txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# ซัมซุงออก The Freestyle โปรเจคเตอร์พกพา หมุนได้ 180 องศา ฉายหนังได้แบบพื้นหลังไม่ต้องสีขาว
ซัมซุงเปิดตัว The Freestyle โปรเจคเตอร์พกพาสำหรับฉายหนังนอกสถานที่ มีลำโพงในตัว น้ำหนัก 830 กรัม ขนย้ายสะดวก ให้ภาพความละเอียด 1080p ขนาดสูงสุด 100 นิ้ว
The Freestyle ฉีกแนวการออกแบบโปรเจคเตอร์ทรง 4 เหลี่ยมแบบดั้งเดิม ด้วยการเปลี่ยนเครื่องเป็นทรงกระบอกแทน มาพร้อมขาตั้งให้หมุนได้ 180 องศา ฉายได้ทั้งบนฝาผนัง เพดาน หรือแม้แต่พื้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นฉากสีขาว มีฟีเจอร์ปรับความสว่าง, โฟกัสของภาพ, การเอียงของภาพให้พอดีอัตโนมัติ
The Freestyle ยังใช้ได้แบบเสียบปลั๊กไฟ หรือเสียบแบตเตอรี่ภายนอกก็ได้ (ขอแค่เป็น USB-PD และแบตขนาด 50W/20V ก็ใช้ได้หมด) ทำให้สามารถยกไปออกแคมปิ้งได้ด้วย
ฝั่งของซอฟต์แวร์ The Freestyle มีฟีเจอร์แบบเดียวกับสมาร์ททีวีของซัมซุง (ไม่ระบุว่าเป็น Tizen ด้วยหรือไม่), สั่งสตรีมหนังจากอินเทอร์เน็ตได้ในตัวโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย (บริการสตรีมมิ่งที่ระบุชื่อคือ Amazon Prime Video และ Apple TV+), สามารถ mirror ภาพจากทีวีซัมซุงได้, รองรับการสั่งงานด้วยเสียง Bixby/Alexa
สินค้าเปิดพรีออเดอร์ในสหรัฐแล้ว ราคา 899 ดอลลาร์ หรือประมาณ 30,000 บาท
ที่มา - Samsung |
# HP เปิดตัว Envy Desktop PC ทรงสวย พลังแรง, Z2 Mini G9 เวิร์คสเตชันขนาดเล็ก
HP เปิดตัวเดสก์ท็อปพีซีใหม่หลายรุ่นในงาน CES 2022 ตัวที่น่าสนใจคือ HP Envy Desktop PC ใช้เคสแบบทาวเวอร์ทรงสูง หน้าตาออกแบบสวยงาม เคสเปิดง่ายไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วย มีพอร์ตจำนวนมากอยู่ด้านบนเคส โดย HP ระบุว่าเป็นเดสก์ท็อปพีซีสำหรับสายครีเอเตอร์ (ไม่ใช่เกมมิ่ง) ต่อจอ 4K ได้สูงสุด 4 จอ
ซีพียูใส่ได้สูงสุด Core 12th Gen i9-12900K, จีพียูสูงสุด GeForce RTX 3080 Ti (12GB) หรือ Radeon RX 6700XT (12GB), แรมรูงสุด 128GB DDR4, สตอเรจ 1TB PCIe NVMe, พอร์ต Thunderbolt 4
HP Envy Desktop PC จะเริ่มวางขายช่วงฤดูใบไม้ผลิ ราคายังไม่ประกาศ
เดสก์ท็อปพีซีอีกตัวคือ HP Z2 Mini G9 นิยามตัวเองว่าเป็น the world’s most powerful mini workstation อัดสเปกมาแรงในตัวเครื่องขนาดเล็กพอแขวนหลังจอภาพได้ ซีพียูเป็น Intel Core ยังไม่ระบุรุ่น, จีพียู NVIDIA RTX แบบ low-profile
HP Z2 Mini G9 วางขายเดือนมีนาคม ราคายังไม่ประกาศ
ที่มา - HP |
# Mobileye เปิดตัว EyeQ Ultra ชิปประมวลผลรถยนต์ไร้คนขับขั้นสูงใน SoC ตัวเดียว
Mobileye บริษัทลูกด้านรถยนต์ไร้คนขับของอินเทลที่เตรียม IPO ช่วงกลางปีนี้ เปิดตัวชิป SoC สมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ที่ระบุว่าใช้ SoC ตัวเดียวก็เอาอยู่แล้ว (autonomous vehicle on a chip) ไม่ต้องยัดคอมพิวเตอร์ทั้งเครื่องไปในรถเหมือนสมัยก่อน
ชิปตัวนี้ชื่อว่า EyeQ Ultra มีสมรรถนะ 176 TOPS (tera operations per second) เทียบเท่ากับชิป EyeQ 5 รุ่นปัจจุบันจำนวน 10 ตัว, พัฒนาขึ้นบนสถาปัตยกรรม EyeQ ของ Mobileye ที่ใช้อยู่แล้วกับรถยนต์กว่า 100 ล้านคันในท้องตลาด, ใช้การผลิตที่ 5 นาโนเมตร รองรับการขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 4 โดยใช้พลังงานน้อยลงจากเดิมมาก
ชิป EyeQ Ultra จะผลิตจริงในช่วงปลายปีหน้า 2023 และรถยนต์ที่ใช้ชิปตัวนี้จะออกสู่ตลาดในปี 2025 คงต้องรอกันอีกนานพอสมควร
Mobileye ยังเปิดตัวชิปรุ่นรอง ได้แก่ EyeQ 6L และ EyeQ 6H สำหรับระบบช่วยขับขี่ในรถยนต์ (ADAS - advanced driver-assistance systems) ใช้กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตร
EyeQ 6L มาแทนชิป EyeQ 4 ของเดิม ในขนาดที่เล็กลงเหลือ 55% จากของเดิม ใช้กับระบบขับขี่ Level 2 ชิปจะเริ่มผลิตเป็นจำนวนมากในช่วงกลางปี 2023
EyeQ 6H มาแทนชิป EyeQ 5 มีสมรรถนะการประมวลผลเท่ากัน แต่ทำงาน visualization/AI ได้ดีขึ้น ใช้กับระบบขับขี่ Level 2+ ชิปจะเริ่มผลิตเป็นจำนวนมากในช่วงปลายปี 2024
ลูกค้าของ Mobileye ที่มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวชิปด้วยคือ Volkswagen, Ford, Geely และบริษัทลูก Zeekr ที่ประกาศทำรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 4 ร่วมกับ Mobileye ด้วย
ตลาดชิปสำหรับรถยนต์ไร้คนขับเป็นตลาดที่แข่งขันสูงขึ้นมากในช่วงหลัง บริษัทที่เข้ามาแข่งขันในตลาดนี้มีทั้ง Qualcomm, NVIDIA และ Mobileye (Intel)
ที่มา - Intel |
# 8 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ใช้ง่ายและฟรี ไม่ง้อ Premiere Pro
สำหรับมือใหม่ที่พึ่งหัดตัดต่อวิดีโอ มักพบเจอปัญหาไม่รู้ใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโออะไรดี ครั้นจะไปใช้โปรแกรมตระกูล Adobe อย่าง Premiere Pro ก็ต้องเสียเงินใช้เป็นรายเดือน เดือนละหลายบาท จะใช้ของก็อปก็ผิดกฎหมาย เสี่ยงโดนค่าปรับที่ไม่คุ้มกันอีก วันนี้เราเลยจะมาแนะนำโปรแกรมตัดต่อเบื้องต้นแบบที่ใช้ง่าย ฟังก์ชั่นหลากหลาย ได้ภาพสวยคมชัด และที่สำคัญคือ ใช้ฟรี! จนไม่ต้องง้อ Premiere Pro ก็ได้ ถ้าอยากรู้แล้วว่ามีโปรแกรมอะไรบ้างมาเริ่มที่โปรแกรมแรกกันเลย
สำหรับกลุ่มเริ่มต้น (Best for beginners)
1. Adobe Creative Cloud Express (ชื่อเดิม Adobe Spark)
Adobe Creative Cloud Express จัดเป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่เหมาะอย่างมากสำหรับมือใหม่ เนื่องจากลักษณะโปรแกรมจะเป็นแบบสำเร็จรูป เบื้องต้นใช้ตัดต่อวิดีโอ ปรับสีตามได้ตามใจชอบ และที่สำคัญเราสามารถเลือก ธีม (Theme) เพื่อปรับแต่งนิดหน่อยก็ได้เป็นวิดีโอชิ้นหนึ่งแล้ว ซึ่งช่วยประหยัดเวลาเราได้มากทีเดียว นอกจากการใช้งานที่ง่ายแล้ว เรายังสามารถ Save เพื่อฝากไฟล์ได้อีกด้วย
แม้จะเป็นโปรแกรมที่รวมเครื่องมือทั้งหมดไว้ในโปรแกรมขนาดเล็กสุดกะทัดรัด แต่ก็มีข้อจำกัดที่ความล่าช้าในบางที หรือตัวอักษรและเครื่องมือมีให้เลือกน้อย จึงเหมาะสำหรับออกแบบวิดีโอเล่น ๆ ทั่วไป
รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows, Mac และ Linux
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : ใช้ฟรี
2. VideoPad
VideoPad จัดเป็นโปรแกรมทางเลือกที่ดีตัวหนึ่งสำหรับตัดต่อวิดีโอคุณภาพสูงสักชิ้นหนึ่งในแบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องปรับค่าอะไรมากมาย เนื่องจาก User Interface ของโปรแกรมได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย จึงหมดปัญหามือใหม่ที่กำลังหัดตัดแต่งวิดีโอ ส่วนฟีเจอร์ที่สามารถใช้งานได้ในขั้นพื้นฐานอย่างเช่น การใส่ Special Effect การใส่ตัวอักษรเข้าไป การ Transition ในรูปแบบต่าง ๆ ร่วมกับการสามารถปรับสีวิดีโอให้ได้สีสันตามใจต้องการ พร้อม Export ไฟล์ไปยัง Social Media อย่าง YouTube, Facebook, Google Drive หรืออุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่ทั้งง่ายและรวดเร็ว
นอกจากนี้ VideoPad ยังสามารถใช้ตัดต่อวิดีโอแบบ 3D หรือจะเป็นการจัดเก็บ Sound Effect ต่าง ๆ เพื่อเรียกใช้ปรับแต่งวิดีโอของเราให้ได้สไตล์ที่เรากำหนดในระดับเบื้องต้นได้ แต่สำหรับใครที่ต้องการความละเอียดของวิดีโอในระดับสูงกว่า 4K ตัวนี้ยังไม่ตอบโจทย์นัก
รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows และ Mac
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : ใช้ฟรี
สำหรับผู้ใช้ระดับปานกลาง (Best for intermediate editors)
3. OpenShot
สำหรับผู้ใช้ที่พอมีประสบการณ์มาบ้าง OpenShot เป็นตัวหนึ่งที่ตอบโจทย์การใช้ได้พอสมควร ซึ่งนอกจากจะใช้ตัดต่อวิดีโอพื้นฐานแล้ว ยังแถมเครื่องมือสำหรับใช้งานในระดับที่ซับซ้อนขึ้น ด้วย Interface ที่ได้รับการดีไซน์แบบง่าย ๆ แต่ครบเครื่องแบบสุด ๆ ซึ่งเหมาะอย่างมากกับธุรกิจเล็ก ๆ ที่ใช้สำหรับปรับขนาด ตัดต่อหัวท้ายทั้งภาพและเสียงหรือจะขยายสั้นยาวก็ใช้ได้ พร้อมด้วยฟีเจอร์ Preview เพื่อดูวิดีโอและแก้ไขแบบ Real-time โดยสามารถส่งไฟล์ที่มีความละเอียดระดับ 4K UHD 60fps และนอกจากนี้ยังสามารถใช้ออกแบบวิดีโออนิเมชั่นได้อีกด้วย แต่ภาพที่ได้อาจไม่ละเอียดนัก หากใช้สำหรับอนิเมชั่นที่ฉายในโรงหนัง
รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows, Mac และ Linux
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : ใช้ฟรี
4. WeVideo
ตัวที่สามที่เหมาะจะใช้ตัดต่อเพื่อลงสื่อโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, IG, Line, TikTok คือ WeVideo ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปแทบทุกกลุ่ม มีฟังก์ชั่นสำหรับตัดต่อวิดีโอที่ใช้ง่าย และสะดวกในการลงแชร์บนโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถเก็บไฟล์วิดีโอไว้ในโปรแกรมบนระบบ Cloud ได้ไม่จำกัด รวมทั้งสามารถแชร์ไฟล์ให้กับทีมได้สะดวกไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม
รองรับระบบปฏิบัติการ : Chromebook, Mac, Windows, iOS และ Android
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : $4.99 หรือตกเฉลี่ย 167 บาท/เดือน
สำหรับผู้ชำนาญและกลุ่มมืออาชีพ (Best for advanced Editors)
5. Blender (เหมาะกับ 3D)
Blender จัดเป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ใช้ฟรี ซึ่งทำมาเพื่อใช้ออกแบบ 3D โดยเฉพาะ เหมาะอย่างมากสำหรับใครที่ต้องการใช้สร้างและเรนเดอร์อนิเมชั่นแบบ 3 มิติ โดยตัวซอฟต์แวร์ได้รับการออกแบบร่วมกับนักพัฒนาหลายร้อยคนจากทั่วโลกทีเดียว
ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานนั้นครอบคลุมทั้งระดับพื้นฐานและระดับมืออาชีพ ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ใช้งานในระดับหนึ่ง
รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows, Mac และ Linux
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : ใช้ฟรี
6. Kadenlive
Kadenlive เป็นโปรแกรมตัดต่อแบบ opensource อีกตัวที่ใช้งานได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพดี แม้ตัว UI จะดูไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้เท่าไร อาจต้องใช้เวลาเรียนรู้พอสมควร แต่ในหน้าเว็บไซต์ก็มีคู่มือผู้ใช้ เป็นภาษาอังกฤษสำหรับมือใหม่อยู่
หลังใช้จนคล่องมือแล้ว ผู้ใช้จะพบว่าความสามารถของ Kadenlive ก็ไม่ด้อยไปกว่าโปรแกรมอื่น อีกทั้งความสามารถในการจัดการทรัพยากรเครื่องเมื่อเปิดไฟล์ใหญ่ๆ อาจดีกว่าหลายๆ โปรแกรมฟรีอื่นด้วย แถมยังสามารถปรับแต่ง UI รวมถึงคีย์ลัดเพิ่มเติมได้เอง รวมถึงมีระบบแบ็คอัพไฟล์อัตโนมัติ และมีเครื่องมืออย่าง Audio Meter, Histogram, Waveform, Vectorscope และ RGB Parade มาให้อย่างครบครัน ถือเป็นอีกโปรแกรมฟรีที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานระดับสูงขึ้นมาอีกนิด
รองรับระบบปฏิบัติการ : Windows, Mac และ Linux
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : ใช้ฟรี
7. Davinci Resolve
Davinci Resolve จัดเป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอตัวถัดมาที่ใช้ได้เหมือนกับ Adobe Premiere Pro โดยสามารถหยิบเครื่องมือมาใช้ได้ง่ายและสะดวก อีกทั้งได้รับการใช้อย่างแพร่หลายใน Youtuber จนกระทั่งถึงวงการภาพยนตร์ระดับโลกเลยทีเดียว เหมาะอย่างมากสำหรับทำภาพยนตร์หรือทำหนังสั้นส่งประกวด หรือโอกาสต่าง ๆ จุดเด่นคือ สามารถใช้ปรับ Color Grading สีของวิดีโอให้สวยและได้ความคมชัดระดับ Ultra-HD และหากใครต้องการใช้ทำงานในระดับสูงขึ้น ไร้ลายน้ำไร้สะดุด ก็สามารถอัพเดตเป็นแบบ Pro ได้ เพียง 8,987 บาท
เพื่อประสิทธิภาพของภาพที่ใช้ตัตต่อวิดีโอ หากใช้คู่กับคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก หรือแลปท็อปที่มีเกรดซีพียู ตั้งแต่ Inter Core i5, i7 ถึง i9 กับการ์ดจอที่ให้ความละเอียดสูง ตรงตามค่าคาริเบท เมื่อทดลองใช้ถ่ายทอดวิดีโอกับอุปกรณ์ตัวอื่น เช่น สมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ เป็นต้น โดยสามารถเข้าไปอ่านบทความ
“แนะนำ 5 โน๊ตบุ๊คทำงาน ราคาไม่เกิน 20,000 บาท ประจำปี 2022 เสปกครบ จอชัด เชื่อมต่อดี เพิ่มเติมได้เลยครับ
รองรับระบบปฏิบัติการ : Mac, Windows และ Linux
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : $269 หรือตกเฉลี่ย 8,987 บาท เมื่ออัพเดตเพื่อใช้งานแบบ Full Studio Version
8. HitFilm Express
HitFilm จัดเป็นโปรแกรมตัดต่อภาพระดับท็อปในวงการศิลปินและชาว Video Editor ในระดับโลก แต่สามารถหยิบมาใช้ได้ฟรีอย่างจุใจ ด้วยรูปแบบการจัดวางแถบคู่มือฟังก์ชั่นได้ดี (User Interface) ทำให้ผู้ใช้เรียนรู้การใช้งานได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว ตัดต่อลื่นไหลไร้สะดุด และหากใครต้องการใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอสำหรับรีวิวสินค้า ใช้ประกอบการทำบล็อก หรือใช้ลงสื่อโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊คให้คนรู้จัก การใช้เวอร์ชั่นฟรีถือว่าเพียงพอระดับหนึ่งเลย โดยเครื่องมือพื้นฐานที่เราจะได้ใช้มีหลากหลายตัวอย่าง เครื่องมือสำหรับตัดต่อภาพและเสียงจวบจนกระทั่งสร้างงาน 3D หรือ 4K ที่มีความซับซ้อนได้ เรียกได้ว่าครบจบในหนึ่งเดียว
นอกจากนี้หากใครสนใจใช้งานในระดับสูงกว่านี้ ก็สามารถซื้อการใช้งานแบบ Pro ได้ในราคา $369 หรือตกราคา 11,660 บาท/เดือน ซึ่งเหมาะกับงานอนิเมชั่น หรือผู้รับงานตัดต่อระดับสูงอย่างภาพยนตร์ระดับ High-end แน่นอนว่าคุณจะได้เครื่องมือปรับค่าแสงสีที่ละเอียดพอสำหรับการแสดงผลของมิติ ภาพ สี และความสว่างที่มีความละเอียดระดับที่มากกว่า 8K
รองรับระบบปฏิบัติการ : Mac และ Windows
ราคาเมื่ออัพเดตเป็น Pro : $349 หรือตกเฉลี่ย 11,660 บาท
อ้างอิง: Edit Videos Like a Pro : The 13 Best Free Video Editing Software for 2022 |
# Motorola MA1 อแดปเตอร์ USB บนรถ ช่วยเชื่อมต่อ Android Auto แบบไร้สาย
แม้ Android Auto จะรองรับการเชื่อมต่อไร้สายมาสักระยะแล้ว แต่รถยนต์หลายรุ่นยังเป็น Android Auto รุ่นเก่าที่ต้องต่อ USB เพื่อใช้งาน (รถยนต์บ้านเราน่าจะมีน้อยรุ่น) ทำให้ Motorola ออก Motorola MA1 มาช่วยแก้ปัญหานี้
Motorola MA1 เป็นอแดปเตอร์ USB หน้าตาเหมือน Chromecast เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับพอร์ท USB-A บนรถหรือแผงหน้าจอบนคอนโซลรถ (ที่รองรับ Android Auto) จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถสามารถเชื่อมต่อ Android Auto แบบไร้สายได้ ผ่านบลูทูธและ Wi-Fi 5GHz
Motorola MA1 วางขายที่ราคา 89.95 เหรียญหรือราว 3,000 บาท
ที่มา - XDA |
# Google อัพเดตระบบ Fast Pair บน Android, แชร์ไฟล์กับพีซี, ทีวี, ใช้นาฬิกาปลดล็อคมือถือ
Google ประกาศอัพเดตระบบเชื่อมต่อบน Android โดยเฉพาะกับระบบ Fast Pair ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2017 สำหรับการเชื่อมต่อหูฟังบลูทูธ (นึกภาพการเชื่อมต่อ AirPod กับ iPhone) ที่ขยายการรองรับไปยังอุปกรณ์อื่นๆ เช่นทีวี, ลำโพง, อุปกรณ์สวมใส่, รถยนต์หรืออุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่รองรับ
Fast Pair จะทำให้การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เหล่านี้รวดเร็วและง่ายมากขึ้น โดยกรณีของทีวีจะต้องเป็นทีวีที่มี Google TV หรือ Android TV ในตัว หรือหากเป็นอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่นๆ จะต้องรองรับ Matter โปรโตคอลกลางของสมาร์ทโฮม
ขณะที่การเชื่อม Fast Pair บนพีซี นอกจากจะเชื่อมกับ Android เร็วขึ้นแล้ว ยังสามารถแชร์ไฟล์ผ่าน Nearby Share ได้ด้วย โดย Google จับมือกับ Acer, HP และ Intel และเราจะเห็นแล็บท็อปที่รองรับฟีเจอร์นี้ภายในปีนี้
นอกจากนี้ยังเตรียมทำให้นาฬิกา WearOS สามารถปลดล็อค สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android รวมถึง Chromebook ได้ด้วยเร็วๆ นี้ รวมถึงหากเราต่อหูฟังบลูทูธกับแท็บเล็ต Android ก็จะสามารถสลับการเชื่อมต่อหูฟังไปยังสมาร์ทโฟน Android ได้แบบลื่นไหลมากขึ้น หากมีสายโทรศัพท์เข้า (แบบเดียวกับ AirPods ทำได้บน iPad, iPhone) โดยฟีเจอร์นี้จะปล่อยอัพเดตเร็วๆ นี้ให้กับหูฟังบางรุ่นที่รองรับ
ที่มา - Google |
# เปิดตัว ThinkPad X1 Carbon Gen 10, Yoga Gen 7, Nano Gen 2 ซีพียู 12th Gen อัพเกรดเว็บแคม
Lenovo เปิดตัว ThinkPad X1 รุ่นของปี 2022 โดยมีทั้งหมด 3 รุ่นคือ
ThinkPad X1 Carbon Gen 10 โน้ตบุ๊กสายมาตรฐาน ที่ขึ้นเลขสองหลักแล้ว
ThinkPad X1 Yoga Gen 7 โน้ตบุ๊กจอสัมผัส พับจอเป็นแท็บเล็ตได้
ThinkPad X1 Nano Gen 2 โน้ตบุ๊ก 13" ขนาดเล็กกว่า Carbon เบาไม่ถึง 1 กก. ที่เปิดตัวครั้งแรกปีที่แล้ว
ThinkPad X1 ทั้งสามตัวได้อัพเกรดซีพียูเป็น Intel Gen 12 โดยเปลี่ยนมาใช้ซีพียู P-Series 28 วัตต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น (Carbon และ Yoga เลือกรุ่น U 15 วัตต์ได้ด้วย), แรมสูงสุด 32GB LPDDR5, สตอเรจเป็น SSD PCIe Gen 4, ระบบเสียง Dolby Atmos, รองรับ Wi-Fi 6E
ตัวเลือกหน้าจอแต่ละรุ่นแตกต่างกันไป โดย Carbon ใส่จอได้สูงสุด 2.8k OLED, Yoga เป็น 4K OLED, Nano เป็น 2K ไม่ใช่ OLED
หน้าตาโดยรวมของ X1 ปี 2022 ยังใช้บอดี้ของเดิมที่เพิ่งเปลี่ยนเมื่อปี 2021 มีเปลี่ยนเล็กน้อยคือ Carbon/Yoga ใช้คีย์บอร์ดเวอร์ชันใหม่ที่หน้าตาคล้ายของเดิม แต่ดูดลมเข้าไประบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม (ยังเป็นคีย์บอร์ดกันน้ำหก) ส่วน Nano เป็นคีย์บอร์ดตัวเดิม
ของใหม่ที่สำคัญคือเว็บแคมเวอร์ชันใหม่ Full HD เซ็นเซอร์ขนาด 1.4µm ที่คุณภาพดีขึ้น, ยังมีแถบปิดกล้อง privacy shutter และไมโครโฟน 4 ตัวจับเสียงได้ 360 องศาสำหรับวิดีโอคอลล์
Lenovo บอกว่าแถบกล้อง (Communication Bar) ยื่นออกมาจากขอบเครื่องอีกเล็กน้อย (ดูคลิปประกอบ) เพื่อให้สามารถใส่กล้องและเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าโน้ตบุ๊กปกติใช้กันได้
ฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างที่น่าสนใจ (มีเฉพาะในบางรุ่นย่อย ต้องสั่งเพิ่มเอง) คือการเพิ่มชิป Computer Vision มาใช้ประมวลผลภาพจากเว็บแคมและเซ็นเซอร์ เพื่อวัด Human Presence ว่ามีมนุษย์อยู่ใกล้เครื่องหรือไม่ เพื่อปรับแสงจอหรือปลุกเครื่องเตรียมปลดล็อคให้อัตโนมัติ
Lenovo บอกว่าชิป Computer Vision ทำให้การแยกแยะมนุษย์ทำให้ฉลาดขึ้น สามารถรู้ว่าไม่ใช่เจ้าของเครื่อง (เช่น เพื่อนร่วมงานในออฟฟิศเดินผ่านเครื่อง) หรือแมวที่บ้าน แถมยังสามารถแยกแยะคนได้แม้ใส่หน้ากากอนามัยอยู่ด้วย ต้องรอดูว่าตอนใช้งานจริงจะทำได้ตามที่โฆษณาหรือไม่
ราคาและวันวางขาย
ThinkPad X1 Carbon Gen 10 เริ่มขายมีนาคม 2022 ราคาเริ่มต้น 1,639 ดอลลาร์
ThinkPad X1 Yoga Gen 7 เริ่มขายมีนาคม 2022 ราคาเริ่มต้น 1,749 ดอลลาร์
ThinkPad X1 Nano Gen 2 เริ่มขายเมษายน 2022 ราคาเริ่มต้น 1,659 ดอลลาร์
ที่มา - Lenovo |
# ให้ห้องเป็น RGB, Razer เปิดตัวแอปและแพลตฟอร์มสมาร์ทโฮม
Razer เปิดตัวแอป Razer Smart Home เบื้องต้นคือสามารถเชื่อมต่อและควบคุมให้หลอดไฟภายในห้องหรือในบ้าน รองรับ Razor Chroma RGB ระบบไฟ RGB ของตัวเองและซิงก์กันได้กับพีซี
พาร์ทเนอร์เบื้องต้นที่ Razer ประกาศมี Nanoleaf, LIFX, Yeelight, Monster และ Twinkly แต่ก็ประกาศ Razer Chroma Smart Home Program หาแพลตฟอร์มและผู้ผลิตฮาร์ดแวร์มาร่วมเชื่อมต่ออีโคซิสเต็มของ Razor เพิ่มเติมด้วย
ที่มา - Razer |
# HP เปิดตัวโน้ตบุ๊กธุรกิจพรีเมียม Elite Dragonfly G3 และ Elite Dragonfly Chromebook
HP เปิดตัวสินค้าใหม่หลายอย่างในงาน CES 2022 สินค้าเด่นคือโน้ตบุ๊กพรีเมียมของสายธุรกิจ HP Elite Dragonfly G3 ที่อัพเกรดจากรุ่นก่อน Elite Dragonfly G2 แถมรอบนี้ยังมีเวอร์ชัน HP Elite Dragonfly Chromebook ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Chrome OS ออกมาด้วย
HP Elite Dragonfly G3 ยังคงความเป็นโน้ตบุ๊กขนาด 13.5" ดีไซน์บางเบา น้ำหนัก 0.99 กิโลกรัม รอบนี้อัพเกรดมาใช้ซีพียู Intel 12th Gen ตามรอบ, ปรับมาใช้หน้าจอสัดส่วน 3:2 (1920x1280) ให้มีพื้นที่แสดงผลแนวตั้งมากขึ้น, ระบบเสียง Bang & Olufsen และไมโครโฟนช่วยลดเสียงรบกวน, เพิ่มสีเงิน Natural Silver เข้ามาจากเดิมที่มีแต่สีน้ำเงิน Slate Blue, ระบบปฏิบัติการเป็น Windows 11 มาเรียบร้อยแล้ว
กำหนดวางขายเดือนมีนาคม 2022 ยังไม่ประกาศราคา
HP Elite Dragonfly Chromebook ระบุว่าเป็น Chromebook สำหรับภาคธุรกิจที่ดีที่สุด, รองรับ Intel vPro บน Chrome OS, ใส่แรมได้สูงสุด 32GB, ถือเป็น Chromebook รุ่นแรกที่มี haptic trackpad, หน้าจอสัมผัสกางได้ 360 องศา (x360) ซื้อปากกาแม่เหล็กเพิ่มเป็นอุปกรณ์เสริมได้, น้ำหนักเริ่มต้นที่ 1.28 กิโลกรัม
กำหนดวางขายเดือนเมษายน 2022 ยังไม่เปิดราคา มีเวอร์ชัน Chromebook Enterprise ที่จับตลาดองค์กรโดยเฉพาะด้วย
นอกจากโน้ตบุ๊กธุรกิจซีรีส์บนสุดคือ Dragonfly แล้ว HP ยังเปิดตัว EliteBook และ ProBook ที่อัพเกรดสเปกตามรอบซีพียูด้วย (ปีนี้ถือเป็น G9) ได้แก่
HP Elite x360 1040 G9 และ HP EliteBook 1040 G9
HP EliteBook 800 G9
HP EliteBook 600 G9
HP ProBook 400 G9
โน้ตบุ๊กชุดนี้ทั้งหมดจะวางขายเดือนมีนาคม ยังไม่ประกาศราคา
ที่มา - HP |
# บริการเกมเหมาจ่าย Ubisoft+ ประกาศเวอร์ชัน Xbox, Rainbow Six Extraction ลง Game Pass
Ubisoft ประกาศนำบริการเล่นเกมเหมาจ่ายรายเดือน Ubisoft+ มาให้บริการบน Xbox ในอนาคต บอกว่ามีเกมให้เล่นมากกว่า 100 เกม แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลา ราคา และรายละเอียดเพิ่มเติม
เดิมที Ubisoft+ มีเฉพาะการเล่นเกมบนพีซีเท่านั้น โดยสามารถเล่นเกมเหมาจ่ายแบบดาวน์โหลด หรือเล่นแบบสตรีมมิ่งผ่าน Amazon Luna กับ Google Stadia ก็ได้เช่นกัน ปัจจุบันคิดค่าบริการรายเดือนบนพีซี 14.99 ดอลลาร์ จ่ายทีเดียวเล่นได้ทุกช่องทาง
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าการเล่น Ubisoft+ บนคอนโซล Xbox เป็นการเล่นแบบดาวน์โหลดอย่างเดียว หรือเล่นบนสตรีมมิ่ง xCloud ได้ด้วย รวมถึงการเชื่อมโยงกับบริการ Xbox Game Pass ที่จ่ายให้ไมโครซอฟท์แล้วได้เล่นเกมจาก EA Play ฟรีเลย จะได้เล่นเกมของ Ubisoft+ ด้วยหรือไม่
Ubisoft ยังประกาศข่าวเกม Rainbow Six Extraction ภาคใหม่ล่าสุดที่มีกำหนดออก 20 ม.ค. จะเปิดให้เล่นบน Xbox Game Pass และ PC Game Pass ตั้งแต่ Day One ด้วย
ส่วนเกม Rainbow Six Siege ภาคเก่ามีให้เล่นบน Xbox Game Pass อยู่ก่อนแล้ว ก็จะขยายมายัง PC Game Pass ในวันที่ 20 มกราคมด้วยเช่นกัน
ที่มา - Ubisoft |
# ซัมซุงเปิดตัว Odyssey Ark จอโค้งเกมมิ่ง 55 นิ้ว หมุนเป็นแนวตั้งได้ โค้งบน-ล่าง
ซัมซุงเปิดตัวจอมอนิเตอร์เกมมิ่ง Odyssey Ark ซึ่งเป็นจอโค้งแนวใหม่ แตกต่างจากจอโค้งแบบเดิมๆ ตรงที่หมุนเป็นแนวตั้งได้ด้วย (แทนที่จะโค้งซ้าย-ขวาอย่างเดียว เพิ่มโค้งบน-ล่าง)
Odyssey Ark เป็นจอภาพขนาดใหญ่ 55 นิ้ว ความละเอียด 4K ขอบโค้งตามปกติ จุดเด่นของมันคือหมุนเป็นแนวตั้งได้ สำหรับคนที่ต้องการชมคอนเทนต์ในแนวตั้ง (ซึ่งตอนนี้น่าจะยังไม่มี) และหากหมุนเป็นแนวตั้งแล้วยังมีฟีเจอร์ Multiview แสดงภาพจากหลายหน้าต่างเรียงกันในแนวตั้งได้ด้วย
Odyssey Ark มีกำหนดวางขายช่วงครึ่งหลังของปี 2022 และยังไม่ประกาศราคา
คลิป Odyssey Ark เริ่มราวนาที 2:28
ที่มา - CNET |
# Instagram ทดสอบระบบ Feed แบบใหม่ เลือกให้แสดงผลตามลำดับเวลาโพสต์ได้แล้ว
Adam Mosseri หัวหน้าฝ่าย Instagram ของ Meta ให้รายละเอียดเพิ่มเติมของฟีดแบบใหม่ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกสลับรูปฟีดที่ต้องการดูได้ทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้
Home คือฟีดแบบปัจจุบัน ที่มีโพสต์เรียงตามอัลกอริทึม และมีโพสต์แนะนำของบัญชีที่ไม่ได้ติดตาม
Favorites โพสต์แสดงจำกัดเฉพาะบัญชีที่เราเลือกไว้ เช่น คนในครอบครัว บัญชีโปรด เพื่อนสนิท
Following โพสต์เรียงตามลำดับเวลาโพสต์ จากบัญชีทั้งหมดที่เรากดติดตาม
Instagram บอกว่าระบบเลือกฟีดใหม่นี้อยู่ในขั้นตอนทดสอบ คาดว่าจะเปิดกับผู้ใช้งานทุกคนภายในครี่งแรกของปีนี้
ที่มา: The Verge |
# BMW สาธิตเทคโนโลยีรถยนต์เปลี่ยนสีได้ โดยใช้ E-Ink
BMW สาธิตเทคโนโลยีสีรถยนต์ในงาน CES 2022 ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนสีรถยนต์ได้ โดยรุ่นที่นำมาพัฒนาคือ BMW iX
เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนสีได้เองคือ E-Ink ซึ่งมีใช้มาก่อนหน้านี้แล้วใน Kindle รุ่นจอขาวดำ หรือในนาฬิกา Pebble โดยตัวบอดี้ของรถยนต์จะประกอบด้วยไมโครแคปซูลเท่าเส้นผมของ E-Ink จำนวนมาก ที่สามารถสลับการให้สีระหว่างขาวกับดำได้ และยังสามารถปรับระดับขาว-ดำ เพื่อให้ได้เฉดสีเทาที่ต้องการ ฉะนั้นตัวเลือกสีในตอนนี้จึงจำกัดเพียง ขาว ดำ และเทา
BMW บอกว่าเทคโนโลยีนี้เป็นรถยนต์ต้นแบบเท่านั้น ยังไม่มีแผนนำมาผลิตขายจริงเร็ว ๆ นี้ โดยสีขาว-ดำ ของรถยนต์นั้น เมื่อสลับไปมาก็ช่วยได้ในเรื่องการเก็บ-สะท้อนความร้อน เวลาขับรถยนต์ในสภาพอากาศที่ร้อน-หนาว
ที่มา: BMW ผ่าน The Verge |
# Brave เบราว์เซอร์เน้นความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน เผยมีผู้ใช้งานมากกว่า 50 ล้านคน
Brave เบราว์เซอร์ที่พัฒนาโดยอดีตซีอีโอของ Mozilla ซึ่งชูจุดขายเน้นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ประกาศสถิติของปี 2021 มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) มากกว่า 50 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากปี 2020 ที่มี 24 ล้านคน ตัวเลขผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) อยู่ที่ 15.5 ล้านคน
บริการ Brave Search มีอัตราการค้นหามากกว่า 2,300 ล้านครั้งต่อปี แม้เพิ่งเปิดตัวช่วงกลางปี ส่วนบริการโฆษณาที่เน้นความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน Brave Ads มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า
Brendan Eich ซีอีโอ Brave กล่าวว่าปีที่ผ่านมา Brave ได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครบในระบบนิเวศมากขึ้น โดยอยู่บนเป้าหมายให้เว็บเป็นอิสระจากบริษัทเทคขนาดใหญ่ ซึ่งผู้ใช้งานยังคงได้ประโยชน์ ไม่ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัว
ที่มา: Brave |
# AT&T และ Verizon ยอมชะลอขยาย 5G ในสหรัฐ จากความกังวลคลื่นอาจรบกวนการบิน
บริษัท AT&T และ Verizon ยอมเลื่อนการขยายเครือข่าย 5G อีกสองสัปดาห์ จากวันที่ 5 มกราคม 2022 ตามคำขอขององค์การบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) จากที่ก่อนหน้านี้ ยอมเลื่อนมาแล้วหนึ่งเดือน
FAA กังวลว่าคลื่นสัญญาณบริการ 5G ที่ใช้คลื่นความถี่ 3.7-3.98 GHz อาจรบกวนคลื่นย่านความถี่ 4.2-4.4 GHz ที่ใช้ในเครื่องวัดระยะสูงด้วยคลื่นวิทยุของเครื่องบิน (radio altimeter) ซึ่งมีความสำคัญเวลาเครื่องบินลงจอด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ทัศนวิสัยต่ำหรือสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
การชะลอการขยายเครือข่าย 5G ช่วยให้ FAA มีเวลามากขึ้นสำหรับการระบุเขตยกเว้นรอบสนามบิน และมาตรการบรรเทาผลกระทบกับสายการบิน เพิ่มจากก่อนหน้านี้ที่ FAA ออกคำสั่งว่าต้องออกประกาศผู้ทำการในอากาศ (NOTAM) เพื่อแจ้งให้ลูกเรือทราบถึงข้อมูลเครื่องวัดระยะสูงด้วยคลื่นวิทยุอาจไม่น่าเชื่อถือ จากการรบกวนของสัญญาณ 5G และคู่มือการบินของเครื่องบินควรปรับปรุงเพื่อสะท้อนข้อจำกัดดังกล่าว
ภาพจาก FAA
Brendan Carr กรรมาธิการของคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐอเมริกา (FCC) ปฏิเสธคำขอของ FAA โดยกล่าวว่า "เป็นคำขอที่ทำให้เกิดความล่าช้าที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม หรือกฎหมาย" ขณะเดียวกัน รัฐบาลไบเดนเห็นว่าการชะลอการขยายเครือข่าย 5G เป็นการบ่อนทำลายความเป็นผู้นำ 5G ของอเมริกา
John Stankey ซีอีโอของ AT&T และ Hans Vestberg ซีอีโอของ Verizon กล่าวว่าแทนที่จะชะลอการขยายเครือข่าย 5G บริษัทโทรคมนาคมจะกำหนดพื้นที่ยกเว้นคลื่นวิทยุ C-band แบบเดียวกับรอบสนามบินในฝรั่งเศส ที่ยังคงมีเครื่องบินจากสหรัฐเมริกาบินขึ้นลงทุกวัน
สำนักงานความปลอดภัยการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) มีความกังวลเกี่ยวกับการขยายเครือข่าย 5G ในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน และแนะนำให้สายการบินในยุโรปรวมสถานการณ์ของเครื่องวัดระยะสูงด้วยคลื่นวิทยุที่ไม่น่าเชื่อถือเข้าไปในการฝึกจำลองสถานการณ์ และต้องคอยรายงานการแสดงผลที่ผิดปกติของเครื่องวัดระยะสูงด้วยคลื่นวิทยุ (เครือข่าย 5G ของยุโรปใช้คลื่นความถี่ 3.6 GHz และมีพื้นที่ยกเว้นรอบสนามบิน หรือพื้นที่ลดการกระจายความเข้มคลื่นในบริเวณใกล้สถานีภาคพื้นดินเพื่อลดผลกระทบ)
ที่มา : AeroTime Hub
ล้อใจความบางส่วนจากเพจ Outsider's Aviation
ข้อมูลเพิ่มเติม สหรัฐอเมริกาประมูลคลื่น 5G ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 โดยมีมูลค่ารวมกว่า 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีบริษัทที่ใช้เงินประมูลไปสูงสุดสามลำดับแรกคือ Verizon ที่ 4.54 หมื่นล้านดอลลาร์ AT&T ที่ 2.34 หมื่นล้านดอลลาร์ และ T-Mobile ที่ 0.93 หมื่นล้านดอลลาร์ |
# Razer ร่วมกับ Fossil ผลิตสมาร์ทวอช Gen 6 ลิมิเต็ดอิดิชั่นสำหรับเกมเมอร์
Razer และ Fossil ประกาศร่วมมือกันผลิตสมาร์ทวอช Gen 6 แบบลิมิเต็ดอิดิชั่นสำหรับเกมเมอร์ โดยเน้นดีไซน์แบบ Razer ภายใต้โครงสร้างนาฬิกาเดิมของ Fossil
ฟีเจอร์ของนาฬิกาก็จะยังคงเหมือน Fossil Gen 6 ทั่วไป คือใช้เคสโลหะ 44mm ชิปหลักเป็น Snapdragon Wear 4100+ พร้อมกันน้ำ 3ATM มีระบบตรวจจับออกซิเจนในเม็ดเลือด พร้อมหน้าจอกลมขนาด 1.28 นิ้ว ส่วนที่พิเศษคือจะมีหน้าปัดแบบ Chroma เพิ่มเข้ามา และสายซิลิโคน 2 แบบ คือ sober black และสีเขียวแบบ Razer
ตัวนาฬิกา Razer x Fossil จะวางจำหน่ายที่ราคา 329 ดอลลาร์ หรือราว 11,000 บาท โดยจะเริ่มวางขายในเดือนนี้ มีทั้งหมดเพียง 1,337 เรือนเท่านั้น
ที่มา - Engadget |
# อินเทลปรับมาตรฐาน Evo เวอร์ชัน 3 คุยวิดีโอคอลล์ต้องลื่น, กำหนดสเปกโน้ตบุ๊ก Foldable
อินเทลมีโครงการ Evo ที่กำหนดมาตรฐานของโน้ตบุ๊กยุคใหม่มาตั้งแต่ปี 2020 โดยโน้ตบุ๊กที่จะได้ตรา Evo ต้องตอบสนองเร็ว ปลุกแล้วตื่นเร็ว แบตอึด ชาร์จเร็ว
ปีนี้อินเทลปรับสเปก Evo เป็นเวอร์ชัน 3 (3rd Edition) รองรับการมาถึงของซีพียู 12th Gen โดยเพิ่มสเปกหมวด Intelligent Collaboration หรืออธิบายง่ายๆ ว่าใช้คุยวิดีโอคอลล์ หรือโปรแกรมทำงาน (เช่น Slack, PowerPoint, Outlook, Google Drive) แล้วต้องให้ประสบการณ์ที่ดี
แนวทางของอินเทลมี 4 ข้อ ได้แก่
ต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E รุ่นใหม่ที่ใช้คลื่น 6GHz
ใช้ Intel Connectivity Performance Suite จัดการทราฟิกและการเชื่อมต่อ
ใช้ AI แก้เรื่องเสียงรบกวน (noise reduction)
ใช้ AI ช่วยปรับภาพและเอฟเฟคต์ระหว่างวิดีโอคอลล์
นอกจากนี้ อินเทลยังประกาศให้โน้ตบุ๊กกลุ่มที่ใช้ซีพียู H-Series เข้าร่วมโครงการ Evo ได้แล้ว ทำให้เราจะได้เห็นโน้ตบุ๊กหน้าจอ 15-16" สำหรับสายครีเอเตอร์แปะตรา Evo ในเร็วๆ นี้ รวมถึงกำหนดสเปกของอุปกรณ์กลุ่มจอพับได้ (Foldable) ให้เข้าร่วมโครงการ Evo ด้วยเช่นกัน
ที่มา - Intel, Intel (PDF) |
# Dell เปิดตัวจอ UltraSharp สำหรับประชุมออนไลน์ หน้าจอ 4K พร้อมกล้องเว็บแคม 4K
Dell เปิดตัวจอมอนิตเตอร์ UltraSharp U3223QZ สำหรับประชุมออนไลน์ จุดเด่นคือตัวหน้าจอความละเอียด 4K มาพร้อมกับกล้องเว็บแคมความละเอียด 4K ด้วยเหมือนกัน
หน้าจอของ U3223QZ มีขนาด 31.5" ใช้พาเนล IPS Black อัตราคอนทราสต์ 2000:1, ความละเอียด 4K ผ่านมาตรฐานสี 100% sRGB, 98% DCI-P3 รองรับมาตรฐาน DisplayHDR 400 มีโหมดตัดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา
ตัวเว็บแคมเป็น UltraSharp Webcam ที่เปิดตัวช่วงกลางปี 2021 เน้นคุณภาพของภาพที่ได้อย่างมาก ใช้เซ็นเซอร์ Sony STARVIS ความละเอียด 4K รองรับฟีเจอร์ที่ควรมีอย่าง HDR, noise reduction ในสภาพแสงน้อย, auto framing ปรับภาพให้คนอยู่ตรงกลางเฟรมเสมอ
พอนำชิ้นส่วนสองชิ้นมารวมกัน Dell ยังเพิ่มไมโครโฟนคู่ตัดเสียงสะท้อน, ลำโพงคู่ 14 วัตต์, ชัตเตอร์ปิดกล้องเมื่อไม่ต้องการใช้งาน, มีปุ่ม Microsoft Teams ได้ในตัว, Auto KVM รองรับการต่อพีซีสองเครื่อง โดยใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ชุดเดียว
สินค้าเริ่มวางขายจริง 29 มีนาคม 2022 ยังไม่ประกาศราคา
ที่มา - Dell |
# เป็นทางการแล้ว OpenSea รับเงินทุนซีรี่ส์ C มีมูลค่ากิจการ 13,300 ล้านดอลลาร์
เมื่อเช้านี้มีรายงานว่า OpenSea เตรียมรับเงินเพิ่มทุนรอบใหม่ ล่าสุดมีประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว โดย OpenSea รับเงินทุนซีรี่ส์ C เพิ่ม 300 ล้านดอลลาร์ จากนักลงทุนนำโดย Paradigm แพลตฟอร์มด้านคริปโต และเฮดจ์ฟันด์ Coatue โดยมีมูลค่ากิจการ 13,300 ล้านดอลลาร์
Devin Finzer ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ OpenSea กล่าวว่าเงินทุนรอบนี้จะนำไปใช้เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์, ปรับปรุงการบริการลูกค้า, นำไปใช้ลงทุนในบริษัทด้าน NFT และ Web3 รวมทั้งจ้างพนักงานเพิ่ม
ในประกาศนี้ OpeaSea ยังบอกว่าได้ Shiva Rajaraman อดีตผู้บริหารด้าน Commerce จาก Meta มารับตำแหน่งรองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยพัฒนาระบบในภาพรวมอีกด้วย
ที่มา: OpenSea |
# NVIDIA โชว์ GeForce 3090 Ti สมรรถนะ 40 TFLOPS เปิดตัวภายในเดือน ม.ค. 2022
NVIDIA โชว์ภาพการ์ดจอ GeForce RTX 3090 Ti ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือนมกราคมนี้ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลราคาและสเปกละเอียดออกมา
ข้อมูลที่ NVIDIA เปิดเผยคร่าวๆ คือสมรรถนะของการประมวลผลทศนิยม (FP32) อยู่ที่ 40 TFLOPS หรือเพิ่มขึ้น 12% จาก 3090 รุ่นท็อปสุดในปัจจุบัน, อัพเกรดมาใช้แรม GDDR6X แบนด์วิดท์สูงขึ้นเป็น 21 Gbps แต่ยังมีขนาด 24GB เท่าเดิม
ถ้าเราเอา GeForce 3090 ซึ่งเปิดตัวในเดือนกันยายน 2020 เป็นที่ตั้ง มีหน่วยประมวลผล 10496 คอร์ สมรรถนะ 29 TFLOPS ราคาขายอย่างเป็นทางการคือ 1,499 ดอลลาร์ ต้องรอดูว่า 3090 Ti จะอัพเกรดไปอีกแค่ไหน (รุ่นท็อปของเจนก่อน Titan RTX ซึ่งเทียบได้กับ 2090 หรือ 2090 Ti ตั้งราคาขายที่ 2,499 ดอลลาร์)
ที่มา - NVIDIA, AnandTech |
# Panasonic โชว์ AR HUD 2.0 จอภาพบนกระจกหน้ารถยนต์ จับสายตาคนขับเพื่อแสดงข้อมูลแบบลอยตรงหน้า
Panasonic โชว์คอนโซลรถรุ่นใหม่ AR HUD 2.0 จอภาพ AR ที่อาศัยการฉายภาพขึ้นกระจกหน้ารถ โดยอาศัยการจับใบหน้าและสายตาของคนขับตลอดเวลา ทำให้แสดงภาพได้แม่นยำ
ข้อมูลที่แสดงในส่วน AR เช่น การเตือนว่ารถออกนอกเลน, ระบบนำทาง, ป้ายเตือนการชน ตัวกล้องจับใบหน้าคนขับทำให้รู้ส่วนสูงของคนขับและแสดงภาพได้พอดี พร้อมกับปรับโฟกัสให้พอดีกับระยะที่คนขับนั่ง
โซลูชั่นนี้เป็นของ Panasonic Automotive Systems Company of America ที่ขายให้กับผู้ผลิตรถยนต์ไปปรับแต่งตามการใช้งานอีกทีหนึ่ง เมื่อเทคโนโลยีพร้อมจนทางบริษัทนำมาโชว์ในงาน CES เช่นนี้ก็ต้องรอดูว่าผู้ผลิตรถยนต์รายใดจะทำไปใช้ในรถของตัวเองกันบ้าง
ที่มา - PRNewsWire |
# Sony เปิดตัว Bravia Cam กล้องติดทีวี ปรับภาพและเสียงตามจุดที่ผู้ใช้นั่ง เตือนถ้านั่งใกล้เกินไป
นอกจากทีวี Bravia XR แล้ว ในงาน CES Sony ยังเปิดตัว Bravia Cam กล้องเว็บแคมพร้อมไมค์ ติดบนจอทีวี ที่จะใช้เป็นเว็บแคม หรือใช้ตรวจจับผู้ใช้เพื่อสั่งการทีวีด้วยเสียงหรือท่าทางก็ได้ รวมถึงยังสามารถปรับแต่งภาพและเสียงให้ตรงกับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้
