองทีมมีปรัชญาในการพัฒนาคล้ายกัน เช่นเดียวกันกับการแบ่งปันเทคนิคและข้อมูลที่ดอร์ทมุนด์ใช้ในการนำเทคโนโลยี, วิทยาศาสตร์การกีฬา, ระบบโครงสร้าง และการจัดการทีมเยาวชน มาใช้กับทีม ซึ่งถือเป็นสิ่งดีที่สุดและก้าวหน้าที่สุดในโลกของฟุตบอล การร่วมมือในครั้งนี้ ผู้เล่นเยาวชนจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะมีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการแลกเปลี่ยน และจะได้ประสบการณ์ชีวิตที่สโมสรมืออาชีพชั้นนำของยุโรปอย่างแน่นอน ,ส่วน มร.คาร์สเทน คราเมอร์ Chief Marketing Officer of Borussia Dortmund กล่าวว่า สโมสรดอร์ทมุนด์ มีความยินดีเป็นอย่างมาก ที่เราและสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้มาเป็นพันธมิตรกัน โดยสิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ เรากำลังจะรวมทีมตำนานของดอร์ทมุนด์ มาลงเตะกับ อดีตนักเตะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอบคุณสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มีความเชื่อมั่นต่อสโมสรดอร์ทมุนด์ ผมมั่นใจว่า ความพยายามในครั้งนี้จะนำมาสู่การพัฒนาระหว่างทั้งสองสโมสร สโมสรของเรายังได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญของบุนเดสลีกา ในภูมิภาคเอเชีย ที่จะมาช่วยสนับสนุนแมตช์สำคัญที่จะเกิดขึ้นที่บุรีรัมย์ เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับทีมงานของบุนเดสลีกา ซึ่งการสนับสนุนในครั้งนี้ทำให้เห็นว่า บุนเดสลีกาพร้อมที่จะเข้ามาช่วยยกระดับวงการฟุตบอลของเอเชีย,สำหรับฟุตบอลนัดพิเศษ Return of The Legends การแข่งขันระหว่าง อดีตนักเตะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ตำนานนักเตะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2561 ที่สนามช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ แฟนบอลสามารถเข้าชมฟรี ซึ่งในวันแข่งขันจะมีการรับบริจาคเงิน เพื่อมอบให้โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ไปจัดซื้อรถพยาบาล เพื่อใช้ในกิจการของโรงพยาบาลต่อไป | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จับมือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เดินหน้าพัฒนานักเตะเยาวชนเตรียมระเบิดศึกฟุตบอลนัดพิเศษ Return of The Legends อดีตนักเตะปราสาทสายฟ้า ปะทะ ตำนานเสือเหลือง 18 พ.ย.นี้ | กีฬา,ฟุตบอลไทย | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด,โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์,อดีตแข้งปราสาทสายฟ้า,ตำนานเสือเหลือง,ฟุตบอลนัดพิเศษ | https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/1423613 |
รอง ผวจ.ตรัง ถือฤกษ์ 09.09 น.พรุ่งนี้ มา มท. บอกไม่เชื่อใคร ขอเชื่อศาล | วันนี้ 19 ก.ย. นายสายัณห์ อินทรภักดิ์ รอง ผวจ.ตรัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ก.ย. ถือฤกษ์เวลา 09.09 น. ตนจะเดินทางมาที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และจะยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผ่านทางสำนักเลขานุการรัฐมนตรีฯ จากนั้น จะเดินทางไปถวายฎีกาที่สำนักพระราชวัง และจะเดินทางไปยื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรมกับ นายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อไป,ทั้งนี้ หนังสือร้องเรียนจะแจกแจงประวัติการรับราชการ อายุราชการ ผลงานที่ผ่านมา รวมทั้งรายละเอียดการสอบที่ผ่านมาด้วย อย่างไรก็ตาม หากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเห็นว่า ข้อร้องเรียนมีมูล อีกทั้งยังไม่มีการทูลเกล้าฯ รายชื่อ ผวจ.ครั้งล่าสุด ก็อยากให้มีการจัดสอบใหม่ทั้งหมด และเชิญหน่วยงานกลางอื่นๆ มาเป็นคณะกรรมการสอบใหม่ด้วย,แต่หากยังคงเอาพวก สิงห์ดำ มาเป็นคณะกรรมการ ก็จะมีแต่พวกสิงห์ดำที่สอบได้ บางคนเป็นรอง ผวจ.แค่ปีกว่าๆ แต่พอเป็นสิงห์ดำกลับสอบเป็น ผวจ.ได้ พวกผมที่ไม่มีสีก็ลำบากซิ ดังนั้น อยากให้มีการเปิดสอบใหม่ ผมเชื่อว่า คะแนนของผมก็ไม่เป็นรองใคร ทั้งนี้ หลังเกิดเรื่อง มีเจ้าหน้าที่เป็นผู้หญิง อ้างว่าเป็นคณะทำงานที่กระทรวงมหาดไทยโทรศัพท์มาขอให้ตนหยุดเคลื่อนไหว แล้วจะดูแลเรื่องให้ แต่ตนจะไม่เชื่อใครแล้ว จะเชื่อแต่ศาลอย่างเดียว นายสายัณห์ กล่าว. | รองฯสายัณห์ ถือฤกษ์เวลา 09.09 น. วันที่ 20 ก.ย. เตรียมเดินทางมาที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และจะยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ รมว.มหาดไทย | null | รองผวจ.ตรัง,ถือฤกษ์ 09.09น.,มหาดไทย,สายัณห์ อินทรภักดิ์,สักการะ,อนุสาวรีย์สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ,ถวายฎีกา,สำนักพระราชวัง,สิงห์ดำ,เชื่อศาลอย่างเดียว,ขอความเป็นธรรม,นายกรัฐมนตรี | https://www.thairath.co.th/content/727720 |
อดีตปธ.ผีรำลึก เฟอร์กี้เคยเชิดใส่ ซีดาน เพราะคันโตนา | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 9 ต.ค. ว่า มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ อดีตประธานสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผยเบื้องหลังเมื่อครั้งอดีตว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยปฏิเสธคว้าตัว ซีเนดีน ซีดาน มาร่วมทัพ เพราะมี เอริก คันโตนา อยู่ในทีมอยู่แล้ว,โดยอดีตบิ๊กบอสของทีมปิศาจแดงในยุคปี 90 ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า สมัยที่ ซีดาน ยังอยู่ที่บอร์กโดซ์ เลส เคอร์ชอว์ หัวหน้าแมวมองของเรา แนะนำเขา (ซีดาน) ให้รู้จัก และผมก็พูดเรื่องนี้กับ อเล็กซ์ (เฟอร์กูสัน) ด้วยเช่นกัน อเล็กซ์ บอกว่า เอริก ก็พูดถึง ซีดาน ด้วยเหมือนกัน แต่ อเล็กซ์ รู้สึกว่าเขาเล่นในตำแหน่งเดียวกันกับ เอริก อยู่แล้ว,หลังเดินทางกลับจากฝรั่งเศสเพื่อโน้มน้าวให้ เอริก ต่อสัญญาฉบับใหม่กับเรา หลังเหตุการณ์ในเกมกับคริสตัล พาเลซ อเล็กซ์ รู้สึกว่าหากคว้าตัว ซีดาน มาร่วมทีม อาจจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของ เอริก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้งาน เอริก ต่อไป เอ็ดเวิร์ดส์ กล่าวทิ้งท้าย,สำหรับ ซีเนดีน ซีดาน ย้ายจากบอร์กโดซ์ เพื่อไปค้าแข้งในต่างแดนกับ ยูเวนตุส ก่อนปิดฉากอาชีพกับ เรอัล มาดริด ในที่สุด. | อดีตบิ๊กลูกหนังของปิศาจแดงย้อนความหลังว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยปัดคว้าตัว ซีเนดีน ซีดาน มาร่วมก๊วน เพราะกลัวว่าจะทับตำแหน่งกับ เอริก คันโตนา | กีฬา,ฟุตบอลยุโรป | มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,พรีเมียร์ลีก,ซีเนดีน ซีดาน,เอริก คันโตนา | https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/1093770 |
ใบตองแห้งออนไลน์: สินจรัญเชิญแขก | ปชป.ชนะฟาวล์อีกแล้ว แต่คราวนี้แม้จะมีลูกขลุกขลิก ภาพลวงตา แฟนบอลก็เห็นกันทั้งสนาม ยกเว้นกองเชียร์ทีมเจ้าบ้านที่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นปชป.ชนะคดีที่อัยการสูงสุดขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค จากกรณีรับเงินบริจาคบริษัททีพีไอโพลีน 258 ล้านบาทเป็นนิติกรรมอำพรางผ่านบริษัทเมสไซอะ โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 4 ต่อ 3 ให้ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่านายอภิชาติ สุขัคคานนท์ นายทะเบียนพรรคการเมืองยังมิได้มีความเห็นให้ยุบพรรค การที่ กกต.มีมติด้วยเสียงข้างมาก 4 เสียงให้ยุบพรรค จึงข้ามขั้นตอนของกฎหมายและไม่มีอำนาจ ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องให้ยุบพรรคโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายฉะนั้น ตุลาการจึงไม่วินิจฉัยต่อว่า เงินบริจาค เด็กอนุบาล เป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ตุลาการเสียงข้างมาก 4 เสียง ได้แก่ นายจรัญ ภักดีธนากุล นายจรูญ อินทจาร นายนุรักษ์ มาประณีต และนายสุพจน์ ไข่มุกด์ส่วนตุลาการเสียงข้างน้อย 3 เสียงได้แก่ นายชัช ชลวร นายบุญส่ง กุลบุปผา และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรีท่านอุดมศักดิ์ นิติมนตรี รายเดียวกับที่ออกคำแถลงการณ์ยืนยันว่าท่านวินิจฉัยคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้าน ด้วยความสุจริตและเป็นกลางนั่นแหละครับในคดีนั้น ท่านอยู่ในเสียงข้างมาก 4 ต่อ 2 ที่ให้ยกคำร้อง โดยท่านนี่แหละ เป็นผู้ให้ความเห็นเรื่อง นับวัน อันเลื่องลือว่า ความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2552 แล้ว การยื่นคำร้องจึงพ้นระยะเวลาสิบห้าวันตามที่กฎหมายกำหนดฟังแล้วอย่างงว่าทำไมคดีนั้นท่านเป็นเสียงข้างมาก คดีนี้ท่านเป็นเสียงข้างน้อย ความจริงแล้วท่านไม่ได้กลับไปกลับมา ท่านวินิจฉัยตามหลักของท่าน เหมือนกันทั้งสองคดี แต่ปัญหามันไปอยู่ที่การนับคะแนนเสียงต่างหากคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธ ทั้งสร้างเซอร์ไพรส์และให้ความกระจ่างหลายๆ อย่างอภิสิทธิ์บิดตะกูด อ้างว่าคำวินิจฉัยส่วนตนทำให้ประชาชนได้เห็น ตุลาการเสียงข้างมากชี้ว่า ปชป.ไม่ผิด ก็เมริงบิดประเด็นสำคัญกันนี่หว่า สื่อทั้งหลายถ้าตามไม่ทัน ก็แกล้งโง่ นำเสนอข่าวอยู่ 2 ประเด็นคือ หนึ่ง ชัช ชลวร กับบุญส่ง กุลบุปผา ให้ยุบพรรค สอง ตุลาการเสียงข้างมากเห็นว่า ปชป.ไม่ผิด (ไทยโพสต์สละหน้า 4 ให้ทั้งหน้าเพื่อเปรียบเทียบความเห็นประเด็นนี้)ไม่มีใครนำเสนอประเด็นที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 ต่อ 2 ยกคำร้อง โดยเห็นว่ากระบวนการยื่นคำร้องให้ยุบพรรคไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติมขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ และน่าต๊กกะใจ ว่าไหงสิเป็นจังซี้ยังจำได้ไหมครับ วันที่ 29 พ.ย. ศาลอ่านคำวินิจฉัยยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ คดี 29 ล้าน โดยท่านให้เหตุผลว่านี่ผมคัดมาจากคำวินิจฉัย (อย่างไม่เป็นทางการ) ที่อยู่ในเว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็เป็นฉบับที่ท่านอ่านในศาลแต่เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.เว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญก็เผยแพร่คำวินิจฉัย ฉบับทางการ ซึ่งให้เหตุผลในการยกคำร้องว่าอ้าว เฮ้ย ไหงสิเป็นจังซี้ คนละเรื่องเดียวกันเลยครับ สรุปว่าเหตุผลที่อ้างเรื่อง 15 วันให้เถียงกันเป็นวรรคเป็นเวรนั่นน่ะ เป็นแค่ความเห็นของท่านอุดมศักดิ์คนเดียว ส่วนอีก 3 ท่านคือ ท่านจรัญ ท่านนุรักษ์ ท่านสุพจน์ เห็นว่านายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่ได้มีความเห็นซึ่งทั้ง 3 ท่านก็ยืนความเห็นต่อมาในคดี 258 ล้าน โดยบวกท่านจรูญ อินทจาร เข้ามาอีกราย ว่านายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่ได้มีความเห็นขณะที่ท่านอุดมศักดิ์ท่านก็ยืนยันความเห็นของท่านว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นแล้ว ความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว เพียงแต่คดี 258 ล้านนี้ไม่มีบทบัญญัติเรื่องระยะเวลาสิบห้าวันเข้ามาเกี่ยวข้อง ท่านจึงเห็นว่าการยื่นคำร้องชอบด้วยกฎหมาย เช่นเดียวกับท่านชัชและท่านบุญส่งนี่ถ้าท่านจรูญยังถอนตัว ไม่กลับเข้ามาทำหน้าที่ ก็จะกลายเป็นคะแนนเสียง 3 ต่อ 3 กลายเป็นปัญหาโลกแตกว่าแล้วจะวินิจฉัยกันต่อไปอย่างไรแต่ถ้าเอามุมมองนี้มองกลับไปในคดี 29 ล้าน เราจะเห็นว่ามีคะแนนเสียง 3 ต่อ 3 อยู่โดยที่ศาลไม่ได้สรุป นั่นคือประเด็นที่ว่านายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นแล้วหรือไม่ ท่านจรัญ ท่านนุรักษ์ ท่านสุพจน์ เห็นว่ายังไม่มีความเห็น ท่านอุดมศักดิ์ ท่านชัช ท่านบุญส่ง เห็นว่ามีความเห็นแล้ว แต่ ปชป.ลอดช่องแมวไปเพราะท่านอุดมศักดิ์ยกเรื่องสิบห้าวันขึ้นมาแต่ผู้เดียวถ้าเราลองลำดับการลงความเห็นใหม่ในคดี 29 ล้านนะครับนายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นให้ยุบพรรคแล้วหรือไม่ 3 ต่อ 3 เสมอกันความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้วหรือไม่ 3 ต่อ 3 เสมอกันอีกความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองในวันที่ 17 ธันวาคม 2552 หรือไม่ 5 ต่อ 1 ยังไม่ปรากฏแต่ ปชป.รอดไปได้เพราะท่านกลับไปนับรวม 3 กับ 1 เป็นความเห็นว่ากระบวนการยื่นคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่ให้เหตุผลต่างกันสิ้นเชิง และบางประเด็นก็สวนทางกันด้วยนี่คือสิ่งที่คุณวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ เขียนไว้ว่าเป็นการกำหนดวิธีลงมติที่น่ากังขา (และเป็นที่กังขามาตั้งแต่คดีทักษิณซุกหุ้น)ที่น่ากังขายิ่งกว่านั้นคือ เหตุใดคำวินิจฉัยอย่างไม่เป็นทางการ กับคำวินิจฉัยที่เป็นทางการ จึงให้เหตุผลต่างกัน เห็นคาตาอยู่ในเว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญ จนผมต้องแหกเนตรขยี้เนตรดูมาตรฐานของท่านด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเองคำวินิจฉัยอย่างไม่เป็นทางการ ที่ท่านอ่านให้ประชาชนทั้งประเทศฟัง ทำไมจึงไม่มีเหตุผลของตุลาการเสียงข้างครึ่ง (3 เสียง) ที่ว่านายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่มีความเห็นให้ยุบพรรค แต่ท่านกลับเอาเหตุผลของตุลาการเสียงข้างน้อย (1 ต่อ 5) มาเขียนในคำวินิจฉัยกลาง อ้างระยะเวลาสิบห้าวัน ให้ชาวบ้านฟังแล้วมึน โต้เถียงกันให้วุ่นถ้าท่านว่าไม่ประหลาด ผมก็คงวิปลาสนี่หรือคือมาตรฐานคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีผลผูกพันทุกองค์กร คำวินิจฉัยที่อ่านให้ชาวบ้านฟัง กับคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการที่ออกมา 10 วันให้หลัง ไม่เหมือนกัน ให้เหตุผลต่างกัน มันเป็นไปได้ไง ในเมื่อการลงมติของศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการแต่ละท่านจะต้องเตรียมความเห็นของตนในแต่ละประเด็นมาแล้ว ไม่ใช่ลงมติไปก่อนแล้วค่อยทำความเห็นภายหลังที่ถูก ท่านยังต้องทำคำวินิจฉัยส่วนตนมาให้เรียบร้อย และต้องเผยแพร่พร้อมคำวินิจฉัยกลางที่อ่านในวันนั้น อย่างมากก็ให้เวลา 1-2 วันเพื่อให้เจ้าหน้าที่พิมพ์และตรวจทาน ไม่ใช่อ่านคำวินิจฉัยไปแล้วเป็นสิบวัน คำวินิจฉัยส่วนตนเพิ่งเสร็จแล้วก็ไม่เคยมีนะครับ ที่ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่คำวินิจฉัย (อย่างไม่เป็นทางการ) ผมก็เพิ่งเคยเห็นคดีนี้ ที่ผ่านมา คำวินิจฉัยที่อ่านในวันนั้นแหละ คือคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการนี่คือคำถามที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ตอบ นี่คือลูกขลุกขลิกที่ถูกบังตา ท่านจรัญ ท่านนุรักษ์ ท่านสุพจน์ ต้องตอบว่า ใครบ้างเอาลูกมาเป็นเลขาฯ –เอ๊ย ไม่ใช่ ต้องตอบว่า เหตุใดคำวินิจฉัยอย่างไม่เป็นทางการ ที่อ่านอย่างเป็นทางการ จึงไม่ระบุเหตุผลของพวกท่าน แต่กลับไปอ้างเหตุผลท่านอุดมศักดิ์เพราะถ้าอ้างเหตุผลของพวกท่านที่ว่านายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่มีความเห็น ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย ไม่ต้องเถียงกันเป็นวรรคเป็นเวร เนื่องจากท่านคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการ (ที่ น้องปอย พสิษฐ์ บอกให้ ปชป.หามาเยอะๆ) เคยอรรถาธิบายไว้แล้วคำถามต่อไปคือ ถ้าเหตุผลในการยกคำร้องของตุลาการเสียงข้างกึ่ง ไม่ใช่เรื่องระยะเวลาสิบห้าวัน แต่เป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่ลงความเห็น ก็แปลว่า คดี 29 ล้านฟ้องใหม่ได้ใช่หรือไม่ ไม่ใช่ หมดอายุความ อย่างที่เข้าใจกันตั้งแต่ต้นเช่นเดียวกับคดีเงินบริจาค 258 ล้าน ก็ยังฟ้องใหม่ได้ ถ้ามีใครไล่ประธาน กกต.เปลี่ยนนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองลงความเห็นให้ชัดเจน (อาจจะแถมไล่อัยการด้วย โทษฐานสั่งไม่ฟ้องลูกชนชั้นนำเพื่อชีวิต แอ๊ด คาราบาว ฉลองประกาศราชกิจจาฯ อัยการเป็นองค์กรอิสระ)ตุลาการบางท่านอาจจะลงความเห็นในคำวินิจฉัยส่วนตนคดี 29 ล้านไปแล้ว ว่า ปชป.ไม่ผิด แต่ยังไม่มีผลผูกพัน ถ้าท่านถูกไล่ ตาย ลาออก หรือพ้นตำแหน่งไปด้วยอากัปกิริยาใดๆ ปชป.ก็คงยังไม่ปลอดภัยอยู่ดีอย่างน้อย ที่คนเสื้อแดงจะม็อบวันนี้ ผมก็ได้ยินเสียงจตุพรหัวร่อครึกครื้น สินจรัญ ช่วยเชิญแขก สร้างบรรยากาศให้ดีจริงๆ | ปชป.ชนะฟาวล์อีกแล้ว แต่คราวนี้แม้จะมีลูกขลุกขลิก ภาพลวงตา แฟนบอลก็เห็นกันทั้งสนาม ยกเว้นกองเชียร์ทีมเจ้าบ้านที่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น ปชป.ชนะคดีที่อัยการสูงสุดขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค | การเมือง | คดียุบพรรค,พรรคประชาธิปัตย์,ศาลรัฐธรรมนูญ,ใบตองแห้งออนไลน์ | https://prachatai.com/journal/2010/12/32234 |
ปชช. 8 จว. แม่น้ำโขง เปิด 8 ข้อเท็จจริงสวน เขื่อนไซยะบุรี หลังโฆษณาด้านบวกผ่านสื่อ | เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดแม่น้ำโขง ออกรายงาน ข้อเท็จจริง 8 ประการจากผู้เชี่ยวชาญและจากพื้นที่แม่น้ำโขง กรณีเขื่อนไซยะบุรี ที่มีการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ ฉบับวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมาแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย ร้องความรับผิดชอบธนาคารไทยทั้ง 6 แห่ง เจ้าหนี้โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี7 พ.ย.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดแม่น้ำโขง ออกรายงาน ข้อเท็จจริง 8 ประการจากผู้เชี่ยวชาญและจากพื้นที่แม่น้ำโขง กรณีเขื่อนไซยะบุรี ที่มีการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ ฉบับวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมาโดยมีรายละเอียดดังนี้ :สืบเนื่องจากการเผยแพร่ข้อมูลผ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับในวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่เขื่อนไซยะบุรี เริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อขายอย่างเป็นทางการให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นั้น เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง ซึ่งทำงานติดตามกรณีผลกระทบจากการพัฒนาบนแม่น้ำโขงมาตลอด ขอมีข้อชี้แจง ดังนี้ข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญและจากพื้นที่: แม้จะเรียกตัวเองว่า ฝายทดน้ำ แต่โครงสร้างของเขื่อนไซยะบุรีเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ พาดผ่านกลางลำน้ำโขง ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คือ เขื่อนขนาดใหญ่ (mega dam หรือ large dam) ที่มีความสูง 35 เมตรและยาวมากกว่า 820 เมตร มีการยกระดับน้ำตอนเหนือเขื่อนขึ้นไปประมาณ 30-65 เมตร เอกสารโครงการระบุว่ามีอ่างเก็บน้ำกินความยาวไปตามลำน้ำถึง 80 กิโลเมตร (impoundment)การใช้งานเขื่อนในช่วงการทดลองผลิตไฟฟ้า และการเปิดใช้งานของเขื่อนไซยะบุรีอย่างเป็นทางการ เป็นที่ประจักษ์และปรากฎแก่สายตาของประชาชนที่อาศัยอยู่ท้ายน้ำ ตั้งแต่เมืองปากลาย ในสปป.ลาว ลงมาตลอดระยะทาง 700 กิโลเมตรในเขตภาคอีสานริมฝั่งแม่น้ำโขงของไทย ว่าเกิดเหตุการณ์ระดับน้ำโขงขึ้นลงผิดธรรมชาติ ผิดฤดูกาลอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ขณะที่สภาพแม่น้ำโขงในบริเวณอ่างเก็บน้ำ ทางเหนือของเขื่อนไซยะบุรี เขตแขวงไซยะบุรี แขวงหลวงพระบางระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร กลับมีปริมาณน้ำเต็มสองฝั่งนับตั้งแต่มีการทดลองผลิตไฟฟ้า ปัจจุบัน และคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดอายุการใช้งานของเขื่อนโดยวงจรธรรมชาติ ในช่วงฤดูฝนแม่น้ำโขงต้องท่วมหลาก สิ่งมีชีวิต ปลา ฯลฯ ต้องว่ายอพยพมุ่งสู่ลำน้ำโขงตอนบน ลำน้ำสาขา และพื้นที่ชุ่มน้ำ (wetland) ตลอดลุ่มน้ำ เพื่อวางไข่ ขยายพันธุ์ และอนุบาลตัวอ่อน เมื่อเขื่อนตอนบนกักเก็บน้ำทำให้เกิดปรากฎการณ์ระดับน้ำในฤดูฝนลดลงอย่างมาก และผันผวน ทำให้วงจรของสิ่งมีชีวิตในแม่น้ำโขงได้รับผลกระทบ ลำน้ำสาขาและพื้นที่ชุ่มน้ำไม่สามารถมีน้ำหลาก ส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่การกักเก็บน้ำของเขื่อนในฤดูฝน (หรือที่ผู้พัฒนาโครงการ พยายามเรียกว่า ยกระดับน้ำ) ทำให้ตะกอนแร่ธาตุ ที่เป็นหัวใจของความอุดมสมบูรณ์ในแม่น้ำโขง ถูกกักเก็บไปในปริมาณมาก และหายไปจากระบบแม่น้ำโขงระดับน้ำโขงที่ผันผวน สร้างความเสียหายอย่างยับเยินต่อระบบนิเวศ และวิถีชีวิตของประชาชน ไปจนถึงปลายน้ำ พรรณพืชที่มีความสำคัญ เช่น ต้นไคร้น้ำ ซึ่งเปรียบเสมือนป่าชายเลนของแม่น้ำโขง เป็นแหล่งอาศัยวางไข่สัตว์น้ำ ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของระดับน้ำ ที่ขึ้นลงผิดฤดูกาล ถูกทำลาย ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ และตายซากอย่างมากมายอย่างที่ปรากฎในภาพข่าว และ social media ต่างๆสิ่งที่ทางเจ้าของโครงการอ้างถึง run of river และ in flow=out flow เป็นการนำเสนอข้อมูลแบบไม่มีข้อมูลปัจจุบัน (real time) ที่สำคัญอย่างยิ่ง ข้อมูลที่กล่าวอ้างนี้ สาธารณะและผู้ได้รับผลกระทบไม่สามาถเข้าถึงหรือร่วมตรวจสอบได้อนึ่ง ตัวอย่างรูปธรรมของ เขื่อน run of river ที่สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศอย่างสิ้นเชิง คือ เขื่อนปากมูลที่สร้างกั้นลำน้ำสาขาที่ใหญ่ที่สุดของแม่น้ำโขงข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญและจากพื้นที่: โรงไฟฟ้าล่องหน ถือเป็นการสร้างวาทกรรมที่อำพรางความจริง ทั้งที่เป็นเขื่อนคอนกรีตสูงกว่า 35 เมตรและยาว 820 เมตรกขวางกั้นลำน้ำโขง และในรายงานการศึกษาของคณะมนตรีแม่น้ำโขง หรือ Council Study ระบุว่า ปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านประตูมีความเร็วมากถึง 7-10 เมตร/วินาที หรือ 25-36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเป็นอันตรายต่อการขึ้นลงของปลาแม่น้ำโขง ซึ่งมีปกติปลาสามารถว่ายความแรงเฉลี่ย 1.1 เมตรต่อวินาทีหรือความเร็ว 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทางปลาผ่านที่อ้างถึงจึงเป็นเพียงวากทกรรมสวยหรู ที่สร้างไปบนข้อเท็จจริงที่ไม่มีการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญและสาธารณะผลกระทบด้านตะกอน การศึกษาทบทวนการออกแบบเขื่อนโดยคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง Review of the Design Changes Made for Xayaburi Hydropower Project (MRC 2019) ระบุชัดเจนว่าผลกระทบต่อปริมาณตะกอนและการพังของตลิ่ง จะเกิดเป็นบริเวณกว้างตลอดพื้นที่ท้ายน้ำของเขื่อนไซยะบุรี เป็นระยะทางนับร้อยกิโลเมตร หรือที่เรียกว่า คลื่นตลิ่งพัง erosional wave ดังที่ปรากฎในพื้นที่ท้ายน้ำชัดเจนในหลายจังหวัดในภาคอีสาน และจะส่งผลไปจนถึงกัมพูชาและเวียดนาม โดยเฉพาะในฤดูแล้งประเด็นสำคัญคือ การออกแบบเขื่อนใหม่ที่อ้างว่าออกแบบโดยที่ปรึกษาจากบริษัทชั้นนำทั่วโลกและคัดสรรเทคโลโลยีที่สุดนั้น กลับไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังที่เอกสาร Review of the Design Changes Made for Xayaburi Hydropower Project (MRC 2019) ระบุว่า การลงทุนในทางปลาผ่านใหม่ของเจ้าของโครงการแทบไม่มีมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ แม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องและคำขอหลายครั้งจากภาคประชาสังคมในลุ่มน้ำโขงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและยังมีข้้อคันพบว่า ผู้พัฒนาโครงการได้พยายามลงทุนอย่างมาก เพื่อแก้ไขตามข้อกังวลที่มีการเสนอระหว่างการการทบทวนด้านเทคนิคของเขื่อนไซยะบุรี อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการให้ข้อมูลมากเพียงพอเพื่อให้สามารถประเมินประสิทธิภาพของมาตรการเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณท์ในการเดินเครื่องที่ได้รับการปรับปรุงข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญและจากพื้นที่: คำอธิบายนี้เป็นระบบคิดที่ไม่ถูกต้องและตีความเอาเองโดยไม่ได้คำนวณความเสียหายต่อระบบนิเวศแม่น้ำโขงซึ่งมีคุณค่าและมูลค่า ทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมที่ประเมินค่ามิได้ และยังไม่มีหลักประกันใดๆว่า เขื่อนจะผลิตไฟฟ้าได้จริงตามจำนวนที่ระบุไว้ตามสัญญาซื้อขายเท่านั้นผู้ดำเนินการควรอ้างอิงเอกสารที่มีการศึกษาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาของคณะมนตรีแม่น้ำโขงซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการที่ 4 ประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงตอนล่างไม่สามารถเห็นชอบร่วมกันได้เรื่องผลกระทบข้ามพรมแดนจากเขื่อนไซยะบุรีของท่านเอง (Council Study: The Study on Sustainable Management and Development of the Mekong River including Impacts of Mainstream Hydropower Projects2018) ()ข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญและจากพื้นที่: เป็นเพียงคำอธิบายที่กล่าวอ้างของผู้พัฒนาโครงการเท่านั้น ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดดังกล่าวต่อสาธารณะข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญและจากพื้นที่: ชุมชนลุ่มน้ำโขงมีประชาชนอาศัยและพึ่งพาทรัพยากรลุ่มน้ำโขงตอนล่างถึง 60 ล้านคน แต่ผู้พัฒนาเขื่อนไซยะบุรีนับ ผู้ได้รับผลกระทบ หรือ ชุมชน เพียงผู้ที่อาศัยในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า หรือผู้ที่อพยพออกไปจากแม่น้ำโขงเพื่อให้สามารถสร้างเขื่อนได้เท่านั้นวิธีคิดของผู้พัฒนาเขื่อนไซยะบุรี เป็นการกีดกันและไม่นับผู้ได้รับผลกระทบอีกจำนวนมากที่อาศัยและพึ่งพาแม่น้ำโขง อาทิ ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขง ใน 7 จังหวัดภาคอีสานของไทย ที่กำลังเผชิญผลกระทบจากเหตุการณ์ระดับน้ำโขงผันผวนผิดฤดูกาลอยู่ในขณะนี้ การประปาเทศบาลและภูมิภาค ที่ได้รับผลกระทบต่อการสูบน้ำดิบจากแม่น้ำโขงเนื่องจากแม่น้ำโขงท้ายน้ำเขื่อนไซยะบุรีลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เป็นต้นแม่น้ำที่เคยเป็นแหล่งต้นทุนทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมและพื้นที่ของรักษาความสัมพันธ์ทางสังคมของคนในลุ่มน้ำ กำลังจะสูญหายไปจากการสร้างเขื่อน คนท้องถิ่นกำลังเป็นผู้เสียเปรียบและผู้ไม่ได้รับความยุติธรรมจากการทดลองเทคโนโลยีเขื่อนในลุ่มน้ำโขงที่ต้องแลกกับการสูญเสียสมดุลของระบบนิเวศประมงและสัตว์น้ำอย่างมหาศาล ทั้งทำลายเศรษฐกิจท้องถิ่นที่เชื่อมโยงกับทรัพยากรน้ำ เช่น ปลา สาหร่ายน้ำจืด เกษตรริมน้ำ เนื่องจากสูญเสียที่ดินจากน้ำท่วมและการลดลงของธาตุอาหารในดินจากการสูญเสียตะกอน เพราะอัตราการพัดพาลงมาจากต้นน้ำสู่ท้ายน้ำลดลงเขื่อนได้กักเก็บตะกอนไว้เป็นจำนวนมาก และลดทอนสิทธิชุมชนและศักดิ์ศรีและคุณค่าวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีฐานมาจากระบบนิเวศแม่น้ำ การประเมินผลกระทบเชิงกลยุทธ์ในลำน้ำโขงสายหลักให้กับคณะกรรมการแม่น้ำโขงได้เสนอว่า ไม่ควรให้แม่น้ำโขงเป็นสถานที่ทดลองเทคโนโลยีสำหรับเขื่อน()ข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญและจากพื้นที่: ลุ่มน้ำโขงมีการประมงที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีปลาธรรมชาติที่ศึกษาพบถึง 1000 ชนิด และการศึกษาของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงระบุว่ากว่า 70 % เป็นพันธุ์ปลาอพยพทางไกล มีพฤติกรรมการอยู่อาศัย หาหอาหาร อพยพ แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ ฤดูกาล และระบบนิเวศ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีใดสามารถแก้ไขปัญหาผลกระทบจากเขื่อนและการอพยพของปลาน้ำโขงที่หลากหลายได้กังหันน้ำที่เป็นมิตรกับปลา เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง หลายกรณีทั่วโลกพบว่าไม่สามาถแก้ไขปัญหาการอพยพลงท้ายน้ำของปลาต่างขนาดต่างชนิดได้และพบว่าอัตราการตายของสัตว์น้ำที่ผ่านกังหันมรณะดังกล่าวอยู่ในะดับสูงระบบต่างๆ ที่ผู้พัฒนาเขื่อนระบุไว้ในเนื้อหาโฆษณานั้น เป็นเพียงการกล่าวอ้างโดยไม่มีการพิสูจน์ และไม่มีสถาบันที่เป็นกลางที่เชื่อถือได้ให้การรับรองสิ่งที่บริษัทจะต้องให้ข้อมูลต่อสาธารณะคือ ต้องมีข้อมูลปลาที่ผ่านขึ้น/ลง และกระบวนการติดตามการอพยพของปลา มีปริมาณมากน้อยแค่ไหน มีปลากี่สายพันธ์ุ ขนาดของปลา ทั้งการอพยพขึ้นและลง