txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# Deno ประกาศเตรียมรองรับแพ็กเกจใน npm เกือบทั้งหมด
Deno โครงการรันไทม์จาวาสคริปต์ประกาศแผนการพัฒนาเพิ่มเติม โดยจุดใหญ่ที่สุดคือการรองรับแพ็กเกจต่างๆ จาก npm ทำให้สามารถใช้แพ็กเกจแบบเดียวกับใน NodeJS ได้ แม้ว่าภายในแล้ว Deno จะต่างกับ NodeJS พอสมควร
แม้จะเป็นรันไทม์จาวาสคริปต์เหมือนกัน แต่ API ภายในของทั้งสองโครงการก็ต่างกันมาก และโมดูลต่างๆ ใน npm มักต้องการ API ของ NodeJS ที่ผ่านมา Deno เคยพยายามอิมพลีเมนต์ API เหล่านี้แยกเป็นโมดูลเฉพาะ แต่แผนการพัฒนาหลังจากนี้จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกใช้โมดูลใน npm ได้ เพียงแค่สั่ง import เหมือนโมดูลของ Deno เอง เช่น import express from "npm:express@5"; ตัว Deno จะสามารถดาวน์โหลดโมดูลมาใช้งานได้เองโดยไม่ต้องสั่ง npm install เพิ่มเติม อย่างไรก็ดีทีมงานระบุว่าจะใช้งานแพ็กเกจได้ประมาณ 80-90% เท่านั้นในช่วงสามเดือนข้างหน้า
นอกจากการประกาศรองรับ npm แล้วทาง Deno ยังประกาศปรับปรุงความเร็วให้เป็นรันไทม์ที่เร็วที่สุด หลังจากก่อนหน้านี้มีโครงการ Bun เปิดตัวออกมาว่าเร็วกว่าทั้ง NodeJS และ Deno
ที่มา - Deno |
# Unity ปฏิเสธข้อเสนอควบรวม AppLovin บอกจะเดินหน้าตามแผนเดิม ควบ ironSource
พัฒนาการล่าสุดของศึกแย่งชิง Unity โดยบอร์ดของ Unity ปฏิเสธข้อเสนอการควบรวมกิจการกับบริษัทโฆษณา AppLovin มูลค่า 17.5 พันล้านดอลลาร์
เราอาจรู้จัก Unity ในฐานะเอนจินเกม แต่รายได้ของ Unity มีทั้งจากไลเซนส์เอนจินเกม (ภาษาภายในเรียก Create) และจากบริการสำหรับนักพัฒนาเกม เช่น เซิร์ฟเวอร์ โฆษณา (Operate) ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้พอๆ กันแล้ว
Unity พยายามแก้ปัญหาเรื่องรายได้น้อยกว่าที่ควร โดยจะควบรวมกับ ironSource บริษัทโฆษณาออนไลน์จากอิสราเอล หลังการควบรวม Unity จะถือหุ้น 73.5% ของบริษัทใหม่
แต่หลังจากข่าวดีล ironSource ออกมา คู่แข่งของ ironSource คือ AppLovin ก็เสนอตัวควบรวมกับ Unity แทน กรณีนี้ AppLovin มีขนาดใหญ่กว่า ironSource ทำให้สัดส่วนหุ้นของ Unity จะเป็น 55% ของบริษัทใหม่แทน (ทั้งสามบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์)
บอร์ดของ Unity ปฏิเสธข้อเสนอของ AppLovin โดยมองว่าดีลควบรวมกับ ironSource จะเป็นประโยชน์มากกว่า และยืนยันเดินหน้าตามแผนเดิม ขั้นถัดไปคือต้องรอดูว่าฝั่ง AppLovin จะยอมแพ้ หรือจะสู้ต่อด้วยข้อเสนอใหม่ที่เย้ายวนผู้ถือหุ้นของ Unity มากกว่าเดิม
ที่มา - GameDeveloper |
# เอกสารไมโครซอฟท์ยอมรับเอง ขาย Xbox One ได้ไม่ถึงครึ่งของ PS4
คำให้การของโซนี่และไมโครซอฟท์ในกรณีซื้อ Activision Blizzard ที่บราซิล ยังมีข้อมูลน่าสนใจออกมาเรื่อยๆ ที่น่าสนใจคือมีคนไปเจอในเอกสารของไมโครซอฟท์ ยอมรับเองว่าขาย Xbox One ได้ไม่ถึงครึ่งของยอดขาย PS4
Xbox One ถือเป็นความอับอายของไมโครซอฟท์ และส่งผลให้ช่วงปี 2015 ไมโครซอฟท์หยุดรายงานตัวเลขยอดขายฮาร์ดแวร์ Xbox One ไปซะดื้อๆ แล้วหันไปใช้ตัวเลขอื่น เช่น ยอดสมาชิก Xbox Live หรือรายได้รวมแทน ทำให้เราไม่ทราบเลยว่า Xbox One ขายได้เท่าไร (ตัวเลขสุดท้ายที่รายงานคือประมาณ 10 ล้านเครื่อง) และยังคงนโยบายนี้มาจนถึงทุกวันนี้
คำให้การของไมโครซอฟท์ทำให้เราพอคาดเดาจำนวนยอดขาย Xbox One ได้จากยอดขาย PS4 ซึ่งตัวเลขสุดท้ายที่โซนี่รายงานในเดือนมีนาคม 2022 คือ 117.2 ล้านเครื่อง ดังนั้นยอดขายของ Xbox One น่าจะอยู่ราว 50-60 ล้านเครื่อง ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์หลายคนประเมินไว้ (ในยุคทอง Xbox 360 ขายได้รวม 84 ล้านเครื่อง)
ที่มา - Eurogamer |
# DJI ไม่พอใจหลังสถานทูตรัสเซียโพสต์ชื่นชมว่าเป็น "สัญลักษณ์แห่งการรบยุคใหม่"
DJI ผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจ หลังจากที่สถานทูตรัสเซียประจำประเทศจีนได้กล่าวพาดพิงถึงโดยใช้ข้อความว่าโดรนของ DJI เป็น "สัญลักษณ์แห่งการรบยุคใหม่"
สถานทูตรัสเซียประจำประเทศจีนได้โพสต์ข้อความลงบน Weibo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยอ้างอิงถึงบทความจาก Sputnik ซึ่งเป็นสื่อของรัสเซีย บทความดังกล่าวว่าด้วยเรื่องหนังสือที่เพิ่งออกใหม่ของนายพล Yuri Baluyevsky อดีตเสนาธิการทหารบกของรัสเซีย
เนื้อหาส่วนหนึ่งในหนังสือกล่าวถึงความเห็นของนายพล Yuri ที่มีต่อโดรน DJI ว่าเป็นการปฏิวัติรูปแบบการรบ เมื่อโดรนบินอยู่เหนือเป้าหมายแล้วมันสามารถชี้เป้าเพื่อยิงปืนใหญ่ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับขีปนาวุธนำวิถี โดยทางสถานทูตได้ยกเอาคำพูดของนายพล Yuri ส่วนหนึ่งที่กล่าวถึงโดรน DJI มาโพสต์บน Weibo ดังนี้
แม้ว่าข้อความข้างต้นที่กล่าวมาจะเป็นไปในลักษณะการแสดงความชื่นชมสมรรถนะของโดรน Mavic ของ DJI แต่ผู้ผลิตจากจีนนั้นไม่พอใจกับการที่ผลิตภัณฑ์ของตนถูกนำไปเชื่อมโยงกับการทำสงคราม ซึ่งแม้สถานทูตรัสเซียจะลบข้อความทั้งหมดออกในภายหลัง แต่ DJI ก็ออกแถลงการณ์เพื่อแสดงจุดยืนในการทำธุรกิจเพื่อผลิตโดรนสำหรับการใช้งานที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางทหาร โดยใช้วิธีการโพสต์ข้อความบน Weibo เช่นเดียวกัน ดังนี้
พร้อมทั้งย้ำชัดว่า
ทั้งนี้ก่อนหน้าที่ข้อความของสถานทูตรัสเซียจะถูกลบออกไป ก็มีผู้ใช้งาน Weibo จำนวนมากแสดงความเห็นเชิงตำหนิต่อข้อความดังกล่าว โดยส่วนใหญ่แสดงความรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยต่อเจตนาในการโพสต์ข้อความ ซึ่งความเห็นหนึ่งที่มีคนกด like ให้มากที่สุดกล่าวว่า
ในปัจจุบัน DJI ได้หยุดการดำเนินธุรกิจทั้งหมดในรัสเซียและยูเครนมาตั้งแต่เดือนเมษายนหลังมีข้อกล่าวหาโดรนของ DJI ถูกกองทัพรัสเซียนำไปใช้ในการโจมตียูเครน ส่วนการทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกานั้นก็มีปัญหาหลังจากเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อนรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เพิ่ม DJI เข้าในบัญชีดำพร้อมกับบริษัทจีนอื่นๆ อีก 8 รายหลังมีข้อมูลออกมาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยการสอดส่องเก็บข้อมูลชาวอุยกูร์ใน Xinjiang
ที่มา - South China Morning Post
โดรน DJI รุ่น Mavic Pro |
# แคนาดาและเยอรมนีเตรียมลงนามสร้างโรงงานพลังงานลมผลิตไฮโดรเจน
รัฐบาลเยอรมนีออกแถลงการณ์ว่าในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ นาย Justin Trudeau นายกรัฐมนตรีแคนาดาและนาย Olaf Scholz นายกรัฐมนตรีเยอรมนีจะลงนามในโปรเจ็ค โรงงานผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียจากพลังงานลม โดยจะสร้างโรงงานผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียเพื่อการส่งออกขึ้นในเมือง Stephenville รัฐ Newfoundland and Labrador ที่สำคัญคือโรงงานจะใช้พลังงานลมในการผลิตไฮโดรเจนแทนก๊าซธรรมชาติซึ่งมีข้อดีคือจะไม่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
บริษัท World Energy GH2 ซึ่งอยู่เบื้องหลังโครงการนี้ระบุว่าจะสร้างกังหันลมจำนวน 164 ตัวที่ท่าเรือน้ำลึกริมชายฝั่งเมือง Stephenville ในมลรัฐ Newfoundland and Labrador เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในการผลิตก๊าซไฮโดรเจน และมีแผนจะขยายโครงการให้ใหญ่ขึ้นอีก 3 เท่าในอนาคต
หากโครงการนี้สำเร็จจะเป็นประโยชน์กับเยอรมนีในการเป็นแหล่งพลังงานใหม่เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงรัสเซียได้ส่งก๊าซธรรมชาติให้ประเทศยุโรปน้อยลงจนอาจนำมาซึ่งการขาดแคลนก๊าซธรรมชาติได้
ส่วนทางฝั่งแคนาดา การสร้างโรงงานพลังงานสีเขียวจะทำให้แคนาดากลายเป็นศูนย์กลางพลังงานสีเขียวของอเมริกาเหนือและเป็นผู้ริเริ่มการใช้พลังงานสีเขียวซึ่งนาย Tom Rose นายกเทศมนตรีเมือง Stephenville มองว่าเป็นพลังงานที่จะใช้เป็นหลักในอนาคตและจะเป็นที่ต้องการสูง
ที่มา: CTV News |
# จีนเปิดรายการอัลกอริทึมแนะนำเนื้อหาออนไลน์ แจ้งแหล่งข้อมูลที่ใช้แนะนำ
Cyberspace Administration of China (CAC) หน่วยงานกำกับเนื้อหาออนไลน์ของจีนเปิดข้อมูลการลงทะเบียนอัลกอริทึมแนะนำเนื้อหาออนไลน์ ที่บริษัทต่างๆ ใช้แนะนำเนื้อหาในเว็บหรือแอป แม้จะเป็นการแจ้งการทำงานเพียงคร่าวๆ แต่ก็เป็นแนวทางว่าบริษัทต่างๆ ที่จะใช้อัลกอริทึมต้องลงทะเบียนกับ CAC และแจ้งจุดที่ใช้งานพร้อมกับแหล่งข้อมูล
รายการจดแจ้งมีตั้งแต่บริการค้นหาออนไลน์ที่หลายรายระบุว่าใช้เพียงคำค้นหาเพื่อแนะนำข้อมูลเท่านั้น ขณะที่บางรายการก็อาจจะใช้ประวัติการคลิกอ่านเนื้อหาในเว็บ หรือข้อมูลพฤติกรรมอื่นๆ มาใช้เรียงลำดับเนื้อหาด้วย บริการที่ลงทะเบียนแล้วและเปิดเผยออกมาตอนนี้มี 30 ราย ส่วนใหญ่เป็นบริการเนื้อหาออนไลน์ทั้งเว็บข่าว, แอปวิดิโอ, บริการสื่อสังคมออนไลน์ ไปจนถึงแอปสั่งอาหาร
รัฐบาลจีนแสดงความกังวลต่อการใช้อัลกอริทึมแสดงเนื้อหา อาจจะเป็นเพราะในฝั่งตะวันตกนั้นอัลกอริทึมแสดงเนื้อหาในบริการต่างๆ ส่งผลกระทบต่อแนวคิดทางการเมืองชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีการควบคุมชัดเจนเหมือนวงการเกมที่ทั้งบีบเวลาใช้งาน และใช้ระบบออกใบอนุญาตที่ออกได้ช้าและจำกัด
ที่มา - The Register
ภาพ Li Yang |
# งานวิจัยแผ่น QR code เรืองแสงแบบกินได้ ใช้ป้องกันเหล้าปลอมและยาปลอม
ทีมวิศวกรชีวการแพทย์จาก Purdue University และ National Institute of Agricultural Sciences จากเกาหลีใต้ ร่วมมือกันวิจัยพัฒนาแผ่น QR code แบบกินได้ ใช้สำหรับติดภายในขวดบรรจุเหล้าหรือติดบนเม็ดยา ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อเหล้าหรือผู้ที่จะทานยาสามารถใช้สมาร์ทโฟนเพื่อสแกนตรวจสอบยืนยันได้ว่าเหล้าขวดดังกล่าวหรือยาเม็ดดังกล่าวเป็นของแท้หรือไม่
ในขณะที่สติ๊กเกอร์ป้องกันการปลอมแปลงที่ใช้กันในปัจจุบันนี้สามารถติดลงได้บนกล่องหรือขวดที่เป็นบรรจุภันฑ์ภายนอกเท่านั้น จุดอ่อนประการแรกคือการปลอมแปลง QR code ที่เป็นงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ทั่วไปก็ยังทำได้ไม่ยากนัก ในขณะที่จุดอ่อนอีกประการคือมีความเสี่ยงที่จะพบเหล้าปลอมหรือยาปลอมที่อาศัยการสวมรอยนำเอาสินค้าปลอมมาใส่ในบรรุจภัณฑ์จริงได้
แต่ QR code ของทีมวิจัยนี้มีข้อดีที่เหนือกว่าแนวทางที่ใช้งานในปัจจุบันนี้ คือมันทำมาจากวัสดุที่สามารถทานได้ ทำให้ตัว QR code สามารถติดลงด้านในขวดเหล้าและสัมผัสกับเครื่องดื่มได้โดยตรงยากแก่การที่จะปลอมแปลงหรือแกะออก หรือจะใช้ติดลงบนเม็ดยาให้คนกลืนลงไปพร้อมกันกับตัวยาก็ไม่มีปัญหา อีกทั้งตัว QR code นี้สร้างขึ้นจากหมึกแบบพิเศษที่ปลอมแปลงได้ยาก
แผ่นสติ๊กเกอร์ QR code ขนาดจิ๋วที่ใช้สำหรับติดไว้ภายในขวดเหล้า
แผ่น QR code ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยใช้ใยของไหมชนิดพิเศษที่ผ่านกระบวนการปรับแต่งทางพันธุกรรมจนได้เส้นใยไหมที่มีโปรตีนเรืองแสงอยู่ในตัว ทำให้ตัวรังไหมและเส้นใยไหมมีความเรืองแสง และเนื่องจากเส้นใยที่ใช้นี้ก็เป็นโปรตีนจากธรรมชาติจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับการใช้งานกับเครื่องดื่มและยา
การปรับแต่งพันธุกรรมหนอนไหม ทำให้ได้ใยไหมที่มีคุณสมบัติเรืองแสงเป็นเฉดสีต่างๆ
เส้นใยเรืองแสงนี้มีสีสันต่างกัน 3 เฉดสี คือ ฟ้า, เขียว และแดง เมื่อใช้เทคนิคการถ่ายภาพเรืองแสง (fluorescence imaging) ซึ่งเป็นการถ่ายภาพใช้ฟิลเตอร์เพื่อคัดกรองคลื่นแสงเฉพาะบางย่านความถี่โดยเฉพาะ ก็จะเห็นการเรืองแสงจากเส้นใยไหมเหล่านี้ที่มีสีสันแตกต่างกันชัดเจน ทีมนักจัยนำเอาเส้นใยพวกนี้มาใส่ในสารละลายเพื่อสร้างหมึกเรืองแสงใช้สำหรับการทำรหัสภาพเป็น QR code ได้ตามต้องการ
เส้นใยไหมเรืองแสงถูกนำมาใส่ในสารละลายเพื่อสร้างหมึกเรืองแสงในเฉดสีต่างๆ ทั้ง ฟ้า, เขียว และแดง
ในการประยุกต์ใช้งานจริง การสแกน QR code ที่ทำจากหมึกเรืองแสงนี้จะต้องใช้แอพที่สร้างขึ้นมาเพื่อการสแกนนี้โดยเฉพาะ ตัวแอพดังกล่าวมีการตั้งค่าการปล่อยแสง (excitation source) และฟิลเตอร์เพื่อเน้นกรองเอาเฉพาะแสงที่หมึกปลดปล่อยออกมา (emission filter) ให้เหมาะสมสัมพันธ์กับความสามารถในการดูดซับคลื่นแสงและปล่อยแสงกลับออกมาของหมึกแต่ละสี โดยหมึกเรืองแสงทั้ง 3 สี จะต้องมีการปรับแต่งแอพแตกต่างกันดังนี้
สีฟ้า excitation source 415 nm, emission filter 460 nm
สีเขียว excitation source 470 nm, emission filter 525 nm
สีแดง excitation source 530 nm, emission filter 630 nm
ผลจากการประยุกต์ใช้หมึกเรืองแสง 3 นี้เข้าด้วยกันซึ่งต่างก็ทำงานกับแสงคนละย่านความถี่ ทำให้การผลิตแผ่น QR code แต่ละแผ่น สามารถสร้างรหัสภาพ 3 รหัสซ้อนกันได้ โดยสามารถเลือกสแกนรหัสภาพได้ตามต้องการด้วยการปรับตั้งค่าแสงและฟิลเตอร์ให้สอดคล้องกับรหัสภาพที่ต้องการสแกนนั่นเอง
ด้วยทางเลือกการใช้สีต่างๆ ทำให้สามารถออกแบบรหัสภาพแบบ QR code มากกว่า 1 รหัสมาซ้อนกันได้
ทั้งนี้ในกระบวนการสร้างแผ่น QR code ด้วยหมึกจากใยไหมเรืองแสงนี้ ทีมวิจัยได้ใช้แอลกอฮอล์มาเป็นตัวเพิ่มความทนทานของแผ่น QR code ดังนั้นการใช้งานมันกับขวดเหล้าจึงไม่มีปัญหา กลับจะยิ่งทำให้ QR code มีความคงทนดียิ่งขึ้น และเป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานกรณีแรกๆ ที่ทีมวิจัยนึกถึง
การใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR code เพื่อตรวจสอบเหล้า (ดาวน์โหลดวิดีโอสาธิตการสแกนได้ที่นี่)
และตามที่ได้อธิบายไว้ข้างต้นว่าแผ่น QR code นี้ทำมาจากเส้นใยโปรตีนที่สามารถรับประทานได้ มันจึงสามารถนำไปใช้ติดบนยา หรือแม้กระทั่งเม็ดยาก็ยังได้ แนวคิดของทีมวิจัยต้องการให้ผู้ใช้สามารถทำการสแกน QR code บนเม็ดยาทุกเม็ดเพื่อให้แน่ใจว่าเม็ดยาที่กำลังจะทานเข้าไปนั้นเป็นยาจริงที่มีสรรพคุณรักษาอาการเจ็บป่วยได้จริง
การใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR code เพื่อตรวจสอบเม็ดยา (ดาวน์โหลดวิดีโอสาธิตการสแกนได้ที่นี่)
ทีมวิจัยได้ทดลองใช้งาน QR code เรืองแสงกินได้นี้กับเหล้าหลากหลายยี่ห้อเป็นเวลานานกว่า 10 เดือน และสามารถใช้งานสแกนข้อมูลได้สำเร็จทุกครั้งภายใต้ภาวะแสงในสิ่งแวดล้อมต่างๆ จึงทำให้ทีมมีความมั่นใจว่าผลงานวิจัยนี้มีความสมบูรณ์พร้อมจะนำไปใช้งานได้จริง
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเอกสารงานวิจัยที่นี่
ที่มา - designboom |
# เปิดตัว Avatar Generations เกมมือถือจากเรื่อง Avatar: The Last Airbender
Square Enix เปิดตัวเกม Avatar Generations ที่อิงจากซีรีส์อนิเม Avatar: The Last Airbender โดยเป็นเกมมือถือแนวโอเพนเวิลด์ เกมเพลย์ระบุว่าเป็น tactical RPG และเปิดเล่นฟรีแบบ free-to-play
Avatar: The Last Airbender เป็นซีรีส์อนิเมฝรั่งที่ฉายทางช่อง Nickelodeon ในปี 2005-2008 และได้รับความนิยมอย่างมาก จนกลายมาเป็นซีรีส์ภาคต่อ The Legend of Korra ภาพยนตร์ เกม และเนื้อหาอื่นๆ หลายอย่าง เนื้อเรื่องเกี่ยวกับตัวเอกที่ใช้ศิลปะการต่อสู้แบบจีน ในโลกแฟนตาซีที่เน้นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ
เกมพัฒนาโดย Square Enix Montreal, Square Enix London Mobile และ Navigator Games สตูดิโอเกมจากแคนาดา ตอนนี้ยังมีภาพของเกมออกมาให้ดูเพียงภาพเดียว และยังไม่เผยภาพเกมเพลย์
Avatar Generations จะเปิดทดสอบเฉพาะบางประเทศภายในเดือนสิงหาคมนี้ และจะเปิดบริการเต็มรูปแบบภายในปี 2022
ที่มา - IGN |
# เจ้าของสิทธิ์เพลงลาตินถูกละเมิดสิทธิ์และฉ้อโกงเงินค่าลิขสิทธิ์กว่า 23 ล้านเหรียญบน Youtube
โปรดิวเซอร์เพลง Jose “Chenel” Medina Teran และ Webster Batista ถูกตั้งข้อหารวม 30 ข้อหาหลังอ้างการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงลาตินอย่างไม่ถูกต้องและฉ้อโกงเงินค่าลิขสิทธิ์รวมมูลค่ากว่า 23 ล้านเหรียญสหรัฐมาเป็นเวลา 4 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทฉ้อโกงที่ใช้ชื่อว่า MediaMuv ในปี 2560
หลักการทำงานของระบบการจัดการลิขสิทธิ์ และระบบ Content ID ของ YouTube คือ ผู้ใช้ที่ทาง YouTube อนุญาตเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงได้ ทำให้ศิลปิน นักแต่งเพลงหรือผู้มีส่วนร่วมในการทำเพลงบางคนที่ไม่สามารถควบคุมการจัดการลิขสิทธิ์และเก็บเงินค่าลิขสิทธิ์ผลงานผ่านทางระบบของ YouTube ได้ด้วยตนเองหันไปพึ่งพาบริษัทที่สามเพื่อจัดการลิขสิทธิ์ผลงานเพลง
MediaMuv อาศัยช่องว่างดังกล่าวโดยการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทจัดการลิขสิทธิ์อย่าง AdRev โดย Batista สารภาพว่าได้ยื่นเอกสารอ้างการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ปลอมต่อบริษัท AdRev และ YouTube ในเดือนกรกฎาคม ปี 2560 รวมถึงใช้เครื่องมือของ AdRev เพื่อเข้าถึงระบบจัดการลิขสิทธิ์ของ YouTube จน MediaMuv สามารถอ้างลิขสิทธิ์ต่อผลงานเพลงได้ด้วยตนเองผ่าน YouTube โดยตรง
ความสงสัยในการดำเนินการของ MediaMuv เริ่มจากการที่ Gabriel (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์ผลงานเพลงของศิลปินที่เป็นเหยื่อของ MediaMuv พบว่า MediaMuv ได้อ้างลิขสิทธิ์ต่อผลงานที่ศิลปินที่เขาดูแลอยู่เป็นเจ้าของอย่างผิดปกติหลายครั้ง จึงรายงานไปยัง YouTube และ AdRev หลายครั้งตั้งแต่ปี 2560 ต่อมามีผู้แสดงความเห็นในคลิปวิดีโอเกี่ยวกับบริษัท MediaMuv และมีผู้สร้างบัญชีทวิตเตอร์มาเพื่อตีแผ่กรณีดังกล่าวมาเป็นเวลาถึง 4 ปี ก่อนที่หน่วยงานจัดเก็บภาษีของสหรัฐ (IRS) จะเข้ามาตรวจสอบ โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นศิลปินลาตินอเมริกาชื่อดังอย่าง Daddy Yankee, Julio Iglesias และ Anuel AA
ที่มา: Billboard |
# รีวิว Xiaomi TV A2 ทีวีจอใหญ่ 58" 4K ฟีเจอร์พื้นฐานครบ ในราคา 13,990 บาท
เมื่อต้นเดือนนี้ Xiaomi ประเทศไทย เปิดตัวสมาร์ททีวีรุ่นใหม่ Xiaomi TV A2 ที่มี 2 ขนาดหน้าจอคือ 43" (FHD) และ 58" (4K) จุดที่น่าสนใจคงเป็นเรื่องราคาที่ต่ำลงมาเหลือ 7,990 บาท และ 13,990 บาท ตามลำดับ (ราคาโปรโมชั่นที่ขายผ่าน Big C) ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในแง่ประสิทธิภาพต่อราคา
Blognone ได้รับ Xiaomi TV A2 รุ่นขนาดหน้าจอ 58" จาก Xiaomi ประเทศไทยมาทดสอบให้ดูกัน
ตำแหน่งแห่งที่ของ Xiaomi TV A2
ตลาดสมาร์ททีวีในไทย ถือว่าแยกเป็น 2 ระดับใหญ่ๆ คือ กลุ่มแบรนด์พรีเมียม เช่น Sony, Samsung, LG ที่เน้นคุณภาพของพาเนลจอ และฟีเจอร์ระดับสูงอื่นๆ กับกลุ่มแบรนด์ราคาถูก โดยเฉพาะแบรนด์จีนอย่าง Hisense หรือ TCL ที่เน้นทีวีที่มีฟีเจอร์พื้นฐานครบครัน (เช่น 4K Android TV) ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
กรณีของ Xiaomi TV ต้องถือว่าอยู่ในกลุ่มหลัง โดย Xiaomi เคยทำตลาดสมาร์ทีวีในไทยมาก่อนแล้วกับรุ่น Mi TV P1 ที่เป็น 4K ขนาด 55" (ขนาดต่างกัน 3") ในราคา 15,990 บาท
ส่วน Xiaomi TV A2 58" ที่ถือเป็นรุ่น "อัพเดต" ของปี 2022 มีสเปกบางส่วนลดลงจากรุ่น P1 เล็กน้อย เช่น ใช้พาเนลจอที่รองรับค่าสี DCI-P3 ลดลงจาก 94% เหลือ 90% และไม่รองรับ HDR10+ (แต่ยังมี Dolby Vision และ HDR10) แลกกับการขายในราคาที่ถูกลง ซึ่งคนทั่วไปที่ซื้อทีวีในระดับราคาเท่านี้คงไม่ได้สนใจประเด็นเหล่านี้มากนัก
ทิศทางเรื่องการทำราคาของ Xiaomi TV A2 ที่เน้นราคาถูกลง ยังสะท้อนถึงรุ่น 43" ที่นำรุ่นความละเอียด FHD มาขาย แทนที่จะเป็น 43" 4K แบบในบางประเทศ คำตอบจาก Xiaomi เป็นเหตุผลเดียวกันคือต้องการกดราคาให้ต่ำลง เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น
สมาร์ทีวีของ Xiaomi ที่มีขายในประเทศไทย ภาพจากหน้าเว็บ Xiaomi Thailand
สเปกของ Xiaomi TV A2 ตอบโจทย์พื้นฐานครบถ้วน
สเปกโดยคร่าวๆ ของ Xiaomi TV A2 คือ
หน้าจอขนาด 58" ความละเอียด 4K UHD 3840x2160
รองรับความกว้างสี DCI-P3 90%, ระบบสี 10-bit (1.07 พันล้านสี), อัตรารีเฟรช 60Hz
รองรับมาตรฐาน HDR คือ Dolby Vision และ HDR10
ลำโพงคู่ 10W x 2 ที่ขอบด้านใต้เครื่อง, รองรับมาตรฐาน Dolby Audio และ DTS-HD
หน่วยประมวลผล ควอดคอร์ Cortex-A55 ไม่ระบุรุ่น, จีพียู Mali G52 MP2, แรม 2GB, สตอเรจ 16GB
ระบบปฏิบัติการ Android TV 10 รองรับ Google Assistant ในตัว
พอร์ต HDMI x3, USB 2.0 x2, Ethernet x1, Composite In (AV)
รีโมท Bluetooth รุ่นมาตรฐานของ Xiaomi
ต้องบอกว่าตัวพื้นฐานการใช้งาน ตั้งแต่ดีไซน์ตัวเครื่อง การวางพอร์ต ระบบปฏิบัติการ รีโมท ของ Xiaomi TV A2 นั้นเหมือนกับทีวีรุ่นอื่นๆ ของ Xiaomi (เช่น Xiaomi TV Q1E ที่ Blognone เคยรีวีวไปแล้ว) เกือบทุกประการ ในแง่การใช้งานไม่ต่างกันเลย เพื่อความกระชับของเนื้อหาจะไม่ลงรายละเอียดส่วนนี้มากนัก
ดีไซน์ภายนอกและการติดตั้ง
ดีไซน์ภายนอกของ Xiaomi TV A2 58" ถือว่ามาตรฐานตามที่ทีวีปี 2022 ควรจะเป็น ใช้ดีไซน์ขอบจอบาง (แม้ไม่ถึงขั้นบางมากๆ หรือไร้ขอบแบบทีวีรุ่นท็อปบางรุ่น)
ด้านหลังเป็นพลาสติกชิ้นเดียวที่ Xiaomi เรียกว่าดีไซน์แบบ unibody ทั้งเครื่องใช้สีดำล้วน มีสีดำเดียว ไม่มีสีอื่นให้เลือก ตัวเครื่องด้านข้างไม่ได้บางแบบทีวีไฮเอนด์หลายๆ รุ่นในตลาด
เนื่องจากเครื่องขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงต้องใช้ขาตั้ง 2 ขาแยกซ้าย-ขวาช่วยกันรับน้ำหนัก วัสดุขาตั้งเป็นพลาสติก การติดตั้งเพียงไขน็อตธรรมดาด้านละ 2 ตัวก็วางได้มั่นคงดี (ตอนไขน็อตต้องหาคนมาช่วยประคองสักหน่อย)
