txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# สักวันจะมีคนเหมาไปขุดเหมือง ซีอีโอ SK hynix ชี้โลกซีพียูกับแรมกับกำลังหลอมรวมกัน ชิปแรมจะประมวลผลได้ในที่สุด
Seok-Hee Lee ซีอีโอ SK hynix ผู้ผลิตแรมรายใหญ่ขึ้นพูดในงาน IEEE-IRPS แสดงวิสัยทัศน์ของโลกคอมพิวเตอร์ในอนาคต โดยสรุปภาพรวมว่าแรมและซีพียูกำลังหลอมรวมกันใกล้ชิดขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตเราจะเห็นซีพียูและแรมอยู่บนชิปเดียวกัน จนกระทั่งตัวแรมมีความสามารถประมวลผลข้อมูลได้ในตัว
Lee ให้เหตุผลของการคาดการณ์นี้ว่าการประมวลผลในอนาคตต้องการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และแบนวิดท์ระหว่างซีพียูและแรมกลายเป็นคอขวดของการประมวลผล เขาสรุปแนวโน้มที่ผ่านมาจากเดิมที่เราเห็นซีพีและแรมแยกกันอย่างชัดเจน แต่สถาปัตยกรรมใหม่ๆ เริ่มนำแรมและซีพียูมาเข้าใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ เช่นสถาปัตยกรรม HBM ที่มีแบนด์วิดท์ระหว่างซีพียูและแรมสูงมาก หรือ PNM ที่นำซีพียูและแรมไปอยู่บนโมดูลเดียวกัน
แนวโน้มนีัทำให้ Lee ทำนายว่าเราจะเห็นหน่วยประมวลผลแบบ Processing In Memory (PIM) ที่ซีพียูและแรมรวมเป็นแพ็กเกจเดียวกัน ไปจนถึง Computing In Memory (CIM) ที่ซีพียูและแรมกลายเป็นซิลิกอนชิ้นเดียวกันไปเลย
ที่ผ่านมาแรมและหน่วยความจำแบบอื่นๆ มักแยกออกจากชิปประมวลผลโดยตลาดแรมนับเป็นตลาดโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายโดยไม่ได้สนใจผู้ผลิตนัก หากผู้ผลิตสามารถทำตามมาตรฐานได้ แต่หากในอนาคตแรมมีความสามารถในการประมวลผลในตัวจริงก็อาจจะทำให้ตลาดนี้เปลี่ยนไป กลายเป็นสินค้าที่ไม่สามารถทดแทนไปมาระหว่างผู้ผลิตต่างๆ
ที่มา - SK hymix |
# OpenSSL ออกแพชต์แก้ช่องโหว่เปิดทางใบรับรองธรรมดาทำตัวเป็น CA
OpenSSL ออกแพตช์เวอร์ชั่น 1.1.1k แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสูงสองรายการที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ออกใบรับรองปลอม และอาจทำเซิร์ฟเวอร์แครช
ช่องโหว่ CVE-2021-3450 เป็นช่องโหว่ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ใช้ใบรับรองทั่วไปทำตัวเป็น certification authority (CA) แล้วนำไปรับรองใบรับรองอื่นๆ ได้ เปิดทางให้แฮกเกอร์สร้างใบรับรองสำหรับโดเมนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของเอง แม้ช่องโหว่นี้จะร้ายแรง แต่ไคลเอนต์ที่จะได้รับผลกระทบต้องเปิดฟีเจอร์ X509_V_FLAG_X509_STRICT ซึ่งค่าเริ่มต้นไม่ได้เปิดเอาไว้
อีกช่องโหว่คือ CVE-2021-3449 เปิดทางให้แฮกเกอร์ยิงแพ็กเก็ต ClientHello แล้วทำให้เซิร์ฟเวอร์แครชไปได้ โดยเซิร์ฟเวอร์ต้องรองรับ TLS 1.2 และเปิดฟีเจอร์ renegotiation เอาไว้ (เป็นค่าเริ่มต้นของ OpenSSL)
ที่มา - OpenSSL |
# Sigma เปิดตัว fp L กล้อง mirrorless เซนเซอร์ฟูลเฟรม 61 ล้านพิกเซล, ออโต้โฟกัสปรับปรุงใหม่, ขนาดเล็กเหมือนเดิม
Sigma เปิดตัวกล้อง mirrorless เซนเซอร์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ fp L โดยยังคงขนาดกะทัดรัดเหมือนกับ Sigma fp
Sigma fp L ใช้เซนเซอร์ 61 ล้านพิกเซล (9,520 x 6,328 พิกเซล) ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมระบบเอาท์พุตรองรับสูงสุดถึง 12-bit Cinema DNG Raw ออกไปยัง SSD นอกตัวกล้อง หรือจะเอาท์พุตเป็น Raw ผ่านทาง HDMI และ encode เป็น ProRes RAW หรือ Blackmagic RAW ก็ได้ (ขึ้นกับ recorder ที่ใช้งาน) รวมถึงรองรับการถ่ายวิดีโอ Full HD ที่ 120 เฟรมต่อวินาที (ในโหมดครอป)
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของตัวกล้องคือระบบ Crop Zoom ที่ฟีเจอร์ซูมของตัวกล้องจะใช้การครอปภาพ ใช้ได้ทั้งการถ่ายภาพและวิดีโอ ซึ่ง Sigma ระบุว่าฟีเจอร์นี้ใช้การครอปตรง ๆ ไม่มีการปรับผ่านระบบดิจิทัลใด ๆ ภาพจึงไม่เสียรายละเอียด แม้จะซูม 5 เท่าก็ยังได้คุณภาพ Full HD และวิธีใช้ฟีเจอร์นี้ก็ง่ายมาก เพียงถ่างหรือหุบนิ้วบนจอสัมผัสหลังกล้องเท่านั้น
ส่วนระบบโฟกัสที่แต่เดิมของ fp เป็น contrast-detection มาในรุ่น fp L ทาง Sigma ใส่ระบบโฟกัสแบบไฮบริดมาให้แทน ซึ่งเป็นระบบที่ Sigma นำระบบ contrast-detection และ phase-detection มารวมกันจนได้ระบบโฟกัสที่แม่นยำกว่าเดิม สามารถใช้ออโต้โฟกัสเพื่อติดตามวัตถุได้ทั้งระบบภาพนิ่งและวิดีโอ
ตัวกล้อง Sigmal fp L มีช่องเสียบ USB-C พร้อมรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ขณะที่กล้องเปิดใช้งานอยู่ (เท่ากับว่าเสียบแบตสำรองไปด้วยได้เหมือนโทรศัพท์มือถือ หรือจะใช้เป็นเว็บแคมโดยเสียบไฟกับพีซีก็ได้) ซึ่ง Sigma fp L ยังคงความเล็กของตัวกล้องใกล้เคียงรุ่นเดิม มิติของตัวกล้องอยู่ที่ 113 x 70 x 45 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 417 กรัม
Sigma fp L ไม่มีช่องมองภาพติดมากับตัวกล้องเหมือนรุ่นเดิม แต่ Sigma ได้ทำอุปกรณ์เสริมออกมาขายเป็น EVF-11 เป็นช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ OLED 0.5 นิ้ว 3.68 ล้านจุด ซึ่งในอนาคตจะรองรับ fp ด้วย
ที่มา - PetaPixel, PetaPixel |
# Flash Express และ U SAWARE แชร์ประสบการณ์ใช้ Intel NUC นำคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กผลักดันธุรกิจ
Intel NUC เป็นมินิพีซีจาก Intel ที่มีขนาดเล็ก คล่องตัว แต่ทรงพลัง ทั้งยังอัพเกรดได้ทั้งแรมและสตอเรจ และมาพร้อมกับระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาพิเศษให้เงียบที่สุด ปัจจุบันมีสเปกเครื่องสูงสุดถึงซีพียู Intel Core 10th Gen และมีหลากราคาหลายระดับให้เลือกได้สำหรับทุกขนาดธุรกิจ
ในปัจจุบันที่ธุรกิจยุคใหม่ต้องมีคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องแทบจะทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง ทำให้บางครั้งความยุ่งยากในด้านอุปกรณ์ ก็อาจกลายมาเป็นอุปสรรคในกลายขยายธุรกิจได้
Intel NUC จึงเข้ามาแก้ไขปัญหาในจุดนี้ โดยขนาดกะทัดรัดที่ทำให้การขนส่งทำได้ครั้งละเป็นจำนวนมาก ไม่เปลืองพื้นที่ในการเก็บรักษา คอนฟิกและติดตั้งได้ง่าย ไม่ซับซ้อนเหมือนการใช้งานพีซีตั้งโต๊ะขนาดใหญ่
ในวันนี้ ผู้เขียนจะพาไปชมสองกรณี ทั้งในฝั่งตัวแทนจำหน่ายของ Intel NUC อย่าง U SAWARE และในฝั่งธุรกิจอย่างบริษัทขนส่งแห่งอนาคตอย่าง Flash Express หนึ่งในลูกค้าของ U SAWARE ที่มีการนำ Intel NUC ไปใช้งานในด้านโลจิสติก เพื่อสนับสนุนในการขยายธรุกิจในอนาคต
U SAWARE ตัวแทนจำหน่าย Intel NUC ตัวช่วยผลักดันธุรกิจด้านฮาร์ดแวร์
U SAWARE เป็นบริษัทจัดจำหน่ายอุปกรณ์ต่อพ่วงด้านคอมพิวเตอร์สำหรับธุรกิจที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 2011 ปัจจุบันจำหน่ายทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ต่างๆ โดยมีพาร์ทเนอร์ทั้งโรงพยาบาล โรงแรมชื่อดังมากมาย และบริษัทให้บริการด้านโลจิสติกชั้นนำ
โดยคุณกาญจนา นพภักดี ผู้บริหารบริษัท U SAWARE จำกัด ได้ให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์กับ Blognone ว่าอุปกรณ์ Intel NUC ที่มีขนาดเล็กกระทัดรัด มีพอร์ตเชื่อมต่อครบถ้วน และสามารถปรับแต่งสเปกได้หลากหลาย สามารถนำไปใช้ได้กับผลิตภัณฑ์และบริการมากมายของบริษัท
คุณกาญจนาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อีกหนึ่งข้อได้เปรียบของ Intel NUC คือการที่อุปกรณ์หนึ่งเครื่อง สามารถต่อจอภาพได้หลายหน้าจอ ทำให้ประหยัดพลังงาน ประหยัดต้นทุนของลูกค้า ลดความซับซ้อน และเพิ่มความรวดเร็วในการขนส่งและติดตั้งลงได้มาก และเพราะลูกค้าของ U SAWARE ที่เป็นบริษัทโลจิสติก ย่อมเน้นความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ จุดขายในด้านความรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายและติดตั้งของ Intel NUC เช่นนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างมาก
การใช้งาน Intel NUC ไม่ใช่เพียงแค่การติดตั้งที่ไม่กินพื้นที่ แต่หากเครื่องมีปัญหาต้องพร้อมเข้าไปเปลี่ยนหรือซ่อมบำรุงให้ทันท่วงที โดยธุรกิจไม่สะดุด U SAWARE มีทีมงานให้บริการซ่อมบำรุง Intel NUC โดยเฉพาะทั้งแบบ on-site ในวันทำการถัดไปหลังจากแจ้งปัญหา หรือจะอัพเกรดเป็นแบบ 24 ชั่วโมง 7 วันก็ได้ขึ้นกับเงื่อนไขทางธุรกิจของลูกค้า โดย Intel NUC มีส่วนประกอบแต่ละรุ่นคล้ายกันทำให้ช่างของ U SAWARE มีความชำนาญในการแก้ไขปัญหา
Flash group หนึ่งในผู้ใช้ Intel NUC เพื่อการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว ฉับไว
Flash group นอกจากจะเป็นกลุ่มบริษัทที่มีฐานหลักเป็น Flash Express ผู้ให้บริการด้าน E-commerce แบบครบวงจร สัญชาติไทยแล้ว ยังมีบริษัทอื่นๆ ในเครือ เพื่อให้บริการด้าน E-commerce แบบครบวงจร ทั้งบริษัท Flash Logistic บริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่, Flash Money สำหรับการให้บริการทางการเงิน, Flash Fullfilment บริการการด้านคลังสินค้า และ Flash Tech หน่วยงานใหม่ด้านเทคโนโลยีของ Flash Group
คุณจรัสพักตร์ การปลื้มจิตต์ พาร์ทเนอร์กลุ่มธุรกิจแฟลช ให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์ว่าปัจจุบัน Flash Express มีพนักงานกว่า 27,000 คน และเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในช่วงปี 2020 ที่มียอดสั่งพัสดุมากขึ้น โดยเติบโตกว่า 500% ในช่วงไตรมาสที่มีการล็อกดาวน์จากการระบาดของไวรัส COVID-19
การขยายตัวที่รวดเร็วของธุรกิจ ย่อมต้องมาคู่กับปัจจัยในการจัดการระบบ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นองค์ประกอบ ทั้งในด้านการทำงานภายใน การตอบสนองกับลูกค้า และระบบบริหารจัดการบุคคล Flash Group จึงมีการจัดตั้งกลุ่ม Flash Tech ขึ้นมา เพื่อปรับปรุงการทำงานให้รวดเร็ว ว่องไว และรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
โดย Flash Tech ได้มีการนำ Intel NUC ไปใช้เป็นคอมพิวเตอร์เพื่อสนับสนุนการทำงานของระบบขนส่ง และระบบการจัดการพัสดุ ควบคู่ไปกับแอปพลิเคชั่นที่พัฒนาภายในกว่า 35 แอปพลิเคชั่น ที่ส่งผลตั้งแต่ต้นทาง ยาวไปถึง “last mile delivery” หรือการข่นส่งสินค้าในระยะสุดท้ายก่อนถึงมือผู้รับ
Intel NUC ที่มีขนาดกะทัดรัด ทำให้ใช้พื้นที่จัดเก็บน้อยลง ทีมงานสามารถตั้งค่าคอนฟิกไว้ล่วงหน้าก่อนจัดส่งไปยังสาขาต่างๆ ให้ใช้งานได้ทันที ช่วยให้การขยายสาขาเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เมื่อเทียบกับพีซีออล-อิน-วัน แบบทั่วไป ที่รวมฮาร์ดแวร์ไว้กับหน้าจอทำให้ขนส่งได้ยาก
โดยรวมแล้วการใช้งาน Intel NUC ยังทำให้สิ้นเปลืองวัสดุในการบรรจุน้อยลง จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพร้อมรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Flash Group ได้อย่างยั่งยืน
Intel NUC ผู้ช่วยแห่งธุรกิจยุค 4.0
ทั้งประสิทธิภาพ ความหลากหลายในการใช้งาน และขนาดกะทัดรัดที่เป็นจุดเด่นของ Intel NUC จึงทำให้ Intel NUC เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทั้งผู้จัดจำหน่ายอย่าง U SAWARE และผู้ใช้งานอย่าง Flash Group ประทับใจ และเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญในการพัฒนาธุรกิจอย่างรวดเร็ว คล่องตัว ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และมีส่วนในทุกด้านของธุรกิจเช่นในปัจจุบัน |
# Reuters รายงาน Xiaomi เตรียมผลิตรถ EV ในแบรนด์ตัวเอง ใช้โรงงาน Great Wall Motor
Xiaomi อาจเป็นบริษัทเทคอีกรายที่ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมรถ EV ล่าสุด Reuters รายงานโดยอ้างอิงบุคคล 3 ราย ว่า Xiaomi มีแผนจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยใช้โรงงานของ Great Wall Motor
โดย Xiaomi ตั้งเป้าหมายรถ EV ในตลาดใหญ่ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในเครือ ด้าน Great Wall Motor ที่ไม่เคยให้บริการด้านการผลิตแก่บริษัทอื่นมาก่อน จะให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรมเพื่อเร่งโครงการให้เร็วขึ้น
แหล่งข่าวยังบอกด้วยว่า Lei Jun ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของ Xiaomi เชื่อว่าความเชี่ยวชาญของบริษัทในการผลิตฮาร์ดแวร์จะช่วยเร่งการออกแบบและผลิต EV ออกมาได้ และคาดว่าจะสามารถผลิตออกมาได้ในปี 2023
ด้าน Great Wall Motor ก่อนหน้านี้ก็เปิดตัวแบรนด์สแตนอโลนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังกำลังสร้างโรงงาน EV ในประเทศจีนร่วมกับ BMW AG ของเยอรมนี และจะมีโรงงานแห่งแรกในไทยด้วย
ที่มา - Reuters |
# Spotify ดีไซน์หน้าแอปเดสก์ทอปใหม่ แสดงปุ่มค้นหาในหน้าสร้างเพลย์ลิสต์, เพิ่มปุ่มโหลดฟังออฟไลน์
Spotify ดีไซน์หน้าแอปเดสก์ทอป และเว็บแอปใหม่ ให้มีลักษณะสอดคล้องกับแอปพลิเคชั่นบนมือถือมากขึ้น มีการย้ายปุ่มค้นหามาไว้ที่แท็บซ้ายบนสุด รองลงมาจากปุ่ม Home หน้าตาการใช้งานคลีนขึ้น
ในการสร้างเพลย์ลิสต์ Spotify เพิ่มปุ่มค้นหาฝังมาไว้ที่เมนูสร้างเพลย์ลิสต์ เพื่อให้ค้นหาเพลงที่เรารู้จัก และเพิ่มเข้ามาได้ ใช้เมาส์ drag drop เพลงที่กำลังเล่นอยู่เข้ามาในเพลย์ลิสต์ได้
แสดงปุ่มดาวน์โหลดให้เห็นชัดขึ้น สำหรับโหลดเพลงฟังออฟไลน์ (เฉพาะกลุ่มผู้ใช้พรีเมี่ยม)
ในหน้า Library เพิ่งฟังก์ชั่นการแสดงเพลงที่เราฟัง และเพลงที่เรากดไลค์ไว้แยกเป็นกลุ่มๆ สามารถกดเพื่อดูเพลงที่เราฟังตามไทม์ไลน์เวลาได้ เช่นเพลงที่ฟังบ่อย เพลงที่เพิ่งเพิ่มเข้าเพลย์ลิสต์เมื่อเร็วๆ นี้ เป็นต้น
ที่มา - Spotify |
# ประธาน Xiaomi ระบุ ชิปขาดตลาดทำต้นทุนเพิ่ม อาจต้องขึ้นราคาสินค้าในอนาคต
Wang Xiang ประธาน Xiaomi ระบุกับผู้ถือหุ้นว่าสถานการณ์ชิปขาดตลาด อาจทำให้บริษัทต้องขึ้นราคาสินค้าในอนาคต ทำให้ผลกระทบตกไปถึงผู้บริโภคได้ในบางกรณี แต่บริษัทจะพยายามบริหารจัดการต้นทุนให้ดีที่สุด พร้อมทิ้งท้ายว่า “เรารู้สึกกดดันบ้าง แต่ยังดูโอเคอยู่” (“We are feeling pressure, but we are looking okay,”)
สภาวะขาดแคลนชิป เป็นผลกระทบจากหลายสิ่งรวมกัน ทั้งซัพพลายเชนที่ถูกรบกวนโดย COVID-19 การถูกกีดกันทางการค้าของจีน โดยเริ่มส่งผลกระทบกับวงการรถยนต์อัจฉริยะก่อน แล้วลามมาที่วงการอื่น ทั้งชิปมือถือไปยันการ์ดจอ และ Qualcomm ที่เป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ให้กับ Xiaomi และมือถือเจ้าอื่นๆ ก็กำลังประสบปัญหาในการผลิตชิปให้ทันกับดีมานด์อยู่ และยังไม่มีวี่แววว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อไร
ที่มา - Reuters |
# Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 780G ชิปเซ็ตรองรับ 5G รุ่นอัพเกรดจาก 765G อีกรุ่น
Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 780G ชิปรุ่นอัพเกรดจาก 765G และ 768G ที่เป็น 8 แกนเหมือนเดิม คราวนี้ผลิตด้วยกระบวนการ 5nm (5LPE) ของ Samsung เปลี่ยนแกนหลักจาก Cortex-A76 2 แกน เป็น Coretex-A78 4 แกน ความเร็ว 2.4GHz 1 แกน กับ 2.2GHz อีก 3 แกน และลดแกนประหยัดพลังงาน Cortex-A55 ลงเหลือ 4 แกน จาก 6 แกนในรุ่นก่อนๆ แต่เพิ่มความเร็วจาก 1.8GHz เป็น 1.95GHz
จีพียูใช้ Adreno 642 ที่ Qualcomm ระบุว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า Adreno 620 รุ่นโอเวอร์คล็อกบน 768G ถึง 50% ส่วนเอ็นพียู (neural processor unit) เป็น Hexagon 770 แบบ Scalar+Tensor+Vector ประสิทธิภาพ 12TOPs AI ชิปโมเด็มอัพเกรดเป็น Snapdragon X53 ที่รองรับ 5G และ Wi-Fi 6
ที่มา - Qualcomm, Anandtech |
# SCB 10X กับ Traveloka ตั้งบริษัท TREX Ventures เตรียมให้บริการการเงินดิจิทัลในภาคการท่องเที่ยว
SCB 10X บริษัทโฮลดิ้งคอมพานีในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ และ Traveloka ร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน TREX Ventures เตรียมพัฒนาบริการการเงินดิจิทัลแก่ลูกค้าของ Traveloka และลูกค้าของกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ โดยจะดำเนินการผ่านแพลตฟอร์ม Traveloka ซึ่งยังไม่ได้ประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมในการแถลงครั้งนี้
นางปิติพร พนาภัทร์ Chief Business Development and Financial Officer บริษัท SCB 10X ระบุว่า การร่วมทุนครั้งนี้ เป็นไปเพื่อนำเอาความสามารถของทั้งสองบริษัทมาร่วมกันพัฒนาบริการทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวยุคใหม่และกลุ่มลูกค้าผลิตภัณฑ์และบริการด้านไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย ทาง Traveloka จะใช้ความสามารถในการประมวลผลและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานจาก multi-touchpoint engagement platform และ robust data analytics platform ผสานกับความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีการเงินของธนาคารไทยพาณิชย์
มร.ซีซาร์ อินทรา ประธาน Traveloka Group กล่าวว่า ตามสถิติแล้วในประเทศไทยมีผู้ถือบัตรเครดิตเพียงร้อยละ 30 แต่ทางบริษัทเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยเช่นเดียวกับที่เรามองเห็นในประเทศอินโดนีเซีย Traveloka จะนำความสามารถในการวิเคราะห์และประมวลผลการติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภคมาใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการเงินสำหรับลูกค้าแต่ละราย
Traveloka แพลตฟอร์มให้บริการการท่องเที่ยว มีผู้ใช้งานในภูมิภาค 40 ล้านราย ในปี 2018 ที่ผ่านมา Traveloka เริ่มให้บริการ “Buy Now Pay Later (BNPL)” ในอินโดนีเซีย รวมทั้ง Paylater Credit Card เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานเพื่อให้ผู้ใช้งานมีโอกาสท่องเที่ยวและเข้าถึงบริการด้านไลฟ์สไตล์อื่นๆ
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# Samsung พัฒนาโมดูลแรม DDR5 เทคโนโลยี HKMG ขนาด 512GB ตัวแรกของโลก
Samsung ประกาศว่าบริษัทพัฒนาโมดูลหน่วยความจำแบบ DDR5 ขนาด 512GB โดยใช้เทคโนโลยี HKMG (High-K Metal Gate) หรือใช้วัสดุที่มีค่าคงที่ไดอิเล็กตริกสูง (high-k dielectrics) มาเป็นตัวฉนวน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลของแรม
โมดูลใหม่ถูกออกแบบมาใช้คู่กับซีพียูเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับแรม DDR5 เช่น ตระกูล Epyc 'Genoa' ของ AMD หรือ Xeon Scalable 'Sapphire Rapids' ของ Intel เมื่อใช้กับซีพียูที่มี 8 แชนแนลหน่วยความจำ และรองรับ DIMM สองชิ้นต่อแชนแนล จะทำให้ใส่หน่วยความจำ DDR5 ได้สูงสุดถึง 8TB
โมดูล RDIMM (registered DIMM) แบบใหม่ของ Samsung จะใช้แรม 16GB จำนวน 32 ชุด บน DRAM 16Gb ทั้งหมด 8 ชั้น เชื่อมต่อกันด้วยด้วยเทคโนโลยี through-silicon via (TSV) เพื่อประหยัดพลังงานและรักษาคุณภาพของการส่งข้อมูล
Samsung ระบุว่าแรม DDR5 ที่ใช้ HKMG และเทคโนโลยีอื่นๆ นี้ กินพลังงานน้อยกว่าหน่วยความจำรุ่นก่อนๆ ถึง 13% ช่วยประหยัดพลังงานให้กับเซิฟเวอร์ที่ต้องการใช้แรมความจุสูงๆ เช่น RDIMM ขนาด 512GB แบบใหม่นี้
ปัจจุบัน Samsung กำลังส่งโมดูล DDR5 แบบใหม่นี้หลายๆ แบบให้กับลูกค้าเพื่อให้ตรวจสอบและยืนยันการรองรับในอนาคตแล้ว
ที่มา - Samsung, Tom’s Hardware |
# Rocket League ออกเวอร์ชันมือถือ Sideswipe ปรับมุมมองเป็นด้านข้าง เปิดให้เล่นในปี 2021
เกมรถยนต์เตะฟุตบอล Rocket League (ปัจจุบันเป็นของ Epic Games) ประกาศออกเกมเวอร์ชันมือถือ Android/iOS ในชื่อ Rocket League Sideswipe
Rocket League Sideswipe เป็นเกมแยกต่างหาก ทำมาเพื่อการเล่นบนมือถือโดยเฉพาะ ปรับวิธีควบคุมให้เหมาะกับมือถือ เปลี่ยนมุมมองมาเป็นด้านข้างแทน เกมเพลย์มีความกระชับขึ้น ระยะเวลาแข่งขันลดเหลือ 2 นาทีต่อแมตช์ (เลือกได้แบบ 1v1 และ 2v2) รองรับทั้งการเล่นแข่งกับเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ กัน และแข่งกับคนอื่นผ่านออนไลน์
เกมจะเปิดให้เล่นฟรีภายในปีนี้ ตอนนี้เปิดทดสอบ Alpha ในบางภูมิภาคแล้ว ยังจำกัดเฉพาะเวอร์ชัน Android
ที่มา - Rocket League |
