txt
stringlengths
202
53.1k
# Hasbro เปิดตัวหุ่น Optimus Prime ที่แปลงร่างได้เอง สั่งผ่านเสียงและแอพ ราคา 699 ดอลลาร์ Hasbro เจ้าของลิขสิทธิ์ของเล่น Transformers ร่วมกับ Robosen บริษัทผลิตของเล่นหุ่นยนต์จากจีน ผลิตของเล่นหุ่นยนต์ Optimus Prime สุดล้ำ แปลงร่างได้เองอัตโนมัติ สั่งการด้วยเสียง รวมถึงบังคับผ่านแอพ ตั้งโปรแกรมให้เคลื่อนไหวตามคำสั่งเสียงได้ และอัพเดตฟีเจอร์เพิ่มเติมได้ในอนาคต ตัวหุ่นประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนกว่า 6,000 ชิ้น มีมอเตอร์เซอร์โว 27 ตัว ควบคุมโดยไมโครชิป 60 ชิ้น พร้อมแบตเตอรี่ 2,000 mAh มีไมโครโฟนรับคำสั่งเสียง และลำโพงไว้ใช้ส่งเสียงแปลงร่าง เสียงพูดจากนักพากย์ต้นฉบับ และเสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ มาพร้อมกับอาวุธ ขวาน Battle Axe ปืน Blaster สายชาร์จ และกล่อง Travel Case สำหรับพกไปอวดเพื่อน ก่อนหน้านี้ บริษัท Robosen สมัยใช้ชื่อเดิมว่า Senpower เคยทำหุ่น Optimus Prime แปลงร่างเองได้มาตั้งแต่ปี 2018 แต่ในตอนนั้นยังไม่ได้ลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Hasbro ก่อนจะทำ Robosen T9 ที่ไม่ได้ใช้ดีไซน์อิงจากการ์ตูน และนำมาโชว์ในงาน CES ปี 2020 จนกระทั่งได้ลิขสิทธิ์ทำ Optimus Prime อย่างถูกต้องในปัจจุบัน ชื่อเต็มๆ ในเว็บของของเล่นชิ้นนี้คือ Transformers Optimus Prime Auto-Converting Programmable Advanced Robot - Collector Edition เปิดให้พรีออเดอร์บนหน้าเว็บ Hasbro แล้ววันนี้ ในราคา 699 ดอลลาร์ (ราว 22,000 บาท) ที่มา - Kotaku
# Logitech เลิกผลิตรีโมทควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม Harmony แล้ว Logitech ประกาศเลิกผลิตรีโมทภายใต้แบรนด์ Harmony สำหรับใช้ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอย่างเป็นทางการ โดยจะยังคงซัพพอร์ตลูกค้าเดิมต่อไป สำหรับสินค้าตระกูล Harmony เป็นสินค้ากลุ่มควบคุมสมาร์ทโฮมของ Logitech ซึ่งรีโมทก็ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าแบรนด์นี้ และเป็นตัวเลือกเดียวในช่วงหลังสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฮมที่ต้องการรีโมทธรรมดาไว้สำหรับควบคุมสิ่งต่าง ๆ ภายในบ้าน เพราะตัวรีโมทกำหนดได้ว่าจะให้ปุ่มไหนคุมหลอดไฟดวงไหนหรือปลั๊กจุดไหน แต่หลังจาก Google, Apple และ Amazon เริ่มเข้ามาในระบบควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้าน รวมถึงมี HDMI-CEC ก็ทำให้ universal remote เริ่มไม่ได้รับความนิยม ตอนนี้ Logitech เลิกผลิตรีโมท Harmony อย่างเป็นทางการแล้ว แต่ทางบริษัทจะยังคงซัพพอร์ตลูกค้าปัจจุบันต่อไป ส่วนลูกค้าที่ต้องการหาซื้อรีโมทก็ยังคงหาซื้อได้จากผู้จัดจำหน่ายจนกว่าสินค้าจะหมดสต็อก ที่มา - Engadget ภาพจาก Logitech
# กูเกิลยืนยัน Pixel 5a 5G มาแน่ปีนี้ แต่ชิปขาดตลาด จะมีขายแค่ในสหรัฐ-ญี่ปุ่นเท่านั้น วันนี้มีข่าวลือออกมาว่ากูเกิลเลิกทำ Pixel 5a มือถือราคาถูกประจำปี 2021 นี้ ด้วยเหตุผลว่าชิปขาดแคลน แต่หลังจากนั้นไม่นาน กูเกิลก็ออกแถลงการณ์ว่า Pixel 5a 5G ไม่ถูกยกเลิก (เป็นครั้งแรกที่กูเกิลเอ่ยถึง Pixel 5a อย่างเป็นทางการด้วย แต่สังเกตว่าพูดถึงแค่รุ่น 5G ไม่พูดถึงรุ่น 4G ว่าจะมีด้วยหรือไม่) แต่จะวางขายเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเพียง 2 ประเทศเท่านั้น กูเกิลยังบอกว่ากำหนดการเปิดตัว Pixel 5a 5G จะไล่เลี่ยกับการออก Pixel รุ่น a ในปีก่อน ซึ่งกรณีของ Pixel 4a เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2020 ล่าช้าจาก Pixel 3a ที่เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2019 ที่มา - 9to5google ภาพ Pixel 4a
# FBI บุกจับชายที่ขู่ระเบิดศูนย์ข้อมูล AWS ในเวอร์จิเนีย ซื้อวัตถุระเบิดเตรียมไว้แล้วด้วย FBI เข้าบุกจับ Seth Aaron Pendley ชายคนหนึ่งในเท็กซัสเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลว่าเขาพยายามจะวางระเบิดศูนย์ข้อมูล AWS ในเวอร์จิเนีย FBI ยื่นฟ้องศาล โดยระบุว่า FBI บอกว่าชายคนนี้ซื้อวัตถุระเบิดพลาสติก C-4 จากสายลับ FBI ระหว่างการสอบสวน Pendley ยังคุยโวโอ้อวดด้วยว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในการบุกรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ส่วนเหตุผลที่จะโจมตีศูนย์ข้อมูลเพราะเขาต้องการทำลาย 70% ของอินเทอร์เน็ตและทำลาย "คณาธิปไตย" การสืบสวนเริ่มต้นจากพลเมืองคนหนึ่งแชร์ภาพหน้าจอของ Pendley พูดถึงแผนการของเขาบนเว็บไซต์สนับสนุนการก่อการร้าย ใช้ username ว่า Dionysus และให้สายลับเข้าไปแกล้งพูดคุยกับ Pendley ตามช่องทางแชท เพื่อพยายามให้พูดถึงแผนการว่าจะทำอะไรต่อไป ที่มา - CNET
# Uber และ Lyft อัดฉีดเงินจูงใจให้คนขับกลับมารับงาน หลังคนขับขาดแคลนจากการปิดเมือง ปี 2020 เกือบทั้งปี โรคระบาด COVID-19 โจมตีหนักในสหรัฐฯ กระทบการเดินทางท่องเที่ยว แต่ช่วงปลายปีจนถึงปีนี้ สถานการณ์ค่อยๆ กลับคืนมา คนได้ฉีดวัคซีนและออกมาใช้ชีวิตปกติ ทำให้บริษัทให้บริการเรียกรถต้องเตรียมแพลตฟอร์มให้พร้อม ล่าสุดทั้ง Uber และ Lyft อัดฉีดเงินจูงใจให้คนขับกลับมาขับรถ แก้ปัญหาคนขับขาดแคลน ไม่พอต่อความต้องการใช้งาน Uber ดำเนินการโดยเพิ่มเงินค่าแรงต่อชั่วโมงในบางเมือง เช่น เมือง Philadelphia เพิ่มค่าแรงเป็น $31.03, Chicago เพิ่มเป็น $28.73, Austin เพิ่มเป็น $26.66 โดยเป็นเงินก้อนรวมอยู่ในมูลค่าการลงทุนจูงใจคนขับจำนวน 250 ล้านเหรียญ Uber ระบุผ่านบล็อกว่า ตอนนี้เจอปัญหาคนต้องใช้บริการ มากกว่าจำนวนคนขับที่รองรับ ภาพจาก Uber ส่วน Lyft ก็เพิ่มโบนัสให้คนขับ 250 เหรียญ หากขับรถถึง 20 เที่ยว เป็นมาตรการในบางเมืองที่ต้องการคนขับเช่น Minneapolis ที่ผ่านมา คนขับรถได้เปลี่ยนตัวเองไปขับเดลิเวอรี่ ส่งของ ตามแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Uber เอง หรือ Instacart, DoorDash หรือ Grubhub ข้อมูลจาก บริษัทวิเคราะห์แอป Apptopia พบว่าจำนวนผู้ใช้งานรายวันบนแอปเฉพาะคนขับ Lyft และ Uber ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาลดลงถึง 42.3% และ 37.5% ตามลำดับ ที่มา - Mashable, Uber
# Arduino รองรับชิป RP2040 บนบอร์ด Raspberry Pi Pico โครงการ Arduino ปล่อยเฟิร์มแวร์ Arduino Core for mbed รุ่น 2.0.0 รองรับชิป RP2040 ของโครงการ Raspberry Pi ที่มีผู้ผลิตบอร์ดหลายรุ่นนำไปใช้งาน เช่น Raspberry Pi Pico และ Arduino Nano RP2040 Connect Arduino Core for mbed เป็นเฟิร์มแวร์สำหรับใช้งานกับไมโครคอนโทรล์เลอร์ตระกูล Cortex-M ที่ใช้ระบบปฎิบัติการ mbed-os ของ Arm เป็นแกนกลาง โดยก่อนหน้านี้ Arduino ก็ใช้ mbed-os เป็นแกนกลางบนบอร์ด Arduino Nano 33 BLE มาก่อนแล้ว การรองรับชิป RP2040 เช่นนี้ทำให้เราสามารถพอร์ต sketch ที่เคยพัฒนาบนบอร์ดอื่นๆ ไปรันบนบอร์ดชุดใหม่ๆ ที่ใช้ชิป RP2040 ได้ง่ายขึ้น รวมถึงสามารถเขียนซอฟต์แวร์บน mbed-os โดยตรงแต่ใช้ API ของ Arduino ก็ได้ ที่มา - Arduino Core mbed
# โค้ดรองรับชิป Apple M1 เข้าโครงการลินุกซ์แล้ว คาดจะทันเวอร์ชั่น 5.13 โครงการ Asahi Linux ส่งแพตช์เคอร์เนลลินุกซ์ให้รองรับชิป Apple M1 เข้า repository โดยแพตช์เพิ่มการรองรับฮาร์ดแวร์ต่างๆ ของ M1 เฉพาะ เช่น Apple Interrupt Controller โดยความยากสำคัญคือกระบวนการบูตของ Apple M1 นั้นเป็นระบบเฉพาะของแอปเปิลเอง แม้แพตช์มาส่งเข้าโครงการลินุกซ์หลักแล้ว แต่แพตช์ชุดแรกก็รองรับฮาร์ดแวร์พื้นฐานมากๆ สามารถบูตลินุกซ์ขึ้นได้ และใช้งานผ่านคอนโซล UART จากพอร์ต USB-C เท่านั้น รายการไดร์เวอร์ฮาร์ดแวร์ที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้ใช้งานได้จริงยังมีอีกมาก แม้ว่าแอปเปิลจะมีแนวทางล็อกระบบปฎิบัติการบนอุปกรณ์ iOS ไม่ให้นักพัฒนาดัดแปลงเฟิร์มแวร์หรือรันระบบปฎิบัติการที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่บน Apple M1 นั้นแอปเปิลกลับอนุญาตให้บูตระบบปฎิบัติการได้อิสระ Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิลเคยระบุว่าหากไมโครซอฟท์อยากพัฒนาวินโดวส์บนชิป M1 ก็ทำได้ ที่มา - kernel.org, @AsahiLinux
# Samsung เปิดตัว iTest สัมผัสประสบการณ์ใช้งานสมาร์ทโฟน Galaxy ได้บน iPhone ซัมซุงเปิดตัวเว็บแอปบนมือถือใหม่ในชื่อ iTest ซึ่งเห็นชื่อแบบนี้ก็คงเดาได้ว่าเจาะกลุ่มเป้าหมายใด โดยซัมซุงบอกว่าเพื่อให้ผู้ใช้ iPhone ได้ทดลองประสบการณ์ใช้งาน Android บนสมาร์ทโฟน Galaxy ผ่านเครื่อง iPhone ผู้ใช้ iPhone สามารถลองใช้งานเว็บ iTest ได้ตามลิงก์ itest.nz ซึ่งเป็นเว็บของซัมซุงนิวซีแลนด์ โดยเป็นการใช้งานผ่านเว็บแอป เมื่อเปิดขึ้นมาจะพบหน้าตาเหมือนสมาร์ทโฟน Android และเข้าไปยังแอปต่าง ๆ ได้ เช่นเปลี่ยนธีม, Galaxy Store หรือลองรับส่งข้อความ-โทรศัพท์ (แบบสมมติ) ก็ทำได้เช่นกัน ไม่แน่ใจว่าซัมซุงจะเปิดให้ลองเล่น iTest อีกนานแค่ไหน ผู้ใช้ iPhone ก็สามารถไปลองกันดูได้ ที่มา: MacRumors
# Apple ยอมรับ ไม่ทำ iMessage เวอร์ชั่น Android เพราะไม่อยากเสียผู้ใช้ไปจาก iOS ข้อพิพาทระหว่าง Epic Games กับ Apple ทำให้เกิดการฟ้องร้องกันไปมาในหลายศาลทั่วโลก และล่าสุด เอกสารในชั้นศาลของ Epic Games (หน้า 21) ที่เตรียมนำมาใช้โต้แย้งเรื่องการผูกขาดบน App Store จากกรณีที่ Fortnite ของ Epic Games ทำระบบจ่ายเงินเองบน iOS จนถูก App Store แบน ในเอกสารมีข้อความคำให้การจาก Eddy Cue รองประธานอาวุโสฝ่าย Internet Software and Services ของ Apple ที่ระบุว่า Apple สามารถทำแอพแชท iMessage เวอร์ชั่น Android ที่สื่อสารข้ามแพลตฟอร์มกับ iOS ได้ แต่ผู้บริหารหลายคนลงความเห็นว่าจะไม่ทำ เพราะไม่อยากสูญเสียผู้ใช้ไปจากอีโคซิสเท็มของ iOS รายงานการสอบสวนแสดงให้เห็นว่า Epic พยายามโยงข้อเท็จจริงว่าแอปเปิลครองตลาดแอปบน iOS อย่างเบ็ดเสร็จ และพยายามล็อกไม่ให้ผู้ใช้ข้ามไปใช้แพลตฟอร์มอื่น ขณะเดียวกันกระบวนการตั้งราคาค่าธรรมเนียมก็ไม่ได้สนใจต้นทุนการให้บริการนักเนื่องจากไม่มีการแข่งขัน Cue ยังให้การว่า Apple ตัดสินใจจะไม่ทำ iMessage เวอร์ชั่น Android ตั้งแต่ปี 2013 และระบุว่า Craig Federighi รองประธานฝ่าย Software Engineering และผู้บริหารที่ดูแล iOS (คนที่แง้มจอ Macbook M1) กล่าวว่า “การทำ iMessage บน Android จะเป็นการขจัดอุปสรรคของครอบครัวที่ใช้ iPhone ในการซื้อมือถือ Android ให้ลูกๆ” หรือพูดง่ายๆ คือล็อก iMessage ไว้ พ่อแม่จะได้ซื้อ iPhone ให้ลูกต่อไป เขายังระบุอีกว่า Phil Schiller ผู้บริหารฝั่ง App Store ก็เห็นด้วยว่า Apple ไม่ควรทำ iMessage เวอร์ชั่น Android และยืนยันว่าการทำ iMessage เวอร์ชั่น Android จะส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อ Apple หลังมีพนักงานส่งอีเมลภายในว่า iMessage คือเหตุผลอันดับ 1 ที่ล็อกผู้ใช้ไว้ในจักรวาลแอพของ Apple อย่างไรก็ตาม การกระทำนี้ไม่ผิดกฎหมาย และอาจไม่ส่งผลอะไรในระยะยาวนัก นอกจากเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสนับสนุนประเด็นอื่น Epic Games เพราะผู้ใช้และคนในวงการไอทีส่วนใหญ่รับรู้กันอยู่แล้วว่าการที่ iMessage อยู่แค่บน iOS เป็นความพยายามที่จะล็อกผู้ใช้ไว้บนอีโคซิสเท็มของ Apple เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการยอมรับจากปากผู้บริหาร Apple โดยตรง ที่มา - เอกสาร Epic Games กรณีฟ้อง Apple App Store via Android Police
# เปิดตัว Nokia Lite Earbuds หูฟังไร้สาย แบตเตอรี่ 6 ชั่วโมง ราคา 75 ยูโร นอกจากมือถือซีรีส์ X, G และ C แล้ว ในงานแถลงข่าววันที่ 8 เมษายน Nokia ยังเปิดตัวหูฟังไร้สาย Nokia Lite Earbuds หูฟังไร้สาย ไดรเวอร์ 6 มิลลิเมตร เรนจ์ 20 Hz ถึง 20 kHz แบตเตอรี่ใช้งานได้ 6 ชั่วโมง และ 36 ชั่วโมงรวมเคส มากขึ้นหนึ่งชั่วโมงเมื่อเทียบกับ Nokia Power Earbuds Lite ที่ออกก่อนหน้านี้ ที่ใช้งานได้ 5 ชั่วโมง และรวม 35 ชั่วโมงเมื่อชาร์จจากเคส Nokia Lite Earbuds ชาร์จผ่าน USB-C ใช้งานแยกข้างได้ รองรับ Bluetooth 5.0 แต่ไม่มีข้อมูลด้านโคเด็กเสียงที่รองรับ ภายในกล่องมาพร้อมจุกยางสามไซส์ มีสองสีคือ ดำ Charcoal และฟ้า Polar Sea วางจำหน่ายกลางเดือนเมษายนนี้ ราคา 75 ยูโร (ราว 2,900 บาท) ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์, GSM Arena
# Expedia เพิ่มเครื่องมือ Travel Advisor ดูได้ว่าปลายทางที่จะไปต้องกักตัวหรือไม่ Expedia บริการจองตั๋วเครื่องบิน-ที่พัก เพิ่มเครื่องมือ Travel Advisor ให้นักท่องเที่ยวตรวจสอบว่า จุดหมายปลายทางที่จะไปมีกฎให้กักตัวก่อน หรือมีมาตรการควบคุม COVID-19 อย่างไรบ้าง เนื่องจากการระบาดในแต่ละประเทศ แต่ละเมืองไม่เท่ากัน ในการใช้งาน Travel Advisor ให้ระบุเที่ยวบินขาออกและขาเข้า วันที่เดินทาง ระบบจะแจ้งให้ทราบว่ามีข้อจำกัด หรือมีนโยบายการกักกันหรือไม่ หรือมีกฎต้องแสดงผลตรวจ COVID-19 หรือไม่ เป็นต้น มาตรการปัจจุบัน อ้างอิงตาม CDC ระบุว่า ประชากรสหรัฐฯที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเดินทางในสหรัฐฯได้โดยไม่ต้องกักตัว อย่างไรก็ตาม การเดินทางระหว่างประเทศยังทำได้ยาก Expedia Group คือผู้ให้บริการจองเที่ยวบินที่พักรายใหญ่ เป็นเจ้าของบริการ Expedia, Vrbo, Travelocity, Hotels.com ฯลฯ ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดตรงๆ ปีที่แล้วซึ่งเป็นช่วงระบาดใหม่ๆ พบว่า รายได้ลดลง 15%, ยอดจองห้องพักลด 14% ที่มา - The Verge
# Nokia เปิดตัว Nokia G20, G10 รุ่นเน้นแบตเตอรี่ และ C20, C10 มือถือ Android Go รุ่นประหยัด ในงานแถลงข่าวเปิดตัวเมื่อคืนวันที่ 8 ที่ผ่านมา นอกจากซีรีส์ X ที่เป็นรุ่นท็อปแล้ว ยังมีซีรีส์ G ที่เน้นแบตเตอรี่มากที่สุดในทั้งสามซีรีส์ และซีรีส์ C เน้นความประหยัด สำหรับผู้เริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟนใหม่ มีรายละเอียดดังนี้ ซีรีส์ G เน้นแบตเตอรี่ใหญ่ ให้มาถึง 5,050 mAh ที่ Nokia เคลมว่าอยู่ได้ 3 วัน ใช้ชิป MediaTek Helio G35 รัน Android 11 กันน้ำ IPX2 (ระดับกันน้ำฝน) รับประกันอัพเดตเวอร์ชั่น Android สองปี แพตช์ความปลอดภัย 3 ปี ทั้ง 2 รุ่น รายละเอียดดังนี้ Nokia G20 หน้าจอ LCD 6.5 นิ้ว ความละเอียด 720p+ อัตราส่วน 20:9 กล้องหน้า 8MP กล้องหลังสี่ตัว กล้องหลัก 48MP กล้องอัลตร้าไวด์ 5MP, depth sensor 2MP กล้องมาโคร 2MP ชิป Mediatek Helio G35 แรม 4GB ความจุ 64GB / 128GB รองรับ microSD สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง แบตเตอรี่ 5,050 mAh พร้อมที่ชาร์จ 10W รัน Android 11 รองรับ Bluetooth 5.0 แต่รองรับ WiFi แค่ 2.4Ghz มีตัวรับวิทยุ FM มีสองสี Night และ Glacier ราคาเริ่มต้น 160 ยูโร (ราว 6,000 บาท) วางขายเดือนพฤษภาคม มีสองรุ่น ดังนี้ รุ่นแรม 4GB ความจุ 64GB รุ่นแรม 4GB ความจุ 128GB Nokia G10 เหมือน G20 แต่เปลี่ยนชิปเป็น Mediatek Helio G25 ลดแรมเหลือ 3GB/4GB ความจุเหลือ 32GB กับ 64GB กล้องหลังตัดอัลตร้าไวด์ออก เหลือแค่ 3 ตัว คือกล้องหลัก 13MP, depth sensor 2MP และกล้องมาโคร 2MP มีสองสี Dusk กับ Night วางขายภายในเดือนนี้ ราคาเริ่มต้น 140 ยูโร (ราว 5,300 บาท) มี 2 รุ่น คือ รุ่นแรม 3GB ความจุ 32GB รุ่นแรม 4GB ความจุ 64GB ซีรีส์ C เป็นรุ่นเล็กสุด รัน Android 11 Go Edition การันตีแพตช์ความปลอดภัยทุกไตรมาส 2 ปี แบตเตอรี่เต็มวัน รายละเอียดดังนี้ Nokia C20 หน้าจอ LCD 6.52 นิ้ว ความละเอียด 720p+ อัตราส่วน 20:9 กล้องหน้า 5MP กล้องหลังตัวเดียว 5MP ชิป Unisoc SC9863a แรม 1GB / 2GB ความจุ 16GB / 32GB รองรับ microSD แบตเตอรี่ 3,000 mAh พร้อมที่ชาร์จ 5W พอร์ต microUSB รัน Android 11 Go Edition รองรับ Bluetooth 4.2 รองรับ WiFi 2.4GHz มีรูหูฟัง มีตัวรับวิทยุ FM มีสองสีคือ Sand และ Dark Blue วางจำหน่ายภายในเดือนนี้ ราคาเริ่มต้น 90 ยูโร (ราว 3,400 บาท) มีสองรุ่นดังนี้ รุ่นแรม 1GB ความจุ 16GB รุ่นแรม 2GB ความจุ 32GB Nokia C10 เหมือน C20 แต่ลดสเปกภายในเหลือชิป Unisoc SC9863a (ตัวเดียวกับ Nokia C1 ที่ออกในปี 2019) และตัดการรองรับ 4G LTE ในรุ่น C20 ออก เหลือรองรับแค่ 3G เท่านั้น มีสองสี Grey และ Light Purple วางจำหน่ายเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้น 75 ยูโร (ราว 2,900 บาท) มีสามรุ่น ดังนี้ รุ่นแรม 1GB ความจุ 16GB รุ่นแรม 1GB ความจุ 32GB รุ่นแรม 2GB ความจุ 16GB ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์, GSM Arena
# เปิดตัว Nokia X20 และ X10 มือถือ 5G ชิป Snapdragon 480 เน้นซัพพอร์ตนาน เริ่ม 310 ยูโร ในงานแถลงข่าวออนไลน์คืนวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา Nokia เปิดตัวมือถือ ซีรีส์ X รุ่นท็อปของงานเปิดตัวนี้ มี 2 รุ่น คือ Nokia X20 และ Nokia X10 ชิป Snapdragon 480 รัน Android 11 แบบ Android One การันตีอัพเดตเวอร์ชั่น Android และแพตช์ความปลอดภัย 3 ปีทั้ง 2 รุ่น มีรายละเอียดดังนี้ Nokia X20 หน้าจอ Full HD ขนาด 6.67 นิ้ว กล้องหน้า 32MP แบบเจาะรู กล้องหลังสี่ตัว กล้องหลัก ZEISS 64MP, กล้องอัลตร้าไวด์ 5MP, depth sensor 2MP กล้องมาโคร 2MP ชิป Snapdragon 480 แรม 6GB / 8GB ความจุ 128GB รองรับ microSD สูงสุด 512GB สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง แบตเตอรี่ 4,470mAh (Nokia เคลมว่าอยู่ได้ 2 วัน) แถมที่ชาร์จ 18W รัน Android 11 (Android One) รองรับ 5G, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0 มี NFC มีรูหูฟัง มีตัวรับวิทยุ FM มี 2 สี คือ Midnight Sun และ Nordic Blue วางขายเดือนพฤษภาคม ราคาเริ่มต้น 350 ยูโร (ราว 13,200 บาท) วางขาย 2 รุ่นดังนี้ แรม 6GB ความจุ 128GB แรม 8GB ความจุ 128GB Nokia X10 เหมือน X20 แต่ลดความละเอียดกล้องหลักเหลือ 48MP กล้องหน้าเหลือ 8MP มี 2 สี เช่นกัน แต่เป็นสี Forest และ Snow ไม่แถมหัวชาร์จ แต่จะให้มาเฉพาะสาย USB-C เตรียมวางขายเดือนมิถุนายน ราคาเริ่มต้น 310 ยูโร (ราว 11,700 บาท) มี 3 รุ่นดังนี้ แรม 6GB ความจุ 64GB แรม 6GB ความจุ 128GB แรม 4GB ความจุ 128GB ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์, GSMArena
# Neuralink โชว์ความคืบหน้าระบบสื่อประสาท ลิงเล่นเกม Pong จากความคิดได้แล้ว Neuralink เป็นบริษัทที่ Elon Musk ก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2017 ก่อนจะเริ่มเผยให้เห็นผลงานแรกคือสายสื่อประสาทสำหรับเชื่อมสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์ในปี 2019 และมีแถลงข่าวความคืบหน้าครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนสิงหาคม 2020 เป็นการทดลองฝังโมดูลไว้ในกะโหลกหมู ล่าสุด Neuralink เผยความคืบหน้ามากขึ้นด้วยการปล่อยคลิปวิดีโอลิงแม็กแคก (คล้ายลิงแสม) ชื่อ Pager ที่ถูกฝังโมดูล Neuralink ไว้ในกะโหลก แล้วให้มันเรียนรู้การบังคับจอยสติ๊กให้จุดบนหน้าจอไปทับกับสี่เหลี่ยมสีส้ม เมื่อทับแล้วสี่เหลี่ยมจะเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ โดยลิงได้รางวัลเป็นกล้วยปั่นทางหลอดดูด เมื่อลิงบังคับจอยสติ๊กได้แล้ว ทีมงานก็ถอดสายจอยสติ๊กออกแล้วปล่อยให้ลิงเล่นเกมต่อไป ซึ่งลิงก็ยังบังคับจอยสติ๊กเหมือนเดิม เพียงแต่สัญญาณที่ไปเลื่อนจุดบนหน้าจอนั้นมาจากการอ่านสัญญาณจากสมองล้วนๆ ต่อมาทีมงานก็เปลี่ยนให้ลิงหัดเล่นเกม Pong แทน (Pong เป็นเกมที่พัฒนาโดย Atari นับเป็นเกมอาเขตเกมแรกๆ ในประวัติศาสตร์ เล่นโดยการให้ผู้เล่นสองฝั่งตีลูกบอลโต้ไปมา) ซึ่งคราวนี้ทีมงานถอดจอยสติ๊กออกไปเลย ลิงก็ทำท่าขยับมือเล็กน้อย แต่การขยับแท่นตีลูกบนหน้าจอมาจากการอ่านสัญญาณจากสมองล้วนๆ โดยหลังทดลองเพิ่มความเร็วของเกม ลิงก็ยังเล่นได้ดี ภาพโดย Neuralink ด้าน Elon Musk ระบุว่าในขั้นแรก Neuralink จะฝังโมดูลในผู้ป่วยอัมพาตให้สามารถใช้สมาร์ทโฟนได้เร็วกว่าคนปกติที่ใช้นิ้ว และหลังจากนั้นจะเชื่อม Neuralink ในสมองเข้ากับโมดูล Neuralink ในร่างกาย ทำให้คนที่เป็นอัมพาตกลับมาเดินได้อีกครั้ง ซึ่งโมดูลนี้จะฝังเนียนไปกับกะโหลกและชาร์จไร้สาย ทำให้คนอื่นดูไม่ออกว่าติดตั้ง Neuralink อยู่ สำหรับเอกสารอธิบายแบบเจาะลึกทางเทคนิค สามารถเข้าไปดูได้จากที่มา ที่มา - Neuralink
# [ไม่ยืนยัน] แอปเปิลเลื่อนผลิต MacBook และ iPad บางรุ่น เพราะขาดแคลนชิปและชิ้นส่วน Nikkei Asia รายงานว่าการผลิต MacBook และ iPad บางรุ่นถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนอุปกรณ์ รวมถึงชิป แสดงให้เห็นว่าแม้แอปเปิลจะมีพลังในการจัดซื้อมหาศาล ก็หนีวิกฤตขาดแคลนชิปไม่พ้น แหล่งข่าวระบุกับ Nikkei Asia ว่าขั้นตอนการผลิตที่กำลังล่าช้าในขณะนี้คือ การติดตั้งส่วนประกอบบนแผงวงจร ก่อนจะประกอบขั้นสุดท้าย ส่วนการประกอบ iPad บางส่วนถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนจอแสดงผล ด้านการผลิต iPhone จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลน Nikkei Asia ระบุด้วยว่า ปัญหาการผลิตจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในขณะนี้ ปัญหาขาดแคลนชิปส่งผลทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ อุปกรณ์ไอที ส่วนหนึ่งมาจากการเร่งผลิตเพื่อให้ทันความต้องการของผู้บริโภคในช่วงเรียนและทำงานจากที่บ้าน ล่าสุดปัญหานี้กลายเป็นปัญหาระดับชาติที่รัฐบาลสหรัฐฯลงนามแก้ไข ที่มา - Nikkei Asia
# Facebook เริ่มแปะป้าย Satire Page ใต้ชื่อเพจล้อเลียน ให้รู้ว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง Facebook เริ่มแปะป้าย (label) บอกใต้ชื่อเพจว่าเป็นเพจชนิดใด เช่น เพจอย่างเป็นทางการ (official page), เพจที่แฟนๆ ทำกันเอง (fan page) หรือเพจล้อเลียน (satire page) เพื่อแก้ปัญหาข่าวปลอม ผู้ที่เห็นโพสต์จะได้ระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลที่อาจไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการ จากภาพตัวอย่างของ Facebook คือเพจ Future Mayor of the Year ที่เป็นเพจล้อเลียน มีคำว่า Satire Page อยู่ใต้ชื่อเพจในทุกโพสต์ที่เห็นบน News Feed และกดเข้าไปดูจะเห็นคำอธิบายเพิ่มเติม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังมีผลเฉพาะในสหรัฐเท่านั้น ที่มา - Facebook Newsroom ที่โพสต์บนทวิตเตอร์ช่องทางเดียวซะด้วย
# รู้จัก ChillPay Payment Gateway ตัวช่วยเสริมธุรกิจลุยตลาดค้าขายออนไลน์ โควิด ถือเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สามารถ transform วิธีการซื้อสินค้าและบริการทั้งหมดเข้ามาอยู่บนออนไลน์ได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน ผลคือธุรกิจต้องปรับตัวครั้งใหญ่และต้องเร็วพอให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้า เมื่อมีออร์เดอร์เข้ามามหาศาล การจัดการหลังบ้านและช่องทางรับจ่ายผ่านออนไลน์ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจรันต่อไปได้ Pain Point ที่เกิดขึ้นกับฝั่งธุรกิจคือ เมื่อช่องทางชำระเงินมีมาก ธุรกิจก็ต้อง deploy ระบบการชำระเงินที่รองรับช่องทางการชำระเงินให้ครอบคลุมทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบาย ผลก็คือ กว่าร้านค้าจะมีระบบช่องทางชำระเงินที่ครอบคลุมมากพอก็ต้องผ่านหลายขั้นตอน ChillPay ถือเป็นอีกหนึ่ง Payment Gateway ที่สร้างโดยบริษัทสัญชาติไทยที่ช่วยแก้ Pain Point นี้ ธุรกิจเชื่อมต่อ ChillPay เจ้าเดียวจบ ลดงบประมาณในการดำเนินการเอง ChillPay คือ Payment Gateway ที่ให้ธุรกิจเข้ามาเชื่อมต่อเพียงครั้งเดียว ก็สามารถรันระบบหลังบ้าน และรองรับการชำระเงินได้ทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ข้อดีคือช่วยให้ธุรกิจไม่ต้องดำเนินการเองเพื่อให้ร้านค้าสามารถรับจ่ายได้หลายธนาคาร ช่วยลดขั้นตอนและงบประมาณในการดำเนินการ เพิ่มบุญ เอี่ยมสุภาษิต ผู้ก่อตั้ง ChillPay เล่าให้ฟังว่า pain point ของร้านค้าและผู้ประกอบการมีข้อจำกัดด้าน resource และ connectivity ในการเชื่อมต่อกับธนาคาร และผู้ให้บริการด้านการชำระเงินต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าร้านค้าอยากเปิดหน้าร้านออนไลน์ และต้องการให้ร้านค้ารับบัตรเครดิตได้ เจ้าของร้านต้องไปติดต่อธนาคารเอง ซึ่งธนาคารก็มีกฎระเบียบ เช่น ต้องวางเงินค้ำประกันไว้ก่อนในกรณีที่เงินสูญหาย หรือคนที่จะมาเชื่อมต่อรบบรับชำระบัตรเครดิต ต้องเป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียน และเปิดธุรกิจมาแล้วอย่างน้อย 2 ปี เป็นต้น หรือในกรณีที่ร้านค้าต้องการใช้ internet banking ร้านค้าก็ต้องพูดคุยกับแต่ละธนาคารด้วยตัวเอง เพราะธนาคารแต่ละแห่งมีระบบแตกต่างกัน ส่งผลให้ร้านค้าต้องใช้งบประมาณและ resource ในการเชื่อมต่อเยอะมาก ยังไม่รวมค่าแรกเข้า ค่าติดตั้ง ค่ารายเดือน เป็นภาระที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับทั้งสิ้น ซึ่ง ChillPay ช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เมื่อลูกค้าเชื่อมต่อ ChillPay เพียงครั้งเดียวก็สามารถรับจ่ายได้ในทุกช่องทาง ChillPay ไม่ใช่แค่ payment gateway เท่านั้น แต่ยังทำรายงานแดชบอดร์ดให้ผู้ประกอบการ ให้ผู้ประกอบการนำข้อมูลการชำระเงินไปวิเคราะห์ต่อในเชิงสถิติเพื่อปรับปรุงวิธีการขายได้ เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าที่โอนเงินออนไลน์ไม่เป็น หรือไม่มีแม้แต่บัญชีธนาคาร ChillPay รองรับการชำระเงินจากหลายช่องทางและครอบคลุมทุก segment โดยมีการเชื่อมต่อกับธนาคาร 5 แห่ง คือ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารธนชาติ รองรับระบบ Request to Pay ของแอป K PLUS โดยธนาคารกสิกรไทย, รองรับการชำระเงินผ่านบัตรเดบิตและบัตรเครดิต รองรับ VISA, Mastercard, JCB และ Union Pay นอกจากนี้ยังรองรับระบบที่คนจีนนิยมใช้คือ Alipay และ WeChat และยังเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ถนัดการชำระออนไลน์ หรือไม่มีบัญชีธนาคาร เพราะ ChillPay รองรับการจ่ายผ่านตู้บุญเติม และตู้กระปุก รวมทั้งจุดชำระเงินที่บิ๊กซีที่มีกว่า 5 หมื่นจุด ChillPay การันตีรับเงินภายใน 1 วัน บริหารเงินหมุนเวียนง่ายขึ้น อีก Pain Point ที่ทำให้ธุรกิจยังไม่กล้ามาลุยออนไลน์เต็มที่เพราะการให้ลูกค้าชำระเงินผ่านบัตรเครดิต หรือผ่าน Payment Gateway นั้นมีระยะเวลาดำเนินการ ธุรกิจไม่สามารถรับเงินได้ทันที บริหารกระแสเงินทุนหมุนเวียนยาก นี่จึงเป็นอีกข้อได้เปรียบของ ChillPay เพราะมีระบบการันตีรับเงินภายใน 1 วันทำการหลังมีการชำระค่าสินค้าและบริการแล้ว ช่วบให้ร้านค้าบริหารกระแสเงินไหลเวียนของตัวเองได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องดึงงบส่วนอื่นมาใช้ ChillPay ยังเหมาะกับผู้ประกอบการทั้งเล็กและใหญ่ ตั้งแต่ธุรกิจรายย่อยไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ที่มีปริมาณ transaction สูง หรือแม้กระทั่งผู้ประกอบการที่ไม่มีหน้าร้านออนไลน์เป็นแอปพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ แต่มีแค่หน้าร้านบนโซเชียลมีเดีย ก็สามารถใช้ระบบ ChillPay ได้เหมือนกัน โดยใช้โซลูชั่น ChillPay Link ที่ชำระได้ทั้งบัตรเดบิต และบัตรเครดิต โดยร้านค้าสามารถส่ง ChillPay Link ที่เป็นรูปแบบ QR Code หรือช่องทางกรอกเลขบัตรเครดิตให้ลูกค้าชำระได้เลย แก้ปัญหาลูกค้าไม่มีเงินสดในมือ ก็สามารถซื้อของจาก IG, Facebook ได้ ChillPay ไม่คิดค่าบริการติดตั้ง เริ่มสมัครใช้งานฟรี ChillPay ไม่คิดค่าบริการในการสมัครและติดตั้ง แต่คิดเงินจากยอดจำนวนการใช้งานเท่านั้น ลูกค้า (ผู้ประกอบการ) ใช้น้อย จ่ายน้อย ใช้เยอะ จ่ายเยอะ ผู้ประกอบการจึงไม่จำเป็นต้องลงทุนระบบชำระเงินไปก่อนโดยที่ไม่รู้ว่าจะขายของได้หรือไม่ในอนาคต และยังเปิดสมัครใช้งานฟรีด้วย ChillPay ใช้ระบบความปลอดภัยแบบเดียวกับธนาคาร ระบบ ChillPay ใช้ระบบความปลอดภัยแบบเดียวกับธนาคารใช้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานการเข้ารหัส, การส่งข้อมูลผ่าน SSL layer, การชำระด้วยบัตรเครดิตคือ Verified by VISA และ Secured by Mastercard เป็นต้น ที่สำคัญคือ ChillPay มีใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย และมีใบอนุญาตให้บริการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และใบอนุญาตการให้บริการสนับสนุนแก่ผู้รับบัตร ลูกค้าสามารถเชื่อมั่นในระบบความปลอดภัยได้ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยต้องมาตรวจสอบบริษัทว่ามีมาตรฐานถูกต้องหรือไม่ กรรมการบริษัทมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจฟอกเงินหรือไม่ วิธีการลงบัญชี การดำเนินโครงการของบริษัทมีความโปร่งใสขนาดไหน ซอฟต์แวร์ได้มาตรฐานหรือไม่ ระบบล่มแล้วมีการกู้ข้อมูลกลับได้อย่างรวดเร็ว มีระบบ recovery site ให้สามารถกู้ข้อมูลกลับมาแล้วลูกค้าใช้งานได้อย่างไม่ติดขัด มีการตรวจสอบทุกปี ซึ่งในไทยมีบริษัทไม่กี่รายที่มีมาตรฐานระดับนี้ สามารถเข้าไปดูรายละเอียด ChillPay เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ ChillPay
# Samsung ครองแชมป์รายได้ตลาดหน้าจอมือถือ ปี 2020 กุมส่วนแบ่ง 50% ตามมาด้วย BOE และ LG Display Strategy Analytics เปิดผลวิเคราะห์ตลาดหน้าจอมือถือปี 2020 เติบโต 7% แบบปีต่อปี Samsung ครองส่วนแบ่งรายได้อันดับ 1 ที่ 50% อันดับ 2 คือ BOE Technology ที่ 15% อันดับ 3 คือ LG Display ที่ 8% และแบรนด์อื่นๆ ที่เหลือรวมกันอีก 27% Samsung ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการเติบโตของ 5G ที่ทำให้อุปกรณ์ที่ใช้จอ OLED ทั้งแบบแข็งและแบบโค้งงอได้เติบโตขึ้นเช่นเดียวกัน และ Strategy Analytics ยังคาดการว่ามือถือระดับสูงที่รองรับเทคโนโลยี 5G และใช้จอ OLED จะยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในปีนี้ และอาจทำยอดขายแซงหน้าจอ LCD ได้ในที่สุด ในขณะเดียวกัน เมื่อดีมานด์ของหน้าจอ OLED เพิ่มมากขึ้น ผู้ผลิตมือถืออาจเริ่มมองหาซัพพลายเออร์เจ้าอื่นนอกจาก Samsung ทำให้ LG Display, BOE Technology, Visionox และ TCL CSOT มีโอกาสที่จะตีตื้นได้ในอนาคต ที่มา - Strategy Analytics
# Netflix ยังครองอันดับ 1 ตลาดสตรีมมิ่งสหรัฐ แต่ส่วนแบ่งตลาดลดลงถึง 9% เว็บไซต์ The Wrap เผยผลวิจัยตลาดบริการสตรีมมิ่งในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปีนี้ เทียบกับต้นปี 2020 จาก Ampere Analysis พบว่า Netflix ยังมีส่วนแบ่งตลาดมาเป็นอันดับ 1 อยู่ แต่ลดลงจาก 29% ในช่วงต้นปี 2020 เหลือ 20% ในช่วงต้นปีนี้ Amazon Prime Video มาเป็นอันดับสอง ครองส่วนแบ่ง 16% ลดลงจากช่วงต้นปี 2020 ที่มีส่วนแบ่ง 21% ส่วนอันดับสามคือ Hulu มีส่วนแบ่งตลาดลดลงจาก 16% เหลือ 13% ส่วนบริการอื่นๆ ที่ยังไม่ติด 3 อันดับแรก หลายๆ บริการส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น เช่น HBO (รวม HBO Go, HBO Now และ HBO Max ที่ผูกไปกับบริการ AT&T) มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 3% เป็น 12% ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ส่วน Disney+ มีสัดส่วนตลาด 11% มาเป็นอันดับ 5 และ Apple TV+ มีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 4% เป็น 5% มาเป็นอันดับ 6 Ampere Analysis มองว่า Disney+ น่าจะแซง HBO และ Hulu ขึ้นไปอยู่อันดับสามได้ภายในครึ่งปีแรกของปีนี้ หลังมียอดผู้ใช้เกิน 100 ล้านคนทั่วโลก เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่มา - The Wrap via Digest Time
# สหรัฐแบนศูนย์วิจัยซูเปอร์คอมพิวเตอร์จีน 7 แห่ง ให้เหตุผลด้านความมั่นคง กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา สั่งแบนบริษัท-ศูนย์วิจัยระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์จีน 7 แห่ง ห้ามไม่ให้บริษัทอเมริกันไปทำการค้าด้วยหากไม่ได้รับอนุญาต มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ใช้การขึ้นบัญชี Entity List แบบเดียวกับที่แบน Huawei ทำให้บริษัทอเมริกัน (เช่น อินเทล, AMD, NVIDIA) ไม่สามารถขายชิปหรือซอฟต์แวร์ให้กับหน่วยงานที่สร้างซูเปอร์คอมจีนเหล่านี้ได้ ส่วนเหตุผลที่แบนก็ระบุชัดว่า ไม่ต้องการให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ เพื่อใช้พัฒนาด้านการทหารผ่านซูเปอร์คอมพิวเตอร์เหล่านี้ บริษัท/ศูนย์วิจัย/ศูนย์พัฒนาทั้ง 7 แห่งได้แก่ Tianjin Phytium Information Technology Shanghai High-Performance Integrated Circuit Design Center Sunway Microelectronics the National Supercomputing Center Jinan the National Supercomputing Center Shenzhen the National Supercomputing Center Wuxi the National Supercomputing Center Zhengzhou หน่วยงานทั้ง 7 แห่งถือเป็นแถวหน้าของวงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์จีน อย่าง Sunway TaihuLight อดีตแชมป์โลกซูเปอร์คอม (ปัจจุบันอยู่อันดับ 4) ก็ตั้งอยู่ที่ National Supercomputing Center Wuxi ที่มา - Department of Commerce, ภาพจาก National Supercomputing Center in Wuxi
# Lenovo เปิดตัวมือถือเกมมิ่ง Legion Phone Duel 2 มาพร้อม 8 ปุ่มเหมือนจอยเกม, กล้องป๊อบอัพ ปีที่แล้ว Lenovo เปิดตัวมือถือเกมมิ่งตัวแรกคือ Legion Phone Duel ล่าสุดเปิดตัวที่สองคือ Legion Phone Duel 2 ที่ต่างจากเวอร์ชั่นแรกคือ เพิ่มปุ่มกดทั้งแบบปุ่มจริงๆ และปุ่มแบบ virtual เข้ามารวมเป็น 8 ปุ่ม ให้ความรู้สึกเหมือนจับจอยเกม ตัวปุ่มประกอบด้วย ปุ่ม ultrasonic ตรงไหล่ของมือถือ 4 ปุ่ม อีก 2 ปุ่มที่หลังมือถือ และอีก 2 ปุ่มตรงหน้าจอ ตอบสนองต่อการสัมผัส 720Hz ด้านสเปกหลักๆ คือ ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 รีเฟรชเรต 144Hz กล้องป๊อบอัพ ความละเอียด 44MP หน้าจอ 6.92 นิ้ว AMOLED full HD แบตเตอรี่ 5,500mAh ชาร์จเร็ว 90W มีพอร์ท USB-C สองพอร์ท พัดลมระบายความร้อนด้านในสองตัว Legion Phone Duel 2 เปิดตัวในราคา 1,185 เหรียญ หรือราว 37,200 บาทสำหรับรุ่น 16GB / 512GB ส่วนรุ่นเล็ก 12GB / 256GB เปิดตัวราคา 948 เหรียญ หรือราว 29,700 บาท เปิดขายที่จีนในเดือนเมษายน จากนั้นจึงวางจำหน่ายเฉพาะตลาดในเอเชียแปซิฟิกและยุโรปในเดือนถัดไป ที่มา - Engadget, ภาพจาก Lenovo
# Netflix ได้ลิขสิทธิ์ฉายหนังใหม่ของ Sony Pictures เช่น Uncharted, ภาคต่อ Spider-Man: Into the Spider-Verse Netflix และ Sony Pictures ทำข้อตกลงทางลิขสิทธิ์ โดย Netflix ได้สิทธิ์ฉายหนังใหม่ของ Sony Pictures ตัวอย่างหนังเซตแรกในปี 2022 เช่น. Morbius, Uncharted, Where the Crawdads Sing และ Bullet Train นอกจากนี้ยังมีหนังในซีรีส์ภาคต่อของ Spider-Man: Into the Spider-Verse รวมถึงหนังอีกหลายเรื่องที่มีตัวละคร Marvel รวมถึง Venom และ Spider-Man นอกจากนี้ยังมีหนังภาคต่อของหนังแฟรนไชส์ ​​Jumanji และ Bad Boys ที่มา - Engadget
# เฟซบุ๊กเปิดชุดข้อมูลวิดีโอนักแสดงกว่าสามพันคน ใช้ทดสอบความเท่าเทียมในโมเดลปัญญาประดิษฐ์ เฟซบุ๊กเปิดชุดข้อมูล Casual Conversations เป็นวิดีโอของนักแสดง 3,011 คน รวมกว่า 45,186 วิดีโอ ที่มีข้อมูลเพศ, อายุ, สีผิว, และสภาพแสง เพื่อใช้ตรวจสอบโมเดลปัญญาประดิษฐ์ว่ามีการโน้มเอียง (bias) ผลการทำนายค่าต่างๆ กับคนกลุ่มใดเป็นพิเศษหรือไม่ แม้ว่าปัญญาประดิษฐ์จะมีประสิทธิภาพดีขึ้นมากในช่วงหลัง แต่เนื่องจากชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกอาจจะไม่ได้ตรวจสอบว่ากระจายครบถ้วนทุกกลุ่มประชาชน หรือชุดข้อมูลเน้นกลุ่มประชากรบางกลุ่มเป็นพิเศษทำให้เกิดเหตุการณ์ผิดพลาดเช่น ซอฟต์แวร์ตรวจโรคไม่ได้แนะนำให้คนบางเชื้อชาติไปรักษา แม้จะมีอาการครบก็ตาม ชุดข้อมูล Casual Conversations นี้เฟซบุ๊กเปิดให้ใช้งานเพื่อวัดประสิทธิภาพของโมเดลปัญญาประดิษฐ์ด้านภาพและเสียงเท่านั้น และห้ามใช้งานบางด้าน เช่นนำภาพไปฝึกโมเดลตรวจจับเพศ, อายุ, หรือสีผิว ที่มา - Facebook AI
# รู้จัก GridDB ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล Time Series สำหรับงานสาย IoT ที่พัฒนาโดย Toshiba เมื่อพูดถึงแบรนด์ Toshiba คงไม่มีใครนึกถึงในแง่บริษัทซอฟต์แวร์มากนัก แต่จริงๆ แล้ว Toshiba มีบริษัทลูกชื่อ Toshiba Digital Solutions ที่ทำธุรกิจด้านโซลูชันไอที และมีผลงานสร้างซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลของตัวเองชื่อ GridDB มาสักระยะหนึ่งแล้ว GridDB เป็นฐานข้อมูลที่ Toshiba สร้างขึ้นใช้เองภายใน แนวคิดคือเก็บข้อมูลอิงเวลา (time series) ของอุปกรณ์ IoT จำนวนมากๆ มาบันทึกไว้เพื่อประมวลผลข้อมูลในภายหลัง โดยชูจุดเด่นเรื่องการรองรับข้อมูลระดับ petabyte โดยที่ยังมีเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือสูง แถมคุยว่าประสิทธิภาพยังดีกว่าคู่แข่งระดับเดียวกันคือ Apache Cassandra ตัว GridDB เปิดเป็นโอเพนซอร์สให้ใช้งานบน GitHub แต่ล่าสุด Toshiba ก็ออก GridDB Cloud เวอร์ชันที่เป็น managed service มาให้ด้วย ใช้โมเดลการจ่ายรายเดือน และรองรับการเชื่อมต่อกับบริการ IoT/big data อื่นๆ เช่น Fluentd, Embulk, Grafana และ Azure IoT Edge เป็นต้น ที่มา - Toshiba
# Spotify เริ่มเปิดใช้งานคำสั่งเสียงในแอปแล้ว โดยพูด Hey Spotify Spotify ทดสอบฟีเจอร์ใช้คำสั่งเสียงเพื่อปลกแอปให้ทำงาน หรือสั่งให้เล่นเพลงใดเพลงหนึ่งได้มาสักระยะแล้ว ล่าสุดเริ่มเปิดให้ใช้งานทั้ง iOS และ Android โดยสามารถพูดคำสั่ง Hey Spotify ในการใช้งาน ผู้ใช้ต้องเปิดสิทธิ์ Spotify ให้เข้าถึงไมโครโฟน ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Spotify ระบุว่า จะจัดเก็บข้อมูลเฉพาะหลังจากที่พูดคำสั่งปลุกหรือแตะปุ่มคำสั่งเสียงเท่านั้น ที่มา - Engadget
# บรรยากาศวันแข่งจริง SCB 10X Bangkok Blockathon 2021 พร้อมเปิดตัวทีมผู้ชนะทั้ง 3 ทีม หลังเปิดงาน SCB 10X Bangkok Blockathon 2021 ไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ช่วงสุดสัปดาห์วันที่ 27-28 มีนาคม 2021 ที่ผ่านมา ก็เป็นวันแข่งจริง ที่ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 12 ทีมมาประชัน Hackathon กันอย่างดุเดือดตลอดเวลา 30 ชั่วโมง ที่สำนักงานของ SCB 10X ตึก FYI Center คลองเตย ช่วงเช้าวันที่ 27 ก่อนเริ่มการแข่งขัน ผู้เข้ารอบทั้ง 12 ทีมได้รับข่าวเซอไพรส์จากทีมผู้จัดงาน ว่าจะมีทีมจาก SCB 10X มาร่วมแข่งด้วยอีกทีมในนาม “ฟาร์มซิ่ง” แต่ทีมนี้จะไม่ได้มาแย่งรางวัลแต่อย่างใด เพียงแต่เข้ามาร่วมสนุก พบปะกับเหล่านักพัฒนาดาวรุ่งรุ่นใหม่ด้วยเท่านั้น หลังจากนั้นมีช่วง Ice Breaking ให้ทีมนักพัฒนาได้ทำความรู้จักและพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ต่อด้วย คุณกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร Head of Venture Builder ของ SCB 10X มาพูดเปิดงาน เล่าถึงที่มาที่ไป รวมถึงวิศัยทัศน์ของ SCB 10X ในการก้าวไปในอนาคตของธุรกิจด้วยเทคโนโลยี ตามมาด้วยเซสชั่นพิเศษจากคุณสถาพน