เมื่อเสียบปลั๊กแล้วก็ใช้งานได้ทันที (ในกล่องมีปลั๊กมาให้ 2 แบบคือ ปลั๊กแบบไทย และปลั๊กแบบอังกฤษ ซึ่งน่าจะใช้สำหรับขายในประเทศมาเลเซีย-สิงคโปร์ เป็น SKU เดียวกันเลย) หน้าจอการเซ็ตอัพเป็นหน้าจอมาตรฐานของ Android TV ที่เดี๋ยวนี้ง่ายตรงที่ซิงก์การตั้งค่าจากมือถือได้เลย
พอร์ตการเชื่อมต่อ
พอร์ตการเชื่อมต่ออยู่ด้านหลังทั้งหมด มี HDMI จำนวน 3 พอร์ต, USB-A อีก 2 พอร์ต น่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งานของยุคสมัยนี้ในระดับหนึ่ง (การที่มี Android TV ในตัวก็ลดความจำเป็นของการต่อพวกกล่องทีวีลงไปเกือบหมด เหลือแค่ต่อเกมคอนโซล พีซี หรือบางคนอาจยังใช้เครื่องเล่น Blu-ray อยู่)
ข้อติเดียวคงเป็นการวางพอร์ตที่อยู่ด้านขวาหลังทั้งหมด อาจไม่สะดวกนักสำหรับบ้านที่จำเป็นต้องวางอุปกรณ์เชื่อมต่อไว้ด้านซ้าย
ระบบปฏิบัติการ Android TV 10
ระบบปฏิบัติการของ Xiaomi TV A2 ใช้ Android TV เวอร์ชัน 10 ของกูเกิล (ยังไม่ได้เป็น Google TV เหมือนบางยี่ห้ออย่าง Sony หรือ TCL) โดยปรับแต่งเพิ่มแอพของ Xiaomi เข้ามาเล็กน้อย เช่น Xiaomi TV+ ที่เป็นสตรีมทีวีของบริษัทเอง (ในบางประเทศมี UI เพิ่มเติมเรียกว่า PatchWall ที่ยังใช้งานไม่ได้ในบ้านเรา)
แต่โดยหลักใหญ่ใจความแล้วก็เป็น Android TV รุ่นมาตรฐานเหมือนทีวีค่ายอื่นๆ มี Google Play ติดตั้งแอพได้เองตามต้องการ แอพสตรีมมิ่งพื้นฐานที่มีมาให้คือ YouTube, Netflix และ Amazon Prime Video
การใช้งาน
ผมเชื่อว่าลูกค้าที่ซื้อสมาร์ททีวี 4K น่าจะเลือกดูคลิปแบบออนดีมานด์ผ่านสตรีมมิ่ง มากกว่าช่องสัญญาณทีวีภาคพื้นแบบดั้งเดิม (หรือถ้าดูช่องทีวีก็เลือกดูแบบสตรีมผ่านเน็ตแทนเสาอากาศ)
ในกรณีของ Xiaomi TV A2 ที่เป็น Android TV ระบบปฏิบัติการมาตรฐานของทีวียุคนี้ ก็สามารถดูเนื้อหาผ่านสตรีมมิ่ง เช่น YouTube, Netflix หรือบริการสตรีมมิ่งของไทยอย่าง True ID, AIS Play ได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดหวังจากการซื้อสมาร์ททีวีอยู่แล้ว ตรงนี้คงไม่ต่างอะไรจากสมาร์ททีวี Android TV ยี่ห้ออื่น
ส่วนคอนเทนต์ระดับ 4K คงขึ้นกับแหล่งที่มาว่าดูจากที่ไหน เช่น YouTube 4K ที่ยังมีเฉพาะบางคลิปเท่านั้น หรือ Netflix 4K ที่ต้องจ่ายแพ็กเกจตัวแพงสุดถึงจะดูได้
การสั่งงานผ่านรีโมทของ Xiaomi ทำได้สะดวก มีปุ่ม Google Assistant สำหรับกดเพื่อสั่งงานด้วยเสียงได้ ถ้าจะมีข้อติคงเป็นการวางตำแหน่งปุ่ม Back/Home ที่เข้าใจยากไปสักนิดในตอนแรก แต่ถ้าคุ้นเคยแล้วคงไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า Xiaomi TV A2 รุ่นนี้ไม่มีฟีเจอร์ระดับสูงเหมือนแบรนด์พรีเมียมอื่นๆ เช่น ยังขาดฟีเจอร์ด้านเกมมิ่งอย่าง VRR (variable refresh rate), ระบบเสียง Dolby Atmos หรือพาเนลจอขั้นสูงที่ให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่าทีวีทั่วไป
แต่ถ้าเป้าหมายของการซื้อใช้งานคือการดูทีวีจอใหญ่ 58" ดูคลิปผ่านสตรีมมิ่ง มีแอพให้เลือกครบถ้วนในจักรวาล Android TV หรืออาจมีต่อกับเครื่องเกมคอนโซลเพื่อเล่นเกม 4K บ้าง ก็ต้องบอกว่า Xiaomi TV A2 ตอบโจทย์ครบทุกอย่าง ในราคา 13,990 บาท (ตอนนี้มีโปรโมชั่นแถมพัดลมด้วย) โดยได้แบรนด์ Xiaomi ด้วยก็ต้องถือว่าน่าสนใจมากเมื่อเทียบกับตัวเลือกทั้งหมดในตลาดตอนนี้ |
# Take-Two ไตรมาส 2/2022 ควบรวม Zynga เสร็จแล้ว แต่รายได้รวมลด 28% ตามเศรษฐกิจ
Take-Two Interactive แถลงผลประกอบการไตรมาส 2/2022 ซึ่งเป็นไตรมาสแรกที่ผนวกงบการเงินของ Zynga เข้ามาด้วย หลังกระบวนการซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม
ถ้านับเฉพาะรายได้จากเกมของฝั่ง Take-Two เพียงอย่างเดียว อยู่ที่ 731 ล้านดอลลาร์ เติบโต 3% แต่ถ้ารวมของ Zynga ด้วยอยู่ที่ 1,003 ล้านดอลลาร์ แต่หักต้นทุนต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายจากการควบรวมแล้วขาดทุนสุทธิ 104 ล้านดอลลาร์
ภาพรวมของรายได้ทั้งฝั่ง Take-Two และ Zynga ถือว่าลดลงจากปีที่แล้วทั้งคู่ รวมกันแล้วรายได้ลดลง 28% ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจ และไปในทิศทางเดียวกับบริษัทเกมอื่นๆ ที่มีรายได้ลดลงในปีนี้ (ลดลง 28% เท่ากับ Activision Blizzard)
Strauss Zelnick ซีอีโอของ Take-Two บอกว่ากระบวนการควบรวม Zynga ไปได้ดี วัฒนธรรมองค์กรไปด้วยกันได้ แต่ก็ยอมรับว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมมีผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเกม โดยเฉพาะฝั่งเกมมือถือที่เล่นฟรี และจ่ายเงินซื้อของตามที่ต้องการ ส่งผลให้รายได้จากเกมมือถือลดลงชัดเจนกว่าฝั่งคอนโซล
สถิติยอดขายเกมของ Take-Two
GTA ยอดขายรวมทั้งซีรีส์ 380 ล้านชุด, GTA V ขายได้ 170 ล้านชุด เพิ่มอีก 5 ล้านชุดในไตรมาสเดียว ไตรมาสก่อนก็ขายได้ 5 ล้านชุด (ทำบุญมาด้วยอะไร)
Read Dead ยอดขายรวมทั้งซีรีส์ 68 ล้านชุด, RDR2 ขายได้ 45 ล้านชุด เพิ่ม 1 ล้านชุด
NBA 2K ยอดขายรวมทั้งซีรีส์ 125 ล้านชุด, ขายได้เพิ่ม 2 ล้านชุด, ไตรมาสนี้จะออก NBA 2K23
ในไตรมาส 3 Take-Two จะมีเกมเด่นออกขายเพียงเกมเดียวคือ NBA 2K23 เพราะ Marvel's Midnight Suns เพิ่งเลื่อนวันขายออกไป เกมอื่นๆ ที่อยู่ในคิวมี Kerbal Space Program 2 ที่ต้องเลื่อนเป็นปี 2023 ด้วยเช่นกัน
ที่มา - Take-Two (PDF), Take-Two (PDF), GamesIndustry |
# Krafton เผยรายได้ส่วนใหญ่มาจากเกมมือถือ, PUBG เปิดเล่นฟรี คนเล่นเพิ่มวันละ 8 หมื่นคน
Krafton บริษัทเกมสัญชาติเกาหลีใต้ เจ้าของเกมดังอย่าง PUBG เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2022 รายได้ 326.5 ล้านดอลลาร์ (ลดลง 7.77%) กำไรสุทธิ 149.4 ล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 37.26%)
รายได้ส่วนใหญ่ของ Krafton มาจากเกมมือถือ (ราว 75% ของรายได้ทั้งหมด) โดยเกมหลัก PUBG Mobile ยังไปได้ดี แม้ว่า Krafton ไม่ได้แยกเลขรายได้เฉพาะเกมออกมาให้ดู (รายได้ประเมินจาก Sensor Tower) และเกมใหม่ PUBG New State Mobile ก็เติบโตขึ้น
ส่วนเกมต้นฉบับ PUBG: Battlegrounds บนพีซีและคอนโซล หลังเปลี่ยนโมเดลจากขายมาเป็นเล่นฟรีเมื่อต้นปี ก็มีผู้เล่นหน้าใหม่เพิ่มเฉลี่ยวันละ 80,000 ราย
สถิติอื่นคือรายได้เฉลี่ยต่อผู้เล่น (average revenue per user หรือ ARPU) เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน และรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัท 96% มาจากตลาดนอกประเทศเกาหลีใต้
Krafton ยังระบุว่าจะเปิดตัวเกมใหม่ของบริษัทลูกอีกหลายเกม เช่น
เกมใหม่ของสตูดิโอ Unknown Worlds ผู้สร้างเกม Subnautica โดยเป็นเกมเทิร์นเบสไซไฟ
The Callisto Protocol เกมเอาตัวรอดสยองขวัญจากสตูดิโอ Striking Distance ออกขาย 2 ธันวาคม 2022
เกมใหม่ที่พัฒนาจากนิยายแฟนตาซีเกาหลี The Bird That Drinks Tears
ที่มา - Krafton, Eurogamer |
# [ลือ] Apple ตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากโฆษณา แสดงผลในเสิร์ชของหลายแอปพื้นฐาน
Mark Gurman แห่ง Bloomberg อัพเดตข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแอปเปิล ในจดหมายข่าว Power On ประจำสัปดาห์ ระบุว่า Todd Teresi รองประธานอาวุโสฝ่ายแพลตฟอร์มโฆษณาของแอปเปิล มีเป้าหมายให้ธุรกิจโฆษณาของแอปเปิล ทำรายได้ระดับหมื่นล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันธุรกิจส่วนนี้มีรายได้ราว 4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
ปัจจุบันธุรกิจโฆษณาของแอปเปิล มีรายได้จากหลายส่วน เช่น หน้าผลลัพธ์การเสิร์ช App Store, ใน Apple News, ฟีดข่าว Apple Stocks และส่วนแบ่งโฆษณาในการถ่ายทอดสด MLB Friday Night
แผนการเพิ่มรายได้ส่วนนี้ก็ตรงไปตรงมา นั่นคือขยายพื้นที่แสดงโฆษณา เช่น ผลการค้นหาใน Apple Maps, Apple Books และ Apple Podcasts นั่นเอง
รายงานบอกว่าแอปเปิลเริ่มหันมาสนใจธุรกิจโฆษณามากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตชดเชยธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่การเติบโตเริ่มน้อยลง ไอเดียนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะสตีฟ จ็อบส์เคยนำเสนอ iAd ในปี 2010 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ความท้าทายคือแอปเปิลจะนำเสนอโฆษณาอย่างไร ให้ฝั่งผู้ลงโฆษณาพึงพอใจจากระบบป้องกันความเป็นส่วนตัวที่แอปเปิลชูมาตลอด รวมถึงลูกค้าที่ซื้อสินค้าพรีเมียมย่อมไม่อยากเห็นโฆษณาที่มากเกินไปด้วย
ที่มา: 9to5Mac |
# Bandai Namco กำลังพัฒนาหนัง Pac-Man ฉบับคนแสดง
ฺBandai Namco กำลังพัฒนาหนัง Pac-Man ฉบับคนแสดง โดยได้ Wayfarer Studios มารับผิดชอบการผลิต
ตัวหนังจะอิงจากไอเดียของ Chuck Williams (ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ Sonic the Hedgehog) เป็นหลัก โดยจะมี Baldoni, Manu Gargi และ Andrew Calof จากฝั่ง Wayfarer Studios มาร่วมอำนวยการผลิต
สำหรับเกม Pac-Man นั้นเป็นวิดีโอเกมที่ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1980 และได้รับความนิยมไปทั่วโลก อย่างไรก็ตามตัวเกมนั้นเรียกว่าแทบจะไม่มีเนื้อเรื่องใดๆ ประกอบการเล่าเรื่องของตัวเกมเลย จึงทำให้คาดเดาได้ยากว่าหนัง Pac-Man ที่ Bandai Namco กำลังปลุกปั้นอยู่นี้จะมีเนื้อเรื่องไปในทิศทางไหน โดยก่อนหน้านี้ตัวเกมได้รับการดัดแปลงเป็นการ์ตูนหลายตอนจบ รวมทั้งไปปรากฎอยู่ในภาพยนตร์ต่างๆ หลายเรื่อง
ส่วนทางด้าน Wayfarer Studios เป็นสตูดิโอที่ก่อตั้งโดย Justin Baldoni และ Steve Sarowitz มีผลงานการผลิตซีรีส์ Man Enough, May Last Days รวมทั้งภาพยนตร์เรื่อง Clouds และ Five Feet Apart
ที่มา - The Hollywood Reporter |
# สหรัฐฯ ตั้งค่าหัวเบื้องหลังแรนซัมแวร์ Conti 350 ล้านบาท
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศตั้งรางวัลนำจับผู้ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังแรนซัมแวร์ Conti พร้อมกับแสดงภาพใบหน้าของผู้ต้องสงสัยหนึ่งรายที่ใช้นามแฝงว่า Target แต่ก็สามารถแจ้งเบาะแสของคนอื่นในกลุ่ม ที่ใช้นามแฝงว่า Tramp, Dandis, Professor, และ Redhaev ได้ด้วย รางวัลสูงสุดที่จ่ายให้คือ 10 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 350 ล้านบาท
กลุ่ม Conti เป็นผู้ให้บริการแรนซัมแวร์ หรือ Ransomware-as-a-Service ที่มีกลุ่มอื่นๆ นำแรนซัมแวร์ไปติดตั้งหรือหลอกล่อเหยื่อให้ติดตั้งในองค์กร แล้วแบ่งรายได้กันกับผู้พัฒนา ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐของสหรัฐฯ ถูกแรนซัมแวร์ตัวนี้โจมตีมาแล้วหลายครั้ง แม้ช่วงหลังมัวแวร์ตัวนี้จะหายไป แต่ก็คาดว่าผู้พัฒนากระจายไปทำงานกับแรนซัมแวร์ตัวอื่นๆ ต่อ
ที่มา - The Register |
# นักวิจัยทดสอบความปลอดภัยบริการฐานข้อมูล SQL บนคลาวด์ เจอกูเกิลจับได้หลังเจาะสำเร็จ
ทีมวิจัยความปลอดภัยของ Wiz ผู้ให้บริการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ทดสอบความปลอดภัยของบริการฐานข้อมูลแบบ SQL บนคลาวด์โดยเจาะเฉพาะบริการ PostgreSQL ที่ได้รับความนิยมสูง โดยการออกแบบของ PostgreSQL นั้นไม่ได้คำนึงถึงการใช้งานพร้อมกันหลายองค์กร (multi-tenant) ผู้ให้บริการคลาวด์ต้องหาทางจัดการแยกข้อมูลออกจากกัน พร้อมกับจำกัดสิทธิ์ของลูกค้าไม่ให้เข้ามายุ่งกับระบบเกินความจำเป็น แม้บัญชีของลูกค้าจะมีสิทธิ์ผู้ดูแลฐานข้อมูลเต็มรูปแบบก็ตาม
การโจมตีที่พบบ่อยในการให้บริการ SQL-as-a-Service เช่นนี้คือคำสั่ง COPY [ชื่อตาราง] FROM PROGRAM [ชื่อโปรแกรม] เพราะเป็นคำสั่งที่รันโปรแกรมในเครื่องได้โดยตรง แต่กูเกิลก็ล็อกสิทธิ์นี้เอาไว้ ทาง Wiz หาช่องโหว่อื่น และพบว่าหากเปลี่ยนเจ้าของตารางให้เป็น cloudsqladmin แล้วนำคำสั่ง FROM PROGRAM ไปซ่อนไว้ในฟังก์ชั่น INDEX แทน จากนั้นจึงสั่ง ANALYZE ตัว PostgreSQL ก็จะรันฟังก์ชั่นด้วยสิทธิ์ของเจ้าของตาราง
การรันคำสั่งได้เช่นนี้ ทำให้ Wiz สามารถรันคำสั่งในเครื่องด้วยสิทธิ์ของผู้ใช้ postgres ได้ เมื่อเข้าไปใน shell ก็พบว่าตัวโปรแกรมรันอยู่ในคอนเทนเนอร์อีกชั้น แต่ใช้เน็ตเวิร์คของโฮสต์โดยตรง จากนั้นก็ตรวจหาว่ามีไฟล์ใดที่แก้ไขได้ และผู้รันมีสิทธิ์เหนือกว่า postgres ก็พบว่ามีไฟล์ iptables-save ในเครื่องที่แก้ไขจากการเปิดสิทธิ์ให้เครื่องภายนอกเชื่อมต่อเข้ามาในหน้าคอนฟิกของ Google Cloud เอง โดยตัวเจ้าของไฟล์เป็นสิทธิ์ root จากนั้นจึงเจาะออกจากคอนเทนเนอร์ผ่านทาง Google Cloud guest agent ที่รันอยู่ในเครื่อง โดย Wiz สามารถสร้างบัญชี SSH บนโฮสต์ได้สำเร็จและล็อกอินเข้าไปยังเครื่องได้
แต่หลังจากล็อกอินสำเร็จไปไม่นาน ทีมงาน Google Cloud ก็เมลหาทีมงาน Wiz ว่ากำลังวิจัยความปลอดภัยอยู่ใช่หรือเปล่า และขอให้ช่วยแจ้งความคืบหน้าของการวิจัย ทาง Wiz ระบุว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบปีที่บริการคลาวด์สามารถจับการทดสอบความปลอดภัยได้กลางทาง หลังจากนั้นจึงรายงานรายละเอียดและหาวิธีการปิดช่องโหว่ต่อไป
ทีมงาน Wiz ทดสอบแบบเดียวกันกับคลาวด์รายอื่นๆ ด้วย และพบว่าผู้ให้บริการคลาวด์แต่ละรายพยายามจัดการสิทธิ์ของผู้ใช้แตกต่างกันไป ทาง Google Cloud เสนอว่าอาจจะสร้างโครงการ PostgreSQL ที่เสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยแล้ว เพื่อให้ผู้ให้บริการคลาวด์อื่นๆ ใช้แนวทางร่วมกันได้มากขึ้น และยังมี Aiven ผู้ให้บริการฐานข้อมูลบนคลาวด์ก็เตรียมจะเปิด PostgreSQL รุ่นปรับปรุงสำหรับให้บริการคลาวด์ออกมาเป็นโอเพนซอร์สเช่นกัน
ที่มา - Wiz |
# CATL ประกาศแผนสร้างโรงงานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังการผลิต 100 GWh ในฮังการี
CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลกประกาศแผนลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดกำลังการผลิต 100 GWh ในประเทศฮังการีเพื่อป้อนแบตเตอรี่ให้ลูกค้าในยุโรป
โครงการสร้างโรงงานแบตเตอรี่แห่งใหม่นี้ใช้เงินลงทุน 7.34 พันล้านยูโร โดยจะก่อสร้างบนพื้นที่ 221,000 ตารางเมตร (ประมาณ 140 ไร่) ในเขตอุตสาหกรรม Southern Industrial Park เมือง Debrecen ทางตะวันออกของฮังการี โดยงานก่อสร้างจะเริ่มภายในปีนี้ ทั้งนี้แบตเตอรี่ที่ออกจากโรงงานนี้จะถูกป้อนให้กับลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตรถยนต์หลายราย ทั้ง Mercedes-Benz, BMW, Stellantis และ Volkswagen
โรงงานในฮังการีนี้จะถือเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งที่ 2 ของ CATL ในยุโรปต่อจากโรงงานในประเทศเยอรมนีซึ่งกำลังจะเริ่มผลิตแบตเตอรี่ภายในปีนี้ด้วยกำลังการผลิต 14 GWh ต่อปี โดยก่อนหน้านี้โรงงานทั้งหมด 8 แห่งของ CATL นั้นล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่ในประเทศจีน
สำหรับ CATL หรือชื่อเต็มๆ คือ Contemporary Amperex Technology Co., Limited เป็นบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่จากประเทศจีนที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2011 และจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกทำให้ CATL ก้าวมาเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน
ที่มา - CATL ผ่าน electrek-1, 2 |
# Flipvolt แพลตฟอร์มเทรดคริปโตบริษัทลูก Vauld ในอินเดียโดนฟรีซบัญชีข้อหาช่วยฟอกเงิน
อินเดียสั่งฟรีซสินทรัพย์ของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต Flipvolt ในข้อหาฟอกเงิน ซึ่ง Flipvolt เป็นบริษัทลูกของ Vauld แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์
Directorate of Enforcement หรือ ED หน่วยงานปราบปรามการฟอกเงินของอินเดียแถลงว่าได้ออกคำสั่งให้ฟรีซยอดเงินทั้งหมดของบริษัท Flipvolt ทั้งยอดเงินในบัญชีธนาคาร, ยอดเงินในเพย์เมนท์เกตเวย์ และคริปโตทั้งหมดกว่า 3.7 พันล้านรูปีหลังพบว่า Flipvolt มีส่วนช่วยในการฟอกเงินโดยเฉพาะกลุ่มเงินกู้นอกกฎหมาย (predatory lending) ในระหว่างที่อินเดียกำลังสอบสวนบริษัท Yellow Tune Technologies Private Limited ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Bangalore
ผลการสอบสวนของ ED พบว่าผู้รับผลประโยชน์แท้จริงของบริษัทดังกล่าวเป็นน่าจะเป็นชาวจีนสองคนที่ชื่อ Alex และ Kaidi (คาดว่าน่าจะไม่ใช่ชื่อจริง) ซึ่งทั้งสองคนออกจากประเทศอินเดียไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 2020 และหลังจากนั้น credential ของธนาคารบนอินเทอร์เน็ตและลายเซ็นดิจิทัลก็ถูกส่งตามไปและถูกใช้งานต่อหลังจากนั้น และพบว่า Yellow Tune ใช้ Flipvolt เป็นช่องทางการฟอกเงินโดยอาศัยประโยชน์จากความหละหลวมของแพลตฟอร์ม
ED ระบุว่า Flipvolt ไม่มีมาตรฐานการทำ KYC, ไม่ควบคุมการโอนเงินไปวอลเล็ตนอกโดยไม่ถามเหตุผล/ขอคำอธิบาย/ทำ KYC, ไม่บันทึกธุรกรรมบนบล็อกเชนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถตามรอยเส้นทางการเงินของคริปโตได้ จึงถูกใช้เป็นช่องทางหลีกเลี่ยงการเงินแบบธนาคารปกติ ซึ่งแม้ว่า ED จะให้โอกาส Flipvolt หลายครั้งในการหาเส้นทางการเงินของ Yellow Tune Technologies แต่ทางบริษัทก็ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ จึงเป็นที่มาของการสั่งฟรีซสินทรัพย์ทั้งหมดของ Flipvolt ในอินเดีย
ตอนนี้ Vauld ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักมาก โดยเมื่อเดือนที่แล้วทางบริษัทก็เพิ่งปิดการถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มเนื่องจากพันธมิตรหลายรายมีฐานะทางการเงินเข้าขั้นลำบาก การฟรีซบัญชีในอินเดียครั้งนี้น่าจะสร้างความปวดหัวให้ Vauld อีกครั้ง
ที่มา - Directorate of Enforcement, TechCrunch, India Today |
# รู้จักกับ Javier Olivan ซีโอโอคนใหม่ Meta และ Facebook มือแก้ปัญหาคนสำคัญของ Mark Zuckerberg
Javier Olivan คือผู้รับตำแหน่งสำคัญ ซีโอโอ ของ Meta และ Facebook หลังการประกาศลาออกของซีโอโอคนดัง Sheryl Sandberg ซึ่งตำแหน่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นมือขวาคนสำคัญรองจาก Mark Zuckerberg สำนักข่าว Bloomberg ได้รวบรวมข้อมูลเท่าที่หาได้ของผู้บริหารคนใหม่นี้ แม้ตัวเขาไม่ชอบออกสื่อนัก และปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมในรายงานดังกล่าว
Olivan เกิดและเติบโตในเมืองเล็ก ๆ ใกล้เทือกเขาพิรินีในสเปน เขาสามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา ซึ่งรวมทั้งญี่ปุ่นและเยอรมัน จบการศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอุตสาหการจากมหาวิทยาลัยในสเปน เริ่มงานที่ Siemens จากนั้นมาศึกษาต่อ MBA ที่ Stanford แล้วจึงได้มาทำงานที่ Facebook
บทบาทหน้าที่สำคัญของเขาเริ่มขึ้นในปี 2008 เมื่อ Mark Zuckerberg ต้องการขยายฐานผู้ใช้งาน Facebook ไปสู่ภาษาต่าง ๆ นอกจากภาษาอังกฤษ ซึ่งเวลานั้นคู่แข่งเริ่มรองรับภาษาอื่นกันแล้ว ในตอนแรก Zuckerberg เสนอซื้อกิจการโซเชียลของภาษานั้น ๆ แต่ไม่สำเร็จ ไอเดียแก้ปัญหาของ Olivan จึงออกมาเป็นให้ผู้ใช้งาน ช่วยกันแปลภาษา ซึ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ แบบไม่ต้องจ่ายเงินจ้างนักแปลด้วย แล้ว Facebook ก็ได้เว็บภาษาสเปนอย่างรวดเร็ว และอีกหลายภาษารวม 18 ภาษา ในเวลาแค่ 6 เดือน
Olivan ถือเป็นบุคคลสำคัญที่ Zuckerberg ไว้ใจ เมื่อต้องแก้ปัญหาหรือจัดการสิ่งต่าง ๆ ชื่อของเขาถูกระบุถึงหลายครั้งในเอกสารจากคดีกับสภาคองเกรส เขามีบทบาทในการตัดสินใจเรื่องสำคัญหลายอย่าง เช่น การแยกแอป Messenger ออกจาก Facebook, เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนให้ซื้อ WhatsApp, แอปเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน Onavo ซึ่งเป็นประเด็นก่อนหน้านี้ ล่าสุดทิศทางที่ Facebook และ Instagram ปรับแอปเพื่อแข่งกับ TikTok มากขึ้น ก็เชื่อว่ามาจาก Olivan เช่นกัน
Onavo แอปที่เป็นประเด็นว่าเก็บทราฟิกผู้ใช้งานไปวิเคราะห์
บทบาทความรับผิดชอบของ Olivan ในฐานะซีโอโอนั้น แม้ชื่อตำแหน่งเหมือนกัน แต่จะต่างไปจาก Sheryl Sandberg โดย Olivan จะเน้นไปที่การดูแลทั้งทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์และฝ่ายการตลาดธุรกิจไปพร้อมกัน จากก่อนหน้านี้ Sandberg จะดูเฉพาะส่วนธุรกิจอย่างเดียว นอกจากนี้งานส่วนที่เกี่ยวกับกฎหมาย-การเมือง ที่เดิม Sandberg ดูแลนั้น Olivan จะไม่ได้รับผิดชอบ โดยย้ายไปขึ้นกับอีกทีมแทน
อีกจุดเด่นของ Olivan คือการเข้าใจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตนอกอเมริกา เขามีส่วนร่วมในโครงการ Internet.org ที่ให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตฟรี, โครงการแอป Facebook Lite เพื่อเจาะตลาดประเทศที่อินเทอร์เน็ตยังคุณภาพไม่ดีนัก ซึ่งประโยคหนึ่งที่เขาบอกกับคนใน Facebook ตอนนั้น คือไม่ใช่ทุกคนที่ใช้ iPhone หาก Facebook ต้องการเติบโตมีผู้ใช้งานมากขึ้นทั่วโลก วิธีการเจาะตลาดต้องปรับเปลี่ยน จากนี้ความท้าทายของ Olivan ก็คือ เขาจะผลักดัน Meta ให้เติบโตต่อไปอีกอย่างไรบ้าง
Facebook Lite
ที่มา: Bloomberg |
# พบช่องโหว่ความปลอดภัยระบบออโต้อัพเดตของ Zoom บน Mac ติดตั้งแพคเกจอันตรายด้วยสิทธิ์ root ได้
Patrick Wardle นักวิจัยความปลอดภัยรายงานในงานสัมมนา Def Con ที่จัดขึ้นในลาสเวกัสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตอนนี้ Zoom มีช่องโหว่ความปลอดภัยสำคัญที่ทำให้ได้สิทธิ์ root บน Mac
วิธีใช้ช่องโหว่นี้ เพียงแค่ใช้เป้าหมายเป็นตัวติดตั้งแอป Zoom บน Mac ที่จำเป็นต้องใช้สิทธิ์ผู้ใช้ระดับสูงในการติดตั้งหรือลบแอป ซึ่งแม้ว่า Zoom จะขอให้ผู้ใช้ใส่รหัสผ่านครั้งแรกที่เพิ่มแอปลงในระบบ แต่ Wardle พบว่าฟีเจอร์ออโต้อัพเดตสามารถใช้สิทธิ์ superuser ได้ในแบคกราวน์
