txt
stringlengths
202
53.1k
# Airbnb ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมเพิ่มขึ้น แนวโน้มยังเป็นการจองที่พักแบบยาวหลายวัน Airbnb รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2021 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 887 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Airbnb บอกว่าสะท้อนการฟื้นตัวในการเดินทาง และขาดทุนสุทธิตามบัญชี GAAP 1,172 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายด้านการเงิน จำนวนคืนที่มีการเข้าพักในแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 13% เป็น 64.4 ล้านคืนในไตรมาส ส่วนใหญ่มาจากตลาดในอเมริกาเหนือ การท่องเที่ยวภายในประเทศ การท่องเที่ยวในสถานที่ใกล้ ๆ และการพักอาศัยแบบระยะยาว มูลค่ารวมจากการจองที่พัก (Gross Booking) เพิ่มขึ้น 52% เป็นราว 10,300 ล้านดอลลาร์ Airbnb ให้ข้อมูลที่น่าสนใจจากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ผ่านมาว่า มากกว่าครึ่งของการจอง เป็นการเข้าพักอย่างน้อย 7 วัน และ 24% เป็นการพักแบบระยะยาว (28 วันอย่างน้อย) นอกจากนี้เริ่มเห็นระยะเวลาจองที่พักล่วงหน้าในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2019 คือเฉลี่ย 40 วัน ก่อนวันเข้าพัก ที่มา: Airbnb (pdf)
# Disney+ มีจำนวนสมาชิกล่าสุด 103.6 ล้านคน รายได้รวมกลุ่มธุรกิจโต 59% ดิสนีย์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส สิ้นสุดวันที่ 3 เมษายน 2021 โดยดิสนีย์อัพเดตตัวเลขผู้สมัครใช้งาน Disney+ ล่าสุดคือ 103.6 ล้านคน เพิ่มจากตัวเลขก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคมที่บริษัทประกาศว่าครบ 100 ล้านคน และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อสมาชิกที่ 3.99 ดอลลาร์ ลดลงเนื่องจากรวมบริการพ่วง Disney+ Hotstar ในตลาดต่างประเทศที่มีค่าสมาชิกถูกกว่าในอเมริกาเข้ามา กลุ่มธุรกิจที่มี Disney+ นั้น ดิสนีย์เรียกรวมว่ากลุ่ม Direct-to-Consumer ซึ่งมี ESPN+ และ Hulu ด้วย รายได้เฉพาะส่วนธุรกิจนี้ เพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 3,999 ล้านดอลลาร์ และยังขาดทุนจากการดำเนินงาน 290 ล้านดอลลาร์ โดยผู้บริหารคาดว่าจะเริ่มมีกำไรในปี 2024 ดิสนีย์ยังใช้กลยุทธ์ผสมผสานสำหรับภาพยนตร์ โดยบางเรื่องเช่น Shang-Chi and the Ten Rings และ Free Guy จะฉายในโรงภาพยนตร์ก่อน 45 วันแล้วจึงลงสตรีมมิ่ง ขณะที่ Jungle Cruise จะฉายพร้อมกันผ่าน Disney+ Premier Access ที่ผู้ชมต้องจ่ายเงินเพิ่ม ที่มา: ดิสนีย์ (pdf) และ CNBC
# ฟีเจอร์อัพโหลดวิดีโอของ GitHub เปิดให้ใช้งานแล้ว อัพโหลดวิดีโอได้ทั้งเว็บและแอป GitHub ประกาศเปิดฟีเจอร์อัพโหลดวิดีโอให้ใช้งานแบบ GA แล้ว หลังจากที่ทางแพลฟอร์มทดสอบฟีเจอร์นี้แบบเบต้ามาสักพักใหญ่ โดยผู้ใช้ GitHub ทุกคนสามารถอัพโหลดวิดีโอได้ทุกที่ใน GitHub เช่น issue, pull request, discussion สามารถอัพโหลดได้ทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่เบราว์เซอร์บนพีซี ไปจนถึงแอปบน iOS และ Android ก็ซัพพอร์ตฟีเจอร์นี้ ระบบอัพโหลดวิดีโอของ GitHub รองรับไฟล์ประเภท .mp4 และ .mov ซึ่งการโพสต์วิดีโอลงไปในจุดต่าง ๆ ของ GitHub ได้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องอัพโหลดไฟล์ผ่านบริการฝากวิดีโอและแปะลิงก์เข้ามา โดยระบบวิดีโอมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ใช้อธิบายบั๊กหรือฟีเจอร์ที่เป็นขั้นตอนได้สะดวกและชัดเจนกว่าการใช้รูปภาพ ที่มา - GitHub ภาพจาก GitHub
# SpaceX ร่วมกับ Google Cloud ให้บริการคลาวด์สำหรับอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink SpaceX ประกาศร่วมมือกับ Google Cloud เพื่อนำระบบคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคลาวด์ของ Google มาใช้งานกับ Starlink บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมภายใต้ SpaceX ภายใต้ความร่วมมือนี้ SpaceX จะกำหนดที่ตั้งของสถานีภาคพื้น Starlink ที่ศูนย์ข้อมูลของ Google เพื่อให้ส่งข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและมี latency ต่ำจากดาวเทียม Starlink กว่า 1,500 ดวงที่อยู่ในวงโคจรลงไปยังเครือข่ายของ Google Cloud และด้วยความสามารถด้านเครือข่ายของ Google Cloud จะช่วยซัพพอร์ตบริการอินเทอร์เน็ตของ Starlink ทั่วโลก การร่วมมือระหว่าง Google Cloud ถือเป็นผลบวกทั้งฝั่ง Starlink เองที่จะเพิ่มความสามารถในการให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ทั้งลูกค้ากลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป จนถึงลูกค้าองค์กร ส่วน Google เองก็ได้ใช้ความสามารถของ Starlink เพื่อขยายฐานผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไปยังพื้นที่ห่างไกล ซึ่งจะเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าของระบบคลาวด์ของ Google เองด้วย ที่มา - PR Newswire, TechCrunch, CNBC
# Alibaba รายงานผลประกอบการขาดทุนเป็นครั้งแรก เนื่องจากค่าปรับ 2.8 พันล้านดอลลาร์ Alibaba รายงานผลประกอบการของไตรมาสเดือนมกราคม-มีนาคม 2021 รายได้รวม 28,602 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 64% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และขาดทุน 836 ล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักคือค่าปรับข้อหาผูกขาด จากหน่วยงานกำกับดูแลของจีน 2,782 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากไม่มีรายการดังกล่าวและรายการพิเศษอื่น บริษัทจะมีกำไรราว 3,451 ล้านดอลลาร์ Daniel Zhang ซีอีโอ Alibaba กล่าวว่าไตรมาสนี้บริษัทได้ผ่านหลักไมล์สำคัญ คือมีจำนวนลูกค้าที่ใช้งานเป็นประจำทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านคนแล้ว ส่วนผลประกอบการที่ขาดทุนนั้นเป็นไตรมาสแรกนับตั้งแต่ Alibaba เข้าตลาดหุ้นมา จำนวนลูกค้าที่ใช้งานในแพลตฟอร์ม Alibaba ในจีนมี 891 ล้านคน ส่วนลูกค้าต่างประเทศมีจำนวนราว 240 ล้านคน ตัวเลขการดำเนินงานอื่นในเครือ Alibaba ที่น่าสนใจมีดังนี้ ยอดขายสุทธิ (GMV) ผ่าน Taobao Live ใน 12 เดือนที่ผ่านมามากกว่า 7.6 หมื่นล้านดอลลาร์ บริการ O2O Ele.me มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 40% Cainiao Network มีการจัดส่งพัสดุเฉลี่ยมากกว่า 5 ล้านชิ้นต่อวัน Lazada มีจำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ระดับเลขสามหลัก บริการ Cloud มีรายได้เพิ่มขึ้น 50% ที่มา: Alibaba (pdf) และ CNBC
# Lenovo เปิดตัวแบรนด์ย่อยสำหรับอุปกรณ์เสริมพีซีในชื่อ Lenovo Go Lenovo เปิดตัวแบรนด์ย่อยใหม่ Lenovo Go สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุปกรณ์เสริมสำหรับพีซีโดยเฉพาะ โดยคอนเซปต์ของผลิตภัณฑ์คือจะแก้ pain point ของการทำงานแบบยืดหยุ่นใน 3 ด้าน คือ เวลา, อินพุต และเสียง สำหรับผลิตภัณฑ์สองชิ้นแรกภายใต้แบรนด์ Lenovo Go คือพาวเวอร์แบงค์สำหรับแล็ปท็อปชาร์จด้วยพอร์ต USB-C และเมาส์ไร้สายใช้งานได้หลายอุปกรณ์ พร้อมทั้งมีแผนจะเปิดตัวโซลูชั่นด้านเสียงที่จัดการเสียงรอบข้างและเพิ่มคุณภาพเสียงด้วยในปีนี้ สำหรับ Lenovo Go USB-C Laptop Power Bank มีความจุ 20,000 mAh พร้อมส่งออกกำลังไฟได้ 65 วัตต์ สามารถชาร์จแล็ปท็อปได้ และชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกัน 3 เครื่อง (USB-C 2 พอร์ต และ USB-A 1 พอร์ต) ราคา 90 ดอลลาร์ ถัดไปคือ Lenovo Go Wireless Multi-Device Mouse เป็นเมาส์ไร้สายสำหรับเชื่อมต่อได้สูงสุด 3 เครื่อง ซึ่งจะเหมาะกับผู้ใช้ที่มีพีซีและแท็บเล็ตหลายเครื่อง พร้อมปุ่มที่สามารถโปรแกรมเป็นชอร์ทคัตได้ รองรับการชาร์จแบตเตอรี่ผ่าน USB-C หรือชาร์จไร้สายด้วยมาตรฐาน Qi ซึ่งเมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 1 ครั้งจะใช้งานได้ราว 2-3 เดือน ราคา 60 ดอลลาร์ ที่มา - Windows Central, Engadget
# AWS โอเพ่นซอร์ส SaaS Boost เครื่องมือช่วยไมเกรตซอฟต์แวร์ on-premise เป็น SaaS AWS ประกาศโอเพ่นซอร์ส SaaS Boost เครื่องมือสำหรับช่วยนักพัฒนาไมเกรตจากซอฟต์แวร์ on-premise เป็น Software-as-a-Service หรือ SaaS ที่เปิดตัวในงาน re:Invent เมื่อปีที่แล้ว สำหรับ AWS SaaS Boost เป็นเครื่องมือสำหรับช่วยบริษัทปรับเปลี่ยนจากซอฟต์แวร์ on-premise ไปเป็น SaaS บนคลาวด์ เพื่อลดเวลาในการดีพลอยและทดสอบระบบที่ไมเกรตขึ้น SaaS โดยอินทิเกรตกับ CloudFormation, IAM, Route 53, ELB, Lambda และ ECS เพื่อคอนฟิกให้ตาม best practice รวมถึงจัดการด้านความปลอดภัยและ isolation ให้ด้วย AWS SaaS Boost เปิดเป็นโอเพ่นซอร์สผ่าน GitHub ภายใต้สัญญาอนุญาต Apache 2.0 ดังนั้นผู้ใช้สามารถนำไปคอนฟิกให้เข้ากับ requirement ตามที่ธุรกิจต้องการได้ ที่มา - AWS, TechCrunch
# PlayStation Studios กำลังพัฒนาเกม PS5 อยู่ 25 เกม ครึ่งหนึ่งเป็นเกมใหม่ Hermen Hulst หัวหน้า PlayStation Studios (และเป็นผู้ก่อตั้ง Guerrilla Games สตูดิโอเจ้าของซีรีส์ Horizon) ให้สัมภาษณ์กับ Wired เปิดเผยว่าโซนี่กำลังพัฒนาเกม PS5 อยู่ทั้งหมด 25 เกม Hulst ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อเกม แต่บอกว่ามีทั้งเกมเล็กและใหญ่ ประเด็นที่น่าสนใจคือเกมประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเกมใหม่ (new IP) ที่ไม่ใช่เกมภาคต่อด้วย เราพอรู้อยู่บ้างว่าโซนี่มีเกมภาคต่อที่พัฒนาอยู่ เช่น Horizon Forbidden West, Gran Turismo 7, God of War: Ragnarok แต่ก็ไม่ชัดเจนนักว่าตัวเลข 25 เกมของ Hulst หมายถึงสตูดิโอ 1st party ในสังกัด PlayStation Studios เพียงอย่างเดียว หรือรวมสตูดิโอข้างนอกที่ใช้แบรนด์ PlayStation Studios ทำตลาดด้วย (ตัวอย่างล่าสุดคือเกม Returnal) ที่มา - Wired, Eurogamer
# ประเมินมูลค่าตลาดคริปโตหายไป 11.5 ล้านล้านบาท หลัง Elon ทวีต Tesla เลิกรับ Bitcoin จากข่าว Tesla หยุดรับ Bitcoin เมื่อเช้านี้ ส่งผลให้ราคาเงินคริปโตหลายสกุลร่วงกันถ้วนหน้า สำนักข่าว CNBC ประเมินมูลค่าตลาดเงินคริปโตที่หายไปหลังทวีตของ Elon Musk ประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาทีถัดมา (ใช้ข้อมูลจาก Coinmarketcap.com) ว่ามูลค่าเป็นตัวเงินหายไปราว 365.85 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 11.5 ล้านล้านบาท แน่นอนว่าตัวเลขมูลค่าคริปโตเปลี่ยนไปตลอดเวลา จากที่ผมเช็คบน Coinmarketcap ขณะที่เขียนข่าวนี้ (ประมาณ 14 ชม. หลังทวีตของ Elon) มูลค่าของ Bitcoin ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุดลดลงมาราว 11% กราฟราคา Bitcoin จาก Coinmarketcap ขณะที่เขียนข่าวนี้ ที่มา - CNBC
# ไมโครซอฟท์ปิดบริการ Azure Blockchain Service ไมโครซอฟท์ปิดบริการ Azure Blockchain Service ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 และออกเวอร์ชันเต็มในปี 2019 อย่างเงียบๆ โดยไม่ให้เหตุผล ตัวบริการจะรันได้จนถึงวันที่ 10 กันยายน 2021 แต่ตอนนี้ไม่เปิดรับงานใหม่แล้ว ไมโครซอฟท์แนะนำให้ลูกค้าย้ายไปใช้ Quorum Blockchain Service ของบริษัท ConsenSys ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน Quorum Ledger ตัวเดียวกัน (พัฒนาต่อจาก Ethereum) และรันบน Azure เหมือนกัน (ต่างกันแค่ ConsenSys เป็นผู้ให้บริการ แทนที่จะเป็นไมโครซอฟท์) ในเว็บไซต์ Azure เอ่ยชื่อลูกค้าของ Blockchain Service ไว้ 5 รายคือ GE Aviation, J.P. Morgan, Singapore Airlines, Starbucks และ Xbox ของไมโครซอฟท์เอง ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า IBM ปลดพนักงานด้านบล็อคเชนออกเกือบหมด หลังรายได้ธุรกิจไม่เข้าเป้า ที่มา - Microsoft, ZDNet
# กรุงศรีฟินโนเวตตั้งงบ 100 ล้านเหรียญลงทุนสตาร์ทอัพ, เตรียมทำความเข้าใจโลก DeFi กรุงศรีฟินโนเวต บริษัทร่วมลงทุนในเครือกรุงศรีประกาศยุทธศาสตร์ เตรียมเงิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 3 พันล้านบาท ลงทุนในสตาร์ทอัพครอบคลุมระยะเวลาปี 2021-2022 โดยลงทุนในสี่กลุ่มคือ อีคอมเมิร์ซ, Mobility, Living และมองการลงทุนเพื่อทำความเข้าใจใน DeFi ( Decentralized Finance) เนื่องจากเป็นเทรนด์ที่ธนาคารต้องทำความเข้าใจ และมองหาการปรับใช้งานในอนาคต นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า ทางกรุงศรีฟินโนเวต กำหนดเป้าหมายที่จะเป็นดิจิทัลแบงค์เต็มตัว ดำเนินการในสามเรื่องคือ สร้างและสนับสนุนสตาร์ทอัพในทุกระดับ และสร้าง Ecosystem ที่สมบูรณ์ผ่านโครงการ Meet the Angels, Meet the Angels -Sandbox เป็นสะพานเชื่อมระหว่างสตาร์ทอัพและนักลงทุนโดยนำเสนอผลงานผ่าน Zoom ร่วมทำงานกับสตาร์ทอัพในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partnership) โดยกรุงศรีฟินโนเวตจะเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงสตาร์ทอัพกับหน่วยธุรกิจภายใต้กรุงศรี กรุ๊ป เน้นทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพที่สามารถเข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจของกรุงศรีในเรื่องการลดต้นทุน การสร้างรายได้ การสร้างนวัตกรรม และการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูล เข่นกรณีร่วมมือกับ Baania สตาร์ทอัพสายอสังหา นำข้อมูลมาต่อยอดเรื่องการประเมินสินทรัพย์, การร่วมมือกับ ChocoCRM เพื่อต่อยอดการทำโฆษณาบนแอป UCHOOSE เป็นต้น การลงทุนต่อเนื่อง เน้นเพิ่มการลงทุนในสตาร์ทอัพซีรี่ส์ A ขึ้นไปด้านฟินเทค, อีคอมเมิร์ซ, Prop-tech และ AI ในไทยและอาเซียน ด้วยลงเงินทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต้องเป็นการลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสามารถสร้างผลตอบแทนกลับมาให้กับบริษัทได้ ที่ผ่านมา กรุงศรีฟินโนเวต ลงทุนในสตาร์ทอัพไปแล้ว 57 แห่ง ในปีนี้จะเน้นที่สตาร์ทอัพที่เชื่อมโยงกับธุรกิจรถยนต์ ธุรกิจที่อยู่อาศัย และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ด้วยเงินทุนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตั้งเป้าว่าจะมีโปรเจ็กต์ร่วมกับสตาร์ทอัพในกลุ่มดังกล่าวรวมไม่ต่ำกว่า 120 โปรเจ็กต์ในปี 2021 ที่มา - งานแถลงข่าว
# Flask ออกรุ่น 2.0 ต้องการ Python 3.6 ขึ้นไปเท่านั้น Flask เฟรมเวิร์คสำหรับพัฒนาเว็บยอดนิยมบนภาษา Python ออกรุ่น 2.0 ความเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่สุดคือการยกเลิกรองรับ Python 2 และ Python 3.5 ลงไป โดยทีมงานวางแผนว่าในอนาคตจะซัพพอร์ตเฉพาะ Python เวอร์ชั่นที่โครงการหลักยังซัพพอร์ตอยู่เท่านั้น การอัพเกรดครั้งนี้มาพร้อมกับการเปลี่ยนเลขเวอร์ชั่นของโมดูลย่อยๆ ทั้งหมด ได้แก่ Flask 2.0: ซัพพอร์ตการทำงานแบบ asynchronous, รองรับ blueprint ซ้อนกันหลายชั้น, shell รองรับ tab completion Werkzeug 2.0: ตัวเซิร์ฟเวอร์สำหรับ Flask ประสิทธิภาพการอ่านข้อมูลฟอร์มเร็วขึ้นมาก, ถอด jQuery ออกจากระบบดีบั๊ก Jinja 3.0: ระบบ template รองรับ async เต็มตัว Click 8.0: ระบบ shell ของ Flask รองรับ tab completion, ใส่สีข้อความ, ตรวจสอบออปชั่น ItsDangerous 2.0: ไลบรารีเข้ารหัสข้อมูล รองรับการเปลี่ยนกุญแจตามช่วงเวลา โดยใช้กุญแจเป็นชุด การเปลี่ยนแปลงเกือบทั้งหมดเป็นการเปลี่ยนแปลงภายใน ทางทีมงานระบุว่าน่าจะไม่มีปัญหาความเข้ากันได้กับโค้ดที่เขียนบนเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ แต่หลังจากออกเวอร์ชั่นจริงแล้วก็จะตรวจสอบหาจุดที่มีปัญหาต่อไป ที่มา - Flask
# ASUS เปิดตัว Zenfone 8 สเปกเรือธง Snapdragon 888 ในขนาดเล็กจับง่าย หน้าจอ 5.9" ASUS เปิดตัว Zenfone 8 ที่รอบนี้ฉีกแนวจากของเดิม หันมาชูแนวคิด "สเปกเรือธง ในขนาดเครื่องเล็ก" (Big on Performance. Compact in Size) ด้วยหน้าจอขนาด 5.9" แทน (Zenfone 7 ใช้จอ 6.67") น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 169 กรัม ส่วนที่ว่าสเปกแรงคือ ซีพียู Snapdragon 888 5G + จีพียู Adreno 660 แรม 6-16GB, สตอเรจ 64-256GB หน้าจอ 5.9" Samsung AMOLED สัดส่วน 20:9 อัตรารีเฟรช 120Hz กล้องหลัง 2 ตัว กล้องหลัก Sony IMX686 64MP, กล้องมุมกว้าง Sony IMX363 13MP กล้องหน้า Sony IMX663 12MP กันน้ำ-กันฝุ่น IP68 ลำโพงสเตอริโอ ปรับแต่งโดย Dirac และช่องเสียบหูฟัง 3.5mm แบตเตอรี่ 4000 mAh + Quick Charge 4.0 พร้อมที่ชาร์จ 30 วัตต์ ASUS Zenfone 8 มีให้เลือกสองสีคือขาวกับเทา วางจำหน่ายแล้วในยุโรปและเอเชียบางประเทศ ราคาขายในไต้หวันเริ่มต้นที่ 18,990 ดอลลาร์ไต้หวัน (รุ่น 8/128GB) หรือประมาณ 21,500 บาท ASUS เปรียบเทียบขนาดของ Zenfone 8 ที่หน้าจอ 5.9" กับ iPhone 12 mini ที่หน้าจอ 5.4" ว่าเป็นขนาดที่เหมาะสมมากกว่า เพราะยังจับง่ายถือถนัดด้วยมือเดียวพอๆ กัน แต่หน้าจอก็มีขนาดไม่เล็กจนดูยาก หากเทียบกับ Xperia 5 III ที่มีแนวคิดเรือธงไซส์เล็กเหมือนกัน หน้าจอของ Xperia 5 III ใหญ่กว่าเล็กน้อยคือ 6.1" ส่วนหน่วยประมวลผลเป็น Snapdragon 888 เหมือนกัน นอกจาก Zenfone 8 รุ่นปกติแล้ว ASUS ยังออก Zenfone 8 Flip รุ่นกล้องหลังพับมาด้านหน้าได้ (เริ่มทำมาตั้งแต่ Zenfone 7 Pro) หน้าจอใหญ่มาตรฐาน 6.67" อัตรารีเฟรช 90Hz, ซีพียูเป็น Snapdragon 888 เหมือนกัน, แบตเตอรี่ 5,000 mAh, น้ำหนักเครื่อง 230 กรัม กล้องมีเลนส์ทั้งหมด 3 ตัวคือ กล้องหลัก Sony IMX686 64MP กล้องมุมกว้าง Sony IMX363 13MP กล้องเทเล 8MP 3x optical zoom ราคาขายในไต้หวันเริ่มที่ 20,990 ดอลลาร์ไต้หวัน (รุ่น 8/128GB) หรือประมาณ 24,000 บาท ที่มา - ASUS, Zenfone 8, Zenfone 8 Flip
# Instagram และ Twitter ลบโพสต์เหตุปะทะที่เกิดกับชาวปาเลสไตน์ อ้างเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค เหตุการณ์โลกที่กำลังตึงเครียดในช่วงนี้คือการปะทะกันระหว่างชาวปาเลสไต์และตำรวจอิสราเอล ซึ่งเป็นความตึงเครียดที่มีมานาน ชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในย่าน Sheikh Jarrah โพสต์ภาพที่พวกเขาโดนขับไล่ในโซเชียลมีเดีย และพวกเขาพบว่ารูปและวิดีโอโดนลบออกจาก Instagram และบัญชี Twitter ของชาวปาเลสไตน์บางรายถูกระงับ ซึ่งทั้งสองแพลตฟอร์มออกมาตอบทีหลังว่าเป็นความผิดพลาดทางระบบอัตโนมัติ 7amleh องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เน้นงานด้านโซเชียลมีเดีย ได้รับการร้องเรียนมากกว่า 200 เรื่องเกี่ยวกับโพสต์ที่ถูกลบและบัญชีที่ถูกระงับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับโพสต์เหตุการณ์ปะทะ Instagram และ Twitter กล่าวว่าบัญชีดังกล่าว “ถูกระงับเนื่องจากระบบอัตโนมัติของเราเกิดข้อผิดพลาด” และปัญหาได้รับการแก้ไขและคืนสถานะเนื้อหาแล้ว “เราเสียใจมากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่อยู่ในโคลอมเบีย, เยรูซาเล็มตะวันออกและชุมชนพื้นเมืองที่รู้สึกว่านี่เป็นการปิดกั้นเสียงและเรื่องราวของพวกเขาโดยเจตนา ซึ่งนั่นไม่ใช่เจตนาของเราแต่อย่างใด” Instagram กล่าว 7amleh, Access Now และกลุ่มสิทธิทางดิจิทัลอื่นๆ รวมตัวเรียกร้องให้โซเชียลมีเดีย ใช้นโยบายการกลั่นกรองเนื้อหาที่โปร่งใส และการอ้างว่าเป็นความผิดพลาดเชิงเทคนิคนั้นไม่ใช่สิ่งที่ยอมรับได้อีกต่อไป ที่มา - Reuters
# ไบเดนลงนามคำสั่งปรับปรุง Cybersecurity ครั้งใหญ่ หลังเหตุแฮกท่อส่งน้ำมัน และ SolarWinds เหตุการณ์แฮกบริษัท Colonial ผู้ดูแลท่อส่งน้ำมันฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ, Microsoft Exchange และเหตุการณ์ SolarWinds ผู้ผลิตซอฟต์แวร์มอนิเตอร์เครือข่าย ถูกแฮกเกอร์ฝังมัลแวร์ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกลายมาเป็นปัญหาระดับชาติแล้ว ล่าสุด โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งปรับปรุงประสิทธิภาพ Cybersecurity ในประเทศ ผลของคำสั่งมีมากมาย เริ่มจากการแบ่งปันข้อมูลระหว่างหน่วยงาน รวมถึงการแชร์ข้อมูลเหตุการณ์น่าสงสัยหรือรายงานข้อมูลหลุดต่างๆ เพื่อประโยชน์แก่การป้องกันในอนาคต กำหนดนโยบายเพื่อปกป้องเครือข่ายของรัฐบาลกลาง ต้องใช้การป้องกันที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นการเข้ารหัส การยืนยันตัวตนหลายชั้น ภาพจาก Facebook ทำเนียบขาว กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยซอฟต์แวร์ในหน่วยงานรัฐ ต้องเพิ่มการจัดซื้อจัดจ้างซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัย เพื่อสร้างแรงจูงใจในตลาด เปิดตัวโครงการนำร่องสร้างฉลากระบุซอฟต์แวร์ปลอดภัยผ่านมาตรฐาน