พัฒนะคูหา ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง SmartContract Blockchain Studio บริษัทพัฒนาระบบบล็อกเชนชั้นนำของไทย ที่มาแนะนำ Do & Don’t ของการทำโซลูชั่นของระบบบล็อกเชนต่างๆ พร้อมชวนนักพัฒนาหน้าใหม่ร่วมพูดคุยถึงปัญหาและวิธีการแก้ไขในบรรยากาศสบายๆ ยามเช้า ก่อนจะแนะนำเทคนิคต่างๆ ในการพัฒนาโปรดักต์บล็อกเชน และอวยพรผู้เข้าแข่งขัน อีกท่านหนึ่งที่มาร่วมให้ความรู้ในยามเช้าคือคุณทชา ปัญญาเนรมิตดี ผู้ร่วมก่อตั้งและโปรเจกต์ลีดแห่ง Alpha Finance Lab ผู้ให้บริการทางการเงินแบบไร้ตัวกลาง (DeFi) มากล่าวถึงภาพรวมของวงการ DeFi รวมถึงการพัฒนา Alpha ที่จะเป็น DeFi Suite หรือแพลตฟอร์มรวมโซลูชั่น DeFi ต่างๆ เช่น Alpha Homora แพลตฟอร์มให้บริการกู้ยืมแบบ Leverage ผ่านสกุลเงินคริปโต เพื่อความเป็นไปได้ในการทำกำไรที่มากขึ้นผ่านยิลด์ฟาร์มมิ่งบน Uniswap หรือ Sushi Swap รวมถึงโปรเจกต์ใหม่อย่าง Alpha X ที่เป็นโปรโตคอลซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตตลอดเวลาแบบไม่มี orderbook (non-orderbook perpetual swap) เหมือนกับ DerivaDAO, Perpetual Protocol และ Injective Protocol และโปรเจกต์ลับอย่าง Alpha Asguardian ที่พยายามเข้ามาแก้ปัญหา IL (Impermanent Loss) ของโทเค็น LP บรรยายจบแล้ว ทีมผู้จัดเริ่มให้ข้อมูลเกณฑ์การตัดสิน แบ่งเป็นคะแนนด้านเทคนิค และความสมบูรณ์ของ Stack 40% ความเป็นไปได้ในการนำไปใช้จริง 30% ความแปลกใหม่ 20% และคะแนนการนำเสนออีก 10% ในรอบ Pitching ผู้เข้าแข่งขันจะต้องนำเสนอแนวคิด นำส่งเดโม และ System Architecture โดยมีเวลานำเสนอ 7 นาที รวมกับเวลาถามตอบจากกรรมการอีก 8 นาที เป็นทีมละ 15 นาที หลังจากนั้นก็เริ่มการแข่งขัน แต่ละทีมแยกย้ายกันไปจองที่นั่ง และเริ่มลงมือโค้ด โดยมีช่วงเช็คอินในตอนเย็น ตามมาด้วยเมนเทอริ่งเซสชั่น ให้ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมคอมเมนต์ แนะนำ และให้คำปรึกษาแต่ละทีมในด้านการทำงานต่างๆ ของโปรดักต์ที่เชื่อมโยงกับโลกการเงินและระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง ทีมผู้เชี่ยวชาญหรือ Mentors ประกอบไปด้วยบุคคลากรชั้นนำของวงการเทคโนโลยีบล็อกเชนและการเงิน 6 ท่าน คือ คุณอาจารีย์ ศุภพิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย คุณไพศาล เกียรติธนานันท์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีและนวัตกรรม แห่ง Digital Ventrues คุณสาวิทธ์ ตริสิริสัตยวงศ์ Integration Lead แห่ง Band Protocol คุณนัฐพล นิมากุล ซีทีโอของ Kulap คุณมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer - SCB 10X คุณอรรณวุฒิ ลีไพศาลสุวรรณา Technology Lead - SCB 10X คุณไพศาล เกียรติธนานันท์ กำลังให้คำแนะนำทีมผู้เข้าแข่งขัน คุณมุขยา พานิช ให้คำแนะนำผู้เข้าแข่งขัน ผ่านวิดีโอคอล ผ่านพ้นการลงมือโค้ดข้ามวันข้ามคืนอย่างสมชื่อ Hackathon ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม เป็นช่วงที่ทุกทีมต้องส่งผลงาน และนำเสนอผลงานของตัวเองทีมละ 15 นาที ซึ่งเป็นไปอย่างสนุกสนานระหว่างผู้นำเสนอและกรรมการ มีทั้งการถามตอบ ชี้จุดเด่นจุดด้อยของผลงาน กรรมการทั้ง 5 ท่านประกอบด้วย คุณวิจักขณ์ เศรษฐบุตร รองผู้อำนวยการ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย คุณพีรพงษ์ ธนกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีการเงิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คุณศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ ประธานสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยและบริษัท Bit Investment คุณมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer คุณกษิดิ์เดช พูลสุขสมบัติ Technical Lead ของ SCB 10X ทีม TrustPass กำลังนำเสนอผลงาน คุณวิจักขณ์ เศรษฐบุตร กำลังถามคำถามผู้เข้าแข่งขัน ทีม KillSwitch กำลังพรีเซ็นต์ผลงานอย่างเมามัน ทีมกรรมการที่กำลังให้ฟีดแบ็คกับผู้เข้าแข่งขัน หลังจากการพิทชิ่งอย่างเมามันจนถึงช่วงเย็น และการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เราก็ได้ผู้ชนะของงาน SCB 10X Bangkok Blockathon 2021 คือทีม KillSwitch กับโปรดักต์ที่ช่วยให้นักลงทุนยิลด์ฟาร์มมิ่ง สามารถถอน Liquidity Position ออกจาก Farm และขายเหรียญได้ทันที ในกรณีที่ราคาของเหรียญตกลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการคลิกแค่ครั้งเดียว หมดปัญหาเรื่องการถอนเงินไม่ทันตอนราคาตก อีกทั้งยังลดจำนวนครั้งของการทำธุรกรรมจาก 3 ครั้งบน 3 แพลตฟอร์ม ให้เหลือครั้งเดียว เสียค่าธรรมเนียมครั้งเดียวอีกด้วย ทีม Kill Switch ได้รับเงินรางวัลเป็นสกุลเงินคริปโตบิตคอยน์ไป 0.1 BTC (มูลค่าราว 1.8 แสนบาท) รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง คือทีม TrustPass เจ้าของไอเดียแพลตฟอร์มยืนยันตัวตน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการเช็คอิน และการติดตามผู้เข้าร่วมงานอีเว้นท์หรือสถานที่ท่องเที่ยวในยุค COVID-19 ที่จะรวบรวม cryptocurrency ของผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานอีเว้นท์ไปฝากในกองทุน (Stake) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมา verify โดยใช้ระบบ Smart Contract หากมีผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ติดโควิด หรือเกิด Super Spreader เงินส่วนนี้จะถูกนำมาให้กระทรวงสาธารณสุขใช้สำหรับตรวจ ติดตาม และรักษาผู้ที่ได้รับเชื้อจากการเข้าร่วมงานอีเว้นท์หรือสถานที่นั้น และหากภายในระยะเวลาที่กำหนดไม่มีผู้ติดเชื้อ เงินในกองทุน (Stake) ก็จะถูกส่งคืนให้ผู้จัดงานและผู้ลงเงิน ถือเป็นการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนและ Smart Contract มาปรับใช้ได้เข้ากับสถานการณ์วิกฤตโลก ทีม TrustPass ได้รับเงินรางวัลเป็นสกุลเงิน Ethereum ไป 2 ETH (มูลค่าราว 1.2 แสนบาท) รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ทีม Estate-Onblock เจ้าของไอเดียแพลตฟอร์มแปลงการลงทุนเป็น NFT (Non Fungible Token) หรือโทเค็นที่มีลักษณะเฉพาะตัว เพื่อแสดงความเป็นเอกลักษณ์และความเป็นเจ้าของบางอย่าง Estate-Onblock เสนอไอเดียการทำที่ดินเสมือนบนบล็อกเชน และสามารถต่อยอดเป็น NFT แบบพิเศษ เช่น ลงทุนที่ดินประเทศไทยแล้วได้วัดแบบเสมือนมาตกแต่ง หรือลงทุนในที่ดินญี่ปุ่น แล้วได้ปราสาทโอซาก้าแบบเสมือน แล้วเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ผู้อื่นเข้าชม NFT Gallery ของตนเองได้อีกด้วย หลังจากนั้นก็เป็นการฉลองถ่ายรูปรวม และมีปาร์ตี้ก่อนปิดงาน เพื่อให้เหล่านักพัฒนาได้ทำความรู้จักและพูดคุยเพิ่มเติม เพื่อต่อยอดเทคโนโลยีในอนาคต ถือได้ว่า SCB 10X Bangkok Blockathon 2021 เป็นงานที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และเป็นตัวเริ่มต้นจุดประกายไอเดียบล็อกเชน และเทคโนโลยีการเงินแบบไร้ตัวกลาง (DeFi) ที่จะสร้างชุมชนนักพัฒนาบล็อกเชนที่เข้มแข็งในประเทศได้ในอนาคต
# ผู้ถือหุ้น AMD อนุมัติดีลซื้อกิจการ Xilinx แล้ว AMD ประกาศว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อกิจการ Xilinx ผู้ผลิต FPGA รายใหญ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจาก AMD ประกาศแผนเข้าซื้อกิจการเมื่อปีที่แล้ว ผลจากการรวมกันของสองบริษัทนี้ AMD กล่าวว่า ทำให้พอร์ตโฟลิโอของบริษัทมีสินค้าครบตั้งแต่ CPU, GPU, FPGA, SoC ไปจนถึงซอฟต์แวร์เฉพาะทาง เพื่อรองรับลูกค้าในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ดีลดังกล่าวมีมูลค่า 35,000 ล้านดอลลาร์ โดย AMD ใช้วิธีการแลกหุ้น ทำให้ Xylinx มาเป็นผู้ถือหุ้นใน AMD 26% ในขั้นตอนถัดไปคือการอนุมัติการควบรวมกิจการจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่ง AMD คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้
# Twitter ทำอีโมจิชานม ฉลองครบรอบ 1 ปี ความเคลื่อนไหว พันธมิตรชานม #MilkTeaAlliance Twitter เปิดตัวอีโมจิสำหรับ #MilkTeaAlliance หรือพันธมิตรชานม เป็นอีโมจิรูปแก้วชานมที่มีพื้นหลังสามสีซึ่งสะท้อนถึงสีต่างๆ ของชานมในแต่ละประเทศ โดย MilkTeaAlliance เป็นพันธมิตรความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทางออนไลน์ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนปี 2020 ที่ผ่านมา การแสดงอีโมจิชานม สามารถพิมพ์ได้ทั้งภาษาไทยว่า พันธมิตรชานม และภาษาอื่นๆ คือ ภาษาอังกฤษ จีน เกาหลี เมียนมา ทาง Twitter บอกด้วยว่า มีการทวีตพูดคุยถึงพันธมิตรชานม 11 ล้านทวีตในปีที่ผ่านมา พันธมิตรชานม เกิดขึ้นจากชาวเน็ตฮ่องกง ไต้หวัน และไทย ที่ร่วมต่อสู้กับกลุ่มชาตินิยมจีน เริ่มจากการที่มีคนไทยบอกว่าไต้หวันเป็นประเทศ แต่มีชาวจีนออกมาโต้แย้งว่าไต้หวันเป็นของจีน ที่ผ่านมา Twitter ได้ออกอีโมจิสำหรับความเคลื่อนไหวต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็น #MeToo, #BlackLivesMatter ที่มา - Twitter
# Diablo 2: Resurrected ภาครีเมคเกมในตำนาน เปิดทดสอบ Technical Alpha ศุกร์นี้ Diablo 2: Resurrected ภาครีเมคของเกมในตำนานที่คนไทยรู้จักกันดีอย่าง Diablo 2 ที่จะรองรับความละเอียด 4K คัตซีนเรนเดอร์ใหม่ ฉากแบบ 3D เต็มรูปแบบ และอื่นๆ เตรียมเปิดให้ทดสอบเล่นโหมดเนื้อเรื่อง แบบ Technical Alpha วันที่ 9 เมษายนนี้ เวลา 21.00 น. และเล่นได้ถึง เวลา 9.00 น. ของวันที่ 13 เมษายนตามเวลาบ้านเรา ผู้ที่อยากเข้าร่วมต้องลงทะเบียนด้วยบัญชี Blizzard ที่หน้าเว็บไซต์ และรอลุ้นรับสิทธิ์เข้าเล่นจากการสุ่ม ซึ่งใน Technical Alpha นี้ ผู้เล่นจะได้เล่นตัวละครสามคลาสจากเจ็ดคลาส คือ Barbarian, Amazon, และ Sorceress ในเนื้อเรื่อง 2 องก์แรก พร้อมสู้บอส Andariel กับ Duriel แต่ไม่มีการจำกัดเลเวลตัวละคร ทำให้สามารถปั้นกันได้อย่างเต็มที่ ถ้ามีความอดทนพอ ตัวเกมในส่วนผู้เล่นหลายคน จะเปิดให้ทดสอบแยกอีกครั้งหลังจากนี้ ส่วนวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของเกม ยังไม่มีการเปิดเผย แต่คาดว่าน่าจะเป็นภายในปีนี้ ที่มา - PC Gamer
# Redis Labs ระดมทุน Series G มูลค่าบริษัททะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ Redis Labs บริษัทผู้สร้างฐานข้อมูล Redis ประกาศระดมทุนรอบใหม่ Series G อีก 110 ล้านดอลลาร์ ตอนนี้มูลค่าบริษัททะลุ 2 พันล้านดอลลาร์แล้ว นักลงทุนใน Redis Labs รอบนี้คือ Tiger Global, SoftBank Vision Fund 2 และ TCV บริษัท Redis Labs ก่อตั้งในปี 2011 ด้วยวิสัยทัศน์ว่าฐานข้อมูลในอนาคตจะแข่งกันที่ประสิทธิภาพ ตัวซอฟต์แวร์ Redis จึงเป็นฐานข้อมูลในหน่วยความจำ (in-memory) และเป็นฐานข้อมูลแบบ key-value ที่ได้รับความนิยมสูงสุด (คู่แข่งรายสำคัญคือ Memcached, Amazon DynamoDB และ Azure Cosmos DB) บริษัทระบุว่าตอนนี้มีลูกค้าแล้ว 8,000 องค์กร และรายได้เติบโตเฉลี่ย 54% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โมเดลธุรกิจของบริษัทคือขาย Redis Enterprise ซึ่งมีทั้งเวอร์ชัน on premise และแบบเช่าใช้งานบนคลาวด์ ที่มา - Redis
# แบนแล้ว แบนเลย บัญชี Twitter ของโดนัลด์ ทรัมป์ ​จะไม่ถูกจัดเก็บในฐานะบันทึกสำคัญของรัฐ National Archives and Records Administration หรือ NARA คือหน่วยงานของรัฐบาลกลาง ที่รับผิดชอบการเก็บรักษาบันทึกสำคัญทางประวัติศาสตร์ของรัฐบาล รวมถึงทวีตจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล แม้คนๆ นั้นจะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว บัญชี Twitter จะยังเก็บไว้เป็นบันทึกเป็น archive และตัวบัญชีนั้นคนทั่วไปยังเข้าถึงได้ ซึ่งไม่ใช่กับกรณีโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้สร้างวีรกรรมน่าจดจำมากมาย โดยล่าสุด เว็บไซต์ Politico รายงานว่า นอกจากทรัมป์จะโดนแบนจากแพลตฟอร์มแล้ว archive ของเขาก็จะไม่ถูกเก็บไว้ เรียกได้ว่าโดนแบนหายไปจากแพลตฟอร์มอย่างถาวร ทรัมป์โดนโซเชียลมีเดียใหญ่แบน จากเหตุการณ์ม็อบสนับสนุนทรัมป์บุกรัฐสภาสหรัฐฯในวันที่ 6 มกราคม เพราะส่วนหนึ่งเขาใช้โซเชียลในการส่งเสริมความรุนแรง และยังให้กำลังใจม็อบที่ก่อเหตุรุนแรงด้วย ภาพจาก Getty Images โฆษกของ Twitter กล่าวกับ Politico ว่า เนื่องจากทางแพลตฟอร์มระงับบัญชี @realDonaldTrump อย่างถาวร เนื้อหาจากบัญชีจะไม่ปรากฏบน Twitter เลย และจะไม่ถูกจัดเก็บแบบที่ใครสามารถเข้าดูได้ เพราะบัญชีการในระบบที่เก็บถาวร จะต้องเป็นบัญชีที่ไม่ละเมิดกฎของ Twitter ยังไม่มีความชัดเจนว่า NARA จะตัดสินใจอย่างไรต่อกรณีนี้ ที่มา - Ars Technica
# Facebook ทดสอบ Hotline ห้องพูดคุยแบบ Clubhouse ส่งคำถามเป็นข้อความได้ คนพูดเปิดกล้องได้ ทีม NPE หรือทีมวิจัยและพัฒนาของ Facebook เปิดทดสอบ Hotline แอปพลิเคชั่นในรูปแบบ web base ที่รวมเอาความสามารถของ Instagram Live และ Clubhouse เข้าด้วยกัน เป็นแพลตฟอร์มพูดคุยเสียง และเปิดให้คนที่เข้าฟังถามคำถามได้ทั้งถามผ่านเสียง หรือถามผ่านการพิมพ์ข้อความ ซึ่งจะต่างจาก Clubhouse ตรงที่ ครีเอเตอร์สามารถเปิดกล้องเพื่อพูดคุยได้ด้วย หนึ่งในผู้ได้รับทดสอบคือ Nick Huber นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่บรรยายช่วยให้ผู้คนขยายทักษะทางวิชาชีพหรือการเงิน ซึ่งเขาเปิดพูดคุยใน Hotline วันนี้ แสดงให้เห็นว่า Facebook กำลังมองหาครีเอเตอร์ที่มีฐานคนฟังเข้ามาใช้งาน Hotline ภาพจาก Facebook หน้าตาการใช้งาน ถือเป็นหน้าตาคุ้นเคยสำหรับคนใช้งาน Clubhouse บนมือถือมีการแยกเซกชั่นชัดเจนระหว่างคนพูดและคนฟัง บนมือถือแยกเป็นโซนบน-ผู้พูด โซนล่าง-ผู้ฟัง ส่วนบนเดสก์ทอปแยกเป็นซ้ายและขวา ในการใช้งานเริ่มแรกต้องลงทะเบียนผ่าน Twitter และจะได้รับ SMS เพื่อยืนยันตัวตน มีปุ่มถามคำถาม และอีโมจิ ครีเอเตอร์มีอำนาจเต็มที่ในการคุมห้องแชท ทั้งลบคำถามที่ไม่เหมาะสม และลบผู้ฟังออกจากห้อง การใช้งานตอนนี้ยังไม่จำกัดคนเข้าฟัง Hotline พัฒนาโดย Eric Hazzard ซึ่งเป็นคนทำแอป tbh แอปตอบคำถามที่ดังในกลุ่มวัยรุ่นอเมริกัน ซึ่ง Facebook เข้าซื้อไปเมื่อปี 2017 ที่มา - TechCrunch
# ผลสำรวจชี้ YouTube ขึ้นแท่นโซเชียลมีเดียที่คนสหรัฐฯใช้งานมากที่สุดช่วงโรคระบาด ผลสำรวจจากสำนักวิจัย Pew Research Center ทำการสำรวจความคิดเห็นผู้ใหญ่ในสหรัฐ 1,502 คน ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม - 8 กุมภาพันธ์ ถึงการใช้งานโซเชียลมีเดียในช่วงโรคระบาด พบว่าYouTube ครองอันดับ 1 การใช้งานในสหรัฐเมื่อเทียบกับโซเชียลมีเดียเจ้าอื่น โดยมีการใช้งานโต 73% ในปี 2019 และโต 81% ในปี 2021 ความนิยมของ YouTube สูงเป็นพิเศษในกลุ่มคนอายุ 18 ถึง 29 ปีโดย 95% ของคนกลุ่มอายุนี้ (ทำการสำรวจ 220 คน) บอกว่าได้ใช้ YouTube, 71% ใช้ Instagram, 70% ใช้ Facebook, 65% ใช้ Snapchat, 21% ใช้ TikTok และ 13% ใช้ Nextdoor และถือเป็นครั้งแรกที่ Pew ทำการสำรวจการใช้งาน TikTok และ Nextdoor ด้วย ที่มา - CNBC
# [ลือ] Twitter เคยเจรจาขอซื้อ Clubhouse ที่มูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ จากข่าวก่อนหน้านี้ว่า Clubhouse กำลังเจรจาขอเพิ่มทุนที่มูลค่ากิจการ 4,000 ล้านดอลลาร์ ล่าสุด Bloomberg มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าตัวเลข 4,000 ล้านดอลลาร์นี้ อาจมาจากที่ Twitter เคยเจรจาขอซื้อกิจการ Clubhouse ที่มูลค่าดังกล่าวนั่นเอง แต่การเจรจาซื้อกิจการได้ยุติไปแล้ว ปัจจุบัน Twitter มีบริการโซเชียลสำหรับการสนทนาเสียงคือ Twitter Spaces ข่าวดังกล่าวไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า Twitter เจรจาขอซื้อ Clubhouse ในช่วงเวลาใด รวมถึงเหตุผลในการซื้อในเมื่อบริษัทมีแผนจะออกแอปคล้ายกันอยู่แล้ว ตัวแทนของ Twitter และ Clubhouse ปฏิเสธให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ที่มา: Bloomberg
# Google I/O 2021 จัดงานในรูปแบบออนไลน์ 18-20 พฤษภาคมนี้ กูเกิลประกาศวันจัดงาน Google I/O ประจำปี 2021 ระหว่างวันที่ 18-20 พฤษภาคมนี้ ในรูปแบบออนไลน์ และรับชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เนื้อหาในงานมีทั้งการเปิดตัวสินค้าใหม่ และเนื้อหาทางเทคนิคสำหรับนักพัฒนา โดยมีเซสชั่นบางหัวข้อที่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า ตารางเนื้อหาทั้งหมดกูเกิลจะประกาศอีกครั้งภายในเดือนนี้ ประกาศของกูเกิลปีนี้ยังคงมีลูกเล่นเหมือนเช่นปีก่อน ๆ โดยต้องแก้ปริศนาบัตรเจาะรู หรือ punch card จึงจะพบวันที่จะจัดงาน Google I/O ประจำปีนี้ ไปลองเล่นได้ที่นี่ ส่วนเฉลยดูได้จากที่มา ที่มา: 9to5Google
# Find My รองรับการค้นหาพิกัดอุปกรณ์ ของผู้ผลิตรายอื่น ที่ไม่ใช่ Apple แล้ว แอปเปิลประกาศว่าเครือข่าย Find My ที่ใช้สำหรับค้นหาตำแหน่งพิกัดอุปกรณ์แอปเปิล ได้เพิ่มการรองรับอุปกรณ์จากผู้ผลิตบริษัทอื่นแล้ว ซึ่งอาจสอดคล้องกับข่าวลือก่อนหน้านี้ ว่าแอปเปิลเตรียมเปิดตัว AirTags แท็กติดอุปกรณ์สำหรับค้นหาพิกัด เงื่อนไขของผลิตภัณฑ์ที่จะใช้งาน Find My ได้ อยู่ส่วนหนึ่งของโปรแกรม MFi (Made for iPhone) สำหรับผู้ผลิตสินค้าอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของแอปเปิล ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอนุมัติ จะสามารถแสดงป้ายข้อความว่ารองรับการค้นหาด้วย Find My ได้ (รายละเอียดเพิ่มเติม) สินค้ากลุ่มแรกที่รองรับ Find My ได้แก่ จักรยานไฟฟ้าจาก VanMoof รุ่น S3 และ X3, หูฟังไร้สาย SOUNDFORM Freedom ของ Belkin และแท็กติดอุปกรณ์ ONE ของ Chipolo ที่มา: แอปเปิล
# SAP พบแฮกเกอร์แกะแพตช์ไปโจมตีได้ใน 3 วัน เปิดเครื่องบนคลาวด์ไม่แพตช์โดนแฮกในสัปดาห์เดียว SAP ร่วมกับบริษัทวิเคราะห์ความปลอดภัย Onapsis ออกรายงานแนะนำผู้ใช้ SAP ให้รักษาความปลอดภัยระบบของตัวเอง โดยระบุว่ามีกลุ่มแฮกเกอร์ที่พยายามโจมตีเซิร์ฟเวอร์ SAP อย่างต่อเนื่อง รายงานระบุว่าแฮกเกอร์มีความสามารถในการแกะแพตช์ที่ SAP แก้ไขช่องโหว่ต่างๆ นำไปสร้างเครื่องมือแฮกผู้ใช้ SAP ที่ไม่ยอมแพตช์ได้ภายใน 72 ชั่วโมงเท่านั้น ขณะที่มีผู้ใช้ SAP หลายรายไม่แพตช์หรือคอนฟิกการบรรเทาช่องโหว่ (mitigation) แถมบางครั้งปล่อยให้เซิร์ฟเวอร์เข้าถึงได้จากอินเทอร์เน็ตโดยตรง โดยเฉลี่ยแล้วการเปิดเซิร์ฟเวอร์ SAP บนคลาวด์เอาไว้โดยไม่ป้องกันตจะถูกแฮกในสัปดาห์เดียว รายงานยังระบุว่าแฮกเกอร์สามารถเจาะเซิร์ฟเวอร์ SAP ที่ไม่ได้ป้องกันไว้ อย่างน้อยๆ 300 ครั้งนับจากกลางปี 2020 แต่จำนวนนี้เป็นการสำรวจจากข้อมูลของ Onapsis Threat Intelligence Cloud ไม่ใช่รายงานจากองค์กรต่างๆ โดยตรง ที่มา - The Register ภาพการประชุมประจำปีของ SAP เมื่อปี 2019
# สหราชอาณาจักรพบวัคซีน AstraZeneca เชื่อมโยงกับเหตุเกิดลิ่มเลือดจริง MHRA (Medicines and Healthcare products Regulatory Agency - หน่วยงานดูแลความปลอดภัยยาของสหราชอาณาจักร) ออกรายงานจากการตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากเหตุการเกิดลิ่มเลือดในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีน AstraZeneca โดยพบประมาณ 4 คนในล้านคน และทุกคนที่มีอาการจะพบหลังได้รับโดสแรก แม้จะพบความเชื่อมโยง แต่ MHRA ยังไม่แนะนำให้จำกัดอายุผู้รับวัคซีน AstraZeneca แต่อย่างใด แต่แนะนำให้ผู้รับวัคซีนสำรวจอาการตนเองไปอีก 4 วันหลังรับวัคซีน โดยให้ระวังอาการ เช่น ปวดหัว, สายตาเบลอ, งงงวยสับสน, ชัก, หายใจสั้น, ปวดอก, ปวดท้องต่อเนื่อง