ที่ผ่านระบบติดตั้งที่บริษัทอ้างว่าเป็นมิตกับปลา บริษัทควรจะเสนอข้อมูลว่าระบบทางปลาผ่านนั้นมีขนาดและน้ำหนักของปลาระดับไหนจึงจะสามารถผ่านได้เพราะปลาน้ำโขงตัวใหญ่ ๆ ขนาดประมาณ 40-200 กิโลกรัม มีหลายชนิด ปลาที่มีขนาดเหล่านี้จะสามารถผ่านทางปลาผ่านที่ติดติดตั้งได้จริงหรือไม่ต้องแสดงการขึ้นลงของน้ำในแต่ละวันแต่ละฤดูกาลจะเป็นอย่างไร เพื่อเปิดเผยและให้สาธารณะร่วมกันตรวจสอบมาตรการดังกล่าวว่ามีประสิทธิภาพอย่างไรข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญและจากพื้นที่: ต้นแบบของเขื่อนไซยะบุรีอาจจะเรียกได้ว่า สร้างไป ศึกษาไป กู้ไป การลงทุนสร้างเขื่อนไซยะบุรี นอกจากผลกำไรจากการก่อสร้างแล้ว ผู้พัฒนาเขื่อนยังระบุอีกว่าจะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าถึง 13000-14000 ล้านบาทต่อปี (หรือคิดเป็นรายได้ 35-38 ล้านบาทต่อวัน) จึงเป็นที่ชัดเจนว่าการสัมปานพัฒนาเขื่อนไซยะบุรี เป็นการนำทรัพยากรส่วนรวมของภูมิภาคอุษาคเนย์ไปใช้สร้างผลกำไรสำหรับบริษัทและครอบครัวไม่กี่รายการเพิ่มเงินลงทุนเพื่อจัดการสิ่งแวดล้อมในวงเงินที่สูงไม่ได้แปลว่ามาตรการดังกล่าวจะได้ผลในเมื่อความสำคัญอันดับแรกของเขื่อนคือเพื่อผลิตไฟฟ้าเพื่อขายสร้างรายได้นอกจากนี้ข้อมูลที่ปรากฎระบุว่าผู้พัฒนาโครงการยังได้ผลตอบแทนเพิ่มคือได้ขยายเวลาสัมปทานเป็น 31 ปีอีกด้วยระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตของแม่น้ำโขง มีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างมากมีวัฏจักรการขึ้นลงของน้ำตามฤดูกาลซึ่งเป็นหัวใจในการดำรงอยู่ของวงจรชีวิตต่างๆ การอ้างถึงการลงทุนเพื่อจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยงบประมาณที่สูงไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันว่า เทคโนโลยีนั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาและมีประสิทธิภาพได้แท้จริงสิ่งสำคัญคือ เจ้าของโครงการเขื่อนไซยะบุรีกำลังใช้ชีวิตของประชาชนและระบบนิเวศของแม่น้ำโขงเป็นห้องทดลองเทคโนโลยีนั้น โดยมีประชาชนในภูมิภาคนี้ต้องแบกรับภาระความเสี่ยงข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญและจากพื้นที่: ปัจจุบันกำลังการผลิตไฟฟ้าในระบบของประเทศไทย มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 43253 เมกะวัตต์ และความต้องการใช้พลังงานสูงสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 อยู่ที่ 30853.20 เมกะวัตต์ ซึ่งทำให้ปริมาณไฟฟ้าสำรองในประเทศอยู่ที่ 12400 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็น 30 % ของกำลังการผลิตทั้งหมดของประเทศ อาจกล่าวได้ว่า การผลิตไฟ้ฟ้าของขื่อนไซยะบุรีเข้าสู่ระบบตามสัญญาซื้อขายก็เท่ากับการซื้อไฟฟ้ามาสู่ระบบสำรองพลังงานของประเทศเท่านั้นการนิยามว่า พลังงานน้ำ เป็นพลังงานหมุนเวียนและเป็นทางเลือกแต่ลักษณะของเขื่อนขนาดใหญ่นั้นต้องปิดกั้นแม่น้ำสายใหญ่และต้องการพื้นที่กักเก็บน้ำขนาดใหญ่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ป่าไม้ แหล่งความหลากหลายทางชีวภาพพื้นที่เกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยของประชาชน และเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนและที่สำคัญต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมและสังคมเหล่านั้นไม่ได้ถูกคำนวนอยู่ในความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของโครงการ แต่มีการคำนวนความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์เฉพาะเจ้าของโครงการเท่านั้นวิถีชีวิตของพวกเราและระบบนิเวศของแม่น้ำโขงอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างหนักและขณะนี้กำลังเข้าสู่ฤดูแล้งอย่างเป็นทางการเราพบว่าปริมาณน้ำโขงที่ลดลงจนแห้งขอดได้ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำทั้งอุปโภคและบริโภค เพราะหลายหมู่บ้านเมืองและจังหวัดใหญ่ๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขงที่ใช้น้ำจากแม่น้ำโขงเป็นต้นทุนในการผลิตน้ำประปาการขาดแคลนน้ำในการเกษตรริมฝั่งโขงความเสียหายต่อพันธุ์ปลาที่ไม่สามารถวางไข่และอพยผิดฤดูกาลการสะสมของดินตะกอนริมฝั่งแม่น้ำโขงปีนี้ลดลงอย่างมากเนื่องจากไม่มีระดับน้ำหลากสูงสุดและทำให้ภาวะตลิ่งพังในหลายพื้นที่พวกเราขอเรียอกขอเรียกร้องให้บริษัทไซยะบุรีพาวเวอร์มีมาตราการที่แสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบข้ามพรมแดนต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาคการเงินการธนาคารต้องทำการประเมินโดยอิสระ ด้วยการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบการศึกษาผลกระทบจากเขื่อนไซยะบุรีที่ธนาคารเคยบอกว่าได้ตรวจสอบแล้ว กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในขณะนี้โดยเฉพาะประเด็นสิ่งแวดล้อมและสังคมวันเดียวกัน (7 พ.ย.62)แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand)และองค์กรร่วมออกแถลงการณ์เรียกร้องความรับผิดชอบของธนาคารเจ้าหนี้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี โดยเรียกร้องไปยังต่อธนาคารไทยทั้ง 6 แห่ง อันได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM)และธนาคารทิสโก้ ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด 5 ประเด็น1. เร่งรัดให้บริษัทไซยะบุรีฯ เปิดเผยข้อมูลสำคัญดังต่อไปนี้ต่อสาธารณะ ก่อนการขอเบิกเงินกู้ (drawdown) งวดต่อไป เช่น ข้อมูลปลาผ่านทางปลาผ่านของบริษัท (ชนิดพันธุ์ จำนวน) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2562ถึงปัจจุบัน ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำเหนือเขื่อนและใต้เขื่อนตั้งแต่เดือนเมษายน 2562ถึงปัจจุบัน เนื่องจากบริษัทได้เริ่มขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการในเดือนเมษายน2562ที่ผ่านมา ข้อมูลกลไกรับเรื่องร้องเรียน และมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการ2. ประกาศรับหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP) ขององค์การสหประชาชาติ และกำหนดให้บริษัทไซยะบุรีฯในฐานะลูกหนี้ของธนาคาร ประกาศรับหลักการดังกล่าวด้วย 3. เปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการไซยะบุรี ตามหลักการชี้แนะ UNGP4. ประกาศว่าจะไม่ให้การสนับสนุนทางการเงินใดๆ แก่โครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่สร้างในแม่น้ำสายหลัก (mainstem) ของลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ที่มีแผนจะก่อสร้างในอนาคต (exclusion list) อย่างน้อยเป็นเวลา 10 ปี ตามข้อเสนอของผู้มีส่วนได้เสียในกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้าของคณะกรรมการแม่น้ำโขง และ 5 ประกาศรับชุดหลักการอีเควเตอร์ (Equator Principles) มาตรฐานสากลของการปล่อยสินเชื่อโครงการขนาดใหญ่อ่านรายละเอียดแถลงการณ์ได้ที่ : | เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดแม่น้ำโขง ออกรายงาน ข้อเท็จจริง 8 ประการจากผู้เชี่ยวชาญและจากพื้นที่แม่น้ำโขง กรณีเขื่อนไซยะบุรี ที่มีการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ ฉบับวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา | เศรษฐกิจ,สิทธิมนุษยชน,คุณภาพชีวิต,สิ่งแวดล้อม | โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี,เขื่อนไซยะบุรี,แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย,ธนาคาร,ลาว,เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดแม่น้ำโขง,แม่น้ำโขง | https://prachatai.com/journal/2019/11/85053 |
เทียบ ผิวถนน 2 โครงการขยายทาง พระราม 2 | หลังจากไทยพีบีเอสนำเสนอว่าโครงการปรับขยายทางช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย มีการออกแบบผิวถนนบางกว่าที่ควรจะเป็น วันนี้แหล่งข่าวกรมทางหลวง นำข้อมูลการขยายทางบนถนนเส้นเดียวกันเมื่อปี 2549 มาเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนปี 2549 มีการปรับขยายถนนบนเส้นทางเดียวกัน แต่เป็นปรับขยายทางช่วงก่อนถึงวังมะนาว ซึ่งตามแบบมีผิวถนนหนาถึง 20 เซนติเมตร แม้จะเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตชนบทขณะที่การออกแบบก่อสร้าง-ขยายถนนช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ขณะนี้มีการออกแบบผิวถนนบางเพียง 13 เซนติเมตร ทั้งที่มีการจราจรหนาแน่น ซึ่งกรมทางหลวงประเมินว่มมีรถสัญจรกว่าวันละ 1 แสน 8 หมื่นคันนอกจากนี้เมื่อตรวจสอบเอกสารโครงการปรับขยายทางปัจจุบัน พบว่า บริษัทผู้รับเหมา เคยส่งเรื่องร้องเรียนถึงกรมทางหลวง ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2561 เพื่อขอให้ทบทวนและแก้ไขแบบ โดยเฉพาะการปรับผิวถนนให้หนาขึ้น สอดคล้องกับการจราจรที่หนาแน่นบนเส้นทางพระราม 2 และมีรถบรรทุกเข้า-ออกโรงงานเกือบ 10000 แห่งผู้รับเหมาตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทเอกชนผู้ออกแบบโครงการ ประเมินลักษณะกายภาพของถนนพระราม 2 ผิดพลาด เช่น ผู้ออกแบบประเมินว่า ปี 2563 จะมีรถสัญจรผ่านถนนเส้นนี้เพียงวันละ 1 หมื่น 2 พันคัน แต่ปัจจุบัน(ปี2562) มีรถสัญจรผ่านถนนเส้นนี้กว่า 180000 คัน หรือประเมินผิดจากความเป็นจริงเกือบ 10 เท่า นอกจากนี้การออกแบบ ยังกำหนดค่า CBR หรือดัชนีที่ใช้เทียบการรับน้ำหนักของถนนต่ำกว่าความเป็นจริงด้วยมีรายงานการแก้ไขแบบอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมทางหลวง แต่ติดเงื่อนไขทางกฎหมาย เพราะ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (แก้ไข ปี2560) กำหนดให้ ผู้มีอำนาจ เป็นผู้เซ็นแก้ไขแบบ ซึ่งต้องตีความว่าเป็นผู้มีอำนาจ คือ อธิบดีกรมทางหลวง หรือปลัดกระทรวงคมนาคมแต่การแก้แบบเป็นสาเหตุหลักที่โครงการไม่คืบหน้า เพราะผู้รับเหมาไม่สามารถเดินหน้าโครงการได้ และไม่สามารถเบิกงบประมาณมาดำเนินการด้วยขณะที่การประท้วงของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบบริเวณวัดพันท้ายนรสิงห์ช่วงเช้าที่ผ่านมาประกอบกับข่าวสารที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน ส่งผลให้ผู้บริหารของกรมทางหลวงลงพื้นที่ติดตามแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ด้วยตัวเองแล้วอ่าน | ไทยพีบีเอส เปรียบเทียบโครงการขยายถนนช่วงวังมะนาวในปี 2549 และการขยายถนนพระราม 2 ในปัจจุบัน พบว่าผิวถนนตามแบบของโครงการปัจจุบัน บางกว่าโครงการในอดีตมาก ซึ่งผู้รับเหมา และเจ้าหน้าที่เชื่อว่า หากเดินหน้าสร้างถนนตามแบบ จะต้องซ่อมแซมถนนภายใน 3 ปี | สังคม | ถนนพระราม 2,ถนนบาง,วัดพันท้ายนรสิงห์,กรมทางหลวง | https://news.thaipbs.or.th/content/281819 |
โตโยต้า ทีมไทยแลนด์ ขอลุ้นแชมป์ Thailand Super Series 2018 | ประกาศความพร้อม เตรียมลงสนามแรกของปี ตั้งเป้าหวังโพเดียมทวงบัลลังก์แชมป์ โชว์ความเก๋าในเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โดยทัพนักแข่งมากประสบการณ์ นำทีมโดย สุทธิพงศ์ สมิตชาติ, ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ, ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ, มานัต กุละปาลานนท์, นาโอกิ คาวามูระ และ สุพงศ์ ขำต้นวงษ์ ลงสนามระเบิดพลังความแกร่งพร้อมกันในศึกรถยนต์ทางเรียบ ใหญ่ที่สุดในอาเซียน Thailand Super Series 2018 เรซ 1-2 ระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-1 เม.ย. ที่สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย, ,วันที่ 21 มี.ค. 61 นายสุทธิพงศ์ สมิตชาติ ผู้บริหารทีมและนักแข่งโตโยต้า ทีมไทยแลนด์ กล่าวถึงภาพรวมของทีมในนัดเปิดฤดูกาลนี้ว่า สำหรับปี 2018 โตโยต้า ทีมไทยแลนด์ มีตารางแข่งทั้งรายการในประเทศและต่างประเทศ ตลอดทั้งปี ซึ่งผมและทีมได้มีการประชุมและวางแผนจัดการ ให้ทุกการแข่งขันออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด โดยในปลายเดือนนี้จะประเดิมลงสนามครั้งแรกด้วยการแข่งขันรายการ ไทยแลนด์ ซูเปอร์ซีรีส์ 2018 (Thailand Super Series 2018) ที่สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เรซ 1-2 โดยจะลงสนาม 2 รุ่น เริ่มจาก Thailand Super Car GTM ที่จะลงสนามขับเคี่ยวกัน 1 ชั่วโมงเต็ม,ทีมจะใช้รถ Toyota 86 หมายเลข 38 ขับโดย ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ กับ สุพงศ์ ขำต้นวงษ์ และรถหมายเลข 39 ขับโดย ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ กับ นาโอกิ คาวามูระ ส่วนรุ่น Thailand Super Car GTC รถ Toyota 86 หมายเลข 19 ขับโดย สุทธิพงศ์ สมิตชาติ และหมายเลข 37 ขับโดย มานัต กุละปาลานนท์ ครั้งนี้จะเป็นการกลับไปแข่งขันที่สนามเซปังฯในรอบ 3 ปี ซึ่งทีมเราโดยคุณณัฐวุฒิ เคยคว้าแชมป์ประจำสนามมาแล้ว การไปครั้งนี้จึงมีแรงผลักดันที่ทีมอยากจะไปคว้าชัยชนะอีกให้ได้ ซึ่งตอนนี้รถแข่งทุกคันเดินทางไปถึงประเทศมาเลเซีย เรียบร้อยแล้ว ด้านนักแข่งตอนนี้ลงสนามซ้อมในประเทศ และหมั่นทบทวนรูปแบบสนามเซปังฯ โดยใช้ประสบการณ์จากการแข่งขันที่ผ่านมา ซึ่งผมมั่นใจว่า นักแข่งทุกคนและรถทุกคันพร้อมเต็มที่ ซึ่งผมตั้งเป้าให้กับทีมแข่งว่า จะต้องมีโพเดียมตั้งแต่สนามแรก เพื่อสะสมคะแนนก่อน และชัยชนะจะเป็นแรงผลักดันและกำลังใจให้นักแข่งทุกคนในการลงสนามรายการต่อไปทุกรายการครับ นายสุทธิพงศ์ กล่าว,ทั้งนี้ ร่วมกันส่งกำลังใจเชียร์และติดตามความเคลื่อนไหวของทีมแข่งรถแกร่งที่สุด โตโยต้า ทีมไทยแลนด์ ทีมแข่งรถสัญชาติไทย ที่พร้อมสร้างความภูมิใจให้กับคนไทยในรายการ Thailand Super Series 2018 ระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-1 เม.ย. ชมการแข่งขันสดๆ ตรงจากสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ได้ทาง www.Facebook.com/ToyotaTeamThailand | โตโยต้า ทีมไทยแลนด์ ภายใต้การสนับสนุนของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ประกาศความพร้อม เตรียมลงสนามแรกของปี ตั้งเป้าหวังโพเดียมทวงบัลลังก์แชมป์ | กีฬา,กีฬาอื่นๆ | โตโยต้า ทีมไทยแลนด์,สุทธิพงศ์ สมิตชาติ,Thailand Super Series 2018,สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต,ไทยแลนด์ ซูเปอร์ซีรีส์ 2018 | https://www.thairath.co.th/sport/others/1234846 |
พบใบปลิวอ้างเป็นนักรบ ฟาตอนี เรียกค่าคุ้มครองเส้นทาง เบตง-ยะลา | วันนี้ (19 ธ.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา พบใบปลิว อ้างตัวเป็นนักรบปัตตานี ถูกทิ้งในพื้นที่ อ.กรงปินัง และ อ.บันนังสตา ระบุข้อความว่า แจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน ขอให้ผู้ประกอบการเดินรถผ่านเส้นทางยะลา-เบตง สนับสนุนขบวนการโดยเสียสละทรัพย์ เพื่อจ่ายเป็นค่าผ่านทาง หากผู้ประกอบการใดที่ปฏิเสธ หรือเพิกเฉยจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกับรถทัวร์ที่ถูกเผาไปเมื่อ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา และจะไม่รับรองความปลอดภัยใดๆ ทั้งสิ้น ลงชื่อ นักรบฟาตอนีขณะที่ความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคง ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 คน เป็นชาย 1 และหญิง 1 ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายน้ำมัน ที่อยู่ใกล้กับจุดเผารถทัวร์ดังกล่าว และเจ้าของบ้านที่เป็นผู้ก่อเหตุตัดต้นไม้ขวางถนน ซึ่งทั้ง 2 คน ถูกนำไปสอบสวนที่หน่วยซักถามเฉพาะกิจทหารพราน 41 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลาขณะที่วันนี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสารท ผู้บัญชาการทหารบก และ พล ต.อ.จักทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตรียมลงพื้นที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิริธร และไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อประเมินสถานการณ์ในการติดตามและคลี่คลายทางคดีได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นการก่อเหตุ เพื่อทำลายความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของพื้นที่ และเป็นที่สนใจของประชาชน | ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตรียมลงพื้นที่คลี่คลายคดีลอบเผารถทัวร์สายเบตง-กรุงเทพฯ ขณะที่มีใบปลิวอ้างนักรบฟาตอนี เรียกค่าคุ้มครองรถประจำทางสายเบตง-ยะลา ถูกแจกทั่วพื้นที่ จ.ยะลา | ภูมิภาค | ใบปลิว,ยะลา,เผารถทัวร์,นักรบฟาตอนี,ผู้ต้องสงสัย,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/268642 |
ศุลกากรชูออนไลน์ลดทุจริต นำร่องใบขน-ชำระภาษีท่าเรือกรุงเทพ-แหลมฉบัง | ซึ่งทั้ง 2 ด่านนี้ มีปริมาณสินค้านำเข้าและส่งออกราว 70% ของสินค้าทั้งหมด โดยในเร็วๆนี้ กรมศุลกากรจะลงนามในสัญญาความร่วมมือกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เพื่อให้เอกสารที่ใช้ในการขนส่งสินค้าเป็นระบบออนไลน์ทั้งหมด,ปัจจุบันการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ สามารถทำใบขนออนไลน์ได้แล้ว แต่การชำระภาษียังต้องมาที่ด่านท่าเรือซึ่งเป็นจุดขนถ่ายสินค้า แต่ออนไลน์ระบบใหม่ ผู้นำเข้าสามารถเขียนใบขนและชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์ได้เลย ทำให้ความสะดวกในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร และลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในการประเมินภาษี เนื่องจากผู้นำเข้าและเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะไม่พบหน้ากัน เชื่อว่าจะช่วยลดการทุจริตได้อย่างแน่นอน เมื่อเปิดให้บริการที่ท่าเรือกรุงเทพและแหลมฉบังแล้ว ลำดับถัดไปก็จะเปิดบริการที่ด่านสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง จากเดิมสายการบินต้องแจ้งสินค้าที่อยู่ในเครื่องบินกับกรมศุลกากร แต่หากมีระบบออนไลน์ เจ้าของสินค้าจะทราบภาระภาษี และชำระภาษีได้ทันที เมื่อเดินทางถึงจุดหมาย ก็นำสินค้าออกจากสนามบินได้ทันที,สำหรับ พ.ร.บ.ศุลกากร ฉบับใหม่ เปิดโอกาสให้กรมศุลกากรสามารถให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ได้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยวางเป้าหมายว่า ในปี 2562 จะเปิดให้บริการ e-Commerce Park เพื่อดูแลเขตปลอดอากร โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี โดยผู้ประกอบการสามารถผลิตหรือประกอบสินค้าในเขตปลอดอากร เพื่อการส่งออก โดยไม่ต้องเสียภาษีให้แก่กรมศุลกากรก่อน แล้วค่อยมาขอคืนภายหลัง ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ. | นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ กรมศุลกากรจะนำร่องโครงการยื่นใบขน และรับชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์ โดยช่วงแรกจะเปิดให้บริการที่ด่านท่าเรือกรุงเทพ และแหลมฉบัง | ข่าว,เศรษฐกิจ | กุลิศ สมบัติศิริ,ศุลกากร,ภาษี,สนามบิน,นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ | https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/1113284 |
เงินบาทแข็งค่าทำพิษ ปาล์ม-ยางพารา ราคาร่วง | วันนี้ราคาผลปาล์มดิบอยู่ที่กิโลกรัมละ 2.60 - 2.70 บาท ปรับตัวลดลงจาก 2 สัปดาห์ที่แล้วที่อยู่กิโลกรัมละ 3.10บาทนายลือชา อุ่นยวง นายกสวนปาล์มจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระบุว่า สาเหตุมาจากสต็อกน้ำมันปาล์มดิบที่ยังมีมากเป็นแรงกดดันให้ราคาปาล์มอ่อนตัวลง จึงต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ โดยแทรกแซงผลปาล์มที่กิโลกรัมละ 4 บาท และชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกร ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการแทรกแซงน้ำมันปาล์มไปแล้วกว่า 50000 ตัน นางวิวรรณ บุญยประทีปรัตน์ เลธิการสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย เห็นว่า การแก้ปัญหาระยาวนั้นรัฐควรเร่งระบายสต็อกน้ำมันปาล์มดิบที่มีอยู่เกือบ 4 แสนตัน ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันราคาปาล์มได้ สำหรับราคายางพารา นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาการยางพาราแห่งประเทศไทย ราคายังอยู่ในช่วงขาลง โดยวันนี้ แผ่นดิบชั้น 3 อยู่ที่กิโลกรัมละ 78 บาท เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ยกเลิกมาตรการจำกัดการส่งออกร้อยละ 10 ซึ่งกีดกันผู้ส่งออก รวมทั้งเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นอุปสรรคต่อการส่งออก พร้อมระบุต้องการให้รัฐบาลชดเชยส่วนต่างให้ผู้ประกอบการเพื่อเสริมสภาพคล่อง รวมทั้งให้หน่วยราชการ เช่น องค์การสวนยาง สถาบันวิจัยยาง งดกรีดยางในช่วงนี้ เพื่อลดปริมาณยางในตลาด และควรเร่งขายยางในสต็อกที่มีอยู่ 2 แสนตันขณะที่ในวันนี้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ปลูกยางและปาล์มจะเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกยกรัฐมนตรี เพื่อให้แก้ปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ และขอให้ราคายางชั้น 3 อยู่ที่กิโลกรัมละ 120 บาท | ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท และมาตรการแทรกแซงราคาผลผลิตสินค้าเกษตรที่ได้ผลเพียงระยะสั้น ทำให้ราคาสินค้าเกษตรทั้งปาล์มและยางพาราปรับตัวลดลง โดยตัวแทนเกษตรกรเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา | เศรษฐกิจ | ค่าเงินบาทแข็งค่า,ตรึงราคาสินค้า,ต้นปาล์ม,ยางพารา,ราคาตกต่ำ | https://news.thaipbs.or.th/content/166346 |
แอมเนสตี้ ประเทศไทย ห่วงร่างพ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะไม่สอดคล้องพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน | เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทย และคุ้มครองสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านการพิจารณาในวาระแรกอย่างเอกฉันท์ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 และต้องมีการพิจารณาอีกสองวาระก่อนจะประกาศใช้เป็นกฎหมายแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้ส่งจดหมายถึงทางการไทยแล้ว เพื่อแสดงความกังวลที่มีต่อข้อบทหลายมาตราของร่างพ.ร.บ.ฉบับก่อน และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีการนำข้อเสนอแนะเหล่านั้นไปปรับใช้ในเนื้อหาแต่ทางหน่วยงานยังคงกังวลกับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ตามเนื้อหาที่เป็นอยู่ ซึ่งยังคงไม่อนุญาตให้มีการชุมนุมอย่างสงบเกิดขึ้นอย่างถูกกฎหมาย สิทธิดังกล่าวได้รับการคุ้มครองตามข้อ 21 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) ซึ่งไทยเป็นภาคีของสนธิสัญญาดังกล่าว ในขณะที่สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก (ข้อ 19 ของกติกา ICCPR) และการสมาคม (ข้อ 22 ของกติกา ICCPR) ยังคงถูกคุกคามแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกังวลอย่างยิ่งกับการเพิ่มบทลงโทษทางอาญาตามมาตรา 27-35 ของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ กรณีที่บุคคลไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการจัดการชุมนุม รวมทั้งการต้องขออนุญาตล่วงหน้าตามข้อกำหนดในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ การเอาผิดทางอาญากับผู้จัดการชุมนุมและผู้เข้าร่วมการชุมนุมอย่างสงบ ส่งผลกระทบในทางลบต่อสิทธิมนุษยชนที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และเสรีภาพในการแสดงออกและการสมาคมผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและการสมาคม (UN Special Rapporteur on the rights to freedom of peaceful assembly and of association) ได้ระบุว่า เราควรสันนิษฐานเป็นเบื้องต้นว่า ผู้ชุมนุมมีเจตนาในการชุมนุมอย่างสงบ ผู้รายงานพิเศษย้ำว่า ไม่ควรกำหนดให้ต้องขออนุญาตเพื่อจัดการชุมนุมโดยสงบ อย่างมากที่สุด กรอบกำกับดูแลการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและการสมาคม ควรมีลักษณะการให้แจ้งล่วงหน้า โดยไม่ทำให้เป็นภาระ ทั้งนี้โดยมีเหตุผลเพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถอำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิดังกล่าว และสามารถใช้มาตรการเพื่อประกันความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ รวมทั้งสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ๆผู้รายงานพิเศษมีข้อเสนอแนะว่า การแจ้งล่วงหน้าควรได้รับการพิจารณาอย่างมีสัดส่วนเหมาะสม และควรเป็นข้อกำหนดให้ต้องทำเฉพาะกรณีที่เป็นการชุมนุมขนาดใหญ่ หรือเฉพาะกรณีที่คาดว่าจะทำให้เกิดเหตุวุ่นวายระดับหนึ่งเท่านั้นแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังคงกังวลกับการใช้ถ้อยคำที่คลุมเครือ รวมทั้งที่ปรากฏในมาตรา 16 ของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ชุมนุมซึ่งจะต้องไม่ก่อให้เกิด ความไม่สะดวก และต้องไม่ชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาตระหว่างเวลา 18.00 น.-06.00 น. ซึ่งเป็นการกำหนดมาตรการจำกัดการชุมนุมอย่างสงบมากเกินกว่าที่จะกระทำได้ตามกติกา ICCPR ทั้งกฎหมายยังให้อำนาจตำรวจในการห้ามการชุมนุม หากเชื่อว่าจะมีการขัดขวางบริการของภาครัฐ หรือการปิดกั้นการเข้าไปยังสถานที่ตามที่กำหนดโดยนายกรัฐมนตรีแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้ทางการตัดข้อบัญญัติใด ๆ ที่กำหนดบทลงโทษทางอาญาหรือปกครอง รวมทั้งโทษจำคุกหรือค่าปรับ กรณีที่ผู้จัดการชุมนุมไม่ได้แจ้งว่าจะมีการชุมนุม และให้ตัดข้อบัญญัติใด ๆ ที่เอาผิดกับการกระทำอันเป็นผลมาจากการชุมนุมอย่างสงบทั้งของผู้จัดการชุมนุมหรือผู้ประท้วง ทั้งนี้โดยคำนึงว่ากรณีที่มีการกระทำความผิดทางอาญาที่บัญญัติไว้ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ควรมีการนำกฎหมายอาญาทั่วไปมาใช้กับผู้ชุมนุมเช่นเดียวกับพลเรือนคนอื่น ๆทางองค์การเสนอแนะให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อลดข้อจำกัดต่าง ๆ ในการกำหนดให้ผู้จัดการชุมนุมต้องแจ้งล่วงหน้า โดยให้เหลือเพียงการแจ้งล่วงหน้าในกรณีที่เป็นการจัดการชุมนุมขนาดใหญ่ หรือกรณีที่คาดว่าจะเกิดความวุ่นวายในระดับหนึ่งแม้ในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จะอ้างถึงหลักประกันและข้อบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ แต่รัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับปัจจุบันไม่ได้ให้หลักประกันเกี่ยวกับเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบแต่อย่างใดแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้ทางการไทยฟื้นคืนหลักการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ และให้ขจัดอุปสรรคใด ๆ ที่ขัดขวางการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการชุมนุมโดยสงบและการสมาคม ทั้งนี้รวมถึงถอนการประกาศเลี่ยงสิทธิ์ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และยกเลิกคำสั่งของกองทัพและกฎอัยการศึก อันเป็นเหตุให้ไม่สามารถจัดการชุมนุมที่เกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างสงบได้ตามกฎหมาย และถึงแม้จะมีการผ่านร่างพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฉบับนี้ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ | 11 มีนาคม 2558 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกแถลงการณ์เรียกร้องสมาชิกสภานิติบัญญัติของไทยให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. | การเมือง,สิทธิมนุษยชน | ร่าง พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ,แอมเนสตี้ ประเทศไทย | https://prachatai.com/journal/2015/03/58338 |