ปรับปรุงการตอบสนองต่อการละเมิดโดยสร้างคู่มือที่จะเป็นมาตรฐานซึ่งจะได้รับการตรวจสอบโดยผู้อำนวยการ CISA, ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความปลอดภัยทางไซเบอร์ซึ่งมีผู้นำทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมเป็นประธาน เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์แฮกในแต่ละครั้งที่เกิดขึ้น และให้คำแนะนำที่เป็นรูปธรรม ที่มา - ทำเนียบขาว, Engadget
# กองทุน Vision Fund ของ SoftBank มีกำไรในไตรมาสล่าสุด สูงสุดทำสถิติใหม่ SoftBank รายงานผลประกอบการประจำปีการเงินบริษัทสิ้นสุดเดือนมีนาคม มีกำไรสุทธิรวม 4.99 ล้านล้านเยน ซึ่งมีปัจจัยหลักจากพอร์ตการลงทุนในกองทุน Vision Fund ที่ปีที่ผ่านมาทำกำไรได้สูงมาก เฉพาะผลการดำเนินงานกองทุน Vision Fund ไตรมาสที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 4.03 ล้านล้านเยน สาเหตุหลักคือไอพีโอของ Coupang บริษัทอีคอมเมิร์ซจากเกาหลีใต้ที่ SoftBank ถือหุ้นอยู่ 35% ส่วนบริษัทอื่นในพอร์ตการลงทุนที่เข้าตลาดหุ้นในไตรมาสที่ผ่านมาได้แก่ AUTO1, View และ Qualtrics นักวิเคราะห์มองว่า SoftBank ยังมีอีกหลายบริษัทที่ลงทุนและยังไม่ได้ปลดล็อกมูลค่าผ่านการเข้าตลาดหุ้น ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้อีกมากอาทิ Didi, Bytedance (เจ้าของ TikTok) และ Full Truck Alliance ที่มา: Reuters และ SoftBank
# VMware ตั้ง Raghu Raghuram ผู้บริหารชาวอินเดีย ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ VMware ประกาศตั้ง Raghu Raghuram ผู้บริหารชาวอินเดียเป็นซีอีโอคนใหม่ แทน Pat Gelsinger ที่ย้ายไปรับตำแหน่งซีอีโอของอินเทล เมื่อต้นปีนี้ Raghu อยู่กับ VMware มาตั้งแต่ปี 2003 ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง COO สายงาน Products and Cloud Services เขาจะเข้ารับตำแหน่งซีอีโอในวันที่ 1 มิถุนายน 2021 ส่วน Sanjay Poonen ผู้บริหารชาวอินเดียอีกคนที่เป็น COO สายงาน Customer Operations ก็ประกาศลาออกจากบริษัทหลังอยู่มา 7 ปี ซึ่งน่าจะเกิดจากการเป็นคู่ชิงตำแหน่งซีอีโอจากภายในบริษัท สุดท้ายบอร์ดตัดสินใจเลือก Raghu ทำให้ Sanjay ตัดสินใจลาออก Raghu ถือเป็นซีอีโอชาวอินเดียคนล่าสุดในโลกไอทีสหรัฐ จากที่มีคนอินเดียนั่งเก้าอี้เบอร์ 1 มาแล้วหลายบริษัท เช่น Microsoft (Satya Nadella), Alphabet (Sundar Pichai), Adobe (Shantanu Narayen) และ IBM (Arvind Krishna) ที่มา - VMware
# Tesla หยุดรับเงินเป็น Bitcoin แล้ว Elon Musk ให้เหตุผลว่าทำลายสิ่งแวดล้อม Elon Musk ประกาศข่าวว่า Tesla ไม่รับจ่ายเงินเป็น Bitcoin แล้ว หลังจากประกาศว่าจะรับจ่าย Bitcoin ในเดือนมีนาคม เหตุผลของ Musk คือการรับจ่าย Bitcoin เป็นการสนับสนุนให้ทำลายสิ่งแวดล้อมจากการขุดเหมือง เขายืนยันว่าเงินคริปโตยังมีไอเดียดีๆ หลายอย่าง มีอนาคต แต่ก็ไม่ควรต้องแลกมาด้วยปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่วน Bitcoin ที่ Tesla ถือครองอยู่จะเก็บไว้ไม่ขาย และต้องการนำไปใช้แลกเปลี่ยนผ่านธุรกรรมคริปโต ในอนาคตที่แก้ปัญหาเรื่องพลังงานได้แล้ว เขายังโปรโมทว่าต้องการหาเงินคริปโตที่ใช้พลังงานต่อธุรกรรมน้อยกว่า 1% ที่ Bitcoin ใช้อยู่ในปัจจุบันด้วย หลังข่าวของ Musk ประกาศออกมาประมาณ 1 ชม. ราคาของ Bitcoin ก็ตกลงมาราว 11%
# [ไม่ยืนยัน] ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของซัมซุงตามหลัง TSMC เพราะชิงเครื่อง EUV ไม่ได้ Nikkei Asia มีบทความประเมินสถานการณ์ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของซัมซุง ที่ตามหลังคู่แข่ง TSMC และช่องว่างเริ่มถ่างออกเรื่อยๆ ปัญหาของธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของซัมซุงเกิดจากหลายสาเหตุประกอบกัน เช่น ภัยธรรมชาติ (โรงงานในเท็กซัสต้องปิดเพราะปัญหาไฟดับเป็นวงกว้าง), การเปิดโรงงานใหม่ในเกาหลีใต้ล่าช้า ทำให้ซัมซุงตามหลัง TSMC ในเรื่องการผลิต 5nm ไปหลายเดือน แต่ปัจจัยสำคัญอาจอยู่ที่อุปกรณ์ EUV ที่ใช้ในโรงงานผลิตชิป บทความพูดถึง Lee Jae-yong รองประธานซัมซุง (ที่โดนศาลสั่งคำคุกจากคดีสินบน แต่ยังเป็นโทษรอลงอาญา) เดินทางไปเนเธอร์แลนด์เพื่อเจรจากับ ASML บริษัทผู้ผลิตเครื่องยิงแสง EUV บนแผ่นเวเฟอร์เพื่อเป็นวงจรบนชิป (photolithography) ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญของโรงงานผลิตชิป (อ่านรายละเอียดเรื่อง EUV และ ASML ในบทความ เกิดอะไรขึ้นที่อินเทล ตอนที่ 2) ปัญหาสำคัญของโลกเซมิคอนดักเตอร์ตอนนี้คือ ASML มีกำลังการผลิตจำกัด ตัวเลขที่บริษัทเปิดเผยคือส่งมอบไปแล้ว 100 เครื่อง แต่ 70% ของเครื่องจำนวนนี้อยู่กับ TSMC ที่สั่งจองก่อนใครเพื่อน ทำให้ Lee Jae-yong ต้องบินไปเจรจากับ ASML ด้วยตัวเอง Kim Kinam หัวหน้าธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของซัมซุง ตอบคำถามเรื่องนี้ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเดือนมีนาคม ยืนยันว่ายังแข่งกับ TSMC ได้ และลดช่องว่างลงแล้ว ที่มา - Nikkei Asia, ภาพจากซัมซุง
# Lenovo เปิดตัวเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก Legion 7i, 5i และ 5i Pro ใช้ Intel Core 11th Gen Tiger Lake-H Lenovo เปิดตัวเกมมิ่งโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่สามรุ่น มาพร้อมซีพียู Intel Core 11th Gen Tiger Lake-H ที่เพิ่งเปิดตัว เป็นรุ่น Lenovo Legion 7i, Legion 5i และ Legion 5i Pro รายละเอียดดังนี้ Legion 7i ซีพียู Intel Core 11th Gen Tiger Lake-H สูงสุด Core i9 รหัส HK หน้าจอ 16 นิ้ว ความละเอียด 2560x1600 พิกเซล อัตราส่วน 16:10 อัตรารีเฟรช 165Hz ความสว่างสูงสุด 500 nits ตัวเลือกการ์ดจอสูงสุด GeForce RTX 3080 แรม DDR4 ความเร็ว 3,200Hz สูงสุด 32GB SSD PCIe ความจุ 2TB พอร์ต Thunderbolt 4 สองพอร์ต, รูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, USB 3.2 Gen 1 Type-C หนึ่งพอร์ต, USB Type-A 3.2 Gen 1 สามพอร์ต, และพอร์ต HDMI 2.1 หนึ่งพอร์ต รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1 มาพร้อม Windows 10 Pro แบตเตอรี่ใช้งานได้ 8 ชั่วโมง น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม เริ่มวางจำหน่ายเดือนมิถุนายนนี้ ราคาเริ่มต้น 1,769.99 ดอลลาร์ (ราว 55,240 บาท) Legion 7i Legion 5i Pro ซีพียู Intel Core 11th Gen Tiger Lake-H สูงสุด Intel Core i7-11800H หน้าจอ 16 นิ้ว แบบ IPS ความละเอียด 2,560x1,600 อัตราส่วน 16:10 อัตรารีเฟรช 165Hz ความสว่างสูงสุด 500nits ตัวเลือกการ์ดจอสูงสุด GeForce RTX 3070 แรม DDR4 สูงสุด 32GB, SSD PCIe Gen 4 ความจุ 1TB พอร์ต Thunderbolt 4 สองพอร์ต, รูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, USB 3.2 Gen 1 Type-C หนึ่งพอร์ต, USB Type-A 3.2 Gen 1 สามพอร์ต, และพอร์ต HDMI 2.1 หนึ่งพอร์ต รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1 มาพร้อม Windows 10 Pro วางจำหน่ายเดือนมิถุนายนนี้ ราคาเริ่มต้น 1329.99 ดอลลาร์ (ราว 41,500 บาท) Legion 5i ซีพียู Intel Core 11th Gen Tiger Lake-H สูงสุด Intel Core i7-11800H มีตัวเลือกหน้าจอ 15.6 และ 17 นิ้ว รุ่นหน้าจอ 15.6 นิ้ว ตัวเลือกหน้าจอสูงสุดแบบ IPS ความละเอียด 2,560x1440 อัตรารีเฟรช 165Hz รองรับการแสดงผลสี sRGB 100%, อัตราตอบสนอง 3ms รองรับ Dolby Vision รุ่นหน้าจอ 17 นิ้ว ตัวเลือกหน้าจอสูงสุด จอ IPS ความละเอียด FHD อัตรารีเฟรช 144Hz แสดงผลสีมาตรฐาน NTSC ได้ 72% ตัวเลือกการ์ดจอสูงสุด GeForce RTX 3070 รุ่น 15.6 นิ้ว แรม DDR4 32GB, SSD NVMe M.2 ความจุ 2TB รุ่น 17 นิ้ว แรม DDR4 16GB, SSD PCIe Gen 4 ความจุ 1TB พอร์ต Thunderbolt 4 สองพอร์ต, รูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, USB 3.2 Gen 1 Type-C หนึ่งพอร์ต, USB Type-A 3.2 Gen 1 สามพอร์ต, และพอร์ต HDMI 2.1 หนึ่งพอร์ต (รุ่น 17 นิ้ว มี card reader เพิ่มมาด้วย) รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1 มาพร้อม Windows 10 Pro วางจำหน่าย เดือนกรกฎาคมนี้ ราคาเริ่มต้น 969.99 ดอลลาร์ (ราว 30,280 บาท) Legion 5i ที่มา - Lenovo
# Skyworth แบรนด์ทีวีจีนถูกวิจารณ์เก็บข้อมูลส่งให้บริษัทโฆษณาโดยไม่ได้รับความยินยอม Skyworth แบรนด์สมาร์ททีวีจีนออกมาขอโทษกรณีมีการเปิดเผยรายงานว่า ตัวอุปกรณ์เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้และส่งไปยังบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลโดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งาน จากรายงานของ V2EX ชุมชนออนไลน์ของนักพัฒนาในจีนระบุว่า สมาร์ททีวีของ Skyworth จะสแกนหาอุปกรณ์อื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายท้องถิ่นเดียวกันทุกๆ 10 นาที และรวบรวมข้อมูลทั้งชื่ออุปกรณ์, ที่อยู่ IP, ชื่อเครือข่าย Wi-Fi อื่นๆ ที่อยู่ในระยะ ตัวข้อมูลถูกส่งไปยังบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล Gozen Data ในปักกิ่ง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำโฆษณาเจาะกลุ่มในหมู่ผู้ใช้สมาร์ททีวี ภาพจาก Skyworth เมื่อมีการเปิดเผยรายงานออกไปและบริษัทถูกวิจารณ์อย่างหนัก Skyworth จึงออกมาขอโทษและบอกด้วยว่าเลิกเป็นพาร์ทเนอร์กับ Gozen แล้ว และหยุดการใช้งานแอป Gozen บนสมาร์ททีวีด้วย Gozen ออกแถลงการณ์บนเว็บไซต์ในวันเดียวกัน ระบุว่าจะปิดการใช้งานแอป Gozen Data Android และขอโทษที่ทำให้กังวงเรื่องประเด็นความเป็นส่วนตัว กรณี Skyworth และ Gozen เกิดขึ้นท่ามกลางนโยบายรัฐบาลจีนที่เข้มงวดกับข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น เดือนมีนาคมที่ผ่านมา หน่วยงานไซเบอร์ของจีน Cyberspace Administration of China หรือ CAC สั่งผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นมือถือ ห้ามปิดกั้นการเข้าถึงบริการพื้นฐาน แม้ผู้ใช้งานปฏิเสธที่จะแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวให้แพลตฟอร์ม นอกจากนี้รัฐบาลกำลังร่างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปีนี้ ที่มา - SCMP
# ซัมซุงออกแพตช์ความปลอดภัยให้ Galaxy J5 (2017) มือถือราคาถูกอายุเกือบ 4 ปี ช่วงหลังระบบการอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยของซัมซุงผลงานดีมาก เรือธง Galaxy S8 เพิ่งหมดระยะซัพพอร์ตนาน 4 ปีเต็ม แต่มือถือระดับล่างอย่างซีรีส์ J ก็ได้ซัพพอร์ตยาวนานเช่นกัน Galaxy J5 (2017) มือถือราคาถูกที่ออกในช่วงปี 2017 เพิ่งได้อัพเดตแพตช์ความปลอดภัยรอบเดือนเมษายน 2021 ไปเมื่อไม่นานนี้ ตัวมันเองมาพร้อม Android 7 ได้อัพเกรดระบบปฏิบัติการมาถึง Android 9 ในปี 2018 และยังได้อัพเดตแพตช์ความปลอดภัยมาจนถึงเดือนที่ผ่านมา สถานะตอนนี้คือได้แพตช์ปีละสองครั้ง (biannual update) เพราะอยู่ในปีสุดท้ายของระยะซัพพอร์ตแล้ว ที่มา - SamMobile
# Google Pay เพิ่มการโอนเงินข้ามประเทศ โอนจากสหรัฐฯไปอินเดียและสิงคโปร์ได้ Google Pay เพิ่มช่องทางโอนเงินจากสหรัฐฯไปอินเดียและสิงคโปร์ โดยเชื่อเครือข่ายกับ Wise และ Western Union เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย กูเกิลจึงไม่เก็บค่าธรรมเนียมไปจนถึงวันที่ 16 มิ.ย. สำหรับการโอนผ่าน Western Union แต่ถ้าโอนผ่าน Wise จะไม่เก็บค่าธรรมเนียมหากโอนมากกว่า 500 ดอลลาร์ จนถึงตอนนี้ยังโอนไปยังประเทศปลายทางได้สองประเทศ โดยจะขยายให้ครบคลุมทั่วโลกในอนาคต ที่มา - กูเกิล
# นักวิจัยพบการเขียนรีวิวปลอมบน Amazon เพื่อแลกเงินและสินค้า มีบันทึกกว่า 13 ล้านรายการ SafetyDetectives กลุ่มนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญ cybersecurity ออกรายงานเปิดเผยฐานข้อมูล ElasticSearch แบบเปิด พบว่ามีการใช้รีวิวปลอมใน Amazon อันผิดจรรยาบรรณการค้าขาย พบฐานข้อมูลการรีวิวระหว่างผู้ขายของ Amazon และลูกค้าที่เต็มใจเขียนรีวิวปลอมเพื่อแลกกับสินค้าฟรี โดยรวมแล้วมีบันทึกไว้ 13,124,962 รายการ (ข้อมูล 7 GB) กระทบต่อข้อมูลมากกว่า 200,000 คน เมื่อผู้รีวิวเขียนรีวิวให้ 5 ดาวแล้ว จะได้เงินคืนค่าสินค้าผ่าน PayPal โดยข้อมูลที่ถูกเปิดเผยมาด้วยยังมีอีเมลที่ผูกกับ PayPal, ลิงค์ชัญชี Amazon, ชื่อ username ภาพตู้ขนสินค้า Amazon หนึ่งในแบรนด์ที่กระตุ้นให้คนมาเขียนรีวิวปลอมคือ Mpow แบรนด์ขายอุปกรณ์ USB charger จากจีนดำเนินการโดย ByteDance และ Patozon บริษัทผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคที่ได้รับการสนับสนุนจาก Xiaomi นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ Aukey ผู้ทำ accessories และอุปกรณ์ไฟฟ้าจากจีนเช่นกัน ซึ่งหน้าร้านทั้งสองถูกลบออกจาก Amazon ไปแล้ว ตัวแทนของ Aukey ระบุว่าไม่รู้รายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกันขณะนี้เรากำลังหาทางแก้ไข บริษัท ยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในขณะนี้ การทำรีวิวปลอมบน Amazon เป็นสิ่งที่กำจัดออกไม่หมด ก่อนหน้านี้ Which? บริการข้อมูลและตรวจสอบสินค้าในอังกฤษเผยว่า ตอนนี้มีเว็บไซต์ขายรีวิวสินค้าที่ขายบน Amazon แบบปลอมๆ ร่วม 10 แห่ง ซึ่งการค้นพบของ SafetyDetectives ขยายผลให้เห็นภาพเพิ่มเติมว่า ปริมาณการรีวิวปลอมนั้นมากมายขนาดไหน ที่มา - SafetyDetectives, AndroidGuys, tom's guide
# กรณีศึกษา การย้ายโค้ด COBOL เดิมมาเป็นภาษายุคใหม่ มีทางออกอย่างไรบ้าง ภาษา COBOL กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในช่วง COVID-19 จากกรณีรัฐนิวเจอร์ซีย์ขอโปรแกรมเมอร์ COBOL เข้าไปช่วยแก้ระบบสวัสดิการช่วง COVID-19 ทำให้โลกกลับมาสนใจโค้ดเดิมที่เขียนไว้หลายสิบปีแล้ว และสนใจว่าจะหาทางแก้ปัญหาในระยะยาวได้อย่างไร เว็บไซต์ InfoWorld รวบรวมข้อมูลประเด็นการย้ายระบบ COBOL ว่ามีหลายแนวทาง ตั้งแต่การเขียนใหม่ทั้งหมด (rewrite) ซึ่งมีข้อเสียว่าโค้ดเก่า 30 ปี เอกสารไม่มี อาจไม่มีใครเข้าใจมันอีกแล้ว ไปจนถึงการยกโค้ดเก่ามารันบนโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ (lift-and-shfit) ซึ่งมีข้อเสียว่าไม่สามารถปรับซอฟต์แวร์เพื่อสนองความต้องการของคนรุ่นนี้ได้อีก ทางเลือกที่อยู่ตรงกลางคือ code refactoring ที่ยังคง logic ทางธุรกิจเดิมเอาไว้ แต่ปรับโค้ดให้ประสิทธิภาพดีขึ้น ไม่ผูกติดกับฮาร์ดแวร์มากเหมือนเดิม ซึ่งมีกรณีศึกษา 2 กรณีคือ กระทรวงแรงงานและบำนาญของอังกฤษ (UK Department of Work and Pension) เคยพยายามเขียนโค้ด COBOL จำนวน 25 ล้านบรรทัดใหม่มาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายหันมาใช้ Micro Focus Visual Cobol ซึ่งเป็นภาษา COBOL เวอร์ชันใหม่ มีฟีเจอร์อย่างภาษาสมัยใหม่แทน ผลคือลดภาระการดูแล และประสิทธิภาพของระบบดีขึ้นมาก โค้ดย้ายจากเมนเฟรม VME มาเป็นลินุกซ์ RHEL และภายหลังจะย้ายมารันบน AWS ด้วย หนังสือพิมพ์ The New York Times เดิมรัน COBOL บนเมนเฟรม IBM Z ใช้อีกวิธีคือแปลงโค้ดมาเป็น Java ด้วยเครื่องมือ automated refactoring ของบริษัท Modern Systems ใช้เวลาแปลงทั้งหมด 2 ปี ตอนแรกรันบนเซิร์ฟเวอร์ภายใน ภายหลังย้ายมาบน AWS เช่นกัน ลดต้นทุนค่าดูแลลงได้ 70% ข้อมูลของ The New York Times มีเป็นกรณีศึกษาบนเว็บไซต์ของ AWS หน้าตาของ Micro Focus Visual Cobol ที่รันอยู่ใน Visual Studio (รองรับ Eclipse ด้วย) tech stack ของ The New York Times ระหว่างเก่ากับใหม่ ที่มา - InfoWorld
# Acer เปิดตัวเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก Predator Triton 300, Predator Helios 300 และ Nitro 5 ซีพียู Intel Core 11th Gen Tiger Lake-H การ์ดจอ GeForce RTX Acer เปิดตัวเกมมิ่งโน้ตบุ๊กใหม่สามรุ่น Predator Triton 300, Predator Helios 300 และ Nitro 5 Gaming ใช้ซีพียู Intel Core 11th Gen Tiger Lake-H ที่เพิ่งเปิดตัว มาพร้อมการ์ดจอตระกูล Nvidia GeForce RTX รายละเอียดดังนี้ Predator Triton 300 ซีพียู Intel Core 11th Gen Tiger Lake-H ตัวเลือกการ์ดจอสูงสุด GeForce RTX 3080 แรม DDR4 สูงสุด 32GB หน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (1440p) อัตรารีเฟรช 165Hz มีตัวเลือกจอ FHD อัตรารีเฟรช 360Hz ตัวเครื่องหนา 19.9 มิลลิเมตร คีย์บอร์ดมีไฟ RGB รองรับ Wi-Fi 6 พอร์ตเชื่อมต่อ HDMI 2.1, พอร์ต USB 3.2 Gen 1 สองพอร์ต, USB 3.2 Gen 2 หนึ่งพอร์ต, Mini -DisplayPort 1.4 หนึ่งพอร์ต และ USB Type-C แบบ Thunderbolt 4 อีกหนึ่งพอร์ต วางจำหน่ายเดือนกรกฎาคมนี้ ราคาเริ่มต้น 1699 ดอลลาร์ (ราว 53,000 บาท) Predator Helios 300 ซีพียู Intel Core 11th Gen Tiger Lake-H ตัวเลือกการ์ดจอสูงสุด GeForce RTX 3070 แรม DDR4 สูงสุด 32GB มีรุ่น 15.6 นิ้ว และ 17 นิ้ว ตัวเลือกหน้าจอ ความละเอียด QHD อัตรารีเฟรช 165Hz และ FHD อัตรารีเฟรช 360Hz คีย์บอร์ดมีไฟ RGB ฮาร์ดดิสก์ 2TB รองรับ Wi-Fi 6 พอร์ตเชื่อมต่อ USB 3.2 สามพอร์ต, USB-C แบบ Thunderbolt 4 หนึ่งพอร์ต, HDMI 2.1 ยังไม่เปิดเผยราคาและวันวางจำหน่าย Nitro 5 ซีพียู Intel Core 11th Gen Tiger Lake-H ตัวเลือกการ์ดจอสูงสุด GeForce RTX 3070 แรม DDR4 สูงสุด 32GB มีรุ่น 15.6 นิ้ว และ 17.3 นิ้ว ทั้งสองรุ่นใช้หน้าจอความละเอียด QHD อัตรารีเฟรช 165Hz อัตราตอบสนอง 3ms คีย์บอร์ดมีไฟ RGB ตัวเลือก SSD M.2 ขนาด 1TB แบบ Raid 0 และ ฮาร์ดดิสก์จานหมุน 2TB รองรับ Wi-Fi 6 พอร์ตเชื่อมต่อ พอร์ต LAN, HDMI 2.1, USB 3.2 Gen 2, USB 3.2 Gen 1 สองพอร์ต, และ USB Type-C (Thunderbolt 4) วางจำหน่ายเดือนมิถุนายนนี้ รุ่น 15.6 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 1,099 ดอลลาร์ (ราว 35,000 บาท) รุ่น 17.3 นิ้ว เริ่ม 1,299 ดอลลาร์ (ราว 41,000 บาท) ที่มา - Acer
# ศึกชิงอินฟลูเอนเซอร์ YouTube ตั้งงบ 100 ล้านเหรียญ จ่ายให้ครีเอเตอร์ในคลิปสั้น Shorts YouTube ประกาศตั้งกองทุน YouTube Shorts Fund รวมมูลค่า 100 ล้านเหรียญ หรือกว่า 3 พันล้านบาท จ่ายให้อินฟลูเอนเซอร์, ครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มคลิปสั้นของ YouTube หรือ Shorts หลังเพิ่งเปิดทดสอบใช้งานในสหรัฐฯเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนครอบคลุมทั้งปี 2021-2022 YouTube ระบุว่าในแต่ละเดือน ทางบริษัทจะติดต่อไปยังครีเอเตอร์ที่มียอด engagement และยอดรับชมสูง และจะจ่ายเงินให้เป็นรางวัล ครีเอเตอร์ทุกคนสามารถได้รางวัลจากกองทุนนี้ได้ ไม่จำกัดเฉพาะยูทูเบอร์ในโปรแกรม YouTube Partner Program การจ่ายกองทุนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการทำโมเดลสร้างรายได้แก่ครีเอเตอร์ YouTube กล่าวภึงฟีเตอร์ใหม่ๆ ที่จะเปิดพรีวิวใน Shorts ด้วย เช่น สร้างคลิปรีมิกซ์จากวิดีโอบน YouTube ได้ ถือเป็นแหล่งฟุตเทจมหาศาลเลยทีเดียว, เพิ่ม captions ได้, อัดคลิปได้ยาวสูงสุด 1 นาที, เพิ่มคลิปในเครื่องโทรศัพท์ตัวเองได้, เพิ่มเอฟเฟกต์ใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น ที่มา - YouTube
# [ไม่ยืนยัน] TikTok ทดสอบช่องทางรับสมัครงาน โพสต์เรซูเม่เป็นวิดีโอได้ Axios รายงานว่า TikTok กำลังทดสอบพัฒนาช่องทางสำหรับคนหางานและบริษัทที่ต้องการหาคนทำงาน แบรนด์ต่างๆ มาโพสต์หาคนทำงานได้ โดยตอนนี้กำลังทดสอบใช้งานในบริษัทกลุ่มหนึ่ง ตัวแพลตฟอร์มไม่ได้เป้นเนื้อเดียวกับ TikTok เสียทีเดียว แต่เป็นอีกเซกชั่นแยกที่สามารถกดจากแอป TikTok ได้ ที่น่าสนใจคือ คนหางานสามารถโพสต์วิดีโอนำเสนอตัวเองลงไปได้ แทนที่จะเป็นเรซูเม่แบบเดิม แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่า รูปแบบของวิดีโอเป็นคลิปสั้นแนวตั้งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ TikTok หรือไม่ ที่มา - Axios
# Instagram เพิ่มเซกชั่นให้เพิ่มสรรพนาม คำเรียกระบุเพศที่หน้าโปรไฟล์ตัวเองได้ Instagram เพิ่มเซกชั่นใหม่ ผู้ใช้สามารถระบุคำสรรพนามที่อยากให้คนอื่นเข้าใจเกี่ยวกับตัวตนของเรามากขึ้น ในหน้า Edit Profile ผู้ใช้งานจะมองเห็นช่อง pronouns สามารถระบุได้ว่าอยากใช้สรรพนามแทนตัวแบบไหน He, She, His, Her เลือกได้ด้วยว่าจะแสดงสรรพนามแก่ใครบ้าง แสดงเป็นสาธารณะ หรือแสดงให้เห็นเฉพาะคนที่ติดตามเรา หากผู้ใช้คิดว่าสรรพนามที่กำหนดมาให้ยังมีจำกัด ก็สามารถใส่อีโมจิเข้าไปได้ด้วย เมื่อระบุแล้วจะมองเห็นเป็นตัวอักษรจางๆ หลังชื่อโปรไฟล์ของเรา ฟีเจอร์ใหม่เปิดใช้งานในบางประเทศ และจะค่อยๆ ขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไป ที่มา - Instagram, TechCrunch
# WhatsApp จะปิดกั้นการโทรเข้าโทรออก หากผู้ใช้ยังไม่กดยอมรับเงื่อนไขความเป็นส่วนตัวใหม่ WhatsApp เร่งกระบวนการให้คนกดยอมรับเงื่อนไขความเป็นส่วนตัวใหม่ที่จะมีผล 15 พ.