txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# SAP จับมือไมโครซอฟท์ เตรียมผนวก Microsoft Teams เข้าในผลิตภัณฑ์
SAP และไมโครซอฟท์กำลังร่วมกันพัฒนาระบบเพื่ออินทิเกรต Microsoft Teams เข้ากับผลิตภัณฑ์ของ SAP อาทิเช่น SAP S/4HANA, SAP SuccessFactors หรือ SAP Customer Experience เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการแก่ลูกค้าภายในช่วงกลางปี 2021
นอกจากนี้ SAP ยังขยายความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ ให้การเชื่อมต่อระหว่างระบบ S/4HANA และ Microsoft Azure ทำได้ง่ายและทำงานผสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของ SAP ในการเปลี่ยนผ่านจากการรันระบบ SAP ERP แบบ on-premise ไปยัง SAP S/4HANA ที่ทำงานอยู่บนระบบคลาวด์ของ Microsoft Azure โดยทั้งคู่จะเดินหน้าพัฒนาเครื่องมือช่วยเหลือสำหรับกลุ่มธุรกิจรายอุตสาหกรรม (industry-specific) ที่มีโพรเซสการทำงานแบบเฉพาะเจาะจง ทำให้อาจต้องการระบบคลาวด์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมารองรับเป็นกรณีพิเศษ
ที่มา - SAP, Microsoft |
# Xiaomi ยื่นฟ้องศาลสหรัฐ หลังถูกกระทรวงกลาโหมและพาณิชย์แบน
ต่อเนื่องจากที่ Xiaomi ถูกสหรัฐแบน และบริษัทออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา ล่าสุด Xiaomi ยื่นฟ้องศาลในสหรัฐแล้ว
Xiaomi ยื่นฟ้องทั้งกระทรวงกลาโหมและกระทรวงพาณิชย์ต่อศาลแขวงโคลัมเบีย จากการที่กระทรวงกลาโหมอ้างกฎหมายความมั่นคงป้ายสี Xiaomi ว่าเป็นบริษัท "Communist Chinese Military Company" ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็มีคำสั่งแบนโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ที่มา - Xiaomi Blog |
# Apple ออกส่วนเสริม Chrome ให้นำ iCloud Password มาใช้บน Windows แล้ว
สำหรับผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ Mac OS และ iOS เป็นหลัก แต่ก็ยังต้องใช้ Windows อยู่บ้าง อาจประสบปัญหาต้องใส่รหัสผ่านซ้ำอีกครั้งเมื่อย้ายเครื่อง หลังจากที่แอป iCloud เวอร์ชั่นล่าสุดบน Windows พบการ sync หมวด “รหัสผ่าน” เพิ่มเข้ามา แต่เมื่อกดใช้ จะมีข้อความบอกว่าต้องใช้กับตัวเสริม (extension) บน Chrome ซึ่งยังไม่มีให้ดาวน์โหลด
Apple ปล่อยตัวเสริมนี้แล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และจะขึ้นข้อความ “Choose a saved password to use” เพื่อให้เลือกใช้รหัสผ่าน เมื่อต้องล็อกอินเข้าสู่เว็บไซต์ต่างๆ บน Chrome หลังจาก sync รหัสจาก Safari บน iOS หรือ Mac OS โดยใช้แอป iCloud บน Windows และจะสามารถเซฟรหัสผ่านที่ใช้กับ Chrome บน Windows กลับไปสู่ iCloud Keychain ได้อีกด้วย
ที่มา - 9to5Google |
# อินเดียเตรียมออกกฎหมายห้ามใช้งานคริปโตในประเทศ, สนับสนุนคริปโตแห่งชาติ
เว็บไซต์ของสภาผู้แทนราษฎรเปิดเผยเอกสารวาระการประชุม ที่มีรายละเอียดส่วนหนึ่งพูดถึงข้อเสนอเรื่องการแบนการครอบครองและใช้เหรียญสกุลคริปโตภายในประเทศ อย่างไรก็ตามเอกสารก็พูดถึงการยกเว้นให้สามารถโปรโมทเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งหมายถึงบล็อคเชนได้อยู่
นอกจากนี้รัฐบาลอินเดียก็มีแผนจะจะสร้างและผลักดันสกุลเงินคริปโตแห่งชาติขึ้นมาด้วย โดยธนาคารกลางของอินเดีย (RBI - Reserve Bank of India) จะเป็นผู้รับผิดชอบและออกเหรียญ
ท่าทีไม่เห็นด้วยกับเงินดิจิทัลนี้ไม่ใช่เพิ่งมี แต่รัฐบาลอินเดียแสดงความไม่เห็นด้วย อย่างน้อย ๆ ก็ตั้งแต่ปี 2018 แล้ว
ที่มา - TechCrunch |
# The Medium เกมสยองขวัญ Next-Gen คืนทุนหมดแล้ว หลังวางขายไม่กี่วัน
The Medium เป็นเกมแนวสยองขวัญเกมใหม่ที่เพิ่งวางขาย 28 มกราคม 2021 โดยเป็นเอ็กซ์คลูซีฟคอนโซล Xbox Series X|S และลงพีซีด้วย ถือเป็นเกมสยองขวัญเกมแรกๆ ของยุค next-gen
เกมพัฒนาโดยสตูดิโอ Bloober Team จากประเทศโปแลนด์ มีผลงานเกมอย่าง Layers of Fear และ Blair Witch (2019) มาก่อน
The Medium ออกขายได้ไม่กี่วัน ทาง Bloober Team ให้สัมภาษณ์กับสื่อโปแลนด์ว่าคืนทุนค่าพัฒนาและค่าการตลาดเรียบร้อยแล้ว
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ The Medium ขายดีคงเป็นเรื่องว่า Xbox Series X|S ไม่มีเกมเอ็กซ์คลูซีฟมากนักในช่วงเปิดตัว บวกกับเกม The Medium มีให้เล่นบน Xbox Game Pass ด้วย ยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกมเมอร์เลือกเล่นง่ายขึ้น
ที่มา - DualShockers |
# [Financial Times] Ring ร่วมมือกับตำรวจเพิ่มขึ้นอีกในปี 2020 แม้มีประเด็นความเป็นส่วนตัว
Financial Times รายงานว่าในช่วงปีที่ผ่านมา Ring ผู้พัฒนากริ่งประตูและกล้องเพื่อความปลอดภัยซึ่งกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฮมของ Amazon ได้ร่วมมือกับหน่วยงานตำรวจ และหน่วยงานดับเพลิงไปแล้วกว่า 2,000 แห่ง แม้จะยังตกเป็นที่วิจารณ์เรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
การร่วมมือนี้ ช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดต่อเจ้าของบ้านหรือผู้ใช้ ให้มอบฟุตเทจให้เพื่อประโยชน์แก่การสืบสวนได้ ส่วนประเด็นความเป็นส่วนตัวนั้นกระทบคนทั่วไป เพราะว่ามีภาพของคนทั่วไปที่เดินผ่านไปมาหน้าประตู ซึ่งพวกเขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกบันทึกภาพไว้
Financial Times ระบุว่า รายงานว่า จนถึงตอนนี้ Ring ทำความร่วมมือหน่วยงานตำรวจและหน่วยดับเพลิง 2,014 แห่งในสหรัฐฯโดย 1,189 รายเพิ่งจะเพิ่มเข้ามาในปี 2020 รัฐที่ตำรวจขอฟุตเทจจากกล้องมากที่สุดคือ มิลวอกีและวิสคอนซินซึ่งส่งคำขอ 431 คำขอในช่วงครึ่งหลังปี 2020 เนื่องมาจากมีอัตราอาชญากรรมสูง และยังมีอัตราการขอฟุตเทจจากหน่วยงานรัฐในปี 2020 สูงกว่าปี 2019 ถึง 150% เมื่อมองอัตราการให้ความร่วมมือของ Amazon ในการยอมมอบข้อมูลให้ พบว่าในปี 2020 ลดลงมาที่ 57% จากปี 2019 ที่มี 68%
เดือนมกราคม 2020 ที่ผ่านมา Amazon ไล่พนักงานออก 4 คนโทษฐานเข้าถึงฟุตเทจของผู้ใช้ในลักษณะที่เกินความจำเป็นของงาน และแม้แต่วิศวกรซอฟต์แวร์ของ Amazon ก็ยังเคยวิจารณ์ Ring ว่าควรยุบ เพราะมีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัว
ที่มา - Financial Times, Engadget |
# Glassdoor จัดอันดับงานประจำปี 2020 Java เป็นที่ต้องการและรายได้สูงสุดในสหรัฐ
Glassdoor เว็บไซต์แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างพนักงานบริษัท จัดอันดับสายงานยอดนิยมโดยใช้เรตติ้งจากกลุ่มผู้ใช้โดยชั่งน้ำหนักปัจจัย 3 อย่าง คือ ศักยภาพในการสร้างรายได้, คะแนนความพึงพอใจในงานโดยรวมและจำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับ พบว่า คนทำ Java ได้อันดับดีที่สุด ด้วยรายได้ 90,830 ดอลลาร์ คะแนนความพึงพอใจในงานที่ 4.2 จาก 5 และจำนวนตำแหน่งที่เปิดรับมากที่สุดคือ 10,103 ตำแหน่ง
การที่ Java ได้รับความนิยมสูงสุดนั้นไม่น่าแปลกใจนัก เพราะ Java เป็นภาษาที่ใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม และเป็นภาษาในโครงสร้างพื้นฐานของหลายๆ บริษัท
Glassdoor จัดอันดับไว้ถึง 50 รายการ ซึ่งใน 25 อันดับแรก เป็นงานไอทีโดยตรงถึง 15 งาน โดยอันดับที่ 2 คือ Data Scientist ตามมาด้วย Product Manager, Enterprise Architect, Devops Engineer, Information Security Engineer, Business Development Manager, Mobile Engineer, Software Engineer และอันดับ 10 คือ หมอฟัน
ที่มา - Glassdoor |
# ย้อนประวัติความสำเร็จ VS Code เกิดจากโครงการ Editor บนเว็บที่ล้มเหลวมาก่อน
Erich Gamma หนึ่งในผู้นำทีมพัฒนา Visual Studio Code เล่าความหลัง 10 ปีว่าความสำเร็จของ VS Code ที่เราเห็นในปัจจุบัน เกิดจากความล้มเหลวของโครงการก่อนหน้านี้คือ Visual Studio Online ที่เป็น code editor บนเบราว์เซอร์
ตัวของ Gamma เองเป็นหนึ่งในผู้เขียนหนังสือ Design Patterns เคยเป็นพนักงานของ IBM ที่ดูแลโครงการ Eclipse ก่อนย้ายมาอยู่ไมโครซอฟท์ในปี 2011 เขาเล่าว่าเป้าหมายตอนแรกคือสร้าง code editor บนเว็บเบราว์เซอร์ในชื่อโค้ดเนม "Monaco" เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือชื่อ Visual Studio Online ที่เปิดตัวในปี 2013 (ปัจจุบันถูกรีแบรนด์เป็น Azure DevOps)
ภาพการเปิดตัว VS Code ต่อสาธารณะครั้งแรกในปี 2015
ไอเดียที่น่าสนใจและกลายมาเป็นจุดเด่นของ VS Code ในภายหลังคือ Monaco เลือกไม่ใช้ UI Framework ใดๆ เลย เขียนเองทั้งหมด ด้วยเหตุผลว่าเน้นประสิทธิภาพมาตั้งแต่ต้น จึงต้องการกำหนดชีวิตเอง ไม่พึ่งพา UI Framework เพราะควบคุมประสิทธิภาพโดยตรงไม่ได้
Visual Studio Online ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง มีผู้ใช้ต่อเดือนจำนวนหลายพันคน แต่ตัวเลขแค่นี้ถือว่าน้อยมากสำหรับบริษัทขนาดไมโครซอฟท์ ที่ต้องการยอดผู้ใช้เยอะกว่านี้ระดับ 10 เท่าตัว
ในปี 2014 ทางทีมของ Gamma จึงปรับทิศทางโครงการใหม่ (pivot) มาเป็น Project Ticino (โค้ดเนมในตอนนั้น) เป็นเครื่องมือพัฒนาแบบข้ามแพลตฟอร์ม ทำงานบน OSX และ Linux ได้ เน้นการแก้โค้ด Node.js และ .NET เป็นสำคัญ
VS Code ถูกวางตัวอยู่ตรงกลางระหว่าง editor แบบดั้งเดิม และ IDE เต็มรูปแบบ ช่วงนั้นมีกระแส Electron เกิดขึ้นพอดี การที่ Monaco เขียนขึ้นเป็นเว็บอยู่แล้ว นำมารันบน Electron ได้ไม่ยาก
ทีมของ Gamma ใช้เวลาประมาณหนึ่งปี พัฒนา Monaco มาเป็น Ticino และเปิดตัวในงาน Build 2015 โดยโชว์เดโมการเขียน .NET บนลินุกซ์ เรียกเสียงฮือฮาอย่างมากในตอนนั้น
ก้าวถัดมาของ VS Code เกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2015 มีตั้งแต่การโอเพนซอร์สบน GitHub และการรองรับส่วนขยาย (extension)
Gamma เล่าว่าเขามีประสบการณ์จาก Eclipse ที่มีส่วนขยายจำนวนมาก แต่แนวคิดของ VS Code คือ "้ต้องเซฟงานได้เสมอ" ถ้าส่วนขยายมีผลต่อโปรแกรมหลักจนแครช เสียงานที่ยังไม่ได้เซฟไป ก็ถือว่าไม่ดี ดังนั้น VS Code จึงออกแบบส่วนขยายให้รันคนละโพรเซสกับโปรแกรมหลัก และคุยกันผ่าน RPC แทน
อีกปัจจัยที่ทำให้ VS Code ประสบความสำเร็จคือโครงการ TypeScript ที่ไมโครซอฟท์เริ่มพัฒนาในช่วงไล่เลี่ยกัน (เริ่มปี 2010) ทำให้การพัฒนา VS Code ง่ายขึ้นมาก ช่วงแรก VS Code ยังสร้างด้วย JavaScript เป็นหลัก แต่พอถึงปี 2013 โค้ดทั้งหมดกลายเป็น TypeScript เรียบร้อยแล้ว
ปี 2016 เป็นจุดเริ่มต้นของฟีเจอร์สำคัญอีกอย่างคือ Language Server Protocol (LSP) ที่ช่วยให้ VS Code รองรับภาษาโปรแกรมได้เป็นจำนวนมาก ผ่านการสร้าง Language Server โดยชุมชน ไมโครซอฟท์ไม่ต้องทำเองทั้งหมด แค่ดีไซน์ตัวโพรโทคอล LSP ขึ้นมาให้เป็นมาตรฐานเท่านั้น
ทีมของ Gamma ที่เริ่มพัฒนา VS Code อยู่ที่เมืองซูริกในสวิตเซอร์แลนด์ แต่เมื่อกระแส VS Code เริ่มจุดติดในปี 2016 ไมโครซอฟท์ก็เพิ่มอีกทีมที่สำนักงานใหญ่ใน Redmond โดยผลงานแรกของทีมนี้คือการสร้าง terminal ขึ้นมาภายในตัว VS Code เอง (xterm.js)
ช่วงปี 2017-2019 เป็นความพยายามผลักดัน VS Code ให้ทำงานได้ทุกที่ เริ่มมีแนวคิดของการทำงานรีโมทเข้ามา (เขียนบนเครื่อง รันบนอีกเครื่อง) แนวคิดนี้เริ่มได้รับความนิยมเมื่อเกิดกระแส container และไมโครซอฟท์เองมีลินุกซ์ WSL รันอยู่ในวินโดวส์
ปี 2020 เป็นการนำ VS Code กลับมาสู่รากเหง้าคือเว็บอีกครั้ง เป้าหมายคือการใช้งานกับ GitHub Codespaces ที่สามารถกดแก้โค้ดได้จากหน้าเว็บ GitHub แล้วสั่งคอมไพล์ได้เลย
Gamma เล่าว่าการที่ VS Code รันบน Electron อยู่ก่อน ต่างจากเบราว์เซอร์อยู่บ้าง จึงต้องปรับโค้ดข้างใต้ใหม่ให้เป็นเวอร์ชันเดียวที่รันได้ทั้งบน Electron และเบราว์เซอร์
ปัจจุบัน VS Code มีผู้ใช้ 14 ล้านคนต่อเดือน ส่วนขยาย 28,000 ตัว, รองรับ LSP 138 ตัว และมี Debug Adaptor Protocol (DAP) สำหรับเชื่อมต่อ debugger ลักษณะเดียวกับการเปิด LSP ให้เชื่อมต่อภาษาด้วย
แนวทางการพัฒนา VS Code คือออกรุ่นใหม่ทุกเดือน ประกาศแผนต่อสาธารณะบน GitHub การออกรุ่นใหม่ทุกเดือนทำให้ทีมงานต้องขยันปรับแก้โค้ดให้ดี ช่วยลดหนี้ทางเทคนิค (technical debt) ลงได้ตลอดเวลา ฟังเสียงของผู้ใช้ และยังคงแนวคิดดั้งเดิม "โฟกัสที่ประสิทธิภาพ"
แผนการในอนาคตของ VS Code จะทำ 3 เรื่องคือ
testing หลังจากรองรับ debugging แล้ว ขั้นต่อไปคือรองรับการรันเทสต์ในตัว (หน้าจอตามภาพ)
รองรับ Jupyter Notebooks ในตัว editor ของ VS Code
ปรับปรุงการทำงานบน Codespaces ต่อไป
แผนการทั้งหมดสามารถดูได้จาก Roadmap บน GitHub
Gamme สรุปบทเรียนความสำเร็จของ VS Code ว่าต้องอดทน สม่ำเสมอ พร้อมที่จะปรับเปลี่ยน
ใครเป็นผู้ใช้ VS Code แนะนำให้ชมคลิปเต็ม ความยาวประมาณ 30 นาที (แต่ Gamma พูดเร็ว เข้าประเด็น ไม่ยืดเยื้อ)
ที่มา - The Register |
# Google Maps บนมือถือ แสดงภาพถนน Street View แบ่งครึ่งจอกับแผนที่ได้แล้ว
ผู้ใช้ Google Maps for Android เริ่มได้ฟีเจอร์แสดงภาพถนน Street View แบบแบ่งครึ่งจอ (split-screen) ระหว่างภาพถนนกับแผนที่ ช่วยให้จับทิศทางได้ง่ายขึ้นว่าหันหน้าไปทางไหน เดินไปตรงไหน
ผู้ใช้ Google Maps บนเว็บคงคุ้นกับการใช้ Street View ที่มีแผนที่ขนาดเล็กๆ ช่วยกำกับอยู่ตรงมุมจอ แต่บนมือถือ กูเกิลแสดง Street View แบบเต็มจอ อาจทำให้ดูทิศทางที่จะไปได้ยากกว่า การมี split-screen ย่อมช่วยให้ประสบการณ์ Street View ง่ายขึ้นกว่าเดิม (สามารถย่อแผนที่ได้ถ้าต้องการ)
ฟีเจอร์นี้จำเป็นต้องใช้ Google Maps เวอร์ชัน 10.59.1 ขึ้นไป และต้องรอกูเกิลเปิดระบบให้จากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ด้วย (ผมลองเองพบว่าได้ 10.59.1 แล้วแต่ยังไม่อยู่ในกลุ่มที่ได้ฟีเจอร์นี้)
ที่มา - Reddit, 9to5google, Android Police |
# Microsoft Teams เพิ่มระบบพิมพ์ข้อความออฟไลน์, Approvals ระบบอนุมัติงานในแชท
ไมโครซอฟท์ประกาศรายฟีเจอร์ใหม่ของ Microsoft Teams รอบเดือนมกราคม 2021
offline autosend พิมพ์ข้อความแล้วกดส่งได้แม้ไม่มีเน็ต โดยข้อความจะรวมไปส่งให้อัตโนมัติเมื่อออนไลน์แล้ว
Approvals แอพตัวใหม่ของ Teams สำหรับ "อนุมัติ" รายการต่างๆ จากในหน้าแชท ช่วยให้ workflow เรื่องการอนุมัติสิ่งต่างๆ สะดวกขึ้น (ดูคลิปประกอบ)
โหมดประชุมออนไลน์ (Meetings) ตั้งค่าการแชทระหว่างประชุมได้ ว่าปิดเลย เปิดแชทเฉพาะตอนประชุม หรือเปิดตลอดเวลา
สร้างนัดหมายประชุมแล้วแชร์ปฏิทินลงห้องให้อัตโนมัติ (คนในห้องเลือกปิดการแจ้งเตือนได้)
สำหรับหน่วยงานที่ใช้ระบบกะ (shift) สามารถแท็กงานตามชื่อกะ แทนการแท็กชื่อคนได้ ช่วยเรื่องการส่งมอบงานให้กะถัดไป โดยไม่รู้ว่าใครอยู่ในกะบ้าง
ที่มา - Microsoft |
# Windows Terminal ออกเวอร์ชัน 1.6 Preview, เปิดให้ทดลองหน้า Settings แบบ UI
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้กับ Windows Terminal รุ่นทดสอบ (Preview) เวอร์ชัน 1.6 โดยได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่หลายท่านน่าจะรอกันมานานอย่างหน้า Settings UI ซึ่งจะช่วยให้การแก้ไขการตั้งค่าต่างๆ ของโปรแกรมทำได้ง่ายขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม Settings UI ยังอยู่ในช่วงแรกของการทดสอบเท่านั้น และจะไม่ถูกเปิดใช้งานเป็นค่าตั้งต้น การกดปุ่ม settings ภายใต้เมนู dropdown ของ Windows Terminal ในตอนนี้จะยังคงเป็นการเปิดไฟล์ settings.json ขึ้นมาแก้ไขเช่นเดียวกับเวอร์ชันก่อนๆ
ภาพตัวอย่าง Settings UI
ผู้ที่ต้องการทดลองใช้งานจำเป็นจะต้องผูกคำสั่งเปิดหน้า Settings UI ด้วยตัวเองด้วยการเข้าไปแก้ไขไฟล์ settings.json แล้วเพิ่มการตั้งค่าดังต่อไปนี้ ลงใน array ของ actions (หรือ keybindings หากไฟล์ settings.json เป็นเวอร์ชันเก่า)
หลังผูกคำสั่งข้างต้นเรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถเปิดหน้า Settings UI ได้ผ่านคีย์ลัด Ctrl+Shift+, หรือเลือกเปิด command palette (คีย์ลัด Ctrl+Shift+P) จากนั้นจึงค้นหาแล้วเลือกคำสั่ง Open Settings...
