txt
stringlengths
202
53.1k
# GitLab ยกเลิกแพลน Bronze/Starter ผู้ใช้เดิมเมื่อหมดอายุแล้วต้องยกเลิกหรือต่ออายุในแพคเกจ Premium GitLab ประกาศปรับโมเดลระบบสมัครสมาชิก โดยบริษัทตัดสินใจยกเลิกแพคเกจ Bronze/Starter ซึ่งเป็นแพคเกจเริ่มต้นราคา 4 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยผู้ใช้แพคเกจนี้หลังหมดอายุสมาชิกแล้วจะต้องเลือกแพคเกจที่แพงขึ้นหรือยกเลิกไปใช้แพคเกจฟรีเลย สำหรับผู้ใช้งานแบบ Bronze เดิม จะต้องต่ออายุสมาชิกก่อนวันที่ 26 มกราคมเพื่อเป็นสมาชิกต่อในปีถัดไปในราคาเดิม ซึ่งเมื่อหมดสมาชิกรอบนี้แล้วผู้ใช้จะต้องย้ายไปใช้ Premium หรือ Ultimate โดย GitLab จะลดราคาให้ 3 ปี คือคิดราคา 6 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้ต่อเดือนในปีแรก, 9 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้ต่อเดือนในปีที่สอง และ 15 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้ต่อเดือนในปีที่สาม จากนั้นจะเริ่มคิดที่ราคาปกติซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 19 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้ต่อเดือน Sid Sijbrandij ระบุว่า ปัจจุบัน GitLab ขาดทุนจากการขายแพคเกจ Bronze ทั้งการโฮสต์ติ้งและซัพพอร์ต ดังนั้นจึงต้องให้ผู้ใช้กลุ่มนี้ไปใช้แพลนที่แพงกว่าเพื่อให้บริษัทมีกำไร แต่จะยังคงมีแพลนฟรีอยู่ต่อไปแม้จะมีค่าใช้จ่ายจากแพลนนี้แต่โดยรวมยังคุ้มค่าเพราะแพลนฟรีไม่มีซัพพอร์ตและมีเครดิต CI/CD ให้ใช้งานจำกัด ซึ่งแพลนฟรียังคงจำเป็นภายใต้รูปแบบธุรกิจและแก่นของบริษัท ตอนนี้แพลนของ GitLab จึงมีสามแบบ คือฟรี, Premium ราคา 19 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้ต่อเดือน และ Ultimate ราคา 99 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้ต่อเดือน ที่มา - TechCrunch
# Sony เปิดตัว Alpha 1 รวมเทคโนโลยีระดับท็อปไว้ในบอดี้เดียว: อัดวิดีโอ 8K, ถ่ายรูป 50 ล้านพิกเซล 30 ภาพต่อวินาที Sony เปิดตัวกล้อง Alpha 1 หรือ A1 กล้อง Mirrorless รุ่นใหม่ที่รวมเทคโนโลยีท็อป ๆ ทั้งหมดของ Sony ไว้ในบอดี้เดียว ถ่ายภาพ 50 ล้านพิกเซลรัวสุด 30 ภาพต่อวินาที และถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึง 8K สเปคของกล้อง Sony A1 ใช้เซนเซอร์ CMOS 50 ล้านพิกเซล ให้ dynamic range สูงสุดถึง 15 สต็อป มี ISO ให้ใช้ตั้งแต่ 100-32,000 ขยายได้สูงสุด 50-102,400 พร้อมโปรเซสเซอร์ Bionz XR ใหม่สองตัว สามารถถ่ายภาพรัวได้สูงสุดถึง 30 ภาพต่อวินาที มีอิเล็กทรอนิกส์ชัตเตอร์ที่ทำงานได้เงียบและลดการสั่นสะเทือน พร้อมระบบอ่านข้อมูลจากเซนเซอร์อย่างรวดเร็ว ทำให้อาการ rolling shutter น้อยกว่า A9 II ถึง 1.5 เท่า รองรับการใช้โหมด flash sync ถึง 1/200 วินาทีในโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ 1/400 เมื่อใช้ชัตเตอร์กลไก สามารถบันทึกภาพเป็น Lossless compress RAW และ HEIF สำหรับ 10-bit compress ได้ ในด้านวิดีโอ Sony A1 สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึง 8K ที่ 30 เฟรมต่อวินาทีโดยใช้พิกเซลในแนวตั้งครบทุกพิกเซล สามารถถ่ายฟุตเทจแบบ 8.6K และ downsize เป็น 8K ได้ ซึ่งตัวฟุตเทจแบบ 8K ถ่ายได้สูงสุดถึง 10-bit 4:2:0 ด้วยฟอร์แมต XAVC HS และด้วยดีไซน์กระจายความร้อนแบบเดียวกับ A7S III ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอ 8K ได้นานสุดถึง 30 นาที และถ้าจะถ่ายวิดีโอ 4K สามารถถ่ายได้สูงสุดถึง 120 เฟรมต่อวินาทีที่คุณภาพ 10-bit 4:2:2 ระบบกันสั่นในตัวกล้อง Sony A1 สามารถกันสั่นได้สูงสุดที่ 5.5EV มีโหมดถ่ายภาพ 16-shot รวมกันให้ได้ภาพความละเอียดสูงสุดถึง 199 ล้านพิกเซล โดยจะต้องรวมภาพผ่าน Imaging Edge ของ Sony บนเดสก์ท็อปอีกที ส่วนระบบออโต้โฟกัส Sony A1 มีจุดครอบคลุมถึง 92% ของเซนเซอร์ ส่วน Real-time Eye AF สามารถใช้งานกับนก, สัตว์อื่น ๆ รวมถึงคนได้ ส่วนระบบคำนวณ AE และ AF ทำได้เร็วสุดถึง 120 ครั้งต่อวินาที ส่วนระบบแสดงผล Sony A1 มีช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ OLED 9.44 ล้านจุด รีเฟรชถี่สุดที่ 240 รอบต่อวินาที (สามารถกำหนดให้รีเฟรชถี่กว่านั้นได้ แต่ความละเอียดจะเหลือ 1600x1200 พิกเซล หรือ 5.76 ล้านจุด) พร้อมกำลังขยาย 0.9 เท่าและ eye-point ที่ 25 มิลลิเมตร ระบบเชื่อมต่อของตัวกล้อง มี dual-band Wi-Fi ที่ช่วยให้การถ่ายโอนภาพผ่าน FTP เร็วกว่า A9 II ถึง 3.5 เท่า และพอร์ตเชื่อมต่อ Ethernet สำหรับถ่ายโอนภาพโดยใช้สาย ตัวกล้องรองรับการ์ดทั้งแบบ UHS-I และ UHS-II SDXC/SDHC รวมถึง CFexpress Type A Sony กำหนดราคาขาย Alpha 1 อยู่ที่ 6,500 ดอลลาร์ หรือราว 195,000 บาท ที่มา - dpreview, PetaPixel
# O’Reilly สำรวจความนิยมเทคโนโลยี Python ได้รับความนิยมจาก AI, Kubernetes ได้รับความนิยมสูง แต่ Docker เริ่มลดแล้ว O’Reilly รายงานผลสำรวจความนิยมเทคโนโลยีจากการใช้งาน O’Reilly Online Learning Platform ที่เป็นแพลตฟอร์มอ่านหนังสือ และเรียนออนไลน์ ซึ่งทำให้เห็นภาพรวมที่น่าสนใจเพราะเป็นอัตราการดูคอนเทนต์จริง เช่น อ่านหนังสือหรือเรียนวิชาออนไลน์ ไม่ใช่เพียงคำค้นเท่านั้น โดยรวมแล้วแพลตฟอร์มมีการใช้งานเพิ่มขึ้น 24% ทำให้เนื้อหาส่วนใดที่เติบโตต่ำกว่านี้นับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย สำหรับภาษาโปรแกรมมิ่ง Python ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด มีอัตราการเติบโตที่สูงถึง 27%, Java ได้รับความนิยมอันดับสองแต่อัตราการเติบโตกลับติดลบ 3% แสดงให้เห็นว่าความนิยมลดลงชัดเจน, JavaScript เติบโตถึง 40% แซงค่าเฉลี่ยไปได้มาก ที่น่าสนใจคือภาษา Rust ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นถึง 94% มาอยู่ดับดับ 9 แล้ว ภาษา Python นั้นได้รับความนิยมจากงานกลุ่ม machine learning และ AI อย่างชัดเจนเพราะการใช้งานหนังสือในกลุ่ม Python+PyTorch+scikit-learn นั้นได้รับความนิยมสูงสุด และหากนับเฟรมเวิร์ค AI อย่างเดียว PyTorch มีอัตราการเติบโตที่สูงมาก สำหรับการเนื้อหาฝั่งงานระบบ Kubernetes ยังคงได้รับความนิยมอันดับหนึ่งเติบโต 47% ที่น่าสนใจคือ Docker และ DevOps นั้นกลับได้รับความนิยมลดลง นับเป็นปีแรกที่ Docker ได้รับความนิยมลดลงตั้งแต่ปี 2014 แต่ตัวเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์กลับได้รับความนิยมสูงขึ้น ที่มา - O'Reilly
# Twitter ซื้อ Revue สตาร์ทอัพพัฒนาเซอร์วิสส่งอีเมลจดหมายข่าว Twitter ประกาศเข้าซื้อ Revue บริษัทพัฒนาเซอร์วิสสำหรับสร้างและจัดการจดหมายข่าวที่จะส่งอีเมลให้ผู้สมัครสมาชิก Revue เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติเนเธอร์แลนด์ ธุรกิจหลักคือระบบให้บริการสำหรับส่งจดหมายข่าวไปยังอีเมลเพื่อทำเงินจากการสมัครสมาชิก ลักษณะเดียวกับ Substack ซึ่งปัจจุบัน Revue มีสำนักข่าวใหญ่ ๆ อย่าง Vox Media หรือ The Markup เป็นลูกค้า โดย Twitter ระบุว่าเพื่อให้นักเขียนและสำนักพิมพ์สามารถเชื่อมต่อกับสมาชิกของตัวเองได้ง่ายขึ้น ส่วนผู้อ่านก็สามารถค้นพบคอนเทนต์ใหม่ ๆ ได้ง่ายกว่าเดิม และในอนาคตจะทำให้แพลตฟอร์มนี้เชื่อมต่อกับ Twitter ด้วย Twitter จะยังคงให้ Revue เป็นผลิตภัณฑ์แยก ทีมงาน Revue จะยังคงเน้นโฟกัสในผลิตภัณฑ์เดิม ซึ่งหลังจากเข้าซื้อกิจการเรียบร้อยแล้ว Twitter ได้ปรับให้ฟีเจอร์โปรของ Revue ใช้งานได้ฟรี รวมถึงลดค่าธรรมเนียมที่หักจากบริการจดหมายข่าวแบบเสียเงินเหลือเพียง 5% ที่มา - Twitter, TechCrunch
# Hyundai เปิดตัว DAL-e หุ่นยนต์บริการลูกค้าและแนะนำรถยนต์ในโชว์รูม เริ่มทดลองใช้งานแล้วในกรุงโซล Hyundai เปิดตัวหุ่นยนต์บริการลูกค้า DAL-e อย่างเป็นทางการ โดยเริ่มทดสอบจากศูนย์บริการลูกค้าในโชว์รูมของ Hyundai Motor ทางใต้ของกรุงโซล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโชว์รูม DAL-e ย่อมาจาก “Drive you, Assist you, Link with you-experience” ตัวหุ่นยนต์นี้บรรจุเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ล้ำสมัยสำหรับให้บริการลูกค้า มีระบบรู้จำใบหน้าและเข้าใจภาษาที่สามารถสื่อสารกับผู้มาเยี่ยมชมโชว์รูมได้ งานที่ทำได้ก็มีตั้งแต่ทักทายลูกค้าตอนเข้าโชว์รูม, แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัย, แนะนำข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์, เชื่อมต่อจอใหญ่ในโชว์รูมเพื่อแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ และสามารถขอเซลฟี่กับผู้เยี่ยมชมได้ ถ้าการทดสอบ DAL-e ประสบความสำเร็จ ทาง Hyundai จะเริ่มทยอยขยายใช้งานหุ่นยนต์ใหม่ในโชว์รูม Hyundai และ Kia สาขาอื่นต่อไป ที่มา - Engadget ภาพจาก Hyundai
# Cloudflare เปิดตัว Waiting Room จุดเข้าคิวป้องกันเว็บล่ม เปิดให้หน่วยงานฉีดวีคซีนโควิดใช้ฟรี Cloudflare เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Waiting Room หรือจุดเข้าคิว เพื่อใช้เป็นด่านหน้าของเว็บไซต์ที่จะมีทราฟฟิกเข้ามาเป็นจำนวนมากเกินกว่าระบบหลังบ้านจะรับไหว หลายคนคงเคยเห็นห้องรอคิวกันมาบ้างแล้วในเว็บจองบัตรคอนเสิร์ตหรือจองสินค้ารุ่นใหม่ที่มีความต้องการสูงมากๆ เพื่อป้องกันเว็บหลักล่มเมื่อมีคนจำนวนมากพยายามแย่งจองกันจนแทบไม่มีใครใช้งานได้ แต่การจะทำระบบรอคิวอาจต้องแก้โค้ดของระบบหลัก หรือใช้ความพยายามในการทำระบบนี้อยู่บ้าง ฝั่ง Cloudflare ที่ระบบเน็ตเวิร์คสามารถรับทราฟฟิกสูงๆ ได้สบาย จึงเปิดตัวฟีเจอร์นี้โดยระบุว่าไม่ต้องแก้โค้ดในเว็บหลักเลย เพียงแค่เปิดฟีเจอร์นี้แล้วชี้ไปที่ path ของหน้าเว็บที่จะมีทราฟฟิกเยอะๆ พร้อมกำหนดว่าจะให้มียูสเซอร์เข้าไปในระบบได้พร้อมกันกี่คน และจะปล่อยคนเข้าไปเพิ่มด้วยอัตราเท่าใด ก็พร้อมใช้งานทันที Cloudflare ระบุว่าระบบสามารถประเมินและแสดงเวลาที่ยูสเซอร์แต่ละคนต้องรอได้ด้วย รวมถึงจะจัดคิวอย่างเหมาะสมและไม่ปล่อยให้คนรอนานเกินไป โดยฟีเจอร์ Waiting Room นี้เป็นการพัฒนาเพิ่มจากฟีเจอร์ Workers นั่นเอง นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอ Waiting Room ด้วยโค้ด HTML ได้ด้วย เพื่อให้ look and feel เข้ากับเว็บไซต์หลัก Cloudflare เล่าที่มาของฟีเจอร์นี้ว่ามีภรรยาของพนักงาน Cloudflare เองพยายามจะลงทะเบียนรับวัคซีน COVID-19 ให้พ่อแม่ของเธอ แต่พอถึงเวลาเปิดลงทะเบียน เว็บไซต์ก็ล่มทันที และในโร้ดแมพของ Cloudflare เองก็มีฟีเจอร์ Waiting Room กำลังพัฒนาอยู่แล้วจึงเปิดตัวออกมาเสียเลย เกิดเป็นโครงการ Project Fair Shot โดยให้หน่วยงานที่แจกจ่ายและฉีดวัคซีนได้เข้ามาลงทะเบียนแจ้งความจำนงขอใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ฟรีจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนผู้ใช้ทั่วไปจะเข้าถึงฟีเจอร์นี้ได้เร็วๆ นี้ เฉพาะแพคเกจ Business และ Enterprise ที่มา - Cloudflare Blog, Cloudflare Project Fair Shot ภาพทั้งหมดโดย Cloudflare
# ซัมซุงกลายเป็นเจ้าแห่งการอัพเดต Android เร็ว ครอบคลุมหลายรุ่น ไม่ใช่แค่เรือธง เว็บไซต์สาย Android บางแห่งออกมาชมซัมซุง ที่สามารถออกอัพเดต Android 11 ได้รวดเร็วเกินหน้าเกินตาบริษัทอื่นๆ (ไม่นับกูเกิล) ไปมาก SamMobile เว็บข่าวสายซัมซุง ชี้ว่าซัมซุงปรับแก้ระบบหลังบ้านเรื่องการอัพเดตซอฟต์แวร์มาสักพักแล้ว และประกาศเมื่อเดือนสิงหาคม 2020 ที่จะการันตีอัพเกรด OS ให้มือถือเรือธงนาน 3 รุ่นใหญ่ ถือเป็นประกาศครั้งสำคัญ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ซัมซุงไปไกลกว่าเรือธงมาก มือถือรุ่นกลางอย่าง Galaxy M31 หรือแท็บเล็ต Galaxy Tab S ก็ได้อัพเดตเป็น OneUI 3.1 แล้ว ก่อน Galaxy S21 เริ่มวางขายจริงด้วยซ้ำ ส่วน Droid-Life รวบรวมตัวเลขมือถือที่ได้อัพเดต Android 11 ว่ามีอย่างน้อย 14 รุ่นแล้ว กระบวนการอัพเดตเริ่มต้นจากการเปิด Beta Program หลังกูเกิลออก Android 11 เพียง 1 เดือน และตอนออกรอม OneUI รุ่นเสถียรก็สามารถทำได้ก่อนกำหนดที่ประกาศไว้ด้วย Droid-Life เปรียบเทียบกับคู่แข่ง LG และ Motorola ที่ตอนนี้ยังไม่อัพเดต Android 11 เลยแม้แต่รุ่นเดียว ส่วน OnePlus ที่เคยชูจุดเด่นเรื่องรอมใกล้เคียงกับรอมกูเกิล ก็ยังอัพเดตแค่ 2 รุ่นคือ OnePlus 8 และ 8 Pro เท่านั้น SamMobile ชี้ว่าเหตุผลที่ซัมซุงอัพเดตเร็ว มาจาก Project Treble ที่กูเกิลวางรากฐานเอาไว้ดี แต่ก็ต้องชมความพยายามของซัมซุงด้วย ที่สามารถใช้ประโยชน์จาก Treble ให้เกิดเป็นผลได้จริงตามที่กูเกิลวางแผนไว้ ที่มา - SamMobile, Droid-Life
# Star Wars Battlefront II มีคนกดรับสิทธิเกมฟรี 19 ล้านคนผ่าน Epic Games Store EA เปิดเผยข้อมูลผ่านทวิตเตอร์ @EAStarWars ว่าหลังแจกเกม Star Wars Battlefront II ฟรีบน Epic Games ส่งผลให้มีผู้เล่นเพิ่มขึ้น ถ้านับจำนวนผู้รับสิทธิเกมฟรี มีมากถึง 19 ล้านคน Star Wars Battlefront II ออกอัพเดตเนื้อหาชุดสุดท้ายเมื่อเดือนเมษายน 2020 ทำให้ตอนนี้เกมไม่มีอัพเดตเนื้อหาเพิ่มอีกแล้ว แต่สามารถกลับมาได้รับความนิยมสูงอีกครั้ง เพราะ EA ใช้ท่าแจกเกมฟรีร่วมกับ Epic Games นั่นเอง เมื่อครั้งออกใหม่ๆ Battlefront II ถูกวิจารณ์หนักเรื่อง loot box แต่พอระยะเวลาผ่านไป ต้นสังกัด EA แก้ปัญหาหลายๆ อย่าง ออกอัพเดตเนื้อหาฟรีให้ต่อเนื่อง จึงทำให้เกมกลับมาเป็นที่นิยม และได้เสียงวิจารณ์ในเชิงบวกขึ้นจากเดิมมาก ที่มา - DualShockers
# Elon Musk โต้ซีอีโอ Waymo บอก Tesla มีฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ AI ที่ดีกว่า Elon Musk ออกมาตอบโต้ John Krafcik ซีอีโอ Waymo หลังมีข่าวที่เขาบอกว่า Tesla ไม่ใช่คู่แข่งของบริษัทในตลาดรถยนต์ไร้คนขับ โดย Musk ได้ตอบทวีตข่าวดังกล่าวว่า Tesla มีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ AI ที่ดีกว่า Waymo Musk ยังปิดท้ายว่า money ซึ่งหมายถึงราคารถของ Waymo ที่สูงกว่า Tesla โดยในบทสัมภาษณ์ Krafcik นั้น เขาบอกว่าราคาจะอยู่ที่ 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป เทียบเคียงกับ Mercedes S-Class ขณะที่ Tesla มีเป้าหมายทำราคารถยนต์ให้เข้าถึงได้มากที่สุด โดยปัจจุบันเริ่มต้นที่ 38,000 ดอลลาร์ ปัจจุบัน Tesla มีระบบที่เรียกว่า Autopilot แต่บริษัทก็เริ่มออกซอฟต์แวร์ทดสอบในโหมดรถยนต์ขับเคลื่อนเองเต็มรูปแบบ (FSD) ให้กับลูกค้าแบบจำกัดจำนวนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ที่มา: Business Insider
# Apple ระบุ iPhone 12 ที่มี MagSafe ส่งผลต่อเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบฝังเท่ากับ iPhone รุ่นอื่น เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา วารสารทางการแพทย์ HeartRhythm Journal ตีพิมพ์บทความที่ระบุว่าคลื่นแม่เหล็กจาก iPhone 12 และนาฬิกาข้อมือเพื่อการออกกำลังกายที่ปล่อยคลื่นแม่เหล็ก อาจส่งผลกระทบกับเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบฝัง หรือ ICD (Implantable Cardioverter Defibrillator) ได้ ทำให้ล่าสุด Apple ได้เพิ่มคำอธิบายเกี่ยวกับแม่เหล็กในมือถือตระกูล iPhone 12 ระบุว่าแม้จะมีแม่เหล็กมากกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ Apple ไม่คิดว่า iPhone 12 จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบฝังมากกว่าเดิมแต่อย่างใด Apple ยังระบุคำเตือนเดิม ว่าสมาร์ทโฟน ที่ชาร์จ MagSafe และที่ชาร์จ MagSafe Duo อาจก่อให้เกิดผลกระทบกับเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบ ICD ได้ เพราะมีแม่เหล็กและมีการปล่อยคลื่นวิทยุ พร้อมกับแนะนำให้ใช้งานโดยเว้นระยะห่าง มากกว่า 6 นิ้ว/15 ซม. หรือมากกว่า 12 นิ้ว/30 ซม. หากกำลังชาร์จแบบไร้สาย รวมถึงควรปรึกษาแพทย์และผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อสอบถามถึงผลกระทบแบบจำเพาะเจาะจงกับแต่ละผู้ใช้งาน ไม่ใช่แค่ iPhone เท่านั้น แต่สมาร์ทโฟนทุกรุ่นและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เช่น หูฟัง ที่มีการปล่อยคลื่นวิทยุ หรือมีแม่เหล็กเป็นองค์ประกอบ ควรมีการใช้งานอย่างระมัดระวัง หากผู้ใช้มีการใช้งานเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบฝัง และควรปรึกษาแพทย์เสมอ หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น ที่มา - ArsTechnica, HeartRhythm Journal, Apple
# จุดประกายเป็นโปรดิวเซอร์ Lego ร่วมกับค่ายเพลงทำแอปให้เด็กๆ สร้าง MV จากตัวเลโก้ ใช้พลัง AR Lego ร่วมกับ Universal Music Group ทำ Vidiyo ของเล่นที่ให้เด็กสร้างมิวสิควิดีโอสั้นๆ 