ปกติแล้ว เมื่อ Zoom ออกอัพเดต ตัวอัพเดตของ Zoom จะติดตั้งแพคเกจหลังจากตรวจสอบแล้วว่าแพคเกจถูกต้องด้วยการเช็คลายเซ็นดิจิทัล วิธีการตรวจสอบลายเซ็นคือเรียกไฟล์ธรรมดา แค่ตั้งชื่อไฟล์ให้เหมือนไฟล์ที่เก็บลายเซ็นดิจิทัลจาก Zoom ก็เพียงพอแล้วที่จะผ่านการตรวจสอบจากออโต้อัพเดต ถ้าแฮกเกอร์ใช้แพคเกจอันตรายและวางไฟล์ตรวจสอบลายเซ็นของแพคเกจนั้นไว้ที่เดียวกับไฟล์ตรวจสอบแพคเกจของ Zoom ก็จะทำให้แพคเกจอันตรายผ่านการตรวจสอบและรันด้วยสิทธิ์ superuser ได้
Wardle ระบุว่าเขาแจ้งช่องโหว่นี้แก่ Zoom ตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้ว พร้อมแจ้งวิธีแก้ให้ด้วย และแม้ว่า Zoom จะแก้เบื้องต้นแล้ว แต่กลับสร้างบั๊กใหม่ที่ยังคงเจาะระบบด้วยวิธีเดิมได้ (แค่ต้องอ้อมกว่านิดนึง) เขาจึงแจ้งบั๊กใหม่ไปยัง Zoom และรอ 8 เดือนก่อนที่จะเปิดเผยงานวิจัยของเขา และก่อนหน้างานสัมมนาครั้งนี้ Zoom ก็ออกแพทซ์อีกครั้งหนึ่งแก้ช่องโหว่ที่พบครั้งแรก แต่เขาระบุว่าเมื่อวิเคราะห์ลงลึกไปยังพบ error ที่บ่งชี้ว่าช่องโหว่ยังใช้ได้
ช่องโหว่ใหม่ที่พบคือแพคเกจที่จะอัพเดตจะโดนย้ายไปที่ไดเรกทอรี่หนึ่งก่อน โดยไดเรกทอรี่นี้มีเจ้าของเป็น root (ผู้ไม่มีสิทธิ์ root ไม่สามารถเพิ่ม ลบ หรือแก้ไขไฟล์ในไดเรกทอรี่นี้) อย่างไรก็ดี ตามปกติของ UNIX เมื่อไฟล์ถูกย้าย สิทธิ์ที่กำหนดไว้ในไฟล์จะเหมือนกับที่เดิม ดังนั้นผู้ใช้ทั่วไปก็ยังคงแก้ไขไฟล์เป้าหมายได้ตามต้องการและเมื่อรันแพคเกจก็ยังคงได้สิทธิ์ root อยู่ดี
ปัจจุบันช่องโหว่นี้ยังคงมีอยู่ใน Zoom ซึ่ง Wardle ระบุว่าแก้ไขง่ายมาก และเขาอยากให้ Zoom รีบแก้ไขให้เร็วที่สุด ส่วน Zoom โดย Matt Nagel หัวหน้าฝ่ายพีอาร์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวระบุว่า ตอนนี้ Zoom รับทราบรายงานช่องโหว่ล่าสุดในตัวออโต้อัพเดตของ Zoom บน macOS แล้ว และกำลังเร่งแก้ไขอยู่
ที่มา - The Verge |
# BMW ตั้งเป้าผลิตรถพลังเซลล์เชื้อเพลิงที่ร่วมกันพัฒนากับ Toyota ออกขายภายในปี 2025
Pieter Nota ผู้บริหารฝายขายของ BMW ให้สัมภาณ์แก่ Nikei Asia ว่า BMW ตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงที่ร่วมกันพัฒนากับ Toyota ให้ได้ภายในปี 2025
BMW และ Toyota นั้นมีสัมพันธ์อันดีและได้ร่วมกันพัฒนายานยนต์มาตั้งแต่ปี 2013 ที่โดดเด่นก็คือการออกรถรุ่น BMW Z4 (G29) และ Toyota Supra (J29/DB) ซึ่งเป็นรถ 2 รุ่นจาก 2 ค่ายที่มีการใช้ชิ้นส่วนร่วมกันและพัฒนาบนแพลตฟอร์มเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกันด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์พลังงานสะอาดด้วย
ทั้งนี้ Nota ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ใช้เซลล์เชื้อเพลิงรุ่นใหม่ที่ร่วมพัฒนากับ Toyota นี้ แต่ก็อาจจะคาดได้ว่าเป็นรถ SUV เพราะ BMW มองเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงว่าเหมาะสำหรับรถประเภท SUV ขนาดใหญ่ ซึ่ง iX5 อันเป็นรถรุ่นที่ BMW พัฒนาเป็นคอนเซปต์คาร์ใช้เซลล์เชื้อเพลิงก็จัดอยู่รถกลุ่มนี้เช่นกัน โดย iX5 ได้รับการเปิดตัวในงาน Munich Motor Show เมื่อปีกลายและจะถูกผลิตออกจำหน่ายในจำนวนจำกัดภายในปีนี้
BMW iX5 รถคอนเซปต์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิง
ในขณะที่ค่ายรถยนต์ต่างๆ ทั่วโลกหันมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ซึ่งรวมถึง BMW เองที่เป็นหนึ่งในนั้นและตั้งเป้าว่าจะเพิ่มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ถึง 50% ของจำนวนรถที่ขายทั้งหมดของบริษัทภายในปี 2030 แต่ BMW ก็ยังคงให้ความสนใจพัฒนารถยนต์ใช้เซลล์เชื้อเพลิงควบคู่ไปด้วย
Nota อธิบายเรื่องนี้ว่าเป็นเพราะ BMW มองเห็นข้อดีบางอย่างของรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงที่เหนือกว่ารถยนต์ไฟฟ้านั่นคือเรื่องการเติมเชื้อเพลิงที่ใช้เวลาน้อยกว่าการชาร์จไฟมาก นอกจากนี้ Nota ยังมองว่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายังต้องคำนึงถึงปริมาณแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการผลิตแบตเตอรี่ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ในขณะที่เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับเซลล์เชื้อเพลิงนั้นยังไม่มีความเสี่ยงที่จะประสบปัญหาลักษณะดังกล่าว ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงสนใจพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงควบคู่ไปด้วยมากกว่าที่จะทุ่มทรัพยากรทั้งหมดลงไปกับเทคโนโลยีใหม่เพียงชนิดเดียว
ที่มา - Engadget, motor1.com |
# พบเบราว์เซอร์ภายในแอพ Facebook, Messenger, Instagram แอบฝังสคริปต์ตามรอยผู้ใช้
Felix Krause นักพัฒนาซอฟต์แวร์ผู้สร้างบริการ Fastlane สำหรับนักพัฒนาแอพมือถือ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความเป็นส่วนตัวของ iOS ออกมาเปิดเผยว่าเบราว์เซอร์ภายในแอพ Facebook, Messenger และ Instagram ทั้งบน iOS/Android แอบฝังสคริปต์บนหน้าเว็บที่เปิดลิงก์ เพื่อตามรอยผู้ใช้งาน และเก็บข้อมูลเพื่อยิงโฆษณาได้แม่นยำขึ้น
ปกติแล้ว แอพบน iOS/Android สามารถเลือกเปิดลิงก์ผ่านเบราว์เซอร์ของระบบ หรือผ่านเอนจินเบราว์เซอร์จำพวก WebView ก็ได้ แต่แอพใหญ่ๆ บางตัวเลือกทำเบราว์เซอร์เองบนเอนจินของระบบปฏิบัติการอีกที โดยเพิ่มส่วนควบคุมต่างๆ เข้ามาจาก WebView ปกติ
กรณีของบริษัท Meta เลือกแนวทางนี้สำหรับแอพ Facebook, Messenger, Instagram ซึ่งตามปกติก็ควรไม่มีอะไร แต่ Krause พบว่าเบราว์เซอร์ตัวนี้แอบฝังไฟล์จาวาสคริปต์ (connect.facebook.net/en_US/pcm.js) เข้ามาบนเว็บเพจที่เรนเดอร์ด้วย ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว ไฟล์สคริปต์นี้สามารถเก็บข้อมูลได้ทุกอย่างของเพจที่เรนเดอร์ และดูว่าผู้ใช้คลิกอะไรบนเพจบ้าง
Krause สร้างเว็บเพจขึ้นมาเพื่อตรวจสอบการฝังสคริปต์ของ Meta หากเปิดเพจดังกล่าวจากแอพ 3 ตัวข้างต้น จะเห็นหน้าจอดักการฝังสคริปต์ดังภาพ
หลังเรื่องนี้เป็นข่าวดัง Meta ส่งอีเมลชี้แจงต่อ Krause ว่าสคริปต์เป็นการประเมินอีเวนต์ที่น่าจะเกิดขึ้นบนเพจ (เช่น ผู้ใช้คลิกเข้ามาเพื่อจะสั่งของออนไลน์ แต่ยังไม่ได้กดสั่ง) ซึ่ง Meta นำข้อมูลที่ได้ไปยิงโฆษณาแบบเจาะจงและวัดผลของการโฆษณา (targeted advertising and measurement)
Krause บอกว่าคำอธิบายนี้ฟังไม่ค่อยขึ้น และ Meta ไม่ควรแอบฝังสคริปต์ใดๆ มาตั้งแต่แรก ซึ่งแอพตัวเดียวของ Meta ที่ไม่แอบฝังสคริปต์ตอนเปิดลิงก์คือ WhatsApp เท่านั้น (WhastApp เรียกใช้เบราว์เซอร์ของระบบเพื่อเปิดลิงก์) ตอนนี้ยังไม่มีทางแก้หรือป้องกันตัวอื่นๆ ยกเว้นไม่เปิดลิงก์ภายในแอพทั้งสามตัวตั้งแต่แรก
ที่มา - Felix Krause |
# Telegram เพิ่ม Emoji Platform ผู้ใช้งานสามารถอัพโหลดแพ็คอีโมจิเคลื่อนไหวได้
Telegram เปิดตัว Telegram Emoji Platform ฟีเจอร์ใหม่เกี่ยวกับอีโมจิ รวมทั้งฟีเจอร์ใหม่อีกหลายรายการ มีรายละเอียดดังนี้
Custom Animated Emoji ผู้ใช้งานสามารถอัพโหลดอีโมจิเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้นเองได้ รองรับผู้ใช้ Telegram Premium
Interactive Custom Emoji อีโมจิแบบมีการแสดงผลเต็มจอ รองรับอีโมจิที่สร้างขึ้นเองแล้ว
ควบคุม Voice Message ตั้งค่าได้ว่าใครสามารถส่งข้อความเสียงหาเราได้
ฟีเจอร์อื่นได้แก่ แถบสติกเกอร์-GIF แบบใหม่ สำหรับผู้ใช้ iOS ซึ่ง Android และบนเว็บอัพเดตไปแล้วก่อนหน้านี้, สามารถส่งของขวัญเป็น Telegram Premium หากันได้ และ Interactive Emoji แบบใหม่เพิ่มเติม
อัพเดตนี้ออกมาหลังจากที่ซีอีโอ Telegram ออกมาโวยว่าแอปเปิลใช้เวลาตรวจสอบแอปนานเกินไป โดยแอปเปิลชี้แจงว่า Telegram เวอร์ชันใหม่ ขัดกับข้อกำหนดที่ 5.2.5 ที่ห้ามผู้พัฒนาออกแบบแอปให้ดูสับสนและคล้ายคลึงกับของแอปเปิล โดยอีโมจิชุดใหม่ที่เพิ่มมานี้ มีหลายชุดที่คล้ายกับของแอปเปิล เมื่อ Telegram ยอมถอนออก แอปจึงได้รับอนุมัติ
ที่มา: Telegram และ 9to5Mac |
# [ลือ] สตรีมมิ่งแข่งขันสูง YouTube เตรียมเปิดหน้าร้านขายบริการสตรีมมิ่งค่ายต่างๆ ให้ผู้ใช้เลือก
สงครามสตรีมมิ่งแบบพรีเมียมที่รุนแรงขึ้นทุกวันๆ ท่ามกลางตัวเลือกมากมายในตลาด เช่น Netflix, Disney+, HBO Max, Paramount+ ฯลฯ อาจทำให้ผู้บริโภคสับสนและเลือกไม่ถูก
ผู้เล่นที่อาจมาเหนือเมฆ แก้ปัญหานี้พร้อมกับสร้างรายได้ไปพร้อมๆ กันอาจเป็น YouTube ที่มีข่าวลือ (จาก Wall Street Journal) ว่าจะเปิด channel store ให้บริการสตรีมมิ่งต่างๆ มานำเสนอตัวเองต่อผู้ใช้ YouTube จำนวนมหาศาล ตัวอย่างเช่น สตรีมมิ่งอาจมาฉายเทรลเลอร์ของภาพยนตร์หรือซีรีส์บน YouTube สร้างความสนใจก่อน แล้วผู้ชมสามารถกดจ่ายเงินเพื่อสมัครบริการได้จากหน้าเว็บหรือแอพ YouTube ได้เลย
YouTube เองมีบริการดูทีวีสดผ่านเน็ตชื่อ YouTube TV มาตั้งแต่ปี 2017 แต่ยังมีเฉพาะในสหรัฐเท่านั้น บริการ YouTube TV คิดราคา 65 ดอลลาร์ต่อเดือน ดูทีวีทั้งช่องฟรีและพรีเมียมได้กว่า 85 ช่อง และสามารถจ่ายเพิ่ม add-on เพื่อชมช่องพิเศษอย่าง HBO Max หรือ BeIn Sports ได้อยู่แล้ว คาดว่าบริการ channel store ตามข่าวนี้จะมีลักษณะคล้ายๆ กันคือเป็น add-on ให้สมาชิก YouTube สามารถจ่ายเงินผ่าน YouTube ได้เลย
ที่มา - Wall Street Journal via Engadget |
# นักวิจัย MIT พัฒนาต้นแบบชุดทดสอบภูมิคุ้มกัน COVID-19 เพื่อให้คนทดสอบได้เองง่ายๆ
นักวิจัย MIT พัฒนาชุดทดสอบภูมิคุ้มกัน COVID-19 สำหรับให้คนใช้งานทดสอบด้วยตนเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน
ชุดทดสอบนี้เป็นชุดทดสอบแบบ lateral flow test หรืออธิบายอย่างง่ายก็คือมีลักษณะการใช้งานคล้ายกับชุดทดสอบการติดเชื้อ COVID-19 ที่จะต้องหยดของเหลวที่ผสมกับส่วนผสมทางเคมีลงบนแผ่นทดสอบแล้วรอให้สารละลายซึมไปตามแผ่นทดสอบก่อนจะตรวจดูว่ามีแถบสีปรากฎขึ้นหรือไม่ สิ่งที่แตกต่างกันมีแค่เพียงของเหลวที่ใช้ในการทดสอบภูมิคุ้มกันนี้จะใช้หยดเลือดในการทดสอบ
ภาพอธิบายการใช้งานชุดทดสอบภูมิคุ้มกัน COVID-19
กลไกการการทำงานของเชื้อไวรัสนั้นมันจะใช้โปรตีนหนาม (spike protein) ซึ่งก็มีความหมายตามชื่อคือเป็นโครงสร้างโปรตีนที่มีรูปร่างเป็นหนามกระจายอยู่รอบๆ ตัวเซลล์ไวรัสไปเกาะติดกับโปรตีนที่มีอยู่แล้วตามปกติบนพื้นผิวของเซลล์ร่างกายมนุษย์ โดยโปรตีนหนามของไวรัสนั้นเรียกอีกอย่างว่า RBD (Receptor Binding Domain) ส่วนโปรตีนที่เป็นเป้าหมายการเกาะของไวรัสนั้นก็คือ ACE2 (Angiotensin-Converting Enzyme) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่บนผิวเซลล์หลายชนิดในร่างกายมนุษย์ ซึ่งภูมิคุ้มกันในร่างกายคนจะพยายามยับยั้งกระบวนการยึดเกาะระหว่าง RBD และ ACE2 นี้
ชุดทดสอบภูมิคุ้มกันของ MIT นี้จะตรวจหาแอนติบอดี้ที่คอยทำหน้าที่ไปเกาะโปรตีนหนามของไวรัส SARS-CoV-2 เพื่อสกัดกั้นไม่ให้มันไปยึดเกาะกับ ACE2 ได้สำเร็จ ยิ่งหากในร่างกายมีแอนติบอดี้มากก็ยิ่งทำให้การติดเชื้อเกิดได้ยากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ในการใช้งานชุดทดสอบ ผู้ใช้จะต้องนำตัวอย่างเลือดมาผสมกับสารละลายและใส่แผ่นวัสดุที่มีโปรตีนหนามของไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งผ่านการแช่แข็งมาแล้วและถูกทำเครื่องหมายด้วยอนุภาคทองคำเอาไว้ โดยอนุภาคทองคำนี้จะเป็นตัวช่วยให้เกิดแถบสีปรากฎบนแผ่นกระดาษของชุดทดสอบ จากนั้นเมื่อทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่งจึงค่อยหยดสารละลายทั้งหมดลงบนชุดทดสอบภูมิคุ้มกัน โดยแถบกระดาษในชุดทดสอบนี้จะมีเส้นแสดงผลการทดสอบที่สำคัญ 3 เส้น
เส้นแสดงผลแรกจะคอยดึงดูด RBD โปรตีนหนามของไวรัสส่วนที่เป็นอิสระที่ไม่โดนแอนติบอดี้ในเลือดมาประกบติด ซึ่งก็เป็นเส้นแสดงผลตัวแปรควบคุมของชุดทดสอบ หากผลการทดสอบไม่พบเส้นนี้ปรากฎขึ้นมาแสดงว่าในสารละลายไม่มีองค์ประกอบของโปรตีนหนามจากไวรัส SARS-CoV-2 ผสมอยู่ (ซึ่งย่อมทำให้การตรวจหาแอนติบอดี้ไม่สามารทำได้)
เส้นแสดงผลเส้นที่สองจะคอยตรวจจับ RBD ส่วนที่โดนแอนติบอดี้เกาะเอาไว้ หากในตัวอย่างเลือดที่นำมาทดสอบมีแอนติบอดี้อยู่มากก็จะทำให้เส้นที่ 2 ของชุดทดสอบนี้แสดงผลมีสีเข้มยิ่งขึ้น แปลว่าผู้ทำการทดสอบมีระดับภูมิคุ้มกัน COVID-19 สูงนั่นเอง หากเส้นนี้จางก็แปลว่ามีภูมิคุ้มกันอยู่น้อย
เส้นแสดงผลเส้นสุดท้ายจะคอยตรวจจับอนุภาคทองคำอิสระเพื่อใช้ยืนยันว่าในสารละลายมีส่วนผสมของอนุภาคทองคำที่จำเป็นสำหรับการแสดงผลของแถบสีบนแผ่นกระดาษอยู่จริง
ทั้งนี้ในกระบวนการผลิตชุดทสอบสามารถเปลี่ยนโปรตีนหนามของไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ใดๆ เข้าไปใช้ผสมกับสารละลายเพื่อผสมกับเลือดตัวอย่างก็ได้ ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนการผลิตชุดทดสอบนี้เพื่อตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันไวรัส COVID-19 ได้ทุกสายพันธุ์ทั้งที่มีอยู่ในตอนนี้และที่จะมีใหม่ในอนาคต
ในตอนนี้ทีมวิจัยได้ทำการขอจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีการตรวจสอบภูมิคุ้มกันนี้แล้วและกำลังมองหาความร่วมมือจากบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทดสอบเพื่อขอการรับรองจาก FDA และดำเนินการผลิตออกจำหน่ายต่อไป
ที่มา - MIT News |
# Google Search ทดสอบเพิ่มปุ่ม Play ในหน้าค้นหาชื่อเกม กดแล้วเล่นเกมผ่านคลาวด์ได้ทันที
กูเกิลเริ่มทดสอบการแสดงปุ่ม Play Now ในหน้าผลการค้นหาของ Google Search ที่เกี่ยวข้องกับเกม เมื่อกดแล้วสามารถเล่นเกมนั้นๆ ผ่านคลาวด์เกมมิ่งได้ทันที แถมไม่จำกัดแค่ Stadia ของตัวเองอย่างเดียว แต่ยังใช้ได้กับบริการคู่แข่ง เช่น xCloud, GeForce Now, Amazon Luna ได้ด้วย
กูเกิลยังทดสอบฟีเจอร์นี้เฉพาะผู้ใช้บางกลุ่มเท่านั้น เมื่อผู้ใช้ค้นหาชื่อเกม เช่น Destiny 2 หรือ Control จะเห็นแถบ sidebar ด้านข้างขวาที่มีข้อมูลของเกมนั้น พร้อมปุ่ม Play ของบริการคลาวด์เกมมิ่งต่างๆ ที่รองรับ เมื่อกดปุ่มแล้วก็จะเปิดหน้าเพจของบริการตัวนั้นแล้วโหลดเกมขึ้นมาทันที
ฟีเจอร์นี้ของ Google Search ในฐานะบริการค้นหารายสำคัญ จะช่วยให้บริการคลาวด์เกมมิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นจากผู้ใช้มากกว่าเดิม ยิ่งเมื่อบริการหลายตัวมี free trial ให้ด้วยก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก่อนจึงเล่นได้
ที่มา - Ars Technica, The Verge |
# [ลือ] อะไรคือตลาดถดถอย? Apple คาดยอดขาย iPhone ปีนี้จะทรงตัว เท่ากับปีก่อน
สำนักข่าว Bloomberg อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ว่าแอปเปิลได้แจ้งตัวเลขผลิต iPhone ของปี 2022 โดยให้ผลิต iPhone รุ่นใหม่ที่จะออกมาปีนี้คือ 90 ล้านเครื่อง และคาดว่ายอดขายรวมของปีนี้อยู่ที่ 220 ล้านเครื่อง ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับยอดขายที่แอปเปิลทำได้ในปีที่แล้ว
การประเมินคำสั่งผลิตของแอปเปิลนี้น่าสนใจ เนื่องจากตัวเลขประเมินสมาร์ทโฟนในตลาดรวมปีนี้จะลดลง ข้อมูลจาก Strategy Analytics ในไตรมาสที่ผ่านมา ไตรมาส 2 ยอดขายลดลง 7.3% และประเมินว่าตัวเลขจะลดลงไปจนถึงครึ่งแรกของปีหน้า ส่วน IDC ประเมินว่าตลอดปีนี้ลดลง 3.5%
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แอปเปิลประเมินยอดขาย iPhone เพิ่มขึ้นมาตลอด ก่อนปี 2021 แอปเปิลจะสั่งผลิต iPhone รุ่นใหม่ที่ระดับ 75 ล้านเครื่องต่อปี แต่ปีที่แล้วสั่งผลิตระดับ 90 ล้านเครื่อง และปีนี้ก็มองว่าจะไม่ลดลง
ที่มา: Bloomberg |
# Xiaomi เปิดตัวหุ่นยนต์มนุษย์ตัวแรกของบริษัท CyberOne
Xiaomi เปิดตัว CyberOne หุ่นยนต์หน้าตาแบบมนุษย์ (humanoid robot) ตัวแรกของบริษัท ถือเป็นพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นจาก CyberDog หุ่นยนต์หมาของปีที่แล้ว
จุดเด่นของ CyberOne คือการเคลื่อนไหวที่สมจริงทั้งแขนและขา สามารถบาลานซ์ร่างกายได้ เคลื่อนที่ได้อิสระใน 21 แกน อัตราการตอบสนอง 0.5ms
สเปกของ CyberOne คือความสูง 177 เซนติเมตร น้ำหนัก 52 กิโลกรัม ช่วงแขนกว้าง 168 เซนติเมตร สามารถยกของหนักได้ 1.5 กิโลกรัม, มีกล้องสำรวจสภาพแวดล้อม 3D รอบตัว รับฟัง "เสียง" ของสภาพแวดล้อมได้ 85 ชนิด, แยกแยะอารมณ์ของมนุษย์ได้ 45 แบบ
Lei Jun ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Xiaomi ระบุว่า CyberOne เป็นฝีมือของ Xiaomi Robotics Lab พัฒนาระบบ AI และกลไกขึ้นมาเองทั้งหมด โดยเฉพาะมอเตอร์ที่มีน้ำหนักเพียง 500 กรัมเท่านั้น ช่วยให้น้ำหนักรวมของหุ่นยนต์เบาลงมาก
ตอนนี้ CyberOne ยังเป็นโครงการวิจัยภายในของ Xiaomi เอง เผื่อผลักดันให้เทคโนโลยีของตัวเองก้าวหน้าขึ้นโดยรวม เนื่องจากหุ่นยนต์ถือเป็นจุดสูงสุดของการผลิต (crown jewel of manufacturing) ที่ต้องใช้ศาสตร์สาขาต่างๆ เข้ามาประกอบรวมกันนั่นเอง
ที่มา - Xiaomi |
# เปิดตัว Motorola Razr 2022 มือถือจอพับรุ่นที่สาม ใช้สเปกเรือธงแล้ว จอกว้างกว่าเดิม
Lenovo ประเทศจีน เปิดตัวมือถือจอพับได้แนวตั้ง Motorola Razr 2022 นับเป็นเวอร์ชันที่สามของมือถือซีรีส์นี้ นับจาก Motorola Razr 2019 และ Motorola Razr 5G รุ่นปี 2020
หน้าตาของ Razr 2022 ต่างไปจากสองรุ่นแรกพอสมควร จุดต่างสำคัญคือความกว้างของเครื่องที่กว้างขึ้นเป็น 80mm เพื่อขยายให้หน้าจอด้านในมีสัดส่วนกว้างขึ้นด้วย ขนาดหน้าจอด้านใน 6.7" OLED 144Hz ส่วนหน้าจอขนาดเล็กที่ด้านนอก 2.7"
สเปกอื่นได้แก่หน่วยประมวลผล Snapdragon 8+ Gen 1 (แก้ปัญหาคำสาปของ Razr ซีรีส์นี้ที่ไม่ยอมใช้ชิปเรือธงแล้ว เดิมเป็น Snapdragon ซีรีส์ 700), กล้องหลังคู่ 50MP OIS + 13MP, กล้องหน้า 32MP
ราคาเริ่มต้นที่ 5999 หยวน (ประมาณ 32,000 บาท) สำหรับรุ่น 8GB+128GB ตอนนี้ยังมีขายเฉพาะในประเทศจีนที่เดียว
ที่มา - Lenovo China, HotHardware |
# เปิดตัวมือถือจอพับ Xiaomi Mix Fold 2 ความบางเพียง 5.4mm ตอนกางออก ยังขายแค่ในจีน
สัปดาห์ที่ผ่านมา Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่ Xiaomi Mix Fold 2 ที่อัพเกรดจาก Mi Mix Fold ที่เปิดตัวช่วงต้นปี 2021
จุดเด่นของ Xiaomi Mix Fold 2 คือความบางของเครื่องเพียง 5.4mm ตอนกางจอออก และ 11.2mm ตอนพับจอ ซึ่งถือว่าบางกว่าคู่แข่งโดยตรง Galaxy Z Fold 4 พอสมควร โดย Xiaomi บอกว่าสามารถทำมือถือบางได้ขนาดนี้เพราะออกแบบบานพับเป็นรูปหยดน้ำ Micro Waterdrop Hinge ให้ใช้พื้นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สเปกของ Xiaomi Mix Fold 2 คือ
หน้าจอภายนอก 6.56" Super AMOLED สัดส่วน 21:9, หน้าจอด้านใน 8.02" 2K 2160x1914 Eco OLED ที่ประหยัดพลังงานกว่าเดิม 25% ทั้งสองจอมีอัตรารีเฟรช 120Hz ความสว่าง 1000 nits
Snapdragon 8+ Gen 1, แรม 12GB
กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 50MP IMX766, อัลตร้าไวด์ 12MP, ซูม 8MP 2X ยังแปะแบรนด์ Leica เหมือนเรือธงรุ่นอื่นๆ
กล้องหน้า 20MP
แบตเตอรี่ 4500 mAh ชาร์จเร็ว 67W
ระบบปฏิบัติการ MIUI Fold 13 ที่ปรับมาสำหรับหน้าจอคู่ ฐานเป็น Android 12L
ตอนนี้ยังวางขายเฉพาะในจีน แยก 3 ความจุดังนี้
12GB+256GB – ราคา 8,999 หยวน (48,000 บาท)
12GB+512GB – ราคา 9,999 หยวน (53,000 บาท)
12GB+1TB – ราคา 11,699 หยวน (62,000 บาท)
ที่มา - Xiaomi |
# Motorola เปิดตัวเรือธง Moto X30 Pro มือถือรุ่นแรกที่ใช้เซ็นเซอร์กล้อง 200MP ของซัมซุงก่อนมือถือซัมซุง
Lenovo เปิดตัว Moto X30 Pro มือถือเรือธงประจำปี มีจุดเด่นคือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้เซ็นเซอร์กล้อง Samsung ISOCELL HP1 ความละเอียด 200MP ที่ซัมซุงเปิดตัวในปี 2021 และมือถือของซัมซุงเองยังไม่ได้นำไปใช้งาน (ซัมซุงเพิ่งเปิดตัว HP3 รุ่นอัพเกรด ไปเมื่อเดือนมิถุนายน)
สเปกคร่าวๆ ของ Moto X30 Pro
หน้าจอ 6.7" 144Hz ระบบสี 10bit รองรับ HDR10+
หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1
แรม 12GB สตอเรจสูงสุด 512GB
กล้องหลัก 200MP, ultrawide 50MP, telephoto 12MP กล้องหน้า 60MP
แบตเตอรี่ 4500 mAh รองรับชาร์จเร็ว 125W, ชาร์จเร็วไร้สาย 50W
ตอนนี้ยังมีขายเฉพาะในจีนเท่านั้น ราคาเริ่มต้น 3,699 หยวน (ประมาณ 19,500 บาท) สำหรับรุ่นแรม 8GB/128GB
ที่มา - Lenovo via Android Police |
# เผย Apple เคยเสนอโมเดลธุรกิจ "แบ่งรายได้" กับ Facebook เช่นทำ subscription ไม่มีโฆษณา
ช่วงที่ผ่านมา Facebook กับแอปเปิล มีความขัดแย้งแบบออกสื่อในเรื่องระบบความเป็นส่วนตัว ที่แอปเปิลอัพเดตตั้งแต่ iOS 14.5 ที่เปิดให้ผู้ใช้งานเลือกไม่ให้แอปติดตามผู้ใช้งานได้ ส่งผลต่อการทำโฆษณาแบบเจาะจง ซึ่งกระทบช่องทางรายได้สำคัญของ Facebook
ล่าสุดมีรายงานจาก The Wall Street Journal ที่พูดถึงความขัดแย้งของสองบริษัทนี้ ว่าเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ก่อนที่แอปเปิลจะทำระบบปิดการติดตามของแอป โดยบอกว่าแอปเปิลเคยคุยกับ Facebook ให้ข้อเสนอในการตั้งธุรกิจใหม่ร่วมกัน ซึ่งแอปเปิลจะขอส่วนแบ่งรายได้จาก Facebook
รายงานบอกว่ามีไอเดียธุรกิจหลายอย่างในการพูดคุย เช่น ทำ Facebook แบบไม่มีโฆษณา แล้วให้ผู้ใช้งานจ่าย subscription รายเดือนผ่าน App Store แอปเปิลก็จะได้ส่วนแบ่ง 30% เป็นต้น ไปจนถึงการคุยว่าการให้ลูกค้าซื้อ Boost Post เข้าข่าย In-App Purchase ที่ต้องหักส่วนแบ่งหรือไม่
