txt
stringlengths
202
53.1k
# Google ยังคงไม่มีอัปเดตทุกแอปบน iOS หลัง App Store ออกนโยบายความเป็นส่วนตัวใหม่ แอปเปิลกำหนดให้นักพัฒนาแอปใน App Store ต้องเพิ่มข้อมูลว่าเก็บข้อมูลใดบ้างของผู้ใช้งาน มีผลตั้งแต่ 8 ธันวาคม ปีที่แล้ว ซึ่งมีผู้สังเกตว่า กูเกิล ไม่มีการออกอัปเดตแอปในเครือบน App Store เลย นับตั้งแต่ข้อกำหนดนี้มีผล ซึ่งหลังมีรายงานออกไป กูเกิลก็ชี้แจงในตอนนั้นว่าเตรียมออกอัปเดตภายใน 1-2 สัปดาห์ ตอนนี้ 1-2 สัปดาห์ที่ว่าได้ผ่านไปแล้ว กูเกิลก็ยังไม่ออกอัปเดตแอปใด ๆ ใน App Store ซึ่งคิดเป็นเวลารวมมากกว่า 1 เดือนแล้ว กูเกิลเป็นหนึ่งในนักพัฒนาแอปที่มีการออกอัปเดตอย่างสม่ำเสมอบน App Store ในช่วงที่ผ่านมา และถึงตอนนี้ผู้ใช้ Android ก็ยังคงได้รับอัปเดตแอปของกูเกิลต่อเนื่องตามปกติ ต้องติดตามดูว่าท่าทีของกูเกิลจะเป็นอย่างไรต่อไป ที่มา: MacRumors
# Opera เข้าซื้อกิจการ YoYo Games ผู้พัฒนาเครื่องมือสร้างเกม GameMaker Studio 2 Opera ประกาศเข้าซื้อกิจการ YoYo Games มูลค่าดีลประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการซื้อกิจการเพื่อมาต่อยอดส่วนธุรกิจใหม่ Opera Gaming จากที่ก่อนหน้านี้เปิดตัว Opera GX เบราว์เซอร์ที่ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ YoYo Games เป็นบริษัทพัฒนาเครื่องมือสำหรับสร้างเกม 2D ในชื่อ GameMaker Studio 2 แบบที่ผู้ใช้งานไม่ต้องเขียนโค้ด สามารถสร้างเกมลงแพลตฟอร์มที่สนับสนุนการทำงานผ่านเว็บได้ทั้งพีซี, iOS, Android และเครื่องคอนโซล มีผู้ลงทะเบียนใช้งานแล้วมากกว่า 4 แสนราย เบราว์เซอร์ Opera มีผู้ใช้งานมากกว่า 380 ล้านคนทั่วโลก ส่วน Opera GX ที่เจาะตลาดเกมเมอร์โดยเฉพาะ มีผู้ใช้งานเมื่อเดือนธันวาคมแล้ว 7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 350% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2019 ซึ่ง Opera มองว่าตลาดนี้ยังมีการเติบโตได้อีกมาก ที่มา: Opera
# ภารกิจสำคัญ เว็บ Whitehouse.gov มี dark mode หลังไบเดนเข้ารับตำแหน่ง วันนี้โจ ไบเดนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ บรรดาช่องทางสื่อสารตามตำแหน่งก็ปรับอยู่ในความควบคุมของทีมงานไบเดนทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือเว็บไซต์ whitehouse.gov เวอร์ชั่นไบเดนนั้นมีโหมดพื้นหลังมืด เรียกว่าโหมด high contrast แต่แอปอื่นๆ อาจจะเรียกว่า dark mode พร้อมกับตัวเลือกตัวอักษรขนาดใหญ่สำหรับผู้มองเห็นได้จำกัด ปี 2020 นับเป็นปีที่แอปและเว็บสำคัญๆ พากันรองรับ dark mode อย่างต่อเนื่อง เช่น Outlook, Stack Overflow, Google, WhatsApp, GitHub ที่มา - Whitehouse.gov
# กลับมาได้รึเปล่า Red Hat เปิดให้ใช้ RHEL บนโปรดักชั่นฟรี 16 เซิร์ฟเวอร์, ลูกค้าเดิมใช้พัฒนาได้ไม่จำกัด หลังจาก Red Hat ประกาศตัดซัพพอร์ต CentOS 8 และย้ายไปเป็น CentOS Stream ที่กลายเป็นรุ่นพัฒนาสำหรับ RHEL ทำให้ชุมชนผู้ใช้เดิมไม่พอใจและมีหลายกลุ่มเปิดโครงการมาทดแทน CentOS (Rocky Linux, Oracle Linux, CloudLinux) ตอนนี้ทาง Red Hat ก็ออกมาระบุว่าได้ฟังเสียงชุมชนที่ใช้งาน CentOS อยู่เดิม และออกทางเลือกคือการใช้ RHEL ได้ฟรีหรือราคาถูกมาก สำหรับผู้ใช้รายบุคคลทั่วไป Red Hat จะเปิดให้สมัคร Red Hat Developer program และวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้จะใช้บัญชีนี้เพื่อดาวน์โหลดและอัพเดต RHEL บนโปรดักชั่นได้ฟรี 16 ระบบ พร้อมกับสัญญาว่าจะไม่มีฝ่ายการตลาดไปตามขายไลเซนส์ภายหลัง สำหรับลูกค้าองค์กรที่เป็นลูกค้า Red Hat อยู่แล้ว สามารถจะสามารถเพิ่มนักพัฒนาเข้าบัญชีบริษัทได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมกับสามารถใช้งาน RHEL บนคลาวด์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นนอกจากค่าเซิร์ฟเวอร์ของคลาวด์เท่านั้น แนวทางของ Red Hat แสดงให้เห็นว่าบริษัทกำลังพยายามดึงกลุ่มผู้ใช้ เช่น SME ที่ใช้งาน CentOS บนโปรดักชั่น และกลุ่มนักพัฒนาที่หลายครั้งบริษัทใช้งาน Red Hat แต่ตัวนักพัฒนาใช้ CentOS เวอร์ชั่นตรงกันเพราะดาวน์โหลดมาใช้งานได้ง่ายกว่า ให้ทั้งสองกลุ่มกลับมาใช้งาน RHEL โดยตรง ในประกาศครั้งนี้ทาง Red Hat ก็ระบุว่าหากมีกรณีที่ยังไม่ครอบคลุมก็ขอให้แจ้งบริษัท ที่มา - Red Hat
# Valve, Bandai Namco, Capcom ถูก EU ปรับฐานล็อกคีย์เกม ไม่ให้รีดีมข้ามโซน คณะกรรมาธิการยุโรปสั่งปรับผู้จัดจำหน่ายเกม 5 รายคือ Valve, Bandai Namco, Capcom, ZeniMax (บริษัทแม่ Bethesda), Koch Media (บริษัทแม่ Deep Silver ที่จัดจำหน่าย Metro Exodus) ฐานล็อกคีย์เกม ไม่ให้สามารถรีดีมหรือใช้งานได้ข้ามโซน (geofencing) ทั้ง 5 รายถูกปรับเป็นเงินรวมกันราว 6 ล้านยูโรโดย Koch Media ถูกปรับเยอะสุด 2.88 ล้านยูโร โดยคณะกรรมาธิการยุโรปให้เหตุผลว่าแนวทางธุรกิจแบบนี้ เป็นการปิดกั้นการเข้าถึงสินค้าดิจิทัลของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจยุโรป (European Economic Area - EEA) ที่ควรจะเข้าถึงกันได้หมด (มองประเทศสมาชิกนับเป็นเหมือนประเทศเดียว เขตเศรษฐกิจเดียว) ที่มา - European Commission
# MediaTek เปิดตัว Dimensity 1200 และ 1100 ชิปตัวท็อปของปี 2021 MediaTek เปิดตัว SoC รุ่นท็อปสุดของปี 2021 คือ Dimensity 1200 และ 1100 ที่ต่อยอดจาก Dimensity 1000 รุ่นของปีที่แล้ว แกนหลักของ Dimensity 1200 คือซีพียู 8 คอร์ที่ใช้การจัดเรียงแบบ 1+3+4 แต่คอร์ตัวใหญ่สุดกลับไม่ใช่ Cortex-X1 รุ่นพิเศษ แบบเดียวกับ Snapdragon 8888 หรือ Exynos 2100 เพราะวิธีการของ MediaTek เลือกใช้คอร์ Cortex-A78 ตัวปกติ มาบูสต์คล็อคเป็น 3GHz และเพิ่มแคช L2 เป็นสองตัวแทน โดยโฆษณาว่าประสิทธิภาพดีขึ้น 22% ส่วนคอร์ขนาดกลาง 3 ตัวเป็น Cortex-A78 ที่ใช้คล็อค 2.6GHz และคอร์ตัวเล็ก 4 ตัวยังเป็น Cortex-A55 2GHz ในขณะที่จีพียูยังเป็น Mali-G77 ไม่ใช่ G78 รุ่นล่าสุด สเปกอย่างอื่นคือหน่วยประมวลผลภาพ ISP จำนวน 5 คอร์ รองรับภาพความละเอียดสูงสุด 200MP, มีตัวถอดรหัส AV1 ในตัว, รองรับหน้าจอรีเฟรชเรต 168Hz, รองรับ 5G Dual SIM, ใช้การผลิตที่ 6 นาโนเมตร - สเปกละเอียด Dimensity 1100 รุ่นรองท็อปมีสเปกใกล้เคียงกัน ต่างกันที่ซีพียูเป็นแบบ 4+4 (ไม่มีคอร์ A78 ตัว 3GHz) เป็น [email protected] x4 + A55@2GHz x 4, จีพียูเป็น Mali-G77 เหมือนกัน, รองรับการถอดรหัส AV1 สเปกกล้องด้อยลงมาหนึ่งขั้น รองรับความละเอียดสูงสุด 108MP, รองรับหน้าจอรีเฟรชเรต 144Hz, รองรับ 5G และ Wi-Fi 6 เท่ากัน MediaTek ระบุว่าสมาร์ทโฟนที่ใช้ Dimensity 1200/1100 จะออกวางขายช่วงปลายไตรมาส 1/2021 ที่ระบุยี่ห้อแล้วมี Xiaomi, Vivo, Oppo, Realme ที่มา - MediaTek
# Netflix เตรียมเพิ่มปุ่ม Shuffle Play เลือกรายการมาให้เลย เพื่อรับชมเลยบนสมาร์ททีวี ในงานแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ผ่านมา Netflix ประกาศว่าปุ่ม Shuffle Play ที่จะเป็นตัวช่วยแนะนำรายการที่ผู้ใช้งานน่าจะชอบ เพื่อรับชมต่อบนสมาร์ททีวี จะเปิดสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลกภายในครึ่งแรกของปี 2021 นี้ ก่อนหน้านี้ Netflix ได้ทดสอบปุ่ม Shuffle Play กับผู้ใช้งานบางกลุ่ม และพบว่ามีการใช้งานปุ่มนี้มากพอที่จะเป็นฟีเจอร์หลักได้ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกได้หลังชมคอนเทนต์จบ ว่าจะดูเนื้อหาที่แนะนำจาก Shuffle Play หรือเลือกค้นหารายการที่อยากชมด้วยตนเองต่อ ทั้งนี้ Netflix เปิดเผยว่าการทดสอบยังมีเฉพาะบนสมาร์ททีวีเท่านั้น ไม่มีการนำปุ่มนี้มาใส่บนเว็บหรือแอปมือถือ ที่มา: TechCrunch
# เผย LG เตรียมปรับโครงสร้างธุรกิจสมาร์ทโฟนครั้งใหญ่ ย้ายพนักงาน 60% ไปอยู่ฝ่ายอื่น The Korea Herald รายงานว่า Kwon Bong-seok ซีอีโอ LG ได้ส่งบันทึกไปยังพนักงานเกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจสมาร์ทโฟน ระบุว่าการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์มือถือทั่วโลกมีความรุนแรงมากขึ้น LG จึงจำเป็นต้องตัดสินใจให้ถี่ถ้วนเพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสม โดยทางเลือกนั้น มีทั้งการขายกลุ่มธุรกิจสมาร์ทโฟน หรือเลิกทำ หรือปรับขนาดส่วนธุรกิจนี้ โดยเขายืนยันว่าจะไม่มีการปลดพนักงานจากการตัดสินใจในทุกทางเลือก รายงานข่าวบอกว่าทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดคือปรับโครงสร้างลดขนาดส่วนธุรกิจสมาร์ทโฟน โดยพนักงานส่วนนี้ 60% จะย้ายไปอยู่ส่วนอื่นของ LG ซึ่งน่าจะมีประกาศอย่างเป็นทางการออกมาเร็ว ๆ นี้ LG เพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนแนวใหม่ที่ยืดหดหน้าจอได้ในงาน CES ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะช่วยยืนยันว่าบริษัทไม่น่าจะถอนตัวจากธุรกิจในระยะสั้น อย่างไรก็ตามธุรกิจสมาร์ทโฟนของ LG นั้น มีผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่องมาตลอด 5 ปี ขาดทุนสะสมแล้วราว 5 ล้านล้านวอน จึงมีแนวทางปรับโครงสร้างธุรกิจมาตลอด เมื่อปลายปีที่แล้วก็มีข่าวว่าจะมาเน้นการพัฒนารุ่นเรือธงให้มากขึ้น และเอาท์ซอร์สรุ่นกลาง-ล่าง ตั้งแต่การวิจัย พัฒนา จนถึงการผลิตทั้งหมด ที่มา: The Korea Herald
# Microsoft ประเทศไทย เปิดราคา Surface Pro 7+ สำหรับธุรกิจ เริ่มต้น 30,900 บาท ในงานแถลงข่าวออนไลน์วันนี้ Microsoft เปิดตัว Surface Pro 7+ สำหรับธุรกิจ โดยเน้นเสริมด้านการทำงานนอกสถานที่ และการทำงานแบบไฮบริด Surface Pro 7+ หน้าจอ 12.3 นิ้ว ความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล (อัตราส่วน 3:2) มาพร้อมซีพียู Intel Core 11th Gen รุ่น Core i3, i5, i7 แรมตั้งแต่ 8GB ถึง 32GB และ SSD แบบถอดเปลี่ยนได้ ตั้งแต่ 128GB ถึง 1TB น้ำหนักเบาสุด 770 กรัม (รุ่น Core i3, i5 Wi-Fi) สูงสุด 796 กรัม (Core i5, LTE) แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 15 ชั่วโมง มีพอร์ตทั้ง USB-A และ USB-C รองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0 กล้องหน้า 5MP กล้องหลัง 8MP ความละเอียดสูงสุด 1080p ไมโครโฟนคู่ ลำโพงรองรับ Dolby Atmos และมีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร Surface Pro 7+ มีทั้งรุ่น Wi-Fi และ LTE (4G) ชิปโมเด็ม Snapdragon X20 ตัวเครื่องรวมถึงอุปกรณ์เสริม จำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย Add in Business และ Ciphermed เฉพาะลูกค้าธุรกิจ วันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป ในราคาดังนี้ ที่มา - Microsoft Surface for Business Virtual Briefing, จดหมายประชาสัมพันธ์
# ล้านนึงยังมีทอน ไมโครซอฟท์วางขาย Surface Hub 2S รุ่น 85" ในไทย 9.3 แสนบาท ไมโครซอฟท์ประเทศไทยประกาศวางขาย Surface Hub 2S รุ่นจอใหญ่ 85" ในราคา 927,900 บาท (รุ่น 50" ขายราคา 308,160 บาท) ของเริ่มส่งมอบ 1 มีนาคม 2564 ผ่านตัวแทนจำหน่าย Surface Hub ในไทยคือ CipherMED และ ESCO ปัจจุบันไมโครซอฟท์มี Surface Hub วางขายอยู่สองรุ่น โดย Surface Hub 2S รุ่น 85" ถือเป็นสินค้ารุ่นใหญ่ที่สุดของไมโครซอฟท์ในตอนนี้
# Chrome 88 ออกแล้ว ตรวจสอบรหัสผ่านที่อ่อนแอ, แก้รหัสผ่านเดิมที่เคยบันทึกไว้ กูเกิลออก Chrome 88 รุ่นเสถียรตัวแรกของปี 2021 ของใหม่ไปโฟกัสอยู่ที่หน้าจัดการรหัสผ่าน (chrome://settings/passwords) ตรวจสอบรหัสผ่านที่อ่อนแอ และมีปุ่ม Change Password กดเข้าไปยังหน้าตั้งรหัสผ่านใหม่ของแต่ละเว็บไซต์ได้ เพิ่มฟีเจอร์ Edit Password แก้ไขรหัสผ่านที่บันทึกจากหน้ารวม Password โดยตรง (ของเดิมต้องเข้าเว็บไปเปลี่ยนทีละเว็บ) เริ่มบล็อคการแสดงผลรูปภาพหรือไฟล์ที่เป็น HTTP บนหน้าเว็บ HTTPS เริ่มใช้ Manifest V3 ไม่รองรับ Mac OS X 10.10 Yosemite แล้ว ต้องเป็น 10.11 ขึ้นไป ที่มา - Chrome Releases, Google Security Blog, 9to5google
# FireEye ออกเครื่องมือช่วยตรวจจับการโจมตี แบบเดียวกับที่ SolarWinds โดน กรณี SolarWinds เป็นการแฮ็กครั้งใหญ่ที่สะเทือนหน่วยงานจำนวนมาก แถมยังตรวจจับได้ยากมาก เพราะมัลแวร์แฝงตัวมากับซอฟต์แวร์ที่ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการ (แฮ็กตั้งแต่ระบบซัพพลายเชน) ล่าสุดยังมี MalwareBytes ที่โดนโจมตีจากแฮ็กเกอร์กลุ่มเดียวกัน FireEye ในฐานะบริษัทที่ตรวจพบมัลแวร์ที่แอบใน SolarWinds ออกเครื่องมือช่วยตรวจจับการโจมตีของแฮ็กเกอร์กลุ่มนี้ (ถูกตั้งชื่อว่ากลุ่ม UNC2452) ที่หันมานิยมการโจมตีผ่านคลาวด์ Azure โดยเริ่มจากการขโมยโทเคนล็อกอิน Active Directory Federation Services ก่อน เมื่อเข้ามาได้แล้วจะฝังแบ็คดอร์ไว้บนแอพพลิเคชันภายในที่รันบน Microsoft 365 อีกที ชุดเครื่องมือของ FireEye ผสานเทคนิคหลากหลาย ช่วยดักพฤติกรรมแปลกๆ บน Azure และ Office 365 ว่ามีการเปลี่ยนแปลงค่าเกี่ยวกับ domain federation หรือไม่ ช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่ที่สามารถตรวจจับการเจาะระบบได้เร็วขึ้น ที่มา - FireEye
# เปิดตัว Huawei MateBook 14 รุ่นใหม่ Intel Core i5, i7 11th Gen ใส่ MX450 ได้ทั้งสองรุ่น เริ่ม 5,899 หยวน Huawei เปิดตัว Huawei MateBook 14 รุ่นปี 2021 หน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 1440p อัตราส่วน 3:2 เท่ารุ่นปีก่อน แต่ภายในเป็นซีพียู Intel Core 11th Gen (Tiger Lake) รุ่น Core i5-1135G7 และ Core i7-1165G7 รุ่น Core i5 ใช้ชิปกราฟฟิก Iris Xe G7 รหัส 80EU ซึ่งประสิทธิภาพจะด้อยกว่ารหัส 96EU ที่มากับรุ่น Core i7 เล็กน้อย แต่รุ่น Core i5 ของ MateBook 14 จะมีตัวเลือก Nvidia Geforce MX450 ด้วย ต่างจาก Huawei MateBook 13 ที่มีตัวเลือก MX450 เฉพาะรุ่น Core i7 ทุกรุ่นมีแรม DDR4 3200MHz ความจุ 16GB แบบ dual-channel และหน่วยความจำภายในเป็น SSD ขนาด 512GB แบตเตอรี่ 56 Wh ชาร์จเร็ว 65W หนา 15.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.49 กิโลกรัม ยังไม่มีข้อมูลพอร์ตเชื่อมต่อโดยละเอียด แต่จากภาพมี USB Type-A 2x, USB Type-C 1x, พอร์ต HDMI และ รูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร (เทียบกับ MateBook 13 แล้ว มีพอร์ต HDMI และมี USB Type-A เพิ่มมาหนึ่งพอร์ต) เปิดจอง 17 มกราคม เริ่มวางจำหน่าย 20 มกราคมในประเทศจีน ราคาดังนี้ รุ่น Core i5 + 16GB RAM + 512GB SSD + Intel Iris Xe ราคา 5,899 หยวน (ราว 27,500 บาท) รุ่น Core i5 + 16GB RAM + 512GB SSD + MX 450 ราคา 6,399 หยวน (ราว 29,700 บาท) รุ่น Core i7 + 16GB RAM + 512GB SSD + MX 450 ราคา 7,399 หยวน (ราว 34,500 บาท) ยังไม่มีรายละเอียดราคาและวันวางจำหน่ายนอกประเทศจีน ที่มา - Notebookcheck
# นักวิจัยรายงานช่องโหว่ใน dnsmasq ทำให้ยิง DNS ปลอมได้ง่าย บริษัทความปลอดภัยไซเบอร์จากอิสราเอล JSOF รายงานถึงชุดช่องโหว่ของโปรแกรม dnsmasq ที่ใช้งานกันเป็นวงกว้างในเราท์เตอร์และอุปกรณ์เน็ตเวิร์คขนาดเล็ก โดยช่องโหว่มีตั้งแต่ buffer overflow ที่อาจทำให้แฮกเกอร์ยึดอุปกรณ์ได้ ไปจนถึงช่องโหว่การยืนยันที่มาของ DNS ไม่ดีพอทำให้แฮกเกอร์ปลอมแปลงค่า DNS ได้ง่ายขึ้น โดยทาง JSOF เรียกชุดช่องโหว่นี้ว่า DNSpooq โดยแยกเป็นช่องโหว่ได้อีกสองชุด ช่องโหว่ชุดแรก ได้แก่ CVE-2020-25681, CVE-2020-25682, CVE-2020-25683, และ CVE-2020-25687 เป็นช่องโหว่ buffer overflow เมื่อใช้งาน DNSSEC ทำให้แฮกเกอร์อาจยิง dnsmasq ให้แครชได้ ช่องโหว่ชุดต่อมา ได้แก่ CVE-2020-25684, CVE-2020-25685, และ CVE-2020-25686 เป็นช่องโหว่การตรวจสอบต้นทาง DNS ที่ไม่หนาแน่นพอ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเดาค่าพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น หมายเลขพอร์ต และค่า TXID เพื่อยิงค่า DNS เข้า dnsmasq ได้ โดยรวมแล้วค่าที่แฮกเกอร์ต้องคาดเดามีความยุ่งเหยิงระดับ 19 บิต (ต้องยิง DNS ประมาณห้าแสนครั้ง) จากที่ควรจะเป็น 32 บิต (สี่พันล้านครั้ง) ทาง dnsmasq แก้ช่องโหว่ทั้งหมดแล้วในเวอร์ชั่น 2.83 แต่ความยากของช่องโหว่เหล่านี้คือ dnsmasq มักฝังไปกับเฟิร์มแวร์อุปกรณ์ต่างๆ ผู้ใช้ทั่วไปคงต้องรอผู้ผลิตอุปกรณ์ให้อัพเดตเฟิร์มแวร์ให้อีกครั้ง ที่มา - The Hacker News, JSOF
# ศุลกากรเกาหลีทำข้อตกลง Naver Shopping ดึงข้อมูลสินค้ามาใช้ในพิธีการศุลกากร ศุลกากรเกาหลีใต้ทำข้อตกลงร่วมกับ Naver Shopping บริการอีคอมเมิร์ชในเกาหลีใต้เพื่อนำข้อมูลไปใช้สำหรับพิธีการศุลกากร หลังจากชาวเกาหลีใต้นิยมซื้อสินค้าออนไลน์ซึ่งหลายครั้งเป็นการส่งตรงจากต่างประเทศมากขึ้น ยอดการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศโดยตรง 11 เดือนแรกของปี 2020 สูงถึง 52.76 ล้านครั้ง ศุลกากรเกาหลีใต้พบปัญหาจากการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศโดยตรงหลายอย่าง เช่น การเลี่ยงไม่จ่ายภาษี, หรือบางคนสั่งสินค้าเพื่อนำไปขายต่อแม้ระบุเหตุผลนำเข้าว่าใช้งานส่วนตัว, ไปจนถึงการนำเข้าสินค้าอันตรายหรือยา มาตรการก่อนหน้านี้ของศุลกากรเกาหลีใต้คือการเก็บรายชื่อผู้สั่งสินค้าจากต่างประเทศซ้ำๆ เพื่อตรวจสอบ พบผู้สั่งซื้อสินค้าบ่อยที่สุด 20 คนแรกของประเทศสั่งสินค้าเฉลี่ยเดือนละ 