txt
stringlengths
202
53.1k
# Sony เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ Xperia รุ่นใหม่ 14 เมษายนนี้ คาดเป็น Xperia 1 III Sony อัพเดตแบนเนอร์ในแชนเนล Youtube ของ Sony Xperia เป็นข้อความระบุว่าเตรียมเปิดตัว Xperia รุ่นใหม่ วันที่ 14 เมษายนนี้ เวลา 16:30 ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น หรือ 14:30 ตามเวลาประเทศไทย อุปกรณ์ที่จะเปิดตัวนี้คาดว่าจะเป็นมือถือ Xperia 1 III (อ่านว่า เอ็กซ์พีเรีย วัน มาร์ค ทรี) ที่ก่อนหน้านี้มีทั้งสเปก และ ภาพเรนเดอร์ หลุดออกมา ว่าจะมาพร้อมหน้าจอ OLED 6.5 นิ้ว ความละเอียด 4K รองรับ HDR อัตรารีเฟรช 120Hz อัตราส่วน 21:9 แต่ขอบบางลง ใช้ชิป Snapdragon 888 กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 64MP กล้องอัลตร้าไวด์และกล้องเทเลแบบ Periscope 12MP เท่ากัน มาพร้อมแบต 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 65W เพื่อรองรับหน้าจอที่กินแบตมหาศาลหากเปิดโหมด 4K 120Hz และจะยังมีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรอยู่เช่นเดิม ภาพหลุดดีไซน์ Xperia 1 III จาก Voice.com ที่มา - Youtube - Sony Xperia, Pocketnow, Voice
# แบงก์ชาติเปิดรับฟังความเห็นการสร้างบาทดิจิทัล ชี้หากทำได้จะเป็นก้าวสำคัญของการเงินไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยแถลงข่าวการรับฟังแนวทางการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางสำหรับการใช้งานในภาคประชาชน (Retail Central Bank Digital Currency: Retail CBDC) จากเดิมที่การใช้เงินดิจิทัลของธนาคารกลางนั้นใช้ระหว่างธนาคารเป็นหลัก พร้อมกับออกรายงานสรุปภาพรวมแนวทางและความจำเป็นในการออก Retail CBDC ทางธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า Retail CBDC นี้จะเปรียบเหมือนเงินสดที่ออกโดยธนาคารกลาง ประชาชนทั่วไปสามารถนำไปใช้งานได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ รายงานระบุว่าการที่ธนาคารเริ่มศึกษาเพราะมีแนวโน้มว่าจะมีการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลโดยเอกชนมาใช้งาน ซึ่งอาจะมีความเสี่ยงทั้งต่อผู้ใช้งานเองและเสถียรภาพทางการเงิน รายงานระบุถึงคุณสมบัติของ Retail CBDC ไว้ดังนี้ เงินออกโดยธนาคารกลางผ่านธนาคารพาณิชย์ (two-tier distribution) รูปแบบเดียวกันเงินสดทุกวันนี้ ไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยจากการถือครอง แต่อาจจะมีการจำกัดปริมาณการไถ่ถอน ไม่มีค่าธรรมเนียมโอน (zero-to-minimal transaction cost) ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นระบบกระจายศูนย์ (decentralized) เสมอไป รายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่ใช่การออกแบบตัวโปรโตคอลเงินดิจิทัล แต่เป็นการวางแนวทางคุณสมบัติของเงินดิจิทัลที่จะเกิดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางการรับฟังความเห็น ทางธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดรับฟังความเห็นถึงวันที่ 15 มิถุนายนนี้ ผ่านเว็บธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มา - Bank of Thailand ภาพคุณสมบัติต่างๆ ของ Retail CBDC ที่ต้องพิจารณาจากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย
# [April Fools] IETF ประกาศ RFC8962 ตั้งตำรวจโปรโตคอล ใครอิมพลีเมนต์ผิดมาตรฐานโดนตัดออกจากอินเทอร์เน็ต IETF ประกาศ RFC8962 ก่อตั้งตำรวจโปรโตคอลตรวจจับการอิมพลีเมนต์โปรโตคอลผิดมาตรฐาน ทำให้เน็ตเวิร์คทำงานร่วมกันไม่ได้ ตำรวจโปรโตคอลจะรับแจ้งเหตุอิมพลีเมนต์ไม่ตรงมาตรฐานผ่านทาง /dev/null โดยตำรวจเหล่านี้มีอำนาจเข้าถึงเน็ตเวิร์คภายในแม้ไม่ได้เชื่อมต่อกับโลกภายนอก หรือคนในองค์กรเองอาจจะนำเบาะแสมแจ้งก็ได้ เมื่อตำรวจโปรโตคอลสอบสวนแล้วว่ามีความผิดจริง จะแจ้ง IANA ว่าไอพีใดเป็นผู้ละเมิดโปรโตคอล และทุกหน่วยงานที่ได้รับแจ้งจาก IANA จะตั้งไฟร์วอลล์ทิ้งแพ็กเก็ตจากเน็ตเวิร์คนั้นทั้งหมด กลายเป็นการจำคุกเน็ตเวิร์คไม่ให้ติดต่อกับใครในอินเทอร์เน็ตอีก ที่มา - RFC8962
# [ลือ] LG อาจประกาศเลิกทำธุรกิจสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการ วันที่ 5 เมษายนนี้ หลัง LG ปรับโครงสร้างธุรกิจสมาร์ทโฟนไปรอบหนึ่งในเดือนมกราคม และมีข่าวลือเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ว่า LG เตรียมเลิกทำธุรกิจสมาร์ทโฟน เพียงหนึ่งวันก่อนประชุมผู้ถือหุ้น 24 มีนาคมเท่านั้น แต่เมื่อถึงวันประชุมจริงก็ไม่มีการประกาศใดๆ วันนี้ The Korea Herald ระบุข้อมูลเพิ่มเติมว่าการประกาศเลิกทำธุรกิจสมาร์ทโฟนของ LG อาจเกิดขึ้นในการประชุมกรรมการบริษัทในวันที่ 5 เมษายนนี้ หลังดำเนินงานในสภาวะขาดทุนมาตั้งแต่ปี 2015 และพยายามหาทางออกอื่นเช่นการขายบริษัทแล้วไม่เป็นผล คงเป็นเรื่องน่าเสียดายของวงการมือถือ Android หาก LG ที่เคยร่วมสร้าง Nexus 5 และ Pixel 2 XL เลิกทำสมาร์ทโฟนจริง เพราะแม้ LG G6 หรือรุ่นหลังๆ จะไม่ได้ทำยอดขายถล่มทลาย แต่ LG ก็กล้าที่จะผลิตมือถือ Android ฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ๆ เช่น ก่อนหน้านี้ในงาน CES2021 ที่ LG ได้โชว์เทคโนโลยีมือถือจอยืดได้หดได้ และ LG Wing ที่เปิดตัวเมื่อปีก่อน แม้จะไม่บูมนักก็ตาม ที่มา - The Korea Herald
# ไมโครซอฟท์โชว์ภาพไอคอนชุดใหม่ของ File Explorer โฟลเดอร์แนวนอน เปลี่ยนสี ต่อจากข่าว ไมโครซอฟท์เปลี่ยนไอคอน File Explorer ชุดใหม่ เปลี่ยนสีของโฟลเดอร์ วันนี้ Panos Panay หัวหน้าทีม Windows และ Surface โพสต์ภาพไอคอนใหม่ทั้งชุดของ File Explorer ให้เห็นกันชัดๆ จากภาพเราจะเห็นว่าไอคอนโฟลเดอร์ทุกแบบเปลี่ยนมาเป็นแนวนอนแล้ว มีโฟลเดอร์บางประเภท (เช่น Desktop, Downloads, Pictures, Music) ที่เปลี่ยนสีไป ส่วนโฟลเดอร์อีกกลุ่ม (เช่น Fonts, Favorites) ยังคงใช้โทนสีเหลืองแบบของเดิม ไมโครซอฟท์ยังไม่ระบุว่าจะนำไอคอนชุดใหม่มาใช้กับ Windows 10 รุ่นเสถียรในช่วงใด
# Google Play เปลี่ยนกฎใหม่ ห้ามแอพเช็คว่าในเครื่องมีแอพอื่นตัวไหนติดตั้งอยู่บ้าง กูเกิลเปลี่ยนกฎของ Google Play จำกัดไม่ให้นักพัฒนาแอพสามารถตรวจสอบได้ว่า ในเครื่องของผู้ใช้มีแอพอื่นตัวไหนบ้างติดตั้งอยู่ เพื่อความเป็นส่วนตัว-ความปลอดภัยของผู้ใช้ ปัจจุบัน แอพบนแอนดรอยด์สามารถใช้สิทธิ QUERY_ALL_PACKAGES ตรวจสอบได้ว่ามีแพ็กเกจใดบ้างติดตั้งอยู่ในเครื่อง แต่สิทธินี้จะถูกยกเลิกในวันที่ 5 พฤษภาคม 2021 นี้ นักพัฒนาจำเป็นต้องถอนสิทธิออกจากไฟล์ manifest ตามกฎใหม่ของ Google Play หากเป็นกรณีที่แอพยังจำเป็นต้องใช้สิทธิตัวนี้จริงๆ กูเกิลยังเปิดช่องให้ใช้งานได้ แต่ต้องขออนุมัติเป็นรายๆ ไป (รายละเอียด) การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลสำหรับแอพที่เขียน target Android 11 ขึ้นไป เดิมทีกูเกิลเตรียมยกเลิกสิทธินี้มาตั้งแต่ปี 2020 แต่เลื่อนมาเป็นปีนี้เพราะ COVID-19 ที่มา - Google, 9to5google
# Azure ล่มทั่วโลกจากปัญหา DNS, ไมโครซอฟท์ต้องเปิดหน้า status สำรอง ไมโครซอฟท์รายงานบริการจำนวนมากมีปัญหาเนื่องจาก DNS ดับไปช่วงตีสี่ครึ่งที่ผ่าน โดยช่วงที่มีปัญหาหนักกินระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม และหลังจากนั้นยังมีรายงานปัญหาจากบริการอื่นๆ จนช่วงเจ็ดโมงครึ่งที่ผ่านมา ปัญหาครั้งนี้ทำให้หน้าเว็บ status.azure.com สำหรับรายงานปัญหา Azure เองใช้งานไม่ได้ไประยะหนึ่ง ไมโครซอฟท์ต้องแก้ปัญหาด้วยการเปิดเว็บ status2.azure.com มาแก้ปัญหาชั่วคราว โดเมนจำนวนมากของไมโครซอฟท์ก็ใช้งานไม่ได้ในช่วงเวลาที่มีปัญหาไปด้วย ทางไมโครซอฟท์ระบุว่ายังอยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุว่าทำไม DNS จึงดับไป แต่พบว่าก่อนที่บริการจะดับมีอัตราการใช้งานสูงผิดปกติ ปัญหาครั้งนี้ของ Azure นับการล่มครั้งใหญ่รอบที่สองของปี หลังจากเมื่อกลางเดือนมีนาคมเพิ่งล่มจากบั๊กการเปลี่ยนกุญแจในระบบ Azure AD ที่มา - Azure Status
# iOS 14.5 จะ Recalibrate ค่าความจุสูงสุดของแบตเตอรี่ ให้แม่นยำขึ้น มีผลกับ iPhone 11, 11 Pro และ 11 Pro Max แอปเปิลเพิ่มข้อมูลในหน้า Support โดยบอกว่าใน iOS 14.5 ซึ่งตอนนี้ยังมีสถานะเบต้า จะมีการปรับเทียบ (Recalibrate) ข้อมูลประสิทธิภาพแบตเตอรี่ที่รายงานใหม่ มีผลกับ iPhone ตระกูล 11 ทุกรุ่น ได้แก่ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max เนื่องจากมีรายงานปัญหาจากผู้ใช้งานบางส่วน ว่าข้อมูลที่แสดงไม่ถูกต้อง ปกติผู้ใช้งาน iOS สามารถดูประสิทธิภาพความจุของแบตเตอรี่ iPhone ได้ โดยไปที่ Settings > Battery > Battery Health ซึ่งหากตัวเลขความจุสูงสุดลดลงมาก จะมีข้อความเตือนว่าแบตเตอรี่อาจเสื่อมสภาพ แอปเปิลบอกว่าผู้ใช้ iPhone 11 เมื่ออัพเดตเป็น iOS 14.5 แล้ว จะพบข้อความแสดงเพิ่มเติมในหน้า Battery Health ซึ่งบอกสถานะการ Recalibrate ค่าแบตเตอรี่ โดยอาจใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ เพื่อดูรอบจากการชาร์จแต่ละครั้ง ข้อความที่แสดงมีทั้งหมด 3 กรณี คือ (1) กำลัง Recalibrate หากสำเร็จข้อความจะหายไป และจากนี้ตัวเลขที่แสดงจะมีความแม่นยำมากขึ้น (2) Unable to recommend service ระบบพยายามทำ Recalirate อีกครั้งหนึ่ง และ (3) Recalibration not successful กรณีนี้แอปเปิลอาจพิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามข้อความแนะนำได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่มา: แอปเปิล ผ่าน MacRumors
# Among Us เพิ่มแผนที่เรือเหาะใหญ่ อนาคตจะทำให้เล่นได้สูงสุด 15 คน และอาร์ตเวิร์คแบบใหม่ Innersloth ผู้พัฒนาเกม Among Us ประกาศอัพเดตเกม มาพร้อมกับแผนที่ใหม่ เรือเหาะซึ่งทางสตูดิโอบอกว่าเป็นแผนที่ใหญ่ที่สุดที่มีตอนนี้ และด้วยขนาดล็อบบี้ที่ใหญ่ขึ้น อนาคตจะทำให้รองรับผู้เล่นได้สูงสุด 15 คน และกำลังเตรียมการเรื่องอาร์ตเวิร์คสไตล์ใหม่ด้วย Innersloth ยังบอกด้วยว่า รับทราบปัญหาเรื่องบั๊กในเกม และได้จ้างโปรแกรมเมอร์มาใหม่สองรายเพื่อให้การอัพเดตเกมทำได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะการปรับปรุงอาร์ตเวิร์คใหม่ และการรองรับผู้เล่นสูงสุด 15 คน นอกจากนี้ยังมาพร้อมภารกิจใหม่ คือ ขัดอัญมณี, ล้างถังขยะ มีพื้นที่ใหม่ๆ ให้สำรวจมากขึ้น เพิ่มความคล่องตัวด้วยบันไดและแท่นสำหรับเคลื่อนย้าย หมวกใหม่ๆ ใช้ฟรี เป็นต้น ที่มา - Innersloth
# รัฐบาลเมียนมาสั่งตัดเน็ตทั้งประเทศอีกรอบแล้ว เมื่อคืนนี้ประมาณตี 1 ตามเวลาท้องถิ่นเมียนมา (ช้ากว่าบ้านเรา 30 นาที) รัฐบาลทหารเมียนมาตัดอินเทอร์เน็ตทั้งประเทศอีกรอบ โดยรอบนี้เป็นการตัดเน็ตบรอดแบนด์ที่ยังเคยใช้งานได้ ส่วนเน็ตมือถือโดนปิดกั้นมาก่อนนานแล้วตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม Reuters รายงานข่าวว่าการตัดเน็ตครั้งนี้เป็นคำสั่งของรัฐบาลที่ไม่ได้แจ้งต่อสาธารณะ แต่ระบุว่าเป็นจดหมายส่งมายัง ISP ในเมียนมา โดยไม่ได้แจ้งเหตุผลเพิ่มเติม ที่มา - Reuters
# TSMC ประกาศลงทุนก้อนใหญ่ 1 แสนล้านดอลลาร์ใน 3 ปี ตั้งโรงงานผลิตชิปเพิ่ม TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกจากไต้หวัน ออกข่าวว่าจะลงทุนจำนวนมากถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ (3 ล้านล้านบาท) เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปในอีก 3 ปีข้างหน้า ตอบสนองปัญหาชิปขาดตลาดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ TSMC เคยลงทุนโรงงานมูลค่า 12 พันล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกาไปแล้ว และระบุว่าจะลงทุนเป็นเงิน 25-28 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 นี้ แต่ดูยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องโรงงานผลิตชิปในระยะยาวได้ จึงต้องเพิ่มเม็ดเงินลงทุนเข้าไปอีก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ TSMC ยังไม่ประกาศแผนว่าจะตั้งโรงงานใหม่ที่ไหนบ้าง ฝั่งของอินเทลเองเพิ่งออกมาประกาศลงทุน 20 พันล้านดอลลาร์ตั้งโรงงานใหม่ในสหรัฐอเมริกา ที่มา - CNN, Nikkei Asia, ภาพจาก TSMC
# Discord เพิ่มฟีเจอร์ Stage จัดคิวคนพูดได้ ปิดไมค์ได้ ยกมือได้ เหมือน Clubhouse ทุกอย่าง Discord ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Stage เป็นช่อง (channel) ชนิดใหม่ มีฟีเจอร์จัดการได้ว่าให้ใครเป็นคนพูด จัดคิวพูดได้ในลักษณะเดียวกับ Clubhouse Discord มีระบบเซิร์ฟเวอร์สนทนาด้วยเสียงมานานแล้ว แต่ออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมเป็นหลัก ทุกคนในห้องมีสิทธิพูดเท่ากัน จึงขาดฟีเจอร์หลายอย่างสำหรับงานประเภทสัมภาษณ์แขก หรือชมรมคนอ่านหนังสือที่สลับคิวกันอ่าน ที่คนพูดหลักจะมีสิทธิพูดสูงกว่าคนอื่นๆ ในห้อง ฟีเจอร์ของ Stage เปิดให้แอดมินสามารถเพิ่มคนพูด ลบ ปิดไมค์คนที่กำลังพูดอยู่ ส่วนคนฟังก็สามารถ "ยกมือ" เพื่อขอพูดได้แบบเดียวกับ Clubhouse ฟีเจอร์ Stage สามารถใช้งานได้แล้วบน Discord ที่เป็น Community server (เปิดให้ใครก็ได้เข้าร่วม) บนแอพทุกแพลตฟอร์ม ช่วงหลังแอพโซเชียลแทบทุกตัวหันมาทำฟีเจอร์ห้องสนทนาเสียง ไม่ว่าจะเป็น Twitter Spaces, Facebook, LinkedIn, Spotify, TikTok ก็น่าสนใจว่า Clubhouse จะเอาตัวรอดได้แค่ไหน ที่มา - Discord
# Siri เลิกตั้งค่าเสียงผู้หญิงเป็นดีฟอลต์ ให้ผู้ใช้เป็นฝ่ายเลือกเอง, เพิ่มเสียงใหม่อีก 2 เสียง แอปเปิลประกาศการเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Siri ใน iOS 14.5 (ปัจจุบันยังเป็น Beta) นั่นคือสำหรับภาษาที่เป็น English (United States) จะไม่เลือกเสียงผู้หญิงให้เป็นค่าดีฟอลต์แล้ว ผู้ใช้จะต้องเป็นฝ่ายกำหนดเองว่าจะเลือกเสียงแบบไหน ปัจจุบัน Siri ในภาษา English (United States) มีให้เลือกสองเสียงคือ Male และ Female แต่การเลือก Female เป็นดีฟอลต์อาจชี้นำเรื่องเพศ (gender bias) ได้ แอปเปิลจึงเปลี่ยนวิธีมาให้ผู้ใช้เลือกเอง เพื่อสะท้อนมุมมองเรื่องความหลากหลาย (diversity) ของแอปเปิล iOS 14.5 ยังจะเพิ่มเสียง Siri มาอีก 2 เสียง รวมเป็น 4 เสียง และจะเปลี่ยนชื่อเสียงจาก Male/Female เป็น Voice 1-4 แทน ที่มา - TechCrunch
# Casio เปิดตัว GSW-H1000 นาฬิกา G-Shock รุ่นแรกที่ใช้ Wear OS Casio เปิดตัวนาฬิกา GSW-H1000 เป็นนาฬิกาในกลุ่ม G-Squad Pro และเป็น G-Shock รุ่นแรกที่ใช้ Wear OS ของ Google Casio GSW-H1000 ยังคงรูปลักษณ์และความทนทานแบบนาฬิกา G-Shock รุ่นอื่น ๆ ทนน้ำได้ลึกสุด 200 เมตร, ด้านหลังเป็นไทเทเนียมเพื่อเพิ่มความทนทาน ส่วนเซนเซอร์มีทั้ง GPS, เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ, เข็มทิศ, ความกดอากาศ และอื่น ๆ สำหรับหน้าจอของตัวนาฬิกา เป็น dual-layer คือมีจอแอลซีดีแบบ always-on สำหรับแสดงเวลา และ LCD สีสำหรับแสดงข้อมูลแผนที่, การแจ้งเตือน, ข้อมูลจากเซนเซอร์ และอื่น ๆ ซึ่งถ้าเปิดจอสี แบตเตอรี่จะใช้งานได้เพียง 1.5 วันเท่านั้น แต่ถ้าใช้ในโหมด multi timepiece จะใช้งานได้ราว 1 เดือน Casio G-Squad Pro GSW-H1000 มีสีให้เลือกคือแดง, ดำ และน้ำเงิน ราคา 700 ดอลลาร์หรือราว 22,000 บาท พร้อมวางจำหน่ายในสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคมนี้ ที่มา - Engadget
# Apple เข้าลงทุนซีรี่ส์ B ในแพลตฟอร์มศิลปินอิสระ UnitedMasters มูลค่าดีลรวม 50 ล้านดอลลาร์ UnitedMasters แพลตฟอร์มสำหรับเผยแพร่เพลงสำหรับศิลปินอิสระ ประกาศรับเงินลงทุนซีรี่ส์ B จำนวน 50 ล้านดอลลาร์ โดยมีแอปเปิลเป็นผู้ลงทุนรายหลัก และมีกองทุน A16z รวมทั้ง Alphabet ซึ่งเป็นผู้ลงทุนเดิมอยู่แล้ว ร่วมลงทุนในรอบนี้ด้วย นอกจากนี้ UnitedMasters ยังประกาศข้อตกลงความร่วมมือในเชิงกลยุทธ์กับแอปเปิล ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนดังกล่าว แพลตฟอร์ม UnitedMasters ก่อตั้งในปี 2017 โดย Steve Stoute อดีตผู้บริหารค่ายเพลง Interscope และ Sony Music บริการของ UnitedMasters เป็นการเชื่อมต่อผู้ฟังเพลงให้กับศิลปิน สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ฟัง และจำหน่ายบัตรเข้าชมการแสดง และสินค้าที่ระลึกได้ ซึ่ง Stoute บอกว่าตอนนี้มีศิลปินอิสระบนแพลตฟอร์มแล้วมากกว่า 1 ล้านคน สำหรับแอปเปิล ดีลนี้มีความน่าสนใจเพราะต่างจากดีลอื่นที่แอปเปิลมักจะซื้อกิจการทั้งหมด แต่ครั้งนี้เป็นการลงทุน เข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่ยังมีสถานะเป็นสตาร์ทอัพ ซึ่งครั้งสุดท้ายที่แอปเปิลทำดีลแบบนี้คือ DiDi Chuxing ในปี 2016 ที่มา: TechCrunch
# เล่นไวไปหน่อย ข่าว Volkswagen เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น Voltswagen เป็นแค่มุก April Fools’ Day หลัง Blognone ลงข่าว Volkswagen เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น Voltswagen สะท้อนยุครถยนต์ไฟฟ้า แต่เฉพาะในสหรัฐ ตามข่าวที่ VW ปล่อย (และลบไปแล้ว) เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา แต่สรุปว่าจริงๆ แล้วแคมเปญการเปลี่ยนชื่อ Volkswagen เป็น Voltswagen นั้น เป็นเพียงมุกตลกวันโกหก หรือ April Fools’ Day เพื่อโปรโมตรถยนต์ไฟฟ้า ID.4 เท่านั้น ดูเหมือนการเล่นมุกไวไปถึง 2 วันของ VW จะไม่ได้สร้างผลดีเท่าไรนัก และอาจเป็นปัญหาต่อภาพลักษณ์อีกด้วย เพราะนอกจากคนจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริงแล้ว Tom Morton หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของเอเจนซี่โฆษณา R/GA ในนิวยอร์ก ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมกับ Aljazeera ว่าการเอาเรื่องนี้มาเล่นมุก อาจทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า VW ไม่จริงจังกับการเปลี่ยนแปลงนี้มากพอได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แคมเปญการตลาดของ Volkswagen มีปัญหา เพราะปีที่แล้วบริษัทก็ออกโฆษณาในรูปแบบวิดีโอ IG Story ที่เป็นมือคนขาว ทำท่าเหมือนควบคุมหรือเล่นกับคนดำที่ยืนอยู่ข้างรถยนต์ได้ ซึ่งก็ได้รับคำวิจารณ์เรื่องการเหยียดผิวจนต้องออกแถลงการขอโทษมาแล้ว ที่มา - Aljazeera
# Deliveroo ไอพีโอเข้าตลาดหุ้นลอนดอนแล้ว Deliveroo แอปส่งอาหารจากอังกฤษ ได้นำบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้นลอนดอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ โดยราคาหุ้นไอพีโออยู่ที่ 3.90 ปอนด์ต่อหุ้น มีมูลค่ากิจการ 7,590 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นช่วงราคาต่ำสุดของที่เสนอขาย บริษัทได้เงินจากไอพีโอไปราว 1,500 ล้านปอนด์ โดยจะนำเงิน 1,000 ล้านปอนด์ไปใช้ในการขยายธุรกิจ ส่วนอีก 500 ล้านปอนด์ จะเป็นผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม รวมทั้ง Amazon และซีอีโอ Will Shu ทั้งนี้ราคาหุ้นในการซื้อขายวันแรก ปรับลดลงไปต่ำที่สุดที่ 2.73 ปอนด์ สาเหตุหลักที่ราคาหุ้น Deliveroo ปรับลงมาก มาจากนักลงทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ได้ชอร์ตหุ้น โดยมองว่า Deliveroo มีความเสี่ยงคล้ายกับ Uber ที่ศาลอังกฤษตัดสินให้คนขับรถมีสถานะเป็นพนักงานบริษัท ไม่ใช่พาร์ทเนอร์ ทำให้บริษัทอาจมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ที่มา: CNBC
# Coursera เข้าตลาดหุ้นแล้ว มูลค่ากิจการ 5.9 พันล้านดอลลาร์ Coursera สตาร์ทอัพสาย EdTech รวมคอร์สเรียนออนไลน์ ได้ไอพีโอนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กแล้ว หลังจากยื่นไฟลิ่งเมื่อเดือนก่อน ด้วยตัวย่อในการซื้อขาย COUR ที่ราคาไอพีโอ 33 ดอลลาร์ต่อหุ้น ราคาหุ้นปิดการซื้อขายวันแรกที่ 45 ดอลลาร์ ทำให้บริษัทมีมูลค่ากิจการเพิ่มขึ้นเป็น 5,900 ล้านดอลลาร์ สูงกว่ามูลค่ากิจการก่อนเข้าตลาดหุ้น ที่มีรายงานครั้งสุดท้ายที่ 3,600 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้รายได้ของ Coursera ในปี 2020 อยู่ที่ 293 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% จากปี 2019 และขาดทุน 66.8 ล้านดอลลาร์ ซีอีโอ Jeff Maggioncalda กล่าวว่าในปีที่ผ่านมาซึ่งมีการระบาดของโควิด-19 มีผู้สมัครใช้งานในแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นถึง 30 ล้านคน และเขามองว่าหลังหมดโควิดแล้ว โลกจะปรับทิศทางมาเรียนบนช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งทั้งผู้เรียนและผู้สอนต่างต้องปรับและหาแนวทางใหม่ในการเรียนการสอน ที่มา: CNBC
# ไมโครซอฟท์ชนะโครงการผลิตแว่น AR ให้กองทัพสหรัฐ ใช้เทคโนโลยี HoloLens กองทัพบกสหรัฐ (United States Army) เลือกไมโครซอฟท์เป็นผู้ผลิตแว่น AR สำหรับการใช้งานทางทหาร (แว่นเดียวกันใช้ทั้งฝึกฝน ซ้อมรบ รบจริง) โดยใช้เทคโนโลยี HoloLens ของไมโครซอฟท์ โครงการนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Integrated Visual Augmentation System (IVAS) ที่กองทัพบกสหรัฐลองทดสอบด้วย HoloLens รุ่นปกติมาตั้งแต่ปี 2018 หลังเสร็จการทดสอบแล้วก็ตัดสินใจให้ไมโครซอฟท์รับงานผลิตแว่นจริง ซึ่งรอบนี้จะเป็นแว่นรุ่นสั่งทำพิเศษ (คัสตอม) ตามต้นแบบในภาพ รูปแบบการใช้งานมีทั้งการแสดงแผนที่ เข็มทิศ ภาพความร้อน (thermal image) ขึ้นมาบนกระจกของแว่น ตัวแทนของไมโครซอฟท์เปิดเผยกับ CNBC ว่ากองทัพสั่งซื้อแว่น IVAS จำนวน 120,000 ชุดในอีก 10 ปีข้างหน้า มูลค่าทั้งโครงการอาจสูง 21.88 พันล้านดอลลาร์ ขึ้นกับเงื่อนไขการสั่งซื้อในอนาคต ช่วงหลัง พนักงานของบริษัทเทคโนโลยีเริ่มหันมาต่อต้านการรับลูกค้าที่เป็นฝ่ายทหาร ซึ่งพนักงานของกูเกิลและไมโครซอฟท์ก็เคยออกมาประท้วงเรื่องนี้ แต่ซีอีโอ Satya Nadella ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป ที่มา - U.S. Army, Microsoft, CNBC
# Linus Torvalds บอกใช้ Rust เขียนเคอร์เนลแทน C ไม่ง่าย ควรเริ่มจากไดรเวอร์ก่อน ภาษา Rust เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากฟีเจอร์เด่นเรื่อง memory safety ตั้งแต่ระดับของตัวภาษาเลย ช่วยลดปัญหาบั๊กความปลอดภัยที่มาจากหน่วยความจำลงได้มาก ช่วงหลังเราจึงเห็น Rust ถูกใช้ในงานระดับล่างๆ (ที่เดิมทีใช้ภาษา C) กันมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Bottlerocket ระบบปฏิบัติการของ Amazon จากกระแส Rust มาแรง ทำให้ ZDNet ไปสอบถาม Linus Torvalds และ Greg Kroah-Hartman ผู้ดูแลเคอร์เนลเวอร์ชันเสถียร (ถือเป็น 2 คนที่สำคัญที่สุดของโครงการเคอร์เนลลินุกซ์) ว่ามีความเห็นอย่างไรกับการใช้ Rust ในเคอร์เนลลินุกซ์ คำตอบของ Linus คือเขาขอเป็นฝ่ายรอดู (wait and see) เพราะตอนนี้กระแส Rust ถูกดันมาจากคนที่ตื่นเต้นกับ Rust แต่คงต้องรอดูการใช้งานจริงๆ ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ส่วนตัวแล้วเขามองว่าน่าจะเริ่มนำมาเขียนไดรเวอร์ก่อน เพราะเป็นโครงการที่เล็กและเป็นอิสระจากส่วนอื่นๆ (ไดรเวอร์อิงกับเคอร์เนลหลัก แต่เคอร์เนลหลักไม่อิงกับไดรเวอร์) อีกทั้งเจาะจงกับสถาปัตยกรรมซีพียูแค่บางตัวด้วย ส่วน Greg แสดงความเห็นว่า Rust จะใช้งานได้จริงในเคอร์เนลแค่ไหน ขึ้นกับว่าชิ้นส่วนในเคอร์เนลที่เขียนด้วย C จะสามารถแปลงเป็น Rust ได้แค่ไหน ซึ่งเป็นงานที่ยากและละเอียดอ่อน เขาฝากบอกถึงนักพัฒนาที่อยากลองทำเรื่องนี้ว่า "ขอให้โชคดี" ข่าวที่เกี่ยวข้อง วิศวกรอินเทลระบุภาษา Rust มีโอกาสใช้พัฒนาเคอร์เนล แม้ต้องพัฒนาฟีเจอร์อีกหลายอย่าง ที่มา - ZDNet, ภาพ ปู Ferris มาสค็อตอย่างไม่เป็นทางการของ Rust
# กระบวนการผลิตผิดพลาด Johnson & Johnson ทิ้งวัคซีน COVID-19 จำนวน 15 ล้านโดสหลังทดสอบคุณภาพไม่ผ่าน Johnson & Johnson แถลงว่ามีวัคซีน COVID-19 หนึ่งล็อตจากโรงงาน Emergent Biosolutions ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพทำให้ต้องทิ้งวัคซีนไปทั้งหมด 15 ล้านโดส ทางบริษัทยืนยันว่าวัคซีนทั้งหมดยังไม่ไปถึงขั้นตอนบรรจุขวด แม้จะทิ้งวัคซีนไป แต่ Johnson & Johnson ก็ยังส่งมอบวัคซีนให้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตามกำหนด โดยสิ้นเดือนมีนาคมสามารถส่งมอบได้แล้ว 20 ล้านโดส และมีแผนจะส่งมอบรวม 100 ล้านโดสภายในเดือนพฤษภาคม Emergent BioSolutions เป็นผู้รับจ้างผลิตวัคซีน COVID-19 รายสำคัญ โดยผลิตให้ทั้ง Johnson & Johnson, Novavax, และ AstraZeneca ทาง Johnson & Johnson เองระบุว่าการให้ Emergent ช่วยผลิตให้เป็นกำลังสำคัญทำให้บริษัทสามารถส่งมอบวัคซีนได้ปริมาณมากเช่นนี้ วัคซีน COVID-19 ของ Johnson & Johnson เป็นวัคซีนตัวที่สามที่ได้รับการรับรองให้ใช้งานได้ในประเทศไทย ที่มา - Johnson & Johnson, South China Morning Post ภาพจาก Johnson & Johnson
# Huawei ออกรายงานประจำปี 2020 ยอดขายรวมโต 3.8% Huawei ออกรายงานประจำปี 2020 มียอดขายตลอดทั้งปี 8.914 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3.8% เทียบกับตัวเลขในปี 2019 ซึ่ง Huawei ระบุว่าเป็นการเติบโตที่ชะลอตัว ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3.2% เป็น 6.46 หมื่นล้านหยวน Huawei รายงานผลการดำเนินงานตามกลุ่มธุรกิจ โดยธุรกิจโครงข่ายสื่อสาร ยังมีการขยายตัวจากความต้องการโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงโควิด-19 บริษัทยังร่วมมือพัฒนาโครงการนวัตกรรมด้าน 5G มากกว่า 3,000 โครงการ ในมากกว่า 20 อุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจ Enterprise ก็ได้พัฒนาโครงการใหม่ ๆ ซึ่งเป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 เช่น บริการวินิจฉัยโรคผ่าน Huawei Cloud และโครงการแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ รองรับนักเรียนกว่า 50 ล้านคน ที่มา: Huawei
# [April Fools] Razer เปิดตัว Rapunzel Chroma Hair Dye น้ำยาย้อมผม RGB เปลี่ยนสีได้ 16.8 ล้านสีผ่านแอป Razer เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สาย RGB ในไลน์ Chroma น้ำยาย้อมผม Rapunzel Chroma Hair Dye น้ำยาย้อมผมนาโนเทค ที่มีส่วนผสมกว่า 1337 ชนิด ช่วยให้ผมสว่างสไวสะท้อนแสงทุกสายตา เพิ่มยอดวิวสตรีมให้รุ่ง หรือจะพุ่งสู่ดาว TikTok ก็ย่อมได้ แค่ย้อมผม และเชื่อมต่อน้ำยาย้อมบนผมเข้ากับแอป ก็สามารถเปลี่ยนสีผมได้กว่า 16.8 ล้านสี เหมือนอุปกรณ์ RGB อื่นๆ ของ Razer นอกจากนี้ยังสามารถซิงก์กับอุปกรณ์อื่นในตระกูล Chroma เพื่อให้สีผมเปลี่ยนไปพร้อมกับคีย์บอร์ด เม้าส์ หรือเคสพีซี ในขณะที่คุณกำลังสตรีมเกมก็ยังได้ ที่มา - Razer
# [April Fools] สถานทูตสหรัฐฯในไทยเปิดตัวแอป กิน(อเมริ)กัน ส่งอาหารจากครัวสถานทูต เซิร์ฟสเกตส่งถึงบ้าน สถานทูตสหรัฐฯในไทยเปิดตัวแอปส่งอาหารอเมริกันแท้ๆจากครัวสถานทูต ส่งถึงบ้าน ในชื่อแอปว่า "กิน(อเมริ)กัน" ส่งอาหารชื่อดังประจำรัฐต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ชีสสเต๊กของฟิลาเดลเฟีย, พิซซาแป้งหนาพิเศษสไตล์ชิคาโก, ขนมเบนเยส์จากลุยเซียนาหรือล็อบสเตอร์โรลของรัฐเมน ทางเลือกส่งอาหารมีสองอย่างคือ รถจักรยานยนต์ ค่าส่ง 100 บาท ส่งภายใน 15 นาที และเซิร์ฟสเกต ค่าส่ง 5 บาท แต่ส่งภายในเวลา 3 ชั่วโมง และเนื่องจากเปิดตัวใหม่ สามารถกรอกโค้ด APR1LFOODS ที่หน้าเช็คเอาท์ รับทันทีส่วนลด 50% ทุกการสั่งซื้อตลอดเมษายนนี้ หมายเหตุ ข่าว April's Fool Day ?โหลดด่วน!? แอปใหม่ สั่งอาหารส่งตรงจากครัวสถานทูต ?? ? ? ?? ไม่ต้องตีตั๋วก็ทัวร์อเมริกาได้! สถานทูตสหรัฐฯ เปิดตัวแอป... Posted by U.S. Embassy Bangkok on Wednesday, March 31, 2021 ที่มา - U.S. Embassy Bangkok
# [April Fools] ผมรู้พวกคุณใช้แค่นี้ StackOverflow เปิดตัวคีย์บอร์ด The Key ก็อปโค้ดไปวางเร็วทันใจ StackOverflow ขายฮาร์ดแวร์ตัวแรกเป็นคีย์บอร์ดในชื่อ The Key สำหรับ copy/paste โค้ดเพื่อความสะดวกสูงสุด ตัวคีย์บอร์ดเป็นแมคคานิคแบบ clicky พร้อมโมเดลปัญญาประดิษฐ์สร้างเสียงคลิกให้ตรงกับอารมณ์โปรแกรมเมอร์เพื่อให้ทำงาน (ก็อปโค้ด) ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เปิดขายล่วงหน้าแล้ววันนี้ ที่มา - StackOverflow
# เปิดตัว Brewmaster เกมจำลองการคราฟต์เบียร์ ลง PlayStation 4, 5 แม้กฎหมายบ้านเราจะยังไม่เอื้อให้กับการทำคราฟต์เบียร์โดยผู้ประกอบการรายย่อยเท่าที่ควร แต่หากใครมีความฝันที่จะเป็นนักทำเบียร์ เกม Brewmaster บนเครื่อง PlayStation 4 และ 5 ที่จะเปิดตัวในปี 2022 อาจทำให้ฝันคุณเป็นจริงได้ แม้จะน่าเสียดายที่คุณอาจจะไม่มีโอกาสชิมเบียร์ที่ต้มเอง Brewmaster สร้างโดยทีมงาน Auroch ในเมือง Bristol ประเทศอังกฤษ เมืองที่วงการคราฟต์เบียร์กำลังบูม เกมนี้จะเปิดโอกาสให้คุณต้มเบียร์ในฝันได้หลากหลายชนิด ทั้ง IPA, NEIPA, Stout, Cider หรืออื่นๆ เล่นได้ทั้งมือใหม่ที่ไม่เคยรู้จักการต้มเบียร์มาก่อน หรือเซียนต้มเบียร์ระดับเทพ คุณจะสามารถปรับสูตรต่างๆ ได้เอง ทั้งชนิดของ ฮอป เกรน ยีสต์ ความซ่า คาแรคเตอร์ของเบียร์ รวมถึงใส่ส่วนผสมอื่นๆ เช่นผลไม้ รวมถึงออกแบบฉลากแปะขวดเอง และเลือกขนมที่กินแกล้มในตอนเสิร์ฟได้อีกด้วย และคุณจะได้วางขายเบียร์ที่คุณคราฟต์เอง ขยายร้านเบียร์ ซื้ออุปกรณ์โต๊ะเก้าอี้ และอุปกรณ์ต้มเบียร์ใหม่ๆ หรือจะเล่นแบบ Creative mode ที่ปลดล็อกของทุกอย่างให้ฟรี ให้คุณได้ต้มเบียร์ที่ต้องการได้ตามใจก็ได้ น่าเสียดายที่ดูเหมือนเกมนี้จะเป็นเกมเอ็กซ์คลูซีฟของ PlayStation แต่ในยุคหลังที่เกมเอ็กซ์คลูซีฟหลายเกม เมื่อเวลาผ่านไปก็ยังสามารถไปลงเครื่องอื่นได้ ชาวพีซีและเครื่องคอนโซลก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะได้เล่นเกมนี้ แม้อาจจะต้องรอหลังลง PlayStation ไปหน่อยก็ตาม ที่มา - PlayStation
# Reels บน Instagram เพิ่ม Remix หรือ Duet แบบ TikTok แล้ว Reels หรือฟีเจอร์คลิปสั้นประกอบเพลงและลูกเล่นเอฟเฟกต์บน Instagram เปิดตัวในไทยแล้ว แต่ช่วงเปิดตัวยังขาดฟีเจอร์ Duet แบบ TikTok หรือการโพสต์คลิปล้อกับคลิปของคนอื่น ล่าสุด Instagram เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้แล้วในชื่อว่า Remix วิธีใช้งานคือกดเข้าไปที่ Reels ของคนที่เราอยาก Remix ด้วย กดที่ไอคอนสามจุดด้านขวาบนของคลิป จะมองเห็นเมนู Remix this Reels ก็จะสามารถสร้างคลิปขึ้นมาคู่กันได้ โดยการใช้งานที่นิยมกันคือ โพสต์คลิปร้องเพลงและเต้นคู่กับคลิปของคนอื่น สร้างคลิปรีแอคชั่น เป็นต้น ที่มา - Instagram
# เข็ดแล้วจ้า CD Projekt ระบุ จะไม่รีบโปรโมตก่อนเกมเสร็จอีกแล้ว, อาจเลื่อน Cyberpunk 2077 ส่วนมัลติเพลเยอร์ไปก่อน Adam Kiciński ซีอีโอของ CD Projekt บริษัทผู้จัดจำหน่าย Cyberpunk 2077 และบริษัทแม่ของ CD Projekt Red ทีมพัฒนา Cyberpunk 2077 ให้ข้อมูลในวิดีโออัพเดตแผนงานของบริษัท ว่าทีมงานเตรียมพัฒนาเกมระดับ AAA พร้อมกันสองเกมในปี 2022 ก่อนหน้านี้ CD Projekt เคยระบุว่าเกม AAA เกมถัดไปของบริษัทจะเป็นส่วนมัลติเพลเยอร์ของ Cyberpunk 2077 ที่ถือเป็นเกมแยกอีกเกม แต่ในวิดีโอตัวเดียวกันนี้ มีอัพเดตว่าทีมงานกำลัง “กลับไปคิด” เรื่องแผนการออกตัวเกมส่วนนี้ และปรับการทำงานใหม่ ไปพัฒนาเทคโนโลยีออนไลน์ที่จะนำมาใช้กับเกมทุกแฟรนไชส์ของบริษัทในอนาคตให้ดีแทน แต่ก็ยังย้ำจุดยืนว่าไม่ทิ้งเกมเนื้อเรื่องผู้เล่นคนเดียว นอกจากนี้ Michał Nowakowski รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ CD Projekt ยังระบุอีกว่าต่อจากนี้แผนการตลาดของบริษัทจะเปลี่ยนไป โดยจะไม่โชว์ตัวอย่างหรือเดโมเกมจนกว่าตัวเกมจะอยู่ในสภาพ “ใกล้วางจำหน่าย” มากกว่าเดิม แม้อาจจะมีตัวอย่างยั่วน้ำลายเล็กๆ น้อยๆ แต่คงไม่ปล่อยเดโมหรือตัวอย่างขนาดยาวล่วงหน้าหลายปี (แบบ Cyberpunk 2077) อีก แผนการพัฒนาเกมของ CD Projeckt ที่เปิดเผยในปัจจุบันมีเพียงแพทช์ อัพเดต DLC ฟรีของเกม Cyberpunk 2077 แพทช์สำหรับเครื่องเกมเน็กซ์เจ็นของ Witcher 3 เกมมือถือ The Witcher: Monster Slayer และการพัฒนาเกม Gwent ต่อเท่านั้น ยังไม่มีการเปิดเผยถึงเกม The Witcher ภาคต่อไปแต่อย่างใด ที่มา - CD Projekt Strategy Update via PC Gamer
# สื่อบันเทิงรายงาน Netflix ทุ่ม 450 ล้านเหรียญ สร้างภาคต่อหนังสืบสวน Knives Out เว็บไซต์ Variety รายงานว่า Netflix ทุ่มทุน 450 ล้านดอลลาร์ สร้างภาคต่อจากหนังเรื่อง Knives Out หนังสืบสวนหักมุมที่โด่งดังในปี 2019 เป็นการสร้างเพิ่มอีก 2 ภาค โดย Daniel Craig ยังคงรับบทนักสืบ Benoit Blanc เช่นเคย Knives Out กำกับโดย Rian Johnson เคยกำกับ Star Wars: The Last Jedi มาก่อน ด้าน Knives Out ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ตัวหนังประสบความสำเร็จทั้งด้านกระแสและรายได้ กวาดรายได้ไป 311.4 ล้านทั่วโลก ทั้งที่ทุนสร้างเพียง 40 ล้านดอลลาร์ ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าจะเป็นการสร้างหนังลงสตรีมมิ่งอย่างเดียว หรือฉายควบคู่กันระหว่างโรงหนังและสตรีมมิ่ง ที่มา - Variety
# อยู่บ้านแล้วประชุมทั้งวัน WebEx เพิ่มฟีเจอร์ตรวจสอบว่าประชุมกันจนไม่มีเวลาทำงานหรือไม่ Cisco WebEx เพิ่มฟีเจอร์จัดสมดุลชีวิตคนทำงานหลังจากช่วงทำงานจากที่บ้านแล้วมีการประชุมจำนวนมาก โดยหน้าจอ People Insight จะรายงานสถิติการประชุม ไปจนถึงการจัดช่วงเวลาทำงานเงียบๆ เพื่อให้ระบบเตือนได้ว่าประชุมซ้อนในช่วงเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่ หน้าจอ Insight มี 3 ระดับ ได้แก่ Personal Insights รายงานการใช้งานส่วนตัว เช่น รายงานการประชุมที่ตอบรับแล้วแต่ไม่ได้เข้า หรือการประชุมในช่วงเวลาที่กำหนดเป็น quiet time, Team Insights รายงานการประชุมของคนในทีม ดูช่วงเวลาที่คนในทีมมักประชุมกันเพื่อปรับเวลาทำงานเสียใหม่ให้ตรงการทำงานจริง, Organizational Insights มองภาพรวมขององค์กร ปริมาณการใช้งาน Cisco WebEx ทุกวันนี้มีการใช้งาน 600 ล้านคนต่อเดือน รวมมีการโทรคุยกัน 6 พันล้านครั้งต่อเดือน ฟีเจอร์ People Insight จะเริ่มใช้งานในสหรัฐฯ ก่อนและค่อยๆ ปล่อยทีละเฟสจนครบทั้งโลก ที่มา - Cisco
# PyThaiNLP 2.3 ออกแล้ว พร้อมกับเพิ่มโมเดลใหม่ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2564 ไลบรารีภาษาไพธอนสำหรับประมวลผลภาษาไทย PyThaiNLP ได้ปล่อยเวอร์ชัน 2.3 โดยสรุปความเปลี่ยนแปลงได้ดังนี้ เพิ่มโมเดลใหม่สำหรับงานด้านการระบุหน้าที่ของคําในประโยค (Part-of-speech), งานด้านการระบุคําที่เป็นนิพจน์ระบุนาม (Name Entity Tagging) จากชุดข้อมูล LST20 เพิ่มโมเดลด้านการแปลภาษาและโมเดล wangchanberta ของสถาบันวิจัยปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของไลบรารี เพิ่มโมเดลสำหรับการระบุคําที่เป็นนิพจน์ระบุนาม (chunk parsing) ข้อมูลเปิดเผย: ผู้เขียนเป็นสมาชิกในทีมพัฒนา PyThaiNLP ที่มา: PyThaiNLP 2.3 Released! : PyThaiNLP Blog
# Facebook อัพเดท ระบุคนคอมเม้นท์โพสต์, เลือกเพื่อนและเพจที่อยากมองเห็นบนฟีดได้ 30 คน Facebook อัพเดทฟีเจอร์บนหน้าฟีด เริ่มจากเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถระบุได้ว่า อยากให้ใครมาคอมเม้นท์ใต้โพสต์ของเรา มีสามตัวเลือกคือ ทุกคน, เฉพาะเพื่อน และเฉพาะคนหรือเพจที่เราแท็กชื่อในโพสต์ Facebook ยังเปิดให้ผู้ใช้งานควบคุมสิ่งที่มองเห็นบนหน้าฟีด สามารถเลือกได้ว่าให้หน้าฟีดแสดงโพสต์ของใครบ้าง โดยสามารถเลือกเพื่อนและเพจได้ 30 รายเข้ามาอยู่ในกลุ่ม Favorites โพสต์ของคนเหล่านั้นจะปรากฏในอันดับที่สูงขึ้นในฟีดข่าว ถือเป็นการคัดกรองเนื้อหาบนฟีดด้วยตัวเอง ตรงด้านบนของฟีดจะมองเห็นตัวเลือก Home, Favorites, Recents ผู้ใช้สามารถกด Recents เพื่อเปลี่ยนหน้าฟีดให้เป็นไปตามอัลกอริทึมของ Facebook ได้ เพิ่มบริบทเหตุผลที่ผู้ใช้มองเห็นโพสต์ใดๆ ก็ตามมากขึ้น เมื่อกด Why am I seeing this? ที่โพสต์ Facebook จะแสดงเหตุผลเช่น เคยกดไลค์โพสต์จากเพจนั้นๆ ไว้ อาจมีการแนะนำโพสต์ หากคนอื่นๆ ที่โต้ตอบกับโพสต์นั้นเคยโต้ตอบกับกลุ่มเพจหรือโพสต์เดียวกันกับผู้ใช้งาน หรือมองเห็นโพสต์มีพิกัดใกล้เคียงกับผู้ใช้งาน เป็นต้น ที่มา - Facebook
# Alibaba เข้าลงทุนใน Nice Tuan แพลตฟอร์มขายของสด-ของชำแบบ Group Buying ในจีน กลุ่มนักลงทุนนำโดย Alibaba และ DST Global ประกาศเข้าลงทุนใน Nice Tuan สตาร์ทอัพให้บริการสั่งซื้อของสดของชำผ่านแอปมือถือในจีน เป็นจำนวนเงินลงทุนรวม 750 ล้านดอลลาร์ Nice Tuan สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งเมื่อปี 2018 นี้ ระบุว่าจะนำเงินก้อนใหม่นี้มาลงทุนด้านซัพพลายเชน และเพิ่มตัวเลือกสินค้าอาหารสด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจที่มาแรงในจีนคือบริการสั่งซื้อของสดของชำ ในรูปแบบสั่งซื้อเป็นกลุ่ม (Group Buying) ซึ่งทำให้ได้สินค้าในราคาที่ถูกกว่าเดิม และกระบวนการจัดการส่งสินค้าก็ทำได้ง่ายขึ้นในฝั่งผู้ให้บริการ มีการเติบโตสูงในเมืองรองของจีน เมื่อมีสถานการณ์ของโควิด-19 เข้ามา ก็เป็นตัวเร่งให้ธุรกิจกลุ่มนี้เติบโตมากขึ้นอีก ปัจจุบันบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนทั้ง Tencent, JD.com และ Meituan ต่างมีการลงทุนในสตาร์ทอัพกลุ่มนี้ Nice Tuan ปัจจุบันให้บริการใน 1,598 เมืองทั่วประเทศจีน และมีออเดอร์สูงถึงกว่า 15 ล้านคำสั่งต่อวัน ที่มา: Deal Street Asia
# KBTG ร่วมกับมหาวิทยาลัย 7 แห่ง พัฒนาหลักสูตร Data Science, AI รับนักศึกษาเข้ามาฝึกงานด้วย KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย เปิดตัวโครงการ Tech Campus ร่วมกับมหาวิทยาลัยช่วยพัฒนาหลักสูตรเกี่ยวกับ Data Science, AI ผลิตบุคลากรให้ตอบโจทย์เชิงธุรกิจด้านเทคโนโลยี พร้อมทั้งส่งนิสิตนักศึกษาเข้าฝึกงานจริงใน KBTG โดยมีมหาวิทยาลัย 7 แห่งที่เข้าร่วมโครงการคือ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล และวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ในโครงการนี้ได้ร่วมมือกับองค์กรรัฐ 