txt
stringlengths
202
53.1k
# Adobe เพิ่ม Super Resolution ใน Adobe Camera Raw ใช้พลัง ML ให้ซูมภาพได้ ไม่เบลอ นอกจาก Adobe จะปล่อย Photoshop สำหรับ Mac รันด้วย Apple M1 แล้ว ยังเพิ่มความสามารถใหม่ใน Adobe Camera Raw ส่วนเสริมสำหรับการตกแต่งรูปภาพใน Photoshop ซึ่งก็คือ Super Resolution ใช้ machine learning เพิ่มความละเอียดภาพแม้ซูมภาพใหญ่ โดยปกติแล้วเมื่อซูมภาพ เราจะมองเห็นเป็นสี่เหลี่ยมพิกเซลเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วภาพ และยิ่งซูมจะยิ่งเบลอ ซึ่ง Super Resolution จะทำให้ตัวสี่เหลี่ยมเล็กและมีความคมชัดขึ้น เบื้องต้นเปิดใช้งาน Adobe Camera Raw ใน Photoshop ก่อน และจะเปิดให้ใช้งานใน Lightroom และ Lightroom Classic ต่อไป ฟีเจอร์ Super Resolution ใช้เทคโนโลยีเดียวกับโปรเจกต์ Enhance Details ที่ใช้เพิ่มความละเอียดรูปภาพใน Camera Raw, Lightroom Classic และ Lightroom CC ที่มา - Adobe, Petapixel
# คุณแม่ในสหรัฐถูกจับกุมฐานใช้ DeepFake ทำภาพ-คลิปปลอม ใส่ร้ายคู่แข่งทีมเชียร์ของลูกสาว Raffaela Spone คุณแม่ในเมืองชาลฟอนต์ รัฐเพนซิลเวเนีย ถูกตำรวจจับกุม เพราะทำภาพและวิดีโอคู่แข่งทีมเชียร์ลีดเดอร์ของลูกสาว เป็นภาพกำลังสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า และภาพอนาจาร โดยใช้ AI ช่วยปรับแต่งหรือ DeepFake จากนั้นส่งไปให้โค้ชที่คุมทีมอยู่ เพื่อหวังให้คู่แข่งลูกสาวถูกไล่ออกจากทีมเชียร์ลีดเดอร์ไป ตำรวจรับเรื่องหลังจากเหยื่อรายหนึ่งได้รับข้อความขู่จากเบอร์ที่ไม่ระบุตัวตน ก่อนจะมีเหยื่อรายอื่นตามมาแจ้งตำรวจด้วย ตำรวจจึงสืบข้อมูลโดยการนำเบอร์โทรมาค้นหาจนพบว่ามาจากเว็บขายของทางโทรศัพท์ ก่อนจะขอหมายค้น เพื่อสืบสาวความเชื่อมโยงไปถึงการใช้งานที่เป็น IP ของ Spone และได้หมายค้นจนสามารถตามไปค้นโทรศัพท์มือถือของเธอ ก่อนจะพบความเชื่อมโยงกับเบอร์โทรที่ใช้ในการส่งข้อความพร้อมภาพและวิดีโอเหล่านั้น Raffaela Spone ถูกแจ้งข้อหาคุกคามผู้เยาว์โดยช่องทางไซเบอร์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนลูกสาวของ Spone ไม่ถูกตั้งข้อหาใดๆ เพราะไม่มีหลักฐานว่ารู้เรื่องที่แม่ทำ หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ภาพจาก Getty Images DeepFake หรือเทคโนโลยีสร้างภาพปลอมด้วย AI เป็นอีกผลิตผลจาก AI ที่กำลังสร้างความกังวลให้หลายฝ่าย หลังมีบริษัทความปลอดภัยพบบอทสร้าง DeepFake ภาพเปลือยใน Telegram เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงมีความเสี่ยงจากการทำภาพหรือวิดีโอปลอมของผู้มีชื่อเสียง หรือผู้มีอิทธิพลมากมาย หลายฝ่ายกำลังร่วมกันหาวิธีจัดการกับอันตรายเหล่านี้ เช่น Microsoft ที่สร้าง Microsoft Video Authenticator เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา และแพลตฟอร์มอย่าง Facebook และ Twitter ก็เริ่มออกกฎและแบน DeepFake เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีอันตรายจากการนำ DeepFake ไปใช้โจมตีผู้อื่นโดยตรงแบบในกรณีนี้อยู่ ซึ่งคงต้องติดตามว่าจะจัดการแก้ไขอย่างไรกันต่อไป ที่มา - Patriot-News, The Philadelphia Inquirer via Engadeget
# [ลือ] Mini เตรียมเลิกทำรถใช้น้ำมัน เปลี่ยนไปทำ EV เต็มตัว ในปี 2030 แหล่งข่าวไม่เปิดเผยที่มา ระบุกับ Der Spiegel นิตยสารข่าวของเยอรมนี ว่า Mini เตรียมเลิกทำรถใช้น้ำมัน เปลี่ยนไปทำเฉพาะรถ EV หรือรถที่ใช้ไฟฟ้าเท่านั้น ภายในปี 2030 โดยรถใช้น้ำมันรุ่นสุดท้ายที่จะออก จะเป็นในปี 2025 และจะเป็นแบรนด์แรกในเครือ BMW ที่จะเลิกผลิตรถใช้น้ำมันโดยสิ้นเชิง ปัจจุบัน Mini มีเพียง Cooper SE (Mini Electric) เท่านั้น ที่เป็นรถ EV แบบเต็มตัว แต่ก็เตรียมออก Countryman รุ่นมี 2 ชุดกำลังส่งให้เลือก คือเครื่องยนต์สันดาปภายใน กับรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในปี 2023 และมีรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ใช้ไฟฟ้าอีกสองรุ่น ที่เตรียมเปิดตัวเช่นกัน ซึ่งถ้าข่าวนี้เป็นจริง เราอาจจะได้เห็นข้อมูลในการพรีเซนต์รายได้ของ BMW ภายในสัปดาห์นี้ Mini เน้นการทำรถยนต์ไม่กี่รุ่น และส่วนใหญ่เป็นรถที่เน้นใช้งานในตัวเมืองเป็นหลักอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลง Mini ไปทำรถยนต์ใช้ไฟฟ้าเป็นแบรนด์แรกในเครือ BMW จึงไม่น่าแปลกใจนัก เพราะมีรุ่นต้องเปลี่ยนไม่เยอะ และระยะขับขี่ของแบตเตอรี่ ไม่น่าจะเป็นปัญหามากนัก การเปลี่ยนแปลงของ Mini อาจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ BMW ใช้ทดสอบตลาด และผลตอบรับอาจกลายมาเป็นตัวกำหนดแนวทางการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของ BMW ในอนาคตต่อไปได้ ที่มา - Der Spiegel via Engadget MINI Cooper SE
# เกาะสึชิมะตั้งทีมงาน Ghost of Tsushima เป็นทูตท่องเที่ยว, ออกแคมเปญชวนแฟนเกมมาเที่ยว ความสำเร็จของเกม Ghost of Tsushima ทำให้คนรู้จักเกาะสึชิมะ ซึ่งอยู่ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี เพิ่มขึ้นมาก และทำให้การท่องเที่ยวของเกาะบูมตามไปด้วย เทศบาลเมืองสึชิมะจึงแสดงความขอบคุณต่อเรื่องนี้ ด้วยการแต่งตั้ง Nate Fox ผู้กำกับเกม และ Jason Connell ห้วหน้าฝ่ายครีเอทีฟของเกมนี้ (ทั้งคู่เป็นพนักงานของสตูดิโอ Sucker Punch) เป็น "ทูตท่องเที่ยวถาวร" (permanent tourism ambassadors) เพื่อเป็นเกียรติที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของเกาะให้โลกรู้จัก Jason Connell ออกมาทวีตขอบคุณตำแหน่งนี้ (เขาไม่สามารถเดินทางไปรับรางวัลได้เพราะติด COVID-19 ทำให้เดินทางยากในช่วงนี้) เทศบาลเมืองยังประกาศว่ายินดีแจกรางวัลให้นักพัฒนาทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเกม และเตรียมออกแคมเปญท่องเที่ยวร่วมกับ Sony Interactive Entertainment โดยอิงจากเนื้อหาในเกม Ghost of Tsushima เพื่อดึงดูดแฟนเกมให้มาดูสถานที่จริงๆ ด้วย ภาพในเกม Ghost of Tsushima ที่ใช้ฉากศาลเจ้า Watazumi Shrine ที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะ - ที่มา ที่มา - VGC
# Phil Spencer บอก อยากเห็นสตูดิโอไมโครซอฟท์ใช้เอนจิน id Tech บ้าง เก็บตกประเด็นไมโครซอฟท์ปิดดีล Bethesda นอกจากเรื่องประกาศเอ็กซ์คลูซีฟเกมในอนาคต ยังมีประเด็นเล็กๆ อีกเรื่องคือการซื้อ Bethesda ยังทำให้ไมโครซอฟท์ได้เป็นเจ้าของเอนจินเกมอีกอย่างน้อย 2 ตัว ได้แก่ id Tech ของ id Software (ชื่อในอดีตคือ Doom Engine, เวอร์ชันล่าสุด id Tech 7 คือใช้กับ Doom Eternal) และ Creation Engine ของ Bethesda Game Studios (ใช้กับ Skyrim, Fallout 4, Fallout 76) Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox พูดถึงเรื่องนี้เล็กน้อย โดยเน้นไปที่เอนจิน id Tech ว่าสามารถนำไปใช้กับสตูดิโอเกมอื่นๆ ของไมโครซอฟท์ได้เช่นกัน เขาบอกว่าอยากเห็นเรื่องนี้และจะนำไปขยายผลต่อไป ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์มีสตูดิโอที่ทำเกม FPS สองเกมคือ 343 Industries (Halo) และ The Coalition (Gears of War) ซึ่งกรณีของ Halo Infinite มีเอนจิน SlipSpace ของตัวเอง ในขณะที่ซีรีส์ Gears เลือกใช้ Unreal Engine (ต้นกำเนิดซีรีส์นี้มาจาก Epic Games) ดังนั้น การย้ายมาใช้ id Tech อาจยังไม่เกิดขึ้นได้ง่ายนักในระยะสั้น แนวทางของ Bethesda เองก็มีเปิดให้สตูดิโอภายในเลือกใช้เอนจินเกมที่หลากหลาย เช่น id Software, MachineGames, Arkane Studios นิยมใช้เอนจิน id Tech ส่วน Bethesda Game Studios ใช้เอนจิน Creation Engine ของตัวเอง และมีบางสตูดิโอก็เลือกใช้ Unreal Engine เช่นกัน ที่มา - Wccftech ภาพจาก id Software
# Amazon Aurora เริ่มใช้ซีพียู Graviton2 ที่ออกแบบเอง ราคาต่อประสิทธิภาพดีขึ้น 35% Amazon เริ่มใช้งานซีพียูออกแบบเอง Graviton2 ที่เป็น ARM ใช้สำหรับเซิร์ฟเวอร์บน AWS โดยชูจุดเด่นเรื่องราคา/ประสิทธิภาพที่ดีกว่า x86 แต่ในช่วงแรกๆ ยังใช้เฉพาะบริการเช่าเครื่อง EC2 โดยตรงเท่านั้น ช่วงหลัง Amazon เริ่มนำ Graviton2 มาใช้กับบริการอื่นๆ ในเครือ AWS เพิ่มมากขึ้น บริการล่าสุดคือฐานข้อมูล Amazon Aurora (ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลของ AWS เองที่เข้ากันได้กับ MySQL/PostgreSQL) ที่หันมาใช้เครื่อง Graviton2 โดยระบุว่ามีประสิทธิภาพดีขึ้นสูงสุด 20% และราคาต่อประสิทธิภาพดีขึ้นสูงสุด 35% Amazon ย้ำว่าประสิทธิภาพของ Graviton2 เกิดจากการออกแบบซีพียูให้เหมาะกับงานบน AWS เป็นพิเศษ จึงได้ประโยชน์เพิ่มในหลายมิติ เช่น การเข้ารหัสข้อมูลได้เร็วขึ้นถึง 50% เป็นต้น ที่มา - AWS Blog
# กูเกิลปะทะคารมกับไมโครซอฟท์ ประเด็นค่าลิขสิทธิ์ข่าว หลังไมโครซอฟท์สนับสนุนกฎหมายแบบออสเตรเลีย สัปดาห์นี้กูเกิลและไมโครซอฟท์เปิดสงครามน้ำลายกันออกสื่อทั้งสองบริษัทหลังจาก Brad Smith ประธานไมโครซอฟท์แถลงไปยังสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ แสดงความเห็นด้วยกับการวางกฎหมายแบบออสเตรเลียที่บีบให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องจ่ายค่าใช้งานคอนเทนต์จากองค์กรสื่อ วันเดียวกัน Kent Walker รองประธานอาวุโสของกูเกิลก็ออกมาเขียนบล็อกโจมตีไมโครซอฟท์กลับเช่นกัน แถลงของไมโครซอฟท์ชี้ให้เห็นว่าองค์กรสื่อในสหรัฐฯ นั้นกำลังอยู่ไม่ได้ จำนวนหนังสือพิมพ์ลดลงอย่างต่อเนื่อง และระบุว่าแพลตฟอร์มออนไลน์เช่นกูเกิลและเฟซบุ๊กได้ประโยชน์จากค่าโฆษณาที่เคยลงไปยังสื่อเหล่านี้ แต่เน้นไปที่กูเกิลเป็นพิเศษเนื่องจากกูเกิลทำหน้าที่หลายส่วนในวงการโฆษณาพร้อมๆ กัน ทั้งการขายโฆษณาจากผลการค้นหา, ธุรกิจนายหน้าขายโฆษณาบนเว็บต่างๆ ทางฝั่งกูเกิลนั้น Kent Walker ระบุว่าไมโครซอฟท์มีแนวทางโจมตีคู่แข่งและสนับสนุนกฎกำกับดูแลที่ตัวเองได้ประโยชน์เป็นปกติ และกูเกิลเองทำงานร่วมกับองค์กรสื่อหลายช่องทาง และสร้างรายได้ให้กับองค์กรสื่อทั้งโฆษณาและการใช้คอนเทนต์ใน Google News Showcase ขณะที่ไมโครซอฟท์เองก็มีแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Microsoft News และ LinkedIn แต่สร้างรายได้ให้องค์กรสื่อน้อยมาก บล็อกของ Walker ชี้ว่าไมโครซอฟท์เองกำลังถูกวิจารณ์ต่อการรับมือช่องโหว่ Exchange ที่ล่าช้าทำให้ลูกค้าถูกแฮกไปจำนวนมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ไมโครซอฟท์หันมาโจมตีกูเกิลเช่นนนี้ ที่มา - Google Blog, House.gov แผนภาพธุรกิจโฆษณาของกูเกิล จากแถลงของ Brad Smith ต่อสภาผู้แทนสหรัฐฯ
# ไมโครซอฟท์แจ้งเตือนแฮกเกอร์เริ่มใช่ช่องโหว่ Exchange ปล่อย ransomware, ออกแพตช์ให้เวอร์ชั่นเก่า ไมโครซอฟท์แจ้งเตือนผู้ใช้ Exchange Server ว่าบริษัทเริ่มตรวจพบกลุ่มแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ล่าสุดเพื่อเผยแพร่มัลแวร์เข้ารหัสเรียกค่าไถ่ (ransomware) โดยมัลแวร์ที่พบคือ Doejo.Crypt.A และ DearCry แม้ไมโครซอฟท์จะออกแพตช์มาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่เนื่องจากช่องโหว่นี้มีผลกระทบเป็นวงกว้างทำให้บริษัทตัดสินใจออกแพตช์ย้อนให้กับ Exchange 2019 รุ่นเก่าที่ติดตั้งแพตช์ Cumulative Updates (CU) ตั้งแต่ตัวแรก CU1 จนถึง CU22 เพื่อให้ลูกค้าสามารถอัพเดตแพตช์นี้ได้ง่ายขึ้น ที่มา - @MsftSecIntel
# ศาลสหรัฐฯ พิพากษาให้หยุดคำสั่งแบน Xiaomi ในรัฐบาลทรัมป์ชั่วคราว ศาลสหพันธรัฐในวอชิงตันประกาศสั่งหยุดคำสั่งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ให้แบนการลงทุนของสหรัฐฯ ใน Xiaomi ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากจีน คำสั่งแบน Xiaomi ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ​ เกิดขึ้นในยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ในช่วงปลายวาระการดำรงตำแหน่งช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยกระทรวงนำชื่อ Xiaomi บันทึกไว้เป็นรายการบริษัทที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะห้ามนักลงทุนสหรัฐฯ​ ซื้อหุ้น Xiaomi และหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ส่วนนักลงทุนที่ถือหลักทรัพย์อยู่แล้วจะต้องขายออกภายใน 11 พฤศจิกายนนี้ โดยกฎหมายจะเริ่มมีผลในสัปดาห์หน้า สำหรับทาง Xiaomi บริษัทได้ยื่นฟ้องต่อศาลให้หยุดคำสั่งนี้ โดยอ้างว่าคำสั่งแบนไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพของประเทศจีนแต่อย่างใด ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้พิพากษา Rudolph Contreras ได้สั่งแบนคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว โดยผู้พิพากษาระบุว่าเป็นคำสั่งแบน Xiaomi เป็นคำสั่งที่เกิดขึ้นโดยพลการ และมองว่า Xiaomi จะชนะคำฟ้องนี้ ศาลจึงออกคำสั่งเบื้องต้นให้ป้องกันบริษัทจากความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้โดยการหยุดคำสั่งแบนไปก่อนชั่วคราว เนื่องจากถ้าคำสั่งแบน Xiaomi ประกาศใช้จริง บริษัทอาจถูกถอดออกจากดัชนีหรือแบนจากการตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่มา - Bloomberg, Engadget
# ราคา Bitcoin ทะลุ 60,000 ดอลลาร์แล้ว ราคาซื้อขายบิตคอยน์ได้ปรับเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง โดยล่าสุดสูงกว่า 60,000 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์แล้ว สถิติราคาสูงสุดบิตคอยน์ก่อนหน้านี้อยู่ที่ราว 58,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ปีนี้ ข่าวสำคัญของบิตคอยน์และเงินคริปโตในช่วงที่ผ่านมา มีทั้ง Meitu เป็นบริษัทจีนรายใหญ่แห่งแรกที่ประกาศซื้อบิตคอยด์เป็นสินทรัพย์ลงทุน มาจนถึงการซื้อขายสินทรัพย์ในรูป NFT หรือ Non-Fungible Token ตัวอย่างเช่นการเปิดประมูลทวีตข้อความแรกของ Jack Dorsey สะท้อนการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้งาน ที่มา: CoinDesk
# Gordon Hall ผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอเกม Rockstar Leeds เสียชีวิตด้วยวัย 51 ปี มีรายงานว่า Gordon Hall ผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอเกม Rockstar Leeds ซึ่งเป็นสตูดิโอภายใต้ Rockstar Games เสียชีวิตด้วยวัย 51 ปี อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลว่าเขาเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด เดิมที Gordon Hall และทีมก่อตั้งสตูดิโอเกมชื่อ Möbius Entertainment ในปี 1997 เน้นทำเกมลง Game Boy Advance โดยสร้างชื่อจากเกม Max Payne ที่ไปเตะตา Sam Houser ประธานบริษัท Rockstar Games นำไปสู่การเข้าซื้อกิจการและเปลี่ยนชื่อมาเป็น Rockstar Leeds ในปี 2004 (Leeds มาจากชื่อเมืองในอังกฤษที่สำนักงานของสตูดิโอตั้งอยู่) หลังจากนั้น Hall ก็ได้คุมทีมทำเกม GTA: Chinatown Wars ใน PSP, Nintendo DS, iOS และ Android ส่วนอีกเกมที่เขาคุมทีมคือ GTA: Liberty City Stories ที่ลง PSP, PS2, iOS และ Android โดยทำงานร่วมกับสตูดิโอ Rockstar North ภาพโดย Rockstar นอกจากนี้เขายังเคยไปช่วยทำเกม Red Dead Redemption กับสตูดิโอ Rockstar San Diego ด้วย ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งประธาน Rockstar Leeds ในปี 2011 เพื่อไปทำวิจัยเกี่ยวกับจิตวิทยาของผู้เล่นเกม และสุดท้ายก็กลับเข้าวงการเกมในตำแหน่ง Chief Creative Officer ที่ Activision Blizzard Mobile ในปี 2013 สตูดิโอ Rockstar Games ระบุว่าทีมงานรู้สึกเสียใจมากเมื่อได้ข่าวการจากไปของ Hall ที่มา - PC Gamer
# ดราม่า #EAGate เมื่อมือดีขายการ์ดหายากใน FIFA Ultimate Team อาจเป็นพนักงานภายใน EA เกิดดราม่ากับระบบสุ่มการ์ดผู้เล่นใน FIFA Ultimate Team (เรียกย่อๆ ว่า FUT) ของเกม FIFA21 เมื่อทวิตเตอร์ @FutArcade ออกมาแฉว่ามีมือดีขายการ์ดหายากทั้งการ์ด Icon ที่มีผู้เล่นในตำนานอย่าง Ronaldo (บราซิล), Pele, Ronaldinho, Zinedine Zidane และ Ruud Gullit รวมถึงการ์ดพิเศษอย่าง Prime Icon Moments พ่วงกับ Team of The Year (TOTY) พร้อมติดแท็ก #EAGATE กระบวนการซื้อคือแค่จ่ายเงิน และบอกไอดี PSN และไอดี EA ให้คนขาย ก็จะได้รับการ์ดหายากเหล่านี้ ทำให้น่าสงสัยว่าบุคคลที่มีอำนาจ “เสกการ์ด” เข้าไปในไอดีผู้เล่นได้โดยตรง อาจมีความเกี่ยวข้อง หรือเป็นพนักงานภายในของ EA เอง การขายการ์ดมีราคาแตกต่างกันไป แต่ส่วนมากเป็นแบบจัดชุด อยู่ในระดับหลายร้อยถึงพันยูโร เช่นการ์ด Icon 3 ใบ มีผู้ขายอยู่ที่ราคา 750 ยูโร (ราว 27,500 บาท) และ 1,000 ยูโร (ราว 36,800 บาท) ไปจนถึงชุดจัดเซ็ต 3 Icon cards รวมกับ 2 (TOTY) อยู่ที่ 1,000 ยูโร ไปจนถึง 1,700 ยูโร (ราว 62,400 บาท) การที่มีคนขายการ์ดหายากในราคาเหล่านี้ได้ สะท้อนว่าเปอร์เซ็นต์ที่ได้รับการ์ดเหล่านี้จริงๆ ต่ำมาก และผู้เล่นอาจต้องเสียเงินมากกว่านี้ เพื่อสุ่มให้ได้การ์ดเหล่านี้มา ทำให้การซื้อตรงๆ ไปเลย เป็นการลงทุนที่ชัวร์กว่า นอกจากนี้ EA ยังไม่ยอมเปิดเผยเรตการดร็อปการ์ดที่ชัดเจน เมื่อมีเรตต่ำกว่า 1% (ซึ่งการ์ด Icon เหล่านี้มีเรตต่ำกว่า 1%) ก่อนหน้านี้ตลาดมืดในการขาย FUT Coins ที่เอาไว้ใช้ประมูลการ์ด Icon ในเกมได้ แต่การขายการ์ด Icon โดยตรงแบบนี้ เพิ่งถูกแฉเป็นครั้งแรก และล่าสุด EA ก็ทวิตประกาศ ไม่สนับสนุนการกระทำนี้ รวมถึงจะสอบสวนและจัดการปัญหานี้ภายใน และจะเปิดเผยข้อมูลการสืบสวนต่อชุมชนผู้เล่นต่อไป EA ทำรายได้มหาศาลจาก FIFA Ultimate Team โดยเคยอธิบายต่อรัฐสภาอังกฤษว่าระบบสุ่มการ์ด (loot box) ของบริษัทนั้น มีจริยธรรม และขอให้เรียกมันว่า “surprised mechanic” ในปี 2019 แต่ก็ถูกศาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินว่าระบบสุ่มการ์ดในเกม FIFA นั้นผิดกฎหมายการพนัน ในเดือนตุลาคม ปี 2020 เช่นกัน ที่มา - Eurogamer, Twitter @FutArcade
# Lou Ottens ผู้ประดิษฐ์เทปคาสเซ็ท เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 94 ปี Lou Ottens วิศวกรชาวดัตช์ผู้ประดิษฐ์เทปคาสเซ็ทพกพา ได้เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 94 ปี โดยประวัติของ Ottens นั้น เริ่มงานที่ Philips หลังจบสงครามโลก ต่อมาได้ทำงานในฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีสินค้าสำคัญคือเครื่องบันทึกเทปรีล (ถ้านึกภาพไม่ออก ดูรูปที่นี่) ด้วยขนาดที่ใหญ่และใช้งานยาก ทำให้ Ottens เสนอแนวทางพัฒนาเทปบันทึกข้อมูลที่มีขนาดเล็กลง สามารถพกพาใส่กระเป๋าเสื้อได้ โดยเทปคาสเซ็ทนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 1963 ด้วยชื่อเรียก Compact Cassette และกลายเป็นสื่อบันทึกข้อมูลเพลงที่ใช้งานแพร่หลายในเวลาต่อมา BBC คาดการณ์ว่ามีเทปคาสเซ็ทผลิตออกมาในโลกมากกว่า 1 แสนล้านตลับ ช่วงปี 1970 Philips ได้ร่วมมือกับ Sony พัฒนาสื่อยุคใหม่สำหรับการบันทึกข้อมูล ซึ่ง Ottens เองก็มีส่วนร่วมด้วย จนออกมาเป็นแผ่นซีดี ที่ได้รับความนิยมจนแทนที่เทปคาสเซ็ทนั่นเอง ที่มา: PC Gamer ภาพ Wikimedia
# Bloomberg เผย Grab อาจนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นในอเมริกาผ่านวิธี SPAC สำนักข่าว Bloomberg อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง เผยว่า Grab กำลังศึกษาวิธีนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นอเมริกา ผ่านวิธีการ SPAC ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมาก สำหรับบริษัทที่ต้องการเข้าตลาดหุ้นอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา แตกต่างจากวิธีการขายหุ้นต่อสาธารณะหรือไอพีโอ SPAC หรือ Special Purpose Acquisition Companies เป็นการจัดตั้งบริษัทที่ระดมทุนจากนักลงทุน มีเป้าหมายเพื่อซื้อธุรกิจสักอย่าง แล้วเปลี่ยนให้บริษัทที่ซื้อมาเข้าเป็นบริษัทในตลาดหุ้นแทน วิธีการนี้ช่วยลดขั้นตอนจากไอพีโอแบบเดิมซึ่งมีระยะเวลาและต้นทุน กรณีของ Grab นั้น มีรายงานว่าที่ปรึกษาทางการเงินทั้ง JPMorgan และ Morgan Stanley กำลังหาบริษัท SPAC ที่มีขนาดเหมาะสมในการซื้อกิจการอยู่ อ่านเพิ่มเติม: มารู้จักกับ SPAC อีก 1 วิธีนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา ณ ตอนนี้ - BrandInside ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า Traveloka สตาร์ทอัพด้านการท่องเที่ยวระดับยูนิคอร์นจากอินโดนีเซีย ก็สนใจนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นด้วยวิธีการ SPAC เช่นกัน ตัวแทนจากทั้ง Grab, JPMorgan และ Morgan Stanley ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ที่มา: Bloomberg
# Walt Disney World เปิดตัว MagicMobile ใช้มือถือหรือสมาร์ทวอชเป็นกระเป๋าเงินและบัตรเข้าสวนสนุก Walt Disney World Resort เปิดตัว Disney MagicMobile บริการใหม่สำหรับสวนสนุกที่ให้ผู้ใช้นำสมาร์ทโฟนหรือสมาร์ทวอชเป็นตั๋วเข้าสวนสนุกและกระเป๋าเงิน เหมือนกับ MagicBands ที่เคยผลักดัน ในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่ง Disney จะเริ่มเปิดให้ใช้เฉพาะผู้ใช้ iPhone และ Apple Watch ก่อนในเฟสแรก วิธีใช้ MagicMobile คือต้องสร้างพาสผ่านแอป My Disney Experience และเพิ่มเข้าแอป Wallet ก่อน จากนั้นก็เอามือถือหรือสมาร์ทวอชไปแตะที่ access point เหมือนใช้ MagicBands แต่ MagicBands ก็จะยังคงมีให้ใช้งานต่อไป อย่างไรก็ดี Disney ยังไม่ได้มีแผนจะนำมาใช้กับ Disneyland (เนื่องจาก Disneyland ไม่ได้ใช้ MagicBands เหมือน Disney World) ดังนั้นคงจะยังไม่เห็น MagicMobile ใน Disneyland เร็ว ๆ นี้ ที่มา - Engadget, Disney
# กูเกิลเตรียมอัพเดต Wear OS ครั้งใหญ่ในเร็วๆ นี้, เปิดให้นักพัฒนาเข้าถึงหน้าปัด Tiles ระบบปฏิบัติการ Wear OS ถูกกูเกิลทอดทิ้งมานาน แต่ปีที่แล้วกูเกิลออกมาบอกว่ากำลังพัฒนาแกนของ Wear OS ใหม่ที่อิงจาก Android 11 แล้วก็เงียบหายไป ส่วนปีนี้เริ่มมีข่าวลือว่าซัมซุงจะออกนาฬิกาที่เป็น Wear OS แทน Tizen ด้วย ล่าสุดกูเกิลออกมาพรีวิวความสามารถใหม่ของ Wear OS (ที่คู่แข่งมีนานแล้ว) คือเปิดให้นักพัฒนาภายนอกเข้าถึง Tiles หรือหน้าปัดนาฬิกาแบบคัสตอมได้ผ่าน Jetpack Tiles library ที่เพิ่งมีสถานะเป็น alpha (Tiles มีตั้งแต่ปี 2019 แต่เพิ่งมาเปิดให้คนนอกใช้) กูเกิลบอกว่าฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปใช้งานใน Wear OS platform update ช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ ก็น่าจะเป็นสัญญาณว่าเราจะเห็นประกาศชุดใหญ่ของ Wear OS (พร้อมทั้งนาฬิกาของซัมซุงตามข่าวลือ) ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ที่มา - Android Developers Blog
# 7-Zip ออกเวอร์ชันลินุกซ์เป็นครั้งแรก เพราะ 22 ปีที่ผ่านมามีแต่บนวินโดวส์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า 7-Zip โปรแกรม Zip ยอดนิยมบนวินโดวส์ที่ออกครั้งแรกในปี 1999 ไม่เคยออกบนแพลตฟอร์มอื่นมาก่อน (เคยมี p7zip เป็นโครงการพอร์ตลงลินุกซ์ แต่เลิกทำไปแล้ว) ล่าสุด Igor Pavlov ผู้สร้าง 7-Zip ได้ออกเวอร์ชันลินุกซ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 22 ปีของโปรแกรมนี้ ตอนนี้ยังมีเฉพาะเวอร์ชันคอนโซล (ไม่มี GUI) โดยมีไบนารีใช้งานได้หลากหลายสถาปัตยกรรม ทั้ง x86, x86-64, ARM64 บนลินุกซ์มีโปรแกรมบีบอัดข้อมูลอยู่หลายตัว แต่การมาถึงของ 7-Zip ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่ายินดีเช่นกัน ที่มา - 7-Zip Forum, OMG Ubuntu
# Microsoft Edge เปลี่ยนมาออกทุก 4 สัปดาห์ ตามรอบของ Chromium ไมโครซอฟท์ปรับรอบการออกรุ่นของ Microsoft Edge เป็น 4 สัปดาห์ ตามประกาศของ Chrome/Chromium ก่อนหน้านี้ Edge จะยังเดินตามรอยของ Chrome โดยออกรุ่น Extended Stable อัพเดตทุก 8 สัปดาห์ สำหรับลูกค้าองค์กรที่ไม่อยากอัพเดตบ่อยๆ การเปลี่ยนแปลงจะมีผลใน Edge เวอร์ชัน 94 เช่นเดียวกับ Chrome ประกาศของ Edge ทำให้ตอนนี้เบราว์เซอร์ยอดนิยม 3 ตัวคือ Firefox, Chrome, Edge เปลี่ยนมาใช้รอบ 4 สัปดาห์กันหมดแล้ว ที่มา - Microsoft Edge
# Apple ประกาศเลิกผลิต HomePod รุ่นแรก เปลี่ยนมาทำ HomePod mini อย่างเดียว แอปเปิลประกาศหยุดผลิต HomePod ลำโพงผู้ช่วยอัจฉริยะรุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2017 โดยสินค้าจะวางขายในทุกช่องทางจัดจำหน่ายต่อไปจนกว่าจะหมดสต็อก รวมทั้งสินค้ายังได้การสนับสนุน และอัพเดตซอฟต์แวร์ต่อไปตามเดิม แอปเปิลบอกว่าโฟกัสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอนนี้ไปอยู่ที่ HomePod mini เพียงอย่างเดียว โดยบอกว่าสินค้าได้รับการตอบรับที่ดีมาก HomePod เปิดตัวโดยชูจุดเด่นเรื่องคุณภาพเสียง แต่ด้วยราคาที่สูงถึง 349 ดอลลาร์ ทำให้แอปเปิลต้องลดราคาในเวลาต่อมา และออก HomePod mini ที่มีขนาดเล็กลง พร้อมกับราคาที่ 99 ดอลลาร์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีกว่า ที่มา: TechCrunch
# Hello แพลตฟอร์มจักรยานของ Ant Group ยื่นไฟลิ่งเตรียมเข้าตลาดหุ้นในอเมริกา Bloomberg รายงานว่า Hello Inc. เจ้าของแพลตฟอร์มแชร์จักรยาน Hello หรือ Hello Bike ได้ยื่นเอกสารไฟลิ่ง เพื่อเตรียมนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นที่อเมริกาแล้ว ซึ่งจะทำให้เป็นบริษัทผู้ให้บริการแชร์จักรยานรายแรก ที่เข้าตลาดหุ้นที่นั่น Hello มีผู้ลงทุนรายสำคัญคือ Ant Group รายงานข่าวระบุว่าบริษัทยังไม่สรุปจำนวนหุ้น และราคาหุ้นที่จะขาย แต่คาดว่าบริษัทต้องการเงินเพิ่มทุนจากไอพีโอนี้ราว 1,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ข้อมูลล่าสุดจากการเพิ่มทุน บริษัทมีมูลค่ากิจการราว 5,000 ล้านดอลลาร์ จำนวนผู้ลงทะเบียนใช้งานบนแพลตฟอร์มมี 400 ล้านคน และ Hello ให้บริการแล้วใน 400 เมืองของจีน ธุรกิจแชร์จักรยานเคยเป็นบริการที่มาแรงมากในจีน แต่หลังการแข่งขันผ่านไปทำให้เหลือผู้ให้บริการไม่กี่ราย และทุกรายล้วนมีบริษัทใหญ่หนุน ได้แก่ Qingju ของ Didi, Meituan Bike ของ Meituan-Dianping ที่ซื้อกิจการ Mobike มา และ Hello ของ Ant Group ซึ่งทุกรายตอนนี้มาเน้นการให้บริการจักรยานไฟฟ้า ซึ่งเป็นตลาดที่ยังเติบโต ที่มา: Bloomberg
# JD.com ไตรมาส 4/2020 เน้นเจาะตลาดเมืองรองในจีนมากขึ้น JD.com รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2020 รายได้รวม 34,379.8 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 31.4% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,728.0 ล้านดอลลาร์ จำนวนลูกค้าของ JD.com ที่มีการใช้งานในรอบ 1 ปี มีจำนวนเพิ่มขึ้น 30.3% เป็น 471.9 ล้านบัญชี ไฮไลท์สำคัญของ JD.com ช่วงได้มาสที่ผ่านมาคือกลุ่มธุรกิจ Jingxi เพื่อเจาะตลาดเมืองรองในจีน ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Jingxi ร้านสะดวกซื้อ Jingxitong และแพลตฟอร์มซื้อสินค้าแบบกลุ่ม Jingxi Pinpin ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดเมืองรอง และล่าสุดบริษัทก็ซื้อหุ้นใน Dili Group ตัวแทนกระจายสินค้าเกษตร เพื่อเน้นตลาดนี้มากขึ้น ที่มา: JD.com
# OVH ระบุเช้าวันไฟไหม้มีการซ่อมบำรุง UPS, กำลังดึงภาพกล้องวงจรปิดหาสาเหตุ ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูล OVH นับเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญของโลกไอทีที่เราไม่เห็นคลาวด์เกิดเหตุข้อมูลเสียหายครั้งใหญ่ๆ เช่นนี้บ่อยนัก ล่าสุด Octave Klaba ผู้ร่วมก่อตั้ง OVH ก็อัดวิดีโอชี้แจงถึงมาตรการเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ พร้อมกับเล่าถึงกระบวนการสอบสวนสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ Klaba ระบุว่าในศูนย์ข้อมูลมีกล้องวงจรปิดทั้งหมด 300 ตัวและกำลังดึงภาพออกจากกล้อง หากได้ภาพครบถ้วนก็น่าจะรู้สาเหตุเพลิงไหม้ได้ แต่ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่คือ UPS ตัวที่ 7 และ 8 นั้นติดไฟขณะเกิดเหตุด้วย และเช้าก่อนเกิดเหตุมีการซ่อมบำรุง UPS ตัวที่ 7 ในแง่ของเซิร์ฟเวอร์ทาง OVH กำลังเร่งวางเซิร์ฟเวอร์ทดแทนโดยเร่งอัตราการผลิตและติดตั้งขึ้น 3 เท่าตัว โดยคาดว่าในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ได้ประมาณ 10,000 ตัว ที่มา - The Register, OVH
# Google Maps บนเดสก์ทอป จะให้ผู้ใช้ลากเส้นถนนที่ขาดหายไปได้ กูเกิลตรวจสอบก่อนเผยแพร่ Google Maps เพิ่มเครื่องมือใหม่บนเดสก์ทอป ให้ผู้ใช้งาน ลากเส้นเพิ่มถนนที่หายไปบนแพลตฟอร์ม เริ่มจากไปที่แถบเมนูด้านซ้าย เลือก Edit the map และเลือก Missing Road จากนั้นก็สามารถใช้เมาส์ลากเส้นถนนเพิ่มเข้าไปได้ นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งข้อมูลหากมีการเปลี่ยนชื่อถนน หรือถนนที่ใช้งานไม่ได้ โดยกูเกิลจะทำการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก่อนเผยแพร่ กูเกิลเพิ่มความสามารถอัพโหลดรูปภาพสถานที่ลงใน Google Maps บนมือถือ พร้อมเขียนคำบรรยายภาพเพิ่มเติมได้ด้วย เช่นหากอยากแจ้งข้อมูลให้คนอื่นรู้ว่าร้านนี้มีที่นั่งในสนามหญ้าก็สามารถถ่ายรูปและโพสต์พร้อมเขียนคำบรรยายสั้นๆ ได้ และสุดท้าย ผู้ใช้งาน Android ในสหรัฐฯ สามารถเข้าร่วมโปรแกรม Local Love challenge ที่ให้โพสต์รูปภาพ และเขียนรีวิวรวมถึงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นได้ ที่มา - กูเกิล
# Uber และ Lyft ร่วมแชร์ข้อมูลคนขับที่ถูกแบนจากพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ และทำร้ายร่างกาย Uber และ Lyft ประกาศความร่วมมือแชร์ข้อมูลคนขับในสหรัฐฯ ที่ถูกแบนจากพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ หรือมีการทำร้ายร่างกายผู้โดยสาร โดยบริษัทผู้ดูแลฐานข้อมูลคือ HireRight ผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติคนขับรถ บริการเรียกรถและเดลิเวอรี่รายอื่นสามารถเข้าร่วมแชร์ข้อมูลนี้ได้ด้วย ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการเคลื่อนไหวต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าทั้งสองบริษัท เข้ามาจัดการเรื่องนี้ไม่ดีพอ ในรายงานความปลอดภัยของ Uber ประจำปี 2019 ซึ่งเป็นปีแรกที่จัดทำรายงาน พบการรายงานว่าคนขับมีพฤติกรรมคุมตามทางเพศ 6,000 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีผู้หญิง 14 รายร่วมฟ้อง Lyft ฐานตรวจสอบข้อมูลคนขับน้อยเกินไป ที่มา - Engadget
# Chrome เวอร์ชั่นใหม่ เร็วขึ้น กินแรมน้อยลง ทั้งบน Windows, MacOS และ Android Chrome โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ที่เป็นตำนานในด้านการกินแรม หรือหน่วยความจำมาช้านาน แต่ก็พยายามปรับการจัดการให้ดีขึ้นอยู่เรื่อยๆ ในเวอร์ชั่นล่าสุด ทั้งบน Windows, MacOS และ Android มีการนำ PartitionAlloc ตัวจัดการหน่วยความจำของ Google เข้ามาจัดการการใช้งานหน่วยความจำให้ดีขึ้นอีกด้วย Google ระบุว่าใน Chrome M89 บน Windows นั้น สามารถประหยัดหน่วยความจำในโพรเซสของบราวเซอร์ได้กว่า 22% ประหยัดหน่วยความจำของ renderer ได้ 8% และประหยัดหน่วยความจำ GPU ได้ 3% มีอัตราการตอบสนองของบราวเซอร์ที่ดีขึ้นถึง 9% นอกจากนี้เรียกคืนหน่วยความจำได้ถึง 100MiB ต่อแท็บ โดยการจัดการหน่วยความจำในแท็บที่ใช้งานอยู่ (foreground tab) ให้ดีขึ้น เช่นเรียกคืนหน่วยความจำของรูปภาพขนาดใหญ่ที่ผู้ใช้เลื่อนผ่านหน้าจอไปแล้ว Google ระบุว่า Chrome บน macOS ปรับลดการใช้งานหน่วยความจำของแท็บในแบคกราวด์ได้สูงสุด 8% หรือถึง 1GB ในบางเครื่อง และการใช้วิธี Tab throttling กับ JavaScript Timer ที่เริ่มใช้ตั้งแต่เวอร์ชั่น 87 ก็ส่งผลให้คะแนน Energy Impact บนอุปกรณ์ Apple ของแท็บที่อยู่ในแบคกราดว์ ดีขึ้นถึง 65% ทำให้กินพลังงานลดลง เครื่องร้อนน้อยลง ส่วนเวอร์ชั่น Android มีการใช้ Android App Bundles เพื่อจัดการการดาวน์โหลดในระดับ device-level และใช้ isolatedSplits เพื่อแบ่งโหลดฟีเจอร์ตามต้องการ ทำให้ลดการแครชของแอปลง การใช้งานหน่วยความจำดีขึ้น 5% เปิดแอปไวขึ้น 7.5% และโหลดหน้าเพจไวขึ้น 2% นอกจากนี้ยังมีการใช้ Freeze-Dried Tabs หรือหน้าเพจแบบที่เซฟไว้เหมือนสกรีนช็อต แต่เลื่อนได้ และกดลิงก์ได้ บนแอป Chrome ในมือถือ เพื่อให้เปิดหน้าเริ่มต้นของแอปได้เร็วขึ้นอีก 13% และแอป Chrome เวอร์ชั่น 64-bit บนอุปกรณ์ Android 10 ขึ้นไป ที่มีแรมเกิน 8GB ยังถูกปรับปรุงให้โหลดหน้าเพจได้ไวขึ้น 8.5% ทำให้หน้าเพจเลื่อนได้อย่างลื่นไหลและตอบสนองไวขึ้น 28% อีกด้วย ที่มา - 9to5Google โชว์ประสิทธิภาพของการใช้ Freeze-Dried Tabs บนแอปเวอร์ชั่น Android
# ไม่มีนายไม่มีทาส GitLab เตรียมเปลี่ยนชื่อ branch เริ่มต้นเป็น main GitLab ประกาศเปลี่ยนชื่อ branch เริ่มต้นจาก master เป็น main หลังจาก GitHub เปลี่ยนชื่อเริ่มต้นไปเมื่อปีที่แล้ว ชื่อ branch ของ Git นั้นเลียนแบบมาจาก BitKeeper ต้นกำเนิด Git ที่เคยใช้ดูแลซอร์สโค้ดลินุกซ์ (และทำให้ชุมชนทะเลาะกันเนื่องจาก BitKeeper ไม่ใช่โอเพนซอร์ส จนไลนัสรำคาญและเขียน Git มาใช้แทน) โดย BitKeeper เรียก branch หลักว่า master branch และเรียก branch อื่นๆ ว่า slave ตามแนวทางตั้งชื่อ master/slave ที่ใช้กันมานานในวงการคอมพิวเตอร์ GitLab เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็นสองขั้น เริ่มจาก GitLab 13.11 ที่จะออกเดือนเมษายนนี้ จะมี flag สำหรับเปลี่ยนชื่อ branch เริ่มต้นเป็น main