ศอ.รส.เชื่อว่ายังคุมการชุมนุมได้ | พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. เปิดเผยว่า ภาพรวมการเคลื่อนขบวนทุกจุดเมื่อวานนี้ ถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยกเว้นการชุมนุมด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติของกลุ่มกองทัพประชาชน ที่ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน และแกนนำไม่สามารถดูแลผู้ชุมนุมได้ โดยนอกจากมีการปิดการจราจรยังมีการตัดไฟฟ้า 3 จุด โดยรอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แก่ ด้านหน้าโรงพยาบาลตำรวจ ด้านข้างสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และด้านหน้าสถาบันนิติเวช ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานด้วยว่าตำรวจถูกกลุ่มผู้ชุมนุมใช้หนังสติ๊กที่มีหัวน็อต ยิงใส่เข้าได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อไปสำหรับการชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เข้าสู่สภาวะปกติตั้งแต่ช่วงค่ำเมื่อวานนี้ โดย พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษก ศอ.รส. เปิดเผยว่า ได้มีการเจรจากันระหว่างแกนนำกับตำรวจ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นข้อเรียกร้องขอให้ตำรวจอย่าทำร้ายประชาชน และยืนเคียงข้างประชาชน ซึ่งตำรวจได้รับข้อเสนอ พร้อมยืนยันตำรวจยืนอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้เดินทางกลับไปยังถนนราชดำเนิน | ศอ.รส.ระบุว่ายังสามารถดูแลการชุมนุมภายใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯได้ แม้จะเกิดเหตุวุ่นวายที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวานนี้ พร้อมระบุว่าหากการชุมนุมเกินกว่าขอบเขต จะมีการดำเนินคดีทันที | การเมือง | กองทัพประชาชน,ชุมนุม,ตำรวจ,พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ,ศอ.รส. | https://news.thaipbs.or.th/content/209504 |
วิทยา เตือนบิ๊กแป๊ะ ใจเย็นๆ ซื้อขายตำแหน่งใครๆก็รู้กัน ปัดหมิ่นประมาท | เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 6 ก.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มอบอำนาจให้ พล.ต.ต.อดุลย์ รัตนภิรมย์ ผบก.กองกฎหมาย สำนักงานกฎหมายและคดี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ให้ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท กับ นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตแกนนำ กปปส. ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ลักษณะเนื้อหาอันเป็นเท็จ ให้ประชาชนเข้าใจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในทางเสื่อมเสีย เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา,ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 พ.ย. นายวิทยา พร้อมทีมทนายความ เดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน เข้าพบ พ.ต.อ.ธวัชชัย นกน้อย ผกก.กลุ่มงานสอบสวน กก. บก.น.6 พ.ต.ท.สมัคร ปัญญาวงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน,นายวิทยา เปิดเผยว่า เดินทางมาสอบถามตำรวจถึงความคืบหน้า หลังมีการแจ้งความไปเกือบ 3 เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีการออกหมายเรียกตนแต่อย่างใด จนกลัวว่าหากมีการเลือกตั้ง จะมาไล่จับตน แต่ถ้ามีการสั่งฟ้องก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอยืนยันว่าที่ให้สัมภาษณ์ไปทั้งหมดนั้นเป็นข้อเท็จจริง ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท ไม่ได้ท้าทาย แต่เคยเตือนทาง ผบ.ตร.แล้วให้ใจเย็นๆ เรื่องการซื้อขายตำแหน่งตำรวจก็เป็นเรื่องที่คนรู้กัน,การปฏิรูปตำรวจก็ยังไม่มีหวัง แล้วจะให้ ตร.ดีๆ ได้ประโยชน์อย่างไร นอกจากนี้ ขอให้ตำรวจเร่งชี้แจงความคืบหน้าของคดี ภายใน 30 วัน โดยวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.) เวลา 09.00 น. จะเดินทางไปที่สำนักอัยการสูงสุด แจ้งวัฒนะ เพื่อยื่นคำร้องให้ช่วยมาถ่วงดุลการสอบสวนของตำรวจ และขอให้ร่วมสอบสวนตามสิทธิรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แจ้งความ เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม,เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนพยานไปบางส่วน เหลือเพียงสอบปากคำบุคคลภายนอก และผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา จากนั้นจึงทำรายงานให้ผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ต่อไป | นายวิทยา แก้วภราดัย เข้าพบผู้กำกับ สน.ปทุมวัน ระบุ โดนแจ้งความ 3 เดือน ยังไม่มีหมายเรียกจากตำรวจ หวั่น หากมีการเลือกตั้งอาจโดนขับไล่ พร้อมยืนยันให้สัมภาษณ์ทุกอย่างคือข้อเท็จจริง ไม่ได้ท้าทาย ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท | ข่าว,อาชญากรรม | วิทยา แก้วภราดรัย,หมิ่นประมาท,ซื้อขายตำแหน่งตำรวจ,ปทุมวัน,จักรทิพย์ ชัยจินดา,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1139450 |
จากเรื่องไข่ไก่ ถึงการยกเลิกภาษีบ้าน และรถ ผูกขาดทางการค้า หรือให้ค่าประโยชน์ประชาชน | สำรองไว้ในครัวอยู่เสมอแต่ใครเลยจะเชื่อว่าประเทศไทยที่เป็นทั้งประเทศเกษตรกรรม เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ และ เป็นครัวของโลก แต่คนในประเทศกลับต้องควักกระเป๋าซื้อ ไข่ไก่ในราคาแพง โดยเฉพาะราคาไข่ ในช่วงรัฐบาลของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่พุ่งสูงถึงฟองละ 4 บาทกว่า จนนำไปสู่การออกมาตรการ ชั่งไข่และแม้ว่าขณะนี้จะมีรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การบริหารงานของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะแก้ไข ปัญหา ไข่ทองคำได้ ก่อนหน้านี้ได้มีงานวิจัยของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปอยู่หนึ่งชิ้นที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษากลไกและกระบวนการของการผูกขาดทางการค้าไว้อย่างละเอียด โดย กฤดิกร เผดิมเกื้อกูลพงศ์ ผู้วิจัย ได้ทำการศึกษา พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 และการผูกขาดในภาคเกษตร : กรณีศึกษาตลาดไข่ไก่ ซึ่งถือเป็นงานวิจัยที่ทำให้เห็นภาพของการกีดกันทางการค้าและการผูกขาดตลาดของภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น เพราะงานวิจัยชิ้นนี้เป็นต้นแบบของการชำแหละกฏหมายเรื่องการผูกขาดทางการค้าในหลากหลายธุรกิจ ในงานวิจัยของกฤดิกร ระบุว่าปัจจัยสำคัญของการกีดกันและผูกขาดทางการค้ามาจากข้อบกพร่องของพระราชบัญญัติแข่งขันทางการค้าพ.ศ. 2542 ที่ไม่สามารถเข้าไปจัดการสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรมให้เกิดขึ้นในตลาดได้ เพราะแม้ว่าจะมีข้อกำหนดเพื่อกำกับและควบคุมพฤติกรรมที่เป็นการจำกัดแข่งขันทางการค้าทั้ง 4 กลุ่มประกอบด้วย 1.การใช้อำนาจเหนือตลาด 2.การควบรวมธุรกิจ 3.การกระทำการตกลงร่วมกัน และ 4.การกระทำที่เป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมก็ตาม แต่กระนั้น พ.ร.บ.ฉบับนี้กลับมีปัญหาในทางปฎิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่มาของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า มีปัญหาในเรื่องของการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) เนื่องจากโครงสร้างของคณะกรรมการชุดนี้ ถูกกำหนดให้มีจำนวนกรรมการทั้งสิ้น 18 คน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานกรรมการ และมีตัวแทนจากภาคเอกชนถึง 6 คน ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้บริหารอยู่ในธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งสิ้น แต่ในจำนวนกรรมการทั้งหมดกลับไม่มีตัวแทนของผู้บริโภคแม้แต่รายเดียว ด้วยเหตุนี้เองทำให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าถูกแทรกแซงจากการเมืองได้ง่าย ในอดีตพบกรณีบริษัทที่ถูกร้องเรียนมีความเกี่ยวโยงกับนักการเมืองที่ดำรงตำแหน่งในรัฐบาล ทั้งในรูปแบบของการที่ญาติของนักการเมืองเป็นผู้ถือหุ้นหรือกรรมการในบริษัท หรือการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทหรือตัวบริษัทเองบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล ปัญหาราคาไข่ไก่ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่แพงได้ มาจากการ ผูกขาด ในตลาดไข่ไก่ โดยกลุ่มทุนขนาดใหญ่ โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องดังกล่าวเริ่มขึ้นในปี 2544 ได้เกิดปัญหาไข่ไก่ล้นตลาดทำราคาไข่ไก่ตกต่ำ ซึ่งในขณะนั้นมีผู้ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าว่ามีการทุ่มตลาดในตลาดไข่ไก่โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ กระทั่งเกิดการเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย จนนำไปสู่การเกิดระบบโควตามาใช้จำกัดปริมาณพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ เพื่อลดจำนวนไก่สาวและปริมาณไข่ไก่ในตลาด โดยมีการคณะกรรมการกำหนดแนวทางการผลิตและการตลาดไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ ในการจัดสรรโควตาปรากฏว่ามีผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่เพียง 9 รายเท่านั้น ประกอบไปด้วย บ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) บ.อาหารเบทเทอร์ จำกัด ในเครือเบทาโกร บ.แหลมทองฟาร์ม จำกัด บ.ฟาร์มไก่พันธุ์เกิดเจริญ จำกัด บ.ฟาร์มกรุงไทย จำกัด บ.สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด บ.ยูไนเต็ดฟิดดิ้ง จำกัด บ.ยุ่สูงอาหารสัตว์ จำกัด หจก.อุดมชัยฟาร์ม โดยบ.เจริญโภคภัณฑ์ ฯ ได้รับการจัดสรรโควตาถึงร้อยละ 41 จากจำนวนพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ที่สามารถนำเข้าได้ทั้งหมด พฤติกรรมเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนยังไม่จบสิ้น เพราะในปีพ.ศ. 2549 ในสมัยพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ พ.ศ. 2549 โดยระเบียบดังกล่าวกำหนดให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง คือ คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า Egg Board ขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดูแลตลาดไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ทั้งระบบโดยที่ยังคงโควตาให้เดิมเอาไว้ พร้อมทั้งแต่งตั้งตัวแทนบริษัททั้ง 9 มานั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาของกรรมการชุดนี้อีกด้วย ปฎิเสธไม่ได้ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง 9 รายมีอำนาจการผูกขาดในตลาดไข่ไก่ไว้ในมือ ซึ่งทำให้เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ได้ด้วยตนเอง ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่คือการซื้อลูกไก่พันธุ์ไข่จากบริษัททั้ง 9 ในสถานการณ์ดังกล่าวทำให้อำนาจการต่อรองตกอยู่ที่อยู่ที่ผู้ขาย(บริษัทยักษ์ใหญ่) ขณะที่ผู้ซื้อ(เกษตรกร)ไม่มีทางเลือก จึงเป็นที่มาของ การขายพ่วง (Tie-in Sales) คือการซื้อลูกไก่พ่วงอาหารสัตว์ แทนที่เกษตรกรจะมีช่องทางในการลดต้นทุนการผลิตโดยการผลิตอาหารสัตว์ใช้เอง แต่กลับต้องซื้ออาหารสัตว์พ่วงไปด้วย เพราะหากไม่ซื้ออาหารสัตว์กับทางบริษัทผู้ขายลูกไก่จะทำให้บริษัทนั้นไม่ยอมขายลูกไก่ให้กับเกษตรกรทำให้เกษตรกรไม่มีทางเลือกต้องตกอยู่ในสภาวะจำยอม ในขณะเดียวกันทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่และเกษตรกรรายย่อยล้วนผลิตไข่ไก่เพื่อนำไปขายในตลาดไข่ไก่เช่นเดียวกัน กรณีนี้จึงถือเป็นการทำลายเกษตรกรรายย่อยให้ตายไปจากอาชีพนี้ เพื่อที่ตนเองจะสามารถแสวงหากำไรสูงสุดจากการผูกขาดในตลาดไข่ไก่ได้ ปมปัญหาดังกล่าวทำให้จำนวนเกษตรกรระหว่างปี 2543-2547 ลดลงอย่างน่าใจหาย จาก 7000 ราย เหลือเพียง 3000 รายเท่านั้น สถานการณ์ดังกล่าวทำให้กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่จำนวน 113 ฟาร์ม ในนามบริษัท เอ เอฟ อี จำกัด ขอนำเข้าแม่พันธุ์ไก่ไข่ จำนวน 58100 ตัว โดยแบ่งโควตามาจากโควตาจำนวน 405721 ตัว จากบริษัทยักษ์ใหญ่ 9 รายเดิม แต่กระนั้น Egg Board มีมติไม่อนุมัติคำขออนุญาต จนท้ายที่สุดบ.เอ เอฟ อี ฟ้องร้องต่อศาลปกครองว่า Egg Board ไม่มีอำนาจในการออกคำสั่งทางปกครองดังกล่าว อีกทั้งการกำหนดโควตายังไม่ชอบด้วยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ พ.ศ. 2549 จากการกดดันของสังคมทำให้ในที่สุดวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีได้มีมติยกเลิกระบบโควตาการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ รวมทั้งสั่งการให้ทบทวนบทบาทและแนวทางในการดำเนินงานของ Egg Board และให้กระทรวงพาณิชย์นำ พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 มาบังคับใช้ในเรื่องการตกลงร่วมกันลดปริมาณการผลิตลูกไก่ไข่ และพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมทางการค้า เช่น การขายพ่วงลูกไก่กับอาหารสัตว์ ถือเป็นการสิ้นสุดยุคการผูกขาดตลาดไข่ไก่อันเกิดจากการใช้ระบบโควตาของรัฐบาล แม้ว่าระบบโควตาที่ถือเป็นกรงจองจำศักยภาพในการแข่งขันของเกษตรกรจะหมดไปแล้ว แต่ยังมีโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลชุดใหม่ จะต้องเข้ามาแก้ไข ซึ่งก็คือการปรับปรุงพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าพ.ศ. 2542 ซึ่งในงานวิจัยของ กฤดิกร ที่นำเสนอต่อคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปนั้นได้นำเสนอทางออกในการแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเร่งดำเนินการคือ 1.ให้เพิ่มความผิดทางปกครองเพื่อให้สามารถเอาผิดกับพฤติกรรมการกีดกันทางการค้าซึ่งเกิดจากการใช้อำนาจรัฐได้ 2.ยกเลิกการจำกัดสิทธิในการฟ้องร้องกันเองของเอกชนเพื่อให้เอกชนสามารถหยิบกฎหมายฉบับนี้ไปบังคับใช้และส่งเสริมการแข่งขันในตลาดให้มากขึ้น 3. ให้กฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมการกระทำขององค์กรของรัฐ 4.แก้ไขประกาศว่าด้วยหลักเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาด โดยลดสัดส่วนส่วนแบ่งตลาด 5.แก้ไขบทกำหนดโทษของพระราชบัญญัติฉบับนี้ ให้บทลงโทษในส่วนที่เป็นค่าปรับเป็นสัดส่วนกับขนาดของธุรกิจที่ทำการละเมิดกฎหมายฉบับนี้ 6.ยกเลิกการปกปิดข้อมูลที่สำนักแข่งขันทางการค้าได้มาจากผู้ประกอบการ 7.เปลี่ยนสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าให้เป็นองค์กรอิสระ โดยไม่ขึ้นกับการเมือง รวมถึงข้อเสนอเพื่อการส่งเสริมการแข่งขันในตลาดไข่ไก่ โดยขอให้เปิดให้มีการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่อย่างเสรีและไม่นำระบบโควตาจำกัดปริมาณการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่กลับมาใช้อีก และภาครัฐควรเข้าไปมีบทบาทส่งเสริมการแข่งขันและควบคุมการผูกขาดในตลาดอาหารสัตว์ เรื่องนี้เป็นเรื่องท้าทายรัฐบาลว่าจะกล้าเดินหน้าปรับปรุงกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเป็น ทุนสำคัญให้กับทุกพรรคการเมืองได้หรือไม่ เพราะนอกจาก ไข่ไก่ แล้ว ยังมีสินค้าการเกษตรอีกหลายชนิดที่จะได้รับอานิสงส์ด้วย อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่าความมั่นคงและเสถียรภาพของรัฐบาลจะอยู่ได้นานหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชนอย่างยั่งยืนมากกว่าการลดภาษีสิ่งของเพียงชิ้นหรือสองชิ้นเท่านั้น | ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนดัชนีชี้วัดค่าครองชีพที่คลาสสิคที่สุดหนีไม่พ้นราคา ไข่ไก่ ด้วยเพราะ ไข่ไก่ เป็นวัตถุดิบสำคัญในการประกอบอาหารที่ทุกบ้านทุกชนชั้นไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวยเพียงใดจะต้องมี ไข่ไก่ | การเมือง,คุณภาพชีวิต,เศรษฐกิจ | คณะกรรมการการสื่อสารเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย,ผูดขาดทางการค้า,ไข่ไก่ | https://prachatai.com/journal/2011/09/37100 |
อภิสิทธิ์ ชี้รัฐควรรับฟังข้อเสนอแนะอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ | นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน เสนอแนะให้รัฐบาลรับฟัง และทบทวนข้อชี้แนะตามที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่า รัฐบาลได้กระทำการขัดรัฐธรรมนูญแล้ว 2 เรื่อง คือ การไม่แถลงผลการดำเนินนโยบายต่อรัฐสภา และการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องและเหมาะสมพร้อมกันนั้นก็ชี้ว่ารัฐบาลอาจกระทำการตรากฎหมายร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำ 350000 ล้านบาทขณะที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ปฏิเสธแสดงความเห็น กรณีที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อเหตุที่กระทำการขัดรัฐธรรมนูญใน 2 กรณี พร้อมชี้ว่า รัฐบาลและรัฐสภา กำลังประสานเพื่อกำหนดวาระการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลต่อรัฐสภาแล้วก่อนหน้านี้ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญให้ความเห็นว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกระทำการขัดรัฐธรรมนูญคือ กรณีไม่แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลต่อรัฐสภา และดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว ซึ่งต้องเป็นไปตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ | ประธานรัฐสภาปฏิเสธแสดงความเห็น กรณีรัฐบาลกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ 2 เรื่อง ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้รัฐบาลควรรับฟัง และเร่งปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ | การเมือง | รัฐธรรมนูญ,รัฐบาล,รัฐสภา,ศาลรัฐธรรมนูญ,อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | https://news.thaipbs.or.th/content/194719 |
จับตา 4 บิ๊กตร.ตัวเต็งผบ.ตร.คนใหม่ เอก-พงศพัศ-วุฒิ-จักรทิพย์ ใครจะถึงดวงดาว | หากนับตามความอาวุโส พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถือว่ามีความอาวุโสอันดับหนึ่งและยังเคยเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกับพล.ต.อ.สมยศ มาก่อน เมื่อพลาดตำแหน่งก็มีเสียงวิพากวิจารณ์ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลานั้นว่าเกิดสัญญาลูกผู้ชายที่ว่าจะให้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก่อนและปี 2558 จะถึงคิวของพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ซึ่งเป็นผู้ที่อาวุโสรองลงมาและยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับพล.ต.อ.สมยศ โดยได้รับมอบหมายดูแลงานด้านยาเสพติด สานต่อนโยบายสำคัญของรัฐบาล ซึ่งถือว่าน่าจับตามอง แม้พล.ต.อ.พงศพัศ จะมีภาพลักษณ์ที่ติดกับกลุ่มการเมือง ถึงขั้นลาราชการไปสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคเพื่อไทย แต่ถือว่ามีมวลชนที่สามารถต่อรอง และอาจสานงานต่อลักษณะหนามยอกเอาหนามบ่ง เพราะยังมีคดีถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในมือของว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ที่ต้องดำเนินการต่อพล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้อาวุโสอันดับ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนและเป็นน้องชายของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นักการเมืองที่ถูกมองว่ามีความสนิทสนมกับทุกขั้วการเมือง ถือว่าเป็นบุคคลที่น่าสนใจและอาจกลายเป็นม้ามืดที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลือกมาทำหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 11ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ก็ถูกจับตามากที่สุด ที่มีความอาวุโสน้อยที่สุด นอกจากผลงานด้านสายความมั่นคง ยังมีรายงานว่ามีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือบิ๊กป้อม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเคยให้สัมภาษณ์ว่า ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไปจะต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลและคสช.ได้สำหรับขั้นตอนการสรรหาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 11 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. จะเป็นผู้คัดเลือกเพียง 1 รายชื่อ และเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อลงนามเห็นชอบโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่จะต้องเข้ามารับภาระทั้งการสานต่องานปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่กระแสสนับสนุนบ่อนกาสิโนแบบสุดตัวก่อนเกษียณอายุราชการของพล.ต.อ.สมยศ ถูกมองว่ากำลังสร้างกระแสกลบภาระเรื่องการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณอยู่หรือไม่ | เหลือเวล่อีกไม่ถึง 3 เดือน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จะครบวาระในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในเดือนกันยายน 2558 ทำให้มีกระแสคาดการณ์ถึงผู้ที่จะถูกเลือกให้ทำหน้าที่เป็นผบ.ตร.คนใหม่ โดยจะเป็นผู้ที่พล.ต.อ.สมยศ เสนอให้คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบ | การเมือง | ตำแหน่ง ผบ.ตร.,ผบ.ตร.,ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง,รัฐบาล คสช.,ว่าที่ ผบ.ตร.,สัญญาลูกผู้ชาย,อาวุโส | https://news.thaipbs.or.th/content/3168 |
น้ำฝน&อาร์ม ไม่เลื่อนวิวาห์เชื่อโรงแรมเอาอยู่ | เผยพรีเวดดิ้งที่ภูฏานประทับใจพระทำพิธีแต่งให้ใกล้ถึงวันวิวาห์เข้ามาทุกทีแล้วสำหรับ น้ำฝน-พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์ กับ อาร์ม-พิพัฒน์ วิทยาปัญญานนท์ วันก่อนมาแจกการ์ดเลยได้โอกาสอัปเดตงานแต่งรวมทั้งความมั่นใจท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19โดย น้ำฝน เปิดเผยว่า งานแต่งวันที่ 20 มี.ค.นี้ ที่ รร.แมนดาริน โอเรียนเต็ลค่ะ จัดช่วงเช้าจะเป็นแบบภายในครอบครัว เริ่มด้วยสวมแหวน ยกน้ำชาแล้วก็จดทะเบียนสมรสตอน 10.25 น. และตอน 11.30 น.ก็ลงมาฉลอง เสร็จก็น่าจะบ่ายสองค่ะ ส่วนการเตรียมงานเราเตรียมกันมาเรื่อยๆตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ เพราะขอแต่งงานตั้งแต่เดือน มิ.ย.ปีที่แล้วเราก็ค่อยๆแพลนมาเรื่อยๆและคุยกับพี่อาร์มว่าเราไม่อยากมาฉุกละหุกตอนใกล้ๆวันอาร์มเสริมว่า จะมีบ้างครับเพราะฝนมีละคร 2 เรื่องเพิ่งปิดไป แล้วก็เพิ่งเปิดอีก 2 เรื่องก็เลยเพิ่งได้แจกการ์ดกัน ส่วนเรื่องการ์ดนี่เสร็จตั้งแต่ปีที่แล้วครับน้ำฝนพูดเรื่องการ์ดงานแต่งว่า ก็คุยกับพี่อาร์มก่อนจะออกแบบว่า อยากได้ขาวๆเรียบๆเพราะธีมเราเป็นสีทองสีครีม ดอกไม้ในงานก็จะโทนสีประมาณนี้ค่ะอาร์มคนออกแบบพูดเสริม ในการ์ดจะมีนกเป็นคู่ มีผีเสื้อบินมาเป็นคู่ แล้วมีความคิดว่าอยากไปแจกการ์ดพี่ๆและผู้ใหญ่ด้วยตัวเอง แล้วอยากได้คำอวยพรเขียนมาในการ์ดแล้วจะมีกล่องไว้รับการ์ดที่หน้างานเลย ดีกว่าต้องมาเขียนอวยพรในสมุด แล้วเริ่มต้นทำการ์ดก็ฮาแล้วครับ เพราะคุณพ่อฝนชื่อเดียวกับลูกเขยเลยคบกันมากี่ปีแล้ว อาร์ม กล่าว เข้าปีที่ 4 แล้วครับ เราก็แพลนกันไว้คร่าวๆตอนที่คบกันอยู่แล้วเรื่องลูกล่ะ น้ำฝนเผย ตอนแรกไม่อยากมีค่ะ กลัวว่าลูกเราโตมาจะเจอโลกที่มันเปลี่ยนไปแล้วอาร์มพูดต่อแต่ผมทำงานเกี่ยวกับเด็กเยอะมากครับ รายการเด็ก โรงเรียนเด็ก อีเวนต์เด็กๆ ก่อนอื่นเราหาเมียก่อนครับแล้วค่อยหาแม่ของลูก ซึ่งหากเราคาดหวังว่าจะมีลูกแล้วเรารู้แต่แรกเราคงเลิกไปแล้ว จนมาคบกันแล้วค่อยมารู้ว่าฝนไม่อยากมีลูก แต่พอเขามาทำกิจกรรมกับผม เจอกับเด็กมากขึ้นเขาก็เริ่มรู้สึกอยากมีลูกแล้วน้ำฝนเสริมว่า ถ้าเราคิดจะมีครอบครัวแล้วมีคุณพ่อที่ดีขนาดนี้เราก็น่าจะโอเค ลูกเราก็น่าจะมีคนช่วยเลี้ยงที่ดี ก็เลยคิดว่าถ้ามีก็น่าจะต้นปีหน้าหรือปลายปีนี้ค่ะอาร์มกล่าว เบื้องต้นเราไปตรวจสุขภาพกันมาแล้วทั้งคู่เมื่ออาทิตย์ก่อน ฝนก็ต้องฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี สุขภาพเราสองคนพร้อม ที่เหลือก็เทคนิคแล้วครับ (หัวเราะ)น้ำฝนกล่าว ทุกอย่างดีค่ะ สุดท้ายแล้วก็คือเขาพร้อมที่จะมาเกิดเป็นลูกเราหรือเปล่าเพราะตกลงกันไว้แล้วว่าจะธรรมชาติอย่างเดียว จะไม่เสียเงิน จะไม่เจ็บตัวอายุเราโอเคมั้ย น้ำฝนบอก พี่อาร์ม 38 ฝน 34 ค่ะ หมอบอกอยากไม่ให้เกิน 35 ค่ะ ถ้ามากกว่านี้หมอบอกว่าจะต้องตรวจหลายอย่าง ก็มีเวลา 1 ปีพอดีค่ะอาร์มพูดหัวเราะๆ ก็ต้องรอดูกันให้เวลา 1 ปีถ้าลูกไม่มาจริงๆล่ะน้ำฝนกล่าว ก็ตกลงกันแล้วว่าเราก็อยู่กันสองคนค่ะ (หัวเราะ)เห็นเพิ่งไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ประเทศภูฏานกลับมา น้ำฝนกล่าว อ๋อ ไปเมื่อเดือน ม.ค.ค่ะเริ่มจากฝนไปทำงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวประเทศภูฏาน แล้วพี่ที่จัดทัวร์ก็ให้ของขวัญด้วยการให้ฝนกับพี่อาร์มไปเที่ยว ที่นั่นพี่เขาก็เตรียมชุดแต่งงานให้เราด้วยอาร์มเสริม ตอนแรกตั้งใจถ่ายพรีเวดดิ้ง แต่ไปๆมาๆกลายเป็นว่าอันนั้นกลายเป็นเรื่องรองครับ เราประทับใจมาก ไปเที่ยววัดสวยๆ บางวัดคนเขาก็ไปขอลูกกัน เราก็ตั้งใจไหว้พระขอพรให้ชีวิตดี แต่พอเขารู้ว่าเราจะแต่งงานกันพระก็ทำพิธีให้เราเลยคิดว่าไวรัสโควิด–19 จะกระทบงานแต่งงานมั้ย อาร์มกล่าว กระทบส่วนหนึ่งครับแต่มันมีความเป็นไปได้ 2 ทางครับ หนึ่งคือคนมาน้อยลง หรือสองคนจะมามากขึ้นเพราะมีเพื่อนที่แพลนจะไปต่างประเทศแล้วงด เขาก็จะมาร่วมงานเราแทน เมื่ออาทิตย์ก่อนที่เข้าไปดูสถานที่อีกครั้ง ทางโรงแรมโอเรียลเต็ลเขาก็มีมาตรการที่ดีอยู่แล้ว วัดอุณหภูมิก่อนเข้าไป ถามประวัติ มีเตรียมเจลล้างมือ เราก็สบายใจขั้นนึง โรงแรมเขามีมาตรการป้องกันที่ดีอยู่แล้ว และพอใกล้ๆวันก็คงจะไปปรึกษาอีกทีนึงครับ. | ใกล้ถึงวันวิวาห์เข้ามาทุกทีแล้วสำหรับ น้ำฝน–พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์ กับ อาร์ม–พิพัฒน์ วิทยาปัญญานนท์ วันก่อนมาแจกการ์ดเลยได้โอกาสอัปเดต | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | น้ำฝน พัชรินทร์,อาร์ม พิพัฒน์,น้ำฝน อาร์ม แฟน,น้ำฝน อาร์ม แต่งงาน,อาร์ม น้ำฝน,อาร์ม น้ำฝน แต่งงาน,ข่าววันนี้,ดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1792673 |
เชื่อกลั่นแกล้ง-ประจาน ษิทรา จ่อร้องปลดฝ่ายบริหารสภาทนายฯ ไม่เป็นธรรม (คลิป) | แนะ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นเกราะที่ดีที่สุด,วันที่ 16 มี.ค. 61 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ทนายความคนดังในคดี,หวย 30 ล้าน, ให้สัมภาษณ์ในรายการต่างคนต่างคิด ช่องอมรินทร์ทีวี หลังถูกร้องสอบมรรยาททนายความ ว่า เวลาไปศาลก็แต่งสูทอยู่แล้ว การแต่งตัวไม่ได้เปลี่ยนตัวตน ที่ใส่เสื้อยืดเพราะอยากให้ดูเข้าถึงประชาชน ส่วนการไปหน่วยงานราชการบางครั้งไปในฐานะเลขาธิการมูลนิธิฯ แต่ถ้าไปทำหน้าที่ทนายความก็แต่งตัวเรียบร้อยอยู่แล้ว ซึ่งหากผู้ใหญ่เตือนด้วยความหวังดีก็พร้อมเปลี่ยนแปลงและน้อมรับ ส่วนการที่ นายพัฒนา จาติเกตุ อุปนายกสภาทนายความฯ ออกมากล่าวเช่นนั้น เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เหมือนเป็นการประจาน,วันที่ 19 มี.ค. ผมจะไปร้องยื่นปลดฝ่ายบริหารคนหนึ่งที่ทำตัวไม่เหมาะสม ร้องกับนายกสภาทนายความฯ เพราะให้สัมภาษณ์ว่าให้ผมออกจากทนาย ผมคิดว่าไม่เป็นธรรม,ทางด้าน นายสุนทร ทรัพย์ตันติกุล ประธานกรรมการมรรยาททนายความ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยว่า ในสายตามองว่าการสวมเสื้อยืดไปในสถานที่ราชการและออกสื่อนั้นไม่เหมาะสม เพราะทนายความมีเกียรติและศักดิ์ศรีในตัวเอง แต่ถ้าใส่แจ็กเก็ตก็เรียบร้อยขึ้น ส่วนข้อร้องเรียนที่ นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ นายแผน นำมายื่นนั้นได้อ่านแล้วแต่ยังไม่ละเอียด อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะรับข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมีเหตุสมควรให้รับ ขั้นตอนต่อไปคือตั้งคณะกรรมการสอบสวน 3 คน ก่อนส่งเรื่องมายังประธานกรรมการมรรยาททนายความ แล้วต่อด้วยคณะกรรมการมรรยาทที่ทรงคุณวุฒิ 14-15 คน ช่วยกันพิจารณา ซึ่งส่วนใหญ่เสียงจะไม่แตก ยืนยันว่าไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวกแน่นอน,เรื่องนี้เป็นมุมมอง ชี้ผิดถูกไม่ได้ ตอบไม่ได้ว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนการพาลูกความไปออกสื่อ เป็นสิทธิ์ที่ทนายความจะทำได้ พร้อมแนะนำว่า การเป็นทนายนั้น ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เอารัดเอาเปรียบ จะเป็นเกราะป้องกันเราดีที่สุด ขอให้ตั้งใจทำดี | ทนายษิทรา พร้อมเปลี่ยน หากแต่งกายไม่เหมาะสม เชื่อ อุปนายกสภาทนายความฯ กลั่นแกล้ง-ประจาน จ่อร้องปลด ด้านประธานกรรมการมรรยาททนายความ แจง ยังไม่ได้รับข้อกล่าวหา | ข่าว,สังคม | หวย 30 ล้าน,ษิทรา เบี้ยบังเกิด,มรรยาททนายความ,สุนทร ทรัพย์ตันติกุล,สภาทนายความ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/society/1230387 |
เปิดตัว มินิบัสสัญชาติไทย สกุลฎ์ซีบัส รถอลูมิเนียม ราคาไม่ถึง 2 ล้าน | นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการบริหาร บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด หนึ่งในกลุ่มบริษัท โชคนำชัย หรือ CNC Group ผู้นำอุตสาหกรรมแม่พิมพ์รถยนต์รายใหญ่ของเอเชีย กล่าวว่า บริษัทได้ผลิต มินิบัสนวัตกรรมใหม่ Aluminum Bus ภายใต้แบรนด์ สกุลฎ์ซีบัส (Sakun C) โดยเป็นรถมินิบัสอลูมิเนียมสัญชาติไทย หนึ่งเดียวในประเทศ ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิตตัวถังแบบปั๊มขึ้นรูปทั้งคัน ตามมาตรฐานการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ทันสมัย เพื่อลดรอยต่อ เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร ซึ่งหลังจากที่มีการประกาศการลงทุน สร้างโรงประกอบ ที่มีกำลังการผลิตกว่า 2,800 คันต่อปี เพื่อผลิตรถโดยสารขนาดเล็ก ตัวถัง Aluminum ครั้งแรกของประเทศไทย โดยจะเริ่มผลิตในปี 2562,กรรมการบริหาร บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น กล่าวต่อว่า แม้ว่าจะยังเป็นส่วนแบ่งที่ไม่มากนักในตลาดมินิบัส แต่ก็ถือเป็นช่องทางเลือกใหม่ให้ผู้ประกอบการรถโดยสารได้ใช้เป็นตัวเลือก ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ได้วางแผนที่จะจัดหาสินเชื่อราคาถูกให้แก่ผู้ประกอบการด้วย เพราะการซื้อรถโดยสารขนาดเล็กนั้น จำเป็นต้องมีต้นทุนในการขยายธุรกิจ และเพื่อไปดูแลผู้โดยสารและการบริการที่ดีต่อไป,ด้าน นายวีรพลน์ เตชะผาสุขสันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น กล่าวถึงมินิบัสรุ่นสกุลฎ์ซีบัสว่า รถบัสรุ่นนี้ผลิตมาเพื่อทดแทนรถตู้ ผลิตด้วยโครงสร้างตัวถังอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ทำให้ประหยัดน้ำมัน ทั้งแข็งแรง ทนทาน มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นสนิม และไม่ผุ โดยหลังคาไร้รอยต่อ น้ำไม่รั่วซึม พื้นห้องผู้โดยสารจะเป็นชนิดไม่ลามไฟ และด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิตตัวถังแบบปั๊มขึ้นรูปทั้งคัน รวมถึงใช้หุ่นยนต์เชื่อมประกอบแบบสากล และควบคุมการผลิตโดยผู้เชี่ยวชาญด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ที่มีประสบการณ์ยาวนาน ทำให้เชื่อมั่นในเรื่องของมาตรฐานและคุณภาพ,เครื่องยนต์ ใช้ของ ฮีโน่ รุ่น N04C-VB Common Rail Direct Injection พร้อม Turbo Intercooler ระบายความร้อนด้วยน้ำ (ยูโร3) เปลี่ยนชุดช่วงล่างทั้งหมดเป็นสำหรับรถโดยสารโดยเฉพาะจากโรงงาน มีระบบกันสะเทือนแผ่นแหนบซ้อนขึ้นรูป พร้อมโช็คอัพและกันโคลง ระบบเบรก ไฮดรอลิค ประกอบด้วยก้านเบรกและตัวนำคู่ กระทำทุกล้อ สองวงจรอิสระ หม้อลมสุญญากาศช่วยเบรก พร้อมระบบป้องกันกันล็อก หรือ ABS อีกทั้งรถทุกคันสามารถเข้ารับบริการหลังการขายได้ที่ ศูนย์ฮีโน่ ทั่วประเทศอีกด้วย,นายวีรพลน์ กล่าวด้วยว่า สกุลฎ์ซีบัส รถมินิบัสอลูมิเนียม นวัตกรรม เปิดราคาที่ 2,300,000 บาท แต่สำหรับงาน Bus & Truck Expo 2018 วันที่ 1-3 พ.ย. เริ่มเปิดให้จอง 50 คันแรกในราคาเริ่มต้นคันละไม่เกิน 2 ล้านบาท. | สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น บุกตลาดมินิบัส ส่ง สกุลฎ์ซีบัส รถอลูมิเนียมสัญชาติไทย ชูจุดเด่น น้ำหนักเบา ทนทาน ไม่เป็นสนิม ประหยัดน้ำมัน เปิดลอตแรก 50 คันแรก เร่ิมต้นราคาไม่ถึง 2 ล้าน | ข่าว,เศรษฐกิจ | รถมินิบัส,มินิบัสอลูมิเนียม,สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น,สกุลฎ์ซีบัส,Sakun C,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1410066 |
ตร.ญี่ปุ่นรวบแม่ใจร้าย ไปหาแฟน ทิ้งลูกอยู่บ้านคนเดียว 8 วัน จนอดตาย | เจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศญี่ปุ่น จับกุมแม่ชาวญี่ปุ่น ยอมรับทิ้งลูกสาววัย 3 ขวบ เพียงลำพัง นานถึง 8 วันไปหาแฟนใหม่ จนลูกของเธออดตายเมื่อวันที่ 9 ก.ค. สำนักข่าวเกียวโดได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นได้เข้าจับกุม นางซากิ คาเคะฮาชิ หญิงวัย 24 ปี ในฐานะผู้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ โนอา เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ลูกสาวของเธอให้อยู่ในอพาร์ตเมนต์ในกรุงโตเกียวเพียงลำพังนานกว่าสัปดาห์จากผลชันสูตรพลิกศพ เปิดเผยว่า โนอา เสียชีวิตจากภาวะขาดน้ำและอดอาหารจากการไม่ได้รับสารอาหารหรือน้ำดื่มนานถึง 8 วันติดต่อกัน เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และจากการสอบปากคำเพื่อนบ้านที่ได้ให้ปากคำกับตำรวจว่า ผู้ก่อเหตุมักไม่อยู่บ้านหลายวัน หรือกลับบ้านดึก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเด็กหญิงวัย 3 ขวบ เสียชีวิตเนื่องจากผู้เป็นแม่ไม่ยอมดูแลโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า นางคาเคะฮาชิ ยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าผู้ก่อเหตุละเลยหน้าที่ในฐานะแม่เป็นประจำ เพราะนอกจากโนอาจะเสียชีวิตจากการอดอาหารแล้ว ตำรวจยังได้บรรยายว่าที่พักของเธอเต็มไปด้วยกองขยะ ซึ่งเธอยอมรับอีกว่ามักจะเดินทางไปหาแฟนหนุ่มของเธอที่จังหวัดคาโกชิม่า จังหวัดทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นและอยู่ห่างกับกรุงโตเกียว ที่เธออยู่กับลูกนับพันกิโลเมตร นอกจากนี้ ผู้ก่อเหตุยังได้กล่าวว่าเธอคิดว่า คงจะไม่เป็นไร หากทิ้งเด็กไว้เพียงลำพังย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นางคาเคะฮาชิได้โทรขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล เนื่องจากลูกสาวของเธอไม่หายใจ ซึ่งทางแพทย์ได้รีบนำตัวโนอาส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลประกาศว่าโนอาเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งจากการสอบปากคำครั้งแรก แม่ของผู้ตายได้ให้ปากคำว่าโนอาป่วยมานานหลายวัน แต่เธอไม่มีเงินในการจ่ายค่ารักษาลูกสาวของเธอ. | เจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศญี่ปุ่น จับกุมแม่ชาวญี่ปุ่น ยอมรับทิ้งลูกสาววัย 3 ขวบ เพียงลำพัง นานถึง 8 วัน ไปหาแฟนใหม่ จนลูกของเธออดตาย | ข่าว,ต่างประเทศ | เด็กอดอยาก,แม่ใจยักษ์,แม่ใจร้ายทิ้งลูก,ญี่ปุ่น,ข่าวต่างประเทศ | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1885545 |
ทีมใหญ่มาตามนัด | ไก่เดือยทอง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ลงทำศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ พบกับคู่แค้นร่วมเมืองอย่าง ทัพปืนใหญ่ อาร์เซนอล ที่ได้เล่นในถิ่นตัวเอง และดันเกิดคืนฟอร์มเก่ง ไล่ถล่มไก่จนขนร่วง 2-0 ,แม้ 3 แต้มในนัดนี้ ทีมจะอยู่อันดับ 6 เหมือนเดิม แต่ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ กลับมามีรอยยิ้มบนใบหน้าอีกครั้งกับชัยชนะครั้งสำคัญนัดนี้ ซึ่งขวัญกำลังใจกลับมาอีกเพียบ เพราะชนะคู่แข่งลุ้นแชมป์ได้ เล่นเอาลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเชตติโน ร่วงจากอันดับ 3 ลงมาอยู่ที่ 4 ทันที,ต่อมาในคู่ของทีมจ่าฝูง เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่บุกไปเอาชนะ ขุนพลจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ทำให้ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยังเป็นทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ใครในลีกฤดูกาลนี้ นำจ่าฝูงต่อไปอีกหลายสัปดาห์,ขณะที่พลพรรคหงส์แดง ลิเวอร์พูล ได้ 2 ประตู จาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปิดบ้านไล่ขยี้แข้งนักบุญ เซาแธมป์ตัน 3-0 คว้าชัยสวยงาม แต่ทีมก็ยังอยู่อันดับ 5 เหมือนเดิม ,ด้านทีมแชมป์เก่า เชลซี โชว์ฟอร์มสุดโหดด้วยการบุกไปถล่ม เวสต์บรอมวิช 4-0 ทำให้ลูกทีมของ อันโตนิโอ คอนเต ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตาราง ตามหลังทีมจ่าฝูงอยู่ 9 แต้ม ก็ยังพอมีลุ้นกัน,ปิดท้ายด้วยทีมใหญ่ลุ้นแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เปิดบ้านรับมือ ฝูงสาลิกาดง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมน้องใหม่แต่หน้าเก่า และเกือบแย่เพราะโดนนำก่อน ยังดีที่ฮึดกลับมายิง 4 ประตูรวด พลิกชนะ 4-1 ยึดตำแหน่งรองจ่าฝูงเหมือนเดิม,จากสถานการณ์ในตอนนี้ แม้ว่า เรือใบสีฟ้า ยังแล่นฉิวปลิวลม แต่ก็ยังไว้ใจอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เกิดพลาดท่าเสียที 3-4 นัดติดต่อกัน ทีมตามหลังที่หายใจรดต้นคอ ได้เวลาทวงบัลลังก์จ่าฝูงแน่นอน,JUPITER | ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 12 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา บรรดาทีมใหญ่ลุ้นแชมป์ นัดกันเก็บชัยชนะถ้วนหน้า ยกเว้น ฝูงไก่เดือยทอง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ รายเดียว ที่แพ้ | null | พรีเมียร์ลีก,แมนเชสเตอร์ ซิตี้,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,เชลซี,ลิเวอร์พูล | https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/1130473 |
รองผู้ว่าฯ กทม.ยืนยัน แสงสีแห่งความสุข 39 ล้านบาทไร้ทุจริต | เมื่อวานนี้ (3 ม.ค.) นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวว่าเตรียมยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. และสตง.ในวันที่ 6 ม.ค.2559 เพื่อขอให้ตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสใน 3 เรื่อง ได้แก่ การประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมืองในโครงการ แสงสีแห่งความสุข การติดตั้งกล้องวงจรปิด และการขยายสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่ากทม.ชี้แจงเรื่องงบประมาณโครงการประดับตกแต่งไฟที่ลานคนเมืองว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้กทม.ปีละ 300ล้านบาท เป็นงบประมาณเร่งด่วน ตามอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไม่ใช่งบประมาณฉุกเฉิน ซึ่งตลอด 5 วัน มีประชาชนเข้าชมไฟที่ลานคนเมืองกว่า 1 ล้านคน และกระจายรายได้มากกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ส่วนกรณีกล้องวงจรปิดนั้น นายอมรกล่าวว่า กทม.ติดต้้วไปแล้ว 44719 ตัว และ ดำเนินการส่วนที่เหลือให้ครบ 59154 ตัว ภายในปี 2559 ซึ่งแยกเป็นการเชื่อมสัญญาณกับไฟเบอร์ออฟติก ส่งภาพทั้งหมดมาที่ กทม. ไปหน่วยงานของรัฐ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพและไปที่สำนักงานเขต 12 เขต บางส่วน และมีกล้องอิสระ คือติดตั้งในเขตพื้นที่ซอยลึก ใช้วิธีการเก็บภาพไว้ที่ตัวกล้อง ระยะเวลา 30 วัน ถ้าไม่มีเหตุใน 30 วัน ภาพจะถูกลบในวันที่ 1 ของทุกเดือนการจัดซื้อกล้องวงจรปิดของกทม.ทุกครั้งใช้วิธีการตามสำนักงบประมาณและตามข้อบังคับของสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่มีครั้งใดเลยที่ใช้การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ นายอมรกล่าวส่วนกรณีการขยายสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสไปอีก 30 ปีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. โดยการลงทุนของ กทม. ได้ว่าจ้างให้บริษัทกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นวิสาหกิจของกทม.เป็นผู้เดินรถ สามารถกำหนดค่าโดยสารได้เอง ไม่กระทบต่อประชาชน นายอมรกล่าว | วันนี้ (4 ม.ค.2559) ผู้บริหารกรุงเทพมหานครแถลงชี้แจงกรณีอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นเรื่องให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการบริหารงานที่อ้างอิงถึงความไม่โปร่งใส 3 เรื่อง | การเมือง | อมร กิจเชวงกุล,กทม.โต้วิลาศ,วิลาศ จันทรพิทักษ์,ไฟลานคนเมือง,39 ล้านบาท,อมรแถลง,กล้องวงจรปิด,จำนวนกล้องวงจรปิดในกรุงเทพ,ซีซีทีวี,บีทีเอส,ส่วนต่อขยาย,สตง. | https://news.thaipbs.or.th/content/7119 |
ตัดเกรด-วิเคราะห์ผลงาน นิชิโนะ หลังนำ ทีมชาติไทย คว่ำยูเออี | วันที่ 16 ต.ค. 62 ความเคลื่อนไหวหลังเกมที่ทาง ทีมชาติไทย เปิดสนาม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เอาชนะ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปได้ 2-1 ส่งผลให้เก็บสามคะแนนสำคัญ มีเพิ่มเป็น 7 คะแนน จากการลงสนาม 3 นัด ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงในกลุ่ม ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า ทีมชาติเวียดนาม อยู่ 1 ลูกด้วยกัน,วิเคราะห์ผลงาน : ,ด้วยสถิติที่เราไม่เคยเอาชนะผู้มาเยือนอย่าง ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาได้เลยนับตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งก่อนเกมเชื่อลึกๆ ว่าเราหวังที่จะเอาชนะ แต่มันก็ไม่ใช่งานง่ายอย่างแน่นอน แต่ภาพรวมของเกมนี้ที่ อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่นวางแผนมาได้เป็นอย่างดีจริงๆ เขาเลือกใช้จุดเด่นของผู้เล่นแต่ละคน พร้อมดึงขีดความสามารถออกมาได้ถูกจุด เขาสั่งให้นักเตะช่วยกันเล่นช่วยกันไล่ แท็กติกบอลเท้าสู่เท้าที่แม่นยำขึ้น ให้ลูกทีมกล้าจ่ายกล้าผ่านบอลไปในพื้นที่สุดท้ายมากขึ้น และนักเตะทุกคนก็ตอบสนองได้ดี ตลอดจนให้ลูกทีมวิ่งบีบเพรสซิ่งใส่จนคู่แข่งต้องเตะทิ้งสาดโด่ง หรือจ่ายพลาดหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเขาทำการบ้านมาเป็นอย่างดี,ตัดเกรด , คะแนน | ตัดเกรด และวิเคราะห์ผลงานของ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่นของ ทีมชาติไทย หลังนำทีมเปิดรังเอาชนะ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2-1 ในศึกคัดบอลโลก 2022 | กีฬา,ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์ | ช้างศึก,ข่าวเด่น,ทีมชาติไทย,อากิระ นิชิโนะ,ฟุตบอลโลก 2022,ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | https://www.thairath.co.th/sport/trcheerthai/1683275 |
สาวไทยตบ ฟิลิปปินส์ กระจุย 3-0 เซต ลิ่วตัดเชือกปริ๊นเซส คัพ | วันที่ 18 ก.ค. การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ชิงชนะเลิศแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 19 หรือ ปริ๊นเซส คัพ ที่อาคารวีสมหมาย จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นการลงเล่นในรอบแรก นัดสุดท้าย ของกลุ่ม เอ ระหว่าง ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติฟิลิปปินส์ โดยในนัดนี้หากทีมใดชนะ จะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในฐานะอันดับ 1 ของกลุ่มทันที ,โดยในเกมแรก ทีมนักตบสาวไทยต่างเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเกมรุกที่เฉียบขาดเอาชนะไปได้ก่อน 25-14 ขึ้นนำ 1-0 เซต ,จากนั้นในเซตที่ 2 กลับเป็นฝ่ายฟิลิปปินส์ที่ทำได้ดีขึ้น ออกนำไปก่อน 16-12 แต่ทีมสาวไทยพยายามฮึดสู้ ไล่ตามมาตีเสมอที่ 23-23 และเบียดเอาชนะไปได้อีกครั้งที่ 25-23 ขึ้นแท่นเป็น 2-0 เซต และในเซตสุดท้าย ทีมนักตบลูกยางสาวดาวรุ่งไทย กลับมาสู่ฟอร์มเดิมได้อีกครั้ง และปิดเซตไปได้ที่ 25-16 ,ทำให้จบเกม ทีมชาติไทย เอาชนะ ทีมชาติฟิลิปปินส์ ไปได้ตามความคาดหมาย 3-0 เซต 25-14, 25-23, 25-16 ลอยลำเข้าสู่รอบตัดเชือกในฐานะอันดับ 1 ของกลุ่ม เอ พบกับ อินโดนีเซีย ในวันพรุ่งนี้,โปรแกรมการแข่งขันในวันที่ 19 ก.ค.,รอบจัดอันดับ ,เวลา 14.00 น. ออสเตรเลีย พบ สิงคโปร์,รอบรองชนะเลิศ,เวลา 16.00 น. ไทย พบ อินโดนีเซีย,เวลา 18.00 น. เวียดนาม พบ ฟิลิปปินส์ | ทีมนักตบสาวดาวรุ่งของไทยยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่ตบเอาชนะ ฟิลิปปินส์ ไปอย่างขาดลอย 3-0 เซต รั้งอันดับ 1 ของกลุ่ม เอ ลอยลำเข้าสู่รอบตัดเชือกพบกับ อินโดนีเซีย ในศึก ปริ๊นเซส คัพ ที่ จ.ศรีสะเกษ | null | วอลเลย์บอลหญิง,ปริ๊นเซส คัพ 2016,รอบแรก กลุ่ม เอ,ทีมชาติไทย,ทีมชาติฟิลิปปินส์,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/666907 |
สลด หนุ่ม รักไก่ชน ถูกแฟนสาวห้ามเลี้ยง แอบผูกคอตายในซุ้มไก่ | เวลา 13.30 น. วันที่ 4 เม.ย.62 พ.ต.ท.สมพงษ์ อติวงศ์ธาดา สว.(สอบสวน) สภ.หนองขาม ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งว่ามีคนผูกคอตาย เหตุเกิดภายในซุ้มไก่ชน พื้นที่ ม.5 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีป ศรีราชา ที่เกิดเหตุเป็นห้องไว้เป็นสำหรับเก็บอุปกรณ์ ลักษณะสี่เหลี่ยม,ภายในพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายกิตติชัย ทองลาด อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160/3 ม.9 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นพนักงานโรงงานผลิตยางรถยนต์ชื่อดัง แห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อยู่ในสภาพใช้เชือกไนลอนสีเขียว ผูกคอตนเองติดกับขื่อบ้าน ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ,สอบถาม นายวิทวัส แสงมณี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 ม.11 ต.บ้านฝาง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เพื่อนผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเข้ามาที่บริเวณซุ้มไก่ชน แล้วนำไก่ชนออกมาเช็ดหน้าไก่ หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยกับเพื่อนอีก 3 คน ภายในซุ้มไก่ชน ว่าเห็นแต่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 สีดำเทา หมายเลขทะเบียน คพต 39 ชลบุรี ของผู้ตายจอดไว้ แต่ไม่เห็นตัว จากนั้นจึงไปนอนเล่นอยู่บริเวณหน้าห้องเก็บอุปกรณ์ จึงมองผ่านกระจกบานเกล็ดไป ก็ตกใจ เมื่อพบว่านายกิตติชัย ได้ผูกคอตายแล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ,ขณะที่นายพิทักษ์ อุบล อายุ 40 ปี เพื่อนอีกคน กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าที่ ผู้ตายเคยมาบ่นให้ฟังว่า ถูกแฟนสาวสั่งห้ามไม่ให้เลี้ยงไก่ชน จนต้องมีปากเสียงกันอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยตัวของนายกิตติชัยนั้นรักและชื่นชอบไก่ชนมาก มักจะแวะเวียนเข้ามาที่ซุ้มไก่ชน อยู่เป็นประจำ จนกระทั่งเข้ามาผูกคอตายภายในซุ้มไก่ชน,เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมสอบปากคำแฟนสาว ที่เข้ามาดูสภาพศพผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตามจะต้องสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป | หนุ่มใหญ่แอบเข้ามาผูกคอตายในซุ้มไก่ชนที่แหลมฉบัง เผยคนตายชื่นชอบและรักไก่ชนมาก แต่ถูกแฟนสาวห้ามเลี้ยง เลยเข้าคลุกคลีอยู่ที่ซุ้มไก่ จนสุดท้ายผูกคอตายอยู่ในซุ้มไก่ชน
| ข่าว,ทั่วไทย | แขวนคอตาย,ผูกคอตายในซุ้มไก่,รักไก่ชน,เมียไม่ให้เลี้ยง,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/east/1537486 |
ด่านพรมแดนไทย-ลาว เข้มงวดเข้า-ออก หวั่นลักลอบของผิดกฎหมาย | วันนี้ ( 22เม.ย.2560) เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายเพิ่มความเข้มงวด ตรวจสัมภาระและกระเป๋าเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางไปยังประเทศลาว ผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จ.หนองคาย เนื่องจากเครื่องสแกนสิ่งของชำรุด อาจกลายเป็นช่องว่างที่ทำให้มีการลักลอบนำเข้า-และส่งออก สิ่งผิดกฎหมายทั้งนี้ เมื่อ2 วันก่อน เจ้าหน้าที่จับกุม นายนิธินนท์ ศรีธานิญานันท์ ขณะลักลอบนำอสุจิไปส่งยังคลินิกแห่งหนึ่งในนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นส่วนเชื้ออสุจิที่บรรจุในถังไนโตรเจนรวม 6 หลอด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย ได้ส่งตรวจที่โรงพยาบาลขอนแก่น คาดว่าจะทราบผลสัปดาห์หน้านายแพทย์ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า หากผลการตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้ออสุจิ ก็จะดำเนินคดีกับ นายนิธินนท์ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ รวมถึงขยายผลไปยังคลินิกที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นต้นทางของเชื้ออสุจิ | รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย คาดว่าสัปดาห์หน้าจะทราบผลการตรวจเชื้ออสุจิที่ยึดได้จากขบวนการรับจ้างอุ้มบุญข้ามชาติ เมื่อ 2 วันก่อน ขณะที่ด่านศุลกากรหนองคาย เข้มงวดกับผู้ที่เดินทางเข้า-ออก ผ่านด่านไทย-ลาว ป้องกันการลักลอบสิ่งของผิดกฎหมาย | ภูมิภาค | ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS,ด่านพรมแดนไทย-ลาว,จังหวัดหนองคาย,ลักลอบขนอสุจิ,อุ้มบุญ,ลาว | https://news.thaipbs.or.th/content/261820 |
นรกทั้งเป็น บังคับเด็กขายตัว แก๊งนกฮูก กรรมสนอง เจอคุกรวม 600 ปี | ขอพาย้อนไปจุดเริ่มต้น ของคดีค้ากาม ,แก๊งนกฮูก, ที่เกิดขึ้นจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2560 นางน้ำเพชร เกยพุฒซา อายุ 43 ปี เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า ลูกสาวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ,ยศนายดาบ, สภ.น้ำเพียงดิน บังคับให้ค้าประเวณี โดยมีผู้ใช้บริการหลากหลายวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการ โดยเคยร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.แม่ฮ่องสอน ตำรวจภูธรภาค 5 และศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) แต่เรื่องทั้งหมดกลับไม่คืบหน้า,หลังจากการสืบคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ 8 คน ประกอบด้วย น.ส.ปิยะวรรณ สุขมาก หรือ เมย์, น.ส.ปิยทัศน์ ภาพเทียนสุวรรณ หรือ ฟ้า, ด.ต.ยุทธชัย ทองชาติ หรือ ดาบยุทธ อดีตตำรวจสังกัด สภ.น้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน, นายมงคล เกียรติภัคดิพงศ์ หรือ แป๊ะ, น.ส.ปัทมพร อิ่นแก้ว หรือ อึง, น.ส.กนกวรรณ รัตนภักดี หรือ ละม่อม, น.ส.ขวัญหทัย ฤกษ์อุดม หรือ ตั๊ก, และ น.ส.กัลยา วุฒิคุณ หรือ จอย,ทั้งนี้ อัยการได้ยื่นฟ้องทั้งหมด เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ เพื่อการค้าประเวณี และให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน ขณะที่ พล.ต.ต.ปรีชา วิมลไชยจิต ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ดาบยุทธ ผบ.หมู่ สภ.น้ำเพียงดิน พร้อมมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.เป็นต้นมา,ขณะที่ ดาบยุทธ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่ยอมรับว่ารู้จักกับ น.ส.ปิยทัศน์ จริง ส่วน น.ส.ปิยทัศน์ เผยว่าในอดีตเคยส่งเด็กให้ผู้ชายเที่ยวกลางคืน แต่หลังจากถูกดำเนินคดีเมื่อปี 2559 ได้กลับมาขายของอยู่บ้าน โดยไม่รู้จักตำรวจที่ซื้อบริการ และไม่เคยชวนเด็กไปค้าประเวณี รวมทั้งไม่เคยรู้จักเด็กที่มี ,รอยสักรูปนกฮูก, บริเวณหน้าอกด้วย,หลังจากนั้น จากการขยายผลลูกค้าที่ซื้อบริการ ได้ข้อมูลสำคัญจาก น.ส.ส้ม (นามสมมติ) ที่ให้การว่า ถูกกลุ่มของ ส.ต.อ.นิรันดร์ สายจันทร์, ส.ต.ต.พิทักษ์ สมกุล, ส.ต.ท.เพชร เตชะโอฬาร สังกัด สภ.กองก๋อย ร่วมกันรุมโทรมในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จากนั้นศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คน ข้อหาพรากผู้เยาว์ เพื่อทำอนาจารในลักษณะโทรมหญิง โดยมีคำสั่งให้ออกจากราชการ เนื่องจากถือว่ามีความผิดร้ายแรง,กระทั่ง ศาลอาญา พิพากษาจำคุก น.ส.ปิยะวรรณ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 167 ปี น.ส.ปิยทัศน์ จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 176 ปี ด.ต.ยุทธชัย จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 320 ปี แต่กฎหมายอาญา มาตรา 91 คงรับโทษจริงคนละ 50 ปี และให้จำคุก นายมงคล จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 19 ปี น.ส.ปัทมพร จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 12 ปี น.ส.กนกวรรณ จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 8 ปี น.ส.ขวัญหทัย จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 32 ปี และ น.ส.กัลยา จำเลยที่ 8 เป็นเวลา 36 ปี,ล่าสุดวันที่ 18 ต.ค. 2561 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้เบิกตัว น.ส.ปิยะวรรณ, น.ส.ปิยทัศน์, น.ส.กัลยา จากทัณฑสถานหญิงกลาง และ ด.ต.ยุทธชัย จำเลยในคดี ,ร่วมกันค้ามนุษย์เป็นธุระจัดหาพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นข้าราชการร่วมกันเป็นธุระจัดหาพาไป เพื่อให้ค้าประเวณีสนองความใคร่ของผู้อื่น เพื่ออนาจารฯ ร่วมพรากเด็กฯ ร่วมกันพรากผู้เยาว์ฯ, จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาเพื่อฟังคำพิพากษา,ทั้งนี้ มีคำสั่งพิพากษาจำคุก น.ส.ปิยะวรรณ และ น.ส.ปิยทัศน์ จำเลยที่ 1-2 เป็นเวลา 183 ปี ส่วน ด.ต.ยุทธชัย จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจลงโทษเป็น 2 เท่า จำคุก 309 ปี โดยทั้ง 3 คนให้นับโทษไปพร้อมกับคดีเดิม แต่โทษจำคุกสูงสุดได้ไม่เกิน 50 ปีตามกฎหมาย พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมให้ผู้เสียหายจำนวน 850,000 บาท ส่วน น.ส.กัลยา จำเลยที่ 4 กระทำการเพียงคนเดียว จำคุก 65 ปี โดยให้นับโทษต่อจากคดีเดิม แต่ไม่เกิน 50 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหมแก่ผู้เสียหาย 5 แสนบาท พร้อมอัตราดอกเบี้ย 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง. | ทีมข่าวเจาะประเด็น ขอพาย้อนไปจุดเริ่มต้นคดีค้ากาม แก๊งนกฮูก ที่เกิดขึ้น จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อแม่วัย 43 ปี เข้าร้องเรียนว่า ลูกสาวถูกตำรวจ ยศนายดาบ สภ.น้ำเพียงดิน บังคับให้ค้าประเวณี | ข่าว,สังคม | บังคับค้ากาม,ขายตัว,แก๊งนกฮูก,ค้ามนุษย์,ข่าวร้อน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/society/1399281 |
