txt
stringlengths
202
53.1k
# MediaTek บอก ชิป WiFi 7 แรงกว่า WiFi 6 2.4 เท่า เตรียมโชว์อุปกรณ์ในงาน CES 2022 MediaTek บริษัทผลิตชิปรายใหญ่ เปิดเผยในงานแถลงข่าว ว่าบริษัทจะเป็น “หนึ่งในกลุ่มแรก” (ไม่ได้บอกว่าเป็นเจ้าแรก) ที่ผลิตชิปรองรับ WiFi 7 และเตรียมสาธิตอุปกรณ์ในงาน CES 2022 ที่ลาสเวกัส ช่วงวันที่ 5-8 มกราคม ปีหน้า MediaTek ระบุว่าอุปกรณ์ WiFi 7 จะรองรับความเร็วสูงสุดมากกว่า WiFi 6 ถึง 2.4 เท่า เทียบกันคร่าวๆ เมื่อ WiFi 6 ปัจจุบันรองรับความเร็วสูงสุดตามทฤษฎีที่ 9.6 Gbps อุปกรณ์ WiFi 7 อาจรองรับความเร็วได้สูงสุดมากกว่า 20 Gbps เลยทีเดียว นอกจากนี้ WiFi 7 ยังมีค่าความหน่วง (latency) ที่ต่ำกว่าเมื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน WiFi อาจเป็นผลดีต่อการใช้เล่นเกมแบบสตรีมมิ่ง ที่แม้ผู้ใช้หลายส่วนจะมีความเร็วอินเทอร์เน็ตพอสตรีมได้ แต่ค่าความหน่วงก็ยังเป็นปัญหาหลักที่ทำให้มีดีเลย์เมื่อกดปุ่ม และเป็นอุปสรรคใหญ่ของบริการสตรีมมิ่งที่ต้องมีการรับคำสั่งจากผู้ใช้แบบเรียลไทม์ ที่มา - @anshelsag via Notebookcheck
# เบื้องหลังสตรีมมิ่งที่แทบไม่เคยล่ม รู้จัก Open Connect ระบบ CDN ที่ Netflix สร้างใช้เอง เว็บไซต์ The Verge มีบทความเล่าถึงระบบ content distribution network (CDN) เบื้องหลังของ Netflix ที่ทำให้การดูวิดีโอสตรีมมิ่งของ Netflix ราบรื่น มีปัญหาน้อยมาก แทบไม่เคยล่มครั้งใหญ่ๆ เลย และสามารถรองรับโหลดหนักๆ อย่างการที่คนทั่วโลกแห่กันมาดู Squid Game พร้อมๆ กันได้สบาย (111 ล้านคนในสัปดาห์แรกๆ ที่เริ่มฉาย) ระบบ CDN ของ Netflix ที่ชื่อ Open Connect ไม่ใช่ความลับอะไร เพราะทำมานาน 10 ปีแล้ว (เริ่มทำปี 2012) และมีข้อมูลทางเทคนิคบนเว็บไซต์ Netflix เองค่อนข้างละเอียด Gina Haspilaire หัวหน้าฝ่าย Open Connect ระบุว่าอินเทอร์เน็ตเมื่อ 10 ปีก่อนยังไม่สามารถรองรับทราฟฟิกขนาดใหญ่ได้ดีนัก และเมื่อธุรกิจหลักของ Netflix คือสตรีมมิ่ง ลูกค้าจะยอมจ่ายเงินหรือไม่ ประสบการณ์การใช้งานย่อมมีส่วนสำคัญ บริษัทจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำระบบ CDN เองแทนการใช้ระบบของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในแต่ละพื้นที่ หรือ CDN ของบริษัทอื่น หน้าตาเครื่อง Open Connect Appliances (OCAs) ภาพจาก Netflix แนวคิดของ Open Connect นั้นเรียบง่าย เพราะเป็นการนำเซิร์ฟเวอร์ของ Netflix ไปวางไว้ตามศูนย์ข้อมูลต่างๆ ทั่วโลก โดยคัดเลือกไฟล์วิดีโอที่ผู้ใช้ในพื้นที่นั้นๆ น่าจะเลือกรับชมมากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสที่ผู้ใช้จะสามารถโหลดไฟล์ที่ต้องการได้จากภายในเครือข่าย ISP ที่ตัวเองใช้อยู่ โดยไม่ต้องออกอินเทอร์เน็ตภายนอกเลย Netflix ให้บริการเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ฟรี และมีทีมงานร่วมดูแลกับแอดมินของ ISP ด้วย ซึ่ง ISP ก็ได้ประโยชน์เพราะช่วยลดค่าทราฟฟิก ลดโหลดทราฟฟิกที่ต้องออกข้างนอกลงมา จุดต่างของ Open Connect กับ CDN ยี่ห้ออื่นๆ คือมันเป็น CDN ของ Netflix เอง มีเฉพาะทราฟฟิกของ Netflix เท่านั้น ข้อมูลบนเว็บไซต์ Netflix ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้รัน FreeBSD, ใช้ NGINX เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์, ใช้ BIRD จัดการเส้นทางเครือข่าย และมีซอฟต์แวร์ของ Netflix เองคอยจัดการระบบอีกที ตัวสตอเรจเซิร์ฟเวอร์แบ่งเป็น 2 ระดับคือ ใช้ฮาร์ดดิสก์ความจุ 350TB สำหรับงานทั่วไป และรุ่นสตอเรจแฟลช สำหรับหนังที่ได้รับความนิยมสูงๆ โดย Netflix มีซอฟต์แวร์ที่ช่วยย้ายไฟล์จากสตอเรจทั้งสองแบบไปมาให้อัตโนมัติ ในแง่การจัดการไฟล์วิดีโอ เซิร์ฟเวอร์หนึ่งเครื่องมีไฟล์วิดีโอของหนังเรื่องหนึ่ง 3 ไฟล์ แบ่งตามคุณภาพบิตเรต หากเครือข่าย ISP นั้นมีปัญหาทราฟฟิก ระบบจะสลับมาไฟล์ที่บิตเรตต่ำกว่าให้อัตโนมัติ เพื่อให้การเล่นวิดีโอไม่สะดุด ผู้ใช้ไม่ต้องเห็นการบัฟเฟอร์ไฟล์ ส่วนการสำรองไฟล์วิดีโอจะทำในช่วงที่ผู้ใช้งานน้อยๆ เพื่อไม่ให้กระทบบริการอื่น และ Netflix มีข้อมูลการรับชมของผู้ใช้ จึงสามารถพยากรณ์ได้ว่าควรนำไฟล์หนังเรื่องใดมาลง CDN สถิติของ Netflix ระบุว่ามีเซิร์ฟเวอร์ Open Connect จำนวน 17,000 เครื่องกระจายอยู่ใน 158 ประเทศ ลงทุนไปแล้วกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และยังจะขยายเพิ่มอีกเรื่อยๆ ที่มา - The Verge
# MediaTek เปิดตัวชิป Pentonic 2000 สำหรับสมาร์ททีวี 8K 120Hz ถอดรหัส H.266 ได้ในตัว นอกจากชิปเรือธง MediaTek Dimensity 9000 สำหรับสมาร์ทโฟนแล้ว MediaTek ยังมีชิปใหม่อีกตัวที่น่าสนใจคือ Pentonic 2000 สำหรับสมาร์ททีวี 8K MediaTek Pentonic 2000 เป็นชิปสำหรับสมาร์ททีวียุคใหม่ ในแง่สเปกก็จัดเต็ม รองรับการแสดงผลความละเอียด 8K 120Hz และสามารถดันอัตรารีเฟรชไปถึง 144Hz สำหรับการเล่นเกมได้ด้วย, รองรับการแสดงผลแบบ picture-in-picture (PiP) หรือ picture-by-picture (PbP) เพื่อให้จอ 8K ขนาดใหญ่แบ่งพื้นที่แสดงผลจากวิดีโอหลายแหล่งพร้อมกัน, มีฟีเจอร์ AI-Super Resolution ช่วยอัพสเกลภาพให้ถึง 8K ซีพียูของ Pentonic 2000 ยังไม่เปิดเผยสเปกละเอียดมากันก บอกแค่ว่าเป็นซีพียู-จีพียูที่แรงที่สุดของวงการทีวี, รองรับสตอเรจ UFS 3.1, Wi-Fi 6E หรือต่อ 5G ก็ได้ถ้าต้องการ, ชิปใช้กระบวนการผลิต 7nm ของ TSMC ฟีเจอร์ฝั่ง codec รองรับตัวถอดรหัส Video Coding (VVC) H.266 ซึ่งถือเป็นชิปตัวแรกที่ทำได้, codec มาตรฐานของยุคนี้คือ HEVC, VP9, AVS3, AV1 รวมถึงผ่านสเปก Dolby Vision และ Dolby Atmos MediaTek บอกว่าสมาร์ททีวีที่ใช้ Pentonic 2000 จะทยอยเปิดตัวกันในปีหน้า 2022 แต่ยังไม่ระบุยี่ห้อ ที่มา - MediaTek, MediaTek
# อย่าพิมพ์ผิด พบแพ็กเกจฝังมัลแวร์ตั้งชื่อคล้ายแพ็กเกจจริงใน PyPI ถูกดาวน์โหลดกว่า 41,000 ครั้ง JFrog บริษัทความปลอดภัยรายงานถึงแพ็กเกจมุ่งร้าย 11 รายการที่อัพโหลดอยู่ใน PyPI โดยตั้งชื่อให้คล้ายกับแพ็กเกจยอดนิยม เพื่อล่อให้โปรแกรมเมอร์ที่พิมพ์ผิดดาวน์โหลดไปใช้งาน รายชื่อแพ็กเกจที่พบได้แก่ importantpackage, pptest, ipboards, owlmoon, DiscordSafety, trrfab, 10Cent10, yandex-yt, และ yiffparty แต่ละแพ็กเกจมีการดาวน์โหลดหลักร้อยถึงระดับหมื่นครั้ง รวมกว่า 41,000 ครั้ง จุดน่าสนใจคือ JFrog พบว่าแฮกเกอร์ที่วางแพ็กเกจเหล่านี้มีกระบวนการส่งคำสั่งไปยังมัลแวร์ในแพ็กเกจเหล่านี้ซับซ้อนขึ้นเครื่อยๆ บางแพ็กเกจใช้ trevorc2 เพื่อปลอมเว็บส่งคำสั่งเป็นเว็บไม่มีพิษมีภัย บางแพ็กเกจอาศัย DNS tunneling, บางอันขโมยข้อมูลส่งผ่าน Discord มีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่เชื่อมต่อกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุมตรงๆ แพ็กเกจมุ่งร้ายอันหนึ่งอาศัยการเชื่อมต่อผ่านบริการ CDN ของ Fastly โดยเชื่อมต่อเข้าไปยังโดเมน pypi.org แต่แก้ HTTP Header ให้ฟิลด์ Host เป็นโดเมนของคนร้าย ทำให้ไฟร์วอลล์ไม่สามารถตรวจจับได้ว่าที่จริงแล้วมัลแวร์กำลังติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมอยู่ ที่มา - JFrog ภาพโดย geralt
# Spotify ถอดปุ่มเล่นเพลงแบบ shuffle จากหน้าอัลบั้มทุกศิลปิน ตามข้อเสนอของ Adele Spotify ได้เปลี่ยนแปลงค่าเริ่มต้นในการเล่นเพลง โดยในหน้าอัลบั้มของทุกศิลปิน ปุ่มเล่นเพลงจะเล่นตามลำดับเพลงในอัลบั้มเป็นค่าเริ่มต้น ไม่มีการเริ่มเล่นแบบสุ่มเพลงหรือ Shuffle ข้อเสนอนี้มาจาก Adele ซึ่งเพิ่งออกอัลบั้มใหม่ 30 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดย Adele ได้ทวีตว่า การจัดเรียงลำดับเพลงในอัลบั้มนั้นมีเหตุผล ให้เป็นการเล่าเรื่องตามที่ศิลปินตั้งใจนำเสนอ จึงขอบคุณ Spotify ที่รับฟังและปรับปรุงส่วนนี้ Spotify ชี้แจงว่าการตัดปุ่ม shuffle ออกไปนี้ เป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานและศิลปินร้องขอมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ทั้งนี้ผู้ใช้งานก็ยังสามารถกด shuffle ได้ผ่าน player เพียงแต่ค่าเริ่มต้นจะไม่มีการเล่นแบบ shuffle ที่มา: BBC ในหน้าเพลย์ลิสต์อื่น ซึ่งไม่ใช่หน้าอัลบั้ม ยังแสดงปุ่ม shuffle
# เป็นทางการแล้ว True เสนอควบรวม dtac เป็นบริษัทเดียว มูลค่า 1.38 แสนล้านบาท มติที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปปอเรชั่น จำกัด อนุมัติให้ "ศึกษาความเป็นไปได้" ของการควบรวมระหว่าง True กับ dtac โดยมีรายละเอียดดังนี้ ทั้งสองฝ่ายลงนามบันทึกความตกลง (MOU) แบบไม่ผูกพัน เพื่อทำการตรวจสอบกิจการ (due diligence) หากเป็นที่พอใจแล้ว จะควบรวมบริษัทใหม่โดยใช้วิธีจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ (ยังไม่มีชื่อเรียก) ด้วยอัตรา 1 หุ้น True เดิม ต่อ 2.40072 หุ้นของบริษัทใหม่ และ 1 หุ้น dtac ต่อ 24.53775 ของหุ้นบริษัทใหม่ บริษัทใหม่มีมูลค่าตามหุ้นที่จัดสรร 1.38 แสนล้านบาท (1.38 แสนล้านหุ้น หุ้นละ 1 บาท) แต่มูลค่าอย่างเป็นทางการจะต้องให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นร่วมอนุมัติ บริษัทแม่ของทั้งสองฝ่าย (เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ Telenor Asia) จะตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ชื่อ ซิทริน โกลบอล (Citrine Global) มาเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ True และ dtac จากผู้ถือหุ้นรายย่อยในตลาดแบบสมัครใจ (tender offer) กระบวนการควบรวมจะต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท และหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ ก่อน ที่มา - True (PDF)
# เกมไม่ต้องออกก็ไม่เป็นไร Star Citizen ระดมทุนได้เกิน 400 ล้านดอลลาร์แล้ว อีกหนึ่งมหากาพย์ของวงการเกมคือ โครงการ Star Citizen เกมยานรบอวกาศของ Chris Roberts (ผู้สร้างเกมซีรีส์ Wing Commander) ที่เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2011 เวลาผ่านมาสิบปีแล้วยังไม่มีเกมออกได้จริง แต่กลับยังสามารถระดมทุนได้เรื่อยๆ ทั้งจากนักลงทุนรายใหญ่ และผู้เล่นรายย่อยแบบ crowdfunding ผ่านการขายยานอวกาศ (ในเกม) ล่วงหน้า ล่าสุดข้อมูลบนหน้าเว็บของเกม ระบุว่าสามารถระดมทุนได้แล้ว 400 ล้านดอลลาร์ จากผู้เล่นจำนวน 3.3 ล้านคน หากดูข้อมูลย้อนหลังเท่าที่เปิดเผย ในเดือนตุลาคม 2021 ได้เงินจากผู้เล่นราว 8 ล้านดอลลาร์ ตัวเลขสูงสุดในรอบ 6 เดือนล่าสุดคือเดือนพฤษภาคม ได้เงินไป 13.5 ล้านดอลลาร์ แนวทางการหาเงินของ Star Citizen คือการขายทุกอย่างในเกม ไม่ว่าจะเป็นแพ็กเกจเพื่อเริ่มเล่นเกม ยานอวกาศในเกม ชุดตกแต่งยาน ชุดเกราะของผู้เล่นในเกม รวมไปถึงสินค้าที่ระลึกในโลกจริงด้วย ปัจจุบันเกม Star Citizen ยังเปิดทดสอบให้เล่นแบบ Alpha โดยมี Roadmap อย่างละเอียด ให้ผู้สนับสนุนรับทราบว่าพัฒนาส่วนไหนไปถึงไหนแล้ว เกมจะออกเวอร์ชันใหม่ทุกไตรมาส (เวอร์ชันล่าสุดคือ 3.15) และตอนนี้มีแผนการไปจนถึงไตรมาส 2/2022 โดยยังไม่ระบุชัดว่าจะออกเกมจริงๆ เมื่อไรกันแน่ Star Citizen ยังมีเกมย่อยอีกเกมคือ Squadron 42 ที่เป็นเกมแบบเล่นคนเดียว ที่ตั้งใจว่าจะตัดออกมาขายให้แฟนๆ เล่นรอก่อน แต่สุดท้ายก็ผิดนัดเดิมที่บอกว่าจะออกในปี 2020 และตอนนี้ยังไม่มีกำหนดการใหม่เช่นกัน ที่มา - Eurogamer
# MediaTek เคลม Dimensity 9000 ประสิทธิภาพเท่า A15, ชิป AI เหนือกว่า Google Tensor ในงานเปิดตัว ชิปเรือธง MediaTek Dimensity 9000 ทาง MediaTek ได้โชว์ตัวเลขเบนช์มาร์คหลายชุด ที่แสดงให้เห็นว่า Dimensity เหนือกว่าชิปคู่แข่งในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น Snapdragon 888, Google Tensor หรือแม้กระทั่ง Apple A15 ที่ระบุว่าอยู่ในระดับเท่าๆ กัน ปัจจัยหลักที่ MediaTek บอกว่า Dimensity 9000 ดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ มาจากการใช้สถาปัตยกรรมซีพียูใหม่ของ Arm ยกชุดคือ Cortex-X2, Cortex-A710, Cortex-A510 ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่มีคู่แข่งรายใดเปิดตัวชิปเจนเดียวกัน (Qualcomm น่าจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้) บวกกับการผลิตที่ 4nm ของ TSMC เป็นรายแรกของโลกด้วย ตัวเลขของ MediaTek ระบุว่า ประสิทธิภาพแบบคอร์เดี่ยวเทียบกับ "ชิปเรือธง Android" ไม่ระบุรุ่น (แต่ทุกคนเข้าใจกันว่าหมายถึง Snapdragon 888) ดีกว่ากัน 10% (Geekbench 5.0) และ 37% (Specint2K6) ส่วนตัวเลขสำคัญคือประสิทธิภาพแบบมัลติคอร์ (Geekbench 5.0) อยู่ระดับทัดเทียมกับ Apple A15 เลยทีเดียว ฝั่งจีพียู Dimensity 9000 ใช้จีพียู Mali-G710 ตัวใหม่ของ Arm เช่นกัน โดยกราฟที่ MediaTek นำมาโชว์ก็มีประสิทธิภาพเหนือกว่า "ชิปเรือธงปี 2021" ซึ่งหมายถึงจีพียูของ Apple A15 ประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผล AI ของ Dimensity 9000 เลือกเทียบกับ Google Tensor โดยบอกว่าเหนือกว่ากัน 16% (ETHZ v4) การเคลมกันหนักขนาดนี้ ต้องรอดูกันว่าตัวเลขจริงๆ ของสำนักที่เป็นกลางจะออกมาเป็นแบบใด และเมื่อ Snapdragon รุ่นใหม่ (ที่บอกว่าจะชื่อ Snapdragon 8 gen 1) ซึ่งสเปกน่าจะใกล้เคียงกับ Dimensity 9000 มาก จะได้ผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพใกล้เคียงกันแค่ไหน ที่มา - AnandTech, 9to5google
# บริษัท EdTech ในจีน เตรียมหยุดให้บริการติวออนไลน์ตามคำสั่งทางการจีน มองหาธุรกิจใหม่ทดแทน มีรายงานความคืบหน้า หลังทางการจีนออกคำสั่งให้ธุรกิจกวดวิชา ต้องจดทะเบียนเป็นธุรกิจไม่แสวงหากำไร ซึ่งส่งผลต่อสตาร์ทอัพและบริษัทเทคโนโลยีของจีนหลายแห่งสาย EdTech ที่ทำธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากรายได้หลักบริษัทเหล่านี้ก็มาจากส่วนธุรกิจกวดวิชา ตามเนื้อในหลักสูตร เริ่มที่ New Oriental ได้ประกาศว่าจะยุติบริการติวออนไลน์ตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงระดับ K-9 หรือเทียบเท่า ม.3 มีผลภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะกระทบรายได้ที่หายไป 50-60% โดยบริษัทจะเปลี่ยนมาโฟกัสที่ธุรกิจเนื้อหาสำหรับเตรียมสอบเข้า, การสอนภาษาสำหรับผู้ใหญ่ ไปจนถึงหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับลูกค้าองค์กร นอกจากนี้บริษัทยังทดสอบธุรกิจใหม่ขายสินค้าเกษตรผ่านไลฟ์สตรีมอีกด้วย ส่วน TAL ก็ประกาศในแนวทางเดียวกัน คือหยุดให้บริการกวดวิชาถึงระดับชั้น ม.3 ภายในปีนี้ โดยจะเปลี่ยนมาขายวิดีโอเนื้อหาสอนสำหรับดูย้อนหลังแทน อีกบริษัทคือ Gaotu Techedu ก็ประกาศหยุดให้บริการกวดวิชาออนไลน์เช่นกัน และจะเปลี่ยนมาเน้นหลักสูตรสำหรับลูกค้าองค์กรและผู้ใหญ่แทน ที่มา: Kr-Asia, TechNode [1], [2] และ New Oriental
# หลุดภาพเรนเดอร์ Pixel 6a หน้าตาคล้าย Pixel 6 ใช้กล้องหลัง 2 ตัว มีแถบกล้องด้านหลัง นักปล่อยภาพหลุดชื่อดัง @OnLeaks เผยภาพเรนเดอร์อย่างไม่เป็นทางการของ Pixel 6a มือถือราคาถูกรุ่นถัดไปของกูเกิล ที่ใช้ดีไซน์ใกล้เคียงกับ Pixel 6 ในปัจจุบัน สเปกของ Pixel 6a ตามที่หลุดออกมาคือใช้หน้าจอ 6.2" แบบแบนราบ, มีตัวสแกนนิ้วมือบนจอ, กล้องหน้าแบบเจาะรู และกล้องหลัง 2 ตัว วางไว้บนแถบกล้องด้านหลัง (เหมือน Pixel 6 แต่หน้าจอลดลงจาก 6.4") สิ่งที่เรายังไม่รู้คือหน่วยประมวลผลของ Pixel 6a ว่ากูเกิลจะเลือกใช้แนวทางชิปของตัวเอง (เช่น Tensor Lite) หรือจะใช้ชิปในท้องตลาดอย่าง Snapdragon 778G กันแน่ ที่มา - 91mobiles
# พบนักพัฒนา 4,500 คนอัพโหลด cookie ในเบราว์เซอร์ตัวเองเข้า GitHub Aidan Marlin นักวิจัยด้านความปลอดภัยรายงานว่านักพัฒนาจำนวนเกือบ 4,500 คนอัพโหลดไฟล์ cookie จากเบราว์เซอร์ที่ตัวเองใช้งานอยู่เข้าไปยัง GitHub ส่งผลให้คนร้ายสามารถสวมรอยแทนนักพัฒนาเหล่านี้ไปยังทุกบริการที่ล็อกอินทิ้งไว้ได้ ไฟล์ฐานข้อมูล cookie ในไฟร์ฟอกซ์คือ cookies.sqlite ปกติแล้วจะอยู่ในโฟลเดอร์ของไฟร์ฟอกซ์เอง ไม่แน่ชัดว่าทำไมนักพัฒนาจำนวนหนึ่งจึงอัพโหลดไฟล์เหล่านี้ขึ้น