txt
stringlengths
202
53.1k
# LG ขายมือถือที่ไม่ได้วางจำหน่ายให้พนักงานในเกาหลี มีทั้งรุ่นต่อจาก LG Velvet และรุ่นจอม้วนได้ หลัง LG ประกาศถอนตัวจากธุรกิจมือถือไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แปลว่าอาจมีมือถือรุ่นที่ไม่ได้วางจำหน่ายให้คนทั่วไปเหลือค้างอยู่ในบริษัทหรือไลน์การผลิตพอสมควร และ LG ก็ไม่ได้ระบุว่าจะทำอย่างไรกับมือถือเหล่านั้น วันนี้ทวิตเตอร์สายข่าวเทคโนโลยี FrontTron ทวิตว่า LG เตรียมนำมือถือที่ไม่ได้วางจำหน่ายอย่าง LG Rainbow หรือ LG Velvet 2 รุ่นต่อจาก LG Velvet มาขายให้พนักงาน ในราคา 176 ดอลลาร์ (ราว 5,600 บาท) LG Rainbow ใช้ชิป Snapdragon 888 จอ OLED FHD 6.6 นิ้ว แรม 8GB ความจุ 128GB แบตเตอรี่ 4,500 mAH จำกัดจำนวนคนละ 2 เครื่อง และมีจำกัด 3,000 เครื่องเท่านั้น นอกจากนี้เขายังทวิตเพิ่มเติมว่ามีมือถือ LG รุ่นจอม้วนได้ (Rollable) ขายให้กับพนักงานฝั่งธุรกิจมือถือในเกาหลีโดยเฉพาะด้วย และแม้ทุกรุ่นที่วางขายจะห้ามพนักงานนำไปขายต่อ แต่ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกวางขายใน eBay หรือแหล่งอื่นอยู่ดี ซึ่งคงกลายเป็นไอเท็มแบบลิมิเต็ดที่ขายได้ราคาพอสมควร โดยเฉพาะรุ่นจอม้วนได้ ที่มา - FrontTron via XDA Developers LG Rainbow ภาพด้านหลังของมือถือ LG รุ่นจอม้วนได้
# หลุดภาพเรนเดอร์ Apple Watch รุ่นใหม่ ขอบเรือนเหลี่ยมขึ้น อาจมีสีเขียว Jon Prosser ยูทูบเบอร์สายเทคที่ปล่อยข้อมูลและภาพเรนเดอร์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ได้ค่อนข้างแม่นยำ ปล่อยภาพเรนเดอร์ของ Apple Watch รุ่นใหม่ ที่เขาระบุว่าสร้างมาจากภาพหลุดอุปกรณ์จริง ประกอบกับไฟล์ CAD ที่เขาได้รับ ในภาพเรนเดอร์ของ Prosser ตัวเรือน Apple Watch มีขอบเหลี่ยมขึ้น มีสีเขียวพาสเทลเป็นสีใหม่ เข้าชุดกับ iPad Air รุ่นล่าสุด ภาพเรนเดอร์หลุด MacBook Air ที่เขาปล่อยมาก่อนหน้านี้ โดย Prosser ระบุว่า Apple กำลังทดสอบสีใหม่หลายๆ สี สีเขียวเป็นสีหนึ่งที่มีความเป็นไปได้สูง แต่อาจมีสีอื่นได้เช่นกัน Prosser ไม่มีข้อมูลสเปกภายใน เพราะเขาได้มาแค่ภาพรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น รวมถึงแหล่งข่าวของเขาก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าภาพ Apple Watch รุ่นใหม่นี้เป็น Series 7 ที่จะออกปีนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ซัพพลายเชน Apple เคยระบุไว้ว่า Apple Watch อาจได้รับการปรับปรุงดีไซน์อย่างเร็วคือครึ่งหลังของปี 2021 ซึ่งช่วงเวลาจะตรงกับข่าวนี้พอดี ที่มา - FPT - Jon Prosser
# PornHub ใช้ AI คืนชีพให้หนังอีโรติกเก่าแก่กว่าร้อยปี ปรับความคมชัดและเพิ่มสีผิว PornHub เปิดตัวโปรเจกต์ The Remastured ใช้ AI คืนค่าสีผิว และปรับความคมชัดให้หนังอีโรติกยุคเก่าที่มีอายุมากกว่า 125 ปี โดยใช้ชุดข้อมูลภาพและวิดีโอสำหรับผู้ใหญ่ร่วม 100,000 ภาพเพื่อสอน AI ในการทำให้ภาพยนตร์มีสีสัน PornHub ระบุว่า ตัวกระบวนการเริ่มต้นด้วยการลดจุดรบกวนและการทำให้ภาพคมชัด เร่งวิดีโอให้เล่นที่ความชัดแบบ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที รวมทั้งเพิ่มเสียงและซาวด์แทร็กใหม่ ตัวอย่างหนังในโปรเจกต์เช่น The Kiss ในปี 1896 สร้างโดยบริษัทของ Thomas Edison ที่คาดว่าเป็นฉากจูบแรกของโลก และภาพยนตร์สั้นในปี 1897 จาก Georges Méliès ผู้สร้างภาพยนตร์ในตำนานที่เรียกว่า After the Ball เป็นต้น ที่มา - Engadget
# Sea ไตรมาส 1/2021 รายได้รวมโตเกือบสามเท่า จากทั้ง Garena และ Shopee กลุ่มบริษัท Sea ซึ่งมี Garena และ Shopee อยู่ในเครือ รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2021 รายได้รวมทุกธุรกิจเพิ่มขึ้น 98.7% หรือเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เป็น 1,212.16 ล้านดอลลาร์ มีกำไรขั้นต้น 407.58 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิแบบ GAAP 425.3 ล้านดอลลาร์ ถึงแม้ตัวเลขสุทธิจะขาดทุน แต่ก็มีสัญญาณที่ดีคือกำไรก่อนดอกเบี้ย-ภาษี-ค่าเสื่อม หรือ EBITDA ซึ่งสะท้อนการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย มีกำไรส่วนนี้ 88.1 ล้านดอลลาร์ เทียบกับปีก่อนที่ขาดทุน 69.9 ล้านดอลลาร์ กลุ่มสื่อบันเทิงดิจิทัล (Garena) รายได้เพิ่มขึ้น 111.4% เป็น 781.3 ล้านดอลลาร์ จากฐานผู้เล่นเกมที่เพิ่มขึ้น และมีผู้เล่นที่เสียเงินมากขึ้น ส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (Shopee) รายได้เพิ่มขึ้น 189.8% เป็น 772.4 ล้านดอลลาร์ จากการขยายฐานลูกค้า ตลอดจนรายได้ส่วนอื่นที่เพิ่มขึ้นเช่นโฆษณา ธุรกิจการเงินดิจิทัล (SeaMoney) มีปริมาณการจ่ายเงินมากกว่า 3,400 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา และมีผู้ใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลมากกว่า 26.1 ล้านคน ที่มา: Sea (pdf) ผ่าน Tech In Asia
# พบการสร้างกลุ่มแชทใน WhatsApp, Telegram กว่า 100 กลุ่ม สนับสนุนความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ The New York Times และ FakeReporter กลุ่มเฝ้าระวังของอิสราเอลที่ศึกษาข้อมูลผิดๆ ทำการสำรวจร่วมกัน พบว่า ใน WhatsApp มีกรุ๊ปแชทอย่างน้อย 100 กลุ่มและ Telegram อีก 20กลุ่ม ที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนการใช้ความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ละกลุ่มมีชื่อเรียกเช่น "Death to the Arabs", "The Jewish Guard" และ "The Revenge Troops" นอกจากนี้ หน่วยงานท้องถิ่นยังสามารถเชื่อมโยงกรุ๊ปแชทเหล่านี้กับเหตุการณ์รุนแรงหลายสิบครั้งต่อชาวปาเลสไตน์ที่เป็นพลเมืองของอิสราเอล หนึ่งในเหตุการณ์รุนแรงที่เชื่อมโยงกับกรุ๊ปแชทคือ มีการถ่ายทอดสดของชาวอิสราเอลที่สวมชุดดำทุบกระจกรถและเดินไปตามถนนใน Bat Yam จากนั้นก็ลากผู้ชายคนหนึ่งที่พวกเขาคาดว่าเป็นชาวอาหรับและทุบตีจนหมดสติ จากการตรวจสอบของ The New York Times พบว่ากลุ่ม The Jewish Guard ใน WhatsApp ได้เพิ่มสมาชิกใหม่หลายร้อยคนต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังพบว่า ผู้ใช้หลายราย เปิดเผยตัวอย่างโจ่งแจ้งในการเรียกร้องความรุนแรง เนื่องจากมีสาเหตุจากความคับแค้นที่ถูกทิ้งระเบิด และยังมีการกำหนดชื่อเป้าหมายเป็นเจ้าของธุรกิจชาวอาหรับด้วย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอิสราเอลกล่าวว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเริ่มติดตามกลุ่ม WhatsApp หลังจากได้รับการแจ้งเตือนจาก FakeReporter แล้ว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งไม่เปิดเผยตัวตน ระบุว่า จากการสืบสวน ยังไม่พบกลุ่มชาวปาเลสไตน์ และกลุ่มฮามาสที่ควบคุมฉนวนกาซา สร้างกลุ่มแชทในลักษณะเดียวกันเพื่อตอบโต้ โฆษกหญิง WhatsApp กล่าวว่าบริษัทได้ลบบัญชีบางส่วนของบุคคลที่เข้าร่วมในกลุ่ม WhatsApp ดังกล่าวแล้ว ตัวบริษัทไม่สามารถอ่านข้อความที่เข้ารหัสได้ แต่จะดำเนินการเมื่อมีการรายงานบัญชีว่าละเมิดข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม ที่มา - The New York Times
# แอปเปิลเพิ่มฟีเจอร์เข้าถึงผู้พิการชุดใหญ่ ขยับข้อมือควบคุม Apple Watch, เปิดบริการคุยภาษามือ แอปเปิลอัพเกรดซอฟต์แวร์ เพิ่มฟีเจอร์เพื่อการเข้าถึงหรือ accessibility ชุดใหญ่ อัพเดตทั้งใน iOS, iPadOS และ WatchOS ให้ครอบคลุมผู้พิการทุกรูปแบบทั้ง ความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว, การมองเห็น, การได้ยินและการรับรู้ เริ่มจากเปิดตัวบริการใหม่ SignTime ลูกค้าสามารถสื่อสารกับ AppleCare และฝ่ายดูแลลูกค้ารายย่อยโดยใช้ภาษามืออเมริกัน (ASL), ภาษามือแบบอังกฤษ (BSL), และภาษามือฝรั่งเศส (LSF) ในฝรั่งเศสได้โดยตรงในเว็บเบราว์เซอร์ มีแผนจะขยายไปยังประเทศอื่นในอนาคต ด้าน Apple Watch ผู้ใช้งานที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวการใช้มือและนิ้ว ด้วยฟีเจอร์ AssistiveTouch ผู้สวมใส่สามารถใช้การขยับแขนและกำมือเพื่อควบคุมการใช้งานได้ ยกตัวอย่างเช่น กำมือสองครั้งเพื่อรับโทรศัพท์สายเข้า, ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งแตะหากันเพื่อแตะปุ่มใดๆ, สั่นข้อมือให้เคอร์เซอร์แสดงบนหน้าปัด, ขยับข้อมือเพื่อขยับเคอร์เซอร์บนหน้าปัดไปยังตำแหน่งที่ต้องการใช้งาน นอกจากนี้ยังใช้การหมุนข้อมือเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนหน้าจอได้ ฟีเจอร์ VoiceOver เพื่อผู้มีปัญหาการมองเห็น อธิบายรายละเอียดของภาพ บทความ ตารางออกมาเป็นเสียงได้ นอกจากนี้ยังมี Eye-Tracking บน iPad ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ eye-tracking ของบริษัทภายนอกได้ ช่วยเรื่องการใช้งานของผู้มีปัญหาสายตาใช้งานแตะเมนูเพื่อเข้าใช้งานใน iPad ได้ แอปเปิลระบุด้วยว่า กำลังเพิ่มการรองรับเครื่องช่วยฟังแบบสองทิศทางใหม่ ไมโครโฟนในเครื่องช่วยฟังรุ่นใหม่นี้ จะช่วยให้ผู้ที่หูหนวกหรือหูตึงสามารถสนทนาทางโทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรีและ FaceTime ได้ และจะเพิ่มการรองรับการตรวจสมรรถภาพการได้ยิน แสดงเป็นแผนภูมิผลทดสอบการได้ยิน ช่วยปรับเสียงใน Headphone Accommodations ให้เข้ากับตัวเองได้ เพิ่ม Background Sounds เพื่อผู้ที่มีภาวะหงุดหงิด เสียสมาธิ ก็สามารถเปิดเสียงพื้นหลังเพื่อสร้างความสงบได้ และในครึ่งหลังปีนี้ แอปเปิลจะเพิ่มฟีเจอร์ Sound Actions สำหรับ Switch Control ซึ่งจะมาแทนที่ปุ่มและสวิทช์จริงด้วยเสียงปาก เช่น เสียงเดาะลิ้น เสียงเป่าปาก หรือเสียง "อี" สำหรับผู้ใช้ซึ่งไม่สามารถพูดได้และมีการเคลื่อนไหวที่จำกัด ที่มา - แอปเปิล
# Cisco ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมเพิ่มขึ้น 7% Cisco รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดวันที่ 1 พฤษภาคม 2021 รายได้รวม 12,803 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิแบบบัญชี GAAP ที่ 2,863 ล้านดอลลาร์ Chuck Robbins ซีอีโอ Cisco กล่าวว่าบริษัทมั่นใจในกลยุทธ์ในการเป็นผู้นำ เพื่อรองรับลูกค้าที่อยู่ในการเปลี่ยนผ่านหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบทำงานแบบผสมผสาน Hybrid Work, การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล, การใช้งานคลาวด์ที่มากขึ้น ไปจนถึงเพิ่มจำนวนลูกค้าจาก Subscription รายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจ Infrastructure Platform เพิ่มขึ้น 6% เป็น 6,832 ล้านดอลลาร์ กลุ่ม Applications เพิ่มขึ้น 5% เป็น 1,426 ล้านดอลลาร์ กลุ่ม Services เพิ่มขึ้น 8% เป็น 3,664 ล้านดอลลาร์ Security เพิ่มขึ้น 13% เป็น 876 ล้านดอลลาร์ ที่มา: Cisco
# Slack เตรียมเปิดให้ระบุคำสรรพนามแทนเพศที่ตัวเองต้องการลงในโปรไฟล์ได้ หลังจาก Instagram ทำฟีเจอร์นี้ไปแล้ว Slack ก็เอาบ้าง ในอนาคต ผู้ใช้งานจะสามารถเพิ่มเซกชั่นให้ระบุสรรพนามระบุเพศที่ต้องการได้ ตัวสรรพนามจะแสดงอยู่อยู่ด้านล่างชื่อและตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง แอดมินผู้จัดการ Slack ในองค์กรเป็นผู้เปิดโหมดใช้งาน วิธีการคือ เข้าไปที่เมนู Workspace settings > เลื่อนหน้าจอลงมาที่ Pronouns Display > คลิก Expand > กดเครื่องหมายที่กล่อง Show pronouns on profiles > คลิก Save เมื่อใช้งานได้แล้วก็สามารถตั้งค่าด้วยการ Edit Profile ได้ตามปกติ นอกจาก Instagram และ Slack แล้ว ยังมี OkCupid และ Lyft ที่เปิดให้ผู้ใช้เลือกสรรพนามแทนตัวเองได้ เรื่องของการเปลี่ยนสรรพนามตัวเองนั้น มาจากแนวคิดที่ว่าคำเรียกในภาษาอังกฤษนั้นเจาะจงเกินไป ไม่หลากหลายเท่าที่ควร ไม่มีคำเรียกที่เหมาะกับบุคคลข้ามเพศและ Non-binary ปัจจุบันสามารถใช้คำว่า they,them แทนตัวเองได้ คำว่า they,them ไม่ได้หมายถึงการแสดงจำนวนในรูปแบบพหูพจน์อย่างเดียว แต่ในยุคเก่า คำว่า they เคยใช้แทนบุคคลที่สามในรูปแบบเอกพจน์ด้วย ตัวอย่างเช่น Oxford English Dictionary ตามรอยไปจนเจอในวรรณกรรมยุคกลางเรื่อง William and the Werewolf ภาพจาก Slack ที่มา - The Verge
# Internet Explorer จะหยุด Support ตั้งแต่ 15 มิถุนายน 2022 เป็นต้นไป ไมโครซอฟท์ประกาศว่า Internet Explorer 11 เวอร์ชันสุดท้ายของเบราว์เซอร์ Internet Explorer บนเดสก์ท็อป Windows 10 จะหยุดการสนับสนุนตั้งแต่ 15 มิถุนายน 2022 เป็นต้นไป พร้อมคำประกาศที่ชัดเจนว่าอนาคตของ Internet Explorer บน Windows 10 ก็คือ Microsoft Edge นั่นเอง สำหรับผู้ใช้งานเว็บเก่าที่ยังต้องการคุณสมบัติใน Internet Explorer สามารถเปิดใช้ IE mode บน Edge ทดแทนได้ ซึ่งไมโครซอฟท์บอกว่า IE Mode นี้จะยังรองรับไปจนถึงปี 2029 ทั้งนี้บริการ Microsoft 365 และแอปอื่นที่เกี่ยวข้อง จะเริ่มหยุดการสนับสนุนบน Internet Explorer 11 ตั้งแต่ 17 สิงหาคม ปีนี้ ที่มา: ไมโครซอฟท์
# เพราะรู้ยังมีคนใช้ - Chrome ทดสอบฟีเจอร์ Follow สำหรับติดตาม RSS ของเว็บ กูเกิลประกาศว่าผู้ใช้ Chrome Canary บน Android ในอเมริกา บางส่วน จะได้ทดสอบฟีเจอร์ Follow สำหรับติดตามเนื้อจากเว็บไซต์ที่สนใจผ่านช่องทาง RSS เมื่อเว็บนั้นมีคอนเทนต์ใหม่ก็จะเพิ่มการเตือนในหน้า Following Janice Wong ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ Google Chrome บอกว่าปัจจุบันผู้ใช้งานมีวิธีติดตามเนื้อเว็บไซต์โปรดได้หลายวิธี และ RSS ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้ได้รับเนื้อหาใหม่โดยตรง จึงเพิ่ม Follow มาเป็นทางเลือกหนึ่งนั่นเอง ทั้งนี้ Google Reader บริการอ่านเนื้อหาผ่าน RSS ของกูเกิลเอง ปิดตัวลงไปตั้งแต่เมื่อปี 2013 ที่มา: Chromium Blog
# Take-Two ไตรมาส 1/2021 รายได้โต 10%, GTA V ยังแรงดี ขายได้แล้ว 145 ล้านชุด Take-Two Interactive บริษัทแม่ของ 2K และ Rockstar เผยผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2021 ออกมาดี รายได้ 839.4 ล้านดอลลาร์ เติบโต 10% จากปีก่อน รายได้หลักของ Take-Two ตอนนี้มาจากรายได้ในเกม (virtual currency, add-on, in-game purchases) คิดเป็น 67% ของรายได้ทั้งหมด และรายได้ส่วนนี้เติบโตขึ้นถึง 38% เรียกว่ามีอัตราเติบโตสูงกว่ารายได้รวมทั้งบริษัทด้วย บริษัทมีกำไร 218.8 ล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 78% เกมเด่นในไตรมาสที่ผ่านมาคือ NBA 2K21 ตามฤดูกาล ส่วนเกมยอดนิยมตลอดกาลอย่าง GTA Online และ GTA V ยังทำเงินได้ดีเช่นเคย ช่วงหลัง Take-Two ยังพยายามขยายตลาดไปยังเกมมือถือ โดยมีสตูดิโอในมือแล้ว 2 แห่งคือ Social Point (Dragon City, Monster Legends, World Life) ที่ซื้อมาในปี 2017 และ Playdots (Dots, Two Dots) ซื้อมาในปี 2020 นอกจากนี้ยังจะพยายามนำเกมแฟรนไชส์ดังๆ ในอดีต (เช่น GTA, Bioshock, Max Payne ภาคเก่าๆ) มาพอร์ตลงขายบนมือถือด้วย สถิติยอดขายเกมที่น่าสนใจ Grand Theft Auto V ยอดขาย 145 ล้านชุด (ตัวเลขของไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วคือ 130 ล้านชุด) Red Dead Redemption 2 ยอดขาย 37 ล้านชุด (ปีที่แล้ว 32 ล้านชุด) Borderlands 3 ยอดขาย 13 ล้านชุด, ภาค 2 ยอดขาย 25 ล้านชุด, ทั้งซีรีส์ 70 ล้านชุด ตัวเลขอีกตัวที่น่าสนใจคือ จำนวนพนักงานด้านพัฒนาเกมที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จาก 4,300 คนในปี 2020 มาเป็น 5,000 คนในปี 2021 เรียบร้อยแล้ว จำนวนนักพัฒนาเพิ่มขึ้น 1,500 คนในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ที่มา - Take-Two
# [ไม่ยืนยัน] Disney+ Hotstar จะเปิดตัวในไทย โดยเป็นพาร์ทเนอร์กับ AIS สำนักข่าว Variety รายงานข่าวจากแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน ว่าเมื่อบริการสตรีมมิ่ง Disney+ Hotstar เปิดตัวในไทยวันที่ 30 มิถุนายนนี้ จะเปิดตัวเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการเครือข่าย AIS ในรายงานยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคาหรือโปรโมชั่นเพิ่มเติม แต่คาดว่าอาจติดตั้งมาพร้อมกับ AIS Playbox ในอนาคต ปัจจุบัน AIS Play เป็นพาร์ทเนอร์ทั้งกับ VIU, Netflix, Flixer, WeTV และ beIN Sports ส่วนผู้ใช้งานในมือถือหรืออุปกรณ์อื่นของค่ายอื่น น่าจะสามารถดาวน์โหลดแอป Disney+ Hotstar ได้ตามปกติ ที่มา - Variety
# [ใช้ได้แล้ว] ล่มยาวข้ามวัน MyMo By GSB ยังใช้การไม่ได้ Update: MyMo By GSB กลับมาใช้ได้แล้วเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 พ.ค. และ ธนาคารประกาศชดเชยค่าธรรมเนียมธนาคารระหว่างที่ใช้แอพพลิเคชันไม่ได้ MyMo By GSB แอพพลิเคชันบริการธนาคารออมสินไม่สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่เมื่อเวลา 23:00 น. ของวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ MyMo By GSB มีแผนจะอัพเดตเวอร์ชันเป็น 2.0 โดยประกาศก่อนปิดระบบแจ้งว่าจะปิดตั้งแต่เวลา 23:00 น. ของวันที่ 17 พ.ค. จนถึงเวลา 09:00 น. ของวันที่ 18 พ.ค. แต่ปรากฎว่าเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ระบบก็ยังไม่สามารถใช้การได้จนมีประกาศขยายเวลาไปถึง 15:00 น. และ 20:00 น. ของวันที่ 18 พ.ค. ตามลำดับ แต่ก็ยังไม่สามารถใช้บริการได้ กล่าวคือหากผู้ใช้บริการพยายามจะเปิดแอพพลิเคชัน ระบบจะขึ้นข้อความแจ้งว่า "ขออภัยในความไม่สะดวก ขณะนี้มีผู้ทำธุรกรรมจำนวนมาก ธนาคารจะรีบแก้ไขโดยเร็วที่สุด" หรือกระทั่งขึ้นข้อความแจ้งข้อผิดพลาดของแอพพลิเคชันเป็นบางครั้ง จนกระทั่งเมื่อเวลา 19:00 น. ของวันที่ 19 พ.