ค. นี้ โดยค่อยๆ ดำเนินการไปทีละขั้นตอน เริ่มจาก ไม่สามารถเข้าถึงรายการแชทของตัวเองได้ แต่ยังกดรับโทรศัพท์, วิดีโอคอลได้ และยังกดที่แจ้งเตือนเพื่อตอบข้อความกลับได้ ถ้าผู้ใช้งานยังไม่กดยอมรับเงื่อนไข หลังจากนั้น WhatsApp จะปิดไม่ให้ผู้ใช้รับสายโทรเข้า, ข้อความเข้า ปิดการมองเห็นการแจ้งเตือน เรียกได้ว่าแทบทำอะไรกับ WhatsApp ไม่ได้เลย แม้ WhatsApp ยืนยันว่าจะไม่ลบบัญชีออกก็ตาม ช่วงต้นปีที่ผ่านมา WhatsApp เผยกฎความเป็นส่วนตัวใหม่ มีการแชร์ข้อมูลส่วนตัวไปให้ Facebook ด้วย จนคนแห่ลบแอปหนีไปใช้ Signal, Telegram ซึ่ง WhatsApp ระบุว่าข้อกำหนดใหม่ใช้กับบัญชีธุรกิจเท่านั้น ช่วยให้ธุรกิจต่างๆสามารถเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มของ Facebook ได้ง่ายขึ้น ที่มา - Business Insider, WhatsApp
# กลุ่ม ZigBee Alliance เปลี่ยนชื่อเป็น CSA, ออกมาตรฐาน IoT ตัวใหม่ Matter กลุ่มมาตรฐาน Zigbee Alliance ก่อตั้งในปี 2002 เพื่อพัฒนามาตรฐาน ZigBee เป็นหลัก แต่ระยะหลังกลุ่ม Zigbee Alliance ออกมาตรฐานใหม่ๆ ในชื่ออื่นมาอีกหลายตัว วันนี้จึงประกาศเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น Connectivity Standards Alliance (CSA) เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงนี้ ปัจจุบัน CSA มีสมาชิกประมาณ 350 บริษัท ตัวมาตรฐาน ZigBee เองยังอยู่เหมือนเดิมและใช้ชื่อเดิม ของใหม่คือ CSA ออกมาตรฐานตัวใหม่ชื่อ Matter (ชื่อเดิมคือ CHIP) สำหรับเชื่อมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมข้ามค่าย โดยมียักษ์ใหญ่ของวงการมาร่วมกันพร้อมหน้า ทั้ง Amazon, Apple, Google, Samsung SmartThings จากข้อมูลของ CSA บอกว่า Matter จะรันอยู่บนมาตรฐานเครือข่ายแบบ IP-based ที่มีอยู่แล้วคือ Ethernet (802.3), Wi-Fi (802.11), Thread (802.15.4) และ Bluetooth LE โดยเอกสารสเปกเปิดให้สมาชิกเข้าถึงได้แล้ว และคาดว่าจะมีอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองชิ้นแรกในช่วงปลายปี 2021 ที่มา - CSA, CSA (Matter)
# ทำเนียบขาวจับมือ Uber และ Lyft แจกโค้ดเรียกรถไปฉีดวัคซีน COVID-19 ฟรี บริการเรียกรถรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาคือ Uber และ Lyft ประกาศสนับสนุนโครงการฉีดวัคซีน COVID-19 ของรัฐบาลโจ ไบเดน ด้วยการเปิดให้นั่งรถไปฉีดวัคซีนฟรี Uber และ Lyft จะแสดงจุดฉีดวัคซีนขึ้นมาในแอพ ผู้ใช้สามารถเลือกสถานที่ไปจุดฉีดวัคซีน และกรอกข้อมูลบนจอเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนค่าเดินทางเป็นนั่งฟรี ฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดบริการในเร็วๆ นี้ไปจนถึงวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งรัฐบาลไบเดนตั้งเป้าว่าจะฉีดวัคซีนได้ครอบคลุม 70% ของประชากรผู้ใหญ่ในสหรัฐ เว็บไซต์ Lyft ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะให้เครดิตนั่งฟรี 15 ดอลลาร์ แยกทั้งขาไปและขากลับ ผู้ใช้สามารถรับโค้ดนั่งฟรีได้ตั้งแต่ 24 พฤษภาคมเป็นต้นไป ที่มา - Whitehouse, Uber, Lyft
# NVIDIA เปิดตัวชิป RTX 3050 Ti และ 3050 สำหรับโน้ตบุ๊ก เปิดทางเกมมิ่งโน้ตบุ๊กใช้ RTX 3000 ราคา 25,000 บาท NVIDIA เปิดตัวชิปกราฟิกชุดตระกูล RTX 3000 รุ่นเริ่มต้นสำหรับโน้ตบุ๊ก คือ GeForce RTX 3050 และ RTX 3050 Ti นับเป็นชิปรุ่นล่างสุดสำหรับสถาปัตยกรรม Ampere บนโน้ตบุ๊ก เปิดทางให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กสามารถจำหน่ายเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่ราคาเริ่มต้น 799 ดอลลาร์ หรือประมาณ 25,000 บาทได้ RTX 3050 Ti มี CUDA 2560 คอร์ ส่วน RTX 3050 มี CUDA 2048 คอร์ ทั้งสองรุ่นใช้แรม GDDR6 4GB ความกว้างบัสหน่วยความจำ 128 บิต สัญญาณนาฬิกาใกล้เคียงกัน (3050 สูงกว่าเล็กน้อย) อัตราการกินพลังงานของ RTX 3050 Ti อยู่ที่ 35-80 วัตต์ ทาง NVIDIA โชว์ว่า RTX 3050 Ti นั้นจะทำให้เล่นเกมใหม่ๆ พร้อมเปิด Ray Tracing ที่ความละเอียด 1080p ได้เฟรมเรตเกิน 60 เฟรมต่อวินาทีแล้ว ขณะที่ RTX 3050 ก็ยังทำได้เกิน 30 เฟรมต่อวินาที ทำให้เกมมิ่งโน้ตบุ๊กแม้จะใช้ชิปรุ่นล่างแต่ก็สามารถรันเกมใหม่ๆ ได้ค่อนข้างสวยงามแล้ว ผมลองตรวจสอบดูพบว่า ASUS นำโน้ตบุ๊กรุ่นที่ใช้ RTX 3050 Ti เข้ามาขายแล้ว คือ ASUS TUF Dash F15 (FX516PE-HN004T) ในราคา 29,990 บาท ที่มา - NVIDIA 1, 2
# Core 11th Gen Tiger Lake-H มาแล้ว, 10nm กับเขาสักที, แรงขึ้น 19% จากรุ่นก่อน อินเทลเปิดตัวซีพียู Core 11th Gen Tiger Lake มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2020 แต่ในช่วงครึ่งปีกว่าๆ ที่ผ่านมาก็มีแต่ Tiger Lake-U รุ่นกินไฟต่ำ (สูงสุดคือ 28 วัตต์) สำหรับโน้ตบุ๊กสายบางเบาเท่านั้น (เมื่อต้นปีมีออก Tiger Lake H35 ออกมาคั่นรายการ แต่ก็ยังเป็นซีพียูสำหรับโน้ตบุ๊กเกมมิ่งสายบางเบาอีกเช่นกัน กินไฟสูงสุด 35 วัตต์) หลังรอคอยกันมานาน วันนี้อินเทลเปิดตัว Tiger Lake-H สำหรับโน้ตบุ๊กสมรรถนะสูงและเกมมิ่งกับเขาแล้ว ฟีเจอร์ของ Tiger Lake-H ใช้แกน Willow Cove ที่บอกว่ามีประสิทธิภาพมัลติเธร็ดดีขึ้น 19% จากรุ่นก่อน, ผลิตที่ 10 นาโนเมตร (ถือเป็น H ตัวแรกของอินเทลที่เป็น 10 นาโนเมตร), รองรับ PCIe 4.0, รองรับ Thunderbolt 4 และชิปไร้สาย Intel Killer Wi-Fi 6E จากผลการทดสอบของอินเทลเอง ซีพียูรุ่นท็อปสุดของเจนนี้คือ Core i9-11980HK เทียบกับท็อปเจนที่แล้ว Core i9-10980HK มีประสิทธิภาพการเล่นเกมดีขึ้น 5-21% (ขึ้นกับเกม) และหากเทียบกับรุ่นท็อปคู่แข่งคือ Ryzen 9 5900HX อินเทลคุยว่าประสิทธิภาพดีกว่า 11-26% ซีพียู Tiger Lake-H เปิดตัวชุดแรกมีทั้งหมด 5 รุ่นย่อยคือ Core i9-11980HK 8 คอร์ 16 เธร็ด, ความถี่เริ่มต้น 2.6GHz (45W TDP) ความถี่สูงสุด 5GHz Core i9-11900H 8 คอร์ 16 เธร็ด, ความถี่เริ่มต้น 2.5GHz (45W TDP) ความถี่สูงสุด 4.9GHz Core i7-11800H 8 คอร์ 16 เธร็ด, ความถี่เริ่มต้น 2.3GHz (45W TDP) ความถี่สูงสุด 4.6GHz Core i5-11400H 6 คอร์ 12 เธร็ด, ความถี่เริ่มต้น 2.7GHz (45W TDP) ความถี่สูงสุด 4.5GHz Core i5-11260H 6 คอร์ 12 เธร็ด, ความถี่เริ่มต้น 2.6GHz (45W TDP) ความถี่สูงสุด 4.4GHz ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแบรนด์ดังทุกราย เช่น Acer, HP, Dell, Gigabyte, Lenovo, ASUS/ROG, Razer, MSI ก็ทยอยเปิดตัวโน้ตบุ๊กที่ใช้ Tiger Lake-H มาพร้อมกัน ที่มา - Intel, Intel (PDF)
# ServiceNow ซื้อกิจการ Lightstep ผู้พัฒนาเครื่องมือ Observability ServiceNow ประกาศบรรลุข้อตกลงในการซื้อกิจการ Lightstep ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม Observability เพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือสำหรับตรวจสอบการทำงาน DevOps สำหรับแอพพลิเคชันบนคลาวด์ ทำให้บริการของ ServiceNow ครบในกระบวนการทางไอทีและเวิร์กโฟลว์มากยิ่งขึ้น Pablo Stern รองประธานอาวุโสด้านผลิตภัณฑ์เวิร์กโฟลว์ของ ServiceNow บอกว่าบริษัทมีการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลมากขึ้น แต่ก็มีอุปสรรคความท้าทาย การซื้อกิจการ Lightstep ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้งานของลูกค้าง่ายขึ้น เครื่องมือ Observability ของ Lightstep มีลูกค้ารายสำคัญที่พัฒนาแอปบนคลาวด์ตั้งแต่แรกอาทิ GitHub, Spotify และ Twilio ที่มา: ZDNet ผ่าน ServiceNow
# [ไม่ยืนยัน] โรงงานผลิต iPhone ของ Foxconn ในอินเดีย เหลือกำลังผลิตไม่ถึงครึ่ง เพราะพนักงานติดโควิด แหล่งข่าวไม่เปิดเผยที่มา ระบุกับ Reuters ว่าโรงงานผลิต iPhone ของ Foxconn ในรัฐทมิฬนาฑู ทางตอนใต้ของอินเดีย ที่ผลิตมือถือ iPhone ให้กับตลาดอินเดียเท่านั้น (ตลาดมือถืออินเดียใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก) ตอนนี้เหลือกำลังผลิตไม่ถึง 50% เนื่องจากคนงานมากกว่า 100 คนติดเชื้อโควิด และโรงงานต้องออกคำสั่งห้ามเข้า แม้ Foxconn จะระบุกับ Reuters ในแถลงการว่ามีพนักงานบางส่วนติดเชื้อโควิดจริง และกำลังให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์แก่พนักงาน แต่ไม่ได้กล่าวถึงกำลังการผลิตที่ลดลง หรือจำนวนพนักงานที่ติดเชื้อที่แน่ชัด รัฐทมิฬนาฑูเป็นหนึ่งในรัฐที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดระลอกสองมากที่สุดรัฐหนึ่ง หน่วยงานรัฐมีคำสั่งล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ หยุดให้บริการขนส่งสาธารณะ และสั่งปิดร้านค้าต่างๆ เพื่อพยายามชะลอการแพร่ระบาด ปัจจุบันอินเดียกำลังพบการระบาดรอบสองที่รุนแรงกว่ารอบแรก มียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 22.66 ล้านคน มียอดผู้เสียชีวิตกว่า 246,000 คน และผู้เชี่ยวชาญยังระบุว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้ ที่มา - Reuters
# IBM เปิดตัว AutoSQL เอนจินคิวรีข้อมูลที่ใช้ได้กับฐานข้อมูลทุกแบบ IBM ยุคหลังควบรวม Red Hat หันมาโฟกัสที่ไฮบริดคลาวด์ โดยมี OpenShift เป็นแกนกลาง และนำแอปพลิเคชันของ IBM เดิมมาจัดชุดใหม่เป็น Cloud Pak สำหรับงานแต่ละประเภท ล่าสุด IBM ประกาศฟีเจอร์ใหม่ให้ชุดซอฟต์แวร์สายข้อมูล Cloud Pak for Data คือ AutoSQL เอนจินสำหรับคิวรีตรงกลาง ที่ใช้คิวรีเดียวค้นหาข้อมูลได้ทุกประเภท Cloud Pak for Data เป็นซอฟต์แวร์ที่รวมฐานข้อมูลหลากหลาย ทั้ง structured และ unstructured (Hadoop/Spark) จึงมีความลำบากในการเรียกข้อมูลประเภทที่ต่างกัน IBM เรียก AutoSQL ว่าเป็น universal query engine ที่ทำงานแบบ distributed/virtualized โดยยังคงประสิทธิภาพสูง (คู่แข่งที่เปรียบเทียบคือ Azure Synapse SQL และ Snowflake) และสามารถใช้ค้นข้อมูลฟอร์แมตเปิดได้ทุกค่าย ผมลองหารายละเอียดดูแล้วยังไม่มีข้อมูลของ AutoSQL มากนัก มีเพียงแผนภาพด้านล่างที่บอกโครงสร้างการทำงาน และในประกาศของ IBM เองก็ยังไม่บอกว่า AutoSQL พร้อมให้บริการเมื่อใด ที่มา - IBM, IBM
# Harley-Davidson เปิดตัวแบรนด์ LiveWire เพื่อลุยตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Harley-Davidson ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ชื่อดังประกาศตั้ง LiveWire เป็นแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์ใหม่อย่างเป็นทางการ โดยจะตั้งเป็นบริษัทแยกพร้อมไลน์สินค้าของตัวเอง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ที่แยกจาก Harley-Davidson สำหรับ LiveWire ตอนเผยโฉมครั้งแรกเมื่อ 3 ปีที่แล้วยังเป็นรถมอเตอร์ไซค์รุ่นหนึ่งภายใต้แบรนด์ Harley-Davidson และการประกาศในวันนี้ Harley-Davidson ส่งสัญญาณชัดเจนว่าต้องการจริงจังกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า LiveWire จะมีโลโก้ใหม่เป็นของตัวเอง ทีมวิศวกรจะทำงานอยู่ใน Silicon Valley และ Milwaukee พร้อมทั้งมีโชว์รูมเป็นของตัวเอง โดยโชว์รูมแรกจะเริ่มตั้งในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมอเตอร์ไซค์แบรนด์ LiveWire คาดว่าจะเปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ที่งาน Internation Motorcycle Show ที่มา - The Verge, TechCrunch
# ทีมแฮกท่อส่งน้ำมันสหรัฐฯ แถลงไม่เกี่ยวกับกลุ่มการเมือง แค่ต้องการเงิน ครั้งหน้าจะเลือกเป้าหมายให้ดีกว่านี้ ทีม DarkSide ที่หน่วยสืบสวนกลางสหรัฐ ยืนยันว่าเป็นทีมงานเบื้องหลังการแฮกบริษัท Colonial Pipeline ผู้ดูแลท่อส่งน้ำมันฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ จนต้องปิดท่อส่ง ออกแถลงการบนเว็บไซต์ของทีมในเครือข่ายดาร์กเว็บ (ต้นทางไม่ได้ระบุว่าเป็น Tor หรือเครือข่ายใด) มีเนื้อหาระบุว่าทีมไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ ต้องการแค่เงิน ไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาสังคม และคราวหน้าจะตรวจสอบบริษัทเป้าหมายที่ได้รับการว่าจ้างให้แฮกให้ดีกว่านี้ อย่างไรก็ตาม Nicole Perlroth ผู้สื่อข่าวสาย Cyber Security ของ New York Times ระบุว่าแม้ DarkSide จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับกลุ่มการเมืองใด แต่ก่อนการล็อกข้อมูลเพื่อทำการ ransom มีการใช้คำสั่ง “GetUserDefaultLangID” เพื่อตรวจสอบว่าเป้าหมายใช้งานภาษาใด และจะไม่ทำการแฮกหากเป็นกลุ่มภาษารัสเซีย จอร์เจีย หรืออาราบิก (ซีเรีย) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต หรืออยู่ในเขตประเทศรัสเซีย ทำให้คาดการณ์ได้ว่า DarkSide เป็นกลุ่มแฮกเกอร์จากรัสเซีย นอกจากนี้ Perlroth ยังระบุอีกว่า Darkside เป็นกลุ่มแฮกเกอร์หน้าใหม่ในโลก ransomware มีกฎการแฮกคือพวกเขาจะไม่แฮกโรงพยาบาล สถานฌาปณกิจ หน่วยงานไม่แสวงหากำไร และจะมีเป้าหมายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ และบางครั้งก็บริจาคเงินให้องค์กรการกุศลอีกด้วย ภาพเจ้าหน้าที่ในห้องควบคุม ของ Colonial Pipeline ที่มา - The Verge, Bloomberg, Twitter Nicole Perlroth
# เอกสารในชั้นศาลเผย Apple ไม่ส่งอีเมลแจ้งผู้ใช้ที่โหลดแอปอันตรายกว่า 128 ล้านราย เมื่อปี 2015 อีกหนึ่งข้อมูลที่ถูกเปิดเผยในคดี Epic v. Apple เป็นอีเมลที่ถูกส่งภายใน เพื่อถกเรื่องการแจ้งผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดแอปอันตราย กว่า 2,500 แอป ที่มียอดดาวน์โหลดกว่า 203 ล้านครั้ง โดยผู้ใช้กว่า 128 ล้านคน บน App Store ในปี 2015 ในอีเมลพูดถึงความยุ่งยากในการแปลภาษาให้ถูกต้องตามภาษาท้องถิ่น รวมถึงการแจ้งชื่อแอปที่อันตรายให้กับผู้ใช้ เนื่องจากแอปเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดโดยผู้ใช้จากทั่วโลก ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจไม่ส่งอีเมลแจ้งผู้ใข้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง Apple เลือกที่จะเผยแพร่หน้าข่าวนี้บนเว็บไซต์แทน โดยแจ้งรายชื่อแอปอันตรายที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุด 25 แอป แจ้งให้ผู้ใช้อัพเดตแอปเหล่านี้โดยด่วน และระบุว่าถอดแอปอันตรายที่ยังไม่ได้รับการอัพเดตออกไปจาก App Store แล้ว ก่อนจะลบออกไปในภายหลัง แอปอันตรายเหล่านี้ เกิดจากนักพัฒนาที่ใช้แอป XcodeGhost ในการรีแพ็กเกจแอป ซึ่ง XcodeGhost เป็นแอปเถื่อนที่ใช้แทน Xcode ได้ และดาวน์โหลดได้ไวกว่า Xcode ในประเทศจีน (ซึ่งก่อนใช้งานจะถูกเตือนโดยระบบความปลอดภัย Gatekeeper บน macOS แต่นักพัฒนาหลายรายก็เลือกที่จะกดอนุญาต) เมื่อนักพัฒนาใช้งาน XcodeGhost เพื่อรีแพ็กเกจแอป แอปนั้นๆ ก็จะถูกฝังโค้ดให้ iPhone รายงานข้อมูลเช่น ชื่อแอป ข้อมูลเครือข่ายของผู้ใช้, app-bundle identifier, ข้อมูล“identifierForVendor”, ชื่ออุปกรณ์, รุ่นอุปกรณ์ และหมายเลขระบุตัวตนของอุปกรณ์ ไปยังเซิฟเวอร์ภายนอก อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ใช่บริษัทเดียวที่เลือกไม่แจ้งผู้ใช้โดยตรง เพราะ Google เองก็เคยไม่แจ้งผู้ใช้ เมื่อดาวน์โหลดแอปอันตรายบน Android หรือ Extensions อันตรายบน Chrome มาแล้วเช่นกัน แต่ต่างกันที่เหตุการณ์ของ Google เกิดขึ้นในปี 2019 ส่วนฝั่ง Apple เป็นเหตุการณ์ในปี 2015 แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าหากมีเหตุการณ์คล้ายกันในอนาคต Apple จะตัดสินใจอย่างไร ที่มา - Ars Technica
# [ไม่ยืนยัน] Sony เตือนนักวิเคราะห์ PlayStation 5 จะขาดช่วงไปถึงปีหน้า เพราะความต้องการเยอะเกิน Sony เตือนกลุ่มนักวิเคราะห์ว่าสินค้า PlayStation 5 จะขาดตลาดไปจนถึงปี 2022 โดย Bloomberg รายงานจากแหล่งข่าวไม่ระบุชื่อว่า Hiroki Totoki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Sony ระบุในการประชุม ว่าเขาไม่คิดว่าบริษัทจะผลิต PlayStation 5 ออกมาได้ทัน แม่จะเร่งกำลังผลิตแล้วก็ตาม เนื่องจากความต้องการสินค้ามีมากเกินไป Totoki ยังบอกด้วยว่า Sony จำเป็นต้องเพิ่มการผลิตโดยเร็วที่สุดและตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีคอนโซลวางขายบนชั้นวางของร้านค้า และความต้องการสินค้่จะยังคงอยู่ในระดับสูงไม่ว่าสถานการณ์ Covid-19 จะเป็นอย่างไร ในรายงานผลประกอบการ Sony ล่าสุดระบุว่า ยอดส่งมอบเครื่องเล่น PlayStation 5 ทะลุ 7.8 ล้านเครื่อง แม้จะเพิ่มเปิดตัวมาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2020 และตั้งเป้าจะส่งมอบได้ 14.8 ล้านเครื่องในปีงบประมาณนี้ แต่รายงานจาก Bloomberg ก็ทำให้ไม่แน่ใจว่าจะส่งมอบได้ตามเป้าที่ตั้งไว้หรือไม่ ที่มา - Bloomberg
# AI กำลังเรียนเขียนโปรแกรม IBM เปิดตัว CodeNet ชุดข้อมูลโค้ดดิ้งขนาดใหญ่ สอน AI แปลงโค้ดข้ามภาษา ในงาน Think 2021 ของ IBM มีประกาศเปิดตัวโปรเจกต์ CodeNet ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อสอน AI เขียนโปรแกรม โดยชุดข้อมูลประกอบด้วยตัวอย่างโค้ด 14 ล้านชุดรวม 500 ล้านบรรทัด และในภาษาโปรแกรมที่แตกต่างกันไปกว่า 55 ภาษา ตั้งแต่ที่ยังมีนิยมใช้งานคือ C++, Java, Python และ Go ไปจนถึงภาษาดั้งเดิมอย่าง COBOL, Pascal และ FORTRAN IBM ระบุถึงปัญหาใหญ่ของวงการไอทีคือการแปลงโค้ดจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่ง ที่แม้ระบบแปลงภาษาแบบใช้กฎแปลง (rule based) จะสามารถแปลงได้ 50-60% แต่ส่วนที่เหลือก็กลายเป็นส่วนที่มีความซับซ้อน ปัจจุบันภาษาโปรแกรมมิ่งนั้นมีบริบทในตัวเองสูง การจะแปลภาษาให้เข้าใจนั้นยากและใช้เวลานาน ยิ่งโปรแกรมมีขนาดใหญ่เท่าไรก็ยิ่งแปลยากมากเท่านั้น จึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับ AI ที่จะทำแปลภาษาโปรแกรมมิ่ง โดยโปรเจกต์ CodeNet คาดว่าจะช่วยให้ AI เข้าใจบริบทของภาษาโปรแกรมมิ่งมากขึ้น นอกจากนี้ ตัวชุดข้อมูลมีโค้ดพร้อมกับข้อมูลประกอบ (metadata) ทำให้สามารถใช้เพื่อค้นหาโค้ด และตรวจจับโค้ดซ้ำซ้อน และยังมีสถานะการยอมรับโค้ดชุดต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ AI สามารถแยกแยะโค้ดที่ดีกับโค้ดที่มีปัญหาออกจากกันได้ง่ายขึ้น ความเป็นไปได้ที่จะใช้ปัญญาประดิษฐ์มาเขียนโปรแกรมมีมาหลายปีแล้ว สองปีก่อน OpenAI เคยสาธิตโมเดลปัญญาประดิษฐ์ GPT-2 และพบว่ามันสามารถสร้างโค้ดออกมาได้ “สมจริง” แม้ตัวปัญญาประดิษฐ์จะไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการเขียนโปรแกรมโดยตรง ดังนั้น การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เพื่อให้รองรับการเขียนโปรแกรมโดยตรงอาจจะสร้างแนวทางการเขียนโปรแกรมใหม่ๆ ที่ตัวโปรแกรมเมอร์สั่งการโค้ดในระดับสูงขึ้นไป ที่มา - IBM
# สโมสร Liverpool จับมือ DeepMind บุกเบิกการใช้ AI ช่วยวิเคราะห์เกมฟุตบอล DeepMind บริษัท AI ในเครือ Alphabet ที่เรารู้จักกันดีจาก AlphaGo เริ่มบุกไปยังวงการใหม่คือ "ฟุตบอล" โดยร่วมกับสุดยอดสโมสรฟุตบอลจากอังกฤษ Liverpool FC ทำวิจัยเรื่องการนำ AI มาใช้งานในวงการฟุตบอล นักวิจัยจากทั้งสองหน่วยงานทำงานร่วมกันมาสักระยะหนึ่ง แล้วเพิ่งตีพิมพ์เปเปอร์วิจัยชื่อ Game Plan: What AI can do for Football, and What Football can do for AI ที่รวบรวมผลลัพธ์ (เบื้องต้น) ว่าสามารถนำ AI มาใช้กับเกมกีฬาได้อย่างไรบ้าง ข้อสรุปเบื้องต้นของทีมวิจัยคือ การนำ AI มาใช้กับฟุตบอลแบ่งออกเป็น 3 แขนง ได้แก่ Computer Vision (CV) เช่น การวิเคราะห์ฟุตเตจการแข่งขัน Statistical Learning (SL) การดูจากสถิติเก่าของนักเตะแล้วนำมาวิเคราะห์ Game Theory (GL) การนำทฤษฎีเกมมาใช้วิเคราะห์บางส่วนของการแข่งขัน เช่น การเตะลูกโทษ เป้าหมายสุดท้ายคือใช้ศาสตร์ทั้ง 3 แขนงมาร่วมกันสร้าง Automated Video Assistant Coach (AVAC) หรือโค้ชผู้ช่วยที่เป็น AI คอยช่วยโค้ชที่เป็นมนุษย์จริงๆ อีกทีหนึ่ง ภาพจาก Liverpool FC งานวิจัยนี้ใช้ข้อมูลจากเกมการแข่งขันของ Liverpool ในพรีเมียร์ลีกทุกนัด ระหว่างปี 2017-2019 มาวิเคราะห์ และได้ข้อมูลเบื้องต้นหลายอย่าง เช่น เราสามารถพยากรณ์การเคลื่อนไหวของผู้เล่นบางคนได้จากสถิติในอดีต หรือ การวิเคราะห์การเตะจุดโทษ 12,000 ครั้งจากหลายลีกในยุโรป เพื่อวิเคราะห์ว่าผู้เล่นมักเตะด้วยเท้าข้างที่ถนัดหรือไม่ (ผลคือ ผู้เล่นตำแหน่งศูนย์หน้ามักเล็งมุมซ้ายล่าง มากกว่าผู้เล่นตำแหน่งกองกลาง) ทีม DeepMind บอกว่างานศึกษาชิ้นนี้ยังเป็นแค่การเริ่มต้นของการนำ AI มาใช้ในการแข่งกีฬาเท่านั้น และจะศึกษาต่อเพิ่มเติมอีกในอนาคต Karl Tuyls นักวิจัยหลักของงานชิ้นนี้ และ Demis Hassabis ผู้ก่อตั้ง