txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# ทวิตเตอร์ล่มแถบเอเชีย
ช่วงห้าทุ่มที่ผ่านมา ผู้ใช้ในไทยจำนวนหนึ่งไม่สามารถเข้าทวิตเตอร์ได้ ผมทดสอบดูพบว่าเป็นปัญหาที่ระดับเน็ตเวิร์คไม่สามารถเชื่อมต่อไปยังไอพีของทวิตเตอร์ได้เลย ทำให้ไม่มีโลโก้ล่มแบบเดิมๆ อีกแล้ว
หน้า status ของทวิตเตอร์ยังระบุว่าระบบทำงานได้ดี แต่ผู้ใช้ในสิงคโปร์ก็รายงานปัญหาว่าล่มเช่นเดียวกัน ทำให้แม้เราจะ VPN ออกไปยังสิงคโปร์ก็ใช้งานไม่ได้อยู่ดี |
# ตามรอย Telegram, Signal เชิญชวนผู้ใช้ร่วมตั้งพรอกซี่หลบบล็อคของอิหร่าน
Signal เชิญชวนผู้ใช้ให้ช่วยกันตั้งพรอกซี่เพื่อให้ชาวอิหร่านสามารถใช้งานแอปต่อไปได้ หลังจากรัฐบาลบล็อคแอป
แนวทางของ Signal คือสร้างโครงการ Signal-TLS-Proxy ที่เป็นพรอกซี่ง่ายๆ ที่จะไม่สามารถเข้าเว็บอื่นได้นอกจากเชื่อมต่อกับ Signal และตัวแอป Signal เองก็ยังมี URL รูปแบบ https://signal.tube/#<your_domain_name> ทำให้แอปสามารถคอนฟิกพรอกซี่ได้จากลิงก์โดยตรง
แนวทางการสร้างแนวร่วมจำนวนมากมาช่วยกันตั้งพรอกซี่เป็นแนวทางที่ Telegram เคยใช้สู้กับรัฐบาลรัสเซียในปี 2018 ทำให้การบล็อคของรัฐบาลล้มเหลวและต้องเลิกบล็อคไปในที่สุด
ตอนนี้แอป Signal เพิ่งเริ่มรองรับพรอกซี่เฉพาะบนแอนดรอยด์ และจะรองรับบนแพลตฟอร์มอื่นเร็วๆ นี้
ที่มา - Telegram |
# Docker แยกโครงการ Registry ออกเป็นโครงการแยก ใช้ชื่อ Distribution พร้อมส่งเข้า CNCF
Docker Inc ผู้ดูแลโครงการ Docker ประกาศแยกโครงการส่วน Registry ออกมาเป็นโครงการใหม่ในชื่อ Distribution พร้อมกับบริจาคโค้ดเข้า CNCF ให้ดูแลโครงการ
แม้ Docker จะเป็นผู้ออกแบบฟอร์แมตไฟล์อิมเมจสำหรับรันคอนเทนเนอร์ทุกวันนี้ (จนคนเรียกสลับกันไปมาระหว่าง Docker และคอนเทนเนอร์) แต่ในโลกองค์กรก็มี Registry ใช้งานกันหลายยี่ห้อ เช่น Harbor ของ VMWare หรือ Quay (คี) ของ Red Hat ทาง Docker ระบุว่าหลายครั้งโครงการมัก fork จาก Docker ออกไปแล้วแก้นิดๆ หน่อยๆ แต่ไม่ส่งโค้ดกลับเข้าโครงการต้นน้ำ ทำให้ขาดความร่วมมือในการพัฒนา
แนวทางการสร้างโครงการแยกครั้งทาง Docker หวังว่าจะให้ทุกคนมาช่วยกันพัฒนา Registry กลางที่ทุกคนนำไปพัฒนาต่อได้ โดยติดต่อเชิญชวนนักพัฒนาจาก GitHub, Digital Ocean, Mirantis, และ Harbor แล้ว
ที่มา - Docker |
# Garmin ประเทศไทย เปิดตัว Lily สมาร์ทวอทช์สำหรับผู้หญิง เริ่มต้น 6,790 บาท
Garmin เปิดตัว Lily สมาร์ทวอทช์สำหรับผู้หญิง ตัวเรือน 34 มิลลิมเมตร สายนาฬิกาขนาด 14 มิลลิเมตร หน้าจอ liquid crystal monochromatic ดีไซน์สไตล์เครื่องประดับ มีสองรูปแบบแบบละสามสี คือรุ่นคลาสสิกสายหนัง ราคา 8,490 และรุ่นสปอร์ตสายซิลิโคน ราคา 6,790 บาท อายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุดถึง 5 วัน ไม่มี GPS ในตัว
ด้านฟีเจอร์ สามารถตรวจวัดการหายใจ ออกซิเจนในเลือด (Pulse OX) ความเครียด ปริมาณน้ำในร่างกาย ติดตามการนอนหลับและอัตราการเต้นของหัวใจ ได้ 24 ชั่วโมง มีกิจกรรมกำหนดลมหายใจ Breathwork ช่วยในการลดความเครียด ทำสมาธิ มีแอปกีฬาโยคะ พิลาทิส คาร์ดิโอ ลู่วิ่ง และอื่นๆ มีแอปปฏิทิน
มีฟีเจอร์พิเศษติดตามรอบเดือน บันทึกการตั้งครรภ์ ตั้งแจ้งเตือนอัตราการเต้นหัวใจ บันทึกการเคลื่อนไหวของทารก ระดับน้ำตาลในเลือด และหยุดสถานะการฝึกซ้อมไว้ชั่วคราวได้ระหว่างตั้งครรภ์ ในแอป Garmin Connect มีฟีเจอร์ Assistance ส่งตำแหน่งปัจจุบันไปยังผู้ติดต่อฉุกเฉินได้ มี LiveTrack ให้เพื่อนและครอบครัวติดตามตำแหน่ง ขณะออกกำลังได้
สมาร์ทวอทช์ Lily เปิดจองล่วงหน้า 3 – 7 กุมภาพันธ์นี้ จำกัด 400 เรือน ผ่านทางเว็บไซต์ Garmin by GIS และ B2S Thailand วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# Google Cloud เผยรายได้ปี 2020 13 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังขาดทุน 5.6 พันล้านดอลลาร์
ในงานแถลงผลประกอบการของ Alphabet ไตรมาสล่าสุด (4/2020) มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญเรื่องวิธีการแยกส่วนรายได้และกำไร เดิมที Alphabet แยกตัวเลขกำไรเป็นแค่ 2 ก้อนคือ Google และ Other Bets (โครงการอื่นๆ) แต่ไตรมาสนี้แยกให้เห็นกำไร-ขาดทุนของธุรกิจคลาวด์ออกมาต่างหาก กลายเป็น Google Services, Google Cloud, Other Bets (ตัวเลขรายได้ Cloud แยกครั้งแรกในไตรมาส 4/2019 แต่เพิ่งมาแยกกำไรรอบนี้)
การแยกรายได้รอบนี้ทำให้เราเห็นภาพรวมของธุรกิจ Google Cloud เป็นครั้งแรก และสามารถนำไปเทียบตรงๆ กับคู่แข่งคือ AWS และ Microsoft Azure ได้ละเอียดขึ้นกว่าเดิมมาก
ในไตรมาสล่าสุด Google Cloud มีรายได้ 3.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 2.6 พันล้านดอลลาร์ หักค่าใช้จ่ายแล้ว ขาดทุน 1.2 พันล้านดอลลาร์ ถือว่าไล่เลี่ยกับตัวเลขของปีก่อน (รายได้เพิ่มขึ้น ขาดทุนเท่าเดิม)
กูเกิลยังให้ตัวเลขย้อนหลัง Google Cloud ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2018-2020 ว่ามีรายได้ 5.8 พันล้าน, 8.9 พันล้าน และ 13 พันล้านตามลำดับ แสดงให้เห็นการเติบโตที่ชัดเจนของ Google Cloud โดยเฉพาะในรอบ 2 ปีล่าสุดที่ได้ Thomas Kurian ผู้บริหารของ Oracle มาเป็นหัวหน้าตั้งแต่ต้นปี 2019
แต่ธุรกิจคลาวด์ของกูเกิลเองก็ขาดทุนอยู่ตลอด ตัวเลขการขาดทุนรอบ 3 ปีที่ผ่านมาคือ 4.3 พันล้าน, 4.6 พันล้าน และ 5.6 พันล้านตามลำดับ
หากเทียบกับคู่แข่งแล้ว เจ้าตลาด AWS มีรายได้ตลอดปี 2020 ที่ 45 พันล้านดอลลาร์ (สูงกว่ากูเกิลประมาณ 3 เท่า) และเป็นธุรกิจที่มีกำไรแล้ว 13.5 พันล้านดอลลาร์
ที่มา - Alphabet, CNBC, ZDNet |
# Ford ลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าและไร้คนขับเพิ่มอีกเท่าตัวเป็น 2.9 หมื่นล้านเหรียญ
Ford ประกาศลงทุนในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับเพิ่มเติมจากเดิม 1.15 หมื่นล้านเหรียญเป็น 2.9 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งเป็นเม็ดเงินลงทุนภายในปี 2025
จำนวนเงิน 2.9 หมื่นล้านเหรียญแบ่งเป็น รถยนต์ไร้คนขับ 7 พันล้านเหรียญและรถยนต์ไฟฟ้าอีก 2.2 หมื่นล้านเหรียญ (ตัวเลข 2.2 หมื่นล้านรวม 7 พันล้านที่ลงทุนไปตั้งปี 2016 แล้ว)
ที่มา - The Verge
Mustang Mach-E รถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของ Ford |
# SCB 10X กับ Digital Health Venture ของสมิติเวช ทำ SkinX แอปพบหมอรักษาผิวหนังและสิว
SCB 10X ร่วมกับ Digital Health Venture บริษัทในเครือโรงพยาบาลสมิติเวช เปิดตัว SkinX แพลตฟอร์มพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ ตั้งแต่ปัญหาสิว ผิวหนัง และหนังศรีษะ รวมแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางกว่า 50 คน จาก 17 โรงพยาบาลและคลินิกผิวหนัง เช่น รพ.สมิติเวช, เมโกะ คลินิก, ผิวดีคลินิก, Iskyคลินิก, Smith prive' aesthetique และ Thera คลินิก เป็นต้น ดาวน์โหลดได้แล้วทั้ง iOS และ Android
นายกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร Head of Venture Builder ของ SCB 10X กล่าวว่า จากการเปิดทดลองใช้งานช่วงต้นเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา SkinX มีผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อใช้งานมากกว่า 19,400 ราย ตั้งเป้ามียอด 40,000 ดาวน์โหลด ยอดผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม SkinX เพื่อปรึกษาแพทย์ออนไลน์กว่า 3,000 ครั้ง มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังคอยให้คำปรึกษากว่า 150 คน ภายในไตรมาสแรกปี 2564
พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์ม SkinX กล่าวว่า “เทรนด์ในช่วงโควิด-19 ระบาด พบว่า 35% ของคนไทย มองว่าการดูแลความสวยความงามในบ้าน คือ ไลฟ์สไตล์ใหม่ของพวกเขา และเกือบ 50% ของผู้ป่วยมีความต้องการในการใช้ digital health tool ในการพบหมอ
ผู้ใช้งานสามารถใช้ SkinX เพื่อพบแพทย์ผ่านวิดิโอคอล สั่งยา และติดตามผลได้ นอกจากนี้ยังมีบริการจัดส่งยาตามใบสั่งแพทย์โดยเภสัชกรถึงบ้านฟรีจนถึง 31 มีนาคมนี้ เมื่อสั่งยา150 บาท ขึ้นไป
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# Activision Blizzard ยืนยัน Overwatch 2 และ Diablo 4 จะยังไม่วางขายปีนี้
เรียกได้ว่าตัดไฟไม่ให้ความหวังกันตั้งแต่ต้น เมื่อ Activision Blizzard กล่าวในการรายงานผลประกอบการว่า เกมใหม่ที่แฟน ๆ รออย่าง Diablo 4 และ Overwatch 2 ที่เปิดตัวตั้งแต่ 2019 จะยังไม่วางขายในปีนี้
Activision Blizzard ระบุในรายงานว่า เกมอื่น ๆ (นอกเหนือจาก Call of Duty, World of Warcraft และ Candy Crush ที่เป็นเกมขับเคลื่อนรายได้หลักในปี 2021) ที่กำลังพัฒนาค่อนข้างมีความก้าวหน้า และบริษัทก็คาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนบริษัทในปี 2022 แต่ก็ไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนของ Diablo 4 และ Overwatch 2
ภาคก่อนหน้าอย่าง Diablo 3 ใช้เวลาพัฒนา 4 ปีหลังเปิดตัวถึงจะวางขาย ดังนั้นไทม์ไลน์ของภาคนี้น่าจะแตกต่างกันไม่มากนัก
ที่มา - Polygon |
# Tale of Immortal เกม open-world จากจีน ฮิตติดชาร์ต ผู้เล่นบน Steam แซง GTA:V
Tale of Immortal เกม open-world RPG แนวจีนกำลังภายในย้อนยุคที่มีงานอาร์ตเหมือนศิลปะจีนโบราณ จากผู้พัฒนาสัญชาติจีน ที่เพิ่งเปิดเป็น early access และมีเฉพาะภาษาจีนบน Steam กลับมีผู้เล่นสูงสุดเมื่อวานนี้ รวมกันได้ถึง 172,000 คน โดยอ้างอิงจาก Steamcharts ขึ้นเป็นอันดับ 5 แซง GTA:V และเกม Rust
ช่วงที่ผู้เขียนเขียนข่าวนี้ ก็ยังมีผู้เล่นอยู่ราว 63,000 คน อยู่ในอันดับ 7 แซงได้ทั้ง Rocket League, GTA:V และ Rainbow Six: Siege น่าสนใจที่เกม early access ที่มีเฉพาะภาษาจีน กลับทำยอดผู้เล่นแซงหน้าเกมออนไลน์ยอดนิยมได้มากมาย
ดูเหมือนช่วงหลังมานี้ ผู้พัฒนาจากประเทศจีนจะร้อนแรงเป็นพิเศษ แม้หลายๆ เกมจะไม่ได้มีภาษาอังกฤษเลยก็ตาม เพราะนอกจาก Tale of Immortal แล้ว ยังมีเกมต่อสู้ The Scroll Of Taiwu ที่ขายได้ถึง 1 ล้านก็อปปี้บน Steam, Guijan 3 เกมแนว Final Fantasy ที่เปิดตัวในปี 2018 โดยมีแค่ภาษาจีน แต่ก็ยังขายได้ถึง 1.3 ล้านก็อปปี้
นอกจากนี้ยังมีเกมที่ยังไม่เปิดตัว อย่าง Bright Memory เกม FPS จากจีนที่มีผู้พัฒนาเพียงคนเดียว ที่น่าสนใจถึงขั้นได้เปิดตัวพร้อม Xbox Series X และ Black Myth Wukong เกมไซอิ๋วระดับ AAA ถือได้ว่ามีเกมร้อนแรงน่าจับตา มากมายเลยทีเดียว
ส่วนฝั่งเกมมือถือไม่ต้องพูดถึง เพราะดูเหมือนนักพัฒนาจีนจะครองตลาดมาสักพักแล้ว โดยเฉพาะล่าสุด Genshin Impact จาก Mihoyo ก็ทำรายได้ถล่มทลาย จนสามารถแจกทั้งการ์ดจอรุ่นใหม่ ทั้ง PS5 ให้พนักงานไปเรียบร้อยแล้ว
ที่มา - PC Gamer |
# Google Fit รองรับการตรวจจับอัตราการเต้นหัวใจและการหายใจ ใช้แค่กล้อง
Google ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ให้ Google Fit สามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจได้แล้วโดยอาศัยแค่กล้องเท่านั้น กล้องหน้าจะใช้ตรวจจับการหายใจ โดยการวางกล้องให้มีองศาเห็นหน้าและหน้าอก ขณะที่การเต้นหัวใจใช้นิ้วแตะที่กล้องหลัง
Google บอกว่าใช้ Computer Vision ในการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนที่ระดับพิกเซล อย่างการเคลื่อนที่ของหน้าอก หรือการเปลี่ยนสีที่ปลายนิ้วในระดับที่ตามนุษย์อาจจะมองไม่เห็น ขณะที่ตัวกล้องบนสมาร์ทโฟนปัจจุบันก็ละเอียดพอจะทำได้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามฟีเจอร์นี้ไม่ใช่ฟีเจอร์ด้านการแพทย์สำหรับการตรวจหาอาการผิดปกติใด ๆ แค่เป็นฟีเจอร์ด้านสุขภาพพื้นฐานเท่านั้น
ที่มา - Google |
# ใครคือ Andy Jassy?: จากลูกหม้อผู้ปลุกปั้น AWS สู่ซีอีโอผู้สืบทอดตำนาน Jeff Bezos
ข่าวใหญ่ในวงการเทคโนโลยีสัปดาห์นี้คงมีแต่ข่าวการลงจากตำแหน่งซีอีโอ Amazon ของ Jeff Bezos โดยแต่งตั้ง Andy Jassy ซีอีโอบริษัทลูก AWS จะเข้ามารับตำแหน่งต่อ
การส่งมอบมหาอาณาจักร Amazon ที่สร้างขึ้นมากับมือของ Jeff Bezos ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ Jeff Bezos ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในซีอีโอที่หาคนมาสืบทอดยากที่สุด จากงานวิจัยของ David Larcker ศาสตราจารย์ด้าน Corporate Governance จาก Stanford Graduate School of Business
หลังประกาศวางมือของ Jeff Bezos หุ้นของ Amazon กลับราคาไม่ตกเลย แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังเชื่อมั่น จึงน่าสนใจว่า Andy Jassy ที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก กลายเป็นผู้ที่รับมงกุฎต่อจาก Jeff Bezos ได้อย่างราบรื่น
จากลูกหม้อผู้ปลุกปั้น AWS
Andy Jassy เข้ามาทำงานกับ Amazon ในตำแหน่งฝ่ายการตลาด ตั้งแต่ปี 1997 หลังบริษัทขายหุ้น IPO ไม่นาน เขาเป็นคนกระตุ้นให้ยอดขาย Amazon Music ในยุคนั้นดีขึ้นมาได้
ผลงานของ Andy บวกคุณลักษณะที่โดดเด่นอย่าง ความหลงใหลในการแข่งขัน ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรือความสามารถจดจำสิ่งต่าง ๆ เป็นภาพ (Eidetic Memory) ไปเข้าตาซีอีโอ Jeff Bezos และถูกเลือกมาเป็น "ผู้ช่วยฝ่ายเทคนิค" (Technical Assistant) ของ Jeff
ตำแหน่ง Technical Assistant เป็นชื่ออย่างไม่เป็นทางการเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว Andy ถูกดึงเข้าไปร่วม S-Team กลุ่มผู้บริหารระดับสูงที่เป็นเหมือน “เงา” ของ Jeff Bezos ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทำให้ Andy ซึบซับและเรียนรู้แนวทางการบริหาร การจัดการ การแก้ปัญหาและปรัชญาของ Jeff มาตั้งแต่ยุคแรกๆ การอยู่ใน S-Team ยังทำให้ Andy มีบทบาทสำคัญในการปั้น AWS ขึ้นมาเป็นธุรกิจใหม่ของ Amazon ในช่วงต้นทศวรรษ 2000
เราอาจเคยได้ยินว่า AWS เกิดจากไอเดียของ Chris Pinkham และ Benjamin Black วิศวกรเน็ตเวิร์คของ Amazon ณ ตอนนั้นเป็นหลัก เพื่อแก้ปัญหาระบบหลังบ้านของ Amazon ที่สเกลไม่ทันตามความต้องการของลูกค้า และปัญหาจากการให้บริการ merchant.com (บริการทำระบบอีคอมเมิร์ซให้ลูกค้าอย่างเช่นห้าง Target) แต่อันที่จริง AWS ไม่ได้เกิดจากจังหวะแบบ “ยูเรก้า” หรือ “แอปเปิลตกใส่หัวนิวตัน” แล้วคิดออก แต่เกิดจากการพูดคุย ประชุมในการหาทางแก้ปัญหา ไม่ได้เป็นไอเดียของใครคนหนึ่งเสียทีเดียว
และด้วยการที่ Andy อยูใน S-Team ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการหาทางแก้ปัญหาระบบหลังบ้านของ Amazon ทำให้เขามีส่วนในการริเริ่มและผลักดันจน AWS เริ่มตั้งไข่ในปี 2003 พร้อมกับทีมอีกราว 57 คน ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2006 ซึ่ง Andy ก็ได้เป็นผู้บริหารระดับสูงที่ดูแล AWS มาตั้งแต่ตอนนั้นด้วย
แม้ Andy จบจากสายการตลาดและบริหาร รวมถึงไม่มีประสบการณ์ด้านโค้ดดิ้งเท่าไรนัก แต่ Andy ก็ได้รับความไว้วางใจจาก Jeff ให้ดูแลและขับเคลื่อน AWS มาตั้งแต่ต้น ดูแลทั้งแผนธุรกิจ อย่างไอเดียการคิดเงินตามการใช้งานจริง ทำให้นักพัฒนารายย่อยทั่วไปสามารถใช้งานคลาวด์ได้ หรือแนวทางออกฟีเจอร์จากการฟังเสียงเรียกร้องของลูกค้า/นักพัฒนา ก็มาจากทีมของ Andy
ภาพจาก AWS
สู่ซีอีโอคนที่ 2 ในรอบ 26 ปีของ Amazon
สาเหตุสำคัญที่ Andy Jassy ถูกวางตัวไว้เป็นตัวตายตัวแทนของ Jeff Bezos หนีไม่พ้นบุคลิกลักษณะนิสัยในการทำธุรกิจ และความเป็นผู้นำ ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ Jeff หรือพูดอีกอย่างคือ Andy เปรียบเสมือน “เงา” ของ Jeff ก็ไม่ผิดนัก
Matt McIlwain กรรมการผู้จัดการ Madrona Venture Group บริษัทลงทุนในซีแอทเทิลที่ลงทุนใน Amazon ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ และรักษาความสัมพันธ์มาตลอด 26 ปีเล่าว่า Andy คือตัวตนของวัฒนธรรม Amazon ที่เดินได้ (‘Andy embodies Amazon culturally’) อย่างเช่น การใส่ใจลูกค้า นำปัญหาของลูกค้ากลับมาเป็นโจทย์ อย่างที่เขาทำกับ AWS ซึ่งก็คล้ายกับแนวทางของ Jeff ที่ใส่ใจประสบการณ์ของลูกค้าอย่างจริงจัง (ขนาดที่ว่า Jeff อ่านอีเมลคำบ่นของลูกค้าทุกคนที่ส่งไปหาเขา)
ปรัชญาการทำงานที่โด่งดังของ Jeff อย่าง “Day 1” หรือการใช้แนวคิดแบบสตาร์ทอัพ คิดแบบคนเพิ่งเริ่มต้นเสมอ ไม่ว่าบริษัทมีขนาดใหญ่แค่ไหนก็ตาม เป็นต้นตอว่าทำไม Amazon ไปลงทุนกับอะไรใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา จนแตกไลน์มาเป็นธุรกิจใหม่ ๆ ให้ Amazon มากมาย อาทิ Kindle, Amazon Echo, Amazon Prime, Prime Air ฯลฯ ก็ได้รับการสืบทอดโดย Andy เช่นกัน เพราะเป็นที่รู้กันภายใน AWS ว่าเขาชอบสนับสนุนคนที่มีไอเดียใหม่ ๆ อยู่เสมอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราจะเห็น AWS มีบริการใหม่ ๆ แปลก ๆ อย่างที่เจ้าอื่นไม่มี เช่น Snowmobile บริการคลาวด์บนรถบรรทุก
Ann Hiatt อดีตผู้บริหารฝ่ายพาร์ทเนอร์ของ Amazon ก็เล่าให้ฟังว่า การคิดการอ่านของ Andy แทบไม่แตกต่างจาก Jeff แม้เขาจะมีวิธีการ มีรูปแบบของตัวเอง แต่ในแง่ประเด็นที่ให้ความสำคัญหรือการตัดสินใจ เขาแทบจะไม่แตกต่างจาก Jeff เลย