ค. ธนาคารออมสินออกประกาศระบุว่า "เกิดปัญหาทางเทคนิค" ต้องมีการจำกัดจำนวนผู้ใช้งาน ทำให้ยังไม่สามารถใช้งานได้เป็นปกติ อนึ่ง ธนาคารออมสินไม่อยู่ในรายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่จะต้องรายงานสถิติระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขัดข้องที่กระทบต่อการให้บริการผ่านช่องทางสำคัญของ ธปท. แต่อย่างใด ตัวอย่างหน้าจอแสดงข้อความแจ้งว่าใช้งานระบบไม่ได้ ที่มา: Facebook MyMo By GSB (ประกาศปิดระบบ, ประกาศปรับปรุงเวอร์ชัน, ประกาศขยายเวลา 1, 2), Facebook GSB Society ประกาศขออภัย
# มือถือ Android ใช้เป็นรีโมท Android TV ได้แล้ว พิมพ์ข้อความบนทีวีด้วยมือถือได้ กูเกิลประกาศฟีเจอร์ให้สมาร์ทโฟน Android ทำงานร่วมกับสมาร์ททีวี Android TV/Google TV โดยใช้เป็นรีโมทควบคุมได้ (หน้าจอมือถือเป็นเหมือนทัชแพด ลากเคอร์เซอร์บนทีวี) ฟีเจอร์เด่นคือการแก้ปัญหาพิมพ์ข้อความบนทีวี (เช่น ใส่รหัสผ่าน) ที่ทำได้ยากด้วยรีโมทปกติ ตอนนี้เราสามารถพิมพ์ข้อความบนคีย์บอร์ดมือถือ แล้วให้ปรากฏบนหน้าจอทีวีได้เลย นอกจากทีวีแล้ว กูเกิลยังประกาศว่า Android สามารถใช้เป็นกุญแจปลดล็อครถได้ (ผ่าน Ulra Wideband หรือ UWB) โดยจะเริ่มต้นจากมือถือตระกูล Pixel/Galaxy บางรุ่น ส่วนรถยนต์ที่ระบุยี่ห้อแล้วคือ BMW ที่มา - Google
# Google Photos เพิ่ม Locked Folder ล็อกรูปลับเก็บไว้, ไม่โชว์ภาพตัวอย่าง นอกจากฟีเจอร์ใหม่ Memories แบบ Personalized และ Cinematic Moments แล้ว แอป Google Photo ยังเตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Locked Folder ไว้ใช้เก็บรูปที่ไม่ต้องการให้ใครเห็น และอัลบั้มที่ถูกล็อกจะไม่แสดงภาพตัวอย่างเมื่อเลื่อนผ่านหรือตอนเลือกอัพโหลดรูปในแอปอื่น ผู้ใช้สามารถถ่ายรูปแล้วเลือกเก็บใส่ Locked Folder ได้ทันที หรือย้ายจากโฟลเดอร์อื่นมาก็ได้ โดยสามาถตั้งค่าล็อกอัลบั้มได้ด้วยรหัส PIN และลายนิ้วมือ Locked Folder เตรียมเปิดให้ใช้งานบนมือถือ Pixel ก่อน จากนั้นจะทยอยอัพเดตให้มือถือแอนดรอยด์รุ่นอื่นต่อไปภายในปีนี้ ที่มา - Google
# เปิดราคา Surface Laptop 4 ในไทย รุ่น 13.5" Ryzen R5 เริ่มต้น 35,990 บาท ปีนี้ไมโครซอฟท์เปิดตัวฮาร์ดแวร์ Surface ใหม่เพียงรุ่นเดียวคือ Surface Laptop 4 ที่มีให้เลือก 2 ขนาดหน้าจอคือ 13.5" และ 15" วันนี้ไมโครซอฟท์ประเทศไทยประกาศราคาขาย Surface Laptop 4 ในไทยแล้ว แยกตามขนาดหน้าจอดังนี้ Surface Laptop 4 - 13.5" สำหรับลูกค้าทั่วไป AMD Ryzen R5 4680U, 8GB RAM, 256GB SSD ราคา 35,990 บาท AMD Ryzen R5 4680U, 16GB RAM, 256GB SSD ราคา 42,999 บาท 11th Gen Intel Core i5-1145G7, 8GB RAM, 512GB SSD ราคา 44,999 บาท 11th Gen Intel Core i5-1145G7, 16GB RAM, 512GB SSD ราคา 51,999 บาท 11th Gen Intel Core i7-1185G7, 16GB RAM, 512GB SSD ราคา 57,999 บาท Surface Laptop 4 - 15" สำหรับลูกค้าทั่วไป AMD Ryzen R7 4980U, 8GB RAM, 256GB SSD ราคา 45,999 บาท AMD Ryzen R7 4980U, 8GB RAM, 512GB SSD ราคา 49,999 บาท AMD Ryzen R7 4980U, 16GB RAM, 512GB SSD ราคา 56,999 บาท 11th Gen Intel Core i7-1185G7, 16GB RAM, 512GB SSD ราคา 59,999 บาท นอกจากนี้ยังมีราคา Surface Laptop 4 สำหรับลูกค้าธุรกิจ ที่มีราคาและสเปกแตกต่างจากรุ่นปกติ ดูรายละเอียดได้ตามตาราง
# เปลี่ยนรหัสผ่านแบบไม่ต้องเข้าเว็บต้นทาง Chrome ใช้ AI เข้าเว็บเปลี่ยนแทนมนุษย์ Chrome มีฟีเจอร์ Password Manager คอยแจ้งเตือนเมื่อพบรหัสผ่านรั่ว มาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว ปัญหาที่ตามมาคือการเข้าเว็บไซต์นั้นๆ เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่านมีความยุ่งยาก ต้องมีกระบวนการหลายขั้นตอน ล่าสุดในงาน Google I/O กูเกิลประกาศว่า Chrome สามารถเข้าไปเปลี่ยนรหัสผ่านในเว็บไซต์แทนเราได้แล้ว ผู้ใช้เพียงแค่กดปุ่ม Change Password ใน Chrome แล้วกรอกรหัสผ่านใหม่ที่ต้องการ เป็นอันเสร็จสิ้น เบื้องหลังการทำงานนี้มาจาก AI คือ Google Duplex for Web ที่เคยโชว์ในงาน I/O ปีก่อนๆ สามารถเรียนรู้หน้าเว็บแล้วเข้าไปซื้อตั๋วหนังให้เราได้อัตโนมัติ กูเกิลบอกว่าได้พัฒนา Duplex for Web ให้รู้จักเว็บไซต์มากขึ้น จึงสามารถเข้าหน้าเว็บ เลื่อนหน้าเว็บ กรอกฟอร์มแทนมนุษย์ได้ ฟีเจอร์เปลี่ยนรหัสผ่านให้อัตโนมัติ ยังใช้ได้กับเว็บไซต์ที่ Duplex for Web รองรับเท่านั้น (ไม่มีรายชื่อบอก) และเริ่มเปิดให้ใช้งานแล้วบน Chrome for Android เฉพาะในสหรัฐเพียงประเทศเดียว ที่มา - Google
# Flutter ได้พันธมิตรเพิ่ม: Samsung Tizen, Sony Embedded Linux, Microsoft UWP กูเกิลประกาศออก Flutter 2.2 ที่งาน Google I/O 2021 ของใหม่ที่สำคัญคือเปิดใช้ sound null safety เป็นค่าดีฟอลต์สำหรับโปรเจคใหม่ ช่วยป้องกันปัญหา null reference exception และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพตอนรันแอพด้วย (เพราะไม่ต้องตรวจ null ตอนรันไทม์แล้ว) ส่วนฟีเจอร์ใหม่อย่างอื่นเป็นเรื่องปรับปรุงประสิทธิภาพ และปรับปรุงเครื่องมือ DevTools ที่น่าสนใจกว่า Flutter เวอร์ชันใหม่คือ บริษัทใหญ่ๆ ที่เข้ามาสนับสนุน Flutter เพิ่มเติมจากรอบที่แล้วที่ได้ Canonical, Toyota, Microsoft อีก 2 ราย Samsung เข้ามาช่วยพอร์ต Flutter ไปรันบน Tizen สามารถนำแอพ Flutter ไปรันบนนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ และสมาร์ททีวีของซัมซุงได้ Sony เข้ามาช่วยพอร์ต Flutter ไปรันบน Embedded Linux นำแอพไปรันบนอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น Raspberry Pi 4, Jetson Nano ได้ ฝั่งไมโครซอฟท์ก็ยังมีอัพเดตความคืบหน้าคือ รองรับ Flutter แปลงเป็นแอพ UWP แล้ว สถานะยังเป็นรุ่นอัลฟ่า โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Flutter กับทีม Surface ที่มา - Flutter
# ตลาดคริปโตร่วงเกิน 10% หลังสามสมาคมการเงินจีน ออกแถลงการห้ามให้บริการเกี่ยวกับเงินคริปโต ตลาดคริปโตร่วงเกิน 10% เช้านี้ หลังสมาคมการเงินอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีน (National Internet Finance Association of China), สมาคมธนาคารจีน (China Banking Association) และสมาคมด้านการชำระเงินและหักบัญชีจีน (Payment and Clearing Association of China) ออกแถลงการณ์ร่วมห้ามสถาบันทางการเงิน เช่น ธนาคาร และบริการชำระเงินออนไลน์ต่างๆ ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโต ในแถลงการณ์ระบุว่าการที่สกุลเงินคริปโต พุ่งขึ้นและลงสูง และมีการซื้อขายแบบปั่นราคา (speculative trading) เพิ่มขึ้น อาจเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนและเศรษฐกิจได้ การแบนนี้ไม่ได้ห้ามบุคคลทั่วไปถือครองเงินคริปโต และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนออกมาตรการจำกัดการใช้งานคริปโต เพราะเมื่อปี 2018 มีการไล่ปิดร้านแลกเปลี่ยนเงินคริปโต สั่งห้ามการทำ ICO (Initial coin offering) ซึ่งส่งผลทางลบกับตลาดเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ห้ามการขุดเหมืองคริปโต และจีนก็ยังคงเป็นชาติอันดับต้นๆ ที่มีการขุดเหมืองคริปโตมากที่สุดในโลก สัปดาห์นี้น่าจะเป็นสัปดาห์ที่หนักหนาของสายเทรดคริปโต อ้างอิงจากราคาเว็บไซต์แลกเปลี่ยนเงินคริปโต Binance ขณะเขียนข่าว BTC ต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ส่วน Ethereum ราคาลดลงแล้วกว่า 10-15% ในรอบ 24 ชั่วโมง หลังก่อนหน้านี้ตลาดได้รับผลกระทบจากการหยุดรับเงินบิตคอยน์ของ Tesla และจากทวิตของอีลอน มัสก์อยู่ก่อนแล้ว ที่มา - Reuters, Global Times
# กลุ่มพนักงานกูเกิลชาวยิวเขียนจดหมายถึงซีอีโอ เรียกร้องให้ประณามความรุนแรงที่เกิดกับชาวปาเลสไตน์ กลุ่มพนักงานในกูเกิลเขียนจดหมายถึง Sundar Pichai ซีอีโอ เรียกร้องให้เพิ่มการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ ท่ามกลางการทิ้งระเบิดร้ายแรงของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งเหตุการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขอให้ Pichai ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีดังกล่าว และให้ตระหนักรู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ จนถึงตอนนี้มีผู้ร่วมลงชื่อในจดหมาย 250 รายแล้ว ในจดหมายยังเรียกร้องให้บริษัทตั้งกองทุนบรรเทาทุกข์สำหรับชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทางทหาร รวมทั้งสนับสนุนให้ปกป้องเสรีภาพทางการแสดงความเห็นทางการเมืองในองค์กร นอกจากนี้ยังขอให้บริษัทตรวจสอบสัญญาทางธุรกิจทั้งหมดของ Alphabet, การบริจาคขององค์กร รวมถึงการยกเลิกสัญญากับสถาบันที่สนับสนุนการละเมิดสิทธิของชาวปาเลสไตน์ กลุ่มพนักงานที่ส่งจดหมายนี้ ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มพนักงานที่รวมตัวเพื่อตอบสนองต่อกระแส pro-Zionist หรือแนวคิดสนับสนุนกระบวนการชาตินิยมในกลุ่มชาวยิวภายในองค์กร พวกเขาจึงรวมตัวกันเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย ก่อเกิดเป็นกลุ่ม Jewish Diaspora in Tech ที่มา - The Verge
# Bank of America เตรียมใช้ระบบหักบัญชีหุ้นด้วยบล็อกเชน ของ Paxos Bank of America ธนาคารใหญ่เป็นอันดับสองของสหรัฐฯ รองจาก JPMorgan Chase & Co. เตรียมหันมาใช้ระบบบล็อกเชนที่พัฒนามาจาก Ethereum บนเครือข่ายของ Paxos บริษัทจัดการหลักทรัพย์ด้วยระบบบล็อกเชน เพื่อเพิ่มความเร็วในการหักบัญชีหุ้นให้จบได้ภายเวลาระดับนาทีแทนที่จะใช้เวลาหลายวันเช่นทุกวันนี้ ก่อนหน้านี้บริษัทหลักทรัพย์ Credit Suisse Group AG และ Instinet ของ Nomura Holdings Inc. หันมาใช้งานระบบ Paxos Settlement Service ก่อนแล้ว หลัง SEC ของสหรัฐฯ มีจดหมายเห็นชอบ (No-Action letter) ให้ Paxos เริ่มใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาจัดการหลักทรัพย์ได้ตั้งแต่ปี 2019 ไปก่อนหน้าแล้ว ระบบของ Paxos ใช้การทำงานบล็อกเชนที่พัฒนามาจาก Ethereum เพื่อส่งและยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ช่วยให้การหักบัญชีหุ้น ไม่ต้องรอเวลาเป็นวันหรือสองวัน (T+2) อีกต่อไป แต่จะสามารถทำได้ภายในวันเดียวกัน (T+0) การนำระบบ Paxos มาใช้งานของ Bank of America อาจทำให้คู่แข่งอย่าง Depository Trust & Clearing Corp. (DTCC) บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของสหรัฐ ร้อนๆ หนาวๆ ได้ เพราะปัจจุบัน DTCC สามารถชำระบัญชีหุ้นภายในวันเดียวกันได้เฉพาะการทำรายการก่อน 11.30 เท่านั้น ทำให้การทำรายการที่เหลือกว่าอีก 75% ของวันนั้น ต้องค้างอยู่ในระบบถึงสองวัน การที่ธนาคารใหญ่ๆ ในสหรัฐ นำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามามีส่วนร่วมกับระบบการเงินและการบริหารหลักทรัพย์ ถือว่าเป็นอีกก้าวของบล็อกเชน สู่การเข้ามาเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันทั่วไปในโลกการเงินแบบมีตัวกลาง (Centralized Finance - CeFi) และไม่ได้ถูกใช้แค่กับระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง (Decentralized Finance - DeFi) เช่นการแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโต หรือยิลด์ฟาร์มมิ่งเท่านั้น ที่มา - Bloomberg ภาพจากเว็บไซต์ Bank of America
# Google จับมือ Samsung นำ Wear OS รวมกับ Tizen เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Wear Wear OS ระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทวอทช์ของ Google ที่ไม่แพร่หลายนัก เนื่องจากไม่มีฮาร์ดแวร์ที่ Google ทำเองและผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์เจ้าใหญ่ๆ เช่น Samsung ใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen บนสมาร์ทวอทช์ของตัวเอง มาวันนี้ Google จับมือกับ Samsung เตรียมประสานแพลตฟอร์ม Wear OS กับ Tizen เข้าด้วยกัน พร้อมเปลี่ยนชื่อ ตัดคำว่า OS ออก เหลือแค่ Wear เฉยๆ และจะอยู่บนสมาร์ทวอทช์ภายในปีนี้ ระบบฟิตเนสของ Fitbit ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Wear ด้วย โดย Google ซื้อ Fitbit เสร็จสิ้นในปีนี้ และในหน้าแนะนำ Wear ก็มีโลโก้ Fitbit คู่กับกลุ่มโลโก้บริการของ Google Google ระบุว่า Wear จะมาพร้อมกับ UX, UI แบบใหม่ ทั้งหน้าตาของนาฬิกา และการใช้งาน แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าหน้าปัดแบบหมุนที่ Samsung เคยใช้ จะถูกนำมาใช้ด้วยหรือไม่ ส่วนในด้านแอป จะมาพร้อมกับ Tiles API และ watch face editor ของ Tizen ในแง่ประสิทธิภาพ Wear ปรับปรุงเลเยอร์ระดับล่างของระบบปฏิบัติการให้แบตเตอรี่ยาวนานขึ้น ใช้ประโยชน์จากคอร์พลังงานต่ำมากขึ้น ส่วนการทำงานของแอพจะเรียกได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 30% และแอนิเมชันต่างๆ จะลื่นไหลมากขึ้น Samsung ยังไม่ได้เปิดตัวนาฬิกาใหม่ที่ใช้ Wear ในตอนนี้ แต่ความร่วมมือครั้งนี้แปลว่า Galaxy Watch จะใช้บริการต่างๆ ของ Google เช่น Assistant, Maps, Google Pay, YouTube Music ได้เต็มที่ และจะมีแอปใหม่ๆ สำหรับสมาร์ทวอทช์ที่ปรับปรุงดีขึ้น เยอะขึ้น เรียกได้ว่ายุคทองของ Galaxy Watch อาจใกล้เข้ามาแล้ว และอาจทำให้ Wear (OS) แพร่หลายได้สักที ในแถลงการของ Samsung ระบุว่า Galaxy Watch รุ่นเก่า จะไม่ได้อัพเป็น Wear OS แต่ยังได้อัพเดต Tizen ต่อจนครบ 3 ปี นับจากปีที่วางจำหน่าย ที่มา - Google, Samsung
# กูเกิลเปิดตัว Shopping Graph ชุดข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับสินค้า เพื่อให้ผู้ใช้เจอสินค้าที่ต้องการบนกูเกิล ในงาน Google I/O กูเกิลเปิดให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจกต์ Shopping Graph เป็นชุดข้อมูลใหญ่เพื่อให้ผู้ใช้หาสินค้าต่างๆ บนแพลตฟอร์มกูเกิลเจอง่ายขึ้น เป็นการดึงข้อมูลสินค้าและราคาจากเว็บไซต์ต่างๆ, วิดีโอ และข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ดึงมาจากแบรนด์และผู้ค้าปลีกโดยตรงเพื่อช่วยให้ข้อมูลแก่ผู้ซื้อของออนไลน์ได้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อดูรูปภาพใน Google Photos กูเกิลจะสามารถแสดงคำแนะนำให้ค้นหารูปภาพโดยใช้ Google Lens เพื่อช่วยหาสินค้าในรูปภาพที่มีขายตามแพลตฟอร์มต่างๆ ของกูเกิล และเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เองที่กูเกิลทดสอบฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซใน YouTube สามารถกดซื้อสินค้าที่ครีเอเตอร์แนะนำได้โดยตรงบน YouTube เป็นต้น การทำเช่นนี้ได้ กูเกิลต้องมีชุดข้อมูลมากพอ ซึ่งการที่กูเกิลเปิดให้ธุรกิจมาเปิดหน้าร้านฟรีบน Google Shopping ทำให้ได้ข้อมูลมหาศาล นอกจากนี้กูเกิลยังประกาศร่วมมือกับ Shopify ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับเปิดร้านค้าออนไลน์ ในการดึงผู้ขายกว่า 1.7 ล้านรายมาทำหน้าร้านบนกูเกิล กูเกิลบอกด้วยว่าตั้งแต่เปิดให้ธุรกิจสร้างหน้าร้านฟรีบน Google Shopping พบว่าขนาดแคตตาล็อกสินค้าเพิ่มขึ้น 70% และผู้ขายเพิ่มขึ้น 80% นอกจากนี้ กูเกิลยังเพิ่มโมดูลใหม่ใน Google Chrome คือ Your Carts เก็บรายการสินค้าที่สั่งในตะกร้าไว้แต่ยังไม่ได้กดสั่งซื้อ หรือยังไม่พร้มจะซื้อในขณะนั้น เมื่อตัดสินใจจะซื้อก็กดเข้ามาที่ Your Carts ได้ทันที ที่มา - TechCrunch, กูเกิล
# ลาก่อน Windows 10X ไมโครซอฟท์เลิกทำ OS แยก, ผนวกเข้ากับ Windows 10 รุ่นปกติ จากที่มีข่าวลือ Windows 10X โดนยกเลิก วันนี้ข่าวอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว Panos Panay หัวหน้าทีม Windows อธิบายในโพสต์เดียวกับ Windows 10 v21H1 เปิดให้อัพเดต ว่าจะไม่แยกทำ Windows 10X เป็นอีกรุ่นจาก Windows 10 รุ่นปกติแล้ว แต่จะใช้วิธีนำฟีเจอร์หรือเทคโนโลยีบางอย่างของ 10X มาใส่ใน 10 หรือซอฟต์แวร์อื่นๆ ของบริษัทแทน ตัวอย่างฟีเจอร์ที่เขาเอ่ยถึงว่าเข้ามาใน 10 คือ การรันแอพในคอนเทนเนอร์ของ 10X ถูกนำมาใช้กับ Microsoft Defender Application Guard (ข่าวเก่า), ฟีเจอร์การพิมพ์ด้วยเสียง Voice Typing ที่พัฒนาขึ้น และ touch keyboard ตัวใหม่ (ข่าวเก่า) อย่างไรก็ตาม Panos ไม่ได้พูดถึงตัว UI ใหม่ของ 10X ว่าจะมีอนาคตอย่างไรต่อไป รวมถึงชะตาของแท็บเล็ตสองจอ Surface Neo ที่แผนเดิมจะใช้ Windows 10X ด้วย ที่มา - Microsoft
# กูเกิลเพิ่มปุ่ม Google Meet ใน Google Docs, Slides และ Sheets ไม่ต้องสลับแอปเพื่อคุยงาน เก็บตกการอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน Google Workspace เน้นฟีเจอร์การทำงานร่วมกันโดยสลับแอปให้น้อยที่สุดภายใต้คอนเซปต์ Smart Canvas โดยกูเกิลเพิ่มปุ่มวิดีโอคอล Google Meet ใน Google Docs, Slides และ Sheets เท่ากับว่าผู้ใช้งานสามารถกดวิดีโอคอลหาเพื่อนร่วมงานและพูดคุยเกี่ยวกับงานตรงหน้าได้ทันที เริ่มเปิดใช้งานช่วงปลายปีในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ กูเกิลยังเพิ่มการแปลคำบรรยายสดใน Google Meet จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาอื่นได้แก่ สเปน, โปรตุเกส, ฝรั่งเศส, หรือเยอรมันและจะเพิ่มภาษาอื่นเข้ามาในอนาคต นอกจากนี้ กูเกิลยังเพิ่มช่อง Google Chat พิมพ์คุยงานใน Google Sheets, Docs และ Slides ด้วย ที่มา - กูเกิล
# Windows 10 May 2021 Update (v21H1) เริ่มปล่อยอัพเดตให้ผู้ใช้ทั่วไปแล้ว ไมโครซอฟท์ปล่อย Windows 10 May 2021 