txt
stringlengths
202
53.1k
# ซีอีโออินเทลเตรียมเดินสายยุโรป เจรจาตั้งโรงงานผลิตชิปเพิ่ม อินเทลยืนยันข่าวว่าซีอีโอ Pat Gelsinger จะเดินสายไปยุโรปในสัปดาห์หน้า เพื่อเจรจาสร้างโรงงานผลิตชิปในยุโรป ตามแผน IDM 2.0 ที่เพิ่งประกาศไว้เมื่อเดือนมีนาคม แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Gelsinger จะไปประเทศใดบ้าง ช่วงหลัง ยุโรปเองก็พยายามผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในภูมิภาค โดยมีเป้าหมายว่า 20% ของชิปที่ใช้งานในยุโรป ควรผลิตจากในยุโรปเอง (ปัจจุบันยุโรปมีสัดส่วนผลิตชิปประมาณ 10% ของโลก) ซึ่งอินเทลถือเป็นผู้ผลิตชิปรายสำคัญๆ ของโลกรายแรกที่ประกาศว่าจะไปตั้งโรงงานในยุโรปเพิ่มด้วย ฐานการผลิตของอินเทลในปัจจุบัน ที่มา - Reuters, ExtremeTech
# ไมโครซอฟท์เปิดคอร์สสอนเขียนภาษา Rust คู่ไปกับโครงการ Rust for Windows ไมโครซอฟท์เปิดคอร์สสอนเขียนภาษา Rust สำหรับผู้เริ่มต้น โดยเป็น เอกสาร tutorial บนเว็บไซต์ Microsoft Docs มีเนื้อหา 8 โมดูล ใช้เวลาเรียนประมาณ 5 ชั่วโมง เรียนจบแล้วสามารถเขียนโปรแกรม Rust ง่ายๆ แบบคอมมานด์ไลน์ได้ เอกสารนี้สอนการเขียน Rust โดยใช้ VS Code เป็น editor และสอนแนวคิดเบื้องต้น เช่น ระบบจัดการแพ็กเกจ Cargo, ชนิดของตัวแปรต่างๆ, การจัดการหน่วยความจำ เป็นต้น ช่วงหลังๆ Rust ได้รับความสนใจจากบริษัทยักษ์ใหญ่มากมาย เช่น Amazon ที่ดึงโปรแกรมเมอร์ Rust ไปทำงานด้วยเป็นจำนวนมาก, Google นำมาใช้กับ Android กรณีของไมโครซอฟท์เองเพิ่งประกาศโครงการ Rust for Windows ที่เปิดให้ภาษา Rust สามารถเข้าถึง Windows API ได้ง่ายขึ้นด้วย (ข่าวเก่า) ที่มา - The New Stack
# ไมโครซอฟท์เปิดเว็บให้ทัวร์ศูนย์ข้อมูล 3 มิติ พร้อมเผยการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเพิ่มหลายแห่ง ไมโครซอฟท์เปิดเว็บให้ทัวร์สำรวจศูนย์ข้อมูลทั่วไปในรูปแบบ 3 มิติผ่านเบราว์เซอร์บนพีซีหรือมือถือ โดยผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้การทำงานของ Microsoft Cloud ตั้งแต่ล็อบบี้เสมือนจริง ห้องเครือข่าย ห้องเซิร์ฟเวอร์ พื้นที่ปฏิบัติการ โครงสร้างพื้นฐาน และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ไปจนถึงพลังงานหมุนเวียนที่ขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลทั่วโลกและนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น ระบบระบายความร้อนสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บไว้ในถังของเหลวเดือด และศูนย์ข้อมูลแบบแยกส่วนที่ติดตั้งบนพื้นใต้น้ำทะเล ปัจจุบัน Microsoft มีศูนย์ข้อมูลมากกว่า 200 แห่งและยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งหมด 34 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเชื่อมต่อเครือข่ายเข้าด้วยกันผ่านใยแก้วนำแสงใต้ทะเล ภาคพื้นดิน และใต้ดินมากกว่า 265,500 กิโลเมตร ยิ่งไปกว่านั้น คุณ Noelle Walsh รองประธานของกลุ่ม Cloud Ops & Innovation ยังเผยว่าทางไมโครซอฟท์มีกำหนดที่จะประกาศแผนจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเพิ่มอีกอย่างน้อย 10 ประเทศในปีนี้ โดยคาดการณ์ว่าจะสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่เพิ่ม 50 - 100 แห่งในแต่ละปีเพื่ออนาคตอันใกล้นี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมศูนย์ข้อมูลของไมโครซอฟท์ได้ที่ Virtual Datacenter Experience ที่มา - Innovation Stories at Microsoft
# แคปซูล Dragon ของ SpaceX พานักบินอวกาศ 4 คนเชื่อมต่อกับ ISS เรียบร้อยแล้ว วานนี้เวลา 16.49 น. ตามเวลาประเทศไทย SpaceX และ NASA ได้ยิงจรวด Falcon 9 พานักบินอวกาศ 4 คนเดินทางออกสู่อวกาศ ภายใต้ภารกิจ Crew-2 หลังยิงจรวดออกไป บูสเตอร์ขั้นที่หนึ่งก็แยกตัวออกมาลงจอดที่โดรนลอยน้ำ และหลังจากนั้นบูสเตอร์ขั้นที่สองก็แยกตัวออกจากแคปซูล Dragon โดยแคปซูล Dragon ได้พานักบินอวกาศทั้ง 4 คนเดินทางต่ออีกราว 23 ชั่วโมงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS ล่าสุดเมื่อเวลา 16.08 น. ที่ผ่านมา แคปซูล Dragon ได้เชื่อมต่อแบบหลวม (soft capture) เข้ากับ ISS และเชื่อมต่อเต็มรูปแบบ (hard capture) ในไม่กี่นาทีต่อมาได้สำเร็จ ขณะที่เขียนข่าวอยู่นี้ นักบินอวกาศทั้ง 4 เพิ่งถอดชุดสูทออกและเปลี่ยนเป็นชุดปกติ เพื่อเตรียมการเปิดประตู (hatch opening) ก่อนเข้าสู่ ISS โดยต้องใช้เวลาปรับความดันให้เท่ากันราว 2 ชั่วโมงถึงจะเปิดประตูได้ และจะมีพิธีต้อนรับบน ISS ด้วย ทำให้จะมีนักบินอวกาศทั้งหมด 11 คนบน ISS จำนวนนักบินอวกาศถึง 11 คนบน ISS ถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูง โดยขณะนี้ ISS ยังมีนักบินอวกาศจากภารกิจ Crew-1 ที่อยู่มาก่อนจำนวน 4 คน รวมถึงนักบินอวกาศอีก 3 คนที่มากับยาน Soyuz MS และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ยาน Crew Dragon จำนวน 2 ลำอยู่ที่ ISS พร้อมกัน จังหวะที่แคปซูล Dragon กำลังเคลื่อนเข้าสู่ ISS จะเห็นว่ามีแคปซูล Dragon ของภารกิจ Crew-1 เชื่อมต่ออยู่ด้านบน ที่มา - SpaceX Live, Wikipedia ภาพทั้งหมดโดย SpaceX และ NASA
# ผลสำรวจนักพัฒนา Go ปี 2020 ถูกใช้ในที่ทำงานมากขึ้น, นิยมใช้ลินุกซ์และ VS Code ชุมชนนักพัฒนาภาษา Go เผยผลสำรวจความเห็นนักพัฒนาประจำปี 2020 (ข่าวของปี 2019) มีผู้ตอบแบบสอบถาม 9,648 คน ลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อย ภาพรวมของสถิติยังคล้ายกับของเดิม สัดส่วนผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่าใช้ Go ในการทำงาน เพิ่มจาก 73% เมื่อปี 2019 มาเป็น 76% ในปี 2020 แพลตฟอร์มยอดนิยมยังเป็นลินุกซ์ 63% (แต่สัดส่วนลดลงจาก 66% เมื่อปี 2019) ตามด้วยแมค 55% (เพิ่มจาก 53%) เครื่องมือยอดนิยมคือ VS Code (41%) ตามด้วย GoLand (35%) และ Vim (14%) ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ปัจจัยที่ชอบในตัว Go คือ ความเร็วในการคอมไพล์ (90%), เสถียรภาพ (89%), concurrency (88%) ส่วนปัจจัยที่ได้คะแนนน้อยที่สุดคือ web framework (64%) รูปแบบงานที่ใช้ Go มากที่สุดคือ API/RPC (74%), CLI (65%), ไลบรารี/เฟรมเวิร์ค (48%) ส่วนงานที่ใช้น้อยที่สุดคือ Desktop GUI (8%), เกม (4%) และแอพมือถือ (2%) คลาวด์ยอดนิยมคือ AWS (44%), โฮสต์เอง (43%), GCP (26%), Azure (12%) ฟีเจอร์ของตัวภาษาที่นักพัฒนาอยากได้มากที่สุดคือ Generic (88%) เหมือนกับปีที่แล้ว ที่มา - GoLang
# แอปเปิลยืนยัน ไม่มีแผนรวม iPad Pro กับ Mac เข้าด้วยกัน แม้ iPad Pro เปลี่ยนมาใช้ M1 ของใหม่ในงานแถลงข่าวแอปเปิลสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ iPad Pro ตัวใหม่ใช้ชิป M1 ที่โฆษณาด้วยการให้ซีอีโอ Tim Cook มาเล่นบทขโมยชิป M1 จากเครื่อง MacBook Air ประเด็น iPad Pro ใช้ M1 รวมถึงเพิ่มสตอเรจสูงสุดถึง 2TB เยอะกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปซะอีก ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าสินค้ากลุ่ม iPad และ Mac ทับซ้อนกันหรือไม่ สุดท้ายแล้วแอปเปิลจะนำ iPad Pro มาใช้แทน MacBook หรือเปล่า เรื่องนี้ Greg ‘Joz’ Joswiak หัวหน้าฝ่ายการตลาด และ John Ternus หัวหน้าฝ่ายฮาร์ดแวร์ของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษ The Independent ยืนยันเหมือนที่ผ่านๆ มาว่าตลาดของ iPad Pro กับ Mac เป็นคนละตลาดกัน ไม่ทับซ้อนกัน และแอปเปิลไม่มีแผนรวมสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน Ternus บอกว่าคนอาจเข้าใจผิดเพราะสินค้าทั้งสองตัวทำงานบางอย่างได้เหมือนๆ กัน แต่สาเหตุมาจากแอปเปิลไม่ต้องการจำกัดความสามารถของสินค้า จึงไม่มีนโยบายห้ามเหยียบเท้ากันเอง สิ่งที่แอปเปิลทำคือดัน iPad ให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ และดัน Mac ให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้เช่นกัน ลูกค้าเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะซื้อตัวไหน ส่วนประเด็นการเลือกใช้ M1 นั้น Ternus อธิบายสั้นๆ ว่า iPad Pro จะใช้ชิปที่ดีที่สุดของแอปเปิลในเวลานั้นเสมอ ซึ่งตอนนี้คือ M1 ซึ่งเขาบอกว่าอยู่ในวงการฮาร์ดแวร์มานาน การที่สามารถใช้ชิปจากคอมพิวเตอร์มาไว้ในแท็บเล็ตได้ทันที ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างมาก ที่มา - Independent
# ฟีเจอร์ใหม่ Task Manager เพิ่ม Eco Mode สั่งจำกัดทรัพยากรของโพรเซสได้ ไมโครซอฟท์ออก Windows 10 Insider Preview Build 21364 ของใหม่ที่สำคัญคือ WSL ออกรุ่นรองรับโปรแกรม GUI (WSLg) ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว แต่ใน Insider ตัวนี้ยังมีของใหม่ที่น่าสนใจคือ Task Manager ได้ฟีเจอร์ใหม่สองอย่าง อย่างแรกคือ "Eco mode" ที่ผู้ใช้สามารถสั่งจำกัด (throttle) ทรัพยากรของโพรเซสนั้นๆ ลงได้ เหมาะสำหรับกรณีที่เราสังเกตว่าโพรเซสนั้นๆ กินทรัพยากรสูงเกินไป และอยากจัดสรรทรัพยากรให้โพรเซสอื่นๆ แทน ฟีเจอร์ที่สองเป็นความร่วมมือของทีม Task Manager กับทีม Edge เพื่อแสดงรายละเอียดของโพรเซสที่ Edge ใช้งานให้ชัดเจนขึ้น แยกได้ว่าเป็นโพรเซสของ GPU, ส่วนขยาย หรือเว็บไซต์ที่แสดงผล พร้อมไอคอนประกอบสวยงาม (ถ้าเป็นโพรเซสของหน้าเว็บจะแสดง favicon) Task Manager เวอร์ชันปัจจุบัน แสดงเฉพาะโพรเซสชื่อ Edge อย่างเดียว ไม่แยกประเภทให้ ที่มา - Microsoft
# IntelliJ ประกาศหยุดรองรับระบบปฏิบัติการ 32 บิต มุ่ง 64 บิตอย่างเดียว JetBrains ประกาศหยุดรองรับระบบปฏิบัติการ 32 บิต (ทั้งลินุกซ์และวินโดวส์) กับ IDE ทุกตัวของบริษัท ได้แก่ AppCode, Clion, DataGrip, GoLand, IntelliJ IDEA, PhpStorm, PyCharm, Rider, RubyMine, WebStorm IDE ที่อิงอยู่บน IntelliJ เวอร์ชัน 2021.1 ถือเป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่ยังรองรับระบบปฏิบัติการ 32 บิต ถัดจากนี้ไปคือเวอร์ชัน 2021.2 จะใช้งานไม่ได้แล้ว JetBrains บอกว่าระบบปฏิบัติการ 32 บิตมีคนใช้งานน้อยลงมากแล้ว จึงตัดสินใจหยุดรองรับ เพื่อนำทรัพยากรไปรองรับสถาปัตยกรรมใหม่ๆ เช่น AArch64 (ARM64) แทน ที่มา - IntelliJ
# นักแกะแอปไปเจอทวิตเตอร์ กำลังทดสอบกดปุ่มจ่ายทิป ตรงข้างๆ รูปโปรไฟล์ Jane Manchun Wong นักแกะแอปไปเจอทวิตเตอร์กำลังทดสอบฟังก์ชั่นใหม่ เป็นปุ่มไอคอนรูปเงิน สามารถกดเพื่อจ่ายทิปได้ ตัวไอคอนอยู่ด้านขวาของรูปโปรไฟล์ เมื่อกดเข้าไปแล้วจะเจอทางเลือกการจ่ายเงินหลายช่องทางทั้ง Bandcamp, Patreon, Venmo, PayPal รวมถึง Cash App ที่พัฒนาโดย Square ด้วย ก่อนหน้านี้ทวิตเตอร์ยังทดสอบ Tip Jar จ่ายทิปใน Twitter Spaces ฟีเจอร์คุยเสียงแบบ Clubhouse และยังเปิดตัว Super Follows จ่ายเงินให้คนที่เราติดตามรายเดือน เพื่อเข้าถึงเนื้อหา exclusive แสดงให้เห็นว่าทวิตเตอร์กำลังรุกหนักที่จะเป็นแพลตฟอร์มเพื่อครีเอเตอร์มากขึ้น ที่มา - The Verge
# [ลือ] Spotify เตรียมออก subscription ใน Podcast เหมือน Apple แต่ไม่หักค่าธรรมเนียม The Wall Street Journal รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ว่า Spotify มีแผนเปิดตัวระบบพอดคาสต์แบบ subscription ที่ให้ช่องผู้ผลิตคอนเทนต์สามารถเก็บเงินผู้ฟังเพิ่มเติมได้ แบบเดียวกับที่แอปเปิลเพิ่งเปิดตัว Apple Podcasts Subscriptions ไปเมื่อวันก่อน แต่ที่แตกต่างคือ Spotify จะไม่หักส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมจากผู้ผลิตคอนเทนต์ ทั้งนี้โปรแกรม Apple Podcasts Subscriptions ผู้ผลิตคอนเทนต์ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 629 บาทต่อปี และหักส่วนแบ่งรายได้ subscription ปีแรก 30% ปีถัด ๆ ไปจะลดเหลือ 15% นักวิเคราะห์มองว่าแอปเปิลจะพยายามสู้ในศึกนี้ทุกทาง เนื่องจากเป็นต้นแบบของบริการพอดคาสต์ ขณะที่ Spotify พยายามแย่งส่วนแบ่งในตลาดให้มากขึ้น ที่มา: The Wall Street Journal
# SpaceX เริ่มภารกิจ Crew-2 พานักบินอวกาศ 4 คนไป ISS, ใช้แคปซูลเดียวกับภารกิจ Demo-2 วันนี้เมื่อเวลา 16.49 น. ตามเวลาประเทศไทย SpaceX และ NASA ได้ยิงจรวด Falcon 9 เริ่มภารกิจ Crew-2 พานักบินอวกาศ 4 คนไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS โดยความพิเศษของภารกิจนี้คือการใช้แคปซูล Dragon ซ้ำจากภารกิจ Demo-2 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2020 ซึ่งคราวนั้นมีนักบินอวกาศ 2 นาย และเป็นการส่งนักบินอวกาศจากแผ่นดินสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี นอกจากนี้ตัวบูสเตอร์ Falcon 9 ที่ใช้ในภารกิจนี้ ยังเป็นบูสเตอร์ตัวเดียวกับที่ใช้ในภารกิจ Crew-1 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2020 อีกด้วย นักบินอวกาศทั้ง 4 คนประกอบไปด้วย Shane Kimbrough และ K. Megan McArthur ชาวอเมริกันจาก NASA, Akihiko Hoshide ชาวญี่ปุ่นจาก JAXA และ Thomas Pesquet ชาวฝรั่งเศสจาก ESA โดยทั้ง 4 คนจะอยู่ที่ ISS เป็นเวลา 6 เดือนกับนักบินอวกาศอีก 7 คนที่ประจำการอยู่แล้ว แคปซูล Dragon จะล่องอวกาศไปราว 23 ชั่วโมงก่อนจะเชื่อมต่อเข้าสู่ ISS ในเวลาประมาณ 16.10 น. วันที่ 24 เมษายน 2021 สำหรับบูสเตอร์ Falcon 9 ได้ร่อนกลับลงมาลงจอดบนโดรนลอยน้ำ Of Course I Still Love You ได้สำเร็จ ที่มา - The Verge ภาพทั้งหมดโดย NASA
# TSMC สู้วิกฤตภัยแล้งในไต้หวัน ด้วยการสร้างโรงบำบัดน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ TSMC เตรียมสู้ภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีในไต้หวัน หลังรัฐสั่งลดการใช้น้ำเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยการสร้างโรงบำบัดน้ำเสียที่เมืองไถหนาน เมืองที่มีโรงงานผลิตชิปสถาปัตยกรรม 5nm สำหรับ iPhone และ Macbook ของบริษัท เพื่อนำน้ำเสียจากกระบวนการอุตสาหกรรมกลับมาใช้ซ้ำในกระบวนการผลิต TSMC ระบุว่าโรงงานนี้จะแล้วเสร็จภายในปี 2021 และจะบำบัดน้ำกลับมาใช้ได้ถึง 67,000 ตัน ภายในปี 2024 หรือเกือบครึ่งของความต้องการใช้น้ำต่อวันในกระบวนการผลิตชิปของ TSMC ที่อยู่ที่ราวๆ 156,000 ตันเลยทีเดียว ในปี 2019 ที่ผ่านมา TSMC รีไซเคิลน้ำมาใช้ซ้ำได้กว่า 133.6 ล้านตัน แต่น้ำเพียงบางส่วนเท่านั้นที่บริสุทธิ์พอที่จะนำมาใช้ในกระบวนการผลิตชิปที่มีความอ่อนไหวต่อสิ่งปนเปื้อนสูงได้ ส่วนในไถจง อีกเมืองหนึ่งที่มีโรงงานของ TSMC เช่นกัน บริษัทก็เริ่มประสานงานกับรัฐ เตรียมขุดบ่อบาดาลเพิ่มเติมอีกกว่า 88 บ่อแล้ว ปัจจุบันวิกฤตภัยแล้งของไต้หวัน รุนแรงถึงขั้นรัฐต้องหยุดจ่ายน้ำสองวันต่อสัปดาห์ในบางเมืองจนถึงสิ้นเดือนนี้ หรือจนกว่าปริมาณน้ำฝนจะเพิ่มขึ้น และโรงงานผลิตชิปต่างๆ นอกเหนือจาก TSMC เช่น United Microelectronics และ Winbond ก็ต้องใช้บริการรถบรรทุกน้ำหรือโรงเก็บน้ำท้องถิ่น และภัยแล้งครั้งนี้อาจมีส่วนทำให้วิกฤตขาดแคลนชิปยังไม่ผ่านพ้นไปได้ง่ายๆ ในเร็ววัน ที่มา - Nikkei
# PlayStation เซ็นสัญญาทำเกม AAA กับ Firewalk Studios สตูดิโอใหม่ จากอดีตทีมงาน Destiny PlayStation เซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายเกมมัลติเพลเยอร์ระดับ AAA เกมแรกจาก Firewalk Studios หนึ่งในกลุ่มสตูดิโอสร้างเกมของบริษัท ProbablyMonsters โดยยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะเป็นเกมแนวไหน แค่ระบุว่าเป็นเกมมัลติเพลเยอร์เกมใหม่ที่จะลงเฉพาะ PlayStation เท่านั้น Firewalk Studios มีผู้ร่วมก่อตั้ง เช่น Tony Hsu อดีตผู้จัดการทั่วไปและรองประธานอาวุโสผู้ดูแลเกม Destiny ที่ Activision เป็นหัวหน้าทีม ร่วมด้วย Ryan Ellis อดีตครีเอทีฟไดเรกเตอร์ที่ Bungie และ Elena Siegman อดีตผู้อำนวยการสร้างจาก Bungie เช่นกัน แม้ก่อนหน้านี้ PlayStation จะเน้นร่วมงานกับสตูดิโอผลิตเกมแนวเนื้อเรื่องเล่นคนเดียวมากกว่า เช่น God of War, The Last of Us หรือ Horizon Zero Dawn แต่ Hermen Hulst หัวหน้าทีม PlayStation Studio ก็ระบุว่าทีมงานอยากร่วมงานกับหลากหลายสตูดิโอ และทำเกมหลากหลายแนวให้มากที่สุด และก็เชื่อว่า Firewalk Studios มีความรักในการเล่าเรื่อง และมีวิธีการเล่าเรื่องแบบใหม่ที่ดีๆ แน่นอน ส่วน Ryan Ellis ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ Firewalk