ภาพตัวอย่างวิธีเปิด Settings UI จาก command palette
โดยในระหว่างที่ Settings UI ยังคงเป็นฟีเจอร์ทดสอบ Windows Terminal จะช่วยแบ็คอัพการตั้งค่าครั้งก่อนให้อัตโนมัติ หากใช้งาน Settings UI แล้วพบว่าการตั้งค่ามีปัญหา ผู้ใช้ยังสามารถย้อนคืนการค่าเก่าได้จากไฟล์แบ็คอัพซึ่งจะถูกบันทึกเก็บไว้ในโฟลเดอร์เดียวกันกับไฟล์ settings.json
สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจในอัพเดตนี้มีดังนี้
เปิดให้กำหนดค่า startup actions เพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่นการตั้งค่าให้ Windows Terminal ช่วยเปิด PowerShell และ Ubuntu ขึ้นมาทุกครั้งที่เปิดโปรแกรม
เพิ่มการรองรับเอฟเฟคต์ที่วาดด้วย HLSL pixel shaders ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างธีมที่มีลูกเล่นมากกว่าการเปลี่ยนสีแบ็คกราวด์ขึ้นมาได้เอง (เอฟเฟคต์ CRT ที่ถูกเพิ่มมาในเวอร์ชันก่อนก็สามารถวาดเองได้ด้วยเทคนิคนี้)
Windows Terminal 1.6 Preview ยังมาพร้อมกับการปรับปรุงอื่นๆ อีกมากท่านใดสนใจเข้าไปอ่านรายละเอียดได้จากบล็อกที่มาท้ายข่าว สามารถดาวน์โหลดได้แล้วที่ Microsoft Store หรือ GitHub
ที่มา - Microsoft via Windows Central |
# แอพเทรดหุ้น Robinhood ชี้แจง ระงับซื้อหุ้น GameStop ไม่ได้จำกัดสิทธิ แต่เพราะเงินสดไม่พอ
เป็นประเด็นต่อเนื่องมาทั้งสัปดาห์กับการซื้อหุ้น GameStop และหุ้นอื่นๆ ของนักลงทุนรายย่อย โดยมีแอพเทรดหุ้น Robinhood เป็นสมรภูมิหลัก จนทำให้ Robinhood ต้องจำกัดการซื้อหุ้นบริษัทเหล่านี้ชั่วคราว จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
ล่าสุด Robinhood ออกมาชี้แจงและตอบคำถามในประเด็นขัดแย้งต่างๆ แล้ว โดยเริ่มจากอธิบายกระบวนการทำงานเบื้องหลังของ Robinhood ที่มีสถานะเป็นนายหน้า (broker) ของนักลงทุนรายย่อยก่อน
กระบวนการซื้อหรือขายหุ้นผ่าน Robinhood จะต้องใช้เวลา 2 วัน (T+2) ในการโอนหุ้นไปยังผู้ซื้อ และโอนเงินไปยังผู้ขาย โดยผ่านหน่วยงานที่เรียกว่า clearinghouse ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ซึ่งต้องถูกกำกับดูแลโดย SEC (ก.ล.ต. สหรัฐ)
การเคลียร์รายการโอนหุ้นจะเกิดขึ้นตอน 10.00 น. ของทุกวัน โดย clearinghouse จะประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ของนายหน้า (broker) แต่ละบริษัท ว่าลูกค้าของนายหน้ารายนั้นซื้อหรือขายหุ้นในปริมาณเท่าไร จากนั้นจะคำนวณปริมาณเงินที่นายหน้าต้องจ่าย (หากยอดซื้อรวมมากกว่ายอดขายรวม) หรือรับคืนมา (หากยอดซื้อรวมน้อยกว่ายอดขายรวม) โดยมีสูตรคำนวณที่ค่อนข้างซับซ้อน
สิ่งที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ลูกค้าของ Robinhood กว้านซื้อหุ้นในปริมาณมากเป็นพิเศษ ทำให้ clearinghouse กำหนดให้ Robinhood ต้องจ่ายเงินค่าหุ้นมากกว่าเดิมถึง 10 เท่า ผลคือ Robinhood มีเงินไม่พอ เป็นเหตุให้บริษัทต้องระงับการซื้อหุ้นชั่วคราว (แต่ยอมให้ขายออกได้ เพราะช่วยลดปริมาณเงินที่ Robinhood ต้องจ่าย)
Robinhood บอกว่าไม่ได้ตั้งใจจำกัดการซื้อหุ้นของนักลงทุนรายย่อย และยืนยันว่าจะอยู่ข้างนักลงทุนเสมอ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน มีข่าวว่า Robinhood ระดมทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านดอลลาร์ และขอเปิดวงกู้เงินฉุกเฉินอีก 500 ล้านดอลลาร์ เพื่อการันตีว่ามีเงินสดมากพอในการดำเนินงานต่อไปได้ โดย Vlad Tenev ซีอีโอของ Robinhood ยืนยันว่าเปิดวงเงินกู้เอาไว้เผื่อเฉยๆ ตัวบริษัทเองไม่ได้มีปัญหาการเงิน
ที่มา - Robinhood, CNBC |
# อดีตผู้บริหาร Xbox เผยเรื่องเคยเสนอซื้อนินเทนโด จริง ๆ ไม่มีอะไรมาก แค่ลองคุยดู
Robbie Bach อดีตหัวหน้าฝ่าย Xbox ของไมโครซอฟท์ ให้สัมภาษณ์พิเศษทาง Twitch ซึ่งการสัมภาษณ์มี Jack Tretton อดีตผู้บริหาร Sony และ Reggie Fils-Aimé อดีตผู้บริหารนินเทนโดร่วมด้วย โดยเขาได้พูดถึงข่าวที่มีออกมาก่อนหน้านี้ ว่าไมโครซอฟท์เคยพยายามซื้อกิจการนินเทนโด แต่ไม่สำเร็จ โดยเขาบอกว่าไม่ได้มีอะไรขนาดนั้น
Bach บอกว่าในช่วงแรกที่ของไอเดีย Xbox นั้น ไมโครซอฟท์เลือกจะหาพาร์ทเนอร์มาช่วยเพื่อไม่ให้ยุ่งยากมากไป จึงได้ไปหารือทั้งกับบรรดาผู้ผลิตพีซี, Sega และนินเทนโด ซึ่งสำหรับนินเทนโดนั้นบริษัทตั้งอยู่อีกฝั่งถนนของสำนักงาน Xbox การไปพูดคุยเลยไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เป็นแค่การลองดูทุกวิธีการมากกว่า การที่นินเทนโดปฏิเสธข้อเสนอก็ไม่ผิดไปจากที่คาด
เดิมทีไมโครซอฟท์มองว่าการต้องทำฮาร์ดแวร์เองเป็นเรื่องใหญ่มาก จึงเก็บไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย แต่ Bach ก็เผยว่ามีบริษัทซอฟต์แวร์เกม อย่างเช่น EA เชียร์ให้ไมโครซอฟท์ทำคอนโซลทางเลือกที่ 3 ออกมา เมื่อหาพาร์ทเนอร์ฮาร์ดแวร์ไม่ได้ รวมกับมีบริษัทเกมเชียร์ให้ทำฮาร์ดแวร์เอง ไมโครซอฟท์จึงเลือกทำคอนโซลของตนเองนั่นเอง
ที่มา: Nintendo Life |
# ระบบจองคิวฉีดวัคซีน COVID-19 ของสหรัฐฯ ปัญหาเยอะ บางโรงพยาบาลกลับไปจดลงกระดาษ
นิตยสาร MIT Technology Review รายงานถึงปัญหาของระบบจองคิวฉีดวัคซีน COVID-19 หรือ Vaccine Administration Management System (VAMS) ที่สร้างโดยที่ปรึกษารายใหญ่อย่าง Deliotte ว่าระบบมีปัญหาอย่างมาก ทำให้ผู้รอรับวัคซีนต้องไปจุดฉีดวัคซีนเก้อ หรือบางทีข้อมูลก็ค้างจนจองคิวไม่ได้
VAMS เป็นระบบที่รัฐบาลกลางหรือ CDC สร้างขึ้นเพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นแต่ละรัฐสามารถเข้ามาใช้จัดการการฉีดวัคซีน มันรวมเอาทั้งระบบนัดหมายผู้ขอรับวัคซีน กับระบบจัดการคงคลังของรัฐและคลีนิค เข้าด้วยกัน ผู้ขอรับวัคซีนจะเห็นข้อมูลว่ามีคลีนิคใดเปิดบริการฉีดวัคซีนใกล้บ้าน ขณะที่ภาครัฐก็มองเห็นว่าจะจัดสรรวัคซีนไปจุดใดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
แต่ผู้ใช้งาน VAMS กลับเจอปัญหามากมาย บางรัฐระบุว่าอยู่ๆ แล้วระบบก็ไล่ยกเลิกนัดเอง หรือบางครั้งผู้ใช้ก็ล็อกอินไม่ได้ ผู้ขอรับวัคซีนรายหนึ่งกดนัดหมายไปยังโรงพยาบาลแล้วพบว่าวัคซีนที่โรงพยาบาลนั้นมีไว้เพื่อเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่พอเจ้าหน้าที่พยายามยกเลิกนัดเพื่อให้ไปจองวัคซีนจากที่อื่น ระบบกลับเอาชื่อกลับเข้ามา บางโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ใช้คอมพิวเตอร์โรงพยาบาลเพื่อลงทะเบียนฉีดวัคซีนของตัวเอง แต่พอใช้แล้วกลับพบว่าไม่สามารถสลับบัญชีเป็นหน้าจอเจ้าหน้าที่ได้
ปัญหาของระบบ VAMS ทำให้บางโรงพยาบาลหันไปติดตามนัดหมายด้วยกระดาษ บางรัฐไปใช้บริการเอกชนเช่น Evenbrite เพื่อนัดหมายแทน
ทาง CDC เพิ่มพัฒนา VAMS มาตั้งแต่กลางปี 2020 โดยว่าจ้าง Deloitte แบ่งเป็นสองสัญญามูลค่ารวม 44 ล้านดอลลาร์ สัญญาระบุว่าอาจเพิ่มอีก 4 ล้านดอลลาร์ได้ และ CDC เซ็นสัญญาโดยไม่มีการประมูล
ที่มา - MIT Technology Review
หน้าจอค้นหาจุดฉีดวัคซีนของระบบ VAMS |
# Raja Koduri เผยภาพจริงชิป 7nm ตัวแรกของอินเทล เป็นจีพียู Xe Ponte Vecchio
Raja Koduri หัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรมของอินเทล (ที่ย้ายมาจาก AMD ในปี 2017) โพสต์ภาพถ่ายของจีพียู Xe HPC โค้ดเนม Ponte Vecchio สำหรับใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ที่เคยออกข่าวว่าจะใช้กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตร
ภาพนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของอินเทล ที่สามารถผลิตชิป 7 นาโนเมตรได้จริงแล้ว (ส่วนในแง่จำนวนหรือความสามารถในการผลิต ก็อีกเรื่องนึง) โดยเว็บไซต์ Wccftech ได้ข้อมูลมาว่า Ponte Vecchio เป็นการผสมผสานชิปจาก 3 แหล่งคือ
อินเทล 7nm (ตัวคอร์จีพียูหลัก)
อินเทล 10nm (แคชแบบใหม่ที่เรียก Rambo Cache)
TSMC 7nm (ชิปเสริม IO)
ทั้งหมดเชื่อมกันด้วยเทคนิคการทำแพ็กเกจแบบใหม่ที่เรียกว่า Foveros 3D
ตามแผนของอินเทล Ponte Vecchio จะออกขายได้จริงช่วงปลายปี 2021 (หรือต้นปี 2022) แม้อาจไม่เร็วทันใจแฟนๆ แต่อย่างน้อยการเห็นภาพชิปของจริงๆ มาแล้วก็เป็นสัญญาณว่า 7nm ไม่ไกลเกินฝัน
ภาพแผนผังชิป (อย่างไม่เป็นทางการ) ของ Wccftech
ที่มา - Wccftech, Notebookcheck |
# ทีมงาน Halo Infinite เผย ปรับเอนจินเกมรองรับ Next-Gen ดีขึ้น จากเดิมเน้น Xbox One
343 Industries อัพเดตความคืบหน้าของการพัฒนา Halo Infinite โดยข้อมูลที่น่าสนใจคือ Daniele Giannetti ฝ่ายสถาปัตยกรรมเกม (Game Foundation Architect) เล่าว่าทีมงานได้ปรับปรุงเอนจิน Slipspace ใหม่ ให้รีดประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ๆ ได้ดีกว่าเดิม จากเดิมที่ออกแบบมาสำหรับ Xbox One เท่านั้น
ปัญหาของ Halo Infinite คือถูกวิจารณ์หนักเรื่องกราฟิก ว่าไม่สมกับเป็นเกม next-gen จนต้องเลื่อนวันวางจำหน่ายออกไปเป็นช่วงปลายปี 2021 การเปิดเผยถึงข้อจำกัดตัวเอนจินเกม อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กราฟิกไม่สมศักดิ์ศรีอย่างที่ควรจะเป็น
ข้อมูลของ Giannetti ระบุว่าปรับปรุงระบบมัลติเธร็ดใหม่ ช่วยให้เรนเดอร์ภาพได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของฝั่งกราฟิกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยปรับปรุงให้ประสิทธิภาพทั้งบนพีซี และ Xbox Series X|S จากเดิมที่ปรับแต่งมาเพื่อ Xbox One X|S เพียงอย่างเดียว
ที่มา - Halo via OnMSFT |
# SpaceX ตั้งเป้าให้บริการอินเทอร์เน็ต Starlink ระดับ 10Gbps
สัปดาห์ที่ผ่านมา SpaceX นำเสนอข้อมูลกับ FCC เพื่อขออนุมัติวงโคจรดาวเทียมเพิ่มเติมจากที่ตอนนี้ได้รับอนุญาตแล้ว 1,440 ดวง และยิงดาวเทียมไปแล้วถึง 955 ดวง โดยบริษัทมีเป้ายิงดาวเทียมถึงเดือนละ 120 ดวงทำให้วงโคจรจะเต็มโควต้าในเร็วๆ นี้
แต่ส่วนหนึ่งของการนำเสนอระบุว่า Starlink จะพัฒนาบริการจากตอนนี้ที่อยู่ระดับ 100Mbps ขึ้นไปจนถึง 10Gbps (เฉพาะขาดาวน์โหลด) และยังพยายามลด latency ให้ต่ำกว่า 30ms
ทาง SpaceX ต้องการวงโคจรระดับ 540-570 กิโลเมตรเป็นจำนวนมากเพื่อใช้คลื่นความถี่ให้คุ้มค่า บริษัทยังชี้ว่าหากดาวเทียมใช้งานไม่ได้ วงโคจรระดับต่ำนี้จะทำให้ดาวเทียมตกสู่ชั้นบรรยากาศโลกในเวลาเพียงสองปี
ที่มา - FCC, PC Magazine |
# กูเกิลโอเพนซอร์สเครื่องมือภายใน ที่ใช้จัดการเครื่องวินโดวส์ของพนักงาน
กูเกิลประกาศโอเพนซอร์สเครื่องมือภายในบริษัท ที่กูเกิลสร้างขึ้นเองเพื่อใช้จัดการฮาร์ดแวร์สายวินโดวส์จำนวนมากๆ ในองค์กรขนาดใหญ่
กูเกิลบอกว่าโครงการส่วนใหญ่เริ่มทำมาก่อนต้นปี 2020 ทำให้เมื่อต้องหยุดเข้าออฟฟิศ ทำงานจากที่บ้าน ทีมไอทีของกูเกิลจึงมีเครื่องมืออัตโนมัติช่วยจัดการคอมพิวเตอร์ของพนักงานได้สะดวก
เครื่องมือที่เปิดซอร์สมีหลายตัวดังนี้
Glazier เป็นเครื่องมือสำหรับทำอิมเมจวินโดวส์ เป็น text-based ที่เขียนด้วย Python และมีฟีเจอร์ด้าน automate test
Fresnel ใช้คู่กับ Glazier เพื่อดึงอิมเมจจากที่ไหนก็ได้ในอินเทอร์เน็ต มาสร้างเป็น boot media ได้อย่างปลอดภัย
Googet เป็นตัวจัดการ repository สำหรับวินโดวส์โดยเฉพาะ ใช้แนวคิดแบบเดียวกับ Puppet หรือ APT
Splice นำเครื่องที่ติดตั้งอิมเมจเสร็จใหม่ๆ join domain ของ Active Directory จากที่ไหนก็ได้
Cabbie เป็นเซอร์วิสของวินโดวส์ไว้จัดการอัพเดต เช่น เร่งอัพเดตแพตช์สำคัญให้เร็วขึ้น หรือเลื่อนแพตช์ที่มีปัญหาออกไป
Aureka ใช้จัดคิวการบำรุงรักษาเครื่องอัตโนมัติ กำหนดระยะเวลาที่ต้องการ ไม่ให้งานที่รันต้องหยุดชะงัก
ที่มา - Google Blog, ภาพจากกูเกิล |
# Gowalla แอปเช็กอิน กลับมาอีกครั้ง ผสมผสาน AR เพิ่มเติม ได้เงินทุนแล้ว 4 ล้านดอลลาร์
Gowalla แอปเช็กอินตามสถานที่รุ่นบุกเบิกที่มาช่วงเดียวกับ Foursquare ประกาศกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากที่ขายกิจการให้ Facebook แบบซื้อตัวทีมงานทั้งหมดในปี 2011 และปิดบริการไปเมื่อปี 2012
Josh Williams ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Gowalla ซึ่งเขาลาออกจาก Facebook แล้ว เผยว่าเขาได้ซื้อชื่อ Gowalla คืนจาก Facebook และร่วมมือกับผู้ร่วมก่อตั้งคนใหม่ Patrick Piemonte เพื่อนำบริการเช็กอินนี้กลับมาอีกครั้ง ในรูปแบบผสมผสานกับ AR เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปลดล็อกและค้นพบสถานที่ใหม่ ๆ ด้วยประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป
สถานะของ Gowalla ตอนนี้ยังเป็นเบต้าแบบจำกัดผู้ใช้งาน โดยกำหนดให้มีทีมงานที่เรียกว่า Street Team สำหรับค้นหาสถานที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มเติมลงในแอป แต่ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าภารกิจหรือประสบการณ์ในรูปแบบ AR จะออกมาเป็นอย่างไร
Gowalla ยุคใหม่ ได้รับเงินลงทุนในรอบเริ่มต้น (Seeding) ไปแล้ว 4 ล้านดอลลาร์ มีผู้ลงทุนระดับกองทุนหลายแห่งอาทิ GV ในเครือกูเกิล, Spark Capital, Niantic ไปจนถึงนักลงทุนแองเจิลอีกหลายคน ซึ่งมีชื่อของ Dennis Crowley ผู้ก่อตั้ง Foursquare รวมอยู่ด้วย
ที่มา: TechCrunch |
# Netflix ทดสอบฟีเจอร์ใหม่คล้าย Sleep Timer กำหนดเวลาหยุดเล่น
Netflix ทดสอบฟีเจอร์ใหม่กับผู้ใช้งานจำนวนหนึ่งทั่วโลก โดยตอนนี้มีเฉพาะบน Android ซึ่งผู้ใช้งานสามารถกำหนดได้ว่าคอนเทนต์ที่รับชมอยู่ จะเล่นไปอีกเป็นระยะเวลาเท่าใดจึงหยุดการเล่น คล้ายกับการตั้งค่า Sleep Timer ในโทรทัศน์
ในการกำหนดค่าผ่านแอปบน Android ให้เลือกไอคอนรูปนาฬิกา แล้วกำหนดว่าจะให้คอนเทนต์นี้เล่นต่อเป็นระยะเวลาเท่าใด มีตัวเลือกคือ 15, 30, 45 นาที หรือจนกระทั่งรายการจบ เมื่อถึงกำหนดเวลาคอนเทนต์นั้นก็จะหยุดการเล่น
Netflix ยังไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าฟีเจอร์นี้จะมีในเวอร์ชัน iOS และ Smart TV เมื่อใด
ที่มา: The Verge |
# GeForce Now รองรับการเล่นผ่าน Chrome ทั้ง Windows และ macOS เวอร์ชัน M1
NVIDIA ประกาศรองรับการเล่น GeForce Now บน Chrome บน Windows และ macOS แล้วซึ่งครอบคลุมเวอร์ชัน M1 ด้วย โดยอาศัย WebRTC
ตอนนี้ GeForce Now มีเวอร์ชันแอปบน Windows, Mac, Linux รวมถึงบน Android ขณะที่บน iOS ให้เล่นผ่าน Safari เพื่อเลี่ยงปัญหากับแอปเปิลและล่าสุดก็เป็นบน Chrome อย่างไรก็ตามปัญหาหลัก ๆ ของ Geforce Now คือค่ายเกมใหญ่ถอนตัวจากระบบ มีแค่ Epic เท่านั้น (แต่ก็มีอยู่เกมเดียว?) เนื่องจากการให้บริการของ GeForce Now คือการนำเกมที่ผู้เล่นมีอยู่แล้ว เช่นบน Steam มาเล่นผ่านคลาวด์ แตกต่างจากบริการอย่าง xCloud หรือ Stadia ที่เช่าหรือซื้อเกมบนคลาวด์โดยตรง
ที่มา - XDA |
# ซีอีโอ AMD รับปัญหาผลิตไม่ทันกระทบคอนโซลมากสุด คาดแก้ปัญหาได้ครึ่งปีหลัง
ในการรายงานผลประกอบการของ AMD ซีอีโอ Lisa Su ได้ตอบคำถามนักลงทุน ยอมรับว่าความต้องการสินค้าของบริษัทเกินจากที่คาดกันเอาไว้มาก ทำให้เกิดปัญหาการผลิตไม่ทันความต้องการ และกระทบหมดทั้งซีพียู, จีพียู, คอนโซลและพีซีราคาถูก
ซีอีโอ AMD คาดว่าปัญหานี้จะมีไปจนถึงครึ่งปีแรกของ 2021 จนกว่าที่สายพานการผลิตจะเพิ่มกำลังได้ และปัญหาน่าจะคลี่คลายลงในช่วงครึ่งปีหลัง โดย Su ยอมรับว่าคอนโซลและพีซีราคาถูกจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
ที่มา - Tom's Hardware |
# คนมันรวยช่วยไม่ได้ ผู้สร้าง Genshin Impact เตรียมแจก PS5/GeForce ให้พนักงานในวันตรุษจีน
Genshin Impact ถือเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2020 (โหวตชนะ Game of the Year ของ Blognone ด้วย) ทำให้ล่าสุดต้นสังกัด miHoYo เตรียมคืนกำไรให้พนักงาน ด้วยการแจกไอเทมดาวเด่นอย่าง PS5 และ GeForce RTX 3070 ให้พนักงานในวันตรุษจีนปีนี้
ของที่ miHoYo นำมาแจก (จับสลากแจก) มีตั้งแต่ PS5, GeForce RTX 3070, iPhone 12 Pro Max, MacBook Pro, Nintendo Switch ในจำนวนที่มากจนต้องกองเรียงกันสูงๆ ยั่วน้ำลายพนักงานก่อนถึงวันตรุษจีน
ภาพเหล่านี้ถูกโพสต์ใน Weibo สร้างความฮือฮาอย่างมาก แม้ภายหลังต้นโพสต์ลบไป แต่ก็ยังมีคนเซฟเก็บไว้ได้
ที่มา - DualShockers |
# ไมโครซอฟท์คุย ธุรกิจความปลอดภัยโต 40% รายได้ทะลุ 3 แสนล้านบาทต่อปี
เมื่อพูดถึงบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายมากๆ แบบไมโครซอฟท์ คนมักคิดถึงผลิตภัณฑ์ยอดนิยมอย่าง Windows หรือ Office เป็นอย่างแรกๆ แต่ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุด 4/2020 ไมโครซอฟท์เผยว่ามีรายได้จากธุรกิจด้านความปลอดภัยเกิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว (3 แสนล้านบาท) ในรอบ 12 เดือนล่าสุด เติบโต 40% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ไมโครซอฟท์บอกว่ากรณีการแฮ็ก SolarWinds ยิ่งแสดงให้เห็นว่าความปลอดภัยสำคัญขึ้นเรื่อยๆ โดยคุยว่าสิ่งที่ทำให้ไมโครซอฟท์แตกต่างจากบริษัทความปลอดภัยอื่นๆ คือ