# Amazon เตรียมฉีดวัคซีน COVID-19 ให้พนักงานด่านหน้า เพิ่มเงินจูงใจ 80 เหรียญ ถ้าไปฉีดเอง
Amazon ร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะเริ่มทำการฉีดวัคซีน COVID-19 ให้พนักงานด่านหน้า เช่น คนส่งของ คนจัดการคลังสินค้า เจ้าหน้าประจำศูนย์ข้อมูล AWS และเจ้าหน้าที่ตาม Whole Foods Market
การฉีดวัคซีนในสถานที่ซึ่งดำเนินการโดยผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่มีใบอนุญาตตามอาคารศูนย์ปฏิบัติการของ Amazon เริ่มต้นที่มิสซูรี, เนวาดาและแคนซัส และจะขยายโครงการไปทั่วประเทศเนื่องจากมีวัคซีนให้บริการแก่พนักงานระดับแนวหน้าในรัฐอื่น ๆ มากขึ้น
Amazon ยังให้เงิน 80 ดอลลาร์แก่พนักงานที่ไปฉีดวัคซีนเองนอกสถานที่ เป็นแรงจูงใจเพิ่มให้ไปฉีดวัคซีน
ก่อนหน้านี้ Amazon ก็เสนอตัวช่วยรัฐบาล โจ ไบเดน ในการนำทีมงาน, ความรู้ไอทีและการสื่อสารเพื่อให้ประชาชนสหรัฐฯได้เข้าถึงวัคซีน ตามนโยบายของไบเดน
ที่มา - Amazon |
# Sony Pictures กำลังสร้างหนัง Ghost of Tsushima ได้ผู้กำกับ John Wick
Sony ยืนยันว่ากำลังสร้าง Ghost of Tsushima เวอร์ชั่นหนัง ได้ Chad Stahelski ผู้กำกับที่ฝากฝีมือไว้ใน John Wick มาร่วมสร้าง และสตูดิโอผู้สร้างคือ Sucker Punch Productions ซึ่งเป็นสตูดิโอผู้สร้างเกม Ghost of Tsushima ด้วย
เกม Ghost of Tsushima ประสบความสำเร็จมากพอที่จะต่อยอดไปยังสื่อมัลติมีเดียรูปแบบอื่นๆ ได้ ตัวเกมขายออกไปแล้ว 6.5 ล้านชุด ถือเป็นเกมออริจินัล PS4 ของโซนี่เองที่ยอดขายแตะ 5 ล้านชุดได้เร็วที่สุด
Ghost of Tsushima บอกเล่าเรื่องราวของซามูไร Jin Sakai ผู้ต้องปกป้องเกาะจากการรุกรานของมอลโกลในช่วง ศตวรรษที่ 13 ตัวแถลงการณ์ยังไม่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับนักแสดง และปีที่ออกฉาย
ที่มา - Engadget, Play Station |
# PUBG Mobile ทำเงินวันละกว่า 7.4 ล้านดอลลาร์ ในปี 2020 ปัจจุบันรายได้รวมกว่า 5.1 พันล้าน
Sensor Tower เปิดเผยข้อมูลรายได้ของเกม PUBG Mobile เกมยิง Battle Royale ของ Tencent ในปี 2020 และในไตรมาสแรกของปี 2021 นี้ โดยในปี 2020 ทั้งปีทำรายได้ไปกว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรกของปีนี้ (นับถึง 24 มีนาคม) 709 ล้านดอลลาร์ และทำรายได้รวมตั้งแต่เปิดตัวไปแล้วกว่า 5.1 พันล้านดอลลาร์
ไตรมาสที่ PUBG Mobile ทำเงินได้มากที่สุดในปี 2020 คือไตรมาสแรก ผลพวงจากการกักตัวทำให้ ในเดือนมีนาคมเพียงเดือนเดียว ตัวเกมทำรายได้ไปกว่า 300 ล้านดอลลาร์, ทำรายได้รวมไป 721 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนั้น และมีรายได้เฉลี่ยต่อวันในปี 2020 กว่า 7.4 ล้านดอลลาร์
ในประเทศจีน PUBG Mobile ถูกแทนที่ด้วย Game For Peace จาก Tencent ซึ่งเป็นเกม PUBG ที่ลดความรุนแรงลงตามกฎหมายจีน แต่ยังถือเป็นเกมเดียวกันอยู่ โดย Game For Peace ทำรายได้ไปกว่า 2.8 พันล้านดอลลาร์ในประเทศจีน เป็นประเทศอันดับหนึ่งที่ทำเงินมาที่สุด ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกาที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์
ที่มา - Sensor Tower |
# Red Hat หยุดจ่ายเงินให้ Free Software Foundation หลัง Richard Stallman กลับมา
จากกรณี Richard Stallman (RMS) กลับมาเป็นกรรมการ Free Software Foundation (FSF) โลกโอเพนซอร์สเรียกร้องให้ปลดกรรมการทั้งคณะ ความเคลื่อนไหวจากฝั่งโลกโอเพนซอร์สมักมาจากหน่วยงานระดับเดียวกัน เช่น มูลนิธิโอเพนซอร์สอื่นๆ อย่าง GNOME, X.Org หรือ Mozilla
ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจากฝั่งบริษัทแล้ว แถมเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกโอเพนซอร์สคือ Red Hat ที่ออกมาประกาศหยุดสนับสนุนเงินให้ Free Software Foundation และกิจกรรม งานอีเวนต์ต่างๆ ที่สนับสนุนหรือจัดโดย FSF ทั้งหมด นอกจากนี้ พนักงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ Red Hat จำนวนมากก็ประกาศไม่เข้าร่วมกิจกรรมของ FSF ด้วย
เหตุผลของ Red Hat คือต้องการให้ FSF เปิดกว้างเรื่องความหลากหลายให้มากขึ้น ซึ่ง Red Hat เรียกร้องมาตั้งแต่ตอนที่ RMS ลาออกแต่ไม่เป็นผล การกลับมาของ RMS ที่มีพฤติกรรมด้านเหยียดเพศแต่เดิม ยิ่งกลับมาทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
ที่มา - Red Hat |
# GlobalData เผย Apple เข้าซื้อบริษัท AI มากที่สุดใน 5 ปีที่ผ่านมา เป็นการลงทุนเร่งพัฒนา Siri
GlobalData บริษัทวิเคราะห์ด้านการตลาด เผยตัวเลข Top 5 บริษัทที่เข้าซื้อหรือควบรวมบริษัท AI ในช่วงปี 2016-2020 ที่ผ่านมา พบว่า Apple เข้าซื้อบริษัท AI อื่นมากที่สุด 5 ปีติดต่อกัน ตามมาด้วย Accenture, Google, Microsoft และ Facebook
ตัวเลขตอกย้ำให้เห็นว่า สหรัฐฯยังคงเป็นประเทศมหาอำนาจด้าน AI เพราะ Top 5 เป็นบริษัทสหรัฐฯทั้งหมด ยกเว้น Accenture ผู้ให้บริการไอทีรายใหญ่จากไอร์แลนด์ Apple, Google, Microsoft และ Facebook เข้าซื้อบริษัท AI ไปในช่วง 4 ปีรวมแล้ว 60 บริษัท โดย Apple ทำตัวเลขสูงสุดคือ 25 บริษัท
Nicklas Nilsson นักวิเคราะห์อาวุโสของทีมวิจัย GlobalData ระบุว่า แต่ละบริษัทเข้าซื้อเพื่อจุดประสงค์อย่างเช่น Apple เข้าซื้อเพื่อนำเทคโนโลยีมาพัฒนา Siri ของตัวเอง เช่นเข้าซื้อสตาร์ทอัพ Inductiv เพื่อพัฒนาดาต้าของ Siri เข้าซื้อ Voysis เพื่อพัฒนาการสนทนาที่เป็นธรรมชาติของ Siri และเข้าซื้อ PullString เพื่อการพัฒนา Siri ให้ใช้งานง่ายขึ้นสำหรับนักพัฒนา แสดงให้เห็นว่า Apple กำลังเร่งพัฒนา Siri เพื่อให้ตามทัน Google Assistant และ Alexa ของ Amazon
นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม Top 5 ยังมีการจ้างงานในตำแหน่งเกี่ยวกับ AI เพิ่มขึ้น เฉพาะปี 2020 ก็มีการประกาศจ้างมากกว่า 14,000 ตำแหน่ง
ที่มา - GlobalData |
# กูเกิลตั้งกลุ่ม Android Ready SE พัฒนากุญแจรถ-ใบขับขี่ดิจิทัล เก็บในชิป Secure Element
กูเกิลประกาศตั้งกลุ่มพันธมิตร Android Ready SE Alliance พัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยฝั่งฮาร์ดแวร์ (เก็บคีย์ไว้ในโมดูลฮาร์ดแวร์แยกเฉพาะที่ปลอดภัย เช่น Titan M ของ Pixel 3 แต่รวมถึงชิป Secure Element หรือ SE ยี่ห้ออื่นๆ ได้ด้วย)
กลุ่ม Android Ready SE Alliance ตั้งขึ้นเพื่อผลักดันให้เกิดการใช้งานชิป Secure Element และแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ StrongBox ของ Android (นับรวม Android TV, Android Auto, Wear OS) ในด้านต่างๆ เช่น กุญแจรถ-กุญแจบ้านดิจิทัล, ใบขับขี่, บัตรประจำตัวประชาชน, พาสปอร์ต, บริการด้านการเงิน
พันธมิตรที่เข้าร่วม Android Ready SE ตอนนี้คือบริษัทสายผลิตชิปอย่าง NXP, STMicroelectronics บริษัทความปลอดภัย Thales, บริษัทผลิตซิมการ์ด Kigen, บริษัทด้านระบบจ่ายเงิน Giesecke+Devrient
ในเบื้องต้น กูเกิลจะเน้นการใช้งานกุญแจรถดิจิทัลและการเก็บใบขับขี่-บัตรประชาชน บนฮาร์ดแวร์ SE ของพาร์ทเนอร์ที่เข้าร่วม โดยกูเกิลจะทดสอบและรับรองการทำงานของฮาร์ดแวร์เหล่านี้ เพื่อให้ OEM มั่นใจและสะดวกในการนำโซลูชัน SE ไปใช้งานต่อได้เร็วขึ้น แต่ยังไม่เปิดเผยว่ามี OEM รายใดเข้าร่วมแล้วบ้าง
ที่มา - Google |
# Facebook รายงานพบแฮกเกอร์ชาวจีนใช้แพลตฟอร์มเพื่อส่งมัลแวร์สอดแนมชาวอุยกูร์ในต่างแดน
Facebook รายงานผลการค้นพบแฮกเกอร์ชาวจีนที่ใช้แพลตฟอร์มในการพยายามแฮกบัญชีและกระจายมัลแวร์ทางอินเทอร์เน็ต โดยกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มชาวอุยกูร์ในต่างแดน
กลุ่มแฮกเกอร์นี้ ในวงการความปลอดภัยจะรู้จักในชื่อว่า Earth Empusa, Evil Eye หรือ White PoisonCarp จะใช้แพลตฟอร์มของตัวเองกระจายมัลแวร์และแฮกบัญชีผู้ใช้บนอินเทอร์เน็ต กลุ่มเป้าหมายคือชาวอุยกูร์ในต่างประเทศที่เป็นนักกิจกรรม นักข่าว ทั้งในสหรัฐฯ, ตุรกี, ซีเรีย, ออสเตรเลีย และแคนาดา
Facebook รายงานว่า แฮกเกอร์กลุ่มนี้จะพยายามใช้แทคติคหลายอย่างเพื่อระบุตัวตนเหยื่อ และพยายามติดตั้งมัลแวร์ลงเครื่องเหยื่อให้ได้เพื่อสอดแนม โดยวิธีที่ใช้งานมีหลายแบบ หนึ่งในนั้นคือ social engineering คือสร้างบัญชีปลอมบน Facebook ว่าเป็นนักข่าว, นักเรียน, นักสิทธิมนุษยชน หรือเป็นคนอุยกูร์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนที่จะส่งลิงก์ไปยังเว็บไซต์อันตรายและหลอกให้เหยื่อคลิก
นอกจากนี้ Facebook ยังพบการจ้างวานให้บริษัทสร้างมัลแวร์ด้วย โดยพบว่ามีบริษัทจีนที่เข้าไปเกี่ยวข้องสองราย คือ Beijing Best United Technology Co., Ltd. (Best Lh) และ Dalian 9Rush Technology Co., Lrd. (9Rush) ซึ่งสองบริษัทนี้อยู่เบื้องหลังเครื่องมือที่กลุ่มแฮกเกอร์ดีพลอยลงอุปกรณ์ Android
Facebook ระบุว่า เพื่อเป็นการยับยั้งการปฏิบัติการเหล่านี้ ทางแพลตฟอร์มจะสั่งบล็อคโดเมนที่อันตราย ไม่อนุญาตให้แชร์บนแพลตฟอร์ม รวมถึงสั่งปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเหล่านี้ และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ได้รับผลให้รับทราบ พร้อมทั้งแชร์รายการโดเมนอันตรายไว้ในเว็บไซต์ด้วย
สำหรับชาวอุยกูร์เป็นชาวมุสลิมซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยอยู่ในจังหวัดซินเจียงของประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันมีรายงานว่ารัฐบาลปักกิ่งเลือกปฏิบัติกับชาวอุยกูร์ รวมถึงมีประเด็นการคุมเข้มเรื่องวัฒนธรรมและสิทธิมนุษยชนในพื้นที่นี้ค่อนข้างมาก โดย Nathaniel Gleicher หัวหน้าฝ่ายนโยบายความปลอดภัยของ Facebook ระบุว่า แม้จะมีผู้ใช้จำนวนน้อยมากที่ได้รับผลกระทบจาก แต่ทางบริษัทจะยังคงรายงานเหตุการณ์นี้เนื่องจากทางบริษัทตระหนักดีว่าแม้จะเป็นกลุ่มเป้าหมายเล็ก ๆ แต่อาจสร้างผลกระทบขนาดใหญ่ได้
ที่มา - Facebook, TechCrunch |
# Bang & Olufsen เปิดตัว Beoplay HX หูฟังแบบครอบหูไร้สายพร้อม ANC ใช้ได้นานสุด 35 ชั่วโมง
Bang & Olufsen เปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ Beoplay HX เป็นหูฟังแบบครอบหู (over-ear) พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน และใช้งานได้นานสุดถึง 35 ชั่วโมง
สำหรับตัว Beoplay HX รองรับ Bluetooth 5.1 มี codec ที่รองรับคือ aptX Adaptive, AAC และ SBC พร้อมระบบเชื่อมต่อแบบ Google Fast Pair และ Microsoft Swift Pair เพื่อให้เชื่อมต่อหูฟังกับแพลตฟอร์มที่รองรับได้ง่ายขึ้น ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรให้ในตัว พร้อมสายเสียบในกล่อง และพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ มีปุ่มควบคุมอยู่ทั้งซ้ายและขวา ส่วนระบบสัมผัสมีเฉพาะทางฝั่งขวาเท่านั้น ซึ่งตัวหูฟังมีระบบตัดเสียง ANC ในตัว และใช้งานได้นานสุดถึง 35 ชั่วโมง (ถ้าปิด ANC จะใช้ได้นานสุด 40 ชั่วโมง)
วัสดุของตัว Beoplay HX ทาง B&O ระบุว่าทำมาจากหนังลูกแกะพร้อมบุเมมโมรี่โฟมด้านใน ส่วนครอบหัวทำมาจากหนังวัวฟอกและผ้า ส่วน ear cup ทำมาจากอะลูมิเนียมดิสก์ล้อมรอบด้วยเฮ้าส์ซิ่งพลาสติกรีไซเคิล ส่วน arm slider ก็ทำมาจากอะลูมิเนียมเช่นกัน
Bang & Olufsen วางขาย Beoplay HX ที่ราคา 499 ดอลลาร์ หรือราว 15,500 บาท โดยเริ่มวางจำหน่ายสีดำแล้วในบางประเทศ ส่วนสีขาวจะตามมาเดือนหน้า และสีขาวน้ำตาลจะตามมาในเดือนพฤษภาคม
ที่มา - The Verge |
# แบงก์ชาติอังกฤษเปิดเผยดีไซน์ธนบัตร 50 ปอนด์ภาพ Alan Turing เตรียมใช้งานจริง 23 มิถุนายนนี้
วันนี้ธนาคารแห่งอังกฤษเปิดภาพแบบธนบัตร 50 ปอนด์เป็นครั้งแรกหลังจากที่ตัดสินว่าจะใช้ภาพ Alan Turing บนธนบัตรรุ่นใหม่มาตั้งแต่ปี 2019 และจะเริ่มออกหมุนเวียนในตลาดในวันที่ 23 มิถุนายน 2021
องค์ประกอบของการออกแบบธนบัตร ได้แก่
ภาพ Alan Turing ในปี 1951 โดย Elliott & Fry
สมการและตารางจากรายงานวิชาการ หัวข้อ "On Computable Numbers, with an application to the Entscheidungsproblem" ที่ตีพิมพ์ใน Proceedings of the London Mathematical Society เมื่อปี 1936 ที่ถือได้ว่าเป็นรายงานวิชาการบุกเบิกวงการคอมพิวเตอร์สมัยใหม่
Automatic Computing Engine (ACE) Pilot Machine คอมพิวเตอร์ดิจิทัลที่สร้างตามแบบของ Turing สร้างโดย National Physical Laboratory
แผนผังเครื่อง British Bombe ชิ้นส่วนสำคัญในการถอดรหัสจากเครื่อง Enigma
คำพูดของ Turing ในการให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ The Times เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 1949 ว่า "This is only a foretaste of what is to come, and only the shadow of what is going to be." เป็นการพูดถึงคอมพิวเตอร์ในอนาคตที่ Turing ระบุว่าเรา (มนุษย์) ต้องมีประสบการณ์กับเครื่องจักรเสียก่อนจึงรู้ว่ามันจะมีความสามารถอะไรบ้าง แต่ Turing ก็แสดงความเชื่อว่าเครื่องจักรจะมีปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ในสักวันหนึ่ง
ลายเซ็น Turing จากสมุดเยี่ยมบ้าน Max Newman เมื่อปี 1947
เทปกระดาษแสดงข้อมูลวันเกิด Turing (23 มิถุนายน 1912) ในรูปแบบไบนารี โดยเทปกระดาษเป็นวิธีการเก็บข้อมูลพื้นฐานของ Turing Machine
นอกจากการแสดงความเคารพต่อ Turing ในฐานะผู้บุกเบิกวงการคอมพิวเตอร์และผู้มีส่วนให้สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงแล้ว ธนาคารแห่งอังกฤษยังแสดงความเคารพต่อ Turing ในฐานะ LGBT+ ที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายในยุคปิดกั้นอิสรภาพทางเพศ โดยจะประดับธงสายรุ้งบริเวณถนนหน้าธนาคารแห่งอังกฤษในวันแรกที่เริ่มปล่อยธนบัตรรุ่นนี้หมุนเวียนสู่ตลาด
ที่มา - Bank of England |
# Apple ออกโฆษณาใหม่ iPhone 12 ชูจุดเด่นหน้าจอเคลือบเซรามิกที่ทนทานมากขึ้น
แอปเปิลออกโฆษณาตัวใหม่ของ iPhone 12 ชื่อว่า Fumble เพื่อชูจุดเด่น เรื่องความทนทาน เน้นไปที่กระจกหน้าจอเคลือบเซรามิก ซึ่งทนมากกว่ากระจกหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไป
เนื้อหาโฆษณาอาจมาจากสถานการณ์จริงที่หลายคนเคยเจอ นั่นคือโทรศัพท์หลุดมือหล่นลงพื้น ซึ่งโฆษณาก็จบที่หน้าจอไม่เสียหาย และใช้งานต่อได้เลย
แอปเปิลระบุคุณสมบัติในตอนเปิดตัว iPhone 12 ทั้งสี่รุ่น ว่ากระจกเคลือบเซรามิกนี้ ทำให้มีความทนทานในการใช้งานมากกว่าเดิม 4 เท่า เทียบกับ iPhone รุ่นก่อนหน้านี้ ชมโฆษณาได้ท้ายข่าว
ที่มา: MacRumors |
# กูเกิล-ไมโครซอฟท์ ผนึกกำลังแก้ปัญหาเบราว์เซอร์แสดงผลเว็บต่างกัน
กูเกิล-ไมโครซอฟท์ประกาศความร่วมมือระหว่างทีม Chrome และ Edge แก้ปัญหาเรื่องเว็บเบราว์เซอร์แต่ละตัวแสดงผลมาตรฐานเว็บไม่เหมือนกัน ใช้ชื่อโครงการว่า #Compat2021
โครงการนี้จะอ้างอิงข้อมูลจาก Web DNA (Web Developer Needs Assessment) ที่ริเริ่มโดย Mozilla สำรวจความเห็นของนักพัฒนาเว็บ และพบว่ามีปัญหาสำคัญ 5 ประการคือ CSS Flexbox, CSS Grid, CSS position: sticky, CSS aspect-ratio property, CSS transforms ที่พฤติกรรมของแต่ละเบราว์เซอร์ต่างกัน
กูเกิล ไมโครซอฟท์ และพาร์ทเนอร์รายอื่นๆ จะร่วมกันแก้ปัญหานี้ โดยไมโครซอฟท์จะเริ่มจากแก้ Chromium ให้ผ่านการทดสอบ CSS Grid test 100% เป็นต้น
ตัวอย่างบั๊กของ CSS Flexbox (ซ้าย: ขนาดผิดจากบั๊ก auto-height, ขวา: แสดงผลถูกต้อง)
ที่มา - Microsoft, Web.dev (Google) |
# คุ้มอยู่มั้ย? มือถือ OnePlus แพงใกล้แตะ 1,000 ดอลลาร์ แต่อัพเดตช้า แถมการันตีอัพเดตแค่สองปี
หลังจากปีที่แล้ว ผู้เขียนเขียนบทความเกี่ยวกับราคาของมือถือ OnePlus ที่เคยได้ชื่อว่านักฆ่าเรือธง แต่ราคากลับแพงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี มาปีนี้ ราคาของ OnePlus 9 และ OnePlus 9 Pro ก็เคลื่อนตัวไปในทิศทางเดิม นั่นคือแพงขึ้นกว่าปีที่แล้วอีก
ราคามือถือปีที่แล้ว OnePlus 8 เริ่มต้น 699 ดอลลาร์ และ 8 Pro ที่ 899 ดอลลาร์ ส่วนปีนี้ OnePlus 9 เริ่มที่ราคา 729 ดอลลาร์ และ 9 Pro ที่ 969 ดอลลาร์ เกือบแตะหลัก 1,000 ดอลลาร์แล้ว ในขณะที่ข้อแตกต่างก็น้อยลงเรื่อยๆ แม้จะมีกล้องจากแบรนด์ Hasselblad มา แต่ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรขนาดนั้น
ในขณะที่คู่แข่งระดับเรือธงที่ใช้ Snapdragon 888 เหมือนกันคือ Realme GT หรือ Redmi K40 ที่ใช้ชิปเรือธง Snapdragon 888 ก็เริ่มต้นในระดับราคาประมาณ 430 กับ 460 ดอลลาร์เท่านั้น (แม้ไม่มีกล้องจาก Hasselblad หรือจอ AMOLED ที่เป็น Adaptive Refresh Rate แบบใน OnePlus 9 Pro ก็ตาม)
ปัญหาอีกอย่างของ OnePlus ในช่วงหลังคือการอัพเดต เพราะอัพเดตเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ให้แค่สองปี และอัพแพทช์ความปลอดภัยทุกสองเดือน (bi-monthly) เป็นเวลาสามปีที่ยึดถือมาตั้งแต่บน OnePlus 6 ในปี 2018 ซึ่งอาจจะดูช้าไปและน้อยไปซะแล้ว
ในทางปฏิบัตินอกจากนี้ มือถือรุ่นที่อายุเก่าเกิน 1 ปีของ OnePlus ก็ได้อัพเดตเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ค่อนข้างช้าเช่นกัน แม้ยังจะอยู่ในวงรอบการันตีอัพเดตสองปี เช่น OnePlus 7T และ 7T Pro ก็เพิ่งได้รับอัพเดตเป็นเวอร์ชั่น Oxygen OS 11 (Android 11) เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมานี่เอง
คู่แข่งในตลาดเองก็ปรับปรุงเรื่องการอัพเดตมากขึ้น เช่น One UI ของ Samsung เพิ่มระยะอัพเดตแพทช์ความปลอดภัยบนมือถือ Galaxy ทุกเครื่องให้เป็น 4 ปีแถมรุ่นเรือธงยังอัพเดตแพทช์ความปลอดภัย ไวพอๆ กับ Pixel แล้วอีกด้วย
ในยุคที่ราคามือถือ OnePlus ไม่ได้ต่างจากมือถือแอนดรอยด์เรือธงเจ้าอื่นมากนัก แถมยังแพงกว่ามือถือค่ายจีนอื่นๆ จนทำให้มูลค่าเมื่อเทียบกับระยะเวลา และความน่าดึงดูดของ OnePlus ลดลงไปแบบนี้ อาจถึงเวลาแล้วหรือยังที่ OnePlus จะทบทวนนโยบายอัพเดตทั้งแพทช์ความปลอดภัย และเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ของบริษัทอีกครั้ง
กราฟราคามือถือ OnePlus ที่แพงขึ้นเรื่อยๆ แทบทุกปี
ที่มา - 9to5Google |
# ประเมินรายได้ Genshin Impact ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์แล้ว นับเฉพาะเวอร์ชันมือถือ
บริษัทวิจัยตลาดแอพมือถือ Sensor Tower ประเมินรายได้ของเกม Genshin Impact (เฉพาะเวอร์ชัน iOS/Android เท่านั้นด้วย ไม่นับแพลตฟอร์มอื่น และไม่รวมเวอร์ชัน Android ในจีนที่ไม่ได้ขายบน Google Play) ว่าทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์เรียบร้อย ในเวลาไม่ถึง 6 เดือนหลังเกมเปิดตัว เท่ากับว่ามีรายได้เฉลี่ย 160 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน
หากเทียบกับบรรดาเกมมือถือดังๆ ด้วยกัน Genshin Impact ใช้เวลาสั้นที่สุดในการทำรายได้แตะหลัก 1 พันล้านดอลลาร์ โดยเจ้าของสถิติก่อนหน้านี้คือ Pokemon Go ใช้เวลา 9 เดือน ตลาดใหญ่ที่สุดของ Genshin Impact คือประเทศจีน เฉพาะเวอร์ชัน iOS ทำรายได้รวม 302 ล้านดอลลาร์ (Sensor Tower ไม่มีข้อมูลของเวอร์ชัน Android จีน) ตามด้วยญี่ปุ่น ทำรายได้ 287.3 ล้านดอลลาร์
Sensor Tower บอกว่าความสำเร็จของ Genshin Impact มาจากระบบตัวละครใหม่ที่ค่อยๆ เพิ่มเข้ามา โดยตัวละครที่ทำรายได้ต่อวันสูงสุดคือ Zhongli ที่ 15.5 ล้านดอลลาร์ภายในวันแรกที่เปิดขาย
ที่มา - Sensor Tower |
# ไมโครซอฟท์เปลี่ยนไอคอน File Explorer ชุดใหม่ เปลี่ยนสีของโฟลเดอร์
ไมโครซอฟท์เพิ่งปรับหน้าตาของ File Explorer เล็กน้อย เพิ่มพื้นที่ว่างให้มากขึ้นสำหรับจอสัมผัส
ล่าสุดใน Windows 10 Insider Preview Build 21343 มีเปลี่ยนไอคอนของโฟลเดอร์และรายการอื่นๆ ให้เข้าชุดกับ แนวทาง Fluent Design แบบใหม่ ดังเช่นที่ก่อนหน้านี้ Notepad เพิ่งเปลี่ยนไอคอนไป ถือเป็นการเปลี่ยนไอคอนของ File Explorer ครั้งใหญ่ในรอบหลายปี
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ไอคอนโฟลเดอร์สีเหลืองหายไปแล้ว กลายเป็นโฟลเดอร์สีต่างๆ ตามหมวดหมู่แทน เช่น Desktop เป็นโฟลเดอร์สีฟ้า, Download เป็นโฟลเดอร์สีเขียว เพื่อให้มองเห็นและแยกแยะได้ง่ายขึ้น ในรายละเอียดอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกพอสมควร เช่น ถังขยะ Recycle Bin เปลี่ยนทิศทางที่หันออก เป็นต้น
Build 21343 ยังมีสถานะเป็น Dev Channel และยังไม่ชัดเจนว่าจะถูกผนวกเข้ามาใน Beta/Stable Channel เมื่อใด อย่างเร็วสุดที่เป็นไปได้คือ v20H2 ช่วงปลายปีนี้
ที่มา - Microsoft |