GitHub ปัญหาการเผลออัพโหลดกุญแจล็อกอินต่างๆ เข้าไปยัง GitHub เป็นปัญหาเรื้อรังในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยทาง GitHub เองก็พยายามสู้กับปัญหานี้ด้วยการเปิดบริการ Token Scanning แจ้งเตือนว่าเผลออัพโหลดกุญแจเข้าไปในโค้ดหรือไม่ แต่การอัพโหลดฐานข้อมูล sqlite เช่นฐานข้อมูลของ cookie เบราว์เซอร์ครั้งนี้น่าจะไม่อยู่ในรูปแบบที่ GitHub ช่วยตรวจสอบให้ ที่มา - The Register ภาพโดย Boskampi
# Forza Horizon 5 มีผู้เล่น 10 ล้านคนในเวลา 10 วัน ครองสถิติเกมเปิดตัวแรงที่สุดของไมโครซอฟท์ เกมแข่งรถ Forza Horizon 5 ในเครือไมโครซอฟท์ ประกาศมียอดผู้เล่นเกิน 10 ล้านคน หลังวางขายมา 10 วัน และถือเป็นเกมที่เปิดตัวด้วยสถิติแรงที่สุด ในบรรดาสตูดิโอเกมของไมโครซอฟท์ด้วย (ถ้าเทียบกับ Forza Horizon 4 ใช้เวลาประมาณ 5 เดือนถึงมีผู้เล่น 10 ล้านคน) เหตุผลที่ต้องวัดความนิยมเป็นจำนวนผู้เล่น แทนจำนวนยอดขาย เป็นเพราะแนวทางของไมโครซอฟท์ในช่วงหลังที่มี Xbox Game Pass ทำให้มีคนที่ได้เล่นเกม Forza Horizon 5 โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อเกมเป็นจำนวนมากเช่นกัน (ไมโครซอฟท์ไม่ได้แยกย่อยให้ดูว่า 10 ล้านมีคนไหนซื้อ คนไหนเล่นแบบเหมาจ่าย) Forza Horizon 5 เป็นผลงานของสตูดิโอ Playground Games จากอังกฤษ เกมภาคนี้ได้คะแนนรีวิวออกมาดีเยี่ยม คะแนนเฉลี่ยบน Metacritic อยู่ที่ 92/100
# Instagram สามารถเลือกลบเพียงบางรูป ในโพสต์แบบ carousel ได้แล้ว Instagram เพิ่มฟีเจอร์การโพสต์รูปแบบเป็นอัลบั้ม ที่แสดงผลเป็น carousel ได้สูงสุด 10 รูป มาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว แต่ที่ผ่านมาการลบเพียงบางรูปในโพสต์ ไม่สามารถทำได้ ต้องลบลงใหม่ทั้งหมด ซึ่งในที่สุดปัญหานี้ก็ถูกแก้ไขแล้ว Adam Mosseri หัวหน้าฝ่าย Instagram ได้ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มมาในสัปดาห์นี้ โดยผู้ใช้งานสามารถลบบางรูปในโพสต์แบบ carousel ได้แล้ว ซึ่งเขาเองก็ยอมรับว่าฟีเจอร์นี้ "ควรมีนานแล้ว" โดยผู้ใช้ iOS สามารถใช้งานส่วนนี้ได้ทันที Android จะตามมาเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ Instagram ยังเพิ่มอีกฟีเจอร์ Rage Shake โดยหากพบปัญหาใช้งานใด ๆ สามารถเขย่าโทรศัพท์ แล้ว Instagram จะขึ้นข้อความให้รายงานปัญหาที่เกิดขึ้น ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะผู้ใช้ในอเมริกา ที่มา: Engadget
# SoundHound เตรียมเข้าตลาดหุ้นด้วยวิธี SPAC มูลค่ากิจการ 2.1 พันล้านดอลลาร์ SoundHound แพลตฟอร์มสั่งงานด้วยเสียง ประกาศเตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น Nasdaq ด้วยวิธีการ SPAC ใช้ชื่อย่อในการซื้อขาย SOUN โดยบริษัทที่จะเข้ามาซื้อกิจการคือ Archimedes ซึ่งจะทำให้ SoundHound ได้เงินเพิ่ม 244 ล้านดอลลาร์ ผ่านการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง 111 ล้านดอลลาร์ และอีก 133 ล้านดอลลาร์จากบริษัท Archimedes เอง มูลค่ากิจการของ SoundHound จากดีลนี้อยู่ที่ราว 2.1 พันล้านดอลลาร์ รายชื่อผู้ลงทุนในรอบเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงได้แก่ Oracle, Koch Industries และ MKaNN Ventures SoundHound ก่อตั้งเมื่อปี 2005 เริ่มต้นเป็นที่รู้จักจากแอปค้นหาเพลงด้วยเสียง แต่ต่อมาได้เปลี่ยนมาเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์สั่งงานด้วยเสียง สำหรับลูกค้าองค์กรให้นำไปใช้งานกับสินค้าบริการของตน ซึ่งมีลูกค้ารายใหญ่ อาทิ Hyundai, Mercedes-Benz, Mastercard และ Snap ตัวแพลตฟอร์มรองรับ 22 ภาษา และมีแผนเพิ่มเติมในอนาคต ที่มา: SoundHound และ Reuters
# มันก็มีวิธี! แอป Apple Podcast เรตติ้งเพิ่มจาก 1.8 เป็น 4.6 ดาว ภายใน 1 เดือน เรื่องมีอยู่ว่า Kosta Eleftheriou ซึ่งเป็นนักพัฒนาแอปที่ตรวจสอบข้อมูลของแอปเป็นประจำ ค้นพบว่าแอป Apple Podcast ซึ่งเป็นแอปสำหรับฟังพอดคาสต์ของแอปเปิลเอง มีคะแนนรีวิวบน App Store เมื่อต้นเดือนตุลาคมเพียง 1.8 ดาว จากประมาณ 1,000 รีวิว แต่ผ่านไปเพียง 1 เดือน ตอนนี้แอปมีเรตติ้งถึง 4.8 ดาว แล้ว จำนวนรีวิวเองก็เพิ่มถึง 18,000 รีวิว สำหรับผู้พัฒนาแอป เรื่องนี้สามารถเดาได้ไม่ยาก นั่นคือรีวิวที่เพิ่มเข้ามาจำนวนมาก ล้วนเป็นรีวิว 5 ดาวทั้งสิ้น คะแนนเฉลี่ยจึงสูงนั่นเอง จากการตรวจสอบเพิ่มเติมของ The Verge พบว่ารีวิวส่วนใหญ่นั้นกลับไม่ใช่การรีวิวที่คุณสมบัติของแอป แต่เป็นการรีวิวคอนเทนต์พอดคาสต์ ก็ดูจะไม่ตรงตามหลักการนัก ทั้งนี้ตัวแทนของแอปเปิล ก็ชี้แจงเพียงว่า ตั้งแต่ iOS 15.1 ออกมา แอป Apple Podcast ก็ได้เพิ่มการแสดงข้อความเตือนให้ผู้ใช้รีวิวช่วยให้ดาวแอป ซึ่งเป็นวิธีการที่แอปส่วนใหญ่ทำกันอยู่แล้ว และเป็นไปตามมาตรฐานระเบียบการพัฒนาแอปนั่นเอง ที่มา: The Verge
# Logz.io เตรียมเลิกใช้ Elasticsearch มาใช้ OpenSearch แทน ความขัดแย้งระหว่าง Elastic Inc. และบริษัทอื่นๆ ที่ใช้งานโครงการโอเพนซอร์ส Elasticsearch มาถึงจุดแยกทางอีกครั้ง เมื่อ Logz.io ผู้ให้บริการ Elasticsearch แบบคลาวด์ประกาศเตรียมใช้งาน OpenSearch ทั้งระบบภายในปี 2022 Logz.io เป็นหนึ่งในผู้ร่วมพัฒนาโครงการ OpenSearch กับ AWS ตัว AWS เองก็เปิดบริการ OpenSearch มาตั้งแต่เดือนกันยายน แต่เปิดบริการขนานกันไปกับ Elasticsearch (ที่จะไม่ได้รับอัพเกรดเวอร์ชั่นแล้ว เพราะ Elastic Inc. เปลี่ยนไลเซนส์เวอร์ชั่นหลังๆ) ทางฝั่ง Logz.io นั้นจะอัพเกรดบริการไปเลยโดยไม่ให้ลูกค้าเลือกเอง แต่สัญญาว่าจะไม่กระทบลูกค้ายกเว้นประสิทธิภาพการคิวรีน่าจะดีขึ้น ในช่วงแรกจะอัพเกรดเฉพาะตัวฐานข้อมูล Elasticsearch ไปเป็น OpenSearch และปีหน้าจะอัพเกรดจาก Kibana ไปเป็น OpenSearch Dashboard ที่มา - Logz.io
# Rockstar ขอโทษปัญหา GTA เวอร์ชันรีมาสเตอร์, แจกเกม GTA เวอร์ชันต้นฉบับฟรี Rockstar ออกมาขอโทษและยอมรับปัญหาของเกม Grand Theft Auto: The Trilogy – The Definitive Edition ว่ามีคุณภาพไม่ผ่านเกณฑ์ของบริษัท และจะออกแพตช์แก้บั๊กเบื้องต้นในเร็วๆ นี้ Rockstar ยังเปลี่ยนใจ นำเกม Grand Theft Auto III, Grand Theft Auto: Vice City, Grand Theft Auto: San Andreas เวอร์ชันต้นฉบับมาขายใหม่อีกครั้งบนพีซี และคนที่ซื้อเวอร์ชันรีมาสเตอร์จะได้รับเกมเวอร์ชันต้นฉบับฟรี เพื่อเป็นการชดเชยด้วย ที่มา - Rockstar
# Ubisoft ประกาศทำสวนสนุก Ubisoft Entertainment Center ในฝรั่งเศส เปิดปี 2025 Ubisoft ประกาศเปิดสวนสนุก Ubisoft Entertainment Center โดยแห่งแรกจะอยู่ที่ฝรั่งเศส เปิดบริการในปี 2025 Ubisoft Entertainment Center แห่งแรกจะอยู่ในพื้นที่ของสวนสนุกชื่อ Studios Occitanie Méditerranée ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ใกล้กับเมือง Montpellier บริษัทยังประกาศว่าในระยะถัดไปจะเปิดสวนสนุกขนาดใหญ่ Ubisoft Theme Park ด้วย แต่ยังไม่ระบุว่าจะเปิดที่ไหนและช่วงเวลาใด ก่อนหน้านี้ เราเห็นบริษัทเกมอย่าง Nintendo เปิดสวนสนุก Super Nintendo World ในพื้นที่ของ Universal Studio Japan กันมาก่อนแล้ว ประกาศของ Ubisoft น่าจะบ่งชี้ทิศทางของ "เกม" ในฐานะสื่อบันเทิงที่คนทั่วไปรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้น ที่มา - GamesIndustry, IGN, Gamespot
# เซิร์ฟเวอร์ Tesla ล่มเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เจ้าของรถจำนวนมากปลดล็อกรถไม่ได้ มีผู้ใช้จำนวนมากรายงานว่า เซิร์ฟเวอร์ของ Tesla ล่มเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ส่งผลต่อผู้ใช้งานรถยนต์ทั้งโลกไม่สามารถเชื่อมต่อแอปบนมือถือเข้ากับรถยนต์ของตัวเองได้ Electrek รายงานในเรื่องนี้ โดยระบุว่าช่วงที่ล่ม ผู้ใช้งานจำนวนมากรายงานว่าไม่สามารถใช้งานแอปได้ทั่วโลก โดยร้องเรียนผ่านทวิตเตอร์ถึง ​Elon Musk บางคนรายงานว่าต้องเลื่อนแผนออกไป หรือต้องโทรขอใช้ระบบช่วยเหลือบนท้องถนนแทน เซิร์ฟเวอร์ล่มครั้งนี้กินเวลาราวหลายชั่วโมง และตอนนี้มีรายงานว่าสามารถกลับมาใช้งานได้แล้ว ปัญหาแอปล่มของ Tesla ทวีสำคัญขึ้นมากในช่วงหลัง เนื่องจากผู้ใช้รถยนต์มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และฟีเจอร์ของตัวรถเองก็พึ่งพาระบบคลาวด์มากขึ้น ซึ่งกรณีนี้ผู้ใช้รถยังคงสามารถใช้กุญแจปลดล็อกรถได้ตามปกติ แต่ผู้ใช้รถ Tesla จำนวนมากก็ใช้แอปปลดล็อกรถเป็นปกติและเลิกพกกุญแจไปแล้ว ที่มา - Electrek, Engadget, NBC News Tesla Model 3 ภาพจาก Tesla
# Apple อัพเดต watchOS 8.1.1 แก้ปัญหาชาร์จไฟนาน เฉพาะ Apple Watch Series 7 แอปเปิลออกอัพเดต watchOS 8.1.1 ระบบปฏิบัติการสำหรับ Apple Watch โดยอัพเดตนี้มีผลเฉพาะกับ Apple Watch Series 7 รุ่นล่าสุดเท่านั้น รุ่นอื่นจะไม่ได้อัพเดตดังกล่าว แอปเปิลระบุรายละเอียดปัญหาเฉพาะที่มีการแก้ไขใน watchOS 8.1.1 นี้ว่า แก้ไขปัญหาที่ Apple Watch Series 7 ไม่สามารถชาร์จไฟได้เป็นปกติ มีผลกระทบกับผู้ใช้งานบางคน รายงานปัญหาที่ออกมาก่อนหน้านี้ ผู้ใช้บางส่วนพบว่าการชาร์จนั้นทำได้ช้ากว่าปกติมาก ผู้ใช้ Apple Watch Series 7 จึงควรอัพเดตทันที ที่มา: MacRumors
# กลาโหมสหรัฐเปิดตัวโครงการคลาวด์ใหม่ JWCC แทน JEDI เชิญ 4 บริษัทคลาวด์ร่วมประมูล เป็นอีกมหากาพย์ของวงการคลาวด์สหรัฐมาตั้งแต่ปี 2019 หลังไมโครซอฟท์ชนะโครงการ JEDI Cloud มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ทำให้ผู้แพ้ AWS ต้องฟ้องศาลว่ากระบวนการคัดเลือกไม่เป็นธรรม และสุดท้าย กระทรวงกลาโหมต้องยกเลิกโครงการ JEDI ไปเมื่อกลางปีนี้ โครงการใหม่ที่มาแทน JEDI มีชื่อว่า Joint Warfighter Cloud Capability (JWCC) โดยแก้จุดอ่อนของโครงการ JEDI ที่มี "ผู้ชนะกินรวบ" เพียงรายเดียว เป็นการกระจายงานให้บริษัทคลาวด์หลายๆ เจ้าแทน อย่างไรก็ตาม JWCC ยังไม่ประกาศมูลค่ารวมของโครงการว่าเท่าไร ล่าสุดกระทรวงกลาโหมได้ประกาศเชิญบริษัทคลาวด์ 4 รายใหญ่คือ AWS, Microsoft, Google Cloud, Oracle มายื่นข้อเสนอแล้ว ซึ่ง Thomas Kurian ซีอีโอของ Google Cloud ก็ประกาศไว้ล่วงหน้า ว่าจะเข้าร่วมยื่นข้อเสนอ หากได้รับคำเชิญ ส่วน Oracle ก็มีหน้าเว็บระบุถึงข้อดีที่ Oracle จะเข้าร่วม JWCC ด้วยเช่นกัน ที่มา - ZDNet, ภาพจาก Facebook Department of Defense
# ซื้องานไปทำไม เว็บ The NFT Bay รวมไฟล์ศิลปะ NFT ทั้งอินเทอร์เน็ต แจกฟรีผ่าน Torrent ด้วยกระแสของ non-fungible tokens (NFT) ในตอนนี้ ทำให้มีคนสร้างเว็บไซต์ชื่อ The NFT Bay (พร้อมหน้าตาที่คุ้นเคย) ขึ้นมาแจกไฟล์รูปภาพ NFT ขนาดรวม 19.5TB ผ่าน BitTorrent Geoffrey Huntley โปรแกรมเมอร์ชาวออสเตรเลียที่สร้างเว็บไซต์นี้ขึ้นมา อธิบายว่าเห็นคนจ่ายเงินซื้อ NFT กันอย่างกว้างขวาง บนความเชื่อว่าเป็นการซื้อสิทธิ (right) ความเป็นเจ้าของชิ้นงาน ผ่าน token ที่เก็บไว้บนบล็อคเชนอีกที แต่ตัวชิ้นงานจริงๆ ไม่ได้ถูกเก็บบนบล็อคเชน เป็นแค่ไฟล์ภาพ jpg ที่ฝากไว้บนเว็บโฮสต์แบบดั้งเดิม และใครๆ ก็สามารถคลิกขวา เซฟภาพเหล่านี้มาเก็บไว้ได้ สิ่งที่เขาทำคือไล่เซฟภาพทั้งหมดที่มีลิงก์บนบล็อคเชน Ethereum และ Solana มารวมกันเป็นก้อน แล้วแจกจ่ายผ่าน torrent โดยมีจุดประสงค์ให้คนเรียนรู้ว่า การซื้องานศิลปะผ่าน NFT ในปัจจุบันเป็นแค่ "การซื้อวิธีการดาวน์โหลดภาพ" ส่วนไฟล์ภาพจริงๆ ไม่ได้เก็บอยู่บนบล็อคเชนแต่อย่างใด การเก็บภาพไว้บนโฮสต์แบบดั้งเดิมไม่มีอะไรการันตีว่าลิงก์ภาพจะสามารถเข้าถึงได้ในอนาคต หากลิงก์กลายเป็น 404 มูลค่าของ NFT จะลดน้อยลงไป การเกิดขึ้นของ The NFT Bay อาจเป็นการส่งสัญญาณบอกวงการ NFT ว่าสุดท้ายแล้ว จ่ายเงินซื้อไปก็ไม่ได้เป็นเจ้าของไฟล์ศิลปะนั้นจริงๆ เพราะด้วยสถาปัตยกรรมของ NFT ในปัจจุบัน เปิดให้คนสามารถดาวน์โหลดไฟล์ภาพ (เถื่อน) แล้วมาแจกจ่ายกันฟรีๆ ด้วยโมเดล BitTorrent แบบดั้งเดิมได้อยู่ดี ตัวของ Huntley ให้คำนิยามไฟล์ torrent นี้ว่า "The Billion Dollar Torrent" เพื่อเสียดสีเรื่องมูลค่าที่คนจ่ายซื้อชิ้นงานไปนั่นเอง ที่มา - The NFT Bay, Kotaku, TorrentFreak
# Alphabet เผยหุ่นยนต์ต้นแบบ Everyday Robots สามารถเรียนรู้และทำงานเช่น แยกขยะ เช็ดโต๊ะ จัดเก้าอี้ X ฝ่ายพัฒนาโครงการ moonshot ของ Alphabet ประกาศความก้าวหน้าของโครงการ Everyday Robots โดยเปลี่ยนสถานะจากโครงการ มาสู่การใช้งานจริง เพื่อพัฒนาต่อยอดต่อไป Everyday Robot เป็นการสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานทั่ว ๆ ไป ได้หลายอย่างในหุ่นยนต์เดียว ตั้งแต่งานแยกขยะเพื่อไปรีไซเคิล เช็ดทำความสะอาดโต๊ะ ไปจนถึงจัดเก้าอี้ ซึ่งแตกต่างจากหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่กำหนดให้ทำงานซ้ำ ๆ มีรูปแบบชัดเจน ขณะเดียวกันงานทั่วไปเหล่านี้ก็เป็นงานที่มนุษย์สามารถเรียนรู้ เข้าใจ และทำได้ง่าย แต่กับหุ่นยนต์เมื่อรูปแบบงานเป็น unstructure จึงมีความท้าทายในการพัฒนา ตัวหุ่นยนต์มีกล้องติดที่ส่วนหัวและรอบตัว สำหรับตรวจสอบภาพตรงหน้า และการเคลื่อนที่ แขนมีด้ามจับสำหรับจับสิ่งของเพื่อทำงานต่าง ๆ ซอฟต์แวร์ออกแบบมาเพื่อให้หุ่นยนต์ฝึกเรียนรู้การทำงานด้วยโมเดลต่าง ๆ อาทิ reinforcement, collaborative ไปจนถึงเรียนรู้จากการสาธิตให้ดู โดยตัวอย่างผลลัพธ์ หุ่นยนต์สามารถใช้เวลาไม่ถึง 1 วัน เรียนรู้การเปิดประตู ที่ success rate 90% ปัจจุบันทีม Everyday Robots ได้นำหุ่นยนต์นี้มากกว่า 100 ตัว ทดสอบและทำงานในพื้นที่สำนักงานของกูเกิลที่ Bay Area ที่มา: X ผ่าน The Verge
# Bloomberg เผย Apple เร่งสปีดโครงการรถยนต์ไร้คนขับ ต้องการเปิดตัวปี 2025 เป็นข่าวอีกครั้งเกี่ยวกับโครงการพัฒนารถยนต์ของแอปเปิล โดย Mark Gurman แห่ง Bloomberg เจ้าเก่า อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ว่าตอนนี้แอปเปิลขยับแผนมาพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบแล้ว ซึ่งช่วงที่ผ่านมา รายงานบอกว่าแอปเปิลเปลี่ยนมาเน้นการทำฟีเจอร์ในรถยนต์เท่านั้น Kevin Lynch หัวหน้าทีม watchOS จะเป็นหัวหน้าโครงการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ตามที่เคยมีข่าวก่อนหน้า ตามแผนงานนั้น แอปเปิลต้องการเร่งเปิดตัวรถยนต์ให้ได้เร็วที่สุดใน 5-7 ปี โดยตอนนี้กำหนดเป้าหมายเบื้องต้นที่เร็วมากกว่านั้นอีก คือปี 2025 โดยส่วนที่ท้าทายคือการพัฒนาระบบไร้คนขับ ขณะที่ส่วนประมวลผลหลักนั้นมีความคืบหน้ามาก นอกจากนี้แอปเปิลยังมีร่างแบบห้องโดยสาร โดยมีห้องโดยสารที่เก้าอี้เป็นแบบเลาจน์ ระบบความบันเทิงจอสัมผัส ตัดพวงมาลัยออกไป แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปว่าระบบควบคุมฉุกเฉินจะทำงานอย่างไร ที่มา: Bloomberg
# Tidal ปรับระบบสมาชิกใหม่ เพิ่มสมาชิกฟรีมีโฆษณา, จ่ายเงินฟัง lossless เริ่มต้น 129 บาทต่อเดือน บริการสตรีมมิ่งเพลง Tidal ประกาศปรับแพลนครั้งใหญ่ โดยรอบนี้ Tidal เพิ่มแพลนสตรีมมิ่งแบบฟรีมีโฆษณาเป็นครั้งแรก และปรับ Tidal HiFi แยกเป็น 2 แบบ สำหรับแผนฟรีมีโฆษณา Tidal เรียกว่า Tidal Free ซึ่งแพลนนี้จะมีให้บริการเฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น คุณภาพสตรีมมิ่งเพลงจะอยู่ที่ 160kbps ส่วนถัดไปเป็น Tidal HiFi สำหรับฟังเพลงคุณภาพ Lossless มีให้เลือก 2 แบบ คือ Tidal HiFi และ Tidal HiFi Plus โดย Tidal HiFi (หรือ Standard Plan เดิม) คิดราคา 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 129 บาทต่อเดือนในไทย ให้คุณภาพเสียงสูงสุดถึง 1,411kbps พร้อมฟีเจอร์ Tidal Connect และ My Activity ให้ข้อมูลอินไซด์เกี่ยวกับการฟังเพลง ส่วน Tidal HiFi Plus ราคา 19.99 ดอลลาร์ต่อเดือนหรือ 258 บาทต่อเดือนในไทย จะได้ฟีเจอร์เพิ่มคือคอนเทนต์เสียงพรีเมียมจาก Tidal, ระบบ Dolby Atmos, Sony 360 Audio และ Master Quality Authenticated (MQA) การปรับแผนสตรีมมิ่งแบบใหม่ของ Tidal นี้เนื่องจากก่อนหน้านี้บริการเพลงคุณภาพสูงถือเป็นจุดเด่นของ Tidal