DeepMind ล้วนแต่เป็นแฟน Liverpool ใครสนใจสามารอ่านเปเปอร์ฉบับเต็ม ที่มา - DeepMind, Wired UK
# [ลือ] หลุดเรนเดอร์ Macbook Air รุ่นใหม่ อาจมีหลากสี คล้าย iMac M1 Jon Prosser บล็อกเกอร์ไอทีที่เคยปล่อยข่าวและภาพเรนเดอร์ว่า iMac จะมีหลายสี ตั้งแต่ก่อนวันเปิดตัว (แต่จำนวนและสีผิดไปเล็กน้อย) ล่าสุดอัพเดตข้อมูลหลุด พร้อมภาพเรนเดอร์ใหม่ ว่า Macbook Air ที่จะออกช่วงปลายปีนี้ จะมาในดีไซน์ใหม่ ตีมเดียวกันกับ iMac และทำภาพเรนเดอร์ใหม่จากภาพหลุดเพื่อให้เห็นตัวอย่างดีไซน์ที่น่าจะเป็น Macbook Air รุ่นดีไซน์ใหม่จะไม่เป็นรูปทรงลิ่มอีกต่อไป (ด้านหน้าบางกว่าด้านหลังเมื่อปิดฝา) แต่จะบางเท่ากันหมดทั้งตัวเครื่อง มี 7 สี โทนสีคล้ายกับฐานของ iMac M1 ฐานยางใต้เครื่อง เปลี่ยนจากแบบสี่มุม เป็นแถบยาวด้านละแถบซ้ายขวา และเขาบอกว่าจากมุมภาพหลุดที่เขาได้รับ ไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามีพอร์ต MagSafe กลับมาหรือไม่ แต่ด้านที่เขาเห็นมีพอร์ต USB-C แค่เพียงพอร์ตเดียว แม้จะยังเป็นข่าวลือ แต่หากดูจากภาษาดีไซน์ใหม่ของ Apple ที่ใช้สีสันหลากหลาย ทั้งบน iPhone, iPad Air และ iMac แล้ว ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ Macbook Air ที่เป็นหนึ่งในโน้ตบุ๊กรุ่นที่ขายดีที่สุดของ Apple และเข้าถึงวัยรุ่นหรือวัยเรียน จะมีดีไซน์ใหม่ที่หลากสีมากขึ้นเช่นกัน ที่มา - 9to5Mac, Youtube: Jon Prosser, Front Page Tech ภาพทั้งหมดจาก Jon Prosser x Renders by Ian
# ห้ามแต่เขา เราทำได้ Apple เพิ่มโฆษณาแอปจากข้อมูลผู้ใช้ หลังให้ Google, Facebook ต้องขออนุญาตเก็บข้อมูล หลัง Apple บังคับแอปต่างๆ ว่าต้องขออนุญาตผู้ใช้งานก่อนติดตามข้อมูลผู้ใช้ ตามนโยบาย App Tracking Transparency ของ iOS 14.5 และทำให้การเก็บข้อมูลของ Google และ Facebook ทำได้ยากขึ้น โดยอ้างว่าทั้งหมดทำไปเพื่อผู้ใช้งาน ล่าสุด Apple ได้เปิดขายโฆษณาในหมวด Search ของ App Store ซะเอง โดยยิงโฆษณาจากข้อมูลที่เก็บมาจากผู้ใช้ ก่อนหน้านี้ Apple ใช้ข้อมูลที่เก็บจากพฤติกรรมดาวน์โหลดและใช้งานแอปของผู้ใช้ เพื่อแสดงโฆษณาใน Apple Search อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นล่าสุดนี้คือช่องโฆษณาแอปด้านบนสุดของหมวด Suggested ซึ่งนักพัฒนาแอปจะสามารถซื้อโฆษณาเจาะกลุ่ม (targeted ads) ตามข้อมูลผู้ใช้จาก Apple ได้ ข้อแตกต่างของการเก็บข้อมูลนี้คือ Apple ระบุในนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Search Ads ว่าจะไม่แชร์ข้อมูลกับบริษัทอื่น และจะไม่สร้างโปรไฟล์สำหรับใช้ในการยิงโฆษณา แต่จะใช้การแบ่งผู้ใช้ออกเป็นกลุ่ม (segment) ต่างๆ ตามพฤติกรรมการใช้งานแอป และผู้ซื้อโฆษณาจะสามารถยิงโฆษณาเจาะกลุ่มได้ เมื่อมีผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมคล้ายกันอยู่ในกลุ่มนั้นเกิน 5,000 คนขึ้นไป เห็นได้ชัดว่า Apple เองก็ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้เพื่อยิงโฆษณาเช่นกัน แม้จะมีข้อแตกต่างด้านการเก็บข้อมูลและแชร์ข้อมูลจาก Google และ Facebook แต่การออกนโยบาย App Tracking Transparency เพื่อทำให้แอปอื่นเก็บข้อมูลผู้ใช้ได้ยากขึ้น ก่อนจะเพิ่มช่องทางขายโฆษณาใหม่ในเวลาไม่นาน ก็ค่อนข้างน่าสงสัย และมีทีท่าว่า Apple อาจเพิ่มช่องทางโฆษณาบนแพลตฟอร์ม iOS ที่ตัวเองครอบครองข้อมูลผู้ใช้มากสุดแค่เพียงผู้เดียวมากขึ้นในอนาคต ที่มา - Mobile Dev Memo
# เที่ยวทิพย์อย่างมั่นใจ นักวิจัยกูเกิลแสดงปัญญาประดิษฐ์ปรับแสงภาพตัดต่อให้สมจริงกับพื้นหลัง ไม่ลอยอีกต่อไป ทีมวิจัยจาก Google Research นำเสนอเฟรมเวิร์ค Total Relighting สำหรับการทำภาพตัดต่อโดยที่แสงในภาพมีความสมจริงเหมือนกับคนในภาพอยู่ในสถานที่ฉากหลังนั้นจริง Total Relighting อาศัยโมเดลปัญญาประดิษฐ์หลายชุดประกอบกัน ได้แก่ Geometry Net: สำหรับการหาความลึกของภาพ Albedo Net: สร้างภาพที่เหมือนอยู่ในภาวะแสงฟุ้ง Shading Net: ปรับภาพให้มีแสงเงาเหมือนฉากหลัง โดเมลเหล่านี้เคยมีงานวิจัยก่อนหน้าแล้วทั้งสิ้น แต่ทีมวิจัยก็นำแสดงให้เห็นว่า โมเดลที่ใช้ในชุดงานวิจัยนี้ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่างานก่อนหน้า แต่ยังมีข้อจำกัดสำคัญคือการให้แสงเงาเสื้อผ้านั้นยังไม่ดีนัก เนื่องจากชุดข้อมูลสำหรับฝึกยังมีข้อมูลเครื่องแต่งกายไม่หลากหลายพอ รายงานนี้จะนำเสนอในงานประชุมวิชาการ SIGGRAPH 2021 เดือนสิงหาคมนี้ ที่มา - Augmented Perception
# อัยการจาก 40 รัฐ ส่งจดหมายหามาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ให้ล้มแผนพัฒนา Instagram สำหรับเด็ก อัยการจาก 40 รัฐในสหรัฐ ส่งจดหมายถึงมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ให้หยุดพัฒนา Instagram สำหรับเด็ก อายุต่ำกว่า 13 ปี ด้วยเหตุผลว่า ที่ผ่านมา Facebook ล้มเหลวในการปกป้องเด็กๆ ให้มีสุขภาวะที่ดีบนแพลตฟอร์ม ทันทีที่ Facebook ประกาศพัฒนา Instagram สำหรับเด็ก แม้จะเป็นไปเพื่อเน้นการใช้งานโซเชียลมีเดียที่ปลอดภัย แต่ก็สร้างความกังวลแก่นักสิทธิเด็ก และนักกฎหมาย ในจดหมายระบุถึงข้อมูลวิจัยที่เชื่อมโยงสภาพจิตอ่อนแอของคนหนุ่มสาว กับโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ทางใจ พฤ๖ิกรรมทำร้ายตัวเอง โฆษกของ Facebook กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของ Instagram เด็กคือ ต้องการแก้ไขสถานการณ์นี้ ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ที่ช่วยให้ผู้ปกครองควบคุมสิ่งที่บุตรหลานกำลังทำอยู่ได้ ซึ่ง ลบริษัทได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของเด็กด้วยในการพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าว ภาพประกอบจาก Facebook ที่มา - Business Insider
# Kakao Entertainment เข้าซื้อ Radish แอปอ่านนิยาย ขยายกำลังคอนเทนต์ไปยังผู้ใช้งานภาษาอังกฤษ Kakao Entertainment เข้าซื้อ Radish แอปอ่านนิยาย ที่ระบุว่ามีผู้ใช้งานในอเมริกาเหนือหลักล้านราย ในราคา 440 ล้านเหรียญ คาดมาเสริมกำลังเนื้อหาบันเทิงของ Kakao Entertainment อย่างเช่นเว็บตูนขยายไปยังตลาดผู้ใช้งานภาษาอังกฤษ Radish ยังดำเนินธุรกิจต่อในแบรนด์ของตัวเองได้ โดย Seungyoon Lee ผู้ก่อตั้ง Radish จะดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่กลยุทธ์ระดับโลกของ Kakao Entertainment ด้วย Radish ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 เริ่มจากเป็นแพลตฟอร์มให้คนมาสร้างเนื้อหาเอง แต่หลังๆ โฟกัสไปที่ Radish Originals หรือซีรีส์นิยายต่อเนื่องที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแอป ซึ่งทางบริษัทบอกว่า Radish Originals มีรายได้โตขึ้น 10 เท่าในปี 2020 และเป็นแหล่งรายได้ 90% ของแพลตฟอร์ม ส่วนรายได้อื่นๆ มาจากการจ่ายเพื่ออ่านในแต่ละบท ซึ่งจากการเข้าซื้อ คาดว่าเนื้อหา Radish Originals จะกลายมาเป็นอีกทรัพย์สินทางปัญญาของ Kakao Entertainment ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา Kakao Entertainment ได้ดัดแปลงนิยายบนเว็บมาต่อยอดเป็นสื่ออื่นหลายเรื่องรวมถึง “What’s Wrong with Secretary Kim?”, “A Business Proposal” และ“ Solo Leveling” ที่มา - TechCrunch
# เทนเซ็นต์ คลาวด์ หนุนผู้ประกอบการภาคการผลิต ยกระดับมาตรฐานสู่ Industry 4.0 เมื่อพูดถึง Industry 4.0 สำหรับภาคการผลิตแล้ว เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และถือเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมฯ ต่างต้องเร่งปรับตัว ที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัล และอินเทอร์เน็ตมาใช้ เพื่อให้กระบวนการผลิตสินค้ามีประสิทธิภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของตลาด ตลอดจนสามารถรับมือกับสภาพการแข่งขันทั้งจากในประเทศ และในตลาดโลก ตอบโจทย์อุตสาหกรรมยุคใหม่ได้อย่างทันท่วงที คุณชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด เล็งเห็นถึงความต้องการในด้านเทคโนโลยีสำหรับภาคการผลิตของประเทศ โดยกล่าวว่า “อุตสาหกรรมภาคการผลิตนั้นมีความสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างมาก การเตรียมความพร้อมด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการผลิตควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คุณชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด โดยระบบการผลิตอัจฉริยะ หรือ Smart Manufacturing ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทยก้าวสู่ Industry 4.0 ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีคลาวด์ และปัญญาประดิษฐ์เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญต่อการยกระดับระบบการผลิตภายใต้แนวคิด Smart Manufacturing” ตัวอย่างความสำเร็จจาก Foxconn Industrial Internet Co., Ltd. หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จของการนำเทคโนโลยี และโซลูชันคลาวด์อัจฉริยะจากเทนเซ็นต์คลาวด์ มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ คือ Foxconn Industrial Internet Co., Ltd. หรือ FII ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ภายใต้ผู้รับจ้างผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก และผู้ให้บริการออกแบบ และผลิตชั้นนำระดับมืออาชีพ เทนเซ็นต์ คลาวด์ และ FII ได้เริ่มนำบริการโซลูชันคลาวด์แบบ end-to-end มาใช้ในการสร้าง และปรับใช้ในการปฏิบัติงานต่างๆ บนระบบอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรม (Industrial Internet) ที่เชื่อมต่อเครื่องจักรขนาดใหญ่ในโรงงานเข้ากับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และพนักงาน ให้สามารถสื่อสาร และส่งข้อมูลระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งแบบบุคคลต่อบุคคล (person-to-person) บุคคลต่อเครื่องจักร(person-to-machine) และเครื่องจักรต่อเครื่องจักร (machine-to- machine) FII ได้นำกลยุทธ์ “Smart Manufacturing + Industrial Internet” มาปรับใช้ ซึ่งประกอบด้วย การนำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ระบบขนส่งอัจฉริยะ และระบบควบคุมอุตสาหกรรมอัตโนมัติมาปรับใช้ร่วมกัน โดยโรงงาน และสายการผลิตส่วนใหญ่ของ FII ได้ติดตั้งระบบอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งหลายโรงงานเป็นโรงงานที่ทำงานแบบ “Light-off” ที่ใช้หุ่นยนต์ในการทำงานแบบเต็มระบบ และจากการใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรม คู่ไปกับระบบปฏิบัติการคลาวด์ ช่วยให้ FII สามารถลดค่าใช้จ่าย ปรับปรุงคุณภาพการผลิต ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูล และการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ และ FII ยังได้ร่วมมือกันในการนำกลยุทธ์ด้านการผลิตของ FII มาพัฒนาให้เกิดขึ้นจริงให้กลายเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง โดย Foxconn Industrial Cloud Platform (FII Cloud) เป็นการผสานการทำงานระหว่างเทคโนโลยีด้านการปฏิบัติการ และเทคโนโลยีด้านสารสนเทศ เพื่อสร้างระบบเชื่อมต่อการสื่อสารที่มีความปลอดภัยระหว่างโรงงานผลิต และ FII Cloud ด้วยการใช้ระบบนิเวศด้านอินเทอร์เน็ตจากเทนเซ็นต์ (Tencent Internet Ecosystem) ที่ทาง FII ได้ปรับใช้ส่วนประกอบ และแอปพลิเคชันหลายรายการบนแพลตฟอร์มของบริษัทฯ ด้วยเทคโนโลยี BEACON บนระบบของเทนเซ็นต์ คลาวด์ ช่วยให้การเข้าถึงระบบของโรงงานที่อยู่ในพื้นที่ที่ต่างกันนั้นสามารถทำได้จริงอย่างราบรื่น และไร้รอยต่อ เทนเซ็นต์ พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมภาคการผลิตไทย ด้วยโซลูชันคลาวด์ระดับเวิลด์คลาส คุณชาง ฟู ได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทนเซ็นต์ คลาวด์ไว้ว่า “เทนเซ็นต์ คลาวด์ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ทุกองค์กรเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เรามีความตั้งใจที่จะส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการภาคการผลิตของไทยอย่างเต็มที่ ด้วยความเชี่ยวชาญ เครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานด้านศูนย์ข้อมูลอันแข็งแกร่งของเทนเซ็นต์ ซึ่งจะทำให้เราสามารถผสานการทำงานระบบปฎิบัติการคลาวด์ กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data analytics) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึง Internet of Things (IoT) ความปลอดภัย และเทคโนโลยีอันทันสมัยอื่นๆ เข้ากับบริบทการทำงานของธุรกิจเพื่อการดำเนินงานอย่างชาญฉลาด และด้วยโซลูชันคลาวด์อัจฉริยะต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจภาคการผลิตสามารถปรับการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพการแข่งขัน และแนวโน้มที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิต พร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกอีกด้วย” เทนเซ็นต์จึงพร้อมมอบบริการระบบปฏิบัติการคลาวด์ระดับเวิล์ดคลาสที่มีประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และยืดหยุ่น สามารถปรับได้ตามความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งสามารถมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม นอกจากนี้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ยังมีทีมสนับสนุนในประเทศไทยที่สามารถให้บริการ และคำปรึกษากับลูกค้าคนไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในประเทศ และมีศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Data Center) ที่ตั้งอยู่ในประเทศ เพื่อให้การถ่ายโอนข้อมูลของลูกค้าในประเทศไทยเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และมีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อร่วมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถ ก้าวสู่ Industry 4.0 ได้อย่างสมบูรณ์
# Spotify ให้แชร์พอดคาสต์ไปยังโซเชียล ในช่วงเวลา timestamp ที่ต้องการได้ Spotify เพิ่มความสามารถ แชร์พอดคาสต์ไปยังโซเชียลมีเดียเฉพาะช่วง timestamp ที่ต้องการได้ ตัวอย่างเช่น ฟังไปจนถึงนาทีที่ 10 แล้วเจอคำพูดโดนใจ ก็สามารถกดปุ่มแชร์ เลื่อนเปิด toggle ที่ระบุว่าให้แชร์ในนาทีที่ 10 เมื่อเพื่อนคนอื่นมากดฟัง พวกเขาจะได้เริ่มฟังในนาทีที่ 10 พอดี พอดคาสต์ถือเป็นเนื้อหาสำคัญของ Spotify ในไตรมาสที่ผ่านมา ผู้ใช้งานราว 89 ล้านคนฟังพอดคาสต์ การแชร์ไปยังโซเชียล อาจช่วยเพิ่มจำนวนผู้ฟังรายใหม่ และช่วยให้ค้นพบพอดคาสต์ใหม่ๆ ได้เหมือนการแชร์เพลง ซึ่ง Spotify ระบุผลสำรวจว่า 40% ของผู้ใช้งาน เจอเพลงใหม่ๆ จากการที่คนแชร์ลงโซเชียล นอกจากนี้ การแชร์แบบมี Canvas หรือภาพเคลื่อนไหวด้านหลัง นอกจากจะทำได้ใน Instagram Stories แล้ว สามารถแชร์ลง Snapchat ได้ด้วย ที่มา - Spotify
# Facebook ทดสอบแสดงข้อความเตือน ให้เปิดอ่านเนื้อหาก่อนกดแชร์ Facebook ประกาศผ่านบัญชี Twitter ว่าจะเริ่มทดสอบแสดงข้อความเตือน กรณีผู้ใช้งานกดแชร์เนื้อหาแต่ยังไม่ได้เปิดเข้าไปอ่าน โดยข้อความจะแนะนำให้กดอ่านเนื้อหานั้นก่อนแชร์ แต่ก็มีตัวเลือกยืนยันให้แชร์หากต้องการ ซึ่งตัวแทนของ Facebook ระบุว่าการทดสอบนี้กำหนดไว้ที่ 6% ของกลุ่มผู้ใช้ Android ทั่วโลก การแสดงข้อความเตือนการแชร์เนื้อหาที่ยังไม่ได้อ่านนี้ เหมือนกับที่ Twitter ทดสอบเมื่อปีที่แล้ว ที่มา: @fbnewsroom ผ่าน The Verge
# GitHub รองรับการยืนยันตัวตนผ่านกุญแจ U2F แม้ใช้งานผ่าน SSH GitHub ประกาศรองรับกุญแจ U2F เมื่อผู้ใช้จัดการ repository ผ่านทาง SSH ทำให้แน่ใจได้ว่าคำสั่งนั้นมาจากผู้ใช้จริง ตัวโครงการ OpenSSH นั้นรองรับกุญแจ U2F มาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยขณะสร้างคู่กุญแจเพื่อล็อกอิน สามารถเลือกเป็นกุญแจแบบ ecdsa-sk หรือ ed25519-sk และผูกเข้ากับกุญแจ U2F ได้ ตอนนี้ทาง GitHub เปิดให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดกุญแจทั้งสองแบบเข้าไปยัง GitHub ได้ เมื่อผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้กุญแจ SSH แบบผูกกับกุญแจ U2F แล้วเมื่อทำงานกับเซิร์ฟเวอร์ เช่น การ clone หรือ push ตัวคำสั่ง Git จะขอให้เอานิ้วแตะกุญแจ U2F เพื่อยืนยันความตั้งใจอีกครั้ง แนวทางนี้ทำให้ลดความเสี่ยงที่มัลแวร์จะดึงโค้ดหรือลบโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ ทาง GitHub ระบุว่าการรองรับฟีเจอร์นี้อาศัยความร่วมมือกับ Yubico ผู้ผลิตกุญแจ U2F รายใหญ่ ที่มา - GitHub, Yubico
# โอ้นี่หรือคือวินโดวส์ ไมโครซอฟท์รองรับ eBPF ระบบรันโค้ดสำหรับดึงค่าออกจากเคอร์เนลที่ออกแบบมาสำหรับลินุกซ์ ไมโครซอฟท์ประกาศเปิดซอร์สโครงการ ebpf-for-windows นำ eBPF ที่เป็นการรันโค้ดภายใน sandbox ในเคอร์เนลเพื่อการดึงค่าต่างๆ ออกจากเคอร์เนลมาใช้บนวินโดวส์ eBPF (Extended Berkeley Packet Filter) เป็นส่วนย่อยของเคอร์เนลลินุกซ์ที่เปิดทางให้ผู้ใช้ส่งโค้ดเข้าไปรันในเคอร์เนลโดยตรง โดยก่อนรันจะมีการตรวจสอบความปลอดภัย และยืนยันว่าโปรแกรมไม่ทำงานนานเกินไป (เช่น ไม่มี loop) ไมโครซอฟท์อาศัยโครงการโอเพนซอร์ส 2 โครงการคือ uBPF เอนจินรันและคอมไพล์โค้ด BPF สัญญาอนุญาต Apache (โค้ดเคอร์เนลเป็นไลเซนส์ GPL ทำให้ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมปิดซอร์สได้) และ PREVIAL โครงการตรวจสอบความปลอดภัยของโค้ด BPF ที่รองรับโปรแกรมมี loop แต่ใช้เวลารันไม่นานเกินไป การรองรับ eBPF อาศัยการสร้างชั้นแปลงโค้ด (shim) เพื่อให้ eBPF ทำงานร่วมกับ API เน็ตเวิร์คของวินโดวส์ได้ ไมโครซอฟท์ระบุว่าเตรียมจะรองรับ API สำหรับ BPF ให้มากที่สุด แต่ก็มี API บางส่วนที่เจาะจงกับลินุกซ์มากๆ ก็ไม่สามารถใช้งานได้ โครงการนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาตอนนี้ผู้สนใจสามารถดูโค้ดและนำมาคอมไพล์เองได้ โดยมีแอปพลิเคชั่นตัวอย่างให้ 3 รายการ คือ โปรแกรมลองทำ DNS Flood และตัวอย่างการเขียน eBPF ป้องกัน, โปรแกรมมีบั๊กตัวอย่างที่เปิดพอร์ตใหม่ไปเรื่อยๆ, และตัวอย่างการใช้ eBPF กำหนดโควต้าการใช้พอร์ต ที่มา - Microsoft Open Source Blog
# ตั้งใบรับรองให้เราท์เตอร์ MikroTik ในบ้านมี DNS และใบรับรองจาก Let's Encrypt ทุกวันนี้การเชื่อมต่อเว็บต่างๆ แทบทั้งหมดกลายเป็นการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัส หลังจาก Let's Encrypt เปิดให้บริการเมื่อปี 2015 ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมาอัตราการเชื่อมต่อเว็บด้วย HTTPS ขึ้นไปถึง 94-95% และคงที่อยู่ที่เดิมเสมอมา เว็บสาธารณะที่เราใช้งานแทบทั้งหมดแม้อาจจะมีหลายเว็บยังให้บริการแบบ HTTP อยู่แต่ก็มักจะรองรับ HTTPS ไปพร้อมกัน อย่างไรก็ดียังมีเว็บกลุ่มหนึ่งที่เราใช้ HTTP เสมอ นั่นคือเว็บของอุปกรณ์ในบ้านหรือภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นเราท์เตอร์หรือสตอเรจ ตลอดจนอุปกรณ์อื่นๆ การขอใบรับรองเข้ารหัสจาก Let's Encrypt นั้นโดยปกติแล้วเรามักอาศัยกระบวนการยืนยันเจ้าของโดเมนแบบ HTTP-01 ที่ต้องการเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตได้เพราะทาง Let's Encrypt จะเข้ามาดาวน์โหลดข้อมูลยืนยันเจ้าของโดเมนจากเว็บ กระบวนการ HTTP-01 ไม่เหมาะกับการยืนยันตัวตนเซิร์ฟเวอร์ภายในและเราท์เตอร์ เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้มันมีเฉพาะไอพีภายในเช่น 10.0.0.0/8 หรือ 192.168.1.0/24 เป็นต้น ทำให้หากเรากำหนดชื่อโดเมนให้กับอุปกรณ์เหล่านี้ เครื่องเหล่านี้ก็เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตไม่ได้อยู่ดี ทำให้เซิร์ฟเวอร์ Let's Encrypt ไม่สามารถเข้ามาตรวจสอบเพื่อออกใบรับรองผ่านกระบวนการ HTTP-01 ได้ Let's Encrypt ยังรองรับกระบวนการยืนยันเจ้าของโดเมนแบบ DNS-01 ที่อาศัยการตรวจสอบฟิลด์ TXT แทนที่จะเป็นการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์โดยตรง กระบวนการ DNS-01 กำหนดให้เจ้าของโดเมนต้องตั้งค่าฟิลด์ TXT ให้กับโดเมน _acme_challenge.