บริษัทใหญ่มาก ทำหลายเรื่องมาก ตั้งแต่ไคลเอนต์ยันคลาวด์ วิธีคิดด้านความปลอดภัยจึงเป็นแบบบูรณาการ (integrated approach) แก้ปัญหาเรื่อง silo และใหญ่ในสเกลที่คนอื่นแข่งไม่ได้
มีพลังด้าน AI และ automation ช่วยประมวลผลข้อมูลความปลอดภัย ตรวจจับภัยคุกคามได้เร็วและครอบคลุม
ไตรมาสที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์มีธุรกิจพุ่งแรงหลายตัว เช่น คลาวด์, Surface และ Xbox
ที่มา - Microsoft |
# สหราชอาณาจักรเตรียมสอบสวนดีล Uber ซื้อ Autocab ว่าทำลายการแข่งขันในวงการแท็กซี่หรือไม่
เมื่อปีที่แล้ว Uber ประกาศเข้าซื้อบริษัท Autocab บริการทำ SaaS สำหรับอุตสาหกรรมแท็กซี่และรถเช่าส่วนตัว ล่าสุดตอนนี้ Competition and Markets Authority หรือ CMA ของสหราชอาณาจักรกำลังเริ่มสอบสวนดีลนี้ว่ามีผลทำให้ลดการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่
Autocab เป็นบริษัทให้บริการเครื่องมือแก่แท็กซี่ตั้งแต่ปี 1991 แต่ช่วงหลังมาบริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มชื่อว่า iGo Everywhere เป็นบริการ SaaS สำหรับจองเวลาแท็กซี่โดยผู้ให้บริการแท็กซี่สามารถใส่โลโก้ของตัวเองเข้าไปในแอปของ Autocab ได้ ดังนั้นแพลตฟอร์มนี้จึงเป็นเหมือนแอปเรียกรถเพื่อผู้ขับรถแท็กซี่รายย่อยที่ไม่มีทรัพยากรในการทำแอปเองก็สามารถให้บริการเหมือนกับ Uber ได้
Uber ระบุว่าการเข้าซื้อครั้งนี้ Autocab จะยังคงเป็นอิสระจากบริษัท บอร์ดของตัวเอง และยังคงให้บริการเทคโนโลยีเพื่อแท็กซี่ต่อไป แต่ตัว iGo เองเป็นส่วนที่น่ากังวลว่าจะถูกนำไปรวมกับ Uber ซึ่ง CMA จะสอบสวนว่าดีลนี้มีผลต่อการแข่งขันหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของซัพพลายของซอฟต์แวร์เรียกรถแท็กซี่ต่อบริษัทแท็กซี่ในประเทศ รวมถึงผลกระทบซึ่งอาจเกิดขึ้นต่อผู้บริโภคหลังควบกิจการด้วย
ที่มา - Engadget, gov.uk |
# เพื่อความโปร่งใส EU เปิดเผยสัญญาซื้อวัคซีน AstraZeneca ต่อสาธารณะ บริษัทยินยอม
คณะกรรมการยุโรป European Commission (เปรียบได้กับรัฐบาลของสหภาพยุโรป) เปิดเผยสัญญาซื้อวัคซีนที่เซ็นกับ AstraZeneca ต่อสาธารณะ หลังมีปัญหา AstraZeneca ผลิตวัคซีนได้ไม่ทันตามที่เซ็นสัญญาเอาไว้ พร้อมทั้งอนุมัติวัคซีนของ AstraZeneca ให้ใช้งานได้ในยุโรปแล้ว
Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมการยุโรป ระบุว่าต้องการสร้างความโปร่งใสในเรื่องการจัดซื้อวัคซีน จึงเปิดเผยสัญญาต่อสาธารณะโดยได้รับความยินยอมจาก AstraZeneca เรียบร้อยแล้ว และตั้งเป้าจะเปิดเผยสัญญาจัดซื้อวัคซีนทุกฉบับในอนาคตอันใกล้นี้ (ก่อนหน้านี้เปิดเผยสัญญาของ CureVac ไปแล้วหนึ่งราย) อย่างไรก็ตาม สัญญาเวอร์ชันที่เปิดเผยมีการปิดทับข้อมูลบางอย่าง (redacted contract) ด้วยการคาดดำทับข้อความ
สัญญาระหว่าง EU กับ AstraZeneca เซ็นเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2020 ใจความสำคัญคือชาติสมาชิก EU ต้องสามารถซื้อวัคซีนจำนวน 300 ล้านโดส และสามารถซื้อเพิ่มได้อีก 100 ล้านโดสในอนาคต ในสัญญายังอนุญาตให้ชาติสมาชิกสามารถบริจาควัคซีนไปยังประเทศรายได้น้อยได้ด้วย
ใครสนใจอ่านสัญญา ดูได้จาก หน้าเว็บของ European Commission
ตัวอย่างหน้าแรกของสัญญา
BBC อ้างแหล่งข่าวใน EU ว่าน่าจะได้วัคซีนแค่ประมาณ 25 ล้านโดสในเดือนมีนาคม หรือราว 1/4 ของสัญญาที่เซ็นไว้ จากปัญหาโรงงานผลิตของ AstraZeneca ในเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม
EU ยังแจ้งให้ AstraZeneca ส่งวัคซีนที่ผลิตในอังกฤษมายังยุโรปภาคพื้นทวีปด้วย แต่ AstraZeneca ก็ติดขัดเรื่องสัญญาที่เซ็นกับโรงงานในอังกฤษ ทำให้ไม่สามารถส่งวัคซีนไปยุโรปได้ (ซึ่งแหล่งข่าวใน EU ยืนยันว่าต้องทำได้ ตามที่ระบุไว้ในสัญญากับ EU)
หลังทาง EU โดนวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องความคืบหน้าของการจัดหาวัคซีน ทำให้ต้องออกมาเปิดเผยสัญญาเพื่อลดแรงกดดัน
ที่มา - BBC |
# Google Cloud เปิดตัว BeyondCorp Enterprise โซลูชันความปลอดภัย แบบไม่ต้องใช้ VPN
Google Cloud เปิดตัวบริการความปลอดภัยองค์กร BeyondCorp Enterprise ซึ่งจะมาแทน BeyondCorp Remote Access ที่ออกในปี 2020 โดยครอบคลุมฟีเจอร์มากกว่า
กูเกิลมีแนวคิดยกบริการภายในทั้งหมดของตัวเองออกสู่อินเทอร์เน็ต พนักงานเข้าถึงได้โดยไม่ต้องใช้ VPN มาตั้งแต่ปี 2015 โดยใช้ชื่อโครงการว่า BeyondCorp แนวคิดเบื้องหลังคือไม่ว่าเครือข่ายภายในหรือภายนอกบริษัทมีความเสี่ยงเท่ากัน เชื่อถือใครไม่ได้เลย (zero trust) และใช้วิธีตรวจสอบความปลอดภัยหลายๆ อย่างช่วยกันประเมินความเสี่ยง แทนความเชื่อว่าเข้า VPN ได้แล้วจะปลอดภัยเสมอ
ปีที่แล้วกูเกิลเริ่มนำเครื่องมือตัวนี้ออกมาขายให้คนนอกใช้งาน และปีนี้ก็อัพเกรดอีกรอบในชื่อ BeyondCorp Enterprise
เทคนิคความปลอดภัยที่กูเกิลใช้มีหลากหลาย ตั้งแต่ฝั่งไคลเอนต์ไปจนถึงฝั่งคลาวด์ เช่น การกำหนด access policy อย่างละเอียด, การยืนยันตัวตนทุกระดับชั้น, การใช้เครือข่ายของกูเกิลทั่วโลกช่วยระวังภัย ของใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน BeyondCorp Enterprise คือการตรวจสอบความเสี่ยงที่ตัวเบราว์เซอร์ (Chrome Enterprise) ช่วยป้องกันปัญหาข้อมูลรั่วไหล (พนักงานดาวน์โหลดไฟล์บางอย่างไม่ได้) และแอดมินสามารถดูความเสี่ยงของโดเมนที่เข้าเว็บได้
BeyondCorp Enterprise คิดเงินตามจำนวนผู้ใช้ต่อเดือน แต่ยังไม่ประกาศราคา
กูเกิลยังจับมือกับพันธมิตรอีกหลายราย เช่น Citrix, VMware, Symantec, McAfee, Check Point, Tanium, Lookout ตั้งกลุ่ม BeyondCorp Alliance เพื่อเชื่อมระบบของพันธมิตรเข้ามาต่อกับระบบของ BeyondCorp
ที่มา - Google Cloud |
# AutoX เปิดให้บุคคลทั่วไปทดลองนั่งแท็กซี่ไร้คนขับแล้วในประเทศจีน
AutoX สตาร์ทอัพรถยนต์ไร้คนขับในจีนที่เพิ่งนำรถไร้คนขับมาทดสอบวิ่งบนถนนในเมืองเสิ่นเจิ้นเป็นรายแรกในประเทศจีน ประกาศเปิดให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับแก่บุคคลทั่วไปอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เป็นการทดสอบเฉพาะในวงปิด
สำหรับผู้ที่จะใช้งานรถแท็กซี่ AutoX จะต้องลงทะเบียนเพื่อยืนยันเข้าร่วมโครงการทดสอบกับ AutoX ก่อน หลังจากนั้นผู้ใช้จะสามารถนั่งรถยนต์ของ AutoX ไปที่ไหนก็ได้ในเมือง ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีคนขับรถให้ แต่ถ้าพบปัญหาใด ๆ ผู้ใช้ยังคงสามารถติดต่อพนักงานที่ให้บริการลูกค้าในระยะไกลเพื่อขอความช่วยเหลือได้
AutoX เริ่มทดสอบรถยนต์ไร้คนขับอย่างจริงจังมาสักระยะแล้ว ซึ่งตัวรถยนต์ใช้ Chrysler Pacifica แบบดัดแปลง มีการติดตั้งเซนเซอร์ LiDAR, เรดาร์ และ blind spot sensing เพื่อให้ตัวรถรับรู้สภาพรอบข้างและนำมาประมวลผลการขับรถ
ที่มา - Engadget
ภาพจาก AutoX |
# Johnson & Johnson ประกาศผลทดสอบวัคซีน COVID-19 เฟส 3 ฉีดเข็มเดียวประสิทธิภาพ 66%
Johnson & Johnson ประกาศผลทดสอบวัคซีน Janssen COVID-19 พบว่าประสิทธิภาพรวมอยู่ที่ 66% โดยการทดสอบแยกเป็นการทดสอบในสหรัฐฯ (72%), ละตินอเมริกา (66%), และแอฟริกา (57%)
Janssen COVID-19 มีจุดเด่นที่ต้องฉีดเพียงเข็มเดียว ตัววัคซีนแม้ต้องเก็บที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียสแต่ก็สามารถเก็บที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียสได้นานถึง 3 เดือน
การทดสอบใช้อาสาสมัครรวม 43,783 คน เก็บข้อมูลจนมีผู้ติด COVID-19 เข้าข่ายทั้งหมด 468 ราย ที่น่าสนใจคือผู้ร่วมทดสอบเป็นผู้สูงอายุเกิน 60 ปีถึง 14,672 คนหรือ 34% ทางบริษัทระบุว่าวัคซีนมีผลดีครอบคลุมทุกกลุ่ม รวมถึงเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาก็ตาม
งานวิจัยนี้แบ่งประสิทธิภาพออกเป็นสองช่วงคือหลังฉีดวัคซีน 14 วัน และ 28 วัน แม้ว่าจะเริ่มเห็นประสิทธิภาพของวัคซีนตั้งแต่วันที่ 14 แต่รายงานไม่ได้ระบุตัวเลขประสิทธิภาพออกมา ขณะที่ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดโรครุนแรง (ต้องเข้าไอซียู, ระบบหายใจล้มเหลว, ช็อก, อวัยวะล้มเหลว, เสียชีวิต) อยู่ที่ 85% และไม่พบผู้ได้รับวัคซีนมีอาการรุนแรงเลยหลังได้รับวัคซีนวันที่ 49
ทาง Johnson & Johnson เตรียมนำผลทดสอบตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่มีการทำ peer review ต่อไป และจะเตรียมยื่นขออนุญาตฉุกเฉินจาก FDA ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้วัคซีนตัวนี้ยังทดสอบเฟส 3 แบบฉีด 2 โดสขนานไปพร้อมกัน โดยผลการทดสอบแบบฉีดสองโดสยังไม่เปิดเผย
ที่มา - Johnson & Johnson
ภาพโดย geralt |
# Signal ออกอัพเดต เพิ่มสติ๊กเกอร์ภาพเคลื่อนไหว, เปลี่ยนพื้นหลังได้, About ในหน้าโปรไฟล์
Signal ออกอัพเดตล่าสุดสำหรับ iOS และ Android โดยรอบนี้เพิ่มฟีเจอร์ตามแอปแชทกระแสหลักให้ใช้งานได้สนุกยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาในรอบนี้มีทั้งภาพพื้นหลังแบบปรับแต่งเองได้, สติ๊กเกอร์ภาพเคลื่อนไหว, About ในหน้าโปรไฟล์ ส่วน Signal บน iOS จะเพิ่มการตั้งค่าดาวน์โหลดอัตโนมัติ และรูปโปรไฟล์แบบเต็มจอ (เพื่อให้เหมือน Android)
ตอนนี้ Signal เวอร์ชันใหม่พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ว
ที่มา - The Verge |
# dtac ไตรมาส 4/2563 จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 1.73 แสนเลขหมาย การใช้ data เพิ่มเป็น 19.9GB ต่อเดือน
ดีแทครายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2563 รายได้ในไตรมาสรวม 20,531 ล้านบาท ลดลง 4.2% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 7.8% หากเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 281 ล้านบาท
จำนวนลูกค้าสิ้นสุดไตรมาส 4 มีจำนวน 18.856 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 0.173 ล้านเลขหมาย จากไตรมาสก่อนหน้านี้ เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งลูกค้าในระบบเติมเงินและระบบรายเดือน มีรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC (ARPU) 250 บาทต่อเดือน อัตราการใช้งานข้อมูลต่อเลขหมายเพิ่มเป็น 19.9GB ต่อเดือน
ดีแทคมีจำนวนสถานีฐานบนเครือข่าย 2300MHz ประมาณ 20,400 สถานีฐาน มีผู้ใช้บริการบนระบบ 4G จำนวน 12.2 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 64% ของฐานลูกค้ารวม
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ดีแทค |
# Tomb Raider สร้างใหม่เป็นซีรีส์แอนิเมชั่นลง Netflix
Tomb Raider เกมที่ถูกสร้างเป็นหนังถึงสองครั้งกำลังถูกสร้างใหม่ในรูปแบบซีรีส์แอนิเมชั่นลง Netflix ได้ Tasha Huo ที่ร่วมกับ Netflix ในการสร้าง The Witcher: Blood Origin มาเป็นผู้อำนวยการสร้าง และร่วมกับ Legendary Entertainment ที่สร้าง Lost in Space ฉบับรีเมค ซึ่ง Netflix ยังไม่ระบุวันฉาย
Netflix ระบุว่า ตัวแอนิเมชั่นเป็นภาคต่อของวิดีโอเกมรีบูตไตรภาคล่าสุดของ Tomb Raider โดยมี Lara Croft สาวนักสำรวจเดินทางไปทั่วโลก และผจญภัยอันตราย
ที่มา - Polygon |
# Bleeding Edge เกมต่อสู้ 4v4 จากผู้สร้าง Hellblade หยุดอัพเดตแล้ว หลังเปิดให้บริการไม่ถึงปี
ทีมงานเกม Bleeding Edge เกมต่อสู้แบบ 4v4 จาก Ninja Theory ผู้สร้าง Hellblade: Senua's Sacrifice ประกาศหยุดอัพเดตคอนเทนต์ใหม่ให้ตัวเกมแล้ว โดยผู้พัฒนาระบุว่าต้องการโฟกัสกับโปรเจกต์ใหม่ อย่าง Senua’s Saga, Project Mara และ The Insight Project
เกมนี้เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมปี 2020 บนเครื่อง Xbox One และ PC รวมถึงเล่นสามารถได้บน Xbox Series S|X ด้วย ซึ่งแม้จะหยุดอัพเดต แต่ผู้เล่นก็ยังสามารถเล่นเกมต่อไปได้อยู่ ตัวเกมได้คะแนนระดับกลางๆ เวอร์ชั่น PC อยู่ที่ 62 คะแนน บน Metacritic และได้รับคำวิจารณ์ “แง่บวกเป็นส่วนใหญ่” บนหน้าเพจของ Steam
Bleeding Edge เป็นเกมที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่นัก และ Steam Charts แสดงผลว่ามีผู้เล่นสูงสุดแค่ 30 คน ในเดือนธันวาคม ปี 2020 นอกจากนี้ยังอยู่บนตลาดเกมออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูง เพราะแม้จะเป็นเกมต่อสู้ แต่ระบบจับตัวละครที่มีสกิลแตกต่างมาปะทะกัน ก็ต้องแข่งในตลาดเดียวกันกับ Overwatch, Paladins, Valorant และเกมอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เกมนี้ถูกลืมอย่างรวดเร็ว
ที่มา - Kotaku
ภาพจาก Steam |
# คนรุมรีวิว 1 ดาวให้แอปเทรดหุ้น Robinhood คอมเม้นท์เป็นแสน Google ลบคอมเม้นท์ออกแล้ว
ผู้ใช้งานรุมรีวิวแอปพลิเคชั่นเทรดหุ้น Robinhood ให้คะแนน 1 ดาวบน Google Play ล่าสุด Google ออกมายืนยันว่าได้ลบคอมเม้นท์เหล่านั้นออกไปแล้วร่วมแสนคอมเม้นท์
จากปรากฏการณ์นักลงทุนรายย่อยแห่ซื้อหุ้น GameStop ผู้จัดจำหน่ายวิดีโอเกม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งที่กำลังขาดทุน รวมถึงแห่ซื้อหุ้น AMC ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ และ Nokia จนทำให้ระบบ Robinhood ล่ม จน Robinhood ต้องระงับการซื้อหุ้น GameStop แต่ยังขายได้ จนผู้ใช้งานแห่มารีวิวแอปในทางที่ไม่ดี โดย Google มีอำนาจสามารถลบคอมเม้นท์บน Google Play ได้ หากมีเนื้อหาที่มีเจตนาบิดเบือนการให้คะแนนของแอปอย่างชัดเจน
หากเข้าไปดูที่ Google Play ตอนนี้ คะแนนรีวิวแอป กลับมาเป็น 4.2 ดาวแล้ว ส่วนบน App Store คะแนนแอป Robinhood อยู่ที่ 4.7 ดาว
ที่มา - The Verge |
# กูเกิลยอมทำตามนโยบายแอปเปิลใน iOS 14 เตือนนักพัฒนาจะได้เงินจากโฆษณาน้อยลง
การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ iOS 14 คือนโยบายเรื่องความเป็นส่วนตัว App Tracking Transparency (ATT) ที่ส่งผลกระทบต่อการติดตามตัวบุคคลในโฆษณาออนไลน์ แบบสั้นๆ คือแอปเปิลปิดไม่ให้เข้าถึง Advertising Identifier (IDFA) ทำให้การโฆษณาแบบเจาะจงตัวบุคคลทำได้ยากขึ้นมาก
Facebook เป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจาก ATT และออกมาพูดถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง และล่าสุดมีข่าวว่าจะฟ้องแอปเปิลเรื่องนี้
ฝั่งกูเกิลก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน (แต่ไม่กระโตกกระตากเท่า Facebook) ล่าสุดออกมาบอกว่าอัพเกรด Google Mobile Ads SDK เวอร์ชัน 7.64 ที่รองรับ SKAdNetwork ตัวใหม่ของแอปเปิลเรียบร้อยแล้ว และเตือนนักพัฒนาแอพบน iOS ที่ฝังโฆษณาผ่านเครือข่ายกูเกิลว่าอาจได้เงินน้อยลงจากนโยบายใหม่นี้
กูเกิลยังระบุว่าจะทยอยอัพเดตแอพของตัวเองบน iOS ตามรอบการออกฟีเจอร์ใหม่หรือการแก้บั๊ก และจะแปะป้าย App Privacy Details ให้เห็นชัดเจน ตามนโยบายของแอปเปิลด้วย
ที่มา - Google |
# Chrome บน Android อัพเดต ปรับแสดงผลแท็บแบบ grid, เพิ่ม Tab Group
Chrome เริ่มปล่อยอัพเดตบน Android ปรับการแสดงผลแท็บที่เปิดค้างไว้ จากเดิมที่เป็น stack ปาดขึ้นลงให้กลายเป็นแบบ grid พร้อมเพิ่งมฟีเจอร์ Tab Group ฟีเจอร์ที่ใช้บนพีซีไปแล้ว ที่รวมแท็บเอาไว้เป็นกลุ่มเดียว ลดความรกจากความเยอะของแท็บลง
การแสดงเลย์เอาท์แบบใหม่ทยอยปล่อยอัพเดตพร้อม Chrome 88 และสามารถปิดได้จาก chrome://flags/#enable-tab-grid-layout
ที่มา 9to5Google |
# Xiaomi เปิดตัว Mi Air Charge ชาร์จไร้สายผ่านอากาศ อยู่ในขั้นเทคเดโม
Xiaomi ดูเหมือนจะกลายเป็นผู้นำในวงการชาร์จไร้สาย หลังเปิดตัวที่ชาร์จไร้สาย 80W เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว วันนี้ Xiaomi ยังเปิดตัวอุปกรณ์ชาร์จไร้สายผ่านอากาศ Mi Air Charge ที่มีระยะทำการในระดับหลายเมตร โดยผู้ใช้ไม่ต้องนำมือถือไปวางไว้บนแท่นชาร์จไร้สายอีกต่อไป
หลักการทำงานคือ Xiaomi จะมีแท่นชาร์จ (charging pile) ที่พัฒนาด้วยตัวเอง จากวิดีโอตัวอย่างมีขนาดใกล้เคียงเครื่องกรองอากาศ Xiaomi มีเสา “phase interference” 5 เสา เพื่อใช้สแกนหาตำแหน่งมือถือ หลังจากนั้นจะใช้ “phase control array” ที่ประกอบด้วยเสาสัญญาณ 144 เสา ส่งคลื่นมิลลิเมตร (mmWave) ไปที่มือถือ ด้วยวิธีการบีมฟอร์มมิ่ง