และหากพบอาการให้รีบพบแพทย์ ตอนนี้สหราชอาณาจักรฉีดวัคซีน AstraZeneca ไปแล้ว 20.2 ล้านโดส พบผู้มีอาการลิ่มเลือดทั้งหมด 79 ราย อาการรุนแรงถึงเสียชีวิต 19 ราย ทาง MHRA จะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป วันนี้สหราชอาณาจักรเริ่มฉีดวัคซีน Moderna เป็นวันแรก โดยรัฐบาลสั่งวัคซีน Moderna ไว้ 17 ล้านโดส, Pfizer 40 ล้านโดส และ AstraZeneca 100 ล้านโดส จากประชากรรวม 66 ล้านคน สำหรับประชาชนอายุ 18-29 ปีที่ไม่ต้องการรับวัคซีน AstraZeneca จะสามารถเลือกรับวัคซีนตัวอื่นได้ ที่มา - Gov.uk, Bloomberg, Sky News ภาพตัวอย่างวัคซีนของ AstraZeneca จากมหาวิทยาลัย Oxford
# อิสราเอลเตรียมยกเลิกมาตรการใส่หน้ากากนอกอาคาร หลังอัตราการติดเชื้อตกลงต่อเนื่อง คณะทำงานจัดการเหตุโรคระบาด COVID-19 ของอิสราเอลแนะนำให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการบังคับใส่หน้ากากอนามัยนอกอาคาร หลังจากยอดผู้ติด COVID-19 ต่ำลงต่อเนื่องเหลือต่ำกว่า 500 คนต่อวัน แม้จะปลดมาตรการล็อกดาวน์ไปแล้วชุดหนึ่ง แต่ยังคงมาตรการบังคับใส่หน้ากากอนามัยในอาคารต่อไป อัตราการติด COVID-19 ของอิสราเอลลดลงต่อเนื่องแม้แต่ในกลุ่มอายุ 0-19 ปีที่ส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีน โดยรัฐบาลฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 16 ปีขึ้นไปเท่านั้น แม้จะเริ่มทดสอบในเด็กอายุต่ำกว่านั้นบ้างแล้ว ตอนนี้อัตราการติด COVID-19 นั้นต่ำกว่าช่วงที่โรคระบาดสูงสุดกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา มากกว่า 95% ทุกช่วงอายุ โดยกลุ่มเด็กนั้นมีอัตราการติดโรคสูงขึ้นช่วงหนึ่งหลังปลดมาตรการล็อกดาวน์แต่ก็กลับมาลดลงในที่สุด คาดว่าอิสราเอลจะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 12-16 ปีในอีกไม่กี่เดือนนี้หลังได้รับข้อมูลความปลอดภัยจาก Pfizer ที่มา - The Times of Israel, Our World in Data ภาพกรุงเยลูซาเล็ม โดย 696188 ![]( อัตราการติด COVID-19 ของประชากรอิสราเอลเทียบกับช่วงที่โรคแพร่กระจายมากที่สุดในช่วงกลางเดือนมกราคม แยกตามกลุ่มอายุ
# [ลือ] Clubhouse กำลังเจรจาเพิ่มทุน มูลค่ากิจการอาจสูงถึง 4,000 ล้านดอลลาร์ Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Clubhouse แอปโซเชียลสนทนาเสียงที่มาแรง กำลังเจรจากับนักลงทุนหลายราย เพื่อรับเงินเพิ่มเติม ซึ่งทำให้มูลค่ากิจการเพิ่มขึ้นถึงราว 4,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ตัวแทนของ Clubhouse ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว มูลค่ากิจการของ Clubhouse เมื่อเดือนมกราคมอยู่ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์ หากการเพิ่มทุนรอบนี้ได้มูลค่ากิจการตามรายงาน แปลว่า Clubhouse จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน Clubhouse มีผู้ลงทุนรายสำคัญคือกองทุน Andreessen Horowitz ซึ่งเริ่มลงทุนตั้งแต่ Alpha Exploration ผู้พัฒนา Clubhouse มีมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ รายงานระบุว่า Clubhouse ต้องการเงินเพิ่มทุน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแอปรายใหญ่ ที่เริ่มเพิ่มบริการตั้งห้องสนทนาเสียงมากขึ้น ที่มา: Bloomberg
# Alienware เปิดตัวโน้ตบุ๊ก m15 Ryzen Edition กลับมาใช้ AMD ครั้งแรกในรอบ 14 ปี Alienware แบรนด์โน้ตบุ๊กเกมมิ่งในสังกัด Dell เปิดตัว Alienware m15 Ryzen Edition R5 โน้ตบุ๊กตัวแรกของ Alienware ในรอบ 14 ปีที่กลับมาใช้ซีพียูจาก AMD ครั้งสุดท้ายที่ Alienware ใช้ซีพียู AMD ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2007 กันเลยทีเดียว (ตอนนั้นคือ Turion 64) การกลับมารอบนี้เลือกใช้ AMD Ryzen 5000 H-Series ตัวท็อปสุดของซีพียูโน้ตบุ๊ก ณ ตอนนี้ สเปกอย่างอื่นคือ จีพียู GeForce RTX 30 Series, แรม DDR4 สูงสุด 3200MHz, หน้าจอ 15" เลือกได้ว่าเป็น QHD 240Hz หรือ FHD 360Hz, และตัวเลือกเป็นคีย์บอร์ดแมคานิกใช้สวิตช์จาก Cherry MX ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ราคาขายเริ่มที่ตัวละ 1,793.98 ดอลลาร์ เริ่มวางขายในสหรัฐ 20 เมษายนนี้ ที่มา - Dell, Tom's Hardware
# Pac-Man 99 ดวลกันแบบ Battle Royale เฉพาะลูกค้า Nintendo Switch Online นินเทนโดประกาศเพิ่มเกมใหม่ Pac-Man 99 สำหรับลูกค้าที่สมัครบริการ Nintendo Switch Online โดยรูปแบบเกมเหมือนกับ Tetris 99 และ Super Mario Bros. 35 (ที่ปิดให้เล่นแล้ว) นั่นคือเป็นการเล่นเกมออนไลน์แข่งกับคนอื่นแบบ battle royale คนที่อยู่รอดคนสุดท้ายเป็นผู้ชนะ ตัวกระดานเกมเป็นแบบ Pac-Man คลาสสิก เลือกเล่นได้ในโหมดต่าง ๆ ในการแข่งขันมีลูกเล่นสร้างอุปสรรคเพื่อโจมตีผู้เล่นคนอื่น หรือทำคอมโบโจมตี ghost แบบชุดใหญ่ได้ด้วย (ดูตัวอย่างในคลิปท้ายข่าว) นอกจากนี้ยังสามารถซื้อธีมฉากจากเกมต่าง ๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย Pac-Man 99 จะเปิดให้ดาวน์โหลดและเริ่มเล่นได้ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน เป็นต้นไป ที่มา: The Verge
# หนัง SeaSpiracy ใน Netflix ส่วนหนึ่งตีแผ่แรงงานประมงไทย ทำประยุทธ์ไม่พอใจ จี้ให้ประชาชนเข้าใจใหม่ เพจข่าวจาก วาสนา นาน่วม รายงานว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ระบุ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมและเป็นผู้อำนวยการ ศรชล. ด้วย ได้ดูหนังสารคดีตีแผ่การประมงเรื่อง SeaSpiracy ใน Netflix ซึ่งมีฟุตเทจส่วนหนึ่งถ่ายที่ไทยด้วยนั้น ประยุทธ์จึงสั่งการให้ ศรชล. ตรวจสอบและชี้แจงให้ Netflix และประชาชนเข้าใจใหม่ให้ถูกต้อง เบื้องต้น ฟตเทจในหนังถ่ายทำมา 5-6 ปีแล้ว ทาง ศรชล. ยืนยันว่าสามารถชี้แจงได้ และพร้อมจะประสานไปยัง Netflix ให้ผู้ถ่ายทำ ไปตรวจสอบสถานที่ด้วยตัวเอง ที่มา - วาสนา นาน่วม
# Sony ครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ตลาดเซ็นเซอร์กล้องมือถือ ปี 2020, Samsung อันดับสอง Strategy Analytics เปิดเผยข้อมูลตลาดเซ็นเซอร์กล้องมือถือปี 2020 ทำรายได้ว่า 15 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 เติบโตกว่า 13% แบบปีต่อปี แม้มี COVID-19 ผู้นำตลาดยังคงเป็น Sony คิดเป็นสัดส่วน 46% ลดลงจากกว่า 50% ในปี 2018 ขณะที่ Samsung ตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 29% ตามมาด้วย OmniVision ที่ 10% และ SK Hynix รวมกับบริษัทอื่นๆ อีก 15% ที่กำลังดึงส่วนแบ่งไปจาก Sony ได้มากขึ้นเรื่อยๆ Samsung ยังมีโอกาสที่จะตีตื้น Sony มากขึ้น หลังลูกค้าหลักของ Sony อย่าง Huawei ประสบปัญหาจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ แต่ลูกค้าหลักของ Samsung เช่น Xiaomi, OPPO, Realme, Vivo และ Motorola ไม่ได้รับผลกระทบเท่า นอกจากนี้เซ็นเซอร์ ISOCELL ของ Samsung ที่มีความละเอียด 108MP ยังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีใช้ทั้งบนมือถือรุ่นเรือธงในปีที่แล้วของ Xiaomi อย่าง Mi 10T Pro ไปจนถึงเรือธงของ Samsung เองอย่าง Galaxy S21 Ultra ในปีนี้ และยังมีเซ็นเซอร์ตัวใหม่ ISOCELL GN2 ขนาด 1/1.12 นิ้ว ใหญ่ที่สุดบนมือถือสมาร์ทโฟน ที่เพิ่งเปิดตัวบน Xiaomi Mi 11 Ultra อีกด้วย ซึ่งอาจทำให้ Samsung ตีตื้นเข้ามาใกล้ Sony กว่าเดิมได้ในปี 2021 ที่มา - Strategy Analytics via Sammobile
# สมาร์ทโฟน LG จะยังได้อัพเดตซอฟต์แวร์ต่อไป แม้ถอนตัวจากธุรกิจสมาร์ทโฟน หลังจากที่ LG ประกาศถอนตัวจากธุรกิจสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็เกิดคำถามขึ้นมาในกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟน LG ว่าจะยังคงได้รับการอัพเดตซอฟต์แวร์ ทั้งในส่วนของแพตช์ความปลอดภัย และการอัพเกรดเวอร์ชัน Android หรือไม่ ล่าสุดทาง LG ประกาศบนเว็บไซต์ของเกาหลีใต้ว่าจะยังคงปล่อยอัพเดต Android 11 ต่อไป และมีแผนที่จะปล่อยอัพเดต Android 12 ให้กับสมาร์ทโฟนบางรุ่น แต่ไม่ได้ระบุว่ามีรุ่นใดบ้าง ระยะเวลาและรุ่นที่จะได้รับอัพเดตจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ส่วนการอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยนั้น LG จะยังคงปล่อยอัพเดตต่อไป แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นระยะเวลานานอีกเท่าไหร่ โดยทาง LG จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหากมีการเปลี่ยนแปลง LG มีชื่อเสียงในการอัพเดตซอฟต์แวร์สมาร์ทโฟนที่ไม่ค่อยดีนัก แม้ว่า V60 ThinQ ได้อัพเดตไปเมื่อดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในอเมริกา ไล่เลี่ยกับสมาร์ทโฟนเรือธงของแบรนด์อื่นๆ แต่เมื่อดูจากตารางการปล่อยอัพเดต Android 11 ในเยอรมนี ที่รุ่นเรือธงของปี 2019 อย่าง G8S จะได้รับอัพเดตในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ หรือหลังจากที่ Android 12 ได้เปิดตัว ก็แสดงให้เห็นถึงการที่ LG ไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องของการอัพเดตซอฟต์แวร์มากนัก ส่วนอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยนั้น ทาง Android Police ได้จัดลำดับให้คะแนน LG Velvet ไว้ที่ 7/10 ซึ่งนำหน้า OnePlus 8 Pro ไป 1 คะแนน แต่ยังคงตามหลังเพื่อนร่วมชาติอย่าง Samsung ที่ได้คะแนนเด็ม 10 อยู่บ้าง ข้อความจากเว็บไซต์ LG ที่กล่าวถึงการอัพเดตซอฟต์แวร์หลังการถอนตัวจากธุรกิจสมาร์ทโฟน (แปลมาจากภาษาเกาหลีเป็นภาษาอังกฤษ, ที่มา) ที่มา - LG (ภาษาเกาหลี) (Via)
# ค่ายตัวเองยังไม่มี แต่เกมเบสบอล MLB 2021 ของโซนี่ เล่นได้ฟรีบน Xbox Game Pass ต่อเนื่องจากข่าว เกม MLB The Show 2021 สร้างประวัติศาสตร์เป็นเกมแรกของโซนี่ที่ลง Xbox ล่าสุดมีประเด็นตามมาอีกคือ MLB The Show 2021 เปิดให้เล่นบน Xbox Game Pass รวมถึงสตรีมมิ่ง xCloud ตั้งแต่วันแรกที่วางขาย (20 เมษายน 2021) ด้วย ในขณะที่บริการ PlayStation Plus/Now ของโซนี่เองกลับไม่มีซะอย่างนั้น ประเด็นนี้สร้างเสียงวิจารณ์อย่างมาก เพราะถ้าอยากเล่นเกมนี้บน PS5 ต้องจ่ายเงิน 70 ดอลลาร์ แต่บน Xbox Series X|S เล่นได้ฟรีถ้ามีสมาชิก Game Pass อยู่แล้ว ล่าสุดโซนี่ต้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้ผ่านบทสัมภาษณ์กับ Inverse ว่าการตัดสินใจลง Xbox Game Pass มาจากลีก MLB ไม่ได้มาจากโซนี่เอง เหตุผลก็คือ MLB ต้องการให้เกมนี้เข้าถึงแฟนๆ วงกว้างมากขึ้น ซึ่งอยู่ในสัญญาฉบับล่าสุดที่โซนี่เซ็นกับ MLB ในปี 2019 หลังเกมซีรีส์นี้เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ PlayStation มาตลอด Piers Harding-Rolls นักวิเคราะห์จากบริษัท Ampere Analysis ให้ความเห็นว่า MLB น่าจะเห็นความสำเร็จของเกมตระกูล NBA หรือ FIFA และอยากมีเกมที่เข้าถึงแฟนๆ จำนวนมาก ทำเงินในเกมได้เยอะๆ กับเขาบ้าง จึงปรับนโยบายจากการเน้นยอดขายเกมราคาแพง มาให้ความสำคัญกับการเข้าถึงฐานผู้เล่นแทน ถึงแม้การตัดสินใจมาจาก MLB ที่โซนี่ก็อาจไม่ชอบใจนัก แต่ไมโครซอฟท์ก็ถือว่ารับผลประโยชน์ไปเต็มๆ โดยเฉพาะในแง่การโฆษณา Game Passs ว่ามีเกมให้เล่นเยอะ มีแม้กระทั่งเกมของโซนี่เองที่ PlayStation ไม่มีให้เล่นแบบเหมาจ่ายด้วย ที่มา - Xbox, Inverse
# ผู้ใช้งาน iOS 14 เกิน 90% ของอุปกรณ์ iOS ทั้งหมดแล้ว เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ Apple ออกประกาศระบุว่ามีผู้ใช้งาน iOS 14 ถึง 80% จากอุปกรณ์ทั้งหมดแล้ว และหากดูเฉพาะอุปกรณ์ที่ Apple เปิดตัวย้อนหลังไป 4 ปี (ไม่นับรวมที่เก่ากว่านั้น) ตัวเลขของอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 14 จะเพิ่มเป็น 86% วันนี้ข้อมูลจาก Mixpanel แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด พบว่าผู้ใช้ iOS 14 บนอุปกรณ์ iOS ทั้งหมด คิดเป็นสัดส่วนถึง 90.46% แล้ว ซึ่งแม้ยังไม่ใช่ตัวเลขอย่างเป็นทางการจาก Apple แต่ก็สอดคล้องกับตัวเลขก่อนหน้านี้ ที่มา - Mixpanel via 9to5Mac
# KBTG แถลงยุทธศาสตร์ เน้นการทำงานอัตโนมัติ, ปัญญาประดิษฐ์, เตรียมเข้าสู่ DeFi KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย นำโดย นายเรืองโรจน์ พูนผล หรือกระทิง ประธาน KBTG จัดแถลงวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจและพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต ระบุว่า ตอนนี้ KBTG กำลังเข้าสู่การปรับตัว หรือ Digital Transformation เฟสสองแล้ว หลักๆคือ การนำระบบ Automation มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์, สร้าง AI Factory และการเข้าสู่วงการ DeFi หรือ Decentralized Finance ประเด็นแรกคือ DeFi หรือ Decentralized Finance แนวคิดการเงินไร้ศูนย์กลางทำงานบนบล็อกเชน ซึ่งอาจเป็นเทรนด์ในอนาคตของโลกการเงิน ที่ผ่านมา KBTG ได้เริ่มก้าวเข้าสู่วงการ DeFi ด้วยการเปิดบริษัท คิวบิกซ์ (Kubix) ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลผ่านบล็อกเชน, และร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ SET ประกาศพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อแสดงให้เห็นว่า ทางบริษัทเตรียมรับมือกับเทรนด์และ Disruption ที่อาจเกิดขึ้น ทาง KBTG เชื่อว่า DeFi จะช่วยพัฒนาการทำธุรกรรมให้ก้าวหน้า ลดความล่าช้าลงได้ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าสินทรัพย์บนโลกดิจิทัลควรมีมูลค่าทางเศรษฐกิจจริง นายเรืองโรจน์ระบุด้วยว่า ตัวผลิตภัณฑ์จากบริษัท Kubix จะเห็นผลภายในปีนี้ ประเด็นต่อมาคือ การนำระบบ Automation มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นายเรืองโรจน์ระบุว่า ขั้นตอนปกติของการพัฒนาผลิตภัณฑ์คือพัฒนาซอฟต์แวร์ และให้ผู้ใช้งานทดสอบระบบ จากนี้ไปการทดสอบระบบจะใช้ระบบ Test Automation มากขึ้น ถัดมาคือการทำ Dev Sec Ops หรือการใช้ระบบ Automation มาสแกนโค้ด สแกนโปรแกรมที่เขียนขึ้นมาว่ามีความปลอดภัยระดับใด ด้านการขึ้น Operation ทาง KBTG มีศูนย์ข้อมูลถึงสองที่ มีบริการคลาวด์หลายก้อน ทำให้การขึ้น Operation สามารถทำได้คล่องตัว และพัฒนา AI Factory ภายในองค์กร เพื่อให้พัฒนาโมเดล AI ได้เร็วขึ้น 12 เท่า สำหรับการพัฒนาของใหม่ในอนาคต จากเดิมที่เป็นรูปแบบแอปพลิเคชั่นใหม่ ฟีเจอร์ใหม่ ต่อไปนี้จะมองเห็นการออกผลิตภัณฑ์เชิงวิจัย Deep Tech ที่ KBTG ทำร่วมกับมหาวิทยาลัยมากขึ้น เห็นได้จากการเปิดตัวโครงการ Tech Campus เป็นโครงการเข้าไปร่วมพัฒนาหลักสูตรในมหาวิทยาลัยและเป็นความร่วมมือเชิงวิจัยด้วย นายเรืองโรจน์ กล่าวตอนท้ายว่า KBTG ตั้งเป้าหมายการเป็นบริษัทเทคโนโลยีแห่งภูมิภาคเต็มรูปแบบ ภายในปี 2568 พร้อมรองรับธนาคารกสิกรไทยที่จะขยายสู่ภูมิภาคด้วยแนวทาง asset light และไปแบบ digital first ด้วยความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ศักยภาพบุคลากร การรีสกิล ทักษะด้านภาษา ตั้งเป้าหมายปี 2564 จะมีพนักงาน KBTG ทั่วภูมิภาค เพิ่มจาก 1,500 คน เป็น 1,900 คน ที่มา - งานแถลงข่าว
# กูเกิลโอเพนซอร์ส Lyra ปัญญาประดิษฐ์บีบอัดเสียงพูด ใช้แบนวิดท์เพียง 3kbps เมื่อเดือนที่แล้วกูเกิลประกาศปัญญาประดิษฐ์ Lyra สำหรับการเข้ารหัสและถอดรหัสเสียง ทำให้สามารถส่งข้อมูลเสียงพูดได้โดยใช้แบนวิดท์ต่ำเพียง 3kbps เท่านั้น วันนี้กูเกิลก็ประกาศโอเพนซอร์สโครงการ Lyra ให้ใช้งานได้ฟรี โครงการ Lyra โอเพนซอร์สนี้เป็นไลบรารีภาษา C++ สามารถคอมไพล์ได้บนลินุกซ์และแอนดรอยด์ ตัวโครงการมาพร้อมกับตัวอย่างแอปแอนดรอยด์ที่ใช้อัดเสียงและเล่นเสียงกลับมาเพื่อทดสอบคุณภาพเสียงหลังเข้ารหัสด้วย Lyra โครงการใช้สัญญาอนุญาตแบบ Apache 2.0 แต่มีไบนารีในไฟล์ libsparse_inference.so ที่ไม่สามารถเปิดซอร์สออกมาได้เนื่องจากติดเงื่อนไขคอมไพล์เลอร์เฉพาะทาง ที่มา - Google Open Source Blog
# Canva แพลตฟอร์มออกแบบกราฟิกได้ระดมทุนเพิ่ม จนมูลค่าบริษัทแตะ 1.5 หมื่นล้านแล้ว Canva แพลตฟอร์มออกแบบกราฟิกที่มาพร้อมแพทเทิร์นสำเร็จรูป ได้ระดมทุนเพิ่มอีก 71 ล้านเหรียญ มูลค่าการระดมทุนที่ผ่านมารวม 390 ล้านเหรียญ จนถึงตอนนี้มูลค่าบริษัทแตะ 1.5 หมื่นล้านเหรียญแล้ว Canva คือสตาร์ทอัพสัญชาติออสเตรเลีย เป็นแพลตฟอร์มออกแบบกราฟิก ที่มาพร้อมเครื่องมือออกแบบระดับง่าย มีเทมเพลตและรูปภาพให้เลือกใช้ในตัว ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2007 โดยผู้ก่อตั้งคือ Melanie Perkins Perkins บอกว่า Canva อยู่ตรงกลางระหว่าง PowerPoint ที่มีเครื่องมือช่วยออกแบบในระดับพื้นฐาน และ Adobe ที่มีเครื่องมือออกแบบระดับสูง เธอบอกว่ามองเห็นช่องว่างระหว่างเครื่องมือทั้งสองตัวนี้ ที่ช่วยให้คนที่แม้ไม่มีพื้นฐานออกแบบ ก็ออกแบบงานสวยๆ ได้ ทางบริษัทนระบุว่า ปัจจุบัน Canva มีผู้ใช้งานแอคทีฟรายเดือน 55 ล้านราย และมีอัตราการใช้งานสูงขึ้นในช่วงที่ทุกคนทำงานและเรียนจากบ้าน จนถึงตอนนี้มีผู้ใช้งานแบบเสียเงินรายใหม่ 3 ล้านราย รายได้โตขึ้น 130% ปีต่อปี ตัวเลขเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้แล้ว 500 ล้านเหรียญ ที่มา - Fortune
# ไมโครซอฟท์เปิดตัว OpenJDK ของตัวเอง ซัพพอร์ตระยะยาว ใช้ฟรีทุกกรณี ไมโครซอฟท์เปิดตัว Java ของตัวเองในชื่อ Microsoft Build of OpenJDK เป็นการนำซอร์สโค้ดของ OpenJDK รุ่นซัพพอร์ตระยะยาว (LTS) มาคอมไพล์แจกต่อสาธารณะ มีให้ดาวน์โหลดทั้งบน macOS, Linux, Windows ประเด็นเรื่องไบนารีของ Java เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน Oracle ในฐานะเจ้าของแพลตฟอร์ม Java มีซอฟต์แวร์ให้เลือก 2 ตัวคือ Java SE มีรุ่นซัพพอร์ตระยะยาว (LTS) แต่ห้ามใช้ในเชิงพาณิชย์หากไม่ซื้อซัพพอร์ต OpenJDK ใช้งานได้อย่างเสรี แต่ออกรุ่นใหม่ทุก 6 เดือน และ Oracle ไม่ตามอัพเดต LTS ให้ คนที่อยากใช้ต้องตามอัพเดตเวอร์ชันกันเองบ่อยๆ แนวทางของ Oracle ทำให้คนที่อยากใช้ Java เวอร์ชัน LTS แต่ไม่อยากจ่ายเงิน จำเป็นต้องหาทางเลือกอื่น ซึ่งมีหลายบริษัทที่ออกไบนารี OpenJDK แบบนี้มาให้ใช้กัน เช่น Red Hat, Amazon Corretto ไปจนถึงรายเล็กอย่าง Azul หรือโครงการโอเพนซอร์ส AdoptOpenJDK ภายใต้ Eclipse Foundation ไมโครซอฟท์เป็นบริษัทใหญ่รายล่าสุดที่ลงสนามนี้ เราเห็นทิศทางนี้ตั้งแต่ปี 2019 ที่ไมโครซอฟท์ซื้อบริษัท jClarify และไปช่วย OpenJDK พอร์ตโค้ดไปรันบน Windows on ARM คราวนี้ไมโครซอฟท์เปิดตัว OpenJDK เวอร์ชันของตัวเองเต็มรูปแบบ โครงการของไมโครซอฟท์ใช้ชื่อว่า Microsoft Build of OpenJDK สามารถทำงานเข้ากันได้กับ Oracle Java 100% (รันผ่านชุดทดสอบ Java Technical Compatibility Kit - TCK แล้ว) นำไปสลับใช้งานได้ทันที ไมโครซอฟท์จะใช้แนวทางออกเฉพาะเวอร์ชัน LTS โดยเริ่มจาก Java 11 ที่เป็น LTS เวอร์ชันล่าสุดในตอนนี้ก่อน (LTS ตัวหน้าคือ Java 17) โดยไมโครซอฟท์จะซัพพอร์ตให้ไปจนถึงอย่างน้อยปี 2024 แต่ไมโครซอฟท์ก็ออกไบนารีของ Java 16 รุ่นทดสอบ Early Access สำหรับแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่าง Windows on ARM มาด้วยเช่นกัน เหตุผลที่ไมโครซอฟท์ทำ Java ใช้เองเป็นเพราะ ไมโครซอฟท์มีระบบงานภายในที่เป็น Java อยู่แล้ว เช่น ระบบหลังบ้านของ LinkedIn, Yammer, Minecraft (จำนวนมากถึง 500,000 VM!) และเมื่อบวกกับฐานลูกค้า Azure ที่มีจำนวนมาก ก็คุ้มค่าในการลงทุนทำ OpenJDK ของตัวเอง ตอนนี้ไมโครซอฟท์ย้ายงานมารันบน Java ของตัวเองแล้วมากกว่า 140,00 VM ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดได้จาก