Bravia Cam จะแถมมาพร้อมกับทีวีรุ่นท็อปของปี 2022 อย่าง Z9K หรือ A95K ที่จะมีแถบแม่เหล็กอยู่บนขอบจอไว้ดูดกล้องไว้กับที่ หรือถ้าผู้ใช้ซื้อทีวี Bravia รุ่นอื่น ก็สามารถซื้อ Bravia Cam เพิ่มเติมได้ แต่ Sony ยังไม่เปิดเผยราคา
ตัวกล้องสามารถตรวจจับจุดที่ผู้ใช้นั่งอยู่ เพื่อปรับแต่งภาพและเสียงให้ดีที่สุด เช่นปรับแสงตามแสงไฟในห้อง หรือหากมีคนดูที่นั่งเอียงไปทางด้านซ้ายและขวาของจอ จอภาพก็จะปรับแต่งให้มุมมองกว้างที่สุด ระบบเสียงปรับมิกซ์ให้เสียงถูกส่งออกไปยังทิศทางที่ผู้ใช้นั่งอยู่ รวมถึงสามารถปิดทีวีอัตโนมัติเมื่อไม่มีคนดู และแจ้งเตือนผู้ใช้ด้วยข้อความบนหน้าจอได้ หากผู้ใช้นั่งใกล้ทีวีจนเกินไป
เรื่องความเป็นส่วนตัว ตัวกล้องมาพร้อมสวิตช์ปิดกล้องแบบเลื่อนพลาสติกมาบังเลนส์ Sony ระบุว่าข้อมูลทั้งหมดจะถูกประมวลผลที่ตัวกล้องเองโดยไม่มีการส่งเข้าเซิฟเวอร์ และผู้ใช้สามารถลบวิดีโอที่บันทึกด้วยกล้องนี้ได้ตลอดเวลา
ที่มา - CNN |
# Sony เปิดตัวทีวี Bravia XR รุ่นท็อปของปี 2022 มาทั้ง Mini LED และ QD-OLED
Sony เปิดตัวทีวี Bravia รุ่นท็อปของปี 2022 ในงาน CES ปีนี้ เริ่มที่ Master Series รหัส Z9K และ X95K เทคโนโลยี Mini LED รหัส Z9K จะเป็นทีวีความละเอียด 8K ขนาด 75 และ 85 นิ้ว ส่วน X95K เป็นทีวี 4K ขนาด 65, 75 และ 85 นิ้ว ทุกรุ่นควบคุมภาพด้วยตัวประมวลผล Bravia XR หน้าจอปรับความถี่ได้แบบ variable refresh rate (VRR) สูงสุด 120Hz และรัน Google TV
Sony ระบุว่าทีวี Mini LED ที่ใช้ตัวประมวลผล Bravia XR จะมาพร้อมอัลกอริทึ่มควบคุมระบบหรี่ไฟแบคไลท์ (local dimming) ชื่อ XR Backlight Master Drive ที่จะลดเอฟเฟกต์บลูม หรือไฟฟุ้งสีขาวนอกพื้นที่ที่ต้องการให้มีแสงซึ่งทำให้แสดงภาพสีดำสนิทได้ยาก และมักพบในทีวี Mini LED
นอกจากนี้ Sony ยังเปิดตัว Bravia XR A95K ทีวี 4K เทคโนโลยี QD-OLED หรือ Quantum Dot OLED ที่ใช้แพแนล QD-OLED จาก Samsung Display นำมาปรับจูนและใช้ตัวประมวลผลภาพของ Sony เอง และมาพร้อมระบบปรับความถี่แบบ VRR จากโรงงาน และรัน Google TV เช่นกัน
ข้อดีของแพแนลแบบ QD–OLED คือจะสว่างกว่า OLED ทั่วไปในขณะที่ไม่สูญเสียความสดของสี เพราะใช้การฉายแสงสีน้ำเงินบางส่วนผ่าน Quantum Dot Layer เพื่อสร้างแสงสี แดง และเขียว หรือรวมกับซับพิกเซลสีน้ำเงินที่เหลือเพื่อสร้างสีขาว แทนที่จะฉาย OLED สีน้ำเงินและเหลืองผ่านฟิลเตอร์สีแบบแพแนล OLED แบบ WRGB ทั่วไป ที่ทำให้แสงสว่างของ OLED ลดลง
ส่วนราคาและวันวางจำหน่าย Sony ยังไม่เปิดเผยข้อมูลในงาน แต่คาดว่าจะทยอยเปิดเผยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งเมื่อเป็นรุ่นท็อปของ Sony คงมีราคาอารยธรรมที่แรงไม่เบาแน่นอน
ที่มา - PRNewsWire, XDA Developers, The Verge |
# Dell เปิดตัว XPS 13 Plus ปรับดีไซน์ครั้งใหญ่ คีย์บอร์ดแถวบนแบบสัมผัส ทัชแพดไร้เส้นขอบ
Dell เปิดตัวโน้ตบุ๊ก XPS 13 Plus (9320) ซึ่งถือเป็นการยกเครื่องใหญ่ XPS 13 รุ่นยอดนิยมเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุดของ XPS 13 Plus คือคีย์บอร์ดและทัชแพด ที่เปลี่ยนโฉมไปมาก โดยคีย์บอร์ดแถวบนสุด Esc/F1-F12 เปลี่ยนเป็นกลุ่ม capacitive touch (ในขณะที่แอปเปิลเพิ่งตัดสินใจเลิกใช้ Touch Bar) ส่วนทัชแพดเป็นกระจกแบบ seamless ไม่มีกรอบใดๆ ผสานลงไปกับตัวบอดี้เลย
Dell บอกว่าเป้าหมายของการปรับดีไซน์ครั้งนี้ยึดคำว่า minimalist และ modern เป็นสำคัญ ไม่มีอะไรเกะกะสายตา ตัวปุ่มคีย์บอร์ดปรับมาใช้ดีไซน์แบบไม่มีช่องว่างระหว่างปุ่ม (zero-lattice) ส่งผลให้ปุ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น
สเปกของ XPS 13 Plus ใช้ซีพียู Intel Core 12th Gen Alder Lake แบบ 28 วัตต์ (P-Series) แทนของเดิมที่ใช้ 15 วัตต์ (U-series) เพื่อให้ประสิทธิภาพดีขึ้น โดย Dell บอกว่าปรับขนาดพัดลมให้ใหญ่ขึ้นเพื่อระบายลมร้อนได้ดีขึ้น 55% และยังคงอุณหภูมิ-เสียงรบกวนที่ระดับเดิม
ซีพียู 12th Gen i5-1240P, i7-1260P, i7-1270P, i7-1280P
แรม 8GB/16GB/32B LPDDR5 5200MHz ไม่มีสล็อตเสียบเพิ่ม
สตอเรจ สูงสุด 1TB PCIe 4
หน้าจอ 13.4" เลือกได้ตั้งแต่ FHD+ ความสว่าง 500-nits และ OLED 3.5K หรือ 4K เลือกเป็นจอสัมผัสได้
แบตเตอรี่ 55 WHr ชาร์จเร็ว Express Charge 2.0 ชาร์จแบต 80% ภายในครึ่งชั่วโมง
พอร์ต Thunderbolt 4 x2 (USB Type-C) รองรับ DisplayPort และ Power Delivery
เลือก OS ได้ว่าจะใช้ Windows 11 หรือ Ubuntu 20.04
น้ำหนักเครื่องเริ่มที่ 1.24 กิโลกรัม
Dell XPS 13 Plus ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียม มีให้เลือกสองสีคือ โทนอ่อน Platinum และโทนเข้ม Graphite กำหนดวางขายจริงช่วงฤดูใบไม้ผลิ 2022 ราคาเริ่มต้นที่ 1,199 ดอลลาร์
ที่มา - Dell |
# NVIDIA เปิดตัวจอมอนิเตอร์อีสปอร์ต 27" 1440p 360Hz ดันเป็นมาตรฐานใหม่แทน 1080p
NVIDIA จับมือผู้ผลิตจอภาพหลายราย เปิดตัวจอมอนิเตอร์สำหรับอีสปอร์ตที่ความละเอียด 1440p เพื่อมาแทนของเดิมที่เป็น 1080p
ตลาดจอภาพสำหรับอีสปอร์ต (Esports Displays) มีความต้องการเฉพาะในเรื่องอัตราการรีเฟรชสูงๆ เพื่อให้ผู้เล่นตอบสนองภาพบนจอได้อย่างทันท่วงที ซึ่งต้องแลกมาด้วยความละเอียดของภาพที่ต่ำหน่อย (ระดับ 1080p) ด้วยข้อจำกัดเรื่องพลังการประมวลผล
NVIDIA บอกว่าปัจจุบันข้อจำกัดเรื่องพลังประมวลผลถูกทำลายไปแล้ว การมาถึงของจีพียูอย่าง GeForce 3080 บนเดสก์ท็อป สามารถเรนเดอร์ภาพความละเอียด 1440p ที่ 360 FPS ข้อจำกัดที่เหลืออยู่จึงมีแค่จอภาพไม่รองรับเท่านั้น
มาตรฐานจอภาพอีสปอร์ตยุคใหม่ที่ NVIDIA เสนอคือ ขนาด 27" ความละเอียด 1440p เพราะลองทดสอบมาแล้วว่าทำให้ผู้เล่นเล็งเป้า (ในเกม) ได้แม่นขึ้น 3% เมื่อเทียบกับจอ 24" 1080p แบบดั้งเดิม ส่วนอัตราการรีเฟรชภาพที่ควรจะเป็นคือ 360 Hz เท่าที่เทคโนโลยีจอภาพในยุคนี้สามารถผลักดันไปได้
ฟีเจอร์อื่นๆ ก็เป็นเทคโนโลยีของ NVIDIA ครบชุด ตั้งแต่ G-Sync, Reflex ช่วยวัดค่า latency, Dual-Format การปรับภาพมาแสดงผลที่ 25" 1080p เท่าของเดิม (เว้นขอบดำด้านข้าง) สำหรับผู้เล่นบางคนหรือเกมบางเกมที่ต้องการภาพขนาดเดิม
แบรนด์ผู้ผลิตที่ร่วมเปิดตัวจอภาพแบบใหม่นี้ได้แก่ AOC Agon Pro, MSI Meg, ROG Swift, ViewSonic Elite โดยทุกรุ่นมีอัตรารีเฟรช 300Hz ยกเว้น ROG ที่ทำได้ 360Hz
ที่มา - NVIDIA |
# Norton 360 อัพเดตใหม่ ใส่ตัวขุดคริปโตมาด้วย เลือกเปิด-ปิดได้ แต่ลบไม่ได้
Norton ออกอัพเดตให้ Norton 360 เพิ่มตัวเสริม Norton Crypto โปรแกรมจะใช้ชิปกราฟิกในเครื่องเพื่อขุดเหรียญ Ethereum ในช่วงที่เครื่องไม่ได้ใช้งานมาเก็บไว้บน Norton Crypto Wallet โดย Norton จะกินส่วนแบ่ง 15% โปรแกรมไม่ได้รันเองอัตโนมัติผู้ใช้ต้องเปิดใช้งานด้วยตัวเอง และหากเปลี่ยนใจก็สามารถเลือกเปิด-ปิดได้ตามต้องการ
ปัญหาคือมีผู้ใช้บางส่วนที่ไม่ต้องการตัวเสริมนี้ และไม่พอใจที่ Norton เลือกลงตัวโปรแกรมขุดคริปโตให้โดยไม่ถามผู้ใช้ นอกจากนี้ Norton ยังไม่มีตัวเลือกในโปรแกรม Norton 360 เพื่อลบตัวเสริมนี้ออก และผู้ใช้ต้องขุดโฟลเดอร์เพื่อลบตัวเสริมที่ใช้รันโปรแกรมชื่อ NCrypt.exe ออกเอง โดยไม่แน่ชัดว่าตัวเสริมนี้จะกลับมาอีกครั้งหากมีอัพเดตหรือไม่
ไม่แปลกที่ผู้ใช้จะไม่ไว้ใจโปรแกรมขุดคริปโตที่ตนไม่ได้ลงไว้ในเครื่องเอง แม้จะเลือกเปิดปิดได้ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีทั้งมัลแวร์ หรือแม้แต่สคริปต์เว็บไซต์ ที่แอบขุดเหรียญคริปโตมาก่อนแล้ว ซึ่งการขุดเหรียญคริปโตใช้ประสิทธิภาพของเครื่องสูง อาจทำให้การทำงานอื่นช้าลง และทำให้ฮาร์ดแวร์เสื่อมไวขึ้นได้ คงต้องรอดูว่า Norton จะมีการปรับปรุงส่วนเสริมนี้หรือไม่
ที่มา - Digital Trends, Norton |
# Qualcomm เปิดตัว Snapdragon Digital Chassis แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับรถยนต์ทั้งคัน
Qualcomm เปิดตัว Snapdragon Digital Chassis แพลตฟอร์มการประมวลผลสำหรับรถยนต์ยุคใหม่ในภาพรวม
Qualcomm บอกว่าวงการรถยนต์ใช้เทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันบริษัทรถยนต์ก็กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีกันไปหมดแล้ว จึงเสนอแนวคิด "โครงรถดิจิทัล" (digital chassis) ขึ้นมาเปรียบเทียบกับโครงรถยนต์เชิงกายภาพแบบดั้งเดิม (ล้อ เพลา พวงมาลัย ฯลฯ) เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพตรงกัน ว่าเปรียบได้กับโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของรถยนต์
Digital Chassis ของ Qualcomm เป็นชื่อเรียกชุดเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ ซึ่งหลายตัว Qualcomm ก็เปิดตัวมาก่อนแล้ว เช่น Snapdragon Ride
Snapdragon Ride ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ/ช่วยขับขี่ (ADAS) ของรถยนต์ รอบนี้เพิ่มหน่วยประมวลผล Snapdragon Ride Vision สำหรับประมวลผลจากกล้องด้านหน้ารถยนต์เข้ามาเป็นของใหม่
Snapdragon Cockpit ระบบจัดการหน้าจอแสดงผล ทั้งส่วนควบคุมการขับขี่และแสดงข้อมูล (infotainment)
Snapdragon Auto Connectivity ระบบจัดการการเชื่อมต่อไร้สายทุกประเภท ตั้งแต่ 5G, Wi-Fi, Bluetooth, ระบบพิกัด GNSS, ระบบสื่อสารระหว่างรถยนต์ V2V รวมถึงการสื่อสารมีสาย เช่น สถานะการชาร์จรถ EV
Snapdragon Car-to-Cloud ระบบการซิงก์ข้อมูลระหว่างรถยนต์กับคลาวด์ ซึ่งรวมไปถึงการอัพเกรดเวอร์ชันของซอฟต์แวร์
ในงานแถลงข่าวรอบนี้ Qualcomm ประกาศความร่วมมือกับแบรนด์รถยนต์จำนวนมาก ที่เด่นๆ ถึงขั้นส่งซีอีโอมาร่วมงานแถลงข่าวด้วยคือ Renault ร่วมพัฒนา Digital Chassis ทั้งชุด, Honda ประกาศทำ Digital Cockpit, Volvo ประกาศทำ Digital Cockpit ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นหน้า Polestar 3 และ Alps Alpine Work ผู้ผลิตแผงคอนโซลหน้ารถยนต์ ทำระบบสั่งการของผู้โดยสารในรถ (Digital Cabin) ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่ระบุชื่อก็อย่างเช่น GM, BMW, Hyundai, Nio, Xpeng เป็นต้น
ที่มา - Qualcomm |
# AMD เปิดตัวการ์ดจอโน้ตบุ๊ก Radeon ซีรีส์ RX 6000S สำหรับรุ่นบางเบา และ RX 6000M อีก 5 รุ่น
ในงาน CES เมื่อคืนนี้ AMD เปิดตัวการ์ดจอโน้ตบุ๊กในตระกูล AMD Radeon RX เพิ่มอีกสองชุด ชุดแรกเป็นตระกูล RX 6000S ออกแบบมาเพื่อโน้ตบุ๊กรุ่นบางเบา เน้นด้านประหยัดพลังงาน และประสิทธิภาพต่อวัตต์
เริ่มด้วย RX 6800S ที่ระบุว่าออกแบบมาเพื่อเล่นเกมที่ Max Settings ได้ 100 เฟรมต่อวินาที (แต่ไม่ระบุเกมและความละเอียด) RX 6700S ที่ระบุว่าเล่นที่ High Settings ได้เกิน 100 เฟรมต่อวินาที และ RX 6600S ที่ระบุว่าเล่นบน High Settings ได้เกิน 80 เฟรมต่อวินาที ถ้าให้คาด น่าจะเป็นเกมที่ไม่กินกราฟฟิกมากนัก เช่น Rocket League บนความละเอียด 1080p
ต่อมา AMD ขยายไลน์ RX 6000M เพิ่มอีก 5 รุ่น คือ RX 6850M XT ที่ AMD ที่มีสัญญาณนาฬิกาแรงกว่า RX 6800M ถึง 7% และหน่วยความจำเร็วกว่า 14% ถัดมาเป็น RX 6650M และ RX 6650M XT ที่แรงกว่า RX 6600M ราว 20% และอีกสองรุ่นเล็กคือ RX6500M และ RX6300M ที่ AMD โชว์พลังข่มค่ายเขียวโดยระบุว่าแรงกว่า GeForce MX450 ถึง 200%
ในยุคที่การ์ดจอเดสก์ท็อปแพงและหายาก เกมเมอร์เริ่มหันไปมองหาโน้ตบุ๊กเล่นเกมมากขึ้น น่าจะเป็นจังหวะที่ดีของการทำยอดการ์ดจอโน้ตบุ๊กของทั้งสองค่าย
ที่มา - PC World |
# Qualcomm ประกาศทำชิป Snapdragon คัสตอมสำหรับแว่น AR ให้ไมโครซอฟท์
Qualcomm ประกาศความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ พัฒนาเทคโนโลยี augmented reality (AR) ร่วมกัน โดยจะมีสินค้าออกมาทั้งฝั่งคอนซูเมอร์และองค์กร
แกนหลักของความร่วมมือนี้คือการพัฒนาชิป AR รุ่นคัสตอมสำหรับแว่น AR ซึ่งถือว่าน่าสนใจไม่น้อย ปัจจุบันแว่น HoloLens 2 รุ่นล่าสุดของไมโครซอฟท์ใช้ Snapdragon 850 อยู่แล้ว และ Qualcomm เองก็มี Snapdragon XR ที่ออกมาจับตลาดแว่น VR/AR อยู่แล้ว การร่วมกันพัฒนาชิปใหม่ให้ไมโครซอฟท์โดยเฉพาะ จึงน่าสนใจว่าจะออกมาอย่างไร ทั้งสองบริษัทไม่ได้ระบุว่าเราจะได้เห็นชิปตัวนี้ออกสู่ตลาดตอนไหน
อย่างอื่นในความร่วมมือครั้งนี้คือ การเชื่อมโยงซอฟต์แวร์ Microsoft Mesh แพลตฟอร์มโลกเสมือนของไมโครซอฟท์ เข้ากับ Snapdragon Spaces XR Developer Platform ชุดพัฒนาแอพของ Qualcomm
ที่มา - Qualcomm |
# NVIDIA เปิดตัว GeForce 3080 Ti และ 3070 Ti สำหรับโน้ตบุ๊ก, Max-Q Gen 4
NVIDIA เปิดตัว GeForce RTX 3080 Ti และ RTX 3070 Ti สำหรับโน้ตบุ๊ก หลังจากเปิดตัวเวอร์ชันเดสก์ท็อปไปตั้งแต่กลางปี 2021
การเปิดตัว 3080 Ti ทำให้เราได้เห็นจีพียูสาย NVIDIA ที่แรงที่สุดบนโน้ตบุ๊ก (ก่อนหน้านี้ตัวแรงสุดคือ 3080 ธรรมดาไม่มี Ti) แต่เบนช์มาร์คของ NVIDIA ใช้เทียบกับจีพียูเจนก่อนหน้าคือ 2080 Super แทน คงต้องรอผลการเบนช์มาร์คจากที่อื่นๆ ว่าเทียบกันระหว่าง 3080 และ 3080 Ti แล้วต่างกันอย่างไร
ส่วน 3070 Ti นั้น NVIDIA บอกว่าเร็วขึ้นจาก 2070 Super ถึง 1.7x และสามารถเล่นเกม FPS ความละเอียด 1440p ตั้งค่า Ultra ได้ที่ 100 FPS
NVIDIA ยังเปิดตัวเทคโนโลยีจีพียูรุ่นประหยัดพลังงานคือ 4th Generation Max-Q Technologies เพิ่มฟีเจอร์ CPU Optimizing ช่วยปรับโหลดจากซีพียูมายังจีพียูให้มากขึ้น, Rapid Core Scaling เลือกใช้งานคอร์จีพียูเพียงบางคอร์ ปิดคอร์ที่ไม่จำเป็นชั่วคราว, Battery Boost 2.0 ฟีเจอร์ใช้ AI ควบคุมแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โน้ตบุ๊กที่ใช้ 3080 Ti, 3070 Ti, MaxQ Gen 4 มีจากหลากหลายแบรนด์ เช่น Acer, ASUS, Gigabyte, Alienware, MSI, Razer จะเริ่มวางขายสินค้ากันวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2022
ที่มา - NVIDIA |
# Sony เปิดสเปกแว่น PS VR2 ใช้จอ OLED 4K HDR 120Hz, มี Eye Tracking ในตัว
Sony ใช้เวที CES 2022 เปิดตัวแว่น PlayStation VR2 อย่างเป็นทางการ ยังคงเป็นแว่นมีสายที่ต้องเสียบกับเครื่อง PS5 จุดเด่นคือความละเอียดของหน้าจอที่เพิ่มขึ้นมาก, เซ็นเซอร์ใหม่ๆ รวมถึงเซ็นเซอร์จับนัยน์ตา (Eye Tracking)
ตอนนี้ยังไม่มีภาพแว่นออกมา แต่เผยสเปกแล้วดังนี้
จอ OLED ความละเอียด 4K 2000x2040 พิกเซลต่อข้าง อัตรารีเฟรช 90Hz/120Hz มุมมองกว้าง 110 องศา
motion sensor แบบ 6 แกน (3 แกน gyroscope + 3 แกน accelerometer)
เซ็นเซอร์วัดความใกล้ IR proximity sensor
กล้อง 4 ตัวฝังในแว่น จับความเคลื่อนไหวของศีรษะและคอนโทรลเลอร์ + กล้อง IR จับความเคลื่อนไหวของนัยน์ตาแต่ละข้าง
คอนโทรลเลอร์ของ PS VR2 เรียกว่า Sense Controllers ที่เคยโชว์ภาพไปก่อนหน้านี้ มีระบบ Adaptive Trigger และ Haptic Feedback
Sony ยังประกาศเกมเอ็กซ์คลูซีฟของ PS VR2 คือ Horizon Call of the Mountain ที่พัฒนาโดย Guerilla Games ร่วมกับ Firesprite สตูดิโอใหม่ที่เพิ่งซื้อมาในเดือนกันยายน 2021
ที่มา - PlayStation Blog |
# อินเทลเปิดตัว Core 12th Gen สำหรับเดสก์ท็อปชุดใหญ่ มีตั้งแต่ Core i9 ถึง Celeron
ในงาน CES 2022 นอกจาก Alder Lake สำหรับโน้ตบุ๊ก อินเทลยังเปิดตัวซีพียู Alder Lake สำหรับเดสก์ท็อปเพิ่มเติม จากรอบแรกที่เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2021
Alder Lake สำหรับเดสก์ท็อปรอบแรกเปิดตัวมา 6 รุ่นย่อย (i5, i7, i9) เป็นซีรีส์ K/KF ที่ไม่ล็อคสัญญาณนาฬิกา เน้นตลาดลูกค้ากลุ่ม enthusiast นำไปประกอบเครื่องและโอเวอร์คล็อคเป็นหลัก
การเปิดตัวชุดที่สองนี้เป็นชุดใหญ่ 22 รุ่นย่อย เน้นลูกค้า mainstream ใช้งานทั่วไป มีตั้งแต่ระดับบน i9 ไล่ไปจนถึง Pentium/Celeron ซึ่งอินเทลบอกว่าเป็นการเปิดตัว Core 12th Gen เดสก์ท็อปครบทั้งไลน์แล้ว
สิ่งที่น่าสนใจคือคอร์ประหยัดพลังงาน E-core มีเฉพาะใน Core i7 ขึ้นไปเท่านั้น ถ้าเป็น Core i5 ลงไปมีแต่ P-core อย่างเดียว เท่ากับว่าได้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมใหม่ของ P-core (Golden Cove) ที่แรงขึ้นกว่าคอร์ Willow Cove เดิมเท่านั้น แต่ไม่ได้ประโยชน์จากการเพิ่ม E-core เข้ามาช่วยประมวลผลด้วย
Core 12th Gen ที่เปิดตัวรอบนี้ มีทั้ง S-series สายมาตรฐาน 65 วัตต์ และ T-series สายประหยัดพลังงาน 35 วัตต์ รุ่นท็อปสุดคือ Core i9-12900 (16 คอร์ 24 เธร็ด, 8P+8E) ไปจนถึงรุ่นล่างสุด Celeron G6900 (2 คอร์ 2 เธร็ด, 2P+0E)
ซีพียูที่อินเทลนำมาโชว์เยอะหน่อยคือ Core i5-12600 ซึ่งถือเป็นรุ่นสูงสุดที่ไม่มี E-core (6P+0E) โดยโฆษณาว่าแรงกว่า Ryzen 7 5700G ที่เป็นซีรีส์สูงกว่าด้วยซ้ำ ต้องรอดูกันว่า Ryzen 7000 สำหรับเดสก์ท็อปที่จะเปิดตัวช่วงครึ่งหลังของปี จะสามารถชิงตำแหน่งคืนมาได้หรือไม่
นอกจากนี้ อินเทลยังเปิดตัวพัดลมใหม่ Laminar Coolers ที่แถมมาในกล่องกับซีพียูกลุ่ม 65 วัตต์ แยกเป็น 3 รุ่นย่อยตามเกรดคือ RH1 (i9), RM1 (i7, i5, i3), RS1 (Pentium, Celeron)
สุดท้ายคือการเปิดตัวชิปเซ็ต 600 Series รุ่นรองลงมาอีก 3 ตัวคือ H670, B660, H610 เพิ่มเติมจากรุ่นท็อป Z690 ที่เปิดตัวไปแล้วพร้อม Alder Lake ชุดแรก
ชิปเซ็ตแต่ละตัวมีความสามารถลดหลั่นกันไปตามตาราง เช่น รุ่นล่างสุด H610 ไม่รองรับ PCIe 4.0 เลยด้วยซ้ำ ในขณะที่รุ่นรองท็อป H670 มีความสามารถลดลงจาก Z690 เล็กน้อยในเรื่องโอเวอร์คล็อค
ที่มา - Intel, Intel (PDF) |
# อินเทลเปิดตัว Core 12th Gen "Alder Lake" สำหรับโน้ตบุ๊ก รุ่นท็อปสุดแรงขึ้น 40%
อินเทลเปิดตัวซีพียู 12th Gen Intel Core "Alder Lake" สำหรับโน้ตบุ๊ก ต่อเนื่องจาก Alder Lake สำหรับเดสก์ท็อป ที่ออกไปเมื่อเดือนตุลาคม 2021
Alder Lake สำหรับโน้ตบุ๊กยังใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับเดสก์ท็อป มีคอร์ใหญ่ (P-core) และคอร์เล็ก (E-core) แบ่งโหลดงานด้วย Thread Director, ผลิตที่กระบวนการระดับ Intel 7 (10nm แบบอัพเกรด) ฟีเจอร์อื่นเหมือนกันคือ รองรับแรม DDR5/LPDDR5, PCIe 4.0, Wi-Fi 6E และ Thunderbolt 4
ซีพียูทุกรุ่นที่เปิดตัวรอบนี้มีจีพียู Intel UHD เวอร์ชันใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Xe มีจำนวนคอร์ตั้งแต่ 48-96 คอร์ (EU)
การออก Alder Lake สำหรับโน้ตบุ๊กรอบนี้ ถือเป็นการปรับรอบการออกซีพียูของอินเทลให้สายเดสก์ท็อป-โน้ตบุ๊กกลับมาใช้สถาปัตยกรรมเดียวกันอีกครั้ง หลังแยกสายกันไปนานหลายปี
ซีพียู Alder Lake สำหรับโน้ตบุ๊กเปิดตัวมาทั้งหมด 28 ตัว แบ่งเป็น 3 ซีรีส์ย่อย ได้แก่
H-series สำหรับโน้ตบุ๊กเกมมิ่งสมรรถนะสูง ทำงานที่ 95-115 วัตต์
U-series สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบามากๆ ทำงานที่ 9-15 วัตต์
P-series ซีรีส์ใหม่ที่อยู่ตรงกลาง ออกมาสำหรับโน้ตบุ๊กบางเบาที่ต้องการพลังแรง ทำงานที่ 28 วัตต์ (เจนก่อนหน้า Tiger Lake มีตัวใกล้ๆ กันเรียกว่า H35-series)
H-series มีตั้งแต่ Core-i9 จนถึง Core-i5
P-series มีตั้งแต่ Core-i7 จนถึง Core-i3
U-series 15W มีตั้งแต่ Core-i7 จนถึง Celeron
U-series 9W มีตั้งแต่ Core-i7 จนถึง Celeron
ตารางรุ่นและสเปกทั้งหมดแบบเต็มๆ ดูได้จาก Intel (PDF)
พระเอกของงานคือซีพียูรุ่นท็อปสุด i9-12900HK (6 P-core + 8 E-core รวม 14 คอร์ 20 เธร็ด, ทำงานที่ความถี่สูงสุด 5GHz) ที่อินเทลบอกว่าประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น 40% จาก i9-11980HK รุ่นก่อน, ประสิทธิภาพด้านเล่นเกมดีขึ้น 28% และประสิทธิภาพด้านเรนเดอร์ 3D เพิ่มขึ้น 43% ถือเป็นซีพียูโน้ตบุ๊กที่แรงที่สุดในโลกตอนนี้
อินเทลบอกว่ามีโน้ตบุ๊กกลุ่ม H-series อยู่มากกว่า 100 รุ่นจากหลากหลายแบรนด์ สินค้าจะเริ่มวางขายก่อนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 เป็นต้นไป ส่วน P-series และ U-series จะตามมาภายในไตรมาส 1/2022
ที่มา - Intel |
# กูเกิลปล่อยแพตช์เดือนมกราคมให้ Pixel แล้ว แต่ของ Pixel 6 โดนดีเลย์อีกครั้ง
วันนี้กูเกิลปล่อยแพตช์ความปลอดภัยเดือนมกราคม 2022 ให้ Pixel ทุกรุ่นแล้ว ยกเว้น Pixel 6 และ 6 Pro ที่โดนดีเลย์อีกครั้ง (ตอนเดือนธันวาคม 2021 ก็ได้ช้ากว่ารุ่นอื่น) โดยนอกจากอุดช่องโหว่ความปลอดภัยแล้วยังมีการแก้บั๊กหน้าล็อก, บั๊กโทรหาเบอร์ฉุกเฉินไม่ได้ (ที่มีประเด็นกับแอพ Microsoft Teams), บั๊กแสดงตัวเลขการใช้งานดาต้า ฯลฯ
ส่วนสาเหตุที่ Pixel 6 ยังไม่ได้รับอัพเดตก็คงเป็นเพราะกูเกิลยังแก้บั๊กของแพตช์เดือนธันวาคมไม่เสร็จ โดยระบุว่าจะแก้ไขเสร็จภายในปลายเดือนมกราคมเลย
โทรศัพท์ Pixel รุ่นที่ได้รับอัพเดตคือ 5a, 5, 4a 5G, 4a, 4 XL, 4, 3a XL และ 3a
ที่มา - Android Authority |
# [ไม่ยืนยัน] OpenSea เตรียมเพิ่มทุนรอบใหม่ มูลค่ากิจการอาจสูงถึง 13,000 ล้านดอลลาร์
มีรายงานว่า OpenSea แพลตฟอร์มซื้อขายงาน NFT เตรียมรับเงินจากนักลงทุนเพิ่มเติมรอบใหม่ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีมูลค่ากิจการสูงถึง 13,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีเฮดจ์ฟันด์ Coatue Management เป็นผู้ลงทุนหลักในรอบนี้ รวมทั้งมี Paradigm แพลตฟอร์มด้านคริปโตร่วมลงทุนด้วย
เมื่อปีที่แล้ว OpenSea มีมูลค่ากิจการจากเงินเพิ่มทุนที่ 1,500 ล้านดอลลาร์
หากดีลนี้เกิดขึ้นจริง อาจสะท้อนว่านักลงทุนเริ่มสนใจในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ NFT มากขึ้น ยังมีรายงานว่า OpenSea มีแผนนำเงินทุนนี้ไปซื้อกิจการ Dharma Lab ผู้ให้บริการวอลเลต Ethereum เพื่อนำมาต่อยอดบริการต่าง ๆ อีกด้วย
ที่มา: The Block Crypto |
# Google ซื้อกิจการ Siemplify สตาร์ทอัพด้าน cybersecurity จากอิสราเอล
กูเกิลประกาศซื้อกิจการ Siemplify สตาร์ทอัพด้าน cybersecurity จากอิสราเอล โดยดีลไม่มีการเปิดเผยมูลค่าอย่างเป็นทางการ แต่มีตัวเลขรายงานว่าอยู่ที่ราว 500 ล้านดอลลาร์
Siemplify เป็นผู้ให้บริการด้าน SOAR หรือ security orchestration, automation and response ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบ ค้นหา และแก้ไขการโจมตีทางไซเบอร์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
บริการของ Siemplify จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมความปลอดภัยใน Google Cloud ซึ่งกูเกิลโฟกัสในส่วนนี้มากขึ้น
ที่มา: Google Cloud |
# Tencent ประกาศขายหุ้นบางส่วน และลดอำนาจโหวตใน Sea Limited
Tencent แถลงว่าบริษัทเตรียมขายหุ้น Sea Limited ที่ถือครองอยู่ โดยจะลดจำนวนจาก 21.3% เหลือ 18.7% ซึ่งหุ้นที่ขายเป็นหุ้นคลาส A นอกจากนี้ Tencent จะแปลงหุ้นคลาส B ที่มีอำนาจในการโหวตสูงกว่า 3 เท่า ไปเป็นหุ้นคลาส A ซึ่งเป้าหมายคือให้บริษัทมีอำนาจการโหวตต่ำกว่า 10% ของคะแนนโหวตทั้งหมด อย่างไรก็ตามการถือครองผลประโยชน์ในหุ้นภาพรวมยังเป็นอัตราส่วนที่สูง เนื่องจากบริษัทยังต้องการลงทุนในธุรกิจของ Sea สำหรับระยะยาว
Tencent ระบุว่าบริษัทจะจำกัดสิทธิไม่สามารถขายหุ้นเพิ่มเติมได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน จากนี้
ก่อนหน้านี้ Tencent ก็ประกาศลดการถือหุ้นในบริษัทที่ลงทุนคือ JD.com โดยจะเหลือหุ้นเพียง 2.3% จากเดิม 17% |
# อินเทลประกาศส่งมอบชิปกราฟิก Arc แล้ว ระบุมีเครื่องรองรับกว่า 50 รุ่น
อินเทลประกาศในงาน CES 2022 ว่าเริ่มส่งมอบชิป Arc ที่เป็นชิปกราฟิกแยกให้กับผู้ผลิตแล้ว นับว่าเป็นไปตามแผนที่เคยประกาศไว้ว่าจะเริ่มทำตลาดชิป Arc ต้นปี 2022
การประกาศครั้งนี้อินเทลระบุว่ามีคอมพิวเตอร์กว่า 50 รุ่นทั้งเดสก์ทอปและโน้ตบุ๊กเตรียมใช้งานชิป Arc โดยมีผู้ผลิตรายหลักๆ เข้าร่วมครบถ้วน เช่น Lenovo ก็ระบุว่าจะเริ่มใช้ชิป Arc กับ Lenovo Yoga 7i แต่ยังไม่ได้ระบุเวลาวางจำหน่ายจริง
ที่มา - Intel |
# Lenovo เปิดตัว ThinkPad Z เลือกฝาหลังเป็นหนังเทียมได้ ใช้ Ryzen 6000
Lenovo เปิดตัว ThinkPad Z โน้ตบุ๊กตระกูลพรีเมี่ยมใหม่ที่เปลี่ยนแนวทางการออกแบบ เน้นการใช้วัสดุรีไซเคิล ด้านบนของจอยื่นออกมาเรียกว่า Communications Bar ใส่กล้องเว็บแคม Full HD คุณภาพสูงและไมโครโฟนแบบ mic-array สำหรับการประชุมออนไลน์
ทัชแพดของ ThinkPad Z ใช้ ForcePad ผิวกระจกขนาดใหญ่ 12 เซนติเมตร ทำให้ต้องตัดปุ่มสำหรับทัชแพดออกไปอีกครั้ง ตัว TrackPoint สามารถแตะสองครั้งเพื่อเรียกเมนูลัดขึ้นมาใช้งานได้
ThinkPad Z มีให้เลือกสองขนาด คือ
ThinkPad Z13 หน้าจอ 13.3 นิ้ว ซีพียู Ryzen 6000U หรือรุ่นพิเศษ Ryzen PRO 6860Z มีฝาหลังให้เลือก 3 แบบคือ อะลูมิเนียมสีเทา, อะลูมิเนียมสีดำ, และหนังเทียม น้ำหนัก 1.26 กิโลกรัม ราคาเริ่มต้น 1,549 ดอลลาร์
ThinkPad Z16 หน้าจอ 16 นิ้ว ซีพียู Ryzen 6000H เลือกใส่ชิปกราฟิก AMD Radeon RX 6500M เพิ่มได้ ฝาหลังมีเฉพาะอะลูมิเนียมสีเทา น้ำหนัก 1.95 กิโลกรัม ราคาเริ่มต้น 2,099 ดอลลาร์
ทั้งสองรุ่นเริ่มวางจำหน่ายเดือนพฤษภาคมนี้
ที่มา - Lenovo |
# AMD เปิดตัว Ryzen 7 5800X3D เร่งความเร็วเกมด้วยแคช 3 มิติ
AMD เปิดตัวซีพียู Ryzen 7 5800X3D ซีพียูซ็อกเก็ต AM4 สำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการอัพเกรดเครื่องเน้นงานเกมมิ่งเป็นหลัก โดยชิปใหม่นี้อาศัย AMD 3D V-Cache แคชภายนอกโมดูลซีพียูที่อาศัยการวางชิปซ้อนกัน และยังใส่แคชมาให้มากถึง 32MB + 64MB (V-Cache)
AMD โชว์ว่าประสิทธิภาพด้านเกมมิ่งของ Ryzen 7 5800X3D สูงกว่าซีพียูตัวท็อปเดิมอย่าง Ryzen 9 5900X ค่อนข้างมากประมาณ 15% และแม้จะเทียบกับ Core i9-12900K ก็ยังประสิทธิภาพดีกว่าประมาณ 5%
ทางบริษัทยังไม่ระบุราคาแต่เริ่มวางจำหน่ายจริงช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้
ที่มา - AMD |
# AMD เปิดตัว Radeon RX 6500 XT การ์ดจอเดสก์ท็อปรุ่นเล็ก รองรับ ray tracing ราคา 199 ดอลลาร์
AMD เปิดตัวการ์ดจอ RDNA 2 รุ่นเล็ก RX 6500 XT รองรับเทคโนโลยี ray tracing ผลิตบนเทคโนโลยี 6nm ของ TSMC ต่างจาก Radeon RX 6000 ตัวอื่นที่ผลิตบนเทคโนโลยี 7nm ของ TSMC พร้อมระบุกับเว็บไซต์ PC World ว่า RX 6500 XT จะเป็นการ์ดจอ RDNA 2 รุ่นสุดท้ายของเจ็นเนอเรชั่นนี้
RX 6500 XT สัญญาณนาฬิกาอยู่ที่ 2.6GHz มี Compute Unit พร้อม Ray Accelerators 16 ตัว วีแรม GDDR6 ความจุ 4GB แคช อยู่ที่ 16MB (Infinity Cache) มุ่งเป้าเล่นเกมความละเอียด 1080p รองรับ real-time ray tracing ที่น่าจะต้องใช้งานคู่กับ FidelityFX Super Resolution (FSR) หรือระบบ Radeon Super Resolution ระบบอัพสเกลใหม่ที่ทำงานในระดับไดรเวอร์ของ AMD ที่จะรองรับจำนวนเกมมากกว่า FSR
ด้านประสิทธิภาพ AMD นำ RX 6500 XT มาเทียบกับ RX 570 และ GTX 1650 บนความละเอียด 1080p โดย RX 6500 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่าการ์ดจอทั้งสองรุ่นในทุกเกมที่นำมาแสดง ตั้งแต่ราว 24% ใน Back 4 Blood และถึง 59% ใน Resident Evil: Village
RX 6500 XT วางจำหน่ายวันที่ 19 มกราคมนี้ ในราคาแนะนำที่ 199 ดอลลาร์ หรือราว 6,620 บาท ซึ่งถ้าอยากได้ราคานี้ก็คงต้องรีบหน่อย เพราะน่าจะหมดไว และถูกนำมาขายในราคาแพงกว่าในภายหลัง ตามสภาพการ์ดจอที่ขาดตลาดในปัจจุบันเช่นเคย
ที่มา - PC World |
# เตรียมเปลี่ยนเมนบอร์ด AMD ประกาศ Zen 4 ใช้ซ็อกเก็ต AM5 รองรับ PCIe 5.0, DDR5
AMD โชว์ Ryzen 7000 สถาปัตยกรรม Zen 4 เทคโนโลยีการผลิต 5nm เตรียมวางขายภายในครึ่งหลังของปี 2022 นี้
การอัพเดตครั้งนี้ทาง AMD เตรียมเปลี่ยนซ็อกเก็ตเป็น AM5 ที่รองรับ PCIe 5.0 และแรมแบบ DDR5 ซึ่งก็เป็นไปตามแนวทางของซีพียูรุ่นหลังๆ ที่รองรับ DDR5 ทั้งหมด
เอเอ็มดีเปิดตัว AM4 มาตั้งแต่ปี 2016 และเคยสัญญาว่าจะใช้งานจนถึงปี 2020 ซึ่งก็ทำได้จริง และในงาน CES นี้เองก็ยังเปิดตัวซีพียูซ็อกเก็ต AM4 มาให้อัพเกรดกัน
ที่มา - AMD |
# รุ่นเล็กมาแล้ว NVIDIA เปิดตัว GeForce RTX 3050 รุ่นเดสก์ท็อป ราคาเริ่มต้น 249 ดอลลาร์
ในงาน CES วันนี้ NVIDIA เปิดตัวการ์ดจอ GeForce RTX 3050 ในเดสก์ท็อปแล้ว หลังมีใช้งานในโน้ตบุ๊กเกมมิ่งมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Ampere วีแรม GDDR6 ความจุ 8GB รองรับ ray tracing และเทคนิคอัพสเกล DLSS ของ NVIDIA
ด้านประสิทธิภาพ NVIDIA เน้นเอา RTX 3050 มาเทียบกับการ์ดจอรุ่นเก่า เช่น GTX 1650, GTX 1050 Ti และ GTX 1050 ว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก และเล่นเกมอย่าง Marvel’s Guardian of The Galaxy, Control และ Call of Duty: Black Ops Cold War บนความละเอียด 1080p ได้เกิน 60fps ทุกเกม แม้เปิด RTX On
RTX 3050 ไม่มีรุ่น Founder’s Edition โดยจะเป็นรุ่นที่ผลิตร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งหมด เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 27 มกราคมนี้ ในราคาเริ่มต้น 249 ดอลลาร์ หรือราว 8,300 บาท แต่คาดว่าราคานี้ หรือแม้แต่ในรุ่นที่แพงกว่านี้ ก็คงหมดไว และถูกนำมาขายอัพราคาเช่นเคย
ที่มา - The Verge |
# AMD เปิดตัวซีพียูโน้ตบุ๊ก Ryzen 6000 สถาปัตยกรรม Zen 3+, แรม DDR5, กราฟิก RDNA2
AMD เปิดตัวซีพียูสำหรับโน้ตบุ๊ก Ryzen 6000 สถาปัตยกรรม Zen3+ พร้อมกับวงจรกราฟิกสถาปัตยกรรม RDNA 2 ที่รองรับ raytracing ในตัว เทคโนโลยีการผลิต TSMC 6nm ภายในฝังหน่วยประมวลผล Microsoft Pluton สำหรับการประมวลผลข้อมูลสำคัญ เช่นการยืนยันตัวตน
AMD พยายามโชว์ว่า Ryzen 6000 เพียงตัวเดียวโดยไม่ต้องใช้ชิปกราฟิกแยกก็สามารถเล่นเกมยุคใหม่ๆ ที่ความละเอียด 1080p ได้แล้ว โดยโชว์เกม FAR CRY 6 ที่ความละเอียด 1080p ปรับกราฟิกปานกลาง และเปิด AMD FidelityFX Super Resolution (FSR) สำหรับเพิ่มความละเอียดภาพ ได้เฟรมเรตที่ 59 FPS หรือเกมระดับ AAA อื่นๆ ก็สามารถเล่นที่ 60 FPS ได้หากปรับกราฟิกเป็น low
สำหรับการเชื่อมต่อภายนอก Ryzen 6000 รองรับ USB4 ที่มีแบนด์วิดท์ 40Gbps, PCIe 4.0, แรม DDR5, Wi-Fi 6/6E, และ Bluetooth 5.2
โดยรวมแล้ว Ryzen 6000 สำหรับโน้ตบุ๊กมีทั้งหมด 10 รุ่น เป็นตระกูล H 8 รุ่นและตระกูล U อีกสองรุ่น จำนวนคอร์มีเพียง 2 แบบ คือ 8 คอร์ 16 เธรด แคช 20MB และ 6 คอร์ 12 เธรด แคช์ 19 MB ที่เหลือต่างกันที่สัญญาณนาฬิกา นอกจากนี้ยังมี Ryzen 5000 อัพเดตใหม่เป็นรุ่นล่างอีก 3 รุ่น
คาดว่าผู้ผลิตจะเริ่มส่งมอบโน้ตบุ๊ก Ryzen 6000 เดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยรวมคาดว่าจะมีโน้ตบุ๊กใช้งานชิปกว่า 200 รุ่น
ที่มา - AMD |
# Targus เปิดตัวไฟส่องคีย์บอร์ดฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติ
Targus เปิดตัว UV-C LED Disinfection Light แท่งไฟส่องคีย์บอร์ดและโต๊ะทำงานเพื่อฆ่าเชื้อโรคบนพื้นผิวโดยอัตโนมัติ โดยระบุว่าได้รับรองความปลอดภัยมาตรฐาน UL 962
แสง UV-C นั้นสามารถฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้รวมถึงเชื้อ Coronavirus ด้วย อย่างไรก็ดี FDA (อย. สหรัฐฯ) เตือนว่ายังขาดข้อมูลว่าต้องส่องแสงเข้มและนานเพียงใดจึงจะฆ่าเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ต้นเหตุของ COVID-19 ได้ รวมถึงสินค้าสำหรับผู้ใช้ทั่วไปมักจำกัดความเข้มไว้ต่ำๆ เพื่อความปลอดภัย
สำหรับ UV-C LED Disinfection Light ไม่ได้บอกความเข้มที่ส่องแสงออกมา แต่ตัวไฟป้องกันอันตรายกับผู้ใช้ด้วยเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว หากมีการเคลื่อนไหวก็จะปิดไฟโดยอัตโนมัติ และหากไม่มีคนอยู่ก็จะส่องแสงฆ่าเชื้อชั่วโมงละ 5 นาที
เริ่มวางขายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ราคา 299.99 ดอลลาร์
ที่มา - PRNewsWire |
# TCL เปิดตัวแว่น NXTWEAR AIR เหมือนมีจอ 140 นิ้วอยู่ตรงหน้า
TCL เปิดตัวแว่นตา NXTWEAR AIR แว่นแสดงภาพทดแทนการมองจอในโลกความเป็นจริง (ไม่เหมือนแว่น VR เพราะภาพแสดงตรงหน้าผู้ใช้ตลอดเวลา) เป็นรุ่นที่สองหลังจากปีที่แล้ว TCL วางขาย NXTWEAR G แบบเดียวกันไปแล้ว
NXTWEAR AIR แสดงภาพความละเอียด 1080p ที่เหมือนจอ 140 นิ้ววางห่างจากผู้ใช้ไป 4 เมตรเช่นเดิม แต่ส่วนที่ปรับปรุงคือน้ำหนักที่ลดลง 30% เหลือ 75 กรัม รูปทรงของแว่นดูกลายเป็นแว่นกันแดดธรรมดาขึ้น การใช้งานเชื่อมผ่านสาย USB-C เข้ากับโทรศัพท์หรือโน้ตบุ๊กได้แล้วกลายเป็นจอภาพภายนอก
ทาง TCL ยังไม่เปิดเผยราคาและวันจำหน่าย แต่ NXTWEAR G เคยวางขายที่ราคาประมาณ 700 ดอลลาร์
ที่มา - PR NewsWire |
# ซัมซุงเปิดตัวแพลตฟอร์มสมาร์ททีวีปี 2022 รองรับ Stadia และ GeForce Now แล้ว
ซัมซุงเป็นผู้ผลิตสมาร์ททีวีรายที่สอง (ต่อจาก LG) ที่ประกาศรองรับการเล่นเกมผ่านคลาวด์ โดยรองรับบริการ 3 ตัวคือ Google Stadia, NVIDIA GeForce Now และ Utomik แพลตฟอร์มเกมอินดี้
บริการคลาวด์เกมมิ่งจะอยู่ใน Gaming Hub ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ของสมาร์ททีวีซัมซุงปี 2022 โดยซัมซุงระบุว่าจะมีบริการของค่ายอื่นเพิ่มเข้ามาอีกในอนาคต (น่าจะมี xCloud ด้วยเพราะประกาศลงสมาร์ทโฟนซัมซุงไปก่อนแล้ว)
ฟีเจอร์อื่นของสมาร์ททีวีซัมซุงปี 2022 ได้แก่ Watch Together วิดีโอคอลล์คุยกับเพื่อนขณะชมรายการทีวีเรื่องเดียวกัน, แสดงผลงานศิลปะ NFT บนทีวีบางรุ่น, Smart Calibration การตั้งค่า calibrate หน้าจอด้วยตัวเอง ซึ่งมีทั้งโหมดผู้ใช้ทั่วไป (30 วินาที) และโหมดโปร (10 นาที)
ซัมซุงยังเปิดตัวทีวีใหม่ของปี 2022 อีกหลายรุ่น ทั้งทีวีรุ่นไฮเอนด์ Micro LED, Neo QLED และทีวีกลุ่มเน้นดีไซน์เครื่องคือ The Frame, The Serif, The Sero ซึ่งกลุ่มหลังอัพเกรดเป็นจอภาพลดแสงสะท้อน Matte Display ให้มองเห็นภาพได้ง่ายขึ้นจากหลายๆ มุมด้วย
ที่มา - Samsung, Utomik |
# กรอบรูปดิจิทัล Meural เชื่อมกระเป๋าคริปโต Metamask เพื่อแสดงงานศิลปะ NFT ได้แล้ว
Meural กรอบรูปดิจิทัลของ Netgear ที่มีหลายไซส์หลายสี และสามารถแสดงภาพผ่านแพลตฟอร์มงานศิลปะของ Meural บนเว็บหรือแอปได้ ออกอัพเดตใหม่ให้ผู้ใช้สามารถเชื่อม Metamask แอปกระเป๋าคริปโตที่ใช้เก็บงาน NFT กับบัญชีของ Meural เพื่ออัพโหลดและแสดงภาพ NFT บนกรอบรูปได้ทันที
ผู้ใช้เพียงต้องเชื่อมต่อแอคเคาท์ Metamask กับบัญชีบนแพลตฟอร์ม Meural จากนั้นเลือก NFT ที่ต้องการผ่านเว็บ Meural หรือแอป ให้ไปแสดงบนกรอบรูป ระบบจะทำการอัพโหลดภาพ NFT และสามารถแสดง QR Code ที่มี metadata หรือข้อมูลจำเพาะของภาพ NFT นั้นพ่วงไปด้วยทันที และจะอัพเดตให้เพิ่มกระเป๋าคริปโตอื่นได้ในอนาคต แต่ยังไม่สามารถซื้อขาย NFT ผ่านแพลตฟอร์มได้
แม้จริงๆ แล้วเมื่อแสดงภาพ นอกจากจะมีคนมาแสกน QR Code เพื่อดู metadata แล้ว ภาพที่แสดงก็คงไม่ต่างจากการนำภาพ jpeg ทั่วไปมาแสดงบน Meural นัก นอกจากจะไว้ใช้เพื่อบอกเพื่อนว่าเป็นเจ้าของภาพ NFT ราคาแพงในคอลเล็กชั่นต่างๆ แล้วให้เพื่อนไปแสกนเพื่อยืนยันว่าเป็นของแท้ แต่ชาว NFT ก็น่าจะสนใจของเล่นใหม่ชนิดนี้กันพอสมควร
ภาพกรอบรูป Meural
ที่มา - Venture Beat |
# เปิดราคาไทย Galaxy S21 FE เริ่ม 22,900 บาท พร้อมโปรอัพเกรด 128GB เป็น 256GB ฟรี
ซัมซุงประเทศไทย ประกาศราคาของ Galaxy S21 FE ที่เพิ่งเปิดตัววันนี้ โดยนำเข้ามาขายทั้ง 4 สีคือ สีเขียวโอลีฟ, สีม่วงลาเวนเดอร์, สีขาว และสีดำแกรไฟต์ สามารถซื้อเครื่องได้แล้ววันนี้บนเว็บไซต์ซัมซุง
ราคาเปิดตัวคือ 22,900 บาท (128GB) และ 25,900 บาท (256GB) ใกล้เคียงกับ Galaxy S20 FE รุ่น 5G ของปี 2020 (23,900 และ 25,900 บาทที่ความจุเท่ากัน) โดยซัมซุงออกโปรซื้อรุ่น 256GB ในราคาเท่ารุ่น 128GB (เท่ากับลดราคาไป 3,000 บาท) แบบจำกัดเวลาช่วง 7 วันแรกที่วางขายคือ 4-10 มกราคม 2565
การเปิดตัว Galaxy S21 FE ที่ระดับราคาเท่ากับ S20 FE นั้นต่างไปจากสถานการณ์ของปี 2020 พอสมควร เพราะ Galaxy S21 รุ่นล่างเองก็ปรับราคาลงมาจาก S20 ทำให้ช่องว่างของราคาระหว่างเรือธงรุ่นล่าง (S21 vs S21 FE) เหลือเพียง 100 ดอลลาร์ (799 vs 699 ดอลลาร์) ต่างจากคู่ Galaxy S20 vs S20 FE ที่ช่องว่างราคาต่างกันถึง 300 ดอลลาร์ (999 ดอลลาร์ vs 699 ดอลลาร์) ในขณะที่สเปกแทบไม่ต่างกันมากนัก
ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ ซัมซุงประเทศไทย |
# Toyota กำลังพัฒนา OS สำหรับรถยนต์ของตัวเอง ใช้ชื่อว่า Arene เริ่มใช้ปี 2025
Nikkei Asia รายงานข่าวว่า Toyota กำลังพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับรถยนต์ของตัวเองในชื่อ Arene ที่ทำทุกอย่างตั้งแต่ฟังก์ชันพื้นฐานไปจนถึงระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ตั้งเป้าเริ่มใช้งานจริงในปี 2025
