txt
stringlengths
202
53.1k
# สตรีมเมอร์เลิกเล่น GTA Online เพราะจริงจังกับอาชีพโรลเพลย์ในเกม จนเหมือนต้องทำงานจริงๆ Chance Morris หรือ “Sodapoppin” สตรีมเมอร์ชื่อดังใน Twitch ที่มีผู้ติดตามกว่า 6.2 ล้านคน ประกาศพักการเล่นเป็นตัวละคร Kevin Whipaloo ในเซิฟเวอร์ GTA Online แบบโรลเพลย์ของ NoPixel ผ่านม็อด FiveM ที่เขาเล่นเป็นประจำ เนื่องจากความกดดันจากหน้าที่การงานของตัวละครในเกม เริ่มทำให้เขาไม่รู้สึกสนุกกับเกมอีกต่อไป เซิฟเวอร์โรลเพลย์ของ GTA Online เป็นเซิฟเวอร์ที่ผู้เล่นจะเข้าไปสวมบทบาทเป็นตัวละครในโลกเกม และทำอาชีพในเกมแบบจริงจัง เหมือนเกมเป็นโลกจริงอีกโลกหนึ่ง ซึ่งตัวละคร Kevin Whipaloo ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทั้งร้านอาหาร คาสิโน และฟาร์มองุ่น ซึ่งต้องเผชิญเรื่องราวในเกมมากมาย ทั้งเข้าไปพัวพันกับโลกอาชญากรรม ได้เจอ Solid Snake (ที่เป็นคนอื่นสวมบทบาทมา) และเกือบถูกเอเลี่ยนสะกดจิต แต่เพราะความรับผิดชอบที่เขามีต่อลูกค้าและธุรกิจในเกม ที่ทำให้เขาต้องคอยจัดการปัญหาต่างๆ ตลอดเวลาในฐานะผู้จัดการร้าน ทั้งรับออเดอร์ แก้ปัญหาเรื่องวุ่นๆ ของพนักงาน และติดสินบนให้ตำรวจ (ในเกม) จนไม่มีเวลาออกไปเล่นอะไรสนุกๆ ในโลกเกมแบบที่เขาเคยทำได้ แม้ตอนหลังแอดมินของเซิฟเวอร์จะติดต่อมาขอจัดการคนที่มารบกวนเขาเพื่อให้เขาเล่นเกมต่อได้ เพราะเขาเป็นสตรีมเมอร์ชื่อดัง (และแอดมินคงอยากรักษาฐานคนดูของเซิฟเวอร์) แต่เขาก็คิดว่าคงเป็นวิธีที่ไม่แฟร์นัก และคิดว่าจะฆ่าตัวละครเขาแบบถาวร หรือที่เรียกกันว่า “perma” (ย่อจาก perma death) แบบอลังการในสตรีมล่าสุดของเขาแทน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่มีโอกาส เลยทำได้แค่หยุดสตรีมเกมนี้แบบยาวๆ เหมือนซีรีส์ที่จบซีซั่นเท่านั้น การเล่นเกม อาจไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เมื่อผู้เล่นจริงจังกับเกมนั้นมาก ก็อาจกินเวลาและพลังงานชีวิตไปได้พอสมควร หากย้อนไปในบ้านเรา สมัยยุคที่กิลด์วอร์ในเกม Ragnarok ฮิตถึงขีดสุด ก็มีคนที่รู้จักของผู้เขียนหลายคน ถึงกับทิ้งงานหรือเรียนมาตีบ้านติดกันหลายวัน หรือในต่างชาติเอง การเล่นเกมทั้ง World of Warcraft หรือ Eve Online ก็เหมือนกลายเป็นอาชีพที่สองของผู้เล่นเช่นกัน คงได้แต่หวังว่าวันหนึ่ง Sodapoppin จะกลับมาสนุกกับการเล่นเกม GTA Online ของเขาได้อีกครั้ง ที่มา - Kotaku
# Nintendo จับมือกับ DEPA, TGA และ Infofed ร่วมดันโครงการสนับสนุนนักพัฒนาเกมไทย ในงานแถลงข่าวโครงการ Game Accelerator Program วันนี้ ได้มีคุณ Kamon Yoshimura หัวหน้าทีมพัฒนาความสัมพันธ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Nintendo ร่วมแถลงในรูปแบบวิดีโอ ถึงความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) และบริษัท e-sports สัญชาติไทย Infofed ในโครงการ Game Accelerator Program โครงการดังกล่าวเป็นการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตและผู้พัฒนาเกมสัญชาติไทยของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นการพัฒนาเกม 4 หมวดยอดนิยม คือ Action, Adventure, Strategy และ Sport (Casual game) ผู้เข้าร่วมต้องอยู่ภายใต้บริษัท หรือเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกมที่มีผลงานมาก่อน และเกมที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นเกมที่พัฒนาสำหรับสมาร์ทโฟนเท่านั้น โดยเปิดรับสมัครวันนี้ถึงวันที่ 13 มีนาคม 2564 และเตรียมประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบในวันที่ 30 มีนาคมนี้ อ่านข้อมูลได้ที่หน้าเว็บ depa Game Accelerator 4 ทีมที่ได้รับการคัดเลือกในรอบสุดท้าย (หมวดเกมละ 1 ทีม) จะได้รับโอกาสต่อยอดพัฒนาเกมกับ Nintendo (แบบเป็น Licensed Developer) พร้อมรับเงินสนับสนุนเงินค่าชุดพัฒนาเกม (dev kit) และเปิดโอกาสให้เข้าถึงกลุ่มนักลงทุนในอุตสาหกรรมเกมผ่านรูปแบบการเจรจาจับคู่ธุรกิจ รวมถึงการทดลองเกมในตลาดจริง ถือเป็นโอกาสอันดีอีกขั้นของวงการนักพัฒนาเกมไทย ที่จะได้ร่วมงานกับบริษัทระดับโลกอย่าง Nintendo และมีเกมลงเครื่อง Nintendo Switch หลังคุณ James Parimeth Wongsatayanon ผู้พัฒนาเกม Timelie เตรียมพอร์ตตัวเกมเป็นเวอร์ชั่น Nintendo Switch คาดว่าตามคำขอของเฌอปราง อารีย์กุล แห่ง BNK48 โดยใช้งบประมาณไปถึงเกือบหนึ่งล้านบาทเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่มา - Facebook live: depa Game Accelerator Program, James Parimeth Wongsatayanon, depa Game Accelerator Program
# Acer ประเทศไทย ประกาศราคา acerpure พัดลมและเครื่องฟอกอากาศ ราคาเต็ม 9,990 บาท วันนี้ Acer ประเทศไทยประกาศทิศทางของแบรนด์ Acer ต่อจากนี้คือเป็น Lifestyle Brand สร้างผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ทั้ง Live, Work, Learn, Play ทั้งในภาคธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วไป โดยในฝั่งผู้ใข้งานทั่วไป Acer เปิดตัวสินค้าอื่นๆ นอกเหนือจากโน้ตบุ๊ก, พีซี เช่น เครื่องดื่มชูกำลังเกมเมอร์ Predator Shot และ acerpure เครื่องฟอกอากาศ acerpure cool พัดลมที่มีฐานเป็นเครื่องกรองอากาศด้วยฟิลเตอร์ HEPA (H13) เปิดขายราคาเต็มที่ 9,990 บาท และราคาโปรโมชั่น 7,990 บาท เริ่มวางขายในไทยทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ช่วงสัปดาห์หน้า ตัว acerpure cool มาพร้อมการกรอง 3 ชั้น สามารถกรองฝุ่นและกรองไวรัสได้ โดยตัวพัดลมด้านบนจะปล่อยอากาศที่ฟอกออกมาแล้ว ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก สามารถใช้งานในห้องความกว้าง 50 ตารางเมตรได้ ปรับสภาพอากาศได้ภายใน 3 นาที ประกันสินค้า 1 ปี ทิศทางของ Acer เริ่มขยายผลิตภัณฑ์ไปยัง segment อื่นๆ นอกเหนือจากคอมพิวเตอร์มาได้สักระยะแล้ว โดยแตกไลน์สินค้าไปยังแบรนด์อื่น เช่น Pawbo ฮาร์ดแวร์สำหรับสัตว์เลี้ยง พัฒนาเครื่องให้อาหาร, เครื่องทำน้ำพุ, อุปกรณ์ตรวจจับป้องกันสัตว์เลี้ยงหาย แบรนด์ Xplova อุปกรณ์สายออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน ที่มา - งานแถลงข่าว
# สงครามยังไม่จบ Kakao M ระบุพยายามต่อสัญญากับ Spotify แล้ว, ศิลปินบางส่วนเริ่มใช้ตัวแทนจำหน่ายรายอื่น ความขัดแย้งระหว่าง Kakao M และ Spotify กระทบทั้งแฟนเพลงและศิลปินเกาหลีใต้จำนวนมากที่ไม่สามารถฟังเพลง K-Pop จากแอป Spotify ได้ ก่อนหน้านี้ Spotify ออกมาโทษ Kakao M ว่าไม่ยอมต่อสัญญา ทาง Kakao M ก็ออกมาตอบโต้ว่าบริษัทพยายามต่อสัญญาเช่นกันแต่ Spotify เองไม่ยอมต่อสัญญาแยกระหว่างตลาดนอกประเทศกับตลาดเกาหลีใต้เช่นเดิม ก่อนหน้านี้ Spotify เพิ่งเปิดบริการในเกาหลีใต้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาโดยไม่มีเพลงของ Kakao M ตั้งแต่แรก ทาง Kakao M ระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างเจรจาสัญญาในตลาดเกาหลีใต้กันอยู่และ Kakao M ต้องการต่อสัญญานอกเกาหลีใต้ตั้งแต่ก่อนสัญญาหมดอายุ แต่ Spotify กลับยืนยันว่าต้องเซ็นสัญญาทั้งในเกาหลีใต้และนอกเกาหลีใต้พร้อมๆ กัน เมื่อสองบริษัทตกลงกันไม่ได้จึงกลายเป็นว่า Spotify ไม่สามารถใช้เพลงของ Kakao M หลังวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้อีกต่อไป ศิลปินบางส่วนเช่น HyunA และ Epik High นำเพลงกลับเข้าไปยัง Spotify ผ่านทางผู้จัดจำหน่ายรายอื่นๆ ได้สำเร็จ แต่เพลงของศิลปินดังจำนวนมากก็ยังหายไปจาก Spotify เช่นเดิม ที่มา - Soompi, South China Morning Post
# Acer บุกตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเกมเมอร์ เปิดตัว Predator Shot วางขายในไทย พ.ค. นี้ วันนี้ Acer ประเทศไทยจัดงานแถลงข่าว เปิดตัวหลากหลายผลิตภัณฑ์ในไทย รวมถึงประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ Acer คือเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ ไม่จำกัดแค่โน้ตบุ๊กพีซี แต่ครอบคลุมไปยังของใช้ในบ้าน อุปกรณ์เพื่อสุขภาพ รวมถึงเครื่องดื่มชูกำลังสำหรับเกมเมอร์ด้วย นายสุพงศ์ ตั้งตรงเบญจศีล รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก Acer เผย Acer จะเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังเจาะกลุ่มเกมเมอร์โดยเฉพาะ ในชื่อว่า Predator Shot เป็นเครื่องดื่มผสมวิตามิน บำรุงสายตา เตรียมเปิดตัวและวางขายในไทย เดือน พ.ค. นี้ โดยยังไม่ระบุราคา และสถานที่วางจำหน่าย ภาพจาก Acer ที่มา - งานแถลงข่าว
# Google Meet บนมือถือเปลี่ยนภาพพื้นหลังได้แล้ว, แสดงหน้าคนคุยหลายคนพร้อมกัน กูเกิลประกาศอัพเดต Google Meet หลายอย่าง ของสำคัญที่คนน่าจะได้สัมผัสกันเยอะคือ Meet เวอร์ชันมือถือ มีของใหม่ดังนี้ เปลี่ยนภาพพื้นหลังได้เองแล้ว (ของเดิมทำได้แต่เบลอฉากหลัง เปลี่ยนภาพไม่ได้) แสดง mobile tile view มุมมองที่เห็นคู่สนทนามากกว่า 1 คน รองรับ split screen และ picture-in-picture รองรับฟีเจอร์ Q&A และ poll กูเกิลยังประกาศรองรับการประชุม Google Meet โดยใช้หน้าจอที่สอง (second-screen) ช่วยให้คนที่มีชุดฮาร์ดแวร์สำหรับประชุม Meet หรือใช้อุปกรณ์จำพวก Nest Hub Max สามารถเชื่อมต่อ Meet เข้ามา และได้ฟีเจอร์ทัดเทียมกับบนเบราว์เซอร์และบนอุปกรณ์พกพา สุดท้ายคือ ฟีเจอร์ live stream ของ Meet ที่ถ่ายทอดให้คนจำนวนมากๆ ในองค์กรฟังอย่างเดียว รองรับฟีเจอร์ Q&A, poll และ live caption ด้วย ที่มา - Google
# EA เลื่อนแผนออกเกม Need for Speed ภาคใหม่ โยกทีมพัฒนาไปช่วยทำ Battlefield Laura Miele หัวหน้าฝ่ายสตูดิโอของ EA ให้สัมภาษณ์กับ Polygon ว่าสั่งชะลอการพัฒนาเกมแข่งรถ Need for Speed ภาคใหม่ออกไปหนึ่งปี เพื่อให้บริษัทลูก Criterion Games หันมาช่วยพัฒนาเกม Battlefield ภาคใหม่ที่จะออกช่วงปลายปีนี้ Criterion Games สร้างชื่อมาจากเกมแข่งรถซีรีส์ Burnout แล้วถูก EA ซื้อกิจการในปี 2003 จากนั้นมีโอกาสได้ทำเกม Need for Speed สองภาค (Most Wanted และ Rivals) แต่ช่วงหลังมีบทบาทในฐานะสตูดิโอสนับสนุนเกม Star Wars Battlefront ทั้งสองภาค และ Battlefield V ที่มี DICE เป็นสตูดิโอหลัก Miele ให้เหตุผลว่าการซื้อสตูดิโอ Codemasters ทำให้ปีนี้ EA มีเกมแข่งรถออกใหม่แน่ๆ 1 เกม ทำให้ Criterion ไม่จำเป็นต้องรีบพัฒนาเกมแข่งรถมาขายให้ทันปีนี้ จึงตัดสินใจโยกงานไปช่วย DICE ทำเกมหลักของบริษัทคือ Battlefield แทน ช่วงนี้สตูดิโอ BioWare ของ EA เต็มไปด้วยปัญหามากมาย จนล่าสุดต้องประกาศหยุดพัฒนา Anthem แต่ Miele ยืนยันว่า Criterion ไม่มีปัญหาภายในใดๆ และที่ผ่านมาก็ทำงานร่วมกับ DICE เป็นอย่างดี ที่มา - Polygon
# หลุดตัวอย่างเกมเพลย์ใหม่จาก Elden Ring เกมโดย FromSoftware และ George R. R. Martin Elden Ring เกมจาก FromSoftware ผู้สร้างเกมตระกูล Souls ที่ร่วมมือกับ George R. R. Martin ผู้แต่งหนังสือตระกูล A Song of Ice and Fire ต้นฉบับของซีรีส์ Game of Thrones มีตัวอย่างเกมเพลย์ใหม่ความยาว 1.52 นาที ที่เต็มไปด้วยลายน้ำ Confidential แปะในวิดีโอ หลุดออกมา Bandai Namco หรือ FromSoftware ยังไม่ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ แต่มีข่าวหลุดก่อนหน้านี้ว่า Bandai Namco จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า คำว่า “Bandai Namco Next” ที่หลายคนคาดว่าเป็นงานเปิดตัวในสไตล์ Nintendo Direct และน่าจะมีการพูดถึง Elden Ring เพิ่มเติมในงานนี้ นอกจากนี้ Jason Schreier นักข่าวสายเกมจาก Bloomberg ก็ทวีตพูดถึงตัวอย่างนี้ไปในทางที่น่าจะเป็นตัวอย่างจริง แต่ก็บอกว่ามันไม่ชัดแถมยังเอียง ให้รอดูตัวเต็มไปเลยดีกว่า จากข้อมูลประกอบ มีความเป็นไปได้สูงว่าตัวอย่าง Elden Ring ตัวนี้จะเป็นตัวอย่างจริงตัวเก่าที่หลุดออกมาจากบริษัทมาร์เก็ตติ้งหรือตัดต่อ และเราน่าจะได้เห็นงานแถลงที่พูดถึงเกมใหม่จาก Bandai Namco รวมถึง Elden Ring ในเร็วๆ นี้ ที่มา - Youtube: The Lore Hunter, VG247, @jasonschreier
# ธนาคาร Mizuho โยกข้อมูลผิดพลาด ทำตู้ ATM ยึดบัตรลูกค้าจำนวนมาก ธนาคาร Mizuho ในญี่ปุ่นโยกย้ายข้อมูล (data migration) ผิดพลาด ส่งผลให้ตู้เอทีเอ็มยึดบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีลูกค้าที่มากดเงิน หลังจากลูกค้าจำนวนมากร้องเรียนจนคอลเซ็นเตอร์หนาแน่น ทางธนาคารกู้ระบบคืนมาได้ภายในวันจันทร์ที่ผ่านมา และประกาศว่าจะส่งบัตรและสมุดบัญชีคืนให้ลูกค้าภายหลัง ส่วนลูกค้าที่ต้องไปกดเงินจากตู้ต่างธนาคารนั้น ทาง Mizuho จะคืนค่าธรรมเนียมให้ Financial Services Agency หน่วยงานกำกับดูแลธนาคารของญี่ปุ่นระบุว่าขอคำชี้แจงปัญหาครั้งนี้ไปยังธนาคารแล้ว ที่มา - The Register, Nippon.com ภาพธนาคาร Mizuho (winhorse/GettyImages)
# Google Workspace รองรับการสั่งงานด้วยเสียงจาก Google Assistant แล้ว หลังจากทดสอบมาได้สักระยะ วันนี้กูเกิลเปิดตัว Google Workspace with Google Assistant อย่างเป็นทางการ วิธีการใช้งานคือใช้ Google Assistant บนอุปกรณ์พกพา (รวมถึงอุปกรณ์กลุ่ม Smart Display) เข้าถึงข้อมูลหรือสั่งงานในบัญชี Google Workspace ของเราด้วยเสียงพูดได้ เช่น สร้างนัดหมายในปฏิทิน, โทรเข้าห้องประชุม Meet, เขียนอีเมลถึงเพื่อนร่วมงาน ฟีเจอร์นี้ยังรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น และต้องให้แอดมินองค์กรเปิดใช้ให้ก่อนด้วย ที่มา - Google
# Google Calendar เพิ่มนัดหมาย Focus Time ไม่ให้ใครรบกวน, รีวิวการใช้เวลาย้อนหลัง วันนี้กูเกิลประกาศฟีเจอร์ชุดใหญ่ให้ Google Workspace (G Suite เดิม) เริ่มจาก Google Calendar ที่ปรับการลงตารางเวลาให้ยืดหยุ่นขึ้น เหมาะกับยุค work from home และยุคที่ทีมทำงานกันเป็น sprint สั้นๆ Focus Time นัดหมายแบบใหม่ที่ให้เราโฟกัสกับงาน หากตั้งนัดหมายชนิดนี้ไว้ บริการทั้งหมดของ Google Workspace (ไม่ใช่แค่ Calendar แต่รวมถึง Meet, Chat, Gmail) จะลดจำนวนการแจ้งเตือนลง กูเกิลยังเพิ่มฟีเจอร์ Time Insights ให้ผู้ใช้สามารถรีวิวการใช้เวลาของตัวเองในช่วงที่ผ่านมา เช่น ประชุมเยอะหรือน้อย เป็นการประชุมประจำทุกสัปดาห์ หรือประชุมแบบครั้งเดียวจบ ฯลฯ Working Hours ชั่วโมงการทำงานในแต่ละวัน สามารถตั้งเป็นช่วงๆ ได้แล้ว (ของเดิมต้องยาวเป็นผืนเดียวกัน) ตั้งวันไม่เข้าออฟฟิศ Out of Office แบบซ้ำต่อเนื่องได้แล้ว เหมาะสำหรับยุคสมัยใหม่ที่มีวันไม่เข้าออฟฟิศแบบตายตัว เพื่อนร่วมงานจะได้รู้ว่าไม่อยู่และไม่สามารถเข้าประชุมได้ ฟีเจอร์เหล่านี้ทยอยเปิดให้ผู้ใช้งาน Google Workspace แล้ว ส่วนผู้ใช้ทั่วไปยังไม่ระบุ ที่มา - Google, Google
# Twitter แปะป้ายเตือนข้อความวัคซีน COVID-19 แก้ปัญหาข่าวปลอม, ทำผิดซ้ำแบนบัญชีถาวร Twitter ประกาศแปะป้ายคำเตือนเรื่องวัคซีน COVID-19 ว่าอาจเป็นข้อมูลปลอมหรือชวนให้เข้าใจผิด ลักษณะเดียวกับที่แปะป้ายเตือนใต้ข้อความของ Donald Trump ช่วงก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดี Twitter ระบุว่าที่ผ่านมาได้ลบข้อความที่มีข้อมูลผิดๆ ของโรค COVID-19 ไปแล้ว 8,400 ข้อความ และเตือนบัญชีไป 11.5 ล้านบัญชี แนวทางของ Twitter ตอนนี้ใช้วิธีแจ้งเตือนบัญชีที่ทำผิดกฎ แบ่งตามระดับของความผิดซ้ำ เช่น ครั้งแรกจะเตือนอย่างเดียว แต่ถ้าทำผิดครั้งที่สองจะโดนล็อคบัญชี 12 ชั่วโมง ครั้งที่สามอีก 12 ชั่วโมง ครั้งที่สี่ 7 วัน และครั้งที่ห้าจะแบนบัญชีถาวร ที่มา - Twitter
# Instagram เพิ่มฟีเจอร์ Live Rooms เปิดห้องไลฟ์พร้อมกันได้สูงสุด 4 คน Instagram ประกาศฟีเจอร์ใหม่ Live Rooms ผู้ใช้งานสามารถเปิดห้องไลฟ์พร้อมกันได้สูงสุด 4 คน จากเดิมไลฟ์พร้อมกันได้ 2 คน ซึ่ง Instagram มองว่าจะทำให้การไลฟ์มีลูกเล่นใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น จัดรายการทอล์กโชว์, แสดงดนตรีสด ไปจนถึงไลฟ์ขายสินค้ารูปแบบใหม่ การใช้งานสามารถเริ่มได้ด้วยการไลฟ์ และเพิ่มผู้เข้าร่วมโดยทำได้ทั้งก่อนไลฟ์และระหว่างไลฟ์ โดยคำเชิญจะส่งแจ้งเตือนไปยังผู้เข้าร่วม Live Rooms เริ่มเปิดให้ใช้งานแล้วใน Instagram ทั้งผู้ใช้ iOS และ Android โดยคาดว่าจะได้ใช้งานทุกคนทั่วโลกภายในสัปดาห์นี้ ที่มา: Instagram
# [ลือ] Kuo นักวิเคราะห์ขาประจำ บอก iPhone 13 รอยบากด้านบนเล็กลง, รุ่น Pro จอ 120Hz Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สินค้าแอปเปิล ที่มีประวัติให้ข้อมูลสินค้าใหม่แอปเปิลได้ค่อนข้างแม่นยำ ออกรายงานล่าสุดว่าด้วย iPhone ที่จะวางขายในปีนี้ซึ่งตอนนี้เรียกกันก่อนว่า iPhone 13 ไปจนถึง iPhone รุ่นที่จะขายในปีต่อ ๆ ไป มีรายละเอียดดังนี้ iPhone 13 หรือ iPhone รุ่นที่จะออกมาในปีนี้ มี 4 รุ่นย่อย หน้าจอเท่ากับ iPhone 12 ทุกประการ ได้แก่ iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ทุกรุ่นใช้พอร์ต Lightning เหมือนเดิม รอยบากด้านบนหน้าจอ (notch) มีขนาดเล็กลง รุ่น Pro หน้าจอ 120Hz เทคโนโลยี LTPO รุ่น Pro อัพเกรดกล้อง Ultra-wide เป็น f/1.8 และ Autofocus ยังไม่มีแผนนำ Touch ID ใส่กลับเข้ามา แบตเตอรี่ความจุเพิ่มขึ้น ทำให้เครื่องมีน้ำหนักมากขึ้น Kuo ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับ iPhone รุ่นจะวางขายในปี 2022 เป็นต้นไปด้วย