2 แห่งด้วยคือศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และสมาคมปัญญาประดิษฐ์ ในโครงการ Tech Campus นอกจากร่วมพัฒนาหลักสูตรแล้ว ยังเป็นความร่วมมือทางการวิจัยทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ นำไปต่อยอดให้วงการธุรกิจไทย เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG ระบุว่า เป้าหมายระยะยาวของธนาคารกสิกรไทยคือ One of the World Digital Bank และยังมีธนาคารเปิดใหม่ในต่างประเทศทั้งจีนและเวียดนาม ซึ่งทางธนาคารไม่สามารถไปได้ด้วยตัวคนเดียวได้ เรายังต้องการคนอีกเยอะ จึงจำเป็นต้องร่วมกับหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะสถาบันการศึกษา เพื่อขอแรงมาช่วยให้บริษัทขับเคลื่อนต่อไปได้ และทางบริษัทก็สามารถช่วยมหาวิทยาลัยในการพัฒนาหลักสูตรและงานวิจัย เรืองโรจน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการลงทุนงานวิจัย R&D เพียง 0.34% ของ GDP ไทย ซึ่งน้อยเมื่อเทียบกับนานาประเทศ กุญแจสำคัญที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าเชิงเทคโนโลยีด้วยต้องใช้ยุทธศาสตร์ Deep Collaboration ร่วมกับหลายภาคส่วนเพื่อพัฒนาบุคลากรและการวิจัย นอกจากนี้ยังต้องใช้ยุทธศาสตร์ Deep Focus เพื่อให้การวิจัยชัดเจน ไม่สะเปะสะปะ ที่ผ่านมา KBTG ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีให้กับองค์กรภาครัฐ เช่น โครงการ Thai NLP (Thai Natural Language Processing) ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ลดช่องว่างในการสื่อสารภาษาธรรมชาติระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์, วิจัย Facial Recognition กับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) พัฒนา Face Liveness Detection พิสูจน์ความเป็นบุคคล ป้องกันการปลอมแปลง และโครงการ CU NEX ที่พัฒนาร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มา - งานแถลงข่าว
# POCO F3 และ POCO X3 Pro ขาย 1 เมษายนนี้ เริ่ม 10,999 และ 7,999 บาท มีช่วงราคาพิเศษ หลัง POCO F3 และ POCO X3 Pro เปิดตัวไปวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา วันนี้ทั้งสองรุ่นเปิดราคาไทยแล้ว โดย POCO F3 จะวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม JD Central ส่วน POCO X3 Pro วางจำหน่ายบน Shopee ก่อนในราคาพิเศษ วันที่ 1 เมษายน จนถึง 8 เมษายน จากนั้นจะวางจำหน่ายหน้าร้านและแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ ตั้งแต่ 9 เมษายนเป็นต้นไป POCO F3 ชิป Snapdragon 870 รองรับ 5G แรม LPDDR5 ขนาด 6GB และ 8GB ความจุ 128GB และ 256GB แบบ UFS 3.1 หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz สามกล้องหลัง รองรับ Wi-Fi 6 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นสูงสุดของ POCO ในปัจจุบัน มีสามสี Arctic White, Night Black และ Deep Ocean Blue สองความจุ และจะจัดจำหน่ายบน JD Central ก่อน ในราคาดังนี้ 8GB+256GB: ราคาปกติ 12,999 บาท ช่วงราคาพิเศษ 11,999 บาท 6GB+128GB: ราคาปกติ 10,999 บาท ช่วงราคาพิเศษ 9,999 บาท POCO X3 Pro เป็นรุ่นต่อยอดจาก POCO X3 NFC ชิป Snapdragon 860 กล้องหลัง 4 ตัว หน้าจอ IPS LCD 6.67 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz มีรุ่นแรม 6GB กับ 8GB และความจุ 128GB กับ 256GB แบบ UFS 3.1 มีสามสี Phantom Black, Frost Blue และ Metal Bronze และสองความจุเช่นกัน จัดจำหน่ายบน Shopee ก่อน ในราคาดังนี้ 8GB+256GB: ราคาปกติ 8,999 บาท ช่วงราคาพิเศษ 7,999 บาท 6GB+128GB: ราคาปกติ 7,999 บาท ช่วงราคาพิเศษ 6,999 บาท POCO X3 Pro เป็นมือถือรุ่นกลางที่เหมาะกับคนกำลังมองหามือถือราคาต่ำกว่าหมื่น แม้หน้าจอจะยังเป็น LCD แต่ชิป Snapdragon 860 ก็มีประสิทธิภาพเพียงพอในการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ส่วน POCO F3 ที่มีราคาใกล้เคียงกับ Mi 11 Lite 5G ก็ใช้ชิป Snapdragon 870 ที่ทำคะแนนในการทดสอบประสิทธิภาพ ได้ดีกว่า Snapdragon 780Gบน Mi 11 Lite 5G พอสมควร แถมยังมาพร้อมชิปโมเด็ม X55 ในขณะที่ 780G ยังใช้ X53 อยู่น่าจะได้เปรียบเรื่องความเร็วและความสเถียรของสัญญาณ 5G ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการใช้มือถือ 5G ในระดับราคาหมื่นต้นๆ ที่มา - [จดหมายประชาสัมพันธ์]
# ลุยงานจริง SCB 10X Bangkok Blockathon 2021 เฟ้นหาสุดยอดนักพัฒนาสายบล็อกเชน รับรางวัลเป็นเงินคริปโต SCB 10X บริษัทโฮลดิ้งคอมพานีในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ เล็งเห็นว่าเทรนด์การเงินโลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เทคโนโลยีบล็อกเชนหรือเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลแบบไร้ศูนย์กลาง จะเข้ามาเปลี่ยนระบบการเงินที่เคยมีศูนย์กลางเป็นธนาคาร (Centralized Finance - CeFi) ให้กลายเป็นระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง (Decentralized Finance - DeFi) ในอนาคต เมื่อเล็งเห็นจุดนี้ SCB 10X จึงเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต รวมถึงเป็นส่วนร่วมพัฒนา Blockchain Community ในประเทศไทย โดยจัดงานเฟ้นหาสุดยอดนักพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนรุ่นใหม่ไฟแรงในไทย “Bangkok Blockathon 2021: Finance and Beyond” ซึ่งมีงานเปิดตัวและเน็ตเวิร์กกิ้งไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2021 ก่อนจะมีการแข่งขันจริงๆ ในวันที่ 27-28 มีนาคม ตัวงานเป็นการจัดการแข่งขันพัฒนาโปรดักต์ในสไตล์ Hackathon ระหว่างทีมนักพัฒนาที่มีตั้งแต่ 1 คน จนถึงสูงสุด 5 คน จำนวน 10 ทีม แต่ก่อนถึงวันประกวดจริง มีนักพัฒนาที่ต้องการเข้าแข่งขันส่งโปรไฟล์เข้ามามากกว่า 200 คน และมีหลายทีมที่โดนใจทีมงาน จนในวันประกาศผล ทีมงานตัดสินใจให้มีทีมที่เข้าร่วมได้ถึง 12 ทีม จุดประสงค์ของงานเพื่อเป็นการสร้างโปรดักต์ใหม่ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Build) เพื่อพบปะระหว่างนักพัฒนา กับผู้มีประสบการณ์ในวงการบล็อกเชน และพัฒนาทักษะผ่านการแลกเปลี่ยน (Boost) และยังมีเงินรางวัลเพื่อต่อยอดโปรเจกต์ของนักพัฒนาด้วย (Scale Up) งาน SCB 10X Bangkok Blockathon 2021 คราวนี้น่าจะเป็นงาน Hackathon ครั้งแรกๆ ในประเทศไทยในที่มอบเงินรางวัลเป็นเงินคริปโตอีกด้วย โดยทีมที่ชนะเลิศ จะได้รับเงินรางวัลเป็นสกุลเงินคริปโต Bitcoin จำนวน 0.1 BTC รองชนะเลิศได้ Ethereum จำนวน 2 Etereum และรองชนะเลิศอันดับสาม ได้รับ Alpha จำนวน 1,300 Alpha งานเปิดตัวในวันที่ 24 มีนาคม 2021 เป็นงานเปิดตัวในสไตล์สบายๆ ที่จัดให้ทีมผู้เข้าแข่งขันได้มาพบปะ พูดคุย โดยมีคุณกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร Head of Venture Builder ของ SCB 10X รับหน้าที่เป็นพิธีกร และมี ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ซีอีโอของ SCB 10X ให้เกียรติมาร่วมพูดเปิดงาน และแนะนำจุดประสงค์ของงาน หลังจากนั้นมีเซสชั่น virtual fireside chat โดยคุณ Mike Kayamori ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Liquid Global แพลตฟอร์มเทรดสกุลเงินคริปโตระดับโลก วิดีโอคอลเข้ามาร่วมพูดคุยกับทีมที่เข้าแข่งขัน โดยมีคุณมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer ของ SCB 10X รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินงาน คุณ Mike Kayamori เล่าถึงต้นกำเนิดของบริษัท Liquid Global ตั้งแต่ช่วงที่เขาอยู่ซิลิคอนวัลเลย์ในปี 2009 เมื่อ Bitcoin whitepaper เอกสารระบบการเงิน Bitcoin ถูกเผยแพร่โดย Satoshi Nakamoto หนึ่งปีหลังวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 ทำให้ประชาชนไม่เชื่อถือในระบบธนาคาร จนเขาเองได้มาซื้อบิตคอยน์ในปี 2013 หลังมาอยู่กับบริษัทลงทุน SoftBank ของญี่ปุ่น และได้มาอยู่ที่สาขาอินเดีย คุณ Mike สนใจระบบการทำงานของบล็อกเชน และมองเห็นอนาคตของบิตคอยน์จากการได้เห็นคนอินเดียจำนวนมากที่ไม่มีบัญชีธนาคาร แต่มีสมาร์ทโฟน และอินเทอร์เน็ต ซึ่งบิตคอยน์ ที่มีแค่สองสิ่งนี้ก็สามารถใช้งานได้ น่าจะช่วยให้ประชาชนที่ไม่มีบัญชีธนาคาร สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้นในอนาคต เขาจึงก่อตั้ง Quoine ในปี 2014 ก่อนจะลุยทำระบบเทรด ทำงานกับธนาคาร และระบบการเทรดก็พัฒนาตามลำดับจนเป็นแบบ DeFi ไม่ต้องมีธนาคารมาเกี่ยว ใช้เพียงเงินคริปโตเท่านั้น และกลายมาเป็น Liquid Global ในทุกวันนี้ หลังจากนั้นคุณ Mike จึงให้ข้อมูลถึงภาพรวมของวงการ DeFi ในปัจจุบัน ที่มีบริษัทในเซกเตอร์ต่างๆ มากมาย รวมถึงพูดถึงโอกาสและความท้าทายของระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง ทั้งด้านการแข่งขันของไอเดีย และบริษัทต่างๆ ไปจนถึงการเข้ามามีส่วนร่วมขององค์กรกำกับดูแลจากภาครัฐในอนาคต พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญในการทำสิ่งที่เชื่อมั่น และให้กำลังใจผู้เข้าแข่งขันในช่วง Blockathon นอกจากนี้ยังมีเซสชั่นพูดคุยกับผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพบล็อกเชนสัญชาติไทย อย่างคุณอรพงศ์ เทียนเงิน ซีอีโอแห่ง Digital Ventures สตาร์ทอัพเทคโนโลยีด้านข้อมูลการเงิน คุณสรวิศ ศรีนวกุล ผู้ก่อตั้ง Band Protocol บริษัท Data Oracle เชื่อมโยงข้อมูลจากโลกจริง เช่นราคาหลักทรัพย์ สู่การนำมาใช้งานบนระบบบล็อกเชน และคุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้ก่อตั้ง Ookbee และ CO-CEO ของ SIX Network ผู้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้กับการพิสูจน์ลิขสิทธิ์ของคอนเทนต์ดิจทัล และระบบการจ่ายเงินโดยใช้ระบบโทเค่น ทั้งสามท่านได้มาเล่าถึงไอเดียในการก่อตั้งบริษัทจากประสบการณ์จริง โอกาสในการใช้งานจริง และแนวทางการพัฒนาของวงการเทคโนโลยีบล็อกเชน กับระบบการเงินแบบไร้ตัวกลางในไทย รวมถึงความท้าทายของเทคโนโลยีบล็อกเช่นเอง เพื่อแนะนำเส้นทางการพัฒนาที่จะมากำจัดข้อจำกัดเหล่านี้ ในอนาคต และการเตรียมตัวเพื่อทำตามสิ่งที่ฝัน ไม่ว่าตลาดกำลังพุ่งขึ้นหรือไม่ก็ตาม พร้อมทิ้งท้ายด้วยการให้กำลังใจทีมผู้เข้าแข่งขัน หลังจากนั้นมีการถ่ายรูปรวมทีมผู้เข้ารอบทั้ง 12 ทีม ได้แก่ทีม Flipay, KillSwitch, NPledge,TrustPass, Passive Protocol, NFTPass, Nytu - นายตู้, AMDeFi, BitDoc, Estate-Onblock, newby.sol และ Rug Pull Alpaca (RPA) ร่วมกับผู้บริหาร SCB 10X และวิทยากร รวมถึงมีปาร์ตี้ให้ผู้เข้าแข่งขันได้พบปะ พูดคุย เพื่อทำความรู้จักก่อนจะเริ่มแข่งขันโค้ดในวัน Blockathon จริงในวันที่ 27-28 มีนาคม ซึ่ง Blognone ก็จะนำผลการแข่งขันและสรุปโปรไฟล์ของทีมผู้ชนะมาให้ติดตามในคราวต่อไป
# ทีมวิจัยจาก VISTEC เสนอโมเดลสร้างภาพสามมิติจากภาพถ่ายมีความลึก ทีมวิจัยจากสถาบันวิทยสิริเมธี (Vidyasirimedhi Institute of Science and Technology - VISTEC) เสนองานวิจัย NeX ระบบแปลงภาพถ่ายที่มีความลึก (multiplane image - MPI) มาเป็นภาพสามมิติที่สมจริง ภาพแบบ MPI เป็นภาพที่เราเห็นบ่อยขึ้นในเฟซบุ๊ก แม้จะคล้ายภาพสามมิติแต่ภาพแต่ละชั้นก็ยังแบนๆ บอกได้เพียงว่าชั้นใดอยู่หน้าหลังเท่านั้น แต่ NeX สามารถเรนเดอร์ภาพออกมาได้เหมือนกำลังมองภาพสามมิติอย่างสมบูรณ์ แม้แต่แสงเงาก็สมจริง นอกจาก NeX จะสามารถสร้างภาพที่สมจริงแล้ว ทีมวิจัยยังระบุว่าประสิทธิภาพการสร้างภาพก็ดีกว่างานวิจัยที่เคยเสนอมากว่าพันเท่าตัวทำให้สามารถเรนเดอร์ในอุปกรณ์พลังประมวลผลไม่สูงนัก เช่น โทรศัพท์มือถือได้ งานวิจัย NeX: Real-time View Synthesis with Neural Basis Expansion โดย Suttisak Wizadwongsa, Pakkapon Phongthawee, Jiraphon Yenphraphai, และ Supasorn Suwajanakorn นำเสนอในงานประชุมวิชาการ CVPR 2021 ที่มา - NeX MPI
# Intel® NUC ตัวช่วยสำหรับธุรกิจ SME อย่าง EU Wine และ สยามเปเปอร์ ในการขยายกิจการได้ในพื้นที่จำกัด ในสภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยเช่นในปัจจุบัน การขยายธุรกิจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะเสี่ยงอยู่มาก จะลงทุนขยายออฟฟิศ เพิ่มพนักงาน หรือขยายสาขาล้วนแล้วแต่มีต้นทุนที่สูงอาจดูไม่เหมาะนักในเวลานี้ แต่บางครั้งถ้าเรามองเห็นโอกาสที่ดีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยขยายธุรกิจเพื่อลดต้นทุน ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่คุ้มค่า Intel® NUC เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ถูกออกแบบเพื่อใช้ในธุรกิจภายใต้ข้อจำกัดได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถลดพื้นที่ เพิ่มพนักงาน และประสิทธิภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด วันนี้เรามีตัวอย่างลูกค้าของทางร้าน Elysium มาให้ชมกันว่า Intel® NUC ช่วยให้พวกเค้าสามารถขยายธุรกิจภายใต้ข้อจำกัดในด้านสถานที่และการลงทุนได้อย่างไร คุณ พิเนตร เชิดหิรัญกร เจ้าของร้าน Elysium จาก บริษัท เทรด-ฟอร์-ยู จำกัด ซึ่งเป็น Intel® Partner Alliance ในระดับ Gold ผู้ที่นำเอาเทคโนโลยีต่างๆ ของอินเทลมานำเสนอเป็นโซลูชันต่างๆ ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในบ้านหรือในออฟฟิศ ด้วยความสามารถของ Intel® NUC ที่หลากหลาย มีขนาดที่เล็กกะทัดรัด และมีหลายรุ่นให้เลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ในทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กสำหรับการใช้งาน ในบ้านหรือที่ทำงาน ซึ่งสามารถติดเข้ากับหลังจอมอนิเตอร์ได้ ไม่ต้องมาตั้งวางให้เกะกะพื้นที่โต๊ะทำงาน หรือจะเป็นรุ่นใหญ่อย่าง Intel® NUC Hades Canyon ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถทำงานกราฟิก เล่นเกมในแบบ VR สตรีมภาพ ทำ Live สดไปพร้อมๆ กันได้ในเครื่องเดียว แสดงผลภาพความละเอียดสูงได้ถึง 6 หน้าจอพร้อมๆ กัน รองรับ WiFi 6 และ Thunderbolt 4 เพื่อการส่งข้อมูลระหว่างเครื่องได้อย่างรวดเร็ว เจ้าเครื่องเล็กๆ อย่างนี้สามารถทำงานได้ในทุกรูปแบบไม่แตกต่างจากคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ ประหยัดทั้งพื้นที่ และพลังงาน มีซอฟท์แวร์แท้มาให้พร้อมใช้งาน สามารถบำรุงรักษาง่าย และมีการรับประกันนานถึง 3 ปี ซึ่งคุ้มค่าใสๆ ในการใช้งานระยะยาว Intel® NUC ช่วยลดข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ช่วยให้ EU Wine และ สยามเปเปอร์ขยายธุรกิจได้ไม่ติดข้อจำกัดด้านพื้นที่ ณัฏฐ์ กีรติมงคลเลิศ กรรมการบริหารบริษัท EU Wine ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ยไวด์ชั้นนำในประเทศไทย และ บริษัท สยามเปเปอร์แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ลูกฟูกซึ่งมีลูกค้าหลักในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออกเป็นหลัก ซึ่งทางบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบและผลิตกล่องลูกฟูกคุณภาพสูง ทางบริษัทได้ใช้งานระบบสต็อก การเปิดบิล และบัญชีแบบดิจิทัลทั้งหมดลิงค์กันอยู่ในระบบ ERP ชุดเดียวกัน ทั้งที่สำนักงานใหญ่ ในสาขา และคลังสินค้าต่างๆ ของบริษัทที่กระจายอยู่ในเมืองหลวง และเมืองตากอากาศหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น พัทยา หัวหิน สมุย และภูเก็ต ทำให้ทางบริษัทจำเป็นจะต้องใช้เครื่องที่มีประสิทธิภาพมาก ในช่วง 10 ปีก่อน ธุรกิจของเราขยายตัวเร็วมาก ทำให้เราต้องจ้างพนักงาน และลงทุกระบบคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม แต่ก็ประสบปัญหาเนื่องจากออฟฟิศเราที่มีขนาดที่เล็ก ซึ่งทางผู้ขายของเราได้แนะนำให้ใช้เครื่อง Intel® NUC ที่มีขนาดที่เล็ก วางติดไว้ด้านหลังจอมอนิเตอร์ได้ไม่เกะกะ ประหยัดพื้นที่ลงมากๆ ทำให้เราสามารถรีโนเวทตึกใหม่ของเรา ให้รองรับพนักงานได้เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันออฟฟิศของเราได้ใช้เป็นเครื่อง Intel® NUC ทั้งหมด ข้อดีของการใช้ Intel® NUC คือมีซอฟต์แวร์แท้มาให้จากโรงงานติดตั้งง่าย ใช้งานง่าย ประหยัดพื้นที่และมีบริการหลังการขายที่ดี หลายครั้งเครื่องมีปัญหาเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ผู้ช่วยก็เข้ามาซัพพอร์ตเปลี่ยนอะไหล่ให้อย่างรวดเร็ว ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับธุรกิจ SME ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ด้านไอทีซัพพอร์ตเข้ามาดูแลเฉพาะด้าน จำเป็นต้องพึ่งการซัพพอร์ตจากทางแบรนด์เข้ามาช่วยสนับสนุน อีกระบบหนึ่งของ Intel® NUC ที่เราใช้อยู่เป็นประจำคือ Intel® UNITE ช่วยให้เราสามารถประชุมผู้จัดการสาขาในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว จากแต่ก่อนที่เราต้องส่งผู้จัดการต่างจังหวัดออกไปประชุมร่วมกับผู้จัดการสาขาในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งเสียทั้งค่าเดินทางและเวลา ปัจจุบันนี้เราสามารถเรียกประชุมผู้จัดการจากทุกสาขาผ่านระบบของ Intel® UNITE คุยประเด็นที่สำคัญในแต่ละอาทิตย์ได้ แชร์ไฟล์ แชร์รายละเอียดต่างผ่านทางออนไลน์ได้ทันที ทำให้การทำงานของเรารวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ประสบการณ์ทำงานด้วยเครื่อง Intel® NUC ที่สามารถทำงานกราฟิกและตัดต่อวิดีโอได้ดีไม่แพ้คอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ๆ ร้าน ToonSport โดยคุณทูล ซึ่งทางร้านเป็นผู้นำเข้าสินค้าอุปกรณ์แต่งรถชั้นนำหลากหลายยี่ห้อ “สินค้าที่นำเข้ามาขายเป็นสินค้าที่มีคุณภาพได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในบริษัทก็เช่นกัน เพราะใช้แล้วเครื่องไม่มีปัญหา คุณภาพสูง ขนาดเล็ก บริการดี รับประกันหลังการขายดี ของที่เราใช้เราคัดสรรมาทั้งหมดแล้ว“ คุณทูลกล่าว ซึงก่อนหน้านี้ทางร้านได้ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดปกติให้กับพนักงาน สำหรับทำกราฟิกดีไซน์ ป้ายประชาสัมพันธ์ รวมถึงคลิปวิดีโอต่างๆ ของทางร้าน แต่ก็ได้เปลี่ยนมาใช้ Intel® NUC Hades Canyon ในภายหลัง ด้วยขนาดที่เล็กกว่า ดูกะทัดรัด ไม่เกะกะพื้นที่ สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ จับยกไปใช้งานที่ไหนก็ได้ซึ่งสะดวกมากๆ เมื่อแรกเห็นก็ยังแอบสงสัยด้วยขนาดที่เล็กขนาดนี้จะทำงานได้ไหม จะช้าหรือเปล่า แต่เมื่อได้ทดลองใช้จริงสามารถทำงานได้ไม่แตกต่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ๆ เลย โดยเฉพาะกับการตัดต่อคลิปวิดีโอ คนที่ทำงานจะรู้ว่าขั้นตอนสุดท้ายคือ การเรนเดอร์นั้นจะใช้เวลานานมากๆ แต่ Intel® NUC Hades Canyon สามารถเรนเดอร์วิดีโอได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยเครื่อง Intel® NUC เครื่องเล็กๆ สามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว และยังประหยัดพื้นที่ ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายตัวออกไปได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้ข้อจำกัดในเรื่องสถานที่ มีประสิทธิภาพที่ดีพร้อมบริการหลังการขายที่มั่นใจได้ นี่คือเหตุผลฃที่ทำไมธุรกิจ SME ถึงจำเป้นต้องใช้ Intel® NUC
# ไม่ใช่บล็อกเชน แต่เป็นบล็อกผิด iOS บล็อกคำว่า Asian ถ้าเปิดบล็อกเว็บไซต์ผู้ใหญ่ในการตั้งค่า ระบบบล็อกคอนเทนต์ของ iOS 14 ที่รวมมาในการตั้งค่า Screen Time เกิดปัญหาเรื่องการบล็อกคีย์เวิร์ด หากผู้ใช้เปิดระบบบล็อกเว็บไซต์ผู้ใหญ่ไว้ โดยจะบล็อกคำว่า Asian หรือชุดคำที่มีคำว่า Asian ร่วมด้วย (โดนบล็อกหมดทั้ง A พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก) เช่น Asian food, Asian hairstyles, Asian cuisine และอื่นๆ มีเพียงชุดคำเดียวที่ไม่บล็อกคือ Asian restaurants (ต้องเติม s) หรือหากเติมตัว s ให้เป็นคำว่า Asians ก็จะทะลุบล็อกได้เช่นกัน ผู้ใช้ iOS สามารถเข้าไปทดสอบได้ด้วยตัวเอง โดยการตั้งค่า Screen Time > Content & Privacy Restrictions > Content Restrictions > Web Content > ตั้งเป็น Limit Adult Websites โดยผู้เขียนทดสอบแล้วก็พบว่าถูกบล็อกเนื้อหาจริง Steven Shen นักพัฒนา iOS พบปัญหานี้และทวีตไว้ รวมถึงแจ้ง Apple ไปตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่ก็ยังไม่มีการแก้ไข ทำให้เกิดข้อกังวลว่าอาจทำให้เกิดดราม่าเรื่องเชื้อชาติได้ เมื่อเนื้อหาของเชื้อชาติเอเชียถูกบล็อก ในขณะที่กระแสต่อต้านชาวเอเชียรุนแรงเช่นนี้ คงต้องติดตามว่า Apple จะแก้ไขปัญหานี้เมื่อไร ที่มา - Engadget
# ถึงเวลาลาจาก Verizon เตรียมหยุดให้บริการ 3G ในสหรัฐสิ้นปี 2022 Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ในสหรัฐฯ เตรียมหยุดให้บริการเครือข่าย 3G ในปี 2022 โดย Mike Haberman รองประธานฝ่ายวิศวกรรมเครือข่ายของบริษัท ออกแถลงการณ์ระบุว่าบริษัทจะให้บริการเครือข่าย 3G ในวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2022 เป็นวันสุดท้าย พร้อมระบุว่าจากผู้ใช้กว่า 94 ล้านคนของ Verizon มีแค่ 1% เท่านั้นที่ยังใช้งาน 3G และเชิญชวนให้ลูกค้าเปลี่ยนมือถือใหม่ที่รองรับเครือข่าย LTE หรือ 5G มิฉะนั้นอาจใช้บริการต่อไม่ได้ 3G เป็นเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกที่รองรับสมาร์ทโฟนเต็มรูปแบบ พัฒนาจากระบบ 2G ที่เน้นการโทรและส่งข้อความมาคำนึงถึงการใช้งานที่ไม่ใช่การโทรศัพท์ (non-voice) มากขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ส่วนในเอเชียเอง ไต้หวันปิดให้บริการ 3G ไปตั้งแต่ปี 2018 ส่วนบ้านเรายังไม่มีวี่แววว่าจะมีค่ายใดหยุดให้บริการ 3G โดยสาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการประมูล 3G ในไทยนั้นเกิดขึ้นช้ากว่าชาติอื่นๆ ที่มา - Verizon via Engadget
# กูเกิลเปิดตัวแอป Stack สแกนเอกสาร ไฮไลต์ข้อมูลสำคัญให้ แบ็คอัพใน Google Drive ด้วย ทีม Area 120 หน่วยงานบ่มเพาะนวัตกรรมในกูเกิล ร่วมกับทีม DocAI ทีมทำงาน Google Cloud เปิดตัวแอปพลิเคชั่นใหม่เป็นเวอร์ชั่นทดสอบบนแอนดรอยด์คือ แอป Stack เป็นแอปสแกนเอกสาร ที่สกัดเอาข้อมูลสำคัญในกระดาษนั้นออกมาให้ เช่นเมื่อสแกนใบเสร็จหรือบิล ระบบจะดึงข้อมูลเลขที่ลูกค้า ราคาที่จ่าย และวันที่ทำรายการออกมาให้ ช่วยให้มองเห็นข้อมูลสำคัญง่ายขึ้น ไม่ต้องเพ่งเล็งตัวอักษรบนกระดาษ นอกจากนี้ ระบบยังสามารถจัดแบ่งประเภทเอกสารที่สแกนให้ด้วย หากเป็นใบเสร็จ ระบบจะเก็บเข้าในแฟ้ม Receipts หากเป็นบิล จะเก็บเข้าแฟ้ม Bills เป็นต้น เอกสารทั้งหมดยังถูกเก็บสำรองไว้บน Google Drive ด้วย หากเลิกใช้แอป Stack ไปแล้ว เอกสารก็จะยังไม่หายไป นอกจากนี้ การเข้าใช้งานทุกครั้งใช้ระบบสแกนนิ้วหรือใบหน้า โดยกูเกิลบอกว่าต้องทำเพื่อปกป้องเอกสารของผู้ใช้งาน ตัวแอปยังอยู่ในขั้นทดสอบ คนไทยยังดาวน์โหลดไม่ได้ ที่มา - กูเกิล
# Google Meet ขยายเวลาให้ใช้งานฟรีถึง 30 มิ.ย. จากเดิมที่หมด 31 มี.ค. นี้ ตั้งแต่โรคระบาดเป็นต้นมา Google Meet ก็เปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ G Suite (เป็นชื่อใหม่แล้ว Google Workspace) ในขณะนั้น ได้ใช้งานฟรี และขยายระยะเวลามาเรื่อยๆ และสามารถใช้งานฟังก์ชั่นได้เกือบเท่ากับเวอร์ชั่น Enterprise มาจนเกือบครบปีและเดดไลน์คือ 31 มีนาคมปีนี้ ล่าสุด กูเกิลประกาศขยายเวลาต่อ ให้ใช้ Google Meet ฟรี ไม่จำกัดเวลาประชุมไปอีกจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ที่มา - Engadget
# YouTube ทดสอบซ่อนเลขปุ่ม dislike เพื่อปกป้องความรู้สึกยูทูเบอร์ YouTube ประกาศทดสอบซ่อนเลขปุ่ม dislike โดยยังมองเห็นปุ่มอยู่ แต่จะมองไม่เห็นเลขว่ามีคนกด dislike กี่คน จุดประสงค์คือเพื่อปกป้องสุขภาวะที่ดีของครีเอเตอร์ แต่ยังคงมองเห็นตัวเลขสถิติทั้งหมดได้จาก YouTube Studio YouTube ยังบอกด้วยว่า การที่มองเห็นยอด dislike มากๆ อาจมาจากการกระตุ้นให้มีแคมเปญหรือพฤติกรรมก่อกวนด้วยการแห่กด dislike ซึ่งครีเอเตอร์ก็มักใช้ตัวเลข และคอมเม้นท์มาปรับปรุงเนื้อหาต่อๆไปของตัวเอง การทดสอบยังมองเห็นในเฉพาะครีเอเตอร์บางกลุ่มเท่านั้น ที่มา - The Verge
# หรือทุกแพลตฟอร์มต้องมี? LinkedIn กำลังพัฒนาการสนทนาเสียงแบบ Clubhouse หลายแพลตฟอร์มกำลังพัฒนาการสนทนาเสียงแบบ Clubhouse ไม่ว่าจะเป็น Twitter Spaces, Facebook ก็มีข่าวลือว่าจะทำคล้ายๆ กัน, Spotify ก็อาจจะเข้าร่วมวงด้วย ล่าสุด LinkedIn แพลตฟอร์มฝากประวัติและหางานก็ยืนยันแล้วว่ากำลังพัฒนาการสนทนาเสียงด้วยเช่นกัน LinkedIn บอกกับ TechCrunch ว่า กำลังทำการทดสอบในช่วงต้น เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านเสียงที่ไม่เหมือนใคร และสามารถเชื่อมต่อกับตัวตนระดับมืออาชีพของผู้ใช้งานได้ ทดสอบแล้วในขั้นเบต้า มีภาพหน้าจอจำลองการใช้งานออกมาแล้ว สามารถดูได้ที่แหล่งข่าวต้นทาง การที่ LinkedIn พัฒนาการคุยเสียงอาจดูเป็นแนวทางที่เหมาะกับแพลตฟอร์ม รวมคนพูดคุยเรื่องการพัฒนาทักษะในงาน work-life balance ซึ่ง LinkedIn มี Creator mode หรือระบุการเป็นผู้สร้างเนื้อหาบน LinkedIn อยู่แล้วด้วย ภาพจาก Shutterstock ที่มา - The Verge
# Arm เปิดตัวสถาปัตยกรรม Arm v9 สถาปัตยกรรมชุดใหม่ในรอบ 10 ปี Arm เปิดตัวสถาปัตยกรรมคำสั่ง (Instruction Set Architecture - ISA) ชุดใหม่ Arm v9 หลังจากเปิดตัวสิบปีหลัง Arm v8 เปิดตัวเมื่อปี 2011 ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเพราะ Arm เริ่มรองรับคำสั่งขนาด 64 บิตเป็นครั้งแรกจนกระทั่งชิป Arm มีความสามารถระดับเดสก์ทอปเช่นทุกวันนี้ ทาง Arm ยกตัวอย่างฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน Arm v9 ได้แก่ Arm Confidential Compute Architecture (CCA) ขยายจาก Arm TrustZone ในทุกวันนี้ทำให้ซอฟต์แวร์สามารถรันแยกส่วนกันได้ชัดเจนขึ้น Arm Memory Tagging Extension (MTE) กำหนดสิทธิ์การเขียนหน่วยความจำ ป้องกันแฮกเกอร์เขียนข้อมูลทับลงหน่วยความจำที่เป็นจุดสำคัญของช่องโหว่จำนวนมาก Scalable Vector Extension (SVE) 2 ชุดคำสั่งแบบเวคเตอร์ที่เกิดจากการพัฒนาร่วมกับฟูจิตสึสำสำหรับใช้งานในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku ใน SVE2 จะขยายขนาดเวคเตอร์ไปได้ถึง 2048 บิตพร้อมรองรับคำสั่งที่ช่วยประมวลผลข้อมูลในกลุ่มการประมวลผลภาพ และปัญญาประดิษฐ์ การเปิดตัวสถาปัตยกรรมชุดคำสั่งเป็นก้าวแรกของชิปรุ่นต่อไป โดยต้องรอ Arm เริ่มเปิดตัวพิมพ์เขียวซีพียูต้นแบบและใช้เวลาอีกนับปีกว่าผู้ผลิตจะนำพิมพ์เขียวไปผลิตเป็นชิปจริงจนมาเป็นอุปกรณ์ให้เราใช้งาน ที่มา - Arm
# Duo Security เพิ่มความสามารถล็อกอินโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน Duo Secruity บริการยืนยันตัวตนผู้ใช้ของ Cisco ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ล็อกอินแบบไร้รหัสผ่าน โดยอาศัยมาตรฐาน WebAuthn หรือ FIDO2 ไคลเอนต์จำนวนมากรองรับ WebAuthn อยู่แล้ว โดยเฉพาะเบราว์เซอร์หลักๆ แทบทุกตัว กระบวนการยืนยันตัวตนอาศัยกุญแจเข้ารหัสลับในอุปกรณ์ยืนยันตัวตน ที่อาจจะเป็นกุญแจ USB หรือแม้แต่ตัวโทรศัพท์มือถือหรือโน้ตบุ๊กเอง ร่วมกับการยืนยันความเป็นเจ้าของอุปกรณ์ เช่น ใบหน้า, หมายเลข PIN, หรือลายนิ้วมือ Cisco ระบุว่าทุกวันนี้ฝ่ายไอทีขององค์กรต้องรับมือกับปัญหารหัสผ่านของผู้ใช้เป็นงานก้อนใหญ่ การตัดรหัสผ่านออกไปเลยช่วยลดงานให้ฝ่ายไอที แถมลดความเสี่ยงได้ทั้งกรณีผู้ใช้โดนหลอกเอารหัสผ่าน, การใช้รหัสผ่านซ้ำ, ไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ถูกยิงรหัสผ่าน ที่มา - Cisco
# Cisco ประกาศแบรนด์ Cisco Plus ให้บริการแบบคิดเงินตามการใช้งานจริง ที่งาน Cisco Live ปีนี้ Cisco ประกาศแบรนด์ใหม่ในชื่อ Cisco Plus เป็นการเปลี่ยนโมเดลคิดค่าใช้งานเป็นแบบคิดตามการใช้งานจริง หรือติดตามการเติบโต ภายใต้แบรนด์ Cisco Plus ยังมีการรวมเอาสินค้ากลุ่มเน็ตเวิร์ค, เซิร์ฟเวอร์ (compute), และสตอเรจ มาเป็น Cisco Plus Hybrid Cloud และรวมเอาสินค้ากลุ่ม SASE (Meraki, AnyConnect, Duo, Umbrella) มาเป็น Cisco Plus NaaS ให้องค์กรจะสมัครใช้งานเป็นชุดเดียวกัน รูปแบบการคิดค่าบริการแบ่งออกแบ่งออกเป็นสองโมเดล ได้แก่ Pay per use ลูกค้าจองกำลัง (capacity) ของระบบไว้ล่วงหน้า หลังจากนั้นสามารถปรับขึ้นลงได้ตามการใช้งาน Pay as you grow ลูกค้าจองกำลังขั้นต่ำล่วงหน้า และขอเพิ่มได้อย่างเดียว แม้จะเป็นบริการ as-a-service แต่ Cisco จะยังคงให้ลูกค้าเลือกว่าต้องการจัดการโซลูชั่นระหว่างใช้งาน (day-2 operation) เองหรือไม่ หรือจะให้พาร์ตเนอร์ของ Cisco จัดการเต็มรูปแบบเหมือนคลาวด์ไปเลยก็ได้เช่นกัน ประกาศครั้งนี้ Cisco ยืนยันว่าแม้จะปรับไปยังแนวทางให้บริการ (as-a-service) แทนการขายสินค้าแบบเดิมๆ แต่บริษัทยังอาศัยพันธมิตรเพื่ออิมพลีเมนต์โซลูชั่นต่างๆ อยู่เหมือนเดิม ที่มา - Cisco โซลูชั่นใน Cisco Plus Hybrid Cloud
# [April's Fools] Volkswagen เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น Voltswagen สะท้อนยุครถยนต์ไฟฟ้า แต่เฉพาะในสหรัฐ บริษัทรถยนต์ Volkswagen ประกาศเปลี่ยนชื่อแบรนด์ในสหรัฐอเมริกา จาก Volkswagen of America มาเป็น Voltswagen of America (เปลี่ยนตัว k เป็น t) เพื่อสะท้อนถึงทิศทางในอนาคตที่ไปยังรถยนต์ไฟฟ้า ตัวโลโก้ VW ของบริษัทจะยังเป็นเหมือนเดิม แต่จะแยกสีตามประเภทของรถยนต์ โดยรถที่ใช้น้ำมันจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม และรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นสีฟ้าอ่อน ส่วนคำว่า Voltswagen จะใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น ถ้าเป็นรถยนต์น้ำมันจะมีเฉพาะโลโก้ VW อย่างเดียว การเปลี่ยนแปลงนี้มาพร้อมกับการวางขายรถ SUV ไฟฟ้ารุ่น ID.4 ในอเมริกา และยังมีผลเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่มา - VW
# เปิดตัว Mi Mix Fold มือถือจอพับได้เครื่องแรกของ Xiaomi พร้อมเลนส์เทเลโฟโต้แบบเหลว เริ่มต้นเกือบ 50,000 บาท Xiaomi เปิดตัว Mi Mix Fold มือถือจอพับได้เครื่องแรกของบริษัท มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ด้านนอกขนาด 6.52 นิ้ว หน้าจอภายในเป็น Flexible OLED 8.01 นิ้ว ข้อต่อและหน้าจอพับได้ถึง 1 ล้านครั้ง ภายในใช้ชิป Snapdragon 888 และมีลำโพงรอบด้านสี่ตัว จูนเสียงโดย Harman Kardon กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 108MP เซ็นเซอร์ Samsung HMX พร้อมชิปประมวลผลภาพ (ISP) Surge C1 ที่ Xiaomi พัฒนาเอง กล้องที่สองเป็นกล้องอัลตร้าไวด์ 13MP กล้องที่สามเป็นเลนส์เทเลโฟโต้ 8MP เทคโนโลยี Liquid Lens หรือเลนส์แบบเหลวเครื่องแรกของโลก โดยมีฟิล์มสองแผ่นที่มีของเหลวอยู่ตรงกลางเป็นเลนส์ และใช้มอเตอร์ความละเอียดสูงเพื่อปรับความโค้งของเลนส์ให้ซูมเข้าออกได้ ใกล้เคียงกับเลนส์ตามนุษย์ มีระยะโฟกัสมาโครใกล้สุด 3 เซนติเมตร ซูมแบบออปติคัลได้ 3 เท่า แบบไฮบริด 30 เท่า และมีสเปกอื่นๆ ดังนี้ หน้าจอภายนอก 6.52 นิ้ว ความละเอียด 2520 x 840 พิกเซล อัตรารีเฟรช 90Hz หน้าจอยภายใน 8.01 นิ้ว ความละเอียด 2480 x 1860 พิกเซล อัตรารีเฟรช 60Hz กระจกด้านหลังเป็น Gorilla Glass 5 (มีรุ่นพิเศษฝาหลังเซรามิก) ชิป Snapdragon 888 แรม 12GB / 16GB (LPDDR5) ความจุ 256GB / 512GB (UFS 3.1) กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 108MP, อัลตร้าไวด์ 13MP, เทเลมาโคร 8MP กล้องหน้า 20MP แบตเตอรี่ 5,020 mAh รองรับการชาร์จไว 67W ระบบปฏิบัติการ ​Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12 Mi Mix Fold เปิดให้จองวันแรกในประเทศจีนตั้งแต่วันนี้ เริ่มจัดส่ง 16 เมษายน 2021นี้ มีรุ่นธรรมดาให้เลือก 2 ความจุ และมี Ceramic Special Edition เปลี่ยนด้านหลังจากกระจกเป็นเซรามิก รอยต่อและปุ่มเปลี่ยนเป็นสีทอง สลักชื่อบนเซรามิกได้ และเพิ่มแรมให้เป็น 16GB รุ่นแรม 12GB + 256GB ราคา 9,999 หยวน (ราว 47,590 บาท) รุ่นแรม 12GB + 512GB ราคา 10,999 หยวน (ราว 52,500 บาท) รุ่น Ceramic Special Edition 16GB + 512GB ราคา 12,999 หยวน (ราว 61,900 บาท) เทียบราคาแล้วถูกกว่า Galaxy Fold 2 ที่วางจำหน่ายในไทยเมื่อเดือนกันยายน 2020 ในราคา 69,900 บาท พอสมควร และเหลือแพงกว่ามือถือเรือธงอย่าง Galaxy S21 Ultra ที่ราคา 39,900 อยู่แค่ประมาณ 7-8 พันบาทแล้ว อาจจะเป็นโอกาสดีของผู้ที่อยากลองสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ๆ หากวางจำหน่ายในประเทศไทย ในราคาที่ไม่แตกต่างจากนี้มากนัก ที่มา - Xiaomi
# Xiaomi เปิดตัวโลโก้ใหม่ เปลี่ยนจากสี่เหลี่ยมมุมฉากเป็นมุมโค้ง Xiaomi เปิดตัวโลโก้ใหม่ ที่ยังเป็นรูปตัว MI สีส้มคล้ายของเดิม แต่เปลี่ยนจากสี่เหลี่ยมขอบตัดตรง มาเป็นสี่เหลี่ยมขอบโค้งมนแทน โลโก้ใหม่ออกแบบโดย Kenya Hara ศิลปินชาวญี่ปุ่น ที่ดัดแปลงมุมให้ดูนุ่มนวลขึ้น และออกแบบตัวพิมพ์ MI ให้ด้วย แนวคิดของโลโก้ใหม่เรียกว่า "Alive" สะท้อนนวัตกรรมของ Xiaomi ที่แบรนด์มีภาพลักษณ์เชื่อมโยงกับวงจรชีวิต ที่มา - Xiaomi
# Cloudflare อัพเดตไฟร์วอลล์ใหม่ เปลี่ยนจาก Lua มาใช้ Rust Cloudflare อัพเดต Web Application Firewall ตัวใหม่จากเดิมที่รันไฟร์วอลล์ใน LuaJIT หันมาสร้างเอนจินใหม่จาก Rust การอัพเดตครั้งนี้จะทำให้ตัวไฟร์วอลล์เอนจินของ Cloudflare ใช้คอนฟิกแบบ wirefilter syntax ที่มีแนวทางคอนฟิกเหมือนการคิวรีแพ็กเก็ตใน Wireshark (Cloudflare โอเพนซอร์สตัวเอนจิน wirefilter มาตั้งแต่ปี 2019) คอนฟิกแบบใหม่นี้ยืดหยุ่นขึันและประสิทธิภาพดีขึ้น สำหรับตัวกฎของไฟร์วอลล์เวอร์ชั่นใหม่ จะอัพเดตไปใช้ OWASP ModSecurity Core Ruleset (CRS) 3.3 จากเดิมใช้เวอร์ชั่น 2.x สามารถปรับใช้งานกฎต่างๆ ได้ตามระดับความเสี่ยงที่จะเกิด false positive ทาง Cloudflare ระบุว่าเตรียมจะโอเพนซอร์สเครื่องมือแปลงกฎไฟร์วอลล์ CRS มาเป็น wirefilter เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้ไฟร์วอลล์อื่นๆ อยู่หันมาใช้ Cloudflare WAF ได้ง่ายขึ้นด้วย ที่มา - Cloudflare Blog
# Spotify ประกาศซื้อกิจการ Betty Labs ผู้พัฒนาแอปสนทนาเสียงออกอากาศสดแนว Clubhouse Spotify ประกาศซื้อกิจการ Betty Labs บริษัทผู้พัฒนาแอปรายงานสดกีฬาทางเสียง Locker Room โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของดีลนี้ หลังจากนี้แอป Locker Room จะยังคงให้บริการต่อไปทั้งบน iOS และ Android แต่จะมีการขยายเนื้อหาไปยังหัวข้ออย่างดนตรี วัฒนธรรม นอกเหนือจากกีฬาอีกด้วย Gustav Söderström หัวหน้าฝ่าย R&D ของ Spotify กล่าวว่า การสนทนาเสียงแบบออกอากาศสด เป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งาน Spotify เรียกร้องกันเข้ามามาก ซึ่งในอนาคตฟีเจอร์ด้านการออกอากาศสดจะถูกนำมารวมอยู่บน Spotify ด้วยอย่างแน่นอน พร้อมกับเพิ่มฟีเจอร์ที่คนต้องการ อาทิ การเข้าร่วมพูดคุยสนทนา และอื่น ๆ จะเห็นได้ว่าดีลนี้ของ Spotify ก็คือการขยับเข้ามาในพื้นที่แอปสนทนาเสียงแบบออกอากาศสด ซึ่งมีผู้ให้บริการรายสำคัญตอนนี้อย่าง Twitter Spaces, Clubhouse ไปจนถึง Discord นั่นเอง ที่มา: Spotify ผ่าน The Verge
# Getty Images เข้าซื้อเว็บแจกรูปฟรี Unsplash Getty Images ผู้ให้บริการซื้อขายภาพถ่ายเข้าซื้อเว็บ Unsplash ผู้ให้บริการแจกรูปฟรี ที่มีข้อห้ามเพียงห้ามดูดเว็บไปทำเว็บแข่งและห้ามนำภาพไปขาย ในบล็อคประกาศข่าวครั้งนี้ทาง Unsplash ระบุว่าพูดคุยกับ Getty Images มาตั้งแต่ปี 2016 แต่ไม่แน่ใจแนวทางว่าจะด้วยกันได้หรือไม่ จนกระทั่งแน่ใจว่ามีวิสัยทัศน์ตรงกัน ก่อนหน้านี้ Unsplash เคยแจกรูปภาพด้วยสัญญาอนุญาตแบบ CC0 ที่แจกภาพเป็นสาธารณะ แต่หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้ Unsplash License ที่มีข้อจำกัดเพิ่มเติมเมื่อปี 2017 ตอนนี้เว็บมีแนวทางทำเงินด้วยบริการ Unsplash Brands ที่เปิดให้แบรนด์ต่างๆ แจกภาพที่โดยมีสินค้าติดอยู่ในภาพด้วย ที่มา - Unsplash
# Apple ประกาศจัดงาน WWDC21 ในรูปแบบออนไลน์ 7-11 มิถุนายนนี้ แอปเปิลประกาศจัดงานสัมมนานักพัฒนาประจำปี หรือ WWDC ประจำปี 2021 โดยยังคงเป็นรูปออนไลน์ทั้งหมด ระหว่างวันที่ 7 ถึง 11 มิถุนายน ซึ่งเนื้อหาในงานเน้นสำหรับนักพัฒนาทั้งบน iOS, iPadOS, macOS, watchOS และ tvOS และแอปเปิลมักประกาศฟีเจอร์ของซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในคีย์โน้ตของงานนี้ นอกจากนี้แอปเปิลยังจัดการแข่งขันเขียนโค้ด Swift Student Challenge โดยนักเรียน-นักศึกษาสามารถสมัครเข้าร่วมได้ถึงวันที่ 18 เมษายนนี้ ทางเว็บของ Swift Student Challenge และแอปเปิลยังประกาศมอบเงิน 1 ล้านดอลลาร์ให้กับ SJ Aspires หน่วยงานส่งเสริมความเท่าเทียมทางการศึกษาของเมือง San José ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงาน WWDC ทุกปี แต่ปีที่แล้วและปีนี้ยังไม่สามารถจัดงานในเมืองได้ แอปเปิลจะประกาศรายละเอียดของงาน WWDC21 เพิ่มเติม ทางแอป Apple Developer, เว็บไซต์ Apple Developer และทางอีเมลของนักพัฒนา ที่มา: แอปเปิล
# Google Maps เตรียมอัพเดตบอกสภาพอากาศ / ฝุ่นในสถานที่ที่เลือก, ปรับปรุงตัวเลือกการเดินทาง Google Maps ประกาศอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ชุดใหญ่ ที่น่าจะใกล้ตัวเราหน่อยก็น่าจะเป็นการบอกสภาพอากาศ อุณหภูมิและค่าฝุ่น (มาตรฐาน US AQI) ในพื้นที่บริเวณหมุดที่เราค้นหา โดยส่วนของอุณหภูมิจะอัพเดตทั่วโลก ส่วนคุณภาพอากาศ จะเริ่มจากบางประเทศก่อน นอกจากนี้ยังอัพเดตการแสดงผลตัวเลือกในการเดินทางเวลาเราเลือกนำทางในแผนที่ ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้และเมืองนั้น ๆ (เลือกไว้ได้) เช่น จักรยาน, รถเมล์, รถไฟใต้ดิน รวมถึงแสดงผลเปรียบเทียบระยะเวลาที่ใช้เดินทางด้วยวิธีต่าง ๆ เช่นขับรถ รถสาธารณะ มอเตอร์ไซค์ ให้ในแท็บเดียว ไม่ต้องเปลี่ยนนแท็บเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฟีเจอร์นี้ปล่อยพร้อมกันทั่วโลก เร็ว ๆ นี้ ส่วนอัพเดตอื่น ๆ ก็มีการเปิดใช้ Live View การนำทางผ่าน AR ในตึก, แสดงข้อมูลสินค้า การเดลิเวอรี่และรับสินค้าจากร้านซูเปอร์มาร์เก็ต เริ่มในสหรัฐก่อน ที่มา - Google Blog
# Xiaomi ประกาศตั้งบริษัทลูกแยก ทำธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะโดยเฉพาะ Xiaomi ประกาศตั้งบริษัทลูกแยก เพื่อดำเนินธุรกิจรถไฟฟ้าอัจฉริยะ (smart electric vehicle) แยกออกมาโดยเฉพาะ โดยมี Lei Jun ซีอีโอของ Xiaomi Corp บริษัทแม่มาเป็นซีอีโอของบริษัทลูก เม็ดเงินลงทุนเริ่มต้นจะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านหยวนหรือราว 4.7 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในระยะ 10 ปี เม็ดเงินลงทุนจะอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 3 แสนล้านบาท ที่มา - Xiaomi BREAKING NEWS Say hello to #XiaomiSmartElectricVehicles. Get all the information at our #XiaomiMegaLaunch Part II tonight! 