จริงๆ แล้ว Arene ไม่ใช่เรื่องใหม่นัก เพราะ Toyota พูดเรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว (Toyota บอกจะเอาจริงเรื่องซอฟต์แวร์แล้ว ตั้งเป้าขยายทีม 6 เท่า, ข้อมูลของ Arene บนหน้าเว็บ Toyota เอง) เป้าหมายของ Arene คือเป็น OS กลางของรถยนต์ Toyota ทุกรุ่น ที่แชร์ระบบควบคุมพื้นฐาน (พวงมาลัย เบรก คันเร่ง) ไปจนถึงระบบขั้นสูง (ระบุตำแหน่ง ข้อมูลจราจร ขับเคลื่อนอัตโนมัติ) ร่วมกัน นักพัฒนาสามารถเขียนแอพบนตัว OS โดยไม่ต้องผูกกับฮาร์ดแวร์ ลักษณะเดียวกับ OS ของสมาร์ทโฟน
ตามข่าวบอกว่า หลังจาก Toyota นำ Arene มาใช้กับรถยนต์ของตัวเองแล้ว หลังจากนั้นจะเปิดซอฟต์แวร์ให้พาร์ทเนอร์อย่าง Subaru และบริษัทรถยนต์ไร้คนขับรายอื่นๆ เข้ามาใช้งานด้วย
โครงสร้างของ Arene จากบล็อกของ Toyota
Toyota ไม่ใช่บริษัทรถยนต์รายแรกที่ออกมาประกาศเรื่องการทำ OS เพราะคู่แข่งอย่าง Tesla มีระบบปฏิบัติการของตัวเองมาตั้งแต่แรก (ใช้ระบบปฏิบัติการ embeded และลินุกซ์เวอร์ชันปรับแต่ง), Volkswagen ประกาศทำ OS ของตัวเองชื่อ vw.os มาตั้งแต่ปี 2019, GM กำลังทำ OS ของตัวเองที่ไม่ระบุชื่อ และ Daimler ก็กำลังพัฒนา MB.OS มีกำหนดออกในปี 2024
ที่มา - Nikkei |
# ชัยวุฒิ ลั่น กระทรวง DES ตั้งเป้าล้างบางแก๊ง SMS ภายในปี พ.ศ. 2565 ต้องลดลงหรือไม่มีเลย
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดการเว็บพนันออนไลน์ หรือเว็บไซต์เงินกู้ ที่ส่ง SMS หลอกลวงประชาชน ระบุว่ายังมีช่องว่างอยู่มาก ถึงปิดไปแล้วก็ยังเปิดมาใหม่ได้ แต่กำลังประสานกับ กสทช. และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนในกรณีที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดำเนินการจากต่างประเทศ นายชัยวุฒิระบุว่านายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานความร่วมมือกับต่างประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อทลายแหล่งกบดานและจับกุมดำเนินคดี
นอกจากนี้ยังเตรียมปรับปรุงกฎหมายเอาผิดกับผู้รับจ้างเปิดบัญชีเพื่อรับโอนเงินในไทย หรือที่เรียกกันว่า “บัญชีม้า” ให้เข้มข้นขึ้น ทั้งหมดนี้เพื่อเป้าหมายจัดการแก๊ง SMS ให้ลดลง หรือไม่เหลือเลย ในปี 2565
ที่มา - คม ชัด ลึก, CH3Plus |
# LG เปิดตัวทีวี OLED G2 และ C2 รุ่นปี 2022, เพิ่มขนาดจอเล็ก 42" และจอใหญ่ 83-97"
LG เปิดตัวทีวี OLED รุ่นใหม่ของปี 2022 โดยเรียกเป็นรุ่น G2 และ C2 ต่อจาก G1/C1 ของปีที่แล้ว (และ GX/CX ก่อนหน้านั้น)
การเปลี่ยนแปลงในภาพรวมของทั้ง G2/C2 คือพาเนลจอรุ่นใหม่ evo ที่สว่างกว่าเดิม, หน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ α (Alpha) 9 Gen 5, ดีไซน์ขอบจอที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม, และเทคโนโลยี Brightness Booster ปรับเพิ่มสว่างขึ้นจากเดิม (มีเฉพาะรุ่น G2)
ฝั่งซอฟต์แวร์ LG อัพเกรดระบบปฏิบัติการเป็น webOS 22 (หันมาใช้เลขรุ่นเรียกตามปี รุ่นก่อนหน้านี้คือ webOS 6.0) เพิ่มระบบแยกโปรไฟล์ตามผู้ใช้งาน, NFC Magic Tap ใช้มือถือแตะที่จอเพื่อนำภาพขึ้นจอได้ง่ายๆ, Room To Room Share แสดงภาพแบบเดียวกันบนทีวีสองเครื่องผ่าน Wi-Fi โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อื่นช่วย, ฟีเจอร์สมาร์ทโฮม ThinQ รองรับโปรโตคอล Matter สื่อสารข้ามยี่ห้อ, รองรับคลาวด์เกมมิ่ง Stadia และ GeForce Now ตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ในแง่ขนาดหน้าจอ LG OLED G2/C2 ยังเพิ่มตัวเลือกหน้าจอจากเดิม ดังนี้
LG G2 เพิ่มขนาดหน้าจอใหญ่ 83 และ 97 นิ้ว จากของเดิมที่มี 55, 65, 77 นิ้ว
LG C2 เพิ่มขนาดหน้าจอเล็ก 42 นิ้ว จากของเดิมที่มี 48, 55, 65, 77, 83 นิ้ว
ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยราคาและวันวางจำหน่าย
ที่มา - LG |
# Y2K22? ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดการซื้อขาย เพราะระบบหน้าบ้านเชื่อมต่อกับหลังบ้านไม่สำเร็จ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ (The Philipines Stock Exchange - PSE) แจ้งปิดทำการกะทันหันหลังพบว่าระบบหน้าบ้าน Flextade ที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่โบรกเกอร์ฟิลิปปินส์ ไม่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเอนจินซื้อขายของ NASDAQ ที่ทาง PSE ใช้งานได้
โบรกเกอร์ที่ใช้งาน Flextrade มีจำนวน 43 ราย จากโบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อกับ PSE ทั้งหมด 145 ราย PSE มีกฎว่าหากโบรกเกอร์เกิน 1 ใน 3 เชื่อมต่อไม่ได้ก็จะสามารถหยุดการซื้อขายได้ โดยตอนแรก PSE ประกาศเลื่อนเปิดตลาดออกไป แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้จนต้องปิดตลาดไปทั้งวัน
ระบบหน้าบ้านเป็นระบบที่โบรกเกอร์ให้บริการลูกค้าสำหรับสั่งซื้อขาย เช่นในไทยก็นิยมใช้งานบริการ Streaming กันเป็นจำนวนมาก ส่วนตัวตลาดหลักทรัพย์นั้นจะมีเอนจินสำหรับจับคู่คำสั่งซื้อขายเข้าด้วยกัน ซึ่ง NASDAQ ก็เป็นผู้ขายซอฟต์แวร์เอนจินรายใหญ่รายหนึ่งของโลก
ทาง PSE ระบุว่า NASDAQ และ Flextrade กำลังหาสาเหตุปัญหาการเชื่อมต่อว่าทำไมจึงเชื่อมต่อกันไม่ได้ในวันนี้
ที่มา - PSE 1, 2
ภาพโดย 3844328 |
# สวัสดีปีใหม่ เว็บ DeFi Arbix Finance ปิดหนีแล้ว มูลค่าความเสียหายราว 33 ล้านดอลลาร์
Arbix Finance เว็บไซต์ DeFi ประเภท Yield Farming ที่เน้นการทำกำไรจากการ Arbitage หรือการทำกำไรจากการแลกเปลี่ยน โดยอาศัยความแตกต่างของมูลค่าเหรียญคริปโตบนแพลตฟอร์ม DeFi ต่างกัน ปิดตัวลงแล้ววันนี้ ทั้งช่องทางเว็บไซต์ Telegram และ Twitter ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถถอนเงินที่ฝากไว้ใน Pool ต่างๆ ได้อีกต่อไป และมูลค่าเหรียญของเว็บไซต์อย่าง $ARBIX ก็ลดลงถึง 99%
คาดว่าการปิดตัวครั้งนี้ น่าจะเป็นการปิดเว็บไซต์หอบเงินหนีแบบ rugpull หรือการปิดเว็บหอบเงินหนีทันทีแบบไม่ให้ตั้งตัว เหมือนกับการดึงพรมออกจากใต้เท้าที่ทำให้ล้มทั้งยืน แม้โค้ดจะได้รับการตรวจสอบจากเว็บไซต์ตรวจสอบโค้ดที่โลก DeFi นิยมใช้อย่าง Certik แล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการตรวจสอบแบบครั้งเดียว ไม่ได้ใช้งานผลิตภัณฑ์อย่าง Skynet ที่เป็นบริการเฝ้าระวังช่องโหว่ของโค้ดบนเว็บ DeFi แบบตลอด 24 ชั่วโมงของ Certik
มูลค่าความเสียหายถ้าอิงจาก TVL (Total Value Locked) หรือเงินรวมทั้งหมดที่ถูกล็อกไว้บนเว็บไซต์ก่อนปิดตัว จะอยู่ที่ราว 33 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.1 พันล้านบาท
ที่มา - Certik, FB Page: CryptoGalaxx |
# เปิดตัว Galaxy S21 FE ใช้ Snapdragon 888, ราคาเริ่มต้น 699 ดอลลาร์ เท่า S20 FE
หลังเปิดตัวล่าช้ามาเกือบครึ่งปี ในที่สุดซัมซุงก็เปิดตัวมือถือสเปกใกล้เคียงเรือธงในราคาย่อมเยา Galaxy S21 FE 5G อย่างเป็นทางการ (ชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการจะต้องมีคำว่า 5G ด้วย แต่ในข่าวนี้ขอเรียกแค่ S21 FE)
หน้าตาและสเปกของ Galaxy S21 FE เหมือนกับที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้นับครั้งไม่ถ้วน
หน้าจอ 6.4" AMOLED FHD+ อัตรารีเฟรช 120Hz อัตรารีเฟรชการทัช 240Hz
หน่วยประมวลผล Snapdragon 888 (ยุโรป) หรือ Exynos 2100 (เอเชีย)
แรม 6/8GB, สตอเรจ 128/256GB, ไม่รองรับ microSD
กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 12MP Dual Pixel OIS, อัลตร้าไวด์ 12MP, เทเล 8MP ซูม 30X Space Zoom
กล้องหน้า 32MP มุมกว้าง 81 องศา
แบตเตอรี่ 4,500 mAh ชาร์จเร็วมีสาย 25W ชาร์จเร็วไร้สาย 15W
กันน้ำ IP68, ระบบปฏิบัติการ Android 12 มาให้ตั้งแต่แรก (ถือเป็นสินค้าตัวแรกซัมซุงที่มาพร้อม Android 12 มาก่อนเรือธงด้วย)
Galaxy S21 FE มีให้เลือก 4 สีคือ Olive, Lavender, White, Graphite (น้อยลงจาก S20 FE ที่มี 6 สี) เริ่มวางขายวันที่ 11 มกราคม 2022
ราคาขายที่ประกาศแล้วคือเริ่มต้นที่ 699 ดอลลาร์ สำหรับรุ่น 6GB/128GB ซึ่งเท่ากับราคาของ Galaxy S20 FE รุ่นของปีที่แล้ว
อัพเดต: เปิดราคาขายในไทยแล้วที่ 22,900 บาท (128GB) และ 25,900 บาท (256GB)
ที่มา - Samsung, SamMobile |
# Resident Evil Village ชนะการโหวตเกมแห่งปี Steam Awards 2021
Steam สรุปรางวัล Steam Awards 2021 ที่ใช้วิธีเปิดโหวตจากผู้ใช้งาน (รางวัลของปี 2021)
ผู้ชนะรางวัลใหญ่ Game of the Year คือ Resident Evil Village ที่ชนะคู่แข่ง Valheim, New World, Cyberpunk 2077, Forza Horizon 5 (ผู้ชนะปีที่แล้วคือ Red Dead Redemption 2)
ผู้ชนะรางวัลอื่นๆ ได้แก่
VR Game of the Year Cooking Simulator VR
Labor of Love (เกมเก่าที่ยังฮิตอยู่) Terraria
Better with Friends (เกมเหมาะเล่นกับเพื่อน) It Takes Two
Most Innovative Gameplay Deathloop
Outstanding Story-Rich Game Cyberpunk 2077 (ชนะอะไรบางอย่างกับเขาแล้ว)
Best Game You Suck At Nioh 2
Outstanding Visual Style Forza Horizon 5
Best Soundtrack Marvel's Guardians of the Galaxy
Sit Back and Relax Farming Simulator 22
ที่มา - Steam, VentureBeat |
# OnePlus โชว์ภาพ OnePlus 10 Pro ก่อนเปิดตัวในจีน 11 มกราคม, ยังใช้กล้อง Hasselblad
OnePlus โชว์ภาพเครื่อง OnePlus 10 Pro เรือธงของปี 2022 ก่อนแถลงข่าวเปิดตัวรายละเอียดในวันที่ 11 มกราคม 2022
Pete Lau ซีอีโอของ OnePlus โพสต์ภาพ OnePlus 10 Pro ลงทวิตเตอร์ ทำให้เราเห็นด้านหลังของเครื่องที่ยังใช้กล้องที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad เหมือน OnePlus 9 แต่ปรับดีไซน์การวางกล้องหลัง จากเรียงลงมาในแนวตั้ง มาเป็นจัตุรัส 2x2 ช่องแทน
ตัวเครื่อง OnePlus 10 Pro มีให้เลือก 2 สีคือ ดำ Volcanic Black และเขียว Emerald Forest ส่วนรายละเอียดที่เหลือต้องรอประกาศในวันเปิดตัวอีกครั้ง ซึ่งจะยังเป็นการประกาศราคาและวันวางขายเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น
ที่มา - Droid-Life |
# โรงงานผลิตเครื่องจักรผลิตชิปของ ASML ในเยอรมันไฟไหม้ ยังไม่ทราบความเสียหาย
ASML ระบุว่าเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานในเยอรมัน และสามารถดับไฟได้เรียบร้อยแล้วโดยไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ากระทบต่อการผลิตมากน้อยเพียงใด ทางบริษัทต้องใช้เวลาประเมินความเสียหายอีกสองสามวันและจะรายงานผลกระทบต่อไป
โรงงานในเบอร์ลินนี้ทาง ASML ได้มาจากการเข้าซื้อบริษัท Berliner Glas ในปี 2020 ผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรผลิตชิปหลายชิ้น เช่น โต๊ะผลิตเวเฟอร์, ชุดกระจก เป็นต้น
วิกฤติชิปขาดแคลนทำให้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากขาดตลาด หลายบริษัทคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นภายในสองปีข้างหน้าแต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมีโรงงานจำนวนมากจะเดินสายการผลิตเพิ่มเข้ามา หากเครื่องจักรส่งมอบได้ช้าลงก็น่ากังวลว่าจะทำให้สถานการณ์ชิปขาดแคลนทอดยาวออกไปอีก
ที่มา - ASML
ภาพการทำงานของเครื่อง EUV จาก ASML |
# OpenSea สั่งหยุดซื้อขาย NFT ที่ถูกขโมย, ถูกวิจารณ์ว่าทำแบบนี้ไม่กระจายศูนย์
OpenSea แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT รายใหญ่ สั่งหยุดการซื้อขาย NFT จำนวนทั้งหมด 16 รายการ หลังมีคนรายงานว่าถูกแฮ็กกระเป๋าเก็บคีย์ และถูกขโมย NFT มาขายบน OpenSea
เรื่องนี้เริ่มมจากบัญชีทวิตเตอร์ชื่อ toddkramer.eth ซึ่งระบุว่าทำงานกับแกลเลอรีศิลปะแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ประกาศว่าถูกขโมย NFT ที่ประกอบด้วยชุดภาพชื่อดัง Mutant Ape Yacht Club และ Bored Ape Yacht Club จำนวน 16 รายการ เขาร้องขอความช่วยเหลือจากชุมชน NFT และแพลตฟอร์มอย่าง OpenSea ซึ่ง OpenSea ก็ตอบสนองด้วยการสั่งหยุดไม่ให้ซื้อขายแลกเปลี่ยน NFT เหล่านี้
อย่างไรก็ตาม การสั่งหยุดของ OpenSea ก็ถูกวิจารณ์ว่าขัดกับหลักการ decentralization ที่เป็นพื้นฐานสำคัญของ NFT เพราะกลายเป็นว่าแพลตฟอร์มซื้อขายรายใหญ่เพียงรายเดียว มีอำนาจในการกำหนดว่าซื้อขายได้หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีประเด็นว่า เคยมีการแฮ็กลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ OpenSea กลับไม่ได้สั่งหยุดการซื้อขายให้เหมือนกรณีนี้ จึงเกิดคำถามอีกข้อว่าเกณฑ์ของ OpenSea คืออะไรกันแน่ด้วย
ที่มา - Coin Telegraph |
# Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้ง Theranos ถูกตัดสินคดี ผิด 4 ข้อหาจากทั้งหมด 11 ข้อหา
มหากาพย์คดีบริษัทสตาร์ตอัพ Theranos ได้ข้อยุติ (ในขั้นต้น) หลังการไต่สวนในชั้นศาลต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกันยายน คณะลูกขุนก็ตัดสินว่าผู้ก่อตั้ง Elizabeth Holmes มีความผิดจริง 4 ข้อหา จากทั้งหมดที่ถูกสั่งฟ้อง 11 ข้อหา
Holmes ถูกตัดสินว่าฉ้อโกง (wire fraud) นักลงทุนแบบเจาะจง 3 ราย (นับเป็น 3 ข้อหา) รวมเป็นเงิน 142 ล้านดอลลาร์ บวกกับข้อหารวมหัวฉ้อโกง (conspiracy to commit wire fraud) นักลงทุนโดยทั่วไปอีก 1 ข้อหา แต่หลุดข้อหาอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการหลอกลวงผู้ป่วย ส่วนอัตราโทษต้องรอผู้พิพากษาตัดสินอีกครั้ง แต่โทษสูงสุดที่เป็นไปได้คือจำคุก 20 ปี
คดีของ Theranos ในภาพรวมยังไม่จบลง เพราะคณะลูกขุนตัดสินเฉพาะความผิดของ Holmes เท่านั้น ยังมีผู้บริหารคนอื่นๆ ที่รอการไต่สวนอยู่อีก โดยเฉพาะ Ramesh Balwani อดีตแฟนหนุ่มของ Holmes ซึ่งเคยรับตำแหน่งซีโอโอของบริษัทด้วย
ภาพจาก Theranos
ที่มา - Ars Technica |
# Targus เปิดตัว Cypress Hero Backpack กระเป๋าสะพายรองรับ Find My ของ Apple
Targus บริษัทผลิตอุปกรณ์เสริมชื่อดัง เปิดตัวสินค้าใหม่หลายอย่างในงาน CES 2022 รวมทั้งกระเป๋าสะพาย Cypress Hero Backpack รุ่นใหม่ ที่รองรับเทคโนโลยี Find My ของแอปเปิลในตัว ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ iPhone ติดตามหาพิกัดได้
กระเป๋าใช้แบตเตอรี่ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ และสามารถชาร์จไฟผ่าน USB ได้ รวมทั้งออกแบบเชื่อมไปกับกระเป๋า เพื่อป้องกันการแกะส่วนแทร็กเกอร์ออกจากกระเป๋า นอกจากนี้ตัวกระเป๋ายังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล เทียบเท่ากับปริมาณพลาสติกของน้ำ 26 ขวด ราคาขายในอเมริกาอยู่ที่ 149.99 ดอลลาร์ (ประมาณ 5,000 บาท)
นอกจากนี้ Targus ยังร่วมกับ Synaptics เปิดตัว Dock720 ที่รองรับการส่งกำลังไฟถึง 100 วัตต์, สามารถเชื่อมต่อจอ 8K หนึ่งจอ หรือ 4K พร้อมกันได้ถึง 4 จอ และมีตัวสแกนลายนิ้วมือด้วย
ที่มา: Apple Insider |
# Twitter ปิดดีลขาย MoPub ให้ AppLovin มูลค่า 1,050 ล้านดอลลาร์ เรียบร้อยแล้ว
Twitter รายงานว่าบริษัทได้เสร็จสิ้นขั้นตอนการขาย MoPub แพลตฟอร์มโฆษณาบนมือถือ ให้กับ AppLovin เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2022 โดยบริษัทได้รับเงินสดจากดีลนี้รวม 1,050 ล้านดอลลาร์
Bruce Falck ผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Revenue Products ของ Twitter กล่าวว่าจากนี้บริษัทจะโฟกัสกับการพัฒนาโฆษณาบนแพลตฟอร์มของ Twitter โดยมีเป้าหมายเติบโตให้รวดเร็ว และเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น
บริการต่าง ๆ ของ MoPub จะทยอยหยุดให้บริการ โดย AppLovin จะติดต่อกับลูกค้าโดยตรงเพื่อย้ายมาใช้แพลตฟอร์ม AppLovin MAX แทน
ที่มา: Twitter (pdf) |
# Samsung เปิดตัวรีโมททีวีรุ่นใหม่ อาศัยคลื่นเราเตอร์โดยรอบ แปลงเป็นพลังงานชาร์จไฟ
ในงาน CES 2022 ซัมซุงได้เปิดตัวรีโมททีวีรุ่นใหม่ Eco Remote ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยพัฒนาต่อจากรีโมทปีที่แล้วที่มี Solar Cell สำหรับชาร์จไฟ
รีโมทของซัมซุงปีนี้ได้เพิ่มตัวแปลงสัญญาณคลื่นวิทยุ มาเป็นพลังงานสำหรับชาร์จไฟให้กับรีโมท โดยซัมซุงบอกว่าแหล่งพลังงานก็มาจากคลื่นเราเตอร์ที่อยู่โดยรอบในบ้านนั่นเอง ซึ่งอุปกรณ์โดยทั่วไปไม่สามารถทำแบบนี้ได้ เพราะแปลงเป็นพลังงานออกมาได้น้อย แต่เพียงพอแล้วสำหรับอุปกรณ์อย่างรีโมททีวี
รีโมทรุ่นนี้ยังสามารถชาร์จพลังงานแสงได้เหมือนรุ่นปีก่อน หรือชาร์จผ่าน USB-C ได้เช่นกัน
ที่มา: The Verge |
# Apple มีมูลค่ากิจการสูงถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ แล้ว
มูลค่ากิจการของแอปเปิลตามราคาหุ้น หรือ Market Cap ปรับเพิ่มขึ้นถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในราคา 182.86 ดอลลาร์ต่อหุ้น ช่วงการซื้อขายหุ้นระหว่างวันเมื่อคืนนี้ ก่อนที่จะปิดการซื้อขายที่ราคา 182.01 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทำให้มูลค่าล่าสุดปรับลงมาที่ 2.986 ล้านล้านดอลลาร์
แอปเปิลมีมูลค่ากิจการ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2018 เท่ากับใช้เวลาไม่ถึง 4 ปี บริษัทก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาถึง 3 เท่า ผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด แอปเปิลยังคงเติบโตสูง รายได้เพิ่มขึ้นถึง 29% นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังมองว่าแอปเปิลยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ทั้งจากธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงธุรกิจเดิมเช่นส่วน Services (App Store, Subscription) ที่มีรายได้มากกว่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา
ส่วนมูลค่ากิจการของบริษัทเทคโนโลยีอื่นล่าสุด ไมโครซอฟท์ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์, Alphabet (กูเกิล) 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ และ Amazon 1.75 ล้านล้านดอลลาร์
ที่มา: CNBC |