ในฝั่งมือถือ Xiaomi ระบุว่าได้พัฒนาระบบเสา “beacon antenna” เพื่อส่งสัญญาณระบุตำแหน่งที่กินพลังงานต่ำ และ “receiving antenna array” เสาสัญญาณ 14 ตัว ที่จะรับคลื่นมิลลิเมตร (mmWave) มาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยวงจรเรียงกระแส (rectifier circuit) เพื่อแปลงไฟฟ้า AC เป็น DC อีกที
ตอนนี้ Xiaomi ระบุว่าชาร์จอุปกรณ์เดียวในระยะทำการหลายเมตร (couple of meters) ได้ 5W หรือหลายอุปกรณ์พร้อมกัน เครื่องละ 5W สิ่งกีดขวางจะไม่มีผลกระทบกับการชาร์จ และจะมีการนำไปใช้งานกับอุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ อีกในอนาคต แต่ยังไม่มีระบุระยะการชาร์จที่ชัดเจนของทั้งแบบอุปกรณ์เดียว และหลายอุปกรณ์
Mi Air Charge ยังอยู่ในขั้นเทคเดโม ยังไม่มีการวางจำหน่ายภายในปีนี้ ตามที่ Agatha Tang ทีมงานฝ่าย Product PR ของ Xiaomi Global ตอบ Max Winebach บนทวิตเตอร์ คาดว่าเพราะมือถือรุ่นรองรับน่าจะต้องมาพร้อมกับเสารับสัญญาณแบบใหม่พร้อมตัวแปลงไฟ หรือไม่ก็ต้องใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อภายนอก แต่ถ้าวางจำหน่าย และใช้งานได้จริง พร้อมทั้งเพิ่มกำลังไฟได้มากกว่า 5W ได้ในอนาคต ก็น่าจะเป็นอะไรที่ปฏิวัติวงการพอสมควร
ที่มา - Xiaomi |
# Epic Games Store มีผู้ใช้ 160 ล้านคนแล้ว ผู้ใช้รายวัน 31.3 ล้านคน แจกเกมฟรีมูลค่า 2,407 เหรียญ
Epic Games ออกรายงานสรุปข้อมูลประจำปี 2020 ของ Epic Games Store ที่เติบโตขึ้นทุกด้าน ตั้งแต่ผู้ใช้งาน 160 ล้านคน ขณะที่ผู้ใช้งานรายวัน (DAUs) 31.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 192% จากปีที่แล้ว และมีผู้เล่นพร้อมกันสูงสุด 13 ล้านคน (เพิ่มจาก 7 ล้านคนปีที่แล้ว)
นอกจากนี้ปีที่แล้ว ผู้ใช้งานมีการใช้จ่ายผ่าน Epic Games Store รวมกันกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ แยกเป็นซื้อเกมอื่นบนสโตร์กว่า 265 ล้านเหรียญ โดยเป็นยอดค่าใช้จ่ายจริง ไม่รวมส่วนลดหรือคูปองต่าง ๆ (เท่ากับว่าเกมเมอร์จ่ายซื้อเกม Epic 435 ล้านเหรียญ อาจจะแค่ Fortnite ตัวเดียว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียด) ขณะที่เกมบนสโตร์ก็เพิ่มจาก 190 เกมในปี 2019 มาเป็น 471 เกม
ส่วนเกมฟรีที่แจกปีที่แล้วมี 103 เกม คิดเป็นมูลค่าราว 2,407 เหรียญต่อคน และมีผู้ใช้งานรับเกมฟรีทั้งหมดรวมกัน 749 ล้านครั้ง
ที่มา - Epic Games |
# Google Cloud เปิดบริการ VM Manager จัดการแพตช์และคอนฟิกบนเซิร์ฟเวอร์ลูกค้า
Google Cloud เปิดบริการใหม่ VM Manager ที่เข้าไปจัดการภายใน virtual machine ของลูกค้าเพื่อให้ติดตั้งแพตช์และคอนฟิกตรงตามนโยบายความปลอดภัย โดยอาศัยการติดตั้ง agent ลงใน Compute Engine เพื่อให้ Google Cloud เข้าไปจัดการแพตช์ในเครื่องได้
บริการนี้เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก โดยมีรายงานว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่ดูแลอยู่ยังไม่ได้ติดตั้งแพตช์ระดับใดบ้าง และสามารถตั้งเวลาติดตั้งแพตช์ได้จากศูนย์กลาง
บริการนี้ให้บริการฟรี 100 VM แรก จากนั้นคิดค่าบริการตามจำนวนเครื่องชั่วโมงละ 0.003 ดอลลาร์ หรือประมาณเดือนละ 70 บาท
ที่มา - Google Cloud |
# [ไม่ยืนยัน] เฟซบุ๊กเตรียมฟ้องแอปเปิลผูกขาด จากกรณีปรับความเป็นส่วนตัวบน iOS 14
เฟซบุ๊กแสดงความไม่พอใจแอปเปิล นับตั้งแต่การอัพเดต iOS 14 ก่อนที่ล่าสุด Mark Zuckerberg ก็บอกว่าเฟซบุ๊กมองแอปเปิลเป็นคู่แข่งแล้ว จาก iMessage ที่มาแข่ง Messenger และ WhatsApp
ประกอบกับการเป็นเจ้่าของแพลตฟอร์ม ทำให้แอปเปิลสามารถใช้สถานะนี้ควบคุมการทำงานของแอปอื่น แต่ละเว้นของตัวเอง (Mark เคยบอกว่าแอปเปิลบังคับนโยบายความเป็นส่วนตัวกับแอปอื่น แต่แอปตัวเองไม่ทำตาม) ทำให้ตอนนี้มีรายงานว่าเฟซบุ๊กกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อฟ้องแอปเปิลฐานผูกขาดแล้ว จากข้อมูลของคนในที่เกี่ยวข้อง หลังจากเคยแค่เสนอช่วยเหลือ Epic เท่านั้น
ที่มา - The Information via Bloomberg |
# Mark Zuckerberg บอก Facebook จะหยุดแนะนำเนื้อหากลุ่มและเพจการเมือง ลดความแตกแยก
ในรายงานผลประกอบการของ Facebook ไตรมาส 4 นั้น Mark Zuckerberg ได้พูดถึงแนวทางการแสดงเนื้อหาทางการเมืองบน Facebook ที่อาจกระทบต่อการดูเนื้อหาบนหน้าฟีดของทุกคน คือ Facebook จะหยุดการแนะนำกลุ่มและเพจการเมืองบนหน้าฟีด ให้เนื้อหาทางการเมืองแสดงบนแพลตฟอร์มน้อยลง และเน้นการทำงานเพื่อสร้างพลังบวกและความใกล้ชิดของผู้คนมากขึ้น
Zuckerberg บอกว่า ก่อนหน้านี้ Facebook ได้หยุดแนะนำกลุ่มพลเมืองและกลุ่มการเมืองในสหรัฐอเมริกาก่อนเลือกตั้ง และกำลังมองต่อยอดให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และวางแผนที่จะป้องกันไม่ให้กลุ่มพลเมืองและกลุ่มการเมืองได้รับคำแนะนำบนหน้าฟีดในระยะยาว และขยายไปทั่วโลก เพื่อลดอุณหภูมิความรุนแรง และลดความแตกแยกบน Facebook
อย่างไรก็ตาม Zuckerberg ไม่ได้บอกรายละเอียดเจาะจงว่า เนื้อหาหรือกลุ่มแบบไหนเข้านิยามความเป็นกลุ่มการเมือง แล้วสิ่งนี้จะกระทบต่อการรับข้อมูลข่าวสารจากหน้าฟีดหรือไม่ ในอีกด้านหนึ่ง Facebook ก็ถูกวิจารณ์ว่าสร้างความแตกแยกทางการเมืองมากเช่นกัน
ภาพจาก Mark Zuckerberg ถ่ายในปี 2017
ท่าทีต่อประเด็นการเมืองของ Facebook ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่เกิดเหตุบุกรัฐสภาสหรัฐฯ มีการแบนโดนัลด์ ทรัมป์ และแบนโพสต์คัดค้านผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ด้วย
ที่มา - Engadget |
# Novavax ประกาศผลเบื้องต้นประสิทธิภาพวัคซีน COVID-19 ได้ผล 89.3%
Novavax ประกาศผลการทดลองเฟสสามของวัคซีน NVX-CoV2373 ในสหราชอาณาจักรได้ประสิทธิภาพ 89.3% เตรียมนำผลขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกเร็วๆ นี้
การทดลองมีอาสาสมัคร 15,000 คนที่ช่วงอายุ 18-84 ปี และรายงานผลครั้งนี้เมื่อพบผู้ป่วยแล้ว 62 ราย (ต้องมีอาการ และยืนยันการป่วยด้วยการตรวจ PCR) พบว่า 56 รายเป็นผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนหลอก ทำให้คำนวณประสิทธิภาพได้ 89.3% หากคำนวณประสิทธิภาพแยกสายพันธุ์ไวรัส วัคซีนจะมีประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์เดิม 95.6% สายพันธุ์อังกฤษ 85.6%
ทางบริษัทรายงานผลครั้งนี้ออกมาพร้อมกับผลการทดสอบเฟส 2b ในแอฟริกาใต้ที่ได้ผลเพียง 60% จากการทดลองในอาสาสมัคร 4,400 คน มีผู้ติดเชื้อรวม 44 คน เป็นกลุ่มฉีดวัคซีน 15 คน แต่จากการถอดรหัสพันธุกรรม พบว่าเชื้อส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์แอฟริกา ทำให้คาดว่าวัคซีนประสิทธิภาพต่ำต่อสายพันธุ์นี้ และบริษัทจะพัฒนาวัคซีนที่มุ่งต่อสายพันธุ์นี้ต่อไป
วัคซีนของ Novavax อาศัยการสร้างโปรตีนบริสุทธิ์จากส่วนปลายของไวรัส ตัววัคซีนสามารถเก็บรักษาได้ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส
ที่มา - Novavax |
# AIS เปิดตัว Jump Thailand โครงการ Hackathon แก้ปัญหาสังคม-สิ่งแวดล้อมรอบตัว
AIS NEXT หน่วยงานขับเคลื่อนนวัตกรรมของ AIS เปิดตัวโครงการ Jump Thailand 2021 เป็นงาน hackathon สำหรับแก้ปัญหารอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม สุขภาพ การศึกษา คมนาคม คุณภาพชีวิต ฯลฯ
Jump จะเปิดให้คนทั่วไปส่งปัญหาที่อยากให้แก้ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 14 กุมภาพันธ์ 2564 จากนั้นจะเปิดรับสมัครทีมเข้าแข่งระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์-15 มีนาคม และจัดแข่งจริงในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564
ผู้เข้าแข่งขันจะชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1 ล้านบาท และมีโอกาสร่วมบ่มเพาะโครงการเป็นโซลูชันในตลาดจริงร่วมกับ AIS Next ที่มีงบประมาณสนับสนุนถึง 100 ล้านบาทด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จาก Jump Thailand |
# ชุมชนลินุกซ์โวย เคอร์เนล 5.10 LTS ซัพพอร์ตแค่ 2 ปี นักพัฒนาระบุต้องรอบริษัทมาช่วยซัพพอร์ต
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาโครงการเคอร์เนลลินุกซ์ออกรุ่น 5.10 LTS แต่กลับประกาศว่าจะซัพพอร์ตนานเพียง 2 ปีจากเดิมที่เคยซัพพอร์ตรุ่น LTS นานถึง 6 ปี ทำให้ Scott Branden นักพัฒนาจาก Broadcom ออกมาแสดงความเห็นว่าหากซัพพอร์ตสั้นเพียงเท่านี้ก็ไม่ควรเรียกว่า LTS
ทางฝั่งผู้ดูแลเคอร์เนล Kroah-Hartman ออกมาชี้แจงว่าปกติแล้วเคอร์เนลแต่ละรุ่นมีระยะซัพพอร์ตแค่ 4 เดือนเท่านั้น การออกรุ่นซัพพอร์ต 2 ปีก็นับว่ายาวกว่าปกติมากแล้ว และทางโครงการเคอร์เนลยินดีขยายเวลาซัพพอร์ตหากมีบริษัทแสดงตัวสนับสนุนการดูแล และที่ผ่านมาหลังจากออกเคอร์เนลไประยะหนึ่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมก็จะมีบริษัทมาแสดงตัวสนับสนุน ทำให้ทางโครงการเปลี่ยนแผนซัพพอร์ตเป็น 6 ปีได้
Kroah-Hartman ยังชี้ว่าการใช้งานเคอร์เนลเวอร์ชั่นเดียวไปนานๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีในตัวเอง แต่ผู้ผลิตชิปมักสร้างชุดพัฒนาที่มีโค้ดอีกนับล้านบรรทัดทำงานได้กับเคอร์เนลเวอร์ชั่นเดียวเท่านั้น (กระทบไปถึง Broadcom ที่ Scott ตั้งคำถามแต่แรก)
ที่มา - The Register
แผนภาพระยะเวลาซัพพอร์ตเคอร์เนลลินุกซ์ |
# หลังคนเรียกร้องมาก YouTube ทดสอบฟีเจอร์ตัดคลิปขนาดสั้น 60 วินาทีได้
หนึ่งในฟีเจอร์ที่คนเรียกร้องมากบน YouTube คือ การตัดคลิปสั้นของตัวเองบน YouTube ออกมายาวสูงสุด 60 วินาที เพื่อนำไปแชร์ต่อได้ง่ายๆ เริ่มทดสอบในกลุ่มครีเอเตอร์บางราย และครีเอเตอร์บน YouTube Gaming
ผู้ที่ได้ทดสอบจะมองเห็นไอคอนรูปกรรไกรใต้คลิป และตัดคลิปออกมาได้ตั้งแต่ 5 - 60 วินาที หลังช่วงทดสอบผ่านไปก็จะเปิดใช้งานได้ในทุกอุปกรณ์ ทั้งเดสก์ทอป มือถือ แท็บเล็ต ด้าน Twitch มีฟีเจอร์นี้มานานแล้ว ซึ่งการที่ YouTube ทำฟีเจอร์นี้ด้วยโดยเจาะกลุ่มที่ YouTube Gaming ก็เพื่อให้ตัวเองสามารถแข่งขันได้
ฟีเจอร์ใหม่นี้จะไม่สามารถใช้งานได้ในวิดีโอที่สร้างขึ้นสำหรับเด็ก, วิดีโอสตรีมสดที่ไม่เปิดใช้ฟีเจอร์ DVR ของ YouTube (ให้ผู้ชมหยุดรับชมชั่วคราว กรอกลับ และรับชมต่อระหว่างสตรีมแบบสดได้), วิดีโอสตรีมสดยาวกว่า 8 ชั่วโมง
ที่มา - Engadget |
# Vivaldi เพิ่มฟีเจอร์ "แท็บสองชั้น" เพื่อให้จัดการแท็บจำนวนมากๆ ได้ง่ายขึ้น
เบราว์เซอร์ Vivaldi เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจคือ "แท็บสองชั้น" (Two-Level Tab Stacks) เพื่อให้การจัดกลุ่มแท็บสะดวกขึ้น
Vivaldi บอกว่าแท็บเป็นสิ่งสำคัญของการท่องเว็บทุกวันนี้ แต่เมื่อคนเปิดแท็บกันเยอะๆ ก็เริ่มมีปัญหาเรื่องการจัดการ ก่อนหน้านี้ Vivaldi เคยทำฟีเจอร์ Tab Stacks ช่วยจัดกลุ่มแท็บอยู่แล้ว ฟีเจอร์นี้เป็นการต่อยอดของเดิมไปอีกระดับ โดยแสดง Stacks เป็นสองชั้นเพื่อให้จัดการง่ายขึ้น ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าได้ว่าจะแสดงแท็บชั้นเดียวแบบเดิม หรือแท็บสองชั้นแบบใหม่
Tab Stacks ชั้นเดียว
Tab Stacks สองชั้น
Vivaldi ยังมีฟีเจอร์ด้านบริหารแท็บอีกหลายอย่าง เช่น Tile Tabs แบ่งครึ่งจอ (splitscreen), Vertical Tab แสดงแท็บแนวตั้งด้านข้าง, Hibernate Tab พักแท็บที่ยังไม่ใช้งานในตอนนั้น
ที่มา - Vivaldi |
# Garmin เปิดตัว Lily นาฬิกาหน้าปัด สายรัดขนาดเล็ก เหมาะกับคนข้อมือเล็ก ราคา 6,000 บาท
ในวงการนาฬิกาอัจฉริยะ เราอาจคุ้นเคยกับภาพลักษณ์ของหน้าปัดที่มีขนาดใหญ่ เพื่อแสดงข้อมูลได้เต็มที่ ล่าสุด Garmin เปิดตัว Lily ที่มีหน้าปัดและสายรัดขนาดเล็กกว่าแบรนด์อื่นๆ เหมาะกับคนที่มีขนาดข้อมือเล็กมากขึ้น ตัวสายนาฬิกาของ Lily กว้าง 14 มม. หน้าปัดเป็นทรงกลมกว้าง 34 มม. หนา 10.15 มม. มีหลายสีทั้งขาว ครีม ดำ ม่วง และ Rose Gold ขายที่ราคา 199.99 ดอลลาร์ หรือราว 6,000 บาท
หน้าปัดของ Lily จะไม่ดับ แม้เราไม่ออกกำลังกาย ทำให้มองเห็นดีไซน์บนหน้าปัดตลอดเวลา ดีไซน์หน้าปัดมี 6 แบบ ตัวนาฬิกาไม่มีปุ่มให้กดแบบชัดๆ ต้องกดผ่านหน้าจอแทน ทำงานได้หลายอย่างตามมาตรฐาน เช่น ติดตามการออกกำลังกาย, การนอน, มีเซนเซอร์ Pulse Ox ตรวจสอบออกซิเจนในเลือด, กันน้ำ, ทำงานคู่กับแอป Garmin เพื่อตรวจจับประจำเดือน เป็นต้น ทาง Garmin บอกด้วยว่าแบตเตอรี่อยู่ได้นานสูงสุด 5 วัน
ที่มา - Engadget, Garmin |
# WhatsApp จะเพิ่มการล็อกอินเข้าคอมด้วย biometric เช่น สแกนนิ้ว, หน้า
WhatsApp เตรียมเพิ่มการล็อกอินเข้าใช้งานในคอมพิวเตอร์ผ่านระบบ biometric เช่นสแกนนิ้ว, สแกนใบหน้า จะใช้งานได้บน iPhone ที่รันด้วย iOS 14 และบนมือถือ Android ที่มีระบบการใช้งาน biometric ถือเป็นช่องทางล็อกอินเพิ่มจากการสแกน QR เข้าใช้งานตามปกติ
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ ผู้ใช้ยังไม่สามารถกดโทรจาก WhatsApp ในเวอร์ชั่นเว็บได้ ซึ่งทางบริษัทกำลังทดสอบอยู่ในขณะนี้ และจากความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว WhatsApp บอกว่า ทางบริษัทไม่ได้จัดเก็ยข้อมูลรอยนิ้วมือและใบหน้าจากผู้ใช้ ซึ่งการใช้ biometric ถือเป็นมาตรฐานการใช้งานบนแอปอื่นเช่นกัน
ที่มา - TechCrunch |
# [Canalys] ตลาด Tablet และ Chromebook ทำสถิติส่งมอบสูงสุดในไตรมาส 4/2020
บริษัทวิจัยตลาด Canalys รายงานภาพรวมของตลาดแท็บเล็ต และ Chromebook ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ต่อจากตลาดพีซีที่รายงานไปก่อนหน้านี้ โดยแท็บเล็ตมีจำนวนส่งมอบ 52.8 ล้านเครื่อง สำหรับไตรมาส 4/2020 และ 160.6 ล้านเครื่อง สำหรับตลอดปี 2020 เพิ่มขึ้น 28% เทียบกับตัวเลขในปี 2019 เป็นสถิติสูงสุดที่เคยมีมา
เช่นเดียวกับ Chromebook มีจำนวนส่งมอบ 11.2 ล้านเครื่อง ในไตรมาสที่ 4/2020 เป็นสถิติใหม่สูงสุด และตลอดปี 2020 รวมเป็นจำนวน 30.6 ล้านเครื่อง
แอปเปิลครองส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตมากที่สุดในไตรมาส 4 ด้วยจำนวน 19.2 ล้านเครื่อง ดีที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2014 ตามด้วย ซัมซุง Amazon Lenovo และ Huawei ในอันดับ 2-3-4-5 ตามลำดับ
ในตลาด Chromebook มี HP ครองส่วนแบ่งมากที่สุด 3.5 ล้านเครื่อง ตามด้วย Lenovo ในอันดับ 2 และ Acer, Dell, ซัมซุง ในลำดับ 3-4-5
นักวิเคราะห์จาก Canalys ให้ความเห็นว่าตลาดแท็บเล็ตนั้นมาจากความต้องการเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการประมวลผล ถูกนำมาใช้ในงานที่หลากหลาย ส่วน Chromebook มาจากภาคการศึกษาที่ต้องเรียนออนไลน์ โดยเฉพาะในตลาดอเมริกาและยุโรป
ที่มา: Canalys |
# Huohua Siwei สตาร์ทอัพเรียนออนไลน์ในจีน รับเงินทุนซีรี่ส์ E รวม 400 ล้านดอลลาร์
สตาร์ทอัพด้านการศึกษาในจีนยังคงเป็นที่สนใจของนักลงทุน โดยล่าสุด Huohua Siwei แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ขั้นพื้นฐาน ที่โฟกัสวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนอายุ 3-12 ปี ได้รับเงินลงทุนซีรี่ส์ E รอบที่ 3 เป็นจำนวน 150 ล้านดอลลาร์ โดยมี Trustbridge Partners เป็นผู้นำในการลงทุนรอบนี้
ผู้ลงทุนรายสำคัญก่อนหน้านี้ใน Huohua Siwei ได้แก่ GGV Capital, KKR, Sequoia Capital China, Tencent (ซึ่งลงทุนซีรี่ส์ E รอบนี้ด้วย) และแอปวิดีโอสั้น Kuaishou โดยจำนวนเงินลงทุนรวมในซีรี่ส์ E ทั้ง 3 รอบนี้เป็นเงิน 400 ล้านดอลลาร์ และทำให้ Huohua Siwei มีมูลค่ากิจการราว 1,500 ล้านดอลลาร์ บริษัทยังมีรายงานว่าเตรียมเข้าตลาดหุ้นในอเมริกาภายในปีนี้ด้วย
ช่วงที่ผ่านมา สตาร์ทอัพด้านการเรียนออนไลน์ในจีนเป็นที่สนใจของนักลงทุนมาก จากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการตลาดนี้เพิ่มสูงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Yuanfudao และ Zuoyebang
ที่มา: TechNode |
# Apple ครองอันดับ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนประจำไตรมาส 4/2020 จาก iPhone 12
บริษัทวิจัยตลาด 3 แห่ง ได้แก่ Canalys, IDC และ Counterpoint ออกรายงานภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ซึ่งให้ข้อมูลออกมาเหมือนกันว่าแอปเปิลครองส่วนแบ่งยอดขายสูงสุด ประจำไตรมาสนี้
เริ่มที่ Counterpoint บอกว่าภาพรวมสมาร์ทโฟนส่งมอบ 395.9 ล้านเครื่อง ลดลง 1% ถ้าเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 8% ถ้าเทียบกับไตรมาส 3/2020 แอปเปิลครองส่วนแบ่งยอดขายอันดับ 1 ที่ 81.9 ล้านเครื่อง (21%) ตามด้วยซัมซุง, Xiaomi, Oppo และ Vivo
นักวิเคราะห์จาก Counterpoint ให้ข้อมูลว่า 5G เป็นปัจจัยหลักของยอดขายสมาร์ทโฟนตอนนี้ โดยเฉพาะในจีนที่มีส่วนแบ่งยอดขายถึง 40% ของสมาร์ทโฟน 5G ทั่วโลก