iPhone SE 5G ใช้ดีไซน์จอ 4.7 นิ้ว แบบเดิม เพิ่มเติมคือรองรับ 5G วางขายปี 2022 iPhone 14 รอยบากหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นกล้องหน้าแบบเจาะรู (punch hole) เหมือนซัมซุง Galaxy อาจออก iPhone หน้าจอพับได้ในปี 2023 ขนาดจอ 7.5-8 นิ้ว iPhone รุ่นปี 2023 จะเป็นหน้าจอเต็มเครื่อง ไม่มีรูกล้องหน้าแล้ว ที่มา: 9to5Mac [1], [2], [3]
# Zoom ไตรมาสล่าสุด รายได้เพิ่ม 369% จำนวนลูกค้าองค์กรเสียเงินเพิ่มเป็น 4.67 แสนราย Zoom รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2021 รายได้รวม 882.5 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 369% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานแบบ GAAP 256.1 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 260.4 ล้านดอลลาร์ จำนวนผู้ใช้งาน Zoom แบบเสียเงินที่เป็นลูกค้าองค์กรมีพนักงานมากกว่า 10 คน มี 467,100 ราย เพิ่มขึ้น 470% เทียบกับจำนวนในไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีลูกค้า 1,644 ราย ที่จ่ายเงินมากกว่า 100,000 ดอลลาร์ ในช่วง 12 เดือน Kelly Steckelberg ซีเอฟโอ Zoom ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงแถลงผลประกอบการว่าอัตราการเลิกใช้งาน (Churn Rate) ในปีนี้มีแนวโน้มสูงกว่าในปี 2020 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น คนเดินทางกันมากขึ้น ขณะที่แผนงานข้างหน้าเพื่อซื้อกิจการบริษัทอื่น บริษัทยังคงสนใจเนื่องจากมีเงินสดในมือเพิ่มมากขึ้น แต่ยังหาบริษัทที่ถูกใจไม่ได้ ที่มา: CNBC และ Zoom
# กูเกิลเปิดตัว Lyra ปัญญาประดิษฐ์บีบอัดเสียงพูด ฟังได้ชัดเจนแม้ใช้แบนวิดท์เพียง 3kbps กูเกิลเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ Lyra สำหรับการบีบอัดเสียงพูด โดยอาศัยโมเดลดึงเอาคุณลักษณะของเสียงในห้วง 40ms ออกมาเป็นข้อมูลขนาดเล็กส่งไปยังปลายทาง และที่ปลายทางจะมีปัญญาประดิษฐ์แบบ generative สร้างเสียงกลับออกมาอีกครั้ง ทำให้ใช้งานได้แม้แบนวิดท์จะต่ำเหลือเพียง 3kbps เท่านั้น (เสียงโทรศัพท์ปกติใช้แบนวิดท์ 64kbps) แนวทางของ Lyra คล้ายกับกระบวนการแปลงเสียงเป็นข้อความแล้วเอาข้อความไปอ่านออกเสียงที่ปลายทาง โดยทั่วไปแล้วแนวทางเช่นนี้จะทำให้เสียงที่ปลายทางไม่เป็นธรรมชาติ และฟังออกทันทีว่าเป็นเสียงสังเคราะห์ แต่กูเกิลยืนยันว่า Lyra นั้นให้เสียงที่เป็นธรรมชาติกว่ามาก โดยกูเกิลอาศัยข้อมูลฝึกปัญญาประดิษฐ์จากผู้พูดกว่า 70 ภาษาเพื่อให้แน่ใจว่าโมเดลปัญญาประดิษฐ์สามารถถอดเสียงพูดได้ทุกภาษาเท่าเทียมกัน ตัวเข้ารหัสเสียงตัวอื่นๆ ที่ทำงานที่แบนวิดท์ต่ำเท่า Lyra มักมีเสียงแทรกจนฟังได้ลำบาก ขณะที่ Lyra นั้นสามารถส่งพูดได้อย่างชัดเจนแม้ในภาวะที่มีเสียงรบกวนสูงๆ กูเกิลเริ่มใช้ Lyra ในแอป Duo สำหรับการโทรศัพท์ในกรณีที่พบว่าผู้ใช้มีแบนด์วิดท์ต่ำมากๆ แล้วและในอนาคตจะพัฒนาต่อเพื่อใช้งานกับกรณีอื่นๆ เช่น ดนตรีหรือเสียงที่ไม่ใช่เสียงพูด ที่มา - Google AI Blog
# LINE และ Yahoo! Japan แถลงควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์ เตรียมรุก 4 ธุรกิจใหม่ Z Holdings บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของ Yahoo! Japan และ LINE Corporation แถลงควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์แล้วในวันนี้ หลังจากประกาศดีลนี้เมื่อช่วงปลายปี 2019 ผลจากการควบรวมนี้ทำให้บริษัทใหม่ Z Holdings มีบริการบนอินเทอร์เน็ตมากกว่า 200 บริการ มีจำนวนผู้ใช้งานรวมมากกว่า 300 ล้านคน และขึ้นมาเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ธุรกิจหลักของ Yahoo! Japan และ LINE ทั้งบริการเสิร์ช, เว็บพอร์ทัล, โฆษณา และแอปแชต จะยังคงให้บริการต่อไปตามเดิม โดยเพิ่มการโฟกัสใน 4 ธุรกิจใหม่ได้แก่ Commerce บริการธุรกิจค้าปลีก ทั้ง Social Commerce ผ่าน LINE และโซลูชันสำหรับร้านค้า Local Vertical โซลูชันสำหรับผู้ประกอบการในญี่ปุ่น เช่น ร้านอาหาร โรงแรม เพื่อเข้าสู่บริการในโลกดิจิทัลมากขึ้น Fintech เชื่อมต่อสองบริการทางการเงิน PayPay และ LINE Pay เข้าด้วยกัน Public Services เช่นบริการด้านสุขภาพ LINE Doctor Z Holdings เตรียมเพิ่มการลงทุนเป็น 5 แสนล้านเยนใน 5 ปี ข้างหน้า เน้นในด้าน AI เพื่อขยายบริการต่าง ๆ ออกสู่ตลาดนอกประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งตลาดหลักของ LINE ได้แก่ ไต้หวัน ไทย และอินโดนีเซีย ที่มา: LINE
# Civilization VI ยกเครื่องระบบคนเถื่อนในเกม แยกหลายเผ่า จ้างคนเถื่อนทำงานได้ แฟนเกม Civilization คงทราบกันดีว่าในเกมมี "คนเถื่อน" (barbarian) ที่มาคอยทำลายสิ่งปลูกสร้างหรือยูนิตของเราในช่วงแรกๆ ของเกม แต่ภายหลังเมื่อวิทยาการก้าวหน้าขึ้น เราจะสามารถรับมือคนเถื่อนได้ไม่ยาก นับถึงปัจจุบัน แนวคิดคนเถื่อนของ Civilization ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเกมภาคแรกๆ สักเท่าไร แต่ล่าสุด Civilization VI ออกอัพเดตใหม่ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบคนเถื่อนครั้งใหญ่ เพิ่มโหมด Barbarian Clans ที่คนเถื่อนแบ่งเป็น "เผ่า" (clan) โดยมีทั้งหมด 7 เผ่าที่ความสามารถแตกต่างกันไป เช่น เผ่าที่อยู่ในป่า ภูเขา ที่ราบ ริมทะเล ฯลฯ ถ้าหากคนเถื่อนเผ่านั้นอยู่ต่อได้นานๆ ก็จะกลายเป็น "นครรัฐ" (City-State) ในท้ายที่สุด ฝั่งผู้เล่นก็มีตัวเลือกในการรับมือคนเถื่อนอีกหลายรูปแบบ ไม่ใช่ต่อสู้กันอย่างเดียว เช่น สามารถใช้เงินจ้างคนเถื่อนทำงาน, จ่ายสินบนให้ไม่มารุกรานดินแดนของเรา, จ่ายเงินไถ่ตัวยูนิตที่ถูกยึดไปคืน เป็นต้น ที่มา - Civilization
# Valorant เปิดตัวตัวละครใหม่สายคอนโทรล Astra หญิงแกร่งผู้มีพลังแห่งดวงดาว Valorant เปิดตัวตัวละครใหม่ Astra โดยพลังหลักๆ จะเน้นไปที่การกด X เปลี่ยนร่างเป็น Astral Form ถอยออกมามองแมพในมุมกว้าง ก่อนจะวางดาว หรือ Stars ไว้ในแมพ ได้สูงสุด 5 ดาวต่อรอบ จากนั้นใช้สกิลเปลี่ยนสถานะของดาวในจุดต่างๆ ตามที่กด ดังนี้ กด C เปลี่ยนดาวเป็น Gravity Well ดูดผู้เล่นที่อยู่ใกล้ๆ กด Q เปลี่ยนดาวเป็น Nova Pulse ชาร์จก่อนระเบิด ทำให้ผู้เล่นที่อยู่ใกล้ๆ ดาว เกิดอาการมึนงง กด E เปลี่ยนดาวเป็น Nebula คือเป็นควัน บดบังสายตา กด F เพื่อเก็บดาว แต่จะเกิดควันเหมือน Nebula ระยะสั้นๆ ตรงจุดที่ดาวเคยอยู่ ส่วนสกิลอัลติเมตของ Astra คือการกด X เปลี่ยนร่างเป็น Astral form แล้วคลิกขวา ก่อนคลิกซ้าย เพื่อเชื่อมสองจุด เปิดเป็นกำแพงขนาดใหญ่ในแมพ ที่กั้นกระสุนและเสียงไม่ให้ผ่านได้ แต่ผู้เล่นยังสามารถผ่านได้อยู่ น่าจะเป็นตัวละครที่เล่นบทบาทคอนโทรล หรือควบคุมจุดในแมพได้อย่างดี ที่มา - Polygon
# Fujitsu ประเทศไทย วางจำหน่าย โน้ตบุ๊ก 2 รุ่นบางเบา Intel Core 11th Gen เริ่ม 36,990 บาท Fujitsu ประกาศวางจำหน่ายโน้ตบุ๊กตระกูล CH-X และ UH-X ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ รุ่น CH-X มาพร้อม ซีพียู Intel Core 11th Gen รุ่น Core i5-1135G7 น้ำหนักตัวเครื่อง 999 กรัม ส่วนหนาสุด 15.8 มิลลิเมตร หน้าจอ 13.3 นิ้วแบบ IGZO ความละเอียด FHD ความสว่างสูงสุด 400 nits แสดงผลสี sRGB 100% แรม LPDDR4X ความจุ 8GB, SSD 512GB แบต 45 Whr ใช้งานได้ 13 ชั่วโมง กล้องหน้ารองรับ Windows Hello รองรับ Wi-Fi 6 Fujitsu CH-X (11th Gen Intel Core i5) วางจำหน่าย 1 มีนาคมนี้ ราคา 36,990 บาท รุ่น UH-X รุ่นใหม่ซีพียู Intel Core 11th Gen และมีรุ่น Intel Core 10th Gen ไม่ระบุรุ่นย่อยทั้งคู่ น้ำหนักตัวเครื่องเบาสุด 770 กรัม ส่วนหนาสุด 15.5 มิลลิเมตร มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในปุ่มเปิด กล้องหน้าพร้อมชัตเตอร์ปิดกล้อง รองรับ Windows Hello หน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียด FHD รองรับ Wi-Fi 6 รองรับชาร์จเร็ว ชาร์จได้ 50% ใน 30 นาที Fujitsu UH-X (11th Gen Intel Core i7) วางจำหน่าย 1 มีนาคมนี้ ราคา 45,990 บาท Fujitsu UH-X (10th Gen Intel Core i5) วางจำหน่ายแล้ว ราคา 31,990 บาท Fujitsu UH-X (10th Gen Intel Core i7) วางจำหน่ายแล้ว ราคา 42,990 บาท ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# YouTube Shorts ฟีเจอร์คลิปสั้นแบบ TikTok เริ่มเปิดทดสอบในอเมริกาแล้ว YouTube มีบริการแชร์วิดีโอสั้นชื่อ YouTube Shorts แบบเดียวกับ TikTok มาตั้งแต่กลางปี 2020 แต่เปิดเฉพาะในอินเดียเท่านั้น ล่าสุดมีผู้ใช้แอพ YouTube Beta ในสหรัฐอเมริกาเริ่มได้ฟีเจอร์นี้กันแล้ว เป็นสัญญาณว่าเราจะได้เห็น YouTube Shorts ออกมาทำตลาดนอกอินเดียในเร็วๆ นี้ แนวทางของ YouTube Shorts คือการแชร์คลิปสั้นไม่เกิน 15 วินาที ตัวเนื้อหาคงไม่ต่างอะไรกับ TikTok แต่จุดแข็งของ YouTube Shorts คงไปอยู่ที่ฐานผู้ใช้ YouTube จำนวนมหาศาลที่สามารถดูและแชร์คลิปเหล่านี้ได้จากแอพ YouTube โดยตรง ต้องรอดูว่ายุทธศาสตร์นี้จะทำให้กูเกิลสามารถชิงฐานผู้ใช้กลุ่มนี้มาจาก TikTok ได้หรือไม่ ฝั่งของ Facebook เองก็ใช้แนวทางเดียวกันกับ Instagram Reels ที่อาศัยประโยชน์จากฐานผู้ใช้ Instagram เช่นกัน ที่มา - xda
# Apple เริ่มใส่คะแนนความซ่อมง่ายของอุปกรณ์ไว้บนหน้าเว็บ ตามกฎหมายใหม่ของฝรั่งเศส Apple ทำตามกฎหมายใหม่ของฝรั่งเศส ระบุคะแนนความซ่อมง่าย (repairability score) ไว้บนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่นตระกูล iPhone 12 ที่ได้คะแนนความซ่อมง่ายอยู่ที่ 6 ทุกรุ่น เพิ่มมาจากตระกูล iPhone 11 ที่ได้ 4.5 และ 4.6 เนื่องจากแกะง่ายขึ้น และราคาอะไหล่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับราคาเครื่อง ส่วน MacBook แต่ละรุ่น ได้คะแนนตั้งแต่ 5.6 ถึง 7 คะแนน คะแนนนี้ผู้ผลิตต้องเป็นผู้ประเมินอุปกรณ์ตนเอง ตามระเบียบข้อบังคับที่ออกใหม่ของกฎหมายฝรั่งเศส มีจุดประสงค์เพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป้าหมายเพิ่มยอดการซ่อมมือถือไปใช้ใหม่จาก 40 เปอร์เซ็นต์ ให้เป็น 60 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ภายใน 5 ปี โดยใช้เครื่องหมายระบุคะแนนนี้เพื่อให้ความรู้กับผู้บริโภค และผลักดันผู้ผลิตให้อำนวยความสะดวกให้การซ่อมอุปกรณ์มากขึ้น Radio France Internationale ระบุไว้ว่ากฎนี้ยังมีช่องโหว่ เพราะแค่ผู้ผลิตทำเรื่องง่ายๆ แค่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์อัพเดตบนหน้าเว็บ ก็เพิ่มคะแนนส่วนนี้ได้แล้ว ส่วน Le Monde ก็รายงานว่า Samsung ทำคู่มือซ่อม Galaxy S21 เผยแพร่ออนไลน์เพื่อเพิ่มคะแนนความซ่อมง่ายนี้เช่นกัน กฎหมายนี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น ครอบคลุม สมาร์ทโฟน, โน้ตบุ๊ก, ทีวี, เครื่องซักผ้า และเครื่องตัดหญ้า และจะเริ่มเก็บค่าปรับจากผู้ผลิตที่ไม่ทำตามในปี 2022 แต่เมื่อรวมกับที่สภายุโรปโหวตผ่านร่างกฎหมาย “right to repair” เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 ที่ผ่านมา แปลว่าเราอาจจะได้เห็นสัญลักษณ์หรือข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ใช้เลือกซื้ออุปกรณ์จากความยากง่ายในการซ่อมได้ทั้งทวีปยุโรปในอนาคตอันใกล้ แม้จะมีกฎหมายอำนวยการซ่อมต่างๆ และมีข้อบังคับให้ใส่คะแนนความซ่อมง่ายเข้ามา แต่ Apple ก็ยังเพิ่มข้อจำกัดในการซ่อมให้กับ iPhone อยู่เรื่อยๆ เช่นล็อกไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนโมดูลกล้อง iPhone 12 เองได้ โดยอ้างความปลอดภัย ซึ่งก็น่าติดตามว่าท่าทีของ Apple จะเป็นอย่างไรต่อไป ที่มา - The Verge
# ภาษา Go มาแรงในหมู่อาชญากรไซเบอร์ เหตุผลเพราะใช้เขียนมัลแวร์ง่าย ตรวจจับยาก บริษัทความปลอดภัยไซเบอร์ Intezer ออกรายงานว่า Go กลายเป็นภาษายอดนิยมของอาชญากรไซเบอร์ โดยมัลแวร์ที่เขียนด้วย Go เติบโตขึ้นถึง 2,000% ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี มัลแวร์ Go ตัวแรกถูกค้นพบในปี 2012 แต่ก็ใช้เวลาอีกนานกว่าความนิยมจะเพิ่มขึ้น จนมาพุ่งแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลว่า Go เป็นภาษาที่เขียนง่าย เขียนทีเดียวทำงานได้ข้ามแพลตฟอร์ม ทำให้ผู้สร้างมัลแวร์เริ่มย้ายภาษาจาก C/C++ มาเป็น Go แทน อีกปัจจัยที่มีผลไม่น้อยคือ นักวิจัยความปลอดภัยและแอนตี้ไวรัสในท้องตลาด ยังไม่คุ้นเคยกับแพทเทิร์นของไบนารี Go มากนัก ทำให้มัลแวร์ Go ตรวจจับได้ยากกว่า ตัวอย่างมัลแวร์ที่เขียนด้วย Go มีทั้งกลุ่มที่เขียนโดยกลุ่มอาชญากรที่ได้รับการหนุนจากรัฐ (เช่น รัสเซีย จีน), กลุ่มอาชญากรอิสระ และ ransomware ที่มา - Intezer, ZDNet
# รีวิว Asus ExpertCenter D5 Series เดสก์ท็อปพีซีสำหรับธุรกิจ ทนทาน พอร์ตครบ รองรับ Windows 10 Pro ปัจจุบันแทบจะทุกธุรกิจมีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานคอมพิวเตอร์ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วทั้งในการทำงานและเพื่อการเติบโต โดยคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปสำหรับธุรกิจควรจะมีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งสเปกที่เพียงพอในการใช้งาน ความทนทาน กะทัดรัด ติดตั้งง่าย สะดวกต่อการขนย้าย และมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ครบถ้วน Asus ExpertCenter D500SA และ D500MA เป็นเดสก์ท็อปพีซีสำหรับธุรกิจ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ที่กล่าวไปข้างต้น เพราะนอกจากสเปกที่มาพร้อมกับ Intel Core 10th Gen แล้ว ยังมีความทนทานตามมาตรฐาน US Military Grade ใช้ 100% Solid Capacitor ทำให้สามารถทำงานต่อเนื่องได้ยาวนาน และมี ตัวเลือก Windows 10 Pro ที่เหมาะสำหรับธุรกิจ ที่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยมาอย่างครบถ้วน D500SA รุ่นกะทัดรัด และ D500MA พี่ใหญ่ไซส์กลาง ExpertCenter D500SA มาในขนาดกระทัดรัด ประหยัดพื้นที่ สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย สามารถใช้งานบนโต๊ะหรือใส่ในแรคก็ได้ และยังจัดวางได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่การทำงาน และเพราะความทนทานระดับ US Military Grade ทำให้ไม่ต้องคอยกังวลในขั้นตอนการขนย้าย ส่วนการใช้ 100% Solid Capacitor บนเมนบอร์ด ก็จะมาช่วยเรื่องอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า แม้จะต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้ตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อกันยาวนาน ส่วน ExpertCenter D500MA จะมาในเคสขนาดมินิทาวเวอร์ มีพื้นที่สำหรับระบายความร้อนมากกว่า และเป็นดีไซน์เคสแบบ tool-free คือไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่างเพื่อแกะเคสอัพเกรดภายใน รวมทั้งทนทานระดับ US Military Grade และใช้ 100% Solid Capacitor เช่นกัน สเปกภายใน สเปกมีตั้งแต่ Intel Celeron G5900 ไปจนถึงสูงสุด Intel Core i7-10700 ส่วนรุ่นที่ผู้เขียนได้มารีวิว เป็นรุ่น Core i5-10500 แรม DDR4 16GB (8GB x2) และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GT 710 ทั้งสองเครื่อง ฮาร์ดดิสก์ ExpertCenter D500SA มาพร้อมกับฮาร์ดดิสก์ SATA 7200RPM ขนาด 2.5 นิ้ว ความจุ 1TB ส่วน D500MA มาพร้อมฮาร์ดดิสก์ SATA 7200RPM ขนาด 3.5 นิ้ว ความจุ 2TB ทั้งสองรุ่น เป็นรุ่นกลางๆ ยอดนิยมของธุรกิจที่สเปกกำลังดี ใช้ทำงานเอกสาร ท่องเว็บ หรือจะทำภาพ งานอาร์ตเบาๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะมาพร้อมการ์ดจอแยกที่แม้จะไม่ใช่รุ่นท็อป แต่เพียงพอสำหรับงานธุรกิจแน่นอน ข้อแตกต่างเล็กน้อย จากขนาดที่ต่างกันของทั้งสองรุ่น คือ D500SA จะมีตัวเลือกการ์ดจอแยกแค่ GeForce GT 710 กับ GeForce GT 1030 เท่านั้น ส่วน ExpertCenter D500MA จะมีตัวเลือกการ์ดจอ GeForce GTX 1650, GTX 1660 Super และ RTX 2060 เพิ่มเข้ามา พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน ทั้งสองรุ่นให้พอร์ตเชื่อมต่อมาครบครัน ด้านหน้ามีพอร์ต USB 3.2 Gen 1 สี่พอร์ต พอร์ตหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรให้มาสองแบบ คือแบบคอมโบหนึ่งช่อง และพอร์ตหูฟังอย่างเดียวอีกหนึ่งช่อง ยังมี optical disc drive สำหรับธุรกิจที่ต้องการอ่านแผ่นซีดีอยู่ รวมถึงมีช่องอ่าน smart card และ SD Card ด้านหลังมีทั้งพอร์ต PS/2 สำหรับเม้าส์และคีย์บอร์ด พอร์ต USB 2.0 สี่พอร์ต พอร์ตภาพหลักมีทั้ง HDMI, DisplayPort, VGA อย่างละหนึ่งพอร์ต, มี Parallel Port, พอร์ต LAN (RJ-45) ส่วนด้านเสียงมีพอร์ต Line in, Line out และ Mic in แบบ 3.5 มิลลิเมตร สำหรับเครื่องรีวิว ที่การ์ดจอแยกจะมีพอร์ต DVI, HDMI และ VGA เพิ่มเติมมาอีกอย่างละหนึ่งพอร์ต ส่วนรุ่น D500SA จะมีการ์ด Wi-Fi พร้อมช่องต่อเสา WiFi แบบสองเสามาด้วย แต่รุ่น D500MA ก็มีตัวเลือกใส่การ์ด WiFi ได้เหมือนกัน สเปกสูงสุดคือรองรับ WiFi 6 และ Bluetooth 5.0 ทั้งสองรุ่น ฟีเจอร์ความปลอดภัยครบครัน รองรับ Windows 10 Pro เพื่อธุรกิจ ExpertCenter D500SA และ D500MA มาพร้อมกับชิป TPM, Kensington Lock ตัวควบคุมการเปิดปิดการใช้งาน USB และยังสามารถเลือก OS เป็น Windows 10 Pro ที่ติดตั้งแบบพร้อมใช้งานมาจากโรงงานได้ ซึ่ง Windows 