txt
stringlengths
202
53.1k
# วันนี้ที่รอคอย! Twitter เตรียมปล่อยฟีเจอร์แก้ไขทวีตให้สมาชิกเริ่มทดลองใช้เดือนนี้ หลังจากที่ยืนยันมาตั้งแต่เดือนเมษายนว่าทีมงานกำลังทำฟีเจอร์แก้ไขข้อความทวีต ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ Twitter เตรียมจะปล่อยฟีเจอร์ดังกล่าวให้ทดลองใช้งานแล้ว โดยเริ่มจากผู้ใช้ Twitter Blue ก่อนภายในเดือนนี้ ฟีเจอร์นี้จะอนุญาตให้ผู้สามารถแก้ไขข้อความทวีตได้ภายในเวลา 30 นาทีหลังทำการทวีต โดยหลังจากแก้ไขข้อความเสร็จจะมีคำอธิบายพร้อมเวลาที่ทวีตถูกแก้ไขปรากฎอยู่ด้านล่างของข้อความเพื่อให้ผู้ติดตามรู้ว่าข้อความทวีตนั้นๆ ผ่านการแก้ไขมาแล้ว ซึ่งผู้ใช้และผู้ติดตามสามารถกดเพื่อดูเปรียบเทียบได้ด้วยว่าข้อความทวีตก่อนและหลังการแก้ไขมีความแตกต่างอย่างไร หน้าตาตัวอย่างข้อความทวีตที่ผ่านการแก้ไข ที่มา - Twitter Blog
# ไม่แคร์เมตาเวิร์ส Lenovo Glasses T1 แว่นติดจอภาพ เอาไว้ดูหนัง-เล่นเกมแบบส่วนตัว Lenovo เปิดตัวแว่น Lenovo Glasses T1 ที่แหวกแนวจากแว่นยี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาด ตรงที่ไม่มีฟีเจอร์ VR ใดๆ เพราะมันคือหน้าจอพกพาสำหรับไว้ดูหนังหรือเล่นเกมแบบส่วนตัว ไม่ต้องมีใครมายุ่ง หน้าจอของ Lenovo Glasses T1 เป็นจอ Micro OLED ความละเอียดข้างละ 1920x1080 อัตรารีเฟรช 60Hz อัตราคอนทราสตร์ 10,000:1 มีลำโพงในตัว สิ่งที่เหลือต้องประมวลผลจากอุปกรณ์อื่นผ่าน USB-C ซึ่งรองรับทั้ง Android, Windows, iOS (ผ่านหัวแปลง) Lenovo บอกว่าหน้าจอ Micro OLED กินไฟต่ำ สามารถเล่นเกมหรือดูหนังจากอุปกรณ์พกพาโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสูบแบตแต่อย่างใด สินค้าจะวางขายในจีนช่วงปลายปี 2022 และประเทศอื่นในปี 2023 ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยราคา ที่มา - Lenovo
# Toyota ลงทุน 5.6 พันล้านเหรียญ เพิ่มกำลังการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Toyota ประกาศแผนการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าใน 2 ประเทศรวมเป็นเงิน 5.6 พันล้านเหรียญ เงินส่วนแรก 2.5 พันล้านเหรียญ เป็นการขยายกำลังการผลิตแบตเตอรี่ของโรงงานใน North Carolina ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง อีกส่วนหนึ่งราว 3 พันล้านเหรียญ เป็นการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นโดยหนึ่งในนั้นเป็นการลงทุนในโรงงานของ Prime Planet Energy & Solutions ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Toyota และ Panasonic การลงทุนเพิ่มการผลิตแบตเตอรี่ใน 2 ประเทศนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุน 2 ล้านล้านเยน (ประมาณ 14.4 พันล้านเหรียญ) เพื่อการวิจัยและพัฒนาการผลิตแบตเตอรี่ตามที่ Toyota ได้ประกาศไว้เมื่อปีก่อน ทั้งนี้ Toyota ตั้งเป้าว่าโรงงานใน 2 ประเทศจะสามารถเริ่มผลิตแบตเตอรี่ได้ภายใน 4 ปี Toyota นั้นเพิ่งปรับยุทธศาสตร์การลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยวางแผนระยะยาวเตรียมลงทุนเพื่อตลาดนี้เป็นเงิน 30 พันล้านเหรียญในช่วงเวลา 10 ปีจากนี้ไป และตั้งเป้าจะขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ปีละ 3.5 ล้านคันภายในปี 2030 จากที่แต่เดิมเคยตั้งเป้าไว้เพียงปีละ 2 ล้านคัน ที่มา - The Wall Street Journal
# เพราะของกินมีหลายสี? LG เปิดตัวตู้เย็นที่ส่องสว่างและเปลี่ยนสีได้ ในงาน IFA 20222 ซึ่งจัดขึ้นที่ Berlin ประเทศเยอรมนี LG ได้เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ใน MoodUp ที่มาพร้อมจุดเด่นคือฝาหน้าที่ส่องสว่างได้ด้วย LED เปลี่ยนสีได้ตามการสั่งงานผ่านแอป ตู้เย็น MoodUp เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Objet Collection ของ LG ผู้ใช้สามารถเลือกเฉดสีสำหรับบานประตูตู้เย็นด้านบนได้ 22 สี ส่วนบานประตูล่างสามารถเลือกเปลี่ยนได้ 19 สี โดยการเปลี่ยนสีสามารถทำได้ 2 วิธี คือเลือกสีผ่านแอป ThinQ หรือใช้คำสั่งเสียงโดยตรงกับตู้เย็น ตู้เย็น MoodUp ที่เปลี่ยนสีของไฟได้ผ่านแอป ThinQ Lyu Jae-chol ผู้บริหารฝ่ายธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าของ LG บอกว่าเทคโนโลยีในการผลิตทีวีมีส่วนช่วยเป็นอย่างมากในการพัฒนาตู้เย็น MoodUp ซึ่งใช้เวลานาน 2 ปี โดยเฉพาะการออกแบบให้บานประตูตู้เย็นยังคงดูดีแม้ในตอนที่ปิดไฟ LED ไปแล้ว ทั้งนี้ Lyu ยืนยันว่าลูกเล่นไฟ LED นี้ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนหรือลดทอนประสิทธิภาพด้านพลังงานของตู้เย็น โดยบอกว่าไฟ LED พวกนี้ใช้พลังงานเทียบเท่ากับหลอดไฟ 5 วัตต์เท่านั้น Lyu Jae-chol ในงานเปิดตัวตู้เย็น MoodUp ตู้เย็น MoodUp จะผลิตออกมา 3 แบบ โดยมีรุ่น 4 ประตู 2 แบบ และอีก 1 รุ่นออกแบบให้มีช่องเก็บกิมจิโดยเฉพาะ จะเริ่มวางขายในเกาหลีใต้เดือนกันยายนนี้ด้วยราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านวอน (ประมาณ 150,000 บาท) และจะเริ่มขายในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกช่วงปีหน้า ที่มา - The Korea Herald, LG Newsroom
# Sony เปิดตัว Xperia 5 IV แบตอึดขึ้น กล้องหน้า 12MP ยังไม่ระบุวันวางจำหน่าย Sony ได้เปิดตัว Xperia 5 IV เป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งยังคงดีไซน์เดิมจากรุ่น Xperia 5 III หน้าจอยังคงเป็น 6.1” OLED สัดส่วน 21:9 ที่มี refresh rate อยู่ที่ 120Hz ดังเดิม แต่หน้าจอสว่างกว่า Xperia 5 III 50% รวมถึงอัพเกรดแบตเตอรี่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นที่ 5,000mAh ในขนาดเท่าเดิมรองรับชาร์จ 30 วัตต์เหมือนเดิม ซึ่ง Sony เคลมว่าจะชาร์จได้ถึง 50% ใน 30 นาทีและแบตมีอายุถึง 3 ปี รวมถึงรองรับการชาร์จแบบไร้สายด้วย กล้องหลัง 3 ตัวเหมือนเดิม ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้งหมด เป็นเลนส์อัลตร้าวไวด์, เลนส์ไวด์และเทเล ที่เหลือระยะซูมแต่ 2.5x จาก สูงสุด 4.4x ในรุ่นเดิม มี Real-Time Eye AF, ระบบกันสั่น และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ 4K 120fps ทั้ง 3 เลนส์ ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเหมือนกัน Sony Xperia 5 IV ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1แรม 8GB และมีความจุ 128GB รวมทั้งมีช่องใส่การ์ด microSD สูงสุด 1TB กันน้ำกันฝุ่น IP65/IP68 รัน Android 12 ส่วนด้านเสียง มีเทคโนโลยี Dolby Atmos และ 360 Reality Audio ที่ทำให้ได้ยินเสียงรอบทิศ มีระบบเสียง Hi-Res Audio ที่ใช้เทคโนโลยี DSEE Ultimate มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm Xperia 5 IV จะมีให้เลือกสามสี คือ Black, Ecru White และ Green ราคา 1,000 ดอลลาร์ ยังไม่มีกำหนดวางจำหน่าย ที่มา: GSMArena, Android Authority
# รัฐบาลสหรัฐออกคำสั่งห้าม NVIDIA และ AMD ส่งชิปเซิร์ฟเวอร์ระดับสูงไปขายจีน-รัสเซีย NVIDIA ยื่นรายงานต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ ว่าได้รับคำสั่งจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ กำหนดเงื่อนไขห้ามส่งออกจีพียูเซิร์ฟเวอร์ระดับสูงคือ NVIDIA A100 และจีพียูรุ่นใหม่ H100 ไปยังประเทศจีน (รวมฮ่องกง) และรัสเซีย จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลก่อน คำสั่งของรัฐบาลสหรัฐยังกำหนดว่าจีพียูของ NVIDIA ในอนาคตที่มีสมรรถนะเทียบเท่า A100 ขึ้นไป จะต้องขอใบอนุญาตเช่นเดียวกัน เหตุผลของรัฐบาลสหรัฐคือป้องกันการนำชิปเหล่านี้ไปใช้ในการทหาร หรือถูกส่งต่อเพื่อใช้ในการทหารของจีนและรัสเซีย ฝั่งของ AMD ยืนยันว่าได้รับคำขอแบบเดียวกันกับรัฐบาลสหรัฐ โดยมีผลต่อชิป AMD Instinct MI200 ที่มา - NVIDIA, Protocol
# Sanas ผู้พัฒนาเทคโนโลยีเปลี่ยนสำเนียงพูดให้เป็นฝรั่งจ๋า แต่โดนวิจารณ์ว่าเหยียดเชื้อชาติ Sanas เป็นสตาร์ทอัพจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่พัฒนาเทคโนโลยีการเปลี่ยนเสียงคนพูดภาษาอังกฤษให้มีสำเนียงที่ชัดเจนเหมือนชาติเจ้าของภาษาได้แบบเรียลไทม์ มันถูกพัฒนามาเพื่อเน้นการใช้งานสำหรับเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์เป็นหลัก อย่างไรก็ตามมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าแนวคิดของการพัฒนาเทคโนโลยีนี้เป็นการเลือกปฏิบัติด้วยแนวคิดเหยียดสำเนียงภาษาอังกฤษของคนต่างเชื้อชาติ เพราะสิ่งที่มันทำเหมือนกับการพยายามเปลี่ยนเสียงพูดของทุกคนให้เป็นเสียงของคนอเมริกันผิวขาว ในหน้าเว็บไซต์ของ Sanas มีการสาธิตเทคโนโลยีเปลี่ยนสำเนียงที่บริษัทพัฒนาขึ้น หากลองเข้าไปกดฟังเสียงพูด (โดยการกดปุ่ม Play ด้านล่างซ้ายของจอ) แล้วลองเปรียบเทียบเสียงก่อนและหลังเปิดใช้ระบบเปลี่ยนสำเนียงของ Sanas (ทำโดยการคลิก toggle switch บริเวณขวาล่างของหน้าจอ) จะพบความแตกต่างของสำเนียงการพูดอย่างชัดเจน จากสำเนียงพูดภาษาอังกฤษแบบเอเชียใต้เปลี่ยนมาเป็นสำเนียงแบบฝรั่งเจ้าของภาษา หน้าจอสาธิตตัวอย่างเสียงพูดเปรียบเทียบระหว่างการใช้และไม่ใช่เทคโนโลยีเปลี่ยนสำเนียงของ Sanas อย่างไรก็ตาม Sharath Keshava Narayana หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Sanas ยืนยันว่าเจตนารมณ์ของบริษัทไม่ได้มาจากแนวคิดการเหยียดเชื้อชาติอย่างแน่นอน โดยอธิบายข้อมูลสนับสนุนว่าผู้ร่วมก่อตั้งบริษัททั้ง 4 คนล้วนแล้วแต่เป็นผู้อพยพมาจากต่างชาติ รวมถึงพนักงานอีก 90% ของบริษัทก็เช่นเดียวกัน Narayana บอกว่าที่มาของการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เพื่อส่งเสริมการเลือกปฏิบัติต่อคนแบบแบ่งแยกเชื้อชาติหรือภาษาพูด กลับกันมันมีที่มาเพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติต่างหาก โดยเขาเล่าว่าหนึ่งในเพื่อนสนิทของผู้ร่วมก่อตั้งเคยทำงานเสริมเป็นเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์และโดนไล่ออกด้วยเหตุผลว่าสำเนียงการพูดไม่ดี ในขณะที่ตัว Narayana เองซึ่งก็เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าทีคอลเซ็นเตอร์เช่นกันก็บอกว่าเรื่องการโดนเหยียดเพราะสำเนียงพูดมีอยู่จริงในการทำงานแบบนี้ และเทคโนโลยีของ Sanas มีขึ้นเพื่อช่วยไม่ให้ใครต้องตกเป็นเหยื่อการล้อเลียนหรือเลือกปฏิบัติเพราะสำเนียงพูดที่แตกต่างจากชาติเจ้าของภาษา การล้อเลียนหรือดูถูกสำเนียงพูดนั้น ส่วนหนึ่งเป็นการกระทำจากคู่สนทนาของเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ หรืออีกนัยหนึ่งคือลูกค้าของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งในสถานการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์อาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถตอบโต้หรือรับมือกับเหตุการณ์ได้ง่ายนัก Sanas เพิ่งก่อตั้งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาและได้รับเงินทุนสนับสนุน 32 ล้านเหรียญ โดยบริษัทบอกว่าที่ผ่านมายังมีการทดสอบเทคโนโลยีเป็นการภายในโดยใช้ในการสนทนาจริงระหว่างทีมงานในเกาหลีกับทีมในสหรัฐฯ รวมทั้งการสื่อสารกับทีมในอินเดียตอนเหนือและอินเดียตอนใต้ Sanas ระบุว่าตอนนี้มีผู้คนที่ใช้งานเทคโนโลยีของพวกเขาในการทำงานจริงราว 1,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในฟิลิปปินส์และอินเดีย พร้อมทั้งบอกว่า Sanas ได้รับเสียงตอบรับที่ดี โดยบริษัทลูกค้าที่เลือกใช้งานเทคโนโลยีเจอปัญหาเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ลาออกลดน้อยลง ที่มา - BBC
# โปรดิวเซอร์ SNK เผย SNK และ Capcom มีความสนใจพัฒนา SNK vs. Capcom ภาคใหม่ร่วมกัน Yasuyuki Oda โปรดิวเซอร์ SNK และผู้กำกับเกม King of Fighters 16 แจ้งอย่างเป็นทางการว่า SNK และ Capcom มีความสนใจพัฒนาเกมต่อสู้ SNK vs. Capcom ภาคใหม่ร่วมกัน โดยความร่วมมือนี้ยังอยู่ในระดับเริ่มต้น และยังไม่มีความชัดเจนว่าตัวเกมจะออกมาให้เล่นเมื่อไร เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการเปิดเผยโปสเตอร์ที่มีตัวละครเอกของทั้งสองฝ่าย พร้อมข้อความ Welcome Back ใน EVO 2022 งานแข่งขันเกมต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อเดือน ส.ค. 2022 ที่น่าสนใจคือตัวละครเหล่านั้นถูกวาดด้วยลายเซ็นเอกลักษณ์จากฝั่ง SNK และ Capcom โดยโปสเตอร์ดังกล่าวแจกฟรีภายในงาน และมีผู้สนใจจำนวนมาก ในอดีต SNK และ Capcom เป็นคู่แข่งเรื่องเกมต่อสู้กันโดยตรง SNK มีเกม King of Fighters เป็นเรือธง ส่วน Capcom มี Street Fighter เป็นจุดขาย ถึงขั้นทั้งสองค่ายเคยทำตัวละครล้อเลียนฝั่งตรงข้าม แต่สุดท้ายทั้งสองค่ายจับมือพัฒนาเกมต่อสู้ร่วมกัน เริ่มครั้งแรกในช่วงต้นทศวรรษ 2000s มีเกมต่อสู้ภาคสุดท้ายคือ SVC: Chaos ในปี 2003 และจากนั้นก็ไม่มีความร่วมมือกันอีก ในทางกลับกัน หลายค่ายเกมเริ่มปล่อยตัวละครของตัวเองออกไปอยู่ในเกมต่อสู้ของคู่แข่งมากขึ้น เช่น Tekken 7 ของ Bandai Namco ที่มี Akuma จาก Capcom และ Geese Howard จาก SNK และ Terry Boggard จาก SNK ที่เข้าไปอยู่ในเกม Super Smash Bros. Ultimate ของ Nintendo แสดงให้เห็นถึงการไม่หวงตัวละครเหมือนในอดีต อ้างอิง // IGN
# Oppo จะไม่ให้หัวชาร์จมากับสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่จะเปิดตัวในอนาคต Billy Zhang รองประธานฝ่ายขายและบริการต่างประเทศของ Oppo ประกาศในงานเปิดตัว Oppo Reno 8 series ของทางฝั่งยุโรปว่าจะไม่แถมหัวชาร์จให้กับสินค้าบางรุ่นที่จะวางจำหน่ายในอนาคตแล้ว ส่วนเหตุผลก็น่าจะเป็นเรื่องการลดต้นทุนทางด้านสิ่งแวดล้อมเหมือนบริษัทสมาร์ทโฟนอื่น ๆ ที่เลิกแถมหัวชาร์จไปก่อนแล้วอย่าง Apple หรือ Samsung บางรุ่น Oppo ได้พัฒนาเทคโนโลยี VOOC และ SUPERVOOC ที่ใช้กับหัวชาร์จมาตั้งแต่ปี 2014 เพื่อให้การชาร์จสมาร์ทโฟนเร็วขึ้นและถนอมแบตเตอรี่มากขึ้นซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้เปิดตัวหัวชาร์จ SUPERVOOC ใหม่ไป ซึ่งการไม่แถมหัวชาร์จนี้ก็ไม่แน่ใจว่าอนาคตของเทคโนโลยีการชาร์จของ Oppo จะเป็นอย่างไรต่อ ที่มา: XDA
# Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊กจอพับ ThinkPad X1 Fold รุ่นที่สอง จอใหญ่ขึ้นเป็น 16.3" Lenovo เปิดตัว ThinkPad X1 Fold แท็บเล็ต/โน้ตบุ๊กจอพับรุ่นที่สอง ที่ปรับปรุงจาก X1 Fold รุ่นแรกของปี 2020 หลายจุด หน้าจอ OLED ใหญ่ขึ้น 22% เพิ่มขนาดเป็น 16.3" จากรุ่นแรก 13.3" สัดส่วน 4:3 (2024×2560) ความสว่าง 600 nits รองรับ Dolby Vision ดีไซน์ขอบจอเล็กลงเหลือ 10 มิลลิเมตร ความหนาของเครื่องตอนกางแล้ว 8.8 มิลลิเมตร, ตอนพับ 17.4 มิลลิเมตร อัพเกรดซีพียูเป็น Intel 12th Gen Core (U-Series) ใส่ได้สูงสุด Core i7 vPro ใส่แรมได้สูงุสด 32GB LPDDR5 (ของเดิม 8GB), สตอเรจ SSD สูงสุด 1TB พอร์ต USB Type-C 3 พอร์ต มีสองพอร์ตที่เป็น Thunderbolt 4, รองรับ Nano-SIM LTE ในตัว มีรุ่น 5G ให้เลือก กล้องหน้า 5MP RGB+IR รองรับ Windows Hello มีชิป Intel Visual Sensing Controller (VSC) ช่วยตรวจจับบุคคลและวัตถุที่อยู่ใกล้เครื่อง ช่วยล็อค-ปลดล็อคเครื่องให้อัตโนมัติ แบตเตอรี่ 48Whr รองรับชาร์จเร็ว 65W อุปกรณ์เสริมเป็นคีย์บอร์ด ThinkPad ขนาดเต็ม มี TrackPoint, ทัชแพด และ backlight ในตัว ต่อเชื่อมกับตัวแท็บเล็ตผ่านแม่เหล็ก แปลงร่างเป็นโน้ตบุ๊กแบบดั้งเดิมขนาด 12" ได้ทันที น้ำหนักเฉพาะตัวจอ 1.28kg ถ้ารวมคีย์บอร์ดและขาตั้งแล้ว 1.9kg ราคาเริ่มต้น 2,499 ดอลลาร์ เริ่มวางขายไตรมาส 4 ของปี 2022 ที่มา - Lenovo
# [ลือ] iPhone SE รุ่นใหม่ปีหน้า อาจดีไซน์เหมือน iPhone XR บัญชี AppleTrack (@appltrack) บน Twitter เปิดเผยว่า iPhone SE 4 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปีหน้าจะมีดีไซน์เหมือน iPhone XR และใช้หน้าจอ LCD ขนาด 6.1 นิ้ว ซึ่งน่าจะมาพร้อมกับรอยบากและ Face ID พร้อมทั้งกล้องหน้า TrueDepth และกล้องหลังความละเอียด 12MP กันน้ำและฝุ่น IP67 iPhone SE 4 อาจเริ่มต้นด้วยรุ่นความจุ 128 GB รวมถึงจะเปลี่ยนมาใช้แบตเตอรี่ 2942mAh แบบที่ใช้ใน iPhone XR และน่าจะยังรองรับ 5G (sub-6Hz) เช่นเดียวกับ iPhone SE 3 ส่วนชิปน่าจะยังคงใช้ A15 Bionic ขนาด 5 นาโนเมตรตัวเดิมกับ iPhone SE 3 เพราะตามข่าวลือคาดว่า iPhone 14 และ iPhone 14 Max จะยังคงใช้ชิป A15 Bionic อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ว่า iPhone SE 4 จะได้ใช้ชิปที่ดีกว่า iPhone 14 หรือไม่ ที่มา: @appltrack on Twitter via PhoneArena
# Disney อาจปล่อยแพ็คเกจสมาชิก ให้ส่วนลดและสิทธิพิเศษคล้าย Amazon Prime แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเปิดเผยกับ Wall Street Journal ว่า Disney กำลังพูดคุยกันเป็นการภายในเรื่องการออกแพ็คเกจสมัครสมาชิกเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าของ Disney ใช้จ่ายเงินไปกับสินค้าและบริการของบริษัทมากขึ้นทั้งบริการสตรีมมิ่ง สวนสนุก รีสอร์ทและสินค้าต่าง ๆ จากการได้ส่วนลดและสิทธิพิเศษต่าง ๆ แพ็คเกจสมาชิกของ Disney อาจเป็นไปในทางเดียวกับ Amazon Prime ที่ให้ส่วนลดหรือการยกเว้นค่าส่งสินค้า โดย Disney กำลังวางแผนให้ผู้สมัครสมาชิก Disney+ สามารถซื้อสินค้า เครื่องประดับหรือเสื้อผ้าเด็กที่เป็นธีมเกี่ยวกับภาพยนตร์หรือซีรีส์โดยการสแกน QR Code บนแอปซึ่งจะลิ้งก์ไปสู่เว็บไซต์ Shop Disney และอาจออกสินค้าบางอย่างที่ซื้อได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น บริการสมาชิกทำให้ร้านค้าต่าง ๆ เช่น Amazon, Walmart หรือ Strabuck ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากขึ้นเพราะสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าเพื่อเสนอส่วนลดและบริการต่าง ๆ ได้ การออกแพ็คเกจสมาชิกจะช่วยให้ Disney สามารถเรียนรู้พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าได้เช่นกัน ทั้งนี้ การพูดคุยยังอยู่เพียงขั้นเริ่มต้นเท่านั้นจึงยังไม่มีการวางแผนว่า Disney จะคิดค่าบริการสมาชิกเท่าไรหรือจะปล่อยแพ็คเกจออกมาเมื่อไร ที่มา: Wall Street Journal
# คะแนนรีวิว The Last of Us Part I ได้ 89 บน Metacritic สื่อส่วนใหญ่ให้ 8-10 แต่โดนติเรื่องราคา วันนี้ Sony อนุญาตให้สื่อสายเกมปล่อยรีวิวของ The Last of Us Part I เกม "รีเมค" ที่คงต้นฉบับออริจินัลไว้ทั้งหมด แต่ยกเครื่องกราฟิค ภาพ โมเดลตัวละคร สภาพแวดล้อม ฉากต่อสู้ต่างๆ ซึ่งคะแนนบน Metacritic ออกมาที่ 89 คะแนนจากนักวิจารณ์ 99 คน ขณะที่สื่อหลายสำนักอย่าง IGN, GamesRadar หรือ GamesSpot ให้คะแนน 9/10, 4/5 และ 8/10 ตามลำดับ ซึ่งคำชมก็หนีไม่พ้นเรื่องของการยกเครื่องกราฟิคและงานภาพเป็นหลัก ยกระดับให้ขึ้นมาเทียบเท่ากับ Part II ซึ่งหากไม่ใช่เกมรีเมค มันก็สามารถเป็น Game of the Year ได้เลย ด้วยประสบการณ์การเล่นและเนื้อเรื่องที่เยี่ยมยอดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักวิจารณ์ที่ให้คะแนนกลางๆ (60-70 บน Metacritic) ก็บอกไปในทางเดียวกับที่ผู้เล่นวิจารณ์มาตลอดว่า แม้ประสบการณ์ด้านภาพจะดีมากขึ้น แต่ด้วยราคาที่สูงลิ่ว (70 เหรียญ หรือ 2,290 บาท) โดยการเปลี่ยนแปลงในแง่เกมเพลย์และเนื้อเรื่องแทบไม่มี มันก็ดูหนักหนาไปหน่อยกับการจ่ายราคานี้ ที่มา - Metacritic
# JBL เปิดตัวหูฟังไร้สาย Tour Pro 2 