70.9 ครั้ง ที่มา - Korea Herald, Korea Biz Wire ภาพโดย Preis_King
# Microsoft Teams เตรียมเพิ่ม Meeting Recap สรุปการประชุมให้พร้อมไฟล์เสียง, ทรานสคริปต์ ในงาน Microsoft Ignite ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวฟีเจอร์สรุปการประชุมบน Microsoft Teams ล่าสุด ทาง Microsoft เผยว่าจะเพิ่มฟีเจอร์ Meeting Recap ภายในปลายเดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ Meeting Recap คือการจัดเก็บไฟล์ประชุม, แชท, พรีเซนเทชั่นและไฟล์ที่แชร์กันระหว่างประชุมมาให้หลังจบการประชุม สามารถเข้าถึงได้ผ่านแท็บ Chat เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่หน้าจอประชุมตลอดเวลา หรือสมาธิหลุดไประหว่างเรียนออนไลน์ ภาพจาก Microsoft นอกจากนี้ยังเตรียมเพิ่ม History menu เข้ามาด้วย เพื่อย้อนดูกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้ใช้งานทำบน Microsoft Teams เพื่อที่ผู้ใช้จะได้ไม่ต้องกด back บ่อยๆ ซึ่งจะเปิดใช้งานภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้เช่นกัน ที่มา - Windows Latest
# Naver เข้าซื้อ Wattpad แอปอีบุ๊คด้วยดีล 600 ล้านดอลลาร์ เสริมกำลังคอนเทนต์ใน Webtoon Naver บริษัทแม่ของ LINE และเจ้าของ Webtoon เข้าซื้อ Wattpad แอปพลิเคชั่นอ่านหนังสือ ก่อตั้งจากแคนาดา ในราคา 600 ล้านดอลลาร์ คาดว่าจะมาเสริมกำลังใน Webtoon เพื่อขยายฐานคนอ่าน Webtoon มีฐานคนอ่านกว้างขวางและได้รับความนิยมอย่างมากในเกาหลี ทางบริษัทเคยเผยตัวเลขว่าเมื่อเดือนสิงหาคม 2020 ที่ผ่านมา มียอดผู้ใช้งานแอคทีฟรายเดือน 67 ล้านราย ส่วน Wattpad ก็เป็นแพลตฟอร์มที่อุดมด้วยคอนเทนต์มากมาย ทางบริษัทเคยบอกว่ามีผู้ใช้งานแต่ละเดือนที่เข้าแอปมาเพื่ออ่านเรื่องราวต่างๆ 90 ล้านราย เป้าหมายของทั้งสองบริษัทมีร่วมกันคือ ขยายฐานคนอ่าน และขยายคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มในรูปแบบใหม่เช่น ทำเป็นซีรีส์ลงสตรีมมิ่ง หรือในกรณี Wattpad ก็ทำเป็นหนังสือจริงๆ ออกขายเลย Jun Koo Kim ซีอีโอ Webtoon กล่าวว่า นี่เป็นก้าวสำคัญในการเป็นบริษัทมัลติมีเดียระดับโลก ซึ่ง Allen Lau และ Ivan Yuen ผู้ก่อตั้ง Wattpad จะยังคงมีบทบาทนำใน Wattpad ต่อไป ภาพจาก Wattpad ที่มา - TechCrunch
# Jack Ma กลับมาปรากฎตัวแล้ว หลังหายตัวไปร่วม 2 เดือน หลังรัฐบาลจีนเรียก Jack Ma เข้าพบ พร้อมเบรกการ IPO ของ Ant Group เมื่อเดือนพฤศจิกายน และมีรายงานว่าเป็นคำสั่งจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง หลังจากนั้น Jack Ma ก็หายหน้าไปจากสาธารณะเกือบ 2 เดือน ล่าสุด Global Times สื่อที่เป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนรายงานว่า Jack Ma กลับมาปรากฎตัวอีกครั้งแล้วผ่านการวิดีโอคอลล์ เพื่อพูดคุยกับครูในชนบทนับร้อยราย โดยก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า Jack Ma ถูกรัฐบาลจีนสั่งให้เก็บตัวเงียบ ที่มา - The Global Times
# ByteDance เลิกทำมือถือ Smartisan หันไปโฟกัสฮาร์ดแวร์การศึกษาแทน ByteDance บริษัทแม่ TikTok เคยเปิดตัวมือถือภายใต้แบรนด์ Smartisan ซึ่ง Luo Yonghao ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Smartisan เคยคาดหวังสูงว่าสักวันจะขายได้ชนะ Apple แต่ล่าสุด ByteDance ระงับแผนการพัฒนามือถือ Smartisan ไปก่อน แล้วหันไปโฟกัสฮาร์ดแวร์เพื่อการศึกษาภายใต้แบรนด์ Dali Education แทน โฆษกบริษัทบอกว่า ผู้ใช้งาน Smartisan จะไม่ได้รับผลกระทบ ทางบริษัทจะพัฒนาเพื่อคงคุณภาพของ Smartisan OS ต่อไป ตลาดการศึกษาในจีนตอนนี้มีความต้องการสูง เนื่องจากโรคระบาด ทำให้เด็กๆ ต้องเรียนออนไลน์ ทางบริษัทได้เปิดตัวฮาร์ดแวร์การศึกษา เป็นโคมไฟอัจฉริยะ Dali Smart Tutoring Lamp T5 โคมไฟให้แสงสว่างที่เหมาะสมสำหรับอ่านหนังสือ มาพร้อมหน้าจอ ภาพจาก Smartisan ที่มา - SCMP
# Ookla เผย เน็ตบ้านของไทยเร็วเฉลี่ยอันดับ 1 ของโลกแล้ว แซงรวดทั้งสิงคโปร์และฮ่องกง Ookla เจ้าของ Speedtest.net เว็บไซต์ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตยอดนิยม จัดทำ Speedtest Global Index เป็นประจำทุกเดือน รวบรวมความเร็วเฉลี่ยของอินเทอร์เน็ตของทั่วโลกไว้ทั้งอินเทอร์เน็ตบ้านและมือถือ ล่าสุด Ookla ได้เปิดสถิติประจำเดือนธันวาคม 2020 แสดงให้เห็นว่าความเร็วเฉลี่ยขาดาวน์โหลดของเน็ตบ้าน (Fixed Broadband) ในประเทศไทยได้ขึ้นสู่อันดับ 1 ของโลกแล้ว โดยอยู่ที่ 308.35 Mbps แซงรวดเดียวทั้งสิงคโปร์ (245.31 Mbps) และฮ่องกง (226.80 Mbps) ที่เคยเป็นอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับในเดือนพฤศจิกายน 2020 ภาพโดย Ookla นอกจากนี้ในฝั่งเน็ตมือถือ อันดับ 1 คือประเทศกาตาร์ (178.01 Mbps) ที่แซงทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (177.52 Mbps) และเกาหลีใต้ (169.03 Mbps) โดยประเทศไทยอยู่อันดับ 33 ของโลกที่ความเร็วเฉลี่ย 51.75 Mbps แม้อันดับจะไม่สูงนัก แต่ก็น่าสนใจตรงที่ไทยแซงขึ้นมาถึง 11 อันดับในเดือนเดียว ส่วนค่าเฉลี่ยขาดาวน์โหลดของเน็ตบ้านทั่วโลกอยู่ที่ 96.43 Mbps, อัพโหลดอยู่ที่ 52.31 Mbps และเน็ตมือถือขาดาวน์โหลดอยู่ที่ 47.20 Mbps, อัพโหลดอยู่ที่ 12.67 Mbps สาเหตุที่ค่าเฉลี่ยของไทยก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ของโลกได้ น่าจะเป็นเพราะผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตต่างแข่งขันกันสูง ออกโปรโมชันราคาไม่แพงแต่ได้สปีดสูงกันอยู่ตลอด ที่มา - Speedtest Global Index, Facebook: Speedtest by Ookla
# YouTube ระงับการใช้งานบัญชี Donald Trump อีก 1 สัปดาห์ YouTube ประกาศขยายการระงับบัญชี Donald Trump ต่ออีก 1 สัปดาห์ โดยอ้างความเป็นไปได้ที่ Trump อาจจุดกระแสขึ้นมาอีกครั้งในช่วงการเปลี่ยนผ่านอำนาจไปให้ว่าที่ประธานาธิบดี Joe Biden กระบวนการถ่ายโอนอำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐเริ่มตั้งแต่เมื่อ Joe Biden ได้รับการยืนยันว่าชนะเลือกตั้ง และจะสิ้นสุดวันที่ประธานาธิบดีคนใหม่เข้าพิธีสาบานตน ซึ่งปกติจะมีขึ้นในวันที่ 20 มกราคมตามเวลาท้องถิ่น ที่มา - Bloomberg ภาพ Gage Skidmore/Flickr (CC BY-SA 2.0)
# เปิดตัว Huawei MateBook 13 รุ่นใหม่ Intel Core 11th Gen, จีพียู MX450 เริ่ม 5,499 หยวน Huawei เปิดตัว MateBook 13 รุ่นปี 2021 พร้อมชิป Intel Tiger Lake รุ่น Core i5-1135G7 และ Core i7-1165G7 หน้าจอความละเอียด 1440p อัตราส่วน 3:2 แสดงผลสีมาตรฐาน sRGB ได้ 100% รุ่น Core i5 จีพียู Intel Iris Xe รุ่น Core i7 มีทั้ง Intel Iris Xe และตัวเลือก Nvidia Geforce MX450 ทุกรุ่นใช้แรม DDR4 3200MHz ความจุ 16GB และ SSD 512GB แบตเตอรี่ 42 Whพร้อมที่ชาร์จ ชาร์จเร็ว 65W ตัวเครื่องหนา 14.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม รองรับ Wi-Fi 6 ยังไม่มีข้อมูลพอร์ตเชื่อมต่อโดยละเอียด แต่จากภาพมี USB-C, USB-A และ รูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร เปิดสั่งจอง 17 มกราคม และวางจำหน่าย 20 มกราคมนี้ ในประเทศจีน ราคาดังนี้ รุ่น Core i5 ราคา 5,499 หยวน (ราว 25,300 บาท) รุ่น Core i7 + Intel Iris Xe ราคา 6,499 หยวน (ราว 30,200 บาท) รุ่น Core i7 + MX450 ราคา 6,999 หยวน (ราว 32,500 บาท) ยังไม่มีรายละเอียดราคาหรือวันวางจำหน่ายนอกประเทศจีน ที่มา - Notebookcheck
# Facebook ปรับปรุงการอธิบายรูปภาพเพื่อผู้ใช้ตาบอด ระบุสถานที่สำคัญ, จำนวนคน, สัตว์ได้ Facebook ปรับปรุงฟีเจอร์ Automatic Alt Text (AAT) ระบุสิ่งที่อยู่ในรูปภาพอัตโนมัติเพื่อการใช้งานของผู้พิการทางสายตาและมีปัญหาการมองเห็น ให้จดจำรับรู้สิ่งที่อยู่ในรูปภาพได้ละเอียดขึ้น เช่น สามารถบอกได้ว่า ในรูปภาพนี้มีกี่คน ถ่ายภาพที่ไหน คนอยู่ในมุมไหนของภาพ โดย Facebook บอกว่าเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ขึ้น 10 เท่า จดจำรายละเอียดได้ 1,200 คอนเซปต์ Facebook เปิดตัวเครื่องมือ AAT มาตั้งแต่ปี 2016 ใช้เทคโนโลยีในการสร้างคำอธิบายรูปภาพ จนภายหลังมีการอัพเดตให้อธิบายเป็นเสียงด้วย text to speech โดย Facebook บอกว่าการอัพเดตใหม่นี้ AAT สามารถอธิบายสิ่งที่อยู่ในรูปละเอียดขึ้น สามารถแยกแยะประเภทของสัตว์ได้ สถานที่สำคัญๆ ของโลก ท่าทางของคนว่าทำอะไรอยู่ เช่น โพสต์ท่าชูสองนิ้ว AAT เปิดใช้งานแล้วบนรูปภาพในหน้าฟีด เพจ และกลุ่ม ส่วนใน Instagram เปิดใช้งานในแท็บ Explore และ Profile สามารถแปลงเป็นข้อความได้ 45 ภาษา ในการใช้งานบน Android ให้กดค้างที่รูปภาพ ส่วนบน iOS ต้องทำผ่าน custom action ที่มา - Facebook, CNET
# บริษัทกฎหมายเผย โทษปรับ GDPR ในยุโรปพุ่งสูง 39% ในรอบ 20 เดือน DLA Piper บริษัทกฎหมายเผยตัวเลขคดีปรับตามกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวใหม่ของยุโรปหรือ GDPR ว่าตั้งแต่ 28 มกราคม 2020 เป็นต้นมา สหภาพยุโรปได้ออกบทลงโทษทางการเงินประมาณ 158.5 ล้านยูโร หรือประมาณ 192 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 39% จากช่วง 20 เดือนก่อนหน้าที่ Piper จัดทำในรายงาน และมีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล 121,165 ครั้ง เพิ่มขึ้น 19% ภายในระยะเวลา 12 เดือน กลุ่มประเทศที่มีโทษปรับสูงคือ อิตาลี, เยอรมนี, ฝรั่งเศส มีโทษปรับเป็นเงินกัน 192.8 ล้านยูโร หรือ 234 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ GDPR มีผลบังคับใช้ โดยค่าปรับที่เยอะที่สุดยังคงเป็น 57 ล้านดอลลาร์ที่ฝรั่งเศสเรียกเก็บจาก Google เนื่องจากละเมิดกฎความโปร่งใสของข้อมูล จำนวนโทษปรับที่สูงขึ้นสะท้อนกระบวนการทำงานของกฎหมายที่ตื่นตัวกับการละเมิดกฎความเป็นส่วนตัว Ross McKean ประธานกลุ่มงานปกป้องข้อมูลในสหราชอาณาจักรของ DLA Piper ให้มุมมองว่า ในขณะที่หลายประเทศในยุโรปนำ GDPR ไปใช้อย่างเข้มข้น แต่ยังพอมองเห็นว่าหน่วยงานกำกับดูแลแสดงการผ่อนปรนในปีนี้เพื่อให้สอดคล้องต่อสถานการณ์โรคระบาด มีการลดค่าปรับในหลายราย ที่มา - Engadget, DLA Piper
# อินเดียสอบถามความชัดเจนการเปลี่ยนแปลงนโยบายแชร์ข้อมูลให้ Facebook ของ WhatsApp พร้อมขอให้ถอนนโยบายนี้ กระทรวงด้านไอทีของอินเดียได้ส่งจดหมายถึง Will Cathcart หัวหน้าฝ่าย WhatsApp โดยระบุว่านโยบายแชร์ข้อมูลใหม่ของ WhatsApp สร้างความกังวลอย่างร้ายแรงต่อทางเลือกและความเป็นอิสระของชาวอินเดีย และต้องการหยุดการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ อินเดียถือเป็นตลาดใหญ่ของ WhatsApp ดังนั้นทางกระทรวงต้องการทราบความชัดเจนของ WhatsApp ในข้อตกลงแชร์ข้อมูลกับ Facebook และบริษัทอื่น ๆ รวมถึงตั้งคำถามด้วยว่าทำไมจึงมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ใช้งานในอียูว่าไม่ต้องทำตามนโยบายใหม่ แต่ผู้ใช้ในอินเดียไม่มีทางเลือกใด ๆ การเลือกปฏิบัติแบบนี้เป็นผลเสียต่อผู้ใช้ชาวอินเดียซึ่งรัฐบาลอินเดียกังวลมาก WhatsApp เพิ่งจะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่าให้ยอมรับนโยบายใหม่ที่จะแชร์ข้อมูลบางส่วนให้ Facebook เช่น เบอร์โทรศัพท์ หรือตำแหน่งที่อยู่ โดยผู้ใช้จะต้องยินยอมก่อนวันที่ 8 กุมภาพันธ์หากต้องการใช้บริการ WhatsApp ต่อไป ทำให้คนแห่ไปดาวน์โหลด Telegram และ Signal ล่าสุด WhatsApp จึงประกาศเลื่อนการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ไปเป็นวันที่ 15 พฤษภาคม เพื่อให้บริษัทมีเวลาชี้แจงรายละเอียดให้มากยิ่งขึ้น ที่มา - TechCrunch
# Douyin หรือ TikTok เวอร์ชั่นจีน เปิดตัว Douyin Pay อีวอลเลตสู้รายใหญ่ WeChat Pay และ Alipay Douyin หรือ TikTok เวอร์ชั่นเปิดบริการในประเทศจีน เปิดตัว Douyin Pay หรือในชื่อภาษาจีนว่า Douyin Zhifu อีวอลเลตของตัวเอง ท้าทายรายใหญ่ที่ครองตลาดมานานอย่าง WeChat Pay และ Alipay การเปิดตัววอลเลตถือเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ เพราะ Douyin นอกจากจะเป็นโซเชียลมีเดียแล้ว นัยหนึ่งยังเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซให้อินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์มาขายของด้วย ผู้ใช้งานสามารถดูสินค้าผ่านแท็กได้โดยตรงบน Douyin ในอนาคตก็อาจสามารถกดซื้อและจ่ายได้เลยผ่าน Douyin Pay ก่อนหน้านี้ ByteDance บริษัทแม่ Douyin ได้เข้าซื้อ Wuhan Hezhong Yibao Technology Co. ผู้ทำบริการ payment ซึ่งจะช่วยเสริมทัพการใช้งานบริการอื่นๆ ของ ByteDance ด้วยเช่น Toutiao แอปข่าวสาร แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในจีนอย่าง JD.com และบริการส่งอาหาร Meituan ก็พยายามให้ผู้ใช้งานหันมาใช้วอลเลตของตัวเอง แต่ไม่ง่ายนัก เพราะตลาดอีวอลเลตมี Alipay และ WeChat Pay ที่กินส่วนแบ่งแล้วเสียส่วนใหญ่ ที่มา - TechCrunch
# Malwarebytes โดนเจาะระบบโดยแฮ็กเกอร์กลุ่มเดียวกับ SolarWinds, เข้าถึงแค่อีเมลบางส่วน บริษัท Malwarebytes เปิดเผยว่าโดนเจาะเข้าระบบ โดยแฮ็กเกอร์กลุ่มเดียวกับที่เจาะระบบ SolarWinds (ซึ่งในวงการความปลอดภัยประเมินกันว่าเป็นแฮ็กเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซีย แต่ก็ไม่มีหลักฐานชี้ชัด) Malwarebytes บอกว่าไม่ได้ใช้ซอฟต์แวร์ของ SolarWinds เจ้าปัญหา แต่โดนแฮ็กจากช่องโหว่ของแอพพลิเคชันไม่ระบุชื่อ ที่มีสิทธิเข้าถึงบน Microsoft Office 365 และ Azure อีกที (Malwarebytes ทราบเรื่องนี้เพราะได้รับแจ้งจากทีมความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ ที่มอนิเตอร์ระบบแล้วเห็นความผิดปกติ) จากการสอบสวนพบว่า แฮ็กเกอร์เข้าถึงแค่อีเมลภายในบริษัทเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซอฟต์แวร์ของ Malwarebytes ยังปลอดภัย เพราะไม่ได้ใช้ Azure ในระบบจัดการซอร์สโค้ดของบริษัท กรณีนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าแฮ็กเกอร์กลุ่มนี้มีช่องทางเจาะระบบแบบอื่นๆ นอกเหนือจากการเจาะซัพพลายเชนแบบ SolarWinds และอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีแบบนี้ ที่มา - Malwarebytes
# Safari 14 รองรับการพอร์ตส่วนขยาย Chrome แต่แทบไม่มีนักพัฒนาทำให้ เพราะยุ่งยาก Six Colors เว็บข่าวสายแอปเปิล ชี้ประเด็นว่า Safari 14 เริ่มรองรับส่วนขยายที่พอร์ตจาก Chrome ได้มานานครึ่งปีแล้ว (เริ่ม มิ.ย. 2020) แต่มาถึงตอนนี้ยังแทบไม่มีส่วนขยายพอร์ตมาเลย ปัญหาเกิดจากนโยบายของแอปเปิลเอง ที่บังคับให้ส่วนขยายต้องถูกครอบด้วยแพ็กเกจแอพแบบเนทีฟของ macOS ก่อน (แปลว่าต้องมี Xcode) แล้วส่งขึ้น Mac App Store เพื่อแจกจ่ายให้ผู้ใช้ Safari ติดตั้งอีกที ไม่เหมือน Edge หรือ Firefox ที่สามารถติดตั้งไฟล์ส่วนขยายของ Chrome ได้ตรงๆ นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องความปลอดภัยตามสไตล์แอปเปิล ที่ไม่รองรับ API บางอย่างของ Chrome ทำให้นักพัฒนาจำเป็นต้องปรับแก้ส่วนขยายเดิมจึงจะใช้งานบน Safari ได้ ผลคือนักพัฒนาจำนวนมากเลือกไม่สนใจ Safari ไปซะเลย Six Colors สัมภาษณ์นักพัฒนาที่สร้างส่วนขยายต่างๆ พบคำตอบคล้ายๆ กันว่า ส่วนตัวไม่ใช้ Safari อยู่แล้ว, ไม่ได้ใช้แมค, การส่งส่วนขยายขึ้นแพลตฟอร์มใหม่ๆ เป็นภาระในการดูแล เป็นต้น ที่มา - Six Colors
# ราคา Ethereum ทำสถิติใหม่สูงสุด มากกว่าราคาเดิมเมื่อปี 2018 แล้ว Ether (ETH) สกุลเงินดิจิทัลที่อยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน Ethereum ซึ่งเป็นเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ากิจการสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากบิตคอยน์ มีราคาซื้อขายทำสถิติสูงสุดเมื่อคืนนี้ โดยราคาไปถึง 1,439.33 ดอลลาร์ มากกว่าราคาสูงสุดเดิมเมื่อปี 2018 ที่ 1,432.88 ดอลลาร์ คำอธิบายเบื้องต้นเกี่ยวกับราคาปรับเพิ่มของ ETH นั้น มาจากการปรับราคาลงของบิตคอยน์ที่เพิ่งทำสถิติราคาสูงกว่า 40,000 ดอลลาร์ เมื่อต้นเดือน จึงมีการขายและซื้อ ETH แทน ทั้งนี้จุดเด่นของ Ethereum คือการเป็นบล็อกเชนที่นักพัฒนาสามารถสร้างแอปใช้งานบนเครือข่ายได้ในหลายรูปแบบ ไม่จำกัดแค่เงินดิจิทัล ที่มา: CoinDesk
# Netflix ไตรมาส 4/2020 ยังเติบโตสูง จำนวนสมาชิกรวมมากกว่า 200 ล้านคน Netflix รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2020 รายได้เพิ่มขึ้น 21.5% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 6,644 ล้านดอลลาร์ มีกำไรสุทธิ 542 ล้านดอลลาร์ จำนวนสมาชิกแบบจ่ายเงินเพิ่มขึ้นในไตรมาส 8.51 ล้านคน ทำให้จำนวนสมาชิกรวมเป็น 203.66 ล้านคน คอนเทนต์เด่นที่ Netflix ระบุถึง ในไตรมาสที่ผ่านมาได้แก่ The Crown, Bridgerton, The Midnight Sky นอกจากนี้คอนเทนต์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษก็ได้รับความนิยมสูง อาทิ Barbarians, Sweet Home (ผู้ชม 22 ล้านคน), Alice in Borderland (ผู้ชม 18 ล้านคน) Netflix ยังพูดถึงภาวะการแข่งขัน ที่มีบริษัทสื่อบันเทิงใหญ่ลงมาทำสตรีมมิ่งมากขึ้น เป็นการยืนยันว่าบริษัทเหล่านี้มองสตรีมมิ่งเป็นอนาคต ส่วนกลยุทธ์จากนี้ Netflix จะปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นทุกวัน และจะเป็นตัวเลือกแรกของผู้ชม