txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# นักวิจัย Cambridge สร้างใบไม้เทียมลอยน้ำเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นเชื้อเพลิง
นักวิจัยจาก University of Cambridge สร้างใบไม้เทียมลอยน้ำ สามารถเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นเชื้อเพลิงได้โดยอาศัยพลังงานจากแสงอาทิตย์
ใบไม้เทียมนี้สร้างขึ้นจากแผ่นพลาสติกเคลือบด้วยฟิล์มหลายชั้น โดยฟิล์มแต่ละชั้นซึ่งหนาในระดับไมโครเมตรนั้นประกอบไปด้วยชั้นของ perovskite อันเป็นวัสดุที่สามารถดูดซับแสงได้ชนิดหนึ่งซึ่งมีใช้งานในแผงโซลาร์เซลล์ด้วย, ชั้นแผ่นฟิล์มโพลิเมอร์ที่มีส่วนประกอบออกไซด์โลหะซึ่งนำไฟฟ้า และชั้นของสารเร่งปฏิกิริยาซึ่งอาจเป็นโคบอลต์หรือแพลตินัม โดยแผ่นฟิล์มบางระดับไมโครเมตรเหล่านี้จะมีเคลือบสารป้องกันความชื้นซึ่งประกอบไปด้วยส่วนผสมของกาว epoxy และผงกราไฟต์
การทดสอบใบไม้เทียมลอยน้ำในแม่น้ำ Cam (ภาพจาก University of Cambridge)
ในกรณีที่เลือกใช้โคบอลต์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ใบไม้เทียมนี้จะสามารถรับเอาพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในปฏิกิริยาเคมีโดยดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาเปลี่ยนเป็นซินแก๊ส ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสถานะก๊าซชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบเป็นก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ส่วนในกรณีที่ใช้สารเร่งปฏิกิริยาเป็นแพลตินัม ใบไม้เทียมนี้จะทำปฏิกิริยาแยกน้ำเป็นก๊าซออกซิเจนและก๊าซไฮโดรเจน โดยก๊าซเชื้อเพลิงที่ได้จากปฏิกิริยาเคมีไม่ว่าจะเป็นก๊าซไฮโดรเจนหรือซินแก๊ส ต่างจะถูกกักเก็บไว้ใต้แผ่นฟิล์มของใบไม้เทียม
จากการทดสอบนำใบไม้เทียมไปลอยในน้ำรับแสงแดด มันสามารถผลิตก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของซินแก๊ส) ด้วยประสิทธิภาพราว 0.6% และ 0.05% ต่อกรัม ตามลำดับ ซึ่งแม้จะดูน้อยแต่ก็ยังมีนัยยะเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพการสร้างก๊าซด้วยกระบวนการสังเคราะห์แสงตามธรรมชาติซึ่งมีค่าอยู่ในช่วง 0.5-1%
ใบไม้เทียมนี้สามารถนำไปใช้งานได้ทั้งบนผิวน้ำของแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างแม่น้ำ, ทางระบายน้ำเสีย, ริมชายฝั่ง หรือแม้แต่บนผิวน้ำกลางทะเล นอกจากนี้มันยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยลดมลภาวะในน้ำเสียได้ด้วย
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานใบไม้เทียมในสิ่งแวดล้อมจริงสภาพต่างๆ
งานวิจัยนี้เป็นการต่อยอดมาจากงานวิจัยเดิมของทีมเดียวกันที่สร้างใบไม้เทียมที่สามารถดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านกระบวนการจนได้เป็นซินแก๊สซึ่งมีการเผยแพร่ผลงานไปเมื่อปี 2019 ทว่าในตอนนั้นชิ้นงานที่ทำขึ้นมีส่วนประกอบของขวดแก้วเนื้อหนาและการเคลือบสารกันความชื้นซึ่งเป็นข้อจำกัดใหญ่ในการพัฒนาเพื่อผลิตในปริมาณมากรวมทั้งเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานในสิ่งแวดล้อมภายนอก
และหากย้อนไปไกลกว่านั้นในปี 2016 ก็มีงานวิจัยสร้างใบไม้เทียมโดยทีมวิจัยของ Harvard ออกมาเช่นกัน ซึ่งในตอนนั้นอุปกรณ์ทุกอย่างยังมีลักษณะเป็นชุดทดลองในห้องปฏิบัติการเพื่อพิสูจน์หลักการมากกว่าจะเป็นการพัฒนาชิ้นงานเพื่อใช้งานจริง
สามารถอ่านรายละเอียดงานวิจัยใบไม้เทียมลอยน้ำเพิ่มเติมได้ที่นี่
ที่มา - IEE Spectrum, University of Cambridge - 1, 2 |
# DuckDuckGo เปิดบริการสร้างที่อยู่อีเมลใช้แยกรายบริการ พร้อมช่วยตัดตัวติดตามในลิงก์
DuckDuckGo เปิดบริการ Email Protection ให้กับผู้ใช้ทุกคน ทำให้สามารถสร้างที่อยู่อีเมลเพื่อใช้งานกับบริการอะไรก็ได้ โดยที่อยู่อีเมลจะเป็นโดเมน @duck.com
บริการนี้มีสองส่วน คือ บริการที่อยู่อีเมลแบบตั้งเอง ใช้เป็นชื่อบัญชีของเรา อีเมลนี้อาจจะไม่ได้ป้องกันความเป็นส่วนตัวโดยตรง แต่อีเมลทุกฉบับที่ผ่านเซิร์ฟเวอร์ของ DuckDuckGo จะถูกเปลี่ยนลิงก์เพื่อตัดตัวติดตามต่างๆ ที่อาจจะพยายามยืนยันว่าเราเปิดอ่านและคลิกลิงก์จากอีเมล
ส่วนที่สองคือการสร้างที่อยู่อีเมลอัตโนมัติ ใช้สำหรับสมัครบริการต่างๆ โดยไม่สามารถตั้งชื่อเองได้ เราสามารถมีที่อยู่อีเมลได้ไม่จำกัด เพื่อกรอกตามเว็บต่างๆ และสามารถปิดทิ้งได้หากเริ่มได้รับสแปมผ่านที่อยู่อีเมลใด โดยอีเมลที่ส่งผ่านช่องทางนี้ก็จะถูกตัดลิงก์ลบการติดตามผู้ใช้เช่นเดียวกัน
ผู้ใช้สามารถสมัครใช้งานได้ผ่านแอป DuckDuckGo บน iOS, Android, และ Mac ส่วนแพลตฟอร์มอื่นๆ ต้องติดตั้งส่วนขยาย DuckDuckGo Privacy Essentials ลงในเบราว์เซอร์ก่อน
ที่มา - Spread Privacy |
# Moderna ฟ้อง Pfizer/BioNTech ละเมิดสิทธิบัตร mRNA ในวัคซีน COVID-19
Moderna ประกาศฟ้อง Pfizer และ BioNTech ฐานใช้สิทธิบัตรของ Moderna โดยระบุเทคโนโลยีสองตัวของ Moderna ที่ถูกใช้งานคือ การแก้ไขสารเคมีใน mRNA เพื่อผลิตวัคซีน และการเข้ารหัส (encode) สายโปรตีนของ spike จาก Coronavirus ที่ Moderna พัฒนาไว้ก่อนหน้าสำหรับโรค MERS
ก่อนหน้านี้ Moderna เคยประกาศว่าจะไม่บังคับใช้สิทธิบัตรในช่วงวิกฤติโรคระบาด แต่ก็ปรับแนวทางนี้หลังจากวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าจะไม่บังคับใช้สิทธิบัตรเฉพาะประเทศกลุ่ม 92 ประเทศรายได้ปานกลางถึงรายได้ต่ำเท่านั้น การฟ้องครั้งนี้ Moderna จึงระบุว่าจะเรียกร้องค่าเสียหายเฉพาะที่เกิดหลังวันที่ 8 มีนาคม และเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ นอกจาก 92 ประเทศที่ยกเว้น
ทาง Moderna ยื่นฟ้องคดีนี้ในสหรัฐฯ และเยอรมนี
ที่มา - Moderna
ภาพการเตรียมสารเคมีเพื่อทดสอบ PCR โดย Moderna |
# Phil Spencer บอกที่เกมเมอร์ไม่อิน Metaverse เพราะพวกเขาอยู่กับมันมากว่า 30 ปี
แม้โลก AR, VR หรือแม้แต่ MR จะมีมาตั้งนานแล้ว แต่กระแสนี้ถูกปลุกขึ้นจนเห่อกันไปทั่วโลกด้วย Metaverse จาก Meta เมื่อปีที่แล้ว ทว่า Phil Spencer ซีอีโอ Xbox กลับมองว่า คนในวงการเกมเมอร์ไม่ค่อยอินกับแนวคิด Metaverse นี้เท่าไหร่
Phil ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg พูดถึงเรื่องนี้ว่าเหล่าเกมเมอร์อยู่กับ Metaverse มากว่า 30 ปีแล้ว เวลาคนเหล่านี้เล่นเกม เขาก็มีปฏิสัมพันธ์กันผ่านโลก 3 มิติ ที่แชร์ร่วมกัน ทำอะไรร่วมกัน ก็แค่นั่งอยู่ที่บ้าน แล้วก็พูดคุยกันผ่านเสียง ผ่าน avatar ออนไลน์
ที่มา - Bloomberg Technology |
# Xiaomi เข้าเจรจา Beijing Automotive หวังร่วมมือผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเปิดเผยว่า Xiaomi เข้าเจรจากับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ Beijing Automotive Group (BAIC) เพื่อที่จะร่วมมือกันผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
การที่ Xiaomi ต้องการร่วมมือกับ BAIC มีสาเหตุมาจากที่ Lei Jun ผู้ร่วมก่อตั้ง Xiaomi สัญญาว่าจะผลิตรถยนต์เองในปี 2024 แต่ไม่สามารถทำได้เพราะปัญหาเรื่องความล่าช้าในการขอใบอนุญาตผลิตรถยนต์ ซึ่งมาจากการที่รัฐบาลจีนได้ยกระดับการตรวจสอบบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หลังบริษัทจำนวนมากเข้ามาทำธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเพียงเพราะต้องการลดหย่อนภาษีและการอุดหนุนจากรัฐบาล
Bloomberg รายงานว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกล่าวว่าทั้ง 2 บริษัทกำลังพูดคุยกันถึงทางเลือกต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการที่ Xiaomi จะเข้าซื้อหุ้นในโรงงานผลิตรถยนต์ Beijing Hyundai No.2 ของ BAIC ที่ร่วมมือกับ Hyundai และได้รับอนุญาตให้ผลิตรถยนต์ในจีนแล้ว และอาจร่วมกันผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ BAIC BluePark ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ BAIC ที่มีศักยภาพพร้อมในขณะที่โรงงานยังจำเป็นต้องได้รับการอัปเกรดเพื่อจะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้
ที่มา: Bloomberg |
# แคลิฟอร์เนียผ่านข้อบังคับเตรียมยกเลิกขายรถที่ใช้นำ้มันภายในปี 2035
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คณะกรรมการทรัพยากรทางอากาศของแคลิฟอร์เนีย (CARB) มีมติผ่านข้อบังคับ The Advanced Clean Cars II ข้อบังคับที่ให้บริษัทผลิตรถยนต์ค่อย ๆ ยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่ใช้น้ำมันในรัฐแคลิฟอร์เนียและเปลี่ยนไปจำหน่ายรถยนต์แบบใช้พลังงานไฟฟ้าหรือเชื้อเพลิงไฮโดรเจนแทน เพื่อที่จะยกเลิกการจำหน่ายรถน้ำมันอย่างสิ้นเชิงภายในปี 2035 ส่วนในระหว่างนี้ ข้อบังคับกำหนดให้ยอดขายรถยนต์ที่ไม่ใช้น้ำมันจะต้องสูงถึง 35% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดภายในปี 2026 และสูงถึง 68% ภายในปี 2030
อย่างไรก็ตาม กฎนี้ยกเว้นสำหรับรถยนต์แบบที่ใช้ได้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน (plug-in hybrid) แต่อนุญาตให้ยอดขายรถประเภทนี้ไม่เกิน 20% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดแม้ภายหลังจากปี 2035
ข้อบังคับดังกล่าวเป็นผลมาจากคำสั่งของ Gavin Newsom ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2020 ในการพยายามที่จะแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนและการเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้ยานพาหนะที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งในปี 2021 รถยนต์ที่จำหน่ายในแคลิฟอร์เนีย 12.4% เป็นรถที่ใช้ไฟฟ้าหรือรถยนต์ plug-in hybrid ข้อบังคับนี้อาจสร้างมาตรฐานให้รัฐอื่น ๆ รวมถึงกรุง Washington, D.C. ทำตามด้วย
ทั้งนี้ ข้อบังคับไม่ได้กำหนดห้ามไม่ให้ใช้รถยนต์น้ำมันและไม่ได้ห้ามซื้อ-ขายรถยนต์มือสองที่ใช้น้ำมัน ผู้ที่ใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันก็จะยังสามารถสัญจรบนถนนได้อยู่ตามปกติภายหลังจากปี 2035
ที่มา: TechCrunch |
# Meta เตรียมตั้งแผนกบริการลูกค้า ช่วยแก้ปัญหาโพสต์ปลิว, บัญชีหาย
ในที่สุด Meta ก็เริ่มดำเนินการจัดตั้งแผนกบริการลูกค้าที่จะใช้คนจริงๆ มาช่วยแก้ปัญหาให้ผู้ใช้งาน ซึ่งรวมถึงเรื่องโพสต์ปลิว, บัญชีหาย
แผนการจัดตั้งแผนกบริการลูกค้านี้ส่วนหนึ่งมาจากการผลักดันโดย Oversight Board ซึ่งเป็นคณะกรรมการอิสระตรวจสอบอำนาจการใช้นโยบายของ Facebook ที่พบว่ามีการร้องเรียนอุทธรณ์การแบนหรือลบเนื้อหาออกจากแพลตฟอร์มเป็นจำนวนมาก จึงควรมีการจัดตั้งแผนกเพื่อให้การทำงานที่เกี่ยวข้องมีความโปร่งใสยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนมากนักว่าแผนกใหม่นี้จะพร้อมให้บริการเมื่อไหร่
ในปัจจุบันนี้ผู้ใช้ Facebook หรือ Instagram ที่ประสบปัญหาเรื่องโพสต์หาย, บัญชีปลิว ไม่ว่าจะเกิดจากการโดนแฮคหรือการแบนที่ผิดพลาด จะต้องดำเนินการอุทธรณ์ตามช่องทางที่มีระบบรับเรื่องและการคัดกรองอัตโนมัติซึ่งมีความยุ่งยากในการติดต่อใช้งาน
ที่มา - Engadget |
# Google Maps และ Google Search จะเพิ่มป้ายกำกับสถานที่ว่ามีบริการทำแท้งหรือไม่
Google เปิดเผยว่าจะเพิ่มป้ายกำกับสถานที่ที่ให้บริการด้านสุขภาพว่าแต่ละที่ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับทำแท้งหรือไม่ใน Google Maps และ Google Search โดยจะเพิ่มป้าย มีบริการทำแท้ง (Provides abortions) ในสถานที่ที่ให้บริการทำแท้ง และป้าย อาจไม่มีบริการทำแท้ง (Might not provide abortions) ในที่ที่อาจไม่รับทำแท้ง Google กล่าวว่าจะใช้ข้อมูลจากแหล่งธุรกิจหรือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ในการเพิ่มป้ายกำกับ
ก่อนหน้านี้ตัวแทนของสหภาพแรงงาน Alphabet Workers Union ได้เปิดให้พนักงานลงชื่อต่อ Sundar Pichai ซีอีโอของ Google เพื่อเรียกร้องให้บริษัทนำผลการค้นหาสำหรับ crisis pregnancy centers ซึ่งเป็นศูนย์ให้บริการรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์เพราะทำให้ผู้ที่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำแท้งเกิดความเข้าใจผิด รวมถึงเรียกร้องให้บริษัทหยุดเก็บข้อมูลของผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับการหาข้อมูลเพื่อการทำแท้ง โดย Google ยังไม่ตอบข้อเรียกร้องแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนที่แล้ว Google ก็ได้ระบุว่าจะลบประวัติการไปคลินิกทำแท้งออกจากประวัติสถานที่ของผู้ใช้ และจะตั้งค่าการลบประวัติเป็นค่าเริ่มต้น หากผู้ใช้ต้องการบันทึกไว้ จะต้องไปเปลี่ยนการตั้งค่าเอง
ที่มา: Wall Street Journal |
# ภาพยนตร์ BioShock ของ Netflix ได้ตัวผู้กำกับ-ผู้เขียนบทแล้ว
โปรเจคภาพยนตร์จากเกม BioShock ของ Netflix ที่ประกาศไว้เมื่อต้นปี เริ่มมีความคืบหน้า โดย Netflix ประกาศตัวผู้กำกับคือ Francis Lawrence ที่เคยมีผลงานกำกับเรื่อง I Am Legend, Constantine, Hunger Games: Catching Fire ส่วนผู้เขียนบทคือ Michael Green เคยมีผลงานเขียนบทเรื่อง Blade Runner 2049, Logan, Jungle Cruise
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ รวมถึงกำหนดฉายว่าจะเป็นช่วงไหน แต่การเพิ่งได้ตัวผู้กำกับ-ผู้เขียนบท ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร
ที่มา - Eurogamer |
# Microsoft Azure ทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการดูแลความปลอดภัย SQL Server 2012 หลังหมดซัพพอร์ต
การใช้ซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่ใช้งานกับธุรกิจที่รับผิดชอบธุรกรรมมูลค่ามหาศาล จำเป็นต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดูแลความปลอดภัยที่อาจจะมีคนค้นพบช่องโหว่ใหม่ๆ ได้ทุกเวลา การดูแลซอฟต์แวร์เหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่ผู้ผลิตจะกำหนดระยะเวลาดูแลเอาไว้ล่วงหน้า และดูแลรับผิดชอบแก้ไขช่องโหว่เหล่านั้น และหากมีโอกาส องค์กรก็ควรวางอัพเกรดไปใช้งานเวอร์ชั่นใหม่ๆ เพื่อให้ซอฟต์แวร์ได้รับการซัพพอร์ตและมีการดูแลต่อไป แต่หลายครั้งการอัพเกรดซอฟต์แวร์ไปใช้งานเวอร์ชั่นใหม่ๆ ก็เป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องการการลงทุนและระยะเวลาแก้ไขความเข้ากันได้ต่างๆ
SQL Server นับเป็นระบบฐานข้อมูลยอดนิยมในโลกองค์กร และไมโครซอฟท์ซัพพอร์ตแต่ละเวอร์ชั่นนานถึง 10 ปี แต่ตอนนี้ SQL Server 2012 ก็ครบกำหนดช่วงซัพพอร์ต และไมโครซอฟท์ก็เพิ่งออกแพตช์ชุดสุดท้ายให้กับ SQL Server 2012 ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ซอฟต์แวร์ที่หมดอายุซัพพอร์ตยังคงทำงานต่อไปได้ แต่การใช้งานซอฟต์แวร์ที่ไม่มีการดูแลจะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ ตามช่วงเวลาที่จะมีคนพบช่องโหว่ใหม่ๆ ความเสี่ยงเช่นนี้ระบบไม่เป็นไปตามมาตรฐานควบคุมความมั่นคงปลอดภัยระบบไอทีจำนวนมาก โดยเฉพาะมาตรฐานระบบไอทีด้านการเงิน และยังมีกฎหมายเช่นพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุให้ทั้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องจัดให้มีการรักษาความมันคงปลอดภัยที่เหมาะสม การปล่อยให้ซอฟต์แวร์ที่หมดอายุทำงานต่อไปโดยไม่มาตรการป้องกันจึงกลายเป็นความเสี่ยงขององค์กร
ไมโครซอฟท์เปิดทางเลือกให้กับองค์กรที่ไม่พร้อมสำหรับการอัพเกรด SQL Server 2012 ไปยังเวอร์ชั่นใหม่กว่า ไว้หลากหลายเส้นทาง ได้แก่
ซื้อบริการซัพพอร์ตระยะยาวเพิ่มเติม ด้วยแพ็กเกจ Extended Security Updates (ESU) จะขยายเวลาให้สามารถรับแพตช์ไปได้อีก 3 ปี แต่มีค่าใช้จ่ายรายปีเพิ่มเติมทุกปี
ย้ายไปใช้งาน Azure SQL Virtual Machine บนคลาวด์ จะเปิดทางให้สามารถรับแพตช์ ESU ไปอีก 3 ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เลือกใช้บริการ Azure SQL Managed Instance บนคลาวด์ ซึ่งเป็น Database as a Service ที่ไมโครซอฟท์จะเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยของฐานข้อมูลต่อไป โดยทีสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องไม่ต้องมีการแก้โค๊ดใดๆ
นำบริการ Database as a Service บนคลาวด์มาใช้งาน แบบ on-premise ในดาต้าเซ็นเตอร์ของคุณ โดยใช้ Azure Arc SQL Managed Instance ทำให้ข้อมูลยังคงอยู่ในศูนย์ข้อมูลขององค์กรต่อไป แต่ยังได้รับการดูแลความปลอดภัยต่อเนื่องเหมือนอยู่บนคลาวด์โดยไม่ต้องแก้โค๊ดใดๆ
ทางเลือกที่หลากหลายเช่นนี้เปิดทางให้องค์กรสามารถวางแผนตามเงื่อนไขการใช้งาน เช่น ระบบฐานข้อมูลผูกติดกับระบบที่อยู่ภายในองค์กรอย่างมากก็สามารถเลือกซื้อ ESU หรืออัพเกรดไปใช้ Azure Arc ที่ถือเป็นการอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานไปพร้อมกัน หรือองค์กรอาจจะถือโอกาสนี้ในการย้ายระบบขึ้นคลาวด์
สนใจรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษาถึงแนวทางการรักษาความปลอดภัยให้ SQL Server 2012 หลังหมดซัพพอร์ตตามแนวทางการใช้งานและเงื่อนไขขององค์กร ติดต่อคู่ค้าของไมโครซอฟท์ได้แล้ววันนี้ที่ https://partner-apac.ingrammicro.com/TH-MSCSP |
# เกาหลีใต้เตรียมเปิดให้บริการโดรนแท็กซี่บนเกาะเจจูแก่นักท่องเที่ยวภายในปี 2025
ทางการเกาะเจจูประเทศเกาหลีใต้กำหนดเส้นทางให้บริการโดยสารทางอากาศด้วย UAM และโดรนแท็กซี่ เน้นการเดินทางเชื่อมโยงระหว่างสนามบินและสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะ ตั้งเป้าเริ่มให้บริการจริงในปี 2025
เส้นทางการบินให้บริการนี้จะเชื่อมโยงจากสนามบินนานาชาติเจจู เลาะไปตามแนวชายฝั่งทิศตะวันตกของเกาะไปยังย่าน Moseulpo และอีกเส้นทางหนึ่งจากสนามบินเลาะไปตามแนวชายฝั่งด้านทิศเหนือไปยังยอดเขา Seongsan Ilchulbong ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น
การพัฒนาเส้นทางบริการโดยสารทางอากาศเหล่านี้เป็นการร่วมกันกำหนดและพัฒนาโดยทางการของเกาะเจจู, บริษัท Kencoa Aerospace ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน และ Jeju Free International City Development Center (JDC) ซึ่งเป็นองค์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาเมืองของเกาะเจจูในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
เส้นทางการให้บริการโดยสารด้วย UAM บนเกาะเจจู
โครงการนี้มีการออกแบบให้ใช้ UAM เป็นพาหนะในการขนส่งนักท่องเที่ยวจากสนามบินไปยังจุดท่องเที่ยว ซึ่งจากนั้นนักท่องเที่ยวจะสามารถใช้บริการโดรนแท็กซี่เพื่อเดินทางหรือบินชมทัศนียภาพต่อไปในจุดต่างๆ ได้
สำหรับ UAM (ย่อมาจาก Urban Air Mobility) นั้นเป็นคำเรียกรวมระบบการเดินทางด้วยอากาศยานขนาดเล็กในเขตเมืองและชานเมืองที่เพดานบินระดับต่ำ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์, โดรน หรืออากาศยานแบบมีปีกชนิดอื่น ฯลฯ ทั้งนี้ UAM อาจเป็นได้ทั้งอากาศยานแบบมีคนขับและไม่มีคนขับ ส่วนโดรนแท็กซี่นั้นมีความหมายจำเพาะหมายถึงอากาศยานเพื่อการโดยสารแบบไร้คนขับ
ในที่นี้ทางการเกาะเจจูพิจารณาการใช้ UAM พลังงานไฟฟ้าที่เคลื่อนขึ้นบินและลงจอดได้ในแนวดิ่ง (eVTOL: electric vertical take-off and landing) เนื่องจากการออกแบบก่อสร้างลานสำหรับขึ้นบินและลงจอดของ UAM แบบ eVTOL นี้ทำได้ง่ายกว่าการสร้างรันเวย์สำหรับเครื่องบินทั่วไป อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าจะใช้พาหนะของผู้ผลิตรายใดมาให้บริการ
แนวคิดการให้บริการ UAM นี้เป็นแผนงานที่ประเทศเกาหลีใต้ให้การผลักดันอย่างจริงจัง ก่อนหน้านี้เคยมีการพัฒนาโครงการให้บริการ UAM ในลักษณะโดรนแท็กซี่มาก่อนแล้วใน Seoul โดยออกแบบระบบให้บริการตั้งต้นจากสนามบินนานาชาติ Gimpo สู่ย่าน Yongsan-gu อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่สำนักงานประธานาธิบดีได้ย้ายมาตั้งในเขตดังกล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่ Yongsan-gu ถูกประกาศเป็นเขตห้ามบินและทำให้ต้องพับแผนการไป
การสาธิตการบินของ UAM แบบ eVTOL ของบริษัท Volocopter ที่สนามบินนานาชาติ Gimpo
ในระหว่างนี้กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ก็เตรียมร่างกฎหมายเพื่อกำหนดมาตรฐานและควบคุมการใช้งาน UAM ให้เหมาะสม และนี่จะเป็นประเทศแรกที่ออกกฎหมายเกี่ยวกับ UAM โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีการกำหนดนิยามจำแนก UAM ออกมาจากอากาศยานประเภทอื่นที่มีการควบคุมดูแลอยู่แล้ว และจะกำหนดเพดานการบินของ UAM ที่ระดับความสูง 300-600 เมตรเหนือพื้นดิน
การสาธิตและทดสอบการบินของ UAM แบบไร้คนขับของ EHang ในประเทศเกาหลีใต้
และเพื่อเป็นการสนับสนุนแผนงานการให้บริการโดรนแท็กซี่ภายในปี 2025 กระทรวงคมนาคมของเกาหลีใต้ได้ริเริ่มโครงการ K-UAM ซึ่งเป็นการเชิญชวนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม UAM มาร่วมสาธิตและจัดโปรแกรมทดสอบการปฏิบัติงาน เพื่อเก็บข้อมูลและนำมาใช้ในการกำหนดแนวทางการให้บริการ UAM ในเชิงพาณิชย์ต่อไป โดยการทดสอบจะกินเวลา 7 เดือนครึ่ง เริ่มในเดือนสิงหาคมปี 2023 ถึงเดือนมีนาคม 2024 ในเขตเมือง Goheung จังหวัด South Jeolla
ที่มา - The Korea Herald |
# Samsung เปิดให้ทดลองใช้ Apple TV+ ฟรี 3 เดือนบนสมาร์ททีวี
ผู้ใช้สมาร์ททีวีของ Samsung ตั้งแต่รุ่นปี 2018-2022 สามารถลงทะเบียนทดลองใช้ Apple TV+ ฟรี 3 เดือนได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน ผู้ต้องการใช้สามารถเข้าไปที่แอปพลิเคชัน Apple TV+ บนหน้าจอโฮมและทำตามขั้นตอนที่แสดง
การทดลองใช้สามารถใช้ได้เฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยใช้งาน Apple TV+ และต้องมีอายุมากกว่า 13 ปีขึ้นไปเท่านั้น โดยสิทธิ์ทดลองใช้ 1 สิทธิ์ใช้ได้กับสมาร์ททีวี 1 เครื่องและ Apple ID บัญชีเดียวเท่านั้น หากครบระยะเวลา 3 เดือนแล้ว ผู้ใช้จะต้องเสียค่าบริการในราคาปกติ (99 บาทต่อเดือน)
ที่มา: Samsung Newsroom |
# รองประธานฝ่ายซอฟต์แวร์ของ Twitter ลาออก เข้าทำงานกับ Meta แทน
Sandeep Pandey รองประธานฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของ Twitter ได้ลาออกจากบริษัทแล้วหลังจากที่ทำงานกับ Twitter มาตั้งแต่ปี 2012 เริ่มจากตำแหน่ง staff engineer และไต่เต้าขึ้นมาจนถึงตำแหน่งรองประธาน แหล่งข้อมูลของ Business Insider เปิดเผยว่า เขาจะเข้าทำงานกับ Meta ในตำแหน่งที่เกี่ยวกับ AI และ machine leaning ต่อไป แม้จะอยู่ในช่วงที่ Meta ชะลอการจ้างงานแต่การลงทุนใน AI ก็ยังมีความสำคัญ
หลังจาก Musk ตกลงจะซื้อ Twitter ในเดือนเมษายน การปรับโครงสร้างองค์กรทำให้ Kayvon Beykpour หัวหน้าฝ่ายสินค้าและ Bruce Falck หัวหน้าฝ่ายรายได้สินค้าถูกไล่ออก รวมถึงพนักงานระดับสูงของบริษัทก็ได้ลาออกหลายคนอย่าง Katrina Lane รองประธานฝ่ายการบริการ Ilya Brown รองประธานด้านสุขภาพ และ Max Schmeiser หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ข้อมูลก็ได้ลาออกด้วย
ในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ พนักงานจำนวนมากได้ลาออกจาก Twitter โดยมีสาเหตุมาจากการที่ Elon Musk ยกเลิกดีลซื้อกิจการ Twitter ซึ่งนำมาสู่การฟ้องร้องกันของทั้ง 2 ฝ่าย
ที่มา: Insider via TechCrunch |
# รถไฟญี่ปุ่น ดีเลย์ 23 นาที เนื่องจากคนขับลืมรหัสปลดล็อกแท็บเล็ต
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน โดยรถไฟของ JR East ที่ออกจากสถานี Kōriyama เมือง Fukushima ประเทศญี่ปุ่น เกิดเหตุล่าช้า
ผู้อ่านที่คุ้นเคย คงทราบดีว่ารถไฟญี่ปุ่นมีความตรงเวลาสูง เรื่องล่าช้าจึงเป็นเรื่องใหญ่มาก และสาเหตุนั้นก็ดูกุมหัวยิ่งกว่า
รายงานบอกว่าเจ้าหน้าที่ขับรถไฟ ปกติจะต้องตรวจสอบตารางรถไฟ เพื่อคำนวณเข้าออกแต่ละสถานีเสมอ โดยใช้แท็บเล็ตเนื่องจากข้อมูลมีการปรับปรุงตลอด แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ลืมรหัสปลดล็อก เพื่อเข้าไปดูข้อมูล เขาจึงตัดสินใจจอดรถไฟที่สถานีถัดมาเพื่อแก้ปัญหา ส่งผลให้รถไฟล่าช้า 23 นาที
สิ่งที่ท้าทายของเจ้าหน้าที่ขับรถไฟ คือมีแท็บเล็ตในห้องควบคุมหลายอัน และแต่ละอันมีวัตถุประสงค์ใช้งานต่างกัน เจ้าหน้าที่จึงต้องจำรหัสให้ได้ทั้งหมด ตัวแทนของ JR Fukushima บอกว่า แนวทางแก้ไขคือ อาจหาวิธีฝึกให้เจ้าหน้าที่จำรหัสให้ดีขึ้น หรือไม่อย่างนั้นก็ยกเลิกการล็อกหน้าจอไปเลย สำหรับแท็บเล็ตที่ไม่ได้เกี่ยวกับงานที่สำคัญ