ที่ผ่านมา Andy ได้รับความไว้วางใจอย่างมากจาก Jeff ที่ให้อำนาจและอิสระในการบริหารจัดการ AWS ทั้งหมด เรียกได้ว่า AWS ถือเป็น Andy’s Show ก็ว่าได้ ผลคือ AWS ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ จนช่วงราวปี 2015 ที่ Amazon ตัดสินใจรายงานผลประกอบการ AWS แยกออกจากตัวเลขรวมของบริษัทเป็นครั้งแรก เทียบได้กับการแยกบริษัทลูกอย่างไม่เป็นทางการ และ Andy ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นซีอีโอ AWS ในปี 2016
ภาพจาก AWS
ความสามารถในการนำ AWS ขึ้นมาเป็นบริษัทที่ทำกำไรหลักให้ Amazon (ไตรมาสล่าสุดสัดส่วนกำไรจากทั้งบริษัท AWS กินไป 52% ทั้งที่หากนับเฉพาะรายได้ สัดส่วนอยู่แค่ 28% ) แม้มีคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Google หรือ Microsoft มาบุกตลาด แต่ส่วนแบ่งตลาด IaaS ของ Amazon อยู่ที่เกิน 30% มาโดยตลอด ถือเป็นบทพิสูจน์ความสามารถของ Andy ว่ามีเหลือเฟือ ทุกคนเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถนำพา Amazon ยุคหลังจากนี้ให้เติบโตขึ้นไปได้อีก
อันที่จริงชื่อเสียงและความสามารถของ Andy ค่อนข้างเป็นที่รับรู้กันในวงการเทคโนโลยีอยู่แล้ว Business Insider อ้างอิงข้อมูลจากคนวงในว่า เขาเคยถูก Steve Ballmer ทาบทามให้มารับตำแหน่งซีอีโอไมโครซอฟท์ต่อจากตัวเอง หรือเคยมีข่าวลือว่าเคยถูกวางตัวเป็นหนึ่งในตัวเลือกซีอีโอ Uber หลัง Travis Kalanick ลงจากตำแหน่งด้วย แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้บริหารมือดีที่วงการเล็งตัวกันมานาน
ภาพจาก AWS
แม้ Andy จะมีความเหมือน Jeff ในหลาย ๆ ด้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Amazon ภายใต้การบริหารของเขาจะเหมือนกับ Jeff ไปเสียทั้งหมด ด้วยประสบการณ์จาก AWS กว่า 15 ปี Andy อาจนำพาเอาดีเอ็นเอจาก AWS ที่เป็นบริษัทเทคมาสู่ Amazon ที่เป็นบริษัทค้าปลีก และสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงองค์กรและโมเดลธุรกิจก็ได้ ซึ่งนักวิเคราะห์ก็มองว่า Andy Jassy มีความเป็นไปได้ที่จะพา Amazon ขึ้นไปยังจุดสูงสุดใหม่ของบริษัท ด้วยการยืนอยู่บนไหล่ยักษ์ เหมือนกับที่ Satya Nadella ทำกับ Microsoft, Tim Cook ทำกับ Apple หรือ Sundar Pichai ทำกับ Google
แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่ Andy Jassy รับช่วงต่อไม่ได้มีแค่ความยิ่งใหญ่ของ Amazon แต่เขายังต้องรับช่วงเผือกร้อน ปัญหาใหญ่ๆ ที่ซับซ้อนและขัดแย้ง ทั้งเรื่องการรับกับมือภาครัฐเรื่องการผูกขาด, ปัญหาการจ่ายภาษี ไปจนถึงปัญหาการจัดการและสิทธิแรงงานของบริษัทด้วย |
# Snapchat ยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวแอปเปิล จะกระทบรายได้โฆษณา
ในการรายงานผลประกอบการ Snapchat ยังมีการพูดถึงประเด็นนโยบายความเป็นส่วนตัวใหม่ของแอปเปิลด้วยว่า จะส่งผลกระทบต่อรายได้โฆษณา แม้รายได้จากไตรมาสล่าสุดสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ Derek Andersen ซีเอฟโอระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ใน iOS 14 จะเป็นความเสี่ยงอีกปัจจัยที่จะกระทบรายได้โฆษณา แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะส่งผลระยะยาวอย่างไรบ้าง
ด้าน Evan Spiegel ซีอีโอบอกด้วยว่า ยินดีที่แอปเปิลตัดสินใจทำนโยบายเพื่อความเป็นส่วนตัว เพื่อความถูกต้องและเป็นการทำเพื่อลูกค้า Snapchat ยังบอกด้วยว่า หลังเหตุการณ์ม็อบบุกรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา มีหลายรายที่ระงับการลงโฆษณาใน Snapchat ถึงสองสัปดาห์
ภาพจาก Snapchat
ที่มา - CNET |
# Call of Duty รายได้พุ่ง ผู้เล่นต่อเดือนแตะ 148 ล้าน, ยืนยันออกภาคใหม่ปลายปี 2021
Activision Blizzard เผยผลประกอบการไตรมาส 4/2020 ออกมาดีเยี่ยม รายได้ 2.4 พันล้านดอลลาร์ เติบโต 25% กำไรจากการดำเนินงานเติบโต 70%
Activision เผยว่ามีผู้เล่นรวม 400 ล้านคนต่อเดือน (MAU) ในปี 2020 และมุ่งเป้าไปที่ผู้เล่นระดับ 1 พันล้านคน พระเอกของค่ายไม่มีใครอื่นนอกจากแฟรนไชส์ Call of Duty ที่มีผู้เล่นรวมกันเพิ่มเป็น 148 ล้านคนต่อเดือนแล้ว (MAU) หากนับผู้เล่นทั้งหมดในปี 2020 อยู่ที่ 250 ล้านคน ถือว่าเติบโตขึ้นมากจาก 70 ล้านคนในปี 2018
ตอนนี้ Call of Duty มีทั้งหมด 4 เกมคือ Modern Warfare, Black Ops Cold War (เสียเงิน) กับ Warzone, Mobile (เล่นฟรี) เกมกลุ่มเสียเงินมีรายได้เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการวางขาย Black Ops Cold War ส่วนรายได้ภายในเกมของ Call of Duty ทุกภาคบนคอนโซล-พีซี (ไม่รวม Mobile) เพิ่มขึ้น 50% ฝั่งของ Call of Duty Mobile ก็ประสบความสำเร็จทั้งในแง่รายได้และจำนวนผู้เล่น แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลข
Dennis Durkin ซีเอฟโอของ Activision ยังตอบคำถามที่แฟนๆ ทุกคนอยากรู้ว่า เราจะได้เห็น Call of Duty ภาคใหม่ในไตรมาส 4 ปี 2021 แน่นอน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่ารอบนี้เป็นสตูดิโอไหนทำ หลังธรรมเนียมการวนรอบ 3 ปีถูกยกเลิกไปในปี 2020 (Treyarch ลัดคิวมาทำ Black Ops Cold War ก่อนกำหนด ส่วน Sledgehammer เงียบไปตั้งแต่ออก WWII ในปี 2017 จากปัญหาภายใน)
ฝั่ง Blizzard เกมหากินตลอดกาล World of Warcraft ก็ทำรายได้ดี จากการวางขายภาคเสริม Shadowlands รายได้รวมทั้งปีเพิ่ม 40% ส่วนฝั่งเกมมือถือในตระกูล King มีผู้เล่นต่อเดือนแตะ 240 ล้านคน เกมเด่นอย่าง Candy Crush ก็ยังไปได้ดี
ที่มา - Activision, VG Chronicles |
# Robert Altman ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Zenimax Media บริษัทแม่ Bethesda เสียชีวิตแล้ว
Robert Altman ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Zenimax Media เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 73 ปี เขาเคยเป็นทนายความ ก่อนจะออกมาก่อตั้ง Zenimax Media กับ Christopher Weaver ในปี 1999
Zenimax Media เป็นบริษัทแม่ของ Bethesda Softworks ผู้สร้าง Elder Scrolls และผู้ถือลิขสิทธิ์เกม Fallout ตั้งแต่ภาค 3 เป็นต้นมา, id Software ผู้สร้างเกม Doom, Arkane Studio ผู้สร้าง Dishonered, Tango Gameworks ผู้สร้าง The Evil Within และอีกมากมาย
ที่มา - Bethesda twitter account via Kotaku |
# Snapchat เผย Spotlight ที่ทำสู้ TikTok มีผู้ใช้งานถึง 100 ล้านราย ทั้งที่เปิดตัวได้ 2 เดือน
ในรายงานผลประกอบการ Snapchat เผยด้วยว่า ฟีเจอร์ Spotlight ที่ให้อัดคลิปสั้นประกอบเพลงได้เหมือน TikTok นั้นมีผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านรายแล้ว ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวในบางประเทศเมื่อเดือน พ.ย. 2020 ที่ผ่านมา
Spotlight เปิดตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน, เดนมาร์ก, เยอรมนี และฝรั่งเศส จ่ายเงินจูงใจให้คนมาใช้งานด้วยการจ่ายเงินให้คนที่ทำคลิปดังจนเป็นไวรัล ตกวันละ 1 ล้านดอลลาร์ จ่ายทุกวันไปจนถึงสิ้นปี
Evan Spiegel ซีอีโอ Snap บอกว่า มีการอัพโหลดวิดีโอมากกว่า 175,000 รายการต่อวันโดยเฉลี่ย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโปรแกรมจ่ายเงินเพื่อเป็นแรงจูงใจสำหรับครีเอเตอร์ ด้าน Derek Andersen ซีเอฟโอ บอกว่าจะยังคงทุ่มทุนจ่านเงินเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานต่อไป เพราะมองเห็นตัวเลขผู้ใช้งานที่เติบโตมากขึ้นจริงๆ
ส่วนผู้ใช้งาน Snapchat จากรายงานผลประกอบการ มีผู้ใช้งานโตขึ้น ผู้ใช้งานรายวัน 265 ล้านคน รายรับ 911 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 62% จากปีที่แล้ว
ที่มา - Engadget |
# กูเกิลถอดส่วนขยาย The Great Suspender ของ Chrome เพราะเจอมัลแวร์
กูเกิลถอดส่วนขยาย The Great Suspender ออกจาก Chrome Web Store รวมถึงปิดการทำงานบนเครื่องของผู้ใช้ด้วย โดยให้เหตุผลว่าพบมัลแวร์ฝังอยู่ในส่วนขยายนี้
The Great Suspender เป็นส่วนขยายยอดนิยมตัวหนึ่งของ Chrome ทำหน้าที่ "พัก" แท็บที่ไม่ใช่งานนานๆ เพื่อประหยัดทรัพยากรเครื่อง ส่วนขยายตัวนี้เริ่มพัฒนาขึ้นเป็นโอเพนซอร์ส (GitHub) แต่ช่วงปลายปี 2020 มีการเปลี่ยนมือเจ้าของใหม่ที่ไม่ระบุชื่อชัดเจน โดยโค้ดเวอร์ชันที่ส่งขึ้น Chrome Web Store ไม่เหมือนกับเวอร์ชันที่เผยแพร่บน GitHub ซะทีเดียว
ประเด็นเรื่องช่องโหว่ใน The Great Suspender ถูกเตือนกันมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 ว่าเวอร์ชัน 7.18 มีช่องโหว่ฝังไว้ และไมโครซอฟท์ก็ถอด The Great Suspender ออกจาก Edge ไปก่อนแล้ว แต่ทีมพัฒนาชุดปัจจุบันออกเวอร์ชัน 7.19 ที่แก้ปัญหาตามมา ทำให้ยังอยู่บน Chrome Web Store ได้อยู่ จนกระทั่งกูเกิลตัดสินใจถอดทิ้งออกโดยไม่ให้เหตุผลเพิ่มเติม
ทางเลือกของผู้ใช้ The Great Suspender ยังสามารถนำโค้ดเวอร์ชัน GitHub ไปติดตั้งเองได้ (ต้องเปิด Developer Mode บน Chrome ก่อนด้วย) หรือย้ายไปใช้ส่วนขยายอีกตัว The Marvellous Suspender ที่เป็น fork แยกมาจาก The Great Suspender
ที่มา - GitHub, 9to5google |
# กูเกิลเปิดตัว Google News Showcase ในออสเตรเลีย ท่ามกลางข้อพิพาททางกฎหมาย
ข้อพิพาทระหว่างกูเกิลและรัฐบาลออสเตรเลียยังไม่ลงเอย แต่กูเกิลก็ชิงเปิดตัว Google News Showcase ในออสเตรเลียก่อนด้วยหวังว่าจะช่วยดึงนักข่าวและสำนักข่าวให้ยืนเคียงข้างกับกูเกิลและต้านกฎหมาย News Media Bargaining Code หรือกฎหมายจ่ายเงินให้สำนักข่าวที่แสดงเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม
Google News Showcase คือบริการอ่านข่าวตัวใหม่ของกูเกิล ที่สำนักข่าวทำเนื้อหาข่าว อินโฟกราฟิก และวิดีโอให้อ่านไม่ต้องเข้าเว็บข่าว โดยกูเกิลจ่ายเงินให้สำนักข่าวด้วยโดยลงทุนระยะยาว 1 พันล้านดอลลาร์ กูเกิลบอกว่าจากการเปิดตัวให้บริการในอังกฤษ, เยอรมนี, บราซิล, อาร์เจนตินา, แคนาดาและญี่ปุ่น มีสำนักข่าวเข้าร่วมโครงการกว่า 450 รายแล้ว
ส่วนการเปิดตัวที่ออสเตรเลียนั้น กูเกิลบอกมีสำนักข่าวที่เข้าร่วมโครงการแล้วเช่น The Canberra Times, The Illawarra Mercury, The Saturday Paper, Crikey, The New Daily, InDaily และ The Conversation
ความจริงแล้วกูเกิลตั้งใจจะเปิด Google News Showcase ที่ออสเตรเลียมาก่อนแล้ว แต่ระงับไว้ก่อน เนื่องจากกฎหมาย News Media Bargaining Code ซึ่งออสเตรเลียมีท่าทีที่จะบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างจริงจัง จนกูเกิลออกมาขู่ว่าถ้าผ่านกฎหมายนี้จริง คงต้องปิด Google Search ในออสเตรเลียเลยทีเดียว โดยมุมมองของกูเกิลมองว่า กฎหมายนี้ จะส่งผลกระทบต่อบริการฟรีอื่นๆ ของกูเกิล รวมถึงกระทบเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เพราะจะมีแต่เนื้อหาที่กูเกิลจ่ายเงินให้เท่านั้นที่ปรากฏบนแพลตฟอร์ม
ที่มา - กูเกิล |
# Google Cloud เปิดตัว Apigee X ระบบจัดการ API เวอร์ชันใหม่ อินทิเกรตกับ Google Cloud ได้ดีขึ้น
Google Cloud เปิดตัว Apigee X แพลตฟอร์ม Apigee เพื่อการบริการจัดการ API เวอร์ชันถัดไป โดยเน้นฟีเจอร์ด้าน AI และความปลอดภัยเป็นหลัก รวมถึงระบบบริหารจัดการ API แบบอัตโนมัติ
Amit Zavery หัวหน้าฝ่ายแพลตฟอร์มของ Google Cloud ระบุว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระบาดของไวรัส ปริมาณกิจกรรมดิจิทัลเติบโตขึ้นทุกอุตสาหกรรม ซึ่งยอดเรียกใช้งานของ API เติบโตขึ้น 47% จากปีที่แล้ว โดยปัจจุบันแพลตฟอร์มมีการเรียก API ราว 2.2 ล้านล้านครั้งต่อปี
Apigee X รอบนี้จะเน้นอัพเดตเพื่ออินทิเกรตกับเครื่องมือของ Google Cloud ให้ใช้งานร่วมกันได้สะดวกขึ้น ผู้ใช้ Apigee ใช้ฟีเจอร์จาก Google Cloud เพื่อบริหารจัดการแพลตฟอร์ม API ได้เต็มที่ ไม่ต้องใช้เซอร์วิสจากนักพัฒนาภายนอก ไม่ว่าจะเป็นไฟร์วอล Cloud Armor, แพลตฟอร์มยืนยันตัวตน Cloud Identity Access Management, Cloud CDN ที่ช่วยให้ผู้ใช้ดีพลอย API ได้ทั้ง 24 Google Cloud regions และเก็บแคชไว้ได้มากกว่า 100 ตำแหน่งทั่วโลก รวมถึงใช้ AI ในการทำนายทราฟฟิกช่วงพีคและสิ่งผิดปกติได้
ที่มา - Google Cloud Blog |
# TikTok เล่นบนทีวีได้แล้ว แอป TikTok for Android TV เปิดให้โหลดแล้วในบางประเทศ
TikTok ปล่อยแอปพลิเคชั่น TikTok for Android TV ให้ดาวน์โหลดในบางประเทศแล้ว ยังไม่มีไทย ผู้ใช้สามารถดูคลิปได้อย่างไม่รู้จบบน Android TV ได้ ยังคงคอนเซปต์คลิปแนวตั้ง แต่ออกแบบมาให้เหมาะกับทีวีมากขึ้น แคปชั่นคลิปอยู่ด้านซ้าย ชื่อเพลงอยู่ด้านขวา ใช้รีโมทกดควบคุมเมนูและกดดูคลิปถัดไปได้ง่าย
ปกติแล้ว หากคนต้องการเล่น TikTok บนทีวีก็สามารถใช้ Chromecast เล่นบน Google TV ได้ ซึ่งล่าสุดขยายไปยังอุปกรณ์ Android TV เข้าใช้งานด้วยการสแกน QR Code
ที่มา - Android Police |
# Pinterest ไตรมาส 4/2020 เติบโตแข็งแกร่ง มีผู้ใช้งานมากกว่า 450 ล้านคนแล้ว
Pinterest รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2020 รายได้รวมเติบโต 76% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 705.6 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิแบบบัญชี GAAP 207.8 ล้านดอลลาร์ จำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) เพิ่มขึ้น 37% เป็น 459 ล้านบัญชี
Ben Silbermann ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Pinterest กล่าวว่าตลอดปี 2020 Pinterest มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นในปีเดียวมากกว่า 100 ล้านคน มากที่สุดเท่าที่มีในประวัติศาสตร์บริษัท ทำให้ตอนนี้จำนวนผู้ใช้งานมีมากกว่า 450 ล้านคนแล้ว จากนี้ Pinterest จะโฟกัสการส่งมอบเนื้อหาสร้างไอเดีย สินค้าสามารถเลือกซื้อได้ทันที และร่วมมือกับผู้ลงโฆษณาให้รับรู้ถึงคุณค่าในแพลตฟอร์มนี้
Pinterest ระบุว่ารายได้ที่เติบโตสูง เป็นผลจากเทศกาลวันหยุดปลายปี และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ด้านโฆษณา ทำให้ปริมาณการซื้อโฆษณาเพิ่มขึ้นสูง
ที่มา: Pinterest และ The Verge |
# เปิดตัว Microsoft Viva ชุดเครื่องมือเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้พนักงานในองค์กร
วันนี้ Microsoft เปิดตัว Microsoft Viva ชุดเครื่องมือใหม่สำหรับเพิ่มประสบการณ์ที่ดีหลายด้านให้พนักงานในองค์กร ตั้งแต่การอัพเดตข่าวสารภายในบริษัท, ดูแลด้านการเทรนนิ่งออนไลน์ ไปจนถึงแสดงข้อมูลโดยรวมของพนักงานในองค์กรว่ามี work-life balance ที่ดีเพียงใด
Microsoft Viva มีฟีเจอร์หลักด้วยกัน 4 ด้าน ดังนี้
Viva Connections เป็นเครื่องมือสำหรับสื่อสารและอัพเดตข่าวสารภายในองค์กร เช่นนโยบายใหม่ๆ, สวัสดิการของบริษัท, ประกาศต่างๆ และการพุดคุยทั่วไป นอกจากนี้ยังปรับหน้าแดชบอร์ดให้เข้ากับตำแหน่งงานของพนักงานแต่ละส่วนได้ด้วย เช่นพนักงานในสายการผลิตก็อาจมีแดชบอร์ดที่ต่างไปจากผู้บริหาร
Viva Insights เปิดให้พนักงานทุกคนเข้ามาย้อนดูตัวเอง มีฟีเจอร์ให้ผ่อนคลายสมองด้วยการทำสมาธิ, ตรวจสอบอารมณ์ของตน รวมถึงสามารถจองเวลาส่วนตัวเพื่อโฟกัสกับงานโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครส่งนัดประชุมเข้ามาด้วย
นอกจากนี้ในระดับผู้จัดการหรือผู้บริหารสามารถดูสถิติได้ว่าพนักงานในสังกัดมีการทำงานนอกเวลางานมากน้อยเพียงใด มีคนตอบอีเมลหรือแชทหลังเลิกงานเยอะแค่ไหน เพื่อที่จะได้เข้าใจพนักงานและสามารถวางแผนช่วยเหลือพนักงานจากภาวะหมดไฟในการทำงาน (burnout syndrome) ได้ หรือแม้กระทั่งในระดับผู้บริหารเองก็อาจมีนัดประชุมซ้อนเยอะ ซึ่ง Viva Insights ก็สามารถแสดงเป็นสถิติออกมาให้ดูได้
Viva Learning เป็นแหล่งรวมการเรียนการสอนจากสถาบันเทรนนิ่งออนไลน์ชั้นนำ เช่น edX, Coursera, Pluralsight, LinkedIn Learning ฯลฯ โดยหัวหน้าสามารถส่งคอร์สเรียนไปให้คนในทีมได้ด้วย พร้อมฟีเจอร์ติดตามว่าพนักงานคนไหนเรียนครบตามที่มอบหมายแล้วบ้าง ช่วยให้พนักงานใหม่มีสกิลได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับบริการ LMS อย่าง Cornerstone และ SAP SuccessFactors ได้ด้วย
Viva Topics เป็นฟีเจอร์ที่คล้ายกับการทำฐานข้อมูลความรู้ภายในบริษัท (Knowledge Base) แต่พัฒนาไปมากกว่านั้น เช่นมีพนักงานใหม่เข้ามาแล้วเจอคนอื่นคุยกันถึง Project SOAR ก็อาจไม่ทราบว่าโปรเจ็คนี้คืออะไร แถมในยุคการทำงานจากบ้านก็อาจไม่สะดวกในการพูดคุยกับคนใหม่ๆ นัก พนักงานคนนี้ก็สามารถใช้เมาส์ชี้ดูได้เลยว่า Project SOAR ย่อมาจากอะไร หรือถ้าคลิกเข้าไปก็จะเจอรายละเอียดทั้งหมดของโปรเจ็คนี้ทันที รวมถึงรายชื่อพนักงานที่เกี่ยวข้อง และการพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจ็คนี้ในอดีตด้วย ทำให้เข้าใจเนื้องานได้เร็วขึ้น
หากอ่านเกี่ยวกับหัวข้อนั้นๆ แล้วมีข้อสงสัยก็สามารถพิมพ์คำถามเข้าไป แล้ว AI จะตามไปแท็กพนักงานคนที่น่าจะตอบได้ให้เข้ามาช่วยตอบ และแน่นอนว่าในโปรเจ็คก็มักจะมีข้อมูลที่เป็นความลับ ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะไม่ถูกนำมาเปิดเผย
ชุดเครื่องมือ Microsoft Viva จะทำงานอยู่บน Microsoft Teams ทั้งหมด และมีแผนจะออกแอพมือถือแยกภายในปีนี้
ขณะนี้ Viva Insights เปิดให้ทดลองใช้แบบพรีวิวแล้ว ส่วน Viva Learning ยังให้ทดสอบในวงจำกัดอยู่, Viva Topics ถูกเพิ่มเข้ามาในชุด Microsoft 365 แบบเสียเงินแล้ว และ Viva Connections จะตามมาภายในกลางปีนี้
ที่มา - Windows Central |
# กูเกิลปล่อยอัพเดต Android TV เป็นอินเทอร์เฟซใหม่ คล้าย Google TV รุ่นใหม่มากขึ้น
เมื่อเดือนตุลาคม 2020 กูเกิลเปิดตัว Google TV ที่เป็น UI สำหรับจัดการทีวีบนทั้ง Chromecast และสมาร์ททีวี โดยมีสมาร์ททีวีรุ่นใหม่ปี 2021 ของ Sony และ TCL เข้าร่วมใช้งาน