Microsoft OpenJDK ที่มา - Microsoft
# Pixel 5 ได้แพตช์รอบเมษายน พบประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นถึง 30-50% เว็บไซต์ไอทีหลายแห่งพบว่า Pixel 5 มีประสิทธิภาพกราฟฟิกดีขึ้นมาก หลังอัพ แพตช์ความปลอดภัยรอบเดือนเมษายน 2021 ที่ระบุถึงการ “ปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับแอพและเกมที่ใช้งานกราฟฟิกหนักบางแอพ” บน Google Pixel 5 และ Pixel 4a 5G Andreas Proschofsky จากเว็บไซต์ Der Standard ประเทศเยอรมนี ทวิตว่าคะแนน 3DMark ของ Pixel 5 ที่ใช้ Snapdragon 765G (จีพียู Adreno 620) เพิ่มขึ้นถึงราว 30-50% หลังอัพแพตช์ดังกล่าว ส่วน Andrei Frumusanu จาก Anandtech เป็นอีกคนที่ออกมายืนยันเรื่องนี้ เขาพบว่าคะแนนการทดสอบด้านกราฟฟิกของ Pixel 5 เพิ่มเป็นสองเท่าจากคะแนนที่ Anandtech เคยรีวิวไว้ตอนเครื่องออกใหม่ๆ การเพิ่มประสิทธิภาพกราฟฟิกของมือถือกว่า 50% โดยใช้แค่ซอฟต์แวร์ อาจจะเป็นเรื่องที่ดูเหลือเชื่อ แต่กรณีของ Pixel 5 เป็นเพราะตอนออกใหม่ๆ ประสิทธิภาพด้านกราฟฟิกของ Pixel 5 แย่กว่าที่ควรจะเป็น และแย่กว่ามือถือรุ่นอื่นที่ใช้ชิป Snapdragon 765G เช่น OnePlus Nord พอสมควร จน ArsTechnica ระบุไว้ในรีวิวว่า Pixel 5 เป็นมือถือ Snapdragon 765G ที่ช้าที่สุดในโลก และถ้านับระยะเวลาก่อนที่ Google จะออกอัพเดตประสิทธิภาพนี้ ก็กินเวลาไปกว่า 6 เดือน หลังวางขายเลยทีเดียว ที่มา - ArsTechnica
# แอพ Google ระบุข้อมูลความเป็นส่วนตัวบน iOS ครบทุกแอพแล้ว แต่ยังอัพเดตเวอร์ชั่นไม่ครบ หลัง Apple ออกกฎว่านักพัฒนาแอพต้องประกาศในหน้า App Store ว่าเก็บข้อมูลอะไรของผู้ใช้บ้าง ในหมวด “App privacy” ที่มีผลบังคับใช้วันที่ 8 ธันวาคม ปี 2020 Google ต้องใช้เวลาถึงประมาณ 2 เดือน ในการอัพเดตข้อมูลนี้ โดยเริ่มจากแอพ Gmail อัพเดตข้อมูลในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ หลังจากนั้นจึงเพิ่มมาเรื่อยๆ และครบแล้วในวันนี้ โดยแอพสุดท้ายเพิ่มข้อมูลหมวด App privacy คือ Google Photos การออกกฎ App privacy นี้ ทำให้แอพของ Google หลายแอพบน iOS อัพเดตช้ากว่าปกติ เช่นแอพ Gmail ก็ไม่ได้อัพเดตกว่าสองเดือน ก่อนจะมีข้อมูล App privacy ในเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนได้รับอัพเดตเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2021 และในปัจจุบัน แอพ Google Maps กับ Google ‌Photos‌ แม้จะมีข้อมูล App privacy ในหน้า Store แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการอัพเดตเวอร์ชันใหม่มานานกว่า 4 เดือน ไม่แน่ชัดว่าทำไม Google ถึงใช้เวลานานนักในการระบุข้อมูลที่เก็บจากผู้ใช้ แต่อาจเป็นเพราะข้อมูลที่ Google เก็บจากผู้ใช้นั้นมีหลายชนิด และมีปริมาณ Google จึงอาจจะอยากทำให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ระบุใน App Store นั้นถูกต้องตามความเป็นจริง ที่มา - Macrumors
# TikTok เพิ่มข้อความบรรยายคลิปหรือ Closed Captions แล้ว เริ่มที่ภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น TikTok เพิ่มความสามารถเพื่อการเข้าถึง คือ Closed Captions หรือคำบรรยายใต้คลิปแบบเรียลไทม์ เพื่อให้คนหูหนวกใช้งานง่ายขึ้น ในช่วงแรกๆ จะใช้งานได้ในภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นก่อนจะขยายให้ครอบคลุมภาษาอื่นๆ ต่อไป ครีเอเตอร์สามารถกดเปิดโหมดเพิ่มคำบรรยายคลิปของตัวเองได้อัตโนมัติ และสามารถแก้ไขข้อความบรรยายเพิ่มได้ด้วย ที่มา - TikTok
# Android ประกาศเริ่มใช้ภาษา Rust เขียนตัว OS เพื่อลดบั๊กด้านหน่วยความจำ แม้ Linus Torvalds ยังแบ่งรับแบ่งสู้เรื่องการใช้ภาษา Rust ในเคอร์เนล แต่ล่าสุดฝั่งกูเกิลออกมาประกาศรองรับ Rust ในตัวระบบปฏิบัติการ Android อย่างเป็นทางการแล้ว เหตุผลของกูเกิลคือต้องการลดจำนวนบั๊กด้านหน่วยความจำ (memory safety) ที่เกิดจากภาษา C/C++ ซึ่งบั๊กเหล่านี้ตรวจสอบได้ยาก และมีผลกระทบสูงในแง่ความปลอดภัย (คิดเป็น 70% ของช่องโหว่ความปลอดภัย Android ระดับรุนแรง) จากสถิติของกูเกิลเองพบว่า บั๊กความปลอดภัยเหล่านี้เกิดจากโค้ดที่เขียนเข้าไปใหม่ๆ ไม่เกิน 1 ปีล่าสุด และมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนโค้ดที่เพิ่มขึ้น ทำให้แรงแก้ไขบั๊กตามไม่ทันการเติบโตของบั๊ก แนวทางของกูเกิลจึงต้องการป้องกันการสร้างบั๊กใหม่ที่ระดับตัวภาษาเลย แล้วใช้แรงวิศวกรในการแก้บั๊กเก่าไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นไปตามแผน จำนวนบั๊กรวมจะค่อยๆ ลดลงตามกาลเวลาเอง การใช้ Rust ที่เป็น memory safety ที่ตัวภาษา จะช่วยลดจำนวนบั๊กหน่วยความจำลง และช่วยลดความจำเป็นในการเขียนโปรแกรมแบบ sandbox (ที่มีปัญหาประสิทธิภาพจาก overhead) ลงได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การเพิ่มภาษาใหม่เข้าไปในระบบปฏิบัติการไม่ใช่เรื่องง่าย มีส่วนอื่นๆ ที่ต้องคำนึงถึงอีกมาก กูเกิลเล่าว่าใช้เวลาเตรียมตัวเรื่องนี้มานาน 18 เดือน มีโครงการบางอย่างที่ทดลองทำไปบ้างแล้ว และจะทยอยเปิดเผยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วนการขยาย Rust ให้มีบทบาทในตัวระบบปฏิบัติการมากขึ้นต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี ก่อนหน้านี้ กูเกิลได้สนับสนุนการใช้ Rust ในการเขียนโปรแกรมโอเพนซอร์สตัวอื่นๆ เช่น ม็อดของ Apache ด้วยเหตุผลเดียวกัน ที่มา - Google
# Facebook แจงเพิ่มเรื่องข้อมูลหลุด พร้อมแนะให้ตั้งค่าการมองเห็นเบอร์โทรและอีเมลเพิ่มเติม จากกรณีข้อมูล 533 ล้านบัญชี ทาง Facebook ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่เป็นปัญหาอยู่นี้ ถูกคัดลอกมาจากโปรไฟล์ Facebook โดยใช้ช่องโหว่การเข้าถึงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ผู้ใช้ ก่อนเดือนกันยายน 2019 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเพื่อนๆ และเชื่อมต่อบริการของ Facebook ได้ง่าย เมื่อพบว่าฟีเจอร์ดังกล่าวมีช่องโหว่ ทาง Facebook จึงอัปเดตเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นใช้ซอฟต์แวร์เลียนแบบแอป Facebook และทำการอัปโหลดหมายเลขโทรศัพท์จำนวนมาก เพื่อดูว่าหมายเลขใดตรงกับผู้ใช้ ซึ่ง Facebook ยืนยันว่าข้อมูลที่เผยออกไปเป็นข้อมูลชุดโปรไฟล์ที่ตั้งค่าเป็นสาธารณะ ไม่มีข้อมูลสุขภาพ หรือการเงิน อย่างไรก็ตาม Facebook กำลังแก้ปัญหา และแนะนำให้ผู้ใช้ตั้งค่าการมองเห็นเบอร์โทรศัพท์และอีเมลเพิ่มเติม เริ่มจากไปที่เมนูตั้งค่า โดยกดปุ่มสามเหลี่ยมหัวกลับข้างชื่อโปรไฟล์ที่อยู่ด้านขวาบนสุด จากนั้นกด Settings & Privacy (ทำบนเดสก์ทอป) กด Settings กดเมนู Privacy เลื่อนหาเมนู How People Find and Contact You กด Edit เพื่อตั้งค่าว่าใครสามารถมองเห็นข้อมูลได้บ้าง เช่น เฉพาะเพื่อน หรือเฉพาะเรา หากผู้ใช้งานระบุข้อมูลลงในหน้าโปรไฟล์ตัวเอง ก็สามารถตั้งค่าการมองเห็นข้อมูลได้ เช่นอยากให้เฉพาะเพื่อน หรือบางคน หรือไม่ให้ใครเห็นเลย ให้ไปที่หน้าโปรไฟล์ กด About จากนั้นกด Contact and Basic Info ตรงข้อมูลที่เราเคยระบุไว้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทำงาน วันเกิด ความสนใจต่างๆ สามารถตั้งค่าการมองเห็นโดยกดไอคอนหลังข้อมูล ตั้งค่าว่าใครสามารถมองเห็นข้อมูลบนโปรไฟล์เราได้บ้าง ที่มา - Facebook
# โค้งสุดท้าย แอปเปิลแจ้งเตือน iOS 14.5 จะบังคับต้องขออนุญาตติดตามตัวผู้ใช้ ใครไม่ทำตามโดนแบนแอป แอปเปิลประกาศนโยบายการติดตามผู้ใช้ผ่านบนแอปบน iOS ใหม่ หลังจากอัพเดตเป็น iOS 14.5, iPadOS 14.5, และ tvOS 14.5 ที่กำลังจะออกในอีกไม่นานนี้ โดยหลังจากนี้แอปที่ไม่ใช้เฟรมเวิร์ค AppTrackingTransparency เพื่อขออนุญาตผู้ใช้ติดตามตัว จะไม่สามารถอ่านค่า advertising identifier ได้อีกต่อไป นอกจากนี้ แอปที่ส่งเข้ามายัง App Store หลังจากนี้ หากใช้ข้อมูลอื่น เช่น ชื่อหรืออีเมล ในการติดามตัว ก็ต้องขออนุญาตผู้ใช้ผ่านทางเฟรมเวิร์ค AppTrackingTransparency เช่นกัน หากไม่ทำตามจะเป็นการละเมิดข้อตกลง Apple Developer Program ซึ่งทำให้ถูกถอดแอป ที่มา - Apple ภาพตัวอย่างหน้าจอขออนุญาตติดตามตัวผ่าน AppTrackingTransparency จากแอปเปิล
# แอพ Microsoft Lens สำหรับ iOS ได้รับอัพเดต, สแกนเอกสาร PDF ได้สูงสุด 100 หน้า หลังจากไมโครซอฟท์ได้รีแบรนด์ Office Lens แอพถ่ายภาพเพื่อใช้แปลงเป็นเอกสารในชื่อใหม่คือ Microsoft Lens พร้อมประกาศขยายขีดจำกัดของฟีเจอร์สแกนเอกสาร PDF เดิม ให้สามารถสร้างไฟล์ PDF ที่มีจำนวนหน้าเอกสารได้สูงสุดถึง 100 หน้า โดยได้แจ้งว่าจะทยอยอัพเดตฟีเจอร์ดังกล่าวให้กับแอพทั้งบน Android และ iOS มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุดไมโครซอฟท์ก็ได้ปล่อยแอพ Microsoft Lens เวอร์ชัน 2.47 ซึ่งมาพร้อมกับการขยายขีดจำกัดข้างต้นให้กับแอพบนระบบปฏิบัติการ iOS เป็นที่เรียบร้อย ดาวน์โหลด Microsoft Lens เวอร์ชันล่าสุดได้แล้วที่ App Store ครับ ที่มา - Windows Central
# อินเทลอัพเดต Xeon Scalable รุ่นที่ 3 เพิ่มจำนวนคอร์, เข้ารหัสหน่วยความจำได้แล้ว อินเทลเปิดตัว Xeon Scalable รุ่นที่ 3 ชื่อรหัส Ice Lake รุ่นใหม่ หลังจากเปิดตัวชุดแรกไปเมื่อปีที่แล้ว โดยซีพียูชุดใหม่เพิ่มจำนวนคอร์สูงสุด 40 คอร์ รองรับแรม 6TB ต่อซ็อกเก็ต และมี PCIe 4.0 64 เลนต่อซ็อกเก็ต ฟีเจอร์ใหม่ที่รองรับในซีพียูชุดใหม่ คือ Intel Total Memory Encryption สำหรับการเข้ารหัส ป้องกันการโจมตีกรณีที่คนร้ายเข้าถึงเครื่องโดยตรงแล้วถอดแรมออกไปอ่านข้อมูล, Intel Platform Firmware Resilience สำหรับป้องกันการแก้ไขเฟิร์มแวร์, และ Intel Crypto Acceleration ชุดคำสั่งรวมๆ หลายชุดสำหรับเร่งความเร็วการเข้ารหัสยอดนิยม เช่น AES, ECDSA, หรือแฮช SHA ซีพียูส่งมอบไปแล้วกว่า 200,000 ชุด ให้กับผู้ให้บริการคลาวด์และผู้ผลิตจำนวนมาก เร็วๆ นี้น่าจะเริ่มเห็นคลาวด์เปิดตัวเลือกให้ใช้งานกันได้ ที่มา - Intel
# YouTube เริ่มเผยแพร่อัตราจำนวนวิวที่วิดีโอละเมิดกฎถูกรับชม แสดงพัฒนาการ AI ตรวจจับวิดีโอละเมิดกฎ กูเกิลประกาศเผยแพร่อัตราจำนวนวิวที่วิดีโอละเมิดกฎถูกรับชม (violative view rate - VVR) ตัวเลขสัดส่วนจำนวนวิวของวิดีโอที่ละเมิดกฎเทียบกับจำนวนวิวของวิดีโอบน YouTube โดยรวม VVR เป็นตัวเลขที่ประเมินการทำงานของระบบตรวจจับเนื้อหาละเมิดกฎของ YouTube โดยรวมที่อาศัยทั้งการรายงานจากชุมชน, ปัญญาประดิษฐ์, และผู้ตรวจเนื้อหา การคำนวณ VVR จะอาศัยการสุ่มรายการวิดีโอที่มีผู้ชมบน YouTube ออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วให้ผู้ตรวจสอบเนื้อหาตรวจสอบวิดีโอทั้งหมดว่ามีเนื้อหาละเมิดกฎหรือไม่ ตัวเลข VVR แสดงให้เห็นว่า YouTube สามารถลดสัดส่วนจำนวนวิวของวิดีโอที่ละเมิดกฎได้อย่างมากในช่วงปี 2018 ที่ค่า VVR ลดลงจาก 0.7% เหลือเพียง 0.2% ในปี 2019 ตัวเลขนี้ขึ้นๆ ลงๆ ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา โดยกูเกิลระบุว่าความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเพราะการปรับเปลี่ยนแนวทางย่อยๆ เช่น การเผยแพร่ข่าว COVID-19 ที่ผ่านมา YouTube ถูกจับตามองว่าเป็นแพลตฟอร์มแพร่ข่าวปลอมไม่น้อยไปกว่าแพลตฟอร์มาสังคมออนไลน์อื่นๆ เช่นกรณีข่าว COVID-19 แพร่ทางคลื่น 5G การใช้ค่า VVR เช่นนี้เป็นทำให้มองได้ว่าแม้จะมีเนื้อหาผิดกฎชุมชนบน YouTube บ้าง แต่ก็มีคนดูน้อยมากเทียบกับการชมวิดีโอโดยรวมบนแพลตฟอร์ม YouTube อาศัยทั้งปัญญาประดิษฐ์และผู้ตรวจสอบเนื้อหากว่า 20,000 คนที่เป็นพนักงานของบริษัทภายนอก Jennifer O'Connor ผู้อำนวยการฝ่าย Trust & Safety ของ YouTube ระบุว่าปัญญาประดิษฐ์นั้นสามารถตรวจจับเนื้อหาบางหมวดได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นการละเมิดเด็ก แต่บางหมวดเช่นคำพูดเกลียดชัง (hate speech) ก็ทำได้ไม่ดีนักทำให้ต้องพึ่งผู้ตรวจสอบเนื้อหามากกว่าหมวดอื่นๆ YouTube จะรายงาน VVR รายไตรมาส เป็นส่วนหนึ่งของรายงานการบังคับใช้ตามหลักเกณฑ์ของชุมชน ที่มา - งานแถลงข่าว YouTube, YouTube Blog
# กูเกิลย้ายระบบหลังบ้านจากออราเคิลไปยัง SAP CNBC อ้างว่าได้อ่านอีเมลภายในของ Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิลที่ประกาศกับพนักงานว่าบริษัทกำลังย้ายระบบการเงินหลังบ้านจากออราเคิลไปยัง SAP ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ บริษัทไอทีขนาดใหญ่นั้นแม้จะเป็นคู่แข่งกันเบื้องหน้าแต่ระบบหลังบ้านก็มักซื้อสินค้าและบริการข้ามกันไปมาเป็นเรื่องปกติ แต่หากความสัมพันธ์ต่อกันมีปัญหาก็อาจจะทำให้ต้องเปลี่ยนระบบ ตัวอย่างสำคัญเช่น อเมซอนและออราเคิล ที่ AWS กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของออราเคิล และ Larry Ellison พูดย้ำหลายครั้งว่าสุดท้ายอเมซอนก็ต้องใช้ฐานข้อมูลออราเคิลอยู่ดี จนอเมซอนพยายามย้ายฐานข้อมูลออกไปยัง AWS และเมื่อทำสำเร็จก็โฆษณาใหญ่โต กรณีนี้กูเกิลประกาศเป็นการภายในเท่านั้น โดยไม่ได้แสดงท่าทีอื่นว่าเกิดจากความขัดแย้งระหว่างบริษัทหรือไม่ ที่ผ่านมาออราเคิลรับรองให้ใช้ไลเซนส์ของระบบฐานข้อมูลกับ AWS และ Azure เท่านั้น โดยไม่มี Google Cloud แม้จะเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่อันดับสาม ทำให้ลูกค้าที่ต้องการรันฐานข้อมูลออราเคิลบน Google Cloud มักใช้งานกับเครื่องแบบ bare metal เท่านั้น ที่มา - CNBC ภาพจาก Oracle
# Discord ออกรายงานความโปร่งใส เผยจำนวนบัญชีและเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกลบช่วงครึ่งหลังของปี 2020 Discord ออกรายงานความโปร่งใสประจำครึ่งหลังของปี 2020 โดยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการสั่งปิดบัญชีหรือเซิร์ฟเวอร์ รวมถึงรายงานคำขอข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับมาตลอดช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ในรายงานของ Discord ระบุว่า ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทางบริษัทมีผู้ใช้แอคทีฟ 140 ล้านคน เพิ่มจาก 100 ล้านคนในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ซึ่งจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นนี้ ทางแพลตฟอร์มก็ได้รับรายงานการฝ่าฝืนนโยบายของชุมชนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่ง Discord Trust & Safety ได้รับรายงานกว่า 355,633 ครั้งในรอบ 6 เดือนนี้ เพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี สำหรับรายงานที่ได้รับมากที่สุดของ Discord จะเป็นเรื่องการคุกคาม 37.3% ซึ่ง Discord ระบุว่าเมื่อได้รับยืนยันแล้วว่ามีความผิดจริง ทางแพลตฟอร์มจะเริ่มทำตั้งแต่แจ้งเตือนหรือลบบัญชีหรือเซิร์ฟเวอร์, แบนบัญชีชั่วคราว, สั่งลบคอนเทนต์จากแพลตฟอร์ม เป็นต้น Discord ระบุว่าแพลตฟอร์มได้สั่งลบบัญชีไปแล้วกว่า 3 ล้านบัญชีที่มีพฤติกรรมสแปม และเพิ่มการป้องกันไม่ให้สแปมมาลงทะเบียน ดังนั้นจำนวนสแปมจริง ๆ มีมากกว่านี้แต่ถูกบล็อคตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครแล้ว ส่วนที่ไม่ใช่สแปม Discord ระบุว่าได้สั่งลบไปทั้งหมด 266,075 บัญชี โดยผิดเงื่อนไขข้อใช้บัญชีหาประโยชน์ (Exploitative Content) มาเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยการละเมิดทางเพศเด็ก และคอนเทนต์ความรุนแรง ส่วนการสั่งปิดเซิร์ฟเวอร์ Discord Trust & Safety ได้สั่งปิดเซิร์ฟเวอร์ไปแล้ว 27,410 เซิร์ฟเวอร์ที่ทำผิดกฎ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อหาเรื่องอาชญากรรมทางไซเบอร์และการใช้หาประโยชน์ (Exploitative Content) ซึ่งส่วนนี้เพิ่มขึ้นกว่า 140% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี นอกจากการสั่งลบแล้ว ยังมีผู้ใช้งานโดนคำเตือนกว่า 28,170 ครั้ง และเซิร์ฟเวอร์อีก 3,999 ครั้ง ซึ่ง Discord ระบุว่าการเตือนจะทำเฉพาะเมื่อพบพฤติกรรมที่ยังไม่รุนแรงที่เมื่อทำซ้ำ ๆ อาจโดนสั่งลบได้ แต่ถ้าพบพฤติกรรมรุนแรง ทาง Discord จะสั่งปิดทันที นอกจากนี้ Discord ยังเปิดเผยการขอข้อมูลด้วย โดยระบุว่าทางบริษัทได้รับการขอข้อมูลจากภาครัฐกว่า 3,662 ครั้ง ซึ่งทางบริษัทระบุว่ามีทั้งหมด 3,401 ครั้งที่เป็นการขอแบบชอบด้วยกฎหมาย โดยมีการออกคำขอและเซ็นโดยผู้มีอำนาจตามกฎหมาย และให้ข้อมูลเพียงพอสำหรับ Discord ที่จะระบุไปถึงผู้ใช้งาน หากใครสนใจรายงานฉบับเต็มของ Discord สามารถอ่านได้จากที่มาของข่าว ที่มา - Discord
# Webinar Episode #EP3 - Digital Transformation with Protection from Endpoint, Edge and Cloud by VMware and Zscaler. Fusion Advantec ร่วมกับ Vmware Thailand และ Zscaler ขอเชิญ IT Manager และผู้สนใจทุกท่าน ร่วมงานสัมมนาออนไลน์ งานระดับประเทศที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 คงความน่าเชื่อถือด้วยประสบการณ์ของกูรูตัวจริงในวงการ IT ครั้งนี้มาในหัวข้อ Digital Transformation with Protection from Endpoint, Edge and Cloud by VMware and Zscaler ที่ช่วยสนับสนุนให้องค์กรของคุณสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ work-from-anywhere ในโลกปัจจุบัน ได้ปลอดภัย ไร้กังวล เพราะตระหนักว่า โลกธุรกิจกำลังขับเคลื่อนด้วยการทำงานแบบ work-from-anywhere งานสัมมนาครั้งนี้ จึงจัดเต็มความรู้และความเชี่ยวชาญ จัดกระบวนทัพ product ล้ำยุคที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การทำงานจากที่ไหนก็ได้ พร้อมเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัย ตามแบบแนวคิด Zero Trust ให้องค์กรของคุณทำงานอย่างไร้ขีดจำกัด ไม่สะดุดกับอุปสรรคด้านเวลา สถานที่การทำงาน ทั้งยังสะดวก และปลอดภัยเข้ากับโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง พบกับการตอบโจทย์การทำงานแบบ work-from-anywhere ให้ธุรกิจของคุณเติบโตในโลกยุคใหม่ ปลอดภัย อาทิ การ access ระบบเข้าใช้งาน ผ่าน device ต่างๆ ทั้ง Internal Application และ SaaS Application ด้วย UEM อย่าง Workspace ONE และการวิเคราะห์ Workflow อย่าง Workspace ONE Intelligence โดยนำเสนอผ่านหัวข้อต่างๆ ได้แก่ Workspace ONE Access, UEM and Intelligence for Zero Trust Architecture, VMware Carbon Black, Market Leader in NGAV and EDR, VMware Velocloud, Transforming Enterprise WAN with VelcoCloud, Zscaler, leader in Cloud Security Platform สำหรับการเชื่อมต่อ Network Wan เป็นรากฐานการเชื่อมต่อเครือข่ายของสาขา หรือการเชื่อมต่อ Application ขององค์กร ที่มีความยุ่งยาก ไม่คล่องตัว ปัจจุบัน SDWAN Velo cloud สามารถบริหารจัดการทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาในการติดตั้ง การกำหนด Policy ที่ซับซ้อน อีกทั้งสามารถผสมผสานความปลอดภัยด้าน Security ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น On premise หรือ ทำงานบน Public Cloud ส่งมอบ Application ต่างๆ ของธุรกิจ โดยคำนึงถึงการควบคุมประสิทธิภาพของ Workload ต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมใช้งานอย่างสูงสุด จากการกำหนดนโยบายหรือข้อกำหนดจากส่วนกลางได้อย่างปลอดภัย ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ภายใน Webinar เรายังแนะนำ Product Leader ทางด้าน Cloud Security Platform อย่าง Zscaler ที่จะทำให้การออกแบบระบบงานเดิม (Hub and Spoke) มีการเปลี่ยนแปลงไป และทำงานได้ยืดหยุ่นกว่า ซึ่งรองรับการทำงาน จากที่ใดก็ได้ (work-from-anywhere) โดยเพิ่มเติมความปลอดภัยให้ User ในองค์กร ทำงานได้อย่างอิสระ ไม่จำกัดว่าเป็นเข้าผ่านช่องทางใด หรือ Device ใด Device นั้น จะเป็นเครื่องขององค์กร หรือ เครื่องส่วนตัว ทำงานภายใต้ข้อกำหนดขององค์กร โดยผู้ดูแลระบบบริหารจัดการง่าย ระบบมีความยืดหยุ่นไม่ต้องรอขยาย Hardware ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการ MA อุปกรณ์ Hardware ต่าง ๆ บริหารจัดการงบประมาณตามความเหมาะสม และยังมีศูนย์กลางในการรับส่งข้อมูลผ่าน Cloud Security ที่ได้รับรองมาตรฐานอีกด้วย อย่าพลาดงานสัมมนาที่จัดเต็มความรู้และผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าและลุ้นรับของรางวัลท้ายงาน จัดขึ้นในวันที่ 21 เมษายน 2564 เวลา 10.00 – 12.00 น. ผ่านช่องทาง ZOOM โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://forms.gle/9oZmStDyYA8kDxqSA
# กลุ่มผู้ร่างกฎหมาย ยื่นจดหมายถึง Facebook แสดงความกังวลต่อ Instagram สำหรับเด็ก จากข่าว Facebook กำลังพัฒนา Instagram สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ทำให้กลุ่มผู้ร่างกฎหมายในสหรัฐ 4 คน ทำจดหมายถึง Facebook ขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ ตัวอย่างเช่น Instagram ทั้งสองเวอร์ชันจะโต้ตอบกันอย่างไร แล้วผู้ใช้งาน Instagram หลัก ดูเนื้อหาที่เด็กๆ โพสต์ได้หรือไม่ และเมื่อผู้ใช้งานอายุครบ 13 ปี Facebook จะจัดการอย่างไรต่อ จะมีการลงทะเบียนให้ใช้งาน Instagram หลักทันทีเลยหรือไม่ มีวิธีจัดการและจัดเก็บข้อมูลอย่างไร เป็นต้น กลุ่มผู้ร่างกฎหมาย 4 คนประกอบด้วย Ed Markey, Richard Blumenthal, Kathy Castor และ Lori Trahan ซึ่งทั้ง Markey และ Blumenthal เคยเขียนจดหมายแสดงความกังวลถึง Messenger Kids มาแล้ว ในจดหมายยังระบุด้วยว่า จากหลักฐานความล้มเหลวในอดีตของ Facebook และหลักฐานที่ว่าการใช้ Instagram มีผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กๆ ทางกลุ่มจึงรู้สึกกังวลกับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ถ้าเป้าหมายของ Facebook คือต้องการให้เด็กอายุต่ำกว่า 13 หยุดใช้ Instagram ก็ควรจัดการกับปัญหาตรงๆ แทนที่จะเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ Facebook เคยระบุไว้ว่า Instagram สำหรับเด็กยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กใช้งาน Instgram ครั้งแรกอย่างปลอดภัย ถาพประกอบจาก Facebook ที่มา - Engadget
# Clubhouse เพิ่มฟีเจอร์ให้ทิปผู้จัดรายการที่ชอบ ไม่หักส่วนแบ่งใดๆ Clubhouse ยังเดินหน้าเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างต่อเนื่อง (แต่ยังไม่มีเวอร์ชัน Android ที่ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน) ล่าสุดเพิ่มฟีเจอร์ Send Money อยู่ใต้โพรไฟล์ ผู้ฟังสามารถให้ทิปกับผู้จัดรายการที่ชอบได้ กระบวนการจ่ายเงินจะผ่านระบบจ่ายเงินของ Stripe โดย Clubhouse ไม่หักส่วนแบ่งใดๆ ผู้จัดรายการได้รับเงินเต็ม 100% Clubhouse ระบุว่ายังมีฟีเจอร์ด้านการจ่ายเงินให้ครีเอเตอร์อีกมากที่จะทยอยปล่อยออกมาในเร็วๆ นี้ ที่มา - Clubhouse
# Yahoo Answer เตรียมปิดให้บริการวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ Yahoo (ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้ Verizon Media) ประกาศเตรียมปิด Yahoo Answer หรือชื่อในไทยคือ Yahoo รู้รอบ เป็นการปิดฉากหนึ่งในแพลตฟอร์มถามตอบที่ยาวนานที่สุดบนโลกอินเทอร์เน็ต Yahoo ประกาศหยุดให้บริการ Yahoo Answer ด้วยแบนเนอร์ด้านบนของเว็บไซต์ ซึ่งหน้า FAQ ของ Yahoo Answer ระบุว่าแพลตฟอร์มจะเริ่มหยุดให้บริการวันที่ 20 เมษายนนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถโพสต์คำถามหรือคำตอบได้ และหลังจากนั้น วันที่ 4 พฤษภาคม เว็บไซต์จะไม่สามารถเข้าใช้งานได้อีกต่อไป ถ้าผู้ใช้เข้า Yahoo Answer จะรีไดเรกไปยังหน้าหลักของ Yahoo แทน สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการข้อมูลของตนเองบน Yahoo Answer สามารถอ่านได้ที่วิธีดาวน์โหลดข้อมูลจาก Yahoo Answer โดย Yahoo จะเปิดให้ดาวน์โหลดข้อมูลจากแพลตฟอร์มถามตอบได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ก่อนจะปิดตัวอย่างถาวร Yahoo ได้ส่งอีเมลถึงผู้ใช้ Yahoo Answer ที่ยังแอคทีฟอยู่ว่า ทางบริษัทเลือกที่จะปิดแพลตฟอร์มเนื่องจากไม่เป็นที่นิยมในช่วงหลายปีมานี้ เพื่อนำทรัพยากรของบริษัทไปโฟกัสกับผลิตภัณฑ์อื่นแทน ที่มา - The Verge, Yahoo Answer FAQ
# Google เลื่อนการนับขนาดไฟล์ Docs, Sheets, Slides ออกไป มีผลกับลูกค้า Workspace เท่านั้น ก่อนหน้านี้กูเกิลประกาศจะเริ่มนับโควต้าพื้นที่ใช้งาน Google Drive มีผลทั้ง Google Photos และไฟล์ของ Docs, Sheets, Slides, Drawings, Forms และ Jamboard ที่สร้างขึ้นจากบริการกูเกิล ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2021 เป็นต้นไป แต่ล่าสุดกูเกิลประกาศขยายเวลาออกไปอีก 8 เดือน มีผลเฉพาะลูกค้า Workspace หรือ G Suite เท่านั้น โดยรายละเอียดนั้น ไฟล์ของ Docs, Sheets, Slides, Drawings, Forms และ Jamboard จะเลื่อนเวลาเริ่มนับโควต้าพื้นที่ออกไป เป็นตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2022 ไฟล์ที่ถูกสร้างขึ้นก่อนเวลานั้นจะไม่นับพื้นที่ใช้งาน เว้นแต่มีการแก้ไขหลัง 1 กุมภาพันธ์ 2022 ส่วน Google Photos จะเริ่มคิดพื้นที่ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2021 ตามกำหนดเดิม การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลเฉพาะลูกค้า Google Workspace เท่านั้น ส่วนบัญชีผู้ใช้งานทั่วไป ยังเริ่มตามกำหนดเดิมคือ 1 มิถุนายน 2021 ที่มา: กูเกิล ผ่าน Android Police
# SoftBank เข้าถือหุ้น 40% ในบริษัทหุ่นยนต์คลังสินค้า AutoStore เป็นเงิน 2,800 ล้านดอลลาร์ SoftBank ประกาศเข้าลงทุนใน AutoStore System บริษัทผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับคลังสินค้า โดยจะถือหุ้น 40% ที่เงินลงทุน 2,800 ล้านดอลลาร์ ทำให้มูลค่ากิจการของ AutoStore เป็น 7,700 ล้านดอลลาร์ ผลิตภัณฑ์ของ AutoStore ได้แก่ หุ่นยนต์สำหรับคลังสินค้า และซอฟต์แวร์สำหรับปรับปรุงการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ ซึ่งมีลูกค้าแล้วมากกว่า 600 บริษัท มีการใช้งานหุ่นยนต์มากกว่า 20,000 ตัว ใน 35 ประเทศ ครอบคลุมทั้งธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ร้านค้าปลีก โรงงาน และสุขภาพ AutoStore กล่าวว่าเงินลงทุนใหม่จาก SoftBank จะนำมาใช้ขยายตลาดทั่วโลกเพิ่มเติม โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มา: AutoStore และ ZDNet
# วัคซีนไม่ทันใจ สหราชอาณาจักรให้ประชาชนทุกคนตรวจ COVID-19 ฟรีสัปดาห์ละสองครั้ง สหราชอาณาจักรประกาศมาตรการใหม่ก่อนเปิดเมือง ด้วยการแจกชุดตรวจ COVID-19 ให้ประชาชนตรวจตัวเองฟรีสัปดาห์ละสองครั้ง เริ่มโครงการนับตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนนี้เป็นต้นไป โดยมาตรการนี้เป็นการเตรียมการสู่การเปิดเมืองในวันที่ 12 เมษายนนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ของสหราชอาณาจักรตกลงอย่างรวดเร็วในช่วงหลัง แต่ก็ยังอยู่ที่ประมาณ 4,000 รายต่อวันเทียบกับช่วงที่แพร่กระจายหนักที่สุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่เกือบ 60,000 รายต่อวัน อัตราการฉีดวัคซีนของสหราชอาณาจักรนั้น ผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มคิดเป็น 46% ของประชากรแล้ว แต่ผู้ที่ได้รับครบสองเข็มยังอยู่ที่ 7.9% เท่านั้น ประชาชนสามารถขอชุดตรวจได้ฟรีจากร้านขายยา, ศูนย์ชุมชน, หรือขอให้ส่งไปที่บ้าน ที่มา - Japan Times ภาพโดย lukasmilan
# ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ตัดสินคดีลิขสิทธิ์ Java บนแอนดรอยด์ กูเกิลชนะคดี ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา (Supreme Court) พิพากษาคดีระหว่างออาราเคิลและกูเกิล ในประเด็นว่าระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ละเมิดลิขสิทธิ์ Java หรือไม่ โดยศาลตัดสินว่าการใช้ Java API นั้นเป็นการใช้งานอย่างเป็นธรรม (fair use) ทำให้ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด นับเป็นจุดสิ้นสุดคดียาวนานกว่าสิบปีนี้ คดีนี้มีสองข้อโต้แย้ง คือ 1) ตัว API เองมีลิขสิทธิ์หรือไม่ 2) การใช้ซอร์สโค้ดเฉพาะตัว API เพื่อทำซอฟต์แวร์ที่เข้ากันได้ ถือเป็นการใช้งานที่เป็นธรรมหรือไม่ ในศาลชั้นต้นนั้นกูเกิลชนะทั้งสองประเด็น แต่กลับมาแพ้ทั้งสองประเด็นในศาลอุทธรณ์ จนวันนี้เมื่อศาลสูงสุดตัดสิน คำตัดสินไม่ได้พูดถึงประเด็นแรกแต่ข้ามไปวินิจฉัยเลยว่าการใช้งานแบบนี้เป็นการใช้งานอย่างเป็นธรรม คำพิพากษาระบุว่ากูเกิลใช้งานเฉพาะอินเทอร์เฟซของซอฟต์แวร์เท่านั้น และโค้ดส่วนที่เป็น API นั้นมีปริมาณรวม 11,500 บรรทัด จากโค้ดทั้งหมด 2.86 ล้านบรรทัด หรือ 0.4% เท่านั้น และการที่แอนดรอยด์ใช้ Java API มีผลดีต่อตัว Java SE เอง โดยไม่ได้มาแทนที่โดยตรง คำพิพากษาผ่านการออกเสียงข้างมาก 6 ต่อ 2 คำพิพากษาเต็มยาว 62 หน้า เผยแพร่พร้อมกันทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้าน ที่มา - Axios ภาพจาก Oracle
# ถึงยุคจีนออกแบบจีพียูเอง Big Island จากบริษัท Tianshu Zhixin สร้างจีพียูเทคโนโลยี 7nm TSMC ยุคสมัยของ "การ์ดจอแบรนด์จีน" กำลังเริ่มต้นขึ้น โดยบริษัท Tianshu Zhixin จากเซี่ยงไฮ้ เปิดตัวจีพียู Big Island ที่ออกแบบเอง ใช้กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตร FinFET ของ TSMC โดยมีพลังประมวลผล 37 TFLOPS (FP32) จีพียู Big Island เป็น GPGPU (general-purpose) ที่ออกแบบมาเพื่องานประมวลผลทั่วไป ไม่ได้เน้นเล่นเกมเป็นหลัก มีแรม HBM2 ขนาด 32GB มุ่งเป้าที่การใช้งานในฝั่งเซิร์ฟเวอร์ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดส่วนอื่นๆ ของสถาปัตยกรรม รวมถึงวันและเวลาที่วางขายจริง นอกจากภาพและข้อมูลว่าเริ่มผลิตเป็นจำนวนมากแล้ว ที่มา - Tom's Hardware
# Ubiquiti แจ้งเตือนลูกค้าควรเปลี่ยนรหัสผ่าน จากเหตุแฮกเมื่อเดือนมกราคม Ubiquiti Networks ออกประกาศเตือนลูกค้าอีกครั้ง หลังจากบริษัทถูกแฮกไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาและแจ้งเตือนลูกค้าไปแล้ว โดยประกาศก่อนหน้านี้ทาง Ubiquiti ระบุว่าไม่มีหลักฐานว่าแฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลของลูกค้า แต่พยายามข่มขู่บริษัทว่าจะปล่อยซอร์สโค้ดเท่านั้น แต่ตอนนี้บริษัทพบว่าแฮกเกอร์รู้โครงสร้างคลาวด์ของบริษัทเป็นอย่างดี เว็บไซต์ Krebs On Security อ้างแหล่งข่าวที่ใช้ชื่อสมมติว่า Adam ระบุว่าเหตุการณ์แฮกครั้งนี้ แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงบัญชี LastPass ของ Ubiquiti ได้สำเร็จ ทำให้ได้สิทธิ์ผู้ดูแลระบบคลาวด์ AWS ของ Ubiquiti ทั้งหมด เปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลทั้งใน S3, ฐานข้อมูล, และกุญแจสำหรับยืนยัน cookie ในระบบ single sign-on ที่มา - Ubiquiti, Krebs On Security
# หมดกังวลเงินสดขาดมือ รู้จักวงเงินพร้อมใช้ TMRW แคชพลัส สินเชื่อเงินสดยืมได้ตลอด 24 ชม. เราทุกคนล้วนมีช่วงเวลาไม่คาดคิดที่จำเป็นต้องใช้เงินเกินกว่าที่คาดไว้ได้ทั้งสิ้น และหากมองหาบริการสินเชื่อเงินสดพร้อมใช้ หลายครั้งก็อาจจะไปพบกับบริการกู้นอกระบบที่ดอกเบี้ยแพงและไม่น่าเชื่อถือ หรือบริการของสถาบันการเงินหลายแห่งก็อาจจะไม่ทันใจ ต้องเดินทางไปยื่นเอกสารที่สาขา การเดินทางที่ไม่สะดวก หรือช่วงเวลาลำบากที่เราต้องการใช้เงินด่วนอาจจะเป็นช่วงที่เราต้องการความเป็นส่วนตัวไม่อยากให้คนอื่นรู้ โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โรคระบาดที่หลายคนเริ่มต้องมองหาบริการสินเชื่อเงินสดที่ไว้ใจได้จากองค์กรที่น่าเชื่อถือ และคิดค่าธรรมเนียมอย่างสมเหตุสมผล TMRW ธนาคารออนไลน์เต็มรูปแบบที่ตอบสนองรูปแบบการใชัชีวิตของคนรุ่นใหม่ เปิดตัววงเงินพร้อมใช้ TMRW แคชพลัส บริการสินเชื่อเงินสดที่สามารถขอเปิดใช้บริการได้ผ่านแอป ตั้งแต่การสมัคร, ขอใช้วงเงิน และคืนเงิน โดยไม่ต้องเสียเวลายื่นเอกสารที่สาขาธนาคารที่ต้องรอคิวเป็นเวลานานๆ แต่อาศัยการสมัครผ่านแอปร่วมกับการยืนยันตัวตนที่ตู้ TMRW ที่หาได้ทั่วไปตามห้างร้านต่างๆ และสถานีรถไฟ BTS MRT ลูกค้าที่สนใจสามารถสมัครใช้งาน TMRW แคชพลัส พร้อมกันกับบัญชีเงินฝาก ได้จากในแอป TMRW เลย โดยสามารถส่งเอกสารจำเป็นต่างๆ ผ่านแอปได้เลยโดยตรง ไม่จำเป็นต้องหาที่ถ่ายเอกสารทำสำเนาไปยื่นที่สาขาธนาคารแต่อย่างใด ส่วนลูกค้า TMRW ปัจจุบัน สามารถสมัครใช้งานวงเงินพร้อมใช้ TMRW แคชพลัส เพิ่มเติมได้ผ่านแอป ผ่านเมนู “สมัครผลิตภัณฑ์ใหม่” สมัคร-ยืม-คืน ได้ง่ายๆ ผ่านแอป TMRW หลังสมัครใช้งานและได้รับอนุมัติวงเงินแล้ว สามารถกดยืมได้ทันที ตลอด 24 ชม. โดยสามารถยืมได้ง่ายๆ ผ่านแอป TMRW เมื่อกดยืมเงินแล้ว เงินจะถูกโอนเข้าไปที่บัญชี TMRW Everyday สะดวกสุดๆ ไม่ต้องเดินทางไปสาขาหรือตู้เอทีเอ็มแบบเดิมๆ เพื่อรับเงินสด แต่หากสมัครแล้วยังไม่ได้ใช้วงเงิน ก็ไม่ต้องกังวลใดๆ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น บริการวงเงินพร้อมใช้ TMRW แคชพลัส สามารถเลือกยืมได้ 2 รูปแบบดังนี้ แบบจ่ายคืนแบบขั้นต่ำ (flexi payment) ชำระคืนขั้นต่ำตามต้องการ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 2.5% ของยอดค้างชำระ พิเศษ! ดอกเบี้ย 0% สำหรับ 2 รอบบัญชีแรกหลังจากวงเงินอนุมัติ แบบผ่อนชำระเท่ากันทุกเดือน (installment) ที่สามารถเลือกระยะเวลาผ่อนชำระได้นานสูงสุด 48 เดือน การใช้สินเชื่อเงินสดจากบริการวงเงินพร้อมใช้ TMRW แคชพลัสเป็นการเตรียมความพร้อมทางเลือกให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงวงเงินได้ทุกเวลา การมีวงเงินเตรียมไว้ทำให้ทุกคนสามารถจัดการความจำเป็นของแต่ช่วงชีวิตได้อย่างทันท่วงที พร้อมรับทุกเรื่องฉุกเฉิน เตรียมพร้อมสำหรับทุกความจำเป็น เพราะเราไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วย หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่บางครั้งก็มาพร้อมๆ กันอย่างไม่ตั้งตัว การสมัครบริการวงเงินพร้อมใช้ TMRW แคชพลัส ทำให้เรามั่นใจได้ว่าเมื่อเวลาที่จำเป็นมาถึง เราจะมีวงเงินสำรองไว้รองรับความจำเป็นตลอดเวลา สมัครบริการวงเงินพร้อมใช้ TMRW แคชพลัส พร้อมกับบริการอื่นๆ ของ TMRW ได้แล้ววันนี้ เพื่อรับสิทธิประโยชน์จาก TMRW อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งบัญชีเงินฝาก TMRW Everyday และ TMRW Savings สำหรับการออมเงินดอกเบี้ยสูง บริการบัตรเดบิต TMRW ที่ใช้บริการถอนเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มทุกตู้ทั่วไทยโดยไม่มีค่าบริการ บัตรเครดิต TMRW บัตรเครดิตที่ดีที่สุดจาก TMRW ที่ให้เลือกคืนเงินได้ตามใจ และโปรโมชั่นอื่นๆ อีกมากมาย สมัครบริการสินเชื่อเงินสดพร้อมใช้ TMRW แคชพลัส ได้แล้ววันนี้ผ่านแอป TMRW ที่ใช้งานได้ทั้งบน Android และ iOS สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถอ่านข้อมูลทั้งหมดได้ที่ https://www.tmrwbyuob.com/th/th/products/cashplus.html
# SK Hynix เตรียมสร้างโรงงานผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี EUV มูลค่ากว่า 106 พันล้านดอลลาร์ SK Hynix บริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติเกาหลีใต้ เพิ่งได้รับอนุญาตจากรัฐบาลให้ตั้งศูนย์รวมโรงงานผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี extreme ultraviolet lithography (EUV) มูลค่ากว่า 120 ล้านล้านวอน หรือ 106.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเริ่มก่อสร้างช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ศูนย์โรงงานนี้จะประกอบไปด้วยโรงงานย่อย 4 โรงงาน ในพื้นที่ 4.15 ล้านตารางเมตร ในเมืองยงอิน ห่างไป 50 กิโลเมตรทางใต้ของกรุงโซล โรงงานแรกจะเริ่มผลิตชิปได้ภายในปี 2025 และมีอัตราการผลิตทั้งหมดเมื่อแล้วเสร็จทั้ง 4 โรงงานอยู่ที่ 800,000 เวเฟอร์ต่อเดือน (wafer starts per month) กำลังการผลิตจะถูกใช้สำหรับผลิตชิป DRAM ต่างๆ เป็นหลัก ซึ่งถ้าคาดการณ์แล้วเสร็จหลังปี 2025 น่าจะเป็นชิปประเภท DDR5, LPDDR5X หรือชนิดอื่นๆ ในอนาคต ศูนย์โรงงานนี้จะเป็นศูนย์โรงงานที่สองของ SK Hynix หลังจากศูนย์แรกในเมืองอีช็อน (ไม่ใช่อินชอน) ที่มีโรงงานผลิตชิปแบบ M10, M14 และโรงงานผลิตชิปแบบ M16 ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมือเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะเริ่มผลิต DRAM แบบ 1a-nm (ขนาด 10 นาโนเมตร) ด้วยกระบวนการ EUV ภายในครึ่งหลังของปีนี้ SK Hynix เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เร่งตั้งโรงงานผลิตชิป หลังดีมานด์ชิปพุ่งสูง และเกิดปัญหาขาดแคลนชิปที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในปีนี้ หลังมีรายงานว่า Samsung กำลังไล่ซื้อที่ดิน และอาจตั้งโรงงานผลิตชิป 3nm มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์เพิ่มในสหรัฐตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่วน TSMC ก็เพิ่งประกาศลงทุนกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์เพื่อตั้งโรงงานผลิตชิปเพิ่มในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ ที่มา - Anandtech
# รู้จัก Astria Ascending เกม JRPG จากฝรั่งเศส เนื้อเรื่องโดยนักเขียน FF7 เตรียมวางขายทุกแพลตฟอร์มภายในปีนี้ Astria Ascending เป็นเกมแนว RPG สไตล์ญี่ปุ่น (JRPG) ระบบต่อสู้แบบ turn-based แต่มุมมองเกมหลักเป็นแบบ 2D มองจากด้านข้าง สร้างโดยผู้พัฒนา Artisan Studios แห่งเมือง Quebec ในแคนาดาและ Montepllier ประเทศฝรั่งเศส และมีทีมงานจากซีรีส์ Final Fantasy ร่วมงานถึงสองคน เนื้อเรื่องและบทสนทนาได้ Kazushige Nojima นักเขียนจาก Final Fantasy VII ทั้งภาคแรกและ Remake, Final Fantasy X รวมถึง Kingdom Hearts และอีกมากมาย ส่วนเพลงประกอบได้ Hitoshi Sakamoto กับทีม Basiscape ผู้แต่งเพลงประกอบ Final Fantasy XII และ Vagrant Story เป็นผู้ประพันธ์ โลกในเกมเป็นโลกแฟนตาซีที่มีหลากหลายเผ่าพันธุ์อยู่ร่วมกัน ทั้งเผ่ามนุษย์ มนุษย์มีปีก มนุษย์กิ้งก่า มนุษย์ปลา และมนุษย์สิงโต โดยมนุษย์ต่างเผ่าพันธุ์เหล่านี้ต้องกินผลไม้ที่มีชื่อว่า “Harmelon” ที่จะ “กดสัญชาติญาณ” ของผู้คนในโลกนี้เอาไว้ เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข แต่ก็มีผลข้างเคียงต่างกันไปในแต่ละเผ่าพันธุ์ เช่นทำให้เผ่ามนุษย์นกบินไม่ได้ (อาจจะเพราะเสียสัญชาตญาณการบินไป) ตัวละครในปาร์ตี้ของผู้เล่นจะมี 8 คน จากต่างเผ่าพันธุ์ เป็นผู้ปกป้องความสงบสุขของโลกที่มีชื่อว่า “Demigods” ซึ่งถูกเกณฑ์มาจากคนทั่วไป มีระยะเวลาทำหน้าที่ 3 ปี ส่วนผู้ร้ายหลักคือเหล่า Noise สิ่งมีชีวิตลึกลับที่รบกวนความสงบสุขของโลก โดยคุณ Nojima ระบุเพิ่มเติมไว้ว่าเนื้อเรื่องจะทำให้ผู้เล่นตั้งคำถามว่าสิ่งที่เปรียบเหมือนกับ “Harmelon” ในชีวิตจริงของเรา คืออะไรกันแน่ ตัวเกมวางขายผ่านผู้จัดจำหน่ายสัญชาติฝรั่งเศสชื่อ Dear Villagers เตรียมลงทั้ง PlayStation 4, PlayStation 5, Switch, Xbox One, Xbox Series X|S, Xbox Game Pass และ PC เรียกได้ว่าลงแทบจะทุกแพลตฟอร์ม และมีกำหนดวางจำหน่ายภายในปีนี้ ที่มา - Dear Villagers, PC Gamer
# KBTG เปิดตัว Tech Kampus ร่วมพัฒนาหลักสูตรในมหาวิทยาลัย เตรียมความพร้อม นศ. สู่ตลาดจริง หนึ่งในปัญหาใหญ่ของวงการไอทีคือ ขาดแคลนบุคลากร นักพัฒนาซอฟต์แวร์, วิศวกร, คนทำ AI, คนทำงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ล้วนแล้วแต่เป็นตำแหน่งที่ตลาดงานต้องการสูง แต่การเตรียมความพร้อมบุคลากรยังไม่สามารถป้อนตลาดงานได้ทัน KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทยเห็นปัญหานี้ ได้เปิดตัวโครงการ Tech Kampus เพื่อส่งเสริมคุณภาพการศึกษาทางด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย สร้างบุคลากรรุ่นใหม่ที่เปี่ยมศักยภาพ โดย KBTG จะเข้าไปร่วมมือกับมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาหลักสูตร ยกระดับคุณภาพการศึกษาในสาขา Data Science และ Artificial Intelligence (AI) รวมทั้งต่อยอดและผลิตงานวิจัยใหม่ๆ ทางด้านเทคโนโลยี ในโครงการ Tech Kampus นั้น KBTG ร่วมมือกับ 2 องค์การภาครัฐ คือศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) และสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) ด้าน 7 มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล และวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากร่วมพัฒนาหลักสูตรแล้ว KBTG ยังเปิดรับนิสิตนักศึกษาเข้ามาเรียนรู้และเข้ามาฝึกงานกับทาง KBTG วิจัยเทคโนโลยีใหม่ๆ และเตรียมความพร้อมสู่โลกทำงาน เพื่อทักษะที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานด้านไอทีมาใช้งานจริง เมื่อการร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและเอกชน คือสิ่งจำเป็น ในงานเปิดตัวโครงการ Tech Kampus มีเสวนาจากคณาจารย์ เรื่องความสำคัญของการจัดทำหลักสูตรการศึกษาด้าน Data Science/AI ระดับอุดมศึกษาในประเทศไทยและพูดถึงภาพรวมความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคธุรกิจ ได้มุมมองที่น่าสนใจ ดังนี้ ดร. อักฤทธิ์ สังข์เพชร ผู้อำนวยการหลักสูตรคาร์เนกีเมลลอน มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL University) บอกว่าที่ผ่านมา ทางสถาบันดำเนินการเรียนการสอนด้วยการร่วมมือกับเอกชนเสมอ เพื่อให้นักศึกษาได้มีที่ปล่อยของ หนึ่งในหลักสูตรที่พัฒนาคือ Computer Engineering นำผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างประเทศมาตีโจทย์และแก้ไขปัญหาประเทศด้วยกัน ซึ่งทางสถาบันจะขยายหลักสูตรนี้ไปยังปริญญาตรีด้วย ผศ.