ที่มา: Japan Today ภาพ Wikiemedia |
# กูเกิลออกระบบปฏิบัติการสำหรับรถยนต์ Android Automotive 13
กูเกิลออกระบบปฏิบัติการสำหรับจอแสดงผลในรถยนต์ Android Automotive 13 มาแบบเงียบๆ หลังการออก Android 13 รุ่นสายหลัก เมื่อกลางเดือน
ของใหม่ใน Android Automotive 13 เน้นไปที่ฟีเจอร์ระดับแพลตฟอร์ม เช่น การเปิด camera2 API ให้ใช้งาน, ปรับปรุงสถาปัตยกรรมส่วนติดต่อกับฮาร์ดแวร์รถยนต์ vehicle HAL หรือ VHAL, การเชื่อมต่อกับ Ultra Wide Band (UWB) เช่น แท็กหรือมือถือที่ใช้เป็นกุญแจรถยนต์, Bluetooth stack ตัวใหม่ที่รองรับการใช้งานในรถยนต์ดีขึ้น เป็นต้น
ตอนนี้มีบริษัทรถยนต์รายใหญ่ของโลกประกาศใช้งาน Android Automotive แล้วหลายราย เช่น Volvo/Polestar, GM, Ford, Stellantis, Honda, BMW โดยรถยนต์หลายรุ่นจะทยอยออกมาในช่วงปี 2023-2024
บริษัทรถยนต์เหล่านี้จะนำ Android Automotive ไปดัดแปลงโดยใส่สกินและแอพของตัวเองเพิ่ม รวมถึงปรับแต่งให้เหมาะกับฮาร์ดแวร์ในรถยนต์ของตัวเอง ดังนั้นหน้าตาของ Android Automotive จากแต่ละค่ายอาจไม่เหมือนกันนัก
ภาพตัวอย่างหน้าจอ Android Automotive ของ Volvo
ที่มา - Android via Android Police |
# มาเหนือเมฆ T-Mobile จะกระจายสัญญาณ 5G ผ่านดาวเทียม Starlink V2 ปลายปี 2023
T-Mobile ประกาศความร่วมมือกับ SpaceX ในโครงการ Coverage Above and Beyond ที่ช่วยให้ลูกค้าของ T-Mobile ที่เดินทางไปยังพื้นที่สัญญาณมือถือเข้าไม่ถึง (เช่น เดินป่า ขึ้นเขา ล่องเรือในทะเล) สามารถสื่อสารได้ผ่านดาวเทียม Starlink แทนเสาสัญญาณภาคพื้นตามปกติ
วิธีการคือ T-Mobile จะกระจายสัญญาณคลื่น 5G ย่าน mid-band ของตัวเองซึ่งผู้ใช้ไม่ต้องเปลี่ยนโทรศัพท์ แต่ผ่านดาวเทียม Starlink เพื่อแก้ปัญหาเรื่องความครอบคลุมของสัญญาณในพื้นที่ห่างไกล ผู้ใช้จะสามารถสื่อสารผ่าน SMS, MMS และแอพแชทบางตัว (ยังไม่ระบุชื่อ) ส่วนในอนาคต T-Mobile ก็จะพยายามให้สื่อสารด้วยเสียงผ่านดาวเทียมได้ด้วย
บริการนี้จำเป็นต้องรอให้ SpaceX ยิงดาวเทียมรุ่นใหม่ครบตามแผนก่อน และจะเริ่มเปิดทดสอบในบางพื้นที่ช่วงปลายปี 2023 โน่นเลย
T-Mobile บอกว่าบริการนี้จะรวมอยู่ในแพ็กเกจค่ามือถือตามปกติอยู่แล้ว อาจมีบางกรณีสำหรับแพ็กเกจราคาถูกๆ ที่ต้องจ่ายเพิ่มพิเศษ แต่ก็ในราคาไม่แพง และเรียกร้องให้โอเปอเรเตอร์มือถือรายอื่นๆ ทั่วโลกเข้ามาทำสิ่งนี้ร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการโรมมิ่งข้ามประเทศด้วย
Elon Musk เรียกดาวเทียมรุ่นใหม่ว่า Starlink V2 และให้ข้อมูลว่าจะสามารถส่งสัญญาณความเร็ว 2-4 Mbits ซึ่งเพียงพอต่อการสื่อสารด้วยข้อความและเสียง
ที่มา - T-Mobile |
# IEEE Spectrum สำรวจภาษาโปรแกรมพบ Python ยังนิยมสูงสุด แต่ SQL สำคัญต่อการหางาน
IEEE Spectrum นิตยสารในเครือ IEEE รายงานถึงภาษาโปรแกรมยอดนิยม พบว่า Python ยังคงความนิยมสูงสุด แม้จะตามมาด้วย C และ C++ ด้วยคะแนนตามหลังไม่มากนัก และหากนับรวมเป็น C/C++ ก็จะแซง Python ไปเล็กน้อย
แต่หากให้น้ำหนักกับการหางานแล้ว ภาษา SQL และ Java จะแซง Python ไปพอสมควร โดยตัวภาษา SQL นั้นสำคัญเนื่องจากประกาศรับสมัครงานจำนวนมากมักระบุ SQL ควบคู่กับภาษาอื่นๆ ไปด้วย อีกสองอันดับหลัง Python คือ JavaScript และ C#
ภาษาที่เป็นข่าวมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าง Rust นั้นอยู่ในอันดับ 12 ของการเรียงลำดับความสนใจ (trending) แต่กลับมีคะแนนต่ำลงมากเมื่อดูอันดับการหางาน
ที่มา - IEEE Spectrum |
# Google Cloud เปิดให้ขอใบรับรองเข้ารหัสได้ทุกคน แค่มีบัญชีผู้ใช้
Google Cloud ปรับสถานะบริการ Cloud Certificate Manager เข้าสู่ GA ให้ลูกค้าใช้งานได้ทุกคน หลังจากเปิดบริการแบบวงปิดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผู้ใช้ Google Cloud สามารถขอใบรับรองได้ฟรีแม้จะเป็นผู้ใช้ที่ไม่ได้จ่ายเงินก็ตาม
กระบวนการขอใบรับรองจะมีขั้นตอนเพิ่มเติมจากการขอใบรับรองจาก Let's Encrypt คือต้องสร้างกุญแจผูกกับบัญชีผู้ใช้ (External Account Binding - EAB) จาก Google Cloud เสียก่อน จากนั้นใส่ค่านี้ในไคลเอนต์ของ ACME ที่รองรับ เช่น certbot ก็จะขอใบรับรองได้ไม่ต่างกัน
แม้ว่า Let's Encrypt จะใช้งานได้ดีแต่การมี CA สำรองก็ลดความเสี่ยงในกรณีที่ระบบต้องการความน่าเชื่อถือสูงๆ เผื่อ Let's Encrypt มีปัญหาขึ้นมา นอกจากนี้ CA ของกูเกิลก็ยังใช้งานในบริการของกูเกิลเองหลายตัว ทำให้แน่ใจได้ว่าไคลเอนต์ส่วนใหญ่รองรับ
ที่มา - Google Cloud Blog |
# ไม่ขึ้นๆๆๆ ไมโครซอฟท์ยืนยันไม่ขึ้นราคา Xbox Series X|S แบบเดียวกับ PS5
ต่อเนื่องจากข่าว PS5 ขึ้นราคาในหลายประเทศ รวมถึงไทย มีคนไปถามไมโครซอฟท์ในเรื่องเดียวกัน และได้รับคำตอบยืนยันว่ายังไม่มีแผนการขึ้นราคา Xbox Series X และ Xbox Series S ในประเทศต่างๆ
ราคาขายมาตรฐานของ Xbox Series S ในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 249.99 ปอนด์ และ Xbox Series X อยู่ที่ 449.99 ปอนด์ ในขณะที่ราคา PS5 ขึ้นไปเป็น 479.99 ปอนด์แล้ว (แพงกว่ากัน 30 ปอนด์)
ที่มา - Windows Central |
# LastPass โดนแฮ็กระบบ ซอร์สโค้ดถูกเข้าถึง แต่ข้อมูลรหัสผ่านผู้ใช้ไม่กระทบ
บริการจัดการรหัสผ่านยอดนิยม LastPass ประกาศว่าถูกแฮ็กระบบผ่านบัญชีของพนักงานฝ่ายพัฒนาซอฟต์แวร์รายหนึ่ง ข้อมูลที่ถูกเข้าถึงได้มีซอร์สโค้ดและเอกสารทางเทคนิค แต่ข้อมูลรหัสผ่านของผู้ใช้ยังปลอดภัยเพราะอยู่คนละส่วนกัน
LastPass ยังอธิบายวิธีการเก็บรหัสผ่านของผู้ใช้ ว่าเก็บรหัสผ่านที่เข้ารหัสแล้ว (encrypted passwords) ส่วนรหัสผ่านหลักหรือ Master Password ในการปลดล็อคอยู่ที่ผู้ใช้ และแม้แต่ LastPass เองก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้เช่นกัน (zero knowledge architecture) กรณีนี้ผู้ใช้จึงไม่ต้องทำอะไร และ LassPass ก็ไม่บังคับให้รีเซ็ตรหัสผ่านหลักแต่อย่างใด
ที่มา - LastPass |
# Mark Zuckerberg บอกเอง เฮดเซต VR รุ่นใหม่ จะออกมาในเดือนตุลาคมนี้
Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์ในรายการพอดคาสต์ The Joe Rogan Experience ตอนล่าสุด เผยว่าเฮดเซต VR ตัวใหม่ของ Meta จะออกมาในเดือนตุลาคมนี้
เขาให้รายละเอียดเกี่ยวกับฟีเจอร์เด่นในเฮดเซตรุ่นใหม่ ว่าจะรองรับการแสดงออกอารมณ์ได้ดีขึ้น เช่น สามารถแสดงผลทางสายตา ไปจนถึงใบหน้า ตัวอย่างหากเรายิ้ม ทำหน้าขมวดคิ้ว หรือไม่พอใจ สีหน้าดังกล่าวก็จะแสดงผลตามด้วยในอวาตาร์ ทำให้สะท้อนความรู้สึกออกมาได้แบบเรียลไทม์
มีรายงานก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเฮดเซตดังกล่าวในชื่อ Project Cambria โดยระบุว่าหน้าจอแสดงผลจะมีความละเอียดมากกว่าเดิม และมีเซ็นเซอร์ตรวจจับดวงตา ส่วนราคานั้นระบุว่าจะสูง Quest รุ่นปัจจุบัน ที่ขายอยู่ 399 ดอลลาร์ ค่อนข้างมาก อาจสูงถึงเท่าตัวเลยทีเดียว
ที่มา: CNBC |
# Instagram เตรียมลดการแสดงเนื้อหาที่อ่อนไหว สำหรับผู้ใช้งานวัยรุ่น เป็นค่าเริ่มต้น
Instagram ประกาศปรับปรุงการใช้งาน สำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปี เพื่อจำกัดการเห็นคอนเทนต์ที่มีความอ่อนไหวของเนื้อหา เช่น เนื้อหาที่มีความรุนแรง ทางเพศ เครื่องสำอาง และหัวข้ออื่น ๆ มีผลทั้งใน ผลการเสิร์ช, หัวข้อ Explore, หน้าแฮชแท็ก, คอนเทนต์ Reels ไปจนถึงในฟีด
ตัวเลือกของการแสดงผลคอนเทนต์จะมีสองแบบคือ Less ที่จำกัดเนื้อหาที่ถูกแสดงขึ้นมากว่าเดิม กับ Standard คือการตั้งค่าแบบเดิมที่เคยใช้กับกลุ่มต่ำกว่า 16 ปี ผู้ใช้งานกลุ่มดังกล่าวที่เพิ่งสมัครใช้งานจะได้ Less เป็นค่าเริ่มต้น ส่วนผู้ใช้งานปัจจุบัน จะได้รับข้อความเตือน แนะนำให้เปลี่ยนมาเลือก Less
สำหรับผู้ใช้งานที่อายุมากกว่านั้น ก็เข้าถึงฟีเจอร์ดังกล่าวได้เช่นกัน แต่จะมีทางเลือกอีกอันคือ More แปลว่า Instagram จะไม่คัดกรองเนื้อหา ผู้ใช้งานจึงอาจเห็นคอนเทนต์ที่อ่อนไหวได้มากขึ้น
การตั้งค่าดังกล่าวอยู่ใน Settings ของหน้าโปรไฟล์ เลือก Account และไปที่ Sensitive Content Control สามารถแก้ไขค่าดังกล่าวได้ตลอด
ที่มา: Instagram |
# Heroku ประกาศยกเลิกแผนใช้งานแบบฟรีทั้งหมด มีผล 28 พฤศจิกายนนี้
Heroku บริการ PaaS (Platform as a Service) บนคลาวด์ ที่มี Salesforce เป็นเจ้าของ ประกาศเตรียมยกเลิกให้บริการทั้งหมดที่ฟรี เพื่อให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนไปใช้แผนแบบเสียเงิน มีรายละเอียดดังนี้
โดยตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นไป Heroku จะเลิกให้บริการที่ใช้งานได้ฟรีทั้งหมด รวมทั้งปิดบริการฟรีปัจจุบันคือ Heroku Dynos และบริการเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ผู้ใช้งานปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบ จะทยอยได้รับอีเมลแจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงนี้
Heroku ยังประกาศจะลบบัญชีที่ไม่มีความเคลื่อนไหวและเชื่อมต่อกับหน่วยความจำ ที่ไม่มีการใช้งานมากกว่า 1 ปี ทั้งหมด มีผลตั้งแต่ 26 ตุลาคม เป็นต้นไป
แผนใช้งานมีราคาที่แตกต่างกัน เช่น Heroku Dynos เริ่มต้นที่ 7 ดอลลาร์ต่อเดือน, Heroku Data for Redis เริ่มต้นที่ 15 ดอลลาร์ต่อเดือน และ Heroku Postgres เริ่มที่ 9 ดอลลาร์ต่อเดือน สามารถดูรายละเอียดทั้งหมดได้ที่นี่
ที่มา: Heroku |
# Twitter เพิ่ม Podcast ลงใน Spaces เริ่มต้นทดสอบเฉพาะประเทศที่พูดภาษาอังกฤษก่อน
Twitter ประกาศปรับปรุง Twitter Spaces เวอร์ชันใหม่ โดยเพิ่มคุณสมบัติการฟังพอดคาสต์เข้ามา ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกฟังรายการที่สนใจได้ผ่านเสียง ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารของ Spaces อยู่แล้ว
ในหน้า Spaces แบบใหม่นี้ จะแสดงหมวดหมู่รายการที่น่าสนใจ รวมถึงแนะนำบันทึก Spaces ย้อนหลัง ที่อิงจากการใช้งานของแต่ละคนด้วย ผู้ใช้งานสามารถกดยกนิ้วโป้งขึ้นหรือลง เพื่อแสดงว่าสนใจคอนเทนต์นั้น ๆ หรือไม่
แถบ Spaces แบบใหม่ที่มีพอดคาสต์ จะเริ่มทดสอบใช้งานตั้งแต่วันนี้ จำกัดเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งานทั่วโลกที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลักทั้งบน iOS ละ Android
ที่มา: Twitter |
# เยอรมนีเปิดตัวขบวนรถไฟที่ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงล้วนๆ เป็นที่แรกของโลก
เยอรมนีเปิดตัวรถไฟที่ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงล้วนๆ วิ่งให้บริการเป็นที่แรกของโลก โดยวิ่งให้บริการเป็นระยะทาง 100 กิโลเมตร เชื่อมต่อเมือง Cuxhaven, Bremerhaven, Bremervoerde และ Buxtehude ซึ่งอยู่ในเขต Lower Saxony ทางตอนเหนือของเยอรมนี
รถไฟพลังไฮโดรเจนนี้มีชื่อรุ่นว่า Coradia iLint เป็นผลงานของ Alstom บริษัทผู้ผลิตสัญชาติฝรั่งเศส สามารถวิ่งได้ 1,000 กิโลเมตรต่อเชื้อเพลิง 1 ถัง ทำความเร็วได้สูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตามในการวิ่งให้บริการจริงจะใช้ความเร็ว 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
รถไฟ Coradia iLint ที่เยอรมนีสั่งมาใหม่เพื่อใช้งานแทนรถดีเซล
เยอรมนีได้นำรถ Coradia iLint มาทดลองวิ่งในเส้นทางนี้ตั้งแต่ปี 2018 แต่ในช่วงนั้นยังเป็นการทดลองใช้งานร่วมกับรถไฟดีเซล ทว่าตอนนี้จำนวนรถไฟดีเซลทั้งหมด 15 คัน จะถูกแทนที่ด้วยรถไฟเซลล์เชื้อเพลิง 14 คัน ซึ่งมีมูลค่ารวม 93 ล้านยูโร ทั้งนี้การใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน 1 กิโลกรัม สามารถทำให้รถวิ่งได้เทียบเท่ากับการใช้เชื้อเพลิงดีเซล 4.5 กิโลกรัม และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 8 ตันต่อปี
สำหรับระบบจัดการเชื้อเพลิงนั้นถูกรับผิดชอบโดยบริษัท Linde ซึ่งได้ทำการติดตั้งสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน มีถังทนความดันสูงสำหรับบรรจุเชื้อเพลิง 64 ถัง, เครื่องอัดก๊าซไฮโดรเจนอีก 6 ตัว และปั๊มเชื้อเพลิง 2 ตัวไว้คอยเติมเชื้อเพลิงให้กับรถ Coradia iLint
ตอนนี้เยอรมนีได้สั่งจองรถ Coradia iLint เพิ่มเติมอีก 27 คันสำหรับใช้งานที่ Frankfurt ในขณะที่อิตาลีก็สั่งจองรถไฟเชื้อเพลิงไฮโดรเจนนี้ไปแล้ว 6 คัน ส่วนฝรั่งเศสเองได้สั่งจองไว้เพื่อใช้งานในประเทศ 12 คัน นอกจากนี้ Alstom ยังได้ส่งมอบรถไปทำการวิ่งทดสอบในประเทศออสเตรีย, โปแลนด์, สวีเดน และเนเธอแลนด์แล้ว
รถไฟ Coradia iLint ในระหว่างการวิ่งทดสอบที่ประเทศโปแลนด์
ทั้งนี้ในปัจจุบันประเทศต่างๆ ในยุโรปยังคงมีรถไฟดีเซลใช้งานอยู่ราวครึ่งหนึ่งของรถไฟทั้งหมด ซึ่งอีกครึ่งเป็นระบบไฟฟ้า ด้วยเหตุที่ว่าประเทศต่างๆ ไม่สามารถเปลี่ยนระบบขนส่งทางรางทั้งหมดให้เป็นไฟฟ้าได้ สาเหตุแรกเนื่องจากข้อจำกัดด้านการก่อสร้างในบางเส้นทางที่มีอุโมงค์หรือสะพานจนทำให้การติดตั้งระบบไฟฟ้าไม่อาจทำได้ และอีกเหตุผลหนึ่งคือเรื่องความคุ้มค่าในการใช้งาน ในบางเส้นทางที่มีจำนวนผู้โดยสารไม่หนาแน่นมากนักก็มีผลให้การลงทุนระบบไฟฟ้าไม่คุ้มค่า ซึ่งเชื่อว่าระบบขนส่งทางรางที่ยังไม่เป็นระบบไฟฟ้านี้จะทยอยเปลี่ยนการใช้งานรถไฟดีเซลมาเป็นรถไฟเซลล์เชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้
ที่มา - CNN, DW |
# Amazon เตรียมปิดบริการ Amazon Care สำหรับลูกค้าองค์กร สิ้นปีนี้
Amazon ส่งอีเมลเป็นการภายในระบุว่า Amazon Care บริการปรึกษาหมอทางไกลหรือ telemedicine จะปิดตัวสิ้นปีนี้
Neil Lindsay รองประธานอาวุโสส่วนธุรกิจด้านสุขภาพของ Amazon บอกว่า บริษัทพิจารณาอยู่หลายเดือนก่อนออกประกาศนี้ ที่ผ่านมาบริการ Amazon Care ซึ่งมีพนักงาน Amazon เป็นลูกค้าด้วย ได้รับการตอบรับที่ดี แต่บริษัทพบว่ายังทำได้ไม่ดีพอ ในระดับที่ลูกค้าระดับองค์กรจะเลือกใช้บริการแบบระยะยาว
การปิดตัวของ Amazon Care นั้นน่าสนใจเนื่องจาก Amazon มีทิศทางที่รุกสู่ธุรกิจสุขภาพมากขึ้น ล่าสุดคือดีลซื้อกิจการ One Medical มูลค่า 3,900 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามธุรกิจสุขภาพยังคงเป็นความท้าทายที่บริษัท Tech อย่าง Amazon จะเข้ามาครองส่วนแบ่งเช่นกัน
ที่มา: Geekwire |
# NVIDIA ยอมรับมีสต๊อกจีพียูมากเกิน กำลังระบายของเพื่อเตรียมเปิดตัวจีพียูรุ่นใหม่
Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ยอมรับแต่โดยดีในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 2/2022 ที่รายได้เพิ่มเพียง 3% ว่าบริษัทมีสต๊อกจีพียูเกมมิ่งมากเกินไป และแนวทางของบริษัทคือการขายสต๊อกออกไปในราคาที่ถูกลง
Huang บอกว่าตอนนี้มีโปรแกรมร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อระบายของค้างสต๊อกออกในราคาที่เหมาะสม และเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวจีพียูรุ่นใหม่
เขายังบอกว่าจีพียูสถาปัตยกรรม Ampere (GeForce 30 ในปัจจุบัน) คือจีพียูที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของบริษัท แต่ก็ตื่นเต้นกับจีพียูรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว
Huang จะขึ้นเวทีงานสัมมนา GTC 2022 ในวันที่ 20 กันยายนนี้ ซึ่งก็เป็นไปได้สูงว่าเขาจะเปิดตัวจีพียูสถาปัตยกรรมใหม่ โค้ดเนม Lovelace ตามรอบการเปิดตัวทุก 2 ปี
ที่มา - The Verge, Wccftech |
# ยุทธศาสตร์ได้ผล ยอดขาย Pixel ในอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 1% เป็น 2%
บริษัทวิจัยตลาด Canalys เผยส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนของทวีปอเมริกาเหนือ ประจำไตรมาส 2/2022 จุดที่น่าสนใจที่สุดคือยอดขายมือถือตระกูล Pixel ของกูเกิลเติบโต 230% จาก 0.2 ล้านเครื่องมาเป็น 0.8 ล้านเครื่อง และส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 1% มาเป็น 2% แสดงให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ของกูเกิลที่จริงจังกับ Pixel มากขึ้นนั้นได้ผล แม้เริ่มช้ากว่าคนอื่นมากก็ตาม (Pixel 6a รุ่นราคาถูกเพิ่งวางขาย และยังไม่นับรวมในยอดขายไตรมาส 2)
อันดับหนึ่งของอเมริกาเหนือยังเป็น iPhone ด้วยส่วนแบ่งตลาดทิ้งห่างที่ 52%, อันดับสองซัมซุง 26%, อันดับสามโมโตโรลา 9% และอันดับสี่ TCL 5% ภาพรวมตลอดมือถือไตรมาส 2 มียอดขาย 35.4 ล้านเครื่อง ลดลง 6% จากปีที่แล้ว
มือถือรุ่นยอดนิยม 5 อันดับแรกเป็นของแอปเปิลทั้งหมด โดย iPhone 13 รุ่นธรรมดานำโด่ง ส่วน Galaxy S22 Ultra อยู่อันดับ 6
ที่มา - Canalys |
# พนักงาน Huawei ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008
Huawei เปิดเผยในรายงาน Sustainability Report ว่าจำนวนพนักงานของ Huawei ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 195,000 คน ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีการเปิดเผยและออกรายงานในปี 2008 ขณะที่รายงานปี 2020 จำนวนพนักงานอยู่ที่ 197,000 คน (Huawei ไม่ได้ระบุใดๆ เรื่องการเลิกจ้าง หรือแค่พนักงานลาออกแล้วไม่ได้รับเพิ่ม)
จำนวนพนักงานที่ปรับลดลงเกิดขึ้นภายหลังจากที่รายได้ของบริษัทลดลงเกือบ 1 ใน 3 ในปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุจากการถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา ทำให้ธุรกิจสมาร์ทโฟนของบริษัทประสบปัญหา รวมทั้งเกิดจากปัญหาเศรษฐกิจของจีนเองด้วย ส่วนในครึ่งแรกของปีนี้รายได้ของบริษัทลดลงถึง 5.9% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม Guo Ping ประธาน Huawei เปิดเผยว่าบริษัทได้รับนักศึกษาที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาเข้าทำงานจำนวน 26,000 คน ในปี 2020 และ 2021 และวางแผนที่จะรับเพิ่มอย่างน้อย 10,000 คนในปี 2565 รวมถึงพูดว่าการแก้ปัญหาเพื่อการอยู่รอดของ Huawei ในระยะยาวขึ้นอยู่กับความสามารถของพนักงานในบริษัท ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว จำนวนพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการทำวิจัยและพัฒนาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ บริษัทสัญชาติจีนรายใหญ่อย่าง Tencent และ Alibaba ก็ได้ปลดพนักงานออกเพื่อลดต้นทุนด้วยเช่นเดียวกัน
ที่มา: Huawei via South China Morning Post |
# ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กกลุ่มธุรกิจองค์กร ExpertBook B3, B5 และ B9 รุ่นใหม่
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ASUS เปิดตัวโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กรกลุ่ม ExpertBook ซึ่งประกอบด้วย ExpertBook B3 เป็นโน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1 ถอดจอได้, ExpertBook B5 โน้ตบุ๊กสายบางเบา และ ExpertBook B9 ซึ่งเป็นรุ่นพรีเมียม
ในแง่ของสเปค ExpertBook B3 Detachable (B3000D) เป็นโน้ตบุ๊กที่เน้นการพกพาสะดวก สามารถถอกคีย์บอร์ดออกจากหน้าจอเพื่อใช้งานเป็นแบบแท็บเล็ตได้ (2-in-1) มีหน้าจอสัมผัสขนาด 10.5 นิ้วแบบ FHD และคีย์บอร์ดแม่เหล็ก ExpertBoard แบบถอดได้มาพร้อมปากกาที่รับแรงกดกว่า 4096 ระดับและเคสที่มีมีขาตั้ง ExpertStand ทำให้ใช้ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
B3000D ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7c Gen 2 ใช้ระบบปฏิบัติการ Window 11 Home แรม 8 GB แบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานสูงสุด 21 ชั่วโมง มีเทคโนโลยีลดสัญญาณรบกวนภาพ 3D ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานวิดีโอคอลได้ในที่มีแสงน้อย รวมทั้งสามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ด้วยฟีเจอร์ ASUS AI Noise-Cancelling
ExpertBook B3 (B3000D) วางจำหน่ายแล้วในราคา 20,300 บาท
ในส่วน ExpertBook B5 (B5402CBA) มีน้ำหนักเพียง 1.25 กิโลกรัม หน้าจอขนาด 14 นิ้ว IPS FHD ใช้ซีพียู 12th Gen Intel Core i5 พร้อมกราฟิกการ์ด Iris Xe แรม 16 GB มีหน่วยเก็บข้อมูล SSD 512GB รองรับการอัปเกรดสูงสุด 2 TB มีฟีเจอร์เช่น AI Noise-Cancelling เพื่อตัดเสียงรบกวนจากต้นสายและปลายสาย รวมถึงเน้นมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลทั้งด้านฮาร์ดแวร์และความปลอดภัยส่วนบุคคล เช่น ระบบสแกนใบหน้า รวมถึงแบตเตอรี่ยังใช้งานได้ถึง 12 ชั่วโมงและมีระบบชาร์จเร็ว
ExpertBook B5 (B5402CBA) วางจำหน่ายแล้วในราคา 46,300 บาท
ตัวสุดท้ายคือ ASUS ExpertBook B9 (B9400CBA) เป็นโน้ตบุ๊กพรีเมี่ยมที่เน้นความบางเบา มีน้ำหนักเพียง 1.005 กิโลกรัม ตัวเครื่องทำจากแม็กนีเซียม-ลิเธียม ที่ทำให้แข็งแรงและน้ำหนักเบา ใช้ซีพียู 12 th Gen Intel Core i7 ที่รองรับ Intel vPro มีแรมสูงสุด 32 GB พร้อมSSD ขนาด 1TB โน้ตบุ๊กมีทั้งพอร์ต Thunderbolt 4 x 2, HDMI 2.0 x 1, USB 3.2 Gen 2 Type-4 x 1, และ Micro HDMI-to LAN x 1 สำหรับเชื่อมต่อเครือข่าย Ethernet
รุ่นย่อยที่จำหน่ายมีดังนี้
Intel Core i7-1255U Processor 1.7 GHz, LPDDR5 16GB, M.2 PCle Gen 4 1TB, Window 11 Home ราคา 56,799 บาท
Intel Core i7-1255U Processor 1.7 GHz, LPDDR5 16GB, M.2 PCle Gen 4 1TB, Window 11 Pro ราคา 61,399 บาท
Intel Core i7-1255U Processor 1.8 GHz, LPDDR5 32GB, M.2 PCle Gen 4 1TB, Window 11 Pro ราคา 71,199 บาท
โดยเริ่มวางจำหน่ายแล้วเช่นเดียวกัน
ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์ |
# [อัพเดต] PlayStation 5 ปรับขึ้นราคาในหลายประเทศ ไทยโดนด้วย ปรับขึ้น 1,790 บาท
PlayStation ประกาศปรับราคาขายปลีกของ PlayStation 5 ในหลายประเทศ ประมาณ 1,500 บาท โดยอ้างเหตุผลเรื่องเงินเฟ้อ ค่าเงินและสถานการณ์อื่นๆ โดยประเทศที่ได้รับผลกระทบมี สหภาพยุโรป (+50 ยูโร) สหราชอาณาจักร (+30 ปอนด์) ญี่ปุ่น (+5,000 เยน) จีน (+400 หยวน) ออสเตรเลีย (+ 50 ดอลลาร์ออสเตรเลีย) เม็กซิโก (+1,000 เปโซ) และแคนาดา (+20 ดอลลาร์แคนาดา)
การปรับราคาครั้งนี้ Jim Ryan ประธาน PlayStation ระบุว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะธุรกิจของ PlayStation ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นการที่ PlayStation ตั้งราคาต่ำกว่าทุนแล้วไปหวังกำไรจากเกม (ชัดๆ คือค่าซ่อมบอร์ด 19k แต่ราคาปลีก 13.9k และ 16.9k) แต่ยอดขายไม่ถึงเป้า ทั้งจากปัญหาขาดแคลนชิป และเกมที่จะดึงดูดก็มีไม่มากพอด้วย
อัพเดต ล่าสุดประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดนด้วย และประเทศไทยก็ปรับขึ้น 1,790 บาท ทำให้ราคาใหม่มีดังนี้
รุ่นไม่มีแผ่น 15,690 บาท
รุ่นใส่แผ่น 18,690 บาท
ที่มา - PlayStation |
# Google Play Games สำหรับ Windows เปิดให้ทดลองใช้งานเพิ่มในอีก 5 ประเทศ มีไทยด้วย
เริ่มตั้งแต่วันนี้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ Windows ในไทย, เกาหลีใต้, ฮ่องกง, ไต้หวัน และออสเตรเลีย จะสามารถลงทะเบียนเพื่อทดลองใช้งาน Google Play Games เวอร์ชั่น Windows ได้แล้ว จากที่ก่อนหน้านี้จำกัดให้ใช้แค่เฉพาะในสหรัฐอเมริกา
Google Play Games สำหรับ Windows นี้เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับรันบนคอมพิวเตอร์ระบบ Windows ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกดู, ดาวน์โหลด และเล่นเกมบางเกมจาก Google Play (ซึ่งปกติต้องรันบนอุปกรณ์ Android) ได้โดยใช้แป้นพิมพ์และเม้าส์ในการควบคุมเล่นเกม ซึ่งผู้ใช้จะสามารถซิงก์ข้อมูลของเกมข้ามระหว่างอุปกรณ์ที่ผูกไว้กับบัญชีเดียวกันได้
ช่วงแรกเริ่มนี้มีเกมมากกว่า 40 เกมให้ผู้ใช้สามารถลองเล่นได้ อาทิ Cookie Run: Kingdom, Asphalt 9: Legends, Gardenscapes, Township, State of Survival: Zombie War, Last Fortress: Underground และ Top War
ข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับเครื่องที่จะติดตั้ง Google Play Games เวอร์ชั่น Windows ได้ มีดังนี้
ระบบปฏิบัติการ: Windows 10 (v2004)
พื้นที่เก็บข้อมูล: SSD ซึ่งมีพื้นที่ว่าง 10 GB
กราฟิก: Intel UHD Graphics 630 GPU หรือเทียบเท่า
หน่วยประมวลผล: CPU 4 Physical Core
หน่วยความจำ: RAM 8 GB
บัญชีผู้ดูแลระบบ Windows
ต้องเปิดระบบฮาร์ดแวร์เสมือนจริงไว้
สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Google Play Games สำหรับ Windows ได้ที่นี่