เคสมีจอสัมผัส สั่งงานได้โดยไม่ต้องควักมือถือ JBL เปิดตัวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ JBL Tour Pro 2 มีจุดเด่นน่าสนใจตรงที่เคสใส่หูฟังมีจอสัมผัสขนาด 1.45" ทำให้สามารถสั่งงานหูฟังได้จากเคส แทนการล้วงสมาร์ทโฟนขึ้นมาจากกระเป๋า JBL ระบุว่าเคสของ Tour Pro 2 สามารถเลือกเปลี่ยนแปลง, ปรับแต่งค่าของหูฟัง, รับสายเข้า, อ่านข้อความแจ้งเตือนและข้อความแชทได้ด้วย ฟีเจอร์อื่นของหูฟังคือไมโครโฟนรวม 6 ตัวสำหรับจับเสียงพูดขณะคุยโทรศัพท์, รองรับ Spatial Sound, ระบบตัดเสียงรบกวน ANC และ ambient sound, ฟังเพลงต่อเนื่องได้ 10 ชั่วโมง + จากเคสอีก 30 ชั่วโมง, รองรับ Bluetooth 5.3 และ LE Audio ราคาขาย 249 ยูโร แต่ต้องรอกันถึงเดือนมกราคม 2023 โน่นเลย ที่มา - JBL
# Snap ยกเลิกโครงการผลิตซีรีส์ Snap Originals, ยกเลิกเกม-มินิแอพจากพาร์ทเนอร์ ข่าวร้ายของ Snap ยังออกมาเรื่อยๆ หลังข่าวปลดพนักงานออกถึง 20% เมื่อวานนี้ บริษัท Snap ยังประกาศยุติธุรกิจใหม่ๆ อีกหลายอย่าง ได้แก่ การทำซีรีส์ Snap Originals, โดรน Pixy และมินิแอพ-มินิเกมภายในแอพที่เป็นของพาร์ทเนอร์ด้วย Snap Originals ถือเป็นโครงการฟอร์มยักษ์ของ Snap ที่เริ่มมาตั้งแต่ราวปี 2017 แนวทางคือดึงคนดัง ดารา นักกีฬา มาทำคอนเทนต์แบบมีบท (ไม่ต่างอะไรกับซีรีส์ทางบริการสตรีมมิ่งอื่นๆ สักเท่าไรนัก) เพื่อให้กลุ่มผู้ใช้งานแอพ Snapchat ซึ่งมีฐานใหญ่เป็นวัยรุ่นในสหรัฐและยุโรปรับชม ตัวอย่างคนดังที่มาร่วมแสดงมีทั้ง Simone Biles นักยิมนาสติกชื่อดัง และดาราดังระดับ Ryan Reynolds ปัจจุบัน Snap Originals มีเนื้อหาประมาณ 150 เรื่อง และ บริษัท Snap เพิ่งประกาศซีรีส์ Originals ชุดใหม่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เท่ากับว่าโครงการนี้จะถูกยกเลิกทั้งหมด ที่มา - The Verge
# Arm ฟ้อง Qualcomm ทำผิดสัญญาอนุญาตใช้งานชิปของบริษัทลูก Nuvia บริษัท Arm ยื่นฟ้อง Qualcomm ด้วยเหตุผลว่าละเมิดสิทธิสัญญาอนุญาตใช้งานพิมพ์เขียวชิป Arm ของบริษัทลูก Nuvia ที่ Qualcomm ซื้อกิจการมาในปี 2021 Nuvia เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยอดีตทีมงานออกแบบชิป Apple Ax ที่ลาออกมาเปิดบริษัทเอง และซื้อพิมพ์เขียว Arm มาเองต่างหาก ในคำฟ้องของบริษัท Arm บอกว่าพิมพ์เขียวนี้เป็นสิทธิของบริษัท Nuvia เท่านั้น ซึ่ง Qualcomm นำมาใช้งานต่อโดยไม่ได้รับคำอนุญาตจากบริษัท Arm ก่อน ปัจจุบัน สัญญาของ Nuvia ถูกบริษัท Arm ยุติมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 และก่อนหน้านั้นก็พยายามเจรจากับฝั่ง Qualcomm หลายครั้งแต่ไม่เป็นผล จึงต้องฟ้องร้องต่อศาล ถึงแม้คดีนี้อาจดูเป็นแค่เรื่องส่วนแบ่งรายได้ที่ไม่ลงตัว แต่การที่อนาคตในตลาดชิปมือถือของ Qualcomm ตอนนี้ขึ้นอยู่กับ Nuvia และชิปตัวแรกต้องรอกันถึงปลายปี 2023 การมีคดีนี้แทรกเข้ามาก็ยิ่งอาจทำให้ชิปของ Nuvia ล่าช้ากว่าเดิมไปอีก ที่มา - Arm
# Meta ตั้งทีม ศึกษาแนวทางเก็บเงินผู้ใช้ Facebook, Instagram แลกกับได้ฟีเจอร์เพิ่มเหมือน Twitter The Verge อ้างข้อมูลจากอีเมลภายใน Meta ระบุว่าบริษัทกำลังตั้งฝ่ายใหม่ด้านผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างฟีเจอร์เสียเงิน สำหรับแอปในเครือทั้ง Facebook, Instagram และ WhatsApp ทีมใหม่ดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า New Monetization Experiences มี Pratiti Raychoudhury เป็นหัวหน้าทีม ซึ่งเดิมเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Meta ปัจจุบัน Meta มีรายได้หลักจากโฆษณา แต่ผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบทั้งจากเศรษฐกิจ และระบบป้องกันความเป็นส่วนตัวของ iOS ที่ทำให้การทำโฆษณาเจาะจงยากขึ้น The Verge ยังอ้างบทสัมภาษณ์ John Hegeman รองประธานของ Meta ที่ดูแลด้าน Monetization ว่าบริษัทยังคงเน้นการเติบโตจากโฆษณาเป็นหลัก ไม่มีแผนที่จะทำระบบเสียเงินเพื่อปิดโฆษณา แต่ก็เห็นโอกาสที่จะสร้างรายได้ จากการใส่ฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้าไป แล้วให้ผู้ใช้เสียเงินเพิ่ม ปัจจุบันแอปโซเชียลหลายราย มีบริการจ่ายค่าสมาชิก ซึ่งได้ฟีเจอร์พิเศษมาเสริมการใช้งานเช่น Twitter, Snapchat และ Telegram จึงไม่น่าแปลกใจถ้า Meta จะอยากทำแบบนี้กับ Facebook, Instagram และ WhatsApp บ้าง ที่มา: The Verge
# Apple ออกอัพเดต iOS 12.5.6 สำหรับ iPhone และ iPad รุ่นเก่า แก้ไขช่องโหว่ WebKit แอปเปิลออกอัพเดต iOS 12.5.6 สำหรับ iPhone, iPad และ iPod touch รุ่นเก่า ที่ไม่สามารถอัพเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุด iOS 15 ได้แก่ iPhone 5s, iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPad Air, iPad mini 2, iPad mini 3 และ iPod touch (6th Gen) ในอัพเดต iOS 12.5.6 นี้ แอปเปิลระบุว่าแก้ไขช่องโหว่สำคัญของ WebKit ซึ่งมีรายงานการโจมตีแล้ว ผู้ที่ใช้อุปกรณ์กลุ่มดังกล่าวจึงควรอัพเดตระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ชันนี้ ทั้งนี้ช่องโหว่ดังกล่าวแอปเปิลได้แก้ไขไปแล้วใน iOS 15.6.1, iPadOS 15.6.1 และ macOS Monterey 12.5.1 ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตผ่าน OTA ได้ โดยไปที่ Settings เลือก General และ Software Update ที่มา: MacRumors
# GoTo ซื้อกิจการ Kripto Maksima แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตในอินโดนีเซีย GoTo Gojek Tokopedia บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของอินโดนีเซีย ประกาศซื้อกิจการ Kripto Maksima Koin แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตของอินโดนีเซียเอง ด้วยมูลค่า 1.25 แสนล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 310 ล้านบาท GoTo เป็นบริษัทที่รวมสองบริษัทใหญ่ของอินโดนีเซียในเวลานั้นคือ Tokopedia ที่เป็นอีคอมเมิร์ซ และ Gojek แอปเรียกรถโดยสาร โดยไอพีโอเข้าตลาดหุ้นอินโดนีเซียเมื่อต้นปี ปัจจุบันอินโดนีเซียบริษัทจดทะเบียนให้บริการซื้อขายคริปโต 25 ราย ซึ่ง Kripto Maksima เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้หน่วยงานกำกับดูแลของอินโดนีเซียลงมาควบคุมแพลตฟอร์มคริปโตมากขึ้น และงดออกใบอนุญาตใหม่ในตอนนี้ ที่มา: CoinDesk
# 2K Games ประกาศทำ Mafia ภาคใหม่, แจกฟรีเกม Mafia ภาคแรก 2K Games ฉลอง 20 ปีของเกมซีรีส์ Mafia ที่เพิ่งออกรีมาสเตอร์ Mafia Trilogy ไปเมื่อปี 2020 โดยประกาศข่าวการพัฒนาเกม Mafia ภาคใหม่ที่ยังไม่มีชื่อภาค (แฟนๆ เรียก Mafia 4 กันไปก่อน) ซึ่งยังเป็นหน้าที่ของสตูดิโอในเครือ Hangar 13 ที่สร้างเกมภาค 3 เช่นเดิม 2K Games ยังใจดีแจกเกม Mafia ภาคแรกฟรีบน Steam แบบจำกัดเวลา ระหว่างวันที่ 1-5 กันยายนนี้ (เกมแยกเป็นเวอร์ชันดั้งเดิม และ Definitive Edition ที่รีมาสเตอร์ใหม่ ซึ่งไม่ได้แจก) ที่มา - Mafia
# นักวิจัยญี่ปุ่นสร้างเกมมือถือช่วยให้ผู้เล่นตรวจอาการต้อหินของตนเองได้ นักวิจัยจาก Tohoku University ร่วมกับ Sendai Television พัฒนาเกมมือถือชื่อ Meteor Blaster ที่เมื่อเล่นเกมแล้วผู้เล่นสามารถประเมินตนเองได้ว่ามีอาการของโรคต้อหินหรือไม่ภายหลังจากเล่นเกมนี้ไปประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ตัวเกมนั้นก็ตรงตามชื่อคือเป็นเกมยิงอุกกาบาต โดยเป็นเกมบนเว็บที่สามารถเล่นได้โดยไม่ต้องติดตั้งแอปใดๆ ลงในโทรศัพท์ สามารถใช้มือถือเข้าไปยังหน้าเว็บเพื่อเล่นเกมได้ทันทีที่นี่ ภาพจากหน้าจอเกม Meteor Blaster สำหรับโรคต้อหินนั้น เกิดจากความเสื่อมของขั้วประสาทตา ส่งผลให้เกิดการสูญเสียลานสายตาและการมองเห็นถาวรได้ การประเมินอาการของโรคนี้จึงให้ความสำคัญเรื่องการมองเห็นบริเวณลานสายตา (อันหมายถึงบริเวณที่ดวงตามองเห็นและรับภาพได้นอกเหนือไปจากจุดที่กำลังโฟกัสภาพ) ว่ายังปกติดีหรือไม่ ซึ่งเกม Meteor Blaster นี้ก็ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจประเมินเรื่องนี้เป็นหลัก รูปแบบการเล่นเกมนั้นผู้เล่นต้องคอยเล็งจังหวะที่อุกกาบาตเคลื่อนที่ผ่านศูนย์เล็งของปืนเพื่อกดปุ่ม "Shoot" ยิงทำลายอุกกาบาต โดยผู้เล่นไม่สามารถหันปืนไปมาได้ทำได้แค่รอจังหวะให้อุกกาบาตเคลื่อนผ่านมาเท่านั้น ในระหว่างนั้นจะมีจุดสีขาวปรากฏขึ้นมาสลับไปตามตำแหน่งต่างๆ บนหน้าจอเกมเป็นระยะ ผู้เล่นจะต้องกดปุ่ม "Capture" เก็บภาพหน้าจอทุกครั้งเมื่อสังเกตเห็นจุดสีขาวเหล่านั้น ซึ่งจุดสีขาวนี้เองเป็นตัวทดสอบการมองเห็นบริเวณลานสายตาในขณะที่สายตาของผู้เล่นจดจ่อโฟกัสอยู่บริเวณตำแหน่งศูนย์เล็งของปืนเพื่อรอจังหวะยิงทำลายอุกกาบาต เพื่อให้การประเมินตรวจสอบมีประสิทธิภาพ ผู้พัฒนากำหนดให้ผู้เล่นเล่นเกมนี้โดยถือโทรศัพท์ในแนวนอนและถือห่างจากดวงตาประมาณ 30 เซนติเมตรในระหว่างการเล่น คำแนะนำการเล่นเกมเพื่อให้ประเมินอาการโรคต้อหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเล่นเกมจบทั้ง 4 ด่าน เกมจะแสดงผลการประเมินคะแนนการมองเห็นในบริเวณต่างๆ ของลานสายตา โดยระบุคะแนนตั้งแต่ 1-5 โดยคะแนน 1 หมายถึงดีมาก หากผู้เล่นได้คะแนนสูงในพื้นที่ไหนก็อาจบ่งชี้ได้ว่ามีปัญหาการมองเห็นในบริเวณนั้นของลานสายตา หรือกล่าวโดยนัยคือเสมือนมีจุดบอดเกิดขึ้นซึ่งอาจเป็นผลมาจากโรคต้อหิน เมื่อเล่นเกมจบแล้ว นอกจากสรุปผลคะแนนของเกม ยังมีผลประเมินการมองเห็นบริเวณต่างๆ ของลานสายตาทั้งตาข้างซ้ายและขวา ศาสตราจารย์ Toru Nakazawa ซึ่งมีส่วนในการพัฒนาเกมนี้ให้ข้อมูลว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคต้อหินประมาณ 4.65 ล้านคน แต่ 90% ของผู้ป่วยไม่ได้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาเนื่องจากพวกเขาเข้าใจว่าอาการที่เกิดขึ้นกับดวงตาของพวกเขานั้นเป็นเรื่องปกติเมื่อมีอายุมากขึ้น ทั้งที่จริงแล้วหากรู้ตัวเร็วและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ก็มีโอกาสที่จะป้องกันการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ หากรอให้อาการเด่นชัดจนรู้สึกตัวว่ามีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเมื่อนั้นก็มักจะสายเกินไปแล้ว ตอนนี้ผู้พัฒนาได้จดสิทธิบัตรเกม Meteor Blaster นี้แล้วเรียบร้อย ที่มา - SoraNews24
# เร็วๆ นี้บรรดาบริษัทใน Silicon Valley จะต้องระบุเงินเดือนทุกครั้งเมื่อประกาศรับสมัครงาน รัฐ California กำลังจะออกกฎหมายกำหนดให้ประกาศการรับสมัครงานของบริษัทในรัฐต้องระบุข้อมูลค่าจ้างด้วยทุกครั้ง ซึ่งนั่นรวมถึงบริษัทเทคทั้งหลายใน Silicon Valley อย่าง Google, Meta และ Apple ด้วย กฎหมายใหม่นี้กำหนดให้บริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 15 คนขึ้นไป ต้องระบุรายละเอียดค่าแรงต่อชั่วโมง หรือเงินเดือนโดยประมาณด้วยทุกครั้งในการประกาศรับสมัครคน ทั้งนี้กฎหมายนี้จะบังคับใช้กับการรับสมัครคนเพื่อทำงานในรัฐ California ไม่ว่าบริษัทผู้ว่าจ้างจะตั้งอยู่ที่ไหนก็ตาม ในทางกลับกันสำหรับบริษัทที่ตั้งอยู่ใน California หากเปิดรับสมัครงานในตำแหน่งที่ทำงานสถานที่อื่นนอกรัฐก็ไม่จำเป็นต้องระบุข้อมูลค่าจ้างในการประกาศรับสมัคร นอกเหนือจากข้อมูลค่าจ้างสำหรับพนักงานที่เข้าใหม่แล้ว กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลค่าจ้างของพนักงานในปัจจุบันต่อภาครัฐมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าเฉลี่ยและค่าแรงต่อชั่วโมงของพนักงานแบ่งตามสีผิว, เชื้อชาติ, เพศ และการแบ่งหมวดหมู่ตามเกณฑ์ต่างๆ และในกรณีที่จ้างช่วงบริษัทอื่นเพื่อจ้างแรงงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป จะต้องยื่นรายงานการจ่ายเงินต่อรัฐด้วย กฎหมายนี้มีขึ้นเพื่อสร้างความโปร่งใสในเรื่องการจ้างงาน และมีการบังคับใช้ในรัฐอื่นๆ มาก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน โดยรัฐ Colorado เริ่มใช้กฎหมายลักษณะนี้ตั้งแต่ปีก่อน ในขณะที่ New York ก็อยู่ในช่วงเริ่มบังคับใช้ ส่วนรัฐ Washington จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายเปิดเผยข้อมูลค่าจ้างตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้า ที่มา - The Wall Street Journal Job Listings by Flazingo.com
# ไมโครซอฟท์พบช่องโหว่ใน WebView ของแอป TikTok เปิดทางแฮกเกอร์ยึดบัญชี ไมโครซอฟท์รายงานถึงช่องโหว่ใน API ที่ TikTok เพิ่มลงในเบราว์เซอร์ภายในแอปผ่านทาง WebView เปิดทางให้แฮกเกอร์ดึงเอา token สำหรับยืนยันตัวตนไปได้ โดยทีมงานของไมโครซอฟท์ยืนยันช่องโหว่ด้วยการสร้างลิงก์ที่ผู้ใช้ TikTok บนแอนดรอยด์คลิปแล้วจะถูกเปลี่ยนโปรไฟล์เป็น "!! SECURITY BREACH !!!" ช่องโหว่ใน API ของ WebView อาจจะต้องเปิดจากลิงก์ในแอปเท่านั้ แต่เนื่องจากตัวแอป TikTok รองรับ deeplink ผ่านทาง URL ที่ขึ้นต้นด้วย https://m.tiktok[.]com/redirect อีกทางทำให้แฮกเกอร์สามารถสร้างลิงก์จากภายนอกแอปแต่ก็เปิดจากเบราว์เซอร์ในแอป TikTok อยู่ดี แม้ที่จริง TikTok จะป้องกันการทำเช่นนี้ไว้แต่ทีมงานของไมโครซอฟท์ก็พบวิธีการหลบฟิลเตอร์ได้ API ที่ TikTok ใส่เพิ่มเข้าไปใน WebView มีมากกว่า 70 รายการ บาง API เปิดให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ บางส่วนเปิดให้ยิง HTTP POST ไปยังเซิร์ฟเวอร์แล้วคืนค่าทุกอย่างกลับมา รวมถึง HTTP header ด้วย ไมโครซอฟท์รายงานช่องโหว่ไปยัง TikTok ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์และทาง TikTok ก็แก้ไขตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่ไมโครซอฟท์เพิ่งรายงานถึงช่องโหว่นี้อย่างละเอียด โดยก่อนหน้านี้ไม่นานก็มีนักวิจัยภายนอกพบว่า TikTok แทรกจาวาสคริปต์ลงในเบราว์เซอร์ในแอป ที่มา - Microsoft
# สหรัฐฯ เตรียมเปิดระบบโอนเงินทันที FedNow กลางปี 2023 Lael Brainard รองประธาน Federal Reserve Board หน่วยงานกำกับด้านระบบชำระเงินภายใต้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศว่าระบบ FedNow หรือระบบโอนเงินแบบทันที จะเริ่มเปิดใช้งานจริงกลางปี 2023 หลังจากพัฒนามายาวนานหลายปี FedNow เป็นระบบโอนเงินแบบทันทีรูปแบบเดียวกับที่หลายชาติได้ลงระบบไปก่อนหน้านี้แล้ว ในไทยเราเห็นรูปแบบนี้ในพร้อมเพย์ที่สามารถโอนข้ามธนาคารได้โดยไม่ต้องรอระยะเวลาหลายๆ วันเหมือนแต่ก่อน กระบวนการเชื่อมต่อข้อมูลก็ใช้มาตรฐาน ISO 20022 เหมือนกัน สหรัฐฯ มีระบบ Automated Clearing House (ACH) ให้บริการมาตั้งแต่ปี 1972 และมีข้อจำกัดเวลาให้บริการ และการโอนเงินต้องรอเงินเคลียร์ในช่วงเวลาทำการ FedNow จะทำให้กระบวนการโอนถึงบัญชีปลายทางทันที ที่มา - Federal Reserve
# ไม่ได้ทำแต่เกม Ubisoft เปิดบริการแอพฝึกกีตาร์ Rocksmith+ ใช้กับกีตาร์อะคูสติกได้ด้วย Ubisoft ไม่ได้ทำแต่เกมอย่างเดียว แต่ยังมีแอพสอนเล่นกีตาร์ Rocksmith+ บนพีซี มีกำหนดเปิดบริการ 6 กันยายน 2022 หลังเลื่อนวันเปิดบริการมาแล้วหนึ่งปีเต็ม Rocksmith+ เป็นบริการที่ต่อยอดจากเกมกีตาร์ Rocksmith ของ Ubisoft เองที่ออกในปี 2011 และได้รับความนิยมในหมู่คนเล่นกีตาร์มาจนถึงทุกวันนี้ (ยอดขายรวมทุกเวอร์ชัน 5 ล้านชุด) รูปแบบเกมคือเป็นเกมกดตามจังหวะเพลง โดยต้องต่อสายเคเบิลเข้ากับกีตาร์ไฟฟ้า เพื่อวัดว่าตรงกับจังหวะของเกมหรือไม่ Rocksmith+ ต่อยอดแนวคิดของเกม Rocksmith โดยรองรับกีตาร์อะคูสติกด้วย (ต้องใช้แอพมือถือช่วยเป็นไมโครโฟนจับเสียงกีตาร์) ส่วนเรื่องเพลงที่เป็นจุดขายก็มีจำนวนมากถึง 5,000 เพลงในช่วงเปิดตัว และมีสัญญากับค่ายเพลงใหญ่อย่าง Sony และ Universal ด้วย รูปแบบการทำเงินของ Rocksmith+ เป็น subscription จ่ายรายเดือน ช่วงเปิดตัวสมัคร 3 เดือนฟรี 1 เดือน หรือ 1 ปีฟรี 3 เดือน ที่มา - Ubisoft
# NetEase ซื้อ Quantic Dream สตูดิโอผู้สร้างเกม Detroit: Become Human NetEase บริษัทเกมยักษ์ใหญ่จากจีน ประกาศซื้อกิจการ Quantic Dream สตูดิโอเกมฝรั่งเศส เจ้าของผลงานฮิตอย่าง Detroit: Become Human โดยไม่เปิดเผยมูลค่า Quantic Dream ก่อตั้งเมื่อปี 1997 ปัจจุบันมีอายุ 25 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้เคยได้รับเงินลงทุนจาก NetEase เมื่อปี 2019 และเมื่อผ่านมา 4 ปี NetEase ก็ตัดสินใจซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท ตอนนี้ Quantic Dream มีเกมใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาคือ Star Wars Eclipse ในจักรวาล Star Wars ยุคสาธารณรัฐ แต่ยังไม่เปิดเผยกำหนดวางขาย ที่มา - Quantic Dream, PCGamer
# สภาฯ แคลิฟอร์เนียผ่านร่างกฎหมาย ควบคุมบริษัทโซเชียลมีเดียไม่ให้เป็นอันตรายต่อเด็ก สภานิติบัญญัติของรัฐแคลิฟอร์เนียผ่านกฎหมายที่กำหนดให้แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียต้องออกแบบแอปโดยคำนึงถึงสุขภาพของผู้เยาว์ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ร่างกฎหมายกำหนดให้บริษัทแอปจะต้องศึกษาผลิตภัณฑ์รวมถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ผู้เยาว์สามารถเข้าถึงได้ก่อนจะปล่อยให้ใช้เป็นสาธารณะเพื่อลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงให้เปิดเผยนโยบายความเป็นส่วนตัวด้วยภาษาที่ผู้เยาว์สามารถเข้าใจได้ นอกจากนี้ ยังห้ามใช้เครื่องมือที่ให้ผู้เยาว์เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและห้ามใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้เยาว์ในการทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้เยาว์ รวมทั้งห้ามไม่ให้ติดตามตำแหน่งที่อยู่ยกเว้นว่าจะแจ้งก่อน บริษัทที่ฝ่าฝืนอาจถูกระงับการดำเนินการแอปพลิเคชันรวมทั้งต้องเสียค่าปรับเป็นเงินสูงสุดถึง $2,500 (ราว 91,000 บาท) ในแต่ละกรณีและสูงสุดถึง $7,500 (ราว 270,000 บาท) หากพบว่ากระทำโดยเจตนา ในเบื้องต้น Gavin Newsom ผู้ว่าการรัฐยังไม่ได้ระบุว่าจะลงนามรับรองหรือจะโหวตยับยั้งร่างกฎหมาย ขณะที่ตัวแทนของบริษัทแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียรวมถึง Meta, Snap และ Twitter ต่างคัดค้านด้วยเหตุผลว่าการมีกฎหมายควบคุมแอปพลิเคชันที่ต่างกันในแต่ละรัฐ จะทำให้บริษัทปฏิบัติตามกฎได้ยาก หากผู้ว่าการรัฐเลือกที่จะลงนามรับรอง กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคมปี 2024 ที่มา: Wall Street Journal
# สรุปงาน Best of Build Thailand จาก Microsoft จัดโดยนักพัฒนา เพื่อนักพัฒนา Microsoft Thailand จัดงาน Best of Build Thailand เป็นสัมมมนาที่สำคัญของวงการเทคโนโลยี ที่จะนำความรู้การใช้เครื่องมือต่างๆ ของ Microsoft มาย่อยให้เป็นภาษาไทย เพื่อให้ทุกคน โดยเฉพาะนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในองค์กรต่างๆ นำไปใช้และต่อยอดการทำงาน อีกเป้าหมายคือ ทำให้เกิดคอมมูนิตี้ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สร้างงานบนแพลตฟอร์มของ Microsoft ได้มาเรียนรู้งานร่วมกัน Blognone เห็นว่า คอนเทนต์จากงานน่าสนใจ และคิดว่าจะมีประโยชน์ต่อคอมมูนิตี้และคนที่ติดตาม Blognone อยู่แล้ว จึงสรุปความสำคัญจากหลายๆ เซสชั่นมาในบทความนี้ [ 10 เทคโนโลยีที่โซลูชั่น Microsoft ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น ] เริ่มต้นด้วย 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปีนี้และในอนาคตตามรูปภาพ ซึ่งแต่ละเทคโนโลยี มีโซลูชั่นของ Mocrosoft เข้ามาซัพพอร์ตให้ทำงานง่ายขึ้น ซึ่งเราจะค่อยๆ ไล่เรียงในแต่ละข้อ 1. Developer Flow หรือการทำงานที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ ต้องได้โฟกัสกับงานเขียนโปรแกรมจริงๆ และทำได้เร็วที่สุด นำโค้ดไปรันให้เร็วที่สุด แต่จริงๆ แล้ว นักพัฒนาเสียเวลาไปกับการ Provision VMs นานครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว Microsoft จึงพัฒนาโซลูชั่น Github Codespaces ที่นักพัฒนาสามารถใช้ Github โดยที่ Provision VMs และอินฟราสตรัคเจอร์เข้า มาไว้ในที่เดียวกันได้ หรือสร้าง Environment ให้เราโฟกัสกับการเขียนโปรแกรมได้เต็มที่ และที่ช่วยให้ง่ายขึ้นคือ GitHub Copilot หรือ AI ช่วย Recommend Code ว่า Best Practice ต้องเขียนยังไง ช่วยบอกช่องโหว่ให้เราได้ ซึ่งจะช่วยกระชับเวลาทำงานให้นักพัฒนาได้อีกมาก 2. Cloud ubiquity คอนเซปต์คือ คลาวด์คอมพิวติ้งที่กระจายไปทุกที่ ตอนนี้การรันแอปพลิเคชั่น ลำพังอยู่บนคลาวด์อย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์การใช้งาน และไหนๆ แล้ว Data Center ของ Microsoft Azure ก็เชื่อมต่อกันหมดอยู่แล้ว ดังนั้นบริการใหม่ Azure Arc จึงช่วยให้รันที่ Hardware on premise ของ Data Center ที่อื่นได้ ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์อย่างเดียว ตั้งเป้าให้ Azure เป็น The World Computer ซึ่งสำคัญกับกับนักพัฒนาชาวไทยที่มักจะรัน Data Center กันเป็นส่วนใหญ่ Azure ยังทำงานร่วมกับ 5G ได้ในแง่การรันแอปพลิเคชั่นที่ควมหน่วงต่ำ หรือ Low Latency ซึ่งมีบริษัทเข้าร่วมโปรเจกต์เยอะมาก 3. App ubiquity เช่นเดียวกับข้อก่อนหน้า คือแอป จะไปอยู่ในทุกๆ ที่ นักพัฒนาสามารถ publish แอปพลิเคชั่นบน Microsoft Store และได้รายได้ไปเลย 100% ไม่ต้องแบ่งกับ Microsoft เช่นเดียวกันกับการ publish เกม คือสร้างเกมแล้วส่งเกมไปได้ในทุกแพลตฟอร์ม ทุกดีไวซ์ 4. Cloud Native คอนเซปต์คือ เป็นรูปแบบของการพัฒนาแอปลิเคชั่นยุคใหม่ โดยออกแบบเพื่อรองรับ การประมวลผลในรูปแบบคลาวด์ หรือในรูปแบบ Serverless นั่นเอง ซึ่งส่วนนี้ Microsoft มี Azure Container Apps: Serverless container for microservices รองรับการใช้งานอยู่แล้ว และยังมี Azure confidential computing ศักยภาพการทำคอมพิวติ้ง โดยที่ Data จะถูก Encrypt ให้ทั้งหมด เป็นประโยชน์มากๆ ในกรณีที่ต้องทำ Use Case จากข้อมูลคนไข้ โซลูชั่นพวกนี้ จะเข้ารหัสให้เลย โดยไม่ต้องกลัวว่าจะผิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล โดย Microsoft เป็นพาร์ทเนอร์กับ AMD, Intel และ Nvidia เพื่อทำ Hardware Encryption 5. Unified data ปัญหาที่นักพัฒนาเจอคือ Data ในองค์กรมันอยู่กระจัดกระจาย สิ่งที่ Microsoft พยายามทำคือ Data ควรเป็นเรื่อง Front End มากขึ้น มีความสามารถในการเก็บรวมรวม Data มากขึ้น Microsoft จึงทำ MS Intelligent Data Platform ออกมา ให้การจัดการข้อมูลทำได้รวดเร็ว ซึ่งทิศทางของเทคโนโลยี จะกลายป็น Unified data มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการแยก Data เป็น Silo ไม่ตอบโจทย์การทำงานกับ Data จำนวนมากๆ 6. Model as platform ทุกวันนี้ Microsoft ใช้ AI ในหลายจุด ซึ่ง Microsoft มี AI as a Service ที่อยากให้นักพัฒนามาลองใช้ AI ให้เป็นเสมือนผู้ช่วยนักพัฒนาในการทำงาน เช่น การใช้ AI จับบทสนทนาระหว่างหมอ คนไข้ แล้วป้อนข้อมูลเข้ามาเก็บ เพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อ ประหยัดเวลาในการรักษา เป็นต้น 7. Hybrid AI ทิศทางของอุตสาหกรรมเป็นไฮบริด รวมถึง AI ด้วย ตอนนี้เราอยู่ในช่วงที่ AI อยู่กระจัดกระจาย ทิศทางต่อจากนี้เราจะเห็นแอปพลิเคชั่นที่อาศัยบน CPU, GPU, NPU ในอุปกรณ์มากมาย ควบคู่ไปกับ Azure ซึ่ง Microsoft เปิดตัว Hybrid Loop dev pattern ที่สามารถออฟโหลดงาน คอมพิ้วหรืองาน AI ระหว่างคลาวด์ กับ On-Premise ได้แบบเรียลไทม์ เช่นถ้า NPU ตัวนี้ว่าง ก็เพิ่มโหลดเข้ามาเพื่อแบ่งการทำงาน 8. Low Code / No Code เป็นเทรนด์ที่คนไทยกำลังพูดถึงกันเยอะ เพราะ 81% ขององค์กรที่ใช้ระบบนี้มองว่า มันช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันมากขึ้น ซึ่ง Microsoft มีบริการ Low Code / No Code คือ Power Apps และ Microsoft ยังมีโซลูชั่นที่เรียกว่า Express Design in Power Apps คือแค่เราวาดรูปหน้าตาเว็บไซต์ที่เราต้องการ ถ่ายรูปเข้าไป ระบบจะสามารถ convert ออกมาเป็นเว็บไซต์จริงๆ โดยไม่ต้องเขียน HTML ด้วยซ้ำ นี่คือ Low Code / No Code ที่เกิดขึ้นจริงแล้ว 9. Collaborative apps ทิศทางที่เราเริ่มเห็นคือ การทำแอปพลิเคชั่นที่เกิดขึ้นบน Collaborative Platforms เช่น Microsoft Teams, Microsoft 365 และสิ่งที่นักพัฒนาหลายคนอาจไม่ทราบมาก่อนคือมี Microsoft Graph ที่เปิดใช้งานให้นักพัฒนา นำ signal ไปพัฒนาต่อยอดได้ ตัวอย่างเช่น Adobe Sign เซ็นผ่าน MS Team ได้แล้ว ซึ่งเทรนด์ตอนนี้มีการใ้ช้ Collaborative apps มา integrate กับ Microsoft Teams มากขึ้น 10. Metaverse ในที่นี้คนอาจจะรู้จัก Metaverse ของ Microsoft ผ่านเกม แต่ Metaverse ที่จะเกิดขึ้นนั้นจะค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาอยู่บนโลกการทำงาน Microsoft เปิดตัว Mesh for Microsoft Teams เป็น Metaverse แพลตฟอร์มที่คนเข้าไปร่วมไปจอยกันบน Microsoft Teams ได้ สร้างอวตารของตัวเองเพื่อพูดคุยกับคนอื่นได้ เป็นหนึ่งในทิศทางที่จะพัฒนาไปเรื่อยๆ Metaverse ยังจะเกิดขึ้นในเชิงอุตสาหกรรมมากขึ้น จะไม่เกิดขึ้นในเชิงสันทนาการเพียงอย่างเดียว แต่มันจะกลายเป็นการพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ Use Case ในโลกจริง ตัวอย่างเช่นการสร้าง Digital Twin สร้างแฝดบนโลกดิจิทัลตัวเองไปทำงานในอีกที่หนึ่ง เช่นสร้าง Digital Twin ของวิศวกรทำงานในอกโรงงานที่ต้องรันระบบต่อโดยหยุดไม่ได้ ในงานสัมมนา Best of Build Thailand ยังเป็นโอกาสที่ดีมากของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะได้เข้ามาเทรนนิ่ง อัพสกิล ผ่านโครงการ Microsoft Cloud Squad ที่จะได้มาอัพสกิลในเครื่องมือทั้งหมใดที่กล่าวใน 10 หัวข้อด้านบน โดยแบ่งการเรียนเป็น 4 หัวข้อใหญ่ๆ คือ Cloud Skills, Data Skills, Developer Skills, Microsoft 365 ทุกคนลงทะเบียนเรียนได้ฟรี และยังได้ใบประกาศจาก Microsoft ด้วย ดูย้อนหลังได้ที่ https://www.zipeventapp.com/ve/Best-of-Build-2022-Thailand
# Twitter ระงับแผนสร้างรายได้จากเนื้อหาทางเพศ เหตุไม่มีเครื่องมือตรวจสอบเนื้อหาความรุนแรงทางเพศต่อเด็ก Twitter มีโครงการใหม่ที่ชื่อว่า Adult Content Monetization (ACM) โดยให้ผู้ผลิตเนื้อหาทางเพศเปิดให้ผู้ใช้งานสมัครสมาชิกและจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงเนื้อหาดังกล่าวและ Twitter จะได้รับส่วนแบ่งจากรายได้ ซึ่งปัจจุบัน Twitter ก็เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ผลิตเนื้อทางเพศจะเข้ามาโปรโมทบัญชี OnlyFans ของตนเองอยู่แล้ว เพราะเป็นแพลตฟอร์มหลักแห่งเดียวที่อนุญาตให้โพสต์ภาพและวิดีโอที่มีเนื้อหาทางเพศ อย่างไรก็ตาม Twitter ได้ระงับแผนนี้ไว้ก่อนเนื่องจากได้ทดสอบด้านความปลอดภัยแล้วพบว่า Twitter ไม่มีเครื่องมือที่ดีพอที่จะตรวจสอบและระงับเนื้อหาที่มีการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากเด็ก (Child Sexual Exploitation - CSE) และเนื้อหาทางเพศที่ไม่ได้รับความยินยอม รวมทั้งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ผลิตเนื้อหาและผู้ชมจะมีอายุ 18 ปีขึ้นไป (Twitter ไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนเวลาสร้างบัญชี) ปัจจุบัน Twitter ใช้ฐานข้อมูลที่มีชื่อว่า PhotoDNA ที่พัฒนาโดย Microsoft ปัญหาคือถ้าเนื้อหา CSE ใดยังไม่ได้ถูกเก็บในฐานข้อมูลมาก่อน รูปภาพใหม่ ๆ หรือรูปภาพที่ได้รับการดัดแปลงทางดิจิทัลก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบได้ และ Twitter ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะลงทุนกับการป้องกัน CSE ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่มา: TechCrunch และ The Verge
# Instagram ทดสอบเครื่องมือคัดกรองเนื้อหาในหน้า Explore ให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น Instagram ประกาศว่ากำลังทดลองวิธีใหม่เพื่อให้ผู้ใช้สามารถคัดกรองเนื้อหาที่แสดงในหน้า Explore ได้ตรงกับความสนใจมากขึ้น Instagram กำลังทดสอบให้ผู้ใช้สามารถกด Not Interested เพื่อกดซ่อนเนื้อหาที่ไม่ตรงกับความสนใจได้ทีละหลายโพสต์พร้อมกัน จากที่ปัจจุบันผู้ใช้สามารถกดเข้าไปที่โพสต์ในหน้า Explore และเลือก Not Interested ได้อยู่แล้วแต่จะกดซ่อนได้ทีละโพสต์เท่านั้น นอกจากนี้ Instagram จะทดลองให้ผู้ใช้ป้อนคำ วลี หรือแม้แต่อิโมจิเพื่อยกเลิกการแสดงโพสต์แนะนำที่มีคำและอิโมจิดังกล่าวอยู่ในคำบรรยายหรือแฮชแท็ก Instagram ได้ประกาศปรับปรุงการใช้งานเพื่อจำกัดการเห็นเนื้อหาที่มีความอ่อนไหวสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปีไปก่อนหน้านี้ด้วย ที่มา: Meta Newsroom
# Tencent และ Sony เข้าซื้อหุ้นใน FromSoftware รวมกันประมาณ 30% Tencent และ Sony เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ FromSoftware สตูดิโอผู้สร้างเกม Elden Ring, Sekiro, Bloodbourne, Dark Souls บริษัทแม่ของ FromSoftware คือ Kadokawa กลุ่มทุนสื่อยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่ทำทั้งสิ่งพิมพ์และภาพยนตร์​ หลังการเพิ่มทุนแล้ว Kadokawa ยังถือหุ้นใหญ่ 69.66% ใน FromSoftware, Tencent ถือ 16.25% และ Sony ถือ 14.09% Tencent จะถือหุ้นผ่านบริษัทลูก Sixjoy Hong Kong Limited และฝั่ง Sony เป็น Sony Interactive Entertainment Inc. บริษัทแม่ของ PlayStation การออกหุ้นเพิ่มทุนมูลค่า 36,399,550,000 เยน (ราว 9.6 พันล้านบาท) เงินส่วนนี้จะถูกนำไปใช้ขยายธุรกิจของ FromSoftware ต่อไป ที่มา - Kadokawa (PDF)
# NASA ประกาศวันยิงจรวด Artemis I รอบใหม่ คืนวันที่ 3 กันยายน เวลาไทย 01.17 น. NASA ประกาศวันยิงจรวด Artemis I รอบใหม่วันที่ 3 กันยายน เวลาท้องถิ่น 2:17 p.m. EDT ตรงกับเวลาประเทศไทย 01.17 น.​ ของวันที่ 4 กันยายน โดยมีกรอบเวลาที่ยิงจรวดได้ (launch window) 2 ชั่วโมง ความพยายามยิงจรวดตามภารกิจ Artemis I ครั้งแรกในวันที่ 29 สิงหาคม ไม่ประสบความสำเร็จ หลังพบปัญหาเครื่องยนต์หมายเลข 3 อุณหภูมิสูงกว่าเครื่องยนต์อื่นๆ (มีทั้งหมด 4 เครื่องยนต์) และปัญหาเชื้อเพลิงไฮโดรเจนรั่วในบริเวณชิ้นส่วน Tail Service Mast Umbilicals ของฐานยิง ซึ่งทีมวิศวกรกำลังแก้ไขปัญหากันอยู่ ที่มา - NASA
# ภาพหลุดเครื่องเล่นวิดีโอเกมพกพาใหม่ของ Logitech และ Tencent ถูกปล่อยออกมาแล้ว หลังจาก Logitech เปิดเผยว่าได้ร่วมมือกับ Tencent เพื่อพัฒนาวิดีโอเกมแบบพกพาที่ใช้ชื่อว่า Logitech G Gaming Handheld (GR0006) Evan Blass นักปล่อยข่าวหลุดได้โพสต์ภาพเครื่องเล่นวิดีโอเกมออกมาแล้วที่แสดงให้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกและ UI ของเครื่อง ตัวเครื่องมีลักษณะเหมือนเครื่องเล่นเกม Nintendo-Switch หน้าจอขนาด 1080 x 1920 ตัวเครื่องเป็นสีขาว มี thumb stick สีดำอยู่ 2 ฝั่งของหน้าจอ D-Pad อยู่ด้านซ้ายมือและปุ่มกด X/Y/A/B อยู่ด้านขวามือ มีปุ่มอื่น ๆ รวมทั้งปุ่มโฮมอยู่ในแต่ละมุมของเครื่อง ส่วนขอบด้านบนเป็นสีดำมีปุ่มทริกเกอร์ ปุ่มปรับระดับเสียง และสวิสซ์ปืดเสียง และส่วนที่อาจเป็นช่วงเสียบการ์ดความจำ อ้างอิงจาก Google Play Console ตัววิดีโอเกม Logitech G Gaming Handheld ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ชิป Snapdragon 720G แรม 4GB หน้าจอ 320DPI ส่วน UI ลักษณะเหมือนเครื่องเล่น Nintendo-Switch เช่นเดียวกัน จากรูปแสดงให้เห็น Google Play Store, Xbox Cloud Gaming, Nvidia GeForce Now, Steam (Remote Play) รวมทั้ง Chrome และ YouTube ที่มา: @evleaks on Twitter via 9to5Google
# หลุดข้อมูล Assassin's Creed Mirage ตัวเอกคือ Basim ใช้ฉากเป็นแบกแดด ศตวรรษที่ 9 มีข้อมูลหลุดของเกม Assassin’s Creed ภาคใหม่ที่จะใช้ชื่อว่า Assassin’s Creed Mirage โดยระบุว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นที่เมืองแบกแดด ในช่วงคริสตศตวรรษที่ 9 ยูทูบเบอร์ชาวฝรั่งเศสชื่อ j0nathan (Ubisoft เป็นบริษัทฝรั่งเศส) ให้ข้อมูลว่าตัวเอกของเกมภาคนี้คือ Basim ตัวละครที่มีบทบาทในเกมภาคล่าสุด Assassin's Creed: Valhalla แต่เป็นเนื้อเรื่องวัยเยาว์ของเขาที่เกิดในเมืองแบกแดด ก่อนไปผจญภัยในยุโรปเหนือ ข้อมูลของ j0nathan บอกว่าเกมภาคนี้จะกลับสู่รากเหง้าของ Assassin's Creed ภาคแรก ตัดระบบบางอย่างของภาคหลังๆ ออกไป เช่น การเลือกเพศตัวเอก (เพราะบังคับเป็น Basim), ระบบเลเวล และการเลือกเส้นเรื่องจากบทสนทนา เกมมีกำหนดออกช่วงฤดูใบไม้ผลิต้นปี 2023 นอกจากนี้ j0nathan ยังบอกว่า Ubisoft กำลังจะรีเมค Assassin's Creed ภาคแรก โดยใช้ไฟล์กราฟิกและโมเดลจากภาค Mirage ด้วย Jason Schreier นักข่าวสายเกมของ Bloomberg ยืนยันว่าข้อมูลบางอย่างของ j0nathan ถูกต้อง เช่น วันวางขาย เกมเพลย์ที่กลับไปเหมือนภาคแรก และฉากที่เมืองแบกแดด แต่ก็มีข้อมูลบางอย่างคาดเคลื่อน คาดว่า Ubisoft จะเปิดตัวเกมอย่างเป็นทางการในงานแถลงข่าว Ubisoft Forward วันที่ 10 กันยายน 2022 ภาพ Basim จากภาค Valhalla ที่มา - Polygon
# ญี่ปุ่นเตรียมแก้กฎหมาย เลิกใช้ Floppy Disk ส่งข้อมูลให้หน่วยงานรัฐ ในการประชุม Digital Society Concept Conference ครั้งที่ 5 ของญี่ปุ่นเพื่อวางแผนการให้บริการด้านดิจิทัลของรัฐบาลในอนาคต Karo Tono รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลของญี่ปุ่นเปิดเผยว่าจะแก้กฎหมายเรื่องการส่งเอกสารให้หน่วยงานของรัฐบาล โดยจะเปลี่ยนจากการบังคับให้ส่งด้วยแผ่น Floppy Disk หรือซีดีรอมไปเป็นวิธีที่ทันสมัยมากขึ้นโดยเร็วที่สุด รัฐมนตรีฯ ได้ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการส่งข้อมูลให้หน่วยงานของรัฐและพบว่ามีข้อบังคับมากกว่า 1,900 ข้อที่เกี่ยวข้องซึ่งข้อบังคับจำนวนมากระบุให้ใช้แผ่นดิสก์หรือซีดีรอม ส่วนวิธีที่ทันสมัยกว่า เช่น การอัปโหลดลงอินเทอร์เน็ต ไม่ได้ระบุไว้ในข้อบังคับ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีไม่ได้รับการอนุญาต นาย Tono ยังวางแผนว่ารัฐบาลจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องความขาดแคลนทักษะด้านเทคโนโลยีในองค์กรรัฐบาล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร หรือแม้แต่การนำระบบอินเทอร์เน็ตแบบ Web3 มาใช้ ที่มา: The Register
# Elon Musk ใช้คำร้องเรียนของผู้บริหารฝ่ายความปลอดภัยคนเก่าของ Twitter เป็นหลักฐานสู้คดีดีลซื้อกิจการ ก่อนหน้านี้ Peiter Zatko อดีตผู้บริหารฝ่ายความปลอดภัยของ Twitter ได้ยื่นร้องเรียนเรื่องความบกพร่องของ Twitter ซึ่งรวมถึงเรื่องการนับบัญชีสแปม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทนายความของ Elon Musk ได้ยื่นหนังสือยกเลิกสัญญา (Termination Letter) ต่อกลต. สหรัฐ (SEC) ที่อ้างคำร้องของ Zatko เป็นหลักฐานว่า Twitter ได้ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงกับ Musk ซึ่งถือเป็นการทำผิดสัญญาและทำให้ Musk มีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาซื้อกิจการ Twitter ก่อนหน้านี้ Musk ก็ได้ยื่นหนังสือ Termination Letter ไปแล้วโดยกล่าวหาว่า Twitter เปิดเผยข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงต่อ กลต. ด้วย ทั้งนี้ ยังไม่แน่ว่าการอ้างคำร้องของ Zatko เป็นหลักฐานจะช่วยทำให้ข้อโต้แย้งของ Musk มีน้ำหนักขึ้นหรือไม่ หาก Musk แพ้คดีจะต้องจ่ายเงินค่าปรับจำนวน 1 พันล้านเหรียญหรือถูกบังคับให้ซื้อกิจการ Twitter มูลค่า 44 พันล้านเหรียญ ที่มา: SEC via The Verge
# ไมโครซอฟท์ผ่อนคลายการคิดไลเซนส์ รันบนเครื่องเอาท์ซอร์สได้, นับ Windows Server ตามคอร์เสมือน ไมโครซอฟท์ผ่อนคลายเงื่อนไขสัญญาอนุญาตใช้งานซอฟต์แวร์เซิร์ฟเวอร์ฝั่งองค์กร ให้เอื้อต่อการนำไปรันบนเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเอาท์ซอร์ส หรือผู้ให้บริการคลาวด์รายย่อยมากขึ้น ทิศทางของไมโครซอฟท์เกิดจากแรงกดดันฝั่งยุโรป ที่มองว่าไมโครซอฟท์เป็นทั้งเจ้าของซอฟต์แวร์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์สำคัญ (เช่น Windows Server หรือ SQL Server) ในอีกทางก็เป็นผู้ให้บริการคลาวด์เองด้วย ทำให้ไมโครซอฟท์อาจใช้กลยุทธ์เรื่องสัญญาอนุญาตเพื่อให้คลาวด์ของตัวเองได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งผู้บริหาร AWS เพิ่งออกมาโวยเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม นโยบายใหม่ของไมโครซอฟท์มีผลเฉพาะกับบริษัทรับเอาท์ซอร์ส และผู้ให้บริการคลาวด์รายย่อยเท่านั้น ไม่นับรวมถึงผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ 4 รายคือ Alibaba, AWS, Google และ Azure ของตัวเอง ที่ใช้วิธีคิดไลเซนส์ต่างออกไป แนวทางที่ไมโครซอฟท์ประกาศมีดังนี้ บริษัทเจ้าของไลเซนส์ซอฟต์แวร์ ไม่ว่าผ่าน Software Assurance หรือไลเซนส์แบบอื่นของไมโครซอฟท์ สามารถนำไปรันบนเครื่องของบริษัทเอาท์ซอร์สได้แล้ว (ยกเว้น 4 รายใหญ่) การคิดเงินค่าไลเซนส์ Windows Server เดิมทีนับตามคอร์ซีพียูเชิงกายภาพ (physical core) จะเพิ่มไลเซนส์ที่นับตามคอร์เสมือน (virtual core) ให้สอดคล้องกับวิธีการรันเครื่องเซิร์ฟเวอร์ในปัจจุบัน บริษัทที่มีไลเซนส์ Microsoft 365 (E3, F3, E5) สามารถรัน Windows 10/11 แบบ virtualized บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ตัวเองหรือบริษัทเอาท์ซอร์ส รายละเอียดของโปรแกรมเหล่านี้จะประกาศเพิ่มเติมต่อไป การเปลี่ยนแปลงชุดนี้มาจากผู้ให้บริการคลาวด์ฝั่งยุโรปรวมตัวกันไปฟ้องหน่วยงานกำกับดูแล แต่ประกาศของไมโครซอฟท์มีผลทั่วโลก ที่มา - Microsoft via The Register
# Google Docs เพิ่มฟีเจอร์พิมพ์ @ เพื่อค้นหา Emoji ที่ต้องการ Google Docs เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้การค้นหา emoji ทำได้ง่ายขี้น เพียงแค่พิมพ์ @ แล้วตามด้วยชื่อหรือคำอธิบาย emoji ที่ต้องการ เช่น "@smile" "@cat" "@dog" หรือถ้าคิดไม่ออกสามารถพิมพ์ "@:" เพื่อแสดงรายการ emoji ทั้งหมดให้เลือกได้เอง ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้แล้วกับ Google Docs ทั้งแบบบัญชีส่วนตัว และบัญชี Google Workspace ที่มา - Google Workspace
# HPE ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมโตเล็กน้อย - Greenlake ลูกค้าให้การตอบรับดี HPE (Hewlett Packard Enterprise) รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ของปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม มีรายได้รวม 6,951 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 409 ล้านดอลลาร์ รายรับต่อเนื่องรายปีหรือ ARR เพิ่มขึ้น 22% เป็น 858 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรายได้บริการ as-a-Service ที่เพิ่มขึ้น 39% ถ้าเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 86% หากนับตั้งแต่ต้นปี Antonio Neri ซีอีโอ HPE กล่าวว่าการเติบโตของส่วนรายรับต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าลูกค้าของ HPE ให้การตอบรับเป็นอย่างดีกับแพลตฟอร์ม HPE Greenlake กลุ่มธุรกิจ Compute ซึ่งเป็นรายได้ส่วนใหญ่ของ HPE รายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 3,004 ล้านดอลลาร์, สตอเรจ 1,152 ล้านดอลลาร์, HPC & AI 830 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% ที่มา: HPE (pdf)
# ซีอีโอ TSMC เผยสถานการณ์ชิปขาดแคลน แม้แต่ผู้ผลิตเครื่องจักรผลิตชิป ก็ยังหาชิปไม่ได้ C. C. Wei ซีอีโอ TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกกล่าวในงานสัมมนาที่จีน พูดถึงสถานการณ์ชิปขาดแคลนว่ายังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มชิปเทคโนโลยีเก่าที่ไม่ซับซ้อน ที่ยังมีปัญหาผลิตไม่ได้ตามความต้องการมากกว่าเดิม เขาบอกว่าผลจากปัญหานี้ยิ่งกระทบกับลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการชิป อย่างเช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ มีความต้องการชิปใส่ในรถยนต์มากขึ้น 15% ก็ไม่เพียงพอ หรือสมาร์ทโฟนเองก็ต้องการชิปที่จัดการพลังงานได้ดีขึ้น 2-3 เท่าตัว เทียบกับชิปที่ใช้ใน 5 ปีก่อน เมื่อพูดถึงการขยายโรงงานผลิต ปัญหานี้ยิ่งวนกลับมา เขายกตัวอย่างบริษัท ASML ผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับขั้นตอนการผลิตชิป ว่าบริษัทนี้ก็มีปัญหาไม่มีชิปสำหรับใช้ในเครื่องจักรงาน extreme ultraviolet lithography หรือ EUV ซึ่งชิปดังกล่าวแม้มีราคาเพียง 10 ดอลลาร์ แต่ก็ไม่พอความต้องการ ผลคือการส่งมอบเครื่องจักร จากที่ต้องรอหลายเดือนช่วงก่อนโควิด ตอนนี้อยู่ในระดับรอ 2-3 ปี แล้ว สุดท้าย Wei มองว่าช่วงเวลาที่ซัพพลายเชนของชิปที่เคยเสถียรกว่านี้ได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ชิปจะมีราคาสูงขึ้น ผสมด้วยปัญหาเงินเฟ้อ ที่มา: 9to5Mac
# เรือสำราญ Royal Caribbean ประกาศติดตั้งอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ในเรือทุกลำ Royal Caribbean ผู้ให้บริการเรือสำราญ ประกาศเตรียมติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ของ SpaceX ในกองเรือทั้งหมด 64 ลำ ภายในไตรมาสแรกของปี 2023 ซึ่งถือเป็นผู้ให้บริการเรือสำราญรายแรกที่ร่วมมือกับ Starlink บริษัทบอกว่าได้ทดสอบอินเทอร์เน็ตของ Starlink ไปก่อนหน้านี้แล้วในเรือ Freedom of the Seas ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า ทั้งความเร็วและความเสถียรของอินเทอร์เน็ต Royal Caribbean ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าจะติดตั้งจานรับสัญญาณเป็นจำนวนเท่าใดในเรือหนึ่งลำ และจะแบ่งกระจายการใช้อินเทอร์เน็ตให้กับผู้โดยสารอย่างไร แต่บอกว่าลูกค้าจะสามารถใช้งานสตรีมมิ่งและวิดีโอคอลได้ ก่อนหน้านี้ Starlink ได้ตั้งฝ่ายใหม่ Starlink Maritime เพื่อโฟกัสการให้บริการอินเทอร์เน็ตบนเรือโดยเฉพาะ โดยตอนนี้ครอบคลุมพื้นที่ทางทะเลทั้งในอเมริกาเหนือ-อเมริกาใต้ ยุโรป และออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ เป้าหมายคือครอบคลุมมหาสมุทรหลักทั้งหมดภายในต้นปี 2023 ที่มา: The Verge และ Royal Caribbean
# Xcode Cloud เปิดให้นักพัฒนาจ่ายเงินเพิ่มชั่วโมงใช้งานได้ หาก 25 ชั่วโมงต่อเดือนที่ฟรีถึงสิ้นปีหน้าไม่พอ แอปเปิลแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมของบริการ Xcode Cloud บริการ CI/CD ที่ให้นักพัฒนาแอป สามารถคอมไพล์และทดสอบแอปได้บนคลาวด์ ไม่ต้องทดสอบด้วยทรัพยากรเครื่องของตนเอง ซึ่งเปิดตัวแบบเบต้าจำกัดกลุ่มในปีที่แล้ว และประกาศให้นักพัฒนาทุกคนใช้งานได้ในงาน WWDC ที่ผ่านมา โดยตอนแรกแอปเปิลประกาศให้นักพัฒนาทุกคนใช้ Xcode Cloud ได้ฟรี 25 ชั่วโมงต่อเดือนถึงสิ้นปี 2023 ซึ่งเป็นแพ็คเกจเริ่มต้น แต่นักพัฒนาจำนวนหนึ่งอาจต้องการใช้งานมากกว่าในตอนนี้ แอปเปิลจึงเพิ่มทางเลือกให้นักพัฒนาจ่ายเงินเพื่อเพิ่มชั่วโมงใช้งาน โดยสมัครได้ผ่านแอป Apple Developer แพ็คเกจเริ่มต้น 25 ชั่วโมงนั้นอยู่ที่ 14.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ส่วนแพ็คเกจที่มีชั่วโมงมากกว่านั้น 100 ชั่วโมงอยู่ที่ 49.99 ดอลลาร์, 250 ชั่วโมง 99.99 ดอลลาร์ และสูงสุด 1,000 ชั่วโมง ที่ 399.99 ดอลลาร์ ที่มา: 9to5Mac
# HP ไตรมาสล่าสุด รายได้ลดลง 4% - พีซีลูกค้าองค์กรรายได้ยังเติบโต HP รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม มีรายได้รวม 14,664 ลดลง 4.1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,119 ล้านดอลลาร์ Enrique Lores ซีอีโอ HP กล่าวว่าตอนนี้ HP อยู่ในส่วนจัดการผลกระทบในระยะสั้น และเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาวให้กับธุรกิจ ผลการดำเนินงานแยกตามกลุ่มธุรกิจเป็นดังนี้ กลุ่ม Personal Systems รายได้ 10,089 ล้านดอลลาร์ ลดลง 3% แบ่งเป็นรายได้จากลูกค้าทั่วไปลดลง 20% ลูกค้าองค์กรเพิ่มขึ้น 7% จำนวนเครื่องส่งมอบ โน้ตบุ๊คลดลง 32% และเดสก์ท็อปเพิ่มขึ้น 1% กลุ่ม Printing รายได้ 4,575 ล้านดอลลาร์ ลดลง 6% จำนวนฮาร์ดแวร์ส่งมอบลดลง 3% ที่มา: HP
# Snap เตรียมปลดพนักงาน 20% ส่วนใหญ่ในธุรกิจฮาร์ดแวร์ มีรายงานว่า Snap เตรียมปลดพนักงาน 20% คิดเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 คน โดยจะเริ่มกระบวนการในวันพุธนี้ แผนกที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือฮาร์ดแวร์ และฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ก่อนหน้านี้ Snap รายงานผลประกอบการที่ไม่ดีนัก ทำให้ราคาหุ้นปรับลดลงมาก อีกทั้งบริษัทก็ไม่ได้ให้ตัวเลขคาดการณ์รายได้ไตรมาสปัจจุบัน โดยบอกว่าเพราะมีปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง ต่อมาบริษัทประกาศหยุดพัฒนาสินค้าใหม่โดรน Pixy ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวได้เพียง 4 เดือน สถานการณ์ของ Snap คล้ายกับ Meta บริษัทแม่ของ Facebook ที่ได้รับผลกระทบจากรายได้โฆษณาเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจรวม อีกทั้งสองบริษัทก็พูดตรงกันว่าระบบป้องกันการตามติดตามผู้ใช้งานของ iOS ส่งผลต่อธุรกิจโฆษณาโดยตรง ทั้งนี้ตัวแทนของ Snap ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลต่อข่าวดังกล่าว อัพเดต: Snap ยืนยันการปลดพนักงานแล้ว โดยจะปลดพนักงานประมาณ 20% รวมทั้งยกเลิกโครงการหลายอย่างเช่น โดรน Pixy, Snap ออริจินัลคอนเทนต์, Snap Games, Snap Mini Apps แล้วมาโฟกัสสามอย่างคือ เพิ่มผู้ใช้งาน เพิ่มรายได้ และพัฒนา AR (CNBC) ที่มา: CNBC
# ฝรั่งเศสใช้ AI วิเคราะห์ภาพถ่ายมุมสูงช่วยให้พบสระน้ำตามบ้านนำไปสู่การเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น สรรพากรของฝรั่งเศสใช้การวิเคราะห์ภาพถ่ายมุมสูงด้วย AI จนค้นพบสระว่ายน้ำส่วนตัวตามบ้านเรือนที่ไม่มีการแจ้งทางการมาก่อนมากกว่า 20,000 แห่ง นำไปสู่การจัดเก็บภาษีโรงเรือนได้มากขึ้น 10 ล้านยูโร ทั้งนี้กฎหมายฝรั่งเศสระบุว่าสถานที่ใดที่มีสระว่ายน้ำจะต้องแจ้งข้อมูลให้ทางการรับทราบเนื่องจากสระว่ายน้ำถูกประเมินว่าเป็นองค์ประกอบที่ทำให้มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสรรพากรฝรั่งเศสจะจัดเก็บภาษีโรงเรือนเพิ่มเติมโดยคิดตามขนาดของสระ ทั้งนี้อ้างอิงข้อมูลจาก Le Parisien สระว่ายน้ำขนาด 30 ตารางเมตรจะถูกนำไปคิดภาษีปีละ 200 ยูโร ซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อวิเคราะห์ภาพถ่ายมุมสูงนี้เป็นผลงานการร่วมกันพัฒนาของ Google และ Capgemini บริษัทที่ปรึกษาในประเทศฝรั่งเศส โดยตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนได้เริ่มทำการวิเคราะห์ภาพถ่ายในพื้นที่ 9 เขตของฝรั่งเศส อันได้แก่ Alpes-Maritimes, Var, Bouches-du-Rhône, Ardèche, Rhône, Haute-Savoie, Vendée, Maine-et-Loire และ Morbihan นอกจากนี้ซอฟต์แวร์ดังกล่าวยังใช้วิเคราะห์ภาพจนพบข้อมูลการต่อเติมบ้านพักอาศัย รวมทั้งการสร้างลานพักผ่อนหรือศาลาขนาดเล็กในพื้นที่บ้านด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ยังผลให้สามารถดำเนินการจัดเก็บภาษีโรงเรือนเพิ่มเติมได้อีก (ด้วยหลักคิดเดียวกันกับเรื่องสระว่ายน้ำนั่นคือสิ่งเหล่านี้ทำให้มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น) แน่นอนว่าทางการฝรั่งเศสเตรียมจะขยายขอบข่ายการใช้งานซอฟต์แวร์เพื่อวิเคราะห์ภาพถ่ายมุมสูงออกไปให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งประเทศในอีกไม่ช้า ที่มา - BBC
# Twitter ปล่อยฟีเจอร์ Circle ให้ใช้ได้ทุกคนแล้วทั้งบนเว็บ, iOS และ Android หลังจากที่ Twitter ได้ทดลองฟีเจอร์ Circle มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ตอนนี้ก็ได้ปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไปทั้งบนเว็บ, ในระบบ iOS และ Android สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้กันทุกคนแล้ว สำหรับภาษาไทยฟีเจอร์นี้ถูกเรียกว่า "วงใน" (ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ Wongnai แต่อย่างใด) เป็นการตอบโจทย์ผู้ใช้ Twitter ที่บางครั้งอยากให้การมองเห็นข้อความทวีตของตนเองนั้นจำกัดวงอยู่แค่เฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งาน Twitter บางราย ผู้ใช้จะสามารถเพิ่มรายชื่อ (ซึ่งอาจเป็นผู้ติดตามของตนเองหรือไม่ก็ได้) เข้ามาใน Circle นี้ได้สูงสุด 150 คน จากนั้นเมื่อผู้ใช้จะทวีตข้อความแต่ละครั้งนั้นก็สามารถเลือกได้ว่าจะทำการทวีตแบบสาธารณะซึ่งทุกคนที่ติดตามอยู่สามารถมองเห็นข้อความได้ตามปกติ หรือจะเลือกทวีตให้ได้เห็นกันเฉพาะคนที่อยู่ใน Circle เท่านั้น พร้อมกันนี้สำหรับ Twitter ในระบบ Android ยังมีการปรับปรุงให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อความแค่เฉพาะบางส่วนจากทวีตได้แล้ว จากที่แต่เดิมการกดหน้าจอค้างเพื่อเลือกข้อความนั้นจะเป็นการเลือกข้อความทั้งทวีตเท่านั้น ที่มา - 9to5Google
# บั๊กใน systemd ของ Ubuntu ลากบริการจำนวนมากของ Azure ล่ม Azure รายงานปัญหาบริการจำนวนมากที่ใช้ Ubuntu 18.04 เป็นฐาน ล่มไปทั่วโลก โดยเฉพาะบริการสำคัญๆ เช่น Azure Container Apps, Azure Kubernetes Service (AKS), Azure Database for PostgreSQL เป็นต้น บั๊กนี้เกิดจากอัพเดตของ systemd จาก Ubuntu เป็นเวอร์ชั่น systemd 237-3ubuntu10.54 ที่หลังจากอัพเดตแล้วไม่สามารถ resolve DNS ได้อีกต่อไป เครื่องเซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถติดต่อเซิร์ฟเวอร์ภายนอกได้ จนระบบล่มในที่สุด ทาง Canonical แนะนำวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการตั้ง FallbackDNS เสียก่อน ลูกค้าที่ใช้ virtual machine ตามปกติ หากรัน Ubuntu 18.04 ก็จะได้รับผลกระทบด้วย แต่ผู้ใช้จำนวนมากอาจจะเจอปัญหาเนื่องจากบริการระดับแพลตฟอร์มของ Azure ล่มไป ที่มา - Azure Status
# ครั้งแรกของโลก! นักวิจัยทดลองปลูกถ่ายอุปกรณ์บนสมองทำให้ลดปัญหาการกินไม่หยุดได้ นักวิจัยจาก University of Pennsylvania ทำการทดลองปลูกถ่ายอุปกรณ์บนสมองของคนเพื่อช่วยแก้พฤติกรรมการกินไม่หยุดได้ผลเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามรักษาโรค Binge Eating Disorder (BED) หรือที่เรียกในภาษาไทยว่า "โรคกินไม่หยุด" ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับความเครียดจนส่งผลให้มีพฤติกรรมการกิน เมื่อปี 2017 มีงานวิจัยที่ระบุว่าสมองส่วน nucleus accumbens อาจสัมพันธ์กับพฤติกรรมบางอย่างที่ทำซ้ำจนเกินพอดีซึ่งรวมถึงพฤติกรรมการกินไม่หยุดหย่อน ในงานวิจัยดังกล่าวได้มีการปลูกถ่ายอุปกรณ์บนสมองส่วนนี้ของหนูทดลองและทำการปล่อยสัญญาณไฟฟ้าเพื่อขัดขวางสัญญาณสมองที่คอยกระตุ้นให้หนูกินอาหาร ซึ่งผลที่ได้พบว่าพฤติกรรมการกินไม่หยุดของหนูถูกหยุดได้จริงจากการทำงานของอุปกรณ์ มาในครั้งนี้การทดลองได้เปลี่ยนมาทำกับร่างกายคน โดยทีมวิจัยได้ผ่าตัดฝังอุปกรณ์ลงบนสมองของผู้ป่วยโรค BED ซึ่งมีภาวะน้ำหนักเกินจำนวน 2 ราย โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะคอยดักจับและขัดขวางสัญญาณสมองที่เกี่ยวกับความรู้สึกอยากกินอาหารของผู้ป่วย ทั้งนี้ทีมวิจัยได้ติดตามผลการทดลองเป็นระยะเวลานาน 6 เดือน ในช่วงแรกนักวิจัยจะคอยตรวจสอบและเก็บข้อมูลรูปแบบ "สัญญาณความอยาก" ซึ่งหมายถึงสัญญาณคลื่นสมองของผู้ป่วยเมื่อรู้สึกอยากอาหาร เช่น ในตอนที่ผู้ป่วยเข้ามาในห้องทดลองและได้เห็นอาหารบุฟเฟต์แคลอรี่สูงหลากหลายชนิด จากนั้นทีมวิจัยก็ปรับตั้งค่าอุปกรณ์ที่ปลูกถ่ายไว้ให้คอยตรวจจับสัญญาณสมองที่สอดคล้องกับรูปแบบของ "สัญญาณความอยาก" ที่บันทึกไว้และคอยส่งสัญญาณไฟฟ้าเพื่อรบกวนทุกครั้ง จากการติดตามผลเป็นเวลา 6 เดือน ทีมวิจัยพบว่าอุปกรณ์ทำงานได้ผลดีโดยไม่มีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วย ตัวผู้ป่วยเองลดพฤติกรรมการกินไม่หยุดลงได้ และการเกิดความรู้สึก "สูญเสียการควบคุมตนเอง" (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการของการกินแบบขาดสติ) ก็ลดน้อยลง โดยเฉลี่ยแล้วผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวลดลงประมาณ 5 กิโลกรัมในช่วงระยะเวลาดังกล่าวโดยไม่ได้มีการปรับโภชนาการเข้ามาช่วย อย่างไรก็ตามการทดลองนี้ยังเป็นแค่ก้าวแรกในการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการใช้วิธีการกระตุ้นสมองเพื่อรักษาอาการของโรค ทีมวิจัยระบุว่ายังจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมให้แน่ชัดเพื่อแยกว่าสัญญาณสมองแบบไหนที่เป็น "สัญญาณความอยาก" โดยไม่สับสนกับสัญญาณสมองที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายรู้สึกหิวเพราะต้องการอาหารจริงๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของงานวิจัยได้ที่นี่ ที่มา - New Atlas
# Trend Micro พบการโจมตีด้วย ransomware โดยอาศัยระบบต้านโกงเกม Genshin Impact เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Trend Micro ออกรายงานระบุว่าพบการโจมตีด้วย ransomware โดยใช้ประโยชน์จากระบบป้องกันการโกงของเกม Genshin Impact เพื่อหยุดการทำงานของระบบแอนตี้ไวรัสในเครื่องคอมพิวเตอร์ ไดรฟ์เวอร์ของระบบป้องกันการโกงเกมที่ถูกกล่าวถึงนี้คือ mhyprot2.sys ซึ่งทำงานในระดับเคอร์เนล โดยผู้โจมตีสามารถใช้ไดรฟ์เวอร์นี้ฝังไปกับมัลแวร์ตัวไหนก็ได้ และการใช้งาน mhyprot2.sys นั้นก็เป็นอิสระไม่ขึ้นอยู่กับตัวเกม Genshin Impact กล่าวอีกอย่างก็คือแม้แต่เครื่องที่ไม่ได้ติดตั้งเกมเอาไว้ก็ยังมีสิทธิ์ถูกโจมตีด้วย ransomware ที่อาศัยประโยชน์จากไดรฟ์เวอร์ป้องกันการโกงนี้ได้ ล่าสุดทาง HoYoVerse (ชื่อเดิมคือ miHoYo) ได้ออกแถลงการณ์แจ้งต่อ PC Gamer ว่าทีมงานรับทราบปัญหานี้แล้วและกำลังเร่งหาทางแก้ไขอยู่ ที่มา - PC Gamer, Trend Micro
# แอพ Facebook Gaming บนมือถือประกาศปิดตัว ยุบรวมเข้ากับแอพ Facebook หลัก บริษัท Meta ประกาศปิดบริการแอพ Facebook Gaming ทั้งบน iOS และ Android ในวันที่ 28 ตุลาคม 2022 โดยจะนำฟีเจอร์บางอย่างไปรวมอยู่ในแอพ Facebook ตัวหลัก แอพ Facebook Gaming เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 เน้นการชมสตรีมเกมจากสตรีมเมอร์ต่างๆ โดยมีฟีเจอร์เล่นเกมในแอพเพิ่มเข้ามาด้วย ช่วงที่เปิดตัวใหม่ๆ นั้น Meta/Facebook พยายามดึงสตรีมเมอร์ชื่อดังมาอยู่บนแพลตฟอร์ม เซ็นสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟราคาแพง แต่ชะตากรรมของ Facebook Gaming ก็ไม่ต่างอะไรจากบริการอื่นๆ ที่พยายามเข้ามาแข่งกับ Twitch นั่นคือสู้ไม่ได้ ที่มา - Eurogamer, VGC
# พบ PS5 โมเดลใหม่ CFI-1200 เริ่มวางขาย น้ำหนักเบากว่าโมเดลแรกสุดถึง 600 กรัม เริ่มมีร้านค้าปลีกบางแห่งในออสเตรเลีย เริ่มวางจำหน่าย PS5 เครื่องโมเดลใหม่ CFI-1200 ก่อนประกาศอย่างเป็นทางการของโซนี่ จุดต่างสำคัญของเครื่องโมเดลนี้คือน้ำหนักเบากว่าโมเดลก่อนๆ โซนี่ออก PS5 มาแล้วทั้งหมด 3 เวอร์ชัน ได้แก่ เวอร์ชันแรกที่ออกปี 2019, เวอร์ชันที่สอง CFI-1100 ที่ออกในปี 2021 และมีน้ำหนักเบาลงจากรุ่นแรก (จากขนาดของฮีทซิงก์ที่เล็กลง) และเวอร์ชันที่สาม CFI-1200 ตัวนี้ที่น้ำหนักเบากว่ารุ่นที่สองอีก (ยังไม่ชัดว่าปัจจัยมาจากฮีทซิงก์เหมือนเดิมเหรือไม่) เครื่องโมเดล CFI-1200 แยกเป็น 2 รุ่นย่อยคือ รุ่นแบบอ่านแผ่น CFI-1202A น้ำหนักเบาลง 600 กรัมจากรุ่นแรก, และรุ่นดิจิทัล ไม่มีตัวอ่านแผ่น CFI-1202B น้ำหนักเบาลง 500 กรัมจากรุ่นแรก ที่มา - Press Start
# บริษัทญี่ปุ่นสร้างหุ่นยนต์ติดรถเครนเพื่อใช้งานก่อสร้างและซ่อมบำรุงทางรถไฟ บริษัทผู้สร้างหุ่นยนต์จากญี่ปุ่น Jinki Ittai ได้ร่วมกับ JR West พัฒนาหุ่นยนต์เพื่อช่วยงานหนักในการก่อสร้างและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ของทางรถไฟ หุ่นยนต์รุ่นนี้มีชื่อว่า JINKI type Zero ver. 2.0 ตัวหุ่นยนต์มีลัษณะคล้ายคนส่วนครึ่งบนของลำตัวโดยมันถูกติดตั้งอยู่ปลายบูมเครนของรถเครนแบบเคลื่อนที่ได้ JINKI type Zero ver. 2.0 มีแขน 2 ข้างและมือจับลักษณะคีมหนีบเพื่อใช้หยิบจับสิ่งของ ซึ่งสามารถยกของได้หนัก 40 กิโลกรัม ส่วนหัวมีกล้องรับภาพเพื่อส่งต่อสัญญาณภาพไปยังเครื่องฉาย VR ของผู้ควบคุมหุ่นยนต์ การควบคุมมือจับและแขนของหุ่นยนต์นั้นทำโดยการใช้อุปกรณ์ควบคุมด้วยมือที่ออกพิเศษในห้องควบคุม ส่วนกล้องรับภาพของหุ่นยนต์นั้นจะทำงานสัมพันธ์กับการขยับศีรษะของผู้ควบคุมหุ่นที่สวมเครื่องฉายภาพ VR ไว้ ในการสาธิตการใช้งานหุ่น JINKI type Zero ver. 2.0 นี้ ผู้ควบคุมได้ใช้หุ่นยนต์ช่วยในการหยิบจับชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อการประกอบโครงสร้างของทางรถไฟ ช่วยทุ่นแรงงานคนในการเคลื่อนย้ายวัสดุอุปกรณ์ Jinki Ittai ตั้งเป้าว่าหุ่นยนต์รุ่นนี้จะพร้อมใช้งานจริงช่วงต้นปี 2024 ที่มา - TechBlog, The Japan times
# [Update] ก.ล.ต. ลงโทษ CTO ของ Bitkub Blockchain Technology ฐานซื้อ KUB ก่อน SCB ประกาศเข้าซื้อบริษัท ก.ล.ต. ลงโทษนายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (BBT) เข้าซื้อเหรียญ KUB จำนวน 61,107.66 เหรียญ มูลค่า 1,994,966.56 บาท ระหว่างที่ SCB กำลังเจรจาเข้าซื้อ Bitkub Online รายงานของก.ล.ต. ระบุว่าวันที่ SCB ประกาศลงทุนใน Bitkub สัดส่วนหุ้น 51% นั้น ราคาเหรียญ KUB เพิ่มขึ้น 101% จาก 49.53 บาทเป็น 101 บาท คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ลงโทษทางแพ่งโดยให้ชดใช้เงินเท่ากับกำไรที่ได้รับ พร้อมกับค่าใช้จ่ายของก.ล.ต.ที่ใช้ตรวจสอบ รวม 8.5 ล้านบาท พร้อมกับห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเวลา 12 เดือน นับจากวันที่ลงนามยินยอมรับโทษ หรือหากไม่ยินยอมทางก.ล.ต. จะส่งเรื่องให้อัยการฟ้องคดีต่อศาลต่อไป UPDATE: นายสำเร็จ โพสเฟซบุ๊กชี้แจงว่าไม่รู้ข้อตกลง SCB เข้าซื้อ Bitkub Online แต่อย่างใด และการซื้อเหรียญ KUB ก็เป็นการลงทุนที่ทำพร้อมกับเหรียญอื่นๆ และตอนนี้ก็ไม่ได้ขายออกไปนอกจากการใช้เป็นค่าธรรมเนียมซื้อขายเท่านั้น ที่มา - ก.ล.ต.