ส่วนตัวเลขจาก IDC จำนวนสมาร์ทโฟนส่งมอบ 385.9 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 4.3% จากปีก่อน แอปเปิลเป็นอันดับ 1 ที่ 90.1 ล้านเครื่อง (23.4%) ตามด้วยซัมซุง, Xiaomi, Oppo และ Huawei
นักวิเคราะห์ของ IDC มองว่ามีปัจจัยหลายอย่างทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนฟื้นตัว ทั้ง 5G, การทำโปรโมชัน ตลอดจนความต้องการสมาร์ทโฟนรุ่นราคากลาง-ถูก อีกทั้งการใช้จ่ายหลายอย่าง เช่นการท่องเที่ยว ทำได้ยาก คนจึงมาซื้อสมาร์ทโฟนแทนด้วย
สุดท้ายเป็นตัวเลขจาก Canalys ภาพรวมส่งมอบ 359.6 ล้านเครื่อง ลดลง 2% แอปเปิลเป็นอันดับที่ 1 ที่ 81.8 ล้านเครื่อง (23%) ส่วนอันดับ 2-5 คือ ซัมซุง, Xiaomi, Oppo และ Vivo
ที่มา: Counterpoint, IDC และ Canalys |
# Elon Musk ระบุ หัวรถบรรทุก Tesla Semi พร้อมผลิตจริงแล้ว แต่ยังผลิตเซลล์แบตเตอรี่ได้ไม่มากพอ
เมื่อปลายปี 2017 Tesla เปิดตัวหัวรถบรรทุกในชื่อ Tesla Semi และเปิดราคาเริ่มต้นที่ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 4.5 ล้านบาท แต่ก็ไปวุ่นกับการเปิดตัวและผลิตรถรุ่นอื่น ไม่ค่อยมีข่าวคราวออกมาเท่าไรนัก
ล่าสุด Elon Musk เปิดเผยระหว่างการประชุมรายงานผลประกอบการว่างานด้านวิศวกรรมของ Tesla Semi นั้นเสร็จสิ้นแล้ว และขณะนี้ก็พร้อมเริ่มการผลิตเป็นจำนวนมากทันที อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่บีบให้ผลิต Tesla Semi ได้ไม่เต็มกำลังคือ Tesla ไม่สามารถผลิตเซลล์แบตเตอรี่แบบ 4680 ได้มากพอในปัจจุบัน
เซลล์แบตเตอรี่แบบ 4680 เป็นแบตเตอรี่ที่ออกแบบขึ้นใหม่ มีความหนาแน่นของพลังงานสูงกว่าเดิม หมายความว่ารถจะวิ่งได้ไกลกว่าเดิม ซึ่ง Elon ระบุว่ารถ Tesla Semi ต้องใช้เซลล์แบตเตอรี่เป็น 5 เท่าของจำนวนที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่กลับไม่ได้ขาย Semi แพงกว่ารถทั่วไป 5 เท่า ทำให้ไม่สมเหตุสมผลนักที่จะผลิต Semi ในตอนนี้ (เอาเซลล์แบตเตอรี่ที่มีจำกัดไปใส่ในรถยนต์คุ้มกว่า) แต่หากแก้ปัญหาเรื่องอัตราการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ได้เมื่อไหร่ก็จะเริ่มผลิต Semi ทันที
Tesla Semi เป็นหัวรถบรรทุกไฟฟ้า มีมอเตอร์ 4 ตัว เปิดขาย 2 รุ่นย่อยคือวิ่งได้ระยะทาง 480 และ 800 กิโลเมตร เร่งจาก 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 20 วินาทีแม้มีน้ำหนักบรรทุก 36 ตัน
ทั้งนี้ Tesla คาดว่าจะเริ่มส่งมอบ Semi ได้ภายในปีนี้
ที่มา - TechCrunch
ภาพโดย Tesla |
# Tesla เปิดตัว Model S และ X ใหม่ มีรุ่นย่อย Plaid ทะยาน 0-100 กม./ชม. ใน 2 วินาที ออกแบบภายในใหม่หมด
วันนี้ Tesla ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S และ Model X รุ่นใหม่ ที่หน้าตาภายนอกยังคงคล้ายเดิมอยู่มาก แต่ภายในถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมดจนไม่เหลือเค้าเดิม รวมถึงเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ Plaid และ Plaid+ ที่โฆษณาว่าเป็นรถที่มีผลิตขายจริงรุ่นแรกที่ทำความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 2 วินาที
เริ่มที่ Model S กันก่อน ขณะนี้ Tesla มี Model S จำหน่ายเพียง 3 รุ่นย่อยเท่านั้น คือ Long Range, Plaid และ Plaid+ เพื่อให้ผลิตง่ายที่สุด โดย Long Range ราคาเริ่มต้น 79,990 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.4 ล้านบาท เร่งจาก 0-96 กม./ชม. ใน 3.1 วินาที วิ่งได้ระยะทาง 663 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
ในขณะที่รุ่น Plaid (แปลว่าลายตาราง แต่ Tesla น่าจะหมายถึงธงลายหมากรุกที่ใช้ในสนามแข่ง) มีพละกำลังถึง 1,020 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ได้ใน 1.99 วินาที หรือหากเป็น 0-100 กม./ชม. ก็คงอยู่ราว 2 วินาที ความเร็วสูงสุด 321 กม./ชม. วิ่งได้ระยะทาง 627 กิโลเมตร โดยสิ่งที่ทำให้ทำความเร็วได้หลุดโลกขนาดนี้คงมาจากการเพิ่มมอเตอร์จาก 2 ตัวในรุ่นธรรมดา เป็น 3 ตัว ราคาเริ่มต้น 119,990 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 ล้านบาท
สุดท้ายคือรุ่น Plaid+ ที่ถือว่าสเปกสุดโต่งมาก มาพร้อมพละกำลังมากกว่า 1,100 แรงม้า เร่งจาก 0-96 กม./ชม. ได้ "น้อยกว่า" 1.99 วินาที แต่กลับทำระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้งได้มากกว่า 836 กิโลเมตร สูงกว่ารุ่น Long Range เสียด้วยซ้ำ จึงน่าสังเกตว่า Tesla ได้ปรับปรุงแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพสูงพิเศษสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะหรือไม่ วางจำหน่ายที่ราคาเริ่มต้น 4.2 ล้านบาท
นอกจากเรื่องประสิทธิภาพ Tesla ยังออกแบบภายในของ Model S ใหม่หมด โดยรวมดูหรูหราและเป็นมิตรมากขึ้น ลดเส้นสายฉูดฉาดลง มินิมอลคล้ายๆ Model 3 หน้าจอขนาด 17 นิ้วถูกปรับจากแนวตั้งเป็นแนวนอน
ส่วนที่เปลี่ยนมากที่สุดคือพวงมาลัย เพราะกลายเป็นพวงมาลัยแบบไม่เต็มวง หรือ Yoke Steering คล้ายรถแข่ง F1 อย่างไรก็ตามมีสื่อต่างประเทศบางสำนักตั้งข้อสังเกตว่า Tesla ไม่น่าจะใช้พวงมาลัยแบบนี้จริงๆ เพราะไม่ค่อยถนัดในการใช้งานจริง
สำหรับผู้โดยสารตอนหลังก็มีจอขนาด 8 นิ้วไว้เพื่อความบันเทิง โดย Tesla ระบุว่าชิปประมวลผลขนาด 10 เทราฟลอปส์สามารถเล่นเกม The Witcher 3 และ Cyberpunk 2077 ได้ด้วย (รถ Tesla สามารถต่อจอยไร้สายเล่นเกมได้อยู่แล้ว)
รถที่ถูกปรับปรุงใหม่อีกรุ่นคือ Model X โดยมีรุ่นย่อย 2 รุ่นคือ Long Range กับ Plaid (ไม่มี Plaid+) ซึ่งรุ่น Plaid ของ Model X นั้นทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 2.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 262 กม./ชม. และวิ่งได้ระยะทาง 547 กิโลเมตร ราคาเริ่มต้น 119,990 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 ล้านบาท เท่ากับ Model S
ส่วนภายในของ Model X ก็เหมือน Model S แทบทุกจุด เพียงแต่สามารถเลือกที่นั่งแบบ 5, 6 หรือ 7 ที่นั่งก็ได้
Tesla Model S รุ่น Long Range และ Plaid จะเริ่มส่งมอบในเดือนมีนาคม และ Plaid+ จะมาช่วงปลายปีนี้ ส่วน Model X ทั้งสองรุ่นย่อยจะเริ่มส่งมอบในเดือนเมษายน
ที่มา - Tesla
ภาพทั้งหมดโดย Tesla |
# FBI ทลายมัลแวร์เรียกค่าไถ่ NetWalker ที่มุ่งโจมตีโรงพยาบาลช่วง COVID-19 พร้อมยึดเงินคริปโต 15 ล้านบาท
FBI ประกาศการจับกุม Sebastien Vachon-Desjardins ชายชาวแคนาดาที่ถูกระบุว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมัลแวร์เข้ารหัสเรียกค่าไถ่ NetWalker หลังสามารถติดตามเว็บที่ซ่อนไอพีอยู่หลังเครือข่าย Tor
NetWalker เป็นมัลแวร์ที่มีความสามารถสูง มันจะไม่เข้ารหัสเครื่องของเหยื่อทันทีแต่ค่อยๆ เจาะระบบไปเรื่อยๆ จนกว่าผู้ควบคุมจะพอใจว่าได้ข้อมูลมากพอ บางครั้งอาจจะเจาะระบบของเหยื่อไปนานหลายสัปดาห์จึงเข้ารหัสและทิ้งข้อความเรียกค่าไถ่ ตัวมัลแวร์เองเป็นบริการ Ransomware-as-a-Service ที่เปิดให้คนร้ายไปหาเหยื่อเพื่อปล่อยมัลแวร์เข้าไปในองค์กร หากได้ค่าไถ่ก็จะแบ่งกันระหว่างผู้พัฒนามัลแวร์กับคนที่หาเหยื่อมาได้
คนร้ายที่นำ NetWalker ไปใช้งาน มักเลือกเป้าหมายของมัลแวร์ตัวนี้เป็นองค์กรต่างๆ ทั้งบริษัท, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย, หน่วยงานรัฐ, หรือโรงพยาบาล โดยเฉพาะช่วงวิกฤติ COVID-19 นี้ NetWalker กลับมุ่งโจมตีโรงพยาบาลเป็นพิเศษ
การจับกุมครั้งนี้ทาง FBI ร่วมกับตำรวจบัลแกเรียให้เข้ายึดเซิร์ฟเวอร์ ส่วนทาง FBI สามารถยึดบัญชีเงินคริปโตได้มูลค่า 454,530 ดอลลาร์ หรือเกือบ 15 ล้านบาท พร้อมกับกล่าวหาว่า Sebastien ทำรายได้จากมัลแวร์นี้ทั้งหมดถึง 27.6 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 800 ล้านบาท
ที่มา - Justice.gov |
# Fujifilm เปิดตัว GFX 100S กล้อง medium format เซนเซอร์ 100 ล้านพิกเซลรุ่นใหม่
Fujifilm เปิดตัว GFX 100S กล้อง medium format เซนเซอร์ 100 ล้านพิกเซลรุ่นใหม่ โดยมีขนาดเล็กกว่าเดิมและปรับราคาให้ถูกกว่ารุ่น GFX 100
ตัวกล้อง GFX 100S ใช้เซนเซอร์ BSI CMOS ขนาด medium format 44 x 33 มิลลิเมตร 102 ล้านพิกเซล พร้อมปรับระบบกันสั่นในตัวกล้องหรือ IBIS แบบ 5 แกนให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น กันสั่นได้มากสุดถึง 6EV และสามารถซิงค์กับตัวกันสั่นในเลนส์ได้ พร้อมกับระบบออโต้โฟกัสที่ทำงานได้แม่นยำ มีซีพียู X-Processor 4 แบบควอดคอร์เพื่อช่วยประมวลผลในตัวกล้อง และมีระบบจำลองการถ่ายภาพแบบฟิล์ม 19 แบบให้เลือกใช้งาน
ระบบโฟกัสของตัวกล้องครอบคลุมพื้นที่บนเซนเซอร์ 100% สามารถโฟกัสวัตถุได้ในระยะเวลาเพียง 0.16 วินาทีแม้จะอยู่ในสภาพแสงมืดสุดถึง -5.5EV และมาพร้อมกับอัลกอริทึมใหม่ที่ติดตามโฟกัสวัตถุได้ดียิ่งขึ้นเมื่อใช้โหมด Tracking AF หรือ Face/Eye AF
ส่วนวิดีโอ Fujifilm สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึง 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ตัวฟุตเทจอัดได้มากสุดที่บิทเรต 400Mbps ในโหมด 10-bit 4:2:0 F-Log เมื่อบันทึกลง SD card หรือถ้าจะส่งออกพอร์ต HDMI จะมีให้เลือกทั้งแบบ 10-bit 4:2:2 F-Log หรือ 12-bit RAW
สำหรับด้านหลังกล้องมีจอแอลซีดีขนาด 3.2 นิ้ว 2.36 ล้านจุดแบบสัมผัสกระดกได้ 3 ทิศทาง และจอเล็กอีก 1.8 นิ้วด้านบนไว้สำหรับแสดงการตั้งค่าสำคัญ ส่วนช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์เป็นแบบ OLED 3.68 ล้านจุด กำลังขยาย 0.77 เท่า (ในมุมของฟูลเฟรม) มีช่องเสียบการ์ด UHS-II สองช่อง ซึ่งถ้าใช้การ์ดเต็มประสิทธิภาพจะถ่ายภาพได้รัวสุด 5 ภาพต่อวินาที
Fujifilm จะวางจำหน่าย GFX 100S ในเดือนมีนาคมนี้ โดยราคาจำหน่ายเฉพาะบอดี้อย่างเดียวอยู่ที่ 5,999.95 ดอลลาร์หรือราว 180,000 บาท
ที่มา - dpreview |
# Fujifilm เปิดตัว X-E4 ตัวกล้องบางลง ขนาดเล็กสุดในกลุ่ม X-Series
Fujifilm เปิดตัวกล้อง X-E4 ในกลุ่มกล้อง Mirrorless รุ่นกลางสไตล์ rangefinder โดยเป็นกล้องกลุ่ม X-Series ที่ขนาดเล็กที่สุด
ตัวกล้อง Fujifilm X-E4 ใช้เซนเซอร์ 26.1 ล้านพิกเซล X-Trans CMOS 4 พร้อมเซนเซอร์ประมวลผลภาพ X-Processor 4 ตัวกล้องสามารถออโต้โฟกัสได้เร็วสุด 0.02 วินาที มีจุดโฟกัสแบบ phase detection ครอบคลุม 100% ทั่วเซนเซอร์ มีอัลกอริทึมออโต้โฟกัสติดตามวัตถุเคลื่อนที่, ระบบตรวจจับหน้าและตาทำงานได้แม้จะอยู่ในสภาพแสง -7.0EV เมื่อใช้งานกับ FUJINON XF50mm F1.0 R WR พร้อมกับฟีเจอร์จำลองคาแรคเตอร์กล้องฟิล์ม
ส่วนฟีเจอร์ด้านวิดีโอ X-E4 ถ่ายฟุตเทจแบบ 6K แบบ oversample เพื่อบันทึกเป็น 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาทีในคุณภาพ 4:2:0 8-bit ในกรณีอัดลงการ์ดในตัวกล้อง หรือ 4:2:2 10-bit ในกรณีอัดแล้วส่งผ่านพอร์ต HDMI สามารถถ่ายวิดีโอ Full HD ได้สูงสุด 240fps
สำหรับตัวกล้อง Fujifilm X-E4 มีหน้าจอ LCD แบบสัมผัสกระดกได้ 180 องศา ซึ่ง Fujifilm ออกแบบเน้นให้บางที่สุด ดังนั้นแม้จะมีจอพับได้เพิ่มเข้ามาจากรุ่น X-E3 แต่ก็ยังทำให้ตัวกล้องบางลงได้ ตัวกล้องโดยรวมมีน้ำหนัก 364 กรัม มิติ 121.3 x 72.9 x 32.7 มิลลิเมตร ทำให้เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ที่ขนาดกะทัดรัดที่สุดในกลุ่ม X-Series และยังออกดีไซน์แบบกล้องฟิล์มคลาสสิคที่มีปุ่มควบคุมต่าง ๆ อยู่บนตัวกล้องด้วย
Fujifilm X-E4 จะวางจำหน่ายในเดือนมีนาคมนี้ โดยกำหนดราคา 849.95 ดอลลาร์หรือราว 25,000 บาท โดยถ้าเป็นกล้องพร้อมเลนส์ FUJINON X27mm F2.8 R WR จะอยู่ที่ราคา 1049.95 ดอลลาร์หรือราว 31,000 บาท
ที่มา - dpreview, The Verge |
# Asus TUF Dash 15 ซีพียู Intel และ TUF Gaming A15/17 ซีพียู AMD วางขายในไทยแล้ว เริ่ม 42,990 บาท
Asus TUF Dash 15 ซีพียู Intel Core 11th Gen และ TUF Gaming A15/17 ซีพียู AMD Ryzen 5000 วางจำหน่ายในไทยแล้ววันนี้ มีสเปกและราคาดังนี้
Asus TUF Dash 15 เป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นกลาง หน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด FHD มีรีเฟรชเรต 144Hz และ 240Hz ซีพียู Intel Core i7-11370H คู่กับการ์ดจอ Nvidia Geforce RTX 3070 รองรับ Wi-Fi6 แบตเตอรี่ 76 Whrs มี 2 สเปก 2 ราคาดังนี้
Asus TUF Dash F15 (FX516PR-HN033T) ราคา 44,990 บาท
ซีพียู Intel Core i7-11370H
การ์ดจอ Nvidia Geforce RTX 3070 8GB GDDR6
แรม 16GB DDR4 (on board)
SSD NVMe PCIe 3.0 ความจุ 512GB
หน้าจอ 15.6 นิ้ว แบบ FHD รีเฟรชเรต 144Hz
Asus TUF Dash F15 (FX516PR-AZ019T) ราคา 48,990 บาท
ซีพียู Intel Core i7-11370H
การ์ดจอ Nvidia Geforce RTX 3070 8GB GDDR6
แรม 8GB DDR4 (on board) + 8GB DDR4 3200MHz รวมเป็น 16GB
SSD NVMe PCIe 3.0 ความจุ 1TB
หน้าจอ 15.6 นิ้ว แบบ FHD รีเฟรชเรต 240Hz
Asus TUF Gaming A15/17 หน้าจอขนาด 15.6 และ 17.3 นิ้วตามลำดับ ซีพียู AMD Ryzen 7 5800H รุ่น A15 มีสองสเปก A17 มีสเปกเดียว ทุกรุ่นใช้การ์ดจอ RTX 3070 8GB GDDR6 แบตเตอรี่ 90Whrs รองรับ Wi-Fi6 และมาพร้อม Windows 10 Home แต่แตกต่างด้านขนาดหน้าจอ รีเฟรชเรต และความจุ SSD ดังนี้
Asus TUF Gaming A15 (FA506QR-HN035T) ราคา 42,990 บาท
ซีพียู AMD Ryzen 7 5800H
การ์ดจอ Nvidia Geforce RTX 3070 8GB GDDR6
แรม 16GB DDR4 3200MHz
SSD NVMe PCIe 3.0 ความจุ 512GB
หน้าจอ 15.6 นิ้ว แบบ FHD รีเฟรชเรต 144Hz
Asus TUF Gaming A15 (FA506QR-AZ001T) ราคา 46,990 บาท:
ซีพียู AMD Ryzen 7 5800H
การ์ดจอ Nvidia Geforce RTX 3070 8GB GDDR6
แรม 16GB DDR4 3200MHz (8GB x2)
SSD NVMe PCIe 3.0 ความจุ 1TB
หน้าจอ 15.6 นิ้ว แบบ FHD รีเฟรชเรต 240Hz แสดงผลสี 100% sRGB
Asus TUF Gaming A17 (FA706QR-HX025T) ราคา 44,990 บาท:
ซีพียู AMD Ryzen 7 5800H
การ์ดจอ Nvidia Geforce RTX 3070 8GB GDDR6
แรม 16GB DDR4 3200MHz
SSD NVMe PCIe 3.0 ความจุ 512GB
หน้าจอ 17.3 นิ้ว แบบ FHD รีเฟรชเรต 144Hz
ทุกรุ่นมาพร้อม Windows 10 Home ประกัน Global warranty 2 ปี และประกันอุบัติเหตุ Perfect warranty 1 ปี
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# SAP เข้าซื้อกิจการ Signavio ผู้พัฒนาโซลูชัน Business Process Management
SAP ประกาศบรรลุข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการ Signavio ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับจัดการกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process Management) บนคลาวด์ โดยดีลนี้ไม่มีการเปิดเผยมูลค่าอย่างเป็นทางการ แต่สำนักข่าว Bloomberg ประเมินว่าอยู่ราว 1,200 ล้านดอลลาร์
Luka Mucic ซีเอฟโอ SAP พูดถึงดีลซื้อกิจการนี้ว่าในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ทุกบริษัทต่างต้องปรับกระบวนการทางธุรกิจให้รวดเร็วเพื่อตอบสนองตามมากยิ่งขึ้น การซื้อกิจการ Signavio จึงช่วยเสริมให้โซลูชันบริหารการจัดการกระบวนการของ SAP แข็งแกร่งมากขึ้น
Signavio เป็นสตาร์ทอัพจากเยอรมนี ได้รับเงินทุนไปแล้วมากกว่า 230 ล้านดอลลาร์ มีนักลงทุนรายสำคัญคือ Apax Digital และ Summit Partners
ที่มา: TechCrunch และ SAP |
# Asus ROG Strix G15 โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง Ryzen 5000 รุ่นกลาง วางขายในไทยแล้ว ราคา 59,900 บาท
Asus ROG Strix G15 โน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นกลางในตระกูล ROG หน้าจอ 15.6 นิ้ว รีเฟรชเรต 300Hz ความละเอียด FHD ซีพียู AMD Ryzen 5900H การ์ดจอ Nvidia Geforce RTX 3070 8GB GDDR6, แรม DDR4 3200MHz 16GB, SSD NVMe PCIe 3.0 ความจุ 1TB รองรับ Wi-Fi6 มีไฟ RGB และติดตั้ง Windows 10 Home ในตัว
Asus ROG Strix G15 วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ววันนี้ ราคา 59,900 บาท
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# โน้ตบุ๊กเกมมิ่งจอคู่ ROG Zephyrus Duo 15 SE ซีพียู Ryzen 9 5900HX เปิดราคาไทยเริ่ม 99,990 บาท
Asus ROG Zephyrus Duo 15 SE โน้ตบุ๊กจอคู่ตัวท็อปรุ่นใหม่ ที่เปลี่ยนจากซีพียู Intel มาเป็น AMD Ryzen 9 5900HX หน้าจอหลัก 15.6 นิ้ว และมี ScreenPad 14.1 นิ้ว เป็นหน้าจอที่สองเหนือคีย์บอร์ด วางจำหน่ายในไทยแล้ว เป็น Ryzen 9 5900HX ทั้งสองสเปก แตกต่างที่การ์ดจอ และความจุ SSD ราคาดังนี้
รุ่น Geforce RTX 3070 แรม DDR4 32GB, SSD M.2 ความจุ 1TB ราคา 99,990 บาท