ด้านการเงิน บริษัทกล่าวว่าตอนนี้กระแสเงินสดอิสระใกล้เป็นบวกแล้ว ซึ่งคาดว่าจะทำได้ในปี 2021 ซึ่งช่วยให้บริษัทไม่ต้องออกหุ้นกู้เพิ่มเติม ลดภาระทางการเงินในอนาคต ที่มา: Netflix
# Citrix ประกาศซื้อกิจการ Wrike ที่มูลค่า 2.25 พันล้านดอลลาร์ Citrix ประกาศบรรลุข้อตกลงเข้าซื้อกิจการ Wrike แพลตฟอร์ม SaaS ด้าน Project Management ที่มูลค่า 2,250 ล้านดอลลาร์ จากเจ้าของเดิม Vista Equity Partners David Henshall ซีอีโอ Citrix กล่าวว่าปัจจุบันการทำงานเกิดขึ้นได้ในทุกที่ การซื้อกิจการ Wrike จะทำให้ Citrix มีโซลูชันสำหรับองค์กรที่สมบูรณ์มากขึ้น ทั้งความปลอดภัยในการเข้าถึงทรัพยากรขององค์กร และเครื่องมือที่ช่วยให้พนักงานทำงานร่วมกันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในทุกช่องทาง ทุกอุปกรณ์ และทุกสถานที่ ปัจจุบัน Wrike มีลูกค้าองค์กรอยู่ราว 18,000 แห่งทั่วโลก ที่มา: Citrix และ TechCrunch
# Elastic เปิดใจ เปลี่ยนไลเซนส์เพราะ AWS เอาโค้ดไปให้บริการแถมบอกว่าเป็นความร่วมมือกัน หลังจาก Elastic บริษัทผู้พัฒนา Elasticsearch ประกาศเปลี่ยนไลเซนส์โครงการเป็น SSPL ทำให้โครงการไม่เป็นโอเพนซอร์สอีกต่อไป (ซอฟท์แวร์กลุ่มนี้เรียกว่า "มีซอร์สโค้ดให้" หรือ source available เพราะจำกัดการใช้งานซอร์สโค้ด) วันนี้ Shay Banon ผู้ก่อตั้งโครงการ Elasticserch และร่วมก่อตั้งบริษัท Elastic เองก็ออกมาอธิบายว่าการเปลี่ยนไลเซนส์เป็นเพราะ AWS นำซอร์สโค้ดโครงการไปทำธุรกิจแข่ง เขาระบุถึงบริการ Amazon Elasticsearch Service ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 และใช้ชื่อ Elasticsearch ที่เป็นเครื่องหมายการค้าอยู่ในชื่อบริการโดยตรง (เทียบกับ Amazon DocumentDB ที่วงเล็บข้างหลังว่าใช้งานกับ MongoDB ได้) แถม Werner Vogels ซีทีโอของ AWS ยังเคยทวีตว่าเป็นความร่วมมือกับบริษัท Elastic เองทั้งที่ไม่มีความร่วมมือจริง หลังจากนั้นเขายังเชื่อว่า AWS นำโค้ดของ X-Pack ที่เป็นแพ็กเกจสำหรับขายของ Elasticsearch ไปใช้ในโครงการ Open Distro for Elasticsearch ที่เป็นโครงการขยายความสามารถของ Elasticsearch เวอร์ชั่นโอเพนซอร์สให้ใกล้เคียงเวอร์ชั่นเสียเงินมากขึ้น Shay ระบุว่าทาง Elastic มีข้อตกลงกับผู้ให้บริการคลาวด์จำนวนมาก รวมถึงไมโครซอฟท์, กูเกิล, และอาลีบาบา และพร้อมจะทำงานร่วมกับอเมซอนหากข้อตกลงยอมรับได้ ที่มา - Elastic ภาพทวีตของ Werner Vogels จาก Elastic
# Gigabyte, MSI, Kingston เปิดตัว SSD แบบ NVMe PCIe 4.0 ความเร็วอ่านเขียนระดับ 7GB/s ในงาน CES ที่ผ่านมาผู้ผลิต SSD ต่างพากันอัพเดตสินค้าชุดใหม่ โดยตระกูลคอนซูมเมอร์ตัวท็อปมีความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือหลายแบรนด์หันมาใช้ PCIe 4.0 และทำความเร็วอ่านเขียนได้ระดับ 7GB/s กันแล้ว Kingston ผู้ผลิตสินค้าและ OEM ให้แบรนด์อื่นๆ ประกาศ SSD ชื่อรหัส Ghost Tree ใช้อินเทอร์เฟซเป็น NVMe PCIe 4.0 8-channel ขนาด1TB ถึง 4TB MSI SSD เปิดตัว SSD แบบ PCIe 4.0 ระบุความเร็วการอ่าน 7GB/s และเขียน 6.9GB/s ขนาดใหญ่สุด 4TB Gigabyte เปิดตัว AORUS Gen4 7000s ระบุความเร็วการอ่าน 7GB/s และเขียน 6.85GB/s พร้อมเคสระบายความร้อนเฉพาะตัว มีความจุ 1TB และ 2TB ทั้งสามแบรนด์ยังไม่ประกาศช่วงเวลาวางขายแน่ชัด ที่มา - Kingston, Gigabyte, MSI
# มาเรื่อยๆ CD Projekt โดนฟ้องกลุ่มคดีที่ 2 ข้อหาเดียวกับคำฟ้องครั้งแรก CD Projekt S.A. บริษัทแม่ของ CD Projekt RED ถูกฟ้องร้องแบบกลุ่มที่ศาลแขวงกลางของแคลิฟอร์เนีย โดยบริษัทกฎหมายที่เป็นตัวแทนผู้ถือหลักทรัพย์ของ CD Projekt และเทรดในตลาดสหรัฐภายใต้ชื่อย่อ OTGLY และ OTGLF คำฟ้องของการฟ้องร้องครั้งนี้เป็นคำฟ้องเดียวกับที่บริษัทกฎหมาย Rosen Law Firm ยื่นฟ้องเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยคำฟ้องครั้งนี้ไม่ได้ระบุรายละเอียดถึงค่าเสียหายที่เรียกร้อง ตอนนี้ที่มีข่าวว่า CD Projekt อาจถูกฟ้องเพิ่มอีกก็มี จากนักลงทุนโปแลนด์ และถูกสอบสวนจากหน่วยงานการค้าโปแลนด์ ที่มา - CD Projekt
# เปิดตัว Snapdragon 870 5G รุ่นพัฒนาต่อจาก Snapdragon 865+ ขึ้นมาเล็กน้อย Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 870 ไส้ในไม่ใช่ของใหม่อย่าง Snapdragon 888 แต่เป็นรุ่นที่ปรับปรุงจากเรือธงปีที่แล้วอย่าง Snapdragon 865 และ 865+ ซีพียูและจีพียูยังเป็นตัวเดิมคือ Kryo 858 และ Adreno 650 แต่เพิ่มคล็อกเป็น 3.2GHz (865+ อยู่ที่ 3.1GHz และ 865 อยู่ที่ 2.84GHz) ชิปประมวลผล AI เป็น Hexagon 698 โมเด็ม X55 5G รองรับ Wi-Fi6E ส่วนฟีเจอร์และไส้ในอื่น ๆ แทบไม่แตกต่างกันมากนัก (มันคือ Snapdragon 865++) Qualcomm ให้เหตุผลว่า Snapdragon 870 5G ออกมาสำหรับ OEM ที่ต้องการชิปเซ็ตระดับท็อป แต่ไม่ได้ต้องการฟีเจอร์ระดับท็อปอย่าง Snapdragon 888 ซึ่งก็คาดว่าน่าจะใช้กับสมาร์ทโฟนราคาต่ำ 2 หมื่นหรือกลุ่มเรือธงรุ่นล่าง Qualcomm บอกว่าจะเริ่มเห็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ Snapdragon 870 ในไตรมาสแรกปีนี้ กับแบรนด์อย่าง Motorola, OnePlus, Oppoe และ Xiaomi ที่มา - Qualcomm, The Verge
# ไมโครซอฟท์ประกาศลงทุน 2 พันล้านใน Cruise ทีมพัฒนารถไร้คนขับของ GM ไมโครซอฟท์ประกาศเป็นพาร์ทเนอร์ทางยุทธศาสตร์ระยะยาว พร้อมลงทุนเป็นเงิน 2 พันล้านเหรียญใน Cruise หน่วยงานพัฒนารถไร้คนขับของ GM ดีลนี้นับเป็นครั้งแรกที่ไมโครซอฟท์เข้าสู่วงการรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งทำให้ Cruise มีมูลค่าราว 3 หมื่นล้านเหรียญแล้ว นอกจากนี้ Cruise จะใช้ Azure ในระบบหลังบ้านด้วย ที่มา - The Verge
# เว็บบอร์ด OpenWRT ทำรหัสแอดมินหลุด คนร้ายเข้าไปโหลดข้อมูลผู้ใช้ เว็บบอร์ด OpenWRT ถูกร้ายล็อกอินในบัญชีระดับผู้ดูแลระบบได้สำเร็จ แต่ไม่ได้สิทธิ์ในการเข้าถึงฐานข้อมูลโดยตรงแต่อย่างใด ทำให้ข้อมูลที่หลุดออกไปได้แก่ ชื่อผู้ใช้, อีเมล, และสถิติการใช้งานเว็บบอร์ด ทาง OpenWRT ระบุว่าบัญชีผู้ดูแลระบบนี้ใช้รหัสผ่านที่ดีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้เปิดการล็อกอินสองขั้นตอนเอาไว้ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าคนร้ายล็อกอินได้อย่างไร ระหว่างนี้ทางเว็บบอร์ดประกาศมาตรฐาน 1) บังคับรีเซ็ตรหัสผ่าน 2) แจ้งเตือนผู้ใช้ว่าคนร้ายจะรู้อีเมล 3) แนะนำให้ผู้ใช้รีเซ็ต OAuth token บริการส่วนอื่นเช่น wiki นั้นใช้บัญชีแยกจากกันและทาง OpenWRT เชื่อว่าไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ที่มา - OpenWRT
# ตลาดโน้ตบุ๊กปี 2020 โต 22.5% สูงสุดที่เคยมีมา, Intel ถูกกดดันจาก AMD / Apple TrendForce เผยรายงานการส่งมอบโน้ตบุ๊กปี 2020 ที่ผ่านมาว่าส่งมอบไปทั้งหมด 200 ล้านยูนิต เติบโต 22.5% แบบปีต่อปีสูงที่สุดที่เคยมีมา ขณะที่ปี 2021 จะอยู่ที่ราว 217 ล้านยูนิต เติบโตอีก 8.6% หากแบ่งเป็นระบบปฏิบัติการ ที่เติบโตมากสุดคือ Chromebook เติบโตถึง 74% แบบปีต่อปีในปีที่ผ่านมา ส่งมอบไป 29.6 ล้านยูนิต ส่วนปีนี้ก็ถูกคาดว่าจะเติบโตอีก 37% ส่งมอบที่ราว 40 ล้านยูนิต ส่วนแบ่งตลาด ChromeOS ปีที่แล้วอยู่ที่ราว 15-20% ขณะที่เบอร์ 1 ยังคงเป็น Windows แต่ส่วนแบ่งลดลงต่ำกว่า 80% เป็นครั้งแรกอยู่ที่ราว 70-75% ท้ายสุดคือ MacOS ที่ต่ำ 10% ในแง่ซีพียูในโน้ตบุ๊ก ส่วนแบ่งตลาด AMD เติบโตจาก 11.4% ในปี 2019 มาเป็น 20.1% ในปีที่ผ่านมาจาก Ryzen 3000 Mobile ที่เสียงตอบรับดี และในปีหน้า Apple ที่น่าจะออก MacBook Pro 14 นิ้วและ 16 นิ้วที่ใช้ Apple Silicon ตัวใหม่ออกมาอีก ก็น่าจะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดโน้ตบุ๊กไปจาก Intel อีก โดย TrendForce คาดว่าส่วนแบ่งตลาด (ซีพียู) ของ Apple จะอยู่ที่ 7% ซึ่งส่วนแบ่งตลาด AMD 20% และ Apple ที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 7% นี้เองที่น่าจะทำให้ Intel หนาว ๆ ร้อน ๆ หากยังไมสามารถออกสินค้าที่แข่งขันได้ออกมา ที่มา - TrendForce
# Huawei MateBook X Pro รุ่นใหม่ ซีพียู Intel Core 11th Gen จอ 3K เริ่ม 8,999 หยวน Huawei เปิดตัวโน้ตบุ๊ก MateBook X Pro รุ่นปี 2021 หน้าจอ 13.9 นิ้ว ความละเอียด 3000x2000 พิกเซล อัตราส่วน 3:2 สว่างสูงสุด 300nits น้ำหนัก 1.33 กิโลกรัม สแกนลายนิ้วมือบนปุ่มพาวเวอร์ เว็บแคมซ่อนอยู่ใต้คีย์บอร์ด สเปกภายใน ตัวเลือกซีพียู Intel Core 11th Gen รุ่น Core i5-1135G7 และ Core i7-1165G7 จีพียู Intel Iris Xe แรม LPDDR4x ความเร็ว 4,266MHz สูงสุด 32GB, SSD M.2 สูงสุด 1TB แบตเตอรี่ 56Wh ชาร์จเร็ว 65W ผ่านพอร์ต USB-C ชาร์จ 30 นาที ใช้งานได้ 4 ชั่วโมง ไม่มี Thunderbolt 4 ยังไม่มีราคาหรือวันวางจำหน่ายในประเทศไทย แต่เปิดให้สั่งจองในประเทศจีน วันที่ 17 มกราคม เริ่มวางจำหน่าย 20 มกราคม ราคาดังนี้ Core i5 + 16GB RAM + 512GB SSD ราคา 8,999 หยวน (ราว 41,700 บาท) Core i7 + 16GB RAM + 512GB SSD ราคา 9,999 หยวน (ราว 46,500 บาท) Core i7 + 16GB RAM + 1TB SSD ราคา 11,999 หยวน (ราว 55,600 บาท) ที่มา - Notebookcheck
# Foxconn ได้รับอนุญาตสร้างโรงงานผลิตแล็บท็อป, แท็บเล็ตในเวียดนาม คาดผลิตให้แอปเปิล Foxconn เพิ่งได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลเวียดนามในการสร้างโรงงานผลิตแล็บท็อปและแท็บเล็ต มูลค่าราว 270 ล้านเหรียญสหรัฐในจังหวัดบั๊กซาง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ มีกำลังการผลิตประมาณ 8 ล้านชิ้นต่อปี ปลายปีที่แล้ว Reuters ก็รายงานว่า แอปเปิลได้สั่งให้ Foxconn ย้ายกระบวนการผลิต iPad และ MacBook จากจีนมาเวียดนามในจังหวัดบั๊กซาง ซึ่งก็ทำให้คาดว่าโรงงานที่ได้รับอนุญาตนี้น่าจะเป็นโรงงานสำหรับผลิตสินค้าให้แอปเปิล ทั้งนี้ที่่ผานมา Foxconn ลงทุนในเวียดนามไปแล้วกว่า 1.5 พันล้านเหรียญ มีแผนจะลงทุนเพิ่มอีก 700 ล้านเหรียญและเตรียมจะจ้างงานเพิ่มอีกราว 10,000 ตำแหน่งในปีนี้ ที่มา - Reuters ภาพจาก Foxconn
# แผ่น Cyberpunk 2077 เวอร์ชั่น PS4, Xbox One เริ่มลดครึ่งราคา บน Amazon แล้ว หลังจากเปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม พร้อมกับบั๊กมากมายและตัวเกมที่ดูยังไงก็ไม่เสร็จ และถูกถอดจาก PlayStation Store เพราะแทบจะรันบนคอนโซลรุ่นเก่าอย่าง PS4 หรือ Xbox One ไม่ได้ แม้จะสามารถนำแผ่นไปเล่นบนคอนโซลเน็กซ์เจ็นได้ รันได้ดีกว่า และจะได้รับอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นคอนโซลเน็กซ์เจ็นฟรีภายหลัง วันนี้แผ่น Cyberpunk 2077 บน PS4 และ Xbox One เริ่มมีดีลลดราคาเหลือ 30 ดอลลาร์หรือราว 900 บาท บนเว็บไซต์ Amazon แล้ว ซึ่งเป็นการลดราคาลงครึ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงเดือนกว่าๆ เท่านั้น ซึ่งหาได้ยากในเกม AAA ฟอร์มยักษ์ ตัวเกมเกิดปัญหาในช่วงการพัฒนามากมาย ที่เพิ่งถูกเปิดเผยโดย Bloomberg และสุดท้ายการผู้เล่นต้องไปลุ้นกันกับ patch ที่จะตามมาในอนาคต ซึ่งแม้อาจจะแก้บั๊กได้หมด แต่ฟีเจอร์หลายอย่างที่ถูกตัดออก ก็อาจจะไม่ถูกเพิ่มกลับมา สาเหตุเหล่านี้อาจทำให้ยอดขายช่วงหลังเปิดตัวชะลอลง จนเกิดการลดราคาขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนในพีซี ก็มีแผ่นลดราคา เหลือ 40 ดอลลาร์ หรือราว 1,200 บาท เช่นกัน แม้ตัวเกมจะรันได้ดีกว่า และในปัจจุบัน ผู้เล่นบน Steam ก็ลดลงไปแล้วกว่า 79% หลังช่วงเปิดตัว คงต้องมาลุ้นกันว่าทีมงานจะกลับมากู้ชีพเกมนี้เหมือน No Man’s Sky ได้หรือไม่ ที่มา - The Verge
# เปิดราคาไทย Asus V241 ออลอินวัน จอ 23.8 นิ้ว FHD ซีพียู Intel Core Gen 11th เริ่ม 17,990 บาท Asus เปิดราคาไทย คอมพิวเตอร์ออลอินวัน Asus V241 หน้าจอ 23.8 นิ้ว ขอบบาง ความละเอียด FHD สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่ 88% แสดงผลสี sRGB ได้ 100% มีลำโพงสองตัว พร้อมระบบ ASUS SonicMaster และกล้องหน้า 720P พอร์ตเชื่อมต่อ USB 3.2 Gen 1 Type-A 4x, พอร์ต HDMI 1.4 2x และพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร รองรับ WiFi 5 และ Bluetooth 5.0 มาพร้อม Microsoft Windows 10, Microsoft Office Home & Student 2019 วางจำหน่าย 25 มกราคมนี้ มีสองสเปก สองราคา รุ่นแรกรหัส V241EAK-BA060T ราคา 17,990 บาท สเปกดังนี้ ซีพียู Intel Core i3-1115G4 แรม DDR4 8GB SO-DIMM SSD 512GB แบบ PCIe Gen 3 ไดรฟ์อ่าน DVD และรหัส V241EAK-BA010TS ราคา 24,990 สเปกดังนี้ ซีพียู Intel Core i5-1135G7 แรม DDR4 8GB SO-DIMM HDD 1TB 7200RPM + SSD 256GB แบบ PCIe Gen 3 ไดรฟ์อ่าน DVD ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# Asus ZenBook 13 OLED โน้ตบุ๊กบางเบารองรับ Thunderbolt 4 เปิดราคาไทย 28,900 บาท Asus ZenBook 13 OLED (UX325) โน้ตบุ๊กหน้าจอ OLED 13 นิ้ว ความละเอียด FHD อัตราส่วน 16:9 ซีพียู Intel Core 11th Gen จีพียู Intel Iris Xe เตรียมวางจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ในราคา 28,900 บาท พร้อมประกัน on-site service 3 ปี สเปกดังนี้ ซีพียู Intel Core i5-1135G7 จีพียู Iris Xe แรม LPDDR4X 8GB SSD 512GB แบบ PCIe Gen 3 หน้าจอ OLED 13 FHD แสดงผลสี DCI-P3 ได้ 100% พอร์ท USB-A 3.2 Gen 1 x1, Thunderbolt 4 x2, HDMI 2.0b x1, microSD reader แบตเตอรี่ 70WHr หนัก 1.11 กก. พร้อม Microsoft Windows 10, Microsoft Office Home & Student 2019 ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# โน้ตบุ๊กสองจอ Zenbook Duo 14 (UX482) ขายในไทยแล้ว ราคาเริ่ม 39,990 บาท Zenbook Duo 14 (UX482) ที่เปิดตัวไปในงาน CES วางขายในไทยแล้ววันนี้ มีสองสเปก สองราคา รุ่นแรกรหัส UX482EA-HY001TS ราคา 39,990 บาทสเปกดังนี้ ซีพียู Intel Core i5-1135G7 แรม LPDDR4X 16GB SSD 512GB แบบ PCIe Gen 3 แบตเตอรี่ 70WHr หน้าจอ 14 นิ้ว แสดงผลสี sRGB ได้ 100% ความสว่าง 400 nits พร้อม Microsoft Windows 10, Microsoft Office Home & Student 2019 ผ่านมาตรฐาน Intel EVO platform อีกรุ่นรหัส UX482EG-HY002TS ราคา 49,990 บาท มีสเปกดังนี้ ซีพียู Intel Core i7-1165G7 แรม LPDDR4X 16GB SSD 1TB แบบ PCIe Gen 3 แบตเตอรี่ 70WHr หน้าจอ 14 นิ้ว แสดงผลสี sRGB ได้ 100% ความสว่าง 400 nits พร้อม Microsoft Windows 10, Microsoft Office Home & Student 2019 ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์
# Oppo Reno 5 Pro 5G เปิดตัวในอินเดีย ชิป Dimensity 1000+ ราคาราว 14,800 บาท Oppo Reno 5 Pro 5G เปิดตัวในประเทศอินเดีย เป็นมือถือรุ่นแรกในอินเดียที่ใช้ชิป Mediatek Dimensity 1000+ พร้อมแรม 8GB, หน่วยความจำภายใน 128GB หน้าจอ AMOLED 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรต 90Hz ปลดล็อกด้วยใบหน้าแบบ optical และแสกนลายนิ้วมือใต้จอ กล้องหน้า 32MP กล้องหลังหลัก 64MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องมาโคร 2MP แลพ depth sensor 2MP แบตเตอรี่ 4,359mAh ชาร์จเร็ว 65W รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1 รัน Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11.1 Oppo Reno 5 Pro 5G มีสองสี Astral Blue และ Starry Black เตรียมวางจำหน่าย 22 มกราคมนี้บนเว็บไซต์ Flipkart ราคา 35,990 รูปี คิดเป็นเงินไทยราว 14,800 บาท ส่วนในไทย ผ่านการรับรองจาก กสทช. แล้ว แต่ยังไม่มีราคากับวันวางจำหน่าย ที่มา - Android Authority
# [Reuters] Grab เตรียม IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ อาจระดมทุนได้ 2 พันล้านเหรียญ Reuters รายงานอ้างอิงแหล่งข่าว 3 แหล่งที่ระบุตรงกันว่า Grab เตรียมยื่น IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐในปีนี้ และคาดว่าจะระดมทุนได้อย่างน้อย 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ Grab จะกลายเป็นบริษัทเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีมูลค่า IPO สูงที่สุด ส่วนรายละเอียดอย่างเช่นจำนวนหุ้นหรือช่วงเวลายังไม่มีการกำหนดออก ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดอีกครั้ง ขณะเดียวกันการ IPO ก็น่าจะขึ้นหลังดีลควบรวมกิจการ Grab/Gojek ไม่ว่าดีลนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม ที่มา - Reuters
# ก.ล.ต. สั่ง Bitkub แก้ไขระบบให้ทำได้ตามระดับบริการที่ตกลงไว้หลังระบบล่มหลายครั้ง ก.ล.ต. สั่งให้บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) ส่งแผนการปรับปรุงระบบหลังจากปีนี้ระบบซื้อขายใช้งานไม่ได้มาแล้วถึง 3 ครั้ง ในวันที่ 2, 3, 16 มกราคมที่ผ่านมา และวันนี้เองทาง Bitkub ก็ประกาศปรับปรุงระบบอย่างไม่มีกำหนดอีกครั้ง นอกจากการส่งแผนการแก้ไขแล้ว ทาง ก.ล.ต. ยังให้เวลาทาง Bitkub แก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จภายในเวลา 5 วัน Bitkub เป็นธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลชุดแรกที่อยู่ในระบบกำกับดูแลตาม พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 แต่จำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการประชาสัมพันธ์ในช่วงหลัง ที่มา - ก.ล.ต.