# ถอดประสบการณ์ทีมผู้บริหาร KBTG กับการพาให้บริการของธนาคารกสิกรไทยมีความเสถียรสูงสุด ช่วงระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของวงการการเงินไทย หลังจากเรามีระบบพร้อมเพย์ที่ให้บริการโอนเงินได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีค่าธรรมเนียมทำให้คนจำนวนมากนิยมใช้งานบริการโอนเงินออนไลน์กันมากขึ้นเรื่อยๆ เหตุการณ์โรค COVID-19 ระบาดก็กลายเป็นตัวเร่งให้ผู้คนหันมาทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทางบริการธนาคารออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่ก่อนหน้านี้ปัญหาที่ทำให้คนจำนวนมากไม่ไว้วางใจบริการโอนเงินนักคงเป็นปัญหาเสถียรภาพของระบบธนาคาร ที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาไม่เสถียรโดยเฉพาะในช่วงสิ้นเดือนที่ปริมาณธุรกรรมสูงจนระบบรองรับไม่ไหว แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา KBTG ผู้ดูแลโครงสร้างของธนาคารกสิกรไทย ก็สามารถปรับปรุงระบบพื้นฐานจนมีเสถียรภาพ และทุกวันนี้ระบบที่ KBTG ดูแลธุรกรรม 33% ของธุรกรรมทั้งประเทศ ปริมาณผู้ใช้แอป K PLUS สูงถึง 18.6 ล้านคน รองรับธุรกรรมถึงในปี 2022 นี้มาแล้วกว่า 7.7 พันล้านธุรกรรม ดังนั้นหากระบบของ KBTG มีปัญหาก็แปลว่าระบบการเงินของประเทศมีปัญหาถึง 1 ใน 3 ในงาน Brilliant Basics คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล Group Chairman ของ KBTG และผู้บริหารของ KBTG ได้แบ่งปันประสบการณ์ว่าช่วงสามปีที่ผ่านมา ระบบพื้นฐานภายในของ KBTG มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จนสามารถสร้างบริการที่มีเสถึยรภาพสูงเช่นนี้ คุณกระทิงเล่าถึงประสบการณ์การรับตำแหน่งระบบมีปัญหาตั้งแต่วันแรกที่ประกาศรับตำแหน่ง และหลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือนคือวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ก็เป็นวันที่ธุรกรรมหนาแน่นที่สุดในรอบปี ทำให้ต้องระดมทีมงานเพื่อรับมือกับธุรกรรมในวันนั้นให้ได้ แต่หลังจากนั้นก็ยังมีเหตุการณ์ระบบมีปัญหาอยู่ ทำให้ KBTG ต้องคิดถึงการวางสถาปัตยกรรมระบบเสียใหม่ให้รองรับปริมาณการใช้งานในอนาคต แนวทางเหล่านี้แม้จะเป็นเรื่องพื้นฐานของธนาคารแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขจนสามารถรับมือธุรกรรมทุกวันนี้ได้ ปรับสถาปัตยกรรมเพื่อรองรับอนาคต นายสาธิต ไกรญาณสม Executive Chairman ของ KBTG เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงของการใช้งานธนาคารออนไลน์ว่าทุกวันนี้มีรูปแบบการใช้งานที่เปลี่ยนไป แต่เดิมนั้นเราอาจจะเห็นปริมาณการใช้งานพุ่งขึ้นสูงเป็นช่วงสั้นๆ แต่ทุกวันนี้ปริมาณการใช้งานอาจจะสูงมากเป็นเวลานาน การปรับปรุงสถาปัตยกรรมของระบบให้มีปัญหาน้อยลงจึงต้องทำสามด้าน ป้องกันให้ดี ทาง KBTG มีการสำรวจทุกเดือนว่าขีดความสามารถของระบบในส่วนใดมีกำลังรองรับปริมาณธุรกรรมได้เพียงใด หากมีส่วนใดเริ่มถึงขีดจำกัดก็ต้องหาทางขยายระบบ การขยายเริ่มต้นจากการทำ Vertical Scale หรือการใช้งเซิร์ฟเวอร์ที่ประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับธุรกรรมได้มากขึ้น จนเมื่อถึงขีดจำกัดก็ต้องเปลี่ยนแอปพลิเคชั่นใหม่ให้รองรับ Horizontal Scale เพื่อเพิ่มเครื่อง กระนั้นบางครั้งก็ยังเจอปัญหาใหม่ๆ เช่น การระดมเงินบริจาคที่มีเงินเข้าบัญชีเดียวนับล้านครั้งในเวลาสั้นๆ ทำให้ระบบมีปัญหา ทาง KBTG ต้องออกแบบระบบกักธุรกรรมที่อาจจะรับคำสั่งโอนเข้ามาก่อน แต่ค่อยๆ ทำธุรกรรมทุกวันหรือทุกชั่วโมงเพื่อไม่ให้ระบบมีปัญหา รู้ปัญหาให้เร็ว บริการของธนาคารที่เราพบปัญหากันบ่อยๆ คือระบบโอนเริ่มช้าจนมีปัญหา เจ้าของบัญชีปลายทางไม่ได้รับเงิน KBTG ปรับปรุงระบบการมอนิเตอร์โดยสามารถตรวจสอบระยะเวลาการประมวลผลธุรกรรมได้ตลอดเวลา ทำให้รู้ทันทีว่าธนาคารใดเริ่มมีปัญหาแล้ว ทำให้สามารถปิดเมนูการโอนไปยังธนาคารนั้นๆ เพื่อลดผลกระทบต่อลูกค้าได้ ขณะเดียวกันแนวทางการมอนิเตอร์อย่างละเอียดเช่นนี้ก็ใช้งานกับระบบภายในของ KBTG เองด้วย ว่าระบบภายในมีปัญหา ตอบสนองต่อรายการโอนเงินจากธนาคารอื่นๆ มีปัญหาหรือไม่ และหยุดรายการโอนเงินจากธนาคารอื่นๆ เมื่อจำเป็น แก้ปัญหาให้เร็ว ระบบของธนาคารมีการทำธุรกรรมตลอดเวลา ปริมาณธุรกรรมที่เข้าไปสู่ระบบ Core Banking อาจจะสูงถึง 900 ธุรกรรมต่อวินาที ปริมาณธุรกรรมระดับนี้หากแก้ปัญหาด้วยคนนั้นมักช้าจนไม่ทันการ ระบบของ KBTG จึงต้องปรับปรุงให้การแก้ปัญหาเป็นระบบอัตโนมัติ การแก้ไขจำนวนมากแม้ต้องการคนเข้ามาดูแลแต่กระบวนการแก้ปัญหาก็วางเป็นสคริปต์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ทำให้เมื่อเจ้าหน้าที่พบปัญหาและเห็นว่าเข้าข่ายกรณีต่างๆ ตามที่เตรียมสคริปต์ไว้ก็สามารถรันสคริปต์แก้ปัญหาได้ทันท่วงที และสุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่ที่ดูแลระบบต้องซักซ้อมการแก้ปัญหาสม่ำเสมอ แนวทางเหล่านี้ทำให้ KBTG ต้องสำรวจสถาปัตยกรรมภายในว่าต้องมีการแก้ไขหรือไม่ทุกปีและวางสถาปัตยกรรมภายในล่วงหน้า 3 ปีให้รองรับธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นในอนาคตเพื่อให้ระบบมีความยั่งยืน โดยหลักการวางสถาปัตยกรรมทุกวันนี้มีแนวทางคือ Modernization ใช้เทคโนโลยียุคใหม่ที่ทันสมัยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เคยพบกันมาในอดีตไปแล้ว อีกทั้งยังหาผู้เชี่ยวชาญมาดูแลได้ง่าย เทียบกับการดูแลระบบเก่าเป็นเวลานานๆ ที่อาจจะทำให้หาผู้เชี่ยวชาญมาแก้ไขปัญหาได้ยากขึ้น Open Standard เพราะระบบภายในของธนาคารไม่สามารถพัฒนาเองได้ทั้งหมด การสร้างระบบต่างๆ โดยไม่อิงกับมาตรฐานกลางจะทำให้ระบบมีความยุ่งยากซับซ้อน เมื่อเชื่อมต่อกับระบบใหม่ๆ ก็ต้องอาศัยการดัดแปลงจำนวนมาก No-Single Point of Failure ระบบใหม่ๆ ถูกออกแบบไม่ให้มีจุดตายที่ทำให้ระบบมีปัญหาได้ในจุดเดียว ขณะที่ระบบเดิมที่ยังมีอยู่ก็ถูกสำรวจและทำรายการเฝ้าระวังให้ครบถ้วน ในกรณีที่จุดเหล่านี้มีปัญหาก็ได้แก้ไขได้เร็ว KInfra ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโต คุณตะวัน จิตรถเวช Chief Technology Officer พูดถึงการปรับเปลี่ยนที่ผ่านมา คือการสลายทีมที่จากเดิมการดูแลโครงสร้างพื้นฐานถูกแบ่งออกเป็นบริษัท KPro ดูแลการวางโครงสร้าง ขณะที่บริษัท KServe เป็นส่วนปฎิบัติการที่ดูแลการทำงาน ทาง KBTG จึงรวมทั้งสองบริษัทเป็นบริษัท KInfra เพราะทั้งสองบริษัทก็ทำงานใกล้ชิดกันอยู่แล้ว ทำให้บุคคลากรสามารถขยับในสายงานได้กว้างขึ้น การทำงานทุกวันนี้ของ KBTG เป็นการทำงานแบบ Shift Left จากเดิมที่ทีมงานเทคโนโลยีจะรับความต้องการมาจากฝั่งธุรกิจ กลายเป็นการออกแบบร่วมกัน เพื่อให้รองรับการสเกลระบบให้รองรับโหลดได้ตั้งแต่ต้น แอปพลิเคชั่นต่างๆ สามารถ scale out เพิ่มเครื่องได้ตามการใช้งานจริง โครงสร้างเซิร์ฟเวอร์ของในตอนนี้เป็นแบบ Hybrid Multicloud โดยทุกวันนี้กสิกรมี On-Premise Cloud ของตัวเองที่ปรับปรุงให้ทันสมัยมาตั้งแต่ปี 2020 รองรับการ scale out แอปพลิเคชั่นภายในของธนาคารเป็นศูนย์ข้อมูลสองแห่ง จากสมัยก่อนที่วงการมองกันว่าเป็น DR/DC ศูนย์ข้อมูลหนึ่งมีไว้สำรองเฉยๆ แต่ทุกวันนี้สามารถใช้งานร่วมกันได้ตลอดเวลา การย้ายศูนย์ข้อมูลจากเดิมต้องย้ายทั้งศูนย์ข้อมูล กลายเป็นการย้ายบางแอปพลิเคชั่นที่มีปัญหาได้ การปรับปรุงโครงสร้างโครงสร้างเช่นนี้กำลังจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2023 และจะทำให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารที่มีโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูลที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ หลังจากนั้นจะตั้งเป้าว่าพัฒนาโครงสร้างไปถึงระดับภูมิภาค แนวทางการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้วยตัวเองเช่นนี้เป็นโครงสร้างที่ KBTG เตรียมไว้สำหรับการวางแอปพลิเคชั่นของ KBTG ในประเทศอื่นๆ ในอนาคต ตอนนี้เอง K PLUS ก็มีการใช้งานในเวียดนามแล้ว และเป้าหมายระยะยาวคือการเป็นธนาคารระดับภูมิภาคและจีน ระบบภายในของ KBTG เก็บ log และ metric ทุกระบบเพื่อให้มองเห็นปัญหาได้ล่วงหน้า ทุกธุรกรรมสามารถติดตามทุกจุดว่าแต่ละจุดในระบบใช้เวลามากน้อยเพียงใด ทำให้มองเห็นว่าระบบใดมีปัญหาทันที ข้อมูลปริมาณมากเหล่านี้ยังสามารถนำไปป้อนระบบ machine learning เพื่อสามารถทำนายปัญหาได้ล่วงหน้า และแก้ปัญหาได้ในเวลาที่สั้นลง War Room Operation คนหน้างานที่ดูแลให้โครงสร้างนิ่ง คุณแก้วกานต์ ปิ่นจินดา Assistant Managing Director - Incident and Problem Management เล่าถึงการรับมือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่ามีทีมงานดูแลระบบตลอดเวลา 24 ชั่วโมง โดย KBTG มองว่าคนเหล่านี้เหมือนหมอเวร ที่รับหน้าที่กู้ชีพระบบให้ทำงานได้ต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่เหล่านี้ถูกเทรนจากผู้รับผิดชอบแอปพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าแอปพลิเคชั่นต่างๆ ทำงานอย่างไร มีจุดเชื่อมต่ออะไรบ้าง โดยทุกวันนี้แอปพลิเคชั่นภายในของ KBTG มีมากกว่า 500 ตัว เข้าหน้าที่ต้องมองเห็นภาพว่าระบบใดเชื่อมโยงกับระบบใดจึงจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการแก้ปัญหาเป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถปรับปรุงได้ โดย KBTG สร้างกระบวนการแก้ไขที่ได้รับอนุมัติไว้ล่วงหน้าหากเงื่อนไขครบถ้วน (Pre-Aprroved Action) เช่น การรีสตาร์ตเครื่องบางเครื่องเมื่อเงื่อนไขครบถ้วน ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลสามารถแก้ไขปัญหาบางส่วนได้ทันทีโดยไม่ต้องรอผู้รับผิดชอบแอปพลิเคชั่นมาแก้ไขทุกครั้งไป การปรับปรุงสุดท้ายคือการรวมศูนย์กลางหน้าจอมอนิเตอร์และเครื่องมือต่างๆ เข้าเป็นหน้าจอเดียว และสามารถปรับแก้ปัญหาได้จากระบบกลาง เช่น กรณีที่เกิดขึ้นคือการตรวจสอบการโอนเงินข้ามธนาคารที่บางธนาคารอาจจะมีปัญหา และระบบปิดเมนูโอนไปยังธนาคารที่มีปัญหาโดยอัตโนมัติ เจ้าหน้าที่ใน War Room สามารถพูดคุยกับธนาคารอื่นๆ และเปิดระบบให้กลับมาโอนข้ามธนาคารได้เมื่อยืนยันว่าระบบกลับมาเสถียรแล้ว ทุกวันนี้ปัญหาต่างๆ ของ KBTG ได้รับการแก้ไขเร็วขึ้น 33% เทียบกับปีก่อนหน้านี้ และมีเป้าหมายว่ากระบวนการแก้ปัญหาจะสั้นลงเรื่อยๆ เพื่อให้ระบบมีเสถียรภาพสูงกว่านี้เสียอีก แนวทางอีกอย่างหนี่งที่ KBTG ยึดถือคือ ONE KBTG ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2019 เป็น Mindset ที่จะร่วมมือกันแก้ปัญหาโดยไม่เสียเวลาโทษกันไปมา เมื่อเกิดปัญหาขึ้นทุกคนมี ว่าช่วยกันยืนยันว่าปัญหาเกิดจากส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบหรือไม่โดยไม่โทษกันทำให้แก้ปัญหาได้เร็ว และทุกคนมองที่การแก้ปัญหาให้กับลูกค้าเป็นสำคัญ อนาคตคือการก้าวสู่บริษัทเทคระดับภูมิภาค ทีมผู้บริหาร KBTG ส่งท้ายการบรรยายครั้งนี้ด้วยการเล่าถึงเป้าหมายต่อไปว่า KBTG จะมีผู้ใช้ 100 ล้านคนและนับเป็นบริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองรับการประมวลธุรกรรมทางการเงินระดับแสนล้านธุรกรรมต่อปี โดยทุกวันนี้เองธนาคารกสิกรไทยเปิดสาขาที่เวียดนามและให้บริการ K PLUS อยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังซื้อกิจการธนาคารแมสเปี้ยนในอินโดนีเซีย แนวทางเหล่านี้ทำให้ KBTG ต้องปรับกระบวนการทำงานหลายอย่าง ทั้งการออกแบบระบบให้เป็นโมดูลถอดเปลี่ยนได้ เพื่อรองรับเงื่อนไขที่ต่างกันไปในแต่ละประเทศ แอปพลิเคชั่นต่างๆ หลังจากนี้ต้องออกแบบโดยคิดถึงภาษาอื่นๆ ตั้งแต่แรกเพื่อให้ใช้งานในประเทศอื่นๆ โดยพัฒนาครั้งเดียว หรือกระทั่งการจัดการโครงสร้าง Governance ของข้อมูลต่างๆ ที่ต้องเตรียมรองรับเงื่อนไขทั้งในแง่ธุรกิจและการกำกับดูแลของประเทศต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์
# บริษัทวิเคราะห์เผย OpenSea แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT มีมูลค่าการซื้อขายลดลงถึง 99% DappRadar ผู้ให้บริการ marketplace สำหรับแอป defi และเก็บวิเคราะห์ข้อมูลจากบล็อคเชน เปิดเผยรายงานว่า OpenSea แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT รายใหญ่ที่สุดในโลกมีมูลค่าการซื้อขายลดลงราว 99% จากจุดสูงสุดที่มีมูลค่าราว 405.75 ล้านเหรียญเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ลดลงเหลือเพียงราว 5 ล้านเหรียญเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม มูลค่าการซื้อขายผลงาน NFT บนแพลตฟอร์มลดลงอย่างรวดเร็วไปพร้อม ๆ กับการลดลงของจำนวนผู้ใช้, การลดลงของราคาขั้นต่ำ (floor price) ของผลงาน NFT ชั้นนำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสนใจในการสะสมผลงาน NFT ลดลง ขณะที่ความกังวลว่า NFT จะพบกับสภาวะฟองสบู่แตกเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ NFT ถูกปล่อยออกมาผ่านบล็อคเชน Ethereum จึงใช้เหรียญ Ether ในการซื้อขาย ซึ่งการที่ตลาด Ethereum ตกต่ำก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ NFT จะมีมูลค่าลดลงด้วย ในเดือนนี้ มูลค่า 1 ETH ลดลงจนต่ำกว่า $1,500 จากอยู่ที่ $4,950 ในเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว ที่มา: Cointelegraph
# Naughty Dog ยืนยัน The Last of Us Part 1 เป็น Remake ไม่ใช่ Remastered หลังจากเปิดตัวแล้วค่อนข้างเป็นกระแสเชิงลบ ทั้งในแง่ราคาวางจำหน่ายที่แพงเหมือนเกมใหม่ และการ "เคลม" ตัวเกมเวอร์ชั่นนี้ของ The Last of Us Part I ที่ทาง Sony และ Naughty Dog เรียกว่าเป็นการ Remake ซึ่งขัดแย้งความรู้สึกของเกมเมอร์และสภาพของตัวเกมที่ออกมา ว่ามันควรจะเป็น Remastered ล่าสุด Shaun Escayg ตำแหน่ง Creative Director (และเป็น Lead Cinematic Animator ในเกมออริจินัล) ของ Naughty Dog เขียนโพสต์บรรยายเบื้องหลังการปรับปรุงเกมนี้ พร้อมยืนยันว่า The Last of Us Part I คือการ Remake ไม่ใช่ Remastered เพราะภาพรวมของการปรับปรุงทั้งหมดของตัวเกม Shaun บอกว่าเกมนี้มันไม่ใช่แค่การนำเกมเดิม ตัวละครเดิม สภาพแวดล้อมเดิม มาปรับปรุงให้แสดงผลดีขึ้นบนเครื่องรุ่นใหม่ (performing on better hardware) แต่เป็นการยกเครื่อง (completely redesigned) ทุกอย่าง ตั้งแต่ Art Direction, แสง, เทคโนโลยีการจัดแสง, ไปจนถึงการออกแบบตัวละคร ทีมงานใช้องค์ความรู้ที่สั่งสมกว่าทศวรรษตั้งแต่ปล่อยเกมบน PS3 นำมาใช้กับเทคโนโลยีใหม่ๆ และนำเสนอใหม่ (reimagine) ในรูปแบบที่เหนือกว่า แต่ยังเคารพและคงความเป็นออริจินัลของตัวเกม ความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ บน The Last of Us Part I นอกจากสิ่งที่เราสัมผัสได้เช่น ดีไซน์ตัวละคร แสงและสภาพแวดล้อม Shaun อธิบายด้วยว่ายังมีของใหม่ๆ ที่เราอาจจะไม่ได้เห็นจากตัวอย่าง แต่ต้องเล่นเกมเอง เช่น ตัว AI ในการต่อสู้ ที่เดิมติดข้อจำกัดของ PS3 แต่พอเป็น PS5 ที่มีพลังประมวลผลมากกว่า ก็สามารถเพิ่มจำนวนศัตรูในแต่ละฉาก การมีปฏิสัมพันธ์ต่อสภาพแวดล้อมของ NPC ไปจนถึงฉากต่อสู้ที่จะสมจริงและเล่นกับสภาพแวดล้อมได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ อดีตทีมพัฒนาของ Naughty Dog ก็ออกมาบอกลักษณะเดียวกัน ซึ่งในมุมผู้พัฒนา อาจจะมองว่าตัวเกมมีการปรับปรุงเยอะมาก ไม่ใช่แค่เอาเกมเก่ามาปรับภาพให้ชัดแล้วเล่นให้ลื่นบนเครื่องเล่นใหม่ แต่ในมุมผู้เล่น คำถามคือการปรับปรุงแบบนี้ ต่อให้เยอะมากขึ้นก็ตาม มันคุ้มมั้ยกับราคาที่เท่ากับเกมใหม่ถึง 2,290 บาท โดยที่ 90% ของเกมทั้งในแง่เกมเพลย์ เนื้อเรื่องเหมือนเดิมทุกอย่าง ที่มา - PlayStation
# อินเดียปฏิเสธข่าว ไม่แบนสมาร์ทโฟนราคาถูกที่มาจากจีน นาย Rajeev Chandrasekhar รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเทคโนโลยีของอินเดียปฏิเสธว่า รัฐบาลอินเดียไม่ได้มีแผนที่จะควบคุมไม่ให้มีการนำสมาร์โฟนราคาถูก (กลุ่มราคาตั้งแต่ประมาณ 5,300 บาทลงไป) จากบริษัทสัญชาติจีนมาขายในอินเดีย หลังจากมีรายงานจาก Bloomberg ว่าอินเดียกำลังศึกษาแนวทางที่จะควบคุมการนำเข้าสมาร์ทโฟนราคาถูกจากจีน บริษัทวิจัยตลาดสมาร์ทโฟน Counterpoint เผยว่าบริษัทสมาร์ทโฟนของจีนอย่าง Xiaomi และ Realme ครองตลาดมือถือในอินเดีย ส่วนบริษัทผลิตสมาร์ทโฟนราคาถูกของอินเดียเองอย่าง Micromax, Lava และ Karbonn กลับมีส่วนแบ่งการตลาดน้อยมากหลังสมาร์ทโฟนที่นำเข้าจากจีนมีประสิทธิภาพสูงกว่าและสามารถขายในราคาถูกกว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลอินเดียก็ได้สั่งแบนแอปพลิเคชันของจีนไปหลายแอป รวมถึงการทำธุรกิจของจีนในอินเดียก็ลำบากขึ้น ที่มา: TechCrunch
# เจ้าหน้าที่ Crypto.com พลาดใส่เลขบัญชีในช่องจำนวนเงิน โอนเงินให้ลูกค้าเกือบ 400 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ของ Crypto.com กรอกรายการโอนเงินให้ลูกค้าผิดพลาด โดยใส่เลขบัญชีลงในช่องจำนวนเงิน ทำให้ส่งเงินไปยังหญิงออสเตรเลียรายหนึ่งเป็นเงินถึง 10.5 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบๆ 400 ล้านบาท ทั้งที่จริงๆ ต้องโอนเพียง 100 ดอลลาร์เท่านั้น และบริษัทไม่รู้ตัวจนกระทั่งถึงช่วงตรวจสอบบัญชีช่วงปลายปีจึงรู้ตัวว่าเงินหายไป หญิงออสเตรเลียนำเงินไปซื้อแมนชั่นไปแล้ว และตอนนี้ศาลสั่งขายแมนชั่นเพื่อส่งเงินคืนบริษัท ช่วงที่สินทรัพย์ดิจิทัลบูมหนักๆ Crypto.com ไปซื้อสนามแข่งของ L.A. Lakers เพื่อเปลี่ยนชื่อเป็น Crypto.com Arena แต่เมื่อต้นปีบริษัทก็ถูกแฮก และเมื่อสินทรัพย์ดิจิทัลราคาตกบริษัทก็อยู่ในสภาพย่ำแย่จนมีข่าวว่าต้องปลดพนักงานจำนวนมาก ที่มา - Ticker News
# [ลือ] Apple ทดสอบฮาร์ดแวร์สื่อสารผ่านดาวเทียมกับ iPhone 14 แล้ว ส่งข้อความฉุกเฉินได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ Apple เผยว่าขณะนี้ Apple ได้ทดสอบฮาร์ดแวร์เพื่อเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านดาวเทียมใน iPhone 14 เรียบร้อยแล้ว หากมีการเชื่อมต่อดาวเทียมจริง Apple จะนำมาใช้กับบริการส่งข้อความหรือข้อความเสียงฉุกเฉินโดยไม่ต้องอาศัยสัญญาณอินเทอร์เน็ต ข่าวลือก่อนหน้านี้ระบุว่า Apple กำลังทำงานร่วมกับบริษัทสื่อสารดาวเทียมสัญชาติอเมริกัน Globalstar ซึ่ง Kuo มองว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะเข้าเป็นพาร์ทเนอร์กับ Apple เพื่อปล่อยฟีเจอร์นี้สำหรับ iPhone ทั้งนี้ แม้ว่า iPhone 14 จะรองรับการสื่อสารผ่านดาวเทียม แต่ Kuo ระบุว่า Apple จะปล่อยฟีเจอร์นี้ให้ใช้ใน iPhone 14 เลยหรือไม่ขึ้นอยู่กับการเจรจาธุรกิจระหว่าง Apple และบริษัทพาร์ทเนอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ Apple ได้พัฒนาฮาร์ดแวร์ให้ iPhone 13 รองรับฟีเจอร์นี้แล้วแต่ที่ iPhone 13 ใช้ไม่ได้มาจากที่ Apple ยังไม่ได้เจรจาร่วมมือกับบริษัทสื่อสารดาวเทียม การสื่อสารผ่านดาวเทียมอาจเป็นฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับสมาร์ทโฟนในอนาคตเนื่องจากปัญหาภัยธรรมชาติและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงหลายปีนี้ ก่อนหน้านี้ T-mobile และ SpaceX ก็ได้ร่วมมือกันกระจายสัญญาณ 5G ผ่านดาวเทียม ที่มา: Medium via MacRumors ภาพกราฟิกดาวเทียมกำลังโคจรรอบโลกโดย PIRO4D
# AMD เปิดตัวซีพียู Ryzen 7000 ใช้แกน Zen 4 และซ็อคเก็ตใหม่ AM5 เริ่มขาย 27 ก.