รุ่น Geforce RTX 3080 แรม DDR4 32GB, SSD M.2 ความจุ 2TB ราคา 119,990 บาท
แถมประกัน on-site service 3 ปี ประกันอุบัติเหตุ 1 ปี ติดตั้ง Windows Home 10 พร้อมใช้งาน, อุปกรณ์เสริม ROG eye ที่ชาร์จ PD 100W และเกม Dying Light 2
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# Asus ROG Strix Scar 15/17 ซีพียู Ryzen 5000 คีย์บอร์ดแมคคานิค ราคาไทย เริ่ม 69,990 บาท
โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง Asus ROG Strix Scar 15 หน้าจอ 15.6 นิ้ว และ ROG Strix Scar 17 หน้าจอ 17.3 นิ้ว ซีพียู Ryzen 5000 พร้อมคีย์บอร์ดแมคคานิค และรองรับ Wi-Fi6 ทั้งสองรุ่นวางขายในไทยแล้ววันนี้ ROG Strix Scar 17 มี 3 สเปก 3 ราคา ดังนี้
ROG Strix Scar 17 (G743QR-HG074T) ราคา 69,900 บาท
ซีพียู Ryzen 9 5900HX
การ์ดจอ GeForce RTX 3070 8GB GDDR6
แรม 32GB DDR4 3200MHz
SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 1TB
หน้าจอ 17.3” FHD 300Hz
ROG Strix Scar 17 (G743QS-HG119T) ราคา 74,990 บาท
ซีพียู Ryzen 7 5800H
การ์ดจอ GeForce RTX 3080 8GB GDDR6
แรม 16GB DDR4 3200MHz
SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 1TB
หน้าจอ 17.3” FHD 300Hz
ROG Strix Scar 17 (G743QS-HG130T) ราคา 94,990 บาท
ซีพียู Ryzen 9 5900H
การ์ดจอ GeForce RTX 3080 16GB GDDR6
แรม 32GB DDR4 3200MHz
SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 2TB (1TB x2)
หน้าจอ 17.3” FHD 300Hz
ROG Strix Scar 15 มี 2 สเปก 2 ราคา ดังนี้
ROG Strix Scar 15 (G543QS-HF087T) ราคา 72,990 บาท
ซีพียู Ryzen 7 5800H
การ์ดจอ GeForce RTX 3080 8GB GDDR6
แรม 16GB DDR4 3200MHz
SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 1TB
หน้าจอ 15.6” FHD 300Hz
ROG Strix Scar 15 (G543QS-HF097T) ราคา 84,990 บาท
ซีพียู Ryzen 9 5900H
การ์ดจอ GeForce RTX 3080 16GB GDDR6
แรม 16GB DDR4 3200MHz
SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 1TB
หน้าจอ 15.6” FHD 300Hz
ทุกรุ่นแถมประกัน on-site service 3 ปี ประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก และติดตั้ง Windows 10 Home พร้อมใช้
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# Apple มีจำนวนอุปกรณ์ที่เปิดและใช้งานอยู่ รวมกันมากกว่า 1,650 ล้านเครื่องแล้ว
Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมในช่วงแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งทำสถิติยอดขายสูงสุดอีกครั้ง โดยตอนนี้มีอุปกรณ์ของแอปเปิลทุกประเภทที่เปิดและใช้งานอยู่รวมกันมากกว่า 1,650 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีจำนวน 1,500 ล้านเครื่อง เฉพาะ iPhone ตอนนี้มีมากกว่า 1,000 ล้านเครื่อง เพิ่มจากปีก่อนที่ 900 ล้านเครื่อง
ไม่ใช่แค่ยอดขายฮาร์ดแวร์ แต่จำนวนผู้จ่ายเงินผ่านระบบ subscription ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกันเป็น 620 ล้านคน
เขายังเปิดเผยสถิติการใช้งาน FaceTime ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมา โดยบอกมีการสนทนาทั้งภาพและเสียงเป็นจำนวนสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ไม่ได้บอกตัวเลข
ที่มา: Reuters และ MacRumors |
# ซีอีโอ Honor ยืนยันเอง กำลังเจรจากับกูเกิลเพื่อนำ GMS กลับคืนมา
George Zhao ซีอีโอของ Honor ให้สัมภาษณ์กับสื่อฮ่องกง South China Morning Post ในโอกาสเปิดตัวบริษัทใหม่ที่เป็นอิสระจาก Huawei แล้ว
เขาตอบคำถามที่ทุกคนอยากรู้ว่า Google Mobile Services (GMS) จะกลับมาหรือไม่ โดยยืนยันว่า Honor กำลังเจรจากับกูเกิลอยู่ และ "คาดว่า" จะกลับมาเป็นพาร์ทเนอร์กับกูเกิลได้
เจ้าของใหม่ของ Honor คือบริษัทที่จดทะเบียนใหม่ชื่อ Shenzhen Zhixin New Information Technology ก่อตั้งโดย Shenzhen Smart City Technology Development Group ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลเมืองเซินเจิ้น โดยมีกลุ่มตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์ประมาณ 30 รายร่วมถือหุ้นด้วย
ภาพจาก Honor
Zhao เป็นลูกหม้อของ Huawei และทำงานกับ Huawei มานาน 20 ปี เขาบอกว่าได้รับคำแนะนำจาก Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้ง Huaewi อย่างมาก ตอนที่ Honor แยกตัวมาจาก Huawei ก็ได้รับการสนับสนุนจาก Ren เป็นอย่างดี ถึงขั้น Ren พูดว่ามีแต่พนักงานระดับยอดเยี่ยมเท่านั้นถึงยอมให้ย้ายไปอยู่กับ Honor ได้
สิ่งที่น่าสนใจคือ Zhao เล่าว่า Honor แข่งกันเองกับมือถือแบรนด์ Huawei มาตั้งแต่แรกแล้ว โดยการแข่งขันนั้นรุนแรงมาก ทั้งสองแบรนด์สลับอันดับในตลาดสมาร์ทโฟนจีนกันทุกเดือน เขามองว่าการเป็นอิสระจาก Huawei ช่วยตัดปัญหาด้านซัพพลายเชน ถือเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมของ Honor ในการยึดตลาดมือถือระดับกลาง-สูงในประเทศจีน
ที่มา - South China Morning Post |
# Google Maps ใช้อัลกอริทึมนำทางใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า คำนวนระยะทางพร้อมพาไปที่ชาร์จ
Google ประกาศปรับปรุงฟีเจอร์ Google Maps ที่ติดตั้งมาให้บนรถไฟฟ้าใหม่ ตั้งแต่การปรับปรุงอัลกอริทึมเพื่อคำนวณและนำทางแบบใหม่ เพื่อกะระยะทางที่รถคันหนึ่ง ๆ จะสามารถเดินทางไปได้ พร้อมปักหมุดสถานีชาร์จระหว่างทางไปจุดหมายให้อัตโนมัติ โดยสถานีชาร์จดังกล่าวจะอยู่ในกรอบระยะทางที่รถจะยังสามารถเดินทางไปถึงได้ด้วย
แน่นอน Google Maps เวอร์ชันใหม่จะเพิ่มข้อมูลสถานีชาร์จให้มากขึ้น รวมถึงรูปแบบการจ่ายเงินที่แต่ละสถานีรองรับ โดยฟีเจอร์นี้เริ่มปล่อยให้บนรถไฟฟ้าที่มาพร้อม Google Maps อย่าง Polestar 2 และ Volvo XC40 ก่อน ส่วนรุ่นอื่นจะตามมาในภายหลัง
ที่มา - Google Blog |
# Samsung เตรียมขายพาแนลจอพับได้ให้ผู้ผลิตรายอื่น หลังใช้งานเพียงเจ้าเดียวมาหลายปี
สำนักข่าว ETNews ของเกาหลี รายงานว่า Samsung เตรียมเปิดจำหน่ายพาแนลจอแบบพับได้ (foldable) ให้คู่แข่ง หลังก่อนหน้านี้เป็นผู้บุกเบิกตลาด รวมถึงเป็นบริษัทแรกๆ ที่นำเทคโนโลยีจอพับมาใช้ในอุปกรณ์ที่วางจำหน่ายจริงในวงกว้าง แต่ยังไม่มีการจำหน่ายพาแนลนี้ออกไปนอกบริษัท และมีใช้งานแค่บนมือถือของ Samsung ที่ผลิตโดยแผนกมือถือของ Samsung Electronics เท่านั้น โดยเริ่มวางจำหน่าย Galaxy Fold เป็นรุ่นแรกในปี 2019
Samsung เป็นผู้ผลิตหน้าจอชั้นนำของวงการมือถือ และเน้นการทำเงินจากการจำหน่ายหน้าจอมือถือให้กับหลายบริษัท ทั้ง Apple, OnePlus Google และอื่นๆ มากกว่าจะเก็บเทคโนโลยีไว้ใช้เองแต่เพียงเจ้าเดียว จะมีก็เพียงเทคโนโลยีจอพับได้เท่านั้น ที่ Samsung เก็บไว้ใช้เองก่อน เพราะใช้เวลาค้นคว้าวิจัยไปกว่า 6 ปี ด้วยวงเงินกว่า 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม เคยมีรายงานว่าเทคโนโลยีจอพับของ Samsung ถูกขโมยไปขายให้บริษัทจีนในปี 2018 และ Nikkei Asian Review เคยลงบทความว่า BOE ผู้ผลิตหน้าจอให้ Huawei Mate X และ Moto Razr เป็นผู้ซื้อเทคโนโลยีนั้นไป แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจน
หน้าจอพับได้ที่ Samsung เตรียมจำหน่ายในช่วงแรก จะมีเพียงสองแบบคือจอพับในแนวนอนแบบ Galaxy Z Fold และจอพับครึ่งแนวตั้ง แบบใน Galaxy Z Flip เท่านั้น แต่ถ้าข่าวนี้เป็นจริง เราอาจได้เห็นมือถือจอพับเข้าสู่ตลาดมากขึ้น และอาจมีจอพับในรูปแบบอื่นๆ ได้ในอนาคต
ที่มา - ETNews via ArsTechnica |
# Samsung ไตรมาส 4/2020 รายได้-กำไรเพิ่มขึ้น ปัจจัยหลักจากธุรกิจ Memory
ซัมซุงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 61.55 ล้านล้านวอน มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 9.05 ล้านล้านวอน และกำไรสุทธิ 6.61 ล้านล้านวอน
ซัมซุงระบุว่ากำไรที่เพิ่มขึ้นปัจจัยหลักมาจากธุรกิจชิ้นส่วนจอภาพ และธุรกิจชิปหน่วยความจำ ซึ่งแนวโน้มในไตรมาสปัจจุบัน ยังมีความต้องการชิปหน่วยความจำในตลาดที่แข็งแกร่ง ส่วนธุรกิจจอภาพมีคำสั่งซื้อ OLED ที่มากขึ้น เนื่องจากสมาร์ทโฟน 5G นิยมใช้จอแบบนี้
ส่วนธุรกิจโทรศัพท์มือถือรายได้ลดลง จากการแข่งขันในตลาดที่สูงช่วงปลายปี รวมทั้งกำไรจากการดำเนินงานก็ลดลงด้วยค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้น
ที่มา: ซัมซุง |
# ซิสโก้เปิดตัว Catalyst Micro Switches สวิตช์จิ๋วสำหรับอาคารที่เดินสายไฟเบอร์เป็นหลัก
ซิสโก้เปิดตัวสวิตช์ตระกูลใหม่ Cisco Catalyst Micro Switches สวิตช์จิ๋วขนาดเพียง 4 พอร์ตแต่ยังคงฟีเจอร์ระดับองค์กร สำหรับลูกค้าที่เดินสายไฟเบอร์ไปทั่วทั้งอาคารแล้ว เพราะการวางเน็ตเวิร์ตแบบ Fiber-to-the-office (FTTO) หรือการเดินสายไฟเบอร์แบนวิดท์สูงไปทั่วอาคารช่วยลดปัญหาการจัดการด้วยการรวมสวิตช์กลางของอาคารไปไว้ที่เดียว
สวิตช์จิ๋วตระกูลใหม่มีขนาดเพียง 4 พอร์ตพอใช้งานสำหรับแต่ละห้อง แต่รองรับ SFP อีก 2 พอร์ตเพื่อรับสายไฟเบอร์หรือสายทองแดงเพิ่มเติม ทุกรุนรองรับการจ่ายไฟแบบ PoE+ (จ่ายไฟต่อเนื่องแม้สวิตช์รีบูต) รุ่นเดสก์ทอปนั้นจ่ายไฟผ่าน USB-C กำลังไฟ 60 วัตต์ได้อีกทางด้วย
แม้มีขนาดเล็กแต่สวิตช์ตระกูลนี้ก็มีฟีเจอร์องค์กรมาครบ ทั้งการยืนยันตัวตนแบบ 802.1x, ฟีเจอร์ความปลอพภัย IPv4, การจัดการสวิตช์ผ่าน CLI หรือ Cisco DNA Center
ที่มา - Cisco |
# Capcom ยืนยันไม่ใส่ lootbox ในเกม ความบันเทิงต้องมาจากตัวเกม ไม่ใช่การลุ้นล็อตเตอรี่
Capcom ออกรายงานประจำปี 2020 โดยในเนื้อหาของรายงานมีช่วงหนึ่งพูดถึงระบบการซื้อขายภายในเกม ซึ่ง Capcom ยืนยันว่าจะไม่เดินสายขาย lootbox หรือกาชาภายในเกม
Capcom บอกว่าสิ่งที่บริษัทเชื่อคือความบันเทิงของเกม จะต้องเกิดจากตัวเกมหรือเกมเพลย์ ไม่ใช่ความตื่นเต้นจากการลุ้นล็อตเตอรี่ และ Capcom ไม่อยากเห็นเกมที่ควรจะทำให้ผู้เล่นมีความสุข กลับกลายเป็นส่งผลตรงข้ามจากการเก็บเงินผู้เล่นเกินควร
นอกจากเกมที่เล่นบนคอนโซลหรือพีซีจะไม่มีกาชา Capcom ยังยืนยันด้วยว่าเกมบนสมาร์ทโฟนก็จะมีองค์ประกอบของกาชาให้น้อยที่สุดด้วย
ที่มา - Capcom via wccftech
ภาพจาก Capcom |
# [ไม่ยืนยัน] Youtube และ Netflix อาจต้องการฮาร์ดแวร์ที่รองรับโคเดค AV1 เพื่อรับชม
การถอดรหัสวิดีโอแบบ AV1 เริ่มได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะสตรีมมิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง YouTube และ Netflix ก็มีรายงานว่าเริ่มรองรับไปแล้ว
แม้ฝั่งผู้ให้บริการและซอฟต์แวร์จะเริ่มรองรับกันมากขึ้น แต่ฝั่งฮาร์ดแวร์จะเป็นปัญหากว่ามากเพราะต้องเป็นฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ เท่านั้นถึงจะรองรับการถอดรหัส AV1 และล่าสุดก็มีประเด็นว่าชิป SoC ตัวล่าสุดของ Synaptics รุ่น VideoSmart VS640 มีการระบุในข้อความบรรยายว่ารองรับมาตรฐานบีบอัดวิดีโอ AV1 “ซึ่งจะเป็นมาตรฐานที่จำเป็นต้องใช้งานเพื่อรับชมคอนเทนต์จาก Youtube และ Netflix ในอนาคต (a requirement for future YouTube and Netflix content)”
ข้อความข้างต้นทำให้เกิดประเด็นว่าหรือในอนาคต YouTube / Netflix อาจจะบังคับใช้โคเดค AV1 ทำให้ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่สามารถถอดรหัสได้เพื่อเล่นเท่านั้น
อย่างไรก็ตามส่วนตัวเชื่อว่าอาจเป็นการตีความที่สุดโต่งไปหน่อย เพราะต่อให้ทั้งสองแพลตฟอร์มจะใช้งาน AV1 บนทุกแพลตฟอร์มจริง ก็ไม่น่าจะบังคับถึงขนาดไม่ให้อุปกรณ์เก่าที่ไม่รองรับการถอดรหัสไม่สามารถใช้งานได้เลย
ที่มา - 9to5Google
ภาพจาก Shutterstock |
# Instagram ปรับอินเทอร์เฟสแสดงผล Stories บนเดสก์ท็อป
Instagram ประกาศปรับการแสดงผล Stories บนเว็บเดสก์ท็อปแบบใหม่ ให้ออกมาเป็นแบบ carousel พร้อมแสดงพรีวิวของ Stories ทั้งอันถัดไปและอันที่เล่นไปแล้วด้วย ผู้ใช้งานสามารถเลือกเล่นสตอรี่ได้ทั้งปุ่มลูกศรซ้ายขวา หรือเลือกกดไปที่ Stories นั้นๆ ได้เลย
การเปลี่ยนอินเทอร์เฟสนี้น่าจะช่วยให้การใช้งาน Stories บนเดสก์ท็อปสะดวกและง่ายขึ้นบ้าง
ที่มา - The Verge |
# Tesla ไตรมาส 4/2020 รายได้เพิ่ม 46% กระแสเงินสดอิสระเพิ่มเป็น 1,868 ล้านดอลลาร์
Tesla รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2020 มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 270 ล้านดอลลาร์ รายได้รวมเพิ่มขึ้น 46% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 10,744 ล้านดอลลาร์ ผลการดำเนินงานนี้ทำให้ตลอดปี 2020 Tesla มีกำไรตลอดทั้งปีเป็นครั้งแรก กระแสเงินสดอิสระยังเพิ่มขึ้นเป็น 1,868 ล้านดอลลาร์
Tesla ให้ข้อมูลการดำเนินงานเพิ่มเติม โดยโรงงานที่เซี่ยงไฮ้ มีกำลังการผลิต Model 3 มากกว่า 5,000 คันต่อสัปดาห์ และเริ่มการผลิต Model Y แล้ว ส่วนโรงงานที่เบอร์ลินและออสตินยังคงดำเนินงานได้ตามแผน โดยจะเริ่มการผลิตได้ในปีนี้ ส่วนรถบรรทุกไฟฟ้า Tesla Semi จะเริ่มส่งมอบในปีนี้
ตลอดปี 2020 Tesla ส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าไปได้เกือบ 5 แสนคัน
ข้อมูลรายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจ กลุ่มรถยนต์รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 9,314 ล้านดอลลาร์ ธุรกิจแบตเตอรี่และพลังงานเพิ่มขึ้นเป็น 752 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจบริการและรายได้อื่น ซึ่งรวมทั้งสินค้าที่ระลึกของบริษัทและอุปกรณ์เสริมในรถก็เพิ่มขึ้นเป็น 678 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Tesla (pdf) และ CNBC |
# ByteDance เตรียมปลดพนักงานในอินเดียออกเกือบหมด หลังอินเดียแบน TikTok ถาวร
ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ยืนยันข่าวการปลดพนักงานเกือบทั้งหมดในอินเดียแล้ว หลังรัฐบาลอินเดียตัดสินใจแบน TikTok และแอพจีนอีก 58 ตัวเป็นการถาวร
ByteDance มีพนักงานในอินเดียประมาณ 2,000 คน แจ้งข่าวการแบนถาวรต่อพนักงาน และบอกว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปลดคน โดยจะเหลือเฉพาะตำแหน่งที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น (ไม่ระบุจำนวนแน่ชัด แต่ TechCrunch ประเมินว่าปลดออกราว 2/3)
อินเดียถือเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของ TikTok รองจากจีน โดยมีผู้ใช้งานต่อเดือนสูงถึง 200 ล้านคน
ที่มา - TechCrunch, ภาพจาก ByteDance |
# Mark Zuckerberg บอกเอง Apple กลายเป็นหนึ่งในคู่แข่งรายสำคัญของ Facebook
Facebook รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 รายได้รวม 28,072 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 11,219 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มยังคงเพิ่มขึ้น โดยมีตัวเลข DAUs (ใช้งานประจำทุกวัน) เพิ่มขึ้น 11% เป็น 1,845 ล้านราย, MAUs (ใช้งานประจำทุกเดือน) 2,797 ล้านราย และมีจำนวนผู้ใช้งานรวมทุกบริการในเครือเป็นประจำทุกเดือน 3.30 พันล้านคน
มีประเด็นน่าสนใจจากช่วงแถลงผลประกอบการ โดยซีอีโอ Mark Zuckerberg ได้พูดย้ำถึงการปรับข้อมูลความเป็นส่วนตัวใน iOS 14 ว่ากระทบต่อธุรกิจรายเล็ก ทั้งมองว่าแนวทางของแอปเปิลเรื่องนี้ ทำให้แอปเปิลกลายเป็นหนึ่งคู่แข่งรายสำคัญของ Facebook เพราะแอปเปิลมี iMessage ที่แข่งขันกับ Facebook Messenger และ WhatsApp
ที่มา: Facebook และ CNBC |
# Carl Pei ผู้ร่วมก่อตั้ง OnePlus เปิดบริษัทใหม่ Nothing ทำอุปกรณ์ Smart Devices
Carl Pei ผู้ร่วมก่อตั้ง OnePlus ที่ลาออกจากบริษัทในเดือนตุลาคม 2020 ประกาศตั้งบริษัทใหม่ในชื่อว่า Nothing (โดเมนเนม nothing.tech)
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Nothing จะออกสินค้าเกี่ยวกับอะไร คำโปรยบนบัญชีโซเขียลใช้ว่า "Technology should fade into the background and feel like nothing." คำแถลงของ Carl Pei ระบุกว้างๆ แค่ว่าจะทำสินค้าเทคโนโลยีสำหรับคอนซูเมอร์ และเขาให้สัมภาษณ์กับ The Verge ให้ข้อมูลเพิ่มขึ้น (อีกนิด) ว่าจะทำ smart devices ที่หลากหลาย
Pei ยืนยันว่า Nothing ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับ BBK Electronics (บริษัทแม่ของ Oppo/OnePlus) และได้รับเงินลงทุนจาก Tony Fadell (ผู้ก่อตั้ง iPod/Nest), Kevin Lin (ผู้ก่อตั้ง Twitch), Steve Huffman (ซีอีโอ Reddit), Casey Neistat (YouTuber)
ที่มา - The Verge |
# Tucows เว็บดาวน์โหลดฟรีแวร์-แชร์แวร์ยุค 90s ปิดบริการแล้วหลังเปิดมานาน 28 ปี
Tucows เว็บไซต์วัวสองตัว ตำนานแห่งการดาวน์โหลดฟรีแวร์-แชร์แวร์ของอินเทอร์เน็คยุค 90s ประกาศปิดหน้าเว็บส่วนดาวน์โหลด หลังให้บริการมานาน 28 ปี (นับจากปี 1993)