อย่างไรก็ตามตัวแทนของแอปเปิลชี้แจงต่อข่าวดังกล่าว บอกว่าแอปเปิลมีการคุยกับผู้พัฒนาแอปรายต่าง ๆ เป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งทุกครั้งแอปเปิลก็จะช่วยเสนอความเห็นต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจเติบโต และ Facebook ก็เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาที่แอปเปิลได้พูดคุย ไม่ได้พิเศษไปกว่าผู้พัฒนารายอื่น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือใหญ่ รวมทั้งการพูดคุยนี้ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทิศทางที่แอปเปิลทำระบบปิดการติดตามของแอป เนื่องจากบริษัทมีแผนจะทำอยู่แล้ว
ที่มา: 9to5Mac |
# Huawei รายงานผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2022 ธุรกิจโครงข่ายและองค์กรยังเติบโตดี
หัวเหว่ยรายงานผลการดำเนินงาน ครึ่งแรกของปี 2022 โดยบริษัทบอกว่าออกมาตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
หัวเหว่ยมีรายงานรวมในหกเดือนแรกปีนี้ 3.016 แสนล้านหยวน มีอัตรากำไรสุทธิ 5.0% รายได้แยกตามส่วนธุรกิจแบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจสำหรับผู้ให้บริการเครือข่าย 1.427 แสนล้านหยวน กลุ่มลูกค้าองค์กร 5.47 หมื่นล้านหยวน และกลุ่มลูกค้าบุคคล 1.013 แสนล้านหยวน
Ken Hu ประธานของหัวเหว่ยที่รับตำแหน่งหมุนเวียนตามวาระ กล่าวว่าถึงแม้ธุรกิจลูกค้าบุคคล (สมาร์ทโฟน อุปกรณ์ต่าง ๆ) จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ธุรกิจวางโครงข่ายสำหรับลูกค้ายังคงเติบโตดีต่อเนื่อง บริษัทยังคงดำเนินงานโดยเพิ่มการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า พาร์ตเนอร์ ตลอดจนสร้างสรรค์คุณภาพที่ยั่งยืน
ที่มา: หัวเหว่ย |
# ต้นแบบเกมสยองขวัญ Alone in the Dark ประกาศรีเมคเกมต้นฉบับปี 1992
Alone in the Dark เกมสยองขวัญยุคแรกเริ่ม ประกาศออกรีเมคเกมภาคแรกที่ออกในปี 1992 อีกครั้ง โดยสตูดิโอ Pieces Interactive จากสวีเดน (เป็นบริษัทในเครือ Embracer Group หรือ THQ Nordic เดิม)
Alone in the Dark เป็นเกมสยองขวัญที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ทางภาคใต้ของอเมริกายุค 1920s เนื้อเรื่องของภาครีเมคจะยังเหมือนโครงเรื่องต้นฉบับ มีตัวเอก 2 คนให้เลือกเล่นคือ Emily Hartwood และ Edward Carnby เหมือนเดิม แต่มอนสเตอร์เปลี่ยนใหม่หมดยกชุด และมีอัพเดตเพิ่มตัวละคร สถานที่ ธีมจากเกมในไตรภาคต้นฉบับเพิ่มเข้ามาด้วย ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องเคยเล่นเกมซีรีส์นี้มาก่อนก็สามารถเล่นเกมได้
เกมภาครีเมคจะได้ Mikael Hedberg ผู้เขียนบทเกมสยองขวัญ SOMA และ Amnesia: The Dark Descent มาเขียนบทให้, Jason Köhnen ที่มีผลงานทำเพลงประกอบ Doom มาทำเพลงประกอบ และ Guy Davis มาออกแบบมอนสเตอร์
ตอนนี้เกมยังไม่ประกาศวันวางขาย แต่บอกว่าจะลง PS5, Xbox Series X|S และพีซี
สตูดิโอ Pieces Interactive ก่อตั้งในปี 2007 มีทั้งการทำเกมของตัวเอง เช่น Puzzlegeddon และรับจ้างช่วยทำเกมให้บริษัทอื่น เช่น Magicka 2, Titan Quest โดยบริษัทถูก Embracer ซื้อกิจการในปี 2017
ที่มา - PlayStation Blog |
# Google Search นำปัญญาประดิษฐ์ MUM มาใช้คัดกรองคำตอบในผลการค้นหาให้แม่นยำขึ้น
กูเกิลมีปัญญาประดิษฐ์ชื่อ Multitask Unified Model (MUM) มาตั้งแต่ปี 2021 (เป็นคนละตัวกับ LaMDA ที่เคยเป็นข่าวว่ามีอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง)
MUM ถูกใช้ทำความเข้าใจความหมายของข้อมูล (understanding information) ที่ซับซ้อนกว่าตัวเลขอย่างเดียว เช่น MUM สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการเดินเขาที่มีตัวเลขสถิติความสูง ความชันของเส้นทาง อุณหภูมิ สภาพอากาศ ฤดูกาล และให้คำแนะนำว่าควรเตรียมตัวเดินเขาลูกนั้นอย่างไร เช่น ชุดที่เหมาะสม เส้นทางที่น่าเดิน ช่วงเวลาที่ควรเดิน
ก่อนหน้านี้ กูเกิลใช้ MUM ทำความเข้าใจว่ามนุษย์พูดถึงวัคซีน COVID-19 อย่างไร และแนะนำข้อมูลที่เหมาะสมให้ ล่าสุดกูเกิลประกาศเริ่มนำ MUM มาใช้กับผลการค้นหาของ Google Search แล้ว
ปกติแล้ว ในหน้าผลการค้นหาของ Google Search จะตัดข้อความบางส่วนจากหน้าเพจมาแสดงเป็นพรีวิวอยู่ใต้ลิงก์ด้วย ข้อความนี้เรียกว่า snippet และบางครั้งกูเกิลหยิบ snippet ที่สำคัญมาแสดงที่ด้านบนสุดของหน้าผลการค้นหา (featured snippet) เพื่อให้ผู้ใช้มองเห็น "คำตอบ" ได้ชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องเข้าไปอ่านในหน้าเพจ
การนำ MUM มาใช้งานเป็นการปรับปรุงข้อความ snippet ให้แม่นยำขึ้น โดย MUM ถูกใช้ตรวจเช็คข้อมูลที่หยิบขึ้นมาแสดงบน featured snippet (กรณีของภาพตัวอย่างคือ "8 and 1/3 minutes" ซึ่งเป็นระยะเวลาที่แสงเดินทางจากดวงอาทิตย์มายังโลก)
กรณีที่เว็บไซต์หลายแห่งให้ข้อมูลไม่ตรงกัน อัลกอริทึมเดิมของกูเกิลอาจหยิบตัวเลขที่ผิดมาแสดงได้ แต่การเปลี่ยนมาใช้ MUM จะสามารถตรวจเช็คฉันทามติ (consensus) ของข้อมูลที่น่าเชื่อถือหลายๆ แหล่งว่าให้คำตอบตรงกันหรือไม่ (แม้แหล่งข้อมูลแต่ละแห่งอาจใช้คำหรือวิธีเรียกสิ่งนั้นต่างกัน แต่ MUM อ่านเข้าใจ) หาก MUM มั่นใจว่ามีฉันทามติ ก็จะหยิบตัวเลขที่แม่นยำมากขึ้นมาแสดงผล กูเกิลบอกว่าสามารถลดการแสดงผลที่ผิดพลาดลงได้ 40%
ที่มา - Google |
# ไม่สงบแล้ว แอพทำสมาธิ Calm ปลดพนักงานออก 20% จากพนักงานทั้งหมด 400 คน
Calm แอพทำสมาธิชื่อดัง ต้องปลดพนักงานออก 20% หรือประมาณ 90 คน จากพนักงานทั้งหมดราว 400 คน
Calm เป็นแอพยอดนิยมอันดับ 1 ในกลุ่มแอพทำสมาธิ เพิ่มโฟกัสกับงาน ผ่อนคลาย ช่วยให้หลับ ลดความเครียด มีโมเดลการหารายได้ผ่าน in-app purchase เพลงทำสมาธิ เรื่องเล่าฟังผ่อนคลายก่อนนอน และคอร์สสอนต่างๆ โดยบริษัทมีมูลค่าจากการระดมทุน 2 พันล้านดอลลาร์เมื่อปี 2020
David Ko ซีอีโอของบริษัทอธิบายเหตุผลว่าต้องปลดคน เพราะจำเป็นต้องปรับองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การตัดสินใจไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งภารกิจของบริษัทเองคือผลักดันสุขภาพกาย-สุขภาพจิตของคนทำงานในองค์กร
ที่มา - Bloomberg, Gizmodo |
# ตำรวจเนเธอร์แลนด์จับกุมนักพัฒนา Tornado Cash
ตำรวจอาชญากรรมเศรษฐกิจเนเธอร์แลนด์ (Fiscale inlichtingen- en opsporingsdienst - FIOD) ประกาศจับกุมชายวัย 29 ปีในกรุงอัมสเตอร์ดัม ในฐานะผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้พัฒนา Tornado Cash ที่สหรัฐฯ เพิ่งประกาศคว่ำบาตรไป
ทาง FIOD ระบุว่าเริ่มสอบสวน Tornado Cash มาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากบริการนี้ผสมเงินไปแล้วกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ และในจำนวนนี้มีอย่างน้อยพันล้านดอลลาร์เป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ทาง FIOD สงสัยว่ากลุ่มผู้อยู่เบื้องหลัง Tornado Cash ทำกำไรจากการฟอกเงินไปจำนวนมาก
หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร Tornado Cash ก็มีผลประทบออกไปเป็นวงกว้างกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหลายแห่งหยุดรับเงินจาก Tornado Cash และบัญชีที่เกี่ยวข้อง ทาง GitHub เองก็ปิดบัญชีของ Tornado Cash ที่เคยใช้วางโค้ดไว้ รวมถึงบัญชีที่เคยส่งโค้ดเข้าโครงการ Tornado Cash ทั้งหมด หรือบริการเชื่อมต่อบล็อคเชน เช่น Infura หรือ Alchemy ก็บล็อค Tornado Cash ไปแล้ว
ที่มา - FIOD |
# Pew Research Center ออกผลสำรวจโซเชียลมีเดีย พบวัยรุ่นสหรัฐฯ ใช้ Facebook เป็นประจำเพียง 2%
Pew Research Center ทำการสำรวจผู้ใช้โซเชียลมีเดียวัยรุ่นในสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,316 คน พบว่าตอนนี้กลุ่มวัยรุ่นอายุ 13-17 ปีที่เคยใช้ Facebook มีสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ และผู้ที่ระบุว่าใช้ Facebook เป็นประจำมีเพียง 2% เท่านั้น
ข้อมูลของ Pew ระบุว่า อันดับแรกที่วัยรุ่นเคยใช้งานคือ YouTube อยู่ที่ 95%, TikTok 67%, Instagram 62%, Snapchat 59% และ Facebook 32% ซึ่งจุดที่น่าสนใจของผลการสำรวจคือทุกวันนี้วัยรุ่นนิยมใช้แพลตฟอร์มเพื่อรับคอนเทนต์ อย่างเช่นดูวิดีโอหรือฟังเพลงมากกว่าจะมีปฏิสัมพันธ์ออนไลน์กับผู้อื่น
นอกจากนี้ Pew ยังทำแบบสำรวจแยกเกี่ยวกับว่าใช้แพลตฟอร์มไหนเป็นประจำ โดยผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าใช้ YouTube เป็นประจำถึง 19%, TikTok 16%, Instagram 10%, Snapchat 15% และ Facebook เพียง 2%
หากเปรียบเทียบกับรายงานจาก Pew เมื่อปี 2013 ที่เริ่มพบว่าวัยรุ่นเริ่มหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่นเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ได้ใช้เยอะเท่ากับ Facebook เทียบกับปัจจุบันที่ผ่านมาแล้ว 9 ปี พบได้ว่าเทรนด์การใช้งานยังคงเหมือนเดิม คือเมื่อวัยรุ่นหน้าใหม่เข้ามาใช้โซเชียลมีเดีย ก็เริ่มทิ้ง Facebook ไปด้วย
ที่มา - TechCrunch
ภาพจาก Facebook
ภาพจาก Pew Research Center |
# Xiaomi ประกาศความคืบหน้าธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับ ตั้งเป้าเป็นผู้นำเทคโนโลยีในปี 2024
Lei Jun ซีอีโอกลุ่ม Xiaomi เปิดเผยความคืบหน้าของส่วนธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับที่ประกาศเมื่อปีที่แล้ว โดยมีงบลงทุนในเฟสแรก 3,300 ล้านหยวน ตอนนี้มีพนักงานประมาณ 500 คน และจะเพิ่มเป็น 600 ภายในสิ้นปี
Xiaomi ได้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ไร้คนขับเรียกว่า Xiaomi Pilot Technology ซึ่งรวมเทคโนโลยีหลายด้านทั้งเซ็นเซอร์ ชิป อัลกอริทึม การจัดการข้อมูล ฯลฯ
ในเฟสแรก บริษัทจะมีรถยนต์ไร้คนขับวิ่งทดสอบ 140 คัน ทั่วประเทศจีน มีเป้าหมายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้านนี้ในปี 2024
ที่มา: Xiaomi |
# Jay Y. Lee รองประธานซัมซุงได้อภัยโทษจากประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เตรียมกลับมาทำงาน
ประธานาธิบดี Yoon Suk Yeol ของเกาหลีใต้ ให้อภัยโทษนักโทษจำนวนหนึ่งเนื่องในวันประกาศอิสรภาพของประเทศ (15 สิงหาคม) หนึ่งในนั้นมี Jay Y. Lee หรือ Lee Jae-yong รองประธานบอร์ดของซัมซุง และลูกชายของอดีตประธาน Lee Kun-hee ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2020 ถือเป็นทายาทซัมซุงรุ่นที่สาม เป็นหลานปู่ของ Lee Byung-chul ผู้ก่อตั้งซัมซุง
คดีของ Jay Y. Lee เป็นมหากาพย์นาน 5 ปี ตั้งแต่เขาถูกจับกุมในปี 2017 จากคดีติดสินบนอดีตประธานาธิบดี สู้คดีและถูกจำคุกมาแล้ว 2 รอบ
การได้รับอภัยโทษครั้งนี้ถือเป็นการเคลียร์คดีของ Lee ทั้งหมดแล้ว และจะส่งผลให้เขากลับไปกุมอำนาจที่ซัมซุงแทนพ่อของเขา ทางโฆษกของซัมซุงยืนยันแล้วว่า Lee จะกลับไปดำรงตำแหน่งในบอร์ดเช่นเดิม แต่ยังไม่ชัดว่าเขาจะกลับไปนั่งในตำแหน่งประธานบอร์ด (chairman) เลยหรือไม่ หลังจากตำแหน่งนี้ว่างลงหลังพ่อของเขาตายและยังไม่แต่งตั้งใครมาเป็นแทน
ภาพโดย Chung Sung-Jun จาก Getty Images
ที่มา - Bloomberg |
# นักวิจัยใช้ใยแก้วนำแสงสร้างเซ็นเซอร์ติดเตียงผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
นักวิจัยจาก University of South Australia พัฒนาเซ็นเซอร์โดยใช้ใยแก้วนำแสงติดผ้าปูเตียงสำหรับปูบนเตียงผู้ป่วย สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกายผู้ป่วยเพื่อช่วยเฝ้าระวังไม่ให้ผู้ป่วยเกิดแผลกดทับจากการนอนบนเตียงด้วยท่าทางเดิมเป็นเวลานานเกินไป
ตัวเส้นใยแก้วที่ใช้เป็นเซ็นเซอร์นี้ถูกออกแบบให้ติดตั้งเป็นแนวต่อเนื่องกระจายไปทั่วพื้นที่ของเตียง เมื่อผู้ป่วยนอนบนเตียงที่ติดตั้งชุดเซ็นเซอร์นี้ไว้ แรงกดทับจากน้ำหนักของร่างกายคนจะไปทำให้ใยแก้วเกิดการยืดตัวหรือโค้งงอตามตำแหน่งต่างๆ ที่มีแรงกดทับกระทำกับมัน
ผู้ร่วมการทดลองนอนบนผ้าปูเตียงที่ติดเซ็นเซอร์ใยแก้วนำแสงไว้
ในระหว่างการใช้งานเซ็นเซอร์จะมีการปล่อยแสงเข้าสู่ปลายด้านหนึ่งของใยแก้วนำแสง และใช้เครื่องตรวจสอบการกระเจิงของแสงต่อเข้ากับปลายอีกด้านหนึ่งของเส้นใยแก้ว เมื่อผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนท่าทางการนอนก็จะทำให้เส้นใยแก้วเกิดการขยับ ส่งผลให้รูปแบบการยืดตัวและโค้งงอของเส้นใยแก้วตามตำแหน่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและทำให้ลักษณะการกระเจิงของแสงที่ตรวจได้มีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
เมื่อเส้นใยแก้วมีการยืดตัวหรือโค้งงอจะส่งผลให้การกระเจิงของแสงภายในเส้นใยแก้วเปลี่ยนแปลงไปด้วย
โดยอาศัยหลักการตรวจสอบการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ป่วยตามที่กล่าวมา หากเซ็นเซอร์พบว่าผู้ป่วยนอนนิ่งในท่าเดิมเป็นเวลาต่อเนื่องกันนานเกินไปก็จะทำการแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยทำการเปลี่ยนท่าทางการนอนของผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ
ทั้งนี้นอกจากจะสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงได้แล้ว เซ็นเซอร์ใยแก้วนำแสงนี้ยังไวพอที่จะตรวจจับความเปลี่ยนแปลงของแรงกดทับแม้เพียงเล็กน้อยในระดับที่สามารถรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจและการหายใจของคนได้ด้วย
ทีมนักวิจัยคิดว่าเซ็นเซอร์ใยแก้วนำแสงนี้จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งจะต้องติดเซ็นเซอร์ที่เชื่อมต่อสายสัญญาณเข้ากับร่างกายของผู้ป่วยโดยตรง หรือหากเปรียบเทียบกับวิธีการใช้กล้องวงจรปิดจับภาพผู้ป่วยเพื่อช่วยตรวจสอบการเคลื่อนไหวร่างกายแล้ว ก็ถือว่าการใช้เซ็นเซอร์ใยแก้วนำแสงนี้จะช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วยได้ดีกว่า
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดของงานวิจัยนี้เพิ่มได้ที่นี่
ที่มา - New Atlas |
# ตอบข้อสงสัย ทำไม HUAWEI MatePad Pro 11-inch หน้าจอ OLED 120 Hz คือแท็บเล็ตประสิทธิภาพระดับโปรสำหรับการสร้างสรรค์ที่น่าจับตาที่สุดในเวลานี้
เผยโฉมอย่างเป็นทางการกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ HUAWEI MatePad Pro 11-inch แท็บเล็ตหน้าจอ OLED 120Hz ที่จัดเต็มประสิทธิภาพการสร้างสรรค์ระดับโปร ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันสำหรับการทำงานแบบมืออาชีพของนักธุรกิจ ผู้บริหาร คอนเทนต์ครีเอเตอร์ หรือแม้แต่นิสิตนักศึกษาที่ชื่นชอบประสบการณ์เหนือระดับและการใช้งานแบบ Smart Office อันสะดวกสบายและง่ายดายยิ่งกว่า พร้อมทลายข้อจำกัดแบบเดิมๆ ด้วย 5 คุณสมบัติเด่นที่เหนือชั้นและครบครันยิ่งกว่าที่เคย ไปติดตามกันเลยว่าความน่าสนใจของหนึ่งในไอเท็มที่ฮ็อตฮิตติดลมบนที่สุด ณ เวลานี้มีอะไรบ้าง
ข้อที่ 1 - หน้าจอใหญ่ขนาด 11 นิ้ว เผยภาพสวยโดดเด่น คมชัดแม้อยู่ในที่มืด
เปิดโลกใบใหม่ที่ใหญ่และสวยกว่าเดิมผ่านหน้าจอ HUAWEI FullView Display แบบ OLED ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล แสดงสีบนหน้าจอได้ถึง 1.07 พันล้านสีและมีค่าความแม่นยำของสี △E <11ถ่ายทอดรายละเอียดได้สมจริงในทุกมิติ แม้ในที่แสงน้อยและเต็มตาสุดๆ กับขอบจอบางเฉียบเพียง 4.2 มิลลิเมตร ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่กว้างขึ้นถึง 92% พร้อมการแสดงผลอย่างลื่นไหลสูงสุดถึง 120 เฟรมต่อวินาที ช่วยให้การจดบันทึกและวาดเส้นด้วยปากกาเป็นไปอย่างสมูธ อ่าน E-Book หรือข้อความขณะท่องเว็บก็ราบรื่น ทั้งยังเป็นแท็บเล็ตของหัวเว่ยรุ่นแรกที่ได้รับการรับรอง Full Care Display 3.0 ซึ่งเป็นมาตรฐานการรับรองที่ครอบคลุมที่สุดของ TÜV Rheinland การันตีลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาในระดับฮาร์ดแวร์ สามารถปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ได้ที่ความถี่สูง 1440 Hz เพื่อให้มองจอได้อย่างสบายตาในที่แสงน้อย เสริมเทคโนโลยีการแสดงผลที่ปรับสมดุลโทนสีให้เข้ากับแสงธรรมชาติทั้งโทนเย็นและโทนอุ่น ยกระดับประสิทธิภาพการมองเห็นในสภาพแวดล้อมแสงที่แตกต่างกันได้
ข้อที่ 2 - ใช้งานคล่องตัวไม่มีสะดุดกับฟีเจอร์สุดชิคและกิมมิคใหม่ๆ พร้อมสัมผัสประสบการณ์เสมือนพีซีระดับโปร (PC-Like Pro)
เมื่อใช้งานคู่กับ HUAWEI M-Pencil 2nd generation ก็สามารถจดบันทึกทุกไอเดียและสิ่งที่สำคัญ ขีดเขียน หรือลากย้ายสิ่งต่างๆ บนหน้าจอ ตลอดจนเนรมิตชิ้นงานเก๋ๆ บน HUAWEI MatePad Pro 11-inch ได้อย่างงายดาย เริ่มกันที่ Notes แอปพลิเคชันจดบันทึกใหม่ที่รองรับได้หลากหลายรูปแบบและมีโครงสร้างบันทึกแบบย่อที่มีประสิทธิภาพให้เลือกมากมาย ตามมาด้วยการเขียนด้วยลายมือที่สามารถแปลงเป็นข้อความได้อัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดวางการบันทึกให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นพร้อมลูกเล่นที่โดดเด่นอย่างฟังก์ชันพิเศษ Cross-app colour capture2 โดยใช้ Eye dropper ดูดสีของภาพถ่ายหรือหน้าเว็บที่ต้องการผ่านการใช้งาน Multi-Window หรือ Multi-screen Collaboration กับสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย ร่วมด้วย IbisPaint X แอปพลิเคชันยอดนิยมสำหรับการวาดภาพที่มาพร้อมฟังก์ชันมากมาย ทั้งแปรงลงสีกว่า 12,000 แบบ ฟอนต์ต่างๆ กว่า 1,000 ฟอนต์ ฟิลเตอร์ 80 แบบ และโหมดป้องกันการสั่นไหวขณะวาดเส้น (stroke stabilization feature) เป็นต้น สามารถดาวน์โหลดมารังสรรค์ผลงานเก๋ๆ ได้ผ่าน AppGallery และยังมีฟีเจอร์ Annotate ให้ผู้ใช้งานสัมผัสประสบการณ์การจดบันทึก ขีดเขียนและวาดที่สมจริง โดยผู้ใช้จะสามารถจดบันทึกเพิ่มเติมบนเอกสารได้เลย เรียกได้ว่าโปรดักทีฟมากขึ้นและตอบโจทย์ทุกการทำงานด้านดีไซน์และสร้างสรรค์ผลงานที่เน้นความแม่นยำของสีได้อย่างลงตัว
ต่อยอดความอัจฉริยะขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเปลี่ยนแท็บเล็ตให้กลายเป็นแล็ปท็อปขนาดกะทัดรัดเพียงจับคู่ HUAWEI MatePad Pro 11-inch กับ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard ก็พร้อมสัมผัสประสบการณ์การใช้งานพีซีระดับโปร (PC-Like Pro) ประเดิมด้วยความสะดวกสบายในการพิมพ์งานกับระยะกดบนแป้น 1.5 มิลลิเมตร แถมยังยกระดับความคล่องตัวขึ้นไปอีกระดับเพราะสามารถใส่และถอดได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังปรับให้เข้ากับอิริยาบถการใช้งานได้ถึง 3 โหมด ไม่ว่าจะเป็น Laptop mode สำหรับการใช้งานเสมือนโน้ตบุ๊ก Split mode แยกตัวคีย์บอร์ดออกจากฐานเพื่อปรับระยะการมองจอได้อิสระ และ Studio mode เหมาะกับการวาดเขียนและสร้างงาน 3 มิติได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บ HUAWEI M-Pencil 2nd generation บริเวณด้านหลัง ขณะที่เสาอากาศซึ่งซ่อนอยู่ภายในตัวคีย์บอร์ดจะช่วยทำให้ HUAWEI MatePad Pro 11-inch รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ข้อที่ 3 - HarmonyOS 3 กับการอัปเกรดฟีเจอร์ให้ล้ำสมัยพร้อมเชื่อมต่อทุกดีไวซ์เพื่อการทำงานที่โปรดักทีฟที่สุด
โชว์การทำงานเหนือชั้นกว่าใครบน HUAWEI MatePad Pro 11-inch สำหรับแอปพลิเคชัน WPS Office ที่สามารถใช้ฟังก์ชัน App Multiplier เพื่อเปิดพร้อมกันแบบสองหน้าต่าง3 และฟีเจอร์ Multi-Window สามารถเก็บหน้าต่างลอยได้สูงสุดถึง 10 หน้าต่างและสามารถเปิด 4 แอปพลิเคชั่นพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกัน ช่วยให้การจัดระเบียบการใช้งานและสื่อสารได้อย่างเป็นระบบทั้งยังทำงานหลายหน้าจอไปพร้อมกันได้สะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น พร้อมลูกเล่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเลื่อนไปที่มุมซ้ายบนเพื่อแบ่งหน้าจอ การเลื่อนไปที่มุมขวาบนเพื่อเปิดหน้าต่างลอย การปัดขึ้นเพื่อเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอ การปัดเข้าด้านในเพื่อเปลี่ยนเป็น App Bubble และปัดลงเพื่อออก นอกจากนี้ยังสร้างสรรค์เลย์เอาต์หน้าจอหลักใหม่ทั้งหมดได้ตามสไตล์การใช้งานเพียงปลายนิ้วสัมผัส รวบแอปฯ ที่ใช้งานบ่อยๆ ไว้บนพื้นที่ที่เรียกใช้งานง่าย ลากแอปที่กระจัดกระจายมากรุ๊ปให้เป็นระเบียบ และยังสามารถแยกแอปตามสีไอคอนหรือประเภทการใช้งานได้อีกด้วย
Multi-Window
พ่วงด้วยความสามารถในการประสานการทำงานระหว่างอุปกรณ์ด้วยการเปิดใช้งาน Super Device4 เพื่อการทำงานภายในอีโคซิสเต็มของหัวเว่ยอย่างไร้รอยต่อ ด้านแบตเตอรี่มีขนาด 8300 mAh หมดกังวลหากต้องใช้งานตลอดวัน และสามารถเล่นวิดีโอ 1080 P ได้ต่อเนื่องถึง 11.5 ชั่วโมง5 แถมยังชาร์จไวด้วย 66W HUAWEI SuperCharge ในรุ่น LTE และ 40W HUAWEI SuperCharge ในรุ่น WIFI6 อีกด้วย
ข้อที่ 4 - ออกแบบอย่างพิถีพิถัน พกพาสะดวกและสามารถถือได้ด้วยมือข้างเดียว
ว้าวกันแบบต่อเนื่องกับความบางของตัวเครื่อง HUAWEI MatePad Pro 11-inch เพียง 5.9 มิลลิเมตร ขณะที่น้ำหนักของรุ่น Wifi เบาเพียง 449 กรัม7 บอกเลยว่าเบาที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตขนาด 11 นิ้วรุ่นอื่นๆ ในปัจจุบัน8 แต่แฝงความแข็งแรงทนทานในขนาดกะทัดรัดถนัดมือ ที่สำคัญคือพิถีพิถันทุกกระบวนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการ Colour coagulation layer ซึ่งช่วยให้ชั้นสีเมทัลลิกดูมีมิติของแสงและเงาที่นุ่มนวลยิ่งขึ้น และ Frosted sand layer เพิ่มความทนทาน กันรอยนิ้วมือ และทำให้มองเห็นรอยขีดข่วนได้ยากขึ้น เสริมด้วยการเคลือบผิวสัมผัสแบบด้านด้วยโลหะเนื้อละเอียด ปรับมุมโค้งมนให้ความรู้สึกหรูหรา พร้อมเสริมลุคให้สมาร์ทและเสริมสร้างความมั่นใจทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาใช้งาน
ข้อที่ 5 - แท็บเล็ตเครื่องแรกของหัวเว่ยที่มาพร้อม HUAWEI SOUND