60 วินาที ได้เอง ใช้พลัง AR ช่วยสร้างตัวเลโก้เข้ามาในฉาก และเต้นรำไปกับเสียงเพลงได้ เด็กๆ รับบทเป็นผู้กำกับว่าจะให้ตัวละครเลโก้อยู่ตำแหน่งไหน ทำอะไร เด็กๆ ยังสามารถเข้าไปเป็นตัวแสดงในมิวสิควิดีโอได้ด้วย วิธีการทำงานของ Vidiyo คือ ใช้มือถือสแกนที่ตัวต่อเลโก้ เพื่อนำตัวต่อนั้นมาเป็นตัวแสดงในมิวสิควิดีโอ เลือกเพลงที่ต้องการได้จากแอปพลิเคชั่น ในแอปยังมีสเปเชียลเอฟฟเฟกต์ให้เลือกใช้ด้วย มิวสิควิดีโอที่ทำสำเร็จแล้วสามารถแชร์ในบนหน้าฟีดในแอป ดูคลิปด้านล่างเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ตัวของเล่น Vidiyo เปิดขาย 1 มีนาคมนี้ ที่มา - Engadget
# Twitter เปิดซอร์สโมดูล Text Editor ที่ใช้ใน Twitter for iOS เป็นโอเพนซอร์ส Twitter ประกาศโอเพนซอร์สตัว text editor ที่ใช้ในแอพ Twitter บน iOS ให้นักพัฒนารายอื่นที่สนใจนำไปใช้ต่อได้ ปกติแล้ว แอปเปิลมี text editor พื้นฐานให้ใช้บน iOS แต่อาจขาดฟีเจอร์บางอย่าง (เช่น syntax highlight) ทำให้นักพัฒนาบางรายต้องสร้าง editor เองจาก low-level API ที่แอปเปิลมีให้ Twitter บอกว่าผ่านสถานการณ์นี้มาแล้ว และพบว่าการสร้าง text editor เองจาก low level API ต้องใช้แรงเยอะพอสมควร จึงเปิดซอร์สโค้ด text editor ตัวนี้ให้นักพัฒนารายอื่นนำไปต่อยอด ไม่ต้องมาเขียนฟีเจอร์พื้นฐานกันใหม่อีก ตัวโปรแกรมเขียนมาเป็น Swift Package สามารถนำไปใส่โปรเจค Xcode ได้โดยตรง รองรับ iOS 11 ขึ้นไป ซอร์สโค้ดอยู่บน GitHub ที่มา - Twitter Engineering
# Sony ไทยประกาศราคาเลนส์ FE 35mm f/1.4 GM ราคา 49,990 บาท Sony ไทยประกาศราคาเลนส์ FE 35mm f/1.4 GM (รุ่น SEL35F14GM) ที่เปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมาในราคา 49,990 บาท พร้อมเปิดให้จองตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมรับของสมนาคุณเสื้อ Jacket G Master และแก้ว Alpha Tumbler อย่างละ 1 ชิ้น นอกจากนี้ลูกค้าที่จองเลนส์ภายในระยะเวลาที่กำหนด หลังจากได้รับเลนส์แล้ว สามารถไปลงทะเบียนในระบบ My Sony ภายใน 28 กุมภาพันธ์ เพื่อรับโค้ดส่วนลด 1,500 บาท สำหรับการซื้อสินค้าผ่าน Sony Online Store ตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปด้วย ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
# บริษัทวิจัยตลาดเผย ผู้ใช้มือถือเปลี่ยนรุ่นช้าลง เริ่มเปลี่ยนแค่ตอนมือถือพังมากขึ้น CCS Insight บริษัทวิจัยตลาด ทำการสำรวจกลุ่มผู้บริโภคกว่า 5,000 คน ในสหราชอาณาจักร พบว่าประมาณ 34 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าจะใช้มือถือที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนานกว่ารุ่นก่อนๆ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าผู้บริโภคที่ระบุว่าจะเปลี่ยนมือถือไวกว่าเดิมถึงสองเท่า CCS Insight ระบุว่าตลาดมือถือ เริ่มเปลี่ยนจากอุปกรณ์ที่ใช้งานแค่สองปี เข้าไปใกล้เคียงกับการเป็น “white goods” หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ผู้ใช้จะเปลี่ยนเมื่อพังแล้วเท่านั้นมากขึ้น เพราะความแตกต่างในด้านประสิทธิภาพของมือถือ ลดน้อยลงทุกๆ ปี และการอัพเกรดรุ่น ไม่ได้เป็นการก้าวกระโดดทางประสิทธิภาพเหมือนเคย ในด้านการซัพพอร์ตมือถืออย่างยาวนาน Apple ยังเป็นผู้นำอยู่ เช่น iPhone 6S และ iPhone SE รุ่นแรกที่ยังได้รับอัพเดต iOS ส่วนฝั่ง Android แม้จะแตกต่างกันไปในแต่ละแบรนด์ แต่ก็เริ่มมีค่ายต่างๆ เช่น Samsung ที่ระบุว่าจะอัพเดตมือถือตระกูล Galaxy อย่างน้อยสามปี พฤติกรรมในการซื้อมือถือของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปเช่นกัน โดย CCS Insight เปิดเผยว่าจากเดิม (ก่อนปี 2019) มีผู้บริโภคเพียง 36 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ซื้อมือถือผ่านช่องทางออนไลน์ แต่กลับเพิ่มเป็น 63 เปอร์เซ็นต์ในการสำรวจครั้งล่าสุด คาดว่าน่าจะเป็นผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ผู้ที่ยังไปร้านขายมือถืออยู่ สาเหตุหลักไปเพราะต้องการความช่วยเหลือด้านเทคนิค คิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ อีก 13 เปอร์เซ็นต์ไปเพื่อทำเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายค่าบริการ และ 18 เปอร์เซ็นต์ ไปเพื่อซื้ออุปกรณ์เสริม CCS Insight ระบุด้วยว่าร้านขายมือถือคงยังไม่หายไปไหน แต่ก็ต้องปรับตัวเสียใหม่ หาจุดสมดุลระหว่างการขายเครื่อง ให้การช่วยเหลือด้านเทคนิค และเป็นที่แสดงเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำมาผนวกกับการขายทางช่องทางออนไลน์ ที่มา - The Register
# แฮกเกอร์หัวใส ใช้บอท Telegram ขายข้อมูลเบอร์โทรจำนวนมากที่เคยหลุดจาก Facebook Facebook เคยมีช่องโหว่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถดูเบอร์โทรของผู้ใช้ได้ และเว็บไซต์ Techcrunch ยังเคยเจอข้อมูลเบอร์โทรที่เชื่อมกับ Facebook ID ถึงกว่า 400 ล้านบัญชี ช่วงปี 2019 ล่าสุด Alon Gal นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยดิจิทัล และซีทีโอบริษัท Hudson Rock พบว่ามีผู้นำข้อมูลเบอร์โทรและ Facebook ID ที่เคยหลุด มาผนวกเข้ากับบอท Telegram เพื่อให้ผู้ที่จ่ายเงินสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยอ้างว่ามีข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 500 ล้านบัญชี ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินซื้อเครดิต เพื่อใช้ในการ query ข้อมูลจากบอทได้ เช่นนำ Facebook ID มาค้นหาเบอร์โทร หรือนำเบอร์โทรมาค้นหา Facebook ID หนึ่งรายการค้นหาใช้หนึ่งเครดิต หนึ่งเครดิตมีราคา 20 ดอลลาร์ และสามารถซื้อเครดิตแบบเหมา 10,000 เครดิตได้ในราคา 5,000 ดอลลาร์ บอทนี้มีการเปิดใช้งานมาแล้วตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2021 ส่วนข้อมูลที่หลุด หลุดมาตั้งแต่ปี 2019 แต่ผู้ใช้โทรศัพท์ส่วนมากก็ไม่น่าจะเปลี่ยนเบอร์โทรบ่อยนักในช่วงไม่ถึงสองปีที่ผ่านมา ยังไม่ทราบว่า Telegram จะจัดการกับบอทนี้อย่างไร และถือเป็นอีกครั้งที่ข้อมูลหลุดจาก Facebook น่าจะสร้างปัญหาให้กับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้พอสมควร ที่มา - Alon Gal via Vice
# กรรมาธิการสาธารสุขเผย กระทรวงสาธารณสุขมีแผนฉีดวัคซีนในปี 2021 เพียง 20% ของประชากรไทย นายแพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ สส.พรรคก้าวไกล และโฆษกกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนฯ เปิดเผยถึงข้อมูลการประชุมกรรมาธิการเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน โดยระบุว่ากระทรวงสาธารณสุขในมีแผนจัดหาวัคซีนในปี 2021 เพียง 22 ล้านโดส ครอบคลุมประชากร 11 ล้านคนเท่านั้น แม้ภายหลังแถลงว่าจะจัดหาวัคซีนให้ประชาชนไทย 50% ภายในปี 2021 แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าจะหาวัคซีนจากที่ใด นอกจากนี้เอกสารยังระบุว่าวัคซีน 26 ล้านโดสจาก AstraZeneca จะส่งมอบให้ไทยเป็นสองช่วง คือปี 2021 นี้ส่งมอบเพียง 16 ล้านโดสและปี 2022 จึงส่งมอบอีก 10 ล้านโดส สำหรับปีนี้แผนการเดิมคือการจัดหาจาก COVAX อีก 3 ล้านโดส และช่องทางอื่นอีก 2 ล้านโดส (ซึ่งตอนนี้ได้จาก Sinovac) ภายใต้แผนการนี้กระทรวงสาธารณสุขวางแผนให้คนไทยได้ฉีดวัคซีน 50% ของประชากรภายในเวลา 3 ปี หรือปี 2023 แถลงการของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่ามีเป้าหมายฉีดวัคซีนฟรีไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 แต่ไม่ระบุกรอบเวลา แผนการล่าสุดของรัฐบาลไทยคือพยายามจัดซื้อวัคซีนจาก AstraZeneca เพิ่มเติมอีก 35 ล้านโดส ทำให้มีวัคซีนรวมครอบคุลมประชากรอายุเกิน 18 ปีทั้งหมด 63% แต่ก็ยังไม่มีแถลงว่ามีกำหนดได้รับวัคซีนเมื่อใด ที่มา - @DoctorEkk
# Google จะไม่จัดหาเงินทุนให้นักการเมืองที่โหวตค้านผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ Google มีโครงการ NetPAC คณะกรรมการดำเนินการทางการเมือง ที่อนุญาตให้พนักงานของ Google ระดมเงินทุนส่วนตัวในการสนับสนุนนักการเมือง ที่มีวิสัยทัศน์สอดคล้องกับ Google ซึ่ง NetPAC เคยเคยสนับสนุนแคมเปญของวุฒิสภาของ Ted Cruz ในปี 2017 และ 2018 ล่าสุด Google ยืนยันกับ CNBC ว่า NetPAC จะไม่ลงเงินสนับสนุนให้นักการเมืองหรือวุฒิสภาคนใดก็ตาม ที่โหวตค้านผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 ที่ผ่านมา โดยชนวนสำคัญคือเหตุการณ์ม็อบสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีบุกรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ส่วนบริษัทเทคอื่นอย่าง Microsoft, Facebook, Amazon ก็ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะหยุดการสนับสนุนเช่นกัน ที่มา - CNBC
# Klook รับเงินทุนซีรี่ส์ E จำนวน 200 ล้านดอลลาร์ รองรับธุรกิจ SaaS สำหรับลูกค้าองค์กร Klook แพลตฟอร์มสำหรับค้นหาและจองกิจกรรมในการเดินทาง ประกาศรับเงินลงทุนซีรี่ส์ E เป็นจำนวน 200 ล้านดอลลาร์ นำโดยกองทุน Aspex Management และกลุ่มนักลงทุนรายใหม่ ตลอดจนนักลงทุนเดิม อาทิ Sequoia Capital China, Softbank Vision Fund 1, Matrix Partners China และ Boyu Capital ทำให้บริษัทได้เงินลงทุนรวมแล้วมากกว่า 720 ล้านดอลลาร์ มูลค่ากิจการปัจจุบันไม่มีการรายงาน แต่มีสถานะเป็นยูนิคอร์น (มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์) ตั้งแต่ปี 2018 บริการของ Klook เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่นกัน ช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ไปในสองแนวทาง คือให้บริการ SaaS สำหรับลูกค้าระดับหน่วยงานที่ต้องการแพลตฟอร์มบริหารจัดการด้านการจองในธุรกิจของตน ซึ่งตอนนี้มีลูกค้ามากกว่า 2,500 แห่ง และเปลี่ยนมาขายการจองสถานที่-กิจกรรม สำหรับการท่องเที่ยวภายในประเทศแต่ละแห่งแทน Klook กล่าวว่าจะนำเงินทุนรอบใหม่นี้มาลงทุนในธุรกิจ SaaS ที่ขยายตัวสูงในช่วงปีที่ผ่านมา จากการที่องค์กรปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้น ที่มา: Klook และ TechCrunch
# Google แจ้งเตือนกลุ่มแฮกเกอร์เกาหลีเหนือมุ่งเป้านักวิจัย หลอกให้โหลดมัลแวร์มารันในเครื่อง กูเกิลรายงานถึงแคมเปญของกลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเกาหลีเหนือกลุ่มใหม่ที่มุ่งเป้านักวิจัยความปลอดภัยโดยเฉพาะ โดยแฮกเกอร์กลุ่มนี้ทำทีเป็นนักวิจัยอยู่บนทวิตเตอร์ เขียนบล็อกถึงช่องโหว่ที่เคยเปิดเผยมาก่อนแล้วเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง หลังจากนั้นหากมีนักวิจัยเข้าไปพูดคุยก็จะชวนไปทำวิจัยช่องโหว่ใหม่แล้วส่งโค้ดหลอกให้ไปรันในเครื่อง ช่องโหว่หนึ่งที่กลุ่มแฮกเกอร์นี้พยายามใช้ล่อนักวิจัย เช่น CVE-2021-1647 ช่องโหว่ของ Windows Defender ที่แพตช์ไปแล้ว กลุ่มแฮกเกอร์นี้สร้างวิดีโอปลอมให้ดูเหมือนสามารถเจาะทะลุช่องโหว่เพื่อเปิด shell ของระบบได้ หากมีใครหลงเข้าไปพูดคุยด้วยก็จะชวนให้ทำวิจัยร่วมกันโดยระบุว่ากำลังพัฒนาตัวทดสอบช่องโหว่ใหม่อยู่ และส่งโค้ดเป็น Visual Studio Project มาให้ ในไฟล์ที่ส่งมาให้นั้นมีมัลแวร์อยู่และหากเปิดไฟล์ก็จะเริ่มติดต่อเซิร์ฟเวอร์ทันที กูเกิลเปิดเผยรายชื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้, โดเมนบล็อก, และชื่อผู้ใช้ใน LinkedIn, Keybase, Telegam รวมถึงค่าแฮชของไฟล์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่มา - Google Blog
# [ลือ] ซัมซุงเป็นพาร์ทเนอร์กับ Tesla ผลิตชิป Exynos Auto สำหรับระบบไร้คนขับ Asian Economy สื่อเกาหลีรายงานว่าซัมซุงจะเป็นพาร์ทเนอร์กับ Tesla Motors ในการพัฒนาและผลิตชิป Exynos Auto รุ่นใหม่ขนาด 5 นาโนเมตร กระบวนการผลิตแบบ EUV สำหรับการใช้งานกับระบบ Autopilot ของ Tesla ปัจจุบันชิป Exynos Auto ของซัมซุงอยู่ที่ขนาด 8 นาโนเมตรและ 10 นาโนเมตรเท่านั้น และชิปล่าสุดอย่าง Exynos Auto V9 ก็เพิ่งจะนำมาใช้งานบนรถที่จะออกในปีนี้เท่านั้น ดังนั้นความร่วมมือระหว่างซัมซุงกับ Tesla น่าจะใช้เวลาอีกหลายปี (ในแง่กระบวนการผลิตชิปด้วย) กว่าจะออกเป็นผลิตภัณฑ์จริง ที่มา - Asian Economy via Notebookcheck
# อินเดียแบนแอปจีน 59 แอปที่ถูกแบนชุดแรกแบบถาวร มี TikTok และ WeChat รัฐบาลอินเดียสั่งแบนแอปจีนมาแล้วทั้งหมด 4 รอบ โดยครั้งแรกสุดเมื่อเดือนมิถุนาปีที่แล้ว มี 59 แอป ซึ่งรัฐบาลอินเดียก็ให้โอกาสแอปกลุ่มนี้ในการอธิบายหรือปฏิบัติตามข้อกำหนดเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ล่าสุดรัฐบาลอินเดียประกาศแบนแอปกลุ่มแรกทั้ง 59 แอปเป็นการ "ถาวร" แล้ว โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลไม่พอใจคำตอบหรือคำอธิบายของบริษัทที่ให้บริการแอปเหล่านี้ ขณะที่เหตุผลแรกเริ่มของการแบนเมื่อปีที่แล้วคือ แอปเหล่านี้ส่งผลต่อความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อย ที่มา - Nikkei ภาพธงชาติจีน-อินเดีย โดย Simeon Scott
# อิสราเอลยืนยันวัคซีน Pfizer ได้ผล 95% จริง หลังติดตามการฉีดวัคซีน 128,600 ราย Maccabi Healthcare Services กลุ่มสถานพยาบาลในอิสราเอลรายงานผลการติดตามผู้ได้รับวัคซีน COVID-19 หลังฉีดวัคซีนของ Pfizer ไปแล้ว โดยพบว่ากลุ่มผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่สองไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ (รวมระยะเวลาหลังเข็มแรก 28 วัน) มีอัตราการติด COVID-19 ต่ำเพียง 0.015% หรือเพียง 20 คนจากกลุ่มที่ติดตามผล 128,600 คนในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ เทียบกับประชากรทั่วไปที่ติด COVID-19 คิดเป็น 0.65% ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนทั้งหมดยังไม่มีใครต้องนอนโรงพยาบาลหรือเป็นไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียสเลย การติดตามนี้ไม่ใช่การทดลองเช่นที่ผ่านมาที่มีกลุ่มควบคุมและสุ่มได้รับยาหลอก การแปลผลจึงควรทำด้วยความระมัดระวัง แต่ผลการติดตามก็สอดคล้องกับการทดลองเฟสสามของ Pfizer อิสราเอลกำลังเร่งฉีดวัคซีนอย่างเต็มกำลัง ตัวเลขล่าสุดมีผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มแล้ว 44% ของประชากร ขณะที่ยอดผู้ป่วยจากเวฟสองเริ่มลดลง ยอดล่าสุดเหลือ 3,442 เคส จากจุดสูงสุดที่เคยมีรายงานถึง 7,380 เคสต่อวัน ที่มา - Time of Israel ภาพวัคซีน BNT162b2 จาก BioNTech
# [ลือ] เราอาจได้เห็นจีพียู AMD บน Samsung Galaxy Z Fold 3 ในไตรมาสหน้า หลังจากที่ Samsung ซื้อไลเซนส์ Radeon เพื่อมาพัฒนาใช้บนมือถือตั้งแต่ปี 2019 และเปิดเผยในงาน Unpacked ปีนี้ ว่าจีพียู AMD มาแน่ในชิปเรือธงรุ่นถัดไป ล่าสุดมีข่าวลือจากทวิตเตอร์ Ice Universe ที่ปล่อยข่าวหลุดเกี่ยวกับ Samsung ได้แม่นยำพอสมควร ตั้งแต่สมัย Samsung เปลี่ยนมาใช้ชื่อ S20 แทน S11 คราวนี้เขาบอกว่าเราอาจได้เห็นจีพียู AMD บนมือถือ Samsung Galaxy Z Fold 3 ในไตรสมาสหน้า ซึ่งจะมาพร้อมชิป Exynos 2xxx และ Exynos 1xxx รุ่นถัดไป รวมถึง Samsung จะปล่อยชิปประมวลผลรุ่นใหม่เร็วขึ้น และอาจไม่ได้ออกปีละรุ่นเหมือนเคย น่าสนใจว่าประสิทธิภาพของจีพียู AMD บนมือถือ เมื่อเทียบกับจีพียูอื่นอย่าง Adreno หรือ Mali แล้วจะมีประสิทธิภาพแตกต่างกัน หรือกินไฟมากน้อยกว่ากันมากแค่ไหน ถือเป็นพัฒนาการที่น่าสนใจอีกขั้นของวงการกราฟฟิกบนมือถือเลยทีเดียว ที่มา - @UniverseIce Galaxy Z Fold 2
# Facebook News แท็บอ่านข่าวโดยเฉพาะ เปิดตัวนอกสหรัฐฯครั้งแรกที่อังกฤษ Facebook ทำแท็บอ่านข่าวหรือ Facebook News ในสหรัฐฯได้สักระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุดเปิดตัวนอกสหรัฐฯครั้งแรก เริ่มที่ประเทศอังกฤษ ในบล็อกเปิดตัวระบุว่า ในแท็บข่าวผู้ใช้งานจะพบข่าวและวิดีโอข่าวจากสื่อดังในอังกฤษ เช่น Channel 4 News, Daily Mail Group, DC Thomson, Financial Times, Sky News, Telegraph Media Group, The Economist, The Guardian, The Independent, STV รวมถึงข่าวท้องถิ่นจาก Archant, Iliffe, JPI Media, Midlands News Association และข่าวไลฟ์สไตล์จาก GQ, Cosmopolitan, Glamour, Vogue เป็นต้น ในแท็บข่าวจะมีปุ่มแยกประเภทข่าวที่อยากอ่าน เช่น กีฬา, COVID-19, ข่าวท้องถิ่น, ข่าวบันเทิง ในฟีดข่าวของ Facebook News จะมองเห็นข่าวที่เพื่อนหรือเพจที่กดติดตามอยู่แชร์ไว้ด้วย ที่มา - Facebook
# Twitter เปิดตัว Birdwatch ให้สังคมช่วยตรวจสอบข่าวปลอม เริ่มจากผู้ใช้กลุ่มหนึ่งในสหรัฐฯ Twitter เปิดตัว Birdwatch ตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา โดยให้สังคมเป็นผู้ตรวจสอบ โดยเปิดตัวเป็น pilot ก่อนในสหรัฐฯ หลังเปิดทดสอบมาก่อนหน้านี้ วิธีการทำงานของ Birdwatch คือ ผู้ใช้งานทัวไปสามารถเพิ่มโพสต์เข้ามาใน Birdwatch ได้ ในช่วงเปิดตัวแบบนำร่อง จะมีผู้ใช้งานราว 1,000 คน มองเห็นฟีเจอร์นี้ โดยจะมองเห็นเป็นปุ่ม Birdwatch เป็นไอคอนรูปแว่นตาอยู่ใต้โพสต์ ถ้ารู้สึกว่าโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ก็สามารถกดเพิ่มเข้ามาใน Birdwatch และเขียนข้อความกำกับเพิ่มได้ว่าทำไมโพสต์ดังกล่าวถึงมีข้อมูลปลอม เพื่อให้ Twitter ตรวจสอบได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ผู้ใช่ยังสามารถเข้าไปดูโพสต์อื่นๆ ใน Birdwatch ได้ โดย Twitter ทำเป็นเซกชั่นแยกไว้ มองเห็นโพสต์ที่คนอื่นรีวิวมาด้วย และสามารถดาวน์โหลดเป็นไฟล์ TSV ได้ และอนาคตจะเผยแพร่โค้ด Birdwatch สู่สาธารณะ Twitter ยังเปิดรับสมัครคนที่อยากเข้ามารีวิวโพสต์ใน Birdwatch ด้วย โดยมีเงื่อนไขว่า บัญชีนั้นต้องมีเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลที่ยืนยันตนในสหรัฐฯได้, มีการใช้งาน Two-factor, ไม่เคยรับคำเตือนการละเมิดนโยบายแพลตฟอร์มจาก Twitter ภาพจาก Birdwatch Guide ที่มา - Twitter
# Instagram เปิดตัว Professional Dashboard ระบบหลังบ้านสำหรับแอคเคาท์ธุรกิจ Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ Professional Dashboard เป็นเครื่องมือระบบหลังบ้านสำหรับแอคเคาท์ธุรกิจและแอคเคาท์ Creator Professional Dashboard เป็นการรวมเอาฟีเจอร์ย่อยบน Instagram มารวมเอาไว้ในที่เดียวคือการดู Performance ยอดไลค์ยอดแชร์, ช่องขยายธุรกิจอย่างเช่นการโฆษณาหรือการติด Badge และเนื้อหาเชิงให้ความรู้ในการใช้งาน Instagram สำหรับภาคธุรกิจ ที่มา - Instagram
# รัฐบาลไบเดน ประกาศรถของรัฐบาลกลางทั้งหมดต้องเป็นรถ EV ผลิตในสหรัฐฯ รัฐบาลของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะใช้ยานพาหนะของรัฐบาลกลางเป็น EV ทั้งหมด โดยการประกาศดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งบริหาร "Made in America" ซึ่งกำหนดให้การใช้จ่ายส่วนใหญ่ของรัฐบาลต้องไปถึงธุรกิจอเมริกันและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในอเมริกา กระตุ้นการสร้างงานในประเทศ ยานพาหนะของรัฐบาลกลางในปัจจุบันคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 645,000 คัน โดยรัฐบาลไม่ได้บอกรายละเอียดไทม์ไลน์ชัดเจนว่าจะเริ่มเปลี่ยนรถเมื่อไร ซึ่งนี่อาจเป็นข่าวดีของผู้ผลิตรถในสหรัฐฯ เช่น Tesla, Rivian, Lordstown รวมถึง Ford และ General Motors ที่เริ่มลงทุนในรถ EV โดย Ford เคยประกาศจะลงทุนกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ส่วน GM จะทุ่มงบ 27,000 ล้านดอลลาร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองไปจนถึงปี 2025 ไบเดนยังบอกด้วยว่า จะเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถ EV แต่ยังไม่มีแผนการเพิ่มเติม ที่มา - The Verge
# RCS บริการส่งข้อความบน Android รองรับการเข้ารหัส end-to-end ตามที่ประกาศไว้ หลังจากที่กูเกิลได้เปิดบริการ Rich Communication Service (RCS) อย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายปีที่แล้ว รวมถึงในประเทศไทยด้วย ตอนนี้กูเกิลก็ได้ทำตามสัญญาที่จะเพิ่มการเข้ารหัส end-to-end มาแล้ว เนื่องจาก RCS นั้นไม่ได้ให้บริการโดยกูเกิลเองทั้งหมดแต่อาจเป็นโอเปอเรเตอร์ให้บริการเองในบางเครือข่ายทำให้บางคนอาจยังไม่ได้รับฟีเจอร์เข้ารหัสนี้ แต่สามารถบอกได้ว่าแชตนั้นๆ รองรับการเข้ารหัส end-to-end นี้หรือไม่โดยสังเกตปุ่มส่งข้อความได้ทั้งสองฝ่าย โดยแชตที่มีการเข้ารหัส end-to-end นั้นจะมีรูปแม่กุญแจแสดงอยู่ที่ปุ่มส่งข้อความด้วย อย่างไรก็ดี การเข้ารหัส end-to-end ที่เพิ่มมานี้ยังรองรับเฉพาะการส่งข้อความแบบหนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น สำหรับการส่งแบบกลุ่มนั้นยังต้องรอกันต่อไปครับ ที่มา - เจอด้วยตัวเอง, Google Messages Help, The Verge
# กูเกิล-ไมโครซอฟท์ บริจาคเงินสนับสนุน MDN Web Docs ให้ไปต่อ หลัง Mozilla ปลดคน ข่าวการปลดพนักงานของ Mozilla ในเดือนสิงหาคม 2020 ส่งผลกระทบต่อโครงการภายในหลายโครงการ ที่เจอหนักๆ คือ MDN Web Docs เว็บไซต์รวมเอกสารเกี่ยวกับเทคโนโลยีเว็บ ที่โดนปลดทีมงานไปหลายคน และต้องปรับลดกิจกรรมหลายอย่างลง ชะตากรรมของ MDN Web Docs ก่อให้เกิดคำถามว่า วงการนักพัฒนาเว็บจะสูญเสียแหล่งข้อมูลสำคัญไปหรือไม่ หากองค์กรต้นสังกัดไม่มีเงินมาสนับสนุน ล่าสุดเพื่อนร่วมวงการเว็บได้แก่ กูเกิล, ไมโครซอฟท์, ซัมซุง, W3C, บริษัทด้านหารายได้บนเว็บ Coil, บริษัทที่ปรึกษา Igalia ประกาศตั้งกลุ่ม Open Web Docs เพื่อสนับสนุน MDN Web Docs ทั้งในด้านกำลังเงินและกำลังคน กูเกิลและไมโครซอฟท์บริจาคเงินรายละ 250,000 ดอลลาร์ (7.5 ล้านบาท) และ Coil อีก 100,000 ดอลลาร์ (3 ล้านบาท) เป็นทุนตั้งต้นให้ Open Web Docs จ้างนักเขียนทางเทคนิคเข้ามาช่วยทำเอกสารบน MDN Web Docs ส่วนซัมซุงและ W3C จะส่งคนเข้ามาช่วยทำงานเช่นกัน โครงการ Open Web Docs ระบุว่าเป้าหมายคือสร้างแหล่งข้อมูลทางเอกสารที่ดี และเลือกใช้วิธีสนับสนุน MDN Web Docs ที่ใช้งานกันแพร่หลายอยู่แล้ว แทนการสร้างเว็บใหม่ ฝั่ง MDN Web Docs เองก็เพิ่งย้ายระบบ CMS ของตัวเอง จากเดิมใช้ระบบแนว Wiki ของตัวเองมาเป็น GitHub แทน เพื่อลดภาระในการดูแลระบบ และใกล้ชิดชุมชนนักพัฒนาจำนวนมากที่ใช้ GitHub อยู่แล้ว ที่มา - Open Web Docs, Mozilla, Microsoft
# Apple ให้หัวหน้าวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ Dan Riccio มาดูแล "โครงการใหม่" ที่ไม่เปิดเผย แอปเปิลประกาศปรับตำแหน่งในฝ่ายบริหาร โดย Dan Riccio รองประธานอาวุโสด้านวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ จะรับตำแหน่งใหม่เพื่อรับผิดชอบในโครงการใหม่ที่แอปเปิลไม่เปิดเผยรายละเอียด ซึ่งตำแหน่งนี้จะขึ้นรายงานตรงกับซีอีโอ Tim Cook ส่วนตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ได้ John Ternus ซึ่งอยู่ในทีมฮาร์ดแวร์นี้อยู่แล้วมารับตำแหน่ง ซึ่งเขาจะขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอีกด้วย Dan Riccio ทำงานกับแอปเปิลมาตั้งแต่ปี 1998 ในทีมออกแบบผลิตภัณฑ์ ได้เป็นรองประธานส่วนฮาร์ดแวร์ของ iPad ในปี 2010 และรับตำแหน่งรองประธานฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ในปี 2012 ที่มา: แอปเปิล
# AstraZeneca ระบุกำลังผลิตโรงงานในยุโรปน้อยกว่าที่คาด สหภาพยุโรปโวยส่งมอบล่าช้า สหภาพยุโรปแสดงความไม่พอใจ AstraZeneca หลังบริษัทระบุว่ากำลังผลิตของโรงงานสำหรับยุโรปนั้นต่ำกว่าที่คาดไว้ทำให้ต้องลดปริมาณส่งมอบ จากเดิมสัญญาไว้ 80 โดสภายในเดือนมีนาคม เหลือเพียง 31 ล้านโดสเท่านั้น แม้ว่าจะได้รับค่าวัคซีนล่วงหน้าไปแล้วถึง 336 ล้านยูโร และสัญญารวมต้องส่งมอบวัคซีนถึง 300 ล้านโดส ทางสหภาพยุโรปออกมาเร่งให้บริษัทหาทางแก้ไข และอธิบายปัญหาให้ชัดเจนกว่านี้ นอกจากนี้ยังเตือนว่าสหภาพยุโรปมีสิทธิขอเข้าตรวจสอบบัญชีการผลิตและการจัดส่งได้ หลังจากทางสหภาพยุโรปได้ข่าวว่าบริษัทส่งมอบวัคซีนให้ชาติต่างๆ นอกสหภาพยุโรป ทางรอยส์เตอร์ยังอ้างคำพูดนายอนุทิน​ ชาญวีรกูล ว่าทางไทยเจรจาขอซื้อวัคซีนเพิ่มเติมจาก AstraZeneca ไป 1 ล้านโดสแต่ได้มาเพียง 150,000 โดสเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้เอกสารขอขึ้นทะเบียนจาก AstraZeneca นั้นระบุว่าล็อตแรก 150,000 โดสนี้เป็นวัคซีนที่ผลิตจากโรงงานในอิตาลี ที่มา - South China Morning Post ภาพตัวอย่างวัคซีนของ AstraZeneca จากมหาวิทยาลัย Oxford
# เกลือเป็นหนอน พนักงานกระทรวงสาธารณสุขเนเธอร์แลนด์เอาข้อมูลคนไข้ตรวจ COVID-19 ไปขาย ตำรวจเนเธอร์แลนด์รายงานถึงการจับกุมชายผู้ต้องสงสัยสองคน อายุ 21 ปีและ 23 ปี พนักงานคอลเซ็นเตอร์ของกระทรวงสาธารณสุขเนเธอร์แลนด์ หลังพบว่ามีคนโฆษณาขายข้อมูลส่วนบุคคลประชาชนเนเธอร์แลนด์อยู่บน Telegram ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โฆษณาขายข้อมูลแสดงภาพหน้าจอของโปรแกรมที่คนร้ายถ่ายภาพมา ตำรวจติดตามและพบว่ามันคือระบบจัดการการตรวจ COVID-19 ชื่อว่า CoronIT และระบบตามหาผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ (contact tracing) ชื่อว่า HPzone Light ข้อมูลที่คนร้ายนำไปขาย มีตั้งแต่ชื่อ, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล, ที่อยู่, วันเกิด, และหมายเลขบัตรประชาชน โดยคนร้ายตั้งราคาขาย 30-50 ยูโรต่อรายชื่อ ตำรวจเนเธอร์แลนด์ย้ำว่าการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอาชญากรรมร้ายแรง และกรณีนี้ทางตำรวจก็เร่งตามคนร้ายได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังทราบเรื่อง อย่างไรก็ดีมีรายงานว่าคนร้ายโฆษณาขายข้อมูลเช่นนี้มาหลายเดือนแล้ว ที่มา - ZDNet ภาพโดย tookapic
# พนักงานกูเกิลทั่วโลกตั้งเครือข่ายสหภาพแรงงาน Alpha Global "เราจะเปลี่ยน Alphabet" ต่อเนื่องจากข่าว ครั้งแรกของบริษัท พนักงาน Google, Alphabet ในสหรัฐอเมริกาจัดตั้งสหภาพแรงงาน เมื่อต้นเดือนนี้ เวลาผ่านไปไม่นาน พนักงาน Alphabet ในประเทศอื่นๆ รวม 10 ประเทศ (เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี สหราชอาณาจักร) ก็ประกาศตั้งสหภาพพนักงาน และเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายสหภาพในชื่อ Alpha Global แถลงการณ์ของ Alpha Global ระบุว่าบริษัท Alphabet สร้างนวัตกรรมให้โลกมากมาย แต่ก็มีปัญหาหลายอย่าง เช่น ความไม่เท่าเทียมทางเพศหรือเชื้อชาติ การล่วงละเมิดทางเพศ เสรีภาพในการแสดงความเห็น จริยธรรม AI และการใช้เทคโนโลยีเพื่อสอดส่องนักกิจกรรมที่ออกมาเคลื่อนไหว Alpha Global บอกว่า Alphabet สูญเสียจิตวิญญาณ "don't be evil" ไปนานแล้ว แต่พวกเรายังไม่ได้สูญเสียจิตวิญญาณนั้นไป ภารกิจของสหภาพคือตรวจสอบบริษัท และพวกเราจะเปลี่ยน Alphabet ด้วยกัน (together, we will change Alphabet) ที่มา - Alpha Global, Uni Global Union
# [ข่าวลือ] Huawei อาจขายสมาร์ทโฟนซีรีส์ P และ Mate ออกไป แบบเดียวกับที่ขาย Honor Reuters รายงานข่าวลือว่า Huawei สนใจขายแบรนด์สมาร์ทโฟนซีรีส์ P และ Mate ออกไปให้กลุ่มบริษัทลงทุนของจีน ลักษณะเดียวกับการขายแบรนด์ Honor ออกไปจนกลายเป็นบริษัทที่อิสระต่อกัน เหตุผลที่ Huawei ทยอยขายธุรกิจมือถือออกไป ก็มาจากการโดนสหรัฐอเมริกาแบน ทำให้ตัวธุรกิจไม่สามารถอยู่ได้ หากยังมีสัมพันธ์กับ Huawei ต่อไป หากข่าวลือนี้เป็นจริง เท่ากับว่าต่อจากนี้ไป Huawei จะเหลือแค่สมาร์ทโฟนระดับกลาง-ล่าง อย่างซีรีส์ Nova และซีรีส์ Y เท่านั้น Reuters ระบุว่าสถานะของแผนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและ Huawei เองยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะในอีกทางหนึ่ง Huawei ยังพยายามผลิตชิป Kirin ด้วยโรงงานของตัวเองด้วยเช่นกัน โฆษกของ Huawei ปฏิเสธข่าวลือนี้ โดยบอกว่าไม่มีแผนการขายธุรกิจนี้ออกไป ที่มา - Reuters
# Google Search และ Maps จะแสดงจุดฉีดวัคซีนในบางพื้นที่ของสหรัฐฯ นอกจาก Google ประกาศลงทุน และให้พื้นที่เป็นจุดฉีดวัคซีน COVID-19 แล้ว ยังบอกด้วยว่า จะเพิ่มฟีเจอร์ใน Google แสดงจุดฉีดวัคซีนใน Google Search และ Maps ในบางรัฐคือ แอริโซนา, ลุยเซียนา, มิสซิสซิปปีและเท็กซัส และจะเพิ่มพื้นที่อีกในอนาคต โดยจะแสดงรายละเอียด เช่น ต้องนัดหมายล่วงหน้า, มี drive-through เป็นต้น ที่มา - Google
# ถึงเวลาลาจาก pip ระบบติดตั้งแพ็กเกจประกาศหยุดรองรับ Python 2 pip โปรแกรมติดตั้งแพ็กเกจภาษาไพธอนเลิกซัพพอร์ต Python 2 เป็นทางการหลังออก pip 21.0 พร้อมกับยกเลิกซัพพอร์ต Python 3.5 ไปพร้อมกัน สำหรับผู้ใช้ Python 2.x ยังคงสามารถใช้ pip เวอร์ชั่นที่รองรับได้ต่อไป รวมถึงสามารถอัพเดต pip ได้โดยไม่ตัองกังวลเพราะ pip จะตรวจสอบให้เองว่ากำลังรัน Python เวอร์ชั่นใดและจะอัพเดตไปถึงเวอร์ชั่นที่รองรับอยู่เท่านั้น Python 2.0 ออกมาตั้งแต่ปี 2000 และทางโครงการออก Python 3 มาตั้งแต่ปี 2008 แต่ก็ซัพพอร์ตสองเวอร์ชั่นขนานกันเรื่อยมาจนกระทั่งเมื่อเดือนเมษายน 2020 จึงออกเวอร์ชั่น 2.7.18 เป็นเวอร์ชั่นสุดท้าย การซัพพอร์ตขนานกันยาวนานเช่นนี้อาจเป็นบทเรียนของโครงการพื้นฐานเช่นภาษาโปรแกรมที่มีโครงการเกี่ยวเนื่องจำนวนมาก เมื่อมีการอัพเดตที่ไม่ซัพพอร์ตโค้ดเดิมจึงทำให้การย้ายเวอร์ชั่นทำให้ยาก ที่มา - pip
# Google เตรียมให้ใช้พื้นที่เป็นจุดฉีดวัคซีนใน LA, ซานฟรานซิสโก, เคิร์กแลนด์, วอชิงตันและนิวยอร์ก Google ประกาศลงทุน 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อส่งเสริมการศึกษาและกระจายวัคซีน COVID-19 ให้ทั่วถึงครอบคลุมผู้ด้อยโอกาส และจะตั้งคลินิกฉีดวัคซีนในลอสแองเจลิส, ซานฟรานซิสโก, เคิร์กแลนด์, วอชิงตันและนิวยอร์กก่อนและขยายไปทั่วประเทศเมื่อวัคซีนมีการใช้อย่างทั่วถึงแล้ว Sundar Pichai กล่าวในบล็อกว่า Google จะมอบเงินสนับสนุนโฆษณามูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ให้กับมูลนิธิ CDC องค์การอนามัยโลกและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอื่นๆ และลงทุนอีก 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อร่วมมือกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข ในการส่งข้อมูลเรื่องวัคซีนให้เข้าถึงชุมชนด้อยโอกาส นอกจากนี้ Google จะร่วมมือกับผู้ให้บริการสุขภาพ One Medical ให้ใช้พื้นที่ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น ตึก, ลานจอดรถ, พื้นที่ต่างๆ ของ Google เพื่อเป็นคลินิกฉีดวัคซีนด้วย ที่มา - Google
# FBI ชี้ แก๊งบุกรัฐสภาใช้ Facebook Messenger ในการประสานงานด้วย แม้ Parler แอปโซเชียลขวาจัด จะถูกเพ่งเล็งอย่างหนัก หลังม็อบบุกรัฐสภาสหรัฐฯ​เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา จน FBI ถึงขั้นมาสอบสวนแพลตฟอร์มนี้ด้วย แต่ม็อบก็คงไม่ใช้ Parler เป็นช่องทางเดียวในการพูดคุยเพื่อก่อม็อบ ล่าสุด FBI ออกมาเปิดเผยว่า ม็อบก็ใช้ Facebook Messenger เป็นช่องทางประสานงานด้วยเช่นกัน FBI เผยว่า จากภาพหน้าจอแชท Facebook Messenger ของชายคนหนึ่งชื่อ Thomas Edward Caldwell ที่ถือเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มบุกรัฐสภา ในที่นี้เรียกว่ากลุ่ม Oath Keepers แสดงให้เห็นว่าเขาคุยโวโอ้อวดเรื่องการบุกรุกสถานที่ และมีผู้ก่อความไม่สงบคนอื่นส่งเบาะแสเกี่ยวกับนักการเมืองที่เป็นเป้าหมายสำคัญในการโจมตีครั้งนี้ด้วย ว่าพวกเขาแอบซ่อนอยู่ที่ไหน ด้าน Facebook ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นอะไรต่อข่าวนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังมีรายงานด้วยว่า นอกจาก Parler และ Facebook Messenger ผู้ก่อความไม่สงบยังใช้ Telegram และ แอป walkie-talkie หรือ Zello ในการคุยประสานงานกันด้วย ภาพจาก Facebook ที่มา - Gizmodo
# รัฐบาลอังกฤษแจกโน้ตบุ๊กให้เด็กเรียนออนไลน์ แต่กลับมีมัลแวร์แถมไปด้วย สถานการณ์ COVID-19 ทำให้นักเรียนทั่วโลกต้องเรียนจากที่บ้าน และมีปัญหาด้านอุปกรณ์-การเชื่อมต่อตามมา รัฐบาลอังกฤษมีโครงการชื่อ Get Help with Technology (GHWT) ที่ซื้อโน้ตบุ๊กแจกให้นักเรียนใช้เรียนออนไลน์ ปัญหาคือโน้ตบุ๊กจำนวนหนึ่งกลับมีแถมมัลแวร์ติดไปด้วย โดยเป็นเวิร์มชื่อ Gamarue ที่มีตัวตนอยู่นานมากแล้ว โน้ตบุ๊กที่เป็นปัญหาคือ GeoBook 1E โน้ตบุ๊กเพื่อการศึกษาของแบรนด์ท้องถิ่น Geo ของอังกฤษ (แต่ผลิตโดยโรงงานของ Tactus Group ในเซินเจิ้น) สเปกคร่าวๆ คือหน้าจอ 11.6", แรม 4GB, สตอเรจ 64GB, รัน Windows 10 Pro Education The Register รายงานว่าโน้ตบุ๊กล็อตนี้มีทั้งหมด 23,000 เครื่อง แต่ไม่แน่ชัดว่าเครื่องที่ติดมัลแวร์มีจำนวนกี่เครื่อง โดยกระทรวงศึกษาของอังกฤษให้ข้อมูลแค่ว่า "มีจำนวนน้อย" (small number) และทีมไอทีของกระทรวงได้เข้าไปแก้ปัญหาให้แล้ว ส่วนแบรนด์ Geo เองก็บอกว่าให้ความร่วมมือกับกระทรวงอย่างเต็มที่ และสามารถแก้ไขได้หมดแล้ว ที่มา - The Register
# Pinterest ให้ลองเล่นอายชาโดว์ผ่าน AR หาสีที่ใช่สำหรับตัวเอง Pinterest เปิดตัว Try On ฟีเจอร์ทดลองเครื่องสำอางบนแพลตฟอร์มผ่าน AR ก่อนตัดสินใจซื้อได้สักพักแล้ว โดยเริ่มจากการลองเล่นลิปสติกก่อน ล่าสุดเพิ่มหมวดลองอายชาโดว์ เริ่มจากการลองเล่นเครื่องสำอางในแบรนด์ Lancome, YSL, Urban Decay และ NYX Cosmetics นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฟีเจอร์ Skin tone ranges หรือการค้นหาโทนสีเครื่องสำอางที่เหมาะกับสีผิวของตัวเอง ให้ระบบแนะนำสีอายชาโดว์ที่เหมาะกับเรา และลองเล่น Try On ได้ด้วย ภาพจาก Pinterest ที่มา - Engadget
# Cyberpunk 2077 ออก Patch 1.1 แก้บั๊กเก่า แต่กลับสร้างบั๊กใหม่ เล่นเกมไปต่อไม่ได้ สัปดาห์ที่ผ่านมา CD Projekt Red ออกแพตช์ใหญ่ตัวแรก (Patch 1.1) ของเกม Cyberpunk 2077 ให้ตามสัญญา แพตช์ตัวนี้มุ่งแก้ปัญหาเสถียรภาพของเกม แก้ปัญหาเกมแครช ปรับปรุงการจัดการแรมให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีแก้บั๊กที่เกี่ยวกับเกมเพลย์อีกหลายจุดด้วยเช่นกัน แต่จังหวะขาลงทำอะไรก็ผิดไปหมด ผู้เล่นจำนวนไม่น้อยค้นพบว่า Patch 1.1 กลับสร้างบั๊กใหม่ที่ส่งผลต่อการเล่นเนื้อเรื่องหลัก เพราะตัวละคร Takamura ในเกมจะโทรศัพท์มาหาผู้เล่นเพื่อมอบหมายภารกิจใหม่ให้ แต่กลับไม่พูดอะไร ทำให้เกมไปต่อไม่ได้ ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าของ CD Projekt Red ได้ออกวิธีแก้ชั่วคราว (workaround) มาให้ ซึ่งต้องใช้ไฟล์เซฟเก่าด้วย (บางคนอาจเซฟทับไปแล้ว) ส่วนวิธีการแก้แบบถาวรคงต้องรอแพตช์แบบ hotfix กันต่อไป ซึ่งทาง CDPR ยังไม่ประกาศข้อมูลเรื่องนี้ ตามแผนของ CDPR จะมีแพตช์ใหญ่อีกตัว (น่าจะนับเป็น 1.2) ตามมาในเดือนกุมภาพันธ์ อัพเดต บั๊กนี้ถูกแก้ไขแล้วในแพตช์ 1.11 ที่มา - Cyberpunk, Forbes
# Honor เปิดตัวบริษัทใหม่ยุคเป็นอิสระจาก Huawei, บอกร่วมงานกับใครก็ได้แล้ว แบรนด์ Honor แยกตัวเป็นอิสระจาก Huawei ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 ล่าสุดได้เปิดตัวบริษัทใหม่ Honor Device Co., Ltd. ประกาศทิศทางใหม่ และสินค้าใหม่รุ่นแรกของบริษัทใหม่คือ Honor View 40 George Zhao ซีอีโอของ Honor ระบุว่ายุทธศาสตร์ใหม่ของบริษัทคือ "Go Beyond" สามารถร่วมงานกับใครก็ได้เพราะเป็นบริษัทอิสระแล้ว โดย Honor ระบุว่าเซ็นสัญญากับพาร์ทเนอร์จำนวนมาก ที่ระบุชื่อคือ AMD, Intel, MediaTek, Micron, Microsoft, Qualcomm, Samsung, SK hynix, Sony แต่ในแง่การออกผลิตภัณฑ์จะยังคงหลักการ 1+8+N ของ Huawei ต่อไป ปัจจุบัน Honor มีพนักงานของตัวเองประมาณ 8,000 คน โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในฝ่ายวิจัย (R&D) และมีศูนย์วิจัย 5 แห่งทั่วโลก สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ Honor ในยุคที่เป็นอิสระแล้วคือ Honor View 40 (หรือ V40) ที่ยังทำตลาดเฉพาะในจีนก่อน สเปกคร่าวๆ คือหน้าจอ 6.72" OLED 10-bit 120Hz, หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 1000+, แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 66 วัตต์, กล้องหลัก 50MP วางขายในราคาเริ่มต้นที่ 3,599 หยวน (ราว 17,000 บาท) นอกจากนี้ Honor ยังออกโน้ตบุ๊ก MagicBook 14 และ 15 รุ่นอัพเกรดมาใช้ซีพียู Core 11th Gen Tiger Lake ด้วยเช่นกัน ที่มา - Honor
# Waymo มองข้าม Tesla ไม่ได้มองเป็นคู่แข่งรถไร้คนขับ แค่ทำระบบช่วยขับขี่ดี ในวงการรถยนต์ไร้คนขับเป็นที่ยอมรับว่า Waymo มีเทคโนโลยีที่พร้อมและล้ำหน้ากว่าเจ้าอื่นอยู่หลายปี แต่ในแง่การตลาดและความแพร่หลายแล้ว Autopilot ของ Tesla ถูกพูดถึงและถูกนำไปใช้งานมากกว่า John Krafcik ซีอีโอของ Waymo ถูกถามถึง Tesla กับสื่อในเยอรมนี พูดถึง Tesla เรื่องระบบไร้คนขับว่าไม่ใช่คู่แข่งของ Waymo ในเรื่องนี้ เพราะ Waymo ผลิตระบบไร้คนขับแบบไม่ต้องมีคนมานั่งหลังพวงมาลัย แต่ของ Tesla เป็นบริษัทรถยนต์ที่ทำระบบช่วยขับขี่ (driving assistance) ที่ดีเท่านั้น แนวทางของ Waymo ค่อนข้างสวนทางกับ Tesla อย่างมาก เพราะระบบ Autopilot ของ Tesla ตอนนี้เป็นแค่ระบบช่วยขับขี่จริง และอาศัยการเก็บข้อมูลจากลูกค้าที่ใช้งานไปเรื่อย ๆ เพื่อพัฒนาอัลกอริทึมและปล่อยเป็นอัพเดตไปให้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีปัญหาทั้งเรื่องชื่อ Autopilot ที่ทำให้คนเข้าใจผิด จนเปิดระบบนี้และไม่สนใจจะมองถนนหรือจับพวงมาลัย ปัญหานี้ Waymo มองเห็นมาตั้งแต่สมัยยังเป็นแค่โปรเจ็คไร้คนขับภายใต้ Google ช่วงต้นทศวรรษ 2010s ที่ตอนนั้น Google มีแผนจะพัฒนาระบบช่วยเหลือคนขับเหมือน Autpilot และขายให้กับบริษัทรถยนต์ แต่เมื่อนำไปทดสอบบนถนนจริง กลับพบปัญหาว่า คนไว้ใจเทคโนโลยีเกินไปจนไม่สนใจการขับขี่ ทั้งที่ตัวเทคโนโลยียังไม่พร้อม ทำให้ทีมงานเปลี่ยนแผนและตัดสินใจ จากแค่พัฒนาระบบช่วยขับขี่ กลายมาเป็นพัฒนาระบบไร้คนขับที่สมบูรณ์แบบในปัจจุบัน ที่มา - ArsTechnica
# เว็บขายอุปกรณ์คอม Newegg ออกระบบชิงโชค ให้สิทธิ์ซื้อการ์ดจอที่ขาดตลาดแบบสุ่ม ช่วงหลังมานี้ การ์ดจอบางรุ่นโดยเฉพาะรุ่นใหม่จาก Nvidia เกิดอาการขาดตลาดในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเพราะตลาดบิตคอยน์หรือเพราะเหตุใดก็ตาม และเว็บไซต์ Newegg ซึ่งเป็นเว็บขายอุปกรณ์คอมชื่อดังในสหรัฐฯ จึงมีไอเดียหัวใส ออกระบบลุ้นโชค “Newegg Shuffle” ให้ลูกค้าลงชื่อรับสิทธิ์ซื้ออุปกรณ์เช่นการ์ดจอ Nvidia หรือ AMD ที่บางครั้งก็จะขายพ่วงกับเมนบอร์ดหรืออื่นๆ และมาแบบเดี่ยวๆ หลังจากนั้น Newegg ก็จะส่งอีเมลไปยังลูกค้ากลุ่มที่ได้สิทธิ์ในการซื้อ เพื่อให้ทำการซื้อภายในสองชั่วโมง และผู้ที่ทำรายการสำเร็จเป็นรายแรกๆ ก็จะได้อุปกรณ์นั้นไป โดย Newegg เอาหน้าเว็บ “Newegg Shuffle” ขึ้นเพียงครู่เดียว ก็ลบหน้านี้ออกไป แต่ชาวเน็ตก็แคปทัน Newegg ระบุว่าตอนนี้ยังเป็นเพียงการทดสอบเพื่อรับข้อติชมและปรับปรุงระบบเท่านั้น และในอนาคตจะมีทั้งอุปกรณ์เดี่ยวและแบบคอมโบมากกว่านี้ โดยในขั้นแรกระบบคอมโบก็ได้เสียงตอบรับว่าดูจะมัดมือชกเกินไปหน่อย เช่นผูกการ์ดจอ Nvidia มากับเมนบอร์ด Intel และไม่มีตัวเลือกเมนบอร์ด AMD มาให้ เป็นต้น ที่มา - Extremetech *ภาพจากทวิตเตอร์: @RyuGTX
# เจาะภารกิจ CIMB Thai กับเป้าหมายสู่ธนาคารดิจิทัล ที่เข้าถึงคนได้ทั้งอาเซียน ช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา Blognone Workplace คุยกับ CIMB Thai โดยภารกิจสำคัญของบริษัทในตอนนั้นคือการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล สร้างทีม Digital Technology ขึ้นมาใหม่เพื่อตอบโจทย์ของลูกค้าให้ได้มากที่สุดและเป็นแนวหน้าในการพา CIMB Thai เปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ จนถึงวันนี้ภารกิจนั้นสำเร็จลุล่วงไปมาก เห็นได้จากบริการดิจิทัลใหม่ๆ ของ CIMB Thai ไม่ว่าจะเป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัลชิลดี การซื้อขายหน่วยลงทุนผ่านดิจิทัล และผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือ สินเชื่อดิจิทัล Blognone Workplace กลับมาพูดคุยกับ CIMB Thai อีกครั้ง และได้รู้ว่า การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป นอกจากนี้ยังไม่ใช่ทางเลือก แต่ยังเป็นทางบังคับโดยมี COVID-19 เป็นตัวบังคับให้ทุกภาคส่วนต้องใช้งานดิจิทัลเต็มรูปแบบ ดังนั้น เป้าหมายใหม่ของ CIMB Thai ในตอนนี้คือเป็นธนาคาร Digital-Led Bank และไม่เจาะกลุ่มลูกค้าในไทยอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงคนในอาเซียนด้วย ทำไมต้องเป็น Digital-led Bank Lim Yeong Thian (YT) - Head, Strategy of CIMB Thai ให้ภาพรวมยุทธศาสตร์สำคัญของบริษัทที่สอดคล้องกับ จุดแข็งของ CIMB Group คือ การก้าวไปสู่การเป็น ‘Digital-Led Bank with ASEAN Reach’ หรือ การเป็นธนาคารอาเซียนชั้นนำในไทย โดยใช้ดิจิทัลสร้างความต่าง นั่นเป็นเพราะ CIMB ให้บริการในหลายประเทศในอาเซียน มีบริษัทแม่คือ CIMB Group มีสำนักงานใหญ่ที่มาเลเซีย เป็นธนาคารใหญที่สุดอันดับ 5 ในอาเซียน ดังนั้น ยุทธศาสตร์ของ CIMB Thai คือ โฟกัสการเป็นธนาคารดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงคนอาเซียนได้ และเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น เราต้องนำแนวทางของกลุ่ม ซีไอเอ็มบี มาใช้ โดยหารือร่วมกับฝ่ายต่าง ๆ เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไพศาล ธรรมโพธิทอง (พี่หน่อง) - Head, Transaction Banking ตอกย้ำบทบาทสำคัญของทีม Transaction Banking ที่จะพา CIMB Thai ไปสู่ Digital-Led Bank With ASEAN Reach ว่า ตอนนี้ ทีมทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อจะเป็นตัวกลางเชื่อมคนอาเซียนเข้าด้วยกัน หน้าที่สำคัญของทีม Transaction Banking คือการเชื่อมแพลตฟอร์มทางการเงินระหว่างลูกค้า หรือคู่ค้าเข้าด้วยกัน ทั้งในและต่างประเทศ ตอนนี้ก็กำลังทำฟีเจอร์เชื่อมลูกค้าระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย ด้วยการให้สแกน QR Code กันได้ เช่น นักท่องเที่ยวไทย ไปสแกนจ่ายเงินที่มาเลเซีย และนักท่องเที่ยวมาเลเซีย มาสแกนจ่ายที่ประเทศไทยได้ ถือเป็นการเปิดอาเซียนให้คนรู้จัก CIMB มากขึ้น การไปสู่ Digital-Led Bank ได้ ต้องให้ความสำคัญกับทีมงาน บทบาทหน้าที่ของทีม Digital สำคัญต่อการเป็น Digital-Led Bank มากๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นยาก ถ้าทีมของเราไม่แข็งแกร่ง ชัยธัช สุกระ (แชมป์) - Head, Software Engineering เล่าให้ Blognone ฟังว่า การทำงานของทีม Digital จะเน้นที่ passion ของทีม คือทำให้ทีมงานรู้สึกกระตือรือร้น อยากทำงาน และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ การเลือกคนที่จะมาร่วมทีมนั้น ไม่ได้มองเรื่อง Hard Skills เป็นสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่ฝึกกันได้ แต่เราต้องการคนที่มี mindset แบบเปิดกว้างมากกว่า คือมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ตลอด ไม่ว่าจะเป็น Tech Stack ใหม่ๆ และพร้อมเปิดรับ Innovation ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน เท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอ เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่พร้อมจะสอนงานอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่สร้าง passion ให้กับทีม คือ การที่เราเป็นธนาคารของอาเซียน แม้ในไทยเราอาจจะยังเล็ก แต่เรามีเครือข่ายกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ดังนั้นการทำงาน หรือผลงานที่เราทำไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในประเทศไทย แต่มีความเป็นไปได้ที่จะ launch ไปยังประเทศอื่น ๆ หรือ สามารถนำเทคโนโยลีและทักษะจากประเทศอื่นๆ มาประยุกต์ใช้กับงานเราได้ ซึ่งกระตุ้นให้ทีมงานคิดนอกกรอบ พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ นอกจากนี้ การทำงานแบบ Agile และมีความยืดหยุ่น พร้อมปรับเปลี่ยนหน้าที่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ก็จะช่วยพาเราไปสู่การเป็น Digital-Led Bank With ASEAN Reach ได้ พิชญ์นรี ตั้งวิมลตระกูล (นิว) - Team Lead, Development ให้อีกมุมมองว่า ทีมงานต้องมีความยืดหยุ่น ในขณะเดียวกันก็ต้องทำงานเพื่อความต้องการทางธุรกิจ และความต้องการของลูกค้าให้ทัน หัวใจสำคัญของทีมงานตอนนี้คือความกล้า เราต้องมีความกล้าที่จะถกเถียงกัน เสนอไอเดียกัน อีกสิ่งที่คุณนิว รู้สึกได้ของการทำงานที่นี่คือ ทุกคนได้รับโอกาสเท่ากัน อย่างตัวเองที่เป็นผู้หญิงก็ก้าวเข้ามาเป็นนักพัฒนาได้ และได้รับการโปรโมทขึ้นมาเป็น Team Lead ได้ ดังนั้นที่นี่ให้โอกาสทุกคนเท่ากัน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร สิ่งที่ทำให้ทีมสามารถทำงานได้สำเร็จลุล่วง คือความใกล้ชิดกับเทคโนโลยี และที่บริษัทนี้ก็ให้โอกาสหากอยากลองของใหม่ เช่นอยากลองทำบนคลาวด์ อยากลองทำ cross platform ก็สามารถทำได้ ไม่ปิดกั้น ตัวนิวทำงานที่ CIMB Thai ตั้งแต่แอปพลิเคชั่นธนาคารยังเป็นเวอร์ชั่นเก่าจนพัฒนามาเรื่อยๆ เป็นแอปเวอร์ชั่นปัจจุบัน พบว่าได้คำตอบรับที่ดีจากลูกค้า ว่าใช้งานง่ายขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก และในอนาคตจะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้เป้าหมายของ CIMB Thai กับการเป็น Digital-led Bank With ASEAN Reach เป็นจริงขึ้นมาได้ ความหลากหลายทางเชื้อชาติ คือจุดต่างที่ CIMB Thai มอบให้แก่ทีมงาน มาถึงตรงนี้เราคงทราบกันแล้วว่า เป้าหมายสำคัญของ CIMB Thai คือการเป็นธนาคารดิจิทัลที่เข้าถึงคนอาเซียนได้ การจะเข้าถึงคนอาเซียนที่มาจากหลายประเทศได้นั้น คงจะเป็นจริงไม่ได้ หากภายในองค์กรขาดความหลากหลายทางเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม Lim Yeong Thian บอกว่า พื้นฐานที่เหมือนกันของ CIMB Group และ CIMB Thai ที่ผมนึกถึงเป็นสิ่งแรกคือ ความหลากหลาย ดังนั้นพนักงานที่ CIMB Thai จะได้ทำงานกับผู้คนที่มีที่มาหลากหลายประเทศ มีทั้งคนจากมาเลเซีย สิงคโปร์ กัมพูชา อินโดนีเซีย หรือจากประเทศอื่นนอกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ วัฒนธรรมองค์กรของเราในภาพรวมมีลักษณะเป็น regional โดยมีโครงสร้างองค์กรแบบ flat คือ ไม่มีระดับขั้นมาก พนักงานมีส่วนร่วมกับผู้บริหารได้ ซึ่งไม่ใช่แค่ใน CIMB Thai แต่ร่วมถึง CIMB ในประเทศอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นเราจึงสามารถมอบประสบการณ์ที่แตกต่างแก่คนเก่งที่อยากมาร่วมงานกับเรา สรุป จากการพูดคุยกับ CIMB Thai ครั้งนี้ทำให้เห็นพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่เกิดภายในไม่ถึง 1 ปี ทั้งในแง่บริการใหม่ และในแง่วัฒนธรรมในองค์กร มีความพร้อมสู่การเป็นธนาคารดิจิทัล และมีเป้าหมายแน่วแน่ที่จะเข้าถึงผู้ใช้งานในอาเซียน มองไกลกว่าแค่กลุ่มเป้าหมายในประเทศไทย สำหรับผู้สนใจสมัครงาน คลิก Blognone Jobs
# หลังเข้าซื้อไม่นาน Uber ก็ปลดคนใน Postmates ออก 185 ราย ซีอีโอโดนด้วย เดือน ก.ค. 2020 ที่ผ่านมา Uber ประกาศซื้อกิจการคู่แข่งเดลิเวอรีในสหรัฐ Postmates ล่าสุด The New York Times รายงานว่า Uber ปลดพนักงาน Postmates ออก 185 คน คิดเป็น 15% มีผู้บริหารหลายคนโดนด้วย ไม่เว้นแม้แต่ซีอีโอ Bastian Lehmann ซึ่งโฆษก Uber ยืนยันแล้วว่าจะมีการปลดคนจริง ใน The New York Times ระบุว่า ผู้บริหารที่ถูกให้ออก จะได้เงินชดเชยไปก้อนหนึ่ง บางรายอยู่ทำงานให้ครบตามสัญญาก่อน จึงน่าจะมีการลดจำนวนพนักงานอีกเรื่อยๆ ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ด้านการปรับลดพนักงานเป็นส่วนหนึ่งของการรวม Uber Eats เข้ากับ Postmates แม้ว่าแบรนด์และแอปของ Postmates จะยังแยกจาก Uber ชัดเจน แต่ทีมทำงานโครงสร้างเบื้องหลังนั้นเป็นคนของ Uber Eats เสียส่วนใหญ่ ส่วนคนที่จะมาดำเนินการแทนซีอีโอคือ Pierre Dimitri Gore-Coty หัวหน้าใหญ่ของ Uber Eats แม้ฝั่งส่งอาหารของ Uber ยังแข็งแกร่ง แต่ธุรกิจอื่นก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจหนักเช่นกัน ก่อนหน้านี้ Uber ก็ขาย Uber Elevate หน่วยงานพัฒนาแท็กซี่ทางอากาศให้ Joby Aviation บริษัทผู้พัฒนาแท็กซี่ทางอากาศ eVTOL และขาย Uber Advanced Technologies (Uber ATG) กลุ่มธุรกิจที่พัฒนารถยนต์ไร้คนขับให้ Aurora สตาร์ทอัพที่โฟกัสการพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับ ภาพจาก Postmates ที่มา - The New York Times, Engadgaet
# SpaceX เตรียมนำส่งดาวเทียมแบบ Rideshare รวดเดียว 143 ดวง ลูกค้าระบุค่านำส่งถูกจนไม่น่าเชื่อ SpaceX เตรียมยิงจรวด Falcon 9 ตามภารกิจ Transporter-1 นำส่งดาวเทียมจำนวน 143 ดวงตามโครงการ Rideshare ที่เปิดให้จองเที่ยวบินไปเมื่อต้นปี 2020 นับเป็นการส่งดาวเทียมจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ราคาตามหน้าเว็บโครงการ Rideshare ของ SpaceX คิดค่านำส่งดาวเทียมกิโลกรัมละ 5,000 ดอลลาร์ ขั้นต่ำ 200 กิโลกรัม ลูกค้าที่เปิดเผยตอนนี้มีบริษัท Planet ที่ซื้อสล็อตนำส่งดาวเทียม SuperDove รวดเดียว 48 ดวง ส่วน SpaceX เองก็นำส่งดาวเทียม Starlink ขึ้นไปด้วย 10 ดวง ประธานบริษัท Planet เองเคยระบุว่า SpaceX ลดค่านำส่งดาวเทียมจนเขาแทบไม่เชื่อ ธุรกิจนำส่งดาวเทียมขนาดเล็กเป็นธุรกิจที่หลายบริษัทพยายามเจาะตลาด เช่นบริษัท Rocket Lab ที่มีจรวด Electron ระวางบรรทุก 300 กิโลกรัม สำหรับการส่งดาวเทียมขึ้นวงโคจร LEO เดิมทีจุดขายของจรวดขนาดเล็กเช่นนี้คือการกำหนดช่วงเวลาภารกิจได้เอง โดยไม่ต้องรอดาวเทียมหลักที่อาจจะล่าช้า แต่โครงการ Rideshare ของ SpaceX ทำให้องค์กรที่ต้องการนำส่งดาวเทียมขนาดเล็กสามารถกำหนดตารางภารกิจได้ง่ายขึ้นเพราะมีรอบการนำส่งแน่นอน แถม SpaceX ยังเคยบอกว่าหากดาวเทียมล่าช้าก็สามารถขอเลื่อนภารกิจได้ แม้จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมก็ตาม เดิมภารกิจ Transporter-1 มีกำหนดยิงวันเสาร์ที่ผ่านมาแต่อากาศไม่อำนวยทำให้ต้องเลื่อนมาเป็นช่วงคืนนี้ ที่มา - ArsTechnica
# Tencent เข้าถือหุ้นใหญ่ Klei Entertainment สตูดิโอผู้สร้าง Don't Starve Jamie Cheng ผู้ก่อตั้ง Klei Entertainment ผู้สร้างเกมตระกูล Don't Starve ประกาศว่าบริษัทได้ตกลงให้ Tencent เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท โดย Klei ยังคงมีอำนาจในการสร้างสรรค์และดำเนินงานทั้งหมดเหมือนเดิม Cheng บอกว่าการได้ Tencent เข้ามา ทำให้เขาสามารถทำให้พนักงานได้ทำงานสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ได้เรียนรู้และเติบโต โดยไม่ต้องกังวลถึงปัญหาการเงินของบริษัท Tencent และ Klei เป็นพาร์ทเนอร์กันมายาวนาน ทั้งการเป็นผู้จัดจำหน่าย Don’t Starve Together ในจีน และปีที่แล้วออกเกมมือถือ Don't Starve: Newhome ที่มา: IGN
# การรถไฟในจีนเดินรถไม่ได้ เพราะระบบเป็น Flash, แก้ปัญหาโดยลงเวอร์ชันเก่า ปัญหา Flash สิ้นอายุขัย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2020 ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ เกมอย่าง Farmville ภาคแรก ที่เล่นไม่ได้อีกต่อไป นครต้าเหลียน (Dalian) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ใช้ระบบจัดการเดินรถที่เขียนด้วย Flash มาโดยตลอด ปัญหาคือเมื่อ Adobe เริ่มบล็อคการทำงานของ Flash Player ในวันที่ 12 มกราคม 2020 ทำให้พนักงานของการรถไฟไม่สามารถจัดคิวการเดินรถได้ ระบบรถไฟจึงล่มไปเป็นเวลานาน 20 ชั่วโมง ปัญหาระบบรถไฟล่มส่งผลกระทบต่อประชากรต้าเหลียนเป็นจำนวนมาก เพราะ Adobe ประกาศแผนการยุติ Flash มาตั้งแต่ปี 2017 แต่การรถไฟต้าเหลียนกลับไม่เตรียมพร้อมอะไรเลย เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ในโซเชียลจีน เพราะการรถไฟต้าเหลียนออกมาสื่อสารผ่าน Weixin (WeChat เวอร์ชันจีน) แบบเรียลไทม์ และมีชาวเน็ตจีนบันทึกเรื่องและรูปเก็บไว้ใน GitHub สุดท้าย ระบบรถไฟของต้าเหลียนกลับมาทำงานได้ปกติ เพราะพนักงานได้ดาวน์โหลด Flash Player เวอร์ชันเก่าในระบบแบ็คอัพที่ ghost เก็บไว้ ทำให้ระบบเดิมยังสามารถใช้งานได้ต่อไป ที่มา - Apple Daily (ภาษาจีน) via Jalopnik, Technode
# สถาบันวิจัยปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทยปล่อยโมเดลทางภาษาไทย WangchanBERTa สถาบันวิจัยปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (VISTEC-depa Thailand Artificial Intelligence Research Institute) ปล่อยโมเดล WangchanBERTa ซึ่งเป็นโมเดลทางภาษาไทยสำหรับงานประมวลผลภาษาธรรมชาติโดยฝึกฝนบนสถาปัตยกรรม RoBERTa โมเดล WangchanBERTa ถูกฝึกฝนด้วยชุดข้อมูลกว่า 78.48 GB ใช้ตัวตัดคำย่อย SentencePiece ในการแบ่งคำและ ใช้เวลาฝึกฝนโมเดล 3 เดือน ทำให้โมเดล WangchanBERTa ถือเป็นโมเดลภาษาไทยที่ใหญ่ที่สุด ณ ขณะนี้ ซึ่งในการฝึกฝนใช้ไฟฟ้าทั้งหมด 10,566.5 kWh หรือคิดเป็นรอยเท้าคาร์บอน 7.5 ตัน เทียบเท่าการใช้รถ 1.6 คันในหนึ่งปี ที่มา: VISTEC-depa AI Research Institute of Thailand
# RP2040 ไมโครคอนโทรลเลอร์เพื่อนักพัฒนา หัวใจ Raspberry Pi Pico แฟลชไม่ต้องกลัว brick สัปดาห์นี้ Raspberry Pi เปิดตัวบอร์ด Raspberry Pi Pico ที่เป็นบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ที่นักพัฒนามักเขียนเฟิร์มแวร์โดยตรงไม่มีระบบปฎิบัติการบนชิปอีก แม้ตัวบอร์ด Pico จะมีจุดขายว่าเป็นบอร์ดราคาถูกเพียง 4 ดอลลาร์ แต่ประเด็นสำคัญของการประกาศครั้งนี้คือทาง Raspberry Pi เปิดตัวชิป RP2040 มาพร้อมกัน และมันเป็นชิปที่ออกแบบเพื่อให้นักพัฒนารายย่อยใช้งานได้ง่าย สเปคโดยทั่วไปของชิป RP2040 นั้นเป็นชิป Cortex-M0+ ที่มีผู้ผลิตอื่นทำชิปขายอีกมาก แต่ความพิเศษของ RP2040 กลับเป็นการฝัง UF2 bootloader เข้าไว้ในรอมขนาด 16KB ในชิปโดยตรง ทำให้นักพัฒนาสามารถอัพโหลดเฟิร์มแวร์ใหม่ได้เสมอ แนวทางการใส่เฟิร์มแวร์เพื่อให้นักพัฒนารายย่อยสามารถพัฒนาได้ง่าย โดยไม่ต้องใช้เครื่องโปรแกรมชิปเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดที่สุดคือโครงการ Arduino ที่ใส่เฟิร์มแวร์พิเศษมาจากโรงงานเพื่อให้นักพัฒนาสามารถอัพโหลดเฟิร์มแวร์เพิ่มเติมผ่านทาง USB (ที่จริงแล้วผ่านทาง serial/UART ที่มีชิปแปลงเป็น USB บนบอร์ดอีกทีหนึ่ง) เมื่อสี่ปีก่อนไมโครซอฟท์ออกเฟิร์มแวร์ UF2 ให้กับชิป SAMD21 เพื่อให้วินโดวส์มองไมโครคอนโทรลเลอร์กลายเป็นไดร์ฟ USB ได้ในตัว ทำให้นักพัฒนาวางเฟิร์มแวร์ลงบนไมโครคอนโทรลเลอร์ได้ง่ายขึ้น ข้อควรระวังของการใช้เฟิร์มแวร์ bootloader สำหรับรอรับเฟิร์มแวร์ใหม่จากนักพัฒนาเช่นนี้คือตัวเฟิร์มแวร์ใหม่ของนักพัฒนาต้องระวังไม่ไปเขียนทับเฟิร์มแวร์ bootloader เดิม ตัวเฟิร์มแวร์ที่คอมไพล์ออกมาจะต้องวางตำแหน่งของเฟิร์มแวร์ต่างจากเฟิร์มแวร์ปกติ เว้นพื้นที่ไว้ประมาณ 16KB เพื่อให้บูตจาก bootloader ก่อนเสมอ หากผิดพลาดไปหลายครั้งก็ทำให้ bootloader พังจน brick และต้องแก้ไขด้วยการใช้ฮาร์ดแวร์ debugger มาอัพโหลดเฟิร์มแวร์ใหม่ ชิป RP2040 ฝัง UF2 bootloader ไว้ในรอม และมีขา BOOTSEL สำหรับเลือกว่าจะบูตเข้ารอม UF2 bootloader หรือเข้าเฟิร์มแวร์ปกติที่นักพัฒนาอัพโหลดขึ้นมา ทำให้ไม่มีทาง brick ตัวชิปจากซอฟต์แวร์ได้เลย ในประกาศเปิดตัว Raspberry Pi Pico ทาง Raspberry Pi ยังประกาศเปิดตัวบอร์ดจากผู้ผลิตรายอื่นๆ อีกจำนวนมาก เช่น Adafruit, Arduino, Pimoroni, SparkFun เป็นต้น การเปิดตัว RP2040 ครั้งนี้คงเป็นจุดสำคัญที่ผู้ผลิตจะให้ความสำคัญกับนักพัฒนารายย่อยมากขึ้นจนฝังฟีเจอร์ไว้ในตัวไมโครคอนโทรลเลอร์เช่นนี้ ที่มา - Raspberry Pi,
# Dead by Daylight เพิ่มโหมดสำหรับคนตาบอดสี หลังทีมงานถูกวิจารณ์เรื่องนี้ Behaviour Interactive สตูดิโอผู้พัฒนา Dead by Daylight เกมมัลติเพลเยอร์แนวเอาตัวรอด-สยองขวัญชื่อดัง ประกาศรองรับโหมดสำหรับคนตาบอดสี (colorblind accessibility) หลังถูกเรียกร้องมานานจากแฟนๆ เกมที่มีปัญหาเรื่องตาบอดสี ประเด็นเรื่องการเข้าถึงของคนพิการ (accessibility) ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในวงการเกมช่วงหลัง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ The Last of Us Part II ที่มีฟีเจอร์ accessibility โดดเด่นมาก และถ้านับเฉพาะฟีเจอร์เรื่องตาบอดสี เกมดังๆ รุ่นหลังอย่างซีรีส์ Battlefield, Call of Duty, Fortnite, Assassin's Creed Valhalla ล้วนแต่มีหน้าจอตั้งค่าตาบอดสีมาตั้งแต่แรก โดยผู้เล่นสามารถตั้งค่าโทนสีของตัวละครศัตรูให้แตกต่างจากตัวละครที่เป็นมิตรได้ เพื่อให้แยกแยะได้ง่าย ฟีเจอร์ตาบอดสีของ Dead by Daylight จะเพิ่มเข้ามาในอัพเดตเนื้อหาตัวหน้า (next Chapter) ซึ่งยังไม่ระบุช่วงเวลาที่ออก แต่การรองรับฟีเจอร์ตาบอดสีของ Dead by Daylight เองก็มีประเด็นถูกวิจารณ์ เมื่อพนักงานคนหนึ่งของ Behaviour Interactive ออกมาไลฟ์สตรีมและบ่นรำคาญแฟนเกมคนหนึ่ง (ชื่อ JC) ที่เรียกร้องฟีเจอร์ตาบอดสีตลอดเวลา และบอกว่าบ่นไปแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะต้องรอทีมพัฒนาว่างมาทำฟีเจอร์นี้หรือมีผู้บริหารตัดสินใจสั่งให้ทำก่อน ฝั่งสตูดิโอ Behaviour Interactive ขอโทษเรื่องนี้แล้ว และบอกว่าความเห็นนี้ไม่ได้สะท้อนมุมมองของทีมพัฒนาทั้งทีม ที่มา - DualShockers
# ซัมซุงอาจตั้งโรงงานผลิตชิป 3nm มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในสหรัฐเพื่อแข่ง TSMC มีรายงานข่าวว่าซัมซุงอาจตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ที่เมือง Austin รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เพื่อแข่งขันในตลาดชิปขนาด 3nm กับ TSMC ที่เพิ่งสร้างโรงงานผลิตชิป 5nm ในรัฐแอริโซนา และกำลังขยายไปยัง 3nm เช่นกัน ซัมซุงมีโรงงานผลิตชิปใน Austin อยู่แล้วตั้งแต่ปี 1997 โดยมีคนทำงานราว 10,000 คน ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการผลิตระดับ 14nm สื่อท้องถิ่นรายงานว่าซัมซุงไล่ซื้อที่ดินในบริเวณใกล้เคียงกันเพิ่มเติมอีก 257.5 เอเคอร์ และยื่นเรื่องขอเทศบาลท้องถิ่นเพื่อใช้ที่ดินสร้างโรงงานเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของซัมซุงบอกว่ายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องการตั้งโรงงานใหม่อย่างเป็นทางการ และปฏิเสธไม่แสดงความเห็นในประเด็นอื่น Bloomberg ระบุว่าโรงงานของซัมซุงจะใช้เงินลงทุนสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ น่าจะสร้างอาคารในปีนี้ 2021 ติดตั้งอุปกรณ์ในปี 2022 และเริ่มเดินเครื่องผลิตชิปจริงในปี 2023 แต่ก็มีโอกาสเลื่อนสูง เพราะบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตชิป ASML ก็มีปัญหาเรื่องผลิตของไม่ทันเช่นกัน ที่มา - Bloomberg, Austin American Statesman, ExtremeTech, ภาพโรงงาน Austin จากเว็บไซต์ซัมซุง
# ไมโครซอฟท์ออกโฆษณาใหม่ Surface Pro 7 เปรียบเทียบ MacBook Pro ไมโครซอฟท์ออกคลิปโฆษณาใหม่ เปรียบเทียบ Surface Pro 7 กับ MacBook Pro โดยชูความเหนือกว่าเรื่อง จอสัมผัส รองรับปากกา ถอดคีย์บอร์ดได้ รันแอพได้หลากหลายกว่า เล่นเกมได้มากกว่า ราคาเริ่มต้นถูกกว่า (830 ดอลลาร์ vs 1,299 ดอลลาร์) อ่าน รีวิว Surface Pro 7 ฉบับ Blognone ที่มา - MSPoweruser
# ผู้ใช้ Facebook บน iPhone ต่างพบว่าต้อง Login ใหม่อีกครั้ง - Facebook ยืนยันปัญหาและกำลังแก้ไข มีรายงานจากผู้ใช้ Facebook บน iPhone จำนวนมากวันนี้ ว่าเมื่อเปิดแอปจะปรากฏข้อความว่าต้องใส่รหัสผ่านและล็อกอินใหม่อีกครั้ง โดยในเบื้องต้นเมื่อล็อกอินซ้ำก็จะใช้งานต่อได้ปกติ แต่มีบางกรณีที่ต้องยืนยันตัวตนสองขั้นตอนผ่าน SMS ก็อาจจะยังล็อกอินกลับเข้าไปไม่ได้ทันที ทำให้เกิดความสับสน ตัวแทนของ Facebook ได้ชี้แจงมายังเว็บ USA Today ว่า Facebook รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว และกำลังแก้ไขให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด โดยคาดว่าสาเหตุมาจากการแก้ไขคอนฟิกบางอย่าง ในเพจ Facebook App ก็ยืนยันปัญหานี้เช่นกัน อัพเดต: ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว (อ้างอิง) ที่มา: USA Today และ Engadget ภาพ Pixabay
# ถอดสุดซอย ไมโครซอฟท์ขึ้นราคา Xbox Live Gold แต่โดนถล่มจนต้องยกเลิก เมื่อคืนนี้ไมโครซอฟท์เพิ่งประกาศขึ้นราคาบริการออนไลน์ Xbox Live Gold ครั้งแรกในรอบประมาณ 10 ปี แบบ 1 เดือน จากเดิม 9.99 ดอลลาร์ เป็น 10.99 ดอลลาร์ (ขึ้น 1 ดอลลาร์) แบบ 3 เดือน จากเดิม 24.99 ดอลลาร์ เป็น 29.99 ดอลลาร์ (ขึ้น 5 ดอลลาร์) ผลก็ตามคาดคือโดนแฟนๆ ถล่มยับ จนไมโครซอฟท์ต้องออกมาขอโทษ และยกเลิกแผนการขึ้นราคาดังกล่าว เท่านั้นยังไม่พอ ไมโครซอฟท์ยังประกาศว่าเกมแบบ free-to-play จะไม่จำเป็นต้องใช้สมาชิก Xbox Live Gold แบบจ่ายเงินในการเล่นออนไลน์อีกด้วย (เท่ากับเล่นฟรี 100%) โดยรายละเอียดจะตามมาในภายหลัง ที่มา - Xbox
# เผยลูกค้า Apple TV+ ถึง 62% เป็นแพ็คเกจแบบดูฟรี 1 ปี, 30% ในนี้บอกจะไม่จ่ายเงินต่อ มีข้อมูลจากการสำรวจของบริษัทวิจัย MoffetNathan เกี่ยวกับการรับชมรายการออนดีมานด์และบริการสตรีมมิ่งในอเมริกา พบว่าในไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ผู้สมัคร Apple TV+ ถึง 62% เป็นการสมัครแบบชมฟรี โดยในกลุ่มดังกล่าว 30% มีแผนจะจ่ายเงินรับชมต่อหากโปรโมชันครบกำหนด และ 29% ไม่สมัครต่อ ที่เหลือยังไม่แน่ใจ Apple TV+ มีค่าบริการในการสมัครรับชม 99 บาทต่อเดือน (4.99 ดอลลาร์ ในอเมริกา) แต่แอปเปิลได้ออกโปรโมชันรับชมฟรี 1 ปี สำหรับผู้ซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ของแอปเปิลไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Mac หรือ Apple TV ซึ่งปัจจุบันยังคงมีโปรโมชันนี้อยู่ และล่าสุดก็ได้ขยายเวลารับชมฟรีให้ผู้ที่สมัครก่อนหน้าออกไปถึงกรกฎาคมปีนี้ด้วย ที่ผ่านมาแอปเปิลไม่เคยเปิดเผยตัวเลขผู้สมัครชม Apple TV+ แต่คาดว่ามีจำนวนที่น้อยหากเทียบกับคู่แข่งตอนนี้อาทิ Netflix, HBO Max หรือ Disney+ เนื่องจาก Apple TV+ โฟกัสที่การสร้างคอนเทนต์ออริจินัลเป็นหลัก และถึงตอนนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 55 เรื่อง ที่มา: Variety
# ไมโครซอฟท์ช่วยเปิด Win32 API ให้ภาษาอื่นนอกจาก C/C++ เริ่มต้นที่ C# และ Rust ไมโครซอฟท์มีแนวทางหลอมรวม Win32 และ UWP เข้าด้วยกันภายใต้ Project Reunion ซึ่งประกอบด้วยโครงการย่อยหลายอย่าง เป้าหมายข้อหนึ่งของ Reunion คือเปิดให้ใช้ภาษาโปรแกรมรุ่นใหม่ๆ เขียนแอพบนวินโดวส์ได้หลากหลายขึ้น ข้อจำกัดสำคัญของ Win32 API แบบดั้งเดิมคือมันถูกสร้างขึ้นในยุคภาษา C/C++ จึงรองรับเฉพาะภาษานี้ หากต้องการเขียนโปรแกรม Win32 ด้วยภาษาโปรแกรมอื่น จำเป็นต้องมี binding หรือ wrapper มาทำหน้าที่เชื่อมต่อ API ให้ ที่ผ่านมามีโครงการสร้าง binding/wrapper ของภาษาต่างๆ แต่เป็นโอเพนซอร์สที่สร้างโดยชุมชนนักพัฒนา และกระบวนการรองรับ API ต้องทำกันเองด้วยมือทั้งหมด จึงมีปัญหาเรื่องรองรับ API ไม่ครบถ้วน ส่งผลให้ binding ของแต่ละภาษามีคุณภาพต่างกัน ทำงานซ้ำซ้อนกันแต่ไม่สมบูรณ์สักอัน ล่าสุดไมโครซอฟท์เข้ามาแก้ปัญหานี้ด้วยโครงการ win32metadata ที่เป็นการสร้าง metadata ของ API ทั้งหมดออกมาเป็นภาษาต่างๆ ให้อัตโนมัติ เบื้องหลังของโครงการ win32metadata คือการไล่อ่านไฟล์ header ของ Windows SDK ทั้งหมด ดูว่าไฟล์ DLL อิมพอร์ตฟังก์ชันใดบ้าง (ด้วยคอมไพเลอร์ ClangSharp) แล้วเจนเป็นไฟล์ Windows Metadata (.winmd) เพื่อให้นักพัฒนา wrapper ในภาษาอื่นๆ สามารถนำไปใช้ต่อได้ง่าย ตัวอย่างหน้าตาของไฟล์ .winmd ที่สร้างด้วย win32metadata ไมโครซอฟท์ร่วมมือกับนักพัฒนาโครงการโอเพนซอร์ส 2 ตัว ได้แก่ PInvoke สำหรับภาษา C# และ winapi-rs สำหรับภาษา Rust นำเครื่องมือ metadata ตัวนี้มาใช้งานแล้ว โดยฝั่งของ C# ออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้วในชื่อโครงการ Cs/Win32 ส่วนโครงการ Rust ชื่อว่า windows-rs ไมโครซอฟท์บอกว่า C# และ Rust เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ตอนนี้กำลังรองรับภาษาที่สามคือ Modern C++ (มาตรฐานใหม่คือ C++17 ขึ้นไป) และจะใช้แนวทางจับมือกับโครงการโอเพนซอร์สที่มีอยู่แล้ว เพื่อขยายไปยังภาษาอื่นๆ ต่อไป ที่มา - Microsoft
# Google Search บนมือถือปรับดีไซน์เล็กน้อย เปลี่ยนฟอนต์ใหม่ใหญ่ขึ้น ขอบโค้งมากขึ้น กูเกิลเตรียมปรับดีไซน์ Google Search บนมือถือเล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆ ถ้าไม่เทียบกับของปัจจุบันแทบแยกไม่ออก) การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือแสดงผลการค้นหาเต็มความกว้างจอ (edge-to-edge), เอาเงาสีเทาข้างหลังออกไปเพื่อให้หน้าเพจแบนราบและเรียบกว่าเดิม, ปรับฟอนต์ใหม่มาใช้ฟอนต์มาตรฐานของกูเกิล เหมือนกับ Android และ Gmail ปรับฟอนต์ให้ใหญ่ขึ้น อ่านง่ายขึ้น สีเข้มขึ้น, ใช้ขอบโค้งมนมากขึ้น (ได้แรงบันดาลใจจากโลโก้กูเกิลเอง) และใช้สีไฮไลท์ส่วนสำคัญมากขึ้น หน้าผลการค้นหาแบบใหม่จะมีผลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ที่มา - Google
# Bill Gates ได้รับวัคซีน COVID-19 เข็มแรกแล้ว ระบุ "ผมรู้สึกสบายมาก" สหรัฐอเมริกาเริ่มฉีดวัคซีน COVID-19 ให้ประชาชนในประเทศตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2020 ขณะนี้ผ่านมาเดือนกว่าแล้วฉีดไปได้เกือบ 20 ล้านเข็ม มีประชาชนราว 4.9% ที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม ล่าสุด Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ทวีตว่าเขาได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว เนื่องจากเขามีอายุ 65 ปี เข้าเกณฑ์ Phase 1B tier 1 ของรัฐวอชิงตันที่จะฉีดวัคซีนให้ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่อายุ 50 ปีหากอยู่ในบ้านที่มีคนหลายช่วงอายุ Gates ระบุว่าเขารู้สึกสบายมาก (I feel great) พร้อมขอบคุณนักวิทยาศาสตร์, อาสาสมัครร่วมทดสอบวัคซีน, ภาครัฐ และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ช่วยกันถึงขั้นนี้ ในขณะที่มูลนิธิ Bill & Melinda Gates ได้บริจาคเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐเกี่ยวกับการวิจัยโรค COVID-19 รวมถึงการพัฒนาและแจกจ่ายวัคซีนด้วย ทั้งนี้ ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าวัคซีนที่ Gates