หลังจากนั้นมีเวอร์ชั่น 14.0 ที่ออกเดือนพฤษภาคมนี้จะไม่มี flag อีกต่อไป แต่เปลี่ยนชื่อเริ่มต้นในโครงการใหม่เป็น main ทั้งหมด นอกจากการเปลี่ยนชื่อสำหรับโครงการสร้างใหม่แล้ว ตัวโครงการ GitLab เองก็จะเปลี่ยนชื่อ branch หลักไปด้วย ทำให้นักพัฒนาภายนอกที่ดึงโค้ด GitLab ไปใช้งานต้อง rebase ไปยัง main ที่มา - GitLab
# สายหารงานเข้า Netflix เริ่มตรวจสอบผู้ใช้คนละบ้านที่แชร์บัญชี บริษัทระบุแค่ใช้ป้องกันแฮกเกอร์ ก่อนหน้านี้ แม้ในข้อตกลงการใช้งานของ Netflix เอง จะระบุว่า บัญชี Netflix นั้นห้ามใช้เพื่อการซื้อขาย และสามารถแชร์ได้แค่ภายในบ้านเดียวกันเท่านั้น แต่ Netflix ก็ยังไม่เคยบังคับใช้อะไรมากนัก แต่วันนี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @DOP3Sweet พบว่าหน้าจอทีวีมีขึ้นข้อความ เตือนว่าหากไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับเจ้าของบัญชี ต้องใช้บัญชีของตัวเอง และต้องยืนยันผ่านทางอีเมลหรือ sms หรือสมัครบัญชีใหม่เพื่อดูต่อ เว็บไซต์ The Streamable และ The Record ติดต่อไปถาม Netflix และได้คำตอบเดียวกันว่า “การทดสอบนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้บัญชี Netflix นั้นๆ ได้รับอนุญาตให้ใช้งานบัญชีนั้นอย่างถูกต้องจริงๆ” คำอธิบายเหมือนจะพูดไปในทางการป้องกันการใช้งานบัญชีที่ถูกแฮก ซึ่งมีขายอยู่ตามท้องตลาดเรื่อยๆ แต่ก็ไม่แน่ชัดว่าในการทดสอบนี้ มีการตรวจสอบว่าผู้ใช้ทุกคนบนบัญชี ต้องมีเลข IP เดียวกันหรือไม่ ส่วนผู้ใช้บน Reddit และ Hackernews ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทดสอบนี้นัก แม้จะมีประโยชน์ด้านความปลอดภัยก็ตาม แต่ก็เพิ่มข้อจำกัด หากแบ่งบัญชีใช้กับญาติที่อยู่คนละที่กัน ในปัจจุบันที่การแข่งขันของบริการสตรีมมิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง Disney+, Apple TV+, HBO Max, Prime Video และอื่นๆ ทุกเจ้าต่างชิงชัยกันด้วยจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน ทำให้ข้อบังคับในการห้ามแชร์บัญชี แม้ยังไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดนัก แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต ที่มา - Twitter: @DOP3Sweet via The Streamable, The Record ภาพจาก Twitter: @DOP3Sweet
# Dynabook Portege X30W-J โน้ตบุ๊ก 2-in-1 สายธุรกิจ ที่เบาที่สุดในโลก พร้อมชิป Intel Core 11th Gen บนแพลตฟอร์ม Intel Evo Dynabook ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ Dynabook Portege X30W-J โน้ตบุ๊กอีกรุ่นในไลน์ Business Premium ที่ประสานความเบา ความทนทาน และประสิทธิภาพไว้ด้วยกัน พร้อมนำพาธุรกิจเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างคล่องตัว สเปกภายในมาพร้อมซีพียู Intel Core 11th Gen เทคโนโลยีล่าสุดของ Intel พร้อมมาตรฐานแพลตฟอร์ม Intel Evo ที่รับรองว่าตัวเครื่องมาพร้อมความบางเบา ทำงานได้อย่างรวดเร็วเมื่อเปิดหน้าจอ และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน สูงสุดถึง 15 ชั่วโมง ทนทาน ทรงพลัง แต่เบาเหลือเชื่อ ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุแมกนีเซียมอัลลอย มีความทนทานผ่านมาตรฐาน MIL-STD 810G แต่มีน้ำหนักเพียง 989 กรัม และมีความหนาเพียง 17.9 มิลลิเมตร นับเป็นโน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1 ขนาด 13 นิ้ว ที่มาพร้อมกับซีพียู Intel Core 11th Gen ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก โดยมีตัวเลือกซีพียูสองรุ่น ดังนี้ 11th Gen Intel Core i5-1135G7 11th Gen Intel Core i7-1165G7 นอกจากนี้ยังใช้แรมแบบ LPDDR4X ความเร็ว 4266MHz สูงสุดถึง 32GB, สตอเรจ SSD m.2 PCIe สูงสุด 1TB รวมถึงรองรับเทคโนโลยีเครือข่ายแห่งอนาคตอย่าง Wi-Fi 6 อีกด้วย หน้าจอคุณภาพสูง กล้องหน้าหลัง พร้อมปากกาในตัว Portege X30W-J มีหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass มั่นใจได้ในความทนทาน พร้อมกล้องหน้าความละเอียด HD กล้องหลัง 8MP แบบมีออโต้โฟกัส และยังมีปากกา Wacom Active Electostatic (AES) ที่รองรับแรงกดถึง 4,096 ระดับในตัว ใช้งานได้หลากหลาย พอร์ตครบครัน Protege X30W-J เหมาะสำหรับการทำงานหลากหลายรูปแบบ ด้วยความเป็นโน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1 ที่ปรับการใช้งานได้ทั้งแบบแท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค วางราบไปกับโต๊ะ ตั้งแบบเต้นท์เพื่อแสดงพรีเซนเทชั่น หรือจะกลับหน้าจอมาด้านหลังเพื่อเล่นมัลติมีเดียก็ทำได้ ด้วยลำโพง Harman Kardon พร้อมเทคโนโลยีเสียง Dolby Atmos แม้จะบาง เบา แต่ก็มาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน พร้อมใช้งานทุกสถานการณ์ โดยมีพอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมดดังนี้ พอร์ต USB-C Thunderbolt 4 สองพอร์ต รองรับการชาร์จไฟแบบ PD (Power Delivery) และการต่อจอแสดงผลแบบ DisplayPort พอร์ต USB 3.1 หนึ่งพอร์ต พอร์ต HDMI 1.4 หนึ่งพอร์ต ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ช่องอ่าน microSD ความปลอดภัยชั้นยอด นอกจากความบางเบาและประสิทธิภาพที่ทรงพลังแล้ว Portege X30W-J ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่ครบถ้วน ทั้งชิป Trusted Platform Module 2.0 (TPM 2.0) ตัวเลือกกล้อง IR สำหรับการล็อกอินด้วย Windows Hello เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และระบบ BIOS ที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะของ Dynabook เอง สรุป เมื่อโลกธุรกิจไม่ได้อยู่แต่ในออฟฟิศอีกต่อไป อีกทั้งการใช้งานก็ไม่ได้มีเพียงแค่การพิมพ์เอกสาร หรือใช้อินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ต้องมีทั้งการพรีเซนต์ข้อมูล รวมถึงการจดโน้ต วาดแบบ และอื่นๆ อีกมากมาย โน้ตบุ๊กธุรกิจที่เป็นรูปแบบ 2-in-1 จึงได้เปรียบในด้านการใช้งานที่หลากหลาย Protege X30W-J นำข้อดีต่างๆ เหล่านี้มารวมไว้ในโน้ตบุ๊กที่ทั้งทนทานและมีน้ำหนักเบา แถมยังใส่ประสิทธิภาพมาแบบจัดเต็มไม่มีกั๊กกับซีพียู Intel Core 11th Gen ใต้มาตรฐานแพลตฟอร์ม Intel Evo ที่แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุดถึง 15 ชั่วโมง ทำให้โน้ตบุ๊กรุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจของธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็ว พร้อมรับทุกสถานการณ์ในโลกยุคนี้ ผู้ที่สนใจ Dynabook Portege X30W-J หรือโน้ตบุ๊กสำหรับธุรกิจรุ่นอื่นๆ สามารถติดต่อทีมงาน Dynabook ที่อีเมล [email protected] โทร 081-6328922 หรือติดต่อผ่านทางเว็บไซต์ Dynabook ได้ทันที
# Phil Spencer ยืนยัน เกม Bethesda ในอนาคตจะเอ็กซ์คลูซีฟบนแพลตฟอร์มที่มี Game Pass ผู้บริหารของไมโครซอฟท์และ Bethesda ออกมาแถลงข่าวครั้งแรกหลังควบกิจการเสร็จอย่างเป็นทางการ ประเด็นสำคัญที่สุดคือ Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ประกาศออกมาชัดๆ เป็นครั้งแรกว่า "เกมของ Bethesda ในอนาคตจะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟของแพลตฟอร์มที่มี Xbox Game Pass" ความหมายของ Spencer คือเกมของ Bethesda ในอนาคต (เช่น The Elder Scrolls VI หรือ Starfield) จะลงพีซี, Xbox One และ Series X|S รวมถึงเปิดให้เล่นผ่านสตรีมมิ่งบนอุปกรณ์อื่นๆ เช่น Android, iOS ด้วย แต่ไม่รวมถึงคอนโซลคู่แข่งนั่นเอง (ยกเว้น 2 เกมที่ประกาศลง PS5 ไปก่อนแล้วคือ Deathloop และ GhostWire: Tokyo) Spencer ยืนยันว่าเกมของ Bethesda ในปัจจุบันที่ลงแพลตฟอร์มอื่นๆ อยู่แล้วจะยังอยู่เหมือนเดิมต่อไป ด้วยเหตุผลด้านสัญญาที่เซ็นไปในอดีต และต้องการเคารพผู้เล่นบนแพลตฟอร์มนั้นๆ ให้เล่นต่อไปได้ด้วย ประกาศของ Spencer คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก และเจ้าตัวคงอยากพูดมานานแล้ว แต่ต้องรอกระบวนการซื้อกิจการให้เสร็จสิ้นก่อนถึงสามารถพูดได้ ในโอกาสเดียวกัน ไมโครซอฟท์ยังประกาศนำเกมเก่าของ Bethesda มาลง Xbox Game Pass รวดเดียว 20 เกม ได้แก่ Dishonored Definitive Edition Dishonored 2 DOOM (1993) DOOM II DOOM 3 DOOM 64 DOOM Eternal The Elder Scrolls III: Morrowind The Elder Scrolls IV: Oblivion The Elder Scrolls V: Skyrim Special Edition The Elder Scrolls Online The Evil Within Fallout 4 Fallout 76 Fallout: New Vegas Prey RAGE 2 Wolfenstein: The New Order Wolfenstein: The Old Blood Wolfenstein: Youngblood ที่มา - Eurogamer, Xbox
# Apple เพิ่มหน้าเว็บรวมข้อมูลแอปของ Apple เอง ว่าเก็บข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้อะไรบ้าง แอปเปิลยังคงโปรโมตนโยบายความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน โดยล่าสุดได้เพิ่มหน้าเว็บไซต์ รวบรวมข้อมูลแอป 1st Party ทั้งหมดของแอปเปิลเอง ทั้งบน iOS, iPadOS, macOS, watchOS และ tvOS ว่าเก็บข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานอะไรบ้าง ที่น่าสนใจคือรายงานนี้ มีทุกแอปแม้กระทั่ง Xcode ที่เก็บข้อมูลการใช้งานบางอย่าง แต่ไม่ระบุตัวตนผู้ใช้ และบางแอปก็ลงรายละเอียดแยกเป็นเวอร์ชันที่แตกต่างกันของระบบปฏิบัติการ อาทิ Classroom หรือ GarageBand ข้อมูลเหล่านี้แอปเปิลได้แสดงไว้ในหน้าแต่ละแอป ที่อยู่บน App Store ด้วยเช่นกัน ที่มา: Apple Insider
# Oppo เปิดตัวเรือธง Find X3 Pro ชูจุดเด่นระบบสี 10-bit ทั้งหน้าจอและกล้องหลังคู่ Oppo เปิดตัวมือถือเรือธงรอบต้นปี 2021 ด้วย Oppo Find X3 Pro พี่ใหญ่สุดในซีรีส์ Find X3 ที่ยังมี Find X3 Neo และ Find X3 Lite ออกมาพร้อมกัน จุดเด่นของ Oppo Find X3 Pro เริ่มจากหน้าจอ OLED ขนาด 6.7" QHD+ (3216x1440) ความสว่างสูงสุด 1300 nits รองรับสีแบบ 10-bit (1 พันล้านสี) ที่ Oppo ใช้เป็นสโลแกนชูโรงว่า Billion Colour, อัตรารีเฟรชเรตแบบ adaptive เปลี่ยนได้ตั้งแต่ 5-120Hz กล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว กล้องหลัก 2 ตัว (wide และ ultra-wide) ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ความละเอียด 50MP ทั้งคู่ (มี OIS เฉพาะกล้องหลัก wide) แถมยังมีสโลแกน co-engineered with Sony ติดมาด้วย กล้องทั้งสองตัวรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 10-bit (1 Billion Colour Dual Primary Cameras) เลนส์อื่นคือกล้องมาโคร (Microlens) 3MP ระยะ 4cm อัตราขยาย 60X ใช้ถ่ายภาพระยะใกล้ และกล้องเทเล 13MP ซูมออปติคัล 5x กล้องหน้า 32MP มี Night Mode สเปกอย่างอื่นของ Find X3 Pro คือหน่วยประมวลผล Snapdragon 888, จีพียู Adreno 660, แรม 12GB, สตอเรจ 256GB UFS 3.1, รองรับ 5G จำนวน 13 ย่านคลื่น, แบตเตอรี่ 4500mAh รองรับชาร์จเร็ว SuperVOOC 2.0 กำลัง 65 วัตต์ และ AirVOOC ชาร์จเร็วไร้สาย 30 วัตต์ ระบบปฏิบัติการเป็น ColorOS 11.2 อิงอยู่บน Android 11 แถม Oppo ยังจ้างนักดนตรีชื่อดัง Hans Zimmer มาแต่งเพลงริงโทนเฉพาะเครื่องรุ่นนี้ให้ด้วย Oppo Find X3 Pro จะวางขายวันที่ 30 มีนาคมนี้ ราคาในยุโรปเริ่มต้นที่ 1,149 ยูโร (ประมาณ 42,000 บาท) มีสองสีคือดำกับฟ้า ส่วนราคาในประเทศอื่นๆ ต้องรอประกาศอีกครั้ง ที่มา - Oppo
# Azure App Service รองรับการสร้าง SSL Certificate ฟรี แบบใช้ apex domain แล้ว Azure App Service เป็นบริการคลาวด์แบบ PaaS ของไมโครซอฟท์ที่ผู้ใช้สามารถโฮสต์เว็บไซต์ทั้งแบบโค้ดและคอนเทนเนอร์ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมาก เรียกว่าเป็นบริการยอดนิยมอันดับต้นๆ ของ Azure เลยก็ว่าได้ เมื่อปลายปี 2019 ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวฟีเจอร์ App Service Managed Certificate เพื่อให้ผู้ใช้สร้างใบรับรองการเข้ารหัสเว็บ (SSL certificate) สำหรับเว็บไซต์ของตนได้ฟรี พร้อมต่ออายุใบรับรองอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม บริการนี้รองรับเฉพาะชื่อโดเมนแบบมีโดเมนย่อย (subdomain) เท่านั้น เช่น www.example.com หรือ news.example.com ไม่รองรับ apex domain/naked domain อย่าง example.com (ชื่อโดเมนเดี่ยวๆ ไม่มีอะไรนำหน้า) ภาพโดยไมโครซอฟท์ ข้อจำกัดดังกล่าวสร้างความผิดหวังให้ลูกค้ากลุ่มที่ใช้ชื่อโดเมนแบบไม่มี www นำหน้า เพราะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้และต้องเสียเงินซื้อใบรับรองต่อไป (หรือใช้ Let's Encrypt) ทำให้มีคนจำนวนมากเรียกร้องให้ App Service Managed Certificate รองรับ apex domain ล่าสุด หลังผ่านมา 1 ปี 4 เดือน ไมโครซอฟท์ได้ประกาศว่า App Service Managed Certificate รองรับการสร้างใบรับรองแบบ apex domain แล้วตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ยังไม่สามารถสร้างใบรับรองแบบ wildcard เช่น *.example.com ได้เหมือนเดิม ผู้ใช้มีสองทางเลือกคือซื้อใบรับรองตามปกติ หรือสร้างใบรับรองสำหรับทุกโดเมนย่อยในเว็บของตน หรือวางโดเมนบนบริการอื่นอย่าง Cloudflare ที่มีใบรับรองให้ฟรีเช่นกัน ที่มา - Azure App Service Blog
# Evernote บน iOS และ Android สามารถสร้าง-แก้ไข-จัดการ ตาราง ได้แล้ว Evernote ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ สำหรับผู้ใช้งานบน iOS และ Android โดยสามารถสร้าง แก้ไข และจัดการตาราง (Table) ได้ผ่านแอปบนมือถือ เหมือนกับที่ใช้งานในเวอร์ชันบน Windows, Mac และผ่านเว็บ Evernote บอกว่าฟีเจอร์นี้มีลูกค้าเรียกร้องเข้ามามาก ตั้งแต่ช่วงแรกที่มีแอปออกมาบน iPhone ซึ่ง Evernote ก็เคลมว่าการใช้งานแก้ไขตารางผ่านแอปมือถือนี้ ดีที่สุดในบรรดาแอปจดบันทึกประเภทเดียวกัน ฟีเจอร์ดังกล่าวจะเริ่มเปิดให้ใช้งานไม่เกิน 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยผู้ใช้ Evernote ต้องอัพเดตแอปเป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อน ที่มา: Evernote
# สรุปรีวิว Asus ROG Phone 5 มือถือเกมมิ่งที่แรงทุกด้าน แต่จุดด้อยที่กล้อง กับราคาที่ไม่เป็นมิตร หลัง Asus ROG Phone 5 มือถือเกมมิ่งจาก Asus รุ่นล่าสุด เปิดตัวไปเมื่อวาน มีสามรุ่นคือรุ่น ธรรมดา, Pro และ Ultimate ซึ่งต่างกันที่แรม ความจุหน่วยความจำภายใน และของแถมในกล่อง วันนี้เริ่มมีรีวิวจากสื่อต่างๆ ออกมาแล้ว โดยทุกเจ้าพูดถึงสเปกเครื่องที่จัดเต็ม เหมาะสำหรับการเล่นเกมบนจอ 144Hz แต่ข้อด้อยน่าจะเป็นน้ำหนัก กล้อง และราคาที่แรงพอๆ กับสเปกเครื่อง Asus ROG Phone 5 มาพร้อมหน้าจอ AMOLED 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1080p รีเฟรชเรต 144Hz ครอบด้วย Gorilla Glass Victus ลำโพงคู่หน้าพร้อม DAC ใช้ชิป Snapdragon 888 จีพียู Adreno 660 รุ่นธรรมดามีแรม 8GB, 12GB, 16GB รุ่นโปรแรม 16GB และ 18GB ในรุ่น Ultimate หน่วยความจำภายในเป็นแบบ UFS 3.1 ความจุ 126GB, 256GB และ 512GB ในรุ่น Pro และ Ultimate แบตเตอรี่ 6,000 mAh ชาร์จเร็ว 65W และแถมพัดลมระบายความร้อน Aeroactive Cooler 5 มาในกล่อง กล้องหลังหลัก 64MP กล้องอัลตร้าไวด์ 13MP กล้องมาโคร 2MP กล้องหน้า 24MP รัน Android 11 มีรูหูฟัง แต่ไม่กันน้ำ และไม่รองรับชาร์จไร้สาย ในด้านรีวิว Android Police ชื่นชมว่า ROG Phone 5 น่าจะเป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งที่เหมาะจะเล่นเกมบนจอให้ได้เฟรมเรต 144 เฟรมมากที่สุดแล้ว รวมถึงลำโพงคู่ที่ให้เสียงกระหึ่มก็คุณภาพดี และแบตเตอรี่ 6,000 mAh กับที่ชาร์จ 65W ก็ทำให้เล่นเกมได้ยาวๆ จนลืมชาร์จกันไปเลย แต่ก็พูดถึงข้อเสียคือราคาของรุ่น 12GB + 256GB ที่สูงถึง 1,188 ดอลลาร์ หรือราว 36,500 บาท ไม่รองรับชาร์จไร้สาย ไม่กันน้ำ กล้องที่คุณภาพด้อยกว่ามือถือแบรนด์อื่น น้ำหนักที่แทบจะถ่วงจนกางเกงเอียงไปข้างหนึ่ง และการอัพเดตของ Asus ที่มีประวัติไม่ค่อยดีนัก Tech Radar ชื่นชมว่า ROG Phone 5 เป็นมือถือเกมมิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ แถมยังเหมาะกับการดูคอนเทนต์ด้วยจอ ลำโพงคู่ด้านหน้าที่คุณภาพดี และแบตเตอรี่ความจุสูง แต่ก็พูดถึงข้อเสียเรื่องราคา กล้องที่ด้อยกว่ามือถือรุ่นอื่นๆ ในปีนี้ แล้วก็ดีไซน์ที่ดูมีความ “เกมมิ่ง” เกินไปนิด กับไฟ OLED และโลโก้ขนาดยักษ์ที่ฝาหลัง The Verge ชื่นชมประสิทธิภาพตัวเครื่อง และการปรับแต่งที่มาพร้อมกับ ROG UI รวมทั้งชื่นชอบไฟ OLED บนฝาหลัง และลำโพงคู่หน้าที่มีประสิทธิภาพดี แต่ข้อเสียที่พูดถึง คือแรม 18GB ในรุ่น Ultimate ที่มากเกินความต้องการ และความคุ้มค่าต่อราคาที่ยากจะยอมรับ Asus ROG Phone 5 แต่ละรุ่น มีราคาดังนี้ ROG Phone 5 รุ่น 8GB/128GB ราคา 799 ยูโร หรือราว 29,230 บาท ROG Phone 5 รุ่น 12GB/256GB ราคา 899 ยูโร หรือราว 32,900 บาท ROG Phone 5 รุ่น 16GB/256GB ราคา 999 ยูโร หรือราว 36,550 บาท ROG Phone 5 Pro รุ่น 16GB/512GB ราคา 1,199 ยูโร หรือราว 43,860 บาท ROG Phone 5 Ultimate รุ่น 18GB/512GB ราคา 1,299 ยูโร หรือราว 47,520 บาท คะแนนรีวิวจากสื่อต่างๆ มีดังนี้ Android Police - 7/10 TechRadar 4/5 XDA Developers - N/A The Verge - 7/10 CNET - N/A
# TikTok เพิ่มความสามารถให้กรองคอมเม้นท์ก่อน เลือกได้ว่าจะให้คอมเม้นท์ไหนแสดงใต้คลิป TikTok เพิ่มความสามารถใหม่แก่ครีเอเตอร์ เป็นฟีเจอร์กรองทุกคอมเม้นท์ได้ ก่อนที่จะนำมันไปแสดงใต้คลิปของตัวเอง เมื่อเปิดโหมดการใช้งานกรองคอมเม้นท์ ระบบจะไม่แสดงคอมเม้นท์ใดๆ ใต้คลิป และจะแสดงต่อเมื่อผู้ใช้งานกดดูและอนุมัติคอมเม้นท์นั้นๆ แล้ว และถ้าไม่ต้องการให้แสดงคอมเม้นท์ใดๆที่เป็นทางลบ ก็สามารถกดไม่อนุมัติได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มฟีเจอร์แสดงหน้าต่างแจ้งเตือนหากผู้ใช้งานเขียนข้อความคอมเม้นท์ที่อาจกระทบจิตใจผู้อื่น เป็นการเตือนให้คิดอีกทีก่อนจะคอมเม้นท์อะไรลงไป ที่มา - TikTok
# LINE ญี่ปุ่นแสดงการแจ้งเตือนภัยพิบัติ ตั้งค่าสถานที่ที่อยากให้เตือนได้ เช่น บ้านพ่อแม่ LINE ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มฟีเจอร์การแจ้งเตือนภัยพิบัติโดยใช้ข้อมูลข่าวจาก Yahoo! ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าสถานที่ที่อยากให้ระบบแจ้งเตือนได้ เช่นเมืองที่พ่อแม่อยู่อาศัย สำนักงาน ผู้ใช้งานต้องสมัครรับบริการแจ้งเตือนผ่าน Disaster Prevention Bulletin ที่มา - LINE
# ในที่สุด ทวิตเตอร์ก็ทดสอบแสดงรูปภาพเต็ม ไม่โดน crop ออก ไม่ต้องกดเข้าไปดู ทวิตเตอร์ประกาศทดสอบฟีเจอร์แสดงรูปภาพแบบเต็ม ไม่โดน crop ออกในกลุ่มผู้ใช้จำนวนหนึ่งทั้ง iOS และ Android จากเดิมที่รูปขนาด 16:9 จะถูก crop ออก ต้องกดเข้าไปถึงจะเห็นรูปเต็ม การทำฟีเจอร์นี้ออกมาแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็ตอยโจทย์ pain point ผู้ใช้ทวิตเตอร์มานานแล้ว นอกจากนี้ทวิตเตอร์ยังบอกด้วยว่ากำลังพัฒนาฟีเจอร์ที่ให้โพสต์รูปความละเอียด 4K ได้ ที่มา - Engadget
# Adobe ปล่อย Photoshop สำหรับ Mac รันด้วย Apple M1 เคลมว่าเร็วกว่ารุ่นก่อน 1.5 เท่า Adobe เริ่มปล่อย Photoshop เวอร์ชั่นแรกสำหรับ Mac ที่รันด้วยชิป Apple M1 แล้ว โดย Adobe บอกว่าจากผลการทดสอบใช้งานพบว่าการทำงานต่างๆ ของ Photoshop เร็วขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อน 1.5 เท่า ทดสอบฟีเจอร์ต่างๆ เช่น บันทึกไฟล์, ใช้ฟิลเตอร์, Content-Aware Fill, Select Subject อย่างไรก็ตาม Photoshop บน M1 จะยังขาดฟีเจอร์บางส่วน เช่น Invite to Edit Cloud Documents, Preset Syncing นอกจากนี้ Adobe ยังอัพเดต Photoshop สำหรับ iPad คือ Cloud Documents Version History หรือการแสดงประวัติการแก้ไขงานย้อนหลัง 60 วัน และฟีเจอร์ใช้งาน Cloud Documents ได้แบบออฟไลน์ ที่มา - Adobe
# เกม Rust ระบุข้อมูลผู้เล่นบนเซิร์ฟเวอร์บางชุดสูญหายเนื่องจากไฟไหม้ OVH หลังเกิดเหตุไฟไหม้คลาวด์ OVH ทางเกม Rust ออกมารายงานผลกระทบว่าเซิร์ฟเวอร์เกมที่ให้บริการผู้เล่นในยุโรปได้รับผลกระทบไปด้วย โดยเซิร์ฟเวอร์ดาวน์ไป 25 ตัว และมีข้อมูลผู้เล่นหายไปบางส่วน ตอนนี้เซิร์ฟเวอร์จำนวนมากกลับมาออนไลน์แล้ว แต่ความคืบหน้าในเกมบางส่วนจะหายไปเนื่องจากเหตุไฟไหม้ แม้ผู้ให้บริการคลาวด์มักไม่เปิดเผยสถานที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์ แต่มักระบุข้อมูลกว้างๆ เช่น AWS เปิดให้ผู้ใช้เลือก Availability Zone (AZ) และ Region โดยระบุว่าแต่ละ AZ จะห่างกันเพียงพอที่จะลดความเสี่ยงจากเหตุร้าย เช่น ไฟไหม้, น้ำท่วม, และพายุ แต่ห่างจากกันไม่เกิน 100 กิโลเมตร ทำให้ยังเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ความเร็วสูงได้อยู่ การเลือกบริการเพื่อให้ทนทานต่อเหตุการณ์ไฟไหม้เช่นนี้จึงต้องเลือกบริการที่เตรียมซิงก์ข้อมูลข้าม AZ ไว้ล่วงหน้า ที่มา - @playrust
# แจ้งเตือน Git มีช่องโหว่รันโค้ดทันทีที่ clone ควรอัพเดตก่อน clone โครงการไม่น่าไว้ใจ Git ออกเวอร์ชั่น 2.30.2 แก้ช่องโหว่ CVE-2021-21300 ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถสร้าง repository มุ่งร้าย ที่รันโค้ดบนเครื่องของเหยื่อทันทีที่ clone โค้ดออกไป สำหรับคนที่ยังไม่อัพเดต Git ทาง GitHub แนะนำทางแก้ไขชั่วคราวด้วยการคอนฟิก git config --global core.symlinks false หรืองดการ clone โค้ดจาก repository ไม่น่าเชื่อถือจนกว่าจะอัพเดต ทาง Git แพตช์เวอร์ชั่นที่ยังซัพพอร์ตอยู่ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ v2.17.6, v2.18.5, v2.19.6, v2.20.5, v2.21.4, v2.22.5, v2.23.4, v2.24.4, v2.25.5, v2.26.3, v2.27.1, v2.28.1, และ v2.29.3 หากใครใช้เวอร์ชั่นที่ติดมากับดิสโทรลินุกซ์สามารถอัพเดตและตรวจสอบว่าได้รับเวอร์ชั่นย่อยใหม่กว่าในรายการแล้วหรือไม่ ที่มา - GitHub ภาพ Git log โดย Der Messer
# กูเกิลทำโครงการสะพานดิจิทัลเฟสสอง มีคอร์สเรียนทักษะดิจิทัลแบบออนดีมานด์ 41 คอร์ส กูเกิลประเทศไทยทำโครงการสะพานดิจิทัลเฟสสอง ฝึกทักษะดิจิทัลให้คนไทย โดยเฟสแรกที่เปิดตัวทางกูเกิลร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อพัฒนาคอร์สสอนทักษะให้คนไทยและธุรกิจรายย่อย มีผู้มาเรียนกว่า 8,000 ราย และมีผู้ประกอบการเปิดเว็บไซต์บนกูเกิล 2,000 เว็บไซต์ ในเฟสสองมีคอร์สเรียนออนดีมานด์ 41 คอร์ส มีการร่วมมือกับพันธมิตรเพิ่มเติมคือ Baker McKenzie บริษัทกฎหมายข้ามชาติ และธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้ามีคนไทยเข้ามาเรียน 1 แสนคน ที่มา - งานแถลงกูเกิล
# เพลงเกาหลีกลับมาแล้ว! Spotify และ Kakao Entertainment บรรลุข้อตกลงทางลิขสิทธิ์ วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้งาน Spotify พบว่าเพลงเกาหลีจำนวนมากหายไปจากแพลตฟอร์ม จนภายหลังมีการเปิดเผยว่าเป็นเพราะลิขสิทธิ์เพลงจากบริษัทเครือ Kakao M หมดอายุ ล่าสุดทั้งสองบริษัทออกมาแถลงการณ์ว่าได้บรรลุข้อตกลงแล้ว และเพลงจะกลับมาในไม่ช้า ตัวอย่างเพลงจากศิลปินที่หายไปเช่น IU, Zico, Mamamoo เป็นต้น โดย Spotify เพิ่งเปิดตัวในเกาหลีไม่นานโดยไม่มีเพลงของ Kakao M ตั้งแต่แรก ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานนอกเกาหลีด้วย ซึ่งล่าสุดทั้งสองบริษัทบรรลุข้อตกลงแล้ว ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# [ลือ] Apple เตรียมลดการผลิต iPhone ทุกรุ่นในครึ่งปีแรกลง 20% iPhone 12 Mini โดนหนักสุด Nikkei อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยที่มาในวงการว่า Apple เตรียมลดกำลังผลิต iPhone ทุกรุ่นลงราว 20% จากแผนเดิมที่เคยวางไว้ในครึ่งปีแรก ที่เคยระบุกับผู้ผลิตว่าต้องการผลิต iPhone 96 ล้านเครื่อง เหลือราว 75 ล้านเครื่อง แต่ยังมองภาพรวมว่าในปีนี้จะผลิตให้ได้ 230 ล้านเครื่องเหมือนเดิม คิดเป็นยอดการผลิตมากกว่าปีที่แล้ว 11.6% iPhone 12 Mini เป็นรุ่นที่ได้รับผลกระทบจากการลดการผลิตนี้มากที่สุด แหล่งข้อมูลให้ข่าวว่า Apple สั่งโรงงานหยุดผลิตส่วนบางชิ้นที่ใช้เฉพาะใน iPhone 12 Mini แล้ว และอาจลดการผลิต iPhone 12 Mini ลงถึง 70% ภายในครึ่งปีแรกนี้ แหล่งข่าวรายงานเพิ่มเติมว่ายอดขาย iPhone 12 Mini คิดเป็นสัดส่วนเพียง 10-15% เท่านั้น จากยอดขาย iPhone 12 ทุกรุ่น ภายในสิ้นปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักในการลดการผลิต มาจากดีมานด์ของช่วงต้นปีที่ไม่ได้สูงตามคาด และที่ iPhone 12 Mini โดนหนักสุด เพราะผู้บริโภค เห็นประโยชน์ของการมีหน้าจอใหญ่ได้ชัดเจนมากกว่าการมี 5G และประสิทธิภาพจากชิปรุ่นล่าสุด ผู้ใช้หลายส่วนจึงไปเลือกซื้อ iPhone 11 ที่มีหน้าจอใหญ่กว่าแทน รวมถึงแบตเตอรี่ของ iPhone 12 Mini เองก็มีขนาดเล็ก ทั้งที่ 5G กินแบตมากกว่า ทำให้ผู้ใช้ไม่อยากเสี่ยง และอาจเพิ่มเงิน 100 เหรียญ ไปซื้อ iPhone 12 ที่มีแบตเตอรี่มากกว่าเล็กน้อยแทน ที่มา - Nikkei
# Facebook ตอบโต้ FTC คดีผูกขาดโซเชียล ยืนยันซื้อ WhatsApp, Instagram เป็นผลดีต่อทุกคน เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2020 คณะกรรมการการค้าของสหรัฐ หรือ Federal Trade Commission (FTC) ยื่นฟ้อง Facebook ในข้อหาผูกขาดตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์ค ขอให้ศาลสั่งแยก WhatsApp และ Instagram ออกมาเป็นอีกบริษัท วันนี้ Facebook ตอบโต้ด้วยการยื่นคำร้องต่อศาลให้ถอนคดีนี้ โดยเสนอเหตุผลหักล้าง FTC ในหลายประเด็น เช่น FTC ไม่สามารถแสดงหลักฐานว่า Facebook ขึ้นราคาหรือจำกัดปริมาณสินค้า, ไม่มีหลักฐานว่าการซื้อ WhatsApp และ Instagram เป็นการทำลายการแข่งขันจริง เป็นต้น Facebook ยืนยันว่าการซื้อ WhatsApp และ Instagram เป็นผลดีต่อการแข่งขัน เป็นผลดีต่อผู้ลงโฆษณา และเป็นผลดีต่อผู้ใช้งาน การที่บริการของบริษัทได้รับความนิยมสูง เป็นเพราะได้รับการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ที่มา - Facebook
# Oracle ไตรมาสล่าสุด รายได้จาก subscription คิดเป็น 72% ของรายได้รวมแล้ว ออราเคิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2021 (เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 3% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 10,085 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 5,021 ล้านดอลลาร์ Safra Catz ซีอีโอออราเคิลกล่าวว่าบริษัทยังคงเติบโตโดดเด่นในตลาด ERP คลาวด์ โดย Fusion ERP โต 30% และ NetSuite ERP โต 24% ซึ่งช่วยให้รายได้จาก subscription ของออราเคิลเพิ่มขึ้น 5% และรายได้ subscription นี้ก็คิดเป็น 72% ของรายได้รวม รายได้ของออราเคิล แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ ค่าบริการบนคลาวด์และค่าสนับสนุนไลเซนส์ เพิ่มขึ้น 5% เป็น 7,252 ล้านดอลลาร์ รายได้จากการขายไลเซนส์คลาวด์และออนพรีมิส เพิ่มขึ้น 4% เป็น 1,276 ล้านดอลลาร์ ฮาร์ดแวร์ ลดลง 4% เป็น 820 ล้านดอลลาร์ และรายได้ Services ลดลง 5% เป็น 737 ล้านดอลลาร์ ที่มา: ออราเคิล ภาพ Oracle OpenWorld
# Linux Foundation เปิดโครงการช่วยยืนยัน "ความแท้" ของซอฟต์แวร์ ไม่ถูกยัดไส้กลางทาง กรณีการแฮ็ก SolarWinds ทำให้คนหันมาสนใจเรื่องความปลอดภัย supply chain ของซอฟต์แวร์กันมากขึ้น แต่ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของวงการ เมื่อไม่นานนี้เพิ่งมีนักวิจัยความปลอดภัยลองสร้างไลบรารีปลอม และมีบริษัทชื่อดังหลายแห่งดาวน์โหลดไปใช้งาน ล่าสุด Linux Foundation เปิดตัวโครงการ sigstore ที่พยายามแก้ปัญหานี้ โดยกระตุ้นให้โลกโอเพนซอร์สใช้วิธี sign ไฟล์ที่เกี่ยวข้อง (เช่น ซอร์สโค้ด อิมเมจ และไบนารี) ทุกครั้งที่ออกรุ่นใหม่ และนำลายเซ็นเหล่านี้ไปเก็บไว้ใน log ที่แก้ไขไม่ได้ แต่สาธารณะสามารถเข้าถึง (transparency log) เพื่อตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับได้ว่าเป็นไฟล์ของจริงจากนักพัฒนาโดยตรง ไม่ถูกแก้ไขหรือดัดแปลงโดยแฮ็กเกอร์ในภายหลัง โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่อย่างกูเกิลและ Red Hat ซึ่งก่อนหน้านี้ กูเกิลเพิ่งบริจาคเงินยกระดับ supply chain ให้กับแพ็กเกจของ Python เช่นกัน ตอนนี้ sigstore ยังอยู่ในช่วงเริ่มพัฒนาเครื่องมือเก็บ log ชื่อ Rekor ที่มีทั้งฝั่งไคลเอนต์และเซิร์ฟเวอร์ ทางโครงการบอกว่าเลือกใช้ระบบไคลเอนต์-เซิร์ฟเวอร์ธรรมดา แทนการใช้บล็อคเชน เพราะเอาจริงๆ แล้วบล็อคเชนก็มักมีส่วนที่รวมศูนย์อยู่ดี และอัลกอริทึมแบบ consensus ก็มีข้อเสียเรื่อง majority attack ดังนั้นก็ไม่ต้องกระจายศูนย์ไปตั้งแต่ต้นดีกว่า (ตัว Rekor เปิดให้ใครนำไปใช้ตั้งเซิร์ฟเวอร์เองก็ได้ แต่ระบบที่ใช้จริงจะรันโดย Linux Foundation เอง) ช่องโหว่ในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ ที่อาจเกิด supply chain attack ที่มา - Linux Foundation, sigstore
# อนาคตอยู่ที่มิวนิก แอปเปิลทุ่มเงินลงทุน 1 พันล้านยูโรในเยอรมนี ตั้งศูนย์ออกแบบชิปใหม่ แอปเปิลประกาศตั้งศูนย์ออกแบบชิปในยุโรป European Silicon Design Center ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี โดยจะเพิ่มเงินลงทุน 1,000 ล้านยูโรในเยอรมนีช่วง 3 ปีจากนี้ด้วย ปัจจุบัน มิวนิกเป็นศูนย์วิศวกรรมของแอปเปิลในยุโรปอยู่แล้ว มีวิศวกรมากกว่า 1,500 คนทำงานที่นี่ และบางส่วนทำงานในทีมออกแบบชิป M1 ด้วย การตั้งศูนย์ออกแบบชิปจะทำให้แอปเปิลจ้างวิศวกรเพิ่มอีก "หลายร้อยตำแหน่ง" ที่มา - Apple ร้าน Apple Store ในมิวนิก อาคารศูนย์วิจัยของแอปเปิลที่มิวนิก
# ไฟไหม้ OVHcloud ศูนย์ข้อมูล SBG2 กระทบทั้งโซน OVHcloud ผู้ให้บริการตลาวด์ที่เน้นตลาดยุโรปรายงานว่าเกิดเหตุไฟไหม้ที่ศูนย์ข้อมูล Strasbourg โดยต้นเพลิงเริ่มจาก SBG2 และลามออกไป ไฟไหม้นานกว่า 3 ชั่วโมงส่งผลให้ SBG2 ไหม้ไปทั้งหมด และ SBG1 เสียหายไป 4 ห้องจาก 12 ห้อง ไฟลามไปยังส่วนอื่น ศูนย์ข้อมูล SBG1 ถูกทำลายบางส่วน ทีมงานตัดสินใจตัดไฟและเน็ตเวิร์คทั้งศูนย์ พร้อมแจ้งลูกค้าให้เริ่มใช้แผน Disaster Recovery ทันที ขณะนี้ทีมงานกำลังวางระบบไฟฟ้าให้กับศูนย์ข้อมูลที่ยังไม่เสียหาย, ยืนยันว่าอุปกรณ์เน็ตเวิร์คยังทำงานได้, และกู้เน็ตเวิร์คให้กลับมา ทาง OVH มีศูนย์ข้อมูลทั้งหมด 15 ศูนย์ในยุโรป และยังมีศูนย์ข้อมูลในแคนาดา ที่มา - OVH, @oleovhcom
# บริษัทกล้องวงจรปิด Verkada ทำรหัสผ่านรั่วไหล วิดีโอภายใน Tesla, Cloudflare และหน่วยงานจำนวนมากรั่วไปด้วย กลุ่มนักวิจัยรายงานว่าสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท Verkada สตาร์ทอัพสหรัฐฯ ที่ผลิตกล้องวงจรปิดระดับองค์กรในสิทธิระดับ Super Admin ได้ ทำให้สามารถเข้าถึงภาพสดของกล้องวงจรปิดรวมถึงภาพย้อนหลังของลูกค้า Verkada Tillie Kottmann ที่ปรึกษาไอทีชาวสวิสผู้โพสต์ข้อมูลหลุดอยู่เป็นระยะ แสดงตัวกับ Bloomberg ว่าเขาเป็นผู้ร่วมในกลุ่มนักวิจัยครั้งนี้ โดยทีมของเขาสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของ Verkada หลังจากพบชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านโพสอยู่ในอินเทอร์เน็ต และนำเรื่องนี้มาเผยแพร่เพื่อแสดงให้เห็นว่ากล้องวงจรปิดนั้นมีการใช้งานมากแค่ไหน และกล้องเหล่านี้ถูกแฮกง่ายเพียงใด ลูกค้า Verkada ที่ได้รับผลกระทบมีทั้งบริษัทไอทีอย่าง Tesla และ Cloudflare ลูกค้าสำคัญๆ อื่นๆ เช่น เรือนจำ, โรงเรียน, โรงพยาบาล แถมกล้องของ Verkada ยังมีความสามารถในการจดจำใบหน้า ทาง Verkada ระบุว่าได้ยกเลิกบัญชีระดับ admin ทั้งหมดเพื่อป้องกันการบุกรุกเพิ่มเติม และกำลังสอบสวนขอบเขตของข้อมูลที่รั่วไหลครั้งนี้ ส่วนทาง Cloudflare ออกแถลงว่าบริษัทติดตั้งกล้อง Verkada ในทางเข้าออกและสำนักงานที่ปิดไปแล้ว อย่างไรก็ดีบริษัทได้ปิดกล้องทั้งหมดทิ้งและแยกออกจากเน็คเวิร์คบริษัทแล้ว ส่วนทาง Tesla ระบุว่ากล้องที่ระบุว่าติดตั้งใน Tesla นั้นที่จริงแล้วเป็นภาพจากซัพพลายเออร์รายหนึ่งเท่านั้น ที่มา - Bloomberg, The Verge
# เปิดตัว Instagram Lite บนแอนดรอยด์ใน 170 ประเทศ ใช้พื้นที่ 2 MB Instagram ทดสอบการใช้งาน Instagram Lite หรือ Instagram เวอร์ชั่นใช้เน็ตน้อยมาได้สักพักใหญ่ในบางประเทศ ล่าสุดเปิดตัวอย่างเป็นทางการบนแอนดรอยด์ใน 170 ประเทศ เจาะกลุ่มประเทศที่มีประสิทธิภาพเน็ตน้อย โดยตัวแอปใช้พื้นที่ในโทรศัพท์เพียง 2 MB เท่านั้น ข้อแตกต่างของ Instagram Lite จากเวอร์ชั่นปกติคือ ไม่มี dark mode, การแสดงกราฟิก, ฟังก์ชั่น Shopping, ฟิลเตอร์ AR รวมถึงการแชทเข้ารหัส แต่ทาง Facebook ระบุว่า dark mode จะเพิ่มเข้ามาในภายหลังมีการอัพเดท ที่มา - Facebook
# K PLUS มียอดโอนเงินไปต่างประเทศ 8,000 ล้านบาท เตรียมเปิดโอนไปจีน, ญี่ปุ่น ธนาคารกสิกรไทย เผยมียอดโอนเงินต่างประเทศผ่าน K PLUS ปีที่แล้ว ถึง 8,000 ล้านบาท หรือโตกว่า 165% เตรียมเปิดให้โอนไปยังประเทศจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีมูลค่าการโอนออกสูงเป็นอันดับ 2 และ 3 ของประเทศไทย คาดจะมียอดธุรกรรมรวมกว่า 10,000 ล้านบาทในสิ้นปี โควิด 19 เป็นปัจจัยสำหรับที่ดันยอดธุรกรรมบนมือถือเติบโต โดยจำนวนธุกรรมโอนเงินไปต่างประเทศผ่าน K PLUS นั้นสูงกว่าการโอนผ่านสาขาแล้ว มูลค่าธุรกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100,000 – 200,000 บาทต่อรายการ ในปีนี้ ทางธนาคารกสิกรไทยจะมุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่ตามสกุลเงินโอนและประเทศปลายทางที่เพิ่มขึ้น โดยได้จัดโปรโมชันค่าธรรมเนียมอัตราพิเศษ 250 บาทต่อรายการ โดยโอนได้สูงสุดเทียบเท่า 49,999 ดอลลาร์ต่อครั้งต่อวัน ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิ.ย.นี้ ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# หัวหน้าผลิตภัณฑ์ทวิตเตอร์บอก Super Follows ไม่ใช่การหาเงินเข้าบริษัท, ยังไม่ได้คิดเรื่องช่องทางชำระเงิน หลังๆ ทวิตเตอร์เริ่มปล่อยของมากขึ้น หลังจากที่ไม่ได้สร้างบริการเพิ่มเติมมานาน ไม่ว่าจะเป็น Twitter Spaces ที่ตั้งเป้ามาแข่งกับ Clubhouse, Twitter Fleets, Super Follows ช่องทางทำเงินของอินฟลูเอนเซอร์ และเร็วๆ นี้ก็เพิ่งเข้าลงทุนใน Revue บริษัทพัฒนาเซอร์วิสสำหรับสร้างและจัดการจดหมายข่าวที่จะส่งอีเมล The Verge สัมภาษณ์ Kayvon Beykpour หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ทวิตเตอร์ ผู้ที่ตัดสินใจว่าทวิตเตอร์ควรจะสร้างเครื่องมืออะไรให้ผู้ใช้งาน เริ่มงานในตำแหน่งนี้ที่ทวิตเตอร์มาแล้ว 3 ปี และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Periscope พูดคุยถึงทิศทางบริษัท ผลิตภัณฑ์ใหม่โดยเฉพาะ Super Follows ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับทวิตเตอร์ รวมถึงการปรับวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้หลังๆ ทวิตเตอร์มีความเคลื่อนไหวมากขึ้นกว่าแต่ก่อน Beykpour บอกว่าสิ่งที่ทวิตเตอร์โฟกัสในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาคือ health ในที่นี้คือสุขภาพของการสนทนา, การสร้างแรงจูงใจให้เกิดการสนทนาขึ้น และความสนใจที่จะเชื่อมโยงผู้คนเข้ามาสนทนาบนแพลตฟอร์ม ฟีเจอร์ Super Follows นั้น Beykpour บอกว่าเป็นช่องทางทำเงินให้ครีเอเตอร์ สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่นการเข้าถึงเนื้อหาพิเศษ ซึ่งอาจเป็น DM หรืออาจเป็นสิทธิ์ในการเข้าร่วมวง Spaces หรือ Fleets สำหรับแฟนตัวยง เนื่องจากคนใช้งานบนทวิตเตอร์เสียส่วนใหญ่ และการชำระเงินก็มีข้อจำกัดทั้งจากนโยบายแอปเปิลและกูเกิล The Verge จึงถามถึงช่องทางจ่ายเงินด้วย เพราะ Jack Dorsey ซีอีโอทวิตเตอร์ก็เป็นเจ้าของ Square บริษัทด้านการรับชำระเงิน รวมถึงทวิตเตอร์มีแผนจะหักค่าใช้จ่ายสำหรับการโอนเงินให้ครีเอเตอร์อย่างไร Beykpour บอกว่า บริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ ซึ่งเป้าหมายสำหรับ Super Follows ไม่ใช่ช่องทางหาเงินของทวิตเตอร์ แต่เป็นการสร้างรายได้ให้กับครีเอเตอร์ ส่วนเรื่องที่ครีเอเตอร์อาจถูกหักส่วนแบ่งจากนโยบายหัก 30% ของแอปเปิลนั้น Beykpour บอกว่าทวิตเตอร์ไม่ได้มีอิทธิพลโดนตรงเรื่องนโยบายชำระเงิน แต่อย่างน้อยทวิตเตอร์ก็จะเป็นช่องทางทำเงินเพิ่มเติมของครีเอเตอร์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนแพลตฟอร์ม เป้าหมายตอนนี้คือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้าน Twitter Fleets ทางบริษัทไม่ได้เริ่มต้นสร้าง Fleets จากแนวคิดว่า "ลอกของบริษัทอื่นกันเถอะ" แต่เริ่มจากคำถามที่ว่า ทำไมคนถึงโพสต์ทวิตเตอร์น้อยลง ซึ่งคำตอบก็คือ พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยที่บางครั้งโพสต์ของพวกเขาอยู่ภายใต้การตรวจสอบของสาธารณชน ซึ่งสำหรับบางคนมันสร้างความหวาดกลัว ซึ่ง Fleets ช่วยให้ผู้ใช้งานหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ได้ ด้าน Spaces นั้น Beykpour มองว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจด้วยตัวเองอยู่แล้ว เพราะมันเกิดขึ้นจากเรื่องพื้นฐานคือ การพูดคุยในสิ่งที่สนใจร่วมกัน และการใช้ข้อความเสียงก็เป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีมานานแล้ว Beykpour ยังเล่าให้ฟังด้วยว่า ทวิตเตอร์ในช่วงแรกที่เขาเข้ามาทำงานนั้น มีบรรยากาศของไม่สบายใจ หรือไม่กล้าที่จะเดิมพันครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากเวลาคนในองค์กรอยากจะทำผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ๆ ในระยะหลังทวิตเตอร์ได้เพิ่มความทะเยอทะยานมากขึ้น ถือเป็นการปลดล็อกครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ยังมีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ ผู้ใช้งานนั้นทั้งรักและเกลียดทวิตเตอร์ เราได้รับคำติชมจากผู้ใช้งานนาทีต่อนาที และพบว่ามีเทรนด์ #RestInPeaceTwitter เกิดขึ้นบ้าง ซึ่งในขณะเดียวกันก็สะท้อนความนิยมในตัวทวิตเตอร์เอง เราได้ปรับทัศนคติของทีมงานให้คุ้นเคยกับสิ่งนี้ และยอมรับมันเข้ามาเป็นความท้าทาย ที่มา - The Verge
# เปิดตัวลำโพงพกพา Sonos Roam เบา 430 กรัม กันน้ำ IP67 แบต 10 ชั่วโมง Sonos เปิดตัวลำโพงไร้สายตัวใหม่ Roam รองรับทั้งการเล่นผ่าน Bluetooth, Wi-Fi และ AirPlay 2 ภายในมีแอมป์ Class-H สองตัว ทวีตเตอร์สำหรับเสียงแหลมและวูฟเฟอร์สำหรับเสียงทุ้มอย่างละหนึ่งตัว ขนาดลำโพงกว้าง 168 มิลลิเมตร ยาว 62 มิลลิเมตร สูง 60 มิลลิเมตร และหนักเพียง 0.43 กิโลกรัมเท่านั้น แบตเตอรี่ใช้งานได้ 10 ชั่วโมง มาพร้อมแท่นชาร์จไร้สายและรองรับชาร์จไร้สายแบบ Qi ทั่วไป กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP67 กันกระแทก (drop resistant) สามารถวางได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน มีไมค์รองรับคำสั่งเสียงทั้ง Google Assisant และ Alexa Roam มีสีดำ และสีเทาอ่อน เปิดให้สั่งจองแล้วบนหน้าเว็บไซต์ Sonos ในราคา 169 ดอลลาร์ หรือราว 5,200 บาท ที่มา - Sonos via The Verge
# Apple เตรียมเปลี่ยนมาใช้เลขซีเรียลแบบสุ่มที่ไม่มีข้อมูลการผลิตและรุ่น ภายในปีนี้ MacRumors ได้รับอีเมลภายในจาก AppleCare ระบุว่า Apple เตรียมเปลี่ยนมาใช้เลขซีเรียลแบบสุ่ม โดยจะเป็นตัวเลขและตัวหนังสือ 8-14 หลัก ที่ไม่มีข้อมูลการผลิต และข้อมูลรุ่นอยู่ในเลข แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่มีผลกับเลข IMEI ของอุปกรณ์ อุปกรณ์ของ Apple ที่วางจำหน่ายแล้วจะยังใช้เลขเดิมไปก่อน แต่อุปกรณ์ในอนาคตอาจมาพร้อมเลขซีเรียลชุดใหม่ เริ่มต้นที่ 10 หลัก ภายใน “ต้นปี 2021” (early 2021) ทั้งนี้เลขซีเรียลเดิมของ Apple นั้นจะประกอบไปด้วยข้อมูลสถานที่ผลิตในสามหลักแรก อีกสองหลักถัดมาคือปีและสัปดาห์ที่ผลิต และสี่หลักสุดท้ายเป็น “configuration code” ระบุรุ่น สี และความจุของหน่วยความจำภายใน ที่มา - MacRumors
# TweetDeck เตรียมยกเครื่องครั้งใหญ่ เปิดตัวภายในปีนี้ The Verge สัมภาษณ์ Kayvon Beykpour หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Twitter เผยว่า Twitter กำลังเตรียมการยกเครื่อง TweetDeck แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ Twitter แบบ power users โดยคาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในปีนี้ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมา Twitter ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ TweetDeck มากนัก Twitter ซื้อ TweetDeck มาตั้งแต่ปี 2011 และมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวแอปมีฟีเจอร์ใหม่ไม่มาก เมื่อเทียบกับแอป Twitter หลัก Beykpour ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า TweetDeck ที่ว่ายกเครื่องจะเปลี่ยนไปในรูปแบบใด แต่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ว่า TweetDeck อาจเปลี่ยนมาเป็นแอปแบบ subscription เพื่อแลกกับการได้ใช้ฟีเจอร์ที่มากขึ้น ที่มา: The Verge
# คนขับ Uber ชาวเอเชียเผยถูกทำร้ายหลังปฏิเสธผู้โดยสารไม่ใส่หน้ากาก ด้าน Lyft ร่วมแบนผู้กระทำด้วย ที่ซานฟรานซิสโก เกิดเหตุการณ์คนขับ Uber ชาวเอเชียใต้รายหนึ่ง อัดวิดีโอผู้โดยสารหญิงสามรายที่ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นรถเนื่องจากไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย ในวิดีโอยังพบพฤติกรรมผู้หญิงที่พยายามไอใส่หน้าคนขับ และก่นด่า รวมถึงพยายามจะดึงหน้ากากของเขาออกด้วย เชื่อว่าเป็นพฤติกรรมจากความเกลียดขังชาวเอเชียในอเมริกาตอนนี้ ด้าน Lyft เองก็ออกมาบอกผ่านทวิตเตอร์ว่า ผู้โดยสารในคลิปดังกล่าว จะถูกแบนจากการใช้งาน Lyft ด้วย นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เดียวที่คนขับรถถูกโจมตีเนื่องจากพยายามบังคับให้ผู้โดยสารใช้หน้ากาก เดือนที่แล้ว Chicago Tribune รายงานว่าคนขับ Lyft ก็ถูกทำร้ายด้วยการถ่มน้ำลายใส่หลังจากขอให้ผู้โดยสารสวมหน้ากาก ที่มา - Business Insider
# Disney+ มียอดผู้ใช้เกิน 100 ล้านคนทั่วโลกแล้ว หลังเปิดบริการได้เพียง 16 เดือน Bob Chapek ซีอีโอดิสนีย์ เปิดเผยในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่า Disney+ บริการสตรีมมิ่งจากดิสนีย์ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกแล้ว ทะลุเป้าหมายสมาชิก 60 ถึง 90 ล้านคนภายในปี 2024 ที่ดิสนีย์เคยตั้งไว้ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และทะลุ 100 ล้านคนได้ภายในเพียง 16 เดือน พร้อมกันนี้ดิสนีย์เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เป็นการทำยอดสมาชิก 230 ถึง 240 ล้านคน ภายในปี 2024 แทน สาเหตุหลักๆ ในการเติบโตที่รวดเร็วเกินเป้าของ Disney+ น่าจะมาจากการที่คนต้องกักตัวอยู่บ้านจากการระบาดของ COVID-19 และเพราะคอนเทนต์อย่าง The Mandalorian ตามมาด้วย WandaVision รวมถึงการเป็นแหล่งใหญ่ในการดูแฟรนไชส์จาก Marvel Studios และ Star Wars นอกจากนี้ยังเป็นบริการสตรีมมิ่งที่เป็นมิตรต่อครอบครัวและมีคอนเทนต์ที่ต่อคิวรอฉายอีกเพียบ ล่าสุด Disney+ เปิดให้บริการในประเทศสิงคโปร์ไปเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่เปิดให้บริการในประเทศไทย คงต้องรอติดตามกำหนดวันที่แน่นอน และราคากันต่อไป ที่มา - CNBC
# WordPress 5.7 ออกแล้ว WordPress ออกเวอร์ชัน 5.7 ของใหม่ได้แก่ สลับ HTTP เป็น HTTPS ได้ภายในคลิกเดียว โดย WordPress จะแปลง URL ในฐานข้อมูลเป็น HTTPS ให้อัตโนมัติ ตัว block editor (Gutenberg) ปรับปรุงเรื่องตัวเลือกตั้งค่าฟอนต์ (สำหรับลิสต์) และการลากแล้ววางบล็อคลงในหน้าเพจ ปรับ color palette แบบดีฟอลต์ให้สอดคล้องตามมาตรฐานของ WCAG 2.0 AA เพื่อคนที่มีปัญหาด้านการมองเห็น iframe รองรับการทำ lazy loading แล้ว (ต้องระบุ width/height ของ iframe ด้วย) ที่มา - WordPress
# กูเกิลเปิดให้โรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวโพสต์ขายบน Google Travel ได้ฟรี กูเกิลประกาศให้โรงแรม และธุรกิจการท่องเที่ยว สามารถโพสต์ประชาสัมพันธ์ตัวเองได้บน Google Travel ฟรี เปิดให้ธุรกิจที่ไม่เคยมีบัญชีธุรกิจหรือโรงแรมกับกูเกิลมาก่อนเข้ามากรอกฟอร์มแสดงความจำนงได้ ส่วนธุรกิจที่มีบัญชี Hotel Center หรือเป็นผู้ลงโฆษณาใน Hotel Prices API และ Hotel Ads อยู่แล้วสามารถดำเนินการโพสต์ต่อใน Google Travel ได้เลย ถือเป็นอีกช่องทางที่ช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัว หลังสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย และประชาชนได้ฉีดวัคซีน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มคุณภาพการค้นหาเกี่ยวกับโรงแรมที่จะเข้าพักบนกูเกิลมากขึ้น โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปในทางเดียวกับที่เคยประกาศให้ร้านค้านำสินค้ามาลงได้ฟรีบนแท็บ Google Shopping รวมถึง Google Flights เพื่อให้ผลการค้นหาครอบคลุมทั้งร้านค้าที่ทั้งจ่ายและไม่จ่ายให้กูเกิลมากขึ้น เพิ่มความน่าเชื่อถือในการค้นหาบนบริการต่างๆ ของกูเกิลด้วย ที่มา - กูเกิล
# สมาคมสตาร์ตอัพฝรั่งเศสฟ้องแอปเปิล iOS 14 แอบเก็บข้อมูลผู้ใช้ไปโฆษณา โดยไม่ถามก่อน France Digitale สมาคมสตาร์ตอัพของฝรั่งเศส ยื่นฟ้องแอปเปิลต่อคณะกรรมการด้านข้อมูลข่าวสารของฝรั่งเศส (Commission Nationale de L’informatique et des Libertés หรือ CNIL) ว่า iOS 14 ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แอบเก็บข้อมูลสำหรับโฆษณาโดยไม่ขอความยินยอมก่อน ซึ่งผิดกฎ GDPR ของยุโรป คำฟ้องของ France Digitale ระบุว่าค่าดีฟอลต์ของ iOS 14 คืออนุญาตให้แอปเปิลเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ เพื่อเครือข่ายโฆษณาของแอปเปิลเอง ซึ่งผิดกฎ GDPR ที่ระบุว่าผู้ใช้ต้องเป็นฝ่ายอนุญาตด้วยตัวเองก่อน นอกจากนี้ แอปเปิลยังไม่ระบุว่าเก็บข้อมูลใดบ้าง และมีพาร์ทเนอร์ของแอปเปิลรายใดเข้าถึงข้อมูลนี้ได้บ้าง (เท่าที่ผมเข้าใจคือหน้า Settings > Privacy > Apple Advertising) หาก France Digitale ชนะ ก็ถือว่าเป็นประเด็นไม่น้อย เพราะแอปเปิลพยายามชูเรื่องความเป็นส่วนตัวของ iOS 14 อย่างมาก ในเรื่องบังคับให้ผู้ใช้ต้องอนุญาตให้แอพเก็บข้อมูลก่อนเสมอ (ถึงขั้นทะเลาะกับ Facebook ในเรื่องนี้) แต่แอปเปิลกลับเก็บข้อมูลไปใช้เองโดยไม่ต้องให้ผู้ใช้อนุญาตก่อน ที่มา - Shift.eu
# Instagram ทดสอบเพิ่มคำบรรยายหรือ Closed Captions ใน Stories ผู้มีปัญหาการได้ยินใช้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์เพื่อการเข้าถึงอย่าง Closed Captions ดูเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มวิดีโอไปแล้ว ล่าสุด Instagram ก็เพิ่มความสามารถแสดง Closed Captions หรือคำบรรยายเสียงเรียลไทม์ใน Stories วิธีการใช้งานคือ เปิดโหมดด้วยการกดแบนเนอร์ CC Captions เมื่อคนโพสต์คลิปพูดอะไร ระบบจะแสดงคำบรรยายเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ใช้งานที่มีปัญหาการได้ยินใช้งานง่ายขึ้น หรือผู้ใช้งานที่ไม่อยากเปิดเสียงก็ใช้งานง่ายขึ้นด้วย รวมถึงคนที่ใช้งานในภาษาต่างๆ ก็สามารถเข้าใจข้อความที่คนพูดจะสื่อสารได้ผ่านตัวอักษร Instagram ยังเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ในวงจำกัด และยังไม่มีรายละเอียดว่าจะเปิดใช้งานทั่วโลกเมื่อไร ที่มา - Engadget
# Chrome OS เพิ่มฟีเจอร์ Phone Hub เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Android แบบเดียวกับ Your Phone กูเกิลฉลอง Chromebook มีอายุครบ 10 ปี (เปิดตัว Chrome OS ครั้งแรก ก.ค. 2009, เปิดตัว Chromebook รุ่นแรก Cr-48 มี.ค. 2011) โดยประกาศฟีเจอร์ใหม่ให้ Chrome OS อีกหลายอย่าง ฟีเจอร์เด่นที่สุดคือ Phone Hub การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Android ลักษณะเดียวกับแอพ Your Phone ของไมโครซอฟท์ และฟีเจอร์เชื่อม iOS-macOS ของแอปเปิล Phone Hub มีฟีเจอร์พื้นฐานที่พึงมี เช่น อ่านและตอบข้อความ SMS ของมือถือ, เปิด hotspot, ดูสถานะแบตเตอรี่ และที่แปลกว่าใครคือแสดงรายการแท็บของ Chrome บนมือถือได้ด้วย (เท่าที่อ่านยังไม่สามารถรับสายบน Chromebook ได้) ฟีเจอร์ใหม่อื่นๆ ได้แก่ Wi-Fi Sync - Chromebook สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อัตโนมัติ หากมือถือต่อ Wi-Fi นั้นอยู่ ไม่ต้องล็อกอินใหม่ Nearby Share การแชร์ไฟล์ระหว่าง Chromebook และ Android แอพ Screen Capture ตัวใหม่ กดได้จาก Quick Settings และจับได้ทั้งภาพหน้าจอ-วิดีโอ เมนู Quick Settings เพิ่มตัวควบคุมสื่อ (media player) กดเปลี่ยนเพลงได้ง่ายขึ้น เมนู Clipboard ตัวใหม่ แสดง 5 รายการล่าสุดที่คัดลอกเอาไว้ ฟีเจอร์ Desks ที่เป็น workspace หลายเดสก์ท็อป จะจดจำค่าหน้าต่างทั้งหมดที่เปิดไว้หลังรีบูต ที่มา - Google
# Samsung ประกาศจัดงาน Unpacked งานที่สองของปี วันที่ 17 มีนาคมนี้ ซัมซุงประกาศจัดงานแถลงข่าว Unpacked งานที่สองของปีนี้ ต่อจากงานแรกเมื่อเดือนมกราคมที่เปิดตัว Galaxy S21 โดยกำหนดจัดวันที่ 17 มีนาคม 2021 เวลา 22.00น. ตามเวลาในประเทศไทย สามารถรับชมได้ทางเว็บซัมซุง และ YouTube หัวข้อของงานในครั้งนี้คือ Galaxy Awesome Unpacked โดยคาดว่าซัมซุงจะเปิดตัวสินค้าใหม่เป็นสมาร์ทโฟนซีรี่ส์ A ที่มา: Engadget
# Dropbox ซื้อบริษัทแชร์เอกสารออนไลน์ DocSend มูลค่า 165 ล้านดอลลาร์ Dropbox ประกาศซื้อกิจการ DocSend สตาร์ตอัพด้านแชร์เอกสาร ด้วยมูลค่า 165 ล้านดอลลาร์ DocSend เป็นสตาร์ตอัพที่ให้บริการแชร์เอกสารสำนักงาน (พวก PDF, PowerPoint) ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ลักษณะคล้ายๆ Google Docs แต่เน้นที่การแชร์มากกว่าการแก้ไขไฟล์ โดยมีฟีเจอร์เด่นด้านการรักษาความปลอดภัยของเอกสาร และการวิเคราะห์ข้อมูลผู้อ่าน Dropbox ระบุว่าซื้อ DocSend มาเพื่อขยายบริการด้าน workflow ของเอกสาร โดยจะเชื่อมโยงกับบริการ Dropbox เอง และ บริการเซ็นเอกสารออนไลน์ HelloSign ที่ซื้อมาในปี 2019 ที่มา - Dropbox, DocSend
# ไมโครซอฟท์ปิดดีลซื้อ ZeniMax/Bethesda ยืนยันบางเกมจะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ Xbox/PC คล้อยหลัง EU อนุมัติการซื้อกิจการเพียงวันเดียว ไมโครซอฟท์ออกมาประกาศปิดดีลการซื้อ ZeniMax/Bethesda มูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ ที่เริ่มกระบวนการซื้อในเดือนกันยายน 2020 ดีลนี้ทำให้ไมโครซอฟท์มีสตูดิโอในสังกัดเพิ่ม 8 แห่งคือ Bethesda Game Studios, id Software, ZeniMax Online Studios, Arkane, MachineGames, Tango Gameworks, Alpha Dog, Roundhouse Studios รวมทั้งหมดแล้วมีสตูดิโอ 23 แห่ง Phil Spencer ออกมาประกาศข่าวนี้ผ่านบล็อก Xbox และตอบชัดๆ (สักที) ว่า เกมใหม่ๆ ของ Bethesda บางเกมในอนาคตจะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ Xbox และพีซีเท่านั้น แต่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีเกมใดบ้าง เขายังระบุด้วยว่าจะนำเกมปัจจุบันของ Bethesda เข้ามาเพิ่มใน Xbox Game Pass ภายในสัปดาห์นี้ ภายใต้ข้อตกลงเดิมที่ Bethesda ทำไว้กับโซนี่ มี 2 เกมที่กำลังพัฒนาอยู่คือ Deathloop (Arkane) และ GhostWire: Tokyo (Tango) ที่จะยังเป็นเอ็กซ์คลูซีฟคอนโซล PS5 ซึ่งไมโครซอฟท์บอกว่าเคารพข้อตกลงเดิมนี้ ที่มา - Xbox
# ธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรปถูกแฮกจากช่องโหว่ Microsoft Exchange ธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (European Banking Authority - EBA) รายงานว่าเซิร์ฟเวอร์ Microsoft Exchange ถูกแฮก และกำลังสอบสวนอยู่ว่ามีข้อมูลใดหลุดออกไปบ้าง โดยข้อมูลล่าสุดทาง EBA ระบุว่าข้อมูลที่หลุดออกไปนั้น "อยู่ในวงจำกัด" และไม่ทำให้ความลับของ EBA หลุดออกไป ทาง EBA ปิดเซิร์ฟเวอร์นี้ไปสองวันก่อนจะเปิดกลับมาใช้งานตามเดิม EBA เป็นหน่วยงานกำกับดูแลออกมาตรฐานและแนวทางต่างๆ ทำงานคู่กับ European Central Bank (ECB) ช่องโหว่ Microsoft Exchange ถูกใช้เจาะองค์กรต่างๆ เป็นวงกว้าง ตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าองค์กรใดได้รับผลกระทบบ้าง โดยคาดว่าอาจจะมีองค์กรเป็นเหยื่อกว่า 30,000 ราย โดยที่ข้อมูลย้อนหลังพบว่ากลุ่มแฮกเกอร์รู้ช่องโหว่เหล่านี้และเจาะเป้าหมายก่อนที่ไมโครซอฟท์จะออกแพตช์นานนับเดือน ที่มา - EBA
# Kubernetes ครบรอบ 100,000 Issues โครงการ Kubernetes มี Issue และ Pull Request ครบ 100,000 ครั้งในวันนี้ แสดงให้เห็นว่าโครงการยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องหลังจากกูเกิลปล่อยโครงการสู่สาธารณะเมื่อกลางปี 2014 (ถ้าใครต้องการประสบการณ์ Kubernetes เกิน 7 ปีคงต้องจ้างทีมงานของกูเกิลดั้งเดิมเท่านั้น) ทุกวันนี้ Kubernetes ดูแลโดย CNCF (Cloud Native Computing Foundation) ที่ดูแลโครงการอื่นๆ อีกหลายโครงการ ส่วนประกอบต่างๆ ของ Kubernetes มีการขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง โครงการส่วนต่างๆ มีกลุ่มเฉพาะทางดูแล ขณะที่ตัว CNCF เองก็ขยายไปดูแลโครงการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทุกวันนี้ Kubernetes มีนโยบายออกเวอร์ชั่นใหม่ทุกๆ 3 เดือน และแต่ละเวอร์ชั่นจะซัพพอร์ตแพตช์นาน 1 ปี และมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาต่อเนื่อง ที่มา - Kubernetes
# [ลือ] Jio ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ในอินเดีย เตรียมเปิดตัวโน้ตบุ๊กราคาถูกรัน Android อาจชื่อ JioBook Jio หรือชื่อเต็มๆ Reliance Jio Infocomm Limited บริษัทโทรคมนาคมเจ้าใหญ่ของอินเดีย ที่เป็นค่ายมือถือนอกประเทศจีนรายแรก ที่มียอดผู้ใช้เกิน 400 ล้านคนไปเมื่อเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา และมีข่าวว่าเตรียมทำโน้ตบุ๊กมาตั้งแต่ปี 2018 ตอนนี้เริ่มพัฒนาโน้ตบุ๊กตัวแรกแล้ว โดยอยู่ในขั้นเครื่องต้นแบบ และคาดว่าจะใช้ JioBook ให้ชื่อสอดคล้องกับมือถือ JioPhone ของบริษัท เว็บไซต์ XDA Developers ได้รับเอกสารไม่ระบุที่มา แต่มีข้อมูลว่า Jio ร่วมมือกับ Bluebank Communication Technology จากประเทศจีน พัฒนาโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่นี้อยู่ ซึ่งโน้ตบุ๊กรุ่นนี้จะใช้ชิป Snapdragon 665 มีชิปโมเด็ม Snapdragon X12 รองรับ 4G LTE ในตัว และรัน Android ที่นำมาปรับแต่งเอง ในชื่อเฉพาะว่า JioOS XDA ยังไม่มีข้อมูลขนาดหน้าจอ แต่พบข้อมูลในเฟิร์มแวร์ว่าจะมีความละเอียดจออยู่ที่ 1366x768 พิกเซล และเครื่องที่ Bluebank ทดสอบ มีทั้งรุ่น แรม LPDDR4X 2GB คู่กับหน่วยความจำภายใน eMMC ขนาด 32GB และรุ่นแรม LPDDR4X 4GB คู่กับหน่วยความจำภายใน eMMC 5.1 ขนาด 64GB อาจใช้พอร์ตเชื่อมต่อ mini HDMI รองรับ Wi-Fi 2.4Ghz และ 5.0GHz มี accelerometer สามแกน และชิปเสียง Qualcomm ภาพต้นแบบ JioBook รุ่น EVT (Engineering Validation Test) จาก XDA Devs เครื่องรุ่นทดสอบรันยังรัน Android 10 เวอร์ชั่นคลีน แต่มาพร้อมกับแอป JioStore, JioMeet, JioPages, และ Jio’s ad services รวมถึงมีแอป Microsoft Teams, Edge, และ Office ติดตั้งมาให้อีกด้วย แต่ยังไม่แน่ชัดว่าแอปเหล่านี้จะติดเครื่องวางขายจริงไปด้วยหรือไม่ แต่น่าจะมีแอปจาก Google และมาพร้อมกับ Google Mobile Services XDA เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมในเอกสารว่า Jiobook เริ่มพัฒนาในเดือนกันยายน 2020 ปัจจุบันยังเป็นเครื่องต้นแบบ EVT (Engineering Validation Test) ที่ใช้คีย์บอร์ดรีไซเคิลจากโน้ตบุ๊กรุ่นอื่น ที่ยังมีปุ่ม Windows อยู่ และเตรียมเข้าสู่การทดสอบขั้น Product Validation Test ในเดือนเมษายนนี้ ยังไม่มีช่วงวันวางจำหน่ายที่แน่นอน แต่น่าจะวางจำหน่ายในราคาถูก และเริ่มวางขายในประเทศอินเดีย ที่มา - XDA Developers
# NVIDIA เปิดตัว AI Enterprise ชุดเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ใช้งานกับ vSphere 7 NVIDIA เปิดตัว NVIDIA AI Enterprise ชุดซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ระดับองค์กร เปิดทางให้องค์กรพัฒนาและใช้งานปัญญาประดิษฐ์โดยที่ฝ่ายไอทีสามารถจัดการโครงสร้างได้ แพลตฟอร์มแรกที่ NVIDIA รองรับให้ใช้งานกับ NVIDIA AI Enterprise คือ VMware vSphere 7 Update 2 ที่ออกมาวันนี้พร้อมๆ กัน โดย vSphere 7 จะรองรับชิป NVIDIA A100 Tensor Core เต็มรูปแบบ ทำให้ใช้งานเช่นฟีเจอร์ multi-instance GPU สามารถแบ่งชิป A100 ออกเป็นหลายๆ ส่วนทั้งพลังประมวลผลและหน่วยความจำ ทำให้งานบางอย่างเช่นการรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (interference) ที่ใช้พลังประมวลผลน้อยกว่า สามารถแบ่งส่วนเล็กๆ ของชิปไปใช้งาน และกันพลังประมวลผลส่วนใหญ่ไว้กับโหลดงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงๆ เช่นการฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ ชุดซอฟต์แวร์ NVIDIA AI Enterprise คิดค่าไลเซนส์ 3,595 ดอลลาร์ต่อซ็อกเก็ตซีพียู ค่าซัพพอร์ตขายแยก 899 ดอลลาร์ต่อปีต่อไลเซนส์ ตอนนี้อยู่ในช่วงทดสอบวงปิดที่ต้องสมัครขอใช้งานล่วงหน้า ที่มา - NVIDIA
# รวมข่าวลือ Apple จาก Kuo คนเดิม: แว่น AR, เฮดเซต VR, เลนส์ซูม Periscope ใน iPhone ฯลฯ ข่าวนี้เป็นการรวมรายงานจาก Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก TF Securities คนเดิม ที่มีประวัติให้ข้อมูลสินค้าใหม่แอปเปิลได้แม่นยำที่สุด โดยเขาพูดถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคตของแอปเปิลหลายอย่างตามข้อมูลที่ได้รับมาล่าสุดดังนี้ เฮดเซต Mixed Reality มีกล้อง 15 ตัว แสดงภาพผสมผสานทั้ง AR/VR คาดเปิดตัวในปี 2022 (ข่าวเก่าจาก Bloomberg) แว่น AR เปิดตัวปี 2025 ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม เลนส์ซูม Periscope โดยแอปเปิลจะนำมาใส่ใน iPhone ได้เร็วที่สุดปี 2023 (ข่าวเกี่ยวข้องก่อนหน้านี้) สุดท้าย Kuo บอกว่าแอปเปิลมีโครงการพัฒนาคอนแทคเลนส์ AR กำหนดวางขายในช่วงปี 2030 เป็นต้นไป สถานะโครงการตอนนี้ยังเป็นคอนเซปต์ที่ไม่ชัดเจนว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ (Moonshot Project) โดยคอนแทคเลนส์นี้จะมีหน่วยประมวลผลและตัวจัดการพลังงานในตัว ที่มา: MacRumors [1], [2], [3], [4]
# GitLab ล่มทั่วโลก GitLab บริการเก็บซอร์สโค้ดคู่แข่ง GitHub ล่มเป็นส่วนใหญ่ตั้งแต่ช่วงก่อนบ่ายสองเป็นต้นมา โดยบริการหลักๆ ที่อยู่บน Google Cloud เป็นส่วนที่ล่มไป บริการที่ล่มไปได้แก่ เว็บหลัก, API, Git ทั้ง HTTPS และ SSH, Pages, registry, CI/CD ทำให้การใช้งานหลักๆ แทบทั้งหมดไม่สามารถทำงานได้ บริการบางส่วนที่อยู่ภายนอก เช่น Zendesk, หรือฟอรั่มที่อยู่บน DigitalOcean ไปจนถึง packages ที่อยู่บน AWS ที่มา - GitLab Status, GitLab issue: 3875
# DARPA เดินหน้าพัฒนาวิธีเข้ารหัสข้อมูล ที่นำไปวิเคราะห์ได้แม้เข้ารหัสอยู่, อินเทลพัฒนาชิปเร่งความเร็ว การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล กับการวิเคราะห์ข้อมูลดูเป็นแนวคิดที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง และต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่งเท่านั้น หากเลือกปกป้องข้อมูลด้วยการเข้ารหัส (encryption) ก็จะไม่สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ได้จนกว่าจะถอดรหัสออกมาทั้งหมด ในทางเทคนิคแล้วมีแนวคิดที่เรียกว่า Fully Homomorphic Encryption (FHE) เป็นวิธีการเข้ารหัสแบบใหม่ ที่สามารถนำข้อมูลไปวิเคราห์-ประมวลผลต่อได้ (ทั้งๆ ที่ยังถูกเข้ารหัสอยู่และไม่รู้ว่าข้อมูลข้างในคืออะไร) FHE เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นนานแล้ว แต่ไม่ถูกนำมาใช้งานจริง เพราะต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล งานที่ใช้เวลาเพียงมิลลิวินาทีบนคอมพิวเตอร์ทั่วไป อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หากเข้ารหัสแบบ FHE แต่เมื่อ FHE คือแนวทางแก้ปัญหาความเป็นส่วนตัวในระยะยาว ล่าสุด DARPA หน่วยงานวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (หน่วยเดียวกับที่คิดค้นอินเทอร์เน็ต) จึงเปิดตัวโครงการ Data Protection in Virtual Environments (DPRIVE) เพื่อหาวิธีประมวลผล FHE ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยใช้โซลูชันฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ทำงานด้วยกัน โครงการ DPRIVE เลือกทีมวิจัยมา 4 ทีม ได้แก่ Duality Technologies, Galois, SRI International, Intel เพื่อพัฒนาโซลูชันระยะยาว ให้การประมวลผล FHE มีความเร็วใกล้เคียงกับ plaintext ในปัจจุบัน บริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุดย่อมเป็นอินเทล ที่ดึงไมโครซอฟท์เข้ามาเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์ ทดสอบโซลูชันนี้บน Azure ด้วย โดยทีมนักวิจัยของอินเทลจะพัฒนาชิปเฉพาะทาง ASIC ขึ้นมาใช้แทนซีพียูปกติ ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่องานแบบ FHE DARPA ไม่ได้ระบุระยะเวลาของโครงการ DPRIVE แต่ข้อมูลของอินเทลบอกว่าเป็นโครงการนานหลายปี (multiyear) และแบ่งงานออกเป็นหลายเฟส ที่มา - DARPA, Intel, AnandTech
# Z Holdings ตั้งเป้าดันญี่ปุ่น-เกาหลีเป็นขั้วที่สามของโลกไอที นอกเหนือจากอเมริกา-จีน ข่าวความเคลื่อนไหวบริษัทเทคโนโลยีฝั่งเอเชียในช่วงนี้คือ การควบรวมระหว่าง LINE กับ Yahoo! Japan กลายเป็นบริษัทใหม่ Z Holdings ที่เพิ่งเสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม (ล่าช้ากว่าแผนเดิม 6 เดือนเพราะกระบวนการอนุมัติที่ล่าช้าจาก COVID) หลังประกาศข่าว ผู้บริหารของ Z Holdings ได้ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times เผยแผนการในอนาคตดังนี้ Z Holdings ต้องการเป็นยักษ์เทคโนโลยีขั้วที่สามของโลก (ญี่ปุ่น+เกาหลีใต้) นอกเหนือจากอเมริกา-จีน เป้าหมายคือต้องการคานอำนาจกับยักษ์เทคโนโลยีฝั่งอเมริกาคือ GAFA (Google, Amazon, Facebook, Apple) โดยอาศัยจุดแข็งเรื่องฐานลูกค้า Z Holdings ในญี่ปุ่น แผนการคือจะซื้อกิจการ หรือเป็นพันธมิตรกับสตาร์ตอัพย่านเอเชียตะวันออกไปจนถึงเอเชียใต้ โดยเฉพาะที่ได้รับการสนับสนุนจาก SoftBank ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Z Holdings (อีกรายคือ Naver บริษัทแม่ของ LINE) เตรียมเงินลงทุนไว้ 5 แสนล้านเยน (1.4 แสนล้านบาท) เพื่อลงทุนด้าน AI และจะจ้างวิศวกรเพิ่มอีก 5,000 คนทั่วโลก (ไม่นับรวมเงินที่จะใช้ซื้อกิจการ) บริการตัวแรกที่จะควบรวมกันคือบริการจ่ายเงิน LINE Pay ในญี่ปุ่น กับ PayPay บริการจ่ายเงินของ SoftBank จะรวมกันในปี 2022 โดยจะเหลือเป็น PayPay อย่างเดียว แต่ LINE Pay นอกญี่ปุ่นจะยังให้บริการตามปกติ โครงสร้างผู้ถือหุ้นของ Z Holdings แบ่งเป็น SoftBank + Naver ถือรวมกัน 65.3% (คนละครึ่ง) และผู้ถือหุ้นรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์อีก 34.7% ส่วนบริการในเครือคือ Yahoo! Japan, LINE และอื่นๆ ที่มา - FT, FT
# เกมเพราะเกม นักโทษแแหกคุกในอังกฤษ โดนจับเพราะออกไปซื้อเกม Call of Duty กับเพื่อน Clint Butler แหกคุกจากเรือนจำ HMP Spring Hill ใน Buckinghamshire ประเทศอังกฤษ ที่เขาโดนโทษ 17 ปี มาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน และอยู่ในระหว่างกบดานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขากับเพื่อนก็ทนความเบื่อไม่ไหว ออกมาในเมืองในช่วงล็อกดาวน์เพื่อซื้อเกม Call of Duty แต่ดันมีพิรุธ เดินหันหลังหลบ เมื่อเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนดูน่าสงสัยและถูกเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถาม เขาบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเข้ามาในเมืองเพื่อซื้อเกม Call of Duty ภาคใหม่ เพราะเบื่อมาก แต่พอถูกสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก็สติหลุด เข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ และถูกจับหลังมีการชุลมุนกันเล็กน้อย สุดท้ายโดนเพิ่มโทษไปอีก 13 เดือนจากการแหกคุก และอีก 6 เดือนจากการทำร้ายเจ้าพนักงาน Nick Rowe สารวัตรตำรวจ West Midlands Police เขตรับผิดชอบที่จับกุม Butler กล่าวว่าเขาไม่เข้าใจว่า Butler จะเสี่ยงติดคุกแบบบื้อๆ ออกมาซื้อเกมในเมือง ในช่วงล็อกดาวน์เพื่ออะไร และคงเป็นปริศนาที่ไขไม่ออกกันต่อไป สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบ ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถซื้อเกมผ่านสโตร์ออนไลน์ทั้ง Battle.net (สำหรับเกม Call of Duty) และสโตร์อื่นๆ เช่น Steam, Epic Games Store, Origin และอีกมากมายได้แล้ว โดยไม่ต้องเสี่ยงออกมาเจอ COVID-19 หรือโดนตำรวจจับแต่อย่างใด ที่มา - Kotaku
# ซีอีโอบริษัทแม่เจ้าของ GTA และ NBA2K บอกว่าผู้บริโภคพร้อมซื้อเกมราคา 70 ดอลลาร์แล้ว Strauss Zelnick ซีอีโอของ Take-Two Interactive บริษัทแม่ของ Rockstar Games ผู้สร้าง GTA และ 2K Games ผู้สร้าง NBA2K ถูกถามถึงกรณีที่ บริษัทขายเกม NBA2K21 ในราคา 69.99 ดอลลาร์ จากปกติราคาเกมทั่วไปอยู่ที่ 59.99 ดอลลาร์ ว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง เขายืนยันว่ามูลค่าของเกมที่ให้ประสบการณ์การเล่นที่พิเศษกว่า และเล่นซ้ำได้หลายครั้ง เหมาะสมกับราคานี้แล้ว และบอกว่าครั้งล่าสุดที่เกมมีการขึ้นราคาก็ตั้งแต่ปี 2005, 2006 มาแล้ว และผู้บริโภคพร้อมแล้วสำหรับราคาใหม่นี้ แต่ Zelnick ก็ไม่ได้ยืนยันว่าเกมทุกเกมจากบริษัทในอนาคตจะขายที่ราคานี้ แต่แค่บอกว่าจะขึ้นอยู่กับแต่ละเกมไป และหากจะขายราคานี้ ตัวเกมก็ต้องมีคอนเทนต์ที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่ากว่าเงินที่จ่ายและไม่รู้สึกว่าถูกขูดรีดจนเกินไป เกม NBA2K21 เวอร์ชั่นเน็กซ์เจ็น ขายในราคา 69.99 ดอลลาร หลายบริษัทยังคงมีความเห็นแตกต่างกันไปว่าราคาเกมควรเพิ่มเป็น 70 ดอลลาร์ (69.99 ดอลลาร์) หรือไม่ แต่เกมที่ขึ้นราคานำไปก่อนแล้วคือ NBA2K21 ที่เป็นเกมเน็กซ์เจ็นเกมแรกที่ขายในราคานี้ ส่วน Sony ก็เริ่มขายเกม PS5 บางเกม เช่น Demon’s Soul และ Spider-Man: Miles Morales ในราคานี้แล้วเช่นกัน Ubisoft ก็บอกว่าเกมเน็กซ์เจ็น ไม่น่ามีราคาแพงกว่าเกมในเจ็นก่อน ส่วน Phil Spencer ซีอีโอของ Xbox กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Washington Post ว่าแต่ละบริษัทก็คงมีนโยบายทางธุรกิจที่แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายแล้วผู้บริโภคก็จะเป็นคนเลือกเองว่าจะยอมจ่ายที่ราคาเท่าไร เพราะปัจจุบันผู้บริโภคมีตัวเลือกในการเล่นเกมมากกว่าที่เคย ที่มา - VGC
# GitHub พบบั๊กล็อกอินกลายเป็นคนอื่น