สัมผัสพลังเสียงเต็มอิ่มโสตประสาทจาก HUAWEI MatePad Pro 11-inch ซึ่งเป็นแท็บเล็ตโมเดลแรกจากหัวเว่ยที่มาพร้อมเทคโนโลยี HUAWEI SOUND ตัวช่วยยกระดับประสบการณ์สุดมหัศจรรย์ที่ทำงานคู่กับลำโพงที่ให้มาถึง 6 ตัวซึ่งปรับแต่งคุณภาพได้หลากหลายระดับและสร้างบาลานซ์ให้กับเสียงได้อย่างสมบูรณ์แบบพร้อมทั้งจัดเก็บรายละเอียดทุกจังหวะดนตรีและตัวโน็ตได้อย่างไร้ที่ติ ไม่เพียงเท่านั้น คุณภาพเสียงที่ถ่ายทอดผ่าน HUAWEI MatePad Pro 11-inch ยังแบ่งความถี่สูงและต่ำได้อย่างชัดเจนและมีความสมจริง ผสานเสียงเบสหนักแน่นทรงพลังเข้ากับระบบเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทาง เปลี่ยนพื้นที่ส่วนตัวให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์สุดหรูขนาดย่อมได้สบายๆ
ราคาดีแถมมีข้อเสนอคุ้มค่าช่วงพรีออเดอร์ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมทดสอบฝีมือ
HUAWEI MatePad Pro 11-inch มาในสี Golden Black โดยรุ่น WIFI (8 GB+128GB) ราคา 24,990 บาท และรุ่น LTE (8GB+256GB) ราคา 29,990 บาท เปิดพรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2565 ถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2565 รับฟรี! HUAWEI Smart Magnetic Keyboard, HUAWEI M-pencil 2nd generation และสิทธิประโยชน์มากมายจาก HUAWEI AppGallery อาทิ บริการ HUAWEI Cloud ฟรี 3 เดือน บริการ HUAWEI Music ฟรี 3 เดือน บริการ HUAWEI Video ฟรี 1 เดือน และใช้งาน WPS Office ฟรี 3 เดือน เป็นต้น รวมมูลค่าของสมนาคุณ 12,282 บาท สั่งจองได้แล้วที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์ HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Shopee, Lazada และ JD Central
พิเศษยิ่งกว่า หัวเว่ยยังจัดกิจกรรม Color Your Dream กับ HUAWEI MatePad Pro 11-inch ณ HUAWEI Experience Store สาขา สยามพารากอน ในวันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม 2565 และวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม 2565 รอบเวลา 13.00 น. และ 16.00 น. เปิดโอกาสให้ลูกค้าที่สนใจได้สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำกับการวาดรูปภาพที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกด้วย HUAWEI MatePad Pro 11-inch ภายในเวลา 5 นาที โดยมีน้องๆ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรมาช่วยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จากนั้นลงทะเบียน HUAWEI ID และล็อกอินผ่าน HUAWEI Community หรือแอปพลิเคชัน My HUAWEI เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม แล้วถ่ายรูปตัวเองคู่กับผลงานที่วาดบนแท็บเล็ต โพสต์ลงบนเฟซบุ๊กแล้วตั้งค่าเป็นสาธารณะพร้อมกับติดแฮชแท็ก #huaweimatepadpro11แต้มสีเติมฝัน โดยผลงานที่ได้ยอดไลก์สูงสุด 10 อันดับแรกภายในช่วงเวลาการจัดกิจกรรมจะได้รับ HUAWEI Watch GT2 Pro (สำหรับ 3 อันดับแรก คนละ 1 ชิ้น) และ HUAWEI Freelace (สำหรับอันดับที่ 4 – 10 คนละ 1 ชิ้น) รวมมูลค่าของรางวัล 44,400 บาท ประกาศผลทาง HUAWEI Community เวลา 18.00 น. ในวันที่ 29 สิงหาคม 2565 โดยหัวเว่ยยังเตรียมของขวัญสุดพิเศษมูลค่า 1,290 บาทมอบให้กับผู้ร่วมกิจกรรมทุกท่าน9 (ท่านละ 1 ชิ้น) นอกจากนั้น ลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายในร้าน HUAWEI Experience Store สาขาสยามพารากอน ยังจะได้รับภาพบุคคลที่วาดโดยน้องๆ มหาวิทยาศิลปากรเป็นของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอีกด้วย โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด สามารถติดตามรายละเอียดและเงื่อนไขกิจกรรมได้ที่นี่
1Delta E คือ หน่วยชี้วัดมาตรฐานค่าความต่างหรือผิดเพื้ยนของสี (จากสายตาคนเรา) โดยอ้างอิงความถูกต้องของสีจาก CIELAB หรือ Lab. Delta E จะถูกใช้เพื่อรับรองว่าการแสดงผลของสีที่แสดงผลออกมาจะใกล้เคียงกับการรับสีด้วยตาของมนุษย์ และยังเป็นค่าความแตกต่างระหว่างจุดสีสองจุดที่กำหนดไว้ในปริภูมิสี CIELAB
2ฟีเจอร์การดูดสีจากภาพถ่ายหรือหน้าจอหรือใช้ดูดสีข้ามแอปพลิเคชัน รองรับเฉพาะ HUAWEI Notes และ Mojing Paint
3สำหรับแอปฯ WPS Office และแอปฯ ชอปปิง
4เฉพาะสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป จอมอนิเตอร์ Vision ชุดหูฟัง และแท็บเล็ตของ HUAWEI บางรุ่นที่ใช้ HarmonyOS 3 หรือใหม่กว่าเท่านั้นที่รองรับฟังก์ชันนี้ หากคุณมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับฟีเจอร์นี้ โปรดติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าสัมพันธ์ของ HUAWEI
5ความจุของแบตเตอรี่เป็นค่าปกติ ข้อมูลมาจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการของ HUAWEI โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอไว้ที่ 200 นิต เมื่อชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มแล้วสามารถเล่นวิดีโอ 1080 P ได้นานถึง 11.5 ชั่วโมงต่อเนื่อง การใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ เวอร์ชันซอฟต์แวร์ เงื่อนไขการใช้งาน และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
6สายชาร์จวางจำหน่ายแยก
7HUAWEI MatePad Pro 11-inch รุ่น Wifi น้ำหนัก 449 กรัม และรุ่น LTE น้ำหนัก 455 กรัม
8ข้อมูลมาจากห้องปฏิบัติการของ HUAWEI รุ่น GOT-W29 มีน้ำหนักประมาณ 449 กรัม (รวมแบตเตอรี่) รุ่น GOT-AL09 มีน้ำหนักประมาณ 455 กรัม (รวมแบตเตอรี่) น้ำหนักและความหนาจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต และวิธีการวัด
9ของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด
ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery
#SuperDeviceSuperCreativity #HUAWEISmartOffice
#HUAWEIMatePadPro #ประสิทธิภาพการทำงานระดับโปร
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่:
Website: http://consumer.huawei.com/th
Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH
LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH |
# ผู้ก่อตั้ง Telegram โวย App Store ทำงานช้า ตรวจสอบอัพเดตแอปเวอร์ชันล่าสุด นานถึง 2 สัปดาห์แล้ว
Pavel Durov ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Telegram เปิดเผยผ่านแชนเนลของเขา ว่า Telegram เวอร์ชันใหม่ที่เตรียมออกมาให้อัพเดต ซึ่งมีฟีเจอร์สำคัญ ที่จะปฏิวัติวิธีแสดงความรู้สึกผ่านข้อความ ตอนนี้ขั้นตอนการตรวจสอบและอนุมัติขึ้น App Store ยังค้างอยู่ที่แอปเปิลถึง 2 สัปดาห์แล้ว และแอปเปิลก็ไมได้ตอบกลับความเห็นใด ๆ มาด้วย
ทั้งนี้ Durov ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าฟีเจอร์ใหม่ที่ว่าคืออะไร ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้แอปเปิลใช้เวลาตรวจสอบแอปนานกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม Telegram ถือเป็นแอปสนทนายอดนิยมตัวหนึ่งของ App Store
ในข้อความที่ Durov ส่งหาแชนเนล เขายังพูดถึงปัญหาการผูกขาดของสโตร์ทั้งแอปเปิลและกูเกิล ที่มีลักษณะกึ่งผูกขาดตลาดแอป ไปจนถึงประเด็นหากหักค่าธรรมเนียม 30% ซึ่งเมื่อผู้ให้บริการหักเงินไประดับนั้น กระบวนการตรวจสอบอนุมัติแอปก็ควรมีประสิทธิภาพกว่านี้ด้วย
การออกมาโจมตีตรง ๆ ของ Durov กับแอปเปิลไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้เขาเคยโจมตี iOS ในแง่แพลตฟอร์มระบบปิดมาแล้ว
ที่มา: iMore |
# Facebook Messenger เริ่มทดสอบการเก็บข้อมูลแชทแบบเข้ารหัส กรณีต้องการกู้ข้อมูล
Meta รองรับการเข้ารหัสแบบ end-to-end ใน Messenger มาตั้งแต่ต้นปี โดยมีทั้งการแชทและโทรแบบกลุ่ม ล่าสุดบริษัทประกาศเพิ่มเติมคุณสมบัติส่วนนี้
โดย Messenger เพิ่ม Secure Storage ระบบแบ็คอัพข้อมูลแชทแบบเข้ารหัส ซึ่งใช้สำหรับการกู้ข้อมูลกรณีโทรศัพท์หายหรือเปลี่ยนเครื่องใหม่ และ Meta ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ยกเว้นผู้ใช้งานคนนั้นร้องขอ ผู้ใช้งานสามารถเลือกเก็บข้อมูลแชทได้ทั้งการสร้างพินหรือรหัสเฉพาะ หรือเลือกใช้แบ็คอัพของผู้ให้บริการอื่นเช่น iCloud ฟีเจอร์นี้รองรับเฉพาะแอปบน iOS และ Android เท่านั้น
ส่วนฟีเจอร์อื่นของ Messenger ที่ประกาศพร้อมกันได้แก่ Unsend รองรับใน Facebook Stories, Code Verify เพิ่มความปลอดภัยเมื่อแชทผ่านเว็บเบราว์เซอร์ และอื่น ๆ
ที่มา: Meta |
# Cloudflare รายงาน Phishing หลอกรหัสผ่าน-OTP พนักงาน แต่เจาะไม่เข้าเพราะทุกคนใช้คีย์ฮาร์ดแวร์
จากกรณี Twilio รายงานถูกแฮ็ก สาเหตุมาจากพนักงานถูกโจมตี Phishing แบบตั้งใจเจาะ ทางบริษัท Twilio รายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ตั้งใจโจมตีแบบ phishing ไปยังองค์กรอีกหลายแห่งด้วย
Cloudflare เป็นองค์กรอีกแห่งที่ออกมาเปิดเผยว่าพบการโจมตีแบบเดียวกัน พนักงานได้ข้อความ SMS หน้าตาแบบเดียวกันเพื่อหลอกให้กดลิงก์ แต่กรณีของ Cloudflare ดักการโจมตีเอาไว้ได้เพราะบังคับพนักงานทุกคนต้องใช้คีย์ยืนยันตัวตนแบบฮาร์ดแวร์ทำ MFA อีกชั้น
เหตุการณ์ของ Cloudflare เริ่มขึ้นในวันที่ 20 กรกฎาคม หลังทีมความปลอดภัยได้รับแจ้งจากพนักงานว่ามี SMS phishing หลอกให้ล็อกอินหน้าเว็บของบริษัท และมีพนักงานอย่างน้อย 76 คนได้รับข้อความนี้เข้าทั้งเบอร์ส่วนตัว เบอร์ของที่ทำงาน และเบอร์คนในครอบครัว ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าแฮ็กเกอร์ได้รายชื่อและเบอร์โทรมาได้อย่างไร
Cloudflare บอกว่าเทรนให้พนักงานทุกคนรายงานสิ่งที่น่าสงสัยไปยังทีมเฝ้าระวังความปลอดภัย (Security Incident Response Team - SIRT) อยู่เสมอ ปกติแล้ว 90% ของรายงานไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่บริษัทก็กระตุ้นให้พนักงานส่งรายงานเยอะๆ เหลือดีกว่าขาด (over-reporting) ซึ่งรอบนี้การรายงานเข้าเป้า
ข้อความใน SMS หลอกให้กดลิงก์ไปยังหน้าล็อกอิน Cloudflare Okta ทาง cloudflare-okta.com (หมายเหตุ: Okta เป็นบริษัททำโซลูชันเรื่องการยืนยันตัวตน ซึ่ง Cloudflare ใช้งานอยู่จริงๆ การใช้โดเมนเนมมีคำว่า okta จึงน่าเชื่อถือสำหรับคนที่รู้จักบริษัทนี้) ทาง Cloudflare โดนโจมตีลักษณะนี้บ่อยๆ อยู่แล้ว จึงมีระบบมอนิเตอร๋ว่ามีใครจดทะเบียนโดเมนเนมที่มีคำว่า cloudflare หรือไม่ และไล่ปิดโดเมนเหล่านี้เพื่อป้องกันการนำไปใช้หลอกลวง แต่กรณีนี้ โดเมนเพิ่งถูกจดก่อนส่งลิงก์ทาง SMS เพียง 40 นาที ทำให้ทีมตรวจสอบโดเมนเนมตามไปปิดไม่ทัน
หน้าเว็บ phishing ของแฮ็กเกอร์ฝากไว้บน DigitalOcean โดยทำหน้าตาเลียนแบบหน้าล็อกอินมาตรฐานของ Okta และมีช่องให้ใส่บัญชีผู้ใช้-รหัสผ่าน
จากการวิเคราะห์พบว่า เมื่อพนักงานถูกหลอกให้ใส่รหัสผ่านแล้ว รหัสจะถูกส่งไปยังแฮ็กเกอร์ผ่าน Telegram แบบเรียลไทม์ แฮ็กเกอร์จะนำรหัสผ่านนี้ไปล็อกอินเข้าระบบจริงๆ อีกที
จากนั้นหน้าเว็บปลอมจะขึ้นหน้าจอให้ใส่ OTP ทาง SMS ทันที เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอก OTP ที่ได้จากระบบของจริง แล้วส่งผ่าน Telegram ให้แฮ็กเกอร์นำ OTP ไปกรอกบนหน้าเว็บจริงให้ทันเวลา expire ของรหัส OTP ได้สำเร็จ
Cloudflare บอกว่าเทคนิคนี้ช่วยให้แฮ็กเกอร์เอาชนะการล็อกอิน 2 ปัจจัย (two-factor authentication) ในกรณีส่วนใหญ่ได้ เพราะองค์กรส่วนมากคิดว่าแข็งแรงพอแล้ว แต่แฮ็กเกอร์มีวิธีเอาชนะได้สำเร็จ ซึ่งมีพนักงานอย่างน้อย 3 คนโดนหลอกสำเร็จ และกรอกรหัสผ่านลงไปในหน้าเว็บปลอม
อย่างไรก็ตาม ระบบยืนยันตัวตนของ Cloudflare ไม่ได้ใช้ OTP แต่ใช้กุญแจความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์แบบ FIDO-2 (เช่น Yubikey) ที่ซื้อแจกให้พนักงานทุกคน ดังนั้นเทคนิคการทำ phishing ที่ซับซ้อนแบบนี้จึงทำอะไร Cloudflare ไม่ได้ เพราะกุญแจฮาร์ดแวร์แข็งแกร่งกว่ามากนั่นเอง
จากการตรวจสอบอย่างละเอียด Cloudflare ไม่พบการเจาะระบบที่สำเร็จแต่อย่างใด
หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ Cloudflare บล็อคการเข้าถึงโดเมนเนมนี้ทันที, บังคับตัดเซสชันและรีเซ็ตรหัสผ่านของพนักงาน 3 คนที่โดนหลอก, ประสานงานกับ DigitalOcean เพื่อปิดเซิร์ฟเวอร์ และยึดโดเมนเนม, แชร์ข้อมูลการโจมตีครั้งนี้ให้องค์กรอื่นๆ ที่อาจโดนแบบเดียวกัน
ที่มา - Cloudflare Blog |
# Starlink หลุดโครงการอินเทอร์เน็ตชายขอบสหรัฐฯ เนื่องจากจานแพงเกินไป ความเร็วอาจทำไม่ได้ตามเงื่อนไข
โครงการ Starlink ของ SpaceX มีความคืบหน้าค่อนข้างมากในช่วงหลัง และมีการใช้งานเป็นวงกว้างแล้ว แต่เมื่อปี 2020 สเปคของ Starlink เปิดเผยครั้งแรกเพราะ SpaceX ไปสมัครเข้าโครงการอินเทอร์เน็ตชายขอบของสหรัฐฯ โดยสัญญาแบนด์วิดท์ดาวน์โหลดที่ 100Mbps และอัพโหลด 40Mbps แต่สัปดาห์นี้ทาง FCC ก็ตัด Starlink ออกจากเงินสนับสนุนนี้แล้ว
เดิม Starlink เคยชนะประมูลการให้บริการอินเทอร์เน็ตชายขอบในพื้นที่กว้าง 35 รัฐ ครอบคลุมบ้านกว่าหกแสนหลังคาเรือน รวมมูลค่าเงินสนับสนุน 885 ล้านดอลลาร์ตลอดช่วงเวลาโครงการสิบปี แต่ตอนนี้ FCC ก็ประกาศตัด Starlink พร้อมกับบริษัท LTD ผู้ให้บริการบรอดแบนด์ไร้สายที่ชนะประมูลในพื้นที่ใหญ่กว่า Starlink และเสียอีกรวมมูลค่าเงินสนับสนุน 1,321 ล้านดอลลาร์
เหตุผลที่ FCC เลือกตัด Starlink ออกจากโครงการเพราะมองว่าค่าจานดาวเทียม 600 ดอลลาร์ต่อจุดนั้นแพงเกินไป แถมความเร็วรวมของ Starlink ยังตกลงในช่วงหลังที่ให้บริการวงกว้างขึ้น จึงไม่น่าทำได้ตามที่สัญญาไว้ ขณะที่ LTD นั้นเป็นผู้ให้บริการบรอดแบนด์รายเล็กแต่กลับประมูลพื้นที่ขนาดใหญ่ เมื่อชนะประมูลแล้วกลับไม่สามารถเปิดบริการในหลายรัฐ
ท่าทีที่เปลี่ยนไปเช่นนี้เป็นเพราะประธาน FCC นั้นเปลี่ยนจาก Ajit Pai ที่ลาออกไปหลังโจ ไบเดนรับตำแหน่งประธานาธิบดี มาเป็น Jessica Rosenworcel เธอวิจารณ์โครงการอินเทอร์เน็ตชายขอบในยุค Ajit Pai ว่าจัดการผิดพลาดและใช้เงินไม่ถูกจุด
ที่มา - ArsTechnica |
# อยากได้ต้องทำเอง วิศวกรเน็ตเวิร์ค Akamai เซ็งเน็ตไม่ถึงบ้าน เปิด ISP ให้บริการบ้านเกือบ 600 หลัง
Jared Mauch วิศวกรของ Akamai ตำแหน่ง Network Architect พบปัญหาบริการบรอดแบนด์มาไม่ถึงบ้านของเขาในมิชิแกน และ Comcast คิดค่าลากสายสัญญาณถึง 50,000 ดอลลาร์ แม้เขาจะพยายามต่อรองว่ายินดีจ่าย 10,000 ดอลลาร์แต่ก็ไม่สำเร็จ จนสุดท้ายเขาตัดสินใจเปิดบริษัทให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) เองในชื่อ Washtenaw Fiber Properties LLC พร้อมกับขยายพื้นที่ให้บริการไปจนครอบคลุมบ้าน 596 หลังคาเรือน
เดิม Jared เปิด ISP เพื่อให้บริการบ้านเพียง 30 หลังเท่านั้น แต่กฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลัง COVID-19 หรือ American Rescue Plan ก็มีกองทุนสำหรับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานมาด้วย และ Washtenaw County ที่ Jared อยู่ได้รับงบประมาณมา 71 ล้านดอลลาร์ ทางเมืองตัดสินใจกันกองทุนส่วนหนึ่งสำหรับขยายบริการอินเทอร์เน็ต และเมื่อ Jared ยื่นข้อเสนอขอทุนไปก็ได้รับจัดสรรมา 2.6 ล้านดอลลาร์ เพื่อขยายโครงข่ายไฟเบอร์จาก 14 ไมล์ (22.5 กิโลเมตร) เป็น 52 ไมล์ (83.6 กิโลเมตร) ทำให้บ้านที่ไม่เคยมีบรอดแบนด์ความเร็วสูงสามารถเชื่อมต่อได้เพิ่มเติม 417 หลังคาเรือน โดยโครงการนี้ซ้อนทับกับโครงการอื่นๆ บางส่วน พื้นที่ได้บริการได้จริง 596 หลังคาเรือน
ISP ของ Jared ให้บริการไฟเบอร์ความเร็ว 100Mbps ไม่จำกัดปริมาณข้อมูล ที่ราคา 55 ดอลลาร์ต่อเดือน และ 1Gbps ที่ 79 ดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมกับเข้าร่วมโครงการสนับสนุนค่าอินเทอร์เน็ตผู้มีรายได้น้อยของกสทช.สหรัฐฯ ทำให้ครอบครัวที่ได้รับสนับสนุน ได้ส่วนลดอีก 30 ดอลลาร์ ค่าติดตั้งไฟเบอร์ 199 ดอลลาร์ ทุกวันนี้เน็ตเวิร์คของ ISP วิ่งอยู่ระหว่าง 500Mbps จนสูงสุดที่ 4Gbps
ที่มา - ArsTechnica |
# บริษัทความปลอดภัย 18 ราย ตั้งกลุ่ม Cybersecurity Schema กำหนดสเปกกลางแลกข้อมูล
กลุ่มบริษัทความปลอดภัยรวม 18 ราย นำโดย AWS, Splunk, Symantec (ปัจจุบันเป็นหน่วยหนึ่งของ Broadcom) ประกาศตั้งกลุ่ม Open Cybersecurity Schema Framework (OCSF) เพื่อแชร์ข้อมูลความปลอดภัยระหว่างกัน ช่วยให้การรับมือกับการโจมตีไซเบอร์รวดเร็วมากขึ้น
แนวทางของ OCSF คือกำหนดสเปกกลาง (schema) เพื่อใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลความปลอดภัยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลและนักวิเคราะห์ทำงานง่ายขึ้นเพราะมีฟอร์แมตกลางใช้ร่วมกันในรายงานการแฮ็กและการสอบสวนระบบ ตัวสเปกจะเป็นโอเพนซอร์ส และสามารถเขียนส่วนขยายสำหรับงานเฉพาะทางได้
รายชื่อบริษัทที่เข้าร่วม OCSF ได้แก่ Cloudflare, CrowdStrike, DTEX, IBM Security, IronNet, JupiterOne, Okta, Palo Alto Networks, Rapid7, Salesforce, Securonix, Sumo Logic, Tanium, Trend Micro, Zscaler
ที่มา - OCSF GitHub, OCSF, OCSF Press Release |
# Cisco โดนเจาะระบบ ต้นเหตุมาจากพนักงานโดนแฮ็ก แล้วทะลุผ่าน MFA ด้วย Phishing
Cisco Talos หน่วยความปลอดภัยของ Cisco ยืนยันการโจมตีว่าระบบของ Cisco เองถูกเจาะในวันที่ 24 พฤษภาคม 2022
การสอบสวนพบว่าล็อกอินของพนักงานรายหนึ่งถูกขโมย จากการที่บัญชีกูเกิลส่วนตัวถูกเจาะได้ (ล็อกอิน Cisco เซฟเก็บไว้ในเบราว์เซอร์เลยโดนเอาไปด้วย) จากนั้นแฮ็กเกอร์พยายามทำ voice phishing (ปลอมตัวโทรไปหลอก บ้างก็เรียก vishing) เพื่อหลอกให้พนักงานรายนี้กดลิงก์ยืนยัน MFA (multi-factor authentication) ปลอมที่ถูกส่งจากแฮ็กเกอร์ ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึง VPN ของผู้ใช้คนนี้ได้
หลังเข้า VPN ได้แล้ว แฮ็กเกอร์พยายามเข้าถึงสิทธิแอดมินที่เข้าระบบได้หลากหลายขึ้น ทำให้ทีมความปลอดภัยของ Cisco ตรวจพบความผิดปกติและเข้ามาสืบสวนจนพบการเจาะระบบครั้งนี้
Cisco ระบุว่าไม่พบหลักฐานว่าแฮ็กเกอร์เข้าถึงระบบสำคัญของบริษัท และหลังจาก Cisco ค้นพบการเจาะระบบครั้งนี้ก็ถอดสิทธิออก แฮ็กเกอร์ยังพยายามเจาะเข้ามาใหม่หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จแล้ว
Cisco ประเมินว่าแฮ็กเกอร์รายนี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮ็กเกอร์หลายกลุ่ม เช่น UNC2447, Lapsus$, Yanluowang ที่เป็นแก๊งทำ ransomware เรียกค่าไถ่
ที่มา - Cisco Talos |
# ไมโครซอฟท์ออก Patch Tuesday สิงหาคม 2022 แก้ช่องโหว่ DogWalk ที่พบการโจมตีแล้ว
ไมโครซอฟท์ออกแพตช์ความปลอดภัย Patch Tuesday ประจำรอบเดือนสิงหาคม 2022 มีช่องโหว่ความปลอดภัยสำคัญคือ CVE-2022-34713 ที่มีชื่อเล่นว่า DogWalk ความร้ายแรงระดับสูง (high severity) และพบการใช้โจมตีจริงแล้ว
ช่องโหว่นี้เกี่ยวกับเครื่องมือ Windows Support Diagnostic Tool (MSDT) ที่ไมโครซอฟท์ใช้ซัพพอร์ตลูกค้า โดยผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในระบบปฏิบัติการได้ โดยต้องอาศัยการส่งไฟล์หลอกให้ผู้ใช้กดก่อนผ่านเทคนิค phishing แบบต่างๆ เช่น อีเมลหรือส่งลิงก์
Windows รุ่นที่ได้รับผลกระทบมีตั้งแต่ 7, 8.1, 10, 11, Server 2008 R2, 2012, 2012 R2, 2016, 2019, 2022 เรียกว่าโดนครบถ้วนหน้าเสมอภาคกัน
ประเด็นน่าสนใจคือช่องโหว่ DogWalk ถูกค้นพบครั้งแรกโดยนักวิจัยความปลอดภัย Imre Rad ตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 หรือราว 2 ปีครึ่ง แต่ไมโครซอฟท์ประเมินว่าไม่เกี่ยวกับความปลอดภัยเลยไม่แก้ไข อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีนักวิจัยความปลอดภัยอีกคนที่ใช้นามแฝง @j00sean ค้นพบช่องโหว่นี้อีกครั้ง และแจ้งไปยังไมโครซอฟท์อีกรอบ
ที่มา - Microsoft, BleepingComputer |
# นักวิจัยสาธิตการสร้าง "นิ้วล่องหน" แอบใช้งานแท็บเล็ตได้แม้ไม่มีการสัมผัสจริง
นักวิจัยสาธิตการสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถไปควบคุมการทำงานของแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอส้มผัสได้ราวกับว่ามี "นิ้วล่องหน" ไปแตะสัมผัสหน้าจอเพื่อใช้งานอุปกรณ์นั้นๆ อยู่จริง
การสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าดังกล่าวทำได้โดยการปล่อยสัญญาณออกจากแผงเสาอากาศที่ถูกติดตั้งซุกซ่อนไว้ในตำแหน่งใกล้หน้าจอของอุปกรณ์เป้าหมาย ซึ่งเทคนิคการโจมตีเพื่อแฮคอุปกรณ์ที่ว่านี้เรียกว่า Intentional Electromagnetic Interference (IEMI) attack
หลักการทำงานของหน้าจอสัมผัสในปัจจุบันนี้คือตัวอุปกรณ์จะมีแผงขั้วไฟฟ้าติดตั้งอยู่ใต้หน้าจอ เมื่อผู้ใช้สัมผัสหน้าจอจะมีการปล่อยประจุไฟฟ้าสถิตย์จากปลายนิ้วสู่อุปกรณ์ ซึ่งแผงขั้วไฟฟ้าเหล่านั้นก็จะตรวจจับพบประจุเหล่านั้นทำให้รู้ได้ว่าผู้ใช้สัมผัสหน้าจอตรงตำแหน่งไหน ซึ่งการสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าอันจะก่อให้เกิดแรงเคลื่อนประจุก็เป็นการหลอกแผงขั้วไฟฟ้าดังกล่าวให้เข้าใจผิดว่ามีการสัมผัสหน้าจอโดยผู้ใช้งานนั่นเอง
นักวิจัยได้โพสต์คลิปวิดีโอสาธิตการแฮค iPad ด้วยเทคนิคนี้ เมื่อวาง iPad ลงบนแท่นที่ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการโจมตีซ่อนไว้ข้างใต้ ชุดเซ็นเซอร์ของนักวิจัยก็จะตรวจจับตำแหน่งและทิศทางการหันของ iPad ที่วางอยู่เหนือมันเปรียบเสมือนเป็น "การตั้งศูนย์หาตำแหน่งอ้างอิง" ของหน้าจอให้ถูกต้องก่อนเริ่มทำการโจมตี จากนั้นด้วยการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกจากเสาอากาศที่อยู่ในตำแหน่งใกล้จุดศูนย์กลางของหน้าจอ นักวิจัยก็สามารถจำลองการแตะสัมผัสหน้าจอของ iPad ได้เสมือนกับว่ามีนิ้วล่องหนไปแตะใช้งาน iPad อยู่