# รีวิว Google Pixel 6 การกลับมาที่ยิ่งใหญ่ของหนึ่งในมือถือ Android ที่ดีที่สุด
หลังจากดูซบเซาและไร้เสน่ห์มาหลายรุ่น ตอนนี้ Google Pixel กลับมาแล้วด้วย Pixel 6 และ Pixel 6 Pro เพราะคิดใหม่ทำใหม่ อัพเกรดฮาร์ดแวร์ขึ้นในทุกด้านจากรุ่นที่แล้ว พร้อมชิป Tensor ที่กูเกิลออกแบบเอง กล้องอัพเกรดใหม่หมด เสริมด้วย Computational Photography ที่สร้างชื่อมายาวนาน พ่วง AI เข้ามาอยู่ในทุกจุดของการใช้งาน
จุดเริ่มต้นของมือถือ Pixel มาจากมือถือ Nexus ในอดีตที่กูเกิลพยายามจะทำตัวเป็น "ไกด์" ให้ผู้ผลิตมือถือในยุค 10 ปีก่อนเห็นว่ากูเกิลอยากให้สมาร์ทโฟน Android มีแนวทางอย่างไร (คล้ายแนวคิดที่ Microsoft ทำ Surface) ใช้วิธีจับมือกับผู้ผลิตหลายยี่ห้อ เช่น HTC, LG, Samsung และ Huawei ก่อนจะออกรุ่นสุดท้ายคือ Nexus 6P ในปี 2015 และประกาศปิดโครงการ
LG Nexus 5X
ในปี 2016 ก็เปิดตัวมือถือ Google Pixel ถือเป็นมือถือรุ่นแรกที่ใช้แบรนด์กูเกิลทำตลาด สร้างความฮือฮาอย่างมากเพราะภาพถ่ายจากกล้องนั้นสวยกว่ามือถือใดๆ ในยุคเดียวกัน (ปีนั้นฝั่งแอปเปิลเป็น iPhone 7) อีกทั้งยังเริ่มใช้ศัพท์ที่ฟังดูเท่ๆ อย่าง Computational Photography เพราะกูเกิลมีทีมที่ทำวิจัยเรื่องภาพถ่ายแล้วนำซอฟท์แวร์มาช่วยปรับแต่งภาพหลังถ่ายเสร็จให้ดูสวยงามและเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังตั้งมาตรฐานการออกอัพเดตเวอร์ชันใหญ่ให้นาน 2 ปีและปล่อยอัพเดตความปลอดภัยทุกเดือน
ต่อมาในปี 2017 ก็ออก Pixel 2 ที่อัพเกรดกล้องและแก้ปัญหาของ Pixel 1 จนทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ซึ่งก็ยังสร้างชื่อต่ออีกเพราะคว้าแชมป์กล้องมือถือที่ดีที่สุดจาก DxOMark ไปครองเป็นปีที่สอง นอกจากนี้ยังเป็น Pixel ที่แทบจะไม่มีปัญหาเลย (ผู้เขียนใช้ตั้งแต่มันออกจนถึงต้นปี 2021 แบบสบายๆ)
อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตมือถือเจ้าอื่นเริ่มตามทันหลังจากนั้น และเป็นกูเกิลเองที่ไม่ยอมอัพเกรดเซ็นเซอร์กล้องอีกเลย เชื่อมั่นในพลังของซอฟท์แวร์ว่าจะใช้ได้อีกนาน ลากใช้เซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX362/363 ตั้งแต่ Pixel 2 ยาวจนถึง Pixel 5 อีกทั้งสเปกอื่นๆ ของ Pixel ก็สู้เจ้าอื่นไม่ได้ (จุดที่โดนวิจารณ์มากที่สุดคือมักจะให้แบตเตอรี่ขนาดเล็กมาตลอด) ด้วยเหตุเหล่านี้ทำให้ความนิยมของ Pixel ค่อยๆ ถดถอยลงไปตั้งแต่รุ่น 3 หรือ 3a เป็นต้นมา และซ้ำร้ายในรุ่น Pixel 5 ที่ตัดสินใจไม่ใช้ชิปตัวท็อปของปีอีก กลายเป็นมือถือที่ไม่มีจุดเด่นอีกต่อไป
มาปี 2021 กูเกิลคงจะรู้ตัวแล้วกลับมาตั้งใจทำมือถือให้สู้เจ้าอื่นได้ ประจวบเหมาะกับที่โครงการพัฒนาชิปของตนเองเสร็จพอดี จึงเปิดตัวชิปใหม่ในชื่อ Google Tensor ที่คุยว่ารันโมเดล AI ในระดับศูนย์ข้อมูลได้ นำมาใส่ใน Pixel 6 และ Pixel 6 Pro เป็นรุ่นแรก เมื่อมาเจอกับ Computational Photography การถ่ายภาพและวิดีโอก็ได้ความสามารถใหม่ๆ เพิ่มอีก เช่นทำ HDR ได้กับวิดีโอทุกเฟรมที่ความละเอียด 4K 60 fps ไปถึงการปรับภาพหน้าคนไม่ให้เบลอ และการลบคนออกจากภาพถ่าย
สเปกด้านอื่นก็อัพเกรดขึ้นอย่างมาก เช่นกล้องหลักก็เปลี่ยนมาใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL GN1 จาก Samsung รวมถึงกล้องอัลตราไวด์ก็อัพเดตใหม่และยังเป็นครั้งแรกที่ Pixel มีกล้องหลัง 3 ตัว โดยรวมกล้องซูม 20X เข้ามาด้วย (เฉพาะ Pixel 6 Pro) อีกทั้งกล้องหน้าก็อัพเกรดใหม่เช่นกัน ด้านแบตเตอรี่ก็ให้มาแบบเริ่มสู้คนอื่นได้ แบตจุ 4614 mAh ใน Pixel 6 และ 5000 mAh ใน Pixel 6 Pro
ภาพด้านหลังของ Pixel 6 Pro ที่มีกล้อง 3 ตัว (Pixel 6 ที่รีวิวนี้ไม่มีกล้องเทเลโฟโต้)
ขณะนี้ผมใช้งาน Pixel 6 มาได้เดือนกว่าแล้ว เลยนำมาเขียนรีวิวชิ้นนี้ครับ
ภายในกล่องของ Pixel 6 เวอร์ชันอเมริกา มีเพียงตัวเครื่อง, เข็มจิ้มซิม, สายชาร์จ USB-C to USB-C ยาว 1 เมตร, หัวแปลง USB-A to USB-C และเอกสารเล็กน้อย ไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จไฟมาให้อีกต่อไป
ในการใช้งานทั่วไป Pixel 6 ย่อมไม่มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพ ผมไม่รู้สึกถึงความช้าใดๆ ตลอดการใช้งาน ทั้งนี้ ผมไม่เล่นเกมบนมือถือและไม่ได้ใช้งานแอพหนักๆ เช่นตัดต่อวิดีโออยู่แล้ว จึงอาจรีวิวการใช้งานหนักไม่ได้มากนัก แต่ขอแนบผลการรันเบนช์มาร์คจาก Geekbench มาให้ดูกัน (ลิงค์คะแนนอย่างละเอียด)
กล้อง
ข้ามมาที่จุดเด่นที่สุดของ Pixel เลยก็คือกล้อง อย่างที่กล่าวไปตอนแรกว่า Pixel 6 ใช้เซ็นเซอร์ GN1 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซลจาก Samsung ที่มีความสามารถรวม 4 พิกเซลกลายเป็น 1 ทำให้ขนาดเม็ดพิกเซลขยายจาก 1.2 เป็น 2.4 ไมโครเมตร หมายความว่าภาพที่ได้จะสว่างขึ้นนั่นเอง
โทนภาพที่ได้จากกล้องหลักค่อนข้างตรงกับสีจริงของวัตถุและสิ่งแวดล้อมจริงซึ่งเป็นจุดเด่นของกล้อง Pixel มาโดยตลอดอยู่แล้ว และในรุ่นนี้ก็ปรับปรุงขึ้นไปมากกว่าเดิมด้วยฟีเจอร์ Real Tone ให้ถ่ายภาพบุคคลที่มีสีผิวเข้มโดยที่โทนของสีผิวเหมือนบุคคลนั้นจริงๆ ไม่กลายเป็นเทาหรือผิดเพี้ยนไปเหมือนมือถือรุ่นอื่นๆ เพราะกล้องนึกว่าถ่ายภาพที่มืดเลยพยายามเร่งความสว่าง
ภาพโดยกูเกิล
อย่างไรก็ตาม ผมพบว่าในบางสถานการณ์ซอฟท์แวร์กล้องพยายามประมวลผล HDR จัดเกินไป ทำให้ภาพดูมีคอนทราสต์สูงจนไม่เป็นธรรมชาติ ตรงกับที่หลายสำนักรีวิวของต่างประเทศก็พูดถึงกัน อันนี้คงต้องรอดูว่ากูเกิลจะอัพเดตซอฟท์แวร์มาปรับปรุงได้มากน้อยเพียงใด
ตัวอย่างเช่นภาพด้านล่างนี้ ถ่ายที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ จ.เลย เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2021 (ตั้งแต่แรกๆ ที่ Pixel 6 วางจำหน่าย ยังไม่ได้รับอัพเดตอะไรมากนัก) ถ่ายช่วงเช้าเวลา 6:30 น. จะเห็นว่าสีของทั้งภาพค่อนข้างซีด (washed out) สีผิวดูซีดกว่าความเป็นจริง และ noise ค่อนข้างเยอะ ทั้งที่บรรยากาศตอนนั้นแสงก็ไม่ได้น้อยจนมองอะไรไม่เห็นเพียงแต่หมอกเยอะเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีภาพอื่นที่ถ่ายติดๆ กันในจุดเดียวกันนี้และสีผิวดูซีดกว่าตัวจริงไปมาก (แย่กว่าภาพนี้) แต่ด้วยความเป็นส่วนตัวของบุคคลจึงไม่สามารถลงภาพให้ได้เห็นกันครับ และเป็นที่น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ลองใช้มือถือรุ่นอื่นถ่ายมาเทียบว่าต่างกันเพียงใด
อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์อื่นๆ แทบจะ 100% ผมคิดว่ากล้องของ Pixel 6 ทำได้น่าประทับใจ เรียกว่าถ่ายมาแล้วสวย ใช้งานได้แน่นอน เช่นภาพถ่ายใบเฟินนี้ เก็บรายละเอียดได้ดีอย่างยิ่ง รวมถึง depth-of-field ก็สวยงามใช้ได้ (คำบรรยายอยู่ใต้ภาพ)
รูปนี้ไม่ได้ใช้โหมด Portrait แต่ใช้ซูม 2 เท่า ก็ยังเห็นรายละเอียดได้เยอะอยู่
รูปนี้ซูม 2 เท่า + แต่งสีในแอพ Google Photos เล็กน้อย
ช่วงโพล้เพล้ ณ อำเภอเชียงคาน
นอกจากนี้ยังมีภาพเทียบระหว่างกล้องอัลตราไวด์ (0.7x) กล้องหลัก (1x) และซูมเข้าเรื่อยๆ จนสุดที่ 7x โดยถ่ายจากจุดเดียวกัน ซึ่ง Pixel มีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Super Res Zoom ที่ช่วยให้ภาพที่ผ่านการออปติคัลซูมมีรายละเอียดดียิ่งขึ้น (มีมาตั้งแต่ Pixel 3 แล้ว)
มาถึงอีกหนึ่งจุดแข็งของ Pixel กันบ้าง นั่นก็คือ "ภาพถ่ายเวลากลางคืน" เพราะจะได้ใช้งานฟีเจอร์ Night Sight ที่กูเกิลภูมิใจหนักหนา พัฒนามายาวนาน
ช่วงเวลาโพล้เพล้ ณ เขื่อนศรีนครินทร์
สุดทางของการถ่ายภาพกลางคืนก็คือการถ่ายภาพดาว ซึ่ง Pixel ก็ได้เพิ่มโหมด Astrophotography เข้ามาตั้งแต่ Pixel 4 แต่อัพเดตให้ Pixel 3 และ 3a ด้วย โดยจากการลองใน Pixel 6 ก็ทำออกมาได้น่าพอใจ ดาวชัดกำลังดี ไม่ยืด ซึ่งการใช้งานโหมดนี้จะลำบากสักหน่อย เพราะผู้ใช้ไม่สามารถกดเข้าโหมดถ่ายดาวเองได้ มือถือจะตัดสินใจเอง สิ่งแวดล้อมต้องมืดมากพอ และมือถือต้องนิ่งพอ (ต้องติดกับขาตั้งหรือพิงไว้เฉยๆ ไม่มีทางที่จะใช้มือได้) แล้วมันจะตัดเข้าโหมดถ่ายดาวให้เอง
ภาพด้านล่างนี้แทบจะมืดสนิทเพราะอยู่ในแพริมเขื่อนศรีนครินทร์ มีเพียงแสงจุดๆ จากแพลำอื่นไกลๆ และบ้านบนเขาเท่านั้น หลังกดถ่ายแล้วหน้าจอจะขึ้นนาฬิกานับถอยหลัง ของผมใช้เวลาราว 4 นาทีเต็มจึงถ่ายเสร็จ
สุดท้ายยังมีโหมดที่เป็นของใหม่ใน Pixel 6 คือ Long Exposure (ลากชัดเตอร์ยาว) กับ Action Pan (ถ่ายภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ)
สำหรับโหมด Long Exposure ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นการเลียนแบบการเปิดหน้าชัตเตอร์ยาวในกล้อง DSLR, mirrorless โดยมือถือบางรุ่นก็มีกันมานานหลายปีแล้ว หลักๆ ก็ใช้ถ่ายภาพไฟลากสวยๆ ตอนกลางคืน
ส่วนโหมด Action Pan ใช้ถ่ายวัตถุที่มีการเคลื่อนไหวเร็วๆ แล้วเราขยับกล้องตามวัตถุนั้นๆ เพื่อให้วัตถุนั้นชัดแต่ฉากหลังเบลอๆ ภาพที่ได้จะให้ความรู้สึกมีความเคลื่อนไหว นิยมใช้ในการถ่ายภาพกีฬาหรือรถแข่ง ซึ่งวิธีการใช้ใน Pixel 6 ก็ต้องทำเหมือนกล้อง DSLR จริงๆ คือเมื่อวัตถุเคลื่อนที่เข้ามาก็กดชัตเตอร์แล้วลากกล้องตามวัตถุนั้น
สำหรับโหมด Portrait จะได้ประมาณนี้ (ภาพไม่ได้ distort แต่แจกันเบี้ยวอยู่แล้ว)
อีกฟีเจอร์ใหญ่เกี่ยวกับภาพถ่ายคือ Magic Eraser ที่ลบคนหรือวัตถุที่ไม่ต้องการออกได้ เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้แล้ว อ่านได้ที่นี่
สำหรับจุดที่ไม่ชอบหรือใช้แล้วรำคาญก็มีไม่มากนัก อย่างเช่นการสแกนนิ้วบนหน้าจอก็ช้ากว่าแบบรุ่นเก่าที่เป็นเซ็นเซอร์บนฝาหลังอย่างชัดเจน รวมถึงต้องกดปุ่มพาวเวอร์หรือแตะหน้าจอให้ติดก่อน (ผมไม่ได้ใช้ always-on display) แต่ปัญหาสแกนนิ้วไม่ติดผมกลับไม่รู้สึกว่าแย่มากอย่างที่เป็นข่าว คิดว่าเพราะตอน enroll ลายนิ้วมือต้องตั้งใจทำ พยายามแปะนิ้วลงไปเต็มๆ หลายๆ มุม ให้มันเรียนรู้ลายนิ้วมือเราได้ดีๆ ก็จะลดปัญหาไปได้มาก (ผมไม่ได้ใช้ฟิล์มกันรอยด้วย) และหลังจากอัพเดตแพตช์เดือนธันวาคมก็รู้สึกว่าดีขึ้นอีกนิดหน่อย
นอกจากนี้ด้วยความที่ใช้ Pixel มาตลอด (Nexus 5X > Pixel 1 > Pixel 2 > Pixel 5 > Pixel 6) ทำให้ผมชินกับมือถือขนาดไม่ใหญ่มาก พอมาใช้ Pixel 6 ต้องปรับตัวพอสมควร อีกทั้งน้ำหนักก็หนักกว่า Pixel 5 มากๆ และเป็นประเด็นที่มีคนบ่นกันไม่น้อย รู้สึกว่าเมื่อยมือหากใช้งานนานๆ
ส่วนแบตเตอรี่ที่สำนักรีวิวหลายเจ้าเสียงแตกกัน บางเจ้าก็บอกว่าแบตอยู่ได้นานมาก บ้างก็ว่าอยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมง ของผมในช่วงแรกๆ เรียกว่าเข้าขั้นแย่มากๆ ใช้งานทั่วไปอยู่ได้ไม่เกิน 4-5 ชั่วโมง (ตัวเลข screen-on time จากแอพ AccuBattery Pro) แต่หลังจากใช้ไปพักใหญ่ๆ (หลักเดือน) พบว่าแบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น คาดว่าน่าจะเพราะฟีเจอร์ Adaptive Battery เรียนรู้ลักษณะการใช้งานของเราได้แล้ว โดยล่าสุดตอนนี้จากแบต 100% ใช้งานถึง 5% อยู่ได้ 24 ชั่วโมง 51 นาที และ screen-on time อยู่ที่ 6 ชั่วโมง 4 นาที ทั้งนี้โดยรวมผมว่า Pixel 6 ก็ยังไม่ใช่มือถือที่เรียกได้เต็มปากว่า "แบตอึด"
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่กูเกิลโฆษณาไว้เยอะในกลุ่ม AI ว่าจะใช้พลังของชิป Tensor ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยขึ้น เช่น Live Caption ที่เครื่องจะฟังเสียงมีเดียที่เล่นอยู่แล้วแปลงคำพูดออกมาเป็นตัวหนังสือบนจอก็ใช้งานได้ดี แต่ผมไม่เห็นความแตกต่างจากใน Pixel 5 มากนัก ความเร็วก็เหมือนจะเท่าเดิม คือไม่ได้ขึ้นข้อความตามปากทันที แต่จะหน่วงประมาณ 1-2 วินาที ส่วนที่ทำได้ดีคือการเติมเครื่องหมายวรรคตอนต่างๆ เช่น ปรัศนี (?), จุลภาค (,) และมหัพภาค (.) โดยผมสังเกตดูพบว่าเติมเครื่องหมายได้ถูกต้องตามบริบทของคำพูดในวิดีโอราว 60-70% ส่วนการแปลงคำพูดเป็นตัวหนังสือก็ถูกต้องราว 70-85%
สิ่งที่ต้องทำใจยอมรับสำหรับการใช้ Pixel ทุกรุ่นในประเทศไทยคือการที่ไม่สามารถใช้งาน VoLTE, 5G รวมถึง Wi-Fi Calling ได้ แม้ฮาร์ดแวร์เครื่องจะรองรับก็ตาม เนื่องจากฟีเจอร์เหล่านี้ต้องผ่านการรับรองที่เครือข่ายมือถือก่อนจึงจะใช้งานได้ ทำให้ Pixel ที่ไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยก็ไม่ได้ถูกนำมา certify กับเครือข่ายนั่นเอง แม้กลุ่มผู้ใช้ในไทยจะเริ่มใหญ่ขึ้นแต่ก็ไม่มีท่าทีว่ากูเกิลจะเพิ่มประเทศที่ทำตลาดมากขึ้นไปกว่านี้ ผมไม่คิดว่าจะเห็น Pixel ถูกนำมาจำหน่ายและมีศูนย์บริการอย่างเป็นทางการในไทยในอนาคตเลย อย่างไรก็ดี หากกูเกิลประเทศไทยขยับสักหน่อยและเจรจากับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในไทยเพื่อเปิดฟีเจอร์ข้างต้นให้ก็คงเป็นเรื่องดีไม่น้อย
สรุป
Pixel 6 ถือว่าเป็นมือถือที่ดีรุ่นหนึ่ง แต่ก็มีปัญหาหยุมหยิมที่ต้องดูว่าจะออกอัพเดตมาแก้ไขได้เพียงใด กล้องที่เป็นตัวชูโรงก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะได้ภาพที่ดีมากในแทบจะทุกสถานการณ์ รวมถึงเมื่อพิจารณาว่าราคาเริ่มต้นเพียง 599 ดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ถึง 20,000 บาท (ไม่รวมภาษีในแต่ละรัฐ) แต่ได้มือถือสเปกเรือธงที่พอฟัดเหวี่ยงกับเรือธงยี่ห้ออื่นได้ก็จัดว่าคุ้มค่ามากทีเดียว |
# Alienware โชว์ Concept Nyx เซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมเกมเล่นเองภายในบ้าน
Alienware โชว์อุปกรณ์ต้นแบบ Concept Nyx เป็นเซิร์ฟเวอร์สำหรับให้บริการเกมสตรีมมิ่งภายในบ้านไปยังทีวีหรือโน้ตบุ๊ก ลักษณะเดียวกับเกมสตรีมมิ่งพวก Stadia, GeForce Now, xCloud แต่ไม่ต้องออกเน็ต เพราะสตรีมเกมจากเครือข่ายเดียวกันในบ้าน
แนวคิดการสตรีมเกมในบ้านไม่ใช่ของใหม่ เพราะคอนโซลในปัจจุบันก็ทำได้อยู่แล้ว กรณีของ Concept Nyx ใช้เกมพีซีเป็นหลัก (เกมที่นำมาโชว์อย่างเช่น Cyberpunk 2077 หรือ Rocket League) แต่ของใหม่ที่ Concept Nyx เพิ่มเข้ามาคือ การสตรีมหลายเกมพร้อมกันบนทีวีเครื่องเดียวกัน (ใช้วิธีแบ่งครึ่งจอเอา) แล้วผู้เล่นแต่ละคนก็ควบคุมและเล่นเกมในกรอบจอของตัวเอง เป้าหมายของ Alienware คือพัฒนาให้เล่นได้ 4 เกมพร้อมกัน
สถานะของ Concept Nyx ยังเป็นแค่คอนเซปต์เท่านั้น และยังไม่มีอะไรการันตีว่าจะออกขายเป็นผลิตภัณฑ์จริง เมื่อต้นปี 2020 Alienware เคยโชว์ Concept UFO ที่เป็นเหมือน Nintendo Switch สำหรับเกมพีซี แต่ผ่านมา 2 ปีก็ไม่ได้พัฒนาเป็นสินค้าจริงๆ
หน้าตาเซิร์ฟเวอร์ Concept Nyx
หน้าตาคอนโทรลเลอร์ Concept Nyx ที่ลอก Xbox มา
ที่มา - Dell, Engadget, Ars Technica |
# Samsung ประกาศรองรับการแสดงผล-ซื้อขาย-แลกเปลี่ยน NFT ผ่านสมาร์ททีวี รุ่นปี 2022 เป็นต้นไป
ซัมซุงประกาศว่าสมาร์ททีวีรุ่นที่จะออกในปี 2022 เป็นต้นไป จะเริ่มรองรับ NFT ซึ่งทำให้สามารถแสดงผลงานดิจิทัล ผ่านจอสมาร์ททีวีได้โดยตรง ไม่จำกัดเพียงเฉพาะบนจอสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์
ฟีเจอร์แสดงผลงาน NFT นี้ จะเป็นส่วนหนึ่งใน Smart Hub ของสมาร์ททีวีซัมซุง แพลตฟอร์มจะยังรองรับการค้นหา สั่งซื้อ และแลกเปลี่ยนผลงานดิจิทัลได้อีกด้วย ซึ่งรุ่นที่จะรองรับได้แก่ตระกูล MICRO LED, Neo QLED และ The Frame
ซัมซุงบอกว่าเนื่องจากตลาด NFT มีการเติบโตสูง คนจึงต้องการโซลูชันในการแสดงผลงาน รวมทั้งสั่งซื้อผลงานด้วยมุมมองที่ดีมากยิ่งขึ้น และสมาร์ททีวีซัมซุงจะเป็นรายแรกที่รองรับการทำงานร่วมกับ NFT แบบจบในที่เดียว
ที่มา: The Verge |
# ซัมซุงเปิดตัว Odyssey Neo G8 จอโค้งเกมมิ่ง 4K 240Hz, สมาร์ทมอนิเตอร์ M8 ควบคุมสมาร์ทโฮม
ซัมซุงทยอยเปิดตัวสินค้าใหม่สำหรับงาน CES 2022 ล่วงหน้าก่อนวันงานจริงเล็กน้อย โดยเริ่มจากสินค้ากลุ่มจอมอนิเตอร์ 3 รุ่น จับกลุ่มผู้ใช้งาน 3 กลุ่มที่แตกต่างกัน ได้แก่
Odyssey Neo G8 (G85NB) จอโค้งเกมมิ่ง 32" ความละเอียด 4K (3840x2160) อัตรารีเฟรช 240Hz อัตราตอบสนอง 1ms ความสว่างสูงสุด 2000 nit ใช้ดีไซน์สีขาวโดดเด่น
Smart Monitor M8 (M80B) จอภาพกลุ่ม Smart Monitor ที่มีหน่วยประมวลผลในตัว มีขนาด 32" รองรับสี sRGB 99% ความสว่าง 400 nit, มาพร้อมเว็บแคมแบบแม่เหล็ก ปรับตำแหน่งได้เอง รองรับแอพวิดีโอคอลล์หลายตัว (ที่ระบุชื่อคือ Google Duo), มีฟีเจอร์ SmartThings Hub ใช้ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม โดยไม่ต้องซื้อฮับแยกอีก
High Resolution Monitor S8 (S80PB) จอภาพสำหรับคนทำงานกลุ่มโปร ความละเอียด UHD มีสองขนาดคือ 27" และ 32" รองรับสี DCI-P3 ที่ 98%, VESA Display HDR 600, ฟีเจอร์ Glare Free ลดแสงสะท้อน, พอร์ต USB Type-C ชาร์จ 90 วัตต์ และพอร์ตแลนในตัว
สินค้าทั้งหมดยังไม่ประกาศราคาและวันวางขาย
ที่มา - Samsung |
# ไมโครซอฟท์แจ้งวิธีแก้ Exchange ไม่ส่งเมลหลังเข้าสู่ปี 2022
ทีมงาน Microsoft Exchange ปล่อยแพตช์แก้ไขปัญหาบั๊กใน Microsoft Filtering Management Service (FMS) ทำให้ Exchange หยุดรับส่งเมลตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ปี 2022
วิธีแก้มีทั้งการรันสคริปต์อัตโนมัติและการอัพเดตเอนจินด้วยตัวเอง โดยไมโครซอฟท์เตือนว่าผู้ดูแลระบบที่เคยปิดตัวป้องกันมัลแวร์ไปก่อนหน้านี้เพื่อให้รับส่งอีเมลได้ควรรันอัพเดตตามที่แจ้งและเปิดตัวป้องกันมัลแวร์กลับมาด้วยสคริปต์ Enable-AntimalwareScanning.ps1
การทำงานภายในของตัวอัพเดตอาศัยการคงเลขเวอร์ชั่นของเอนจินไว้ที่ปี 2021 โดยเลขเวอร์ชั่นล่าสุดกลายเป็น 2112330001 หรือวันที่ 33 ธันวาคม 2021 ไมโครซอฟท์ระบุว่ากำลังแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
ที่มา - Microsoft |
# หลุดข้อมูลเกมยิงในตำนาน GoldenEye 007 เวอร์ชันรีมาสเตอร์ กลับมาขายบน Xbox
เกม GoldenEye 007 เป็นเกมยิง FPS รุ่นแรกๆ ที่ลงเครื่อง Nintendo 64 ในปี 1997 และได้รับการยกย่องอย่างสูงมาจนถึงทุกวันนี้ (คะแนนรีวิวเฉลี่ย 96/100) รวมถึงสร้างยอดขายได้ถึง 8 ล้านชุด ถือเป็นเกมขายดีอันดับสามของ Nintendo 64
GoldenEye 007 พัฒนาโดยสตูดิโอ Rare ที่ตอนนั้นเป็นบริษัทในเครือข่ายของนินเทนโด (นับเป็น second party โดยนินเทนโดถือหุ้นบางส่วนแต่ไม่ใช่หุ้นใหญ่) แต่หลังจากไมโครซอฟท์ซื้อ Rare ในปี 2002 ทำให้สิทธิความเป็นเจ้าของเกมมีความขัดแย้งกัน เพราะมีผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่ายคือ นินเทนโด ไมโครซอฟท์ และ MGM ในฐานะเจ้าของสิทธิภาพยนตร์ James Bond