Update (v21H1) อัพเดตใหญ่ประจำรอบต้นปี 2021 ให้กับผู้ใช้ทั่วไปผ่าน Windows Update แล้ว เบื้องต้นยังจำกัดวงเฉพาะการอัพเกรดจาก Windows 10 v2004 ขึ้นไป และฮาร์ดแวร์พร้อมกับการอัพเดตด้วย ผู้ที่ต้องการอัพเดตต้องกด Check for updates เองก่อน ส่วนผู้ที่ลองแล้วยังอัพเดตไม่ได้ สามารถตรวจสอบปัญหาฮาร์ดแวร์ได้จากหน้าเพจ known issues ของไมโครซอฟท์ Windows 10 v21H1 มีฟีเจอร์ใหม่ไม่เยอะนัก (รายชื่อฟีเจอร์) ตัวมันเองใช้แกน OS เดียวกับ v2004 และ v20H2 ทำให้กระบวนการอัพเดตรวดเร็ว ไม่ต่างอะไรจากการอัพเดตแพตช์รายเดือน ที่มา - Microsoft
# กูเกิลเผยโฉม Project Starline บูธวิดีโอคอล ใช้เซนเซอร์กล้องจับความลึก เหมือนมานั่งคุยกันต่อหน้าจริงๆ ในงาน Google I/O มีการพรีวิวงานวิจัยล่าสุดคือ Project Starline ที่เหมาะสมกับยุคคนเหงาที่ต้องแยกจากกันในช่วงโรคระบาด COVID-19 เป็นการวิดีโอคอลคุยกันแบบที่เราต้องเข้าไปนั่งในบูธ และคุยกับคนจากจออีกฝั่งหนึ่งแบบสมจริงเหมือนมีคนมานั่งคุยด้วยตรงที่นั่งตรงข้าม ในการทำ Project Starline กูเกิลต้องใช้กล้องและเซนเซอร์จับท่าทาง สีหน้าและการสนทนาเพื่อให้สามารถแสดงวิดีโอได้แบบทุกมุมไม่ว่าจะมองจากมุมไหน หลังจากนั้นก็นำข้อมูลมาประกอบเป็น 3D model และถ่ายทอดสดไปยังหน้าจอที่บูธ เว็บไซต์ Wired รายงานด้วยว่าบูธที่นั่งใน Project Starline มีเซ็นเซอร์วัดความลึกที่แตกต่างกันเป็นโหลและมีจอแสดงผลขนาด 65 นิ้วเพื่อทำให้ผู้คนปรากฏในรูปแบบ 3 มิติด้วยขนาดรูปร่างจริง ให้ความรู้สึกต่างจากการวิดีโอคอลตัวต่อตัวทั่วไป Project Starline กำลังทดสอบใช้งานในสำนักงานกูเกิลบางแห่ง ที่มา - The Verge, Google
# Google Maps แสดงรายละเอียดทางม้าลาย ปรับขนาดถนนให้สมจริง, แสดงสถานที่ให้เหมาะกับเวลา Google Maps อัพเดตฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง เริ่มจากแสดงรายละเอียดขนาดถนนและทางเท้าให้สมจริงมากขึ้น เพิ่มสัญลักษณ์ทางม้าลาย เกาะกลางถนน ป้ายสัญญานไฟจราจร ให้การใช้งานสะดวกมากขึ้นโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานวีลแชร์ ฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดใช้งานใน 50 เมือง เช่น เบอร์ลิน, เซาเปาโล, ซีแอตเทิลและสิงคโปร์ ภายในปีนี้ ขยายการแสดงให้เห็นพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่านให้เห็นมากขึ้น นอกเหนือจากห้างร้านต่างๆ ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นภาพรวมในพื้นที่นั้นๆ ว่าคนไปอยู่กันที่จุดไหน โดยจะแสดงเป็นพื้นที่สีเหลืองตามรูปภาพ แสดงการแนะนำสถานที่ให้สอดคล้องกับเวลาที่ค้นหา เช่นหากเปิด Google Maps ในตอนเช้า ระบบจะแสดงห้างร้านที่เหมาะกับเวลาเช้า เช่นร้านกาแฟ ร้านขนมปัง แทนที่จะเสนอการแนะนำร้านทั้งหมดที่เปิดในช่วงเวลาอื่นๆ ด้วย เพิ่มการแสดงรายละเอียดใน Live View หรือชื่อเดิมคือ Google Maps AR ที่ใช้ AR นำทางเวลาเดินเท้า แสดงชื่อร้าน เวลาเปิด-ปิดให้หาสถานที่เจอง่ายขึ้นแม้อยู่ท่ามกลางสถานที่ที่เต็มไปด้วยตึกเบียดกัน ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้จะเปิดใช้งานใน Google Maps ทั่วโลกภายในเดือนหน้า ยกเว้นฟีเจอร์แสดงรายละเอียดขนาดถนน ที่จะเปิดใช้งานใน 50 เมืองก่อนภายในปีนี้ ที่มา - Google
# Google Photos เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Memories แบบ Personalized, สร้างภาพเคลื่อนไหวจากชุดภาพนิ่ง กูเกิลประกาศฟีเจอร์ใหม่หลายรายการสำหรับ Google Photos โดยยังคงเน้นที่คุณสมบัติของ Memories ที่คัดเลือกรูปภาพในความทรงจำมาแสดงผลย้อนหลัง ซึ่งกูเกิลบอกว่ารูปภาพที่ถูกอัพโหลดมาใน Google Photos มีมากกว่า 4 พันล้านภาพที่ไม่เคยถูกเปิดดูเลยด้วยซ้ำ ฟีเจอร์ใหม่ในการคัดเลือก Memories นี้จะปรับแต่งหัวข้อสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคนมากขึ้น (Personalized) โดยตัวอย่างหัวข้อที่กูเกิลแสดง เช่นการจับแพทเทิร์นรูปภาพที่มีการสะพายเป้เดินป่าใบเดียวกัน แล้วรวมมาเป็น Memories หัวข้อการออกผจญภัยกับเป้สีส้ม เป็นต้น เมื่อปลายปีที่แล้วกูเกิลเปิดตัว Cinematic photo ที่สร้างรูป 3D ขึ้นจากรูป 2D ฟีเจอร์นี้ถูกปรับปรุงไปอีกขั้นในชื่อ Cinematic moments โดยนำภาพนิ่งของเหตุการณ์ที่อยู่ในลำดับเวลาที่ต่อเนื่องกัน มาสร้างวิดีโอสั้นภาพเคลื่อนไหว จากการจับตำแหน่งในรูปภาพ สุดท้าย Google Photos เพิ่มคุณสมบัติที่มีผู้ใช้งานร้องขอมาจำนวนมาก คือการซ่อน Memories ที่ไม่ต้องการออกไปจากการแสดงผล ที่มา: กูเกิล Memories แบบ Personalized Cinematic moments
# กูเกิลปล่อย Android 12 Beta: หน้าจอ Material You, ออกแบบ Widget ใหม่, หยุดแอปที่ไม่ได้ใช้นาน กูเกิลเปิดตัว Android 12 Beta ในงาน Google I/O โดยมีฟีเจอร์สำคัญคือการปรับหน้าจอทั้งหมดมาใช้ระบบออกแบบ Material You ทำให้สามารถปรับสีได้ทั้งระบบได้ด้วยการเลือกภาพพื้นหลังใหม่ ระบบ widget ของ Android 12 ออกแบบใหม่ เพิ่มปุ่มเปิดปิด, ตัวเลือก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถอินพุตใส่ widget ได้มากขึ้น และยังมี API สำหรับดึงค่าสีจากระบบ (เพื่อให้เข้ากับหน้าจอ Material You ที่ดึงสีจากภาพพื้นหลัง) ฟีเจอร์ App hibernation เป็นโหมดกึ่งถอดแอปออกจากระบบในกรณีที่ผู้ใช้ติดตั้งแอปไว้แต่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน ตัวแอนดรอยด์จะถอดสิทธิ์ที่ผู้ใช้เคยให้ไว้ทั้งหมดเอง, หยุดโปรเซสเบื้องหลังเพื่อประหยัดแรม, และดึงสตอเรจกลับ ระบบ permission ในเวอร์ชั่นนี้ยังเปิดให้แอปที่ต้องการสแกน Bluetooth ไม่ต้องขอสิทธิ์ Location อีกต่อไป แต่เป็นสิทธิ์ BLUETOOTH_SCAN และหลังจากเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แล้วก็ใช้เพียงแค่สิทธิ์ BLUETOOTH_CONNECT Android 12 ปล่อยรอม Beta แล้ววันนี้ มีโทรศัพท์ถึง 10 แบรนด์นอกจาก Pixel ร่วมทดสอบ ได้แก่ ASUS, OnePlus, Oppo, Realme, Sharp, TCL, Transsion, Vivo, Xiaomi, และ ZTE คาดว่าจะเข้าสู้ช่วงเสถียรเดือนสิงหาคมนี้ ที่มา - Android Developer Blog
# กูเกิลเปิด Material You ระบบออกแบบใหม่ ปรับสีได้ตามแนวทางของผู้ใช้ กูเกิลเปิดตัวระบบออกแบบที่ปรับปรุงจาก Material Design เป็นระบบที่ปรับตามผู้ใช้ได้ในชื่อ Material You ที่มีฟีเจอร์หลักคือสามารถปรับสีได้ตามผู้ใช้ โดยอาศัยการดึงชุดสี (palette) ออกจากภาพพื้นหลังที่ผู้ใช้ตั้งไว้ Material You จะเล่นกับอนิเมชั่นของ UI ต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจง่ายขึ้น ขณะเดียวกันระบบออกแบบก็สามารถปรับปรับให้เข้าถึงได้ง่าย เช่น ตัวอักษรชัดเจนขึ้น ภาพต่างๆ มีเส้นตัดชัดเจน แนวทางเช่นนี้ทำให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถปรับแต่งหน้าจอให้เข้ากับความต้องการของตัวเองได้ Material You เริ่มใช้ใน Android 12 ที่ปล่อยรุ่นพรีวิวให้นักพัฒนาทดสอบแล้ววันนี้ ที่มา - Material Blog
# กูเกิลเปิดตัวศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ควอนตัม มุ่งหน้าสู่เครื่องระดับล้านคิวบิต กูเกิลเปิดศูนย์พัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมในเมือง Santa Barbara รวมเอาศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ควอนตัม, ห้องวิจัย, และศูนย์ผลิตชิปควอนตัมไว้ในศูนย์เดียวกัน โดยมีเป้าหมายใหญ่คือการสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบ quantum error-correction ที่มีขนาด 1,000,000 คิวบิต แต่ใช้งานจริงเหมือนเครื่อง 1,000 คิวบิต กูเกิลเคยแถลงถึงเป้าหมายคอมพิวเตอร์ควอนตัมระดับล้านคิวบิตไว้ตั้งแต่ปี 2019 หลังจากกูเกิลคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่แก้ปัญหา Quantum Supremacy หรือการแก้โจทย์ที่คอมพิวเตอร์ปกติไม่สามารถทำได้แม้จะทุ่มทรัพยากรลงไปมหาศาล (โจทย์ไม่มีประโยชน์ในโลกความเป็นจริงแต่เป็นโจทย์ที่คอมพิวเตอร์ปกติแก้ไม่ได้) การสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบ quantum error-correction ได้สำเร็จ กูเกิลจะต้องสร้างทรานซิสเตอร์ควอนตัมโดยอาศัยคิวบิตจำนวน 1,000 คิวบิตทำงานร่วมกันเหมือนเป็นทรานซิสเตอร์คิวบิตเดียว แต่ทำงานได้สมบูรณ์เหมือนไม่มีสัญญาณรบกวนใดๆ เพียงแค่ทรานซิสเตอร์บิตแรกนี้คาดว่าจะต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะสำเร็จ และเมื่อทำทรานซิสเตอร์มาประกอบกันสำเร็จก็จะสร้างเป็นคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้ ที่มา - Google Blog
# กูเกิลสาธิตปัญญาประดิษฐ์ LaMDA รุ่นปรับปรุง คุยได้แทบเหมือนมนุษย์ ในงาน Google I/O ปีนี้ กูเกิลสาธิตปัญญาประดิษฐ์ LaMDA ที่ออกแบบมาเพื่อบทสนทนาโดยเข้าใจเรื่องราวที่กำลังคุยกันอยู่ แม้กูเกิลจะสร้าง LaMDA และรายงานผลการพัฒนามาตั้งแต่ต้นปี 2020 แต่กูเกิลก็พบว่าสามารถนำโมเดลปัญญาประดิษฐ์มาฝึกเรื่องราวเฉพาะทางได้ กูเกิลสาธิตการใช้งานด้วยการให้ LaMDA เป็นเครื่องบินกระดาษ ผู้ใช้สามารถสนทนากับเครื่องบินกระดาษได้เหมือนเป็นตัวละครสมมติ เช่น ผู้ใช้ถามว่า "คุณเป็นเครื่องบินกระดาษที่ดีไหม" ตัว LaMDA จะถามกลับได้ว่า "ขึ้นกับคำว่าดีแปลว่าอะไร บางคนอาจจะแปลว่าบินได้ไกล บางคนอาจจะแปลว่าบินได้ตรง" กูเกิลกำลังตรวจสอบว่า LaMDA สามารถตอบคำถามได้อย่าง "ถูกต้อง" จริงหรือไม่ หรือแค่ตอบคำถามที่ดู "สมเหตุสมผล" เท่านั้น ก่อนจะนำ LaMDA ไปใช้งานกับบริการจริง ที่มา - Google
# Google Wave ตื่นมาจากหลุม, Google Workspace เพิ่มฟีเจอร์ใน Docs: เมนชั่น, แนบไฟล์, ใช้จดประชุม กูเกิลประกาศอัพเดตบริการ Google Workspace ในสามแอปหลักคือ Docs, Sheets, และ Slide ทั้งสามแอปจะสามารถแก้ไขและสร้างไฟล์ใหม่ระหว่างประชุมใน Google Meet หรือในแชต Google Chat ได้ทันที ตัว Google Docs เพิ่มฟีเจอร์สำคัญเป็นชุด ได้แก่ การเมนชั่นคนในไฟล์เอกสารโดยตรง, วางไฟล์ลงไปในตัวเอกสาร พร้อมรูปแบบเอกสารแบบไม่มีหน้ากระดาษ ทำให้แก้ไขเป็นธรรมชาติกับเว็บมากขึ้น สามารถใส่ตารางเฉพาะทางลงในเอกสาร เช่นการติดตามโครงการ และสามารถกดอีโมจิตามส่วนต่างๆ ของเอกสารได้ Sheets เพิ่มฟีเจอร์สำคัญคือสามารถแสดงเอกสารเป็น timeline เพื่อการประสานงานโครงการได้ ตัวสร้างสูตรเมื่อมีความผิดพลาดจะสามารถแนะนำสูตรที่ถูกต้องให้อัตโนมัติ ที่มา - Google
# Sidewalk Labs เปิดตัว Pebble ระบบเก็บข้อมูลพื้นที่จอดรถแบบเรียลไทม์ Sidewalk Labs บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีสมาร์ทซิตี้ในกลุ่ม Alphabet เปิดตัว Pebble ระบบสำหรับเก็บและแสดงข้อมูลการจอดรถแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยในการบริหารจัดการที่จอดรถในเมือง Sidewalk Labs ระบุว่า ปัญหาที่จอดรถในเมืองเป็นปัญหาที่ซับซ้อน บางครั้งที่จอดไม่พอ สร้างปัญหาจราจรหรือมลภาวะ และบางครั้งที่จอดมากเกินไป เป็นภาระในการดูแลและไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพื้่นที่มากเท่าที่ควร แต่ผู้วางแผนไม่มีข้อมูลสในการจัดการระบบจอดรถให้เหมาะสม เทคโนโลยีที่มีอยู่ปัจจุบันก็แพง, ติดตั้งยาก หรือไม่ก็ละเมิดความเป็นส่วนตัวมากเกินไป จึงเกิดเป็น Pebble เทคโนโลยีเก็บข้อมูลที่จอดรถที่ติดตั้งง่ายและราคาไม่แพง รวมถึงไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ด้วย Pebble มีเซนเซอร์เซนเซอร์ทรงกลมขนาดเล็กสำหรับติดตั้งที่พื้นลานจอดรถเพื่อเก็บข้อมูลว่ามีรถจอดอยู่หรือไม่ และมีเกตเวย์เก็บรวบรวมข้อมูลจากเซนเซอร์ส่งขึ้นคลาวด์ผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์เพื่อนำไปประมวลผลและใช้งานต่อ ซึ่งข้อมูลที่ Pebble เก็บมาจะไม่ใช่ข้อมูลระบุตัวตนของบุคคลหรือยานพาหนะ เซนเซอร์จะบอกแค่มีรถจอดหรือไม่เท่านั้น ซึ่ง Sidewalk Labs ออกแบบให้เซนเซอร์ใช้งานได้นานหลายปี และเกตเวย์ก็สามารถทำงานได้ตลอดเวลาเนื่องจากใช้พลังแสงอาทิตย์ การมีข้อมูลที่จอดรถแบบเรียลไทม์จะช่วยย้ำเตือนให้คนขับรถรับทราบว่าที่จอดมีจำกัด ซึ่งจะเป็นการเชิญชวนให้ใช้ระบบ park and ride เพื่อต่อขนส่งสาธารณะทางอ้อม รวมถึงข้อมูลเหล่านี้ยังมีประโยชน์ในการใช้วิเคราะห์และวางแผนการสร้างที่จอดรถ เพราะที่จอดรถบางที่สามารถใช้ร่วมกันได้ ซึ่งจะทำให้การใช้พื้นที่ในเมืองโดยรวมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่มา - Sidewalk Labs (Medium), TechCrunch
# Walmart ซื้อกิจการ Zeekit สตาร์ทอัพที่พัฒนาระบบลองชุดแบบ Virtual Walmart ห้างค้าปลีกรายใหญ่ในอเมริกา ประกาศเข้าซื้อกิจการ Zeekit สตาร์ทอัพจากอิสราเอลที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านแฟชั่น ผ่านระบบการลองสวมใส่ชุดแบบเสมือน (Virtual) เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการซื้อสินค้าออนไลน์ให้กับลูกค้า เทคโนโลยีของ Zeekit จะนำเข้ามาใช้ในเว็บของ Walmart ลูกค้าสามารถเลือกอัพโหลดภาพถ่ายตนเอง หรือเลือกจากนางแบบที่มีส่วนสูง รูปร่าง สีผิว ใกล้เคียงกับตน จากนั้นเลือกการลองชุดเพื่อดูผลลัพธ์ที่เหมือนกับได้ลองชุดในร้าน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติโซเชียล เพื่อแชร์ภาพการลองชุดเสมือนให้เพื่อนช่วยออกความเห็นได้อีกด้วย Denise Incandela รองประธานฝ่ายสินค้าเครื่องแต่งกายของ Walmart กล่าวว่าระบบลองชุดแบบเสมือน เป็นตัวเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการขายเสื้อผ้าบนช่องทางออนไลน์ และเทคโนโลยีของ Zeekit ก็เข้ามาช่วยเติมเต็มสิ่งนี้ ที่มา: Walmart
# NVIDIA ลดค่าแฮช RTX 3080, 3070, 3060 Ti มาตั้งแต่โรงงาน พร้อมแปะตรา LHR ให้รู้ NVIDIA ประกาศปรับลดค่าแฮช (ETH hash rate) ของการ์ดจอ RTX 3080, RTX 3070, RTX 3060 Ti มาตั้งแต่โรงงาน เพื่อแก้ปัญหาการ์ดจอถูกนำไปใช้ขุดคริปโตจนขาดตลาด มีไม่พอต่อความต้องการของเกมเมอร์ทั่วโลก การ์ดจอเวอร์ชันลดค่าแฮชจะแปะตรา Lite Hash Rate หรือตัวย่อ LHR เพื่อความโปร่งใส ทั้งบนกล่องผลิตภัณฑ์และในสเปกรายการสินค้า การเปลี่ยนแปลงจะมีผลกับสินค้าที่วางขายช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนการ์ดเก่าที่ผลิตไปแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ เมื่อต้นปีนี้ NVIDIA เคยใช้วิธีลดพลังแฮชของ RTX 3060 ที่ระดับไดรเวอร์ แต่สุดท้ายถูกแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว (บวกกับเผลอทำพลาดเองด้วย) ต้องรอดูกันว่าความพยายามของ NVIDIA รอบนี้จะประสบความสำเร็จแค่ไหน ที่มา - NVIDIA
# Spotify เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ แสดงคำบรรยายระหว่างฟัง Podcast ช่วงแรกจำกัดเฉพาะบางรายการ Spotify ประกาศเพิ่ม 3 ฟีเจอร์ใหม่ ด้วยเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยฟีเจอร์แรกคือการปรับสีปุ่ม รูปแบบตัวหนังสือและขนาด เพื่อให้คนที่มีปัญหาการมองไม่ชัดเจน สามารถแยกแยะและใช้งานได้ดีขึ้น คุณสมบัติต่อมาสำหรับผู้ใช้ iOS ที่เลือกปรับขนาดตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้นใน Settings จะพบตัวหนังสือที่ใหญ่ขึ้นเช่นกันในแอป ทำให้อ่านข้อความได้สะดวกขึ้น ฟีเจอร์สุดท้ายคือการแสดงตัวหนังสือบรรยายแบบเรียลไทม์ ประกอบการฟังรายการพอดคาสต์ โดยเริ่มกับรายการเอ็กคลูซีฟและออริจินัลใน Spotify ก่อน จำกัดเฉพาะผู้ใช้งานเบต้าที่ได้รับการทดสอบในช่วงแรก ทำให้ผู้ฟังพอดคาสต์สามารถเลือกอ่านได้แทนการฟัง Spotify มีเป้าหมายว่าจะทำให้คุณสมบัตินี้รองรับกับทุกรายการพอดคาสต์ในแพลตฟอร์ม คุณสมบัติทั้งหมดจะเริ่มทยอยเปิดใช้งานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่มา: Spotify
# [ลือ] iPad Pro รุ่นจอ Mini-LED 12.9 นิ้ว มีปัญหาในการผลิต อาจเริ่มส่งสินค้าได้ช้า เมื่อเดือนที่แล้ว แอปเปิลเปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ หน้าจอ 11 นิ้ว และรุ่นหน้าจอ 12.9 โดยมีกำหนดเริ่มส่งมอบสินค้าตั้งแต่ 21 พฤษภาคม เป็นต้นไป แต่รายงานล่าสุดบอกว่ารุ่นจอ 12.9 นิ้ว อาจมีปัญหาในการส่งมอบ โดย Bloomberg อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า iPad Pro รุ่นใหม่หน้าจอ 12.9 นิ้ว ที่ใช้หน้าจอแบบใหม่ Liquid Retina XDR เป็น Mini-LED มีปัญหาในสายการผลิต จากชิ้นส่วนหน้าจอที่ผู้ผลิตไม่สามารถผลิตให้รองรับความต้องการจำนวนมากได้ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้การส่งมอบสินค้าอาจช้าออกไปอีกจากแผนเดิม หากสั่งซื้อ iPad Pro รุ่นจอ 12.9 นิ้ว ในเว็บแอปเปิลตอนนี้ จะกำหนดวันส่งมอบเป็นช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ขณะที่ในรุ่นจอ 11 นิ้ว ซึ่งใช้จอแบบ LCD เหมือนเดิม จะเริ่มจัดส่งได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ตัวแทนของแอปเปิลปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ที่มา: Bloomberg
# [ข่าวลือ] Amazon สนใจซื้อสตูดิโอ MGM เจ้าของภาพยนตร์ James Bond เว็บไซต์ข่าวบันเทิง Variety รายงานว่า Amazon ยักษ์ใหญ่ของวงการอีคอมเมิร์ซ กำลังเจรจาซื้อบริษัทสื่อบันเทิง MGM เจ้าของโลโก้สิงโตที่เรารู้จักกันดี เหตุผลนั้นชัดเจนว่า Amazon ต้องการเสริมคอนเทนต์ในบริการสตรีมมิ่ง Amazon Prime Video ในตลาดสตรีมมิ่งที่กำลังแข่งขันสูง สตูดิโอ MGM หรือชื่อเต็ม Metro-Goldwyn-Mayer Pictures เป็นเจ้าของภาพยนตร์ดังๆ อย่าง James Bond, Pink Panther, Rocky, RoboCop, Stargate, The Handmaid's Tale แต่ช่วงหลังก็มีปัญหาทางการเงินอยู่เรื่อยๆ และมีข่าวว่ามองหาผู้ซื้อกิจการอยู่เช่นกัน