ได้รับนั้นเป็นของบริษัทใดระหว่าง Pfizer/BioNTech และ Moderna ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในสหรัฐอเมริกาขณะนี้ ที่มา - GeekWire ภาพขณะ Gates ได้รับวัคซีน | ภาพโดย Bill Gates
# รวมข่าวลือ Mac: MacBook Air กลับมาใช้ MagSafe, MacBook Pro มีช่อง SD Card, Face ID ใน iMac Mark Gurman นักข่าวที่รายงานข่าวลือแอปเปิลเป็นประจำจาก Bloomberg คราวนี้มีข้อมูลสายผลิตภัณฑ์ Mac ชุดใหญ่จากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง เริ่มที่ MacBook Air รุ่นใหม่ เขาระบุว่าแอปเปิลมีแผนเปิดตัว MacBook Air รุ่นใหม่ อย่างเร็วที่สุดครึ่งหลังของปีนี้ 2021 หรือหากไม่ทันก็จะเปิดตัวปีหน้า 2022 เลย การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ MacBook Air รุ่นใหม่นี้ คือรองรับการชาร์จด้วย MagSafe นอกจากนี้ยังลดพื้นที่ขอบหน้าจอลงอีก ทำให้ตัวเครื่องขนาดเล็กและเบาลงกว่าเดิม ทั้งนี้ MacBook Air ออกแบบใหม่ที่เปิดตัวในปี 2018 ได้ตัด MagSafe ออกไป นอกจากนี้แอปเปิลยังพิจารณาทำ MacBook Air จอ 15 นิ้วอีกด้วย แต่ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ ถัดมาเป็น MacBook Pro ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้จาก Ming-Chi Kuo ว่าจะเพิ่มพอร์ตมากขึ้น ซึ่งข้อมูลคราวนี้ระบุว่าแอปเปิลจะนำช่อง SD Card กลับมาด้วย จากที่เคยนำออกไปตั้งแต่ปี 2016 ด้วยเหตุผลว่ามันรุงรัง เขายังให้ข้อมูลเหมือนกับ Kuo ว่า Touch Bar จะถูกตัดออกไป สุดท้ายเป็นการนำระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า Face ID มาใช้งานกับ Mac ซึ่งมีคนคาดเดากันมานานแล้วแต่ยังไม่มาเสียที ข้อมูลคราวนี้ระบุว่าแอปเปิลมีแผนนำ Face ID ใช้งานกับ iMac เป็นกลุ่มแรกก่อน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะมาเมื่อใด ตัวแทนแอปเปิลปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ที่มา: Bloomberg
# Activision โยก Vicarious Visions สตูดิโอในสังกัดไปรวมกับฝั่ง Blizzard เกิดการโยกย้ายสตูดิโอเกมในเครือ Activision Blizzard กันเอง โดยสตูดิโอ Vicarious Visions ที่เดิมทีมีสถานะเป็นบริษัทลูกของ Activision จะถูกยุบรวมมาเป็นส่วนหนึ่งของ Blizzard Vicarious Visions หรือตัวย่อ VV Studio ก่อตั้งในปี 1990 มีผลงานสร้างเกมมาตั้งแต่สมัยยุค DOS และ Game Boy Color โดยเกมเด่นยุคแรกๆ คือ Tony Hawk's Pro Skater เวอร์ชัน Game Boy สตูดิโอถูก Activision ซื้อกิจการมาในปี 2005 เพื่อเข้ามาช่วยพอร์ตเกมอื่นๆ ในเครือ Activision มาลงเครื่องเกมฝั่งนินเทนโดอีกเป็นจำนวนมาก ผลงานช่วงหลังของ Vicarious Visions คือเกมซีรีส์ Skylanders และช่วยทำ Destiny ส่วนเกมล่าสุดคือ Crash Bandicoot N. Sane Trilogy (เวอร์ชันรีมาสเตอร์ปี 2017) กับ Tony Hawk's Pro Skater 1 + 2 (เวอร์ชันรีมาสเตอร์ปี 2020) หลังจากนี้ Vicarious Visions ที่มีพนักงานประมาณ 200 คนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Blizzard โดยเข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนาเกมของ Blizzard (ไม่ระบุว่าเกมไหน) และ Jen Oneal หัวหน้าสตูดิโอจะถูกโปรโมทมาเป็นหนึ่งในทีมบริหารของ Blizzard ด้วย ที่มา - Gamesindustry.biz
# ลือ LG เตรียมขายโรงงานผลิตสมาร์ทโฟนให้ Vingroup บริษัทยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม ต่อจากข่าว LG เตรียมปรับโครงสร้างธุรกิจสมาร์ทโฟนครั้งใหญ่ สื่อเกาหลีใต้สองรายคือ The Korea Times และ BusinessKorea รายงานข่าวตรงกันว่า LG กำลังเจรจากับ Vingroup กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม ในการขายโรงงานผลิตสมาร์ทโฟนให้ Vingroup เป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม เริ่มต้นมาจากการขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จากนั้นสยายปีกไปยังธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น อสังหาริมทรัพย์ โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ค้าปลีก รถยนต์ รวมถึงทำสมาร์ทโฟนของตัวเองในแบรนด์ Vinsmart ด้วย ตามข่าวของ The Korea Times บอกว่ารัฐบาลเวียดนามต้องการขยายมายังธุรกิจไฮเทคอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม Vingroup สนใจซื้อแค่โรงงานผลิตสมาร์ทโฟนของ LG ในเวียดนาม บราซิล และจีน ส่วน LG จะยังคงธุรกิจด้านวิจัยและพัฒนามือถือของตัวเองต่อไป ตัวแทนของ LG ให้สัมภาษณ์กับ The Korea Times ว่ายังเปิดรับข้อเสนอจากทุกฝ่าย โทรศัพท์แบรนด์ Vinsmart ของ Vingroup ที่มา - The Korea Times
# บริษัทชิปในเครือ Alibaba พอร์ต Android ลงซีพียู RISC-V ของตัวเองสำเร็จ T-Head บริษัทซีพียูในเครือ Alibaba พอร์ตแอนดรอยด์ไปรันบนชิป XuanTie C910 ของตัวเองสำเร็จ นับเป็นครั้งแรกที่มีรายงานว่าสามารถพอร์ตแอนดรอยด์พร้อม GUI ไปรันบนซีพียู RISC-V ได้ ซีพียู XuanTie C910 เป็นซีพียู RISC-V 64 แบบสองคอร์ ทำงานที่สัญญาณนาฬิกา 1.2GHz รองรับแรม DDR4 2400MHz มีวงจรกราฟิกในตัว ชุดคำสั่ง RISC-V นับเป็นชุดคำสั่งที่ผู้ผลิตจีนจำนวนมากให้ความสนใจเพราะสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าไลเซนส์ และยังใช้งานได้โดยไม่ต้องกลัวการปิดกั้นทางการค้าจากสหรัฐฯ แม้ตอนนี้ RISC-V จะเริ่มได้รับความนิยมในซีพียูขนาดเล็ก เช่นกลุ่มไมโครคอนโทรลเลอร์ แต่ซีพียูที่ทำงานระดับโทรศัพท์ได้ยังไม่มีการใช้งานจริงเป็นวงกว้าง ทาง T-Head ระบุว่าจะเปิดแพตช์แอนดรอยด์ที่ใช้สำหรับการพอร์ตมายัง RISC-V นี้ต่อสาธารณะ ที่มา - The Register, GitHub: T-Head-Semi
# [ลือ] ข้อมูลเพิ่มเติมเฮดเซต VR จาก Apple: ขายแพง ชิปประมวลผลแรง จอละเอียดสูง Mark Gurman จาก Bloomberg รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับอุปกรณ์เฮดเซตสวมใส่ศีรษะจากแอปเปิล ที่เตรียมวางขายในปี 2022 (มีข่าวแล้วก่อนหน้านี้) ซึ่งคุณสมบัติพื้นฐานก็เหมือนแว่น VR ทั่วไป คือแสดงภาพ 3D แวดล้อม ใช้สำหรับเล่นเกม ชมวิดีโอ หรือพูดคุยสนทนา และมีฟังก์ชัน AR แสดงข้อมูลเสมือนซ้อนกับภาพจริง ข้อมูลเพิ่มเติมคือ เฮดเซตของแอปเปิลจะมีราคาขายแพงกว่าเฮดเซตทั่วไปในท้องตลาดอยู่มาก (far more expensive) คือราว 300-900 ดอลลาร์ (9,000-27,000 บาท) จุดเด่นที่จะนำมาชูคือชิปประมวลที่แรงกว่าคู่แข่ง และจอแสดงผลที่ละเอียดมากกว่า รวมทั้งอาจใส่พัดลมเข้ามาด้วย ส่วนข้อมูลของแว่น AR (โค้ดเนมภายใน N421) ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ และเปิดตัวได้อย่างเร็วที่สุดก็ปี 2023 ที่มา: Bloomberg ภาพ Pixabay
# Google ขู่เอา Search ออก หากออสเตรเลียบังคับใช้กฎจ่ายค่าแสดงเนื้อหาบน Search ปี 2020 มีประเด็นเรื่องกฎหมายออสเตรเลีย กับ Google รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ โดยแพลตฟอร์มออนไลน์ ต้องจ่ายเงินให้สำนักข่าวในกรณีที่มีการแสดงเนื้อหาข่าวบนแพลตฟอร์มนั้นๆ จุดประสงค์คือเพื่อแบ่งรายได้ให้สำนักข่าวต่างๆ แน่นอนว่า Google ไม่เห็นด้วย เพราะกฎนี้มันไปทำร้ายบริการฟรีของกูเกิลที่แบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้สำนักข่าวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ท่าทีของออสเตรเลีย ยังคงยืนยันจุดเดิม และพยายามผลักดันร่างกฎหมายต่อไป จน Google ต้องออกมาชี้แจงว่า ถ้ากฎหมายผ่าน Google ก็จำเป็นต้องระงับการ Seach ในออสเตรเลีย Mel Silva กรรมการผู้จัดการของ Google ออสเตรเลีย (และนิวซีแลนด์) กล่าวกับวุฒิสมาชิกว่า เครื่องมือค้นหาอาจไม่สามารถทำงานในประเทศได้ภายใต้เงื่อนไขนี้ ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่บริษัทอยากให้เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ Google ระงับ ไม่เปิดบริการ News Showcase ในออสเตรเลีย นอกจากนี้ Facebook ก็เคยขู่เตรียมบล็อกไม่ให้สำนักข่าวออสเตรเลียแชร์ข่าวด้วย ที่มา - 9to5Google
# YouTube ทำหน้า landing page สำหรับแฮชแท็ก บอกจำนวนคลิปและช่องที่เกี่ยวข้อง แฮชแท็กถือเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญช่วยให้เราหาของต่างๆ บนแพลตฟอร์มโซเชียลเจอ และมักนิยมใช้กันใน Twitter และ Instagram ใน YouTube ก็สามารถใช้แฮชแท็กค้นหาได้ แต่ล่าสุด YouTube ทำหน้า landing page หรือหน้ารวมคลิปตามแฮชแท็กโดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากรวมคลิปที่เกี่ยวข้องกับแฮชแท็กนั้นๆ แล้ว บนหน้า landing page ยังระบุด้วยว่า มีกี่วิดีโอและมีกี่ช่องที่ทำเนื้อหาตามแฮชแท็กที่เราค้นหา ผู้ใช้งานสามารถกดที่แฮชแท็กได้โดยตรง หรือสามารถค้นหาได้โดยพิมพ์ URL ยกตัวอย่างเช่น youtube.com/hashtag/beauty เพื่อให้ระบบแสดงหน้า landing page ตามรูปภาพด้านล่าง แต่ยังไม่สามารถพิมพ์ค้นหาบน YouTube ด้วยการพิมพ์แฮชแท็กได้ ที่มา - TechCrunch
# ศาลปัดตกคำฟ้อง Parler เว็บโซเชียลฝ่ายขวาต่อ AWS ข้อหาผูกขาด, เว็บยังกลับมาใช้งานไม่ได้ Parler แอปโซเชียลฝ่ายขวาโดน AWS สั่งปิด จน Parler ยื่นฟ้อง AWS ข้อหาผูกขาด และเรียกร้องให้ AWS นำ Parler กลับเข้ามายังแพลตฟอร์ม ล่าสุดมีคำตัดสินศาล ปัดตกข้อกล่าวหาของ Parler โดยผู้พิพากษาชี้ว่า มีหลักฐานเกี่ยวกับการผูกขาดน้อยเกินไป ผลคือ Parler ทำไม่สำเร็จ และ AWS ก็จะไม่นำ Parler กลับเข้ามาในระบบ และจนถึงตอนนี้ Parler ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ในช่องทางหลัก เพราะทั้ง Google และ Apple แบน Parler ออกจากร้านค้าแอปไปแล้ว Parler บอกว่ารู้สึกผิดหวังกับคำตัดสิน แต่ยังมั่นใจว่าจะกลับมาชนะได้ ด้าน AWS บอกว่า นี่ไม่ใช่กรณีเกี่ยวกับเสรีภาพในการพูด แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกค้าที่ละเมิดข้อกำหนดในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยอนุญาตให้เผยแพร่เนื้อหาบนเว็บไซต์ที่กระตุ้นให้เกิดความรุนแรง และไม่มีแผนการกลั่นกรองเนื้อหาใดๆ ที่มา - CNET, Engadget
# OnePlus และ Oppo เตรียมรวมทีม R&D เป็นทีมเดียวกัน ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า OnePlus กำลังรวมทีม R&D กับ Oppo แม้ OnePlus จะไม่ได้กล่าวตรง ๆ แต่ก็ออกมายืนยันข่าวแล้วว่ากำลังรวมทีม R&D ภายใต้ OPLUS ซึ่งเป็นบริษัทแม่และผู้ลงทุนใน OnePlus, Oppo และ Realme (OPLUS เป็นบริษัทลูกของ BBK Electronics อีกที) ที่ผ่านมา OnePlus ก็พึ่งพา Oppo อยู่ระดับหนึ่งแล้วอย่างเช่นโรงงานผลิตหรือฮาร์ดแวร์และดีไซน์ (ถ้าสังเกต OnePlus หลาย ๆ รุ่นใช้โครงหรือบอดี้เดียวกับ Oppo รุ่นท็อป อย่างเช่น OnePlus 8 Pro กับ Find X2 Pro) อย่างไรก็ตามการรวมกันครั้งนี้น่าจะเป็นเรื่องของการลดต้นทุน R&D รวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ภายในเป็นหลัก ในแง่ผลิตภัณฑ์อาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ที่มา - XDA
# Beeper แอปแชทที่รองรับการสนทนา 15 แพลตฟอร์มในที่เดียว โดยผู้ก่อตั้ง Pebble Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้ง Pebble สมาร์ทวอทช์ที่ขายกิจการให้ Fitbit ไป และปัจจุบันเป็นพาร์ทเนอร์ของ Y Combinator เปิดตัวโครงการใหม่เป็นแอปชื่อว่า Beeper โดยมีจุดเด่น เป็นแอปแชทที่รองรับการเชื่อมต่อกับ 15 แพลตฟอร์ม ทำให้สามารถพูดคุยได้ 15 แอป ภายใต้แอปตัวเดียว Beeper พัฒนาขึ้นจากโปรโตคอล Matrix ที่เป็นโอเพนซอร์สสำหรับการส่งข้อความแบบเข้ารหัส โดยผู้ใช้งานต้องสร้าง Bridge มาเชื่อมต่อกับ api ของ Matrix ซึ่ง Beeper ก็ได้สร้าง Bridge ขึ้นมารองรับทั้ง 15 แอปแชท โดย Migicovsky ได้เผยแพร่โค้ดไว้ที่ GitLab ด้วย (ลิงก์ชื่อ Nova ซึ่งเป็นชื่อเดิมของโครงการ) ในบรรดาแอปแชทที่ Beeper รองรับนั้น ตัวที่น่าสนใจที่สุดคือ iMessage แอปแชทของแอปเปิล เนื่องจากไม่มีการเปิด api ให้ใช้งานจากแอปภายนอก โดยกรณีของ Beeper นั้น วิธีการเชื่อมต่อกับ iMessage ทำได้สองทางคือ ใช้ iPhone เครื่องเก่าที่เจลเบรกแล้ว และลงแอปสำหรับรับ-ส่งข้อความ iMessage เพื่อส่งต่อให้ Bridge โดย Migicovsky บอกว่าตอนนี้เขาหา iPhone 4S มือสองได้แล้ว 50 เครื่อง ส่วนอีกวิธีให้ลงแอป Beeper บน Mac เพื่อทำงานเป็น Bridge แอปแชท 15 แพลตฟอร์มที่ Beeper รองรับประกอบด้วย Whatsapp, Facebook Messenger, iMessage, Android Messages (SMS), Telegram, Twitter, Slack, Hangouts, Instagram, Skype, IRC, Matrix, Discord, Signal และเครือข่ายของ Beeper เอง Beeper คิดค่าใช้บริการ 10 ดอลลาร์ต่อเดือน สถานะตอนนี้ยังเปิดให้สมัครและรอการอนุมัติเท่านั้น รองรับระบบปฏิบัติการทั้ง macOS, Windows, Linux, iOS และ Android ที่มา: TechCrunch และ The Verge
# เปิดตัว Resident Evil RE: Verse เกมมัลติเพลเยอร์แบบเดธแมตช์ Capcom น่าจะยังไม่เข็ดกับการทำเกมออนไลน์มัลติเพลเยอร์หลัง Project Resistance ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อล่าสุดเปิดตัว Resident Evil RE:Verse เกมออนไลน์มัลติเพลเยอร์ตัวใหม่ ที่มาในรูปแบบของเดธแมตช์ (แต่ก็มีให้เล่นกับ AI ด้วย) RE: Verse จะใช้กราฟฟิคแบบ Cel Shading ลดความสมจริงจากตัวเกมหลักลงมา ขณะที่เซ็ตติ้งจากตัวอย่างเหมือนจะเป็นสถานีตำรวจ Raccoon City จาก RE2 Remake ส่วนตัวละครจะมีให้เล่นแบบมุมมองบุคคลที่ 3 ทั้ง Jill Valentine, Claire Redfield, Leon S. Kenney, Nemesis, Hunk, Chris Redfield, Ada Wong และ Jack Baker (ตัวร้ายภาค 7) RE: Verse จะแจกฟรีให้กับผู้เล่นที่ซื้อ Resident Evil: Village และออกพร้อมตัวเกมวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ทั้งคอนโซลและพีซี โดยจะเปิดให้เล่นแบบโคลสเบต้าบน PS4 และ Xbox One วันที่ 28 มกราคมนี้ สนใจลงทะเบียนได้ที่นี่ ที่มา - Polygon
# Capcom ปล่อยเดโม Resident Evil: Village เฉพาะบน PS5 แล้ววันนี้ Capcom ได้ปล่อยเกมเดโมของ Resident Evil: Village ออกมาแล้วในชื่อ Maiden เฉพาะบน PlayStation 5 โดยจะรองรับทั้ง Ray Tracing และระบบเสียง 3D ของ PlayStation 5 อย่างไรก็ตามในตัวเดโมเราจะไม่ได้เล่นเป็นพระเอกอย่าง Ethan Winters แต่เล่นเป็นหญิงสาว (Maiden ตามชื่อ) ที่ต้องหนีออกจากคุกใต้ดินและประสาท รวมถึงไม่มีระบบต่อสู้ให้ นอกจากปริศนาพัซเซิลที่ต้องไขให้ได้เพื่อหนีออกไป ตามสไตล์ Resident Evil ดังนั้นเดโมตัวนี้จะเน้นไปที่การนำเสนองานภาพ บรรยากาศและเสียงภายในตัวเกมเป็นหลัก ขณะที่โปรดิวเซอร์ของเกมบอกด้วยว่าเรื่องราวใน Maiden ไม่ได้เกิดขึ้นเวลาเดียวกับเรื่องราวใน Resident Evil: Village แต่มีเรื่องราวเป็นของตัวเองแบบสั้น ๆ แม้ตอนนี้ Maiden จะเอ็กคลูซีฟเฉพาะบน PlayStation 5 แต่ Capcom ก็ยืนยันว่าจะมีเดโม "ตัวอื่น" ให้แน่นอนสำหรับแพลตฟอร์มอื่น (เหมือน RE 7 Kitchen เดโมที่เอ็กคลูซีฟเฉพาะ PS VR) ที่มา - PS Blog, Polygon
# RE: Village เผยเทรลเลอร์ใหม่ เนื้อเรื่องและเกมเพลย์ ขาย 7 พฤษภาคม เมื่อคืนที่ผ่านมา Capcom เผยรายละเอียดพร้อมเทรลเลอร์ใหม่ของ Resident Evil: Village ออกมา โดยตัวเอกที่เราเล่นยังคงเป็น Ethan Winters จาก RE7 เช่นเดิม การกลับมาของเขาใน Village รอบนี้ก็คือกลับมาตามหาลูกสาวที่ถูกลักพาตัวไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่า Chris Redfield เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แค่ไหนอย่างไร (มีการเผยภาพ Chris ที่หน้าครึ่งหนึ่งของเจ้าตัวจะเป็นหมาป่าด้วย) โดยก่อนหน้านี้โปรดิวเซอร์เคยบอกว่าภาคนี้เป็นบทสรุปเรื่องราวภาค 7 มากกว่าจะเป็นภาค 8 สภาพแวดล้อมในภาคนี้ก็ตามชื่อคืออยู่ใน Village หรือหมู่บ้าน รวมถึงมีพื้นที่ที่เป็นปราสาท ทำให้ได้บรรยากาศ Resident Evil 4 กลาย ๆ อีกครั้ง ขณะที่เกมเพลย์ก็จะมีอารมณ์ของภาค 4 ด้วย อย่างระบบช่องเก็บของที่เราต้องบริหารจัดการพื้นที่ ทำลายสิ่งของต่าง ๆ เพื่อหาทรัพยากร (เช่น Green Herbs) รวมถึงการคราฟท์ไอเท็มและพ่อค้าซื้อขายของที่ชื่อว่า The Duke ขณะที่ตัวละครฝั่งผี จะไม่ใช่ซอมบี้หรือสัตว์ประหลาดในแบบเดิม ๆ เท่าไหร่ แต่จะมีกลิ่นอายของตำนานยุโรปตะวันออกอย่างแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า โดยตัวละคร (ร้าย?) หลักที่เผยโฉมออกมาแล้วคือ Lady Dimistrescu แวมไพร์หญิงที่ตัวใหญ่กว่าคนปกติทั่วไปที่ Capcom เคยแย้ม ๆ รูปออกมาให้ก่อนหน้านี้ Resident Evil: Village วางขายวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ทั้งพีซี, คอนโซลเจนเก่าและเจนใหม่ ที่มา - Polygon, PS Blog
# Alphabet เตรียมปิดตัว Loon บอลลูนปล่อยอินเทอร์เน็ต เพราะในเชิงพาณิชย์ยังเสี่ยง