แต่ปัจจุบันคู่แข่งรายใหญ่ทั้ง Spotify และ Apple Music ต่างก็มีบริการเพลงคุณภาพสูงให้ฟังโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม จึงเป็นที่มาให้ Tidal ต้องปรับแพลนเพื่อให้เหมาะสมกับคู่แข่งในท้องตลาด นอกจากฝั่งผู้ใช้งานแล้ว Tidal ยังปรับแผนการจ่ายเงินทางฝั่งศิลปินด้วย โดย Tidal ระบุว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ อยู่สองเรื่อง เรื่องแรก คือการจ่ายเงินตรงถึงศิลปิน (direct-to-artist payments) คือค่าสมาชิกจากผู้สมัคร HiFi Plus จะถูกกันไว้ 10% เพื่อแบ่งให้ศิลปินที่ฟัง (ยิ่งฟังเพลงของใครมาก ศิลปินยิ่งได้ส่วนนี้มาก) พร้อมรายงานให้ทราบด้วยว่าจ่ายศิลปินคนไหนไปเท่าไร ซึ่งโมเดลการจ่ายเงินนี้จะเป็นการจ่ายเพิ่มเติมจากเดิมที่แพลตฟอร์มจ่ายให้ศิลปินเป็นปกติ ส่วนถัดไปคือ Tidal จะปรับค่าลิขสิทธิ์ใหม่เรียกว่า fan-centered royalties ค่าสตรีมมิ่งจากผู้ใช้ HiFi Plus จะไม่ถูกนำไปคิดรวม แต่จะคิดเป็นกิจกรรมการสตรีมมิ่งที่เกิดขึ้นจริงและจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์เพลงให้ศิลปิน และแสดงให้ผู้ใช้ทราบว่าสตรีมมิ่งใครไปและแพลตฟอร์มจ่ายเงินออกไปเท่าไร โดยฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้งานในปีหน้า ที่มา - The Verge, GSM Arena
# Telenor ยืนยันแล้ว เจรจากับ CP เรื่องการควบรวม dtac และ True จริง แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ Telenor แจ้งตลาดหลักทรัพย์ออสโล ประเทศนอร์เวย์ ยอมรับว่ากำลังเจรจากับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) เรื่องการควบรวมระหว่าง dtac และ True ในประเทศไทย Telenor ระบุว่ายังมีประเด็นต่างๆ ในการเจรจา และยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะควบรวมกันได้จริง ณ ตอนนี้ ที่มา - Oslo Bors
# SAP เปิดตัว AppGuyver เครื่องมือพัฒนาแอพแบบ No-Code ไม่ต้องเขียนโค้ด ต่อ SAP API ได้ ตลาดการพัฒนาแอพแบบไม่ต้องเขียนโค้ด (no-code) หรือเขียนโค้ดน้อย (low-code) เป็นตลาดที่กำลังมาแรงในช่วงปีหลังๆ โดยบริษัทยักษ์ใหญ่อีกรายที่เข้ามาร่วมในตลาดนี้คือ SAP สัปดาห์นี้ SAP เปิดตัว SAP AppGyver เครื่องมือพัฒนาแบบ no-code อย่างเป็นทางการ (เข้าสถานะ general available) โดยมาจากการซื้อกิจการบริษัท AppGyver เมื่อต้นปีนี้ และผนวกรวมเครื่องมือตัวนี้เข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์ม SAP Business Technology Platform (SAP BTP) ซึ่งเป็นชื่อเรียกรวมๆ ของซอฟต์แวร์ SAP เกือบทุกตัวเรียบร้อยแล้ว เชื่อมต่อกับ API ของ SAP ได้เลย AppGyver เป็นเครื่องมือการสร้างแอพแบบลากแล้ววาง ใช้ได้ผ่านหน้าเว็บ appgyver.com เปิดให้ใช้งานฟรีทั้งหมด (ก่อนหน้านี้มีเวอร์ชัน Pro แบบเสียเงิน แต่เปิดฟรีหมดหลังขายให้ SAP) เมื่อสร้างแอพในระบบ AppGyver แล้วสามารถแปลงเป็นแอพมือถือ เว็บแอพ หรือแม้กระทั่งรันบนสมาร์ททีวีได้ ปัจจุบัน AppGyver มีผู้ใช้งานประมาณ 1 แสนราย ตัวอย่างองค์กรใหญ่ๆ ที่นำไปใช้งานแล้วคือ DHL นอกจาก AppGyver ที่เป็นเครื่องมือระดับ no-code แล้ว SAP ยังมีเครื่องมือสร้างแอพระดับ low-code คือ SAP Business Application Studio ที่ออกมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว (มาแทน SAP Web IDE ตัวเดิม) โดยใช้เอนจินของ Eclipse Theta ที่ใช้ VS Code เป็นฐานอีกที ที่มา - SAP
# JR-East เริ่มทดสอบรถไฟความเร็วสูงแบบไม่ใช้คนขับ เบื้องต้นยังวิ่งแค่ 5 กม. บริษัทรถไฟญี่ปุ่น East Japan Railway Co หรือที่เรียกย่อๆ ว่า JR-East เริ่มทดสอบรถไฟความเร็วสูงแบบไม่ต้องมีคนขับเป็นมนุษย์เลย โดยยังเป็นการทดสอบระยะสั้นๆ เพียง 5 กิโลเมตร วิ่งที่ความเร็ว 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีคนขับนั่งอยู่บนเก้าอี้คนขับเผื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้น รถที่ทดสอบเป็นรุ่น E7 ที่สาย Joetsu Line ผลการทดสอบการจอดอัตโนมัติเลยเส้นที่กำหนดไป 8 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระยะ 50 เซนติเมตรที่ยอมให้ผิดพลาดได้ ซึ่งโฆษกของ JR-East บอกว่าอยู่ในระดับเดียวกับคนขับที่เป็นมนุษย์ แต่บริษัทก็จะปรับปรุงเรื่องนี้ให้ดีขึ้น และยังไม่ระบุว่าจะนำระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติมาใช้งานจริงเมื่อใด นอกจากระบบการขับอัตโนมัติแล้ว JR-East ยังทดสอบการมอนิเตอร์รางและภายในตู้โดยสารจากระยะไกล โดยส่งวิดีโอผ่านเครือข่าย 5G ไปยังศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ด้วย บริษัทรถไฟหลายแห่งในญี่ปุ่นเริ่มทดสอบระบบรถไฟอัตโนมัติ เพื่อเตรียมรับมือปัญหาขาดแคลนแรงงานในอนาคต เช่น West Japan Railway Co, Kyushu Railway Co เป็นต้น ภาพรถไฟรุ่น E7 สาย Joetsu Line จากเว็บไซต์ JR-East ที่มา - Japan Today
# OpenAI เปิดให้ใช้ GPT-3 API ได้ทันที ห้ามนำไปใช้สร้างเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ OpenAI พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ออกมาหลายตัว และ GPT-3 ก็เป็นตัวที่มีศักยภาพที่จะทำมาให้บริการเชิงพาณิชย์มากที่สุด อย่างไรก็ตามมีความกังวลเป็นวงกว้างว่าคนร้ายอาจจะใช้ GPT-3 ในด้านลบ เช่น การสร้างข่าวปลอม จนกระทั่งทาง OpenAI เปิดให้บริการ API ของ GPT-3 แบบจำกัดตลอดมา วันนี้ทางบริษัทก็ออกมาระบุว่าได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบจนมั่นใจจะให้บริการเป็นการทั่วไปแล้ว มาตรการของ OpenAI มีหลายอย่าง ตั้งแต่การปรับโมเดลให้ทำตามคำสั่งได้ตรงไปตรงมา, ตอบคำถามตามความจริง, และมีกระบวนการสำหรับทีมงานตรวจสอบการใช้งานว่าผิดเงื่อนไขหรือไม่ ผู้ที่ใช้งาน GPT-3 ยังต้องยอมรับเงื่อนไขว่าจะไม่นำไปใช้สร้างเนื้อหาที่ผิดเงื่อนไข เช่น การสร้างเนื้อหาเหยียดชัง, เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่, ความรุนแรงและการทำร้ายตัวเอง, การเมือง, สแปม, เนื้อหาหลอกลวง, และการสร้างมัลแวร์หรือไวรัส ทาง OpenAI จะเข้าไปตรวจสอบการทำงานของโมเดลที่นักพัฒนาสร้างขึ้นเรื่อยๆ และยอมรับว่าอาจจะมีบางจุดที่ทำให้นักพัฒนานำไปใช้งานผิดๆ ได้แต่ก็จะปรับปรุงระบบตรวจสอบต่อเนื่อง ที่มา - OpenAI
# จับตาหนึ่งในสมาร์ทวอทช์มาแรงกับ HUAWEI WATCH GT 3 series เริ่มต้น 7,990 บาทเท่านั้น เปิดตัวอย่างเป็นทางการกันไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 กับ HUAWEI WATCH GT 3 Series พร้อมราคาขายเริ่มต้น 7,990 บาท เรียกได้ว่าทำเอาตลาดสมาร์ทวอทช์สั่นคลอนกันเลยเพราะถือว่าเป็นหนึ่งในสมาร์ทวอทช์มาแรงที่จับตามองแห่งปีเลยทีเดียว! กับราคาไม่ถึงหมื่นแต่มาพร้อมฟีเจอร์สำหรับสายรักสุขภาพเพียบๆ แล้วรอบนี้มาพร้อมตัวเลือก 2 ขนาด ทั้งขนาด 46 มม. แบบ Classic Edition สายหนัง และแบบ Active สายยางสีดำพร้อมลุย และไม่พลาดสำหรับสาวๆ เพราะครั้งนี้มีขนาด 42 มม. เรียบหรูพร้อมสายถักสีทอง Light Gold ที่ผู้หญิงต้องเลิฟมาด้วย และยังมีรุ่นพิเศษ HUAWEI WATCH GT Runner ออกแบบมาเพื่อสายวิ่งโดยเฉพาะ ปิดท้ายด้วย HUAWEI FreeBuds Lipstick หูฟังไร้สาย ANC 2.0 เมื่อหยิบขึ้นมาใช้ก็จะเป็นสาวสายแฟชันในทันทีกับหูฟังสีแดงและเคสรูปแท่งลิปสติก บอกเลยว่า ครั้งนี้ HUAWEI WATCH GT 3 Series มาพร้อมตัวช่วยตรวจวัดค่าต่างๆ ของร่างกาย ได้อย่างแม่นยำ ทั้งการตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) วัดอัตราการเต้นของหัวใจกับ HUAWEI TruSeen™ 5.0+ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด และวัดการนอนหลับได้ด้วย ส่วนเรื่องออกกำลังกาย พูดได้เลยว่าจะมาเป็นเสมือนผู้ช่วยอัจฉริยะ คอยจัดการช่วยวางแผนการออกกำลังเบื้องต้นได้ และว้าวสุดๆ กับสายรักสุขภาพเพราะมาพร้อมโหมดออกกำลังกายกว่า 100 โหมด! อีกด้วย HUAWEI WATCH GT 3 Series มาพร้อมโปรโมชันสุดคุ้ม ทั้งราคาพิเศษและของสมนาคุณ ในช่วงพรีออเดอร์ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ถึง 3 ธันวาคม 2564 เท่านั้น! HUAWEI WATCH GT 3 Series ขนาด 46 มม. Classic Edition วางจำหน่ายในราคา 8,490 บาท และ ขนาด 46 มม. Active Edition วางจำหน่ายในราคา 7,990 บาท และ HUAWEI WATCH GT Runner ขนาด 46 มม. ในราคา 9,990 บาท สั่งจองล่วงหน้าได้ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ และช่องทางออนไลน์ทั้งเว็บไซต์ HUAWEI Store และร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยใน Shopee, Lazada และ JD Central รับฟรีเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิทัลและสายนาฬิกาไนลอน มูลค่ารวม 2,298 บาท HUAWEI WATCH GT 3 Series ขนาด 42 มม. Elegant Edition สั่งจองได้ในราคาพิเศษ 7,490 บาท จากราคาปกติ 9,490 บาท และ ขนาด 42 มม. Active Edition ราคาพิเศษ 5,990 บาท จากราคาปกติ 7,990 บาท พร้อมดีลพิเศษเมื่อซื้อคู่กับ HUAWEI FreeBuds Lipstick จะมาในราคาพิเศษ 5,490 บาท จากราคาปกติ 7,490 บาท หรือถ้าหากสนใจสั่งจอง HUAWEI FreeBuds Lipstick แยกต่างหาก จะมาในราคา 7,490 บาท พร้อมรับฟรี HUAWEI Band 6 สีชมพู มูลค่า 1,899 บาท อย่าพลาด! ทั้ง HUAWEI WATCH GT 3 Series 42 มม. และ HUAWEI FreeBuds Lipstick สั่งจองได้ทางช่องทางออนไลน์ทั้งเว็บไซต์ HUAWEI Store และร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยใน Shopee, Lazada และ JD Central เท่านั้น ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน HUAWEI AppGallery # สามารถติดตามรายละเอียดโปรโมชันอื่นๆ ได้ทาง เฟซบุ๊กเพจ Huawei Mobile TH รายละเอียดเงื่อนไขโปรโมชันพรีออเดอร์เพิ่มเติม ที่นี่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่: Website: http://consumer.huawei.com/th Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH Instagram: Huawei.TH LINE: HuaweiMobileThailand
# TRUE-DTAC แจงข่าวลือเทคโอเวอร์ หากมีอะไรจะแจ้ง SET เอง จากข่าวลือที่ว่าทรูกำลังเข้าซื้อดีแทค ล่าสุดทั้งสองบริษัทออกหนังสือชี้แจง มีใจความว่า ชี้แจงข่าวที่ปรากฏในสื่อ ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) และ บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) นั้น บริษัทฯ ขอเรียนว่า หากมีข้อชี้แจงใดๆ ที่บริษัทฯมีหน้าที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ จะแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อไป ที่มา - ทรู, ดีแทค
# กสทช. เกาหลีประกาศเกณฑ์ปรับแอปสโตร์ที่ไม่ยอมเปิดให้แอปรับเงินตรง ค่าปรับสูงสุด 2% ของรายได้ หลังเกาหลีใต้ผ่านกฎหมายบังคับให้แอปสโตร์ต้องเปิดให้แอปรับเงินจากระบบภายนอก ทางกสทช. เกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายก็ออกเกณฑ์การบังคับใช้ว่าหากสโตร์ใดไม่ทำตามจะปรับตามรายได้ คิดเป็น 1% ของรายได้ และเพิ่มเป็น 2% หากทำผิดอย่างร้ายแรง การตีความกฎหมายใหม่ของเกาหลีใต้ยังนับว่าสับสนอยู่มาก กูเกิลนั้นเปิดให้นักพัฒนาใช้ระบบจ่ายเงินภายนอกได้ แต่ก็ตามไปเก็บค่าธรรมเนียมที่จ่ายผ่านระบบเหล่านั้นด้วย แต่โดยรวมแล้วตัวแอปจะเสียค่าบริการน้อยลงกว่าการรับเงินผ่าน In-App Purchase ของกูเกิลเอง ส่วนแอปเปิลนั้นระบุว่าเกณฑ์ของแอปสโตร์ตอนนี้ทำตามกฎหมายอยู่แล้วโดยไม่ต้องแก้ไขอะไร ที่มา - The Register
# Nike ร่วมกับ Roblox สร้าง Nikeland สนามกีฬาหลากประเภทในแบบ metaverse Nike ไม่พลาดขบวน metaverse ร่วมกับ Roblox ผู้นำด้านเกมแนว sandbox สร้าง Nikeland เป็นพื้นที่เสมือนจริงที่ผู้เล่นสามารถมาแข่งขันกีฬาแมตช์เล็กๆ ได้ เช่น เล่นดอดจ์บอล วิ่งลู่ กระโดดไกล โดยผู้เล่นสามารถตกแต่งตัวละครอวตารในเกมได้ด้วยเสื้อผ้าและรองเท้า Nike แบบจัดเต็ม ผู้เล่นใน Nikeland สามารถใช้มือถือช่วยตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อให้เล่นเกมได้ อย่างเช่น กระโดดสูง วิ่ง เพื่อแปลงความเคลื่อนไหวจริงเป็นการเคลื่อนไหวในเกม ใน Nikeland ยังมีโชว์รูมดิจิทัล แสดงเสื้อผ้า รองเท้า คอลเลกชันใหม่ของ Nike ด้วย ปัจจุบัน Roblox เป็นเกมที่ได้รับความนิยมในหมู่เด็ก และวัยรุ่น ด้วยจำนวนผู้เล่นรายเดือนกว่า 200 ล้านคน เข้าเล่นได้ ที่นี่ ที่มา - Nike
# Starbucks เปิดร้านคอนเซปต์ใหม่ ใช้เทคโนโลยีไม่ต้องมีแคชเชียร์จาก Amazon Go Starbucks เปิดตัวร้านคอนเซปต์ใหม่ Starbucks Pickup with Amazon Go (ชื่อนี้จริง ๆ) โดยเป็นความร่วมมือกับ Amazon ที่นำเทคโนโลยีร้านค้าแบบไม่มีพนักงาน Amazon Go ที่สามารถเลือกสินค้าแล้วเดินออกจากร้านโดยคิดเงินอัตโนมัติ (Just Walk Out) มาใช้ร่วมกับร้านกาแฟ Katie Young ผู้บริหารจาก Starbucks อธิบายว่ารูปแบบร้านใหม่นี้ เป็นการเพิ่มทางเลือกรูปแบบประสบการณ์ใช้บริการที่ลูกค้าต้องการ ทั้งแบบเร่งรีบ เข้ามาที่ร้าน รับเครื่องดื่ม และเลือกสินค้าเดินออกไปเลยไม่ต้องรอคิว หรือแบบรับเครื่องดื่ม และนั่งโต๊ะทำงานภายในพื้นที่ร้าน ก็มีรองรับเช่นเดียวกัน ในการสั่งเครื่องดื่ม ลูกค้าจะสั่งผ่านแอปของ Starbucks เมื่อไปถึงร้านก็สามารถรับเครื่องดื่มได้ที่เคาน์เตอร์ (มีพนักงาน) ส่วนสินค้าอื่นในร้านเป็นความร่วมมือกับ Amazon Go โดยใช้โค้ดผ่านเข้าไปในแอป Amazon จากนั้นก็หยิบสินค้าและเดินออกมาได้เหมือนการใช้งานร้าน Amazon Go Starbucks Pickup with Amazon Go สาขาแรกตั้งอยู่ที่ 59th Street นิวยอร์ก บริษัทมีแผนจะเปิดสาขารูปแบบนี้อีกสองแห่งภายในปี 2022 ที่มา: The Verge และ Starbucks
# Balmuda เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรก Balmuda Phone เครื่องเล็กเหมาะมือ ราคา 3 หมื่นบาท Balmuda บริษัทออกแบบและผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าจากญี่ปุ่น ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของบริษัทในชื่อ Balmuda Phone เป็นสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android 11 สเป็กระดับกลาง ซีพียู Snapdragon 765 แรม 6GB หน่วยความจำ 128GB กล้องหลังเดี่ยว 48MP และกล้องหน้า 8MP ตัวเลือกสองสี ขาว และ ดำ Gen Terao ซีอีโอ Balmuda บริษัทที่คนไทยหลายคนอาจคุ้นชื่อ ในฐานะผู้ผลิตเครื่องปิ้งขนมปังที่มีการออกแบบสวยงามและฟังก์ชันที่โดดเด่น พูดถึงจุดขายสำคัญของ Balmuda Phone นั่นคือขนาดที่เล็ก มีหน้าจอ 4.9 นิ้ว (16:9, 1080p) โดยเขาให้เหตุผลว่าสมาร์ทโฟนทุกวันนี้มีขนาดใหญ่มากเกินไป จึงออกแบบสมาร์ทโฟนนี้ให้มีขนาดกะทัดรัดเหมาะมือเป็นเป้าหมายหลัก Balmuda Phone จะเริ่มวางขายในญี่ปุ่นแบบติดสัญญาผ่าน SoftBank ปลายเดือนนี้ ส่วนรุ่นเครื่องปลดล็อกราคาขาย 104,800 เยน (ประมาณ 30,000 บาท) ที่มา: The Verge
# Alibaba ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมโต 29% ฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 1.24 พันล้านคน Alibaba รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดเดือนกันยายน รายได้รวมเพิ่มขึ้น 29% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 31,147 ล้านดอลลาร์ มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 524 ล้านดอลลาร์ มีจำนวนลูกค้าที่ใช้งานภายในช่วงหนึ่งปี (Annual Active Customer) เพิ่มขึ้นเป็น 1.24 พันล้านคน Daniel Zhang ซีอีโอกลุ่ม Alibaba กล่าวว่าบริษัทยังคงดำเนินงานตามแผนระยะยาว ที่จะรองรับลูกค้าให้ได้ 2 พันล้านคนทั่วโลก ธุรกิจอีคอมเมิร์ซนอกประเทศจีนยังคงเติบโตสูง โดยมีการลงทุนหลักคือ Lazada ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Trendyol ในตุรกี และ Daraz ในเอเชียใต้ จำนวนลูกค้านอกจีนรวม 285 ล้านคน ส่วนกลุ่มลอจิสติก Cainiao Network รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 20%, ธุรกิจคลาวด์รายได้เพิ่มขึ้น 33% ที่มา: Alibaba
# MediaTek เปิดตัวชิปเรือธง Dimensity 9000 ซีพียู Cortex-X2, จีพียู Mali-G710, ผลิต 4nm MediaTek เปิดตัวชิป SoC เรือธงตัวใหม่ Dimensity 9000 โดยเป็นชิปมือถือตัวแรกที่ใช้กระบวนการผลิต 4nm ของ TSMC ด้วย ส่วนเรื่องสเปกก็จัดเต็ม ใช้ของใหม่ล่าสุดของ Arm ประจำปี 2021 ทุกอย่าง (เลขรุ่นขยับเพิ่มพรวดจาก Dimensity 1200 ตัวท็อปรุ่นก่อน) ซีพียูของ Dimensity 9000 ถือเป็นซีพียูมือถือรุ่นแรกที่ใช้คอร์ใหญ่ Cortex-X2, คอร์กลาง Cortex-A710, คอร์เล็ก Cortex-A510 ที่ Arm เพิ่งออกมาเมื่อกลางปีนี้ (สูตรการวางแบบ 1+3+4 ตามมาตรฐาน) จีพียูเป็น Mali-G710 MC10 รุ่นท็อปสุดใหม่ล่าสุดของ Arm โดยระบุว่ารองรับ raytracing บน Vulkan API รองรับการแสดงผลบนหน้าจอ 180Hz ความละเอียด Full HD+ รองรับแรม LPDDR5x 7500 Mbps หน่วยประมวลผลภาพ (ISP) รองรับ HDR 18-bit สามารถถ่ายวิดีโอจากกล้อง 3 ตัวได้พร้อมกัน, ภาพนิ่งรองรับกล้องความละเอียดสูงสุด 320MP รองรับสเปก 5G 3GPP Release-16 เวอร์ชันใหม่ที่สุดในตอนนี้ ที่มา - XDA, Android Guys
# Spotify แสดงเนื้อเพลงให้ผู้ใช้งานฟรีแล้ว เปิดใช้งานทั่วโลก Spotify ขยายความสามารถในการแสดงเนื้อเพลงระหว่างฟังเพลงไปยังผู้ใช้งานฟรีแล้ว จากเดิมที่จำกัดความสามารถอยู่แค่ผู้ใช้งานพรีเมียมเท่านั้น โดยการแสดงเนื้อเพลงใช้งานได้ทั้งบนมือถือ, เดสก์ทอป, คอนโซลเกม, ทีวี วิธีดูเนื้อเพลงให้กดที่ Now Playing View บนเพลงที่กำลังเล่นอยู่ > ปัดจอขึ้นด้านบนเพื่อแสดงเนื้อเพลง สามารถกดแชร์เนื้อเพลงไปยังโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram Stories ได้ ส่วนบนเดสก์ทอปให้กดที่ไอคอนไมโครโฟนตรงแถบเพลงที่กำลังเล่น ระบบจะแสดงเนื้อเพลงให้เรียลไทม์เช่นกันกับบนมือถือ ภาพจาก Music Match ที่มา - Spotify
# มีที่ไหนที่เขายังไม่ปรากฏตัว Pokemon Go คอลแลบ Ed Sheeran จัดคอนเสิร์ตในเกม Niantic ผู้สร้างเกม Pokemon Go จัดอีเว้นท์พิเศษ ดึงศิลปินระดับโลก Ed Sheeran เข้ามาจัดการแสดงผ่านแอปพลิเคชัน โดยอีเว้นท์พิเศษเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 - 30 พ.