# Richard Stallman กลับมาเป็นกรรมการ Free Software Foundation, โลกโอเพนซอร์สเรียกร้องให้ปลดกรรมการทั้งคณะ
สัปดาห์ที่ผ่านมา Free Software Foundation (FSF) มูลนิธิผู้ดูแลโครงการ GNU ประกาศแต่งตั้ง Richard Stallman (RMS) กลับมาเป็นกรรมการอีกคร้้ง หลังจากเขาลาออกไปเมื่อปี 2019 จากเหตุแสดงความเห็นปกป้องนักวิชาการที่ถูกดำเนินคดีล่วงละเมิศทางเพศ
Stallman ประกาศกลับมารับตำแหน่งในงาน LibrePlanet โดยไม่มีในกำหนดการล่วงหน้า สร้างความไม่พอใจต่อองค์กรโอเพนซอร์สอื่นๆ จากพฤติกรรมของ RMS ที่ปกป้องการล่วงละเมิศทางเพศ, เปรียบเทียบผู้มีอาการดาวน์ซินโดรมว่าเป็นสัตว์เลี้ยง, ไปจนถึงการการปกป้องการมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก
ตอนนี้องค์กรด้านโอเพนซอร์สจำนวนมากเริ่มลงชื่อเรียกร้องให้กรรมการ FSF ทั้งคณะลาออกเพราะกรรมการถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุนพฤติกรรมของ RMS เสียเอง พร้อมกับเรียกร้องชุมชนโอเพนซอร์สว่าหากกรรมการยังไม่ลาออก ก็ให้บอยคอต FSF ทั้งองค์กรด้วยการไม่บริจาคเงินเข้ามูลนิธิหรือร่วมงานอีเวนต์ ไปจนถึงการไม่ร่วมโครงการต่างๆ ของมูลนิธิ องค์กรโอเพนซอร์สที่ออกมาร่วมเรียกร้องครั้งนี้ เช่น Mozilla, Open Source Initiative, Tor Project, GNOME Foundation, X.org
FSF เป็นผู้ดูแลโครงการโอเพนซอร์สสำคัญๆ จำนวนมาก โดยอยู่ภายใต้โครงการ GNU ตั้งแต่โครงการแรกๆ อย่าง EMACS ไปจนถึง GCC ที่ใช้คอมไพล์เคอร์เนลหลักๆ หรือ GnuPG สำหรับการเข้ารหัสอีเมล
ที่มา - rms-open-letter
Richard Stallman ภาพโดย NicoBZH จาก Wikipedia |
# DigitalOcean เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว มูลค่าบริษัทวันแรก 4.48 พันล้านดอลลาร์
เมื่อคืนนี้ (24 มีนาคม ตามเวลาสหรัฐ) DigitalOcean เริ่มเข้าขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) เรียบร้อยแล้ว โดยใช้ตัวย่อว่า DOCN
บริษัทนำเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะจำนวน 16.5 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 47 ดอลลาร์ คิดเป็นมูลค่าการระดมทุน 775 ล้านดอลลาร์ (2.4 หมื่นล้านบาท) ราคาหุ้นวันแรกจบที่ 42.50 ดอลลาร์ ต่ำกว่าราคาเสนอขายประมาณ 10% มูลค่าบริษัทวันแรกอยู่ที่ 4.48 พันล้านดอลลาร์
DigitalOcean เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ขนาดกลางๆ ที่เน้นตลาดลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก บริษัทบอกว่าตลาดคลาวด์ทั้งหมดมีขนาดใหญ่มากๆ และยังมีที่ว่างระหว่างผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่ให้ทำธุรกิจได้
ที่มา - DigitalOcean, CNBC, ภาพจาก @DigitalOcean |
# Slack เปิดให้ส่งข้อความ DM ไปหาใครก็ได้ข้ามองค์กร แต่เจอปัญหาคนใช้กลั่นแกล้งกัน
วันนี้ Slack เปิดบริการส่งข้อความส่วนตัวข้ามองค์กร Connect DM ที่เคยโชว์มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 โดยชูจุดเด่นว่าจะสามารถใช้ทดแทนการสื่อสารอีเมลได้
Slack มีบริการชื่อ Slack Connect ไว้สร้างห้องแชทข้ามองค์กร อยู่แล้ว เป้าหมายคือใช้แก้ปัญหาการสื่อสารข้ามองค์กรที่ต้องใช้เครื่องมือต่างกัน หากองค์กรใช้ Slack เหมือนกันหมดก็สามารถคุยกันทาง Slack ได้เลย ส่วนฟีเจอร์ที่เปิดวันนี้คือส่งข้อความส่วนตัว (DM) ข้ามองค์กร
การใช้งาน Connect DM จำเป็นต้องเริ่มจากบัญชีแบบเสียเงินเท่านั้น แต่ฝั่งคู่สนทนาสามารถเป็นบัญชีแบบฟรีได้ด้วย วิธีการทำงานคือจะส่ง invite ไปทางอีเมลของคู่สนทนาก่อน เมื่อกดรับก็จะเข้ามาแชทกันใน Slack ได้เลย โดยผู้ที่อยู่คนละองค์กรจะมีสัญลักษณ์สีบ่งบอก และข้อความระบุว่ามาจากองค์กรใด
อย่างไรก็ตาม หลัง Connect DM เปิดไม่นาน ก็มีคนใช้ช่องทางนี้ส่งสแปมหรือคำด่าไปกับอีเมล invite ทันที เพราะโดยระบบแล้วเราสามารถส่งคำเชิญไปยังใครก็ได้ พร้อมข้อความที่เราเขียนได้เอง 560 ตัวอักษร ซึ่งทาง Slack เองก็ยอมรับปัญหานี้ และประกาศถอดฟีเจอร์การเขียนคำเชิญเองแล้ว
ที่มา - Slack, Ars Technica |
# Xiaomi ไตรมาส 4/2020 รายได้ทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง
Xiaomi รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2020 รายได้ทำสถิติใหม่สูงสุดในไตรมาสอีกครั้งที่ 70,500 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 24.8% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,200 ล้านหยวน ตามบัญชี non-IFRS
ไตรมาสที่ผ่านมา รายได้จากกลุ่มธุรกิจสมาร์ทโฟนของ Xiaomi เติบโต 38.4% ส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลก 42.3 ล้านเครื่อง และมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 3 ตามข้อมูลของ IDC ส่วนกลุ่มธุรกิจ IoT และสินค้าไลฟ์สไตล์ รายได้เพิ่มขึ้น 8.0%
Xiaomi บอกว่าธุรกิจสมาร์ททีวีได้ส่งมอบสินค้าตลอดปี 2020 ไป 12.0 ล้านเครื่อง มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในจีนติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 8 และประสบความสำเร็จในต่างประเทศเช่น อินเดีย อินโดนีเซีย และรัสเซีย
ที่มา: Xiaomi |
# Tencent ไตรมาส 4/2020 รายได้เติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ
Tencent รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2020 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 20,486 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 5,089 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% ตามมาตรฐานบัญชี non-IFRS
ซีอีโอ Ma Huateng กล่าวถึงผลการดำเนินงานตลอดปี 2020 ว่าแม้เป็นปีที่ผันผวนและท้าทายมาก แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาสะท้อนว่าธุรกิจของบริษัทยังแข็งแกร่ง บริษัทยังคงเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์บนอินเทอร์เน็ต และขยายสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในธุรกิจเกม
Tencent อัพเดตข้อมูลของกลุ่มธุรกิจเกม โดย Honour of Kings ยังเป็นเกมยอดนิยมติดต่อกันเป็นปีที่สอง นอกจากนี้ยังเปิดตัวเกมใหม่ Moonlight Blade ในไตรมาสที่ผ่านมา ส่วน Nintendo Switch ที่บริษัทได้สิทธิจัดจำหน่ายในจีน ขายไปได้แล้วมากกว่า 1 ล้านเครื่อง ส่วนธุรกิจโซเชียล WeChat หรือ Weixin ในจีน มีจำนวนผู้ใช้งานแบบ MAU รวม 1,225 ล้านบัญชี
ที่มา: Tencent (pdf) |
# ShopeePay เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ ตั้งเป้าขยายช่องทางจ่ายเงินออฟไลน์เพิ่ม
วันนี้ ShopeePay เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังประกาศรีแบรนด์จาก AirPay มาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์
ในแง่การใช้งานคงไม่มีอะไรเปลี่ยนจากเดิม แต่ ShopeePay ก็ประกาศวิสัยทัศน์ว่าต้องการรุกตลาดการจ่ายเงินแบบออฟไลน์มากขึ้น โดยอาศัยจุดเด่นด้านฐานลูกค้าออนไลน์ Shopee ที่มีจำนวนมาก ช่วยให้ร้านค้ามีโอกาสรับลูกค้าที่มี ShopeePay ได้มากขึ้น
ตัวอย่างร้านค้าพันธมิตรที่รับจ่ายผ่าน ShopeePay ได้แก่ AIS, Major Cineplex, SF Cinema, Mister Donut, Auntie Anne's, Dunkin Donuts, Au Bon Pain, Baskin Robbins, D'Oro, Foodland เป็นต้น |
# Samsung ร่วมกับ Manna ให้บริการส่งสินค้า Galaxy ด้วยโดรนสำหรับผู้สั่งสินค้าในไอร์แลนด์
Samsung ร่วมมือกับ Manna Drone Delivery เพื่อให้บริการส่งสินค้าด้วยโดรนสำหรับผู้สั่งซื้อสินค้า Galaxy ผ่านเว็บไซต์ Samsung ในประเทศไอร์แลนด์
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ร่วมรายการส่งสินค้าผ่านโดรน มีตั้งแต่ Galaxy S21 Ultra, Galaxy Buds Pro, Galaxy Tab S7, Galaxy Watch 3 และ Galaxy A Series ซึ่งตอนเริ่มให้บริการจะยังคงจำกัดเฉพาะเมือง Oranmore ก่อน
โดรนที่ Manna ใช้งาน จะเป็นโดรนเกรดที่ใช้ในอากาศยาน ตัวโดรนจะบินที่ความสูงราว 50-80 เมตรที่ความเร็วกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียงพอที่จะส่งสินค้าถึงลูกค้าในเมือง Oranmore ภายใน 3 นาทีหลังออกจากจุดปล่อยโดรน
นอกจาก Samsung แล้ว Manna ยังร่วมมือกับ Tesco รวมถึงธุรกิจท้องถิ่นอีกหลายแห่งเพื่อให้บริการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค, หนังสือ และยาให้ผู้ประชากรในพื้นที่ Oranmore ด้วย และในอนาคทางบริษัทจะขยายบริการโดรนขนส่งสินค้าไปทั่วประเทศ
ที่มา - Samsung, Engadget
ภาพจาก Samsung |
# Lazada ฉลองครบ 9 ปี มีฐานลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แตะ 100 ล้านคนแล้ว
Lazada ประกาศความสำเร็จว่ามีฐานลูกค้าแตะ 100 ล้านคนใน 6 ประเทศที่ทำธุรกิจอยู่ตอนนี้ (ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย)
ปัจจุบัน Lazada มีอายุ 9 ปี (เปิดตัวครั้งแรกปี 2012) โดยบริษัทระบุว่าตลอด 9 ปีที่ผ่านมาก็ได้บุกเบิกแนวคิดใหม่ๆ ในวงการอีคอมเมิร์ซหลายอย่าง เช่น ระบบโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซ แนวคิดช้อปเปอร์เทนเมนต์ เทคโนโลยีไลฟ์สตรีมมิง และบริการเก็บเงินปลายทาง (COD)
ในโอกาสครบ 9 ปี Lazada ยังจะมีแคมเปญ Surprise Birthday Sale ระหว่างวันที่ 27-29 มีนาคม 2564 ที่มีส่วนลดและโปรโมชั่นอีกหลายอย่างด้วย |
# เจ้าชาย Harry ได้งานใหม่เป็นผู้บริหาร BetterUp สตาร์ทอัพแนวโค้ชชิ่ง พัฒนาตัวเอง
งานใหม่ของของ เจ้าชาย Harry ดยุคแห่งซัสเซ็กส์หลังละบทบาทในราชวงศ์ คือเป็น Chief Impact Officer ในสตาร์ทอัพ BetterUp สำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก เป็นสตาร์ทอัพแนวโค้ชชิ่ง ให้ปรึกษาสภาพจิต และพัฒนาตัวเอง
เจ้าชาย Harry ระบุว่า เขาเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดลำดับความสำคัญของสมรรถภาพทางจิต จะช่วยปลดล็อกศักยภาพและโอกาสที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเรามีอยู่ภายในตัว เขาบอกด้วยว่าได้เรียนรู้ในชีวิตอย่างหนึ่งคือ เปลี่ยนความเจ็บปวดให้เป็นจุดมุ่งหมาย
BetterUp ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 เพิ่งระดมทุน 125 ล้านดอลลาร์ มีการจ้างโค้ช 2,000 คนและมีลูกค้าธุรกิจ 300 รายรวมถึง Hilton, Nasa, Chevron และ Mars
ตัวเจ้าชาย Harry และภรรยา Meghan ดัชเชสแห่งซัสเซ็กส์ยังเซ็นข้อตกลงด้านเนื้อหากับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Spotify และ Netflix ด้วย
ภาพจาก BetterUp
ที่มา - The Guardian |
# Builk รับเงินลงทุนซีรีส์ B นำโดย Beacon VC ในเครือธนาคารกสิกรไทย
Builk One Group บริษัทด้านแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจก่อสร้างของไทย รับเงินลงทุนรอบซีรีส์ B (ไม่เปิดเผยจำนวน) จากนักลงทุนทั้งหมด 4 รายคือ Beacon Venture Capital ในเครือธนาคารกสิกรไทย, AddVentures ในเครือ SCG, Cre-Ful และ Rosewood Capital
นายไผท ผดุงถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Builk ระบุว่าปัญหาหลักของอุตสาหกรรมก่อสร้างยังคงเป็นการเข้าถึงเทคโนโลยีและแหล่งเงินทุน ทำให้ขาดประสิทธิภาพ สูญเสียทั้งต้นทุน เวลา คุณภาพ แนวทางของ Builk จึงต้องการแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการเปลี่ยนการทำงานเป็นดิจิทัล ด้วยแพลตฟอร์มการบริหารธุรกิจก่อสร้างและการซื้อขายวัสดุก่อสร้างออนไลน์
แพลตฟอร์มของ Builk ในปี 2563 มียอดขายมากกว่า 500 ล้านบาท มีเครือข่ายผู้ประกอบการก่อสร้าง เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างกว่า 3,500 ราย การรับเงินลงทุนจาก Beacon VC รอบนี้ยังจะนำไปพัฒนาเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้รับเหมา หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินสำหรับผู้รับเหมาด้วย |
# รู้จัก Blue Protocol เกม MMORPG งานภาพคล้าย Genshin Impact จาก Bandai Namco
Blue Protocol เป็นเกม MMORPG จาก Bandai Namco ที่ประกาศเปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน 2019 พัฒนาโดยทีม Bandai Namco Online สตูดิโอภายในของ Bandai Namco เอง บน Unreal Engine 4 เกมเพลย์เป็นแบบแอ็กชั่นผจญภัยในโลกเปิดกว้าง มีงานภาพสไตล์อนิเมะ และมีระบบธาตุ คล้ายคลึงกับ Zelda Breath of The Wild และ Genshin Impact
ปัจจุบันเกมนี้ถูกประกาศว่าจะลงให้แพลตฟอร์ม PC และจะเปิดตัวในญี่ปุ่นก่อน แต่ก็มีข่าวจากผู้พัฒนา รวมถึงประกาศรับพนักงาน ว่าตัวเกมอาจมีอนิเมะเป็นของตัวเอง มีเวอร์ชั่นคอนโซล และจะวางจำหน่ายภายในปีงบประมาณ 2021 นี้ (หลังสิ้นเดือนมีนาคม 2021 ถึงภายในเดือนมีนาคม 2022)
ถึงแม้งานภาพของเกมคล้ายกับ Genshin Impact อย่างมาก จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกนำมาเปรียบเทียบกัน แต่สิ่งที่ Blue Protocol แตกต่างจาก Genshin Impact อย่างมากคือตัวเกมเน้นการเล่นแบบ MMORPG ไม่ได้เป็นเกมที่เน้นเนื้อเรื่องแบบผู้เล่นคนเดียว (แม้ใน Genshin Impact จะพาเพื่อนมาฟาร์มบอสได้ แต่ตัวเกมก็ไม่ได้บังคับ) กล่าวง่ายๆ คือเป็นเหมือนเกมออนไลน์ที่มีการสร้างตัวละคร เลือกอาชีพ ทำเควส อัพสกิล มีสัตว์ให้ขี่ ลงดันเจี้ยน ตีบอส คราฟต์ของ ในโลกที่ผู้เล่นในเซิฟเวอร์เดียวกันจะพบเจอกันได้ และมีอาชีพเริ่มต้น 4 อาชีพ ดังนี้
Aegis Striker - สายแทงค์ ใช้ดาบกับโล่ห์
Twin Striker - ตัวทำแดเมจ (DPS) อาวุธคือขวานคู่
Blast Archer - เป็นทั้งนักธนูและสายซัพพอร์ต
Spell Caster - นักเวทย์ โจมตีระยะไกล
เนื้อเรื่องในเกมคือผู้เล่นตื่นมาในโลกที่เคยถูกปกครองโดยเผ่าโบราณที่สาบสูญ และต้องออกเดินทางไปกับ Feste สิ่งมีชีวิตครึ่งมนุษย์ (คล้ายๆ Paimon) เพื่อค้นหาความทรงจำของตัวเอง และต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตลึกลับในตำนานที่มีชื่อว่า Avalitia
ส่วนโมเดลการเก็บเงิน ยังไม่เปิดเผยว่าจะเป็นระบบกาชา แบบเก็บเงินรายเดือน หรือแบบอื่น ส่วนสถานะของเกมในปัจจุบัน มีการทดสอบทั้ง Alpha และ Beta ในประเทศญี่ปุ่นไปหลายครั้งแล้ว แต่ทีมงานยังไม่ประกาศวันวางจำหน่ายที่ชัดเจน รวมถึงให้ข้อมูลว่าจะใช้เวลาขัดเกลาตัวเกมให้ออกมาดีที่สุดก่อน มีแค่เพียงช่วงเวลาวางจำหน่ายแบบกว้างๆ (ในปีงบ 2021) ดังที่กล่าวไปเท่านั้น
ที่มา - DualShockers, Blue Protocol Official Website, Blue Protocal Fandom |
# Tesla เตรียมรับจ่ายค่ารถด้วย Bitcoin ระบุจะรับมาเก็บไว้ ไม่แลกกลับเป็นเงินสด
Elon Musk ประกาศว่า Tesla Motors จะรับค่ารถเป็น Bitcoin ภายในปีนี้แต่จะให้บริการนอกสหรัฐฯ เท่านั้น
บริการต่างๆ รับ Bitcoin กันมาเป็นเวลานานแต่มักเป็นการรับผ่านบริษัทตัวกลางที่แปลงเงินเป็นเงินท้องถิ่นให้อีกครั้งโดยบริษัทเหล่านั้นมักคิดค่าบริการแพงจนกระทั่งการซื้อผ่าน Bitcoin แพงกว่าการซื้อด้วยเงินสดมาก
กรณีของ Tesla Motors ครั้งนี้ Musk ระบุว่าบริษัทจะรับค่ารถเป็น Bitcoin มาเก็บไว้ และจะไม่แลกกลับเป็นเงินสดแต่อย่างใด ตอนนี้เว็บ Tesla ยังแจ้งราคาเป็นเงินสกุลปกติเท่านั้นทำให้เรายังต้องเดากันต่อไปว่าถึงเวลาที่สามารถจ่ายด้วย Bitcoin ได้จริงๆ แล้วราคาจะต่างจากการจ่ายเงินสดแค่ไหน
ที่มา - @elonmusk |
# รีวิว Samsung Galaxy Tab Active 3 อึด ถึก ทน ถอดแบตได้ มาพร้อม S-Pen พร้อมลุยทุกงาน
Samsung Galaxy Tab Active 3 อีกรุ่นของแท็บเล็ตสายอึด ถึก ทน จาก Samsung สำหรับผู้ใช้งานในองค์กร เป็นอุปกรณ์แบบ Rugged ที่โฟกัสการออกแบบไปที่ความทนของตัวเครื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานในสภาพแวดล้อมเช่นการออกไซต์งาน หรือการใช้ภายนอก ในพื้นที่ที่มีฝุ่น มีน้ำหรือเสี่ยงต่อการตก และมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 21,900 บาท
จุดเด่นอีกอย่างคือรองรับการใช้งาน S-Pen รองรับการสัมผัสผ่านถุงมือผ้า และตอนหน้าจอเปียก เหมาะสำหรับวิศวกร หรือเจ้าหน้าที่ที่ต้องสวมถุงมือเวลาทำงาน หรือทำงานภายใต้สภาวะที่ต้องเปียกชื้นตลอดเวลา
Galaxy Tab Active 3 ยังสามารถถอดฝาหลังเปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือใช้งานโดยไม่ต้องมีแบตเตอรี่ แค่เสียบสายชาร์จ USB-C ไว้โดยตรงได้อีกด้วย
สเปกเครื่อง
ตัวเครื่องไม่ได้ใช้สเปกที่ใหม่นัก ชิปที่ใช้เป็น Exynos 9810 แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S9 (ปี 2018) แต่ไปเน้นด้านความทนทานและฟังก์ชั่นมากกว่า เพราะทนต่อการตกกระแทกมาตรฐาน MIL-STD-810H และกันน้ำกันฝุ่นแบบ IP68 มีสเปกอื่นๆ ดังนี้
หน้าจอ TFT-LCD 24-bit ขนาด 8 นิ้ว
ความละเอียดหน้าจอ1200x1920 พิกเซล
ซีพียู Exynos 9810
แรม 4GB
หน่วยความจำภายใน 64GB
กล้องหลัง 13MP
กล้องหน้า 5MP
รองรับซิม 4G และการ์ด microSD สูงสุด 1TB
แบตเตอรี่ 5,050 mAh ชาร์จเร็ว 15W
รัน Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.1
ด้านหน้าเป็นหน้าจอ LCD พร้อมกล้องหน้า 5MP ยังมีปุ่มโฮม ปุ่มแทสก์ และปุ่มย้อนกลับ อยู่ครบทั้งสามปุ่ม น่าจะเป็นเพราะออกแบบมาสำหรับสถานการณ์ที่กดบนจอยาก กดด้วยปุ่มจริงง่ายกว่า ส่วนการแสกนลายนิ้วมือ เป็นแบบทำผ่านปุ่มโฮม เหมือนในอุปกรณ์ Samsung รุ่นก่อนๆ
ด้านหลังมีกล้อง 13MP ตัวเดียว ชาร์จผ่าน USB-C รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 15W มีที่ชาร์จมาให้ในกล่อง มีลำโพงตัวเดียวอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง
ด้านซ้ายมีพอร์ต Samsung POGO สำหรับใช้กับอุปกรณ์เสริมเช่นคีย์บอร์ดหรืออื่นๆ ในตระกูล Galaxy Tab ได้
ด้านขวามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ปุ่มพาวเวอร์ และ Active Key (ปุ่มสีส้ม) ซึ่งเป็นปุ่มฮอตคีย์ที่ตั้งค่าให้เปิดแอปต่างๆ ได้
ในกล่องให้เคสกันกระแทกแบบหนามาด้วย (แม้ตัวเครื่องจะดูแข็งแรงอยู่แล้ว) ปากกา S-Pen เสียบอยู่ที่ด้านบนของเคส ส่วนที่ตัวเครื่องจะไม่มีช่องให้เสียบเก็บปากกา S-Pen
เมื่อใส่เคสแล้วจะเพิ่มความหนาของเครื่องมาอีกเล็กน้อย ช่วงมุมกินขอบจอเล็กน้อย และเป็นยางแบบนูนขึ้นมา ช่วยป้องกันกระจกไม่ให้กระแทกกับพื้นโดยตรง
หน้าจอ UI และการทดสอบประสิทธิภาพ
ระบบปฏิบัติการเป็น Android 10 ครอบด้วย One UI 2.1 มาจากโรงงาน สามารถเลือกไม่ติดตั้งแอป Samsung ได้ แต่มีแอป Google บังคับติดตั้งมาให้ในตัว ไม่สามารถเลือกไม่ติดตั้งได้
แอป Geekbench 5 ผู้เขียนลงเพิ่มเติมเพื่อทำการทดสอบ
คะแนน Geekbench 5 ไม่สูงนัก เพราะใช้ซีพียูปี 2018 น่าจะเหมาะกับผู้ใช้งานที่ไม่ได้เน้นใช้ประสิทธิของตัวเครื่องมากนัก แต่ต้องการความทนทานและฟังก์ชั่นของปุ่มกดในสถานการณ์ที่ใช้จอสัมผัสยาก
กล้อง
ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ให้มาในคุณภาพที่พอใช้ สู้กล้องมือถือในปี 2021 แม้จะรุ่นกลางๆ ก็ไม่น่าได้ แต่มีไว้ในระดับ “พอใช้งาน” เช่นถ่ายภาพรายละเอียดอุปกรณ์ เอกสาร หรือใช้กล้องหน้าเพื่อการประชุมงาน
ฟังก์ชั่นอื่นๆ และความทนทาน
ผู้เขียนลองทดสอบนำเครื่องที่ใส่เคสแล้วทำตกจากอกสู่โต๊ะ และพื้น ไม่ปรากฎร่องรอยใดๆ บนหน้าจอ เมื่อนำไปวางในซิงค์ และเปิดน้ำจากก็อกใส่ประมาณ 5 นาที ตัวเครื่องมีอาการรวนเล็กน้อย กดปุ่มไม่ได้ในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็ใช้งานได้ ตอนหลังขึ้นเตือนพบความชื้นในพอร์ตและไม่ยอมให้ต่อสายชาร์จอยู่นานพอสมควร กว่าจะกลับไปชาร์จได้ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรในระยะยาว และคิดว่าถ้าใส่เคสคงป้องกันน้ำได้ดีกว่าอีกหน่อย (เพราะฝาหลังถอดเปิดได้)
อีกฟังก์ชั่นที่น่าสนใจคือสามารถถอดฝาหลัง เพื่อถอดแบตเปลี่ยนได้ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นกันในมือถือหรือแท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆ ทั่วไป นอกจากนี้ยังสามารถทำงานได้แม้ไม่ใส่แบต แต่ใช้เสียบสาย USB-C ชาร์จไว้แทนอีกด้วย
ช่องรอบแบตเตอรี่จะมีขอบยางกันน้ำอยู่ที่ฝาหลัง
สรุป
Galaxy Tab Active 3 ถือเป็นแท็บเล็ตแบบ Rugged ที่หากเทียบราคาเริ่มต้น 21,900 บาทกับประสิทธิภาพแล้ว ถือว่าค่อนข้างสูง เพราะ Galaxy Tab S7 รุ่น WiFi ที่มาพร้อมชิปเรือธงปีที่แล้วอย่าง Snapdragon 865+ มีราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์ Samsung อยู่ที่ 23,900 บาทใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังได้หน้าจอ 11 นิ้ว แรม และหน่วยความจำภายในที่มากกว่า