ชุดอุปกรณ์แผงเสาอากาศที่ใช้สำหรับการแฮค iPad
Haoqi Shan หนึ่งในนักวิจัยที่วิจัยทดลองเรื่องนี้ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Motherboard โดอยอธิบายเพิ่มเติมว่าเทคนิคการโจมตีนี้ ผู้โจมตีสามารถควบคุมการทำงานของแผงเสาอากาศผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตมือถือก็ได้ นั่นจึงแปลว่าผู้โจมตีสามารถสั่งการเสาอากาศเพื่อออกคำสั่งกดหน้าจอแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนได้จากระยะไกล
Shan อธิบายว่าการหลอกอุปกรณ์ให้เข้าใจผิดว่ามีการสัมผัสหน้าจอนั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยากจริงๆ คือการโจมตีอย่างแม่นยำโดยรู้ว่าจะต้องส่งสัญญาณไปตรงจุดไหนบนหน้าจอต่างหาก ทีมวิจัยจึงต้องทำการคำนวณเพื่อวิเคราะห์กลไกการทำงานของหน้าจอสัมผัสบนอุปกรณ์ยอดนิยมหลากหลายประเภท อาทิ iPhone, iPad รวมทั้งสมาร์ทโฟน Android อีกหลายรุ่น เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ตำแหน่งและการหันของอุปกรณ์เป้าหมายได้ถูกต้องก่อนเริ่มส่งสัญญาณเพื่อควบคุมอุปกรณ์นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม Shan อธิบายว่าการโจมตีด้วยวิธีนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจริงนอกห้องปฏิบัติการน้อยมาก เนื่องจากเทคนิคแบบที่ได้มีการสาธิตในวิดีโอยังมีข้อจำกัดที่สำคัญ 3 อย่าง
ตัวแผงเสาอากาศที่จะใช้สร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า จะต้องอยู่ในระยะห่างไม่เกิน 4 เซนติเมตรจากหน้าจอ ด้วยเหตุผลเรื่องกำลังส่งสัญญาณและความแม่นยำในการ "แตะ" หน้าจอด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ถูกสร้างขึ้น
อุปกรณ์เป้าหมายของการโจมตีต้องคว่ำหน้าลงและหันหน้าจอเข้าหาแผงเสาอากาศเท่านั้น เนื่องจากหากพลิกด้านหงาายอุปกรณ์ขึ้น แผงวงจรและแบตเตอรี่ของแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนที่เป็นอุปกรณ์เป้าหมายจะสกัดกั้นสัญญาณจากแผงเสาอากาศไว้ได้
การโจมจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้โจมตีรู้รหัสผ่านเพื่อปลดล็อคหน้าจอของอุปกรณ์เป้าหมาย หรืออุปกรณ์ดังกล่าวเปิดหน้าจอพร้อมใช้งานไว้อยู่แล้วเท่านั้น
ทีมวิจัยได้นำเสนองานวิจัยนี้ในงานสัมมนาทางวิชาการ IEEE Symposium on Security and Privacy เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รวมทั้งอธิบายเรื่องนี้ในงาน Black Hat 2022 ที่ Las Vegas ด้วย
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของงานวิจัยนี้ได้ที่นี่
ที่มา - Vice |
# Spotify ทดลองขายตั๋วคอนเสิร์ตแบบล่วงหน้าเองโดยตรง
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Spotify ได้ทดลองจำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ตแบบล่วงหน้า (pre-sale) ในสหรัฐอเมริกาผ่านทางแอปพลิเคชันและทางเว็บไซต์ tickets.spotify.com โดยมีศิลปินอย่าง Annie DiRusso, Tokimonsta, Osees, Dirty Honey, Limbeck, Crow และ Four Years Strong เข้าร่วม
คาดว่า Spotify มีเป้าหมายหลักในการขยายบริการการจำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ตล่วงหน้าจากเดิมที่เป็นแค่แอปตัวกลางที่ลิ้งก์ไปยังเว็บไซต์จำหน่ายตั๋วโดยตรง การจำหน่ายตั๋วเองยังอาจช่วยเพิ่มรายได้จากการสตรีมเพลงให้กับศิลปิน
อย่างไรก็ตาม Spotify ยืนยันว่าเป็นเพียงการทดลองเท่านั้นและเน้นที่การจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าเพียงอย่างเดียว หลังจากมีข้อกังวลเรื่องความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทขายตั๋วที่เป็นพาร์ทเนอร์ ซึ่ง Spotify เพิ่งปล่อยฟีเจอร์ Live Events Feed ในแอปพลิเคชันเพื่อลิ้งก์ไปยังเว็บไซต์จำหน่ายตั๋วของบริษัทดังกล่าว เช่น Ticketmaster, AXS, Dice ฯลฯ ด้วย
ที่มา: Music Ally |
# ควรหรือไม่ Facebook ส่งข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ให้ตำรวจ เป็นหลักฐานคดีทำแท้งเถื่อน
Facebook ส่งข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน รวมถึงแชทส่วนตัวให้ตำรวจดำเนินคดีทำแท้งผิดกฎหมายหลังได้รับหมายค้น จนทำให้คู่แม่ลูกชาวเนบราสก้าถูกตัดสินว่ากระทำความผิดทางอาญาหลัง Jessica Burgess วัย 17 ปีผู้เป็นลูกสาวใช้ยายุติการตั้งครรภ์ ขณะมีอายุครรภ์ประมาณ 23 สัปดาห์ ซึ่งผิดกฎหมายเนบราสก้า
Meta บริษัทแม่ของ Facebook แถลงว่าหมายค้นไม่ได้กล่าวถึงการทำแท้งแต่ระบุเพียงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนคดีการเผาและการฝังศพทารกที่คลอดก่อนกำหนดอย่างผิดกฎหมายเท่านั้น และหมายค้นมาพร้อมกับคำสั่งห้ามเปิดเผยข้อมูลการทำคดีด้วย
การที่ Facebook เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ให้กับตำรวจทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าบริษัทเทคโนโลยีควรจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานให้กับตำรวจและเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายเพื่อการสืบสวนคดีหรือไม่ หรือควรเปลี่ยนแปลงระบบการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล และควรจะจัดเก็บข้อมูลอะไรบ้างในปริมาณไหน ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2558 ก็มีกรณีแบบเดียวกันระหว่าง Apple และ FBI ด้วย แต่ครั้งนั้น Apple ไม่ยอม FBI
ที่มา: The Register |
# Humble Bundle จัดชุด Resident Evil รวมเกม 12 ภาค ขายราคาขั้นต่ำ 30 ดอลลาร์
Humble Bundle ออกชุดบันเดิล Resident Evil Decades of Horror รวมเกม Resident Evil เกือบทุกภาค จำนวน 12 เกม (ภาคหลักมาครบ ขาด Code: Veronica และภาคย่อยพวก The Umbrella Chronicles) มูลค่ารวม 275 ดอลลาร์ มาขายในราคาขั้นต่ำ 30 ดอลลาร์ รายได้จะนำไปใช้กับโครงการการกุศล Direct Relief ในยูเครน
เกมในชุดบันเดิลประกอบด้วย
Resident Evil 1 (HD Remastered)
Resident Evil 2 (Remake)
Resident Evil 3 (Remake)
Resident Evil 4
Resident Evil 5 Gold Edition
Resident Evil 6
Resident Evil VII Biohazard
Resident Evil Village (เป็นโค้ดลดราคาเกม 50%)
Resident Evil 0
Resident Evil Revelations
Resident Evil Revelations 2 Episode 1
Resident Evil Revelations 2 Deluxe Edition
ถ้าไม่อยากจ่ายแพง 30 ดอลลาร์ ผู้เล่นยังสามารถ
จ่าย 1 ดอลลาร์ รับ 3 เกม Resident Evil 1, Revelations, Revelations 2 Episode 1
จ่าย 10 ดอลลาร์ รับ 7 เกม เพิ่ม Resident Evil 0, 5 Gold Edition, 6, Revelations 2 Deluxe Edition
ที่มา - Humble Bundle, VentureBeat |
# Wear OS 3.5 รองรับ Google Maps นำทางออฟไลน์, ฟังเพลง SoundCloud และ Deezer
กูเกิลยังไม่ยอมบอกข้อมูลของระบบปฏิบัติการ Wear OS เวอร์ชันอัพเดตของปีนี้มากนัก (มีแค่เปิดตัว Pixel Watch ในงาน I/O 2022) แต่การเปิดตัว Galaxy Watch 5 ของซัมซุงเมื่อคืนนี้ ที่เชิญคนของกูเกิลมาขึ้นเวทีด้วย ทำให้เราพอรู้ข้อมูลของ Wear OS 3.5 เวอร์ชันอัพเดตของปีนี้เพิ่มขึ้น (นาฬิกาซัมซุงจะครอบด้วยสกิน One UI Watch 4.5 แต่ใช้แกนเดียวกัน)
รองรับบริการเพลงสตรีมมิ่งมากขึ้นคือ SoundCloud และ Deezer
Google Maps รองรับการนำทางแบบออฟไลน์
ปรับ UI ของ Play Store เวอร์ชันนาฬิกาใหม่ ให้สอดคล้องกับ UI ใหม่ของ Play Store บนมือถือ
ที่มา - 9to5google, Android Police |
# ไมโครซอฟท์แฉกลับ บอกโซนี่จ่ายเงินให้ค่ายเกม ไม่ให้นำเกมลง Game Pass
สมรภูมิระหว่างโซนี่และไมโครซอฟท์ที่บราซิล ในประเด็นเรื่องการซื้อ Activision Blizzard ยังดำเนินต่อไป ความเดิมก่อนหน้านี้คือ โซนี่ส่งเอกสารแสดง "ความกังวล" ว่าการที่ไมโครซอฟท์เป็นเจ้าของ Call of Duty จะมีผลต่อการแข่งขันในวงการเกมคอนโซล
ฝั่งไมโครซอฟท์เองก็ส่งเอกสารชี้แจงกลับ และมี "ข้อมูลใหม่" ที่เราไม่เคยเห็นกันมาก่อนคือ ไมโครซอฟท์ระบุว่าโซนี่เองก็จ่ายเงินให้ค่ายเกมต่างๆ เพื่อ 'blocking rights' ไม่ให้นำเกมเหล่านี้ลง Game Pass หรือบริการเกมเหมาจ่ายคู่แข่งอื่นๆ เช่นกัน
เอกสารของไมโครซอฟท์ยังมีการโต้เถียงกลับในประเด็นอื่นๆ เช่น ปัจจุบันนี้ไมโครซอฟท์ทำ Game Pass โดยไม่ต้องมี Activision Blizzard แต่ก็ยังสามารถทำได้ดี, เสนอมุมมองว่า Call of Duty ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญขนาดนั้นในวงการคอนโซล
ที่มา - Eurogamer |
# Elon Musk ถูกถามอยากสร้างโซเชียลเองหรือไม่, คำตอบคือ X.com
พบกับข่าว Elon Musk ประจำวัน จากกรณีการซื้อหรือไม่ซื้อ Twitter ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ทำให้มีคนไปถาม Elon Musk ว่าเขาคิดจะสร้างบริการโซเชียลเองแทนหรือไม่
คำตอบของ Elon คือ "X.com" ซึ่งเป็นโดเมนที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
คนที่เคยอ่านประวัติของ Elon คงพอทราบว่าเขาเคยก่อตั้งบริการจ่ายเงินออนไลน์ X.com เมื่อปี 1999 ก่อนควบรวมกับบริษัท Confinity ของ Peter Thiel ในปี 2000 และกลายร่างเป็น PayPal ในปี 2001
หลังจากนั้นหลายปี Elon ซื้อต่อโดเมนเนม X.com คืนมาจาก PayPal ในปี 2017 โดยปัจจุบันหน้าเว็บ X.com เป็นหน้าว่างๆ ที่มีแค่คำว่า X เท่านั้น
ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่า Elon อยากทำ X.com เป็นบริการโซเชียลจริงๆ หรือเป็นแค่มุขหยอกเล่นเหมือนที่ผ่านๆ มา |
# Disney รายงานผลประกอบการไตรมาส, Disney+ ยังโตสูง สมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 14.4 ล้านราย
ดิสนีย์รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดวันที่ 2 กรกฎาคม 2022 มีรายได้ในไตรมาสเพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 21,504 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นกลุ่มสื่อบันเทิง เพิ่มขึ้น 11% เป็น 14,110 ล้านดอลลาร์ และธุรกิจสวนสนุก-ลิขสิทธิ์ เพิ่มขึ้น 70% เป็น 7,394 ล้านดอลลาร์
จำนวนลูกค้า Disney+ เพิ่มขึ้นในไตรมาสอีก 14.4 ล้านราย ทำให้จำนวนสมาชิกรวมมี 152.1 ล้านราย ถึงแม้แนวโน้มจะยังเติบโตสูงมาก แต่ดิสนีย์ก็แจ้งปรับลดประมาณการตัวเลขในอนาคต โดยบอกว่าในปี 2024 คาดจะมีสมาชิก 215-245 ล้านราย น้อยกว่าตัวเลขเดิมที่ให้ไว้ 230-260 ล้านราย
Bob Chapek ซีอีโอดิสนีย์กล่าวในช่วงแถลงผลประกอบการ บอกว่าผลประกอบการนี้ออกมายอดเยี่ยม ทั้งจากธุรกิจสวนสนุกที่มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น จำนวนผู้ชมการถ่ายทอดสดกีฬาที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจสตรีมมิ่งที่จำนวนสมาชิกเพิ่มอย่างมีนัยยะสำคัญ
ที่มา: TechCrunch |
# Microsoft ประกาศโอเพนซอร์ส Emoji 3D บน Figma, GitHub ให้ผู้สร้างสรรค์นำไปต่อยอดได้
ไมโครซอฟท์ประกาศโอเพนซอร์ส อีโมจิ 3D ซึ่งมีทั้งหมด 1,538 รายการ โดยครีเอเตอร์สามารถนำไปผสมหรือสร้างสรรค์ต่อยอดได้
รายละเอียดงานทั้งหมดสามารถดาวน์โหลดได้ที่ Figma หรือที่ GitHub
Jon Friedman ผู้บริหารฝ่ายงานออกแบบและวิจัยของไมโครซอฟท์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เดิมอีโมจิ 3D รูปแบบใหม่ที่มีใช้งานใน Windows 11 และ Microsoft Teams ไม่ได้วางแผนจะโอเพนซอร์ส แต่ก็มีความคิดเห็นเสนอขึ้นมา เพื่อสนับสนุนวงการออกแบบและสร้างสรรค์ โดยดูจากช่วงโควิดที่ผ่านมา อีโมจิเข้ามามีบทบาทมากขึ้นต่อการสนทนา เพื่อแสดงอารมณ์ของผู้พูดที่ชัดเจนขึ้นนั่นเอง
ที่มา: ไมโครซอฟท์ ผ่าน The Verge |
# Disney+ ประกาศรายละเอียดแพ็คเกจแบบมีโฆษณาแล้ว เริ่มที่อเมริกา ธันวาคมนี้
Disney+ ประกาศรายละเอียดแพ็คเกจรับชมแบบมีโฆษณา ซึ่งดิสนีย์เคยพูดถึงก่อนหน้านี้ โดยแพ็คเกจใหม่นี้มีผลเฉพาะกับลูกค้าในอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2022 เป็นต้นไป
แพ็คเกจใหม่ที่มีเฉพาะ Disney+ จะแบ่งเป็นแบบ Basic มีโฆษณา ราคา 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งเป็นราคาเดิมของแพ็คเกจแบบไม่มีโฆษณา และอีกแพ็คเกจคือ Premium ที่ไม่มีโฆษณา ปรับราคาขึ้นเป็น 10.99 ดอลลาร์ต่อเดือน นอกจากนี้ดิสนีย์ยังมีแพ็คเกจแบบบันเดิลที่รวม Hulu และ ESPN+ อีกด้วย
ซีอีโอ Bob Chapek ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าแพ็คเกจแบบมีโฆษณานั้น จะมีปริมาณโฆษณาและความถี่ไม่สูง เพื่อให้ผู้ชมได้ประสบการณ์ที่ดี โดยอาจอยู่ในอัตรา 4 นาทีต่อชั่วโมง และจะไม่มีโฆษณาสำหรับผู้ชมอายุ 3-5 ปี
ที่มา: ดิสนีย์ ผ่าน The Verge |
# นักวิจัยค้นพบว่าหมูหายใจทางรูก้นได้ เตรียมจะทดลองวิจัยกับคนต่อไป
นักวิจัยจากญี่ปุ่นค้นพบว่าหมูสามารถรับเอาออกซิเจนเข้าทางรูทวารหนักได้แทนการหายใจตามปกติทางจมูกและปาก ซึ่งนี่อาจนำไปสู่แนวทางใหม่สำหรับการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ
ทีมนักวิจัยพบจาก Tokyo Medical and Dental University ได้ทำการทดลองอัดของเหลวที่มีส่วนผสมของออกซิเจนเข้าทางรูทวารหนักผ่านไปยังลำไส้ของหมู ทำให้มันสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้แม้ไม่มีการหายใจด้วยปอด กล่าวคือร่างกายของหมูสามารถรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านลำไส้
ซึ่งการวิจัยทดลองนี้มาจากการสังเกตธรรมชาติของปลาชนิดหนึ่ง ก่อนจะเริ่มทดลองกับสัตว์ขนาดเล็กอย่างหนู และมาสู่การทดลองกับหมูในงานวิจัยล่าสุด ซึ่งอนาคตก็เตรียมจะทำการทดลองกับร่างกายคนเป็นลำดับถัดไป
จุดเริ่มต้นนี้ทั้งหมดทั้งมวลมาจากการสังเกตปลาโลชซึ่งเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งที่มีความพิเศษตรงที่มันสามารถหายใจผ่านลำไส้ได้เมื่อตกอยู่ในภาวะขาดออกซิเจน โดยเนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ของปลาโลชจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างตัวเองทำให้ปลาหายใจได้ และจากจุดนั้นก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์เกิดความสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะสามารถหายใจผ่านทางลำไส้ได้แบบเดียวกับปลาโลชหรือไม่
จากการสังเกตปลาจึงนำมาซึ่งการทดลองที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ของ Tokyo Medical and Dental University ร่วมกับ Nagoya University Graduate School และแผนกศัลยแพทย์ทางเดินหายใจของ Kyoto University นำเอาหนูที่อยู่ในภาวะขาดออกซิเจนมารับการอัดก๊าซออกซิเจนผ่านทางรูทวารหนัก ซึ่งก็พบว่าหนูที่ได้รับการอัดก๊าซมีชีวิตรอดอยู่ได้นานกว่าหนูอีกกลุ่มที่ขาดออกซิเจนแต่ไม่ได้รับการอัดก๊าซ
จากนั้นทีมวิจัยได้ทดลองเพิ่มเติมโดยการลอกเยื่อเมือกในลำไส้ออกจากหนูเพื่อดูว่ามันจะสามารถรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ ซึ่งผลการทดลองก็พบว่าหนูมีชีวิตรอดอยู่ได้นานกว่าเดิมเมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่รับการอัดก๊าซเฉยๆ โดยไม่ได้ลอกเยื่อเมือกออก ทั้งนี้การทดลองในขั้นตอนนี้ไม่เพียงแต่จะพบว่าหนูมีชีวิตรอดได้นานขึ้นเท่านั้น แต่ยังพบว่าหนูไม่แสดงอาการหอบและไม่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นด้วย
การลอกเยื่อเมือกในลำไส้ของหนูออกก่อนการทดสอบให้ออกซิเจน
หลังผ่านกระบวนการทดลองในขั้นตอนที่ลอกเยื่อเมือกออกจากลำไส้ของหนูแล้ว ทีมวิจัยจินตนาการว่าเมื่อลอกเยื่อเมือกออกย่อมทำให้เกิดความรู้สึกระคายเคืองดังนั้นอาจจะดีกว่าหากสามารถทำการให้ออกซิเจนในรูปแบบของเหลวแทนการให้ในสถานะก๊าซ จึงเกิดการทดลองในขั้นถัดมาโดยเปลี่ยนจากการอัดก๊าซออกซิเจนเป็นการอัดของเหลวทำละลายออกซิเจนเข้าไปแทน โดยใช้สาร perfluorodecalin ที่มีคุณสมบัติสามารถทำละลายออกซิเจนปริมาณมากได้ (สารนี้เคยใช้สำหรับการให้ออกซิเจนแก่ทารกแรกเกิดที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ และใช้เป็นเลือดเทียมเพื่อช่วยในกระบวนการแลกเปลี่ยนออกซิเจนระดับเนื้อเยื่อ) ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ว่าหนูสามารถหายใจด้วยการรับออกซิเจนในรูปแบบของเหลวได้เช่นกัน
ภาพอธิบายการทดสอบให้ออกซิเจนในรูปแบบของเหลวผ่านทวารหนักให้หนู
งานวิจัยทดลองทั้งหมดที่ทำกับหนูทดลองดังที่กล่าวมานั้นได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อปีก่อน และปีนี้ทีมวิจัยได้เปลี่ยนมาทดลองกับหมูซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และก็พบว่าหมูสามารถหายใจด้วยการรับออกซิเจนผ่านทางรูทวารหนักทั้งในสถานะก๊าซและของเหลวได้เช่นเดียวกัน โดยหมูที่มีขนาดตัว 50 กิโลกรัมสามารถรับออกซิเจนผ่าทางทวารหนักและมีชีวิตรอดอยู่ได้นาน 30 นาทีแม้จะอยู่ในภาวะทางเดินหายใจล้มเหลวที่ปกติแล้วมีความรุนแรงในระดับที่ทำให้ตายได้
ทีมวิจัยกำลังพิจารณาวางแผนเพื่อจะเริ่มทดลองกับร่างกายคนในลำดับถัดไป ซึ่งหากได้ผลเชิงบวกเหมือนการทดลองกับหนูและหมูดังเช่นก่อนหน้านี้ ก็อาจนำไปสู่เทคนิคการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการหายใจด้วยวิธีการใหม่เพิ่มเติมจากที่ในปัจจุบันมีอยู่ 2 วิธี คือการใช้เครื่องช่วยหายใจอัดอากาศเข้าสู่ร่างกายคนผ่านทางจมูกและปาก และการใช้เครื่อง ECMO ซึ่งเป็นการดึงเอาเลือดออกจากร่างกายผู้ป่วยมาเข้าเครื่องปอดเทียมเพื่อรับออกซิเจนก่อนหมุนเวียนกลับเข้าสู่ร่างกาย
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากเอกสารงานวิจัยได้ที่นี่
ที่มา - Vice |
# Blizzard ประกาศหยุดขาย Loot Box ของ Overwatch 1 ในวันที่ 30 สิงหาคม 2022
Blizzard ประกาศยุติการขายกล่องสุ่ม Loot Box ของเกม Overwatch ในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ ตามแผนธุรกิจของ Overwatch 2 ที่จะเลิกใช้ Loot Box เปลี่ยนมาขายไอเทมผ่านระบบ Battle Pass แทน โดย Overwatch 1 จะสลับเป็น Overwatch 2 ในวันที่ 4 ตุลาคม 2022
ประกาศของ Blizzard เป็นการเลิก "ขาย" Loot Box เท่านั้น แต่ยังมี Loot Box แจกในเกมด้วยวิธีการอื่นๆ อยู่ และหากผู้เล่นมี Loot Box ที่ยังไม่ได้เปิดเก็บเอาไว้ มันจะถูกเปิดอัตโนมัติก่อน Overwatch 2 เริ่มให้บริการ
ที่มา - Blizzard via Kotaku |
# ของฝากนักกอล์ฟ ซัมซุงเปิดตัว Galaxy Watch 5 Golf Edition ลายพิเศษนักกอล์ฟ
ช่วง 2-3 ที่ผ่านมา สินค้าของซัมซุงมักมีลายพิเศษออกมาขายด้วยเสมอ (เช่น BTS Edition, Thom Browne Edition) รอบนี้ซัมซุงฉีกแนวด้วยการออก Galaxy Watch 5 Golf Edition สำหรับนักกอล์ฟโดยเฉพาะ
Galaxy Watch 5 Golf Edition มีตัวเรือน 3 ขนาดเท่ากับ Galaxy Watch 5 รุ่นปกติทุกอย่าง คือ Watch 5 Large (44mm), Watch 5 Small (40mm), Watch 5 Pro และสเปกก็เหมือนกันทุกประการ
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ สายนาฬิกาสีทูโทนขาว-ดำ, หน้าปัดนาฬิกาลายพิเศษ และสมาชิกแอพ Smart Caddie แบบไม่จำกัด ราคาเริ่มต้น 329 ดอลลาร์สำหรับรุ่น Bluetooth แพงกว่ารุ่นลายปกติที่เริ่มต้น 279 ดอลลาร์
ที่มา - Samsung |
# เปิดตัว Samsung Galaxy Z Fold 4 จอใหญ่ขึ้น บางลง เบาลง ยังไม่มีช่องเสียบปากกา
Samsung เปิดตัวสมาร์ทโฟนพับได้รุ่นท็อปใหม่แล้วกับ Galaxy Z Fold 4 โดยหน้าจอด้านหน้าเป็น Dynamic AMOLED มีขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ รองรับ Adaptive Refresh Rate 48-120Hz จอหลัก Dynamic AMOLED 6.7 นิ้ว ความละเอียด QXGA+ รองรับ Adaptive Refresh Rate 1-120Hz
และด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ทำให้กล้องหน้าในหน้าจอหลักรอบนี้อยู่ใต้หน้าจอแล้ว และการซ่อนกล้องก็ค่อนข้างแนบเนียนกว่าเดิม เพราะมีการแสดงผลทับกล้องขณะไม่ได้ใช้
ชิปประมวลผลเป็น Snapdragon 8+ Gen 1 แรม 12GB ความหนาขณะพับ ที่ขอบพับสูง 15.8 มม. ขอบจอสูง 14.2 มม. กางออกจะสูง 6.3 มม. ส่วนน้ำหนัก 263 กรัม
กล้องหน้าบริเวณจอด้านหน้าขณะพับ ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/2.2 กล้องใต้จอขณะกางมือถือ ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล f/1.8 กล้องหลังมี 3 ตัว คือ อัลตร้าไวด์ 12 ล้านพิกเซล ความกว้าง 123 องศา, ไวด์ 50 ล้านพิกเซล เป็น Dual Pixel AF มีกันสั่น กว้าง 85 องศา และเลนส์เทเล 10 ล้านพิกเซล PDAF
Galaxy Z Fold 4 ยังรองรับปากกา S Pen เฉพาะรุ่นที่ขายแยกเช่นเดิม และยังไม่มีช่องเก็บปากกาในตัว ความจุของแบตเตอรี่อยู่ที่ 4,400mAh กันน้ำ IPX8
ซอฟต์แวร์รัน Android 12L ครอบด้วย OneUI 4.1.1 จุดเด่นที่แตกต่างในแง่ซอฟต์แวร์คือจะมี TaskBar เล็กๆด้านล่างเวลาเข้าแอปต่างๆ (คล้ายกับ Dock ของ macOS) ที่แสดงผลแอปที่ถูกปักหมุดและแอปล่าสุดเอาไว้
Galaxy Z Fold 4 รองรับ 3 ซิมแบ่งเป็นนาโนซิม 2 ตัวและ eSim 1 ตัว มี 4 สีคือ Gray Green, Phantom Black, Beige และ Burgundy ราคาดังนี้
รุ่นความจุ 256GB ราคา 59,900 บาท
รุ่นความจุ 512GB ราคา 65,900 บาท |
# เปิดตัว Galaxy Watch 5 และ Watch 5 Pro เพิ่มฟังก์ชันด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย
Samsung จัดการไลน์สินค้านาฬิกาใหม่จากเดิมที่เป็นรุ่นธรรมดากับหน้าปัดแบบคลาสสิค กลายเป็นรุ่นธรรมดาและรุ่นโปรด้วย Galaxy Watch 5 และ Galaxy Watch 5 Pro ที่แตกต่างกันด้วยฟีเจอร์
Galaxy Watch 5 เพิ่มเซ็นเซอร์ BioActive ร่วมกับเซ็นเซอร์อื่นๆ ช่วยเรื่องการตรวจจับอ๊อกซิเจนในเลือด ความดัน, ECG และการนอนได้ดีขึ้น รวมถึงสามารถวัดไขมันในร่างกาย (body composition) ได้แล้ว
Galaxy Watch 5 มี 2 ไซส์คือ 40 มม.และ 44 มม. หน้าจอเป็น Sapphire Crystal รุ่นใหม่ กันรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น 60% แบตเตอรี่ 284mAh และ 410mAh ตามลำดับ รัน WearOS 3.5 ครอบด้วย One UI Watch 4.5 กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน 5ATM และ IP68