ย. AMD เปิดตัวซีพียู Ryzen 7000 Series ที่ใช้แกน Zen 4 และซ็อคเก็ตใหม่ AM5 ตามกำหนด ซีพียูซีรีส์นี้ใช้กระบวนการผลิต 5nm TSMC, รองรับ PCIe Gen 5, DDR5 และถือเป็นการเปลี่ยนเมนบอร์ดคร้้งใหญ่ของ AMD ในรอบหลายปี จุดเปลี่ยนสำคัญคือตัวสถาปัตยกรรม Zen 4 ที่พัฒนาขึ้นจากเดิม จำนวนคำสั่งต่อรอบ (IPC) เพิ่มขึ้น 13% จาก Zen 3, ตัวเลขของ AMD เองบอกว่าประสิทธิภาพคอร์เดี่ยวเพิ่มขึ้นสูงสุด 29%, ประสิทธิภาพด้านเกมมิ่งเพิ่มขึ้นสูงสุด 15%, ประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้นสูงสุด 27% (เทียบระหว่าง 7950X vs 5950X) หากเทียบกับคู่แข่ง AMD บอกว่าซีพียูรุ่นท็อป 7950X มีประสิทธิภาพ V-Ray Render ดีกว่า Intel Core i9-12900K ถึง 57% และซีพียูรุ่นกลาง 7600X มีประสิทธิภาพด้านเกมมิ่งดีกว่ารุ่นท็อป Core i9-12900K โดยเฉลี่ย 5% ซีพียูชุดแรกที่เปิดตัวเป็นซีพียูเดสก์ท็อป (โค้ดเนม Raphael) ทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แก่ Ryzen 9 7950X 16 คอร์ 32 เธร็ด, คล็อค 4.5/5.7GHz, แคช 80MB, TDP 170W, ราคา 699 ดอลลาร์ Ryzen 9 7900X 12 คอร์ 24 เธร็ด, คล็อค 4.7/5.6GHz, แคช 76MB, TDP 170W, ราคา 549 ดอลลาร์ Ryzen 7 7700X 8 คอร์ 16 เธร็ด, คล็อค 4.5/5.4GHz, แคช 40MB, TDP 105W, ราคา 399 ดอลลาร์ Ryzen 5 7600X 6 คอร์ 12 เธร็ด, คล็อค 4.7/5.3GHz, แคช 38MB, TDP 105W, ราคา 299 ดอลลาร์ AMD ยังออกชิปเซ็ตสำหรับบอร์ดรุ่นใหม่ที่ใช้ซ็อคเก็ต AM5 ออกมาทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ AMD X670 Extreme สำหรับสายโอเวอร์คล็อค รองรับ PCIe 5.0 ทั้งกราฟิกและสตอเรจ AMD X670 สำหรับสายโอเวอร์คล็อค รองรับ PCIe 5.0 สำหรับสตอเรจ และเลือกรองรับ PCIe 5.0 สำหรับกราฟิก AMD B650E รองรับ PCIe 5.0 สำหรับสตอเรจ และเลือกรองรับ PCIe 5.0 สำหรับกราฟิก AMD B650 รองรับ DDR5 และเลือกรองรับ PCIe 5.0 เพิ่มได้ สินค้าซีพียูจะเริ่มวางขายวันที่ 27 กันยายน, บอร์ดที่เป็นชิป X670 วางขายเดือนกันยายน บอร์ดชิป B650 ขายเดือนตุลาคม ที่มา - AMD
# [ลือ] Surface Pro 9 จะมีทั้งชิป Intel และ Arm ให้เลือก ยุบรวม Surface Pro X เข้ามา เว็บไซต์ Windows Central รายงานข่าวลือว่า ไมโครซอฟท์จะรวมสายผลิตภัณฑ์ของ Surface Pro (x86) และ Surface Pro X (ARM) เข้าด้วยกันใน Surface Pro 9 ที่มีชิปให้เลือกทั้งสองแบบ ชิปของ Surface Pro 9 จะเป็น Intel Core 12th Gen P-Series ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากซีรีส์ U เดิม และ Microsoft SQ3 เวอร์ชันปรับแต่งพิเศษจาก Snapdragon 8cx Gen3 SoC แบบเดียวกับที่ไมโครซอฟท์ทำในชิป SQ1-SQ2 นอกจากนี้ Surface Pro 9 จะมีรุ่นที่เชื่อมต่อผ่าน 5G ได้ด้วย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของซีรีส์ Surface ที่รองรับ 5G ส่วนดีไซน์น่าจะไม่ต่างจากเดิม และใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมเดิมได้ คาดว่าไมโครซอฟท์จะจัดงานแถลงข่าว Surface รอบใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า นอกจาก Surface Pro 9 แล้วจะเปิดตัว Surface Studio และ Surface Laptop ใหม่ด้วย ที่มา - Windows Central ภาพ Surface Pro X
# สมาร์ททีวี LG ในไทย ดาวน์โหลดแอพ Amazon Prime Video ได้แล้ว LG ประเทศไทย เปิดให้ดาวน์โหลดแอพ Amazon Prime Video บนแพลตฟอร์มสมาร์ททีวี webOS แล้ว สอดคล้องกับทิศทางการเข้ามาทำตลาดของ Amazon Prime Video ในประเทศไทย LG บอกว่าสมาร์ททีวีรุ่นปี 2021-2022 ที่อัพเดตซอฟต์แวร์ล่าสุด จะได้รับการแจ้งเตือนว่าแอพ Prime Video พร้อมใช้งานแล้ว หรือจะกดปุ่ม Prime Video บนรีโมท (ที่มีมาตั้งแต่แรก และเพิ่งใช้งานได้จริง) ก็ได้เช่นกัน ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ LG ประเทศไทย
# WhatsApp ในอินเดีย เพิ่มฟีเจอร์สั่งซื้อสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต ทำได้จบภายในแอปเดียว Meta ในฐานะบริษัทแม่ของ WhatsApp ประกาศความร่วมมือกับ JioMart เครือข่ายร้านค้าปลีกในอินเดีย เพื่อให้บริการสั่งซื้อสินค้าแบบครบวงจร ทั้งหมดสามารถทำได้ผ่าน WhatsApp สำหรับผู้ใช้ในอินเดีย วิธีการสั่งซื้อสินค้าก็ทำได้ไม่ยุ่งยาก โดยผู้ใช้งานพิมพ์ทักว่า Hi ในเบอร์ติดต่อของ JioMart จะเข้าสู่รายการแคตาลอกสินค้า กดสินค้าลงตะกร้า และจ่ายเงิน ทั้งหมดสามารถทำได้จบภายในแอปเดียว Mark Zuckerberg กล่าวว่าแชตสำหรับธุรกิจ เป็นพื้นที่ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอีกหลายปีข้างหน้า จึงเป็นไปได้ว่าในอนาคตเราจะเห็น WhatsApp เพิ่มฟีเจอร์ใหม่จนเป็นซูเปอร์แอปมากขึ้น ที่มา: Meta ผ่าน The Verge
# NASA ยกเลิกการยิงจรวดตามภารกิจ Artemis I หลังพบปัญหาเครื่องยนต์ NASA ประกาศยกเลิกการยิงจรวดตามภารกิจ Artemis I ตามแผนการที่วางไว้ เนื่องจากพบปัญหาเชื้อเพลิงรั่วในเครื่องยนต์ของจรวด SLS NASA บอกว่าจะพยายามแก้ปัญหาและประกาศวันยิงจรวดใหม่อีกครั้งในภายหลัง จากประกาศเดิมคราวก่อน โอกาสยิง (launch opportunity) รอบหน้าที่สภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการยิงจรวดคือวันที่ 2 กันยายน และ 5 กันยายน ที่มา - NASA
# โซนี่ซื้อสตูดิโอเกมมือถือ Savage Game ตั้งแผนก PlayStation Studios Mobile โซนี่ประกาศซื้อสตูดิโอเกมรอบใหม่ Savage Game Studios ซึ่งเป็นสตูดิโอเกมมือถือในเยอรมนีและฟินแลนด์ ตอนนี้ยังไม่มีผลงานเกมออกมา เพราะเพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2020 แต่ทีมผู้ก่อตั้งเคยทำงานกับสตูดิโอ Rovio, Supercell, Zynga, Wargaming มาก่อน คำถามที่หลายคนสงสัยคือโซนี่ซื้อสตูดิโอนี้ไปทำไม คำตอบชัดเจนว่าจะตั้ง PlayStation Studios Mobile Division เพื่อนำแฟรนไชส์เกมดังๆ ของโซนี่ไปทำเกมมือถือกับเขาบ้างแล้ว โซนี่บอกว่าตอนนี้ทีม Savage Game เริ่มพัฒนาเกมมือถือแบบ live service คุณภาพระดับ AAA แล้ว แต่ยังไม่ยอมบอกว่าเป็นเกมใด ก่อนหน้านี้ โซนี่เพิ่งขยายเกมของตัวเองจาก PlayStation มาสู่พีซี รวมถึงซื้อบริษัท Bungie ที่ทำเกมแนว live service ด้วย และล่าสุดคือเกมมือถือแล้ว ที่มา - PlayStation Blog
# อินโดนีเซียเชื่อมระบบจ่ายเงิน QR กับไทยและสิงคโปร์ ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศเชื่อมต่อระบบ QRIS เข้ากับ Thai QR และ NETS QR เปิดทางให้ผู้ใช้สามชาติสามารถจ่ายเงินตามร้านค้าด้วยการสแกนเหมือนกับการจ่ายเงินในประเทศทุกวันนี้ การเชื่อมต่อระหว่างไทยและอินโดนีเซียนั้นเริ่มทดสอบมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2021 ตอนนี้จะเข้าสู้ช่วงอิมพลีเมนต์จริงโดยมีผู้ให้บริการถึง 76 รายจากทั้งสองประเทศเข้าร่วมโครงการ ทำให้สามารถโอนจ่ายเงินค่าบริการต่างๆ ผ่าน QR ได้ทันที และทั้งสองชาติจะร่วมมือกันเพื่อการโอนเงินข้ามประเทศที่รวดเร็วขึ้นเพิ่มความสะดวกให้กับการทำธุรกิจและแรงงานข้ามชาติต่อไป สำหรับฝั่งสิงคโปร์ QRIS ก็จะเชื่อมเข้ากับ NETS QR ทำให้สามารถจ่ายเงินตามร้านค้าต่างๆ ได้เหมือนกัน โดยคาดว่าระบบจะใช้งานได้จริงครึ่งหลังของปี 2023 การจ่ายเงิน QR ในภูมิภาคนี้เริ่มต้นด้วยการเชื่อมต่อระบบระหว่างไทยและสิงคโปร์ในปี 2019 แนวทางการเชื่อมต่อเช่นนี้ทำให้ทั้งสามชาติสามารถเดินทางไปมาโดยจ่ายค่าสินค้าหรือบริการได้ผ่านแอปธนาคารของแต่ละประเทศโดยไม่ต้องแลกเงินล่วงหน้าเลย ที่มา - Bank of Thailand, Bank of Indonesia ภาพ QRIS ของอินโดนีเซีย
# Waze เตรียมยกเลิกบริการคาร์พูลในเดือนหน้า Waze แอปนำทางภายใต้ Google เตรียมยกเลิกบริการคาร์พูลในเดือนหน้า โดยให้เหตุผลเรื่องพฤติกรรมการเดินทางเปลี่ยนไปหลังการระบาดของ COVID-19 บริการคาร์พูลของ Waze คือบริการที่จะจับคู่คนขับรถและคนที่ต้องการโดยสารไปทางเดียวกันมาพบกันผ่านแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยประหยัดเงินและประหยัดพลังงาน รวมถึงลดปริมาณรถยนต์บนถนนในช่วงเวลาเร่งด่วน บริการนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2016 ที่ซานฟรานซิสโก ก่อนจะขยายไปยังเมืองอื่นและประเทศอื่น และตอนหลังจึงแยกคาร์พูลออกมาเป็นแอปในอีกสองปีถัดมา โฆษกของ Waze ให้เหตุผลการยกเลิกบริการคาร์พูลกับ TechCrunch ว่า พฤติกรรมการขับรถบนถนนเปลี่ยนไป จากก่อนโควิดที่การขับรถจะเป็นการเดินทางแบบไปมาเป็นปกติ (commute) แต่ปัจจุบันการเดินทางไปทำธุระ (errand) หรือท่องเที่ยว (travel) แซงหน้าไปแล้ว จึงยกเลิกบริการ Waze Carpool เพื่อโฟกัสในการซัพพอร์ตผู้ขับรถบนถนนในปัจจุบันให้มากขึ้น ที่มา - TechCrunch ภาพจาก Waze
# Panasonic ซัพพลายเออร์ของ Tesla เตรียมสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเปิดเผยกับ Wall Street Journal ว่า Panasonic ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ใหญ่ของ Tesla กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรีแห่งใหม่ที่มีมูลค่าราว 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมองไว้ว่าจะสร้างโรงงานที่รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งก็คาดว่าเพื่อป้อนแบตเตอรี่ให้กับ Tesla มากขึ้น Panasonic เปิดเผยไปก่อนหน้านี้ว่าสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในสหรัฐคือการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิดใหม่ที่เรียกว่าแบตเตอรี่ 4680ซึ่งมีขนาดใหญ่และมีกำลังสูงกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่น ๆ ที่ Panasonic ผลิตให้กับ Tesla ในปัจจุบัน ส่วนสาเหตุที่ Panasonic ตั้งโรงงานในโอกลาโฮมา ส่วนหนึ่งก็มาจากการอยู่ติดกับรัฐเท็กซัส ที่ตั้งโรงงานของ Tesla รวมถึง Canoo บริษัทสตาร์ทอัพรถไฟฟ้าที่เป็นคู่ค้า ก็ตั้งโรงงานในรัฐโอกลาโฮมาเช่นกัน ก่อนหน้านี้ Panasonic ก็ได้เปิดเผยว่าได้วางแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่มูลค่าราว 4 พันล้านเหรียญเช่นกันรัฐแคนซัส ซึ่งแหล่งข่าวของ WSJ ก็ระบุว่าโรงงานทั้งสองอาจมีกำลังการผลิตเท่า ๆ กัน ที่มา: Wall Street Journal
# YouTube Music เตรียมยกเลิกการแนะนำเพลงตามโลเคชั่นของผู้ใช้งาน YouTube ประกาศว่า YouTube Music จะยกเลิกการแนะนำเพลงตามโลเคชั่นที่ผู้ใช้อยู่ เช่น จะเลิกแนะนำเพลย์ลิสต์ออกกกำลังกายเมื่อผู้ใช้อยู่ที่ยิม เนื่องจากผู้ใช้สามารถค้นหาและเลือกเพลงหรือเพลย์ลิสต์ที่ชอบได้หลายวิธีรวมถึงการค้นหาเพลงเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ได้จากแถบกิจกรรมในหน้าโฮมของแอปพิเคชันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพลงสำหรับการออกกำลังกาย การเดินทาง การนั่งสมาธิ ฯลฯ นอกจากนี้ YouTube จะลบการตั้งค่าสถานที่และข้อมูลประวัติสถานที่ของผู้ใช้ใน YouTube Music ทิ้งและจะยกเลิกการอนุญาตให้แอปพลิเคชันเข้าถึงสถานที่ของผู้ใช้งานด้วย (ส่วนการตั้งค่าประวัติสถานที่ใน Google จะไม่เปลี่ยนแปลง) อย่างไรก็ตาม YouTube จะยังคงแนะนำเพลงโดยยึดตามสถานที่คร่าว ๆ ที่ผู้ใช้อยู่ เช่น แนะนำเพลงตามประเทศผู้ใช้อาศัยอยู่ YouTube Music จะยกเลิกการแนะนำเพลงตามโลเคชันของผู้ใช้งานโดยเริ่มในวันที่ 26 กันยายนนี้ ที่มา: YouTube via Android Central
# อัฟกานิสถานสั่งแบนคริปโต รัฐบาลตาลีบันจับกุมผู้ฝ่าฝืนแล้วนับ 10 ราย ในเดือนนี้ ธนาคารกลางของอัฟกานิสถานสั่งห้ามไม่ให้มีการซื้อขายเหรียญดิจิทัลทั่วประเทศและกลุ่มตาลีบันได้สั่งจับกุมผู้ฝ่าฝืนคำสั่งที่ยังคงซื้อขายเหรียญอยู่ Shah Saadaat หัวหน้าฝ่ายสืบสวนคดีอาชญากรรมในสำนักงานตำรวจเมืองเฮรัตเปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ถูกจับกุมแล้ว 13 คน ส่วนใหญ่ได้รับการประกันตัวแล้ว อีกทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตในเมืองเฮรัตกว่า 20 แห่งได้ถูกปิดลง ซึ่งเฮรัตเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศและเป็นแหล่งซื้อขายเหรียญดิจิทัลที่มีบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ถึง 4 บริษัทจากทั้งหมด 6 บริษัท ก่อนหน้านี้ ชาวอัฟกานิสถานใช้เหรียญคริปโตเป็นแหล่งเก็บทรัพย์สินเนื่องจากอยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาล รวมทั้งยังเป็นตัวเลือกที่ใช้กันเพื่อโอนเงินเข้า-ออกนอกประเทศหลังจากอัฟกานิสถานถูกคว่ำบาตรจนไม่สามารถใช้ระบบการเงินอย่างทั่วโลกได้ โดยในปีที่แล้วรายงานจากบริษัทวิจัยบล็อคเชน Chaianalysis เปิดเผยว่าอัฟกานิสถานติดอันดับ 20 ประเทศแรกที่ใช้คริปโตมากที่สุด จีนก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้ประกาศให้การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเหรียญคริปโตทั้งหมดผิดกฎหมายและเพิ่งประกาศไปในเดือนกันยายนของปีที่แล้ว ที่มา: Bloomberg
# NITMX ตั้งเป้าพัฒนาระบบให้รองธุรกรรมพร้อมกัน 10,000 ธุรกรรมต่อวินาที ภายในสิ้นปี National ITMX (NITMX) ผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและดูแลระบบธุรกรรมระหว่างธนาคารเปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะพัฒนาเพิ่มศักยภาพให้ระบบพร้อมเพย์ สามารถรองรับการทำธุรกรรมพร้อมกัน 10,000 ธุรกรรมต่อวินาที ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งสูงกว่าช่วงให้บริการพร้อมเพย์ครั้งแรกเมื่อปี 2017 ที่ 40 เท่า NITMX เผยว่าปัจจุบันการทำธุรกรรมพร้อมกันสูงสุดอยู่ที่ 2,900 ธุรกรรมต่อวินาทีเท่านั้น ขณะที่ศักยภาพของระบบปัจจุบัน รองรับได้อยู่ที่ประมาณ 6,000 ธุรกรรมต่อวินาที ขณะที่มีจำนวนผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ ล่าสุด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2022 อยู่ที่ 70 ล้านหมายเลข เพิ่มขึ้น 22.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มียอดการโอนเงินเฉลี่ย 38.7 ล้านรายการต่อวัน เพิ่มขึ้น 59.3% หากนับเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ประชาชนหันมาใช้จ่ายผ่านดิจิทัลแทนเงินสดมากขึ้น โดยปี 2021 มีธุรกรรมชำระเงินระหว่างธนาคารกว่า 10,000 ล้านรายการ และมีเงินหมุนเวียนผ่านระบบ ITMX มูลค่ารวม 39 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.4 เท่าของ GDP ของประเทศไทย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยจากช่วง เดือนมกราคม-มิถุนายน มีธุรกรรมชำระเงินระหว่างธนาคารกว่า 6,000 ล้านรายการ มูลค่ากว่า 23 ล้านล้านบาท
# Honda จับมือ LG เตรียมสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐ Honda ร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่สัญชาติเกาหลีใต้ LG Energy Solution สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานหลักของ Honda โดยจะเริ่มสร้างในปี 2023 และเริ่มผลิตในปี 2025 ใช้เงินลงทุนประมาณ 2-3 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าโรงงานดังกล่าวจะสามารถผลิตแบตเตอรี่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้มากถึง 5-6 แสนคันต่อปี ความร่วมมือเกิดจากการที่ Honda ต้องการสร้างซัพพลายเออร์แบตเตอรี่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองหลังคาดว่าจะมีการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็วในสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท (คิดเป็น 30% ของยอดขายทั่วโลก) และ Honda มีเป้าหมายว่าจะเปิดตัวโครงรถยนต์ไฟฟ้า (chassis) ที่ Honda พัฒนาเองที่คาดว่าจะใช้แบตเตอรี่ที่พัฒนาร่วมกับ LG Energy ในปี 2026 รวมถึงจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 800,000 คันในสหรัฐภายในปี 2030 และจะผลิตแค่รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถเซลล์เชื้อเพลิง (FCV) อย่างเดียวให้ได้ภายในปี 2040 นอกจากนี้ Honda เองจะสนับสนุนการพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ เช่น แบตเตอรี่ solid state ที่ปลอดภัยและขนาดเล็กกว่า รวมถึงจะลงทุนประมาณ 310 ล้านเหรียญในการวิจัยด้านการผลิตแบตเตอรี่ด้วย การสร้างโรงงานในสหรัฐเป็นทางที่จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งลง รวมถึงเลือกที่จะร่วมมือกับ LG Energy ที่เป็นบริษัทผลิตแบตเตอรี่ที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก CATL ที่เป็นบริษัทสัญชาติจีนเพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาซัพพลายเชนที่อาจเกิดขึ้นได้จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ตาม Honda ยังคงมีแผนที่จะใช้แบตเตอรี่ของ CATL สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 10 รุ่นที่จะเปิดตัวในจีนในปี 2027 ที่มา: Nikkei Asia
# เยอรมนีสั่งจำกัดเวลาเปิดป้ายโฆษณาดิจิทัลเพื่อประหยัดไฟฟ้า เยอรมนีสั่งจำกัดเวลาเปิดป้ายโฆษณาดิจิทัลหลังต้นทุนค่าพลังงานในประเทศกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้ ป้ายโฆษณาดิจิทัลทั้งหมดจะเปิดไฟได้เพียงวันละ 6 ชั่วโมง จาก 4 โมงเย็นถึง 4 ทุ่มเท่านั้น ข้อบังคับนี้ยกเว้นให้กับป้ายโฆษณาที่ทำหน้าที่อย่างอื่นด้วย เช่น ป้ายรถเมลอาจจะบอกข้อมูลรถเมลที่กำลังเข้าป้ายสลับกับการแสดงโฆษณา แต่การบังคับใช้จริงก็ยังมีข้อกังวลอยู่มากเพราะป้ายโฆษณาจำนวนมากแทบไม่มีใครดูแลที่ตัวป้าย และปกติป้ายก็เปิดไฟไว้ตลอดเวลาแม้จะไม่ได้แสดงภาพหรือข้อความอะไรก็ตามเนื่องจากต้องรับข้อมูลโฆษณาของวันต่อไป ระบบอาจจะไม่รองรับการปิดจากระยะไกล โดยข้อบังคับนี้ระบุให้ปิดไฟตัวป้ายจริงๆ ไม่ใช่แค่การแสดงภาพพื้นดำเฉยๆ ทำให้ผู้ให้บริการป้ายโฆษณาบางรายไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไรจจึงครบถ้วนตามข้อกำหนด ที่มา - The Register ภาพโดย StockSnap
# สหรัฐอเมริกาออกนโยบาย งานวิจัยที่ได้ทุนสนับสนุนจากรัฐต้องเป็น Open Access มีผล 2026 ปัญหา open access เป็นประเด็นขัดแย้งในแวดวงวิชาการมานาน เหตุเพราะวารสารวิชาการที่ตีพิมพ์งานวิจัย มักมีโมเดลธุรกิจคือการคิดเงินค่าอ่าน (ไม่ว่าจะเป็นจ่ายค่าสมาชิกรายปี หรือจ่ายรายชิ้น) ในขณะที่มุมมองอีกด้านคือความรู้ควรเป็นของสาธารณะเพื่อการวิจัยต่อยอด ทำให้นักวิจัยหลายคนใช้วิธีเผยแพร่เปเปอร์วิชาการ (ที่อาจไม่เหมือนกับเวอร์ชันตีพิมพ์ทั้งหมด) ผ่านช่องทางของตัวเองหรือหน่วยงาน หรือวารสารวิชาการบางฉบับก็เปลี่ยนโมเดลมาเป็นคิดเงินกับผู้ตีพิมพ์แทนผู้อ่าน ปัญหานี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นหากเป็นงานวิจัยที่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ แต่กลับต้องจ่ายเงินค่าอ่าน ทำให้หน่วยงานให้ทุนวิจัยในหลายประเทศเริ่มบังคับว่างานวิจัยจะต้องเผยแพร่แบบ open access เช่น UKRI หน่วยงานด้านการให้ทุนวิจัยของสหราชอาณาจักร ที่ออกประกาศในปี 2021 และมีผลบังคับใช้ปี 2022 ล่าสุดฝั่งสหรัฐอเมริกามีความเคลื่อนไหวแบบเดียวกัน โดย White House Office of Science and Technology Policy (OSTP) หน่วยงานนโยบายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ออกคำสั่งให้หน่วยงานวิจัยของรัฐทั้งหมดต้องเผยแพร่ผลงานวิจัย (ทั้งที่ทำเองและให้ทุนสนับสนุนภายนอก) แบบ open access ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เนื่องจากเป็นเงินจากภาษีประชาชน มีผลตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป คำสั่งของ OSTP จะมีผลกระทบอย่างมาก เพราะรัฐบาลสหรัฐถือเป็นผู้ให้ทุนวิจัยหลายใหญ่ของโลก (ตัวอย่างคือ US National Institutes of Health ของรัฐบาลให้ทุนวิจัยเยอะกว่าภาคเอกชน 20 รายแรกรวมกัน) และจะมีผลให้งานวิจัยจำนวนมหาศาลเข้าถึงได้จากสาธารณะ ขั้นถัดไปคือ หน่วยงานวิจัยต่างๆ จะต้องปรับแผนการให้ทุนใหม่ กำหนดเงื่อนไข open access ตามแนวทางของ OSTP และส่งกลับมาที่ OSTP ภายในสิ้นปี 2023 (หน่วยงานบางแห่งอาจมีนโยบายนี้อยู่แล้ว แต่คำสั่งของ OSTP คือมีผลกับหน่วยงานของรัฐทั้งหมด) ที่มา - ทำเนียบขาว, Ars Technica
# CATL เตรียมผลิตวัสดุทำแบตเตอรี่ใหม่ เพิ่มความจุแบตเตอรี่สูงสุด 20% เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Zeng Yuqun ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่สัญชาติจีน CATL เปิดเผยในงาน World New Energy Vehicle Congress ที่กรุงปักกิ่งว่า บริษัทกำลังพัฒนาวัสดุที่ใช้ทำแบตเตอรี่ใหม่ในชื่อ M3P ที่สามารถเพิ่มกำลังความหนาแน่นของพลังงาน (energy density) แบตเตอรี่ขึ้น 10-20% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ฟอสเฟต ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ถึง 700 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเมื่อใช้รวมกับแบตเตอรี่รุ่นใหม่ของบริษัท Zeng เปิดเผยว่าวัสดุใหม่จะมีต้นทุนต่ำลงเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่นิกเกิลและแบตเตอรี่ที่ใช้โคบอลต์เป็นหลัก ทั้งนี้ ยังไม่ได้ระบุว่าแบตเตอรี่ M3P จะใช้โลหะชนิดใดบ้างในการผลิตหรือจะเริ่มผลิตเมื่อไร นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศว่าจะผลิตแบตเตอรี่ Qilin ที่ใช้เทคโนโลยี CTP ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปพร้อมกันเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาให้กับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Zeekr ของบริษัทรถยนต์จีน Geely Automobile Holdings ที่จะขายในต้นปี 2023 ด้วย CATL เป็นบริษัทที่ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้กับบริษัทรายใหญ่อย่าง Tesla, Volkswagen, BMW และ Ford และ CATL มียอดขายคิดเป็นมากกว่า 1 ใน 3 ของยอดขายแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดทั่วโลก ที่มา: Reuters
# อุปกรณ์เฮดเซต AR/VR ของ Apple อาจใช้ชื่อว่า Reality Bloomberg พบว่ามีการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในชื่อ Reality One, Reality Pro และ Reality Processorโดยบริษัทชื่อ Immersive Health Solutions ในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ซาอุดิอาระเบีย คอสตาริก้า และอุรุกวัย โดยคาดว่าจะเป็นชื่อที่ใช้สำหรับอุปกรณ์เฮดเซต Mixed Reality ที่ผสมผสานระหว่าง AR และ VR ของ Apple อย่างไรก็ตาม เครื่องหมายการค้ายังไม่ได้รับการอนุมัติและไม่แน่ว่า Apple จะใช้ชื่อนี้สำหรับเฮดเซตจริงหรือไม่ ถึงแม้ว่า Apple จะไม่ได้เป็นผู้ยื่นจดทะเบียนเอง แต่เป็นปกติที่ Apple จะให้บริษัทตัวแทน (shell corporation) เป็นผู้ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าต่าง ๆ ให้เพื่อเก็บข้อมูลสินค้าเป็นความลับ และมักจะยื่นจดทะเบียนก่อนที่จะเปิดตัวสินค้าหลายเดือนหรือหลายปี ซึ่งก่อนหน้านี้ในปีนี้ ก็ได้มีการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในชื่อ RealityOS โดยบริษัท Corporation Trust ที่เป็นผู้ยื่นจดทะเบียนบริษัท Immersive Health Solutions อีกที Bloomberg คาดว่าตัวอุปกรณ์จะใช้ชื่อว่า Reality และ RealityOS อาจเป็นชื่อระบบปฏิบัติการของเฮดเซต ส่วน Reality One อาจเป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกับบริการที่อาจมาพร้อมกับเฮดเซต เช่นเดียวกับที่ใช้ชื่อ Apple One กับแพ็คเกจรวมบริการของ Apple ส่วน Reality Pro ก็เป็นไปในทางเดียวกับที่บริษัทมักจะใช้คำว่า Pro ในชื่อสินค้าพรีเมี่ยม รวมถึง Reality Processor อาจเป็นชื่อชิปที่ใช้กับอุปกรณ์เฮดเซตที่บริษัทวางแผนว่าจะใช้ชิป M2 และความจุ 16GB Apple วางแผนว่าจะเปิดตัวอุปกรณ์เฮดเซตในปี 2023 แต่อุปกรณ์ยังมีปัญหาเซนเซอร์กล้อง ซอฟต์แวร์ และมีความร้อนสูง จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากที่วางแผนไว้ได้ ที่มา: Bloomberg
# แค่ฟังเสียงก็รู้! แฮคเกอร์สาธิตการถอดข้อความโดยอาศัยแค่การวิเคราะห์เสียงกดแป้นพิมพ์ Georgi Gerganov นักวิจัยความปลอดภัยได้โพสต์คลิปวิดีโอสาธิตการดักจับข้อความที่ถูกพิมพ์โดยอาศัยเพียงการดักฟังเสียงกดแป้นพิมพ์เท่านั้น Gerganov ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีชื่อว่า Keytap3 ที่ทำการถอดรหัสข้อความแบบเรียลไทม์จากเสียงกดแป้นพิมพ์ที่มันจับเสียงได้ ตัวอย่างที่เขาสาธิตนั้นอาศัยเพียงไมโครโฟนของสมาร์ทโฟนธรรมดาก็ดีเพียงพอสำหรับการทำงานของ Keytap3 แล้ว จากชื่อของมัน Keytap3 นี้เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนามาเป็นเวอร์ชั่นที่ 3 แล้ว ในเวอร์ชั่นก่อนนั้นการจับเสียงจะต้องวางไมโครโฟนไว้ตำแหน่งเดียวห้ามเคลื่อนย้าย และจะต้องมีการพิมพ์ข้อความมาตรฐาน (เหมือนเป็นการปรับศูนย์จูนระบบ) ลงบนแป้นพิมพ์ให้จบก่อน ซอฟต์แวร์จึงจะเริ่มทำการถอดรหัสข้อความหลังจากนั้นได้ แต่แน่นอนว่า Keytap3 ในตอนนี้ไม่ต้องมีเงื่อนไขเหล่านั้นอีกต่อไป การสาธิตใช้ Keytap3 ถอดรหัสข้อความจากเสียงกดแป้นพิมพ์ Gerganov อธิบายแนวคิดการวิเคราะห์เสียงของ Keytap3 ว่ามันจำแนกเสียงการกดแป้นพิมพ์ตัวอักษรต่างๆ ที่มีเสียงคล้ายคลึงกันถูกจัดไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน จากนั้นนำเอาข้อมูลเชิงสถิติว่าตัวอักษรใดถูกใช้งานบ่อยมากน้อยแค่ไหนในภาษานั้นๆ เข้ามาวิเคราะห์ประกอบด้วย และเพื่อยืนยันว่าการวิเคราะห์ถอดรหัสข้อความนั้นอาศัยใช้แค่ข้อมูลเสียงการพิมพ์เท่านั้น คลิปวิดีโอสาธิตของเขาจึงนำเอาแป้นพิมพ์เปล่าๆ ที่ไม่ได้เสียบสายใดๆ มาพิมพ์ข้อความโชว์ให้เห็นกันชัดๆ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ Keytap3 สามารถวิเคราะห์ได้เฉพาะเสียงกดของแป้นพิมพ์แบบเมคานิคอลเป็นหลัก เนื่องจากมีเสียงกดที่ดังและชัดเจนพอสำหรับการวิเคราะห์ ใครที่อยากลองเล่น Keytap3 ก็สามารถเข้าไปทดลองใช้งานได้ที่นี่ ที่มา - TechRadar
# ซอฟต์แวร์จัดการเซิร์ฟเวอร์ Webmin ออกเวอร์ชัน 2.0 เวอร์ชันใหญ่ในรอบหลายปี Webmin ซอฟต์แวร์ control panel จัดการเซิร์ฟเวอร์และเว็บโฮสติ้งแบบเว็บเบส ที่เริ่มพัฒนามายาวนานตั้งแต่ปี 1997 ออกเวอร์ชัน 2.0 ถือเป็นการออกเวอร์ชันใหญ่ครั้งแรกในรอบหลายปี Webmin เกิดมาในยุคที่เว็บเซิร์ฟเวอร์เริ่มบูม การจัดการ Apacher HTTP Server ต้องทำผ่านคอมมานด์ไลน์ ยากต่อการดูแล ตัว Webmin เองเขียนด้วยภาษา Perl และไม่เคยขยับเลขเวอร์ชันจาก 1.x เลยในช่วงเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา ถึงแม้โลกยุคหลังมีซอฟต์แวร์อื่นๆ เช่น cPanel หรือ Plesk ให้เลือกใช้งาน แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ใช้ Webmin อยู่เพราะเป็นไลเซนส์แบบโอเพนซอร์ส (นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์อื่นในเครือ Webmin เช่น Usermin และ Virtualmin ด้วย) แผนการออก Webmin 2.0 ถูกเตรียมขึ้นมาตั้งแต่ปี 2016 โดยมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น การถอดโมดูลเก่าที่ไม่ใช้งานแล้ว หรือระบบปฏิบัติการเก่าๆ ที่ไม่มีใครใช้แล้ว, อัพเกรดเวอร์ชันขั้นต่ำของ Perl ให้ทันสมัยขึ้น ของใหม่อย่างอื่นใน Webmin 2.0 ได้แก่ บังคับใช้ HTTP Strict Transport Security (HSTS) ในโหมด SSL, ปรับปรุงการ redirect จาก HTTP เป็น HTTPS ให้ดีขึ้น, รองรับดิสโทรลินุกซ์ใหม่ๆ อย่าง Linux Mint เป็นต้น ภาพโดย Iliajie / Wikipedia ที่มา - Webmin GitHub via Phoronix
# Dell ยุติธุรกิจทั้งหมดในรัสเซีย ปิดสำนักงาน ปลดพนักงาน Dell เป็นบริษัทล่าสุดที่ประกาศยุติธุรกิจทั้งหมดในรัสเซีย หลังหยุดขายสินค้ามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และปิดออฟฟิศรัสเซียตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม การถอนตัวของ Dell ในฐานะผู้ขายเซิร์ฟเวอร์รายใหญ่ของรัสเซีย ย่อมมีผลกระทบไม่น้อยต่ออุตสาหกรรมไอทีในรัสเซีย ผู้ขายเซิร์ฟเวอร์สัญชาติอเมริกันรายอื่นๆ เช่น Cisco, IBM และ HPE ก็ถอนตัวออกจากรัสเซียเช่นกัน กระทรวงอุตสาหกรรมของรัสเซียระบุว่า นักวิจัยและวิศวกรของ Dell ในรัสเซียจำนวนมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างมอสโก และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ได้งานใหม่จากบริษัทในรัสเซียแล้ว ที่มา - Reuters
# เชิญชมการยิงจรวด Artemis I ของ NASA ไปดวงจันทร์ วันนี้ 29 ส.ค. เวลา 19.33 น. ในที่สุด ภารกิจ Artemis I ยิงจรวดไปวนรอบดวงจันทร์ของ NASA ที่ล่าช้ามาหลายรอบ ก็จะเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ในวันนี้ 29 สิงหาคม 2022 มีกรอบเวลายิง 2 ช่วงโมง เริ่มตอน 19.33 น. ตามเวลาประเทศไทย (เวลาการถ่ายทอดสดจะเริ่ม 17.30 น. ผ่านทาง YouTube และเว็บไซต์ NASA) ภารกิจ Artemis I มีความสำคัญเพราะเป็นก้าวแรกของ NASA ในการกลับสู่ดวงจันทร์ ถือเป็นการซ้อมครั้งแรกโดยยิงจรวดที่ยังไม่มีมนุษย์ (มีหุ่นนั่งไปแทนในที่นั่งมนุษย์) ก่อนส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์อีกครั้งในภารกิจ Artemis III ราวปี 2025 Artemis I ยังประกอบด้วยอุปกรณ์ใหม่หลายชิ้น เช่น จรวด Space Launch System (SLS) ซึ่งเป็นจรวดใหม่ของ NASA ครั้งแรกนับตั้งแต่เลิกทำกระสวยอวกาศไป, ยานอวกาศ Orion ที่จะเดินทางไปรอบดวงจันทร์ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้จาก เว็บไซต์ Artemis I
# Corsair เปิดตัว Xeneon Flex จอเล่นเกมที่ผู้ใช้เลือกปรับความโค้งได้เองตัวแรกของโลก Corsair เปิดตัว Xeneon Flex จอคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมที่มาพร้อมจุดเด่นตรงที่ผู้ใช้สามารถเลือกดัดจอให้โค้งมากน้อยได้เองตามใจชอบ Xeneon Flex เป็นจอ OLED ขนาด 45 นิ้ว สัดส่วน 21:9 เป็นผลงานที่ Corsair ร่วมพัฒนากับ LG หน้าจอมีความละเอียดของการแสดงผล 3,440*1,440 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 1000 nit ส่วนอัตราความเปรียบต่างคือ 1,3500,000:1 ความถี่ของการรีเฟรชหน้าจอ 240 Hz ส่วนความไวในการตอบสนอง GtG (หมายถึงการเปลี่ยนสีของพิกเซลบนหน้าจอจากสีเทาความเข้มระดับหนึ่งไปอีกระดับหนึ่ง) อยู่ที่ 0.3 ms และความไวในการเปลี่ยนสถานะติด/ดับของพิกเซลนั้นไวถึง 0.01 ms รองรับมาตรฐาน NVIDIA G-SYNC และ AMD FreeSync Premium จอ Xeneon Flex ขนาด 45 นิ้ว สัดส่วน 21:9 จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ Xeneon Flex ที่แตกต่างจากจออื่นๆ ที่เคยมีมาคือผู้ใช้สามารถใช้งานในลักษณะจอแบนราบตามปกติก็ได้ หรือจะใช้มือดัดหน้าจอให้โค้งก็ได้ตามใจชอบ โดยความโค้งมากที่สุดที่สามารถปรับได้คือระดับ 800R (หมายถึงความโค้งที่มีระยะรัศมี 800 มิลลิเมตร ยิ่งตัวเลขน้อยก็ย่อมหมายถึงความโค้งที่มากขึ้น) หน้าจอ Xeneon Flex สามารถรองรับการปรับความโค้งได้หลายระดับ สูงสุดคือ 800R ตอนนี้ Corsair นำจอออกโชว์ในงาน Gamescom 2022 โดยจะมีการประกาศแผนวางจำหน่าย, ราคา และข้อมูลสเปคแบบละเอียดของ Xeneon Flex ต่อไปในภายหลัง ที่มา - Corsair
# เขาจ้องจะเล่นคุณ! ฝ่ายป้องกันการผูกขาดทางการค้ากำลังร่างเอกสารเพื่อเอาผิด Apple ฝ่ายป้องกันการผูกขาดทางการค้าของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา กำลังเตรียมเอกสารและร่างคำฟ้องเพื่อฟ้องร้องเอาผิด Apple ในเรื่องการผูกขาดทางการค้า เป้าหมายของการร่างคำฟ้องนี้จะมุ่งไปที่ประเด็นการกีดกันทางการค้าซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากการสอบสวนเกี่ยวกับ App Store โดยทางฝ่ายฯ ตั้งเป้าที่จะร่างเอกสารให้ทันฟ้องร้อง Apple ภายในปีนี้ นอกจากประเด็นเกี่ยวกับ App Store แล้ว กระทรวงยุติธรรมยังพิจารณาคำร้องเรียนเกี่ยวกับวิธีที่ Apple ควบคุมอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ของตนเองจนเหมือนกับการกีดกันคู่แข่งทางการค้ารายอื่นมิให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ทำงานร่วมกับสินค้าของ Apple ได้ โดยคำร้องนี้มาจาก Tile ผู้ผลิตอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งเพื่อค้นหาของหายคล้าย AirTags ของ Apple ที่กล่าวหาว่า Apple จงใจสร้างเงื่อนไขยุ่งยากซับซ้อนที่ทำให้อุปกรณ์ของ Tile ไม่อาจเข้าถึงข้อมูลพิกัดตำแหน่งได้ อย่างไรก็ตามแม้หน่วยงานลูกอย่างฝ่ายป้องกันการผูกขาดทางการค้านั้นจะมีความชัดเจนว่าต้องการเดินหน้าเอาผิด Apple แต่การจะฟ้องร้อง Apple หรือไม่นั้นท้ายที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับหน่วยงานอื่นๆ ภายใต้กระทรวงยุติธรรมที่จะต้องร่วมพิจารณาด้วยว่าจะตัดสินใจอย่างไร ทั้งนี้คาดว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจดำเนินคดีต่อ Apple คือผลการตัดสินคดีระหว่าง Epic และ Apple ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในการต่อสู้ชั้นอุทธรณ์ Apple ไม่ใช่บริษัทเทคยักษ์ใหญ๋รายเดียวที่ตกเป็นเป้าเพ่งเล็งในประเด็นการผูกขาดทางการค้า ก่อนหน้านี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาเคยฟ้อง Google มาแล้วในข้อหาผูกขาดการค้าบริการค้นหาเมื่อ 2 ปีก่อน และกำลังจะฟ้องข้อหาผูกขาดตลาดโฆษณาเพิ่มเติมอีก ในขณะที่ Facebook ก็เป็นอีกบริษัทที่โดนฟ้องข้อหาผูกขาดตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์กมาแล้วเพียงแต่การฟ้องในครั้งนั้นดำเนินการโดย FTC ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรม นอกจากนี้ FTC ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนเพื่อพิจารณาฟ้องร้อง Amazon ในข้อหาผูกขาดทางการค้าทั้งในส่วนธุรกิจค้าปลีกและในธุรกิจคลาวด์ด้วยเช่นกัน ที่มา - Politico ผ่าน 9to5Mac
# Duolingo เปิดตัว Duolingo Math แอปสอนคณิตศาสตร์ Duolingo บริษัทผู้พัฒนาแอปสอนภาษาในชื่อเดียวกัน เปิดตัว Duolingo Math แอปสอนคณิตศาสตร์สำหรับเด็กๆ ซึ่งตอนนี้เริ่มเปิดให้ลงชื่อทดลองใช้งานได้แล้ว Duolingo Math สอนเนื้อหาสำหรับนักเรียนเกรด 3 ที่เริ่มตั้งแต่พื้นฐานอย่างการดำเนินการทางคณิตศาสตร์ทั้งการคูณ, การหาร, เศษส่วน, เส้นจำนวน, การหาพื้นที่, เส้นรอบรูป, มุม, การบอกเวลา, การวัดระยะ เป็นต้น เนื้อหาโจทย์ต่างๆ ถูกออกแบบให้ผู้ใช้ค่อยๆ ทำความเข้าใจและตอบคำถามแต่ละข้อด้วยเวลาสั้นๆ ไล่เรียงไปตามลำดับ และเช่นเดียวกับ Duolingo ซึ่งเป็นแอปสอนภาษา มันมีระบบแจ้งเตือนที่คอยเตือนให้ผู้ใช้กลับมาเรียนหากผู้ใช้เว้นว่างจากการเปิดแอปไปนาน Duolingo Math ในตอนนี้ Duolingo Math ยังอยู่ในช่วงการทดลองให้ใช้งานโดยจำกัดเฉพาะผู้ใช้ iPhone และ iPad เท่านั้น ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อขอทดลองใช้งาน Duolingo Math ได้ที่นี่ ที่มา - The Verge
# Huawei ใช้ AI ช่วยคัดปลาแซลมอนพันธุ์ต่างถิ่นออกจากแม่น้ำในนอร์เวย์ Huawei ใช้ AI ตรวจสอบชนิดปลาในแม่น้ำในเขต Berlevåg ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ โดย AI ควบคุมคำสั่งการทำงานของประตูกั้นทางปลา ไม่ให้ปลาแซลมอนพันธุ์ต่างถิ่นว่ายผ่านไปแพร่พันธุ์ในแหล่งน้ำต้นกำเนิดของแซลมอนแอตแลนติกซึ่งเป็นพันธุ์ท้องถิ่น โครงการนี้มีที่มาจากความพยายามของ BJFF (Berlevåg Jeger-og Fiskerforening) ซึ่งเป็นสมาคมนายพรานและชาวประมงแห่ง Berlevåg ที่จะปกป้องปลาแซลมอนแอตแลนติกซึ่งอาศัยอยู่ในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ เนื่องจากในปัจจุบันแซลมอนแปซิฟิกซึ่งเป็นแซลมอนพันธุ์ต่างถิ่นได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นจากการแพร่พันธุ์มาจากทะเลขาวของรัสเซียและส่งผลให้แซลมอนแอตแลนติกมีจำนวนลดน้อยลง สาเหตุเป็นเพราะแซลมอนแปซิฟิกนี้โตเร็วกว่าและขยายพันธุ์ได้เร็วกว่าแซลมอนพันธุ์ท้องถิ่น ไม่เพียงเท่านั้นมันยังนำโรคต่างๆ มาให้แซลมอนแอตแลนติกด้วย เหตุนี้เองทาง BJFF จึงต้องการควบคุมปริมาณแซลมอนแปซิฟิกในแหล่งน้ำมิให้มีจำนวนมากเกินไป กลไกหนึ่งของการควบคุมจำนวนแซลมอนแปซิฟิกก็คือการสกัดกั้นไม่ให้มันวางไข่ได้ โดยธรรมชาติแล้วแซลมอนแปซิฟิกและแซลมอนแอตแลนติกต่างก็ต้องว่ายทวนน้ำไปตามแม่น้ำเพื่อไปวางไข่แพร่พันธุ์บริเวณต้นน้ำ นั่นจึงเป็นที่มาของการผุดไอเดียวางประตูกั้นปลากลางแม่น้ำเพื่อทำการคัดกรองแซลมอนแปซิฟิกออกไป ซึ่งนั่นย่อมง่ายกว่าการไล่ควานหาและตามจับปลาพวกนี้กลางทะเลเปิด ประตูกั้นทางปลาที่จะคอยดักปลาที่เป็นพันธุ์ต่างถิ่นไม่ให้ว่ายผ่านไปได้ ประตูกั้นทางปลานี้ถูกสร้างและนำไปติดตั้งในแม่น้ำ Storelva ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ปลาแซลมอนทั้งหลายจะต้องว่ายทวนน้ำจากทะเลเพื่อย้อนไปวางไข่ ประตูดังกล่าวมีกล้องวิดีโอที่จะบันทึกภาพปลาที่ว่ายผ่านประตู และ AI จะทำการวิเคราะห์ภาพเหล่านั้นเพื่อจำแนกว่าปลาที่กำลังว่ายมานั้นเป็นพันธุ์อะไร และการใช้ AI จุดนี้เองที่อาศัยเทคโนโลยีของ Huawei เข้ามาช่วย โดยนี่เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม TECH4ALL ซึ่งเป็นโครงการของ Huawei ทีจะใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการสนับสนุนองค์กรเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนและสิ่งแวดล้อม การติดตั้งประตูกั้นทางปลาในแม่น้ำ AI ของ Huawei สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องเพื่อจำแนกปลาแซลมอนว่าเป็นพันธุ์แปซิฟิกหรือแอตแลนติกได้โดยมีความถูกต้องราว 91% หากมันวิเคราะห์ว่าปลาแซลมอนที่ว่ายผ่านประตูคือแซลมอนแอตแลนติกมันจะสั่งการให้ประตูเปิดออกเพื่อปล่อยให้ปลาว่ายผ่านไปได้ตามปกติ แต่หากมันวิเคราะห์ว่าปลาแซลมอนที่ว่ายผ่านมานั้นคือแซลมอนแปซิฟิก มันจะควบคุมประตูหลักให้ปิดกั้นปลาเอาไว้แล้วเปิดทางออกด้านข้างให้ปลาว่ายผ่านออกไป ซึ่งประตูด้านข้างนี้จะนำทางปลาไปสู่บ่อพักกักตัว โดยเจ้าหน้าที่จะมานำปลาแซลมอนแปซิฟิกในบ่อพักนี้ออกไปในภายหลัง ตัวอย่างการวิเคราะห์พันธุ์ปลาโดยอาศัยภาพที่กล้องจับได้ โครงการนี้นอกเหนือจากให้ประโยชน์หลักในการคัดกรองเอาปลาแซลมอนแปซิฟิกออกไปจากแหล่งน้ำได้แล้ว มันยังช่วยให้ทีมงานได้ข้อมูลจำนวนพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ในแม่น้ำ Storelva ด้วย ซึ่งช่วยต่อยอดการศึกษาเรื่องการขยายพันธุ์และการอพยพถิ่นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นได้ด้วย ที่มา - New Atlas
# กูเกิลออก Cross device SDK จัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน Wi-Fi, Bluetooth, UWB กูเกิลออก Cross device SDK ชุดเครื่องมือช่วยให้นักพัฒนาแอพ Android เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น-อุปกรณ์เสริมผ่านทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, Ultra Wideband (UWB) สะดวกขึ้นจาก SDK ตัวเดียว SDK ตัวนี้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องการแชร์ไฟล์ข้ามอุปกรณ์ Android ด้วยกัน (nearby share) และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่น เช่น หูฟัง นาฬิกา สมาร์ททีวี รถยนต์ ฯลฯ ตอนนี้ SDK ยังรองรับแค่สมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตที่เป็น Android 8 ขึ้นไป แต่กูเกิลก็มีแผนจะเปิดให้ระบบปฏิบัติการอื่นๆ อย่าง ChromeOS, iOS, Windows ใช้งานด้วยในอนาคต Cross device SDK จะเข้ามาจัดการเรื่องการเชื่อมต่อ, การค้นหาอุปกรณ์ในรัศมีใกล้เคียง (discovery), การยืนยันตัวตน (authentication) และการสลับเซสชันระหว่างอุปกรณ์ (multi-device sessions เช่น การสลับหูฟังแล้วเพลงเล่นต่อได้ทันที) ที่มา - Android Developers Blog, 9to5google
# Mark Zuckerberg บอก เขาเลิกออกกำลังกายด้วยการวิ่งตอนเช้า เพราะทำให้หยุดคิดเรื่องต่าง ๆ ไม่ได้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากการให้สัมภาษณ์ในพอดคาสต์ The Joe Rogan Experience ของ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ซึ่งพูดถึงการออกกำลังกายตอนเช้า เขาบอกว่าปกติแล้ว จะตื่นนอนมาแล้วดูข้อความในโทรศัพท์ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนถูกต่อยรัว ๆ เข้าที่ท้อง เนื่องจากภาระงานในฐานะซีอีโอ Meta นั้นมีมาก สิ่งเหล่านี้ทำให้หมดพลังได้ง่าย ๆ เขาจึงออกกำลังกายทุกเช้าแทนเพื่อให้มีพลังรับมือกับงานในแต่ละวัน เมื่อพูดถึงรูปแบบการออกกำลังกาย เขาบอกว่าเดิมเลือกวิธีวิ่ง แต่พบปัญหาว่าขณะวิ่งในหัวจะคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม่ดี ตอนนี้เขาเลือกการออกกำลังกายแบบ MMA (Mixed Martial Arts) หรือศิลปะป้องกันตัวหลายรูปแบบแทน ซึ่งช่วยให้เขามีสมาธิจดจ่อกับสิ่งตรงหน้าขณะออกกำลังกายได้ดีกว่า สุดท้าย Zuckerberg บอกว่าในฐานะซีอีโอ ยิ่งบริษัทใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ เขาพบว่าการออกกำลังกายตอนเช้ายิ่งสำคัญมากขึ้นเท่านั้น ที่มา: Business Insider
# กูเกิลเตรียมเปิดให้คนทั่วไปแชทคุยกับปัญญาประดิษฐ์ LaMDA แล้ว หลายคนอาจจำข่าว ปัญญาประดิษฐ์ LaMDA ที่โด่งดังไปทั่วโลกเพราะมีพนักงานกูเกิลคนหนึ่งบอกว่า "มีความรู้สึก" แต่ช่วงก่อนหน้านั้นไม่นาน ที่งาน Google I/O 2022 กูเกิลโชว์ความสามารถของ LaMDA 2 เรื่องการเข้าใจบทสนทนาของมนุษย์ และประกาศไว้ว่าจะเปิดให้คนทั่วไปทดสอบผ่านแอพชื่อ AI Test Kitchen แต่จากนั้นก็เงียบหายไปเลย (ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะข่าวเรื่อง LaMDA มีความรู้สึกมาแทรกด้วย) ล่าสุดกูเกิลออกประกาศว่า AI Test Kitchen เปิดให้ลงทะเบียนแสดงความสนใจแล้ว และกูเกิลจะทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ทีละกลุ่ม เริ่มจากในสหรัฐอเมริกาก่อน รูปแบบของ AI Test Kitchen คือการให้เราแชทคุยกับ LaMDA โดยสามารถชวนให้ LaMDA จินตนาการถึงเรื่องต่างๆ (imagine it) ได้ ซึ่งกูเกิลอธิบายว่า LaMDA จะสร้างเรื่องที่คุยขึ้นแบบสดๆ เลย ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว และหลังทดสอบภายในมาตั้งแต่ปีที่แล้ว กูเกิลก็มั่นใจในผลงานการตอบสนองของ LaMDA แต่ก็การันตีว่าจะตั้งทีมพิเศษเข้ามาช่วยตรวจสอบ หาก AI มีพฤติกรรมแปลกๆ ด้วยเช่นกัน ที่มา - Google
# ผู้ก่อตั้ง Sierra On-Line กลับมาทำเกมอีกครั้ง รีเมค Colossal Cave เกมผจญภัยอายุเกือบ 50 ปี คอเกมรุ่นเก่าหน่อยคงคุ้นกับชื่อบริษัท Sierra Entertainment หรือ Sierra On-Line ผู้สร้างเกมผจญภัยยุคคลาสสิคอย่าง King's Quest, Space Quest, Police Quest, Gabriel Knight รวมถึงผลงานยุคท้ายๆ อย่างการเป็นผู้จัดจำหน่ายเกม Half-Life ให้ Valve ปัจจุบันบริษัท Sierra ไม่มีอยู่แล้ว (ถูกเปลี่ยนเจ้าของหลายครั้ง ลิขสิทธิ์เกมและทรัพย์สินต่างๆ ตอนนี้อยู่กับ Activision) แต่สามี-ภรรยาผู้ก่อตั้งบริษัทคือ Roberta Williams และ Ken Williams กำลังหวนคืนกลับสู่วงการเกมใหม่ ตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Cygnus Entertainment และกำลังพัฒนาเกมใหม่คือ Colossal Cave Adventure แบบ 3D และรองรับ VR Colossal Cave Adventure หรือบ้างรู้จักในชื่อ Adventure (และเป็นจุดกำเนิดของชื่อเกมหมวดนี้) เป็นเกมคลาสสิคยุคแรกเริ่มของวงการเกม ออกครั้งแรกในปี 1976 เกมเพลย์เป็นเกมที่มีแต่ข้อความ (text-based) เนื้อหาเป็นการผจญภัยในถ้ำลึก ที่มีมังกร กับดัก และเวทย์มนตร์มาเกี่ยวข้อง Roberta บอกว่าตัวเธอเองเล่นเกมนี้ครั้งแรกในช่วงปี 1980 โดยสามีที่ขณะนั้นทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์นำมาให้เล่นที่บ้าน เธอประทับใจการที่สามารถพูดคุย ใส่คำสั่งให้คอมพิวเตอร์พาเราไปผจญภัยในโลกแฟนตาซี และเป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างเกมของตัวเองขึ้นมา จนกลายเป็นบริษัท Sierra On-Line หลังจากขายบริษัท และเกษียณตัวเองจากวงการเกมไปนาน ช่วงที่โดนล็อคดาวน์เพราะ COVID เธออยู่บ้านจนเบื่อ ทำให้นึกถึงเกมนี้อีกครั้ง เมื่อเกิดไอเดียว่าจะรีเมคเกมนี้ใหม่ สามี Ken Williams จึงโทรหา Don Woods ผู้สร้างเกมนี้เพื่อขออนุญาตสร้างเกมนี้ขึ้นมาใหม่ (Don Woods ให้สิทธิกับทุกคนที่มาขอ โดยมีเงื่อนไขแค่ว่าต้องไม่เคลมว่าเป็นเจ้าของเกมต้นฉบับ) Roberta บอกว่ายึดแนวทางของเกมต้นฉบับเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง ปริศนา ระบบเก็บแต้มในเกม สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือกราฟิก ดนตรี และตัวละคร ถือเป็นงานที่ท้าทายในการตีความเกมเก่าให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ และผู้เล่นยุคใหม่ เกมมีกำหนดวางขายช่วงปลายปีนี้ ลง PC, Mac, Meta Quest 2 รายละเอียดดูใน เว็บไซต์ของเกม ที่มา - VentureBeat
# Microsoft Flight Simulator ออกอัพเดตฉลองอายุครบ 40 ปี อายุยืนกว่า Windows ซะอีก Microsoft Flight Simulator ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุยาวนานที่สุดของไมโครซอฟท์ที่ยังมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ เกมเวอร์ชันแรก Flight Simulator 1.0 ออกเมื่อปี 1982 ซึ่งอายุเยอะกว่า Windows ซะอีก (Windows 1.0 ออกปี 1985) ปีนี้ Flight Simulator มีอายุครบ 40 ปี ไมโครซอฟท์จึงประกาศออกอัพเตดให้เกมเวอร์ชันล่าสุดเป็น 40th Anniversary Edition ที่จะออกในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2022 วันครบรอบการออก 40 ปีพอดี (อัพเดตฟรีให้คนที่ซื้อเกมภาคหลักอยู่แล้ว) เนื้อหาใหม่ที่สำคัญของ 40th Anniversary Edition คือเพิ่มเฮลิคอปเตอร์และเครื่องร่อน (glider) เข้ามาเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีสนามบินอีก 4 แห่ง, เครื่องบินใหม่ 12 รุ่น มีเครื่องรุ่นประวัติศาสตร์อย่าง Wright Flyer, Spirit of St. Louis, ภารกิจใหม่ 20 ภารกิจที่นำมาจากเกมภาคก่อนๆ ในอดีตให้ระลึกความหลังกันด้วย ที่มา - Xbox
# [ลือ] Netflix แบบมีโฆษณาจะมีราคาราว 7-9 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ในไทยอาจถูกกว่านั้นเล็กน้อย) จากที่มีข่าว Netflix เตรียมออกแพคเกจรับชมแบบมีโฆษณา ตอนนี้มีข่าวลือว่าแพคเกจดังกล่าวจะเก็บค่าบริการประมาณเดือนละ 7-9 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 250-325 บาท) แพคเกจแบบมีโฆษณานี้จะมีโฆษณา 4 นาทีปรากฎขึ้นมาทุกชั่วโมง โดยผู้ใช้จะไม่สามารถดาวน์โหลดเนื้อหาไว้รับชมแบบออฟไลน์ได้ นอกจากนี้จะมีเนื้อหาบางรายการที่ผู้ใช้งานแพคเกจนี้ไม่สามารถรับชมได้ แต่ Netflix ยืนยันว่าจะยังสามารถรับชมคอนเทนต์ที่ Netflix ผลิตเองได้ทั้งหมด สำหรับราคาค่าบริการ Netflix แบบมีโฆษณานี้ หากแปลงค่าเงินเป็นเงินบาทโดยตรงแล้วการจ่ายค่าบริการ 250-325 บาทต่อเดือนนั้นก็ไม่ได้ถือว่าเป็นทางเลือกที่ถูกกว่าของเดิม อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับแพคเกจของ Netflix ในปัจจุบันของประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว จะพบว่าแพคเกจใหม่มีราคาต่ำกว่าแพคเกจแบบ Basic ซึ่งมีค่าบริการรายเดือน 9.