รีเซ็ตล็อกอินผู้ใช้ทุกคน GitHub พบบั๊ก race condition ในระบบหลังบ้านทำให้ผู้ใช้เข้าเว็บแล้วพบว่าล็อกอินกลายเป็นผู้ใช้คนอื่นในระบบ ทาง GitHub ระบุว่าบั๊กเริ่มปรากฎตั้งแต่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนทางบริษัทแก้ไขในวันที่ 8 มีนาคม โดยรวมแล้วมีผู้ใช้ได้รับผลกระทบน้อยกว่า 0.001% ของผู้ใช้ที่ล็อกอินทั้งหมด ทาง GitHub รีเซ็ตล็อกอินผู้ใช้ทุกคนหลังแก้ไขบั๊กแล้ว โดยทั่วไปผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรนอกจากล็อกอินใหม่อีกครั้ง ที่มา - GitHub
# MIPS หันมาพัฒนาชิป RISC-V หลังบริษัทแม่ล้มละลาย MIPS Technology ผู้พัฒนาชิปสถาปัตยกรรม MIPS ถูกสตาร์ทอัพ Wave Computing ซื้อไปตั้งแต่ปี 2018 แต่สุดท้าย Wave Computing กลับล้มละลาย ล่าสุดบริษัทเตรียมออกจากสถานะล้มละลายและเดินหน้าทำธุรกิจออกแบบชิปต่อไป แต่รอบนี้บริษัทจะหันมาออกแบบชิปในสถาปัตยกรรม RISC-V แทนแล้ว บริษัทที่ออกจากแผนฟื้นฟูจะเปลี่ยนชื่อจาก Wave Computing กลายเป็น MIPS อีกครั้ง MIPS เคยเป็นสถาปัตยกรรมสำคัญในโลกคอมพิวเตอร์ ทาง Wave Computing เมื่อซื้อ MIPS ไปแล้วก็เคยประกาศว่าจะโอเพนซอร์สสถาปัตยกรรมมาแข่งกับ RISC-V แต่สุดท้ายแผนการไม่สำเร็จจนบริษัทล้มละลายไปเสียก่อน ขณะที่ช่วงปีที่ผ่านมาสถาปัตยกรรม RISC-V ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่มา - PRNewsWire ภาพโดย blickpixel
# RISC-V International เปิดวิชาเรียนสถาปัตยกรรม RISC-V ฟรี ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการออกแบบชิป RISC-V International ร่วมมือกับ Linux Foundation ประกาศเปิดวิชาสถาปัตยกรรม RISC-V ฟรีสองวิชา ให้นักพัฒนาเข้าใจตัวสถาปัตยกรรมมากขึ้น วิชา Introduction to RISC-V แนะนำสถาปัตยกรรมทั่วไปของ RISC-V สำหรับนักพัฒนาชิปและผู้ใช้งานทั่วไป วิชา Building a RISC-V CPU Core สอนนักพัฒนาชิปให้ออกแบบซีพียูพื้นฐานด้วยเว็บ Makerchip แนะนำพื้นฐานการออกแบบวงจรไปจนถึงการออกแบบซีพียู RISC-V ทั้งตัว ทาง edX เปิดให้ลงเรียนทั้งสองวิชาได้ฟรีเป็นเวลา 7 สัปดาห์แต่หากจ่ายเงินค่าลงเรียนจะเรียนได้ทั้งปี และได้รับใบรับรองหากเรียนจบ ที่มา - RISC-V
# Microsoft Teams แสดง Live Transcription หรือถอดข้อความจากเสียงพูดเรียลไทม์ บันทึกลง Word ได้ Microsoft Teams ในระยะหลังเพิ่มความสามารถการเข้าถึงผู้ใช้งานมากขึ้น ล่าสุดคือ เพิ่ม Live Transcription หรือข้อความถอดจากเสียงพูดได้เรียลไทม์ โดยมองเห็นได้จากหน้าจอด้านข้าง แยกให้ด้วยว่าเป็นคำพูดจากใคร ให้ผู้ใช้งานที่มีปัญหาการได้ยินใช้งานง่ายขึ้น สามารถบันทึกข้อความ Live Transcription ลงใน Microsoft Word ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ใหม่ยังคงรองรับเฉพาะการใช้งานภาษาอังกฤษ ที่มา - OnMSFT
# [ไม่ยืนยัน] Surface Laptop 4 รุ่น 13.5 และ 15 นิ้ว สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ซีพียู Intel หรือ AMD เว็บไซต์ Windows Central เผยข้อมูลสเปก Surface Laptop 4 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนเมษายนนี้ พบว่ารุ่น 13.5 และ 15 นิ้ว ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ซีพียู Intel หรือ AMD ตั้งแต่ปี 2019 แล้ว ที่ Microsoft นำเสนอ Surface Laptop 3 รุ่น 15 นิ้วที่สามารถกำหนดค่าเป็น AMD ได้ โดย Surface Laptop 4 มีรายงานว่าจะมีตัวเลือกสำหรับ AMD Ryzen 5 4680U หรือ AMD Ryzen 7 4980U ส่วนฝั่ง Intel มีรายงานว่าใช้ 11th Gen Intel Core i5-1145G7 หรือ Intel Core i7-1185G7 ก่อนหน้านี้ก็มีข้อมูลภาพหลุดตัวเครื่อง Surface Laptop 4 ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อน ภาพ Surface Laptop 3 จาก Microsoft ที่มา - Engadget, Windows Central
# EU อนุมัติดีลไมโครซอฟท์ซื้อ ZeniMax แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลในสหภาพยุโรปคือ European Commission และหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนในสหรัฐคือ SEC ได้อนุมัติดีลไมโครซอฟท์ซื้อ ZeniMax บริษัทแม่ของ Bethesda เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าไมโครซอฟท์ต้องผ่านด่านการอนุมัติซื้อกิจการจากหน่วยงานอื่นๆ หรือในประเทศอื่นๆ อีกแค่ไหน แต่ VentureBeat รายงานว่าไมโครซอฟท์มีกำหนดแถลงข่าวออนไลน์เรื่องนี้ในวันที่ 11 มีนาคมนี้ ซึ่งอาจเป็นประกาศว่ากระบวนการซื้อ ZeniMax เสร็จสมบูรณ์แล้ว ที่มา - European Commission, IGN, VentureBeat
# กูเกิลนำการแสดงข่าว Full Coverage ใน Google News มาแสดงบนช่อง Search แบบปกติด้วย Google News มีการแสดงเนื้อหาแบบ Full Coverage หรือการแสดงข่าวจากหลายแหล่งข่าว แสดงข่าวท้องถิ่นของแต่ละคน วิดีโอ ไทม์ไลน์ข่าว หรือความเห็นจากคนในข่าวตามโซเชียลมีเดียด้วย ล่าสุด กูเกิลนำการแสดงข่าวแบบ Full Coverage มาไว้ในช่องค้นหาตามปกติด้วย เริ่มต้นใช้งานในสหรัฐฯที่แสดงเนื้อหาข่าวเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนจะขยายภาษาและพื้นที่การใช้งานต่อไป ที่มา - กูเกิล
# Apple อัพเดต iOS 14.4.1, watchOS 7.3.2, Big Sur 11.2.3 แก้ไขช่องโหว่ Webkit แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการหลายรายการในวันนี้ โดยทั้งหมดเป็นการแก้ไขช่องโหว่ CVE-2021-1844 ใน Webkit ที่อาจโจมตีได้ทางเว็บ จึงแนะนำให้ผู้ใช้งานอัพเดตระบบปฏิบัติการเพื่อความปลอดภัย ซอฟต์แวร์ที่อัพเดตได้แก่ iOS 14.4.1, iPadOS 14.4.1, watchOS 7.3.2 และ macOS Big Sur 11.2.3 สำหรับ iOS และ iPadOS สามารถอัพเดตได้โดยไปที่ Settings > General > Software Update ส่วน watchOS อัพเดตได้ผ่านแอปบน iPhone และ macOS Big Sur อัพเดตผ่าน System Preferences ที่มา: Engadget และแอปเปิล
# เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ รัสเซียกำลังปล่อยข้อมูลปลอมเพื่อดิสเครดิตวัคซีน mRNA เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เผยกับสำนักข่าว Wall Street Journal ว่าตอนนี้รัสเซียกำลังรันแคมเปญออนไลน์เพื่อทำลายความเชื่อมั่นในวัคซีน COVID-19 ที่เป็นคู่แข่งกับ Sputnik-V สำนักข่าวที่รัสเซียใช้เป็นเครื่องมือที่ทางการสหรัฐฯ รับรู้แล้วมีตั้งแต่ New Eastern Outlook, News Front, Oriental Review และ Rebel Inside ซึ่งทั้งหมดนำข้อสงสัยที่ไม่มีมูลความจริงของวัคซีนอย่าง Pfitzer ออกมารายงาน และเรียกเทคโนโลยี mRNA ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง พร้อมระบุว่าเป็นอันตรายและไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป้าหมายคาดว่ารัสเซียต้องการเร่งยอดขายวัคซีน Sputnik-V หรืออาจต้องการใช้วัคซีนเป็นเครื่องมือสร้างการต่อรองกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก เว็บไซต์ทั้งสี่นี้ ทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับหน่วยงานของรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานความมั่นคง FSB หรือหน่วยข่าวกรอง SVR โดยระบุว่าสำนักข่าวทั้งหมดมีหน้าที่กระจายข้อมูลปลอม แต่อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้หลักฐานชัดเจนที่ระบุความเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ที่กล่าวอ้างว่าเชื่อมโยงกับรัฐบาลรัสเซียโดยตรง เนื่องจากเว็บไซต์เหล่านี้ดำเนินกิจการนอกสหรัฐ​ฯ ดังนั้นทางการสหรัฐฯ จึงไม่สามาถสั่งปิดได้ ซึ่งรัฐบาลรวมถึงโซเชียลเน็ตเวิร์คของสหรัฐฯ ต้องเตรียมจัดการการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้อย่างจริงจัง เนื่องจากปัจจุบันยังมีผู้สร้างทฤษฎีสมคบคิดและเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ ของ COVID-19 ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์คอยู่อีกจำนวนมาก ที่มา - Engadget, WSJ ภาพจาก BioNTech
# McAfee ขายธุรกิจ Enterprise ให้กลุ่มทุน STG ที่มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ McAfee ประกาศบรรลุข้อตกลง ในการขายส่วนธุรกิจ McAfee Enterprise ให้กับกลุ่มทุน Symphony Technology Group หรือ STG ที่มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ โดยคาดว่ากระบวนการซื้อขายจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้ หลังได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล McAfee ระบุว่าส่วนธุรกิจ Enterprise มีพาร์ตเนอร์ถึง 86% ที่เป็นองค์กรระดับ Fortune 100 และมีรายได้ในปี 2020 ที่ผ่านมามากกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์ การขายธุรกิจนี้ให้ STG ซึ่งมีธุรกิจในเครือที่โฟกัสตลาดลูกค้าองค์กรจึงเป็นดีลที่เหมาะสม ส่วน McAfee จะเน้นตลาดลูกค้าบุคคลมากขึ้น เมื่อปีที่แล้ว STG ก็ซื้อกิจการ RSA Security จาก Dell Technologies ที่มูลค่ามากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ที่มา: McAfee
# MWC 2021 ประกาศจัดงานมิถุนายนนี้ ในรูปแบบเดิม ให้คนพบปะกันในสถานที่ โดยเพิ่มมาตรการป้องกัน ผู้จัดงาน Mobile World Congress (MWC) งานด้านโทรศัพท์มือถืองานใหญ่ประจำปีที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน ประกาศยืนยันการจัดงานในปีนี้ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน ถึง 1 กรกฎาคม หลังจากปีที่แล้วงานได้ยกเลิกไปจากการระบาดของโควิด-19 โดยจะจัดงานในรูปแบบเดิมคือให้ผู้ร่วมงานได้พบปะกันในสถานที่ (In-Person) ทั้งนี้ GSM Association หรือ GSMA ผู้จัดงาน กล่าวว่าได้หารือกับหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความเสี่ยงจากโควิด-19 เช่น การจำกัดจำนวนคนในแต่ละสถานที่ เพิ่มการรักษาระยะห่าง เพิ่มมาตรการความสะอาด รวมทั้งผู้เข้าร่วมงานต้องแสดงผลตรวจโควิดที่เป็นลบ และตรวจซ้ำทุก 72 ชั่วโมงด้วย Stephanie Lynch-Habib หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ GSMA คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน MWC 2021 ราว 4-5 หมื่นคนจากทั่วโลก (งานปี 2019 มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1 แสนคน) ที่มา: Bloomberg
# USJ เตรียมเปิดสวนสนุก Super Nintendo World วันที่ 18 มีนาคมนี้ หลังเลื่อนหลายครั้งจากโควิด Super Nintendo World สวนสนุกของนินเทนโดแห่งแรก ที่ตั้งอยู่ใน Universal Studios Japan เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ประกาศวันเปิดให้บริการวันแรก 18 มีนาคมนี้ โดยจำกัดจำนวนผู้เข้าสวนสนุกในแต่ละวัน และมีมาตรการป้องกันโควิด-19 ผู้เข้าชมต้องสวมหน้ากาก สวนสนุก Super Nintendo World เดิมมีกำหนดเปิดให้บริการช่วงโอลิมปิก 2020 แต่จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในญี่ปุ่น ทำให้มีการประกาศเลื่อนเปิดให้บริการอีกหลายครั้ง โดยล่าสุดเลื่อนจากแผนเดิมในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เนื่องจากโอซาก้าประกาศสภาวะฉุกเฉิน Super Nintendo World คาดว่าจะเป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่มีผู้สนใจเข้าชมจำนวนมาก มีเครื่องเล่นหลักคือรถไฟเหาะ Mario Kart: Koopa’s Challenge และเครื่องเล่น Yoshi Adventure โดยนินเทนโดยังมีแผนจะเปิดให้บริการใน Universal Studios อีกหลายแห่งในอนาคตด้วย ที่มา: Engadget
# Meitu แอปเซลฟี่+แต่งภาพ ประกาศลงทุนเงินคริปโตรวม 40 ล้านดอลลาร์ Meitu ผู้พัฒนาแอปเซลฟี่และแต่งภาพถ่าย อาทิแอป Meitu, BeautyCam, BeautyPlus ได้แจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ว่าบริษัทได้ซื้อเงินคริปโต ประกอบด้วย Ether จำนวน 15,000 หน่วย และบิตคอยน์ 379.1214267 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่าราว 22.1 ล้านดอลลาร์ และ 17.9 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2021 ตามแผนงานที่จะนำเงินสดบริษัทมาลงทุนในเงินคริปโต สูงสุด 100 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้มีบริษัทขนาดใหญ่ ที่ประกาศว่าได้ซื้อเงินคริปโตทั้ง Tesla และ Square ส่วนกรณีของ Meitu นั้น อาจเป็นบริษัทเทคโนโลยีของจีนรายแรกที่ออกมาประกาศการลงทุนในเงินคริปโตนี้ Meitu อธิบายเพิ่มเติมในรายงานว่าบริษัทมองเทคโนโลโยีบล็อกเชน มีโอกาสที่จะเข้ามาปรับรื้อธุรกิจ (disrupt) ด้านการเงินและเทคโนโลยี เหมือนกับที่อินเทอร์เน็ตมือถือเข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายอุตสาหกรรม ที่มา: CNBC
# หยุดเถิด, EFF เรียกร้องกูเกิลให้เลิกเสนอ FLoC แทน third-party cookie หลังกูเกิลประกาศยกเลิกขายโฆษณาแบบติดตามตัวตน แต่ประกาศเตรียมไปใช้ Federated Learning of Cohorts (FLoC) API ที่จับพฤติกรรมผู้ใช้เป็นกลุ่มแทน ทาง EFF ก็ออกมาวิจารณ์ว่ากูเกิลควรเลิกพยายามติดตามผู้ใช้ EFF ชี้ว่า FLoC เป็นการโยกหน้าที่ติดตามผู้ใช้ไปอยู่ในเบราว์เซอร์โดยตรง และเบราว์เซอร์จะพยายามวิเคราะห์ว่าผู้ใช้มีพฤติกรรมตรงกับกลุ่มใด แม้กูเกิลจะพยายามบอกว่า FLoC นั้นดีกว่าบริษัทจัดการข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลผู้ใช้เว็บเข้าไปยังเซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก แต่ก็เป็นการติดตามตัวอยู่ดี EFF ระบุว่าฟีเจอร์ third-party cookie ของเบราว์เซอร์นั้นเป็นความผิดพลาดของเว็บตั้งแต่ยุคแรก และเรามีทางเลือกที่จะคืนอำนาจให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะส่งข้อมูลอะไรให้ใครบ้าง อีกทางหนึ่งเราอาจจะติดตามพฤติกรรมผู้ใช้และแปะป้ายกลุ่มเป้าหมายก่อนส่งข้อมูลให้ผู้ลงโฆษณานับสิบราย และแม้ว่า FLoC จะทำให้การแยกแยะผู้ใช้รายคนยากกว่าเดิมแต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ คนร้ายอาจดูข้อมูล FLoC และพยายามแยกผู้ใช้รายคนออกมาได้ในที่สุด ขณะที่ผู้ใช้นึกว่าผู้ลงโฆษณาไม่สามารถเจาะจงตัวบุคคลได้อีกแล้ว ที่มา - EFF ภาพเบราว์เซอร์แสดงหน้าจอ Analytics โดย PhotoMIX-Company
# เนื่องในวันสตรีสากล กูเกิลมอบเงินทุน 25 ล้านเหรียญเพื่อสนับสนุนผู้หญิงจากภาวะยากลำบาก เนื่องในวันสตรีสากล กูเกิลเปิดตัวโครงการ Google.org Impact Challenge for Women and Girls มอบเงินทุนรวมมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและองค์กรทางสังคมในประเทศไทยและทั่วโลกที่กำลังดำเนินการเพื่อพัฒนาขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของสตรีและเด็กผู้หญิง เปิดให้คนที่มีมีโครงการที่มุ่งสนับสนุนสตรีและเด็กผู้หญิงในประเทศไทย หรือองค์กรใดก็ตามที่มีแนวคิดดังกล่าว สามารถเข้าไปที่ g.co/womenandgirlschallenge เพื่อสมัครและดูข้อมูลช่องทางรับเงินทุน สามารถส่งแนวคิดของตนเองเข้ามาได้จนถึงวันเสาร์ที่ 10 เมษายน เวลา 06.59 น. ตามเวลาในประเทศไทย กูเกิลอ้างอิงข้อมูลจาก Women Will องค์กรสนับสนุนผู้หญิง เพื่อท้าวความที่มาถึงการเปิดตัวโครงการระบุว่า ก่อนสถานการณ์โควิด-19 การมีส่วนร่วมของผู้หญิงในตลาดแรงงานต่ำกว่าผู้ชายอยู่แล้วถึง 26% เมื่อเดือนกันยายน ปี 2563 ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่าภาวะโรคระบาดอาจกระทบต่อการจ้างแรงงานผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 19% และคาดว่าจะมีจำนวนผู้หญิงที่ต้องตกอยู่ในภาวะยากจนมากกว่าผู้ชายถึง 11 ล้านคนในปี 2573 นอกจากนี้ ผู้หญิงยังต้องแบกรับภาระงานบ้านในปริมาณที่มากเกินเหตุโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน และคาดว่าจะมีเด็กผู้หญิงประมาณ 20 ล้านคนทั่วโลกที่อาจจะไม่ได้กลับไปเรียนอีก การเลิกจ้าง การสูญเสียรายได้ และการขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาล้วนเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของสตรีและเด็กผู้หญิงหลายต่อหลายรุ่น โดยเฉพาะผู้ที่มาจากชุมชนด้อยโอกาส ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# กูเกิลเสนอปัญญาประดิษฐ์สร้างด่านเกมพร้อมบอท ทำด่านให้ยากแต่ยังเล่นให้ผ่านได้ กูเกิลเสนอปัญญาเฟรมเวิร์คประดิษฐ์ PAIRED สำหรับการสร้างสภาพแวดล้อมและบอท (agent) ที่มาแก้ปัญหาในสภาพแวดล้อมนั้น ผลที่ได้คือด่านในเกมและบอทสำหรับเล่นเกมด่านนั้น แนวทางการสร้างสภาพแวดล้อมอัตโนมัติเช่นนี้มีมาก่อนแล้ว แต่ระบบที่สร้างฉากแบบสุ่มเฉยๆ อาจจะสร้างฉากที่ไม่ซับซ้อนนักแต่อัลกอริทึมสำหับสร้างด่านให้ยากบางอัลกอริทึมอาจจะสร้างด่านที่ไม่มีทางผ่านได้เลย แนวทางของ PAIRED คือการสร้างปัญญาประดิษฐ์สร้างด่าน (adversary) และบอทสองตัวสำหรับเล่นเกมที่มีตัวดี (protagonist) และตัวร้าย (antagonist) ที่รู้กระบวนการสร้างด่าน ทั้งสองตัวถูกฝึกขึ้นมาพร้อมๆ กัน