แต่สำหรับลูกค้าองค์กร คนที่ต้องทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ไซต์งาน หรืออื่นๆ แล้ว ความแข็งแรงทนทาน การกันน้ำ IP68 การใช้งานผ่านถุงมือ หรือการพกแบตเตอรี่สำรองไว้เปลี่ยนเพื่อใช้งาน อาจคุ้มค่าพอให้ยอมแลกประสิทธิภาพกับความคงทนที่เพิ่มเข้ามา เพื่อความไว้ใจได้ในการทำงาน และทำให้ Galaxy Tab Active 3 เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ |
# AWS ประกาศตั้ง Adam Selipsky เป็นซีอีโอคนใหม่ ปัจจุบันเป็นซีอีโอ Tableau
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Jeff Bezos ประกาศลงจากตำแหน่งซีอีโอของ Amazon และให้ Andy Jassy มารับตำแหน่งต่อ ซึ่งเดิม Andy ดำรงตำแหน่งซีอีโอของ AWS ที่เป็นบริษัทคลาวด์ของ Amazon ทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลงและต้องหาคนมารับตำแหน่งต่อด้วย
ล่าสุด AWS ประกาศว่าจะแต่งตั้ง Adam Selipsky มาเป็นซีอีโอของ AWS ต่อจาก Andy Jassy ซึ่ง Adam ก็ไม่ใช่คนหน้าใหม่แต่อย่างใด เพราะเคยเป็น Vice President ที่ AWS ในปี 2005 ดูแลหลายงานทั้งฝ่ายขาย, การตลาด และซัพพอร์ตนานถึง 11 ปี ก่อนจะลาออกไปเป็นซีอีโอของ Tableau บริษัทซอฟต์แวร์ด้าน Data Visualization ชื่อดังที่โดน Salesforce ซื้อกิจการไปในปี 2019 ซึ่ง Adam ก็เข้าไปนั่งเป็นผู้บริหารของ Salesforce ด้วย
Adam Selipsky (ขวามือ) | ภาพโดย Tableau
AWS ระบุว่าภายใต้การนำของ Adam ทำให้ Tableau ประสบความสำเร็จอย่างมาก มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าในเวลาไม่กี่ปี และเปลี่ยนโมเดลการขายไลเซนส์ซอฟต์แวร์จากแบบซื้อขาดเป็น subscription อีกทั้งเขายังเคยทำงานในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของ AWS มา 11 ปีทำให้เขาคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและธุรกิจของ AWS เป็นอย่างดี
Adam Selipsky จะออกจาก Tableau และ Salesforce กลับมาทำงานกับ AWS ในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ และรับถ่ายทอดงานร่วมกับ Andy Jassy โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหารในช่วงไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ตรงกับช่วงที่ Andy ขึ้นรับตำแหน่งซีอีโอของ Amazon พอดี
ที่มา - Amazon |
# [ลือ] Qualcomm กำลังพัฒนาเครื่องเกมคล้าย Nintendo Switch รัน Android 12
Android Police รายงานแหล่งข่าวไม่เปิดเผยที่คุ้นเคยกับ Qualcomm ว่าบริษัทเตรียมออกเครื่องเกมในรูปแบบคล้ายกับ Nintendo Switch เพื่อชูประสิทธิภาพของซีพียูตระกูล Snapdragon ในการเล่นเกม โดยจะเป็นเครื่องเกมที่มีจอยสองข้างถอดได้ และผลิตโดยบริษัทผลิตคอนโทรลเลอร์ชั้นนำแห่งหนึ่ง
ตัวเครื่องจะคล้ายกับสมาร์ทโฟนที่หนากว่าปกติ เพื่อเพิ่มพื้นที่ระบายความร้อนให้ชิป Snapdragon รุ่นใหม่ที่จะออกในปี 2022 ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะเป็นรุ่นพิเศษ หรือเป็นรุ่นเรือธงแบบเดียวกับในมือถือ ภายในมีแบตเตอรี่ 6,000 mAh รองรับ Quick Charge หน่วยความจำภายในยังไม่เปิดเผย แต่จะรองรับ SD Card และรัน Android 12 ครอบทับด้วย Launcher คัสตอมแบบพิเศษ
ในด้านการเชื่อมต่อ เครื่องเกมนี้จะรองรับ 5G โดยใช้ชิป X55 รุ่นเก่า (ไม่มีคำอธิบายว่าทำไมจึงใช้ชิปโมเด็มรุ่นนี้) และยังไม่แน่ชัดว่าจะมีรุ่น Wi-Fi หรือไม่ แต่จะไม่มีฟีเจอร์ในการโทรออกโทรเข้าต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถส่งภาพออกทีวีได้ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีพอร์ต HDMI แยก หรือใช้ USB-C แค่พอร์ตเดียว
Marshal Rahman หัวหน้าบรรณาธิการ XDA Developers ทวิตเพิ่มเติมระบุถึงข้อมูลที่เขาได้รับมา ว่าหน้าจอของเครื่องนี้อาจมีขนาด 6.65 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ และมีพัดลมในตัว
Qualcomm วางแผนจำหน่ายเครื่องเกมนี้ภายในไตรมาสแรกของปี 2022 ในราคา 300 ดอลลาร์ (ราว 9,400 บาท) และจะรองรับ Google Play Store แอป Google ต่างๆ และแอป Epic Games Store ตั้งแต่วางจำหน่าย เพื่อเล่นเกมอย่าง Fortnite และเกม Android อื่นๆ จาก Epic Games โดยตรง รวมถึงอาจทำสโตร์วางจำหน่ายคอนเทนต์ของตัวเองควบคู่ไปด้วย
การสร้างเครื่องเกมนี้ ไม่น่าจะเป็นการกระโดดมาแข่งในตลาดเกมคอนโซล แต่ Qualcomm คงใช้เครื่องนี้เป็นเหมือนเครื่องอ้างอิง (reference device) เพื่อให้ผู้ผลิตรายอื่น เห็นประสิทธิภาพของชิป Snapdragon ในการเล่นเกมอย่างเต็มที่ และเพื่อให้เกิดอุปกรณ์ที่มีฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ๆ ขยายตลาดชิป Snapdragon ต่อไป
ที่มา - Android Police |
# VISA ออกผลสำรวจ โควิดกระตุ้นใช้จ่าย cashless คนไทยอยู่แบบไร้เงินสดได้เฉลี่ย 8 วัน
VISA ประเทศไทยออกผลสำรวจพฤติกรรมและความคิดเห็นคนไทย 1,000 คน อายุระหว่าง 18-65 ปี มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน เริ่มทำการสำรวจตั้งแต่ไตรมาสสามปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงหลังประกาศล็อกดาวน์ พบว่า สถานการณ์โรคระบาด กระตุ้นผู้คนให้ใช้จ่ายแบบไร้เงินสดมากขึ้น โดยการถามความเห็นระบุว่า คนไทยสามารถอยู่ได้โดยไม่ใช้เงินสดได้นาน 8 วันโดยเฉลี่ย
ในการถามความเห็นว่าแต่ละคนสามารถอยู่ได้โดยไม่ใช้เงินสดนานเท่าไร พบว่า 19% อยู่ได้นานถึงสัปดาห์, 6% อยู่ได่นานเกินสัปดาห์ แต่ไม่เกินเดือน, 4% อยู่ได้ถึงเดือน และ 7% อยู่ได้นานเกินเดือน สุธิพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการ VISA ประจำประเทศไทย ระบุว่าว่าเป็นผลจากช่องทางรับจ่ายแบบไร้เงินสดมีความหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น เช่นเดลิเวอรี่อาหาร ก็ใช้จ่ายไร้เงินสดได้ หรือขึ้นรถเมล์ซื้อของเซเว่นอีเลฟเว่นก็แตะจ่ายได้
ภาพโดย multifacetedgirl
มี 26% ในจำนวนผู้ตอบแบบสำรวจ ได้ลองใช้การแตะเพื่อจ่ายผ่านสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรก ซึ่งคาดว่ารวมการจ่ายผ่านอีวอลเลตแล้ว, 23% แตะจ่ายผ่านบัตรแบบ Contactless เป็นครั้งแรก และ 21% จ่ายผ่าน QR เป็นครั้งแรก ในผลสำรวจระบุด้วยว่า 51% พกเงินสดน้อยลง เมื่อเทียบกับการสำรวจปีที่แล้วยังอยู่แค่ 30%
สุธิพงษ์ ระบุเพิ่มเติมว่า ในอนาคต VISA จะทำการรับจ่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแตะจ่ายบนรถไฟใต้ดิน, เรือโดยสาร ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลในปีนี้ และขยายแตะจ่ายบนรถเมล์ให้ได้ 3,000 คัน และจะมีความร่วมมือด้านการแบ่งปันข้อมูลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งต้องรอแถลงในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
ที่มา - งานแถลงข่าว |
# Adobe รายได้ไตรมาสล่าสุด ทำสถิติใหม่อีกครั้ง เพิ่มขึ้น 26%
Adobe รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ของปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดวันที่ 5 มีนาคม 2021 รายได้รวมยังทำสถิติใหม่สูงสุดต่ออีกไตรมาสที่ 3,905 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิตามบัญชี GAAP อยู่ที่ 1,261 ล้านดอลลาร์
เฉพาะกลุ่ม Digital Media รายได้ 2,860 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% แบ่งเป็น Creative Cloud 2,380 ล้านดอลลาร์ (+31%) และ Document Cloud 480 ล้านดอลลาร์ (+37%) หากพิจารณาตัวเลขรายได้ต่อเนื่องใน 1 ปี (ARR) กลุ่ม Digital Media มีรายได้ 10,690 ล้านดอลลาร์
Shantanu Narayen ซีอีโอ Adobe กล่าวว่าบริษัทมีรายได้ทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง ทำให้ Adobe ปรับตัวเลขคาดการณ์รายได้ตลอดปีนี้เพิ่มขึ้น จากโอกาสในการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง Creative Cloud, Document Cloud และ Experiment Cloud กลายเป็นสิ่งจำเป็นของลูกค้าทุกกลุ่มตั้งแต่นักเรียนไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่
ที่มา: Adobe (pdf) |
# บริการ subscription ของ Yahoo จะรีแบรนด์มาใช้ชื่อเดียวกันคือ Yahoo Plus
Verizon Media Group กลุ่มธุรกิจสื่อในเครือ Verizon (ที่เปลี่ยนชื่อจาก Oath บริษัทที่รวม Yahoo และ AOL) ประกาศรีแบรนด์ผลิตภัณฑ์และบริการในเครือครั้งใหญ่ โดยเน้นชื่อแบรนด์ Yahoo เป็นศูนย์กลางให้มีความชัดเจนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น สตูดิโอ RYOT จะเปลี่ยนเป็น Yahoo Ryot Lab, เว็บคอนเทนต์ Makers เปลี่ยนเป็น Makers by Yahoo ส่วนเว็บข่าวไอทีอย่าง TechCrunch และ Engadget ยังไม่มีข้อสรุป
นอกจากนี้บริการของ Yahoo ที่มีตัวเลือกเก็บค่าสมาชิกรายเดือนหรือ subscription จะปรับแบรนด์ส่วนนี้ทั้งหมดโดยต่อท้ายด้วยคำว่า Plus (อีกแล้ว) เช่น Yahoo Fantasy Plus, Yahoo Finance Plus, Yahoo Mail Plus เป็นต้น
Joanna Lambert ผู้บริหาร Verizon Media บอกว่าที่ผ่านมาบริการ subscription ของ Yahoo นั้นให้บริการแยกส่วนกัน การรวมแบรนด์มาเป็น Yahoo Plus จะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มตัวเลือกทดลองใช้งาน หรือนำเสนอแพ็คเกจแบบพ่วงหลายบริการให้กับลูกค้าได้ดีมากขึ้น
ที่มา: Axios |
# เปิดตัว OnePlus Watch สมาร์ทวอทช์แบต 14 วัน รัน OS ตัวเอง เริ่ม 159 ดอลลาร์
นอกจาก OnePlus 9 และ 9 Pro แล้ว OnePlus ยังเปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกของบริษัท โดยจะไม่รัน Wear OS ของ Google แต่เป็นระบบปฏิบัติการของตัวเองแบบ RTOS หรือ คล้าย Fitbit หรือ Garmin และต้องลงแอปเชื่อมต่อนาฬิกาในมือถือเพื่อส่งข้อความหรือรับสายโทรศัพท์ (ตอนนี้แอปมีแค่ของ Android ส่วน iOS จะตามมาในอนาคต)
ตัวเรือนเป็นสแตนเลส หน้าปัด 46 มิลลิเมตร มีปุ่มสองปุ่มด้านข้าง หน้าจอ OLED 1.39 นิ้ว 326ppi ครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์ แรม 1GB หน่วยความจำภายใน 4GB มี แบตเตอรี่อยู่ได้สูงสุด 14 วัน และ 7 วันสำหรับการใช้งานหนัก ระบบชาร์จเป็นแบบ Warp Charge ชาร์จ 20 นาที ใช้งานได้ 1 สัปดาห์ สีดำ และสีเงินให้เลือก ราคาเริ่มต้น 159 ดอลลาร์ หรือราว 5,000 บาท
ฟังก์ชั่นด้านการออกกำลังกาย มาพร้อมกิจกรรม 110 ชนิด ตรวจจับการทำกิจกรรมอัตโนมัติ กันน้ำกันฝุ่น IP68 ตรวจจับการนอนหลับ ความเครียด ออกซิเจนในเลือด และอัตราการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับ OnePlus TV เพื่อใช้แทนรีโมตได้ และจะปิดอัตโนมัติ หากนาฬิกาตรวจพบว่าคุณนอนหลับไปแล้ว
ข้อจำกัดหนึ่งของการใช้ RTOS คือแอป third-party และหน้าปัดนาฬิกาจะมีน้อยกว่านาฬิกาที่ใช้ Wear OS และน้อยกว่า Tizen ที่อยู่บน Galaxy Watch มาหลายรุ่น รวมถึงการเชื่อมต่อกับแอปต่างๆ เช่น แอปออกกำลังยี่ห้อต่างๆ อาจจะยังรองรับไม่ทั่วถึงในช่วงแรก
ที่มา - The Verge |
# เปิดตัว OnePlus 9 กล้อง Hasselblad ชิป Snapdragon 888 เริ่มต้น 729 ดอลลาร์
OnePlus เปิดตัว OnePlus 9 และ 9 Pro มือถือเรือธงรุ่นใหม่ พร้อมกล้องที่ร่วมมือผลิตกับ Hasselblad แบรนด์กล้องจากสวีเดน ทั้งสองรุ่น เริ่มเปิดจองในสหรัฐ 26 มีนาคมนี้ และจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 2 เมษายน
รุ่น OnePlus 9 Pro ชูกล้องจาก Hasselblad เน้นสีที่เป็นธรรมชาติ (Natural Color Calibration) ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX789 แบบคัสตอม ที่ OnePlus บอกว่าขนาดใหญ่พอๆ กับ iPhone 12 Pro Max
หน้าจอเป็น AMOLED ชนิด LTPO (วัสดุ Low-Temperature Polycrystalline Oxide สามารถปรับอัตรารีเฟรชได้ต่ำลงเพื่อประหยัดพลังงาน) และเป็นแบบ Adaptive Refresh Rate ปรับได้ต่ำสุด 1Hz สูงสุด 120Hz สเปกอื่นๆ ดังนี้
OnePlus 9 Pro
หน้าจอ Fluid AMOLED (LTPO) ขนาด 6.7 นิ้ว
อัตรารีเฟรช 1hz-120Hz (Adaptive Refresh Rate)
ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 1300 nits
ชิป Snapdragon 888
แรม 8GB/12GB
หน่วยความจำ 128GB/256GB
กล้องหน้า 16 MP, f/2.4
กล้องหลัง 4 ตัว กล้องหลัก 48 MP, f/1.8, กล้องเทเลโฟโต้ 8 MP, f/2.4, กล้องอัลตร้าไวด์ 50 MP, f/2.2, depth sensor 2 MP, f/2.4
ถ่ายวิดีโอ 8K 30fps, 4K 120fps
แบตเตอรี่ 4,500 mAh
ชาร์จเร็ว 65W ชาร์จไร้สาย 50W
รองรับ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2
รัน Android 11 ครอบด้วย OxygenOS 11
OnePlus 9 Pro มีสามสี คือ Morning Mist (เงิน), Pine Green (เขียว), Stellar Black (ดำ)
ราคารุ่น 8GB + 128GB อยู่ที่ 969 ดอลลาร์ (ราว 30,100 บาท)
ราคารุ่น 12GB + 256GB อยู่ที่ 1069 ดอลลาร์ (ราว 33,200 บาท)
รุ่น OnePlus 9 มีกล้องหลังหลักเป็น Hasselblad เช่นกัน แต่ตัดกล้องเทเลโฟโต้ออกไป (กล้องหลังเหลือ 3 ตัว) หน้าจอไม่ได้เป็น Adaptive Refresh Rate เป็น AMOLED มีอัตรารีเฟรชคงที่ ที่ 120Hz และไม่รองรับการชาร์จไร้สาย สเปกอื่นๆ ดังนี้
OnePlus 9
หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz
ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 1100 nits
ชิป Snapdragon 888
แรม 8GB/12GB
หน่วยความจำ 128GB/256GB
กล้องหน้า 16 MP, f/2.4
กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 48 MP, f/1.8, กล้องอัลตร้าไวด์ 50 MP, f/2.2, depth sensor 2 MP, f/2.4
ถ่ายวิดีโอ 8K 30fps, 4K 30fps/60fps
แบตเตอรี่ 4,500 mAh
ชาร์จเร็ว 65W
รองรับ 5G, WiFi6, Bluetooth 5.2
รัน Android 11 ครอบด้วย OxygenOS 11
OnePlus 9 มีสามสีเช่นกัน คือ Winter Mist (เงิน), Astral Black (ดำ), Arctic Sky (ฟ้า)
ราคารุ่น 8GB + 128GB อยู่ที่ 729 ดอลลาร์ (ราว 22,700 บาท)
ราคารุ่น 12GB + 256GB อยู่ที่ 829 ดอลลาร์ (ราว 25,800 บาท)
ราคาเริ่มต้นถือว่าค่อนข้างแพง ถ้าเทียบกับมือถือจีนที่ใช้ชิป Snapdragon 888 รุ่นอื่นในปีนี้ เช่น Redmi K40 ที่เริ่มต้น 2,999 หยวน (ราว 14,000 บาท) หรือ Realme GT ที่ 2,799 หยวน (ราว 13,200 บาท) แต่ก็มีจุดขายคือมีกล้อง Hasselblad และราคาก็ยังใกล้เคียงกับราคาไทยของ Xiaomi Mi 11 ที่เริ่มต้น 21,990 บาท
ที่มา - TechRadar, GSMArena, GSMArena |
# อินเทลเผยแผน 7 นาโนเมตร เริ่มทดลองผลิตไตรมาส 2/2021 ของขายจริง 2023
นอกจากประเด็น IDM 2.0 อินเทลเตรียมเปิดรับงานผลิตชิปจากลูกค้าภายนอก Pat Gelsinger ซีอีโอของอินเทล ยังอัพเดตความคืบหน้าของการผลิตระดับ 7 นาโนเมตรด้วย
Gelsinger ยอมรับว่าปัญหา 10 นาโนเมตรที่เรื้อรังมานาน ทำให้แผน 7 นาโนเมตรโดนผลกระทบไปด้วย สิ่งที่เขาทำคือปรับปรุงแผน 7 นาโนเมตรใหม่ให้เรียบง่ายขึ้น, ร่วมมือกับ ASML ผู้ผลิตเครื่องยิงแสงแบบ EUV เพื่อใช้เทคโนโลยี EUV เพิ่มมากขึ้นอีก
Gelsinger บอกว่าอินเทลจะเริ่ม tape-in (นำแบบชิปมาลองผลิตบนแผ่นเวเฟอร์จริง) ของชิป 7 นาโนเมตรตัวแรก "Meteor Lake" ในไตรมาส 2/2021 สินค้าจะเริ่มวางขายจริงในปี 2023 และชิปอีกตัวที่จะผลิตด้วย 7 นาโนเมตรคือ "Granite Rapids" โค้ดเนมของชิปเซิร์ฟเวอร์ที่จะออกในปี 2023 เช่นกัน
ส่วนความคืบหน้าเรื่อง 10 นาโนเมตร อินเทลมั่นใจว่าในไตรมาส 3/2021 ซีพียูฝั่งไคลเอนต์ส่วนใหญ่จะเป็น 10 นาโนเมตรหมดแล้ว
ที่มา - Intel |
# อินเทลประกาศสร้างโรงงานใหม่ 2 แห่ง, ปรับโมเดลธุรกิจ เปิดรับจ้างผลิตชิปจากคนนอก
Pat Gelsinger ซีอีโอใหม่ของอินเทล ออกมาแถลงทิศทางธุรกิจเป็นครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง โดยใช้แนวคิดว่า "IDM 2.0" ปรับโมเดลใหม่เรื่องการผลิตชิปของอินเทล เตรียมเปิดรับงานจากลูกค้าภายนอกบริษัท (อ่านเรื่อง IDM ในบทความ เกิดอะไรขึ้นที่อินเทล ตอนที่ 2: ทำไมอินเทลไป 10 นาโนเมตรยาก แต่ TSMC ทำได้)
แผนการ IDM 2.0 ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ
อินเทลจะยังใช้โรงงานของตัวเองเป็นหลัก
แต่ก็จะขยายไปใช้โรงงานข้างนอกด้วย ที่ระบุชื่อคือ TSMC, Samsung, GlobalFoundries, UMC ทุกวันนี้อินเทลใช้โรงงานข้างนอกผลิตชิปสื่อสารและจีพียูอยู่แล้ว ส่วนซีพียูน่าจะเริ่มเห็นในปี 2023 เป็นต้นไป
ตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ Intel Foundry Services (IFS) รับงานผลิตชิปจากลูกค้าภายนอก ทั้ง x86, ARM, RISC-V
Gelsinger บอกว่าจุดเด่นของโรงงานอินเทล มีทั้งเรื่องกระบวนการผลิตที่ก้าวหน้า (7 นาโนเมตรกำลังจะมา), ระบบแพ็กเกจชิปที่เหนือกว่าคู่แข่ง เช่น Foveros การวางชิปเป็นชั้นๆ ในแนวตั้ง และ EMIB การเชื่อมต่อชิปย่อยๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งทั้งสองอย่างเริ่มนำมาใช้แล้วในจีพียูศูนย์ข้อมูล Ponte Vecchio
ส่วนแผนการตั้งโรงงานเพิ่มเน้นพื้นที่สหรัฐอเมริกา-ยุโรป เพื่อปรับบาลานซ์ที่โรงงานผลิตชิป 80% อยู่ในเอเชีย แถมยังตอบโจทย์เรื่องความมั่นคงตามนโยบายรัฐบาลชาติตะวันตกด้วย
บริษัทที่ระบุชื่อแล้วว่าจะมาเป็นลูกค้าของโรงงานอินเทล มีตั้งแต่ Google, Microsoft, Amazon, IBM, Qualcomm, Cisco, Ericsson, imec
อินเทลยังประกาศลงทุนอีก 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ตั้งโรงงานใหม่อีก 2 โรงในแอริโซนา (โรงงานแห่งล่าสุดคือ Fab 42 ในแอริโซนา เพิ่งเปิดในปี 2020) และมีแผนจะประกาศโรงงานแห่งใหม่ๆ ในสหรัฐและยุโรปเพิ่มอีก
ที่มา - Intel |
# Firefox 87 เปิดโหมด Private หน้าเว็บไม่พังแล้ว, Find in Page แสดงสีใน scrollbar
Mozilla ออก Firefox 87 มีของใหม่ที่สำคัญ 3 อย่าง
การค้นหาคำในเว็บเพจ (Find in Page) หากเลือกตัวเลือก Highlight All จะแสดงตำแหน่งของคำนั้นใน scrollbar (แบบเดียวกับ Chrome แต่ Firefox เพิ่งมี)
เริ่มใช้นโยบาย HTTP Referrer แบบใหม่ ส่งค่า referrer ให้เว็บปลายทางแค่โดเมนเนมของเว็บต้นทาง ตัดพาธและพารามีเตอร์ด้านหลังออก
โหมด Private Browsing เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ SmartBlock ออกมาแก้ปัญหาการท่องเว็บแบบพรางตัว บล็อคสคริปต์ต่างๆ อาจทำให้บางเว็บแสดงผลเพี้ยน รูปไม่ขึ้น หรือโหลดช้ากว่าปกติ ฟีเจอร์ SmartBlock ใช้วิธีไม่บล็อคสคริปต์ 100% แต่แทรกสคริปต์ตัวแทน (stand-in scripts) ที่ทำงานเหมือนกันลงไปแทน พฤติกรรมการแสดงผลหน้าเว็บจึงไม่เพี้ยน แต่สคริปต์ตัวแทนแบบนี้จะทำงานแบบ local ไม่สามารถตามรอยผู้ใช้ได้
ีฟีเจอร์อื่นๆ คือ รองรับตัวอ่านหน้าจอ VoiceOver ของ macOS, ปิดการทำงานของปุ่มลัด Backspace = ถอยหลัง เพื่อแก้ปัญหากดพลาดแล้วข้อมูลในฟอร์มหาย (ใครชอบใช้ปุ่มนี้ สามารถเปิดคืนได้จากหน้า about:config), ตัดรายการไม่จำเป็นออกจากเมนู Help
ที่มา - Mozilla, Mozilla |
# DARPA จัดแข่ง AI ขับเครื่องบินรบในระบบจำลองสำเร็จ เตรียมนำลงเครื่องบินทดสอบในปีนี้
DARPA หน่วยงานให้เงินทุนวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศความคืบหน้าของโครงการ Air Combat Evolution (ACE) ที่ปัญญาประดิษฐ์สามารถควบคุมเครื่องบินรบพร้อมใช้อาวุธหลากหลายประเภทบนเครื่องบินเพื่อรบแบบ dogfight กับนักบินในระบบจำลอง (simulation)
โครงการนี้เริ่มจากปีที่แล้วที่ Johns Hopkins Applied Physics Laboratory (APL) จัดการแข่งขัน AlphaDogfight จำลองการรบแบบ dogfight ด้วยเครื่องบิน F-16 และทีมที่ชนะสามารถเอาชนะนักบินจริงรวด 5 นัด หลังจากนั้นระบบจำลองเริ่มมีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ มีการจำลองเหตุการณ์ที่มีฝ่ายเดียวกันร่วมบินขับไล่ และเปิดให้ใช้ได้ทั้งปืนและมิสไซส์
หลังจากจบเฟส 1 ที่เป็นระบบจำลอง ในเฟส 2 ทีมงานจะหันไปทดสอบการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ในเครื่องบินขนาดเล็กที่บินได้จริงแทน โดยมีกำหนดว่าจะบินทดสอบได้ในปีนี้ และในเฟส 3 จะมีการดัดแปลงเครื่องบินรบจริงมาทดสอบปัญญาประดิษฐ์ต่อไป
ที่มา - DARPA |
# Crystal ภาษาคล้าย Ruby แต่ประสิทธิภาพระดับ C ออกเวอร์ชั่น 1.0
Crystal โครงการภาษาโปรแกรมโอเพนซอร์สที่พยายามพัฒนาภาษาที่โครงสร้างคล้ายภาษา Ruby แต่ประสิทธิภาพอยู่ในระดับเดียวกับภาษา C ประกาศออกเวอร์ชั่น 1.0
แนวทางของ Crystal นั้นพัฒนาภาษาให้ต้องคอมไพล์เป็นไบนารีก่อนจึงจะรันได้ ตัวภาษามี garbage collector สำหรับจัดการหน่วยความจำ และระบบ fiber/channel ที่ได้แนวคิดมาจากภาษา Go ตัวภาษามีการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2011 โดยเริ่มเขียนคอมไพลเลอร์บนภาษา Ruby เองก่อนจะคอมไพล์ตัวคอมไพล์เลอร์ได้สำเร็จในช่วงปี 2013 และออกแพ็กเกจเวอร์ชั่น 0.1.0 ในปี 2014