ราคาตามข่าวบอกว่าเสนอขายที่ 9 พันล้านดอลลาร์ Amazon มีสตูดิโอสร้างคอนเทนต์ของตัวเองอยู่แล้วคือ Amazon Studios ที่มีผลงานอย่างเรื่อง The Marvelous Mrs. Maisel, Man in the High Castle, Manchester by the Sea และ Jack Ryan ที่มา - Variety
# Twilio ซื้อกิจการ Zipwhip แพลตฟอร์มรับส่ง SMS สำหรับเบอร์ Toll-Free ในอเมริกา มูลค่าดีล 850 ล้านดอลลาร์ Twilio ประกาศบรรลุข้อตกลงในการซื้อกิจการ Zipwhip ด้วยมูลค่ารวม 850 ล้านดอลลาร์ โดยจ่ายเป็นเงินสดและหุ้นของบริษัท คาดว่าดีลจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ บริการของ Zipwhip เป็นระบบรับส่งข้อความ SMS สำหรับธุรกิจร้านค้า ทำงานได้ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ทุกประเภทรวมทั้งแบบ Fixed Line และ Toll-Free ในอเมริกา ทำให้ทั้งธุรกิจและลูกค้ามีความสะดวกในการติดต่อระหว่างกัน ผู้บริหารของ Twilio บอกว่าบริการของ Zipwhip จะนำมารวมเข้ากับบริการที่ Twilio มีอยู่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการรับส่ง SMS และการรับส่งข้อความผ่านแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่มา: Twilio
# เก่งแต่นอกจีน? New York Times เผยแอปเปิลยอมไม่เข้ารหัสเซิร์ฟเวอร์ในจีน แบนแอปมากกว่าที่เห็น The New York Times ได้เอกสารภายในที่ยื่นชั้นศาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงสัมภาษณ์ทั้งอดีตและพนักงานปัจจุบันของแอปเปิล 17 คน, ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย 4 คน เผยข้อมูลที่ไม่เคยได้รับการรายงานที่ไหนมาก่อนว่าแอปเปิลมีความประนีประนอมกับรัฐบาลจีนมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะเรื่องการเซนเซอร์เนื้อหาตามแนวทางรัฐบาลจีน การปฏิเสธการเข้ารหัสในเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในจีน การวิเคราะห์ของ The New York Times พบว่ามีแอปจำนวนมากกว่าที่รายงานข่าวหายไปจาก App Store ในจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่แอปข่าวสารต่างประเทศ, แอปหาคู่รักเพศเดียวกัน, แอปแชทเข้ารหัส, บล็อกเครื่องมือช่วยการประท้วง และบล็อกเนื้อหาเกี่ยวกับดาไล ลามะ โดยตั้งแต่ปี 2017 แอปที่ใช้งานอยู่ประมาณ 55,000 แอปได้หายไปจาก App Store จีน ซึ่งกว่า 35,000 แอปเป็นเกม ภาพประกอบจาก แอปเปิล ด้านศูนย์ข้อมูลของแอปเปิลในจีน การประนีประนอมของแอปเปิลทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดรัฐบาลจีนไม่ให้เข้าถึงข้อมูลประชาชนอย่าง อีเมลรูปภาพ เอกสารรายชื่อติดต่อ และที่ตั้งของผู้อยู่อาศัยในจีนหลายล้านคนได้เลย เนื่องจากใช้บุคลากรของรัฐในการดูแล ไม่ใช้การเข้ารหัสเนื่องจากรัฐบาลจีนไม่อนุญาต จากการสัมภาษณ์พนักงาน ยังระบุด้วยว่า ทิม คุก เองก็พยายามค้านอำนาจของรัฐบาลจีนภายใต้ สี จิ้นผิง ที่พยายามควบคุมบริษัทต่างประเทศ แต่สุดท้ายก็ต้านไม่อยู่ ยอมอนุมัติแผนการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าบนเซิร์ฟเวอร์ของจีน ในประเทศจีน แอปเปิลได้ยกสิทธิ์การเป็นเจ้าของข้อมูลลูกค้าตามกฎหมายให้กับบริษัท Guizhou-Cloud Big Data หรือ GCBD ซึ่งเป็นบริษทของรัฐบาล อยู่ในมณฑลกุ้ยโจว ลูกค้าชาวจีนต้องยอมรับเงื่อนไขใหม่ของ iCloud ที่ระบุว่า GCBD เป็นผู้ให้บริการและแอปเปิลเป็นบริษัทที่เพิ่มเติมเข้ามา ตัวเงื่อนไขระบุว่า แอปเปิลและ GCBD จะสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดที่จัดเก็บไว้ในบริการนี้ รวมถึงสิทธิ์ในการแบ่งปันแลกเปลี่ยนและเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้มีศูนย์ข้อมูลของแอปเปิลในเมือง Guiyang ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในเร็วๆ นี้ และศูนย์ข้อมูลในแคว้น Inner Mongolia ซึ่ง ทิม คุก เคยให้สัมภาษณ์ว่าตัวข้อมูลนั้นจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัย Nicholas Bequelin ผู้อำนวยการ Amnesty International กลุ่มสิทธิมนุษยชนประจำภูมิภาคเอเชียกล่าวว่า แอปเปิลกำลังกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของรัฐบาลจีนในการเซนเซอร์เนื้อหา ซึ่งจากพฤติกรรมการควบคุมของรัฐบาลจีนที่ผ่านมา มองไม่เห็นการต่อต้านใดๆ จากแอปเปิลเลย The New York Times สัมภาษณ์ Doug Guthrie จากมหาวิทยาลัย George Washington University ที่แอปเปิลในปี 2014 จ้างไว้ทำวิจัยเกี่ยวกับตลาดในประเทศจีน โดยเฉพาะเรื่องซัพพลายเชน ก็ได้ข้อสรุปว่า จีนตอบโจทย์แอปเปิลในเรื่องกำลังการผลิต ในขณะเดียวกันก็ระบุความเสี่ยงจากอำนาจรัฐจีนแก่ผู้บริหารในแอปเปิลไปแล้ว ซึ่งแอปเปิลก็รับรู้ข้อนี้อยู่แล้ว จนกระทั่งในปี 2016 จีนก็ผ่านกฎหมายเก็บข้อมูลผู้ใช้งานไว้ในประเทศจีน ชกระทบการใช้งาน iCloud เต็มๆ ซึ่งถ้าแอปเปิลไม่ยอมทำตามกฎหมาย บริการ iCloud จะต้องถูกปิดใช้งาน ล่าสุดแอปเปิลออกแถลงการณ์ยืนยันว่าใช้มาตรฐานความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานในจีนเท่าเทียบกับระดับเดียวกับประเทศอื่นๆ กฎหมายจีนกำหนดว่าข้อมูล iCloud ที่เป็นของคนชาตินั้นจะต้องอยู่ในประเทศ ซึ่งบริษัทได้ปฏิบัติตามแล้ว แต่ไม่เคยประนีประนอมกับความปลอดภัยของผู้ใช้ ยังคงใช้การเข้ารหัสอยู่ และแอปเปิลเป็นผู้เก็บรักษาคีย์เพื่อความปลอดภัยเอง ที่มา - The New York Times
# [ไม่ยืนยัน] Galaxy Watch 4 จะรัน Wear OS ครอบด้วย One UI หลังมีข่าวลือมาสักพัก และพบหลักฐานในซอร์สโค้ดเคอร์เนลว่า Samsung อาจกำลังทำสมาร์ทวอทช์รัน Wear OS ล่าสุด SamMobile ลงข่าวจากแหล่งข่าวไม่ระบุที่มา ว่าระบบปฏิบัติการของ Galaxy Watch 4 จะเปลี่ยนจาก Tizen OS มาเป็น Wear OS จริงตามข่าวลือ แต่จะครอบทับด้วย One UI 3.x ของซัมซุงเองอีกที One UI แบบใหม่ยังมีหน้าตาคล้ายคลึงกับ Tizen OS อยู่ ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากนัก พร้อมระบุจะมีฟีเจอร์ SmartThings (เช่นการตามหาอุปกรณ์และควบคุมสมาร์ทโฮม) และมีฟีเจอร์ใหม่ ส่งข้อความเสียงสั้นๆ ให้เพื่อนได้คล้ายเป็นวิทยุสื่อสาร SamMobile ระบุว่า Galaxy Watch 4 จะมีสามแบบ คือแบบที่ดูเป็นทางการ เหมาะสำหรับใส่ทำงานหนึ่งแบบ กับอีกสองแบบเป็นแบบนาฬิกาแบบสปอร์ต และมีรุ่น Active สำหรับเล่นกีฬา ยังไม่มีข้อมูลวันเปิดตัวหรือวางจำหน่าย แต่คาดว่าอาจเปิดตัวพร้อมมือถือจอพับได้รุ่นใหม่ ภายในเดือนกรกฎาคม ที่มา - SamMobile ภาพ Galaxy Watch 3
# ทีมงานระบุ Google Stadia ยังอยู่ดี แม้ปิดสตูดิโอภายใน และพนักงานระดับสูงลาออกหลายคน หลัง Google ปิดสตูดิโอสร้างเกมของ Stadia จน Jade Raymond ผู้สร้างซีรีส์ Assassin’s Creed ต้องออกไปตั้งสตูดิโอใหม่พร้อมทีมงานบางส่วน แถม John Justice หัวหน้าทีมผลิตภัณฑ์ของ Stadia ก็ลาออกไปแล้ว ล่าสุด Nate Ahearn หัวหน้าทีม Developer Marketing ของ Stadia ออกมาชี้แจงกับ gameindustry.biz ว่า Google Stadia ยังอยู่ดี และยังเตรียมนำเกมลง Stadia ให้ถึง 100 เกมภายในปี 2021 ตามที่เคยประกาศไว้ พร้อมบอกว่าถ้าใครไม่เชื่อ ให้ดูสิ่งที่ Stadia กำลังลงมือทำ เช่น การจับมือกับสตูดิโอระดับ AAA เช่น EA, Square Enix, Ubisoft, Capcom และเกมใหม่ที่เพิ่งลงแพลตฟอร์ม เช่น Resident Evil Village Ahearn ยังพูดถึงการร่วมมือกับ Unity เพื่อซัพพอร์ตเกมจากสตูดิโออินดี้ ในโปรแกรม Stadia Makers ที่จะสนับสนุนทั้งในด้านเทคนิคและการตลาด ไม่ผูกขาดให้เกมอยู่แค่บน Stadia และจะเพิ่มทรัพยากรให้ทีมวิศวกรเพื่อช่วยเหลือสตูดิโอพาร์ทเนอร์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีบริการหรือสินค้าใดที่ต้องออกมาให้ข่าวว่า “ยังอยู่ดีนะ ไม่ได้หายไปไหน” ส่วนมากแล้วก็มักจะเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีเท่าไร คงต้องติดตามอนาคตของบริการเกมสตรีมมิ่งเจ้านี้กันต่อไป ที่มา - gameindustry.biz
# ไบเดนประกาศส่งออกวัคซีน COVID-19 ล็อตแรก 80 ล้านโดส ไต้หวันเข้าเจรจาขอส่วนแบ่งแล้ว โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศส่งออกวัคซีน COVID-19 รวม 80 ล้านโดสเป็นครั้งแรกนับแต่เกิดโรคระบาด โดยวัคซีนที่จะส่งออกรอบแรกนี้เป็นวัคซีนที่สหรัฐฯ ใช้งานอยู่เอง 20 ล้านโดส และ AstraZeneca ที่สหรัฐฯ ยังไม่อนุญาตให้ใช้งานอีก 60 ล้านโดส โดยไม่ได้ระบุประเทศปลายทางว่าใครจะได้วัคซีนบ้าง หลังไบเดนประกาศไม่กี่ชั่วโมง Hsiao Bi-khim ผู้แทนไต้หวันประจำสหรัฐฯ ก็เปิดเผยว่าทางไต้หวันกำลังเจรจาขอวัคซีนที่สหรัฐฯ จะส่งออกล็อตนี้มาบางส่วน จากเดิมที่สั่ง AstraZeneca ไว้แล้ว 10 ล้านโดส, Moderna 5.05 ล้านโดส และซื้อผ่าน COVAX อีก 4.76 ล้านโดส โดยก่อนหน้านี้ไต้หวันเคยระบุว่าต้องการสั่งวัคซีนจาก Pfizer จำนวน 5 ล้านโดสแต่ถูกทางการจีนกดดันจนต้องยกเลิกข้อตกลงไป ไต้หวันควบคุมการระบาด COVID-19 ได้แทบเบ็ดเสร็จตลอดมา แต่สัปดาห์ที่ผ่านมากลับมีการระบาดจนพบผู้ติดเชื้อถึง 335 คนเมื่อวานนี้ ที่มา - South China Morning Post ภาพจาก Facebook ทำเนียบขาว
# Google Cloud จับมือ Seagate พัฒนาโมเดล ML พยากรณ์ฮาร์ดดิสก์พัง แม่นยำ 98% Google Cloud ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ มีศูนย์ข้อมูลของตัวเอง และต้องใช้งานฮาร์ดดิสก์เป็นจำนวนมาก จับมือกับ Seagate พัฒนาเทคนิค machine learning เพื่อใช้พยากรณ์ว่าฮาร์ดดิสก์จะเสียหรือไม่ กูเกิลบอกว่ามีฮาร์ดดิสก์เป็นล้านๆ ตัว และมีข้อมูล metadata จำนวนมหาศาล เช่น SMART(Self-Monitoring, Analysis and Reporting Technology), Online Vendor Diagnostics (OVD), Field Accessible Reliability Metrics (FARM) ซึ่งไม่สามารถใช้มนุษย์อ่านได้อีกแล้ว จึงต้องใช้ machine learning มาช่วยอ่านข้อมูลแทน โซลูชันของกูเกิลคือนำข้อมูล metadata เหล่านี้เก็บลงในบริการ BigQuery และ Cloud Dataflow ของตัวเอง ใช้ AutoML พัฒนาโมเดล เรียนรู้ด้วย TensorFlow แล้วพัฒนาระบบมอนิเตอร์ด้วย Cloud Functions กับ Cloud Composer กูเกิลเล่าว่าระบบมอนิเตอร์เดิมจะแจ้งเมื่อพบดิสก์ที่มีปัญหา แล้วซ่อมดิสก์ลูกนั้นแบบ on-site ด้วยซอฟต์แวร์ แต่พบปัญหาว่ายุ่งยาก เพราะต้องเอาข้อมูลออกจากดิสก์ก่อน แยกดิสก์ออกมา รันซอฟต์แวร์วิเคราะห์อาการ ซ่อมเสร็จแล้วค่อยใส่ดิสก์กลับเข้าในระบบ หลังจากมีระบบใหม่ที่ใช้ machine learning สามารถบอกได้ล่วงหน้าว่าดิสก์ลูกไหนจะมีปัญหา ทำให้ลดงานของทีมซ่อมลง กูเกิลยังได้พัฒนาระบบมอนิเตอร์ให้เชื่อมต่อกับระบบจัดการคอนฟิกระบบ (ใช้ Terraform และ GitLab) ให้เปิด-ปิดการทำงานของฮาร์ดดิสก์อัตโนมัติ กูเกิลยังลองพัฒนาโมเดล ML สองแบบมาเปรียบเทียบกัน โดยใช้ AutoML แบบอัตโนมัติ และโมเดลคัสตอมแบบ Transformer-based ผลลัพธ์คือ AutoML ให้ประสิทธิภาพดีกว่า มีอัตราความแม่นยำ 98% เมื่อเทียบกับ 70-80% ของโมเดลแบบคัสตอม ที่มา - Google, ภาพจาก Seagate
# แม้แต่ Airpods Max ก็ฟังเพลง Lossless บน Apple Music ไม่ได้ Apple Music เปิดตัว Spatial Audio, Dolby Atmos และคุณภาพเพลงแบบ Lossless โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเมื่อวานนี้ แต่ดูท่าทางหูฟังไร้สายของ Apple จะไม่รองรับการส่งข้อมูลเสียงแบบ Lossless สักรุ่น แม้แต่ AirPods Max รุ่นแพงที่สุดก็ใช้งานได้แค่ฟีเจอร์ Spatial Audio และ Dolby Atmos เท่านั้น Apple Music สตรีมเพลงปกติที่ 24-bit/48kHz แบบ Lossless จะสตรีมที่คุณภาพเทียบเท่าซีดี คือ 16-bit 44.1kHz ถึง 24-bit 48kHz ส่วนแบบ Hi-Res Lossless จะสตรีมที่คุณภาพ 24-bit/192kHz ในรูปแบบไฟล์ ALAC (Apple Lossless Audio Codec) แต่หูฟังไร้สายของ Apple เช่น AirPods Pro และ AirPods Max ใช้ codec ประเภท AAC ที่บีบอัดแบบ Lossy (เสียคุณภาพบางส่วน) เสมอ แม้ผู้ใช้จะนำ AirPods Max มาเสียบสายใช้งาน ก็ยังไม่สามารถฟังเพลงบน Apple Music แบบ Lossless ได้อยู่ดี เพราะกระบวนการทำงานของสายจะถอดรหัสเสียงออกมาเป็นอนาล็อกก่อนแล้วค่อยเข้ารหัสเป็นดิจิทัลอีกรอบ ทำให้สัญญาณสูญเสียคุณภาพบางส่วน ที่มา - The Verge
# Amazon ทำโปรแกรมเพื่อสุขภาวะที่ดี ลดการบาดเจ็บของพนักงานจากการทำงานหนัก Amazon เปิดตัว WorkingWell โปรแกรมเพื่อสุขภาวะที่ดีแก่พนักงาน ลดโอกาสการบาดเจ็บจากการทำงานให้พนักงานทั่วสหรัฐฯ มีเป้าหมายจะลดการบาดเจ็บจากการทำงานได้ 50% ในโกดังสต็อกสินค้า Amazon จะสร้างโซนเพื่อให้พนักงานได้พักยืดเหยียดร่างกาย ทำสมาธิ มีแม้กระทั่ง AmaZen เป็นเครื่อง kiosk ที่พนักงานมาดูคลิปทำสมาธิได้ อย่างไรก็ตาม ในเนื้อหาแถลงการณ์ไม่ได้ระบุเรื่องการลดโควต้าการทำงาน หรือลดเวลาการทำงานแต่อย่างใด ภาพจาก Amazon การเปิดตัวโปรแกรมเกิดขึ้นหลังจาก Center for Investigative Reporting ออกรายงาน เผยว่าพนักงานของ Amazon ที่โรงงานมีอัตราการบาดเจ็บสูงขึ้น 50% เมื่อเทียบกับคลังสินค้าอื่นๆ ปัญหาส่วนหนึ่งคือคาดว่าเกิดจากการทำงานหนัก โดยคนงานต้องสแกนผลิตภัณฑ์ 400 ชิ้นในทุกชั่วโมง นอกจากนี้ Amazon ยังโดนวิจารณ์มาเรื่อยๆ ว่าให้โอกาสพนักงานได้พักเบรคระหว่างวันน้อย และถูกกดดันให้ทำงานให้ได้จำนวนตามเป้า ทาง Amazon ระบุว่า 40% ของการบาดเจ็บจากการทำงานที่ Amazon เป็นความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (MSDs) รวมถึงอาการเคล็ดขัดยอกที่เกิดจากการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ซึ่ง Amazon ได้ลงทุนเพื่อสุขภาพไป 300 ล้านเหรียญในปีนี้ ก่อนหน้านี้ พนักงาน Amazon พยายามรวมตัวกันจัดตั้งสหภาพแรงงานแห่งแรกของสหรัฐฯ แต่ล้มเหลวโหวตไม่ผ่าน ที่มา - Engadget
# เปิดตัวช่องสตรีมมิ่ง The Rotten Tomatoes Channel ฉายรายการเกี่ยวกับหนังตลอด 24 ชั่วโมง ดูผ่าน Roku Rotten Tomatoes เปิดตัวช่องสตรีมมิ่งใหม่ The Rotten Tomatoes Channel เข้าถึงได้ผ่าน Roku เป็นการฉายรายการที่ผลิตจากทีม Rotten Tomatoes ตลอด 24 ชั่วโมง หรือฉายรายการตามตารางเวลาในแบบทีวีดั้งเดิม เช่น รายการพูดคุยกับนักแสดง วิเคราะห์ฉากหนัง รายการจัดอันดับหนังต่างๆ ตัวอย่างรายการที่จะได้ดูใน The Rotten Tomatoes Channel คือ Countdown รายการที่พูดถึงภาพยนตร์ที่กำลังจะออกฉาย, The Vault ดูบทสัมภาษณ์ดารา, Trailers Reloaded ตัวอย่างหนังเด็ด, Rotten Tomatoes Essentials ย้อนกลับไปดูภาพยนตร์ ดาราและผู้กำกับที่โด่งดังในยุคต่างๆ Rotten Tomatoes มี Fandango ผู้ขายตั๋วหนังเป็นเจ้าของ (โดยมี NBCUniversal เป็นเจ้าของอีกที) ซึ่งนอกจากตัวช่องสตรีมมิ่งจะฉายผ่าน Roku แล้ว ยังเข้าดูได้ผ่าน Peacock ของ NBCUniversal และ Xumo ของ Comcast ด้วย ช่วงที่ผ่านมา Rotten Tomatoes ถูกวิจารณ์ว่ายังขาดความหลากหลายในการจัดอันดับหนัง ได้มีการแก้ไขอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้นักวิจารณ์ที่หลากหลายและครอบคลุม ที่มา - Variety, Rotten Tomatoes
# Hugo Barra ประธานฝั่ง Oculus VR ใน Facebook ลาออก เผยกำลังมองหาโอกาสสายสุขภาพ Hugo Barra ผู้ดูแลงานฝั่ง Oculus VR ของ Facebook และ Facebook Reality Labs ลาออกหลังทำงานมาสี่ปี การลาออกของ Barra เกิดขึ้นก่อน Facebook จะเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะที่ร่วมมือกับ Ray-Ban ซึ่งตั้งเป้าว่าจะเปิดตัวในปีนี้ ส่วนการทำงานในอนาคต เขากำลังมองโอกาสสายสุขภาพ Hugo Barra มีประวัติทำงานในบริษัทเทคใหญ่อย่างโชกโชน ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์ Android ของ Google หลังจากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่ Xiaomi เป็นเวลาหลายปี ก่อนจะเข้าร่วมงานกับ Facebook ในปี 2019 Barra ได้เผยผลิตภัณฑ์แว่นตาของ Facebook ไว้ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งยังไม่ได้เผยรายละเอียดอะไรมากนอกจากเป็นการร่วมมือกับ Ray-Ban แต่ก็มีรายงานมาเหมือนกันว่า ภายใน Facebook กดดันเรื่องผลิตภัณฑ์นี้และไม่คิดว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก มาคอมเม้นท์ใต้โพสต์ประกาศลาออกของ Barra บอกว่า ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ได้ทำเพื่อช่วยสร้างแพลตฟอร์ม เขาได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับ Barra มากมายและรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นสิ่งที่ Barra กำลังจะสร้างต่อไป ภาพจาก Facebook Hugo Barra ที่มา - The Verge
# ซิสโก้เปิดตัว Secure Firewall Cloud Native ไฟร์วอลล์รันบน Kubernetes ซิสโก้เปิดตัว Secure Firewall Cloud Native ไฟร์วอลล์ที่รัน Kubernetes เต็มรูปแบบ โดยมีคุณสมบัติแบบเดียวกับแอปพลิเคชั่นยุคใหม่ที่อยู่บน Kubernetes ได้แก่ Auto-Scaling: ปรับทรัพยากรที่ไฟร์วอลล์ใช้งานตามโหลดจริง Auto-Healing: หากมีคอนเทนเนอร์ของไฟร์วอลล์แครชไป สามารถซ่อมตัวเองได้อัตโนมัติ REST API: ควบคุมผ่าน API แทนที่จะเป็นไฟร์คอนฟิก Smart Load Balancing: กระจายโหลดตามเงื่อนไขที่ผู้ใช้กำหนดได้เอง ตอนนี้ Secure Firewall Cloud Native เปิดให้ใช้งานเฉพาะบน AWS แต่จะเพิ่มตัวเลือกสำหรับการติดตั้ง on-premise และคลาวด์อื่นๆ ในอนาคต ที่มา - Cisco
# นักวิจัยเตือนคนร้ายอาจใช้ AirTag สำหรับตรวจสอบว่าเจ้าของบ้านอยู่บ้านหรือไม่ Lukasz Krol นักวิจัยความปลอดภัยเตือนถึงแนวทางการใช้ AirTag เพื่อละเมิดความเป็นส่วนตัวอีกทาง ด้วยการนำ AirTag ไปวางตามจุดที่ไม่มีอุปกรณ์ iOS บนเครือข่าย Find My อื่น ทำให้คนร้ายรับรู้ได้ว่าเจ้าของบ้าน (ที่ใช้ไอโฟน) ออกจากบ้านและกลับบ้านเวลาใดบ้าง แอปเปิลตระหนักดีกว่า AirTag