Alphabet เตรียมปิดตัวโครงการ Loon โปรเจกต์อินเทอร์เน็ตไร้สายที่มาพร้อมบอลลูน เหตุเพราะหนทางสู่การดำเนินการเชิงพาณิชย์นั้นยาก และเสี่ยงกว่าที่คิดไว้ โดยภายในเดือนถัดไปจะเริ่มลดระดับการดำเนินการ Loon เปิดตัวในปี 2013 เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเคนยา ทำบอลลูน 35 ตัว ปล่อยอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ 50,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งจะเปิดใช้งานถึงเดือนมีนาคมนี้ และจะลงทุนในเคนยาต่อเพื่อให้ประชาชนและธุรกิจเล็กสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ Loon ยังเคยปล่อยอินเทอร์เน็ตให้ใช้ในพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติ เช่น ในเปอร์โตริโก ประสบภัยเฮอร์ริเคนปี 2017 และพื้นที่เปรู ประสบภัยแผ่นดินไหวในปี 2019 ในบล็อกบริษัทบอกว่า เทคโนโลยีบางอย่างของ Loon อย่างการสื่อสารแบบออปติคัลแบนด์วิดท์สูง (20Gbps+) มีใช้งานใน Project Taara ด้วย ซึ่งทีมนี้เองก็ช่วยเรื่องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลแถบแอฟริกา ภาพจาก Blog.x ที่มา - The Verge
# Microsoft Edge 88 ออกแล้ว ซิงก์ History/Tabs ได้แล้ว, สั่งให้แท็บหลับ ลดแรมลง 30% ไมโครซอฟท์ออก Edge 88 Stable (ตามหลัง Chrome 88 Stable) โดยมีฟีเจอร์ใหม่ชุดใหญ่ดังนี้ ซิงก์ History และ Recent Tabs ข้ามเครื่องได้แล้ว Sleeping Tabs แท็บที่ไม่ได้ใช้นานๆ จะหลับไป ลดแรมลงได้ 30% รองรับธีมแบบเนทีฟบน Windows โดยมีธีมจากเกม Xbox จำนวนมากให้เลือกบน Edge Store และถ้าไม่พอก็ยังใช้ธีมจาก Chrome Web Store ได้ด้วย Sidebar Search ลากคำที่สนใจแล้วคลิกขวาเลือก "Search in Sidebar" แทนการเปิดหน้าแท็บใหม่ หน้า New Tab แสดงรายการอีเมลล่าสุดของ Outlook ได้ (ต้องล็อกอิน Edge และ Outlook ด้วยบัญชีเดียวกัน) เพิ่มฟีเจอร์ช่วยตั้งรหัสผ่านแบบสุ่ม ตัวช่วยตรวจสอบว่ามีรหัสผ่านหลุดหรือไม่ และช่วยเปลี่ยนรหัสผ่านให้ ปรับหน้าจอจัดการคุกกี้ใหม่ มีปุ่ม Remvoe all third party cookies เข้ามา เลือกตั้งค่า Secure DNS แยกเองได้ ฟีเจอร์อื่นๆ คือรองรับ Automatic Profile Switching บน macOS แล้ว ที่มา - Microsoft (1), Microsoft (2)
# Facebook ให้ Oversight Board เป็นคนตัดสินว่าการแบนทรัมป์ ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ จากประเด็น Facebook ระงับบัญชีโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทาง Facebook ออกมาแถลงว่า การตัดสินดังกล่าวไม่ควรเป็นอำนาจของ Facebook เพียงอย่างเดียว จึงให้ Oversight Board หรือคณะกรรมการอิสระตรวจสอบอำนาจการใช้นโยบายของ Facebook เช้ามาช่วยดูด้วยว่า เป็นการกระทำที่ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ โดยในขณะที่รอการตัดสินจาก Oversight Board บัญชีของทรัมป์จะยังถูกระงับต่อไป ซึ่งตามกระบวนการรีวิวแต่ละกรณีของ Oversight Board จะกินเวลาราว 90 วัน แต่ Facebook บอกกับ CNN คาดหวังว่ากระบวนการจะเร็วกว่านั้น จากเหตุการณ์ม็อบผู้สนันสนุนทรัมป์บุกรัฐสภาที่ Washington D.C. เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ก็ระงับบัญชีของเขาทันทีเพราะเกรงว่าจะใช้เป็นช่องทางปลุกระดมม็อบ อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิจารณ์ด้วยเช่นกันว่า การแบนคนแบบนี้ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ หรือเป็นการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารหรือไม่ Jack Dorsey ซีอีโอ Twitter ก็เคยแสดงความกังวลต่อเรื่องนี้ไว้ และสนับสนุนให้เกิดโซเชียลมีเดียแบบกระจายอำนาจ ด้าน Tim Cook ซีอีโอ Apple ระบุว่าที่แบนนั้นถูกต้องแล้ว เพราะมีเรื่องการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ที่มา - Facebook, CNN
# AWS ประกาศแยกโครงการ Elasticsearch/Kibana ยืนยันบริการ Amazon ES ได้แพตช์ครบ AWS ประกาศ fork โครงการ Elasticsearch/Kibana เพื่อดูแลโครงการในรูปแบบไลเซนส์ Apache 2.0 ต่อไป หลังจากทาง Elastic ประกาศเปลี่ยนไลเซนส์เป็น SSPL/Elastic Lincense และจะใช้ Elasticsearch/Kibana เวอร์ชั่น 7.10 ที่ทาง Elastic ปล่อยไลเซนส์ Apache 2.0 เป็นรุ่นสุดท้ายมาพัฒนาต่อ ตัวโครงการจะวางบน GitHub ในอีก "ไม่กี่สัปดาห์" ข้างหน้า ทีมงาน AWS ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนบีบให้ Elastic ต้องเปลี่ยนไลเซนส์แต่อย่างใด แต่ Elastic เองพยายามทำเงินจากบริการคลาวด์เพื่อขยายธุรกิจเท่านั้น แม้ทาง Elastic มีสิทธิ์เปลี่ยนไลเซนส์แต่ก็ควรยอมรับเหตุผลการตัดสินใจตรงๆ สำหรับโครงการ Open Distro for Elasticsearch นั้นทาง AWS ระบุว่าที่ผ่านมาพยายามนำโค้ดกลับต้นน้ำเสมอมา (แพตช์สุดท้ายเพิ่งทดสอบเสร็จเมื่อสิ้นปี 2020) แม้แต่ตัวไลบรารี Lucene เอง ทาง AWS ก็ส่งแพตช์กลับโครงการมากกว่า 20 ครั้งในปี 2020 สำหรับตัวบริการ Amazon ES นั้นทาง AWS ระบุว่าตอนนี้มี Elasticsearch ให้บริการอยู่ 18 เวอร์ชั่น ไม่มีเวอร์ชั่นใดที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไลเซนส์ และโครงการใหม่ที่ fork มานี้ จะทำให้ผู้ใช้ Amazon ES ได้รับแพตช์ครบ ที่มา - AWS Blog
# แอป ECG บน Apple Watch ปล่อยเวอร์ชันทดสอบในไทย ตัวจริงอาจมาต้นสัปดาห์หน้า แอปเปิลออกอัพเดต iOS 14.4 และ watchOS 7.3 ให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจจับคลื่นหัวใจผ่านแอป ECG บน Apple Watch Series 4, 5 และ 6 ได้แล้วในประเทศไทย หลังได้รับการอนุมัติจาก อย. และจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ประเภท Class I โดยตอนนี้ยังปล่อยแบบตัวทดสอบ (Release Candidate) ก่อน เวอร์ชันจริงน่าจะปล่อยช่วงต้นสัปดาห์หน้า การวัดคลื่นหัวใจของ Apple Watch จะเป็นแบบ single-lead สามารถตรวจวัดได้แค่อาการหัวใจเต้นพริ้ว (Atrial Fibrillation) เป็นหลักเท่านั้น หากต้องการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจทั้ง 4 ห้อง หรืออาการป่วยเกี่ยวกับหัวใจ ควรไปพบแพทย์และตรวจที่โรงพยาบาลด้วยเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบ 12-lead อ่านเพิ่มเติม ไขข้อสงสัยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) บน Apple Watch โดยแพทย์ รพ. สมิติเวช ที่มา - แอปเปิล
# Motherboard รายงาน Instacart เริ่มเลย์ออฟคนส่งของ พนักงานที่โหวตตั้งสหภาพแรงงานโดนด้วย ปีที่แล้ว มีการโหวตก่อตั้งสหภาพแรงงาน United Food and Commercial Workers Local 1546 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของคนทำงาน gig workers และเป็นครั้งแรกของพนักงานตามสัญญา ในกลุ่มบริษัทเทคที่รวมกลุ่มเป็นสหภาพแรงงานได้สำเร็จ แต่ล่าสุด มีรายงานจาก Motherboard ว่า Instacart บริการฝากซื้อของชำเริ่มเลย์ออฟและโอนถ่ายพนักงาน หนึ่งในนั้นมีพนักงานที่โหวตก่อตั้งสหภาพแรงงานด้วยร่วม 10 ราย Instacart ระบุว่า ร้านขายของชำบางแห่งเปลี่ยนไปใช้วิธีการเลือกคู่ค้า (Partner Pick) และมีร้านค้าปลีกบางส่วนที่ยุติสัญญากับบริษัท จึงมี Shopper หรือคนส่งของที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งทางบริษัทจะพยายามโอนย้าย Shopper ไปยังร้านค้าปลีกอื่น อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทไม่ได้บอกจำนวนคนทำงานที่จะได้รับผลกระทบว่ามีกี่คนที่ต้องย้าย และมีกี่คนที่จะไม่ได้งานทำต่อ โดยพนักงานบางส่วนบอกกับ Motherboard ว่าได้เงินชดเชยแค่เพียง 250 ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งกระบวนการโอนย้ายหรือเลย์ออฟจะเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม - มิถุนายน ในภาวะวิกฤติ COVID-19 Instacart มีการเติบโตขึ้นในแง่การใช้บริการ มีการจ้างคนเพิ่มหลักแสนคน และบริษัทกำลังจะ IPO ในปีนี้ ภาพจาก Instacart ที่มา - The Verge
# IBM ไตรมาส 4/2020 กลุ่มธุรกิจ Cloud ยังเติบโตต่อตามกลยุทธ์ ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 รายได้รวมลดลง 6% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 20,367 ล้านดอลลาร์ มีกำไรสุทธิ 1,356 ล้านดอลลาร์ กลุ่มธุรกิจคลาวด์ที่เป็นธุรกิจใหม่ตามกลยุทธ์ของไอบีเอ็มยังคงเติบโต รายได้เพิ่มขึ้น 10% ขณะที่ Red Hat รายได้เพิ่มขึ้น 19% Arvind Krishna ซีอีโอไอบีเอ็ม กล่าวว่าในปี 2020 บริษัทได้ทำให้แพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์มาเป็นพื้นฐานสำคัญ สำหรับลูกค้าบริษัทที่กำลังเปลี่ยนไปสู่องค์กรดิจิทัล ท่ามกลางความท้าทายต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม เขายังมั่นใจว่าไฮบริดคลาวด์ และ AI จะช่วยให้บริษัทเติบโตต่อในปี 2021 นี้ ที่มา: ไอบีเอ็ม (pdf)
# Intel ไตรมาส 4/2020 รายได้ลดลงเล็กน้อย ยืนยันอาจเอาท์ซอร์สการผลิตชิปบางส่วน อินเทลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 รายได้รวม 19,978 ล้านดอลลาร์ ลดลง 1% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 5,857 ล้านดอลลาร์ กลุ่มธุรกิจ Data Center รายได้ลดลง 16% เป็น 6,088 ล้านดอลลาร์ จากภาวะการแข่งขันในตลาดและภาพรวมเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ 5G ยังคงเติบโต ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Client Computing รายได้เพิ่มขึ้น 9% เป็น 10,939 ล้านดอลลาร์ Bob Swan ซีอีโออินเทลกล่าวว่าอินเทลยังส่งมอบสินค้าเกี่ยวข้องกับการประมวลผลให้กับลูกค้าได้ต่อเนื่อง ทั้งยืนยันว่าอินเทลวางกลยุทธ์ไว้ดี มีฐานทางการเงินที่ดี และพร้อมส่งต่อตำแหน่งซีอีโอให้กับ Pat Gelsinger ด้าน Gelsinger พูดถึงความคืบหน้าของการผลิต 7 นาโนเมตร ว่ามีทิศทางที่ดี รวมทั้งเขายังมั่นใจว่าตามแผนในปี 2023 สินค้าส่วนใหญ่ของอินเทลจะเป็นผู้ผลิตเอง แต่ในตอนนี้อาจมีการเอาท์ซอร์สการผลิตชิปบางส่วนออกไปก่อน ที่มา: อินเทล และ CNBC
# Rocky Linux โครงการทดแทน CentOS ตั้งเป้าออกรุ่นทดสอบแรก 31 มีนาคมนี้, AWS ร่วมบริจาคเซิร์ฟเวอร์ โครงการ Rocky Linux ดิสโทรทดแทน CentOS ที่ Red Hat ตัดซัพพอร์ตไป ประกาศความคืบหน้าโครงการโดยเริ่มวางโครงสร้างพื้นฐานกันบางส่วนแล้ว ทำให้เริ่มกำหนดช่วงเวลาได้ เป้าหมายสำคัญคือวันที่ออกรุ่นทดสอบ (release candidate) คือวันที่ 31 มีนาคมนี้ เป้าหมายอื่นๆ ได้แก่ วางโครงสร้างระบบ build แพ็กเกจ ภายใน 31 มกราคม เปิด repository ของแพ็กเกจให้ทดสอบภายใน 28 กุมภาพันธ์ เริ่มทดสอบตัวติดตั้ง (installer) วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ประกาศระยะเวลาทดสอบภายในวันที่ 31 มีนาคม ตอนนี้โครงสร้างองค์กรสำหรับรับบริจาคนยังไม่เรียบร้อย แต่มีบริษัทเข้ามาช่วยเหลือแล้ว 3 บริษัท ได้แก่ Ctrl IQ เข้ามาออกค่าใช้จ่ายเบื้องต้น, AWS ให้ใช้เซิร์ฟเวอร์, Mattermost บริจาคไลเซนส์ระดับองค์กร ที่มา - Rocky Linux
# Firefox for Android จะให้ติดตั้งส่วนขยายผ่าน addons.mozilla.org ตั้งแต่เวอร์ชัน 85 Mozilla ระบุว่า Firefox for Android จะรองรับการติดตั้งส่วนขยายจาก addons.mozilla.org จากก่อนหน้านี้ที่กำหนดให้ลงผ่าน Add-ons Manager เท่านั้น โดยจะเริ่มตั้งแต่ Firefox 85 ที่จะออกวันที่ 25 มกราคมนี้เป็นเวอร์ชันแรก ปัจจุบันรูปแบบการติดตั้งผ่าน Add-ons Manager นั้น Mozilla ระบุว่าทำให้ผู้ใช้สับสนถ้าผู้ใช้เคยชินกับการติดตั้งส่วนขยายบน Firefox เวอร์ชันเดสก์ท็อป แต่ตัวส่วนขยายที่สามารถติดตั้งบน Firefox for Android นั้นยังคงมีตัวเลือกจำกัดมากเหมือนเดิม ซึ่ง Mozilla จะเพิ่มและปรับปรุงประสิทธิภาพส่วนขยายให้เหมาะสมสำหรับใช้งานบนอุปกรณ์พกพาต่อไปในเดือนหน้า ที่มา - Mozilla, Engadget ภาพจาก Mozilla
# Logz.io ประกาศเปิดโครงการ Elasticsearch/Kibana เวอร์ชั่นโอเพนซอร์ส หลังจากบริษัท Elastic ประกาศเปลี่ยนไลเซนส์โครงการ Elasticsearch/Kibana ให้กลายเป็น SSPL หรือ Elastic License จนถือว่าไม่ใช่โครงการโอเพนซอร์สอีกต่อไป ตอนนี้ทาง Logz.io ผู้ให้บริการจัดการ log ที่พัฒนามาจากแพลตฟอร์ม ELK (Elasticsearch, Logstash, Kibana) ก็ประกาศแยกโครงการเพื่อพัฒนาต่อในรูปแบบ Apache 2.0 ต่อไป ทาง Logz.io ระบุว่าจะหาพันธมิตรมาร่วมพัฒนาด้วย โดยมีเป้าหมายว่าโครงการใหม่นี้จะดูแลโดยหลายองค์กรร่วมกัน และสุดท้ายจะยกโครงการให้มูลนิธิอย่าง ASF หรือ CNCF เป็นผู้ดูแล ประเด็นน่าสนใจของประกาศจาก Logz.io คือการโจมตี Elastic ว่ามีท่าทีไม่เป็นมิตรต่อโลกโอเพนซอร์สมาเป็นเวลานาน โดยบริษัทเองไม่ได้พัฒนาโครงการ Elasticsearch หลักมากนัก แต่มุ่งพัฒนาแต่ X-Pack ที่เป็นส่วนปิดซอร์สของบริษัทเท่านั้นเพื่อเน้นสร้างยอดขายเป็นหลัก และในอดีตตอน Elastic เริ่มแยกฟีเจอร์ออกมาเป็น X-Pack ก็เคยประกาศว่าจะปล่อยโครงการ Elasticsearch ตัวหลักเป็น Apache 2.0 ตลอดไป แต่บริษัทก็ผิดคำพูด Elastic พยายามแสดงว่าเป็นผู้ถูก AWS บีบจนต้องปิดซอร์ส แต่ Elasticsearch เองก็อาศัยการโอเพนซอร์สสร้างชุมชนผู้ใช้และผู้พัฒนา จนธุรกิจมีขนาดระดับ 15,000 ล้านดอลลาร์ (มูลค่าหุ้นล่าสุด ณ เวลาที่เขียนข่าวบริษัทมีมูลค่า 14,730 ล้านดอลลาร์) สำหรับฝั่ง AWS ที่ดูแลโครงการ Open Distro for Elasticsearch (ODFE) ตอนนี้ยังไม่มีประกาศอะไรออกมา แต่ ODFE เองก็มีโครงการเป็นปลั๊กอินรายล้อม Elasticsearch/Kibana เป็นหลัก การดูแลทั้งสองโครงการด้วยตัวเองนับว่าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ที่มา - Logz.io
# เผย Hyundai ให้ Kia เป็นผู้พัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ในโครงการที่ร่วมมือกับ Apple Kia บริษัทรถยนต์รายใหญ่ของเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยว่าบริษัทกำลังเจรจาความร่วมมือพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับกับบริษัทหลายแห่ง โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นบริษัทใดบ้าง แต่เชื่อว่าหนึ่งในนั้นคือแอปเปิล ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวจากสื่อออนไลน์ท้องถิ่น Edaily ระบุว่า Hyundai บริษัทแม่ของ Kia ซึ่งมีข่าวว่าเป็นพาร์ทเนอร์ในการพัฒนารถยนต์ร่วมกับแอปเปิลก่อนหน้านี้ ได้ตัดสินใจให้ Kia เป็นบริษัทที่รับผิดชอบงานนี้ร่วมกับแอปเปิล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Kia ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Kia Motors เหลือสั้น ๆ เพียง Kia โดยระบุว่าเป็นไปตามกลยุทธ์ใหม่ที่ ปรับบริษัทจากผู้ผลิตยานพาหนะไปสู่โซลูชันด้านขนส่ง ตัวแทนของ Hyundai และแอปเปิล ยังไม่ออกมาให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ที่มา: Reuters
# ฮาร์ดแวร์กล้อง Galaxy S21 และ S21+ แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงจาก Galaxy S20 แม้ปีนี้ Galaxy S21 จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน เช่นเลิกแถมที่ชาร์จตัดช่องใส่ microSD ออก และเปลี่ยนฝาหลังของรุ่นเริ่มต้นจากกระจก Gorilla Glass 6 ในรุ่น S20 เป็นฝาหลังแบบพลาสติกในรุ่น S21 ส่วนตัวกล้องด้านหลัง แม้จะเป็นดีไซน์ใหม่ แต่ฮาร์ดแวร์กล้องทั้งหมดของ Galaxy S21 และ S21+ มีการเปลี่ยนแปลงจาก Galaxy S20 แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยกเว้น Galaxy S21 Ultra ที่ดูจะมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงกล้องมากกว่า S20 Ultra พอสมควร ในรุ่น S21 และ S21+ ทั้งกล้องหน้า 10MP และกล้องหลังหลัก 12MP กับกล้องเทเล 64MP เป็นของเดิม ยกเว้นเพียงเซ็นเซอร์ของกล้องอัลตร้าไวด์ 12MP ที่เปลี่ยนจาก รุ่น S5K2LA บน S20 เป็น Sony IMX563 เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพของกล้องหลักและกล้องเทเลจะเท่าเดิม เพราะ Samsung อาจปรับปรุงด้านซอฟต์แวร์และชิปประมวลผลภาพแทน แต่คงไม่ได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดดนัก หากต้องการคุณภาพกล้องที่ดีขึ้น อาจต้องอัพเกรดไปซื้อรุ่น Galaxy S21 Ultra แทน เพราะเมื่อเทียบสเปกบนกระดาษ อ้างอิงเว็บ GSM Arena กับ S20 Ultra รุ่นก่อนหน้าแล้ว พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร กล้องหลักแม้ยังเป็นกล้อง 108MP f/1.8 เท่าเดิม แต่เพิ่ม Laser AF เข้ามาช่วยในด้านออโต้โฟกัส ส่วนกล้อง Periscope Tele ของ S21 Ultra แม้ลดจำนวนพิกเซลจาก 48MP เหลือ 10MP แต่ก็เพิ่มขนาดพิกเซลจาก 0.8µm เป็น 1.22µm ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น กล้อง depth ถูกตัดออกไป เพิ่มกล้องเทเลตัวที่สอง