10 Pro มีฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติม ดังนี้ Windows Information Protection (WIP) หรือในชื่อเก่าคือ enterprise data protection (EDP) ช่วยในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบนเครื่องและในแอป โดยมีการจัดการ Bitlocker Encryption ฟีเจอร์เข้ารหัสข้อมูล Bitlocker เพื่อล็อกข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ เป็นฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ใช้ปกป้องข้อมูลสำคัญของธุรกิจให้ปลอดภัยจากการโจรกรรม หรือการเข้าถึงที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่มีเฉพาะใน Windows 10 Pro เช่น Remote Desktop ทำให้สามารถรีโมตเข้ามาจัดการหรือแก้ไขข้อมูลบนเครื่องจากนอกสถานที่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมอื่น ซึ่งในยุคที่การทำงานไม่ได้อยู่แค่ในออฟฟิศอีกต่อไป ฟีเจอร์นี้น่าจะมีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ Hyper-V Virtualization สำหรับบางธุรกิจที่ต้องมีการใช้งาน Virtual Machine เพื่อเป็นฮาร์ดแวร์เสมือน ในการทดสอบซอฟต์แวร์หรืออื่นๆ โดยไม่กระทบกับเครื่องหลัก Windows 10 Pro ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ Hyper-V ให้ใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมอื่น Windows Update for Business ระบบการจัดการการอัพเดตที่ดีขึ้น ลดความกังวลว่าอัพเดตแล้วจะมีปัญหา หรือโปรแกรมบางโปรแกรมจะใช้งานไม่ได้หลังอัพเดต และ Microsoft Store for Business ศูนย์รวมแอปบน Windows ที่แยกออกมาเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานธุรกิจ สรุป Asus ExpertCenter D500SA และ D500MA เป็นเดสก์ท็อปพีซีสำหรับธุรกิจที่ครบครันทั้งด้านสเปกที่ปรับแต่งได้หลากหลาย ความทนทานที่เชื่อถือได้ ทั้งจาก US Military Grade และการใช้ 100% Solid Capacitor ที่ยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น นอกจากนี้ยังมีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน สามารถการอัปเกรตเครื่องได้ง่าย เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ครบถ้วนทั้งชิป TPM, Kensington Lock ตัวควบคุม USB และฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติมจาก Windows 10 Pro ทำให้ทั้ง ExpertCenter D500SA และ D500MA เป็นเดสก์ท็อปพีซีที่ตอบโจทย์การใช้งานธุรกิจครบถ้วนทุกด้าน ในด้านการรับประกันก็ครบครัน เพราะให้มาทั้ง รับประกัน 3 ปี ซ่อมฟรีถึงที่ Onsite Service รับประกัน 3 ปี แบบ Global Warranty (ครอบคลุม 83 ประเทศทั่วโลก) รับประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : หน้าเว็บของ ASUS D500 Series
# Spotify ชี้แจงสัญญากับ Kakao M หมดอายุ, ยืนยันไม่เกี่ยวกับการบุกตลาดเกาหลีใต้ หลังจากเมื่อวานนี้ผู้ใช้ทั่วโลกพบว่าเพลง K-Pop จำนวนมากหายไปจากแอป Spotify ทาง Spoitfy ก็ออกมาชี้แจงว่าเป็นเพราะสัญญาการใช้เพลงเหล่านี้ในแอปหมดอายุในวันที่ 1 มีนาคม แม้ว่าจะพยายามเจรจาสัญญาใหม่มานานถึงหนึ่งปีครึ่งแต่ก็เจรจาไม่สำเร็จจนกระทั่งต้องถอดเพลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ทาง Spotify ยังชี้แจงเพิ่มเติมว่าการต่อสัญญาเพลงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการที่ Spotify เข้าไปทำตลาดในเกาหลีใต้ และทับกับธุรกิจ Melon ของ Kakao M และตอนนี้ก็ยังเดินหน้าเจรจาต่อสัญญากันต่อไป เพลงที่ Kakao M ถืออยู่คิดเป็นจำนวนถึง 37.5% ของชาร์ต Gaon Top 400 หาก Spotify ต่อสัญญาไม่ได้ก็น่าจะกระทบกับกลุ่มคนฟังเพลงเกาหลีอย่างหนัก ที่มา - NAVER
# [ไม่ยืนยัน] Bloomberg รายงาน PS5 จะอัพเดตให้ใส่ SSD เพิ่มได้ช่วงกลางปีนี้ Bloomberg รายงานอ้างอิงคนภายในว่า PlayStation 5 เตรียมจะได้อัพเดตเฟิร์มแวร์ให้สามารถรองรับ SSD ภายนอกได้ในช่วงฤดูร้อนนี้ (ช่วงเดือนมิถุนายนต้นไป) หลังยังใส่เพิ่มไม่ได้ในช่วงแรก นอกจากตัวนี้เฟิร์มแวร์ดังกล่าวจะปรับเพิ่มความเร็วพัดลมระบายความร้อนสูงสุดให้เพิ่มขึ้นด้วย ที่มา - Bloomberg
# ไมโครซอฟท์เผยเทคนิค CodeQL ที่ใช้ตรวจหามัลแวร์ SolarWinds ในซอร์สโค้ด เปิดเป็นโอเพนซอร์ส กรณีการแฮ็ก SolarWinds ที่เป็นระดับ supply chain attack ถือว่ามีความซับซ้อนสูงมาก ตรวจเจอได้ยากมาก ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เราจะป้องกันเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันได้อย่างไร องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการแฮ็กคือ FireEye ซึ่งตรวจเจอมัลแวร์เป็นรายแรก เคยออกมาแชร์ชุดเครื่องมือตรวจสอบมัลแวร์แบบนี้แล้ว เทคนิคของ FireEye เป็นการตรวจสอบพฤติกรรมของคอนฟิกในระบบว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติหรือไม่ ล่าสุดฝั่งไมโครซอฟท์ออกมาแจกเครื่องมือตรวจสอบที่ระดับซอร์สโค้ด ดูว่าซอร์สโค้ดถูกฝังอะไรที่ผิดปกติหรือไม่ เทคนิคของไมโครซอฟท์ใช้ CodeQL ภาษาคิวรีซอร์สโค้ดที่สร้างโดย GitHub แต่ไมโครซอฟท์ก็เปิดเผยคิวรีที่ใช้งานเป็นโอเพนซอร์ส เพื่อให้องค์กรอื่นๆ นำไปใช้ตรวจสอบซอร์สโค้ดของตัวเองได้เช่นกัน เทคนิคการทำงานของ CodeQL ใช้วิธีคอมไพล์ซอร์สโค้ดเป็นไบนารีก่อน แต่ไม่ต้องคอมไพล์เป็นไบนารีสมบูรณ์ เพราะ CodeQL จะ parse ซอร์สโค้ดเป็น abstract syntax tree model แทน มองว่ามันเป็นฐานข้อมูลตัวหนึ่ง แล้วคิวรีหาข้อมูลต่างๆ จากฐานข้อมูลนี้อีกที ไมโครซอฟท์บอกว่าเทคนิคนี้ช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลได้แม่นยำขึ้น และสามารถนำฐานข้อมูลที่ CodeQL แปลงแล้วหลายๆ ตัวมาเปรียบเทียบกัน หาความเชื่อมโยงระหว่างกันได้ด้วย ทำให้ค้นหาร่องรอยของมัลแวร์ SolarWinds ได้เร็วกว่าเดิมมาก ส่วนเทคนิคเจาะจงที่ใช้ตรวจจับมัลแวร์ตัวนี้ ใช้สองเทคนิคร่วมกันคือ การค้นหา syntax ของมัลแวร์แบบเจาะจง และการค้นหาแพทเทิร์นในภาพรวม ช่วยให้ตามรอยได้ หากแฮ็กเกอร์เปลี่ยนวิธีแก้โค้ด แต่ยังใช้ syntax คล้ายๆ ของเดิม รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้จาก Microsoft Security
# ไมโครซอฟท์ทดสอบแอพ xCloud บนพีซีแล้ว, เพิ่มความละเอียดจาก 720p เป็น 1080p The Verge รายงานว่าไมโครซอฟท์กำลังทดสอบแอพ Xbox Game Streaming บนวินโดวส์ ซึ่งรองรับการสตรีมเกม 2 แบบคือ จากคอนโซล Xbox Series X|S มายังวินโดวส์ ซึ่งเหมือนกับ remote play ของ Xbox One จากบริการ xCloud มายังวินโดวส์ ปัจจุบัน xCloud ยังรองรับการสตรีมมาบน Android เท่านั้น ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์เผยว่าจะรองรับพีซีและ iOS ในช่วงต้นปี 2021 นี้ โดยเวอร์ชัน iOS จะผ่านเบราว์เซอร์ ส่วนเวอร์ชันพีซีจะได้ทั้งเบราว์เซอร์และแอพ Xbox ตัวนี้ อีกข่าวที่เกี่ยวข้องกันคือ Windows Central รายงานว่าไมโครซอฟท์เริ่มสตรีมเกมผ่าน xCloud ที่ความละเอียด 1080p แล้ว หลังจากมีเฉพาะ 720p อย่างเดียว (คู่แข่งอย่าง Stadia เริ่มต้นที่ 1080p มาตั้งแต่แรก) เหตุผลที่ xCloud รองรับเฉพาะ 720p เป็นเพราะระบบเซิร์ฟเวอร์เบื้องหลังยังเป็นเบลดที่ใช้ฮาร์ดแวร์ของ Xbox One S ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องประสิทธิภาพ ไมโครซอฟท์เคยประกาศว่าจะอัพเกรดเซิร์ฟเวอร์มาเป็น Xbox Series X ซึ่งการทดสอบ 1080p แปลว่าไมโครซอฟท์เริ่มอัพเกรดเครื่องไปบ้างแล้วนั่นเอง ที่มา - The Verge, Windows Central
# Kakao M ผู้จัดจำหน่ายเพลงเกาหลีรายใหญ่ถอดเพลงออกจาก Spotify เพลงจำนวนมากหายไปจากแอปทั่วโลก Kakao M ผู้จัดจำหน่ายเพลงรายใหญ่ของเกาหลีใต้ถอนเพลงของศิลปินในสังกัดออกจาก แอป Spotify ทั่วโลกโดยไม่มีการรายงานผู้ใช้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงถอนเพลงจำนวนมากเช่นนี้ ธุรกิจของ Kakao M มีทั้งการจัดจำหน่ายเพลง, ค่ายเพลงย่อยๆ ในสังกัด, และบริการเพลงออนไลน์ Melon ที่เป็นบริการที่ได้รับความนิยมสูงในเกาหลีใต้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Spotify เปิดบริการในเกาหลีใต้ โดยบริการในเกาหลีใต้กลับไม่มีเพลงของ Kakao M แม้บริการนอกเกาหลีใต้จะมีเพลงครบถ้วนก็ตามที ระบบจัดจำหน่ายเพลงนั้นค่อนข้างซับซ้อน และการจัดหาเพลงลงแพลตฟอร์มอาจจะมาจากช่องทางต่างๆ กันไป แต่เพลงใหม่ๆ จากค่ายที่อยู่ใต้ Kakao M เช่น IU, GFriend, MAMAMOO ก็ถูกลบออกจากระบบทั้งหมด ที่มา - Reddit, The Korea Herald
# Microsoft Office แอพรวม Word, Excel, PowerPoint รองรับการใช้งานบน iPadOS แล้ว หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้ปล่อยแอพ Microsoft Office ตัวใหม่ ที่เป็นการรวมฟังก์ชันของ Word, Excel และ PowerPoint เข้ามาอยู่ภายในแอพเดียว ให้ผู้ใช้ iPhone และ Android ได้ใช้งาน มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ซึ่งแม้ว่าแอพเวอร์ชัน iOS ที่ออกมานั้นจะสามารถติดตั้งใช้กับแท็บเล็ตอย่าง iPad ได้เช่นกัน แต่ด้วยความที่ตัวแอพไม่ได้รับการปรับแต่งมาให้ใช้งานกับระบบปฏิบัติการ iPadOS ทำให้แอพ Office บน iPad ในขณะนั้นไม่สามารถใช้งานแบบเต็มจอได้ แต่เมื่อไม่มานานนี้ไมโครซอฟท์ก็ได้ออกอัพเดตเพื่อปรับปรุงแอพ Office ให้รองรับการใช้งาน iPadOS อย่างสมบูรณ์เป็นที่เป็นเรียบร้อย ทำให้สามารถใช้แอพแบบเต็มหน้าจอบน iPad ได้แล้วและสามารถใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ multitasking ของ iPadOS (เช่นเปิดแอพพร้อมขึ้นมากับแอพอื่นแยกเป็นสองหน้าต่าง) ได้อีกด้วย นอกเหนือจากการเป็นแอพที่รวมฟังก์ชันของ Word, Excel และ PowerPoint แล้วแอพ Office ยังสามารถใช้จด Sticky Notes (ซิงก์กับ Sticky Notes บน Windows 10), สแกนเอกสาร/รูปภาพและตาราง, สแกน QR, เซ็นเอกสาร PDF ไปจนถึงสามารถใช้รับส่งไฟล์ระหว่างตัวอุปกรณ์และพีซี ดาวน์โหลดแอพ Microsoft Office ได้แล้วที่ App Store สามารถสร้างและแก้ไขเอกสารได้ฟรีหากเข้าใช้งานแอพด้วย Microsoft account บนอุปกรณ์ที่มีหน้าจอเล็กกว่า 10.1 นิ้ว ส่วนอุปกรณ์ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่าจำเป็นต้องสมัครเป็นสมาชิกบริการ Microsoft 365 ครับ ที่มา - Ars Technica, Windows Central
# Twitter เริ่มทดสอบ Spaces ฟีเจอร์สนทนาเสียงแบบ Clubhouse บน Android แล้ว Twitter เริ่มทดสอบฟีเจอร์สนทนาด้วยเสียงชื่อ Spaces แบบเดียวกับ Clubhouse มาได้สักระยะ แต่ยังเป็นการทดสอบในวงปิด และรองรับเฉพาะ iOS เช่นกัน แต่ล่าสุดมีคนค้นพบว่า Twitter เริ่มทดสอบ Spaces บน Android บ้างแล้ว โดยแอพเวอร์ชัน Beta ที่หลุดออกมา (ดาวน์โหลดได้จาก APKmirror) รองรับการเข้าห้องสนทนาใน Spaces แล้ว เป็นสัญญาณว่าเราน่าจะได้เห็น Spaces บน Android ในเร็วๆ นี้เช่นกัน ฟีเจอร์ Spaces ของ Twitter จะผนวกเข้ากับฟีเจอร์ Fleet อย่างแนบแน่น เมื่อเราเปิดห้องสนทนาใน Spaces ผู้ติดตามเราจะเห็นห้องสนทนานี้ในแถบ Fleet ที่ด้านบนสุดของแอพด้วย ที่มา - XDA หน้าตาของ Spaces เวอร์ชัน iOS หน้าตาของ Spaces เวอร์ชัน Android ที่ Twitter โชว์เมื่อเดือนมกราคม
# SolarWinds ชี้แจง ตั้งรหัสผ่าน solarwinds123 แล้วโพสต์ออกอินเทอร์เน็ต "เป็นฝีมือเด็กฝึกงาน" จากกรณีการแฮ็ก SolarWinds ครั้งประวัติศาสตร์ ที่ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐในหลายประเทศโดนแฮ็กตามไปด้วย ทำให้คณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เรียกผู้บริหารของ SolarWinds มาชี้แจง ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือความอ่อนแอของระบบความปลอดภัย SolarWinds เอง โดยในปี 2019 มีนักวิจัยด้านความปลอดภัยค้นพบรหัสผ่าน "solarwinds123" ถูกโพสต์อยู่ในอินเทอร์เน็ตสาธารณะตั้งแต่ปี 2017 และพบว่าเป็นรหัสผ่านเข้าเซิร์ฟเวอร์ภายในของบริษัท (กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับ SolarWinds ถูกแฮ็กโดยตรง แต่สะท้อนว่าบริษัทไม่ค่อยระวัง) เรื่องนี้ Kevin Thompson อดีตซีอีโอของ SolarWinds (ที่เพิ่งลาออกไปหลังข่าวการแฮ็ก) ตอบว่าเป็นความผิดพลาดของเด็กฝึกงาน ที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายการตั้งรหัสผ่าน และโพสต์รหัสนี้ลงในบัญชี GitHub ส่วนตัว และหลังจากบริษัทได้รับแจ้งเรื่องนี้ก็แก้ไขทันที Mike Hamilton ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจากบริษัท CI Security แสดงความเห็นต่อ Business Insider ว่าเขาไม่เชื่อคำอธิบายนี้ และเชื่อว่าการโพสต์รหัสผ่านลง GitHub น่าจะเกิดจากระบบอัตโนมัติของ SolarWinds มากกว่าเด็กฝึกงาน ที่มา - CNN, Business Insider
# ไมโครซอฟท์ออก Journal แอพจดบันทึกสำหรับผู้ที่ชอบการขีดเขียน ไมโครซอฟท์เปิดตัว Journal แอพจดบันทึกบน Windows 10 ตัวใหม่ ซึ่งได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการส่งเสริมให้พนักงานสร้างแอพนอกเวลา Microsoft Garage Journal นั้นถูกออกแบบมาโดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การเขียนด้วยปากกาดิจิทัลให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยการใช้พลังของ AI ช่วยตรวจจับคำและ gesture ที่ผู้ใช้เขียน แล้วแปลการกระทำเหล่านั้นเป็นการสั่งงานบนแอพอย่างแม่นยำ เพื่อให้การใช้งานตอบโจทย์ผู้ที่ชอบจดโน้ต/สเก็ตช์ไอเดียผ่านการขีดการเขียน ภาพแอพ Journal จาก Microsoft Garage ฟีเจอร์ต่างๆ ของ Journal จึงเน้นไปที่การอำนวยความสะดวกในการจดบันทึกด้วยปากกาเป็นหลัก ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้ มอบประสบการณ์การจดบันทึกด้วยปากกาดิจิทัลเป็นหลัก พื้นที่จดโน้ตแบบแบ่งเป็นหน้ากระดาษเพื่อความง่ายต่อการ scroll เปลี่ยนหน้า และได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับแท็บเล็ตรวมถึงอุปกรณ์ 2-in-1 (แตกต่างจาก OneNote ที่ขยายพื้นที่ทั้งแนวนอนและแนวตั้งให้แบบไม่มีการจำกัด) สามารถใช้ gesture ขีดฆ่าสำหรับลบข้อความ วาดวงกลมล้อมรอบข้อความเพื่อสั่งเลือก ไม่ต้องคอยสลับโหมดบนแอพหรือกดปุ่มบนปากกาเพิ่มเติมเพื่อสั่งงานในรูปแบบดังกล่าว สามารถขีดเส้นใต้เพื่อเน้นหัวเรื่อง, วาดดาว/ดอกจันเพื่อจดข้อความสำคัญ, วาดจุดเพื่อสร้างรายการแบบบุลเล็ต ทัชหน้าจอแล้วลากเพื่อ scroll หน้ากระดาษ, แตะบนหน้าจอเพื่อเลือกคำ/ประโยคที่ต้องการ สามารถลากข้อความเพื่อย้ายไปวางบนหน้าอื่น, หรือนำเข้าแอพพลิเคชั่นอื่น (เช่น Word) ก็ทำได้ สามารถเชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft 365 เพื่อผูกบันทึกการประชุมบนแอพ Journal เข้ากับกำหนดการประชุมจากปฏิทิน, และยังสามารถเมนชั่นด้วยการเขียน @ ตามด้วยชื่อบุคคลเพื่อใช้ในการอ้างอิงในภายหลัง สามารถนำเข้าเอกสาร PDF หรือไฟล์รูปภาพได้ ค้นหาบันทึกด้วยคีย์เวิร์ดและตัวกรองต่างๆ เช่นกรองเฉพาะข้อความที่เป็นหัวเรื่อง, ใส่ดาว, ถูกไฮไลท์สี หรือเป็นรายการแบบบุลเล็ต ท่านใดสนใจดาวน์โหลดแอพ Journal ได้แล้วที่ Microsoft Store ครับ ที่มา - Microsoft Garage blog via Windows Central, MSPoweruser
# อนุทินฉีด Sinovac เข็มแรกของไทย เริ่มกระจาย 4 โรงพยาบาลวันนี้ เช้าวันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขรับวัคซีน CoronaVac ของบริษัท Sinovac พร้อมกับรัฐมนตรีและผู้บริหารกระทรวงอีกหลายคน นับเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการฉีดวัคซีนของไทย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าตอนนี้วัคซีนกระจายไป 4 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลสมุทรสาคร 20,040 โดส, โรงพยาบาลชลบุรี 4,720 โดส, โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า 3,000 โดส, และสถาบันบำราศนราดูร 3,000 โดส สำหรับวัคซีน AstraZeneca ที่เดินทางมาถึงประเทศไทยวันเดียวกันกับวัคซีน Sinovac ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณภาพ และคาดว่าจะเริ่มฉีดได้ในเดือนมีนาคมนี้ ที่มา - ไทยคู่ฟ้า, กระทรวงสาธารณสุข
# รวมเครื่องมือจากนักพัฒนาภายนอก เพื่อเสริมการใช้งาน Clubhouse Wired รวบรวมเครื่องมือจากนักพัฒนาภายนอก ที่สร้างเพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้งาน Clubhouse โซเชียลมีเดียสนทนาเสียงที่กำลังมาแรงตอนนี้ ซึ่งสะท้อนว่า Clubhouse มีคนใช้งานจริงจังและพยายามแก้ปัญหาของตนเอง คล้ายกับ Imgur ที่เกิดขึ้นเพราะ Reddit ในอดีตไม่สามารถอัปโหลดรูปภาพได้ หรือ Twitter ก็ต้องสร้างระบบจัดการ Hashtag ขึ้นมา หลังผู้ใช้งานพยายามจัดหัวเรื่องที่พูดคุยด้วยวิธีนี้ ในบรรดาแอปที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับ Clubhouse ก็มีทั้งแบบฟรีและไม่ฟรี รวบรวมมาดังนี้ YoYo Club เว็บรวมตารางห้องที่เตรียมจัดขึ้น แยกหมวดหมู่ให้ค้นหาได้สะดวก Ask Clubhouse เว็บบอร์ดแยกสำหรับให้ผู้เข้าร่วมโพสต์คำถามส่งเข้าไป Host Notes ใช้เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมในห้องสนทนา ลิงก์ ไปจนถึงสรุปการประชุม Clubhouse Recorder บอต Telegram สำหรับบันทึกเสียงในห้องสนทนา Clubpad รวมซาวด์ประกอบไว้เพิ่มลูกเล่นในห้องสนทนา แอปย่อลิงก์ อาทิ ClubLink, Clubhype และ shorten.club แอปตกแต่งอวาตาร์ เพิ่มวงแหวนรอบ ๆ เช่น CHPic, Avatar