ประกาศของกูเกิลก่อให้เกิดคำถามว่า แล้วสมาร์ททีวี Android TV เดิมในท้องตลาดจะทำอย่างไร ซึ่งกูเกิลไม่เคยพูดออกมาชัดๆ แต่วันนี้คำตอบปรากฏแล้ว เมื่อกูเกิลเริ่มปล่อยอัพเดต Android TV ปรับหน้าตาให้คล้าย Google TV มากขึ้น (แต่ยังไม่เหมือนกัน 100%)
จุดแตกต่างสำคัญของอินเทอร์เฟซแบบเก่ากับแบบใหม่คือ แบบเก่าจะใช้เมนูอยู่ขอบด้านซ้ายมือ ในขณะที่แบบใหม่ย้ายเมนูไปไว้ด้านบน มีให้เลือก 3 เมนูคือ Home, Discover (ของ Google TV ใช้คำว่า "For You"), Apps
ในท้ายที่สุดแล้ว Android TV รุ่นเก่าๆ อาจไม่ได้อัพเกรดเป็น Google TV เต็มรูปแบบ แต่อย่างน้อยก็ได้อัพเดตหน้าตาให้คล้ายกับ Google TV มากขึ้นนั่นเอง
ที่มา - The Verge, 9to5google |
# Pornhub อัพเดตนโยบายความปลอดภัยใหม่: ยืนยันตัวตนผ่านบุคคลที่สาม, ใช้คนตรวจสอบไฟล์อัพโหลดทีละไฟล์
เมื่อปลายปีที่แล้ว Pornhub โดนมรสุมจากการปล่อยให้มีวิดีโอโป๊เด็กหรือวิดีโอที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวอยู่บนแพลตฟอร์มจนต้องกวาดล้างครั้งใหญ่โดยสั่งลบคลิปที่อัพโหลดแบบไม่ยืนยันตัวตน
ล่าสุด Pornhub ประกาศนโยบายความปลอดภัยใหม่ โดยกำหนดให้ผู้อัพโหลดไฟล์จะต้องเป็นสมาชิก Model Program ก่อน โดยจะเปลี่ยนจากเดิมที่ Pornhub จะเป็นผู้ตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้งานเอง เปลี่ยนไปใช้บริการ Yoti ในการยืนยันตัวตนผู้อัพโหลดซึ่งผู้ใช้จะต้องส่งภาพปัจจุบันพร้อมกับหลักฐานแสดงตัวตนจากภาครัฐเท่านั้น
สำหรับ Yoti เป็นบริษัทในลอนดอนที่จะคอยตรวจสอบข้อมูลที่ส่งเข้ามายืนยันตัวตนโดยใช้เทคโนโลยีตรวจสอบใบหน้าตรวจสอบภาพกับหลักฐานที่ออกโดยภาครัฐ โดยทางบริษัทจะเก็บข้อมูลไว้สูงสุด 7 วัน หลังจากนั้นจะเข้ารหัสข้อมูลไว้ซึ่งจะทำให้ Yoti ไม่เห็นข้อมูลอีก ส่วนลูกค้าของ Yoti ก็จะไม่เห็นข้อมูลใด ๆ ตั้งแต่แรก
นอกจากนี้ Pornhub ระบุว่าบริษัทแม่ MindGeek จะใช้คนคอยทำการตรวจสอบไฟล์อัพโหลดทีละไฟล์ พร้อมทั้ง Trusted Flagger Program เพื่อให้องค์กรที่ตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัยของเด็กบนอินเทอร์เน็ตกว่า 40 แห่งรายงานว่ามีคอนเทนต์ใดบ้างที่เข้าข่ายผิดนโยบายการใช้งานแพลตฟอร์มบ้าง ซึ่งคอนเทนต์ที่ได้รับรายงานจากองค์กรกลุ่มนี้จะถูกระงับการแสดงบนเว็บไซต์ทันที
ที่มา - Engadget |
# Bang & Olufsen เปิดตัว Beosound Level ลำโพงไร้สายทรงแบน บำรุงรักษาง่าย อัพเกรดได้ในอนาคต
Bang & Olufsen แบรนด์เครื่องเสียงไฮเอนด์เปิดตัวลำโพงใหม่ Beosound Level ลำโพงแบบพกพาที่สามารถยกไปไหนมาไหนก็ได้ในบ้าน ซึ่ง B&O ระบุว่าลำโพงตัวนี้เน้นออกแบบให้ทนทาน สามารถซ่อมและบำรุงรักษาได้ง่าย รวมถึงอัพเกรดได้ในอนาคต
ตัวลำโพง Beosound Level เป็นลำโพงแบบไร้สาย สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth รองรับ AirPlay 2, Google Cast และ Spotify Connect พร้อมช่องเสียบทั้ง line-in/optical และ Ethernet ซึ่งรูปแบบของตัวลำโพงเน้นดีไซน์แบนราบ จึงสามารถวางนอนไปกับพื้น, ตั้ง หรือจะติดกับผนังก็ได้ ซึ่งตัวลำโพงจะปรับจูนตัวเองให้เป็น 180 หรือ 360 องศาอัตโนมัติขึ้นกับว่าผู้ใช้วางหรือติดกับผนัง
B&O ระบุว่า Beosound Level ใช้วัสดุเป็น pearl blasted aluminum มีตัวเลือกหุ้มไม้หรือผ้า ระบบควบคุมต่าง ๆ อินทิเกรตเข้ากับเฟรม สั่งการผ่านปุ่มต่าง ๆ ด้วยการสัมผัส และมีเซนเซอร์วัดระยะเพื่อให้แสงจากปุ่มสว่างเมื่อผู้ใช้เดินเข้ามาในระยะใกล้ ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุด 16 ชั่วโมงหากเล่นเพลงที่ระดับเสียงปกติ หรือ 4 ชั่วโมงหากเล่นเพลงระดับดังสุด ซึ่งตัวแบตเตอรี่ผู้ใช้สามารถถอดเปลี่ยนเองได้ พร้อมสายชาร์จแบบแม่เหล็กที่ติดกับตัวลำโพงอัตโนมัติ รวมถึงกันน้ำสาดและฝุ่นตามมาตรฐาน IP54
ตัวสเปคของลำโพง B&O ใช้ไดรเวอร์ 5 ตัว เป็นวูฟเฟอร์สี่นิ้ว 2 ตัว, full-range driver สองนิ้ว 1 ตัว และดอกลำโพงเสียงแหลม 0.8 นิ้ว 2 ตัว ซึ่งศูนย์กลางควบคุมของลำโพงนี้คือสตรีมมิ่งโมดูล ซึ่งจะมีชิปประมวลผลสัญญาณดิจิทัล, ระบบเชื่อมต่อไร้สาย และเสาอากาศ โดย B&O ระบุว่าเป็นลำโพงตัวแรกที่ใช้การวางศูนย์กลางควบคุมลักษณะนี้ และในอนาคตจะเป็นมาตรฐานลำโพงใช้ในบ้านของ B&O ซึ่งข้อดีของการฝังระบบลักษณะนี้คือในอนาคตบริษัทสามารถออกบริการอัพเกรดฮาร์ดแวร์เพื่อเปลี่ยนสตรีมมิ่งโมดูลได้หากฮาร์ดแวร์ถึงขีดจำกัดแล้ว
สำหรับราคาเริ่มต้นของ B&O Beosound Level อยู่ที่ 1,499 ดอลลาร์ หรือราว 45,000 บาท
ที่มา - The Verge, Engadget |
# ไมโครซอฟท์เปิดตัว Azure Synapse Analytics ในไทย ระบุบริษัทใน SET50 ใช้งานแล้ว 13 แห่ง
ไมโครซอฟท์ประเทศไทยเปิดตัว Azure Synapse Analytics แพลตฟอร์มดึงข้อมูล, จัดการและวิเคราะห์ข้อมูลได้ในแพลตฟอร์มเดียว สามารถดึงข้อมูลจากหลายแหล่งทั้งบนคลาวด์ มัลติคลาวด์ และ On Premise มาจัดการและวิเคราะห์ออกมาเป็นแดชบอร์ดในรูปแบบกราฟให้เห็นภาพได้ง่าย ลดปัญหาการทำงานหลายแพลตฟอร์ม
ไมโครซอฟท์บอกว่า Synapse จะเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงในสายงาน Data ต่อจากนี้ และยังบอกด้วยว่าในประเทศไทย มีองค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ใช้งาน Azure Synapse มี 13 บริษัทในดัชนี SET50 ด้วย
Azure Synapse Analytics เป็นโซลูชั่นใช้งานได้บนบราวเซอร์ ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือและดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเพิ่มเติม มีรูปแบบคิดค่าใช้จ่ายหลายรูปแบบ แต่จุดเด่นคือรูปแบบ Serverless ที่คิดตามจำนวนข้อมูลที่วิ่งเข้ามาในระบบ เริ่มต้นที่ 5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ 1 เทราไบต์ แบบเดียวกับ Google Big Query
รายละเอียดหลักๆ ของ Azure Synapse Analytics มีดังนี้
มีรากฐานอยู่บนเอนจินประมวลผลคำสั่ง SQL รุ่นใหม่ รองรับการประมวลผลได้ในหลากหลายสภาวะการใช้งาน
รองรับการเขียนโค้ดประมวลผล ในกรณีที่ผู้ใช้งานถนัดการเขียนโค้ดมากกว่าการใช้ SQL
ทำงานคู่กับ Power BI ได้ สร้างรายงานหรือแดชบอร์ดจากข้อมูลได้จากใน Synapse Studio โดยตรง
ฟีเจอร์ Synapse links ดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล Azure Cosmos DB ไปวิเคราะห์ได้ทันที
ฟีเจอร์ปกปิดข้อมูล หรือ Data Masking ปกปิดข้อมูลส่วนตัวลูกค้า ในกรณีที่คนที่มีคนอื่นที่ไม่ได้รับสิทธิ์มองเห็นข้อมูลมาใช้งาน
ไมโครซอฟท์ระบุว่าเปิดให้ลูกค้าเข้ามาลองใช้งานได้ และภายใน 2-3 เดือนข้างหน้าจะทำเวิร์กชอป สัมมนาสำหรับลูกค้าในไทย รวมถึงคลิปสอนการใช้งานลง YouTube
Azure Synapse เปิดบริการมาตั้งแต่ปลายปี 2019 แม้ช่วงแรกจะมีโมเดลการคิดราคาตามซีพียูที่ใช้งานจริงทำให้รูปแบบการคิดราคาซับซ้อนกว่าบริการของคู่แข่งเช่น Google Big Query หรือ Amazon Athena แต่ไมโครซอฟท์ก็ประกาศตั้งแต่แรกๆ ว่าจะเพิ่มรูปแบบการคิดค่าบริการตามขนาดข้อมูลและเพิ่มเข้ามาให้ภายหลัง
ที่มา - งานแถลงไมโครซอฟท์ |
# เพจ ExploitWareLabs เผยแพร่ฐานข้อมูล Firebase หลุดต่อสาธารณะ คาดเป็นข้อมูลพนักงานไปรษณีย์ไทย
เพจ ExploitWareLabs รายงานถึงฐานข้อมูล Firebase จากบัญชี thaipost2-8a5f4 เป็นข้อมูล json ขนาดใหญ่ มีข้อมูลผู้ใช้นับพันราย
ข้อมูลมีชื่อ-นามสกุล, ค่าแฮชรหัสผ่าน, หมายเลขโทรศัพท์, วันเกิด, ชื่อผู้ใช้ (หลายบัญชีดูเหมือนเป็นเลขบัตรประชาชน จากชุดข้อมูลความเป็นไปได้คือระบบนี้เป็นแอปพลิเคชั่นภายในของทางไปรษณีย์ไทยเอง และอาจจะคอนฟิกสิทธิเข้าถึงฐานข้อมูลผิดพลาดจนทำให้กลายเป็นการเปิดต่อสาธารณะ
ทางเพจ ExploitWareLabs ระบุว่าผู้พบฐานข้อมูลคือ Hoang Ang Thai
ที่มา - ExploitWareLabs
ภาพโดย madartzgraphics |
# PayPal ไตรมาส 4/2020 เติบโตทำสถิติสูงสุดอีกไตรมาส การใช้จ่ายรวมมากกว่า 2.7 แสนล้านดอลลาร์
PayPal รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ปริมาณการใช้จ่ายเงินในระบบ (Total Payment Volume - TPV) รวม 277,072 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 39% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน คิดเป็นรายได้ 6,116 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23% มีกำไรสุทธิแบบบัญชี GAAP 1,567 ล้านดอลลาร์
จำนวนบัญชี PayPal ที่เปิดใหม่ เพิ่มขึ้น 16.0 ล้านบัญชี ทำให้จำนวนบัญชีรวมเพิ่มขึ้นเป็น 377 ล้านบัญชี โดยมีจำนวนธุรกรรม 4.4 พันล้านครั้ง
ซีอีโอ Dan Schulman กล่าวว่า PayPal ทำสถิติใหม่ในปี 2020 จากการที่ธุรกิจทุกกลุ่มทุกขนาดปรับสู่ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และ PayPal ก็ได้ออกสินค้าบริการใหม่มากกว่าที่เคยมีมาเช่นกัน
ที่มา: PayPal (pdf) |
# ผลทดสอบ Exynos 2100 บน Galaxy S21 Ultra กินแบตน้อยกว่า Snapdragon 888 เล็กน้อย
ยูทูบเบอร์ PBKreviews นำ Galaxy S21 Ultra รุ่นชิป Exynos 2100 และ Snapdragon 888 มาทดสอบแบตเตอรี่เปรียบเทียบกัน โดยเปิดแสงหน้าจอสุด ปิดการปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ และฟีเจอร์ประหยัดแบตอื่นๆ ให้เหมือนกันทั้งสองเครื่อง โดยใช้การเปิดภาพสีขาวล้วน และแอป Generic Battery Drainer เพื่อทำการทดสอบการทำงานต่อเนื่อง รวมแล้วประมาณ 30 นาที
ผลคราวนี้ S21 Ultra รุ่น Exynos 2100 ยังเหลือแบตเตอรี่ 89 เปอร์เซ็นต์ มากกว่ารุ่น Snapdragon ที่เหลือ 87 เปอร์เซ็นต์ แม้จะเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ แต่จากเดิมที่รุ่น Exynos กินแบตมากกว่า Snapdragon มาหลายปี ถือได้ว่ามีพัฒนาการที่ดี
ในด้านความร้อน ตัวเครื่องรุ่น Snapdragon ยังมีอุณภูมิอยู่ที่ 42.7 เซลเซียส สูงกว่ารุ่น Exynos ที่มีอุณหภูมิ 40.3 เซลเซียส ซึ่งก็ต่างกันเพียงเล็กน้อย แถม 42.7 ก็ยังถือว่าไม่ร้อนมาก แต่การที่ Exynos เอาชนะ Snapdragon ได้ทั้งในด้านแบตเตอรี่ และอุณหภูมิ น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดีในส่วนชิปของ Samsung
ที่มา - PBKreviews via Sammobile |
# ROG เตรียมจัดแข่ง CS:GO กลุ่มเอเชียแปซิฟิก รวมไทย เงินรางวัลสูงสุด 10,000 เหรียญ
Asus ROG เตรียมจัดการแข่งขันเกม Counter Strike: Global Offensive หรือ CS:GO เป็นครั้งแรกของกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก โดยจะมีทีมเข้าแข่งขันจาก 15 ประเทศ รวมประเทศไทย แบ่งการแข่งขันเป็นสามรอบ คือรอบคัดตัว รอบชิงแชมป์ระดับประเทศ และรอบชิงแชมเอเชียแปซิฟิก โดยเน้นการแข่งขันเป็นแบบออนไลน์ทั้งหมด เนื่องจากการระบาด COVID-19
ทีมที่สนใจ สามารถลงทะเบียนเข้าแข่งขันได้ตั้งแต่ 8-25 กุมภาพันธ์นี้ ที่เว็บไซต์ rogmasters.gg การแข่งขันรอบคัดตัวในประเทศไทยจะจัดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคมนี้ ต่อด้วยรอบชิงแชมป์ประเทศไทยในวันที่ 27 มีนาคม การถ่ายทอดสดจะมีเฉพาะรอบชิงแชมป์ประเทศไทย ติดตามรายละเอียดได้ทาง ASUS ROG Thailand Fanpage และ ASUS ROG Thailand Youtube
ผู้ชนะในรอบชิงแชมป์ประเทศไทย จะได้รับเงินรางวัล 800 ดอลลาร์ พร้อมเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก ROG รองชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 400 ดอลลาร์ รองชนะเลิศอันดับสอง จะได้รับเงินรางวัล 200 ดอลลาร์ และได้รับสิทธิ์ในการเข้าแข่งขันในรอบชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิก
ส่วนรอบชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิก จะมีการถ่ายทอดสดตั้งแต่รอบชิงแชมป์ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป เงินรางวัลสูงสุดสำหรับทีมชนะเลิศอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์ รองชนะเลิศอยู่ 3,500 ดอลลาร์ และรองชนะเลิศอันดับสอง อยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์
ที่มา - จดหมายประชาสัมพันธ์ |
# Andy Jassy ซีอีโอ Amazon คนใหม่ยังสนับสนุน Amazon Games, ผู้บริหารรับจะแก้ปัญหา
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Andy Jassy ร่วมให้ความเห็นผ่านอีเมล ที่ Mike Frazzini ส่งภายในบริษัท หลังถูก Bloomberg แฉว่าเขาเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้ Amazon Game Studios ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งหลังจากนั้น Bloomberg ก็ได้รับอีเมลชี้แจงนี้มาจากภายใน Amazon มาอีกที
ในอีเมล มี Andy Jassy ที่เมื่อต้นสัปดาห์ยังเป็นเพียงหัวหน้าทีม AWS เข้ามาตอบเพิ่มเติม ว่าบางธุรกิจอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะประสบความสำเร็จ แต่เขาก็เชื่อว่าทีม (Amazon Game Studios) ทำได้ หากมุ่งมั่นทำสิ่งที่มีความหมายเช่นนี้ต่อไป และหลังมีประกาศว่า Jassy เตรียมเข้ารับตำแหน่งซีอีโอ ต่อจาก Jeff Bezos ก็อาจมองได้ว่าคำตอบในอีเมลนี้ เป็นท่าทีของ Amazon ที่ยังไม่ยอมแพ้ในการบุกตลาดวิดีโอเกมด้วย
ส่วนเนื้อความหลักในอีเมล Mike Frazzini ชี้แจงว่าเรื่องใน Bloomberg ออกจะเกินจริงไปบ้าง แต่ก็รับทราบปัญหาที่บริษัทเผชิญอยู่ พร้อมระบุว่าจะพัฒนาตัวเองต่อไป เพราะการทำเกมไม่ใช่เรื่องง่าย และคงไม่สามารถทำทุกอย่างให้ถูกต้องได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ
นอกจากนี้ Frazzini ยังพูดเรื่อง “bro culture” หรือสังคมชายเป็นใหญ่ในที่ทำงาน ยืนยันว่า Amazon ไม่เคยทนกับวัฒนธรรมแย่ๆ แบบนั้น และตั้งมั่นให้มีสังคมภายในที่เสมอภาค และทุกคนมีส่วนร่วมเท่าๆ กันเสมอ แต่ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่ามีการตรวจสอบหรือปรับปรุงอย่างไรบ้าง
ที่มา - Bloomberg |
# [ไม่ยืนยัน] SolarWinds โดนแฮ็กระลอกสองจากแฮ็กเกอร์อีกกลุ่ม คาดว่าเป็นแฮ็กเกอร์จีน
ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์ตรวจพบว่ามีแฮ็กเกอร์กลุ่มที่สองเข้ามาแฮ็ก SolarWinds ได้สำเร็จ แต่ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก ล่าสุด Reuters อ้างแหล่งข่าวที่ยังไม่มียืนยันว่า แฮ็กเกอร์กลุ่มที่สองน่าจะมาจากจีน (แฮ็กเกอร์กลุ่มแรกคาดว่ามาจากรัสเซีย)
แหล่งข่าวของ Reuters ระบุว่ามาจากการสอบสวนของ FBI ที่กำลังตรวจสอบกระทรวงเกษตรของสหรัฐว่าโดนแฮ็กอย่างไร แต่ทางกระทรวงปฏิเสธข่าวการถูกแฮ็ก และ FBI ไม่แสดงความเห็นในเรื่องนี้
อีกข่าวที่เกี่ยวข้องกันคือ Sudhakar Ramakrishna ซีอีโอคนใหม่ของ SolarWinds ที่เพิ่งรับตำแหน่ง ยอมรับว่าแฮ็กเกอร์กลุ่มแรกเจาะเข้ามาในระบบได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2019 โดยเจาะผ่านบัญชีอีเมล Office 365 ของพนักงานคนหนึ่ง และค่อยๆ เจาะเข้ามายังระบบอื่นของบริษัทในเวลาต่อมา
ที่มา - Reuters, Wall Street Journal
ภาพจาก SolarWinds |
# COVAX ออกรายงานคาดการส่งมอบวัคซีน COVID-19 คาดปีนี้ส่งมอบได้ 1,640-2,270 ล้านโดส
COVAX Facility โครงการจัดหาวัคซีนร่วมระหว่างนานาชาติประกาศตารางเวลาการส่งมอบวัคซีน โดยระบุว่าภายในปีนี้น่าจะส่งมอบได้ทั้งหมด 1,640 ล้านโดส และกำลังอยู่ระหว่างเจรจาอีกส่วนหนึ่งหากเจรจราได้ครบก็จะส่งมอบได้ถึง 2,270 ล้านโดส
สัญญาที่ COVAX ไปลงนามไว้นั้นแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มเซ็นสัญญาทางกฎหมายแล้ว 1,310 ล้านโดส ได้แก่ AstraZeneca, Pfizer, และ Novavax 2) กลุ่มจองแล้วแต่สัญญายังไม่มีผล (อาจจะเนื่องจากวัคซีนยังไม่ได้รับการรับรอง) 700 ล้านโดส จาก Johnson & Johnson, Sanofi 3) กลุุ่มที่อยู่ระหว่างแสดงเจรจา 780 ล้านโดสไม่เปิดเผยชื่อผู้ผลิต
ทาง COVAX แสดงตารางการส่งมอบวัคซีนโดยรวมเอาไว้ระบุว่าชุดแจกจะส่งมอบได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่อาจจะล่าช้าเนื่องจากกระบวนการรับรองของชาติต่างๆ นอกจากนี้ตารางการส่งมอบยังแยกตามภูมิภาค ส่วนใหญ่ COVAX จะส่งมอบไปยังแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่มา - GAVI.org |
# พบช่องโหว่ชุดใหม่ของ SolarWinds อีก 3 ตัว, บริษัทออกแพตช์แก้แล้ว
กรณีของบริษัท SolarWinds ถูกแฮ็กจนลามไปถึงหน่วยงานจำนวนมากยังไม่ทันจางหาย วันนี้มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ SolarWinds ออกมาหลายข่าว เริ่มจากการค้นพบช่องโหว่ชุดใหม่ของ SolarWinds
บริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย Trustwave รายงานช่องโหว่ที่ค้นพบใหม่ของซอฟต์แวร์จาก SolarWinds จำนวน 3 ช่องโหว่
ช่องโหว่ตัวแรกเป็นเรื่องการใช้งานระบบส่งข้อความ Microsoft Message Queue (MSMQ) ที่เป็นเทคโนโลยีเก่าของวินโดวส์, ตัวที่สองเป็นการจัดเก็บรหัสผ่านในฐานข้อมูล ที่กลับเปิดสิทธิให้ผู้ใช้ทุกคนในเครื่องเข้าถึงไฟล์ฐานข้อมูลได้, ตัวที่สามเป็นระบบ FTP ที่เปิดให้เพิ่มผู้ใช้แอดมินได้เอง
ช่องโหว่ทั้งสามตัวถือเป็นช่องโหว่สำคัญที่สามารถใช้เจาะระบบของ SolarWinds ได้ ทาง Trustwave รายงานข้อมูลไปยัง SolarWinds ตั้งแต่ปลายปี และออกแพตช์เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม ทำให้ Trustwave ออกมาเปิดเผยข้อมูลของช่องโหว่ทั้งสามตัว
ที่มา - Trustwave |