การประกาศเวอร์ชั่น 1.0 ครั้งนี้เป็นการกำหนดแนวทางของโครงการว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์ภาษาและไลบรารีที่ทำให้โค้ดเดิมทำงานไม่ได้อีกจนกว่าจะออกเวอร์ชั่น 2.0 ก่อนออกเวอร์ชั่นนี้ทางโครงการได้ตัด API บางส่วนของไลบรารีมาตรฐานออกไป แต่นอกจากตัวภาษาแล้ว แม้จะเป็นเวอร์ชั่น 1.0 แต่ฟีเจอร์จำนวนมากก็ยังไม่สมบูรณ์ เช่นการซัพพอร์ตวินโดวส์, การรองรับงานแบบ multithreading, และการรองรับสถาปัตยกรรม ARM โดยทีมงานกำลังซัพพอร์ตส่วนเหล่านี้ในเวอร์ชั่นต่อๆ ไป
ที่มา - Crystal Blog |
# Chrome เปลี่ยนนโยบาย หากผู้ใช้ไม่พิมพ์โปรโตคอลจะถือว่าเป็น HTTPS เสมอ
Chrome ประกาศเปลี่ยนนโยบายตั้งแต่เวอร์ชั่น 90 (ปัจจุบันเป็นเบต้า) ว่าหากผู้ใช้พิมพ์เฉพาะโดเมน จะถือว่าผู้ใช้กำลังเข้าเว็บแบบ HTTPS เสมอ เบราว์เซอร์จะไม่พยายามเข้า HTTP ที่ไม่เข้ารหัสเป็นค่าเริ่มต้นอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้หากผู้ใช้ไม่ระบุโปรโตคอล Chrome จะเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์แบบ HTTP ที่ไม่เข้ารหัสยกเว้นว่าตัวเว็บจะพยายามแจ้งให้เบราว์เซอร์เชื่อมต่อแบบเข้ารหัสเสมอด้วยมาตรฐาน HSTS ขณะที่เว็บจำนวนมากที่ให้บริการเฉพาะ HTTPS ก็มักเปิดเซิร์ฟเวอร์ HTTP เอาไว้สำหรับ redirect ไปยัง HTTPS อยู่ดี กระบวนการนี้มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งในแง่ประสบการณ์ของผู้ใช้ที่จะเห็นเว็บช้าลงเพราะโดน redirect ไปมา และบางทีมีข้อมูลสำคัญถูกส่งต่อทาง HTTP โดยไม่ตั้งใจทำให้คนร้ายที่ดักฟังอยู่เห็นข้อมูลได้
แนวทางใหม่ของ Chrome จะพยายามเชื่อมต่อด้วย HTTPS ก่อนแต่หากเชื่อมต่อไม่ได้จึงค่อยพยายามเชื่อมต่อ HTTP อีกครั้ง
แนวทางนี้มีผลทั้ง Chrome Desktop และ Chrome for Android ในเวอร์ชั่น 90 ที่กำลังจะออก ส่วน Chrome on iOS จะเปิดฟีเจอร์นี้ภายหลัง
ที่มา - Chromium Blog |
# JD.com เข้าถือหุ้นใน Dada Group บริการจัดส่งสินค้า On-Demand ในจีน เป็นเงิน 800 ล้านดอลลาร์
JD.com อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน ประกาศเข้าลงทุนใน Dada Group ผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าแบบออนดีมานด์เป็นเงิน 800 ล้านดอลลาร์ โดยหลังดีลหลังกล่าวเสร็จสิ้น JD.com จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน Dada คิดเป็นจำนวน 51% เงื่อนไขของข้อตกลงนี้ JD.com จะไม่สามารถขายหรือโอนหุ้นเป็นเวลา 6 เดือน
ก่อนหน้านี้ในปี 2016 JD.com เคยทำดีลควบรวมธุรกิจในเครือ JD Daojia ที่ให้บริการด้าน O2O กับ Dada โดยจัดบริษัทใหม่และใช้แบรนด์ Dada ต่อมาในปี 2018 บริษัทนี้ก็ได้เงินเพิ่มทุนอีก 500 ล้านดอลลาร์จาก Walmart และ JD เอง
ซีอีโอของ Dada Group กล่าวว่าดีลดังกล่าว จะทำให้บริษัทมีบริการจัดส่งสินค้าในพื้นที่แบบออนดีมานด์ที่ดียิ่งขึ้น และสามารถต่อยอดร่วมกับบริการในหลากหลายหมวดสินค้าของ JD ได้อีกด้วย
ที่มา: JD.com ผ่าน Reuters |
# Facebook ประกาศจัดงาน F8 Refresh วันที่ 2 มิถุนายนนี้ เป็นออนไลน์ทั้งหมด
Facebook ประกาศจัดงาน F8 งานสัมมนานักพัฒนาของบริษัทอย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 2 มิถุนายน โดยจัดในชื่อว่า F8 Refresh เป็นรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19
งาน F8 ในปีนี้ Facebook จะเปิดไลฟ์สตรีมผ่าน Facebook for Developers ให้ผู้ที่สนใจเข้าชมได้ทั่วโลก เนื้อหาหลักของ F8 Refresh จะจัดเป็นงานแสดงเครื่องมือที่ใช้งานกับแอปในตระกูล Facebook รวมถึงเซสชั่นที่ให้ข้อมูลเชิงเทคนิคและการสาธิตต่าง ๆ ให้นักพัฒนาเข้าชมได้ ซึ่ง TechCrunch ได้รับการยืนยันจาก Facebook แล้วว่าปีนี้จะไม่มีคีย์โน้ตจากซีอีโอ Mark Zuckerberg แต่จะเป็น Konstantinos Papamiltiadis รองประธานฝ่าย Platform Partnerships มาเป็นผู้พูดเปิดงานนี้
นโยบายของ Facebook ระบุไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วว่าบริษัทจะงดจัดงานที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากทั้งหมด โดยยกเลิก F8 2020 แล้ว และมีผลมาจนถึง F8 ในปีนี้
ที่มา - Facebook Developers, TechCrunch
ภาพจาก Facebook Developers |
# โปรดเกล้าแล้ว นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลคนล่าสุด
ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ หลังจากนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำกปปส. และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลถูกตัดสินจำคุก 7 ปีจนต้องพ้นตำแหน่งไป โดยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีคนล่าสุด
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐลำดับที่ 10 (นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 3 ส่วนนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณอยู่ในลำดับที่ 1) และยังเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
นายชัยวุฒิ เป็นข่าวช่วงเดือนที่ผ่านมาจากการแสดงความเห็นต่อเยาวชนที่แสดงความไม่พอใจรัฐบาลว่า "เด็กเหล่านี้เขาไม่มีความรู้ความเข้าใจ เขาโดนล้างสมอง โดนฝังชิบในสมอง ให้ชังชาติ ให้ต่อต้านสังคม แล้วบ้านเมืองจะอยู่กันยังไง" นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ เขายังระบุว่า "ต้องดึงอำนาจอธิปไตยไซเบอร์กลับมาเป็นของคนไทยให้ได้"
ที่มา - ราชกิจจานุเบกษา |
# LEGO เปิดตัวชุดตัวต่อกระสวยอวกาศพร้อมกล้องโทรทรรศน์ Hubble
LEGO เปิดตัวชุดตัวต่อกระสวยอวกาศ Discovery ในภารกิจ STS-31 ภารกิจนำส่งกล้องโทรทรรศน์ Hubble เมื่อเดือนเมษายน 1990
ชุดตัวต่อสามารถวางแยกชิ้นระหว่างตัวกระสวยอวกาศและกล้องโทรทรรศน์ หรือจะเปิดตัวกระสวยนำกล้องโทรทรรศน์เข้าไปไว้ภายในก็ได้ โดยรวมชุดนี้มีชิ้นส่วน 2,354 ชิ้น แนะนำผู้เล่นอายุ 18 ปีขึ้นไป
ก่อนหน้านี้ LEGO ออกชุดตัวต่ออวกาศ หรือ LEGO NASA Galaxy มาแล้ว 3 ชุด ได้แก่ ชุดสถานีอวกาศนานาชาติ, ยาน Apollo Saturn V, และ Lunar Lander ที่จอดบนดวงจันทร์
ชุดภารกิจ STS-31 จะเริ่มวางขายวันที่ 1 เมษายนนี้ ราคา 199 ดอลลาร์
ที่มา - LEGO |
# [ลือ] Nintendo Switch ตัวใหม่จะใช้ชิป NVIDIA ที่รองรับ DLSS
Bloomberg รายงานข่าวว่า Nintendo Switch รุ่นใหม่ที่ลือกันมาข้ามศตวรรษ จะใช้ชิปตัวใหม่ของ NVIDIA ที่รองรับ Deep Learning Super Sampling (DLSS) เทคนิคการใช้ AI ช่วยปรับภาพให้ความละเอียดสูงขึ้นด้วย ทำให้ Switch ตัวใหม่น่าจะแสดงผลระดับ 4K ได้หากต่อจอทีวี
เทคนิค DLSS ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในยุคจีพียู Turing (GeForce 20) ส่วน Switch รุ่นปัจจุบันใช้ชิป SoC Tegra X1 ที่เป็นจีพียู Maxwell โน่นเลย จึงเป็นไปได้สูงว่าเราจะได้เห็นการใช้ Tegra ตัวใหม่ที่เป็นจีพียูรุ่นใหม่ขึ้น แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็น "Orin" ตัวที่ออกแบบมาสำหรับตลาดรถยนต์หรือไม่ (จีพียูเป็น Ampere)
ก่อนหน้านี้ Bloomberg ยังเคยรายงานว่า Switch ตัวใหม่จะใช้จอ OLED ขนาด 7" ของซัมซุงด้วย
ที่มา - Bloomberg |
# หน้า Home ใหม่ Spotify กดฟังพอดแคสต์ที่ฟังค้างอยู่ได้, เพิ่มปุ่ม history แสดงเพลงที่ฟังช่วง 3 เดือน
Spotify เพิ่มฟีเจอร์ในหน้า Home ใหม่ ให้ผู้ใช้กดฟังรายการพอดแคสต์ที่ฟังค้างไว้ได้จากหน้า Home ผู้ใช้งานจะมองเห็นไฮไลต์ตรงรายการที่ยังฟังไม่จบ กดครั้งเดียวเพื่อฟังต่อจากของเดิมได้
นอกจากนี้ เมื่อกดที่ไอคอนคล้ายตัวนาฬิกาหรือปุ่ม history ระบบจะแสดงเพลงและพอดแคสต์ที่ฟังในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา แยกเป็นรายวันให้ ถือเป็นฟีเจอร์มีประโยชน์ในกรณีที่ฟังเจอเพลงที่ชอบ แต่ลืมบันทึกไว้ในเพลย์ลิสต์ ก็สามารถมาย้อนดูจากฟีเจอร์นี้ได้ ใช้งานได้ทั้งผู้ใช้ฟรีและพรีเมี่ยม
อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ปล่อยให้ใช้งานในกลุ่มพรีเมี่ยม คือการ์ดแนะนำเพลงใหม่สำหรับศิลปิน ที่ Spotify อธิบายไว้ว่าเป็นฟีเจอร์เพื่อตอบสนองต่อรสนิยมของผู้ฟัง แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าการเลือกศิลปินมาแสดงบนการ์ดวัดจากอะไร จะแสดงศิลปินที่ผู้ใช้นั้นๆ กดติดตามอย่างเดียวหรือไม่
เลย์เอาท์หน้า Home แบบใหม่จะเปิดใช้งานในช่วงเดือนหน้า
ที่มา - Engadget, Spotify |
# จีนสั่งแอปต้องเปิดให้เข้าใช้งาน แม้ผู้ใช้ปฏิเสธการแบ่งปันข้อมูลส่วนตัว
หน่วยงานไซเบอร์ของจีน Cyberspace Administration of China หรือ CAC สั่งผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นมือถือ ห้ามปิดกั้นการเข้าถึงบริการพื้นฐาน แม้ผู้ใช้งานปฏิเสธที่จะแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวให้แพลตฟอร์ม
แอปพลิเคชั่นทั่วไปในจีน มักขอเข้าถึงข้อมูลในอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน เช่น ข้อมูลรูป การเข้าถึงกล้องถ่ายรูป พิกัด เป็นต้น และหากผู้ใช้ปฏิเสธ ก็จะเข้าใช้งานแอปไม่ได้
CAC ให้ตัวอย่างกรณีขอข้อมูลต้องทำเท่าที่จำเป็น เช่น แอปเรียกรถ จำเป็นต้องขอข้อมูลพิกัด เบอร์โทรศัพท์และข้อมูลการชำระเงินของผู้ใช้งาน หรือแอปชำระเงินออนไลน์ ต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือข้อมูล ID อื่นๆ รวมถึงหมายเลขบัตรธนาคารของทั้งผู้ชำระเงินและผู้รับเงิน
จีนในระยะหลัง ยกระดับการตรวจสอบอำนาจบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ หน่วยงานของรัฐจีนที่ทำหน้าที่ควบคุมตลาดได้ออกแนวทางกำกับดูแลบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ป้องกันการผูกขาด และธนาคารกลางจีน เพิ่มมาตรการในกฎหมายต้านการผูกขาดสำหรับอุตสาหกรรมเพย์เมนต์จากบริษัทที่ไม่ใช่ธนาคาร อย่างเช่น Alipay หรือ WeChat Pay
ภาพจาก Shutterstock
ที่มา - The Strait Times |
# หลุดข้อมูล Alder Lake ใช้แกนซีพียู 2 แบบ 8+8 คอร์, รองรับแรม DDR5 และ PCIe 5.0
เว็บไซต์ฮาร์ดแวร์ Videocardz อ้างว่าได้สไลด์หลุดของ Alder Lake ซีพียูตัวใหม่ของอินเทลที่นับเป็น 12th Gen จะออกช่วงปลายปี 2021
Alder Lake มีความแตกต่างจากซีพียู Core ในปัจจุบันอยู่มาก เพราะตัวซีพียูจะใช้แกนซีพียู 2 แบบผสมกัน ได้แก่
แกน Golden Cove ที่ใช้ใน Core รุ่นใหญ่ (Tiger Lake ใช้แกน Willow Cove) โดยสไลด์ระบุว่าประสิทธิภาพแบบเธร็ดเดี่ยวของ Golden Cove ดีขึ้นจากเดิมถึง 20%
แกน Gracemont ที่ใช้ใน Atom รุ่นเล็ก
เราคุ้นกับการใช้ซีพียู Arm ที่เป็นคอร์ใหญ่+เล็ก (big.LITTLE) กันมานานพอสมควรแล้ว ฝั่งอินเทลเพิ่งเริ่มต้นกับ Lakefield ที่ออกช่วงกลางปี 2020 โดยใช้สูตร 1+4 คอร์ แต่ยังเน้นการใช้งานในโน้ตบุ๊กกินไฟต่ำเป็นหลัก
Alder Lake จะเดินตามแนวทางนี้ให้ไกลกว่าเดิม ขยับจำนวนคอร์มาเป็น 8+8 คอร์ และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างการรองรับแรม DDR5-4800 และ PCIe 5.0 เข้ามา (ตัวจีพียูจะยังเป็น Xe-LP ระดับเดียวกับใน Tiger Lake แต่ยังไม่ชัดว่าเป็นรุ่นอัพเกรดหรือไม่)
ข้อมูลอื่นๆ คือ Alder Lake จะใช้ชิปเซ็ตตัวใหม่ซีรีส์ 600 และจะต้องเปลี่ยนซ็อคเก็ตใหม่ (อีกแล้ว) มาเป็น LGA1700
ที่มา - Videocardz |
# Samsung Galaxy S21 ทำยอดขายเฉพาะเดือนแรกเป็น 3 เท่าของ S20 ในสหรัฐ
Sammobile รายงานข้อมูลอ้างอิงจาก Strategy Analytics ว่า Samsung Galaxy S21 ทำยอดขายเฉพาะเดือนแรกหลังวางจำหน่ายในสหรัฐได้เป็น 3 เท่าของ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ราคาเปิดตัวของ Galaxy S21 ถูกลง 200 ดอลลาร์ทุกรุ่นเมื่อเทียบกับ Galaxy S20 และโปรโมชั่นลดราคาของ S21 ยังมาไวกว่า S20 อีกด้วย
ข้อมูลยังระบุว่าในตระกูล Galaxy S21 รุ่นที่ขายดีที่สุดคือ Galaxy S21 Ultra ซึ่งเป็นรุ่นแพงที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 40% จากทั้งสามรุ่น ซึ่งน่าจะทำกำไรให้กับ Samsung ได้มากพอสมควร
ดูเหมือนกลยุทธ์เพิ่มความแตกต่างให้กับ S21 Ultra จากรุ่น S21 และ S21+ ทั้งกล้องที่มากกว่า ฝาหลังที่เป็นกระจกแทนพลาสติก การรองรับ S-Pen การรองรับ Wi-Fi 6E และ Ultra-wideband รวมถึงการลดความละเอียดหน้าจอ S21 กับ S21+ ลงจาก S20 จะได้ผลดีในคราวนี้ และคงต้องติดตามว่า Samsung จะออก Galaxy S21 FE หรือ Fan Edition ในช่วงปลายปีนี้หรือไม่ต่อไป
ที่มา - SamMobile |
# เผย Microsoft เป็นผู้เสนอซื้อกิจการ Discord ที่มูลค่าหมื่นล้านดอลลาร์ แต่ดีลยังไม่มีข้อสรุป
จากรายงานข่าวเมื่อเช้าว่า Discord แอปแชตยอดนิยมในกลุ่มเกมเมอร์ กำลังพิจารณาขายกิจการที่มูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ล่าสุด Bloomberg อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องบอกว่าบริษัทที่เสนอซื้อกิจการก็คือไมโครซอฟท์
Matthew Kanterman นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence มองว่าดีลนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูง เนื่องจากไมโครซอฟท์สามารถนำ Discord มาต่อยอดธุรกิจเกมของบริษัท โดยเฉพาะตัวบริการเสียเงิน Discord Nitro ที่สามารถนำมารวมกับบริการ Game Pass ของ Xbox ได้
อย่างไรก็ตาม Bloomberg ก็อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดอีกราย บอกว่า Discord อาจเลือกไม่ขายกิจการ และนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นเองมากกว่า ทั้งนี้ตัวแทนของ Discord และไมโครซอฟท์ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในข่าวดังกล่าวหลัง Bloomberg ติดต่อไป
ที่มา: Bloomberg |
# Facebook และ Instagram ในไทยเริ่มเปิดใช้สติกเกอร์เพลงใน Stories, ใส่เพลงบนโปรไฟล์
จากการแถลงเปิดตัว Reels ในประเทศไทย ทั้ง Facebook และ Instagram ยังเพิ่มฟีเจอร์การใช้เพลงแบบถูกลิขสิทธิ์ทั้งเพลงไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เปิดตัวในต่างประเทศมาสักพักแล้ว
ใช้สติกเกอร์เพลงใน Stories ทั้งบน Facebook และ Instagram, เพิ่มสติกเกอร์เนื้อเพลงในภาพและวิดีโอ Stories ทั้ง Facebook และ Instagram และ สามารถใส่เพลงลงในโปรไฟล์ Facebook ได้ ความยาวสูงสุด 90 วินาที โดยในอนาคต นอกจากกดฟังได้แล้ว จะสามารถกดเพื่อให้ระบบนำไปฟังเพลงต่อบน Apple Music ได้ด้วย
ภาพจาก Instagram
ที่มา - งานแถลงข่าว, ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# กูเกิลดึงตัว Uri Frank อดีตผู้บริหารอินเทล มาคุมทีมออกแบบชิปสำหรับเซิร์ฟเวอร์
กูเกิลประกาศแต่งตั้ง Uri Frank อดีตรองประธานอินเทลที่รับผิดชอบทีมวิศวกรออกแบบซีพียู เข้ามารับตำแหน่งรองประธานฝ่ายวิศวกรรมรับผิดชอบทีมออกแบบชิปสำหรับใช้งานในกูเกิลเอง
Uri จะสร้างทีมใหม่ในอิสราเอลเพื่อออกแบบชิปแบบ system-on-chip (SoC) ให้เหมาะกับงานของกูเกิลโดยเฉพาะ ตัว Uri เองเมื่อประกาศรับตำแหน่งแล้วก็โพสรับสมัครวิศวกร SoC ไปเลยทีเดียว
กูเกิลเริ่มมีบทบาทในวงการชิปขึ้นมากในช่วงหลัง โดยเริ่มออกแบบชิปปัญญาประดิษฐ์เองหลายตัว หรือชิปรักษาความปลอดภัยอย่าง OpenTitan การออกแบบ SoC เฉพาะทางจะทำให้กูเกิลได้เปรียบเมื่อต้องการชิปสำหรับโหลดงานเฉพาะทาง เช่น ต้องการวงจรเข้ารหัสบางแบบ หรือบีบอัดข้อมูลด้วยความเร็วสูง ไปจนถึงการแปลงฟอร์แมตวิดีโอ
ที่มา - Google Blog |
# Instagram เปิดใช้งาน Reels หรือการสร้างคลิปสั้นแบบ TikTok ในประเทศไทยแล้ว
Instagram เปิดใช้งาน Reels หรือฟีเจอร์อัดคลิปสั้นประกอบเพลงพร้อมเครื่องมือตัดต่อในตัวแบบ TikTok ในต่างประเทศได้สักระยะแล้ว ล่าสุด Instagram เปิดตัว Reels ในประเทศไทยแล้ว
ฟีเจอร์หลักๆ ของ Reels คือ
เลือกความเร็วของคลิป เลือกเอฟเฟกต์ และตั้งเวลาถ่ายวิดีโอเพื่อจะได้ไม่ต้องใช้มือถือตลอด
ตั้งเวลาข้อความและเอฟเกต์ให้ขึ้นจอตามเวลาที่ต้องการได้
เครื่องมือการจัดแนว Align Tools หรือการตั้งหรือเรียงสิ่งที่ต้องการจะถ่ายจากคลิปก่อนหน้าให้ตรงกันก่อนที่จะอัดคลิปต่อไป
AR Effects เหมือนอย่างที่ใช้งานใน Stories
ฟังก์ชั่น Green Screen เพื่อเพิ่มสื่อบนพื้นหลังได้ กดหาที่ปุ่ม Effects และมองหา Effects Green Screen by Instagram
Timed Text หรือการตั้งเวลาตัวหนังสือ เพื่อให้ตัวหนังสือปรากฏขึ้นมาในเวลาที่เราต้องการ
มีบราวเซอร์เลือกเสียงเพลงในตัว โดยกดที่ไอคอน Audio
แท็บ Reels อยู่ที่ไอคอนตัวบวก จากนั้นเลื่อนหาเมนู Reels หรือสามารถเลื่อนหาคลิป Reels อื่นๆ ได้ที่ไอคอนค้นหาเช่นกัน และในหน้าโปรไฟล์ของแต่ละคนจะมองเห็นปุ่มไอคอนรูปวิดีโอที่สามารถกดเข้าไปดูคลิปของเพื่อนๆ ได้จากหน้าโปรไฟล์นั้นๆ
ที่มา - งานแถลงข่าว, ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# รู้จัก MENDIX, Low-Code Platform ที่จะเปลี่ยนโฉมการพัฒนาซอฟต์แวร์ของโลก
ในปัจจุบัน Digital Transformation กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กร แต่ด้วยข้อจำกัดของการเขียนโค้ดแบบดั้งเดิม (traditional-coding) ต้องอาศัยทั้งเวลา และทรัพยากรในการพัฒนาจำนวนมาก ดรงกันข้ามกับความรวดเร็วที่เปลี่ยนแปลงในยุคนี้ การพัฒนาแบบเก่าจึงมีอุปสรรคในทุกด้าน ทำให้เกิดความต้องการในการพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจำนวนนักพัฒนา (software developer) ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโต องค์กรที่ต้องการปรับตัวให้เข้ากับยุค digital ปัจจุบันจึงต้องหาวิธีและเครื่องมือในการพัฒนาซอฟท์แวร์และแอปพลิเคชั่นได้เร็วยิ่งขึ้น
MENDIX เป็นแพลตฟอร์ม Low-Code ที่เข้ามาตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการจะก้าวไปตาม Digital Transformation ให้ทัน ด้วยแพลตฟอร์มที่สามารถช่วยเหลือให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชัน, เว็บไซต์, หรือ ดิจิจอลโซลูชัน กลายเป็นเรื่องง่ายดาย แบบที่ไม่ต้องเขียนโค้ดแบบดั้งเดิม (traditional-coding) อีกต่อไป ด้วยการออกแบบของ MENDIX Low-Code platform ซึ่งใช้ระบบ drag drop และ microflow จะทำให้คนที่ทำงานสายธุรกิจทั่วไปก็สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพานักพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ ส่งผลให้องค์กรสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจาก Digital Disruption ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถนำเทคโนโลยีหรือโซลูชันที่สร้างเปลี่ยนแปลงองค์กรได้
ทำความรู้จักเพิ่มเติมกับ MENDIX และ Low-Coding Platform
แพลตฟอร์ม Low-Code คือแพลตฟอร์มสำหรับการดิจิตอลโซลูชัน หรือ การพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน ที่สามารถช่วยลดกระบวนการพัฒนาโปรแกรมให้ง่ายขึ้น โดยจะมุ่งเน้นที่การลดกระบวนการการเขียนโค้ดแบบดั้งเดิมลง ทำให้คนที่ไม่มีความรู้ในการเขียนโค้ด แต่มีกระบวนการคิดที่เป็นขั้นเป็นตอน มีไอเดียสร้างสรรค์ หรือที่เรียกว่า citizen developer ก็สามารถสร้างแอปพลิเคชันขึ้นมาได้
โดยฝั่งของนักพัฒนามืออาชีพ หรือที่เรียกว่า Professional Developer นั้นก็ยังสามารถใช้แพลตฟอร์ม Low-Code ช่วยย่นระยะเวลาสำหรับการพัฒนา เพื่อให้ time to market สั้นลงได้ ทำให้การพัฒนาแอปฯ ที่ไม่ต้องการความซับซ้อนมากนัก พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ช่วยตอบโจทย์ภาคธุรกิจ โดยไม่ว่าจะเป็นดิจิตอลโซลูชันที่ช่วยในการบริหารจัดการภายในองค์กร หรือที่องค์กรใช้สื่อสารกับผู้บริโภคก็ตาม ก็สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ลดข้อผิดพลาดมากกขึ้น อีกทั้งยังใช้ทรัพยากรบุคคลที่น้อยลงอีกด้วย
MENDIX เป็นสตาร์ทอัพจากเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งเมื่อปี 2005 โดยมีวิสัยทัศน์ว่าการพัฒนาซอฟท์แวร์จะเพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้บุคคลากรไม่เพียงพอ และต้องมีเครื่องมือช่วยพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้น จึงกำเนิด low-code platform เป็นเจ้าแรกๆของโลก ต่อมา Siemens ได้เข้าซื้อกิจการเมื่อปี 2018 โดย MENDIX เข้ามาให้บริการในไทยตั้งแต่ปี 2008 และมีพาร์ทเนอร์ธุรกิจอย่างเป็นทางการในประเทศคือ บริษัท ทีบีเอ็น ซอฟต์แวร์ จำกัด (TBN Software Co., Ltd.)