Maker, Clubhouse Glow Direcon เครื่องมือ Analytic บน Clubhouse มีค่าบริการรายเดือน ปัจจุบัน Clubhouse ยังไม่มี API ให้นักพัฒนาภายนอกอย่างเป็นทางการ และ Clubhouse ก็ยังไม่ออกมาให้แนวทางที่ชัดเจนเรื่องนี้ ทุกบริการจึงอาจใช้สิทธิของผู้ใช้งานแต่ละคนเพื่อขอเข้าถึงข้อมูล การใช้งานจึงมีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน ที่มา: Wired
# Mozilla สยบข่าวลือ Firefox เลิกใช้หมาจิ้งจอก จริงๆ เป็นเพราะโลโก้มี 2 แบบ ปัจจุบัน Mozilla มีโลโก้ของ Firefox สองเวอร์ชันคือ เวอร์ชันที่มีหมาจิ้งจอก (สำหรับเบราว์เซอร์) และเวอร์ชันที่ไม่มีหมาจิ้งจอก (สำหรับแบรนด์ในภาพรวม) ที่อาจสร้างความสับสนแก่ผู้ใช้ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเกิดมีมล้อกันว่า Mozilla จะเลิกใช้โลโก้หมาจิ้งจอกแล้ว (they killed the fox) สร้างความแตกตื่นให้ผู้ใช้ จน Mozilla ต้องออกมาสยบข่าวลือ การันตีว่าหมาจิ้งจอกยังอยู่แบบเดิมไม่ไปไหน โลโก้ของผลิตภัณฑ์ในชื่อ Firefox ที่ประกาศเมื่อปี 2019 นอกจากนี้ Mozilla ยังเล่นไปกับมีมด้วย โดยการออกโลโก้ Firefox เวอร์ชันพิเศษ (หมาหันหน้า) สำหรับ Firefox Nightly ด้วย ที่มา - Mozilla
# คืนดีกันแล้ว Terraria กลับมาทำเวอร์ชัน Stadia ต่อ หลังได้บัญชี Google คืนมา ความคืบหน้าจากข่าว Terraria เลิกทำเกมเวอร์ชัน Stadia เพราะนักพัฒนาหลักโดนแบนบัญชี Google Account หลังจากเรื่องนี้กลายเป็นข่าวดัง ทางทีมงานกูเกิลก็ติดต่อไปยังทีมพัฒนา Terraria เพื่อกู้คืนบัญชีให้แล้ว หลังจากนั้นมีการเจรจาจากทีม Stadia และ 505 Games ที่เป็นผู้จัดจำหน่าย ทำให้ทีม Terraria ตัดสินใจกลับมาทำเวอร์ชัน Stadia ต่อดังเดิม สถานะตอนนี้คือ Terraria เวอร์ชัน Stadia อยู่ระหว่างการรีวิวของกูเกิล โดยอิงจาก build 1.4.0.5 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดในตอนนี้ด้วย ที่มา - Terraria via Kotaku
# การไฟฟ้ากำหนดค่าไฟสำหรับสถานีเติมรถ เติม Tesla Model 3 เต็มถัง 134 บาท วิ่ง 354 กิโลเมตร วันนี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) ประกาศค่าไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ Low Priority ที่ราคา 2.6369 บาทต่อหน่วย (kWh) สูงขึ้นจากค่าไฟบ้านอัตราต่ำสุดเล็กน้อย โดยยังต้องรวมค่า Ft ที่ตอนนี้ติดลบ 0.1532 บาทต่อหน่วย (ปรับทุก 4 เดือน) ค่าไฟบ้านของการไฟฟ้านครหลวง คิดราคา 15 หน่วยแรกที่ 2.3488 บาทต่อหน่วย สำหรับบ้านที่ใช้พลังงานไม่เกินเดือนละ 150 หน่วย และขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 4.4217 บาทต่อหน่วย ราคาที่การไฟฟ้ากำหนดสำหรับการเติมรถนี้จึงนับว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างถูก สำหรับราคานี้ หากนำไปเติมรถ Tesla Model 3 รุ่นต่ำสุดที่มีระยะวิ่ง 354 กิโลเมตร จะใช้ไฟฟ้าทั้งหมด 54 หน่วย (ในทางปฏิบัติการเติมจาก 0% จนเต็ม 100% ทำได้ยาก) คิดเป็นเงินรวมค่า Ft 134.1198 บาท แต่ควรตระหนักว่าราคาค่าไฟฟ้านี้เป็นราคาที่การไฟฟ้าเก็บจากสถานี ราคาที่ผู้ใช้จ่ายจริงจึงอาจจะต่างออกไป และสถานี Low Priority ยังเป็นสถานีที่การไฟฟ้าสามารถสั่งลดการใช้ไฟฟ้าหรือตัดไฟได้เมื่อติดข้อจำกัด ผู้ตั้งสถานียังต้องเสียค่าบริการอีก 312.24 บาทต่อเดือน โดยสามารถยื่นขอใช้ไฟฟ้านี้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้ ที่มา - การไฟฟ้านครหลวง
# อนุทิน (54 ปี) เป็นพยานการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ นพ.เกียรติภูมิ (59 ปี) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล (เกิดวันที่ 13 กันยายน 2509 อายุ 54 ปี) ระบุว่าวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์นี้จะมีการฉีดวัคซีน Sinovac เข็มแรก โดยจะฉีดให้กับนายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต (เกิดวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2505 อายุ 59 ปี) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมีทั้งนายอนุทินและพลเอกประยุทธ์เป็นสักขีพยาน ก่อนหน้านี้นายอนุทินเคยระบุว่าพลเอกประยุทธ์จะฉีดวัคซีนของ AstraZeneca เนื่องจากอายุเกิน 59 ปี แต่วัคซีน Sinovac มีเงื่อนไขสำหรับฉีดคนอายุไม่เกิน 59 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ดีทางข่าวสดระบุพลเอกประยุทธ์เคยสอบถามความสมัครใจฉีดวัคซีนเป็นชุดแรก ซึ่งนายอนุทินเองก็ตอบรับร่วมกับรัฐมนตรีอื่นๆ อีก 4 คน ที่มา - ข่าวสด ภาพนายอนุทินถือวัคซีน Sinovac พร้อมยืนยันว่าวัคซีนผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพเรียบร้อยแล้ว
# OpenShift ออกเวอร์ชั่น 4.7 รองรับ GitOps ด้วย ArgoCD, รองรับ Windows Container บน VMware OpenShift ดิสโทร Kubernetes ของ Red Hat ประกาศอัพเดตเวอร์ชั่นเป็น 4.7 สร้างขึ้นบนฐานของ Kubernetes 1.20 รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามาเป็น Technology Preview ได้แก่ Assisted Installer ตัวติดตั้ง OpenShift บนเครื่องเปล่า (bare metal) อย่างอัตโนมัติ OpenShift GitOps พัฒนาจาก ArgoCD เปิดทางให้การดูแลแอปพลิเคชั่นสามารถติดตามสถานะได้ตามการเปลี่ยนแปลงคอนฟิกใน git เพิ่มเติม Sheduling Profiles ปรับพฤติกรรมการวาง Pod ลงเครื่อง โดยเพิ่มเงื่อนไขเช่นโหลดของแต่ละเครื่อง นอกจากฟีเจอร์ที่ยังอยู่ในสถานะ Technology Preview แล้ว OpenShift 4.7 ยังเพิ่มความสามารถในการเข้ารหัสทราฟิกทั้งระหว่างคอนเทนเนอร์แบบ IPSec, บริการ OpenShift Update Service เข้าสู่สถานะ GA, และ Horizonal Pod Autoscaler (HPA) รองรับการกระจายโหลดตามเงื่อนไขอัตราการใช้หน่วยความจำ ที่มา - OpenShift Blog
# เปิดตัว Pokémon Legends: Arceus ภาคหลักภาคใหม่ เปลี่ยนเกมเพลย์เป็น Action RPG เคียงคู่มากับ Pokémon ภาครีเมค Brilliant Diamond และ Shining Pearl นินเทนโดยังออกเกมภาคใหม่หมดคือ Pokémon Legends: Arceus ที่ใช้สถานที่เป็นภูมิภาค Sinnoh เหมือนกัน แต่อยู่คนละช่วงเวลา Pokémon Legends: Arceus เป็นอดีตยุคไกลโพ้นที่มีนินจาอาศัยอยู่ ภารกิจของตัวเอกในภาคนี้คือการสะสมโปเกมอนให้ครบทุกตัวเพื่อสร้าง Pokedex ของภูมิภาคนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรก เนื้อเรื่องของเกมภาคนี้จะมีศูนย์กลางอยู่ที่ Arceus โปเกมอนในตำนานที่เป็นเจ้านายของโปเกมอน Gen 4 (Diamond, Pearl, Platinum) สิ่งที่น่าสนใจคือ Pokémon Legends: Arceus ถูกนับเป็น "ภาคหลัก" ของเกมซีรีส์ Pokémon ด้วย โดยนินเทนโดบอกว่าต้องการนำเกมเพลย์หลักของซีรีส์ Pokémon มาพัฒนาไปในแนวทางใหม่ ที่เป็น action RPG มากขึ้น (ทุกคนที่เห็นก็น่าจะพูดตรงกันว่ามันคือ Pokémon ภาค Breath of the Wild) เกมจะลง Nintendo Switch วางขายต้นปี 2022 ที่มา - Nintendo
# เปิดตัว Pokémon ภาครีเมค Brilliant Diamond และ Shining Pearl ลง Switch ปลายปี 2021 เมื่อวานนินเทนโดเปิดตัว Pokémon ภาคใหม่ Brilliant Diamond และ Shining Pearl ซึ่งเป็นการนำเกม Pokémon Diamond & Pearl (ถือเป็น Gen 4) ที่ออกบน Nintendo DS ในปี 2006 มารีเมคใหม่ทั้งหมดบน Nintendo Switch มีกำหนดวางขายช่วงปลายปี 2021 การรีเมคครั้งนี้ยังใช้ฉากหลังเป็นเขต Sinnoh region แต่ปรับปรุงกราฟิกใหม่หมดเป็น 3D ตามแนวทางเกม Pokémon ยุคใหม่ แต่ยังคงเนื้อเรื่อง ตัวละคร สิ่งปลูกสร้างของเดิมไว้ ในอดีต นินเทนโดเคยรีเมค Pokémon ภาคหลักอยู่หลายครั้ง เช่น FireRed & LeafGreen (2004), HeartGold & SoulSilver (2009), Omega Ruby & Alpha Sapphire (2014) ซึ่งตามคิวของการรีเมคแล้วก็จะเป็นภาคถัดมาคือ Diamond & Pearl นั่นเอง
# RIAA ออกรายงานอุตสาหกรรมเพลงสหรัฐฯ ปี 2020: สตรีมมิ่งครองรายได้ 83%, ไวนิลแซงซีดี สมาคมอุตสาหกรรมเพลงของอเมริกาหรือ RIAA ออกรายงานอุตสาหกรรมเพลงในสหรัฐฯ ประจำปี 2020 อย่างเป็นทางการ โดยพบว่ารายได้จากเพลงในอุตสาหกรรมเติบโตขึ้น 9.2% อยู่ที่ 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจุดที่น่าสนใจคือรายได้ปีที่แล้วเติบโตมีผลมาจากบริการสตรีมมิ่งค่อนข้างสูง ในรายงานระบุว่า สตรีมมิ่งมีรายได้ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โตขึ้น 13.4% โดยกลุ่มสตรีมมิ่งนี้นับรวมทั้งบริการเสียเงินอย่าง Spotify, Apple Music และ Amazon Music Unlimited, บริการแบบออนดีมานด์มีโฆษณา เช่น YouTube, Vevo, Spotify แบบฟรี และวิทยุดิจิทัลอย่าง Pandora, SiriusXM ส่วนถัดมาคือยอดดาวน์โหลดผ่านช่องทางดิจิทัล ส่วนนี้มีรายได้รวม 674 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ลดลง 18% ในขณะที่ยอดขายสินค้าประเภท physical ยังคงมียอดขายทรงตัวที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 0.5% แยกเป็นยอดขายไวนิลอยู่ที่ 626 ล้านดอลลาร์ โตขึ้น 28.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนซีดีอยู่ที่ 483 ล้านดอลลาร์ ลดลง 23% ถือเป็นครั้งแรกนับจากปี 1986 หรือในรอบ 30 กว่าปีที่ยอดขายไวนิลสามารถแซงซีดีได้ ในรายงานของ RIAA ระบุว่า ผลกระทบจาก COVID-19 นั้นส่งผลกระทบต่อร้านค้าปลีกที่ทำให้บางร้านต้องปิด รวมถึงต้องยกเลิกงานคอนเสิร์ตหลายงาน จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อซีดี รวมถึงหลายบริษัทเริ่มปรับลดงบประมาณด้านการโฆษณา จึงทำให้บริการสตรีมมิ่งที่พึ่งรายได้จากโฆษณาเติบโตน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หากคำนวณแล้ว สัดส่วนของรายได้บริการสตรีมมิ่งรวมแล้วคิดเป็น 83% ของรายได้อุตสาหกรรมเพลงทั้งหมด ตามมาด้วยยอดขาย physical ที่ 9% และยอดดาวน์โหลดผ่านช่องทางดิจิทัลที่ 6% ที่มา - RIAA, Engadget ภาพจาก Shutterstock โดย Antonio Guillem
# [ลือ] ยอดผู้เล่น Stadia ไม่เข้าเป้า ต่ำจากเป้าหมายของกูเกิลเป็นหลักหลายแสนคน Bloomberg รายงานข่าวว่า Stadia มียอดผู้เล่นน้อยกว่าเป้าที่กูเกิลตั้งไว้ "เป็นหลักหลายแสนคน" (hundreds of thousands) และบริษัทผลิตตัวคอนโทรลเลอร์มาเยอะเกินไป จนต้องมาไล่แจกฟรีในภายหลัง ปัญหาสำคัญคงมาจากตัว Stadia เองที่ช่วงแรกมีเกมน้อย ขาดฟีเจอร์หลายอย่างที่เคยสัญญาไว้ อีกทั้งโมเดลการคิดเงินจำเป็นต้องให้ผู้เล่นมาซื้อเกมใหม่บน Stadia อีกรอบ แทนการเหมาจ่ายรายเดือนแบบที่ Xbox Game Pass ทำ หรือที่ลูกค้าคุ้นเคยมาจาก Netflix Stadia ยังใช้แนวทางการเปิดตัวที่ต่างไปจากบริการอื่นๆ ของกูเกิล ที่มักทดสอบ Beta เป็นระยะเวลานานมากๆ กว่าจะพร้อมแล้วค่อยเปิดตัวจริงจัง (Gmail อยู่ในระยะ Beta นานถึง 5 ปี) แต่ Phil Harrison หัวหน้าทีมที่มาจากโลกคอนโซล กลับใช้วิธีเปิดตัวยิ่งใหญ่ โชว์ฟีเจอร์แบบจัดเต็มก่อน สุดท้ายเมื่อกลับทำไม่ได้อย่างที่พูดไว้ (เช่น การดูคลิป YouTube แล้วกระโดดเข้ามาเล่นใน Stadia ก็ยังไม่เกิดขึ้นมา 2 ปีแล้ว) ทำให้ผู้เล่นผิดหวัง ที่มา - Bloomberg, ภาพจาก Stadia
# Red Hat ประกาศแจก RHEL ให้โครงการโอเพนซอร์สใช้ฟรี Red Hat พยายามแสดงท่าทีเป็นมิตรต่อชุมชนอีกครั้งด้วยการตั้งโครงการ Red Hat Enterprise Linux (RHEL) for Open Source Infrastructure แจกไลเซนส์ RHEL ให้กับโครงการโอเพนซอร์สใช้งานได้ฟรี โครงการนี้อนุญาตให้โครงการโอเพนซอร์สที่ใช้สัญญาอนุญาตที่ยอมรับโดย Fedora สามารถใช้ RHEL ทั้งสำหรับการ build โครงการ, การทดสอบ, และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เช่น เว็บเซิร์ฟเวอร์และอีเมล ผู้เข้าร่วมโครงการจะเข้าพอร์ทัลลูกค้าของ Red Hat ได้ฟรีด้วย แต่การซัพพอร์ตจะเป็นแบบบริการตัวเอง หลังจาก Red Hat ยกเลิกการซัพพอร์ต CentOS 8 ให้เหลือเพียงสิ้นปี 2021 ความไม่พอใจจากชุมชนในวงกว้างมากขึ้น บางรายตั้งโครงการขึ้นทดแทน CentOS ขณะที่บางโครงการอาจจะหนีไปใช้ลินุกซ์ดิสโทรอื่นๆ เช่น Debian หรือ Ubuntu ไปเลย ทาง Red Hat เองก็ระบุในการประกาศครั้งนี้ว่าบริษัทยังต้องการให้โครงการโอเพนซอร์สต่างๆ ทดสอบซอฟต์แวร์บน RHEL ที่มา - Red Hat
# DigitalOcean ยื่นเอกสาร IPO เตรียมระดมทุน 100 ล้านดอลลาร์ DigitalOcean ผู้ให้บริการคลาวด์ระดับรอง ยื่นเอกสารชี้ชวนการลงทุน (Form S-1) ให้กับก.ล.ต.สหรัฐฯ เพื่อเตรียมเปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เครื่องหมาย DOCN พร้อมกับระดมทุนเพิ่มเติมสูงสุด 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เอกสารแสดงให้เห็นว่า DigitalOcean ในปี 2020 นั้นมีรายได้เติบโตจากปี 2019 ประมาณ 25% นับว่าแพ้การเติบโตของตลาดคลาวด์รวมที่เติบโตประมาณ 35% ต่อปี ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของ DigitalOcean ยังคงสูงมากจนกระทั่งบริษัทขาดทุน 43.5 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 แบบฟอร์ม S-1 นี้เป็นเพียงเวอร์ชั่นแรก ยังไม่ระบุราคาต่อหุ้นและมูลค่าบริษัทโดยรวม ที่ผ่านมา DigitalOcean นับเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ที่ได้รับความนิยมในหมู่กิจการขนาดเล็กและนักพัฒนารายย่อย จากแนวทางการคิดราคาค่าบริการที่ค่อนข้างง่าย เช่น ค่าเซิร์ฟเวอร์รวมกับค่าส่งข้อมูลเข้าออกจำนวนมาก ทำให้ราคาที่เห็นมักตรงกับที่ใช้งานจริง ที่มา - SEC
# iOS 14 มีส่วนแบ่งผู้ใช้งาน 80% ของอุปกรณ์ทั้งหมดแล้ว แอปเปิลอัพเดตตัวเลขล่าสุด ส่วนแบ่งผู้ใช้งาน iOS และ iPadOS แยกตามเวอร์ชัน ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2021 โดย iOS 14 มีผู้ใช้งาน 80% ของอุปกรณ์ iOS ที่มีการใช้งานทั้งหมด ส่วน iOS 13 อยู่ที่ 12% แต่เวอร์ชันเก่ากว่านั้น 2% หากดูเฉพาะอุปกรณ์ที่แอปเปิลเปิดตัวย้อนหลังไป 4 ปี ตัวเลขของ iOS 14 จะเพิ่มเป็น 86% ตัวเลขที่แอปเปิลรายงานก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคม iOS 14 มีส่วนแบ่งผู้ใช้งาน 72% iPadOS 14 มีส่วนแบ่งผู้ใช้งานรวม 70% ของ iPad ทั้งหมด แต่หากดูเฉพาะ iPad ที่เปิดตัวย้อนหลังไปใน 4 ปี ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเป็น 84% ที่มา: MacRumors
# Atlassian ซื้อกิจการ Chartio แพลตฟอร์ม Data Visualization Atlassian บริษัทซอฟต์แวร์ด้านการจัดการโครงการไอที ซึ่งเป็นเจ้าของ Jira และ Trello ประกาศซื้อกิจการ Chartio แพลตฟอร์มด้าน Data Visualization โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของดีลดังกล่าว Atlassian บอกว่าจะนำเครื่องมือในการนำเสนอข้อมูลของ Chartio มาใส่ในผลิตภัณฑ์ทุกตัวของ Atlassian โดยเริ่มที่กลุ่ม Jira ก่อน Chartio มีผู้ใช้งานราว 2.8 แสนคน มีการสร้างกราฟข้อมูลแล้วมากกว่า 10.5 ล้านกราฟ โดยบริการ Chartio จะปิดตัวตั้งแต่ 1 มีนาคม 2021 เป็นต้นไป ซึ่ง Chartio ได้เพิ่มหน้าคำแนะนำสำหรับการย้ายข้อมูลของผู้ใช้งานเดิม ที่มา: TechCrunch และ Chartio
# บิล เกตส์ บอกเลือกใช้ Android เพราะยืดหยุ่นกว่า, ผู้ก่อตั้ง Clubhouse บอกรอหน่อย บิล เกตส์ เปิดเผยตั้งแต่ปี 2017 ว่าเขาใช้ Android เป็นหลัก ล่าสุดเมื่อคืนนี้เขาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว Andrew Ross Sorkin บน Clubhouse (ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีบน Android) ในหลายประเด็น แต่ก็มีแตะถึงเรื่อง Android ด้วย เกตส์บอกว่าเขามีทั้ง Android และ iPhone เพราะอยากลองใช้ทุกอย่าง แต่มือถือเครื่องที่เขาเลือกพกติดตัวเป็น Android ด้วยเหตุผลว่า Android บางยี่ห้อพรีโหลดแอพของไมโครซอฟท์ ทำให้เขาทำงานง่าย และ Android เป็นระบบปฏิบัติการที่ยืดหยุ่นกว่า อย่างไรก็ตาม เกตส์ก็บอกว่าเพื่อนของเขาจำนวนมากใช้ iPhone ดังนั้นเรื่องนี้ไม่มีผิดถูก และไม่ใช่เรื่องศาสนาแต่อย่างใด ระหว่างที่เกตส์ให้สัมภาษณ์ Paul Davidson ผู้ร่วมก่อตั้ง Clubhouse ก็เข้ามาแจม โดยบอกว่าแอพเวอร์ชัน Android ถือเป็นความสำคัญสูงสุดของบริษัทในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม ที่มา - Android Authority, ภาพจาก Bill Gates
# [Counterpoint] ตลาดสมาร์ทโฟนยุโรปปี 2020 หดตัว -14% แต่ Xiaomi เติบโตถึง 90% บริษัทวิจัยตลาด Counterpoint Research เผยตัวเลขสมาร์ทโฟนในตลาดยุโรปปี 2020 สะท้อนทิศทางเดียวกับตลาดโลกที่ยอดขายลดลง -12.5% โดยยอดขายในตลาดยุโรปหดตัว -14% ปัจจัยสำคัญย่อมมาจากสถานการณ์ COVID-19 ที่หลายประเทศต้องล็อคดาวน์ ทำให้ยอดขายในปี 2020 มีเพียง 3 เดือน (มิถุนายน-สิงหาคม) เท่านั้นที่อัตราการเติบโตเป็นบวก เพราะ COVID-19 ระบาดรอบสองในเดือนกันยายนเป็นต้นมา ก็ต้องล็อคดาวน์กันรอบใหม่ แม้ตลาดรวมจะหดตัวหนัก แต่ก็มีผู้ชนะในตลาดนี้คือ Xiaomi ที่เติบโตถึง 90% ขึ้นมาครองอันดับสามของยุโรปแล้ว และ Oppo ที่เติบโต 82% ขึ้นมาอยู่อันดับห้า ผู้แพ้รายสำคัญของปี 2020 คือ Huawei ที่มียอดขายลดลงถึง -43% (นับรวม Honor) ตกไปอยู่อันดับสี่ อันดับหนึ่งยังเป็นซัมซุงแต่มียอดขายลดลง -12% และอันดับสองแอปเปิล ลดลง -1% Counterpoint ประเมินว่า Xiaomi ได้ประโยชน์จากยอดขาย Huawei ที่ลดลงอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และไปได้สวยในสเปนกับอิตาลี ในขณะที่ซัมซุงพลาดโอกาสนี้ เพราะ Galaxy S20 ทำยอดขายได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนแอปเปิลถึงแม้ตัวเลขรวมติดลบ แต่ถือว่าทำได้ดี