# iQIYI เดินหน้าโปรโมทคอนเทนต์กว่า 21 รายการ รุกสตรีมมิ่งไทย จัดโปรสมัครเดือนละ 15 บาท
iQIYI (อ้ายฉีอี้) เดินหน้ารุกตลาดสตรีมมิ่งในไทย ทำแคมเปญ “ชื่อแปลก ซีรีส์ปัง วาไรตี้ดังได้ใจ” โปรโมท ซีรีส์ วาไรตี้ ภาพยนตร์ การ์ตูนทั้งรูปแบบ iQIYI Original และซื้อลิขสิทธิ์ รวมแล้ว กว่า 21 รายการจากทั่วเอเชีย และดันโปรโมชั่นสมัครครั้งแรกเดือนละ 15 บาท ถึงวันที่ 17 ก.พ. ดูได้แบบไม่มีโฆษณาคั่น
ปีที่แล้ว iQIYI เริ่มเข้ามาทำการตลาด และจับมือกับผู้ผลิตเนื้อหาในไทย สร้างคอนเทนต์ออริจินัล ไม่ว่าจะเป็น เสียดาย, Gen Y The Series วัยรุ่นวุ่น Y รัก, และ โลกทั้งใบให้นายคนเดียว เดอะซีรีส์ นายเคลวิน เหยา ผู้จัดการประจำประเทศไทย iQIYI เผยว่า ในปี 2021 นี้มีเป้าหมายที่จะเดินหน้ารุกตลาดกลุ่มผู้ชมร่วมสมัยและผู้ชมยุคใหม่
ด้านนายผ่านศึก ธงรบ ผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อหา iQIYI ยกตัวอย่างเนื้อหาที่จะโปรโมทในไทยคือ Youth With You 3 ที่ได้ ลิซ่า BLACKPINK มารับหน้าที่เมนเทอร์ประจำรายการ, Moonlight นำแสดงโดย ติงอวี่ซี และ เอสเธอร์ หยู, ลั่วหยาง (Luo Yang) นำแสดงโดย หวังอี้ป๋อ และ วิคตอเรียซ่ง, และ Danger Zone ที่ได้นักร้องและนักแสดงขวัญใจคนไทยอย่าง โจวอวี้หมิน หรือ “วิค F4” มานำแสดง
นอกจากนี้ยังมี ออริจินัลซีรีส์เกาหลี Jirisan นำแสดงโดย จอนจีฮยอน และ จูจีฮุน และ My Roommate is a Gumiho นำแสดงโดย แบกซันอู และ ชอยโบริม ส่วนการ์ตูนญี่ปุ่นมีทั้ง มหาเวทย์ผนึกมาร (Jujutsu Kaisen), ด็อกเตอร์สโตน (Dr. Stone), และ แบล็คโคลเวอร์ (Black Clover), ร่วมด้วยซิทคอมอย่าง เป็นต่อ, เสือ ชะนี เก้ง, และ 3 หนุ่ม 3 มุม x2
iQIYI เป็นอีกหนึ่งสตรีมมิ่งใหญ่จากจีนที่เข้ามารุกตลาดในไทย โดยมี Baidu เป็นเจ้าของ นอกจากนี้ Tencent ยังส่ง WeTV เข้ามารุกไทยและได้กระสดีมากมายจากซีรีส์เรื่อง ปรมาจารย์ลัทธิมาร อ่านภาพรวมสงครามสตรีมมิ่งจีนได้ที่ >> รู้จักสงครามสตรีมมิ่งจีน ศึกของยักษ์ใหญ่ iQiyi vs YouKu vs Tencent TV
ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# Qualcomm รายงานผลประกอบการไตรมาส รายได้รวมโต 62% จากการขายชิป 5G
Qualcomm รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2020 รายได้รวมตามบัญชี GAAP เพิ่มขึ้น 62% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 8,235 ล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2,455 ล้านดอลลาร์
Steve Mollenkopf ซีอีโอ Qualcomm กล่าวว่ากำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว เป็นผลจากความต้องการสมาร์ทโฟน 5G ที่แข็งแกร่งในท้องตลาด รวมทั้งการเติบโตในกลุ่มสินค้า RF front-end, ยานยนต์ และ IoT ซึ่งบริษัทยังคงโฟกัสในธุรกิจ 5G ตลอดจนขยายกลุ่มสินค้าเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ไตรมาสนี้ Qualcomm รายงานยอดขายแยกตามประเภทสินค้าเพิ่มเติมในกลุ่มธุรกิจหลัก QCT (Qualcomm CDA Technologies) โดยกลุ่มชิปโทรศัพท์มือถือรายได้เพิ่มขึ้น 79% เป็น 4,216 ล้านดอลลาร์ RF front-end เพิ่มขึ้น 157% เป็น 1,061 ล้านดอลลาร์ ยานยนต์ เพิ่มขึ้น 44% เป็น 212 ล้านดอลลาร์ และ IoT เพิ่มขึ้น 48% เป็น 1,044 ล้านดอลลาร์ ส่วนกลุ่มธุรกิจไลเซนส์ (QTL) รายได้เพิ่มขึ้น 18% เป็น 1,793 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Qualcomm และ CNBC |
# YouTube บน Apple TV 3rd Gen จะใช้งานไม่ได้ตั้งแต่มีนาคมนี้ ให้ใช้ AirPlay แทน
9to5Mac รายงานว่ามีผู้พบข้อความเมื่อเปิดแอป YouTube บน Apple TV รุ่นเก่า ระบุว่าแอป YouTube จะไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมเป็นต้นไปบน Apple TV (3 rd Gen)
ทั้งนี้แอป YouTube จะยังมีให้ใช้งานบน Apple TV 4K, Apple TV HD กรณีผู้ใช้ Apple TV ยังสามารถรับชม YouTube ได้ผ่านการสตรีมด้วย AirPlay
แอปเปิลหยุดอัพเดตบน Apple TV รุ่นเก่ามาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว โดยอัพเดตปัจจุบันมีเฉพาะ Apple TV HD (4th Gen) เป็นต้นไปซึ่งพัฒนาต่อยอดจาก iOS
ที่มา: 9to5Mac |
# Nintendo ยกเลิกการสร้างซีรีส์ Zelda แบบคนแสดงกับ Netflix ในปี 2015 เพราะมีข่าวหลุด
Adam Conover อดีตทีมงาน CollegeHumor ให้สัมภาษณ์กับช่องยูทูบ The Serf Time พูดถึงข่าวซีรีส์ The Legend of Zelda แบบคนแสดง ที่ Nintendo เคยจะร่วมมือสร้างกับ Netflix ซึ่ง Wall Street Journal ลงข่าวไว้เมื่อปี 2015 แต่หลังจากนั้นก็เหมือนจะถูกยกเลิกไปโดยไม่มีสาเหตุ
Conover ให้ข้อมูลว่าเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะช่วงที่เขาอยู่ CollegeHumor บริษัทเขาเกือบได้ทำสต็อปโมชั่นดินน้ำมัน (Claymation) จากเกม Starfox และโปรเจกต์เดินหน้าไปถึงขั้นที่ Shigeru Miyamoto ผู้สร้าง Mario, The Legend of Zelda และ Star Fox ได้มาเยี่ยมสำนักงาน CollegeHumor แล้ว
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เล่าว่ามีข่าวออกมาว่า Netflix จะไม่ได้ทำ The Legend of Zelda แล้ว และ CollegeHumor ก็จะไม่ได้ทำ Star Fox แล้วเช่นกัน เขาเลยถามหัวหน้าของเขาว่าเกิดอะไรขึ้น และหัวหน้าของเขาก็บอกว่ามีคนที่ Netflix ทำข้อมูลเรื่องนี้หลุด Nintendo เกิดความกังวล จึงสั่งพับโครงการทั้งหมดเกี่ยวกับซีรีส์และรายการโทรทัศน์
Nintendo เป็นอีกบริษัทที่ยึดถือเรื่องการรักษาความลับมาก น่าจะใกล้เคียงกับในระดับ Apple และจะปฏิเสธทุกครั้งหากมีข่าวลืออะไรเกี่ยวกับบริษัทออกมา ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เมื่อข่าวการสร้างซีรีส์ครั้งแรกๆ จากแฟรนไชส์เกมสำคัญๆ หลุดออกมา อาจทำให้ Nintendo เกิดความกังวลจนพับโครงการไป เป็นที่น่าเสียดายที่ครั้งหนึ่งเราเกือบจะได้เห็น Zelda แบบคนแสดง และ Star Fox ในรูปแบบสต็อปโมชั่นกันแล้ว
ที่มา - The Serf Time via Kotaku
เรื่อง Zelda เริ่มประมาณ 39.07 |
# Instagram ทดสอบปัดขึ้นลงเพื่อดู Stories ถัดไป ให้ความรู้สึกเหมือนเล่น TikTok
Instagram กำลังทดสอบการปัดขึ้นเพื่อดู Stories ลำดับถัดไปของคนอื่นๆ จากเดิมที่ใช้การแตะหน้าจอ โดยการปัดขึ้นให้ความรู้สึกเหมือนกำลังใช้งาน TikTok อยู่ และการปัดเลื่อนลงเป็นวิธีปกติที่คนเลื่อนดูฟีดทั้งบน Instagram, Facebook
คนที่ได้ใช้งานจะมองเห็นป้ายกำกับบอกว่า ตอนนี้ผู้ใช้สามารถปัดขึ้นลงเพื่อดู Stories ได้ พร้อมปุ่มสีน้ำเงินเพื่อกดเข้าใช้งาน ด้าน Instagram บอกว่าฟีเจอร์นี้เพิ่งจะอยู่ในขั้นตอนโปรโตไทป์ และยังไม่เผยรายละเอียดว่าจะเปิดใช้งานเมื่อไร
Instagram มี Reels ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่พยายามปั้นขึ้นมาเพื่อชน TikTok โดยตรงอยู่แล้ว เปิดตัวในบางประเทศ
ที่มา - TechCrunch |
# Sony ไตรมาส 4/2020 รายได้-กำไรพุ่ง เพราะ PS5 และ Kimetsu no Yaiba
Sony ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/2020 ออกมาดีเยี่ยม รายได้ 2.7 ล้านล้านเยน (ประมาณ 7.7 แสนล้านบาท) เติบโต 9% กำไรจากการดำเนินงาน 3.6 แสนล้านเยน เติบโต 20%
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการออกมาดี คือ ธุรกิจเกมที่โดดเด่นจากการวางขาย PS5 และธุรกิจเพลง-อนิเมที่รายได้เติบโต 22% โดยปัจจัยสำคัญคือภาพยนตร์ Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train ที่กลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดของญี่ปุ่น (ของบริษัท Aniplex ในเครือ), รายได้จากเกมมือถือ และรายได้จากเพลงผ่านสตรีมมิ่ง
แต่ Sony ก็มีธุรกิจที่รายได้ลดลงมากคือ ธุรกิจภาพยนตร์ที่เจอผลกระทบจาก COVID-19 และธุรกิจเซ็นเซอร์กล้องมือถือที่รายได้ลดลง 10% ส่วนธุริจเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีรายได้ทรงตัว
ที่มา - Sony |
# เมียนมาอ้างความมั่นคง ประกาศบล็อก Facebook 3 วัน
วันนี้ (4 ก.พ.) ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในเมียนมาร์รวมถึง MPT เครือข่ายโทรคมนาคมของรัฐ ปิดกั้นการเข้าถึง Facebook เป็นเวลา 3 วัน หลังเมื่อเช้าตรู่วันจันทร์ที่ผ่านมา ทหารทำการรัฐประหาร และมีรายงานว่าเครือข่ายอินเทอร์เน็ตล่ม ประชาชนถูกตัดขาดการเชื่อมต่อ
กระทรวงการสื่อสารและข้อมูลโพสต์จดหมายระบุว่า Facebook จะถูกบล็อกจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เพื่อความมั่นคง และยังบอกด้วยว่า มีคนที่สร้างปัญหาให้กับเสถียรภาพของประเทศ กำลังแพร่กระจายข่าวปลอมและข้อมูลที่ผิดและก่อให้เกิดความเข้าใจผิดใน Facebook
ด้านกลุ่มตรวจสอบเครือข่าย NetBlocks ในอังกฤษยืนยันว่า MPT โทรคมนาคมของรัฐที่มีผู้ใช้ 23 ล้านคนได้บล็อก Facebook, Messenger, Instagram และ WhatsApp แล้ว ส่วน Telenor Asa ผู้ให้บริการเครือข่ายจากนอร์เวย์ที่ให้บริการในเมียนมาก็ได้บล็อก Facebook ตามคำสั่งของรัฐเช่นกัน
เมียนมาถือเป็นอีกประเทศที่มีผู้ใช้งาน Facebook จำนวนมากถึง 53 ล้านคน โดย Facebook เปรียบเทียบได้กับอินเทอร์เน็ตสำหรับคนเมียนมาเลยก็ว่าได้ โฆษก Facebook บอกว่าตอนนี้กำลังร้องขอไปยังเจ้าหน้าที่รัฐให้หยุดบล้อก เพื่อที่ประชาชนจะได้ติดต่อสื่อสารเครือญาติและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้
ภาพจาก Wilfried Strang from Pixabay
ที่มา - Reuters |
# Box ซื้อกิจการ SignRequest มาทำระบบลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ Box Sign
บริษัทคลาวด์สตอเรจ Box ประกาศซื้อกิจการ SignRequest ผู้ให้บริการลายเซ็นดิจิทัล เพื่อนำมาพัฒนาเป็น Box Sign ที่เชื่อมกับระบบคลาวด์สตอเรจของ Box เองในช่วงกลางปีนี้
ในยุคที่เอกสารทุกอย่างเก็บอยู่บนคลาวด์ ทิศทางของผู้ให้บริการคลาวด์สตอเรจมักต่อยอดไปในเชิง workflow ของเอกสาร เพื่อให้จบงานทุกอย่างได้ในตัวเอง คู่แข่งของ Box คือ Dropbox ก็นำหน้าไปแล้วด้วยการซื้อ HelloSign ในปี 2019 หรือ Adobe Document Cloud เองก็มีบริการ Adobe Sign มานานแล้ว ในด้านกลับ ผู้ให้บริการลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อย่าง DocuSign ก็มีระบบคลาวด์ของตัวเอง และเชื่อมกับระบบคลาวด์รายอื่นๆ เช่น Google Drive ได้เช่นกัน
มูลค่าการซื้อกิจการครั้งนี้อยู่ที่ 55 ล้านดอลลาร์
ที่มา - Box, VentureBeat |
# Spotify ไตรมาส 4/2020 ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 345 ล้านคน
Spotify รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 4 ปี 2020 จำนวนผู้ใช้งานแบบ MAUs เพิ่มขึ้น 27% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 345 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้ 25 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากอินเดีย, อเมริกา และยุโรปตะวันตก
จำนวนลูกค้าแบบเสียเงินเพิ่มขึ้น 24% เป็น 155 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้ 10 ล้านคน ส่วนใหญ่จากยุโรปและอเมริกา ส่วนตัวเลขทางการเงิน มีรายได้รวม 2,168 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 17% เฉพาะรายได้จากค่าสมาชิกเพิ่มขึ้น 15% เป็น 1,887 ล้านยูโร และขาดทุนสุทธิ 125 ล้านยูโร
ตัวเลขพอดคาสต์ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ Spotify พยายามผลักดันในช่วงที่ผ่านมา จำนวนคนฟังเพิ่มเป็น 25% ของผู้ใช้งาน MAUs ทั้งหมด จำนวนชั่วโมงที่ฟังเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อน
Spotify ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าในเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทได้ขึ้นราคา Family Plan ใน 25 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย นอกจากนี้ยังเริ่มให้บริการในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดเพลงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลกด้วย
ที่มา: Spotify |
# Canon เปิดตัว PowerShot PICK กล้อง AI ถ่ายภาพอัตโนมัติ
Canon เปิดตัวแคมเปญระดมทุนในเว็บไซต์ Makuake สำหรับกล้อง AI ถ่ายภาพอัตโนมัติชื่อว่า PowerShot PICK โดย AI ในตัวมีไว้เพื่อวิเคราะห์ฉาก, ระบุตัวคน, ติดตามหน้า และกำหนดว่าควรจะถ่ายภาพตอนไหน ซึ่ง Canon ระบุว่าตัว PICK นี้เป็นกล้องถ่ายภาพอัตโนมัติที่รวมเลนส์, ระบบประมวลผลวิดีโอ และเทคโนโลยี AI เข้าด้วยกัน
สเปคของตัวกล้อง Canon ใช้เซนเซอร์ 1/2.3 นิ้ว CMOS 12 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ซูมเทียบเท่าระยะ 19-57mm มีรูรับแสงกว้างสุดที่ F2.8 พร้อมระบบกันสั่นในตัว สามารถแพนกล้องได้ 170 องศา และก้มเงยได้ 110 องศา พร้อมช่องเสียบ microSD โดยตัวกล้องมีน้ำหนัก 170 กรัม สูง 90 มิลลิเมตร
Canon ระบุว่า แม้ตัว PICK จะถูกออกแบบมาให้ถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ แต่ก็สามารถสั่งถ่ายภาพเองได้เช่นกัน โดยใช้คำสั่งเสียง Hello PICK และสั่งการถ่ายภาพ, วิดีโอ, เปลี่ยนวัตถุในภาพ และหยุดถ่าย รวมถึงจะปล่อยแอปสมาร์ทโฟนที่ใช้ดูภาพถ่ายหรือวิดีโอที่ PICK ถ่ายไว้ได้ พร้อมระบบแนะนำภาพอัตโนมัติ
Canon PowerShot PICK ตอนนี้ยังคงเป็นโครงการระดมทุนผ่าน Makuake เท่านั้น โดยตั้งเป้าระดมทุน 1 ล้านเยน แต่คาดว่าอาจได้เงินสูงสุดถึง 100 ล้านเยน โดยตอนนี้ทางบริษัทจะยังไม่ได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงแรก โดยจะส่งมอบให้ผู้สนับสนุนผ่าน Makuake เท่านั้น
ที่มา - dpreview |
# Slack ออกรายงานระบบล่มเมื่อต้นปี 2021 ระบุสาเหตุ AWS Transit Gateways ขยายตัวไม่ทัน
เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา Slack เกิดเหตุล่มนานนับชั่วโมง และไม่เสถียรนานเกือบ 5 ชั่วโมง หลังจากสอบสวนสาเหตุจนเรียบร้อยทาง Slack ก็ออกรายงานสาเหตุของการล่มครั้งนี้ โดยระบุว่าเกิดจาก AWS Transit Gateways (TGW) ที่ไม่สามารถขยายตามโหลดที่ใช้งานจริงได้ทัน และระบุถึงกระบวนการแก้ปัญหาที่ระหว่างทางทีมงานยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
Slack ระบุว่าเริ่มเห็นว่าเน็ตเวิร์คมีปัญหามาระยะหนึ่ง อัตราการส่งข้อความสำเร็จลดลงจาก 99.999% เหลือ 99% แต่เน็ตเวิร์คที่มีปัญหากลับทำให้ระบบมอนิเตอร์คิดว่าเซิร์ฟเวอร์มีปัญหาและไล่ปิดเครื่องทิ้ง ขณะที่ระบบ autoscaling ตรวจดูการใช้งานซีพียูแล้วพบว่ามีโหลดน้อยลง (เนื่องจากรอเน็ตเวิร์คตอบกลับ) ทำให้ระบบ autoscaling เริ่มปิดเครื่องทิ้ง แต่หลังจากนั้นเธรดเน็ตเวิร์คก็รันเต็มเซิร์ฟเวอร์ที่เหลืออยู่จนระบบ autoscaling พยายามขยายคลัสเตอร์อย่างหนักจนระบบตายเนื่องจากซอฟต์แวร์เองและโควต้าของ AWS
สาเหตุสำคัญของเหตุครั้งนี้คือรูปแบบโหลดของ Slack เองที่จะมีโหลดหนักทุกต้นชั่วโมงจาก bot ต่างๆ และยิ่งในวันจันทร์หลังหยุดยาวปีใหม่ โหลดจำนวนมากก็กลับมา ระหว่างที่วิศวกรของ Slack กำลังไล่แก้ปัญหานี้ วิศวกรของ AWS ก็แก้ปัญหาเน็ตเวิร์คให้ไปพร้อมกัน
ทาง Slack ระบุว่า AWS กำลังรีวิวอัลกอริทึมสำหรับการขยายแบนวิดท์ให้ TGW เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาเช่นนี้อีก และทาง Slack เตรียมการแจ้งขยายแบนวิดท์ล่วงหน้าหลังวันหยุดยาว
ที่มา - Slack Engineering |
# ยอดขาย PS5 ไตรมาสแรก 4.5 ล้านเครื่อง ใกล้เคียง PS4 แต่ Sony ยอมรับตั้งราคาขาดทุน
Sony เผยผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2020 มีตัวเลขที่สำคัญคือยอดขาย PlayStation 5 ที่ 4.5 ล้านเครื่อง (นับถึงสิ้นปี 2020) โดยโซนี่ยังเปิดเผยเป้าว่าอยู่ที่ 7.6 ล้านเครื่องภายในไตรมาส 1/2021 และน่าจะทำได้ตามเป้าหมาย
ตัวเลข 4.5 ล้านเครื่องถือว่าไล่เลี่ยกับยอดขาย PS4 ในไตรมาสแรก (ไตรมาส 4/2013) ที่ทำได้ 4.5 ล้านเครื่องเท่ากัน ซอฟต์แวร์เกมที่ขายดีที่สุดคือ Spider-Man: Miles Morales ทำยอดขายได้ 4.1 ล้านชุด
สถิติอื่นที่น่าสนใจคือลูกค้า PS5 สัดส่วน 87% สมัครเป็นสมาชิก PlayStation Plus ด้วย ถือเป็นสัดส่วนที่สูงมาก โซนี่บอกว่าปัจจัยเรื่องการอยู่บ้าน ทำให้ยอดการเล่นเกม PlayStation ทั้งหมด (นับรวม PS4) ในเดือนธันวาคม 2020 เพิ่มขึ้น 30% จากเดือนธันวาคม 2019
ในแง่การเงิน ธุรกิจเกมของโซนี่ทำรายได้ 8.83 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้น 40% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม โซนี่ยอมรับว่าการตั้งราคาขาย PS5 ที่ขาดทุน ก็ส่งผลต่ออัตรากำไรเช่นกัน (กำไรรวมเพิ่มขึ้นจากการขายเกม บริการ PS Plus และอัตรากำไรฮาร์ดแวร์ PS4 ที่สูงขึ้น)
ที่มา - Sony (PDF) |
# Google Meet ให้ตรวจความคมชัดทั้งภาพและเสียงวิดีโอตัวเองก่อนกดเข้าประชุม
Google Meet ทำฟีเจอร์ green room ให้ผู้ใช้งานตรวจสอบคุณภาพวิดีโอตัวเองทั้งภาพและเสียงก่อนจะเข้าร่วมประชุมจริง โดยผู้ใช้งานจะมองเห็นปุ่ม Check your audio and video เมื่อกดเข้าไปจะแสดงหน้าตัวเองเพื่อดูภาพรวม และพูดเพื่อทดสอบเสียงได้
ใน green room ยังมีรายการเชื่อมต่อทั้งไมโครโฟนและกล้อง ผู้ใช้งานสามารถเลือกการเชื่อมต่อได้ในหน้าจอนี้ด้วย ฟีเจอร์ใหม่ใช้งานได้ในผู้ใช้ Google Workspace Essentials, Business Starter, Business Standard, Business Plus, Enterprise Essentials, Enterprise Standard, Enterprise Plus, G Suite Basic, Business, Education, Enterprise for Education และบัญชีใช้งานไม่แสวงหาผลกำไร
ที่มา - Google, 9to5Google |
# Mass Effect: Legendary Edition รีมาสเตอร์รวมสามภาค วางจำหน่าย 14 พฤษภาคมนี้
Mass Effect: Legendary Edition ที่นำเกม Mass Effect ทั้งสามภาค และ DLC ทั้งหมดกว่า 40 ตัวมารวมกันในแพ็คเกจเดียว ได้วันวางจำหน่ายแล้ว คือ 14 พฤษภาคมนี้ ตัวเกมจะปรับปรุงกราฟฟิกยุค PS3/Xbox 360 มาเป็นแบบ 4K และจะลงทั้งพีซี Xbox One, PS4, และสามารถเล่นบน Xbox Series X กับ PS5 ได้