ก็ระบุว่าเกมมัลติเพลเยอร์เหมือนเป็นเครื่องสร้างเรื่องราวที่ไม่รู้จบ ทั้งการปราบบอสร่วมและแย่งของกับเพื่อนใน Diablo การลง Raid กับเพื่อนใน Destiny หรือการทิ้งระเบิดใส่รถถัง เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนที่กำลังแย่ใน Battlefield 1942 ก็ล้วนเป็นเรื่องราวที่ผู้เล่นสร้างได้เอง Firewalk Studios นับเป็นสตูดิโอเปิดใหม่สตูดิโอที่สองภายในไม่กี่เดือน หลังเซ็นสัญญาลงทุนกับ Haven สตูดิโอใหม่ของ Jade Raymond ผู้สร้าง Assassin’s Creed ที่เพิ่งออกจากทีม Google Stadia เมื่อช่วงกลางเดือนเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้ว ถือเป็นความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนของ PlayStation ในการเพิ่มสตูดิโอและสร้าง IP เกมใหม่ๆ เพื่อสู้กับฝั่ง Xbox หลัง Microsoft เพิ่งปิดดีลซื้อ Bethesda สตูดิโอยักษ์ผู้สร้างเกมตระกูล The Elder Scrolls และ Fallout 3, 4 และ Fallout 76 ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่มา - Gameindustry.biz
# [แจ้งเตือน] มัลแวร์เข้ารหัส QLocker เริ่มโจมตีสตอเรจ QNAP ควรรีบอัพเดตเฟิร์มแวร์ เว็บไซต์ BleepingComputer รายงานถึงมัลแวร์เข้ารหัสเรียกค่าไถ่ QLocker ที่อาศัยช่องโหว่ในเฟิร์มแวร์ QTS ของ QNAP โจมตี เมื่อมัลแวร์เชื่อมต่อ QNAP สำเร็จจะบีบอัดไฟล์ด้วย 7-Zip ที่ใส่รหัสผ่าน ทาง QNAP ออกแพตช์ช่องโหว่เหล่านี้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา แต่มัลแวร์ก็เริ่มโจมตีเป็นวงกว้างตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน โดยมัลแวร์จะทิ้งไฟล์ README ไว้ให้เหยื่อเข้าเว็บผ่าน Tor เพื่อแจ้งการจ่ายค่าไถ่ 0.01 BTC ล่าสุด Jack Cable นักวิจัยความปลอดภัยพบว่าเว็บ QLocker นั้นมีบั๊ก ทำให้สามารถปลอมรายการจ่ายเงินเพื่อเอารหัสผ่าน zip ออกมาปลดล็อกไฟล์ได้ แต่หากคนร้ายรู้ตัวคงแก้ไขช่องโหว่ได้ในไม่นาน ผู้ใช้ QNAP ควรรีบอัพเดตเฟิร์มแวร์ ที่มา - BleepingComputer
# DICE ระบุกำลังทำ Battlefield Mobile เตรียมเปิดตัวบนมือถือภายในปี 2022 Oskar Gabrielson ผู้จัดการทั่วไปของ DICE ผู้สร้างเกม Battlefield ลงบล็อกอัพเดตข่าวสารว่าทีมงานกำลังพัฒนาเกม Battlefield อยู่สองเกมด้วยกัน หนึ่งเกมเป็นภาคหลักภาคใหม่สำหรับพีซีและคอนโซล ที่กำลังอยู่ในสถานะทดสอบ playtesting เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้ และวางขายภายในปี 2021 ส่วนอีกเกมเป็น Battlefield สำหรับมือถือและแท็บเล็ตที่ DICE กำลังพัฒนาร่วมกับทีม Industrial Toys อีกหนึ่งสตูดิโอเกมมือถือของ EA ซึ่งอยู่ในระยะทดสอบการเล่นเช่นกัน และจะเปิดตัวภายในปี 2022 ซึ่ง DICE เน้นย้ำว่าเป็นภาคแยกจากภาคหลักที่พัฒนามาเพื่อมือถือโดยเฉพาะ และจะคงระบบการเล่นที่เน้นการประชันฝีมือของผู้เล่นในสนามรบแบบเต็มรูปแบบไว้เช่นเคย Battlefield เป็นแฟรนไชส์ที่เป็นคู่แข่ง Call of Duty มาเป็นเวลานาน แต่ในด้านเกมมือถือ Call of Duty: Mobile เปิดตัวนำไปก่อนตั้งแต่ปี 2019 ทำยอดดาวน์โหลดกว่า 100 ล้านครั้งในสัปดาห์เปิดตัว และทำรายได้ให้กับสตูดิโอ TiMi ผู้สร้างอย่างมากในปี 2020 คงต้องมาติดตามกันต่อไปว่า Battlefield จะทำได้อย่าง Call of Duty: Mobile หรือไม่ และโมเดลการเก็บเงิน รวมถึงการขายของแบบสุ่มหรือ loot box ของ EA ที่ถูกวิจารณ์บ่อยครั้ง จะถูกนำมาใช้บน Battlefield เวอร์ชั่นมือถืออย่างไรบ้าง ที่มา - Battlefield Blog
# ทวิตเตอร์ทดสอบโปรไฟล์ธุรกิจ เพิ่มเซกชั่น About ให้ใส่ข้อมูลอย่างพิกัดร้าน, เวลาเปิด-ปิด ทวิตเตอร์ประกาศทดสอบ Professional Profiles หรือการแสดงข้อมูลเพิ่มเติมที่เจ้าของโปรไฟล์อย่างบริษัท ธุรกิจ สื่อ ครีเอเตอร์ อยากแสดงให้กลุ่มลูกค้าเห็น โดยสามารถเพิ่มข้อมูลได้ตรงช่อง About ใต้รูปโปรไฟล์ โดย About เป็นเซกชั่นใหม่ที่ทวิตเตอร์เพิ่มมาให้ จากเดิมที่ผู้ใช้จะต้องเพิ่มรายละเอียดใน Bio อย่างเดียว ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลพิกัดร้าน, เวลาเปิด-ปิด, ข้อมูลสินค้า ทางทวิตเตอร์เริ่มทดสอบกับผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของธุรกิจในสหรัฐฯก่อน ที่มา - Engadget
# Consumer Reports ทดสอบระบบ Autopilot ของ Tesla Model Y ระบุการตรวจสอบคนขับน้อยกว่ายี่ห้ออื่น หลังเกิดอุบัติเหตุรถ Tesla ชนต้นไม้ มีผู้เสียชีวิตสองรายในเท็กซัส และอีลอน มัสก์ ออกมาระบุว่าจากข้อมูลที่เก็บได้ ระบบ Autopilot ไม่ได้เปิดอยู่ และระบบจะไม่สามารถเปิดใช้บนถนนที่ไม่มีเส้นได้ ทวิตของอีลอนเป็นการตอบAhmad A Dalhat ที่สงสัยในบทความของ The Wall Street Journal ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่เชื่อว่าตอนเกิดเหตุ รถไม่มีคนขับอยู่ เพราะ Ahmad เชื่อว่าระบบ Autopilot ของ Tesla มีระบบป้องกันและจะตรวจสอบว่ามีคนขับนั่งจับพวงมาลัยอยู่หรือไม่ ล่าสุด เว็บไซต์ Consumer Reports เว็บไซต์ข้อมูลผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคที่ชูจุดเด่นที่ความเป็นอิสระ และไม่รับลงโฆษณาจากแบรนด์ใด ออกมาทำการทดสอบรถ Tesla Model Y ในสนามปิดที่มีเส้นแบ่งเลน พบว่าสามารถหลอกระบบ Autopilot ได้ โดยการเสียบเข็มขัดนิรภัยทิ้งไว้ และใช้โซ่ถ่วงน้ำหนักพวงมาลัย ให้เหมือนยังมีมือคนจับอยู่ โดยสามารถเพิ่มและลดความเร็วจากที่ปรับความเร็วบนพวงมาลัยได้ปกติ และรถก็สามารถวิ่งไปในสนามทดสอบได้โดยไม่มีคนนั่งบนที่นั่งคนขับ Consumer Reports ระบุว่าระบบป้องกันของ Tesla ไม่เพียงพอที่จะตรวจสอบว่ามีคนนั่งอยู่จริงหรือไม่ ต่างจากระบบขับขี่อัตโนมัติของ BMW, Ford, GM, Subaru ที่ใช้กล้องส่องที่นั่งคนขับ เพื่อตรวจสอบว่ามีคนนั่งอยู่จริง โดยระบบ Super Cruise ของ GM ยังสามารถตรวจสอบแนวสายตาของคนขับได้ และจะหยุดระบบอัตโนมัติหากคนขับไม่ยอมหันกลับมามองถนนเมื่อถูกระบบแจ้งเตือนหลายๆ ครั้ง แม้ Tesla Model 3 และ Model Y จะมีกล้อง cabin camera ส่องภายในตัวรถอยู่บนกระจกมองหลัง แต่ระบบนี้ไม่ได้ใช้เพื่อตรวจสอบว่ามีคนขับนั่งอยู่ แต่จะใช้เพื่อบันทึกวิดีโอช่วงสั้นๆ ส่งไปให้ Tesla หากเกิดอุบัติเหตุ หรือมีการเบรกฉุกเฉิน เพื่อพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติเท่านั้น ส่วน Model S จะไม่มีกล้องภายในตัวรถเลย Consumer Reports ยังแนะนำอีกว่า Tesla สามารถใช้เซ็นเซอร์ชั่งน้ำหนักที่มีอยู่ในเบาะคนขับ เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีคนนั่งอยู่จริงหรือไม่ เพราะปัจจุบันระบบเซ็นเซอร์ชั่งน้ำหนักนี้ ใช้สำหรับเตือนให้คนขับสวมเข็มขัดนิรภัย และเปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยเท่านั้น พร้อมระบุทิ้งท้ายว่าแม้ Tesla จะเปลี่ยนโลกยานยนต์ไปตลอดกาล แต่กลับทำเหมือนผู้บริโภคเป็นเพียงวิศวกรทดสอบระบบรถยนต์ และควรใส่ใจความปลอดภัยผู้บริโภคมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการทดสอบระบบ Autopilot บนถนนที่ไม่มีเส้นแบ่งเลนแบบที่เกิดเหตุในเท็กซัส ตามที่อีลอน มัสก์ เคยระบุไว้ว่าระบบ Autopilot จะไม่สามารถเปิดใช้งานได้ หากกล้องตรวจไม่เจอเส้นแบ่งเลนบนถนน ที่มา - Consumer Reports
# Fujifilm กับ Nintendo ทำแอป Instax Mini Link ให้ปรินต์ภาพประทับใจจากเกมใน Switch Fujifilm กับ Nintendo จับมือกันเปิดตัวแอปพลิเคชั่นให้สามารถปรินท์ภาพความประทับใจจากหน้าจอเกมบน Nintendo Switch ผ่านอุปกรณ์ปรินท์เตอร์มือถืออย่าง instax mini Link โดยรูปที่ปรินท์ออกมาเป็นขนาดโพลารอยด์ ผู้เล่นสามารถเก็บภาพความประทับใจ ตัวละคร และภารกิจที่ทำสำเร็จบนเกมต่างๆ บน Switch เช่น Animal Crossing: New Horizons, Super Mario, New Pokémon Snap (เปิดตัว 30 เมษายน) ได้ ในแอปจะมีกรอบรูปดีไซน์ต่างๆ จากเกม Nintendo ให้เลือกด้วย โดยเลือกที่ฟังก์ชั่น Frame Print มีกรอบให้เลือก 59 เฟรม นอกจากนี้ Fuji ยังเปิดตัวปรินท์เตอร์ instax mini Linkคอลเลกชั่นใหม่มีขาวเพิ่มขอบสีแดงและน้ำเงิน พร้อมเคสซิลิโคน Pikachu วางจำหน่าย 30 เมษายนนี้ ที่มา - Fujifilm
# ในที่สุด ช่องแชทใน Twitch ก็มี thread กับเขาแล้ว ในที่สุด Twitch แพลตฟอร์มสตรีมสดก็ทำฟีเจอร์ thread หรือการตอบแชทข้อความใดข้อความหนึ่งต่อๆ กันลงมา โดย Twitch ใช้ชื่อเรียกฟีเจอร์นี้ว่า Chat Replies วิธีการคือ เอาเมาส์จ่อที่ข้อความแชทนั้นๆ กดลูกศร ก็สามารถตอบแบบ thread ลงมาได้ และกดไอคอนที่เป็นรูปกรอบสนทนาเพื่อดูว่าเขาคุยอะไรกันใน thread การใช้งานตามปกติอย่าง แท็กโดยใช้ @username เพื่อต้องการตอบเฉพาะคนๆ ไป ก็สามารถทำได้เช่นกัน และยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้ตั้งค่าได้ คือ ให้มองเห็น Chat Replies ในเวอร์ชั่นสั้น ไม่ยืดยาวจนเกินไป ก็สามารถตั้งค่าด้วยการให้แสดงแบบ Minimum หากต้องการเห็นแบบเต็มๆ เห็นข้อความต้นฉบับที่เป็นจุดเริ่มต้นของ Chat Replies ก็ให้ตั้งค่าแบบ Expanded ที่มา - Twitch, The Verge
# Confluent บริษัทผู้พัฒนา Apache Kafka ยื่นเอกสารเตรียมขายหุ้น IPO Confluent Inc. บริษัทที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนา Apache Kafka ยื่นเอกสารต่อ กลต. สหรัฐ เพื่อเตรียมเข้าขายหุ้น IPO แล้ว Apache Kafka เป็นซอฟต์แวร์จัดการ event streaming (บ้างก็เรียก data pipeline) เพื่อนำข้อมูลปริมาณมากๆ เข้าระบบอย่างรวดเร็ว ตัวซอฟต์แวร์เริ่มพัฒนาโดยทีมวิศวกรของ LinkedIn ช่วงปี 2011 ก่อนเปิดเป็นโอเพนซอร์ส และยกให้ Apache Software Foundation ดูแลต่อ ในช่วงเวลาถัดมา Jay Kreps หัวหน้าทีมพัฒนา Kafka ที่ LinkedIn ในตอนนั้น (เขาเป็นคนตั้งชื่อโครงการด้วย โดยนำชื่อมาจากนักเขียนนิยายชื่อดัง Franz Kafka) ออกมาตั้งบริษัท Confluent เพื่อหารายได้จาก Kafka ในเชิงพาณิชย์ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีทั้ง Confluent Platform (Kafka เวอร์ชัน enterprise ติดตั้งเอง) และ Confluent Cloud (Kafka เวอร์ชันรันบนคลาวด์) โดยได้รับการสนับสนุนจาก LinkedIn ในฐานะต้นสังกัดเดิม ปัจจุบัน Confluent ยังไม่เปิดเผยข้อมูลทางการเงิน แต่มีข้อมูลว่ามูลค่าบริษัทล่าสุดอยู่ที่ราว 4.5 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายน 2020 บริษัทอื่นๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Kafka ได้แก่ Cloudera และ IBM Event Streams แต่ก็แน่นอนว่า Confluent ในฐานะบริษัทของผู้สร้าง Kafka ย่อมได้รับความสนใจมากที่สุด ช่วงหลังๆ เราเห็นบริษัทสาย enterprise เข้าขายหุ้น IPO กันหลายราย เช่น Snowflake, JFrog, Sumo Logic, Asana และล่าสุดคือ UiPath ที่มา - Confluent, Reuters
# Pfizer ยืนยันพบวัคซีน COVID-19 ปลอมในเม็กซิโกและโปแลนด์ ขายราคาสูงกว่าสามหมื่นบาทต่อโดส Pfizer บริษัทยาจากสหรัฐ ผู้ผลิตวัคซีน mRNA สำหรับป้องกันไวรัส COVID-19 ยืนยันว่าพบวัคซีนปลอมประเทศเม็กซิโกและโปแลนด์ แถมวัคซีนเหล่านี้ยังถูกซื้อขายกันในราคาสูงถึง 1,000 ดอลลาร์ต่อโดส หรือกว่าสามหมื่นบาท จากการตรวจสอบพบว่าคลีนิคแห่งหนึ่งในเม็กซิโก ฉีดวัควีนปลอมไปแล้วถึง 80 คน แม้ว่าตัววัคซีนปลอมนี้จะดูไม่มีอันตรายอะไรก็ตาม ผู้ได้รับวัคซีนปลอมก็จะไม่มีภูมิคุ้มกัน COVID-19 เช่นกัน ส่วนในโปแลนด์ Pfizer ระบุว่าวัคซีนปลอมที่พบ เป็นเพียงเครื่องสำอางค์ คาดว่าอาจเป็นครีมกันรอยเหี่ยวย่น นอกจากนี้เจ้าหน้าเม็กซิโกก็กำลังตรวจสอบวัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย กว่า 6,000 โดส ที่ยึดได้จากเครื่องบินส่วนตัวมุ่งหน้าสู่ฮอนดูรัสเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่าเป็นวัคซีนจริงหรือไม่ และถ้าพบว่าเป็นวัคซีนปลอม อาจแปลว่ามีวัคซีนปลอมหลายยี่ห้อและรูปแบบ กำลังเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดวัคซีน COVID-19 ในปัจจุบัน ที่มา - The Strait Times
# KBTG ชี้แจง ไม่ได้กำลังออกเงินคริปโตใหม่หรือเป็นตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโต KBTG บริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทยออกแถลงชี้แจงถึงข่าวที่ระบุว่าบริษัท Kubix กำลังจะออกสกุลเงินดิจิทัลและเปิดตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโตว่าไม่เป็นความจริง แถลงยังระบุว่า Kubix นั้นตั้งขึ้นมาเพื่อให้บริการระบบเสนอขายโทเค็นที่มีสินทรัพย์รองรับ (asset backed) ต่อนักลงทุน โดยทำหน้าที่คัดกรองธุรกิจที่จะเสนอขายโทเค็น ประเมินแผนธุรกิจและประเมินผลตอบแทนที่คาดว่านักลงทุนจะได้รับ ที่มา - Facebook: KBTG
# Sony เปิดทดสอบสตรีมมิ่ง PlayStation Plus Video Pass แต่เฉพาะในโปแลนด์ที่เดียว Sony Interactive Entertainment เปิดบริการสตรีมมิ่ง PlayStation Plus Video Pass แต่ยังจำกัดเฉพาะในประเทศโปแลนด์เพียงประเทศเดียวก่อน PlayStation Plus Video Pass เป็นบริการเสริมให้สมาชิก PlayStation Plus สามารถชมภาพยนตร์และซีรีส์ของค่าย Sony Pictures ประมาณ 20 เรื่อง ตัวแทนของ SIE ระบุว่า Video Pass ยังเป็นแค่การทดสอบตลาดเท่านั้น และขอดูผลตอบรับในประเทศโปแลนด์ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะขยับขยายต่อหรือไม่ ช่วงหลัง Sony หันมาสนใจธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งเพิ่มขึ้นมาก เมื่อปลายปีที่แล้วเพิ่งซื้อกิจการ Cruncyroll เข้ามาเพิ่มจากที่มี Funimation อยู่ก่อนแล้ว ที่มา - VGC
# Facebook จะสำรวจความเห็น อยากเห็นโพสต์แบบไหน เพื่อเอาไปปรับอัลกอริทึมบน News Feed Facebook ประกาศทดสอบความเห็นผู้ใช้งานทั่วโลก เกี่ยวกับความรู้สึกเวลาเห็นโพสต์ใดๆ บนหน้าฟีด ซึ่ง Facebook จะนำผลสำรวจไปปรับอัลกอริทึมการแสดงเนื้อหาใหม่ โดย Facebook จะให้ตอบแบบสอบถามด้านล่างโพสต์ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับโพสต์นี้ โพสต์นี้สร้างแรงบันดาลใจหรือไม่ ในระดับใด Facebook ระบุด้วยว่า ในขั้นต่อไป จะทำการสำรวจความเห็นว่าผู้ใช้อยากเห็นโพสต์ประเภทไหนน้อยลง โดยจะทำการสำรวจเป็นหัวข้อๆ ไป เช่น หัวข้ออาหาร สัตว์เลี้ยง กีฬา การเมือง เป็นต้น จากประเด็นการเมืองที่กำลังมีปัญหากันนี้ Facebook ได้รับเสียงสะท้อนจากผู้ใช้งานว่าเจอโพสต์การเมืองเยอะเกินไป อนาคต Facebook จึงจะพยายามทำความเข้าใจว่า โพสต์แบบไหนที่สร้างประสบการณ์เชิงลบ อาจพิจารณาจากการกดโกรธ และจะคอยถามผู้ใช้ว่าอยากเห็นโพสต์แบบไหนน้อยลง นอกจากนี้ Facebook จะปรับเปลี่ยนหน้าตาโพสต์ในฟีดใหม่เล็กน้อย เพิ่มไอคอนกากบาทให้ผู้ใช้กดซ่อนโพสต์ได้ง่ายขึ้น การทดสอบครั้งนี้สอดคล้องกับแนวทาง Facebook ที่จะลดเนื้อหาการเมืองให้น้อยลง ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าสร้างความแตกแยกในสังคมสหรัฐฯ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์บุกรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ที่มา - Facebook
# The Witcher 3 กลับมาขายดี ยอดขายแตะ 30 ล้านชุด, ทั้งซีรีส์ขายได้ 50 ล้านชุดแล้ว นอกจากตัวเลขของ Cyberpunk 2077 CD Projekt ยังเผยสถิติของเกมซีรีส์ The Witcher ว่ามียอดขายรวม 50 ล้านชุดแล้ว โดยยอดขายส่วนใหญ่ 30 ล้านชุด มาจากเกม The Witcher 3 CD Projekt ยังโชว์กราฟยอดขายของ The Witcher แต่ละภาคในแต่ละปีด้วย จากกราฟจะเห็นว่า The Witcher 3 มียอดขายแซงหน้าภาค 1+2 ไปไกลมาก และกลับมาขายดีอีกรอบในปี 2019-2020 ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากซีรีส์ของ Netflix ช่วยกระตุ้นยอดขาย ถึงแม้เกมซีรีส์ The Witcher จบเนื้อเรื่องหลักไปแล้ว แต่เราก็ยังเห็นการหากินกับซีรีส์นี้อีกเรื่อยๆ โดยจะมีเกม AR บนมือถือ The Witcher: Monster Slayer ที่จะเริ่มเปิดทดสอบเวอร์ชัน Android แล้ว และเกม The Witcher 3 เองก็จะออกเวอร์ชันอัพเกรดสำหรับคอนโซลรุ่นใหม่ (PS5, Xbox Series) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ CD Projekt ยังให้ข้อมูลว่าจะใช้แนวทางสร้างเกมในแฟรนไชส์ The Witcher และ Cyberpunk คู่ขนานกันไปอีกในอนาคตอันใกล้นี้ (the coming years) เท่ากับว่าเราน่าจะยังเห็น 2 เกมนี้ออกมาหาเงินกันต่อเนื่องไปอีกสักพักใหญ่ๆ ที่มา - CD Projekt
# CDPR เผยคนขอคืนเงินเกม Cyberpunk 2077 จำนวน 3 หมื่นชุด เฉพาะผ่านช่องทางบริษัท CD PROJEKT Group เผยผลประกอบการปี 2020 สิ่งที่ทุกคนสนใจย่อมเป็นสถิติของ Cyberpunk 2077 