ในการจัดอันดับ 2020 Magic Quadrant for Enterprise Low Code Application Platforms โดย Gartner ได้มีการให้ MENDIX อยู่ในกลุ่มผู้นำแนวหน้าของเหล่าผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Low-Code ทั้งหมด ทำให้ในปัจจุบัน MENDIX ได้กลายมาเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Low-Code แถวหน้าในอุตสาหกรรมนี้
ใช้งานได้ง่าย, ร่นระยะเวลาการพัฒนา, ยืดหยุ่น และลดข้อผิดพลาด 4 จุดเด่นที่ทำให้ MENDIX อยู่เหนือกว่าใคร
เครื่องมือภายในแพลตฟอร์ม MENDIX ที่นำมาใช้พัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันจะถูกออกแบบมาในรูปแบบ Visualize ซึ่งเป็นการสร้างบล็อคชุดคำสั่งแล้วอาศัยการ Drag & Drop เพื่อเชื่อมโยงคำสั่งต่างๆ เข้าด้วยกันจนออกมาเป็น Flowchart ด้วยวิธีการที่เข้าใจง่าย และ ลดกระบวนการที่ไม่จำเป็น ทำให้ผู้ใช้งาน สามารถลดการเขียนโค้ดแบบดั้งเดิมลง (Low-coding) หรือในบางกรณีก็ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดได้ (No-Coding)
นอกเหนือจากความง่ายในการใช้งานแล้ว MENDIX ยังมีเครื่องมือขั้นสูงไว้สำหรับลูกค้าระดับองค์กรเพื่อให้สามารถควบคุม และดูแลระบบความมั่นคงปลอดภัยของซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันที่กำลังพัฒนาอยู่ได้ โดยมีเครื่องมือสำหรับการทำ Automated Testing เพื่อทดสอบว่าแอปฯ สามารถใช้งานได้จริง สามารถทดสอบได้ทันทีภายในตัวแอปฯ ทำให้การทำงานเป็นในรูปแบบระบบเดียว ส่งผลให้การพัฒนาภายใน MENDIX สามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของข้อมูล และไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาข้อผิดพลาดในแอปฯ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ MENDIX ยังมีระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) ด้วย AI ซึ่งช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ โดย AI ที่ MENDIX นำมาช่วยในกระบวนการพัฒนามีอยู่ 2 กรณีหลัก ๆ
Consistency Checking เป็นการตรวจสอบความสอดคล้องกันของโมเดล หรือชุดบล็อค เช่น หากมีผู้ใช้มีการลบฟิลด์ออกไป 1 ฟิลด์ AI ก็จะตรวจสอบว่าฟิลด์นั้นถูกใช้ในชุดคำสั่งไหนบ้าง โลจิคไหนบ้าง มี Security Setting ที่เชื่อมโยงกับอะไรบ้าง พร้อมนำเสนอข้อแนะนำ และการแก้ไขเพื่อลบช่องโหว่ และบี๊กในตัวระบบออกไป
AI Assisted Development เป็นการใช้โมเดล Deep Learning เข้ามาช่วยแนะนำเวลาสร้างบล็อคว่าตัวเลือกถัดไปที่ดีที่สุดคืออะไร ตอนนี้โมเดล Deep Learning เรียนรู้ไปแล้วกว่า 88 ล้านความเป็นไปได้ของชุดคำสั่ง และยังคงมีการเรียนรู้ชุดคำสั่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
ระบบวิเคราะห์ด้วย AI นี้ ช่วยทำให้ MENDIX Platform สามารถช่วยเหลือผู้ใช้งานได้อย่างที่ซอฟท์แวร์อื่นๆทำไม่ได้ แถมธรรมชาติการ Deep Learning ของ AI ทำให้การทำงานภายใน Platform มีความยืดหยุ่น ผู้ใช้สามารถออกแบบ ซอฟท์แวร์, แอปพลิเคชัน, เว็บไซต์ หรือ ดิจิตอลโซลูชัน ที่ต้องการได้หลากหลายโดยที่ MENDIX Platform สามารถสนับสนุนการพัฒนาทุกรูปแบบออกมาได้อย่างดีที่สุด
คุณปนายุ ศิริกระจ่างศรี CEO และ Co-Founder บริษัท TBN Software ตัวแทนจำหน่าย MENDIX อย่างเป็นทางการในประเทศไทยเล่าว่า แพลตฟอร์ม Low-Code อาจถูกมองจากกลุ่มนักพัฒนาซอฟท์แวร์ว่ามันจะถูกนำมาแทนที่ตัวเอง หรือเป็นเครื่องมือที่ทำให้ทักษะการเขียนโค้ดลดบทบาทความสำคัญลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว Low-Code ไม่สามารถเข้ามาแทนที่นักพัฒนาได้ทั้งหมด เพราะในกรณีที่ต้อง customize ซอฟท์แวร์ก็ยังจำเป็นต้องใช้การเขียนโปรแกรมอยู่ดี (Traditional coding) และยังมี process อีกมากมายที่การเขียนโปรแกรมเหมาะกว่า ในขณะเดียวกันนักพัฒนาซอฟท์แวร์ที่เก่งก็สามารถใช้ประสบการณ์เพื่อออกแบบโครงสร้างแอปพลิเคชันได้ (Architecture)
ทั้งนี้ Low-Code จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานของทีมพัฒนา และองค์กรต่าง ๆ มากกว่า โดยงานหลายส่วน สามารถใช้ Low-Code มาช่วยพัฒนางานนั้น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว อาทิเช่น Web App, Mobile App, PWA, Microservice, API service หรือ service composition เป็นต้น ช่วยลดระยะเวลาการพัฒนา เปิดโอกาสให้นักพัฒนาซอร์ฟแวร์ให้โฟกัสกับงานที่ต้อง customize ได้มากขึ้น
คุณปนายุเล่าเพิ่มเติมด้วยว่า เคยมีลูกค้าทำการทดสอบ ทำโปรเจ็คหนึ่งขึ้นมาแล้วแบ่งกระบวนการพัฒนาเป็นการเขียนโค้ดแบบเดิม จับแข่งคู่กับอีกทีมที่ใช้ Low-Code สิ่งที่พบก็คือ Low-Code ช่วยร่นระยะเวลาการทำงานของทีมพัฒนาได้จริง เปรียบเทียบง่าย ๆ อย่างเช่นการเขียน Web App ที่เดิมใช้เวลาราว 1-2 สัปดาห์ แต่เมื่อใช้ Low-Code กลับสามารถลดเวลาลงเหลือเพียง 2-3 วันได้
MENDIX มีความยืดหยุ่นสูง เพราะได้ทำการพัฒนาบน Java เป็นหลัก ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะบนลินุกซ์ หรือวินโดวส์ และยังสามารถทำงานแอปได้หลากหลายภาษาไม่ว่าจะทำแอปลง Apple หรือ Android ก็ได้
แถมตัวแพลตฟอร์มก็เป็น Cloud Native รองรับสถาปัตยกรรมอย่าง Microservice และ Container Technology มาตั้งแต่แรก สามารถนำไปรันได้ทุกที่ไม่ว่าจะ On-Prem, Private Cloud, Public Cloud หรือถ้าต้องการ Cloud ของ MENDIX เองก็มีให้ใช้ แถม MENDIX ยังสามารถรองรับฐานข้อมูลหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น DD2, Oracle, SQL Server, PostgreSQL, MySQL, SAP HANA ฯลฯ ทำให้ไม่ว่าองค์กรจะใช้ฐานข้อมูลตัวไหน MENDIX ก็สามารถนำมาใช้งานต่อได้ ไม่ต้องย้ายฐานข้อมูลใหม่ |
# แอป Gmail และอีกหลายแอปบน Android ล่ม, แก้ได้โดยลบอัพเดต Android System WebView
ผู้ใช้ Android หลายคนแจ้งว่าแอป Gmail ล่ม (ผ่านเว็บไซต์ DownDetector รวมถึง Reddit) ซึ่ง Google เองก็รับทราบและยืนยันว่ามีปัญหาแอปล่มจริง นอกจากนี้แอปอื่นๆ อย่างแอปธนาคารในสหรัฐและ Google Pay ก็ล่มด้วย
มีผู้พบว่าการลบอัปเดตล่าสุดของแอป Android System WebView หรือตัวเบราว์เซอร์แสดงผลหน้าเว็บ สามารถแก้ปัญหานี้ได้ และ Google ก็ออกมายืนยันว่าเป็นผลกระทบจากแอป WebView และกำลังแก้ไขอยู่
อัพเดต ล่าสุด Google ปล่อยเวอร์ชัน 89.0.4389.105 แก้ไขบั๊กของ WebView แล้ว
ที่มา - Engadget |
# นักข่าวสายเกมบอกใบ้ God of War: Ragnarok ไม่น่าออกทันปี 2021, ปีนี้เกมถูกเลื่อนเพียบ
Jason Schreier นักข่าวสายเกมชื่อดังจาก Bloomberg ทวิตถึงการเลื่อนเกม Hogwarts Legacy และ Gotham Knights ไปเปิดตัวในปี 2022 และบอกว่าปีนี้มีเกมเลื่อนอีกเพียบแน่ น่าจะเป็นปีที่ดีในการเก็บเกมที่เล่นค้างไว้ แต่ก็ไม่ได้บอกสาเหตุว่าเพราะอะไร
หลังจากนั้นเมื่อมีคนมาทวิตตอบ ว่า “อย่างน้อย God of War ภาคใหม่ก็ออกปีนี้” ตามข้อมูลในตัวอย่างทีเซอร์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่ง Jason ก็ตอบกลับไปแค่ “lol” หรือหัวเราะลั่นเท่านั้น ซึ่งอาจแปลว่า God of War ภาคใหม่ จะไม่ได้วางจำหน่ายในปีนี้ และเขารู้ข่าวบางอย่างมาจากภายในมาจาก Santa Monica Studio ผู้สร้างเกม
God of War: Ragnarok เพิ่งมีทีเซอร์สั้นๆ ออกมาเพียงตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งระบุไว้ว่าตัวเกมจะออกภายในปี 2021 แต่ยังไม่มีข้อมูลหรือตัวอย่างอื่นๆ เพิ่มเติม ต่างจากเกมที่จะออกภายในปีนี้เกมอื่น เช่น Horizon Forbidden West ซึ่งมีวิดีโอตัวอย่างแบบเต็มออกมาตั้งแต่เปิดตัว แม้จะเป็นวิดีโอเรนเดอร์ ยังไม่ใช่เกมเพลย์ก็ตาม
ที่มา - Twitter @jasonschreier |
# ผู้ก่อตั้ง Clubhouse บอกเวอร์ชัน Android ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน
TechCrunch อ้างประกาศภายในของ Paul Davison ผู้ร่วมก่อตั้ง Clubhouse ว่าแอพเวอร์ชัน Android ที่รอกันมานาน จะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน (a couple of months) ถึงจะเสร็จ นั่นแปลว่าเราคงได้เห็นกันช่วงกลางๆ ปีนี้เลย
ก่อนหน้านี้ Clubhouse เคยบอกว่าจะเริ่มพัฒนาแอพ Android ในเร็วๆ นี้ (soon) แต่ไม่ระบุกำหนดเวลาที่ชัดเจน ส่วน Twitter Spaces คู่แข่งรายสำคัญของ Clubhouse เปิดทดสอบบน Android มาก่อนแล้ว และประกาศว่าจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในเดือนเมษายนนี้
นอกจากนี้ Davison ยังให้ข้อมูลกับพนักงานว่า Clubhouse จะยังไม่สนใจทำแอพเวอร์ชันเดสก์ท็อปในระยะเวลาอันใกล้ด้วย
ที่มา - TechCrunch |
# Niantic ผู้สร้าง Pokemon Go และ Nintendo จับมือออกเกม Pikmin กองทัพตัวจิ๋ว เวอร์ชั่น AR บนมือถือ
Niantic ผู้สร้าง Pokemon Go และ Nintendo ร่วมกันออกเกมใหม่ คือ Pikmin เกมกองทัพตัวจิ๋ว หนึ่งในซีรีส์วิดีโอเกมเด่นของ Nintendo ซึ่งคราวนี้มาในรูปแบบเกม AR บนมือถือ ซึ่งจะเปิดตัวภายในปีนี้
หลักการของเกมยังเหมือนเดิมคือ กระตุ้นให้ผู้เล่นออกไปเดินเพื่อทำภารกิจในเกม ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนรอรับข่าวสารก่อนได้ นอกจากนี้ เกม AR Pikmin ยังเป็นเกมแรกที่พัฒนาโดย Niantic Tokyo Studio
Pikmin ถือเป็นเกมเก่าแก่ของ Nintendo พัฒนาโดยดีไซน์เนอร์และโปรดิวเซอร์ Shigeru Miyamoto เริ่มเปิดตัวภาคแรกมาตั้งแต่ปี 2001 เนื้อเรื่องคร่าวๆ เกม Pikmin คือการที่ตัวละครจิ๋วออกสำรวจในดาวเคราะห์หนึ่ง เพื่อรวบรวมทรัพยากร และเจอกับมนุษย์ต่างดาว สัตว์ประหลาดมากหน้าหลายตา ภาคล่าสุดคือ Pikmin 3 Deluxe ซึ่งออกมาเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020
ภาพจาก Nintendo
ที่มา - The Verge |
# ไมโครซอฟท์เปลี่ยนชื่อ Xbox Live เป็น Xbox network ให้ดูต่างจาก Xbox Live Gold
กลุ่มผู้ใช้งาน Xbox ขั้นเบต้า มองเห็นว่าไมโครซอฟท์ทำการเปลี่ยนชื่อ Xbox Live หรือระบบออนไลน์ของเกมส์ Xbox ใหม่เป็น Xbox network โดยโฆษกไมโครซอฟท์บอกว่าเปลี่ยนชื่อเพื่อแยกความแตกต่างของบริการพื้นฐานและการเป็นสมาชิก Xbox Live Gold
ไมโครซอฟท์วางแผนยกเลิกข้อกำหนดการสมัครสมาชิกสำหรับเกมที่เล่นฟรีบนเครือข่าย Xbox ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เกมอย่าง Fortnite จะไม่ต้องใช้การสมัครสมาชิก Xbox Live Gold อีกต่อไป
ที่มา - The Verge |
# [ลือ] Discord อาจขายกิจการ ที่มูลค่าสูงกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์
เว็บไซต์ VentureBeat อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเผยว่า Discord แอปแชทและสนทนาเสียงกำลังพิจารณาขายกิจการ ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ โดยตอนนี้ได้รับข้อเสนอแล้วจากหลายบริษัท ซึ่งไม่มีการเปิดเผยรายชื่อ
Discord ได้รับเงินเพิ่มทุนรอบล่าสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา 140 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้มูลค่ากิจการล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านดอลลาร์
การเติบโตของ Discord เพิ่มสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้คนอยู่บ้านเล่นเกม และใช้ Discord เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างกันมากขึ้น
ที่มา: VentureBeat |
# [ลือ] LG อาจตัดสินปิดส่วนธุรกิจสมาร์ทโฟน หลังการเจรจาหาผู้ซื้อไม่มีความคืบหน้า
ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า LG เตรียมปรับโครงสร้างธุรกิจสมาร์ทโฟน โดยเตรียมขายโรงงานให้กลุ่มธุรกิจ Vingroup ของเวียดนาม ล่าสุด The Korea Herald อ้างแหล่งข่าวภายในเผยว่า LG อาจเลือกปิดธุรกิจส่วนนี้ไปเลย โดยไม่มีการขายออกไป
รายงานบอกว่า LG ได้เจรจากับหลายบริษัทเพื่อขายส่วนธุรกิจนี้ แต่ทุกรายไม่มีความคืบหน้าในการเจรจา โดยบริษัทที่ระบุถึงนอกจาก Vingroup ยังมี Volkswagen อีกด้วย ทั้งนี้หาก LG เลือกปิดส่วนธุรกิจนี้จริง พนักงานในส่วนดังกล่าวก็จะถูกย้ายไปอยู่ฝ่ายอื่น ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ LG ระบุก่อนหน้านี้
ปัจจุบัน LG มีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกอยู่ที่อันดับ 9 ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย Counterpoint Research ส่งมอบสมาร์ทโฟน 24.7 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมา คิดเป็น 2% ของตลาดรวม และเป็นส่วนธุรกิจที่ขาดทุนต่อเนื่องหลายไตรมาส
ที่มา: The Korea Herald |
# ซัมซุงตีพิมพ์รายงานวิจัย Galaxy Buds Pro ใช้ช่วยผู้สูญเสียการได้ยินได้ แม้ไม่ดีเท่าอุปกรณ์เฉพาะทาง
Samsung Electronics รายงานผลการวิจัยของ Samsung Medical Center ที่ทดลองประสิทธิภาพการช่วยฟังของหูฟัง Galaxy Buds Pro เพราะเป็นหูฟังที่มีฟีเจอร์ Ambient Sound สำหรับเร่งเสียงภายนอกให้ ที่ปกติแล้วใช้งานสำหรับคนทั่วไปกำลังฟังเพลงและต้องการคุยกับคนรอบข้าง แต่รายงานฉบับนี้นำฟีเจอร์ของหูฟังมาทดสอบกับผู้ที่สูญเสียการได้ยินไปบางส่วน (hearing impairment)
รายงานเทียบประสิทธิภาพของ Galaxy Buds Pro กับอุปกรณ์ช่วยฟังเฉพาะทาง อย่าง ReSound LiNX Quattro ที่ราคาประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป และ Etymotic BEAN ที่มีราคาประมาณ 10,000 บาท โดยกลุ่มผู้ทดสอบมีทั้งหมด 18 คน ที่มีอาการสูญเสียการได้ยินเล็กน้อยถึงปานกลาง การทดสอบอาศัยการให้คะแนนการรับรู้คำพูด (word recognition score - WRS)
ผลทดสอบอุปกรณ์ทั้ง 3 ตัว ได้ median ของคะแนน WRS ดีขึ้นกว่าการไม่ใช้อุปกรณ์ใดๆ เลยอย่างมีนัยสำคัญ โดย ReSound LiNX Quattro ได้ 92%, Etymotic BEAN ได้ 88% และ Galaxy Buds Pro ได้ 82% เทียบกับการไม่ใช้อุปกรณ์จะได้ 68%
จุดเด่นสำคัญของการใช้หูฟังที่มีฟีเจอร์เร่งเสียงเช่นนี้คงเป็นเรื่องของราคา เพราะ Galaxy Bud Pro นั้นมีขายทั่วไปในราคาไม่ถึงห้าพันบาท
ที่มา - Samsung |
# Zoom เปิดตัว SDK สำหรับให้นักพัฒนาฝังระบบวิดีโอคอลจาก Zoom ลงแอป
Zoom เปิดตัว Video SDK เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเพื่อฝังวิดีโอจาก Zoom ลงในแอปอื่น ๆ
Video SDK ของ Zoom สร้างขึ้นมาเพื่อให้นักพัฒนาที่ต้องการทำแพลตฟอร์มวิดีโอแต่ไม่ต้องการสร้างระบบวิดีโอเอง สามารถฝังวิดีโอจาก Zoom เข้าไปและสร้าง UI ขึ้นมาตามที่ต้องการได้ทันที ไม่ต้องพึ่งอินเตอร์เฟสของ Zoom Meetings ในขณะที่ยังคงใช้ความสามารถของ Zoom ได้ครบถ้วน
ตัวอย่างที่ Zoom แนะนำให้ใช้งานก็มีตั้งแต่ social network, เกม หรือแอปสำหรับขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งข้อดีคือผู้พัฒนาแอปสามารถตกแต่งอินเตอร์เฟสได้ตามต้องการ และมีแดชบอร์ดแสดงข้อมูลการใช้งานเพื่อนำไปวิเคราะห์และวางแผนการตลาดของแอปต่อได้
สำหรับวิธีใช้ SDK ตัวใหม่จาก Zoom เข้าไปดูได้ที่หน้าเว็บ Zoom Video SDK ซึ่งทาง Zoom จะมีให้ทดลองใช้ฟรี 10,000 session minutes ต่อเดือน หลังจากนั้นจะเริ่มคิดที่ราคาต่อนาที ส่วนผู้ใช้ที่มีการันตีใช้จำนวนมากอยู่แล้วสามารถเลือกแพลนใช้งานกับ Zoom ได้เลย
ที่มา - Zoom, TechCrunch |
# Cloudflare ร่วมมือ WordPress.com ให้จับสถิติแบบเว็บไม่ติดตามตัว
Cloudflare ร่วมมือกับ WordPress.com ผู้ให้บริการโฮสต์เว็บรายใหญ่นำบริการ analytics แบบไม่ติดตามตัวของ Cloudflare เป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้ WordPress.com ใช้งาน
ผู้ใช้ WordPress.com จะเห็นตัวเลือก Cloudflare Web Analytics ใน dashboard ส่วน Marketing เป็นตัวเลือกเพิ่มจากตัวเลือกยอดนิยมอย่าง Google Analytics
บริการ Analytics ของ Cloudflare เปิดตัวตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว แม้จะยังไม่ได้รับความสนใจเท่ากับบริการยอดนิยมอย่าง Google Analytics แต่ก็มีความได้เปรียบที่ผู้ใช้ Cloudflare ทั้งหมดจะใช้บริการนี้ได้ทันที ขณะที่ผู้ที่ไม่ได้ใช้ Cloudflare ก็ยังใช้งานเฉพาะตัว Analytics ได้ฟรี
ที่มา - Cloudflare Blog |
# Deliveroo แอปส่งอาหารรายใหญ่ของอังกฤษ เตรียมไอพีโอเข้าตลาดหุ้นลอนดอน
Deliveroo แอปส่งอาหารรายใหญ่ของอังกฤษ ประกาศนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน โดยคาดมีมูลค่ากิจการตามราคาไอพีโอที่ราว 7,600-8,800 ล้านปอนด์ เป็นไอพีโอที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษในรอบกว่า 7 ปี โดยบริษัทมีแผนนำเงินระดมทุนใหม่ที่ได้มาใช้ขยายธุรกิจ
บริการของ Deliveroo ในช่วงปีที่ผ่านมามีการเติบโต ตามปัญหาการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้คนต้องกักตัวอยู่บ้าน ปัจจุบันบริการของ Deliveroo มีอยู่ในกว่า 200 เมืองทั่วอังกฤษ และได้อีก 12 ประเทศ รวมทั้ง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์
Deliveroo มีผู้ลงทุนรายสำคัญคือ Amazon ที่เข้ามาลงทุนเมื่อปี 2019
ที่มา: BBC |
# ByteDance บุกตลาด MOBA ซื้อกิจการ Moonton เจ้าของเกม Mobile Legends
ByteDance ยืนยันข่าวการซื้อบริษัทเกมจีน Moonton Technology ผู้สร้างเกมแนว MOBA บนมือถือ Mobile Legends โดยไม่เปิดเผยมูลค่า (ลือกันว่าสูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์)
Reuters ยังระบุว่าการซื้อ Moonton ครั้งนี้เป็นการแย่งกันระหว่าง ByteDance และ Tencent แต่สุดท้ายแล้ว ByteDance ให้ข้อเสนอดีกว่า จึงได้ Moonton ไปครอบครอง แม้ว่าผู้ก่อตั้ง Moonton เคยเป็นอดีตพนักงาน Tencent ที่ลาออกมาเปิดบริษัทเกมก็ตาม
การที่ ByteDance เป็นเจ้าของเกม Mobile Legends ทำให้ตอนนี้กลายมาเป็นคู่แข่งในตลาดเกม MOBA กับ Tencent (ที่เป็นเจ้าของทั้ง Honor of Kings/ROV และ League of Legends) โดยตรงแล้ว
ที่มา - Reuters/Channel News Asia |
# เปิดตัว POCO F3 พลัง Snapdragon 870 และ POCO X3 Pro พลัง Snapdragon 860
POCO ที่ตอนนี้แยกตัวจาก Xiaomi เรียบร้อย เปิดตัวมือถือใหม่รอบต้นปี 2021 พร้อมกัน 2 รุ่นคือ POCO F3 และ POCO X3 Pro
POCO F3 ซีรีส์ F เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นสูงสุดของ POCO ในตอนนี้ โดย POCO เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น F3 ธรรมดา ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 870 5G รุ่นรองท็อปออกมาก่อน (ปีที่แล้วมี F2 Pro ที่ใช้ชิปเรือธง แต่ปีนี้ยังไม่มา)
สเปกของ POCO F3 คือ หน้าจอ 6.67" รีเฟรช 120Hz แซมปลิ้ง 360Hz รองรับ HDR10+, กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 48MP + อัลตร้าไวด์ + เทเลมาโคร, ลำโพงคู่ Dolby Atmos, แบตเตอรี่ 4,520 mAh