นอกจากกราฟฟิกและเอฟเฟกต์ต่างๆ แล้วยังมีการปรับปรุงระบบสร้างตัวละครใหม่ ปรับโมเดล การควบคุมตัวละคร มุมกล้อง และยานพาหนะ (เช่น รถ Mako เจ้าปัญหา) ปรับ UI ให้คลีนขึ้นทั้งสามภาค โหลดฉากไวขึ้น ทำให้ไม่ต้องยืนอยู่ในลิฟต์ที่ใช้เป็นตัวซ่อนการโหลดในภาคแรกนานๆ อีกต่อไป และจะมีปุ่มเพิ่มเข้ามาให้กดออกจากลิฟต์ได้อีกด้วย |
# EA ยืนยันเดินหน้าสร้างเกม Star Wars เช่นเดิมแม้เสียสิทธิเอ็กคลูซีฟไปแล้ว
ต้นปีที่ผ่านมา Lucasfilm ทำเซอร์ไพร์สด้วยการชุบชีวิตสตูดิโอเกมขึ้นมาใหม่ในชื่อ Lucasfilm Games แถมประกาศสร้างเกมร่วมกับ Massive Entertainment ของ Ubisoft ซึ่งก็กลายเป็นว่า EA ไม่ได้ถือสิทธิเอ็กคลูซีฟในการสร้างเกม Star Wars อีกต่อไปแล้ว (ไม่มีใครออกมาให้รายละเอียดเรื่องนี้ว่าสัญญาเดิมของ EA ระบุว่าอย่างไร)
แม้จะเสียสิทธิเอ็กคลูซีฟไปแต่ EA ก็ดูจะยังไม่ได้ถอยในเรื่องนี้เมื่อ Andrew Wilson ซีอีโอของบริษัทยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงข้างต้นไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ และย้ำด้วยว่าไม่ควรตีความไปว่า EA จะทำเกมน้อยลง แถมยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่มีให้ Star Wars ต่อไปว่าจะมีอยู่เหมือนเดิม
ที่มา - PCGamer |
# กลุ่มทุนสวีเดน Embracer Group สยายปีก ซื้อกิจการ Gearbox ผู้สร้างเกม Borderlands
Embracer Group กลุ่มทุนใหม่ของวงการเกม (บริษัทแม่ของ THQ Nordic) สยายปีกอย่างรวดเร็ว หลังซื้อสตูดิโอเกมรวดเดียว 11 แห่งไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020 วันนี้ก็ประกาศซื้อสตูดิโออีก 3 แห่งพร้อมกัน
การซื้อกิจการรอบนี้มี "บิ๊กดีล" คือซื้อ Gearbox Software ผู้พัฒนาเกมดังซีรีส์ Borderlands, Brothers in Arms, Homeworld ในราคา 1.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท) โดย Randy Pitchford ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Gearbox จะยังอยู่ในตำแหน่งดังเดิม - Embracer
อีกที่ประกาศพร้อมกันคือ Aspyr Media สตูดิโอที่เชี่ยวชาญด้านการพอร์ตเกมข้ามแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะเกมซีรีส์ Civilization ของ 2K Games ที่ Aspyr รับผิดชอบการพอร์ตลงแมค/ลินุกซ์/มือถือ การซื้อกิจการรอบนี้มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ - Embracer
ดีลสุดท้ายคือ Easybrain สตูดิโอเกมจากประเทศไซปรัส เน้นที่เกมมือถือและเกมผ่านเว็บ เช่น Art Puzzle, Killer Sudoku, Nonogram.com ปัจจุบันมีผู้เล่นต่อวัน 12 ล้านคน มูลค่าการซื้อกิจการ 640 ล้านดอลลาร์ (2 หมื่นล้านบาท) - Embracer
เดิมที Embracer แยกโครงสร้างบริหารสตูดิโอเป็น 6 กลุ่ม (เช่น THQ Nordic, Koch Media) การซื้อกิจการรอบนี้จะเพิ่มสตูดิโอเป็น 8 กลุ่ม คือเพิ่ม Gearbox และ Easybrain ที่มีกลุ่มเฉพาะของตัวเอง ส่วน Aspyr จะเข้าไปสังกัดกลุ่มของสตูดิโอ Saber Interactive (ที่ทำ World War Z)
ตัวบริษัท Embracer เพิ่งก่อตั้งในปี 2019 (เดิมคือ Nordic Games ที่ไปซื้อ THQ Nordic อีกที) และขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีสตูดิโอในสังกัดแล้ว 57 แห่ง และเพิ่มจากการซื้อรอบนี้อีก 3 แห่ง
ที่มา - Kotaku |
# [ไม่ยืนยัน] สื่อเกาหลีใต้รายงาน Apple สนใจลงทุนใน Kia ราว 3.6 พันล้านเหรียญ
DongA สื่อท้องถิ่นของเกาหลีใต้รายงานว่า Apple สนใจและเตรียมจะลงทุนใน Kia เป็นมูลค่าราว 3.6 พันล้านเหรียญ หลังจากที่ Hyundai (บริษัทแม่ Kia) ยืนยันเรื่องการเจรจาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับกับ Apple
ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานว่า Hyundai จะใช้ Kia เป็นผู้พัฒนาและผลิต โดยจะใช้โรงงาน Kia ในสหรัฐเป็นฐานผลิต ซึ่ง DongA ก็รายงานว่าจะเป็นโรงงาน Kia ในมลรัฐจอร์เจีย จะเซ็นสัญญากันวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ และน่าจะเริ่มผลิตได้ราวปี 2024 เป้าหมายช่วงแรกคือราว 100,000 คันต่อปี
ที่มา - DongA via Bloomberg
Kia Imagine รถยนต์ไฟฟ้าครอสโอเวอร์ต้นแบบ |
# CDPR เตือนอย่าเพิ่งลงม็อด Cyberpunk 2077 หลังพบช่องโหว่เปิดให้รันโค้ดผ่านไลบรารี่นอก
CD Projekt Red ออกมาทวีตเตือนผู้เล่น Cyberpunk 2077 แนะนำว่าหลีกเลี่ยงการลงม็อด, ใช้เซฟไฟล์ที่ถูกปรับแต่งหรือใช้ไฟล์เกมจากภายนอกไปก่อน เพราะทีมงานค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงจากไลบรารีที่ตัวเกมใช้จากภายนอก เปิดช่องให้รันโค้ดบนพีซี
CD Projekt Red ระบุว่าจะรีบแก้ไขแล้วจะอัพเดตอีกครั้ง หลังเพิ่งปล่อยเครื่องมือม็อดไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
ที่มา - @CDPRED_Support via Kotaku |
# Amazon ไตรมาส 4/2020 ยอดขายรวมโต 44%, กำไรจาก AWS คิดเป็น 52% ของกำไรรวม
Amazon รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 12 เดือนย้อนหลัง เพิ่มขึ้นเป็น 66,064 ล้านดอลลาร์ และกระแสเงินสดอิสระเพิ่มเป็น 31,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้กระแสเงินสดเป็นตัววัดที่ Amazon ให้ความสำคัญลำดับต้น ๆ ส่วนยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 125,555 ล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิอยู่ที่ 7,222 ล้านดอลลาร์
รายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจ ในอเมริกาเพิ่มขึ้นเป็น 75,346 ล้านดอลลาร์, นอกอเมริกา 37,467 ล้านดอลลาร์ และ AWS เพิ่มขึ้น 28% เป็น 12,742 ล้านดอลลาร์ เฉพาะ AWS มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,564 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 52% ของกำไรจากการดำเนินงานรวมของ Amazon
Jeff Bezos ซีอีโอ Amazon กล่าวว่า Amazon เป็น Amazon ในวันนี้เพราะนวัตกรรมมากมายที่บริษัทสร้างขึ้น บางอย่างเคยเป็นสิ่งแปลกประหลาดก็กลายเป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่การให้ลูกค้ารีวิวสินค้า, 1-Click, ระบบแนะนำสินค้าแบบ personalize, ร้านค้าแบบไม่ต้องมีพนักงาน, Kindle, Alexa, คลาวด์ ฯลฯ เมื่อมองย้อนกลับไปที่ผลประกอบการ นี่คือผลลัพธ์จากนวัตกรรมที่สร้างขึ้น ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ตอนนี้เขามองว่า Amazon มีนวัตกรรมมากมายกว่าที่เคย จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการส่งต่อตำแหน่งซีอีโอ
ที่มา: Amazon และ CNBC |
# Alphabet รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2020 - รายได้โฆษณา YouTube โตถึง 46%
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 รายได้เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 56,898 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 15,227 ล้านดอลลาร์
Sundar Pichai ซีอีโอ Alphabet และกูเกิล กล่าวว่าผลการดำเนินงานที่ออกมา สะท้อนว่าผลิตภัณฑ์และบริการของกูเกิลได้เข้าไปช่วยเหลือผู้คนและธุรกิจต่าง ๆ ที่กิจกรรมในชีวิตถูกเร่งให้เข้ามาอยู่บนออนไลน์มากขึ้น บริษัทยังเห็นโอกาสอีกมากในการสร้างความร่วมมือกับธุรกิจต่าง ๆ เพื่ออนาคตที่เป็นดิจิทัล
ตัวเลขแยกตามกลุ่มธุรกิจมีหลายประเด็นน่าสนใจ รายได้จากโฆษณา YouTube เพิ่มเป็น 6,885 ล้านดอลลาร์ รายได้จาก Google Cloud เพิ่มเป็น 3,831 ล้านดอลลาร์ ส่วนกลุ่มธุรกิจอื่นของกูเกิล (ฮาร์ดแวร์, Play Store, รายได้ YouTube ที่ไม่ใช่โฆษณา) เพิ่มเป็น 6,674 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ธุรกิจใหม่ Other Bets มีรายได้ 192 ล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรจากการดำเนินงานนั้น Google Cloud ขาดทุน 1,243 ล้านดอลลาร์ และ Other Bets ขาดทุนเพิ่มอีก 1,136 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Alphabet (pdf) รูป Instagram Google |
# ลดงานแอดมิน ไมโครซอฟท์เพิ่มวิธีตั้งค่า Windows 10 ดึงคอนฟิกมาตรฐานจากคลาวด์
ไมโครซอฟท์ออกฟีเจอร์ใหม่สำหรับฝ่ายไอทีองค์กรชื่อ Windows 10 in cloud configuration เป็นการเตรียมชุดคอนฟิกมาตรฐานของ Windows 10 เอาไว้ให้ องค์กรสามารถใช้คอนฟิกชุดนี้ติดตั้งบนเครื่อง Windows 10 ของพนักงานได้เลย ไม่ต้องเปลืองแรงมาจัดคอนฟิกเอง
ไมโครซอฟท์อธิบายว่า in cloud configuration เป็นชุดการตั้งค่าที่ไมโครซอฟท์แนะนำ (a set of recommended configurations) โดยครอบคลุมทั้งตัว OS (Windows 10 Pro/Enterprise/Education) และแอพยอดนิยมของไมโครซอฟท์คือ Edge, Teams, OneDrive และ Office
ตัวอย่างคอนฟิกชุดนี้คือ ผู้ใช้เข้าร่วม Azure Active Directory, ตัวอุปกรณ์จะเข้าระบบจัดการ Microsoft Intune และตั้งค่าความปลอดภัยอื่นๆ วิธีใช้งานต้องผ่าน Microsoft Endpoint Manager โดยเลือกวิธีการคอนฟิกแบบ cloud config
คอนฟิกแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป เน้นที่ความสะดวกของแอดมินเป็นหลัก เพราะสามารถดึงคอนฟิกจากคลาวด์มาติดตั้งได้เลย พนักงานเปิดเครื่องมาครั้งแรกก็พร้อมทำงานได้ทันที เหมาะสำหรับองค์กรที่มีพนักงานมากๆ หลักหลายร้อยหรือหลายพันเครื่อง
ส่วนองค์กรที่ยังต้องการคอนฟิกแบบที่ยืดหยุ่นกว่า และยังต้องการเซ็ตเครื่องเฉพาะเครือข่ายภายใน (on premise) ก็ยังสามารถคอนฟิกเครื่องด้วยวิธีแบบดั้งเดิมได้ต่อไป
ที่มา - Microsoft, ZDNet |
# Adobe ทำ Acrobat เวอร์ชั่นเว็บ ให้จัดการไฟล์ PDF ทั้งแก้ไข, เซ็น, แยกไฟล์ได้บนบราวเซอร์
Adobe เพิ่มความสามารถการแก้ไขไฟล์ PDF, การรวมไฟล์ PDF, การบีบไฟล์, การแยกหน้าเอกสาร PDF ออกเป็นคนละไฟล์ รวมถึงเซ็นเอกสารได้บน Acrobat เวอร์ชั่นเว็บไซต์ หรือ Acrobat Web เท่ากับว่าผู้ใช้งานไม่ต้องทำกิจกรรมเหล่านี้บนแอปพลิเคชั่นบนเดสก์ทอป สามารถดึงและโยนไฟล์เข้ามาทำบนบราวเซอร์ได้เลย
Adobe บอกว่า จากการทดสอบร่วมกับกูเกิล เปิดทางลัดโดเมนให้เข้ามาจัดการไฟล์ PDF ได้เมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว พบว่ามีการคลิกเข้าไปกว่า 10 ล้านครั้งภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน และพบว่าคนค้นหาการจัดการไฟล์ PDF ได้บนบราวเซอร์ แสดงให้เห็นว่าผู้คนต้องการใช้งานฟีเจอร์นี้
Todd Gerber ประธานฝ่าย Document Cloud บอกว่า วิถีการทำงานของคนตอนนี้คือ เข้าใช้งานบริการบนออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น G Suite หรือ Microsoft Office 365 ดังนั้น Adobe จึงต้องไปอยู่บนแพลตฟอร์มนั้น เพราะคนก็ทำงานบนบราวเซอร์มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่ทำให้ฟีเจอร์นี้ออกมาช้า เพราะความท้าทายทางเทคนิค อย่างเช่นประสิทธิภาพการแก้ไข PDF ที่ต้องทำได้อย่างเรียลไทม์บนออนไลน์
ที่มา - Adobe, TechCrunch |
# Battlefield ภาคใหม่ วางขายช่วงปลายปีนี้ จะใช้ประสิทธิภาพคอนโซลใหม่แบบเต็มรูปแบบ
Andrew Wilson ซีอีโอของ EA พูดถึง Battlefield ภาคใหม่ ว่าเตรียมเปิดเผยรายละเอียดภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม) วางจำหน่ายช่วงวันหยุดเทศกาลปลายปี และจะใช้ ประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มเน็กซ์เจ็นแบบเต็มรูปแบบ เพื่อให้เป็นเกม Battlefield ที่แฟนๆ ต้องการอย่างแท้จริง
Wilson เปิดเผยเพิ่มเติมว่า Battlefield ภาคใหม่จะเป็น “เกมสงครามเต็มรูปแบบ” (full military warfare) เหมือนเคย และจะรองรับผู้เล่นต่อหนึ่งเกมมากกว่าภาคก่อนๆ เพื่อกลับมากู้ชื่อเสียงและปูทางให้ภาคต่อๆ ไปอีกครั้ง หลัง Battlefield 5 ได้เสียงตอบรับต่ำกว่าที่คาด และ EA หยุดซัพพอร์ตเกมนี้ไปในปีที่แล้ว
ที่มา - IGN |
# สื่อจีนเผย ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในจีนแตะ 989 ล้านคน โรงเรียนเข้าถึงเน็ตได้เกือบทั้งหมด
สื่อจีนรายงานการพัฒนาอินเทอร์เน็ตของจีนในปี 2020 พบว่าตอนนี้ จีนมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต 989 ล้านคน มีอัตราความพร้อมใช้งานอินเทอร์เน็ต 70.4% และมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 99.7% สำหรับโรงเรียนประถมและมัธยม
จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต 989 ล้านคนเป็นตัวเลขปลายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมปีที่แล้ว 85.4 ล้านคน โดยประชากรผู้ใช้งานเน็ตประมาณ 309 ล้านคนหรือคิดเป็น 31.3% อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น 54.71 ล้านคนจากเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ในปี 2020 ซึ่งคนต้องกักตัวจากโรคระบาด ยังช่วยดันยอดค้าปลีกออนไลน์สูงถึง 11.76 ล้านล้านหยวนเพิ่มขึ้น 10.9% ปีต่อปี
อ่านข่าวเก่ารายงานการใช้อินเทอร์เน็ตในจีนที่ออกมาเมื่อเดือน พ.ค. 2020
ภาพถนนในจีนจาก Pixabay
ที่มา - People's Daily, China, Shine.cn |
# mod_tls โครงการใหม่มาแทน mod_ssl ของ Apache แต่เขียนด้วย Rust ปลอดภัยขึ้น
ผู้ใช้ Apache Web Server คงคุ้นเคยกับ mod_ssl ที่ใช้จัดการ HTTPS โดยโมดูลนี้เขียนด้วยภาษา C ซึ่งมีปัญหาตามมาเรื่องความปลอดภัยที่ระดับตัวภาษา และที่ผ่านมาก็พบช่องโหว่ความปลอดภัยมากมาย
ล่าสุด กูเกิลประกาศสนับสนุนโครงการใหม่ mod_tls ที่ทำงานแบบเดียวกัน แต่เขียนด้วยภาษา Rust ที่ออกแบบมาให้ปลอดภัยมากขึ้น (memory safety)
โมดูล mod_tls จะรันอยู่บนไลบรารี Rustls ที่สร้างขึ้นมาทดแทน OpenSSL ซึ่งเป็นภาษา C เช่นกัน หน่วยงานที่พัฒนาคือ Internet Security Research Group (ISRG) ที่เรารู้จักจากโครงการ Let's Encrypt จะรับเงินสปอนเซอร์จากกูเกิล ไปจ้าง Stefan Eissing หนึ่งในนักพัฒนา Apache Web Server มานำทีม
ปัจจุบัน Apache Web Server (httpd) ยังถือเป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ยอดนิยมอันดับหนึ่ง มีส่วนแบ่งตลาด 34.9% (แม้ลดลงจากเดิมมากแล้ว และ Nginx มาแรงใกล้แซงแล้ว) การเปลี่ยนโมดูลที่ทุกคนต้องใช้อย่าง mod_ssl มาเป็น mod_tls ย่อมทำให้อินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้นในภาพรวม
ที่มา - ISRG, ZDNet |
# Ubuntu Core 20 ดิสโทรสำหรับ IoT เพิ่มฟีเจอร์ Secure Boot, Full Disk Encrpytion
Canonical ออก Ubuntu Core 20 ดิสโทรลินุกซ์สำหรับอุปกรณ์ฝังตัวและ IoT ที่ดัดแปลงมาจาก Ubuntu 20.04 LTS
จุดเด่นของ Ubuntu Core คือการปรับแต่งมาเพื่ออุปกรณ์ขนาดเล็ก ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นเพื่อลดพื้นที่การโจมตี (minimal attack surface) มีฟีเจอร์ความปลอดภัยหลายอย่างตั้งแต่ secure boot, full disk encryption, secure device recovery และแอพทั้งหมดจะถูกรันแยก (isolated) เพื่อไม่ให้โจมตีมาถึง OS ได้
Canonical ยังระบุว่าทำงานร่วมกับผู้ผลิตชิปและบริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หลายราย เพื่อการันตีว่ากระบวนการอัพเดตทั้งหมดจะราบรื่น
Ubuntu Core รองรับทั้งสถาปัตยกรรม ARM และ x86 โดยมีพาร์ทเนอร์เข้าร่วมหลายราย เช่น Bosch Rexroth, Dell, ABB, Rigado, Plus One Robotics, Jabil, Intel, Raspberry Pi
ที่มา - Ubuntu, ZDNet |
# Uber เข้าซื้อ Drizly บริษัทเดลิเวอรี่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เสริมทัพใน Uber Eats
Uber ประกาศเข้าซื้อ Drizly บริษัทเดลิเวอรี่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากบอสตัน เป็นการเข้าซื้อด้วยรูปแบบเงินสดและถือหุ้นรวมแล้ว 1.1 พันล้านดอลลาร์ บริการของ Drizly จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Uber Eats ในขณะเดียวกันก็ยังดำเนินการด้วยแอป Drizly ต่อได้
Drizly ก่อตั้งมาได้ 8 ปี ปัจจุบันให้บริการร่วมกับร้านค้าในสหรัฐฯ 1,400 แห่ง ชูจุดเด่นการันตีส่งไวภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งนอกจาก Uber จะได้มีบริการส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ฐานผู้ใช้งานแล้ว ทาง Drizly ก็จะได้ใช้โครงสร้างพื้นฐานเบื้องหลังของ Uber รวมถึงคนขับด้วย
ที่มา - CNN, Uber |
# การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ในเมียนมาไม่เสถียร หลังทหารพยายามยึดอำนาจ
จากเหตุการณ์กองทัพเมียนมาทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. NetBlocks Internet Observatory องค์กรด้านสิทธิดิจิทัลในอังกฤษเผยว่า จากการใช้แผนที่พื้นที่ IP address ของประเทศแบบเรียลไทม์เพื่อระบุระดับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พบว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและเครือข่ายโทรศัพท์ในเมียนมาร์หดหายไป 50% ในช่วงเวลา 03.00 - 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
รายงานการหยุดชะงักของสัญญาณตามมาหลังจากมีข่าวว่า อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมาและนักการเมืองคนอื่นถูกกองทัพควบคุมตัวไว้ ช่องทีวี และวิทยุก็ขัดข้องเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ใช้งานโพสต์ Twitter ยืนยันความขัดข้องของสัญญาณอินเทอร์เน็ตด้วย ต่างบอกว่าติดต่อเพื่อนและเครือญาติในเมียนมาไม่ได้
NetBlocks Internet Observatory ระบุด้วยว่า สัญญาณอินเทอร์เน็ตเริ่มฟื้นฟูกลับมาช่วงเที่ยงของวันที่ 1 ก.พ.