ความนิยมของ GoldenEye 007 ทำให้เกิดการเรียกร้องให้รีมาสเตอร์-รีเมคอยู่บ่อยครั้ง แต่สิทธิความเป็นเจ้าของเกม James Bond ย้ายไปอยู่กับ EA และภายหลังคือ Activision ทำให้การรีมาสเตอร์-รีเมคทำได้ยาก โดย Activision เคยรีเมคเกมนี้ในชื่อ Golden Eye 007: Reloaded ในปี 2010 (ลง Wii, DS, PS3, Xbox 360) แม้กราฟิกสวยขึ้นมาก แต่เกมก็ไม่ได้โด่งดังถึงขนาดเกมต้นฉบับ
ความพยายามรีมาสเตอร์ที่ใกล้เคียงที่สุดเกิดขึ้นในปี 2010 เช่นกัน โดยไมโครซอฟท์พยายามรีมาสเตอร์เป็นเกมบน Xbox Live Arcade (XBLA) ซึ่งตัวเกมพัฒนาเสร็จแล้ว แต่สุดท้ายไม่ได้วางขายเพราะนินเทนโดขวางไว้ นอกจากนี้ยังมีการรีเมคเกมโดยแฟนๆ บนเอนจิน Source และ Unreal Engine 4 แต่ก็โดน MGM แจ้งเตือนเรื่องลิขสิทธิ์อีกเช่นกัน
หลังความพยายามล้มเหลวมาหลายปี ล่าสุดมีคนไปพบข้อมูล achievement ของเกม GoldenEye 007 (น่าจะเป็นเวอร์ชันรีมาสเตอร์ปี 2010) โผล่มาในระบบของ Xbox แล้ว (น่าจะเป็น Xbox One) จึงเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายตกลงกันเรื่องลิขสิทธิ์ได้แล้วสักที
ปี 2022 ยังเป็นปีที่ James Bond มีอายุครบ 60 ปี ซึ่งบัญชีทวิตเตอร์ @007 ก็ระบุว่าปีนี้เราจะได้เห็นการเฉลิมฉลองหลายรูปแบบ การกลับมาวางขายของเกม GoldenEye 007 ถือว่าสอดคล้องกับทิศทางนี้เช่นกัน
ที่มา - GameSpot |
# Tesla รายงานตัวเลขการผลิตไตรมาส 4/2021 ทำสถิติใหม่สูงสุดต่ออีกไตรมาส
Tesla รายงานตัวเลขการผลิตประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ผลิตรถยนต์ได้รวม 305,840 คัน แบ่งเป็น Model S/X 13,109 คัน และ Model 3/Y 292,731 คัน เป็นสถิติใหม่สูงสุดอีกไตรมาสของบริษัท
จำนวนรถยนต์ที่ส่งมอบให้ลูกค้าได้ ก็เป็นสถิติสูงสุดเช่นกันที่ 308,600 คัน จากตัวเลขนี้ทำให้ตลอดปี 2021 Tesla ผลิตรถยนต์ได้ 930,422 คัน และส่งมอบให้ลูกค้าได้ 936,172 คัน
Tesla จะรายงานตัวเลขผลประกอบการรายได้-กำไร อีกครั้งในช่วงปลายเดือน
ที่มา: Tesla |
# รวมข่าวลือ Apple ล่าสุด: iPhone 14 กล้องหน้ารูเล็ก, AirPods Pro 2 เคสส่งเสียงได้
ข่าวนี้เป็นการรวมรายงานจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg และ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สินค้าใหม่แอปเปิลขาประจำ เกี่ยวกับข้อมูลสินค้าใหม่ที่แอปเปิลจะเปิดตัวและขายในปีนี้
เริ่มด้วยข้อมูลจาก Gurman มีรายละเอียดดังนี้
iPhone 14 กล้องหน้าเล็กลงแบบเจาะรู (punch hole) ทำให้ไม่มีรอยบากเดิม ระบบ Face ID ย้ายอยู่ใต้จอ
MacBook Air ชิป M2 เร็วขึ้นกว่า M1 เล็กน้อย
Mac Pro ที่ใช้ซีพียู Apple Silicon ทำให้แอปเปิลออกจากอินเทลได้ครบทุกสินค้าตระกูล Mac
เฮดเซต AR/VR คาดว่าแอปเปิลจะพูดถึงรายละเอียดในงาน WWDC
ส่วน Kuo เป็นข้อมูลของ AirPods Pro 2 โดยจะรองรับระบบเสียง Apple Lossless (ALAC) ซึ่งปิดข้อจำกัดก่อนหน้านี้ที่ Apple Music ไม่รองรับ lossless ผ่านหูฟังไร้สาย นอกจากนี้เคสชาร์จหูฟังรองรับการทำงานกับ Find My สามารถส่งเสียงบอกตำแหน่งได้อีกด้วย
ที่มา: MacRumors [1], [2] |
# นักวิจัยเตือนผู้ใช้เราท์เตอร์ MikroTik ไม่ยอมอัพเดตเฟิร์มแวร์จำนวนมาก กลายเป็นแหล่ง botnet
ทีมวิจัยของบริษัท Eclypsium รายงานผลการสำรวจเราท์เตอร์ MikroTik ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ธุรกิจขนาดเล็ก พบว่าผู้ใช้จำนวนมากไม่ยอมอัพเดตเฟิร์มแวร์ จนทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ายึดเราท์เตอร์เหล่านี้ได้โดยง่าย
Eclypsium สำรวจข้อมูลจาก Shodan พบว่าเราท์เตอร์ที่น่าจะเข้าข่ายมีช่องโหว่มีอยู่ถึง 300,000 ไอพี และในจำนวนนี้มีประมาณ 20,000 เครื่องที่เปิดบริการ proxy แล้วแอบใส่สคริปต์ขุดเงินคริปโตเอาไว้
ช่องโหว่ทั้งหมดที่ใช้สำรวจครั้งนี้ถูกแก้ไขใน RouterOS รุ่นใหม่ๆ ทั้งหมดแล้ว โดยช่องโหว่มีการรายงานมานานกว่า 2 ปี แต่ผู้ใช้จำนวนหนึ่งก็ยังไม่ได้อัพเดตแพตช์
Eclypsium แนะนำการรักษาความปลอดภัย MikroTik ตั้งแต่การอัพเดตแพตช์ต่อเนื่อง, ไม่เปิดบริการจัดการเราท์เตอร์จากอินเทอร์เน็ต นอกจากการเข้าถึงผ่าน VPN, ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรง, ระวังแม้แต่เน็ตเวิร์คภายในเองก็ตาม สำหรับผู้ที่ใช้เฟิร์มแวร์เก่ามานานอาจสำรวจว่าถูกเจาะหรือยัง โดยสำรวจ Scheduler ว่ามีสคริปต์โหลดโค้ดรันอยู่หรือไม่, เปิด Sock proxy ทิ้งไว้หรือเปล่า, มี L2TP client ที่ไม่ได้ใส่ไว้เองในเครื่องหรือไม่, และมีเปิดไฟร์วอลล์พอร์ต 5678 หรือไม่
ที่มา - Eclypsium
แผนที่เราท์เตอร์ MikroTik ที่เข้าข่ายเสี่ยงแยกตามประเทศ |
# [IDC] ยอดขายจอคอมพิวเตอร์ไตรมาส 3/2021 เริ่มชะลอลง หลังเติบโตติดต่อกันมา 5 ไตรมาส
บริษัทวิจัยตลาด IDC รายงานภาพรวมตลาดหน้าจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ซึ่งมียอดขายเติบโตมาตลอด 5 ไตรมาสติดต่อกัน จากผลกระทบโควิด 19 ที่ทำให้คนทำงานจากที่บ้านมากขึ้น อย่างไรก็ตามตัวเลขของไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ตัวเลขยอดขายกลับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2020
IDC ให้เหตุผลว่าน่าจะมาจากความต้องการสินค้าที่ลดลง โดยเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาและยุโรป ขณะที่เอเชียยังมีความต้องการสูง นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องซัพพลายเชน และต้นทุนสินค้า โดยจำนวนหน้าจอส่งมอบมีทั้งหมด 34.8 ล้านชุด
Dell ครองส่วนแบ่งมากที่สุดที่ 22.0% ตามด้วย Lenovo ในอันดับ 2 ที่ 12.2% และ TPV, HP และ Samsung ในลำดับที่ 3-5
ที่มา: IDC ภาพ Pixabay |
# ซัมซุงเผย ยอดขายมือถือจอพับปี 2021 สูงกว่าของปี 2020 ถึง 4 เท่าตัว
ซัมซุงเผยข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2021 ว่ายอดขายอุปกรณ์แบบพับได้ของปี 2021 สูงกว่าในปี 2020 ถึง 4 เท่า (ไม่เปิดเผยตัวเลขเป็นจำนวนเครื่อง) หมายความว่า Galaxy Z Fold 3 และ Z Flip 3 ทำยอดขายได้ดีกว่ารุ่นพี่มาก
ซัมซุงยังระบุด้วยว่ายอดขายของ Galaxy Z Fold 3 และ Z Flip 3 ในช่วงเดือนแรกที่วางขาย เยอะกว่ายอดขายรวมของมือถือจอพับได้ตลอดทั้งปี 2020 ด้วย
สถิติอื่นที่น่าสนใจคือ ผู้ซื้อ Galaxy Z Flip 3 ที่ย้ายมาจากสมาร์ทโฟนค่ายอื่น มีเยอะกว่า Galaxy Note 20 ถึง 150% และเยอะกว่า Galaxy S21 ที่ 140% แปลว่ามือถือจอพับแบบ Z Flip 3 ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ได้มากกว่าเดิม (อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราจึงไม่ได้เห็น Note 21 ออกขายในปีที่แล้ว)
ที่มา - Samsung |
# Canon เตรียมยกกล้อง mirrorless เมาท์ RF เป็นเรือธงของค่าย อาจเลิกผลิต DSLR เรือธง EOS-1 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
Canon โดยซีอีโอ Fujio Mitarai ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น Yomiuri Shimbun โดยเขาได้ระบุชัดเจนว่า Canon จะเลิกพัฒนาและผลิตกล้อง DSLR รุ่นเรือธงภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยในรายงานระบุว่า Canon EOS 1DX Mark III จะถือเป็นกล้อง DSLR เรือธงรุ่นสุดท้ายของ Canon
Mitarai ระบุว่า ความต้องการของตลาดทำให้ต้องปรับเปลี่ยนการพัฒนาไปเน้นที่กล้อง mirrorless แทน โดยความต้องการกล้อง SLR สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานระดับเริ่มต้นและระดับกลางในต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง ดังนั้น Canon จะยังคงพัฒนาและผลิตกล้อง SLR เพื่อลูกค้ากลุ่มนี้ต่อไป
การให้สัมภาษณ์ของซีอีโอทำให้เว็บไซต์บางแห่งเข้าใจว่า Canon จะเลิกผลิต DSLR ทำให้ทางบริษัทต้องออกมาให้ความชัดเจนว่าบทสัมภาษณ์ที่ซีอีโอระบุจะเลิกพัฒนาและผลิต DSLR นั้นครอบคลุมเฉพาะ DSLR ระดับเรือธง หมายความว่า Canon จะพิจารณาให้กล้องเมาท์ RF เป็นโมเดลกล้องเรือธงของ Canon ต่อไปในอนาคต พร้อมทั้งระบุว่า Canon ยังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเลิกผลิตและวิจัย DSLR รุ่นเรือธง
สำหรับกล้อง DSLR เรือธงล่าสุดของ Canon คือ EOS 1DX Mark III เปิดตัวครั้งแรกในช่วงต้นปี 2020 ส่วนกล้อง mirrorless เรือธงล่าสุดของ Canon คือ EOS R3 เพิ่งเปิดตัวเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา และตอนนี้มีข่าวลือว่า Canon กำลังจะพัฒนากล้อง EOS R1 ซึ่งจะเป็นกล้องเรือธงของกลุ่ม mirrorless ต่อไปในอนาคต
ที่มา - PetaPixel |
# ประธาน Square Enix พูดชัด อนาคตของวงการเกมคือ Decentralized Gaming, NFT และ Token
Yosuke Matsuda ประธานของ Square Enix เขียนจดหมายปีใหม่ 2022 กล่าวถึงเทคโนโลยีใหม่ที่บริษัทให้ความสนใจ ได้แก่ Metaverse, NFT และเกมบล็อกเชน
จดหมายของ Matsuda กล่าวถึงบล็อกเชนและ NFT อย่างละเอียด โดยเขาแยกแยะกลุ่มผู้เล่นเกม ที่มีทั้งกลุ่ม play to earn สนใจเล่นเพื่อเก็บเหรียญสร้างมูลค่า และยอมรับว่าเกมเมอร์ในปัจจุบันเป็น play to fun ที่ต่อต้านแนวคิดใหม่เหล่านี้
อย่างไรก็ตาม Matsuda พูดชัดว่าเขาเชื่อว่ามีผู้เล่นกลุ่ม play to contribute ที่สร้างเนื้อหาภายในเกมขึ้นมาเอง (user-generated content) ในอดีตไม่มีวิธีตอบแทนผู้เล่นกลุ่มนี้มากนัก แต่ในยุคของเศรษฐกิจ token เรามีวิธีตอบแทนผู้เล่นกลุ่มนี้แล้ว เขาเชื่อว่าแนวคิด decentralized gaming จะกลายมาเป็นเทรนด์สำคัญของวงการเกม และ Square Enix จะจับตามองเทรนด์นี้อย่างใกล้ชิด
ที่มา - Square Enix |
# นักวิเคราะห์คาด 2022 จะเป็นปีที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่บุก Metaverse กันมากขึ้น
CNBC รวบรวมความเห็นจากนักวิเคราะห์ โดยมองว่าปี 2022 นี้จะเป็นก้าวสำคัญของ Metaverse เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ น่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องออกมา ทำให้ตลาดนี้เข้าถึงคนกลุ่มใหญ่มากขึ้น คล้ายกับตอนที่แอปเปิลเปิดตัวสมาร์ทโฟนจอสัมผัสเมื่อปี 2007 ซึ่งถึงตอนนี้ทุกคนต่างก็มีสมาร์ทโฟนกัน จึงคาดว่าฮาร์ดแวร์ Metaverse ก็กำลังเป็นแบบนั้น
ข้อมูลจาก Crunchbase พบว่ากองทุน VC มีการลงทุนในสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse สูงถึงกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เฉพาะในปี 2021 ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่โดยตรง เช่นกรณีของ Meta บริษัทใหม่ที่เปลี่ยนชื่อจาก Facebook นั้น ระบุในรายงานผลประกอบการว่า การลงทุนใน Facebook Reality Labs จะกระทบกำไรถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์
CNBC ยังคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในปีนี้เกี่ยวกับ Metaverse
Meta นอกจากการเปลี่ยนชื่อบริษัท เพื่อแสดงความจริงจัง ช่วงที่ผ่านมามีประเด็นน่าสนใจคือ แอป Oculus เป็นแอปยอดนิยมอันดับ 1 ใน App Store อเมริกาช่วงเทศกาลวันหยุด สะท้อนว่ายอดขายเฮดเซต VR Quest 2 น่าจะสูงมาก แปลว่าตอนนี้คนเริ่มมีฮาร์ดแวร์ให้นักพัฒนาได้ต่อยอดแล้ว นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการด้าน VR อีกมาก รวมทั้งซื้อกิจการเข้ามาต่อเนื่อง
Apple มีข่าวลือมาตลอดว่าแอปเปิลเตรียมเปิดตัวฮาร์ดแวร์ AR/VR แม้บริษัทไม่เคยพูดถึงอย่างเป็นทางการ แต่มีโครงการต่าง ๆ เช่น ARkit และการพูดถึง AR/VR จากซีอีโอ Tim Cook ออกมาเรื่อย ๆ โดยภาพน่าจะชัดเจนมากขึ้นเมื่อแอปเปิลประกาศสินค้าใหม่นั่นเอง
Google ในฐานะผู้มาก่อนกาลกับ Google Glass ที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในตลาดผู้ใช้ทั่วไป แต่กูเกิลก็ยังมีการพัฒนาโครงการด้านนี้ โดยเรียกรวมว่าโครงการพัฒนาฮาร์ดแวร์ AR
Microsoft ในตอนนี้บริษัทยังเน้นตลาดองค์กรเป็นหลัก มีฮาร์ดแวร์ HoloLens ที่ออกมาหลายปีแล้ว และล่าสุดเพิ่งเปิดตัวแพลตฟอร์มโลกเสมือน Mesh
ที่มา: CNBC |
# Apple ออก AirPods Pro รุ่นพิเศษสลักอีโมจิปีขาล ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน
แอปเปิลออก AirPods Pro รุ่นพิเศษต้อนรับปีขาล โดยเหมือนกับปีที่แล้ว ที่ออกรุ่นปีฉลู ซึ่งกล่องและเคสใส่หูฟัง ได้สลักเพิ่มลวดลายอีโมจิเสือแบบพิเศษโดยเฉพาะ
ราคาขายของ AirPods Pro รุ่นนี้เท่ากับรุ่นปกติ แต่ไม่ได้วางขายทั่วไป เป็นสินค้าต้อนรับเทศกาลตรุษจีน จึงมีขายเฉพาะจีน ฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า สิงคโปร์ และมาเลเซีย ไม่มีขายในประเทศไทย และจำกัดการซื้อสูงสุด 2 ชุด สำหรับลูกค้าแต่ละคน
ก่อนหน้านี้แอปเปิลออกสินค้ารุ่น limited ต้อนรับปีเสือทั้ง AirTag รุ่นในญี่ปุ่น และหูฟัง Beats Studio Buds ลายเสือ
ที่มา: MacRumors |
# เจ้าควรต่อต้านไม่ใช่เข้าร่วม ซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ม. เกียวโตผิดพลาด ทำข้อมูลหาย 77TB
สถาบันการจัดการข้อมูลและโทรคมนาคมมหาวิทยาลัยเกียวโต รายงานเหตุระบบมีปัญหาเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาด ทำให้ข้อมูลในระบบหายไปจำนวนมาก
รายงานระบุว่าระบบเริ่มทำงานผิดพลาดตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 16 ธันวาคม จึงปิดระบบสำรองทิ้ง และพบว่าระบบลบไฟล์ย้อนกลับไปถึงวันที่ 3 ธันวาคม รวมไฟล์ที่เสียหาย 34 ล้านไฟล์รวม 77TB จากกลุ่มผู้ใช้งาน 14 กลุ่ม ในจำนวนนี้มี 4 กลุ่มกู้ไฟล์กลับจากระบบสำรองไม่ได้
ไม่มีข้อมูลว่าไฟล์ที่หายไปเป็นไฟล์อะไรบ้าง หรือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้นผิดพลาดตรงไหน จึงลบไฟล์จากระบบจริงไปได้
ที่มา - Bleeping Computer, Kyoto University
ภาพโดย kkhboo |
# ระบบกรองเมลของไมโครซอฟท์เจอปี 2022 ทำ Exchange ไม่รับส่งเมล
ผู้ดูแลเซิร์ฟเวอร์ Exchange ที่ใช้บริการ Microsoft Filtering Management (FIP-FS) พบปัญหาเซิร์ฟเวอร์ไม่รับส่งอีเมล โดยข้อความ error ทำให้คาดเดาได้ว่าเกิดจากการเข้าสู่ปี 2022
ข้อความระบุว่า Can't convert "2201010001" to long คาดว่าเป็นหมายเลขเวอร์ชั่นของ signature ตัวฟิลเตอร์ และตัวแปรชนิด long นั้นรองรับเลขได้สูงสุด 2147483647 หรือ 231-1 เอนจินของระบบแปลงเลขเวอร์ชั่นฐานข้อมูลเป็น long โดยเลขสองหลักแรกเป็นเลขปี (ใช้เฉพาะเลขปีสองตัวหลังตามความนิยมของสหรัฐฯ) เมื่อเข้าสู่ปี 2022 ทำให้ฐานข้อมูลขึ้นต้นเวอร์ชั่นด้วย 22 จึงเกินค่า long
ผู้ดูแลระบบที่เจอปัญหานี้สามารถรัน Disable-AntimalwareScanning.ps1 เพื่อปิดระบบการกรองมัลแวร์ออกไปก่อนให้ Exchange กลับมารับส่งอีเมล
ที่มา - Microsoft Questions |
# Elasticsearch และ Logstash ออกอัพเดตใหม่ปิดช่องโหว่ Log4Shell
Elastic ออกอัพเดต Elasticsearch และ Logstash เวอร์ชัน 7.16.2 และ 6.8.22 แล้วเมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม โดยจุดสำคัญของเวอร์ชันนี้คืออัพเดต Apache Log4j เป็นเวอร์ชันใหม่เพื่อแก้ช่องโหว่ Log4Shell ที่เป็นข่าวในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
สำหรับตัว Elasticsearch และ Logstash เวอร์ชัน 7.16.2 และ 6.8.22 มีอัพเดตแก้ไขดังนี้
อัพเดต Log4j เป็นเวอร์ชัน 2.17.0
นำคลาสคลาส JndiLookup ออกเพื่อกำจัดความเสี่ยงในการโจมตีผ่านฟีเจอร์ JNDI Lookup และช่องโหว่ที่ใกล้เคียงกัน
เซ็ทค่า log4j.formatMsgNoLookups=true ไว้เพื่อปิดฟีเจอร์ที่มีความเสี่ยงจะโดนโจมตี
Elastic ระบุว่าแม้วิธีบรรเทาช่องโหว่ที่เคยแนะนำไว้ในช่วงก่อนหน้าจะค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่คำแนะนำโดยรวมคือควรอัพเกรดไปใช้เวอร์ชัน 7.16.2 หรือ 6.8.22 ที่ได้แก้ปัญหาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
ที่มา - Elastic
ภาพจาก Elastic |
# CES 2022 ประกาศลดวันจัดงานลง 1 วัน เพื่อความปลอดภัยจากสถานการณ์ COVID-19
Consumer Technology Association ผู้จัดงาน CES ประกาศว่างาน CES 2022 จะลดระยะเวลาจัดงานลง 1 วัน จากเดิม มีงานรอบสื่อในวันที่ 3-4 มกราคม 2022 และการจัดงานทั่วไป 5-8 มกราคม เปลี่ยนเป็น จัดงานวันสุดท้าย 7 มกราคม 2022 ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยจากสถานการณ์โควิด 19
CES 2022 กำหนดเงื่อนไขและมาตรการเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงาน โดยต้องใส่มาสก์ตลอดเวลาในงาน แสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน ผลการตรวจโควิด 24 ชั่วโมงก่อนเข้าร่วมงาน นอกจากนี้ยังแจกชุดตรวจโควิดให้ผู้เข้าร่วมงาน มีหน่วยปฐมพยาบาลคัดกรองและตรวจทันทีหากผู้ร่วมงานมีอาการป่วย และยังมีจุดตรวจ PCR ให้บริการก่อนเดินทางกลับประเทศปลายทางด้วย
CTA อธิบายว่ามีบริษัทที่จะยังเข้าร่วมมาแสดงสินค้านวัตกรรมมากกว่า 2,200 ราย แม้จะมีหลายบริษัทขนาดใหญ่ประกาศไม่เข้าร่วมงานในพื้นที่จัดแสดง หรือ In-person
ที่มา: Engadget และ CTA |
# Delivery Hero เข้าถือหุ้นใหญ่บริษัทเดลิเวอรีคู่แข่ง Glovo
Delivery Hero ผู้ให้บริการเดลิเวอรีจากเยอรมนี ประกาศซื้อหุ้นของ Glovo แพลตฟอร์มเดลิเวอรีคู่แข่ง จากผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งผลจากดีลนี้ทำให้ Delivery Hero มีหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 39.4% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน Glovo
Delivery Hero บอกว่าทั้งสองบริษัทมีต้นกำเนิดจากยุโรป และมีความเชี่ยวชาญในพื้นที่นี้ มียุทธศาสตร์ที่คล้ายกันคือเน้นการเดลิเวอรีในหลายหมวดสินค้า Glovo เอง ทำตลาดอยู่ใน 25 ประเทศ และเป็นผู้นำตลาดถึง 16 ประเทศในนั้น
Glovo ปัจจุบันให้บริการเดลิเวอรีทั้งร้านอาหาร สินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต ยาเวชภัณฑ์ ใน 1,300 เมือง ของ 25 ประเทศ ทั้งในยุโรป เอเชียกลาง และแอฟริกา มีผู้ใช้งานรวมกว่า 15 ล้านบัญชี
ที่มา: Delivery Hero |
# มาอีกประเทศ กรรมการแข่งขันการค้าอินเดีย สั่งสอบแอปเปิลผูกขาดระบบจ่ายเงิน
กลายเป็นข่าวส่งท้ายปี 2021 เมื่อคณะกรรมการการแข่งขันของอินเดีย (Competition Commission of India หรือ CCI) มีคำสั่งให้สอบสวนแอปเปิลในประเด็นการบังคับจ่ายเงินบน App Store ให้ต้องใช้ระบบจ่ายเงินของแอปเปิลเท่านั้น