ย. ผู้เล่นได้ฟังเพลงดังๆ ของเขาไม่ว่าจะเป็น Perfect, Bad Habits, Overpass Graffiti, Thinking Out Loud, First Times, Shivers เข้าชมการแสดงได้ผ่านเซกชัน News ในแอป การจัดแสดงดนตรีในเกม ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเกมที่ดังในเรื่องนี้คือ Fortnite จาก Epic Games ที่เคยดึงศิลปินระดับท็อปอย่าง Travis Scott และ Ariana Grande มาแสดงแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอีเว้นท์แบบ metaverse มานานระดับหนึ่ง ในอีเว้นท์การแสดง Ed Sheeran ยังมีโปเกมอนสายน้ำมาให้จับ นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถเปลี่ยนเสื้อเชิ้ตเป็นลายพิเศษตามอีเว้นท์ได้ด้วย ที่มา - The Verge
# Grammarly รับเงินทุนรอบใหม่ มูลค่ากิจการเพิ่มเป็น 13,000 ล้านดอลลาร์ Grammarly สตาร์ทอัพผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ตัวช่วยแนะนำการเขียนภาษาอังกฤษให้ถูกต้องและดีขึ้น ประกาศรับเงินเพิ่มทุนรอบใหม่ 200 ล้านดอลลาร์ โดยมีผู้ลงทุนรายสำคัญคือ Baillie Gifford และกองทุนที่บริหารจัดการโดย BlackRock ผลจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ ทำให้มูลค่ากิจการของ Grammarly เพิ่มขึ้นเป็น 13,000 ล้านดอลลาร์ บริการของ Grammarly รองรับการทำงานผ่านเว็บแอปและบนโปรแกรมอื่น ๆ โดยมีทั้งเวอร์ชันฟรี ที่ตรวจคำสะกด ไวยากรณ์ และคำที่ไม่เหมาะสม ส่วนเวอร์ชันเสียเงินจะเพิ่มคำแนะนำการแก้ไขที่ละเอียดขึ้น รวมถึงตรวจเนื้อหาซ้ำ (Plagiarism) ปัจจุบัน Grammarly มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 30 ล้านคนต่อวัน ซีอีโอ Brad Hoover ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า แม้ผู้ให้บริการรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ หรือกูเกิล จะมีตัวช่วยสะกดคำ ที่ดูเป็นคู่แข่งกับ Grammarly แต่ด้วยบริการเสริมที่มากกว่าเช่นการตรวจ Plagiarism ทำให้ Grammarly อยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างและไม่มีคู่แข่งที่เหมือนกันโดยตรง ที่มา: CNBC
# Paytm แพลตฟอร์ม Digital Payment รายใหญ่อินเดีย IPO แล้ว ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นอินเดีย Paytm บริการจ่ายเงินดิจิทัลรายใหญ่ของอินเดีย ได้ไอพีโอเข้าตลาดหลักทรัพย์มุมไบ ประเทศอินเดียวันนี้ โดยได้เงินจากการขายหุ้นไอพีโอไป 2.5 พันล้านดอลลาร์ เป็นไอพีโอที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอินเดีย อย่างไรก็ตามราคาหุ้นวันแรกปรับลดลงถึง 20% จากราคาไอพีโอ เนื่องจากความกังวลที่บริษัทยังมีผลประกอบการขาดทุนสูง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Paytm คือ Ant Financial บริษัทการเงินของ Alibaba จากจีน และ SoftBank จากญี่ปุ่น Paytm ก่อตั้งโดย Vijay Shekhar Sharma เมื่อปี 2010 และเป็นแพลตฟอร์มการจ่ายเงินที่ได้รับความนิยมสูงในอินเดีย รวมทั้งได้รับการส่งเสริมจากนโยบายของรัฐบาลที่ผลักดันลดการใช้เงินสด นอกจากนี้สถานการณ์โควิดก็เร่งให้คนเปลี่ยนมาจ่ายเงินแบบดิจิทัลมากขึ้น แพลตฟอร์มมีร้านค้าที่รองรับมากกว่า 22 ล้านแห่ง จำนวนผู้ใช้งาน 337 ล้านคน มี transaction ในปีที่แล้วกว่า 54,000 ล้านดอลลาร์ ที่มา: BBC
# Cisco ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมโต 8% แม้พบปัญหาซัพพลายเชน Cisco รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดวันที่ 30 ตุลาคม 2021 รายได้รวม 12,900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 2,980 ล้านดอลลาร์ Chuck Robbins ซีอีโอ Cisco กล่าวว่าในไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทยังเติบโต และมีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น ท่ามกลางภาวะซัพพลายที่ผันผวนสูง โดย Cisco ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลในวันนี้ และการเปลี่ยนผ่านของ Cisco เอง ก็ช่วยให้บริษัทพร้อมเติบโตอีกในปีการเงิน 2022 Robbins ให้ข้อมูลเพิ่มเติมช่วงแถลงผลประกอบการว่า Cisco พยายามแก้ปัญหาชิ้นส่วนขาดแคลน โดยร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญ และรับต้นทุนค่าขนส่งที่มากขึ้นสำหรับชิ้นส่วนที่มีความต้องการสูง นอกจากนี้ยังปรับปรุงซัพพลายเชน ให้ยืดหยุ่นรับการเปลี่ยนแปลงซัพพลายเออร์เท่าที่ทำได้ ไตรมาสนี้ Cisco รายงานรายได้ตามกลุ่มสินค้าแบบใหม่ โดยกลุ่มที่เป็นรายได้ส่วนใหญ่เรียกว่า Secure, Agile Networks (สวิตช์, อุปกรณ์ในองค์กร) รายได้ 5,967 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10%, Hybrid Work (เครื่องมือ Collaboration) 1,109 ล้านดอลลาร์ ลดลง 7%, Internet for the Future (Optical Network, 5G, Silicon) 1,374 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 46%, Services 3,371 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1%, End-to-End Security 895 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4% ที่มา: Cisco และ CNBC
# Azure Blob รองรับการรับส่งไฟล์แบบ SFTP Azure Blob บริการคลาวด์สตอเรจแบบเดียวกับ AWS S3 ประกาศเพิ่มวิธีการส่งไฟล์เข้าออกผ่านทางโปรโตคอล SFTP ซึ่งมักจำเป็นสำหรับแอปพลิเคชั่นที่พัฒนามานานและมักส่งไฟล์ข้ามระบบด้วย SFTP จนเป็นมาตรฐาน บริการนี้รองรับการส่งไฟล์แบบ SFTP ทั้งการใช้รหัสผ่าน และการยืนยันตัวตนด้วยคู่กุญแจสาธารณะ ผู้ใช้สามารถกำหนดสิทธิ์การอ่านเขียนไฟล์ที่ระดับคอนเทนเนอร์ และกำหนด home directory เพื่อเป็นตำแหน่งมาตรฐานในกรณีที่ไคลเอนต์ไม่ได้ระบุตำแหน่งที่ต้องการวางไฟล์ ทาง Azure ยังไม่ได้กำหนดราคา และตอนนี้ผู้ที่ได้ใช้งานในช่วงพรีวิวจะต้องจ่ายเฉพาะค่าสตอเรจของ Azure Blob เท่านั้น บริการแบบเดียวกันของ AWS S3 ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2018 นั้นคิดค่าบริการเป็นรายชั่วโมง และคิดค่าส่งข้อมูลผ่าน SFTP เพิ่มเติม ที่มา - Azure
# AIS จัดสัมนาออนไลน์ 5G for Business is Now เน้นความสำคัญของ 5G ในการเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา AIS จัดงานสัมนา 5G for Business is Now เน้นย้ำความสำคัญของ 5G เพื่อเป็นเครื่องมือในการเสริมขีดความสามารถการทำงานของภาคอุตสาหกรรม ทั้งภาคการผลิต โรงงานเครื่องจักร โซลูชัน หรือแม้แต่กระบวนการทำงานในขั้นตอนต่างๆ AIS พูดถึงความพร้อมทั้งจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายทั้งในระดับนโยบายการขับเคลื่อนกับภาครัฐ และในระดับของการพัฒนาโซลูชันในด้านต่างๆ กับภาคเอกชน เพื่อติดปีกภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้ด้วยเทคโนโลยีจาก AIS 5G ทั้งด้าน Platforms และ Solutions คุณธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าองค์กร AIS ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่าจากการเดินหน้าลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของเทคโนโลยีโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง ทำให้วันนี้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีความสมบูรณ์ พร้อมให้บริการกับภาคอุตสาหกรรมแล้ว โดยจะยึดแนวทางการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายเพื่อสร้างความสมบูรณ์ของ Digital Ecosystem ที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นได้ AIS ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depa พัฒนา 5G Innovation Center บนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ภายในพื้นที่ตั้งของ Thailand Digital Valley ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาค โดยได้นำศักยภาพ 5G ที่ครอบคลุม 100% ในพื้นที่ EEC ที่มีการใช้งานมาเปิดโอกาสให้กลุ่ม Digital Tech ซึ่งมีความต้องการจะทดสอบบริการบนเครือข่าย AIS 5G อันจะทำให้เกิดการลงทุนในธุรกิจดิจิทัลควบคู่กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลเชิงพาณิชย์ โดยพร้อมที่จะเปิดตัวในปี 2022 นอกจากนี้ AIS ยังทำงานร่วมกับภาครัฐอย่าง ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยมีแผนงานสนับสนุน 5G infrastructure สำหรับเป็นสนามทดสอบ 5G (5G testbeds) ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมการผลิต รับการมาถึงของเทคโนโลยี 5G ณ ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ Sustainable Manufacturing Center: SMC อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของภาคอุตสาหกรรมการผลิต Smart Manufacturing แห่งใหม่ในพื้นที่ EEC AIS ยังได้ทำงานร่วมกับนิคมอุตสาหกรรม และสมาคมต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในการร่วมพัฒนาธุรกิจดิจิทัลของประเทศ อาทิ สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และ สมาคมไทยไอโอที (TIoT) เพื่อกระตุ้นให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมมองเห็นประโยชน์จากการลงทุนด้านเทคโนโลยี และสร้างธุรกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้นในประเทศไทย นอกจากนี้ AIS ยังได้จับมือร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในด้านของ Platforms และ Solutions ชั้นนำ และยังเข้าร่วมมือกับหน่วยงานระดับภูมิภาคอย่างเช่น GSMA ในการร่วมก่อตั้ง APAC 5G Industry Community และร่วมมือกับอีกหลายองค์กร อาทิเช่น 5GEC (5G Enterprise solution Consortium) เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อการทำงานและนำเสนอบริการที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง และยังประกาศความพร้อมในการให้บริการต่างๆ ดังนี้ MEC (Multi-access Edge Computing) เป็นบริการที่นำศักยภาพในการประมวลผล และการจัดการข้อมูลมาอยู่ใกล้กับผู้ใช้งานหรืออุปกรณ์มากขึ้น ช่วยลดปริมาณการรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ และ Cloud และช่วยลดความหน่วง (latency) โดย AIS ให้บริการร่วมกับพาร์ทเนอร์ เช่น Huawei, HPE, Microsoft และ ZTE และให้บริการได้แล้วใน 2 โมเดล คือ Shared MEC และ Dedicated MEC ที่จะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของข้อมูล 5G Private Network บริการเครือข่าย 5G ส่วนตัวสำหรับการใช้งานเฉพาะของแต่ละธุรกิจ สามารถทำ Network Slicing สร้างโครงข่ายส่วนบุคคลเสมือนในระดับคลื่นความถี่ ทำให้เชื่อมต่อภายในองค์กรเป็นส่วนตัวแม้จะใช้เครือข่ายแบบไร้สาย โดย 5G Private Network จะให้บริการใน 3 รูปแบบ ได้แก่ Virtual private network การให้บริการแบบใช้อุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ แชร์กัน สามารถให้บริการในพื้นที่ที่มีเครือข่าย 5G ได้ทั่วประเทศ โดยสามารถทำ Network Slicing เพื่อรองรับ use cases ที่หลากหลายในสถานที่เดียวกันได้ Zoning virtual private network ให้บริการในพื้นที่ zone เฉพาะเจาะจง เช่น ในพื้นที่ EEC เพื่อให้การรับส่งข้อมูลมีความคล่องตัวและมีความหน่วงในการทำงานต่ำ (Low latency) เนื่องจากอยู่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกัน Dedicated private network ให้บริการโดยการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายเฉพาะสำหรับแต่ละหน่วยงาน ซึ่งมีข้อดีในเรื่องความเป็นส่วนตัวสูง สามารถบริหารจัดการได้คล่องตัว, และทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงระบบและข้อมูลที่เก็บอยู่ได้อย่างรวดเร็ว Smart Manufacturing Solutions อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการผลิต การทำงานระยะไกลสำหรับภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น ผ่านการทำงานร่วมกับ Mitsubishi, Omron, TKK และล่าสุด Schneider ผู้นำด้านโซลูชันการผลิตอัจฉริยะที่จะมาเสริมการทำงานภายใต้แพลตฟอร์ม EcoStruxture ซึ่งประกอบไปด้วย 3 แอปพลิเคชันได้แก่ Machine Advisor ซึ่งสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ได้ว่าทำงานอย่างไร Augmented Operator Advisor เพื่อใช้ AR เทคโนโลยีในการดูข้อมูลต่างๆ Secure Connect Advisor ให้คำแนะนำผู้ที่ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย 5G IoT solutions ร่วมกับ TCS โดย AIS เข้าไปให้บริการโซลูชันด้าน IoT ที่ช่วยตอบโจทย์ในการเสริมประสิทธิภาพด้านการผลิตการปรับปรุงและตรวจสอบความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและพนักงาน การจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมถึงควบคุมต้นทุนในการผลิตที่ครอบคลุมในทุกมิติอย่างมีประสิทธิภาพ 5G Security Platform ร่วมกับ Palo Alto Network และ Cisco AIS เข้าไปให้บริการ AIS Managed Secure Access Service Edge (SASE), AIS SD-WAN และบริการด้านความปลอดภัยไซเบอร์อื่นๆ รวมทั้ง AIS CSOC ซึ่งเป็นระบบควบคุมแบบรวมศูนย์บนคลาวด์เพื่อตรวจจับและป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่สามารถทำงานร่วมกับโซลูชันด้านความปลอดภัยจากพันธมิตรชั้นนำเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ 5G ยังสามารถผสานการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ AR, VR, AI ทำให้เกิดการใช้งานจริงในธุรกิจมากมาย เช่น การประยุกต์ใช้ 5G เพื่อสร้างความยั่งยืนและความปลอดภัยในการเป็น Smart Green Mining ของ SCG และการสร้าง use cases ในเครือข่ายภาคี Thailand A.I. University Consortium intelligent connectivity ในภาคการศึกษาได้อีก เป็นต้น ผู้ที่สนใจข้อมูลจาก AIS Business เพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมขายที่ดูแลองค์กรของท่าน หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ AIS Business
# เข้าสู่ยุควงจรเฉพาะทาง Renesas เปิดตัวชิป FPGA ราคาถูกสำหรับงาน IoT เริ่มต้นชิปละ 16 บาท Renesas ผู้ผลิตชิปเฉพาะทางจากญี่ปุ่นเปิดตัว ForgeFPGA ชิป FPGA เน้นราคาประหยัดสำหรับงานที่ความซับซ้อนไม่สูงนัก แต่ต้องการวงจรเฉพาะทาง