ภาพจาก NetBlocks Internet Observatory
ที่มา - CNET |
# CloudLinux เปิดตัว AlmaLinux โครงการทดแทน CentOS, ออกรุ่น Beta แล้ว
หลัง Red Hat ช็อควงการด้วยการหยุดทำ CentOS ในฐานะตัวแทน RHEL ก็เกิดโครงการโอเพนซอร์สใหม่ๆ มาทดแทน CentOS อย่างน้อย 2 โครงการ
โครงการแรกคือ Rocky Linux ที่ก่อตั้งโดย Gregory Kurtzer ผู้สร้าง CentOS เดิม และเตรียมออกรุ่นทดสอบแรก 31 มีนาคม 2021
อีกโครงการมาจากบริษัท CloudLinux ที่เป็น fork ของ RHEL เช่นกัน ตอนแรกโครงการนี้ใช้โค้ดเนมว่า Project Lenix แต่ล่าสุดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในชื่อ AlmaLinux
CloudLinux อธิบายว่าชื่อ Alma มาจากภาษาลาตินว่า "จิตวิญญาณ" สะท้อนถึงความเป็นชุมชนของลินุกซ์ เป้าหมายของ AlmaLinux คือเป็นตัวแทนของ RHEL 8 ได้แบบ 100% ย้ายจาก CentOS มาได้ทันที โครงการจะเป็นโอเพนซอร์สทั้งหมด เปิดให้ใช้ฟรี พัฒนาโดยชุมชน และบริษัท CloudLinux จะสนับสนุนโครงการด้วยเงิน 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี
ตอนนี้ AlmaLinux เปิดทดสอบรุ่นเบต้าแล้ว และตั้งเป้าจะออกรุ่นสมบูรณ์ภายในไตรมาส 1/2021
ที่มา - AlmaLinux, ZDNet |
# Alibaba รายงานผลประกอบการไตรมาส เทศกาล 11.11 ดันรายได้รวมโต 37%
Alibaba รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2020 รายได้รวม 33,883 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 12,173 ล้านดอลลาร์ จำนวนผู้ใช้งานผ่านมือถือแบบ MAU เพิ่มขึ้นเป็น 902 ล้านคน
ไฮไลท์ที่น่าสนใจ กลุ่มธุรกิจคลาวด์มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 50% เป็น 2,470 ล้านดอลลาร์ และเป็นครั้งแรกที่กลุ่มธุรกิจนี้มีกำไรในไตรมาสจาก EBITDA ปรับปรุง ส่วนงานขนส่งสินค้า Cainiao และพาร์ทเนอร์มีการจัดส่งพัสดุไปมากกว่า 2,300 ล้านชิ้น จากออเดอร์ในเทศกาลลดราคา 11.11 ปีที่แล้ว
ซีอีโอ Daniel Zhang กล่าวถึงผลกระทบจากประเด็น Ant Group ถูกสั่งเบรกการไอพีโอเข้าตลาดหุ้น ว่าแม้เป็นแรงกดดันในระยะสั้น แต่ก็เป็นโอกาสที่บริษัทจะได้ปรับปรุงกระบวนการทำงานในหลายด้านต่อไป
ที่มา: Alibaba [1], [2] |
# Jeff Bezos ประกาศลงจากตำแหน่งซีอีโอ Amazon ได้ Andy Jassy หัวหน้า AWS มารับตำแหน่งต่อ
ในแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ผ่านมา Amazon ได้ประกาศว่าจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งซีอีโอ จาก Jeff Bezos ไปยัง Andy Jassy ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดย Bezos ยังคงเป็นประธานบอร์ดบริหารต่อไป
Bezos กล่าวว่าเขาจะเปลี่ยนมาโฟกัสเฉพาะงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และธุรกิจใหม่ ๆ ของ Amazon ดูแลงานกองทุน Day 1 Fund, the Bezos Earth Fund ไปจนถึงธุรกิจอื่นอย่าง Blue Origin และ The Washington Post เขายังพูดถึง Andy ว่าเป็นคนที่เข้าใจ Amazon เป็นอย่างดี ทำงานกับที่นี่มานานมากพอกับเขา เขาจึงมั่นใจกับการส่งต่อตำแหน่งซีอีโอนี้
Andy Jassy ร่วมงานกับ Amazon ตั้งแต่ปี 1997 (Amazon ก่อตั้งปี 1994) ปัจจุบันเป็นซีอีโอส่วนธุรกิจ AWS ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรหลักให้กับ Amazon ในปัจจุบัน
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ และ Sundar Pichai ซีอีโอ Alphabet ยังร่วมแสดงความยินดีผ่านทาง Twitter ด้วย
ที่มา: CNBC, Amazon |
# Azure Quantum เปิดพรีวิวทั่วไป รันจำลองคอมพิวเตอร์ควอนตัมฟรีเดือนละชั่วโมง
ไมโครซอฟท์เปิดบริการ Azure Quantum มาตั้งแต่ปลายปี 2019 และตอนนี้ก็เปิดบริการเป็นการทั่วไปแล้ว โดยบริการนี้เป็นการเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมจากผู้ผลิตรายต่างๆ ที่เปิดตัวแล้วได้แก่ Honeywell, qci, IonQ, 1QBit, Toshiba
ตัวไมโครซอฟท์นั้นสร้างชุดพัฒนา Quantum Development Kit (QDK) และภาษา Q# ทำให้นักพัฒนาสามารถรันซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบรนด์ใดก็ได้ ขณะที่การเปิดบริการครั้งนี้ Azure จะให้บริการจำลองคอมพิวเตอร์ควอนตัมทั้งการใช้คอมพิวเตอร์ธรรมดาและชิป FPGA ค่าบริการคิดเป็นชั่วโมง โดยชั่วโมงแรกให้บริการฟรี ส่วนค่าเช่าใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัมของผู้ให้ผลิตรายอื่นๆ นั้นไม่ได้เปิดเผยราคา
ที่มา - Microsoft |
# MediaTek เปิดตัว M80 โมเด็ม 5G รุ่นที่สอง รองรับคลื่น mmWave และ sub-6 ในชิปเดียวกัน
MediaTek เปิดตัวชิปโมเด็ม 5G รุ่นที่สองของตัวเอง MediaTek M80 จุดเด่นคือรวมเทคโนโลยีคลื่น 5G สองแบบได้แก่ mmWave และ sub-6 GHz ไว้ในชิปตัวเดียวกันได้แล้ว ช่วยลดปัญหาเรื่องขนาด พลังงาน และต้นทุนลงได้มาก
MediaTek M80 รองรับคลื่น 5G ทั้งแบบ non-standalone (NSA) และ standalone (SA) รองรับอัตราดาวน์โหลดสูงสุด 7.67 Gbps และรองรับดูอัลซิม 5G ในตัว
MediaTek ระบุว่าจะเริ่มส่งสินค้าตัวอย่างให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM ภายในปี 2021 นี้ ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าเราจะได้เห็นมือถือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ M80 ในช่วงปลายปี 2021 หรือต้นปี 2022
ที่มา - MediaTek |
# Scaleway เปิดตัวบริการคลาวด์ Mac mini M1 ค่าเช่าวันละ 87 บาท
Scaleway ผู้ให้บริการคลาวด์รายเล็กจากยุโรปประกาศเปิดบริการ Apple Silicon M1 as-a-Service เป็นบริการให้เช่าเครื่อง Mac mini M1 ในราคาชั่วโมงละ 0.1 ยูโร แต่เช่าได้ขั้นต่ำ 24 ชั่วโมง คิดเป็นขั้นต่ำวันละประมาณ 87 บาท
เครื่อง Mac mini ที่ให้เช่าเป็นรุ่น แรม 8GB SSD 256GB
ราคาของ Scaleway นับว่าถูกกว่า AWS ที่เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมามาก คงทำให้หลายคนที่อยากลองใช้งานซีพียู M1 ตัดสินใจกันง่ายขึ้น แต่ข้อจำกัดสำคัญคือ Scaleway มีศูนย์ข้อมูลในยุโรปเท่านั้น เทียบกับ AWS ที่มีศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ด้วย การเชื่อมต่อจึงดีกว่ามาก
ที่มา - Scaleway
ศูนย์ข้อมูล Scaleway ในปารีสบรรจุเครื่อง Mac mini M1 |
# จีนซัดกันเอง ByteDance ยื่นฟ้องศาลว่า Tencent ผูกขาด บล็อคเนื้อหา TikTok บน WeChat
ยักษ์ใหญ่วงการอินเทอร์เน็ตจีนเปิดศึกกันเอง เมื่อบริการวิดีโอสั้น Douyin (ชื่อจีนของ TikTok) ในเครือ ByteDance ยื่นฟ้อง Tencent ต่อศาลปักกิ่งในข้อหาผูกขาด
เหตุผลเป็นเพราะ Tencent ปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้ WeChat และ QQ สามารถแชร์เนื้อหาจาก Douyin ได้ ทำให้ ByteDance ยื่นฟ้องต่อศาลว่า Tencent ผูกขาด ขอให้ศาลสั่งห้ามการกระทำลักษณะนี้ และเรียกค่าเสียหาย 90 ล้านหยวน (ประมาณ 420 ล้านบาท)
ที่มา - Reuters, ภาพจาก ByteDance |
# รัสเซียเผยแพร่งานวิจัยวัคซีน Sputnik V เฟส 3 ประสิทธิภาพ 91.6%
รัสเซียเผยแพร่งานวิจัยเบื้องต้นของการทดสอบวัคซีน Sputnik V เฟส 3 ในกลุ่มอาสาสมัคร 21,977 คนจากโรงพยาบาล 25 แห่งในรัสเซีย ได้ผลประสิทธิภาพ 91.6%
แบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มได้รับวัคซีนจริงต่อยาหลอกแบบ 3 ต่อ 1 รวมมีผู้ทดลองได้รับยาจริงครบสองโดส 14,964 คน และได้รับยาหลอกครบสองโดส 4,902 คน จากการติดตามพบผู้ติด COVID-19 หลังได้รับวัคซีนเข็มที่สอง 16 รายในกลุ่มได้รับวัคซีนจริง และ 62 รายในกลุ่มได้รับยาหลอก
Sputnik V ประกอบด้วยวัคซีนสองตัว เข็มแรกคือ rAd26 และเข็มที่สองคือ rAd5 เป็นวัคซีนแบบ viral vector นอกจากนี้กระบวนการผลิตยังมีสองแบบ คือแบบของเหลวที่ต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส และแบบฟรีซดรายที่สามารถเก็บในตู้เย็นอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียสได้ การทดลองครั้งนี้ทดสอบเฉพาะแบบของเหลว ขณะนี้ทางทีมวิจัยกำลังทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนเมื่อฉีดเข็มเดียวไปด้วย
ที่มา - The Lancet
ภาพวัคซีน Sputnik V โดยรัฐบาลรัสเซีย |
# SonicWall แจ้งเตือนไฟร์วอลล์ตระกูล SMA 100 กำลังถูกโจมตีด้วยช่องโหว่ ยังไม่มีแพตช์แต่ให้เปิด 2FA
SonicWall ออกประกาศแจ้งเตือนลูกค้าว่าไฟร์วอลล์ในตระกูล SMA 100 (รวมถึง SMA 200, SMA 210, SMA 400, SMA 410, SMA 500v) ที่ใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 10.x กำลังถูกแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ที่ยังไม่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ไล่โจมตีอยู่ โดยตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาแพตช์
ทาง SonicWall แนะนำทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ใช้งานไฟร์วอลล์ที่ได้รับผลกระทบไว้ 4 ทาง ได้แก่ 1) เปิดการล็อกอินหลายขั้นตอนและรีเซ็ตรหัสผ่าน 2) บล็อกการเข้าถึงตัวอุปกรณ์โดยตรง 3) ปิดเครื่องรอบริษัทออกแพตช์ 4) ถอยกลับไปใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 9.x
ไฟร์วอลล์ตระกูลอื่นๆ รวมถึง SMA 1000 ไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้ และแพตช์จะออกภายในวันพรุ่งนี้ โดยการโจมตีครั้งนี้พบโดยนักวิจัยจาก NCC Group
ที่มา - SonicWall |
# เหตุที่ Amazon ทำเกมเท่าไรก็ไม่บูม มาจากผู้บริหารขาดประสบการณ์ และวัฒนธรรมองค์กร
Jeff Bezos เริ่มพยายามบุกตลาดเกมตั้งแต่ปี 2012 ด้วยการตั้งบริษัทลูก Amazon Games ขึ้นมาโดยมี Mike Frazzini เป็นหัวหอกและนั่งตำแหน่งรองประธานสตูดิโอ Amazon Games Studio มาจนถึงปัจจุบัน วิสัยทัศน์ของ Jeff คือจะใช้เกมเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเพิ่มสมาชิก Amazon Prime รวมถึงโชว์ความสามารถของระบบคลาวด์ของ Amazon
ปัจจุบันผ่านมา 8 ปี Amazon Games Studios แทบไม่มีเกมที่ประสบความสำเร็จเลย ซึ่ง Jason Schreier นักข่าวสายสืบสวนอันดับต้นๆ ของวงการเกม ร่วมกับ Priya Anand เขียนบทความตีแผ่การทำงานภายใน Amazon Games ลง Bloomberg โดยอาศัยข้อมูลจากการสัมภาษณ์ทีมงานและอดีตทีมงานกว่า 30 คนที่ไม่เปิดเผยตัวตน ว่าสาเหตุหลัก ๆ มาจากการขาดประสบการณ์ของ Frazzini และวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาเกม
ประวัติสั้น ๆ ของ Mike Frazzini คือเขาไต่เต้ามาจากฝั่งขายหนังสือของ Amazon ช่วงแรกของการทำ Amazon Games Studio เขาตั้งเป้าว่าจะทำเกมเล็กๆ ลง Amazon Appstore และมือถือ Android โดยเปิดตัวเกมแรกคือ Living Classics บน Facebook ในปี 2012 ก่อนจะมุ่งเป้ามายังเกมพีซีและคอนโซลในปี 2014 โดย Frazzini เป็นหัวหอกผลักดันให้ Amazon เข้าซื้อกิจการ Twitch.tv เว็บสตรีมเกมชื่อดังมาอยู่ภายใต้ Amazon Games
Frazzini จ้างบุคลากรคุณภาพจากวงการเกมมากมายเข้ามาร่วมงาน ทั้ง Louis Castle ผู้ก่อตั้ง Westwood Studios ที่ให้กำเนิดเกม Command & Conquer, Kim Swift ผู้ออกแบบปริศนาในเกม Portal, Clint Hocking ผู้กำกับเกม Far Cry 2, ทีมสร้างเกมอเมริกันฟุตบอล Madden อย่าง Richard Hilleman และ John Smedley ผู้ก่อตั้ง Daybreak Studios ทีมสร้างเกม EverQuest แต่ปัจจุบันเหลือเพียง John Smedley เท่านั้น ที่ยังทำงานกับ Amazon อยู่
ปัญหาของ Frazzini ที่พนักงานระบุ คือเขาไม่ค่อยฟังคำแนะนำใคร และคาดหวังจะให้พนักงานทุกคนที่จ้างมา ปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรของ Amazon ให้ได้ที่ทุกสิ่งต้องวัดได้ด้วยตัวเลขและสถิติ ทำให้ทีมงานหลายๆ คนที่เคยอยู่วงการเกมมาก่อน และบางครั้งใช้มาตรวัดที่เป็นความรู้สึกอย่าง “ความสนุก” ไม่พอใจนัก และรู้สึกอึดอัด เมื่อเข้ามาร่วมกับ Amazon แม้เงินเดือนจะดีกว่าที่อื่นก็ตาม
เวลา Frazzini รีวิวเกมจากทีมพัฒนา ตามธรรมเนียมการพัฒนาเกมที่ต้องให้ผู้บริหารลองเล่นก่อน Frazzini ก็มีคำถามเดิมๆ เช่น “ทำไมไอ้นี่เป็นสีนี้” “เกมจะเสร็จเมื่อไร” หรือ “ดูน่าสนุกดีนะ” เท่านั้น แถมในบางครั้ง เขายังแยกไม่ออกระหว่างวิดีโอพรีเรนเดอร์ที่เป็นตัวอย่างเกม กับเกมเพลย์จริง แสดงถึงความขาดประสบการณ์ในวงการเกมของเขา
พนักงานยังเล่าอีกว่าเขาไม่เป็นที่รักของทีมงานเลย และหลังจากเกม Crucible ถูกแคนเซิล ทีมงานที่โดนไล่ออกแล้วกลับมาเก็บของ ก็ยังพบมีคนเขียนบนกระดานไวท์บอร์ดไว้ว่า “Fraz is cancer” พร้อมมีทีมงานอีกมากมายมาเขียน +1 ไว้ด้วยปากกาหลากสี
ในด้านเทคนิค Amazon ยังพยายามบังคับให้ทีมงานใช้เอนจิ้นพัฒนาเกมของตัวเอง ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจาก Crytek ก่อนจะนำมาดัดแปลงเป็นเอนจิ้นชื่อ Lumberyard ที่เปิดให้ใช้ฟรี แต่ทีมงานก็บ่นว่าเอนจิ้นเฉพาะนี้ทำงานด้วยยากมาก แถมยังคอมไพล์โค้ดช้าจนบางครั้งหลบไปดูซีรีส์ หรือนั่งเล่น Halo รอยังได้
ภาพหน้าจอการทำงานของเอนจิ้น Lumberyard
นอกจากนี้ เป้าหมายในการสร้างเกมของ Amazon ก็ขัดกันไปมา ทั้งความต้องการให้เกมเป็นเกมระดับร้อยล้านพันล้านแบบ Call of Duty ที่มีผู้เล่นเล่นพร้อมกันได้หลัก 10,000 คน แต่ก็ต้องสนุกด้วยเมื่อเล่นคนเดียว แถมยังพยายามไล่ตามเทรนด์เกมดังๆ เช่น League of Legends, Fortnite และ Overwatch ก่อนจะออกมาเป็นเกม Nova ที่แคนเซิลไปในปี 2017, Intensity แคนเซิลไปในปี 2019 และ Crucible ที่แคนเซิลไปในปีก่อน ตามลำดับ
ภาพจากเกม Crucible
ในแง่การให้รางวัลพนักงาน ก็ไม่ได้เหมือนกับธรรมเนียมของวงการพัฒนาเกมทั่วไป ที่มักจะให้โบนัส หากเกมได้คะแนน Metacritic เกิน 85-90 คะแนน แต่จะอยู่ในรูปของเงินที่เพิ่มตามอายุการทำงานเท่านั้น ทำให้พนักงานส่วนใหญ่ไม่กล้าออกความเห็นขัดใจเจ้านาย เพราะอยากทำงานไปนานๆ มากกว่า และทำเกมดีๆ ไปก็ไม่ได้อะไร
นอกจากนี้ยังมีปัญหาจากพนักงานผู้หญิง ที่ระบุว่า Amazon มี “bro culture” หรือวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ที่ค่อนข้างเข้มข้น และประสบปัญหาในการทำงาน ทั้งไม่มีใครฟังความเห็น ถูกกลั่นแกล้งไม่ให้ก้าวหน้า เพราะไปขัดความเห็นหัวหน้าที่เป็นผู้ชาย และอื่นๆ อีกมาก จนพนักงานหญิงหลายคนบอกว่าประสบการณ์ toxic ที่สุดในชีวิตการทำงาน ก็ตอนอยู่ที่ Amazon Game นี่แหละ
แม้ Amazon Game Studios จะได้ตัว Christoph Hartmann จาก Take-Two Studios ผู้จัดจำหน่ายเกมดังๆ อย่าง Bioshock และ Mafia มาในปี 2018 และเขาเริ่มลดข้อบังคับในการใช้เอนจิ้น Lumberyard ลง ก่อนจะสร้างเกมขับรถที่อิงจากรายการรถยนต์ในอังกฤษอย่าง The Grand Tour มาลง PS4 และ Xbox One ในปี 2019 แต่เวอร์ชั่น PS4 ก็ได้คะแนนไปเพียง 52 คะแนน บน Metacritic เท่านั้น
เกมแข่งรถ The Grand Tour
ปัจจุบันทีมงานจาก Crucible บางส่วน ย้ายมาทำเกม New World เกมออนไลน์ที่ให้ผู้เล่นสวมบทบาทเป็นนักล่าอาณานิคม และมีศัตรูเป็นชนเผ่าที่คล้ายคลึงกับชาวอเมริกันพื้นเมือง ซึ่งน่าจะเสี่ยงดราม่าพอสมควร และทีมงานก็พยายามแจ้ง Patrick Gilmore ผู้ช่วยของ Frazzini ในประเด็นนี้ ซึ่งเขาก็ไม่เชื่อเท่าไร แต่ก็มีการจ้างที่ปรึกษาชาวอเมริกันพื้นเมืองให้มาตรวจสอบตัวเกม และถอดเนื้อหาส่วนนี้ออกไป หลังที่ปรึกษาที่จ้างมาพบว่าเกมมีประเด็นเหยียดเชื้อชาติจริง
ภาพจากเกม New World
New World เลื่อนกำหนดเปิดตัวจากปีที่แล้วมาเป็นต้นปีนี้ หลัง Crucible ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คงต้องติดตามต่อไปว่าเกมนี้จะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน และ Amazon จะปรับระบบองค์กรจนประสบความสำเร็จกับวงการเกมด้วยการลองผิดลองถูก เหมือนตอน Prime Video ที่ล้มลุกคลุกคลานในช่วงแรกไม่ต่างกันได้หรือไม่ อนาคตเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
ที่มา - Bloomberg |
# จีนกวาดล้างแก๊งส่งออกวัคซีน COVID-19 ปลอม
จีนประกาศจับกลุ่มผู้ต้องสงสัยถึง 80 ราย พร้อมยึดของกลางเป็นวัคซีน COVID-19 ปลอมกว่า 3,000 โดส หลังจากพบแก๊งขายวัคซีนปลอมระบาดมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
วัคซีนปลอมทำจากน้ำเกลือ โดยแก๊งที่ทางการจีนจับกุมนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Kong Mou คาดว่าวัคซีนนี้มีไว้เพื่อการส่งออกนอกประเทศ
ผู้ผลิตวัคซีนจีนมักติด QR เพื่อให้ตรวจสอบหมายเลขประจำกล่องว่าเป็นของจริงหรือไม่ แต่ผู้ใช้ก็มักไม่ได้สแกนดูทุกกล่อง ขณะที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ (Ministry of Public Security) ของจีนแนะนำว่าควรหาวัคซีนจากช่องทางปกติเท่านั้น
ที่มา - CGTN
ภาพโดย geralt |
# Cisco หยุดขายอุปกรณ์ Wi-Fi กลุ่ม AireOS Controllers ให้ย้ายไปใช้ Catalyst แทน
Cisco ประกาศหยุดขายผลิตภัณฑ์กลุ่ม AireOS คอนโทรลเลอร์จัดการเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN Controllers - WLC) ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 โดยจะถูกทดแทนด้วยผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกันคือ Cisco Catalyst Controllers ที่สามารถแทนที่ได้ทั้งหมด
Cisco บอกว่า AireOS อยู่กับเรามานาน 15 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งแต่ยุค 802.11n จนมาถึง Wi-Fi 6 ในปัจจุบัน แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ถึงเวลาต้องไป เพื่อเปิดทางให้กับอุปกรณ์ยุคใหม่ที่มีฟีเจอร์เหนือกว่า โดยแนะนำให้ลูกค้า AireOS เดิมหันมาใช้อุปกรณ์ซีรีส์ Catalyst 9800 แทน
ที่มา - Cisco |
# เตรียมอัพเดตโปรแกรม ครม.เห็นชอบป้ายทะเบียนรถแบบใหม่ มีสระและวรรณยุกต์ได้
วันนี้คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้มีป้ายทะเบียนแบบใหม่ทำให้สามารถจดทะเบียนเป็นคำที่มีสระและวรรณยุกต์ได้ เปิดทางให้ผู้ใช้รถจดทะเบียนรถเป็นคำพูดหรือชื่อได้
ผู้ที่ได้รับกระทบจากความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คงเป็นซอฟต์แวร์อ่านป้ายทะเบียนอัตโนมัติ (license plate recognition - LPR) ที่หลายบริษัทอาจจะจำกัดตัวอักษรไว้เพียงสองตัว และไม่มีซอฟต์แวร์ใดเคยรองรับสระหรือวรรณยุกต์มาก่อน
มตินี้ยังไม่เป็นกฎหมายจริง โดยหลังจากครม.อนุมัติหลักการในวันนี้แล้วจะส่งร่างให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบต่อไป
ที่มา - รัชดา ธนาดิเรก - รองโฆษกรัฐบาล |
# Lego ทำเพลย์ลิสต์ White Noise รวมเสียงตัวต่อกระทบกัน ฟังเพื่อผ่อนคลาย และย้อนวัยเด็ก
Lego ทำเพลย์ลิสต์ White Noise รวมเสียงตัวต่อในรูปแบบต่างๆ เช่น เสียงต่อตัว Lego, เสียงกระทบกันของตัวต่อ, เสียงเทตัวต่อออกมาทีละเยอะๆ แต่ละไฟล์มีความยาวราว 30 นาที ฟังยาวๆ เพื่อความผ่อนคลาย และย้อนวัยเด็ก
ตัวเพลย์ลิสต์มีชื่อว่า LEGO White Noise มีทั้งหมด 7 ไฟล์ มีตั้งแต่เสียงกระทบตัวต่อขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ รวมถึงเสียงแบบ ASMR ที่คนบางกลุ่มใช้ฟังเพื่อความผ่อนคลายก่อนนอน สามารถหาฟังได้ใน Spotify, Apple Music และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่นๆ
ภาพจาก Lego
ที่มา - The Verge |
# Facebook ทดสอบการแจ้งเตือนผู้ใช้ iOS 14 บรรยายข้อดีของ Target Ads
จากประเด็น iOS 14 อัพเดตความเป็นส่วนตัว ทำให้การโฆษณาแบบเจาะจงตัวบุคคลหรือ Target Ads ทำได้ยากขึ้น ซึ่งกระทบ Facebook เต็มๆ ล่าสุด Facebook ได้ทดสอบแสดงการแจ้งเตือนแก่ผู้ใช้งาน iOS 14 มาพร้อมปุ่มให้ผู้ใช้กดอนุญาต หรือไม่อนุญาต