ที่มา - The Verge |
# SCB ยกเลิกการลงทุนใน Bitkub แล้ว เหตุ Bitkub ยังมีปัญหากับ กลต.
หลังจากดีลของ SCBX และ Bitkub ยืดเยื้อ ล่าสุดทาง SCBX บริษัทแม่ของบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ที่จะลงทุนใน Bitkub ประกาศยกเลิกดีลนี้แล้ว
SCBS ให้เหตุผลว่า เพราะ Bitkub ยังคงมีประเด็นที่ต้องหาข้อสรุปกับทาง กลต. อยู่ (ข่าวเก่า 1 และ 2) ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเรื่องระยะเวลา ทั้ง 2 บริษัทจึงตกลงที่จะยกเลิกธุรกรรมนี้
ทั้งนี้ทาง SCBS ยืนยันว่าจากการสอบทานธุรกิจ (due diligence) ไม่พบข้อบ่งชี้ถึงความผิดปกติใดๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้
ที่มา - ประกาศ กลต. |
# AIS จับมือวิศวะ จุฬา เผยโฉม AIS 5G PLAY GROUND & 5G GARAGE Sandbox พื้นที่ 5G R&D สำหรับภาคการศึกษา
การมาถึงของเทคโนโลยี 5G ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของความเร็วการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถืออย่างเดียว แต่ยังเป็นใบเบิกทางที่เปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้อีกมากมาย อย่างไรก็ตามในแง่การใช้งานจริงของธุรกิจ ประโยชน์ของ 5G ยังต้องได้รับการพัฒนาและต่อยอดอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรม
ดังนั้นทาง AIS จึงร่วมกับภาคการศึกษาอย่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยโฉม AIS 5G PLAY GROUND และ AIS 5G GARAGE ที่นับว่าเป็น Sandbox เป็นแห่งแรกในพื้นที่การศึกษา ให้เป็นพื้นที่การทดลอง วิจัยและเรียนรู้ และพัฒนา use case บนเครือข่ายจริงสำหรับนิสิตและอาจารย์
คุณวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศของ AIS ระบุว่าทาง AIS และคณะวิศวะ จุฬามีความร่วมมือกันมานานแล้ว โดยเฉพาะนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2018 ที่มีการทดลอง AIS 5G Sandbox ที่คณะก่อนเริ่มให้บริการจริงในปี 2020 และหลังจากนั้น ทั้ง 2 หน่วยงานก็มีความร่วมมือด้วยกันมาตลอด
คุณวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศของ AIS
AIS 5G PLAY GROUND และ 5G GARAGE นี้ตั้งเป้า เป็นพื้นที่เรียนรู้ ทดลอง ทดสอบ 5G บนสภาพแวดล้อมจริงด้วยเทคโนโลยีต่างๆทั้ง AI, ML, VR, AR, MR, IoT, Metaverse, Robotic และอื่นๆ เท่าที่นิสิตนักศึกษาและอาจารย์จะทำได้
จุดเด่นของพื้นที่ทดลอง 5G แห่งนี้คือการมี Live Private Network แบ่งเน็ตเวิร์คแยกเป็นของคณะวิศวะ จุฬา โดยเฉพาะ ไม่ได้ใช้ร่วมกับใคร ด้วยคลื่น 2600 MHz และ คลื่น 26 GHz (mmWave) สำหรับการพัฒนา Use case ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Industrial solutions, Holograms Solutions หรือ Fixed Wireless Access-FWA เพราะช่วงความถี่อย่าง 26 GHz มีปริมาณ Bandwidth มหาศาลและความหน่วงต่ำมาก
นอกจากโครงข่ายแล้ว AIS ยังสนับสนุนอุปกรณ์ส่งสัญญาณอย่าง 5G CPE ไปจนถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างการทำงานของเทคโนโลยี 5G พร้อมทั้งการสัมมนา workshop จาก guest speaker หลากหลายวงการ เพื่อพัฒนาความรู้ ความชำนาญในทางเทคนิค ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill รวมไปถึงการเชิญชวนร่วม Co-Develop บริการต้นแบบบน 5G ด้วย
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะไม่ได้มีประโยชน์แค่เป็นพื้นที่ให้อาจารย์หรือนิสิตใช้ทดลองหรือทดสอบเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ให้ฝั่งวิชาการ ที่อาจจะเชี่ยวชาญในเชิงทฤษฎี งานวิจัย ได้ผนวกองค์ความรู้เชิงลึกกับคนที่ใช้งานจริง ซึ่งที่ผ่านมา นอกจากภาคเอกชน วิศวะ จุฬาก็ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐด้วย เช่น กสทช. หรือกระทรวงดิจิทัล เพื่อทดสอบทดลอง use case ต่างๆ
ศ. ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โจทย์ของเทคโนโลยี 5G ยังคงอยู่ที่การหา use case และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ในแต่ละอุตสาหกรรมหรือธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือระหว่าง AIS และคณะวิศวะ จุฬาในครั้งนี้ นับเป็นก้าวเดินที่ตอบโจทย์ ไม่เพียงในแง่ธุรกิจ แต่ยังส่งเสริมภาคการศึกษา เปิดโอกาสในการเรียนรู้ในแง่การใช้งานจริง ส่งเสริมการพัฒนา use case ของ 5G ให้มากขึ้น และเป็นแหล่งบ่มเพาะบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่จะมาร่วมกันพัฒนาประเทศให้เติบโตได้ต่อไป |
# แจกสูตรลัดฉบับคนรักงาน พลิกชีวิตให้เต็มประสิทธิภาพทุกด้านด้วย HUAWEI Smart Office Concept Solution
HUAWEI Smart Office คือ 1 ใน 5 ประสบการณ์ที่หัวเว่ยทุ่มเทพัฒนาและผลักดันเพื่อยกระดับประสบการณ์การทำงานแบบออฟฟิศอัจฉริยะ ขยายศักยภาพการทำงานเมื่ออุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ สามารถเชื่อมถึงกันและทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อและครบวงจรโดยมีศูนย์กลางเป็น “แล็ปท็อป” อุปกรณ์คู่ใจตลอดกาลของคนรักงานทั้งหลาย ซึ่งแล็ปท็อปก็สามารถเชื่อมต่อกับทุกดีไวซ์ในอีโคซิสเต็มของหัวเว่ยได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านฟีเจอร์ที่เรียกว่า HUAWEI Super Device นั่นเอง
วันนี้เรามีตัวอย่างวิธีใช้งาน HUAWEI Super Device ที่มีมาให้ในแล็ปท็อปรุ่นล่าสุดอย่าง HUAWEI MateBook D16 และ HUAWEI MateBook 16s รวมถึงแท็บเล็ตระดับโปร HUAWEI MatePad Pro 11-inch มาเล่าให้ฟัง ไปส่องความล้ำด้วยกันเลย!
1. เชื่อมทุกดีไวซ์ง่ายด้วยปลายนิ้ว
หน้าต่างของฟีเจอร์ HUAWEI Super Device ที่ปรากฏบนจอแล็ปท็อปจะแสดงไอคอนแล็ปท็อปไว้ตรงกลางและแสดงไอคอนดีไวซ์อื่นๆ ของหัวเว่ยที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงล้อมรอบไว้ เราสามารถเชื่อมต่อแต่ละดีไวซ์เข้าหากันได้ด้วยการ “ลากเพื่อเชื่อมต่อ” เพียงลากไอคอนเข้าหากันโดยไม่ต้องใช้สายใดๆ ให้ยุ่งยาก เพียงเท่านี้ ทุกอุปกรณ์ของหัวเว่ยที่เชื่อมต่อผ่าน HUAWEI Super Device ก็สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อป สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต มอนิเตอร์ สมาร์ทวิชั่น หรือหูฟังไร้สาย1
2. เสิร์ชข้ามดีไวซ์ด้วย AI Search
กรณีที่ใช้หลายอุปกรณ์ทำงานสลับกันไปตามแต่สถานการณ์จะอำนวย บางวันก็พกแล็ปท็อป บางวันก็ถือแค่แท็บเล็ต หรือบางวันมีแค่สมาร์ทโฟนติดตัวก็ทำงานผ่านสมาร์ทโฟนไปก่อน แต่ปรากฏว่าพอจะหาไฟล์สำคัญสักไฟล์กลับจำไม่ได้ว่าเก็บไว้ที่เครื่องไหน หัวเว่ยคิดโซลูชันมาแก้ปัญหานี้ได้แล้ว ง่ายๆ เพียงเชื่อมต่อ HUAWEI MateBook D 16 เข้ากับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของหัวเว่ยผ่าน HUAWEI Super Device ก็สามารถกดปุ่ม AI Search ที่ให้มาบนแป้นคีย์บอร์ดของแล็ปท็อป เพื่อค้นหาไฟล์หรือข้อมูลที่ต้องการได้แบบข้ามดีไวซ์ผ่านการเสิร์ชบนแล็ปท็อปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ขอเพียงแค่ล็อกอินทุกดีไวซ์ด้วย HUAWEI ID เดียวกัน ทุกดีไวซ์ก็จะสามารถเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันได้เสมือนเป็นหนึ่งเดียว
3. จัดการงานและประชุมให้อยู่หมัดสไตล์คน multi-task
ทุกวันนี้คนรักงานอย่างเราๆ นอกจากต้องเข้าประชุมออนไลน์แล้วยังต้องปั่นงานอื่นไปพร้อมๆ กัน ทั้งจดโน้ต ตอบแชทเพื่อนร่วมงาน และเสิร์ชหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตไปด้วย เพื่อใช้เวลาให้คุ้มค่าและขยายศักยภาพให้ถึงขีดสุด เพียงเชื่อมต่อ HUAWEI MateBook D 16 เข้ากับแท็บเล็ต HUAWEI MatePad Pro 11-inch ด้วย Extend Mode เพื่อใช้แท็บเล็ตเป็นหน้าจอที่ 2 แยกหน้าต่างประชุมออกมา และใช้แล็ปท็อปสะสางภารกิจอื่นไปด้วยได้อย่างไม่เปลืองแรง อำนวยความสะดวกสบายให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ HUAWEI MatePad Pro 11-inch สามารถมอบประสบการณ์ Smart Conference ด้วยลำโพง 6 ตัว ซึ่งใช้ระบบเสียง HUAWEI SOUND เป็นครั้งแรก2 พร้อมให้ประชุมออนไลน์ลื่นไหลอย่างมืออาชีพผ่านกล้องความละเอียดสูง 16MP พร้อมเลนส์มุมกว้าง ซึ่งมีฟีเจอร์ FollowCam ที่สามารถขยับเฟรมตามการเคลื่อนไหวของผู้พูดได้ รวมถึงระบบเสียงอัจฉริยะอย่าง AI ตัดเสียงรบกวนและ Personal Voice Enhancement เน้นเสียงผู้พูดให้คมชัดและรับเสียงได้จากรอบทิศทางในรัศมี 5 เมตร
4. ตัดต่อวิดีโอหรือแต่งภาพอย่างเซียนบนหน้าจอขนาดใหญ่ที่ให้สีแม่นยำ
ใครที่ต้องทำงานตัดต่อวิดีโอ ทำกราฟิก หรือปรับแต่งภาพนิ่ง นอกจากจะต้องมีแล็ปท็อปพลังแรงๆ แล้ว มอนิเตอร์จอใหญ่ๆ ที่แสดงสีได้แม่นยำก็เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทดีไวซ์ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้เร็วและได้คุณภาพ กรณีนี้สามารถปลดล็อคทุกความสร้างสรรค์อย่างมืออาชีพด้วยการเชื่อมต่อ HUAWEI MateBook 16s กับ HUAWEI MateView ใน Mirror Mode เพื่อแสดงหน้าจอแบบเดียวกันทั้งในแล็ปท็อปและในมอนิเตอร์ โดย HUAWEI MateBook 16s ยืนหนึ่งกับหน้าจอ 2.5K พร้อมขอบเขตสี sRGB ที่ 100%3 และเฉดสีที่มากถึง 1.07 พันล้านสีช่วยไล่เรียงสีได้สมจริง4 โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ ΔE<1 ทำงานคู่กับเทคโนโลยี HUAWEI Real Color FullView Display ที่ช่วยให้หน้าจอแสดงสีได้แม่นยำและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น5 ร่วมด้วยเทคโนโลยี 3D LUT หรือการปรับเทียบสีระดับฮาร์ดแวร์ให้ตรงกันในทุกโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์
ขณะที่ HUAWEI MateView ก็มาพร้อมหน้าจอแสดงผลระดับ 4K+ Ultra-HD และมีขอบเขตสีระดับเดียวกับภาพยนตร์ เพิ่มทัศนวิสัยการทำงานให้กว้างขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ 28.2 นิ้ว เมื่อผสานกับประสิทธิภาพการประมวลผลที่เร็วและแรงของ HUAWEI MateBook 16s ด้วยโปรเซสเซอร์ 12th Gen Intel® Core™ i7-12700H มีดีไซน์ระบบระบายความร้อนที่สูงถึง 54W6 รองรับกราฟฟิกระดับสูงและการประมวลผลไฟล์ขนาดใหญ่ได้แบบไม่มีสะดุด การันตีความแรงจาก Intel® Evo™ ว่าเป็นนวัตกรรมที่ทรงพลังและอัดแน่นด้วยคุณภาพ
ใครที่สนใจแล็ปท็อปรุ่นล่าสุดจากหัวเว่ยก็สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ โดยสามารถเข้าไปดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ทั้ง HUAWEI MateBook 16s และ HUAWEI MateBook D 16
ส่วน HUAWEI MatePad Pro 11-inch รองรับการใช้งาน HUAWEI Super Device เพื่อการทำงานได้สะดวกแบบไร้รอยต่อในสถานการณ์ที่หลากหลาย ทั้ง Mirror Mode แสดงเนื้อหาเดียวกันบนจอแล็ปท็อป Extend Mode เป็นหน้าจอส่วนขยายของแล็ปท็อปใน Collaborate Mode ถ่ายโอนไฟล์งานจากแล็ปท็อปสู่แท็บเล็ตเพื่อการทำงานแบบคล่องตัว มีให้เลือกทั้งรุ่น WIFI (8 GB+128GB) ราคา 24,990 บาท และรุ่น LTE (8GB+256GB) ราคา 29,990 บาท
พิเศษสุดห้ามพลาดกับโค้งสุดท้ายของโปรโมชันพรีออเดอร์ที่ราคานี้ได้ของสมนาคุณแบบครบจบไปเลยฟรีๆ ไม่ว่าจะเป็น HUAWEI Smart Magnetic Keyboard, HUAWEI M-pencil 2nd generation และสิทธิประโยชน์มากมายจาก HUAWEI AppGallery อาทิ บริการ HUAWEI Cloud ฟรี 3 เดือน บริการ HUAWEI Music ฟรี 3 เดือน บริการ HUAWEI Video ฟรี 1 เดือน ใช้งาน WPS Office ฟรี 3 เดือนรวมถึงรับ Lazada Voucher มูลค่า 50 บาท เป็นต้น รวมมูลค่าของสมนาคุณ 12,282 บาท เมื่อสั่งจองระหว่างวันที่ 12 สิงหาคม 2565 ถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2565 ผ่านหน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่างเว็บไซต์ HUAWEI Store ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแอปพลิเคชัน Lazada
1รองรับการใช้งาน HUAWEI Super Device เฉพาะบางรุ่นเท่านั้นเท่านั้น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://consumer.huawei.com/th/
2ครั้งแรกที่แท็บเล็ตของหัวเว่ยใช้ระบบเสียง HUAWEI SOUND
3ช่วงสีของหน้าจอ ความสว่าง อัตราส่วนคอนทราสต์ และความแม่นยำของสีเป็นค่าทั่วไป
4เพื่อให้ได้ 1.07 พันล้านสี ฯลฯ (8+2 บิต FRC) จำเป็นต้องมีเนื้อหาที่รองรับการแสดงผล 10 บิต
5ข้อมูลจากห้องปฏิบัติการของ HUAWEI ซึ่ง ΔE<1 คือ ค่ามาตรฐานความแม่นยำของสีโดยเฉลี่ยจากโรงงาน มาตรฐานสีอาจแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับเวลาใช้งานหน้าจอ อุปกรณ์ทดสอบ และปัจจัยอื่น ๆ โปรดดูที่ผลิตภัณฑ์จริงอีกครั้ง
6รุ่น i7 คือ TDP ขนาด 54 W Performance
ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery
#SuperDeviceSuperCreativity #HUAWEISmartOffice
#HUAWEIMateBook16s #หน้าจอใหญ่ใช้งานแบบมืออาชีพ
#HUAWEIMateBookD16 #บางเบาเต็มประสิทธิภาพ #WorkSmartWithHUAWEI
#HUAWEIMatePadPro #CreatedbyMatePad #ประสิทธิภาพการทำงานระดับโปร
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่:
Website: http://consumer.huawei.com/th
Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH
LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH |
# The Great War: Western Front เกมวางแผนการรบ RTS จากทีมผู้สร้าง Command & Conquer
Petroglyph Games สตูดิโอเกมที่ก่อตั้งโดยอดีตพนักงานของ Westwood ผู้สร้างเกม Command & Conquer (ผลงานล่าสุดคือ Command & Conquer Remastered) เปิดตัวเกมวางแผนการรบ RTS เกมใหม่ชื่อ The Great War: Western Front เป็นธีมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
แนวทางเกมเพลย์ของ The Great War: Western Front แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ภาพใหญ่ของสงคราม (Theatre Commander) เป็นการวางกำลังทหารตามจุดต่างๆ เลือกสมรภูมิที่อยากต่อสู้ เลือกพัฒนาเทคโนโลยี ใช้วิธีการเล่นแบบเทิร์นเบส และสนามรบจริง (Field Commander) เป็นการขยับและสั่งการยูนิตแบบ RTS ที่เราคุ้นเคยกัน
ผู้เล่นสามารถเลือกได้ทั้งฝ่ายพันธมิตร (Allied Nations) หรือฝ่ายมหาอำนาจกลาง (Central Powers) สมรภูมิเป็นแนวรบตะวันตกของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แถวเบลเยียมและฝรั่งเศส เกมมีโหมดแคมเปญตามประวัติศาสตร์จริง โหมดเกมออฟไลน์แบบปรับแต่งเอง และมัลติเพลเยอร์
เกมมีกำหนดวางขายปี 2023 ตอนนี้ยังมีเฉพาะพีซีอย่างเดียว ก่อนหน้านี้ Petroglyph เคยเปิดตัวเกม FPS ลูกผสม RTS แนวอวกาศชื่อ Earthbreakers แต่ก็เงียบหายไปเลย
ที่มา - The Great War Eurogamer |
# รอนานหน่อยนะ Nothing ประกาศแผนอัพเกรด Android 13 ให้ Phone (1) ครึ่งแรกปี 2023
บริษัท Nothing ประกาศแผนการอัพเกรด Android 13 ให้มือถือ Nothing Phone (1) รุ่นแรกของบริษัท เป็นกรอบเวลาคร่าวๆ "ครึ่งแรกของปี 2023"
โฆษกของ Nothing ให้เหตุผลว่าต้องการใช้เวลาปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้ดีที่สุด และตอนนี้ต้องการใช้เวลาปรับแต่งซอฟต์แวร์ Android 12 ของ Phone (1) ก่อน
ตัวซอฟต์แวร์ Android ของ Nothing ชูจุดเด่นว่าปรับเปลี่ยนจาก AOSP ไม่เยอะนัก การที่ต้องรอเวลาอัพเกรดกันถึงครึ่งปีก็อาจสร้างความผิดหวังให้แฟนๆ Nothing ไม่น้อย (ในขณะที่ Oppo บริษัทเก่าของ Carl Pei สามารถเปิดตัว Android 13 ได้แล้ว)
ที่มา - Android Authority |
# Ethereum ประกาศแผนอัพเกรดบล็อกเชน เฟสแรก 6 กันยายน เฟสที่สองราว 10-20 กันยายน
Ethereum ประกาศแผนการอัพเกรดบล็อกเชนเป็น Proof of Stake (PoS) อย่างละเอียดอีกครั้ง จากที่ก่อนหน้านี้ประเมินว่าจะอัพเกรด 15 กันยายน ล่าสุดแผนการอัพเกรดแบ่งเป็น 2 เฟสแทน เฟสแรกจะเริ่ม 6 กันยายน ส่วนเฟสที่สองอยู่ราว 10-20 กันยายน
ตอนนี้ Ethereum มีสายโซ่บล็อกเชน 2 สาย คือ สายหลัก (Mainnet) ที่เป็นระบบ Proof of Work (PoW) ของเดิม และสายทดสอบ (Beacon Chain) ที่ตอนนี้เป็น Proof of Stake เรียบร้อยแล้ว เป้าหมายคือการรวมเชน 2 สายเข้าด้วยกันเป็น PoS แทน
เฟสแรก สายเชน Beacon Chain จะอัพเกรดซอฟต์แวร์หลายจุด ที่เรียกรวมๆ ว่า Bellatrix Upgrade ในวันที่ 6 กันยายน 18.34 น. ตามเวลาประเทศไทย
เฟสสอง สายเชน Mainnet จะเปลี่ยนจาก PoW เป็น PoS ใช้โค้ดเนมว่า Paris Upgrade ซึ่งวันที่แน่ชัดต้องรอดูจากค่าความยากของการแฮช Terminal Total Difficulty (TTD) ของเชนด้วย แต่จะอยู่ระหว่าง 10-20 กันยายน
หลังจากอัพเกรดเฟส 2 เสร็จแล้ว รออีกราว 12-13 นาที (ระยะเวลา 2 รอบ epoch ในการทำงานของเชน) จากนั้น Mainnet จะเปลี่ยนมาเป็น PoS อย่างสมบูรณ์
ที่มา - Ethereum |
# Fitbit เปิดตัวสมาร์ทวอทช์-แบนด์ รุ่นอัพเกรด: Inspire 3, Versa 4 และ Sense 2
Fitbit เปิดตัวสมาร์ทวอทช์และสมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ 3 รุ่น ได้แก่ Inspire 3, Versa 4 และ Sense 2 ซึ่งเป็นรุ่นอัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้าที่ทั้งหมดเปิดตัวเมื่อปี 2020
โดยสมาร์ทวอทช์ Sense 2 ชูจุดขายด้านการตรวจจับข้อมูลสุขภาพ แบตเตอรี่อยู่ได้นาน 6 วัน รองรับการตรวจจับคลื่นหัวใจผิดปกติ ECG และอัลกอริทึม PPG, อัตราการเต้นหัวใจ, อุณหภูมิที่ผิวหนัง และฟีเจอร์ EDA ตรวจวัดระดับความเครียดจากการตอบสนองของร่างกาย ราคาขาย 299.95 ดอลลาร์
สมาร์ทวอทช์ Versa 4 เน้นการออกกำลังกาย รองรับโหมดออกกำลังกายมากกว่า 40 รายการ พร้อมแสดงค่าแบบเรียลไทม์ รวมทั้ง GPS และ Active Zone Minutes แบตเตอรี่อยู่ได้นาน 6 วัน มาพร้อมดีไซน์ที่บางและเบาลงกว่าเดิม ราคาขาย 229.95 ดอลลาร์
สุดท้ายสมาร์ทแบนด์ Inspire 3 แทร็กกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งการนอนหลับ อัตราเต้นหัวใจ ก้าวเดิน พร้อมแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 10 วัน ราคาขาย 99.95 ดอลลาร์ โดยทั้งสามรุ่น Fitbit เปิดให้พรีออเดอร์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้
ที่มา: Fitbit |
# Salesforce ไตรมาสล่าสุด รายได้เติบโต 26% ท่ามกลางการชะลอใช้จ่ายลูกค้าองค์กร
Salesforce รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม มีรายได้รวม 7,720 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 68 ล้านดอลลาร์
Marc Benioff ซีอีโอร่วมของ Salesforce ยอมรับว่าลูกค้าองค์กรเริ่มเข้มงวดการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายที่อาจกระทบต่อรายได้ของบริษัท แต่ก็มั่นใจว่าจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้
รายได้แยกตามประเภทธุรกิจ เป็นกลุ่ม Subscription ซึ่งรวมทั้ง Support เพิ่มขึ้น 21% ส่วน Professional services เพิ่มขึ้น 35%
ที่มา: Salesforce (pdf) และ CNBC |
# NVIDIA รายงานผลประกอบการ รายได้โตเพียง 3% ยอมรับตลาดคริปโตผันผวน กระทบยอดขาย
NVIDIA รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2023 สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม รายได้รวม 6,704 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่ลดลง 19% ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ตัวเลขนี้เป็นไปตามที่บริษัทเคยให้ไว้เบื้องต้นก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 656 ล้านดอลลาร์
Jensen Huang ซีอีโอ NVIDIA กล่าวว่าบริษัทกำลังจัดการปัญหาซัพพลายเชน ท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ท้าทาย ซึ่งบริษัทจะผ่านสิ่งนี้ไปได้ โดยมองว่ามีอีกหลายอุตสาหกรรมที่จะเติบโตอีกมาก เช่น ยานยนต์ ซึ่งจะมีเทคโนโลยีเข้าไปเสริมมากขึ้น รวมถึงความก้าวหน้าด้าน AI ที่ครอบคลุมหลายหมวดมากขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าสำหรับศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นมาตลอด
รายได้ที่เติบโตไม่มาก สาเหตุหลักมาจากกลุ่มธุรกิจเกมมีรายได้ 2,042 ล้านดอลลาร์ ลดลง 33% โดยมีกลุ่มที่รายได้เพิ่มขึ้น คือกลุ่มศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้น 61% เป็น 3,806 ล้านดอลลาร์ และกลุ่มยานยนต์เพิ่มขึ้น 45% เป็น 220 ล้านดอลลาร์
ส่วนผลกระทบจากตลาดคริปโตที่อาจทำให้ความต้องการการ์ดจอ NVIDIA ลดลงนั้น Colette Kress ซีเอฟโอ NVIDIA บอกว่าเห็นผลกระทบแล้วในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนที่ยอดขายกลุ่มสินค้าเกม แต่ด้วยภาพรวมตลาดที่ผันผวนจึงไม่สามารถประเมินได้ชัดเจนนักว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร
ที่มา: NVIDIA และ CNBC |
# NASA เตรียมทดสอบเทคโนโลยีปกป้องโลก ด้วยการเอายานพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยให้เบี่ยงวิถี
หนึ่งในมุกที่เรามักจะนึกถึงเวลาเห็นภาพยนตร์เกี่ยวกับหายนะที่จะมีอุกกาบาตขนาดยักษ์ตกลงมาที่โลกคือการส่งอะไรสักอย่างพุ่งเข้าชนมันเพื่อให้มันเบี่ยงวิถีการเคลื่อนที่ไม่พุ่งตรงมาชนโลก ซึ่งที่ว่ามานี้คือไอเดียของโครงการ Double Asteroid Redirection Test (DART) เทคโนโลยีปกป้องโลกที่ NASA กำลังจะทดสอบจริงเดือนหน้า
ยาน DART มีน้ำหนัก 610 กิโลกรัม ติดตั้งระบบเซ็นเซอร์และซอฟต์แวร์เพื่อการนำทางสำหรับเคลื่อนที่พุ่งเข้าชนเป้าหมาย พร้อมกล้องถ่ายภาพเพื่อช่วยในการสังเกตการณ์และการนำทาง มันมีแผงโซลาร์เซลล์ที่เมื่อกางออกเต็มที่จะมีความยาว 8.5 เมตรทำหน้าที่สร้างพลังงานไฟฟ้าเลี้ยงระบบต่างๆ
จุดประสงค์ของภารกิจทดสอบยาน DART นี้ก็ตรงไปตรงมา คือเพื่อทดสอบดูว่าแนวคิดการส่งยานเข้าชนวัตถุในอวกาศเพื่อเปลี่ยนแปลงแนวการเคลื่อนที่ของมันสามารถทำได้จริงหรือไม่? ถ้าวันหนึ่งมีการค้นพบเทหวัตถุที่มุ่งหน้าเข้ามาหาโลก จะสามารถใช้ระบบนี้เพื่อหลีกเลี่ยงมหันตภัยได้จริงหรือไม่?