การเลื่อน iPhone 12 ทำให้ iPhone 11 และ iPhone SE โกยยอดขายต่อได้อีกช่วงหนึ่ง แถมยังทำให้ความต้องการ iPhone 12 สะสมมากพอจนทำให้กลายเป็น iPhone รุ่นที่เปิดตัวแรงที่สุดของแอปเปิลด้วย ที่มา - Counterpoint Research
# Facebook เปิดตัวแอพทดลอง BARS แชร์วิดีโอสั้นสำหรับแรปเปอร์ ช่วยแต่งเนื้อร้องได้ คนที่ติดตามความเคลื่อนไหวของ Facebook คงทราบกันดีว่ามีแอพทดลองใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอ (เช่น Collab, E.gg, Hobbi, Tuned, Venue) โดยทีมหลักที่ทำงานนี้คือ New Product Experimentation หรือเรียกกันย่อๆ ว่า NPE ล่าสุด NPE มีของใหม่อีกแล้วคือ BARS แอพแชร์วิดีโอสั้นลักษณะเดียวกับ TikTok แต่เน้นที่กลุ่มแรปเปอร์ ฟีเจอร์เด่นของ BARS อยู่ที่ตัวช่วยบันทึกเสียง โดยแอพมีจังหวะ (beats) เตรียมมาให้ ผู้ใช้ต้องแต่งเนื้อเพลงและร้องเอง โดย BARS ยังช่วยแนะนำคำในเนื้อเพลงให้ลงจังหวะคล้องจองมากขึ้นด้วย ฝั่งของวิดีโอก็มีฟิลเตอร์พร้อมใช้งานเช่นกัน ตอนนี้ BARS ยังมีเฉพาะเวอร์ชัน iOS และเป็น invite-only แค่ในสหรัฐเท่านั้น ที่มา - NPE
# Apple ออกอัพเดต macOS Big Sur 11.2.2 ป้องกันปัญหา MacBook เชื่อมต่ออุปกรณ์ 3rd Party USB-C แอปเปิลออกอัพเดตย่อย macOS Big Sur 11.2.2 เพื่อแก้ปัญหา MacBook Pro (รุ่นปี 2019 ขึ้นไป) และ MacBook Air (รุ่นปี 2020 ขึ้นไป) โดยแอปเปิลระบุว่าเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เมื่อเชื่อมต่อ MacBook รุ่นดังกล่าวกับ Hub หรือ Dock ของผู้ผลิต 3rd Party ผ่าน USB-C แอปเปิลไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหานี้ว่าความเสียหายมีอาการลักษณะอย่างไร แต่ทั้งนี้ผู้ใช้งาน macOS Big Sur โดยเฉพาะ MacBook สองรุ่นที่กล่าวข้างต้น สามารถอัพเดตระบบปฏิบัติการได้ผ่าน Software Update ใน System Preferences อัพเดต macOS Big Sur 11.2.2 นี้ สามารถอัพเดตได้ในอุปกรณ์ Mac ทุกรุ่นที่อัพเดต Big Sur ได้ ไม่จำกัดแค่ MacBook กลุ่มที่มีปัญหา ที่มา: 9to5Mac
# Telegram ออกอัพเดต เพิ่มระบบลบข้อความอัตโนมัติใช้ไดักับแชททุกแบบ, วิดเจ็ตบนหน้าโฮมสกรีน Telegram ออกอัพเดตล่าสุดเพิ่มฟีเจอร์น่าสนใจหลายรายการ โดยรอบนี้ระบบลบข้อความอัตโนมัติที่สามารถใช้กับแชทได้ทุกรูปแบบ รวมถึงวิดเจ็ตบนหน้าจอโฮมสกรีนทั้ง iOS และ Android ฟีเจอร์แรกคือระบบลบข้อความอัตโนมัติ สามารถใช้งานได้ทุกแชท (รวมถึงกลุ่มและ channel) โดยจะเริ่มมีผลเมื่อตั้งค่าเวลาลบอัตโนมัติ (ส่วนข้อความที่เคยส่งไปก่อนตั้งเวลาจะยังคงอยู่เหมือนเดิม) โดยเมื่อข้อความถูกส่งออกไปแล้ว ระบบจะเริ่มนับเวลาลบทันที (ต่างกับ Secret Chat ที่จะนับเวลาลบเมื่อมีคนเปิดอ่านข้อความนั้น) ซึ่งวิธีดูเวลานับถอยหลังคือแตะที่ข้อความบน Android หรือแตะค้างที่ข้อความบน iOS จะแสดงเวลานับถอยหลังขึ้นมา สำหรับกรณีของแชทกลุ่มหรือ channel จะมีเฉพาะแอดมินเท่านั้นที่สามารถเปิดหรือแก้ไขระบบตั้งเวลาของ Telegram ได้ ถัดไปคือฟีเจอร์วิดเจ็ตที่มีให้เลือกทั้ง Chat Widget ที่จะพรีวิวข้อความแชทล่าสุด หรือ Shortcut Widget ที่จะแสดงแค่ชื่อและรูปโปรไฟล์ โดยถ้าเป็นวิดเจ็ตบน Android ระบบจะอัพเดตตลอดเวลา และสามารถขยายวิดเจ็ตได้ ส่วน iOS จะมีรอบการรีเฟรชและไม่สามารถขยายวิดเจ็ตได้เนื่องจากข้อจำกัดของระบบ ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น ลิงก์เชิญเข้ากลุ่มสามารถสร้างเป็นลิงก์แบบมีจำกัดเวลา, จำกัดจำนวนครั้งที่ใช้งาน หรือทั้งคู่ก็ได้ ระบบแชทกลุ่มที่กำหนดให้มีสมาชิกได้สูงสุด 200,000 คน สามารถปรับเป็น Broadcast Groups ที่มีสมาชิกได้ไม่จำกัด ซึ่ง Broadcast Groups มีเฉพาะแอดมินเท่านั้นที่สามารถส่งข้อความลงกลุ่มได้ แต่สมาชิกยังสามารถเข้าร่วมแชทเสียงได้ ปรับระบบอิมพอร์ตข้อความแชท ระบบรายงานแบบใหม่ เลือกข้อความเป็นรายข้อความเมื่อส่งรายงานให้ทาง Telegram ตรวจสอบได้ รวมถึงสามารถเพิ่มคอมเมนท์ถึงผู้ตรวจสอบได้ด้วย ที่มา - The Verge, Telegram
# Dell Technologies รายงานผลประกอบการ ส่งมอบพีซีตลอดปี 2020 ไปถึง 50.3 ล้านเครื่อง Dell Technologies รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดวันที่ 29 มกราคม 2021 รายได้ 26,112 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 1,343 ล้านดอลลาร์ Jeff Clarke ซีอีโอ Dell กล่าวว่าในปีที่ผ่านมา Dell มีรายได้ตลอดปีทำสถิติใหม่สูงสุด จากการที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น Dell จึงมีส่วนช่วยลูกค้าให้สามารถ ทำงาน เรียน ได้จากทุกที่ รวมทั้งได้ประโยชน์ที่ลูกค้าองค์กรมีการลงทุนทางไอทีมากขึ้น รายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจเป็นดังนี้ Client Solutions รายได้เพิ่มขึ้น 17% มีการเติบโตสูงในแล็ปท็อปตระกูล Latitude กับ Precision รวมทั้ง Chromebook จำนวนพีซีที่ส่งมอบตลอดปีสูงถึง 50.3 ล้านเครื่อง Infrastructure Solutions รายได้คงที่เมื่อเทียบกับปีก่อน ยอดขาย PowerStore เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่ม PowerMax, HCI และ PowerProtect Data Domain ที่มีการเติบโต VMware รายได้เพิ่มขึ้น 6% ส่วนธุรกิจ SaaS และ Subscription รายได้เพิ่มขึ้นถึง 26% ที่มา: Dell Technologies (pdf)
# HP ไตรมาสล่าสุด เติบโตทั้งธุรกิจ PC และ Printer เอชพีรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดเดือนมกราคม รายได้รวม 15,646 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.0% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 1,068 ล้านดอลลาร์ Enrique Lores ซีอีโอเอชพีกล่าวว่าบริษัทเริ่มต้นปีการเงินด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งทุกด้าน ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ สะท้อนว่าสิ่งที่เอชพีดำเนินตามกลยุทธ์ได้ผลลัพธ์ที่ดี กลุ่มธุรกิจ Personal Systems รายได้เพิ่มขึ้น 7% เป็น 10,603 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไปเพิ่มขึ้น 34% ส่วนลูกค้าองค์กรลดลง 6% ขณะที่แบ่งตามประเภทอุปกรณ์ จำนวนเครื่องโน้ตบุ๊คขายได้เพิ่ม 33% ส่วนจำนวนเครื่องเดสก์ท็อป ลดลง 23% ในกลุ่ม Printing รายได้เพิ่มขึ้น 7% เป็น 5,044 ล้านดอลลาร์ จำนวนเครื่องที่ขายได้เพิ่มขึ้น 16% แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไปเพิ่มขึ้น 18% ส่วนลูกค้าองค์กรตัวเลขคงที่ ที่มา: เอชพี
# [ลือ] Apple และ Kia ยังไม่ยุติความร่วมมือกันทั้งหมด แต่อาจไม่ใช่รถยนต์ไร้คนขับ ก่อนหน้านี้มีข่าวลือเรื่องแอปเปิลเตรียมพัฒนารถยนต์ไร้คนขับร่วมกับ Hyundai ซึ่งต่อมาระบุว่าจะใช้ Kia บริษัทในเครือเป็นผู้พัฒนาให้ แต่เมื่อต้นเดือนก็มีรายงานว่าโครงการดังกล่าวได้ยุติการเจรจาไปชั่วคราว ล่าสุดมีรายงานใหม่เกี่ยวกับรายละเอียดการพูดคุยของสองบริษัท Reuters รายงานอ้างข้อมูลจากเว็บข่าวออนไลน์ของเกาหลีใต้ Chosun Biz ว่าแอปเปิลและ Kia ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ไปเมื่อปีที่แล้ว โดยตกลงความร่วมมือกันใน 8 หัวข้อ ซึ่งรวมทั้งการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าด้วย และข้อตกลงนี้ยังไม่ถูกยกเลิกแต่อย่างใด แต่ถึงแม้ยุติการเจรจาจริง ก็ยังเหลืออีก 7 หัวข้อที่ยังสามารถร่วมมือกันได้ ซึ่งรวมทั้ง Last Mile Mobility หรือการพัฒนาวิธีเดินทางไปยังจุดหมายสุดท้าย หลังเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ เช่น การเดินเท้า หรือใช้จักรยาน ตัวแทนของ Hyundai และแอปเปิล ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวลือนี้ ที่มา: Reuters
# Samsung เปิดตัว Galaxy A32 4G มือถือหน้าจอ 90 Hz รุ่นแรกของ Galaxy A หลังจากที่ Samsung ได้เปิดตัว Galaxy A32 5G มือถือรุ่นกลางรองรับ 5G ไปเมื่อเดือนที่แล้ว Samsung ก็ได้เปิดตัว Galaxy A32 รุ่นรองรับ 4G ตามมา รุ่นนี้ชูจุดเด่นที่มีหน้าจออัตรารีเฟรช 90Hz ถือว่าเป็นมือถือซีรีย์ Galaxy A รุ่นแรกที่มาพร้อมหน้าจออัตรารีเฟรชสูง หลังจากที่ก่อนหน้านี้สงวนไว้เฉพาะในซีรีย์ Galaxy S และ Galaxy Note เท่านั้น นอกจากนี้ Galaxy A32 4G ยังมีดีไซน์คล้ายกับ Galaxy A32 5G และมี 4 สี คือ Awesome Black, Awesome White, Awesome Blue และ Awesome Violet เหมือนกัน แต่มีการปรับเปลี่ยนสเปคหลายอย่าง ดังนี้ หน้าจอ Infinity-U Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรช 90 Hz (A32 5G ใช้หน้าจอ Infinity-V TFT LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตรารีเฟรช 60 Hz) ซีพียู MediaTek Helio G80 (A32 5G ใช้ Dimensity 720) กล้องหลังหลัก 64MP, กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP, กล้องมาโคร 5MP, เซ็นเซอร์ระยะชัดลึก 5MP (เพิ่มจาก A32 5G ที่ความละเอียด 48MP, 8MP, 5MP, และ 2MP ตามลำดับ) กล้องหน้า 20MP (เพิ่มจาก A32 5G ที่ความละเอียด 13MP) สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (A32 5G มีตัวสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง) ส่วนสเปคส่วนที่เหมือนกันกับรุ่น 5G มีดังนี้ แรม 4GB / 6GB / 8GB ความจุ 64GB / 128GB ใส่ Micro SD card ได้สูงสุด 1TB แบต 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 15W Galaxy A32 4G เตรียมวางจำหน่ายในรัสเซียเดือนมีนาคมนี้ โดยมีรุ่นแรม 4 GB ความจุ 64GB ราคา 19,990 รูเบิล (ราว 8,100 บาท) และรุ่นแรม 4 GB ความจุ 128GB ราคา 21,990 รูเบิล (ราว 8,900 บาท) ที่มา - Samsung Mobile Press, Samsung Russia (Via)
# Coinbase ยื่นเอกสารเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์แบบ Direct Listing ในปีนี้ Coinbase แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตชื่อดังของสหรัฐฯ ยื่นเอกสาร S-1 ต่อกลต. สหรัฐฯ แล้ว เพื่อเตรียมเข้าสู่ตลาดหุ้นเร็ว ๆ นี้ Coinbase เป็นสตาร์ทอัพทำแพลตฟอร์มสำหรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโต รายได้หลักจะมาจากการทำธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วมากในช่วงปีที่ผ่านมาเนื่องจากสกุลเงินคริปโตมียอดซื้อขายแลกเปลี่ยนและทำธุรกรรมสูงขึ้นมาก สำหรับงบการเงินของ Coinbase บริษัทเติบโตไวมากในช่วงปีที่ผ่านมา โดยในปี 2019 ทางบริษัทมีรายได้ 533.7 ล้านดอลลาร์ มีผลประกอบการขาดทุน 30.4 ล้านดอลลาร์ แต่ในปี 2020 มีรายได้ 1.28 พันล้านดอลลาร์ และมีผลประกอบการกำไรถึง 127.5 ล้านดอลลาร์ เท่ากับว่าบริษัทเติบโตถึง 139% ในปีที่แล้ว แต่ผลประกอบการของบริษัทก็ค่อนข้างแกว่งมาก โดยในปีที่ผ่านมา Coinbase มีผลประกอบแต่ละไตรมาสอยู่ที่ 190.6, 186.4, 315.4 และ 585.1 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในปี 2019 ที่เป็นลบก็สามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในปีที่แล้ว การเข้าตลาดหุ้นของ Coinbase จะเป็นการเข้าตลาดแบบ Direct Listing คือไม่มีการออกหุ้นเพิ่มทุนหรือไอพีโอเพื่อเสนอขายต่อสาธารณะ วิธีเข้าตลาดหุ้นลักษณะนี้คือเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหุ้นเดิมสามารถขายหุ้นออกมาได้ง่ายขึ้น โดยบริษัทที่เคยเพิ่มทุนลักษณะนี้มี Slack และ Spotify ซึ่งหุ้นสามัญของ Coinbase จะใช้สัญลักษณ์การซื้อขายว่า COIN ลิสต์ในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq โดยทางบริษัทคาดว่าจะเริ่มนำหุ้นเข้าตลาดได้ในปีนี้ ที่มา - TechCrunch, SEC ภาพจากเอกสาร S-1 จากเว็บไซต์ SEC
# Niantic ออกรายงานตรวจจับผู้เล่นโกงเกมปี 2020 แบนไปมากกว่า 1 ล้านบัญชี Niantic ออกรายงานเกี่ยวกับระบบตรวจจับป้องกันการโกงในเกม โดยในปี 2020 ได้ลงโทษผู้เล่นที่โกงรวมกันมากกว่า 5 ล้านบัญชี ในทั้งสามเกมของบริษัทได้แก่ Pokémon GO, Ingress และ Harry Potter: Wizards Unite ซึ่งประมาณ 20% ในกลุ่มนี้บัญชีถูกระงับการใช้งาน Niantic บอกว่าบริษัทพยายามรักษาสมดุลเพื่อแยกระหว่างผู้เล่นที่ตั้งใจโกง กับคนที่อาจเผลอโกง ซึ่งก็ได้ผลดี เพราะมากกว่า 90% ของผู้เล่นที่ถูกเตือนครั้งแรก ไม่มีการโกงซ้ำอีกครั้ง ทั้งนี้ Niantic บอกว่าได้ปรับปรุงเทคโนโลยีตรวจสอบอยู่เสมอให้มีความถูกต้องแม่นยำ โดยไม่ลงรายละเอียดเนื่องจากวิธีการโกงมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด ที่มา: Niantic ผ่าน The Verge
# กลุ่มทรู ไตรมาส 4/2563 ทรูมูฟ เอช ยังเติบโต มีผู้ใช้บริการเพิ่มเป็น 30.6 ล้านเลขหมาย กลุ่มทรู รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2563 มีรายได้รวม 36,483 ล้านบาท ลดลง 3.2% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน มี EBITDA หรือ กำไรก่อนดอกเบี้ย-ภาษี-ค่าเสื่อมราคา-ค่าใช้จ่ายตัดจ่าย 14,024 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 157 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการที่เป็นผลกระทบจากมาตรฐานบัญชี TFRS16 และการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF จะมีกำไร 9 ล้านบาท ภาพรวมในปี 2563 กลุ่มทรูมูฟ เอช ยังคงเติบโตโดยมีรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น 3.1% บริการ 5G ได้ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ย่านสำคัญครบ 77 จังหวัด และครอบคลุม 98% ของพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล จำนวนลูกค้าในไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้น 5.4 แสนราย ทำให้มีผู้ใช้งานรวม 30.6 ล้านราย รายได้เฉพาะกลุ่มธุรกิจ 28,808 ล้านบาท ข้อมูลในกลุ่มธุรกิจอื่นเป็นดังนี้ ทรูออนไลน์ มีฐานผู้ใช้บริการ 4.2 ล้านราย รายได้เพิ่มขึ้น 8% เป็น 10,463 ล้านบาท ทรูวิชั่นส์ มีฐานลูกค้า 3.9 ล้านราย รายได้ลดลงเป็น 2,759 ล้านบาท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป คอนเทนต์ในทรูไอดี มีผู้ชมเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปีก่อน การซื้อคอนเทนต์ในแอปเพิ่มขึ้น 29% ที่มา: ทรู (pdf)
# [ลือ] Dragon Age 4 ยกเลิกโหมดมัลติเพลเยอร์ หันมาโฟกัสโหมดเล่นคนเดียว ไม่กี่วันหลัง EA ประกาศหยุดพัฒนา Anthem หันมาโฟกัสกับเกม Dragon Age และ Mass Effect แทน Jason Schreier นักข่าวสายเกมของ Bloomberg ก็รายงานข้อมูลภายในทีม Dragon Age ว่า EA ตัดสินใจหยุดพัฒนาโหมดมัลติเพลเยอร์ของเกมนี้ แล้วหันมาทุ่มกับโหมดผู้เล่นคนเดียวแทน เหตุผลก็มาจากผลตอบรับของเกม EA ช่วงหลัง ที่เกมมัลติเพลเยอร์อย่าง Anthem ไม่ประสบความสำเร็จ แต่เกมผู้เล่นคนเดียวอย่าง Star Wars Jedi: Fallen Order กลับมียอดขายเยอะเกินคาด มีผู้เล่นมากถึง 10 ล้านคนใน 4 เดือนแรกที่วางขาย ทำให้ EA กลับมามองตลาดเกมผู้เล่นคนเดียวอีกครั้ง และมีความเห็นว่า BioWare ควรกลับไปโฟกัสที่เกมผู้เล่นคนเดียวตามที่ถนัดดีกว่า ตอนนี้ Dragon Age ยังไม่มีชื่อภาคอย่างเป็นทางการ (เราเรียกกันเล่นๆ ว่า Dragon Age 4 แต่ภาค 3 ก็ไม่มีเลขภาค) และยังไม่มีกำหนดวางขาย ที่มา - Bloomberg, IGN, ภาพจาก Bioware
# VMware ปล่อยแพตช์ vCenter แก้ช่องโหว่ระดับวิกฤติ แฮกเกอร์ยิงโค้ดเข้ามารันได้ VMware ปล่อยแพตช์แก้ช่องโหว่ CVE-2021-21972 แก้ไขช่องโหว่ที่เปิดให้แฮกเกอร์สามารถอัพโหลดไฟล์ขึ้นมารันบน vCenter ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่เกิดจากโค้ดส่วนหน้าจอ UI ที่ API เชื่อมต่อหลังบ้านไม่ต้องล็อกอิน และมี API หนึ่งสำหรับการอัพโหลดไฟล์ ไม่ตรวจสอบชื่อไฟล์ ทำให้นักวิจัยจาก Positive Technology สามารถอัพโหลดไฟล์ JSP ขึ้นไปรันบนเซิร์ฟเวอร์ได้สำเร็จ ช่องโหว่มีคะแนน CVSSv3 ที่ 9.8 คะแนน กระทบ vCenter Server 6.5, 6.7, และ 7.0 ทาง VMware ออกแพตช์เรียบร้อยแล้ว ที่มา - VMware ภาพหน้าจอ VMware 7.0 จาก VMware
# Salesforce และ Slack รายงานผลประกอบการไตรมาส ยังคงเติบโตสูง Salesforce รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดเดือนมกราคม 2020 รายได้เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 5,817 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นรายได้จาก Subscription 5,476 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% และรายได้จากการบริการอื่น ๆ 341 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18% ซีอีโอ Marc Benioff กล่าวว่าสถานการณ์ในปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เขาจึงรู้สึกภูมิใจมากที่บริษัทสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์โรคระบาดนี้ได้อย่างดี มีผลการดำเนินงานไตรมาสทำสถิติใหม่ ออกผลิตภัณฑ์ได้มากและเร็วขึ้น ส่วน Slack ที่ Salesforce ประกาศเข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้รายงานผลประกอบการเบื้องต้นในวันเดียวกัน รายได้เพิ่มขึ้น เป็น 250.6 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ตัวเลขรายได้แบบรวมส่วนรอการบันทึกเพิ่มขึ้นถึง 41% เป็น 359.9 ล้านดอลลาร์ และมีจำนวนลูกค้าแบบเสียเงินเพิ่มขึ้น 14,000 ราย ผลการดำเนินงานของ Slack ยังไม่ถูกนำมารวมกับผลประกอบการของ Salesforce จนกว่าการควบรวมกิจการจะเสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้ ที่มา: Salesforce, Slack