ปัจจุบัน Tucows กลายมาเป็นบริษัทแม่ของธุรกิจด้านโดเมนเนม (เป็นอันดับสองรองจาก GoDaddy) มีเว็บไซต์เกี่ยวกับโดเมนเนมหลายแห่ง เช่น Hover, OpenSRS, Enom, epag.de, ascio.com และขยายไปทำธุรกิจไฟเบอร์ในสหรัฐชื่อว่า Ting ด้วย ตัวบริษัทแม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq โดยใช้ชื่อย่อว่า TCX
สิ่งที่ Tucows ปิดบริการมีแค่หน้า Tucows Download เท่านั้น ด้วยเหตุผลว่าเปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่นหมดแล้ว การรักษาหน้าเว็บเดิมไว้กลายเป็นภาระในการดูแล โดยไฟล์ของซอฟต์แวร์หลายตัวจะถูกบริจาคให้ Internet Archive เพื่อประโยชน์ในการเก็บรักษาประวัติศาสตร์
ชื่อ TUCOWS ในตอนแรกสุด เป็นชื่อย่อของคำว่า The Ultimate Collection of Winsock Software ซึ่งเป็นแหล่งดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ตระกูล Winsock ที่โด่งดังในยุคแรกๆ ของอินเทอร์เน็ต
ภาพหน้าแรกของ TUCOWS ในปี 1998
ที่มา - Tucows |
# Apple ไตรมาสล่าสุดทุบสถิติใหม่อีกครั้ง รายได้ทะลุแสนล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก
แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดวันที่ 26 ธันวาคม 2020 รายได้รวมทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 111,439 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่แอปเปิลมีรายได้ไตรมาสเดียวมากกว่าแสนล้านดอลลาร์ โดยมีกำไรสุทธิ 44,328 ล้านดอลลาร์ และรายได้จากนอกอเมริกาคิดเป็น 64% ของรายได้ทั้งหมด
Luca Maestri ซีเอฟโอแอปเปิลกล่าวว่ายอดขายแต่ละกลุ่มสินค้าเติบโตระดับเลขสองหลัก ทำให้เป็นสถิติใหม่ในทุกยอดขายแยกตามภูมิภาค และจำนวนอุปกรณ์ที่เปิดใช้งานก็ทำสถิติใหม่เช่นกัน ส่วนซีอีโอ Tim Cook กล่าวว่าความสำเร็จของแอปเปิลในไตรมาสนี้จะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าขาดผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมต่อเนื่องจากทีมงานของแอปเปิลทุกคนทั่วโลก
รายได้แยกตามภูมิภาคล้วนเติบโตสูง โดยเฉพาะ Greater China ที่รายได้เพิ่มขึ้นถึง 57% ส่วนรายได้แยกตามกลุ่มสินค้าก็เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่ม iPhone 65,597 ล้านดอลลาร์, Mac 8,675 ล้านดอลลาร์, iPad 8,435 ล้านดอลลาร์, กลุ่มอุปกรณ์สวมใส่ 12,971 ล้านดอลลาร์ และกลุ่มธุรกิจบริการ (Services) 15,761 ล้านดอลลาร์
ที่มา: แอปเปิล |
# Ring เปิดตัว Video Doorbell Wired กริ่งประตูอัจฉริยะขนาดเล็ก ราคาถูก ใช้สายไฟแทนแบตเตอรี่ในตัว
Ring เปิดตัว Video Doorbell Wired กริ่งประตูอัจฉริยะแบบมีสายเน้นขายในราคาไม่แพงและขนาดเล็กกว่ารุ่นอื่น ๆ โดยยังคงมาพร้อมฟีเจอร์พื้นฐานค่อนข้างครบถ้วน
สำหรับสเปคของ Ring Video Doorbell Wired คือมีกล้อง 1080p มุมกว้าง, ระบบเสียงสองทิศทาง, night vision, กำหนดจุดตรวจจับการเคลื่อนไหว และรองรับฟีเจอร์อื่น ๆ ที่มากับผลิตภัณฑ์ Ring ทั่วไปอย่างฟีเจอร์เสียเงิน Ring Protect เป็นต้น รวมถึงใช้งานร่วมกับ Amazon Echo ได้ด้วย
จุดที่ Ring Video Doorbell Wired แตกต่างจากรุ่นอื่นที่ทำให้ราคาถูกและขนาดเล็กลงคือตัวเครื่องไม่มีแบตเตอรี่เนื่องจากใช้ระบบไฟจากสายไฟตามชื่อ ทำให้ราคาเริ่มต้นเหลือเพียง 59.99 ดอลลาร์เท่านั้น ถูกกว่ารุ่นถัดไปราว 40 ดอลลาร์
ที่มา - The Verge |
# สรรพากรแอฟริกาใต้ออกเบราว์เซอร์เอง แก้ปัญหาเบราว์เซอร์รุ่นใหม่ไม่รองรับ Flash
ถึงแม้ว่า Adobe Flash จะถูกประกาศให้สิ้นสุดอายุขัยไปตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อีกทั้งเบราว์เซอร์เวอร์ชันใหม่ๆ ก็ไม่รองรับการเล่นเนื้อหา Flash อีกต่อไปแล้ว แต่ระบบหรือเว็บไซต์ของหน่วยงานหลายแห่งก็ยังมีความจำเป็นต้องใช้งาน Flash อยู่ ตัวอย่างเช่น ระบบของการรถไฟจีน ซึ่งการที่เบราว์เซอร์ไม่รองรับ Flash ก็อาจส่งผลให้ระบบเหล่านี้มีปัญหา ครั้นจะปรับปรุงระบบไปใช้ HTML5 ก็ยังต้องใช้เวลาหรืออาจไม่สามารถทำได้ทั้งหมด
หน่วยงานสรรพากรของแอฟริกาใต้ (The South African Revenue Service) แก้ปัญหานี้โดยการออกเบราว์เซอร์เวอร์ชันพิเศษขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับการดำเนินการด้านภาษีโดยเฉพาะ เนื่องจากตัวเว็บไซต์ยื่นภาษีของสรรพากรยังคงมีการใช้งาน Flash อยู่ทำให้ผู้ใช้หลายรายไม่สามารถเข้าใช้งานได้
เบราว์เซอร์ดังกล่าวมีชื่อว่า SARS eFilling เป็นการ fork มาจาก Chromium โดยตัดฟีเจอร์หลายอย่างออก รวมถึงถูกกำหนดให้เข้าใช้งานได้เฉพาะเว็บไซต์ eFilling ของสรรพากรเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกเจาะช่องโหว่
ยังไม่มีข้อมูลว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยวิธีนี้จะยังคงถูกใช้ไปอีกนานเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การใช้งานโปรแกรมที่สิ้นสุดระยะเวลาสนับสนุนจะมีความเสี่ยง แต่การย้ายระบบออกจาก Flash อาจต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายอยู่พอสมควร ระหว่างนี้เราคงได้เห็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไม่ว่าจะเป็นการดาวน์เกรดไปใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า หรือออกเบราว์เซอร์สำหรับใช้งานเฉพาะทาง ไปอีกสักพักใหญ่ๆ
ที่มา - ZDNet |
# หน่วยงานผู้บริโภค EU เดินเรื่องให้สอบสวนกรณี Joy-Con Drift, คนร้องเรียน 25,000 ครั้ง
หน่วยงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคของยุโรป หรือ European Consumer Organisation (BEUC) ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่มีอำนาจ เข้าสอบสวนกรณี Joy-Con Drift ของ Nintendo Switch หลังได้รับคำร้องเรียนจากผู้บริโภคในประเทศต่างๆ มากถึง 25,000 คำร้อง
ปัญหา Joy-Con Drift หรือ "จอยเดินเอง" เป็นปัญหาเรื้อรังของ Nintendo Switch มายาวนาน และก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้บริโภคเคยรวมตัวกันฟ้องนินเทนโด กันมาแล้ว
BEUC ส่งคำร้องอย่างเป็นทางการไปยังคณะกรรมการยุโรป (European Commission) และหน่วยงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศสมาชิก ในเอกสารระบุสถิติปัญหา Joy-Con ว่า 88% เกิดขึ้นภายใน 2 ปีแรกหลังซื้อเครื่องมาใช้งาน
ข้อเรียกร้องของ BEUC คือนินเทนโดต้องซ่อม Joy-Con ให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ และต้องแจ้งเตือนผู้บริโภคล่วงหน้าว่า Joy-Con มีอายุการใช้งาน
ส่วนนินเทนโดยังไม่ให้ความเห็นใดๆ ในเรื่องนี้
ที่มา - Eurogamer |
# Tweetbot 6 ออกแล้ว ใช้ Twitter API v2, เปลี่ยนจากแอปซื้อขาดเป็นสมัครสมาชิก
Tweetbot แอปเล่น Twitter ประเภทเสียเงินจาก Tapbots ออกอัพเดตใหญ่เวอร์ชัน 6 ทั้ง iPhone และ iPad โดยจุดสำคัญของเวอร์ชันนี้คือ Tweetbot ใช้ API v2 ของ Twitter และปรับโมเดลคิดเงินจากแอปซื้อขาดครั้งเดียว ไปเป็นระบบสมัครสมาชิกจ่ายเงินแบบรายเดือนหรือรายปีแทน
ฟีเจอร์ใหม่ของ Tweetbot หลังใช้ API v2 ของ Twitter ก็มีตั้งแต่แสดงโพล, พรีวิวคอนเเทนต์จากลิงก์โดยยังไม่ต้องคลิก แต่ก็ยังมีบางฟีเจอร์ที่ไม่สามารถใช้งานได้ เช่น stories เป็นต้น และยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น เลือกเบราว์เซอร์สำหรับเปิดลิงก์เป็น Chrome หรือ Firefox และปรับดีไซน์บางส่วนในตัวแอป
ส่วนระบบการจ่ายเงิน Tweetbot 6 ปรับจาก Tweetbot 5 เดิมที่ต้องเสียเงินซื้อแอปมาเป็นโหลดฟรีโดยจำกัดฟีเจอร์ใช้งานก่อน ซึ่งฟีเจอร์ที่ใช้งานได้เบื้องต้นคือดูได้อย่างเดียว ถ้าจะตอบทวีต, ส่งทวีต, การแจ้งเตือนแบบพุช หรือรองรับหลายบัญชีจะต้องสมัครสมาชิกที่ราคา 0.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 5.99 ดอลลาร์ต่อปี
ตอนนี้ Tweetbot 6 ยังอยู่ในขั้น early access โดยจะมีฟีเจอร์ในโร้ดแมปที่ทางผู้พัฒนาจะทยอยทำต่อไปเมื่อ Twitter เปิด API ให้ใช้งาน
ที่มา - The Verge, TechCrunch, MacStories |
# อาวุธลับ Starlink, ดาวเทียมรุ่นใหม่มีเลเซอร์สื่อสารกันเอง ไม่ต้องยิงลงพื้นดิน
Elon Musk เปิดเผยว่า Starlink ชุดล่าสุด 10 ดวงที่ยิงไปนั้นมีลิงก์เลเซอร์ในตัว ทำให้สามารถส่งข้อมูลต่อไปยังดาวเทียมดวงอื่นๆ โดยไม่ต้องส่งข้อมูลลงสถานีภาคพื้นดิน นอกจากนี้ดาวเทียมรุ่นต่อไปที่จะยิงหลังจากนี้จะมีลิงก์ดาวเทียมในตัวทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ทีมงาน Starlink เคยเปิดเผยว่าใช้ลิงก์ระหว่างดาวเทียมแบบวิทยุทำให้ส่งข้อมูลระหว่างดาวเทียมได้ระดับกิกะบิต และยังบอกว่ากำลังพัฒนาลิงก์แบบเลเซอร์ให้ถูกลง แต่ผ่านมาเพียงไม่กี่เดือนบริษัทก็เริ่มติดตั้งเลเซอร์ในดาวเทียมได้แล้ว
โดยปกติแล้ว Starlink ให้บริการอินเทอร์เน็ตโดยอาศัยการสะท้อนข้อมูลลงสถานีภาคพื้นดิน เฉพาะในสหรัฐฯ นั้นก็ต้องอาศัยสถานีภาคพื้นดินนับร้อยแห่ง แต่ตอนนี้ Starlink เริ่มให้บริการครอบคลุมเขตขั้วโลกเหนือที่ไม่สามารถตั้งสถานีภาคพื้นดินได้ รวมถึงบริษัทเตรียมให้บริการอินเทอร์เน็ตบนเครื่องบิน ซึ่งหากเครื่องบินกำลังบินผ่านมหาสมุทรก็ไม่สามารถตั้งสถานีภาคพื้นดินได้เช่นกัน
ที่มา - ArsTechnica
ภาพดาวเทียมในภารกิจ Transporter-1 ของ SpaceX รวมถึง Starlink ชุดใหม่ 10 ดวง |
# No Time to Die เลื่อนฉายอีกครั้ง เนื่องจาก Nokia ต้องการให้สมาร์ทโฟนในหนังเป็นรุ่นที่ใหม่ขึ้น
No Time to Die ภาพยนตร์ในชุดสายลับเจมส์ บอนด์ 007 ลำดับที่ 25 ซึ่งเดิมกำหนดฉายทั่วโลกเดือนเมษายน 2020 แต่เลื่อนออกไปจากการระบาดของโควิด-19 (BrandInside: ข่าวเก่า) เป็นปลายปี 2020 และประกาศเลื่อนอีกครั้งเป็นเมษายน 2021 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่ดีขึ้น ล่าสุดหนังได้เลื่อนกำหนดฉายอีกครั้งเป็นตุลาคม 2021 แต่ด้วยสาเหตุที่ต่างออกไป
มีรายงานว่าโนเกีย หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของภาพยนตร์ No Time to Die ได้ขอให้มีการถ่ายทำซ่อมในฉากที่มีสมาร์ทโฟนโนเกียปรากฏอยู่ เพื่อให้เป็นอุปกรณ์รุ่นใหม่ล่าสุด มากกว่ารุ่นที่ใช้ขณะถ่ายทำครั้งแรก ซึ่งเป็นรุ่นที่กำหนดวางขายในปี 2020 ผลดังกล่าวทำให้ภาพยนตร์ต้องเลื่อนกำหนดการฉายออกไปอีกครั้ง
เดิมสมาร์ทโฟนที่เจมส์ บอนด์ใช้ในเรื่องคือ Nokia 8.3 5G ซึ่งวางขายไปแล้วตั้งแต่ช่วงกลางปี 2020
ที่มา: GSM Arena ภาพจาก Trailer |
# YouTube ในปี 2020 คนทั่วโลกดู YouTube เพิ่มขึ้น 25% ไลฟ์สตรีมรายวันเพิ่ม 45%
Susan Wojcicki ซีอีโอ YouTube เขียนบล็อกเล่าภาพรวมที่เกิดขึ้นในปี 2020 มีหลายประเด็นทั้งเรื่องสติถิการใช้งาน, ครีเอเตอร์หรือยูทูเบอร์ , กฎของแพลตฟอร์มที่อาจกระทบกับการทำคอนเทนต์ของครีเอเตอร์, รวมถึงประเด็นกฎหมายที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกัน
ในประเด็นภาพรวมการใช้งาน Wojcicki บอกว่าช่วงกักตัว ไตรมาสแรกของปี 2020 คนทั่วโลกใช้เวลาดูคอนเทนต์บน YouTube มากขึ้น 25% มีการใช้เวลาบน YouTube Gaming 1 แสนล้านชั่วโมง และในครึ่งปีแรก มีการไลฟ์สตรีมรายวันเพิ่มขึ้น 45% โดยเฉพาะเนื้อหาจำพวกดนตรี คอนเสิร์ต มีการรับชมสูงตัวอย่างเช่นศิลปินบราซิล Jorge & Mateus เล่นดนตรีในโรงรถ มีคนดูพร้อมกัน 40 ล้านวิว
ประเด็นต่อมาคือครีเอเตอร์ ในปี 2020 มีช่อง YouTube เข้าร่วม YouTube Partner Program (YPP) หรือโครงการเข้าถึงเครื่องมือและสร้างรายได้บน YouTube มากขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2019 และต่อไปนี้จะสนับสนุนครีเอเตอร์ด้วยการ ทำนโยบายให้โปร่งใส เนื่องจากมีครีเอเตอร์กังวลเรื่องนโยบายบนแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนเร็วจนปรับตัวไม่ทัน เช่น กรณีวิดีโอเก่าๆ ถูก strike จากปัญหาลิขสิทธิ์ เป็นต้น YouTube จึงจะสื่อสารนโยบายกับครีเอเตอร์ให้มากขึ้น รวมถึงหาช่องทางสร้างรายได้ให้ครีเอเตอร์เพิ่มเติม เช่น Super Chat, Super Sticker และจะหาทางสนับสนุนครีเอเตอร์ให้ครอบคลุมทุกเชื้อชาติ YouTube ยังบอกด้วยว่า ใน 3 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างรายได้ให้ครีเอเตอร์แล้ว 3 หมื่นล้านดอลลาร์
ด้านประเด็นคัดกรองเนื้อหาและการจัดการข่าวปลอม YouTube บอกว่าต่อไปนี้จะโฟกัสที่ข้อมูลวัคซีน เพิ่มเติมจากการเสนอช่องทางของหนวยงานที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19, ทำข้อมูลสุขภาพให้คนเข้าถึงและเข้าใจง่ายมากขึ้นบน YouTube โดยร่วมมือกับ American Public Health Association, Cleveland Clinic และ Mayo Clinic
ในประเด็นเชื้อชาติ YouTube บอกด้วยว่ากำลังทดสอบตัวกรองใหม่ใน YouTube Studio เพื่อกรองความคิดเห็นที่มีแนวโน้มไม่เหมาะสม เพื่อปกป้องครีเอเตอร์จากการถูกคอมเม้นท์เหยียด
สุดท้ายที่ YouTube พูดถึง คือประเด็นกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น Digital Services Act (DSA) ของยุโรปที่เน้นการสร้างอีโคซิสเต็มบนอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยกับผู้ใช้ และ Section 230 ที่ให้อำนาจแพลตฟอร์มลบเนื้อหาได้ ซึ่งทาง YouTube จะทำงานกับทั้งฝ่ายกฎหมายและครีเอเตอร์อย่างใกล้ชิด
ที่มา - YouTube |
# ซีอีโอ WeWork คาดบริษัทจะเลิกขาดทุนในสิ้นปีนี้, นักวิเคราะห์บอกธุรกิจไม่ฟื้นจนกว่า 2023
หลังจากประสบปัญหาทั้งเรื่องโมเดลธุรกิจ โครงสร้างองค์กร ก่อนจะถูกซ้ำด้วยวิกฤติโควิด แต่ตอนนี้ Sandeep Mathran ซีอีโอ WeWork ที่เข้ามารับเผือกร้อนตั้งแต่ปลายปี 2019 มองว่าตอนนี้ WeWork กำลังไปได้สวยในการฟื้นฟูและน่าจะกลับมาทำกำไรภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
หนึ่งในเหตุผลหลักคือ WeWork ในจีนที่กลับสู่สถานการณ์ปกติได้ราว 90% จากช่วงก่อนโควิดแล้ว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Green Street Partners บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาของยุโรปมองว่าธุรกิจให้เช่าออฟฟิศอย่าง WeWork จะกลับมาได้ก็น่าจะปี 2023 เป็นต้นไป
ที่มา - Reuters, Wired
ภาพจาก Shutterstock |
# CD Projekt Red ปล่อยเครื่องมือม็อด Cyberpunk 2077 อย่างเป็นทางการ
CD Projekt Red ปล่อยเครื่องมือม็อด (modding tools) อย่างเป็นทางการสำหรับเกม Cyberpunk 2077 ช่วยให้การปรับแต่งคอนเทนท์ในเกมทำได้ง่ายขึ้น หลังจากที่ผ่านมามีม็อดจากเครื่องมือ third-party เริ่มออกมาแล้ว
ตอนนี้ทีมงาน CD Projekt Red กำลังตามล้างตามเช็ดบั๊กของ Cyberpunk โดยเฉพาะหลังจากอัพเดตแพตช์ 1.1 ล่าสุด ที่แก้บั๊กเก่าแต่ดันสร้างบั๊กใหม่ ก่อนที่เดือนหน้าน่าจะมีแพตช์ 1.2 ตามมาอีกตัว
ที่มา - Gamespot |
# Oppo ประเทศไทย เปิดตัว Reno5 และ Reno5 5G ราคา 10,990 และ 13,990 บาท
Oppo ประเทศไทย เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นกลางสองรุ่น คือ Oppo Reno5 และ Reno5 5G ทั้งสองรุ่นเป็นจอ AMOLED FHD+ ขนาด 6.43 นิ้ว แรม 8GB หน่วยความจำภายใน 128GB รีเฟรชเรต 90Hz กล้องหลัง 4 กล้อง กล้องหลัก 64MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องเทเล 2MP และมาโคร 2MP
กล้องหลังถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K 30fps กล้องหน้าสูงสุด 1080p 30fps ถ่ายวิดีโอกล้องหน้าหลังพร้อมกันได้ (Dual-view Video) มี AI Mixed Portrait ใส่เอฟเฟกต์ Double Exposure ในวิดีโอได้
ข้อแตกต่างระหว่างสองรุ่น คือ Reno5 ใช้ชิป Snapdragon 720 กล้องหน้า 44MP แบตเตอรี่ 4,310mAh ชาร์จเร็ว 50W ชาร์จ 48 นาที เต็ม 100% ส่วน Reno5 5G ใช้ชิป Snapdragon 765 กล้องหน้า 32MP แบตเตอรี่ 4,300mAh ชาร์จเร็ว SuperVOOC 2.0 65W ชาร์จ 35 นาทีเต็ม 100%
ทั้งสองรุ่นจองได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 5 กุมภาพันธ์ เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 6 กุมภาพันธ์ รายละเอียดสีและราคา ดังนี้
Oppo Reno5 ราคา 10,990 บาท มี 2 สี คือ สีเงิน Fantasy Silver และสีดำ Starry Black โปรจอง รับฟรี Smart Scale และ OPPO E-VIP Card
Oppo Reno5 5G ราคา 13,990 บาท มี 2 คือ สีเงิน Galactic Silver และสีดำ Starry Black โปรจอง รับฟรี Smart Scale, Bluetooth Speaker และ OPPO E-VIP Card
ทั้งสองรุ่นมีโปรค่ายมือถือ Reno5 เริ่มต้น 4,490 บาท, Reno5 5G เริ่ม 5,490 บาท
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# รายได้ Surface ทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ต่อไตรมาสแล้ว, ยอดขายฮาร์ดแวร์ Xbox โต 86%