โดยปัญญาประดิษฐ์สร้างด่านนั้นมีเป้าหมายให้ตัวร้ายสามารถผ่านด่านได้โดยง่ายที่สุดและตัวดีผ่านด่านได้ยากที่สุด เป็นค่ารางวัลของปัญญาประดิษฐ์เรียกว่า regret ทีมวิจัยอาศัยเกมเขาวงกตขนาดเล็กให้ปัญญาประดิษฐ์สร้างด่านด้วยตัวเอง ทีมวิจัยพบว่า PAIRED สร้างเขาวงกดที่เส้นทางไปจนถึงเส้นชัยไกลกว่าปัญญาประดิษฐ์ตัวอื่นๆ ขณะเดียวกันบอทของ PAIRED ก็มีอัตราการผ่านด่านที่มีความซับซ้อนสูงได้มากกว่าปัญญาประดิษฐ์อื่น กูเกิลเสนอการใช้งาน PAIRED ในโลกความเป็นจริงโดยใช้สร้างเว็บที่ใช้งานได้ยากพร้อมๆ กับการสร้างบอทที่พยายามจะเข้าใช้งานเว็บ ผลที่ได้คือบอทที่ทนทานต่อการออกแบบที่ซับซ้อนได้ แนวทางนี้ทำให้ PAIRED อาจจะใช้สร้างบอทแก้ปัญหาที่ซับซ้อนอื่นๆ ในอนาคต ที่มา - Google AI Blog
# OnePlus ร่วมกับ Hasselblad ส่งจดหมายเชิญเปิดตัวเรือธง OnePlus 9 วันที่ 23 มีนาคมนี้ OnePlus เตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ซีรีส์ OnePlus 9 5G โดยร่วมมือกับ Hasselblad บริษัทกล้องจากสวีเดน ซึ่งอีเว้นท์จะจัดขึ้นในวันที่ 23 มีนาคมนี้เวลา 9 นาฬิกาตามเวลา Eastern Time หรือสองทุ่มตามเวลาประเทศไทย ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้เริ่มมีภาพหลุดของมือถือไม่ระบุรุ่นของ OnePlus ที่มีโมดูลกล้อง Hasselblad โดยข้อมูลเบื้องต้นระบุสเปคกล้องคร่าว ๆ ของ OnePlus 9 ว่าจะมีกล้อง 4 ตัว ใช้เซนเซอร์ Sony IMX789 ถ่ายภาพ 12-bit RAW ได้ และการร่วมมือกับ Hasselblad ผู้ผลิตกล้องที่เชี่ยวชาญในด้านสินค้าในกลุ่มกล้องระดับโปรและ medium format จะพัฒนาระบบกล้อง OnePlus ให้โปรมากขึ้น โดยคาดว่าอาจจะมีระบบคาลิเบรตสีที่ให้สีสมจริง, โหมดถ่ายรูปโปรที่คาดว่าจะถ่ายภาพ 12-bit RAW พร้อมระบบปรับแต่งภาพที่ได้แรงบันดาลใจจากแอปโปรเซสภาพ Phocus ของ Hasselblad ส่วนด้านวิดีโอก็จะปรับปรุงการถ่ายวิดีโอแบบ HDR รวมถึงรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 4K 120fps และ 8K 30fps ด้วย ก่อนหน้านี้ OnePlus เองก็ปล่อยทีเซอร์เป็นธีมอวกาศที่ค่อนข้างสื่อถึง Hasselblad (เนื่องจาก Hasselblad เป็นผู้ผลิตกล้องให้ NASA มาหลายทศวรรษแล้ว โดยรุ่นที่เลื่องชื่อคือ Hasselblad 500ELs ที่ Neil Armstrong และ Buzz Aldrin ใช้ด้วย) และก็น่าสนใจว่าธีมอวกาศนี้ OnePlus ต้องการจะสื่ออะไรในเชิงระบบกล้องมือถือเรือธงรุ่นใหม่ ซึ่งต้องรอติดตามในงานเปิดตัวกันต่อไป ที่มา - Engadget
# Google ชี้ค่าดีเลย์เสียงของมือถือแอนดรอยด์ ลดจาก 109ms ในปี 2017 เหลือ 39ms ในปีนี้ Google เขียนบล็อกพูดถึงความพยายามในการลดค่าดีเลย์เสียง หรือความหน่วงของระบบเสียง ทั้งแบบ round-trip (นับค่าดีเลย์ตั้งแต่ audio input > ประมวลผล > audio output) รวมไปถึงค่าดีเลย์แบบ tap-to-tone หรือค่าดีเลย์ตั้งแต่การสัมผัสหน้าจอไปจนเกิดเสียง (เช่นแอปเสียงกลอง) บนมือถือแอนดรอยด์ Google พยายามลดดีเลย์ของเสียงแบบ round-trip บนมือถือแอนดรอยด์ตั้งแต่ปี 2017 โดยเริ่มทำงานกับ OEM โดยตรงและออก AAudio ที่เป็น API เสียงของแอนดรอยด์, ออก Oboe ที่เป็น C++ wrapper แบบโอเพ่นซอร์สของ AAudio ที่ปัจจุบันมียอดติดตั้งกว่า 4 พันล้านครั้งไปแล้ว รวมถึงสร้าง Pixel 3A มือถือแอนดรอยด์เครื่องแรกที่มีค่าดีเลย์เสียงต่ำสุดที่ 10ms ปัจจุบันค่าเฉลี่ยของดีเลย์แบบ round-trip บนมือถือแอนดรอยด์ยอดนิยม 20 อันดับ (อ้างอิง appbrain.com) ลดลงเหลือแค่ 39ms ในเดือนมกราคม 2021 เท่านั้น เมื่อเทียบกับ 109ms ในปี 2017 นอกจากนี้ Google ยังระบุความแตกต่างระหว่างมือถือที่มีค่าดีเลย์สูงสุด กับต่ำสุด ยังลดจาก 222ms เหลือแค่ 28ms อีกด้วย แม้ในปี 2017 มือถือทั้ง 20 รุ่นจะมาจาก Samsung และในปีนี้ มีมือถือจากหลากหลายบริษัทมากกว่า แสดงถึงค่าดีเลย์ของเสียงบนมือถือแอนดรอยด์ ที่ต่ำใกล้เคียงกันเกือบทุกรุ่น ค่าดีเลย์เสียง บนอุปกรณ์แอนดรอยด์ในปี 2017 ค่าดีเลย์เสียง บนอุปกรณ์แอนดรอยด์ในปี 2021 ส่วนการคิดค่าดีเลย์แบบ tap-to-tone คือตัดค่าดีเลย์จาก audio input ออก (ลดไป 5ms) แล้วเพิ่มดีเลย์การสัมผัสจอ (เฉลี่ยจากหลายๆ รุ่นคือ 20ms) เข้ามาแทน เท่ากับว่าเมื่อนำค่าดีเลย์แบบ round-trip มาบวก 15ms ก็จะได้เท่ากับค่าดีเลย์แบบ tap-to-tone ซึ่งเมื่อนำค่าเฉลี่ย round-trip ในปี 2021 ที่ 39ms มาบวก 15ms แล้ว ก็ยังอยู่ที่เพียง 54ms เท่านั้น ซึ่ง Google ระบุว่าต่ำกว่าที่แอปเสียงแบบเรียลไทม์หลายๆ แอปต้องการ (“...well under that required for most real-time audio applications.”) ในอนาคต Google ยังมุ่งเป้าจะลดค่าดีเลย์เสียงแบบ round-trip บนมือถือแอนดรอยด์ให้เหลือเพียง 10ms เท่านั้น (ปัจจุบันค่าดีเลย์เสียงแบบ round-trip ขั้นต่ำ สำหรับอุปกรณ์ที่ Google อนุญาตให้ใช้ตัวจัดการแพ็กเกจแอป Professional Audio ของแอนดรอยด์ได้ อยู่ที่ 20ms) ที่มา - Google
# ยอดขาย GPU โต 20.5% ใน Q4 ปี 2020 จากเทรนด์ขุดคริปโต และยอดขายโน้ตบุ๊ก บริษัทวิจัยตลาด Jon Peddie Research (JPR) เปิดเผยข้อมูลว่ายอดขายจีพียูในไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 เติบโตรวมกว่า 20.5% โดย Jon Peddie ระบุว่าสาเหตุหลักมาจากการใช้จีพียูขุดเหมืองคริปโต และยอดขายที่พุ่งสูงของโน้ตบุ๊ก แต่ Jon Peddie ก็ระบุด้วยว่า ยอดขายจากฝั่งคริปโต อาจลดลงในปีหน้าหลัง Ethereum ที่เป็นสกุลเงินคริปโตที่มีผู้ใช้จีพียูขุดมากที่สุด เตรียมออกเวอร์ชั่น 2.0 ที่จะเปลี่ยนไปใช้ระบบยืนยันธุรกรรมแบบ Proof of stake (PoS) ที่ใช้การวางเงินเพื่อยืนยัน แทน Proof of Work (PoW) ที่ต้องใช้เครื่องอื่นในการยืนยัน ซึ่งแปลว่าอาจจะใช้จีพียูมาขุดเหมืองต่อไม่ได้ในอนาคต ผู้ที่ได้อานิสงค์จากการเติบโตครั้งนี้มากที่สุด คือ AMD และ Intel ที่มียอดจำหน่ายจีพียูเติบโตมากขึ้น 6.4% และ 33.2% ตามลำดับ ซึ่งในฝั่ง Intel ที่เติบโตมากขนาดนี้ น่าจะมาจากยอดขายโน้ตบุ๊กที่ใช้จีพียูออนบอร์ดเป็นหลัก (JPR ไม่ได้เปิดเผยประเภทรุ่น) กลับกัน Nvidia มียอดขายจีพียูในไตรมาสที่ 4 ลดลงไป 7.3% ภาพ Asus ZenBook 13 OLED (UX325) ที่ใช้จีพียู Iris Xe จาก Intel ยอดจำหน่ายจีพียูรวมทั้งปี โตขึ้น 12.4% แบบปีต่อปี และแม้ Nvidia จะมียอดขายจีพียูรวม ลดลงในไตรมาสที่ 4 แต่ถ้ามองเพียงยอดขายการ์ดจอแยก Nvidia ก็ยังมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 82% จาก 73% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2019 แปลว่าส่วนแบ่งตลาดของ AMD ลดเหลือ 18% จาก 27% ในปีก่อน (หมวดการ์ดจอแยก ยังไม่นับ Intel จึงมีแข่งกันแค่สองค่าย) ในบ้านเราการ์ดจอยังขาดตลาดและมีราคาแพงกว่าปกติมาก สาเหตุหลักน่าจะมาจากกระแสการขุดเหมืองคริปโต คงต้องติดตามกันต่อไปว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติเมื่อไร และด้าน Nvidia เอง ก็เริ่มพยายามแก้ปัญหา (และหากำไรเพิ่ม) ด้วยการ ออกชิป CMP สำหรับขุดเหมืองโดยเฉพาะ และลดประสิทธิภาพการขุดเหมืองของ RTX 3060 ลง นอกจากนี้ยังนำ RTX 2060 กับ GTX 1050 กลับมาขายใหม่อีกด้วย ภาพชิป CMP (Cryptocurrency Mining Processor) ของ Nvidia ที่มา - PCWorld
# AIS ร่วมทำโครงการเที่ยวภูเก็ตกักตัวบนเรือยอชต์ 14 วัน ใช้สายรัดข้อมือ NB-IoT ติดตามอาการและพิกัด AIS ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลหรือดีป้า และ กลุ่มผู้ประกอบการบริหารจัดการท่าเรือ และสมาคมธุรกิจเรือยอชต์ไทย ทำโครงการ Digital Yacht Quarantine หรือโครงการกักตัวบนเรือยอชต์ โดยใช้ระบบติดตามจากสายรัดข้อมือบนเครือข่าย NB-IoT หวังจูงใจนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ภูเก็ตและภาคใต้ ขั้นตอนในการให้บริการคือ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาทางเรือ สมาคมธุรกิจเรือยอชต์ไทยจะเป็นตัวแทนประสานงานกับหน่วยงานทางการแพทย์เพื่อทำการตรวจโรคในครั้งแรก พร้อมให้นักท่องเที่ยวสวมสายรัดข้อมือ หรือ NB-IoT Wristband Tourist Tracking ระบบจะส่งตัวเลขสุขภาพของนักท่องเที่ยวแต่ละคนตลอด 14 วันของการกักตัวเข้ามาที่ Dash Board ณ ที่ทำการท่าเทียบเรืออ่าวปอ หลังกักตัวครบ 14 วัน จะมีการนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์อีกครั้งว่านักท่องเที่ยวมีความเสี่ยงโควิด-19 มากน้อยเพียงใด เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นฝั่งภูเก็ตต่อไป อุปกรณ์สวมใส่มี 2 รุ่นคือ Activ 10+ และ Smartwatch Active 30+ เป็นทั้ง Tracker และ Health Device ให้นักท่องเที่ยวติดตามและเฝ้าระวังป้องกันการออกนอกพื้นที่ มีเซนเซอร์อัจฉริยะที่สามารถวัดชีพจร ค่าความดัน และวัดอุณภูมิร่างกายของนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังสามารถแจ้งสัญญาณ SOS ได้ หากนักท่องเที่ยวเกิดเหตุต้องการความช่วยเหลือ NB-IoT Wristband Tracking พัฒนาขึ้นโดยบริษัท พีเอ็มเอช โฮลดิ้ง หรือ POMO ผู้ให้บริการโซลูชั่น Tracking และ Monitoring มอนิเตอร์ข้อมูลสุขภาพนักท่องเที่ยว ทั้งอุณหภูมิร่างกาย, อัตราการเต้นของหัวใจ, สัญญาณชีพจร พิกัดของนักท่องเที่ยว และส่งข้อมูลต่อมายังแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลความเสี่ยงด้านสุขภาพของนักท่องเที่ยวได้แบบเรียลไทม์ ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
# [WSJ] จีนร่างแผน 5 ปี เร่งเครื่องพัฒนาเทคโนโลยี เพิ่มทุนวิจัย AI, การผลิตชิป ฯลฯ เศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯไม่น้อย ทำให้จีนต้องลุกขึ้นมาพึ่งพิงตัวเองโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ล่าสุด Wall Street Journal รายงานว่ารัฐบาลจีนประชุมประจำปี ร่างแผนการใหญ่ 5 ปี ตั้งเป้าเป็นผู้นำเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาชาติและความมั่นคงโดยรวม เตรียมสร้างแล็บและลงทุนงานวิจัย AI, ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์, ควอนตัมคอมพิวติ้ง โดยในร่างพิมพ์เขียวแผนการ ระบุว่าจะเพิ่มเม็ดเงินลงทุนพัฒนาการวิจัยกว่า 7% ทุกปี ติดต่อกัน 5 ปี ไปจนถึงปี 2025 นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง กล่าวว่า จีนจะแก้ไขกฎระเบียบและนโยบายเพื่อสนับสนุนการไหลเวียนของเงินร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพเกิดใหม่ ปล่อยกู้เงินง่ายขึ้น และเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาต่อไป นอกจากปัญหาชิปขาดตลาดซึ่งกระทบอุตสาหกรรมไอทีทั่วโลกแล้ว สหรัฐฯภายใต้รัฐบาล โจ ไบเดน ที่แม้จะไม่มีท่าทีแข็งกร้าวต่อจีนเท่าโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ก็ยังคงแนวทางส่งเสริมการผลิตในประเทศ ทั้งรถ EV และการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ ภาพจาก enriquelopezgarre from Pixabay ที่มา - WSJ, Engadget
# ไมโครซอฟท์แจ้งเตือน ช่องโหว่ Exchange Server ถูกโจมตีเป็นวงกว้าง ควรแพตช์ด่วนที่สุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ออกแพตช์ Microsoft Exchange 2013 ขึ้นไปหลังพบว่ามีช่องโหว่รันโค้ดระยะไกลทำให้แฮกเกอร์เข้ายึดเซิร์ฟเวอร์และอ่านอีเมลบนเซิร์ฟเวอร์ได้ ตอนนี้ไมโครซอฟท์ยืนยันว่ากลุ่มที่ใช้ช่องโหว่นี้ขยายตัวออกไปหลายกลุ่ม สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง เว็บไซต์ Krebs On Security อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวระบุว่าตอนนี้มีองค์กรในสหรัฐฯ กว่า 30,000 แห่งถูกแฮกเซิร์ฟเวอร์ไปแล้ว โดยหลังจากแฮกเกอร์เจาะตัว Exchange ได้จะทิ้ง webshell เป็นช่องทางส่งคำสั่งเข้าเซิร์ฟเวอร์ในอนาคต รายงานฉบับแรกของไมโครซอฟท์ระบุว่ากลุ่ม HAFIUM จากจีนเป็นผู้แฮกเซิร์ฟเวอร์ด้วยช่องโหว่นี้ตั้งแต่ก่อนไมโครซอฟท์ออกแพตช์ แต่ตอนนี้ไมโครซอฟท์ยืนยันว่ามีกลุ่มอื่นๆ อีกมากที่ใช้ช่องโหว่เดียวกัน ทางไมโครซอฟท์ออกสคริปต์ PowerShell สำหรับตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์ว่าถูกแฮกไปแล้วหรือไม่ ที่มา - Microsoft, Krebs On Security สถาปัตยกรรม Microsoft Exchange 2016
# Honda เริ่มเปิดให้เช่า Legend EX รถขับอัตโนมัติระดับ 3 เป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น Honda เริ่มเปิดให้เช่า Honda Legend EX รถซีดานที่มาพร้อมระบบความปลอดภัย Honda SENSING Elite ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยและขับขี่อัตโนมัติ ที่ผ่านการรับรองระดับ 3 จาก สมาคมวิศวกรรมยานยนต์ (SAE) จากทั้งหมด 6 ระดับ ตั้งแต่ระดับ 0 ถึง 5 ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 แปลว่าระบบจะเป็นผู้ตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบข้าง และสามารถขับขี่อัตโนมัติด้วยตัวเองได้ในบางกรณี แต่มนุษย์ยังต้องมีการขับขี่เป็นหลักอยู่ ต่างจากระดับ 0 ถึง 2 ที่มนุษย์ต้องเป็นคนตรวจสอบสภาพแวดล้อมเองทั้งหมด และเลือกเปิดใช้งานระบบ (เช่น cruise control ทั่วไป) ภาพ Honda Legend EX จาก Honda Honda SENSING Elite จะประกอบด้วยระบบ Traffic Jam Pilot ที่จะตรวจสอบสภาพการจราจรจากดาวเทียม, แผนที่สามมิติความละเอียดสูง รวมถึงใช้เซ็นเซอร์รอบรถ รวมถึงกล้องในรถ ตรวจสอบสภาวะความเครียดของผู้ขับขี่ เพื่อพาผู้ขับขี่ออกไปจากสภาวะการจราจรหนาแน่น ซึ่งระบบนี้ผ่านมาตรฐานจากกกระทรวงที่ดิน สาธารณูประโภค ขนส่ง และการท่องเที่ยว (MLIT) ของญี่ปุ่นแล้ว ระบบที่สองคือ Hands-off driving ที่ต้องเปิดผ่าน adaptive criuse control และจะช่วยรักษาเลน รักษาความเร็วตามที่ตั้งไว้ และรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าแบบไม่ต้องจับพวงมาลัย และเข้ามาควบคุมคันเร่ง เบรก และพวงมาลัย เพื่อช่วยเปลี่ยนเลนได้ เมื่อผู้ใช้ยืนยันด้วยการเปิดไฟเลี้ยวขณะใช้ระบบ adaptive in-lane driving ระบบที่สามคือ Emergency Stop Assist ระบบที่จะช่วยหยุดฉุกเฉินเมื่อผู้ขับไม่สนใจคำเตือนของระบบให้กลับมาควบคุมรถด้วยตัวเอง โดยไฟสัญญาณบนหน้าปัดจะเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นส้ม ระบบคำเตือนจะเริ่มด้วยภาพ เสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ การสั่นพวงมาลัย และการสั่นเข็มขัดนิรภัย หากผู้ขับไม่สนใจ ระบบจะเริ่มชะลอรถลง รวมถึงพารถเข้าข้างทางอัตโนมัติ และเปิดไฟฉุกเฉิน ที่มา - The Truth About Cars
# FedEx เปิดแผนใหญ่ ใช้รถบรรทุก EV ส่งของให้ได้ทั้งหมดทุกคันภายในปี 2040 FedEx จะเปลี่ยนรถบรรทุกส่งของในปัจจุบันเป็นรุ่นไฟฟ้าหรือ EV ให้ได้ทั้งหมดภายในปี 2040 โดยเฟสแรกจะค่อยๆ เลิกใช้รถบรรทุกที่มีอยู่ และการจัดซื้อรถยานพาหนะแบบ EV จะต้องมีสัดส่วนเป็นครึ่งหนึ่งของการจัดซื้อทั้งหมดทั่วโลกภายในปี 2025 และหลังจากนี้ การจัดซื้อจะเป็น 100% ภายในปี 2030 FedEx เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เข้าร่วมให้คำมั่นสัญญาว่าจะเป็นบริษัทที่บรรลุ Carbon-Neutral หรือการดำเนินการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ โดย FedEx จะลงทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า, พลังงานยั่งยืนและการขับคาร์บอน ในจำนวนนี้รวมการลงทุน 100 ล้านดอลลาร์แก่มหาวิทยาลัยเยลเพื่อช่วยจัดตั้ง Yale Center for Natural Carbon Capture เพื่อเร่งวิจัยเกี่ยวกับวิธีการกักเก็บคาร์บอน นอกจากนี้ FedEx จะต่อยอดโครงการ FedEx Fuel Sense ที่ประสบความสำเร็จซึ่งออกแบบมาเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงในเครื่องบิน ในปี 2012 โครงการนี้ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงเครื่องบินได้รวมกัน 1.43 พันล้านแกลลอนและหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้มากกว่า 13.5 ล้านเมตริกตัน รวมถึงลงทุนการใช้พลังงานหมุนดวียนในโรงงานทั่วโลกกว่า 5,000 แห่ง ที่มา - FedEx
# ไมโครซอฟท์แจกฟรี TypeScript Handbook คู่มือสอนเขียน TypeScript เวอร์ชันใหม่ ภาษา TypeScript กลายเป็นภาษาที่มาแรงขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้ทดแทน JavaScript ในหลายโอกาส และถูกนำไปใช้งานในเฟรมเวิร์คดังๆ อย่าง Angular 2 หรือ Deno สำหรับผู้ที่สนใจหัดเขียน TypeScript ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศแจกฟรี TypeScript Handbook เวอร์ชันเขียนใหม่ให้เป็นปัจจุบัน คู่มือเล่มนี้เป็นการสอนเขียน TypeScript สำหรับคนที่เขียน JavaScript มาก่อนแล้ว รูปแบบการสอนเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับขั้น และเน้นไปที่ฟีเจอร์ที่พบเจอบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน TypeScript Handbook สามารถอ่านได้ทั้งแบบ Web, EPUB, PDF ที่มา - Microsoft