สุดยอดเกมสร้างข่าวต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2020 ยอดขายของ Cyberpunk 2077 ณ สิ้นปี 2020 อยู่ที่ 13.7 ล้านชุด ตามที่เคยเปิดเผยไปแล้ว ส่วนตัวเลขขอคืนเงิน (เฉพาะ refund ผ่านช่องทางของ CD Projekt เอง) ที่ 30,000 ชุด ยังไม่รวมการคืนเงินผ่านร้านตัวแทนจำหน่ายอื่นๆ สถิติอื่นที่น่าสนใจคือ ยอดขาย Cyberpunk 2077 มาจากการขายแบบดิจิทัล 73% และการขายแบบแผ่นแค่เพียง 27% แพลตฟอร์มที่ขายดีที่สุดคือ PC/Stadia รวมกัน 56% ตามด้วย PS4 28% (แม้โซนี่หยุดขายชั่วคราว) ส่วน Xbox One ที่ 17% ภูมิภาคที่ขายดีที่สุดคือ อเมริกาเหนือ 38% ยุโรป 34% เอเชีย 20% แผนการพัฒนาเกม Cyberpunk 2077 ยังเป็นไปตามที่ประกาศไว้คือ จะออก DLC ฟรีหนึ่งตัว และออกเกมเวอร์ชันคอนโซล new-gen ในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 ที่มา - CD Projekt, GamesIndustry
# Intel ไตรมาส 1/2021 รายได้และกำไรลดลงเล็กน้อย อินเทลรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2021 รายได้รวมแบบบัญชี GAAP 19,673 ล้านดอลลาร์ ลดลง 1% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 3,361 ล้านดอลลาร์ Pat Gelsinger ซีอีโออินเทลกล่าวว่าผลการดำเนินงานไตรมาสยังแข็งแกร่ง ถ้าสินค้าที่บริษัทเป็นผู้นำตลาด ขณะที่การตอบรับจากยุทธศาสตร์ IDM 2.0 ออกมาดีมาก ปีนี้เป็นปีที่สำคัญทั้งการวางรากฐานกลยุทธ์ และใช้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ กลุ่มธุรกิจพีซีมีจำนวนสินค้าส่งมอบเพิ่มขึ้น 38% เฉพาะสินค้ากลุ่มโน้ตบุ๊คเพิ่มขึ้นถึง 54% และเป็นสถิติใหม่สูงสุดของอินเทล ส่วนกลุ่มธุรกิจ Data Center อินเทลระบุว่าเห็นการฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจ IoT เติบโตดีกว่าที่บริษัทประเมิน โดย Mobileye มีรายได้เพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่สูงสุดเช่นกัน ที่มา: อินเทล
# โลกยุคผสมผสาน Ubuntu 21.04 เน้นรองรับไมโครซอฟท์ เชื่อมต่อ Active Directory, ออปติไมซ์สำหรับ SQL Server Canonical ปล่อย Ubuntu 21.04 ตามรอบ 6 เดือน โดยเวอร์ชั่นนี้มีการปรับปรุงเด่นๆ คือเน้นรองรับโซลูชั่นของไมโครซอฟท์ ทั้ง Active Directory และ Microsoft SQL Server ในเวอร์ชั่นนี้ตัวติดตั้งจะมีตัวเลือกใช้เชื่อมเข้า Active Directory (AD) ตั้งแต่ติดตั้ง ทำให้จัดการเครื่องจากศูนย์กลางได้โดยตรง ผ่านทาง Group Policy Client ส่วนการออปติไมซ์ประสิทธิภาพ SQL Server อาศัยการอิมพลีเมนต์ฟีเจอร์เช่น Force Unit Access (FUA) บนระบบไฟล์ XFS และฟีเจอร์ persistent memory (PMEM) โดยฟีเจอร์นี้จะถูกพอร์ตกลับไป Ubuntu 20.04 LTS ด้วย สำหรับหน้าจอเดสก์ทอปเปลี่ยนมาใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้น กราฟิกโดยรวมจะเนียนขึ้น และรองรับ Flutter SDK มาในตัวเป็นแพ็กเกจ snap ที่มา - Ubuntu
# Figma แอปออกแบบ UI/UX เปิดตัว FigJam กระดานไวท์บอร์ดให้นักออกแบบระดมสมองช่วยกัน Figma แอปออกแบบ UI/UX เปิดตัว FigJam เป็นไวท์บอร์ดให้นักออกแบบระดมความคิดร่วมกัน ก่อนจะนำไอเดียไปออกแบบชิ้นงาน ผู้ใช้สามารถแปะโพสต์อิท รวมถึงเขียนและวาดเพิ่มเติมได้ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังประชุมระดมสมองกันอยู่โดยเขียนบนกระดานไวท์บอร์ดจริงๆ นอกจากนี้ Figma ยังเพิ่มฟังก์ชั่น voice chat ลงไปในทั้ง Figma และ FigJam นักออกแบบไม่จำเป็นต้องเปิดห้องประชุมใน Zoom หรือ Google Meet เพื่อคุยงานกันกัน แต่สามารถกดอัดเสียงส่งไปได้เลย ภาพจาก Figma ที่มา - TechCrunch
# ไมโครซอฟท์ออก DirectX 12 Agility SDK แยกการอัพเดต DirectX จาก Windows ไมโครซอฟท์ออก DirectX 12 Ultimate เมื่อต้นปี 2020 โดยเป็นชุด API กราฟิกยุคใหม่ ทันสมัยเท่า Xbox Series X แต่ข้อจำกัดของ DirectX 12 Ultimate คือมันผูกกับ Windows 10 20H1 ขึ้นไป และในอนาคตถ้า DirectX มีฟีเจอร์ใหม่ นักพัฒนาเกมจำเป็นต้องรอผู้ใช้อัพเดตผ่าน Windows Update ก่อนจึงจะใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้ กลายเป็นอุปสรรคในการรองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ วันนี้ไมโครซอฟท์แก้เกมด้วยการออก DirectX 12 Agility SDK ที่สามารถผูกฟีเจอร์ใหม่ของ DirectX ไปกับไฟล์เกมได้เลย ไม่ต้องรอผู้ใช้อัพเดตระบบปฏิบัติการก่อน ตัว SDK นี้สามารถใช้ได้กับ Windows 10 19H2 ขึ้นไป ซึ่งไมโครซอฟท์บอกว่าครอบคลุมเกมเมอร์เกือบทั้งหมดแล้ว เพื่อพิสูจน์ศักยภาพให้เห็น ไมโครซอฟท์จึงออก Agility SDK เวอร์ชันแรก ที่นำ DirectX 12 Ultimate รุ่นมาตรฐาน (มีใน 20H1 อยู่แล้ว) บวกกับ Shader Model เวอร์ชัน 6.6 ที่จะรอออกพร้อม Windows 10 ตัวหน้า (ยังไม่มีที่ไหนเลย) มาให้ใช้งานกันทันที ไมโครซอฟท์บอกว่าแยก Agility SDK ออกมาจากเสียงสะท้อนของนักพัฒนาเกม ที่ต้องการใช้ฟีเจอร์ล่าสุดของ DirectX 12 Ultimate แต่ติดที่ผู้ใช้ไม่อัพเดตระบบปฏิบัติการ บริษัทเกมรายใหญ่ที่ประกาศสนับสนุนแล้วคือ Epic Games ที่จะนำไปใช้กับ Unreal Engine ของตัวเอง ภาพรวมของ DirectX คงเหมือนกับโปรแกรมอื่นๆ ใน Windows (เช่น Edge หรือแม้แต่ Notepad) ที่แยกรอบการอัพเดตของตัวเองไม่ให้ผูกกับตัว OS เพื่อไม่ต้องรอรอบซึ่งกันและกัน ที่มา - Microsoft
# กูเกิลประกาศย้ายระบบ FeedBurner พร้อมยกเลิกบริการสมัครรับข้อมูลผ่านอีเมล FeedBurner เป็นบริการฟีดข้อมูลที่อยู่คู่กับ Google มานานตั้งแต่กระแส web 2.0 ล่าสุด กูเกิลประกาศย้ายระบบ FeedBurner จากโครงสร้างเดิมไปยังโครงสร้างระบบใหม่ที่มีความเสถียรมากขึ้น พร้อมกับยกเลิกบริการสมัครรับข้อมูลผ่านอีเมล ซึ่งเป็นบริการของ FeedBurner ไปพร้อมกันด้วย ทำให้ FollowByEmail ของ Blogger ต้องถูกยกเลิกให้บริการตามไปด้วย โดยกำหนดการยกเลิก คือ เดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ทางกูเกิลได้แนะนำเจ้าของฟีดข้อมูลที่ใช้บริการสมัครรับข้อมูลผ่านอีเมลให้ดาวน์โหลดข้อมูลรายการสมาชิกอีเมลและย้ายไปใช้งานบริการรสมัครรับข้อมูลผ่านอีเมลอื่น ๆ แทน ส่วนความสามารถอื่น ๆ ของ FeedBurner ยังสามารถใช้บริการได้อยู่ ที่มา - techcrunch.com
# Node.js ออกเวอร์ชัน 16.0 รุ่นเลขคู่ของปี 2021 Node.js ออกเวอร์ชันเลขคู่ประจำปี 2021 คือ Node.js 16.0.0 โค้ดเนม Gallium ที่จะกลายเป็นเวอร์ชันซัพพอร์ตระยะยาว (LTS) ในอนาคต ปกติแล้ว Node.js ออกเวอร์ชันใหม่ปีละ 2 รอบคือ รุ่นเลขคู่ในเดือนเมษายน และรุ่นเลขคี่ในเดือนตุลาคม โดยรุ่นเลขคู่จะเข้าสถานะ LTS เมื่อรุ่นเลขคี่ออกตามมา (เช่น 16.x จะเป็น LTS เมื่อ 17.0 ออก) ของใหม่ใน Node.js 16.0 คือรองรับ Apple Silicon, ปรับมาใช้เอนจินจาวาสคริปต์ V8 เวอร์ชัน 9.0, เพิ่ม Timers Promises API, เลิกซัพพอร์ต Python 2 เป็นต้น Node.js จะมีรุ่นที่ซัพพอร์ตพร้อมกันครั้งละ 3 รุ่น ปัจจุบันคือ 10.x, 12.x, 14.x เมื่อออกรุ่นใหม่คือ 16.0 จะทำให้รุ่น 10.x สิ้นสถานะซัพพอร์ตตอนสิ้นเดือนเมษายนนี้ ที่มา - Node.js, The Register
# รู้จักกับ MusicBrainz เมื่อนำ Shazam มารวมกับ Free Online Music Database เนื่องจากเพิ่งมีเวลาสะสางไฟล์เพลงที่มีเก็บไว้แล้วพบว่ามีเพลงจำนวนมากที่ไม่มี metadata ทำให้ไม่รู้ว่าเพลงอะไร ในยุคนี้เราไม่ต้องเปิดเพลงฟัง แล้วจับเนื้อร้อง เพื่อเอาไปค้นหาด้วย Google อีกแล้ว เราสามารถใช้ Shazam เพื่อหาว่าเพลงที่เปิดอยู่คือเพลงอะไรได้โดยง่ายแล้วไปแก้ไขข้อมูลด้วยมือ หนึ่งถึงสองเพลงแรกยังสนุกอยู่ แต่ปรากฏว่ามีนับร้อยเพลงที่ไม่มี metadata ก็ไม่ไหวแล้ว ถึงได้พยายามหาวิธีที่ดีกว่านี้ แล้วคำตอบคือ MusicBrainz ครับ MusicBrainz เป็นโปรเจค ที่สร้างฐานข้อมูลเพลงออนไลน์โดยอาศัยชุมชนเป็นผู้เพิ่มข้อมูลและใครๆ ก็ใช้ได้ ซึ่งเป็นแนวทางแบบเดียวกับ Freedb ที่เป็นฐานข้อมูลออนไลน์ของแผ่นซีดี นอกจากจะเป็นฐานข้อมูลออนไลน์แล้ว MusicBrainz ยังมีฐานข้อมูลของ acoustic fingerprint ซึ่งช่วยในการค้นหาเพลงโดยไม่ต้องอาศัย metadata ได้อีกทาง ณ ปัจจุบัน MusicBrainz มีข้อมูลเพลงอยู่ 28 ล้านเพลง เป็นฐานข้อมูลเพลงออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 รองจาก Discogs (151 ล้าน), Gracenote (100 ล้าน), ACRCloud (40 ล้าน) แต่นับเป็น ฐานข้อมูลฟรีของ acoustic fingerprint ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน แอปยอดนิยมที่ใช้แก้ไข metadata สามารถดึงข้อมูลจาก MusicBrainz ได้โดยตรง เช่น mp3tag / Foobar2000 แต่การค้นหาจาก acoustic fingerprint ต้องใช้ผ่านแอปเฉพาะที่ชื่อ MusicBrainz Picard เท่านั้น ซึ่งตอนนี้มีครอบคลุม platform ใหญ่ทั้งหมด ทั้ง Windows / macOS / Linux / Android ส่วนวิธีการใช้งานสามารถหาได้ตาม YouTube ครับ ส่วนใครเจอปัญหาว่าหาเพลงด้วย acoustic fingerprint ไม่เจอ ก็สามารถที่เพิ่มเข้าไปได้ผ่าน Picard เช่นกัน จากประสบการณ์ใช้งานจริง พบว่าเพลงที่ค่อนข้างใหม่จะหาได้จาก acoustic fingerprint เกือบทั้งหมด ส่วนเพลงที่เก่าหน่อย เช่นก่อนปี 2000 มักไม่ไม่มีใครให้ข้อมูล acoustic fingerprint ไว้ครับ แต่มีข้อมูล metadata ไว้ครบถ้วนทีเดียว ผมจึงได้เพิ่มเติมเข้าไปแล้ว นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่น่าสนใจ และเปิดให้เข้าถึงได้ เช่น MusicBrainz ยังมีฐานข้อมูลภาพหน้าปก CD / Media Cover Art แยกออกมาในชื่อ Cover Art Archive ซึ่งเปิด API ให้ใครๆ ก็ใช้งานได้ Amazon ก็ใช้งานระบบนี้เช่นกัน เทคโนโลยีในการทำ acoustic fingerprint ของ MusicBrainz มีชื่อเรียกว่า Chromaprint รายละเอียดสามารถอ่านได้ในบล็อกของ Lukáš Lalinský ซึ่งเป็นหนึ่งใน Contributor ของชุมชน MusicBrainz ฝั่ง Server เขียนด้วย Perl ร่วมกับฐานข้อมูล PostgreSQL ส่วนข้อมูลในฐานข้อมูลจะมี snapshot ออกมาให้ทุก 2 สัปดาห์ ทุกอย่างเป็น Open source พร้อม document อย่างละเอียด ฝั่ง Picard เองก็เป็น Open source เขียน Python แม้ว่าปัจจุบัน ตอนนี้ Online music streaming จะมาแรง แต่การเก็บเพลงที่ตัวเองชอบฟังไว้ก็ยังเป็นหนึ่งในแนวทางที่ยังมีคนนิยมทำกันอยู่ ก็หวังว่า MusicBrainz จะตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มนี้นะครับ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ MusicBrainz
# Grafana เปลี่ยนไลเซนส์เป็น AGPL ป้องกันคนนำไปให้บริการคลาวด์ Grafana Labs เดินตามรอย Elastic Inc ด้วยการเปลี่ยนสัญญาอนุญาต 3 โครงการหลัก ได้แก่ Grafana, Loki, และ Tempo จาก Apache License เป็น AGPL เพื่อป้องกันการนำซอฟต์แวร์ไปให้บริการคลาวด์ ช่วงสองปีที่ผ่านมา บริษัทที่พัฒนาโครงการโอเพนซอร์สเปลี่ยนไลเซนส์เพื่อป้องกันการให้บริการคลาวด์หลายครั้ง โครงการสำคัญๆ คือ MongoDB และ Elasticsearch ที่เปลี่ยนไปใช้ SSPL แทน สัญญาอนุญาตแบบ AGPL นั้นยังถือว่าเป็นโอเพนซอร์สอยู่ (อยู่ในรายการ OSI-approved license) โดยมีเงื่อนไขคือผู้ที่ดัดแปลงซอฟต์แวร์และให้บริการผ่านเน็ตเวิร์ค ต้องปล่อยโค้ดที่ดัดแปลงนั้นให้กับผู้ใช้งานด้วย ทาง Grafana Labs ยอมรับว่า AGPL นั้นป้องกันคนนำซอฟต์แวร์ไปให้บริการคลาวด์ไม่ดีเท่า SSPL ที่บังคับให้เปิดเผยซอร์สโค้ดอื่นๆ นอกโครงการ เช่น ซอฟต์แวร์จัดการระบบ, ซอฟต์แวร์ทดสอบ ดังนั้นหากผู้ใช้ใช้งาน Grafana โดยไม่ได้ดัดแปลงอะไรก็จะไม่ได้รับผลกระทบ ซีอีโอของ Grafana Labs กล่าวถึงความเสี่ยงที่อาจจะมีคน fork โครงการแบบเดียวกับ Elasticsearch ว่าตอนนี้ก็มีโครงการ fork ของ Grafana อยู่บ้างแล้ว และจริงๆ Grafana เองก็เป็นโครงการ fork ออกมาจาก Kibana แต่เขาก็ระบุว่าโครงการโอเพนซอร์สจะสำเร็จได้ต้องมีการดูแลโครงการอย่างต่อเนื่องด้วย ที่มา - Grafana Blog
# ครั้งแรกของโลก ยุโรปเสนอกฎกำกับดูแล AI สร้างขอบเขตการใช้งานให้ไม่กระทบสิทธิพลเมือง สหภาพยุโรป เสนอร่างข้อกำหนดควบคุมการใช้ AI โดยจะเป็นนโยบายแรกของโลกในการกำกับดูแลและกำหนดขอบเขตของบริษัทว่าสามารถใช้ AI ได้ถึงระดับไหน เนื่องจาก AI ยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง ทั้งการคุกคามความเป็นส่วนตัว และความโน้มเอียง ตัวร่างข้อกำหนดความยาว 108 หน้า แบ่งความเสี่ยง AI เป็น 4 ขั้น ความเสี่ยงระดับที่ยอมรับไม่ได้ เช่น AI ที่รัฐบาลใช้กำหนดคะแนนความประพฤติของประชาชน เป็นต้น ซึ่งยุโรปจะแบนการใช้อัลกอริทึมพวกนี้ทั้งหมด ความเสี่ยงสูง เช่น AI ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายและการระบุตัวตนทางชีวภาพ ทางคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า เทคโนโลยีในกลุ่มนี้ต้องอยู่ภายใต้การกำกับตั้งแต่ขั้นฝึกระบบเลย AI ที่มีความเสี่ยงจำกัด เช่น แชทบอท ตัวร่างระบุให้บริษัทเปิดเผยใช้ชัดว่าผู้ใช้กำลังคุยกับ AI เพื่อให้ผู้ใช้ตัดสินใจเองว่าอยากคุยต่อหรืออยากคุยกับคนมากกว่า AI ความเสี่ยงต่ำ เช่น ระบบกรองสแปม ในเอกสารไม่ได้ระบุวิธีการกำกับดูแล ภาพจาก EU วัตถุประสงค์ของร่างข้อกำหนดคือ ให้แน่ใจว่า AI ที่ใช้ในตลาดมีความปลอดภัย และเคารพหลักสิทธิขั้นพื้นฐาน และให้มีกฎหมายที่แน่นอน เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนพัฒนา AI รวมถึงการปรับปรุงการกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้ดีขึ้น มีการกำหนดโทษบริษัทที่ฝ่าฝืนกฎ ให้ปรับ 6% ของรายได้ ยุโรปมีความตื่นตัวเรื่องการเฝ้าระวังการใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่การออกกฎ GDPR กฎใหม่ควบคุมความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ซึ่งช่วยให้ทั่วโลกตื่นตัวเรื่องการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของตน กฎใหม่ควบคุม AI จึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของ AI ในอนาคต ที่มา - Engadget, New York Times
# หัวหน้าทีมแพทย์ BioNTech ระบุ วัคซีน COVID-19 อาจต้องฉีด 3 โดส คาดต้องฉีดกระตุ้นทุกปี Dr. Özlem Türeci ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าทีมแพทย์ (Chief Medical Officer) ของ BioNTech ที่พัฒนาวัคซีน COVID-19 ร่วมกับ Pfizer ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่าเธอคาดว่าผู้คนน่าจะต้องฉีดวัคซีนโดสที่ 3 เมื่อภูมิคุ้มกันเริ่มอ่อนลง ซึ่งสอดคล้องกับที่ซีอีโอของ Pfizer เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้เธอยังคาดว่าต่อไปผู้คนจะต้องฉีดวัคซีนนี้เพื่อกระตุ้นภูมิทุกปีเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ด้วยเหตุผลเดียวกันคือนักวิทยาศาสตร์คิดว่าภูมิคุ้มกันจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ก่อนหน้านี้ Albert Bourla ซีอีโอของ Pfizer เคยให้ข้อมูลว่าผู้คนน่าจะต้องรับวัคซีนโดสที่ 3 ภายใน 12 เดือนหลังจากฉีดครบ 2 โดสที่เป็นขั้นต่ำ โดย Pfizer เคยกล่าวว่าวัคซีนของตนมีประสิทธิภาพมากกว่า 91% ในการป้องกันไวรัส และมากกว่า 95% ในการป้องกันโรคร้ายแรงภายใน 6 เดือนหลังรับวัคซีนโดสที่ 2 ซึ่งวัคซีนของ Moderna ก็มีประสิทธิภาพในระดับใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังไม่ทราบว่าวัคซีนจะยังป้องกันไวรัสได้ดีเพียงใดหากพ้น 6 เดือนไปแล้ว แต่ก็แปลว่าทุกประเทศจะต้องการวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกอย่างมากในอนาคต ซึ่งขณะนี้รัฐบาลไบเดนก็กำลังจะจัดหาวัคซีนเพิ่มอีก ที่มา - CNBC ภาพวัคซีน BNT162b2 จาก BioNTech
# Chrome OS เพิ่มแอพเชื่อมสแกนเนอร์ และแอพดูจำนวนรอบการชาร์จแบตเตอรี่ ถึงแม้ Chrome OS เป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาสำหรับเข้าเว็บเป็นหลัก แต่กูเกิลก็ทยอยเพิ่มองค์ประกอบอื่นๆ ให้ทัดเทียมกับระบบปฏิบัติการอื่นๆ เช่น ฟีเจอร์ screen recording หรือ Phone Hub เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ล่าสุด Chrome OS ได้ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจอีก 2 อย่าง ได้แก่ Scan แอพสำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องสแกนเนอร์ (รองรับการสแกนผ่าน USB และ Wi-Fi แต่ยังไม่รองรับ Bluetooth) และ Diagnostics แอพตรวจสอบปัญหาของซีพียู แรม แบตเตอรี่ ซึ่งใช้ดูได้ว่าแอพตัวไหนกินแบตเยอะ แบตเหลืออีกเท่าไร และใช้งานไปแล้วกี่ cycle ด้วย กูเกิลยังบอกว่า Chrome OS จะได้ฟีเจอร์ Live Captions ถอดเสียงเป็นข้อความ แบบเดียวกับที่ Chrome มี ด้วยเช่นกัน ที่มา - Google
# สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯเสนอกฎหมาย ห้ามหน่วยงานรัฐ ซื้อข้อมูลใบหน้าจากบริษัทภายนอก ที่สหรัฐฯ กำลังมีประเด็นเรื่องความความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะข้อมูลใบหน้าจากระบบจดจำใบหน้า เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา Buzzfeed News รายงานว่า มีหน่วยงานรัฐ ตำรวจ สถาบันการศึกษา ใช้ข้อมูลจากระบบจดจำใบหน้าของ Clearview AI อย่างแพร่หลายโดยไม่มีการกำกับดูแลที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีบุคลากรในหน่วยงานถึง 1,803 แห่งใช้แพลตฟอร์มจดจำใบหน้า โดยไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา ล่าสุด สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ เสนอกฎหมาย Fourth Amendment is Not For Sale Act หน่วยงานจะไม่สามารถซื้อข้อมูลประชากรจากนายหน้าหรือหรือจากบริษัทภายนอกได้ หากข้อมูลนั้นได้มาจากบัญชีหรืออุปกรณ์ของผู้ใช้ หรือผ่านการหลอกลวง การละเมิดสัญญานโยบายความเป็นส่วนตัว หากกฎหมายนี้ผ่าน บริษัท Clearview AI จะไม่สามารถขายข้อมูลให้กับหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาได้อีกต่อไป Photo Mix จาก Pixabay มีรายงานด้วยว่า Clearview AI ใช้วิธีการหลากหลายเพื่อให้ได้ข้อมูลมา เช่น ดูดข้อมูลใบหน้าจาก Google, Facebook, Twitter และ Venmo ซึ่งบริษัทพยายามปกป้องตัวเองด้วยการบอกว่า Clearview AI รวบรวมเฉพาะภาพถ่ายที่เปิดเผยต่อสาธารณะจากอินเทอร์เน็ต Hoan Ton-That ซีอีโอของ Clearview AI ระบุว่า คาดหวังจะได้ร่วมมือกับผู้กำหนดนโยบาย เพื่อวิธีการที่ดีที่สุดในการปกป้องข้อมูลผู้บริโภค และในขณะเดียวกันยังเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการอาชญากรรมต่างๆ ทั้งค้ามนุษย์ การก่อการร้าย การก่ออาชญากรรมต่อเด็ก ปัจจุบันระบบจดจำใบหน้า ถูกมองในฐานะเทคโนโลยีที่น่ากลัว และคุกคามความเป็นส่วนตัวมากกว่าจะเป็นประโยชน์ มีหลายหน่วยงานและบางรัฐเริ่มแบนการใช้ระบบจดจำใบหน้าแล้ว เช่น ตำรวจ Minneapolis และ Boston, นิวยอร์กแบนการใช้ระบบจดจำใบหน้าในโรงเรียน เป็นต้น ที่มา - Engadget
# Android 12 Developer Preview 3 มาแล้ว กูเกิลออก Android 12 Developer Preview 3 (DP3) ซึ่งเป็นรุ่น DP ตัวสุดท้ายก่อนเข้าสถานะ Beta ในช่วงงาน Google I/O 2021 ปลายเดือนพฤษภาคม Android 12 DP3 เปิดให้ทดสอบแล้วบนมือถือตระกูล Pixel ตั้งแต่ Pixel 3 ขึ้นไป ของใหม่ใน DP3 ได้แก่ แอนิเมชันตอนเปิดแอพแบบใหม่ และ splashscreen API ช่วยจัดการสีพื้นหลัง ไอคอน แอนิเมชัน ตอนเปิดแอพให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้ง OS call notification template สำหรับจัดการ UI และการแจ้งเตือนเวลามีสายเข้า-สายออก เพิ่มสิทธิการเข้าถึงการเตือนแบบ exact alarms ที่ต้องการปลุกตามเวลาเป๊ะๆ แยกจาก inexact alarms แบบปกติ แอพจะเปิดลิงก์เข้าเว็บด้วยเบราว์เซอร์ดีฟอลต์เลย แทนการให้เลือกเบราว์เซอร์ที่ติดตั้งไว้ในระบบ ปรับปรุงการทำงานของ haptic feedback ให้ละเอียดขึ้น เป็นประโยชน์ทั้งแอพและเกม ผู้ผลิตมือถือสามารถสร้างเอฟเฟคต์กล้องของตัวเอง เข้ามาพ่วงกับ Camera2 ได้แล้ว เตรียมยกเลิก RenderScript API สำหรับสั่งประมวลผลบนจีพียู ที่เริ่มใช้ใน Android 3.0 ให้เปลี่ยนมาเรียก Vulkan API โดยตรงแทน ปรับปรุงความเร็วของ machine learning ในมือถือ และอัพเดตไดรเวอร์ได้ผ่าน Google Play services รองรับเซ็นเซอร์กล้องแบบ Quad / Nona Bayer ที่ใช้ในมือถือรุ่นใหม่ๆ ที่มา - Android
# ขอต้อนรับสู่ไมโครซอฟท์ลินุกซ์ WSL ออกรุ่นรองรับโปรแกรม GUI ไมโครซอฟท์ปล่อยฟีเจอร์ WSLg รองรับการรันโปรแกรม GUI ผ่านทาง WSL บนวินโดวส์ เปิดทางให้เราสามารถใช้วินโดวส์รันโปรแกรมต่างๆ ที่รองรับลินุกซ์ได้เต็มรูปแบบ WSLg รองรับทั้งระบบเสียงไมโครโฟนและลำโพง ระบบกราฟิกสามารถเร่งความเร็วด้วยชิปกราฟิกหากลินุกซ์ที่ใช้รองรับ Mesa 21.0 ขึ้นไป แนวทางของไมโครซอฟท์ในการรันโปรแกรม GUI อาศัยการสร้างลินุกซ์ดิสโทรใหม่สำหรับรันโปรแกรม GUI โดยเฉพาะ ชื่อว่า WSLg System Distro เมื่อผู้ใช้รันโปรแกรม GUI ตัว WSL จะรันดิสโทรนี้ขึ้นมาเอง และวินโดวส์ก็จะรัน RDP Client เข้าไปเชื่อมต่อเพื่อแสดงหน้าจอ GUI ของโปรแกรม ตัวลินุกซ์ดิสโทรเฉพาะนี้จะหยุดรันอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้เลิกใช้ GUI ฟีเจอร์นี้เริ่มปล่อยแล้วใน Windows Insider build 21364 ขึ้นไป ที่มา - Windows Command Line Blog
# ทีมงานเคอร์เนลลินุกซ์ประกาศแบนมหาวิทยาลัยมินนิโซตา หลังส่งแพตช์สร้างช่องโหว่เพื่อทำงานวิจัย Greg Kroah-Hartman ผู้ดูแลเคอร์เนลลินุกซ์ใน -stable branch ประกาศแบนโค้ดทั้งหมดจากอีเมล @umn.edu ของมหาวิทยาลัยมินนิโซตา หลังกลุ่มนักวิจัยส่งโค้ดสร้างช่องโหว่เข้าไปยังเคอร์เนลต่อเนื่องเพื่อพยายามส่งโค้ดสร้างช่องโหว่ในเคอร์เนลเข้าไปยัง repository และโค้ดบางส่วนถูก commit ได้สำเร็จ ตอนนี้ Greg กำลังถอนโค้ดทั้งหมดที่กลุ่มวิจัยนี้เคยส่งเข้ามา รวมเป็นแพตช์ทั้งหมด 190 ชุด ส่วนมากสามารถถอนแพตช์ได้โดยง่าย มีบางส่วนที่ต้องตรวจดูอีกครั้ง งานวิจัยนี้ดำเนินการโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ Kangjie Lu และ Quishi Wu ที่น่าจะเป็นนักเรียนระดับบัณฑิต โดยเสนอแนวทางการโจมตีด้วยการส่งโค้ดแล้วหาทางที่จะล่อหลอกให้นักพัฒนาเคอร์เนลที่รีวิวโค้ดยอมรับโค้ดเหล่านี้ เทคนิคหนึ่งคือการใช้อีเมลมหาวิทยาลัยในการส่งโค้ด ทางภาควิชาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และวิศวกรรมของมหาวิทยาลัยมินนิโซตาออกแถลงว่าผู้บริหารภาควิชารับรู้แล้วว่ามหาวิทยาลัยถูกแบนจากชุมชนเคอร์เนล และกำลังสอบสวนว่างานวิจัยนี้ถูกอนุมัติให้ดำเนินการวิจัยได้อย่างไร ที่มา - linux-nfs, @UNMComputerSci ภาพแนวทางการโจมตีเคอร์เนลด้วยการส่งโค้ดเข้าไปยังโครงการ
# ทวิตเตอร์บนมือถือ เพิ่มทางเลือกให้อัพโหลดรูปละเอียด 4K ได้แล้ว ทวิตเตอร์บนมือถือทั้งระบบ iOS และ Android สามารถอัพโหลดรูปความละเอียด 4K ได้แล้ว เข้าไปที่เมนูตั้งค่า > Data usage จะมองเห็นทางเลือกอัพโหลดรูป 4K ว่าจะใช้ Cellular หรือ Wi-Fi ทวิตเตอร์บนเดสก์ทอป สามารถอัพโหลดรูป 4K ได้มาก่อนแล้ว ส่วนบนมือถือจำกัดที่ความละเอียดสูงสุด 2048 x 2048 เท่านั้น ซึ่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง ทวิตเตอร์เริ่มทดสอบอัพโหลด 4K ในมือถือ และล่าสุดจะเปิดให้ใช้งานโดยทั่วถึงแล้ว ที่มา - Gizmodo
# Mac mini เพิ่มตัวเลือก Ethernet 10 Gigabit จ่ายเพิ่ม 3,500 บาท นอกจากเปิดตัว iMac ที่มาพร้อมชิป M1 แล้ว แอปเปิลยังเพิ่มเติมรายละเอียดของ Mac mini โดยสามารถเลือกอัพเกรดเป็น Ethernet แบบ 10 Gigabit ได้ด้วย ทั้งนี้ตัวเลือก Ethernet 10 Gigabit ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 3,500 บาท และสามารถสั่งซื้อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป Mac mini รุ่นชิป M1 เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ราคาเริ่มต้นสำหรับรุ่นแรม 8GB สตอเรจ 256GB อยู่ที่ 22,900 บาท ที่มา: MacRumors
# Google Meet เพิ่มฟีเจอร์ให้ pin สิ่งที่สนใจเป็นจอใหญ่ได้, เปลี่ยนพื้นหลังเป็นภาพเคลื่อนไหว, โหมดประหยัดข้อมูล Google ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Google Meet พร้อมปรับ UI อีกเล็กน้อย Google Meet ปรับ UI ในส่วนของหน้าจอใหม่เล็กน้อย คือเมื่อกด pin แล้ว Google Meet จะแสดงสิ่งที่ pin เป็นหน้าจอใหญ่ สามารถ pin ได้หลายจอ เช่น pin หน้าจอพรีเซ้นท์กับหน้าคนพรีเซ้นท์พร้อมกันได้ และถ้าไม่ต้องการให้แสดงหน้าจอไหนก็กด unpin และยังสามารถปรับขนาด, ตำแหน่ง หรือซ่อนวิดีโอฟีดของตัวเองได้ ทำให้การปรับหน้าจอมีตติ้งยืดหยุ่นมากขึ้น และโฟกัสกับงานได้ดีกว่าเดิม ส่วนฟีเจอร์ที่น่าสนใจใน Google Meet ที่ประกาศออกมาล่าสุด เช่น Data Saver ฟีเจอร์ประหยัดข้อมูลที่เหมาะสำหรับใช้เมื่อวิดีโอคอลผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ เปิดให้ใช้เดือนนี้ ระบบปรับแสงอัตโนมัติ ถ้าผู้ใช้อยู่ภายใต้สภาพแสงที่มืดเกินไป Google Meet จะปรับให้แสงสว่างขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้จะทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า Autozoom ระบบ AI เพื่อซูมและปรับตำแหน่งให้อยู่ตรงกลางกรอบสี่เหลี่ยมจัตุรัส ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้ผ่าน Google Workspace (แบบเสียเงิน) ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ฟีเจอร์เปลี่ยนพื้นหลังด้วยวิดีโอ ตอนนี้มีให้เลือกสามแบบ คือห้องเรียน, ปาร์ตี้ และป่า โดยจะเริ่มเปิดให้ใช้งานในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และจะทยอยเพิ่มแบคกราวน์อีกหลายแบบในอนาคต ที่มา - TechCrunch, Google ภาพจาก Google
# แอปเปิลแจงมาตรการป้องกันคนนำ AirTag ไปแอบตามตัวคนอื่น: ส่งเสียงเตือน, เช็คหมายเลขซีเรียลได้จากแอนดรอยด์ หลังจากแอปเปิลเปิดตัว AirTag ไปเมื่อวานนี้ ประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดถึงในงานคือการป้องกันการนำ AirTag ไปติดตามตัวคนอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม เช่น นำไปวางใส่กระเป๋า หรือไปวางใส่รถ ทำให้เจ้าของแท็กสามารถติดตามตัวเหยื่อผ่านแอป Find My ได้ต่อเนื่องโดยอาศัยเครือข่าย Find My ที่เป็นอุปกรณ์ iOS จำนวนมาก แอปเปิลแยกแนวทาง 2 แนวทาง คือ เตือนผ่านอุปกรณ์ iOS (iPad, iPhone, และ iPod Touch) ของเหยื่อที่อาจจะถูกติดตามตัวเอง โดยเมื่ออุปกรณ์ iOS พบ AirTag ของผู้อื่นเป็นเวลานาน จะขึ้นแจ้งเตือนว่า พบ AirTag อยู่ใกล้ ผู้ใช้สามารถสั่งให้ AirTag ที่อยู่ใกล้ตัวส่งเสียง และอ่านหมายเลขซีเรียลของ AirTag ได้ผ่าน NFC เตือนด้วยเสียง ในกรณีที่เหยื่ออาจจะไม่ได้ใช้ iOS ตัว AirTag เองจะร้องเตือนอัตโนมัติ เมื่ออยู่ห่างจากเจ้าของช่วงเวลาหนึ่ง (แอปเปิลไม่ระบุว่านานเท่าใด) จะร้องขึ้นมาเอง ผู้ใช้โทรศัพท์มี NFC แม้จะเป็นแอนดรอยด์ก็อ่านหมายเลขซีเรียลได้เช่นกัน ตัว AirTag นั้นประกาศหมายเลขประจำตัวชั่วคราวออกมาผ่าน Bluetooth LE ตามโปรโตคอล Find My โดยหมายเลขนี้จะเปลี่ยนไปทุกวัน ทำให้แม้แต่ตัว iOS เองก็ไม่รู้ว่า AirTag ที่พบว่าติดตัวเราอยู่นั้นอยู่กับเรามากี่วันแล้ว ทำได้เพียงการตรวจหมายเลขซีเรียลจาก NFC เท่านั้น แอปเปิลไม่ได้ชี้แจงกรณีที่ผู้ใช้ดัดแปลง AirTag ให้ไม่ส่งเสียง และไม่ได้ระบุว่าอุปกรณ์จากผู้ผลิตรายอื่นๆ ต้องส่งเสียงเหมือนกันหรือไม่ ที่มา - Apple
# กูเกิลเตรียมป้องกันบั๊ก Android WebView เกิดซ้ำ เพิ่ม Safe Mode ให้กู้คืนสถานะได้เอง จากปัญหา Android WebView ทำให้แอพจำนวนมากแครช เมื่อเดือนมีนาคม 2021 ล่าสุดกูเกิลออกรายงานสอบสวนปัญหาแล้ว ว่าเกิดจากบั๊กของ WebView จริง โดยเป็นการคอนฟิกฟีเจอร์ทดลอง (experiment configuration) ที่ผิดพลาด ส่งผลให้แอพจำนวนมากแครช กูเกิลระบุว่าจะป้องกันปัญหานี้เกิดซ้ำอีก ด้วยมาตรการดังนี้ ตรวจสอบ (ในที่นี้คือ audit) WebView และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง ว่ามีคุณภาพเพียงพอสำหรับการใช้งานจริง เพิ่ม WebView SafeMode ที่จัดการคอนฟิกผิดพลาดลักษณะนี้ได้ เปลี่ยนสถานะกลับไปเป็นคอนฟิกรุ่นก่อนหน้าได้เอง ปรับปรุงกระบวนการปล่อยฟีเจอร์ทดลอง ปรับวิธีการอัพเดต Chrome และ WebView ผ่าน Play Store ให้เร็วขึ้น ปรับวิธีการสื่อสารกับผู้ใช้ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ดีขึ้น ที่มา - Google (PDF) via 9to5google
# FBI ใช้ซอฟต์แวร์ตรวจจับใบหน้า ค้นหาและจับกุมผู้ชุมนุมที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐสภาได้ จากรูปบน IG ของแฟนสาว Huffington Post เปิดเผยบันทึกการจับกุม จากเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ FBI กรณีจับกุม Stephen Chase Randolph ผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาสหรัฐฯ (USCP) เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โดยใช้ซอฟต์แวร์ตรวจจับใบหน้า เทียบภาพจากเหตุการณ์กับภาพบนอินเทอร์เน็ต จนพบรูปเขาบน IG ของแฟนสาว ก่อนจะสืบสวนและเข้าจับกุมได้ในที่สุด ในรายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่รวบรวมภาพเหตุการณ์จากวิดีโอบน Instagram แสดงเหตุการณ์ชายหนุ่มสวมหมวกสีเทาคนหนึ่ง เข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่โดยการผลักรั้วกั้นไปกระแทกจนเจ้าหน้าที่ล้มหัวฟาดบันได และหมดสติ ในการชุมนุมวันที่ 6 มกราคม 2021 ก่อนนำภาพใบหน้าชายสวมหมวกสีเทาจากแอคเคาท์ @SeditionHunters แอคเคาท์ทวิตเตอร์ที่เผยแพร่ใบหน้าผู้ชุมนุมรัฐสภาสหรัฐฯ มาเทียบ และพบว่าเป็นชายหนุ่มคนเดียวกับในวิดีโอ เจ้าหน้าที่ FBI จึงใช้ซอฟต์แวร์ตรวจจับใบหน้าแบบ open source เพื่อเทียบใบหน้าของเขากับรูปภาพบนอินเทอร์เน็ต ก่อนจะพบภาพ Stephen สวมหมวกสีเทาแบบเดียวกับในวันชุมนุม บนโพสต์ Instagram ที่เปิดเป็นสาธารณะของแฟนสาวเขา และต่อยอดการสืบไปจนพบชื่อจริงของเขาจากบัญชี Facebook คนในครอบครัว และตรวจสอบยืนยันอีกครั้งจากใบขับขี่ของรัฐ ภาพ Stephen Chase Randolph บน Instagram ของแฟนสาว จากบันทึกการจับกุมของ FBI จากนั้น FBI จึงส่งเจ้าหน้านอกเครื่องแบบไปเฝ้าดูหน้าที่ทำงานของเขา และทำทีเข้าไปชวนพูดคุยเพื่อถามถึงเหตุการณ์การชุมนุม จน Stephen หลุดปากพูดว่าเข้าร่วมการชุมนุมจริง บอกว่ามันสนุกมาก และยอมรับว่าเห็นเจ้าหน้าที่ถูกผลักจนหัวฟาดนอนกองอยู่กับพื้น และหลังจากนั้นเขาจึงถูกตำรวจรัฐเคนทัคกี้เข้าจับกุมในที่สุด ในบันทึกการจับกุมไม่มีการเปิดเผยชื่อซอฟต์แวร์ตรวจจับใบหน้า open source ที่ FBI ใช้ แต่หน่วยงานของสหรัฐอเมริกา เริ่มมีความนิยมใช้ซอฟต์แวร์ตรวจจับใบหน้าทั้ง open source และแบบต้องจ่ายเงินใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ โดยหนึ่งในซอฟต์แวร์ที่ได้รับความนิยมคือ Clearview AI ซึ่ง Buzzfeed เคยรายงานว่า มีหน่วยงานที่รับงบประมาณจากรัฐกว่า 1,803 หน่วยงาน รวมถึงตำรวจท้องถิ่นและตำรวจรัฐ ได้ทดลองใช้งานซอฟต์แวร์นี้ไปแล้วเมื่อช่วงปี 2018 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 และมีความเป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้านี้ อาจถูกนำมาใช้เพื่อสืบสวนและจับกุมผู้ต้องสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต ที่มา - Huffington Post via The Verge, บันทึกการจับกุมของ FBI, Buzzfeed
# Instagram ให้กรองคำที่ไม่อยากเห็นใน DM, บล็อกคนเดิมได้แม้เขาสร้างบัญชีใหม่มาติดตามเรา Instagram เพิ่มเครื่องมือช่วยกรองคำที่ไม่ต้องการที่ได้รับในช่องทาง DM เป็นฟีเจอร์เพื่อบัญชีคนดังที่ได้รับข้อความส่วนตัวแบบไม่พึงประสงค์เป็นจำนวนมาก เริ่มเปิดใช้งานในบางประเทศ ผู้ใช้จะมองเห็นตัวกรอง hidden words ที่สามารถเพิ่มคำที่เราไม่อยากอ่านลงไปในรายการได้ หากมีใครที่เราไม่ได้กดติดตามส่งข้อความมา คำที่ไม่เหมาะสมจะถูกดึงไปยังอีกโฟลเดอร์แยก เจ้าของบัญชีสามารถเข้าไปดูรายการคำในโฟลเดอร์นี้ได้ โดยจะแสดงเป็นคำๆ ไม่ได้แสดงทั้งประโยคที่ถูกส่งมา นอกจากนี้ Instagram ยังเพิ่มความสามารถบล็อกคนๆ เดิมได้ แม้เขาจะสร้างโปรไฟล์ใหม่มากดติดตามเรา เมื่อผู้ใช้เลือกที่จะบล็อกคนๆ หนึ่ง Instagram จะเสนอทางเลือกบล็อกต่อแม้เขามีบัญชีใหม่หรือไม่ ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้งานทั่วโลกในช่วงสัปดาห์ถัดไป ที่มา - Engadget, Instagram
# iOS และ iPadOS 14.5 เริ่มปล่อยอัพเดตสัปดาห์หน้า ต้องอัพเพื่อใช้ AirTag ในงาน Spring Loaded เมื่อวานนี้ Apple ยังไม่พูดถึงอัพเดต iOS 14.5 ว่าจะมาเมื่อไร แต่ในหน้าข่าวของ AirTag มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้ใช้ต้องอัพเป็น iOS 14.5 หรือ iPadOS 14.5 ถึงจะใช้งาน AirTag ได้ พร้อมระบุว่าจะเริ่มปล่อยอัพเดตภายในสัปดาห์หน้า (ช่วง 26 เมษายน ถึง 2 พฤษภาคม 2021) iOS 14.5 มาพร้อมฟังก์ชั่นปลดล็อก iPhone โดยการใช้ Face ID ร่วมกับ Apple Watch ได้ แม้ใส่แมสก์ ให้ผู้ใช้ตั้งแอพอื่นเป็นค่าเริ่มต้นเวลาบอกให้ Siri เปิดเพลงได้ อีโมจิใหม่มากกว่า 200 แบบ เสียง Siri ที่ผู้ใช้ต้องเลือกเองก่อนใช้งาน และมีเสียงใหม่สองแบบ ระบบขออนุญาตติดตามข้อมูลผู้ใช้ปรับปรุงใหม่ (App tracking transparency) รองรับจอย PS5 กับ Xbox Series X/S และอื่นๆ ที่มา - Apple, CNET
# ญี่ปุ่นเซ็นสัญญาซื้อวัคซีน Pfizer เพิ่ม 50 ล้านโดส คาดได้ของเดือนกันยายนนี้ หนังสือพิมพ์ The Japan Times อ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า Pfizer ตกลงส่งมอบวัคซีนเพิ่มเติมอีก 50 ล้านโดสให้กับญี่ปุ่นภายในเดือนกันยายนนี้ หลังนายกรัฐมนตรี Yoshihide Suga ต่อสายตรงเจรจากับซีอีโอ Pfizer โดยตรง หากสัญญานี้สำเร็จจริง ญี่ปุ่นก็จะซื้อวัคซีน Pfizer ถึง 194 ล้านโดส โดยที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นสั่งซื้อวัคซีนจาก Pfizer มาแล้วสองรอบ รอบแรกปีที่แล้ว 120 ล้านโดสและรอบสองเมื่อต้นปี 24 ล้านโดส แม้จำนวนตัวเลขโดสที่รัฐบาลสั่งซื้อจะมาก แต่จำนวนโดสนี้ต้องใช้เข็ม low dead space สำหรับดึงวัคซีนซึ่งอาจหาเข็มพิเศษนี้ได้ไม่เพียงพอ ก่อนหน้านี้รัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันว่าแม้จะหาเข็มไม่ได้แต่ก็จะใช้เข็มธรรมดาฉีดต่อไป ญี่ปุ่นสั่งซื้อวัคซีนจากทั้ง Pfizer, AstraZeneca, และ Moderna แม้ช่วงหลังจะเน้นสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มเติมจาก Pfizer เป็นหลัก ที่มา - Japan Times ภาพวัคซีน BNT162b2 จาก BioNTech
# Visual Studio 2022 เป็น 64 บิตแล้ว รองรับแรมเกิน 4GB, เปิด 3 แสนไฟล์พร้อมกันได้ พบกันทุกสามปี ไมโครซอฟท์เปิดตัว Visual Studio 2022 เวอร์ชันพรีวิว ส่วนตัวจริงจะออกช่วงกลางปีนี้ จุดเด่นที่สุดของ Visual Studio 2022 คือเป็นแอพพลิเคชัน 64 บิตเต็มรูปแบบ ทำให้ไม่ถูกจำกัดเรื่องแรม 4GB อีกต่อไปแล้ว จะเปิดโซลูชันใหญ่ขนาดไหนก็แล้วแต่สะดวก ถ้าแรมถึงเงินถึง (ตัวเลขของไมโครซอฟท์ระบุว่าเปิดโซลูชันที่มี 1,600 โปรเจคต์ และ 300,000 ไฟล์ได้สบาย) ของใหม่อย่างถัดมาคือปรับ UI เล็กน้อย วาดไอคอนใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น แสดงผลบน dark mode ได้สวยกว่าเดิม, เปลี่ยนมาใช้ฟอนต์ตัวใหม่ Cascadia Code ที่ออกแบบมาสำหรับงานเขียนโค้ด เป็นต้น ฟีเจอร์ใหม่ฝั่งนักพัฒนาได้แก่ ปรับปรุงระบบ workflow รองรับการทำ CI/CD ร่วมกับ GitHub และ Azure ให้ดีกว่าเดิม รองรับ .NET 6 และการเขียน UI ด้วยเฟรมเวิร์คใหม่ MAUI, รองรับ .NET Hot Reload ปรับโค้ดแล้วไม่ต้องรอสตาร์ตโปรแกรมใหม่ ปรับปรุงการทำงานกับโค้ด C++ โดยรองรับเครื่องมือของ C++20 รองรับ CMake, Linux, WSL ให้ดีขึ้น เพิ่มฟีเจอร์แชทใน Live Share ฟีเจอร์การเขียนโค้ดร่วมกัน Visual Studio 2022 Preview 1 จะเปิดให้ทดสอบในเร็วๆ นี้ ที่มา - Microsoft
# Change.org กลับมาแล้ว หลังกระทรวงดีอีอาศัยคำสั่งศาลปิดกั้นการเข้าถึงเมื่อปีที่แล้ว Change.org กลับมาแล้ว หลังถูกปิดกั้นการเข้าถึงจากการที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือกระทรวงดีอี ได้อาศัยอำนาจตามคำสั่งศาลสั่งปิดกั้นการเข้าถึง Change.org ทำให้ผู้ใช้งานในไทยไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ได้เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ปี 2020 ล่าสุด Change.org กลับมาเข้าถึงได้แล้ว หลังต่อสู้ทางกฎหมาย ศาลได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการปิดกั้นเว็บไซต์ ที่ผ่านมา Change.org มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์ต่อต้านความไม่ชอบธรรม และความเคลื่อนไหวต่างๆ ทางสังคม ทาง Change.org ระบุว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พื้นที่แห่งนี้ค่อยๆ เติบโตขึ้น ตอนนี้มีสมาชิกผู้ใช้งานเกือบ 5 ล้านคนในประเทศ และ 438 ล้านคนทั่วโลกแล้ว การปิดกั้น Change.org คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการพยายามปิดกั้นข้อมูลตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่มา - Change.org
# Jeff Kaplan ผู้กำกับเกม Overwatch ลาออกจาก Blizzard ได้ Aaron Keller กำกับเกมภาคต่อ Jeff Kaplan ผู้กำกับเกม Overwatch ลาออกจาก Blizzard แล้ว หลังทำงานมาถึง 19 ปี โดยคนที่จะมาทำหน้าที่กำกับเกม Overwatch 2 ต่อคือ Aaron Keller Kaplan ระบุในแถลงการณ์ว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสสร้างโลกและฮีโร่ในเกมที่ทุกคนหลงใหล และรู้สึกขอบคุณทีมงานและบริษัท แต่เขาไม่ได้บอกเพิ่มเติมว่าจะทำอะไรต่อไป ภาพจาก Blizzard ด้านผู้ที่มารับบทเป็นผู้กำกับเกมคนต่อไปคือ Aaron Keller ระบุว่า รู้สึกโชคดีที่เรามีฐานการพัฒนา และมีทีมที่มีความเป็นผู้นำด้านการสร้างสรรค์และออกแบบเกมของ Blizzard รวมถึงทีมงานเลือดใหม่สำหรับการสร้าง Overwatch 2 ตัวเกมยังพัฒนาไปได้ด้วยดี ซึ่งจะมีแผนการต่อไปในปีนี้ Aaron Keller เองก็มีประสบการณ์ใน Blizzard มานาน มีผลงานใน World of Warcraft มาก่อนจะมาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับเกม Overwatch ก่อนหน้านี้ Michael Chu หัวหน้าทีมนักเขียน Overwatch ก็ลาออกจาก Blizzard แล้ว หลังทำงานมานานกว่า 20 ปี โดยไม่ได้ระบุเหตุผลที่ชัดเจน ที่มา - Venture Beat, Blizzard
# Firefox 88 ออกแล้ว, เวอร์ชันหน้า Firefox 89 จะมาพร้อม UI แบบใหม่ Mozilla ออก Firefox 88 มีของใหม่ดังนี้ การอ่านเอกสาร PDF รองรับฟอร์มที่ฝัง JavaScript เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่กรอกแล้ว รองรับ smooth pinch-zooming ด้วยทัชแพดบนลินุกซ์ ปิดการทำงานของ FTP ก่อนจะถอดออกถาวรใน Firefox 90 จะไม่ขอสิทธิการเข้าถึงกล้อง-ไมโครโฟนซ้ำ หากให้สิทธิเว็บนั้นๆ ไปแล้วภายใน 50 วินาทีก่อนหน้า ลดความรำคาญของการตอบคำถามยืนยันสิทธิลง ย้ายตำแหน่งของคำสั่ง Take Screenshot จากในเมนูที่ URL bar ไปอยู่ที่เมนูคลิกขวาแทน และสามารถเพิ่มปุ่ม Screenshot ในแถบเครื่องมือได้ ป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ใดๆ สามารถอ่านข้อมูลจากชื่อหน้าต่าง (window.name) เดิมก่อนคลิกลิงก์ แก้ปัญหาข้อมูลส่วนตัวหลุด (ดูภาพประกอบ) Mozilla ยังเตรียมนำ UI แบบใหม่ที่เปลี่ยนแท็บเป็นสี่เหลี่ยมลอยๆ เข้ามาใช้ใน Firefox 89 ที่ตอนนี้มีสถานะเป็นรุ่น Beta แล้วเช่นกัน เดิม: เว็บไซต์ malicious.com อ่านชื่อ window.name ก่อนหน้า ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล ใหม่: เว็บไซต์ malicious.com จะเห็นค่า window.name ว่างๆ แทน ที่มา - Mozilla
# Call of Duty: Warzone มียอดดาวน์โหลด 100 ล้านครั้งแล้ว หลังเปิดตัวมาได้ 1 ปี เดือนมีนาคมปี 2020 Activision เปิดตัวเกม Call of Duty: Warzone โหมด Battle Royale ให้เล่นฟรีๆ ซึ่งได้รับความนิยมสูงมาก มียอดผู้เล่นเพิ่มขึ้นในระยะเวลารวดเร็ว ถือเป็นจังหวะดีที่บริษัทปล่อยเกมให้เล่นฟรีในช่วง COVID-19 และตัวเลขล่าสุดหลังเปิดให้เล่นมาได้ 1 ปีคือ มียอดโหลดแล้ว 100 ล้านครั้ง เกม Call of Duty ถือเป็นเกมเรือธงของ Activision โดยตัวเลขล่าสุดคือมีผู้เล่นรวมกันเป็น 148 ล้านคนต่อเดือนแล้ว เกมเฟรนไชส์ Call of Duty มี 4 เกมคือ Modern Warfare, Black Ops Cold War (เสียเงิน) กับ Warzone, Mobile (เล่นฟรี) ที่มา - Venture Beat
# Apple เปิดราคาอุปกรณ์เสริม AirTag เริ่มต้นที่ 1,190 บาท ซึ่งแพงกว่าตัว AirTag นอกจาก AirTag แท็กติดตามอุปกรณ์บลูทูธที่แอปเปิลเปิดตัวไปเมื่อคืนนี้ ซึ่งสามารถใส่ไว้ในซองหรือกระเป๋าเพื่อติดตามสิ่งของ แอปเปิลยังขายอุปกรณ์เสริมสำหรับ AirTag ที่มีลักษณะเป็นห่วงคล้องหรือพวงกุญแจ ทำให้ผู้ใช้นำไปติดกับสิ่งของได้สะดวก และเพิ่มความสวยงามได้ด้วย โดยอุปกรณ์เสริมของ AirTag มีทั้งห่วงคล้องโพลียูรีเทน ห่วงคล้องหนังยุโรป และพวงกุญแจหนัง นอกจากนี้ยังมี AirTag Hermès ที่แอปเปิลร่วมมือกับ Hermès ด้วย ซึ่งมีทั้งเครื่องประดับห้อยกระเป๋า (Charm) แท็กกระเป๋าเดินทาง และพวงกุญแจ ที่น่าสนใจคือราคาขายซึ่งอุปกรณ์เสริมมีราคาแพงกว่าตัว AirTag (990 บาท) โดยห่วงคล้องโพลียูรีเทน ราคา 1,190 บาท พวงกุญแจหนัง 1,390 บาท ห่วงคล้องแบบหนัง 1,590 บาท ส่วน AirTag Hermès เริ่มต้นที่ 9,990 บาท ที่มา: 9to5Mac
# Google Calendar แสดงพาเนล Google Maps ด้วย เมื่อกดดูสถานที่นัดหมาย ผู้ใช้งาน Google Workspace สำหรับ G Suite Basic และ G Suite Business จะได้รับอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ใน Google Calendar คือแสดงพาเนล Google Maps เมื่อกดดูสถานที่นัดหมาย ไม่ต้องกดบราวเซอร์ใหม่ และเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้เพิ่มสถานที่ถูกต้อง โดยกดตรงไอคอนหลังแท็บสถานที่ใน Google Calendar ตัวฟีเจอร์ใหม่จะค่อยๆ ทยอยปล่อยให้ลูกค้าตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. ส่วนองค์กรไหนที่ลงทะเบียน Rapid Release หรือ เป็นกลุ่มแรกๆ ที่จะได้ใช้งานฟีเจอร์ใหม่ของ Google Workspace จะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. ภาพจาก กูเกิล ที่มา - Engadget
# เผย Discord ยุติการเจรจาขายกิจการให้ Microsoft แล้ว ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า Discord กำลังเจรจาขายกิจการให้ไมโครซอฟท์ ที่มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ แต่ล่าสุด The Wall Street Journal ระบุว่า Discord ได้ยุติการเจรจากับไมโครซอฟท์แล้ว รวมทั้งบริษัทอื่นที่สนใจซื้อกิจการด้วย ข้อมูลจาก Bloomberg บอกว่า Discord ได้มีการพูดคุยเรื่องขายกิจการกับบริษัทใหญ่อื่นอย่างน้อย 3 แห่ง โดยบริษัทที่ระบุถึงมี Amazon และ Epic Games รายงานบอกว่า Discord ยังตกลงให้มีการเจรจากับไมโครซอฟท์ได้อีกในอนาคต แต่ตอนนี้บริษัทเลือกเดินตามแผนงานเดิมคือเป็นบริษัทอิสระ และอาจนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นในขั้นตอนต่อไป ที่มา: The Verge
# Netflix ไตรมาส 1/2021 จำนวนสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 4 ล้านคน Netflix รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2021 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 7,163 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 1,707 ล้านดอลลาร์ จำนวนสมาชิก 207.64 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.98 ล้านคน จากไตรมาสที่ 4 ปี 2020 จำนวนสมาชิกใหม่ในไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นไม่มาก Netflix ระบุว่ามาจากทั้งตัวเลขในปี 2020 ที่เพิ่มสูงมากกว่าปกติไปก่อนหน้านี้เพราะโควิด-19 และคอนเทนต์ใหม่ที่มีไม่มาก เนื่องจากการผลิตล่าช้าเพราะโควิด-19 เช่นกัน อย่างไรก็ตาม Netflix มองว่าแม้โควิด-19 ทำให้ภาพธุรกิจในระยะสั้นไม่ชัดเจนมาก แต่ระยะยาวนั้นชัดเจนว่าวิดีโอสตรีมมิ่งเป็นเทรนด์ในอุตสาหกรรมบันเทิง คอนเทนต์ที่ได้รับการตอบรับที่ดี Netflix ยกตัวอย่างเช่น Firefly Lane ซีซั่น 1 ที่มีผู้ชม 49 ล้านคนใน 28 วันแรกที่เผยแพร่, Fate: The Winx Saga (57 ล้าน), I Care A Lot (56 ล้าน), Space Sweeper (26 ล้าน) Netflix พูดถึงภาพรวมการแข่งขันในตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งว่าถึงตอนนี้ บริษัทยังมีส่วนแบ่งการชิงสายตาหน้าจอ (Screen Time) เฉพาะในอเมริกาน้อยกว่า 10% และน้อยกว่านี้มากถ้าเป็นภูมิภาคอื่น ฉะนั้นโอกาสการเติบโตยังมีอีกมาก ส่วนคู่แข่งนั้น Netflix บอกว่าตัวเลขจำนวนสมาชิก เป็นเพียงตัวชี้วัดหนึ่งของทั้งหมด เพราะอาจมีการให้ส่วนลด ขายแพ็คเกจพ่วง ที่ Netflix สนใจด้วยคือรายได้และจำนวนการรับชม ที่มา: Netflix (pdf)
# แอปเปิลเปิดตัว Apple Card Family รวมวงเงินทั้งครอบครัวเข้าด้วยกัน ออกบัตรให้ลูกได้ แอปเปิลเพิ่มฟีเจอร์ Apple Card Family ให้บัตรเครดิต Apple Card ทำให้คนในครอบครัวสามารถรวมวงเงินเข้าด้วยกัน และจัดการการใช้จ่ายได้ร่วมกัน โดยแอปเปิลไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นคู่สมรสกัน แต่ระบุเพียงว่าผู้ใช้บัตร Apple Card สามารถรวมวงเงินเข้าด้วยกัน โดยผู้ใช้บัญชีร่วมจะมองเห็นค่าใช้จ่ายของอีกคนด้วย และการชำระค่าบัตรเครดิตจะจ่ายพร้อมกัน นอกจากนี้บัญชี Apple Card ยังสามารถออกบัตรให้กับเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป โดยเจ้าของบัตรหลักสามารถตรวจสอบการใช้จ่าย และจำกัดวงเงินบัตรได้ การรวมบัญชีเข้าด้วยกันเช่นนี้ จะทำให้ข้อมูลการใช้บัตรและข้อมูลการผิดนัดชำระถูกส่งไปยังเครดิตบูโรโดยระบุชื่อบัญชีของเจ้าของบัญชีทั้งสองคนด้วย ที่มา - Apple
# เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ ชิป M1 รองรับ 5G รุ่น 12.9 นิ้ว หน้าจอ Mini-LED รุ่น 11 นิ้ว เริ่มต้น 27,900 บาท Apple เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่สองขนาด 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว ที่เปลี่ยนจากชิปตระกูล A มาเป็น M1 พร้อมรองรับ 5G (mmWave รองรับเฉพาะในสหรัฐ) หน้าจอรุ่น 11 นิ้วยังเป็น Liquid Retina ธรรมดา (LCD) พร้อม Pro Motion (120Hz) รุ่น 12.9 นิ้ว อัพเกรดเป็นหน้าจอ Liquid Retina XDR จอ Mini-LED ใช้หลอดไฟ LED ขนาดเล็กกว่า 10,000 ดวง แบ่งโซน local dimming กว่า 2,500 โซน คอนทราสต์เพิ่มเป็น 1:1,000,000 ความสว่างปกติ 1,000 nits ความสว่างสูงสุด 1,600 nits กล้องหลังหลัก 12MP กล้องหลังอัลตร้าไวด์ 10MP กล้องหน้า TrueDepth แบบอัลตร้าไวด์ 12MP มุมมอง 122 องศา ครั้งแรกบน iPad Pro พร้อมฟีเจอร์ Center Stage โฟกัสใบหน้าคนพูดเมื่อใช้งานวิดีโอคอล และแพนกล้องตามเพื่อให้ผู้พูดเดินไปมาในระยะมุมมองของกล้อง โดยที่ยังอยู่กล้างหน้าจอ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับผู้พูดคนที่สอง และซูมออกเพื่อเก็บทั้งสองคนไว้ในเฟรมได้ พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB-C แต่เพิ่มการรองรับ Thunderbolt และรองรับ USB 4 ระบบเชื่อมต่อไร้สายรองรับ WiFi 6 และ Bluetooth 5.0 รองรับ Smart Cover และ Magic Keyboard ที่มีสีใหม่คือสีขาว เริ่มสั่งจองได้วันที่ 30 เมษายนนี้ วางจำหน่ายช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคม ทั้งสองขนาดมีสี Silver และ Space Grey ราคาดังนี้ iPad Pro 11 นิ้ว รุ่น WiFi เริ่มต้น 27,900 บาท iPad Pro 11 นิ้ว รุ่น WiFi+Cellular เริ่ม 32,900 บาท iPad Pro 12.9 นิ้ว รุ่น WiFi เริ่ม 37,900 บาท iPad Pro 12.9 นิ้ว รุ่น WiFi+Cellular เริ่ม 42,900 บาท สั่งจองและดูราคาโดยละเอียดได้ที่ Apple.com ที่มา - Apple
# แอปเปิลเปิดตัว Magic Keyboard รองรับ Touch ID ในตัว พร้อม Magic Mouse และ Magic Trackpad สีเข้ากับ iMac แอปเปิลเปิดตัวอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับ iMac ชุดใหม่ โดยออกเป็นชุด 7 สีเข้ากัน แต่มีความพิเศษคือ Magic Keyboard รุ่นใหม่นี้มีเซ็นเซอร์ Touch ID มาในตัว ทำให้สามารถปลดล็อก iMac ได้ด้วยการแตะปุ่ม เหมือนการปลดล็อกโทรศัพท์ แอปเปิลระบุว่าชิป Touch ID จะเชื่อมต่อกับ Secure Enclave ใน M1 เพื่อป้องกันการแอบเก็บข้อมูลลายนิ้วมือ นอกจากนี้เซ็นเซอร์ Touch ID ยังใช้เปลี่ยนผู้ใช้บน iMac ได้ด้วยการแตะนิ้วมือครั้งเดียว Magic Keyboard with Touch ID มีรุ่นมาพร้อม keypad ส่วน Magic Mouse และ Magic Trackpad นั้นมีสีให้เลือกตรงกับ iMac ทางแอปเปิลยังไม่ระบุราคาซื้ออุปกรณ์เหล่านี้แยกชิ้น ที่มา - Apple
# Apple TV 4K ใหม่ มาพร้อมชิป A12 Bionic และ Remote แบบใหม่ แอปเปิลเปิดตัว Apple TV 4K ใหม่ มาพร้อมชิป A12 Bionic รองรับ 4K HDR ที่มีเฟรมเรตสูง 60 fps และวิดีโอ Dolby Vision Apple TV 4K ใหม่นี้ ยังสามารถทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ใน iPhone เพื่อปรับสมดุลสีในการแสดงผลให้ออกมาแม่นยำมากที่สุด โดยผู้ใช้งานไม่ต้องไปตั้งค่าสีในโทรทัศน์เพิ่มเติมอีก นอกจากนี้ยังมี Apple TV Remote ใหม่ เพิ่มการควบคุมที่แม่นยำ และมีปุ่มเปิดปิดโทรทัศน์ในตัวด้วย Apple TV 4K ใหม่ มีสองขนาดความจุ 32GB ราคา 6,700 บาท และ 64GB ราคา 7,400 บาท ในอเมริกาเริ่มเปิดให้สั่งจอง 30 เมษายนนี้ สินค้าจะเริ่มส่งมอบครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคมใน 30 ประเทศ (ไม่ได้ระบุว่ามีไทยหรือไม่) ส่วนรุ่นเดิม Apple TV HD มีขนาดเดียว 32GB ราคา 5,600 บาท ที่มา: แอปเปิล
# แอปเปิลเปิดตัว iMac M1 พร้อมจอ 24 นิ้วความละเอียด 4.5K แอปเปิลเปิดตัว iMac ชุดใหม่ที่เปลี่ยนมาใช้ชิป Apple M1 ตามแนวทางแมครุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ โดยแมคชุดใหม่เปลี่ยนดีไซส์ไปทางไอแพดมากขึ้น ปริมาตรตัวเครื่องลดลงจาก iMac รุ่นเดิมครึ่งหนึ่ง หน้าจอ True Tone ขนาด 24 นิ้วความละเอียด 4.5K (11.3 ล้านพิกเซล) แสดงสีได้ระดับ P3 พร้อมกล้อง FaceTime ความละเอียด 1080p ไมโครโฟนแบบ mic array 3 ตัว พร้อมปัญญาประดิษฐ์ตัดเสียงรบกวน ลำโพงหกตัวสร้างเสียงรอบทิศแบบ Dolby Atmos การเชื่อมต่อมีพอร์ต USB-C บนตัวเครื่อง 2 พอร์ตเป็น Thunderbolt รองรับการต่อจอภาพ 6K เชื่อมต่อเน็ตเวิร์คด้วย Wi-Fi 6 iMac รุ่นใหม่นี้มีสองรุ่นย่อย รุ่น 7 คอร์เริ่มต้น 42,900 บาท มาพร้อมกับ Magic Keyboard และ Magic Mouse รุ่น 8 คอร์เริ่มต้น 49,900 บาท มาพร้อมกับ Magic Keyboard with Touch ID รุ่นใหม่, Magic Mouse, พอร์ต USB 3 เพิ่มอีก 2 พอร์ต, และกิกะบิตอีเธอร์เน็ตที่ช่องต่อไปอยู่บนอแดปเตอร์ไฟ เริ่มขายจริงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ สั่งได้ตั้งแต่ 30 เมษายนนี้เป็นต้นไป ที่มา - Apple
# เปิดตัว Apple Podcasts Subscriptions ฟังพอดคาสต์แบบจ่ายเงิน เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษที่มากกว่า ในงาน Spring Loaded แอปเปิลได้เปิดตัวบริการพอดคาสต์ใหม่ Apple Podcasts Subscriptions เพื่อให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ สามารถเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ฟังจ่ายเงิน เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษเพิ่มเติม อาทิ คอนเทนต์แบบไม่มีโฆษณา คอนเทนต์พิเศษเฉพาะผู้เสียเงิน ไปจนถึงสามารถฟังเนื้อหาตอนใหม่ได้ก่อนใคร บริการ Apple Podcasts Subscriptions จะเปิดให้สมัครใช้งานใน 170 ประเทศ เริ่มต้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยราคาจะขึ้นอยู่กับช่องที่ติดตามเป็นผู้กำหนด ซึ่งมีทั้งการคิดค่าบริการเป็นรายเดือนและรายปี รองรับ Family Sharing สำหรับผู้ผลิตคอนเทนต์ที่ต้องการเพิ่มบริการ Subscription นี้ ต้องสมัคร The Apple Podcasters Program เพื่อเข้าถึงเครื่องมือที่จำเป็น ในราคา 629 บาทต่อปี สามารถสมัครได้ผ่าน Apple Podcasts Connect ที่มา: แอปเปิล
# Apple เปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 12 Mini สีม่วง เริ่มสั่งจองได้วันศุกร์นี้ Apple เปิดตัว iPhone 12 สีม่วง เข้าธีมฤดูใบไม้ผลิ ในงาน Spring Loaded ประเทศไทยเริ่มสั่งซื้อได้วันศุกร์ที่ 23 เมษายนนี้ เวลา 19.00 น. วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 30 เมษายนนี้ ในราคาเท่ากับสีอื่น ทำให้ iPhone 12 และ iPhone 12 Mini มีสีทั้งหมด 6 สีในปัจจุบัน คือแดง เขียว น้ำเงิน ดำ ขาว และม่วง ที่มา - Apple
# Apple เปิดตัว AirTag แท็กติดตามอุปกรณ์ ที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ผู้ใช้งาน เป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้านี้ แอปเปิลเปิดตัวสินค้าใหม่ AirTag อุปกรณ์บลูทูธขนาดเล็กสำหรับติดตามตำแหน่งอุปกรณ์ โดยนำไปติดกับสิ่งของต่าง ๆ อาทิ กุญแจ กระเป๋า และอื่น ๆ แล้วค้นหาตำแหน่งได้ด้วยแอป Find My บน iOS แอปเปิลระบุว่าจุดขายเด่นของ AirTag คือปกป้องความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน ตั้งแต่สัญญาณบลูทูธที่ส่งออกมา มีการเปลี่ยนค่าความถี่เพื่อป้องกันการติดตามที่ไม่ต้องการ และยังแจ้งเตือนผ่าน iOS หากตรวจพบอุปกรณ์ AirTag ที่ไม่รู้จักเคลื่อนย้ายตามผู้ใช้งานอีกด้วย ในกรณีที่ไม่มีอุปกรณ์ iOS แอปเปิลก็ยังป้องกันปัญหานี้ไว้ด้วยเช่นกัน โดยการส่งเสียงเตือนเป็นระยะ หาก AirTag อยู่ห่างจากเจ้าของอุปกรณ์เป็นเวลานาน เมื่อพบ AirTag ที่ไม่ต้องการ ก็สามารถสั่งปิดการทำงานด้วย iOS หรือใช้สมาร์ทโฟนที่มี NFC AirTag สามารถออกแบบข้อความบนอุปกรณ์ ทั้งแบบตัวหนังสือและอีโมจิ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้ห้อยติดกับอุปกรณ์ได้สวยงามมากขึ้น รวมทั้งมีรุ่น Hermès อีกด้วย ราคาขายอันละ 990 บาท และมีแพ็คซื้อ 4 อัน ในราคา 3,390 บาท เริ่มเปิดให้สั่งจองในอเมริกาวันศุกร์นี้ สินค้าเริ่มส่งมอบวันที่ 30 เมษายน เพิ่มเติม แอปเปิลระบุว่า AirTag ออกแบบมาให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้มากกว่า 1 ปี โดยใช้ถ่านกระดุม CR2032 และผู้ใช้งานสามารถแกะเปลี่ยนได้เอง อ่านเพิ่มเติม: Find My: เมื่อแอปเปิลจะหาอุปกรณ์หายได้แม้ไม่ต่อเน็ต ที่มา: แอปเปิล
# [ลือ] Microsoft เตรียมปรับโฉม Store บน Windows 10 ใหม่ Windows Central อ้างข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้อง ว่าไมโครซอฟท์เตรียมยกเครื่อง Store บน Windows 10 โดยเปลี่ยนหน้าตาและส่วนติดต่อผู้ใช้งาน ให้สอดคล้องกับอัพเดต Sun Valley ที่จะออกช่วงปลายปี นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังเตรียมปรับปรุงเงื่อนไขของ Store ใหม่ ที่เป็นประโยชน์สำหรับฝั่งนักพัฒนาด้วย โดยข้อมูลที่มีระบุว่า นักพัฒนาสามารถเลือกส่งแอป Win32 โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแพ็คเกจ MSIX (เช่น EXE หรือ MSI) นอกจากนี้ยังสามารถอัพเดตแอปผ่าน CDN ของตนเองได้ จากเดิมต้องทำผ่าน Store ของไมโครซอฟท์เท่านั้น และสุดท้ายยังสามารถเลือกใช้ระบบจ่ายเงินได้เอง ไม่ต้องใช้ของไมโครซอฟท์ก็ได้ คาดว่าไมโครซอฟท์จะประกาศรายละเอียดนี้ในงาน Build 2021 ที่มา: Windows Central
# Microsoft Outlook เพิ่มการตั้งค่า ให้แต่ละการประชุม มีเวลาระยะเวลาพักเบรก ก่อนประชุมถัดไป ไมโครซอฟต์อัพเดต Outlook ในส่วนการตั้งค่า ให้สามารถกำหนดระยะเวลาพัก ระหว่างการนัดหมายแต่ละการประชุม โดยไมโครซอฟต์บอกว่าได้ทำการศึกษาวิจัย พบว่าการให้แต่ละคนได้พักระหว่างแต่ละนัดหมายการประชุม จะช่วยให้ประสิทธิภาพสมองดีขึ้น การกำหนดระยะเวลาพักระหว่างแต่ละกำหนดนัดหมาย สามารถตั้งค่าพื้นฐานได้ทั้งในระบบองค์กรหน่วยงาน หรือในระบบผู้ใช้งานแต่ละคน เช่น เมื่อกำหนดให้มีการพัก 5 นาที ก่อนเริ่มการประชุม สำหรับการประชุมระยะเวลา 30 นาที เมื่อมีการนัดหมายที่ปกติความยาว 30 นาที Outlook จะลดเวลาลง 5 นาที เป็นต้น ที่มา: ไมโครซอฟต์ ผ่าน The Verge
# Amazon เปิดร้านเสริมสวยในลอนดอน ใช้ AR จำลองสีผมให้ดู ก่อนตัดสินใจทำสี ครั้งแรกของ Amazon เปิดตัวร้านเสริมสวยที่ถนน Brushfield Street ในลอนดอน ใช้เทคโนโลยี AR สร้างประสบการณ์ลูกค้า โดยลูกค้าสามารถมองกล้องเพื่อจำลองสีผมของตัวเองได้ เป็นการเลือกสีที่ชอบที่สุด ก่อนตัดสินใจทำสีผม ในร้านมีช่างทำผมมืออาชีพจาก Neville Hair and Beauty คอยให้บริการด้วย อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังไม่มีแผนจะเปิดตัวร้านเสริมสวยในพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติม ตัวเทคโนโลยี AR ในร้านมีความคล้ายฟีเจอร์ลองใช้เครื่องสำอางหรือ Live Mode ของ Amazon ที่เปิดตัวในแอปพลิเคชั่นในปี 2019 ที่ผู้ใช้ลองลิปสติกสีต่างๆ แบบเสมือนจริงได้ ภาพจาก Amazon ที่มา - Engadget
# รู้จัก SafeCore เทคโนโลยีป้องกันแบตเตอรี่ไฟไหม้ ถึงโดนยิงก็ไม่ระเบิด SafeCore เป็นเทคโนโลยีป้องกันแบตเตอรี่ไฟไหม้ที่จดสิทธิบัตรโดยบริษัท Amionx บริษัทลูกของ American Lithium Energy หรือ ALE ที่ได้งบจากกระทรวงพลังงานของสหรัฐ เพื่อวิจัยเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใหม่ ซึ่งปลอดภัยจนสามารถใช้เป็นเครื่องป้องกันในรถยนต์ไฟฟ้าได้ รวมถึงยังเป็นการพัฒนาต่อยอดจากแบตเตอรีที่ไม่ลุกไหม้แม้จะถูกยิง ที่ ALE ทำร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังได้รับเงินลงทุนจาก Qualcomm ตั้งแต่ปี 2017 อีกด้วย SafeCore เป็นระบบแบตเตอรี่พร้อมตัวตัดกระแส สิทธิบัตรของ Jiang Fan และ Dengguo Wu ผู้ร่วมก่อตั้ง ALE จดทะเบียนครั้งแรกในปี 2015 และอีกเวอร์ชั่นในปี 2020 สิทธิบัตรกล่าวถึงแบตเตอรี่ที่มีชั้นตัดกระแสที่จะทำงานเมื่อมีเกิดความร้อน เป็นวัสดุที่จะกลายเป็นแก๊สเมื่อเกิดอุณหภูมิสูงถึงจุดหนึ่ง ซึ่งแก๊สตัวนี้จะทำให้ชั้นป้องกันกระแสนี้พองออก ทำหน้าที่เหมือนเป็นฟิวส์หยุดการไหลของกระแสเมื่อเกิดความร้อนจาก thermal runaway และป้องกันการลุกไหม้หรือระเบิดที่เกิดจากสามสาเหตุหลัก คือกระแสไฟเกิน, ไฟชอร์ต, หรือจากความร้อนภายนอก และสามารถนำไปใช้ได้กับแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนทุกชนิด รวมถึงแบตเตอรี่ Solid State ในอนาคต นอกจากนี้ชั้นป้องกันกระแสของ SafeCore ยังเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ราคาไม่แพง และสามารถเพิ่มเข้าไปในไลน์การผลิตแบตเตอรี่ได้โดยง่าย ทำให้นอกจากจะเพิ่มต้นทุนเพียงเล็กน้อยแล้ว ยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแบตเตอรี่ ได้โดยการลดความจำเป็นที่จะต้องใส่ระบบป้องกันอื่น ทำให้แบตเตอรี่มีน้ำหนักเบาลง ปลอดภัยขึ้น และหากนำไปใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า หมายถึงระยะที่รถวิ่งได้ ก็จะมากขึ้นด้วย หลายครั้งที่อุบัติเหตุรถยนต์ไฟฟ้า มักจะตามมาด้วยการเกิดเพลิงไหม้จากแบตเตอรี่ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้คนขับและผู้โดยสาร แม้ตัวรถเองจะมีความปลอดภัยสูง เช่นอุบัติเหตุ Tesla ที่ชนต้นไม้จนไฟลุกไหม้ และมีมีผู้เสียชีวิตสองราย เมื่อวันเสาร์ที่ 17 เมษายนที่ผ่านมานี้ ทำให้เทคโนโลยีความปลอดภัยของแบตเตอรี่เช่น SafeCore น่าจะเป็นอีกสิ่งที่สำคัญต่อวงการยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต อย่างไรก็ตามเทคโนโลยี SafeCore ของ Amionx นั้น เปิดขายอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2017 แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายนัก อาจเพราะถึงอย่างไรก็เป็นการเพิ่มต้นทุนของแบตเตอรี่และต้องมีการเปลี่ยนแปลงไลน์ผลิตอยู่ดี และผลดีในเชิงพาณิชย์ อาจยังไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น คงต้องรอดูในอนาคต ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ต่อไป ที่มา - Amionx SafeCore
# LINE เวอร์ชั่นคอมพิวเตอร์ หยุดให้ล็อกอินด้วยเบอร์โทร 27 พฤษภาคมนี้ จากเดิมที่ผู้ใช้งานสามารถล็อกอินเข้าสู่แอพ Line บนคอมพิวเตอร์ โดยใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือหรืออีเมลที่ร่วมกับรหัสผ่านลงทะเบียนไว้ แต่ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 เป็นต้นไป ผู้ใช้ LINE เวอร์ชั่น 7.0 จะไม่สามารถล็อกอินเข้าสู่บัญชีด้วยเบอร์โทรได้อีกต่อไป แต่ยังสามารถล็อกอินด้วยอีเมล หรือใช้มือถือสแกน QR Code บนจอคอมพิวเตอร์ได้อยู่ ผู้ใช้ท่านใดที่ไม่เคยลงทะเบียนด้วยอีเมล หรือไม่ได้ใช้ไลน์บนมือถือ สามารถผูกบัญชีบนแอพ Line เวอร์ชั่นมือถือได้โดยใช้เบอร์โทร ตามวิธีนี้ หลังจากนั้นจะสามารถลงทะเบียนเพื่อล็อกอินด้วยอีเมล หรือล็อกอินด้วย QR code ได้ตามปกติ ที่มา - LINE blog
# แบงก์ชาติอังกฤษประกาศ สำรวจโอกาส ความเสี่ยง และความเป็นไปได้ของสกุลเงินดิจิทัล ธนาคารแห่งอังกฤษ หรือ Bank of England กับกระทรวงการคลัง HM Treasury ร่วมกันเปิดตัวหน่วยงานใหม่เพื่อสำรวจความเสี่ยง ความเป็นไปได้ของสกุลเงินดิจิทัลที่จะออกโดยธนาคารกลาง หรือ CBDC (Central Bank Digital Currency) มุมมองของทางธนาคารเชื่อว่า CBDC จะเป็นเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่สำหรับใช้ในครัวเรือนและธุรกิจ และมันจะอยู่ควบคู่ไปกับเงินสดและเงินฝากธนาคาร ไม่ได้มาแทนที่ โดยหน่วยงานใหม่จะสำรวจประเด็นต่างๆ ดังนี้ สำรวจโอกาสและความเสี่ยงของการใช้งาน CBDC ประเมินคุณสมบัติที่ควรจะมีใน CBDC ติดตามการพัฒนา CBDC ระหว่างประเทศเพื่อให้แน่ใจว่าสหราชอาณาจักรยังคงอยู่แถวหน้าของนวัตกรรม ภาพจาก Facebook ธนาคารแห่งอังกฤษ ธนาคารแห่งอังกฤษ ยังเปิดตัวฟอรั่มสองส่วน ส่วนแรกคือการเข้ามามีส่วนร่วมของหลายฝ่าย (CBDC Engagement Forum) ทั้งภาคสถาบันการเงิน, กลุ่มประชาสังคม, ร้านค้า, ผู้ใช้ทางธุรกิจและผู้บริโภค เพื่อสร้างความเข้าใจ หากมีการนำ CBDC ออกมาใช้ รวมทั้งจะพิจารณาผลกระทบต่างๆ ทั้งทางการเงินและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ฟอรั่มที่สองเจาะเรื่องเทคโนโลยีโดยเฉพาะ (CBDC Technology Forum) รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีทั้งหมดของ CBDC จากผู้เชี่ยวชาญและมุมมองที่หลากหลาย ให้ธนาคารได้เข้าใจความท้าทายทางเทคโนโลยีของ CBDC แนวทางนี้ตรงกับแนวทางของธนาคารกลางหลายชาติที่เริ่มสำรวจความเป็นไปได้ในการออกสกุลเงินดิจิทัลเอง โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เคยแถลงถึงแนวทางการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเช่นกัน ที่มา - ธนาคารแห่งอังกฤษ
# PayPal มีแผนเปิดตัววอลเลตในจีน เน้นการชำระเงินข้ามพรมแดน Hannah Qiu ซีอีโอของ PayPal ในจีนกล่าวกับ CNBC ว่า บริษัทมีแผนจะเปิดตัววอลเลตในจีน แต่แทนที่จะแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Alipay และ WeChat Pay โดยตรง PayPal จะเน้นไปที่การชำระเงินข้ามพรมแดนมากกว่า Qiu บอกเพิ่มเติมว่า ธุรกิจในอนาคตส่วนใหญ่เป็นการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน ในตลาดต่างประเทศของ PayPal มีผู้ใช้มากกว่า 377 ล้านคนและผู้ใช้ในองค์กรมากกว่า 20 ล้านคน ที่มา - CNBC
# Elon Musk ระบุ รถที่เกิดอุบัติเหตุใน Houston ไม่ได้เปิด Autopilot อยู่ หลังมีข่าวอุบัติเหตุรถ Tesla ชนต้นไม้จนเกิดไฟไหม้ และมีผู้เสียชีวิตสองราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าไม่มีคนนั่งอยู่ที่ตำแหน่งคนขับ มีการถกเถียงเรื่องนี้กันพอสมควรบนทวิตเตอร์ โดยผู้ใช้ Ahmad A Dalhat ตั้งข้อสงสัยในทวิตข่าวนี้ของ The Wall Street Journal ว่าระบบ Autopilot จะมีระบบป้องกันที่คนขับต้องนั่งอยู่บนเบาะ และจับพวงมาลัยทุกๆ 10 วิ ไม่งั้นระบบจะปิดตัวเอง ทำให้ไม่น่าจะเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุนี้ได้ หลังจากนั้นไม่นาน Elon Musk ก็ตามมาตอบทวิตนี้ด้วยตนเอง พร้อมจิกกัด WSJ เล็กน้อยว่าไม่ทำการบ้าน รวมถึงบอกว่าจากบันทึกข้อมูลของรถที่ Tesla เก็บได้ ตัวรถไม่ได้ทำงานอยู่ในระบบ Autopilot ตอนเกิดอุบัติเหตุ และผู้ใช้รถรายนี้ ไม่ได้ซื้อแพ็คเกจ Full Self-Driving (ที่ต้องซื้อเพิ่มในราคาราว 10,000 ดอลลาร์) รวมถึงบอกว่าระบบ Autopilot แบบสแตนดาร์ด (ไม่ใช่ FSD) จะใช้งานได้บนถนนที่มีเส้นแบ่งเลนเท่านั้น ซึ่งถนนที่เกิดอุบัติเหตุนี้ไม่มี จากทวิตนี้ ดูเหมือน Elon Musk จะระบุกลายๆ ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้อาจเกิดจากความผิดพลาดของผู้ใช้มากกว่าความผิดพลาดของระบบ Autopilot อย่างไรก็ตาม การเกิดไฟไหม้จากแบตเตอรี่ ก็ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงจากอุบัติเหตุของรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าอยู่ ซึ่งคงต้องปรับปรุงและแก้ไขต่อไป ที่มา - Elon Musk via Engadget
# Apex Legends เวอร์ชั่นมือถือ เตรียมเปิดให้ทดสอบในอินเดียและฟิลิปปินส์เร็วๆ นี้ Apex Legends เกมยิงแนว Battle Royale ในจักรวาล Titanfall จากทีม Respawn ของ EA เตรียมออกเวอร์ชั่น Mobile และจะเปิดให้ทดสอบ Closed Beta ช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ (เดือนมีนาคมถึงมิถุนายน) ตัวเกมจะเปิดทดสอบเวอร์ชั่น Android ในประเทศอินเดียและฟิลิปปินส์เป็นสองประเทศแรก เพราะเป็นประเทศที่มีประชากรที่เล่นเกมมือถือแนว FPS Battle Royale เป็นจำนวนมาก โดยครึ่งหนึ่งของผู้เล่น PUBG Mobile ก่อนหน้านี้มาจากอินเดีย (ก่อนที่เกมจะโดนแบนเพราะปัญหาระหว่าง จีน-อินเดีย) หลังเปิดทดสอบบน Android และในสองประเทศแรกแล้ว ตัวเกมจะเปิดให้ทดสอบบน iOS และในประเทศอื่นต่อไป แต่ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนในการเปิดทดสอบเวอร์ชั่นอื่น หรือเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการในประเทศอื่น