ความละเอียด 10 MP, f/2.4 ทางยาวโฟกัส 70 มิลลิเมตร เข้ามาแทน ส่วนกล้องอัลตร้าไวด์ก็มีการเพิ่ม dual pixel PDAF (Phase Detection Autofocus) เข้ามาช่วยปรับปรุงการโฟกัส ที่มา - SamMobile, Specs from GSM Arena: Galaxy S20, Galaxy S21, Galaxy S21 Ultra, Galaxy S20 Ultra
# เปิดตัว Raspberry Pi Pico บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ขนาดจิ๋ว ราคา 150 บาท Rhaspberry Pi เปิดตัว Pico บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ขนาดจิ๋ว รันด้วยชิป RP2040 ซีพียูดูอัลคอร์ Cortex M0+ คล็อกสูงสุด 133MHz แรมแบบ static ขนาด 264KB ชิปแฟลชแบบ QSPI 2MB มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ 12-bit ติดตั้งมาให้ในตัว พอร์ท micro USB-B, GPIO 26 ขา, UART 2 ขา, SPI 2 ขา I²C 2 ขา และ PWM pin อีก 16 ขา (ต่อพินแยกเอง) Raspberry Pi Pico รองรับไฟสูงสุด 1.8-5.5v ราคา 4 เหรียญ ส่วน Cytron นำเข้ามาขายที่ 150 บาท ที่มา - RPi
# Twitter ล็อกและซ่อนโพสต์บัญชีสถานทูตจีน เพราะโพสต์ปกป้องรัฐบาลจีนเรื่องชาวอุยกูร์ Twitter ล็อกบัญชีสถานทูตจีนในสหรัฐฯ หรือ @ChineseEmbinUS เพราะเขียนโพสต์ปกป้องนโยบายรัฐบาลจีนเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง โดย Twitter ให้เหตุผลที่ล็อกว่าละเมิดนโยบาย ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ บัญชี @ChineseEmbinUS โพสต์ทวีตว่าผู้หญิงอุยกูร์ไม่ได้เป็น "เครื่องจักรผลิตทารก" อีกต่อไปโดยอ้างการศึกษาที่รายงานโดย China Daily สิ่งพิมพ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนเอง หลังจากฝ่ายบริหารของทรัมป์กล่าวหาจีนว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในซินเจียง โฆษกของ Twitter กล่าวว่า ทางแพลตฟอร์มดำเนินการกับบัญชีดังกล่าวเพราะมีกฎห้ามการลดทอนความเป็นมนุษย์ของกลุ่มคนตามศาสนา วรรณะ อายุ ความทุพพลภาพ โรคร้ายแรง ชาติกำเนิด หรือเชื้อชาติ ท่าทีของรัฐบาลจีนต่อประเด็นชาวอุยกูร์นั้นยังเป็นเหมือนเดิมตลอดมา คือปฏิเสธว่าไม่มีการกักกันในแคมป์ล้างสมองแต่อย่างใด รวมถึงไม่มีการบังคับใช้แรงงานด้วย ภาพจาก Twitter ที่มา - Reuters
# Gabe Newell ยอมรับ Valve กำลังพัฒนาเกมอีกหลายเกม Gabe Newell ผู้ก่อตั้ง Valve ให้สัมภาษณ์กับสื่อนิวซีแลนด์ ยอมรับว่าบริษัทกำลังพัฒนาเกมอยู่อีกหลายเกม (games) ซึ่งบริษัทมีแผนจะประกาศเปิดตัว พร้อมพูดเป็นนัยด้วยว่า การกลับมาทำเกมเนื้อเรื่องเล่นคนเดียวอย่าง Half-Life: Alyx นั้นค่อนข้างเป็นเรื่องดีในการสร้างโมเมนตัมในบริษัท ที่กลับมาทำเกมอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดใด ๆ เหมือนเดิม รวมถึงเลี่ยงที่จะพูดข่าวลือเกมโค้ดเนม Citadel ที่มีข่าวว่าเป็นเกม VR มัลติเพลเยอร์ที่ Valve กำลังพัฒนา ที่มา - tvnz.co.nz
# Gabe Newell บอกที่ไม่ตอบเรื่อง Half-Life 3 เพราะไม่ต้องเจอคำถามใหม่ที่ตอบยากเหมือน ๆ กัน จากการแซวสู่มุข จากมุขสู่มีมและน่าจะกลายเป็นตำนานไปแล้วกับการนับไม่ถึง 3 ของ Valve กับเกม Half-Life ซึงเจ้าของบริษัทอย่าง Gabe Newell ที่เลี่ยงตอบคำถามนี้มาตลอด ก็ทั้งถูกแซว จนเจ้าตัวเองก็เล่นไปกับมุขนี้ และแซวตัวเองด้วยซ้ำ ล่าสุด Gabe ให้สัมภาษณ์กับสื่อนิวซีแลนด์ (เจ้าตัวติดล็อกดาวโควิดเลยพักยาวอยู่ที่นี่) ถึงสาเหตุที่ไม่เคยตอบคำถามเรื่อง Half-Life 3 หรือ Portal 3 ตรง ๆ เพราะว่าหากเขาตอบออกไป ก็จะต้องเจอและมานั่งคิดคำตอบให้กับคำถามใหม่ที่ตอบยากพอ ๆ กัน และเขาก็บอกว่าจะยังคงไม่ตอบคำถามนี้ต่อไป จนกว่าเรื่องนี้จะไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ถึงกระนั้น Gabe ก็ยอมรับว่า Valve กำลังพัฒนาเกมอีกหลายเกม ที่มา - TVN.co.nz
# TCL ยืนยัน อัพเกรดทีวีปี 2019-2020 เป็น Android TV 11 ให้, ทีวีปี 2021 ใช้ Google TV กูเกิลเปิดตัว Android TV เวอร์ชัน 11 ไปเมื่อเดือนกันยายน 2020 คำถามที่ผู้ซื้อทีวีสนใจคงเป็นว่า สมาร์ททีวีเดิมจะได้อัพเกรดด้วยหรือไม่ แบรนด์ TCL ออกมาประกาศแล้วว่าจะอัพเกรดสมาร์ททีวีรุ่นที่ขายในปี 2019 และ 2020 เป็นระบบปฏิบัติการ Android TV 11 ให้ด้วย แต่ต้องรอกันอีกนานหน่อย กำหนดการคือไตรมาส 3 ปี 2021 แต่ทั้งหมดเป็นข้อมูลเฉพาะสินค้าที่ขายในยุโรปเท่านั้น นอกจาก Android TV 11 ที่เป็นตัวระบบปฏิบัติการหลัก กูเกิลยังมี Google TV เวอร์ชันรีแบรนด์ใหม่ ที่เป็น UI ครอบอีกที และให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ตัดสินใจเองว่าจะใช้งานหรือไม่ กรณีของ TCL ยืนยันแล้วว่าจะใช้อินเทอร์เฟซ Google TV กับสมาร์ททีวีปี 2021 แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าทีวีรุ่นเก่าจะได้อัพเกรด UI ใหม่ด้วยหรือไม่ ก่อนหน้านี้ Sony เป็นผู้ผลิตทีวีอีกค่ายที่ประกาศว่าจะใช้อินเทอร์เฟซ Google TV สำหรับสมาร์ททีวีปี 2021 ภาพหน้าจอ Google TV ของ TCL ที่มา - FlatPanelsHD via 9to5google, TCL
# ธนาคารกลางจีนเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานต่อต้านผูกขาด พุ่งเป้าบริษัทฟินเทคที่ไม่ใช่ธนาคาร ธนาคารกลางจีน (People's Bank of China - PBOC) เตรียมเพิ่มมาตรการในกฎหมายต้านการผูกขาดสำหรับอุตสาหกรรมเพย์เมนต์จากบริษัทที่ไม่ใช่ธนาคาร (non-bank payment) อย่างเช่น Alipay หรือ WeChat Pay ร่างกฎหมายใหม่นี้จะให้อำนาจ PBOC สามารถยื่นเรื่องและทำงานร่วมกันคณะกรรมการต่อต้านการผูกขาดได้ง่ายขึ้น ในการจัดการบริษัทเอกชนที่ใช้อำนาจเหนือตลาด ซึ่งจะเข้าข่ายก็ต่อเมื่อบริษัทใดบริษัทหนึ่งมีส่วนแบ่งตลาดระบบจ่ายเงินอิเล็กทรอนิค (ทังเว็บและโมบายล์) เกิน 1/3 หรือ 2 บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันเกินครึ่ง และจะเข้าข่ายผูกขาดเมื่อบริษัทเดียวมีส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่ง ท่าทีของรัฐบาลจีนออกมาในทิศทางเดียวและช่วงเวลาเดียวกับรัฐบาล ที่กำลังเข้ามาจัดการและควบคุมบริษัทฟินเทคเหล่านี้ ไม่ให้มีอำนาจในอุตสาหกรรมมากเกินไป ที่มา - Nikkei ภาพจาก Shutterstock
# หน้าจอโน้ตบุ๊กอัตราส่วน 16:10 และ 3:2 แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ, 16:9 อาจอยู่แค่ในรุ่นประหยัด โน้ตบุ๊กส่วนใหญ่ในท้องตลาด เป็นโน้ตบุ๊กที่มีอัตราส่วนหน้าจอ 16:9 ซึ่งเป็นหน้าจอมาตรฐานเดียวกับทีวี ทำให้ต้นทุนการผลิตถูกกว่า และผลิตได้ง่ายกว่า รวมทั้งเป็นมาตรฐานการแสดงผลของคอนเทนต์ต่างๆ มาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังมี Apple ที่ใช้จอ 16:10 บน Macbook รวมถึงอุปกรณ์ตระกูล Surface ของ Microsoft ที่ใช้อัตราส่วนหน้าจอ 3:2 ซึ่ง สองอัตราส่วนนี้ ให้พื้นที่แนวตั้งกับผู้ใช้มากกว่า เป็นมิตรกับผู้ใช้งานกว่าในการใช้เขียนโค้ด การจัดการสเปรดชีท และการทำงานอื่นๆ ที่ต้องใช้พื้นที่แนวตั้ง ส่วนขอบดำที่มีเพิ่มเข้ามาตอนรับชมคอนเทนต์ 16:9 ก็ไม่มากนัก โดยเฉพาะในจอ 16:10 ที่แทบไม่ต่างจากเดิม ส่วน 3:2 ก็มีขอบดำใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว รวมถึงในงาน CES ปีนี้ เราได้เห็นจอ 16:10 มากขึ้น ทั้งตระกูล ThinkPad X1 ของ Lenovo, LG Gram รุ่นใหม่ และ Dell XPS 13 ส่วนจอ HP รุ่น Spectre x360 14 ก็ปรับอัตราส่วนเป็น 3:2 เท่า Surface แล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโน้ตบุ๊กรุ่นเรือธงของแบรนด์ชั้นนำ อย่างไรก็ตามการผลิตหน้าจอ 16:9 ที่เป็นมาตรฐานเดิม ก็ยังมีต้นทุนต่ำกว่า เพราะไม่ต้องไปปรับปรุงไลน์การผลิตมอนิเตอร์อัตราส่วนเดิม เราจึงอาจยังเห็นโน้ตบุ๊กรุ่นที่ราคาถูกลงมา ใช้จอ 16:9 ต่อไปอีกสักพัก แต่ก็น่าสนใจว่าจะนานแค่ไหน ที่แน่ๆ คือผู้ใช้โน้ตบุ๊กทำงาน จะเริ่มมีตัวเลือกหน้าจอมากขึ้นแน่นอน และต่อไปเราอาจได้เห็นมอนิเตอร์พีซีที่มีอัตราส่วน 16:10 หรือ 3:2 แพร่หลายมากขึ้นด้วยเช่นกันก็เป็นได้ ที่มา - ExtremeTech
# ญี่ปุ่นจองวัคซีนจาก Pfizer เพิ่มสำหรับประชากร 12 ล้านคน รวมจองวัคซีนพอสำหรับ 157 ล้านคนเกินจำนวนประชากรไปมาก ญี่ปุ่นประกาศจองวัคซีน COVID-19 จาก Pfizer เพิ่มสำหรับประชากร 12 ล้านคน (น่าจะ 24 ล้านโดสแต่ที่มาระบุเป็นจำนวนคน) ทำให้ยอดจองวัคซีนรวมตอนนี้เกินจำนวนประชากร 126 ล้านคนไปมาก ขณะที่ประชากรญี่ปุ่นอายุเกิน 15 ปีอยู่ที่ 90 ล้านคน และรัฐบาลจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนอายุเกิน 16 ปีเท่านั้น ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นจองวัคซีนจาก Pfizer สำหรับประชากร 60 ล้านคน, AstraZeneca สำหรับประชากร 60 ล้านคน, และ Moderna สำหรับประชากร 25 ล้านคน ทำให้ข้อตกลงการจองก่อนหน้านี้ก็เกินจำนวนประชากรอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี Pfizer เป็นเพียงบริษัทเดียวที่ยื่นขอรับรองในญี่ปุ่นในตอนนี้ และคาดว่าจะได้รับอนุญาตใช้งานกลางเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้การจองวัคซีนจาก Pfizer ก่อนจะเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นฉีดวัคซีนเป็นวงกว้างได้เร็วขึ้น ทาง Pfizer เพิ่งประกาศเพิ่มกำลังผลิตจนคาดว่าจะผลิตวัคซีน COVID-19 ได้ 2,000 ล้านโดสเพียงพอสำหรับประชากร 1,000 ล้านคนในปีนี้ ทำให้รองรับคำสั่งซื้อจากประเทศต่างๆ เพิ่มเติมได้ ที่มา - Japan Times ภาพวัคซีน BNT162b2 จาก BioNTech
# [บริษัทแถลงแล้ว] สื่อโปแลนด์ระบุ Intel ร่วมมือกับ Nvidia กั๊กไม่ให้โน้ตบุ๊ก Ryzen 4000 ใช้จีพียูเกิน RTX2060 ปีก่อนนี้โน้ตบุ๊กใช้ AMD 4000 (Renoir) ซึ่งเป็นซีพียูโน้ตบุ๊กที่มีประสิทธิภาพต่อพลังงานดีเป็นอันดับต้นๆ ของตลาด แต่ส่วนใหญ่กลับมาในโน้ตบุ๊กที่มีการ์ดจอสูงสุดแค่ RTX 2060 เท่านั้น กลับกันซีพียู Intel Comet Lake-H กลับมีตัวเลือกการ์ดจอสูงสุดถึง RTX 2080 Super ก่อนหน้านี้ Frank Azor หัวหน้าฝ่ายสถาปนิกโซลูชันเกมมิ่งของ AMD เคยออกมาพูดถึงว่า โน้ตบุ๊กที่ใช้ Ryzen 4000 คงไม่มีรุ่นที่มีการ์ดจอสูงกว่า RTX 2060 ออกมา แต่เพราะอะไรให้ไปถาม OEM เอาเอง ซึ่งตอนหลัง OEM ก็ได้อ้างเหตุผลว่าเป็นเพราะข้อจำกัดของ PCIe 3.0 8x บนแพลตฟอร์ม Renoir ซึ่งมีแบนด์วิธน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ PCIe 3.0 16x ของ Intel แต่ปีนี้กลับเริ่มมีโน้ตบุ๊ก Ryzen 5000 ที่ใช้ PCIe 3.0 8x เท่าเดิม แต่มาคู่กับ RTX 3080 ได้ซะงั้น เช่น Asus ROG Zephyrus 15 ล่าสุด PurePC.pl เว็บข่าวไอทีของโปแลนด์ ทำการสืบสวนกรณีนี้ และเปิดเผยว่ามีแหล่งข่าวเป็น OEM เจ้าหนึ่ง ออกมายอมรับกับเว็บว่าสาเหตุมาจากดีลลับที่ Nvidia ทำกับ Intel โดยจะยอมให้ใช้การ์ดจอตัวท็อปบนโน้ตบุ๊ก คู่กับซีพียู Intel Comet Lake-H เท่านั้น น่าสนใจว่าหลังจากนี้ Intel จะแข่งขันกับ AMD ยังไงต่อ หลังจากที่ Ryzen ตีตื้นเข้ามาทุกปี (และแซงแล้วในหลายๆ ด้าน หลายๆ การทดสอบ) เพราะตอนนี้โน้ตบุ๊ก AMD น่าจะมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวท็อปของ Nvidia ได้แล้ว แม้ฝั่ง Intel จะเหลือการรองรับพอร์ต Thunderbolt เป็นแต้มต่ออยู่ก็ตาม update: PurePC.pl อัพเดทแถลงจุดยืนอย่างเป็นทางการจาก Nvidia ยืนยันว่าข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริง ผู้เลือกใช้การ์ดจอและซีพียูคือ OEM และ Nvidia พร้อมสนับสนุนทั้ง Intel และ AMD ในทุกๆ ผลิตภัณฑ์ ส่วนฝั่ง Intel ก็ยืนยันเช่นกันว่าข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริงและ Intel ดำเนินธุรกิจตามหลักการที่ถูกต้องและด้วยความเป็นมืออาชีพเสมอ (ลิงก์ต้นทาง PurePC.pl อัพเดตเป็นภาษาโปแลนด์ท้ายบทความ แปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย Google Translate) ที่มา - PurePC.pl via Notebookcheck
# TikTok ทดสอบฟีเจอร์ Q&A ครีเอเตอร์ตอบเป็นคลิปสั้นได้ สร้างความใกล้ชิดกับแฟนๆ TikTok ทดสอบฟีเจอร์ถามตอบหรือ Q&A ในวิดีโอให้ครีเอเตอร์บางกลุ่มที่มีผู้ติดตาม 10,000 คนขึ้นไป โดยครีเอเตอร์สามารถพิมพ์ตอบ หรือตอบเป็นวิดีโอสั้นได้ ช่วยให้ครีเอตอร์สร้างความใกล้ชิดกับแฟนๆ ได้มากขึ้น ในมุมผู้ใช้งานทั่วไปจะมองเห็นไอคอนรูปเครื่องหมายคำถามปรากฏตรงหน้าต่างสำหรับพิมพ์คอมเม้นท์ ส่วนในมุมครีเอตอร์จะมองเห็นว่ามีคำถามเข้ามา และมีปุ่มให้กดตอบเป็นคลิปวิดีโอได้ รวมถึงตอบคำถามระหว่างทำ TikTok LIVE ได้ด้วย Q&A กำลังเป็นฟังก์ชั่นยอดนิยมบนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะใน Instagram Stories, Snapchat ภาพจาก TikTok ที่มา - TechCrunch
# เกาหลีใต้เจรจาซื้อวัคซีนจาก Novavax เพิ่ม 40 ล้านโดส แม้ก่อนหน้านี้จองจนครบประชากรแล้ว เกาหลีใต้เจรจาซื้อวัคซีนจาก Novavax เพิ่มเติม 40 ล้านโดส หลังจากก่อนหน้านี้ได้สั่งซื้อไปแล้วจาก 4 บริษัท ได้แก่ Pfizer, Moderna, AstraZeneca, และ Johnson & Johnson รวมถึงเข้าโครงการ COVAX รวมมีวัคซีนในสัญญา 106 ล้านโดสเพียงพอต่อประชากรทั้งประเทศ หากตกลงกันสำเร็จวัคซีนที่ซื้อจาก Novavax จะผลิตโดย SK bioscience ที่ก่อนหน้านี้ก็มีข้อตกลงผลิตวัคซีนให้ AstraZeneca อยู่ก่อนแล้ว วัคซีน NVX-CoV2373 ของ Novavax เริ่มทดสอบเฟสสามไปแล้วช่วงปลายปี 2020 ในสหรัฐฯ, เม็กซิโก, และสหราชอาณาจักร ผลการทดสอบเฟส 1 ของ NVX-CoV2373 พบว่าผู้ได้รับวัคซีนครบสองเข็มสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้ทั้งหมด ที่มา - The Guardian ภาพประกาศผลการทดสอบวัคซีนเฟส 1 จาก Novavax
# Amazon เสนอตัวนำทีมงาน, ความรู้ไอทีและการสื่อสาร ช่วย โจ ไบเดน ฉีดวัคซีนให้ประชาชน หนึ่งในนโยบายของทีมรัฐบาล โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ คือเร่งฉีดวัคซีน COVID-19 ให้กับประชาชน 100 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง ทาง Dave Clark ซีอีโอ Amazon ฝั่ง Amazon Consumer ส่งจดหมายถึงทีมรัฐบาลไบเดนว่า Amazon เสนอตัวจะช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นกำลังแรงงาน, ความรู้ด้านไอทีและการสื่อสาร เพื่อช่วยในการฉีดวัคซีน ในจดหมาย Clark บอกว่า ตอนนี้ Amazon และบริษัทในเครือ Whole Foods ได้เตรียมการร่วมมือกับบริษัทภายนอกเพื่อที่จะฉีดวัคซีนให้กับพนักงาน 800,000 คนอย่างรวดเร็ว และจะทำเช่นนั้นได้เมื่อมีวัคซีนแล้วเท่านั้น ภาพจาก Facebook ทำเนียบขาว Amazon ในช่วงโรคระบาด มีการเติบโตสูง ในขณะเดียวกันก็มีข้อวิจารณ์เรื่องสวัสดิภาพของพนักงาน การป้องกันเชื้อและการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานด่านหน้าในช่วง COVID-19 ที่มา - Engadget
# Google เผยความร่วมมือกับ Reuters นำข่าวมาลง Google News Showcase ช่วงปลายปี 2020 ที่ผ่านมา Google เปิดตัว Google News Showcase แพลตฟอร์มอ่านข่าวตัวใหม่ของ Google ที่สามารถอ่านข่าวและเข้าใจเนื้อหาได้จบในแพลตฟอร์มไม่ต้องกดเข้าไปอ่านที่เว็บไซต์ต้นทาง โดยร่วมมือกับแหล่งข่าวในหลายประเทศร่วม 450 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นข่าวท้องถิ่น ล่าสุด Google ประกาศความร่วมมือในระดับ global กับ Reuters นำรายงานข่าวเชิงลึกเสริมกำลังเนื้อหาข่าวใน Google News Showcase จนถึงตอนนี้ Google News Showcase เปิดตัวเฉพาะในบราซิลและเยอรมนี โดย Google อัดฉีดเงินสนับสนุนการสร้างเนื้อหาข่าวร่วม 1 พันล้านดอลลาร์ เน้นข่าวท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ เป็นหลัก ตัวอย่างแหล่งข่าวเช่น Le Monde, Le Figaro และ Libérationในฝรั่งเศส El Cronista และ La Gaceta ในอาร์เจนตินา TAG24 และ Sächsische Zeitung ในเยอรมนี และ Jornal do Commercio หนังสือพิมพ์ระดับภูมิภาคจาก Pernambuco ในบราซิล ที่มา - Google
# Google อัพเดต Calendar เวอร์ชั่นเว็บ ดูตารางงานแบบออฟไลน์ได้ เฉพาะบัญชี Google Workspace Google อัพเดต Calendar ใหม่ ให้สามารถดูตารางงานแบบออฟไลน์ได้ ไม่ว่าจะกดดูแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน จนถึงตอนนี้เริ่มเปิดใช้งานเฉพาะบัญชี Google Workspace ในการเปิดใช้งาน ให้กดปุ่มตั้งค่าที่หน้าปฏิทิน มองหาเมนู Offline การดูแบบออฟไลน์จะไม่สามารถสร้างเหตุการณ์ในปฏิทิน หรือแก้ไขเหตุการณ์ใดๆ ได้ รวมถึงฟังก์ชั่นการแจ้งเตือนก็จะไม่ทำงานในโหมดออฟไลน์ด้วยเช่นกัน Google Calendar โหมดออฟไลน์สามารถใช้งานได้ในบัญชี Google Workspace Essentials, Business Starter, Business Standard, Business Plus, Enterprise Essentials, Enterprise Standard และ Enterprise Plus รวมถึง G Suite Basic, Business, Education, Enterprise for Education และบัญชีการใช้งานแบบไม่แสวงหากำไร ที่มา 9to5Google