มีงบ 1,500 บาท พาแม่ไปกินอะไรได้บ้าง ไปหาคำตอบกัน! | เพียงปีละครั้งที่วันแม่จะเวียนมาถึงให้บรรดาลูกๆ อย่างเราได้แสดงความรักต่อคุณแม่ การใช้เวลาว่างร่วมกันด้วยการพาคุณแม่ไปรับประทานมื้อพิเศษสักมื้อโดยมีคุณลูกเป็นเจ้าภาพนั้น แน่นอนว่าจะต้องทำให้คุณแม่ยิ้มออกแน่นอน ถ้าใครยังไม่รู้ว่าจะพาคุณแม่ไปกินอาหารอะไรอร่อยๆ ที่ไหนในโอกาสนี้ดี THE STANDARD รวบรวมโปรโมชันของร้านอาหาร และโรงแรมดังที่น่าสนใจเอาไว้ ทั้งในราคาประหยัดไม่เกิน 1500 บาท และที่ราคาสูงขึ้นมาอีกนิดหน่อย แต่ไม่เกิน 3000 บาท เพื่อให้คุณได้เลือกพาคุณแม่ไปอิ่มหนำ เป็นการมอบความสุขให้กับผู้หญิงคนพิเศษของเรา จะมีที่ไหนและมีอะไรให้กินบ้าง ไปดูกันUnder 1500 หาที่นั่งสงบๆ หลบหลีกผู้คน ควงแขนคุณแม่ไปเดตที่ห้องอาหาร Up & Above Restaurant & Bar กับ เซตน้ำชาสีม่วง (ดูรีวิวฉบับเต็มได้ ที่นี่) เมนูพิเศษซึ่งเปิดให้บริการเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น หนึ่งเซตประกอบไปด้วยของคาวหวาน ไม่ว่าจะเป็น แครมบรูเลหน่อไม้ฝรั่งขาวและผิวมะนาว พายเนื้อปูโรยหน้าด้วยไข่ปลาคาเวียร์ มาการองพิมพ์ลายทุ่งลาเวนเดอร์ แยมโรลรสบลูเบอร์รีหน้าตาน่ารับประทาน ไดฟุกุไส้ครีมเหนียวนุ่มสู้ลิ้น ไปจนถึงชีสเค้กต้นตำรับ ที่ทำให้เราประทับใจด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์อบอวลในปากตั้งแต่คำแรกที่กิน ทั้งหมดหม่ำคู่กับน้ำชากลิ่นลาเวนเดอร์ ดีสุดWhy: ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบของสวยงาม ไม่เว้นแม้แต่แม่ของเราหรอก นอกจากจิบชา พูดคุยกระชับสัมพันธ์ฉันแม่ลูกแล้ว ยังได้ชมวิวเมืองสวยๆ เพลินตาอีกด้วยOpen: ทุกวัน เวลา 14.00-17.00 น. ให้บริการตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 2560 (ถ้าพลาดวันแม่ก็ไปแก้ตัววันอื่นได้นะ)Budget: ราคาชุดละ 1190++ บาท ราคารวมเครื่องดื่มชาหรือกาแฟสำหรับ 2 ท่านWhere: Up & Above Restaurant & Bar โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ถนนวิทยุContact: 0 2687 9000 ถ้าคุณเป็นคู่แม่ลูกสายแข็งที่รักการกินอาหารทะเลเป็นที่สุด เราขอให้คุณเช็กอิน ณ แหลมเกต อินฟินิท ร้านอาหารซีฟู้ดแบบบุฟเฟต์ที่ฮอตที่สุดในเวลานี้ สั่งเมนูยอดฮิตอย่างปลากะพงทอดน้ำปลา ต้มยำทะเลน้ำข้น หมึกผัดไข่เค็ม หรือหอยนางรมสดๆ ฝาโตส่งตรงจากศรีราชา ทั้งหมดจัดวางในภาชนะรถเข็นขนาดย่อมที่ถูกเสิร์ฟจนล้นโต๊ะอาหารทันที กุ้งหอยปูปลาตัวใหญ่และสดมาก ทั้งยังอร่อยถูกปาก รสจัดจ้าน กินเพลินได้ทั้งบ้าน (ดูบรรยากาศร้านแบบวิดีโอได้ ที่นี่)Why: อาหารทะเลตัวใหญ่และสดมาก ส่งตรงจากทะเลทุกวัน คุมค่าใช้จ่ายได้ ที่สำคัญ ทำจานต่อจาน เสิร์ฟแบบเมนู a la carte แค่นั่งที่โต๊ะก็อร่อยได้ ไม่ต้องแย่งใคร รับรองว่าคุณแม่ปลื้มแน่นอนOpen: เปิดให้บริการทุกวัน (ปิดวันอังคาร) วันละ 4 รอบ รอบละ 90 นาที (11.30-13.00น 13.30-15.00 น. 17.30-19.00 น. และ 19.30-21.00 น.) รีบโทรจองนะ เดี๋ยวเต็มBudget: 666 บาทWhere: แหลมเกต อินฟินิท ชั้น 2 อาคาร SJ Infinite One 349 ถนนวิภาวดีรังสิต Contact: 08 0000 4444 08 4959 5959 หรือ www.facebook.com/laemgate ดอกมะลิเป็นดอกไม้แทนความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ และถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำวันแม่แห่งชาติ เชฟนิโคลาส์ เพลลัว หัวหน้าพ่อครัวเบเกอรี่ของโรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ นำดอกมะลิมารังสรรค์ขนมหวานเมนูพิเศษ มูสดอกมะลิที่ผ่านกรรมวิธีการทำที่พิถีพิถันมากเพื่อให้มีรสชาติหอมกรุ่น เนื้อเนียนนุ่มละมุน เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมซอร์เบต์มะม่วง อีกทั้งเชฟยังเชฟเลือกที่จะใช้ครีมและน้ำตาลน้อย เพื่อให้เมนูนี้เป็นขนมหวานเพื่อสุขภาพเมนูพิเศษที่จะสร้างความประทับใจให้กับคุณแม่และทุกคนในครอบครัว Why: มูสดอกมะลิหอมและเนื้อเนียนนุ่มละมุนมาก แถมทางโรงแรมบอกว่าสามารถจัดมุมให้คุณได้กราบคุณแม่ด้วยนะ Open: ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2560Budget: ราคาที่ละ 360++ บาทWhere: The Lobby โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ เจริญนคร Contact: โทร 0 2020 2888 หรือ www.peninsula.com/bangkok พาคุณแม่ไปจิบน้ำชายามบ่ายกับชุดน้ำชาที่มีให้เลือก 4 สไตล์ แต่เซตที่เราว่าขนาดกำลังดีและมีดิสเพลย์เหมาะสำหรับการนี้ก็คือ ชุดปิ่นโต ที่ชวนให้นึกถึงวัยเยาว์ที่คุณแม่ทำปิ่นโตให้เราไปกินที่โรงเรียน เซตนี้ประกอบไปด้วยของคาวและขนมหวานอย่าง แซนด์วิชเนื้อปู สโคนมะม่วง นอกจากนั้นยังมีเมนูขนมหวานและของกินเล่นแบบไทยๆ เช่น ข้าวตังหน้าตั้ง สังขยาฟักทอง และขนมสายไหม ให้บริการพร้อมชา TWG ตามรสชาติที่คุณแม่ชื่นชอบ หรือกาแฟหอมกรุ่นสำหรับสองท่าน Why: ละเลียดจิบน้ำชายามบ่ายร่วมกับคุณแม่ในบรรยากาศซิตี้รีสอร์ต เป็นการใช้เวลาคุณภาพร่วมกับคุณแม่ได้เป็นอย่างดี Open: ทุกวันตั้งแต่เวลา 14.00-17.00 น. Budget: ชุดน้ำชามี 4 แบบ 4 คือ 399 / 499 / 599 และ 699 บาทสุทธิ แต่ชุดปิ่นโตที่เราแนะนำ ราคา 499 บาทWhere: โรงแรม ยู สาทร กรุงเทพฯ Contact: 0 2119 4888 อยากชมสวน หรืออยากนั่งเย็นๆ ในคฤหาสน์หรูนับร้อยปีก็ได้ตามใจคุณแม่ แล้วเพลินกับบุฟเฟต์บาร์บีคิวหอมกรุ่น เสิร์ฟร้อนๆ จากเตาปิ้ง ทั้งเนื้อสัตว์ย่างเตาถ่านสไตล์ญี่ปุ่น ปลาค็อดย่างซอสมิโซะ ตลอดจนปูอลาสกา หอยแมลงภู่ ฯลฯ แค่นั่งเฉยๆ เมาท์มอยกับแม่ ความสุขก็เสิร์ฟถึงตรงหน้าแล้วWhy: พาแม่นั่งในสวมร่มรื่น ชมนกชมไม้ ชวนฟังเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติคฤหาสน์เก่าแก่ของหลวงสาทรราชายุกต์ ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าตั้งแต่ พ.ศ. 2432 สมัยรัชกาลที่ 5 แค่นี้ก็เพลินแล้วOpen: วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 12.00-16.00 น.Budget: 1480++ บาทต่อคน หากอยากเคล้าเครื่องดื่มเย็นๆ ชวนยิ้ม สามารถเลือกไวน์ขาว ไวน์แดง และโรเซ เสริมได้ในราคา 880++ บาทต่อคนWhere: The Courtyard เดอะ เฮาส์ ออน สาทร กรุงเทพฯContact: 0 2344 4025 และ www.thehouseonsathorn.com เปิดโลกอาหารสเปนกับคุณแม่กันบ้าง กับเมนูอาหารสเปนสไตล์บาสก์ 3 คอร์ส เช่น อะโวคาโดทาร์ทาร์กับแฮมอิเบริโก หรือ ขนมปังครัวซองต์โฮมเมดกับแฮมอิเบริโก ตลอดจนเนื้อวากิว หรือปลาคอดจากแอตแลนติกปิ้งเตาถ่าน เป็นต้นWhy: ร้านเปิดใหม่ บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง เหมาะแก่การพาแม่มาลองอะไรใหม่ๆ เผลอๆ อาจติดใจจนต้องมาใหม่อีกครั้งOpen: วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น.Budget: 590++ บาทต่อคน สำหรับอาหาร 3 คอร์สเซตพิเศษในวันแม่Where: Nan Charcoal Grill ถนนนราธิวาส ซอย 17 กรุงเทพฯContact: 09 5816 9168 และ www.facebook.com/nancharcoalgrill ควงแขนหม่อมแม่ที่รักและเคารพไปสืบสานประเพณีเก่าแก่ตำรับตะวันตก กับการดื่มชายามบ่ายกันบ้างที่โรงแรมที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูละเมียดละไมอย่าง เดอะ เซนต์ รีจิส ที่นำเสนอความหรูหราผ่านวิธีการจิบชามากว่าหนึ่งศตวรรษ เซตน้ำชาที่ว่ายังมีทั้งอาหารที่ไม่ได้มาแบบรับประทานเล่นๆ เพราะอิ่มจริงจัง และยังมีขนมหวานให้ได้เปรมปรีดิ์ยามบ่ายกันยาวๆ กับแม่เลยล่ะWhy: จิบชาเนิบๆ แล้วแนะให้จองสปาให้แม่ไปปรนเปรอผิวต่อด้วยเลย รับรองว่าคุณแม่ยิ้มแก้มปริOpen: เปิดบริการทุกวัน เซตชาเสิร์ฟเวลา 14.00-17.00 น.Budget: 1500++ บาท เสิร์ฟสำหรับสองท่านWhere: The St. Regis Bar โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ราชประสงค์ Contact: 0 2207 7777 หรือ www.stregisbangkok.comUnder 3000 พาแม่ออกจากบ้าน พักมือจากการทำอาหารให้ลูกๆ มาละเลียดอาหารหลังจากเหยียดตัวยาวยามเช้าสบายๆ กับบุฟเฟต์มื้อสายวันแม่โดยเฉพาะ วิวด้านนอกที่จุดนี้ยังแจ่มสุดๆ เหมาะกับการพาแม่มากินลมชมวิวสวยๆ ของปอดใจกลางกรุงอย่างสวนลุมพินีอีกด้วยWhy: ที่นี่คุณแม่จะได้รับอภิสิทธิ์กับอาหารจานเด็ดอย่างกุ้งล็อบสเตอร์และสปาร์กกลิงไวน์เสิร์ฟถึงตรงหน้าอีกด้วยนะ (เป็นลูกที่ดี ห้ามแย่งของแม่)Open: ดีลนี้สำหรับวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ระหว่างเวลา 12.00-15.30 น.Budget: ราคา 1900++ บาทต่อคน (รวมเครื่องดื่ม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ) และ 2600++ บาทต่อคน (รวมเครื่องดื่มก่อนหน้า เบียร์และไวน์)Where: Red Oven ชั้น 7 So Sofitel Bangkok ถนนสาทรเหนือ Contact: 0 2624 0000 พาแม่บินไปญี่ปุ่นได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีในเดือนสิงหาคม Kitaohji ร้านอาหารแบบไคเซกิมีชื่ออันดับต้นของญี่ปุ่น นำเนื้อวากิว โคชูกิว ระดับ A5 ของจังหวัดยามานาชิ มาให้นักชิมชาวไทยชิมกันถึงที่ เนื้อวัวสายพันธุ์คุโรเกะลายหินอ่อนสวยงามแล่บาง เสิร์ฟมาในเซตชาบูซุปสูตรพิเศษ รสชาติเข้มข้น ละลายในปากตั้งแต่คำแรก แทบไม่ต้องเคี้ยว มื้ออร่อยง่ายๆ ได้คุณภาพท่ามกลางสวนสไตล์เซนใจกลางทองหล่อ ถูกใจทั้งคุณแม่และคุณลูก รับประกันWhy: โคชูกิว เป็นเนื้อพรีเมียมระดับ A5 ซึ่งเป็นค่าบ่งบอกคุณภาพเนื้อสูงสุดของญี่ปุ่น เทียบเท่าเนื้อมัตสึซากะแห่งเมืองมัตสึทากะ หรือเนื้อโกเบของเมืองโกเบ อีกทั้งทางร้านยังมีของหวานพิเศษ ซึ่งเชฟเตรียมไว้เพื่อเอาใจคุณแม่โดยเฉพาะ Open: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 14.00-17.00 น. Budget: เซตชาบูเนื้อวากิวขนาด 200 กรัม ราคา 2800 บาท (ถ้ายังไม่จุใจ ทางร้านอาหารมีปริมาณอื่นให้เลือกอีก สอบถามได้ที่ร้าน)Where: ร้าน Kitaohji ทองหล่อ ซอย 8 สุขุมวิท 55Contact: 0 2714 7997 และ www.kitaohji.net/home ขอเชิญลูกๆ และคุณแม่ หรือทั้งครอบครัว มารับประทานอาหารไทยที่เสิร์ฟถึง 4 คอร์สพิเศษสำหรับวันแม่โดยเฉพาะ เสิร์ฟคู่กับไวน์แดงและไวน์ขาวจากไร่ไวน์ขึ้นชื่อของคนไทยอย่าง Monsoon Valley เติมรสชาติมื้อนี้ให้ครบรส เหมาะกับการสร้างช่วงเวลาดีๆ กับครอบครัวWhy: เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ไม่สันทัดอาหารนมเนยสไตล์ฝรั๊งฝรั่ง เพราะห้องอาหารนี้อาหารไทยรสดี รสจัด แตกต่างจากอาหารไทยในโรงแรม แม่น่าจะปลื้มได้ไม่ยากOpen: เปิดบริการเวลา 11.30-14.30 น. สำหรับมื้อกลางวัน และเวลา 18.00-22.30 น. สำหรับมื้อเย็นBudget: 1780++ บาทต่อคนWhere: Spice Market โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ราชประสงค์ Contact: 0 2126 886611.คุณแม่ได้สิทธิกินซีฟู้ดมื้อค่ำ ฟรี โปรโมชันสุดพิเศษ คุณแม่รับประทานอาหารฟรีทันที เมื่อมาพร้อมคุณลูก สำหรับซีฟู้ดบุฟเฟต์มื้อค่ำฉลองวันแม่ช่วงสุดสัปดาห์ ที่ยกขบวนจานเด็ดมาให้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นสลัดและของว่างนานาชนิด ซีฟู้ดตัวโตนานาชนิดสดๆ จากทะเล เช่น ปูม้า กุ้ง และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ รวมไปถึงเนื้อแกะและเนื้อวัวนำเข้าจากออสเตรเลีย ทั้งยังมีอาหารจีนหลากเมนู พิซซ่าอบจากเตาร้อนๆ และพาสต้าทำสดใหม่ ปิดท้ายด้วยหลากหลายเมนูของหวานแสนอร่อยอย่าง เค้กบามคูเฮน สูตรต้นตำรับจากประเทศเยอรมนี Why: ก็ห้องอาหารเขาใจดี ใจป้ำขนาดนี้ คุณลูกพาไปแล้วคุณแม่ได้กินฟรี ประหยัดเงินเก็บไว้ซื้อของขวัญให้คุณแม่ต่อได้อีกนะ Open: ระหว่างเวลา 18.00-21.30 น.Budget: ราคา 1600++ บาทต่อคน Where: Latest Recipe ชั้น 2 โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ (สุรวงศ์) Contact: 0 2232 8888 หรือ www.lemeridienbangkokpatpong.com เฉลิมฉลองวันแม่แห่งชาติโดยพาทั้งบ้านไปมอบความรักให้กับคุณแม่ (มากกว่าเดิม) ด้วยการรับประทานมื้อกลางวันหรือมื้อค่ำ มีทั้งอาหารทะเลสดใหม่อย่างปูอลาสกา กุ้งลายเสือ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยนางรมนำเข้าสดๆ ตับห่านย่าง ตลอดจนอาหารไทย ติ่มซำ และอาหารญี่ปุ่น ตบท้ายด้วยขนมหวาน และชีสนานาชาติอีกเพียบให้สำราญกันถ้วนหน้าทั้งครอบครัวWhy: ลืมพกพวงมาลัยมา? ไม่เป็นไร เพราะวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคมนี้ ทางร้านเตรียมพวงมาลัยให้กราบคุณแม่สำหรับบอกรักล้นใจไว้ให้แล้วOpen: มื้อกลางวันพร้อมเสิร์ฟตั้งแต่เวลา 12.00-14.30 น. มื้อค่ำพร้อมเสิร์ฟตั้งแต่เวลา 18.00-22.30 น.Budget: ผู้ใหญ่ราคา 1950++ บาทต่อคน และเด็กราคา 1200++ บาทWhere: Orchid Cafe โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท เอ ลักซ์ซูรี่ คอลเล็คชั่น โฮเท็ล ถนนสุขุมวิท Contact: 0 2649 8355 | ถ้าคุณแม่ชอบกินอาหารญี่ปุ่นหรือชอบกินเนื้อ ต้องพาไปโดน โคชูกิว เนื้อวากิวระดับ A5 ของจังหวัดยามานาชิที่ Kitaohji ร้านอาหารแบบไคเซกิมีชื่อ อีกทั้งทางร้านยังมีของหวานจานพิเศษ ซึ่งเชฟเตรียมไว้เพื่อเอาใจคุณแม่โดยเฉพาะ ซีฟู้ดบุฟเฟต์มื้อค่ำฉลองวันแม่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ห้องอาหาร Latest Recipe ชั้น 2 โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ ใจป้ำถึงขนาดถ้าคุณลูกพาไป คุณแม่ได้กินฟรี หากแม่ไม่สันทัดอาหารสไตล์นมเนยแบบฝรั่งจ๋า ขอเชิญที่ Spice Market ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารไทยรสดีจัดจ้าน (ลืมอาหารไทยโรงแรมที่คุณรู้จักไปเลย) รับรองว่าแม่ต้องปลื้ม | null | null | https://thestandard.co/budget-1500-what-can-do-for-mother/ |
เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลน้ำน้อยสุดในรอบ 30 ปี ยังไม่มีแผนใช้น้ำก้นเขื่อน | เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ เป็นแหล่งน้ำต้นทุนหลักที่ใช้ผลิตน้ำประปาให้ชาวเชียงใหม่ แต่ในปี 2559 ระดับน้ำในเขื่อนลดลงต่ำสุดในรอบ 30 ปีนับตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนมา ซึ่งเหลือน้ำใช้การเพียงร้อยละ 20 หรือประมาณ 58 ล้านลูกบากศ์เมตรนายประพนธ์ เครือปาน ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัด ระบุว่า ต้องยืดระยะเวลาการใช้น้ำที่เหลืออยู่ออกไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2559 พร้อมย้ำว่าการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคยังเพียงพอ แม้ จ.เชียงใหม่ จะเป็นจังหวัดอันดับ 1 ที่มีการใช้น้ำประปามากที่สุดในภาคเหนือ ขณะที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กรมชลประทานจะเสริมน้ำให้ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ตลอดทั้ง 3 วัน แม้ว่าระดับน้ำจะลดลงมากกว่าทุกปี ซึ่งคาดว่าจะไม่ต้องนำน้ำก้นเขื่อนที่มีอยู่ประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรมาใช้อย่างแน่นอนยังไงน้ำก้นเขื่อน 10 ล้านลูกบาศก์เมตรก็ยังคงอยู่ พยายามจะไม่ใช้ แต่ถ้าสถานการณ์มันแปรปรวนจริงๆ น้ำ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรตรงนั้นเราบริหารจัดการได้ไม่ยาก เพราะฉะนั้นเราให้ความมั่นใจกับเกษตรกรและนักท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ได้อย่างเต็มที่เลยว่ายังไงในเชียงใหม่จะไม่ขาดน้ำอุปโภคบริโภคแน่นอน นายประพนธ์ กล่าวขณะที่บริเวณรอบเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลในเขตพื้นที่ชลประทาน มีการทำข้าวนาปรังจำนวนมาก เกษตรกรบางคนใน ต.ช่อแล อ.แม่แตง ต้องเสี่ยงทำนาทั้งที่ทราบว่ามีน้ำน้อย เนื่องจากเป็นนาเช่าจึงทำให้ต้องแบกรับภาระค่าเช่านาปีละหมื่นกว่าบาทส่วนชาวบ้าน ต.แม่วะ อ.เถิน จ.ลำปาง ต้องนำภาชนะไปต่อคิวรับน้ำจากบ่อน้ำตื้น เพื่อนำไปใช้ในครัวเรือนและเลี้ยงสัตว์ บางคนต้องนอนรอเฝ้าน้ำทั้งคืนไม่เช่นนั้นจะไม่มีน้ำใช้ สร้างความกังวลใจให้กับชาวบ้านที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะเพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูแล้งภัยแล้งที่รุนแรงต่อเนื่องทำให้หลายจังหวัดในภาคเหนือที่เป็นพื้นที่ต้นน้ำประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง เพราะหลายชุมชนที่ใช้น้ำจากลำห้วยผลิตน้ำประปาต้องเร่งขุดบ่อน้ำตื้นหาน้ำใช้ เพื่อให้ผ่านเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนนี้ไปให้ได้ | เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ ในปี 2559 มีน้ำเหลือต่ำสุดในรอบ 30 ปี แต่ปริมาณการจ่ายน้ำเพื่อผลิตประปายังคงเพิ่มสูง ซึ่งกรมชลประทานคาดว่าจะบริหารจัดการได้จนถึงเดือนกรกฎาคม 2559 และยังไม่มีแผนใช้น้ำก้นเขื่อน | ภัยพิบัติ | เชียงใหม่,เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล,ภัยแล้ง2559,น้ำก้นเขื่อน,ผลิตน้ำประปา | https://news.thaipbs.or.th/content/250820 |
มาเลเซีย เตรียมฉลองเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ | ย้อนกลับไปในอดีต 28 ครั้งที่ผ่านมาของกีฬาซีเกมส์ มีถึง 15 ครั้งด้วยกันที่เจ้าภาพเป็นเจ้าเหรียญทอง ในบั้นปลายท้ายที่สุด โดยครั้งล่าสุดที่เจ้าภาพได้เป็นเจ้าเหรียญทองคืออินโดนีเซีย โดยทำได้เมื่อครั้งที่ 26 ปี 2011,แต่สำหรับมาเลเซีย ที่ถูกมองเป็นลูกไล่มาตลอดในการแข่งขันระดับนี้ เคยได้เป็นเจ้าเหรียญทองเมื่อครั้งที่ได้เป็นเจ้าภาพในปี 2001 หรือเมื่อ 16 ปีที่แล้วนั่นเอง,ซึ่งในตอนนั้น ทัพนักกีฬามาเลย์คว้ามาได้ถึง 111 เหรียญทอง เฉือนอันดับ 2 ไทย ไปเพียง 8 เหรียญทอง เท่านั้น,ก่อนหน้านี้ มาเลเซียเคยรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดมาแล้ว 5 ครั้ง และได้เป็นเจ้าเหรียญทองครั้งเดียวดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ทำให้ในการเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 6 พวกเขาตัดสินใจส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันมากที่สุดถึง 844 คน เพื่อความหวังในการเป็นเจ้าเหรียญทองสมัยที่ 2 ให้จงได้,และพวกเขากำลังใกล้จะได้ในสิ่งที่หวังแล้ว เพราะจากการชิงชัยเหรียญทองมาตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม จนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 11 วันเต็มๆ มาเลเซียโกยไปแล้ว 83 เหรียญทอง มากกว่าแชมป์เก่าและตัวเต็งเจ้าเหรียญทองอย่างไทย ที่เพิ่งทำได้เพียง 44 เหรียญทอง เท่านั้น,แม้จะเหลือการแข่งขันอีก 4 วัน มี 126 เหรียญทอง ให้แย่งชิงกัน หากว่ากันตามทฤษฎี ไทยยังมีลุ้น แต่ถ้ามองในมุมปฏิบัติ ดูยากเหลือเกินที่ไทยจะทำได้ เพราะอะไรคงไม่ต้องอธิบาย,ช่วงเวลาที่เหลือ ชาวมาเลเซียคงลุ้นกันทุกวันว่า นักกีฬาของพวกเขาจะไขว่คว้าเหรียญทองมาคล้องคอได้สักเท่าไหร่กัน จะทำได้มากกว่าสมัยแรกที่เป็นเจ้าเหรียญทอง หรือไม่,ถ้าให้ชาวมาเลย์เลือก ระหว่างเหรียญทองฟุตบอลชาย กับการครองเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ พวกเขาน่าจะเลือกอย่างหลัง เพราะมันยิ่งใหญ่กว่ากันชนิดเทียบไม่ติด,ซึ่งมันจะถูกพูดถึงไปอีกตราบนานเท่านาน ว่าครั้งหนึ่ง มาเลเซีย เคยเป็นเจ้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ กีฬายิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียน,JUPITER,[email protected] | มาเลเซีย กำลังจะยึดตำแหน่งเจ้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ เป็นสมัยที่ 2 หากไม่มีพายุเฮอริเคนระดับรุนแรงสุด พัดเข้ากระหน่ำกรุงกัวลาลัมเปอร์ จนราบเป็นหน้ากลอง | null | สังคมกีฬา,มาเลเซีย,เจ้าเหรียญทอง,เจ้าเหรียญทองซีเกมส์,ซีเกมส์ | https://www.thairath.co.th/sport/others/1050989 |
หมีขั้วโลกรุกเขตเมืองรัสเซีย ผู้เชี่ยวชาญคาดอาจหลงทาง | การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สร้างความเสียหายให้กับแหล่งที่อยู่อาศัยของหมีขั้วโลกอย่างมาก ทำให้พวกมันต้องออกเดินทางหาอาหารไกลขึ้นจนมาถึงเขตเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่ โดยที่เมืองโนริลสค์ (Norilsk) ประเทศรัสเซียมีหมีขั้วโลกผอมโซตัวหนึ่งเข้ามาเดินโซเซอยู่ตามถนนเพื่อหาอาหารนับเป็นหมีขั้วโลกตัวแรกที่รุกล้ำเข้ามาในเมืองในรอบกว่า 40 ปี โดยเมืองโนริลสก์ เป็นเมืองอุตสาหกรรมหลักทางตอนเหนือของรัสเซียและอยู่ห่างจากถิ่นที่อยู่ของหมีขั้วโลกในมหาสมุทรอาร์กติก เป็นระยะทางไกลหลายร้อยกิโลเมตรผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้บันทึกภาพหมีขั้วโลก ระบุว่า ยังไม่แน่ใจถึงสาเหตุที่ทำให้หมีขั้วโลกตัวดังกล่าวเดินทางมาไกลถึงขนาดนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าหมีอาจจะเดินหลงทาง พร้อมทั้งเปิดเผยว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าของรัฐจะมาถึงเมืองโนริลสก์ในวันนี้ (19 มิ.ย.) เพื่อประเมินสภาพหมีขั้วโลก ขณะที่ทางการสั่งให้ตำรวจคอยระวังไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้หมีขั้วโลกมากเกินไป | ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้หมีขั้วโลกในเขตไซบีเรียของรัสเซียเผชิญชะตากรรมที่เลวร้ายจากความอดอยาก รุกล้ำเข้าใกล้เขตเมืองเพื่อหาอาหาร ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าท้องถิ่นระบุว่ามีความเป็นไปได้ว่าหมีอาจเดินหลงทาง | ต่างประเทศ | หมีขั้วโลก,รัสเซีย,โลกร้อน,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews | https://news.thaipbs.or.th/content/280992 |
ความจริงเกี่ยวกับการเจ็บป่วย การรักษาและความเป็นมนุษย์ (ตอนที่ 2) | เมื่อเราทุกคนสมัยนั้นเข้าใจความจำกัด มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ถ้อยที ถ้อยอาศัยกัน และค่อยๆเลือนหายไป (,ความจริงเกี่ยวกับการเจ็บป่วยการรักษา และความเป็นมนุษย์ (ตอนที่ 1),),วันนี้ออกตรวจคนไข้ NAPHA นั่นคือห้องตรวจผู้ป่วยโรคติดเชื้อเอชไอวี เป็นคิวของผู้ป่วย NAPHA extension คือกลุ่มผู้ป่วย ชาวกะเหรี่ยง พม่า ที่ไม่ใช่คนไทย (migrant) ที่มาขอใช้สิทธิ์รับยาที่ รพ.แม่สอด ภารกิจประจำวันของฉันค่อนข้างยุ่งเหยิง ตอนเช้าต้องไปราวนด์ คือดูคนไข้ในไอซียู ราวนด์วอร์ดคือคนไข้ในหอผู้ป่วยเกือบ 30 เตียง สอนนักศึกษาแพทย์ ราวนด์วอร์ดพิเศษ สะสางงานที่รับผิดชอบที่ต้องจัดการในเช้าวันนั้น ทำให้วันนี้ลงตรวจที่ห้องผู้ป่วยนอก (OPD) เกือบ 10.30 น. คนไข้งดน้ำงดอาหารมารอตั้งแต่ 6 โมง ใครมาก่อนได้ตรวจก่อนตามคิว,ฉันมาถึงคนไข้นั่งรอเป็นระเบียบ ไม่มีใครพูดเลยสักคน เงียบกริบ คนไข้เข้ามาตรวจทีละคน ส่วนใหญ่ต้องใช้ล่าม แทบไม่มีการปรับยาสำหรับ OPD นี้ ไขมันในเลือดเป๊ะ เบาหวานคุมได้เป๊ะ ไวรัสกดได้ตลอด คนไข้เกือบ 60 คนใช้เวลาตรวจไม่ถึงสองชั่วโมง,ตอนฉันยื่นใบสั่งยาให้คนไข้ไปรับยา คนไข้ทุกคนยกมือไหว้ เอามือข้างหนึ่งแตะที่ศอก,อีกข้างราวกับรับของจากพระผู้ใหญ่ บางคนมีย่อถอนสายบัวด้วย ถ้าไม่มาเห็นด้วยตาตัวเองจะหาว่าโอ้อวดเกินจริง,คนไข้ส่วนใหญ่ห่อข้าวมากิน ไม่รีบไม่ร้อน หมอมาเมื่อไหร่ก็ได้ ได้ยาเมื่อไหร่ก็ได้ แม้ว่าค่ำนี้ ยังไม่รู้จะนอนที่ไหนเพราะบ้านอยู่ฝั่งพม่าไกลโพ้น เขาก็เตรียมตัวมาอย่างดี,นึกแล้วมันช่างแตกต่างจากสังคมไทยปัจจุบันที่มีคนจำนวนมากลุกขึ้นมาด่าหมอ ด่าพยาบาลกันปาวๆ ยังกับเป็นบุคคลน่ารังเกียจ,ยอมรับว่าไม่ได้อ่านทั้งหมด อ่านเพียงเล็กน้อยก็ยังรู้สึกได้ถึงความเสื่อมศรัทธาต่อวงการแพทย์ไม่รู้ว่าอะไรคือต้นเหตุ เพราะส่วนตัวเอง และเพื่อนแพทย์ใกล้ชิดก็ไม่มีใครทำอะไรผิดจากจรรยาบรรณที่พึงมี แพทย์พยาบาลไทยยังทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเหมือนเดิม ซ้ำยังพยายามพัฒนาศักยภาพให้มากขึ้นตามโลกยุคใหม่,แพทย์ไทยไม่ได้เปลี่ยนไปแต่สายตาที่มองมาคู่นั้นต่างหากที่เปลี่ยนแปลง รพ.แม่สอดได้เงินจากคนต่างชาติโดยเฉพาะชาวพม่ารวม 110,000,000 บาทต่อปี พอๆกับที่ได้เงินจากคนไทยจากกองทุนบัตรทอง ดังนั้น คนพม่าเขามาซื้อบริการเราทั้งนั้น แต่การปฏิบัติต่อหมอไทยประดุจเราเป็นเทพเจ้า,มีคนไข้หนุ่มน้อยอายุ 16 ปีมาด้วยสมองอักเสบ สงสัยวัณโรคขึ้นสมอง โคม่ามาตั้งแต่แรกรับไปโรงพยาบาลที่เมาะละแหม่งหนึ่งสัปดาห์ไม่ดีขึ้น จึงพากันมาที่ รพ.แม่สอดอย่างทุลักทุเล หายใจพะงาบๆ ใส่ท่อช่วยหายใจอยู่วอร์ดสามัญ ตอนนี้ตื่นดีเตรียมถอดท่อช่วยหายใจ แพทย์ณัฐกานต์เดินไปราวนด์ทีไรทุกคนในครอบครัวยกมือไหว้ท่วมหัว ถ้ากราบได้คงทำไปแล้ว แววตาเปี่ยมไปด้วยศรัทธา ไม่เคยเรียกร้องอะไร ยืนฟังแพทย์อธิบายอย่างเงียบๆ ไม่เคยร้องขอไปไอซียูมาถึงวันนี้ค่ารักษาแสนกว่าบาท เขาจ่ายทุกบาททุกสตางค์เพราะกลัวหมอจะทิ้งเขา,เราพูดกันคนละภาษา แต่เรื่องของศรัทธาเป็นเรื่องสากลที่เข้าใจกันได้ระหว่างมนุษยชาติ เขาวางชีวิตไว้ในมือหมอไทยที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรกด้วยซ้ำ,ในความเห็นของฉันวิกฤติศรัทธาในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากจรรยาบรรณแพทย์ที่เปลี่ยนไป แต่เกิดจากความไม่รู้ที่มากจนสะสมกัดกินลักษณะที่ดีของคนไทย ที่เคยคิดดีทำดีต่อกัน ที่เคยอ่อนน้อมพูดจากันด้วยภาษาไพเราะ มีเหตุมีผล เห็นอกเห็นใจกัน,สังคมชื่นชมคนดีหายไปไหนโชคดีที่ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ที่ตรงชายขอบฉันจึงเห็นความแตกต่าง,ตอนเช้ามีคนรอใส่บาตรพระรายเรียงเป็นแถวรับหมอกอ่อนๆ กลางวันถีบรถจักรยานไปทำงานมีปิ่นโตคนละเถา ในวันฝนตกหนักที่อาจจะมีคนแอบแช่งฝน แต่เด็กๆอาบน้ำฝนกันอย่างสนุกสนาน มือพ่อแม่จูงลูกๆพะรุงพะรังไปดูหนังกลางแปลงทั้งครอบครัว,ฉันได้รู้ว่าถ้าความสุขในสังคมและครอบครัวได้มาง่ายๆ กลับไปเป็นสังคมห่อใบตองและถีบรถถีบ แต่ประเทศเราอาจไม่เจริญขึ้นฉันจะยอมแลก,มาช่วยกันปรับปรุงสังคมไทยไหมคะไม่รู้ว่ามันจะสายเกินไปหรือยัง.,หมอดื้อ | เสียงกระซิบจากหมอที่แม่สอดจะดังให้ทุกคนได้ยินได้อย่างไร…ที่มาจากคุณหมออัครเดช เพ็ญศิริ หมอที่บ้านแฮดได้มาจากห้องสาธารณสุข เป็นเรื่องราวดีๆที่กาลครั้งหนึ่งในประเทศไทย เคยเป็นเช่นนี้ | ไลฟ์สไตล์,ไลฟ์ | สุขภาพหรรษา,หมอดื้อ,คนไข้,การรักษา,การเจ็บป่วย | https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1071717 |
มะกันปรับนโยบายขายโดรนติดอาวุธ | กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศนโยบายใหม่เกี่ยวกับการซื้อขายอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ทั้งประเภทใช้เพื่อการค้าและการทหารให้เป็นมาตรฐาน แต่ยังห้ามใช้โดรนในทางผิดกฎหมายและการซื้อขายโดรนต้องผ่านโครงการของภาครัฐต่อรัฐ อีกทั้งผู้ซื้อต้องใช้สินค้าตามข้อกำหนดหลังใช้เวลาทบทวนนโยบายเก่าเป็นเวลา 2 ปีกับข้อเรียกร้องที่เพิ่มมากขึ้นจากประเทศพันธมิตร ซึ่งหลายประเทศต้องการนำไปใช้ปฏิบัติการทางทหารในอัฟกานิสถาน อิรัก และเยเมน,ข่าวแจ้งว่า นโยบายใหม่นี้จะช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน รวมเจเนรัล อะโตมิคส์, นอร์ธทรอบ กรัมแมน คอร์ป, เท็กซ์ทรอน อินซ์ โดยเฉพาะล็อกฮีด มาร์ติน คอร์ป ที่จำหน่ายโดรน ทั้งเพื่อการพาณิชย์และการทหาร ท่ามกลางกระแสการแข่งขันมากขึ้นจากทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศคู่แข่งที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านอาวุธสูงอย่าง จีน รัสเซีย อย่างไรก็ตาม ทางสหรัฐฯ ยังไม่มีบัญชีรายชื่อประเทศที่มีคุณสมบัติพอที่จะส่งออกโดรนให้อย่างเป็นทางการ เพราะข้อเรียกร้องทุกอย่างจะมีการสรุปประเมินบนพื้นฐานแต่ละกรณี ขณะที่โดรนผลผลิตจากจีนส่งขายทั่วโลกแล้วมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอย่างน้อย 9 ประเทศ รวมถึงปากีสถาน อียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งยังได้เจรจาขายให้แก่ซาอุดีอาระเบียกับแอลจีเรีย. | สหรัฐฯ ประกาศนโยบายใหม่เกี่ยวกับการซื้อขายอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน โดยจะขายให้ชาติพันธมิตรที่ผ่านคุณสมบัติและสัญญาว่า จะไม่ใช้โดรนในทางผิดกฎหมาย | null | กระทรวงต่างประเทศ,สหรัฐ,นโยบายใหม่,ซื้อขายโดรน,อากาศยานไร้คนขับ,โดรน,ข่าว,ข่าวต่างประเทศ,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/482119 |
วุฒิฯ มัดมือผู้การเชียงใหม่คุ้มพยานคดีฆ่าพระสุพจน์ | ประชาไท-7 ก.ค. 48 ถ้ามีอะไรที่เกิดขึ้นกับผู้ที่อยู่ในห้องนี้อีก ก็กลายเป็นระบบไปแล้ว ใครที่อยู่ในห้องนี้วันนี้ ท่านต้องรับปากว่าจะทำสุดความสามารถ จะไม่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกในห้องนี้หลังจากวันนี้ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ว.นครราชสีมา ย้ำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาชี้แจงคณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา กรณีการสังหาร พระสุพจน์ สุวโจ นักอนุรักษ์ที่เสียชีวิตไป โดยอาจมีอิทธิพลมืดเป็นสาเหตุเบื้องหลัง นายไกรศักดิ์ กล่าวอีกว่า เป็นปีที่ 6 ในรัฐสภาแล้ว ที่มีเหตุการณ์ที่ผู้เคลื่อนไหวภาคประชาชนไม่สามารถพึ่งเจ้าหน้าที่รัฐได้เข้ามาหา กมธ. แต่หลายครั้งหลังมาพูดก็เกิดเหตุกับเขาทันที พูดกับ กมธ. เสร็จ กลับบ้านก็ถูกยิงตายทันที ดังกรณีของนาย เจริญ วัดอักษร แกนนำกลุ่มอนุรักษ์บ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพราะ กมธ .ไม่รู้จะปกป้องได้อย่างไร ทำได้เพียงพูดกับสื่อมวลชน นายไกรศักดิ์ยกตัวอย่างกรณีของทนายสมชาย นีละไพจิตร นักสิทธิมนุษยชนมุสลิมด้วยว่า เมื่อมาให้ข้อมูลแก่ กมธ. ว่ามีผู้ต้องหาโดนเจ้าหน้าที่ซ้อม 7 วัน 7 คืน หลังจากนั้นไม่กี่วันก็โดนอุ้ม นอกจากนี้นายไกรศักดิ์ยังได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า การเสียชีวิต ของพระสุพจน์ฯ อย่าทิ้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ เพราะในหลายๆครั้งคนที่ทำอาชญากรรมเป็นเจ้าหน้าที่เอง ด้านน.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานกมธ.ระบุว่า มีความไม่สบายใจที่หลายๆ ครั้งพอเรื่องมาเปิดเผยที่ กมธ. ในพื้นที่ก็ยิ่งฆ่ากันมากขึ้น เป็นการท้าทายกฎหมาย จากนั้นนายแพทย์นิรันดร์ ได้แนะนำ พล.ต.ต.จิรุจจ์ พรหโมบล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดเชียงใหม่ว่า ควรมีข้อมูล บัญชีผู้ที่มีแนวโน้มในการฆ่าอยู่ในมือ เพื่อให้รู้วิธีสกัดกั้น ท่านยังไม่สอบถามชาวบ้าน พระ หรือญาติ เลย ถามแล้วท่านจะรู้เองว่า ใครกำลังจะโดนฆ่า แต่ท่านต้องรับผิดชอบว่า ใครที่ไปสอบสวนกับท่านแล้วถูกฆ่า หากคล้อยหลังสถานีตำรวจไปแล้วถูกฆ่าตาย ท่านต้องรับผิดชอบ ประธานกมธ. กล่าว อย่างไรก็ตาม พล.ต.ตจิรุจจ์ ได้รับปากกับกมธ.ว่าหากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง | ประชาไท-7 ก.ค. 48 ถ้ามีอะไรที่เกิดขึ้นกับผู้ที่อยู่ในห้องนี้อีก ก็กลายเป็นระบบไปแล้ว ใครที่อยู่ในห้องนี้วันนี้ ท่านต้องรับปากว่าจะทำสุดความสามารถ | สิ่งแวดล้อม | null | https://prachatai.com/journal/2005/07/4782 |