EA ระบุว่าตัวเกมจะเป็นเกมที่ใกล้เคียงกับเวอร์ชั่นต้นฉบับ ที่การควบคุมและประสิทธิภาพถูกปรับแต่งมาสำหรับมือถือ นอกจากนี้ยังคงเป็น free to play ที่มีการเปิดกล่องปลดล็อกสกินต่างๆ เช่นเดิม แต่จะไม่สามารถข้ามไปเล่นกับพีซีหรือคอนโซลได้ ที่มา - EA
# Mastercard เข้าซื้อ Ekata ผู้ทำระบบยืนยันตัวตนออนไลน์ ด้วยมูลค่า 850 ล้านเหรียญ Mastercard เข้าซื้อ Ekata บริษัททำระบบยืนยันตัวตนด้วยมูลค่า 850 ล้านเหรียญ เพื่อตอบรับการชำระเงินออนไลน์ที่พุ่งสูงขึ้น โดย Ekata ทำโซลูชันที่สามารถยืนยันตัวตนทางออนไลน์ของบุคคลที่ทำธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์ โดยใช้สัญญาณต่างๆ รวมถึงการใช้ข้อมูล คะแนนที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นการฉ้อโกงหรือไม่ Rob Eleveld ซีอีโอของ Ekata กล่าวในแถลงการณ์ว่า เชื่อว่าการรวมโซลูชันการตรวจจับการฉ้อโกงของ Mastercard กับแนวทางการให้คะแนนของ Ekata จะช่วยป้องกันผู้ไม่หวังดี มาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการดำเนินธุรกิจได้ ด้าน Ajay Bhalla ประธานฝ่ายโซลูชั่นไซเบอร์ของ Mastercard ระบุว่า การร่วมมือกันนี้จะพัฒนาขีดความสามารถในการระบุตัวตนและสร้างวิธีที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นในการพิสูจน์ว่าผู้ทำธุรกรรมเป็นใครในโลกเศรษฐกิจยุคใหม่ ที่ผ่านมา Ekata ไม่ได้ระดมทุนใดๆ แต่ก็มีลูกค้ารายใหญ่หลายราย เช่น Lyft, Stripe, Equifax, Checkout.com และ Intuit บริษัท Ekata เคยเป็นส่วนหนึ่งของ White Page Pro และแยกตัวออกมาในปี 2019 ภาพจาก Ekata ที่มา - TechCrunch
# แนะนำ Sony IMX789 เซ็นเซอร์กล้องขนาด 1/1.35 นิ้ว รุ่นคัสตอมที่สร้างมาเพื่อ OnePlus 9 Pro จุดเด่นของ OnePlus 9 นอกจากเทคโนโลยีกล้อง Hasselblad ที่ช่วยให้สีที่เป็นธรรมชาติขึ้นกับภาพจากกล้องอัลตร้าไวด์ที่ขอบภาพไม่บิดเบี้ยวแล้ว OnePlus ยังพูดถึงอีกองค์ประกอบของกล้องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือเซ็นเซอร์ภาพ Sony IMX789 รุ่นคัสตอมที่ OnePlus ทำร่วมกับ Sony เป็นเวลากว่า 2 ปี เพื่อให้ได้เซ็นเซอร์กล้องที่สร้างมาเป็นพิเศษเพื่อมือถือ OnePlus 9 Pro Sony IMX789 เป็นเซ็นเซอร์ขนาด ขนาด 1/1.35 นิ้ว ใหญ่ขึ้นพอสมควรเมื่อเทียบกับ Sony IMX586 ขนาด 1/2 นิ้ว บน OnePlus 8 Pro และมีจำนวนพิกเซลอยู่ที่ 52 ล้านพิกเซล บนดีไซน์แบบ Quad Bayer หรือ 4 พิกเซลที่สามารถถ่ายภาพได้ 2 ค่าการเปิดรับแสง (exposure) พร้อมกัน ทำให้ได้ภาพ HDR ที่มีคุณภาพดีขึ้น และลด ghosting หรือเงาของภาพที่เกิดจากการขยับวัตถุ และยังสามารถรวม 4 พิกเซลเป็น 1 พิกเซล (pixel binning) เพื่อถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อยได้เท่ากับพิกเซลที่มีขนาด 2.24 μm ตัวเซ็นเซอร์มีอัตราส่วนรวมอยู่ที่ 16:11 แต่จะแบ่งใช้เป็นแบบ 4:3 สำหรับถ่ายภาพนิ่ง และ 16:9 สำหรับถ่ายวิดีโอ 4K 120FPS นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี 2x2 OCL (On-Chip Lens) ที่ทำงานร่วมกับ Laser Autofocus ช่วยเพิ่มความเร็วในการหาระยะโฟกัสของกล้อง IMX789 ยังมีความสามารถในการถ่ายภาพ RAW แบบ 12 bit ที่เก็บสีได้ถึง 68.7 พันล้านสี มี FWC (Full Well Capacity) หรือจำนวนประจุเต็มที่ต่อพิกเซลสูงขึ้น ช่วยลดอาการ bloom เมื่อถ่ายภาพที่มีแสงมาก มี RN (Read Noise) ต่ำ ลด noise เมื่อถ่ายภาพแสงน้อย มี DOL-HDR หรือ Digital Overlap High Dynamic Range ระบบซ้อนทับภาพต่าง exposure เพื่อลด artifacts และทำให้คุณภาพของ HDR โดยรวมดีขึ้น OnePlus ยังระบุเพิ่มเติมว่าแค่ฮาร์ดแวร์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่ระบบกล้องสมาร์ทโฟนที่ดีในปัจจุบันจะต้องเป็นการผสานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งจะทยอยออกอัพเดตที่ปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพของกล้องต่อไปในอนาคต ส่วน OnePlus 9 ที่ใช้เซ็นเซอร์หลักเป็น Sony IMX689 นั้น นอกจากไม่มีกล้องเทเลโฟโต้และใช้เซ็นเซอร์รุ่นรองแล้ว ยังถูกตัดระบบกันสั่นแบบออปติคัล (OIS) ที่เคยมีใน OnePlus 8 ออก เหลือเพียงกันสั่นแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EIS) อีกด้วย OnePlus 9 รุ่นธรรมดา จึงถ่ายภาพหรือวิดีในที่ที่มีแสงน้อยได้แย่กว่า OnePlus 9 Pro อีกพอสมควร ซึ่งการตัด OIS ออกนี้ อาจเป็นการลดต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการใช้กล้องแบรนด์ Hasselblad ซึ่งก็คงกลายมาเป็นอีกปัจจัยร่วมที่ผู้ใช้ต้องพิจารณาว่าจะเลือกซื้อ OnePlus 9 หรือ 9 Pro ดี ที่มา - OnePlus Forum
# Facebook กำลังพัฒนาฟีเจอร์ฟังเนื้อหาจาก Spotify ได้ ไม่ต้องออกจากแอป มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ให้สัมภาษณ์นักข่าวในรายการข่าวระบุว่า Facebook กับ Spotify กำลังร่วมกันทำ Project Boombox ที่ผู้ใช้งาน Facebook สามารถฟังเพลงและพอดคาสต์จาก Spotify ได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าแอป เน้นปรับปรุงประสบการณ์ของครีเอเตอร์ โดยเฉพาะนักดนตรีที่จะแชร์ผลงานของตัวเองออกไป TechCrunch ระบุโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ฟีเจอร์นี้เริ่มทดลองในตคลาดนอกสหรัฐฯแล้ว เช่นเม็กซิโก รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งคาดว่าจะทดสอบเป็นวงกว้างมากขึ้นภายในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ Facebook กับ Spotify ได้ร่วมมือกันพัฒนาฟีเจอร์ที่จะส่งผลประโยชน์ต่อกันและกันมาก่อน เช่นการแชร์เพลงจาก Spotify ไปยัง Stories ใน Instagram และ Facebook Stories ที่มา - TechCrunch
# Reddit มาแล้ว เปิดตัวฟีเจอร์คุยเสียงแบบ Clubhouse ชื่อ Reddit Talk ตรงตามข่าวลือก่อนหน้าว่า Reddit แพลตฟอร์มเว็บบอร์ดจะทำห้องคุยเสียงแบบ Clubhouse ล่าสุดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในชื่อ Reddit Talk ยังเปิดตัวเป็นเวอร์ชั่นพรีวิว ให้ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรอใช้งาน การใช้งานเหมือน Clubhouse คือสามารถยกมือเพื่อพูดได้ คนคุมห้องแชทกดเชิญให้ขึ้นมาพูด รวมถึงสามารถควบคุมคนในห้องได้ว่าจะเลือก mute ใคร หรือลบใครออกจากห้อง ผู้เข้าร่วมพูดคุยยังแสดง reaction เป็นอีโมจิได้ในระหว่างคุย ที่มา - Reddit
# รัฐบาลอังกฤษขวางดีล NVIDIA ซื้อ Arm ให้สอบสวนเพิ่มว่ามีผลต่อความมั่นคงหรือไม่ Oliver Dowden รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อ และกีฬา (Department for Digital, Culture, Media and Sport ตัวย่อ DCMS) ของสหราชอาณาจักร ออกมาคัดค้านดีลซื้อกิจการของ NVIDIA และ Arm ตามกฎหมายของสหราชอาณาจักร Dowden มีอำนาจ (บางส่วน) แทรกแซงการควบกิจการที่มีผลกระทบต่อประเทศ ในกรณีนี้ Dowden ยกประเด็นว่า Arm เป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษที่ทำธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ มีผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคง ในขั้นถัดไป หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันของสหราชอาณาจักรคือ Competition and Markets Authority (CMA) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระ จะเข้ามาสอบสวนกรณี NVIDIA ซื้อ Arm อย่างเป็นทางการ และส่งรายงานกลับมาให้ Dowden ภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2021 หลัง CMA ส่งรายงานแล้ว Dowden มีทางเลือกตามกฎหมาย 3 ทางคือ อนุมัติดีล อนุมัติดีลแบบมีเงื่อนไขบางอย่าง ที่ต้องตกลงกับ NVIDIA เพื่อให้สภาพการแข่งขันยังอยู่ต่อไป สอบสวนข้อมูลเพิ่มเติมในระยะที่สอง ที่มา - Gov.uk
# Sony เปลี่ยนใจ PlayStation Store ของ PS3 และ PS Vita ยังคงให้บริการต่อไป Sony ประกาศยกเลิกแผน จากเดิมที่เตรียมปิดร้านขายเกมดิจิทัล PlayStation Store สำหรับคอนโซลรุ่นเก่า PS3 และ PS Vita ในช่วงกลางปีนี้ โดยทั้งสองคอนโซลนี้จะยังซื้อเกมบน PlayStation Store ได้ต่อไปตามเดิม ทั้งนี้ PlayStation Store สำหรับ PSP ยังคงแผนเดิม โดยเตรียมปิดให้บริการในวันที่ 2 กรกฎาคม 2021 Jim Ryan ซีอีโอ Sony Interactive Entertainment พูดถึงกระแสตอบรับจากที่ Sony ประกาศไปก่อนหน้านี้ สะท้อนว่าบริษัทตัดสินใจผิดพลาด โดยอธิบายเพิ่มเติมว่าการตัดสินใจครั้งแรกมีหลายองค์ประกอบ โดยเฉพาะการต้องสนับสนุนบริการของคอนโซลรุ่นเก่า ขณะที่บริษัทต้องการโฟกัสที่คอนโซลรุ่นใหม่มากขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทได้แก้ปัญหานี้ไปเรียบร้อยแล้ว ที่มา: PlayStation
# IBM ไตรมาส 1/2021 รายได้เติบโตจากธุรกิจ Cloud ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2021 รายได้รวม 17,730 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 955 ล้านดอลลาร์ รายได้รวมของธุรกิจคลาวด์เพิ่มขึ้น 21% ส่วน Red Hat เพิ่มขึ้น 17% ขณะที่ธุรกิจ Global Technology Services มีรายได้ส่วนนี้ 6,370 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนธุรกิจนี้ไอบีเอ็มเตรียมแยกธุรกิจบริการ infrastructure ออกเป็นบริษัทใหม่ Kyndryl Arvind Krishna ซีอีโอไอบีเอ็ม กล่าวว่าผลการดำเนินงานไตรมาสนี้ โดยเฉพาะกลุ่มคลาวด์มาจากลูกค้าเริ่มใช้งานไฮบริดคลาวด์มากขึ้น ตลอดจนการเติบโตในธุรกิจซอฟต์แวร์และบริการให้คำปรึกษา ที่มา: ไอบีเอ็ม
# เฟซบุ๊กปล่อยฟีเจอร์เสียง 3 ชุดรวด: ห้องคุยเสียงแบบ Clubhouse, Podcast, โพสเสียงสั้น เฟซบุ๊กเปิดตัวฟีเจอร์สำหรับการสื่อสารแบบสังคมออนไลน์ด้วยเสียง 3 ฟีเจอร์รวด ได้แก่ Soundbites โพสเสียงสั้นๆ สำหรับเล่าเรื่องราวง่ายๆ เช่น ร่ายกลอน, เล่าเรื่องตลก, ไปจนถึงการรีวิวสินค้าและอาหาร สำหรับฟีเจอร์นี้จะมี Sound Studio สำหรับปรับแต่งเสียง เพิ่มเพลงแบ็กกราวน์ หรือตัดเสียงรบกวนให้ด้วย Podcast โพสเสียงขนาดยาวขึ้น และตัวแอปเฟซบุ๊กจะรองรับการฟัง Podcast ต่อเนื่องแม้แอปรันเบื้องหลัง สำหรับเพจที่ได้ฟีเจอร์นี้จะมีแท็บ Podcast ให้เฉพาะ Live Audio Rooms ห้องคุยเสียงแบบเดียวกับ Clubhouse ตามที่เคยมีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ยังทดสอบฟีเจอร์นี้เฉพาะใน Group เท่านั้น และจะขยายออกไปในเพจอื่นๆ ในอนาคต เฟซบุ๊กยังประกาศแนวทางสร้างรายได้สำหรับครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มเสียงใหม่นี้ ผู้ฟังสามารถให้ดาวเป็นรายได้ของครีเอเตอร์ ส่วน Live Audio Room สามารถเปิดรับสมาชิกเสียเงินเข้าร่วมห้องได้ ทุกฟีเจอร์ที่ประกาศออกมายังทดสอบวงจำกัด สำหรับ Soundbites จะทดสอบกับครีเอเตอร์ที่ได้รับเชิญก่อน, Podcast ไม่ระบุเวลาปล่อยชัดเจน, และ Live Audio Rooms น่าจะใช้งานได้ทุกคนภายในกลางปีนี้ ที่มา - Facebook หน้าจอ Live Audio Rooms หน้าจอ Podcast หน้าจอ Soundbites พร้อมเครื่องมือปรับแต่งเสียง Sound Studio
# ใกล้เข้ามาอีกนิด ไมโครซอฟท์ประกาศแผนตั้งศูนย์ข้อมูลในมาเลเซีย ไมโครซอฟท์ประกาศตั้งศูนย์ข้อมูลในประเทศมาเลเซีย ภายใต้โครงการ Bersama Malaysia (Together with Malaysia) ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้จะถูกนับเป็นเขตใหม่ (region) ในระบบของ Azure, Microsoft 365, Dynamics 365, Power Platform และให้บริการ Azure Availability Zones ด้วย แต่ยังไม่ระบุกำหนดเวลาชัดเจนว่าจะพร้อมเริ่มให้บริการเมื่อใด นอกจากเรื่องศูนย์ข้อมูลแล้ว ไมโครซอฟท์ยังประกาศแผนการพัฒนาทักษะดิจิทัลให้คนมาเลเซีย 1 ล้านคนภายในปี 2023 ลักษณะเดียวกับที่เคยประกาศเรื่องนี้ในไทยในเดือนธันวาคม 2020 เมื่อต้นปีนี้ ไมโครซอฟท์เพิ่งประกาศตั้งศูนย์ข้อมูลในอินโดนีเซีย เท่ากับว่าตอนนี้มีแผนเปิดศูนย์ข้อมูลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วทั้งหมด 3 ประเทศคือ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ตามลำดับ ที่มา - Microsoft
# ไมโครซอฟท์เริ่มเปิดทดสอบ xCloud บน iOS และพีซี ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ไมโครซอฟท์เริ่มเปิดทดสอบ xCloud หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Xbox Cloud Gaming บน iOS และพีซี Windows 10 ตามที่เคยสัญญาไว้ เว็บเบราว์เซอร์ที่รองรับตอนนี้ยังมีแค่ Edge, Chrome, Safari เท่านั้น (บนพีซีเคยระบุว่าจะเปิดให้เล่นผ่านแอพ Xbox ด้วย แต่เหมือนยังทดสอบแต่บนเบราว์เซอร์) การทดสอบยังจำกัดในวงปิด (limited beta) และจะทยอยขยายกลุ่มผู้ทดสอบให้กว้างขึ้นต่อไป ปัจจุบัน Xbox Game Pass เปิดบริการใน 22 ประเทศ ที่มา - Xbox
# ถึงยุคของการใช้คอนเทนเนอร์เป็นหลัก Red Hat ชี้ OpenShift on Bare Metal ช่วยลดค่าใช้จ่าย ใช้จัดการ Virtual Machine ได้ แนวทางการพัฒนาแอปยุคใหม่ย้ายไปอยู่บนคอนเทนเนอร์ หรือแพลตฟอร์มคอนเทนเนอร์อย่าง Kubernetes แล้วแทบทั้งหมด แต่ในการใช้งานจริง องค์กรก็มักจะติดตั้ง Kubernetes ลงบนเครื่องที่จัดการโดยแพลตฟอร์ม virtualization อีกต่อหนึ่ง เพื่อให้สามารถจัดการเซิร์ฟเวอร์ในคลัสเตอร์ผ่านเครื่องมือต่างๆ นับจากการติดตั้ง, คอนฟิกค่าต่างๆ บนเครื่อง, ไปจนถึงการจัดการเครื่องในตลอดอายุการใช้งาน Red Hat OpenShift เป็นดิสโทร Kubernetes ระดับองค์กรอันดับหนึ่งที่ เริ่มหันมารองรับการใช้งาน OpenShift on Bare Metal ตั้งแต่เวอร์ชั่น 4.6 เป็นต้นมา ทำให้องค์กรที่ต้องการติดตั้ง OpenShift โดยไม่ต้องมีแพลตฟอร์ม virtualization ใดๆ มาคั่นกลางอีก สามารถติดได้โดยยังจัดการเซิร์ฟเวอร์ได้จากศูนย์กลาง กระบวนการติดตั้งเพิ่มโหนดเข้าคลัสเตอร์ทำได้อย่างรวดเร็วและอัตโนมัติ ต้องการการคอนฟิกค่าตั้งต้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คุณสุพรรณี อํานาจมงคล Solution Architect Manager ของ Red Hat ประเทศไทย ระบุว่ามุมมองของ Red Hat นั้นมุ่งไปเปิดทางให้องค์กรสามารถรันแอปพลิเคชั่นได้ทั้งบนคลาวด์ในในองค์กรของตัวเอง แต่ปีนี้ Red Hat พบว่าลูกค้าของบริษัทมีการย้ายแอปพลิเคชั่นมายังคอนเทนเนอร์มากแล้ว จึงหันมาเน้น OpenShift on Bare Metal ที่จะทำให้ลูกค้าประหยัดลง และได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น การที่องค์กรย้ายโหลดงานมายัง OpenShift มากขึ้นทำให Red Hat พบว่าลูกค้ามักจะมี virtualization จัดการอยู่ตรงกลางก่อนถึงฮาร์ดแวร์ แต่ในความเป็นจริงเครื่องจำนวนมากกลับใช้สำหรับรัน OpenShift เพียงอย่างเดียว โดยทุกวันนี้อาจจะเห็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์เป็นเช่นนี้อยู่ 40-50 เครื่องก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก คุณสุพรรณีเล่าถึงความได้เปรียบของการติดตั้ง OpenShift on Bare Metal ไว้ 6 ด้าน ได้แก่ ประสิทธิภาพ เนื่องจากไม่มีชั้น virtualization คั่นกลางแล้ว ประสิทธิภาพที่แอปพลิเคชั่นจะได้รับจากฮาร์ดแวร์จะดีขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อย 15% ความหน่วง (latency) ในการรันต่ำลง ประสิทธิภาพที่ได้คาดเดาได้มากขึ้น และสามารถใช้ฟีเจอร์ real-time ของลินุกซ์ได้ ความปลอดภัย การตัดแพลตฟอร์ม virtualization ออกช่วยลดจุดที่แฮกเกอร์จะใช้โจมตี (attack surface) ลง ขณะที่ OpenShift เองเพิ่มความสามารถในการดูแลความปลอดภัยคลัสเตอร์มากขึ้นเ้รื่อยๆ เช่น ระบบสแกนความปลอดภัยตาม CIS Benchmark เข้าถึงฟีเจอร์ฮาร์ดแวร์ได้ เปิดทางสามารถรันแอปพลิเคชั่นที่ต้องการฟีเจอร์เฉพาะของฮาร์ดแวร์บางอย่าง เช่น ชิปกราฟิกที่มักใช้สำหรับงานด้านปัญญาประดิษฐ์ ฟีเจอร์ด้านนี้เป็นเหตุผลสำคัญให้บางองค์กรในไทยเริ่มใช้ OpenShift on Bare Metal แล้ว ค่าใช้จ่ายถูกลง นอกจากองค์กรจะไม่ต้องเสียค่าไลเซนส์ซอฟต์แวร์ virtualization แล้ว Red Hat ยังมีแนวทางคิดค่าไลเซนส์ของ OpenShift on Bare Metal ตามซ็อกเก็ตซีพียูแทนการนับตามคอร์ ทำให้ค่าไลเซนส์โดยรวมประหยัดลง ตัวเซิร์ฟเวอร์สามารถใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ราคาถูกลง โดยมีเงื่อนไขเพียงว่าเซิร์ฟเวอร์ต้องผ่านการรับรองว่าใช้งานกับ RHEL ได้ สมรรถภาพของระบบเพิ่มขึ้น สามารถรัน Pod บนแต่ละโหนดได้สูงถึง 500 Pod และแต่ละแอปพลิเคชั่นสามารถใช้ซีพียู 32 คอร์หรือมากกว่าได้ แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเลเยอร์ซอฟต์แวร์ลดลง