19:30 (GMT+8), 2021! Posted by Xiaomi on Tuesday, 30 March 2021
# FTC ยอมแพ้ ไม่ยื่นฏีกา Qualcomm ข้อหาผูกขาดตลาดชิปโมเด็มสมาร์ทโฟน หลังคณะกรรมการด้านการค้าของสหรัฐ (Federal Trade Commission หรือ FTC) ยื่นฟ้อง Qualcomm ในปี 2017 ด้วยข้อหาผูกขาดตลาดชิปโมเด็มสมาร์ทโฟน โดยใช้เทคนิคด้านค่าไลเซนส์สิทธิบัตร เพื่อกีดกันผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไม่ให้ใช้ชิปของคู่แข่ง คดีนี้ Qualcomm ถูกศาลชั้นต้นตัดสินว่าผิดจริงในเดือนมิถุนายนปี 2019 ก่อน Qualcomm จะยื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสิน ยกคำร้องของ FTC ในเดือนตุลาคมปี 2020 ล่าสุด FTC ออกแถลงการณ์ อ้างอิง Rebecca Kelly Slaughter รักษาการประธานคณะกรรมการด้านการค้า ระบุจะไม่ส่งคดีนี้ฟ้องศาลสูงสหรัฐ (supreme court) ต่อ เนื่องจากกรรมาธิการประสบกับแรงต้านพอสมควร (“...significant headwinds facing the Commission in this matter...”) พร้อมระบุว่าทีมกฎหมายของ FTC ทำงานได้ดีแล้ว ส่วน FTC และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดต่อไป ฝั่ง Don Rosenberg ที่ปรึกษาทั่วไปด้านกฎหมายของ Qualcomm ระบุว่า Qualcomm ลงทุนกับการค้นคว้าวิจัยไปกว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อคิดค้นเทคโนโลยีที่ผู้คนหลายพันล้านใช้งานทั่วโลก จึงเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทต้องรักษาแรงจูงใจพื้นฐานในการคิดค้นและแข่งขัน การยุติคดีครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะของ Qualcomm ในการต่อสู้คดีความที่ลากยาวมาถึง 4 ปี และน่าจะส่งผลต่อการพัฒนาชิปโมเด็มทั้ง 4G และ 5G ที่ Qualcomm จะได้เปรียบตลาดต่อไป ที่มา - FTC via Android Central
# รู้จักทีม Data Analytics ของ SCB ที่ที่คนเก่งได้ปลดปล่อยศักยภาพ งานสาย Data เป็นกำลังสำคัญขององค์กรยุคใหม่ โดยเฉพาะสายงานธนาคาร ที่ต้องบริหารจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างเป็นระบบ ธนาคารไทยพาณิชย์ได้เล็งเห็นความสำคัญของการเพิ่มศักยภาพทางด้านนี้ด้วยการตั้งทีม Data Analytics เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการนำธนาคารสู่ความเป็น Technology Company โดยมีการลงทุนทั้งในด้านบุคลากรและ Data Infrastructure มาเป็นระยะเวลานานจนได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในบริษัทแนวหน้าของประเทศไทยในด้าน Data Analytics จุดเด่นของทีม Data Analytics ของที่นี่คือได้รวบรวมคนระดับหัวกะทิ ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทำงานหลากหลายแขนง มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานล้ำๆ ให้กับธนาคาร อีกทั้งสมาชิกในทีมทุกคนจะได้รับความไว้วางใจ และมีอิสระในการทำงาน มีความยืดหยุ่นทั้ง ด้านสถานที่และเวลาทำงาน ในปัจจุบันทีม Data Analytics ของธนาคารไทยพาณิชย์กำลังขยายทีมอีกเท่าตัวเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับความต้องการของลูกค้าของธนาคารที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน รู้จัก SCB Data Analytics คุณวงศกร ชัยวนนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สายงาน Data Analytics เล่าว่าหน้าที่หลักของทีมคือการพัฒนาขีดความสามารถทางด้าน Data โดยประยุกต์ใช้เทคนิคทาง Machine Learning และ AI เข้ามาสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจและหน่วยงานต่างๆของธนาคาร โดยโปรเจคที่ทีมทำจะมีความหลากหลายมาก ตั้งแต่งานที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ เช่น Digital Lending, Risk Modeling งานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาความชาญฉลาดของ application เช่น Robinhood, SCB Easy ไปจนถึงการสร้างเครื่องมือใหม่ๆ ขึ้นมาสำหรับองค์กร เช่น Chatbot, AutoML คุณวงศกร ชัยวนนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สายงาน Data Analytics การทำงานของทีม Data Analytics จะเป็นลักษณะของการเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ product โดยนำ data ต่างๆ มาวิเคราะห์ ใช้เป็นตัวนำในการตัดสินใจ และกำหนดทิศทางการพัฒนา product นั้นๆ ซึ่งต่างจากทีม data ขององค์กรอื่น โดยทางทีมจะทำหน้าที่กำหนดโจทย์ นำเสนอแผนงาน และลงมือทำโปรเจคด้วยตัวเอง ทั้งนี้เพื่อให้ธนาคารสามารถนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาประยุกต์ใช้กับ application จริงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ นั่นทำให้สภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมการทำงานของทีมแทบไม่ต่างจากบริษัทสตาร์ทอัพ ที่ทุกคนมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น รับฟังปัญหาที่เกิดจากการทำงาน แม้แต่พนักงานใหม่หรือน้องฝึกงานก็สามารถเสนอความคิดเห็นได้อย่างอิสระและได้รับความไว้วางใจให้ริเริ่มโปรเจค Work from anywhere ทีม Data Analytics มีนโยบาย work from anywhere โดยพนักงานไม่เพียงจะทำงานที่ไหนก็ได้ ยังสามารถทำงานเมื่อไรก็ได้ ไม่มีการสแกนนิ้วลงเวลาเข้างาน เพราะเราเชื่อในความรับผิดชอบของสมาชิกในทีม เน้นที่ผลงานเป็นหลัก ซึ่งสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน และยัง ช่วยเพิ่มประสิทธิผลของงานในหลายกรณี อย่างไรก็ตามทีมก็ยังคงเข้ามาออฟฟิศอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อเจอหน้า และปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานอย่างที่เคยเป็นมา คนเป็นหัวใจสำคัญ ทีม Data Analytics เชื่อว่าคนเป็นหัวใจสำคัญที่สุดและมีแนวคิดว่าทีมจะได้แสดงศักยภาพและความสามารถอย่างเต็มประสิทธิภาพก็ต่อ เมื่อที่ทำงานเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงออก ได้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ได้รับความไว้วางใจให้ลงมือทำสิ่งใหม่ๆได้จริง และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการได้เรียนรู้จากประสบการณ์ใหม่และมุมมองใหม่จากพนักงานใหม่ที่เข้ามาร่วมทีมอยู่เสมอ ปัจจุบัน Data Scientist มีบทบาทเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของทีม Data Analytics โดยลักษณะของ Data Scientist ที่เรามองหานั้น ขั้นแรกคือต้องมี passion ในสายงานด้าน Data มีความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ไว มีความ independent และยืดหยุ่นสูง สามารถทำงานเป็นทีมได้ดี และรักที่จะแก้ปัญหาที่ยากและท้าทาย ส่วนทางด้าน technical skill นั้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทีมมองว่าพื้นฐานความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ สถิติ machine learning และ programming รวมถึง analytical problem solving skill เป็นสิ่งจำเป็นอันดับต้นๆ ของตำแหน่ง data scientist เพราะงานที่เราทำมีรูปแบบหลากหลาย มีความท้าทายที่แตกต่างกันออกไป หลายๆ โปรเจคเป็นงานใน area ใหม่ซึ่งอาจจะยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน ซึ่งพื้นฐานความเข้าใจทาง quantitative ที่ดีเยี่ยมจะทำให้น้องๆ สามารถเข้าใจปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และประยุกต์ใช้ความรู้พื้นฐานและเครื่องมือต่างๆ มาแก้โจทย์นอกตำราเหล่านั้นได้ ในตอนนี้ทีม Data Analytics เปิดรับพนักงานใหม่จำนวนมาก ทั้งตำแหน่ง Data Scientist, Data Analyst, และ Software Engineer ทั้งนี้ทางหน่วยงานยังมองหาผู้มีประสบการณ์ทางด้าน speech, risk, และ computer vision มาเสริมสร้างขอบเขตความสามารถของทีมอีกด้วย คุณวงศกรบอกว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้คนทำงานด้าน Data เก่งๆ อยู่กับธนาคารได้ไม่ใช่แค่วัฒนธรรม การทำงาน เงินเดือนหรือสวัสดิการ แต่คือ เนื้องานและโจทย์ใหม่ๆ ที่มีความท้าทายอยู่ตลอดเวลา โอกาสที่ได้ทำงานอย่างที่คิดไว้ให้เป็นจริงและเมื่อทีมได้ทำงานร่วมกัน ทุกคนก็จะยิ่งสนุกกับการทำงานขึ้นไปอีก ในส่วนของพี่ๆ ในทีมก็มีหน้าที่คอยแนะนำและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้ทุกคนแสดงศักยภาพออกมามากที่สุด นี่เป็นสิ่งที่ทำให้พนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์ได้ใช้และพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ เสียงสะท้อนจากพนักงาน คุณพีรพงษ์ จวนรมณีย์ Professional Data Scientist คุณพีรพงษ์มาร่วมงานกับทีมตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2020 โดยโปรเจคที่ทำในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์และคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้า เพื่อพัฒนาระบบ AI ให้สามารถตอบสนองการใช้งานของลูกค้าที่แตกต่างกันออกไปให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการเตรียมตัวในการก้าวเข้าสู่การบริการลูกค้าผ่าน digital banking อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต ก่อนสมัครงานคุณพีรพงษ์มองหาองค์กรที่เน้นผลลัพธ์ และงานที่มี impact ทั้งในเชิงธุรกิจและสังคม และก็ได้มารู้จักกับทีม Data Analytics ของ SCB จากการแนะนำของพี่ที่รู้จัก ซึ่งตอนเข้ามามีโอกาสได้สัมภาษณ์กับพี่ๆ ที่ทำงานอยู่ในหลายโปรเจค ทุกคนดูเป็นมิตร มีออร่าของความน่าทำงานด้วย น่าเคารพ สามารถชี้นำเราได้ และมีความวิชาการอยู่ในตัว ก็เลยเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกทำงานที่นี่ และพอได้ทำมาจริงๆ ก็รู้สึกว่าที่นี่แหละคือสิ่งที่ตนเองมองหาอยู่ สิ่งที่ประทับใจในการทำงานที่นี่คือการที่ได้สำผัสกับงานที่มีความท้าทายในหลากหลายรูปแบบ ทั้งงานที่เป็น quick win ที่ต้องแข่งกับเวลาเพื่อ ทำให้เกิด impact ได้อย่างรวดเร็ว และงาน innovation ที่มุ่งเน้นในการหาไอเดียและ solution ใหม่ ๆ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้คิดแก้โจทย์ที่ยาก จากหลากหลายมิติ คุณชวิศ สกุลยืนยง Professional Data Scientist คุณชวิศเล่าว่ารู้จักกับพี่ที่ทำงานอยู่ ซึ่งมีแต่คนเก่งๆ รวมถึง data ของทาง SCB เองก็มีให้เล่นเยอะมาก เลยสนใจมาสมัครที่นี่ สิ่งที่ ประทับใจคือลักษณะการทำงานในทีมจะไม่มีเรื่องความอาวุโส ทุกคนรับฟังความเห็นและเชื่อใจกันหมดแม้จะเพิ่งจบใหม่ก็ตาม ทำให้มี โอกาสได้ทำโปรเจคยากๆ อย่าง NLP ร่วมกับพี่ๆ หลายคนในทีมด้วย ซึ่งงาน NLP เองจะเป็นงานเชิงวิจัยเป็นส่วนใหญ่ ในทีมจึงเน้นการ ทำงานแบบ teamwork และแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่เสมอ ต่อมาได้มีโอกาสมาทำโปรเจคเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน Robinhood ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันส่งอาหารของ SCB ทางทีมก็เปิดโอกาสให้เข้าไป ทำได้อย่างเต็มที่จึงได้มีโอกาสทำระบบแนะนำร้านอาหารให้กับผู้ใช้งานในแอปพลิเคชันอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในจุดเด่นของงาน Data science คือหลาย ๆ ครั้งจะสามารถเห็น impact ของงานได้ทันที อย่างเช่นการที่ผู้ใช้งานมีความสะดวกในการเลือกร้านอาหารมากขึ้น สุดท้ายนี้คุณชวิศเล่าว่า งาน Data science มีความสนุกและท้าทายในตัวมันเอง ดังนั้นคนที่เหมาะกับงานสายนี้จึงต้องมีทั้งความชอบนด้านนี้จริงๆ และมีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาด้วย เพราะหลายๆปัญหา ไม่สามารถแก้ได้อย่างตรงไปตรงมา แต่ต้องใช้ไอเดียใหม่ๆ และการพลิกแพลงเพื่อสร้าง solution ใหม่ๆ ขึ้นมา คุณวิสุตา นาเงิน Senior Data Scientist คุณวิสุตาเล่าว่าการทำงานในแผนก Data Analytics ของ SCB มีความท้าทายสูง เนื่องจากโปรเจคมีความหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำ marketing campaign แนะนำ product ให้กับลูกค้าโดยใช้ machine learning model ไปจนถึงการนำ data มาประยุกต์เพื่อปรับปรุงการทำงานของธุรกิจต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยโปรเจคที่ทีมได้รับนอกจากจะเป็นโจทย์ที่ทาง business units เป็นคนกำหนดแล้ว ทางทีมยังสามารถยกปัญหาที่เจอระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลขึ้นไปให้ business units รู้ และขยายเป็นอีกโปรเจคหนึ่งได้ สำหรับการเป็น Data Scientist ในการทำงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์ คุณวิสุตาเสนอแนะว่า นอกจากจะมีความรู้พื้นฐานในการทำงานวิเคราะห์ข้อมูล และการใช้ machine learning แล้ว สิ่งที่สำคัญคือ ความรู้และความเข้าใจในธุรกิจของงานที่ได้รับมอบหมายซึ่งในหลายๆครั้ง สิ่งที่แก้ปัญหาเชิงธุรกิจได้ก็อาจจะไม่ใช่ model ที่ยากที่สุด อีกทั้งด้วยความหลากหลายของเนื้องานที่มาจากหลายหน่วยงาน Data Scientist จึงต้องเป็นคนที่เรียนรู้และปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทางหน่วยงาน Data Analytics เองก็ได้สนับสนุนค่าเรียนคอร์สออนไลน์ต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของพนักงานอีกด้วย คุณภาณุ อึ้งสกุล Principal Data Scientist สิ่งที่คุณภาณุประทับใจในการทำงานที่สุดคือโครงสร้างที่เอื้อต่อการทำงาน ทั้งในด้านเทคโนโลยีและด้านนโยบาย ธนาคารมี platform ที่ทำให้สามารถใช้งานข้อมูลที่มีอยู่มากมายและประมวลผลข้อมูลได้สะดวกซึ่งทำให้ Data Scientist สามารถใช้เวลากับการสร้างไอเดียได้มากขึ้นและแปลงไอเดียไปสู่ผลงานได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่พนักงานที่เข้าใหม่ก็ใช้เวลาไม่นานในการทำความคุ้นเคยกับบรรยากาศและวัฒนธรรมของทีมได้ ในด้านนโยบาย Data Scientist ได้รับอิสระอย่างมากในการสร้างโปรเจคใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งหลายๆ โปรเจคก็ถูกนำไปใช้งานจริงได้ในที่สุด หนึ่งในโปรเจคที่สร้างขึ้นมาในลักษณะ bottom-up คือ Auto ML ซึ่งได้ถูกนำไปใช้งานโดยหลายๆ ทีมนอก Data Analytics ด้วย อีกหนึ่งจุดที่ ประทับใจคือความไม่มี Silo เนื่องจากวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนเปิดกว้างและพร้อมจะแชร์ความคิดเห็นและความรู้ รับฟังข้อเสนอและข้อติจากคนอื่น ทำให้ต่างคนต่างมีความสบายใจที่จะทำงานร่วมกัน สุดท้ายคุณภาณุแนะนำว่าคนที่เหมาะจะทำงานที่นี่ คือต้องกล้าพูดกล้าแสดงออก มีความมั่นใจในตัวเองที่จะแชร์ไอเดียได้อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่นำเรื่องของอายุงานหรือความอาวุโสของตำแหน่งงานเข้ามาเกี่ยวข้อง
# Bloomberg รายงาน แอปเปิลจะจ่ายพิเศษให้พนักงานไปฉีดวัคซีน หากมีอาการข้างเคียง เพิ่มเงินให้ด้วย Bloomberg รายงานว่าพนักงานแอปเปิลจะได้รับค่าจ้างนอกเวลา หากพนักงานทำการนัดหมายเพื่อฉีดวัคซีน COVID-19 รวมถึงจะจ่ายเพิ่มด้วยหากพนักงานมีอาการข้างเคียงจากผลของวัคซีน จนถึงตอนนี้ แอปเปิลยังไม่มีนโยบายฉีดวัคซีนให้พนักงาน ตัว Tim Cook เคยบอกก่อนหน้านี้ว่ามีพนักงานเพียง 15% ที่ทำงานในสำนักงานใหญ่ตอนนี้ นอกจากนั้นยังทำงานอยู่ที่บ้าน แต่ตั้งเป้าเวลาคร่าวๆ ว่าพนักงานจะกลับมาทำงานตามปกติได้ช่วงเดือนมิถุนายนนี้ สหรัฐฯ เริ่มทำการจัดฉีดวัคซีนทั่วถึงระดับหนึ่งแล้ว โดยในแคลิฟอร์เนียที่มีบริษัทเทคใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงมีร้าน Apple Store ถึง 50 จุด เริ่มให้ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปมาฉีดวัคซีนวันที่ 15 เมษายน ด้าน Amazon ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะฉีดให้พนักงานด่านหน้า ภาพจาก Apple Store Fifth Avenue ที่มา - Bloomberg
# Boston Dynamics เปิดตัว Stretch หุ่นสำหรับงานในโกดัง เคลื่อนย้ายวัสดุได้ 800 กล่องต่อชั่วโมง Boston Dynamics บริษัทผลิตหุ่นยนต์ชั้นนำของโลก ที่เราน่าจะรู้จักกันจากหุ่น Spot หุ่นยนต์สี่ขาถีบไม่ล้ม เปิดตัวหุ่นยนต์รุ่นใหม่สำหรับใช้ยกกล่องในโกดัง ชื่อว่า Stretch หุ่นยนต์ฐานสี่เหลียมมีล้อ มีกล้องและเซ็นเซอร์รอบตัว ขยับแขนได้ 7 ทิศทาง และมีแถบที่ดูดตรงปลายแขน ยกกล่องได้หนักสุด 23 กิโลกรัม และกำลังเล็งกลุ่มลูกค้าโกดังที่ไม่มีระบบ Automation แบบเต็มรูปแบบ Boston Dynamics ซื้อบริษัท Kinema Systems บริษัทที่ทำระบบการมองเห็นของหุ่นยนต์ในโกดัง และสร้างหุ่นขนของ Handle เมื่อปี 2019 แต่ยังติดปัญหาความเร็วในการขนกล่องยังไม่เร็วพอ เพราะแม้จะเคลื่อนที่ได้ แต่แขนกับฐานอยู่ติดกันและต้องใช้ตัวถ่วงน้ำหนักแบบแกว่งได้ขนาดใหญ่ Stretch แก้ปัญหานี้ด้วยระบบถ่วงน้ำหนักแบบใหม่ในฐานสี่เหลี่ยมเคลื่อนที่ได้ ที่ Boston Dynamics กำลังเตรียมจดสิทธิบัตรในอนาคต ซึ่งจะรับน้ำหนักของแขน กล่อง และแรงเหวี่ยงที่มากขึ้นได้ โดยไม่ต้องมีตัวถ่วงหนักๆ หรือยึดแขนกลไว้กับพื้น Boston Dynamics ระบุว่า Stretch สามารถเคลื่อนย้ายกล่องได้ถึง 800 กล่องต่อชั่วโมง ใกล้เคียงกับที่แรงงานมนุษย์สามารถทำได้ แถมยังมีแบตเตอรี่ที่ทำงานได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมงต่อชาร์จ (ใกล้เคียงกับเวลาทำงานต่อวันของมนุษย์) แม้การใช้หุ่นยนต์ในโกดังจะมีความได้เปรียบด้านความเร็วแต่ในการใช้งานจริง ยังมีตัวแปรที่ต้องคิดอีกมาก เช่นพื้นที่ รูปแบบของโกดัง และอื่นๆ ทำให้ก่อนหน้านี้โกดังต้องตัดสินใจเปลี่ยนทั้งโกดังเป็นระบบ Automation ไปเลย หรือใช้คน ที่มีความยืดหยุ่นกว่า ซึ่ง Boston Dynamics พยายามนำ Stretch ที่บริษัทระบุว่าสามารถทำงานในโกดังที่ใช้คนได้ และใช้เวลาเรียนรู้การทำงานไม่กี่ชั่วโมง เข้ามาเป็นตัวกลางตรงนี้ ปัจจุบัน Boston Dynamics อยู่ในระหว่างหาลูกค้ารายแรกๆ เพื่อทดสอบ และวางเป้าหมายการจำหน่าย Stretch ในเชิงพาณิชย์ไว้ในปี 2022 ที่มา - Boston Dynamics via The Verge
# สถาบันวิจัยในเกาหลีสร้างแอปตรวจจับ Deepfake หวังลดสื่อโป๊ที่เหยื่อมักเป็นคนดัง สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งเกาหลี