ภาพจำลองยาน DART ก่อนการชนดาวเคราะห์น้อย
สำหรับภารกิจการทดสอบนี้ตัวยาน DART ถูกวางแผนให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 24,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พุ่งเข้าชนดาวเคราะห์น้อยที่ชื่อ Dimorphos ซึ่งกำลังโคจรรอบดาวเคราะห์น้อยอีกดวงที่มีชื่อว่า Didymos ทั้งนี้ดาวเคราะห์น้อยทั้งคู่แท้จริงแล้วไม่ได้อยู่ในแนววิถีที่จะพุ่งเข้าชนหรือเข้าใกล้โลกแต่อย่างใด
ในระหว่างการชนจะมีการสังเกตการณ์ผ่านกล้องโทรทัศน์ภาคพื้นดินที่ศูนย์สังเกตการณ์บนโลก ควบคู่ไปกับสัญญาณจากยานสังเกตการณ์อีกลำหนึ่งที่มีชื่อว่า LICIACube ซึ่งถูกส่งขึ้นสู่อวกาศไปพร้อมกัน ทั้งนี้ยาน LICIACube จะแยกตัวออกจากยาน DART ก่อนถึงกำหนดการชนและคอยทำหน้าที่เก็บข้อมูลการทดสอบ โดยยานทั้ง 2 ลำถูกส่งขึ้นสู่อวกาศพร้อมกันด้วยจรวด Falcon 9 ของ SpaceX เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2021
สิ่งที่ NASA คาดหวังจะเห็นจากการทดสอบนี้ก็คือยาน DART ขนาด 610 กิโลกรัม จะพุ่งเข้าชนดาวเคราะห์น้อย Dimorphos ที่มีน้ำหนักมากถึง 4.8 พันล้านกิโลกรัม (มากกว่า 7.8 ล้านเท่าของน้ำหนักยาน) และทำให้ดาวเคราะห์น้อยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 160 เมตร ดวงนี้เคลื่อนที่เบี่ยงวงโคจรต่างไปจากเดิมได้สำเร็จ
ภาพอธิบายการทดสอบยาน DART พุ่งชนดาวเคราะห์น้อย Dimorphos
สำหรับใครที่สนใจโปรดรอติดตามชมการทดสอบ DART พร้อมกันได้แบบสดๆ ในวันที่ 26 กันยายน เริ่มถ่ายทอดสดเวลา 18.00 น. (ตรงกับเวลา 5.00 น. ของวันที่ 27 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย) และจากการคำนวณนาทีการชนของยาน DART กับดาวเคราะห์น้อย Dimorphos จะเกิดขึ้นในนาทีที่ 74 ของการถ่ายทอดสด สามารถรับชมได้ผ่านทาง เว็บไซต์, Twitter, Facebook และช่อง YouTube ของ NASA
ที่มา - NASA ผ่าน Interesting Engineering |
# ปลุกความหลังแห่งมือถือแป้นพิมพ์ QWERTY เมื่อเรื่องราว BlackBerry กำลังจะกลายเป็นหนัง
ก่อนที่ iPhone จะถือกำเนิดและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยแห่งสมาร์ทโฟนหน้าจอสัมผัสจนถึงปัจจุบัน หลายคนคงจำกันได้ว่าครั้งหนึ่งคือช่วงสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ของ BlackBerry มือถือแบรนด์ดังจากแคนาดาที่มาพร้อมจุดเด่นสำคัญแป้นพิมพ์ QWERTY และตอนนี้เรื่องราวจากห้วงเวลาที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดจนมาถึงวันอับแสงของ BlackBerry กำลังจะถูกนำมาเล่าผ่านทางจอหนัง
งานนี้ได้ Matt Johnson ซึ่งเคยมีผลงาน "The Dirties" และ "Operation Avalanche" มาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ และได้ Jay Baruchel กับ Glenn Howerton มารับบทนำในหนังที่จะใช้ชื่อเรียบง่ายว่า "ฺBlackBerry"
ในส่วนรายชื่อนักแสดงสมทบคนอื่นๆ มีทั้ง Cary Elwes, Saul Rubinek, Rich Sommer, Martin Donovan, Michael Ironside และรวมถึงตัว Matt Johnson ผู้กำกับเองด้วย
เนื้อหาในหนังอิงมาจากหนังสือชื่อ “Losing the Signal: The Untold Story Behind the Extraordinary Rise and Spectacular Fall of BlackBerry” ซึ่งเขียนโดย 2 นักข่าวแคนาดา Jacquie McNish และ Sean Silcoff บอกเล่าถึงความเป็นไปของ BlackBerry ในช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมขายดิบขายดีจนกระทั่งถึงวันที่โดน Apple และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นแซงหน้า แฝงด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์เชิงธุรกิจระหว่าง Mike Lazaridis กับ Jim Balsillie ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท
ในตอนนี้การถ่ายทำของหนังเสร็จไปแล้ว เข้าสู่ขั้นตอนการตัดต่อและกระบวนการอื่นๆ หลังการถ่ายทำ โดย XYZ Films หนึ่งในบริษัทผู้ร่วมลงทุนสร้างจะรับผิดชอบการขายหนังให้แก่ผู้สนในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่ Toronto (TIFF)
ที่มา - Vareity |
# เกาหลีใต้เตรียมอนุญาตให้ขายประกันผ่านแอพ ล่าสุดเจอม็อบตัวแทนขายประกันมาประท้วง
คณะกรรมาธิการบริการการเงิน หรือ FSC (ย่อมาจาก Financial Services Commission) ของเกาหลีใต้เพิ่งพิจารณาอนุมัติให้บริษัทเทคอย่าง Naver และ Kakao ทำการทดสอบระบบแนะนำประกันผ่านแอพได้ในช่วงต้นเดือนตุลาคม งานนี้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบอาชีพตัวแทนขายประกันเต็มๆ จึงมีการออกมารวมตัวประท้วงคัดค้านนโยบายดังกล่าว
ด้วยนโยบายใหม่นี้ Naver และ Kakao จะมีสถานะเป็นบริษัทตัวแทนแนะนำประกันและสามารถให้บริการเปรียบเทียบเงื่อนไขราคาการทำประกันจากบริษัทประกันหลายรายแก่ผู้ใช้ได้ด้วย พร้อมกันนี้ FSC ยังอนุญาตให้พวกเขาสามารถเสนอข้อมูลเปรียบเทียบเงื่อนไขการฝากเงินของธนาคารแต่ละราย เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนรับฝากเงินแทนเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ด้วย โดยเงื่อนไขสำคัญที่ FSC กำหนดไว้ก็คือบริษัทเทคเหล่านี้สามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ได้เท่านั้นแต่ไม่อาจทำการขายได้เอง และผลิตภัณฑ์ประกันที่มีความเสี่ยงสูงไม่อยู่ในข่ายที่ได้รับอนุญาตให้ทำการแนะนำแก่ลูกค้า
สำหรับ Kakao หนึ่งในบริษัทที่ถูกกล่าวถึงได้มีการตั้งบริษัท Kakao Pay Insurance ขึ้นมาโดยเฉพาะและได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันจาก FSC มาแล้วเรียบร้อยตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาเตรียมเม็ดเงินลงทุนราว 100 พันล้านวอน (ประมาณ 2.69 พันล้านบาท) ไว้เพื่อลุยธุรกิจใหม่นี้โดยเฉพาะ
ทั้งนี้ FSC จะประเมินจากผลการทดลองดำเนินการก่อนพิจารณาว่าจะอนุญาตให้บริษัทอย่าง Naver และ Kakkao สามารถประกอบธุรกิจขายประกันผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ รวมทั้งแอพที่พัฒนาขึ้นได้อย่างเป็นทางการหรือไม่
อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้ประกอบอาชีพตัวแทนขายประกันแบบดั้งเดิมต่างพากันคัดค้านนโยบายใหม่ของ FSC นี้ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม ได้มีกลุ่มผู้ประกอบอาชีพตัวแทนขายประกันราว 300 คน ได้มารวมตัวกันหน้าสำนักงานประธานาธิบดี Yoon Suk-yeol ในเขต Yongsan
โฆษกของสมาคมผู้ประกอบอาชีพตัวแทนขายประกัน หรือ IAA (ย่อมาจาก Insurance Agency Association) ได้ออกแถลงการณ์ตำหนิ FSC ว่าไม่ยอมนำเรื่องนี้มาหารือกับสมาคม อีกทั้งไม่ยอมเปิดเผยรายงานจากการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพตัวแทนขายประกันทั่วไป นอกจากนี้ในแถลงการณ์ยังแสดงความกังวลว่าบริษัทเทคยักษ์ใหญ่จะผูกขาดธุรกิจประกันโดยอาศัยทุนที่หนากว่าและฐานข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาล
ต้องติดตามดูต่อไปว่าในท้ายที่สุดแล้วนโยบายนี้จะผ่านการทดสอบและประกาศใช้เป็นการถาวรหรือไม่
ที่มา - The Korea Herald
Business insurance by Nick Youngson CC BY-SA 3.0 Pix4free |
# Apple จัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ คืนวันที่ 7 กันยายนนี้ คาดมีทั้ง iPhone 14 และ Apple Watch รุ่นใหม่
แอปเปิลประกาศจัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ พร้อมสโลแกน Far out. ในคืนวันพุธที่ 7 กันยายน 2022 เวลาเที่ยงคืน (เข้าสู่วันที่ 8 กันยายน) ตามเวลาในประเทศไทย โดยงานจะจัดขึ้นที่ Steve Jobs Theater ในสำนักงานใหญ่ Apple Park ที่ Cupertino โดยมีผู้ชมและสื่อที่ได้รับเชิญเข้าร่วมในห้องประชุม
สำหรับสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัวนั้น ก็จะเป็นไปตามรอบของงานเปิดตัวเดือนกันยายนนั่นคือ iPhone รุ่นใหม่ที่คาดว่าใช้ชื่อ iPhone 14
ส่วนสินค้าอื่นที่คาดว่าจะเปิดตัวในงานด้วยคือ Apple Watch รุ่นใหม่ ส่วนสินค้าตัวอื่นได้แก่ AirPods, iPad รุ่นใหม่, iPad Pro รุ่นใหม่ ไปจนถึง Mac Pro คาดว่าแอปเปิลจะจัดงานเปิดตัวเพิ่มอีกงานในเดือนตุลาคม
งาน Apple Event เดือนกันยายนนี้ แอปเปิลจะถ่ายทอดสดทุกช่องทางเหมือนเดิมทั้งในเว็บไซต์ของแอปเปิล, YouTube และ Apple TV
ที่มา: MacRumors |
# iFixit ติง Apple โครงการซื้ออะไหล่ซ่อมเอง MacBook Pro จะเปลี่ยนแค่แบตฯ แต่ต้องเปลี่ยนทั้งเคส
จากที่แอปเปิลประกาศโครงการ Self Service Repair ที่ให้ลูกค้าสามารถซื้ออะไหล่พร้อมเช่าอุปกรณ์ เพื่อซ่อมแซมอุปกรณ์ได้เอง โดยล่าสุดขยายมารองรับ MacBook ตระกูล M1 ด้วย ล่าสุด iFixit ผู้ขายอุปกรณ์ซ่อมแซมทุกสิ่งอย่าง ได้ดูรายละเอียดการซ่อมแล้ว ก็แสดงความกังวลผ่านบล็อกของบริษัท
โดย iFixit พบว่าการซ่อม MacBook Pro ยังออกแบบมาไม่คุ้มสำหรับการซ่อมเอง โดยยกตัวอย่างการเปลี่ยนแบตเตอรี่ คู่มือระบุไว้ว่าต้องสั่ง Top Case ทั้งชิ้น ซึ่งประกอบด้วย แบตเตอรี่ คีย์บอร์ด ไมโครโฟน ลำโพง ทั้งหมดติดรวมเป็นชิ้นเดียวกันด้วยกาว ไม่สามารถซื้อแยกได้ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้รวม 527 ดอลลาร์ แต่ถ้าไปศูนย์แอปเปิลเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 199 ดอลลาร์ เพราะแอปเปิลสามารถแกะเปลี่ยนเฉพาะแบตเตอรี่ได้
แอปเปิลระบุในคู่มือว่า อนาคตจะทำให้สามารถเปลี่ยนแค่แบตเตอรี่ได้ แต่ไม่ได้ระบุว่าเมื่อใด ทั้งนี้ปัญหาเปลี่ยนยกแผงพบเฉพาะใน MacBook Pro เท่านั้น ขณะที่ MacBook Air สามารถเปลี่ยนแยกส่วนได้
ที่มา: MacRumors |
# อบจากเตา ผู้สร้าง Bun รันไทม์จาวาสคริปต์เน้นความเร็วเปิดบริษัท Oven ได้รับทุนแล้ว 7 ล้านดอลลาร์
Jarred Sumner นักพัฒนา Front End ที่หันมาพัฒนารันไทม์จาวาสคริปต์ Bun โดยชูจุดแข็งความเร็วเหนือกว่ารันไทม์ยอดนิยม ประกาศเปิดบริษัท Oven ที่จะเป็นผู้พัฒนาหลักของ Bun
Bun ได้รับความนิยมอย่างสูงในเวลาอันสั้น ตอนนี้มีดาวบน GitHub แล้ว 32,000 ดาว พร้อมกับสมาชิกใน Discord อีกถึง 14,000 คน ตอนนี้เป้าหมายการพัฒนาคือการออกรุ่นเสถียรภายใน 6 เดือนข้างหน้า
ตัวบริษัท Oven ได้รับทุนมาแล้ว 7 ล้านดอลลาร์ และกำลังรับสมัครนักพัฒนาเพิ่มเติม โมเดลรายได้ของ Oven จะเปิดบริการคลาวด์ของตัวเอง รูปแบบน่าจะคล้าย Deno Deploy ที่พัฒนารันไทม์เหมือนกัน
ที่มา - Oven.sh |
# Brian Kernighan ผู้สร้างยูนิกซ์กลับมาส่งโค้ดเข้าโครงการ AWK ระบุกำลังฝึกใช้ Git เลยส่ง pull request ไม่เป็น
Brian Kernighan หนึ่งในผู้สร้างยูนิกซ์กลับมาส่งโค้ดเข้าโครงการ AWK เพื่อให้รองรับ Unicode ได้ดีขึ้น ทั้งการนับความยาวตัวอักษรและการใช้ค้นหาข้อความใน regular expression
ตอนนี้ Kernighan อายุ 80 ปีแล้ว เขาร่วมกับ Ken Thompson, Dennis Ritchie, Douglas McIlroy, และ Joe Ossanna พัฒนายูนิกซ์ตั้งแต่ปี 1969 จนสำเร็จและใช้งานภายใน Bell Labs เมื่อปี 1971 หรือ 51 ปีที่แล้ว เขายังเป็นผู้ร่วมสร้างโปรแกรม AWK ภาษาโปรแกรมสำหรับประมวลไฟล์ข้อความในปี 1977
ปัจจุบัน Kernighan เป็นอาจารย์อยู่ Princeton และเขาเคยพูดว่าอยากปรับปรุง AWK ให้รองรับไฟล์ CSV ส่วนการส่งโค้ดหากเขาเข้าใจ Git ดีกว่านี้ก็จะพยายามส่งโค้ดเป็น pull request แทนอีเมลในรอบนี้
ที่มา - ArsTechnica
Brian Kernighan เมื่อปี 2012 โดย Ben Lowe |
# ผู้กำกับ Super Smash Bros. ควักเงินเปิดช่อง YouTube เล่าเรื่องแชร์ความรู้การพัฒนาเกม
Masahiro Sakurai ผู้กำกับเกมดัง "Super Smash Bros." เปิดช่อง YouTube ส่วนตัวในชื่อ "Masahiro Sakurai on Creating Games" เพื่อแชร์เรื่องราววงการเกมและแนะนำให้ความรู้เรื่องการพัฒนาเกม
ผู้กำกับวัย 52 ปีรายนี้เป็นที่รู้จักกันดีจากผลงานเกมตระกูล "Super Smash Bros." และ "Kirby" ด้วยการคร่ำหวอดในวงการมานาน 30 ปีนับตั้งแต่ "Kirby's Dream Land" ผลงานเกมแรกที่เจ้าตัวรับหน้าที่เป็นทั้งผู้กำกับและผู้ออกแบบเกมออกมาเมื่อปี 1992 และทำงานพัฒนาเกมมาจนถึงปัจจุบันร่วม 14 เกม นั่นย่อมการันตีได้ถึงประสบการณ์อันโชกโชน
เจ้าตัวเผยปณิธานว่างานนี้ควักเงินจ้างทีมงานและแปลภาษาเพื่อผลิตสื่อให้ชมฟรีไม่มีการใส่โฆษณาหารายได้ผ่าน YouTube เพราะงานนี้เขาทำไปก็เพื่อให้โลกนี้มีเกมสนุกมากขึ้น โดยจะมีการทำคลิปเป็น 2 ภาษา คือ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษแยกออกจากกัน
รายละเอียดในคลิปจะมีเนื้อหาเชิงเทคนิคประกอบกับฟุตเทจจริงจากเกมต่างๆ (ไม่ได้จำกัดเฉพาะเกมของ Sakurai เองหรือเฉพาะเกมของ Nintendo) และอาจมีภาพหรือเอกสารจากงานที่เจ้าตัวเคยพัฒนาให้ Nintendo บางส่วนเอามาแบ่งปันเรื่องราวให้รับชมด้วย แต่ภาพรวมของแต่ละคลิปจะไม่เน้นเนื้อหาเชิงเทคนิคที่ลึกจนเกินไปนักเพราะอยากให้คนนอกวงการรับชมและเข้าใจได้ด้วย
Sakurai กล่าวด้วยความหวังว่าไอเดียและเทคนิคการคิดในการพัฒนาเกมที่จะนำมาแบ่งปันผ่านช่อง YouTube ส่วนตัวของเขานี้จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งนักพัฒนาเกมที่อาจจะได้ไอเดียหรือแนวคิดไปปรับปรุงต่อยอดงาน รวมทั้งผู้คนและเกมเมอร์ทั่วไปที่จะได้ความบันเทิงจากการเปิดหูเปิดตารับรู้เรื่องราวของอุตสาหกรรมเชิงลึกมากขึ้น
ล่าสุดช่อง "Masahiro Sakurai on Creating Games" ก็ปล่อยคลิปวิดีโอเรื่องเทคนิคการพัฒนาเกมคลิปแรกมาแล้ว อธิบายเรื่องความสำคัญและเทคนิคของการหยุดภาพในเกมที่จะช่วยเสริมอารมณ์ให้กับผู้เล่นได้มากขึ้น
ใครที่สนใจก็เข้าไปกดติดตามรับชมสาระวงการพัฒนาเกมกันได้ที่นี่
ที่มา - SoraNews24 |
# Amazon เปิดตัว Alexa Game Control สั่งงานเกมด้วยเสียงพูด ใช้เอนจินเดียวกับ Alexa
Amazon ประกาศฟีเจอร์ Alexa Game Control ที่ให้เราสั่งงานเกมด้วยเสียงได้ เช่น พูดว่า "swap to my best weapon" เพื่อเปลี่ยนมาสวมใส่อาวุธที่ดีที่สุดของตัวละครนั้น
ฟีเจอร์นี้ใช้เอนจินวิเคราะห์เสียงตัวเดียวกับ Alexa เป็นการทำงานที่ระดับซอฟต์แวร์ล้วนๆ ไม่จำเป็นต้องผ่านลำโพง Echo และไม่ต้องสั่งคำว่า Alexa นำหน้า แต่จำเป็นต้องต่อเน็ตตลอดเวลา และฝั่งนักพัฒนาเกมต้องรองรับด้วย โดย Amazon ระบุว่ามี SDK/plugin ให้กับเกมที่สร้างด้วย UE4, Unity และเอนจินอื่นที่เป็น C++ เบื้องต้นยังใช้ได้เฉพาะเกมพีซีและ Xbox เท่านั้น
ตอนนี้มีเกมดังที่รองรับแล้ว 1 เกมคือ Dead Island 2 เกมเอาตัวรอดจากโลกซอมบี้ของค่าย Deep Silver ที่เพิ่งเปิดตัวพร้อมกัน ผู้เล่นสามารถพูดว่า "Hey zombie" เรียกความสนใจจากซอมบี้ในเกม หรือสั่ง “where is the nearest workbench” เพื่อนำทางในเกมได้
ที่มา - Amazon, The Verge |
# Plex รายงานพบข้อมูลลูกค้าบางส่วนรั่วไหล แนะนำเปลี่ยนรหัสผ่านทันที
Plex โปรแกรมสำหรับทำ Media Server เพื่อใช้งานเอง รายงานพบการเจอข้อมูลรั่วไหลเมื่อวานนี้ (23 สิงหาคม) ที่ผ่านมา
ทาง Plex ไม่ได้อธิบายว่าแฮคเกอร์โจมตีด้วยวิธีใด แต่ระบุว่ามีข้อมูลของผู้ใช้เพียงบางส่วน ได้แก่อีเมล์ ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านที่ผ่านการเข้ารหัส และข้อมูลที่หลุดเพียงผู้ใช้บางกลุ่มเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ทาง Plex ยังคงแนะนำให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที และเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
ที่มา - อีเมลข่าวสารจาก Plex |
# อินเทลยอมรับ ไดรเวอร์จีพียู Arc มีปัญหาคุณภาพ กำลังแก้บั๊กอยู่, DirectX 11 ประสิทธิภาพแย่
มาถึงวันนี้ อินเทลยังไม่สามารถวางขายการ์ดจอแยก Intel Arc เวอร์ชันเดสก์ท็อปได้ตามแผน (เดิมทีบอกขายภายในไตรมาส 2) ตอนนี้ยังมีเพียงจีพียูรุ่นล่างสุด Intel Arc A380 วางขายแค่รุ่นเดียว แถมรีวิวก็ออกมาแย่เพราะปัญหาบั๊กของไดรเวอร์ และมีปัญหาประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่เก่าสักหน่อย
สัปดาห์ที่ผ่านมา Lisa_Pearce ผู้บริหารฝ่ายกราฟิกของอินเทล ต้องออกมาเขียนบล็อกยอมรับว่าคุณภาพของไดรเวอร์มีปัญหาจริง และชี้แจงในประเด็นต่างๆ ดังนี้
เหตุที่ Arc มีปัญหาประสิทธิภาพกับ DirectX 11 เป็นเพราะเป็น API รุ่นเก่ามีความซับซ้อนกว่า API สมัยใหม่ที่คุมฮาร์ดแวร์ระดับล่างได้ดีกว่าอย่าง DirectX 12 หรือ Vulkan และต้องใช้เวลาปรับแต่งกันนาน อินเทลบอกว่าจะพัฒนาช่องว่างประสิทธิภาพของ DirectX 11-12 ให้ดีขึ้นในระยะยาว ตอนนี้ถ้าเกมรองรับ DX12 ก็ให้ใช้ DX12 จะเห็นผลที่ดีขึ้นชัดเจน
เรื่องคุณภาพของไดรเวอร์ หลังจากรีวิวของช่อง YouTube และเว็บไซต์ต่างๆ ชี้ให้เห็นปัญหาของไดรเวอร์แล้ว อินเทลรวบรวมบั๊กได้ 43 จุด แก้ไปแล้ว 25 จุด และกำลังพยายามแก้บั๊กต่อไป
ฟีเจอร์ Resizable BAR (ReBAR) ที่ช่วยให้ซีพียูเข้าถึงหน่วยความจำจีพียูโดยตรง (มีในจีพียู NVIDIA/AMD อยู่แล้ว) แม้เป็นทางเลือก (optional) แต่อินเทลก็แนะนำให้เปิดใช้งาน เพราะ Arc ออกแบบมาสำหรับงานที่ต้องใช้หน่วยความจำขนาดใหญ่ และแนะนำให้ผู้ผลิตเมนบอร์ดเปิดฟีเจอร์นี้เป็นดีฟอลต์
คลิปชี้แจงจากอินเทล
คลิปรีวิวของช่องต่างๆ ที่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของ Intel Arc
ที่มา - Intel, ExtremeTech |
# MINI ร่วมมือกับ Pokemon เปิดตัวคอนเซปต์คาร์มาในธีม Pikachu
MINI ร่วมมือกับ Pokemon เปิดตัวคอนเซปต์คาร์รถไฟฟ้าที่มาในธีม Pikachu ออกโชว์ในงาน Gamescom ซึ่งจัดขึ้นในช่วงวันที่ 24-28 สิงหาคมนี้ ในเมือง Cologne ประเทศเยอรมนี
MINI ใช้รถ Aceman ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า มาทำการดัดแปลงการตกแต่งและใส่ลูกเล่นเข้าไปเพิ่มเติมนิดหน่อย ด้วยการเปลี่ยนแสงสีในรถให้เป็นภาพ Pikachu กับสายฟ้าที่มาตอนเดินเครื่องรถ และเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ด้านหน้าที่ทำให้สามารถฉายหนังหรือต่อเครื่องเล่นเกมเข้ากับรถแล้วฉายภาพไปยังผนังหรือกำแพงด้านหน้ารถได้
MINI ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอื่นใดสำหรับคอนเซปต์คาร์คันนี้ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเป็นการทำออกมาโชว์เพื่อโชว์เป็นหลัก แต่ก็เรียกว่าเป็นไอเดียที่เก๋ไม่เบาในการดึงเอา Pikachu มาเสริมภาพลักษณ์รถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง
การเปิดตัวรถในงาน Gamescom
การปรับแต่งการแสดงผลในธีม Pikachu และเครื่องฉายโปรเจคเตอร์หน้ารถ
ที่มา - The Verge |
# Elon Musk ยื่นศาลออกหมายเรียก Jack Dorsey ซีอีโอคนเก่าของ Twitter เปิดเผยข้อมูลดีลซื้อกิจการ
ทีมกฎหมายของ Elon Musk ได้ยื่นต่อศาลให้ออกหมายเรียก Jack Dorsey ซีอีโอคนเก่าของ Twitter เพื่อให้เปิดเผยเอกสารและข้อมูลการพูดคุยที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงการซื้อ-ขาย Twitter รวมถึงเอกสารและข้อมูลการพูดคุยที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบของบัญชีบ็อตหรือสแปมที่มีผลต่อธุรกิจและการจัดการของ Twitter
นอกจากนี้ ทีมของ Musk ยังร้องขอข้อมูลที่เกี่ยวกับการที่ Twitter ใช้ผู้ใช้แบบ MDAUs ในการนับบัญชีบ็อตเป็นหลัก ซึ่งอาจมีสแปมหรือบ็อตอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่ม MDAUs ทำให้ตัวเลขบัญชีบ็อตที่ Twitter เปิดเผยกับ Musk น้อยกว่าความเป็นจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ Musk ก็ได้วิจารณ์ว่าการใช้วิธีนี้นับบัญชีบ็อตของ Twitter เป็นวิธีที่ไม่ดี
เอกสารในชั้นศาลระบุว่า Dorsey ยอมรับจะมาตามหมายเรียก ซึ่งการพิจารณาคดีระหว่าง Musk และ Twitter จะมีขึ้นในเดือนตุลาคมโดยกินระยะเวลา 5 วัน
ก่อนหน้านี้ Twitter ก็ได้ยื่นต่อศาลให้ออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องกับ Musk ซึ่งรวมถึงบริษัทผู้ลงทุนและนักลงทุนหลายรายซึ่งรวมถึงมาเฟียกลุ่ม PayPal ผู้มีอิทธิพลในวงการเทคโนโลยีที่ทำงานในบริษัทที่ Musk ร่วมก่อตั้งด้วย
ที่มา: CNN |
# Twitter ถูกอดีตพนักงานแฉ เรื่องการนับสแปม ความเป็นส่วนตัวและความเชื่อมโยงกับรัฐบาล
Peiter Zatko อดีตผู้บริหารฝ่ายความปลอดภัยของ Twitter ได้ยื่นคำฟ้องให้กับ กลต. สหรัฐ (SEC), FTC และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ที่ระบุถึงความบกพร่องร้ายแรงของ Twitter โดยรายละเอียดของคำร้อง เกี่ยวกับการนับบัญชีสแปมของ Twitter ที่ปกปิดและไม่ตรงความจริง ไปจนถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้ Twitter และความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลอินเดีย
Zatko ส่งข้อมูลให้กับหน่วยงานรัฐตั้งแต่เดือนที่แล้ว ก่อนที่จะเพิ่งถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยรายละเอียดระบุว่าการนับบัญชีสแปมของ Twitter น้อยกว่าความเป็นเป็นจริงโดยตั้งใจ (deliverately undercount) เพราะ Twitter เน้นแต่การนับผู้ใช้งานด้วยหน่วยวัดที่เรียกว่า MDAUs (monetizable daily active users) แทนที่จะเป็น DAUs (daily active users) ทั้งหมด ซึ่งมีบัญชีอีกนับล้านที่เป็นสแปมหรือบ็อต และไม่ได้ถูกนับรวมอยู่ใน MDAUs เพราะ Twitter ไม่สามารถหาเงินจากบัญชีเหล่านี้ได้
นอกจากนี้ Zatko ยังแฉด้วยว่า Twitter มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลต่างประเทศ รวมถึงมีการจ้างคนที่เข้ามาทำงานเหมือนเป็นสปาย เช่น กับรัฐบาลอินเดียที่บีบให้ Twitter จ้างพนักงาน ที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเป็นจำนวนมาก (vast amounts of Twitter sensitive data)