ในหน้าต่างแจ้งเตือน มีการอธิบายความสำคัญของ Target Ads เพิ่มเติมว่า ช่วยให้ประสบการณ์รับโฆษณาตรงใจเรามากขึ้น และช่วยสนับสนุนธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า โดยแอปเปิลจะแสดงข้อมูลและปุ่มให้กดอนุญาตในแบบของตัวเองอยู่แล้ว แต่หน้าต่างของ Facebook นั้นจะปรากฏขึ้นมาก่อนหน้าต่างของแอปเปิล และมีการสาธยายข้อดีของ Target Ads เพิ่มเติม
ด้านกูเกิลได้อัพเกรด Google Mobile Ads SDK เวอร์ชัน 7.64 ที่รองรับ SKAdNetwork ตัวใหม่ของแอปเปิลเรียบร้อยแล้ว และมีการเตือนนักพัฒนาแอพบน iOS ที่ฝังโฆษณาผ่านเครือข่ายกูเกิลว่าอาจได้เงินน้อยลงจากนโยบายใหม่นี้
ที่มา - CNBC |
# ไมโครซอฟท์ยอมรับ Xbox Series X จะของขาดไปอย่างน้อยถึงเดือนมิถุนายน
ปีที่ผ่านมาปัญหาการผลิตไม่ทันโดยเฉพาะฝั่งชิปไม่ว่าจะซีพียูหรือจีพียูกระทบไปทุกหย่อมหญ้า ที่หนักที่สุดก็น่าจะคอนโซลยุคใหม่ทั้ง PS5 และ Xbox Series X ซึ่งล่าสุด Mike Spencer หัวหน้าฝ่าย Investor Relations ของไมโครซอฟท์ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ว่าปัญหาของขาดน่าจะแก้ได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์เคยคาดว่าปัญหานี้จะอยู่ถึงแค่ไตรมาสแรกปีนี้ แต่ล่าสุดไทม์ไลน์ดังกล่าวก็ขยายออกไปอีก คาดว่าส่วนหนึ่งอาจจะมาจากหนึ่งในซัพพลายเชนอย่างการ์ดจอ เพราะ AMD ก็บอกว่าปัญหาการผลิตไม่ทันจะแก้ได้ในครึ่งปีหลัง
ที่มา - NYT via The Verge |
# [ข่าวลือ] IBM ปลดพนักงานด้านบล็อคเชนออกเกือบหมด หลังรายได้ธุรกิจไม่เข้าเป้า
เว็บสายคริปโต CoinDesk รายงานข่าวว่า IBM ปลดพนักงานในธุรกิจบล็อคเชนออกเกือบหมด หลังไม่ทำเงินเยอะตามที่คาดไว้
แหล่งข่าวของ CoinDesk ระบุว่าธุรกิจบล็อคเชนของ IBM ทำเงินได้เพียง 10% จากเป้าที่ตั้งไว้ ทำให้ต้องปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ และทีมงานจำนวนมากก็ลาออกจากบริษัทไปแล้ว อดีตพนักงานของ IBM รายหนึ่งให้ความเห็นว่าตอนนี้บริษัทโฟกัสไปที่ไฮบริดคลาวด์ ดังนั้นธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องจะถูกลดความสำคัญลง
อย่างไรก็ตาม โฆษกของ IBM ตอบโต้ข่าวนี้ว่าธุรกิจบล็อคเชนยังไปได้ดี แต่ก็ยอมรับว่าปรับโครงสร้างภายในของทีม ซึ่งทำเป็นปกติทุกปี
ภาพรวมของ IBM ช่วงหลังประสบปัญหาธุรกิจเดิมหดตัวลงมาก แต่ธุรกิจใหม่ก็ยังไม่เติบโตขึ้นมาทดแทนได้ ในไตรมาสล่าสุด บริษัทมีรายได้ลดลง 6% จากปีก่อน
ที่มา - CoinDesk |
# Ford จับมือกับ Google เป็นพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีบนรถยนต์
ค่ายรถยนต์ Ford และ Google ประกาศจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กันระยะเวลา 6 ปีนับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป รถยนต์ Ford และ Lincoln แบรนด์ลูกกลุ่มรถหรู จะขับเคลื่อนด้วย Android (แต่ไม่ได้เจาะจงว่าเป็น Android Automotive), แอปและเซอร์วิสต่าง ๆ จาก Google ขณะที่ระบบหลังบ้าน Ford ก็จะใช้ Google Cloud ด้วย
นอกจากนี้ยังมีการตั้งทีม Upshift ที่ทั้งสองบริษัทจะทำงานร่วมกันพัฒนาโปรเจ็คต่าง ๆ เช่น User Experience หรือโอกาสในการนำข้อมูลการขับขี่มาต่อยอดผ่าน AI/ML ของ Google เป็นต้น
ที่มา - Ford |
# นักพัฒนาเริ่มบ่น Xbox Series S แรมน้อย เป็นอุปสรรคในการพัฒนาและพอร์ตเกม
Xbox Series S เครื่องเกมรุ่นประหยัดในเจ็นปัจจุบันของฝั่ง Microsoft ที่มีสเปกด้อยกว่ารุ่น Series X ต่างจาก PS5 ที่รุ่นประหยัดตัดออกเพียงเครื่องเล่นแผ่นเท่านั้น แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าผู้พัฒนาจะรู้สึกว่า Xbox One S ที่มีแรมน้อยกว่า (10 GB เทียบกับ 16GB บน Xbox Series X และ PS5) และเล่นเกมได้บนความละเอียดที่ต่ำกว่าทั้ง Xbox Series X และ PS5 จะเป็นอุปสรรคในการพอร์ต หรือพัฒนาเกมเจ็นปัจจุบันซะแล้ว
Paweł Lekki ผู้บริหาร Exor Studio สตูดิโอสร้างเกม The Riftbreaker เกมเอาตัวรอดบน Xbox Series X|S ให้สัมภาษณ์กับ Wccftech ว่าขนาดของแรมบน Xbox Series S เป็นข้อจำกัดของเกมเจ็นปัจจุบันทั้งหมด เพราะทุกเกมต้องทำมาเพื่อรองรับสเปกที่ด้อยกว่า และถ้ามี SKU แค่ Xbox Series X รุ่นเดียว อะไรๆ คงสะดวกกว่านี้
อีกรายคือ 505 Games ตัวแทนจำหน่ายเกม Control จากทีมผู้สร้าง Remedy ที่เขียนระบุในข้อความเกี่ยวกับ Control เวอร์ชั่นอัพเกรดบน Xbox Series S ตัวเกมจะตั้งเป้าให้เล่นได้ที่ 60FPS โดยไม่มี ray tracing และมีความละเอียดเรนเดอร์ที่ 900p บนภาพ 1080p เท่านั้น พร้อมทิ้งท้ายไว้ว่าจุดนี้เป็นข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ Xbox Series S ไม่ใช่ตัวเกม ก่อนจะแก้ไข และลบส่วนหลังออกไป
ข้อความบนเว็บไซต์ 505 Games ช่องซ้ายคือข้อความเก่า ก่อนจะแก้ไขเป็นแบบขวา
น่าสนใจว่าในระยะยาว เช่นช่วงกลางหรือปลายอายุของคอนโซล แรม 10GB และข้อจำกัดอื่นๆ บน Xbox Series S จะเป็นจุดที่ฉุดรั้งการพัฒนาเกมอย่างชัดเจนกว่าช่วงนี้หรือไม่ เพราะเกมในจุดนั้น น่าจะใช้ประสิทธิภาพของเครื่องเกมเจ็นปัจจุบันได้อย่างเต็มที่แล้ว แต่หากต้องมาคอยพะวงถึงสเปกที่ด้อยกว่า ก็อาจทำให้คุณภาพตัวเกมถูกจำกัดได้ระดับหนึ่ง
ที่มา - Notebookcheck |
# SpaceX ประกาศภารกิจ Inspiration4 พาพลเรือนขึ้นบินรอบโลกในยาน Dragon สปอนเซอร์แจก 3 ที่นั่ง
SpaceX ประกาศภารกิจท่องเที่ยวครั้งแรกของยาน Dragon ในชื่อ Inspitation4 เตรียมนำพลเรือน 4 คนขึ้นไปโคจรรอบโลก มีกำหนดขึ้นบินภายในสิ้นปี
ภารกิจครั้งนี้สนับสนุนค่าใช้จ่ายโดย Jared Isaacman ซีอีโอของบริษัท Shift4 Payment และทาง SpaceX จะคัดเลือกนักบินพลเรือนอีก 3 คนไปร่วมภารกิจ ทั้งสี่คนจะต้องฝึกแบบเดียวกับนักบินในภารกิจปกติ เช่น การทำงานในภาวะไร้น้ำหนัก, ทดสอบร่างกายในภาวะสุดขั้ว, ฝึกการเข้าออกยาน, และฝึกจำลองภารกิจเต็มรูปแบบ
ทาง SpaceX ระบุว่าภารกิจนี้จะกินเวลา "หลายวัน" และยานจะลงจอดในทะเลนอกชายฝั่งฟลอริดาร์
ที่มา - SpaceX |
# Spotify ปรับราคา Premium Family จาก 199 บาทเป็น 209 บาท
Spotify ส่งอีเมลหาสมาชิก Premium Family แจ้งว่าตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป จะปรับราคาสมาชิกครอบครัวจาก 199 บาทต่อเดือนเป็น 209 บาทต่อเดือน โดยจะมีผลในการคิดเงินเดือนมีนาคมเป็นต้นไป
ผมลองค้นหาข่าวการขึ้นราคา Family ในต่างประเทศก็ยังไม่มีข่าวลักษณะเดียวกันนี้ นอกจากการขึ้นราคา Family ในออสเตรเลียเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ซีอีโอ Spotify เคยเกริ่น ๆ มาตั้งแต่การประกาศงบประมาณไตรมาสที่แล้วว่าจะมีแผนจะปรับราคาขึ้นอีกในอนาคต ปัจจุบันมีผู้ใช้อยู่ราว ๆ 320 ล้านคน |
# Google Search เพิ่มไอคอนเมนู กดดูเพื่อแสดงป๊อบอัพที่มาเนื้อหาและคำอธิบายสั้นๆ ได้
กูเกิลประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่บน Google Search เมื่อผู้ใช้ค้นหา จะมองเห็นเมนูไอคอนเป็นสามจุดเรียงลงมาปรากฏคู่กับผลการค้นหา สามารถกดเข้าไปดูได้ว่าที่มาของเนื้อหามาจากเว็บไซต์ใด พร้อมคำอธิบายสั้นๆ จากวิกิพีเดียหรือจากแหล่งที่มาอื่น โดยจะแสดงเป็นหน้าต่างป๊อบอัพขึ้นมาเกือบครึ่งหน้าจอ
ในหน้าต่างนั้นยังแสดงข้อมูลด้วยหากเนื้อหาที่กดขึ้นมาไม่ใช่โฆษณา และมีเมนูให้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบน Google Search เพิ่มเติมด้วย ฟีเจอร์ใหม่นี้จะเริ่มในสหรัฐอเมริกา บนเดสก์ท็อปและแอป Google บน Android
ที่มา - กูเกิล |
# ไมโครซอฟท์รีแบรนด์ Office Lens แอปสแกนใหม่เป็น Microsoft Lens
ไมโครซอฟท์ประกาศรีแบรนด์ Office Lens แอปถ่ายภาพเพื่อใช้แปลงเป็นเอกสารใหม่เป็น Microsoft Lens มาพร้อมดีไซน์โลโก้ใหม่เป็นทรงกลมใหญ่ขึ้น และเพิ่มมิติไล่สีแดงดูมีพลัง
นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังเพิ่มคุณสมบัติการสแกนเช่น การเรียงลำดับหน้าเอกสาร, การแก้ไขเอกสาร PDF, สามารถใช้ตัวกรองได้กับเอกสารทั้งหมด, สแกนเอกสารและรูปภาพได้ถึง 100 หน้า, การสลับไปมาระหว่างเอกสารในเครื่องและบนคลาวด์ การอัพเดตใหม่นี้มีผลทั้งผู้ใช้งาน Android และ iOS
ที่มา - ไมโครซอฟท์ |
# Robinhood ระดมทุนเพิ่ม 3.4 พันล้านดอลลาร์ แก้ปัญหาเงินไม่พอค้ำประกันค่าหุ้น
แอพเทรดหุ้น Robinhood ประกาศระดมทุนเพิ่ม 3.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องหลังกระแสนักลงทุนรายย่อยบูมจากหุ้น GameStop จนทำให้ Robinhood มีปัญหาเรื่องการนำเงินสดไปจ่ายค่าหุ้นให้ clearing house
Vlad Tenev ซีอีโอของ Robinhood ยังให้สัมภาษณ์กับ Elon Musk บนแพลตฟอร์มไลฟ์ Clubhouse เปิดเผยว่าบริษัท clearing house โทรหาเขาตอนตีสาม เพื่อให้ Robinhood เตรียมเงินมาวางค้ำประกันหลักทรัพย์มากถึง 3 พันล้านดอลลาร์
เงินก้อนนี้มาจากนักลงทุนหลายราย นำโดย Rabbit Capital และ VC ชื่อดังอื่นๆ เช่น ICONIQ Capital, Andreessen Horowitz, Sequoia, Index Ventures, NEA
Robinhood ระบุว่าการระดมทุนก้อนนี้เป็นสิ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนยังเชื่อมั่นในบริษัท และจะนำไปขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดหุ้นอย่างมากในปีนี้ แนวทางของบริษัทยังคงเดิมคือเป็นช่องทางให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงระบบการเงินได้ง่ายขึ้น
ที่มา - Robinhood, CNN |
# เกมยังไม่ออกเลย กูเกิลปิดสตูดิโอพัฒนาเกม Stadia แล้ว ทำแพลตฟอร์มอย่างเดียว
กูเกิลประกาศปิดสตูดิโอพัฒนาเกม Stadia Games and Entertainment ทั้ง 2 แห่ง (แคนาดา, ลอสแองเจลิส) ด้วยเหตุผลว่าต้องการโฟกัสที่ตัวแพลตฟอร์มคลาวด์เกมมิ่ง แทนการสร้างเกมของตัวเอง
กูเกิลจะพยายามโยกพนักงานส่วนใหญ่ของ Stadia Games and Entertainment ไปทำงานอื่นในบริษัทในอนาคตอันใกล้นี้ (กูเกิลไม่เปิดเผยตัวเลข แต่ Kotaku ระบุว่ามีพนักงานประมาณ 150 คน) ส่วน Jade Raymond หัวหน้าสตูดิโอ Stadia (ที่ย้ายมาจาก EA) จะลาออกจากบริษัทไปทำอย่างอื่น
กูเกิลเปิดตัวสตูดิโอ Stadia ในเดือนมีนาคม 2019 ด้วยวิสัยทัศน์ว่าอยากทำเกมยุคใหม่ที่รันบนคลาวด์เกมมิ่งอย่างเดียว แต่เวลาผ่านมาเกือบ 2 ปี ยังไม่เห็นเกมเป็นรูปเป็นร่าง สุดท้ายก็ตัดสินใจยุบสตูดิโอทิ้ง
การปิดสตูดิโอ Stadia ถือเป็นจุดเปลี่ยนของกูเกิล ที่จะหันไปเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มแบบที่ถนัด และเน้นดึงเกมจากพาร์ทเนอร์รายอื่นมาให้เล่น แทนการพัฒนาเกมของตัวเอง
ที่มา - Google, Kotaku |
# กูเกิลยอมจ่าย 2.5 ล้านดอลลาร์ ยุติข้อกล่าวหาเลือกปฏิบัติในการจ่ายค่าแรง และการจ้างงาน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยว่าได้บรรลุข้อตกลงกับกูเกิล เพื่อแก้ไขข้อกล่าวหาที่ว่ากูเกิลมีพฤติกรรมเลือกปฏิบัติในการจ่ายค่าตอบแทนพนักงาน รวมถึงการจ้างงานด้วย โดยกูเกิลยอมจ่ายเงิน 2.5 ล้านดอลลาร์ให้พนักงานที่ได้รับผลกระทบคือผู้หญิง และคนเอเชียรวมแล้วกว่า 5,500 คน
ในส่วนหนึ่งของการบรรลุข้อตกลง กูเกิลจะจ่าย 1,353,052 ดอลลาร์ให้กับวิศวกรหญิง 2,565 คน และจะจ่ายเงินคืนและดอกเบี้ยจำนวน 1,232,000 ดอลลาร์ให้กับผู้สมัครในตำแหน่งวิศวกรรมหญิง 1,757 คน และผู้สมัครด้านวิศวกรรมในคนเอเชีย 1,219 คนที่ไม่ได้รับการว่าจ้าง
นอกจากนี้ กูเกิลจะจัดสรรเงินจำนวน 1,250,000 เพื่อแก้ปัญหาจ่ายค่าตอบแทนไม่เป็นธรรมในกลุ่มพนักงานที่เมาน์เทนวิว, เคิร์กแลนด์, ซีแอตเทิลและนิวยอร์ก ซึ่งเป็นที่ทำงานของวิศวกร 50% จากทั้งหมดที่ทำงานอยู่ในสหรัฐ รวมถึงจะมอบโอกาสในการทำงานให้ผู้หญิง 51 คนและชาวเอเชีย 17 คนสำหรับตำแหน่งวิศวกรรมซอฟต์แวร์
กูเกิลถือเป็นบริษัทไอทีใหญ่อีกรายที่ยอมจ่ายเพื่อยุติคดีเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังในองค์กรไอที ก่อนหน้านี้ Pinterest ก็ยอมแพ้ และจ่ายเงินก้อนใหญ่ 22.5 ล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นแนวโน้มที่องค์กรจะให้ความสำคัญกับการเลือกปฏิบัติมากขึ้น
ภาพจาก กูเกิล
ที่มา - The Verge |
# Apple ออกอัพเดต macOS Big Sur 11.2 แก้ไขปัญหาหลายรายการ
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ macOS Big Sur 11.2 ซึ่งเป็นอัพเดตที่ออกต่อจาก 11.1 เมื่อกลางเดือนธันวาคม ผู้ใช้ Mac สามารถอัพเดตได้ที่ส่วน Software Update ใน System Preferences
ในอัพเดตนี้แอปเปิลระบุว่ามีการปรับปรุงการเชื่อมต่อบลูทูธให้เสถียรมากขึ้น และแก้ไขปัญหาอีกหลายรายการ อาทิ ปัญหาการต่อจอภายนอกกับ Mac mini ชิป M1 ด้วยสาย HDMI to DVI, ปัญหาการแก้ไขรูป Apple ProRAW อาจเซฟไม่ได้, ปัญหา iCloud Drive หยุดการทำงาน และอื่น ๆ
ที่มา: MacRumors |
# iOS 14.5 เวอร์ชันเบต้า มีฟีเจอร์ปลดล็อกหน้าจอแม้ใส่มาสก์ เงื่อนไขต้องมี Apple Watch ด้วย
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 14.5 รุ่นทดสอบสำหรับนักพัฒนาในวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามปกติหลังออก iOS 14.4 สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
ในบรรดาของใหม่หลายรายการ ที่โดดเด่นที่สุดคือคุณสมบัติการปลดล็อก Face ID แม้สวมหน้ากากปิดปากและจมูกอยู่ อย่างไรก็ตามมีข้อจำกัดว่าผู้ใช้งานต้องสวม Apple Watch ที่ปลดล็อกแล้วอยู่ ณ ตอนนั้น ซึ่งเป็นการช่วยยืนยันตัวตนเพิ่มนั่นเอง คุณสมบัตินี้ผู้ใช้งานต้องเปิดการตั้งค่าเอง
ของใหม่อื่นใน iOS 14.5 รุ่นเบต้านี้ได้แก่ รองรับ Dual-SIM บน 5G, Apple Fitness+ รองรับ AirPlay 2, รองรับจอย PlayStation 5 DualSense และ Xbox Series X และอื่น ๆ ทั้งนี้คุณสมบัติทั้งหมดยังเป็นขั้นตอนการทดสอบ และอาจไม่มีในเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
ที่มา: MacRumors |
# แบงก์ชาติออกรายงานธนาคารล่มไตรมาส 4 ปี 2020 แล้วแก้ไขไหม่ ลดรายงานธนาคารกสิกรไทยเหลือล่มครั้งเดียว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยออกรายงานสถิติระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขัดข้องที่กระทบต่อการให้บริการผ่านทางช่องทางสำคัญ ซึ่งรายงานถึงความขัดข้องของช่องทางต่างๆ เช่น แอปธนาคารบนโทรศัพท์, บริการธนาคารผ่านเว็บ, บริการตู้เอทีเอ็ม, และบริการทางสาขา ซึ่งปกติมีกำหนดออกรายงานทุกสิ้นเดือนหลังสิ้นสุดไตรมาส
แต่รายงานของไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ที่ผ่านมาหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกรายงานไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กลับเอารายงานออกจากเว็บไปชั่วคราว และใส่รายงานกลับเข้ามาช่วงค่ำ หลังจากรายงานขึ้นมาแล้วพบว่าข้อมูลส่วนของธนาคารกสิกรไทย จากเดิมระบุช่องทางโทรศัพท์มือถือล่ม 4 ครั้งนาน 2 ชั่วโมง, ช่องทางเว็บล่ม 3 ครั้งนาน 1 ชั่วโมง, และช่องทางตู้เอทีเอ็มล่ม 3 ครั้งนาน 1 ชั่วโมง กลับเหลือเพียงช่องทางโทรศัพท์มือถือล่ม 1 ครั้งระยะเวลาน้อยกว่า 1 ชั่วโมง
หน้าดาวน์โหลดเอกสาร และตัวเอกสารไม่ได้ระบุเหตุผลว่าทำไมธนาคารแห่งประเทศไทยจึงแก้ไขรายงานเช่นนี้
ภาพรายงานเมื่อบ่ายวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021
ภาพรายงานเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2021
ภาพรายงานค่ำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 |
# ประธานนินเทนโดบอกเอง ยังไม่มีแผนออก Nintendo Switch รุ่นใหม่ในเร็วๆ นี้
Bloomberg รายงานข่าวว่า ในงานแถลงผลประกอบการนินเทนโดไตรมาสล่าสุด 4/2020 Shuntaro Furukawa ประธานของนินเทนโดตอบคำถามนักลงทุนเรื่อง Nintendo Switch รุ่นใหม่ (ที่พวกเราเรียกกันว่า Nintendo Switch Pro) ว่ายังไม่มีในอนาคตอันใกล้นี้ (not anytime soon)
ข่าวลือเรื่อง Switch Pro มีมายาวนาน แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริงสักที ปัจจัยหนึ่งที่มีผลอาจเป็นเพราะ Nintendo Switch รุ่นเดิมก็ทำยอดขายได้ยอดเยี่ยมถึงเกือบ 12 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ผ่านมา และมียอดขายรวมเกือบแตะ 80 ล้านเครื่องแล้ว เรียกว่าอยู่เฉยๆ ก็ขายได้ ยังไม่จำเป็นต้องมีการอัพเกรดครึ่งรอบคอนโซลในเร็ววัน
ที่มา - Bloomberg, IGN |
# Twitter ปิดการเข้าถึงบัญชีคนดังในอินเดีย 12 ราย อ้างว่าทำตามคำขอทางกฎหมาย
Twitter ปิดกั้นการเข้าถึงบัญชีบุคคลที่มีชื่อเสียงในอินเดีย ทั้งนักแสดง สื่อ นักการเมือง นักเคลื่อนไหว โดยอ้างว่าทำตามคำขอทางกฎหมาย สร้างความสับสนในกลุ่มผู้ใช้ว่าคนเหล่านี้ทำผิดกฎหมายใด
ในกลุ่มคนที่ถูกปิดกั้นการเข้าถึงมี Caravan สื่อเชิงสืบสวนและวิจารณ์การเมือง, Sanjukta Basu นักวิจารณ์การเมือง, Sanjukta Basu นักเคลื่อนไหว, Hansraj Meena นักแสดง, Sushant Singh และ Shashi Shekhar Vempati ผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานถ่ายทอดสด Prasar Bharti, นักการเมืองจากพรรค Aam Aadmi คือ Preeti Sharma Menon และ Jarnail Singh นอกจากนี้ยังมีสองบัญชีผู้ใช้งานที่ถูกปิดกั้นคือ Kisan Ekta Morcha และ Tractor2Twitr ที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงในกลุ่มเกษตรกร
Bhuvan Bagga นักข่าว AFP รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากรัฐบาลว่า กระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดียสั่งให้ Twitter บล็อกทวีตและบัญชีประมาณ 250 รายการที่ใช้แฮชแท็กออกไปในทางข่มขู่และยั่วยุให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ในแถลงการณ์โฆษกของ Twitter กล่าวว่าหลายประเทศมีกฎหมายที่อาจบังคับใช้กับเนื้อหาใน Twitter ซึ่งหากบริษัทได้รับคำขอที่กำหนดขอบเขตอย่างถูกต้องจากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต อาจต้องระงับการเข้าถึงเนื้อหาบางอย่างในบางประเทศเป็นครั้งคราว
ที่มา - TechCrunch |
# Nintendo ไตรมาสที่ผ่านมา - Switch ขายได้ 11.56 ล้านเครื่อง, Animal Crossing ขายได้ 19.41 ล้านชุด
นินเทนโดรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2020 ยอดขาย 6.35 แสนล้านเยน และมีกำไรสุทธิ 1.64 แสนล้านเยน Nintendo Switch ขายได้อีก 8.40 ล้านเครื่อง และ Nintendo Switch Lite 3.16 ล้านเครื่อง ทำให้ยอดขายสุทธิของ Switch นับตั้งแต่เปิดตัวรวมทั้งหมดเป็น 79.87 ล้านเครื่อง สูงกว่ายอดขายสุทธิของเครื่องเล่นตระกูล 3DS เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (75.94 ล้านเครื่อง)
ยอดขายเกมก็สูงเช่นกัน โดยขายไปได้อีก 75.85 ล้านชุด เกมขายดีได้แก่ Animal Crossing: New Horizons (19.41 ล้านชุด), Mario Kart 8 Deluxe (8.64 ล้านชุด), Super Mario 3D All-Stars (8.32 ล้านชุด) และ Ring Fit Adventure (5.95 ล้านชุด) ทำให้ทั้ง Mario Kart 8 Deluxe และ Animal Crossing: New Horizons มียอดขายสะสมเกิน 30 ล้านชุดแล้ว (33.41 และ 31.18 ล้านชุด ตามลำดับ)
ในไตรมาสปัจจุบัน นินเทนโดมีเกมเด่นที่จะเริ่มขายได้แก่ Buddy Mission: BOND, Super Mario 3D World + Bowser’s Fury และ Monster Hunter Rise
ตัวเลขทั้งยอดขายคอนโซลและเกมที่เพิ่มสูงในไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้นินเทนโดปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายของปีการเงิน 2021 (สิ้นสุดมีนาคม 2021) โดยประเมินว่า Switch จะขายได้รวม 26.5 ล้านเครื่อง และเกมขายได้ 205 ล้านชุด