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาแพคเกจต่างๆ ของ Netflix ประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน หากอนุมานว่าหลักการตั้งราคาแพคเกจแบบมีโฆษณาจะถูกกำหนดมาให้ถูกกว่าแพคเกจแบบ Basic ในประเทศนั้นๆ แล้ว ก็อาจคาดเดาได้ว่าราคาในประเทศไทยจะต่ำกว่า 279 บาท ซึ่งเป็นอัตราค่าบริการ Netflix แบบ Basic ในปัจจุบัน ราคาแพคเกจต่างๆ ของ Netflix ประเทศไทยในปัจจุบัน ที่มา - 9to5Mac - 1, 2
# O.MG Cable สาย USB แฮคได้ที่ทำให้ทุกคนต้องระวังการเสียบมั่วซั่ว เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับแฮคเกอร์ในปัจจุบันนี้มีความก้าวหน้าไปมากจนถึงขนาดที่หลายอย่างดูเผินๆ ก็เหมือนเป็นข้าวของเครื่องใช้ธรรมดาที่ไม่น่าจะมีฟังก์ชันอันตรายแอบแฝง แต่สาย USB ที่ชื่อ O.MG Cable นี้อาจต้องทำให้เปลี่ยนความคิดใหม่และระวังมากขึ้นก่อนจะคว้าสาย USB ของใครมาเสียบคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ O.MG Cable คือสาย USB ที่ผลิตด้วยมือซึ่งดูหน้าตาธรรมดาแทบไม่ต่างจากสายชาร์จหรือสายถ่ายโอนข้อมูลทั่วไป แต่ความไม่ธรรมดาของมันคือสิ่งที่แฝงอยู่ภายในซึ่งมีทั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์, การเชื่อมต่อ USB และการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ทำได้ทั้งรับส่งข้อมูลที่มันแฮคได้ไปยังเซิร์ฟเวอร์และรับคำสั่งโจมตีจากเซิร์ฟเวอร์มาก็ได้ โดยร่นนี้เป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดจากสายที่ผลิตออกมาเมื่อปีก่อน เพิ่มความสามารถในการรับข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์เพื่อการโจมตี (จากแต่เดิมที่ทำได้เพียงดักจับข้อมูล) หน้าตาสาย O.MG Cable กับเว็บที่ใช้งานคู่กับมัน สิ่งที่มันทำได้ไม่เพียงแต่การดักจับอ่านข้อมูลการใช้แป้นพิมพ์ แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือมันทำการโจมตีแบบ keystroke injection ได้ด้วย ว่าง่ายๆ คือผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลผ่านทาง Wi-Fi ไปให้สาย O.MG Cable เพื่อหลอกให้อุปกรณ์ที่มันเสียบอยู่กับสายนั้นเข้าใจว่ามีข้อมูลถูกคีย์ส่งมาจริง และการโจมตีนี้ยังทำกับอุปกรณ์ที่อยู่ในโซน air gap ได้ด้วย (อุปกรณ์ที่โดน air gap หรืออยู่ในโซน air gap หมายถึงอุปกรณ์ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นในช่องทางใดเลย ซึ่งเป็นวิธีการออกแบบระบบเครือข่ายที่ใช้กับอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมาก เพื่อยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับอุปกรณ์นั้น) ภาพเอกซเรย์แสดงให้เห็นว่ามีอะไรอยู่ในสาย O.MG Cable ตัวสาย O.MG Cable นั้นมีทั้งแบบหัว Lightning, micro USB และ USB-C โดยมีแบ่งขายเป็น 3 รุ่น คือ Basic, Plus และ Elite ซึ่งราคารุ่น Elite ที่แพงที่สุดนั้นตั้งไว้ที่เส้นละ 179.99 เหรียญ ทั้งนี้ MG ซึ่งเป็นผู้พัฒนาสาย O.MG Cable นี้บอกว่าอุปกรณ์แฮคที่มีอยู่ในก่อนในท้องตลาดที่ทำงานได้ระดับเดียวกันนี้ปกติขายกันอยู่ที่ราคาราวๆ 20,000 เหรียญ ที่มา - The Verge
# สิ่งที่ต้องระวังในการเลือกโซลูชันระบบกล้องวงจรปิด การใช้งานระบบกล้องวงจรปิด มีความแพร่หลายมาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยเหตุผลรองรับจากการศึกษาระดับสากล (เช่นการศึกษานี้ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์) แสดงให้เห็นว่าระบบ วีดีโอ Surveillanceช่วยลดการเกิดอาชญากรรมได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่องค์กรมากมายเริ่มปรับใช้งานระบบ Surveillance ในการปกป้องสินทรัพย์ หรือเพียงจัดการการเข้าถึงสถานที่ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการจัดการแบบรวมศูนย์ การตรวจสอบวิดีโออัจฉริยะ และเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง ระบบเฝ้าระวังสามารถซัพพอร์ตการปกป้องทรัพย์สินขององค์กรของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนปรับปรุงความปลอดภัยและประสิทธิภาพในที่ทำงานโดยรวม อย่างไรก็ตาม มีหลายแง่มุมที่คุณต้องคำนึงถึงเมื่อเลือกระบบเฝ้าระวัง การผสานรวมอุปกรณ์ที่ยืดหยุ่น ความจุในการจัดเก็บข้อมูลและความสามารถในการปรับขยาย ตลอดจนต้นทุน ต่างเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึง หากไม่ระวัง คุณอาจต้องลงทุนทรัพยากรจำนวนมากไปกับระบบที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณ ให้เราค้นหาวิธีหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดในการเลือกโซลูชันระบบกล้องวงจรปิดสำหรับธุรกิจของคุณ ลงทะเบียนเข้าร่วม Webinar ระบบ Surveillance สำหรับธุรกิจได้ ที่นี่ อะไรคือความท้าทายในการเลือกโซลูชันระบบกล้องวงจรปิด 1. การเลือกเครื่องบันทึกและกล้อง ผู้จำหน่าย NVR ทั่วไปมีแนวโน้มที่จะจำกัดจำนวนกล้องและอุปกรณ์ที่โซลูชันระบบกล้องวงจรปิดของตนรองรับ เมื่อออกแบบการปรับใช้งานระบบกล้องวงจรปิดครั้งแรก ธุรกิจต่างๆ จะถูกบังคับให้เลือกกล้องและอุปกรณ์อื่นๆ ที่อาจไม่ใช่ตัวเลือกแรกของพวกเขา และยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขากำลังปรับปรุงการปรับใช้งานที่มีอยู่แล้ว: เมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนหรือแทนที่จะเปลี่ยนแค่ระบบการจัดการวิดีโอ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะต้องเปลี่ยนกล้องด้วย 2. ความจุในการจัดเก็บข้อมูลและความสามารถในการปรับขยาย ด้วยผลิตภัณฑ์ NVR แบบเดิม ตัวเลือกในการเพิ่มกล้องในระบบ Surveillance หรือ ตัวอย่างเช่น การอัปเกรดความละเอียดและอัตราเฟรม มักจะถูกจำกัดด้วยความจุในการจัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่ เนื่องจากขนาดไฟล์วิดีโอเพิ่มขึ้น เครื่องบันทึกเหล่านี้จึงไม่อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มปริมาณพื้นที่จัดเก็บที่ใหญ่ขึ้น ขนาดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ไม่ยืดหยุ่นยังอาจจำกัดเวลาการเก็บรักษาฟุตเทจ กล้องวงจรปิด ที่เป็นไปได้สูงสุด ถึงแม้ว่านโยบายการรักษาความปลอดภัยจะกำหนดให้ต้องเก็บรักษาการบันทึกให้นานขึ้นก็ตาม และด้วยความสามารถของกล้อง IP ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การจัดเก็บข้อมูลที่ไม่สามารถปรับขยายได้อาจทำให้โซลูชันของคุณล้าสมัยก่อนเวลาอันควร 3. ต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวม เมื่อเปรียบเทียบโซลูชัน ผู้ซื้อมีแนวโน้มจะเน้นไปที่ค่าฮาร์ดแวร์มากเกินไป อย่างไรก็ตามคุณอาจต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เกิดซ้ำจำนวนมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ตัวอย่างเช่น ในการจัดการและตรวจสอบกล้องในหลายไซต์ คุณอาจต้องจ่ายค่าสิทธิ์การใช้งานรายปีสำหรับโซลูชันการจัดการวิดีโอแบบหลายไซต์ (VMS) ฟีเจอร์ขั้นสูงอื่นๆ อาจต้องการความช่วยเหลือในการผนวกรวมที่มีค่าใช้จ่าย และต้องชำระเงินประจำแยกต่างหากให้กับผู้ให้บริการบุคคลที่สาม ซึ่งจะยิ่งซับซ้อนยิ่งขึ้นในการค้นหาการซัพพอร์ตเมื่อคุณพบปัญหากับระบบ วิธีการเลือกโซลูชัน Surveillance อย่างไรก็ตาม มีหลายสิ่งที่องค์กรควรระวังเมื่อเลือกโซลูชันระบบกล้องวงจรปิด: 1. ความเข้ากันได้ของกล้องและอุปกรณ์ การจัดการวิดีโอบางโซลูชันได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับกล้องและอุปกรณ์ต่างๆจำนวนสูงสุด ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ที่รองรับมาตรฐาน ONVIF ทำให้ธุรกิจมีกล้องและอุปกรณ์ I/O ให้เลือกหลายพันตัวจากหลายผู้จัดจำหน่าย ซึ่งรับประกันความเข้ากันได้และการทำงานที่ราบรื่น ไม่ว่าระบบจะได้รับการทดสอบภายในบริษัทหรือไม่ก็ตาม ซึ่งไม่เพียงแต่จะให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกแบรนด์มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ง่ายต่อการเลือกกล้องที่มีคุณสมบัติทั้งหมดที่คุณต้องการ เช่น เลนส์ฟิชอาย เลนส์ปรับมุมมองได้ และฟังก์ชันการทำงาน Pan Tilt Zoom (PTZ) อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ต้องพิจารณาคือการผนวกรวมกับโมดูลรับ-ส่งข้อมูล (I/O) ที่ดี เช่น ตัวควบคุมประตู ลำโพง IP และระบบ POS ช่วยให้คุณสามารถจัดการสิ่งเหล่านี้ได้โดยตรงจากอินเทอร์เฟซการตรวจสอบ 2. คำนึงถึงความสามารถในการปรับขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ด้วยมาตรฐานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับวิดีโอกล้องวงจรปิด (และการเติบโตของธุรกิจของคุณเอง) คุณไม่ควรปล่อยให้ตัวเองถูกจำกัดด้วยพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ไม่สามารถปรับขยายได้ และเมื่อมีโซลูชันพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย ยืดหยุ่น และปรับขยายได้จำนวนมากในท้องตลาด จึงไม่มีเหตุผลที่จะเลือกสิ่งที่น้อยกว่านี้ โซลูชันต่างๆ เช่น ที่เก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย (NAS) ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษให้ปกป้องข้อมูลจำนวนมากอย่างมืออาชีพ และช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำได้ทั้งการเปลี่ยนไดรฟ์เป็นยูนิตที่ใหญ่ขึ้นอย่างยืดหยุ่นและเพิ่มไดรฟ์ข้อมูลใหม่ทั้งหมดด้วยยูนิตเสริม พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ยืดหยุ่นช่วยเพิ่มตัวเลือกของการจัดเก็บการบันทึกวิดีโอที่มีความละเอียดหรืออัตราเฟรมสูงขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้นได้ ขณะที่ฟีเจอร์การสำรองข้อมูลและการจัดการขั้นสูงช่วยปกป้องการปรับใช้งานของคุณ 3. พิจารณารูปแบบการให้สิทธิ์การใช้งาน โซลูชันการเฝ้าระวังทั้งหมดมีโมเดลการเก็บค่าใช้จ่ายการใช้งาน แต่บางโซลูชันมีราคาที่ซับซ้อนกว่าโซลูชันอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ในขณะที่โซลูชันการเฝ้าระวังจำนวนมากจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายปีหรือรายเดือนแยกสำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง บางโซลูชัน Surveillance ที่ใช้ NAS จะต้องการเพียงการซื้อสิทธิ์การใช้งานครั้งเดียวสำหรับกล้องแต่ละตัว พร้อมให้ฟีเจอร์ทั้งหมดฟรี ในระยะยาว สิ่งนี้ไม่เพียงเท่ากับต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของที่ต่ำลงเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความซับซ้อนของการจัดการสิทธิ์การใช้งานอีกด้วย 4. การจัดการขนาดใหญ่ สุดท้าย ให้พิจารณาว่าคุณจะต้องติดตั้งระบบเฝ้าระวังในสถานที่อื่นด้วยหรือไม่ ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจของคุณมีหลายสาขา หรือต้องการรักษาความปลอดภัยให้กับธุรกิจ ยูนิตเก็บข้อมูล และบ้าน หากคำตอบคือใช่ ลองพิจารณาโซลูชันที่มาพร้อมกับระบบการจัดการส่วนกลาง Central Management System (CMS) ที่ฟรีแต่มีฟีเจอร์ครบครัน แม้ในขณะจัดการเซิร์ฟเวอร์การบันทึกเพียงสองหรือสามเครื่อง ความสามารถในการดูสตรีมกล้องทั้งหมดในหน้าต่างเดียว สำรองข้อมูลวิดีโอระหว่างสถานที่ และรับการแจ้งเตือนในที่เดียว ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการปรับใช้งานทั้งหมดของคุณได้เป็นอย่างมาก องค์กรที่มีขนาดใหญ่ขึ้นก็สามารถได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์ CMS ต่างๆ ได้ เช่น การปรับใช้งานกล้องเป็นกลุ่ม และความสามารถในการย้ายสตรีมกล้องไปยังเซิร์ฟเวอร์การบันทึกอื่นๆ (และยังบันทึกต่อไป) ในกรณีที่มียูนิตเดี่ยวล้มเหลว การวางอาคาร การปรับใช้งาน และกล้อง บนกิจกรรมการรักษาความปลอดภัยบนแผนที่ จะสามารถติดตามไปยังตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว และด้วยการผนวกรวมยูนิตที่เปิดใช้งาน AI สำหรับงาน Deep Video Analytics จะสามารถเพิ่มความสามารถต่างๆ เช่น การจำแนกทะเบียนรถยนต์และใบหน้า การตรวจจับบุคคล และการเตือนความคับคั่ง เพื่อการปรับใช้งานที่กว้างขึ้นได้ องค์กรขนาดใหญ่ยังสามารถได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์ CMS เช่น การปรับใช้งานกล้องเป็นกลุ่ม และความสามารถในการย้ายสตรีมกล้องไปยังเซิร์ฟเวอร์การบันทึกอื่นๆ (และเก็บบันทึก) ในกรณีที่มียูนิตเดี่ยวล้มเหลว โดยการวางสิ่งปลูกสร้าง การวางอาคาร การปรับใช้งาน และกล้อง บนกิจกรรมการรักษาความปลอดภัยบนแผนที่ จะสามารถติดตามไปยังตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว และด้วยการผนวกรวมยูนิตที่เปิดใช้งาน AI สำหรับงาน Deep Video Analytics จะสามารถเพิ่มความสามารถต่างๆ เช่น การจำแนกทะเบียนรถยนต์และใบหน้า การตรวจจับบุคคล และการเตือนความคับคั่ง เพื่อการปรับใช้งานที่กว้างขึ้นได้ อย่าถูกจำกัดโดยระบบการจัดการวิดีโอของคุณ หากคุณได้อ่านบทความนี้ คุณจะรู้ว่าในปี 2022 ไม่มีเหตุผลใดที่ความสามารถในการเฝ้าระวังของคุณจะถูกยับยั้งโดยระบบบันทึกหรือการจัดการวิดีโอที่ไม่เหมาะสม ครั้งต่อไปที่คุณเลือกโซลูชันกล้องวงจรปิด โปรดให้ความสนใจกับความเข้ากันได้ของกล้องและอุปกรณ์ ความสามารถในการปรับขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูล สิทธิ์การใช้งาน และการจัดการแบบรวมศูนย์ คุณจะจบลงด้วยการติดตั้งที่จะใช้งานได้ยาวนานและทำให้คุณปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยราคารวมที่ดีกว่า วันอังคารที่ 6 กันยายน 2022 14:00 - 15:00 ทาง Synology มีงานสัมมนาออนไลน์ Business Surveillance Webinar ในหัวข้อ “ระบบการเฝ้าระวังที่ปรับขนาดได้สำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโตของคุณ” เข้าร่วมฟังฟรี ลงทะเบียนได้ ที่นี่
# Netflix ยกเลิกซีรีส์ Resident Evil หลังฉายแค่ซีซันเดียว เว็บข่าวบันเทิง Deadline รายงานว่า Netflix ยกเลิกการพัฒนาซีรีส์ Resident Evil แล้ว หลังฉายซีซันแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมแล้วไม่ประสบความสำเร็จตามเป้า Deadline ระบุว่า Resident Evil เปิดตัวด้วยอันดับ 2 ของชาร์ท Netflix ยอดวิวรวม 72.7 ล้านชั่วโมง แต่ในสัปดาห์ถัดมา ยอดวิวใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อนคือ 73.3 ล้านชั่วโมง ไม่ได้เพิ่มขึ้นเยอะนักจากกระแสการบอกต่อ ทำให้หลุด Top 10 ไปในสัปดาห์ที่สาม ส่วนคะแนนรีวิวเฉลี่ยได้เพียง 55% บน Rotten Tomatoes ซีรีส์ Resident Evil เป็นเรื่องในโลกอนาคตปี 2036 หลังเหตุการณ์ในเกมหลายปี มนุษยชาติต้องอาศัยอยู่ในเมืองที่มีกำแพงป้องกันตัวจากซอมบี้ที่ลุกลามไปทั่วโลก (New Raccoon City) และบริษัท Umbrella Corporation ฟื้นฟูกลับมาใหม่อีกครั้ง Netflix ยังเคยทำซีรีส์อนิเม Resident Evil: Infinite Darkness ที่ไม่ประสบความสำเร็จมากนักเช่นกัน (แต่ยังไม่ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ) ที่มา - Deadline via PCGamer
# Zipmex อัพเดตการรับเงินจากนักลงทุน เผย 2 ใน 3 รายที่เซ็น MOU เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว Zipmex ประกาศเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2022 ถึงความคืบหน้าเรื่องการรับเงินลงทุนเพิ่มเติม ที่เคยเปิดเผยไปก่อนหน้านี้ ระบุว่าจากการลงนาม MOU กับนักลงทุน 3 ราย เมื่อผ่านไป 1 เดือน มี 2 ราย ที่มีความคืบหน้าเข้าสู่กระบวนการขั้นสุดท้ายแล้ว รวมทั้งบอกว่าเปิดรับข้อเสนอทั้งจากนักลงทุนในและต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ Zipmex ได้ประกาศระงับการถอนเงินทั้งบาทและคริปโต เนื่องจากมีปัญหาสภาพคล่องจากบริการ ZipUp ที่ได้นำสินทรัพย์ดิจิทัลไปลงทุน และไม่สามารถรับสินทรัพย์เหล่านั้นกลับคืนมาเต็มจำนวน อย่างไรก็ตามล่าสุด Zipmex ได้กลับมาเปิดบริการโอนระหว่าง Z Wallet กับ Trade Wallet อีกครั้ง แต่เฉพาะเหรียญ ZMT ของ Zipmex เท่านั้น Zipmex ยังประกาศว่าจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับโครงสร้างองค์กร มาร่วมในกระบวนการปรับโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งจะประกาศรายละเอียดต่อไปกลางเดือนกันยายนนี้ ที่มา: Zipmex [1], [2]
# รองประธานฝ่าย Horizon บริการโซเชียลโลกเสมือนของ Meta ลาออกจากบริษัทแล้ว Vivek Sharma รองประธานฝ่าย Horizon บริการโลกโซเชียลเสมือนของ Meta ได้ลาออกจากบริษัทแล้ว โดยเขาร่วมงานกับ Meta มาเกือบ 6 ปี ผลงานที่ผ่านมาคือโครงการด้าน VR ต่าง ๆ เช่น Horizon Worlds, Horizon Workrooms ห้องทำงานเสมือน หรือ Horizon Venues สำหรับการจัดอีเวนต์ ตัวแทนของ Meta ยืนยันข่าวการลาออกดังกล่าว โดยทีมงาน Horizon ทั้งหมด จะย้ายไปขึ้นตรงกับ Vishal Shah รองประธานด้าน Metaverse ซึ่งเดิม Vivek Sharma อยู่ใต้ Shah นี้ ข่าวการลาออกของ Sharma ออกมาไม่กี่วัน หลังจากที่ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมเปิดตัวเฮดเซต VR รุ่นใหม่ ในเดือนตุลาคม ที่มา: CNBC
# [Counterpoint] Apple ครองส่วนแบ่งเกือบครึ่ง ของสมาร์ทโฟนพรีเมียมในจีน บริษัทวิจัยตลาด Counterpoint รายงานข้อมูลยอดขายสมาร์ทโฟนรุ่นพรีเมียมในจีน (ราคามากกว่า 400 ดอลลาร์ หรือประมาณ 14,000 บาท) พบว่าในภาพรวมยอดขายไตรมาสที่ 2 ปี 2022 คิดเป็น 33% ของตลาดสมาร์ทโฟนรวม ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2021 โดยจำนวนเครื่องที่ขายได้ลดลง 10% แต่ดีกว่าภาพรวมที่ลดลง 14% แอปเปิลเป็นสมาร์ทโฟนที่ครองส่วนแบ่งตลาดพรีเมียมมากที่สุดถึง 46% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 43% ตามด้วย vivo ในอันดับ 2 ที่ 13% และหัวเหว่ยลดลงเป็น 11% Mengmeng Zhang นักวิเคราะห์จาก Counterpoint บอกว่าในไตรมาส 2/2022 ยอดขายสมาร์ทโฟนลดลงมากที่สุดในรอบสิบปี สาเหตุหลักจากการล็อกดาวน์ในเมืองต่าง ๆ และกระทบมากกับกลุ่มสมาร์ทโฟนพรีเมียม เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองที่ล็อกดาวน์นั่นเอง ส่วนยอดขายที่เพิ่มขึ้นของแอปเปิลนั้น เขามองว่าเป็นผลจากยอดขายหัวเหว่ยที่ลดลง ซึ่งอีกแบรนด์ที่ได้ประโยชน์นี้ก็คือซัมซุง ที่มา: Counterpoint ผ่าน SCMP
# ราคาหุ้น EA ปรับเพิ่มขึ้นคืนวันศุกร์ หลังมีรายงาน Amazon อาจซื้อกิจการ แต่แหล่งข่าวบอกไม่จริง เรื่องเริ่มจาก USA Today รายงานข่าวว่า Amazon สนใจเสนอซื้อกิจการ Electronic Arts หรือ EA ทำให้ราคาหุ้นของ EA ปรับเพิ่มขึ้นทันกว่า 3% อย่างไรก็ตาม CNBC รายงานข้อมูลตรงกันข้าม โดยผู้สื่อข่าว David Faber อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ทำให้ราคาหุ้น EA ที่เพิ่มขึ้นปรับลดลงมาและปิดราคาที่ +0.39% ตัวแทนของ Amazon บอกว่าจะไม่แสดงความเห็นต่อข่าวลือ ส่วน EA ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น ปัจจุบัน Amazon กับตลาดเกมมีหลายส่วน ทั้งการเป็นเจ้าของ Twitch, แพลตฟอร์มคลาวด์เกมมิ่ง Luna และบริการ Prime ก็มีเกมสำหรับสมาชิกให้เล่น หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงก็น่าจะเป็นเติมเต็มอีกช่องทางในธุรกิจเกมให้ Amazon ได้ เมื่อเดือนพฤษภาคมก็เคยมีรายงานข่าวเรื่อง EA อาจขายกิจการมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยตอนนั้นผู้ที่มีโอกาสซื้อคือ NBCUniversal และรายงานก็บอกว่า Amazon เป็นหนึ่งในบริษัทที่เจรจาด้วย ที่มา: CNBC
# กูเกิลเปิดรับสมัครสตาร์ตอัพเข้าโครงการ Accelerator บริษัทไทยสมัครได้ด้วย กูเกิลเปิดรับสมัครสตาร์ตอัพจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (รวมไทย) เข้าร่วมโครงการ Google for Startups Accelerator for Southeast Asia บ่มเพาะสตาร์ตอัพเป็นเวลา 3 เดือน โดยวิทยากรจากกูเกิลและเครือข่ายพันธมิตร สตาร์ตอัพที่มีสิทธิสมัครเข้าร่วมต้องเป็นระดับ seed ถึง Series A จากประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทย, เวียดนาม, ปากีสถาน เน้นที่สตาร์ตอัพด้านอีคอมเมิร์ซ, การเงิน, สุขภาพ, โซลูชัน B2B สำหรับ SME, การศึกษา, การเกษตร, ลอจิสติกส์ โครงการจะเปิดรับจำนวน 10-15 บริษัท เริ่มช่วงบ่มเพาะช่วงต้นปี 2023 สมัครได้ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2022 ในโครงการ Google Accelerator ของปีก่อนๆ เคยมีบริษัท Giztix สตาร์ตอัพด้านลอจิสติกส์จากไทยเข้าร่วมมาแล้ว ที่มา - Google Blog
# แอพ Steam Mobile ยกเครื่องใหม่ ปรับหน้าตาให้ทันสมัย เปิดทดสอบ Beta แล้ว Steam เริ่มเปิดทดสอบแอพ Steam Mobile เวอร์ชันใหม่ เพื่อใช้แทนแอพเวอร์ชันปัจจุบันที่ทำตั้งแต่ปี 2015 และล้าสมัยไปหลายจุดแล้ว Valve บอกว่าพัฒนาแอพตัวใหม่บนเฟรมเวิร์คใหม่ (ไม่ระบุชื่อ) และปรับหน้าตาให้ทันสมัย ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือการล็อกอินด้วย QR Code, ระบบการแจ้งเตือนและไลบรารีที่ดีขึ้น, รองรับการสลับใช้งานหลายบัญชี แอพ Steam Mobile Beta ยังทดสอบแบบจำกัดจำนวน ทั้งบน Android และ iOS โดยกรณีของ iOS จำกัดผู้ทดสอบ 10,000 รายตามเงื่อนไข TestFlight ของแอปเปิล ที่มา - Steam via 9to5google
# ใครจะขึ้นราคาก็ช่างเขา Nintendo บอก "เราจะขายสินค้าราคาเดิม" หลังจากที่ Sony ประกาศขึ้นราคา PlayStation 5 ส่วน Microsoft บอกว่าเครื่องเกมของพวกเขายังขายราคาเดิม ตอนนี้ก็มาถึงตาของค่าย Nintendo ที่หลายคนสงสัยว่ามีแผนจะขึ้นราคาขายเครื่องเกม Nintendo Switch หรือไม่ ล่าสุดทางบริษัทก็ได้ออกแถลงการณ์แล้วว่า "ไม่มีแผนจะขึ้นราคา" ในแถลงการณ์ของ Nintendo ซึ่งส่งถึง Eurogamer ตอนหนึ่งได้อ้างถึงคำพูดของ Shuntaro Furukawa ประธานบริษัทที่ได้กล่าวต่อผู้ถือหุ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ใจความว่า ทั้งนี้แม้ Nintendo จะบอกว่าราคาขายสินค้าถึงมือผู้ใช้ในท้ายที่สุดจะถูกกำหนดโดยผู้ค้าปลีก แต่บริษัทจะยังคงราคาขายส่งออกจากบริษัทไว้เช่นเดิม ที่มา - Eurogamer