Galaxy Watch 5 มี 5 สี แบ่งเป็นขนาด 40 มม. สี Graphite, Siver และ Pink Gold ส่วน 44 มม. มีสี Graphite, Sapphire และ Silver
ส่วน Galaxy Watch 5 Pro ฟีเจอร์พื้นฐานเหมือน Watch 5 แต่เพิ่มฟีเจอร์ที่เน้นการออกกำลังกายข้างนอก เช่น สามารถดูเส้นทาง (track back) รวมถึงสามารถพรีโหลดเส้นทางที่ต้องการจะออกกำลังกายเอาไว้ก่อนได้ รวมถึงมีระบบนำทางด้วยเสียงแบบ turn-by-turn
Galaxy Watch 5 Pro ตัวกระจกหรือจอเป็น Sapphire Crystal เหมือนกัน แต่ตัวเรือนเป็น Titanium ที่ทนทานรอยขีดข่วนมากขึ้น มีไซส์เดียวคือ 45 มม. แบตเตอรี่ 590mAh ใช้งานทั่วไปได้ 80 ชม. แต่ถ้าเปิด GPS ตลอดเวลาได้ต่อเนื่อง 20 ชม. มี 2 สีคือ Black Titanium และ Gray Titanium
ส่วนราคามีดังนี้
Galaxy Watch 5
40 มม. Bluetooth 8,490 บาท
40 มม. LTE 11,490 บาท
44 มม. Bluetooth 9,990 บาท
44 มม. LTE 12,490 บาท
** Galaxy Watch 5 Pro
Bluetooth 13,900 บาท
LTE 16,900 บาท |
# เปิดตัว Galaxy Buds 2 Pro รองรับเสียง HiFi ไซส์เล็กลง ตัดเสียงรบกวนได้ดีขึ้น
Samsung เปิดตัวหูฟัง Galaxy Buds 2 Pro (ระวังสับสนกับ Buds 2) รุ่นอัพเกรดจาก Galaxy Bud Pro ในดีไซน์ที่เรียบและไม่แวววาวเหมือนรุ่นแรก
เมื่อเป็นรุ่น Pro ความสามารถในการตัดเสียงรบกวน (ANC) ยังอยู่เหมือนเดิม แต่ดีขึ้น 40% จากการดีไซน์ที่กรองลมภายนอกได้ดีขึ้น และไมค์ที่จับเสียงพูดได้แม่นยำและดังขึ้น
ส่วนของใหม่ก็คือรองรับเสียง HiFi ที่ 24bit จากเดิมที่ 16bit แต่ข้อจำกัดคือรองรับเฉพาะการเชื่อมต่อกับมือถือ Samsung เท่านั้น เพราะใช้ codec เฉพาะของแบรนด์ (Samsung seamless codec - SSC HiFi) นอกจากนี้ยังรองรับการอัดเสียงแบบ 360 องศารอบตัว (อัพเดตภายหลัง)
Galaxy Buds 2 Pro ฟังเพลงแบบเปิด ANC ได้ต่อเนื่อง 5 ชม. รวมกับแบตในเคสได้ทั้งหมด 18 ชม. (ถ้าปิด ANC จะเหลือ 8 ชม. และ 29 ชม. รวมเคส) มี 3 สีคือ Graphite, Bora Purple และ White ราคา 6,900 บาท |
# เปิดตัว Galaxy Z Flip 4 ดีไซน์ขอบเหลี่ยมขึ้น จอด้านหน้าใหญ่ขึ้น แบตเยอะขึ้น
สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นเล็ก Galaxy Z Flip เปิดตัวรุ่นที่ 4 แล้ว มาในดีไซน์ที่ปรับใหม่เล็กน้อย ให้ขอบเครื่องมีความเหลี่ยมมากขึ้น จอด้านหน้า (จอเล็ก) ใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อยเป็น 1.9 นิ้ว Super AMOLED จอหลัก Dynamic AMOLED 6.7 นิ้ว FHD+ รองรับ Adaptive Refresh Rate 120Hz
ชิปเซ็ตเป็นเรือธงเหมือนกันคือ Snapdragon 8+ Gen 1 แรม 8GB กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล f/2.4 กล้องหลังเลนส์ไวด์ 12 ล้านพิกเซล Dual Pixel AF กว้าง 83 องศาและเลนส์อัลตร้าไวด์ 12 ล้านพิกเซล f/2.2 กว้าง 123 องศา
Galaxy Z Flip ได้แบตเตอรี่ขนาด 3,700mAh (เพิ่มขึ้นจาก 3,300mAh เดิม) กันน้ำ IPX8 รัน Android 12 ครอบด้วย One UI 4.1.1 รองรับ 2 ซิม มี 4 สีคือ Bora Purple, Graphite, Pink Gold และ Blue นอกจากนี้ยังมี Bespoke Edition ที่สามารถปรับแต่งสีและขอบเครื่องได้รวมกันกว่า 75 แบบ
ส่วนราคามีดังนี้
ความจุ 128GB ราคา 35,900 บาท
ความจุ 256GB ราคา 38,900 บาท
ความจุ 512GB ราคา 44,900 บาท |
# Visual Studio 2022 ออกอัพเดต 17.3 รองรับ .NET MAUI อย่างเป็นทางการ
ไมโครซอฟท์ออก Visual Studio 2022 เวอร์ชัน 17.3 เป็นอัพเดตย่อยตัวที่สามของซีรีส์ มีของใหม่ที่สำคัญคือ .NET Multi-platform App UI (.NET MAUI) ชุดเครื่องมือสร้าง UI ข้ามแพลตฟอร์มตัวใหม่ เข้าสถานะเสถียรแล้ว
การมาถึงของ .NET MAUI รุ่นเสถียรบน Visual Studio 2022 ทำให้ความฝันหลอมรวม .NET ของไมโครซอฟท์ที่ประกาศไว้เมื่อปี 2019 เสร็จสมบูรณ์แล้ว เพราะมีทั้ง .NET 6 ที่หลอมรวมทั้ง 3 สายเข้าด้วยกัน, .NET MAUI ในฐานะชุดเครื่องมือสร้าง UI ตัวใหม่ข้ามแพลตฟอร์มเดสก์ท็อป-มือถือ และตัวเครื่องมือคือ Visual Studio 2022 ที่ทั้งหมดเป็นสถานะเสถียรครบหมดแล้ว
ของใหม่อย่างอื่นใน VS 2022 17.3 ที่น่าสนใจได้แก่ การแสดงแท็บแบบหลายแถว (multiple rows) ตามที่ผู้ใช้เรียกร้อง, เมนู Restore Closed Tab เหมือนในเบราว์เซอร์, ปรับปรุงประสิทธิภาพของการทำ indexing โค้ดภาษา C++ ให้เร็วขึ้น
ที่มา - Microsoft |
# Urbanista บริษัทสวีเดนเปิดตัวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ รองรับการชาร์จด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
Urbanista แบรนด์เครื่องเสียงจากสวีเดน เปิดตัวหูฟังไร้สายตัวใหม่ Phoenix ที่มาพร้อมเคสที่รองรับการชาร์จด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ หลังจากเคยใช้เทคโนโลยีนี้ครั้งแรกกับหูฟังไร้สายแบบครอบหัวที่ชื่อ Los Angeles ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยแผ่นรับแสงอาทิตย์จะอยู่บริเวณที่คาดหัวของหูฟัง
เทคโนโลยีที่ใช้รับและชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์มีชื่อว่า Powerfoyle เป็นสิทธิบัตรของบริษัท Exeger ของสวีเดนเช่นเดียวกัน ซึ่งหากมองในแง่การใช้งาน หูฟัง Los Angeles ที่ใส่ข้างนอกตลอด อาจจะได้รับแสงอาทิตย์มากกว่ากรณีของ Phoenix ที่อยู่ในเคส ที่เรามักจะเก็บไว้ในกระเป๋า
ในแง่ของฟีเจอร์ Phoenix นอกจากชาร์จแสงอาทิตย์แล้วก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นกว่าหูฟังไร้สายของเจ้าอื่นๆ เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.2 มี ANC กันน้ำ IPX4 เชื่อมต่อได้ 2 เครื่องพร้อมกัน รวมถึงพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จ
Phoenix วางขายไตรมาส 4 ของปีนี้ในราคา 149 ยูโร (ราว 5,425 บาท)
ที่มา: The Verge |
# ผลประกอบการ Coinbase ขาดทุนหนัก มองปีนี้ยังอยู่ในขาลง
Coinbase ประกาศผลประกอบการไตรมาสสองประจำปี 2022 พบว่าผลประกอบการแย่ลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะตัวเลขสำคัญๆ เช่น ปริมาณการซื้อขายลดต่ำเหลือ 217 พันล้านดอลลาร์ หรือลดลง 60% เทียบกับจุดสูงสุดในไตรมาส 4 ปี 2021 ส่งผลต่อเนื่องให้รายได้ลดลง 68% จากจุดสูงสุด บริษัทรายงานผลประกอบการขาดทุนมาตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว และตอนนี้ผลขาดทุนก็ยังเพิ่มสูงขึ้นทะลุพันล้านดอลลาร์
รายงานผลประกอบการยอมรับว่าตลาดคริปโตอยู่ในช่วงขาลง แต่ก็ระบุว่าตลาดคริปโตเป็นรอบๆ อยู่เป็นปกติ โดยตอนนี้อยู่ในรอบที่ 4 ของตลาดที่มูลค่าลดลง 74% จากจุดสูงสุดของรอบ นับว่าน้อยกว่ารอบอื่นๆ ที่ตกลงมากกว่า 80% และช่วงขาลงก็ทำให้คู่แข่งของ Coinbase หายไปจากตลาด
ทาง Coinbase คาดว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ยังคงปรับลงต่อไป แต่รายได้จากการให้บริการแบบสมัครสมาชิก เช่น Coinbase One จะเพิ่มสูงขึ้น
Coinbase ถูกรัฐบาลาสหรัฐฯ สอบสวนในหลายประเด็น ตั้งแต่การจับกุมอดีตพนักงานฐานใช้ข้อมูลภายในซื้อขาย และข่าวลือว่าก.ล.ต.สหรัฐฯ กำลังสอบสวนว่าสินทรัพย์บางตัวที่ซื้อขายใน Coinbase เข้าข่ายหลักทรัพย์
ที่มา - Coinbase |
# ผู้สตรีมเกมและดูสตรีมน้อยลง คาดออกนอกบ้านมากขึ้นหลังโควิด-19, Facebook ลดลงเยอะสุด
Streamlabs บริษัทซอฟต์แวร์สตรีมมิ่งออกรายงานว่ายอดผู้ชมสตรีมเกมและผู้ที่สตรีมเกมทั้งใน Twitch, Youtube Gaming และ Facebook Gaming ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ (เมษายน-มิถุนายน) ลดน้อยลงถึง 19.4 % จากไตรมาสแรก และจำนวนชั่วโมงของผู้ดูสตรีมเกมลดลง 18.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2563
สาเหตุของการสตรีมและการดูสตรีมเกมน้อยลงอาจมาจากการที่ผู้คนออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านกันมากขึ้นหลังจากกักตัวในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย Twitch ยังเป็นแพลตฟอร์มสตรีมเกมที่มีคนดูมากที่สุดใน 3 แพลตฟอร์มดังกล่าว โดยมีส่วนแบ่งชั่วโมงคนดูอยู่ที่ 76.7% ส่วนส่วนแบ่งการสตรีมสูงถึง 92.7% แม้ชั่วโมงคนดูจะลดลง 13.2% และชั่วโมงที่สตรีมเกมละลดลง 16% จากไตรมาสก่อนก็ตาม
ขณะที่เบอร์ 2 คือ YouTube Gaming มีส่วนแบ่งคนดูอยู่ที่ 15.4% ขณะที่ส่วนแบ่งชั่วโมงคนสตรีมอยู่ที่ 3.7% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า สุดท้ายคือ Facebook Gaming ที่หนักสุด ส่วนแบ่งชั่วโมงคนดูอยู่ที่ 7.9% ลดลงถึง 51% และฝั่งชั่วโมงคนสตรีมอยู่ที่ 3.6% ลดลงถึง 62%
ที่มา - Streamlabs via Engadget |
# Amazon เตรียมใช้ระบบจ่ายเงินด้วยฝ่ามือ Amazon One กับร้านค้าปลีกในเครือ
Amazon เตรียมเริ่มใช้งานระบบชำระเงินด้วยฝ่ามือ หรือที่เรียกว่า Amazon One ในร้านค้าปลีกของตัวเองทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ต Whole Foods, Amazon Go, ร้านเสื้อผ้า Amazon Style และร้านขายของชำของสด Amazon Fresh
Amazon One เป็นอุปกรณ์ยืนยันตัวตนด้วยฝ่ามือโดยอาศัยการเอาฝ่ามือไปอังเอาไว้เหนือเซ็นเซอร์ และจะตัดเงินผ่านบัตรเครดิตที่ผูกบัญชีเอา โดยเริ่มทดสอบใช้มาตั้งแต่ 2564 ในร้าน Amazon Go คู่กับระบบ Just Walk-out
ลูกค้าร้านที่ร่วมรายการสามารถลงทะเบียนพิมพ์ลายมือได้ที่จุดลงทะเบียนในร้านค้าดังกล่าวโดยการให้ข้อมูลบัตรจ่ายเงินและเบอร์โทรศัพท์ ต้องยอมรับข้อตกลงการให้บริการของบริษัท Amazon และยอมให้พิมพ์ลายมือได้ เมื่อลงทะเบียนสำเร็จแล้วก็จะสามารถใช้มือสแกนเพื่อจ่ายเงินได้เลย
Amazon One ถูกพัฒนามาเพื่อให้ลูกค้าในร้านค้าในเครือ Amazon สามารถจ่ายเงินได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทได้วางแผนว่าจะใช้เครื่องสแกนฝ่ามือในธุรกิจอื่น ๆ ด้วย
ที่มา: The Verge |
# Elon Musk ขายหุ้น Tesla 6.9 พันล้านเหรียญ เตรียมเงินสดเอาไว้เผื่อแพ้กรณี Twitter
Elon Musk CEO ของบริษัท Tesla ขายหุ้นบริษัท 7.9 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 6.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากได้ขายหุ้นมูลค่า 8.5 พันล้านเหรียญไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย Musk เปิดเผยในบัญชี Twitter ว่าการขายหุ้นครั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการขายหุ้นบริษัทอย่างกะทันหันหากเขาถูกตัดสินบังคับซื้อ Twitter ที่มีมูลค่า 44 พันล้านเหรียญ
สำหรับเรื่องการฟ้องร้องกับ Twitter เมื่อเดือนที่แล้ว Musk มั่นใจว่าตนเองจะเป็นฝ่ายชนะเนื่องจากเชื่อว่า Twitter คำนวณบัญชีบ็อตผิด แต่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Musk ทวิตว่าถ้า Twitter เผยวิธีการตรวจสอบบัญชีบ็อตด้วยบัญชีตัวอย่าง 100 บัญชีและพิสูจน์ได้ว่าวิธีดังกล่าวให้ข้อมูลที่เป็นความจริง สัญญาจะเป็นไปตามที่เคยตกลงกันไว้แต่แรก แต่หากสำนวนฟ้องของ ก.ล.ต. ไม่ถูกต้อง ก็คงจะยกเลิกสัญญาดังกล่าว
Musk ทวิตตอบผู้ติดตามใน Twitter ด้วยว่าถ้าในที่สุดแล้วมีการยกเลิกดีลกับ Twitter เขาจะซื้อหุ้นบริษัท Tesla คืน โดยอาจรอจนกว่า Tesla จะแตกหุ้นแบบ 3 ต่อ 1 ที่เพิ่งได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อที่จะสามารถซื้อคืนได้ในราคาถูก
ที่มา: TechCrunch และ Bloomberg |
# ก.ยุติธรรมสหรัฐเตรียมฟ้อง Alphabet จากการผูกขาดตลาดโฆษณาของ Google
Bloomberg รายงานอ้างอิงคนในว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (Department of Justice) กำลังเตรียมยื่นฟ้อง Alphabet กรณี Google มีพฤติกรรมผูกขาดในตลาดโฆษณา หลังสืบพยานและเตรียมคดีมาหลายปี
รอบนี้ยังไม่มีข้อมูลรายละเอียดว่ากระทรวงยุติธรรมจะฟ้อง Alphabet/Google ในแง่มุมไหน ขณะที่การยื่นฟ้องอาจเร็วที่สุดในเดือนหน้า ที่ศาลใดศาลหนึ่งระหว่างศาลในวอชิงตัน ที่มีคดีผูกขาด Search ค้างอยู่ หรือศาลในนิวยอร์ก ที่อัยการสูงสุดของมลรัฐมียื่นคดีผูกขาดโฆษณา Google ไว้อยู่
เมื่อปี 2020 Google เคยถูกฟ้องผูกขาดโฆษณามาแล้วครั้งหนึ่งจากทนายความจาก 10 รัฐ
ที่มา - Bloomberg |
# เกมต่อสู้ MultiVersus มาแรง ยอดผู้เล่น 3 สัปดาห์ทะลุหลัก 10 ล้านคนแล้ว
MultiVersus เกมต่อสู้แนว Super Smash Bros. แต่ใช้ตัวละครจากจักรวาล Warner Bros. เริ่มเปิดทดสอบ Beta ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ผ่านมา 3 สัปดาห์ เกมประสบความสำเร็จอย่างสูง มีผู้เล่นมากกว่า 10 ล้านคนแล้ว (นับรวมทุกแพลตฟอร์ม) การที่เกม MultiVersus เป็นเกมแบบ free-to-play ย่อมช่วยให้มีจำนวนผู้เล่นเพิ่มสูงได้ง่ายขึ้น แต่ก็ต้องพึ่งพาความนิยมและกระแสการบอกต่อของเกมเมอร์ด้วยเช่นกัน
ที่มา - VentureBeat, PCGamer |
# OneDrive มีอายุครบ 15 ปีแล้ว พร้อมปรับปรุงหน้า Home แบบใหม่
ไมโครซอฟท์ประกาศว่า OneDrive บริการสตอเรจออนไลน์ มีอายุครบ 15 ปีแล้ว (เปิดตัว 9 สิงหาคม 2007) ซึ่งตัวบริการก็มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่มาโดยตลอด ส่วนตัวเลขผู้ใช้งานนั้น ไมโครซอฟท์บอกว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 240% และมีลูกค้าองค์กรรายใหญ่หลายแห่งเลือกใช้งาน
เพื่อฉลองครบรอบ 15 ปี ไมโครซอฟท์จึงประกาศปรับปรุงหน้าแรกของ OneDrive รูปแบบใหม่เรียกว่า OneDrive Home เพื่อช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงล่าสุด รวมทั้งมีฟิลเตอร์แยกประเภทต่าง ๆ ของไฟล์ และดูกิจกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ไมโครซอฟท์ยังบอกว่าจะปรับปรุงรูปแบบการแชร์ไฟล์ ให้มีความสอดคล้องกันในทุกบริการทั้ง แอป Office, OneDrive, SharePoint และ Teams ซึ่งจะช่วยให้บริหารจัดการไฟล์ง่ายขึ้น โดยหน้าแรกของ OneDrive แบบใหม่นี้ จะเริ่มอัพเดตในไม่กี่เดือนข้างหน้า
ที่มา: ไมโครซอฟท์ |
# Lyft ตั้งธุรกิจใหม่ Lyft Media ขายสื่อโฆษณาในบริการรถโดยสาร
Lyft แอปเรียกรถแท็กซี่ที่เน้นทำตลาดในอเมริกาและเป็นคู่แข่งของ Uber ประกาศตั้งกลุ่มธุรกิจใหม่ Lyft Media เพื่อดูแลงานด้านสื่อและโฆษณาโดยเฉพาะ ซึ่งน่าจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของบริษัท
โดยระบบโฆษณาของ Lyft นั้น จะพ่วงไปกับบริการต่าง ๆ ได้แก่ Lyft Halo ป้ายโฆษณาติดบนรถยนต์ ที่มาจากการซื้อกิจการเมื่อปี 2020, Lyft Tablets แท็บเล็ตแสดงข้อมูลการโดยสารในรถยนต์ โดยขายโฆษณาไปกับรายการวิทยุที่ร่วมมือกับ iHeartRadio, Lyft Bikes ติดตั้งป้ายโฆษณาในจุดจอดรถจักรยาน และ Lyft Skins ซึ่งเป็นการขายสื่อโฆษณาให้กับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อแสดงผลแบบเป็นลูกเล่นในแอป
ทิศทางที่ผู้ให้บริการ Ride-Share จะหันมาหารายได้จากโฆษณาไม่ใช่เรื่องใหม่ Uber เองก็มีระบบโฆษณาใน Uber Eats อยู่แล้ว เช่นเดียวกับแอปเดลิเวอรีในไทย หรือก่อนหน้านี้ GoJek ก็เปิดตัวระบบป้ายโฆษณาติดมอเตอร์ไซด์
ที่มา: Lyft |
# ByteDance บริษัทแม่ TikTok ซื้อกิจการโรงพยาบาลแม่และเด็กในจีน
ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ได้เข้าซื้อกิจการ Amcare เครือโรงพยาบาลเอกชนในจีน โดยตัวแทนของ Xiaohe Health กลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพในเครือ ByteDance ยืนยันดีลดังกล่าว แต่ไม่เปิดเผยมูลค่าที่เข้าซื้อ อย่างไรก็ตาม Bloomberg อ้างตัวเลขว่าอยู่ที่ราว 1,500 ล้านดอลลาร์
Amcare เป็นเครือโรงพยาบาลระดับกลาง-สูง ที่เน้นด้านสูตินรีเวช และกุมารเวช จับกลุ่มลูกค้าแม่และเด็ก โดย ByteDance จะเพียงเข้ามาถือหุ้น แล้วให้ทีมบริหารโรงพยาบาลชุดเดิมดำเนินงานต่อไป
ธุรกิจสุขภาพเป็นหมวดที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ให้ความสนใจมากขึ้น Alibaba และ JD.com ก็มีส่วนธุรกิจด้านสุขภาพ และร้านขายยา ขณะที่ Tencent ก็เคยเข้าสู่ธุรกิจคลินิก ส่วนหน่วยธุรกิจด้านสุขภาพ Xiaohe Health ของ ByteDance ก็เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2020 และเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง ตั้งแต่ร้านยาไปจนถึงบริษัทวิจัยด้าน DNA
ที่มา: TechCrunch |
# Spotify ปรับหน้า Home แบบใหม่ แยกฟีด Music กับ Podcast
Spotify ประกาศปรับหน้า Home ใหม่ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน และแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้งานพบมาระยะหนึ่ง นั่นคือเพลงกับพอดคาสต์แสดงผลรวมกันในหน้าแรก จนดูสับสนว่าอะไรเป็นอะไร
โดยในหน้า Home แบบใหม่ เพิ่มปุ่มด้านบนสำหรับดูฟีดเฉพาะเพลง หรือฟีดเฉพาะพอดคาสต์เพิ่มมา เมื่อเข้าไปในหน้าฟีดนั้น จะพบเพลง-พอดคาสต์แนะนำตามประวัติการฟัง หรือเพลง-พอดคาสต์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจากบัญชีที่ติดตาม ซึ่งรูปแบบดังกล่าวน่าจะสะดวกขึ้นกับพอดคาสต์
หน้า Home แบบใหม่นี้ Spotify เริ่มอัพเดตแล้วสำหรับผู้ใช้ Android ส่วน iOS จะได้อัพเดตเร็ว ๆ นี้
ที่มา: Spotify |
# Google Cloud ประกาศตั้งศูนย์ข้อมูลในไทย ตอบสนองความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น
Google Cloud ประกาศแผนขยายพื้นที่ให้บริการ (region) อีก 3 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย และไทย เพื่อตอบสนองต่อปริมาณการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่ระบุว่าจะเริ่มให้บริการจริงๆ เมื่อไร
ปัจจุบัน Google Cloud มีศูนย์ข้อมูลให้บริการ 34 เขตทั่วโลก (รายชื่อ)
ที่มา - Google |
# NVIDIA เจอปัญหาสต๊อกจีพียูเหลือเยอะเกิน ประกาศลดราคาการ์ดจอแล้ว
เก็บตกประเด็นจาก การแถลงผลประกอบการเบื้องต้นของ NVIDIA ที่รายได้ฝั่งเกมตกหนัก 33% ซีอีโอ Jensen Huang ยอมรับว่ามีสต๊อกสินค้าจีพียูเหลือมากเกินไป และเมื่อเจอปัญหาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้สต๊อกยิ่งเหลือเยอะเข้าไปอีก สิ่งที่บริษัททำคือคุยกับพาร์ทเนอร์ในการ "ปรับราคาขาย" ลงมาเพื่อเคลียร์สต๊อกคงค้าง
Colette Kress ซีเอฟโอของ NVIDIA ให้ข้อมูลว่าบริษัทต้องทำสัญญาผลิตล่วงหน้ากับโรงงาน เพื่อจองโควต้าการผลิตในระยะยาว ตั้งแต่ช่วงที่ชิ้นส่วนขาดแคลนมากๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปเร็วมาก ชิ้นส่วนไม่ขาดแคลนเท่าเดิม และความต้องการสินค้าลดลงแทน
เว็บไซต์ Tom's Hardware ชี้ว่าผู้ผลิตการ์ดจอเริ่มลดราคาการ์ดกันบ้างแล้ว เช่น EVGA ลดราคา GeForce 3090 Ti เหลือ 1,149 ดอลลาร์ ต่ำกว่าราคาเปิดตัว 45% หรือ GeForce 3080 Ti ลดลงมาเหลือราว 830-840 ดอลลาร์ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการรีบเคลียร์สต๊อกเตรียมรับการเปิดตัว GeForce ซีรีส์ 40 โค้ดเนม Lovelace ที่น่าจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ด้วย
ที่มา - Tom's Hardware, PCWorld, Notebookcheck |
# Roblox ไตรมาส 2/2022 ผู้เล่นยังเติบโต แต่รายได้ Booking ลดลง
Roblox รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 รายได้รวม 591.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน มีรายรับส่วน Booking ที่เกิดจากการซื้อไอเท็มในเกม แล้วทยอยรับรู้เป็นรายได้ในอนาคต 639.9 ล้านดอลลาร์ ลดลง 4% และขาดทุนสุทธิ 176.4 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้เล่นเป็นประจำทุกวันเฉลี่ย (DAUs) เพิ่มขึ้น 21% เป็น 52.5 ล้านบัญชี จำนวนชั่วโมงรวมเพิ่มขึ้น 16% เป็น 11.3 พันล้านชั่วโมง และคิดเป็นรายได้ส่วน Booking เฉลี่ยต่อผู้เล่น 12.25 ดอลลาร์ ลดลง 21%
Michael Guthrie ซีเอฟโอ Roblox กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทอยู่ในช่วงที่โฟกัสการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งจะสร้างการเติบโตและต่อยอดต่าง ๆ บริษัทยังเห็นโอกาสอีกมากในอนาคตของประสบการณ์โลกเสมือนในทุกมิติ
ที่มา: Roblox |
# เว็บเฟรมเวิร์ค Astro ออกเวอร์ชั่น 1.0 รองรับเว็บแบบ server-side, Markdown
เว็บเฟรมเวิร์ค Astro ประกาศออกเวอร์ชั่น 1.0 หลังเปิดตัวมา 16 เดือน และพัฒนาจากเดิมที่มองว่าเป็น static site generator สำหรับสร้างเว็บที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เป็นหลัก มาเป็นเฟรมเวิร์คเต็มรูปแบบ แข่งขับกับเฟรมเวิร์คยอดนิยม เช่น NextJS
ในเวอร์ชั่น 1.0 ความเปลี่ยนแปลงสำคัญ ได้แก่
รองรับการเรนเดอร์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (server side rendering - SSR) เต็มรูปแบบ พร้อมใช้งานบนโปรดักชั่นแล้ว
รองรับไฟล์ MDX สำหรับผสม component ต่างๆ ในเอกสาร Markdown
ใช้ Vite 3.0 เป็นตัว build
รองรับ component <Image /> และ <Picture /> แม้จะยังเป็นระดับทดลองอยู่
Astro นับเป็นเฟรมเวิร์คที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง มีผู้กดดาวบน GitHub กว่า 13,000 คน โดยโครงการชูว่าเว็บที่ได้มีขนาดเล็กเทียบกับ NextJS แนวทางนี้เฟรมเวิร์คใหม่ๆ เช่น Fresh ของ Deno ก็ชูประเด็นเดียวกัน
ที่มา - Astro |
# นักวิจัยพัฒนาเทคนิคการใช้เลเซอร์ช่วยทำกาแฟสกัดเย็นได้เสร็จในไม่กี่นาที
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟแล้ว กาแฟสกัดเย็นคือทางเลือกหนึ่งที่ให้ความแตกต่างจากกาแฟดริปแบบร้อน ทั้งกลิ่น, ระดับคาเฟอีน รวมถึงรสชาติ ทว่าปัญหาหนึ่งของการให้ได้มาซึ่งกาแฟสกัดเย็นสักแก้วนั้นคือกระบวนการทำที่ต้องอาศัยเวลานานซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาข้ามวันเลยกว่าจะได้กาแฟที่พร้อมดื่ม
แต่งานวิจัยใหม่จาก Universitat Duisberg Essen มหาวิทยาลัยในประเทศเยอรมนีอาจเปิดความเป็นไปได้ใหม่ให้กับวงการกาแฟ ด้วยการประยุกต์ใช้เลเซอร์มาทำการสกัดเย็น ช่วยย่นระยะเวลาที่ต้องใช้ในกระบวนการสกัดเย็นจากนานนับสิบชั่วโมงลงมาเหลือเพียงแค่ไม่กี่นาที