ที่มา: The Verge, Nintendo Everything และนินเทนโด (pdf) |
# Project Zero พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Libgrcrypt เวอร์ชั่นล่าสุดหลังออกมาเพียงสิบวัน ยังไม่มีการใช้งานวงกว้าง
Tavis Ormandy นักวิจัยจาก Project Zero รายงานถึงช่องโหว่ของ Libgcrypt เวอร์ชั่น 1.9.0 ที่เพิ่งออกมาเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา โดยเป็นช่องโหว่ร้ายแรงสูงทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งข้อมูลไปให้เหยื่อถอดรหัส แต่กลับถูกแฮกเกอร์รันโค้ดในเครื่องได้
แม้ช่องโหว่นี้จะร้ายแรงมาก แต่เนื่องจากมีเวอร์ชั่นเดียวที่ได้รับผลกระทบและเพิ่งออกมาไม่กี่วันทำให้ผลกระทบจริงๆ ค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะผู้ใช้ไลบรารีหลักคือ GnuPG นั้นยังไม่ได้ออกอัพเดตมาใช้ไลบรารีเวอร์ชั่น 1.9 นี้ และตอนนี้เวอร์ชั่นแก้ไข 1.9.1 ก็ออกมาแล้ว
ตัวโค้ดที่ก่อบั๊กนี้อยู่ใน Git มาตั้งแต่ 2 ปีก่อนที่ทีมงานเริ่มพัฒนาเวอร์ชั่น 1.9 ทางทีมพัฒนาแจ้งเตือนว่าไม่ควรใช้เวอร์ชั่นที่ทีมงานไม่ได้ release เป็นทางการ
ที่มา - gnupg-announce
ฟีเจอร์รวมของ Libgcrypt จากเว็บ GnuPG |
# Meet the Angels จุดนัดพบ startup ไทยและ Angel Investor กับโอกาสระดมทุนธุรกิจสู้ทุกวิกฤติ
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ปกติหรือต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ก็ตาม ทุกธุรกิจย่อมต้องการโอกาสที่จะอยู่รอดและพัฒนาตัวเองเพื่อให้เติบโตต่อไป ยิ่งในช่วง COVID-19 ยิ่งเห็นได้ชัดว่ากลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และ startup อาจเกิดความไม่คล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ทำให้เหล่า startup ไอเดียเจ๋งๆ จึงเริ่มมองหาช่องทางการระดมทุนที่จะส่งเสริมและผลักดันให้ธุรกิจของตนนั้นสามารถก้าวต่อไปแบบไม่สะดุด ซึ่ง Krungsri Finnovate ตอบโจทย์ความต้องการนั้นได้อย่างลงตัวที่สุด โดยได้สร้างแพลตฟอร์มใหม่อย่าง Meet the Angels พื้นที่สำหรับกลุ่ม startup ไทยให้ได้พบกับนักลงทุนตัวจริง และยังสนับสนุนต่อยอดพัฒนาธุรกิจอย่างรอบด้านร่วมกันด้วย
Krungsri Finnovate เสริมจุดแข็ง startup เดินหน้าต่อ
ที่ผ่านมาบริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยาอย่าง Krungsri Finnovate ทำหน้าที่เป็น Corporate Venture Capital ให้กับกลุ่มลูกค้า startup และได้รับการยอมรับอย่างดี ด้วยพันธกิจมุ่งเข้าไปมีส่วนร่วมใน Ecosystem ของ startup ทั้งในไทยและต่างประเทศในระยะยาว โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดัน startup ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถก้าวไปสู่ระดับ Unicorn
Krungsri Finnovate ได้เดินหน้าสร้างบทบาทสำคัญผ่าน 3 หน่วยงานทั้งด้านการลงทุน (Investment) โดยเน้นการลงทุนกับ startup ในเชิงกลยุทธ์ ตลอดจนมองหาการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่ออนาคต (Futuristic Investment) พร้อมทั้งยังมุ่งเป็นพันธมิตรธุรกิจร่วมกัน (Strategic Partnership) ให้ความสำคัญกับแนวทางสนับสนุนและผลักดันเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่าง startup ที่เหมาะสมกับ business units ของธนาคาร และ Krungsri Finnovate ยังทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโอกาสให้กับทั้งกลุ่ม startup ทั้งที่กำลังอยู่ในช่วง early stage ซึ่งอาจจะขาดการสนับสนุนที่ดีทางการเงิน และกลุ่มนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสทางการลงทุนใหม่ๆ หรือต้องการขยายหรือปรับการลงทุนในรูปแบบที่ต่างออกไปจากเดิม เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้การระดมทุนก็ยิ่งยากขึ้นเป็นเท่าตัว
Krungsri Finnovate จึงเพิ่มบทบาทด้านการเป็นแรงสนับสนุนที่ยอดเยี่ยม จากหน่วยงานด้าน Venture Builder and Ecosystem ด้วยการริเริ่มโครงการ Meet the Angels เพื่อเป็นสะพานเชื่อมโอกาสระหว่าง startup ไทยให้มีโอกาสได้มาพบนักลงทุน ทั้ง Angel Investor, VC, CVC พร้อมผลักดันให้เกิด Startup ภายในองค์กรกับโปรแกรม Krungsri Unicorn รวมทั้งส่งเสริมการขยายเครือข่ายพันธมิตร เพื่อให้เกิดประโยชน์กับ Tech Ecosystem มากที่สุดนั่นเอง
‘Meet the Angels’ หน่วยกู้ภัย startup ยามวิกฤต
โครงการ Meet the Angels เกิดขึ้นจากความคิดริเริ่มของ Krungsri Finnovate ตั้งแต่ในช่วงเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมา และเติบโตต่อยอดความร่วมมือกับTrue Digital Park ซึ่งเป็นพันธมิตรธุรกิจที่มีเป้าหมายเดียวกัน และมีความพร้อมด้าน Startup Ecosystem ครบวงจรของไทย ซึ่งได้เล็งเห็นปัญหาขององค์กรและธุรกิจต่างๆ ในช่วงวิกฤติโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม startup ไทยที่มีความต้องการระดมทุน ให้มีโอกาสเข้ามา pitching กับ VC CVC และ angel investor ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งจัดขึ้นในวันพุธสุดท้ายของทุกเดือน
สำหรับรูปแบบการดำเนินโครงการ Meet the Angels ได้เปิดพื้นที่ให้ทุกกลุ่ม startup ในทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น FoodTech, EdTech, MedTech, HR Tech หรือ DeepTech เข้ามาคัดเลือกตามคุณสมบัติของโครงการฯ เพื่อ pitching ในแต่ละเดือน โดยมีนักลงทุนที่กำลังมองหาความหลากหลายในการลงทุนกับ startup รูปแบบใหม่ๆ โดยสามารถทำการสอบถาม ให้ Feedback และตั้งคำถามเพื่อให้ startup ตอบแบบเรียลไทม์
ความโดดเด่นของ Meet the Angels นอกจากจะมีส่วนสนับสนุนจาก Krungsri Finnovate ให้คำแนะนำเตรียมพร้อมกับ startup เป็นรายบริษัทก่อนที่จะเข้าไป pitching และยังให้คำปรึกษา startup ภายหลังการ pitching เพื่อสร้างโอกาสในการทำงานหรือต่อยอดธุรกิจร่วมกันกับนักลงทุนแล้ว ยังมีการจัดส่งบทวิเคราะห์เจาะลึก KFINsight ให้กับทั้งทางนักลงทุน และ startup ซึ่ง KFINsight นี้ถูกจัดทำโดยทีม Investment ของ Krungsri Finnovate โดยจะประเมิน Startup ที่ได้มา pitching เป็นรายบริษัท เพื่อเป็นข้อมูลตั้งต้น ประกอบด้วยข้อมูลโอกาสทางการตลาด การเลือกใช้เทคโนโลยี และความเสี่ยงของธุรกิจ มอบให้กับนักลงทุน ขณะเดียวกัน startup เองก็สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลตรงนี้เพื่อนำไปพัฒนาต่อ พร้อมทั้งยังมีเวที Business Matching ให้กับนักลงทุนที่สนใจได้พูดคุยกับ startup เพิ่มเติมต่ออีกด้วย
ทั้งนี้ Meet the Angels ได้รับผลตอบรับที่ดีจากทั้ง startup และกลุ่มนักลงทุน และประสบความสำเร็จในการเป็น Win-Win synergy อย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย หลังจากมีการ pitching เป็นประจำทุกเดือนรวม 10 ครั้ง พบข้อมูลที่มีความน่าสนใจ ทั้งความหลากหลายของประเภทธุรกิจ startup ที่เข้าร่วมโครงการฯ มากถึง 13 ประเภท สร้างโอกาสทางธุรกิจระหว่างนักลงทุนกว่า 150 ราย ได้มาพบกับธุรกิจ startup มากถึง 48 บริษัทเลยทีเดียว
Meet the Angels จัด “The Finalist 2020” เฟ้นหา startup ตัวท็อป
จากความสำเร็จของโครงการ ‘Meet the Angels’ ที่ผ่านมา ส่งผลให้ Krungsri Finnovate และ True Digital Park เนรมิตงาน “The Finalist” ขึ้น เพื่อค้นหา The winner of the year โดยคัดเลือก 5 อันดับ startup ตัวท็อปจากจำนวน 48 บริษัทที่เคยเข้าร่วม pitching ให้มาร่วม Final pitching อีกครั้ง เพื่อชิงรางวัลเงินทุน 100,000 บาท และ Co-working space พร้อมรับรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงเข้ารับคำปรึกษา (mentorship) จากทีม Investment ของ Krungsri Finnovate จนกว่าจะออกหุ้นครั้งใหม่หรือ raise fund ได้สำเร็จ
“The Finalist” จะถูกจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2564 นี้ โดยจะเปิดโอกาสให้ทั้งนักลงทุน และ startup ที่สนใจได้เข้าร่วมชมในรูปแบบออนไลน์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมงาน เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ซึ่งผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดอัพเดทได้ใน Facebook : Krungsri Finnovate และ True Digital Park
นอกจากนั้น Krungsri Finnovate ยังส่งสัญญาณความพร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางกับ startup ทุกสถานการณ์ โดยจะมีการเปิดโครงการ ‘Meet the Angels’ ครั้งที่ 11 ประจำปี 2564 ขึ้น โดยเริ่มครั้งแรกของปีในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นการจัดงานในรูปแบบ Virtual Pitching เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เห็นศักยภาพของ startup ไทยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ startup ที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียน พร้อมสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Krungsri Finnovate |
# Instagram ให้เหตุผลห้ามแชร์โพสต์ฟีดขึ้นสตอรี่ เพราะคนบ่นเห็นโพสต์ซ้ำเยอะไป
ช่วงที่ผ่านมาผู้ใช้ Instagram น่าจะบ่นกันมากจากการถูกปรับไม่ให้สามารถแชร์โพสต์บนฟีดขึ้นไปบน Stories เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว โดยไม่มีประกาศหรือรายละเอียดใด ๆ จาก Instagram ล่าสุด Instagram เพิ่งเริ่มส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้งาน ระบุว่าทดสอบการปรับไม่ให้แชร์โพสต์ไปยัง Stories นี้อยู่
ที่น่าสนใจคือในการแจ้งเตือน Instagram ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะได้รับเสียงตอบรับจากผู้ใช้งาน ว่าไม่ต้องการเห็นโพสต์จากฟีดซ้ำบน Stories อย่างไรก็ตามเวลาใช้งานจริง การแชร์โพสขึ้น Stories อาจมีทั้งโพสต์เก่าหรือโพสต์คนอื่นมาขึ้นบน Stories ของตัวเอง
ที่มา - @MattNavarra
ภาพจาก Instagram |
# Galaxy S21 Ultra ถ่ายภาพดวงจันทร์ได้จริง มี AI ช่วยแต่ง แต่ไม่ได้ใช้เท็กซ์เจอร์ปลอมมาทับ
เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา Raymond Wong บรรณาธิการอาวุโสของเว็บไซต์ inputmag.com ลงบทความรีวิว Galaxy S21 Ultra พร้อมแสดงภาพเปรียบเทียบการถ่ายรูปดวงจันทร์ของ Galaxy S21 Ultra กับ iPhone 12 Pro Max
ภาพที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของโหมดซูม 100x บน S21 Ultra ที่เก็บรายละเอียดได้ดีกว่าซูม 12x บน iPhone 12 Pro Max อย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปิดโหมด Scene Optimizer แต่ก็ทำให้เกิดข้อถกเถียงมากมาย ว่าภาพที่ถ่ายได้ เป็นภาพจริงหรือมาจากการทาบเท็กซ์เจอร์ดวงจันทร์ทับลงไป
ภาพเปรียบเทียบ S21 Ultra (ขวา) กับ iPhone 12 Pro Max บนรีวิวของ inputmag.com
Alexi Bexi ยูทูบเบอร์สายเทคโนโลยี เข้ามารีพลายทวีตของผู้ที่แชร์บทความและพูดถึงคุณภาพภาพถ่ายดวงจันทร์ของ S21 Ultra ว่า “อย่าไปตกหลุมพรางลูกเล่น AI” (Dont fall for AI tricks) พร้อมกับทวีตโชว์คลิป ที่บอกว่า S21 Ultra นำเท็กซ์เจอร์ดวงจันทร์มาแปะทับบนภาพเหมือนที่ Huawei เคยทำ
ก่อนหน้านี้ Huawei เคยถูกนักวิเคราะห์ Wang Yue บนเว็บ Zhiyu กล่าวหาว่านำเท็กซ์เจอร์ดวงจันทร์ปลอมมาทาบทับ บน Huawei P30 เมื่อมีการถ่ายภาพดวงจันทร์ ซึ่ง Huawei ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เพราะถ้าจะทำจริง คงต้องใช้พื้นที่เก็บเท็กซ์เจอร์ดวงจันทร์ไว้บนเครื่องมากมาย และก็ยังไม่มีนักวิเคราะห์อื่นพิสูจน์ได้ว่า Huawei ใช้เท็กซ์เจอร์ปลอมมาทาบทับจริง จะมีก็เพียงผู้ใช้ทั่วไปที่ทดสอบแล้วพบว่า Huawei ทำการเกลี่ยภาพที่ตรวจพบว่าเป็นดวงจันทร์ จนรายละเอียดที่ผู้ทดสอบแอบเพิ่มลงบนภาพหายไป
ระบบ 4 กล้องที่ซูม Hybrid ได้สูงสุด 100x ของ Galaxy S21 Ultra
Raymond Wong จึงเกิดความสงสัย และทำการติดต่อยูทูบเบอร์สายเทคหลายๆ คน เริ่มด้วย Michael Fischer หรือ Mr.Mobile ที่ถ่ายภาพเปรียบเทียบคล้ายกับ Raymon และมี Danny Winget ยูทูบเบอร์สายเทคอีกคนเข้ามาบอกว่าอาจจะมีการเพิ่มเท็กซ์เจอร์เข้ามาในขั้นตอน post-processing เช่นกัน
Mr.Mobile จึงทดสอบโดยการลองถ่ายภาพลูกปิงปองสีขาวเพื่อหลอกกล้องของ S21 Ultra ว่าเป็นดวงจันทร์ โดยทั้งถ่ายในที่มือ และลองฉายแสง LED ให้มีความสว่าง แต่ก็ไม่พบว่าภาพมีเท็กซ์เจอร์ของดวงจันทร์ปรากฎแต่อย่างใด และเมื่อ Raymond นำผลทดสอบไปสอบถาม Danny Winget เขาก็ยังยืนยันว่าน่าจะเป็น AI นำภาพมาวางทับอยู่ดี ไม่อย่างนั้นถ้าปิด “Scene Optimizer” ภาพก็ต้องออกมาชัดไม่ต่างกัน
ภาพทดสอบถ่ายลูกปิงปอง จากทวิตเตอร์ของ Michael Fischer
Dave Lee หรือ Dave2D คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ AI จะฉลาดในระดับคำนวณ GPS กับมุมถ่ายของกล้อง ทำให้ไม่สามารถนำวัตถุอื่นมากหลอกได้ และเชื่อว่าภาพดวงจันทร์น่าจะเป็นภาพปลอม หรืออย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีการใช้ AI มาปรับแต่งภาพจนเกินจริง
Max Weinbach จากเว็บ Android Authority ก็เข้ามาช่วย Raymond ขุดหาเท็กซ์เจอร์ดวงจันทร์ในไลบรารี่ Android ของ Galaxy S21 Ultra แต่ก็พบเพียงภาพดวงจันทร์ความละเอียดสูงจาก ArcSoft เพียงภาพเดียวเท่านั้น จึงไม่น่าจะมีเท็กซ์เจอร์ดวงจันทร์ปลอมอยู่บนเครื่อง
ส่วน Brian Tong ยูทูบเบอร์สายเทคอีกคนก็ไม่เชื่อว่า Samsung จะใช้เท็กซ์ปลอมเช่นกัน แต่คิดว่าอาจจะมีการใช้ AI เพิ่มความชัด หรือเติมเต็มส่วนที่รายละเอียดหายไปบ้าง
สุดท้าย Raymond Wong จึงตัดสินใจนำกล้องฟุลเฟรม Sony A7R III พร้อมเช่าเลนส์ 200-600mm มาถ่ายภาพดวงจันทร์เพื่อเปรียบเทียบกับภาพจาก Galaxy S21 Ultra ด้วยตัวเอง และผลที่ได้ก็ออกมาว่าภาพดวงจันทร์ที่ Galaxy S21 Ultra ถ่ายได้นั้น ตรงกับภาพดวงจันทร์ที่ Sony A7R III ถ่ายได้ แถมยังมีรายละเอียดที่ดีกว่าด้วยซ้ำ
ภาพเปรียบเทียบ S21 Ultra (ซ้าย) กับ Sony A7R III ในบทความของ Raymond
Raymond ติดต่อไปขอคำอธิบายจาก Samsung เพิ่มเติม และได้รับคำตอบว่าไม่มีการใช้เท็กซ์เจอร์ปลอมมาทาบลงไป แต่เป็นระบบ AI Super Resolution ที่ทำงานควบคู่กับ Scene Optimizer เพื่อทำการตรวจจับวัตถุ และใช้ AI เพิ่มรายละเอียดลงไปบนภาพจริง ในระดับซูม 10x-100x
Samsung ยังระบุว่า Scene Optimizer ใช้การตั้งค่ารูรับแสงและสปีดชัตเตอร์โดยเฉพาะ เพื่อปรับความสว่างของดวงจันทร์ให้เก็บรายละเอียดได้มากที่สุด และใช้ AI ช่วย แต่ไม่มีการใช้ภาพปลอม ส่วนวิดีโอของ Alexi Bexi ที่ดูเหมือนมีการนำเท็กซ์เจอร์ปลอมมาทาบ จริงๆ เป็นทำงานของระบบตรวจสอบวัตถุ และการรวมเฟรมหลายภาพของ AI
สุดท้ายจากการทดสอบเปรียบเทียบทั้งหมด Raymond ก็เชื่อว่า Galaxy S21 Ultra ถ่ายภาพดวงจันทร์ได้จริง แม้จะมีการใช้ AI ในโหมด Scene Optimizer เข้ามาช่วยก็ตาม แต่ก็ระบุว่า Scene Optimizer ยังทำงานได้แค่กับวัตถุหรือภาพประมาณ 30 ชนิด ที่ระบบตรวจสอบได้เท่านั้น ถ้าไปซูมอย่างอื่นก็ยังเละเหมือนเดิม
ที่มา - inputmag.com |
# [ไม่ยืนยัน] ซีอีโอไมโครซอฟท์คุยตรงกับนายกออสเตรเลีย เสนอตัวเป็นบริการค้นหาแทนกูเกิล
จากประเด็นกูเกิลขู่ออสเตรเลียจะเอาบริการค้นหาออก หากรัฐบาลผ่านกฎหมายจ่ายเงินให้สำนักข่าวจากการแสดงเนื้อหาข่าวบนแพลตฟอร์ม ล่าสุด Australian Financial Review (AFR) สื่อออสเตรเลียเผย ไมโครซอฟท์เสนอให้ออสเตรเลียใช้บริการค้นหาของไมโครซอฟท์ ถ้ากูเกิลจะถอดบริการค้นหาออกจากประเทศจริง ใน AFR ยังบอกด้วยว่า Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ พูดคุยเรื่องนี้กับ Scott Morrison นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเลยด้วย
จากคำพูดของนายกรัฐมนตรีทำให้คิดไปได้ว่า ออสเตรเลียยังคงมีท่าทีไม่ยอมแพ้ โดย Morrison บอกว่า ออสเตรเลียมีกฎระเบียบที่ออกแบบจากการทำงานในรัฐสภา นั่นเป็นวิธีที่ออสเตรเลียทำงาน หากใครต้องการเข้ามาทำงานด้วยในออสเตรเลีย ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่รัฐบาลจะไม่ตอบสนองต่อภัยคุกคาม
ล่าสุดกูเกิลออกบทความถามตอบจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากูเกิลต้องจ่ายเงินให้ผู้ผลิตเนื้อหาเพื่อนำเนื้อหามาแสดงบนแพลตฟอร์ม รวบรวมข้อเสียโดยอ้างอิงคำพูดจากหน่วยงานและนักวิชาการว่าการจ่ายนั้นมีข้อเสียอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น Tim Berners-Lee ผู้ประดิษฐ์ world wide web บอกว่าตัวกฎหมายเสี่ยงต่อการละเมิดหลักการพื้นฐานของเว็บ โดยเฉพาะการกำหนดให้ชำระเงินสำหรับการเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาบางอย่างบนออนไลน์ และ The Business Council of Australia บอกว่า ตัวกฎสวนทางกับหลักการพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต หนึ่งในนั้นคือความสามารถในการเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้กูเกิลยังแนะนำให้ทางออสเตรเลียใช้ Google News Showcase หรือบริการอ่านข่าวที่กูเกิลจ่ายเงินให้สำนักข่าวเป็นรายเดือน เพื่อนำเนื้อหามาแสดงอยู่แล้ว
ที่มา - MSPoweruser, กูเกิล |
# [WSJ] แอปเปิลกำลังพยายามทำ iPhone ที่รองรับทั้ง Face ID และ Touch ID ใต้จอ
เริ่มมีข่าวลือเกี่ยวกับ iPhone ตัวใหม่ออกมาเนือง ๆ ล่าสุดก็มาจาก Wall Street Journal ในบทความของ Joanna Stern ซึ่งเป็นอดีตนักเขียนของ The Verge ที่ว่าด้วยการเทียบเทคโนโลยีบน Galaxy S21 กับ iPhone
ในบทความมีส่วนที่พูดถึงเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอซึ่ง Stern อ้างว่าได้ข้อมูลจากอดีตพนักงานแอปเปิลคนหนึ่งที่เคยอยู่ในโปรเจ็ค Touch ID ระบุว่าแอปเปิลกำลังพัฒนาออพติคัลเซ็นเซอร์ สำหรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ให้มาใช้งานร่วมกับ Face ID ซึ่งเซ็นเซอร์แบบออพติคัลจะแม่นยำกว่าการใช้เซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิค (ที่ซัมซุงใช้) และแน่นอนว่าแอปเปิลกำลังพยายามทำให้โซลูชันดังกล่าว มีความปลอดภัยและได้มาตรฐานเดียวกับ Touch ID ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ข้อมูลนี้สอดคล้องกับข้อมูลจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg (ที่ค่อนข้างให้ข้อมูลหลุดแอปเปิลได้แม่นยำ) ที่เคยบอกว่าแอปเปิลกำลังพัฒนา iPhone จอพับ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
ที่มา - WSJ |
# AirPay เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ShopeePay มีผล 15 มีนาคม
ก่อนหน้านี้ทาง AirPay ทำแคมเปญบนโซเชียลมีเดียโดยใช้แฮชแท็ก ฟ้าเปลี่ยนเป็นส้มได้ระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุด AirPay ประกาศเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ShopeePay มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป ทาง AirPay บอกว่าจะไม่กระทบการใช้งานใดๆ กับผู้ใช้รายเดิม สามารถอัพเดตและใช้งานแอปพลิเคชั่นได้ตามปกติ
ปัจจุบัน ทั้ง AirPay และ Shopee อยู่ในเครือบริษัท Sea Group ที่เป็นเจ้าของ Garena ด้วย ซึ่ง ShopeePay มีการใช้งานในประเทศอื่นอยู่แล้วคือ อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์ ส่วนไทยกับเวียดนามใช้ AirPay
ที่มา - AirPay |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.