สำหรับงานที่ต้องการประหยัดพลังงานหรือต้องการเวลาตอบสนองการทำงานที่แม่นยำมากๆ ชิปตระกูล ForgeFPGA จะเน้นกลุ่มที่ต้องการวงจรซับซ้อนน้อยกว่า 5,000 เกต สองรุ่นแรกมีขนาด 1,000 และ 2,000 Look Up Tables (LUTs) รุ่นเล็กสุดมีอัตราการกินพลังงานขณะที่วงจรไม่ได้ทำงานจะกินกระแสเพียง 20 ไมโครแอมป์ ทาง Renesas จะให้ซอฟต์แวร์ออกแบบ FPGA สำหรับ ForgeFPGA ฟรี โดยซอฟต์แวร์ทำงานได้ทั้งแบบวาดวงจร และคอมไพล์วงจรจากภาษา Verilog รุ่น 1,000 LUT จะเริ่มส่งมอบไตรมาสที่สองของปี 2022 ราคาเริ่มต้น 0.5 ดอลลาร์ต่อชิปเมื่อซื้อจำนวนมาก หรือประมาณ 16 บาทต่อชิป ที่มา - Renesas
# มาอีกรอบ Sony ประเทศไทย เปิดจอง PS5 รุ่นใส่แผ่น วันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ 11 โมงเช้า วอร์มนิ้วกันให้พร้อม เพราะตอนนี้เพจ Sony Store Thailand โพสต์ประกาศเตรียมเปิดให้สั่งจองเครื่อง PS5 รอบใหม่ ในวันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายนนี้ เวลา 11.00 น. บนหน้าเว็บของ Sony Store แล้ว โดยแพ็กเกจที่เปิดให้จอง จะมีดังต่อไปนี้ PlayStation5 รุ่นมีช่องอ่านแผ่น Ultra HD Blu-ray คู่กับคอนโทรลเลอร์ไร้สาย DualSense และ TV XR-55X90J 53,490 บาท PlayStation5 รุ่นมีช่องอ่านแผ่น Ultra HD Blu-ray คู่กับคอนโทรลเลอร์ไร้สาย DualSense ราคาแพ็กเกจ 19,380 บาท PlayStation5 รุ่นมีช่องอ่านแผ่น Ultra HD Blu-ray ราคา 16,990 บาท เทียบราคาแพ็กเกจพร้อมทีวี อ้างอิงจากหน้าเว็บไซต์ของ Sony Store จะได้ทีวีรุ่น XR-55X90J ในราคา 34,110 บาท จากราคาเต็ม 36,990 บาท เท่ากับได้ส่วนลดไป 2,880 บาท แม้จะลดไม่มาก แต่ก็คงเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่อยากได้ PS5 แบบเร็วทันใจ ที่มา - Sony Store Thailand
# บริษัทวิจัยตลาดประเมิน Xbox Series S ขายดีกว่า Series X แล้วในบางประเทศ บริษัทวิจัยตลาด Ampere Research ออกรายงานว่ายอดขาย Xbox Series S รุ่นเล็ก เอาชนะ Xbox Series X รุ่นใหญ่ได้ในบางประเทศ (ไม่เปิดเผยว่ามีที่ไหนบ้าง) นอกจากเหตุผลเรื่องราคาแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องชิ้นส่วน Xbox Series X ขาดตลาด ทำให้ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งเลือกไปซื้อ Xbox Series S แทนด้วย Phil Spencer เคยให้สัมภาษณ์ตั้งแต่ตอนเปิดตัวเครื่อง ว่าเลือกยุทธศาสตร์ออกคอนโซล 2 ตัวแยก 2 ระดับราคา เพื่อจับตลาดเกมเมอร์รุ่นใหม่ๆ และเขายังเคยบอกว่า Series S จะขายดีกว่า Series X ในระยะยาว หลังจากกลุ่มเกมเมอร์จริงจังมีเครื่องกันไปหมดแล้ว Ampere ยังชี้ว่าตัวเลขยอดขาย Xbox Series S ยังมีปัจจัยมาจากแนวทางของไมโครซอฟท์ที่เน้นขายเกมดิจิทัล ทำให้การซื้อ Series S ที่ไม่มีช่องอ่านแผ่นไม่ใช่อุปสรรคของเกมเมอร์ (ยอดขาย CoD: Vanguard บน Xbox เป็นแบบดิจิทัล 90%) ต่างจากแนวทางของโซนี่ที่ยังเน้นเกมแบบแผ่นอยู่ ทำให้ยอดขาย PS5 เทไปยังรุ่นที่อ่านแผ่นได้ อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมแล้ว ยอดขาย PS5 ยังเยอะกว่ายอดขาย Xbox Series X|S อย่างมาก ตัวเลขของ Sony คือ PS5 ขายได้ 12.8 ล้านเครื่อง ส่วน Xbox Series X|S ยอดประเมินจาก Ampere คือ 6.7 ล้านเครื่อง ที่มา - Ampere Research, Games Industry, OnMSFT
# Qualcomm จะออกซีพียูใหม่สำหรับพีซีปี 2023 สร้างโดย Nuvia อดีตทีมออกแบบชิป A-Series ก่อนหน้านี้ ซีอีโอ Qualcomm บอกจะสู้กับ Apple Silicon ด้วยบริษัท Nuvia อดีตทีมออกแบบชิปแอปเปิล ล่าสุดในงานประชุมนักลงทุนของ Qualcomm มีรายละเอียดเพิ่มมาอีกนิด โดย James Thompson ซีทีโอของ Qualcomm เปิดเผยว่าซีพียูตัวใหม่จากทีม Nuvia จะเริ่มส่งตัวอย่างในปี 2022 และสินค้าจริงจะวางขายในปี 2023 Qualcomm ระบุว่าซีพียูตัวนี้ของ Nuvia จะออกแบบมาสำหรับพีซี Windows และเป็นคู่แข่งของชิป M-Series จากแอปเปิล แต่ก็จะนำไปใช้กับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน รถยนต์ หรือใช้เป็นซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์ได้ด้วยเช่นกัน Nuvia เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดย John Bruno, Manu Gulati, Gerard Williams ซึ่งเป็นทีมออกแบบชิป A-Series ของแอปเปิล ลาออกกันมาตั้งบริษัทเองโดยมีเป้าหมายคือพัฒนาชิป Arm สำหรับเซิร์ฟเวอร์ แต่ก็โดน Qualcomm ซื้อกิจการเพื่อมาทำชิปไคลเอนต์แข่งกับแอปเปิลอีกทีหนึ่ง ที่มา - Qualcomm, The Verge
# Xbox Cloud Gaming เปิดให้เล่นบน Xbox Series X|S และ Xbox One แล้ว Microsoft นำบริการเล่นเกมแบบสตรีมมิ่ง Xbox Cloud Gaming มาลงให้กับ Xbox Series X|S และ Xbox One แล้ว หลังเปิดให้บริการบนมือถือ Android และ PC ส่วนใน iOS ยังต้องเล่นผ่านเว็บแอปอยู่ โดยรวมอยู่ในสมาชิก Xbox Game Pass Ultimate ราคาเดือนละ 14.99 ดอลลาร์ ให้บริการแล้ว 25 ประเทศ กำลังจะมีประเทศที่ 26 คือบราซิล แต่ยังไม่มีกำหนดเปิดให้บริการในบ้านเรา Xbox Cloud Gaming จะทำให้ผู้เล่นที่ยังมีเครื่องเกมตระกูล Xbox One (ร่วมรุ่นย่อย One S, One X) สามารถเล่นเกมที่ลงเฉพาะเครื่องเจ็นใหม่ได้ โดยยังไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่แต่อย่างใด แถมถ้ากังวลเรื่องดีเลย์ของการเล่นเกมผ่านคลาวด์ ก็ยังได้เล่นเกมที่มาพร้อมกับ Xbox Game Pass ให้ดาวน์โหลดแบบบุฟเฟต์ได้ทุกเดือน ทำให้ Xbox Game Pass Ultimate เริ่มเป็นบริการที่ดูน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคนไทยคงต้องร้องเพลงรอต่อไป ที่มา - Xbox Wire
# เปิดตัว Dragon Ball: The Breakers เกมเอาตัวรอดจากตัวร้ายในจักรวาลดราก้อนบอล Bandai Namco เปิดตัวเกม Dragon Ball: The Breakers เกมในจักรวาลดราก้อนบอล ที่คราวนี้มาแปลกกว่าที่เคย เพราะไม่ใช่เกมต่อสู้หรือเกมแอ็กชั่นผจญภัย แต่เป็นเกมแนวเอาตัวรอดแบบ asymmetrical survival คล้าย Dead by Daylight ผู้เล่นหนึ่งคนจะได้เล่นเป็นตัวร้ายเช่นเซลล์ ฟรีเซอร์ หรือจอมมารบู และผู้เล่นอีก 7 คนจะได้เล่นเป็นคนธรรมดาที่หลงเข้ามาใน “รอยต่อของการเวลา” และต้องรวมพลังกันเพื่อเปิดเครื่องไทม์แมชชีนของบุลม่า หนีออกไปจากมิตินี้ให้ได้ โดยสามารถสร้างตัวละครเอง หรือเชื่อมเซฟกับ Dragonball Xenoverse เพื่อนำตัวละครมาจากเกมนั้นได้ ฝั่งผู้เล่นมีตัวละครอูลอนที่สามารถแปลงตัวเป็นสิ่งของในฉากหรือแปลงเป็นจรวดเพื่อหนีได้ มีบูลม่าที่ขี่สกูตเตอร์ได้ มีอาวุธบาซูก้าให้เก็บ ใช้ยิงเพื่อหยุดแอ็กชั่นของตัวร้ายได้ชั่วคราว มียานอวกาศชาวไซย่า ใช้พุ่งหนีไปที่อื่นในแมพ และจะชนะได้โดยการทำเงื่อนไขแล้วหนีขึ้นไทม์เมชชีน ส่วนฝั่งตัวร้ายจะชนะได้เมื่อจัดการผู้รอดชีวิตจนหมด เมื่อจัดการผู้รอดชีวิต ก็จะได้รับอัพเกรดต่างๆ เช่น เซลล์ ที่กลายเป็นร่างสองไปจนถึงร่างเพอร์เฟ็กต์ได้ เมื่อกินผู้เล่นเข้าไป และคาดว่าตัวร้ายตัวอื่นๆ ก็จะมีระบบคล้ายกัน แต่ยังไม่เปิดเผยว่าการกลายร่างจะเพิ่มความสามารถอะไรให้ตัวละครบ้าง เกมลงทั้ง PlayStation 4 และ 5, Nintendo Switch, Xbox One, Xbox Series X/S, และ PC กำหนดวางจำหน่ายปี 2022 โดยจะมี Beta ให้เล่นใน Steam เร็วๆ นี้ ที่มา - Kotaku
# GitHub บังคับบัญชีแพ็กเกจ npm ยอดนิยม ล็อกอิน 2FA ป้องกันการแฮ็กแล้วปล่อยมัลแวร์ ความนิยมของแพ็กเกจ npm ในโลก JavaScript กลายเป็นช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหลายครั้ง เพราะแฮ็กเกอร์สามารถยึดบัญชีนักพัฒนาแพ็กเกจ npm ชื่อดัง แล้วอัพเดตแพ็กเกจที่ฝังมัลแวร์เพื่อแพร่กระจายในวงกว้างอย่างรวดเร็ว (กรณีของ ua-parser-js และ coa) GitHub ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัท npm Inc. จึงออกมาประกาศมาตรการความปลอดภัยของ npm เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ ได้แก่ บัญชีเจ้าของแพ็กเกจ npm ยอดนิยม จะถูกบังคับล็อกอินแบบ two-factor authentication (2FA) ในไตรมาสแรกของปี 2022 เพิ่มระบบการมอนิเตอร์แพ็กเกจ npm ที่อัพโหลดใหม่ เพื่อตรวจสอบว่ามีมัลแวร์หรือไม่ ปิดช่องโหว่ของ npm registry โดย GitHub ระบุว่าเจอช่องโหว่จากการรายงานผ่านช่องทาง bug bounty เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และออกแพตช์ปิดช่องโหว่ภายใน 6 ชั่วโมง ที่มา - GitHub
# Apple ประกาศโปรแกรม Self Service Repair ขายชิ้นส่วน-เครื่องมือ สำหรับคนอยากซ่อมเอง เริ่มปีหน้า แอปเปิลประกาศโปรแกรมซ่อมแบบบริการตนเอง (Self Service Repair) โดยลูกค้าที่ต้องการซ่อมแซมเครื่องด้วยตนเอง สามารถซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือของแท้จากแอปเปิลได้ ซึ่งถือเป็นประกาศที่น่าสนใจจากแอปเปิล ที่ก่อนหน้านี้มีแนวทางต้องการให้ลูกค้านำอุปกรณ์มาซ่อมกับศูนย์เป็นหลัก โปรแกรมนี้จะเริ่มต้นในอเมริกาช่วงต้นปีหน้า 2022 และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ตลอดปี ผลิตภัณฑ์กลุ่มแรกที่แอปเปิลจะขายชิ้นส่วนและเครื่องมือซ่อมคือ iPhone 12, iPhone 13 ก่อน จากนั้นจะเพิ่ม Mac ตระกูล M1 เข้ามา แอปเปิลบอกว่าโปรแกรมนี้ในช่วงแรกจะเน้นชิ้นส่วนที่มีการซ่อมมากที่สุด ได้แก่ จอภาพ แบตเตอรี่ และกล้อง ส่วนชิ้นอื่น ๆ จะมีเพิ่มเติมในภายหลัง ทั้งนี้เมื่อลูกค้าสั่งซื้อชิ้นส่วนและเครื่องมือผ่าน Online Store ยังสามารถส่งชิ้นส่วนเก่าใช้แล้วกลับมา เพื่อรีไซเคิลและรับเครดิตในการซื้อครั้งต่อไปได้ด้วย ที่มา: แอปเปิล
# NVIDIA ไตรมาสล่าสุด เติบโตทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง NVIDIA รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2021 รายได้รวมยังเติบโตทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง เพิ่มขึ้น 50% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน อยู่ที่ 7,103 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 2,464 ล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับรายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจ ซึ่ง 2 กลุ่มธุรกิจหลักของ NVIDIA ล้วนทำสถิติสูงสุด โดยกลุ่ม Data Center รายได้เพิ่มขึ้น 55% เป็น 2,936 ล้านดอลลาร์ กลุ่ม Gaming เพิ่มขึ้น 42% เป็น 3,221 ล้านดอลลาร์ Colette Kress ซีเอฟโอ NVIDIA ระบุว่ารายได้ของกลุ่ม Data Center นั้นเติบโตจากยอดขาย GPU ในกลุ่มลูกค้า hyperscale ที่ใช้ในงานปัญญาประดิษฐ์ ส่วนกลุ่ม Gaming มาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในสินค้าตระกูล GeForce รายได้จากกลุ่ม Professional Visualization ยังคงเติบโตสูง ไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 144% เป็น 577 ล้านดอลลาร์ จากการที่ลูกค้าองค์กร ที่ซื้อแล็ปท็อปที่มีกราฟิกการ์ดประสิทธิภาพสูงสำหรับให้พนักงานทำงานจากที่บ้านมากขึ้น ที่มา: NVIDIA และ CNBC
# Apple ออกอัพเดต iOS 15.1.1 เฉพาะ iPhone 12 และ iPhone 13 แอปเปิลออกอัพเดตย่อย iOS 15.1.1 วันนี้ โดยมีผลเฉพาะผู้ใช้ตระกูล iPhone 12 และ iPhone 13 เท่านั้น รวมทั้งรุ่น Pro ซึ่งเป็นอัพเดตที่ออกมาหลังจาก iOS 15.1 เมื่อเดือนที่แล้ว ในอัพเดต iOS 15.1.1 นี้แอปเปิลระบุว่าได้แก้ไขปัญหาสายหลุด ซึ่งมีผลเฉพาะกลุ่ม iPhone 12 และ iPhone 13 โดยผู้ใช้ที่เคยพบปัญหา ควรเห็นประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้น ทั้งนี้แอปเปิลได้เตรียมออก iOS 15.2 อัพเดตใหญ่ตัวถัดไป โดยตอนนี้อยู่ในสถานะเบต้าสำหรับนักพัฒนา ที่มา: MacRumors
# บริษัทคริปโต Crypto.com เซ็นสัญญาซื้อชื่อสนามแข่ง L.A. Lakers เป็น Crypto.com Arena ยุคคริปโตบูม ทำให้บริษัทคริปโตหลายแห่งร่ำรวยจนมีเงินไปจ่ายค่าสปอนเซอร์สโมสรกีฬาได้ (ตัวอย่าง Socios.com กับสโมสรอินเตอร์มิลาน) ความเคลื่อนไหวล่าสุดมาจากฝั่งอเมริกาบ้าง โดยบริษัทกีฬา Anschutz Entertainment Group (AEG) เจ้าของสนามแข่ง Staples Center ในเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นสนามแข่งของสโมสรบาสเกตบอล Los Angeles Lakers และ LA Clippers รวมถึงสโมสรกีฬาประเภทอื่นๆ ในแอลเอ ประกาศเซ็นสัญญาสปอนเซอร์กับเว็บ Crypto.com ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อสนามแห่งนี้เป็น Crypto.com Arena เหตุผลเป็นเพราะสัญญาชื่อสนามเดิมกับบริษัทอุปกรณ์สำนักงาน Staples ที่เซ็นกันมาตั้งแต่ปี 1999 กำลังจะหมดอายุลง ทำให้ Crypto.com เสียบเข้ามาเป็นเจ้าของชื่อสนามรายใหม่ การเปลี่ยนแปลงชื่อสนามอย่างเป็นทางการจะมีผลในวันที่ 25 ธันวาคม 2021 ส่วนป้ายต่างๆ ในสนามจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อใหม่ภายในเดือนมิถุนายน 2022 สัญญาฉบับใหม่มีอายุนาน 20 ปี ที่มา - Crypto.com, Kotaku
# ไมโครซอฟท์ออก Windows App SDK รุ่นเสถียรเวอร์ชัน 1.0 สำหรับพัฒนาแอพ Windows 11 ไมโครซอฟท์ออก Windows App SDK รุ่นเสถียรเวอร์ชัน 1.0 ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือสำหรับการเขียนแอพยุคใหม่บน Windows 11 (และรวมถึง Windows 10 รุ่นหลังๆ ด้วย) Windows App SDK คือชื่ออย่างเป็นทางการของ Project Reunion ที่ต้องการรวมโมเดลการเขียนแอพแบบ Win32 และ UWP เข้าด้วยกัน (ข่าวเก่า) ตอนนี้รองรับการเขียน UI 2 แบบคือ เนทีฟ (WinUI 3) และเว็บ (Webview2) ส่วนในอนาคตจะรองรับ UI ของสาย .NET (WPF, WinForms) ตามมา การออกเวอร์ชัน 1.0 ถือเป็นสัญญาณว่า Windows App SDK พร้อมสำหรับงานโปรดักชั่นแล้ว แต่การที่แอพ Win32 แบบดั้งเดิมยังสามารถรันบน Windows 11 ได้ตามปกติ (แต่อาจไม่รองรับฟีเจอร์สมัยใหม่ของตัว OS) ก็ต้องรอดูกันว่าไมโครซอฟท์จะสามารถจูงใจให้นักพัฒนสายวินโดวส์เดิม หันมาอัพเกรดแอพตัวเองด้วย Windows App SDK กันได้มากแค่ไหน เพราะหลายคนก็หลังหักมาแล้วตอนไมโครซอฟท์ดัน UWP สุดตัว ที่มา - Microsoft, MSpoweruser, ZDNet
# Amazon จะเลิกรับบัตรเครดิต Visa ที่ออกในสหราชอาณาจักร หลังโดนเก็บค่าธรรมเนียมสูง Amazon ประกาศเลิกรับบัตรเครดิต Visa ที่ออกในสหราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2022 เป็นต้นไป โดยแหล่งข่าวระบุว่าสาเหตุเกิดจาก Amazon โดนเก็บค่าธรรมเนียมสูงเกินไป ลูกค้าของ Amazon ยังสามารถใช้บัตรเดบิต Visa, บัตรเครดิต Mastercard และ American Express รวมถึงบัตรเครดิตของ Visa ที่ออกนอกสหราชอาณาจักรได้ตามปกติ นอกจากนี้ Amazon ยังเสนอเครดิตเงินสดให้ 20 ปอนด์ (ราว 880 บาท) ให้กับลูกค้าที่เปลี่ยนบัตรเป็นเดบิตหรือเครดิตที่ไม่ใช่ Visa อีกด้วย Amazon ระบุว่าทั้งๆ ที่เทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้า แต่ค่าธรรมเนียมการชำระเงินเหล่านี้กลับแพงเหมือนเดิมหรือบางครั้งสูงขึ้นด้วย ส่วนฝั่ง Visa โต้กลับว่าผิดหวังที่ Amazon จำกัดตัวเลือกของลูกค้า และหากตัวเลือกของลูกค้ามีน้อยก็ไม่มีใครชนะ แต่ก็ยังทิ้งท้ายว่าจะทำงานร่วมกับ Amazon ต่อไปเพื่อหาทางออกเรื่องนี้ ที่มา - Bloomberg
# กูเกิลออก Mobile Ads SDK for Flutter ให้แอพ Flutter หารายได้จากโฆษณาได้แล้ว การเติบโตของแพลตฟอร์ม Flutter ทำให้มีแอพมือถือเขียนด้วย Flutter มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่ใช่บริษัทใหญ่ที่มีโมเดลธุรกิจของตัวเองชัดเจนแล้ว นักพัฒนารายย่อยอาจยังหาช่องทางสร้างรายได้บน Flutter ได้ยาก ข้อจำกัดนี้ถูกทำลายแล้ว เพราะกูเกิลประกาศ Google Mobile Ads SDK for Flutter ทำให้แอพ Flutter สามารถฝั่งโฆษณาได้ง่ายขึ้น รองรับโฆษณาแทบทุกแบบของ Google Mobile Ads ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นแบนเนอร์ วิดีโอ โฆษณาแบบเต็มหน้าจอ และโฆษณาแบบเนทีฟแทรกในเนื้อหา รวมถึงรองรับระบบโฆษณาทั้งสองตัวของกูเกิลคือ AdMob และ Ad Manager เลือกใช้ได้ตามต้องการ ใช้ได้ทั้งแอพ iOS และ Android ที่มา - Flutter
# กูเกิลปล่อยแพทช์พิเศษกลางเดือนพฤศจิกายนให้ Pixel 6 และ 6 Pro แก้ปัญหาสแกนนิ้วช้า หลังจาก Google Pixel 6 และ 6 Pro เริ่มวางขายมาก็มีเสียงบ่นจากผู้ใช้จำนวนมากว่าเซ็นเซอร์สแกนนิ้วบนหน้าจอทำงานช้า