โดยปกติแล้วการทำกาแฟด้วยวิธีสกัดเย็นนั้นจำแนกวิธีการออกได้เป็น 2 วิธี คือแบบแช่ และแบบเย็น การทำกาแฟสกัดเย็นแบบแช่นั้น จะต้องทำการบดเมล็ดกาแฟแล้วแช่ในน้ำ จากนั้นจึงนำไปเข้าตู้เย็นแล้วปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลา 8-12 ชั่วโมง (หรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าต้องการความเข้มข้นของรสและกลิ่นมากน้อยเพียงใด) จากนั้นจึงค่อยกรองเอากากกาแฟออก ในขณะที่การทำกาแฟสกัดเย็นแบบดริปนั้น แม้ว่าจะใช้เวลาน้อยกว่าแบบแช่แต่ก็ยังต้องใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงกว่าขั้นตอนการดริปจะแล้วเสร็จ
สำหรับเทคนิคการสกัดเย็นกาแฟด้วยเลเซอร์ของทีมวิจัยนั้น คล้ายคลึงกับการสกัดเย็นแบบแช่ กล่าวคือทีมวิจัยเริ่มขั้นตอนด้วยการบดเมล็ดกาแฟ จากนั้นจึงนำไปแช่น้ำ แต่สิ่งที่ต่างออกไปจากการสกัดเย็นแบบแช่ด้วยวิธีปกติคือแทนที่จะนำเอากาแฟที่แช่น้ำไว้นั้นไปวางพักทิ้งไว้ในตู้เย็นก็กลับนำมารับการยิงลำแสงเลเซอร์แทนเป็นเวลา 3 นาที จากนั้นจึงค่อยนำเอาส่วนผสมน้ำกาแฟที่ได้ไปกรองเอากากกาแฟออกก็จะได้กาแฟที่พร้อมสำหรับการดื่ม
ภาพเปรียบเทียบกาแฟก่อนและหลังการทำการสกัดเย็นด้วยแสงเลเซอร์
ทีมวิจัยใช้ลำแสงเลเซอร์ที่สร้างด้วยผลึก neodymium-doped yttrium aluminum garnet (Nd:YAG) ความยาวคลื่นแสง 532 นาโนเมตร (ให้พลังงาน 125 พิโกจูล) ยิงเป็นพัลส์ด้วยความถี่ 80,000 Hz ใส่แก้วที่บรรจุน้ำซึ่งแช่เมล็ดกาแฟบดเอาไว้นานต่อเนื่องเป็นเวลา 3 นาที โดยเทคนิคการใช้เลเซอร์แบบนี้ถอดแบบมาจากเทคนิคการเตรียมสารแขวนลอยอนุภาคนาโนที่ใช้การยิงเลเซอร์ไปยังเนื้อโลหะที่มีสถานะของแข็งให้แตกตัวออกมีขนาดเล็กลงเป็นอนุภาคขนาดเล็ก ซึ่งในระหว่างการยิงเลเซอร์ใส่กาแฟนั้น ส่วนผสมเมล็ดกาแฟแช่น้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้นแค่ไม่กี่องศาเซลเซียส
ทีมวิจัยได้ทำการเปรียบเทียบกาแฟที่ได้จากสกัดเย็นด้วยเลเซอร์เปรียบเทียบกับกาแฟร้อน และกาแฟที่ผ่านการสกัดเย็นแบบแช่ด้วยวิธีปกตินาน 24 ชั่วโมง ได้ผลดังนี้
เมื่อวัดค่าความเป็นกรดซึ่งสัมพันธ์กับรสชาติของกาแฟนั้น พบว่ากาแฟสกัดเย็นด้วยเลเซอร์มีค่าความเป็นกรดใกล้เคียงแทบจะเท่ากับกาแฟสกัดเย็นด้วยวิธีปกติ ในขณะที่กาแฟร้อนมีค่าความเป็นกรดสูงที่สุด
ปริมาณสาร trigonelline ซึ่งส่งผลต่อความเข้มข้นของกลิ่นกาแฟนั้น พบมากที่สุดในกาแฟสกัดเย็นแบบปกติ และต่ำที่สุดในกาแฟร้อน ส่วนกาแฟสกัดเย็นด้วยเลเซอร์นั้นมีระดับสาร trigonelline ประมาณกึ่งกลางเมื่อเทียบกับกาแฟอีก 2 ประเภท
ปริมาณคาเฟอีนในกาแฟสกัดเย็นด้วยเลเซอร์นั้นใกล้เคียงกับกาแฟร้อน
องค์ประกอบทางเคมีอื่นที่ส่งผลต่อกลิ่นของกาแฟอย่าง pyridine และ diphenolwere นั้นยังคงพบได้ในกาแฟสกัดเย็นด้วยเลเซอร์เช่นเดียวกับกาแฟสกัดเย็นแบบปกติ ในขณะที่กาแฟร้อนนั้นไม่พบสารเหล่านี้เนื่องจากระเหยไปเมื่อโดนความร้อน
ไม่พบองค์ประกอบแปลกปลอมอื่นใดในกาแฟที่ผ่านการสกัดเย็นด้วยเลเซอร์ (ทุกอย่างที่มีนั้นก็พบในกาแฟที่ได้จากกระบวนการเตรียมกาแฟด้วยวิธีอื่นเช่นกัน)
ทีมวิจัยได้ทำการตรวจสอบคุณภาพของกาแฟที่ได้จากการสกัดเย็นด้วยเลเซอร์ เปรียบเทียบกับกาแฟร้อน และกาแฟสกัดเย็นแบบแต่ด้วยวิธีปกติ
ทีมวิจัยระบุว่าหากใช้เวลาในการยิงเลเซอร์เพื่อสกัดเย็นกาแฟให้นานกว่านี้ ก็จะสามารถทำให้ปริมาณสาร trigonelline และคาเฟอีนของกาแฟที่ได้ มีค่าใกล้เคียงกับกาแฟสกัดเย็นด้วยวิธีปกติยิ่งขึ้น
แม้ว่าการสกัดเย็นกาแฟด้วยเลเซอร์ตามวิธีการของทีมวิจัยนี้ดูจะเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับคอกาแฟรายไหนที่จะลองทำตาม แต่มันอาจช่วยให้อุตสาหกรรมการผลิตกาแฟมีทางเลือกใหม่สำหรับกระบวนการผลิตก็เป็นได้
สามารถอ่านรายละเอียดจากเอกสารรานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่นี่
ที่มา - New Atlas |
# กูเกิลสร้างแคมเปญ #GetTheMessage เรียกร้องแอปเปิลรองรับ RCS
กูเกิลสร้างแคมเปญ #GetTheMessage โดยชี้ไปยังแอปเปิลว่าไม่ยอมรองรับโปรโตคอล RCS ทำให้แชตระหว่าง Android และ iOS ต้องใช้โปรโตคอลรุ่นเก่าอย่าง SMS/MMS ซึ่งมีปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่ความปลอดภัย, ฟีเจอร์แชตต่างๆ, และการส่งแชตผ่าน Wi-Fi ในพื้นที่อับสัญญาณ
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวใน Wall Street Journal ระบุว่า การที่ iOS รองรับเฉพาะ iMessage กดดันให้วัยรุ่นในสหรัฐฯ ต้องซื้อไอโฟนเพราะไม่เช่นนั้นแชตก็จะไม่เหมือนกันคนอื่นๆ
แคมเปญ #GetTheMessage มีลิงก์ให้แชร์ข้อความต่างๆ ผ่านทวิตเตอร์เพื่อเรียกร้องไปยังแอปเปิลโดยตรง แม้ท้ายแคมเปญจะพูดถึงแชตอื่นๆ เช่น Signal หรือ WhatsApp ว่าสามารถใช้งานได้เหมือนกันเช่นกัน
ที่มา - Android.com |
# มาอีกราย AppLovin เสนอควบรวมกิจการกับ Unity มูลค่าดีล 17,540 ล้านดอลลาร์
AppLovin บริษัทแพลตฟอร์มโฆษณาบนมือถือและเกม ประกาศยื่นข้อเสนอขอควบรวมกิจการกับ Unity ผู้พัฒนาเอนจินเกมชื่อดัง โดยเสนอแลกหุ้นเดิมของ Unity เป็นหุ้นของ AppLovin คิดเป็นมูลค่าหุ้นที่เสนอรวม 17,540 ล้านดอลลาร์
หากดีลควบรวมนี้เสร็จสิ้นผู้ถือหุ้น Unity เดิม จะมีหุ้นในบริษัทควบรวมใหม่ที่ 55% ของหุ้นทั้งหมด และมีอำนาจการโหวตรวม 49% เนื่องจากมีหุ้นหลายคลาส
Adam Foroughi ซีอีโอ AppLovin มองว่าการควบรวมกิจการนี้ จะเสริมจุดแข็งทางธุรกิจร่วมกัน และทำให้บริษัทเติบโตได้มากขึ้น เป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้นทั้งสองฝ่าย โดย AppLovin เชี่ยวชาญด้านการตลาดแอปมือถือ และมีโซลูชันต่อยอด ส่วน Unity ก็มีเครื่องมือทรงพลังสำหรับผู้สร้างสรรค์เนื้อหา
อย่างไรก็ตามดีลนี้น่าจะเป็นความพยายามของ AppLovin เพื่อไม่ให้เกิดดีลที่ Unity เตรียมควบรวมกิจการกับ ironSource บริษัทแพลตฟอร์มโฆษณาบนมือถืออีกราย ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน เพราะคำเสนอควบรวมของ AppLovin นั้น ชัดเจนว่าไม่ต้องการส่วนธุรกิจของ ironSource ซึ่งสุดท้ายบอร์ดบริหารและผู้ถือหุ้น Unity จะเป็นผู้เลือกว่าต้องการควบรวมกิจการกับใคร
ที่มา: AppLovin, Tech Startups และ Ad Exchanger |
# โจ ไบเดน ลงนามในกฎหมาย CHIPS Act ส่งเสริมการผลิตชิปบนแผ่นดินอเมริกาแล้ว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ประกาศว่าลงนามในกฎหมาย CHIPS and Science Act สนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว
กฎหมาย CHIPS and Science Act เป็นแพ็กเกจมูลค่ารวม 52.7 พันล้านดอลลาร์ ที่ช่วยลงทุนด้านงานวิจัยและการผลิตชิปบนแผ่นดินอเมริกา ประกอบด้วย 39 พันล้านดอลลาร์เป็นการจูงใจให้บริษัทเอกชนมาตั้งโรงงาน, 2 พันล้านดอลลาร์สำหรับชิปที่ใช้ในรถยนต์และอุตสาหกรรมอาวุธ, 13.2 พันล้านดอลลาร์สำหรับการวิจัยและพัฒนา และ 500 ล้านดอลลาร์สำหรับกิจกรรมด้านซัพพลายเชน (รายละเอียดกฎหมาย)
กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดว่าผู้รับทุนของโครงการ จะต้องไม่ขยายโรงงานชิปในจีนและประเทศอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงห้ามใช้เงินไปกับการซื้อหุ้นคืนหรือนำไปจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นด้วย
ที่มา - Whitehouse |
# WhatsApp เพิ่ม 3 ฟีเจอร์ใหม่ เน้นความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta เจ้าของ WhatsApp ประกาศฟีเจอร์ใหม่ 3 อย่าง ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวกับการปรับปรุงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ฟีเจอร์ใหม่ 3 อย่างคือ สามารถออกจากกลุ่มแบบเงียบ ๆ ไม่มีการแจ้งเตือนคนในกลุ่ม, สามารถกำหนดได้ว่าใครสามารถเห็นสถานะออนไลน์ของตน และป้องกันการแคปหน้าจอ หากข้อความนั้นกำหนดค่าให้อ่านแล้วทำลายข้อความทันที (View Once)
ฟีเจอร์ทั้ง 3 รายการ จะเริ่มทยอยอัพเดตให้กับผู้ใช้งานทุกคนเร็ว ๆ นี้
ที่มา: The Verge |
# Guilty Gear Strive เปิดตัว Bridget คาแรกเตอร์สาว Transgender ในเกมไฟติ้ง
Arc System Works ผู้สร้างเกมไฟติ้งซีรีส์ Guilty Gear เปิดตัวเนื้อหา DLC Season Pass 2 ให้เกม Guilty Gear Strive ภาคล่าสุด โดยตัวละครแรกที่เผยออกมาคือ Bridget ที่เคยปรากฏตัวมาแล้วในเกม Guilty Gear X2 เมื่อปี 2002 (ครบ 20 ปีพอดี)
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ตัวละคร Bridget เดิมทีในภาค X2 ระบุว่าเป็นผู้ชายที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบผู้หญิง และแต่งตัวแบบผู้หญิง (cross dressing ตามเนื้อเรื่องคือเป็นฝาแฝดชาย-ชาย ที่มีความเชื่อว่าจะโชคร้าย จึงเลี้ยง Bridget มาแบบผู้หญิง)
แต่ในภาค Strive นั้น Bridget ตั้งคำถามเกี่ยวกับเพศของตัวเอง และสุดท้ายตัดสินใจเรียกตัวเองชัดเจนว่าเป็นผู้หญิง (บทพูดคือ Because…I’m a girl!) ถือว่าเป็นคาแรกเตอร์สาว transgender ในเกมไฟติ้งก็ว่าได้
แน่นอนว่าการประกาศเพศของ Bridget ชัดเจนแบบนี้ ย่อมมีทั้งเสียงชื่นชมและเสียงวิจารณ์อย่างที่เราคาดเดากันได้
ที่มา - Kotaku |
# เกิดเหตุระเบิดที่ดาต้าเซ็นเตอร์ของกูเกิลในรัฐ Iowa, บริการต่างๆ ของกูเกิลล่มไปชั่วขณะ
เช้าวันนี้ (9 สิงหาคม 2022) เวลาราว 8:15 น. หลายคนน่าจะพบว่าบริการต่างๆ ของกูเกิลไม่สามารถใช้งานได้ เช่น Search, Maps และ YouTube ก่อนจะกลับมาใช้ได้ราว 8:50 น.
ล่าสุดมีรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดที่ดาต้าเซ็นเตอร์ของกูเกิลที่เมือง Council Bluffs รัฐ Iowa โดยสถานีโทรทัศน์ KETV Omaha ระบุว่าการระเบิดเกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า และมีพนักงานประจำดาต้าเซ็นเตอร์ได้รับบาดเจ็บ 3 คน ด้านบัญชีทวิตเตอร์ @CBScanner ที่คอยมอนิเตอร์วิทยุของตำรวจและหน่วยดับเพลิงก็รายงานว่าผู้ได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวก ฝั่งกูเกิลออกแถลงการณ์ว่าผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษาแล้วและกำลังสืบหาสาเหตุอยู่
ดาต้าเซ็นเตอร์ของกูเกิลที่เมือง Council Bluffs | โดย Chad Davis
ทั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าเหตุการณ์ทั้งสองเชื่อมโยงกันหรือไม่ เพราะเหตุระเบิดนั้นเกิดขึ้นก่อนบริการกูเกิลจะล่มอยู่หลายชั่วโมง แต่เว็บไซต์ The Register ตั้งข้อสังเกตว่ากูเกิลอาจพยายามโยกทราฟฟิกออกจากดาต้าเซ็นเตอร์ที่ระเบิด แต่มีเหตุบางอย่างทำให้บริการหลายตัวล่มไปเป็นระยะเวลาสั้นๆ
ที่มา - The Register
ภาพจากเว็บไซต์ Downdetector |
# 7-11 ในเดนมาร์กถูกแฮก ต้องปิดร้านทั้งประเทศ
7-11 ในเดนมาร์กถูกโจมตีไซเบอร์จนกระทั่งต้องสั่งปิดทุกสาขาในประเทศ โดยยังไม่รู้กำหนดว่าจะกลับมาเปิดได้เมื่อใด บน Reddit มีข้อความของผู้ใช้ที่อ้างว่าเป็นพนักงาน 7-11 ในสาขา ระบุว่าเครื่องแคชเชียร์ใช้งานไม่ได้จึงต้องปิดร้าน
ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าการโจมตีเป็นรูปแบบใด แม้ที่ผ่านมาการโจมตีรุนแรงเป็นวงกว้างแบบนี้มักจะเป็นมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่ล็อกทั้งเซิร์ฟเวอร์และเครื่องคิดเงินจนใช้งานไม่ได้
ที่มา - Bleeping Computer
ภาพหน้าร้าน 7-11 ในสิงคโปร์ โดย Calvin Teo |
# Square Enix ไตรมาส 2/2022 รายได้ลด 14.8% เพราะยอดขายเกมตก, FFXIV โตสวนกระแส
Square Enix รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2022 รายได้รวม 74.8 พันล้านเยน ลดลง 14.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการดำเนินงาน 14.4 พันล้านเยน ลดลง 2.9%
ถ้าดูรายละเอียดแยกตามธุรกิจ ธุรกิจเกม (Digital Entertainment) ที่เป็นธุรกิจหลัก มีรายได้ 53.5 พันล้านเยน ลดลง 16.3% โดยเป็นผลมาจากยอดขายเกมแบบ HD (คอนโซล-พีซี) ที่ตกหนักเกินครึ่ง (แม้มีเกมใหม่ออกขายหลายเกม) ส่วนเกมมือถือที่กลายเป็นรายได้หลักแทนเกม HD ไปแล้วก็มีรายได้ลดลง สิ่งที่เชิดหน้าชูตามีเพียง FFXIV ที่มีผู้เล่นเยอะขึ้นสวนกระแสธุรกิจอื่นๆ ของบริษัท (แถมยังไม่มีแผนจะออกภาคเสริมใหม่ในช่วงนี้ด้วย)
ธุรกิจอื่นของ Square Enix ที่เติบโตคือ ธุรกิจเกมตู้-เกมอาเขตใต้แบรนด์ Taito โต 2.5% และธุรกิจของเล่น-ของที่ระลึก (merchandizing) โต 0.9%
ที่มา - Square Enix via Eurogamer |
# Twilio รายงานถูกแฮ็ก สาเหตุมาจากพนักงานถูกโจมตี Phishing แบบตั้งใจเจาะ
Twilio บริษัทที่ให้บริการ API ส่งข้อความ SMS, โทรศัพท์อัตโนมัติ และแชท ประกาศข่าวว่าระบบถูกเจาะเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา และมีบัญชีของลูกค้าบางส่วนถูกเข้าถึงได้
Twilio อธิบายว่าถูกโจมตีด้วยการ phishing พนักงานของบริษัทอย่างจงใจ ทำให้ข้อมูลการล็อกอินเข้าระบบของพนักงานรั่วไหล และถูกแฮ็กเกอร์ใช้เป็นช่องทางเข้าระบบได้ รูปแบบการโจมตีที่พบคือการส่ง SMS ไปยังหมายเลขของพนักงานเพื่อหลอกให้คลิกลิงก์ (ปลอม) ตามภาพ
Twilio บอกว่าได้แจ้งไปยังลูกค้าที่ได้รับผลกระทบแล้ว และจะพยายามเข้มงวดกับพนักงานไม่ให้โดนหลอก phishing ได้ง่าย ซึ่งตอนนี้พบเจอการโจมตีแบบเดียวกันกับพนักงานของบริษัทใหญ่ๆ ในสหรัฐด้วย
ที่มา - Twilio |
# Unity เซ็นสัญญา Microsoft Azure ขยายเครื่องมือพัฒนาในเครือไปรันบนคลาวด์
Unity ประกาศเซ็นสัญญากับ Microsoft Azure เป็นพาร์ทเนอร์ด้านคลาวด์ เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานของตัวเอง และนำซอฟต์แวร์ต่างๆ ในเครือที่มีเป็นจำนวนมาก (จากการซื้อกิจการรัวๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา) มารันบนคลาวด์ให้มากขึ้น
Unity บอกว่าที่ผ่านมาเครื่องมือฝั่งเอนจิน 3D ออกแบบมาเพื่อรันในเครื่อง local เป็นหลัก ซึ่งมีข้อจำกัดด้านทรัพยากรมากกว่าการรันบนคลาวด์ ในภาพรวมบริษัทจึงต้องการขยายบริการไปอยู่บนคลาวด์มากขึ้น
ตัวอย่างบริการในเครือที่จะใช้ประโยชน์จาก Azure ได้แก่
DevOps อย่าง Plastic SCM และ Cloud Build จะขยายข้อจำกัดเรื่องขนาด repository และ concurrent ให้เยอะกว่าเดิม
Parsec ซอฟต์แวร์รีโมทเดสก์ท็อป ตอนนี้มีใช้บน Azure Game Development VM อยู่แล้ว แต่จะอัพเกรดให้ทำงานจากระยะไกลได้ดีขึ้น
Digital Twins สำหรับงาน IoT จะใช้คลาวด์เก็บข้อมูลเยอะที่ไม่สามารถเก็บแบบ local ได้
Weta Digital ซอฟต์แวร์สายเอฟเฟคต์วิดีโอ จะไปรันบน Azure เพื่อใช้ประโยชน์จากพลัง machine learning บนคลาวด์
ที่มา - Unity, Microsoft |
# อินเทลเปิดตัวจีพียู Intel Arc Pro สำหรับมืออาชีพ ชูจุดเด่นเรื่องเข้ารหัส AV1
อินเทลเปิดตัวจีพียู Intel Arc รุ่นแรก A-Series สำหรับคอนซูเมอร์มาตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่ประสบปัญหาสินค้าวางจำหน่ายล่าช้า จนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถขายได้ในวงกว้าง
แต่ดูท่าอินเทลไม่สนใจเรื่องการวางขายแต่อย่างใด และเดินหน้าเปิดตัว Intel Arc Pro A-Series สำหรับกลุ่มคนทำงานสายกราฟิกและเวิร์คสเตชันต่อทันที
Intel Arc Pro A-Series ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับ Intel Arc A-Series ฝั่งคอนซูเมอร์ จุดขายหลักคือรองรับ ray tracing และการเข้ารหัส AV1 ที่ระดับฮาร์ดแวร์ ซึ่งจีพียูคู่แข่งทั้ง NVIDIA Quadro และ AMD FirePro ยังไม่มี (สเปกละเอียด)
สินค้ากลุ่ม Intel Arc Pro ชุดแรกที่เปิดตัวมี 3 รุ่น เน้นตลาดกลาง-ล่าง ได้แก่
Intel Arc Pro A30M สำหรับโน้ตบุ๊ก สมรรถนะ 3.5TFLOPS, แรม 4GB
Intel Arc Pro A40 สำหรับเดสก์ท็อปขนาดเล็ก (สล็อตเดี่ยว) สมรรถนะ 3.5TFLOPS, แรม 6GB
Intel Arc Pro A50 สำหรับเดสก์ท็อปขนาดเล็ก (สล็อตคู่) สมรรถนะ 4.8TFLOPS, แรม 6GB
จีพียูชุดนี้ยังไม่มีขายแยก และใช้วิธีขายผ่านผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM โดยบอกคร่าวๆ แค่ว่าจะเริ่มวางขายภายในปีนี้
อินเทลบอกว่าเนื่องจาก Intel Arc Pro ชุดนี้เป็นจีพียูชุดแรกของบริษัท ตอนนี้จึงกำลังประสานกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ยอดนิยมในสายมืออาชีพ ให้รับรองการใช้งาน Intel Arc Pro อย่างเป็นทางการ ตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่อินเทลโชว์โลโก้บนหน้าเว็บแล้วคือ Handbrake, Adobe Premier Pro, DaVinci Resolve Studio เป็นต้น
ที่มา - Intel, The Register |
# Oppo และ OnePlus ถูกศาลเยอรมนีสั่งห้ามขายมือถือ หลังแพ้คดีสิทธิบัตร 5G กับ Nokia
สมาร์ทโฟนของ Oppo และ OnePlus ถูกศาลเยอรมนีสั่งแบนห้ามขาย หลังมีคดีความเรื่องสิทธิบัตร 5G กับ Nokia
ศาลชั้นต้นของเยอรมนีตัดสินว่า Oppo และ OnePlus ละเมิดสิทธิบัตร 5G ของ Nokia จริง และเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่สามารถเจรจาค่าเสียหายกันได้ (Nokia เรียกค่าเสียหาย 2.5 ยูโรต่อเครื่อง) ทำให้ Oppo และ OnePlus ต้องถูกสั่งแบนห้ามขายมือถือไปก่อน
ตอนนี้ Oppo อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ และหน้าเว็บของ Oppo เยอรมนี ถอดข้อมูลโทรศัพท์ออกทั้งหมดแล้ว ในเมนูหลักเหลือแค่เพียงหน้า About, ColorOS, Support เท่านั้น
ที่มา - WinFuture.de via 9to5google |
# เกม Marvel’s Midnight Suns ประกาศเลื่อนครั้งที่สอง คาดวางขายต้นปี 2023
Marvel’s Midnight Suns เกมแนวเทิร์นเบสที่ใช้ตัวละครจาก Marvel ประกาศเลื่อนวางขายเป็นครั้งที่สอง จากรอบแรก ที่จะขายเดือนมีนาคม 2022 เป็นเดือนตุลาคม 2022 ส่วนการเลื่อนรอบที่สองยังไม่ประกาศวันใหม่ชัดเจน บอกแค่ว่าภายในปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2023
Marvel’s Midnight Suns พัฒนาโดยสตูดิโอ Firaxis ผู้สร้างเกมซีรีส์ XCOM และ Civilization เนื้อเรื่องเป็นการใช้ฮีโร่จากจักรวาล Marvel มานำเสนอในสไตล์เวทย์มนตร์ที่ดูมืดหม่นกว่าที่เราคุ้นเคยกัน
เหตุผลที่ต้องเลื่อนเป็นเรื่องคุณภาพของเกมเหมือนกับเกมอื่นๆ ที่ประกาศเลื่อน ทั้งนี้ Firaxis บอกว่าจะนำเวอร์ชัน PC, PS5, Xbox Series X|S มาขายก่อน ส่วนคอนโซลเจนเก่าคือ PS4, Xbox One, Switch จะตามมาหลังจากนั้น (a later date)
ที่มา - IGN |
# Qualcomm และ GlobalFoundries ลงนามเป็นพาร์ตเนอร์การผลิตชิปถึงปี 2028
GlobalFoundries และ Qualcomm ประกาศลงนามข้อตกลงขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างสองบริษัท โดย Qualcomm จะสั่งซื้อเวเฟอร์วัตถุดิบและสนับสนุนการขยายโรงงานในอเมริกาของ GlobalFoundries ไปจนถึงปี 2028 ซึ่งข้อตกลงนี้บริษัทบอกว่าเกิดขึ้นหลังจากรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ผ่านกฎหมาย CHIPS Act ที่สนับสนุนการตั้งโรงงานผลิตชิปในประเทศ
Qualcomm บอกว่าจะใช้แพลตฟอร์มชื่อ FinFET ของ GlobalFoundries มาใช้ในการผลิตชิปรับสัญญาณ 5G ซึ่งนำไปใช้งานได้ทั้งในรถยนต์ อุปกรณ์ Wi-Fi ตลอดจน IoT
โรงงานใหม่ของ GlobalFoundries ที่ขยายกำลังการผลิตอยู่ในอเมริกา คือโรงงานที่ตั้งอยู่ในเมือง Malta รัฐนิวยอร์ก
ที่มา: TechSpot และ GlobalFoundries |
# NVIDIA รายงานตัวเลขรายได้ไตรมาส 2/2022 เบื้องต้น ธุรกิจเกมกระทบหนัก ยอดขายลด 33%
NVIDIA ออกรายงานตัวเลขเบื้องต้นผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2022 คาดว่ามีรายได้ 6.70 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขที่บริษัทเคยประเมินก่อนหน้านี้ที่ 8.10 พันล้านดอลลาร์ บวกลบไม่เกิน 2% จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่บริษัทตัดสินใจรายงานตัวเลขนี้ออกมาก่อน
บริษัทบอกว่ากลุ่มธุรกิจเกมคาดมีรายได้ลดลง 33% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และลดลง 44% ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ทำให้กระทบต่อรายได้ภาพรวม โดยคาดว่าเป็นผลจากปัญหาเศรษฐกิจโลก
ซีอีโอ Jensen Huang กล่าวในรายงานว่าในส่วนของตลาดเกมบริษัทกำลังทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะที่ในระยะยาวบริษัทยังมีพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่แข็งแกร่ง และรองรับการประมวลผลทุกรูปแบบในยุคของ AI
ทั้งนี้ NVIDIA จะรายงานผลประกอบการในเช้าวันที่ 25 สิงหาคมนี้
ที่มา: NVIDIA ผ่าน CNBC |
# SoftBank ไตรมาสล่าสุด ขาดทุนสูงสุดของบริษัท จากกองทุน Vision Funds และเงินเยนอ่อนค่า
SoftBank รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนมิถุนายน ขาดทุน 3.16 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการขาดทุนมากที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัท จากสองปัจจัยคือภาพรวมตลาดหุ้น ทำให้บริษัทที่ SoftBank มีราคาหุ้นปรับลดลง ตลอดจนปัญหาเงินเยนอ่อนค่า ทั้งนี้ส่วนของกองทุน SoftBank Vision Funds ขาดทุนรวม 2.92 ล้านล้านเยน
พอร์ตการลงทุนของ Vision Funds ในไตรมาสที่ผ่านมามี Coupang อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของเกาหลีใต้ และ Doordash แอปเดลิเวอรี ที่ให้ผลตอบแทนสูงหลายพันล้านดอลลาร์ โดยทั้งสองบริษัทอยู่ในตลาดหุ้น ส่วนสตาร์ทอัพหลายแห่งที่ลงทุนและยังไม่เข้าตลาดหุ้นนั้น SoftBank บอกว่าหลายแห่งมีมูลค่ากิจการลดลงจากตอนที่บริษัทไปลงทุน ทั้งนี้ซีอีโอ Masayoshi Son ก็บอกว่าภาวะตลาดรวมมีความสับสนมาก บริษัทจึงจะเลือกลงทุนให้มากขึ้น
SoftBank ยังอัพเดตการลงทุนว่าได้ขายหุ้น Uber ไปทั้งหมดช่วงเดือนเมษายนถึงกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทเริ่มลงทุนใน Uber ตั้งแต่ปี 2018 และเริ่มขายหุ้นไปบางส่วนเมื่อปีที่แล้ว โดยได้กำไรส่วนนี้ไประดับพันล้านดอลลาร์
ที่มา: SoftBank และ CNBC [1], [2] |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.