# อินเทลหยุดขาย Optane SSD สำหรับเดสก์ท็อปพีซี แต่ยังทำ SSD ฝั่งศูนย์ข้อมูลต่อ อินเทลมีสินค้าแบรนด์ Optane อยู่ 2 ประเภท ได้แก่ Optane Memory หน่วยความจำ 3D XPoint ใช้คั่นระหว่างแรมกับสตอเรจเพื่อเร่งความเร็วจากแคช และ Optane SSD ที่เป็นการนำหน่วยความจำแบบนี้มาทำ SSD ในขนาดเดียวกับไดร์ฟ Flash SSD ทั่วไป (ซึ่งอินเทลก็มี Flash SSD อีกชุดที่ไม่ใช้แบรนด์ Optane) ล่าสุดอินเทลเลิกทำตลาด Optane SSD สำหรับเดสก์ท็อปพีซีแบบเงียบๆ สินค้า Optane SSD กลุ่มนี้ (900, 905P, 800P, M10) ล็อตสุดท้ายจะส่งให้ผู้ขายปลีกในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ และไม่มีสินค้ารุ่นอื่นมาทดแทนแล้ว อินเทลยังทำตลาด Optane SSD สำหรับศูนย์ข้อมูลต่อ และยังทำตลาดหน่วยความจำ Optane Memory แต่ก็เน้นไปที่โน้ตบุ๊กอย่างเดียว ในภาพรวม อินเทลเริ่มถอนตัวจากธุรกิจหน่วยความจำแบบ NAND ด้วยการขายให้ SK hynix แต่ยังเก็บธุรกิจหน่วยความจำ 3D XPoint ที่ร่วมลงทุนกับ Micron เอาไว้อยู่ ตัวอย่างสินค้า SSD สายคอนซูเมอร์ของอินเทล กลุ่มที่เลิกทำคือ Optane SSD ซีรีส์ 9 และ 8 ส่วน SSD ธรรมดา (ไม่ Optane) เช่น ซีรีส์ 7 ยังทำต่อ ที่มา - Tom's Hardware
# Telegram สั่งลบแชนแนลนับร้อยที่เรียกร้องความรุนแรงในสหรัฐฯ พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด Pavel Durov ซีอีโอ Telegram เผยผ่านแชลแนลของเขาว่า Telegram ได้ติดตามสถานการณ์ความรุนแรงของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดหลังจากเกิดเหตุการณ์รุนแรงที่ US Capitol แม้ฐานผู้ใช้จะมาจากสหรัฐฯ​ เพียง 2% ก็ตามที ซีอีโอระบุว่า Telegram ยินดีต้อนรับการดีเบตและประท้วงอย่างสงบ แต่ข้อตกลงของการให้บริการระบุชัดเจนว่าห้ามเรียกร้องความรุนแรง และ Telegram เองก็บังคับใช้กฎนี้ทั่วโลก ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เบลารุส, อิหร่าน, ไทย และฮ่องกง โดยการเคลื่อนไหวของพลเมืองทั่วโลกใช้แชนแนลของ Telegram เพื่อยืนหยัดต่อสิทธิมนุษยชนโดยไม่ใช้ความรุนแรง สำหรับกรณีของสหรัฐฯ Telegram ได้ทำการบล็อคและสั่งปิดแชนแนลที่เรียกร้องความรุนแรงนับร้อยแชนแนล (มีบางแชลแนลผู้ติดตามนับหมื่นคน) ซึ่งทีมงานของ Telegram จะยังคงลบคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญหน้า US Capitol ครั้งนี้ ทำให้ social media ต่าง ๆ ออกมาดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำในพิธีสาบานตนของ Joe Biden ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, YouTube, Twitter หรือ TikTok ที่มา - Durov’s Channel (Telegram), Engadget
# AWS เปิดตัวไลบรารี AWS UI เฟรมเวิร์คหน้าจอสำหรับ React AWS ปล่อยไลบรารี AWS UI ที่เป็นชุด React component สำหรับการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชั่น เพื่อมาทำอินเทอร์เฟซกับโครงการ Porting Assistant for .NET ที่ AWS โอเพนซอร์สออกมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว แม้ตัวโครงการจะเขียนด้วย C# แต่ทาง AWS ก็สร้างอินเทอร์เฟซด้วย Electron ร่วมกับ React AWS UI เปิดให้ใช้งานได้ฟรีและมีไลเซนส์แบบ Apache 2.0 แต่ตอนนี้ตัวโค้ดและเอกสารยังไม่เปิดออกมา มีเพียงโมดูลใน npm เท่านั้น ส่วนประกอบหน้าจอที่เปิดออกมามีมากกว่า 50 ประเภท เช่น ปุ่มกดธรรมดา, กล่องข้อความ, ตาราง, ตัวแก้ไขโค้ด, หรือแม้แต่ชุด Wizard ยังไม่แน่ชัดว่า AWS มีแนวทางการเปิด AWS UI ออกมาเป็นโครงการที่เปิดให้ชุมชนภายนอกร่วมพัฒนาจริงจังหรือไม่ Porting Assistant for .NET เป็นการช่วยพอร์ตแอปที่พัฒนาบน .NET Framework ให้สามารถรันบน .NET Core ซึ่งหมายถึงจะรันบนลินุกซ์ได้ด้วย แม้ไมโครซอฟท์จะพยายามพัฒนาไลบรารีบน .NET Core มาทดแทนแต่ก็ตัดสินใจตัด API บางส่วนทิ้ง ทางฝั่ง AWS เองเปิดโครงการ Porting Assistant for .NET มาตั้งแต่กลางปี 2020 โดยระบุว่าจะช่วยลดค่าไลเซนส์ (ในกรณีนี้คือค่าวินโดวส์) เมื่อต้องรันแอปเก่าเหล่านี้ ที่มา - The Register, GitHub
# อินเทลเปิดตัวมินิพีซี NUC11 "Panther Canyon" อัพเกรดซีพียูเป็น Tiger Lake อินเทลเปิดตัวแพลตฟอร์มมินิพีซี NUC11 มาแบบเงียบๆ โดยอัพเกรดซีพียูมาเป็น Tiger Lake เวอร์ชันฝังบน SoC มาให้เรียบร้อย ใช้โค้ดเนมว่า Panther Canyon ซีพียูมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นคือ Core i3-1115G4, Core i5-1135G7, Core i7-1165G7 โดยสองรุ่นหลังที่ห้อย G7 ใช้จีพียู Iris Xe ส่วนตัวแรกเป็น Intel UHD for 11th Gen สเปกอย่างอื่นคือชิป Intel Wi-Fi 6 AX201, Bluetooth 5.1 เริ่มวางขายภายในไตรมาส 1 ยังไม่เปิดเผยราคา ที่มา - Intel, AnandTech
# Tomonobu Itagaki ผู้สร้างซีรีส์ Dead or Alive กลับคืนวงการเกม ตั้งบริษัทเกมใหม่ Tomonobu Itagaki ผู้กำกับเกมสุดแนวเจ้าของคาแรกเตอร์แว่นดำ-ผมยาว ผู้สร้างเกมซีรีส์ Dead or Alive และ Ninja Gaiden แห่ง Team Ninja ประกาศหวนคืนวงการเกมอีกครั้ง หลังลาออกจาก Tecmo (ปัจจุบันคือ Koei Tecmo) ในปี 2008 หลังลาออกจาก Tecmo เขาไปช่วยสร้างเกม Devil's Third (2015) ของสตูดิโอ Valhalla Game Studios ที่ก่อตั้งโดยอดีตพนักงานของ Tecmo แต่หลังจากนั้นเขาไปทำงานด้านสอนหนังสือเป็นเวลา 4 ปี ตอนนี้เขาพร้อมจะกลับมาทำเกมอีกครั้งแล้ว จึงก่อตั้งบริษัทใหม่ Itagaki Games ขึ้นมา ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอื่นใดของ Itagaki Games เว้นแต่ที่ Itagaki ยืนยันว่าเขาจะทำเกมลง Xbox แน่นอน เพราะสายสัมพันธ์อันยาวนานกับไมโครซอฟท์ตั้งแต่ Xbox รุ่นแรก ส่วนประเด็นว่าถ้าไมโครซอฟท์จะซื้อบริษัทของเขามาอยู่ในสังกัด Xbox Game Studios จะทำอย่างไร คำตอบของเขาก็คือยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าติดต่อมา ที่มา - Tomonobu Itagaki Facebook, Eurogamer ภาพจาก Tomonobu Itagaki Facebook
# ธุรกิจเกมปี 2020 รุ่งเรือง เงินลงทุน-ซื้อกิจการสะพัดกว่า 1 ล้านล้านบาท รวมจำนวน 664 ดีล ปี 2020 อาจเป็นปีที่ไม่ดีนักสำหรับหลายธุรกิจ แต่ล่าสุดข้อมูลจาก InvestGame บริษัทวิเคราะห์ดีลทางธุรกิจของวงการเกม เปิดเผยว่าปีนี้มียอดเงินสะพัดในการลงทุนธุรกิจเกมกว่า 33.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่าหนึ่งล้านล้านบาท โดยเป็นผลจากดีลการลงทุนและควบรวมกิจการ 664 ดีลโดยดีลเกิดในตลาดสหรัฐมากที่สุด 36% รองลงมาเป็นประเทศจีน ที่ 27% ในดีลทั้งหมด 664 รายการนั้น เป็นการระดมทุนแบบขายหุ้นต่อสาธารณะ (Public Offering) 82 รายการ มูลค่า 15 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 45% ของมูลค่ารวม ดีลขนาดใหญ่อันดับต้นๆ มีบริษัท Unity Software บริษัทผู้สร้าง Unity Engine, Skillz บริษัทเกมมือถือแนวเกมไพ่ Solitare, Jewel Blitz เป็นต้น และ Kakao Games บริษัทเกมจากประเทศเกาหลี โดยมีดีลเพียง 21 รายการที่เกิดขึ้นในช่วงห้าเดือนแรกของปี (เนื่องจาก COVID-19) ก่อนจะกลับมาคึกคักในช่วงมิถุนายน-ธันวาคม อีก 61 รายการ ดีลการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) มีดีลจำนวน 219 รายการ มูลค่า 12.6 พันล้านดอลลาร์ และหากนับรวมดีลที่ประกาศอย่างเป็นทางการไปแล้ว แต่ยังปิดดีลไม่เสร็จสิ้น เช่น ดีลที่ Microsoft ซื้อ Zenimax หรือดีลที่ EA ซื้อ Codemasters บริษัทสร้างเกมแข่งรถตระกูล Dirt, GRID, F1 มูลค่าของดีล M&A มีสูงถึง 22.2 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ปี 2020 เป็นปีที่มีมูลค่าดีลแบบ M&A สูงที่สุดตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา ส่วนการระดมทุนวงปิด (Private Investments) หรือการลงทุนในบริษัทที่ยังไม่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ มี 363 รายการ มูลค่า 5.9 พันล้านดอลลาร์ สูงทำลายสถิติ แบ่งเป็นดีล early-state หรือการลงทุนในช่วงเริ่มต้นของบริษัทในวงการเกม 107 รายการ และช่วง late-stage 48 รายการ นอกนั้นเป็นดีลบริษัทแพลตฟอร์ม บริษัทอีสปอร์ต และอื่นๆ InvestGame ระบุว่าเนื่องจากปี 2020 เป็นปีที่ดอกเบี้ยนโยบายในประเทศต่างๆ ลดลงอย่างมาก ทำให้นักลงทุนสถาบันจำนวนมากหันเข้ามาลงทุนในตลาดเกม แต่ก็นับเป็น “new money” หรือเป็นการลงทุนที่อาจจะเข้ามาตามจังหวะ และไม่ได้เข้าใจตลาดเกมหรือวงการพัฒนาเกมนัก อาจคาดหวังผลที่รวดเร็ว และเมื่อไม่ได้ตามเป้า หรือตลาดเกิดสภาวะแย่ลง ก็อาจเห็นการถอนการลงทุน และราคาหุ้นในกลุ่มเกมอาจมีการปรับฐานลงในไม่ช้า ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่ InvestGame ที่มา - InvestGame via VentureBeat
# Apple ขยายเวลาซ่อม MacBook Pro รุ่นปี 2016 จากปัญหาแสงลอด Flexgate ออกไปอีก 1 ปี แอปเปิลได้ขยายเวลา โปรแกรมซ่อมแบ็คไลท์จอแสดงผลสำหรับ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว จากปัญหาแสงลอดขึ้นมาเป็นแนวตั้งจากด้านล่างของจอที่เรียกว่า flexgate โดยครอบคลุม MacBook Pro เป็นเวลา 5 ปี นับจากวันที่ขายปลีกครั้งแรก (เดิม 4 ปี) หรือ 3 ปี นับจากวันที่ประกาศเริ่มโปรแกรมนี้คือ 22 พฤษภาคม 2019 (เดิม 2 ปี) ขึ้นอยู่กับว่าระยะเวลาใดนานกว่า MacBook Pro หน้าจอ 13 นิ้ว กลุ่มที่กระทบคือรุ่นเปิดตัวปี 2016 ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงตุลาคม 2016 ถึงกุมภาพันธ์ 2018 ทั้งแบบที่มีพอร์ต Thunderbolt 3 อยู่ 4 พอร์ต และแบบ 2 พอร์ต ซึ่งในตอนนั้นแอปเปิลระบุว่ามีเครื่องที่เจอปัญหาดังกล่าวเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก ผู้ที่ยังพบปัญหาดังกล่าว และมี MacBook Pro เข้าเงื่อนไข สามารถติดต่อแก้ไขปัญหาได้ที่ Apple Store หรือศูนย์บริการ AASP รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่นี่ ที่มา: MacRumors
# อินเดียเตรียมทุ่มงบ 136 ล้านดอลลาร์ หนุนสตาร์ทอัพรายใหม่ในประเทศ ในงาน Startup India International Summit งานประชุมสตาร์ทอัพ Narendra Modi นายกรัฐมนตรีอินเดีย ได้ประกาศว่ารัฐบาลจะมอบเงิน 10,000 ล้านรูปี หรือ 136.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นกองทุนให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนระบบนิเวศน์สตาร์ทอัพภายในประเทศ Narendra Modi ให้ข้อมูลเพิ่มด้วยว่า 44% ของ บริษัทสตาร์ทอัพ 41,000 แห่งในอินเดียได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ ในจำนวนนี้มีสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 5,700 แห่ง ด้านการดูแลสุขภาพ 3,600 แห่งและสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร 1,700 แห่ง และในช่วงโรคระบาดนี้ จะเห็นได้ว่าบริษัทใหญ่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด สตาร์ทอัพในอินเดียจึงต้องขับเคลื่อนเพื่อให้อินเดียพึ่งพาตนเองได้ ปัจจุบันอินเดียมีสตาร์ทอัพกว่า 30 แห่งที่เป็นยูนิคอร์น มีมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงมียูนิคอร์นใหม่เพิ่มขค้น 11 แห่งเมื่อเทียบจากปีที่แล้ว อินเดียในระยะหลังออกกฎแรงเพื่อควบคุมบริษัทใหญ่จากต่างประเทศมากขึ้น และยังมองเห็นความพยายามในการพึ่งพาตนเองไม่ว่าจะเป็นสร้างโซเชียลมีเดียอื่นนอกเหนือจาก TikTok รวมถึงแอปจีนหลายตัวที่ถูกแบนในอินเดียไปแล้ว Narendra Modi ภาพจาก Shutterstock ที่มา - Tech in Asia
# ในวันที่จองที่พักไม่ได้ Airbnb เปิดตัว Inside K-Pop เทศกาลออนไลน์ดูคอนเทนต์จากไอดอลเกาหลี ในเมื่อโลกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถออกเดินทางได้ Airbnb จึงคิดใหม่ เปิดตัว Inside K-Pop เทศกาลในรูปแบบ Online Experiences ให้แฟนๆ เข้าดูเบื้องหลังของวงการ K-Pop ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมเต้นของวงไอดอล หรือแม้แต่กิจกรรมชีวิตธรรมดาอย่างการแต่งหน้า การร้อยลูกปัด การทำคอนเทนต์กินโชว์หรือ มุกบัง ของศิลปินต่างๆ ตัวเทศกาลเปิดให้ชมผ่านออนไลน์ มีค่าเช้าชมในแต่ละเทศกาล 20 ดอลลาร์หรือราว 600 บาท เปิดจองวันที่ 20 มกราคม 8.00 น. ตามเวลาเกาหลี ตัวเทศกาลเปิดให้ชมตั้งแต่วันที่ 25 - 30 มกราคม โดยมีเทศกาล 14 แบบให้เลือก ตัวอย่างศิลปินและคอนเทนต์ที่แฟนๆ จะได้รับชมผ่านเทศกาลคือ Monsta X มาพร้อมการทำมุกบังและพูดคุยไปด้วย, ร้อยสร้อยลูกปัดกับหนุ่มๆ The Boyz , เคล็ดลับการดูแลผิวหน้าและการแจ่งหน้าจาก Jamie, เทคนิกการโพสต์ท่าถ่ายรูปจาก Handong แห่งวง Dreamcatcher เป็นต้น ที่มา - Airbnb
# Tim Cook บอกเหตุที่แบน Parler เพราะการยั่วยุความรุนแรง ไม่เท่ากับเสรีภาพในการแสดงออก จากการที่โซเชียลมีเดียแบนบัญชีโดนัลด์ ทรัมป์ และแบน Parler แอปโซเชียลฝ่ายขวา จุดประเด็นบทบาทของบริษัทเทคโนโลยีว่า ใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ ล่าสุด Tim Cook ซีอีโอ Apple ออกมาตอบเหตุผลถึงการแบน Parler ออกจาก App Store Tim Cook ให้เหตุผลว่าที่ต้องแบนเพราะมันมีความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่ ซึ่งเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น กับการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงนั้น เป็นคนละเรื่อง ไม่มีจุดร่วมที่เหมือนกัน Apple เองไม่ใช่ผู้ควบคุมสิ่งที่ควรจะอยู่บนอินเทอร์เน็ต และไม่เคยมองว่าแพลตฟอร์มของ Apple คือภาพจำลองของสิ่งที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต Tim Cook บอกด้วยว่าถ้า Parler มีนโยบายที่เหมาะสมในการกลั่นกรองเนื้อหาได้ ก็สามารถกลับเข้ามาอบู่บน App Store ได้ จนถึงตอนนี้ Parler ถูกแบนจากแพลตฟอร์มใหญ่ทั้ง Google, Apple, AWS เพราะมีเนื้อหารุนแรง และคาดว่าเป็นแหล่งที่ม็อบใช้คุยประสานงานกันเพื่อโจมตีรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมาด้วย ที่มา - CNN
# ผู้พัฒนาเกม A Way Out บ่นไปด่าไป บอก Xbox ตั้งชื่อเครื่องเกมได้ชวนสับสนสุดๆ Josef Fares ผู้พัฒนาเกม A Way Out เกมเนื้อเรื่องช่วยกันแหกคุกแบบ co-op ที่ประสบความสำเร็จจน EA ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายเกมนี้ยังแปลกใจ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในการพูดอะไรแบบตรงๆ ห่ามๆ เมื่อครั้งที่พูดว่า “F**k the Oscars” ในงาน The Game Awards 2017 คราวนี้เขาให้สัมภาษณ์กับ IGN เกี่ยวกับเกม It Takes Two ว่าทำไมถึงไม่มีเวอร์ชั่นเน็กซ์เจ็น โดย Fares ก็ตอบว่า ชุดพัฒนาของเครื่องเน็กซ์เจ็น ออกมาหลังจากที่ทีมพัฒนาทำเกมไปได้สักพักแล้ว เลยไม่มีเวลาปรับตัวเกม หลังจากนั้นเขาก็บ่นแกมด่า เครื่อง Xbox ไปว่าตั้งชื่อได้ชวนสับสน ไม่รู้จะ Series S, Series X อะไรอีก งงไปหมด ใครจะไปเข้าใจ แทนที่จะตั้งชื่อให้จำง่าย เข้าใจง่ายเป็น Microsoft Box หรืออะไรไปเลย พลางสบถ “What the f**k.” ไปตลอดช่วงที่ตอบ แม้ Fares จะสบถเยอะไปหน่อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าจุดนี้น่าจะเป็นปัญหาจริง