เสวนาบทเรียนความมั่นคงทางอาหาร: ไทย อินโดฯ มาเลฯ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม | แนะส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยสู่ระบบที่ยั่งยืน-พัฒนางานวิจัย ควบคุมการใช้สารเคมีที่ต้นทาง ด้านนักวิจัยมาเลเซียแฉ พบสารตกค้างในผลิตภัณฑ์การเกษตรของมาเลเซียอื้อ วอนหน่วยงานรัฐแก้กฎหมายคุมครองผู้บริโภค ฟากนักวิจัยฟิลิปปินส์ชี้อุตสาหกรรมอาหาร โหมการตลาดโฆษณาเกินจริงหลอกผู้บริโภค24 ก.ค. 2557 เมื่อเวลา 10.00 น. ในงานประชุมวิชาการมหกรรมอาหารและสุขภาพ วิถีไท ครั้งที่ 1 ภายใต้แคมเปญ กินเปลี่ยนโลก: บทบาทอาหารกับสุขภาพ สังคมและสิ่งแวดล้อม จัดโดย มูลนิธิสุขภาพไทย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิชีววิถี มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ มูลนิธิเกษตรยั่งยืน (ประเทศไทย) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายความมั่นคงทางอาหารและสุขภาพวิถีไทยนางสาวกิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา รองผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวระหว่างเสวนาหัวข้อ บทเรียนการทำงานของแต่ละประเทศในประเด็นความมั่นคงด้านอาหาร ว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมีความเสี่ยงในการรับประทานอาหารที่จัดว่าอยู่ในขั้นวิกฤต เพราะเลือกรับประทานอาหารนอกบ้านและซื้ออาหารสำเร็จรูปมากกว่าร้อยละ 70 ของรายจ่ายค่าอาหารทั้งหมด โดยที่ไม่สามารถรู้แหล่งผลิตได้เลยว่าขั้นตอนการทำเป็นเช่นไรรองผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวต่อว่า วิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่แบ่งเป็น 3 แหล่ง คือ 1.เกษตรกรรายย่อยนับวันจะหายไปจากระบบ เพราะเอาตัวไม่รอด กำไรหดหาย 2.ระบบการผลิต ทำลายสิ่งแวดล้อม เนื่องจากใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองทำให้คนไทยมีวิถีการกินอยู่ที่น้อยลง หันไปพึ่งอาหารแช่แข็งมากขึ้น 3.วิกฤตผู้บริโภค ประสบปัญหาไม่มีทางเลือกในการกิน จากระบบผูกขาดของบริษัทผู้ค้ารายใหญ่ รวมถึงผู้บริโภคขาดความรู้ในการเลือกอาหาร ซึ่งแม้ปัจจุบันจะมีฉลากระบุในบรรจุภัณฑ์ แต่พบว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงเสี่ยงที่ผู้บริโภคอาจได้รับสารปนเปื้อนที่มีอันตรายต่อร่างกายได้สิ่งที่ควรทำคือต้องจัดการอาหารทั้งระบบ โดยผู้บริโภคต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมเกษตรกรรายย่อย รวมทั้งต้องสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่ม พัฒนาวิจัย จัดตั้งระบบสหกรณ์รายย่อย ควบคุมสารเคมีที่ต้นทาง นอกจากนี้ควรมีการควบคุมการดำเนินงานกิจการธุรกิจทางการเกษตร ให้เกษตรกรรายย่อยลุกขึ้นมามีบทบาท และรัฐบาลควรสร้างตลาดขนาดเล็ก ตลาดทางเลือกให้เกษตรกรเข้ามามีพื้นที่ ขณะเดียวกันกฎหมายเกี่ยวกับอาหารควรเข้มงวดมากขึ้นเพราะที่ผ่านมาแม้จะมีกฎหมายแต่การบังคับใช้ไม่มีประสิทธิภาพ และคณะกรรมการยังละเลยไม่ใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างจริงจัง นางสาวกิ่งกร กล่าวนางสาวฮูซนา ซาฮีร์ นักวิจัยจากองค์กรผู้บริโภค ประเทศอินโดนีเซีย (Yayasan Lembaga Konsumen Indonesia YLKI) กล่าวว่า แม้อินโดนีเซียจะมีแหล่งทรัพยากรที่เพียงพอ และข้าวเป็นอาหารหลัก แต่กว่า 50% ต้องนำเข้าจากเพื่อนบ้าน รวมถึงอาหารอื่นๆ และมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นทุกปี ซึ่งรัฐบาลแม้จะสนับสนุนให้ปลูกข้าว แต่ไม่ได้จริงจังในเรื่องการผลิตและส่งออก อีกทั้งเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมใช้สารเคมี ทำให้สิ้นเปลือง เกิดหนี้สิน และส่งผลเสียต่อผลผลิต เกษตรกรจึงเริ่มมองหาพืชพื้นบ้านเพื่อนำมาทดแทน เช่น ปลูกข้าวฟ่าง ข้าวโพด และประสบความสำเร็จแค่เพียงระดับท้องถิ่น เนื่องจากรัฐบาลไม่ให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรยกระดับอาหารพื้นบ้านเหล่านี้ และศึกษาพัฒนางานวิจัยใหม่ๆ ให้เข้ามาตอบโจทย์เกษตรกรรมรูปแบบต่างๆ จัดอบรมให้ความรู้กับผู้บริโภคดังคำขวัญของประเทศคือ กินอาหารท้องถิ่น รักษาเกษตรกรท้องถิ่นนางสาวหัทธิยา ฮาสซิม นักวิจัยจากสมาคมผู้บริโภคแห่งปีนัง ประเทศมาเลเซีย (Consumer Association of Penang) กล่าวว่า มาเลเซียมีโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหารจำนวนมาก แต่กลไกการผลิตนั้นอาจมีการปนเปื้อนและมีสารเคมีตกค้าง โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้ ที่ผ่านมาชมรมผู้บริโภคปีนัง พยายามแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคที่มีมานานกว่า 30 ปีแล้ว เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในเรื่องวัตถุดิบ สารปนเปื้อน การห้ามนำเข้า เช่น สารเร่งเนื้อสัตว์ที่ทำให้โตไว ซึ่งมีเข้ามาและเปลี่ยนชนิดเปลี่ยนรูปแบบใหม่ไปเรื่อยๆ ทำให้กฎหมายเกิดความหละหลวมไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้เราจำเป็นต้องรณรงค์กับผู้บริโภคและผู้ขายอาหารตามข้างทาง เกี่ยวกับคุณภาพอาหาร รณรงค์ลดน้ำตาล เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียติดอันดับ 8 ของโลกที่บริโภคน้ำตาลสูง เพราะมีผลต่อสุขภาพ ทั้งนี้รัฐบาลอินโดนีเซียควรเน้นคุ้มครองเกษตรกรรายย่อยที่ทำการเกษตรอินทรีย์เพื่อความยั่งยืน และคุ้มครองสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการจับปลาที่เน้นเชิงอนุรักษ์ นางสาวหัทธิยา กล่าวนางสาวเจนนิเฟอร์ กุสต์ นักวิจัยจากองค์กรผู้บริโภคประเทศฟิลิปปินส์ (IBON Foundation) กล่าวว่า ปัจจัยที่ยังท้าทายวิกฤติอาหารของฟิลิปปินส์คือการมีโฆษณาชวนเชื่อ ส่งเสริมการแปรรูปอาหารและมีทุนในระบบอุตสาหกรรมมากเกินไป ซึ่งที่ผ่านมาฟิลิปปินส์เกิดการขาดแคลน ขาดดุลทางอาหารเพราะมีการนำเข้ามากกว่าส่งออก รัฐบาลมีนโยบายเปิดการค้าเสรี จึงทำให้เกิดแหล่งธุรกิจเอกชนมากขึ้น ประชากรไม่สามารถเข้าถึงแหล่งอาหารที่มีราคาถูก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้การค้าข้าวมีการผูกขาด ซื้อถูกขายแพง เกิดการกักตุน ลักลอบนำเข้าโดยไม่จ่ายภาษี นอกจากนี้ในเรื่องของการผลิตข้าวโพดที่ปรับแต่งพันธุกรรม (GMO) ก็มีผลกระทบต่อเกษตรกร ล่าสุดล้มละลายถึง 10% ของเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด อีกทั้งส่งผลให้เป็นโรคหอบหืด ภูมิแพ้สารเคมีอยากให้เกิดบทบาทของภาครัฐมากกว่าที่เป็นอยู่ ส่งเสริมผลผลิตของเกษตรกรให้สูงขึ้น เพราะอย่าลืมว่าผู้บริโภคตื่นตัวเรื่องอาหารและความเป็นอยู่ สนใจอาหารออแกนิกส์เพราะตระหนักได้ถึงความปลอดภัย อย่างไรก็ตามเราพยายามต่อสู้หันมาทำเกษตรทางเลือก พยายามล็อบบี้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้มีใบรับรอง มีกฎหมายที่สนับสนุนทำเกษตรอินทรีย์ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการ นางสาวเจนนิเฟอร์ กล่าวนางสาวอลิซ ฟาม นักวิจัยจากองค์กรผู้บริโภค ประเทศเวียดนาม (CUTS Internation) กล่าวว่า ประเทศเวียดนามเป็นประเทศยากจน และประเทศที่ผลิตข้าวกว่า 73% มีการส่งออกข้าว 3 ล้านตันต่อปี ซึ่งรองจากประเทศไทย ทั้งนี้ยอมรับว่าเทคโนโลยีในการผลิตข้าวยังไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเวียดนามยังประสบปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วม ฝนแล้งอย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง การแข่งขันสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาครัฐต้องเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรใหม่ๆ ไม่พึ่งพาข้าวอย่างเดียว และเกษตรกรต้องได้ตัดสินใจว่าจะปลูกพืชอะไร ไม่ถูกชี้นำจากรัฐบาลนายซิว ก๊ก เซียง ผู้วิจัยจากสมาคมผู้บริโภค ประเทศสิงคโปร์ (Consumer Association of Singapore CASE) กล่าวว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่ทำการเกษตรค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่ 90% นำเข้าจากต่างประเทศ โดยหน่วยงาน ABA ด้านการเกษตรและปศุสัตว์จัดทำหน้าที่เชื่อมโยงการนำเข้าผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยมีการประเมินสารปนเปื้อนตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้บริโภคมีความเสี่ยง นอกจากเรายังพยายามส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีทางเลือกทั้งเรื่องราคาและคุณภาพของอาหาร | ชี้ระบบอาหารไทยเข้าขั้นวิกฤติ คนไทย 70% แห่ซื้ออาหารนอกบ้านรับประทาน ทั้งที่ไม่รู้แหล่งผลิต หวั่นเกิดสารปนเปื้อนและไม่ผ่านค่ามาตรฐาน เผยอาหารแช่แข็งยังครองแชมป์ยอดฮิต | คุณภาพชีวิต,ต่างประเทศ | กิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา,ความมั่นคงทางอาหาร,ฟิลิปปินส์,มาเลเซีย,อินโดนีเซีย,เวียดนาม,ไทย | https://prachatai.com/journal/2014/07/54733 |
ผอ.รพ.แนะประชาชนกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 กักตัว 14 วัน หลังไปเจอผู้ใหญ่ไก่ | เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 มีนาคม 2563 ที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 ตั้งอยู่พื้นที่ ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา แพทย์หญิงชุติมา ปิ่นเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 ได้ออกมาให้คำแนะนำกับประชาชนในพื้นที่อำเภอบางปะกง และพื้นที่ข้างเคียง เกี่ยวกับบุคคลที่เข้าไปร่วมงานไทม์ไลน์ของนายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ หรือ ผู้ใหญ่ไก่ หรือ นายกไก่ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ว่า ไม่ควรตื่นตระหนก เพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ติดกันทางอากาศ แต่จะติดจากสารคัดหลั่ง โดยหากคนที่มีความกังวลว่าจะติดเชื้อก็สามารถมาตรวจคัดกรองได้ แต่ต้องออกค่าตรวจเชื้อเอง ซึ่งอยู่ในระดับ 5000-8000 บาท หากตรวจเจอก็จะคืนเงินให้ในกลุ่มของผู้ประกันตน โดยให้ข้อแนะนำว่าหากไปร่วมงานในระหว่าง 14 วันไม่มีไข้ก็ไม่ต้องมาตรวจเพราะจะสิ้นเปลือง อีกทั้งผลที่เจอก็จะเป็นลบ หากมีไข้มารับการตรวจก็จะรู้ผลดีกว่าตอนไม่มีไข้ทั้งนี้ ให้บุคคลที่อยู่ในไทม์ไลน์ของนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ให้กักตัวเองอยู่ในบ้าน 14 วัน รอดูอาการจะดีที่สุด และต้องหมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้ภายในบ้าน รวมถึงกินร้อน ช้อนตัวเอง ล้างมือทุกครั้ง โดยวันนี้หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับนายกอบจ.ฉะเชิงเทรา ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้มีประชาชนอายุ 25-60 ปี มาเข้ารับการตรวจรวมกว่า 30 คน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าทุกวัน ประมาณ 5-8 คนเท่านั้น และหลังจากนี้เชื่อว่าจะมีมากขึ้น ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น. | ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 ให้คำแนะนำประชาชนในพื้นที่อำเภอบางปะกง ที่อยู่ในไทม์ไลน์ ผู้ใหญ่ไก่ อย่าตื่นตระหนก หากยังไม่มีไข้ ไม่ต้องมาตรวจหาเชื้อโควิด-19 พร้อมแนะนำวิธีป้องกันตัวเอง | ข่าว,ทั่วไทย | โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,ไวรัสโคโรน่า,กักตัวเอง 14 วัน,ผู้ใหญ่ไก่ติดโควิด-19,กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์,นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ติด โควิด-19,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1796283 |
ต๊อตติ สะบัดน้ำหมึกต่อสัญญาหมาป่าอีก 1 ปี | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 7 มิ .ย. ว่า หมาป่าเหลืองแดง โรมา สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี ยืนยัน ฟรานเชสโก ต๊อตติ กองหน้ากัปตันทีม ต่อสัญญาใหม่กับสโมสรออกไปอีก 1 ปีเรียบร้อย,สำหรับ ต๊อตติ วัย 39 ปี จะหมดสัญญากับโรมาปลายเดือนนี้ แต่ล่าสุดเขาก็ตัดสินใจฝากอนาคตไว้กับสโมสรอีก 1 ปี และทำให้ ต๊อตติ จะอยู่ค้าแข้งกับโรมา ไปจนถึงอายุ 40 ปี และอยู่กับโรมาเป็นฤดูกาลที่ 25 ซึ่งสโมสรออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ทางการของสโมสรว่า มันช่างเหมาะสมเหลือเกินที่ ฟรานเชสโก ต๊อตติ ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่ ในวันครบรอบก่อตั้งของสโมสร ไม่มีใครลงเล่นและทำประตูให้กับสโมสรแห่งนี้มากไปกว่า ต๊อตติ และเรามีความยินดีที่เขาจะอยู่กับเราต่อไปอีก 1 ฤดูกาล เราต้องการประสบการณ์ของ ต๊อตติ ในฤดูกาลสุดท้ายของเขากับทีม ในสนาม ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จในยุคใหม่ของโรมา,ขณะที่ ต๊อตติ กล่าวว่า ผมต้องการสัญญานี้มาโดยตลอด มันแสดงถึงความฝันที่กลายเป็นจริงของผม ผมต้องการที่จะจบอาชีพค้าแข้งของผมด้วยการสวมชุดแข่งเพียงชุดเดียวมาตลอด นั่นก็คือชุดของโรมา หลังจากที่ผมได้พูดคุยกับท่านประธาน ผมยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นในสิ่งนั้น เชื่อมั่นในการทำงานร่วมกัน และผมคิดว่าเราสามารถประสบความสำเร็จในสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้,ทั้งนี้ ฤดูกาลที่ผ่านมา ต๊อตติ ลงเล่นไป 10 นัด ซัดไป 5 ประตู ส่วนสถิติที่น่าสนใจของเขาก็คือเขาเป็นเจ้าของสถิตินักเตะที่ลงเล่นให้โรมามากที่สุด 758 นัด และก็ยิงประตูมากที่สุดของสโมสรที่ 304 ประตู | หมาป่าเหลืองแดง โรมา ยืนยัน ฟรานเชสโก ต๊อตติ ดาวยิงกัปตันทีม จรดปากกาต่อสัญญาใหม่กับสโมสรออกไปอีก 1 ปีเรียบร้อย | null | ฟรานเชสโก ต็อตติ,โรมา,กัลโช เซเรีย อา อิตาลี,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/634131 |
บ.ก. ฟ้าเดียวกันถูกแจ้งข้อหา หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ | ประชาไท 2 เม.ย.2549 ก่อนหน้าที่จะมีการแจ้งความจับนายธนาพล เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.สำราญราษฎร์ เดินทางไปที่ร้านหนังสือศึกษิตสยาม ซึ่งตั้งอยู่หลังวัดราชบพิตรฯ และทำการยึดวารสารฟ้าเดียวกันฉบับ สถาบันกษัตริยกับสังคมไทยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ 4 นายได้เดินทางไปที่บ้านของ น.ส.วิรพา อังกูรทัศนียรัตน์ ซึ่งเป็นผู้ลงทะเบียนเปิดใช้ตู้ ปณ.156 ปณจ.ยานนาวา ที่สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันเช่าไว้สำหรับการสื่อสารทางไปรษณีย์ และได้เชิญ น.ส.วิรพา อังกูรทัศนียรัตน์ ไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจสำราญราษฎร์ทั้งนี้ น.ส. วิรพา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำวารสารเล่มดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นผู้ไปลงทะเบียนเปิดใช้ตู้ ปณ. เท่านั้นด้านนายธนาพล หลังจากถูกแจ้งข้อหาก็เดินทางไปที่สถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ เพื่อแสดงตัว และจะต้องไปให้ปากคำกับเจ้าพนักงานสอบสวนในวันที่ 4 เม.ย. เวลา 10.00 น. โดยนายธนาพลจะเดินทางไปพร้อมนายสุรชัย ตรงงาม ทนายความอย่างไรก็ตาม นายธนาพลเปิดเผยกับประชาไทว่า จนบัดนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ระบุว่า วารสารฉบับดังกล่าว มีข้อความใดที่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พร้อมเปิดใจว่า ยังสบายดีนายธนาพลระบุด้วยว่าก่อนหน้าที่จะถูกแจ้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น ยอดจำหน่าย ฟ้าเดียวกันฉบับสถาบันกษัตริย์กับสังคมไทยที่ร้านศึกษิตสยามนั้นมีจำนวนสูงประมาณ 500 เล่มแล้ว(แปลจากหนังสือพิมพ์เนชั่น )วันที่ 9 ธันวาคม 2548 สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันเผยแพร่/วางจำหน่ายวารสารฟ้าเดียวกัน ฉบับ สถาบันกษัตริย์กับสังคมไทยวันพุธที่ 29 มีนาคม 2549 เจ้าพนักงานการพิมพ์กรุงเทพมหานคร ได้มีหนังสือ ที่ ตช. 0028.143/1922 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2549 เรื่อง ห้ามขายหรือแจกจ่ายและให้ยึดสิ่งพิมพ์ แจ้งมายังธนาพล อิ๋วสกุล (บรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน) ว่า สิ่งพิมพ์ชื่อ ฟ้าเดียวกัน ปีที่ 3 ฉบับที่ 4 ตุลาคม- ธันวาคม 2548 ฉบับสถาบันกษัตริย์กับสังคมไทย ได้ลงโฆษณาข้อความอันอาจจะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงได้อาศัยอำนาจความในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติการพิมพ์ พุทธศักราช 2484 แจ้งคำสั่งเจ้าพนักงานการพิมพ์กรุงเทพมหานครที่ 1/2549 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2549 เรื่อง ห้ามการขายหรือจ่ายแจกและให้ยึดสิ่งพิมพ์มายังท่านเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปวันเดียวกัน (29 มีนาคม 2549) ผู้ชุมนุมกลุ่มคาราวานคนจนที่ชุมนุมกันอยู่ที่สวนจตุจักร ทำการเผาวารสารฟ้าเดียวกันฉบับ สถาบันกษัตริย์กับสังคมไทย โดยกล่าวหาว่ามีเนื้อความที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ หลังจากนั้น ตัวแทนจากคาราวานคนจน ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจบางซื่อ กล่าวหานายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ และนายธนาพล อิ๋วสกุล กระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพวันพฤหัสที่ 30 มีนาคม 2549 ตัวแทนคาราวานคนจนประมาณ 200 คน เดินทางไปยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อร้องเรียนถึงความไม่เหมาะสมจากกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัยถึงสถาบันเบื้องสูงเมื่อวันที่ 24 มีนาคม โดยมีการตีพิมพ์นำเสนอในหนังสือพิมพ์คมชัดลึก และการนำเสนอบทความของนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ในหนังสือฟ้าเดียวกัน ฉบับสถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมไทย มีข้อความลักษณะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2549 นายธนาพล อิ๋วสกุล ในฐานะผู้พิมพ์ผูโฆษณาวารสารฟ้าเดียวกัน ยื่นจดหมายอุทธรณ์ คำสั่งห้ามการขายหรือจ่ายแจก และให้ยึดสิ่งพิมพ์ ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2549 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการยึดวารสารฟ้าเดียวกันฉบับ สถาบันกษัตริย์กับสังคมไทยที่ร้านนายอินทร์ สาขาท่าพระจันทร์วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2549 เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.สำราญราษฎร์ เดินทางไปที่ร้านหนังสือศึกษิตสยาม และทำการยึดวารสารฟ้าเดียวกันฉบับ สถาบันกษัตริยกับสังคมไทยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ 4 นายได้เดินทางไปที่บ้านของ น.ส.วิรพา อังกูรทัศนียรัตน์ ซึ่งเป็นผู้ลงทะเบียนเปิดใช้ตู้ ปณ.156 ปณจ.ยานนาวา ที่สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันเช่าไว้สำหรับการสื่อสารทางไปรษณีย์ และได้เชิญ น.ส.วิรพา อังกูรทัศนียรัตน์ ไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจสำราญราษฎร์เมื่อได้รับแจ้งเรื่อง บรรณาธิการฟ้าเดียวกันได้ตามไปแสดงตนที่สถานตำรวจและได้รับแจ้งข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปีรวมทั้งได้พิมพ์ลายนิ้วมือ รับทราบเป็นผู้ต้องหา และนัดหมายให้การกับพนักงานสอบสวน ที่ สน.สำราญราษฎร์ ในวันอังคารที่ 4 เมษายนนี้ เวลา 10.00 น. | ธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการวารสารฟ้าเดียวกัน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ แจ้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยพนักงานสอบสวนนัดให้ปากคำวันอังคารที่ 4 เม.ย. นี้ เวลา 10.00 น. | การเมือง | ธนาพล อิ๋วสกุล,ฟ้าเดียวกัน,มาตรา 112 | https://prachatai.com/journal/2006/04/8010 |
การออกกำลังกายเพื่อป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ (ตอน 2) | ,ท่าที่ 3 ท่ายืนเขย่ง, เป็นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่หน้าขาและข้อเท้า และเป็นการฝึกการทรงตัว มี 5 ขั้นตอน, 1.นั่งเก้าอี้มือข้างหนึ่งมีที่ยึดเกาะกันล้ม นั่งหลังตรงเข่างอ 90 องศา เท้าวางแตะพื้นพอดี, 2.ค่อยๆ ยืนขึ้นตัวตรง, 3.เขย่งยกส้นเท้าขึ้นสูง ค้างไว้นับ 1-10, 4.หลังนับ 1-10 วางส้นเท้าลงแตะพื้น, 5.นั่งบนเก้าอี้,ท่าที่ 4 ท่าเดินสวนสนาม, เป็นการฝึกการทรงตัวขณะเคลื่อนไหว เมื่อมีการเสียหลักจะหกล้ม ร่างกายจะสร้างระบบประสาทอัตโนมัติ เพื่อป้องกันตนเองจากการหกล้ม ด้วยการยืนตรงใช้มือจับขอบประตูหรือมุมตู้ที่สามารถเดินโค้งหมุนไปข้างหน้าและถอยหลังได้ โดยที่มีมือจับตรงจุดเดิม มองตรงไปข้างหน้า เดินยกขาสูง เดินเป็นแนวโค้งจับที่เดิมตลอดเวลา เดินหน้า-ถอยหลัง 4 รอบ สลับใช้มือข้างจับและเดินหน้าถอยหลังเช่นเดียวกันอีก 4 รอบ, 1.เดินหน้า, 2.เดินถอยหลัง, 3.เปลี่ยนมือจับเดินแบบเดียวกัน,ท่าที่ 5 ท่ายืดเหยียด, เป็นการฝึกการยืดเส้น หลังจากการออกกำลังกายท่าที่ 1-4 แล้ว มีขั้นตอน ดังนี้, 1.นั่งบนที่นอนหรือพื้นที่มีผ้ารอง หลังตรง เหยียดขาทั้งสองข้างให้ปลายเท้าแยกห่างกัน, 2.กางแขนทั้งสองไปด้านข้างลำตัว, 3.โน้มตัวไปข้างหน้าช้าๆ หลังไม่งอ หมุนมือขวาไปแตะปลายเท้าซ้าย, 4.หมุนมือซ้ายไปแตะปลายเท้าขวา สลับไปมา 10 ครั้ง,นอกจากนี้ยังมี ,การออกกำลังกายเพื่อฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการทรงตัวในลักษณะเป็นกลุ่ม, ,การออกกำลังกายเป็นกลุ่ม, เป็นที่นิยมมากกว่าการออกกำลังกายเองที่บ้าน และความต่อเนื่องในการออกกำลังกายพบว่าดีกว่าในระยะยาว แต่อย่างไรก็ดี ผู้สูงอายุที่นิยมการออกกำลังกายเป็นกลุ่มนั้น มักให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและยังมีสุขภาพที่ค่อนข้างแข็งแรง การส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนมีการจัดการออกกำลังกายเป็นกลุ่มเป็นเรื่องที่ดีมากในการป้องกันการหกล้ม โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่มีการผสมผสานในการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การทรงตัว และการยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น การออกกำลังกายดังกล่าว ควรมีการส่งเสริมตั้งแต่วัยผู้ใหญ่ เพราะการปรับพฤติกรรมในผู้สูงอายุนั้นทำได้ยากกว่า,ไม่ว่าจะเลือกออกกำลังกายแบบที่ทำเองที่บ้าน หรือการออกกำลังกายแบบกลุ่ม ก็ล้วนมีประโยชน์กับผู้สูงอายุทั้งนั้น และควรทำต่อเนื่องกันอย่างน้อยวันละ 30 นาที เป็นเวลาอย่างน้อย 120 นาทีต่อสัปดาห์ จะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น รวมทั้งทำให้มีจิตใจที่แจ่มใส และนอนหลับได้ดียิ่งขึ้นด้วย,อ่านเพิ่มเติม ==>> ,การออกกำลังกายเพื่อป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ (ตอน 1),------------------------------------------------------------,แหล่งข้อมูล,ผศ.พญ.จิตติมา บุญเกิด, ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล | ศุกร์สุขภาพสัปดาห์นี้ ยังมีท่าออกกำลังกายเพื่อป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุอีก 3 ท่า ดังนี้ | null | ออกกำลังกาย,ผู้สูงอายุ,การหกล้ม,ศุกร์สุขภาพ,คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี | https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1463883 |
โอกาสสุดท้าย | ของเราจะถ่ายทอดสดให้ชมกัน,นัดแรกที่ผ่านมา ทีมกิเลนผยองกุมความได้เปรียบไว้ก่อนด้วยการบุกไปคว้าชัยชนะเหนือยอดทีมแดนเหงียนถึงถิ่น 3-1 ดังนั้นเกมนี้ถ้าไม่ประมาทจนเกินไปก็คงได้ชูถ้วยแชมป์ใบนี้เป็นประเดิมอย่างไม่ยากเย็น,พูดถึงเอสซีจี เมืองทองฯ ฤดูกาล 2018 นี้ จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของสโมสรอีกครั้ง เมื่อต้องเสียยอดศูนย์หน้าซุปเปอร์สตาร์ เบอร์ 1 ของทีม อย่าง เจ้ามุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา ที่จะย้ายไปโกยเงินเยนกับทีมซาน-เฟรซเซ ฮิโรชิมา ในเจลีก ญี่ปุ่น,เช่นเดียวกับ เจ้าอุ้ม ธีราทร บุญมาทัน ที่ส่อเค้าจะไปลุยแดนปลาดิบเหมือนๆกัน กับวิสเซล โกเบ หากการเจรจาในช่วงหลังปีใหม่นี้ลงตัวสะเด็ดน้ำ,ถ้าต้องเสียดาวเตะที่เป็นแกนหลักของทีมไปทีเดียวถึง 2 คนอย่างนี้ รับรองยังไงก็ต้องส่งผลกระทบกับทีมไม่มากก็น้อย,ซึ่งก็คงต้องรอดู กึ๋น ของคนเป็นกุนซือ อย่าง โค้ชแบน ธชตวัน ศรีปาน ว่าจะปรับสมดุลทีมกันแบบไหน อย่างไร ให้เอฟเฟกต์น้อยที่สุด,รวมทั้งดูว่าแข้งใหม่ที่เพิ่งถูกดึงเข้ามาเสริมทัพในถิ่นเอสซีจี สเตเดียม โดยเฉพาะ เจนรบ สำเภาดี กองหน้ากัปตันทีมชาติไทย ยู-23 ที่ย้ายขาดมาจากทีมโปลิศ เทโร จะสร้างผลงานได้สักขนาดไหน,เจนรบถูกคาดหมายว่าจะเข้ามาเป็น ความหวังใหม่ ของทีมในการล่าตาข่าย ซึ่งเจ้าตัวตั้งเป้าที่จะซัลโวให้ได้เกิน 10 ลูกขึ้นในซีซั่นแรก,ส่วนคนที่เคยถูกคาดหวัง (อย่างสูง) ว่าจะเข้ามาระเบิดฟอร์มกระฉูดในสีเสื้อกิเลนตั้งแต่ปีที่แล้ว,นั่นก็คือ ปีโป้ สิโรจน์ ฉัตรทอง แดนหน้าร่างยักษ์ปักหลั่นของทีมชาติไทย ที่เอสซีจี เมืองทองฯ ลงทุนกว่า 13 ล้าน กระชากตัวมาจากอุบล ยูเอ็มที เมื่อช่วงกลางฤดูกาล,ที่ผ่านมาเจ้าตัวได้รับโอกาสอย่างมากมายจาก โค้ชแบน,แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เคยเล่นเข้าตาสักกะที ทื่อยังไง ก็ยังทื่อยังงั้น ไร้วี่แววของความเป็นยอดนักเตะที่สโมสรจะฝากผีฝากไข้อะไรไว้ได้,แถมยังปืนฝืด สะกดคำว่า ยิงประตู ไม่เป็นอีกต่างหาก ทั้งที่เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าอาชีพแท้ๆ,เล่นเอาแฟนคลับกิเลนผยองที่คอยเอาใจช่วยต่างเซ็งจิต และคงเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เพราะไม่ได้ดั่งหวัง,อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเมืองทองจะยังให้ โอกาสเจ้าปีโป้พิสูจน์ตัวเอง (อีก) ในบอลแม่โขงคลับเสาร์นี้,แต่มีความเป็นไปได้สูง ที่จะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายแล้วล่ะ,บี บางปะกง | บอลถ้วย แม่โขงคลับ รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 จะเป็นโทรฟี่แรกของปีจอ 2561 ที่ชิงดำกันระหว่างเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ ซันนา คันห์ หัว จากวีลีก เวียดนาม ในวันเสาร์ที่ 6 ม.ค.นี้ ที่สนามศุภชลาศัย โดย ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 | null | แม่โขงคลับ,เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด,ธีราทร บุญมาทัน,ธชตวัน ศรีปาน,ตะลุยฟุตบอลโลก | https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/1167895 |
สมภารโหด-มอบตัว รัดคอฆ่าแม่ม่ายคู่ขา | พ้นผ้าเหลืองโร่มอบตัวชดใช้กรรม เผยรู้จักกันผ่านเฟซบุ๊กพูดคุยนัดเจอ จนมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ภายหลังถูกฝ่ายหญิงเข้ามาวุ่นวายมากเกินไปเลยขอเลิก แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเลิกแถมข่มขู่จะประจานให้เสียหาย นัดพูดคุยเจรจาตกลงกันไม่ได้เลยลงมือสังหารโหด สำนึกผิดขออโหสิกรรมอ้างทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบเจ้าอาวาสโหดโร่มอบตัวหลังก่อเหตุรัดคอฆ่าแม่ม่ายสาวยัดศพใส่ถุงดำทิ้งป่าอำพรางคดีรายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 ก.ค. พ.ต.ท.ธรณ์เทพ ประคองกลาง รอง ผกก.สอบสวน สภ.จักราช จ.นครราชสีมา ควบคุมตัวนายไสว เดนไธสง อายุ 50 ปี หรืออดีตพระครูไสว เจ้าอาวาสวัดตะกรุมทอง รองเจ้าคณะตำบลโคกสว่าง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาบีบคอฆ่านางสายสุดา พรมประดิษฐ์ อายุ 28 ปี ส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา พื้นที่เกิดเหตุดำเนินคดีทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ก.ค. มีคนพบศพผู้หญิงสภาพเน่าเฟะ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วนานเกือบ 20 วัน ยัดอยู่ในถุงดำมัดปากถุงมิดชิดถูกทิ้งไว้ในพงหญ้าป่าดงนางดำ ต.หนองยาง อ.เฉลิมพระเกียรติ ภายหลังทราบว่า ผู้ตายคือนางสายสุดา พรมประดิษฐ์ อายุ 28 ปี แม่ม่ายลูกติด อยู่บ้านเลขที่ 158 หมู่ 2 ต.คลองเมือง อ.จักราช จ.นครราชสีมา หายตัวไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. ญาติเข้าแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.จักราช เมื่อวันที่ 7 ก.ค. พร้อมประกาศหาทางเฟซบุ๊กจนมีคนแชร์จำนวนมากก่อนจะมาพบเป็นศพถูกฆ่ายัดถุงดำทิ้งในป่าพล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา เผยว่า หลังพบศพสั่งการให้พนักงานสอบสวนนำส่งผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบลงพื้นที่หาเบาะแสจนทราบว่า ก่อนเสียชีวิตผู้ตายได้ติดต่อกับพระไสวผ่านทางโซเชียล มีการพบปะกันบ่อยครั้ง มั่นใจว่าพระไสวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมโหด จึงกระจายกำลังลงพื้นที่กดดันถึงที่วัด ทำให้พระไสวต้องไปลาสิกขาและเข้ามอบตัวที่ สภ.จักรราช ตำรวจนำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุและหาหลักฐานเพิ่มเติม ตามยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ตายได้ภายในโถส้วมห้องน้ำวัด และรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีบรอนซ์ ทะเบียน งค 112 นครราชสีมา ของอดีตพระไสวที่ใช้ก่อเหตุเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี เบื้องต้นนายไสวให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือสังหารผู้ตาย จึงควบคุมตัวส่ง สภ.เฉลิมพระเกียรติ ท้องที่พบศพดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพสอบสวนนายไสว ผู้ต้องหาให้การว่า บวชมาได้ 11 พรรษา จนได้รับตำแหน่งทางสงฆ์เป็นถึงเจ้าอาวาสวัดและรองเจ้าคณะตำบล สาเหตุที่ลงมือสังหารผู้ตาย นายไสวอ้างว่า เนื่องจากโกรธแค้นที่ตนขอเลิก แต่ผู้ตายไม่ยอมเลิก โดยก่อนหน้าประมาณเดือน มี.ค.ได้รู้จักผู้ตายผ่านทางเฟซบุ๊ก แชตพูดคุยจนสนิทสนมก่อนนัดเจอและมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง 2-3 ครั้ง ตนให้เงินไปรวมประมาณ 2000 บาทและโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ช่วงหลังผู้ตายมาวุ่นวายมากเกินไปจึงขอเลิก แต่ผู้ตายไม่ยอม แถมยังข่มขู่ว่าจะมาประจานตนถึงที่วัดอดีตสมภารโหดให้การต่อไปว่า กระทั่งวันที่ 5 ก.ค. นัดเจอผู้ตายที่ป่าบ้านซาด ต.หนองขาม อ.จักราช เพื่อมาเจรจาตกลงกัน ตนขับรถเก๋งไปหาและนั่งพูดคุยกันในรถ ผู้ตายยืนยันไม่ยอมเลิกและขู่ว่าหากเลิกกันจะเอาเรื่องที่มีความสัมพันธ์ไปประจาน ด้วยความโมโหลงมือบีบคอผู้ตายหมดสติและใช้เชือกรัดคอซ้ำจนเสียชีวิต จากนั้นนำศพใส่ถุงดำไปทิ้งในป่า อ.เฉลิมพระเกียรติ แล้วกลับมาที่วัดทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งมีคนไปพบศพและตำรวจมากดดันที่วัดเลยตัดสินใจลาสึกก่อนเข้ามอบตัวที่ สภ.จักราช ตอนนี้สำนึกผิดอยากขอให้ญาติผู้ตายอโหสิกรรมให้ ที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบและความโมโหกลัวจะถูกประจานจึงลงมือฆ่าด้านนางพัฒนา สมอาจ อายุ 43 ปี ญาติผู้พี่ของผู้ตาย เผยว่า ไม่อยากเชื่อว่าน้องสาวจะมาจากไปแบบนี้ หลังหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.แต่ตนยังแชตคุยกันถึงวันที่ 9 ก.ค. เพิ่งมารู้ว่าคนที่คุยด้วยคือฆาตกรที่สังหารน้อง ตนและญาติคงไม่มีวันให้อภัยและไม่อโหสิกรรมให้เด็ดขาด อยากให้ผู้ก่อเหตุตายตกไปตามกันจึงจะสาสมกับความผิดที่ก่อขึ้น | พระครูเจ้าอาวาสวัดรัดคอฆ่าโหดแม่ม่ายสาวยัดศพใส่ถุงดำทิ้งป่าอำพรางคดี ผ่านไปเกือบ 20 วัน มีคนไปพบศพเน่าเฟะ ถูกตำรวจกดดันหนักสุดท้ายยอมสึก | ข่าว,ทั่วไทย | ข่าวหน้า1,ฆ่ารัดคอ,เจ้าอาวาสฆ่ารัดคอ,แม่ม่าย,ฆ่ายัดถุงดำ,นครราชสีมา,ข่าววันนี้,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1897273 |