หรือ KAIST (The Korea Advanced Institute of Science and Technology) เปิดตัวแอปพลิเคชั่นตรวจจับ Deepfake โดยซอฟต์แวร์ที่มีชื่อว่า KaiCatch จะใช้ AI ตรวจจับความผิดปกติ หรือความบิดเบือดบนใบหน้า ผู้ใช้งานสามารถอัพโหลดรูปภาพหรือวิดีโอเข้ามาในแอปเพื่อให้ระบบช่วยตรวจสอบ โดยมีการคิดค่าใช้งานที่ 2,000 วอน หรือประมาณรูปละ 55 บาท Lee Heung-kyu ศาสตราจารย์ในสถาบันผู้อยู่เบื้องหลัง KaiCatch ระบุว่าความคาดหวังว่า KaiCatch จะช่วยให้คนทั่วไปสามารถตรวจจับ Deepfake ได้มากขึ้น ซึ่ง Deepfake กลายเป็นประเด็นในเกาหลีใต้เนื่องจากมีการใช้ Deepfake เพื่อสร้างคลิปโป๊ และบ่อยครั้งที่เหยื่อเป็นผู้หญิงคนดัง จนถึงตอนนี้ KaiCatch สามารถใช้งานเฉพาะบนแอนดรอยด์ในเกาหลีเท่านั้น ซึ่งจะขยายไปยัง iOS ต่อไป และจะเพิ่มการรองรับภาษาจีน อังกฤษ ญี่ปุ่น ที่มา - Korea Herald
# เปิดตัว Mi Smart Projector 2 Pro โปรเจคเตอร์โฟกัสอัตโนมัติ ขนาดภาพสูงสุด 120 นิ้ว ราคา 999 ยูโร Xiaomi เปิดตัว Mi Smart Projector 2 Pro โปรเจกเตอร์ความละเอียด FHD (1920x1080 พิกเซล) ฉายภาพได้ขนาด 60 ถึง 120 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 1300nits โฟกัสอัตโนมัติด้วยเซ็นเซอร์ Time of Flight ในตัว รองรับ HDR10 รัน Android TV 9.0 พร้อมลงแอพ Netflix มาในเครื่อง ชิปเซ็ตใช้ Amlogic T972-H chipset (แกน Cortex-A55 ความเร็ว 2.0 GHz สี่แกน,จีพียู Mali-450 MP5) มีหน่วยความจำ eMMC 16 GB ในเครื่อง มีลำโพง 10W รองรับ Dolby Audio และ DTS-HD เชื่อมต่อลำโพงหรือหูฟังภายนอกด้วยรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และพอร์ต S/PDIF. ด้านการเชื่อมต่ออื่นๆ มีพอร์ต HDMI 2.0, HDMI ARC และพอร์ต AV อย่างละหนึ่งพอร์ต USB 2.0 สองพอร์ต มีพอร์ต Ethernet รองรับ Wi-Fi 5 รองรับการสั่งงาน Google Assistant ด้วยเสียงเพื่อควบคุมอุปกรณ์ Smart Home อื่นๆ ที่เชื่อมกับ Google Home ตัวเครื่องขนาด 215 x 201 x 143 มิลลิเมตร น้ำหนัก 3.7 กิโลกรัม ราคา 999 ยูโร (ราว 36,800 บาท) ราคาสั่งจอง early bird อยู่ที่ 899 ยูโร (ราว 33,000 บาท) ยังไม่เปิดเผยวันสั่งจองหรือวางจำหน่าย ที่มา - Xiaomi, GSM Arena
# Xiaomi เปิดตัว Mi Smart Band 6 จอ AMOLED ใหญ่ขึ้น 50% วัด SpO2 ได้ เริ่ม 229 หยวน Xiaomi เปิดตัว Mi Smart Band 6 สปอร์ตแบนด์รุ่นประหยัด คราวนี้มาพร้อมจอ AMOLED ขนาด 1.56 นิ้วมีพื้นที่จอใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า Mi Smartband 5 ที่มีหน้าจอ 1.1 นิ้ว ถึง 50% ความละเอียดจออยู่ที่ 152 x 486 พิกเซล (326 ppi) สว่างสูงสุด 450 nits ครอบด้วยกระจกกันรอยนิ้วมือ ตรวจจับกิจกรรมออกกำลังอัตโนมัติได้ 6 ชนิด (ไม่ระบุว่ามีอะไรบ้าง แต่คาดว่าเป็นการออกกำลังหลักๆ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และอื่นๆ) มีเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด SpO2, ติดตามคุณภาพการนอนหลับแบบ REM ได้ จับอัตราการเต้นของหัวใจ 24 ชั่วโมง กันน้ำ 5ATM (ประมาณ 50 เมตร) แบตเตอรี่ขนาด 125 mAh ใช้งานได้ 14 วัน และ 19 วันเมื่อเปิดโหมดประหยัดพลังงาน ขั้วชาร์จด้านหลังแบบดูดติดแม่เหล็ก ไม่ต้องเสียบสาย หรือถอดตัวเรือน Mi Smartband 6 มีสีดำ ส้ม เหลือง เขียวมะกอก สีงาช้าง และน้ำเงิน ราคาเริ่มต้น 229 หยวน (ราว 1,100 บาท) และมีรุ่น NFC ใช้ระบบจ่ายเงินได้ (ไม่เปิดเผยว่าระบบใด แต่อาจจะเน้น AliPay สำหรับประเทศจีน) ราคา 279 หยวน (ราว 1,350 บาท) ที่มา - Xiaomi, GSM Arena
# เปิดตัว Xiaomi Mi 11 Lite 5G ชิป Snapdragon 780G เครื่องแรก บางเบา เริ่มต้น 2,299 หยวน นอกจาก Mi 11 Ultra ที่เป็นรุ่นใหญ่จัดเต็มแล้ว ในงานเมื่อคืนนี้ Xiaomi ยังได้เปิดตัว Mi 11 Lite มือถือ 5G รุ่นบางเบา หน้าจอ AMOLED 6.55 นิ้ว ครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 6 ฝาหลังเป็นกระจกด้าน (frosted glass) ติดรอยนิ้วมือยาก เป็นมือถือเครื่องแรกของโลกที่ใช้ชิป Snapdragon 780G และยังเป็นมือถือรุ่นบางเบาที่สุดเท่าที่ Xiaomi เคยผลิตมา มีสเปกดังนี้ หน้าจอ: AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว, ความละเอียด 1080x2400 พิกเซล ชิป: Snapdragon 780G แรม: LPDDR4X 8GB ความจุ: 128GB / 256GB (UFS 2.2) บาง 6.81 มิลลิเมตร น้ำหนัก 159 กรัม บางกว่า Mi 11 อยู่ 1.5 มิลลิเมตร และเบากว่า 37 กรัม กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลังหลัก 64MP , f/1.79, กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP f/2.2, กล้องเทเลมาโคร 5MP f/2.4 กล้องหน้า 20MP สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มด้านข้าง แบตเตอรี่: 4,250 mAh, รองรับชาร์จไว 33W รองรับ Bluetooth 5.2 และ WiFi 6E รัน Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12 Mi 11 Lite 5G มีสี เหลือง เขียว ดำ ฟ้า ชมพู และขาว วันวางจำหน่ายยังไม่เปิดเผย มีราคาดังนี้ รุ่น 8GB + 128GB ราคา 2,299 หยวน (ราว 10,925 บาท) รุ่น 8GB + 256GB ราคา 2,599 หยวน (ราว 12,400 บาท) ถือเป็นมือถือ 5G ที่ราคาเริ่มต้นไม่แรงนัก แม้จะมาพร้อมชิป Snapdragon 780G รุ่นต่อยอดจาก 765G และ 768G ไม่ใช่ชิปรุ่นเรือธง อย่าง Snapdragon 888 แต่ก็เป็นชิปรุ่นกลางที่ประสิทธิภาพสูงขึ้นพอสมควร นอกจากนี้ยังมีรุ่น Mi 11 Lite ที่ขายเฉพาะนอกประเทศจีน รองรับแค่ 4G เปลี่ยนชิป Snapdragon 780G เหลือ Snapdragon 732G กล้องหน้าลดเหลือ 16MP เปลี่ยนกระจกหน้าจอจาก Gorilla Glass 6 เหลือ Gorilla Glass 5 และรองรับแค่ Bluetooth 5.1 Mi 11 Lite รุ่น 4G ยังไม่เปิดเผยวันวางจำหน่าย แต่จะมีสองความจุ คือ 6GB + 64GB กับ 6GB + 128GB และเปิดเผยเพียงราคารุ่นเริ่มต้น ที่ 299 ยูโร (ราว 10,985 บาท) ที่มา - Xiaomi Launch Event, GSM Arena
# Cazoo เว็บซื้อขายรถมือสองจากอังกฤษ เตรียมเข้าตลาดหุ้นด้วยวิธี SPAC ช่วงนี้มีบริษัทเทคโนโลยีเข้าขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์กันหลายราย ล่าสุดคือ Cazoo เว็บซื้อขายรถมือสองจากอังกฤษ (ที่หลายคนอาจคุ้นจากการเป็นสปอนเซอร์ให้สโมสร Aston Villa) ยื่นเอกสารเตรียมขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) แล้ว โดยจะใช้ตัวย่อ CZOO Cazoo ก่อตั้งในปี 2018 โดย Alex Chesterman นักธุรกิจชาวอังกฤษที่เคยทำเว็บภาพยนตร์ออนไลน์ LoveFilm และเว็บอสังหาริมทรัพย์ Zoopla/ZPG มาก่อน (บุคคลในภาพ) บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วและขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรปด้วย บริษัทคาดว่าจะมีรายได้แตะ 1 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2021 นี้ มูลค่าบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ราว 7 พันล้านดอลลาร์ การเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ Cazoo จะใช้วิธี SPAC (special purpose acquisition company) ตามสมัยนิยม นั่นคือหาบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้วมาซื้อกิจการ Cazoo อีกที แล้วค่อยเปลี่ยนชื่อทีหลัง (อ่านรายละเอียดเรื่อง SPAC) ซึ่งช่วงหลังมีบริษัทหลายแห่งที่นิยมใช้วิธี SPAC (เช่น WeWork) ด้วยเหตุผลว่ากระบวนการทั้งหมดรวดเร็วกว่าการยื่นเอกสาร IPO ตามปกติ ที่มา - Cazoo, TechCrunch
# รัฐบาลญี่ปุ่นห้าม จนท. คุยงานผ่านไลน์หากมีข้อมูลลับ หลังมีวิศวกรจีนเข้าถึงข้อมูลที่ญี่ปุ่นได้ รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งห้ามเจ้าหน้าที่รัฐคุยงานผ่านแอพลิเคชันไลน์ หากการคุยงานนั้นมีข้อมูลที่เป็นความลับ Katsunobu Kato เลขาธิการใหญ่ของคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา มาตรการดังกล่าวออกมาหลังมีรายงานว่าวิศวกรชาวจีน 4 คนที่ทำงานให้กับบริษัทลูกของไลน์ในเซี่ยงไฮ้ สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้เช่นชื่อ, เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล ที่อยู่ในเซิฟเวอร์ญี่ปุ่นได้ตั้งแต่ปี 2018 โดยล่าสุดโฆษกของไลน์ระบุว่าบริษัทได้ปิดการเข้าถึงดังกล่าวแล้ว ด้านนาย Kato ระบุว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะหยุดการใช้ไลน์ไปก่อนหากมีข้อมูลลับ และจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาจัดทำแนวทางการใช้งานเร็วๆ นี้ ปัจจุบัน LINE Corporation เป็นส่วนหนึ่งของ Z Holdings ที่มี SoftBank และ NAVER เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพิ่งควบรวมกิจการกับ Yahoo! Japan เสร็จเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ที่มา - The Straits Times
# รัฐบาลโจ ไบเดน ลุยทำพลังงานไฟฟ้าจากลมนอกชายฝั่ง 30,000 เมกะวัตต์ คาดสร้างงานร่วม 7 หมื่นตำแหน่ง รัฐบาล โจ ไบเดน ออกคำสั่งบริหารลุยโครงการสร้างพลังงานไฟฟ้าจากลม ติดตั้งกังหันลมนอกขายฝั่ง ตั้งเป้าสร้างพลังงานไฟฟ้าให้ได้ 30,000 เมกะวัตต์ทั่วประเทศภายในปี 2030 คาดว่าจะสามารถสร้างพลังงานเพียงพอที่จะจ่ายไฟให้บ้าน 10 ล้านหลัง หลีกเลี่ยงการเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 78 ล้านเมตริกตันสู่ชั้นบรรยากาศ นอกจากนี้ รัฐบาลยังประเมินว่าจะช่วยสร้างงาน 44,000 ตำแหน่งในฟาร์มกังหันลมและอีก 33,000 ตำแหน่งในชุมชนที่ร่วมสนับสนุนโครงการ พื้นที่ติดตั้งกังหันลมเริ่มที่ New York Bight พื้นที่น้ำลึกตรงชายฝั่ง Long Island และ New Jersey โดยผลการศึกษาจาก Wood Mackenzie ระบุว่าโครงการที่ New York Bight จะเพิ่มด้านการพัฒนาและการก่อสร้างได้ถึง 25,000 ตำแหน่งตั้งแต่ปี 2022-2030 ทางทำเนียบขาวระบุด้วยว่าจะเร่งพัฒนาและติดตั้ง และจะลงทุน 230 ล้านดอลลาร์สำหรับท่าเรือใดๆ ที่จะสนับสนุนโครงการเหล่านี้ พร้อมทั้งระดมทุน 3 พันล้านดอลลาร์ผ่านโครงการค้ำประกันเงินกู้พลังงานนวัตกรรม (Innovative Energy Loan Guarantee Program) จากรายงานของ Goldman School of Public Policy ระบุว่า สหรัฐฯจำเป็นต้องสร้างพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมใหม่อีกประมาณ 70,000 เมกะวัตต์ทุกปีเพื่อให้ได้โครงข่ายไฟฟ้าที่สะอาด 90% ที่มา - Engadget, ทำเนียบขาว
# ไมโครซอฟท์ออก Project Reunion 0.5 พร้อมสร้างแอพวินโดวส์ด้วย WinUI 3.0 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 ไมโครซอฟท์เปิดตัว Project Reunion ที่พยายามรวม API แบบ Win32 กับ UWP เข้าด้วยกัน โครงการประกอบด้วยหลายส่วน ทั้งเรื่องจัดระเบียบ API ใหม่ และชุด UI ตัวใหม่คือ WinUI 3.0 และ WebView2 Project Reunion เงียบหายไปสักพักใหญ่ๆ ล่าสุดกลับมาพร้อมการออกเวอร์ชัน 0.5 ที่ระบุว่าพร้อมใช้สร้างแอพจริงๆ แล้ว (production) เพราะผนวกตัว WinUI 3.0 เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Reunion (ก่อนหน้านี้คือแยกกันออก) โดยแอพที่สร้างจาก Reunion จะรันได้บน Windows 10 version 1809 ขึ้นไป ไมโครซอฟท์ยังระบุว่ามีผู้สร้าง UI control หลายราย เช่น Actipro, DevExpress, GrapeCity, Infragistic, Uno กำลังปรับชุด control ของตัวเองให้ใช้ได้กับ WinUI 3.0 เพื่อให้งานของนักพัฒนาง่ายขึ้น Project Reunion จะออกรุ่น 0.8 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และรุ่นเสถียร 1.0 ภายในปี 2021 นี้ เป้าหมายของรุ่น 1.0 คือรองรับทั้งการสร้างแอพเดสก์ท็อปที่เป็นแพ็กเกจ MSIX (มาแล้วใน 0.5) และแอพเดสก์ท็อปแบบดั้งเดิมที่ไม่ใช้ MSIX (จะมาใน 0.8) ที่มา - Microsoft
# Sony ปิดร้านขายเกม PlayStation Store บนคอนโซลรุ่นเก่า PS3, PSP, PS Vita Sony ประกาศปิดร้านขายเกมดิจิทัล PlayStation Store สำหรับเครื่องเกมคอนโซลรุ่นเก่าคือ PS3, PSP, PS Vita ดังนี้ PS3 ปิดวันที่ 2 กรกฎาคม 2021 PSP ปิดวันที่ 2 กรกฎาคม 2021 PS Vita ปิดวันที่ 27 สิงหาคม 2021 เจ้าของคอนโซลเหล่านี้จะไม่สามารถซื้อเกมใหม่ได้แล้ว แต่เกมที่เคยซื้อไปแล้วยังสามารถดาวน์โหลดซ้ำ และเล่นได้ตามปกติ ที่มา - PlayStation, Kotaku
# Google Search แสดงแอนิเมชั่นเรือเป็นลูกเล่น เมื่อค้นหาคำว่า Suez Canal และเรือ Ever Given หนึ่งในข่าวใหญ่ที่คนติดตามคือสถานการณ์เรือยักษ์ Ever Given ที่ติดคาคลองสุเอซ ส่งผลกระทบต่อเรือขนส่งสินค้าอื่นๆ ซึ่งกลับมาเดินเรือได้เป็นปกติแล้ว ล่าสุด กูเกิลเพิ่มลูกเล่นใน Google Search หากค้นหาคำว่า Suez Canal หรือคลองสุเอซ และ Ever Given ชื่อเรือขนส่งสินค้าที่เป็นประเด็นอยู่นี้ กูเกิลจะแสดงแอนิเมชั่นเรือเล็กๆ ตรงผลการค้นหาให้ด้วย เรือยักษ์ Ever Given มีความยาวราว 400 เมตร หนักราว 200,000 ตัน เป็นเรือของบริษัท Shoei Kisen Kaisha บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ได้ 20,000 ตู้ ขนาดยาว 399.98 เมตร กว้าง 58.80 เมตร โดยขณะเกิดเหตุมีลูกเรือชาวอินเดียอยู่ 25 คน ด้านคลองสุเอซในอียิปต์ เป็นเส้นทางน้ำที่สำคัญต่อการลำเลียงสินค้า เชื่อมต่อทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลแดงทำให้สามารถขนส่งสินค้าจากยุโรปไปยังเอเชียได้โดยตรง การค้าประมาณ 12% ของโลกและการใช้น้ำมันส่วนใหญ่ใช้ไปกับเส้นทางนี้ ที่มา - CNET
# T-Mobile ใช้ Google Messages เป็นค่าตั้งต้นบนแอนดรอยด์ เป็นโอเปอเรเตอร์รายแรกในสหรัฐ T-Mobile ผู้ให้บริการเครือข่ายในสหรัฐฯ ประกาศใช้งาน Google Messages หรือแอปส่งข้อความแบบ RCS หรือ Rich Communication Services เป็นค่าตั้งต้นในโทรศัพท์แอนดรอยด์ทุกรุ่นที่จะขายออกไป ถือเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายรายแรกในสหรัฐที่ทำ T-Mobile กับกูเกิลเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกันผลักดันการส่งข้อความ RCS มานานแล้ว ซึ่งความสามารถของ RCS จะต่างจาก SMS ธรรมดาคือ การส่งและรับรูปภาพและวิดีโอในคุณภาพดีขึ้น, รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ข้อความถูกอ่าน, ใช้งานกลุ่มแชท, วิดีโอคอลได้ เป็นต้น ในปีที่ผ่านมา Google Messages ทดสอบการเข้ารหัสแชท 1 ต่อ 1 ซึ่งจะขยายการทดสอบต่อไปในปีนี้ด้วย ความร่วมมือของ T-Mobile และกูเกิลยังครอบคลุมถึงการโปรโมทฮาร์ดแวร์ Pixel และบริการ YouTube TV ด้วย เป็นการลดราคาบริการจากราคาปกติไป 10 ดอลลาร์ ที่มา - Engadget, T-Mobile
# โครงการร้านซ่อมอิสระของ Apple ขยายมาถึงประเทศไทยแล้ว เปิดรับสมัครปลายสัปดาห์นี้ แอปเปิลประกาศเพิ่มประเทศที่รองรับโครงการผู้ให้บริการซ่อมอิสระ (Independent Repair Provider - IRP) ซึ่งมีจุดประสงค์ให้ผู้บริการซ่อมแซมอุปกรณ์ สามารถเข้าถึงอะไหล่แท้ของแอปเปิล ตลอดจนเครื่องมือ คู่มือการซ่อม และการวินิจฉัยที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ โดยการเข้าร่วมนั้นทำได้ฟรี มีเงื่อนไขคือต้องจัดหาช่างเทคนิคที่ผ่านการรับรองจากแอปเปิล แอปเปิลได้เริ่มโครงการนี้ในปี 2019 และปัจจุบันมีผู้ให้บริการซ่อมอิสระในโครงการดังกล่าวมากกว่า 1,500 ราย ทั่วอเมริกา แคนาดา และยุโรป โครงการนี้จะขยายไปอีกมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทย อยู่ในกลุ่มที่จะเริ่มเปิดให้เข้าร่วมได้ตั้งแต่ปลายสัปดาห์นี้เป็นต้นไป ผู้ให้บริการซ่อมที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม และสมัครเป็นผู้ให้บริการซ่อมอิสระได้ที่ support.apple.com/irp-program ที่มา: แอปเปิล
# DiDi Chuxing เตรียมเปิดให้บริการใน South Africa ซึ่งมี Uber และ Bolt ทำตลาดอยู่ DiDi Chuxing แอปเรียกรถโดยสารรายใหญ่ของจีน ประกาศเตรียมเปิดให้บริการในแอฟริกาใต้ โดยจะเริ่มที่ Cape Town เป็นเมืองแรก ซึ่งเป็นประเทศที่ 17 ที่ DiDi เข้ามาทำตลาด ปัจจุบัน DiDi ให้บริการในกว่า 400 เมืองทั่วประเทศจีน ขณะที่ในตลาดต่างประเทศ DiDi บอกว่ามีผู้ใช้งานมากกว่า 550 ล้านบัญชี ใน 16 ประเทศ รวมทั้งเอเชีย ยุโรป ลาตินอเมริกา และออสเตรเลีย ผู้ให้บริการแอปเรียกรถโดยสารในแอฟริกาใต้ปัจจุบันได้แก่ Uber และ Bolt โดยมีฐานผู้ใช้รวมจำนวนหลักล้านคน ขณะที่ภาพรวมตลาดมีความท้าทายเนื่องจากข้อกฎหมายด้านบริการขนส่งของหน่วยงานท้องถิ่น ที่มา: TechCrunch
# Facebook จับมือ Google โยงสายเคเบิ้ลใต้ทะเลสองเส้น จากสิงคโปร์ไปสหรัฐฯ เสร็จปี 2023, 2024 Facebook ประกาศเตรียมดำเนินการโยงสายเคเบิ้ลใต้ทะเลจากสิงคโปร์ ไปยังอินโดนีเซีย เกาะกวม และสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการร่วมมือกับ Google และผู้ให้บริการโทรคมนาคมเจ้าอื่นในภูมิภาค เพื่อขยายความสามารถในการส่งข้อมูลระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับทวีปอเมริกาเหนือ เพิ่มจากเส้นทางเดิมในแถบฮ่องกงและญี่ปุ่น Facebook ระบุว่าสายเคเบิ้ลสองเส้นชื่อ Bifrost กับ Echo จะเป็นสายเคเบิ้ลสองเส้นแรกที่ลากผ่านเส้นทางใหม่ในทะเลชวา และจะเพิ่มความจุในการส่งข้อมูลข้ามทะเลแปซิฟิก (trans-pacific) ได้ราว 70% ซึ่งบ้านเราก็น่าจะได้รับอานิสงค์จากการเชื่อมต่อนี้ด้วย เช่นแบนด์วิธอินเทอร์เน็ตที่ส่งข้อมูลข้ามทะเลได้มากขึ้น ดูสตรีมมิ่งจากฝั่งสหรัฐได้ไวขึ้น หรือเล่นเกมออนไลน์เซิฟเวอร์สหรัฐได้โดยมี Ping น้อยลง สายเคเบิ้ลเส้นแรกที่จะเสร็จ คือ Echo ดำเนินการภายใต้ความร่วมมือกับ Google และ XL Axiata บริษัทโทรคมนาคมของอินโดนีเซีย และจะเสร็จสิ้นภายในปี 2023 ส่วนอีกเส้น Bifrost เป็นการดำเนินการร่วมกับ Telin บริษัทลูกของ Telkom Indonesia และร่วมกับบริษัท Keppel ของสิงคโปร์ จะเสร็จสิ้นภายในปี 2024 ภาพจาก Facebook นอกจากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว Facebook ก็กำลังดำเนินการโครงการ Pacific Light Cable Network (PLCN) เชื่อมเอเชียเข้ากับสหรัฐอเมริกา ผ่านไต้หวัน ฮ่องกง และฟิลิปปินส์ แต่โครงการ PLCN นี้ก็กำลังประสบปัญหาในบางจุด จนต้องยกเลิกการเชื่อมต่อเคเบิ้ลใต้น้ำโดยตรงระหว่างรัฐแคลิฟอร์เนียกับฮ่องกง เพราะข้อกังวลของรัฐบาลสหรัฐซึ่งน่าจะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-ฮ่องกง และประเทศจีน ทำให้สายเคเบิ้ลจากสิงคโปร์ไปยังทวีปเอมริกาเหนือนี้ มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ที่มา - Facebook via Reuters
# Xiaomi เปิดตัวแผ่นชาร์จไร้สาย รองรับชาร์จพร้อมกันสูงสุด 3 อุปกรณ์ ในงานแถลงข่าวเปิดตัว Mi 11 Ultra นั้น Xiaomi ก็ได้เปิดตัวแผ่นชาร์จอุปกรณ์ไร้สาย ซึ่งสามารถชาร์จอุปกรณ์ได้สูงสุดพร้อมกันถึง 3 อุปกรณ์ คล้ายกับ AirPower แผ่นชาร์จไร้สายที่แอปเปิลเคยเปิดตัว แต่ไม่สามารถผลิตสินค้าออกมาขายได้และยกเลิกไปในที่สุด แผ่นชาร์จของ Xiaomi ให้กำลังไฟสูงสุด 20W ต่ออุปกรณ์ (รวม 60W) รองรับมาตรฐาน Qi และวางขดลวดกระจายทั่ว 19 ชิ้น ทำให้สามารถวางอุปกรณ์ชาร์จได้ทุกตำแหน่ง ทั้งนี้ Xiaomi บอกว่าโจทย์ที่ท้าทายมากคือความร้อนของแผ่นชาร์จ ที่เป็นผลจากการกระจายขดลวดทั่วแผ่น และบริษัทก็ใช้เวลากว่า 2 ปี ในการแก้ปัญหานี้ ราคาขายอยู่ที่ 599 หยวน (ประมาณ 2,800 บาท) และยังไม่มีข้อมูลว่าจะวางขายนอกจีนหรือไม่ ที่มา: The Verge
# Xiaomi เปิดตัว Mi 11 Ultra แชมป์ใหม่กล้อง DXOMARK 143 คะแนน, มีจอที่ 2 หลังเครื่อง Xiaomi เปิดตัวมือถือเรือธงประจำปี Mi 11 Ultra (Mi 11 ตัวธรรมดาออกมาก่อนแล้ว, รีวิว) จุดเด่นที่สุดคือเรื่องกล้อง ที่ได้คะแนน DXOMARK ที่ 143 คะแนน โค่นแชมป์เก่า Huawei Mate 40 Pro+ ที่ทำเอาไว้ 139 คะแนน (รุ่นพี่ปีที่แล้ว Mi 10 Ultra ทำไว้ที่ 133 คะแนน ปัจจุบันอยู่อันดับ 4) กล้องหลังของ Mi 11 Ultra มีทั้งหมด 3 ตัว กล้องหลัก 50MP ใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในวงการ 1/1.12" เกือบเท่าเซ็นเซอร์ของกล้องดิจิทัลแล้ว กล้องมุมกว้าง 48MP มุมมองกว้าง 128 องศา กล้องเทเลเลนส์ periscope 48MP ซูมสูงสุด 120X นอกจากกล้องแล้ว ของใหม่อีกอย่างใน Mi 11 Ultra ตรงตามที่เคยหลุดออกมาก่อนหน้านี้คือ มีหน้าจอด้านหลังขนาด 1.1" อยู่ข้างๆ กล้อง เป็นจอ AMOLED แบบ always-on เอาไว้ใช้แสดงข้อความแจ้งเตือน และใช้ดูภาพพรีวิวเวลาใช้กล้องหลังถ่ายเซลฟี่ได้ด้วย จอด้านหลังยังใช้ประโยชน์เวลาแบตเตอรี่เหลือน้อยมากๆ เช่น 10% เครื่องสามารถเข้าโหมด super power saving mode ที่ปิดจอหน้า ใช้จอหลังอย่างเดียว เพื่อดูนาฬิกา รับสายเข้า สแตนด์บายได้นานอีก 55 ชั่วโมงด้วย สเปกอย่างอื่นได้แก่ Snapdragon 888, หน้าจอ AMOLED 6.81" โค้ง 4 ด้าน อัตรารีเฟรช 120Hz ครอบด้วย Gorilla Glass Victus, แบตเตอรี่ 5,000mAh ระบบชาร์จเร็ว 67 วัตต์เท่ากันทั้งมีสาย/ไร้สาย, กันน้ำในระดับ IP68, กล้องหน้า 20MP แบบ in-display - สเปกละเอียด Mi 11 Ultra มีรุ่นความจุเดียวคือ 12GB + 256GB ราคาเปิดตัวคือ 1,199 ยูโร (ประมาณ 44,000 บาท) ราคาในไทยคงต้องรอประกาศอีกรอบ ที่มา - Xiaomi
# [ไม่ยืนยัน] รัฐบาลไบเดนเตรียมออกคำสั่งบีบเอกชนต้องแจ้งข้อมูลหลังถูกแฮกให้รัฐบาล สำนักข่าวรอยส์เตอร์อ้างร่างคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิปดีสหรัฐฯ เตรียมบังคับให้ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ต้องแจ้งรัฐบาลหากถูกแฮก จากบทเรียนกรณีไมโครซอฟท์ถูกเจาะด้วยมัลแวร์ที่ฝังไปกับซอฟต์แวร์ SolarWinds ทางโฆษกฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่ายังไม่มีการตัดสินใจว่าคำสั่งจะหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ก็ย้ำว่ารัฐบาลต้องมีข้อมูลภัยคุกคามเพื่อให้รับมือได้ทัน คาดว่าคำสั่งนี้จะบีบบริษัทต่างๆ จากข้อตกลงการขายสินค้าหรือบริการให้รัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้บริษัทสหรัฐฯ ที่มีรัฐบาลเป็นลูกค้า เช่น ไมโครซอฟท์หรือบริษัทขนาดใหญ่แทบทั้งหมด ต้องทำตามประกาศโดยปริยาย โดยบริษัทที่เข้าข่ายจะต้องเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแฮก และทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐ เช่น FBI และ CISA เพื่อสืบสวนสาเหตุ เพิ่มเติมจากการเก็บข้อมูลตามกฎหมายอื่นๆ ที่มีใช้งานอยู่ตอนนี้ ที่มา - IT News
# Deno รันไทม์จาวาสคริปต์สำหรับเซิร์ฟเวอร์เปิดบริษัท Deno Company สัญญาว่าโครงการจะโอเพนซอร์สเต็มที่ ไม่กั๊กฟีเจอร์ Deno โครงการรันไทม์จาวาสคริปต์สำหรับเซิร์ฟเวอร์คู่แข่ง Nodejs ที่สร้างโดยผู้เริ่มโครงการ Nodejs เองประกาศตั้งบริษัท Deno Company พร้อมเงินทุนประเดิม 4.9 ล้านดอลลาร์ ในบล็อคประกาศเปิดตัวบริษัท ผู้ก่อตั้ง Deno ยืนยันว่าโครงการ Deno จะเป็นโอเพนซอร์สสัญญาอนุญาต MIT ต่อไป และจะไม่กั๊กฟีเจอร์บางส่วนเอาไว้ทำการค้า (รูปแบบ open core) ที่โครงการโอเพนซอร์สจำนวนมากทำกัน แต่จะสร้างธุรกิจจากโครงการโอเพนซอร์สแทน แม้ในการประกาศครั้งนี้จะไม่ได้ระบุว่าธุรกิจที่จะทำเงินมีอะไรบ้าง แต่ Deno ก็มีบริการ Deno Deploy บริการรันไทม์จาวาสคริปต์ที่รันบน CDN ทั่วโลกให้บริการอยู่ ที่มา - Deno
# รีวิวเครื่องดูดฝุ่น Dyson Digital Slim Fluffy รักษามาตรฐานไว้ได้ด้วยน้ำหนักที่เบากว่า คนเก่งประจำบ้านที่นอกจากช่วยให้บ้านสะอาดแล้ว ยังช่วยคนที่มีปัญหาเรื่องภูมิแพ้ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ Dyson อย่างระบบกรองที่ดักจับได้แม้กระทั่งเชื้อรา แบคทีเรีย ไรฝุ่น ที่เติบโตและอาศัยอยู่ในอากาศร้อนชื้นอย่างบ้านเรา การใช้เครื่องดูดฝุ่นไร้สายอย่าง Dyson Digital Slim สามารถช่วยจัดการต้นเหตุของอาการภูมิแพ้อย่าง ไอ จาม หรืออาการคัน ได้ Blognone เคยรีวิวเครื่องดูดฝุ่น Dyson V11 Absolute กันไปแล้ว ล่าสุด Dyson มีของใหม่มาให้ลอง เป็น Dyson Digital Slim Fluffy เครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่นอกจากจะคงพลังดูดในมาตรฐานของ Dyson ไว้ได้แล้ว ยังมาพร้อมน้ำหนักเบากว่ารุ่น V11 Absolute ถึง 30% หรือประมาณน้ำขวด 2 ลิตร ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.9 กก. เมื่อต่อเครื่องกับด้ามและหัวดูดลูกกลิ้ง และเพียง 1.3 กก. เมื่อใช้แบบมือถือ ช่วยให้ทำความสะอาดบ้านได้นาน ๆ โดยไม่เหนื่อยล้าอีกด้วย Blognone จะพาไปรีวิวความเบาและฟังก์ชั่นใหม่ๆ น่าสนใจในบทความนี้ เริ่มที่ดีไซน์และการจับถือกันก่อน ตัว Dyson Digital Slim Fluffy มีการออกแบบที่ยังคงเอกลักษณ์เดิมแบบ Dyson V11 แต่ขนาดเล็กบางกว่า และมาพร้อมอุปกรณ์ครบครันเช่นเคย การประกอบใช้งานไม่ยาก และด้วยขนาดที่เล็กและบางทำให้จัดเก็บได้ง่ายแม้ในพื้นที่จำกัด เช่น คอนโด ที่สำคัญ ยังทำความสะอาดได้ด้วยมือเดียวสบายๆ เทียบขนาด Dyson V11 Absolute และ Dyson Digital Slim Fluffy Dyson Digital Slim Fluffy มาพร้อมเทคโนโลยีมอเตอร์ Dyson Hyperdymium ที่ให้แรงดูดทรงพลังและแรงดูดคงที่อย่างต่อเนื่อง ในน้ำหนักที่เบาลงกว่า Dyson รุ่นก่อน มีระบบการกรอง 5 ชั้นทั่วทั้งเครื่อง ที่ดักจับฝุ่นที่ดูดไว้ในถังเก็บฝุ่น และปล่อยเพียงอากาศที่กรองแล้วออกมา รวมถึงยังออกแบบให้มีวัสดุเก็บเสียง ลดแรงสั่นสะเทือนขณะที่ใช้งาน ทำให้เสียงลดน้อยลงด้วย การใช้งาน 3 โหมดเช่นเคย คือ โหมด Eco สำหรับการใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด ประหยัดแบตเตอรี่ ใช้งานได้นานสูงสุด 40 นาที, โหมด Med เป็นฟังก์ชั่นที่ฉลาดขึ้น สร้างสมดุลระหว่างแรงดูดกับระยะเวลาที่ใช้งาน และโหมด Boost เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกฝังแน่นที่ต้องใช้แรงมาก เช่น ไรฝุ่นจากเบาะที่นอน โซฟา หรือสิ่งสกปรกที่หลงเหลือหลังจากสร้างหรือปรับปรุงบ้าน หัวดูด 4 แบบคือ หัวดูดทำความสะอาด Slim Fluffy สำหรับพื้นแข็ง ออกแบบมาให้ดูดจับฝุ่นผงขนาดเล็กและผมเส้นยาว หัวดูดปากแคบพร้อมไฟส่อง ช่วยทำความสะอาด ทั้งข้างบน ข้างใต้ และทุกๆ ที่ รวมถึงบริเวณที่มืด ซอกแคบ ๆ ที่เข้าถึงหรือมองเห็นยาก หัวดูดมอเตอร์ขนาดเล็ก มีแรงดูดอันทรงพลังช่วยขจัดไรฝุ่นและอนุภาคที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นจากเบาะที่นอน หัวดูด 2 in 1 สำหรับดูดฝุ่นตามจุดต่าง ๆ ได้ทั่วทั้งบ้าน พร้อมขนแปรงที่ช่วยถนอมพื้นผิว ปรับเข้า-ออกได้ สุดท้ายและด้วยขนาดที่เล็กบาง ทำให้สามารถเปลี่ยนหัวดูดในการทำความสะอาดแต่ละครั้งง่าย ไม่เปลืองแรง หัวดูดทำความสะอาด Slim Fluffy ใช้ทำความสะอาดพื้นแข็ง สามารถดูดจับฝุ่นผงขนาดเล็กและผมเส้นยาวได้หมดจด โดยหัวดูดมีลักษณะแบนขึ้น เข้าไปทำความสะอาดใต้เฟอร์นิเจอร์ได้ลึกกว่าเก่า และยังบังคับทิศทางได้ง่ายขึ้น หัวดูดทำความสะอาด Slim Fluffy เป็นหัวดูดลูกกลิ้งแบบบาง ทำให้สามารถทำความสะอาดซอกใต้เฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย พร้อมขนแปรงที่ทำงานแบบไฟฟ้าสถิตย์ช่วยดูดจับอนุภาคขนาดเล็กบนพื้นผิวเข้ามาในถังเก็บฝุ่น และยังถนอมพื้นไม้ด้วย หัวดูดปากแคบพร้อมไฟส่อง ช่วยทำความสะอาดมุมขอบตู้ กำแพง ซอก ที่มืดต่างๆ ถือเป็นฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์มากของ Dyson Digital Slim เพราะนอกจากจะเข้าทำความสะอาดในที่แคบแล้ว เรายังมองเห็นฝุ่นที่มองเห็นได้ตามซอกต่างๆ ทำให้แน่ใจได้ว่าทำความสะอาดหมดจดแล้วจริงๆ และด้วยน้ำหนักที่เบา ยังสามารถยกหัวดูดปากแคบ ดูดตามซอกผนัง ผ้าม่านได้ ไม่เมื่อยแขนเลย รู้หรือไม่ว่าในเบาะ โซฟาหรือพรมในบ้าน คือที่สะสมต้นเหตุภูมิแพ้ชั้นดี อย่าง สสาร (มูล อุจจาระ) จากไรฝุ่น (บนเตียงทั่วไปมีไรฝุ่นเฉลี่ยถึง 3 ล้านตัว) ซึ่ง Dyson Digital Slim มีหัวดูดมอเตอร์ขนาดเล็ก ที่เหมาะสำหรับทำความสะอาดตามโซฟา เบาะที่นอน มีข้อต่อที่สามารถต่อกับมอเตอร์หลักได้ทันที เพื่อย่อขนาดเครื่องดูดฝุ่นของเราให้ทำความสะอาดตามที่นอนได้ง่าย หรือต่อกับไม้แกนหลักเพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดโซฟาตัวใหญ่ และพลังแรงดูดสามารถดึงเอาไรฝุ่นที่ฝังลึกอยู่ในพื้นผิวเหล่านี้ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวแบตเตอรี่แบบถอดใส่ได้ สามารถชาร์จขณะใส่ไว้ในตัวเครื่องหรือนอกตัวเครื่อง คุ้มค่ากับการลงทุนใช้งานในระยะยาว ถังเก็บฝุ่นช่วยกักเก็บไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายของฝุ่น นอกจากนี้ยังมีกลไกถอดสลักเพื่อดันฝุ่นลงถังในคราวเดียว สามารถยื่นฝาถังลงไปในถุงขยะได้โดยไม่เกิดฝุ่นฟุ้ง และยังสามารถถอดตัวกรองออกมาล้างได้ เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานที่คงทน สรุปการใช้งาน Dyson Digital Slim Fluffy ถือเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ยังคงมาตรฐานประสิทธิภาพของ Dyson ไว้ได้ครบถ้วน แต่มาในขนาดที่เบากว่ารุ่นก่อนมากทีเดียว เครื่องเดียวทำความสะอาดได้หลากหลาย ทุกมุมบ้าน ไม่ว่าจะมีเฟอร์นิเจอร์มากน้อย หรือซอกแคบแค่ไหน Dyson Digital Slim Fluffy ก็เข้าทำความสะอาดได้ครบทุกมุม สร้างบรรยากาศดี ๆ เป็นมิตรต่อสุขภาพได้ง่าย ๆ หมดกังวลเรื่องฝุ่น สิ่งสกปรก หรือ สารก่อภูมิแพ้ที่อาจเป็นอันตรายต่อคนในครอบครัว ถือเป็นไอเท็มที่คนรักบ้านควรหาติดบ้านไว้เลยทีเดียว
# PHP ถูกแฮกเซิร์ฟเวอร์ Git ใส่ช่องโหว้รันโค้ดจาก HTTP header โครงการ PHP ถูกแฮกเซิร์ฟเวอร์ Git ส่ง commit เข้ามาในระบบได้สองครั้ง โดยโค้ดที่คนร้ายยิงเข้ามาเป็นโค้ดที่ตรวจสอบค่า User Agent จาก HTTP header หากพบว่าขึ้นต้นด้วยคำว่า "zerodium" ก็จะรันโค้ดด้านในสตริง ตอนนี้ทีมงาน PHP ยังสอบสวนอยู่ว่าโค้ดนี้ถูกส่งเข้าเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างไร แต่ทีมงานก็ตัดสินใจว่าไม่สามารถดูแลเซิร์ฟเวอร์ Git เองได้อีกต่อไปแล้ว และตัดสินใจย้าย repository ไปใช้ GitHub เป็นหลักแทน เดิม PHP ใช้ GitHub เป็น repository สำรองเพื่อสำเนาข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองเท่านั้น การย้ายเซิร์ฟเวอร์มาเป็น GitHub ครั้งนี้ทำให้นักพัฒนาบางส่วนต้องขอสิทธิ์ commit กันใหม่ โค้ดมุ่งร้ายเข้าไปใน repository เพียง 10 ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น และยังไม่มี release ใดใช้โค้ดเหล่านี้ ทางทีมงานระบุว่าหากพบช่องโหว่อื่นอีกให้รีบแจ้ง [email protected] ที่มา - PHP
# สายการบิน ANA ทดลองผู้โดยสารใช้ CommonPass แอปแสดงผลตรวจ COVID-19 เป็นลบ สายการบิน ANA ของญี่ปุ่นเริ่มทดสอบให้ผู้โดยสารใช้งานแอปพลิเคชั่น CommonPass บันทึกการตรวจโรค COVID-19 โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดผลการทดสอบโรคที่ผลออกมาเป็นเชิงลบ โดยเริ่มทดสอบกับผู้โดยสารสองคนจากสนามบินฮาเนดะ ไปนิวยอร์ก ตัวแอปแสดงข้อมูลทั้งผลตรวจ COVID-19 วันที่ตรวจ ตรวจจากโรงพยาบาลหรือคลีนิกใด ตัวแอป CommonPass พัฒนาโดยมูลนิธิ Commons Project Foundation และ World Economic Forum แอป CommonPass ยังอยู่ระหว่างการทดลองใช้กับสายการบินต่างๆ เช่นกันทั้ง Cathay Pacific Airways, United Airlines และ Lufthansa ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปัญหาหนึ่งในขณะนี้คือ ไม่มีมาตรฐานกลางสำหรับพาสปอร์ตดิจิทัลสำหรับการเดินทาง แต่ละหน่วยงานก็พัฒนาระบบใบรับรองขึ้นมาใช้งานขึ้นมาเอง เช่น IATA Travel Pass พัฒนาโดยสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ด้านสหภาพยุโรปกำลังวางแผนออกใบรับรองสุขภาพดิจิทัล และจีนก็เริ่มมีหนังสือเดินทางด้านสุขภาพแล้ว ด้วยกฎข้อบังคับที่แตกต่างกันอาจสร้างความสับสนให้แก่ผู้โดยสารได้ ที่มา - Nikkei
# แอพ Nike และ Adidas ถูกถอดจากแอพสโตร์ของ Huawei และ Xiaomi จากประเด็นแรงงานอุยกูร์ นอกจาก H&M ที่ออกตัวว่าไม่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานชาวอุยกูร์เพื่อเก็บฝ้ายในมณฑลซินเจียง จนตำแหน่งร้านหายไปจาก Apple Maps และอีกหลายแผนที่ในแอพของประเทศจีนแล้ว Nike กับ Adidas อีกสองแบรนด์ที่ออกแถลงการณ์ไปในทางไม่สนับสนุนฝ้ายจากมณฑลซินเจียง ก็ถูกลบหายไปจากทั้งแอพสโตร์ของ Xiaomi และ Huawei ในประเทศจีนเช่นเดียวกัน ตัวแทนจาก Xiaomi ยืนยันกับ Global Times ว่าแอพ Nike และ Adidas รวมถึงโฆษณาทั้งหมดของสองแบรนด์นี้ ถูกนำออกจากแอพสโตร์ของ Xiaomi จริง แต่ไม่เปิดเผยสาเหตุ ส่วนฝั่ง Huawei ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม ตลาดประเทศจีน กลายมาเป็นตลาดใหญ่ที่ทำยอดขายให้กับทั้งสองบริษัทมหาศาล รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เติบโตถึง 7% ได้ในปี 2020 ขณะที่ภูมิภาคอื่นยอดขายลดลง คงต้องติดตามว่า Nike และ Adidas จะมีท่าทีอย่างไรต่อไปกับผลกระทบนี้ ที่มา - Global Times
# วิเคราะห์ Microsoft อยากซื้อ Discord เพราะฐานผู้ใช้, มีแววใช้ขยาย Azure และนำมารวมกับ Xbox หลังมีข่าวลือว่า Discord อาจขายกิจการที่มูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ และมีข่าวอีกว่าผู้ซื้ออาจเป็น Microsoft ล่าสุดเว็บไซต์ The Verge ได้วิเคราะห์เพิ่มเติมไว้ว่าสาเหตุในการซื้อครั้งนี้ อาจมีสามส่วน คือ Microsoft ต้องการฐานผู้ใช้และชุมชนจาก Discord รวมถึงอยากนำ Discord ไปอยู่บนบริการ Azure และอาจเตรียมนำมารวมเป็นระบบบน Xbox หากดีลนี้สำเร็จ ท่าทีของ Microsoft ในอดีตชี้ว่า ชุมชนและการสร้างคอนเทนต์นั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ตั้งแต่การซื้อ Linkedin (ชุมชนคนทำงาน) และ GitHub (ชุมชนนักพัฒนา) รวมถึงการซื้อบริการสตรีมเกม Beam มาเปลี่ยนเป็น Mixer (แม้เจ๊งไม่เป็นท่า) โดย Satya Nadella ซีอีโอคนปัจจุบัน เพิ่งให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ไว้ก่อนหน้านี้ ว่าการสร้างคอนเทนต์และชุมชนผู้ใช้จะมีความสำคัญอย่างมากในอีก 10 ปีข้างหน้า ดีลซื้อ Discord ครั้งนี้ อาจเกิดเพราะ Microsoft เล็งเห็นคุณค่าของชุมชนผู้ใช้ Discord จำนวนกว่า 140 ล้านคนต่อเดือน แถมยังมีทั้งคอนเทนต์ครีเอเตอร์ชั้นนำจาก YouTube เกมเมอร์ชื่อดัง และอื่นๆ รวมถึงมีเซิร์ฟเวอร์ หรือห้องคุยเสียง ที่แอคทีฟกว่า 6.7 ล้านเซิร์ฟเวอร์ต่อวัน ทำให้เป็นโอกาสที่สำคัญอีกครั้งที่ Microsoft จะสร้างชุมชนผู้ใช้ของตัวเองได้ หลังจากพลาดมาแล้วกับ Mixer อีกประเด็นคือ Microsoft อาจอยากนำ Discord มารันบนบริการคลาวด์ Azure เพื่อขยายฐานผู้ใช้ และเป็นตัวชูโรงในการขายบริการ Azure หลังย้ายเซิฟเวอร์ Minecraft (ที่ Microsoft ซื้อมาจาก Mojang ผู้พัฒนา) จาก AWS ของ Amazon มารันบน Azure แล้วเช่นกัน ข้อสุดท้ายคือ Microsoft อาจต้องการนำบริการ Discord มารวมไว้บน Xbox เพราะอย่างไรผู้ใช้หลักของ Discord ก็เป็นเกมเมอร์ และเส้นแบ่งระหว่างคอนโซลและพีซี ก็บางลงทุกวัน โดย Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox เองก็เคยพูดในการสัมภาษณ์ว่า Discord เป็นที่ที่เหล่าเกมเมอร์มาคุยเรื่องเกม ดูเกมต่างๆ และดูคนอื่นเล่นเกม รวมถึงพูดถึงการเปิดให้ผู้ใช้คุยข้ามแพลตฟอร์มบน Discord ได้ แม้การซื้อ Discord จะทำให้ Microsoft อาจต้องเจอกับปัญหาการเหยียดผิว หรือการใช้เฮตสปีชอื่นๆ มากขึ้น แต่ Microsoft เองก็มีประสบการณ์ใกล้เคียงกันในสมัย Xbox Live มาก่อนแล้ว การนำ Discord เข้ามาผนวกเข้ากับ Xbox อาจดึงดูดผู้ใช้ได้มากขึ้น และเป็นไปในทางเดียวกับการเข้าซื้อ Bethesda ก่อนหน้านี้ ที่มา - The Verge
# SUSE เลิกขาย Ceph เตรียมทำตลาด Longhorn จาก Rancher อย่างเดียว ลูกค้าของ SUSE จำนวนหนึ่งได้รับแจ้งจากบริษัทว่ากำลำลังเลิกขาย SUSE Enterprise Storage (SES) ซอฟต์แวร์สตอเรจที่พัฒนามาจาก Ceph แต่จะหันไปทำตลาด Longhorn ซอฟต์แวร์สตอเรจแบบโอเพนซอร์สที่ได้มาจากการเข้าซื้อ Rancher ทางฝั่ง Rancher นั้นมี Longhorn ที่เป็นสตอเรจสำหรับ Kubernetes โดยเฉพาะแม้จะรองรับการใช้งานแบบ iSCSI ด้วยก็ตาม จุดเด่นของ Longhorn อยู่ที่ความง่ายในการจัดการ และได้รับการยอมรับในวงการค่อนข้างดี ปัจจุบัน Longhorn เป็นโครงการระดับ Sandbox ของ CNCF ทาง The Register ติดต่อ SUSE และทางบริษัทยืนยันว่าจะซัพพอร์ตลูกค้าเดิมของ SES ต่อไปแม้จะหยุดขายแล้ว นอกจากนี้ทางบริษัทกำลังพัฒนาโซลูชั่นสตอเรจสำหรับอนาคตต่อไป ที่มา - The Register หน้าจอ SES 6
# นิวยอร์กเปิดตัวแอปยืนยันการฉีดวัคซีน COVID-19 ใช้แสดง QR เพื่อเข้าอาคาร, อีเว้นท์, โรงหนัง ทางการนิวยอร์ก เปิดตัวแอปพลิเคชั่น NYS Excelsior Pass Wallet เป็นแอปแสดง QR ที่ยืนยันว่าผู้ใช้งานได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 แล้ว พัฒนาโดยหน่วยงานสุขภาพ NYS Office of Information Technology ServicesHealth & Fitness และ IBM ผู้ใช้งานแอปสามารถแสดง QR บนแอปเพื่อเข้าอาคารสถานที่ต่างๆ ได้ เช่น Madison Square Garden, Times Union Center รวมถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างคอนเสิร์ต งานแต่งงาน ดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ เป็นต้น การใช้งานเป็นแบบสมัครใจ ทั้งฝั่งผู้ใช้งานทั่วไปและฝั่งธุรกิจ ตัวระบบนอกจากยืนยันการฉีดวัคซีนแล้วยังยืนยันผลตรวจโรคด้วย ทางรัฐนิวยอร์กระบุด้วยว่า ไม่ได้ติดตามและจัดเก็บข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลอยู่บนบล็อกเชน ป้องกันการใช้ข้อมูลปลอมหรือข้อมูลของคนอื่นมาแสดง แนวคิดเรื่องการบันทึกสถานะยืนยันการฉีดวัคซีนดิจิทัลมีมาระยะหนึ่งแล้ว และเป็นการทำแยกกันในแต่ละสถานที่ ก่อนหน้านี้มีความร่วมมือสำคัญระหว่าง Microsoft, Salesforce, Oracle ร่วมทำบันทึกสถานะการฉีดวัคซีน COVID-19 แบบดิจิทัล ในโครงการ The Vaccination Credential Initiative (VCI) เพื่อรองรับการกลับสู่สภาวะปกติ ภาพจาก governor.ny.gov ที่มา - Engadget
# ร้าน H&M เริ่มหายไปจากแอพจีนและ Apple Maps ในจีน จากปัญหาแรงงานอุยกูร์ H&M แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังที่มีกว่า 400 สาขาในประเทศจีน แต่กำลังโดนบอยคอตต์โดยสื่อและรัฐบาลจีนอย่างหนัก หลังประกาศไม่มีความเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้แรงงานอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง เนื่องจากปัญหาสิทธิมุนษยชน และการใช้แรงงานแบบบังคับ (forced labor) แม้ H&M จะออกมาโพสต์บน Weibo ว่าบริษัทไม่เกี่ยวข้องกับจุดยืนทางการเมืองใดๆ และยังให้ความเคารพผู้บริโภคในประเทศจีนอยู่เสมอ แต่กระแสบอยคอตต์ก็ไม่ได้ซาลง ล่าสุดผู้ใช้ในจีน ไม่สามารถค้นหาที่ตั้งร้าน H&M บน Apple Maps ได้ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ซึ่ง Apple ยังไม่มีการแถลงชี้แจงใดๆ เกี่ยวกับประเด็นนี้ แต่คาดว่าสาเหตุมาจาก Apple Maps ใช้บริการบริษัท AutoNavi ในประเทศจีน เพื่ออัพเดตและจัดทำแผนที่ และ AutoNavi อาจถอดตำแหน่งร้าน H&M ออกเนื่องจากกระแสบอยคอตต์ หรือตามคำสั่งของรัฐบาลจีน เพราะตำแหน่งร้าน H&M ก็หายไปจากแอพเรียกรถ และแอพอีคอมเมิร์ซต่างๆ ในประเทศจีนเช่นกัน H&M เป็นอีกแบรนด์ที่กำลังโดนกระแสต่อต้านในจีน หลังแสดงจุดยืนในประเด็นการใช้แรงงานชาวอุยกูร์ในซินเจียง โดยก่อนหน้านี้แบรนด์ Zara และ Nike ก็โดนกระแสต่อต้านจากชาวจีนเช่นกัน หลังออกประกาศไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการใช้แรงงานชาวอุยกูร์ ที่มา - The Wall Street Journal via The Verge
# X.Org ย้ายระบบขึ้นคลาวด์ เจอปัญหาค่าคลาวด์แพง, ปรับแต่ง-ย้ายค่าย ช่วยลดได้ 6 เท่า X.Org Foundation หน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาระบบ X Window (X11) และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น Wayland, ไดรเวอร์กราฟิก Mesa/Nouveau (รายชื่อซอฟต์แวร์ทั้งหมด) ตัดสินใจย้ายระบบเซิร์ฟเวอร์เดิมมาเป็นขึ้นคลาวด์ในปี 2017 แต่ก็พบเจอปัญหาที่หลายองค์กรเจอกันคือ "ค่าคลาวด์แพง" จนต้องหาวิธีปรับลดให้ค่าคลาวด์ลดลง X.Org ใช้ระบบ continuous integration (CI) เพื่อ build ซอฟต์แวร์จากซอร์สโค้ดเป็นไบนารีเพื่อแจกจ่ายให้สาธารณะใช้งาน โซลูชันของ X.Org คือใช้ซอฟต์แวร์ GitLab เวอร์ชันโอเพนซอร์ส รันบนคลาวด์ Google Compute Engine แต่พบว่าค่าใช้จ่ายแพงถึง 6,000 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 2 แสนบาท) หรือ 75,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 2.4 ล้านบาท) ถึงแม้กูเกิลสปอนเซอร์เครดิตให้ส่วนหนึ่ง (30,000 ดอลลาร์) แต่ก็ยังไม่พอใช้อยู่ดี ปัญหานี้ทำให้ X.Org ต้องหาทางปรับค่าใช้จ่ายลง ซึ่งแยกกันทำ 2 ทางคือ optimize ระบบคลาวด์ให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมถูกลง ตั้งแต่การคอนฟิก RAID, ปรับแต่งอิมเมจ, ลดการใช้แบนด์วิดท์ ฯลฯ (รายละเอียดดูได้จากวิดีโอท้ายข่าว) ลดค่าใช้จ่ายลงได้ครึ่งหนึ่ง เหลือประมาณ 3,000 ดอลลาร์ต่อเดือน ย้ายออกจาก Google Cloud ไปใช้คลาวด์ยี่ห้ออื่นที่ราคาถูกกว่า ซึ่ง X.Org ตัดสินใจย้ายไปใช้คลาวด์ยี่ห้อ Packet (เพิ่งถูก Equinix ซื้อไป และเปลี่ยนชื่อเป็น Equinix Metal) ซึ่ง Packet ก็ช่วยสปอนเซอร์ค่าคลาวด์ให้อีกส่วนหนึ่ง ตอนนี้ย้ายเรียบร้อยแล้ว ลดค่าใช้จ่ายลงเหลือประมาณ 1,000 ดอลลาร์ต่อเดือน รายละเอียดเรื่องการย้ายคลาวด์ อยู่ช่วงนาทีที่ 75 ในคลิป หรือ อ่านได้จากสไลด์ เผื่อเป็นแนวทางให้แอดมินองค์กรอื่นๆ ที่มา - Phoronix (1), Phoronix (2)
# Netflix เปิดตัวอนิเมะชุดใหญ่ 40 เรื่องในปีนี้ Yasuke, พ่อบ้านสุดเก๋า, Record of Ragnarok ในงาน Tokyo’s AnimeJapan 2021 Expo จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 27-30 มีนาคม Netflix ได้ประกาศเตรียมนำอนิเมะใหม่ประจำปี 2021 ลงแพลตฟอร์มอีก 40 เรื่อง มากกว่าที่ประกาศไว้ในปี 2020 ถึงสองเท่า หนึ่งในไลน์อัพที่น่าจับตามองคือ Eden เรื่องราวในอนาคตที่หุ่นยนต์ต้องเลี้ยงดูมนุษย์, The Way of the Househusband หรือพ่อบ้านสุดเก่าที่จะลงฉาย 8 เมษายนนี้, Resident Evil: Infinite Darkness, Yasuke เรื่องราวซามูไรผิวดำคนแรกของญี่ปุ่น สร้างโดยสตูดิโอ MAPPA ผู้สร้างเดียวกับ Attack on Titan และ Jujutsu Kaisen รวมถึง Record of Ragnarok มหาศึกคนชนเทพ เป็นต้น ภาพจาก ตัวอย่าง The Way of the Househusband Netflix ลุยอนิเมะมาได้พักใหญ่แล้ว ด้านคู่แข่งก็เตรียมรับมือสู้ ก่อนหน้านี้ไม่นาน Sony ซื้อกิจการสตรีมมิ่งอนิเมะ Crunchyroll ที่ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มอนิเมะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ที่มา - Engadget, Variety
# Crash Bandicoot 4 ออกเวอร์ชันพีซี บังคับต่อเน็ตเพื่อเช็ค DRM, โดนแคร็กแล้ว เมื่อกลางปีที่แล้ว Activision ออกเกม Crash Bandicoot 4: It’s About Time บนแพลตฟอร์มคอนโซลเจนก่อน (PS4, Xbox One) มาถึงเดือนนี้ Crash Bandicoot 4 ออกเวอร์ชันคอนโซลเจนใหม่ (PS5, Xbox Series X) และพีซี ประเด็นน่าสนใจอยู่ที่เวอร์ชันพีซี ที่ต้องซื้อผ่าน Battle.net ของ Activision Blizzard เท่านั้น แถมยังบังคับต่อเน็ตตลอดเวลาด้วยเหตุผลเรื่อง DRM (ตัวเกมเป็นเกมออฟไลน์ที่ไม่ต้องใช้เน็ตแต่อย่างใด) ในขณะที่เวอร์ชันคอนโซลไม่มีข้อบังคับเรื่องต่อเน็ตแบบเดียวกันนี้ การบังคับต่อเน็ตย่อมทำให้แฟนๆ เกมไม่พอใจ แถมยังมีจังหวะเซิร์ฟเวอร์ Battle.net ล่มชั่วคราว ทำให้เข้าเกมไม่ได้อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ มีกลุ่มแคร็กเกมชื่อ Empress ระบุว่าสามารถแคร็ก Crash 4 เพื่อตัดระบบเช็คการต่อเน็ตได้แล้วด้วย ที่มา - PCGamer, Ars Technica
# แบงก์ชาติร่วมกับธนาคารกลางเวียดนาม ทำ QR ชำระเงินระหว่างประเทศ ไม่ต้องแลกเงินท้องถิ่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศความร่วมมือกับ ธนาคารกลางเวียดนาม (State Bank of Viet Nam: SBV) เปิดตัวนวัตกรรมด้านการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างสองประเทศ รองรับธุรกรรมที่จะเกิดขึ้นเมื่อสถานการณ์การท่องเที่ยวกลับมาสู่ภาวะปกติ ในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า ในปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างเวียดนามกับไทย 1.5 ล้านคน ด้วยบริการนี้ผู้ใช้สามารถใช้มือถือชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน QR Code ได้สะดวก ในระยะแรกธนาคารเวียดนามผู้ให้บริการชำระเงินด้วย QR Code ได้แก่ Tien Phong Commercial Joint Stock Bank (TP Bank), The Joint Stock Commercial Bank for Investment and Development of Viet Nam (BIDV), Saigon Thuong Tin Commercial Joint Stock Bank (Sacombank) และธนาคารกรุงเทพของไทย ในระยะต่อไป ธนาคารที่จะเปิดให้บริการเพิ่มเติม ได้แก่ The Joint Stock Commercial Bank for Foreign Trade of Viet Nam (Vietcombank) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยมีแนวทางขยายการรับชำระและรับจ่าย QR ระหว่างประเทศในอาเซียนมากขึ้น ก่อนนี้ก็เปิดตัวที่ลาวไปแล้ว ที่มา - ธนาคารแห่งประเทศไทย
# OpenShift บน AWS เข้าสู่สถานะ GA พร้อมใช้งานจริง Red Hat OpenShift Service on AWS (ROSA) บริการ Kubernetes ระดับองค์กรที่ AWS และ Red Hat ให้บริการร่วมกัน เปิดตัวให้ลูกค้าทดสอบตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้บริการก็เข้าสู่สถานะ GA พร้อมใช้งานทั่วไปเรียบร้อยแล้ว ลูกค้า AWS ที่ต้องการใช้ ROSA จะต้องเปิดการใช้งานบนหน้าเว็บก่อน หลังจากนั้นจะจัดการคลัสเตอร์ ROSA ได้ทางคำสั่ง ROSA CLI ROSA คิดค่าบริการแยกเป็นราคาต่อคลัสเตอร์ปีละ 263 ดอลลาร์หรือ ประมาณ 8,000 บาท และราคาต่อ worker ขนาด 4 vCPU ปีละ 1,498 ดอลลาร์หรือประมาณ 45,000 บาท หากใช้แบบสัญญารายปีค่า worker จะลดเหลือ 998 ดอลลาร์ต่อปีหรือ 30,000 บาท ที่มา - AWS Blog
# IETF ประกาศ TLS 1.0/1.1 หมดอายุในเอกสาร RFC8996 IETF ผู้วางมาตรฐานอินเทอร์เน็ต ออกเอกสาร RFC8996 ให้มาตรฐาน TLS 1.0/1.1 รวมถึง DTLS 1.0 หมดอายุการใช้งาน (deprecated) อย่างเป็นทางการ หลังจากมีรายงานถึงการโจมตีกระบวนการเข้ารหัสของ TLS ทั้งสองเวอร์ชั่นได้หลายครั้ง ช่องโหว่ของ TLS 1.0 เช่น กระบวนการเข้ารหัสแบบ cipher block chaining (CBC) อาจถูกโจมตี แม้จะแก้ไขไปแล้วแต่ทั้ง TLS 1.0/1.1 ก็ยังรองรับการแฮชแบบ SHA-1 ที่ตอนนี้เหลือระดับความยุ่งเหยิงเพียง 77 บิต เปิดทางให้คนร้ายสามารถสร้างข้อความปลอมที่แฮชตรงกันได้ TLS 1.0 นั้นออกมาตรฐานมาตั้งแต่ปี 1999 ส่วน TLS 1.1 ออกมาในปี 2006 นับว่าถูกใช้งานมายาวนานมากแล้ว และเดิมมาตรฐานใหม่ๆ หลายตัวก็แนะนำให้ผู้อิมพลีเมนต์อย่ารองรับโปรโตคอลเก่าทั้งสองตัวนี้ แต่จากนี้จะอัพเดตมาตรฐานให้ห้ามรองรับโปรโตคอลทั้งสองตัว ที่มา - IETF
# ผลการศึกษาพบ 65% เมื่อเสิร์ช Google แล้ว ไม่มีการคลิกลิงก์ใด ๆ ต่อ - Google ตอบโต้ประเด็นนี้ Rand Fishkin ผู้ก่อตั้ง SparkToro เผยแพร่ผลการศึกษาจากข้อมูลของ SimilarWeb ในช่วงเดือนมกราคม-ธันวาคม ปี 2020 พบว่า 64.82% หรือเกือบ 2 ใน 3 ของการเสิร์ชกูเกิล (รวมเดสก์ท็อปและมือถือ) จบลงที่หน้าผลลัพธ์การค้นหาในเว็บกูเกิล และไม่มีการคลิกลิงก์ใด ๆ ต่อ ซึ่ง Fishkin เรียกสถานการณ์นี้ว่า Zero-Click สาเหตุนั้นอาจมาจากหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่มีผลก็คือตัวผลการค้นหาของกูเกิลเอง ซึ่งแสดงข้อมูลเบื้องต้นพื้นฐานไว้พอสมควรด้วยเช่นกัน จึงไม่จำเป็นต้องคลิกลิงก์ต่อ มีข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ หากดู Zero-Click เฉพาะบนมือถือ ตัวเลขสูงถึง 77.22%, การคลิกลิงก์โฆษณาอยู่ที่ 1.59% อย่างไรก็ตาม กูเกิลได้เขียนบล็อกอธิบายประเด็นดังกล่าว โดยบอกว่าผลการศึกษานี้พยายามชี้นำอย่างไม่ถูกต้อง กูเกิลอธิบายสถานการณ์หลายรูปแบบที่ทำให้เกิด Zero-Click จนส่งผลให้จำนวน Zero-Click สูง อาทิ มีการเปลี่ยนคำค้นหาไปเรื่อย ๆ หลายครั้ง จนกว่าจะเห็นผลลัพธ์เว็บที่ตรงใจ จึงเริ่มกดลิงก์ เป็นการค้นเพื่อต้องการข้อมูลสั้น รวดเร็ว อาทิ สภาพอากาศ ผลการแข่งขันกีฬา ซึ่งกูเกิลแสดงข้อมูลในหน้าผลการค้นหาเลย เป็นการค้นหาธุรกิจร้านค้า ซึ่ง Google My Business จะแสดงข้อมูลร้านนั้น รวมทั้งเบอร์โทรติดต่อ หลายคนก็ติดต่อร้านค้าจากข้อมูลนั้น และไม่มีการคลิกลิงก์ ลิงก์นั้นเปิดไปที่แอปบนมือถือเลย โดยไม่มีการเข้าเว็บไซต์ เช่น ลิงก์คอนเทนต์บน Netflix, Instagram เป็นต้น กูเกิลยืนยันว่ายังคงมีทราฟิกที่ถูกส่งต่อจากกูเกิลไปยังเว็บไซต์จำนวนมหาศาลทุกวัน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี และกูเกิลก็ยังปรับปรุงให้เว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ 10 อันดับแรกในผลการค้นหา มีโอกาสถูกค้นพบง่ายขึ้นอีกด้วย ที่มา: SparkToro ผ่าน Business Insider และ กูเกิล
# UiPath บริษัทซอฟต์แวร์ทำงานอัตโนมัติ (RPA) ยื่นเอกสารเตรียมขายหุ้น IPO UiPath บริษัทซอฟต์แวร์ด้าน robotic process automation (RPA) ที่มีต้นกำเนิดจากโรมาเนีย ยื่นเอกสาร S-1 ต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ เพื่อเตรียมขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า robotic process automation (RPA) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้เปลี่ยนการทำงานซ้ำๆ (เช่น การเคลมประกัน อ่านข้อมูลจากฟอร์มเอกสาร) ให้เป็นอัตโนมัติ ลดการใช้มนุษย์ลง ซึ่งถือเป็นตลาดที่กำลังมาแรงในโลกยุค digital transformation ที่องค์กรทั่วโลกเริ่มนำระบบอัตโนมัติมาใช้งาน ลดการใช้คน ลดความผิดพลาดจากมนุษย์ลง UiPath ก่อตั้งในปี 2005 ที่เมืองบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย และค่อยๆ ขยายตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ จนมาเริ่มรับเงินลงทุนซีรีส์ A ในปี 2017 จนมาถึงซีรีส์ E ช่วงต้นปี 2021 มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 35 พันล้านดอลลาร์ และเตรียมขายหุ้น IPO แล้ว นอกจากซอฟต์แวร์ RPA ที่เป็นจุดกำเนิดของบริษัทแล้ว ช่วงหลัง UiPath ยังหันมาขยายงานด้าน automation อื่นๆ เช่น การเขียนโปรแกรมแบบ low-code เพื่อทำงานง่ายๆ ภายในองค์กร และการซื้อบริษัท Cloud Elements เพื่อเปิด API ด้าน automation ให้บริษัทอื่นใช้งานด้วย ช่วงหลังๆ มีบริษัทเข้ามาในตลาด RPA กันมากขึ้น เช่น Automation Anywhere ที่เป็นพันธมิตรกับ Google Cloud หรือยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอท์เองก็มีผลิตภัณฑ์กลุ่ม Power Automate ออกมาจับลูกค้ากลุ่มนี้เช่นกัน ที่มา - UiPath, SEC, TechCrunch
# เซิร์ฟเวอร์ Exchange ทั่วโลกอุดช่องโหว่แล้ว 92%, ไมโครซอฟท์อธิบายกระบวนการโจมตี จากกรณีช่องโหว่ Microsoft Exchange ที่ถูกใช้โจมตีเป็นวงกว้าง จนไมโครซอฟท์ต้องออกแพตช์ย้อนหลังให้ถึง Exchange 2013 และออกตัวช่วย อื่นๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ ล่าสุดไมโครซอฟท์ออกมาเผยสถิติว่า 92% ของเซิร์ฟเวอร์ Exchange ทั่วโลกได้รับแพตช์หรือบรรเทาช่องโหว่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงออกมาอธิบายวิธีการโจมตีของแฮ็กเกอร์ผ่านช่องโหว่ชุดนี้ด้วย ช่องโหว่ Exchange รอบนี้มีด้วยกันทั้งหมด 4 ตัว มีตั้งแต่ช่องโหว่ของการยืนยันตัวตน (authentication) ไปจนถึงการยกระดับสิทธิในการรันคำสั่ง (escalate privilege) เมื่อสำเร็จแล้วถึงปฏิบัติการอื่นๆ ต่อ เช่น ปล่อย ransomware, ขโมยข้อมูลล็อกอิน (credential theft) เป็นต้น ใครที่สนใจอ่านรายละเอียด อ่านต่อได้จากที่มา ที่มา - Microsoft Security
# WeWork เตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นด้วยวิธี SPAC ที่มูลค่ากิจการ 9,000 ล้านดอลลาร์ WeWork สตาร์ทอัพผู้ให้บริการ Office-sharing ประกาศบรรลุข้อตกลง ที่จะนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น ด้วยการขายให้บริษัทในตลาดหุ้นที่จัดตั้งขึ้นเพื่อซื้อกิจการอื่นโดยเฉพาะ ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่า SPAC โดยบริษัทที่จะมาซื้อกิจการเพื่อแปลง WeWork ให้เป็นบริษัทในตลาดหุ้นคือ BowX Acquisition ที่มูลค่ากิจการของ WeWork 9,000 ล้านดอลลาร์ อ่านเพิ่มเติม: มารู้จักกับ SPAC อีก 1 วิธีนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา ณ ตอนนี้ (BrandInside) WeWork เคยมีมูลค่ากิจการในปี 2019 ที่ 47,000 ล้านดอลลาร์ และเตรียมไอพีโอเข้าตลาดหุ้น แต่ยังไม่ทันจะเข้าตลาดหุ้นก็เกิดข้อขัดแย้งจากนักลงทุนเดิม นำโดยกลุ่ม SoftBank เกี่ยวกับมูลค่ากิจการที่ลดลงไปมาก รวมทั้งปัญหาของผู้ก่อตั้ง Adam Neumann จนต้องประกาศลาออกในเวลาต่อมา จากนั้น SoftBank ก็ให้เงินเพิ่มทุนและลดมูลค่ากิจการลงเหลือราว 8,000 ล้านดอลลาร์ แม้สถานการณ์โควิด-19 อาจดูมีผลกระทบกับธุรกิจพื้นที่สำนักงาน แต่ WeWork ภายใต้ซีอีโอคนใหม่ Sandeep Mathrani ก็บอกว่าเป็นผลดีต่อบริษัท เนื่องจากองค์กรต้องการพื้นที่ทำงานที่มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนและรองรับได้ทั้งองค์กรเล็กและใหญ่ ข้อตกลงในดีลนี้ WeWork จะได้เงินสดเข้ามาเพิ่ม 1,300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินส่วนนี้รวมการลงทุนเพิ่มเติมจากกลุ่มนักลงทุนอาทิ Insight Partners, Starwood Capital, Fidelity Management และอื่น ๆ ที่มา: WeWork และ CNBC
# Apple อัพเดต iOS 14.4.2 แก้ไขช่องโหว่ WebKit รวมทั้ง watchOS 7.3.3 และ iOS 12.5.2 แอปเปิลออกอัพเดต iOS 14.4.2 และ iPadOS 14.4.2 ในวันนี้ โดยเป็นการแก้ไขช่องโหว่ของ WebKit ที่อาจทำให้ถูกโจมตีแบบ Cross-Site ได้ ผู้ใช้งานจึงควรอัพเดตเพื่อความปลอดภัย การอัพเดตทำได้โดยไปที่ Settings > General > Software Update แอปเปิลยังออกอัพเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้สำหรับ watchOS ระบบปฏิบัติการบน Apple Watch และ iOS ของอุปกรณ์รุ่นเก่าที่อัพเดตเป็น iOS 14 ไม่ได้ รายละเอียดดังนี้ watchOS 7.3.3 อัพเดตได้ผ่านแอป Apple Watch ใน iPhone หรือใน Settings ของ Apple Watch ขณะชาร์จอยู่ iOS 12.5.2 สำหรับ iPhone 6, iPhone 5s, iPad mini 3, iPad Air รุ่นแรก และ iPod touch 6th Gen ที่มา: 9to5Mac
# [ลือ] Apple อาจออก Apple Watch รุ่นกันกระแทก ทนทานเป็นพิเศษ สำหรับกลุ่ม Extreme ข่าวนี้มาจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg โดยเขาอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง บอกว่าแอปเปิลมีแผนเปิดตัว Apple Watch รุ่นตัวเรือนเป็นวัสดุกันกระแทก เพื่อจับตลาดนักกีฬา นักปีนเขา และคนที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการอุปกรณ์ทนทานเป็นพิเศษ แหล่งข่าวบอกว่า Apple Watch รุ่นถึกทนพิเศษนี้น่าจะเปิดตัวได้ปลายปีนี้ 2021 หรือต้นปี 2022 โดยมีชื่อเรียกกันภายในว่า Apple Watch Explorer Edition ปัจจุบันตัวเลือกวัสดุตัวเรือนของ Apple Watch มีอลูมิเนียม สแตนเลสสตีล และไทเทเนียม การที่ Apple Watch เน้นฟีเจอร์ด้านออกกำลังกายและกีฬามากขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าแอปเปิลต้องการเพิ่มตัวเลือกรุ่นที่ดูสมบุกสมบันและเหมาะกับนักกีฬามากขึ้นนั่นเอง ที่มา: Bloomberg ภาพจากโฆษณา Apple Watch
# Vizio บริษัททีวีอเมริกัน ขายหุ้น IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว มูลค่า 3.9 พันล้านดอลลาร์ Vizio บริษัทผลิตทีวีแบรนด์อเมริกัน เริ่มขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ตามที่แจ้ง IPO ไว้เมื่อต้นเดือนนี้ ใช้ตัวย่อว่า VZIO Vizio ตั้งราคาหุ้นเปิดขายที่ 21 ดอลลาร์ต่อหุ้น มีมูลค่าบริษัท 3.9 พันล้านดอลลาร์ ในการขายหุ้นวันแรก ราคาปิดอยู่ที่ 17.50 ดอลลาร์ ลดลง 9% จากราคา IPO ประวัติโดยย่อของ Vizio คือก่อตั้งเมื่อปี 2002 โดย William Wang ชาวไต้หวันที่อพยพมายังสหรัฐอเมริกา มีจุดเด่นเรื่องผลิตภัณฑ์ทีวีที่ราคาถูกกว่าแบรนด์ดังๆ และเน้นขายในห้างสรรพสินค้าเชนใหญ่ ช่วงหลังเมื่อกระแสสตรีมมิ่งเติบโต Vizio ก็มีแพลตฟอร์มสมาร์ททีวี SmartCast ที่หารายได้จากค่าสมาชิกสตรีมมิ่งแบนดัง (เช่น หัก % จาก Netflix หากลูกค้าสมัครจาก SmartCast) และหารายได้จากโฆษณา บริษัทเคยมีแผนเข้าตลาดในปี 2015 แต่ยกเลิกไปเพราะถูกบริษัทจีน LeEco เสนอซื้อกิจการ แต่ดีลก็ล่มและสุดท้าย LeEco ประสบปัญหาทางการเงินเอง ทำให้ Vizio ยังมีสถานะเป็นบริษัทอิสระ จนเข้ามาขายหุ้น IPO ได้สำเร็จในปี 2021 นี้ ที่มา - CNBC
# GNOME 40 ออกแล้ว เปลี่ยนระบบเลขเวอร์ชัน ปรับดีไซน์หน้า Overview ใหม่ เดสก์ท็อป GNOME ออกเวอร์ชันใหม่ที่เปลี่ยนเลขเวอร์ชันเป็น 40 (แทน 3.40 ตามที่เคยประกาศไว้) อย่างอื่นยังเหมือนเดิม รวมถึงระบบการออกรุ่นทุก 6 เดือนด้วย ของใหม่ที่สำคัญของ GNOME 40 คือดีไซน์ใหม่ของ Overview หรือหน้าแสดงรายการแอพที่เปิดอยู่ โดยปรับให้เลื่อนเดสก์ท็อปเสมือน (workspace) แนวขวาง ซ้าย-ขวา และเลื่อนรายการแอพ (app grid) แนวตั้ง ขึ้น-ลง ของใหม่อย่างอื่นคือ แอพสภาพอากาศ Weather ปรับโฉมใหม่, ปรับหน้าตาของ Keyboard Settings, เพิ่มฟีเจอร์ให้แอพ Files หลายอย่าง เป็นต้น ที่มา - GNOME