POCO F3 มีสองรุ่นย่อยคือ 6GB+128GB ราคา 349 ยูโร (ประมาณ 12,900 บาท) และ 8GB+256GB ราคา 399 ยูโร (ประมาณ 14,700 บาท) โดยมีราคาแบบ Early Bird ที่ถูกกว่าปกติด้วย ส่วนราคาไทยต้องรอประกาศอีกครั้ง
POCO X3 Pro เป็นรุ่นอัพเกรดขึ้นจาก POCO X3 NFC ที่ออกในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งทำยอดขายได้ถึง 400,000 เครื่อง โดยรุ่น Pro ยังคงบอดี้และดีไซน์เดิม หน่วยประมวลผลเปลี่ยนมาใช้ Snapdragon 860 แทนของเดิมที่เป็น Snapdragon 732G, อัพเกรดสตอเรจเป็น UFS 3.1
กล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว เปลี่ยนสเปกเล็กน้อย กล้องหลัก 48MP (ของเดิม 64MP) + อัลตร้าไวด์ 8MP + มาโคร 2MP + ระยะลึก 2MP
สเปกอย่างอื่นยังเหมือนกับรุ่น X3 NFC คือ หน้าจอ 6.67" รีเฟรช 120Hz แซมปลิ้ง 240Hz, แบตเตอรี่ขนาด 5,160mAh ชาร์จเร็ว 33 วัตต์
POCO X3 Pro แยกเป็น 2 รุ่นย่อยคือ 6GB+128GB ราคา 249 ยูโร (ประมาณ 9,200 บาท แพงขึ้นจากรุ่นปกติ 20 ยูโร) และ 8GB+256GB ราคา 299 ยูโร (ประมาณ 11,000 บาท แพงขึ้น 30 ยูโร) |
# Firefox เตรียมตัดค่า HTTP Referrer เหลือแค่โดเมน
Mozilla ประกาศเปลี่ยนนโยบายการส่งข้อมูล HTTP Referrer เมื่อผู้ใช้คลิกลิงก์ข้ามโดเมน (cross-origin) โดยจะตัดทั้ง path และ query ทำให้ URL ที่ใส่ใน HTTP Referrer เหลือเพียง scheme (เช่น http หรือ https) และโดเมนเท่านั้น
ทาง Mozilla ให้เหตุผลว่าหลายครั้งค่าใน path และ query นั้นมีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อยู่ และการส่งค่าเหล่านี้ก็กลายเป็นการส่งข้อมูลส่วนตัวออกจากเว็บโดยไม่รู้ตัว (เช่นกรณีที่ URL มีเลขบัตรเครดิต, หรือหมายเลขบัตรประชาชน)
นโยบายนี้จะมีผลทั้งการใช้งานเว็บปกติ (navigational), การ redirect, และไฟล์รูปแบบหรือ CSS (subresource)
ที่มา - Mozilla Blog |
# Opera Touch ออกอัพเดตแอปบน iOS เปลี่ยนชื่อเป็น Opera พร้อมปรับ UI อีกเล็กน้อย
Opera ออกอัพเดตแอป Opera Touch เว็บเบราว์เซอร์บน iOS โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Opera” (ไม่มี Touch ต่อท้ายแล้ว) พร้อมปรับรูปแบบใหม่ตามดีไซน์ของ Opera บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ รวมถึงโลโก้ที่เปลี่ยนมาใช้สีแดงแทนที่สีม่วงแบบเดิม และปรับหน้าตาแอปอีกเล็กน้อย
Opera ระบุว่า ส่วน UI ที่เปลี่ยนไปนี้คือจะปรับให้สะอาดและสมูทขึ้น เช่น ลดเงา, ปรับแบคกราวน์ให้เรียบกว่าเดิม และปรับรูปแบบสีต่าง ๆ ในตัวแอป แต่จะไม่เปลี่ยนส่วนฟีเจอร์และฟังก์ชันที่ผู้ใช้ชอบใช้งาน
สำหรับแอปบน iOS นี้ Opera เปิดตัวมาแล้วราว 3 ปี ซึ่งในช่วงระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด (นับจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา) ตัวแอปมีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 65% ซึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้ยอดเพิ่มขึ้นมาจาก iOS 14 ที่ Apple เปิดให้ผู้ใช้เลือกเบราว์เซอร์ค่าเริ่มต้นเอง
ที่มา - Engadget, Opera |
# รมต. แรงงาน เผยเตรียมออกซิมแรงงาน ซิมเน็ตราคาถูกจาก NT ให้ใช้เรียนทักษะบนออนไลน์
จากประเด็น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เตรียมนำคอร์สเรียนไมโครซอฟท์ฉบับแปลไทย 51 หัวข้อ มาให้เรียนออนไลน์ฟรี ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุเพิ่มเติมถึงแนวทางช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงเนื้อหาเรียนออนไลน์ เป็นซิมแรงงาน ซิมอินเทอร์เน็ตราคาถูก โดยร่วมมือกับบริษัท National Telecom Public Company Limited หรือ NT ที่เกิดจากการควบรวมของ TOT และ CAT
ศาสตราจารย์ นฤมล ระบุว่า การเข้าถึงเนื้อหาออนไลน์จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ต ที่อาจเป็นภาระค่าใช้จ่ายกับประชาชน จึงร่วมมือกับ NT เตรียมออกซิมแรงงาน เบื้องต้นราคาวันละ 2 บาทให้ประชาชนใช้งาน โดยจะจัดแถลงข่าวให้ประชาชนทราบในช่วง 2 สัปดาห์นี้
ศาสตราจารย์ นฤมล ยังบอกด้วยว่า มีความคาดหวังที่จะได้เห็นแพลตฟอร์มกลางเชื่อมระบบไปยังหน่วยงานอื่นได้ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างหารือกับ กรมจัดหางาน ประกันสังคม กรมอาชีวะศึกษา เป็นต้น เพื่อให้ทุกฝ่ายรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการหางาน และการเพิ่มทักษะวิชาชีพได้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน เป็นบริการเพื่อแรงงานครบวงจร
เรียงจากซ้าย นายธวัช เบญจาธิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน, ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน, นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย
ภาพจาก Facebook ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
ที่มา - งานแถลงข่าว |
# กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เตรียมนำคอร์สเรียนไมโครซอฟท์ฉบับแปลไทย 51 หัวข้อ มาให้เรียนออนไลน์ฟรี
กระทรวงแรงงาน นำโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เตรียมนำคอร์สสอนทักษะดิจิทัลของไมโครซอฟท์ที่เป็นภาษาไทย มาลงออนไลน์ให้แรงงานที่อยากพัฒนาทักษะเข้าไปเรียนได้ที่เว็บไซต์ www.dsd.go.th เมนู Online Training เบื้องต้นมีในเว็บไซต์แล้ว 6 หัวข้อ คือ หลักสูตร Digital Literacy, หลักสูตร Microsoft Excel, หลักสูตร Microsoft Word, หลักสูตร Power Platform, หลักสูตร Power BI และ หลักสูตร PowerPoint
โดยในอนาคตจะมีบทเรียนที่มาลงเว็บไซต์ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานรวมแล้วจำนวน 51 เรื่อง ซึ่งสอดคล้องกับข่าวการประกาศโครงการพัฒนาทักษะดิจิทัลเพื่อการจ้างงานของไมโครซอฟท์ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะนำคอร์สหลักสูตรการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีเชิงลึกที่เป็นภาษาอังกฤษจาก Microsoft Learn อีกกว่า 200 โมดูลเข้ามาเพื่อยกระดับทักษะแรงงานไทยต่อไป
ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดอบรมทักษะการใช้งาน Microsoft Teams ให้แก่บุคลากรฝึกของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ เนื่องจากโรคระบาดทำให้การเรียนแบบออฟไลน์ที่หน่วยฝึก 82 แห่งระงับไป ทางกรมจึงจัดอบรมบุคลากรของหน่วยฝึกทั่วประเทศผ่าน Microsoft Teams เพื่อนำไปฝึกอบรมแรงงานในพื้นที่ต่อไป
ที่มา - งานแถลงข่าว |
# เปิดตัว Huawei Display 23.8 มอนิเตอร์ IPS FullHD มาตรฐานสี NTSC 72% ราคา 4,899 บาท
Huawei เปิดตัวมอนิเตอร์ Huawei Display 23.8 ขนาด 23.8 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ความสว่าง 250 cd/m2 อัตราตอบสนอง 5ms อัตรารีเฟรช 60Hz
Huawei Display 23.8 มาพร้อมเทคโนโลยี Low Blue Light และ Flicker Free มาตรฐานถนอมสายตาจาก TÜV Rheinland รองรับมาตรฐานสี NTSC 72% หรือใกล้เคียงกับ 100% sRGB เมื่อเปรียบเทียบ รองรับพอร์ตเชื่อมต่อ HDMI และ D-Sub
Huawei Display 23.8 เตรียมวางจำหน่ายในประเทศไทย 25 มีนาคมนี้ ในราคา 4,899 บาท ถือเป็นราคาที่อยู่กลางๆ เพราะมอนิเตอร์ 23.8 นิ้วของ Asus ที่มาพร้อม Freesync และอัตรารีเฟรช 75Hz อย่าง Asus VY249HE ก็อยู่ที่ราคา 4,150 บาท แต่สู้เรื่องค่าแสดงผลสีไม่ได้ ส่วนมอนิเตอร์ Dell U2421HE ที่มีค่าสี 99% sRGB อยู่ที่ราคา 8,400 บาท
ที่มา - Huawei |
# OVH พบควันไฟจากห้องเก็บแบตเตอรี่ใน SBG1 อีกรอบ บริษัทย้ายเซิร์ฟเวอร์ออกไป SBG4
หลังจากศูนย์ข้อมูล OVHcloud เกิดเหตุไฟไหม้ในศูนย์ข้อมูล SBG2 จนกระทั่งเซิร์ฟเวอร์ดับไปทั้งโซน ทางบริษัทก็รายงานเพิ่มเติมว่ามีควันไฟออกมาจากห้องเก็บแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ใช้งานในศูนย์ข้อมูล SBG1 ทางบริษัทจึงตัดสินใจไม่ใช้งาน SBG1 อีกต่อไป แต่ย้ายเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดไปยัง SBG4 และศูนย์ข้อมูล RBX แทน
ตอนนี้เซิร์ฟเวอร์แบบ VPS ในศูนย์ข้อมูล SBG3 กลับขึ้นมาทำงานแล้ว 60% ส่วนสตอเรจกลับขึ้นมาเต็มรูปแบบ เหลือเซิร์ฟเวอร์แบบ bare metal ที่ยังไม่กลับขึ้นมาทำงาน ขณะที่ SBG4 ยังเดินไฟฟ้าไม่เรียบร้อยทำให้ยังกลับมาทำงานไม่ได้
ที่มา - The Register |
# Tenet ของผู้กำกับ Nolan จะลงฉาย HBO Max พ.ค. นี้ แม้เขาเคยบอกว่าเป็นสตรีมมิ่งที่แย่ที่สุด
Tenet หนังไซไฟเล่นกับเวลาของผู้กำกับชื่อดัง Christopher Nolan ที่กวาดเงินจากการฉายในโรงเมื่อปีที่แล้วไป 363 ล้านเหรียญ เตรียมลงฉายบน HBO Max เดือนพฤษภาคมนี้
ก่อนหน้านี้ Nolan เคยประกาศไว้ว่าไม่เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์ของ Warner ที่ฉายหนังบน HBO Max แบบชนโรง เขายังบอกด้วยว่า HBO Max เป็นสตรีมมิ่งที่แย่ที่สุด ตัว Nolan มีความคิดชัดเจนมาตลอดว่า ประสบการณ์ดูหนังต้องดูในโรงภาพยนตร์ เขายังเคยบอกด้วยว่า ทั้งผู้ผลิตชื่อดัง ดารา ต่างก็ทำงานหนัก เพื่อสร้างผลงานที่เหมาะกับประสบการณ์จอใหญ่
Tenet นำแสดงโดย John David Washington, Robert Pattinson, Elizabeth Debicki, Michael Caine และ Kenneth Branagh ได้เข้าชิงออสการ์สองรางวัลคือ Best Achievement in Visual Effects และ Best Achievement in Production Design
ที่มา - The Verge |
# iknowplus เปิดตัว iDE3P ระบบบริหารจัดการตัวตนทางดิจิทัล (Digital Identity Solution) รองรับพรบ.ใหม่
ปัญหาโลกแตก ที่คนทั้งโลกต้องเผชิญในยุคดิจิทัล คือการ "ขโมยข้อมูล" และทุกวินาทีที่โลกไซเบอร์พุ่งไปข้างหน้า โปรแกรมเมอร์พัฒนาโปรแกรมป้องกันการเจาะและเสริมเกราะให้ไฟร์วอลล์ ในเงามืดดินแดนอินเทอร์เนต เหล่าแฮคเกอร์ต่างก็พัฒนาฝีมือและเทคนิควิธีการเจาะระบบเพื่อขโมยข้อมูลอันมีค่ามหาศาลชนิดไม่ทิ้งห่างกัน
ทราบหรือไม่ว่า 80-90% ของระบบการจัดเก็บข้อมูล Cloud ที่ในประเทศไทยของเราใช้กัน เป็นระบบเก่า ทั้งที่ปัจจุบันนี้ ในระดับโลก ระบบ Cloud ถูกพัฒนาไปไกลกว่าเรามาก นั่นหมายถึง "ช่องโหว่" ที่กว้างขึ้นของ "ถังข้อมูล" ที่เราเอาข้อมูลไปเก็บไว้ในนั้น และอย่าคิดว่า เราเป็นเพียงคนธรรมดา ข้อมูลไม่ได้สำคัญ อย่างที่มักจะล้อกันเองในหมู่เพื่อนว่า "ยากจนขนาดนั้น ใครมันจะมาเจาะ เจาะไปแล้วได้อะไร"
อย่าคิดว่าคุณ "ไม่มีอะไรให้เจาะ"
พอร์ตหุ้น สลากออมสิน ออมทอง กองทุน หรืออย่างน้อยก็ต้องบัญชีธนาคาร และที่สุดแล้ว "ตัวตน" ของคุณเอง!
สิ่งที่เหล่าอาญชากรออนไลน์ระดับเซียนทำได้ ถ้าต้องการทำ คือการ "สวมตัวตน" เมื่อเทคโนโลยีการตัดต่อไม่ใช่เรื่องยาก การทำโฟโต้ชอปง่ายๆ ตัดต่อภาพตนเองแทนภาพเหยื่อ มิจฉาชีพที่ได้ข้อมูลส่วนตัวของคุณไปตั้งต้น แล้วเจาะข้อมูลคุณเพิ่มผ่านช่องทางต่างๆ เจาะเข้าระบบหน่วยงานของคุณที่ไฟร์วอลล์ไม่แข็งแรงพอ ได้ข้อมูลที่อยู่ เลขบัตรประชาชน การศึกษา จากนั้นทำบัตรประชาชนปลอม บัตรทำงานปลอม ทำได้ยันวุฒิการศึกษาปลอม แล้วแฮคเข้าไปแก้ระบบ ให้หน้าตนเองตรงกับหมายเลขพนักงาน หมายเลขนักศึกษา ไม่ต้องขโมยสินทรัพย์อื่นๆ ให้ยุ่งยาก แค่ "ขโมยตัวตน" ของคุณ เท่านี้มิจฉาชีพก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณสร้างมา หรือถ้าคิดเป็นแบบพล็อตภาพยนตร์ ถ้ามิจฉาชีพปลอมตัวเป็นคุณได้ พวกมันก็สามารถจะเปลี่ยนตัวตนคุณให้เป็นมันได้ แล้วถ้ามันเป็นผู้ต้องหาคดีสกิมเมอร์ข้ามชาติ หรือเป็นบุคคลในหมายจับคดีร้ายแรง แล้วคุณถูกตกแต่งและสวมประวัติเป็นมัน...เดาได้ใช่ไหมว่าบั้นปลายคุณไม่แคล้วอยู่หลังลูกกรงเรือนจำแน่นอน
ที่ผ่านมาทั้งเรื่องการแฮคบัญชี การทักแชทหลอกโดยแฮคผ่านบัญชีเพื่อนหรือครอบครัว แล้วหลอกยืมเงิน ไปจนถึงการฝังมัลแวร์ล็อคข้อมูลสำคัญเพื่อเรียกค่าไถ่ รวมถึง "แบล็กเมล์" ในกรณีที่เจาะเข้าอีเมล์ส่วนตัวแแล้วพบความลับที่คุณไม่อยากให้ถูกเปิดเผย
เรื่องเหล่านี้สร้างความเดือดร้อนจนในที่สุด คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลฯ เสนอ พร้อมทั้งออกพระราชกฤษฎีกา บังคับใช้ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เฉพาะหมวดที่เกี่ยวกับภาคธุรกิจ ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 เพื่อให้หน่วยงาน องค์กร บริษัท จัดทำ "ระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว" อุดรอยรั่วโครงข่ายไซเบอร์ของตัวเอง ปกป้องพนักงานตลอดจนผู้บริโภค ให้รัดกุมปลอดภัย
iknowplus บริษัท IT Solution ที่ให้บริการ End-to-End ตั้งแต่การให้คำปรึกษา วางแผนและออกแบบผลิตภัณฑ์ทาง IT เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมทั้งให้บริการด้านการฝึกอบรมในองค์กร จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในวงการ IT ไทย เล็งเห็นช่องโหว่มากมายที่องค์กรหรือแม้กระทั่งบุคคล จะตกเป็นเหยื่อของการถูกโจรกรรมข้อมูลได้ จึงได้พัฒนา "แพลตฟอร์ม" ที่บริหารจัดการทั้งหมดผ่าน Blockchain โดยออกแบบให้มีรูปแบบปลอดภัยตามระดับมาตรฐานสากล FIDO2 ได้แก่ W3C WebAuthn และ CTAP (Client To Authenticator Protocol) และถูกต้องตามกฎหมาย พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เฉพาะภาคธุรกิจทุกประการ
แพลตฟอร์มของ iknowplus จะทำให้องค์กรของคุณปลอดภัยและถูกกฎหมาย ทุกข้อมูลภายในรวมถึงฐานข้อมูลลูกค้าจะถูกเข้าระบบอย่างปลอดภัย โดยมีระบบรองรับการบันทึกข้อมูลการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับข้อมูลส่วนบุคคล หรือ "โรป้า" (ROPA- Record of Processing Activities) ทุกสิทธิที่มีการร้องขอจะถูกบันทึกและตรวจสอบได้ มีระบบรองรับ Approval workflow เพื่อให้ผู้ควบคุมข้อมูลหรือ DPO สามารถตรวจสอบคำร้องขอจากเจ้าของข้อมูล เพื่ออนุมัติหรือยกเลิกคำร้องขอ ก่อนดำเนินการตามสิทธิของผู้ร้องขอที่เป็นเจ้าของข้อมูล อีกทั้งรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล สนับสนุนการทำ data anonymization (การแฝงข้อมูล) ของข้อมูลส่วนตัวผ่านการทำ Tokenization โดย Hashing ถูกสร้างและบันทึก user token ฐานข้อมูลใช้เป็นดัชนีในการค้นหาได้
นอกจากนี้แพลตฟอร์มของ iknowplus รองรับ privacy by design โดยออกแบบการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหว (sensitive personal data) ไม่ว่าจะเป็นประวัติทางการแพทย์ ประวัติการศึกษา ประวัติส่วนตัวต่างๆ ที่นอกเหนือข้อมูลนทั่วไปที่มีเพียง ชื่อสกุล หมายเลขโทรศัพท์ โดยแยกข้อมูลอ่อนไหวออกมาจัดเก็บเอาไว้อีกคลังหนึ่ง ป้องกันการเจาะระบบด้วย SQL Injection ในการเข้าถึงข้อมูลอ่อนไหว
อีกทั้งยังมีระบบสนับสนุนสิ่งที่ใช้ยืนยันตัวตน ในรูปแบบ Passwordless เพื่อป้องกันอย่างสมบูรณ์แบบมิให้ถูกเจาะข้อมูลผ่านพาสเวิร์ด การสร้างระบบไร้พาสเวิร์ดนี้ จะแทนที่พาสเวิร์ดด้วยการยืนยันตัวตนผ่านชีวมิติ อาทิ ใบหน้า หรือลายนิ้วมือ เป็นต้น
ระบบแพลตฟอร์มของ iknowplus ถูกออกแบบและพัฒนาในรูปแบบ Cloud Native ซึ่งเป็นระบบใหม่ที่ระดับสากลใช้กัน แต่ในประเทศไทยมีน้อยมาก โดยระบบการจัดเก็บข้อมูลในประเทศไทยยังคงใช้ระบบเก่ามากถึง 80-90% ของจำนวนหน่วยงานทั้งหมด ในขณะที่แฮคเกอร์อัพเดทตัวเองไปแล้ว จนในประเทศที่พัฒนาไปไกล อัพเดทระบบความปลอดภัยเป็นรูปแบบใหม่แล้ว แพลตฟอร์มของ iknowplus ถึงสร้างแพลตฟอร์มให้เป็น Cloud Native โดยรองรับการติดตั้งระบบในรูปแบบ container ภายใต้ kubernetes platform ทำให้รองรับการ scale ผู้ใช้งานระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับการทำงานในรูปแบบ Hybrid Cloud หรือ "การจัดเก็บแบบผสมผสาน" คือเก็บข้อมูลส่วนหนึ่งเอาไว้ในคลังที่สร้างและพัฒนาโดยระบบภายในองค์กร และในขณะที่ข้อมูลอีกส่วนหนึ่งแยกเอาไปฝากกับผู้ให้บริการการจัดเก็บข้อมูลอื่น แต่สามารถสั่งการและทำงานด้วยกันได้ ทำให้หน่วยงานที่ใช้ระบบเก่า หรือใช้ Public Cloud แบบเดิม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด แต่สามารถผสมผสานระบบใหม่ของ iknowplus ไปกับระบบได้ และมีความปลอดภัยสูงกว่าเดิมอย่างยิ่ง
เพื่อหน่วยงานของคุณ เพื่อลูกค้าของคุณ และเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย เลือก iknowplus IT Solution ที่จะเข้าไปดูแลหน่วยงานคุณ จากต้นจนจบกระบวนการ พร้อมบริการให้คำปรึกษา ดูแล จากทีมงานมืออาชีพ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
email : [email protected]
Tel : 02 048 7272
Website : https://www.iknowplus.co.th
Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/iknowplus |
# CHERRY MX เปิดตัวสวิตช์แบบ Ultra Low Profile สำหรับโน้ตบุ๊ก, Dell นำไปใช้ใน Alienware m15/m17
CHERRY MX ผู้ผลิตสวิตช์แบบ mechanical ชื่อดังเปิดตัวสวิตช์ตระกูล MX Ultra Low Profile สำหรับติดตั้งในโน้ตบุ๊กหรือเดสก์ทอป จุดเด่นคือมันอาศัยการบัดกรีลงบอร์ดแบบ SMD ตัวสวิตช์มีความสูงรวมเพียง 3.5 มิลลิเมตรเท่านั้น
ตัวสวิตช์เป็นแบบ tactile และมีเสียงคลิก ระยะกด (key travel) รวม 1.8 มิลลิเมตร แรงต้านที่ 45 centinewtons (65 centinewtons ที่จุด tactile)
ผู้ผลิตรายแรกที่นำสวิตช์ตัวนี้ไปใช้คือ Dell โดยนำไปเป็นตัวเลือกให้โน้ตบุ๊กสองรุ่น ได้แก่ Alienware m15 R4 และ m17 R4 ทาง Dell คิดราคาเพิ่มจากคีย์บอร์ดปกติ 150 ดอลลาร์ หรือ 4,500 บาท
ที่มา - CHERRY MX |
# Audacity ออกเวอร์ชันใหญ่ 3.0 เปลี่ยนฟอร์แมตไฟล์โปรเจคต์เป็นแบบใหม่
Audacity แอพตัดต่อเสียงชื่อดังของโลกโอเพนซอร์ส ออกเวอร์ชัน 3.0.0 ถือเป็นการออกเวอร์ชันใหญ่ในรอบหลายปี (เวอร์ชันล่าสุดก่อนนี้คือ 2.4.2)
การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Audacity 3.0.0 คือเปลี่ยนฟอร์แมตของไฟล์โปรเจคต์ จากของเดิม .aup มาเป็น .aup3 ด้วยเหตุผลว่าไฟล์ฟอร์แมตเดิม .aup เป็นแค่ metadata เท่านั้น ไม่ได้รวมไฟล์ข้อมูลเสียงด้วย ก่อให้เกิดปัญหาเผลอลบไฟล์ข้อมูลไปทิ้ง เหลือแต่ .aup ที่เปิดไม่ได้
แนวทางใหม่ของ Audacity 3.0.0 คือเก็บทุกอย่างในโปรเจคต์ลง SQLite3 ในรูป .aup3 ไฟล์เดียว เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ นอกจากนี้ การที่จำนวนไฟล์มีน้อยลงยังช่วยให้ Audacity ทำงานเร็วขึ้นอีกเล็กน้อย
ของใหม่อย่างอื่นคือ การแก้บั๊ก 160 ตัว, ปรับปรุงเอฟเฟคต์เสียง Noise Gate, เพิ่มตัววิเคราะห์ช่วงเสียงแล้วแปะป้ายช่วงนั้น (Label Sounds) เป็นต้น