อาจถูกใช้เพื่อละเมิดความเป็นส่วนตัวได้เนื่องจากราคาถูกและแบตเตอรี่อยู่ได้นานนับปี โดยกรณีที่แอปเปิลคิดถึงคือการนำ AirTag ไปติดตามตัวเหยื่อ เช่นการแอบนำใส่กระเป๋าหรือวางไว้ในรถ โดยแอปเปิลเสนอแนวทางป้องกันด้วยการให้ AirTag ส่งเสียงเตือนเมื่อห่างจากเจ้าของนานเกินไป พร้อมกับเตือนผ่านไอโฟนว่าพบ AirTag ของคนอื่นกำลังตามตัว แต่แนวทางการวาง AirTag อยู่กับที่เพื่อตรวจสอบว่าเจ้าของบ้านอยู่บ้านหรือไม่ น่าจะทำให้ไอโฟนไม่ได้เตือนว่ามี AirTag ตามตัว รวมถึงคนร้ายอาจจะแกล้งทำเป็นลืมกระเป๋าเอาไว้ในบ้านเหยื่อ เครือข่าย Find My ไม่เปิดเผยว่าอุปกรณ์ใดเป็นคนส่งพิกัด AirTag ทำให้แนวทางนี้อาจจะมีความผิดพลาดสูง เช่น เพื่อนบ้านเดินทางในระยะที่รับสัญญาณ Bluetooth ได้ หรือหากในบ้านมีอุปกรณ์อื่น เช่น ไอแพดหรือแมค ที่มา - Lukasz Krol
# Positive Security เปิดซอร์สเฟิร์มแวร์ ESP32 สำหรับส่งข้อมูลกลับหาเจ้าของผ่านเครือข่าย Find My Positive Technology เปิดโครงการ Send My เฟิร์มแวร์สำหรับโมดูล ESP32 เพื่อการส่งข้อมูลกลับหาเจ้าของโดยไม่ต้องมีโทรศัพท์มือถือ แต่ใช้เครือข่าย Find My ที่เป็นอุปกรณ์ iOS จำนวนมากทั่วโลก ก่อนหน้านี้มีโครงการโอเพนซอร์เพื่อสร้างอุปกรณ์ที่ใช้เครือข่าย Find My อยู่แล้ว คือ OpenHayStack แต่ก็ใช้สำหรับหาอุปกรณ์เหมือนกับ AirTag ปกติเท่านั้น ไม่สามารถส่งข้อมูลกลับมาได้ Positive Technology ระบุว่ากระบวนการส่งข้อมูลกลับหาเจ้าของที่ง่ายที่สุดคือการออกแบบเฟิร์มแวร์ให้เหมือนเป็น AirTag หลายๆ ตัว ถ้าตัวไหนแสดงตัวก็แปลค่าเป็นเป็นค่าที่อยากสื่อสารกลับไปหาเจ้าของ แต่ปรากฎว่าแอปเปิลจำกัดให้ผู้ใช้แต่ละคนสามารถใช้ AirTag ได้ 16 อันเท่านั้นทำให้วิธีนี้ใช้จริงไม่ได้ เทคนิคของ Positive Technology อาศัยแนวทางการเปลี่ยนกุญแจสาธารณะของ Find My ทุกๆ 15 นาที โดยแทนที่จะเปลี่ยนกุญแจตามสมการปกติ กุญแจสาธารณะระหว่างอุปกรณ์และตัว ESP32 อาจจะเป็นกุญแจใดก็ได้ใน 4 รูปแบบ และฝั่งเครื่องรับข้อมูลก็ยิงกุญแจค้นข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ด้วยกุญแจสาธารณะทั้ง 4 ตัว หากพบตัวใดก็แสดงว่าอุปกรณ์ปลายทางกำลังส่งข้อมูล 2 บิต หลังทดสอบกับเครือข่ายจริงพบว่า Send My สามารถส่งข้อมูลกลับไปหาเจ้าของได้ที่อัตรา 3 ไบต์ต่อวินาที แม้ว่าตอนนี้ Send My จะใช้งานได้ แต่ Positive Technology ก็ระบุแอปเปิลก็อาจจะพยายามปิดการใช้งานในอนาคต ความเป็นไปได้คือเติมข้อมูลยืนยันผู้ผลิตอุปกรณ์แพ็กเก็ต BLE ที่ AirTag ส่งออกมา แต่ตอนนี้เองข้อความของ AirTag ก็เต็มความจุของมาตรฐาน BLE แล้ว อีกทางคือการจำกัดปริมาณการคิวรีจากเซิร์ฟเวอร์ของ Find My ให้ต่ำลง ที่มา - Positive Technology
# Apple Music เปิดตัวระบบเสียงแบบ Spatial Audio พร้อมรองรับเพลงแบบ Lossless ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม Apple Music ประกาศเพิ่มระบบเสียงแบบตามตำแหน่ง Spatial Audio พร้อมทั้งรองรับ Dolby Atmos เพื่อให้ศิลปินในสร้างสรรค์ประสบการณ์ด้านเสียงที่สมจริงหลายมิติมากขึ้น โดยผลงานของศิลปินที่จะรองรับ Spatial Audio ซึ่งแอปเปิลระบุถึงอาทิ J Balvin, Gustavo Dudamel, Ariana Grande, Maroon 5, Kacey Musgraves และ The Weeknd นอกจากนี้ Apple Music จะปรับปรุงทำให้เพลงที่มีในแคตาลอกมากกว่า 75 ล้านเพลง สามารถฟังได้แบบ Lossless ด้วยเทคโนโลยี ALAC หรือ Apple Lossless Audio Codec ของแอปเปิลเอง โดยคุณภาพเสียงจะเริ่มต้นที่ระดับซีดี 16 บิต 44.1 kHz ไปถึงระดับสูงสุด 24 บิต 192 kHz ผู้ใช้อุปกรณ์ฟังเพลงของแอปเปิลอย่าง AirPods หรือหูฟัง Beats ที่มีชิป H1 หรือ W1 ตัว Apple Music จะเล่นเพลงแบบ Dolby Atmos โดยอัตโนมัติเป็นค่าเริ่มต้น รวมถึงลำโพงในตัวของ iPhone, iPad และ Mac ที่รองรับด้วย ระบบเสียงรูปแบบใหม่นี้ แอปเปิลบอกว่าจะเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่มา: แอปเปิล
# Microsoft Teams สำหรับครอบครัวมาแล้ว ถ่ายรูปรวมขณะวิดีโอคอลล์ ทำรายการซื้อของได้ ไมโครซอฟท์เปิดตัว Teams เวอร์ชันสำหรับเพื่อน-ครอบครัวในเดือนมีนาคม 2020 และเริ่มเปิดทดสอบในเดือนมิถุนายน 2020 หลังทดสอบกันมานานจนลืมไปแล้ว วันนี้ Teams เวอร์ชันเพื่อนและครอบครัวก็เปิดให้คนทั่วไปใช้งาน แกนกลางของ Teams สำหรับครอบครัวยังเป็นการแชทและประชุมออนไลน์ แต่เพิ่มลูกเล่นสนุกๆ สำหรับใช้งานในครอบครัวเข้ามา เช่น emoji reactions, GIF, โหมดถ่ายรูปร่วมกันขณะประชุมออนไลน์, ฟีเจอร์การวางแผนร่วมกันภายในครอบครัวอย่างรายการซื้อของใช้ รายการเตรียมของไปเที่ยว เป็นต้น การใช้งาน Teams สำหรับครอบครัวสามารถใช้แอพ Teams รุ่นปกติได้เลย (ล็อกอิน 2 บัญชีคือ ที่ทำงานและส่วนตัว) โดย Teams จะแยกข้อมูลทั้งสองบัญชีออกจากกันให้ และสลับโพรไฟล์ไปมาได้ตลอดเวลา ที่มา - Microsoft
# เป็นทางการแล้ว WarnerMedia ควบรวม Discovery กลายเป็นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ จากข่าวลือเมื่อคืนนี้ ตอนนี้ข่าวเป็นทางการมาแล้วคือ WarnerMedia บริษัทสื่อในเครือ AT&T จะควบรวมกับบริษัทสื่อ Discovery, Inc. กลายเป็นบริษัทสื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่ของโลก WarnerMedia เป็นบริษัทแม่ของสตูดิโอแบรนด์ Warner Bros. ทั้งหมด, ช่องบันเทิง HBO/Cinemax, Cartoon Network, CNN, Turner Network และหนังสือการ์ตูน DC Comics เป็นต้น ส่วน Discovery, Inc. เป็นเจ้าของช่องแบรนด์ Discovery ทั้งหมด, Animal Planet, Food Network และช่องกีฬาแบรนด์ Eurosport บริษัทใหม่ยังไม่มีชื่อเรียก แต่สัดส่วนหุ้นเป็น AT&T ถือหุ้น 71% และ Discovery ถือหุ้น 29% ส่วนซีอีโอของบริษัทใหม่คือ David Zaslav ซีอีโอของ Discovery คนปัจจุบัน การควบรวมจะเสร็จช่วงกลางปี 2022 โดยต้องรอการอนุมัติของผู้ถือหุ้น (Discovery อยู่ในตลาดหลักทรัพย์) และการอนุมัติจากหน่วยงานภาครัฐ AT&T บอกว่าการควบรวม WarnerMedia และ Discovery เข้าด้วยกัน เป็นการเสริมจุดแข็งด้านคอนเทนต์ซึ่งกันและกัน เพราะ WarnerMedia เก่งเรื่องรายการมีสคริปต์ (เช่น หนังหรือซีรีส์ HBO, การ์ตูนและข่าว) ส่วน Discovery เก่งเรื่องรายการไม่มีสคริปต์ (สารคดี, กีฬา) หลังจากนี้ทั้งสองบริษัทจะทุ่มไปยังบริการสตรีมมิ่งที่เข้าถึงลูกค้าโดยตรง (DTC หรือ direct-to-consumer) ทั้ง HBO Max และ Discovery+ โดยฐานลูกค้าเดิมของ Discovery ในตลาดนอกสหรัฐอเมริกายังจะเป็นแต้มต่อในการขยายฐานลูกค้าสตรีมมิ่งด้วย การแยกธุรกิจสื่อออกไปจาก AT&T ยังทำให้บริษัทโฟกัสที่ธุรกิจหลักด้านสื่อสารได้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีหุ้นใหญ่ในธุรกิจสื่อรายใหญ่ที่มีศักยภาพไปต่อสูง ที่มา - AT&T
# Sharp Aquos R6 มือถือกล้องเซ็นเซอร์ LEICA 1 นิ้ว เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือใต้จอใหญ่ที่สุดในโลก หลัง Xiaomi เปิดตัว Mi 11 Ultra ใช้เซ็นเซอร์กล้องขนาด 1/1.12 นิ้วไปแล้ว วันนี้ Sharp ไม่ยอมน้อยหน้า เปิดตัวมือถือ Sharp Aquos R6 มือถือหน้าจอ 6.6 นิ้ว มาพร้อมเซ็นเซอร์กล้องหลัก LEICA Summicron ขนาดใหญ่ 1 นิ้ว ความละเอียด 20.20 ล้านพิกเซล (เกือบจะเป็นเครื่องแรกของโลก ขึ้นกับว่านับ Panasonic Lumix CM1 ปี 2015 ที่มีเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว 20 ล้านพิกเซล ว่าเป็นมือถือหรือไม่) เลนส์กล้องหลักเป็นเลนส์ประกอบ 7 ชิ้น (7-elements) ของ LEICA ทางยาวโฟกัส 19 มม. รูรับแสง f/1.9 กล้องตัวที่สองยังไม่ระบุประเภท ความละเอียด 12.6 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.3 และมีเซ็นเซอร์ ToF (Time-of-Flight) สำหรับวัดระยะ นอกจากฟีเจอร์ด้านเซ็นเซอร์กล้องแล้ว Aquos R6 ยังใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบอัลตร้าโซนิก Qualcomm 3D Sonic Max ที่ Sharp ระบุว่าใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป 11 เท่า เป็นเซ็นเซอร์ลายนิ้วมื้ออัลตร้าโซนิกใต้จอที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือสองนิ้วพร้อมกัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกิจและอื่นๆ ด้านสเปกภายในอื่นๆ Aquos R6 ใช้หน้าจอ OLED แบบ Pro IGZO ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด 1,260 x 2,730 พิกเซล อัตรารีเฟรชสูงสุด 240Hz ความสว่างสูงสุด 2000 nits รองรับ HDR ค่าคอนทราสต์ 20 ล้าน: 1 ใช้ชิป Snapdragon 888 แรม 12GB หน่วยความจำภายใน UFS 3.1 ความจุ 128GB แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับ Intelligent Charge 2.0 รัน Android 11 กันน้ำกันฝุ่น IPX8 แต่ยังไม่มีการประกาศราคาและวันวางจำหน่าย ที่มา - Sharp via Ice Universe
# รีวิว Vivo V21 5G กล้องหน้าเทคโนโลยีกันสั่น OIS รุ่นแรกของโลก เซลฟี่ได้แม้แสงน้อย รองรับ 5G ในราคาหมื่นต้นๆ มือถือที่ไม่ใช่เรือธง โดยส่วนมากมักจะใส่ใจกล้องหลังหลักเป็นพิเศษ และพยายามลดต้นทุนจนกล้องหน้าด้อยกว่ากล้องหลังมาก อย่างเช่นฟีเจอร์ OIS หรือระบบกันสั่นที่ตัวเลนส์ ไม่ใช่แค่ใช้ซอฟต์แวร์ ที่มักมีแต่ในกล้องหลังเท่านั้น แต่ Vivo V21 5G เป็นครั้งแรกที่ Vivo ให้ระบบกันสั่น OIS ในกล้องหน้า 44MP มาด้วย ทำให้ถ่ายภาพเซลฟี่ได้แม้กล้องจะสั่นไหว และถ่ายเซลฟี่กลางคืนในโหมด Super Night Selfie ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น Vivo V21 5G เป็นมือถือรุ่นกลางที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ใช้หน้าจอ AMOLED 24-bit ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด 1800x2400 พิกเซล อัตรารีเฟรช 90Hz ใช้ชิป Mediatek Dimensity 800U รองรับ 5G นอกจากกล้องหน้า 44MP พร้อม OIS แล้ว ยังมีกล้องหลังสามกล้อง คือ กล้องหลัก 64MP กล้องไวด์ 8MP และกล้องมาโคร 2MP Vivo V21 5G มีสามสีคือ Dusk Blue, Sunset Dazzle และ Arctic White รุ่นที่ผู้เขียนนำมารีวิว เป็นรุ่น ความจุ 128GB + แรม 8GB สี Sunset Dazzle สีรุ้งที่จะแสดงเฉดสีแตกต่างกันไปเมื่อกระทบแสงอาทิตย์ ราคาเริ่มต้น 12,999 บาท นอกจากรุ่นนี้ยังมีรุ่นความจุ 256GB + แรม 8GB ที่ราคา 14,999 บาทเป็นอีกตัวเลือก แกะกล่อง ภายในกล่องแถมเคสพลาสติก TPU ใส หูฟังแบบพอร์ต 3.5 มิลลิเมตร พร้อมตัวแปลงเป็น USB-C, หัวชาร์จเร็ว 33W พร้อมสายชาร์จ USB-A to USB-C ชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 4,000W ของ V21 5G ได้ 63% ภายใน 30 นาที ปลดล็อกได้ด้วยใบหน้าและลายนิ้วมือ Vivo V21 5G มีระบบปลดล็อกให้เลือกใช้ทั้งแบบสแกนใบหน้าแบบออปติคัล และสแกนลายนิ้วมือที่ความเร็วใกล้เคียงกัน ซึ่งสะดวกมากๆ ในการเปลี่ยนไปใช้ลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกเครื่อง และใช้สแกนใบหน้า เวลาที่ไม่จำเป็นต้องสวมแมสก์ ตัวเครื่องและพอร์ตเชื่อมต่อ ตัวเครื่องหน้าจอขนาด 6.44 นิ้ว น้ำหนัก 177 กรัม หนา 7.39 มิลลิเมตร ถือว่าค่อนข้างบางและเบาสำหรับมือถือในปีนี้ ด้านขวามีปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียง และปุ่มพาวเวอร์ พอร์ตชาร์จเป็นแบบ USB-C ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ลำโพงเป็นแบบลำโพงเดี่ยวอยู่ด้านล่าง ให้เสียงดัง ชัดเจน ประสิทธิภาพ UI และการใช้งาน หน้าจอของ Vivo V21 5G เป็นแบบ AMOLED-24 bit แสดงเฉดสีได้ 16 ล้านสี พร้อมอัตรารีเฟรช 90Hz ที่ทำให้การเลื่อนหน้าจอลื่นไหลในทุกแอป ตัวเครื่องมาพร้อม Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS ของ Vivo ซึ่งนอกจากจะใช้งานค่อนข้างง่ายแล้ว ยังให้ผู้ใช้เลือกแอปที่ต้องการลงได้ตั้งแต่เปิดใช้งาน ทำให้ไม่ต้องมาไล่ลบแอปที่ไม่ต้องการภายหลัง ภาพตัวอย่าง UI Funtouch OS ภาพตัวอย่าง UI Funtouch OS และการเลือกไม่ติดตั้งแอปได้ ตอนตั้งค่าเครื่องใหม่ ด้านประสิทธิภาพ Vivo V21 5G ใช้ซีพียู Mediatek Dimensity 800U ผู้เขียนทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอป Geekbench ได้คะแนนประมวลผลแบบแกนเดียวไป 542 คะแนน และแบบหลายแกนที่ 1504 คะแนน แรมของ Vivo V21 5G มาพร้อมระบบ Extended Ram คล้ายระบบ virtual memory บนคอมพิวเตอร์ ที่จะใช้ความจุของหน่วยความจำแฟลชภายในมาเสริมเป็นแรม ทำให้เหมือนมีแรมเพิ่มขึ้นมาอีกถึง 3GB เปิดแอปทำงานแบบมัลติแทสก์พร้อมกันได้มากขึ้น แต่หากไม่ต้องการใช้งาน ก็สามารถปิดได้ในหน้าตั้งค่าแรมและหน่วยความจำ กล้อง กล้องหลังของ Vivo V21 5G เป็นแบบ 3 กล้อง มาพร้อมระบบ Eye Autofocus ปรับโฟกัสอัตโนมัติที่สายตาเมื่อถ่ายภาพบุคคล ถ่ายภาพซ้อนแบบ Double Exposure ได้ด้วย ส่วนสเปกของทั้งสามกล้อง มีดังนี้ กล้องหลักความละเอียด 64MP รูรับแสง f/1.79 กล้องไวด์ ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.2 กล้องมาโครความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4 ตัวอย่างภาพถ่าย ภาพถ่ายจากกล้องหลัก โหมด portrait ภาพจากกล้องหลัก ภาพจากกล้องหลัก ภาพจากกล้องหลักแบบเปิด Night Mode ภาพจากกล้องอัลตร้าไวด์ จุดเด่นของ Vivo V21 คือกล้องหน้า 44MP ที่มาพร้อมเทคโนโลยีกันสั่น OIS รุ่นแรกของโลกและระบบ Autofocus ทำให้ไม่ว่าจะถ่ายเซลฟี่แบบเคลื่อนไหวไปมามากแค่ไหน ภาพที่ได้ก็นิ่ง ไม่มีเบลอ แถมยังทำให้โหมดถ่ายภาพเซลฟี่ตอนกลางคืนอย่าง Super Night Selfie ทำงานได้ดีขึ้นแสงน้อยแค่ไหนก็ถ่ายได้แบบหายห่วง นอกจากนี้ยังถ่ายวิดีโอกล้องหน้าได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K (4K Selfie VDO) ถ่ายกลางคืนก็ชัดด้วย Spotlight selfie VDO ภาพไม่มีสั่นไหวด้วย Ultra Stable VDO ใช้ระบบ OIS+EIS ทั้งกันสั่นแบบออปติคัลและอิเล็กทรอนิกส์ทำงานประสานกัน และถ่ายวิดีโอพร้อมกันได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ด้วย Dual-View VDO ได้อีกด้วย ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่ช่วงแสงปกติ ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่ช่วงแสงปกติ ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย ด้วย Super Night Selfie สรุป Vivo V21 5G เป็นมือถือที่เหมาะกับคนรักการเซลฟี่อย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะขยับตัวถ่าย ภาพสั่นไหว หรือแสงน้อยแค่ไหนก็ถ่ายได้ชัดเจน ตัวเครื่องที่บาง เบา จับถนัดมือ ยิ่งทำให้การใช้งานและถ่ายภาพเป็นระยะเวลานานทำได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่เมื่อยมือ รวมถึงชิป Mediatek Dimensity 800U ที่รองรับ 5G ก็ทำให้การอัพโหลด ดาวน์โหลดภาพ และการใช้งานเครือข่ายต่างๆ รวดเร็วยิ่งขึ้น
# Gojek กับ Tokopedia สร้างบริษัทใหม่ GoTo Group ตั้งเป้าเป็นบริษัทเทคใหญ่สุดในอินโดนีเซีย จากประเด็นข่าวลือ Gojek กำลังเจรจาควบรวมกิจการกับ Tokopedia บริษัทอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซีย นั้น ล่าสุดบริษัทออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่าควบรวมและสร้างบริษัทใหม่ชื่อว่า GoTo Group วางตัวเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย ทั้งสองบริษัทมีความร่วมมือเชิงธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2015 ในการส่งมอบสินค้าอีคอมเมิร์ซโดยใช้เครือข่ายคนขับรถในพื้นที่ของ Gojek ในแถลงการณ์ระบุว่า แต่ละบริษัทยังคงบริหารแบบสแตนด์อะโลน ภายใต้ระบบนิเวศที่เข้มแข็งขึ้น ในแถลงการณ์ระบุว่า ด้วยพลังการควบรวมนี้ ทำให้ GoTo Group มีมูลค่าธุรกรรมรวมของกลุ่มกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2020, ธุรกรรมมากกว่า 1.8 พันล้านรายการในปี 2020, มีกลุ่มคนขับที่จดทะเบียนแล้วกว่าสองล้านคน ข้อมูลล่าสุดเดือนธันวาคม 2020, มีพันธมิตรร้านค้ากว่า 11 ล้านราย, มีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคนต่อเดือน, มีระบบนิเวศที่ครอบคลุม 2% ของ GDP ของอินโดนีเซีย ผู้ที่มารับตำแหน่งซีอีโอ GoTo Group คือ Andre Soelistyo ซีอีโอร่วมจาก Gojek และได้ Patrick Cao ประธานจาก Tokopedia มาเป็นประธาน GoTo Group ด้วย ส่วนซีอีโอ Gojek คือ Kevin Aluwi และซีอีโอ Tokopedia คือ William Tanuwijaya ที่มา - TechCrunch
# สนุกมั้ยพี่? บิตคอยน์เด้งกลับ หลัง Elon Musk ทวีตว่า Tesla ยังไม่ได้เทขายเหรียญ หลังทวิตเตอร์ Mr.Whale ทวิตสายคริปโตที่มีผู้ติดตามกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นคน ทวีตติดตลกพร้อมแท็กอีลอน มัสก์ ว่า “ไตรมาสหน้าพวกถือบิตคอยน์เซ็งแน่ๆ ถ้าเกิด Tesla เทขายเหรียญออกมา ซึ่งถ้าจะทำก็ไม่แปลกใจ @elonmusk โดนสังคมถล่มซะขนาดนี้” ซึ่งอีลอนมารีพลายว่า “Indeed” หรือ “ใช่เลย” เมื่อคืนนี้ ทำเอาชาวบิตคอยน์หัวปั่น สื่อสำนักต่างๆ ทั้งไทยและเทศ ลงข่าวว่า Tesla อาจขายบิตคอยน์ไปแล้ว ทำตลาดร่วงกราว กระทบไปยังสกุลเงินคริปโตอื่น ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายโมง (หรือตีหนึ่ง ตามเวลาเท็กซัส) อีลอนก็ยังไม่หลับไม่นอน ทวิตตอบ Bitcoin Archive ว่าจริงๆ แล้ว Tesla ยังไม่ได้ขายบิตคอยน์ไปนะ ทำตลาดเด้งกลับขึ้นมาอีกครั้ง หลัง Bitcoin Archive พูดถึงผลกระทบของการโพสต์เล่น (shitposting) ของอีลอน ว่าทำตลาดบิตคอยน์ร่วงถึง 20% ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ดูเหมือนอีลอน มัสก์ จะกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของวงการเงินคริปโต ตั้งแต่ออกรายการ Saturday Night Live แล้วเล่นมุกเหรียญ Doge แค่เล็กน้อย หลังจากนั้นยังทวิตระบุว่า Tesla