และบางครั้งต้องสแกนหลายครั้งกว่าจะติด โดยก่อนหน้านี้อ้างว่าเป็นเพราะอัลกอริทึมด้านความปลอดภัยมีหลายชั้นทำให้ทำงานช้า ล่าสุดกูเกิลได้ปล่อยอัพเดตรอบพิเศษกลางเดือนพฤศจิกายนออกมาให้โทรศัพท์ทั้งสองรุ่น จากที่ปกติโทรศัพท์ Google Pixel จะได้รับแพทช์แก้บั๊กและความปลอดภัยทุกต้นเดือน โดยขณะนี้กูเกิลยังไม่ได้บอกว่าแก้ไขเรื่องใด แต่จากรายละเอียดบนเว็บไซต์ของ Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในสหรัฐอเมริกา เขียนระบุชัดเจนว่าเป็นการแก้ไขประสิทธิภาพเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ เลขบิลด์ของแพทช์ใหม่นี้ขยับเป็น SD1A.210817.037 จากเดิมแพทช์ตอนต้นเดือนอยู่ที่ SD1A.210817.036 ทั้งนี้การกด Check for update จากโทรศัพท์ยังไม่ขึ้นให้อัพเดต แต่สามารถดาวน์โหลดมาแฟลชเองได้แล้วทั้งแบบ OTA และ Factory image อัพเดต กูเกิลได้ให้รายละเอียดอย่างเป็นทางการแล้วว่าแพทช์ดังกล่าวปรับปรุงประสิทธิภาพการสแกนนิ้วพร้อมแก้บั๊กเล็กน้อย แต่จะปล่อยให้ผู้ใช้บางเครือข่ายในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนผู้ใช้กลุ่มอื่นจะได้รับแพทช์นี้พร้อมกับแพทช์เดือนธันวาคมตามรอบปกติ ที่มา - Android Authority
# ทำใหม่อีกแล้ว Windows 11 เปิดตัวแอพ Media Player ตัวใหม่ มาแทน Groove Music ไมโครซอฟท์เปิดตัวแอพ Media Player ตัวใหม่ของ Windows 11 โดยจะมาแทน Groove Music ตัวเล่นเพลงและวิดีโอของ Windows 10 ในอนาคต ในแง่ฟีเจอร์ Media Player มีระบบจัดการไลบรารีเพลงและวิดีโอเหมือนกับ Groove Music ทุกอย่าง (จนไม่แน่ใจว่าจะทำใหม่อีกไปทำไม) แต่ปรับหน้าตาให้เข้ากับ Windows 11 เท่านั้น ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าในอนาคตจะมีฟีเจอร์เชื่อมต่อบริการเพลงออนไลน์อย่าง Spotify แบบที่ Grove มีหรือไม่ Media Player จะมาแทน Groove Music โดยจะอิมพอร์ตไลบรารีของเดิมให้อัตโนมัติ ตอนนี้ยังทดสอบเฉพาะบน Windows 11 Insider Dev Channel ส่วน Windows Media Player เพื่อนเก่าเพื่อนแก่คนดีคนเดิม ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน ยังมีให้ใช้งานในหมวด Windows Tools อยู่เช่นเคย ที่มา - Microsoft
# ชัดเจนแล้ว Phil Spencer บอก The Elder Scrolls 6 เอ็กซ์คลูซีฟ Xbox ไม่ลง PlayStation Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ให้สัมภาษณ์กับ GQ เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีของ Xbox ในหลายประเด็น แต่ประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือ ตอบคำถามเรื่องแพลตฟอร์มของ The Elder Scrolls 6 ว่าตกลงแล้วจะเป็นอย่างไรกันแน่ คำตอบของ Spencer พูดออกมาชัดเจนแล้วว่า The Elder Scrolls 6 รวมถึงเกมอื่นๆ ของไมโครซอฟท์และ Bethesda จะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟของแพลตฟอร์ม Xbox (หมายรวมถึงพีซีด้วย) ซึ่งไม่ใช่คำตอบที่ผิดคาดเท่าไรนัก เพราะเกม Starfiled ของ Bethesda ก็เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ Xbox เช่นกัน Spencer ยังขยายความว่าเกมของไมโครซอฟท์จะเป็น "ประสบการณ์ Xbox ครบวงจร" ซึ่งนับรวมตั้งแต่ Xbox Live, Game Pass, Cloud Gaming ไปจนถึงรายชื่อเพื่อนบน Xbox สำหรับเล่นเกมร่วมกัน แฟนๆ เกมค่าย Bethesda ที่อาจยังพอมีความหวังอยู่ลึกๆ ว่า The Elder Scrolls 6 จะมีให้เล่นบน PlayStation ด้วย (ยุคนั้นอาจเป็น PS6?) ก็คงต้องตัดใจกันตั้งแต่ตอนนี้แล้ว ที่มา - GQ via Ars Technica
# The Wall Street Journal แฉ ซีอีโอ Activision Blizzard ปิดบังบอร์ดบริหารเรื่องพฤติกรรมคุกคามทางเพศในสำนักงาน Activision Blizzard ยังเจอปัญหาไม่หยุด หลังเรื่องอื้อฉาวด้านพฤติกรรมในสำนักงานและการคุกคามทางเพศต่างๆ ยืดเยื้อมายาวนาน ล่าสุด The Wall Street Journal เขียนบทความแฉรายละเอียดเพิ่มเติมหลายประเด็น บทความของ WSJ ระบุว่า Bobby Kotick ซีอีโอของ Activision Blizzard รู้ว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศเกิดขึ้นในที่ทำงาน และปิดบังบอร์ดบริหาร ทำให้บอร์ดไม่ทราบปัญหามาก่อนจนกระทั่งบริษัทถูกฟ้อง แถมยังระบุว่าเขาปกป้องพนักงานที่ทำความผิดในหลายๆ ครั้งอีกด้วย หนึ่งในตัวอย่างคือกรณี Dan Bunting ทีมงาน Treyarch ที่ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศพนักงานหญิงในปี 2017 หลังทีมสืบสวนภายในพบว่าเขามีความผิดจริง และแนะนำให้ลงโทษด้วยการไล่ออก Bobby Kotick กลับลงความเห็นให้ Dan Bunting เข้ารับการบำบัด และอยู่ทำงานต่อไปแทน บทความของ WSJ ยังระบุอีกว่า Jennifer Oneal ที่ขึ้นมานั่งประธานร่วมคนใหม่ของ Blizzard แล้วลาออกไปในเวลาไม่ถึงสองเดือน เขียนในอีเมลทิ้งท้ายก่อนลาออกว่าเธอเองก็เคยถูกเหยียดเพราะเป็นเอเชียนอเมริกัน และเป็นเกย์ แถมเคยถูกคุกคามทางเพศ และได้เงินในตำแหน่งน้อยกว่าเพื่อนร่วมงานชายในระดับเดียวกัน โดยเธอบอกว่าว่าการตัดสินใจลาออกครั้งนี้ดีที่สุดสำหรับเธอและครอบครัวแล้ว เธอยังบอกอีกว่าเคยเข้าร่วมปาร์ตี้บริษัทในปี 2007 ที่มี Bobby Kotick เข้าร่วมด้วย แล้วพบว่าในปาร์ตี้มีผู้หญิงแต่งกายยั่วยวนเต็มงาน แถมดีเจยังพยายามพูดให้ผู้หญิงที่เข้าร่วมงานดื่มให้หนัก เพื่อให้พนักงานชายได้สนุกขึ้นอีก แม้ Helaine Klasky โฆษกของ Activision Blizzard จะออกมาระบุว่า Bobby Kotick จำไม่ได้ว่าเคยร่วมงานแบบนี้ (“..didn’t remember attending such a party.”) ก็ตาม บทความส่งผลให้พนักงานกว่า 100 คน หยุดงานและรวมตัวประท้วงที่แคมปัสของ Blizzard Entertainment จนกว่า Bobby Kotick จะประกาศลาออก และบริษัทจะถูกตรวจสอบโดยองค์กรภายนอก คงต้องติดตามกันต่อไปว่า Bobby Kotick หนึ่งในซีอีโอที่รายได้ดีที่สุดในสหรัฐฯ ที่เคยประกาศลดเงินเดือนตัวเองมาก่อนหน้านี้ จะตัดสินใจอย่างไร ที่มา - The Wall Street Journal, The Washington Post
# JPMorgan ฟ้อง Tesla 162 ล้านดอลลาร์ ผลต่อเนื่องจาก Elon Musk ทวิตปั่นหุ้นในปี 2018 JPMorgan ยื่นฟ้อง Tesla เป็นมูลค่ากว่า 162 ล้านดอลลาร์ หลังทั้งสองบริษัทไม่สามารถตกลงผลประโยชน์ของวอร์แรนท์ที่ซื้อขายไว้ตั้งแต่ปี 2014 JPMorgan เคยถือวอร์แรนท์ของหุ้น Tesla ไว้ที่โดยมีราคาตามสัญญา 560.6388 ดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ Tesla ต้องจ่ายเงินหรือมอบหุ้นให้ JPMorgan ตามมูลค่าส่วนต่าง หากราคาหุ้นสูง Tesla สูงกว่าราคาที่กำหนดไว้เมื่อใบสำคัญแสดงสิทธิ์นั้นหมดอายุในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ปี 2021 วอร์แรนท์ชุดนี้สร้างความขัดแย้งให้สองบริษัทเรื่อยมา โดย JPMorgan พยายามปรับราคาตามสัญญาหลายครั้ง เช่นเมื่อปี 2018 ที่ Elon Musk ทวิตเตรียมซื้อหุ้นคืนหรือการปรับราคาตามแผนการแตกพาร์เมื่อปี 2020 ทาง JPMorgan ระบุว่า Tesla ไม่ยอมรับการปรับราคา (ซึ่งทำได้ตามสัญญาซื้อขายวอร์แรนท์ที่เปิดให้ปรับราคาได้หากมีการควบรวมกิจการหรือการซื้อหุ้นออกจากตลาด) หรือบางครั้งก็ไม่ตอบการแจ้งปรับราคาจาก JPMorgan เมื่อครบกำหนดในปีนี้ราคาหุ้น Tesla ณ วันที่ครบสัญญามีราคาถึง 623.90 ดอลลาร์ต่อหุ้น หรือ 3,119.50 ดอลลาร์ต่อหุ้นหากนับมูลค่าก่อนแตกพาร์ JPMorgan จึงแจ้ง Tesla เพื่อให้ชำระหุ้นหรือหนี้ตามมูลค่าหุ้นที่สูงกว่าราคาเป้าหมายของใบสำคัญแสดงสิทธิ แต่ Tesla กลับยืนยันคำคัดค้านการปรับราคา และยอมชำระหุ้นแค่บางส่วน ไม่ได้ชำระตามราคาล่าสุดที่ JPMorgan ปรับ ทำให้ JPMorgan ยื่นฟ้อง Tesla เป็นมูลค่ากว่า 162 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคิดจากความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจาก JPMorgan ต้องไปซื้อหุ้นมาปิดสถานะที่ short หุ้น Tesla เอาไว้ ที่มา - The Verge
# เปิดรายชื่อเกมที่เข้าชิงรางวัลสาขาต่างๆ ใน The Game Awards 2021 The Game Awards งานประกาศรางวัลแห่งวงการเกม เริ่มเปิดให้โหวตเกมที่เข้าชิงรางวัลในสาขาต่างๆ แล้ว ก่อนจะประกาศผลในวันที่ 9 ธันวาคม 2021 แบบมีคนดูจริงๆ พร้อมกับถ่ายทอดสดจาก Microsoft Theater ปีนี้เงียบเหงาเล็กน้อย ไม่ได้มีเกมฟอร์มยักษ์ปะทะกันหนักๆ แบบปีก่อนๆ เกมที่เข้าชิงพร้อมกันหลายสาขามีทั้ง Resident Evil Village, Deathloop และ Psychonauts 2 รายชื่อเกมที่เข้าชิงในสาขาที่เด่นๆ มีดังนี้ ภาพจาก The Game Awards เกมแห่งปี (Game of the Year) Deathloop It Takes Two Metroid Dread Psychonauts 2 Ratchet & Clank: Rift Apart Resident Evil Village การเล่าเรื่องยอดเยี่ยม Deathloop It Takes Two Life is Strange: True Colors Marvel's Guardians of the Galaxy Psychonauts 2 เกมแอ็กชั่นยอดเยี่ยม Back 4 Blood Chivalry II Deathloop Far Cry 6 Returnal เกมแอ็กชั่นผจญภัยยอดเยี่ยม Marvel's Guardians of the Galaxy Metroid Dread Ratchet & Clank: Rift Apart Resident Evil Village Psychonauts 2 เกมสวมบทบาทยอดเยี่ยม Cyberpunk 2077 Monster Hunter Rise Scarlet Nexus Shin Megami Tensei V Tales of Arise เกมต่อสู้ยอดเยี่ยม Demon Slayer -Kimetsu no Yaiba- The Hinokami Chronicles Guilty Gear -Strive- Melty Blood: Type Lumina Nickelodeon All-Star Brawl Virtua Fighter 5: Ultimate Showdown เกมกีฬายอดเยี่ยม F1 2021 FIFA 22 Hot Wheels Unleashed Forza Horizon 5 Riders Republic เกมอีสปอร์ตยอดเยี่ยม Call of Duty CS:GO DOTA2 League of Legends Valorant เกมจำลองสถานการณ์ยอดเยี่ยม Age of Empires IV Evil Genius 2: World Domination Humankind Inscryption Microsoft Flight Simulator เกมมือถือยอดเยี่ยม Fantasian Genshin Impact League of Legends: Wild Rift MARVEL Future Revolution Pokémon Unite รายชื่อนี้เป็นเพียง 10 สาขารางวัล จากรางวัลทั้งหมด 30 สาขาเท่านั้น ถ้าสนใจสามารถดูเพิ่มเติมและโหวตเกมที่ชอบได้ที่เว็บไซต์ The Game Awards 2021 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงก่อนวันประกาศผลรางวัล
# Google เพิ่มแสดงผลการค้นหาเป็นข่าวท้องถิ่น พร้อมเครื่องมือค้นข้อมูลประชากร เพื่อการทำข่าว Google เพิ่มเครื่องมือเพื่อการอ่านข่าวและทำข่าวท้องถิ่นหลายอย่าง เริ่มจาก Google Search เมื่อใช้คีย์เวิร์ดค้นหาประเภทข่าว ผลการค้นหาจะแสดงข่าวท้องถิ่นเพิ่มขึ้นมาด้วย และแสดงเป็น carousel แยกให้ตามรูปภาพด้านล่าง และยังสามารถทำความเข้าใจคีย์เวิร์ดการค้นหา อย่างเช่นหากค้นหาฟุตบอล ผลการค้นหาจะแสดงข่าวฟุตบอลในท้องที่มากขึ้น ฟังก์ชันนี้เปิดใช้งานทั่วโลก ครอบคลุมหลากหลายภาษา เพิ่มแถบแสดงเนื้อหาเพิ่มเติมจากโซเชียลมีเดียที่อาจให้ข้อมูลได้ครอบคลุมกว่า สำหรับเครื่องมือเพื่อการทำข่าวท้องถิ่น Google เปิดตัวเครื่องมือช่วยค้นข้อมูลประชากรในสหรัฐฯ ความเปลี่ยนแปลงด้านประชากร และความสามารถในการฝังลิงค์ข้อมูลลงในเว็บไซต์ข่าวของตัวเองได้ ที่มา - Google
# ไมโครซอฟท์ปล่อยอัพเดต Windows 10 v21H2, ลดรอบอัพเดต Windows 10 เหลือปีละครั้ง ไมโครซอฟท์เริ่มปล่อยอัพเดต Windows 10 November 2021 Update (v21H2) ให้ผู้ใช้ทั่วไปผ่าน Windows Update แล้ว อัพเดตตัวนี้เป็นอัพเดตย่อยที่มีของใหม่ไม่เยอะนัก เพราะไมโครซอฟท์หันไปทุ่มแรงให้ Windows 11 แทนแล้ว ในโอกาสเดียวกัน ไมโครซอฟท์ยังประกาศนโยบายการอัพเดต Windows 10 จากนี้ไปว่าจะเหลืออัพเดตปีละ 1 ครั้ง แทนการอัพเดต 2 ครั้งที่ทำมาหลายปี ด้วยเหตุผลว่าต้องการใช้รอบการอัพเดตซิงก์กับ Windows 11 ที่จะออกอัพเดตใหญ่ปีละ 1 ครั้งช่วงปลายปีเช่นกัน ส่วนการซัพพอร์ต Windows 10 ในระยะยาวจะยังนานถึงปี 2025 เหมือนที่เคยประกาศไว้ ที่มา - Windows Blog
# Twitter บนเว็บหยุดออโต้รีเฟรช หมดปัญหาโพสต์ทวีตหายไประหว่างเลื่อนไทม์ไลน์ หนึ่งในปัญหาการใช้งาน Twitter คือระบบจะรีเฟรชไทม์ไลน์ให้อัตโนมัติ ทำให้โพสต์ที่กำลังดูหรืออ่านอยู่หายวับไปกับตา ล่าสุด Twitter แก้ปัญหานี้บนเวอร์ชันเว็บไซต์แล้วด้วยการหยุดออโต้รีเฟรช ผู้ใช้งานสามารถเลือกกดเองได้ว่าจะให้ Twitter รีเฟรชตอนไหน ซึ่ง Twitter เวอร์ชันแอปมือถือใช้งานได้แล้ว ก่อนหน้านี้ Twitter ยังหยุดครอปรูปภาพ ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง pain point ของผู้ใช้งาน Twitter มานาน ที่มา - TechCrunch
# เบราว์เซอร์ Brave สร้าง Brave Wallet วอลเลตคริปโตได้โดยไม่ต้องโหลด extension ภายนอก Brave เบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์ส ที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร Mozilla ทำเครื่องมือใหม่ Brave Wallet สร้างวอลเลตคริปโต built-in เข้ามาด้วย ผู้ใช้งานไม่ต้องไปดาวน์โหลด extension จากที่อื่น Brave ระบุว่า Brave Wallet มีข้อดีตรงที่เป็นวอลเลตคริปโต ที่ปลอดภัย และด้วยความที่เป็นเครื่องมือ built-in ในเบราว์เซอร์ ทำให้ไม่ต้องเสี่ยงกับการดาวน์โหลด extension ภายนอกซึ่งอาจมีความเสี่ยงเรื่องสแปม ฟิชชิ่ง Brave Wallet รองรับการเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์วอลเลตจาก Trezor และ Ledger และสามารถติดตามข้อมูลและควมคุมพอร์ตคริปโตของตนเองได้, รองรับ NFT และมัลติเชน เชื่อมต่อ web3 DApps Brave Wallet เตรียมเปิดใช้งานผ่านบราวเซอร์บนมือถือด้วย ที่มา - Engadget
# Instagram อาจใช้การถ่ายวิดีโอใบหน้ายืนยันตัวตน คาดไว้สู้บ็อท สู้แอคเคาท์ปลอม มีผู้ใช้งานหลายราย พบเห็นว่า Instgram หำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ โดยต้องถ่ายวิดีโอเซลฟี่เพื่อยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งาน โดยข้อความบนหน้าจอระบุว่าต้องการข้อมูลใบหน้าเพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลที่มีอยู่จริง และจะลบข้อมูลใบหน้าออกใน 30 ว้น Instagram เองก็สู้กับปัญหาบัญชีปลอม บัญชีบ็อทที่สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มตัวเลขยอดไลค์ยอดฟอลโล่ว รวมถึงบัญชีที่มักเผยแพร่สแปม ก่อนหน้านี้ Meta หรือชื่อเก่าคือ Facebook ประกาศว่าจะปิดใช้งานฟีเจอร์ตรวจจับใบหน้าที่ใช้งานบน Facebook และจะลบข้อมูลออก แต่ก็ไม่ได้บอกว่าบริษัทจะหยุดใช้งานการตรวจจับใบหน้า น่าสนใจว่า ผู้ใช้งานจะเชื่อถือ Meta ขนาดไหน ในการยินยอมให้ถ่ายวิดีโอใบหน้าของตัวเอง แม้ Meta จะให้สัญญาว่าจะลบข้อมูลออกในภายหลังก็ตาม ที่มา - The Verge
# Netflix เพิ่มหน้าเว็บ Top 10 รายงานอันดับคอนเทนต์ยอดนิยมทั่วโลก วัดจากจำนวนชั่วโมงที่รับชม Netflix ประกาศเพิ่มหน้าเว็บไซต์การจัดอันดับ Netflix Top 10 แยกเป็นรายประเทศ แบ่งเป็นสองหมวดหมู่คือกลุ่มรายการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ (เฉพาะอเมริกา เพิ่มเป็นกลุ่มคอนเทนต์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษด้วย) โดยสามารถเข้าไปดูได้ที่ Top10.Netflix.com การจัดอันดับนี้จะเปลี่ยนทุกสัปดาห์ โดยเก็บข้อมูลจากวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ และรายงานผลในวันอังคาร โดยใช้จำนวนชั่วโมงที่มีการรับชม แปลว่าหากผู้ใช้งานเดิมดูซ้ำก็นับเพิ่มด้วย เฉพาะรายการโทรทัศน์การจัดอันดับจะแยกเป็นซีซั่นของแต่ละซีรี่ส์ และเฉพาะของอเมริกาจะแสดงตัวเลขจำนวนชั่วโมงประกอบด้วย โดยปัดเศษเป็นหน่วย 10,000 ก่อนหน้านี้ Netflix ชี้แจงกับผู้ถือหุ้นว่าบริษัทจะเปลี่ยนการรายงานความนิยมของคอนเทนต์ในแพลตฟอร์ม โดยนับที่จำนวนชั่วโมงทั้งหมดที่ถูกรับชม จากเดิมนับจำนวนบัญชีที่รับชมอย่างน้อย 2 นาที ในช่วง 28 วันแรก ซึ่งจะสะท้อนความนิยมได้ดีมากกว่า ในการจัดอันดับนี้มีข้อมูลคอนเทนต์ยอดนิยมตลอดกาล (All Time) โดยวัดจำนวนชั่วโมงของ 28 วันแรก ซึ่ง Squid Game ซีซั่นที่ 1 มีการรับชมสูงถึง 1.65 พันล้านชั่วโมง รองลงมาคือ Bridgerton ซีซั่นที่ 1 ที่ 625 ล้านชั่วโมง ที่มา: Netflix
# Prometheus เพิ่มโหมด Agent สำหรับรันบน IoT เก็บข้อมูลไว้ที่ตัวเองแค่ชั่วคราว Prometheus ซอฟต์แวร์เก็บค่ามาตรวัด (metric) ที่ได้รับความนิยมจนเป็นมาตรฐานในกลุ่ม