และ ZDNet
# Sony ยืนยันข่าวยุบ Japan Studio ลดขนาดเหลือทีมย่อยที่พัฒนา Astro's Playroom Sony ยืนยันข่าวการปรับโครงสร้างสตูดิโอเกมฝั่งญี่ปุ่นในสังกัดคือ Japan Studio โดยลดขนาดของสตูดิโอลงเหลือเพียงทีมย่อย Team ASOBI เพียงทีมเดียวเท่านั้น Japan Studio เป็นหนึ่งในสองสตูดิโอฝั่งญี่ปุ่นของ Sony (อีกแห่งคือ Polyphony Digital ที่ทำ Gran Turismo) แต่แนวทางของ Japan Studio ช่วงหลังมักเป็นการร่วมมือกับสตูดิโอภายนอกเป็นหลัก เช่น The Last Guardian (ร่วมกับ genDESIGN) หรือ Demon's Souls ภาครีเมค (ร่วมกับ Bluepoint Games) ถ้านับเฉพาะเกมที่พัฒนาเองในช่วงหลังๆ คือซีรีส์ Knack และ LocoRoco เท่านั้น ก่อนหน้านี้ Japan Studio มีทีมย่อย 2 ทีมคือ Project Siren ที่สร้างเกมซีรีส์ Siren และ Gravity Rush ก็เสียหัวหน้าทีม Keiichiro Toyama ที่ลาออกไปตั้งสตูดิโอเกมของตัวเอง Bokeh Game Studio ในปี 2020 อีกทีมเหลืออยู่คือ Team ASOBI ที่พัฒนาเกม Astro's Playroom เกมเดโมที่แถมมากับ PS5 จะกลายมาเป็นศูนย์กลางของ Japan Studio แทน หน้าที่ประสานงานกับสตูดิโอภายนอกของ Japan Studio จะถูกโยกมายังหน่วยงานส่วนกลางของ SIE แทน (ซึ่งปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา) เท่ากับว่าความเป็น "สตูดิโอเกมญี่ปุ่น" ของ SIE ลดลงไปเรื่อยๆ นั่นเอง ที่มา - IGN, ภาพจาก Sony
# Google เพิ่ม Sleep API สำหรับเข้าถึงข้อมูลการนอนหลับบนอุปกรณ์ Android กูเกิลประกาศเพิ่ม Sleep API ในชุดพัฒนา Activity Recognition API บน Android เพื่อใช้เข้าถึงข้อมูลตรวจจับการนอนหลับของผู้ใช้งาน สำหรับนำไปพัฒนาแอปด้านสุขภาพ ข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้มีสองส่วนคือ ข้อมูลระดับการนอนหลับในช่วงกำหนดเวลา และข้อมูลการนอนหลับแต่ละวัน เมื่อตรวจจับการตื่นนอนได้ โดยอาศัยเซ็นเซอร์ตัววัดแสงและการเคลื่อนไหวในอุปกรณ์ ทั้งนี้ผู้ใช้งานต้องอนุญาตให้เข้าถึง Physical Activity Recognition จึงจะสามารถเก็บข้อมูลนี้ได้ กูเกิลบอกว่า Sleep API นี้ช่วยให้การเก็บข้อมูลนอนหลับผ่านอุปกรณ์ทำได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่ต้องใช้การรวมข้อมูลผ่านหลายแอปและเครื่องมือ ส่งผลต่อแบตเตอรี่อุปกรณ์ Sleep API เปิดให้นักพัฒนาใช้งานแล้วในอัพเดตล่าสุดของบริการ Google Play ที่มา: Android Developers Blog ผ่าน 9to5Google
# Airbnb ไตรมาส 4/2020 รายได้รวมลดลง 22% จำนวนการเข้าพัก 46.3 ล้านคืน Airbnb รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ซึ่งเป็นการรายงานครั้งแรกนับตั้งแต่บริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้นเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยไตรมาส 4/2020 รายได้รวม 859 ล้านดอลลาร์ ลดลง 22% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ขาดทุนสุทธิตามบัญชี GAAP 3,888 ล้านดอลลาร์ ซึ่งปัจจัยหลักคือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับหุ้นไอพีโอที่เป็นสวัสดิการราว 2 พันล้านดอลลาร์ จำนวนคืนที่มีการเข้าพักบนแพลตฟอร์มในไตรมาสที่ผ่านมามี 46.3 ล้านคืน ลดลง 39% ขณะที่ปริมาณการจองสุทธิคิดเป็น 5,900 ล้านดอลลาร์ ลดลง 31% Brian Chesky ซีอีโอ Airbnb ให้สัมภาษณ์ว่าในไตรมาส 1/2021 บริษัทประเมินว่ารายได้ยังคงลดลง แต่เป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยลง ขณะที่ภาพรวมตลอดปี 2021 นั้นยังไม่ชัดเจนมากเนื่องจากมีปัจจัยของการกระจายวัคซีน และข้อกำหนดในการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ที่มา: Airbnb และ CNBC
# Microsoft เตรียมเปิดดาต้าเซ็นเตอร์ Azure ที่อินโดนีเซีย เล็งสร้างทักษะงานให้คน 3 ล้านคน วันนี้ Microsoft ประกาศริเริ่มโครงการ Berdayakan Ekonomi Digital Indonesia เพื่อช่วยให้อินโดนีเซียขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจดิจิตอลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการทำ digital transformation ของอินโดนีเซีย ภายใต้โครงการนี้ Microsoft จะเปิดดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ของ Azure ที่อินโดนีเซียด้วย เพื่อให้ธุรกิจตั้งแต่สตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่สามารถเข้าใช้คลาวด์ได้เร็วและใกล้ยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถเก็บข้อมูลไว้ในประเทศได้ด้วย โดยรีเจี้ยนของอินโดนีเซียจะรองรับการทำ Availability Zone ที่เป็นการแยกโซนของดาต้าเซ็นเตอร์ไว้ในพื้นที่ที่แตกต่างกัน, แหล่งจ่ายไฟฟ้าและระบบทำความเย็นแยกจากกัน ทำให้หากโซนใดล่ม โซนอื่นก็ยังทำงานต่อได้ นอกจากนี้ยังมีแผนใช้พลังงานหมุนเวียน (renewable energy) 100% ภายในปี 2025 ในการนี้ Microsoft ยังตั้งเป้าสร้างทักษะให้คนอินโดนีเซียเพิ่มอีก 3 ล้านคนในด้าน AI, cybersecurity และ data science ทำให้จะมีคนที่มีทักษะในประเทศรวมแล้ว 24 ล้านคนภายในสิ้นปี 2021 อีกทั้งยังประเมินไว้ว่าธุรกิจคลาวด์ของ Microsoft จะสร้างงานในประเทศได้ราว 60,000 ตำแหน่งภายในสี่ปีข้างหน้า ปัจจุบันอินโดนีเซียมีดาต้าเซ็นเตอร์ของผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลกอยู่แล้วสองเจ้า คือ Google Cloud และ Alibaba Cloud และในอนาคต AWS ก็กำลังจะมาเปิดรีเจี้ยนที่นี่เช่นกัน สรุปแล้วต่อไปอินโดนีเซียจะมีดาต้าเซ็นเตอร์ของผู้ให้บริการคลาวด์เจ้าใหญ่ของโลกครบทั้งสามเจ้าคือ AWS, Azure และ Google Cloud อย่างไรก็ตาม Microsoft ไม่ได้ระบุว่ารีเจี้ยนอินโดนีเซียจะเริ่มให้บริการได้เมื่อใด ที่มา - Microsoft ภาพโดย Microsoft
# หากินได้ตลอดไป FF7 ออกเกมมือถือใหม่อีก 2 เกม The First Soldier, Ever Crisis จักรวาล Final Fantasy VII ที่เริ่มต้นในปี 1997 ยังไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ ในยุค Remake ที่เป็นเนื้อเรื่องหลัก ก็มีเกมข้างเคียงตามมาหากินอีก 2 เกม โดยเป็นเกม free-to-play บนมือถือ iOS/Android ทั้งคู่ Final Fantasy VII The First Soldier ให้เราเล่นเป็นหน่วยทหารพิเศษ Soldier ของ Shinra Corporation (หน่วยเดียวกับ Cloud แต่เป็นเหตุการณ์ตอนก่อตั้งหน่วยนี้) มาต่อสู้กันในเขตเมือง Midgar ด้วยเกมเพลย์แบบ online battle-royale ตามสมัยนิยม (ทำกราฟิกเมืองมาแล้วต้องใช้ให้คุ้ม) เกมจะเปิดให้เล่นภายในปี 2021 นี้ ใช้โมเดล free-to-play หารายได้จากการขายไอเทมในเกม Final Fantasy VII Ever Crisis เป็นเกมแบบผู้เล่นคนเดียว แบ่งเนื้อหาเป็นบท (chapter) โดยจะครอบคลุมไทม์ไลน์ทั้งหมดของ FF7 ส่วนกราฟิกตอนเดินในแผนที่จะเป็น 3D แบบตัวเล็ก (SD) ฉากต่อสู้เป็น 3D แบบตัวใหญ่ เหมือนกับ FF7 ภาคต้นฉบับ Square Enix เรียกมันว่าเป็น An Episodic Return to FFVII's World with a Nostalgic Visual Twist เกมจะเปิดให้เล่นในปี 2022 ที่มา - Square Enix
# Facebook ออกแคมเปญใหม่ เพื่อย้ำข้อดีของ Personalized Ad Facebook ออกแคมเปญใหม่ในชื่อ Good Ideas Deserve to be Found หรือไอเดียดี ๆ ควรถูกค้นพบ มีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์ของโฆษณาแบบปรับแต่งเฉพาะบุคคล (Personalized Ad) ว่าช่วยให้ผู้ใช้งานได้ค้นพบธุรกิจหรือบริการ ที่เขาชื่นชอบและได้ร่วมสนับสนุนธุรกิจเหล่านั้น แคมเปญนี้เป็นการต่อสู้กับระหว่าง Facebook กับแอปเปิลรอบล่าสุด ในประเด็นการปรับค่าความเป็นส่วนตัวบน iOS 14 ที่ส่งผลต่อการทำโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย (Target Ad) ซึ่งก่อนหน้านี้ Facebook ย้ำว่ากระทบกับธุรกิจขนาดเล็ก โฆษณาในแคมเปญดังกล่าวเล่าถึงธุรกิจขนาดเล็ก ที่ใช้ประโยชน์จาก Target Ad บน Facebook ทำให้พวกเขาสามารถสร้างฐานลูกค้าที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกันขึ้นมาได้ โดยจะเผยแพร่เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งบน Facebook, โทรทัศน์ และวิทยุ ที่มา: CNBC และ Facebook
# Final Fantasy VII Remake Intergrade ออกเวอร์ชัน PS5 เพิ่ม DLC Yuffie เนื้อเรื่องใหม่ ช่วงเช้ามืดวันนี้ Sony ไลฟ์งาน State of Play เปิดตัวเกมใหม่ๆ ของฝั่ง PlayStation รอบต้นปี 2021 เกมสำคัญที่สุดของชาวไทยคงหนีไม่พ้น Final Fantasy VII Remake Intergrade เวอร์ชันอัพเกรดสำหรับ PS5 การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุดคือการเพิ่มเนื้อหาใหม่ DLC ของอีกหนึ่งตัวละครยอดนิยม Yuffie ในช่วงที่ยังไม่ได้เจอกับกลุ่มของ Cloud ตามเนื้อเรื่องหลักภาคดั้งเดิม โดยเป็นเหตุการณ์ที่ Yuffie เข้ามาในเมือง Midgar และพบปะกับกลุ่ม Avalanche ขนานไปกับช่วงที่กลุ่มของ Cloud เพิ่งระเบิดเตาปฏิกรณ์ในเมืองได้สำเร็จ ใน DLC ตัวนี้ผู้เล่นจะได้ควบคุม Yuffie โดยตรง ของใหม่อย่างอื่นคือการอัพเกรดกราฟิกให้สมฐานะ PS5 (เลือกได้ว่าจะโฟกัสที่ 4K หรือ 60 FPS) และเพิ่ม Photo Mode ตามแนวทางของเกมยุคนี้ คลิปเปรียบเทียบกราฟิก PS4 vs PS5 เกมมีกำหนดขาย 10 มิถุนายน 2021 ผู้ที่มีเกม FF7 Remake เวอร์ชัน PS4 อยู่แล้วสามารถอัพเกรดเป็นเวอร์ชัน PS5 ได้ฟรี ใช้เซฟเดิมได้ แต่ตัว DLC Yuffie ต้องซื้อเพิ่มเอง โดยยังไม่ระบุราคา ที่มา - PlayStation
# Twitter เปิดตัวบริการใหม่ Super Follow จ่ายเงินให้คนที่เราติดตามรายเดือน เพื่อเข้าถึงเนื้อหา exclusive Twitter เปิดตัวบริการใหม่ในงาน Analyst Day ซึ่งเป็นบริการแบบเสียเงินตัวแรกในชื่อ Super Follow โดยผู้ใช้งาน Twitter สามารถจ่ายเงินแบบ subscription ให้กับผู้ที่เราติดตามแบบรายเดือน ทำให้สามารถเข้าถึงเนื้อหาเอ็กคลูซีฟ, จดหมายข่าว, เข้าร่วม community, ได้รับส่วนลด ไปจนถึง badge ผู้สนับสนุน นอกจากนี้ Twitter ยังเปิดตัว Communities ที่เป็นบริการชุมชนของผู้ติดตามคล้าย Facebook Group ซึ่งนำมาเป็นส่วนหนึ่งในชุดบริการของ Super Follow อีกด้วย Twitter ยังไม่ได้ให้รายละเอียดรูปแบบการใช้งาน ตลอดจนรายละเอียดการคิดค่าบริการในตอนนี้ แต่ในตัวอย่างที่นำเสนอระบุราคาที่ 4.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ที่มา: TechCrunch
# CyberRatings ออกรายงาน Enterprise Firewall 2021 - Sangfor, Palo Alto, Forcepoint, Check Point คะแนนนำ CyberRatings.org ออกรายงานการให้คะแนนผลิตภัณฑ์ Enterprise Firewall + SSL/TLS ปี 2021 จัดอันดับผู้นำตลาดจาก 11 บริษัทชั้นนำ โดยมี 4 บริษัทได้รับคะแนนระดับ “AAA” ได้แก่ Sangfor, Palo Alto Networks, Forcepoint และ Check Point ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่เข้ามาจัดอันดับด้วยมี Barracuda Networks, Cisco, Fortinet, Juniper Networks, SonicWall, Versa Networks, WatchGuard การให้คะแนนเป็นความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ: แนวทางและวิสัยทัศน์ที่เกี่ยวกับความสามารถของผลิตภัณฑ์ ในการตอบสนองความต้องการในอนาคตที่มีต่อลูกค้า โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ด้านเทคโนโลยี และด้านความเป็นผู้นำทางธุรกิจ การหมุนเวียนของพนักงานในองค์กร ความพึงพอใจของลูกค้า ความมั่นคงทางการเงิน สภาวะตลาด รวมถึงผลการทดสอบ ที่ประกอบด้วย ด้านความปลอดภัย ด้านประสิทธิภาพการทำงานของ SSL/TLS และความคิดเห็นจากลูกค้า ที่มา - CyberRatings, Palo Alto, Sangfor, Juniper
# อินเทลโชว์เบนช์มาร์ค Core i9-11900K Rocket Lake นำหน้า Ryzen เรื่อง PCIe ราว 11% อินเทลมีแผนเปิดตัวซีพียูเดสก์ท็อปรุ่นใหม่ Rocket Lake-S ภายในไตรมาส 1/2021 พอใกล้กำหนดการเข้ามาเรื่อยๆ ก็เริ่มมีเบนช์มาร์คออกมาข่มกัน ทั้งที่เป็นเบนช์มาร์คหลุดและเบนช์มาร์คจากอินเทลเอง ล่าสุด Ryan Shrout ผู้บริหารตำแหน่ง Chief Performance Strategist ของอินเทล ออกมาโพสต์เบนช์มาร์คเปรียบเทียบซีพียูรุ่นท็อป Core i9-11900K เทียบกับคู่แข่งระดับเดียวกันคือ AMD Ryzen 9 5950X ในเรื่องประสิทธิภาพสตอเรจที่เป็น PCIe Gen 4 เดสก์ท็อปทั้งสองตัวใช้สตอเรจเป็น SSD Samsung 980 Pro 1TB รุ่นเดียวกัน โดยประสิทธิภาพของฝั่งอินเทล (วัดด้วยเบนช์มาร์ค PCMark 10 Quick System Drive) เหนือกว่าฝั่ง AMD ประมาณ 11% แสดงให้เห็นว่า Rocket Lake มีประสิทธิภาพ PCIe ที่สูงกว่า แน่นอนว่า เบนช์มาร์คตัวนี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของการวัดผลในภาพรวมเท่านั้น (และอินเทลย่อมเลือกตัวที่ตัวเองชนะมาโชว์) แต่ก็เป็นสัญญาณสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดซีพียูเดสก์ท็อปจะกลับมาร้อนแรงขึ้นอีกในเร็วๆ นี้ หลังจากฝั่ง AMD ชนะขาดในยุค Ryzen 5000 มาตั้งแต่ช่วง Q4 ปีที่แล้ว ที่มา - Notebookcheck
# เปิดราคาไทย Xiaomi Mi 11 เริ่ม 21,990 บาท เปิดจอง 26 ก.พ. นี้ ขาย 13 มี.ค. Xiaomi ประเทศไทย เปิดราคาและโปรโมชั่นสั่งจองมือถือรุ่นเรือธง Mi 11 แล้ว Mi 11 หน้าจอ AMOLED 6.81 นิ้ว WQHD+ รีเฟรชเรต 120Hz ครอบด้วย Gorilla Glass Victus รัน Android 11 ครอบด้วย MIUI 12 และจะได้อัพเดตเป็น MIUI 12.5 ในอนาคต ชิป Snapdragon 888 มีสองสีคือ Midnight Gray และ Horizon Blue รุ่น 8GB+128GB จำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น ราคา 21,990 บาท รุ่น 8GB + 256GB ราคา 23,990 บาท ราคาเมื่อจองกับผู้ให้บริการมือถือ เริ่ม 11,990 บาท เปิดจอง 26 กุมภาพันธ์ - 12 มีนาคม รับเครื่อง 13 มีนาคมนี้ ช่วงจองรับฟรี Xiaomi Smart Speaker, ประกันตัวเครื่อง 2 ปี, ประกันจอแตก 1 ครั้ง 1 ปี จองจากตัวแทนจำหน่ายที่กำหนด 360 เครื่องแรก ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ รับชุดอุปกรณ์ Xiaomi Smart Home มูลค่ารวม 19,990 บาท ที่มา - งานเปิดตัว Xiaomi Mi11 Movie Magic
# ก.ล.ต. เสนอเงื่อนไขการลงทุนเงินคริปโตต้องมีรายได้สูงและมีเงื่อนไขความรู้ในการลงทุน ไม่เช่นนั้นต้องลงทุนผ่านกองทุนเท่านั้น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นเรื่องการกำหนดคุณสมบัติผู้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยข้อเสนอระบุให้ผู้ลงทุนต้องมีคุณสมบัติทั้งด้านฐานะและความรู้ ด้านฐานะ ผู้ลงทุนต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้: รายได้ปีละเกิน 1 ล้าน, สินทรัพย์รวมเกิน 10 ล้านบาท, มูลค่าหลักทรัพย์/สัญญาซื้อขายล่วงหน้า/สินทรัพย์ดิจิทัล รวมเกิน 5 ล้านบาท ด้านความรู้ ผู้ลงทุนต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้: มีประสบการณ์ลงทุนเงินคริปโต, มีประสบการณ์ลงทุนหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 ปี, เป็นบุคคลากรในธุรกิจตลาดทุน, หรือผ่านการทดสอบด้านการเงิน เช่น CFA, CISA, CAIA, CFP แม้จะผ่านเงื่อนไขทั้งสองข้อแล้ว ข้อเสนอของ ก.ล.