เลิกรับบิตคอยน์ ตามมาด้วยทวิตเตรียมปรับปรุงเหรียญ Doge ให้ประหยัดพลังงาน และทวิตอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินคริปโตทั้งทางบวกและลบติดต่อกัน จนชาวคริปโตปวดหัวไปตามๆ กันและอยากให้เขาหยุดสักที อย่างไรก็ตาม สาวกเงินคริปโตอาจต้องมองในระยะยาวว่าการที่ทวิตของคนเพียงคนเดียวที่ส่งผลต่อตลาดได้ขนาดนี้ จะแปลว่าตลาดเงินคริปโตปลอดภัยอย่างที่คิดจริงหรือไม่ คงต้องใช้วิจารณญาณ และระมัดระวังในการลงทุนต่อไป บทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลด้วยตนเองเสมอ ที่มา - Elon Musk Tweet 1, 2
# Guido กลับมาพัฒนา Python ตั้งเป้าเร็วขึ้น 5x ใน 4 ปี ไมโครซอฟท์ช่วยสนับสนุนเงิน Guido van Rossum บิดาแห่ง Python เพิ่งกลับมาทำงานกับไมโครซอฟท์เมื่อปลายปี 2020 หลังเกษียณอายุตัวเองไปได้เพียงปีเดียว เขาเพิ่งไปบรรยายในงานสัมมนา Language Summit เล่าว่าหลังเกษียณแล้วเจอสถานการณ์อยู่บ้าน เลยเบื่ออยู่บ้านเฉยๆ เขาจึงกลับมาสมัครงานใหม่และไมโครซอฟท์จ้าง โดยเขาได้อิสระจากไมโครซอฟท์ว่าจะทำอะไรก็ได้ เขาจึงเลือกกลับมาพัฒนา Python ต่อ และเขาถือว่าเป็นการตอบแทนชุมชนของไมโครซอฟท์ต่อโครงการ Python สิ่งที่ Guido กลับมาโฟกัสในรอบนี้คือการพัฒนา CPython (Python เวอร์ชันมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไป บางส่วนเขียนด้วยภาษา C เลยเรียก CPython) ให้ทำงานเร็วขึ้น โดยมีเงื่อนไขว่า ABI/API เดิมยังต้องใช้ได้ ซึ่งไม่ง่ายเลย เขากับเพื่อนร่วมทีมอีก 2 คนคือ Eic Snow และ Mark Shannon ได้รับเงินสนับสนุนจากไมโครซอฟท์ให้ทำโครงการนี้ (ใช้ชื่อว่า Shannon Plan ตามข้อเสนอตั้งต้นของ Mark Shannon) เป้าหมายคือทำให้ Python เร็วขึ้น 5 เท่าภายใน 4 ปี หรือประมาณปีละ 1.5 เท่า ผลงานแรกของทีม Shannon Plan จะออกมาให้เห็นใน Python 3.11 (น่าจะออกในปี 2022) ผ่านการปรับปรุง intepreter และ optimization หลายๆ อย่าง แต่ Guido ก็บอกว่ายังห่างไกลกับเป้าหมายเร็วขึ้น 2 เท่า และถ้าอยากไปให้ถึงเป้าหมาย 5 เท่าก็ต้องหาวิธีสร้างสรรค์กว่านี้ด้วย ที่มา - Guido van Rossum via The Register
# eBay เตรียมยกเลิกหมวด Adult Only ห้ามขายหนังผู้ใหญ่ การ์ตูนและเกมโป๊ 15 มิถุนายนนี้ eBay ปรับกฎการวางจำหน่ายสินค้าผู้ใหญ่ เตรียมยกเลิกหมวด Adult Only และเริ่มห้ามขายหนังและเกมที่มีเรตติ้ง X, XXX, R18 หรือไม่มีเรตแต่เป็นคอนเทนต์สำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ เริ่มมีผล 15 มิถุนายนนี้ กฎนี้ยังห้ามขายอนิเมะโป๊, คอมิกส์โป๊, หนังสือ แมกกาซีนโป๊, มังงะเฮนไต (hentai) และคอนเทนต์ yaoi (ไม่แน่ใจว่าทำไมจึงระบุชื่อแยกว่าเป็น yaoi ไม่รวมไว้ในหมวด hentai ทีเดียว) แต่กลับยกเว้นให้แมกกาซีนโป๊แบรนด์ดังเช่น Playboy, Playgirl, Mayfair, และ Penthouse โดยมีข้อแม้ว่าห้ามลงรูปตัวอย่างที่เป็นรูปโป๊เท่านั้น ส่วนข้อยกเว้นอื่นๆ คือให้ขายภาพนู้ดศิลปะ ภาพโปสต์การ์ดนู้ด ภาพวินเทจต่างๆ ยังลงขายได้ในหมวด Art และ Collectibles ของเล่นผู้ใหญ่ลงขายได้ในหมวด Sexual Wellness แต่มีข้อแม้ว่าผู้ขายต้องได้รับอนุญาตก่อนหน้านี้ อุปกรณ์ต้องอยู่ในสภาพไม่แกะกล่อง ห้ามขนส่งข้ามประเทศ และห้ามลงภาพโป๊เพื่อโฆษณา ที่มา - eBay via VICE
# IGN และ Game Informer โพสต์ช่องทางบริจาคช่วยชาวปาเลสไตน์ก่อนลบออกภายหลัง หลังเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์รุนแรงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เว็บไซต์ IGN และ Game Informer สองเว็บสื่อชั้นนำในวงการเกม ได้โพสต์ลิงก์ช่องทางการบริจาคเพื่อช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ แต่สุดท้ายก็ลบออกไปทั้งสองเว็บ ก่อนบทความจะถูกลบ ฝั่ง IGN อิสราเอล ได้ออกมาโพสต์ Instagram ประณามการโพสต์บทความช่องทางบริจาคให้ปาเลสไตน์ของ IGN สหรัฐฯ พร้อมสนับสนุนกองกำลัง IDF และระบุว่าความเห็นของ IGN สหรัฐฯ ไม่ได้สะท้อนมุมมอง IGN สาขาอื่น ส่วน Game Informer ไม่มีข้อมูลว่าเหตุใดจึงต้องลบบทความนั้น แต่คาดว่าอาจกังวลผลกระทบคล้ายคลึงกับ IGN และคงต้องรอการชี้แจงอย่างเป็นทางการในอนาคต ที่มา - Kotaku
# อย่าให้คนโกงมีที่ยืน Call of Duty: Warzone แบนผู้เล่นใช้โปรแกรมโกงแล้วกว่าครึ่งล้าน Raven Software ทีมพัฒนา Call of Duty: Warzone ทวีตล่าสุดว่าเพิ่งแบนผู้เล่นเพิ่มไป 30,000 คน และยอดผู้เล่นถูกแบนตอนนี้รวมกันถึงครึ่งล้านแล้ว Call of Duty: Warzone เป็นเกมส่วน free to play แนว Battle Royale ของ Call of Duty ที่มียอดผู้เล่นถึง 6 ล้านคนภายในวันแรก และมียอดดาวน์โหลดรวมถึง 100 ล้านครั้งไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และมีปัญหาผู้เล่นใช้โปรแกรมโกงมาตั้งแต่ช่วงแรก ซึ่งยอดดาวน์โหลดและยอดผู้เล่นที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจทำให้ตัวเลขผู้เล่นที่ถูกแบน อาจเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ ต่อไป ที่มา - Kotaku
# Unity ไตรมาส 1/2021 รายได้โต 41% ขยายฐานลูกค้าที่ไม่ใช่เกมได้มากขึ้น Unity Technologies บริษัทเจ้าของเอนจินเกม Unity เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2021 ภาพรวมรายได้ 234.8 พันล้านดอลลาร์ เติบโตถึง 41% และคาดว่ารายได้ตลอดทั้งปี 2021 จะทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังขาดทุนอยู่ 23.4 ล้านดอลลาร์ รายได้ของ Unity มาจาก 2 ทางหลักๆ คือ ค่าไลเซนส์เอนจินเกม (Create Solutions) ทำเงินได้ 70.4 ล้านดอลลาร์ โต 51% กับบริการเกี่ยวกับเกม (Operate Solutions เช่น แบ็คเอนด์และโฆษณา) ทำเงินได้ 146.6 ล้านดอลลาร์ โต 40% ตอนนี้บริษัทมีพนักงานแล้ว 4,399 คน เติบโตขึ้น 50% จากปีก่อน Unity บอกว่ามีลูกค้ากลุ่มอื่นๆ นอกจากเกมเพิ่มขึ้นมาก เช่น รถยนต์ สุขภาพ การบิน ค้าปลีก หน่วยงานภาครัฐ ฯลฯ ตัวอย่างลูกค้าที่ยกมานำเสนอคือ VirtaMed บริษัทด้านการแพทย์ที่นำ Unity มาทำระบบซิมูเลเตอร์ฝึกผ่าตัด-วินิจฉัยอาการป่วยของคนไข้ นอกจากนี้ Unity ยังมีลูกค้าใหม่คือ Here ที่เซ็นสัญญาร่วมกันทำระบบจัดการข้อมูลในรถยนต์ และบริษัทเกมมือถือชื่อดัง King (ในเครือ Activision) ก็เริ่มใช้ Unity กับเกมมือถือของตัวเองแล้วคือ Crash Bandicoot on the Run คำถามยอดฮิตในยุคนี้คือนโยบาย IDFA ของแอปเปิล มีผลต่อธุรกิจโฆษณาของ Unity แค่ไหน ซึ่ง Luis Felipe Visoso ซีเอฟโอตอบคำถามโดยยอมรับได้รับผลกระทบจริง และประเมินว่ารายได้จากโฆษณาน่าจะลดลง 30 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 แต่บริษัทก็บอกว่าเตรียมพร้อมรับมือมานาน 2 ปีแล้ว โดย Unity ยังมีข้อมูลเชิงบริบท (contextual data) ที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก IDFA ทำให้ธุรกิจโฆษณายังไปได้ดีอยู่ ที่มา - Unity, Unity
# [ไม่ยืนยัน] AT&T กับ Discovery กำลังเจรจารวมสื่อ สร้างกองทัพคอนเทนต์แข่ง Disney+ และ Netflix Bloomberg รายงาน AT&T เจ้าของสื่อ WarnerMedia และ Discovery ผู้สร้างเนื้อหาเรียลลิตี้ กำลังเจรจาเพื่อรวมเนื้อหา สร้างโอกาสที่แข่งขันได้กับ Disney+ และ Netflix แนวคิดคือการรวมอาณาจักรทีวีเรียลลิตี้ของ Discovery เข้ากับสื่อของ AT&T ที่มีอยู่มากมายทั้ง CNN, HBO, Cartoon Network, TBS, TNT และเนื้อหาของสตูดิโอ Warner Bros และยังเป็นเจ้าของสตรีมมิ่ง HBO Max ด้วย ด้าน Discovery มีช่องทีวีหลากหลายเช่น HGTV, Food Network, TLC และ Animal Planet ที่มา - Engadget
# Clubhouse จะเปิดตัวใน Android ทั่วโลก ภายในศุกร์ที่ 21 พ.ค. นี้ หลังสัปดาห์ที่ผ่านมา Clubhouse ประกาศทดสอบแอปเวอร์ชัน Android อย่างเป็นทางการ ล่าสุด Clubhouse ออกมาบอกเพิ่มเติมว่ากำลังทยอยเปิดใช้งานในประเทศต่างๆ แล้ว ในวันอังคารที่ 18 พ.ค.นี้ เตรียมเปิดใช้งานใน ญี่ปุ่น, บราซิลและรัสเซีย วันศุกร์ที่ 21 พ.ค. เปิดใช้งานในไนจีเรีย, อินเดีย และพื้นที่อื่นๆในโลก Clubhouse เดิมเปิดใช้งานเฉพาะ iOS ได้รับความนิยมสูงในช่วงแรกๆ ที่เปิดใช้งาน ตัวบริษัทมีมูลค่าร่วม 4 พันล้านแล้วจากการระดมทุน และมีการลงทุนในกลุ่มครีเอเตอร์ และกำลังก้าวสู่แพลตฟอร์มที่สร้างรายได้จากค่าสมาชิก ค่าทิปครีเอเตอร์และค่าเข้าอีเว้นท์ ล่าสุดแพลตฟอร์มใหญ่ทำฟีเจอร์คุยเสียงตามแล้วอย่าง Twitter Spaces, Discord, Facebook ที่มา - The Verge
# บริษัทในไทยถูก Ransomware โจมตี แฮกเกอร์ได้ข้อมูลลูกค้า AXA และกรุงไทย-แอกซ่า กลุ่มแฮกเกอร์ Avaddon ประกาศความสำเร็จในการขโมยข้อมูลลูกค้าประกันสุขภาพของกลุ่มบริษัท AXA ในเอเชีย กระทบบริการของ AXA ทั้งในไทย (กรุงไทย-แอกซ่า), มาเลเซีย, ฮ่องกง, และฟิลิปปินส์ ทาง Avaddon ระบุว่าได้ข้อมูลการยื่นเคลมประกัน ทำให้มีข้อมูลหลุดทั้งข้อมูลส่วนตัวปกติ เช่น บัตรประชาชน และข้อมูลสุขภาพ รายงานการรักษา รวมไปถึงผลการพิจารณาการเบิกค่ารักษา รวมปริมาณข้อมูล 3 เทราไบต์ ทาง BleepingComputer ติดต่อกลุ่ม AXA ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าต้นเหตุมาจากบริการ Asia Assistance ของบริษัท Inter Partners Assistance (IPA) ในประเทศไทยถูกแฮก ทำให้แฮกเกอร์ได้ข้อมูลออกไป ตอนนี้ยังไม่พบว่ามีระบบอื่นๆ ถูกแฮกแต่อย่างใด แต่กำลังสอบสวนเพิ่มเติมและได้แจ้งหน่วยงานกำกับดูแลและพันธมิตรที่เกี่ยวข้องแล้ว และหากมีข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้รับผลกระทบก็จะแจ้งทุกคนอีกครั้ง IPA เป็นบริษัทให้ความช่วยเหลือ เช่น บริการให้ความช่วยเหลือรถเสีย หรือบริการช่วยเหลือด้านสุขภาพ มีคอลเซ็นเตอร์คอยประสานงานระหว่างลูกค้าที่ขอความช่วยเหลือกับบริษัทผู้ให้บริการ หรือโรงพยาบาลต่างๆ Avaddon ระบุว่าทาง AXA ไม่ยอมจ่ายค่าไถ่จึงประกาศออกมา และหากไม่ร่วมมือภายใน 240 ชั่วโมงจะเปิดเผยเอกสารออกมา พร้อมกับย้ำว่าข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสอยู่นั้นไม่สามารถถอดรหัสได้หากไม่ใช้โปรแกรมของทาง Avaddon เอง ที่มา - BleepingComputer, Financial Times ภาพโดย vjohns1580
# เซิร์ฟเวอร์กลุ่ม DarkSide ที่แฮกบริษัทท่อส่งน้ำมันสหรัฐฯ ดับไปแล้ว บัญชีบิตคอยน์ที่ใช้รับค่าไถ่ถูกโอนออกจนเกลี้ยง กลุ่มมัลแวร์เข้ารหัสเรียกค่าไถ่ DarkSide ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้แฮกบริษัท Colonial Pipeline ผู้ส่งน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ ปิดเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ประกาศข่าวและเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้รับเงินจากเหยื่อ พร้อมกันนั้นบัญชีบิตคอยน์ที่ใช้รับค่าไถ่ก็ถูกโอนออกไปจนหมด โดยยังไม่มีรัฐบาลชาติใดประกาศความสำเร็จในการเข้ายึดครั้งนี้ บริษัทความปลอดภัย Intel471 ที่ติดตามเซิร์ฟเวอร์ของกลุ่ม DarkSide เพื่อช่วยเหลือลูกค้า ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดถูกบล็อคพอร์ต SSH และเข้าหน้า panel ไม่ได้แล้ว โดยปกติแล้วหาก FBI เป็นผู้บุกยึดเซิร์ฟเวอร์ มักจะขึ้นหน้าเว็บประกาศความสำเร็จไว้ระยะหนึ่ง พร้อมกับประกาศว่าการยึดแต่ละครั้งร่วมมือกับหน่วยงานใดบ้าง แต่ครั้งนี้เซิร์ฟเวอร์กลับเชื่อมต่อไม่ได้ไปเฉยๆ Chainalysis ระบุว่ากลุ่ม DakrSide เป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2021 นี้ จนตอนนี้ทำรายได้ไปแล้วอย่างน้อย 46 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท เป็นรองเพียงกลุ่ม Ryuk ที่ปี 2020 ทำรายได้เกือบ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท ตอนนี้ hot wallet ที่กลุ่ม DarkSide ใช้รับบิตคอยน์จากเหยื่อถูกถอนเงินออกไปทั้งหมด รวมมูลค่าประมาณ 5 ล้านดอลลาร์ ความไปได้หนึ่งคือกระบวนการสอบสวนของหน่วยงานรัฐยังไม่เรียบร้อย แล้วในอีกไม่กี่วันน่าจะมีแถลงออกมาว่าหน่วยงานใดเป็นผู้บุกยึดเซิร์ฟเวอร์ครั้งนี้ ความเป็นไปได้อีกอย่างคือกลุ่ม DarkSide ไม่ต้องการเป็นข่าวอีกต่อไป และอาจจะเงียบหายไป ทาง Intel471 ระบุว่ากลุ่มคนเบื้องหลังมัลแวร์กลุ่มต่างๆ นั้นใกล้ชิดกันมาก เมื่อกลุ่มเดิมหายไปก็มักจะกลับไปรวมตัวในกลุ่มใหม่ไปเรื่อยๆ ที่มา - Krebs On Security, ArsTechnica ภาพเจ้าหน้าที่ในห้องควบคุม ของ Colonial Pipeline
# Twitter ขึ้นหน้าชี้แจงประโยชน์เพื่อขอเก็บข้อมูลติดตามผู้ใช้บน iOS 14.5 Twitter เริ่มปล่อยหน้าอธิบายผู้ใช้ถึงประโยชน์ในการเปิดระบบติดตามใน iOS 14.5 เนื่องจากนโยบายใหม่ของ Apple ที่ให้ผู้ใช้มีสิทธิ์เลือกจะอนุญาตให้แอปเก็บข้อมูลเพื่อติดตามผู้ใช้หรือไม่ก็ได้ ตามกฎ App Tracking Transparency ที่เริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว หลังจากอัพเดตแอป Twitter เป็นเวอร์ชัน 8.65 ผู้ใช้ Twitter จะได้ป๊อปอัพอธิบายว่าขอให้เปิดระบบติดตามบนอุปกรณ์เครื่องนี้เพื่อให้ Twitter แสดงโฆษณาได้ตรงกับผู้ใช้มากขึ้น โดยจะขอเก็บข้อมูลอย่างเช่นแอปที่ใช้และเว็บไซต์ที่เข้าชม พร้อมลิงก์ไปยังโพสต์ใน Twitter Support ที่อธิบายว่าทำไมต้องขอสิทธิ์เหล่านี้ Twitter ไม่ใช่รายแรกที่อธิบายความจำเป็นในการขอสิทธิ์ในการติดตามผู้ใช้บน iOS 14.5 เพราะก่อนหน้านี้ Facebook และ Instagram ก็เคยขอสิทธิ์ผู้ใช้ในลักษณะเดียวกันมาแล้ว แต่การอธิบายของ Facebook มีส่วนหนึ่งแจงว่าเพื่อให้ใช้ Facebook และ Insgram ได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นการฮาร์ดเซลกว่า Twitter พอสมควร ที่มา - The Verge
# ผลทดสอบจีพียู Xe บนเดสก์ท็อป Core Gen 11 แรงขึ้นกว่ารุ่นก่อน 39% แต่ยังแพ้ AMD เว็บไซต์ AnandTech มีบทความทดสอบประสิทธิภาพของจีพียู Intel Xe ตัวใหม่ที่เริ่มใช้ใน Core 11th Gen Tiger Lake (โน้ตบุ๊ก) และ Rocket Lake (เดสก์ท็อป) ว่ามีประสิทธิภาพขึ้นจากจีพียู IGP รุ่นก่อนของอินเทลแค่ไหน โดยมุ่งไปที่จีพียู Xe-LP ของ Rocket Lake เป็นหลัก การทดสอบใช้ซีพียูเดสก์ท็อปของอินเทล รุ่นบนสุด 2 เจนคือ Core i9-11900K (จีพียู Xe-LP มี 32 คอร์) เทียบกับ Core i9-10900K (จีพียู Gen 11 มี 24 คอร์) ในการเล่นเกมดังๆ จำนวนหลายเกมที่ความละเอียดพื้นฐาน 720p พบว่าประสิทธิภาพของ Xe-LP ดีขึ้นกว่า Gen 11 เกือบทุกกรณี (สูงสุดคือดีกว่ากัน 66%, เฉลี่ยดีขึ้น 39%) อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับคู่แข่งคือ Ryzen ที่ใช้จีพียู Radeon Vega พบว่า Xe ยังตามหลังอยู่พอสมควร โดยถึงขั้นแพ้ให้กับจีพียู Vega ใน Ryzen 5 2400G ที่ออกในปี 2018 ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึง Ryzen ซีรีส์ใหม่ๆ อย่าง 3000, 4000 หรือ 5000 ที่ใหม่กว่า จีพียูแรงกว่า AnandTech สรุปว่า Xe เป็นก้าวแรกที่ดีของอินเทล ที่เริ่มกลับมาโฟกัสตลาดจีพียูอีกครั้ง และตามแผนที่อินเทลประกาศไว้คือจะขยับมาใช้สถาปัตยกรรม chiplet (ชิปหลายตัววางต่อกัน แบบเดียวกับ AMD) ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเราจะเห็น Xe ที่แรงขึ้นอีกมากในไม่ช้า ที่มา - AnandTech
# Amazon อินเดีย เปิดตัว miniTV วิดีโอสตรีมมิ่งชมฟรีแบบมีโฆษณา ผ่านแอปช้อปปิ้ง Amazon Amazon เปิดตัว MiniTV บริการวิดีโอสตรีมมิ่งแบบดูฟรีมีโฆษณาในอินเดีย โดยเป็นการชมผ่านแอปช้อปปิ้ง Amazon India มีคอนเทนต์ทั้งเว็บซีรี่ส์ รายการตลก ข่าว รายการอาหาร บิวตี้ แฟชั่น ช่วงแรกมีเฉพาะในแอปบน Android ก่อน ส่วน iOS และ Mobile Web จะตามมาทีหลัง ก่อนหน้านี้ IMDb ที่เป็นบริษัทลูกของ Amazon ก็เปิดให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งฟรีในอเมริกาภายใต้แบรนด์ IMDb TV คู่แข่งของ Amazon ในอินเดียอย่าง Flipkart ที่มี Walmart เป็นผู้ถือหุ้นหลัก ก็มีบริการดูวิดีโอสตรีมมิ่งฟรีในแอป ซึ่งเปิดไปตั้งแต่เมื่อปี 2019 นอกจากนี้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่รายอื่นอย่าง Zomato หรือ Paytm ก็มีรายงานข่าวว่าสนใจนำบริการชมวิดีโอไปใส่ในแอปเช่นกัน ที่มา: TechCrunch
# หลุดข้อมูล Twitter Blue จ่ายเดือนละ 2.99 ดอลลาร์ ได้ฟีเจอร์ Undo และ Collections Jane Manchun Wong นักแกะไฟล์แอพชื่อดังเพื่อหาฟีเจอร์ใหม่ที่ยังไม่ประกาศ (มีผลงานแกะ Facebook, Spotify และกรณีล่าสุดคือเจอฟีเจอร์จ่ายทิปของ Twitter) ค้นพบข้อมูลของบริการ Twitter แบบเสียเงินที่ใช้ชื่อ "Twitter Blue" คิดราคาเดือนละ 2.99 ดอลลาร์ สมาชิก Twitter Blue จะได้ฟีเจอร์แบบพรีเมียมคือ Undo Send ที่เรียกร้องกันมานาน Bookmarks/Collections เซฟข้อความทวีตที่ชอบ เก็บไว้ดูภายหลัง นอกจากนี้คาดว่า Twitter จะรวมตัวลบโฆษณาออกจากหน้าเว็บ Scroll ที่เพิ่งซื้อกิจการมา และบริการจดหมายข่าว Revue ที่ซื้อมา เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Blue ด้วย
# ปัญหาชิปขาดตลาด ทำให้ราคาทีวีจอใหญ่แพงขึ้นแล้ว 30% จากปีที่แล้ว จากปัญหาชิปขาดแคลนยืดเยื้อยาวนาน บริษัทวิจัยตลาด NPD ประเมินตัวเลขว่าราคาของทีวีจอใหญ่ๆ เริ่มปรับตัวสูงขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับราคาช่วงกลางปีที่แล้ว และคาดว่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จะปรับตัวขึ้นตามในไม่ช้า ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หลายรายก็เคยเตือนปัญหาราคาพุ่งมาก่อนแล้ว เช่น ASUS หรือ Synaptics ที่ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้ในสินค้า ระบุว่าชิ้นส่วนขาดแคลนตั้งแต่ต้นน้ำอาจทำให้สินค้าราคาแพงขึ้น ส่วนเว็บไซต์ขายชิ้นส่วน Monoprice ก็ยอมรับว่าเจอปัญหาสต๊อกขาดแคลนแล้ว บริษัทยืนยันว่าไม่ขึ้นราคา