[ชื่อโดเมน] ตามที่กำหนด ปัญหาของ DNS-01 คือกระบวนการปรับแก้ข้อมูลใน DNS นั้นไม่สะดวกนัก โดยปกติแล้วผู้ดูแลเว็บเซิร์ฟเวอร์ไม่มีสิทธิ์ในการปรับแก้ข้อมูลด้วยตัวเอง หรือกระบวนการปรับแก้สะดวกนัก เช่น ต้องล็อกอินเข้าเว็บเพื่อปรับแก้ไขค่าเป็นครั้งๆ แต่ทุกวันนี้เรามีบริการ Dynamic DNS ที่หลายคนนิยม ในกรณีนี้ผมเลือกบริการ Dynamic DNS ของ Hurricane Electric เพราะเป็นบริการฟรีที่รองรับฟิลด์หลากหลาย ทั้ง IPv4, IPv6, และฟิลด์ TXT รวมถึงมีบริการ Dynamic TXT สามารถกำหนดค่าฟิลด์ TXT ได้โดยไม่ต้องล็อกอินเว็บโดยตรง (ตอนนี้โปรแกรมขอใบรับรอง Let's Encypt ยังไม่มีตัวใดรองรับฟีเจอร์นี้) และสามารถกำหนดหมายเลขไอพีได้เองจากไคลเอนต์ Dynamic DNS ทำให้ใช้งานกับเน็ตเวิร์คภายในได้ง่าย เราสามารถตั้งสริปต์ให้แก้ไขค่า DNS จากภายในตัวอุปกรณ์ได้อัตโนมัติเมื่อมีการแก้ไขหมายเลขไอพี ในบทความนี้ผมใช้เราท์เตอร์ของ MikroTik เป็นตัวอย่าง เราท์เตอร์ตามบ้านที่เรามักได้รับจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตส่วนมากรองรับการให้บริการผ่าน HTTPS และสามารถติดตั้งใบรับรองได้เช่นกัน อย่างไรก็ดีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในไทยหลายรายมักแก้ไขรอมเป็นของตัวเองและตัดฟีเจอร์ HTTPS ออก การขอใบรับรองแบบ DNS-01 กระบวนการขอใบรับรองจาก Let's Encrypt นั้นเริ่มจากการโอนโดเมนเราไปอยู่กับ Hurricane Electric ก่อน ด้วยการตั้งค่า name server ไปเป็น ns1.he.net, ns2.he.net, ns3.he.net, ns4.he.net, และ ns5.he.net จากนั้นสร้างบัญชีบนเว็บ dns.he.net และเพิ่มโดเมนของเราเข้าไป เราจะสามารถตั้งค่า DNS ได้เอง จากนั้นเราต้องหาลินุกซ์สักเครื่องเพื่อรันไคลเอนต์ของ Let's Encrypt ในกรณีของผมใช้โปรแกรม acme.sh สามารถติดตั้งได้ด้วยคำสั่ง curl https://get.acme.sh | sh - ในกรณีของผมต้องติดตั้งแพ็กเกจ curl และ openssl ลงในลินุกซ์เพิ่มเติม ก่อนจะรัน acme.sh เราจำเป็นต้องกำหนดตัวแปรเพื่อให้โปรแกรมรู้รหัสผ่าน Hurricane Electric ของเราก่อน เป็นค่า HE_Username และ HE_Password หากในอนาคต acme.sh รองรับฟีเจอร์ใหม่ของ Hurricane Electric ก็น่าจะสามารถใส่โทเค็นเฉพาะโดเมนเพื่อตั้งค่า Dynamic TXT แทนที่จะใส่รหัสผ่านไปทั้งหมดเช่นนี้ ค่าเริ่มต้นนั้น acme.sh จะติดตั้งอยู่ใน ~/.acme.sh ให้เข้าไปในโฟลเดอร์นี้ หลังจากนั้นรันคำสั่ง ./acme.sh --issue --dns dns_he -d [domain name] กระบวนการขอรับรองจะใช้เวลา 2-5 นาทีเนื่องจากต้องแน่ใจว่าค่าฟิลด์ TXT อัพเดตใน DNS เรียบร้อยแล้ว เมื่อตรวจสอบจนเสร็จสิ้นแล้วทาง Let's Encrypt จะออกใบรับรองมาให้ อยู่ใน ~/.acme.sh/[domain name]/ การติดตั้งใบรับรองเข้าเราท์เตอร์ กระบวนการติดตั้งใบรับรองเข้าเราท์เตอร์เป็นอีกส่วนหนึ่ง เราอาจจะดาวน์โหลดไฟล์ไปติดตั้งในหน้าเว็บของ Mikrotik ได้โดยตรง แต่ควรระวังว่าใบรับรองของ Let's Encrypt นั้นมีอายุเพียง 3 เดือน ควรหาทางเขียนสคริปต์เพื่ออัพเดตอัตโนมัติให้เรียบร้อย เริ่มจากสร้างกุญแจ SSH เพื่อให้สามารถเขียนสคริปต์ติดตังใบรับรองได้ โดยใช้คำสั่ง ssh-keygen หากใช้ค่าเริ่มต้นจะได้รับกุญแจแบบ RSA (ผมลองกุญแจแบบอื่นๆ แต่ใช้งานกับ MikroTik ไม่สำเร็จ) ในไฟล์ ~/.ssh/id_rsa และกุญแจสาธารณะ ~/.ssh/id_rsa.pub นำกุญแจสาธารณะเข้าไปผูกกับบัญชี โดยต้องอัพโหลดกุญแจสาธารณะเข้าไปยังไฟล์ก่อน แล้วผูกกับบัญชีผู้ดูแลระบบทางเมนู System > Users > SSH Keys > Import SSH Key เมื่อผูกบัญชีสำเร็จ เราสามารถล็อกอินผ่านทาง SSH ด้วยคำสั่ง ssh admin@[router IP] ได้ทันที โดยไม่ถูกถามรหัสผ่านอีกต่อไป เมื่อล็อกอินผ่าน SSH ได้แล้วให้เริ่มอิมพอร์ตใบรับรองโดเมนเข้าไปยัง MikroTik cd ~/.acme.sh/[domain name]/ export router="ssh admin@[router IP]" scp fullchain.cer admin@[router IP]:fullchain.cer scp [domain name].key admin@[router IP]:private.key $router /certificate import file-name=fullchain.cer passphrase=\"\" $router /certificate import file-name=private.key passphrase=\"\" ถึงขั้นตอนนี้หากเราเข้าไปดูเว็บ MikroTik ในเมนู System > Certificates ก็จะเห็นใบรับรองตามโดเมนที่เราจดทะเบียนมาแล้ว เช่น กระบวนการหลังจากนี้จะเป็นการตั้งค่าใบรับรองเข้าไปยัง บริการของ MikroTik โดยบริการหลักคือหน้าเว็บ แต่เราสามารถใช้กับบริการอื่น เช่น API ด้วยเช่นกัน คำสั่งตั้งค่าเว็บให้เป็น HTTPS เป็น $router /ip service set www-ssl certificate=fullchain.cer_0 ตัวบริการ www-ssl นี้ค่าเริ่มต้นบน MikroTik ไม่ได้เปิดใช้งานไว้ อาจจะต้องไปเปิดใช้งานเองก่อน หากเราตั้งฟิลด์ A ของโดเมนไว้ตรงกับไอพีของเราท์เตอร์เราแล้ว เราจะพบว่าเราสามารถใช้งานเราท์เตอร์ผ่านทาง HTTPS ได้แล้ว การขอใบรับรองจาก Let's Encrypt นั้นหลังจากขอครั้งแรกแล้ว acme.sh จะตั้ง cron สำหรับขอต่ออายุใบรับรองโดยอัตโนมัติ เราควรนำคำสั่งสำหรับติดตั้งใบรับรองเข้าไปยัง MikroTik ไปเขียนเป็นสคริปต์รันใน cron ล้อไปพร้อมกันเพื่อให้เราท์เตอร์มีใบรับรองใหม่เสมอเช่นกัน ส่งท้าย บทความนี้แสดงให้เห็นว่าเราสามารถทำให้การเชื่อมต่อกับบริการต่างๆ ภายในเน็ตเวิร์คของเราเองเป็น HTTPS ได้แล้วในยุคนี้ แม้การใช้งานตามบ้านอาจจะเกินความจำเป็นไปบ้างเนื่องจากความเสี่ยงที่จะถูกดักฟังหรือถูกคั่นกลางการเชื่อมต่อ (man-in-the-middle) นั้นค่อนข้างต่ำ แต่ในเน็ตเวิร์คที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเช่นเน็ตเวิร์คระดับองค์กร ความเสี่ยงเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และการทำให้บริการทั้งหมดเป็น HTTPS ก็ช่วยให้ผู้ใช้ในองค์กรไม่ชินกับการเข้าเว็บไม่เข้ารหัส หรือเว็บที่ใช้ใบรับรองไม่ถูกต้องได้ บริการ DNS เช่น Hurricane Electric นั้นช่วยลดความยุ่งยากในการตั้งเซิร์ฟเวอร์ DNS ด้วยตัวเอง และหากในอนาคตไคลเอนต์ของ Let's Encrypt รองรับฟีเจอร์เต็มรูปแบบแล้ว องค์กรอาจจะสามารถกระจายความรับผิดชอบให้ผู้ดูแลเซิร์ฟเวอร์แต่ละตัวสามารถตั้งค่าไอพีด้วยตัวเองและขอใบรับรองเข้ารหัสด้วยตัวเอง โดยใช้โทเค็นสำหรับ Dynamic DNS ทำให้ไม่ต้องแชร์รหัสผ่านกันแต่อย่างใด
# Apple ประกาศให้ทุน Corning ซัพพลายเออร์กระจกจอ iPhone เพิ่มอีก 45 ล้านดอลลาร์ แอปเปิลประกาศให้เงินทุน 45 ล้านดอลลาร์ กับ Corning Incorporated ซัพพลายเออร์กระจก iPhone และสินค้าอื่น ซึ่งถือเป็นซัพพลายเออร์รายสำคัญของแอปเปิล โดยเงินทุนนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทุน Advanced Manufacturing Fund ที่แอปเปิลใช้เพื่อการลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และส่งเสริมการจ้างงานในสหรัฐ ทั้งนี้ Corning ได้รับเงินทุนจากแอปเปิลผ่านกองทุนดังกล่าวมาแล้วสองครั้งคือ 200 ล้านดอลลาร์ ในปี 2017 และอีก 250 ล้านดอลลาร์ ในปี 2019 ทำให้บริษัทได้เงินทุนรวมแล้ว 495 ล้านดอลลาร์ แอปเปิลบอกว่าเงินทุนนี้ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่อย่างเช่น Ceramic Shield ที่เป็นกระจกสมาร์ทโฟนซึ่งมีความทนทานมากกว่าทุกรุ่นในตลาด และถูกนำมาใช้ในสินค้าตระกูล iPhone 12 ที่มา: แอปเปิล
# Telkomsel โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของอินโดนีเซีย ลงทุนใน Gojek เพิ่มอีก 300 ล้านดอลลาร์ Telkomsel ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของอินโดนีเซีย ประกาศลงทุนใน Gojek เป็นเงิน 300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินลงทุนส่วนหนึ่งในแผนก่อนที่ Gojek และ Tokopedia จะควบรวมกิจการกันเป็นบริษัทใหม่ที่คาดว่าจะใช้ชื่อ GoTo Gojek ระดมทุนไปแล้วมากกว่า 3,450 ล้านดอลลาร์ จากนักลงทุนรายใหญ่จำนวนมาก อาทิ กูเกิล, Facebook, PayPal, Visa และ Tencent สำหรับ Telkomsel นั้นบริษัทบอกว่าเป็นการลงทุนเพื่อขยายสู่ธุรกิจดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่ ๆ จากก่อนหน้านี้เป็นพาร์ทเนอร์กันในแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตสำหรับไรเดอร์ Telkomsel เคยลงทุนใน Gojek ก่อนหน้านี้ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วด้วยเงิน 150 ล้านดอลลาร์ ที่มา: TechCrunch
# The Coalition สตูดิโอเจ้าของ Gears of War ประกาศทำเกมด้วย Unreal Engine 5 The Coalition สตูดิโอในสังกัด Xbox Game Studios ที่รับผิดชอบซีรีส์ Gears of War เป็นสตูดิโอเกมรายแรกๆ ที่ประกาศใช้งาน Unreal Engine 5 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 ซีรีส์ Gears of War นั้นเดิมทีเป็นของ Epic Games เจ้าของ Unreal Engine อยู่แล้ว หลังไมโครซอฟท์ซื้อสิทธิมาในปี 2014 ก็มอบหมายให้ The Coalition เป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาแทน ซึ่ง The Coalition ก็ทำมา 3 ภาคแล้วคือ Gears 4 (2016), Gears 5 (2019) และ Gears Tactics (2020) The Coalition ประกาศว่าซีรีส์ Gears of War ถือเป็น "ด่านหน้า" ของเกมที่ใช้ Unreal Engine เวอร์ชันใหม่มาโดยตลอด และก็อยากคงธรรมเนียมนี้ต่อไป จึงประกาศว่าใช้ Unreal Engine 5 กับโครงการใหม่ๆ ในอนาคต ที่ยังไม่บอกว่ามีเกมใดบ้าง ในการเปิดตัวเอนจิน Unreal Engine 5 เมื่อปีที่แล้ว เป็นความร่วมมือระหว่าง Epic กับ Sony อย่างใกล้ชิด โดยเดโมบน PS5 แต่ตัวเอนจินเองก็ซัพพอร์ตหลากหลายแพลตฟอร์ม รวมถึงคอนโซลฝั่ง Xbox ด้วย การที่ซีรีส์ Gears of War ของไมโครซอฟท์ที่มีประวัติศาสตร์สืบทอดมาจาก Epic เป็นเกมแรกๆ ที่ประกาศรองรับ UE5 ก็ถือเป็นสัญญาณอันดีว่าเราจะเห็น UE5 แพร่หลายมากขึ้น สถานะของ UE5 ตอนนี้ยังไม่ออกรุ่นเสถียร จะออกรุ่นพรีวิวช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และเกมแรกๆ ที่จะย้ายมาใช้ UE5 คือ Fortnite ของ Epic เองที่มีกำหนดในช่วงกลางปี 2021 ที่มา - The Coalition
# DXOMARK เพิ่มการทดสอบหมวดแบตเตอรี่ แชมป์รายแรกคือ Samsung Galaxy M51 DXOMARK เพิ่มการทดสอบหมวดใหม่เรื่องแบตเตอรี่ โดยพิจารณาจากปัจจัยอายุการใช้งานแบตเตอรี่, ระยะเวลาชาร์จ และประสิทธิภาพ (efficiency) แล้วประเมินออกมาเป็นคะแนนตามสูตรของ DXOMARK เหมือนหมวดอื่นๆ อย่างกล้องหรือเสียง ผลของการทดสอบแบตเตอรี่ชุดแรก แชมป์คือ Samsung Galaxy M51 มือถือระดับกลางที่ออกในปี 2020 และมาพร้อมกับแบตเตอรี่ใหญ่ถึง 7,000 mAh ได้คะแนนสูงสุดที่ 88 คะแนน เฉือนชนะอันดับสอง Wiko Power U30 แบตใหญ่ 6,000 mAh ที่ทำได้ 86 คะแนน ฝั่งแอปเปิลทำได้สูงสุดที่อันดับสี่ iPhone 12 Pro Max คะแนนรวม 78 คะแนน ถือว่าไม่เลวเมื่อเทียบขนาดแบตเตอรี่แค่ 3,687 mAh โดยตัวดึงคะแนนฝั่ง iPhone ขึ้นคือหมวด efficiency ที่ทำได้สูงมาก 94 คะแนน (ปล่อยประจุออกช้า) เทียบกับแชมป์ M51 ทำหมวดนี้ได้ 87 คะแนน ส่วนเรือธงของซัมซุงปีนี้อย่าง Samsung Galaxy S21 Ultra 5G กลับทำคะแนนรวมได้เพียง 70 คะแนน (แบตเตอรี่ 5,000 mAh) คะแนนหมวดที่ได้ค่อนข้างน้อยคือ autonomy (ระยะเวลาการใช้แบตเตอรี่) ได้เพียง 58 คะแนน อีกประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ กระบวนการทดสอบแบตเตอรี่ของ DXOMARK ที่ใช้กรง faraday cage และหุ่นที่กดหน้าจอให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน กระบวนการทดสอบแบตเตอรี่ทั้งหมดใช้เวลา 6.5 วันต่อเครื่อง ใครที่สนใจรายละเอียดด้านนี้ก็แนะนำให้อ่านกัน ที่มา - DXOMARK
# Samsung SmartThings แอปควบคุมสมาร์ทโฮมและค้นหาอุปกรณ์ Samsung เปิดให้ใช้งานบนพีซีแล้ว แอป Samsung SmartThings แอปสำหรับควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมของ Samsung และใช้ค้นหาอุปกรณ์ Samsung เช่นมือถือ แท็บเล็ต Galaxy SmartTag กับ SmartTag+ หรือแม้แต่หูฟังตระกูล Galaxy Buds ได้ คล้ายแอป Home รวมร่างกับ Find My ของ iOS เปิดให้ดาวน์โหลดใช้งานบนพีซีได้เป็นครั้งแรก ผ่าน Microsoft Store แล้ว หลังก่อนหน้านี้มีแค่บน Apple App Store และ Google Play Store เท่านั้น ผู้ใช้จะสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ และใช้ฟังก์ชั่นติดตามอุปกรณ์ได้เหมือนการใช้งานบนมือถือหรือแท็บเล็ต Samsung ตามปกติ แค่ย้ายมาเป็นบนพีซี หรือโน้ตบุ๊กเท่านั้น ซึ่งน่าจะเพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้กับผู้ใช้ที่มีมือถือหรือแท็บเล็ต Samsung แค่เครื่องเดียว และอยากใช้อุปกรณ์อื่นช่วยระบุตำแหน่งได้ด้วย (ก่อนหน้านี้ต้องใช้ระบบ Google Find My Device) ที่มา - Android Police
# Vivo การันตีอัพเดตแอนดรอยด์ 3 เวอร์ชั่น บน Vivo X แต่เฉพาะบางประเทศ หลัง Samsung ประกาศการันตีอัพเดตเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ให้มือถือตระกูล Galaxy ส่วนใหญ่ อย่างน้อย 3 รุ่น วันนี้ Vivo เป็นอีกเจ้าที่ออกมาประกาศการันตีอัพเดตคล้ายคลึงกัน มือถือที่จะได้อัพเดตแอนดรอยด์อย่างน้อย 3 เวอร์ชั่น จะเป็น Vivo ซีรีส์ X รุ่นที่ออกหลังเดือนกรกฎาคม ปี 2021 เป็นต้นไปเท่านั้น และจะการันตีเฉพาะตลาดยุโรป ออสเตรเลีย อินเดีย ส่วนประเทศไทย ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับ OPPO ที่เป็นแบรนด์พี่น้องของ Vivo นั้น ก็ประกาศการันตีอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยจากเดิม 2 ปี เพิ่มเป็น 3 ปี แต่เฉพาะกับ OPPO Find X3 เท่านั้น ส่วนเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ยังการันตีอัพเดตเพียง 2 ปี เช่นเดิม และในรุ่นอื่นก็ยังการันตีอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยและเวอร์ชั่นแอนดรอยด์แค่ 2 ปี ที่มา - XDA Developers: Vivo, XDA Developers: OPPO Vivo X50 Pro 5G ที่เป็นรุ่นปีที่แล้ว ไม่ได้อยู่ในการันตีนี้
# Excel for Web ปรับปรุงให้จัดฟอร์แมตเซลล์ได้สะดวกขึ้น/มีเมนูคลิกขวาแล้ว, ใช้งาน Table ได้ใกล้เคียง​ Excel Desktop มากขึ้น เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ได้ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ให้กับ Excel for Web โดยได้เพิ่มเมนูและตัวเลือกใหม่ๆ ที่จะช่วยให้การปรับแต่งสีและฟอร์แมตของเซลล์ทำได้ง่ายสะดวกขึ้น, เพิ่มเมนูคลิกขวาช่วยแสดงตัวเลือกปรับแต่งฟอร์แมตที่ใช้งานบ่อย, และยังได้ปรับปรุง table บน Excel เวอร์ชันเว็บให้สามารถใช้งานได้ใกล้เคียงกับการใช้ Excel เวอรชันเดสก์ทอปมากขึ้น รายละเอียดทั้งหมดพอสรุปได้ดังนี้ เพิ่มหน้าต่างปรับแต่งสีโดยกำหนดเอง (custom color) เพิ่มเมนูรวมฟอร์แมตและสไตล์ของเซลล์ให้สามารถปรับแต่งเซลล์ให้อยู่ในรูปแบบที่ Excel กำหนดไว้ล่วงหน้าได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มเครื่องมือวาด/ลบเส้นตาราง เพิ่ม mini​ toolbar เมื่อผู้ใช้คลิกขวา ช่วยให้สามารถเข้าถึงตัวเลือกปรับแต่งฟอร์แมตที่งานใช้บ่อยได้อย่างรวดเร็ว ปรับปรุงวิธีการใช้งาน table ให้สอดคล้องกับ Excel เวอรชันเดสก์ทอป โดยจะสามารถใช้แท็บ Table Design เพื่อปรับสไตล์ของทั้ง table, ตั้งชื่อให้กับ table ไปจนถึงการสั่งเพิ่ม total row และยังสามารถเลือกข้อมูลใดๆ มาแปลงเป็น table (คำสั่ง Format As Table) ได้เหมือนกันกับ Excel เวอรชันเดสก์ทอป อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ไมโครซอฟท์ยังได้ประกาศว่าทางบริษัทจะเดินหน้าปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ Excel บนเว็บต่อไป และกำลังพัฒนาฟังก์ชัน print preview ขึ้นมาใหม่ โดยจะสามารถใช้การแทรกตัวคั่นหน้า (page break) และสามารถสั่งปรินท์เอกสารเฉพาะส่วนได้ (Set print area) ได้ในเร็วๆ นี้ครับ ที่มา - Excel Blog via Windows Central
# Amazon เชื่อมเครือข่ายเข้ากับ Tile อุปกรณ์ติดตามของหายแบบ AirTags แอปเปิลมี AirTags และซัมซุงมี Smart Tag ล่าสุด Amazon จับมือกับ Tile บริษัททำเครื่องมือติดตามสิ่งของที่สูญหายและ Level ผู้ทำล็อกอัจฉริยะที่ควบคุมการล็อกได้ทุกที่ สร้างเครือข่ายและเพิ่มความสามารถเข้ามาใน Sidewalk ระบบไร้สาย โปรโตคอลเน้นใช้งานกับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานต่ำและเชื่อมต่อในระยะไกล Tile เป็นอุปกรณ์แบบแผ่นเล็กๆ เจาะรูนำไปคล้องกับกุญแจ หรือเสียบใส่กระเป๋าเงินได้ ใช้บลูทูธเพื่อค้นหาสิ่งของที่สูญหาย เมื่อทำงานร่วมกับเครือข่าย Sidewalk บนอุปกรณ์ Echo แล้วจะสามารถค้นหาของผ่านการใช้งาน Alexa ได้ ยกตัวอย่างเช่นสั่งให้ Alexa หากุญแจของฉันให้ อุปกรณ์ Tile ที่ติดอยู่กับกุญแจจะสั่นและส่งเสียง ช่วยให้ค้นหาของที่อยู่ผิดที่ผิดทางได้ ถือเป็นประโยชน์ที่ Tile จะได้จากการทำงานบนเครือข่าย Amazon ที่มีอยู่กว้างขวางในสหรัฐฯ สามารถแข่งขันได้กับแอปเปิลที่เพิ่งเปิดตัว AirTags เมื่อเดือนที่ผ่านมา ส่วนการทำงานกับ Level ผู้ทำล็อกอัจฉริยะ ผู้ใช้งานบนเครือข่าย Amazon Sidewalk จะควบคุมการล็อกของคุณในแอพ Ring และ Level ได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในช่วงบลูทูธเดียวกัน ช่วยให้ควบคุมการล็อกได้ทุกที่ เช่น มีญาติมาหาที่บ้าน แต่ตัวเองไม่อยู่บ้าน เจ้าของบ้านก็สามารถควบคุมล็อก เปิดประตูให้ญาติเข้าไปรอในบ้านได้ นอกจากนี้ Amazon ยังเปิดตัวโครงการนำร่องใหม่กับ CareBand บริษัทสร้างอุปกรณ์สวมใส่ ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม และ ขยายการสนับสนุน Sidewalk ไปยังอุปกรณ์ Echo ที่เข้ากันได้ในสหรัฐอเมริกาเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน ที่มา - CNBC, Amazon
# BioNTech ประกาศตั้งโรงงานวัคซีน mRNA ในสิงคโปร์ กำลังผลิตนับร้อยล้านโดสต่อปี เริ่มผลิตปี 2023 BioNTech ผู้พัฒนาวัคซีน mRNA ที่ใช้ป้องกัน COVID-19 ร่วมกับ Pfizer ประกาศตั้งโรงงานผลิตวัคซีน mRNA ในสิงคโปร์ หลังได้รับการสนับสนุนจากกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ (Singapore Economic Development Board - EDB) โรงงานแห่งนี้จะก่อสร้างหลังจาก BioNTech ตั้งสำนักงานใหญ่สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในสิงคโปร์ภายในปีนี้ และเริ่มยื่นขออนุญาตก่อสร้างต่อไป โดยคาดว่าโรงงานแห่งใหม่นี้จะเริ่มผลิตวัคซีนได้จริงในปี 2023 และมีกำลังผลิตหลายร้อยล้านโดสต่อปี โดยปริมาณวัคซีนไม่แน่นอนขึ้นกับชนิดวัคซีนที่จะผลิต ที่มา - BioNTech ภาพวัคซีน BNT162b2 จาก BioNTech
# [Bloomberg] ชิปรถขาดแคลนจนผู้ผลิตต้องตัดฟีเจอร์ฉลาดๆ ออก เช่น จอใหญ่, กระจกมองหลังอัจฉริยะ จากปัญหาชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดตลาด ส่งผลการผลิตรถยนต์นั้น Bloomberg รายงานว่า ผู้ผลิตบางราย ถึงขั้นต้องยอมตัดฟีเจอร์ด้านเทคโนโลยีออกในการผลิต เพื่อให้สามารถผลิตออกมาได้ทันความต้องการ Nissan ตัดระบบนำทางออกจากสินค้าหลายรายการ Ram แบรนด์รถกระบะ ตัดการมองกระจกหลังอัจฉริยะกระทบรถ 1,500 คัน ด้าน Renault ก็ตัดหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่หลังพวงมาลัยใน Arkana SUV ออก แม้เทรนด์โลกจะมุ่งไปทางรถ EV ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นอัจฉริยะต่างๆ แต่ปัญหาชิปก็ทำให้ไม่สามารถผลิตได้ตามที่คาดหวังไว้ ภาพจาก Renault Kurt Sievers ซีอีโอ NXP Semiconductor NV ให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนผ่านรถธรรมดามาสู่รถ EV เกิดขึ้นด้วยความเร็วกว่าที่คาดไว้ โดย NXP วางแผนที่จะจัดส่งชิปอัตโนมัติเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% ในปีนี้ ด้าน Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. ของไต้หวันก็ออกมาบอกว่าพยายามผลิตเพื่อให้ตอบความต้องการลูกค้า แต่ผู้ผลิตรถยนต์ก็ไม่สามารถรอได้ จำเป็นต้องผลิตและตัดบางฟีเจอร์ออก เพื่อให้การผลิตและการขายยังเดินหน้าต่อไปได้ สถานการณ์ของอุตสาหกรรมรถยนต์มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการผลิตผิดพลาดในช่วงเกิดโรคระบาดใหม่ๆ ความสามารถในการผลิตชิปที่มีจำกัด และถึงแม้บางประเทศเริ่มฟื้นตัวจาก COVID-19 มีการสั่งซื้อสำเร็จ แต่ก็ยังมีปัญหาการจัดส่ง ที่มา - Bloomberg
# สหรัฐฯ ออกมาตรการฉุกเฉินหลังท่อส่งน้ำมันหลักถูกแฮก คาดว่าถูกมัลแวร์เรียกค่าไถ่ DarkSide กระทรวงคมนาคมสหรัฐฯออกมาตรการฉุกเฉินหลังบริษัท Colonial Pipeline ผู้ดูแลท่อส่งน้ำมันหลักของสหรัฐฯ ถูกแฮกและยังไม่สามารถกู้ระบบกลับมาได้ ทำให้บริษัทไม่สามารถส่งน้ำมันออกจากโรงกลั่นในเท็กซัสไปยังรัฐอื่นๆ คำสั่งนี้เปิดทางให้บริษัทน้ำมันสามารถส่งน้ำมันทางรถได้โดยไม่ติดกฎระเบียบตามปกติ ตอนนี้น้ำมันกลั่นแล้วไม่สามารถส่งไปยังผู้ใช้ปลายทางได้ และหากไม่สามารถเปิดท่อส่งน้ำมันภายในวันอังคารนี้ ผลกระทบจะเริ่มไปถึงรัฐนิวยอร์ค ส่วนทาง Colonial ระบุว่าตอนนี้ท่อส่งน้ำมันหลักของบริษัทนั้นปิดทำการ แต่ยังมีท่อย่อยๆ แบบจุดต่อจุดที่บริษัทดูแลนั้นยังใช้งานได้ตามปกติ ทางบริษัทยังไม่เปิดเผยรายละเอียดการโจมตีครั้งนี้ แต่แหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนระบุกับสำนักข่าวรอยส์เตอร์ว่าหนึ่งในกลุ่มต้องสงสัยคือกลุ่มดำเนินการมัลแวร์เรียกค่าไถ่ DarkSide ที่ปฎิบัติการอย่างมืออาชีพ มีช่องทางให้เหยื่อติดต่อชัดเจน พร้อมกับการกระจายข่าวให้สื่อมวลชน ขณะที่ James Chappell จากบริษัทความปลอดภัยไซเบอร์ Digital Shadows ระบุว่าหากตัวการเป็น DarkSide จริง ความเป็นไปได้คือกลุ่มแฮกเกอร์นี้ไปซื้อรหัสผ่านการรีโมตเข้าไปทำงาน เช่น รหัส TeamViewer หรือ Microsoft Remote Desktop เพื่อแฮกเครือข่าย ที่มา - BBC, Reuters ภาพเจ้าหน้าที่ในห้องควบคุมของ Colonial Pipeline
# ขอเวลาอีกไม่นาน Nokia ปรับแผนอัพเดต Android 11 ใหม่ เลื่อนเวลาออกไปมากกว่าสามเดือนแทบทุกรุ่น หลัง Nokia ประกาศไทม์ไลน์การอัพเดต Android 11 ให้กับมือถือหลากหลายรุ่นของบริษัท เมื่อเดือนตุลาคมปี 2020 แต่ก็ทำตามไม่ได้ เช่น Nokia 8.3 ที่ในแผนควรได้อัพเดตตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 แต่กลับได้อัพเดตช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้แทน วันนี้ Nokia ประกาศปรับแผนใหม่ โดยมือถือส่วนใหญ่ถูกเลื่อนไปราว 1-2 ไตรมาสจากกำหนดเดิม เช่น Nokia 6.2 ที่ควรได้อัพเดตช่วงไตรมาส 1-2 ของปี 2021 ถูกเลื่อนไปเป็นไตรมาสที่ 3 และ Nokia 5.3 ที่ควรได้อัพเดตตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 ถูกเลื่อนไปเป็นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้แทน Nokia ไม่ได้แถลงสาเหตุว่าทำไมถึงต้องเลื่อน แต่รายงานจากนักวิเคราะห์ตลาดวงการสื่อสาร Omdia ระบุว่ามือถือ Nokia ส่วนใหญ่ถูกดีไซน์โดย ODM (Original Design Manufacturer) และ ODM เหล่านี้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบดูแลการอัพเดต แต่หลายๆ เจ้าอาจทำได้ไม่ทันกำหนดของ Nokia นอกจากนี้ Nokia ยังเปิดตัวมือถือหลายรุ่นมากในหนึ่งปี โดยแค่ปี 2021 นี้ก็เปิดตัวไปแล้ว 7 รุ่น ทำให้การอัพเดตให้ครบทุกรุ่นใช้เวลานาน และในรอบอัพเดต Android 10 เองก็เคยเลื่อนแผนอัพเดตเพราะ COVID-19 มาแล้วด้วยเช่นกัน ที่มา - Nokia แผนอัพเดตใหม่ของ Nokia แผนอัพเดตเดิม
# Messenger ให้กดครั้งเดียวเพื่ออัดเสียง ไม่ต้องกดค้าง, ปัดที่ช่องแชทเพื่อเก็บเข้า archive Facebook Messenger เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เร่ิมจากคนที่กดอัดเสียงเพื่อส่งข้อความเสียงของตัวเองแทนการพิมพ์แชท Facebook ทำให้ง่ายขึ้น แทนที่จะกดค้างเพื่ออัดเสียง ก็สามารถแตะที่ไอคอนไมโครโฟนครั้งเดียวได้ ฟีเจอร์นี้จะใช้งานในช่องแชทของ Instagram ได้ด้วย Facebook ยังบอกด้วยว่ามีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ 20% ที่ใช้การกดอัดเสียง ฟีเจอร์ต่อมาคือ กดลบแชทได้ง่ายขึ้นด้วยการปัดขวาที่ช่องแชทรวมเพื่อเก็บแชทนั้นเข้า archive เพื่อให้ข้อความเข้าดูสะอาดตาและเหลือไว้เท่าที่จำเป็น, เพิ่มธีมแชทใหม่เพื่อเอาใจแฟน Star Wars และ Selena: The Series ทั้งใน Messenger และ Instagram ส่วนฟีเจอร์ใหม่ในแชท DMs ของ Instagram ที่ผู้ใช้งานหลายคนอาจได้ใช้แล้วคือ สามารถมองเห็นได้ว่าเพื่อนอ่านแชทของเราแล้วผ่านหน้าแชทรวม ไม่ต้องกดเข้าไปดู (เผื่อใครใจจดใจจ่ออยากรู้ว่าเขาอ่านข้อความเราแล้วหรือยัง จะได้ไม่ต้องกดเข้าไปดูบ่อยๆ) ที่มา - Facebook
# Clubhouse เปิดทดสอบแอปเวอร์ชัน Android แล้ว Clubhouse ประกาศเริ่มทดสอบแอปเวอร์ชัน Android อย่างเป็นทางการ หลังจากที่แอปโซเชียลเน็ตเวิร์คสนทนาด้วยเสียงเป็นแอปแบบ exclusive เฉพาะ iOS มาตั้งแต่เปิดตัว ซึ่งถ้าเปิดทดสอบในช่วงนี้ ก็อาจมีโอกาสได้เห็นแอปเวอร์ชันเต็มช่วงกลางปีนี้ตามข่าวลือก่อนหน้า แอป Clubhouse บน Android เวอร์ชันทดสอบ ตอนนี้เปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ​ ติดตั้งได้แล้ว โดยทาง Clubhouse จะทยอยปล่อยแอปสำหรับประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักก่อน และจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วโลกทดสอบต่อไป โดยบริษัทจะเก็บฟีดแบคจากผู้ใช้งาน รวมถึงทำฟีเจอร์เพิ่มเติมให้ครบก่อนที่จะปล่อยเวอร์ชันเต็มให้ดาวน์โหลดต่อไป Clubhouse ระบุว่า เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาแพลตฟอร์มเติบโตเร็วมาก ทำให้โหลดเซิร์ฟเวอร์หนักกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้มีปัญหาในการใช้งานหลายอย่าง ทีม Clubhouse จึงพักการออกฟีเจอร์ใหม่ ๆ ไว้ชั่วคราว และหันมาเน้นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับโหลดจากผู้ใช้ก่อน ดาวน์โหลด Clubhouse ได้ที่ลิงก์นี้ ที่มา - Clubhouse
# Instagram เปิดซอร์สโค้ด Cinder โครงการพัฒนา Python ของตัวเองให้ประสิทธิภาพดีขึ้น ทีมวิศวกร Instagram เปิดเผยซอร์สโค้ดโครงการ Cinder ซึ่งเป็นการ fork ตัว CPython (Python เวอร์ชันหลักที่เราใช้กันทั่วไป) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม Cinder เป็นโครงการภายในของ Instagram ที่นำ CPython 3.8 มาปรับแต่งหลายด้าน เช่น bytecode inline caching, eager evaluation of coroutines, method-at-a-time JIT และการลองทำ Static Python ทั้งหมดเพื่อให้ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ทีมงาน Instagram ระบุว่าไม่ต้องการแยกโครงการ Cinder ออกมาจาก CPython สายหลัก และตั้งใจเปิดซอร์สออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้โค้ดของ Cinder ถูกรวมกลับไปยัง CPython ง่ายขึ้นแทน ปัจจุบัน Cinder ถูกใช้งานภายใน Instagram อยู่แล้ว ใครสนใจนำไปใช้ก็ตามสะดวก แต่จะไม่รับรองคุณภาพหรือมีการซัพพอร์ต-แก้บั๊กให้กับใคร ตอนนี้รันได้เฉพาะบนลินุกซ์เพียงแพลตฟอร์มเดียวเท่านั้น ที่มา - GitHub, InfoWorld
# Resident Evil Village เปิดตัวสวย ยอดผู้เล่นพร้อมกันบน Steam ทะลุแสน Resident Evil Village เริ่มวางขายในสัปดาห์ที่ผ่านมา (7 พฤษภาคม 2021) ถึงแม้ Capcom ยังไม่เปิดเผยยอดขายในช่วงสุดสัปดาห์แรก แต่จากสถิติผู้เล่นบน Steam ก็น่าประทับใจทีเดียว เพราะมีผู้เล่นพร้อมกันสูงสุด (peak concurrent) ถึง 106,631 คน ติดท็อป 10 เกมยอดนิยมของ Steam เรียบร้อยแล้ว ปกติแล้ว เกมที่มีผู้เล่นจำนวนมากๆ บน Steam มักเป็นเกมออนไลน์มัลติเพลเยอร์ เช่น CS:GO, PUBG, Dota 2, Apex Legends, GTA V การที่เกมผู้เล่นคนเดียวเน้นเนื้อเรื่องแบบ Resident Evil Village ขึ้นมาติดชาร์ทได้จึงถือว่าไม่ธรรมดา และหากเทียบกับภาคก่อนหน้านี้อย่าง Resident Evil 2 ที่ทำไว้ราว 75,000 คน หรือ Resident Evil 3 ทำได้ 60,000 คน ก็ถือว่า Village ทำผลงานได้ดีมากทีเดียว ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นตัวเลขเฉพาะพีซีเท่านั้น และเกมซีรีส์ Resident Evil ถือกำเนิดมาจากฝั่งคอนโซลเป็นหลัก ที่มา - IGN
# Didi Chuxing มีแผนนำบริษัทลูก Chengxin Youxuan ที่ทำธุรกิจ Grocery เข้าตลาดหุ้น มีรายงานว่า Didi Chuxing มีโครงการนำส่วนธุรกิจขายของสดของชำ Chengxin Youxuan ไอพีโอเข้าตลาดหุ้นในช่วงต้นปี 2022 หลังจากที่บริษัทแม่เตรียมเข้าตลาดหุ้นนิวยอร์กในปีนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ และการแข่งขันในตลาดสูงจากรายใหญ่ตั้งแต่ Alibaba ไปจนถึง Meituan รายงานระบุว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน เริ่มหันมาใช้แนวทางแยกบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้น โดยเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจแตกต่างจากธุรกิจหลักของบริษัทแม่มาก เช่น JD.com ก็นำ JD Health บริการด้านสุขภาพเข้าตลาดหุ้นฮ่องกง เป็นต้น นอกจาก Chengxin Youxuan แล้ว ธุรกิจขายของสดของชำแบบ group-buying รายใหญ่ในจีน มีทั้ง Duoduomaicai ของ Pinduoduo, Youxuan ของ Meituan, Nice Tuan ของ Alibaba และ Xingsheng Youxuan ของ Tencent ที่มา: TechNode
# Elon Musk ออกรายการ Saturday Night Live เล่ามุกตลก เกี่ยวกับภาพจำต่าง ๆ ที่คนมักพูดถึงเขา Elon Musk ได้ร่วมแสดงรายการตลก Saturday Night Live หรือ SNL ในฐานะ Host ประจำสัปดาห์ซึ่งออกอากาศเมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาในอเมริกา โดยรายการตอนดังกล่าวได้เผยแพร่ผ่าน YouTube ในหลายประเทศอีกด้วย Musk กล่าวในช่วงเปิดรายการหรือ Cold Open โดยบอกว่าเขาคือคนมีอาการแอสเพอร์เกอร์คนแรก ที่ได้มาเป็น Host ของรายการนี้ นอกจากนี้เขายังเล่ามุกตลกเกี่ยวกับภาพลักษณ์ตนเองที่ผู้คนมักจดจำ ทั้งการทวีตข้อความแปลก ๆ, ชื่อลูก X Æ A-12 ไปจนถึงเรื่องการสูบกัญชาระหว่างออกรายการพ็อดแคสต์ ปิดท้ายด้วยการเชิญคุณแม่ Maye Musk มาร่วมเวที เนื่องจากเป็นสุดสัปดาห์วันแม่ในอเมริกา ช่วงละครตลกสั้นอื่นในรายการ Musk ยังพูดถึง Dogecoin, SpaceX, Hyperloop ไปจนถึง Supercharger ของ Tesla นอกจากนี้ Grimes แฟนของ Musk ยังมาร่วมแสดงละครสั้นตอนหนึ่งในบทเจ้าหญิงพีชอีกด้วย ที่มา: Reuters
# [ไม่ยืนยัน] อินเดียถ่วงเวลาอนุมัติสินค้าที่มีโมดูล Wi-Fi ผลิตจากจีนเพื่อบีบให้ผลิตสินค้าในประเทศ สำนักข่าว Reuters รายงานว่า กระทรวงการสื่อสารของอินเดียกำลังพยายามขัดขวางผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศจีนด้วยการถ่วงเวลาการอนุมัติโมดูล Wi-Fi ที่ผลิตในจีน ซึ่งทำให้บริษัทหลายแห่งอาจต้องเลื่อนเปิดตัวสินค้าในประเทศอินเดียออกไป แหล่งข่าวระบุว่า สำหรับอุปกรณ์ไร้สายที่มีโมดูล Wi-Fi จำนวนมากที่เตรียมนำเข้าจากจีนจะดีเลย์เนื่องจาก Wireless Planning and Coordination หรือ WPC ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงสื่อสารของอินเดียได้ระงับการอนุมัติผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มาสักระยะแล้ว โดยคาดว่าน่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการอนุมัติตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมารวมแล้วกว่า 80 รายการ กระทบบริษัทใหญ่ทั้ง Dell, HP, Xiaomi, Oppo, Vivo และ Lenovo ที่อาจต้องเลื่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ รวมถึงบริษัทอินเดียที่นำเข้าผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จากจีนก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติเช่นกัน ปัจจุบัน อินเดียถือเป็นหนึ่งในตลาดเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก การกีดกันผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากจีนคาดว่าน่าจะมาจากความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ รวมถึงนโยบายที่อินเดียต้องการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนสร้างฐานการผลิตในประเทศด้วย ซึ่งแหล่งข่าวของ Reuters ยืนยันว่าการเตะถ่วงผลิตภัณฑ์จากจีนเป็นไอเดียจากรัฐบาลที่จะผลักดันให้บริษัทที่ต้องการทำตลาดในอินเดียต้องเลือกผลิตสินค้าในประเทศ ที่มา - Engadget, Reuters ภาพจาก Pixabay
# สหรัฐฯ ต้องปิดท่อส่งน้ำมันหลัก หลังบริษัทผู้ดูแลถูกแฮก ระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท Colonial Pipeline ผู้ดูแลท่อส่งน้ำมันฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ถูกแฮกจนกระทั่งต้องหยุดการทำงานของท่อส่งน้ำมันทั้งหมด ท่อส่งน้ำมันที่ Colonial ดูแลมีความยาว 8,850 กิโลเมตร ใช้ขนส่งน้ำมัน 45% ของน้ำมันที่ใช้งานในฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ หรือประมาณ 400 ล้านลิตรต่อวัน น้ำมันที่ขนส่งตามท่อมีทั้ง น้ำมันรถยนต์, น้ำมันเครื่องบิน, น้ำมันเตา, และน้ำมันสำหรับการทหาร ไม่แน่ชัดว่าทาง Colonial ปิดการทำงานของท่อส่งน้ำมันเพราะการโจมตีทางไซเบอร์โดยตรง หรือเป็นเพราะทางบริษัทตัดสินใจปิดระบบเพื่อป้องกันการโจมตีเข้าถึงระบบควบคุมท่อส่งน้ำมันเท่านั้น แถลงของบริษัทยืนยันว่าทีมงานปิดระบบสารสนเทศเพื่อหยุดยั้งภัยไซเบอร์ครั้งนี้ และติดต่อเอฟบีไอและหน่วยงานรัฐอื่นๆ แล้ว ที่มา - The New York Times ภาพเจ้าหน้าที่ในห้องควบคุมของ Colonial Pipeline
# Mark Zuckerberg พูดถึงแว่น Oculus Quest Pro แรงขึ้น เพิ่มเซ็นเซอร์ แต่ยังไม่ออกเร็วๆ นี้ Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับ CNET ให้ประเด็นเรื่องแว่น VR นอกเหนือจากการอวดฟีเจอร์ของ Oculus Quest 2 แว่นรุ่นล่าสุด ที่ราคาถูกลงจากรุ่นเดิม (399 ดอลลาร์มาเป็น 299 ดอลลาร์ แม้รีวิวบอกว่าลดต้นทุนจนคุณภาพลด) ประเด็นที่น่าสนใจคือ Zuckerberg พูดถึงแว่นรุ่นท็อปที่มีชื่อเรียกกันเล่นๆ ว่า Oculus Pro ด้วย Zuckerberg ยอมรับว่า Facebook กำลังพัฒนาแว่นระดับสูงอยู่ แต่คงไม่ได้เห็นกันในเร็วๆ นี้ ข้อมูลที่เรารู้แน่ๆ คือ Oculus Pro จะเป็นแว่นไร้สาย เพราะให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า ส่วนในแง่การประมวลผลน่าจะทำบนพีซี แล้วส่งข้อมูลไร้สายผ่าน AirLink กลับมาที่แว่น ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีแล้วในแว่น Quest 2 กลุ่มเป้าหมายของ Quest Pro นั้น Zuckerberg มองว่าต้องการขยายไปยังการใช้งานด้านอื่นๆ นอกเหนือจากเกมมิ่ง ตัวอย่างที่เขาพูดถึงคือการใช้งานเชิงโซเชียล และการออกกำลังกาย-ฟิตเนส Quest Pro มีเซ็นเซอร์เพิ่มขึ้นจากเดิม อาจมีเซ็นเซอร์ด้านสุขภาพ เช่น วัดอัตราการเต้นของหัวใจ แต่เขาก็ยอมรับว่าการใส่เซ็นเซอร์เพิ่มมา ก็ต้องแลกมาด้วยพลังประมวลผลที่มากขึ้น และการใช้พลังงานที่มากขึ้นด้วย ที่มา - CNET, ภาพ Quest 2 จาก Mark Zuckerberg
# Valve โดนบริษัทเกมอินดี้ฟ้องผูกขาดช่องทางขายเกมพีซี ออกกฎให้ขายร้านอื่นยาก นอกจากคดี Sony ถูกฟ้องแบบกลุ่มกรณีผูกขาดการขายเกมดิจิทัลบน PlayStation ยังอีกคดีฟ้องผูกขาดแพลตฟอร์มจัดจำหน่ายเกมในช่วงนี้คือ บริษัทเกมอินดี้ Wolfire Games ฟ้อง Valve ว่าผูกขาดช่องทางขายเกมบนพีซีด้วย Steam Gaming Platform ในคำฟ้องนี้บอกว่า ธุรกรรม 75% ของเกมพีซีขายผ่าน Steam โดยเสียส่วนแบ่ง 30% ให้กับ Valve ซึ่งทำรายได้ให้ Valve มหาศาลถึงปีละ 6 พันล้านดอลลาร์ (ตัวเลขประเมินเพราะ Valve ไม่เคยเปิดเผยรายได้) เมื่อ Steam ได้รับความนิยมสูง มีคนใช้เยอะ ทำให้เกมต้องผูกติดกับบริการ Steam Gaming Platform (ส่วนที่จัดการรายชื่อเพื่อน มัลติเพลเยอร์ และอื่นๆ) เพื่อให้ขายได้ Valve บังคับว่าเกมที่จะใช้บริการ Steam Gaming Platform ต้องขายผ่าน Steam Store ด้วย ซึ่งบริษัทเกมต้องโดนหัก 30% เสมอ คำฟ้องยังพูดถึงการขาย Steam Key ที่อนุญาตให้ร้านขายเกมอื่นๆ ขายคีย์แล้วนำมาเล่นบน Steam Gaming Platform ได้ แต่ก็มีนโยบาย Price Parity Provision ที่ห้ามร้านอื่นขายถูกกว่า Valve (เช่น Humble ที่อาจลดส่วนแบ่งให้น้อยกว่า 30%) ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันในฝั่ง Store Valve ยังตรวจสอบว่าหากบริษัทเกมขาย Steam Key ผ่านช่องทางอื่นได้เยอะกว่า Steam Store ถึงสัดส่วนที่กำหนด ก็จะขู่บริษัทเกมและไม่อนุญาตให้ขาย Steam Key เพิ่มด้วย นอกจากนี้ Valve ยังมีนโยบายอีกข้อชื่อ Price Veto Provision ที่บริษัทเกมต้องยอมให้อำนาจ Valve มีสิทธิโต้แย้ง (veto) การตั้งราคาเกมทั้งบน Steam และช่องทางอื่นๆ ซึ่งตรงนี้คำฟ้องอ้างคำพูดของ Tim Sweeney ซีอีโอของ Epic Games ที่บอกว่านโยบายนี้ทำให้ Epic ไม่สามารถตั้งราคาเกมแข่งกับ Valve ได้ ในคำฟ้องยังเอ่ยถึงบริษัทต่างๆ ที่พยายามเข้ามาแข่งกับ Steam ในตลาดขายเกมดิจิทัล เช่น EA, Microsoft, Amazon, Epic และบอกว่าต่อให้บริษัทเหล่านี้ใหญ่แค่ไหนก็สู้ Valve ไม่ได้ ด้วยเหตุผลด้านพฤติกรรมผูกขาดของ Valve ดังที่กล่าวมา อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Wolfire Games เป็นบริษัทผู้ริเริ่มทำ Humble Bundle ตั้งแต่ปี 2010 และทีมงานได้แยกตัวเป็นบริษัทใหม่ในปีเดียวกัน (บริษัท Humble Bundle ขายให้ Ziff Devis ในปี 2017 และกลุ่มผู้ก่อตั้งลาออกในปี 2019 แล้ว) อย่างไรก็ตาม คำฟ้องของ Wolfire Games ครั้งนี้อยู่ในฐานะสตูดิโอผู้พัฒนาเกม และไม่เกี่ยวอะไรกับ Humble Bundle ที่ปัจจุบันถือเป็นคู่แข่งของ Steam ที่มา - คำฟ้อง, Ars Technica
# ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Flurry พบผู้ใช้ iOS 14.5 เพียง 12% ที่เลือกอนุญาตให้แอปติดตามกิจกรรมผู้ใช้งาน แอปเปิลออกอัพเดต iOS 14.5 ตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว ซึ่งคุณสมบัติใหม่ที่เป็นประเด็นคือ App Tracking Transparency ที่ผู้ใช้งานสามารถกำหนดให้แอปนั้น ๆ ไม่สามารถติดตามตัวผู้ใช้งานได้ ในช่วงแรก Facebook และ Instagram ก็ออกมาชี้แจงประโยชน์ที่ผู้ใช้งานควรเปิดให้แอปติดตาม แต่คำถามที่น่าสนใจคือ แล้วผู้ใช้งาน iOS 14.5 ขึ้นไป เปิดให้แอปติดตามตัวมากน้อยแค่ไหน บริษัทวิจัย Flurry ออกรายงาน โดยใช้ข้อมูลจากผู้ใช้ iPhone ในอเมริกา กลุ่มตัวอย่าง 2.5 ล้านบัญชี พบว่ามีผู้ใช้เพียง 4% ที่เปิดอนุญาตให้แอปติดตามตัวข้อมูลผู้ใช้งาน เมื่อขยายกลุ่มตัวอย่างเป็นทั่วโลก (5.3 ล้านบัญชี) พบว่ามี 12% ที่เปิดอนุญาต ทั้งนี้การขอติดตามผู้ใช้งานเป็น opt-in มีค่าเริ่มต้นคือปิดการติดตาม อย่างไรก็ตาม Flurry บอกว่าตัวเลขนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้มากหรือน้อยลงในอนาคต เพราะตอนนี้ iOS 14.5 ออกมาได้เพียงสองสัปดาห์ แต่เบื้องต้นก็สะท้อนว่าการทำโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย กำลังเผชิญความท้าทายอย่างมาก ที่มา: Flurry ผ่าน MacRumos
# ไมโครซอฟท์เปลี่ยนโลโก้ Azure เป็น Fluent Design ไมโครซอฟท์เปลี่ยนโลโก้ Azure ให้เข้ากับแนวทาง Fluent Design และก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์เปลี่ยนโลโก้ไปแล้วกว่าร้อยรายการ Fluent Design เน้นแนวทางการเล่นกับแสงเงาและความลึก โลโก้ Azure ใหม่ก็เป็นไอคอนตัว A ที่มีความลึกเช่นกัน ที่มา - Azure Blog
# Qualys รายงานช่องโหว่เมลเซิร์ฟเวอร์ Exim 21 รายการ บางตัวเปิดทางรันโค้ดจากระยะไกล Qualys Research Team ทีมวิจัยของ Qualys รายงานถึงช่องโหว่ใน Exim ที่เป็น mail transfer agent ยอดนิยม ช่องโหว่บางรายงานเปิดทางให้แฮกเกอร์รันโคดจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตัว (unauthenticated remote code execution) Exim มีเซิร์ฟเวอร์รันอยู่กว่า 4 ล้านไอพีจากรายงานของ Shodan หากไม่ได้แพตช์หรือป้องกันช่องทางอื่นๆ แฮกเกอร์อาจบุกยึดเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ได้ โดยรายงานของ Qualys ไม่ได้ให้โค้ดโจมตีตัวอย่าง (proof of concept) มาด้วย แต่กลับรายงานอย่างละเอียดถึงโค้ดส่วนที่มีปัญหา ทำให้แฮกเกอร์สามารถสร้างเครื่องมือโจมตีได้ไม่ยากนัก ทาง Qualys รายงานช่องโหว่เหล่านี้ไปยัง Exim ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2020 และเข้าไปช่วยแก้ไขแพตช์พร้อมกับรายงานช่องโหว่เพิ่มเติมอีกหลายครั้ง จนนัดเปิดเผยช่องโหว่ในวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา และทาง Exim ก็ปล่อยแพตช์เวอร์ชั่น 4.94.2 ออกมาพร้อมกัน ที่มา - Qualys
# วิศวกร Tesla ยอมรับ Autopilot ยังอยู่ที่ Level 2 ไม่เก่งเท่ากับที่ Elon Musk โฆษณาไว้ ถึงแม้ Elon Musk ออกมาโฆษณาความสามารถของ Autopilot ของรถยนต์ Tesla อยู่บ่อยครั้ง แต่ในการให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการกับกรมขนส่ง (Department of Motor Vehicles หรือ DMV) ของรัฐแคลิฟอร์เนีย กลับเป็นอีกทิศทาง ผู้ที่ให้ข้อมูลฝั่ง Tesla คือ CJ Moore วิศวกรของระบบ Autopilot ที่พบกับเจ้าหน้าที่ DMV ในเดือนมีนาคม ระบุว่าข้อความอวดของ Musk ที่พูดถึง Level 5 (ไร้มนุษย์ขับอย่างสมบูรณ์) ไม่สะท้อนความสามารถจริงของ Autopilot ที่ยังทำได้แค่ Level 2 เท่านั้น (ยังต้องมีมนุษย์ขับเป็นหลัก) และยืนยันว่า Tesla ไม่มีทางทำ Level 5 ได้สำเร็จภายในสิ้นปี 2021 เดิมที บันทึกการประชุมกับ Tesla ของ DMV เป็นข้อมูลภายใน แต่องค์กรด้านความโปร่งใส PlainSite ได้ยื่นขอดูข้อมูลนี้ ตามกฎหมายด้านความโปร่งใสของข้อมูล (Freedom of Information Act) จึงได้บันทึกนี้ออกมา เอกสารฉบับเต็มอ่านได้จาก PlainSite เมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งมีกรณีรถยนต์ Tesla ชนต้นไม้ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีข้อถกเถียงกันว่าตอนที่ชนเปิด Autopilot หรือไม่ ที่มา - Autoblog
# Sony ถูกลูกค้าฟ้องแบบกลุ่ม ผูกขาดการขายเกมแบบดิจิทัลบน PlayStation คดีฟ้องผูกขาดของวงการเกมไม่ได้มีแต่ Epic vs Apple เท่านั้น บริษัทเกมรายอื่นอย่าง Valve ก็โดนด้วย กรณีล่าสุดคือ Sony ที่ถูกผู้ใช้ฟ้องแบบกลุ่ม (class-action) ข้อหาผูกขาดการขายเกมแบบดิจิทัล ก่อนที่จะมีคอมเมนต์ "แพลตฟอร์มของตัวเองทำอะไรก็ได้" ดังที่เจอบ่อยครั้ง ควรอ่านบริบทของเรื่องนี้ก่อน ในอดีต Sony อนุญาตให้ลูกค้าซื้อ download code