โดยเฉพาะกับผู้ที่อาจไม่ได้เล่นเกมเอง แต่ซื้อเป็นของขวัญให้ผู้อื่น เพราะช่วงก่อนหน้า ก็มีผู้ที่ต้องการสั่งจอง Xbox Series X แต่ดันไปซื้อ Xbox One X แทนเพราะชื่อมีความคล้ายคลึงกัน แม้จะยังไม่สับสนถึงระดับ Nintendo Wii U ที่ทำคนงงจนไม่รู้ว่าเป็นเครื่องรุ่นใหม่หรือเป็นอุปกรณ์เสริมกันแน่ แต่ก็เป็นอีกจุดที่ Microsoft น่าจะต้องปรับในรุ่นต่อๆ ไป ที่มา - IGN via Kotaku ภาพช่วง “F--k the Oscars” จากคลิป The Game Awards 2017, Josef Fares คนขวา
# Jay Y. Lee รองประธาน Samsung ถูกศาลสูงตัดสินจำคุกอีก 2 ปีครึ่ง ฐานติดสินบนอดีต ปธน. Jay Y. Lee รองประธาน Samsung Group และลูกชายของ K.H. Lee ประธานคนปัจจุบัน ถูกศาลสูงกรุงโซลตัดสินโทษจำคุก 2 ปีครึ่ง จากคดีสินบนอดีต ปธน. Park Geun Hye และคนสนิท Choi Soon-sil โดยก่อนหน้านี้อดีต ปธน. Park ถูกตัดสินจำคุก 17 ปีฐานรับสินบนและฉ้อโกงไปแล้ว คดีของรองประธาน Samsung ค่อนข้างวุ่นวาย (ส่วนหนึ่งเพราะ Samsung ค่อนข้างมีอิทธิพลทางการเมืองและผู้มีตำแหน่งระดับสูงในประเทศเกาหลีใต้) เริ่มตั้งแต่ J.Y. Lee ถูกจับกุมและตัดสินจำคุก 5 ปีตั้งแต่ปี 2017 ก่อนจะถูกลดโทษและปล่อยตัวโดยมีภาคภัณฑ์ ในปี 2018 แต่ปีที่แล้ว ศาลสูงกรุงโซลจะเข้ามาดูแลคดีนี้และอัยการก็ยื่นคำฟ้องใหม่ ด้วยโทษจำคุก 9 ปี ก่อนที่ล่าสุดศาลจะตัดสินจำคุก 2 ปีครึ่ง ที่มา - Korea Herald ภาพโดย Chung Sung-Jun จาก Getty Images
# WSJ รายงานอุตสาหกรรมชิปกำลังขาดแคลนซัพพลาย เพิ่มกำลังผลิตก็ไม่ได้ Wall Street Journal ลงบทความว่าด้วยสถานการณ์ในอุตสาหกรรมการผลิตชิปตอนนี้ ที่กำลังประสบปัญหาซัพพลายไม่เพียงพอต่อดีมานด์ในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะอิเล็กทรอนิคส์หรือรถยนต์ก็ตาม ส่งผลให้ราคาชิปจะสูงขึ้นและต้องรอสินค้าใหม่นานมากขึ้น ต้นตอคือดีมานด์ที่เพิ่มมากขึ้น จากทั้งการ work from home ทำให้แล็บท็อปกลับมาเติบโต ฝั่งผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ก็ต้องเพิ่มฮาร์ดแวร์เพื่อรองรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเหล่านี้ด้วย ไม่รวมการมาถึงของสมาร์ทโฟน 5G ขณะที่ฝั่งซัพพลาย ผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็คงไม่ลงทุนเพียงเพราะเหตุผลเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในระยะสั้น ซึ่ง Risto Puhakka ประธาน VLSIresearch บริษัทวิเคราะห์อุตสาหกรรมชิปบอกว่า ทั้งอุตสาหกรรมผลิตชิปมีพื้นที่ให้ขยับขยายน้อยมาก ๆ โดย TSMC คาดการณ์ว่าด้วยสถานการณ์ชิปไม่เพียงพอต่อความต้องการเช่นนี้ ก็คาดว่าลูกค้าของบริษัทน่าจะสั่งชิปไปตุนเอาไว้เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น TSMC เลยจะลงทุนเพิ่มอีก 47% จากปีที่แล้ว อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก อย่าง Ford ก็พักการผลิตในโรงงานเคนทักกีไปแล้วหรือ GM ก็สั่งซัพพลายเออร์ตุนชิปให้เพียงพอต่อการผลิตทั้งปี ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมก็คาดว่าปัญหานี้น่าจะยังคาราคาซังต่อไปอีกสักพัก ซึ่งก็อาจจะถึงสิ้นปี 2022 เลยทีเดียว ที่มา - WSJ
# Signal ผู้ใช้เยอะจนล่ม ข้อความหายบางส่วน ผู้ใช้ถอดรหัสข้อความไม่ได้ สัปดาห์ที่แล้ว WhatsApp ปรับเงื่อนไขการใช้งานให้ต้องแชร์ข้อมูลให้เฟซบุ๊กส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากย้ายไปใช้งาน Signal แทน ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง Signal ก็รายงานว่าบริการมีปัญหาต่อเนื่อง ล่าสุดบริการกลับมาเสถียรแล้ว แต่ผู้ใช้แอนดรอยด์บางส่วนกลับพบข้อความ "Bad encrypted message" แล้วไม่สามารถอ่านข้อความได้ ทาง Signal ระบุว่าต้องเข้าเมนูเพื่อรีเซ็ต session เองแล้วจะกลับมาแชตต่อได้ แม้ข้อความอาจจะหายไปบางข้อความ Signal ยืนยันว่าปัญหานี้ไม่กระทบต่อความปลอดภัยของระบบแชต และอัพเดตเวอร์ชั่นต่อไปจะแก้ปัญหานี้แล้ว ที่มา - Signal
# DGA ชี้แจง "หมอชนะ" ยังไม่มีสีแดงเพราะยังไม่ได้กำหนดขั้นตอน สัญญาจะเก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็น สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA ในฐานะองค์กรภาครัฐที่เป็นผู้ดูแลแอพ "หมอชนะ" หลังทีมงานอาสาสมัครถอนตัว ออกมาประกาศแนวทางว่าจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการ DGA ระบว่าที่ผ่านมา "หมอชนะ" เกิดจากความร่วมมือของกลุ่มอาสาสมัครภาคเอกชน แต่ในเดือนมกราคม 2564 รัฐบาลเล็งเห็นประโยชน์ของแอพนี้ จึงเชิญชวนให้ประชาชนมาดาวน์โหลด อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกภาครัฐยังจำกัดรูปแบบการใช้งานเพื่อ "ควบคุมและสอบสวนโรค" เพียงอย่างเดียวก่อน ยังไม่ได้กำหนดขั้นตอนหาผู้เกี่ยวข้องเรื่องกำหนดสี เพราะต้องระวังไม่ให้เกิดผลกระทบในทางลบหากกำหนดสีพลาด ดร.สุพจน์ ยังระบุว่า DGA จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตาม privacy policy ที่ประกาศแจ้งไว้ ซึ่งสังเกตได้ว่าไม่มีการเก็บเบอร์โทรศัพท์มือถือของประชาชนตั้งแต่เวอร์ชันแรกที่ DGA เข้ามาดูแล และมีการตั้ง "คณะกรรมการธรรมภิบาลข้อมูล" มีผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายวิชาชีพเข้าร่วม เพื่อแสดงให้เห็นความโปร่งใสในการทำงาน ส่วนประเด็นเรื่องการบังคับดาวน์โหลด ดร.สุพจน์ บอกว่าจะเป็นการเชิญชวน รณรงค์ให้ช่วยกันดาวน์โหลดเท่านั้น และกระบวนการพัฒนาจะยังเป็นโอเพนซอร์สทั้งหมด เพื่อให้โปร่งใสและตรวจสอบได้ คำแถลงฉบับเต็มของ DGA อ่านได้จากที่มา ที่มา - DGA
# Galaxy Note 10 ในสหรัฐฯ เริ่มได้อัพเดต One UI 3.0 (Android 11) แล้ว หลัง Samsung ปล่อยอัพเดต One UI 3.0 (Android 11) ให้กับ Galaxy Note 20 และ 20 FE ในเดือนธันวาคม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Galaxy Note 10 ก็เริ่มได้รับอัพเดตเป็น One UI 3.0 ที่มาพร้อม Android 11 แล้วเช่นกัน โดยผู้ใช้ที่ได้รับเป็นกลุ่มแรก เป็นผู้ใช้ Note 10 ของค่ายมือถือ Verizon คาดว่าผู้ใช้มือถือค่ายอื่น หรือแบบ Unlocked น่าจะได้อัพเดตเช่นกันในไม่ช้า ผู้ใช้ Note 10 Plus ก็น่าจะได้รับอัพเดตในเวลาใกล้เคียง ส่วนผู้ใช้ทั้ง Note 10 และ Note 10 Plus ในบ้านเรา ก็เริ่มได้รับอัพเดตแล้วเช่นกัน นับเป็น Android เวอร์ชั่นที่สองที่ Galaxy Note 10 ได้รับอัพเดต หลังเปิดตัวด้วย Android 9 และถ้าเป็นไปตามที่ Samsung เคยสัญญาไว้ว่าอุปกรณ์ Galaxy ส่วนใหญ่จะได้รับอัพเดต Android อย่างน้อยสามเวอร์ชั่น Galaxy Note 10 และ Note 10 Plus จะยังได้อัพเดตเป็น Android 12 อยู่ ที่มา - Android Authority
# IEEE มอบเหรียญเกียรติยศแก่ Jacob Ziv ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีบีบอัดข้อมูล IEEE ประกาศมอบเหรียญเกียรติยศ (medal of honor) ให้แก่ Jacob Ziv นักวิจัยผู้ร่วมพัฒนาอัลกอริทึมบีบอัดข้อมูลแบบไม่สูญเสียข้อมูล LZ77 และ LZ78 (ตามปี 1977 และ 1978 ที่ตีพิมพ์) กับ Abraham Lempel LZ77 และ LZ78 บุกเบิกการบีบอัดข้อมูลโดยที่ไม่สนใจว่าข้อมูลที่เข้ามาเป็นข้อมูลประเภทใด และข้อมูลที่ขยายกลับออกมาจะเหมือนเดิมทุกประการ อัลกอริทึมนี้เป็นต้นแบบของการบีบอัดแบบไม่เสียข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น PNG, ZIP, หรือ DEFLATE ทุกวันนี้อัลกอริทึมในกลุ่ม LZ ยังมีใช้งานกันเป็นวงกว้าง เช่นโปรแกรม 7-Zip ใช้อัลกอรีทึม LZMA ที่พัฒนาต่อมาจาก LZ77/LZ78 ที่มา - IEEE Spectrum ภาพ Jacob Ziv เมื่อปี 2009 โดย חישוביות
# Animal Crossing คอลแลบกับแบรนด์ ColourPop เปิดตัวเครื่องสำอางคอลเลกชั่นใหม่ Animal Crossing คอลแลบกับแบรนด์เครื่องสำอาง ColourPop เปิดตัวคอลเลกชั่นเครื่องสำอางใหม่ มีเฉดสีสดใสตามเอกลักษณ์ของเกม เปิดตัวขายวันที่ 28 มกราคมนี้ ตัวคอลเลกชั่นจากภาพเป็นอายชาโดว์มี 4 สีหลัก ไล่โทนจากสว่างสดใสไปสีเข้มพร้อมเนื้อกลิตเตอร์เพื่อสร้างความสว่างสดใสให้เปลือกตา และน่าจะมีผลิตภัณฑ์อื่นอีก เช่น แป้ง ลิปสติก ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนที่เว็บไซต์ต้นทางเพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อสินค้าเปิดตัว Animal Crossing เป็นเกมที่ประสบความสำเร็จเป็นอันดับต้นๆ และเข้าถึงคนไห้หลากหลาย การเปิดตัวเครื่องสำอางก็ถือว่าเป็นการเจาะกลุ่มผู้เล่นเกมผู้หญิงได้ทุกช่วงอายุ ภาพจาก ColourPop ที่มา - Dual Shockers
# Huawei เปิดตัว AppGallery, Huawei Browser, Huawei Cloud เวอร์ชันพีซี Huawei อัพเดตโน้ตบุ๊กเป็นเวอร์ชันปี 2021 ประกอบด้วย MateBook X Pro, MateBook 13, MateBook 14 ที่ใช้ซีพียู Intel Core 11th Gen โดยตอนนี้ยังเปิดตัวเฉพาะในประเทศจีน ของใหม่ฝั่งซอฟต์แวร์คือ โน้ตบุ๊กใหม่เหล่านี้มาพร้อมกับ AppGallery, Huawei Browser, Huawei Cloud เวอร์ชันพีซีด้วย ในแง่การใช้งานคงไม่มีอะไรต่างจากแอพเวอร์ชันมือถือมากนัก แถมยังซิงก์การทำงานกับมือถือได้ด้วย แต่เป็นสัญญาณว่า Huawei กำลังผลักดันซอฟต์แวร์และบริการของตัวเองเต็มที่ ไม่ใช่แค่บนมือถือเพียงแพลตฟอร์มเดียว ที่มา - Huawei, Huawei Central
# อเมซอนโดนฟ้อง หาว่าร่วมกับสำนักพิมพ์ทั้ง 5 สมคบกันกำหนดราคาอีบุ๊ค เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมาสำนักงานกฎหมาย Hagens Berman ได้ยื่นฟ้องต่ออเมซอนที่ศาลแขวงนิวยอร์กใต้ โดยในคำฟ้องนั้นทางสำนักงานฯ เชื่อว่า อเมซอนละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ลักลอบทำสัญญาลับๆ กับบรรดาสำนักพิมพ์ทั้ง 5 ได้แก่ Penguin Random House, Hachette, HarperCollins, Macmillan, และ Simon & Schuster เพื่อทำให้ราคาอีบุ๊คบนอเมซอนถูกที่สุด เป็นการลดการแข่งขัน ซึ่งเป็นผลเสียแก่ผู้บริโภค ในคำฟ้องมีการอ้างถึงแทคติคต่างๆที่อเมซอนทำเพื่อให้มั่นใจว่าราคาอีบุ๊คในร้านค้าตัวเองจะต้องถูกที่สุดอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น กำหนดว่าสำนักพิมพ์จะไม่ขายอีบุ๊คที่อื่นถูกกว่าที่วางขายในอเมซอน ซึ่งเป็นการลดการแข่งขัน สำนักพิมพ์ก็จะไม่มีแรงจูงใจที่จะลดราคาขายปลีกให้กับร้านคู่แข่งที่พัฒนาและลดส่วนแบ่งการขายให้ต่ำกว่าอเมซอน บังคับให้สำนักพิมพ์ต้องให้ข้อมูลราคา promotion agency price, wholesale price หรือ promo content ที่ให้กับร้านค้าอื่นแก่อเมซอน ถ้าอเมซอนพบว่ามีร้านค้าอีบุ๊คอื่นขายราคาถูกกว่า อเมซอนจะตั้งกองกลางขึ้นมา โดยคำนวณส่วนต่างราคา x จำนวนที่ขายได้ในช่วงเวลานั้นๆ แล้วใช้เครดิตกองกลางนี้ในการทำโปรโมชันลดราคาอีบุ๊คปกไหนก็ได้ที่สำนักพิมพ์นั้นๆ ขายบนอเมซอน ในมูลฟ้องอ้างว่าปัจจุบันอเมซอนมีส่วนแบ่งอีบุ๊คกว่า 90% ในตลาดสหรัฐ การกระทำเหล่านี้ถือว่ามีผลทำให้ลดการแข่งขัน เกิดการผูกขาด และสุดท้ายผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นเพื่อซื้อสินค้าและบริการ หมายเหตุ: สำนักงานกฎหมายแห่งนี้ เป็นที่เดียวกับที่ยื่นฟ้องกล่าวหา Apple และบรรดาสำนักพิมพ์ในปี 2011 จนกระทั่งสุดท้ายกระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นมือเข้ามาเป็นผู้ฟ้องร้องเอง จนสุดท้ายฝ่ายจำเลยต่างๆ มีการเจรจายอมความ จ่ายค่าเสียหายกันไปในที่สุด ที่มา: The Guardian, Hagens Berman, ต้นฉบับคำฟ้อง
# GitHub ไล่พนักงานออกเพราะเตือนเพื่อนร่วมงานให้ระวังนาซี, หัวหน้าฝ่ายบุคคลลาออกรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ขณะเกิดเหตุจลาจลและบุกสภาสหรัฐฯ พนักงาน GitHub รายหนึ่งได้ส่งข้อความลง Slack เตือนเพื่อนร่วมงานถึงว่าให้ระวังพวกนาซี ("stay safe homies, Nazis are about,") แต่สองวันหลังจากนั้นฝ่ายบุคคลก็แจ้งไล่พนักงานคนนั้นออก โดยระบุเหตุผลว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมตามนโยบายบริษัท เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความไม่พอใจแก่พนักงานของ GitHub เองเป็นวงกว้าง และพนักงานส่งจดหมายเวียนภายในขอให้ซีอีโอยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับกลุ่มเหยียดสีผิวและนาซี ล่าสุด GitHub เขียนบล็อคอัพเดตประเด็นนี้ ระบุว่าบริษัทกำลังขอให้มีการสอบสวนโดยผู้ตรวจสอบจากภายนอกว่ากระบวนการไล่พนักงานออกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และเบื้องต้นหัวหน้าฝ่ายบุคคลของบริษัทก็ลาออกเพื่อรับผิดชอบเหตุการณ์นี้แล้ว พร้อมกับยืนยันว่าไม่เห็นด้วย (ในบล็อคใช้คำว่า appalling... to watch...) กับทั้งกลุ่มนาซี, กลุ่มเหยียดสีผิว (white supremacist), และการบุกรัฐสภา ในบล็อคทาง GitHub ระบุว่ากำลังยกเลิกคำสั่งไล่พนักงานออก และกำลังติดต่อพนักงานผู้นี้ ตัวพนักงานระบุกับ TechCrunch ว่าเขาไม่เชื่อว่าบริษัทจะสอบสวนเรื่องราวอย่างจริงจัง และจะคุยกับบริษัทผ่านทนายเท่านั้น ที่มา - TechCrunch, GitHub
# วิจัยพบหลังโซเชียลมีเดียแบนทรัมป์ ข้อมูลปลอมเรื่องการเลือกตั้งก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สำนักวิจัย Zignal Labs ในซานฟรานซิสโกพบว่า ข้อมูลปลอมบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ ลดลง 73% เป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Twitter, Facebook แบนบัญชีโดนัลด์ ทรัมป์ Zignal Labs พบว่าการสนทนาเกี่ยวกับการฉ้อโกงการเลือกตั้งลดลงจาก 2.5 ล้านครั้ง เป็น 688,000 ครั้ง โดยเป็นตัวเลขหลังแบนบัญชีทรัมป์จาก Twitter เพียง 1 สัปดาห์ การใช้แฮชแท็กเช่น #FightforTrump, #HoldTheLine และ March for Trump ที่เคยใช้อย่างแพร่หลายตาม Facebook, Instagram, Twitter ก็ลดฮวบไป 95% โดย Zignal Labs ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับความพยายามเผยแพร่ข้อมูลปลอมบนโซเชียลนั้น มีอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงเป็นองค์ประกอบสำคัญ ทรัมป์เองก็เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มผู้มีชื่อเสียงเหล่านี้ ตั้งแต่เกิดเหตุม็อบสนับสนุนทรัมป์บุกรัฐสภาที่วอชิงตัน ดีซี แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างแบนทรัมป์ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Snapchat, Twitch, Spotify, Shopify เพราะเกรงจะใช้เป็นช่องทางปลุกระดมม็อบจนนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรง Jack Dorsey ซีอีโอ Twitter ออกมาพูดหลังแบน โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ในขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าท่าทีเช่นนี้ของโซเชียลมีเดีย จะส่งผลกระทบระยะยาวต่อโลกอินเทอร์เน็ตที่ควรจะเปิดกว้าง ภาพจาก Facebook Donald Trump ที่มา - Washington Post
# DuckDuckGo มีผู้ใช้งานค้นหามากกว่า 100 ล้านครั้งต่อวันแล้ว DuckDuckGo เสิร์ชเอนจินที่ชูจุดเด่นเรื่องความเป็นส่วนตัว ประกาศสถิติสำคัญ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมามีการใช้งานค้นหามากกว่า 100 ล้านครั้ง ภายในหนึ่งวัน สถิตินี้สะท้อนการเติบโตที่มากขึ้น