Kubernetes เตรียมเพิ่มโหมด Agent ในเวอร์ชั่น 2.32.0 ที่กำลังจะออกมา เพื่อรองรับเคสใช้งานสำหรับระบบปลายทาง เช่นระบบ IoT ที่ไม่ต้องการเก็บข้อมูลย้อนหลังยาวๆ ไว้กับตัว ตัว Prometheus เองมีฟีเจอร์ Remote Write สำหรับส่งต่อข้อมูลจากข้ามเซิร์ฟเวอร์ Prometheus กันอยู่แล้ว และหลายคนก็ใช้ฟีเจอร์นี้ในการเก็บข้อมูลที่เซิร์ฟเวอร์ปลายทาง แต่หากรันในโหมด Agent ตัว Prometheus จะเขียนข้อมูลลง TSDB WAL และลบข้อมูลที่ส่งต่อไปยังเซิรฟเวอร์ปลายทางสำเร็จทันที ทำให้กินพื้นที่ดิสก์ในเซิร์ฟเวอร์ปลายทางน้อยลงมาก ฟีเจอร์นี้ทีมงานก็พัฒนาต่อมาจาก Grafana Agent ที่ใช้งานมายาวนาน แต่ยังถือว่าเป็นระดับทดลอง (experimental) อยู่ คำแนะนำโดยทั่วไปตอนนี้ยังแนะนำรันโหมดเซิร์ฟเวอร์ไปก่อน ที่มา - Prometheus
# นักวิจัยระบุช่องโหว่ Rowhammer ยังเปลี่ยนค่าในแรมได้แทบทุกยี่ห้อ แม้ผู้ผลิตพยายามปิดช่องโหว่แล้ว การโจมตีแรมแบบ Rowhammer เป็นช่องโหว่ที่ทีม Project Zero ของกูเกิลสาธิตมาตั้งแต่ปี 2015 โดยอาศัยการเปลี่ยนค่าในหน่วยความจำซ้ำๆ จนกระทั่งหน่วยความจำแถว "ข้างๆ" นั้นเปลี่ยนค่าไปด้วย และหลังมีรายงานออกมาผู้ผลิตแรมก็พยายามเพิ่มกระบวนการป้องกันการเปลี่ยนข้อมูลเช่นนี้ ล่าสุดทีมวิจัย COMSEC จากมหาวิทยาลัย ETH Zürich ก็ประสบความสำเร็จในการโจมตีแบบ Blacksmith ที่พัฒนาเทคนิคต่อจาก Rowhammer จนเปลี่ยนค่าในแรมได้แทบทุกยี่ห้อในตลาด ที่ผ่านมาผู้ผลิตแรมเพิ่มกระบวนการ Target Row Refresh (TRR) เพื่อรีเฟรชไฟฟ้าในแรมบริเวณที่น่าจะถูกโจมตีเพื่อป้องกันการเปลี่ยนค่า แม้ว่าจะมีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่ายังพอโจมตีได้บ้างแต่ก็คาดเดาผลได้ไม่แน่นอนนัก แต่ Blacksmith สามารถโจมตีแรมทุกยี่ห้อที่ทีม COMSEC นำมาทดสอบได้สำเร็จ Blacksmith อาศัยการเปลี่ยนค่าแรมหลบเลี่ยง TRR โดยอาศัยการเปลี่ยนค่าในแรมเป็นรูปแบบที่คาดเดาได้ยาก (non-uniform patterns) ทีมงานต้องรัน Blacksmith เพื่อตรวจสอบก่อนว่าแรมรุ่นใดโจมตีด้วยรูปแบบใดได้ง่าย แม้ว่าทีมงานจะโจมตีได้สำเร็จเกือบทุกแบรด์แต่บางแบรนด์ก็หารูปแบบการเปลี่ยนค่าแรมที่โจมตีสำเร็จได้ยากมาก และกระบวนการโตมตีใช้เวลานานนับชั่วโมง ขณะที่บางแบรนด์ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที อย่างไรก็ดีผลการวิจัยไม่ระบุชื่อแบรนด์ไว้ในรายงาน บอกเพียงตัวอักษร A, B, C, D ความร้ายแรงของช่องโหว่นี้สูงสุดคือการเปิดเผยข้อมูลลับภายในแรมให้คนร้าย เช่น กุญแจเข้ารหัสข้อมูล โดยคนร้ายต้องมุ่งโจมตีแรมในส่วน page table page เพื่อพื้นที่แรมของโปรเซสอื่นให้มาอยู่ในโปรเซสตัวเอง หากสำเร็จก็สามารถดังข้อมูลออกไปได้ ที่มา - COMSEC ภาพโดย PublicDomainPictures
# บริการสุขภาพ Amazon Care ได้ Hilton เป็นลูกค้ารายใหม่ พนักงานทั้งหมดในสหรัฐฯ จะได้ใช้งานปีหน้า Amazon เปิดตัวบริการสุขภาพและการรักษาเบื้องต้นผ่านระบบการรักษาทางไกล (telemedicine) ในชื่อว่า Amazon Care เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ล่าสุดตอนนี้ Amazon ได้ลูกค้ารายใหญ่คือ Hilton เชนโรงแรมของสหรัฐฯ เข้ามาเป็นลูกค้ารายสำคัญของบริการนี้ Amazon Care ให้บริการด้านสุขภาพหลากหลาย ตั้งแต่การส่งข้อความหรือวิดีโอคอลคุยกับแพทย์ และให้บริการถึงบ้านในบางเมือง โดย Amazon เริ่มทดลองให้บริการกับพนักงานของตัวเองเป็นกลุ่มแรกตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว และเพิ่งจะเริ่มทำการตลาดบริการนี้อย่างจริงจังในสหรัฐฯ ครบทั้ง 50 รัฐในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ดีลร่วมกับ Hilton ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ Amazon Care เนื่องจาก Hilton เป็นบริษัทแห่งที่สองที่เปิดเผยว่าดีลร่วมกับ Amazon Care และเป็นบริษัทขนาดใหญ่ (บริษัทแรกคือ Precor ผู้ผลิตอุปกรณ์ฟิตเนสที่มีพนักงาน 800 คน และให้บริการจริง ๆ เพียงแค่ 385 คนในวอชิงตันเท่านั้น) โดยพนักงานของ Hilton ทั้งหมดในสหรัฐฯ ที่ลงทะเบียนรับแผนบริการสุขภาพของบริษัทจะมีสิทธิ์ใช้งาน Amazon Care เริ่มต้นปีหน้า ที่มา - Reuters, Healthcare IT News
# กลุ่ม Sea รายงานผลประกอบการ Q3/2021 รายได้เติบโตสูงถึง 121.8% กลุ่มบริษัท Sea รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2021 รายได้รวมทั้งกลุ่มตามบัญชี GAAP เพิ่มขึ้น 121.8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 2,689 ล้านดอลลาร์ มีกำไรขั้นต้น 1,009 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิ 571 ล้านดอลลาร์ กลุ่มสื่อบันเทิง (Garena) มีรายได้เพิ่มขึ้น 93.2% เป็น 1,099 ล้านดอลลาร์ จากฐานผู้เล่นเกมที่เพิ่มมากขึ้น จำนวนผู้เล่นรวมเพิ่มเป็น 729.0 ล้านคน เป็นผู้เล่นที่เสียเงิน 93.2 ล้านคน โดย Free Fire ยังคงเติบโตสูง และเมื่อเดือนกันยายนบริษัทได้ออกเกมแยก Free Fire MAX เพิ่มเติมด้วย กลุ่มอีคอมเมิร์ซ (Shopee) มีรายได้เพิ่มขึ้น 167.6% เป็น 1,310 ล้านดอลลาร์ จำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มเป็น 1.7 พันล้านคำสั่งซื้อ และมูลค่าการซื้อสุทธิ (GMV) 16.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 80.6% ที่มา: Sea (pdf)
# 1Password 8 for Windows ออกเวอร์ชันเต็มแล้ว ตัวแอปเขียนด้วย Rust พร้อมดีไซน์ใหม่และ Dark Mode 1Password โปรแกรมจัดการรหัสผ่านออกเวอร์ชัน 8 สำหรับ Windows แล้ว หลังจากที่ปล่อยให้ทดสอบมาพักใหญ่ ฟีเจอร์หลักของ 1Password 8 คือเน้นปรับปรุง UI โดยปรับดีไซน์ใหม่ พร้อมรองรับ dark mode เพื่อให้สอดรับกับแนวทางปรับ UI ของ Microsoft บน Windows 10 และ 11 โดยอินเตอร์เฟสของตัวแอปทั้งหมดจะดูคล้ายกับเวอร์ชันเว็บหรือ extension ในด้านฟีเจอร์ 1Password 8 มาพร้อมกับ quick find และปรับปรุงระบบค้นหาให้สามารถหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายกว่าเดิม, รายการล็อกอินรองรับอัพโหลดไฟล์ในตัว และยังสามารถใส่คำถามความปลอดภัยเข้าไปได้ถ้าเว็บที่ใช้งานยังต้องตอบคำถามความปลอดภัย นอกจากนี้ 1Password 8 ใช้ภาษา Rust ในการเขียนตัวโปรแกรม ทำให้เวอร์ชันใหม่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ดีกว่าเวอร์ชันก่อนหน้า โดย Dave Teare ผู้ก่อตั้ง 1Password ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ ตัวแอปจะตอบสนองเร็วขึ้นในทุกจุด ตั้งแต่ตอนปลดล็อก, เพิ่มบัญชี ไปจนถึงการค้นหาข้อมูลในแอป 1Password 8 for Windows เวอร์ชันใช้งานจริงสามารถอัพเดตได้แล้ววันนี้ทางเว็บไซต์ 1Password.com ส่วนเวอร์ชัน Mac ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการทดสอบ ที่มา - The Verge 1Password 8 for Windows
# Sainsbury's ซุปเปอร์มาร์เก็ตอังกฤษทดสอบร้านค้าไร้แคชเชียร์ คาดใช้เทคโนโลยีเหมือน Amazon Go สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ตอนนี้ Sainsbury’s เชนร้านค้าซุปเปอร์มาร์เก็ตอันดับสองของสหราชอาณาจักรเตรียมเปิดร้านค้าแบบไม่มีแคชเชียร์แห่งแรกในกรุงลอนดอน โดย Bloomberg อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว ระบุว่าบริษัทเลือก Just Walk Out เทคโนโลยีแบบเดียวกับที่ใช้ใน Amazon Go มาใช้งาน ในรายงานระบุว่า ตอนนี้ Sainsbury’s ได้เริ่มทดสอบระบบใหม่ที่ร้านค้าขนาดเล็กใน High Holborn แล้ว โดยมีเฉพาะพนักงาน Sainsbury’s เท่านั้นที่ยังใช้งานอยู่ วิธีใช้งานเหมือนกับ Amazon Go คือสแกนมือถือตรงทางเข้า หยิบของ แล้วเดินออก มีกล้องอยู่ตามจุดต่าง ๆ คอยมอนิเตอร์ว่าลูกค้าหยิบอะไรออกไปบ้าง Sainsbury’s เรียกร้านแบบนี้ว่า SmartShop Pick & Go ซึ่งตามข้อมูลที่ Bloomberg ทราบจากวงในระบุว่าร้านค้าจะเริ่มเปิดให้ลูกค้าทั่วไปใช้งานจริงในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ นอกจาก Sainsbury’s แล้ว ก็มี Tesco เชนซุปเปอร์มาร์เก็ตอันดับหนึ่งของสหราชอาณาจักรที่เพิ่งเปิดตัวร้าน Tesco Express ค้าไร้แคชเชียร์ไปเมื่อเดือนที่แล้วโดยร่วมมือกับสตาร์ทอัพอิสราเอลชื่อ Trigo Vision โดยร้านไร้แคชเชียร์ของ Tesco และ Sainsbury’s อยู่ในย่านเดียวกันห่างกันแค่ไม่กี่บล็อกถนนเท่านั้น ที่มา - Bloomberg ภาพจาก Sainsbury’s
# Amazon ออกแอป Prime Video บน Mac ดาวน์โหลดหนังได้, รองรับ picture-in-picture, AirPlay Amazon เปิดตัวแอป Prime Video บน Mac สำหรับดาวน์โหลดและรับชมภาพยนตร์, รายการทีวี และคอนเทนต์อื่น ๆ ของ Prime Video ได้ในตัวแอป Amazon Prime Video รองรับฟีเจอร์ดาวน์โหลดวิดีโอเพื่อดูออฟไลน์, เลือกคุณภาพวิดีโอที่ต้องการได้ทั้งสตรีมมิ่งและดาวน์โหลด (ถ้าเลือก “ดีที่สุด” Amazon ระบุว่าจะใช้ปริมาณข้อมูลราว 5.8GB ต่อชั่วโมงเมื่อสตรีมมิ่ง หรือ 2.9GB ต่อชั่วโมงเมื่อดาวน์โหลด) พร้อมซัพพอร์ตฟีเจอร์เนทีฟบน macOS ทั้ง picture-in-picture และ AirPlay รวมถึงเชื่อมต่อกับสโตร์เพื่อเช่าหรือซื้อภาพยนตร์ได้ โดย Amazon จะหักเงินจากช่องทางการชำระเงินที่ระบุไว้ในบัญชี ดาวน์โหลดแอป Amazon Prime Video บน Mac ได้ที่ App Store ที่มา - The Verge
# [TOP500] ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku ของญี่ปุ่นยังเป็นแชมป์, เครื่อง Azure ติดอันดับ 10 TOP500.org ประกาศรายชื่อซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 500 อันดับแรกประจำรอบเดือนพฤศจิกายน 2021 (ประกาศทุกครึ่งปี) อันดับในกลุ่ม Top 10 ยังแทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยแชมป์ยังเป็นเครื่อง Fugaku ของญี่ปุ่น (พัฒนาโดย Fujitsu) เช่นเดิม ถือเป็นการครองอันดับติดต่อกันมา 4 สมัยนับจากรอบเดือนมิถุนายน 2020 อันดับสองและสามคือ IBM Summit อดีตแชมป์เก่า และ Sierra ตามลำดับ ทั้งสองเครื่องใช้สเปกคล้ายๆ กันคือ ซีพียู IBM Power9, จีพียู NVIDIA Volta GV100, เครือข่าย Mellanox อันดับสี่คือ Sunway TaihuLight อดีตแชมป์เก่าของแชมป์เก่าจากจีน และอันดับห้าคือ Perlmutter ที่ HPE Cray ร่วมกันสร้างกับ NVIDIA Fugaku แชมป์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์โลก 4 สมัย ในกลุ่ม Top 10 มีเครื่องใหม่ติดอันดับเข้ามาเครื่องเดียวคือ Voyager-EUS2 ของไมโครซอฟท์ ซึ่งไม่ใช่เครื่องของมหาวิทยาลัยหรือศูนย์วิจัยแห่งชาติ (เหมือนกับเครื่องอื่นๆ ใน Top 500) แต่เป็นเครื่องที่ไมโครซอฟท์ใช้ให้บริการ Azure กับลูกค้าจริงๆ โดยเครื่องนี้ใช้ซีพียู AMD Epyc 7V12, จีพียู NVIDIA A100 80GB เอาไว้ให้บริการ VM ชนิด NDm A100 v4 เน้นแรมจีพียูเยอะๆ สำหรับประมวลผล AI โดยเฉพาะ Top500 ระบุว่า Fugaku ยังมีสมรรถนะ 442 Pflop/s ซึ่งแรงกว่าอันดับสอง Summit ถึงสามเท่า แต่ก็ยังห่างไกลกับคำว่า exascale (Eflop/s) ทำให้โลกซูเปอร์คอมพิวเตอร์คงต้องรอกันอีกสักพักถึงมีเครื่องที่ก้าวข้ามกำแพงนี้ได้ ซึ่งมีเครื่องที่ประกาศทำอยู่หลายเครื่อง ทั้งฝั่งอเมริกาคือ Aurora, Frontier, El Capitan และเครื่องจากฝั่งจีนอีกจำนวนหนึ่ง ที่มา - Top500, Microsoft
# เป็นอิสระแล้วเซ็นกับใครก็ได้ Kyndryl เซ็นสัญญาไมโครซอฟท์ทันที หลังแยกจาก IBM Kyndryl บริษัทดูแลโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่แยกตัวมาจาก IBM เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเสือปืนไว เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์แทบทันที ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันให้บริการต่างๆ ภายใต้ร่ม Microsoft Cloud กับฐานลูกค้าของ Kyndryl เหตุผลที่ Kyndryl แยกตัวมาจาก IBM มีทั้งเรื่องโครงสร้างการเงิน และความคล่องตัวที่ Kyndryl สามารถให้บริการเทคโนโลยีของบริษัทอื่นได้ง่ายขึ้น การเซ็นสัญญากับไมโครซอฟท์ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Kyndryl สามารถขายโซลูชันของบริษัทอื่นๆ ได้ทันที ที่มา - Kyndryl
# สถานีอวกาศนานาชาติเกือบซวย หลังรัสเซียทดสอบยิงจรวดใส่ดาวเทียมตัวเอง สร้างขยะอวกาศอันตราย เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐฯ หรือคืนวันจันทร์บ้านเรา เกิดเหตุการณ์ที่นักบินอวกาศทั้ง 7 คนบนสถานีอวกาศนานาชาติถูกสั่งให้ย้ายไปประจำที่ในยานอวกาศทั้ง Soyuz และ Crew Dragon เพื่อเตรียมพร้อมอพยพ หลังสถานีอวกาศนานาชาติตรวจพบการชนกับกลุ่มขยะอวกาศจำนวนมากกระทันหัน เคราะห์ดีที่การชนกับขยะอวกาศไม่รุนแรงจนเกิดเหตุอะไร และนักบินอวกาศก็ได้กลับไปนอน โดยได้คำแนะนำจากศูนย์บังคับการในฮิวสตันว่าให้ปิดฝาส่วนเชื่อมต่อของสถานีอวกาศไว้ให้มากที่สุดก่อนในช่วงนี้ เผื่อมีการชนอื่นเกิดตามมา หลังเกิดเหตุ Brian Weeden ผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศและประธาน Secure World Foundation มูลนิธิเพื่อการใช้งานอวกาศที่ปลอดภัย ได้ทำการรวบรวมข้อมูลสาธารณะ และทวีตสรุปสาเหตุว่าน่าจะมาจากดาวเทียม Cosmos1408 น้ำหนักกว่า 2 ตันที่ระเบิดเนื่องจากการทดลองขีปนาวุธต่อต้านดาวเทียม (ASAT) ของรัสเซียเอง ช่วงก่อนหน้านั้นไม่นาน ภาพสถานีอวกาศนานาชาติ จาก NASA หน่วยงานอวกาศรอสคอสมอสของรัสเซียออกมาทวีต เพียงแค่ข้อความสั้นๆ ว่า “วัตถุที่ก่อเหตุให้นักบินอวกาศต้องอพยพสู่ยานตามกระบวนการนั้น เคลื่อนที่ออกไปจากวงโคจรของสถานีแล้ว และสถานีอวกาศปลอดภัย” หลังจากนั้น NASA จึงได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่ากลุ่มชิ้นส่วนที่เกิดขึ้น มาจากการทดสอบขีปนาวุธต่อต้านดาวเทียมของรัสเซียจริง และประณามการกระทำของรัสเซียว่าอันตราย และไร้ความรับผิดชอบ รวมถึงอาจก่ออันตรายต่อทั้งนักบินอวกาศสหรัฐ รัสเซีย รวมถึงนักบินอวกาศในสถานีอวกาศของจีนที่อยู่ในวงโคจรใกล้เคียงกัน ที่มา - Ars Technica
# Blognone เปิดรับสมัคร Senior Content Creator Blognone เปิดรับสมัครนักข่าว / นักเขียนมาร่วมทีมในตำแหน่ง Senior Content Creator ที่สามารถเขียนข่าวและบทความเกี่ยวกับไอที เทคโนโลยีในแง่มุมต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับมือถือ แกดเจ๊ต โซเชียลมีเดีย คอมพิวเตอร์ เกม แอปพลิเคชัน IoT รีวิว ไปจนถึงแง่มุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลกไอที เช่น ธุรกิจบริษัทไอที การเมืองหรือการเงิน ที่มีแง่มุมของไอทีเข้าไปเกี่ยวข้อง นอกจากงานเขียนแล้ว นักเขียน Blognone จะต้องร่วมงานกับทีมวิดีโอโปรดักชัน เพื่อสร้างสรรค์สคริปต์คอนเทนต์วิดีโอ สำหรับเผยแพร่ทาง Facebook และ YouTube ของ Blognone ด้วย Responsibilities เขียนข่าวแปลข่าวรายวัน เขียนบทความวิเคราะห์เชิงลึก สามารถสรุปและเรียบเรียงบทความให้ออกมาอ่านง่ายและมีลำดับการเล่าเรื่อง เข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ไอทีในประเทศไทย รวมถึงสามารถถามคำถามหรือสัมภาษณ์ผู้บริหารและนำกลับมาเขียนเป็นบทความ เขียนสคริปต์วิดีโอและเข้าใจในการลำดับการเล่าเรื่องของวิดีโอ Qualifications มีประสบการณ์สายสื่อสารมวลชนอย่างน้อย 2-3 ปี หากเป็นสื่อด้านเทคโนโลยีไอที จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ สามารถสื่อสารและเข้าใจภาษาอังกฤษ มีความเข้าใจในเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมไอทีในปัจจุบัน มีทักษะการสื่อสาร ลำดับความ สรุปใจความสำคัญ รวมถึงสามารถความสามารถในการค้นคว้าและวิเคราะห์ข้อมูล มีความรับผิดชอบและสามารถทำงานแบบ multitask ได้ สามารถใช้งาน Microsoft Excel / Google Spreadsheets ได้ เมื่อจำเป็น Benefits ชั่วโมงทำงานเป็น flexible hours สามารถ work from home หรือที่ไหนก็ได้ เน้นผลงานเป็นหลัก มี MacBook ให้ใช้งาน ไม่มีกำหนดวันลา มีอาหารเช้าและเที่ยงให้ที่ออฟฟิศ มีกาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฟรีที่ออฟฟิศ ประกันกลุ่ม เบิกค่าใช้จ่ายสำหรับเรียนคอร์สออนไลน์ได้ หากสนใจสามารถสมัครได้ที่นี่
# ลองเล่นฟีเจอร์ Magic Eraser ของ Pixel 6 ลบคนออกจากภาพถ่ายได้เนียนแค่ไหน ฟีเจอร์ที่สร้างเสียงฮือฮาได้พอสมควรจากงานเปิดตัว Google