สั่งกลับบ้านห้ามกินที่ร้าน ลูกสาวร้านข้าวต้มนครสวรรค์ ว่าลูกค้าไร้มารยาท | หนุ่มผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์บอกเล่าเรื่องราวขณะไปใช้บริการร้านข้าวต้มเจ้าดังใน จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 61 ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวเล่าว่า สั่งอาหารไป 4 อย่างพร้อมข้าวเปล่า 2 ถ้วย แต่คุณแม่ของผู้โพสต์ได้สั่งข้าวต้มมาด้วย 1 ถุง เพื่อจะทานระหว่างรอ กลับถูกผู้หญิงหน้าตาดีซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเดินมาพูดว่า ,สั่งกลับบ้านเอามากินบนโต๊ะไม่ได้นะคะ สั่งกลับบ้านก็ต้องกินที่บ้าน ห้ามกินในร้าน, คุณแม่ซึ่งเป็นลูกค้าประจำจึงยอมและบอกว่า ,ไม่เป็นไร ไม่กินก็ได้,จากนั้นหญิงคนดังกล่าวหยิบถุงข้าวต้มไปแล้วพูดว่า ,ไม่มีมารยาท, จนมีการโต้เถียงกันเกิดขึ้นและลูกค้ารายนี้ถูกไล่ออกจากร้าน ทั้งนี้ มีลูกค้าอีกรายซึ่งเป็นแม่ค้าลอตเตอรี่เดินมาคุยด้วยพร้อมเล่าว่า เคยเจอเหตุการณ์การดูถูกจากผู้หญิงคนนี้เช่นกัน ตอนนั้นซื้ออาหาร 300 บาท กลับถูกพูดว่า ,กินอะไรเยอะแยะ มีเงินจ่ายเหรอ,ผู้โพสต์ฝากทิ้งท้ายว่า บางทีลูกสาวเจ้าของร้านคนนี้อาจจะป่วย แต่จะให้มาทำร้ายคนด้วยคำพูดเช่นนี้คงไม่ไหว พร้อมกันนี้ ยังมีข้อความจำนวนมากจากผู้เคยใช้บริการหลายคนบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้พบเจอกับตัวเองด้วย.,(,อ่านโพสต์ต้นฉบับ,) | หนุ่มโพสต์ระบาย ไปทานอาหารร้านข้าวต้มดังใน จ.นครสวรรค์ อ้าง ลูกสาวเจ้าของร้านทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ต่อว่าไม่มีมารยาท หลังคุณแม่สั่งข้าวต้มใส่ถุงแล้วแกะทานในร้าน | ข่าว,สังคม | ร้านข้าวต้ม,นครสวรรค์,สั่งอาหารกลับบ้าน,ห้ามกินในร้าน,ข่าวโซเชียล,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/society/1345553 |
แรลลี่ ครบรอบ 7 ปี นิตยสาร ดี คาร์
TOYOTA & D CAR FAMILY RALLY | มาแล้วตามคำเรียกร้องสำหรับแรลลี่ที่จะนำความสุขและสนุกสนานกับเกมการแข่งขันรวมถึงได้ความรู้และอิ่มบุญ ของแจกเพียบตามสไตล์นิตยสาร ดี คาร์
นิตยสาร ดี คาร์ ร่วมกับโตโยต้า และราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอเชิญร่วมการแข่งขันรถยนต์แรลลี่รูปแบบครอบครัว เนื่องในวาระครบรอบ 7 ปี นิตยสาร ดี คาร์ ในรายการ Toyota & D Car Family Rally ตอน ริเริ่ม เรียนรู้ ปฏิวัติสู่ความปลอดภัย 7 ปี ดี คาร์ โตโยต้าร่วมใจ ,สนุกสนานกับแรลลี่ท่องเที่ยวสไตล์ครอบครัว ดีคาร์ + โตโยต้า ด้วยธีมงานวัด ในวันที่ 10 -11 ตุลาคม 2558 บนเส้นทาง กรุงเทพฯ - ชะอำ (The Regent Cha-am Beach Resort) พบกับความสนุกสนานกับเกมการแข่งขันระหว่างเส้นทาง ทดสอบขับโตโยต้ารีโว่ใหม่ โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ใหม่ พร้อมกับเรียนรู้ทักษะในการขับรถแข่งทางเรียบ ระดับแชมป์ประเทศไทย ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ พร้อมทั้งอบรมเรื่องการขับขี่ปลอดภัยบนท้องถนนและกฎจราจรที่ควรรู้โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชมโชว์รถพลังเครื่องเสียงจากโพโอเนียร์ การออกบูธสินค้าต่างๆ ร่วมบริจาคทุนการศึกษา อุปกรณ์กีฬาแก่เด็กนักเรียนที่ขาดแคลน พบกับงานเลี้ยงกลางคืน ในธีมงานวัด สนุกสนานกับรำวงย้อนยุค เกมหน้างานเลี้ยงรับของรางวัล สนุกกับดนตรีและเกมบนเวที พร้อมการจับรางวัลมากมายตามสไตล์นิตยสาร D Car รถแข่งคันไหนไม่ได้รับรางวัลติดมือกลับบ้าน ขอบอกว่า ปีนี้ไปทำบุญซะบ้างนะครับ,รายละเอียดการแข่งขัน
ผู้ดำเนินการแข่งขัน นิตยสาร ดีคาร์,
จำนวนที่รับสมัคร 100 คัน
(เต็มแล้ว),เส้นทาง กรุงเทพฯ - ชะอำ (The Regent Cha-am Beach Resort )
,จุดสตาร์ต โตโยต้าชัวร์ กรุงไทย ถนนศรีนครินทร์
,จุดพักเที่ยง สนามแข่งรถ แก่งกระจานเซอร์กิต (พบกับกิจกรรมมากมาย),
สถานที่พัก โรงแรม The Regent Cha-am Beach Resort
,วันประชุมกติกา วันอังคารที่ 6 ตุลาคม 2558 ณ โรงแรมคิงส์ปาร์ค อเวนิว ซอยศรีนครินทร์ 40 ถนนศรีนครินทร์
กำหนดการแข่งขัน วันที่ 10 - 11 ตุลาคม 2558,
,รางวัลการแข่งขัน
ชนะเลิศ ถ้วยรางวัล เงินสด 5,000 บาท พร้อมของรางวัล
,รองอันดับ 1 ถ้วยรางวัล เงินสด 3,000 บาท พร้อมของรางวัล
,รองอันดับ 2 ถ้วยรางวัล เงินสด 2,000 บาท พร้อมของรางวัล,
อันดับที่ 7 ถ้วยรางวัล พร้อมของรางวัล
,รางวัลพิเศษ ถ้วยรางวัล พร้อมของรางวัล
,รางวัลบู้บี้ ถ้วยรางวัล พร้อมของรางวัล ,
รางวัลขวัญใจ D Car,อัตราค่าสมัคร 4,900 บาท / คัน / 2 คน (รวมที่พักโรงแรม The Regent Cha-am Beach Resort 1 ห้อง อาหาร 4 มื้อ เสื้อ 2 ตัว) ผู้ติดตาม: ผู้ใหญ่/เด็ก อายุเกิน 12 ปี คนละ 2,200 บาท พร้อมเสื้อ 1 ตัว (เตียงเสริมพร้อมอาหารเช้า) คนละ 1,300 บาท พร้อมเสื้อ 1 ตัว (ไม่มีเตียงเสริมและอาหารเช้า) เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี คนละ 1,000 บาท พร้อมเสื้อ 1 ตัว (ไม่มีเตียงเสริมและอาหารเช้า ) เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี ฟรี ,การรับสมัคร : สมัครทางธนาคาร โดยโอนเงินเข้า ชื่อบัญชี นางสาวสุภัคตรา ผ่าผล ธนาคารไทยพาณิชยย์ สาขาเซ็นทรัล รามอินทรา ประเภท ออมทรัพย์ เลขที่ 292-214688-7 แฟ็กซ์ ใบ pay in พร้อมระบุชื่อผู้สมัครมาที่ หมายเลฃ 0-2702-0122 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม บริษัท มีเดีย ดี 2008 จำกัด โทรศัพท์/แฟ็กซ์ หมายเลข 0-2702-0122 / 087-022-2022 / 080-600-4000 ,พิเศษสำหรับผู้สมัครและโอนเงินมาก่อน ได้รับของที่ระลึก ลำดับที่ 1-10 รับ น้ำมันเครื่อง 1 แกลลอน, ลำดับที่ 11-30 รับของสมนาคุณ ,อาคม รวมสุวรรณ,E-Mail ,[email protected],Facebook ,https://www.facebook.com/chang.arcom,
| เต็มตั้งแต่ยังไม่เปิดรับสมัคร แรลลี่ครอบครัวชวนเที่ยว นิตยสาร ดี คาร์ จับมือโตโยต้า ร่วมใจขับปลอดภัยท่องเที่ยวกับครอบครัวแนวแรลลี่หมู่คณะ 10 – 11 ตุลาคม กรุงเทพฯ – ชะอำ
| null | ARCOM ROUMSUWAN,นิตยสารดีคาร์,โตโยต้าแรลลี่,ยานยนต์ไทยรัฐ,อาคม รวมสุวรรณ | https://www.thairath.co.th/content/528687 |
บรูซ หวังซิว ร็อบสัน-คานู เข้ารังเดอะ ไทเกอร์ส | สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 12 ก.ค. ว่า สตีฟ บรูซ ผู้จัดการทีมมากประสบการณ์ของ เดอะ ไทเกอร์ส ฮัลล์ ซิตี้ ทีมน้องใหม่แต่หน้าเก่าของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หวังที่จะเซ็นสัญญากับ ฮัล ร็อบสัน-คานู กองหน้าทีมชาติเวลส์มาเสริมประสิทธิภาพในเกมรุก หลังทีมสามารถเลื่อนชั้นกลับไปสู่ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษได้อีกครั้งในฤดูกาลที่ใกล้จะเริ่มต้นนี้,เดอะ ไทเกอร์ส เอาชนะ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ทำให้คว้าแชมป์เพลย์ออฟ แชมเปียนชิพ โดยได้ประตูโทนจาก โมฮาเหม็ด ดิยาเม ดาวยิงชาวเซเนกัล ที่ปั่นโค้งจากนอกกรอบเขตโทษส่งบอลเข้าประตูเข้าประตูไปอย่างสวยงาม พาทีมเลื่อนชั้นกลับไปสู่พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ,ผมคิดว่าเขา (คานู) นั้นอยู่ในช่วงอายุที่ดี และเขายังสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก ทั้งกองกลาง และกองหน้า เขาเป็นผู้เล่นที่มากความสามารถจริงๆ,เขามีร่างกายที่สูงใหญ่ แข็งแรง และมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก เขารวดเร็ว เคลื่อนที่ได้ดี ผมรู้ว่าเรามีการแข่งขันที่สำคัญรออยู่ ดังนั้นเรามารอดูกันว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้มีอะไรบ้าง,สำหรับ ร็อบสัน-คานู ตกเป็นที่หมายปองของหลายๆ สโมสรในพรีเมียร์ลีก ภายหลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในศึกยูโร 2016 กับทีมชาติเวลส์ | สตีฟ บรูซ กุนซือจอมเก๋าของ เดอะ ไทเกอร์ส ฮัลล์ ซิตี้ น้องใหม่พรีเมียร์ลีก หวังซิว ฮัล ร็อบสัน คานู ดาวยิงมังกรแดง ไปเสริมทัพ หลังทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีอีกครั้ง | null | สตีฟ บรูซ,ฮัล ร็อบสัน-คานู,ฮัลล์ ซิตี้,เดอะ ไทเกอร์ส,พรีเมียร์ลีก,อังกฤษ,มังกรแดง,เวลส์,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/661506 |
อบจ.สกลฯนำร่อง สละเงินเดือน ตั้งกองทุนท้องถิ่นรวมพลังสู้ภัยโควิด | เวลา 16.30 น. วันที่ 9 เมษายน ที่หอประชุม สภา อบจ.สกลนคร นายชัยมงคล ไชยรบ นายก อบจ.สกลนคร เชิญผู้บริหาร อบจ. ผู้บริหารเทศบาล ผู้บริหาร อบต. เข้าหารืออย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ของ จ.สกลนคร ในปัจจุบันขณะนี้มีผู้ติดเชื้อ 1 ราย มีผู้เข้ารับการกักตัว 26518 ราย ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทำให้เกิดแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาสู้กับเชื้อโรคร้ายโควิดโดยเบื้องต้น นายก อบจ. และรองนายก รวมทั้งเลขา ที่ปรึกษา สละเงินเดือนเดือนเมษายน 2563 เพื่อตั้งเป็นกองทุนเริ่มแรก จำนวน 232330 บาท หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ก็จะสละเงินเดือนในเดือนต่อไปอยากเชิญชวนผู้บริหารท้องถิ่นที่มีอยู่ในพื้นที่จำนวน 141 แห่ง ได้เสียสละเงินเดือนของตัวเอง เพื่อนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ในการสู้ภัยโควิด-19 เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ เครื่องวัดไข้ ถังขยะติดเชื้อ รวมทั้งชุดป้องกันเชื้อ เพื่อแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์ หน่วยกู้ภัย เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร อสม. และอื่นๆ รวมทั้งผู้ที่ถูกปิดหมู่บ้าน ผู้ที่ถูกกักตัว 14 วัน เขาเหล่านี้กำลังได้รับความเดือดร้อน เพราะไม่มีรายได้ ดังนั้นพวกเราต้องช่วยดูแลพวกเขานายก อบจ.สกลนคร กล่าวต่อว่า โรคโควิดฯ มีความเป็นมาอย่างไรเราไม่ทราบ แต่ทราบว่าความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว จะทำให้สามารถผ่านโรคนี้ไปได้ เป็นการแสดงพลังของคนท้องถิ่นเป็นแห่งแรกนำร่อง แล้วจะมีองค์กรอื่นทำตาม ซึ่งนายสมาน ศิลาแดง นายกเทศมนตรีตำบลเจริญศิลป์ ประธานสันนิบาต จ.สกลนคร นายวิศรุต แก้วฝ่าย นายก อบต.ขมิ้น ในฐานะนายกสมาคม อบต.จ.สกลนคร และผู้บริหาร อปท.ทั้งหมดยกมือเห็นชอบให้มีการตั้งกองทุนขึ้นมาตั้งแต่วันนี้ ในชื่อ กองทุนท้องถิ่นสกลรวมใจต้านภัยโควิด พร้อมกล่าวว่า หากเรารวมพลังกันได้เช่นนี้ รับรองว่าท้องถิ่นจะก้าวเดินไปข้างหน้าในการพัฒนาจังหวัดต่อไปในอนาคต. | อบจ.สกลนคร เชิญชวน อปท.141 ทั่วประเทศ ตั้งกองทุนท้องถิ่นรวมพลังสู้ภัยโควิด สละเงินเดือนประจำเดือน เม.ย.63 นำร่องประเดิมซื้ออุปกรณ์ หน้ากากอนามัย เจล เครื่องวัดไข้ มอบให้บุคลากรทางการแพทย์ | ข่าว,ทั่วไทย | โควิด-19,COVID-19,ไวรัสโคโรนา,โควิด 19 ในไทย,กองทุนสู้โควิด,สละเงินเดือนอบจ.,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1816614 |
รับเหมาจีนยอมขึ้นศาลไทยถ้ามีคดี เสนอบอร์ดผลหารือด่วนพระราม3 | โดยมีหน่วยงาน ของรัฐบาลจีนร่วมกับบริษัทผู้รับเหมาของไทย สัญญาที่ 1-3 บอร์ด กทพ. มีความกังวลว่าหากมีปัญหาระหว่างการก่อสร้างจะมีปัญหาเรื่องการฟ้องร้องหรือไม่ จึงได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ พร้อมเชิญผู้รับเหมาจีนมาชี้แจงรายละเอียด จากผลการตรวจสอบบริษัทผู้รับเหมาจีนยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาและกฎหมายของไทย ซึ่งคณะอนุกรรมการตรวจสอบฯเตรียมนำเสนอที่ประชุมบอร์ด กทพ. ทราบในการประชุมวันที่ 25 ก.ค.62 ตามขั้นตอนหลังจากได้รับความเห็นชอบจากบอร์ด กทพ.เรียบร้อยแล้ว กทพ.จะประกาศรายชื่อบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 4 สัญญา ภายใน 7 วัน หากไม่มีการยื่นอุทธรณ์คัดค้าน ก็สามารถลงนามสัญญาจ้างได้ทันที และเริ่มก่อสร้างได้เดือน ส.ค.62 ในกรณีมีการอุทธรณ์ จะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 2 เดือน,สำหรับรายชื่อบริษัทผู้รับเหมาที่เสนอราคาต่ำสุดในการประกวดราคาก่อสร้างด้านโยธา สัญญาที่ 1-4 ดังนี้ สัญญาที่ 1 ได้แก่ กิจการร่วมค้า ซีเอ็นเอ (China State-เนาวรัตน์-เอ.เอส แอสโซซิเอท) สัญญาที่ 2 กิจการร่วมค้า CTB (China Harbour-ทิพากร-บุรีรัมย์ธงชัย) สัญญาที่ 3 กิจการร่วมค้าไชน่าเรลเวย์-ซีวิล-บุญชัย ส่วนสัญญาที่ 4 งานก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด. | รายงานข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งว่า ตามที่ กทพ. ได้เปิด ประกวดราคาก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก งานด้านโยธา จำนวน 4 สัญญา | ข่าว,ทั่วไทย | กทพ.,ประกวดราคา,พระราม3,ดาวคะนอง,วงแหวนรอบนอก,ฟ้องร้อง,ทางด่วน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/1620723 |
ผู้เสียหายแจ้ง ปอท.เอาผิดบริษัทหลอกขุดบิตคอยน์ ทำสูญเงินกว่า 52 ล้าน | เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 มีนาคม 2562 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายวุฒิไกร ผิวขาว ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนเงินบิตคอยน์ 7 ราย นำเอกสารหลักฐานวิธีการโฆษณา และวิธีการร่วมลงทุน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.นิติพัฒน์ วุฒิบุณยสิทธิ์ ผกก.(สอบสวน) บก.ปอท. และ ร.ต.อ.คมสัน ทุติยานนท์ รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง หลังผู้เสียหายเกิดความไม่เชื่อมั่นว่าบริษัทดังกล่าวจะมีการหลอกลวงหรือไม่,นายวุฒิไกร กล่าวว่า ผู้เสียหายได้ร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าว หลังพบเห็นโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กมาตั้งแต่ปี 60 และมีที่ตั้งอยู่จริงในย่านรัชดาภิเษก โดยเงื่อนไขการลงทุนมีลักษณะแบบตลอดชีพ ได้ผลตอบแทนร้อยละ 2-30% ต่อวัน แต่เมื่อลงทุนไปแล้วกลับพบว่าได้รับผลตอบแทนไม่สมเหตุสมผล เช่น ลงทุน 30 ล้านบาท แต่ได้กลับมาเพียง 3 หมื่นถึงหลักแสนบาทเท่านั้น ทั้งๆ ที่ควรได้ผลตอบแทนมากกว่านี้ นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวยังอ้างว่า การลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนระยะยาว มีลักษณะเหมือนมรดกมอบให้กับทายาทที่สามารถทำการซื้อขายเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นได้ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และลงทุนจนได้รับความเสียหายรวมมูลค่าแล้วจำนวนทั้งสิ้น 52,434,260 บาท จึงต้องการร้องขอให้พนักงานสอบสวนช่วยตรวจสอบว่า บริษัทดังกล่าวมีการประกอบกิจการตามที่โฆษณา และเป็นไปตามที่โฆษณาหรือไม่ พร้อมประสาน กลต. ตรวจสอบการประกอบกิจการของบริษัทดังกล่าวร่วมด้วย,เบื้องต้น พ.ต.อ.นิติพัฒน์ กล่าวว่า รับเรื่องร้องทุกข์ของผู้เสียหายไว้ลงในบันทึกประจำวันก่อน พร้อมนำพยานหลักฐานที่ผู้เสียหายมารวบรวม และทำการตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายใดที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ก่อนนำรายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อเสนอพิจารณาต่อไป. | กลุ่มผู้เสียหายมอบทนายความแจ้ง ปอท.ดำเนินคดีบริษัท ผู้รับจ้างขุดบิตคอยน์ แล้วถูกหลอกลวงลงทุนสูญเงินกว่า 52 ล้านบาท | ข่าว,ทั่วไทย | ปอท.,หลอกลงทุน,ขุดบิตคอยน์,สูญ 52 ล้าน,บิตคอยน์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1510553 |
เขม่นกันเพราะรักสาว 2 หนุ่มเผชิญหน้า แฟนเก่าต่อยแฟนใหม่คว้ามีดแทงเจ็บ | เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 63 พ.ต.ท.ธนวัฒน์ ใบหมาดปันจอ สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งเกิดเหตุทะเลาะวิวาทและแทงกันได้รับบาดเจ็บที่บ้านแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลาจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุทราบว่า นายพล (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ถูกแทงด้วยมีดทำครัวยาว 4 นิ้ว เข้าที่หน้าท้อง 1 แผล และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศิครินทร์หาดใหญ่ ส่วนคนแทงก็ไม่ได้หลบหนีไป ทราบชื่อ นายวัชรพงศ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี พร้อมอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุทั้งนี้ ตำรวจจึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.หาดใหญ่ เบื้องต้นทราบว่าสาเหตุมาจากปัญหารักสามเส้าระหว่างแฟนเก่ากับแฟนใหม่ที่มาเจอหน้ากันที่บ้านเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของฝ่ายหญิงที่ทำงานเป็นโคโยตี้นายวัชรพงศ์ ซึ่งเป็นแฟนใหม่ เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถจักรยานยนต์มากับแฟนสาว ขณะมาจอดหน้าบ้านแฟนสาว นายพล แฟนเก่าที่เลิกรากันไปได้เดือนกว่าได้ขับรถจักรยานยนต์ตามหลังมา และบอกว่าจะเข้าไปเอาตู้ลำโพงภายในบ้านคืน ซึ่งตอนนั้นก็เกือบจะมีเรื่องกันขึ้นต่อมา ตนได้เข้าไปตามนายพลให้ออกมา และเกิดการมองหน้ากันขึ้น นายพลจึงชกหน้าตน ตนจึงสวนกลับและถูกนายพลตีด้วยลำโพง ตนจึงไปหยิบในกล่องเครื่องมือช่างมาแทงมั่วๆ ไป และถูกที่ท้อง ทำให้นายพลล้มลง ซึ่งขณะนั้นตนก็ยังช่วยห้ามเลือดนายพล และแจ้งรถพยาบาลให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่ากับนายวัชรพงศ์เอาไว้ก่อน และจะสอบสวนในรายละเอียดว่าเข้าข่ายความผิดเพิ่มเติมข้อหาใดอีกหรือไม่. | เขม่นกันเพราะรักสาวโคโยตี้ 2 หนุ่มเมืองหาดใหญ่ เผชิญหน้า หลังแฟนเก่าไปเอาลำโพงที่บ้านผู้หญิง แถมมองหน้าหาเรื่องผู้ชายคนใหม่ เปิดศึกต่อยตะลุมบอน แฟนใหม่คว้ามีดแทงเจ็บ | ข่าว,สังคม | หึงหวง,รักสามเส้า,แทงแฟนเก่า,สงขลา,หึงแฟนสาว,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/society/1759773 |
เกร็ดข่าวลูกหนัง 11/04/59 | บาร์เซโลนา พลาดท่าแพ้ในลีกเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน หลังบุกไปโดน เรอัล โซเซียดัด เชือดพ่าย 0-1 ส่งผลให้ บาร์ซา แม้จะนำจ่าฝูงต่อ แต่ก็โดน ตราหมี แอตฯมาดริด ที่บุกไปชนะเอสปันญอล 3-1 บีบช่องว่างไล่จี้เหลือแค่ 3 แต้มแล้ว ในการแข่งขันฟุตบอลลาลีกา สเปน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา,เกมที่สนามอาโนเอตา สเตเดียม ระหว่าง เรอัล โซเซียดัด เปิดบ้านรับการมาเยือนของ บาร์เซโลนา แชมป์เก่าและทีมนำจ่าฝูง,เปิดฉากเริ่มครึ่งแรกมาได้เพียง 5 นาที,โซเซียดัดได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 อย่างรวดเร็วตั้งแต่ไก่โห่ จากจังหวะที่ ชาบี ปรีเอโต เปิดบอลจากด้านขวาเข้าไปในเขตโทษให้ มิเกล โอยาร์ซาบาล กองหน้าดาวรุ่ง โหม่งผ่านมือ เคลาดิโอ บราโว นายทวารบาร์ซา ย้อยเสียบใต้คานเข้าประตูไป จากนั้นบาร์ซามีลุ้นตีเสมอในนาทีที่ 33 เมื่อเนย์มาร์ เปิดให้ อาร์ดา ตูราน ซัดด้วยขวาในเขตโทษ แต่ไปติดเซฟ เคเรนิโม รูยี นายทวาร,โซเซียดัด ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้,ส่วนครึ่งหลัง บาร์เซโลนาเป็นฝ่ายครองเกมบุกหนัก และเกือบได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 62 จากจังหวะที่ เนย์มาร์ ปั่นฟรีคิกนอกเขตโทษ แต่บอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย จากนั้นช่วงเวลาที่เหลือ บาร์ซายังบุกต่อเนื่อง แต่จนแล้วจนรอดก็ทำประตูตีเสมอไม่ได้ จบเกม โซเซียดัด เปิดบ้านเฉือนชนะ บาร์เซโลนา 1-0 ส่งผลให้ บาร์ซา แพ้ในเกมลีกเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน แต่ยังคงนำเป็นจ่าฝูง มี 76 คะแนนเท่าเดิม นำอันดับ 2 แอตฯมาดริด อยู่แค่ 3 แต้มเท่านั้น และนำที่ 3 เรอัล มาดริด เพียง 4 คะแนน โดยยังเหลือเกมให้เล่นอีกเพียงแค่ 6 นัดเท่านั้น,ด้าน ตราหมี แอตฯมาดริด รองจ่าฝูง เก็บสามคะแนนเต็ม หลังบุกไปแซงชนะ เอสปัน-ญอล ถึงถิ่น 3-1 โดยเกมนี้ เจ้าถิ่นเอสปันญอลนำก่อน 1-0 จากการยิงของ ปาปา ดิยอป ในนาทีที่ 29 แต่หลังจากนั้น ตราหมี มายิง 3 ประตูรวด จากการเรียงหน้าซัลโวของ เฟอร์นันโด ตอร์เรส นาที 35 ต่อด้วย อังตวน กรีซมันน์ นาที 53 และปิดท้ายด้วย โกเก้ นาที 89 ส่งผลให้ แอตฯมาดริด มีเพิ่มเป็น 73 คะแนน ไล่จี้จ่าฝูงบาร์เซโลนาเหลือแค่ 3 แต้มแล้ว,ขณะที่ ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด เปิดบ้านไล่ถล่ม เออิบาร์ ไปแบบขาดลอยสบายเกือก 4-0 โดยได้ประตูจาก ฮาเมส โรดริเกซ นาทีที่ 5, ลูคัส บาสเกซ นาที 18, คริสเตียโน โรนัลโด นาที 19 และเคเซ น.39 ซึ่งชัยชนะนัดนี้ ทำให้ เรอัล มาดริด มีเพิ่มเป็น 72 คะแนน จาก 32 นัด รั้งอันดับ 3 พร้อมลดช่วงห่างจากจ่าฝูงบาร์เซโลนาเหลือเพียง 4 คะแนน แถมยังไล่จี้ แอตฯมาดริด รองจ่าฝูง เหลือแค่แต้มเดียวเท่านั้น ส่วนผลอีกคู่ เรอัล เบติส ชนะ เลบันเต 1-0.,ป็อกบาฮีโร่ ยูเว่บุกดับมิลานหนี 9 แต้ม,ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส สวมฮีโร่ซัดประตูชัยช่วยให้ ม้าลาย ยูเวนตุส บุกไปแซงคว้าชัยเหนือ ปิศาจแดงดำ เอซี มิลาน 2-1 เก็บสามคะแนนสำคัญ นำโด่งเป็นจ่าฝูง ทะยานหนีห่างอันดับ 2 นาโปลี ไปไกลเป็น 9 คะแนนแล้ว ในศึกฟุตบอลกัลโชซีรีเอ อิตาลี เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา,เกมบิ๊กแมตช์ชนช้างที่สนามซาน ซิโร ระหว่าง ปิศาจแดงดำ เอซี มิลาน เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ม้าลาย ยูเวนตุส แชมป์เก่าและทีมจ่าฝูง,เริ่มครึ่งแรกมาได้ 18 นาที เป็น ปิศาจแดงดำ เอซี มิลาน ที่ได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ มาริโอ บาโลเตลลี เปิดลูกเตะมุมเข้ามา,กลางประตูให้ อเล็กซ์ กองหลังทีมชาติบราซิล โหม่งผ่านมือ จิอันลุยจิ บุฟฟอน ตุงตาข่าย อย่างไรก็ตาม ถึงนาที 27 ม้าลาย ก็ได้ประตูไล่ตีเสมอ 1-1 เมื่อ อัลแบร์โต โมราตา จ่ายทะลุช่องเข้าเขตโทษให้มาริโอ มานด์คูซิช จัดการยิงด้วยขวาเข้าประตูไป ก่อนจะหมดครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้,เข้าสู่ครึ่งหลัง ล่วงเลยมาถึงนาที 65 ยูเว่มาได้ประตูแซงนำ 2-1 จากจังหวะที่ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ เปิดลูกเตะมุมไปที่เสาไกล และเป็น ปอล ป็อกบา พักอกเอาบอลลงแล้วยิงด้วยขวา บอลตกลงพื้นผ่านมือ ดอนนารุมมา ตุงตาข่าย จบเกม ยูเวนตุส บุกมาแซงชนะ เอซี มิลาน ถึงถิ่น 2-1 เก็บสามแต้มนำจ่าฝูงต่อไป มี 76 คะแนน พร้อมฉีกหนีอันดับ 2 นาโปลี ออกไปเป็น 9 คะแนนแล้ว แต่ยูเว่แข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด.,เอเชียนแฮนดิแคป 11 เมษายน,ลา ลีกา,01.30 น. คอรุนญา-ลาส พัลมาส 0 : 0/0.5,กัลโชซีรีเอ,01.45 น. โรมา-โบโลญญา 0 : 1.5 | บาร์ซาบุกแพ้โซเซียดัด 0-1 ถูกหมีจี้ 3 แต้ม | null | เกร็ดข่าวลูกหนัง,บาร์เซโลนา,ชาบี ปรีเอโต,เรอัล โซเซียดัด,คอลัมน์,คอลัมน์ฉบับพิมพ์,คอลัมน์ไทยรัฐ,หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ,ไทยรัฐ | https://www.thairath.co.th/content/604185 |
ภราดร ยันผลเลือกตั้งมาเลเซียไม่กระทบพูดคุยสันติภาพ | พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยว่า หน่วยงานความมั่นคงกำลังสืบสวนสอบสวน เหตุการณ์วางเพลิงสถานที่ราชการ และเผายางในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด และต้องการส่งสัญญาณใดๆ ถึงภาครัฐหรือไม่ เนื่องจากตั้งแต่มีการพูดคุยเพื่อสันติภาพกับบีอาร์เอ็น ก็มีปัจจัยอื่นๆ แทรกซ้อนเข้ามาระหว่างการพูดคุย รวมถึงการแสดงท่าทีของกลุ่มก่อการอื่นๆเลขาฯ สมช.ยังคงย้ำว่าการพูดคุยต้องเดินหน้าต่อไป โดยได้นำข้อเสนอแนะทางวิชาการมาเป็นกรอบในการพูดคุยด้วย ขณะเดียวกันทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และสถาบันพระปกเกล้าก็กำลังรวบรวมความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ เชื่อว่าจะได้ข้อมูลไปประกอบการเจรจารอบต่อไปในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งของประเทศมาเลเซียจะไม่กระทบต่อพูดคุย เพราะทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้านของมาเลเซียไม่คัดค้านการดำเนินการในครั้งนี้ส่วนการยกระดับการชุมนุมของกลุ่มนปช.หน้าศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ฝ่ายความมั่นคงยังคงเป็นห่วงการสร้างสถานการณ์โดยเฉพาะมือที่ 3 แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีการข่าวใดๆ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะติดตามสถานการณ์ และดูแลการชุมนุมอย่างใกล้ชิดไม่ให้เกิดเหตุการณ์ม็อบชนม็อบ โดยได้ประสานกับกลุ่มแกนนำแล้ว เชื่อว่าสถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง | เลขาฯ สมช.เผยเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุวางเพลิงสถานที่ราชการและเผายางในจังหวัดปัตตานี ยืนยันผลการเลือกตั้งมาเลเซียไม่กระทบการพูดคุยสันติภาพ | การเมือง | พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร,วางเพลิง,สถานที่ราชการ,สภาความมั่นคงแห่งชาติ,สมช.,เผายาง | https://news.thaipbs.or.th/content/167589 |