โดยเมื่อเดือนสิงหาคม DuckDuckGo มีการใช้งานมากกว่า 2 พันล้านครั้งต่อเดือน ความนิยมของ DuckDuckGo ส่วนหนึ่งมาจากการเป็นตัวเลือกเสิร์ชพื้นฐานทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ตลอดจนมีผู้ใช้งานลงแอปและส่วนเสริมมากกว่า 4 ล้านคน เมื่อเดือนกันยายน 2020 ที่มา: ZDNet
# Bloomberg เผย เดโม Cyberpunk 2077 ตอนปี 2018 ไม่ใช่เกมจริงๆ สตูดิโอโต้เป็นเรื่องปกติ Bloomberg เผยแพร่บทความที่รวมข้อมูลเบื้องหลังการพัฒนา Cyberpunk 2077 จากการสัมภาษณ์พนักงานและอดีตพนักงาน CD Projekt Red กว่า 20 คน (เกือบทุกคนไม่เปิดเผยตัวตน) บทสรุปหลายข้อสวนทางกับที่ Martin Iwinski ซีอีโอของ CD Projekt ออกมาขอโทษแฟนๆ ก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าไม่พบบั๊กสำคัญในระหว่างการทดสอบเกม แต่ข้อมูลของ Bloomberg บอกว่าทีมงานพบบั๊กเกือบหมด แค่ไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับแก้บั๊กเท่านั้นเอง ในภาพใหญ่แล้ว Cyberpunk 2077 ยังเปลี่ยนรูปแบบเกมจาก The Witcher ที่ทีมพัฒนามีประสบการณ์คุ้นเคย เช่น เปลี่ยนมุมมองเกมมาเป็น first-person, เปลี่ยนสไตล์ภาพจากแฟนตาซีมาเป็นโลกอนาคต ทำให้ CD Projekt Red ต้องสร้างเทคโนโลยีใหม่ จ้างคนใหม่ พัฒนาเทคนิคใหม่ ฯลฯ พอเป็นของใหม่ทำให้เจอปัญหาระหว่างทางเยอะ แถมยังต้องทำงานใหญ่ขึ้นด้วยกรอบเวลาเดียวกับที่ทำ The Witcher ด้วย ในประเด็นเรื่องเวลา เกม Cyberpunk 2077 เปิดตัวในปี 2012 ทำให้รู้สึกว่าใช้เวลาทำนาน แต่ Bloomberg ชี้ว่ากระบวนการพัฒนาเริ่มจริงๆ ช่วยปลายปี 2016 หลัง Adam Badowski หัวหน้าสตูดิโอของ CD Projekt Red เข้ามารับผิดชอบโครงการแทน ทำให้เกมเพลย์และเนื้อเรื่องต้องเปลี่ยนใหม่ และยังส่งผลให้ทีมงานเก่าที่ขัดแย้งกับ Badowski ด้านแนวทางพัฒนาเกมต้องลาออกไป พนักงานของ CD Projekt Red ยังเล่าถึงการทำงานเกินเวลา (crunch time) ที่บางครั้งอาจต้องทำวันละ 13 ชั่วโมง การที่โครงการ Cyberpunk ใหญ่ขึ้น มีพนักงานระดับ 500 คน (ไม่รวมสตูดิโอภายนอก) ทำให้ CD Projekt มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ เพราะยุค The Witcher 3 ใช้พนักงานราว 240 คนเท่านั้น บริษัทยังนำตัวเองไปเทียบกับเกมระดับ GTA V หรือ RDR2 ที่ต้องใช้คนทำหลักหลายพัน แต่ต้องทำเกมด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่ามาก ประเด็นสำคัญในบทความ Bloomberg ระบุว่า CD Projekt Red โชว์คลิปเดโมเกมเพลย์ยาว 48 นาทีในงาน E3 2018 ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาให้แฟนๆ อย่างมาก แต่แท้จริงแล้วเดโมนี้ "ปลอม" ขึ้นมาเพราะเกมยังไม่สามารถเล่นได้จริงๆ ในตอนนั้น นี่จึงเป็นคำอธิบายว่าทำไมฟีเจอร์บางอย่างที่โชว์ในเดโม ถึงไม่มีในตัวเกมฉบับเต็ม และพนักงาน CD Projekt ยังรู้สึกว่าเสียดายเวลาหลายเดือนไปสร้างเดโม แทนที่จะเอาเวลาไปพัฒนาเกมจริงๆ สถานการณ์ยิ่งแย่เข้าไปอีกเมื่อ ผู้บริหารประกาศในงาน E3 2019 ว่าเกมจะออกเดือนเมษายน 2020 แม้แฟนๆ จะตื่นเต้นเพราะมี Keanu Reeves มาร่วมแสดงในเกม แต่พนักงานกลับเครียดเพราะรู้ว่าเป็นกำหนดการที่เป็นไปไม่ได้ และสถานะของเกมตอนนั้นน่าจะเสร็จในปี 2022 ด้วยซ้ำไป Adam Badowski หัวหน้าสตูดิโอของ CD Projekt Red และผู้กำกับของเกมนี้ ตอบโต้บทความนี้ผ่านทวิตเตอร์ในบางประเด็น โดยเขาบอกว่า Bloomberg สัมภาษณ์พนักงานเพียง 20 คน คงไม่สะท้อนข้อมูลทั้งหมดของโครงการ ส่วนประเด็นเรื่องเดโมปลอม เขาชี้ว่าเป็นเรื่องปกติของเกมที่โชว์ในงานที่ตัดบางส่วนของเกมมาให้ดูก่อน แน่นอนว่าเดโมไม่เหมือนกับเกมจริง ฟีเจอร์บางอย่างอาจไม่เวิร์คในทางปฏิบัติ และถูกถอดไปในภายหลัง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเดโมนี้เป็นของปลอมทั้งหมด เขามั่นใจว่าเกมจริงๆ ดีกว่าที่เห็นในเดโมมาก ส่วนประเด็นเรื่องบั๊กบนคอนโซลเจนเก่า Badowski ยอมรับว่ามีปัญหาจริงๆ และทีมงานกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อแก้บั๊กบนทุกแพลตฟอร์มด้วย ซึ่งในมุมมองของเขาแล้ว ตัวเกมไม่ถึงขั้น "หายนะ" (disastrous) แบบที่สื่อเรียกกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้คะแนนรีวิว 9/10 หรือ 10/10 จากสื่อเกมชั้นนำทั่วโลก ด้าน Jason Schreier ผู้เขียนบทความนี้ใน Bloomberg ตอบกลับว่า CD Projekt ไม่ยอมตอบคำถามหลายอย่างที่เขาถามไป และไม่อนุญาตให้ Badowski ให้สัมภาษณ์ในบทความนี้ จึงน่าสนใจว่าทำไม Badowski ถึงมาตอบผ่านทวิตเตอร์ทีหลัง และเขาก็ไม่ได้ตอบในประเด็นสำคัญๆ อย่างเรื่อง crunch time หรือกำหนดเวลาที่เป็นไปไม่ได้จริงในทางปฏิบัติ ที่มา - Bloomberg, IGN
# Lenovo เปิดตัว ThinkBook 13x i, 14p, 16p และ ThinkBook Plus Gen 2 จอ E Ink เก็บตกของใหม่จาก Lenovo ในงาน CES 2021 คือโน้ตบุ๊กสาย ThinkBook ที่เป็นแบรนด์รองจาก ThinkPad ที่เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2019 โดยมีทั้งสายที่ใช้ซีพียูอินเทลและเอเอ็มดี ของใหม่ในปี 2021 คือ ThinkBook 13x i โน้ตบุ๊กขนาด 13" สายบางเบา เน้นดีไซน์เรียบง่ายแต่สวยงาม (เดิมทีมี ThinkBook 13s) ซีพียูเป็น Intel Core 11th Gen, หน้าจอ 13" 2560x1600 IPS, แรม 8/16GB, สตอเรจ SSD สูงสุด 1TB, แบตเตอรี่ 53 Whr, น้ำหนัก 1.2 กิโลกรัม, พอร์ต Thunderbolt 4 x2 และรองรับ Wi-Fi 6 ราคาเริ่มต้น 1,199 ดอลลาร์ มีให้เลือกสองสีคือ Storm Gray และ Cloud Gray - Lenovo ถัดมาเป็น ThinkBook Plus Gen 2 รุ่นอัพเดตของ ThinkBook Plus ที่มีจอ E Ink บนฝาด้านนอก และใช้ปากกาจดงานได้ การเปลี่ยนแปลงสำคัญคืออัพเกรดซีพียูเป็น Intel Gen 11 และขยายจอ E Ink ด้านนอกให้ใหญ่ขึ้น ของเดิม 10.8" มาเป็น 12" ส่วนหน้าจอด้านในยังขนาดเท่าเดิมคือ 13.3" โดยทั้งสองจอมีความละเอียด 2560x1600 เท่ากัน (สัดส่วน 16:10) ปรับขนาดเครื่องให้บางลงเหลือ 13.9 มิลลิเมตร และลดน้ำหนักลงเหลือ 1.3 กิโลกรัม ราคาเริ่มต้นที่ 1,549 ดอลลาร์ วางขายภายในไตรมาส 1/2021- Lenovo ฝั่ง AMD เปิดตัวมา 2 ตัว 2 ขนาดหน้าจอคือ ThinkBook 14p และ ThinkBook 16p จุดเด่นคือซีพียู AMD Ryzen 9 5000 H รุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับโน้ตบุ๊กสมรรถนะสูง กรณีของรุ่น 16p สามารถเลือกจีพียูเป็น GeForce RTX Mobile ซีรีส์ 3000 ได้ด้วย รุ่น 14p มีจอให้เลือก 2 แบบคือ IPS ความละเอียด 2.2K และ OLED ความละเอียด 2.8K ส่วนรุ่น 16p มีเฉพาะจอ IPS ความละเอียด 2.5K ThinkBook 14p ราคาเริ่มต้น 849 ดอลลาร์, ThinkBook 16p ราคาเริ่มต้น 1,299 ดอลลาร์ - ThinkBook 14p, ThinkBook 16p ที่มา - Lenovo
# Facebook สั่งบล็อคอีเว้นท์รอบสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ในวันสาบานตนของ Joe Biden Facebook ประกาศมาตรการใหม่เพื่อควบคุมสถานการณ์ในวันสาบานตนของประธานาธิบดี Joe Biden โดยทางแพลตฟอร์มจะไม่อนุญาตให้สร้างอีเว้นท์ในบริเวณใกล้เคียงกับ White House, US Capitol รวมถึงสถานที่สำคัญของภาครัฐในวันสาบานตนของ Joe Biden นอกจากห้ามจัดอีเว้นท์แล้ว ศูนย์ปฏิบัติการของ Facebook จะคอยติดตามรีวิวอีเว้นท์ที่สร้างบน Facebook ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับพิธีสาบานตนและจัดการลบอีเว้นท์ที่ฝ่าฝืนนโยบายของบริษัทออก รวมถึงบล็อคการจัดอีเว้นท์ในสหรัฐฯ โดยบัญชีหรือเพจที่ไม่ได้มีที่อยู่ในสหรัฐฯ ด้วย ทาง Facebook ยังเพิ่มมาตรการโดยจำกัดการใช้งานฟีเจอร์บางอย่างกับผู้ใช้บางคนในสหรัฐฯ โดยดูจากสัญญาณต่าง ๆ อย่างเช่น การพยายามฝ่าฝืนนโยบาย โดยฟีเจอร์ที่ถูกล็อกมีทั้งไม่อนุญาตให้สร้างวิดีโอไลฟ์, สร้างอีเว้นท์, กลุ่ม หรือเพจ ที่มา - Facebook, Engadget ภาพ asteinfest/Pixabay
# ทีมอาสาพัฒนา "หมอชนะ" ประกาศยกแอพให้ภาครัฐดูแล 100%, fork โครงการใหม่ ทีมพัฒนาแอพ "หมอชนะ" ซึ่งเป็นอาสาสมัครภาคเอกชนที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า Code for Public ประกาศส่งมอบสิทธิการดูแลซอร์สโค้ดและกระบวนการพัฒนาทั้งหมดให้ "รัฐบาล" (ในโพสต์นี้ไม่ระบุชัดว่าเป็นหน่วยงานใด ผู้รับผิดชอบหลักก่อนหน้านี้คือ DGA) แต่ทีมงานเดิมจะ fork โครงการออกเป็นชื่อใหม่ว่า SQUID ตอนนี้ซอร์สโค้ด, repository เดิม, และเฟซบุ๊ก "หมอชนะ" ถูกส่งมอบให้รัฐบาลแล้วเมื่อวานนี้ (15 มกราคม 2564) โดยทีม Code for Public ระบุว่าจะแก้บั๊กรอบสุดท้ายให้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่จะนำขึ้นอัพเดตในแอพเวอร์ชันแจกจ่ายบน store หรือไม่ ขึ้นกับแนวทางของหน่วยงานภาครัฐ กระบวนการพัฒนาแอพ "หมอชนะ" เปิดเป็นโอเพนซอร์สมาตั้งแต่ต้น โดยซอร์สโค้ดอยู่บน GitHub Code for Public ที่มา - Code for Public Facebook
# Canon เปิดเว็บไซต์อินเตอร์แอคทีฟจำลองการถ่ายภาพจากดาวเทียม CE-SAT-1 Canon เปิดตัวเว็บไซต์แบบอินเตอร์แอคทีฟจำลองการถ่ายภาพจากอวกาศ โดยใช้ดาวเทียม CE-SAT-1 พร้อมกล้อง EOS 5D Mark III โดยมีจุดถ่ายภาพที่กำหนดให้ถ่ายได้หลายเมือง สำหรับดาวเทียมดวงนี้ Canon ปล่อยขึ้นไปตั้งแต่กลางปี 2017 แล้ว โดยตัวกล้องที่ติดขึ้นไปด้วยคือ EOS 5D Mark III พร้อมเลนส์กล้องโทรทรรศน์ 40cm Cassegrain-type 3720mm โดยมีวิถีวงโคจรอยู่ที่ 600 กิโลเมตร โดยให้ภาพความละเอียด 36 นิ้วในเฟรม 3x2 ไมล์ และมีกล้อง PowerShot S110 สำหรับการถ่ายภาพโหมดกว้าง ตัวเว็บไซต์มีพื้นที่ให้เลือกถ่ายภาพจำลองได้หลายตำแหน่ง เช่น อลาสกา, แอนตาร์คติกา, ดูไบ, เวนิซ, นิวยอร์กซิตี้ และอื่น ๆ และเมื่อถ่ายภาพแล้วจะได้ข้อมูลทั้งความสูงและตำแหน่งถ่ายจริงมาด้วย แต่อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงระบบจำลองการถ่ายภาพ เพราะภาพที่ถ่ายคือภาพที่ถูกถ่ายมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยจุดประสงค์ของการทำเว็บไซต์นี้ทำให้สัมผัสได้ถึงความสามารถในการถ่ายภาพจากดาวเทียมเท่านั้น ใครสนใจลองเล่นเว็บไซต์ใหม่สามารถเปิดได้โดยคลิกที่นี่ ที่มา - Engadget
# กูเกิลปิดไม่ให้ Chromium เข้าถึงฟีเจอร์ซิงก์ข้อมูลของ Chrome กูเกิลประกาศถอดฟีเจอร์ของ Chromium เวอร์ชันโอเพนซอร์ส ไม่ให้เข้าถึงการซิงก์ข้อมูลของ Chrome ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว กูเกิลอธิบายว่ามีเบราว์เซอร์จำนวนหนึ่งที่ดัดแปลงจาก Chromium แล้วสามารถเข้าถึงไฟล์ส่วนตัวของผู้ใช้ Google Account ซึ่งควรเข้าถึงได้จากผลิตภัณฑ์ของกูเกิลเท่านั้น (ในที่นี้คือ Google Chrome) จึงตัดสินใจปิดฟีเจอร์นี้ในฝั่ง Chrome API มีผลวันที่ 15 มีนาคม 2021 ประกาศนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้จำนวนน้อยที่เลือกใช้ Chromium แทน Chrome แล้วล็อกอินบัญชี Google Account ผ่าน Chromium ซึ่งกูเกิลก็แนะนำให้ใช้ Chrome แทน ที่มา - Chromium Blog
# [ไม่ยืนยัน] ซีอีโอใหม่อินเทลบอกพนักงาน เราต้องทำชิปให้เหนือกว่าบริษัทไลฟ์สไตล์แถว Cupertino อินเทลเพิ่งประกาศข่าวซีอีโอคนใหม่ Pat Gelsinger อดีตลูกหม้อของบริษัท ที่ปัจจุบันเป็นซีอีโอ VMware โดยจะเข้ารับตำแหน่งวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2021 Pat Gelsinger ยังไม่ทันรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีโอกาสพูดคุยกับพนักงานอินเทลก่อนแล้ว โดย The Oregonian สื่อท้องถิ่นของรัฐออริกอนซึ่งมีสำนักงานที่พนักงานอินเทลเป็นจำนวนมาก รายงานข่าวจากสายภายใน ว่า Gelsinger ประกาศชัดเจนว่าอินเทลในยุคของเขาจะต้องสร้างผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่า "บริษัทไลฟ์สไตล์แถว Cupertino" ให้จงได้ ถึงแม้ Gelsinger ไม่ได้ระบุชื่อตรงๆ แต่ทุกคนคงรู้ว่าหมายถึงชิป Apple M1 ที่กำลังเข้ามากินตลาดคอมพิวเตอร์นั่นเอง นอกจากประเด็นเรื่อง M1 แล้ว Gelsinger ยังพูดถึงประเด็นอินเทลสนใจเอาท์ซอร์สการผลิตชิปไปยังโรงงาน TSMC และซัมซุง ว่าให้เลื่อนการตัดสินใจนี้ออกไปก่อน จนกว่าเขาจะเข้ามาเป็นซีอีโออย่างเป็นทางการ ปัญหาเรื่องโรงงานผลิตของอินเทลยังก้าวข้ามไม่พ้น 10 นาโนเมตร (และติดอยู่ที่ 14 นาโนเมตรมานานหลายปี) ถือเป็นปัญหาสำคัญของอินเทล การแต่งตั้ง Gelsinger ซึ่งมีพื้นเพเป็นวิศวกร และเคยทำงานกับอินเทลมานาน 30 ปี อาจเป็นสัญญาณว่าอินเทลจะกลับมาสนใจเรื่องวิศวกรรมอย่างจริงจัง (Bob Swan ซีอีโอคนปัจจุบันที่รับตำแหน่งในปี 2018 ทำงานสายการเงินและเป็น CFO มาโดยตลอด รวมถึงเป็น CFO ของอินเทลก่อนได้เป็นซีอีโอ) ที่มา - The Oregonian, The Verge, ExtremeTech
# [ลือ] MacBook Pro รุ่นใหม่ กลับมาใช้ MagSafe, ตัด Touch Bar, เพิ่มพอร์ตมากขึ้น รายงานข่าวลือสินค้าใหม่ของแอปเปิลจากนักวิเคราะห์ขาประจำ Ming-Chi Kuo คราวนี้ว่าด้วย MacBook Pro รุ่นใหม่ โดย Kuo ระบุว่า แอปเปิลกำลังพัฒนา MacBook Pro สองขนาดหน้าจอคือ 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว มีการเปลี่ยนแปลงภายนอกที่สำคัญคือดีไซน์ขอบเรียบไปกับหน้าจอ เหมือนกับดีไซน์ของ iPhone 12 ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ Kuo บอกว่าแอปเปิลจะกลับมาใช้ระบบชาร์จไฟด้วย MagSafe แตกต่างจาก MacBook Pro ปัจจุบันที่ใช้ USB-C และ MacBook Pro รุ่นใหม่ยังตัด Touch Bar ออกไป แล้วกลับมาแทนที่ด้วยปุ่ม Function แบบเดิม นอกจากนี้ตัวเลือกซีพียูจะไม่มีอินเทลอีกแล้วในรุ่นใหม่ และตัวเครื่องจะมีพอร์ตให้เชื่อมต่อมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องหาสายต่อพ่วงเพิ่มเติมแบบที่ผ่านมา ส่วนระบบระบายความร้อนจะใช้แบบเดียวกับ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว ปัจจุบัน โดยมีผลกับทุกรุ่นจากนี้ เพื่อรองรับการประมวลผลที่สูงขึ้น โดย Kuo คาดว่าแอปเปิลจะเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่นี้ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ รายงานนี้ Kuo ยังพูดถึง iPhone รุ่นที่จะออกในปี 2022 (ไม่ใช่ปีนี้) ว่าแอปเปิลอาจเปลี่ยนมาใช้ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ซึ่งปัจจุบันสมาร์ทโฟนหลายยี่ห้อใช้อยู่แล้วในรุ่นเรือธง ที่มา: MacRumors
# WhatsApp ประกาศเลื่อนข้อตกลงการใช้งานใหม่ ที่ต้องแชร์ข้อมูลให้ Facebook ออกไปเป็น 15 พฤษภาคม WhatsApp ประกาศเลื่อนกำหนดข้อตกลงการใช้งานใหม่ ที่ผู้ใช้งานต้องแชร์ข้อมูลให้ Facebook ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถใช้งาน WhatsApp ต่อไปได้ จากเดิมจะมีผลวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ออกไปเป็นวันที่ 15 พฤษภาคม WhatsApp ให้เหตุผลของการขยายเวลาออกไป เพื่อให้บริษัทมีเวลาชี้แจงถึงการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เนื่องจากยังมีการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอยู่ อีกทั้งให้เวลาผู้ใช้งานได้ตรวจสอบข้อกำหนดใหม่เพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ WhatsApp ได้ประกาศเงื่อนไขการใช้งานใหม่ โดยมีประเด็นสำคัญคือการแชร์ข้อมูลให้ Facebook ส่งผลให้ยอดดาวน์โหลด Telegram และ Signal เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งต่อมา WhatsApp ก็ชี้แจงว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่กระทบความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน โดยเฉพาะข้อมูลการแชทที่ยังเป็น end-to-end encryption เหมือนเดิม ที่มา: WhatsApp และ BBC
# Samsung Pay บน Galaxy S21 ไม่รองรับการจ่ายแบบแถบแม่เหล็ก (MST) อีกแล้ว ซัมซุงยืนยันข่าวว่า Galaxy S21 จะไม่รองรับการจ่ายเงินผ่านระบบแถบแม่เหล็ก (magnetic stripe technology หรือตัวย่อ MST) ในระบบ Samsung Pay โดยจะเหลือแค่การจ่ายผ่าน NFC อย่างเดียว ที่ผ่านมา Samsung Pay สามารถจ่ายได้ทั้งผ่านเครื่องอ่านบัตรรุ่นใหม่ที่เป็น NFC และเครื่องอ่านบัตรรุ่นเก่าแบบแถบแม่เหล็ก ถือเป็นจุดขายสำคัญของ Samsung Pay เพราะรองรับเครื่องอ่านบัตรแบบเก่าที่มีเป็นจำนวนมาก โฆษกของซัมซุงชี้แจงกับเว็บไซต์ xda ว่าเหตุผลที่ตัด MST ออกเป็นเพราะเทคโนโลยี NFC แพร่หลายขึ้นมากแล้ว และจะมีผลกับสมาร์ทโฟนที่เปิดตัวในปี 2021 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม มือถือรุ่นเดิมที่รองรับ MST ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ Galaxy S21 ยังแหวกธรรมเนียมเดิมของซัมซุงอีกหลายอย่าง เช่น ไม่รองรับ microSD และ ไม่ให้ที่ชาร์จมาในกล่อง ที่มา - xda
# Sony เปิดตัวเลนส์ 35mm f/1.4 GM เลนส์คุณภาพพรีเมียมในขนาดไม่ใหญ่มาก Sony เปิดตัวเลนส์ 35mm f/1.4 GM เป็นเลนส์ E-Mount ที่เน้นการใช้งานทุกรูปแบบตั้งแต่ถ่าย portrait ไปจนถึง landscape เป็นเลนส์คุณภาพพรีเมียมในขนาดไม่ใหญ่มากนัก น้ำหนักเพียง 524 กรัมเท่านั้น สำหรับเลนส์ตัวใหม่นี้ Sony ดีไซน์เน้นให้คมชัดตลอดไม่ว่าจะปรับรูรับแสงเท่าไรก็ตาม ตั้งแต่เปิดกว้างสุดที่ f/1.4 ใช้โค้ตติ้งเป็น Nano AR Coating II ด้านในตัวเลนส์มีชิ้นเลนส์ทั้งหมด 14 ชิ้น แบ่งเป็น 10 กลุ่ม มีชิ้นเลนส์ XA 2 ชิ้นเพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพและความละเอียดของรูปภาพ พร้อมกับชิ้นเลนส์ ED และเลนส์อื่น ๆ ที่ช่วยลดการเหลื่อมสี ส่วนไดอะแฟรมเป็นแบบ 11 แฉก ซึ่งหาได้ยากมากในกลุ่มเลนส์ 35mm ของ Sony Sony ระบุว่า ตัวเลนส์ใหม่นี้มีระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 10.5 นิ้ว หรือ 27 เซนติเมตร กำลังขยายสูงสุด 0.23 เท่าในโหมดออโต้โฟกัส และมีระยะโฟกัสใกล้สุด 9.8 นิ้วหรือ 25 เซนติเมตร กำลังขยายสูงสุด 0.26 เท่าในโหมดโฟกัสมือ มอเตอร์โฟกัสเป็น XD (Extreme Dynamic) linear motors แบบคู่ที่เสียงเงียบและโฟกัสได้แม่นยำ สำหรับตัวเลนส์ Sony 35mm f/1.4 GM นี้จะเริ่มวางจำหน่ายในปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม กำหนดราคาวางจำหน่ายที่ 1,400 ดอลลาร์ หรือราว 42,000 บาท ที่มา - PetaPixel, Imaging Resource
# กลุ่ม ALTDOS ยืนยันข้อมูล 3BB หลุดเกินหมื่นรายการ เปิดไฟล์บัญชี Wi-Fi จุฬาเกือบแสนรายการ หลังจากสัปดาห์นี้กลุ่ม ALTDOS เปิดเผยว่าเข้าถึงฐานข้อมูลของ 3BB สำเร็จและทางบริษัทออกมายอมรับว่าข้อมูลหลุดออกไปจริงประมาณหมื่นรายการ ทาง ALTDOS ก็เริ่มส่งอีเมลหาสื่อมวลชนในไทยระบุว่าข้อมูลที่ได้ไปจริงๆ มีมากกว่านั้นมาก พร้อมกับส่งไฟล์ตัวอย่างแรก คือ cbp_chula_wifi_01.csv ที่คาดว่าเป็นไฟล์บัญชี Wi-Fi ที่เกี่ยวข้องกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไฟล์เป็น CSV มีความยาว 99,952 รายการ ค่าแฮช SHA256 เป็น 0051fb367547377798122cf9b6ca71c5a111817e8fb7e241f8a81858f00669e8 ภายในระบุข้อมูล ชื่อ, นามสกุล, หมายเลขประจำตัว (ดูเหมือนเลขบัตรประชาชนแต่ยืนยันไม่ได้), รหัสผ่าน PIN 4 หลักทำ encoding แบบ base64, อีเมล, ค่าซีเรียลผู้ใช้, ชื่อผู้ใช้ในระบบ, หมายเลขโทรศัพท์, วันที่สร้างบัญชี แม้ข้อมูลจะเกือบแสนรายการแต่ข้อมูลซ้ำๆ กันก็เยอะมาก ผมตรวจสอบหาหมายเลขโทรศัพท์ไม่ซ้ำกันพบว่ามีทั้งหมด 18,279 รายการ ขณะที่อีเมลไม่ซ้ำกันมี 19,619 รายการ นอกจากนี้ ALTDOS ระบุว่าจะปล่อยข้อมูลเพิ่มเติมวันละหลายแสนรายการ ผมได้ส่งอีเมลสอบถามทาง Jasmine เพื่อให้ยืนยันว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด ที่มา - อีเมล ALTDOS จาก anonymousemail.me
# เกม Rust มาแรงแซงโค้ง ขายดีอันดับ 1 บน Steam สัปดาห์แรก 2021, Cyberpunk 2077 ตกอันดับ 3 SteamDB เปิดเผยยอดขายเกมบน Steam รวมทั่วโลก ของสัปดาห์แรกในปี 2021 นับตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม ถึง 10 มกราคม พบว่าเกม Rust เกมออนไลน์แนวคราฟต์ของเพื่อเอาตัวรอดในโลกรกร้าง ที่เปิดตัวในปี 2018 กลับมาล้ม Cyberpunk 2077 ที่ครองแชมป์เกมขายดีอันดับหนึ่งมานานถึง 7 สัปดาห์ได้ โดย Cyberpunk 2077 ตกไปอยู่อันดับ 3 และ Valve Index VR Kit ขึ้นมาอยู่อันดับ 2 Rust กลับมาเป็นกระแสอีกครั้งหลังอัพเดตใหญ่เพิ่มระบบ Tech Tree ในการคราฟต์ของเข้ามาเมื่อเดือนธันวาคม อีกทั้งยังมีการเพิ่มจำนวนเซิฟเวอร์ และล้างข้อมูลเพื่อลดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผู้เล่น ทำให้สตรีมเมอร์ชื่อดัง อย่าง jacksepticeye, pokimane, xQc และอีกหลายคน กลับมาสตรีมกันอีกครั้ง และยังมีการแจกไอเท็มบน Twitch Drops อีกด้วย อันดับถัดมายังคงเป็นเกมที่ได้รับความนิยมบน Twitch เป็นส่วนใหญ่ทั้ง Sea of Thieves เกมล่องเรือโจรสลัด อยู่ที่อันดับ 4 เกมล่าผี Phasmophobia อยู่อันดับ 5 เกมเอาตัวรอดกลางทะเลอย่าง Raft อยู่อันดับ 6 และเกมที่กวาดรางวัลไปมากมายอย่าง Hades อยู่ดันดับ 7 ที่มา - SteamDB via PCGamesN
# Xiaomi แย้งไม่ได้เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับทหารและพรรคคอมิวนิสต์จีน ตามที่สหรัฐอ้าง สืบเนื่องจากที่ Xiaomi ถูกสหรัฐแบน จากประกาศของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ภายใต้กฎหมายด้านความมั่นคง (National Defense Authorization Act - NDAA) โดยมีใจความกล่าวอ้างว่า Xiaomi เป็นบริษัท "Communist Chinese Military Company" ล่าสุด Xiaomi แถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาข้างต้น พร้อมบอกว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง หรือมีกองทัพจีนเป็นเจ้าของแต่อย่างใด ขณะที่ธุรกิจของ Xiaomi ล้วนเป็นสินค้าสำหรับผู้บริโภคทั่วไปหรือใช้ในเชิงพาณิชย์เท่านั้น Xiaomi บอกด้วยว่ากำลังศึกษาผลกระทบ และมองหาวิธีการรับมือที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองต่อไป ที่มา - Xiaomi (ล่าสุดลบทวีตแล้ว)
# Super Nintendo World เลื่อนเปิดอีกรอบ หลังโอซาก้าประกาศสภาวะฉุกเฉินเพราะ COVID-19 สภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ต้องประกาศสภาวะฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบให้ Universal Japan ต้องประกาศเลื่อนเปิดสวนสนุก Super Nintendo World อีกรอบ หลังเลื่อนเปิดมาแล้วครั้งหนึ่งจากกลางปี 2020 มาเป็นวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2021 ถือว่าเป็นที่น่าเสียดายพอสมควร เพราะก่อนหน้านี้ คุณ Shigeru Miyamoto บิดาแห่ง Mario ก็เพิ่งออกมาทำคลิปพาทัวร์สวนสนุกด้วยตัวเอง ทั้งนี้ USJ ประกาศบนหน้าเว็บไซต์ Super Nintendo World ว่าจะประกาศวันเปิดใหม่อีกครั้ง หลังจากที่โอซาก้าออกจากสภาวะฉุกเฉิน ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ที่มา - Super Nintendo World via Kotaku
# คาด Apple เตรียมออก Apple Music และ Podcasts ลง Microsoft Store เว็บ 9to5Mac รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ว่าแอปเปิลเตรียมเปิดตัวแอป Apple Music และ Podcasts ลง Microsoft Store ภายในปีนี้ โดยสถานะของแอปตอนนี้เป็นเบต้าที่ทดสอบเป็นการภายใน แหล่งข่าวไม่ได้ระบุว่าแอปนี้จะรองรับเฉพาะบน Windows หรืออาจรองรับเฉพาะ Xbox แบบเดียวกับแอป Apple TV ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ปัจจุบันผู้ใช้ Windows สามารถเข้าถึงบริการ Apple Music และ Podcasts ได้ ผ่าน iTunes เวอร์ชันบน Windows ซึ่งปัจจุบันแอปเปิลหยุดการสนับสนุนบน macOS ไปแล้ว ที่มา: 9to5Mac
# YouTube ทดสอบฟีเจอร์ กดดูและซื้อสินค้าที่ยูทูเบอร์กล่าวถึงในคลิป YouTube ทดสอบฟีเจอร์ใหม่ในสหรัฐฯ เมื่อดูคลิปที่ยูทูเบอร์พูดถึงสินค้า หรือขายสินค้าใดๆ จะมองเห็นไอคอนถุงช้อปปิ้งให้กดเข้าไปดูรายละเอียดสินค้า หรือซื้อสินค้าได้ โดยมีครีเอเตอร์จำนวนจำกัดที่เข้าร่วมการทดสอบนี้ เปิดทดสอบในทุกอุปกรณ์ทั้ง iOS, Android และเว็บไซต์ ปัจจุบัน YouTube มีฟีเจอร์เพื่อการขายของ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้ครีเอเตอร์ด้วยการเสนอแคตตาล็อกสินค้าในช่องของตัวเอง การทดสอบใหม่นี้ก็จะช่วยให้ขายง่ายขึ้น รวมถึงแสดงรายการสินค้าในโฆษณาที่ลง YouTube ให้ด้วย ภาพจาก YouTube ที่มา - Engadget
# Elastic เลิกใช้ไลเซนส์ Apache 2.0 หันมาใช้ SSPL, Elasticsearch/Kibana หลุดจากความเป็นโอเพนซอร์ส Elastic ผู้พัฒนาโครงการ Elasticsearch, Logstash, Kibana (หรือเรียกกับกว่า ELK) ประกาศเปลี่ยนไลเซนส์เวอร์ชั่น 7.11 ที่กำลังจะออกมา จากเดิมที่ให้เลือกระหว่าง Apache 2.0 และ Elastic License กลายเป็น SSPL หรือ Elastic License SSPL เป็นสัญญาอนุญาตที่ MongoDB สร้างขึ้นเพื่อบังคับให้ผู้ให้บริการคลาวด์ที่นำโครงการไปให้บริการเป็นบริการคลาวด์ต้องเปิดเผยซอร์สโค้ดที่เกี่ยวข้องออกมาด้วย สัญญาอนุญาตแบบนี้ถูกออกแบบมาเพราะ MongoDB ไม่พอใจที่ AWS นำ MongoDB ไปให้บริการเป็นบริการคลาวด์ในชื่อ DocumentDB และกลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับบริการคลาวด์ของ MongoDB เอง กรณีของ Elastic นี้ก็มีปัญหาแบบเดียวกันเพราะ AWS ก็เปิดบริการ Amazon Elasticsearch Service มาแข่งเช่นกัน MongoDB เคยส่ง SSPL ให้ Open Source Initiative พิจารณาว่าเข้านิยามความเป็นโอเพนซอร์สหรือไม่ แต่มีข้อโต้แย้งกันเนื่องจากไลเซนส์ไปจำกัดการใช้งานของผู้ใหับริการคลาวด์ ทาง MongDB จึงถอนการขอให้ OSI รับรองว่าเป็นโอเพนซอร์สไป ก่อนหน้านี้ Elastic เคยจำกัดฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้อยู่ในเวอร์ชั่นฟรีแต่ไม่ใช่โอเพนซอร์ส โดยเฉพาะฟีเจอร์การเชื่อมต่อเข้ารหัส TLS ที่จำเป็นสำหรับการใช้งานความปลอดภัยสูง แต่ AWS ก็ดึงโครงการไปพัฒนาปลั๊กอินมาทดแทนในชื่อโครงการ Open Distro for Elasticsearch (ODFE) ทุกวันนี้ AWS ยังคงดึงโค้ดส่วนที่เป็นไลเซนส์ Apache 2.0 ไปพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมให้ใกล้เคียงเวอร์ชั่นเสียเงินของ Elasticsearch เช่น Alerting (ส่งข้อความแจ้งเตือนเมื่อค่าที่ตรวจสอบเกินกำหนด), Machine Learning (ตรวจสอบความผิดปกติของระบบโดยไม่มีเงื่อนไขชัดเจน) ที่ผ่านมา AWS พัฒนา ODFE โดยมีเวอร์ชั่นล้อไปกับ Elasticsearch เวอร์ชั่นโอเพนซอร์สเสมอ การเปลี่ยนไลเซนส์ครั้งนี้น่าจะบีบให้ AWS ต้อง fork โครงการอย่างเต็มรูปแบบ ที่มา - Elastic Blog
# Galaxy S21 จะสามารถใช้แทนกุญแจรถหรูหลายยี่ห้อได้ด้วย Ultra-wideband และ NFC ก่อนหน้านี้ BMW ประกาศรองรับการใช้มือถือที่มีระบบ Ultra-wideband (UWB) มาใช้แทนกุญแจรถด้วยระบบ Digital Key Plus บนรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น BMW iX โดยในเบื้องต้นจะมีรุ่น iPhone 11 iPhone 12 ที่รองรับ นอกจากนี้ BMW ร่วมกับค่ายรถยนต์ชั้นนำอื่นๆ ก็กำลังทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสเปก “Digital Key” มาตรฐานอยู่อีกด้วย ล่าสุด Samsung เปิดตัวมือถือตระกูล Galaxy S21 ไปเมื่อคืนนี้ และในรุ่น S21+ กับ S21 Ultra รองรับการใช้งาน UWB เช่นกัน และ Samsung ยังเปิดเผยว่ากำลังทำงานกับบริษัทรถยนต์เช่น Audi, BMW, Ford, และ Genesis เพื่อให้ Galaxy S21 สามารถใช้งานแทนกุญแจรถ และปลดล็อกรถได้ เพียงแค่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้น ส่วน Galaxy S21 รุ่นเริ่มต้น ที่แม้จะไม่รองรับ UWB แต่ก็จะสามารถปลดล็อกรถรุ่นในอนาคตได้ด้วยระบบ NFC เช่นกัน คาดว่าทั้งระบบปลดล็อกด้วย UWB และ NFC บนมือถือ คงต้องใช้เวลาพัฒนาซอฟต์แวร์ และต้องรอรถรุ่นใหม่ๆ จากค่ายหรูไปอีกสักพัก แต่ก็น่าจะมีมือถือ Android รุ่นอื่นที่ทำได้ตามมาเพิ่ม และการปลดล็อกรถด้วยมือถืออาจกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคตก็เป็นได้ ที่มา - 9to5Google
# Epic Games Store แจกฟรี Battlefront II Celebration Edition Epic Games Store แจกฟรีเกม Star Wars: Battlefront II Celebration Edition ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 21 มกราคม เวลาประมาณ 5 ทุ่มตามเวลาบ้านเรา เมื่อกดรับแล้ว ผู้เล่นจะต้องโหลดและล็อกอินเข้า Origin ก่อน แล้วกลับไปกดติดตั้งเกมผ่าน Epic Stores ตัวเกมจึงจะไปปรากฎและดาวน์โหลดได้ผ่าน Origin ครับ หลังจากนั้นก็เข้าผ่านทาง Origin อย่างเดียว ไม่ต้องล็อกอินเข้า Epic แล้ว อย่างไรก็ตามช่วงนี้น่าจะมีคนแห่โหลดกันทั้งโลก ทำให้เซิร์ฟเวอร์ Origin ทำงานหนัก บางคนอาจประสบปัญหาตัวเกมโหลดไม่ได้นะครับ ที่มา - Epic Games
# Epic Games ยื่นฟ้อง Apple/Google ผูกขาดในสหราชอาณาจักร Epic Games ขยายเวทีความขัดแย้งเรื่องการผูกขาดของ Apple และ Google ออกไปนอกสหรัฐด้วย โดยก่อนหน้านี้มีออสเตรเลียไปแล้ว ล่าสุดเป็นเวทีในสหราชอาณาจักร Epic Games ยื่นคำฟ้องไปยังตุลาการพิจารณาคดีอุทธรณ์ด้านการแข่งขัน (Competition Appeal Tribunal) ของสหราชอาณาจักร โดยในคำฟ้อง Epic อ้างการใช้อำนาจเหนือตลาดของ Apple ที่บังคับให้ใช้งาน App Store และระบบจ่ายเงิน in-app ของ Apple แต่เพียงผู้เดียว Epic ยังยืนยันเช่นเดิมว่าการฟ้องร้องทั้งในสหรัฐ ออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร ไม่ได้เพื่อต้องการเรียกความเสียหายใด ๆ แต่แค่ต้องการให้เกิดการเข้าถึงและการแข่งขันที่เป็นธรรมสำหรับผู้บริโภค อ่านเพิ่มเติม - “ไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส” กับการปลดแอกทุนผูกขาดจากกรณี Epic vs Apple/Google ที่มา - เอกสารคำฟ้อง via Bloomberg
# เทียบราคา Galaxy S21 กับ S20 ในไทยที่ไม่ได้ถูกลงเหมือนเมืองนอก ซัมซุงเปิดตัวซีรีส์ Galaxy S21 ด้วยการลดราคาจากรุ่นปีที่แล้วอย่าง Galaxy S20 ที่แพงจัดและขายไม่ค่อยออกลงมาราว 200 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามการเปิดราคา Galaxy S21 ในไทยกลับไม่ได้ถูกลงตามราคาที่เป็นหน่วยดอลลาร์ เทียบราคาดอลลาร์จาก Galaxy S20 มาเป็น Galaxy S21 จะอยู่ที่ Galaxy S20 เริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ >>> Galaxy S21 เริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์ Galaxy S20+ เริ่มต้น 1,199 ดอลลาร์ >>> Galaxy S21+ เริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ Galaxy S20 Ultra เริ่มต้น 1,399 ดอลลาร์ >>> Galaxy S21 Ultra เริ่มต้นที่ 1,199 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาไทยจาก Galaxy S20 มาเป็น Galaxy S21 โดยจะมีการเปรียบเทียบค่าเงิน ดอลลาร์/บาท ให้อย่างหยาบ ๆ และเป็นการเทียบรุ่นย่อยต่อรุ่นย่อยระดับเดียวกันเท่านั้น (เข้าใจว่ามีเรื่องภาษี ของแถม ฯลฯ เข้าไปในราคาสุดท้ายด้วย แต่ขอนำมาเทียบกันผ่านค่าเงินอย่างง่าย ๆ เพื่อให้เห็นภาพว่าราคาในไทย Galaxy S21 โดยเปรียบเทียบกับราคาดอลลาร์แล้วแพงขึ้นกว่า S20) Galaxy S20 เริ่มต้นที่ 28,900 บาท (ดอลลาร์ละ 32.1 บาท) >>> Galaxy S21 เริ่มต้นที่ 27,900 บาท (ดอลลาร์ละ 34.9 บาท) Galaxy S20+ เริ่มต้นที่ 31,900 บาท (ดอลลาร์ละ 26.6 บาท) >>> Galaxy S21+ เริ่มต้นที่ 33,900 บาท (ดอลลาร์ละ 33.9 บาท) Galaxy S20 Ultra เริ่มต้นที่ 39,900 บาท (ดอลลาร์ละ 28.5 บาท) >>> Galaxy S21 Ultra เริ่มต้นที่ 39,900 บาท (ดอลลาร์ละ 33.2 บาท)
# Microsoft, Salesforce, Oracle ร่วมทำบันทึกสถานะการฉีดวัคซีน COVID-19 แบบดิจิทัล หน่วยงานสุขภาพไม่แสวงหากำไร CARIN Alliance, Cerner, Change Healthcare, The Commons Project Foundation, Epic, Evernorth, Mayo Clinic, MITER, Safe Health และบริษัทเทคโนโลยีคือ Microsoft, Salesforce, Oracle เข้าร่วมโครงการ The Vaccination Credential Initiative (VCI) สร้างระบบบันทึกสถานะการฉีดวัคซีน COVID-19 ของแต่ละคนในรูปแบบดิจิทัล เป้าหมายของ VCI คือ สร้างมาตรฐานและให้ข้อมูลรับรองการฉีดวัคซีนในรูปแบบดิจิทัลที่คนสามารถเข้าถึงได้อย่างปลอดภัย และทำงานร่วมกันได้ เพราะในอนาคตจะมีการตรวจสอบสถานะการฉีดวัคซีนมากขึ้นเพื่อการกลับไปใช้ชีวิตปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ในประกาศแถลงบอกว่า ระบบบันทึกการฉีดวัคซีนในปัจจุบันยังเข้าถึงและแชร์ข้อมูลระหว่างกันได้ไม่ดีพอ แนวร่วม VCI จึงต้องร่วมกันพัฒนาและกำหนดมาตรฐานการเข้าถึงข้อมูล และทำงานร่วมกันได้ตามมาตรฐาน W3C Verifiable Credential และ HL7 FHIR (มาตรฐานสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระดับสากล) ตัวสำเนาดิจิทัลสามารถเก็บไว้มือถือ กระเป๋าเงินดิจิทัล หรือคนที่ไม่มีอุปกรณ์ ก็ต้องมีกระดาษที่พิมพ์ด้วยรหัส QR ที่มีข้อมูลรับรองที่ตรวจสอบได้ตามมาตรฐาน W3C ภาพจาก VCI ตอนนี้แต่ละประเทศเริ่มมองหาระบบจัดการข้อมูลวัคซีนเอง เช่น ทางการลอสแองเจลิสมีแผนที่จะให้คนฉีดวัคซีนแล้ว จัดเก็บหลักฐานการฉีดใน Apple Wallet บน iPhone, ประเทศจีนเปิดตัวแอปพลิเคชั่นที่แสดงว่าบุคคลนั้นไม่มีอาการใดๆ เพื่อที่จะเช็คอินในโรงแรมหรือใช้รถไฟใต้ดิน, ในชิลีคนที่หายจาก COVID-19 แล้วจะได้รับใบรับรอง เป็นต้น จนถึงตอนนี้ ยังมีไม่กี่ประเทศในโลกที่เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน และจากการสำรวจความเห็นคนอังกฤษพบว่า ผู้คนบางส่วนยังไม่อยากฉีดวัคซีนด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ไม่แน่ใจเรื่องประสิทธิภาพ กังวลเรื่องผลกระทบข้างเคียง ที่มา - Business Wire, CNBC
# เลือกความจุกันให้ดี เพราะ Galaxy S21 ทุกรุ่น ไม่มีช่องใส่ microSD card อีกต่อไป หลัง Samsung เปิดตัวเมื่อถือตระกูล Galaxy S21 เมื่อวานนี้ นอกจากฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาแล้ว สิ่งหนึ่งที่ถูกตัดไปจาก Galaxy S21 ทั้งสามรุ่นก็คือช่องใส่การ์ดความจำเพิ่ม ที่มีมาตั้งแต่สมัย Samsung Galaxy รุ่นแรก แปลว่าผู้ใช้งานไม่สามารถใส่ microSD card ไว้สำหรับเก็บรูปหรือย้ายแอปไปใส่เมื่อเครื่องเริ่มเต็มได้อีกต่อไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะมีวี่แววมาตั้งแต่ที่ Samsung ไม่เปิดให้ใช้งานฟีเจอร์ adoptable storage ของ Android มาตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่จะนับการ์ดความจำเสริม รวมไปในพื้นที่หน่วยความจำของเครื่องเลย และจะสามารถลงแอป หรือแม้แต่เก็บข้อมูลของระบบปฎิบัติการไว้บนนั้นได้ แม้จะทำให้ microSD card ถอดย้ายไปเครื่องอื่นไม่ได้อีกต่อไป (เพราะเหมือนเป็นส่วนเดียวกับมือถือไปแล้ว) แต่ก็มีผู้ใช้ที่ชื่นชอบฟีเจอร์นี้ของ Android อยู่มากมาย การตัดช่อง microSD card ออกครั้งนี้เป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะผู้ใช้มือถือเรือธงเริ่มหารุ่นที่รองรับได้ยากขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าแปลกที่โทรศัพท์รุ่นกลางถึงล่าง ยังรองรับอยู่ ฉะนั้นใครที่จำเป็นต้องเก็บรูปหรือวิดีโอเยอะๆ ก็อาจจะต้องขยับไปใช้มือถือรุ่นกลางมากขึ้น หากหน่วยความจำสูงสุดของรุ่นเรือธง เช่น 512GB ของ Galaxy S21 Ultra ไม่เพียงพอสำหรับคุณ Samsung เป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟน Android รายใหญ่ที่สุดในโลก และเมื่อ Samsung ทำอะไร หลายๆ ครั้งแบรนด์อื่นก็อาจจะทำตาม คงต้องติดตามกันต่อไปว่าช่องใส่ microSD จะเริ่มหายไปจากมือถือ Android เรื่อยๆ หรือไม่ในอนาคต ที่มา - Android Police
# เปิดราคา Galaxy S21 เริ่ม 27,900 บาท, 33,900 บาท, 39,900 บาท ส่วน Galaxy Buds Pro 6,990 บาท ซัมซุงประเทศไทยเปิดราคาซีรีส์ Galaxy S21 แล้วดังนี้ Galaxy S21 5G มีสี Phantom Pink, Phantom Gray และ Phantom Violet ราคาเริ่ม 27,900 บาท Galaxy S21+ 5G มีสี Phantom Violet, Phantom Black และ Phantom Silver ราคาเริ่มต้น 33,900 บาท Galaxy S21 Ultra 5G มี 2 สี Phantom Black และ Phantom Silver ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท ขณะอุปกรณ์เสริม Galaxy Buds Pro อยู่ที่ 6,990 บาท ส่วน Galaxy SmartTag ราคา 890 บาท ซัมซุงเปิดให้จอง Galaxy S21 ซีรีส์ล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้ - 28 มกราคมนี้ มีโปรดังนี้ เมื่อจอง Galaxy S21 Ultra 5G รับฟรี หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุด Galaxy Buds Pro คู่กับ Galaxy SmartTag และสำหรับผู้ที่จอง Galaxy S21+ 5G หรือ Galaxy S21 5G รับฟรี หูฟังไร้สาย Galaxy Buds Live มูลค่า 5,990 บาทคู่กับ Galaxy SmartTag รับเพิ่ม Travel Adapter มูลค่า 490 บาท เมื่อจองผ่าน Samsung Experience Store และ samsung.com
# ลองจับ Galaxy S21 Ultra แม้รองรับปากกา แต่ยังไม่ได้มาแทนที่ Galaxy Note ก่อนงานเปิดตัว Galaxy Unpacked เมื่อคืนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ลองจับลองเล่น Galaxy S21 ทั้ง 3 รุ่นเป็นเวลาสั้น ๆ จากซัมซุงประเทศไทย โดยจะขอพูดถึง Galaxy S21 Ultra เป็นหลัก เพราะเป็นรุ่นมีจุดเด่นและแตกต่างจากอีก 2 รุ่นย่อยมากที่สุด จุดแตกต่างแรกที่สัมผัสได้คือหน้าจอ ที่ขอบจอมีความโค้งมนน้อยลง มีความแบนมากขึ้น เช่นเดียวกับสีจอที่รู้สึกว่าสวยขึ้น ดำก็ดำมากขึ้น สีดูมีมิติขึ้นเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก สีที่ผมได้ลองเล่นคือสี Phantom Black (aka Matte Black) ซึ่งเป็นสีดำขุ่น ไม่มีความเงาแต่สวย ไม่ติดลายนิ้วมือเท่าไหร่นัก ติดก็แค่ความมันเท่านั้น กล้องผมไม่มีโอกาสได้ทดลอง คงต้องรอในบทรีวิวทีเดียว แต่จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Ultra คือการรองรับ S Pen ที่ไม่ได้แถมมาให้ในตัวเหมือน Galaxy Note ทำให้ในแง่การใช้งาน S Pen มันเหมือนเป็นส่วนเสริมจริง ๆ เหมือนเป็นแค่ stylus ที่ใช้ปัดหน้าจอหรือเขียนจอแทนนิ้ว ไม่ได้มีความ S Pen (ish) เหมือนอย่างตอนใช้งานใน Galaxy Note เพราะตัว S Pen ไม่ได้เชื่อมต่อกับ S21 Ultra ผ่านบลูทูธเลย เวลาจะใช้งานต้องเอา S Pen แตะหน้าจอ S21 Ultra ก่อน ตัว OneUI ถึงจะแสดงคีย์ลัดสำหรับปากกาขึ้นมาให้ เพื่อจดโน้ต ซึ่งคีย์ลัดตรงนี้ไม่แตกต่างจากบน Galaxy Note ที่จะปรากฎเมื่อเราดึง S Pen ออกจากเครื่อง ส่วนการเขียนด้วย S Pen บน S21 Ultra ก็ยังคงให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากบน Galaxy Note มากนัก นอกจากนี้พอ S21 Ultra ไม่มีช่องเสียบ S Pen มาให้ ซัมซุงก็เลยทำเคสยางซิลิโคนสำหรับเก็บ S Pen แยกมาให้อีกที ซึ่งแม้ตัวเคสจะมีความหนาเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยจากพื้นที่เก็บปากกา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนาเกินไปจนกระทบการใช้งานจริง สรุปในภาพรวมคือการรองรับ S Pen ของสมาร์ทโฟนที่ไม่ใช่ตระกูล Galaxy Note ครั้งแรกนี้ ซัมซุงยังคงวางฟังก์ชันนี้เป็นแค่ส่วนเสริมเท่านั้น ยังไม่ใช่ฟังก์ชันหลักและมีความแตกต่างในด้านฟีเจอร์กับ Galaxy Note อยู่ และถึงแม้ซัมซุงจะขยาย S Pen ไปยัง Z Fold ตัวท็อปพรีเมียมด้วย และก็น่าจะมีฟีเจอร์เหมือน Note (เพราะไลน์ผลิตภัณฑ์สูงกว่า) แต่หาก S Pen ยังเป็นแค่ส่วนเสริมของตระกูล Galaxy S อยู่แบบนี้ อย่างน้อย ๆ ในระยะสั้น ซัมซุงก็น่าจะยังไม่ทิ้งไลน์ Galaxy Note ที่มีจุดเด่นเรื่องปากกาไปแน่ ๆ
# หลุดหน้าตาใหม่ Windows 10X จัดไอคอน Taskbar อยู่ตรงกลาง, เลิกใช้ Live Tiles ข่าวคราวของ Windows 10X เงียบหายไปสักพักใหญ่ๆ ประกาศอย่างเป็นทางการครั้งสุดท้ายคือ เดือน พ.ค. 2020 ที่ไมโครซอฟท์เลื่อน Surface Neo ไม่มีกำหนด และบอกว่าปรับทิศทางของ Windows 10X มาใช้กับอุปกรณ์จอเดียวแทนจอคู่ แต่ล่าสุดเริ่มมีไฟล์อิมเมจของ Windows 10X หลุดออกมา ทำให้เราเห็นความคืบหน้าของไมโครซอฟท์กันบ้าง การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุดคือ Taskbar ย้ายไอคอนมาอยู่ตรงกลางหน้าจอ (เลิกชิดซ้าย) ลักษณะเดียวกับ Chrome OS ของกูเกิล ที่จะเป็นคู่แข่งกันโดยตรง ส่วน Start Menu ก็ตัด Live Tiles ออกไปทั้งหมดแล้ว กลายมาเป็น Start Menu แบบใหม่อย่างสมบูรณ์ โดย Start Menu แบบใหม่เรียบง่ายขึ้น แสดงผลเฉพาะไอคอนแอพอย่างเดียว ไม่แยกเป็น 2 คอลัมน์แบบในปัจจุบัน หน้าตาของแถบแจ้งเตือน notification ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย เปลี่ยนจากการแสดง sidebar ด้านขวา มาเป็นเมนูลอยขึ้นมาทับจอแทน และไอคอน Quick Settings ถูกย่อลงเล็กน้อย ของใหม่อีกอย่างคือ File Explorer ตัวใหม่ที่ไมโครซอฟท์เคยโชว์มาก่อนแล้ว มันเขียนด้วย UWP และรองรับ Dark Mode มาตั้งแต่ต้น ส่วนหน้าตาแอพตัวอื่นๆ เช่น Settings ไม่ต่างจาก Windows 10 ในปัจจุบัน ชมคลิปการใช้งานแบบเต็มๆ ที่มา - Windows Central
# Netflix ออกรายงานความหลากหลาย ในสหรัฐฯมีทีมงานผู้หญิงเกือบครึ่งแล้ว Netflix ออกรายงานความหลากหลายในองค์กรครั้งแรก เฉพาะในสหรัฐฯ พบว่ามีสัดส่วนผู้หญิงในองค์กรแล้ว 47% เพิ่มขึ้น 40% จากปี 2017 ทางบริษัทบอกด้วยว่าสัดส่วนผู้หญิงในทีมบริหารก็เพิ่มขึ้นในระดับเดียวกัน ส่วนทีมเทคนิค สัดส่วนผู้หญิงคิดเป็น 35% ด้านความหลากหลายทางชาติพันธุ์ Netflix เผยว่า มีพนักงานคนดำ 8% เพิ่มขึ้นจากปี 2017 เป็น 2 เท่า กลุ่ม Hispanic เพิ่มเป็น 8.1% จากเดิม 6% ในตำแหน่งระดับผู้อำนวยการขึ้นไป 42% เป็นผู้มีปูมหลังทางเชื้อชาติหลากหลาย เช่น คนดำ, ลาติน หรือ Hispanic, ตะวันออกกลาง, เอเชีย เป็นต้น องค์กรเทคโนโลยีและความบันเทิงเริ่มมองเห็นความสำคัญของการมีทีมงานที่มีความหลากหลาย ส่วนหนึ่งเพราะสังคมกดดัน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบริษัทด้วย ในมุมของ Netflix ความหลากหลายเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเปิดบริการใน 190 ประเทศ มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมของคนยุคใหม่ทั่วโลก จึงต้องการพนักงานที่สามาระสะท้อนความหลากหลายได้อย่างแท้จริง ปัจจุบัน จำนวนพนักงานเต็มเวลาของ Netflix ที่ทำงานในลอสแองเจลิสและซิลิคอนวัลเล่ย์ มีราว 8,000 คน Verna Myers ดูแลความหลากหลายใน Netflix บอกว่า สัดส่วนความหลากหลายยังไม่ถือว่าดี แต่ดีกว่าบริษัทเทคโนโลยีส่วนใหญ่ ภาพจาก Netflix ที่มา - Bloomberg, Netflix
# Philips Hue เปิดตัวโมดูลติดสวิตซ์ไฟบ้านแปลงเป็นสมาร์ทสวิตซ์, สวิตซ์หรี่ไฟดีไซน์ใหม่ Signify บริษัทในกลุ่ม Philips เปิดตัวสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ Philips Hue โดยรอบนี้มีสินค้ากลุ่มสวิตซ์ไฟ 2 รายการ และหลอดไฟอีก 2 รายการ สินค้าชิ้นแรกคือ Philips Hue wall switch module เป็นโมดูลสำหรับติดตั้งกับสวิตซ์ไฟธรรมดาให้ใช้งานร่วมกับหลอดไฟอัจฉริยะได้ จากเดิมที่เมื่อใช้หลอดไฟอัจฉริยะ สวิตซ์ไฟจะต้องเปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา โมดูลนี้จะนำมาติดตั้งเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวไม่ว่าจะเปิดหรือปิดสวิตซ์ก็ทำให้ไฟสว่างได้ตลอดเวลา และสามารถเซ็ทฟังก์ชันของสวิตซ์ไฟตัวนี้ผ่านแอป Hue ได้ด้วย ตัวโมดูลใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่ Signify ระบุว่าจะมีอายุการใช้งานขั้นต่ำ 5 ปี Philips Hue wall switch module จะวางจำหน่ายที่ราคาชิ้นละ 39.95 ยูโร หรือราว 1,500 บาท และชุดสองชิ้นที่ราคา 69.95 ยูโร หรือราว 2,500 บาท ถัดไปคือ Philips Hue dimmer switch ดีไซน์ใหม่ เป็นสวิตซ์ไฟสำหรับควบคุมหลอดไฟ Philips Hue โดยไม่ต้องใช้แอป ไม่ว่าจะเป็นการปรับแสงสว่างให้หรี่ลงหรือสว่างขึ้น หรือเซ็ท scene ในห้อง ตัวสวิตซ์นี้รองรับการติตดั้งกับผนังเหมือนกับสวิตซ์ไฟธรรมดา หรือจะวางบนพื้นผิวโลหะก็ได้ วางจำหน่ายที่ราคา 19.95 ดอลลาร์ หรือราว 600 บาท ส่วนหลอดไฟอีก 2 รายการ ได้แก่ Philips Hue Amarant ไฟสปอตไลท์สำหรับใช้ในสวนหรือพื้นที่ระเบียง โดยเน้นใช้งานเป็นไฟประดับ และ Philips Hue Appear ไฟใช้งานติดกำแพงนอกบ้านรุ่นใหม่ มาพร้อมสัมผัสเป็นสแตนเลสสตีล พร้อมกับติดตั้งง่ายกว่าเดิม โดยหลอดไฟทั้งสองวางจำหน่ายที่ราคาหลอดละ 149.99 ยูโรหรือราว 5,500 บาท ที่มา - Signify Philips Hue Amarant Philips Hue Appear
# [Reuters] รัฐบาลทรัมป์ เพิ่ม Xiaomi เข้ารายการแบล็กลิสต์สินค้าจากจีนด้วย Reuters ระบุว่าได้รับเอกสารเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คณะรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มรายการสินค้าต้องห้ามจากจีน อีก 9 บริษัท หนึ่งในนั้นมี Xiaomi และบริษัทผลิตเครื่องบิน Comac ด้วย ส่วนรายชื่ออื่น Reuters ยังไม่ได้เปิดเผย การเข้าบัญชีดำ ส่งผลให้บริษัทดังกล่าวไม่สามารถมาลงทุนใหม่ในสหรัฐฯ ได้ บังคับให้นักลงทุนชาวอเมริกันต้องถอนการถือครองบริษัทที่อยู่ในบัญชีดำภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2021 แม้ทรัมป์ใกล้จะหลุดพ้นจากตำแหน่งเต็มที ก็ยังเดินหน้าแบนสินค้าจีนต่อไป ช่วงที่ผ่านมาก็ลงนามคำสั่งแบนแอปพลิเคชั่นจากจีนเพิ่ม หนึ่งในนั้นคือ Alipay, WeChat Pay ด้าน Xiaomi เมื่อดูจากผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2020 พบว่ามีการเติบโตในตลาดนอกจีนมากโดยเฉพาะฝั่งอินเดียและยุโรป ส่วนสหรัฐฯ ไม่ติด 1 ใน 5 ตลาดหลักของ Xiaomi ที่มา - Reuters