คดีนี้มีที่มาจากกลุ่ม Together We Fight Society ร้องเรียนต่อ CCI ว่าแอปเปิลมีพฤติกรรมผูกขาดและต่อต้านการแข่งขัน เพราะการซื้อแอพและการจ่ายเงินแบบ in-app purchase บน App Store ทั้งหมดต้องจ่ายผ่านช่องทางของแอปเปิล และต้องหักส่วนแบ่งรายได้ 30%
คณะกรรมการ CCI พิจารณาแล้วเห็นว่าแอปเปิลมีพฤติกรรมละเมิดกฎหมายแข่งขันทางการค้าของอินเดียจริง จึงให้สำนักงาน CCI สอบสวนพฤติกรรมของแอปเปิลอย่างละเอียดให้เสร็จภายใน 60 วัน แล้วรายงานกลับมายังคณะกรรมการต่อไป
CCI สั่งให้สอบสวนกูเกิลในประเด็นเดียวกันมาตั้งแต่ปลายปี 2020 โดยหนังสือพิมพ์ Economic Times ของอินเดียระบุว่าตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนพยานและผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม
ทั้งกูเกิลและแอปเปิลโดนแรงกดดันเรื่องการบังคับจ่ายเงินในร้านออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ชัดเจนที่สุดคือเกาหลีใต้ที่ออกเป็นกฎหมายและสั่งปรับแล้ว แต่ก็ยังมีกรณีของประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกาคดี Epic, สหรัฐอเมริกาจากกลุ่มอัยการประจำรัฐ, สหรัฐอเมริกาเสนอกฎหมาย, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ และสหภาพยุโรป
ที่มา - CCI (PDF), Economic Times |
# ลินุกซ์เตรียมเปลี่ยนอัลกอริทึมสร้างเลขสุ่มเป็น BLAKE2 เพื่อความเร็ว
Jason A. Donenfeld ส่งโค้ดแก้ไขตัวสร้างเลขสุ่มในลินุกซ์ จากเดิมที่ใช้ SHA1 แบบดัดแปลง มาเป็น BLAKE2 ที่ ทำให้ประสิทธิภาพการสร้างเลขสุ่มโดยรวมสูงขึ้นมาก
BLAKE2 เป็นฟังก์ชั่นแฮชที่เคยร่วมแข่งขันเพื่อเป็นมาตรฐาน SHA3 เมื่อปี 2012 และเข้าถึงรอบสุดท้าย แต่แพ้ให้กับ Keccak ไปที่สุด โดยตัวอัลกอริทึมภายใช้การเข้ารหัสแบบ ChaCha ที่มีจุดเด่นด้านความเร็วอยู่แล้ว
กระบวนการสร้างเลขสุ่มนั้นมีการใช้งานบ่อยกว่าที่คนทั่วไปคิด เช่น การเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสแต่ละครั้งก็ต้องสุ่มกุญแจเสมอ ประสิทธิภาพของการสุ่มเลขจึงกระทบต่องานบางประเภทพอสมควร ที่ผ่านมาผู้ผลิตซีพียูที่ใส่วงจรสำหรับเร่งความเร็วการเข้ารหัสก็มักจะมีฮาร์ดแวร์สำหรับสุ่มเลขให้ด้วย เช่นคำสั่ง RDRAND ในซีพียู x86 แต่หลายครั้งคำสั่งเหล่านี้กลับช้ากว่าการอิมพลีเมนต์ด้วยซอฟต์แวร์เสียอีก
แพตช์ของ Donenfeld ยังไม่ได้ merge เข้าโค้ดหลัก จึงยังไม่แน่ชัดว่าจะอยู่ในลินุกซ์เวอร์ชั่นใด
ที่มา - LKML (1, 2)
ภาพโดย 955169 |
# บททดสอบวงการ NFT เมื่อชุดภาพ Bored Ape ถูกกลับด้านซ้าย-ขวาแล้วนำมาขายใหม่
วงการงานศิลปะ NFT กำลังเจอบททดสอบสำคัญ เมื่อมีคนนำภาพชิ้นงานยอดนิยมอย่าง CryptoPunks หรือ Bored Ape Yacht Club (BAYC) ซึ่งปัจจุบันมีราคาแพงมากแล้ว ไปกลับด้านซ้าย-ขวา แล้วนำขึ้นมาขายใหม่บนแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ต่างๆ อย่าง OpenSea
กรณีของ CryptoPunks มีภาพล้อเลียนใช้ชื่อว่า CryptoPhunks (เติม h) ส่วน Bored Ape Yacht Club มีถึง 2 โครงการคือ Phunky Ape Yacht Club (PAYC) กับ PHAYC (ไม่มีชื่อเต็ม แต่ตั้งใจให้อ่านว่า เฟค)
โครงการเหล่านี้ประกาศตัวว่าเป็นการ "ล้อเลียน" มาตั้งแต่ต้น โดย CryptoPhunks นิยามตัวเองว่า "Facing left on the right side of history" ส่วน PAYC ใช้คำว่า "Apes phace left on the right side of History" และประกาศชัดว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก CryptoPhunks
สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ โครงการล้อเลียนเหล่านี้นำภาพ (กลับด้าน) ไปขายบนแพลตฟอร์ม NFT เพื่อทดสอบขอบเขตว่าทำได้แค่ไหน ซึ่งแพลตฟอร์มดังๆ อย่าง OpenSea ก็แบนการซื้อขายด้วยเหตุผลว่าละเมิดลิขสิทธิ์ แต่โครงการทั้งสองก็นำไปขายต่อบนแพลตฟอร์ม NFT อื่นๆ ได้ทันที (ปัจจุบันยังไม่โดนแบน) ก็ชวนให้ตั้งคำถามว่า กรอบการกำกับดูแลด้านทรัพย์สินทางปัญญาแบบเดิม สามารถใช้กับการท้าทายแนวคิดลักษณะนี้ (ไม่ก็อปปี้ตรงๆ แต่ดัดแปลงเล็กน้อยด้วยการกลับซ้ายขวา) ได้หรือไม่
ที่มา - The Verge, CoinDesk |
# Waymo ร่วมมือกับ Geely พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ
Waymo บริษัทรถยนต์ไร้คนขับภายใต้ Alphabet ประกาศร่วมมือกับ Geely ผู้ผลิตรถยนต์จากจีนเพื่อพัฒนารถยนต์ไร้คนขับแบบไฟฟ้าร่วมกัน และเตรียมนำมาให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ
ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ Waymo จะอินทิเกรตระบบ Waymo Driver ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Waymo เข้ากับรถยนต์ไฟฟ้า Zeekr ของ Geely สำหรับใช้งานในตลาดสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และจะนำรถยนต์ Zeekr เข้ามาใช้งานในฟลีตรถแท็กซี่ไร้คนขับ Waymo One และถือเป็นก้าวสำคัญของเป้าหมายที่ต้องการให้ฟลีต Waymo One เป็นรถยนต์ไฟฟ้า
สำหรับ Zeekr เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม luxury ของ Geely ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยรถยนต์ที่ Zeekr จะนำมาใช้งานกับ Waymo จะเป็นรถยนต์ในทรงมินิแวน ตัวรถจะเน้นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบในประเทศสวีเดน งานออกแบบจะคำนึงถึงผู้โดยสารเป็นหลัก เน้นพื้นตัวถังรถเรียบ ไม่มีเสา B จึงเข้าออกง่าย พื้นที่เหนือหัวและวางขาขนาดใหญ่ รวมถึงเบาะที่ปรับได้หลากหลายรูปแบบ และยังคงความปลอดภัยตามมาตรฐานรถยนต์ของสหรัฐฯ
ที่มา - Waymo, TechCrunch |
# Galaxy S10/Note 10 เริ่มได้อัพเดต One UI 4.0 เป็น Android 12 แล้ว
หลังจากซัมซุงออก One UI 4.0 (Android 12) ให้กับเรือธงประจำปี Galaxy S21 ไล่มาจนถึงมือถือจอพับ Galaxy Z Fold/Flip 3
ตอนนี้มือถือเรือธงของปีก่อนๆ ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมอย่าง Galaxy S10 และ Note 10 ในบางประเทศก็เริ่มได้อัพเดต One UI 4.0 กันบ้างแล้ว โดยเว็บไซต์ SamMobile รายงานว่าผู้ใช้ S10 ในเยอรมนี กับ Note 10 ในเนเธอร์แลนด์ เริ่มได้อัพเดตแล้ว
Galaxy S10 ถือเป็นมือถือเรือธงรุ่นแรกที่ซัมซุงเริ่มใช้นโยบายอัพเกรด OS ให้ 3 รุ่น โดย Galaxy S10 มาพร้อมกับ Android 9 Pie และตอนนี้ได้อัพเกรดมาถึง Android 12 ซึ่งน่าจะเป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว แต่จะยังได้อัพเดตแพตช์ความปลอดภัยนาน 4 ปี ไปจนถึงประมาณเดือนมีนาคม 2023
ที่มา - SamMobile |
# Google ยืนยัน ปัญหา Pixel 6 สายหลุดเกิดจากอัพเดตรอบเดือนธันวาคม สั่งหยุดอัพเดตชั่วคราวแล้ว
ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ Pixel 6 ในยุโรปรายงานปัญหามือถือไม่จับสัญญาณ ทำให้เกิดอาการสายหลุด ล่าสุด Google ได้ยืนยันแล้วว่าปัญหานี้เกิดจากอัพเดตรอบเดือนธันวาคม โดยอาการนี้กระทบทั้ง Pixel 6 และ Pixel 6 Pro ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทสั่งหยุดปล่อยอัพเดตนี้ชั่วคราวแล้ว โดยอัพเดตใหม่เพื่อแก้ปัญหานี้จะมาในเดือนมกราคมปีหน้า
สำหรับผู้ใช้ Pixel 6 ที่ยังไม่ได้อัพเดตก็จะไม่สามารถติดตั้งอัพเดตที่มีปัญหาได้แล้ว แต่ผู้ที่อัพเดตไปแล้วและได้รับผลกระทบจากอาการดังกล่าวมีสองทางเลือก หนึ่งคือรออัพเดตถัดไปที่ Google จะออกในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งจะต้องทนอาการสายหลุดต่อไปก่อน หรือสองคือใช้ Android Flash Tool เพื่อแฟลช build เดิมก่อน ซึ่งจะต้องลบข้อมูลทิ้งทั้งเครื่อง
ที่มา - Engadget, Droid Life |
# คนละครึ่ง พบปัญหาใช้งานไม่ได้ช่วงเช้าวันนี้ แก้ไขแล้วตั้งแต่ 9.30น.
ธนาคารกรุงไทยโพสต์ชี้แจงใน Facebook Krungthai Care หลังมีรายงานปัญหาการใช้งานคนละครึ่งช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการใช้สิทธิเฟส 3 โดยบอกว่าระบบกลับมาใช้งานได้แล้วตั้งแต่เวลา 9.30น.
ส่วนผู้ใช้งานที่พบปัญหาการแสดงยอดเงินไม่ถูกต้องนั้น ธนาคารกำลังเร่งแก้ไขปรับปรุงยอดเงินให้ถูกต้องภายในประมาณช่วงเที่ยงของวันนี้
ที่มา: Facebook: Krungthai Care |
# ผู้บริหาร Nintendo มองปัญหาซัพพลายเชนปีหน้ายังอยู่ กระทบ Switch ผลิตไม่ทันความต้องการ
Shuntaro Furukawa ประธานนินเทนโด ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่น Kyoto Shimbun บอกว่าในปี 2022 สถานการณ์ซัพพลายเชนของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังคงขาดแคลน และจะส่งผลให้ Nintendo Switch ยังคงผลิตได้ไม่ทันต่อความต้องการ
ข้อมูลจากร้านค้ารายใหญ่เช่น Best Buy, Target หรือ GameStop พบว่า Nintendo Switch โดยเฉพาะรุ่นใหม่จอ OLED มีปัญหาสินค้าไม่พอขาย มีเพียงรุ่น Switch Lite ที่พอจะมีสินค้าอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้นินเทนโดได้แจ้งนักลงทุน คาดว่าฮาร์ดแวร์ Switch จะขายได้ลดลงจากตัวเลขประมาณการแรก เนื่องจากผลกระทบในการผลิตสินค้า แต่ยังมองว่ายอดขายซอฟต์แวร์เกมจะทำได้ดีต่อเนื่อง โดยปีหน้ามีเกมเด่นอาทิ Pokemon Legends: Arceus, ภาคต่อของ The Legend of Zelda: Breath of the Wild, Bayonetta และ Splatoon ภาคใหม่
ที่มา: BGR |
# Telegram อัพเดต: เพิ่ม Reaction ข้อความ, สร้างข้อความแบบ Spoiler ได้
Telegram ประกาศอัพเดตฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง มีรายละเอียดดังนี้
Reactions กดแสดงความรู้สึกให้ข้อความในแชตได้แล้ว
Spoilers กำหนดข้อความให้เป็นข้อความที่ซ่อนไว้ เช่น การเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์
Message Translation ตั้งค่าให้แปลภาษาข้อความอัตโนมัติ เหมาะกับกลุ่มขนาดใหญ่ ที่มีการสนทนาหลายภาษา
ฟีเจอร์อื่น ได้แก่ สร้างคิวอาร์โค้ดสำหรับแจกธีม, ปรับเมนูใหม่ใน macOS, เพิ่มอีโมจิแบบ Interactive
ที่มา: Telegram |
# Epic Games แจกฟรี Tomb Raider ไตรภาครีบูต 3 ภาครวด กดรับสิทธิได้ถึง 6 ม.ค.
Epic Games ปิดฉากการแจกเกมฟรี 15 วันของปี 2021 ด้วยการแจกเกมใหญ่อย่างซีรีส์ Tomb Raider ยุครีบูต 3 ภาครวดคือ
Tomb Raider (2013)
Rise of the Tomb Raider (2015)
Shadow of the Tomb Raider (2018)
ทั้งสามเกมมีเวลากดรับสิทธิถึงวันที่ 6 มกราคม 2022 เวลา 23.00 น. และหลังจากนั้นจะเป็นคิวของเกม Gods will Fall |
# Apptopia จัดอันดับแอปมือถือปี 2021 - TikTok มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดในโลก
Apptopia บริษัทวิจัยและรวบรวมข้อมูลด้านแอปมือถือ ออกรายงานประจำปีแอปที่มีจำนวนการดาวน์โหลดมากที่สุดของปี 2021 โดยวัดผลในระดับโลกและเฉพาะในอเมริกา ซึ่งข้อมูลนี้เป็นการรวมตัวเลขทั้ง iOS และ Android ผ่าน Google Play ยกเว้นในจีนที่มีข้อมูลเฉพาะ iOS กรณีแอปนั้นมีเวอร์ชัน Lite ก็จะนำมาคิดรวมกับแอปหลัก
TikTok เป็นแอปที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดในโลก 656 ล้านครั้ง ตามด้วยอันดับ 2-4 ซึ่งล้วนมาจาก Meta คือ Instagram, Facebook และ WhatsApp ตามลำดับ ขณะที่อันดับ 9 คือแอปตัดต่อวิดีโอ CapCut ของ ByteDance เจ้าของ TikTok นั่นเอง
ส่วนอันดับแอปเกมนั้น Subway Surfers ครองอันดับ 1 ตามด้วย Roblox, Bridge Race, Garena Free Fire และ Among Us ในลำดับที่ 2-5
หมวดที่ Apptopia มองว่าน่าสนใจมากคือแอปช้อปปิ้ง โดยสถิติทั่วโลกนั้น Amazon ตกจากอันดับ 1 เป็นครั้งแรก และหล่นไปถึงอันดับที่ 4 โดยในอันดับ 1-2-3 ได้แก่ Shopee (อันนี้คนไทยรู้จักดี), SHEIN แอปอีคอมเมิร์ซด้านแฟชั่น และ Meesho แอปโซเชียลคอมเมิร์ซในอินเดีย
ดูผลการจัดอันดับที่เหลือทั้งหมดได้จากที่มา
ที่มา: Apptopia |
# Tom Brady สัญญา จะไม่ขว้าง Surface ลงพื้นอีกแล้ว หลังโดน NFL เตือนห้ามทำ
ไมโครซอฟท์เริ่มเซ็นสัญญากับลีกอเมริกันฟุตบอล NFL เพื่อนำแท็บเล็ต Surface ไปนักกีฬา-โค้ชใช้ระหว่างแข่ง มาตั้งแต่ปี 2013 และขยายสัญญากับทีมอเมริกันฟุตบอลครบทั้ง 32 ทีมในปี 2020
นักกีฬาชื่อดังที่มีข่าวกับ Surface เสมอมาคือ Tom Brady ควอเตอร์แบ็คคนดังแห่งทีม Tampa Bay Buccaneers ที่เพิ่งคว้าแชมป์ซูเปอร์โบล์วปีล่าสุด โดย Brady มักไม่พอใจผลการแข่งขัน (ในขณะนั้น) และแสดงออกโดยการขว้าง Surface ลงพื้นอยู่หลายครั้ง
การขว้าง Surface รอบล่าสุดของ Brady เกิดขึ้นในวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา และกลายเป็นมีมโด่งดังอย่างมาก (เพราะถึงขนาดเครื่องพัง) ซึ่งล่าสุด Brady ก็ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่าเขาได้รับคำเตือนจากลีก NFL ไม่ให้ทำพฤติกรรมแบบนี้อีก มิฉะนั้นจะถูกลงโทษด้วยการปรับเงินแล้ว โดยเขาแสดงความเห็นแบบติดตลกว่า จริงๆ แล้วมันเป็นการตลาดที่ค่อนข้างเวิร์คให้ไมโครซอฟท์เลยล่ะ
ในช่วงที่ Surface ถูกนำมาใช้งานใน NFL ใหม่ๆ ก็เคยมีกรณี Bill Belichick โค้ชของทีม New England Patriots (ซึ่ง Brady เคยสังกัดอยู่นานก่อนย้ายมา Buccaneers) ก็เคยไม่พอใจกับผลการแข่งขัน และขว้าง Surface ให้กระแทกกับกล่องใส่อุปกรณ์บริเวณที่ยืนอยู่ จนเป็นข่าวมาแล้วเช่นกัน
ที่มา - The Verge |
# นินเทนโดเผยรายชื่อเกมอินดี้ขายดีบน Switch ประจำปี 2021
เกมอินดี้จากสตูดิโอพัฒนาอิสระ เป็นอีกวงการที่เติบโตสูงในช่วงหลัง ซึ่งแพลตฟอร์มหนึ่งที่เกมอินดี้หันมาทำเกมขายกันเยอะคือ Nintendo Switch ด้วยเหตุผลเรื่องความสะดวกในการพกพา บวกกับเกมอินดี้ส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องการพลังประมวลผลกราฟิกสูงนัก
ล่าสุด Nintendo of America เผยแพร่คลิปวิดีโอรวมเกมอินดี้ยอดนิยมของปี 2021 บน Switch (นับเฉพาะยอดขายในสหรัฐ) มีทั้งหมด 15 เกม เรียงตามลำดับที่ปรากฏในวิดีโอ ดังนี้
Cyber Shadow
Unpacking
Tetris Effect: Connected
Stick Fight: The Game
Curse of the Dead Gods
Ender Lilies
Doki Doki Literature Club Plus!
Spelunky 2
Road 96
Subnautica/Subnautica: Below Zero
Littlewood
Islanders Console Edition
Slime Rancher: Plortable Edition
Eastward
Axiom Verge 2
เกมติดอันดับหลายเกมมีชื่อเสียงในวงการเกมอินดี้อยู่แล้ว (เช่น Spelunky ที่ดังมาจากภาคแรก หรือ Tetris Effect ที่เคยลงแพลตฟอร์มอื่นมาก่อน) แต่การที่นินเทนโดเผยอันดับเกมยอดนิยม ก็ย่อมช่วยให้คนรู้จักเกมอินดี้อื่นๆ มากขึ้นในวงกว้าง (ชาว Blognone เคยเล่นเกมไหน มาแนะนำกันได้)
ที่มา - Kotaku |
# อินเทลขายธุรกิจ SSD และโรงงานชิป NAND ให้ SK hynix เสร็จเรียบร้อยแล้ว
อินเทลประกาศความคืบหน้าการขายธุรกิจ NAND และ SSD ให้กับ SK hynix ที่ประกาศไว้เมื่อปี 2020 ว่าเสร็จสิ้นกระบวนการขั้นแรกแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อินเทลขายธุรกิจ SSD และโรงงานผลิตชิปหน่วยความจำ NAND ที่เมืองต้าเหลียน ประเทศจีน ให้กับ SK hynix ในราคา 7 พันล้านดอลลาร์ โดยอินเทลจะยังใช้บริการผลิต NAND ที่โรงงานแห่งนี้ต่อไป ส่วนธุรกิจ SSD จะกลายเป็นบริษัทใหม่ชื่อ Solidigm (ย่อมาจาก solid-state + paradigm) มีสถานะเป็นบริษัทลูกของ SK hynix และ Robery Crooke หัวหน้าฝ่ายหน่วยความจำของอินเทลจะขึ้นเป็นซีอีโอของบริษัทแห่งนี้
กระบวนการซื้อกิจการส่วนที่เหลือเป็นเรื่องโอนถ่ายทรัพย์สินทางปัญญา พนักงานทั้งฝ่ายวิจัยและฝ่ายผลิต ไปให้ SK hynix เป็นมูลค่าอีก 2 พันล้านดอลลาร์ คาดว่าจะเสร็จสิ้นช่วงต้นปี 2025
การขายกิจการครั้งนี้ทำให้อินเทลออกจากธุรกิจหน่วยความจำ ยกเว้นส่วน Optane ที่ทำร่วมกับ Micron แต่ภายหลัง Micron ก็ขายโรงงานหน่วยความจำ 3D XPoint นี้ให้กับ Texas Instrument ไปซะแล้ว
ที่มา - Intel |
# BlackBerry ประกาศหยุดซัพพอร์ต BlackBerry OS และ BlackBerry 10 ต้นปีหน้า
BlackBerry ประกาศเตือนสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์รุ่นเก่าที่รันระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าทั้ง BlackBerry OS 7.1 และรุ่นก่อนหน้า, BlackBerry 10 และ BlackBerry PlayBook OS 2.1 รวมถึงรุ่นก่อนหน้า ว่าจะไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ตั้งแต่ 4 มกราคม 2022 เป็นต้นไป
BlackBerry บอกว่าตอนนี้การใช้งานอุปกรณ์รุ่นเก่าดังกล่าว จะมีความสามารถที่จำกัดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อสัญญาณมือถือ Wi-Fi การโทรและรับข้อความ
การหยุดสนับสนุนนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของ BlackBerry ที่ประกาศเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยจะเปลี่ยนมาโฟกัสตลาดลูกค้าองค์กรและหน่วยงานรัฐ รวมทั้งเปลี่ยนมาใช้ Android เป็นระบบปฏิบัติการหลัก
ที่มา: BlackBerry ผ่าน liliputing |
# Remedy Entertainment จับมือ Tencent ทำเกมยิงมัลติเพลเยอร์ Co-op โค้ดเนม Vanguard
Remedy Entertainment สตูดิโอเกมเจ้าของผลงานล่าสุดอย่าง Control และซีรีส์ Alan Wake ที่เพิ่งประกาศทำภาค 2 ประกาศความร่วมมือกับ Tencent พัฒนาเกมยิงมัลติเพลเยอร์แบบ co-op
ตอนนี้เกมยังใช้ชื่อโค้ดเนมว่า Vanguard บอกว่าเป็นเกมใหม่ของ Remedy ที่ใช้ตัวละครและเนื้อเรื่องของตัวเอง เป็นเกมแนว co-operative PvE ใช้เอนจิน Unreal และจะเปิดให้เล่นแบบ free-to-play ทั้งบนพีซีและคอนโซล ตอนนี้สถานะของเกมเพิ่งเริ่มทำ proof-of-concept และคงต้องใช้เวลาอีกสักพักในการพัฒนา
Remedy รับหน้าที่พัฒนาเกมและจัดจำหน่ายเกมทั่วโลก ยกเว้นในตลาดเอเชียบางประเทศที่ Tencent ได้สิทธิทำตลาด โดย Tencent ร่วมออกทุนค่าพัฒนาเกม และได้สิทธิพัฒนาเกมเวอร์ชันมือถือด้วย (แนวเดียวกับที่ทำ PUBG Mobile)
ก่อนหน้านี้ Remedy มีความร่วมมือคล้ายๆ กันกับค่ายเกมเกาหลี Smilegate ทำเกม CrossfireX เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ Xbox แต่เจอปัญหาเลื่อนมาเรื่อยๆ โดยกำหนดวางขายล่าสุดคือเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และ Remedy ยังมีโครงการพัฒนาเกมร่วมกับ Epic Games อีก 2 เกม โดยจะแบ่งรายได้กัน 50/50
ภาพจากเกม Control
ที่มา - Remedy |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.