ดร. รัชฎา คงคะจันทร์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมข้อมูล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้แง่คิดว่า อาจารย์ผู้สอน มีความพยายามตั้งใจสอนอย่างดีที่สุด เปรียบเหมือนช่างตัดเสื้อที่พยายามตัดให้เนี้ยบที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน คนตัดเสื้อก็ต้องดูเทรนด์แฟชั่นในขณะนั้น การมีเอกชนเข้ามาร่วมมือกับมหาวิทยาลัยจะช่วยให้เรารู้ว่าเทรนด์เป็นอย่างไรบ้าง อ.สมโชค เรืองอิทธินันท์ รองหัวหน้าภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ และประธานหลักสูตรปริญญาตรีสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยอมรับว่า อนาคต มหาวิทยาลัยไม่พ้นต้องปรับตัว ซึ่งภาคเอกชนเขาปรับตัวอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ทางมหาวิทยาลัยต้องผลักดันนโยบายร่วมมือกับเอกชนอย่างจริงจัง การ reskill ก็เป็นประเด็นสำคัญที่ควรนำมาพิจารณา เนื่องจากหลักสูตรเก่าๆ หลักสิบปีไม่ตอบโจทย์ตลาดงานปัจจุบันแล้ว คนที่เรียนจบไปนานควรกลับมาพึ่งมหาวิทยาลัยได้เมื่อต้องการ reskill ใหม่ ผศ.ดร. ฆนัท ตั้งวงศ์ศานต์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล มองว่า การร่วมมือกับเอกชนช่วยให้นักศึกษารู้ตัวได้เร็วขึ้นว่าตัวเองอยากทำอะไร และคณาจารย์จะได้มีโอกาสทำงานวิจัยที่ออกไปใช้งานจริงได้มากขึ้น ศ.ดร. ธนารักษณ์ ธีระมั่นคง นายกสมาคมปัญญาประดิษฐ์แห่งประเทศไทย บอกว่า แต่ละสถาบันการศึกษามีแนวโน้มปรับตัวอยู่แล้ว การที่ KBTG เข้ามาร่วมมือตรงๆ จะกลายเป็นโครงการนำร่องและนโยบายนี้จะสามารถขยายไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ ต่อไป สรุป เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG ระบุว่า เป้าหมายระยะยาวของธนาคารกสิกรไทยคือ One of the World Digital Bank ซึ่งทางธนาคารไม่สามารถไปได้ด้วยตัวคนเดียวได้ เราต้องร่วมกับหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะสถาบันการศึกษา เพื่อขอแรงมาช่วยให้บริษัทขับเคลื่อนต่อไปได้ Tech Kampus ถือเป็นอีกก้าวสำคัญ และไม่ได้มีมีเป้าหมายเพียงหาบุคลากรที่ตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญกับการศึกษาและเศรษฐกิจของประเทศ ที่อนาคต นักศึกษาจะได้เรียนรู้ทักษะเทคโนโลยีที่เอาไปใช้งานจริง ตรงกับเทรนด์โลกได้จริงเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน และที่สำคัญคือ สามารถอยู่รอดได้ในภาวะ disruption หากสถาบันใดสนใจเข้าร่วมโครงการ KBTG Tech Kampus สามารถติดต่อได้ที่ [email protected]
# Uber จ่าย 1.1 ล้านเหรียญ ให้หญิงตาบอดพร้อมสุนัขนำทาง ที่ถูกคนขับปฏิเสธ 14 ครั้ง เมื่อปี 2014 Uber ถูกฟ้องฐานเลือกปฏิบัติ หลังคนขับรถปฏิเสธที่จะรับ Lisa Irving หญิงตาบอดพร้อมสุนัขนำทางขึ้นรถ ซึ่งจบลงสองปีต่อมา ด้วยการทำข้อตกลง และ Uber จ่ายเพื่อยุติคดีไป 2.6 ล้านเหรียญ ล่าสุด Uber จ่ายเพิ่มให้หญิงคนดังกล่าวอีก 1.1 ล้านเหรียญ เพราะ Lisa Irving บอกว่ายังคงเจอเหตุการณ์เดิมๆ ที่คนขับ Uber ปฏิเสธไม่ให้เธอขึ้นรถ ทำให้เธอพลาดโอกาสสำคัญทั้งงานวันเกิด งานคริสต์มาสอีฟ แถมยังปล่อยให้เธอตากฝนด้วย รวมทั้งหมด 14 ครั้ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังปี 2019 ที่ Uber จ่ายเพื่อยุติคดีไปแล้ว ในการจ่ายเงิน ศาลให้ Uber จ่ายสองรอบ คือ 324,000 เหรียญเป็นค่าเสียหาย และ 805,313 เหรียญ เป็นค่าใช้จ่ายทางกฎหมายรวมถึงค่าธรรมเนียมทนายความ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ Uber มีช่องทางร้องเรียนด้วย หากผู้โดยสารที่มีสุนัขนำทางถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นรถ ภาพจาก katerinavulcova from Pixabay ที่มา - The Verge
# แบรนด์รถยนต์ Genesis ของ Hyundai ทำสถิติโลกบินโดรนพร้อมกัน 3,281 ลำ Genesis แบรนด์รถยนต์ที่ Hyundai เป็นเจ้าของ และกำลังมุ่งทำตลาดประเทศจีน ลุยแคมเปญโฆษณาเหนือน่านฟ้าเซี่ยงไฮ้ ด้วยการบินโดรนพร้อมกันถึง 3,281 เป็นโลโก้ Genesis ลำทำลายสถิติโลก 3,051 ลำ ที่ Shenzhen DAMODA Intelligent Control Technology ทำไว้เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2020 แคมเปญเรียกเสียงฮือฮาครั้งนี้ ดูเหมือนจะเป็นเพียงโฆษณาลงทุนสูงของ Genesis และอาจจะถูกทำลายสถิติได้ในอีกไม่นาน แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนความก้าวหน้าของซอฟต์แวร์ควบคุมโดรนแบบกลุ่ม ที่ยิ่งมีจำนวนโดรนมาก ซอฟต์แวร์ที่มาจัดการไม่ให้โดรนแต่ละตัวบินชนกัน และจัดกลุ่มให้เป็นภาพ ยิ่งต้องล้ำหน้า และความสามารถในการประมวลผลของโดรนยิ่งต้องสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าเทคโนโลยีของโดรน พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ HYUNDAI via Engadget
# TiMi สตูดิโอสร้าง Call of Duty: Mobile และ RoV ทำรายได้กว่าหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2020 Reuters รายงานว่า TiMi Studios สตูดิโอสร้างเกม Call of Duty: Mobile และ Honor of Kings หรือ RoV ในไทย ที่ Tencent เป็นเจ้าของ ทำรายได้ไปกว่าหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2020 รายได้ของ TiMi Studios สูงกว่า Activision Blizzard ผู้สร้างเกม Call of Duty เวอร์ชั่นพีซีและคอนโซล ที่มีรายได้ประจำปี 2020 ที่ 8.09 พันล้านดอลลาร์ และ Reuters ระบุว่า TiMi กลายเป็น “สตูดิโอที่มีรายได้มากที่สุดในโลก” (world’s largest developer) ไปเรียบร้อยแล้ว Call of Duty: Mobile มียอดดาวน์โหลดในสัปดาห์แรกที่เปิดตัวในปี 2019 ถึง 100 ล้านครั้งทั่วโลก และ Sensor Tower ประเมินรายได้เมื่อ 1 ตุลาคม 2020 (เปิดตัวครบ 1 ปี) ว่าทำรายได้ไปแล้วกว่า 480 ล้านดอลลาร์ ส่วน Honor of Kings หรือเกม RoV มียอดผู้เล่นกว่า 100 ล้านคนต่อวัน ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 ที่ผ่านมา โปรเจกต์ต่อไปของ TiMi Studios ที่กำลังรับสมัครทีมงาน จะเป็นเกมระดับ AAA ที่จะมีชุมชนออนไลน์ “คล้ายคลึงกับใน Ready Player One” และบริษัทก็กำลังสร้างสตูดิโอในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียอีกด้วย ส่วน Tencent บริษัทแม่ นอกจากจะเป็นเจ้าของ TiMi Studios แล้ว ยังเป็นเจ้าของ Riot Games ตั้งแต่ปี 2015 ถือหุ้น Epic Games กว่า 40% ตั้งแต่ปี 2012 และเป็นเจ้าของ Lightspeed & Quantum ผู้สร้าง PUBG: Mobile ที่เพิ่งทำยอดดาวน์โหลดทะลุ 1 พันล้านครั้ง ไปเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมาอีกด้วย ที่มา - Reuters via The Verge
# Google Translate มียอดติดตั้งบน Play Store เกิน 1 พันล้านครั้งแล้ว อีกหนึ่งแอปที่แม้จะกลายเป็นต้นตอของการแปลแบบแข็งๆ มากมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีประโยชน์ต่อมนุษยชาติ และยังคงพัฒนาตนเองแบบต่อเนื่องอย่าง Google Translate ปัจจุบันมียอดติดตั้งผ่าน Play Store เกิน 1 พันล้านครั้งแล้ว ปัจจุบัน Google Translate แปลได้ 108 ภาษา สามารถถอดเทปเสียงพูดได้ และรองรับภาษาไทย (real-time transcription) สามารถแปลแบบออฟไลน์ ช่วยออกเสียงสถานที่ในภาษาที่ไม่คุ้นเคยได้ (สำหรับใช้ถามทาง) ใช้กล้องส่องแล้วแปลภาษาได้(รองรับภาษาไทยด้วยเช่นกัน) แถมยังมี Dark Mode อีกด้วย ที่มา - Android Police
# เป็นทางการแล้ว LG ประกาศถอนตัวจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ปิดธุรกิจ 31 ก.ค. 2021 LG ประกาศถอนตัวจากธุรกิจสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการ ตามข่าวก่อนหน้านี้ ตอนนี้ข้อมูลของ LG ยังมีเพียงสั้นๆ ว่าจะปิดธุรกิจสมาร์ทโฟนในวันที่ 31 กรกฎาคม แต่สินค้าค้างสต๊อกอาจยังมีขายต่อหลังจากนั้น ส่วนบริการหลังขายและการอัพเดตซอฟต์แวร์จะยังดำเนินไปตามปกติ ซึ่งรายละเอียดเรื่องระยะเวลาขึ้นกับแต่ละภูมิภาค ส่วนการปลดพนักงานจะประกาศในภายหลัง LG ระบุว่าตัดสินใจถอนตัวจากธุรกิจมือถือที่แข่งขันสูง เพื่อไปโฟกัสในธุรกิจอื่นๆ ที่มีโอกาสเติบโต เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ สมาร์ทโฮม เป็นต้น ส่วนเทคโนโลยีและสิทธิบัตรด้านโทรศัพท์ เช่น การส่งข้อมูลในยุค 6G จะยังนำไปใช้ในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่มา - LG
# App Store ในรัสเซีย แสดงการแนะนำแอปของผู้ผลิตในประเทศเช่น บราวเซอร์ Yandex, Mail.ru แอปเปิลยอมทำตามกฎหมายรัสเซีย แสดงการแนะนำแอปพลิเคชั่นของรัสเซียใน App Store เช่น Yandex Browser, Yandex Maps ซึ่งเป็นบราวเซอร์ที่ใช้กันแพร่หลายในรัสเซีย รวมถึงแอปอื่นๆ ที่พัฒนาโดยนักพัฒนารัสเซีย เช่น ICQ, VK, Mail.ru โดยมีข้อความที่แอปเปิลระบุไว้ก่อนแสดงแอปแนะนำว่า เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมายของรัสเซีย ตัวกฎหมายผ่านในปี 2019 กำหนดให้ผู้ผลิตต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ผลิตในรัสเซียแบบ pre-install ครอบคลุมสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, สมาร์ททีวี, แล็ปท็อปและคอมพิวเตอร์ โดย Reuters รายงานว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามลดการพึ่งพาต่างชาติ และจะได้ควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น ที่มา - The Verge
# จากเหตุเฟซบุ๊กข้อมูลหลุด 533 ล้านรายการ มีเบอร์โทร Mark Zuckerberg หลุดมาด้วย จากกรณี ข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้เฟซบุ๊กหลุด 533 ล้านรายการ มีนักวิจัยความปลอดภัยชื่อ Dave Walker จากบริษัท Synack ที่เข้าถึงข้อมูลชุดนี้ โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า เขาพบข้อมูลส่วนตัวของ Mark Zuckerberg รวมถึงผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กอีกสองคนคือ Chris Hughes และ Dustin Moskovitz อยู่ในนี้ด้วย ตัวอย่างข้อมูลที่ถูกนำมาโชว์เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะอยู่แล้ว เช่น วันเกิด สถานะการแต่งงาน แต่ Dave Walker ก็ระบุว่ามีข้อมูลส่วนตัวจริงๆ อย่างหมายเลขโทรศัพท์ด้วย ซึ่งเขาทดลองเพิ่มเพื่อนกับ Zuckerberg ในแอพแชท Signal ด้วยเบอร์โทรที่หลุดออกมา ก็พบว่าเป็น Zuckerberg จริงๆ เบอร์โทรถูกต้อง ตัวแทนของเฟซบุ๊กยืนยันว่าข้อมูลก้อนนี้ 533 ล้านรายการหลุดออกมาจริงๆ แต่ยังไม่ยืนยันว่ามีข้อมูลของ Zuckerberg อยู่ในนั้นหรือไม่ ที่มา - Business Insider
# AlmaLinux โครงการทดแทน CentOS ออกรุ่นเสถียรรุ่นแรกแล้ว เทียบเคียง RHEL 8.3 AlmaLinux หนึ่งในสองโครงการทดแทน CentOS ที่สนับสนุนโดยบริษัท CloudLinux ประกาศออกรุ่นเสถียรรุ่นแรกแล้ว โดยนับเวอร์ชันเป็น 8.3 ตรงกับเลขเวอร์ชันของ RHEL เพื่อไม่ให้สับสน ตัวอิมเมจสามารถดาวน์โหลดได้จาก AlmaLinux และทีมงานยังมีสคริปต์ช่วยแปลงระบบเดิม (ที่เป็นลินุกซ์อิงกับ RHEL 8.x เช่น CentOS, Oracle Linux) มาเป็น AlmaLinux ด้วย ดาวน์โหลดได้จาก GitHub ส่วนอีกโครงการคือ Rocky Linux ที่ก่อตั้งโดย Gregory Kurtzer ผู้ก่อตั้งโครงการ CentOS เตรียมจะออกรุ่นทดสอบแรกในวันที่ 30 เมษายน เลื่อนจากแผนเดิม 31 มีนาคม เพื่อเตรียมโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้พร้อมก่อน ที่มา - AlmaLinux, Rocky Linux
# เว็บบอร์ดแฮกเกอร์แจกข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่า 533 ล้านบัญชี มีทั้งชื่อ, หมายเลขโทรศัพท์, วันเกิด Alon Gal ซีทีโอบริษัทข้อมูลความปลอดภัยไซเบอร์ Hudson Rock ทวีตว่าเขาไปพบโพสบนเว็บบอร์ดแฮกเกอร์แจกฐานข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่า 533 ล้านบัญชี มีข้อมูลทั้ง ชื่อ, หมายเลขโทรศัพท์, เพศ, อาชีพ, เมืองและประเทศ, วันเกิด, และบางส่วนมีอีเมล เฟซบุ๊กยืนยันว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่อาศัยช่องโหว่เมื่อปี 2019 และบริษัทได้เปลี่ยนนโยบายไม่ให้เข้าถึงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ได้อีกแล้ว ช่วงเวลาที่เฟซบุ๊กแก้ไขช่องโหว่ที่เปิดให้คนนอกเข้าดูหมายเลขโทรศัพท์ได้ก็มีการค้นพบฐานข้อมูลของกลุ่มต่างๆ ที่พยายามดึงข้อมูลจากเฟซบุ๊กไป แต่รอบนี้ข้อมูลกลับปล่อยออกมาให้ดาวน์โหลดฟรี ทำให้กลุ่มคนร้ายอาจจะใช้ข้อมูลกันมากขึ้น ตัวโพสบนเว็บบอร์ดนั้นโพสมาตั้งแต่กลางปี 2020 คาดได้ว่าข้อมูลนั้นหลุดออกไปเป็นวงกว้างแล้ว ที่มา - Business Insider
# Pornhub ออกรายงานความโปร่งใสครั้งแรก เผยวิธีจัดการคอนเทนต์และจำนวนคลิปที่ลบไปตลอดปี 2020 Pornhub ออกรายงานความโปร่งใสเป็นครั้งแรก เป็นการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อคอนเทนต์และรายงานที่ได้รับมาตลอดปี 2020 หลังจากที่โดนแฉว่าปล่อยให้มีวิดีโอโป๊เด็กและวิดีโอที่ไม่ได้รับความยินยอมก่อนจนโดนหลายฝ่ายแบน จนทำให้ทางแพลตฟอร์มต้องหาวิธีแก้ไข ในรายงานระบุว่า Pornhub สั่งลบคอนเทนต์ 653,465 รายการที่ฝ่าฝืนนโยบายของบริษัท โดยคอนเทนต์ที่ฝ่าฝืนกฎมีทั้งคอนเทนต์มีทั้งคอนเทนต์อนาจารเด็กและคอนเทนต์ที่ไม่ได้รับความยินยอม รวมถึงคอนเทนต์ความรุนแรงและการทารุณกรรมสัตว์ด้วย Pornhub ระบุว่า ทางแพลตฟอร์มจะตรวจจับคอนเทนต์ประเภทคุกคามเด็กทั้งจากภายในและรับรายงานจากภายนอกผ่าน National Center for Missing and Exploited Children ซึ่งทางองค์กรได้รายงานคอนเทนต์กว่า 13,000 รายการ (เป็นรายการใหม่ 4,171 รายการ ที่เหลือเป็นรายการซ้ำ) รวมถึงนำเทคโนโลยีมาใช้ทั้ง CSAI Match ของ YouTube และ PhotoDNA ของ Microsoft เพื่อช่วยการตรวจสอบอีกทางหนึ่ง ที่มา - Engadget, Pornhub
# Fantasian เกม RPG ใหม่ของบิดาผู้สร้าง Final Fantasy เปิดให้เล่นแล้วบน Apple Arcade เกมออกใหม่ที่น่าสนใจในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ Fantasian ผลงานใหม่ล่าสุดของค่าย Mistwalker ของ Hironobu Sakaguchi บิดาผู้สร้างซีรีส์ Final Fantasy ที่ยังคงแนว J-RPG แบบเทิร์นเบส โดยยังมีให้เล่นเฉพาะบน Apple Arcade เท่านั้น รองรับ iOS/Apple TV/Mac แฟนเกมสาย J-RPG คงทราบกันดีว่า Sakaguchi ลาออกจาก Square มาก่อตั้งบริษัท Mistwalker ตั้งแต่ปี 2004 และมีผลงานเกม Blue Dragon ลงเครื่อง Xbox 360 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จนมาถึงช่วงปี 2014 ที่บริษัทมาประสบความสำเร็จมากขึ้นกับเกมซีรีส์ Terra Battle บนมือถือ และกลับมาอีกครั้งกับ Fantasian ที่ยังเป็นเกมมือถือเช่นเดิม Fantasian เป็นเกม J-RPG แนวเทิร์นเบสแบบดั้งเดิม สิ่งแปลกใหม่ของเกมนี้คือฉากต่างๆ ในเกมที่มีอาคารสถานที่สร้างจากโมเดลขนาดเล็กของจริง (diorama) แทรกอยู่ด้วย ส่วนระบบต่อสู้มีของใหม่คือ สามารถส่งมอนสเตอร์ที่พบเจอในแผนที่ข้ามมิติไปเก็บไว้ก่อน แล้วค่อยมาสู้ทีเดียวพร้อมกันในภายหลังได้ (ดูคลิปประกอบ) ตัวเอกในเรื่องชื่อ Leo เป็นคนที่สูญเสียความทรงจำ ต้องผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่มีมอนสเตอร์ เวทย์มนตร์ เรือเหาะ และตัวละครชื่อ Sid เพลงประกอบแต่งโดย Nobuo Uematsu เจ้าเก่า สิ่งที่ขาดไปน่าจะมีเพียงคำว่า Final เท่านั้น ตอนนี้เกมยังมีสถานะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟของ Apple Arcade เท่านั้น (ต้องสมัครสมาชิกถึงจะเล่นได้ ซื้อแยกก็ไม่ได้) และยังไม่มีข้อมูลว่าจะลงแพลตฟอร์มอื่นด้วยหรือไม่ ที่มา - Kotaku
# Spotify เพิ่มเพลย์ลิสต์แบบ personalized ใหม่ Spotify Mixes แยกตามหมวดเพลง Spotify ประกาศเพิ่มเพลย์ลิสต์แบบปรับแต่งสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน (personalized) โดยแบ่งเป็น 3 หมวดย่อย เรียกรวมกันว่า Spotify Mixes ซึ่งเป็นการจัดเพลงแบ่งตาม ศิลปิน, แนวเพลง และช่วงเวลาของเพลงนั้น ตัวอย่างเช่น 2010s Mix หรือ R&B Mix เป็นต้น รูปแบบการจัดเพลย์ลิสต์นี้คล้ายกับ Daily Mix ที่ Spotify ทำมาให้ผู้ใช้งานแต่ละคนนั่นเอง โดยเริ่มต้นจากเพลงที่ชอบ ตามด้วยเพลงที่ Spotify คิดว่าผู้ใช้งานน่าจะชอบ และมีการปรับปรุงรายชื่อเพลงอยู่สม่ำเสมอ แต่รูปแบบ Spotify Mixes นี้จะมีชื่อเพลย์ลิสต์ที่ชัดเจนและเข้าใจได้ง่ายขึ้น Spotify Mixes เริ่มเปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน โดยเข้าไปดูเพลย์ลิสต์ทั้งหมดได้ที่หน้า Search เลือก Made for you ที่มา: TechCrunch
# ซีอีโอ Xiaomi บอก ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้า เริ่มจากการพบ Elon Musk เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ของ Xiaomi คือการประกาศตั้งบริษัทลูก เพื่อทำธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่ง Lei Jun ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Xiaomi จะมาเป็นซีอีโอเพื่อดูแลบริษัทใหม่นี้เอง Lei ได้เล่าที่มาที่ไปของการตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าในงานแถลงข่าว และเขาได้เผยแพร่เนื้อหานี้ในบัญชี WeChat ด้วย มีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่าง ว่าเขามั่นใจว่า Xiaomi จะไปได้ดีกับธุรกิจนี้อย่างไร Lei