หากเกิดปัญหาขึ้นมาก็มักจะแก้ไขได้ง่ายขึ้นด้วย การใช้จัดการโหลดงานทุกรูปแบบผ่าน API กลางน่าจะเป็นเรื่องแนวทางทั้งอุตสาหกรรมไอทีเห็นตรงกัน และที่ผ่านมาแพลตฟอร์ม virtualization ก็มี API ให้เครื่องมือภายนอกเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวก ตัว OpenShift มีฟีเจอร์ virtualization สามารถใช้จัดการโหลดงานที่ยังต้องรันในเซิร์ฟเวอร์แบบ virtual machine อยู่ โดยคุณสุพรรณี ระบุว่ามุมมองของ Red Hat คือในอนาคต Kubernetes นั้นจะสามารถจัดการโหลดงานทุกรูปแบบในองค์กร รวมถึงการจัดการ virtual machine ด้วย และหากต้องการใช้งานฟีเจอร์ virtualization นี้องค์กรก็แนะนำให้ใช้ OpenShift on Bare Metal มากกว่า อ่านข้อมูลเพิ่มเติมบน OpenShift Blog ได้ทั้งการใช้งาน OpenShift on Bare Metal และฟีเจอร์ OpenShift virtualization
# Zoom ตั้งกองทุน Apps Fund ให้ทุนสตาร์ทอัพพัฒนาแอปที่ต่อยอดจาก Zoom Zoom ประกาศตั้งกองทุนวงเงิน 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ทุนกับสตาร์ทอัพ ที่พัฒนาแอปด้วยเครื่องมือพื้นฐานของ Zoom ซึ่งทำให้ Zoom เป็นแพลตฟอร์มที่มีแอปต่าง ๆ มาเชื่อมต่อมากขึ้น กองทุน Zoom Apps Fund จะให้เงินทุนกับสตาร์ทอัพทั่วโลก ด้วยเงินลงทุนตั้งแต่ 250,000 ดอลลาร์ สูงสุด 2.5 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างแอปและโซลูชันใหม่ ๆ ขึ้นมา สตาร์ทอัพหรือนักพัฒนาที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ zoom.com/fund ที่มา: TechCrunch
# การบินครั้งแรกบนดาวอังคาร NASA ทดสอบบินเฮลิคอปเตอร์ Ingenuity สำเร็จ NASA ประสบความสำเร็จในการบินเฮลิคอปเตอร์ Ingenuity ครั้งแรกบนดาวอังคาร ซึ่งถือเป็นการบินอากาศยาน (aircraft) ครั้งแรกบนดาวอังคารด้วย การบินเฮลิคอปเตอร์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจยาน Perserverance ที่เดินทางและลงจอดบนดาวอังคารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 โดยขนเฮลิคอปเตอร์ Ingenuity มาด้วย และทดสอบบินจริงครั้งแรกในวันนี้ เฮลิคอปเตอร์ Ingenuity มีชิ้นส่วนจากปีกของเครื่องบิน Wright Flyer เครื่องบินลำแรกของมนุษยชาติที่บินเมื่อปี 1903 ติดไปด้วย
# Facebook เพิ่มฟีเจอร์โอนโพสออก ย้ายไป Google Docs, Blogger, Wordpress ได้เลย เฟซบุ๊กประกาศเพิ่มฟีเจอร์สำหรับโยกข้อมูลออกจากเว็บ แทนที่จะให้ดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ลงมาในเครื่องเท่านั้น ตอนนี้ผู้ใช้สามารถโหลดโพสต่างๆ ย้ายไปยังบริการอื่น เช่น Blogger หรือ Wordpress.com ได้โดยตรง หรือจะเก็บเป็น Google Docs ก็ได้ ผู้ใช้ที่ได้รับฟีเจอร์นี้แล้วจะเห็นเมนู "Transfer Your Information." เพิ่มขึ้นมา ในหน้า Your Facebook Information ภายใต้ Settings การย้ายข้อมูลออกเช่นนี้เป็นไปตามแนวทางก่อนหน้านี้ที่เฟซบุ๊กเคยเปิดฟีเจอร์ย้ายภาพและวิดีโอออกไปยัง Google Photos หรือบริการคลาวด์สตอเรจ เช่น Dropbox, Koofr หรือ Backblaze เฟซบุ๊กเคยให้คำมั่นตั้งแต่ปี 2019 ว่าจะผลักดันแนวทาง Data Portability เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถย้ายออกไปใช้บริการอื่นได้ โดยนำข้อมูลออกไปด้วย การย้ายข้อมูลทั้งภาพและโพสต่างๆ ได้เช่นนี้ก็น่าจะเกือบสมบูรณ์แล้ว ส่วนข้อมูลอื่นๆ เช่น ข้อความแชต หรือคอมเมนต์นั้นคงทำได้เพียงการดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในเครื่อง ที่มา - Facebook
# เพื่อความต่อเนื่อง GitHub ออกธีมสำหรับ VS Code เพิ่มเติม GitHub ออกธีมสำหรับ VS Code เวอร์ชั่น 4.0 เพื่อให้โปรแกรมเมอร์สามารถพัฒนาโค้ดด้วยธีมสีเดียวกับในเว็บ GitHub ที่ใช้ระบบสี Primer ธีมมี 5 ธีมย่อย ได้แก่ GitHub Light, GitHub Dark, GitHub Light Default, GitHub Dark Default, และ GitHub Dark Dimmed โดยสามตัวหลังเพิ่มเข้ามาในเวอร์ชั่นนี้ เป็นธีมสีเดียวกับบนเว็บ แต่ยังเก็บธีมเวอร์ชั่นเก่าสองตัวแรก (ที่เคยตรงกับเว็บ GitHub ก่อนหน้านี้) ให้เลือกใช้งานได้ต่อไป ดาวนโหลดได้แล้วจากใน Visual Studio Marketplace ที่มา - GitHub: github-vscode-theme
# ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กลงนามคำสั่ง คนรายได้น้อยต้องได้ใช้เน็ตราคาถูก เริ่มที่เดือนละ 470 บาท Andrew Cuomo ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ลงนามคำสั่งกำหนดให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ทั้งหมด เสนอเครือข่ายเน็ตในราคาที่ประชาชนรายได้น้อยเข้าถึงได้ กำหนดราคาที่ 15 ดอลลาร์ต่อเดือน และ 20 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ถือเป็นราคาเน็ตที่ถูกลงมามากจากราคาปกติคือเดือนละประมาณ 50 ดอลลาร์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตต้องให้ความเร็วในการดาวน์โหลดอย่างน้อย 25 Mbps สำหรับราคา 15 ดอลลาร์ ส่วนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 200 Mbps กำหนดราคา 20 ดอลลาร์ Cuomo ยังร่วมมือกับ Eric Schmidt อดีตซีอีโอ Alphabet และมูลนิธิ Ford Foundation เปิดตัวกองทุน ConnectED NY ให้นักเรียน 50,000 คนที่มีปัญหาการเงิน ใช้อินเทอร์เน็ตฟรีจนถึงเดือนมิถุนายนปี 2022 ตั้งแต่เกิดโรคระบาดมา คนต้องใช้เน็ตทั้งทำงานและเรียนออนไลน์ แต่ยังมีเด็กๆ จำนวนไม่น้อยที่ยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ก่อนหน้านี้ กลุ่มคนไร้บ้านนิวยอร์กฟ้องศาล กดดันให้รัฐจัดหา Wi-Fi แก่นักเรียนที่ต้องเรียนออนไลน์ให้ทั่วถึง ภาพจาก Governor.ny.gov ที่มา - Bloomberg
# ซีอีโอบริษัทรถไร้คนขับ Aurora พูดถึง Tesla Autopilot ว่าเราทำแบบนี้ได้ตั้งแต่ปี 2010 แล้ว Chris Urmson ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทรถยนต์ไร้คนขับ Aurora ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg มีประเด็นที่น่าสนใจคือการเปรียบเทียบเทคโนโลยีของ Aurora กับฟีเจอร์ Autopilot ของ Tesla Chris Urmson ถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการรถยนต์ไร้คนขับ เขาเคยเป็นอาจารย์สอนหุ่นยนต์ที่ Carnegie Mellon University และพาทีมชนะการแข่งขัน DARPA Challenge ในช่วงปี 2004-2007 หลังจากนั้น มาเป็นหัวหน้าทีมรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิล จนกระทั่งลาออกในปี 2016 ด้วยเหตุผล (ที่เพิ่งเปิดเผยในบทสัมภาษณ์นี้) ว่าเขาไม่ได้รับเลือกให้เป็นซีอีโอของ Waymo (หมายเหตุ: John Krafcik ซึ่งเป็นคนที่ได้รับเลือกเป็นซีอีโอ เพิ่งประกาศข่าวลาออกเมื่อต้นเดือนนี้ หลังเป็นซีอีโอมา 5 ปี) Urmson ก่อตั้ง Aurora ในปี 2016 ร่วมกับ Sterling Anderson อดีตหัวหน้าทีม Tesla Autopilot โดยแนวทางของ Aurora คือพัฒนาเฉพาะตัวเทคโนโลยีขับรถอัตโนมัติเท่านั้น ไม่ได้ผลิตรถเองหรือให้บริการแท็กซี่เหมือนกับคู่แข่งรายอื่นๆ ปัจจุบัน Aurora มีลูกค้าอย่าง Volvo และบริษัทรถบรรทุก PACCAR นำระบบขับขี่อัตโนมัติไปใช้กับรถบรรทุกขนส่งสินค้าที่มักต้องเดินทางไกล และ Toyota ที่มีสัญญาพัฒนารถแท็กซี่ขับเคลื่อนอัตโนมัติให้ Urmson มองว่าระบบขับรถบรรทุกของ Aurora จะแซงหน้าคนขับที่เป็นมนุษย์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เขายังถูกถามว่ามองเทคโนโลยี Tesla Autopilot อย่างไร เขาบอกว่าสิ่งที่ Tesla ทำนั้นน่าประทับใจ (very impressive) แต่พวกเราตอนปี 2010 ทำได้ดีกว่านี้อีก ล่าสุด Aurora เพิ่งซื้อบริษัทรถยนต์ไร้คนขับของ Uber เมื่อปลายปี 2020 โดย Uber เข้ามาถือหุ้นใน Aurora ด้วย (บริษัทยักษ์ใหญ่รายอื่นที่มีหุ้นคือ Amazon) การซื้อบริษัท Uber ATG ถือว่าน่าสนใจเช่นกัน เพราะ Aurora มีพนักงานประมาณ 600 คน แต่ Uber ATG มีถึง 1,000 คน เท่ากับว่า Aurora ต้องมาซื้อบริษัทที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเอง (ในแง่จำนวนพนักงาน) ในด้านบวกทำให้ Aurora มีทรัพยากรไปต่อสู้กับบริษัทใหญ่ๆ (อย่าง Tesla หรือ Waymo) ได้ดีขึ้น, ได้มีพันธมิตรเป็นบริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่คือ Uber แต่ในอีกทาง แรงกดดันในแง่ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มมากขึ้นไปด้วย ซึ่ง Urmson ก็ยอมรับว่าคงต้องระดมทุนเพิ่มอีก Chris Urmson พูดที่งาน TED Talk ในปี 2015 (ตอนนั้นยังอยู่กับกูเกิล) ที่มา - Bloomberg, Ars Technica
# TeamViewer เปิดตัวแอพ Frontline Workplace สำหรับ Microsoft HoloLens 2 TeamViewer เปิดตัว Frontline Workplace แอพ Augmented Reality (AR) บน Microsoft HoloLens 2 แล้ว หลังก่อนหน้านี้แอพ Frontline Workplace ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชั่น TeamViewer Frontline มีให้ใช้งานบนอุปกรณ์ wearables ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเพียงไม่กี่รุ่น ผู้ใช้แอพ Frontline Workplace จะสามารถดูโมเดล 3D, คุยวิดีโอคอลกับผู้เชี่ยวชาญหรือหัวหน้างาน ไปพร้อมกับทำงานตรงหน้าในรูปแบบหน้าต่าง AR โดยจะสามารถใช้ท่าทาง (gestures) เพื่อคลิก หยิบ วาง หรือขยับหน้าต่าง ไม่ให้บดบังการทำงาน และสามารถดาวน์โหลดแอพได้ทันทีบน Microsoft Store TeamViewer มีชื่อเสียงมาจากโซลูชั่น remote desktop แต่ช่วงหลังบริษัทหันมาจับตลาดการซัพพอร์ตโดยรวม เช่น TeamViewer Frontline สำหรับการให้ความช่วยเหลือระยะไกลเช่นนี้ ที่มา - Microsoft via MSPoweruser
# หลุดตัวอย่างกระจกกันรอย iPhone 13 รอยบากเล็กลง ลำโพงอยู่บนสุดของเครื่อง ทวิตเตอร์ DuanRui ที่เคยปล่อยภาพคู่มือ iPad Air 4 ที่มี TouchID บนปุ่มเปิดปิดก่อนเครื่องจริงออกเมื่อปีที่แล้ว ล่าสุดปล่อยภาพตัวอย่างกระจกกันรอย iPhone 13 (ชื่อยังไม่คอนเฟิร์ม) ซึ่งถ้าเป็นของจริง แปลว่ารอยบากจะเล็กลงพอสมควร และขยับลำโพงด้านบน ไปไว้ที่ขอบบนสุดของเครื่อง (ส่วนที่เว้นไว้ของกระจก) ก่อนหน้านี้ Ming Chi Kuo นักวิเคราะห์ซัพพลายเชนของ Apple ให้ข่าวว่า iPhone 14 หรือรุ่นปี 2022 จะไม่มีรอยบากอีกต่อไป แปลว่า iPhone 13 ที่มีรอยบากเล็กลงนี้ อาจเป็น iPhone รุ่นสุดท้ายที่มาพร้อมรอยบากอันเป็นเอกลักษณ์ที่ใช้มาตั้งแต่บน iPhone X ในปี 2017 ที่มา - Twitter - DuanRui via 9to5Mac
# ไม่มีใครเอาด้วย WordPress เสนอบล็อคการตามรอย FLoC ของกูเกิลที่ระดับ CMS โดยตรง จากกรณี เบราว์เซอร์หลายตัวแบน หรือไม่มีแผนรองรับเทคนิคตามรอยเพื่อโฆษณา FLoC ของกูเกิล ล่าสุดทีมพัฒนา WordPress ในฐานะ CMS ยอดนิยมของโลก เสนอว่าควรมอง FLoC เป็นเหมือนช่องโหว่ความปลอดภัยอีกตัวหนึ่ง และออกแพตช์เพื่อปิดการทำงานของ FLoC ใน HTTP header หาก Chrome ส่งเข้ามาถามตอนเรียกหน้าเว็บเพจ โค้ดปิดการทำงานของ FLoC มีแค่ 4 บรรทัด และน่าจะถูกรวมเข้าใน WordPress 5.8 ที่มีกำหนดออกในเดือนกรกฎาคม 2021 function disable_floc($headers) { $headers['Permissions-Policy'] = 'interest-cohort=()'; return $headers; } add_filter('wp_headers', 'disable_floc'); ทีมงาน WordPress ระบุว่าตอนนี้เว็บไซต์ 41% ของโลกรันอยู่บน WordPress ดังนั้นการปิด FLoC ที่ระดับ CMS ย่อมส่งผลต่อกูเกิลอย่างมาก และการออกเป็นแพตช์ความปลอดภัยจะทำให้เว็บไซต์ที่รัน WordPress เวอร์ชันเก่าๆ ได้อัพเดตเพื่อปิดการทำงานของ FLoC ไปด้วย ที่มา - WordPress
# Cloudflare Stream เพิ่มบริการผูกวิดีโอเข้ากับ NFT เปิดทางขายคอนเทนต์ขนาดใหญ่ Cloudflare Stream เป็นบริการโฮสต์วิดีโอแบบคิดค่าโฮสต์ตามระยะเวลารับชม (ค่าสตรีม 1 ดอลลาร์ต่อ 1,000 นาที และค่าเก็บไฟล์ 5 ดอลลาร์ต่อ 1,000 นาทีต่อเดือน) สัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง Cloudflare ก็เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ให้วิดีโอบน Cloudflare Stream สามารถผูกเข้ากับ NFT ไว้ขายคอนเทนต์ได้ วิดีโอหรืออนิเมชั่นเป็นคอนเทนต์อีกกลุ่มที่ได้รับความนิยมซื้อขายกันเป็น NFT ค่อนข้างมาก ทาง Cloudflare ระบุว่าคอนเทนต์เหล่านี้มักมีขนาดเล็กหรือเป็นวิดีโอสั้นๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเก็บคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มเช่น IPFS นั้นทำได้ลำบาก การใช้ Cloudflare Stream ทำให้สามารถโฮสต์วิดีโอขนาดใหญ่ๆ ได้ง่ายขึ้น เมื่อวิดีโอถูกผูกเข้ากับ NFT แล้วทาง Cloudflare จะตรวจสอบเจ้าของวิดีโอโดยอัตโนมัติผ่านทาง Cloudflare Ethereum Gateway และจะโอนวิดีโอไปยังบัญชี Cloudflare ของเจ้าของใหม่เมื่อมีการซื้อขายได้เอง ที่มา - Cloudflare Blog
# ยังช้าอยู่ OnePlus เพิ่งอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยเดือนมีนาคมให้ OnePlus 7, 7Pro, 7T และ 7T Pro หลัง OnePlus 7, 7 Pro, 7T และ 7T Pro ได้อัพเดต OxygenOS 11 ไปช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่แพตช์ความปลอดภัยยังเป็นของเดือนกุมภาพันธ์อยู่ ล่าสุด OnePlus อัพเดตแพทตช์ความปลอดภัยเดือนมีนาคมให้ตระกูล OnePlus 7 และ 7T ทั้งหมดใน Oxygen OS 11 Hotfix เวอร์ชั่น 11.0.0.2 แล้ว โดย changelog ของ Hotfix 11.0.0.2 เหมือนกับตอนอัพเดต Oxygen 11 แต่เพิ่มเรื่องแพตช์ความปลอดภัยเป็นเดือนมีนาคมเข้ามาเท่านั้น สามารถดู changelog แบบเต็มได้ ที่นี่ โครงการ Android หลัก ออกแพตช์ความปลอดภัยเดือนมีนาคมมาตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา และแพตช์ความปลอดภัยล่าสุดของเดือนเมษายนออกวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา การออกแพตช์เดือนมีนาคมมาตอนนี้จึงทำให้ OnePlus ยังแพตช์ช่องโหว่ช้ากว่าโครงการ Android หลักอยู่เกือบ 50 วัน ที่มา - OnePlus via Android Police OnePlus 7 Pro
# เกิดอุบัติเหตุ Tesla ชนต้นไม้และไฟไหม้ เสียชีวิต 2 ราย ตำรวจเผยไม่มีใครนั่งควบคุมตรงพวงมาลัย เมื่อวันเสาร์ที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถ Tesla ชนในเท็กซัส และเกิดไฟไหม้รถ มีผู้เสียชีวิตสองราย ตำรวจบอกว่า ไม่มีใครนั่งควบคุมอยู่ตรงพวงมาลัย Mark Herman ตำรวจประจำเขต Harris County Precinct 4 ระบุว่า จากหลักฐานทางกายภาพในที่เกิดเหตุและการสัมภาษณ์พยานทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าไม่มีใครขับรถในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ ตัวรถเป็น Tesla Model S ปี 2019 ตำรวจระบุว่ารถกำลังเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หลุดจากถนนไป 100 ฟุต และไปชนต้นไม้และเกิดไฟไหม้ อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านที่อยู่อาศัยใน Woodlands ตำรวจชี้ว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายอายุ 59 และ 69 ปี คนหนึ่งอยู่ที่ที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าและอีกคนหนึ่งอยู่ที่เบาะหลัง ภรรยาของผู้เสียชีวิตบอกว่าสามีต้องการออกไปขับรถ และมีการพูดถึงฟีเจอร์ Autopilot ของ Tesla ด้วย หน่วยงานกำกับดูแล National Transportation Safety Board เคยแสดงข้อกังวลเกี่ยวกับแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้านั้นยังมีความเสี่ยงจะเกิดอันตรายเรื่องการควบคุมความร้อน หรือ thermal runaway เวลาขับด้วยความเร็วสูง ด้าน Tesla ยังไม่ออกมากล่าวอะไรต่อเหตุการณ์นี้ ที่มา - New York Times
# [ไม่ยืนยัน] Amazon เตรียมเปิดบริการขนส่งเฟอร์นิเจอร์พร้อมประกอบให้ด้วย Bloomberg รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่อยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ว่า Amazon เตรียมเปิดบริการใหม่ นอกจากส่งเฟอ์นิเจอร์แล้ว ยังประกอบและติดตั้งให้ด้วย โดยจะเริ่มเปิดบริการที่เวอร์จิเนียก่อน นอกจากเฟอร์นิเจอร์แล้ว บริการยังครอบคลุมถึงการติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่างเครื่องล้างจาน เครื่องซักผ้า ปัจจุบัน Amazon มีบริการ Amazon Home Services อยู่แล้วในบางเมือง ซึ่งลูกค้าสามารถจ้างเอาท์ซอร์สมาประกอบเฟอร์นิเจอร์หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่นเตาย่างและลู่วิ่ง ซึ่งบริการใหม่นี้คาดว่าจะช่วยให้ค่าส่งถูกลง และจัดการได้ง่ายกว่าสำหรับ Amazon อย่างไรก็ตาม มีความกังวลว่า เจ้าหน้าที่ติดตั้ง จะได้รับการเทรนอย่างดีหรือไม่ หรือจะส่งผลกระทบต่อระยะเวลาจัดส่งหรือไม่ ที่มา - CNET