จากร้านค้าปลีกอื่นๆ เช่น GameStop และ Amazon เพื่อมา redeem ในระบบของ PlayStation ได้ แต่ในปี 2019 นโยบายนี้เปลี่ยนแปลง Sony บังคับให้ซื้อโค้ดจาก PlayStation Store ได้เพียงอย่างเดียว ประเด็นนี้ทำให้ลูกค้าฟ้อง Sony ด้วยข้อหาการผูกขาดขายเกมแบบดิจิทัล จึงไม่เกิดการแข่งขันในแง่ราคา ดังที่ร้านขายปลีกเกมแบบแผ่นสามารถทำได้ ในคำฟ้องประเมินว่าลูกค้าต้องจ่ายค่าเกมแบบดิจิทัลแพงขึ้นสูงสุด 175% เมื่อเทียบกับการซื้อเกมแบบแผ่น ที่มา - Polygon, GamesIndustry.biz
# Sennheiser ขายธุรกิจหูฟังสำหรับลูกค้าทั่วไป ให้ Sonova ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์สำหรับช่วยการฟัง Sonova ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับช่วยการฟัง ประกาศบรรลุข้อตกลงเพื่อซื้อกิจการส่วนธุรกิจลูกค้าทั่วไปของ Sennheiser ซึ่งประกอบด้วยเฮดโฟน, หูฟังไร้สาย, ซาวด์บาร์ โดยบริษัทบอกว่าเพื่อขยายตลาดมาสู่หูฟังสำหรับลูกค้าทั่วไป มูลค่าของดีลอยู่ที่ราว 200 ล้านยูโร ก่อนหน้านี้ Sennheiser ประกาศหาผู้ซื้อส่วนธุรกิจดังกล่าว โดยระบุว่าตลาดมีการแข่งขันรุนแรง และแม้มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นแต่ก็ขาดทุน โดยบริษัทจะไปโฟกัสในตลาดสินค้าระดับบน และโซลูชันด้านเสียงสำหรับกลุ่มมืออาชีพ ในข้อตกลงของดีลนี้ Sennheiser จะเป็นพาร์ทเนอร์ในการร่วมพัฒนาสินค้าหูฟังให้กับ Sonova ต่อไปด้วย โดยสินค้าจะยังจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Sennheiser ต่อไป ที่มา: Senheiser ผ่าน The Verge
# Animal Crossing และ StarCraft ถูกคัดเลือกเป็น Video Game Hall of Fame ปี 2021 พิพิธภัณฑ์ Strong National Museum of Play ประกาศรายชื่อวิดีโอเกมคลาสสิกประจำปี 2021 หรือ World Video Game Hall of Fame โดยปีนี้มี 4 เกม เรียงตามลำดับปีที่เปิดตัวดังนี้ Microsoft Flight Simulator (1982) เกมขับเครื่องบินเสมือนจริงของไมโครซอฟท์ Where in the World Is Carmen Sandiego? (1985) เกมแนวเพื่อการศึกษา ผ่านตัวละคร Carmen Sandiego StarCraft (1998) เกมวางแผนกลยุทธ์ของค่าย Blizzard Animal Crossing (2001) เกมแนวโซเชียลของนินเทนโด ทั้งนี้มีหลายเกมดังที่เคยได้รับการคัดเลือกเข้าทำเนียบเกมคลาสสิก ซึ่งเริ่มประกาศรายชื่อตั้งแต่ปี 2015 มาแล้ว อาทิ DOOM, Pac-Man, Super Mario Bros., Tetris, World of Warcraft, The Sims, Street Fighter II, Final Fantasy VII ฯลฯ (ดูรายชื่อทั้งหมดที่นี่) เกมอื่นที่ถูกเสนอชื่อในรอบสุดท้ายของปีนี้แต่ไม่ได้รับคัดเลือก ได้แก่ Call of Duty, FarmVille, FIFA International Soccer, Guitar Hero, Mattel Football, Pole Position, Portal และ Tron ที่มา: The Strong: National Museum of Play
# Amazon เลื่อนเทศกาลลดราคา Prime Day ในอินเดียและแคนาดา จากสถานการณ์โควิด-19 ปกติ Amazon จะมีการจัดเทศกาลลดราคาของบริษัท Prime Day ทุกปีในช่วงเดือนกรกฎาคม ในปีที่แล้วได้เลื่อนเป็นตุลาคมจากสถานการณ์โควิด-19 ส่วนปีนี้ Amazon ยืนยันกับทาง CNBC ว่ายังคงแผนการจัดเทศกาลลดราคาเช่นเคย แต่เปลี่ยนมาจัดในเดือนมิถุนายนแทน ด้วยเหตุผลว่าดีกว่าทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เพราะเดือนกรกฎาคมมีวันหยุดเยอะ อย่างไรก็ตาม Prime Day จะเลื่อนออกไปสำหรับลูกค้า Amazon ในแคนาดาและอินเดีย โดยบริษัทบอกว่าเนื่องจากสองประเทศมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะจัดเทศกาลลดราคาเป็นช่วงใด Prime Day เป็นเทศกาลลดราคาที่ Amazon จัดมาตั้งแต่ปี 2015 โดยเป็นการลดราคาระยะเวลา 2 วัน สำหรับลูกค้า Amazon Prime เพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่ และโปรโมตสินค้าบริการต่าง ๆ ของ Amazon เองด้วย ที่มา: CNBC
# Dropbox ไตรมาส 1/2021 รายได้เพิ่มขึ้น 12%, AAR เพิ่มเป็น 2,112 ล้านดอลลาร์ Dropbox รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2021 รายได้รวม 511.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน มีตัวเลขรายได้ต่อเนื่องใน 1 ปี หรือ ARR 2,112 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% และมีกำไรสุทธิแบบบัญชี GAAP 47.6 ล้านดอลลาร์ จำนวนผู้ใช้งานแบบเสียเงินเพิ่มขึ้นเป็น 15.83 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้าต่อปี 132.55 ดอลลาร์ ซีอีโอ Drew Houston กล่าวว่าบริษัทเริ่มต้นไตรมาสแรกด้วยผลการดำเนินงานที่มีกำไร ตลอดจนรายได้ที่เติบโตแข็งแกร่งและกระแสเงินสดอิสระที่ดี ในไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทซื้อกิจการ DocSend เข้ามาร่วมทีม ส่วนบริการ HelloSign ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ยอดเยี่ยม ที่มา: Dropbox
# WhatsApp เตือนอีกครั้ง ให้ยอมรับข้อตกลงใหม่ภายใน 15 พฤษภาคม มิฉะนั้นจะใช้งานได้อย่างจำกัด WhatsApp อัพเดตข้อมูล จากเดิมที่ผู้ใช้งานต้องยอมรับข้อตกลงใช้งานใหม่ภายในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ มิฉะนั้นจะเข้าถึงการใช้งานบางอย่างไม่ได้ โดยเปลี่ยนมาระบุว่า จะไม่มีบัญชีใดถูกลบหรือใช้งานไม่ได้จากผลของข้อตกลงการใช้งานใหม่ ที่มีผลวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ กรณีที่ผู้ใช้ยังไม่ยอมรับข้อตกลงการใช้งานใหม่ ที่ต้องแชร์ข้อมูลให้ Facebook นั้น WhatsApp จะยังคงแสดงข้อความเตือนต่อเนื่อง ส่วนการใช้งานจะยังถูกจำกัดคุณสมบัติต่อไป แต่จะไม่เกิดกับผู้ใช้ทุกคนในเวลาเดียวกัน โดยจะไม่สามารถเข้าถึงลิสต์ผู้ติดต่อได้ แต่ยังรับสายโทรเข้าและวิดีโอคอลได้ อ่านข้อความผ่านส่วนการแจ้งเตือนได้ และในไม่กี่สัปดาห์จากนั้น (ไม่ระบุเวลา) หากยังไม่ยอมรับข้อตกลง จะไม่สามารถรับสายหรืออ่านข้อความได้อีก ประกาศนี้อาจไม่ต่างจากของเดิมมากในแง่ระยะเวลาที่มีผล แต่เป็นการลงรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้นหากผู้ใช้ยังไม่ยอมรับข้อตกลงใหม่ที่จะมีผล 15 พฤษภาคมนี้ โดยเฉพาะการย้ำว่าจะไม่ลบบัญชีผู้ใช้งานนั่นเอง ที่มา: WhatsApp และ The Verge
# Cloudflare ไตรมาส 1/2021 รายได้รวมโต 51% แต่ยังขาดทุนอยู่ Cloudflare รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2021 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 51% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 138.1 ล้านดอลลาร์ สุทธิแล้วขาดทุน 39.9 ล้านดอลลาร์ ตามบัญชีแบบ GAAP บริษัทระบุว่ายังคงเติบโตในกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ โดยมีลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 120 ราย และคิดเป็นรายได้มากกว่า 50% ของรายได้รวม Matthew Prince ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Cloudflare กล่าวว่าตอนนี้บริษัทมีลูกค้ารวมมากกว่า 4 ล้านราย บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี ขณะเดียวกันยังคงลงทุนพัฒนานวัตกรรมใหม่ต่อเนื่อง โดยปีนี้มีแผนเปิดตัวและส่งมอบผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่า 100 รายการ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเครือข่ายทั่วโลก ที่มา: Cloudflare
# Square ไตรมาสล่าสุด รายได้เติบโตสูงจาก Cash App Square ผู้ให้บริการเครื่องมือและแพลตฟอร์มสำหรับรับ-จ่ายเงิน รายงานผลประกอบการของไตรมาสแรกปี 2021 มีกำไรขั้นต้น 964 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 79% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน แบ่งเป็นกำไรจากบริการระบบสำหรับร้านค้า 468 ล้านดอลลาร์ (+32%) และจาก Cash App 495 ล้านดอลลาร์ (+171%) และมีกำไรสุทธิ 39 ล้านดอลลาร์ Square มีบริการซื้อขายโอนบิตคอยน์ด้วย ซึ่งบริษัทบอกว่ารายได้ส่วนนี้อยู่ราว 3,510 ล้านดอลลาร์ แต่เนื่องจากบริษัทมีค่าธรรมเนียมที่น้อยมาก จึงมีกำไรจากส่วนธุรกิจนี้เพียง 75 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ซีอีโอ Jack Dorsey ยังคงมีมุมมองต่อบิตคอยน์ว่ามีโอกาสที่จะเป็นสกุลการเงินพื้นฐานบนโลกอินเทอร์เน็ต และบริษัทจะพยายามส่งเสริมให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ที่มา: CNBC
# [ไม่ยืนยัน] Microsoft จะพักโปรเจค Windows 10X ไว้ก่อน อาจยังไม่ส่งมอบพร้อมผลิตภัณฑ์ใหม่ปีนี้ Microsoft พยายามทำ Windows เวอร์ชันปรับแต่งที่เน้นความเบาและลดฟีเจอร์ลงหลายครั้ง และครั้งล่าสุดคือ Windows 10X ก็มีข่าวลือว่า Microsoft อาจจะพักโปรเจคนี้ไว้ก่อน เว็บไซต์ Petri รายงานว่า Microsoft จะไม่มีการส่งมอบสินค้า Windows 10X ปีนี้ ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่า Microsoft จะเลื่อน Windows 10X รวมถึงฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้องออกไปก่อน เพื่อโฟกัสกับ Windows 10 เป็นหลัก สำหรับ Windows 10X ตอนแรก Microsoft ออกแบบมาเน้นอุปกรณ์จอคู่ เปิดตัวครั้งแรกพร้อมกับ Surface Neo แต่สุดท้ายแล้ว Surface Neo ก็ออกไม่ทันปี 2020 และปรับ Windows 10X ให้เน้นอุปกรณ์จอเดียวก่อน ซึ่งจะทำให้ Windows 10X มีตำแหน่งการตลาดใกล้เคียงกับ Chrome OS มากขึ้น ข้อมูลล่าสุดของ Windows 10X คือ Microsoft จะออกแบบใหม่ ไม่มี Live Tiles, มี Start Menu รูปแบบใหม่, ปรับปรุงระบบ multitask รวมถึงมีระบบ app container เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย ซึ่งรูปแบบของระบบปฏิบัติการโดยรวมดูเป็นคลาวด์มากขึ้น แม้ Microsoft จะมองว่า Chromebook คือภัยสำคัญสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจและโรงเรียน แต่ในช่วงปีที่แล้ว เนื่องจากเหตุการณ์โรคระบาดทำให้ตลาดพีซีเติบโต โดยรายงานล่าสุดพบว่ารายได้จาก Windows ที่เป็นไลเซนส์ OEM เติบโต 10% ในไตรมาสที่ผ่านมา ในขณะที่รายได้แบบ non-pro OEM เติบโต 44% จึงอาจจะทำให้ Microsoft ไปเน้นผลิตภัณฑ์หลักและพักโปรเจค Windows 10X ไว้ก่อน ที่มา - The Verge, Petri
# Makro ในโปแลนด์ร่วมกับสตาร์ทอัพ Wasteless ทดสอบระบบปรับราคาอาหารสดตามวันหมดอายุด้วย AI เพื่อลดขยะ Metro Group บริษัทซุปเปอร์มาร์เก็ตร่วมมือกับ Wasteless สตาร์ทอัพพัฒนาระบบเพื่อลดขยะอาหาร โดยจะนำระบบ AI มาปรับราคาอาหารตามวันหมดอายุ Wasteless เริ่มทดสอบระบบ AI ปรับราคาอาหารมาตั้งแต่ปี 2016 และ Metro จะเริ่มนำระบบของ Wasteless มาทดสอบโดยจะเริ่มทดสอบจากแบรนด์ในเครือกลุ่มแรกคือ Makro ในประเทศโปแลนด์ ก่อนที่จะเริ่มขยายระบบออกไปใช้งานในซุปเปอร์มาร์เก็ตประเทศอื่น ซึ่งปัจจุบัน Metro มีร้านขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่อยู่ภายใต้การดูแลกว่า 678 แห่งทั่วโลก สำหรับ Wasteless เป็นสตาร์ทอัพที่เน้นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดขยะอาหารในร้านค้าปลีกและค้าส่ง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกของสาเหตุการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเทคโนโลยีของ Wasteless คือจะปรับราคาขายอาหารด้วย AI ที่จะคำนวณราคาอาหารอัตโนมัติโดยขึ้นกับวันหมดอายุ โดย Wasteless ระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทช่วยลดขยะอาหารได้กว่า 40% และจะขยายขีดความสามารถให้ไปได้ถึง 80% ในอนาคต ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ตที่สามารถทำกำไรได้แทนที่จะทิ้งอาหารเป็นขยะ ส่วนฝั่งผู้ใช้ก็ได้ซื้ออาหารในราคาที่ถูกลง ที่มา - Wasteless, Engadget ภาพจาก Wasteless
# ไมโครซอฟท์เปิดตัวฟอนต์ใหม่ Segoe UI Variable เวอร์ชันอัพเกรดของ Segoe UI เดิม ฟอนต์ Segoe UI กำเนิดขึ้นในปี 2004 และกลายเป็นฟอนต์มาตรฐานของ Windows ตั้งแต่ Vista มาจนทุกวันนี้ (โลโก้ของไมโครซอฟท์ตอนนี้ก็เป็น Segoe) ล่าสุดไมโครซอฟท์ออกฟอนต์ใหม่ Segoe UI Variable ที่หน้าตาโดยรวมยังเหมือนเดิม แต่เป็นการ "รีเฟรช" ฟอนต์ Segoe เดิมด้วยฟีเจอร์ variable font ของฟอนต์ยุคใหม่ ส่งผลให้ความสูง ช่องว่าง ความหนา และรูปทรงของตัวอักษรที่แสดงผลในแต่ละขนาดฟอนต์จะไม่เหมือนกัน (ดูภาพประกอบ หางของตัว S และความสูงของ c ไม่เท่ากัน) ไมโครซอฟท์บอกว่า Segoe UI ถูกออกแบบมาให้แสดงผลสวยงามที่ขนาด 9pt แต่พอขยายใหญ่มากๆ หรือเล็กมากๆ จะไม่สวยเท่าที่ควร เมื่อมีเทคโนโลยี variable font เข้ามาจึงทำให้ปรับรูปแบบฟอนต์เป็นไดนามิก ตามขนาดที่แสดงผลได้ ฟอนต์ใหม่ Segoe UI Variable เริ่มใช้งานแล้วใน Windows 10 Insider Preview Build 21376 ที่ปัจจุบันเป็น Dev Channel และคงได้เห็นมันเข้ามาแทนที่ Segoe UI เดิมตามภาพหรือข้อความของไมโครซอฟท์ในอีกไม่ช้า ที่มา - Microsoft
# เอกสารภายในของ Xbox วิเคราะห์เกม The Last of Us 2 ชื่นชมแบบไม่ขาดปาก ข้อมูลใหม่ในวงการเกมจากคดี Epic v. Apple ยังมีออกมาไม่หยุด หลังก่อนหน้านี้คำตอบจากปาก VP ของ Xbox ยืนยันว่ายังไม่เคยทำกำไรจากการขายเครื่องคอนโซลเลย ล่าสุดก็มีเอกสารวิเคราะห์เกม The Last of Us 2 ที่เป็นการประเมิณเกมของคู่แข่งจากภายใน Xbox เอง ถูกโพสต์โดยทวิตเตอร์ของยูทูบเบอร์ GamePositiveYT เป็นบทวิเคราะห์โดยทีมงาน Xbox ชื่อ Mike กับ Jon ที่ทั้งสองคนชื่นชมเกม The Last of Us 2 แบบไม่ขาดปาก Mike กับ Jon ระบุว่า The Last of Us 2 เป็นเกมที่ผลักดันศิลปะการเล่าเรื่องผ่านวิดีโอเกมไปอีกขั้น โดยมีความสำคัญเสียยิ่งกว่าความเห็นว่าคนเล่นจะชอบมันหรือไม่ หรือสนุกกับเกมนี้หรือไม่ และยังชื่นชมคุณภาพเกมเพลย์ว่าดีขึ้นกว่าภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด สองคนนี้ยังชื่นชมคุณภาพงานภาพและความใส่ใจในรายละเอียดของทีมงาน ว่า “ดีที่สุดสำหรับเกมระดับนี้ในทุกๆ ด้าน” (“...absolutely best-in-class in basically every area..”) และดียิ่งกว่าเกมใดๆ ทั้งบนคอนโซลและพีซี จนทำให้ทีมงานถึงกับตะลึงในหลายๆ ฉาก พร้อมกล่าวชื่นชมว่า Naughty Dog ได้รังสรรค์เรื่องราวที่พวกเขาอยากเล่าออกมาได้อย่างดีงาม และผู้เล่นก็มีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจในการต้องเล่นเป็นตัวละครบางตัวในเกม รวมถึงฉากจบของเกม แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าเป็นคนในวงการที่ใส่ใจการพัฒนาการเล่าเรื่องผ่านวิดีโอเกม เรื่องเหล่านี้ก็คงเป็นเรื่องรอง ส่วนสิ่งที่ติก็มีอยู่บ้าง เช่นระบบเปลี่ยนอาวุธที่ยังติดๆ ขัดๆ และยังไม่มีปุ่มเปลี่ยนอาวุธแบบรวดเร็ว (อันนี้ Mike กับ Jon น่าจะพลาดเองที่ไม่รู้ว่ามันกด R1 เปลี่ยนอาวุธได้) กับการยิงปืนที่ถึงกับบอกว่า “Naughty Dog ยังไม่เคยทำเกมที่มีระบบการยิงปืนดีๆ เลย เกมนี้ก็เช่นกัน” ที่มา - @GamePositiveYT via IGN
# IBM ประกาศความสำเร็จทดลองผลิตชิปเทคโนโลยี 2 นาโนเมตร ใช้พลังงานน้อยลง 75% IBM ประกาศความสำเร็จในการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี nanosheet ระดับ 2 นาโนเมตร นับเป็นเทคโนโลยีที่ดีทีสุดในอุตสาหกรรมตอนนี้ โดยหากใช้งานจริงได้ชิปจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น 45% แต่กินพลังงานลดลง 75% เทียบกับเทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตรที่ใช้งานเชิงการค้ากันทุกวันนี้ เทคโนโลยีการผลิต nanosheet เป็นเทคโนโลยีที่ไอบีเอ็มร่วมพัฒนากับผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น GLOBALFOUNDRIES และซัมซุง รวมถึงผู้ผลิตเครื่องจักรผลิตชิป โดยความก้าวหน้าครั้งล่าสุดคือการผลิตชิปที่เทคโนโลยี 5 นาโนเมตรเมื่อปี 2017 อย่างไรก็ดีการปรับจากงานวิจัยมาเป็นการผลิตเชิงการค้านั้นใช้เวลาอีกหลายปี ตัวอย่างเช่นเทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตรของไอบีเอ็มเองก็วิจัยสำเร็จตั้งแต่ปี 2015 แต่ทางไอบีเอ็มสามารถนำมาใช้ผลิตชิป POWER10 ได้ในปีนี้ ที่มา - IBM
# Google จับมือพาร์ทเนอร์ เตรียมเปิดตัว docking station เพื่อใช้งานกับ Chrome OS Google จับมือบริษัทผลิตอุปกรณ์เสริมเช่น Targus และ Hyper Acer, Belkin เตรียมออกอุปกรณ์เสริม docking station ในโครงการ Works with Chromebook เน้นลูกค้าองค์กรที่นิยมใช้ docking station ร่วมกับโน้ตบุ๊กอยู่แล้ว docking station ที่ร่วมในโครงการนี้จะสามารถอัพเดตเฟิร์มแวร์ได้อัตโนมัติผ่าน Chrome OS และมีสองขนาดคือขนาดใหญ่ต่อจอแยกได้สามจอผ่านพอร์ต HDMI, DP และ USB-C หรือขนาดเล็ก ต่อพอร์ต HDMI ได้ 1 พอร์ตสำหรับพกพาและเดินทาง และแม้จะออกแบบมาเพื่อ Chrome OS แต่จะยังสามารถใช้กับโน้ตบุ๊ก Windows และ MacOS ได้เช่นกัน ที่มา - Google
# Xiaomi ประเทศไทย ยอดขายไตรมาส 1/2021 เติบโต 328% ส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็นอันดับ 2 ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด Canalys ชี้ว่า Xiaomi ขยับขึ้นมาเป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับสองในประเทศไทย ครอง 20% ของตลาด และมียอดขายเติบโตถึง 328% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ส่วนอันดับ 1 ของตลาดยังเป็น Samsung ที่มีส่วนแบ่ง 24% อันดับสามถึงห้าคือ Oppo, Vivo และ Realme ที่มีส่วนแบ่ง 16%, 15% และ 9% ตามลำดับ ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ Xiaomi Thailand, Canalys
# เผยเอกสารเก่า Apple ทำทุกทางให้ Netflix กลับมาใช้ In-App Purchase ของ App Store คดีความผูกขาดและการปะทะระหว่าง Apple และ Epic เผยให้เห็นรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเว็บไซต์ 9to5Mac พบเอกสารอีเมลส่งกันภายในองค์กรในปี 2018 ที่ระบุว่า Apple พยายามยับยั้งไม่ให้ Netflix ทดสอบยกเลิกระบบ IAP ของ Apple (In-App Purchase) เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนหักส่วนแบ่ง 30% โดย Apple พยายามทำทุกทาง แสดงให้เห็นว่า การตัดสินใจของ Netflix ส่งผลต่อ Apple อย่างมาก Carson Oliver ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดการธุรกิจ App Store ระบุในอีเมลว่า จากการตัดสินใจของ Netflix ที่จะทดสอบไม่รับสมาชิกผ่าน App Store นั้นจะส่งผลต่อประสบการณ์ลูกค้า และโอกาสในการร่วมมือกันทางการตลาดระหว่าง Apple และ Netflix นอกจากนี้ Oliver ยังระบุถึงมาตรการโต้กลับ Netflix ด้วยเช่น ดึงเนื้อหาของ Netflix ออกจากแพลตฟอร์มในช่วงการทดสอบ ในอีเมลยังเผยเอกสารพรีเซนเทชั่นแผนการของ Apple ในการยับยั้งการทดสอบของ Netflix พยายามโน้มน้าวว่า ค่าคอมมิชชั่นของ Apple นั้นสมเหตุสมผล และจะใช้แผนจูงใจเช่น ทำเนื้อหาโปรโมท Netflix ใน App Store โดยจะโปรโมทให้มากกว่าพาร์ทเนอร์รายอื่น เข้าถึงผู้อ่าน 16.5 ล้านรายทั่วโลก เพิ่มโอกาสการดาวน์โหลด 6-7% นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์ในรายละเอียดปลีกย่อยอย่าง แพ็กเกจบันเดิลกับ Apple TV, ความยืดหยุ่นในการยกเลิกสมาชิก, ทุ่มทุนการตลาดให้ Netflix ในช่องทางต่างๆ ทั้งใน App Store ช่องทางค้นหา อีเมลมาร์เกตติ้ง และโปรโมท Netflix ในร้านค้าด้วยการสาธิตเดโม่ เป็นต้น แต่สุดท้ายแล้วความพยายามของ Apple ไม่เป็นผล เพราะ Netflix ยกเลิกระบบ IAP ไปอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2018 ประเด็นเรื่อง IAP กำลังถูกตั้งคำถามจากนักพัฒนาภายนอก และเรื่องราวถึงศาลแล้วโดย Epic ยื่นฟ้อง Apple เรื่องผูกขาด จากการไต่สวนยังเผยเอกสารอื่นๆ ที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะเป็น Apple ไม่ทำ iMessage เวอร์ชั่น Android เพราะไม่อยากเสียผู้ใช้ไปจาก iOS, ไมโครซอฟท์มีแผนปรับค่าธรรมเนียมฝั่ง Xbox ลงมาที่ 12% ชี้ให้เห็นว่าค่าธรรมเนียม 30% นั้นไม่ยุติธรรม อ่านมหากาพย์ข้อพิพาทระหว่าง Apple และ Epic ได้ ที่นี่ ที่มา - 9to5Mac
# Google Play เตรียมออกกฎเหมือน App Store นักพัฒนาต้องแจ้งว่าแอพเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เมื่อปลายปีที่แล้ว แอปเปิลออกกฎให้แอพบน App Store ต้องประกาศข้อมูลความเป็นส่วนตัว แอพต้องระบุว่าเก็บข้อมูลใดบ้าง วันนี้ กูเกิลเดินตามรอยแอปเปิลโดยประกาศมาตรการแบบเดียวกันของ Google Play Store ให้แอพต้องประกาศข้อมูลด้านความปลอดภัย (เช่น การเข้ารหัส), การเก็บข้อมูล-วิธีการให้ผู้ใช้ขอลบข้อมูลตัวเอง, นโยบายด้านเด็กและครอบครัว ฯลฯ ประกาศของกูเกิลเป็นแค่การแจ้งเตือนล่วงหน้าให้เตรียมตัว รายละเอียดว่าจะต้องประกาศอะไรบ้างจะตามมาใน Q3/2021, เริ่มรับข้อมูลจากนักพัฒนาใน Q4/2021, เริ่มแสดงข้อมูลให้ผู้ใช้เห็น Q1/2022 และเส้นตายที่นักพัฒนาต้องประกาศข้อมูลคือ Q2/2022 ที่มา - Google
# รู้จัก Bangmod.Cloud - Cloud Service Provider ของไทยที่หวังจะไปไกลให้ถึงระดับโลก การทำงานไอทีทุกวันนี้มีตำแหน่งงานแทบทุกบริษัทไม่ว่าธุรกิจหลักจะเป็นไอทีโดยตรงหรือไม่ แต่หลายๆ คนที่รักการเรียนรู้เทคโนโลยี และอยากสร้างประสบการณ์ให้มากขึ้นน่าจะอยากทำงานในบริษัทไอทีที่ได้มีโอกาสวางโครงสร้างพื้นฐาน ได้วางระบบขนาดใหญ่ และโอกาสเรียนรู้เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง บริษัทที่ให้บริการคลาวด์ที่ต้องบริหารโครงสร้างทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้กับบริษัทอื่นๆ เป็นบริษัทอีกกลุ่มหนึ่งเปิดโอกาสให้คนทำงานเรียนรู้ได้มาก ได้เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ มีทรัพยากรให้เราได้ทดลองกับเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงเป็นแหล่งรวมคนทำงานกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ไว้ด้วยกัน Bangmod Enterprise เป็นบริษัทไทยที่ให้บริการคลาวด์ทั้ง Public Cloud และคลาวด์เฉพาะขององค์กรต่างๆ นับเป็นอีกบริษัทที่คนทำงานจะมีโอกาสสัมผัสเทคโนโลยีแบบลงลึก ได้ใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Bangmod Enterprise และบริการ Bangmod.Cloud ว่าเขาทำงานอะไรบ้าง และต้องการคนแบบใดไปร่วมงาน ประวัติความเป็นมา Bangmod.Cloud เป็นบริการภายใต้บริษัท บางมด เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด (Bangmod Enterprise Co., Ltd.) ที่ก่อตั้งโดยคุณศาตนันทน์ ศิวาภรณ์ ตั้งแต่ปี 2012 เมื่อคุณศาตนันทน์ยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้อาศัยช่วงเวลาปิดเทอมเริ่มสร้างบริการเว็บโฮสติ้งเช่นเดียวกับผู้ให้บริการทั่วไป แต่ก็เล็งเห็นว่าบริการอื่นก็กำลังเป็นที่ต้องการ จึงเริ่มพัฒนาโซลูชั่นของคลาวด์เฉพาะของ Bangmod.Cloud เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้มีบริการคลาวด์และธุรกิจที่หลากหลายพร้อมแข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ จนเมื่อปลายปี 2020 ที่ผ่านมาบริษัทก็ก่อตั้งสาขาต่างประเทศครั้งแรกคือ Bangmod.Cloud.,PTE ในสิงคโปร์ เพื่อเตรียมขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น Bangmod Enterprise ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ IT Infrastructure และ IT Equipment Distributors โดยมีรายละเอียดธุรกิจดังนี้ บริการทางด้าน Cloud Services ซึ่งประกอบไปด้วย Infrastructure as a Services (IaaS) Cloud IaaS + Managed Services Cloud for WordPress ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งาน WordPress Managed Email Services Database Management as a Services บริการ Infrastructure ครบวงจร ทั้ง Web Hosting, Domain Register, Dedicated Server, Bare-Metal Server, CDN และ Co-Location Managed Service เช่น การออกแบบและดูแลระบบเครือข่าย, การดูแลระบบเว็บโฮสติ้ง, การออกแบบและดูแลระบบเว็บไซต์ประสิทธิภาพสูง และระบบอีเมลภายในองค์กร Cloud System Integrator (SI) รับออกแบบ ติดตั้ง ดูแลระบบ Cloud ให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน IT Equipment Distributors เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สินค้าที่เกี่ยวกับ IT เช่นอุปกรณ์เครื่องแม่ข่ายยี่ห้อ SUPERMICRO, GIGABYTE, DELL และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบรนด์ EVGA, Verbatim และ Arktek ทุกวันนี้ Bangmod.Cloud มีบริการสองส่วนหลักๆ โดยในส่วนแรกจะเป็นบริการคลาวด์เซอร์วิสแบบสาธารณะหรือที่เรียกว่า Public Cloud ซึ่งประกอบไปด้วย บริการคลาวด์เซิร์ฟเวอร์, บริการโคโลเคชั่น, บริการ CDN, บริการเว็บโฮสติ้ง, บริการจดโดเมน รวมถึงบริการให้เช่าเซิร์ฟเวอร์แบบ Bare Metal อีกด้วย ในส่วนที่สองจะเป็นบริการคลาวด์เซอร์วิสในกลุ่มลูกค้าองค์กร หรือกลุ่มลูกค้าที่ต้องการโซลูชั่นส์แบบพิเศษ ทางบริษัทพร้อมออกแบบและพัฒนาระบบเพื่อให้ตอบโจทย์ขององค์กรของลูกค้ามากที่สุด ในปีที่ผ่านมาทาง Bangmod.Cloud ได้เล็งเห็นถึงปริมาณการเติบโตของผู้ใช้ที่ให้บริการเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วย WordPress ซึ่งเป็น CMS ยอดนิยมที่เป็นที่ยอมรับจากผู้ใช้งานทั่วโลก ทางบริษัท จึงได้พัฒนาโซลูชั่นส์สำหรับให้บริการเว็บไซต์ WordPress ขึ้น โดยใช้ชื่อโซลูชั่นส์ดังกล่าวว่า WordPress Cloud ที่เหนือกว่าการให้บริการ WordPress ทั่วไปด้วยการพัฒนาปลั๊กอินเฉพาะให้ทำงานกับ CDN ของ Bangmod.Cloud ได้ทันที พร้อมกันนั้นหากผู้ใช้มีปริมาณมากระบบจัดการของ Bangmod.Cloud ก็สามารถขยายระบบรองรับโหลดได้เองโดยลูกค้าไม่ต้องเข้ามาแก้ปัญหา วัฒนธรรมการทำงานในบริษัท Bangmod.Cloud คือสถานที่รวมตัวของกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรง ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นนักศึกษาจบใหม่หรือไม่ ถ้าคุณคือคนที่ชอบศึกษาและทดลองการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ มีการทำงานในทีมที่ใกล้ชิดสนิทสนมและช่วยกันแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามา ผู้บริหารพร้อมยินดี รับฟัง และช่วยแก้ไขปัญหาในทุกๆ เรื่อง เปิดกว้างรับทุกไอเดียใหม่ๆ ที่ควรจะมีในการสร้างสรรค์บริการให้ดียิ่งขึ้นไป สิทธิประโยชน์ของพนักงานนอกเหนือจากเงินเดือน ประกันสังคม วันหยุดประจำปี วันลาพักร้อน 6 วันต่อปี การทำงานแบบ Flexible Time มีทริปท่องเที่ยวประจำปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โบนัสประจำปี (ตามผลประกอบการ) อุปกรณ์ทำงานส่วนตัวที่สามารถเลือกได้ ไม่ว่าจะเป็น PC, Notebook หรือ MacBook เครื่องดื่ม ขนม ฟรี โซนพักผ่อน ดู Netflix เล่นเกม PlayStation 5, Nintendo Switch, บอร์ดเกม, อ่านหนังสือการ์ตูน เช่น One Piece ที่บริษัทมีจัดเตรียมไว้ให้ มีการสนับสนุนให้พนักงานไปเทรนนิ่งเพิ่มเติม รวมถึงการฝึกสอนภายในบริษัท เป้าหมายของบริษัท เราต้องการเป็นผู้ให้บริการของไทยที่จะต้องไปไกลในระดับโลกโดยเน้นทางด้านการพัฒนาคุณภาพตัวโปรดักต์ซึ่งก็คือ Cloud Services ให้มี คุณภาพและมีความเสถียรในระดับมาตรฐานสากล และจะต้องมีบริการที่ยอดเยี่ยม เหมาะสมกับลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าทั่วไป ลูกค้าองค์กร และหน่วยงานภาครัฐ จะต้องสามารถใช้งานบริการ Cloud Services ของเราได้อย่างลื่นไหล นี่คือเหตุผลที่เราต้องการทีมงานที่มีความสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ “ทีม” ของเรา เรากำลังตามหาทีมโดยมีตำแหน่งดังต่อไปนี้ 1. Technical Support (Tier1 Support) คนที่เราตามหา พอจะเข้าใจว่าระบบ Web Server / DNS / Domain / WordPress / Database / HTML ทำงานอย่างไรในขั้นพื้นฐาน (รู้ไม่ครบไม่เป็นอะไร) มีมนุษยสัมพันธ์ และ มีทักษะการสื่อสารที่ดี มีความอดทนอดกลั้นสูงเนื่องจากเป็นงานบริการ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี สามารถใช้งานโปรแกรม Microsoft Office พื้นฐานได้เป็นอย่างดี มาร่วมทีมกันแล้วจะได้ทำอะไร ได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบ Infrastructure ขั้นพื้นฐานที่จะสามารถต่อยอดไปเป็น System Engineer ได้ หากเป็นคนที่สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ได้พูดคุยและช่วยเหลือลูกค้าและพาร์ทเนอร์ที่ใช้บริการ Infrastructure ของบริษัท 2. System Engineer คนที่เราตามหา มีความเข้าใจระบบปฏิบัติการ Linux เป็นอย่างดี สามารถใช้งาน Linux Command Line ได้อยางคล่องแคล่ว เข้าใจหลักการตั้งค่าเครือข่ายบน Linux เป็นอย่างดี สามารถใช้งาน Git ขั้นพื้นฐาน (clone/pull/commit/push) เพื่อพัฒนาสคริปท์สำหรับดูแลระบบร่วมกับทีมได้ มีมนุษยสัมพันธ์และทักษะการสื่อสารที่ดี มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับหมอบหมาย ควบคุมอารมณ์ได้ดี เข้าใจและมีประสบการณ์ในการติดตั้ง ปรับตั้งค่า ดูแลระบบ และทำความเข้าใจข้อความ error ที่ซอฟท์แวร์ดังต่อไปนี้ส่งออกมาได้ MySQL or MariaDB / MongoDB / NGINX / Apache / PHP-FPM / HAProxy / FFmpeg / Redis / Postfix / หากมีความเข้าใจชุดซอฟท์แวร์หรือเทคโนโลยีดังต่อไปนี้เป็นอย่างดีจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ OpenStack Cloud Platform, Kubernetes, Docker, QEMU-KVM Ansible AWX, Prometeus, Elastic Search, Logstash, Kibana BGP (iBGP, EVPN) Linux TC (Traffic Control), VXLAN, sFlow, NetFlow, IPTables and Netfilter มีความสามารถในการ จด หรือจำ ข้อมูลระบบต่างๆ ได้ดี มาร่วมทีมกันแล้วจะได้ทำอะไร จะได้เข้าถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเครือข่ายระดับสูงเป็นจำนวนมากเกินกว่าหนึ่งพันรายการ และมี Resource Hardware ให้ใช้งานจริงและในแลปอย่างไม่จำกัด จะได้ออกแบบวิธีการ และดูแลสถานะของระบบต่างๆ ที่ให้บริการ ร่วมกับทาง Development Team และ Business Development Team เพื่อออกแบบ/แก้ไข/ขยายระบบ เพื่อให้รองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น/เปลี่ยนแปลงไป และตอบโจทย์ทางธุรกิจ จะได้ร่วมกันวางแผน/ออกแบบ/พัฒนาระบบโครงข่ายเซิร์ฟเวอร์เพื่อรองรับการขยายตัวของปริมาณการใช้งานระบบ ติดตาม และแก้ไขช่องโหว่ต่างๆ ที่อาจพบในระบบ ปรับปรุงการตั้งค่าระบบต่างๆ ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป พัฒนาเครื่องมือสำหรับใช้งานภายใน เพื่อควบคุมและปรับแต่งการทำงานของระบบให้มีประสิทธิภาพ 3. Full-Stack Software Engineer คนที่เราตามหา และสิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้และได้ทำ สามารถใช้งาน Git ขั้นพื้นฐาน (Clone / Pull / Commit / Push) สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ด้วยตัวเอง เข้าใจและอยากเรียนรู้ Tech Stack ดังต่อไปนี้ Clojurescript Frontend Software Engineer React & Redux or similar library such as Vue.js & Vuex (FYI we use re-frame instead of react & redux) Basically understanding functional programming (higher order function, function composing and currying for example) Experienced in functional library is a plus (ramdajs for example) For Junior level, all you need is a good analytical and problem solving skills Kotlin Backend Software Engineer Spring Framework skills needed (Spring Boot, Spring Data and etc) Must Keep in mind that we contributing good code quality with well tested CQRS skills is OPTIONAL FYI We build application using CQRS + DDD + Event Sourcing, mainly use Axon Framework, Spring Boot, Spring Data, Spring Cloud Stream, Spring Cloud Dataflow and others spring library if needed 4. Creative Content คนที่เราตามหา มีความคิดสร้างสรรค์ ชื่อชอบในการหาข้อมูลและเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ สามารถสรุป และนำเสนอเนื้อหาให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ ชื่นชอบในการเรียนรู้ และติดตามเทรนด์บน Scoail Media และสามารถนำสิ่งที่ Social Media สนใจมาประยุกต์ในการนำเสนอข้อมูล สนใจการติดตาม Feedback ใน Community เข้าใจรูปแบบการนำเสนอข้อมูล และข้อจำกัดในการนำเสนอข้อมูลบน Social Media สามารถใช้อุปกรณ์ในการออกแบบและผลิต Content บนแพลตฟอร์มดิจิทัล มีบุคลิกและมนุษยสัมพันธ์ดี สามารถทำงานเป็นทีมได้ มีความคิดสร้างสรรค์ เข้าใจโลกดิจิทัล เป็นคนเล่าเรื่องเก่ง มีความรู้ในการซื้อโฆษณาบน Social Media จะพิจารณาเป็นพิเศษ มีความสามารถในการถ่ายภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และตัดต่อวิดีโอได้สวยงาม จะพิจารณาเป็นพิเศษ มาร่วมทีมกันแล้วจะได้ทำอะไร คิด วางแผน สร้าง Content ในรูปแบบสื่อออนไลน์ที่มีประโยชน์ และสร้างสรรค์ วิเคราะห์เหตุผล และ Research ข้อมูล เพื่อนำไปผลิต หรือ พัฒนา Content ของทีมทั้งรูปแบบ VDO และบทความ สร้างสรรค์ Content ที่เกี่ยวข้องกับบริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ทั้ง Social Media, Websites ให้เกิด Impact วัดผลงานให้ได้ตามเป้าหมาย และตรงเวลา และนำเสนอผลการทำงานประจำเดือนให้กับหัวหน้าทีมและผู้บริหาร 5. Marketing Marketing ดูแลในเรื่องของการวางกลยุทธ์และทิศทาง Marketing ของ Bangmod Enterprise ในทุกๆ แง่มุมทั้งธุรกิจที่ต้องการเติบโต ต้องการเพิ่มยอดขาย คนที่เราตามหา จบการศึกษาในสาขาการตลาด, บริหารธุรกิจ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง มีประสบการณ์ในการทำงาน Performance Marketing หรือ Biddable เข้าใจในระบบสื่อโฆษณา Online (Ad networks, CPM, CPC, CPA) รวมทั้ง Social Media (Facebook, Twitter, Instagram, blogs) และ Google (SEO, SEM) สามารถใช้ Analytics tools ต่าง ๆ ได้ (Google Analytics, Facebook Pixel, etc. ) จะพิจารณาเป็นพิเศษ เข้าใจในการทำธุรกิจแบบ B2B (Business to Business), B2C (Business to Customer) หากเคยทำงานใน Media หรือ Digital Agency/Performance Marketing (B2B) มาก่อนจะได้รับการพิจารณาพิเศษ สามารถสื่อสารได้เป็นอย่างดี ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ (เขียน) มีความรับผิดชอบสูง และเป็นคนรักความสำเร็จ มีการตั้งเป้าหมาย และวัดผลอย่างชัดเจน มาร่วมทีมกันแล้วจะได้ทำอะไร ดูแล Performance Marketing พร้อมทั้งมีการวัดผลและวิธีการแก้ไขได้ชัดเจน พัฒนาและรับผิดชอบในการวาง Marketing Strategy ผ่าน Digital Marketing Funnel และใช้ Marketing Channel ทั้งในมุมของ Paid (Media buying) / Owned / Earn Channel ในการสื่อสารและ Acquired ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาการใช้ Data ในการประกอบการทำงาน การตัดสินใจในการทำการตลาด เรียนรู้ ทดลอง ทดสอบ เครื่องมือและโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ รวมทั้งติดตาม Trend ใหม่ ๆ อยู่เสมอ และนำมาปรับใช้ได้อย่างฉับไว หาเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อใช้ในการสื่อสารการตลาด มีการวัดผล ตรวจสอบและ Optimized ในทุกๆ สิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะเป็น Campaign / App / Ads เพื่อให้การทำงานตอบโจทย์ Objective ในแต่ละครั้ง 6. Human Resources Officer คนที่เราตามหา มีความรับผิดชอบสูง มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมาก สามารถทำงานเป็นทีมได้ มีประสบการณ์ในตำแหน่งงาน มีความรู้ ความสามารถในการใช้อุปกรณ์และซอร์ฟแวร์ที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ มาร่วมทีมกันแล้วจะได้ทำอะไร ดูแลเรื่องการสรรหาพนักงานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศรับสมัครงาน การนัดหมายการสัมภาษณ์งาน การสัมภาษณ์งานเบื้องต้นเพื่อคัดเลือกพนักงานที่เหมาะสมให้ตรงตามความต้องการของทีมและบริษัท จัดเตรียม จัดเก็บข้อมูลพนักงาน และติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียม ดูแล สิ่งอำนวยความสะดวกของพนักงาน เช่น จัดเตรียมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานใหม่ อีเมลพนักงาน การ Scan ลายนิ้วมือเพื่อเข้าออกการทำงาน ดูแลกระบวนการว่าจ้างทั้งหมด ตรวจสอบบุคคลอ้างอิง เช็คประวัติย้อนหลัง และเอกสารต่างๆให้ครบถ้วนสมบูรณ์และถูกต้องตามกฏหมาย ดูแลและพัฒนาข้อมูลและแบบทดสอบที่ใช้ในการทดสอบการสรรหาเพื่อคัดเลือกพนักงานให้เหมาะสมในแต่ละตำแหน่งงาน ดูแลและพัฒนาแบบประเมินการทำงานของพนักงาน จัดทำ วางแผน และดูแลเรื่องสวัสดิการที่เหมาะสมให้แก่พนักงาน จัดทำเอกสาร ดูแล การเบิกค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าล่วงเวลา ของพนักงาน จัดเตรียม อำนวยความสะดวกในการอบรมให้ความรู้แก่พนักงาน ทั้งการแชร์ความรู้ภายในบริษัท และเชิญวิทยากรจากภายนอกมาให้ความรู้แก่พนักงาน ดำเนินการเกี่ยวกับประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงาน จัดทำรายละเอียด เวลาการทำงานของพนักงาน วางแผน ดูแล การเติบโต ในสายงานอาชีพของพนักงาน จัดทำ และสรุปแบบประเมินความพึงพอใจของพนักงานต่อบริษัท เพื่อวางแผนการพัฒนา และการดูแลพนักงานของบริษัท เป็นที่ปรึกษาให้แก่พนักงาน สนใจมาร่วมทีมกับเรา ดูรายละเอียดงานได้ในหน้าเพจ Blognone Jobs หรือส่งรายละเอียดต่อไปนี้มาหาเราทางอีเมลที่ [email protected] พร้อมรายละเอียดที่สำคัญดังนี้ Resume พร้อมระบุประสบการณ์การทำงานของท่าน ตำแหน่งงาน หรืองานที่ท่านสนใจ ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ที่ตัวท่านอยากให้เรารู้จักท่านมากขึ้น
# Apple ให้ทุนบริษัท II-VI ผู้ผลิตเลเซอร์ FaceID เพื่อขยายฐานผลิตในสหรัฐ Apple มีกองทุน Advanced Manufacturing Fund เพื่อสนับสนุนการจ้างงานในอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี 2017 ล่าสุดประกาศให้ทุน 410 ล้านดอลลาร์กับบริษัท II-VI ผู้ผลิต vertical-cavity surface-emitting lasers (VCSELs) เลเซอร์ที่ใช้สำหรับสแกนพื้นผิว เบื้องหลังเทคโนโลยี Face ID, Memoji, Animoji, การถ่ายภาพพอร์เทรตเซลฟี่ และเลเซอร์ใน LiDAR scanner ของ iPhone เงินทุนก้อนนี้ จะช่วยขยายฐานการผลิตของ II-VI ให้มีอัตราการผลิตสูงขึ้น และช่วยสร้างงานกว่า 700 ตำแหน่งทั่วสหรัฐอเมริกา ทั้งในเท็กซัส, นิวเจอร์ซีย์, เพนซิลเวเนีย และอิลลินอยส์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้ง Apple, II-VI และเศรษฐกิจท้องถิ่นของสหรัฐ โดย Apple ร่วมงานกับ II-VI ตั้งแต่ปี 2017 ในแผน Advanced Manufacturing Fund ที่เปลี่ยนให้โรงงานร้างขนาดกว่า 70,000 ตารางฟุตของ II-VI ได้กลับมาผลิตอุปกรณ์ทันสมัยอีกครั้ง ภาพจาก Apple การลงทุนครั้งนี้ของ Apple เป็นหนึ่งในแผนการลงทุนมูลค่า 430 พันล้านดอลลาร์ กับผู้ผลิตกว่า 9,000 รายทั่วสหรัฐ เพื่อสร้างตำแหน่งงานอีก 20,000 ตำแหน่ง ภายในห้าปีข้างหน้านี้ ทั้งในภาคการผลิตชิป การผลิตเกี่ยวกับ 5G และอื่นๆ ถือเป็นทั้งงาน CSR ช่วยสร้างตำแหน่งงานและอาชีพในประเทศบ้านเกิดของบริษัท และยังเพิ่มกำลังผลิตให้กับซัพพลายเชนของตัวเอง กระแสการผลิตชิ้นส่วนในอุปกรณ์ไฮเทคในสหรัฐ เริ่มกลับมาอีกครั้ง หลังเกิดวิกฤตชิปขาดแคลน จนโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ต้องลงนามคำสั่งบริหารเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างเป็นทางการ และร่วมมือกับหลายบริษัทเพิ่มเตรียมแผนเพิ่มการผลิตในประเทศ ซึ่งนอกจาก Apple แล้ว Intel ก็เตรียมขยายโรงงานผลิตในสหรัฐ ส่วน Samsung เองก็มีข่าวลือว่ากำลังเตรียมเปิดโรงงานผลิตชิปในสหรัฐเพิ่มเช่นกัน ที่มา - Apple Newsroom
# พบช่องโหว่ในชิปโมเด็ม Qualcomm ดักฟังเสียงได้, Qualcomm ออกแพตช์แล้ว บริษัทความปลอดภัย Check Point Security ออกมาเผยข้อมูลช่องโหว่ชิปโมเด็ม Qualcomm Mobile Station Modem (MSM) ที่กระทบสมาร์ทโฟน Android เป็นจำนวนมาก ชิป MSM ถูกรันด้วยระบบปฏิบัติการ QuRT (Qualcomm real-time OS) ฝังใน TrustZone แยกต่างหากจาก Android ทำให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงไม่ได้ แต่ทีมวิจัยของ Check Point ไปเจอช่องโหว่ที่โปรโตคอลส่งข้อมูล QMI ที่ใช้ส่งข้อมูลกันระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ในโมเด็ม Check Point บอกว่าลองดักข้อมูลที่วิ่งใน QMI ส่วนใหญ่แล้วทำได้ยาก แต่ลองยิงอินพุตหลายๆ แบบด้วยโปรแกรม fuzzer ไปเรื่อยๆ จนมาเจอบั๊ก heap overflow แล้วสามารถดัมพ์ข้อมูลที่วิ่งผ่านเซอร์วิส QMI ที่เกี่ยวข้องกับการโทรด้วยเสียง (voice call) ออกมาได้ แปลว่าในทางทฤษฎีแล้ว แฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงประวัติการโทรศัพท์, SMS และดักฟังเสียงสนทนาได้ Check Point ค้นเจอบั๊กตัวนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 และสื่อสารกับ Qualcomm มาโดยตลอด (เลขช่องโหว่คือ CVE-2020-11292) หลังจากนั้น Qualcomm ออกแพตช์ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 และเมื่อพร้อมแล้วจึงออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตาม สถานะการอุดช่องโหว่ของผู้ผลิตแต่ละรายยังไม่ชัดเจนนักว่าเจ้าไหนทำไปแล้วบ้าง จากการประเมินของ Check Point บอกว่า QMI ถูกใช้งานในมือถือประมาณ 31% ของทั้งโลก ถึงแม้ตัวเลขดูเยอะ แต่กระบวนการเจาะของ Check Point นั้นซับซ้อนมาก และทดลองยิงสำเร็จบนอีมูเลเตอร์ QEMU บนพีซี แถมแอพ Android ทั่วไปก็ไม่มีสิทธิเข้าถึง QMI เพราะรันอยู่ใน SELinux อยู่แล้ว โอกาสที่จะโดนมัลแวร์ระดับแอพจึงยากมาก เว้นแต่จะเข้าถึงในระดับของ OS ที่มา - Check Point, Ars Technica