ไฮไลท์ของผลประกอบการไมโครซอฟท์ไตรมาส 4/2020 คือรายได้จากฝั่งคลาวด์ที่เติบโตถึง 23% และรายได้ฝั่งไคลเอนต์ (more personal computing) ที่เติบโตรวม 14%
ประเด็นที่น่าสนใจในฝั่ง more personal computing คือ รายได้จากธุรกิจเกมทั้งหมดเติบโตขึ้น 51% จากปัจจัยการวางขาย Xbox Series X|S
รายได้ฮาร์ดแวร์เติบโต 86% แต่ไมโครซอฟท์ยังไม่เปิดเผยจำนวนยอดขายเครื่องเป็นตัวเลข (เช่นเคย)
รายได้ฝั่งคอนเทนต์และบริการเกมเติบโต 40% ในจำนวนนี้มี Xbox Game Pass มีสมาชิก 18 ล้านรายแล้ว
ส่วนธุรกิจกลุ่ม Surface ถึงแม้มีอัตราเติบโตไม่มาก (3% จากไตรมาส 4/2019) แต่การเติบโตนี้ทำให้ Surface มีรายได้รวม 2,045 ล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส ถือเป็นไตรมาสแรกที่มีรายได้ทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ (6 หมื่นล้านบาท) ได้สำเร็จ
รายได้จากค่าไลเซนส์ Windows OEM ก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะกระแส work from home ทำให้พีซีคอนซูเมอร์เติบโต รายได้จากค่าไลเซนส์สายคอนซูเมอร์จึงเติบโต 24% จากปีก่อน ในขณะที่รายได้จากไลเซนส์ Windows Pro ลดลง 9% จากปัจจัยพีซีธุรกิจยอดขายลดลง
ที่มา - Microsoft |
# เมียนมาร์เริ่มฉีดวัคซีน COVID-19 เป็นวันแรก ตั้งเป้าฉีดครบ 40% ของประชากรภายในปีนี้
เช้าวันนี้กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของเมียนมาร์เริ่มฉีดวัคซีน Covishield จากอินเดีย (เป็นตัวเดียวกับ AstraZeneca ผลิตโดย Serum Institute of India) เป็นวันแรกหลังจากได้รับวัคซีน 1.5 ล้านโดสเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา โดยกลุ่มแรกที่จะได้ฉีดคือกลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 110,000 คน ตามด้วยเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงและผู้สูงอายุเกิน 65 ปีตามลำดับ
รัฐบาลเมียนมาร์ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ครบ 40% ของประชากรภายในปีนี้ โดยนอกจาก Covishield จากอินเดียแล้ว ทางการคาดว่าจะได้รับวัคซีนผ่านโครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลกอีก 20% ของประชากร เริ่มส่งมอบภายในเดือนเมษายนนี้ นอกจากนี้ยังมีวัคซีนจากรัสเซียและจีน เฉพาะจีนนั้นเคยสัญญาว่าจะส่งมอบวัคซีนให้ 300,000 โดส
ที่มา - Facebook: Ministry of Health and Sports, Myanmar, Myanmar Times |
# Sony Xperia Pro ขายแล้ว เหมือน Xperia 1 II มีพอร์ต HDMI ราคา 2,500 ดอลลาร์, ไว้เป็นจอเสริมกล้องโปร
วันนี้ Sony วางขาย Xperia Pro มือถือที่เหมือนเป็น Xperia 1 II รุ่นอัพเกรดในสหรัฐแล้ว มาพร้อมชิป Snapdragon 865 แรม 8GB หน่วยความจำภายใน 256GB คุณสมบัติหน้าจอและกล้องเหมือน Xperia 1 II เพิ่มเติมคือรองรับ 5G ในสหรัฐอเมริกา (เพราะแม้ Xperia 1 II จะใช้ชิป Snapdragon 865 ร่วมกับชิปโมเด็ม X55 แต่กลับไม่รองรับ 5G ในสหรัฐอเมริกาแต่อย่างใด)
อีกจุดที่ต่างจาก Xperia 1 II คือ Sony วางตำแหน่ง Xperia Pro ให้เป็นอุปกรณ์เสริมของกล้องถ่ายรูปและกล้องถ่ายวิดีโอระดับโปร มาพร้อมพอร์ต HDMI (เป็น HDMI Micro) เพื่อให้สตรีมวิดีโอที่ถ่ายจากกล้องใหญ่ ผ่าน 5G บนมือถือได้ทันที และควบคุมกล้องตระกูล Sony Alpha รุ่นที่รองรับได้โดยตรงผ่านพอร์ต USB-C
Xperia Pro วางจำหน่ายในราคา 2,500 ดอลลาร์ หรือราว 74,950 บาท แพงกว่า Xperia 1 II ที่เปิดตัวในราคา 1,199 ดอลลาร์ (ราคาไทย 35,990 บาท) ถึงประมาณเกือบ 30,000 บาท สำหรับการเพิ่มพอร์ต HDMI และการรองรับ 5G ในสหรัฐ และการควบคุมกล้องที่เพิ่มเข้ามา
Sony ระบุว่า Xperia Pro เป็นมือถือสำหรับผู้ใช้กล้องโปร ไม่ใช่สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งก็ดูท่าจะจริง เพราะในระดับราคานี้ สเปกปี 2020 แบบนี้ น่าจะหาเหตุผลอื่นมาให้ซื้อได้ยาก หากไม่ได้ต้องการนำไปใช้เป็นอุปกรณ์เสริมของกล้องจริงๆ
ที่มา - Extremetech |
# กูเกิลเปิดสำนักงานอีกแห่งในไต้หวัน เน้นงานฮาร์ดแวร์ Nest, Pixel, Chromecast
ในโอกาสครบรอบ 15 ปีที่กูเกิลเปิดสำนักงานเล็กๆ แห่งแรกในไต้หวันที่ตึก Taipei 101 เมื่อปี 2006 ล่าสุด กูเกิลประกาศเปิดสำนักงานใหม่ในไต้หวันอีกแห่งในโซน New Taipei City เน้นงานฮาร์ดแวร์สำหรับ Nest , Pixel , Chromecast เป็นต้น โดยถือเป็นสำนักงานด้านฮาร์ดแวร์แห่งแรกนอกสหรัฐฯ
นอกจากนี้กูเกิลบอกด้วยว่าจะขยายโครงการ Google Taiwan Student Associate ที่เปิดตัวในปี 2019 เพิ่มจำนวนทุนการศึกษาขึ้นอีก และเสนอหลักสูตรเรียนฟรีด้านเทคนิคด้านฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และคลาวด์ให้คนสาย IT ในไต้หวัน
ที่มา - Google |
# เปิดตัว Motorola Edge S มือถือรุ่นแรกที่มาพร้อม Snapdragon 870 ราคา 1,999 หยวน
Motorola Edge S มือถือระดับกลางรุ่นแรกที่มาพร้อมชิป Snapdragon 870 ชิปรุ่นพัฒนาต่อจาก Snapdragon 865, 865+ และมาคู่กับโมเด็ม Snapdragon X55 รองรับ 5G แบบ sub-6GHz แรม LPDDR5 ขนาด 6GB และ 8GB หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 ขนาด 128GB และ 256GB ใส่ microSDXC card ได้สูงสุด 1TB
หน้าจอ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2520×1080 พิกเซล กล้องหน้าคู่ ตัวหลัก 16MP และอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องหลังสามกล้อง กล้องหลัก 64MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP และ depth sensor 2MP แบตเตอรี่ 5,000 mAh และมีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ตัวเครื่องรัน Android 11 และจากประวัติการอัพเดตซอฟต์แวร์ของ Motorola มือถือรุ่นกลางแบบ Edge S อาจได้อัพเดตสูงสุดอีกแค่หนึ่งเวอร์ชั่น ถึง Android 12
Motorola Edge S อยู่ในช่วงสั่งจองล่วงหน้าในประเทศจีน ราคาเริ่มต้น 1999 หยวน (ราว 9,280 บาท) ยังไม่เปิดเผยราคาและวันวางจำหน่ายในประเทศไทย
ที่มา - XDA Developers |
# กูเกิลหยุดพัฒนา Tilt Brush แอพวาดรูปในโลก VR แต่เปิดซอร์สโค้ดให้พัฒนาต่อ
ลงสุสานไปอีกราย กูเกิลประกาศหยุดพัฒนา Tilt Brush แอพวาดภาพสำหรับโลก VR แล้วเปิดซอร์สโค้ดให้ผู้สนใจนำไปพัฒนาต่อเอง (ซอร์สโค้ดอยู่บน GitHub) แต่เครื่องหมายการค้า Tilt Brush ยังเป็นของกูเกิล หากนำไปพัฒนาต่อต้องใช้ชื่ออื่น
ถึงแม้เป็นแอพของกูเกิล แต่ Tilt Brush รองรับแพลตฟอร์ม VR หลากหลาย ทั้ง Oculus, HTC Vive, Microsoft Windows Mixed Reality, PlayStation VR, Valve Index
Tilt Brush เป็นผลิตภัณฑ์ด้าน VR/AR ตัวล่าสุดของกูเกิลที่เข้าสุสาน ถัดจาก Cardboard, Daydream, Expeditions, Poly
ที่มา - Google |
# ยังโตได้เรื่อยๆ Xbox Game Pass บริการเล่นเกมเหมาจ่าย มีสมาชิก 18 ล้านรายแล้ว
ในรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2021 ของไมโครซอฟท์ มีการเติบโตในทุกภาคส่วนธุรกิจ ไม่เว้นแม่แต่ธุรกิจเกม โดยบริการ Xbox Game Pass หรือ Netflix สำหรับคนเล่นเกม มีผู้ใช้งาน 18 ล้านคนแล้ว เพิ่มขึ้นจาก 15 ล้านคนในรายงานรอบที่แล้ว ด้าน Xbox Live แพลตฟอร์มออนไลน์ Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ระบุว่ามีผู้ใช้งานแอคทีฟรายเดือนกว่า 100 ล้านราย
Xbox Game Pass เปิดตัวในปี 2017 ราคารายเดือน 9.99 ดอลลาร์ มีเกมให้เล่นกว่าร้อยเกม และมีเกมใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาด้วย ล่าสุดคือ Bungie Destiny 2 เข้ามาเมื่อปลายปีที่แล้ว และ Control เกม action adventure เป็นต้น
ต่อไปนี้คาดว่าไมโครซอฟท์จะทุ่มเรื่องการสร้างคอนเทนต์เกมมากขึ้น เห็นได้จากการเข้าซื้อกิจการ ZeniMax Media บริษัทแม่สตูดิโอ Bethesda และ id Software ที่สร้างเกมดังมามากมายไม่ว่าจะเป็น Fallout, The Elder Scrolls, Wolfenstein, DOOM, Dishonored, Prey และ Quake นอกจากนี้ ช่วงปลายปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์ยังอัดโปรโมชั่นให้สมาชิกระดับ Ultimate จะได้ใช้ Disney+ เป็นเวลานาน 30 วัน
ที่มา - The Verge |
# อินเทลเปิดตัวการ์ดจอ Iris Xe สำหรับเดสก์ท็อป ยังไม่ขายปลีก ไม่เน้นเล่นเกม
อินเทลเปิดตัวการ์ดจอแยกแบรนด์ Iris Xe สำหรับเดสก์ท็อปเป็นครั้งแรก โดยมีผู้ผลิตการ์ดให้ 2 ราย (ที่ระบุชื่อแล้วยังมีแค่ ASUS) การ์ดจะผลิตและขายให้กับผู้ประกอบพีซีแบบ OEM เท่านั้น ไม่ขายปลีกให้ลูกค้าทั่วไป
การ์ดจอ Iris Xe สำหรับเดสก์ท็อป (โค้ดเนม DG1) มีหน่วยประมวลผล execution unit จำนวน 80 คอร์ แรม 4GB เน้นจับกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป mainstream และผู้ใช้ธุรกิจ SMB เป็นหลัก ไม่สนใจกลุ่มเกมเมอร์ โดยเน้นที่ฟีเจอร์ด้านวิดีโอ (AV1) การแสดงผล (Display HDR, ต่อได้ 3 จอ) และการประมวลผล AI
ก่อนหน้านี้ อินเทลมีจีพียู Iris Xe แบบออนบอร์ดบนโน้ตบุ๊ก (มากับซีพียู Tiger Lake) และจีพียูแยก Iris Xe Max สำหรับโน้ตบุ๊ก โดยเน้นทีการใช้งานกลุ่มครีเอเตอร์ ไม่เน้นเล่นเกมเช่นกัน (รุ่นเดสก์ท็อปตัวในข่าวนี้ยังใช้แบรนด์ Iris Xe เฉยๆ ไม่มี Max ห้อยท้าย ซึ่งน่าจะตามมาในภายหลัง เพราะรุ่น Max ในโน้ตบุ๊กมี 96 คอร์ มากกว่ารุ่นเดสก์ท็อปที่มี 80 คอร์)
แนวทางของอินเทลคือใช้แกนจีพียู Xe ตัวเดียวกันจับตลาดตั้งแต่จีพียูโน้ตบุ๊กออนบอร์ดไปจนถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เพื่อข้อได้เปรียบเชิงขนาด (economy of scale) โดยเฉพาะฝั่งซอฟต์แวร์ที่ใช้ oneAPI
ภาพการ์ด Iris Xe สำหรับเดสก์ท็อปของ ASUS
ที่มา - Intel |
# AMD ไตรมาส 4/2020 เติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น 53%
AMD รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 รายได้เพิ่มขึ้น 53% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 3,244 ล้านดอลลาร์ มีกำไรสุทธิแบบ GAAP 1,781 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Lisa Su กล่าวว่าตลอดปีที่ผ่านมา AMD มีการเติบโตอย่างชัดเจน รายได้รวมตลอดปีทำสถิติใหม่สูงสุด อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น และกำไรสุทธิเพิ่มมากกว่าเท่าตัวจากปี 2019 ในปีปัจจุบันบริษัทยังคงสร้างความแข็งแกร่งในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้ง พีซี, เกมมิ่ง และศูนย์ข้อมูล
กลุ่มธุรกิจ Computing and Graphics รายได้เพิ่มขึ้น 18% จากยอดขายของ Ryzen โดยเฉพาะกลุ่มเดสก์ท็อป เช่นเดียวกับ Radeon ที่เติบโตสูง ขณะที่กลุ่ม Enterprise รายได้เพิ่มถึง 176% จากยอดขายของ Semi-Custom และ EPYC
ที่มา: AMD |
# ไบเดนสั่งวัคซีนอีก 200 ล้านโดส รวม 600 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรอเมริกาทั้งประเทศแล้ว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกมาแถลงมาตรการจัดหาวัคซีน COVID-19 ของสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่าจะซื้อวัคซีนของ Pfizer และ Moderna เพิ่มอีกรายละ 100 ล้านโดส (รวม 200 ล้านโดส) ทำให้ยอดสั่งซื้อวัคซีนของสหรัฐอเมริกาเพิ่มจาก 400 ล้านโดส เป็น 600 ล้านโดส
ตัวเลขนี้ทำให้สหรัฐอเมริกาจะมีวัคซีนเพียงพอสำหรับประชากร 300 ล้านคน คนละ 2 เข็มแล้ว วัคซีนล็อตใหม่จะส่งมอบภายในช่วงฤดูร้อนกลางปีนี้
ไบเดนยังประกาศความคืบหน้าของแผนการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสแรกให้ได้ภายใน 100 วันแรกที่รับตำแหน่ง ว่าเป็นภารกิจที่ท้าทายมากในประวัติศาสตร์ แต่สหรัฐอเมริกาจะต้องทำให้สำเร็จให้จงได้ โดยหลังเขารับตำแหน่งมา 7 วัน สามารถขยายจำนวนวัคซีนที่กระจายให้รัฐต่างๆ ได้จาก 8.6 ล้านโดสต่อสัปดาห์ มาเป็น 10 ล้านโดสต่อสัปดาห์
ภาพโจ ไบเดน ฉีดวัคซีนเข็มแรกของ Pfizer เมื่อเดือนธันวาคม 2020 [Shutterstock]
ที่มา - Whitehouse, Whitehouse |
# Microsoft รายงานผลประกอบการไตรมาส เติบโตแข็งแกร่งจากธุรกิจคลาวด์
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2021 (ตุลาคม-ธันวาคม) รายได้รวม 43,076 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 15,463 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Satya Nadella กล่าวว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลขององค์กรกำลังเข้าสู่ระลอกใหม่ ที่ทุกองค์กรต้องสร้างสิ่งต่าง ๆ ของตนเองขึ้นมารองรับการเติบโต และไมโครซอฟท์ก็พร้อมเป็นผู้สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านนี้
ไมโครซอฟท์ยังคงเติบโตระดับตัวเลขสองหลักในทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ โดย กลุ่มธุรกิจ Productivity and Business Processes รายได้เพิ่มขึ้น 13%, Intelligent Cloud เพิ่มขึ้น 23% และ More Personal Computing เพิ่มขึ้น 14%
ไฮไลท์ของรายได้ตามผลิตภัณฑ์มีดังนี้
Office 365 Commercial รายได้เพิ่มขึ้น 21%
Microsoft 365 Consumer มีผู้สมัครใช้งาน 47.5 ล้านคน
LinkedIn รายได้เพิ่มขึ้น 23%
Azure รายได้เพิ่มขึ้น 50%
Xbox รายได้ส่วน content และ service เพิ่มขึ้น 40%
Surface รายได้เพิ่มขึ้น 3%
Windows OEM รายได้เพิ่มขึ้น 1%
ที่มา: ไมโครซอฟท์ |
# Firefox 85 ออกแล้ว หยุดรองรับ Flash, เริ่มใช้ Cache Partitioning ป้องกัน Super Cookie
Firefox ออกเวอร์ชัน 85 มีของใหม่ดังนี้
หยุดรองรับ Adobe Flash อย่างเป็นทางการแล้ว (Firefox 84 คือรุ่นสุดท้าย)
เริ่มใช้ cache partitioning แยกส่วนแคชของแต่ละเว็บออกจากกัน เพื่อป้องกันเทคนิคการตามรอยข้ามเว็บที่เรียกว่า super cookie หรือการฝังไฟล์ภาพที่มี identifier ไว้ในเว็บหนึ่ง แล้วพอเข้าอีกเว็บ สามารถตรวจเช็คได้ว่าเข้าเว็บแรกหรือไม่ - รายละเอียด
จำให้แล้วว่าบันทึก bookmark ลงโฟลเดอร์ไหน, แสดงแถบ bookmark เป็นดีฟอลต์ในหน้าแท็บใหม่
password manager สามารถสั่งลบล็อกอินที่บันทึกไว้ทั้งหมดได้ ไม่ต้องมานั่งลบทีละอัน
ที่มา - Mozilla |
# มาแล้ว! watchOS 7.3 รองรับ ECG ในประเทศไทย ใช้งานได้บน Apple Watch Series 4-5-6
พร้อมกับการออกอัพเดต iOS 14.4 แอปเปิลก็ออกอัพเดต watchOS 7.3 ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติสำคัญที่มีรายงานในเวอร์ชัน RC เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นั่นคือเพิ่มการทำงานตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ผ่านแอป ECG สำหรับผู้ใช้งานในประเทศไทย โดยรองรับการทำงานบน Apple Watch Series 4, 5 และ 6
นอกจาก ECG ในอัพเดตนี้ยังเพิ่มการแจ้งเตือนจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอ สำหรับผู้ใช้งานในประเทศไทยด้วย ในอัพเดตรอบนี้นอกจากไทยแล้ว ยังมีญี่ปุ่น, มายอต และฟิลิปปินส์ ที่ได้ 2 คุณสมบัติใหม่ในรอบนี้เช่นกัน และยังมีไต้หวันที่เพิ่มเฉพาะคุณสมบัติเตือนการเต้นของหัวใจ
คุณสมบัติใหม่อื่นได้แก่ Time to Walk สำหรับผู้ใช้ Apple Fitness+ (ยังไม่มีในไทย) และหน้าปัดแบบใหม่ Unity
watchOS สามารถอัพเดตได้ผ่านแอป Apple Watch บน iPhone ไปที่ General > Software Update โดย Apple Watch ต้องมีแบตเตอรี่อย่างน้อย 50% อยู่บนแท่นชาร์จ และอยู่ใกล้กับ iPhone
ที่มา: MacRumors |
# iOS 14.4 มาแล้ว แก้ไขบั๊กหลายรายการ และแสดงคำเตือนหากเปลี่ยนอะไหล่กล้องที่ไม่ใช่ของแท้
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 14.4 และ iPadOS 14.4 ในวันนี้ ซึ่งมีของใหม่หลายรายการ ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตได้โดยไปที่ Settings > General > Software Update
คุณสมบัติใหม่เพิ่มเติมที่สำคัญ อาทิ การรองรับสแกน QR Code ที่มีขนาดเล็กผ่านแอป Camera, เพิ่มตัวเลือกกำหนดประเภทอุปกรณ์บลูทูธ 3rd party สำหรับควบคุมระดับเสียงเฮดโฟนได้ถูกต้อง และแสดงคำเตือนหากมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนกล้องที่แอปเปิลตรวจสอบความถูกต้องไม่ได้ สำหรับ iPhone 12 เวลานำไปซ่อม
นอกจากนี้ยังแก้ไขบั๊กและปัญหาหลายรายการ เช่น ปัญหาภาพเกิดเส้นรบกวนในโหมด HDR ของ iPhone 12 Pro, การพิมพ์และคำแนะนำที่แสดงอาจดีเลย์ และอื่น ๆ
เพิ่มเติม: ในอัพเดต iOS 14.4 นี้ ยังแก้ไขช่องโหว่ Zero-Day ใน kernel และ WebKit ด้วย (รายละเอียด)
แอปเปิลยังออกอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการในเครือด้วยดังนี้
watchOS 7.3 รองรับ ECG ในประเทศไทย (รายละเอียด)
tvOS 14.4 อัพเดตปรับปรุงทั่วไป
HomePod 14.4 เพิ่มคุณสมบัติรองรับอุปกรณ์ที่มีชิป U1 ได้แก่ HomePod mini, iPhone 11 และ iPhone 12
ที่มา: MacRumros [1], [2], [3], [4] |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.