บอกว่าเขาเริ่มสนใจรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว ซึ่งเขาได้พบกับ Elon Musk 2 ครั้ง จากนั้นก็ซื้อรถยนต์ Tesla มา ประเด็นการเข้าสู่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหัวข้อที่ผู้บริหารระดับสูง Xiaomi ได้พูดคุยกันมาโดยตลอด แต่ครั้งล่าสุดคือต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งการหารือจริงจังมากขึ้น Lei ยอมรับว่า แรกเริ่มเขาไม่อยากเข้าสู่ธุรกิจนี้ เพราะธุรกิจสมาร์ทโฟนยังไปได้ดี ทำยอดขายขึ้นมาเป็นระดับ Top 3 ของโลก และการแข่งขันยังไม่จบ หากเข้าสู่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าก็อาจทำให้บริษัทเสียโฟกัส แต่จากจุดนั้นเขาก็เริ่มศึกษาข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เขาบอกว่ามีคำแนะนำทั้งสนับสนุนและไม่เห็นด้วย คนที่สนับสนุนบอกว่า Xiaomi เข้าใจโลกฮาร์ดแวร์และอินเทอร์เน็ตดี จึงน่าเข้าสู่ธุรกิจนี้ ขณะที่คนไม่เห็นด้วยก็ให้ข้อมูลว่าธุรกิจรถยนต์มีความซับซ้อน ลงทุนสูง และใช้เวลานานกว่าจะคืนทุน แถมตอนนี้ก็มีคู่แข่งในตลาดมากแล้ว Xiaomi มีกิจกรรมเพื่อรับฟังความเห็นจากลูกค้าอยู่ตลอด Lei พบว่าลูกค้าจำนวนมาก ต่างเชียร์ให้ Xiaomi ทำรถยนต์ไฟฟ้า แม้มีความเสี่ยงสูง แต่เขาประเมินว่า Xiaomi มีทีมงาน R&D มากกว่าหมื่นคน มีเงินสดในมือมากกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์ จึงอยู่ในจุดที่สามารถเข้าสู่ธุรกิจนี้ได้ Lei บอกว่าหลังจากรวบรวมข้อมูล และได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมรถยนต์จำนวนมาก เขาตัดสินใจที่จะดูแลโครงการนี้ด้วยตนเอง และจะเป็นโครงการธุรกิจใหม่ขนาดใหญ่ตัวสุดท้ายในชีวิตของเขา ซึ่งโครงการนี้อาจใช้เวลา 5-10 ปี จึงจะเห็นผลสำเร็จ สิ่งที่เขาคาดหวังตอนนี้มีเพียงการสร้างรถยนต์ที่ดีให้กับแฟนคลับของ Xiaomi นั่นเอง ที่มา: KrAsia
# ถึงยุค Google Silicon? ข่าวลือบอก Pixel 6 จะใช้ชิป Whitechapel ที่พัฒนาร่วมกับซัมซุง เมื่อปี 2020 เคยมีข่าวลือว่ากูเกิลร่วมพัฒนาชิปกับซัมซุง ใช้โค้ดเนมว่า Whitechapel แล้วเงียบหายไป ล่าสุดมีข่าวลือออกมาอีกรอบว่าเราจะได้เห็น Whitechapel ถูกใช้กับสมาร์ทโฟน Pixel รุ่นถัดไป ซึ่งก็น่าจะชื่อ Pixel 6 เว็บไซต์ 9to5google อ้างว่าเห็นเอกสารภายในของกูเกิล ระบุว่า Pixel รุ่นของปี 2021 สองตัว ใช้โค้ดเนม Raven และ Oriole พัฒนาอยู่บนแพลตฟอร์ม Whitechapel SoC และชิปตัวนี้มีรหัสรุ่นว่า GS101 ซึ่งคาดว่า GS ย่อมาจาก "Google Silicon" 9to5google ยังมองว่าการที่โครงการ Whitechapel เป็นความร่วมมือกับซัมซุงด้วย จึงมีโอกาสสูงที่ชิปตัวนี้จะคล้ายกับ Exynos หรือมีชิ้นส่วนบางอย่างที่เหมือนกัน ที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนตระกูล Pixel ใช้ชิปของ Qualcomm มาโดยตลอด ถ้าข่าวนี้เป็นจริงก็ถือเป็นครั้งแรกที่ Pixel เลิกใช้ Qualcomm แล้ว ที่มา - 9to5google
# JD.com ขายธุรกิจ Cloud และ AI ให้ JD Digits ธุรกิจ FinTech ในเครือ JD.com อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในจีน ประกาศขายธุรกิจ JD Cloud และธุรกิจ AI ให้กับ JD Digits กลุ่มธุรกิจด้าน FinTech ในเครือ JD.com ที่มูลค่าราว 15,700 ล้านหยวน ดีลดังกล่าว JD.com ไม่ได้เงินสดเป็นผลตอบแทน แต่ได้หุ้นของ JD Digits เพิ่มขึ้น โดยบริษัทจะถือหุ้นใน JD Digits เป็น 42% JD.com อธิบายดีลดังกล่าวว่าเพื่อให้บริษัทโฟกัสกับธุรกิจหลักคืออีคอมเมิร์ซมากขึ้น และให้ JD Digits เป็นบริษัทที่พัฒนาและส่งมอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้กับคู่ค้า ทั้งนี้ JD Digits มีแผนจะนำบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้นฮ่องกง แต่ได้หยุดแผนงานชั่วคราว หลังหน่วยงานกำกับดูแลของจีนออกระเบียบข้อกำหนดเพิ่มเติม สำหรับบริษัทด้าน FinTech ที่มา: KrASIA
# [ลือ] Pinterest พูดคุยเพื่อขอซื้อกิจการแอปแต่งรูป VSCO The New York Times อ้างแหล่งข่าว 2 คนที่เกี่ยวข้องเผยว่า Pinterest ได้เจรจาเพื่อขอซื้อกิจการ VSCO แอปตกแต่งภาพถ่ายยอดนิยม ซึ่งสถานะการเจรจาตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุป และไม่มีการเปิดเผยมูลค่าที่จะเข้าซื้อ ทั้งนี้ Pinterest เป็นบริษัทอยู่ในตลาดหุ้น มีมูลค่ากิจการที่ราว 49,000 ล้านดอลลาร์ ส่วน VSCO มีมูลค่ากิจการตามการเพิ่มทุนรอบล่าสุดที่ 550 ล้านดอลลาร์ VSCO เป็นสตาร์ทอัพที่พัฒนาแอปสำหรับตกแต่งภาพถ่ายและวิดีโอ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้งานลงทะเบียนราว 100 ล้านบัญชี และมีรูปแบบการหาเงินด้วยการขายฟีเจอร์แต่งภาพเสริม ซึ่งมีใช้งานแบบเสียเงินมากกว่า 2 ล้านบัญชี หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงมีความน่าสนใจคือทั้ง Pinterest และ VSCO ต่างเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นเรื่องภาพถ่าย จึงสามารถนำจุดแข็งมาเสริมกันได้ ตัวแทนของ Pinterest ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ส่วนตัวแทนของ VSCO กล่าวว่าบริษัทมีการพูดคุยกับบริษัทอื่นในด้านงานสร้างสรรค์อยู่ตลอด และบริษัทไม่มีความเห็นต่อข่าวลือดังกล่าว ที่มา: The New York Times
# Microsoft ประกาศจัดงานสัมมนา Build ประจำปี 2021 ในรูปแบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 25-27 พฤษภาคม ไมโครซอฟท์ประกาศจัดงานสัมมนาสำหรับนักพัฒนาประจำปี Microsoft Build 2021 ระหว่างวันที่ 25-27 พฤษภาคมนี้ ในรูปแบบออนไลน์ โดยยังไม่กำหนดวันเปิดลงทะเบียนเข้าร่วมงาน และยังไม่มีรายละเอียดเนื้อหาในงานปีนี้ (ข้อมูลเบื้องต้น) Microsoft Build เป็นงานสัมมนาสำหรับนักพัฒนาของบริษัทเทคโนโลยีรายล่าสุด ที่ประกาศจัดงานในรูปแบบออนไลน์อีกหนึ่งปี ก่อนหน้านี้แอปเปิลประกาศจัดงาน WWDC21 ในรูปแบบออนไลน์เช่นกัน อีกหนึ่งในงานที่ปกติจัดใช้เวลาใกล้เคียงกันคือ Google I/O ซึ่งปีที่แล้วได้ยกเลิกงานทั้งหมดไป ส่วนปีนี้ยังไม่มีรายละเอียดออกมา ที่มา: Engadget
# John Krafcik CEO Waymo ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ตั้ง CTO และ COO ขึ้นเป็น co-CEO แทน John Krafcik ซีอีโอ Waymo ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อใช้เวลาส่วนตัวมากขึ้น หลังรับตำแหน่งนี้เป็นเวลา 5 ปีครึ่ง โดยสองผู้บริหารระดับสูง Tekedra Mawakana (ซีโอโอ) และ Dmitri Dolgov (ซีทีโอ) จะขึ้นเป็นมาเป็นซีอีโอร่วมกันแทน ส่วน Krafcik ยังคงมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ Waymo ต่อ ในจดหมายถึงพนักงาน Waymo นั้น Krafcik บอกว่าช่วงที่ผ่านมา Waymo ได้พัฒนา และนำรถยนต์ไร้คนขับใช้งานจริงบนถนนแล้วมากกว่า 20 ล้านไมล์ และมากกว่า 20,000 ล้านไมล์ในแบบจำลอง (simulation) บริษัทยังได้รับเงินเพิ่มทุนก้อนแรกในฐานะบริษัทแยกอิสระจาก Alphabet ถึง 3,250 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบัน Waymo ได้รับใบอนุญาตให้บริการรถยนต์ไร้คนขับในเชิงพาณิชย์ที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ในชื่อบริการ Waymo One ที่มา: Waymo
# Apple Arcade ประกาศเพิ่มเกมใหม่ชุดใหญ่ มีเกมคลาสสิกอย่าง Fruit Ninja ด้วย Apple Arcade บริการสมัครเล่นเกมแบบเหมาจ่ายรายเดือนของแอปเปิล ประกาศเพิ่มเกมใหม่ในแคตตาล็อกชุดใหญ่ โดยในกลุ่มเกมที่มีเฉพาะบน Apple Arcade หรือ Arcade Originals อาทิ FANTASIAN, NBA 2K21 Arcade Edition, Star Trek: Legends และ The Oregon Trail นอกจากนี้ Apple Arcade ยังเพิ่มหมวดหมู่เกมอีก 2 หมวด ได้แก่ Timeless Classics และ App Store Greats เป็นการนำเกมคลาสสิกที่คุ้นเคย และเกมดังจากใน App Store มาให้เล่นผ่าน Arcade อาทิ Good Sudoku by Zach Gage, Threes! และ Fruit Ninja Classic แบบไม่มีโฆษณา ในอัพเดตครั้งนี้มีเกมเพิ่มเข้ามามากกว่า 30 เกม ทำให้แพลตฟอร์ม Apple Arcade มีเกมให้เลือกเล่นแล้วมากกว่า 180 เกม Apple Arcade คิดค่าใช้บริการ 99 บาทต่อเดือน หรือใช้งานผ่านบริการเหมาจ่าย Apple One เริ่มต้นที่ 225 บาทต่อเดือน ที่มา: แอปเปิล
# Tesla ไตรมาส 1/2021 ส่งมอบรถยนต์ได้ 184,800 คัน Tesla รายงานตัวเลขการผลิตและส่งมอบรถยนต์ ประจำไตรมาสแรกของปี 2021 ผลิตรถยนต์ได้ 180,338 คัน และสามารถส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าได้ 184,800 คัน ตัวเลขส่วนการผลิตนั้นทั้งหมดเป็นของรถรุ่น Model 3 และ Model Y ส่วน Model S และ Model X ซึ่งออกรุ่นใหม่ คาดว่าจะเริ่มผลิตและส่งมอบได้ในไตรมาสปัจจุบัน ส่วนจำนวนรถที่ส่งมอบ เป็น Model 3/Y 182,780 คัน และ Model S/X 2,020 คัน Tesla บอกว่า Model Y ได้รับการตอบรับอย่างดีในจีน และบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตแล้ว ทั้งนี้ Tesla จะรายงานตัวเลขทางการเงินอีกครั้ง ในช่วงปลายเดือน ที่มา: Tesla
# เปเปอร์วิจัย วิเคราะห์อารมณ์ความรู้สึก Taylor Swift จากเพลงที่แต่ง ช่วงไหนสุข-เศร้าที่สุด Megan Mansfield และ Darryl Seligman นักวิจัยด้านฟิสิกส์สองคนจากมหาวิทยาลัยชิคาโก เผยแพร่ร่างรายงานวิจัยวิเคราะห์อารมณ์ของนักร้องสาว Taylor Swift จากเพลงที่เธอแต่งในแต่ละช่วงเวลา เป็นที่รู้กันดีในหมู่แฟนเพลงว่า ชีวิตรักของ Taylor Swift มีสีสันมากมาย และเธอก็นำมุมมองต่างๆ ทั้งดีและแย่มาใส่ในเพลงของเธอ ทีมผู้วิจัยจึงสนใจวิเคราะห์รูปแบบของเพลงที่เธอแต่งมาตลอด 14 ปีของอาชีพนักร้อง ว่าแต่ละอัลบั้มสะท้อนอารมณ์ของเธออย่างไรบ้าง ระเบียบวิธีวิจัยคือนำเพลงทั้งหมดของ Taylor มาคัดเพลงโฆษณา เพลงคัฟเวอร์ เพลงที่แต่งร่วมกับนักร้องคนอื่น (และเธอไม่ได้เป็นคนแต่งหลัก) ออกไปจากกลุ่มตัวอย่าง เหลือทั้งหมด 154 เพลง จากนั้นตัดเพลงที่ไม่เกี่ยวกับชีวิตรักออกอีก 5 เพลง เหลือ 149 เพลง ผู้วิจัยฟังเพลงทั้งหมด (ใช้เวลารวมเกือบ 10 ชั่วโมง ซึ่งผู้วิจัยบอกว่าเหมาะกับการฆ่าเวลาในช่วงโรคระบาด) วิเคราะห์เนื้อเพลง จังหวะบีทต่อนาที และดูมิวสิควิดีโอด้วย (ถ้ามี) แล้วนำมาวิเคราะห์เนื้อหาของเพลงเพื่อตีความ โดยให้คะแนนเป็น 2 แกนคือ คะแนนความสัมพันธ์ (relationship score) กับคะแนนความสุข (happiness score) นำมาหาความเชื่อมโยงกัน สิ่งที่ผู้วิจัยพบคือ อัลบั้มที่ Taylor มีความสุขมากที่สุดคือ Lover (2019) ตามด้วย Speak Now ส่วนอัลบั้มที่มีความสุขน้อยที่สุดคือ Taylor Swift (อัลบั้มแรก) และ Red อัลบั้มที่ Taylor มีความสัมพันธ์ดีที่สุดคือ Lover ส่วนอัลบั้มที่มีความสัมพันธ์แย่ที่สุดคือ Speak Now อัลบั้ม Lover ปี 2019 เป็นอัลบั้มที่อารมณ์ความรู้สึกของ Taylor ดีที่สุดทั้งสองด้าน ในขณะที่อัลบั้ม folklore/evermore ของปี 2020 คะแนนกลับใกล้ศูนย์ คือไม่บวกและไม่ลบ ซึ่งผู้วิจัยมองว่าสะท้อนความสัมพันธ์ที่เริ่มมั่นคง และอายุของเธอเองที่มากขึ้นด้วย ในด้านกลับกัน อัลบั้มที่ Taylor มีคะแนนอารมณ์ไม่ค่อยดี มีความเชื่อมโยงกับจำนวนบุคคลที่เข้าข่าย "Bad Boys" ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อเพลงอย่างชัดเจน โดยอัลบั้ม Speak Now มี Bad Boys จำนวนสูงสุดคือ 3 คน อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Taylor มักเอ่ยถึง "สีของดวงตา" ของบุคคลในเพลงอยู่บ่อยครั้ง ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ความเชื่อมโยงของอารมณ์ Taylor กับสีตาของบุคคลในเพลง และพบว่าคนที่ตาสีคราม (indigo) เป็นคนที่ทำให้เธอมีความสุขมากที่สุด ระหว่างการวิจัย ผู้วิจัยสร้างสคริปต์ภาษา Python เพื่อรวบรวมสถิติมาวิเคราะห์ และพัฒนาต่อมาเป็นโปรแกรมชื่อ taylorswift เอาไว้ใช้เลือกเพลงของ Taylor ที่ตรงกับอารมณ์ของเราในขณะนั้นได้ โปรแกรมเปิดให้ดาวน์โหลดบน GitHub งานวิจัยชิ้นนี้ชื่อว่า I Knew You Were Trouble: Emotional Trends in the Repertoire of Taylor Swift ตีพิมพ์ฉบับร่างในวันที่ 1 เมษายน 2021 ถึงแม้เป็นมุขตลกที่ออกแบบมาเพื่อวัน April's Fools แต่ก็เป็นงานวิจัยจริงๆ และโปรแกรมที่ใช้ก็รันได้จริงๆ ด้วย สำหรับผู้สนใจอ่านเปเปอร์ฉบับเต็ม ดูได้จาก I Knew You Were Trouble: Emotional Trends in the Repertoire of Taylor Swift
# AIS เปิดตัว LearnDi แพลตฟอร์ม EdTech รีสกิลคนทั่วไปและคนในองค์กร ในราคาเข้าถึงได้ AIS เปิดตัว LearnDi แพลตฟอร์ม EdTech ซึ่งต่อยอดมาจาก AIS Academy แพลตฟอร์มเข้าถึงความรู้สำหรับคนในองค์กร โดยแยกออกมาเป็นแพลตฟอร์มเรียนทักษะใหม่ เปิดให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ รวมหลักสูตร 250 หลักสูตร ในสาขาต่างๆ เช่น เทคโนโลยีพื้นฐาน เทคโนโลยีขั้นสูง ภาษา ไฟแนนซ์ มาร์เก็ตติ้ง เฮลท์แคร์ เป็นต้น AIS ร่วมมือกับ Invent, SEAC, Humanica, Conicle, NEO Academy by CMMU, Beyond Training, Doctor A to Z ในการจัดตั้ง LearnDi เป็นบริษัทแยก และเป็นความร่วมมือทั้งการพัฒนาระบบและแพลตฟอร์ม ด้านเนื้อหา และเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ โมเดลรายได้ของ LearnDi คือ ผู้เรียนจ่ายเงินเรียนประมาณ 2,000 บาท สามารถเข้าเรียนคอร์สต่างๆ ได้แบบบุฟเฟ่ต์ทั้งปี นอกจากนี้ยังมีธุรกิจแบบ B2B ที่ลูกค้าองค์กรณ์มาใช้แพลตฟอร์ม LearnDi เพื่อพัฒนาทักษะคนในองค์กรได้ ฟีเจอร์ของ LearnDi คือผู้เรียนสามารถทำแบบสอบถามเพื่อให้ระบบช่วยแนะนำคอร์สเรียนให้ เพื่อดูว่าผู้เรียนมีจุดแข็งและจุดอ่อนอย่างไร ในการทำแบบประเมินนี้ทาง AIS ได้ร่วมมือกับ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังสามารถตั้งปฏิทินการเรียนของตัวเองได้, มีแดชบอร์ดสรุปผลการเรียนและมีแบดจ์ดิจิทัลหรือ E-Certificate เมื่อเรียนจบ นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารทรัพยากรบุคคล กลุ่มบริษัท AIS ระบุว่า ที่ผ่านมาในองค์กร AIS มีโครงการสอนทักษะใหม่ๆ แก่คนในองค์กรอยู่แล้วในชื่อ AIS Academy เข้าถึงคนในองค์กร 13,000 คน เทรนด์การเรียนรู้ในปัจจุบัน มองว่าการที่องค์กรมาบอกว่าพนักงานต้องทำอะไร หรือต้องเรียนรู้อะไรใหม่เพิ่มจะหายไป แต่พนักงานจะไขว่คว้าหาความรู้เอง ซึ่ง EdTech จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้คนไทยในช่วงโควิด และดิสรัปชั่น สุนทร เด่นธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Humanica ผู้ให้บริการงานทรัพยากรบุคคล เล่าที่มาของการจับมือกับ AIS ว่า ปกติแล้วทางบริษัทเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมาย ภาษี กฎแรงงาน ประกันสังคม สวัสดิการ และได้เริ่มเรื่องการพัฒนา Talent เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือกับ Conicle สตาร์ทอัพทำแพลตฟอร์มเลิร์นนิ่งสำหรับคนในองค์กร นำบริการของ Conicle เชื่อมเข้ากับ Humanica ล่าสุด หลังจากนั้นก็ได้มาร่วมมือกับ AIS เพื่อมาพัฒนาเป็นแพลตฟอร์ม LearnDi ที่มา - งานแถลงข่าว
# ไมโครซอฟท์นำเกมเก่ายุค Xbox 360 มาให้เล่นบนมือถือ สตรีมผ่าน xCloud ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าเรื่อง backward compatibility ของเกมเก่า Xbox ต่อไป โดยล่าสุดประกาศนำเกมเก่ายุค Xbox 360 จำนวน 16 เกม มาเปิดให้เล่นผ่าน xCloud แปลว่าเราสามารถสตรีมเกมดังในอดีต เช่น Fable II, Gears of War 2, Perfect Dark Zero มาเล่นบนสมาร์ทโฟนได้อย่างถูกต้อง ส่งผลให้สมาร์ทโฟนยุคปัจจุบันกลายเป็นคอนโซลย้อนยุคได้ทันทีถ้ามีสมาชิก xCloud จุดที่น่าสนใจคือในบรรดาเกมชุดนี้ ยังมีเกมเก่าของ Bethesda อย่าง Fallout: New Vegas, The Elder Scrolls III: Morrowind และ The Elder Scrolls IV: Oblivion มาร่วมด้วย ซึ่งไมโครซอฟท์สามารถทำได้หลังควบรวม Bethesda เสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นเอง เว็บเกม Kotaku ออกมาชื่นชมไมโครซอฟท์ในเรื่องนี้ ว่าเป็นการอนุรักษ์เกมเก่าๆ ให้ยังคงอยู่และกลับมาเล่นใหม่ได้สะดวก ในขณะที่ฝั่ง Sony ที่เคยเป็นเลิศด้านการนำเกมเจนก่อนมาเล่นบนคอนโซลเจนปัจจุบัน (เช่น เอาแผ่น PS1 ไปเล่นบน PS2 ได้ทันที) กลับละเลยตลาดนี้ไปในช่วงปลายยุค PS3 ที่ถอดฟีเจอร์การเล่นเกม PS2 ออก Kotaku ยังเปรียบเทียบว่า Sony เพิ่งปิดร้านขายเกมดิจิทัลสำหรับ PS3, PSP, Vita แต่ลูกค้า Xbox 360 ที่ออกขายในปี 2005 ยังสามารถซื้อเกมดิจิทัลได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ และต่อให้ไม่มีคอนโซลเก่าแล้ว ลูกค้าที่ซื้อ Xbox Series X รุ่นใหม่ล่าสุด ก็สามารถซื้อเกมจาก Xbox รุ่นแรกมาเล่นได้ถ้าต้องการจริงๆ ที่มา - Xbox, Kotaku
# Imagine Cup 2021 รอบ World Finals ประกาศผล นักศึกษาไทยชนะประเภท Lifestyle ไมโครซอฟท์ประกาศผลการแข่งขัน Imagine Cup 2021 รอบ World Finals โดยทีม Threeotech จากม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ผ่านเข้ารอบเป็น 4 ทีมสุดท้ายและคว้ารางวัลเป็นผู้ชนะในประเภท Lifestyle ด้วยผลงาน JustSigns ในวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา Imagine Cup เป็นการแข่งขันพัฒนาซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีสำหรับนักเรียนนักศึกษาจากไมโครซอฟท์ ในปีนี้เป็นการแข่งขันปีที่ 19 โดยในปีที่ผ่านมา มีเยาวชนเข้าร่วมประชันความสามารถแล้วกว่า 2 ล้านคนจาก 190 ประเทศทั่วโลก ความสำเร็จของ Threeotech ในปีนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีสถิติที่ยอดเยี่ยมในการแข่งขัน Imagine Cup ด้วยตำแหน่งแชมป์โลกเป็นครั้งที่ 7 จากครั้งล่าสุดในปี 2016 โดยเกม Timelie ของทีม PH21 (อ่านข่าวเก่า) สร้างคำบรรยายและล่ามภาษามือแบบเสมือนด้วย JustSigns JustSigns เป็นเว็บแอปสำหรับสร้างคำบรรยายภาษามือแบบอัตโนมัติสำหรับผู้ผลิตสื่อ เพื่อช่วยผู้พิการทางการได้ยินสามารถรับชมภาพเคลื่อนไหวภาษามือ 3 มิติควบคู่กับวิดีโอต้นฉบับและเข้าถึงสื่อต่าง ๆ ได้อย่างเท่าเทียมมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ผลิตสื่อในการจ้างล่ามภาษามือและพัฒนามาตรฐานของการผลิตสื่อให้มีการใส่คำบรรยายภาษามืออย่างแพร่หลายอีกด้วย เทคโนโลยีของ Microsoft Azure ที่ใช้ใน JustSigns ได้แก่ Azure Static Web Apps / Azure Functions / Azure SQL Database และบริการอื่น ๆ สมาชิกในทีม Threeotech นายเจตนิพิฐ ธารทะเลทอง นายศุภากร จาง นายธัชวิน วิวัฒนโสภา นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ผลการแข่งขัน Imagine Cup 2021 รอบ World Finals ผู้ชนะในประเภท Earth ได้แก่ ทีม ProTag จากประเทศนิวซีแลนด์ กับผลงานสมาร์ทแท็กติดหูที่สามารถตรวจจับการเจ็บป่วยระยะแรกของสัตว์ในฟาร์มและให้ข้อมูลเชิงลึกแก่เกษตรกรได้แบบเรียลไทม์ ผู้ชนะในประเภท Education ได้แก่ ทีม Hand-On Labs จากสหรัฐอเมริกา กับผลงานแล็บที่สามารถควบคุมเครื่องมือทางกายภาพต่าง ๆ จากระยะไกล ตอบโจทย์การเรียนออนไลน์สำหรับนักเรียน ผู้ชนะในประเภท Healthcare ได้แก่ ทีม REWEBA จากประเทศเคนยา กับผลงาน IoT ที่สามารถตรวจกรองทารกแรกเกิด (Infant Screening) จากระยะไกลและส่งข้อมูลการตรวจวัดไปยังแพทย์ ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและป้องกันทารกจากโรคร้ายแรง ผู้ชนะในประเภท Lifestyle ได้แก่ ทีม Threeotech จากประเทศไทย กับผลงาน JustSigns ผู้ที่สนใจสามารถติดตามการแข่งขันและเชียร์ทีมต่าง ๆ ในรอบ World Championship ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ผู้ชนะในรอบ World Championship จะได้รับเงินรางวัล 75,000 เหรียญและสิทธิ์เข้าร่วม Mentoring Session แบบตัวต่อตัวกับคุณ Satya Nadella ซีอีโอของไมโครซอฟท์ ที่มา - Imagine Cup Thailand และ Student Developer Blog