ต. ยังกำหนดให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต้องทดสอบผู้ลงทุนอีกชั้น แบบทดสอบแบ่งเป็นสามด้าน คือ ลักษณะ, ความเสี่ยง, และผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยผู้ลงทุนต้องมีคะแนนเกิน 80% ทุกด้าน สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านเงื่อนไขหรือการทดสอบ จะสามารถลงทุนได้ผ่านทางผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น การรับฟังความเห็นนี้จะเปิดรับฟังจนถึงวันที่ 27 มีนาคมนี้ ที่มา - sec.or.th ภาพโดย MichaelWuensch
# Ring เปิดตัว Video Doorbell Pro 2 พร้อมฟีเจอร์ตรวจจับวัตถุที่แม่นกว่าเดิม, กล้องมุมกว้างมองเห็นถึงพื้น Ring เปิดตัวกริ่งประตูอัจฉริยะ Ring Video Doorbell Pro 2 เป็นอุปกรณ์เรือธงในไลน์ โดยรอบนี้มาพร้อมฟีเจอร์ตรวจจับวัตถุที่แม่นยำกว่าเดิม และกล้องมุมกว้างที่เห็นจนถึงพื้น สเปคของกริ่งประตูใหม่จาก Ring จะมาพร้อมกล้องวิดีโอ HD 1536p พร้อมเลนส์ฟิชอายที่สามารถเห็นได้จนถึงพื้น เหมาะกับการส่องดูพัสดุที่มาส่งบ้าน โดยตัวกล้องมีมุมมองกว้างถึง 150 องศาทั้งสองทิศทาง พร้อมไมโครโฟนเพิ่มเติมที่จะช่วยลดเสียงเพี้ยนและได้ยินเสียงชัดขึ้นเมื่อพูดกับแขกที่มาเยือนที่บ้าน ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจของ Video Doorbell Pro 2 คือระบบเรดาร์ที่สแกนไกลสุด 30 ฟุต ทำให้เพิ่มระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวสองอย่าง คือ 3D Motion Detection ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ลดโอกาสตรวจจับและบันทึกการเคลื่อนไหวที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น นกบิน หรือคนเดินผ่านทางเท้านอกบ้าน และ Bird’s Eye View ที่จะคอยติดตามการเคลื่อนไหวของคนในสนามหน้าบ้านได้แบบเรียลไทม์ว่ามีใครเข้ามาในโซนหน้าบ้านหรือไม่และเดินไปทางใดบ้าง ตอนนี้ Ring Video Doorbell Pro 2 ยังมีเฉพาะรุ่นมีสายเท่านั้น ตัวกริ่งประตูยังคงมีขนาดและหน้าตาคล้ายกับรุ่นแรก วางจำหน่ายที่ราคา 250 ดอลลาร์หรือราว 7,500 บาท ที่มา - Engadget
# การนอนคืออะไร? Netflix ทุ่มทุนสร้างคอนเทนต์เกาหลีใต้เพิ่มอีก 500 ล้านเหรียญ ในปี 2015 - 2020 ที่ผ่านมา Netflix ลงทุนสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ในเกาหลีไปแล้วราว 700 ล้านเหรียญ และในงานอีเว้นท์ของ Netflix ที่เกาหลี มีการประกาศลงทุนเพิ่มอีก 500 ล้านเหรียญ พร้อมประกาศไลน์อัพหนังและซีรีส์ออริจินัลใหม่อีกกว่า 10 รายการ ที่เด่นๆ คือซีรีส์ The Silent Sea นำแสดงโดย กงยูและแบ ดูนา Netflix ยังบอกด้วยว่า ตัวเลขผู้ใช้งาน Netflix ในเกาหลีเดือนธันวาคม 2020 ทะลุ 3.8 ล้านรายแล้ว และนอกจากการซื้อลิขสิทธิ์เนื้อหาเกาหลี Netflix ยังได้จัดทำคอนเทนต์เกาหลีแบบออริจินัลมาแล้ว 80 รายการ Ted Sarandos ซีอีโอ Netflix บอกว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเราได้เห็นทั้งโลกตกหลุมรักในคอนเทนต์เกาหลี และบริษัทจะยังคงลงทุนและร่วมมือกับนักเล่าเรื่องชาวเกาหลีในหลากหลายรูปแบบ ภาพจาก Netflix ที่มา - CNBC
# Hungry Hub ข้อมูลผู้ใช้รั่ว 135,000 รายการ บริษัทรีเซ็ตรหัสผ่านแล้ว Hungry Hub บริการจองร้านอาหารล่วงหน้า ประกาศพบข้อมูลรั่วไหล และได้แจ้งให้ผู้ใช้เปลี่ยนรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัย ข้อมูลที่รั่วไป ได้แก่ ชื่อ, อีเมล, รหัสผ่าน (แฮชแบบ bcrypt), หมายเลขไอพี, วันเกิด, หมายเลขโทรศัพท์, หมายเลขประจำตัวผู้ใช้ฟซบุ๊ก, หมายเลขประจำอุปกรณ์ โดยไม่มีข้อมูลบัตรเครดิตแต่อย่างใด ทาง Hungry Hub ได้รีเซ็ตรหัสผ่านผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบและแจ้งผ่าน SMS ที่มา - Facebook: Hungry Hub
# NVIDIA ประเมินยอดขายราว 2-6% ของรายได้รวม มาจากลูกค้าเหมืองคริปโต ในรายงานผลประกอบการของ NVIDIA ไตรมาสล่าสุด ที่รายได้รวมทำสถิติใหม่ บริษัทบอกว่ารายได้ส่วนใหญ่มาจากสองกลุ่มธุรกิจคือเกม และศูนย์ข้อมูล แบ่งตามประเภทสินค้าและช่องทางจัดจำหน่าย แต่หลายคนก็เชื่อว่าลูกค้าที่ซื้อการ์ดจอไปใช้ในงานเหมืองคริปโต น่าจะมีอัตราส่วนที่สูงเช่นกัน Colette Kress ซีเอฟโอของ NVIDIA ได้ตอบคำถามเรื่องนี้บอกว่าบริษัทประเมินว่าลูกค้ากลุ่มที่ซื้อการ์ดจอนำไปใช้งานเหมืองคริปโต Ethereum ทำรายได้ให้บริษัทราว 100-300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่สูงถ้าเทียบกับรายได้รวมบริษัทราว 5,000 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม NVIDIA ยอมรับว่าการตรวจสอบว่าลูกค้าซื้อเพื่อนำไปใช้งานใดจริง ๆ ทำได้ยาก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว NVIDIA ได้ประกาศออกชิปสำหรับงานขุดเงินคริปโตโดยเฉพาะ และประกาศจะอัพเดตไดร์เวอร์ของ RTX 3060 เพื่อลดพลังการขุดของการ์ดลงครึ่งหนึ่ง ที่มา: CoinDesk
# Zoom เพิ่มคำบรรยายเรียลไทม์หรือ closed caption ให้แก่ผู้ใช้งานเวอร์ชั่นฟรีด้วย ฟีเจอร์ closed caption หรือคำบรรยายระหว่างพูดเรียลไทม์นั้น Zoom เริ่มใช้งานในกลุ่มผู้ใช้พรีเมี่ยม ล่าสุด Zoom ประกาศขยายฟีเจอร์นี้ให้ครอบคลุมผู้ใช้งานแบบฟรีด้วย โดย Zoom เปิดให้ผู้ใช้งานเข้ามากรอกฟอร์มแสดงความประสงค์ต้องการใช้ฟีเจอร์นี้ และจะได้รับอีเมลยืนยันการใช้งานอีกครั้ง ฟีเจอร์ closed caption ยังรอบรับเฉพาะภาษาอังกฤษ ที่มา - The Verge
# ทีมงาน CD Projekt RED ทำงานไม่ได้เกือบ 2 สัปดาห์หลังบริษัทถูกแฮก, ต้องเลื่อนปล่อยแพทช์ เมื่อวานนี้ CD Projekt RED ออกมาประกาศเลื่อนแพทช์ 1.2 สำหรับ Cyberpunk 2077 เป็นช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคม จากที่ควรจะออกในเดือนนี้ โดยให้สาเหตุกว้าง ๆ ว่าเกิดจากการถูกแฮกและขโมยข้อมูล เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทว่า Jason Schreier นักข่าวสายสืบสวนอุตสาหกรรมเกมของ Bloomberg ได้ข้อมูลวงในออกมาว่า จากเหตุการดังกล่าว ทำให้ทีมงานไม่สามารถทำงานได้ถึง 2 สัปดาห์ เพราะพนักงานถูกตัดการเชื่อมต่อไปยัง VPN ภายในบริษัท รวมถึงแอคเคาท์พนักงานยังถูกระงับเพื่อตรวจสอบ และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ก็ถูกนำไปตรวจสอบด้วยว่ามีการติดมัลแวร์หรือไม่ด้วย ที่มา - Bloomberg
# Google Cloud เปิดตัว GKE Autopilot บริการ Kubernetes แบบไม่ต้องจัดการเอง จ่ายตาม Pod ที่รันจริง Google Cloud เปิดตัวบริการ GKE Autopilot บริการ Kubernetes อัตโนมัติกว่าเดิม ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องจัดการขนาดคลัสเตอร์ด้วยตัวเองอีกต่อไป GKE เดิมเปิดให้ผู้ใช้จัดการ worker node ของคลัสเตอร์ได้ด้วยตัวเอง ทำให้เลือกระบบปฎิบัติการของ node เหล่านี้ได้ และสามารถเลือกจำนวน node ได้เอง รวมถึงต้องจ่ายค่าบริการตามขนาดคลัสเตอร์ที่เลือกไว้ แต่ใน GKE Autopilot ผู้ใช้จะไม่ต้องจัดการ worker node อีกต่อไป แต่จะจ่ายตามซีพียูและหน่วยความจำของ Pod ที่ใช้งานอยู่เท่านั้น โดยแต่ละ Pod ใน GKE Autopilot จะมีขนาดเล็กที่สุดคือ 0.25 vCPU, RAM 512MiB, และดิสก์ 10 MiB ต่อคอนเทนเนอร์ ข้อจำกัดสำคัญคือไม่สามารถรัน Pod แบบ privileged และไม่สามารถติดตั้งค่าจำกัดสิทธิ์ของ Pod ได้เอง สิทธิ์บางอย่างเช่น CAP_NET_RAW นั้นห้ามใช้งานทั้งหมดทำให้ไม่สามารถรัน ping จากใน Pod ได้ ที่มา - Google Cloud Blog
# True Online เปิดตัว Prepay True Wireless Hi-Speed เน็ตบ้านไร้สายแบบเติมเงิน เริ่มต้นชั่วโมงละ 29 บาท True Online เน้นย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีเน็ตบ้าน เปิดบริการใหม่ Prepay True Wireless Hi-Speed เน็ตบ้านไร้สายแบบเติมเงิน ความเร็วสูงสุด 200 Mbps ทันที โดยมีแพ็กเกจให้เลือกทั้งแบบรายชั่วโมง รายวัน และรายสัปดาห์ ในราคาเริ่มต้นเพียง 29 บาท ใช้งานสะดวก เหมือนใช้โทรศัพท์แบบเติมเงิน แค่เติมเงินซื้อแพ็กเกจเท่าที่ต้องการจะใช้งานก็สามารถเข้าใช้บริการเน็ตความเร็วสูงได้ทันที คุณธนภูมิ ภาคย์วิศาล ผู้อำนวยการและหัวหน้าสายงานการพาณิชย์ ทรูออนไลน์ บมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "ทรูออนไลน์ ในฐานะผู้นำบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตอันดับ 1 ของไทย มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยทุกกลุ่มมาโดยตลอด ล่าสุด พร้อมนำเสนอบริการใหม่ Prepay True Wireless Hi-Speed Prepay True Wireless Hi-Speed เน็ตไร้สาย แบบเติมเงิน ซึ่งเป็นอีกขั้นของการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องจากทรูออนไลน์ โดยเฉพาะเรื่องของการเพิ่มช่องสัญญาณ" นวัตกรรมใหม่นี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ True Online ในการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดแก่คนไทย ด้วยการสรรหาเทคโนโลยีใหม่ๆ และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอินเทอร์เน็ตบ้านของไทยเทียบเท่ามาตรฐานโลกมาตลอด 16 ปี การันตีโดย 2 รางวัลจากสถาบันทดสอบคุณภาพอินเทอร์เน็ตระดับโลก nPerf คือ “รางวัลอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ที่ดีที่สุดในไทยประจำปี 2563” และ “รางวัลไฟเบอร์ดีที่สุดประจำปี 2563” Prepay True Wireless Hi-Speed เป็นการให้บริการผ่าน Wi-Fi แบบ dual-band ที่มีทั้ง Wi-Fi แบบ 2.4Ghz และ 5GHz โดยเพิ่มช่องสัญญาณแบนด์วิธขึ้นมาแบบพิเศษ ที่แม้จะทำงานอยู่บนเครือข่ายของ True Fiber Internet แต่ไม่ไปรบกวนการใช้งานของผู้ใช้เดิมแน่นอน True Online พัฒนาเครือข่ายแบบ Fixed Wireless network กับ Fixed Broadband ที่อยู่บนเน็ตเวิร์คหลัก (Core Network) เดียวกัน ให้ผสมผสานร่วมกับโครงข่ายรองที่เข้าถึงพื้นที่ใช้งาน (Last Mile Network ) และอุปกรณ์โมเด็ม/เร้าเตอร์ และทำการทดลองทดสอบบริการนี้มาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา จนมั่นใจว่ามีคุณภาพและความเสถียรที่น่าพอใจ จึงพร้อมนำนวัตกรรมใหม่นี้ มาเปิดให้บริการ Prepay True Wireless Hi-Speed ให้กับผู้ใช้ ในเบื้องต้น Prepay True Wireless Hi-Speed จะครอบคลุมบริเวณชุมชน ห้างต่างๆ กว่า 100,000 จุด โดยใช้ชื่อเครือข่ายว่า @TrueHiSpeed และจะขยายการให้บริการไปยังอาคารพักอาศัย และจุดอื่นๆ ในอนาคต ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีการใช้อุปกรณ์เครือข่ายเพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิดทั้งการทำงานนอกสถานที่ และการเรียนออนไลน์ นอกจากนี้ยังเสริมสร้างความสะดวก ให้กับผู้ที่ไม่อยากหรือไม่สามารถติดตั้งหรือเดินสายไฟเบอร์ เช่นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา คนทำงานที่พักอาศัยอยู่หอพัก อพาร์ทเมนต์ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้งานในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ไม่อยากมีสัญญาผูกมัดระยะยาว การใช้งานทำได้โดยการเลือกเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ชื่อ @TrueHiSpeed จากนั้นกดปุ่มเลือกแพกเกจที่ต้องการสมัคร และกรอกเบอร์โทรศัพท์เพื่อรับหมายเลข OTP ก่อนใส่รหัส OTP เพื่อยืนยันการซื้อ จากนั้นรับ SMS ยืนยันการซื้อ พร้อมรหัสผ่านลงชื่อเข้าใช้งาน โดยหนึ่งล็อกอิน สามารถใช้งานได้พร้อมกันถึง 3 อุปกรณ์ ยอดเงินจะตัดจากใบเสร็จในเดือนถัดไป หรือจากวงเงินในเบอร์โทรศัพท์ของเครือข่าย True สำหรับเครือข่ายอื่น สามารถใช้งานได้ผ่านบัตร Truemoney หรือ Truemoney Wallet และจะมีการเพิ่มช่องทางชำระเงินอื่นในอนาคต True Online เตรียมเปิดให้บริการเน็ตบ้านไร้สาย Prepay True Wireless Hi-Speed อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มีนาคม 2564 ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หน้าเพจของ Prepay True Wireless Hi-Speed
# สตรีมมิ่ง CBS All Access รีแบรนด์เป็น Paramount+ ฉายรายการในเครือ และหนัง Paramount CBS บริษัทกลุ่มสื่อและความบันเทิงรายใหญ่ในสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ทำสตรีมมิ่งแข่งกับรายอื่นๆ ด้วยคือ Paramount+ เกิดจากการรีแบรนด์ใหม่ของ CBS All Access สตรีมมิ่งที่รวมรายการทีวี วาไรตี้ ข่าวและกีฬา โดย Paramount+ นอกจากเป็นแบรนด์ใหม่แล้ว ยังถือเป็นบริการสตรีมมิ่งตัวใหม่จะเปิดรีแบรนด์และให้บริการใหม่ในเดือนมีนาคมนี้และเพิ่มหนังจากค่ายหนัง Paramount เข้ามาด้วย ในการประชุมผลประกอบการไตรมาสสี่ ทาง CBS เปิดเผยแพ็กเกจราคา Paramount+ คือ 5 ดอลลาร์ต่อเดือนแบบมีโฆษณา และแพ็กเกจพรีเมียม 10 ดอลลาร์ต่อเดือน เพิ่มรายการข่าวสดและไม่ต้องมีโฆษณา นอกจากนี้ ตัวค่าย Paramount ก็วางแผนจะนำหนังมาลงสตรีมมิ่งหลังฉายในโรงภาพยนตร์ 30-45 วัน ตัวอย่างหนังดังค่าย Paramount คือ Quiet Place Part II, Mission Impossible 7 เป็นต้น ด้านเนื้อหาเด่นๆ ที่จะสตรีมใน Paramount+ คือ Halo เป็นซีรีส์ออริจินัล, StarTrek Prodigy เป็นต้น หรือดูรายชื่อเต็มๆ ได้ที่แหล่งข่าวต้นทาง ที่มา - Engadget, CBS
# ซีอีโอ PlayStation เผยคนซื้อ PS5 กว่า 25% ไม่ได้เป็นเจ้าของ PS4 Jim Ryan ซีอีโอของ PlayStation เปิดเผยว่ายอดคนซื้อ PlayStation 5 กว่า 1/4 หรือ 25% ไม่ได้เป็นเจ้าของ PlayStation 4 มาก่อน (อาจตรวจสอบจากอีเมลที่ล็อกอิน PSN) โซนี่เปิดเผยในผลประกอบการว่าไตรมาสแรก PlayStation 5 ทำยอดขายไปได้ราว 4.5 ล้านเครื่อง แสดงว่ามีเจ้าของ PlayStation หน้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว ทั้งนี้ Jim ยืนยันด้วยว่ากำลังแก้ปัญหาสินค้าขาดแคลนและน่าจะแก้ได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ที่มา - IGN
# เคราะห์ซ้ำกรรมซัด, ไต้หวันสั่งลดการใช้น้ำ กระทบโรงงานผลิตชิปที่ผลิตไม่ทันอยู่แล้ว ตอนนี้ไต้หวันกำลังประสบปัญหาระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลงต่ำเข้าขั้นวิกฤติ ทำให้รัฐบาลเริ่มสั่งลดปริมาณการใช้น้ำในหลายเมือง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตชิปของทั้ง TSMC และ UMC ที่กำลังประสบปัญหาผลิตชิปให้อุตสาหกรรมไอทีและรถยนต์ไม่ทัน TSMC เคยเปิดเผยว่าใช้น้ำวันละ 156,000 ตันต่อวันในกระบวนการผลิตชิป โดยถึงแม้ TSMC จะมีการนำน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ซ้ำอยู่แล้วในกระบวนการ อย่างในปี 2019 บริษัทเผยว่าได้รียูสน้ำในกระบวนการผลิตราว 86.7% ของน้ำที่ใช้ทั้งหมด แต่บริษัทก็เกรงว่าหากสถานการณ์ฝนยังไม่ดีขึ้นภายในเดือนพฤษภาคม ปัญหาใหญ่จะตามมาแน่นอน ตัวอย่างของปริมาณน้ำที่เข้าขั้นวิกฤติในไต้หวันขณะนี้ อย่างใน Baoshan ที่มีอ่างเก็บน้ำ 2 อ่างมีปริมาณน้ำที่ 25.6% และ 14.7% หรือ 2 อ่างที่ป้อนน้ำให้กับนิคม Taichung Science Park อยู่ที่ 16.6% และ 13.9% เป็นต้น โดยหน่วยงานด้านชลประทานไต้หวันคาดว่า ปริมาณน้ำปัจจุบันน่าจะส่งไปใช้อุปโภคบริโภคได้อีกไม่เกิน 60 วัน ที่มา - Asian Nikkei Review Photo courtesy of TSMC
# Unity เผยผลสำรวจ ปี 2020 คนเล่นเกมในวันธรรมดาเพิ่มขึ้น 52% ชนะวันสุดสัปดาห์แล้ว Unity เผยผลสำรวจเกมที่ใช้เอนจิ้นของบริษัทในปี 2020 ซึ่งมีจำนวนผู้เล่นกว่า 2.8 พันล้านคน พบว่าความแตกต่างระหว่างจำนวนผู้ที่เล่นเกมในวันธรรมดาเมื่อเทียบกับสุดสัปดาห์ เพิ่มขึ้นถึง 52% โดยเป็นการเพิ่มในฝั่งของวันธรรมดา และเอาชนะยอดผู้เล่นเกมในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้แล้ว นอกจากนี้ผลสำรวจยังระบุข้อมูลอื่นๆ ในวงการเกม เช่นชี้ว่าเกมผู้เล่นหลายคนควรโฟกัสไปที่การออกคอนเทนต์ใหม่ เพราะการออกคอนเทนต์ใหม่ ช่วยเพิ่มยอดผู้เล่นได้กว่า 11% ส่วนวงการเกมมือถือมียอดผู้เล่นสูงขึ้นในช่วงต้นปี ก่อนจะตกลงช่วงกลางปี และมียอดผู้เล่นต่ำกว่าปี 2019 แต่ยอดใช้จ่ายในมือถือก็ยังเติบโตอยู่ที่ 8% และยอดใช้จ่ายวันแรกในแอป ก็เพิ่มขึ้นถึง 50% ยอดผู้เล่นเกมมือถือต่อวันลดลง แต่ยอดใช้จ่ายเพิ่ม ยอดผู้เล่นเกมระดับ HD เพิ่มขึ้นสูงกว่าปี 2019 มาก ผู้เล่นรายวันเติบโตถึง 38.27% โดยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และพุ่งขึ้นสูงสุดในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2020 จากอากาศที่หนาวเย็นและผู้คนต้องอยู่บ้านมากขึ้น ส่วนยอดผู้เล่นที่กลับมาเล่นเกมทุกวันในหนึ่งเดือน (“stickiness”) ก็เติบโตถึง 1.82% และจบปีด้วยตัวเลข all-time-high เช่นกัน คาดว่ามาจากการเปิดตัวของเครื่องเกมเจ็นใหม่ ยอดผู้เล่นเกม HD ต่อวันเพิ่มขึ้นช่วงสิงหาคมถึงตุลาคม ในด้านการเติบโตของรายได้ มีเกมสองประเภทที่มีรายได้จากโฆษณาเติบโตมากที่สุดในปี 2020 คือเกมแอ็กชั่นและการ์ดเกม โดยในปี 2019 รายได้จากโฆษณาในเกมแอ็กชั่นเติบโตเพียง 1.9% ส่วนการ์ดเกมเติบโต 66.5% แต่ในปี 2020 เกมแอ็กชั่นมีรายได้จากโฆษณากลับมาโตถึง 51.9% ส่วนการ์ดเกมรายได้เติบโตพุ่งสูงถึง 108.1% เลยทีเดียว สรุปได้ว่าปี 2020 น่าจะเป็นปีที่ดีในแง่รายได้ของวงการเกม ทั้งเกมมือถือที่แม้จะมีผู้เล่นต่อวันน้อยลง แต่ก็จ่ายมากขึ้น ส่วนวงการเกมระดับ HD ก็เติบโตอย่างมากจากการกักตัวอยู่บ้านเพราะ COVID-19 แถมยังประจวบเหมาะกับการเปิดตัวเครื่องเกมเจ็นใหม่ในช่วงปลายปีอีกด้วย ที่มา - VentureBeat
# Facebook สั่งแบนแอคเคาท์ที่เกี่ยวกับกองทัพเมียนมาทุกแอคเคาท์ทุกแพลตฟอร์ม หลังกองทัพของเมียนมา (ตะมะดอว์) ถูกทั่วโลกประนามและยึดทรัพย์สินไปจนถึงห้ามเดินทาง ล่าสุด Facebook ออกมาประกาศท่าทีคล้ายกันคือสั่งแบนทุกแอคเคาท์ ทุกกิจกรรมของกองทัพบนแพลตฟอร์มทั้ง Facebook และ Instagram รวมถึงสื่อและโฆษณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน Facebook บอกว่าปฏิบัติกับกองทัพเมียนมาบนมาตรฐานเดียวกันกับบุคคลหรือหน่วยงานอื่น แต่กรณีนี้มีข้อพิจารณาเพิ่มเติมจากข้อมูลของหน่วยงานอิสระที่ดูแลด้านการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีเมียนมาของสหประชาชาติเมื่อปี 2019 (UN Fact-Finding Mission on Myanmar) และหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights) พบว่า กองทัพเมียนมา ที่มีอำนาจมหาศาลและไม่มีกระบวนการตรวจสอบ มีประวัติละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้ความรุนแรงในอนาคต พฤติกรรมที่ผ่านมาของกองทัพเมียนมาบน Facebook ที่ละเมิดกฎอยู่เป็นประจำ ต้องบังคับใช้กฎของแพลตฟอร์มซ้ำแล้วซ้ำอีก ละเมิดแพลตฟอร์มครั้งล่าสุดหลังรัฐประหาร 1 กุมภาพันธ์ พฤติกรรมทั้งหมดเสี่ยงต่อการใช้ความรุนแรงและการคุกคามบนโลกออนไลน์ ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงในโลกจริง ที่มา - Facebook ภาพนายพล Min Aung Hlaing หัวหน้าคณะรัฐประหารพม่า จากช่อง YouTube กองทัพพม่า
# โจ ไบเดน ลงนามแก้ปัญหาชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน กระทบการผลิตรถยนต์ อุปกรณ์ไอที กลายเป็นปัญหาระดับชาติไปแล้วสำหรับภาวะชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน กระทบอุตสาหกรรมเทคโนโลยี, รถยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้า จนรัฐบาลโจ ไบเดน ต้องวางแผนแก้ไขปัญหานี้ ล่าสุดทำเนียบขาวออกมาประกาศว่าจะมีการลงนามคำสั่งบริหารแก้ปัญหาอย่างเป็นทางการ ในคำสั่งระบุต้องมีการตรวจสอบทันที 100 วันในหน่วยงานของรัฐบาลกลาง เพื่อแก้ไขช่องโหว่ห่วงโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์หลัก 4 รายการ คือ Active pharmaceutical ingredients หรือ APIs ส่วนประกอบสำคัญในการผลิตยา, แร่ธาตุที่ใช้ในการผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้า, แบตเตอรี่ความจุสูง และชิปเซมิคอนดักเตอร์ ภาพจาก Facebook ทำเนียบขาว หน่วยงาน Semiconductor Industry Association ระบุว่า ปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์มาจากภาวะโรคระบาดเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ลดกำลังการผลิตลง การผลิตเทไปที่คอมพิวเตอร์มากขึ้นเพราะการทำงานที่บ้านเกิดขึ้นทั่วโลก จนกระทั่งรถยนต์เริ่มกลับมาผลิตก็กลายเป็นว่ามาเจอปัญหาชิปขาดแคลน ข้อมูลจาก Semiconductor Industry Association ยังบอกด้วยว่า บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ คิดมูลค่าเป็น 47% ของมูลค่าการซื้อขายชิปทั่วโลก แต่มีการผลิตชิปเกิดขึ้นในประเทศเพียง 12% ก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้บริหารบริษัทชิป Intel Corp. , Qualcomm Inc. และ Advanced Micro Devices Inc. ก็เขียนจดหมายถึงไบเดน กระตุ้นให้เกิดการผลิตชิปในประเทศ หลังเริ่มมีคู่แข่งทั้งจากจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ที่มา - ทำเนียบขาว, Washington Post
# Google เปิดเว็บ Google Recorder สำหรับเล่นและถอดเสียงจากแอป Recorder บน Pixel Google เปิดตัว Recorder แอปอัดเสียงที่มาพร้อมความสามารถในการถอดคำจากเสียงแบบเรียลไทม์ตั้งแต่ตอนเปิดตัว Pixel 4 ล่าสุดมีคนค้นพบว่า Google มีเว็บ recorder.google.com สำหรับเล่น ค้นหาหรือตัดต่อไฟล์เสียงที่แบ็คอัพและซิงก์จาก Pixel แล้ว หนึ่งในจุดเด่นของ Google Recorder คือการถอดเสียงแบบเรียลไทม์ รวมถึงเราสามารถค้นหาคำที่ถอดไว้แล้วได้ด้วย ซึ่งตัวเว็บแอปจะมีความสามารถคล้ายกับแอปบน Pixel ทั้งหมด ยกเว้นแค่ไม่สามารถอัดเสียงได้เท่านั้น ทั้งนี้แอป Recorder บน Pixel ต้องได้อัพเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดด้วย (น่าจะทยอยปล่อย) ถึงจะสามารถซิงก์กับเว็บได้ ที่มา - 9to5Google
# Bioware หยุดพัฒนา Anthem แล้ว หันไปโฟกัส Dragon Age, Mass Effect และ Star Wars: The Old Republic แทน Christian Dailey ผู้อำนวยการสร้างเกมของ Bioware Austin ลงประกาศในบล็อกของ Bioware เพื่อสื่อสารกับผู้เล่นโดยตรงว่าทีมงานจะหยุดพัฒนาแพทช์ต่อไปของ Anthem หรือ Anthem NEXT แล้ว และกล่าวว่าการระบาดของ COVID-19 ในปี 2020 ที่ผ่านมา ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน และทำให้สิ่งที่ทีมงานเคยวางแผนไว้ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ Daily ระบุว่าเขารู้ว่ามันน่าผิดหวัง ทั้งกับผู้เล่นและทีมงาน เพราะ Anthem เป็นเกมที่ทำให้เขาได้เข้ามาร่วมงานกับ Bioware และช่วงเวลาสองปีที่เขาอยู่กับเกมนี้ เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายและมอบประสบการณ์อันมีค่าให้กับเขามากที่สุดนับตั้งแต่เขาทำงานในวงการนี้มา นอกจากนี้เขายังระบุว่าทีมงานเตรียมโฟกัสกับเกม Dragon Age, และ Mass Effect ภาคต่อไป รวมถึงการพัฒนาเกมออนไลน์ Star Wars: The Old Republic ต่อด้วย และขอขอบคุณสมาชิกชมชน Anthem ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Anthem เป็นเกมที่ใช้โมเดลทำเงินแบบ “เกมในรูปแบบบริการ” (game as a service) หรือเกมที่จะพัฒนาไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นบริการหนึ่ง เพื่อทำเงินต่อเนื่องได้ในระยะยาว แต่เปิดตัวได้ไม่ดีนัก และทำคะแนน Metacritic ไปได้เพียง 59/100 คะแนน ถือเป็นจุดด่างพร้อยของ Bioware ที่สร้างเกม RPG แบบเนื้อเรื่องที่มีคุณภาพมามากมาย และ Jason Schreier จาก Kotaku (ปัจจุบันอยู่ Bloomberg) เคยเขียนบทความเล่าถึงเบื้องหลังของปัญหานี้ไว้ ที่มา - Bioware Blog
# เปิดตัว Microsoft Cloud เจาะรายอุตสาหกรรม 5 ชนิด มีฟีเจอร์เฉพาะอุตสาหกรรม ไมโครซอฟท์เปิดตัวบริการคลาวด์เฉพาะอุตสาหกรรมเพิ่ม 3 กลุ่ม รวมกับของเดิมที่เปิดตัวไปแล้วเมื่อเดือนมกราคม 2 กลุ่ม เป็นทั้งหมด 5 กลุ่ม ได้แก่ Microsoft Cloud for Financial Services Microsoft Cloud for Manufacturing Microsoft Cloud for Nonprofit Microsoft Cloud for Healthcare Microsoft Cloud for Retail สังเกตว่าชื่อของบริการเหล่านี้ใช้คำว่า Microsoft Cloud เพราะไม่ได้มีเฉพาะ Azure อย่างเดียว แต่รวมไปถึง Microsoft 365, Teams, Power Platform, Dynamics 365 และบริการด้านความปลอดภัยด้วย แนวทางของไมโครซอฟท์คือนำผลิตภัณฑ์ในชุดมาจัดเป็น Microsoft Cloud แล้วเพิ่มฟีเจอร์เฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรมเข้าไป เช่น บริการสำหรับสายการเงินมีฟีเจอร์ Loan Manager ใช้จัดการระบบกู้เงิน, บริการสำหรับหน่วยงานไม่หวังผลกำไร มีฟีเจอร์จัดการอาสาสมัครและการระดมทุน, บริการคลาวด์ภาคการผลิตจะรองรับมาตรฐาน IoT ยอดนิยม และเทคโนโลยีเฉพาะทางที่ใช้ในโรงงาน, คลาวด์สำหรับค้าปลีกมีระบบจัดการสต๊อกสินค้า เป็นต้น การออกโซลูชันเจาะเฉพาะอุตสาหกรรมไม่ใช่เรื่องใหม่ของวงการไอที คู่แข่งของไมโครซอฟท์เองอย่าง IBM มีบริการ IBM Cloud for Financial Services อยู่ก่อนแล้ว ส่วนคู่แข่งรายอื่นๆ ทั้ง AWS, Google Cloud, Oracle ก็มีโซลูชันเฉพาะเช่นกัน ที่มา - Microsoft
# KBTG เปิดแผนก Software Development Excellence สร้างทีม DevX เสริมทัพนักพัฒนา ธนาคารกสิกรไทย ไม่ได้เติบโตอยู่ที่ประเทศไทยอีกต่อไปแล้ว แต่ตั้งเป้าใหญ่ขยายไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาทางธนาคารเริ่มขยายธุรกิจเข้าไปในประเทศจีน สปป.ลาว เมียนมา อินโดนีเซีย กัมพูชา และเวียดนาม ในรูปแบบธนาคารท้องถิ่น ธนาคารร่วมลงทุน และสาขาของธนาคาร KBTG บริษัทเทคโนโลยีภายใต้ธนาคารกสิกรไทยจึงต้องคิดสูตรใหม่ เฟ้นหาระบบที่ช่วยให้นักพัฒนาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวแผนก Software Development Excellence มาพัฒนา Automate Tools เพื่อให้การพัฒนาซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพสูงสุด โครงสร้างแผนก Software Development Excellence Software Development Excellence มาพร้อม 4 ทีมย่อย Agile, DevOps, Software Development Methodology และ DevX แต่ละทีมจะนำ use case ที่ดีที่สุดของแต่ละ guild ใน KBTG มาสร้างโซลูชั่นตรงกลางสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งหมด คุณจิรัฎฐ์ ศรีสวัสดิ์ Assistant Managing Director แผนก Software Development Excellence ของ KBTG บอกว่า ตัวแผนกตั้งขึ้นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยระยะแรกได้เปิดตัวทีม DevX ขึ้นมาก่อน เป้าหมายของทีมคือ สร้างแพลตฟอร์มที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความซับซ้อน ผลิตซอฟต์แวร์หรือนำเครื่องมือใหม่ๆ มาปิดช่องว่างการทำงานได้ ทีม DevX จะช่วยเพิ่มความสามารถในการติดตามและตรวจสอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันตั้งแต่ต้นจนจบหรือ Application Observability ทั้ง Logging, Metrics, และ Tracing โดยประสานงานกับทีม Infrastructure ในการวางมาตรฐานและพัฒนา Common Library เพื่อส่งต่อให้กับทีมแอปพลิเคชัน สร้าง Developer Utility Platform ให้การทำงานเป็น Automation ให้มากที่สุด รวมแอปพลิเคชันทั้งบริษัทให้มาอยู่ในที่เดียวกันเพื่อความสะดวกในการจัดการ สามารถดู blueprint ด้านล่างเพื่อให้เห็นภาพเพิ่มเติมได้ แนวคิดของทีม DevX คล้ายกับการทำสตาร์ทอัพ กล่าวคือ สตาร์ทอัพสร้างบริการจาก pain point ของลูกค้า แต่ทีม DevX ต้องสร้างโซลูชั่นจาก pain point ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยกันเอง คุณจิรัฎฐ์บอกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะบริษัทในซิลิคอนวัลเล่ย์อย่าง Google, Facebook, Uber ต่างก็ใช้วิธีนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ยริษัทเหล่านั้นโตเร็ว และออกฟีเจอร์ใหม่ทันความต้องการของตลาด อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นอะไรใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและมีความท้าทายหลายอย่างรออยู่ เช่น ทำอย่างไรให้คนเป็นร้อยคนสามารถทำงานที่ไม่ซ้ำกัน ทำอย่างไรจึงจะได้คนที่มีทักษะ soft skill สื่อสารเก่ง และที่สำคัญคือมีความเข้าใจปัญหาของนักพัฒนาด้วยกันอย่างถ่องแท้ สรุป การเปิดตัวทีมใหม่ของ KBTG ครั้งนี้ สร้างความแตกต่าง และเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ Tech Company ลำดับต้นๆ ของไทย เพราะลำพังการมีนักพัฒนาซอฟต์แวร์และวิศวกรเก่งๆ นั้นไม่พอ ต้องมีกระบวนการและระบบที่ทำให้การสร้างงานนั้นทำได้ลื่นไหลและรวดเร็ว ซึ่ง KBTG มองเห็นจุดนี้ จนถึงตอนนี้ แผนก Software Development Excellence มีคนทำงานราว 40-50 โดย KBTG ตั้งเป้าที่จะมีพนักงานในแผนกนี้ประจำทั้งในไทย จีน และเวียดนาม ทางบริษัทเปิดรับสมัครคนที่สนใจอยากร่วมงานด้วยเช่นกัน สามารถส่งใบสมัครมาที่ [email protected]
# Epic ยอมความคดี Loot Box เกม Fortnite แต่ไม่จ่ายเป็นเงินจริง จ่ายเป็นเครดิตในเกมแทน เกม Fortnite เคยขายไอเทมชื่อ Loot Llama ซึ่งเป็นการรวมไอเทมแบบสุ่มอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนเลิกไปในช่วงต้นปี 2019 หลังมีกระแสต่อต้าน loot box ไปทั่วโลก แต่ก็ยังมิวายโดนผู้เล่นยื่นฟ้องแบบกลุ่ม (class action) เรียกค่าเสียหายจากการถูกทำให้เข้าใจผิด สัปดาห์นี้ Epic เจรจายอมความกับผู้เล่นแล้ว แต่รูปแบบการยอมความต่างไปจากคดีอื่นๆ ที่บริษัทจ่ายค่าชดเชยให้เป็นเงินจริง (ตัวอย่างคดีของกูเกิล) เพราะ Epic เลือกจ่ายเป็นสกุลเงิน V-Bucks ในเกม Fortnite แทน ผู้เล่นทุกคนที่เคยซื้อไอเทม Loot Llama ทุกคนจะได้เงินเสมือน 1,000 V-Bucks (เทียบเป็นเงินจริงประมาณ 8 ดอลลาร์) แม้คดีฟ้องเฉพาะในสหรัฐ แต่ Epic ก็ประกาศแจก 1,000 V-Bucks ให้ผู้เล่นทั่วโลก นอกจากเกม Fortnite แล้วยังมีเกม Rocket League ที่ถูก Epic ซื้อมาในปี 2019 และมีกรณีขายไอเทมแบบสุ่มชื่อ Event Crate อีกเหมือนกัน (เลิกขายไปพร้อม Fortnite ในยุคที่ Epic เป็นเจ้าของแล้ว) ก็จะได้เครดิตคืนจำนวน 1,000 เครดิตด้วยเช่นกัน ตัวเลขของ Epic เองประเมินว่ามีผู้เล่นที่จะได้รับสิทธินี้ 6.5 ล้านราย (Fortnite) และ 2.9 ล้านราย (Rocket League) คิดเป็นเงินจริงมูลค่า 78.3 ล้านดอลลาร์ แต่เว็บไซต์ Ars Technica ประเมินว่าต้นทุนจริงๆ ของ Epic น้อยกว่านี้มาก เพราะไม่ต้องจ่ายเงินจริงๆ ออกไป, ผู้เล่นบางคนไม่ได้กดรับสิทธิ, หรือรับสิทธิแล้วไม่ได้ใช้เครดิตในเกม อีกทั้งยังเป็นเหมือนการแจกโปรโมชั่นให้ผู้เล่นกลับเข้ามาเล่นใหม่ด้วย ที่มา - Fortnite, Ars Technica
# ออสเตรเลียผ่านกฎหมายบังคับเฟซบุ๊ก, กูเกิลจ่ายเงินผู้ผลิตเนื้อหาอย่างเป็นทางการ ออสเตรเลีย ผ่านกฎหมายบังคับเฟซบุ๊ก, กูเกิลจ่ายเงินผู้ผลิตเนื้อหารวมถึงสำนักข่าวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีชื่อกฎหมายว่า News Media and Digital Platforms Mandatory Bargaining Code โดยเป็นการผ่านกฎหมายหนึ่งวัน หลังรัฐบาลประกาศปรับกฎหมายให้สอดคล้องกับแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น การยอมผ่อนปรนของรัฐบาลทำให้เฟซบุ๊กยอมกู้คืนการมองเห็นและแชร์ข่าวให้แก่ผู้ใช้งานออสเตรเลีย ซึ่งเฟซบุ๊กทำไปเพื่อตอบโต้กฎหมายดังกล่าว ด้าน Josh Frydenberg รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ Paul Fletcher รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร ระบุในแถลงการณ์ว่า หลักจรรยาบรรณนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า ธุรกิจสื่อข่าวจะได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรมสำหรับเนื้อหาที่พวกเขาสร้างขึ้น และยินดีที่ได้เห็นความคืบหน้าทั้งจากกูเกิลและเฟซบุ๊ก ในการบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับธุรกิจสื่อข่าวในออสเตรเลีย ภาพจาก Josh Frydenberg ก่อนกฎหมายผ่านสภา เฟซบุ๊กเผยว่าได้เจรจาต่อรองเพิ่มเติมกับรัฐบาลออสเตรเลีย และบอกว่าได้ผลที่น่าพึงพอใจ ส่วนกูเกิลก็ได้ทำข้อตกลงทางการค้ากับบริษัทกลุ่มสื่อในออสเตรเลียไปแล้ว ด้านไมโครซอฟท์ ที่ออกตัวสนับสนุนกฎหมายนี้ได้วิ่งเต้น คุยกับสมาคมสื่อในยุโรปหลายแห่ง และออกมาเรียกร้องให้ยุโรปออกกฎหมายลักษณะเดียวกับออสเตรเลีย ที่มา - CNBC
# Airbnb เพิ่มตัวเลือกค้นหาที่พัก Flexible Dates ระบุสถานที่ ยังไม่ต้องระบุวันที่จะไป Airbnb ประกาศเพิ่มตัวเลือกแบบใหม่ในการค้นหาที่พัก Flexible Dates จากเดิมที่ผู้ใช้งานค้นหาที่พักจะต้องกำหนดวันที่ต้องการเข้าพัก ในตัวเลือกแบบใหม่นี้สามารถกำหนดค่าค้นหาแบบกว้าง ๆ ได้ เช่น ต้องการพักช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือตลอดสัปดาห์ หรือยาวหนึ่งเดือน โดยค่าที่ต้องระบุมีเพียงเมืองหรือสถานที่ ที่ต้องการเดินทางไป การค้นหาแบบยืดหยุ่นวันเดินทางนี้ เป็นไปตามที่ Airbnb รายงานจากผลสำรวจ ว่าคนต้องการเลือกเดินทางท่องเที่ยวนอกช่วงเทศกาลมากขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบจากโควิด-19 นั่นเอง และ Airbnb มองว่ารูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวใหม่นี้จะเปลี่ยนไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง ตัวเลือกการค้นหาแบบใหม่นี้จะเริ่มทยอยเปิดใช้งาน โดยสามารถเลือกค้นหาได้ทั้งแบบระบุวันหรือแบบเป็นช่วง Flexible Dates นี้ ที่มา: Airbnb
# Loki ซีรีส์มาร์เวลอีกหนึ่งเรือธงของ Disney+ ได้วันลงฉาย 11 มิ.ย. ซีรีส์มาร์เวล Loki อีกหนึ่งเรือธงของ Disney+ รับบทโดย Tom Hiddleston ได้วันลงฉายแล้ว หลังจากเลื่อนมาจากเดือนพฤษภาคม เป็นวันที่ 11 มิถุนายนนี้ โดย Loki เป็นซีรีส์มาร์เวลเรื่องที่สามบน Disney+ ต่อจาก WandaVision ที่ตอนนี้กำลังฉายอยู่ และ the Falcon and the Winter Soldier ที่กำลังจะฉายในวันที่ 19 มีนาคมนี้ จนถึงตอนนี้ Disney+ ก็ยังไม่เปิดให้บริการในไทย ภาพจาก Loki Official Twitter ที่มา - Engadget
# YouTube เปิดทดสอบบัญชีเด็กโต อีกทางเลือกนอกเหนือจาก YouTube Kids พ่อแม่ยังควบคุมได้ การใช้งาน YouTube Kids นั้นเหมาะสำหรับเด็กเล็ก แต่ YouTube ช่องทางปกติ ก็ยังมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะกับเด็กโตที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่นตอนต้น YouTube จึงเปิดทดสอบ Supervised accounts บัญชีผู้ใช้งานเด็กโตช่วงอายุ 10-14 ปี รวมถึงวัยรุ่นตอนต้น James Beser ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์เด็กและครอบครัวของ YouTube บอกว่าได้รับเสียงสะท้อนจากพ่อแม่ที่มีเด็กโตว่า เด็กแต่ละช่วงวัยมีความต้องการแตกต่างกัน ซึ่งลำพัง YouTube Kids ไม่สามารถตอบโจทย์เด็กได้ทุกคน เมื่อเด็กโตขึ้น พวกเขาก็อยากเรียนรู้อะไรใหม่ และอยากสร้างสรรค์อะไรได้ด้วยตนเอง Supervised accounts มาพร้อมฟังก์ชั่นการค้นหาสามอย่างคือ Explore เหมาะสำหรับเด็กช่วงอายุ 9 ปี, Explore More เหมาะสำหรับเด็กอายุช่วง 13 ปี และ Most of YouTube ที่สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้หลากหลาย ยกเว้นเนื้อหาที่เสี่ยงต่อเด็กจริงๆ หรือกำหนดอายุผู้ชมไว้ โดยพ่อแม่ยังสามารถควบคุมการใช้งานของลูกผ่าน Google’s Family Link ได้เช่นเดียวกับ YouTube Kids โดยช่วงแรกๆ ของการเปิดทดสอบจะยังไม่เปิดให้คอมเม้นท์ และสร้างวิดีโอใหม่ด้วยตนเอง โดย YouTube บอกว่าจะทำงานร่วมกับผู้ปกครองและผู้เชี่ยวชาญ ค่อยๆ เพิ่มคุณลักษณะเหล่านี้เข้าไป ที่มา - YouTube
# NVIDIA รายได้ทะลุ 5 พันล้านดอลลาร์ ทำสถิติใหม่สูงสุดอีกไตรมาส NVIDIA รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2021 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสถิติสูงสุดต่ออีกไตรมาสที่ 5,003 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 61% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 1,457 ล้านดอลลาร์ ซีอีโอ Jensen Huang กล่าวว่าไตรมาสที่ 4 เป็นสถิติใหม่ของบริษัทอีกไตรมาส ทำให้ปีที่ผ่านมา NVIDIA เติบโตในทุกด้าน และมีส่วนผลักดันในหลายวงการ ทั้งอุตสาหกรรมเกมที่กลายเป็นความบันเทิงยอดนิยม ในวงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์สำหรับงานวิจัย ตลอดจนงานด้าน AI ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ส่วนจีพียูในตระกูล GeForce RTX 30 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี รายได้จากสองกลุ่มธุรกิจหลัก NVIDIA ต่างเติบโตทำสถิติใหม่สูงสุด ทั้งกลุ่มธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพิ่มขึ้นเป็น 1,903 ล้านดอลลาร์ ธุรกิจเกมเพิ่มขึ้นเป็น 2,495 ล้านดอลลาร์ ที่มา: NVIDIA
# กูเกิลออกทุนให้ Linux Foundation จ้างนักพัฒนาเต็มเวลาดูแลความปลอดภัยเคอร์เนล กูเกิลร่วมมือกับ Linux Foundation จัดสรรงบประมาณมาจ้างนักพัฒนามาดูแลความปลอดภัยเคอร์เนลโดยเฉพาะ 2 คน ได้แก่ Gustavo Silva และ Nathan Chancellor Gustavo Silva ทำงานไล่ตามเก็บบั๊กช่องโหว่ buffer overflow ในเคอร์เนล และตรวจหาบั๊กก่อนที่จะส่งโค้ดเข้า mainline เขาส่งโค้ดอยู่ใน 5 อันดับแรกมาตั้งแต่แต่ปี 2017 Nathan Chancellor ทำงานกับโครงการ Clang/LLVM เป็นหลัก โดยพยายามพอร์ตเคอร์เนลให้ไปคอมไพล์ด้วย LLVM เพื่อใช้ฟีเจอร์ของคอมไพล์เลอร์มาจับช่องโหว่ความปลอดภัย ประกาศครั้งนี้ไม่ระบุว่ากูเกิลสนับสนุนเงินทุนเท่าใดหรือจะให้ทุนเป็นเงินเดือนนักพัฒนาทั้งสองคนนานเพียงใด ที่มา - Linux Foundation