ที่มา - Audacity |
# Apple ยอมเพิ่มหน้าแอปแนะนำจากรัฐบาลรัสเซีย ช่วงตั้งค่าเริ่มต้น iPhone เครื่องใหม่
เมื่อปี 2019 รัฐบาลรัสเซียออกกฎหมายบังคับให้คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และทีวี ที่ขายในประเทศรัสเซีย ต้องลงแอปที่รัฐบาลอนุมัติมาด้วย เช่น แอปเบราว์เซอร์ แอปส่งข้อความ หรือแอปแอนตี้ไวรัส
ที่ผ่านมา Apple ยังไม่ได้ทำตาม แต่ภายในเดือนเมษายนนี้ Apple จะเริ่มเพิ่มขั้นตอนแอปแนะนำจากรัฐบาลรัสเซียในช่วงตั้งค่าเริ่มต้น iPhone เครื่องใหม่ ผู้ใช้สามารถเลือกดาวน์โหลดหรือไม่ก็ได้
กฎหมายนี้ จะปรับเงินจากผู้ที่จำหน่ายอุปกรณ์ที่ไม่ลงแอปเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะไปกระทบกับตัวแทนจำหน่ายรายย่อย แต่กับ Apple ที่วางจำหน่ายมือถือ iPhone ผ่าน Apple Store ค่าปรับนี้จึงมาลงที่ Apple โดยตรง ทำให้ต้องตัดสินใจว่าจะยอมทำตาม หรือจะยอมถอยจากตลาดรัสเซียโดยสิ้นเชิง
แม้ Apple ไม่ถึงกับยอมลงแอปแนะนำจากรัฐบาลมาในเครื่อง และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Apple ยอมทำตามกฎหมายรัฐบาลต่างชาติ แม้อาจสุ่มเสี่ยงกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ เพราะก่อนหน้านี้ Apple เคยยอมเก็บข้อมูล iCloud และกุญแจถอดรหัสข้อมูลผู้ใช้ ไว้กับผู้ให้บริการคลาวด์ในประเทศจีน รวมถึงคอยลบแอปที่รัฐบาลจีนขอ ออกจาก App Store ของประเทศจีนอีกด้วย
แต่การยอมแนะนำแอปในรัสเซียครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าเป็นอีกครั้งที่ Apple ยอมอ่อนข้อให้รัฐบาลที่ต้องการควบคุม หรือสอดส่องข้อมูล และการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประชากร ซึ่งแม้แอปเหล่านี้จะไม่ได้พัฒนาโดยรัฐบาลเอง แต่ก็มักจะเป็นแอปที่รัฐบาลสามารถควบคุมได้ง่าย
คงต้องติดตามต่อไปว่าการ “พบกันครึ่งทาง” ของ Apple ในครั้งนี้ จะเป็นการเปิดประตูให้รัฐบาลประเทศอื่นๆ ที่ต้องการควบคุมและเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ ทำตามอย่างหรือไม่
ที่มา - Wired |
# ศาลเท็กซัสสั่งแอปเปิลจ่าย 308.5 ล้านเหรียญ ฐานละเมิดสิทธิบัตร นำเทคโนโลยีมาใช้ใน FairPlay
ย้อนกลับไปในปี 2015 บริษัท PMC (Personalized Media Communications) ผู้ออกใบอนุญาตสิทธิบัตรเดิมฟ้องแอปเปิลอ้างว่าบริษัทละเมิดสิทธิบัตร 7 รายการ นำมาใช้ในเทคโนโลยี FairPlay หรือระบบตรวจสอบสิทธิ์ (DRM) แอปที่ซื้อผ่าน iTunes, App Store และ Apple Music ซึ่งล่าสุดศาลเท็กซัสตัดสินว่าแอปเปิลผิด และต้องจ่าย 308.5 ล้านเหรียญ
ตัวคดีความกินเวลายาวนาน และมีการพลิกผันหลายครั้ง โดย Reuters รายงานว่าศาลพลิกคำตัดสินในภายหลัง และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี้เอง Rodney Gilstrap ผู้พิพากษาเขตของสหรัฐฯได้ปฏิเสธคำขอของแอปเปิลในการประกาศว่าสิทธิบัตรของ PMC นั้นไม่ถูกต้อง Bloomberg รายงานว่าแอปเปิลจะเดินหน้ายื่นอุทธรณ์ต่อไป
PMC อธิบายตัวเทคโนโลยีที่ถูกเอาไปใช้ใน FairPlay ว่า ตัวอย่างไฟล์เช่น ซอฟต์แวร์ สื่อ แอปพลิเคชั่น จะถูกเข้ารหัสแบบดิจิทัล และจะถูกปลดการเข้ารหัสได้โดยอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาต
ที่มา - Gizmodo |
# Vivaldi เพิ่มความเร็วเปิดแท็บจากเดิม 100%, เปิดหน้าต่างใหม่เร็วขึ้น 26%, รองรับ M1
เบราว์เซอร์ Vivaldi ที่สืบทอดตำนานจาก Opera ทีมงานเดิม ออกเวอร์ชัน 3.7 ปรับปรุงเรื่องความเร็วเป็นหลัก
เปิดแท็บใหม่เร็วขึ้น 100% เมื่อเทียบกับเวอร์ชัน 3.6
เปิดหน้าต่างใหม่เร็วขึ้น 26% เมื่อเทียบกับเวอร์ชัน 3.6
รองรับชิป Apple M1 แล้ว
ปรับแต่งเมนูคลิกขวาบนหน้าเว็บได้เอง ว่าอยากให้มีเมนูอะไรบ้าง อันไหนที่ไม่ค่อยใช้ก็ลบออกได้
ที่มา - Vivaldi |
# [ไม่ยืนยัน] โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับสู่โลกโซเชียลมีเดีย ด้วยแพลตฟอร์มของตัวเอง
Jason Miller ที่ปรึกษาของโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยกับ Fox News ว่า ทรัมป์กำลังจะกลับสู่โลกโซเชียลมีเดียอีกครั้งในไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยแพลตฟอร์มของตัวเอง คาดว่าจะดึงดูดผู้ใช้ได้เป็นสิบล้านคน และจะกลับมาเพื่อกำหนดเกมใหม่ทั้งหมด
เป็นที่ทราบกันว่า ทรัมป์ โดนแบนจากโซเชียลมีหลักทุกแพลตฟอร์ม หลังเกิดเหตุการณ์ม็อบฝ่ายขวาบุกสภาสหรัฐฯเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา เหตุที่แบนคือ เขาใช้โซเชียลเป็นช่องทางปลุกระดมคน และใช้กระจายข้อมูลปลอมเกี่ยวกับการเลือกตั้งมานาน ซึ่งเขาอาจกลับมาสร้างบัญชีใหม่บนโซเชียลไม่ได้เลย ทวิตเตอร์เองก็บอกชัดว่าทรัมป์จะโดนแบนตลอดไป แม้เข้ากลับมาลงเลือกตั้งอีกสมัยหน้าก็ตาม
ภาพจาก Facebook Donald Trump
ที่มา - CNET |
# TikTok สั่งปิดบัญชีที่เผยแพร่ข้อมูลปลอมและข่มขู่ประชาชนในเมียนมาร์
TikTok เป็นโซเชียลมีเดียรายล่าสุดที่ออกมาจัดการบัญชีที่เผยแพร่ข้อมูลปลอมและความรุนแรงในเมียนมาร์อย่างเป็นทางการ หลังจากสื่อหลายรายเริ่มรายงานว่าบริษัทหละหลวมในการจัดการข้อมูลเหล่านี้ และปล่อยให้เผยแพร่ในเมียนมาร์เป็นเวลานาน
Rest of World รายงานว่า ทหารเมียนมาร์ได้โพสต์วิดีโอนับร้อยลง TikTok ตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่โฆษณาชวนเชื่อในรัฐบาลทหาร ไปจนถึงข้อมูลปลอมที่สร้างความสับสนให้ผู้ประท้วง หรือแม้กระทั่งการข่มขู่จากทหารพร้อมกับอาวุธ
โฆษกของ TikTok ให้ข้อมูลกับ The Verge ว่า การโปรโมตความเกลียดชัง, ความรุนแรง และข่าวปลอมจะไม่มีที่ยืนบน TikTok เมื่อเราตรวจพบสถานการณ์ลักษณะนี้ในเมียนมาร์ ทางบริษัทก็ได้จัดให้คนทำหน้าจัดการคอนเทนต์เหล่านี้โดยเฉพาะ รวมถึงสั่งแบนบัญชีและอุปกรณ์จำนวนมากที่พบว่าสนับสนุนคอนเทนต์อันตราย
การโพสต์วิดีโอของทหารเมียนมาร์ มีรูปแบบหลากหลาย ตัวอย่างคอนเทนต์ที่อันตรายอย่างหนึ่งที่พบคือทหารข่มขู่ว่า “คุณจะมาเดินขบวนทางการเมืองวันนี้ใช่ไหม? คุณสามารถเดินขบวนได้อย่างสันติ ถ้าคุณข้ามเส้นและปาหินหรือใช้หนังยาง นี่คือกระสุนจริง เราจะยิงคุณ” ซึ่งวิดีโอนี้ถูกโพสต์ลง TikTok ในวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา และมีผู้รับชมกว่า 15,000 ครั้งก่อนที่จะถูกนำออกใน 5 วันถัดมา
ที่มา - The Verge, Rest of World
ภาพนายพล Min Aung Hlaing หัวหน้าคณะรัฐประหารพม่า จากช่อง YouTube กองทัพพม่า |
# เทียบสเปก Galaxy A71 และ Galaxy A72 ซีพียูใหม่ กับความแตกต่างอื่นเพียงเล็กน้อย
Samsung เปิดตัว Galaxy A72 มือถือหน้าจอ 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080x2400 พิกเซล รีเฟรชเรต 90Hz ซีพียู Snapdragon 720G ไปเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งชูโรงว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ “สายเกมเมอร์ต้องจัด” เพราะมาพร้อมกับ Super AI Game Booster+ เพิ่มจัดการประสิทธิภาพและตัดการทำงานอื่นที่ไม่จำเป็นในช่วงเล่นเกม รวมถึงกันน้ำ/กันฝุ่น IP67 ในราคา 13,999 บาท
เปรียบเทียบ Galaxy A71 กับ Galaxy A72
Galaxy A71 เปิดตัวช่วงธันวาคม 2019 และเปิดราคาไทยช่วงเดือนมกราคม ปี 2020 หน้าจอ 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080x2400 พิกเซล เท่ากัน แต่มีอัตรารีเฟรชเรตต่ำกว่าคือ 60Hz ใช้ซีพียู Snapdragon 730 จีพียู Adreno 618 ส่วนแรม และหน่วยความจำภายใน อยู่ที่ 8GB และ 128GB เท่ากัน ราคาเปิดตัว 13,990 บาท แทบไม่ต่างจากราคาเปิดตัว A72 (ห่างกัน 9 บาท)
Galaxy A71
ประสิทธิภาพ
แม้ Galaxy A71 มาพร้อมกับ Snapdragon 730 ที่ตัวเลขดูมากกว่า แต่ Snapdragon 720G ของ A72 เป็นรุ่นเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพมากกว่า 730 เล็กน้อย โดยทั้งสองรุ่นใช้จีพียู Adreno 618 เหมือนกัน
Snapdragon 720G มีคะแนนการทดสอบ AnTuTu มากกว่า 730 อยู่ราว 10% คะแนนการทดสอบแบบ Single Core บน Geekbench 5 มากกว่าอยู่ 6% แต่แบบ Multi-Core ยังแพ้ Snapdragon 730 อยู่ 4% ทั้งนี้คะแนนนี้เป็นการทดสอบระหว่าง Xiaomi Mi9T และ Realme 7 Pro ซึ่งใช้ซีพียูคู่เปรียบเทียบเดียวกัน
ตัวเลขความแตกต่างดังกล่าวเล็กน้อยมาก จนไม่น่าจะส่งผลในการใช้งานจริง คงต้องขึ้นอยู่กับระบบ Super AI Game Booster+ ใหม่บน Galaxy A72 ว่าจะจัดการกับประสิทธิภาพได้ดีกว่าจริงหรือไม่
หน้าจอ
Galaxy A71 ใช้หน้าจอขนาด 6.7 นิ้วแบบเจาะรู ความละเอียด 1080x2400 พิกเซล แบบ Super AMOLED 24-bit โดย A72 ยังใช้หน้าจอแบบเดิม ความละเอียดเท่าเดิม มีสแกนลายนิ้วมือใต้จอแบบ Optical เหมือนกัน สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือความสว่างสูงสุด จาก 515 nits เป็น 900 nits และเพิ่มอัตรารีเฟรชเป็น 90Hz เท่านั้น
ส่วนกระจกหน้าจอ รุ่น A71 ใช้ Gorilla Glass 3, A72 ยังไม่มีข้อมูลระบุ แต่ A52 ที่เปิดตัวพร้อมกัน อัพเกรดเป็น Gorilla Glass 5 ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น Gorilla Glass 5 เช่นกัน แต่คงต้องรอข้อมูลเพิ่มเติม
กล้อง
Galaxy A71 มีกล้องหลัก 64MP f/1.8 กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2 กล้องมาโคร 5MP f/2.4 และ depth sensor 5MP f/2.2
ส่วน A72 แค่เปลี่ยนเอากล้อง depth sensor ออก แล้วใส่กล้องเทเลโฟโต้ ซูมสองเท่า ความละเอียด 8MP f/2.4 เข้ามาแทนเท่านั้น ส่วนกล้องหน้าเป็นความละเอียด 32MP f/2.2 เท่าเดิม
แบตเตอรี่ และซอฟต์แวร์ และการเชื่อมต่อ
แบตเตอรี่ A71 ความจุ 4,500 mAh ส่วน A72 เพิ่มมาเล็กน้อยเป็น 5,000 mAh น่าจะต่างกันไม่มากนัก และรองรับชาร์จเร็ว 25W เท่าเดิม
ด้านซอฟต์แวร์ A71 มาพร้อมกับ Android 10 ครอบด้วย One UI 2 แม้จะอัพเกรดเป็น Android 11 พร้อม One UI 3.1 ได้ แต่ก็จะหมดรุ่นอัพเกรดตามที่ Samsung การันตีไว้ที่ Android 13 เท่านั้น ส่วน A72 มาพร้อมกับ Android 11 ครอบด้วย One UI 3.1 จากโรงงาน ก็จะได้อัพเกรดถึง Android 14 ทำให้อายุการใช้งานน่าจะมากกว่าอีกหนึ่งปี
ด้านการเชื่อมต่อ ไม่มีข้อแตกต่าง ทั้งสองรุ่นรองรับเครือข่ายแค่ 4G ไม่รองรับ WiFi 6 และรองรับ Bluetooth 5.0
สรุป
Galaxy A71 และ Galaxy A72 เป็นมือถือสองรุ่นที่แตกต่างกันน้อยมาก แม้ออกขายห่างกันนานหนึ่งปีกว่า สรุปข้อแตกต่างได้แค่เพียงซีพียู (ต่างเพียงเล็กน้อย) หน้าจอ 90Hz, กล้องเทเลโฟโต้ที่เข้ามาแทน depth sensor ดีไซน์ สี และคุณสมบัติกันน้ำ กันฝุ่น IP67 เท่านั้น
สุดท้ายแล้วการตัดสินใจซื้อน่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณมากกว่า เพราะ Galaxy A71 ปรับราคาเหลือ 11,990 บาท บนหน้าเว็บไซต์ Samsungแล้ว และอาจหาได้ถูกกว่านี้ หรือในราคาไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาทบนช่องทางอื่น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการซัพพอร์ตที่น้อยกว่าประมาณ 1 ปี หน้าจอ 60Hz และการไม่มีเลนส์ซูม (ซึ่งก็ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับหลายๆ คน)
Galaxy A72 เอง แม้จะมีจุดขายว่าเป็นมือถือสำหรับเกมเมอร์ แต่ความแตกต่างจาก Galaxy A71 ยังมีไม่มากนัก เมื่อเทียบกับ Galaxy A52/A52 5G ที่มีข้อแตกต่างจาก A51 มากกว่า โดยเฉพาะการเปลี่ยนซีพียู Exynos มาเป็น Snapdragon ทั้งสองรุ่น
อย่างไรก็ตาม Galaxy A71 เอง ก่อนหน้านี้ก็มีรุ่น 5G แยกออกมาภายหลัง และ Galaxy A52 ก็ออกรุ่น A52 5G (ที่ใช้ซีพียู Snapdragon 750G แรงกว่า Snapdragon 720G บน A72) มาพร้อมกันด้วย แปลว่าเราอาจจะได้เห็น Galaxy A72 5G ที่มีการอัพเกรดด้านอื่นๆ มากกว่านี้ในอนาคตก็เป็นได้
Galaxy A72 |
# Microsoft อัพเดต Defender ช่วยบรรเทาช่องโหว่ของ Exchange
ก่อนหน้านี้ Microsoft เริ่มพบการโจมตีผ่านช่องโหว่ CVE-2021-26855 ของ Exchange ซึ่งมีผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้ทางบริษัทต้องออกตัวช่วยบรรเทาผลกระทบย้อนไปจนถึงเวอร์ชัน 2013 ล่าสุดท่าทีจาก Microsoft คือจะปล่อยอัพเดตให้ Microsoft Defender Antivirus ช่วยป้องกันการโจมตีผ่านช่องโหว่นี้อีกทาง
สำหรับอัพเดตของ Microsoft Defender นี้ ฝั่งผู้ใช้งานเพียงอัพเดตข้อมูลให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเท่านั้น (ถ้าปิดระบบอัพเดตอัตโนมัติจะต้องกดอัพเดตเอง) ระบบจะเริ่มทำงานเพื่อป้องกันการโจมตีผ่านช่องโหว่ของ Exchange ทันที
การโจมตีผ่านช่องโหว่ CVE-2021-26855 นี้ Microsoft ได้แจ้งเตือนผู้ใช้ว่าเป็นช่องโหว่สำคัญมาก เนื่องจากแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้โจมตีและเผยแพร่มัลแวร์เรียกค่าไถ่หรือ ransomware การป้องกันโดยใช้ Microsoft Defender เป็นเพียงวิธีบรรเทาผลกระทบเท่านั้น สามารถใช้ได้ชั่วคราวระหว่างที่ผู้ดูแลระบบวางแผนอัพเดตความปลอดภัยของระบบ Exchange เพื่อปิดช่องโหว่นี้
ที่มา - Engadget
ภาพจาก Shutterstock |
# Lenovo จับมือ Google แจก Stadia Pro ฟรี 3 เดือน พร้อมพีซีและโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง
Lenovo ประกาศจับมือกับ Google แจกอายุสมาชิก Stadia Pro บริการเกมสตรีมมิ่งของ Google ฟรี 3 เดือน เมื่อซื้อโน้ตบุ๊กเกมมิ่งตระกูล Lenovo Legion หรือเกมมิ่งพีซี Ideapad รุ่นผลิตหลัง 5 เมษายน 2021 เป็นต้นไป สามารถเข้าไปกดรับสิทธิได้ในเมนู “My Software” ที่ติดมากับอุปกรณ์ Lenovo
สมาชิก Stadia Pro จะสามารถเล่นเกมฟรี ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ทุกเดือน คล้ายกับ PlayStation Plus (แต่ก็จะเล่นเกมฟรีในเดือนก่อนๆ ได้ด้วย) รวมถึงจะได้ส่วนลดในการซื้อเกมบนแพลตฟอร์ม Stadia
โปรโมชั่นแถม 3 เดือนนี้ มีใน อเมริกาเหนือ ยุโรป และประเทศอื่นๆ รวม 22 ประเทศ อย่างไรก็ตาม Stadia ยังไม่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในบ้านเรา แปลว่าในบ้านเราก็คงไม่มีโปรโมชั่นนี้ด้วยเช่นกัน
อีกจุดสังเกตคือ Stadia หรือบริการเกมสตรีมมิ่งอื่นๆ มักมุ่งเป้าไปที่คอมพิวเตอร์รุ่นเก่า หรือคอมพิวเตอร์ที่สเปกไม่แรงพอเล่นเกมบนเครื่องได้ ดูไม่น่าจะแถมมากับเกมมิ่งพีซีที่เล่นเกมได้อยู่แล้วเท่าไร
แคมเปญนี้ น่าจะเป็นแผนการตลาดของ Google ในการกระตุ้นยอดผู้ใช้ หลังมีข่าวว่ายอดผู้เล่นต่ำกว่าเป้าหมายที่ Google วางไว้ และสตูดิโอผลิตเกมของ Google เอง ก็โดนปิดทั้งหมด ซึ่ง Lenovo เองก็คงยินดีให้ความร่วมมือกับดีลนี้ เพื่อกระตุ้นยอดขายเกมมิ่งโน้ตบุ๊กและพีซีเช่นกัน
ที่มา - Lenovo |
# รัฐ São Paulo ของบราซิล สั่งปรับแอปเปิล 60 ล้านบาท ข้อหาไม่แถมที่ชาร์จ iPhone
ต่อเนื่องจากข่าว รัฐ São Paulo ของบราซิล ออกคำสั่งให้ Apple ใส่หัวชาร์จไฟมากับ iPhone เครื่องใหม่ เมื่อเดือนธันวาคม 2020
ล่าสุดสื่อบราซิลรายงานว่า รัฐ São Paulo สั่งปรับเงินแอปเปิลประมาณ 10.5 ล้านรีล หรือประมาณ 60 ล้านบาท จากกรณีขาย iPhone ไม่แถมที่ชาร์จแล้ว
นอกจากนี้ รัฐ São Paulo ยังตั้งข้อหาแอปเปิลในประเด็นเรื่องผู้บริโภคอื่นๆ ได้แก่ โฆษณาให้ลูกค้าเข้าใจผิด จำกัดสิทธิการซ่อมสินค้าที่ยังอยู่ในประกัน และขายสินค้าที่มีข้อผิดพลาดจากโรงงานด้วย
ที่มา - iMore |
# Square Enix อธิบายเหตุผลที่ทำ FF7 Battle Royale เพราะฐานแฟน RPG ไม่โตแล้ว
Tetsuya Nomura แห่ง Square Enix ให้สัมภาษณ์กับ Famitsu ของญี่ปุ่น อธิบายถึงเหตุผลที่ต้องทำ Final Fantasy VII The First Soldier ที่เป็นเกมแบทเทิลรอยัล
คำตอบของ Nomura ก็ตรงไปตรงมาว่า ฐานผู้เล่น J-RPG ของ Final Fantasy มีจำนวนจำกัด ไม่เติบโตแล้ว ซึ่งเป็นธรรมชาติของเกมซีรีส์ที่อยู่มายาวนาน ทำให้ Square Enix ต้องหาวิธีขยายฐานแฟนกลุ่มใหม่ๆ ให้เข้าถึงโลกของ FF7 มากขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงเห็นแนวเกมตามยุคสมัยอย่างแบทเทิลรอยัลนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม Nomura ยืนยันว่า Square Enix จะตั้งใจ ทุ่มกำลังพัฒนาเกมภาค The First Soldier อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกมออกมาดีที่สุดนั่นเอง
เกม Final Fantasy VII The First Soldier จะเปิดให้เล่นภายในปี 2021 นี้ และเป็นเกมแบบ free-to-play
ที่มา - Eurogamer |
# Barnes & Noble ร่วมกับ Lenovo เปิดตัวแท็บเล็ต Nook 10 นิ้วรุ่นใหม่
Barnes & Noble ร่วมกับ Lenovo เปิดตัวแท็บเล็ต Nook รุ่นใหม่ หลังจากห่างหายจากตลาดไปนานถึง 3 ปี (จนคาดกันว่าเลิกทำแล้ว) โดยใช้ชื่อว่า Nook 10” HD Tablet Designed by Lenovo
จุดสำคัญของแท็บเล็ตรุ่นใหม่จาก Barnes & Noble คือหน้าจอที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการอ่านหนังสือ โดยใช้หน้าจอเป็นแบบ HD IPS 10.1 นิ้วแบบสัมผัส มีอัตราส่วน screen-to-body ที่ 85% พร้อมผ่านการรับรองการลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อสายตาจาก TÜV Rheinland® เพื่อให้เหมาะแก่การใช้อ่านเป็นระยะเวลานาน
ในด้านซอฟต์แวร์ แท็บเล็ตใหม่ของ Nook จะยังคงมีแอป Nook เพื่ออ่านอีบุ๊ค, หนังสือพิมพ์ หรือวารสารจาก Barnes & Noble โดยยังคงมีบริการจาก Google ทั้ง Google Play, Kids Space from Google และ Google Assistant
รายละเอียดสเปคอื่น ๆ บนตัวเครื่อง
มีพื้นที่เก็บข้อมูลในตัว 32GB
ช่องเสียบ microSD
แบตเตอรี่อยู่ได้นานสุด 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (หากเล่นเว็บ)
มีกล้องหน้าหลัง
ลำโพง 2 ตัวและระบบเสียง Dolby Atmos
หน่วยประมวลผลแปดคอร์ สูงสุด 2.3GHz
ระบบวิทยุ FM
น้ำหนัก 420 กรัม
สำหรับราคาขาย Nook 10” HD Tablet Designed by Lenovo อยู่ที่ 129.99 ดอลลาร์ เริ่มวางจำหน่ายเดือนเมษายนนี้ที่ร้านขายหนังสือและเว็บไซต์ของ Barnes & Noble
ที่มา - Engadget |
# Apple ถอดสินค้า iMac Pro ออกจากเว็บไซต์แล้ว
สองสัปดาห์หลังแอปเปิลแสดงข้อความว่า iMac Pro จะจำหน่ายจนกว่าสินค้าจะหมด วันนี้แอปเปิลได้ถอด iMac Pro ออกจากเว็บแอปเปิลทำให้ไม่สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในหน้าสั่งซื้ออุปกรณ์เสริม แอปเปิลยังแก้ไขข้อความในตัวเลือก Mac ที่สามารถใช้ร่วมกันได้ เหลือเพียง iMac Pro (ปี 2017) จากเดิมระบุว่า 2017 ถึงปัจจุบัน เป็นการยืนยันว่า iMac Pro รุ่นนี้ยุติการผลิตแล้ว
ก่อนหน้านี้แอปเปิลแนะนำลูกค้าที่ต้องการซื้อ iMac Pro รุ่นนี้ ให้ซื้อ iMac รุ่นจอ 27 นิ้วแทน ซึ่งมีประสิทธิภาพและราคาที่ดีกว่า
ที่มา: MacRumors |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.