พ่อลัลลาเบล นำหลักฐานมอบให้ตำรวจ | วันนี้ (23 ก.ย.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สน.บุคคโล นายชวลิต นรพันธ์พิพัฒน์ พ่อของ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ (ลัลลาเบล) นำบาร์ปีกนก จำนวน 2 ชิ้น ซึ่งเป็นของใช้ส่วนตัวของ น.ส.ธิติมา มามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับหลักฐานที่พบเจอในร่างกายของ น.ส.ธิติมาพ่อของ น.ส.ธิติมา กล่าวว่า บาร์ชิ้นนี้ไม่ใช่ของที่ น.ส.ธิติมา ใส่ในวันเกิดเหตุ แต่ตำรวจให้นำมามอบให้เพื่อเปรียบเทียบกับของที่เจอในร่างกายในวันเกิดเหตุส่วนผลการตรวจชันสูตรศพขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับจากแพทย์ แต่ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสืบสวนหาผู้ก่อเหตุ มั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ขณะนี้ยังเร่งสืบสวนอย่างเต็มที่ แม้ว่าคดีจะผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ แต่ก็ต้องรอผลตรวจพิสูจน์ต่างๆ ก่อน และตำรวจก็จะมีคำตอบให้กับครอบครัวขณะที่ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ นายรัชพล วงศ์ทะบุตร (น้ำอุ่น) ยังไม่ได้เข้ามาพูดคุยกับครอบครัว แต่หากได้พบหน้าก็อยากจะบอกกับนายรัชเดชว่าให้พูดความจริงกับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งเจ้าของบ้านที่จัดงานก็ยังไม่มาร่วมงานศพ และเห็นว่าหากพบเห็นว่าน.ส.ธิติมา มีอาการเมาจนไม่รู้สึกตัวขนาดนี้ควรแจ้งให้ครอบครัวรับทราบ หรือไม่ควรปล่อยให้ไปกับคนที่ไม่รู้จัด ส่วนศพของ น.ส.ธิติมา จะเก็บไว้จนกว่าคดีจะมีความชัดเจน จากนั้นก็จะมีการทำพิธีฌาปนกิจสำหรับภาพน.ส.ธิติมาที่สื่อมวลชนนำเสนอ นายชวลิต ในฐานะพ่อของผู้เสียชีวิต เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครอบครัวก็รู้สึกกระทบจิตใจมากพอแล้ว เพราะ น.ส.ธิติมา ถือว่าเป็นกำลังหลักของครอบครัว แต่หากการนำเสนอภาพซ้ำๆ ก็ควรเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ควรจะพิจารณากันเองว่าควรทำได้มากน้อยแค่ไหน | พ่อลัลลาเบลนำบราปีกนกจากที่บ้านมอบให้ตำรวจ เปรียบเทียบกับวัตถุพยานอื่น เผยยังไม่ทราบผลชันสูตร เชื่อมั่นเจ้าหน้าที่คลี่คลายคดีได้ | อาชญากรรม | ลาลาเบล,น้ำอุ่น,ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์,ผลชันสูตร,หลักฐาน | https://news.thaipbs.or.th/content/284464 |
เจ๋งเว่อร์ ทูตไทยเวลลิงตัน จ่อนำ รถตุ๊กตุ๊ก ใช้งาน นิวซีแลนด์ | เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 59 เวลาประมาณ 16.30 น. นางฐิตาภา ทรงเผ่า ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้รายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ ได้เชิญนาย Jeremy Marr ผู้ก่อตั้งบริษัท Tuk Tuk Cartel มาหารือเพื่อหาทางร่วมมือในการประชาสัมพันธ์การใช้รถตุ๊กตุ๊กของไทย สำหรับการประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวของ บริษัทฯ ในเขตกรุงเวลลิงตัน นาย Jeremy Marr และนาย Glen Varcoe ได้ก่อตั้งบริษัท Tuk Tuk Cartel ขึ้นเพื่อทำธุรกิจบริการนำเที่ยวตามสถานที่สำคัญๆ จำนวน 8 แห่งในกรุงเวลลิงตันโดยใช้รถตุ๊กตุ๊กเป็นพาหนะ,เนื่องจากรถตุ๊กตุ๊กเป็นรถที่สะดวกที่จะหยุดให้นักท่องเที่ยว ขึ้น-ลง มากที่สุด อีกทั้งตุ๊กตุ๊ก จำนวน 4 คันของบริษัทฯ ผลิตในประเทศไทยทั้งหมด ใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้ามีราคารวมค่าขนส่งประมาณคันละ 32,000.00 เหรียญนิวซีแลนด์ หากรถตุ๊กตุ๊กของไทย ที่ถูกนำมาใช้ในการประกอบธุรกิจได้รับความนิยมมากขึ้น ก็จะมีผลดีในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ประเทศไทยไปด้วย,อย่างไรก็ตาม ทางสถานทูตไทยประจำกรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ จะร่วมมือกับบริษัท Tuk Tuk Cartel ในการส่งเสริมการใช้รถตุ๊กตุ๊กเป็นพาหนะในการท่องเที่ยว และจะใช้เป็นสัญลักษณ์ของการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในนิวซีแลนด์ทุกๆ ด้านรวมทั้งการท่องเที่ยวต่อไป. | เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ เชิญผู้ก่อตั้งบริษัท Tuk Tuk Cartel หารือร่วมมือประชาสัมพันธ์ใช้รถตุ๊กตุ๊กไทย ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้ตุ๊กตุ๊กเป็นพาหนะ ในเขตกรุงเวลลิงตัน เนื่องเป็นรถที่ขึ้น-ลงสะดวก | null | ตุ๊กตุ๊ก,รถตุ๊กตุ๊ก,รถตุ๊กตุ๊กโกอินเตอร์,ประชาสัมพันธ์ใช้รถตุ๊กตุ๊กไทย,ใช้ตุ๊กตุ๊กเป็นภาหนะ,เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเวลลิงตัน,นิวซีแลนด์,ข่าว,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวต่างประเทศ | https://www.thairath.co.th/content/589549 |
นิก คุณาธิป ตามง้อขอ แตงโม คืนดี เป็นซึมเศร้าเลยทำให้อารมณ์ไม่ปกติ | หลังจากที่ นิก คุณธิป ได้ออกมาเผยความสัมพันธ์กับแฟนสาวรุ่นพี่ แตงโม นิดา ว่าได้เลิกราแล้ว พร้อมกับโพสต์ข้อความว่า คนโสด 2020 ซึ่งทางฝั่งของ แตงโม เองก็ได้โพสต์ว่า สุขสันต์วันเลิกรา รักกันแต่ไปกันไม่ได้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเปลี่ยนสถานะมาใช้คำว่า แฟน ได้เพียงแค่ 3 เดือนและจากที่ นิก ได้ออกมาโพสต์ถึงประเด็นนี้ หลายคนที่ติดตามก็ได้เข้ามาให้กำลังใจ บอกว่าอยากให้ นิกกับแตงโมกลับมาเหมือนเดิม ให้กำลังใจทั้งคู่ แต่ยังมีกระแสจากชาวเน็ตอีกด้านที่วิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ โดยมองว่า เป็นการสร้างกระแสรึเปล่า ซึ่ง นิก เองก็ได้โพสต์ร่ายยาว บอกว่า จะยังไงก็แล้วแต่ ไม่ควรดูถูกความรักของคนอื่นจะยังไง ก็ไม่ควรมาดูถูกความรักคนอื่น พวกคุณไม่รู้หรอกว่าพวกเราผ่านอะไรกันมามากขนาดไหน โมกับผม ไม่มีใครอยากเลิกหรอก เลิกกันทั้งที่ยังรักกันมาก เสียใจ อยู่เเล้วเเหละ ขออย่ามาสรุปสนุกปากดูถูกความรัก บ้างก็ว่าอ่ออยากได้งานเลยเลิก นู้นี้นั้นบอกไว้ตรงนี้นะครับ เรื่องคดียังคงเหมือนเดิมผมยืนยันว่าผมบริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวกันเรื่องนี้ทั้งสิ้น ผมจะสู้ให้ถึงที่สุดเพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิด คนผิดรู้ตัวเเก่ใจ ผมรักผู้หญิงคนนี้สุดใจเเละผมเชื่อว่าโมก็รักผมไม่เเพ้กัน คิดถึง @melonp.officialจากนั้นไม่นาน นิก ก็ได้โพสต์อินสตาแกรมอีกครั้ง พร้อมกับยอมรับว่า ตนเองนั้นมีภาวะซึมเศร้า ด้วยปัญหาที่ถาโถมเข้ามา และขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารัก พร้อมกันนี้ นิก ได้ง้อขอ แตงโม คืนนี้ สัญญาจะทำให้ดีที่สุด จะจูงมือกันต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งตัว แตงโม เอง ก็ได้เข้ามาคอมเมนต์คำว่า รัก พร้อมอิโมจิรูปหัวใจให้กับ นิก คุณาธิปจริงๆ เราสองคนผ่านอะไรด้วยกันมามากช่วยเหลือกันมาตลอด โมเป็นคนพาผมไปเรียนหนังสือด้วยกัน แนะนำเเต่สิ่งดีๆ ให้ความรักความเอาใจใส่ ครอบครัวเรารักกัน หลายคนคิดว่าเราไม่เหมาะกัน แต่มีแต่ใจเรา2คนที่รู้ว่าเราเหมาะกันแค่ไหนยอมรับเลยว่าช่วงหลังๆ ผมป่วยเป็นซึมเศร้า หนักมากๆ อารมณ์เเละทุกอย่างมันไม่ปกติกว่าที่เคย ด้วยปัญหาของทั้งคู่ มันถาโถมเข้ามาจนเราต่างเครียดไม่มีเวลาให้กัน มีความน้อยอกน้อยใจกันเเล้วไม่ได้พูด ขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารักบ่อยๆเเต่นี่อะเป็นคนน่ารักนะปกติ ดีกันนะขอโทษเราจะจูงมือกันต่อไปได้มั้ย จะทำให้ดีที่สุด รักษาโรคบ้านี่ให้หายละไปช่วยคนไปช่วยสังคมกันเถอะ รัก รักแหละดูออก. | นิก คุณาธิป เผยเป็นโรคซึมเศร้า ตามง้อขอโอกาส แตงโม นิดา อีกครั้ง หลังออกมาเผยเลิกกันเมื่อเช้านี้ สัญญาจะทำให้ดีที่สุด ด้าน แตงโม บอกสั้นๆ ว่า รัก | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | แตงโม นิก แฟน,แตงโม นิดา,นิก คุณาธิป,นิก แตงโม ง้อ,นิก แตงโม เลิก,ข่าวบันเทิง,ดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1800633 |
มาดูกับมาดาม: Oscars 2017 Preview | สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่รัก มาดามขออนุญาตต้อนรับตรุษจีนและเดือนแห่งความรักด้วยเทศกาลสำคัญของวงการภาพยนตร์ ใช่แล้วค่ะงานประกาศผลรางวัลออสการ์ประจำปี 2017 กำลังจะมาถึงแล้ว,ก่อนจะถึงวันประกาศรางวัล (26 กุมภาพันธ์ 2017) มาดามเลยจะมาอัพเดตสักนิดถึงภาพยนตร์ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขาต่างๆ แต่จะขอเน้นแค่สาขาใหญ่ๆ และเป็นที่สนใจมากเท่านั้นนะคะ ไม่งั้นคงต้องอ่านกันตาแฉะแน่ๆ,เพื่อไม่ให้เสียเวลา เริ่มกันด้วยสาขาใหญ่ที่สุด , , Best Picture, ,ปีนี้มีเข้าชิงหลายเรื่องทีเดียวค่ะ ได้แก่ ,และ,นับเป็นรายชื่อที่น่าสนใจทีเดียว โดยเฉพาะ , ที่ถือเป็นตัวเต็งของปีนี้ หลังจากกวาดไปแล้ว 7 รางวัลรวดบนเวทีลูกโลกทองคำ ใครที่ชอบแนวมิวสิคัลต้องไม่พลาดนะคะ ทุกองค์ประกอบแน่นเปรี๊ยะ คมชัดจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหนังที่สร้างโดยผู้กำกับรุ่นใหม่ , แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ค่ะ งานประกาศรางวัลมักมีเซอร์ไพรส์แทบทุกปี และปีนี้คู่แข่งก็น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ,เริ่มด้วย ,Arrival, หนังเอเลี่ยนที่ไม่ได้พูดถึงเอเลี่ยนในแง่ร้าย แต่อยากสื่อสารด้วยมากกว่า ตามด้วย , ,หนังที่สร้างจากเรื่องจริงของเด็กชายชาวอินเดีย, ที่พลัดหลงจากบ้านเกิดนานถึง 25 ปี และเขาพยายามจะหาทางกลับด้วย Google Earth , เรื่องของชายหนุ่มผิวสีที่เกิดและเติบโตในย่านที่เต็มไปด้วยอันธพาลและยาเสพติด สถานะยากจนและมีแม่ขี้เมาของเขาทำให้ชีวิตลำบาก แถมเขายังสับสนไม่รู้ว่าตัวเองมีรสนิยมทางเพศแบบไหนกันแน่,ยังไม่หมดแค่นั้น ยังมีหนังถูกเสนอชื่อเข้าชิงอีก ไม่ว่าจะเป็น , เรื่องราวดราม่าของชายหนุ่ม , ที่หัวใจสลายเพราะสูญเสียครอบครัว แต่กลับต้องรับมรดกชิ้นสำคัญจากพี่ชาย คือหลานชายคนเดียว , เมื่อคนหัวใจสลายสองคนมาเจอกัน อะไรจะเกิดขึ้น ขอบอกว่าเรื่องนี้บทดีมาก แทบไม่รู้สึกว่าสองอาหลานรันทดกดดันกับชีวิตแค่ไหน ใครที่ชอบแนวดราม่าชีวิต ต้องไม่พลาดค่ะ,ปิดท้ายรายชื่อด้วยภาพยนตร์เข้าชิงอีก 4 เรื่อง ได้แก่ , เรื่องนี้เข้าฉายเมืองไทยตั้งแต่กลางปีที่แล้วค่ะ น่าจะหาดูได้ไม่ยาก ส่วนที่ยังไม่เข้า ได้แก่ , ผลงานกำกับล่าสุดของ, เรื่องราวของทหารหนุ่มที่ไม่ยอมจับปืนเพราะความเชื่อทางศาสนา , ,ภาพยนตร์มาแรงที่คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม , จากเวที SAG มาแล้ว และเรื่องสุดท้าย , ,เรื่องราวของหญิงสาวผิวสีสามคนที่เป็นฟันเฟืองหลักในการคำนวณครั้งสำคัญขององค์การนาซา,นอกจากรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแล้ว สาขารางวัลที่น่าสนใจและน่าลุ้นไม่แพ้กันก็คือ นักแสดงนำและสมทบ ทั้งชายและหญิง โดยในปีนี้ ก็มีรายชื่อดังต่อไปนี้ค่ะ,สาขานักแสดงนำชาย, ,จาก, จาก,จาก,จาก, จาก,สาขานักแสดงนำหญิง,จาก,จาก,จาก,จาก, จาก,สาขานักแสดงสมทบชาย,จาก, จาก, จาก,จาก,จาก,สาขานักแสดงสมทบหญิง,จาก,จาก,จาก, จาก,จาก,ปิดท้ายคอลัมน์สัปดาห์นี้ด้วยรายชื่อภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง สำหรับคอแอนิเมชั่นดูแล้วไม่ต้องเครียดทั้งหลาย ปีนี้รายชื่อก็ไม่ผิดคาดค่ะ เริ่มด้วย , ,ตำนานหมู่เกาะฮาวายจากค่ายดิสนีย์ , แอนิเมชั่นดินแดนในอุดมคติของเหล่าสัตว์จากค่ายเดียวกัน , เรื่องราวมหัศจรรย์ของชายหนุ่มติดเกาะและเต่าแดงที่บังเอิญกลายเป็นคน ขอบอกว่าเรื่องนี้ภาพสวยมาก หนังไม่มีบทพูดเลย แต่ก็มีเรื่องมีราวชวนตีความได้อย่างลึกซึ้ง , เรื่องราวของเด็กชายผู้ตามหาชุดเกราะของพ่อเพื่อสู้กับศัตรูและความกลัวในตำนาน และเรื่องสุดท้าย, ,แอนิเมชั่นต่างประเทศ (ฝรั่งเศส) เรื่องเดียวที่เข้าชิงในสาขานี้ค่ะ,รักใครชอบใครก็ตามไปชม รับรองว่าไม่ผิดหวัง แต่จะดูอีกรอบได้หรือเปล่านั้นเป็นอีกเรื่อง เพราะส่วนมากภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลมักมีเนื้อหาหนักหน่วง วิธีการนำเสนอเข้มข้น จนบางทีก็หนักเกินกว่าจะดูได้เกินหนึ่งรอบ,มาดามมีรายชื่อที่เชียร์ในใจแล้ว คุณๆ ล่ะคะมีหรือยัง?,จนกว่าจะพบกันใหม่,มาดามอองทัวร์ | เทศกาลสำคัญสำหรับวงการภาพยนตร์มาถึงแล้ว เรื่องไหนได้เข้าชิงบ้าง มาตามดูกัน | null | Oscars 2017,รางวัลออสการ์ 2017,มาดูกับมาดาม,มาดามอองทัวร์,#Oscars2017 | https://www.thairath.co.th/content/849816 |
อิ้งค์ วรันธร เผยผลตรวจเนื้องอกที่มดลูก เตือนอย่าชะล่าใจหมั่นตรวจสุขภาพ | เมื่อช่วงเดือน ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา นักร้องสาว อิ้งค์ วรันธร เปานิล ได้มีอาการปวดท้องเฉียบพลัน ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่า มีอาการเนื้องอกในมดลูก ทำให้ อิ้งค์ ต้องหยุดงานกะทันหัน เพื่อเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกที่มดลูกล่าสุด อิ้งค์ วรันธร ก็ได้อัปเดตหลังการผ่าตัด โดยบอกว่า ตอนนี้หายดี 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว หลังเข้ารับการผ่าตัดไปเมื่อช่วงเดือน ต.ค. พักฟื้นจนหายดี และหมอคอนเฟิร์มว่า สามารถกลับมาออกกำลังกายได้ตามปกติแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนเนื้องอกที่ตัดออกมา ไม่ใช่เนื้อร้าย ส่วนสาเหตุที่เข้ารับการผ่าตัดนั้น เพราะมีอาการปวดท้อง ปวดแบบไม่มีสาเหตุมาได้พักหนึ่งแล้ว สุดท้ายก็พบเนื้องอกในมดลูกขนาดประมาณ 7 ซม. แต่พอผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย มีขนาดใหญ่ถึง 10 ซม. หมอบอกว่า ดีแล้วที่รีบเอาออก เนื่องจากเป็นเนื้องอกที่อยู่บริเวณผนังมดลูก ทำให้ปวดท้องได้ง่ายหากขยับตัวเยอะอิ้งค์ วรันธร ยังบอกอีกว่า ที่ตัดสินใจผ่าตัดไม่ได้คิดนานเลย เพราะตอนที่เห็นก้อนเนื้อมันใหญ่ 7 ซม. แล้ว ถามกว่ากลัวมั้ย นักร้องสาวบอกว่า ยังไงก็ต้องกลัวอยู่แล้ว เพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต ไม่ใช่การผ่าตัดแบบส่องกล้อง ช่วงก่อนเข้าห้องผ่าตัดทั้งเครียด ทั้งเหงา แต่ระหว่างการผ่าตัดคุณหมอได้วางยาสลบ เลยไม่รู้สึกอะไรเลยและ อิ้งค์ ยังได้ฝากว่า เมื่อก่อนนั้นตนเคยมองว่า การตรวจสุขภาพประจำปีไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่เดี๋ยวนี้มองเห็นความสำคัญมากขึ้น และจะต้องหันมาดูแลสุขภาพให้มากกว่าแต่ก่อน. | อิ้งค์ วรันธร อัปเดตหลังผ่าตัดเนื้องอกในมดลูก ตอนนี้หายเป็นปกติ 100% แล้ว เมื่อก่อนเคยคิดว่าการตรวจสุขภาพไม่ใช่เรื่องจำเป็น มาวันนี้เห็นความสำคัญมากขึ้น โชคดีที่รู้ตัวเร็ว | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | อิ้งค์ วรันธร,อิ้งค์ วรันธร นักร้อง,เนื้องอกในมดลูก,ดาราป่วย,ผ่าตัดเนื้องอก,ข่าวบันเทิง,นักร้อง | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1770530 |
สัมภาษณ์พิเศษผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตอนที่ 3 | คุณชัยรัตน์ ถมยา บรรณาธิการต่างประเทศไทยรัฐทีวีได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ,นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ดูแลด้านกิจการตะวันออกและแปซิฟิก ,ซึ่งถือเป็นมือขวาของรัฐมนตรี จอห์น แคร์รี ที่ดูแลในภูมิภาคนี้ ที่กรุงวอชิงตันดีซี โดยได้ให้ทัศนะถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยสหรัฐฯ รายงานเรื่องการค้ามนุษย์ อนาคตของไทยในการเป็นสมาชิกข้อตกลงทางการค้าทีพีพี และที่สำคัญคือคุณสมบัติของ นายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนใหม่,คุณจะให้คำจำกัดความในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับไทยตอนนี้ว่าอย่างไรครับ,ผมอยากให้คำจำกัดความของเราว่า อยู่ในฐานะเพื่อน พันธมิตร และหุ้นส่วน คนอเมริกันมีความผูกพันที่ลึกซึ้งกับไทย เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับคนไทย กับความเป็นหุ้นส่วน การมีประวัติศาสตร์และความเชื่อร่วมกัน ถ้าพูดกันตรงๆ เรารู้สึกเสียใจที่เห็นประเทศไทยต้องเผชิญปัญหาภายใน ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ความแตกแยกเป็นกลุ่ม การจำกัดสิทธิเสรีภาพของภาคประชาสังคม ความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ไทยต้องเผชิญ การเมืองของไทยที่เข้าไปแทรกแซงบทบาทที่สำคัญของไทยบนเวทีโลก เหล่านี้คือปัญหา แต่เราหวังว่าเพื่อนคนไทยของเราจะเข้าใจว่าเราต้องการให้ไทยประสบความสำเร็จ เราให้ความสำคัญอย่างมากกับความมั่นคงในระยะยาว ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในระยะยาว และเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานในฐานะหุ้นส่วนกับไทยในหลายๆ ด้าน เช่น การบังคับใช้กฎหมาย สิ่งแวดล้อม ต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ป่า ต่อต้านการค้ามนุษย์ ส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความสัมพันธ์ระดับประชาชน แลกเปลี่ยนนักวิชาการ ความปลอดภัยทางทะเล เรามีหลายเรื่องที่ต้องทำด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมและรัฐมนตรีแคร์รี รวมทั้งรัฐบาลประธานาธิบดีโอบามาให้ความสำคัญลำดับแรกๆ และต้องการทำให้สำเร็จในการเป็นหุ้นส่วนกัน,รัฐประหารผ่านไปแล้ว 1 ปี ท่านคิดว่าตอนนี้ไทยอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องที่จะกลับคืนสู่ประชาธิปไตยหรือไม่ครับ,การตัดสินนี้น่าจะเป็นเรื่องของคนไทย เครื่องมือที่จะสะท้อนความเชื่อมั่น และความพึงพอใจก็คือการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม ผมได้เห็นความพยายามที่ดีของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แต่ยังมีการชะงักถอยหลังบ้าง และเห็นได้ชัดว่ายังต้องใช้เวลา มันไม่ได้เป็นแค่เรื่องเวลาบนปฏิทิน แต่ในฐานะเพื่อน เราหวังที่จะเห็นการกลับสู่รัฐบาลพลเรือนตามประชาธิปไตยโดยเร็ว เราต้องการให้คนไทยมีศรัทธาในสถาบันของตัวเอง ซึ่งสำคัญต่อความมั่นคงและการเติบโตของประเทศ ยิ่งการร่างรัฐธรรมนูญไปจนถึงการทำประชามติ และการเลือกตั้งที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและประชาคมโลก ใช้เวลานานเท่าไรก็ยิ่งมีความตึงเครียด และความเสี่ยงต่ออนาคตของไทยมากขึ้นเท่านั้น,เราอาจต้องรอเวลาอย่างน้อยอีก 2 ปี หรือมากกว่านั้นตามที่รัฐบาลบอก ท่านคิดว่ากรอบเวลานี้เป็นสิ่งที่รับได้หรือไม่,ผมว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรถาม อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า ในท้ายที่สุดมันไม่ใช่เรื่องว่าสหรัฐฯ คิดอย่างไร แต่มันเป็นเรื่องของคนไทยที่จะเชื่อถือรัฐบาลและผลประโยชน์ของชาติ เราไม่มีทางรู้ได้ถ้าไม่มีเสรีภาพในการแสดงความเห็นอย่างสมบูรณ์ เราไม่มีทางรู้ได้ถ้าไม่คืนเครื่องมือในการจัดการตามประชาธิปไตยให้กับประชาชน ถึงแม้การทำให้กระบวนการสั้นขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่การทำให้แน่ใจว่าในท้ายที่สุดจะมีรัฐบาลที่ได้รับเลือกจากประชาชน ที่มาจากประชาชน และทำงานเพื่อประชาชน เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก,ท่านมองการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน หลังรัฐประหารอย่างไรครับ,จีนเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ นั่นหมายความว่าไม่เพียงแต่จะไม่สนใจเรื่องการถอยหลังในเรื่องประชาธิปไตย แต่ยังหมายความว่าจะรีบที่จะหาประโชน์ทางยุทธศาสตร์จากการทำรัฐประหาร ที่ทำให้เกิดการถดถอยในเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน กับมิตร กับหุ้นส่วน แต่นั่นจะทำให้จีนเป็นเพื่อนที่ดีกว่าไหม สำหรับไทยแล้วคุณควรไปตัดสินเอาเอง แต่นั่นก็หมายความว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับจีนอยู่ในความสนใจของทุกคน ผมมั่นใจว่าท้ายที่สุดแล้วความเข้มแข็งที่แท้จริงในการเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งถูกทดสอบมาแล้วด้วยกาลเวลา ด้วยสงคราม จะสดใสโดดเด่นขึ้นมา,มีการตั้งข้อสังเกตจากคนไทยบางส่วนก่อนหน้านี้ว่า การแต่งตั้งทูตสหรัฐอเมริกาคนใหม่ ทำไมถึงใช้เวลานาน,มันเป็นปัญหาระบบภายในของเราเอง ไม่ได้มีนัยทางการเมืองใดๆ ในการแต่งตั้งที่ล่าช้า แต่ท่านทูต กลิน เดวีส์ คือคนที่คุ้มค่าแก่การรอคอย เขาเป็นนักการทูตในระดับสุดยอดของสหรัฐฯ เป็นทูตที่ดีที่สุดที่ประธานาธิบดีโอบามามี มันไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญที่ประธานาธิบดีสหรัฐส่งนักการทูตฝีมือดีที่สุดมาเป็นทูตในประเทศไทย,หลังการแต่งตั้งท่านทูต กลิน เดวีส์ มีการพูดถึงประสบการณ์การทำงานของท่าน ไม่ว่าจะเคยเจรจากับอิหร่านหรือเกาหลีเหนือ ซึ่งประเทศเหล่านี้ถูกมองว่าปกครองโดยเผด็จการ จากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งมาเป็นทูตที่ประเทศไทย,แต่นอกจากนั้น ท่านทูตยังเคยมีประสบการณ์ในเรื่องนโยบายและปฏิบัติการในเอเซียตะวันออกทั้งภูมิภาค ในฐานะรองผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นอกจากนั้นยังเคยรับผิดชอบในเรื่องความสัมพันธ์กับยุโรปตะวันตก ซึ่งเรามีเพื่อนและพันธมิตรที่ใกล้ชิด ท่านเคยประจำที่เวียนนา เคยทำงานที่ทำเนียบขาว และเป็นที่ปรึกษาที่ใกล้ชิดของรัฐมนตรีต่างประเทศ ผมคิดว่าการประเมินความหมายที่แท้จริงในการเลือก กลิน เดวีส์ ก็คือประธานาธิบดีและรัฐมนตรีได้ให้เจ้าหน้าที่อาวุโสที่ดีที่สุด และได้รับความไว้วางใจมากที่สุด เป็นผู้จัดการความสัมพันธ์ที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งยวด,หลังการรัฐประหาร มีคนไทยบางส่วนมองว่าสถานทูตสหรัฐฯ ในไทยได้เลือกข้าง ท่านจะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขภาพลักษณ์ของสถานทูตในไทย,นี่เป็นคำกล่าวหาที่ทำให้ผมไม่สบายใจเป็นอย่างมาก และผมขอปฏิเสธในเรื่องนี้ ยุทธศาสตร์และการปฏิบัติงานของสถานทูตสหรัฐฯ ไม่ได้มีการเข้าข้างใคร เพราะเราไม่ต้องการเห็นประเทศไทยแบ่งเป็นสอง เราไม่ต้องการเห็นไทยแบ่งครึ่ง เราไม่ต้องการเห็นกลุ่มหนึ่งเหนือกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง สหรัฐฯ จะได้ประโยชน์จากประเทศไทยที่มีเอกภาพ แข็งแรง ก้าวหน้า และมีอิทธิพล ดังนั้นเราจึงพบกับผู้แทนกลุ่มการเมืองที่สำคัญทุกกลุ่มอยู่เสมอ เรายังคงรักษานโยบายความเป็นกลางและเท่าเทียมอย่างเคร่งครัดระหว่างกลุ่มการเมืองต่างๆ แต่นั่นไม่ได้หยุดให้เราพูดในสิ่งที่เราคิด เพราะเราเป็นคนอเมริกัน เมื่อพูดถึงพฤติกรรมของปัจเจกบุคคล นักการเมือง หรือเรื่องนโยบาย เราไม่ได้การสนับสนุนพรรคการเมืองแต่เราให้การสนับสนุนพรรคการเมืองที่ดี ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ผิด ที่คิดว่าสถานทูต และรัฐบาลสหรัฐฯ ไปเข้าข้างพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง,ในแต่ละปีจะมีการซ้อมรบร่วมคอบบราโกลด์ แต่หลังจากรัฐประหารดูเหมือนจะมีการลดระดับลงเล็กน้อย มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่จะกลับไปมีการซ้อมรบเต็มรูปแบบเหมือนเดิมในอนาคตอันใกล้,ในปีหน้าเราจะจัดการซ้อมรบคอบบราโกลด์อีก ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้ว่า เราให้ความสำคัญกับพันธมิตร และจริงจังในเรื่องความร่วมมือด้านมั่นคงกับไทย ตอนนี้รูปแบบการซ้อมรบกำหนดร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ กับกองทัพไทย มีประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเข้ามาร่วมซ้อมรบ ผมยังไม่ได้ยินว่าขอบเขตและขนาดของการซ้อมในปีหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ภายใต้ขีดจำกัดที่กองทัพและรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถทำได้ภายใต้กฎหมาย เรายังคงดำเนินการ และรักษาความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงอย่างจริงจัง และมีประสิทธิภาพ,รายงานสถานการณ์เรื่องการค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่คนไทยให้ความสนใจ และรัฐบาลไทยได้พยายามอย่างมากที่จะทำให้หลุดจากสถานะเทียร์สาม ท่านคิดว่าไทยจะมีสถานะที่ดีขึ้นเร็วๆ นี้หรือในปีหน้าไหมครับ,ผมไม่สามารถให้หลักประกันคือคาดการณ์ได้ ผมเองได้สังเกตเห็นว่ารัฐบาลไทยได้ทำงานอย่างหนักต่อเนื่อง ซึ่งเราชื่นชมในจุดนั้น มาตรฐานทางกฎหมายที่ใช้ในการประเมินการจัดลำดับไม่ได้ให้อิสระกับเรามากนัก เราไม่สามารถ อย่างเช่น เราไม่สามารถใส่ความก้าวหน้าที่ทำได้หลังจากช่วงเสนอรายงานในปีนั้นๆ จนกว่าจะหมดอายุ แต่เราสามารถใส่ความก้าวหน้าเหล่านั้นลงในรายงานในปีถัดไปได้ ผมรู้ว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทยอย่างจริงจัง เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถที่จะใส่ข้อมูลความก้าวหน้า,สถานการณ์มาเลเซียต่างกับของไทยอย่างไร ทำไมมาเลเซียถึงสามารถหลุดจากสถานะเทียร์สามได้ครับ,แต่ละประเทศก็ปรับตัวตามสถานการณ์ของตัวเอง ตามมาตรวัดตามกำหนดเงื่อนไขตามกฎหมาย เมื่อสำนักงานที่รับผิดชอบ และบรรดาผู้เชี่ยวชาญพิจารณาข้อมูลจากของไทยและมาเลเซีย พวกเขาได้ข้อสรุปที่แตกต่างกัน แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้มา ผมไม่มีสิทธิในการประเมินดังนั้นมันจึงไม่ได้สะท้อนถึงความเคารพที่มีต่อประเทศ หรือความสัมพันธ์ทางการเมืองว่าจะเป็นอย่างไร มันเป็นเรื่องของเทคนิคที่อยู่บนสถิติ,ตอนนี้ทีพีพี (ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก) บรรลุข้อตกลงกันแล้ว แต่ไทยไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีพีพี มีโอกาสที่ไทยจะเข้าเป็นสมาชิกทีพีพีในอนาคตหรือไม่ครับ,สำหรับประเทศที่เป็นสมาชิก ก็คือประเทศที่เสนอตัวมา อย่างเช่น ญี่ปุ่น หรือแคนาดา ในขณะที่การเจรจากำลังดำเนินไป ไม่มีใครถูกทิ้งหรือถูกกันออกไป ตอนนี้สมาชิก 12 ประเทศกำลังมุ่งไปที่การให้รัฐสภารับรองข้อตกลงเพื่อที่จะได้ให้สัตยาบันได้ ทำให้ตอนนี้ไม่ได้มีการพูดกันมากว่าใครจะเป็นสมาชิกรายต่อไป ตอนนี้เราต้องให้ความสำคัญลำดับแรกในการรับรองทีพีพีในสมาชิก 12 ประเทศก่อน แต่ในหลักการแล้วทีพีพีเปิดกว้างให้กับทุกประเทศที่ต้องการ และสามารถทำตามมาตรฐานที่ค่อนข้างสูงในข้อตกลงทางการค้า มาตรฐานสูงในเรื่องสิ่งแวดล้อม มาตรฐานสูงในเรื่องสิทธิแรงงาน มาตรฐานสูงในเรื่องปกป้องสิทธิบัตรทางปัญญา และการจัดการเศรษฐกิจดิจิตอล มันเป็นเป้าหมายที่ดีที่ต้องการไปถึง นอกจากนั้นเพราะมาตรฐานที่สูงในข้อตกลง ทำให้เป็นการสร้างภาระการแข่งขันให้กับประเทศสมาชิกทั้งหมด รวมถึงประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกด้วย เพราะไทยต้องแข่งขันกับ มาเลเซีย เวียดนาม ซึ่งมีมาตรฐานสูง ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทยและธุรกิจไทยที่จะแข่งขัน และเข้าเป็นสมาชิกทีพีพี ซึ่งจะเป็นเป้าหมายที่คุ้มค่าต่อประเทศไทย,แต่สถานการณ์ทางการเมืองของไทยในขณะนี้ จะเป็นอุปสรรคกับประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิกทีพีพีไหมครับ ถ้าไทยต้องการเป็นสมาชิก,ผมไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ แต่ผมไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมจะไม่ได้ เพราะใช่ว่าประเทศในทีพีพีจะเป็นประชาธิปไตยหมด แต่ผมว่าอย่าไปคิดว่าสถานการณ์ของไทยในขณะนี้จะต่อเนื่องยาวนานดีกว่า เราควรคิดให้กำลังใจว่าวันที่คนไทยทั้งหมดจะสามารถแสดงทัศนะทางการเมือง และเจตจำนงทางการเมืองผ่านการเลือกตั้งที่เสรี และเป็นธรรมจะอยู่ไม่ไกล,ท่านคิดว่าความสัมพันธ์ไทยสหรัฐฯ สำคัญต่อภูมิภาคอย่างไร,ผมอยากให้คุณและคนไทยเป็นคนพิจารณาดีกว่าว่า การมีสหรัฐฯ เคลื่อนไหวในภูมิภาค มีความสำคัญต่อไทยแค่ไหน ชัดเจนว่า ประธานาธิบดีโอบามา คิดว่ามีความสำคัญ ท่านได้กำกับให้พวกผมทำตามยุทธศาสตร์สร้างสมดุลใหม่ในเอเซียแปซิฟิก นั่นหมายความว่า เราเชื่อว่าบทบาทของไทยมีความสำคัญอย่างมาก ไทยเป็นสมาชิกก่อตั้งอาเซียน ไทยตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ร่ำรวยด้วยทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถ และร่ำรวยด้วยวัฒนธรรม ไทยมีประวัติที่เป็นที่เชื่อมั่น และไว้วางใจของประเทศอื่นๆ ซึ่งความเห็นของไทยมีความสำคัญในเวทีภูมิภาคและเวทีโลก ไทยสนใจในเรื่องการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย การทำลายส่ิงแวดล้อม มีประชากรหนุ่มสาวที่กระหายอยากเรียนรู้ไปเรียนต่างประเทศ ทำให้โลกนี้ดีขึ้น ไทยเป็นสังคมที่หลากหลาย ซึ่งมีประสบการณ์ที่สามารถแบ่งปันในเรื่องการจัดการเรื่องศาสนา และกลุ่มชาติพันธุ์ มีเหตุผลหลายพันประการที่เราเห็นว่าไทยมีความสำคัญ ยิ่งสถานการณ์ทางการเมืองที่สับสนตอนนี้ ย่อมให้มีรัฐบาลที่สามารถมุ่งทำงานทั้งเรื่องในประเทศและต่างประเทศได้อย่างเสรี เร็วเท่าไรก็จะยิ่งดีเท่านั้นตามความคิดของเรา,ย้อนดู:,สัมภาษณ์พิเศษผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตอนที่ 1,สัมภาษณ์พิเศษผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตอนที่ 2 | ไทยรัฐทีวี สัมภาษณ์พิเศษ นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยสหรัฐฯ รายงานการค้ามนุษย์, อนาคตของไทยในการเป็นสมาชิกทีพีพี และคุณสมบัติของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคนใหม่ | null | ชัยรัตน์ ถมยา,บรรณาธิการต่างประเทศ,ไทยรัฐทีวี,สัมภาษณ์,แดเนียล รัสเซล,ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ,สหรัฐ,จอห์น แคร์รี,กรุงวอชิงตันดีซี,ความสัมพันธ์ไทยสหรัฐฯ,ค้ามนุษย์,การค้าเสรี,ทีพีพี,กลิน เดวีส์,เอกอัครราชทูต,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/545525 |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.