การยื่นร้องเรียนดังกล่าวอาจมีผลต่อคดีระหว่าง Twitter และ Elon Musk เพราะการร้องเรียนของ Zatko มีความเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาของ Musk ที่กล่าวหาว่า Twitter ไม่ยอมเปิดเผยจำนวนบ็อตที่แท้จริง ในเรื่องนี้นาย John Tye ผู้ก่อตั้งบริษัท Whistleblower Aid ที่เป็นผู้ช่วย Zatko ยื่นคำร้องกล่าวว่า Zatko ไม่เคยพบหรือพูดคุยกับ Musk และทีมของ Musk ก็ไม่ได้ติดต่อมาพูดคุยกับบริษัทเรื่องการยื่นคำร้องนี้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ Zetko ถูกไล่ออกตั้งแต่ต้นปี ซึ่งโฆษก Twitter อ้างว่าถูกไล่ออกเพราะไม่มีประสิทธิภาพที่จะเป็นผู้นำ รวมถึงความสามารถในการทำงานย่ำแย่ ขณะที่หุ้นของ Twitter เมื่อวานนี้ตกลงถึง 7.3% หลังข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยออกมา
ที่มา: Wall Street Journal |
# นักพัฒนาสร้าง AI วาดภาพจากข้อความ ไปอีกขั้นด้วย AI วาดภาพ NSFW
ท่ามกลางกระแสของ AI วาดภาพจากคีย์เวิร์ดอย่าง Midjourney ในที่สุดก็มีนักพัฒนาทำ AI ที่สามารถวาดภาพโป๊เปลือยขึ้นจาก AI แล้ว
นักพัฒนาที่ทำระบุว่า pornpen.ai ใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ text-to-image ตัวใหม่ ขณะที่เว็บของเขาไม่ได้เปิดให้สามารถพิมพ์ข้อความได้ เพื่อป้องกันการสร้างภาพที่อาจจะอันตราย (หรือผิดกฎหมาย เช่น CSAM - ผู้เขียนตีความเอง) โดยจะอาศัยการเลือกแท็กเพื่อสร้างภาพแทน ขณะที่แท็กใหม่ๆ จะมีอัพเดตเรื่อยๆ เมื่ออัลกอริทึมพร้อมสำหรับแท็กนั้นๆ
ที่มา - yCombinator |
# TikTok ทดสอบหน้าฟีด Nearby สำหรับแสดงเนื้อหาจากพื้นที่ใกล้เคียงผู้ใช้
TikTok เปิดเผยว่ากำลังทดสอบหน้าฟีดใหม่ที่แสดงเนื้อหาเกี่ยวกับพื้นที่ใกล้เคียงของผู้ใช้ เช่น ร้านค้าหรือสถานที่ต่าง ๆ โดยเลือกทดสอบเฉพาะกับผู้ใ้ช้บางกลุ่มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ใช้จะเห็นหน้าฟีดใหม่นี้ในหน้าโฮมใกล้หน้า “กำลังติดตาม” และ “สำหรับคุณ”
การเพิ่มฟีด Nearby อาจเป็นพื้นที่โฆษณาทำให้ผู้ใช้พบธุรกิจเล็ก ๆ ใหม่ ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงก็ได้ ทั้งนี้ การทดลองยังอยู่ในวงจำกัดมากและ TikTok ยังไม่ได้มีแผนเกี่ยวกับการปล่อยหน้าฟีดใหม่เท่าใดนัก โดยฟีด Nearby กำลังทดสอบไปพร้อมกับการให้ผู้ใช้ติดแท็กสถานที่เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับชมเนื้อหาที่มีความใกล้ตัวและเฉพาะตัวมากขึ้น แต่ TikTok ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะมีเพียงวิดีโอที่ติดแท็กสถานที่เท่านั้นหรือไม่ที่จะแสดงในฟีด Nearby
หาก TikTok ปล่อยหน้าฟีดใหม่นี้อาจจะทำให้กระทบต่อแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น TripAdvisor หรือ Google Maps ก่อนหน้า Google ก็ได้ออกมายอมรับว่าผู้ใช้ Gen Z นิยมใช้ TikTok และ Instagram ในการค้นหาข้อมูลมากกว่า Google
ที่มา: TechCrunch |
# PlayStation เปิดตัว DualSense Edge เน้นการปรับแต่งปุ่มสำหรับเกมเมอร์ฮาร์ดคอร์
PS5 Pro ยังไม่มา แต่จอยรุ่น Pro มาแล้วกับ DualSense Edge ใหม่ที่ PlayStation เพิ่งเปิดตัวสำหรับ PS5 ซึ่งฟีเจอร์หลักจาก DualSense อยู่ครบหมด แต่ความแตกต่างคือความสามารถในการปรับแต่งปุ่มต่างๆ ได้มากขึ้น สำหรับเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ ดังนี้
Ultra-customizable controls ปรับแต่งปุ่มต่างๆ บนจอยได้อิสระ หรือปิดใช้บางปุ่มก็ได้ รวมถึงปรับน้ำหนักของปุ่ม (sensitivity / travel distance) และ Dead Zone (ปรับว่าแกนอนาล็อคขยับแค่ไหนตัวเกมถึงรับรู้ได้)
Multiple control profile การปรับแต่งปุ่มต่างๆ สามารถเซฟเป็นโปรไฟล์สำหรับแต่ละคนได้ (Sony ไม่ได้บอกว่าได้กี่โปรไฟล์)
On-controller user interface เพิ่มปุ่ม Fn ที่ใต้ปุ่มอนาล็อค สำหรับการปรับแต่งการทำงานต่างๆ ของจอย ทั้งโปรไฟล์ เสียงในเกม รวมถึงการแชทกับเพื่อน ได้ทันทีผ่านหน้าต่างพิเศษเฉพาะสำหรับการใช้งาน Dualsense Edge เท่านั้น
Changeable stick caps and back buttons ปุ่ม R2 L2 สามารถปรับระดับความลึกได้ 3 ระดับ จากปุ่มสไลด์เลื่อนด้านหลัง (standard, high dome, and low dome) รวมถึงเพิ่มปุ่มพิเศษอีก 2 ปุ่ม บริเวณด้านหลังของจอย (นิ้วกลางของ 2 นิ้วเวลาถือจอย)
Replaceable stick modules เป็น Expansion ของจอย ที่จะขายปุ่มพิเศษเพิ่มเติมแยกต่างหาก
นอกจากนี้ DualSense Edge ยังมาพร้อมสาย USB-C ที่มีตัวล็อกกับจอย ป้องกันปัญหาสายหลุดขณะเล่นเกม โดย DualSense Edge ยังไม่มีการระบุราคาและวันวางจำหน่าย
ที่มา - PlayStation |
# อินเทลยืนยัน Meteor Lake มาปี 2023 ตามแผน สถาปัตยกรรม Tile จ้าง TSMC ผลิตบางส่วน
อินเทลประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมของซีพียูรุ่นถัดๆ ไป ได้แก่ Meteor Lake, Arrow Lake, Lunar Lake ที่จะออกในปี 2023-2024 (ปลายปีนี้จะมี Raptor Lake ที่นับเป็น Core 13th Gen ซึ่งเป็นเวอร์ชันอัพเกรดของ Alder Lake ที่ออกช่วงต้นปี)
Meteor Lake (น่าจะนับเป็น 14th Gen) จะเป็นชิปรุ่นแรกของอินเทลที่ใช้ดีไซน์แบบ tile-based นำชิ้นส่วนต่างๆ มาต่อกันบนชิปตัวเดียวด้วยเทคโนโลยีแพ็กเกจ 3D stacking ที่เรียกว่า Foveros (อ่านรายละเอียดเรื่อง Foveros)
Meteor Lake จะมี tile ทั้งหมด 4 ชิ้นคือ CPU, Graphics, SOC, IO มาวางอยู่บนฐาน (interposer หรือ base tile) เดียวกันด้วยขาต่อแบบ Foveros
จุดที่น่าสนใจคือ อินเทลจะผลิตเฉพาะ CPU tile (กระบวนการ Intel 4) และ base tile (กระบวนการ Intel 16) เท่านั้น ที่เหลืออีก 3 ชิ้นจะใช้วิธีจ้างโรงงานภายนอกคือ TSMC ผลิตให้แทน ตอนนี้อินเทลยืนยันแล้วว่าจ้าง TSMC แต่กระบวนการผลิตของ TSMC ยังไม่ยืนยัน คาดว่าจะมีทั้ง N5/N6 ผสมกัน
Meteor Lake จะวางขายในปี 2023 (ยังไม่ระบุช่วงเดือน) โดยมีทั้งชิปสำหรับเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก จากนั้นจะเป็นคิวของ Arrow Lake ที่เป็นเวอร์ชันอัพเกรดของ Meteor Lake มีทั้งเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กเช่นกัน (คาดว่าเป็นปี 2024) และปิดท้ายด้วย Lunar Lake ที่เน้นตลาดชิปประหยัดพลังงาน 15 วัตต์ลงไป
ที่มา - Intel, Tom's Hardware |
# NASA อนุมัติแผนยิงจรวด Artemis I ขึ้นสู่ดวงจันทร์ ตามกำหนด 29 สิงหาคม
NASA อนุมัติแผนการของภารกิจ Artemis I ที่จะส่งจรวดไปวนรอบดวงจันทร์ โดยเดินหน้าตามแผนการยิงจรวดวันที่ 29 สิงหาคม ตามกำหนดเดิม
ก่อนหน้านี้ NASA มีปัญหาเรื่องความพร้อมของจรวด Space Launch System (SLS) จนต้องเลื่อนภารกิจ Artemis I มาแล้วหลายรอบ แต่ตอนนี้คณะกรรมการตรวจสอบความพร้อม (Flight Readiness Review) อนุมัติเรียบร้อยแล้ว
การยิงจรวด SLS ตามภารกิจ Artemis I จะยิงขึ้นจากฐานที่ Kennedy Space Center ในวันที่ 29 สิงหาคม 2022 เวลาท้องถิ่น 8.33 น. ตรงกับเวลาบ้านเรา 19.33 น. มีกรอบเวลายิง 2 ชั่วโมง ถ้าลมฟ้าอากาศ สภาพแวดล้อมเป็นใจ เราก็จะได้เห็น Artemis I ขึ้นไปวนรอบดวงจันทร์ได้ตามแผน แต่ถ้ายิงไม่สำเร็จ กรอบเวลาถัดไปคือ 5 กันยายน
ความสำคัญของภารกิจ Artemis คือการพามนุษย์กลับสู่ดวงจันทร์อีกครั้งของ NASA ในรอบหลายสิบปี หลังจากหมดยุคของโครงการ Apollo ไปตั้งแต่ปี 1972
ภาพจาก NASA
เส้นทางบินของ Artemis I รอบดวงจันทร์
ที่มา - NASA |
# DigitalOcean ซื้อกิจการ Cloudways ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง
DigitalOcean ประกาศเตรียมซื้อกิจการ Cloudways ผู้ให้บริการคลาวด์โฮสติ้งและ SaaS เน้นกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ซึ่ง DigitalOcean มองว่าดีลนี้จะทำให้บริษัทเข้าถึงลูกค้าได้ในทุกกลุ่มมากขึ้น
จุดเด่นของ Cloudways ที่ทำให้ DigitalOcean สนใจ คือเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้าซึ่งไม่มีทักษะด้านเทคนิคมากนัก สามารถสร้างเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะที่เป็น WordPress, PHP และ Magento ทั้งนี้ทั้งสองบริษัทเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกันมาตั้งแต่ 2014
Cloudways จะยังเป็นบริษัทแยกดำเนินงานอิสระ ซีอีโอ Aaqib Gadit ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปหลังดีลเข้าซื้อกิจการเสร็จสิ้น
ที่มา: DigitalOcean |
# Firefox ออกอัพเดตเวอร์ชัน 104 เพิ่มข้อมูลการใช้ CPU ของแต่ละเว็บไซต์
Firefox ออกอัพเดตเวอร์ชัน 104 มีรายการของใหม่ดังนี้
รองรับการแสดงซับไตเติ้ลในโหมด Picture-in-Picture ของ Disney+
Profiler รองรับการแสดงการใช้ซีพียูของแต่ละเว็บไซต์ รองรับเฉพาะ Apple M1 และ Windows 11
ปรับปรุงการ scroll หน้าจอ
ลดการใช้พลังงาน เมื่อย่อหน้าต่างลง
ที่มา: Mozilla |
# Apple ยืนยันแล้ว iPadOS 16 จะเลื่อนออกอัพเดตจากกำหนดเดิม โดย iOS 16 จะออกมาก่อน
แอปเปิลออกอัพเดต iPadOS 16.1 และ iOS 16.1 เวอร์ชันเบต้าสำหรับนักพัฒนาในวันนี้ โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าสำหรับปีนี้ iPadOS เวอร์ชันใหญ่ประจำปี จะไม่ได้ออกมาให้อัพเดตพร้อมกันกับ iOS 16 ซึ่งเป็นไปตามข่าวก่อนหน้านี้
โดยแอปเปิลชี้แจงกับ TechCrunch ว่า ปีนี้เป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของ iPadOS ตัวระบบปฏิบัติการมีฟีเจอร์เด่นสำคัญที่ออกแบบมาเพื่อ iPad โดยเฉพาะ แอปเปิลจึงปรับแผนออกอัพเดตแยกต่างหาก โดย iPadOS จะเริ่มออกมาให้อัพเดตได้หลังจาก iOS ออกมาแล้ว ผู้ใช้งานจะได้เวอร์ชัน iPadOS 16.1 เป็นตัวแรก
ฟีเจอร์เด่นที่คาดว่าทำให้ iPadOS ต้องแยกอัพเดตไปจาก iOS จากที่เดิมออกอัพเดตคู่กันมาตลอดก็คือ Stage Manager ระบบมัลติทาสก์แบบใหม่ ซึ่งจะมีใน macOS Ventura ด้วยเช่นกัน
ที่มา: MacRumors |
# เผย Apple วางแผนผลิต iPhone 14 ในอินเดียเร็วขึ้น เพียง 2 เดือนหลังเปิดตัว
มีรายงานว่าแอปเปิลวางแผนผลิต iPhone รุ่นใหม่ของปีนี้หรือ iPhone 14 ในอินเดียเร็วขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาแอปเปิลก็ผลิต iPhone รุ่นใหม่แต่ละปีในอินเดียบางส่วนอยู่แล้ว แต่จะเริ่มสายการผลิตหลังเปิดตัว 6-9 เดือน โดยชุดแรกจะเริ่มผลิตจากโรงงานในจีนก่อน แต่คราวนี้จะลดเหลือเพียง 2 เดือนเท่านั้น
นักวิเคราะห์หลายรายให้ความเห็นว่า แอปเปิลเองพยายามจะลดการพึ่งพาการผลิต iPhone สินค้าทำเงินหลักของบริษัท จากโรงงานในจีนเท่านั้น เนื่องจากปัญหาล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการย้ายการผลิตมาทำได้ไม่ง่ายเพราะซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องอยู่ที่นั่น ในเบื้องต้นแผนการผลิต iPhone 14 ที่อินเดีย ยังใช้วิธีนำเข้าชิ้นส่วนหลักจากจีนอยู่
ปัจจุบันสินค้าของแอปเปิลส่วนใหญ่ทั้ง iPhone, iPad และ MacBook ผลิตในจีน คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 90% ส่วนโรงงานแอปเปิลในอินเดียนั้นมูลค่าการผลิตรวมอยู่ที่ 3.1% ฉะนั้นแม้จะมีเร่งการผลิต iPhone รุ่นใหม่เร็วขึ้น แต่ก็ยังห่างจากคำว่าเป็นโรงงานหลักในตอนนี้อยู่
ที่มา: The Wall Street Journal |
# eBay ซื้อกิจการ TCGplayer เว็บซื้อขายการ์ดสะสมรายใหญ่
eBay ประกาศบรรลุข้อตกลง เพื่อซื้อกิจการ TCGplayer มาร์เกตเพลสซื้อขายการ์ดสำหรับสะสมรายใหญ่ โดยมูลค่าดีลอยู่ที่ราว 295 ล้านดอลลาร์ คาดว่าจะปิดดีลตามขั้นตอนในไตรมาสที่ 1 ปีหน้า
TCGplayer จะยังดำเนินงานเป็นมาร์เกตเพลสอิสระ ภายหลังการควบรวมกิจการกับ eBay
eBay ให้ข้อมูลที่น่าสนใจในดีลนี้ว่าตลาดการ์ดสะสมนั้น เป็นกลุ่มสินค้าที่มีความน่าสนใจ และมีการเติบโตต่อเนื่อง ที่ผ่านมา eBay ก็เข้ามาให้บริการในสินค้ากลุ่มการ์ด ทั้งการรับประกันสินค้าการ์ดหายากที่มีราคาสูง และบริการจัดเก็บรักษาการ์ดในสภาวะที่เหมาะสม สำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
ที่มา: The Verge |
# Twitter ยืนยัน กำลังทดสอบการเพิ่มป้ายกำกับการยืนยันหมายเลขโทรศัพท์
Twitter ยืนยันว่าขณะนี้กำลังทดสอบการเพิ่มป้ายกำกับใหม่บนหน้าโปรไฟล์สำหรับบัญชีที่ยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์แล้ว หลังจากที่ Jane Manchun Wong นักพัฒนาแอปพลิเคชันได้สังเกตุเห็นป้ายกำกับบนโปรไฟล์บัญชีของตนเองแล้วโพสต์ลงใน Twitter
Twitter ระบุว่าการเพิ่มป้ายกำกับช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกติดตามข่าวสารที่เชื่อถือได้และสามารถจำแนกบัญชีประเภทต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้ การเพิ่มป้ายอาจเป็นการยืนยันว่าบัญชีที่มีป้ายการยืนยันด้วยหมายเลขโทรศัพท์ไม่ใช่บัญชีบ็อต หลังจาก Twitter ถูก Elon Musk กล่าวหาว่าจริง ๆ แล้ว Twitter มีบัญชีบ็อตมากกว่าที่แจ้งไปว่ามีเพียงประมาณ 5%
ก่อนหน้านี้ Twitter ก็ได้เพิ่มป้ายกำกับสำหรับบัญชีที่เป็นผู้มีชื่อเสียง บัญชีเจ้าหน้าที่ของรัฐและสื่อ รวมถึงบัญชีบ็อตที่เป็นประโยชน์ (good bots) ด้วย
ที่มา: TechCrunch |
# สยามพิวรรธน์ เปิดโอกาสคนรุ่นใหม่ฉายศักยภาพร่วมทีมกับมืออาชีพพัฒนาธุรกิจสู่อนาคต
มุ่งเสริมทัพคนรุ่นใหม่เข้าสู่ทีมพัฒนาธุรกิจ และแพลตฟอร์มแห่งอนาคตของสยามพิวรรธน์ พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่ของประเทศไทยต่อไป
จับมือสถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สร้างผู้นำคนรุ่นใหม่ให้ตรงตามความต้องการขององค์กรในการพัฒนาธุรกิจสร้างสรรค์ เปิดโครงการฝึกงานแบบปฏิบัติงานยจริง เรียนรู้โดยตรงจากทีมงานมืออาชีพของสยามพิวรรธน์
กรุงเทพฯ (18 สิงหาคม 2565) – บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ ไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดโอกาสคนรุ่นใหม่ร่วมสร้างทีมงาน Next Generation รองรับการพัฒนาธุรกิจแบบก้าวกระโดดในอนาคต พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจภาคอุตสาหกรรมรีเทลในโลกยุคใหม่ เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป จัดโปรแกรมพิเศษ “Siam Piwat x BAScii Internship Program 2022” เปิดเวทีให้นิสิตคนรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถและศักยภาพร่วมงานกับทีมงานสยามพิวรรธน์ผู้สร้างโกลบอลเดสนิชั่นที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน
ชนิสา แก้วเรือน Head of Corporate Strategy Group ผู้บริหารกลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “สยามพิวรรธน์ ในฐานะผู้นำความคิดสร้างสรรค์ The Visionary Icon ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาคน ทั้งบุคลากรภายในกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ และผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในกระบวนการดำเนินธุรกิจ โดยการสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการร้านค้าทุกระดับ โดยจัดมีการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี และประสบการณ์เพื่อพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ อีกทั้งส่งเสริมนักออกแบบ ศิลปิน นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการรายย่อย ให้มีเวทีนำเสนอสินค้าและบริการในพื้นที่ที่เป็นโกลบอลเดสติเนชั่น รวมทั้งขยายการสนับสนุนไปยังบุคคลภายนอกให้ได้รับประโยชน์จากธุรกิจของเรา อาทิ การนำผลงานของคนไทยนำเสนอสู่สายตาคนทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง
ในฐานะผู้นำธุรกิจ วิสัยทัศน์ของสยามพิวรรธน์มุ่งเน้นการเตรียมบุคลากรคนรุ่นใหม่เพื่อรองรับการพัฒนาธุรกิจแบบก้าวกระโดดในโลกยุคใหม่ จึงได้จับมือกับพันธมิตรอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีเครือข่ายในการพัฒนาความรู้ทักษะอนาคต เเละสถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (School of Integrated Innovation of Chulalongkorn University, ScII) ที่ได้บูรณาการความร่วมมือด้านวิจัยและนวัตกรรม ในการบ่มเพาะองค์ความรู้และสร้างผู้นำรุ่นใหม่ให้ตรงตามความต้องการขององค์กรภาคธุรกิจ นอกจากนี้ ยังทำให้สยามพิวรรธน์สามารถเข้าถึง สร้างความผูกพันคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ ที่เราจะชวนมาร่วมงานกันต่อไป”
สยามพิวรรธน์ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนากลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นกำลังสำคัญที่จะเข้ามาพัฒนาภาคธุรกิจ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในวันข้างหน้า สยามพิวรรธน์ได้จัดโปรแกรมพิเศษ “Siam Piwat x BAScii Internship Program 2022” คัดเลือกนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากชั้นปีที่ 2 - 4 จำนวน 10 คนจากหลักสูตรศิลปกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์บัณฑิต ด้านนวัตกรรมบูรณาการ (Bachelor of Arts and Science in Integrated Innovation) เพื่อเข้าร่วมโครงการฝึกปฏิบัติงาน เป็นระยะเวลา 2 เดือนเต็ม ระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2565 โดยได้เรียนรู้โดยตรงจากผู้บริหารที่เป็น Project Leaders และทีมงานมืออาชีพของบริษัท ในสายงานกลยุทธ์องค์กร สายงานพัฒนาธุรกิจหลัก สายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า สายงานประสบการณ์ลูกค้า กลุ่มธุรกิจค้าปลีก กลุ่มงานกลยุทธ์การลงทุนและเศรษฐกิจใหม่ มีโปรเจคเมนเทอร์เป็นผู้ให้คำชี้แนะวิธีการทำงานกับทีม สอนงาน พัฒนา และให้คำปรึกษางานโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการได้มีส่วนร่วมทำงานในโปรเจคสำคัญของบริษัท และยังได้นำเสนอแผนงานโปรเจคพิเศษโดยมี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหารระดับสูงร่วมรับฟัง พิจารณา และให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
วรปรัชญ์ วัฒนสุวรรณ และ พัทธภูมิ เลิศดำริห์การ สองนิสิตที่ร่วมในโปรแกรมพิเศษ “Siam Piwat x BAScii Internship Program 2022” แสดงความรู้สึกต่อโครงการนี้ว่า “สยามพิวรรธน์ได้มอบประสบการณ์ที่ล้ำค่าให้กับผม ซึ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจและซาบซึ้งที่ได้มาฝึกงานที่นี่เป็นอย่างมาก สยามพิวรรธน์มีวัฒนธรรมองค์กรที่อบอุ่น ได้ทำงานด้วยความสนุกไปพร้อมกับการได้ประสบการณ์ชีวิตจริง” ด้าน นนทกร เหลี่ยมลิขิต กล่าวว่า “การตัดสินใจมาฝึกงานกับสยามพิวรรรธน์เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก ผมได้เห็นภาพชีวิตจริง ๆ ของการทำงานชัดขึ้นมาก มีทั้งเหนื่อย ทั้งสนุก ทั้งท้าทาย ทั้งตื่นเต้น และทุก ๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็เป็นบทเรียนที่คุ้มค่ามาก ๆ รู้สึกว่ามุมมองของตัวเองในการทำธุรกิจพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด และนับจากนี้ การเดินห้างหรือศูนย์การค้าของผมคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
สำหรับทีมสามสาว Gen Z กนกวรรณ ทิวาทิตยานุภาพ, ธัญญภรณ์ อภิลิขิตสมัย และ เบญญาภัสส์ สุขวิรัชตานนท์ ซึ่งได้สัมผัสประสบการงานด้านสื่อสารการตลาด กล่าวว่า “ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเรียนรู้ระบบการทำงานจริงแบบ end-to-end process รวมถึงการทำงานร่วมกับทีม เป็นสิ่งที่มีค่ามาก พวกเราได้พบปะผู้คนใหม่ ๆ และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทุกวัน เราได้ร่วมทำงานไปพร้อมกับพี่ๆ ที่มีประสบการณ์และมีความเก่งในรูปแบบทีม ทำให้รู้สึกว่าตนเองมีประโยชน์และมีคุณค่า” ชาลิสา กิจมีรัศมีโยธิน ที่ได้ร่วมทำงานกับทีม ONESIAM SuperApp กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการได้ร่วมพัฒนาองค์กรและงานที่ได้รับ รู้สึกอบอุ่นที่พี่ๆ ในแผนกเราเองต้อนรับอย่างดี พร้อมช่วยเหลือทุกอย่าง สยามพิวรรธน์เป็นองค์กรใหญ่และมีหลายๆอย่างที่ไม่เคยเจอมากก่อน การที่ได้มาฝึกงานที่นี่ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์มากๆ ขอขอบคุณสยามพิวรรธน์ที่ดูแลพวกเรามาอย่างดี”
ธนเทพ ปรีดาวิภาต กล่าวว่า “สยามพิวรรธน์ คือ The Visionary Icon ที่แท้จริง ความประทับใจแรกของผมคือ สยามพิวรรธน์แสดงให้เห็นว่าเต็มใจและกล้าที่จะเสี่ยงและก้าวไปข้างหน้าเหนือกว่าหนึ่งก้าวเสมอ ผมได้รับทักษะเชิงลงมือปฏิบัติมากมาย ได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญคือได้ฝึกทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์” ด้าน พีรณัฐ วุฒิอนันต์ กล่าวว่า “สยามพิวรรธน์เป็นองค์กรที่ใหญ่และมีบุคลากรเก่งๆ มากมาย ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ บ่มเพาะ และเข้าใจวิธีการทำงานในชีวิตจริงมากยิ่งขึ้น พี่ๆในแผนกและในองค์กรได้สอนหลายๆ อย่างที่ช่วยหล่อหลอมตัวผมให้มี mindset ที่ดีและพร้อมที่จะสร้าง impact ให้กับสังคม” และ ภูมิ ปลอดมีชัย เล่าถึงความรู้สึกหลังการทำงานร่วมกับทีมสยามพิวรรธน์ ว่า “รู้สึกประทับใจพี่เมนเทอร์ที่ดูแลเป็นอย่างดี ผมได้รับทั้งความรู้เกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงประสบการณ์ที่ได้ลงมือทำจริง และแก้ปัญหาจริงๆ ผมประทับใจที่สยามพิวรรธน์ ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่และพร้อมที่จะรับฟังความคิด ความเห็นของเด็กรุ่นใหม่เสมอ ขอบคุณสยามพิวรรธน์มากครับ”
ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์ได้วางแนวทางการพัฒนาคนรุ่นใหม่เพื่อเข้าสู่การเป็นบุคลากรที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย ‘Education – Innovation - Research’ ในด้าน Education สยามพิวรรธน์และจุฬาฯ ได้ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรให้ครอบคลุมการเร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรครบทุกมิติ โดยผู้เรียนจะได้เข้าโครงการพัฒนาทักษะ (Skill Acceleration) มุ่งสู่การเป็นผู้นำแห่งอนาคตจากคณาจารย์ชั้นนำของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและผู้เชี่ยวชาญในสายงานจริง ในด้าน Innovation สยามพิวรรธน์เปิดโอกาสให้นิสิตจากสถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาฯ (ScII) ได้เข้าไปเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ผ่านการทำงานที่ได้ลงมือปฏิบัติร่วมกับบุคลากรของสยามพิวรรธน์ โดยโครงการนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จมีโอกาสสูงที่จะต่อยอดสู่ธุรกิจจริง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคนและพัฒนาเศรษฐกิจในคราวเดียว และด้าน Research คือ การทำวิจัยที่เสริมกับการพัฒนาทักษะและการทำโครงการนวัตกรรมร่วมกัน เป็นที่มาของโครงการ ‘Human Capital Acceleration’ ที่เร่งบูรณาการพัฒนาอนาคตชาติ พัฒนานวัตกรรมและเศรษฐกิจไปพร้อมกัน โดยได้รับเกียรติจาก รศ. ดร.ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย รองอธิการบดีด้านการวางและกำหนดยุทธศาสตร์ นวัตกรรมและพันธกิจสากล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาบุคลากร เข้ามาให้คำปรึกษาและร่วมพัฒนาโครงการ “Human Capital Acceleration’ ที่เน้นทักษะที่จำเป็นในอนาคตสำหรับ Next Generation Leaders
นับเป็นบทบาทหนึ่งที่สำคัญสำหรับองค์กรใหญ่ระดับผู้นำธุรกิจ ที่เล็งเห็นคุณค่าในการมอบโอกาสให้กับบุคลากรหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ สนับสนุนและพัฒนา สร้าง ปั้น Next Generation ให้พร้อมเป็นกำลังสำคัญเพื่อพัฒนาธุรกิจ สังคม และประเทศชาติ ในอนาคต
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด
ศุภริศร์ เนตรเขียน (บอส) [email protected] 08 4555 7273
สิรีธร นิยมเสน (ก้อย) [email protected] 08 1831 1406 |
# MIT พัฒนาโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตรวจพบโรคพาร์กินสันได้จากการหายใจ
Dina Katabi ศาสตราจารย์คณะวิศวกรรมไฟฟ้าและวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเชตส์ (MIT) และคณะ ได้พัฒนาโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตรวจพบโรคพาร์กินสันได้ โดยอาศัยการหายใจช่วงกลางคืนหรือตอนนอน
ตัวอุปกรณ์ที่ใช้จะมีลักษณะคล้ายเราท์เตอร์ Wi-Fi ปล่อยคลื่นวิทยุออกมาเมื่อคนไข้นอนหลับในเวลากลางคืน คลื่นวิทยุจะกระทบกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ รวมถึงร่างกายของคนไข้ และจับแพทเทิร์นการหายใจของคนไข้ ก่อนนำไปวิเคราะห์หาสิ่งบ่งชี้ ความร้ายแรงหรือติดตามอาการของโรคพาร์กินสันด้วยปัญญาประดิษฐ์
ข้อดีของวิธีนี้ คือ คนไข้และผู้ดูแลไม่จำเป็นต้องทำอะไรในการตรวจโรคและเป็นผลดีกับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการดูแล ผู้ป่วยชนบท และผู้ที่มีปัญหาในการออกจากบ้าน แตกต่างจากวิธีเดิมๆ ที่ผู้ป่วยต้องไปโรงพยาบาลเพื่อสแกนสมองและเจาะน้ำไขกระดูกสันหลัง รวมทั้งการวิจัยนี้มีความสำคัญต่อการพัฒนายาและการดูแลทางคลินิกต่อคนไข้พาร์กินสันด้วย เพราะโดยปกติแล้วโรคพาร์กินสันเป็นโรคที่วินิจฉัยยากและสามารถวินิจฉัยได้เมื่อแสดงอาการรุนแรงแล้วเท่านั้นซึ่งจะแสดงอาการหลังจากเริ่มเป็นโรคมาหลายปี
การวิจัยของ MIT ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนด้านการเงินจากหลายฝ่าย เช่น วิทยาลัยโรเชสเตอร์ โรงพยาบาลหลายแห่ง และรวมถึงสถาบันสุขภาพของสหรัฐด้วย
การวิจัยได้รับการตีพิมพ์เมื่อวานนี้ สามารถอ่านงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่ Nature Medicine
ที่มา: MIT News |
# Outlook เวอร์ชันมือถือเริ่มแสดงโฆษณา เฉพาะบัญชีฟรีที่ไม่ใช่ Microsoft 365
ไมโครซอฟท์เริ่มแสดงโฆษณาในแอพ Outlook เวอร์ชันมือถือ ทั้งบน iOS และ Android หากเป็นผู้ใช้บัญชีอีเมลแบบฟรี (ไม่ใช่ Microsoft 365) จะเห็นโฆษณาเล็กๆ อยู่ด้านบนสุดของรายการอีเมล ลักษณะคล้ายกับที่ Gmail ทำอยู่ในเวอร์ชันเว็บตอนนี้
โฆษกของไมโครซอฟท์ยืนยันการแสดงโฆษณา และบอกว่าแสดงเฉพาะในหน้า Other Inbox เท่านั้น ไม่แสดงในหน้า Focus Inbox ที่เป็นหน้าหลักของแอพ (ผู้ใช้จำเป็นต้องเปิดใช้งาน Focused Inbox ด้วย หากเลือกให้แสดงรวมกันหมดจะเห็นโฆษณา)
ที่มา - The Verge |
# SentinelOne พบตลาดช่องโหว่องค์กรราคาตก ช่องทางเข้าฐานข้อมูลผู้ต้องหาของตำรวจไทยขายกัน 36,000 บาท
SentinelOne ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มความปลอดภัยระดับองค์กรรายงานถีงสภาพตลาดช่องทางเข้าถึงระบบ (initial access) ที่อาจจะเป็นรหัสผ่านของคนในองค์กร, รหัส VPN, หรือ remote acess รูปแบบต่างๆ ว่ามีราคาถูกลงมาก เนื่องจากปริมาณช่องทางที่แฮกเกอร์พบมีมากกว่าความต้องการ
ตลาดขายช่องทางเข้าถึงระบบเหล่านี้ มักระบุประเภทขององค์กรเป้าหมาย จำแนกตามประเทศ, รายได้, ประเภทขององค์กรว่าเป็นหน่วยงานรัฐหรือเอกชน โดยกระบวนการซื้อขายอาจจะขายนั้นผู้ซื้อจะต้องฝากเงินมาวางไว้กับตัวกลางก่อนบางรายอาจจะจูงใจลูกค้าด้วยการให้ผ่อนจ่ายตามช่วงเวลาใช้งานไป ช่องโหว่ที่แฮกได้ง่ายโดยแฮกเกอร์อาจจะสแกนอินเทอร์เน็ตแล้วพบทางเข้าก็จะขายกันในราคาถูก
รายงานยังระบุถึงประกาศหนึ่งที่ขายทางเข้าฐานข้อมูลผู้ถูกกุมขัง, การปรับ, ยึด, และรายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ราคา 1,000 ดอลลาร์ และเว็บฐานข้อมูลบุคลากรตำรวจไทยราคา 1,000 ดอลลาร์เท่ากัน หรือประมาณ 36,000 บาททั้งคู่
ตลาดช่องโหว่องค์กรเหล่านี้เป็นจุดตั้งต้นของกลุ่มแรนซัมแวร์ที่จะใช้ช่องทางเข้าถึงระบบภายในไปดึงเอาเข้ามูลออกมาขาย หรือเรียกค่าไถ่จากองค์กรอีกทีหนึ่ง
ที่มา - SentinelOne
ภาพกระดานซื้อขายช่องทางเข้าเซิร์ฟเวอร์ผ่าน RDP โดย SentinelOne |
# รายงานระบุสารพัดโครงการ NFT ส่วนมากผู้ซื้อแทบไม่ได้สิทธิ์อะไรในตัวงาน
บริษัทด้านการลงทุนบล็อกเชน Galaxy Digital ออกรายงานเกี่ยวกับโครงการภาพ NFT หลายราย โดยสาระสำคัญส่วนหนึ่งระบุว่ามีโครงการจำนวนมากที่ไม่ได้จัดการถ่ายโอนลิขสิทธิ์เหนือภาพเหล่านั้นให้กับเจ้าของ NFT อย่างถูกต้อง
โครงการที่ Galaxy Digital กล่าวถึงนี้เน้นไปที่โครงการใหญ่ๆ อาทิ Bored Ape Yacht Club (BAYC), VeeFriends, World of Women รวมทั้งแพลตฟอร์มอย่าง Decentraland และ Sandbox โดย Galaxy Digital ระบุว่าจาก 25 โครงการ NFT ใหญ่ๆ นั้น มีเพียงแค่รายเดียว คือ World of Women ที่พยายามจะจัดการถ่ายโอนความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เหนืองานศิลปะไปให้แก่ผู้ซื้อ NFT อย่างถูกต้องจริงจัง
Galaxy Digital ระบุลงในรายงานว่า
พร้อมระบุว่าผู้พัฒนาโครงการ NFT หลายราย (รวมทั้ง Yuga Labs) ได้สร้างความเข้าใจผิดต่อผู้ซื้อ NFT เกี่ยวกับลิขสิทธิ์เหนือผลงานสร้างสรรค์ด้วย โดยบางโครงการพยายามใช้วิธีป้องกันความสับสนโดยยกเอาการให้สิทธิ์อนุญาตแบบ Creative Commons มาใช้งาน แต่ดันเลือกใช้ไม่เหมาะสมจนกลายเป็นว่ากฎเกณฑ์ของสิทธิ์อนุญาตแบบ Creative Commons ที่ถูกเลือกใช้นั้นทำให้การอ้างลิขสิทธิ์ของผลงานถูกแยกออกจากสิทธิ์การครอบครองตัว NFT ซึ่งผลลัพธ์อาจจบลงด้วยการไร้ซึ่งหนทางที่ผู้ซื้อ NFT จะอ้างสิทธิ์เหนือผลงานสร้างสรรค์นั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ถึงแม้คุณจะเป็นเจ้าของโทเคนแต่คุณไม่อาจห้ามคนอื่นในการทำสำเนา, แก้ไข, ดัดแปลง, แผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ได้เลย ตราบเท่าที่ผู้กระทำการเหล่านั้นได้ดำเนินการตามเงื่อนไขการใช้งานตามกติกา Creative Commons อย่างถูกต้อง
และในกรณีที่ไม่ได้มีการนำเอาสิทธิ์อนุญาตใช้งานแบบ Creative Commons มาใช้ เมื่อไม่มีการถ่ายโอนความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อ NFT นั่นย่อมหมายความว่าลิขสิทธิ์จะยังคงเป็นของผู้สร้างผลงานนั้นขึ้นมาแต่แรกและนั่นแปลว่าผู้สร้างสรรค์ผลงานแต่แรกเริ่มสามารถกำหนดสิทธื์การใช้งานหรือหาประโยชน์จากการใช้ผลงานสร้างสรรค์นั้นได้
ตัวอย่างปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์เหนือผลงานสร้างสรรค์ที่น่าสนใจกรณีหนึ่งคือโครงการ Moonbirds ซึ่งทางผู้สร้างผลงานได้มีการประกาศเปลี่ยนสิทธิ์การใช้งานภาพเป็นแบบ "CC0" ภายหลังจากที่มีการขายภาพ NFT ออกไปแล้ว การให้สิทธิ์ CC0 นี้หมายความว่า "ไม่มีการคุ้มครองลิขสิทธิ์แต่อย่างใด" ซึ่งหมายถึงใครก็ได้บนโลกใบนี้จะทำสำเนา, แก้ไขดัดแปลง, เผยแพร่ หรือเอาภาพเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ในทางอื่นใดรวมถึงเชิงพาณิชย์ได้อย่างอิสระ และแน่นอนว่างานนั้นสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ซื้อ NFT เป็นอย่างมาก
ในบรรดาโครงการ NFT ใหญ่ๆ Galaxy Digital ระบุว่า World of Women คือโครงการเดียวที่พยายามจัดการเรื่องการถ่ายโอนความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เหนือผลงานสร้างสรรค์ให้แก่ผู้ซื้อ NFT อย่างถูกต้อง
ข้อมูลจากรายงานของ Galaxy Digital นี้อาจสะท้อนให้เห็นว่าความจริงแล้วบรรดาผู้พัฒนาและผู้ซื้อ NFT จำนวนมากไม่ได้เข้าใจและใส่ใจเรื่องลิขสิทธิ์ของงานภาพศิลปะอย่างแท้จริงเลย
ผู้ที่สนใจอยากอ่านรายงานตัวเต็มของ Galaxy Digital สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่
ที่มา - The Verge |
# ตลาดสมาร์ทโฟนซบเซาจากเงินเฟ้อ แต่มือถือพรีเมี่ยมดันขายดี
บริษัทวิจัย IDC เผยว่ายอดขนส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ลดลงเกือบ 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วโดยส่งขายเป็นจำนวน 286 ล้านเครื่อง จากเดิมในช่วง 2 ปีแรกนับจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยอดขายสมาร์ทโฟนเพิ่มสูงขึ้นจากมาตรการกักตัวทำให้เกิดปัญหาด้านซัพพลายเชน การขนส่งล่าช้าและการขาดแคลนวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งขณะนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่แต่บรรเทาลง ประเทศที่ตลาดสมาร์ทโฟนถดถอยมากที่สุด ได้แก่ จีน ซึ่ง Xiaomi เผยว่าบริษัทส่งสมาร์ทโฟนน้อยลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วของปีเดียวกัน
บริษัทจำหน่ายชิปและชิ้นส่วนมือถืออย่าง Foxconn และ Qualcomm กล่าวว่าความต้องการการซื้อสมาร์ทโฟนลดลง รวมถึงซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิปสัญชาติไต้หวันของ Apple อย่าง TSMC ก็เปิดเผยว่าธุรกิจสมาร์ทโฟนไม่ได้เป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทอีกต่อไปแล้วแต่กลายเป็นชิปที่ใช้ประมวลผลแอปพลิเคชันแทน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดสมาร์ทโฟนจะถดถอยลงจากเหตุเงินเฟ้อจนทำให้ผู้ใช้ชะลอการเปลี่ยนโทรศัพท์ลง บริษัทวิจัย Counterpoint กลับเปิดเผยว่าสมาร์ทโฟนราคา $900 ขึ้นไป (ประมาณ 32,500 บาท) ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนของ Apple และมือถือพับได้ของ Samsung กลับเติบโตมากขึ้นถึง 20% ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นักวิเคราะห์กล่าวว่าเป็นเพราะผู้ซื้อที่มีกำลังการซื้อมากไม่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อและยังคงต้องการใช้โทรศัพท์รุ่นล่าสุด
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าความต้องการซื้อสมาร์ทโฟนจะเพิ่มขึ้นภายหลังในปีนี้หรือปีหน้า
ที่มา: Wall Street Journal |
# อดีตวิศวกร Apple ยอมสารภาพผิดฐานขโมยความลับทางการค้าด้านเทคโนโลยีรถไร้คนขับ
Xiaolang Zhang อดีตวิศวกรที่เคยทำงานให้โครงการรถยนต์ไร้คนขับของ Apple ในช่วงปี 2015-2018 ก่อนจะแจ้งบริษัทว่าจะขอลาออกไปทำงานให้ Xpeng บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ล่าสุดยอมสารภาพรับผิดในชั้นศาลเรื่องการขโมยความลับทางการค้าไปจาก Apple
ในระหว่างการสืบสวนคดีที่ผ่านมานั้น Apple เปิดเผยว่า Zhang ได้แอบส่งข้อมูลสำคัญขนาด 24GB ไปยังเครื่องแล็ปท็อปของภรรยาของเขาผ่านทาง AirDrop นอกจากนี้ Zhang ยังได้แอบนำเอาแผงวงจรและเซิร์ฟเวอร์ออกไปจากห้องปฏิบัติการของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตามแม้จะมีการเอ่ยถึงชื่อบริษัท Xpeng แต่ก็ไม่ได้มีการระบุว่า Xpeng ได้รับเอาข้อมูลที่ถูกขโมยนั้นไปจาก Zhang แต่อย่างใด
Zhang ถูกจับกุมตั้งแต่ปี 2018 คาสนามบินในระหว่างที่กำลังจะเดินทางไปประเทศจีน และคดีความก็ดำเนินมาจนถึงตอนนี้ โดยหลังจากนี้จะมีการตัดสินบทลงโทษของ Zhang ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ซึ่งโทษสูงสุดสำหรับการขโมยความลับทางการค้าคือโทษจำคุก 10 ปี และปรับเงิน 250,000 เหรียญ
ทั้งนี้ข้อมูลความลับทางการค้าหมายถึงข้อมูลอันเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่เจ้าของต้องการเก็บไว้เป็นความลับไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยมันจะได้รับความคุ้มครองแบบอัตโนมัติไม่ต้องรอการจดทะเบียนและไม่มีวันสิ้นสุดการคุ้มครองตราบเท่าที่เจ้าของความลับทางการค้ายังคงเก็บข้อมูลเหล่านั้นเป็นความลับไว้ การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญหาประเภทนี้หมายถึงการห้ามเผยแพร่, ทำสำเนา, จัดเก็บหรือส่งต่อซึ่งข้อมูลนั้น รวมทั้งห้ามนำข้อมูลไปใช้เพื่อการผลิตงานหรือสร้างสิ่งอื่น (เช่นเห็นข้อมูลแล้วจำเอาไปออกแบบสินค้าตามข้อมูลนั้นโดยไม่ได้ลักลอบทำสำเนาหรือส่งข้อมูล) ซึ่งการสิ้นสุดความคุ้มครองในฐานะความลับทางการค้าจะมาถึงเมื่อข้อมูลเหล่านั้นถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
ในบางกรณีข้อมูลความลับทางการค้าอาจถูกนำไปขอจดเป็นสิทธิบัตรในภายหลัง ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นข้อมูลงานต่างๆ จะได้รับการคุ้มครองในฐานะสิทธิบัตรแทน ซึ่งมีแนวปฏิบัติต่อข้อมูลแตกต่างไปจากการเป็นความลับทางการค้า ทั้งเรื่องการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างละเอียด รวมทั้งการกำหนดอายุความคุ้มครอง
ที่มา - The Verge |
# Instagram อาจปล่อยฟีเจอร์ใหม่ ถ่ายรูปตอนเผลอเลียนแบบ BeReal
Instagram กำลังทดลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า Candid Challenges โดยแอปพลิเคชันจะแจ้งเตือนให้ผู้ใช้เปิดใช้งานกล้องหน้าและกล้องหลังในช่วงเวลาที่สุ่มมาในแต่ละวัน จากนั้นผู้ใช้ต้องถ่ายรูปและโพสต์ลงภายใน 2 นาทีโดยโพสต์จะปรากฎใน Story ซึ่งฟีเจอร์นี้มีความคล้ายคลึงกับแอปพลิเคชัน BeReal แทบจะทุกอย่าง
Alessandro Paluzzi นักพัฒนาซอร์ฟแวร์เป็นผู้ค้นพบว่า Instagram กำลังทดลองใช้ฟีเจอร์นี้โดยได้เปิดเผยผ่านบัญชีทวิตเตอร์ ทั้งนี้ ผู้แทนของ Instagram กล่าวว่าฟีเจอร์ดังกล่าวยังเป็นเพียงต้นแบบที่กำลังทดลองเป็นการภายในเท่านั้น
BeReal เป็นแอปพลิเคชันโพสต์ภาพที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่ม Gen Z และติดอันดับ 10 แอปฟรีที่มีผู้ดาวน์โหลดมากที่สุดใน Apple Store ด้วย แอปเน้นความเรียลของรูปภาพมากกว่า ก่อนหน้านี้ Instagram ก็ได้ปล่อยฟีเจอร์ Dual ที่ถ่ายรูปโดยกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันโดยเลียนแบบมาจาก BeReal ด้วย
ที่มา: Engadget |
# VESA ออกมาตรฐาน ClearMR วัดการตอบสนองของจอภาพ มองภาพรวมว่าแสดงได้ชัดเพียงใด
VESA องค์กรมาตรฐานการผลิตจอภาพประกาศออกมาตรฐาน ClearMR วัดอัตราการตอบสนองของจอภาพที่มีส่วนสำคัญกับการใช้งานภาพที่มีอัตราการรีเฟรชสูงๆ โดยเฉพาะเกม โดย ClearMR จะมาแทน Motion Picture Response Time (MPRT) ที่วัดความเร็วในการเปลี่ยนสีของพิกเซล
ปัญหาของ MPRT คือผู้ผลิตมักใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อเร่งความเร็ว MPRT เช่น การสั่งแสดงค่าสีสว่างหรือมืดกว่าค่าที่ต้องการ แม้หน้าจอจะแสดงสีไปยังค่าที่ต้องการได้เร็ว แต่ในความเป็นจริงภาพที่ได้จะมีร่องรอยจากการสั่งค่าสีที่เกินจริงนี้อยู่ ClearMR กำหนดค่า Clear Motion Ratio (CMR) วัดความชัดของภาพโดยรวมด้วยการถ่ายภาพหน้าจอที่กำลังแสดงภาพที่กำหนดจากกล้องความเร็วสูง พร้อมกับเครื่องตรวจวัดสี
ClearMR กำหนดมาตรฐานเป็นชั้นๆ ตั้งแต่ ClearMR 3000, ClearMR 4000 เรื่อยไปจนถึง ClearMR 9000 โดยแต่ละชั้นจะแสดงถึงอัตราส่วนระหว่างพิกเซลที่ชัดกับพิกเซลที่เบลอ เช่น ClearMR 6000 จะต้องมีพิกเซลที่ชัด 55-65 เท่าตัวของพิกเซลที่เบลอ
ตอนนี้ LG ส่งจอภาพของคนเองเข้าตรวจสอบมาตรฐานแล้วหลายรุ่น และได้รับมาตรฐาน ClearMR 7000 และ ClearMR 6000 ส่วน HP ส่งโน้ตบุ๊ก Omen 25i เข้าตรวจสอบมาตรฐาน ClearMR 5000 แม้ตัวมาตรฐานจะไม่ได้กำหนดเงื่อนไขรีเฟรชเรตไว้ตรงๆ แต่ Dale Stolitzka นักวิจัยจาก Samsung Display’s America R&D Lab ก็ระบุว่าจอภาพน่าจะเป็นกลุ่ม 90-120Hz จึงได้รับมาตรฐานขั้นต่ำสุด
ที่มา - ArsTechnica, VESA |
# MultiVersus มีผู้เล่น 20 ล้านคน เพิ่มเท่าตัวภายใน 2 สัปดาห์, ขึ้นแชมป์เกมทำเงินสูงสุดสหรัฐ
ยิ่งทำยิ่งดังกับเกม MultiVersus เกมต่อสู้แนว Super Smash Bros. ที่ใช้คาแรกเตอร์จากค่าย Warner Bros. แต่เล่นได้ไม่จำกัดแพลตฟอร์ม (แถมเล่นฟรี) ก่อนหน้านี้เพิ่งประกาศยอดผู้เล่น 10 ล้านคน ผ่านมาอีกเพียง 2 สัปดาห์ ผู้เล่นเพิ่มจำนวนเป็น 20 ล้านคนเรียบร้อยแล้ว
MultiVersus เดินตามแนวทางเกม free-to-play สมัยใหม่ มีระบบ Battle Pass เก็บไอเทม, ระบบ Season อัพเดตเนื้อหาและตัวละครเรื่อยๆ และใช้โมเดลทำเงินผ่านการซื้อคาแรกเตอร์ สกิน ชุดตกแต่งต่างๆ ตอนนี้เกมมีสถานะเป็น Open Beta มีตัวละครให้เล่น 18 ตัว และมีประกาศเพิ่มแล้ว 4 ตัวคือ Morty Smith (Rick and Morty), Black Adam (DC), Stripe (Gremlins), Rick Sanchez (Rick and Morty)
ถึงแม้เป็นเกมเล่นฟรี แต่สถิติรายได้อุตสาหกรรมเกมสหรัฐของ NPD ประจำเดือนกรกฎาคม 2022 ก็ระบุว่า MultiVersus เป็นเกมคอนโซล-พีซีที่ทำเงินสูงสุดแซงหน้า Elden Ring ได้เรียบร้อยแล้ว (ไม่นับรายได้ฝั่งเกมมือถือที่คิดแยกจากกัน)
ที่มา - VentureBeat, VG 24/7 |
# โซนี่ประกาศ PS VR2 จะวางขายต้นปี 2023
โซนี่ประกาศข่าวสั้นๆ บน Instagram ว่าแว่น PlayStation VR 2 จะวางขายช่วงต้นปี 2023 (early 2023)
ที่ผ่านมา โซนี่ทยอยปล่อยข้อมูลของ PS VR2 มาเรื่อยๆ ไล่ตั้งแต่ คอนโทรลเลอร์, สเปก, ดีไซน์, ฟีเจอร์ซอฟต์แวร์ และเกมเด่นอย่าง Horizon Call of the Mountain ตอนนี้คงเหลือแค่วันวางขายกับราคาเท่านั้น
ที่มา - VentureBeat |
# [ลือ] Star Wars: Knights of the Old Republic Remake ถูกเปลี่ยนสตูดิโอในเครือ Saber
จากข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า เกม Star Wars: Knights of the Old Republic เวอร์ชันรีเมคโดยสตูดิโอ Aspyr มีปัญหาในการพัฒนา
ล่าสุด Jason Schreier นักข่าวสายเกมของ Bloomberg รายงานว่าเกมนี้ถูกย้ายมาให้สตูดิโออื่นของ Saber Interactive ในเครือเดียวกันคือ Embracer Group ทำแทนแล้ว (Embracer ซื้อ Aspyr ตั้งแต่ต้นปี 2021 และจัดให้ Aspyr อยู่ใต้กลุ่ม Saber Interactive) โดยเป็นสตูดิโอย่อยอื่นในยุโรปตะวันออกแต่ไม่ระบุชื่อชัดเจน
ในเอกสารการเงินของ Embracer Group ก็ยืนยันข่าวนี้แบบอ้อมๆ โดยบอกว่าโปรเจคเกมระดับ AAA อันหนึ่งถูกย้ายข้ามสตูดิโอในเครือ แต่ไม่ได้ยืนยันชื่อเกมอย่างเป็นทางการ
เกมเด่นของ Saber Interactive ในช่วงหลังได้แก่ SnowRunner, World War Z, Crysis Remastered, Phoenix Point
แหล่งข่าวของ Bloomberg ระบุว่า Aspyr ใช้เวลาพัฒนาเกมนี้มาประมาณ 2 ปี และคาดว่า Saber จะใช้เวลาอีก 2 ปีถึงจะพัฒนาเสร็จ
ที่มา - Bloomberg |
# ผู้บริโภคอังกฤษฟ้อง PlayStation ผูกขาดการขายเกม หักส่วนแบ่ง 30% ทำให้ค่าเกมแพงกว่าที่ควร
Alex Neill นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้บริโภคของสหราชอาณาจักร ยื่นฟ้อง Sony PlayStation ในข้อหา "ขูดรีดผู้บริโภค" จากการจำหน่ายเกมแพงเกินไป เพราะโซนี่กินส่วนแบ่ง 30% จากยอดขายเกมดิจิทัลบน PlayStation Store
Neill บอกว่าโซนี่มีอำนาจเหนือตลาด (dominant posision) เพราะควบคุมช่องทางการขายเกมดิจิทัลทั้งหมดบน PlayStation และใช้อำนาจนี้บีบทั้งนักพัฒนาเกมให้ยอมรับส่วนแบ่ง 30% อย่างไร้อำนาจต่อรองใดๆ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคต้องซื้อเกมในราคาแพงขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น
Neill ยื่นคำฟ้องไปยังศาลการแข่งขันของสหราชอาณาจักร (Competition Appeal Tribunal) เรียกค่าเสียหายรวม 5 พันล้านปอนด์ จากภาวะเหนือตลาดที่เกิดขึ้นในรอบ 6 ปีล่าสุด และเชิญชวนให้เจ้าของ PS4 และ PS5 ในสหราชอาณาจักรมาร่วมฟ้องแบบกลุ่มด้วย ผ่านเว็บไซต์ PlayStation You Owe Us
ที่มา - Sky News, Kotaku |
# กูเกิลออกอัพเดต Google TV ปรับปรุงประสิทธิภาพ บูตเร็วขึ้น ลื่นขึ้น ใช้แรมน้อยลง
กูเกิลประกาศอัพเดตซอฟต์แวร์ Google TV (ทั้งในฐานะอินเทอร์เฟซของ Android TV และอินเทอร์เฟซของ Chromecast with Google TV) ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น หน้า Home โหลดขึ้นมาเร็วขึ้นจากการปรับแต่งซีพียูและจัดการแคช เลื่อนหน้าจอไปมาได้ลื่นขึ้น และใช้แรมน้อยลงในภาพรวม
ของใหม่อีกอย่างคือฟีเจอร์ Free up storage ในเมนู Settings ช่วยล้างแคชและแอพที่ติดตั้งไว้แต่ไม่ได้ใช้งาน ตอนนี้ใช้ได้แล้วบน Chromecast และจะอัพเดตให้สมาร์ททีวีที่เป็น Google TV ต่อไป
ที่มา - Google via The Verge |
# Zoom ไตรมาสล่าสุด รายได้โต 8% ลูกค้าองค์กรเพิ่มเป็น 2.04 แสนราย
Zoom รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม รายได้รวมเพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 1,099.5 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 45.7 ล้านดอลลาร์
Kelly Steckelberg ซีเอฟโอ Zoom ให้ข้อมูลเพิ่มเติมช่วงแถลงผลประกอบการ ว่าสาเหตุที่รายได้เติบโตไม่มาก มาจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ประกอบกับจำนวนการสมัครใช้งานผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ทำได้ไม่ดีอย่างที่บริษัทต้องการ