แต่ก็อาจต้องเลิกโปรโมชั่นหรือส่วนลดแทน ข่าวที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้ ปัญหาชิปขาดตลาดเริ่มกระทบเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องซักผ้า เครื่องปิ้งขนมปัง และ ชิปรถขาดแคลนจนผู้ผลิตต้องตัดฟีเจอร์ฉลาดๆ ออก เช่น จอใหญ่, กระจกมองหลังอัจฉริยะ ที่มา - Ars Technica, ภาพจาก Sony
# แคลิฟอร์เนียออกแพคเกจสนับสนุนระบบรถยนต์ไฟฟ้าภายในรัฐ มูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ Gavin Newsom ผู้ว่ารัฐแคลิฟอร์เนียเสนองบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในรัฐ มูลค่ากว่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ เป็นส่วนหนึ่งของ California Comeback Plan แพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1 แสนล้าน โครงการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในรัฐแคลิฟอร์เนียนี้ จะแบ่งเป็นงบประมาณกว่าครึ่งหนึ่งในการเปลี่ยนรถบรรทุกกว่า 1,150 คัน, รถประจำทางกว่า 1,000 คัน และรถโรงเรียนอีกกว่า 1,000 คันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนที่เหลือจะแบ่งเป็น 800 ล้านดอลลาร์จะนำไปสนับสนุนโครงการ Clean Cars 4 All ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมให้ผู้ขับรถที่มีรายได้น้อยอัพเกรดรถยนต์เป็นระบบปล่อยไอเสียน้อยหรือไม่ปล่อยไอเสียเลย รวมถึงนำไปสนับสนุนเป็นส่วนลดให้รถยนต์พลังงานสะอาด, 500 ล้านดอลลาร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และ 250 ล้านดอลลาร์เพื่อนำไปสนับสนุนโครงการตั้งโรงงานผลิตในรัฐ นอกจากการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าทางตรงแล้ว งบประมาณของ California Comback Plan ยังมีอีก 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อลงทุนปรับปรุงระบบกริดไฟฟ้า, ระบบเก็บพลังงาน, การผลิตไฮโดรเจนแบบสะอาด และระบบพลังงานลม ซึ่งเป็นการสนับสนุนพลังงานสะอาดและเป็นการเพิ่มความมั่นคงของระบบพลังงานในรัฐเพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตด้วย ที่มา - TechCrunch, ca.gov ภาพจาก Pixabay
# ผลประกอบการ EA ไตรมาส 1/2021 ออกมาดี, FIFA 21 มีผู้เล่น 25 ล้านคน, Apex 12 ล้าน EA ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ของปีการเงิน 2021 (เท่ากับไตรมาส 1/2021 ของปฏิทินปกติ) และเป็นการสรุปงบตลอดทั้งปีการเงิน 2021 ด้วย ในแง่ผลประกอบการ EA มีรายได้ประจำไตรมาสที่ 1,346 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่คาดเล็กน้อย บริษัทออกเกมใหม่ทั้งหมด 13 เกม (นับตามรอบปีการเงิน) โดยเกมสุดท้ายที่ออกคือ It Takes Two เกมผจญภัยแนวการ์ตูน co-op ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ดี (เป็นเกมของสตูดิโออิสระ Hazelight Studios ที่จัดจำหน่ายโดย EA) ปี 2021 ยังเป็นปีที่ EA ซื้อกิจการสตูดิโอเกมหลายแห่ง ได้แก่ Codemasters, Glu Mobile, Metalhead Software เครื่องจักรทำเงินหลักของ EA ยังเป็น FIFA ที่มีผู้เล่นเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่แล้ว ถ้านับเฉพาะ FIFA 21 มีผู้เล่นรวมกัน 25 ล้านคน, ตามด้วย Apex Legends ที่มีผู้เล่นเฉลี่ยสัปดาห์ละ 12 ล้านคน ทำรายได้ตลอดอายุเกมเกิน 1 พันล้านดอลลาร์แล้ว, เกมตระูล The Sims ยังเติบโต โดย The Sims 4 มีผู้เล่นรวมกันตลอดอายุเกมแล้ว 36 ล้านคน, เกมฝั่งมือถือยังไปได้สวยจากเกม Star Wars: Galaxy of Heroes โครงสร้างรายได้ของ EA ตอนนี้มาจากบริการออนไลน์ (Live Services สีน้ำเงินเข้ม) เป็นส่วนใหญ่แล้ว รายได้จากการขายตัวเกม (Full Game สีเทา) มีสัดส่วนน้อยมาก จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม EA ถึงเน้นการขายการ์ดนักเตะในเกม FIFA และไอเทม-ชุดตกแต่งของ Apex Legends อย่างหนักหน่วง EA ยังประกาศรายชื่อเกมที่จะออกในปีการเงิน 2022 (นับจาก 1 เมษายน 2021) เบื้องต้นจำนวน 8 เกม ซึ่งไม่เซอร์ไพร์สนักเพราะส่วนใหญ่เป็นเกมกีฬาที่ออกทุกปีอยู่แล้ว หรือเกม Battlefield ภาคใหม่ก็ประกาศข่าวมาก่อนแล้ว ไตรมาส 2/2021: Knockout City, Mass Effect Legendary Edition ไตรมาส 3/2021: FIFA 22, F1 2021, Madden NFL 22 ไตรมาส 4/2021: Battlefield ภาคใหม่, NHL 22 ไตรมาส 1/2022: EA Sports PGA Tour ที่มา - EA
# ซัมซุงเพิ่มงบลงทุนเซมิคอนดักเตอร์เป็น 4.7 ล้านล้านบาท, จับมือ Hyundai ทำชิปรถยนต์ ซัมซุงประกาศลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปเพิ่มเพื่อแก้ปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน เดิมทีซัมซุงเคยประกาศในปี 2019 ว่าจะลงทุน 133 ล้านล้านวอน (ประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท) ในระยะเวลาอีก 10 ปีข้างหน้า (นับถึงปี 2030) แต่ล่าสุดปรับตัวเลขใหม่เป็น 171 ล้านล้านวอน (ประมาณ 4.7 ล้านล้านบาท) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซัมซุงยังประกาศเริ่มสร้างไลน์การผลิตใหม่ที่เมือง Pyeongtaek ในเกาหลี เพื่อผลิตแรม DRAM ขนาด 14nm และชิปขนาด 5nm ซึ่งใช้เทคโนโลยีใหม่ EUV ทั้งคู่ โรงงานใหม่จะเสร็จในครึ่งหลังของปี 2022 อีกข่าวที่เกี่ยวข้องกันคือ ซัมซุงผนึกกำลังกับพันธมิตรร่วมชาติเกาหลี Hyundai และหน่วยงานด้านวิจัยของรัฐบาลเกาหลีใต้ เซ็นสัญญาร่วมพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์สำหรับรถยนต์หลายด้าน เช่น ชิปจัดการแบตเตอรี่ เซ็นเซอร์ภาพ หน่วยประมวลผล ฯลฯ ความร่วมมือนี้เป็นโครงการระยะยาวที่ยังไม่น่าจะเห็นผลออกมาในเร็ววัน ที่มา - Samsung, Business Korea
# ต้านกระแสไม่ไหว Coinbase เตรียมเปิดให้เทรดเหรียญ Dogecoin แล้ว Coinbase เว็บเทรดคริปโตรายใหญ่ที่เพิ่งขายหุ้น IPO เข้าตลาดไปเมื่อเร็วๆ นี้ สามารถซื้อขายเงินคริปโตได้หลายสกุล แต่ที่ผ่านมากลับยังขาด Dogecoin ที่กำลังโด่งดังในช่วงหลัง ล่าสุด Coinbase ทานกระแสไม่ไหว เตรียมรองรับ Dogecoin แล้ว โดยซีอีโอ Brian Armstrong ตอบคำถามนักลงทุนว่าจะขึ้นเหรียญ Dogecoin ให้เทรดกันภายใน 6-8 สัปดาห์ Armstrong ยังบอกว่าทีมงาน Coinbase จะเร่งการรองรับเหรียญชนิดต่างๆ ให้มากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Dogecoin ที่มา - Gizmodo
# Discord ฉลองครบรอบ 6 ปี ปรับโลโก้-สี-ฟอนต์ ใหม่ Discord ประกาศฉลองครบรอบ 6 ปี ด้วยการปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ซึ่งสัญลักษณ์ปัจจุบันเป็นคาแรกเตอร์ที่ Discord เรียกชื่อว่า Clyde โดยปรับเปลี่ยนรูปร่างให้ดูเรียบง่ายมากขึ้น รวมทั้งนำ Clyde ออกจากกล่องคำพูด ที่เรียกว่า Home ออก ทำให้เกิดความสมมาตรและนำไปต่อยอดในงานออกแบบได้มากกว่าเดิม นอกจากคาแรกเตอร์ที่เปลี่ยนไป ฟอนต์ของ Discord ก็ปรับรูปแบบด้วยเช่นกัน รวมทั้งสีพื้นหลังที่เรียกว่าสี Blurple ก็ปรับเฉดให้สว่างสดใสมากขึ้น (จาก 7289DA เป็น 5865F2) Discord บอกว่าฟังก์ชันการทำงานทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่ผู้ใช้งานอาจรู้สึกว่าสีโลโก้ดูสว่างตามากขึ้น ที่มา: Discord โลโก้เดิม
# ทรูมูฟเอช ไตรมาส 1/2564 ผู้ใช้งานรวมเพิ่มเป็น 31.2 ล้านราย กลุ่มทรู รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2564 มีรายได้รวม 35,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน มี EBITDA หรือ กำไรก่อนดอกเบี้ย-ภาษี-ค่าเสื่อมราคา-ค่าใช้จ่ายตัดจ่าย 14,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.0% และขาดทุนสุทธิ 581 ล้านบาท จากความผันผวนของขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับ 5G ทรูมูฟ เอช มีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้น 5.81 แสนราย โดยมาจากลูกค้ารายเดือนถึง 4.5 แสนราย จำนวนผู้ใช้งานรวมเป็น 31.2 ล้านราย ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ 5G แล้วมากกว่า 7 แสนราย ตัวเลขในกลุ่มธุรกิจอื่นของทรูเป็นดังนี้ ทรูออนไลน์ ฐานผู้ใช้บริการ 4.3 ล้านราย เพิ่มขึ้น 1.01 แสนราย ทรูวิชั่นส์ ยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวนลูกค้า 3.9 ล้านราย ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป มีการซื้อคอนเทนต์ในทรูไอดี 4.35 แสนครั้ง การชมคอนเทนต์รวมเฉลี่ยเพิ่มเป็น 240 ล้านครั้งต่อเดือน ที่มา: ทรู (pdf)
# Apple จะเลิกจำหน่ายอุปกรณ์เสริมสี Space Gray ตอนนี้ยังซื้อได้จนกว่าสินค้าจะหมด เว็บไซต์ MacRumors พบว่า หลังจาก Apple เลิกวางจำหน่าย iMac Pro สักพักแล้ว ตอนนี้ Apple ก็เตรียมจะเลิกจำหน่ายอุปกรณ์เสริมสี Space Gray แล้ว โดยเมื่อเข้าไปดูในเว็บไซต์ Apple จะแสดงคำว่า “While supplies last” ซึ่งผู้ใช้จะยังคงซื้อได้จนกว่าสินค้าจะหมด Apple เปิดตัว iMac Pro ตั้งแต่ปี 2017 โดยมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมทั้ง Magic Mouse 2, Magic Keyboard และ Magic Trackpad สี Space Gray แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ต้องสั่งพร้อมกับ iMac Pro เท่านั้น ภายหลัง Apple จึงเริ่มนำอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ออกขายแยก โดยการเลิกขายสินค้ากลุ่มสี Space Gray ลูกค้าก็ยังมีตัวเลือกเป็นสินค้าแบบสีเทาเงินให้เลือกเหมือนเดิม สำหรับ iMac รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวปีนี้ Apple ก็มีอุปกรณ์เสริมสีเดียวกับตัวเครื่องเช่นกัน แต่ตอนนี้ Apple ยังไม่ได้นำอุปกรณ์เสริมสำหรับ iMac หลากสีมาขายแยก ซึ่งในอนาคตอาจจะมีวางจำหน่ายก็เป็นได้ ที่มา - MacRumors, 9to5Mac iMac Pro
# ชาติที่สองในโลก จีนส่งยานอวกาศ Zhurong ลงจอดบนดาวอังคารได้สำเร็จ หน่วยงานอวกาศของรัฐบาลจีน China National Space Administration ประกาศความสำเร็จของยาน Zhurong ที่สามารถลงจอดบนดาวอังคารได้สำเร็จ ทำให้จีนกลายเป็นชาติที่สองที่สามารถส่งยานไปถึงดาวอังคารได้ ยาน Zhurong เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสำรวจดาวอังคาร Tianwen 1 ที่เริ่มยิงจรวดออกนอกโลกตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2020 และเดินทางจนมาถึงดาวอังคารในวันนี้ Zhurong ลงจอดที่บริเวณ Utopia Planitia ทางตอนใต้ของดาวอังคาร หลังจากนี้จะมีรถสำรวจ (rover) ออกสำรวจพื้นผิวของดาวต่อไป ชื่อ Zhurong มาจากเทพเจ้าแห่งไฟตามตำนานจีน จู้หรง หรือบ้างก็เรียก จู้หยอง ที่มา - China National Space Administration, CGTN, BBC ภาพถ่ายดาวอังคารจากภารกิจ Tianwen หลายวันก่อนลงจอด
# ไอร์แลนด์ระงับให้บริการไอทีในระบบสาธารณสุข หลังตรวจพบ Ransomware ในระบบ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ประกาศระงับการให้บริการไอทีสำหรับสาธารณสุข เนื่องจากทางหน่วยงานตรวจพบ ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ในระบบ จึงสั่งการระงับการให้บริการไว้ก่อนเพื่อตรวจสอบให้ระบบมีความพร้อมก่อนที่จะเปิดให้บริการต่อไป สำนักข่าว The Irish Times รายงานว่า Health Service Executive หรือ HSE ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลด้านสาธารณสุขของไอร์แลนด์ระบุว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบการโจมตีเริ่มตั้งแต่ประมาณตีสี่ครึ่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศไอร์แลนด์ พนักงานไอทีของ HSE จึงสั่งปิดระบบเพื่อเป็นการป้องกันและตรวจสอบระบบร่วมกับพาร์ทเนอร์ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาตลอดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่าเป็นมัลแวร์ที่มาจากอาชญากรข้ามชาติ คาดว่าจุดประสงค์ของการโจมตีน่าจะเป็นการเรียกค่าไถ่ ในช่วงที่ระบบหยุดทำงาน โรงพยาบาลและคลินิคในไอร์แลนด์หลายแห่งอาจจะต้องหยุดให้บริการในบางอย่าง และงานบางอย่างอาจจะยังทำได้โดยใช้เอกสารเป็นกระดาษทดแทน ซึ่งอาจทำให้บริการล่าช้า แต่จะไม่กระทบกับการฉีดวัคซีน COVID-19 โดย Stephen Donnelly รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไอร์แลนด์ระบุว่าการโจมตีครั้งนี้มีผลกระทบรุนแรงต่อระบบให้บริการด้านสาธารณสุข และ Anne O’Connor ซีโอโอของ HSE ระบุว่าถ้าลากยาวไปจนถึงวันจันทร์ผลกระทบจะรุนแรงกว่านี้เนื่องจากต้องยกเลิกนัดหมายอีกจำนวนมาก ที่มา - Engadget ภาพจาก Pixabay
# PayPal ซื้อกิจการ Happy Returns โซลูชันการคืนสินค้าสำหรับร้านออนไลน์ PayPal ประกาศซื้อกิจการ Happy Returns ผู้ให้บริการโซลูชันสำหรับการคืนสินค้า ให้กับร้านค้าออนไลน์ โดยไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของดีลดังกล่าว แต่ Happy Returns ในช่วงที่ผ่านมาได้เงินเพิ่มทุนไปแล้วราว 25 ล้านดอลลาร์ Happy Returns เป็นบริการจัดการขั้นตอนคืนสินค้าสำหรับร้านออนไลน์ ซึ่งเป็นกระบวนการจัดส่งสินค้าแบบย้อนกลับที่มีต้นทุนสูง โดยผู้ให้บริการรายใหญ่อย่าง Amazon หรือ Walmart ต่างมีจุดคืนสินค้าผ่านหน้าร้านของตน (กรณี Amazon คือ Whole Foods) ทำให้มีต้นทุนการดำเนินงานส่วนนี้ต่ำกว่า โซลูชันของ Happy Returns จึงเข้ามาช่วยร้านค้าออนไลน์ส่วนนี้ ผ่านจุดคืนสินค้ามากกว่า 2,600 แห่งทั่วอเมริกา บริการของ Happy Returns จะยังคงให้บริการลูกค้าเดิมต่อไปหลังการควบรวมกับ PayPal เสร็จสิ้น ซึ่ง PayPal จะเข้ามาช่วยด้านการคืนเงินให้ลูกค้าด้วยในอีกทางหนึ่ง ที่มา: Happy Returns ผ่านTechCrunch
# Angular ออกเวอร์ชัน 12.0 เตรียมปลดเอนจินเรนเดอร์ตัวเก่า หันมาใช้เอนจิน Ivy ตัวใหม่ เฟรมเวิร์ค Angular ออกเวอร์ชัน 12.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันแรกของปี 2021 ของใหม่ที่สำคัญคือเอนจินเรนเดอร์ตัวเดิม View Engine ถูกเปลี่ยนสถานะเป็นล้าสมัย (deprecated) และเตรียมออกออกอย่างถาวรในเวอร์ชันหน้า Angular เริ่มกระบวนการเปลี่ยนเอนจินเรนเดอร์และคอมไพล์ตัวใหม่ชื่อ Ivy มาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว (เริ่มทดสอบใน Angular 8 เปิดใช้จริงใน Angular 9) และจากสถิติของ Angular เองก็พบว่าปัจจุบันมีแอพพลิเคชันที่ใช้ View Engine เดิมน้อยมากๆ แล้ว การเปลี่ยนแปลงอื่นใน Angular 12 คือเลิกใช้ฟอร์แมตข้อความ i18n แบบเดิม, หยุดรองรับ IE 11, รองรับโอเปอเรเตอร์ nullish coalescing (??) ของ TypeScript เป็นต้น ที่มา - Angular
# Cloudflare เริ่มเช็คว่าเป็นคนหรือบ็อตแบบไร้ CAPTCHA ตรวจสอบด้วย USB Key แทน ในฐานะบริษัทจัดการทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ Cloudflare ย่อมเจอปัญหาบ็อตในปริมาณมหาศาล ที่ผ่านมาโซลูชันการแยกมนุษย์จริงๆ ออกจากบ็อตคือ CAPTCHA แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความน่ารำคาญของมนุษย์ที่ต้องมายืนยันว่าตัวเองเป็นมนุษย์อยู่บ่อยๆ เมื่อปีที่แล้ว Cloudflare เพิ่งประกาศย้ายจาก reCAPTCHA ของกูเกิลมาเป็น hCAPTCHA ด้วยเหตุผลเรื่องเงิน ล่าสุดบริษัทออกมาประกาศนโยบายว่า พยายามจะไปไกลกว่านั้นด้วยการยกเลิก CAPTCHA อย่างถาวร เพราะมองว่าน่าเบื่อ ยุ่งยาก สิ้นเปลือง โซลูชันใหม่ที่ Cloudflare เสนอมาเป็นอย่างแรกคือ ให้ยืนยันตัวตนด้วยคีย์ USB (เช่น Yubikey) แทน กระบวนการทำงานคือผู้ใช้ต้องยืนยันความเป็นเจ้าของคีย์อันนั้นก่อน ผ่านเว็บไซต์ที่เรียกว่า Cryptographic Attestation of Personhood (ในที่นี้คือ cloudflarechallenge.com) จากนั้น Cloudflare จะสร้างคีย์ดิจิทัลขึ้นมาเก็บไว้ในระบบ เพื่อจำว่าเจ้าของคีย์นี้เป็นมนุษย์จริง หลังจากนั้นเมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ที่รองรับมาตรฐาน Web Authentication (WebAuthn) Attestation ของ W3C (ซึ่งเบราว์เซอร์รองรับเกือบหมดแล้ว) จะสามารถส่งคำขอมายัง Cloudflare เพื่อยืนยันว่าเจ้าของคีย์เป็นมนุษย์จริงๆ ตอนนี้ระบบของ Cloudflare ยังรองรับคีย์ USB เพียงบางรุ่นเท่านั้น บริษัทบอกว่าจะค่อยๆ ขยายไปยังอุปกรณ์อื่นต่อไป ที่มา - Cloudflare Blog
# [Strategy Analytics] ยอดจัดส่งโน้ตบุ๊กโตเฉลี่ย 81% ในไตรมาส 1/2021, Dell รั้งท้าย โต 37% Strategy Analytics บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด เปิดเผยยอดจัดส่งโน้ตบุ๊ก ไตรมาส 1/2021 เติบโตเฉลี่ย 81% โดย Lenovo, HP และ Dell ยังครองสามอันดับแรก ยอดจัดส่งของ Dell เติบโตเพียง 37% ขณะที่ Lenovo เติบโต 84% และ HP เติบโต 91% แต่ไม่มีคำอธิบายสาเหตุว่าทำไม Dell จึงเติบโตได้น้อยกว่าแบรนด์อื่นใน 3 อันดับแรก อันดับ 4 ตามมาด้วย Apple ที่มียอดจัดส่งเพิ่มจาก 2.9 ล้านเครื่องในไตรมาส 1/2020 เป็น 5.7 ล้านเครื่องในไตรมาสนี้ เติบโต 94% เท่ากับ Acer ที่อยู่ในอันดับ 5 ยอดจัดส่งโตจาก 2.5 ล้านเครื่อง เป็น 4.9 ล้านเครื่อง ในด้านส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการ โน้ตบุ๊ก Windows ส่วนแบ่งตลาดลดลงจาก 79.6% เหลือ 73% ส่วน Chrome OS มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 11.7% เป็น 17.7% จากภาคการศึกษาในตลาดเกิดใหม่ ส่วน MacOS มีส่วนแบ่งทางตลาดเพิ่มจาก 7.8% เป็น 8.4% ที่มา - Strategy Analytics
# รีวิว POCO X3 Pro มือถือรุ่นกลาง Snapdragon 860 จอ 120Hz ครบครันในราคาต่ำหมื่น POCO เป็นค่ายมือถือที่มีชื่อเสียงในการทำมือถือราคาเป็นมิตร และ POCO X3 Pro มือถือรุ่นใหม่ของปีนี้ก็เข้าข่ายนั้น แม้ไม่รองรับ 5G แบบรุ่นพี่อย่าง POCO F3 แต่ก็ให้ฟีเจอร์มือถือที่ควรมีในปี 2021 มาครบถ้วน พลังประมวลผล Snapdragon 860 ที่แรงใกล้เคียงกับมือถือระดับเรือธงของปีที่แล้ว และแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 5,160 mAh ใช้งานได้ยาวๆ ทั้งวันแน่นอน POCO X3 Pro ใช้หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ครอบด้วย Gorilla Glass 6 และแม้จะเป็น IPS LCD ที่สีอาจจะไม่สดเท่า OLED หรือ AMOLED แต่ก็ได้รีเฟรชเรตสูง 120Hz พร้อมอัตราการตอบสนองการสัมผัส 240Hz ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล (395 ppi) รองรับการแสดงผล HDR10 รุ่นที่ผู้เขียนรีวิวเป็นรุ่นแรม 6GB หน่วยความจำภายใน 128GB สีดำ ราคาช่วงเปิดตัวอยู่ที่ 7,999 บาท โดยมีรุ่น 8GB+256 ราคา 8,999 บาทเป็นอีกตัวเลือก แกะกล่อง ตัวกล่อง POCO X3 Pro เป็นกล่องสีดำตัว หนังสือสีเหลือง ดูหรูหราเกินมือถือรุ่นกลาง ภายในกล่องให้ที่ชาร์จเร็ว 33W พร้อมสายชาร์จ USB-C มาด้วย นอกจากนี้ก็มีสติกเกอร์ POCO รวมถึงเคสพลาสติก TPU แถมมาให้ ตัวเครื่องโดยรวม ตัวเครื่องน้ำหนักอยู่ที่ 214 กรัม (Mi 11 Ultra 234 กรัม, iPhone 12 Pro 190 กรัม) ถือว่าหนักพอสมควร แต่น้ำหนักค่อนข้างสมดุล ขอบโค้งจับถนัดมือ พื้นที่ขอบล่างใหญ่กว่าขอบบนเล็กน้อย กล้องหน้า 20MP แบบเจาะรูที่อยู่กึ่งกลางจอ ผู้ใช้มือถือในปี 2021 น่าจะค่อนข้างชินกับกล้องหน้าสไตล์นี้พอสมควร ด้านหลังมีกล้อง 4 กล้องอยู่ตรงกลางด้านบน ไม่ได้ล้ำออกมาจากตัวเครื่องมากนัก ช่วงขอบทั้งสองข้างเป็นพื้นผิวที่เป็นสีด้าน ส่วนตรงกลางมันเงากว่า เป็นข้อดีที่เวลาจับ ด้านข้างทั้งสองด้านจะไม่ดึงดูดรอยนิ้วมือมากนัก ปุ่มกดทั้งหมดอยู่ด้านขวา ทั้งปุ่มพาวเวอร์ที่ใช้สแกนลายนิ้วมือ และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิม หนึ่งในข้อดีอีกข้อคือเป็นลำโพงคู่ เสียงออกทั้งด้านล่างและด้านบน มีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร กับรูชาร์จแบบ USB-C UI และประสิทธิภาพ POCO X3 Pro มาพร้อม MIUI 12.0.1 ที่เป็น Android 11 จากโรงงาน แต่ติดตั้งแอปอื่นๆ มาให้ค่อนข้างเยอะ ทั้งแอปมัลติมีเดียจากฝั่งจีน iQIYI, Tiktok, เกม Bubble ไปจนถึง PUBG Mobile มาให้ ถ้าไม่ต้องการก็สามารถลบออกไปได้ ในด้านประสิทธิภาพ ชิป Snapdragon 860 บน POCO X3 Pro ทำคะแนน Geekbench 5 ได้น่าประทับใจกว่าที่คิด โดยทำคะแนน Single Core ได้ 755 คะแนน และ Multi Core ได้ 2755 คะแนน เปรียบเทียบแล้วพอๆ กับเรือธงของปีที่แล้วจากฝั่ง Samsung อย่าง Galaxy Note 20 Ultra (รุ่น Exynos 990) เลยทีเดียว กล้อง กล้องของ POCO X3 Pro ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นนัก กล้องหลังเป็นแบบสามกล้องพร้อมแฟลช ความละเอียดกล้องหลัก 48MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องมาโคร 2MP และ depth sensor 2MP ซึ่งก็เป็นมาตรฐานของมือถือรุ่นกลางทั่วไป ถ่ายภาพได้คุณภาพพอใช้ กล้องหน้าเป็นแบบ 20MP ดังที่กล่าวไปในช่วงก่อนหน้า คุณภาพพอใช้เช่นกัน ผู้เขียนสังเกตเห็นว่าโทนสีและแสงของกล้องหลักและกล้องอัลตร้าไวด์มีความแตกต่างกันเล็กน้อย สามารถดูได้ในรูปเปรียบเทียบด้านล่าง แต่ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะทั้งสองกล้องก็ถ่ายภาพได้คุณภาพพอใช้ การถ่ายภาพภายในอาคารทำได้ดีแม้มีแสงไม่มากนัก โหมดกลางคืนก็ทำได้ค่อนข้างดีเช่นเดียวกัน สามารถเก็บแสงได้ดี และยังคงรายละเอียดอยู่ครบ ภาพจากกล้องหลังหลัก ภาพจากกล้องอัลตร้าไวด์ ภาพภายในอาคาร, กล้องหลังหลัก ภาพ Night Mode, กล้องหลังหลัก ภาพจากกล้องหน้า สรุป POCO X3 Pro เป็นมือถือที่ไม่ได้มีฟีเจอร์โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่ประสิทธิภาพชิปประมวลผล Snapdragon 860 ที่เทียบได้กับ Galaxy Note 20 Ultra ก็เป็นตัวชูโรงได้ดี (เมื่อเทียบกับราคาเครื่อง) ถ้าจะมีข้อที่น่าเสียดาย คือคุณภาพกล้องอยู่แค่ในระดับกลางๆ เท่านั้น และการไม่รองรับเครือข่าย 5G ทำให้ไม่มีโอกาสเข้าถึงเครือข่ายรุ่นใหม่ที่ประสิทธิภาพดีกว่า ส่วนหน้าจอ 120Hz และอัตราสัมผัส 240Hz ที่ทันใจ รวมถึงแบตเตอรี่ 5,160 mAh กับที่ชาร์จ 33W ก็ทำให้เป็นมือถือสำหรับใช้งานที่อยู่ได้ทั้งวัน และใช้เวลาชาร์จไม่นานนัก เหมาะกับการนำมาใช้ในการทำงาน เช่นการกดรับงานแอปเดลิเวอรี่ต่างๆ ในราคาที่ค่อนข้างเป็นมิตรที่ 7,999 บาท
# Xbox ทำ speech-to-text ใน Xbox Party Chat ผู้มีปัญหาการได้ยินใช้งานได้ดีขึ้น Xbox ประกาศเพิ่มฟีเจอร์เพื่อการเข้าถึงผู้พิการหรือ Accessibility ใน Xbox Party Chat (ฟังก์ชั่นการพูดคุยระหว่างเล่นเกม) รองรับการถอดเสียงพูดเป็นข้อความหรือ speech-to-text เพื่อให้ผู้มีปัญหาการได้ยินเข้าใจได้ง่าย และยังมีฟีเจอร์สร้างเสียงสังเคราะห์จากข้อความที่คนพิมพ์เข้ามาในแชทด้วย โดยเริ่มเปิดใช้งานให้กลุ่ม Xbox Insiders ก่อน ในการตั้งค่าใช้งานเข้าที่เมนูตั้งค่า และเมนู Ease of Access > เลือก Game and chat transcription เพื่อเปิดโหมดการใช้งาน ปัจจุบัน Xbox สามารถทำคำบรรยายเกมแบบ speech-to-text ได้อยู่แล้วมาตั้งแต่ปี 2017 ถือเป็นคอนโซลแรกที่ทำฟีเจอร์การเข้าถึงในลักษณะนี้ ล่าสุดเป็นการขยายการใช้งานเข้ามาใน Xbox Party Chat ด้วย ที่มา - Xbox, Engadget
# TiMi ผู้สร้างเกมเครือ Tencent จับมือเชิงกลยุทธ์กับ Xbox Game Studios คาดพัฒนาเกมใหม่ TiMi บริษัทเกมมือถือในเครือ Tencent ประกาศจับมือกับ Xbox Game Studios เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกันเชิงกลยุทธ์ ยังไม่ประกาศความร่วมมือกันในรายละเอียดว่าจะทำอะไรบ้าง แต่คาดเป็นการร่วมมือกันสร้างเกมใหม่ๆ ถือเป็นการเจาะตลาดคอนโซลด้วยสำหรับ TiMi ที่เป็นผู้นำในตลาดเกมมือถือมานาน TiMi ก่อตั้งในปี 2008 สร้างเกมมือถือดังหลายตัว เช่น Call of Duty: Mobile, Honor of Kings และกำลังสร้าง Pokémon Unite ถือเป็นบริษัทสร้างเกมที่มีมูลค่าสูงอันดับต้นๆ ข้อมูลจาก SensorTower ระบุว่า เฉพาะเกม Honor of Kings ก็สร้างรายได้ไปกว่า 2.5 พันล้านเหรียญแล้ว ด้าน Xbox Game Studios ก็ลงทุนในสตูดิโอเกมอื่นๆ อย่างหนัก กรณีที่เด่นชัดคือการเข้าซื้อ ZeniMax บริษัทแม่ของ Bethesda ด้วยมูลค่า 7.5 พันล้านเหรียญ Xbox Game Studios ยังมีสตูดิโอในเครือแล้ว 23 แห่ง ภาพจาก Timi ที่มา - Engadget, TechCrunch
# หลุดเรนเดอร์ Pixel 6 และ Pixel 6 Pro ดีไซน์ใหม่ สแกนนิ้วใต้จอ รุ่น Pro มี 3 กล้องหลัง Jon Prosser บล็อกเกอร์ไอทีที่ล่าสุดเพิ่งปล่อยภาพเรนเดอร์ Macbook Air รุ่นใหม่ไป กลับมาอีกครั้งกับภาพเรนเดอร์ของ Pixel 6 ที่ระบุว่ารอบนี้จะมาในชื่อ Pixel 6 และ Pixel 6 Pro โดยไม่ใช้ชื่อ XL แล้ว และมีดีไซน์ที่ใหม่แหวกแนวกว่าที่ Google เคยทำ Pixel 6 มาพร้อมกล้องหน้าแบบเจาะรูอยู่กึ่งกลางจอ ขอบจอโค้งเล็กน้อย เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือย้ายจากหลังเครื่องมาอยู่ใต้จอ ด้านหลังมีแถบสีส้ม (และอาจมีสีอื่น) อยู่ด้านบน ตามด้วยกล้องหลัง 2 กล้องที่นูนออกมาเล็กน้อย และฝาหลังสีขาว ส่วน Pixel 6 Pro มีขนาดใหญ่กว่า มีแถบสีส้มด้านหลังเช่นกัน แต่มี 3 กล้องหลัง และฝาหลังจะมีโทนสีส้มจางๆ ปนอยู่ในสีขาว นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังมีสีขอบแบบขัดเงาที่ Prosser ระบุว่า สวยงามเหมือนเครื่องประดับอีกด้วย Prosser คาดว่าที่ Google ปรับปรุงดีไซน์ Pixel ครั้งใหญ่ในรอบนี้ อาจเป็นเพราะ Pixel 6 และ 6 Pro จะเป็นเครื่องแรกที่ Google เปิดตัวชิปประมวลผล Whitechapel รหัส GS101 (ย่อมาจาก Google Silicon) ที่ทำร่วมกับ Samsung แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่าจะเปิดตัวช่วงไหน คงต้องติดตามกันต่อไป ที่มา Youtube: Jon Prosser, FPT
# ปัญหาชิปขาดตลาด กระทบการผลิต Nintendo Switch, เรือขวางคลองสุเอซทำยุโรปของขาด Shuntaro Furukawa ประธานนินเทนโด ตอบคำถามนักลงทุนในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 1/2021 ในประเด็นเรื่องผลกระทบจากปัญหาชิปขาดแคลน ยอมรับว่ามีผลต่อกำลังการผลิต Nintendo Switch ด้วยเช่นกัน Furukawa บอกว่าในปี 2020 มีความต้องการ Nintendo Switch สูงมาก จากปัจจัยเกม Animal Crossing: New Horizons ในช่วงครึ่งแรกของปี แต่ครึ่งหลังของปี 2020 จนมาถึงไตรมาสล่าสุด (1/2021) ความต้องการก็ยังสูงอยู่ดี แม้คอนโซลมีอายุเข้าปีที่ 5 แล้วก็ตาม ทำให้นินเทนโดพยากรณ์ยอดขาย Switch ของปีงบการเงินนี้ (นับจากเมษายน 2021 ไปหนึ่งปี) ที่อย่างน้อย 25.50 ล้านเครื่อง Furukawa บอกว่า ณ ตอนนี้ ความต้องการเครื่องมีสูงกว่ากำลังการผลิต (production has currently caught up with high demand) จากปัญหาชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนทั่วโลก ซึ่งนินเทนโดก็จะพยายามเต็มที่ในการสรรหาชิ้นส่วนเหล่านี้มาใช้ผลิตเครื่องให้เพียงพอ นอกจากนี้ Furukawa ยังพูดถึงประเด็นเรือสินค้า Ever Green ขวางคลองสุเอซทำให้การค้าทั่วโลกหยุดชะงัก ว่าส่งผลต่อการส่งเครื่อง Switch ไปขายในยุโรปด้วย ทำให้สินค้าในยุโรปเริ่มขาดตลาดแล้ว อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Furukawa ยอมรับว่าจำนวนผู้เล่น (active users) ของปี 2021 ลดลงจากปี 2020 ที่คนเล่นเยอะเพราะ Animal Crossing แต่ก็ลดลงไม่เยอะมาก เพราะมีเกมใหม่ๆ ออกต่อเนื่อง เกมใหญ่ที่เขายกตัวอย่างคือ Monster Hunter Rise ที่มา - Nintendo via IGN
# แจ้งเตือน Let's Encrypt กำลังปิดเซิร์ฟเวอร์ ACMEv1 วันที่ 1 มิถุนายนนี้ Let's Encrypt ประกาศตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาว่ากำลังจะปิดเซิร์ฟเวอร์ ACMEv1 วันที่ 1 มิถุนายนนี้ ทำให้เซิร์ฟเวอร์ที่ขอใบรับรองอยู่จะไม่สามารถออกใบรับรองใหม่ได้หลังจากนั้นหากไม่แก้คอนฟิกหรืออัพเกรดไคลเอนต์เสียใหม่ แนวทางของ Let's Encrypt คือการปิดเซิร์ฟเวอร์เพื่อแจ้งเตือน (brown out) เป็นช่วงๆ โดยที่ผ่านมาปิดเซิร์ฟเวอร์ไปแล้ว 9 รอบ รอบล่าสุดคือวันที่ 6-10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจะปิดเตือนรอบสุดท้ายในวันที่ 18-25 พฤษภาคมนี้ ก่อนจะเปิดกลับขึ้นมาให้ใช้งานรอบสุดท้าย สำหรับผู้ใช้ในองค์กรควรตรวจสอบว่ายังมีการเชื่อมต่อไปยังโดเมน acme-v01.api.letsencrypt.org อยู่หรือไม่ ACMEv1 เป็น API ที่ทาง Let's Encrypt พัฒนาขึ้นมาก่อนจะสร้างมาตรฐานกลางอุตสาหกรรมเป็น ACMEv2 ที่เปิดมาตรฐานด้วยเอกสาร RFC8555 ทำให้มีผู้ให้บริการใบรับรองเข้ารหัสเว็บจำนวนมากใช้มาตรฐานเดียวกัน ไคลเอนต์สำคัญอย่าง Certbot นั้นรุ่นใหม่ๆ ปรับมาใช้ใช้ ACMEv2 แล้ว ผู้ได้รับผลกระทบสำคัญคงเป็นระบบที่ติดตั้งไว้ตั้งแต่แรกๆ และไม่ได้อัพเดต ที่มา - Let's Encrypt
# Twitter ใน Android เพิ่มแท็บค้นหาในช่อง DM แล้ว ตามหลัง iOS และเว็บไซต์ 2 ปี ในที่สุด Twitter ใน Android ก็เพิ่มแท็บค้นหาในช่อง Direct Messages แล้ว หลังเปิดใช้งานใน iOS และเว็บไซต์มา 2 ปี สามารถค้นหาชื่อบัญชีที่ส่งข้อความมาหาเราได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเลื่อนไทม์ไลน์แชทไปไกล Twitter บอกด้วยว่ากำลังพัฒนาการค้นหาเนื้อหาใน DM ด้วย ไม่จำกัดเฉพาะชื่อบัญชีเท่านั้น และจะเปิดใช้งานภายในปีนี้ ที่มา - Engadget
# Sony เตรียมขายจอย DualSense สองสีใหม่ Midnight Black และ Cosmic Red เดือนมิถุนายนนี้ Sony เตรียมเปิดขายจอย DualSense คอนโทรลเลอร์หลักของเครื่อง PlayStation 5 สองสีใหม่คอนเซ็ปต์อวกาศ คือสี Midnight Black สีดำสนิท ที่น่าจะถูกใจแฟน DualShock 4 รุ่นดั้งเดิมหลายๆ คน และสี Cosmic Red สีแดงไวน์สลับดำ ทั้งสองแบบเตรียมวางจำหน่ายภายในเดือนมิถุนายน จุดที่น่าสนใจคือแม้สีดำจะราคา 70 ดอลลาร์เท่าสีปกติ (ราว 2,190 บาท) แต่สีแดงราคาเพิ่มเป็น 75 ดอลลาร์ (ราว 2,350 บาท) DualSense เป็นคอนโทรลเลอร์รุ่นใหม่ของ PlayStation 5 มาพร้อมระบบสั่นความละเอียดสูง (คล้ายคลึงกัยจอย Nintendo Switch) ที่สามารถจำลองสัมผัสของพื้นผิวต่างๆ ได้สมจริงยิ่งขึ้นจากการสั่นที่แตกต่างกัน รวมถึงมี Adaptive Trigger ปุ่ม L, R ที่ปรับแรงเสียดทานจำลองการเป็นไกปืน หรือแรงหนืดที่แตกต่างกันตามอัตราเร่งของรถในเกมแข่งรถได้ ดูรายละเอียดจอยทั้งสองสีเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บ PlayStation อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังมองว่าเครื่อง PS5 อาจยังขาดตลาดไปถึงปีหน้า ทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้ซื้อเครื่องอาจต้องควานหากันพอสมควร และนอกจากนี้แม้จะมีจอยสีดำและแดงออกมาแล้ว แต่แผ่นเพลตของเครื่อง PS5 สีดำ หรือสติกเกอร์ตกแต่ง ปัจจุบันมีจำหน่ายจากแบรนด์อื่นที่ไม่ใช่ของ Sony เท่านั้น ส่วนแบบทางการยังไม่มีจำหน่ายแต่อย่างใด ที่มา - PlayStation Blog, Engadget
# Diem (Libra เดิม) พับแผนตั้งสำนักงานใหญ่ที่สวิส โฟกัสอเมริกา เตรียมออก Diem USD โครงการเงินดิจิทัล Libra ของ Facebook เคยมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ สร้างเงินสกุลใหม่ที่ใช้ได้ทั่วโลก แต่ในรอบปีที่ผ่านมาก็ถอยมาตลอด ทั้งเลิกแผนระบบตะกร้าเงิน เปลี่ยนมาอิงเงินสกุลเดียว, รีแบรนด์กระเป๋าเงินจาก Calibra เป็น Novi และล่าสุดคือเพิ่งเปลี่ยนชื่อโครงการทั้งหมดเป็น Diem เพื่อล้างภาพแบรนด์ Diem Association ที่ตอนนั้นใช้ชื่อ Libra Association วางแผนใช้สวิตเซอร์แลนด์เป็นสำนักงานใหญ่ ด้วยเหตุผลด้านกฎหมายการเงิน (เช่นเดียวกับโครงการเงินคริปโตอื่นๆ) โดยขอยื่นใบอนุญาตประกอบกิจการไปยัง FINMA หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ แต่ล่าสุดองค์กรประกาศถอนตัวจากสวิตเซอร์แลนด์แล้ว หันมาโฟกัสที่ตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก โดยให้เหตุผลว่าพับแผนตะกร้าเงินตราไปแล้ว ช่วงแรกจะทำ Diem USD stablecoin เพียงอย่างเดียว จึงไม่ต้องไปขอใบอนุญาตที่สวิตเซอร์แลนด์ให้ยุ่งยาก ตอนนี้ Diem ถอนคำร้องยื่นใบอนุญาตต่อ FINMA แล้ว และจะไปยื่นใบอนุญาตต่อกระทรวงการคลังของสหรัฐแทน พาร์ทเนอร์รายใหม่ของ Diem ในสหรัฐอเมริกาคือบริษัทลงทุน Silvergate Capital Corporation ที่มีใบอนุญาตธนาคาร Silvergate Bank อยู่แล้ว ธนาคาร Silvergate จะเป็นผู้ออกเหรียญ Diem USD แต่เพียงผู้เดียว และจะบริหารเงินสำรองที่ค้ำประกันมูลค่าให้ด้วย ส่วน Diem Network US ที่เป็นบริษัทลูกของ Diem Association จะทำหน้าที่บริหารเครือข่ายบล็อคเชน Diem Payment Network (DPN) ที่มา - Diem Association
# Disney+ เตรียมเปิดตัวในไทย 30 มิถุนายนนี้ หลังจากรอและลือกันมานาน ล่าสุดในการรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Disney ผู้บริหารเปิดเผยกับนักวิเคราะห์ในการรายงานผลประกอบการว่า Disney+ เตรียมจะเปิดตัวในประเทศไทยวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ส่วนมาเลเซียที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้จะเป็นวันที่ 1 มิถุนายน ส่วนราคาค่าสมาชิกรายเดือน น่าจะต้องรอประกาศจากทาง Disney ต่อไป ที่มา - Reuters
# Gmail บนมือถือทดสอบการเพิ่ม Google Chat เข้ามาในอีเมลด้วย Gmail บนมือถือ เพิ่ม Google Chat (เดิมคือ Hangouts) integrate เข้ามาในแอป เมื่อใช้งานได้จะมองเห็นเป็นปุ่ม Chat อยู่ด้านล่าง ในขณะที่ส่งอีเมลแล้วอยากคุยอะไรเป็นการส่วนตัวก็สามารถกดเพื่อแชทได้ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง สำหรับผู้ใช้งานที่มีสิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ทดลอง กดเมนูตั้งค่า เลื่อนมาที่ General จะมองเห็น Chat (early access) กดเลื่อนเปิดการใช้งานหลังจากนั้นรีสตาร์ทแอป ก็เป็นอันใช้ได้ สำหรับเดสก์ทอป สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ https://mail.google.com/mail/u/0/#settings/chat ได้เช่นกัน เลือกเปิด Google Chat ในเมนูแชท ปีที่แล้ว กูเกิลประกาศเปิดบริการ Google Chat ให้ใช้งานโดยทั่วถึงกันในปี 2021 ใช้งานฟรี ทั้งเป็นการใช้งานจากแอป Gmail และเป็นแอปพลิเคชั่นแยก โดยผู้ใช้งาน Hangouts เดิม ก็สามารถโอนถ่ายข้อมูลแชท, ข้อมูลผู้ติดต่อมาไว้ที่ Google Chat ได้ ที่มา - The Verge
# Elon Musk มาอีกแล้ว บอกจะปรับปรุงเหรียญ Dogecoin ให้ประหยัดพลังงาน เมื่อวานนี้ Elon Musk ทวีตว่า Tesla เลิกรับ Bitcoin ว่าสิ้นเปลืองพลังงาน ไม่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ราคาเงินคริปโตตกกันถ้วนหน้า เวลาผ่านมาประมาณ 24 ชั่วโมงพอดี Elon Musk กลับมาอีกครั้ง ชี้แจงว่าเขายังเชื่อมั่นในเงินคริปโต แต่ก็ต้องพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมด้วย โดยเฉพาะการใช้พลังงานฟอสซิลอย่างถ่านหิน เขายังบอกว่ากำลังทำงานร่วมกับนักพัฒนาเหรียญ Doge เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน และมีแนวโน้มที่ดีว่าสามารถทำได้ ภาพจาก Brand Inside ผลที่ไม่ต้องคาดเดาคือ ราคาเหรียญ Dogecoin พุ่งขึ้นทันที
# Google Docs เตรียมใช้ Canvas ในการแสดงผล อาจกระทบ Chrome extension บางตัว กูเกิลประกาศเตรียมเปลี่ยนแปลงวิธีการแสดงผลใน Google Docs จากปัจจุบันใช้ HTML มาเป็นแบบ Canvas ซึ่งนอกจากประสิทธิภาพการแสดงผลที่ดีขึ้น ยังทำให้แสดงผลได้ใกล้เคียงกันขึ้นเมื่ออยู่บนแพลตฟอร์มที่ต่างกัน กูเกิลบอกว่าคุณสมบัติการใช้งานต่าง ๆ ของ Docs จะยังทำงานได้เหมือนเดิมไม่มีผลกระทบ แต่อาจพบปัญหาได้ในกรณีผู้ใช้งานผ่านเว็บบน Chrome ลง extension บางตัวไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ กูเกิลบอกว่าจะทยอยปรับภายในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ที่มา: กูเกิล