Zoom มีลูกค้าระดับองค์กรเพิ่มเป็น 204,100 ราย ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มาจากฝ่ายขาย คิดเป็น 54% ของรายได้รวม และเป็นลูกค้าระดับที่สร้างรายได้เกิน 100,000 ดอลลาร์ต่อปี 3,116 ราย
Eric S. Yuan ซีอีโอ Zoom ให้ข้อมูลว่า Zoom Phone ยังคงทำยอดขายได้ดีต่อเนื่อง ขายไลเซนส์ไปในไตรมาสอีกเกือบ 4 ล้านชุด
ที่มา: Zoom และ CNBC |
# งานวิจัยพบว่าน้องหมาก็คิดถึงคุณเป็นเหมือนกัน และอาจร้องไห้เพราะดีใจเมื่อเจอคุณจริงๆ
งานวิจัยใหม่จากญี่ปุ่นยืนยันสิ่งที่เจ้าของหมาหลายคนอาจนึกสงสัยมานานว่าเวลาพวกเขาไปทำงานนั้นน้องหมาที่บ้านคิดถึงพวกเขามากไหม และผลการทดลองวิจัยพบว่าน้องหมาก็คิดถึงเจ้าของเป็นเหมือนกัน และมันจะดีใจมากจริงๆ เวลาที่ได้กลับมาเจอกัน จนถึงขนาดหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขมากมายจนน้ำตาไหล
จุดเริ่มต้นของงานวิจัยนี้เริมมาจากตัวนักวิจัยเองซึ่งเลี้ยงหมาเอาไว้ เมื่อหนึ่งในหมา 2 ตัวของเขาคลอดลูกออกมาใหม่ เขาสังเกตมันแล้วพบว่าดวงตาของมันดูเหมือนมีน้ำตามากกว่าปกติ และเขารู้สึกว่ามันน่ารักยิ่งกว่าเคย นั่นทำให้เขารู้สึกสงสัยว่าปริมาณน้ำตาของน้องหมาสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนในร่างกายของหมาโดยเฉพาะฮอร์โมนออกซิโตซินซึ่งเรียกว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความรักหรือไม่
ออกซิโตซินนั้นบางครั้งถูกเรียกว่าฮอร์โมนแห่งความรัก หรือฮอร์โมนแห่งความเป็นแม่ เพราะมีบทบาทสำคัญต่อการตั้งครรภ์และการกระตุ้นการให้น้ำนมแก่ลูกที่เพิ่งเกิดใหม่ นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าออกซิโตซินจะหลั่งออกมาเมื่อคนเราเกิดความสุขเช่นในตอนมีเพศสัมพันธ์หรือในระหว่างการโอบกอด ซึ่งบางครั้งส่งผลต่อการหลั่งน้ำตา และจากการที่นักวิจัยเข้าใจในเรื่องนี้เขาจึงมีสมมติฐานเกี่ยวกับการหลั่งน้ำตาของน้องหมาว่ามีความเกี่ยวพันกับอารมณ์ความสุขและระดับฮอร์โมนตามที่กล่าวไปข้างต้น
การทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐานจึงเกดขึ้น ทีมวิจัยได้นำเอาน้องหมา 20 ตัวมาทำการทดลอง โดยสร้างสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งจะมีการวัดปริมาณน้ำตาของน้องหมาในแต่ละขั้นตอนเรียงตามลำดับดังนี้
ให้น้องหมาอยู่กับเจ้าของและมีการทำกิจกรรมร่วมกันตามปกติ ค่าปริมาณน้ำตาที่วัดได้จากสถานการณ์นี้จะถูกใช้เป็นฐานในการเปรียบเทียบกับกรณีอื่นๆ
จากนั้นให้เจ้าของแยกห่างออกไปจากน้องหมาแล้วกลับมาเจอกันหลังจากนั้น 5-7 ชั่วโมงให้หลัง แล้วจึงวัดปริมาณน้ำตาเพื่อเปรียบเทียบกับค่าที่ได้จากขั้นตอนที่ 1
จากนั้นทำการเปรียบเทียบในกรณีที่น้องหมาได้กลับมาเจอกับคนที่คุ้นเคยคนอื่นซึ่งไม่ใช่เจ้าของหลังไม่ได้เจอกันมานาน โดยเก็บข้อมูลจากน้องหมาที่ไปใช้บริการศูนย์รับเลี้ยงและมีความคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่ของศูนย์รับเลี้ยงดี ให้มีการทำกิจกรรมกับเจ้าหน้าที่แล้วจับแยกจากกันก่อนจะให้กลับมาเจอกันใหม่
จากการทดลองสถานการณ์ทั้ง 3 ขั้นตอนที่กล่าวมาพบว่าปริมาณน้ำตาของน้องหมามีเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจนในขั้นตอนที่ 2 หลังจากที่มันได้เจอกับเจ้าของอีกครั้งหลังโดนแยกกันไปนานหลายชั่วโมง แต่ทั้งนี้ไม่พบความแตกต่างของปริมาณน้ำตาอย่างมีนัยยะสำหรับกรณีของคนคุ้นเคยที่ไม่ใช่เจ้าของในการทดลองขั้นตอนที่ 3
หลังจากนั้นนักวิจัยได้ทดสอบเพื่อยืนยันว่าปริมาณน้ำตาของน้องหมานั้นเป็นผลจากฮอร์โมนแห่งความสุขจริงหรือไม่ โดยการใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนออกซิโตซิน ซึ่งก็พบว่าการใช้ยาหยอดตาดังกล่าวทำให้ปริมาณน้ำตาของน้องหมาเพิ่มมากขึ้นจริง
และการทดลองขั้นตอนสุดท้าย นักวิจัยได้ขอให้อาสาสมัครมองดูภาพน้องหมาที่ได้รับน้ำตาเทียมเปรียบเทียบกับภาวะปกติ เพื่อขอให้เขาให้คะแนนตามความรู้สึกชอบ หรือรู้สึกว่ามันน่ารัก ซึ่งผลที่ได้คือภาพน้องหมาที่มีปริมาณน้ำตามากกว่าได้รับคะแนนความน่ารักโดยเฉลี่ยสูงกว่า
จากขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้นักวิจัยสรุปว่าน้องหมาจะมีความผูกพันกับเจ้าของเป็นพิเศษแตกต่างจากคนอื่นๆ ที่มันรู้จัก ความผูกพันดังกล่าวแสดงออกมาในรูปแบบของการหลั่งฮอร์โมนและปริมาณน้ำตาที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อยามได้กลับมาเจอกันหลังจากที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันระยะเวลาหนึ่ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัยได้ที่นี่
ที่มา - Gizmodo |
# Foxconn ลงทุนอีก 300 ล้านเหรียญ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในเวียดนาม
Foxconn ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อลงทุนเพิ่มเติมในการขยายกำลังการผลิตของโรงงานที่มีอยู่เดิมเป็นมูลค่า 300 ล้านเหรียญ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มการจ้างงานอีก 30,000 คน โดยโรงงานของ Foxconn แห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัด Bac Giang ทางตอนเหนือของเวียดนาม บนพื้นที่ประมาณ 500,000 ตารางเมตร เปิดดำเนินการมาแล้ว 15 ปี
ข่าวนี้มีความเชื่อมโยงกับรายงานจาก Nikkei Asia ว่า Foxconn เริ่มทดสอบสายการผลิต Apple Watch และ MacBook ในเวียดนามเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม Foxconn ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธว่าการลงทุนขยายโรงงานในครั้งนี้เป็นไปเพื่อการผลิตสินค้าของ Apple ตามที่กล่าวมาข้างตนจริงหรือไม่
ทางการเวียดนามระบุว่านับจนถึงปัจจุบัน Foxconn ได้ลงทุนในประเทศเวียดนามรวมแล้ว 1.5 พันล้านเหรียญ
ที่มา - Apple Insider |
# แอปเปิลขยายโครงการ Self Service Repair ให้กับ MacBook ในกลุ่ม M1
แอปเปิลขยายโครงการ Self Service Repair ขายอะไหล่ให้กับผู้ที่ต้องการซ่อมอุปกรณ์ของตนเองจากเดิมจำกัดเฉพาะ iPhone 12 และ iPhone 13 มาสู่โน้ตบุ๊กในกลุ่ม M1 ทั้ง MacBook Air และ MacBook Pro ตามที่เคยประกาศไว้
อะไหล่ที่เปลี่ยนได้มีมากกว่าสิบชิ้น เช่น จอภาพ, ตัวถัง, แบตเตอรี่, trackpad และยังสามารถเช่าอุปกรณ์ซ่อมแซมด้วยตัวเอง ในราคา 49 ดอลลาร์ ใช้งานได้หนึ่งสัปดาห์ รอบก่อนหน้านี้ชุดอุปกรณ์สำหรับซ่อม iPhone นั้นหนักกว่า 35 กิโลกรัมส่งมาด้วยกระเป๋าแข็งสองใบ น่าสนใจว่ารอบบนี้ชุดอุปกรณ์สำหรับสำหรับโน้ตบุ๊กนั้นจะใหญ่กว่าเดิมหรือไม่
ที่มา - Apple |
# กลุ่มพนักงาน Apple เตรียมยื่นคำร้องถึง Tim Cook คัดค้านนโยบายกลับไปทำงานในออฟฟิศ
หลัง Apple แจ้งพนักงานอย่างเป็นทางการให้เริ่มกลับมาทำงานในสำนักงานอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนเป็นต้นไป ตอนนี้ฝั่งพนักงานเองก็มีความเคลื่อนไหวเพื่อแสดงการคัดค้านนโยบายดังกล่าว
กลุ่มพนักงานที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า "Apple Together" เตรียมทำหนังสือคำร้องถึง Tim Cook นายใหญ่ของ Apple เพื่อคัดค้านนโยบายข้างต้นโดยให้เหตุผลว่าการทำงานที่ยืดหยุ่นจะทำให้พวกเขารู้สึกสบายและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าตรงตามความต้องการของบริษัท โดยคำร้องนี้ถูกเตรียมขึ้นในนามของกลุ่มโดยไม่มีการระบุชื่อตัวตนของพนักงานเพื่อป้องกันการโดนเล่นงานจากบริษัท
ต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วหนังสือคำร้องนี้จะมีผลต่อการตัตดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการกลับเข้าทำงานในสำนักงานหรือไม่ หรือหากไม่มีการเปลี่ยนนโยบายแล้วจะมีการแสดงออกเพื่อคัดค้านนโยบายในรูปแบบอื่นใดตามมาหรือไม่
ที่มา - Gizmodo |
# ต้นแบบเครื่อง Apple-1 ถูกประมูลแล้ว ปิดราคาขายที่ 677,196 เหรียญ
ต้นแบบเครื่อง Apple-1 หรือก็คือต้นแบบของคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่บริษัท Apple สร้างขึ้นเมื่อปี 1976 ได้ถูกประมูลไปแล้วด้วยราคา 677,196 เหรียญ หลังปิดการประมูลไปเมื่อวันที ่18 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ผู้ชนะการประมูลคือนักสะสมใน San Francisco ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม
ต้นแบบ Apple-1 เครื่องนี้กล่าวกันว่าเป็นของ Steve Jobs และมันคือเครื่องที่ถูกนำไปสาธิตให้ Paul Terrell เจ้าของร้าน Byte Shop ดู ก่อนที่ในเวลาต่อมา Byte Shop จะตกลงสั่งซื้อเครื่อง Apple-1 ไปวางขายที่ร้านเป็นเจ้าแรกจำนวน 50 เครื่องในราคาเครื่องละ 500 เหรียญ
ต้นแบบเครื่อง Apple-1 ที่ถูกนำออกประมูล
ต้นแบบ Apple-1 เครื่องนี้ถูกนำออกประมูลเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้าที่การประมูลจะสิ้นสุดลงนั้นมีการโต้แย้งแสดงความเคลือบแคลงสงสัยว่าเครื่องดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ ทว่าในท้ายที่สุด RR Auction ก็ได้ยืนยันความเป็นของแท้โดยอาศัยภาพถ่ายโพลารอยด์ที่ Paul Turrell ได้ถ่ายเครื่อง Apple-1 ในระหว่างการสาธิตทดสอบเครื่องเอาไว้
ในการประมูลของสะสมครั้งนี้นอกจากต้นแบบเครื่อง Apple-1 แล้วยังมีสิ่งของทางประวัติศาสตร์ของ Apple อีกหลายชิ้นถูกนำออกประมูลด้วยเช่นกัน อาทิ โทรศัพท์ iPhone รุ่นแรกที่ยังไม่แกะกล่องโดยยังคงปิดผนึกอย่างดี และบัตรยกเว้นภาษีที่ลงชื่อโดย Steve Jobs
ที่มา - Apple Insider |
# Samsung ลงทุน 2 ล้านล้านวอน สร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่
Samsung ทุ่มงบประมาณ 2 ล้านล้านวอน (ประมาณ 53.65 พันล้านบาท) สร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ในเมือง Giheung ประเทศเกาหลีใต้ โดยทำพิธีเริ่มการก่อสร้างเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาและตั้งเป้าว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2028
ศูนย์วิจัยและพัฒนานี้เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีขนาดพื้นที่ 109,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ Seoul และอยู่ใกล้กับศูนย์วิจัยและพัฒนาของ Samsung ที่มีอยู่เดิมในเขต Hwaseong นอกจากนี้ Samsung ยังมีโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ในเขต Pyeongtaek ใกล้ๆ กันด้วย
ที่มา - Samsung |
# รุ่นคลาสสิคกลับมาแล้ว Nokia 5710 XpressAudio พร้อมหูฟังไร้สายในตัว เตรียมขายในไทย
หลังจากทยอยเปิดตัวฟีเจอร์โฟนรุ่นเก่า ๆ ที่กลับมาทำใหม่อยู่เรื่อย ๆ ล่าสุด Nokia คืนชีพหนึ่งในรุ่นที่ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่าง XpressMusic ในรุ่น Nokia 5710 XpressAudio จุดเด่นคือมาพร้อมหูฟังไร้สายที่เชื่อมผ่าน Bluetooth 5.0 พร้อมช่องเก็บหูฟังบนตัวเครื่อง
มือถือมีขนาดหน้าจอ 2.4 นิ้ว และใช้กล้องหลัง VGA พร้อมแฟลช ใช้ซีพียู Unisoc T107 และระบบปฏิบัติการของ Nokia เองในเวอร์ชัน S30+ เชื่อมต่อแบบ 4G และรองรับ VoLTE ใช้ระบบ 2 นาโนซิม และมีความจุภายใน 128MB ส่วนแบตเตอรี่ 1,450 mAh และยังเป็นแบบถอดเปลี่ยนได้
ส่วนด้านเสียง สามารถฟังวิทยุ FM ได้ในตัว และรองรับการเล่นไฟล์ MP3 พร้อมโหมดปรับแต่เสียง
Nokia จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 1 กันยายนนี้ทางร้านโทรศัพท์ทั่วไปและทาง Shopee, Lazada, JD ในราคา 2,690 บาท สีที่วางจำหน่ายคือดำ-แดง
ที่มา: Nokia Mobile |
# Thailand Mobile Expo กลับมาแล้ว จัดที่ศูนย์สิริกิติ์เหมือนเดิม วันที่ 6-9 ตุลาคมนี้
หลังจากห่างหายไปตั้งแต่ปี 2018 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ปิดปรับปรุง และล่าสุดก็ใกล้เสร็จเรียบร้อย 100% แล้ว ทำให้ทาง MVP ประกาศกลับมาจัดงาน Thailand Mobile Expo อีกครั้ง ในวันที่ 6-9 ตุลาคมนี้
การเดินทางยังเหมือนเดิมคือ MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขณะที่หากขับรถยนต์มาเอง ที่จอดรถศูนย์ประชุมก็รองรับได้ถึง 3,000 คัน รวมถึงมีสถานีชาร์จ EV ให้ด้วย
ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ |
# Samsung เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มในกลุ่มสินค้า Bespoke ตอบโจทย์ครัว built-in
หลังจากเปิดตัวตู้เย็น Bespoke ไปเมื่อปี 2019 และทำยอดขายรวมทั่วโลกถึงตอนนี้เกือบ 2 ล้านชิ้น ล่าสุด Samsung ก็เตรียมออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่ม Bespoke มาเพิ่มเติมทั้งเตาอบที่มาพร้อมปัญญาประดิษฐ์, เครื่องล้างจาน, เตาแม่เหล็กไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน เพื่อตอบโจทย์งานออกแบบครัว built-in
Samsung เตรียมจะเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้ง 3 ประเภทในงาน IFA 2022 ซึ่งเป็นงานจัดแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะจัดขึ้นใน Berlin ประเทศเยอรมนีช่วงวันที่ 2-6 กันยายนนี้
ในปีนี้ Samsung ยังผลักดันสินค้ากลุ่ม Bespoke ด้วยการเสนอการรับประกันชิ้นส่วนมอเตอร์, คอมเพรสเซอร์, อินเวอร์เตอร์ ที่อยู่ในเครื่องซักผ้า, เครื่องอบผ้า และตู้เย็น เป็นระยะเวลานาน 20 ปีด้วย และปลายปีนี้ Samsung จะเปิดศูนย์ MyBespoke ในอเมริกาเหนือซึ่งจะเปิดให้ลูกค้าเข้าไปซื้อตู้เย็น Bespoke และออกแบบลวดลายบนตู้เย็นได้เองซึ่งถือเป็นการขายจุดเด่นเรื่องการปรับแต่งได้แบบสุดๆ
ที่มา - The Korea Herald, Samsung - 1, 2 |
# สายการบิน Harbour Air บินไฟลท์ระยะสั้นด้วยเครื่องบินไฟฟ้าสำเร็จเป็นครั้งแรก
อย่างที่ทราบกันว่าเครื่องบินเป็นยานพาหนะที่ใช้น้ำมันค่อนข้างมากในการเดินทางต่อครั้ง ดังนั้นไอเดียของเครื่องบินไฟฟ้า โดยเฉพาะการบินเชิงพาณิชย์อาจจะยังห่างไกล
แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม สายการบิน Harbour Air ซึ่งเป็นสายการบินเครื่องบินทะเล (seaplane) ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ได้ทดลองการบินไฟลท์ระยะสั้นด้วยเครื่องบินทะเลดัดแปลงที่มีชื่อว่า De Havilland Beaver โดยใช้พลังงานไฟฟ้าตลอดช่วงการบินสำเร็จเป็นครั้งแรก
ไฟล์ทดังกล่าวบินจากท่าเรือ Fraser River Terminal บนแผ่นดินใหญ่ของแคนาดาไปยังท่าเรือ Patricia Bay บนเกาะแวนคูเวอร์ รัฐวิคตอเรียร์ นับเป็นระยะทาง 72 กิโลเมตรและใช้เวลา 24 นาที ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นความหวังของการให้บริการเครื่องบินพาณิชย์ที่ใช้ไฟฟ้าในอนาคต
มอเตอร์เครื่องบินไฟฟ้าเกิดจากความร่วมมือกับบริษัทพาร์ทเนอร์อย่าง MagniX ซึ่งเป็นบริษัทผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องบินไฟฟ้าให้สายการบินหลายแห่ง โดยก่อนหน้านี้ในปี 2019 Harbour Air ก็ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นสายการบินที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวแห่งแรกของโลกและเครื่องบิน De Havilland Beaver ก็เคยบินช่วงสั้น ๆ เหนือแม่น้ำเฟรเซอร์ในเมืองริชมอนด์ของแคนาดาด้วยในปี 2019
ตั้งแต่นั้น สายการบินก็ได้ดำเนินการพัฒนาโดยได้รับการดูแลและรับรองโดยกรมการขนส่งแคนาดาและองค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกาจนประสบความสำเร็จในวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา
ที่มา: New Atlas |
# รีวิว Lenovo Yoga 7i แล็บท็อปพับได้บางเบา กับขุมพลัง Intel Evo Gen 12
แล็บท็อปกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับคนทำงานที่ต้องพกติดตัวไปด้วยตลอด โดยเฉพาะยุคการทำงานแบบไฮบริดในปัจจุบัน ที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้กันมากขึ้น ทำให้แล็บท็อปสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ ถูกออกแบบมาในลักษณะบางเบาสวยงาม แต่ด้วยความบางเบานั้นก็อาจจะต้องแลกมาด้วยประสิทธิภาพในการประมวลผลและแบตเตอรี่ที่ลดน้อยลง
ช่วงหลังๆ การปรับปรุงปัญหาข้างต้นไม่ได้มีแค่ฝั่งผู้ผลิตแล็บท็อปแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว ผู้ผลิตซีพียูอย่าง Intel ก็หันมาปรับปรุง พัฒนาซีพียูและชิปเซ็ตให้ตอบโจทย์การใช้งานในกลุ่มแล็บท็อปธุรกิจมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่ง Lenovo Yoga 7i ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างแล็บท็อปธุรกิจที่เรื่องการประมวลผลและแบตเตอรี่เริ่มไม่เป็นปัญหาแล้ว
ดีไซน์และสเปค
Lenovo Yoga 7i มาในบอดี้อะลูมิเนียม สี Storm Gray ที่ให้ความรู้สึกแข็งแรง ทนทาน ดีไซน์ขอบโค้งมน บาง 17.35 มิลลิเมตร และหนักเพียง 1.42 กิโลกรัม ให้ความรู้สึกพรีเมียม หยิบจับถนัดมือและน้ำหนักกำลังดี โดยหน้าจอสามารถพับได้ 180 องศา สามารถใช้งานได้ 4 โหมดคือ Laptop, Tablet, Tent และ Stand แต่ปัญหามีเล็กน้อยเพียงแค่ เวลาเปิดหน้าจอจากการพับปิด ต้องใช้อีกมือจับฐานด้วยตลอดเวลา ไม่สามารถเปิดมือเดียวได้
ตัวหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K แพแนล OLED รีเฟรชเรท 90Hz ความสว่างสูงสุด 400nits รองรับ DCI-P3 100% รองรับ Dolby Vision และได้มาตรฐาน DisplayHDR รองรับมัลติทัช 10 จุด
ซีพียูเป็น Intel Core i7-1260P ตระกูล Alder Lake เจนที่ 12 มี 12 คอร์ 16 เธรด แบ่งเป็นคอร์ประสิทธิภาพสูง (P-Core) 4 คอร์ สัญญาณนาฬิกา 2.1GHz สูงสุด 4.7GHz และคอร์ประหยัดพลังงาน (E-Core) 8 คอร์ สัญญาณนาฬิกา 1.5GHz สูงสุด 3.4GHz มีแคช L3 ขนาด 18GB
แรม dual channel LPDDR5-4800 ขนาด 16GB ฝังกับบอร์ด สตอเรจ M2 NVMe PCIe 4.0 ขนาด 1TB ลำโพงสเตอริโอกำลังขับ 2W ทั้งหมด 4 ตัว แบ่งเป็น 2 Woofer และ 2 Tweeter รองรับ Dolby Atmos
กล้องหน้าความละเอียด FHD พร้อมกล้อง IR สำหรับสแกนหน้าและ Privacy Shutter แบตเตอรี่ความจุ 71Wh พอร์ทให้มาครบตั้งแต่ Thunderbolt 4 จำนวน 2 ตัว, HDMI 2.0, USB 3.2 Gen 1 (always on ชาร์จมือถือแม้ปิดเครื่องได้) 1 ตัว, ช่องเสียบ microSD 1 ตัวและ ช่อง 3.5 มม. รวมถึงรองรับ Wi-Fi 6E (Gig+)
การใช้งาน
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า Lenovo Yoga 7i ใช้ซีพียู Intel Core i7-1260P บนแพลตฟอร์ม Intel Evo Gen 12 ซึ่งเป็นซีพียูตัวใหม่ของแล็บท็อปตระกูลบางเบาประจำปีนี้ การใช้งานทั่วไปสำหรับโน้ตบุ๊กกลุ่มนี้จึงค่อนข้างตอบโจทย์อยู่แล้ว ซึ่งจากพฤติกรรมการใช้งานของผมที่เน้น Chrome เป็นหลัก เปิดแท็บเยอะๆ หลัก 20-30 แท็บ แถมมีเปิด Photoshop ร่วมด้วยบ้างบางครั้ง ก็ค่อนข้างลื่นไหล ไม่เจอปัญหาเครื่องกระตุกหรือหน่วงในระดับที่สร้างความรำคาญได้เท่าไหร่
ที่สำคัญคือแบตเตอรี่ค่อนข้างทนมากๆ ผมใช้งานตั้งแต่ราวๆ 10 โมงจนถึงราวๆ 5- 6 โมงเย็น โดยเน้น Chrome, YouTube และ Slack เป็นหลัก มีเปิด Photoshop ไปพร้อมๆ กันบ้างประปราย แบตก็ยังเหลือประมาณ 20-30% ซึ่งค่อนข้างน่าประทับใจสำหรับแล็บท็อป Windows สายบางเบา แถมชาร์จเร็วด้วยหัวชาร์จ 65W ชาร์จทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ก็ใช้งานต่อได้อีกหลายชั่วโมง
อีกจุดที่ประทับใจคือระบบ Instant Wake ที่มีมาให้บน Intel Evo Gen 12 ที่เมื่อเราเปิดฝาขึ้นมา เครื่องแทบจะติดขึ้นมาให้ทันทีจากสแตนด์บาย ไม่ถึง 1 วินาที (ถ้าบูทเครื่องใหม่จะช้ากว่าเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเร็วอยู่ดี) และยิ่ง Lenovo Yoga 7i รองรับ Windows Hello ผ่านกล้อง IR ด้วย ทำให้ประสบการณ์เวลาเปิดฝาขึ้นมา สแกนหน้าและเข้าหน้าโฮม เร็วมากๆ รวมกันประมาณ 1 วินาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีระบบ AI ที่ช่วยตัดเสียงรบกวน (noise reduction) เวลาประชุมออนไลน์ ซึ่งพอดีที่คอนโดผมมีการเจาะเสียงดังพอดี แต่ระบบนี้ก็ช่วยลดเสียงที่ผู้เข้าร่วมประชุมจะได้ยินลงไปได้เยอะ จากเดิมที่ใช้อยู่กับแล็บท็อปอีกเครื่อง ผู้ร่วมประชุมจะได้ยินเสียงดังกว่านี้
หน้าจอ OLED สัดส่วน 16:10 ก็เป็นอีกส่วนที่ชอบเช่นกันทำให้ประสบการณ์บันเทิงดีมากๆ บน Lenovo Yoga 7i ทั้งจากความสดของสี และความดำมืดของจุดที่ดำ แถมสามารถพับได้หลายโหมด ไม่ว่าจะ Tent (กางจอคว่ำ) หรือ Stand ตามความเหมาะสม เพิ่มความยืดหยุ่นเวลาดู Netflix ได้ค่อนข้างมาก แถมลำโพง 4 ตัว ทำให้ค่อนข้างได้ความรู้สึก surround ของเสียง โดยลำโพง 2 ตัวจะอยู่ข้างคีย์บอร์ด อีก 2 ตัวอยู่ฝาหลัง (ใต้เครื่อง) ดังนั้นไม่ว่าจะปรับหน้าจอเป็นโหมดไหน เสียงที่ได้ก็จะไม่แตกต่างกัน (ลำโพง 2 ตัวยิงขึ้น 2 ตัวยิงลง)
สรุป
Lenovo Yoga 7i ถือเป็นแล็บท็อปธุรกิจสายบางเบาที่น่าประทับใจตัวหนึ่ง ไม่ใช่แค่ในแง่ดีไซน์รูปลักษณ์ แต่เป็นเรื่องของการใช้งาน ทั้งความสามารถในการรับโหลดงานที่เยอะขึ้นกว่าแล็บท็อปบางเบารุ่นเก่าๆ แบตเตอรี่ที่ทนทานมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงความบันเทิงจากคุณภาพจอและเสียง ที่ทำให้เราสามารถตัดสลับจากงานมาพักผ่อนได้เป็นอย่างดี
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lenovo.com/th/en/yoga |
# เกาหลีใต้เตรียมปรับหลักสูตรการศึกษา สร้างแรงงานป้อนอุตสาหกรรมดิจิทัล 1 ล้านคน
กระทรวงศึกษาธิการของเกาหลีใต้ประกาศแผนร่วมกับกระทรวงอื่นๆ ในการพัฒนาแรงงานป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมดิจิทัล โดยตั้งเป้าผลิตแรงงานมีทักษะให้ได้ 1 ล้านคนภายในปี 2026 ซึ่งในการนี้จะมีทั้งการเพิ่มหลักสูตรการเรียนในระดับประถมศึกษา, มัธยมศึกษาให้มีชั่วโมงการเรียนการสอนวิชาไอทีเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า รวมทั้งกำหนดให้สถานศึกษาสอนการเขียนโค้ดโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ในจำนวนเป้าหมาย 1 ล้านคนนี้ ยังได้แบ่งย่อยลงไปตามระดับการศึกษาของกลุ่มแรงงาน อันได้แก่ แรงงานที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาหรือวิทยาลัยในระดับเทียบเท่า 160,000 คน, กลุ่มที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี 710,000 คน และอีก 130,000 คนคือเป้าหมายของแรงงานดิจิทัลที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก
การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการศึกษาจะเริ่มตั้งแต่ระดับประถมศึกษาให้เพิ่มชั่วโมงเรียนวิชาไอทีจาก 17 ชั่วโมงเป็น 34 ชั่วโมง และในระดับมัธยมศึกษาให้เพิ่มจำนวนชั่วโมงเรียนวิชาไอทีจาก 34 ชั่วโมงเป็น 68 ชั่วโมง โดยจะดำเนินการปรับเปลี่ยนหลักสูตรให้แล้วเสร็จภายในปี 2025 โดยจะมีทั้งการสอนเรื่องการคิดเชิงคำนวณ (computational thinking) และการเขียนโปรแกรมรวมทั้งภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆ
ส่วนโรงเรียนวิทยาศาสตร์หรือห้องเรียนพิเศษสำหรับกลุ่มนักเรียนที่มีความฉลาดโดดเด่น ก็จะมีการจัดหลักสูตรพิเศษด้านซอฟต์แวร์และปัญญาประดิษฐ์ให้ได้เรียนกันตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะเข้ารับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น
พร้อมกันนี้ทางกระทรวงยังเตรียมยกเลิกข้อกำหนดที่เคยบังคับใช้กับสถานศึกษาต่างๆ ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีการควบคุมการเปิดแผนกหรือคณะที่จัดการสอนเกี่ยวกับอุตสาหกรรมดิจิทัลมิให้มีจำนวนมากเกินไป การยกเลิกข้อกำหนดนี้จะทำให้สถาบันสถานศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศสามารถเปิดแผนกและคณะทำการสอนวิชาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมดิจิทัลได้มากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการยกเลิกข้อข้อกำหนดเรื่องจำนวนสูงสุดของผู้เรียนต่อคณะ ทำให้สถานศึกษาเดิมที่มีการเรียนการสอนในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมดิจิทัลอยู่ก่อนแล้วสามารถรับผู้เรียนเพิ่มขึ้นได้อีก เพียงแค่ยังคงต้องรักษาคุณภาพการสอนให้เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวง
และเริ่มตั้งแต่ปีหน้าจะมีการจัดกิจกรรมเข้าค่ายในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างการเรียนรู้เชิงบูรณาการเรื่องการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับสาขาวิชาชีพงานด้านอื่นๆ อาทิ การใช้เทคโนโลยีในแง่มนุษยศาสตร์, สังคมศาสตร์ รวมทั้งการพัฒนาด้านศึกษาศาสตร์ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นกระทรวงยังมีแผนเปิดสถาบันการศึกษาในระดับบัณฑิตวิทยาลัยโดยมุ่งเน้นศาสตร์เฉพาะด้าน ทั้งด้านปัญญาประดิษฐ์, เทคโนโลยี VR, ความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ ตลอดจนเทคโนโลยีด้าน big data อีกด้วย ทั้งนี้กระทรวงมีแผนที่จะให้เกาหลีใต้มีมหาวิทยาลัยด้านซอฟต์แวร์ครบ 100 แห่ง ภายในปี 2027
ในระยะสั้นนี้กระทรวงศึกษาธิการคาดว่าสถานศึกษาต่างๆ อาจต้องใช้วิธีการจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีมาให้คำแนะนำและทำการสอนไปก่อนเป็นการชั่วคราว แต่ในระยะยาวจะมีการศึกษาเรื่องความต้องการครูเฉพาะทางเพื่อพัฒนาบุคคลากรครูให้เพียงพอต่อความต้องการของสถานศึกษาด้วย
การประกาศนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้ เป็นการตั้งนโยบายขยายวงมาจากเป้าหมายพัฒนาแรงงานฝีมือสู่อุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ให้ได้ 150,000 คนในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยแผนงานของกระทรวงศึกษาธิการนี้มองภาพรวมของอุตสาหกรรมดิจิทัลว่าต้องการแรงงานประเภทต่างๆ ไม่น้อยกว่า 738,000 คนในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังมองว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมธุรกิจกลุ่มอื่นก็อาจเพิ่มความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลเพิ่มตามขึ้นไปยิ่งกว่านั้นได้อีก
สำหรับประเทศไทยเรานั้น กระทรวงการศึกษาก็ได้กำหนดนโยบายและจุดเน้นในการทำงานประจำปีนี้ออกมาเช่นกัน โดยมีเรื่อง "การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์" แตกย่อยออกเป็นนโยบาย 13 ข้อซึ่งรวมถึงการพัฒนาวงการไอที ดังที่ได้ประกาศไว้ดังนี้
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผนงานของกระทรวงศึกษาธิการของไทยก็จะให้ความสำคัญในการเดินหน้าตามนโยบายที่ได้วางเอาไว้ให้บรรลุผลสำเร็จจริง
ที่มา - The Korea Herald, Yonhap |
# นักวิจัยสร้างแบตเตอรี่แบบแผ่นที่ชาร์จไฟได้เองโดยใช้ความชื้นจากอากาศ
ทีมนักวิจัยจาก National University of Singapore (NUS) ได้พัฒนาแบตเตอรี่ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนแผ่นกระดาษเปื้อนหมึก ซึ่งมีความพิเศษตรงที่มันสามารถชาร์จไฟให้ตัวเองได้โดยอาศัยความชื้นจากอากาศ มันถูกทำขึ้นมาจากแผ่นวัสดุเส้นใยหนา 0.3 มิลลิเมตร, เกลือทะเล, หมึกคาร์บอน และไฮโดรเจลแบบพิเศษที่มีคุณสมบัติดูดซับความชื้น
เทคนิคการผลิตไฟฟ้าได้เองโดยอาศัยความชื้นนี้มีชื่อเรียกโดยทั่วไปว่า MEG (moisture-driven electricity generation) และแบตเตอรี่ของทีมวิจัยนี้ก็เป็นอุปกรณ์ MEG อย่างหนึ่งเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันนี้มีความพยายามพัฒนาอุปกรณ์ MEG ขึ้นใช้ประโยชน์ในหลายด้าน เช่น อุปกรณ์สวมใส่เพื่อตรวจวัดระดับสุขภาพ, เซ็นเซอร์แบบติดผิวหนัง รวมทั้งอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล
ความยากในการพัฒนา MEG ในปัจจุบันมีทั้งเรื่องการอิ่มตัวของอุปกรณ์เมื่อได้รับความชื้นหลังการใช้งานไประยะเวลาหนึ่ง รวมทั้งคุณภาพของพลังงานไฟฟ้าที่ได้ซึ่งหากน้อยเกินไปก็ไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานจริงเพื่อประโยชน์ข้างต้น แต่ผลงานของทีมวิจัยจาก NUS นี้ดูจะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคนี้มาได้ เมื่อแบตเตอรี่แบบแผ่นของพวกเขาสามารถจ่ายไฟด้วยแรงดันคงที่ได้นานหลายร้อยชั่วโมง
แบตเตอรี่แบบแผ่นที่สามารถชาร์จไฟได้เองด้วยความชื้นในอากาศ
ในงานวิจัยนี้ทีมนักวิจัยได้ใช้แผ่นวัสดุเส้นใยที่มีจำหน่ายอยู่แล้วในท้องตลาดมาเป็นวัสดุตั้งต้นในการสร้างแบตเตอรี่ พวกเขาใช้แผ่นวัสดุที่สร้างจากเยื่อกระดาษและโพลีเอสเตอร์ นำมาจุ่มในหมึกคาร์บอนเพื่อให้อนุภาคคาร์บอนเคลือบทับผิวของแผ่นวัสดุ จากนั้นนำไปอบไล่ความชื้นก่อนจะใช้ไฮโดรเจลสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของเกลือทะเลหยดลงไปที่ปลายด้านหนึ่งของแผ่นวัสดุ โดยไฮโดรเจลที่ว่านี้มีคุณสมบัติพิเศษสามารถดูดซับน้ำได้มากกว่าน้ำหนักของตัวมันเองถึง 6 เท่า
กลไกการทำงานของแบตเตอรี่แบบนี้ (หรือที่เรียกให้ถูกต้องก็คือเซลล์ไฟฟ้า) เริ่มจากการไอออนของเกลือทะเลถูกแยกออกมาในระหว่างที่องค์ประกอบส่วนที่เป็นน้ำถูกดูดซึมเข้าสู่แผ่นแบตเตอรี่ส่วนที่เปียกไฮโดรเจล ไอออนอิสระที่เกิดขึ้นนี้มีประจุไฟฟ้าเป็นบวก (cation) จะถูกดูดโดยอนุภาคคาร์บอนที่หุ้มผิวแผ่นวัสดุซึ่งมีประจุไฟฟ้าเป็นลบอยู่ก่อนแล้ว กลไกนี้ทำให้เกิดสนามไฟฟ้าบนพื้นผิวของแผ่นวัสดุซึ่งทำให้สามารถกักเก็บประจุไฟฟ้าเพื่อการปลดปล่อยออกมาในภายหลัง
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดแล้วแผ่นแบตเตอรี่ที่ได้สามารถจ่ายไฟด้วยแรงดันไฟประมาณ 0.7 โวลต์ และเช่นเดียวกับแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆ เมื่อนำมันมาต่ออนุกรมกันก็สามารถจ่ายไฟด้วยแรงดันที่สูงขึ้นได้
การทดสอบวัดค่าแรงดันไฟฟ้าที่ได้จากแบตเตอรี่ของทีมวิจัยได้แรงดันประมาณ 0.7 โวลต์
ทีมวิจัยได้สาธิตตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานแบตเตอรี่แบบแผ่นที่พวกเขาพัฒนาขึ้นโดยการสร้างภาชนะที่มีขนาดและรูปทรงเหมือนถ่านไฟฉายขนาด AA เพื่อบรรจุแผ่นแบตเตอรี่ที่ต่ออนุกรมซ้อนกัน 3 ชั้นไว้ภายในซึ่งจะสร้างแรงดันไฟฟ้าได้ประมาณ 1.5-1.9 โวลต์ ซึ่งก็สามารถนำมาใช้ให้พลังงานแก่นาฬิกาปลุกได้เหมือนถ่านไฟฉายทั่วไป โดยมันสามารถใช้งานได้นานหลายสัปดาห์
การทดสอบใช้แบตเตอรี่ที่พัฒนาขึ้นด้วยการออกแบบรูปร่างเหมือนถ่านไฟฉายเพื่อใช้งานกับนาฬิกาปลุก
ทีมนักวิจัยเชื่อมั่นใจว่าผลงานนี้สามารถพัฒนาไปใช้ได้จริงในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากประสิทธิภาพการจ่ายไฟทั้งในแง่ระยะเวลาและคุณภาพของแรงดันไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริง อีกทั้งยังมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำจากการใช้วัตถุดิบที่ราคาไม่แพงอย่างเกลือทะเลและแผ่นวัสดุเส้นใยซึ่งมีราคาแค่ตารางเมตรละ 0.15 เหรียญ (ประมาณ 5.40 บาท)
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มจากเอกสารงานวิจัยได้ที่นี่
ที่มา - NUS ผ่าน Interesting Engineering |
# Gen Z เมิน Tinder บริษัทต้องหันไปผลักดัน Metaverse และ Tinder Coins เพื่อการเติบโต
ผลวิจัยจาก data.ai. เปิดเผยว่ายอดดาวน์โหลด Tinder ในปี 2021 ลดลง 5% เทียบกับปี 2020 รวมถึง Gary Swidler ซีโอโอของ Match Group บริษัทแม่ของ Tinder เปิดเผยว่าจำนวนผู้ลงชื่อใช้ Tinder ก็มีไม่มากเท่าช่วงก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่การเติบโตของรายได้จาก Tinder ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ก็ไม่ถึงที่ตั้งเป้าไว้
ปัญหาคือผู้ใช้ส่วนใหญ่ของ Tinder เป็นกลุ่ม Millennials แต่กลุ่ม Gen Z กลับไม่ค่อยให้ความสนใจในการแอปพลิเคชัน ซึ่งกลุ่มดังกล่าวกลับเป็นกลุ่มเป้าหมายของ Tinder โดยผลสำรวจของ YouthSight เผยว่ากลุ่ม Gen Z ถึง 40 % พึงพอใจกับการใช้ชีวิตโสด รวมทั้ง Gen Z ไม่พึงพอใจกับการใช้งานแอปพลิเคชันเพราะมองว่าความสัมพันธ์ที่ได้จากแอปเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ยาวนาน อีกปัญหาของ Tinder คือ การมีแอปคู่แข่งอย่าง Bumble และ Thursday ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะตามมาห่างๆ ก็ตาม
Swidler เปิดเผยว่า Tinder จะผลักดัน metaverse เพราะเชื่อว่าผู้คนจะมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นผ่านทางออนไลน์โดยวางแผนว่าจะทำให้แอปพลิเคชันมีรูปแบบเหมือนเกม (gamification) โดยได้จ้างผู้เชี่ยวชาญด้านเกมอย่างบริษัท Zynga, Electronic Arts, Glu และ King ในช่วงไม่กี่ปีนี้
นอกจากนี้บริษัทวางแผนที่จะนำ Tinder Coins กลับมาอีกครั้งเพื่อการใช้จ่ายภายในแอป รวมทั้งเปิดตัวสินค้าเสมือนจริงช่วงครึ่งหลังของปี 2023 ด้วย ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้จากผู้ใช้งานแบบสมัครสมาชิกและผู้ใช้แบบจ่ายเงินครั้งเดียว นอกจากนี้ Tinder จะให้มีการสมัครสมาชิกที่ออกแบบเพื่อผู้หญิงเป็นหลักภายในปีนี้เพื่อให้ผู้ใช้ปลอดภัยจากความรุนแรงทางเพศและประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
Match Group ได้ชะลอแผนทำ Metaverse และ Tinder Coins ไปก่อนหน้านี้ด้วย
ที่มา: Financial Times |
# ผลทดสอบ รถยนต์สมัยใหม่ใช้จอสัมผัสแทนปุ่ม ใช้งานยากกว่ารถยนต์แบบดั้งเดิมชัดเจน
Vi Bilägare นิตยสารรถยนต์ของประเทศสวีเดน ลองทดสอบ user interface ของระบบ infotainment ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่นิยมใช้จอสัมผัส แทนการใช้ปุ่มหรือลูกบิดเหมือนรถยนต์สมัยเก่า ว่าการใช้งานรูปแบบใดง่ายกว่ากัน
กระบวนการทดสอบของ Vi Bilägare ใช้รถยนต์ทั้งหมด 11 ยี่ห้อ วิ่งที่ความเร็ว 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในทางวิ่งของสนามบินที่ไม่มีรถยนต์อื่น โดยกำหนดโจทย์ให้ผู้ขับลองทำงาน 4 ประเภทตามที่กำหนด (เช่น ปรับอุณหภูมิ เปลี่ยนคลื่นวิทยุ) แล้ววัดระยะเวลาที่ทำงานเหล่านี้สำเร็จ
ผู้ขับมีโอกาสได้ลองใช้งานระบบ infotainment ของรถยนต์ล่วงหน้า เพื่อสร้างความคุ้นเคยในการสั่งงานก่อนเริ่มทดสอบ
ภาพจากเว็บไซต์ MG
รถยนต์ที่เข้าร่วมทดสอบมีทั้งหมด 11 รุ่น ได้แก่
BMW iX
Dacia Sandero
Hyundai Ioniq 5
Mercedes GLB
MG Marvel R
Nissan Qashqai
Seat Leon
Subaru Outback
Tesla Model 3
Volkswagen ID.3
Volvo C40
นอกจากนี้ยังมีรถยนต์เก่าคือ Volvo V70 รุ่นปี 2005 เป็นตัวแทนระบบ UI แบบดั้งเดิมที่ไม่ใช้จอสัมผัส มาทดสอบเปรียบเทียบด้วย วิธีการทดสอบแยกคิดเป็น 2 ส่วนคือ ระยะเวลาที่ใช้ทำงานสำเร็จ (วัดเป็นวินาที) และคะแนน (เต็ม 5)
ผลการทดสอบเป็นไปตามคาดว่า Volvo V70 ได้คะแนนรวมสูงสุด 4.5/5 คะแนน ใช้เวลาทำงาน 4 ประเภทรวมกัน 10 วินาที น้อยที่สุดในรถยนต์ทุกรุ่น
รถยนต์รุ่นที่ได้คะแนนรวมรองลงมาคือ BMW iX ได้ 4/5 แต่ใช้เวลาค่อนข้างมากคือ 30.4 วินาที (เหตุผลเพราะไม่ได้พึ่งพาจออย่างเดียว มีปุ่มจริงประกอบด้วย แต่ใช้เวลามากเพราะ UI ใช้ยากและซับซ้อนมาก) ส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้เวลารวมน้อยที่สุดคือ Dacia Sendero ใช้ 13.5 วินาที ตามด้วย Volvo C40 ใช้ 13.7 วินาที (ทั้งสองรุ่นได้รับคำชมเรื่องการออกแบบ UI ที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน)
รถยนต์ที่ได้คะแนนรวมน้อยที่สุดคือ Volkswagen ID.3 ได้ 2.25/5 คะแนน เวลารวม 25.7 วินาที ตามด้วย MG Marvel R ได้ 2.5/5 คะแนน และใช้เวลารวมเยอะที่สุด 44.9 วินาที
Vi Bilägare ยังชี้ประเด็นว่าหน้าจอในรถยนต์หลายรุ่นไม่มี backlighting ส่องสว่าง, ฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียงก็ใช้งานสั่งไม่ได้ทุกอย่าง และสั่งไม่ได้ผลเสมอไป ในการทดสอบนี้จึงไม่ได้ทดสอบการสั่งงานด้วยเสียงด้วย, การมีหน้าจอขนาดใหญ่อย่างของ MG Marvel R ทำให้ผู้ขับต้องก้มต่ำลงมองจอมากกว่าที่ควรจะเป็น ในขณะที่หน้าจอของรถบางรุ่น เช่น Mercedes GLB ที่ออกแบบให้พอดีกับสายตา ไม่ต้องก้มต่ำลงมากนัก
ภาพจาก MG Marvel R จากเว็บไซต์ MG
ภาพแผงคอนโซลหน้าของ Mercedes GLB จากเว็บไซต์ Mercedes-Benz
ที่มา - Vi Bilägare |
# ผู้สร้างเกม Dead Cells โวย Steam ตั้งราคาแต่ละประเทศไม่เท่ากัน เสียรายได้เพราะสายมุด
Motion Twin สตูดิโอผู้สร้างเกมตะลุยฉากด้านข้างชื่อดัง Dead Cells ประกาศขึ้นราคาเกมบน Steam ในประเทศอาร์เจนตินาและตุรกี เพื่อแก้ปัญหาราคาเกมใน Steam ไม่เท่ากันในแต่ละประเทศ จนเป็นเหตุให้ผู้เล่น "มุด" ไปซื้อเกมในประเทศที่มีราคาถูกกว่า
ปกติแล้ว Steam มีนโยบายตั้งราคาเกมที่แตกต่างกันตามค่าครองชีพและค่าเงินในแต่ละประเทศอยู่แล้ว ซึ่งอาร์เจนตินาและตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีราคาเกมถูกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
ทีมผู้สร้าง Dead Cells บอกว่าจากสถิติแล้ว มีสัดส่วนผู้เล่นจากสองประเทศนี้ไม่เยอะนัก แต่สัดส่วนการซื้อมากกว่าสัดส่วนผู้เล่นจริงถึง 3-4 เท่า แสดงให้เห็นโครงสร้างราคาที่บิดเบี้ยวของ Steam ทีมงานยอมรับว่าการขึ้นราคาอาจส่งผลกระทบต่อผู้เล่นที่อยู่ในอาร์เจนตินาและตุรกีจริงๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะส่งผลกระทบต่อรายได้ในภาพรวม และการพัฒนาเกมอื่นๆ ในอนาคต
หากดูราคาของเกม Dead Cells จากเว็บ SteamDB ที่เก็บสถิติราคาเกมของ Steam ในสกุลเงินต่างๆ ประเทศที่ราคาถูกที่สุดคือคาซัคสถาน คิดเป็นเงินไทย 119 บาท ในขณะที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ราคาเกมแพงที่สุด คิดเป็นเงินไทย 460.94 บาท ต่างกันถึงเกือบ 4 เท่า (ราคาของประเทศไทยคือ 194.50 บาท อยู่อันดับกลางๆ) ราคาเป็นดอลลาร์ของเกมคือ 24.99 ดอลลาร์ และยังมีการลดราคา 40-50% เรื่อยๆ อยู่แล้ว
Valve เองก็รับทราบปัญหานี้ และออกกฎบังคับให้ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนประเทศได้ 1 ครั้งทุก 3 เดือน และบังคับว่าต้องจ่ายเงินด้วยช่องทางของประเทศนั้นๆ เท่านั้น แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันผู้เล่นสายมุดได้ทั้งหมด
ที่มา - ประกาศของ Dead Cells via Windows Central |
# Chrome อาจเปิดให้ใช้งาน RSS Feed บนเดสก์ท็อปเร็ว ๆ นี้
หลังจาก Chrome เพิ่มปุ่ม Follow เพื่อให้ผู้ใช้ติดตามเว็บไซต์ที่สนใจผ่าน RSS ในมือถือ Android และ iOS ไปแล้วซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถดูข่าวหรือบทความจากเว็บที่กดติดตามไว้ในหน้าฟีด คาดว่าในเวอร์ชันอัปเดทใหม่ Chrome 106 ผู้ใช้ผ่านเดสก์ท็อปจะสามารถใช้ฟังก์ชันดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน
การคาดการณ์ดังกล่าวมีสาเหตุมาจากนักพัฒนาซอร์ฟแวร์ชื่อ Kevin Tofel ของ About Chromebooks ได้เปิดเผยว่าพบโค้ดและ UI ของ Chrome 106 Dev Channel ที่เกี่ยวฟังก์ชันการใช้ RSS สำหรับผู้ใช้งานผ่านเดสก์ท็อป รวมถึงปุ่ม “Follow Site” แต่หน้า RSS Feed ยังไม่สามารถใช้งานได้
หลังจากได้ถามไปยัง Adrienne Porter Felt นักพัฒนาซอร์ฟแวร์ของ Chrome เธอได้ตอบว่าเวอร์ชันอัปเดทสำหรับมือถือจะมาก่อนที่เวอร์ชันบนเดสก์ท็อปจะพร้อมให้ใช้งาน จึงคาดว่าการใช้ RSS บนเดสก์ท็อปอาจมาพร้อมกับการอัปเดทเป็น Chrome 106
ที่มา: About Chromebooks
ภาพจาก About Chromebooks |
# EU ออกกฎรถผลิตใหม่ต้องมีระบบจำกัดความเร็วอัจฉริยะ, New York ก็เริ่มใช้กับรถราชการ
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา สหภาพยุโรปได้ออกกฎหมายใหม่กำหนดให้รถยนต์ที่จะผลิตใหม่และขายในยุโรปต้องติดตั้งระบบจำกัดความเร็วอัจฉริยะที่เรียกว่า ISA (Intelligent Speed Assistance) เพื่อช่วยในการแจ้งเตือนผู้ขับเมื่อใช้ความเร็วเกินกำหนดหรือช่วยจำกัดความเร็วอัตโนมัติ และล่าสุดทางการ New york เองก็เริ่มนำเอาระบบอุปกรณ์นี้มาทดลองใช้งานกับรถราชการแล้ว
ระบบ ISA นี้จะอาศัยข้อมูลตำแหน่งพิกัดของรถจาก GPS จากนั้นมันจะตรวจสอบข้อมูลความเร็วสูงสุดที่อนุญาตให้ใช้บนถนนเส้นที่รถกำลังวิ่งอยู่ หากมันพบว่าความเร็วจริงของรถที่วิ่งอยู่นั้นสูงกว่าความเร็วที่ได้รับอนุญาต ระบบก็จะทำการแจ้งเตือนผู้ขับขี่หรืออาจลดความเร็วของรถลงเองโดยอัตโนมัติให้ลงมาต่ำกว่าเกณฑ์
ตัวอย่างหน้าจอแสดงผลการทำงานของ ISA ในรถยนต์ Hyundai
ในแง่ของการการทำงาน ISA อาจแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือแบบ active ซึ่งหมายถึงระบบจะทำงานโดยช่วยในการควบคุมความเร็วของรถโดยตรง กับอีกแบบคือแบบ passive หมายถึงระบบจะทำการแจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้รับทราบถึงการใช้ความเร็วเกินกำหนดเท่านั้น
หลักการทำงานโดยสังเขปของระบบ ISA
สำหรับกฎของ EU นั้นระบุว่ารถที่ได้รับการออกแบบและเปิดตัวใหม่นับตั้งแต่ประกาศใช้กฎนี้จะต้องมีระบบ ISA ติดตั้งมาด้วยในตัวรถทุกคัน โดยในระหว่างนี้รถที่มีการผลิตออกสู่ท้องตลาดอยู่ก่อนแล้วจะยังคงได้รับการอนุโลมให้ไม่ต้องมีระบบ ISA ก็ได้ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ปี 2024 รถที่ถูกผลิตออกขายทุกคันในตอนนั้นซึ่งรวมถึงรถที่เริ่มผลิตขายมาตั้งแต่ก่อนประกาศกฎหมายนี้ล้วนแล้วจะต้องได้รับการปรับปรุงงานออกแบบให้มีระบบ ISA ติดมาด้วยทั้งหมด
โดยระบบ ISA ตามกฎของ EU นั้นแบ่งออกเป็น 4 ระดับให้ผู้ผลิตรถสามารถเลือกใช้กับรถของตัวเองได้โดยอิสระ ได้แก่
การแจ้งเตือนด้วยเสียง เป็นระบบแบบ passive ส่งเสียงแจ้งเตือนผู้ขับเมื่อใช้ความเร็วเกินกำหนด
การแจ้งเตือนด้วยการสั่น เป็นระบบแบบ passive เช่นกัน ใช้การสั่นแจ้งเตือนผู้ขับเมื่อรถวิ่งเร็วเกินไป
การเพิ่มแรงต้านคันเร่ง เป็นระบบแบบ active ที่จะเพิ่มแรงดีดกลับของคันเร่ง โดยผู้ขับขี่ยังคงสามารถเหยีบบค้างคันเร่งในระดับเดิมเพื่อรักษาความเร็วก็ได้ หรือจะเหยียบคันเร่งมากขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วก็ได้เช่นกันหากต้องการ
การควบคุมความเร็ว เป็นระบบแบบ active ที่จะค่อยๆ ลดความเร็วของรถลงมาโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ขับก็ยังสามารถเร่งความเร็วรถได้ด้วยการเหยียบคันเร่ง
จะสังเกตได้ว่าตามข้อกำหนดของ EU นั้น ระบบ ISA แม้แต่แบบ active ก็ยังถูกกำหนดว่าจะต้องออกแบบโดยยังคงให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ความเร็วโดยเพิกเฉยต่อระบบ ISA ได้ ทั้งนี้เพราะเป็นที่เข้าใจว่าในภาวะคับขันสถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้ขับขี่อาจต้องใช้ความเร็วเกินกว่าที่กำหนดและการควบคุมรถได้อย่างสมบูรณ์คือสิ่งจำเป็น
ทั้งนี้ในปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์หลายรายได้ใส่ระบบ ISA เข้ามาในรถของตนเองแล้ว สามารถดูรายชื่อรุ่นและยี่ห้อของรถบางส่วนที่มีระบบ ISA อยู่ก่อนแล้วได้จากที่นี่
ข้ามฟากมาอีกทวีปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางเมือง New York ได้ประกาศเริ่มการทดสอบใช้ระบบ ISA แบบ active กับรถของราชการจำนวน 50 คัน โดยจะใช้งบประมาณ 80,000 เหรียญในการดัดแปลงรถเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ระบบ ISA โครงการนี้จะมีการเก็บข้อมูลเพื่อประเมินผลการใช้งานเป็นเวลา 6 เดือน หากประสบความสำเร็จได้ผลเป็นที่น่าพอใจก็จะมีการขยายผลต่อไปกับรถราชการอื่นๆ ของ New York ซึ่งมีมากถึง 30,000 คัน
ที่มา - European Road Safety Charter, NYC ผ่าน The Next Web |
# กทม. ชวนตอบแบบสอบถาม BMA Open Data Survey เพื่อเปิดข้อมูลให้ตรงความต้องการประชาชน
หลังจาก กรุงเทพมหานครมีนโยบายเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ Open Data มากขึ้น จากคำสั่งของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพมหานครได้ทำแบบสำรวจ BMA Open Data Survey เพื่อสอบถามความต้องการของประชาชนว่าอยากให้เปิดข้อมูลด้านใดและอย่างไร ทางทีมของกรุงเทพมหานครจะได้นำข้อมูลนี้ไปพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของประชาชนมากขึ้น
ที่มา - กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.