Pixel 6 คือ Magic Eraser หรือก็คือการลบคนที่ไม่ต้องการออกจากภาพถ่ายของเราโดยใช้ AI ของกูเกิล โดยการทำงานทั้งหมดจะประมวลผลในโทรศัพท์ด้วยชิป Tensor ที่กูเกิลพัฒนาเอง ไม่มีการส่งภาพออกไปยังคลาวด์ ขณะนี้ผู้เขียนใช้ Pixel 6 มาได้ราว 4 วันแล้ว เลยอยากเขียนถึงฟีเจอร์นี้ก่อนสักหน่อยครับ การใช้งาน Magic Eraser ค่อนข้างง่าย โดยเมื่อเราถ่ายภาพใดๆ แล้วโทรศัพท์เดาว่ารูปนี้มีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ก็จะแนะนำขึ้นมาให้เลยว่าต้องการลบคนออกจากภาพหรือไม่ แต่หากโทรศัพท์ไม่แนะนำก็สามารถกดปุ่ม Edit > Tools > Magic Eraser ได้เลย เมื่อกดแล้วมันก็จะสแกนหาภาพบุคคลอีกครั้ง และไฮไลท์สีขาวที่บุคคลนั้นให้เอง เมื่อเราแตะที่ไฮไลท์สีขาว เครื่องก็จะลบบุคคลนั้นออกจากภาพให้ทันที พร้อมใช้ AI เติมฉากหลังที่น่าจะเป็นเข้ามาให้แทน หากฉากหลังไม่ซับซ้อนมากก็จะทำได้ค่อนข้างเนียน จากภาพด้านล่างจะเห็นว่าฉากหลังไม่ซับซ้อนมาก เป็นแค่หญ้าที่พื้นกับแม่น้ำ ก็เติมได้เนียนทีเดียว ลองใช้งานกับภาพที่ฉากหลังซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย เป็นร้านอาหารที่ฉากหลังมีทั้งพื้นถนน, ประตูทางเข้า, ประตูรั้ว และหญ้าประดับ มีบุคคลอยู่ 4 คน หากดูเผินๆ ก็เหมือนจะเนียน เรียกว่าพอใช้งานได้ในระดับที่ลงโซเชียลหรือส่งให้เพื่อนฝูงดู แต่หากซูมเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นว่ารั้วเหล็กสีดำเติมได้ไม่เนียนเท่าไร และลายของซุ้มประตูเกินขอบออกมา แต่บริเวณพื้นถนนทำได้ดี สุดท้ายเป็นการลบวัตถุหรือบุคคลออก โดยที่บุคคลมีขนาดใหญ่ และโทรศัพท์ไม่ได้แนะนำให้ลบออก เราจะต้องใช้นิ้วลากเส้นรอบบุคคลหรือวัตถุที่ต้องการลบ จากนั้นโทรศัพท์จะพยายามลบให้ จะเห็นว่าในเคสนี้ลบขาของบุคคลในภาพไปแล้วพยายามจะเติมรั้วสีขาวเข้ามา แต่ทำได้ไม่ดี ยังมีปื้นๆ สีขาว-ครีมหลงเหลืออยู่ในส่วนที่ควรจะเป็นเสาของรั้ว แต่ราวแนวนอนบนสุดของรั้วทำได้ค่อนข้างดี ต่อราวจากซ้ายไปขวาได้ถูกต้อง โดยที่มีรอยหยักเล็กน้อย นอกจากนี้ส่วนของน้ำด้านหลังก็ทำได้ปานกลาง คือมีการเติมผืนน้ำเข้ามาผสมกับไฮไลท์สีขาว ดูเผินๆ ถือว่าไม่เลวเลย และสุดท้ายตรงต้นไม้ป่าๆ ด้านหลัง จัดว่าทำได้ดีมาก เติมต้นไม้เข้ามาครบและเรียงเป็นแนวเดียวกับต้นอื่นๆ ไม่ทะลุหรือเติมสีผิดแต่อย่างใด สำหรับรีวิวฉบับเต็มของ Pixel 6 จะตามมาเร็วๆ นี้ ผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัยอะไรเป็นพิเศษแจ้งในคอมเมนต์ได้ครับ
# เงินคริปโตราคาตกยกกระดานหลังไบเดนผ่านกฎหมายตามเก็บภาษี บังคับยืนยันตัวตน เมื่อคืนที่ผ่านมาประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามกฎหมายปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐฯ (infrastructure bill) ที่เตรียมลงทุนปรับปรุงโครงสร้างรวมมูลค่าถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 33 ล้านล้านบาท แต่ส่วนหนึ่งของกฎหมายระบุถึงแนวทางการเก็บภาษีเงินคริปโตทำให้เงินแทบทุกสกุลราคาตกลงโดยถ้วนหน้า กฎหมายใหม่บังคับให้ตัวแทนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดต้องรายงานภาษีไปยังสรรพากรสหรัฐฯ โดยนิยามกว้างไปถึงบริการขุดเงินคริปโตไปด้วย นอกจากนี้ยังบังคับให้ผู้รับเงินคริปโตมูลค่าเกิน 10,000 ดอลลาร์ต้องยืนยันตัวคนผู้ส่งเงิน และเก็บหมายเลขประกันสังคม (เทียบเท่ากับหมายเลขบัตรประชาชนของไทย) พร้อมเหตุผลของการโอนเงิน และรายงานธุรกรรมทั้งหมดไปยังรัฐบาลภายใน 15 วัน เงินคริปโตสกุลหลักๆ เช่น BTC, ETH ล้วนราคาตกลง 6-10% โดยถ้วนหน้า แม้ว่ากฎบังคับให้รายงานธุรกรรมนี้จะมีผลบังคับใช้จริงมกราคม 2024 ก็ตาม ที่มา - CNBC, Strait Times
# IBM เสนอหน่วยใหม่ CLOPS เพื่อวัดความเร็วของคอมพิวเตอร์ยุคควอนตัม IBM เสนอวิธีการวัดความเร็ว (ในที่นี้ speed) ของคอมพิวเตอร์ควอนตัมด้วยหน่วยใหม่ที่เรียกว่า CLOPS (Circuit Layer Operations Per Second) IBM บอกว่าการวัดสมรรถนะของคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบ่งออกเป็น 3 มิติหลักๆ ได้แก่ ขนาด (scale) เป็นการบอกว่าเราสามารถนำข้อมูลลงไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้มากแค่ไหน ปัจจุบันเราวัดกันด้วยจำนวนคิวบิต คุณภาพ (quality) เป็นการวัดคุณภาพของวงจร (circuit) ปัจจุบันใช้หน่วยเป็น QV (Quantum Volume) ความเร็ว (speed) เป็นการวัดว่าวงจรควอนตัมสามารถทำงานได้แค่ไหนตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่ง IBM เสนอให้วัดเป็นจำนวนชั้นของวงจรต่อวินาที (CLOPS) IBM ยกกรณีเปรียบเทียบว่า จำนวนคิวบิตเปรียบเสมือนจำนวนคอร์ของคอมพิวเตอร์คลาสสิค เมื่อนำคิวบิตมาต่อกันจะได้วงจรควอนตัม (quantum circuit) ซึ่งมีความกว้าง (width) เป็นจำนวนคิวบิตที่ใช้คำนวณ และความลึก (depth) เป็นจำนวนขั้นตอนที่วงจรทำงานก่อนคิวบิตเสื่อมสภาพ ส่วนค่า QV เปรียบได้กับการวัดจำนวนทรานซิสเตอร์ แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว จากภาพจะเห็นว่า วงจรมีลักษณะไม่เป็นรูปร่างสี่เหลี่ยมพอดี มีจำนวนคิวบิต (จุดในภาพ) ทั้งหมด 27 คิวบิต วิธีการวัดค่า QV คือรันวงจรแบบสุ่มทีละ 2 คิวบิต ที่จำนวนความลึก 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ความมั่นใจเกิน 97.725%, จากนั้นขยับเป็น 3 คิวบิต ความลึก 3 ไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าวงจรเสื่อมสภาพ กรณีตัวอย่าง พบว่าวงจรทำงานล้มเหลวที่ความลึกระดับ 7 แปลว่าความลึกระดับ 6 ใช้งานได้ วิธีคำนวณ QV คือใช้ 26 = 64 เป็นต้น (คำอธิบายอย่างละเอียด) ส่วนการวัดค่าความเร็ว คล้ายกับการวัดค่า FLOPS (จำนวนการประมวลผลทศนิยมต่อวินาที) ของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน แต่เป็นการวัดจำนวนวงจรควอนตัมที่สามารถประมวลผลได้ต่อวินาทีแทน ที่มา - IBM, ZDNet, Tom's Hardware
# [ลือ] กูเกิลตัดสินใจไม่ทำ Pixel Fold แล้ว เพราะไม่มั่นใจว่าแข่งกับซัมซุงได้ ก่อนหน้านี้มีข่าวลือมาเรื่อยๆ ว่า กูเกิลจะออกอุปกรณ์จอพับ ที่เราเรียกชื่อกันเล่นๆ ว่า Pixel Fold สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคือ Android 12L ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันปรับแต่งมาเพื่อสำหรับอุปกรณ์จอใหญ่-จอพับ ซึ่งจะอัพเดตให้อุปกรณ์ในท้องตลาดอย่าง Galaxy Z Fold ด้วย ล่าสุดมีข่าวจากวงการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ว่า กูเกิลตัดสินใจไม่ทำ Pixel Fold แล้ว จึงไม่สั่งซื้อชิ้นส่วนหน้าจอจากซัพพลายเออร์ อย่างน้อยก็ภายในครึ่งแรกของปี 2022 ตามข่าวบอกว่ากูเกิลทดลองทำ Pixel Fold รุ่นต้นแบบขึ้นมาจริงๆ แต่ยังไม่พอใจกับคุณภาพ และไม่คิดว่าจะสามารถแข่งขันกับ Galaxy Z Fold ได้ง่ายนัก ภาพอุปกรณ์จอพับในอีมูเลเตอร์ Android 12L ที่มา - Display Supply Chain via 9to5google
# รัฐบาลสหรัฐฯ ปรับการจ้างบุคลากรด้านความมั่นคงไซเบอร์ กระบวนการกระชับ เงินเดือนแข่งขันได้ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ประกาศปรับกับกระบวนการจ้างบุคลากรด้านความมั่นคงไซเบอร์ใหม่ทั้งชุด โดยปรับ 3 ด้านจากการจ้างงานราชการอื่นๆ ได้แก่ กระบวนการจ้างเรียบง่าย: ตัดเงื่อนไขการจ้างที่ไม่จำเป็นออก มองตามความสามารถที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก อาศัยการทดสอบจริงเพื่อแสดงความสามารถ ปรับเงินเดือนให้แข่งขันได้: แม้จะเป็นงานราชการแต่ก็ปรับเงินเดือนให้ใกล้เคียงเอกชนมากขึ้น เปิดเผยอัตราเงินเดือนไว้ในหน้าเว็บ ในแต่ละตำแหน่งงาน เริ่มต้นขั้นต่ำสุด 56,950 ดอลลาร์ต่อปี หรือประมาณเดือนละ 150,000 บาท พร้อมเงินเพิ่มตามอัตราค่าครองชีพที่แพงกว่าปกติในบางพื้นที่ เตรียมการเติบโตในสายงาน: เพิ่มการฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ต่อเนื่องเพื่อให้เติบโตในสายงานต่อไปได้ การปรับกระบวนการจ้างครั้งนี้ทำให้อัตราเงินเดือนระดับผู้บริหารขึ้นไปถึง 240,800 ดอลลาร์ หรือประมาณ 7.9 ล้านบาทต่อปี ทางรัฐบาลสหรัฐฯ หวังว่าการปรับกระบวนการเสียใหม่นี้จะช่วยเติมบุคลากรภาครัฐที่ขาดแคลนมานาน ที่มา - The Record, DHS
# Cloudflare แปลงบริการ Workers เป็นเซิร์ฟเวอร์คลาวด์เต็มตัว เชื่อมต่อ SQL, MongoDB, TCP กับหลังบ้าน บริการ Cloudflare Workers เดิมเป็นบริการแบบ severless ที่ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลระยะยาวที่มีเพียงฐานข้อมูล key-value ในชื่อ Cloudflare Workers KV เป็นหลักเท่านั้น สัปดาห์นี้ทาง Cloudflare ก็เปิดบริการชุดใหม่ที่ทำให้บริการ Workers สามารถทำงานเต็มรูปแบบได้มากขึ้น บริการพื้นฐานที่สุดคือการเปิด TCP จาก Workers ไปยังเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์คของทาง Cloudflare ผ่านทางท่อ cloudflared ความสามารถนี้ทำให้ Workers สามารถเชื่อมต่อฐานข้อมูลภายนอก เช่น MySQL, PostgreSQL, หรือ SQL Server ได้ นอกจากการเชื่อมต่อจาก Workers ไปยังบริการภายนอกแบบ TCP แล้ว ทาง Cloudflare ยังเตรียมเปิดให้บริการ Socket Workers ที่ตัว Workers เองรอการเชื่อมต่อแบบ TCP, UDP, หรือ QUIC ได้โดยตรง ทำให้สามารถเปิดให้บริการต่างๆ เพิ่มเติม เช่น เมลเซิร์ฟเวอร์, MQTT, หรือบริการ VoIP แต่บริการส่วนนี้ยังไม่เปิดให้บริการและไม่บอกกำหนดว่าจะเปิดเมื่อใด ประกาศครั้งนี้ Cloudflare ยังร่วมมือกับ MongoDB รองรับการเชื่อมต่อ Workers เข้ากับ MongoDB Atlas และ Prisma Data Proxy เพิ่มเติม และบริการเก็บ นอกจากนี้บริการ Durable Objects บริการเก็บสถานะของ Workers ที่เคยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ก็ปรับสถานะเป็น GA พร้อมใช้งาน ที่มา - Cloudflare (TCP, SQL, MongoDB, Durable Objects)
# Chrome 96 ออกแล้ว เริ่มทดสอบ User-Agent เลขสามหลัก ก่อนเข้าเวอร์ชัน 100 กูเกิลออก Chrome 96 รุ่นเสถียร การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่เป็นงานเบื้องหลังที่ตัวเอนจินแสดงผล ของใหม่ที่น่าสนใจคือ Chrome เริ่มทดสอบความเข้ากันได้กับเว็บไซต์ต่างๆ เมื่อถึงเวอร์ชัน 100 โดยเพิ่มตัวเลือกการตั้ง User-Agent เป็นค่า 100 (chrome://flags/#force-major-version-to-100) ให้ลองทดสอบกันดูก่อน ตามแนวทางที่ Firefox นำร่องไปก่อนแล้ว ของใหม่อย่างอื่นได้แก่การทำ Back-forward Cache ให้สามารถกด Back/Forward ข้ามโดเมนได้เร็วขึ้น เพราะเก็บแคชไว้ให้แล้ว, การเปิดให้เว็บแอพแบบ PWA สามารถลงทะเบียนแอพกับ OS เพื่อเปิด url ของบางโดเมนได้ (เช่น เว็บแอพ Twitter จะทำงานเมื่อคลิกลิงก์ twitter.com จากที่ไหนก็ได้ใน OS) ที่มา - Google Chrome Releases, Chrome 96 Beta, gHacks
# เหตุผลคุ้นๆ ไมโครซอฟท์บอก บังคับเปิดลิงก์ด้วย Edge ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้น ต่อจากข่าว Microsoft บล็อคแอปบังคับเปิดลิงก์ด้วยเบราว์เซอร์ค่าเริ่มต้นใน Windows 11 ถ้าคลิกลิงก์บางอย่างจะเปิดใน Edge เท่านั้น โฆษกของไมโครซอฟท์ชี้แจงกับ The Verge ว่าการบังคับเปิดลิงก์ด้วย Edge จะช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ดีขึ้น เพราะกระบวนการบางอย่างของ Windows ถูกออกแบบมาให้ใช้โซลูชันของไมโครซอฟท์ตั้งแต่ต้นจนจบ (end-to-end) เช่น การค้นเว็บจาก taskbar ที่จะเปิดใน Edge เท่านั้น ไมโครซอฟท์ยังพูดถึงกรณีของ EdgeDeflector ที่พยายามแก้ค่าให้เปิดด้วยเบราว์เซอร์ตัวอื่น ว่าเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสม (improper) และจะออกแพตช์ Windows 11 บล็อคการทำงานของ EdgeDeflector ในเร็วๆ นี้ ท่าทีของไมโครซอฟท์ก่อให้เกิดคำถามกับเบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ ที่พยายามแก้ค่าดีฟอลต์ของ Windows 11 เช่น Firefox ที่เพิ่งลง Microsoft Store ซึ่งต้องรอดูกันว่าไมโครซอฟท์จะบล็อคการทำงานส่วนนี้ของ Firefox ด้วยหรือเปล่า ที่มา - The Verge
# ไมโครซอฟท์เปิดให้เล่น Halo Infinite Multiplayer แล้ว เล่นฟรีทั้งบน Xbox และพีซี เมื่อกลางปีนี้ ไมโครซอฟท์ประกาศว่าเกม Halo Infinite โหมด Multiplayer เปิดให้ทุกคนเล่นฟรี (โหมดเนื้อเรื่องยังต้องซื้อ) โดยเป้าหมายของไมโครซอฟท์คือเพิ่มจำนวนคนเล่นเกม Halo Infinite ในฐานะเกม FPS เล่นฟรีตามสมัยนิยม (เหมือนกับ CS:GO, Apex Legends และเกมอื่นๆ) ล่าสุดไมโครซอฟท์เปิด Halo Infinite Multiplayer Beta ให้เล่นกันแล้วเมื่อคืนนี้ (ก่อนกำหนดเดิมหนึ่งสัปดาห์) โดยรองรับทั้ง Xbox One, Xbox Series X|S และพีซี ผลคือมีผู้เล่นพร้อมกันบน Steam ถึง 262,553 คน ขึ้นเป็นเกมคนเล่นเยอะอันดับสามของ Steam รองจาก CS:GO และ Dota 2 เท่านั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ Halo Infinite Multiplayer และต้องรอดูกันว่าไมโครซอฟท์จะรักษากระแสได้นานแค่ไหน ผู้ที่สนใจลองเล่นสามารถดาวน์โหลดได้จากหน้าเว็บ Xbox หรือ Steam นอกจาก Halo Infinite แล้ว ไมโครซอฟท์ยังฉลอง 20 ปี Xbox ด้วยการนำเกม Xbox Original และ Xbox 360 มาให้เล่นบนคอนโซลยุคใหม่แบบ Backward Compatibility เพิ่มอีก 70 เกม เช่น Dead or Alive Ultimate, Star Wars: Jedi Knight II, Star Wars: Starfighter, Max Payne, F.E.A.R. โดยทุกเกมจะได้ฟีเจอร์ AutoHDR และบางเกมจะได้ FPS Boost เพิ่มเฟรมเรตด้วย ที่มา - Xbox, Halo
# Twitter ปรับ API v2 เป็นตัวหลักสำหรับนักพัฒนา เพิ่มเทียร์สำหรับใช้งานฟรี Twitter ประกาศการเปลี่ยนแปลง Twitter API สำหรับนักพัฒนา โดย API v2 จะมาเป็น API หลักแทนที่เวอร์ชัน 1.1 นอกจากนี้เปลี่ยนระดับของการใช้งาน API เป็นสามระดับดังนี้ Essential สำหรับผู้สมัครใช้งานใหม่ใช้งานได้ทันทีฟรี ดึงทวีตได้สูงสุด 5 แสนทวีตต่อเดือน Elevated ฟรี แต่ต้องสมัครแจ้งรายละเอียดกับ Twitter เพื่อรอการอนุมัติ ดึงได้ 2 ล้านทวีตต่อเดือน ใช้งานได้ 3 environments development, staging และ production Managed เป็นแบบเสียเงิน เข้าถึงสิทธิได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ Twitter ปรับปรุง API v2 ซึ่งเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากกว่า เช่น โพล หรือ Spaces ที่มา: Twitter
# Substack ประกาศมีสมาชิกแบบเสียเงินอ่านบทความแล้วมากกว่า 1 ล้านคน Substack บริการสมัครสมาชิกรับอีเมลข่าวสารแบบเสียเงิน ที่ผู้อ่านต้องจ่ายเงิน ส่วนนักเขียนก็สร้างรายได้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์ม ประกาศหลักไมล์สำคัญว่ามีสมาชิก subscription แล้วมากกว่า 1 ล้านคน แนวคิดของ Substack คือให้ผู้เขียนผู้สร้างคอนเทนต์ โฟกัสที่การสร้างเนื้อหา ส่วนการหาสมาชิกเสียเงิน และการจัดการระบบเทคโนโลยีหลังบ้าน ให้เป็นเรื่องของ Substackk เอง ซึ่งการที่แพลตฟอร์มสื่อมีคนจ่ายเงินให้กว่า 1 ล้านคนนั้น เป็นตัวเลขที่สูงมาก เป้าหมายถัดไปของ Substack คือการหาสมาชิกให้ได้ 10 ล้านคน โดยจะปรับปรุงเครื่องมือสำหรับผู้สร้างเนื้อหา เชื่อมต่อบริการเสริมต่าง ๆ และสร้างเครือข่ายของผู้สร้างเนื้อหาร่วมกัน ที่มา: Substack
# ทรูมูฟเอช ไตรมาส 3/2564 ผู้ใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นรวมเป็น 1.5 ล้านราย แล้ว กลุ่มทรู รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2564 มีรายได้รวม 32,966 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันในปีก่อน มี EBITDA หรือส่วนกำไรก่อนหักรายการดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา 14,366 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 603 ล้านบาท ทรูมูฟ เอช มีจำนวนผู้ใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านราย ฐานลูกค้าทรูมูฟ เอช รวมเพิ่มขึ้นเป็น 32.0 ล้านราย แบ่งเป็นเติมเงิน 21.2 ล้านราย และระบบรายเดือน 10.8 ล้านราย ทรูออนไลน์ มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 135,000 ราย ทำให้มีผู้ใช้บริการสุทธิ 4.5 ล้านราย ส่วนกลุ่มทรูวิชั่นส์ มีฐานลูกค้า 3.5 ล้านราย และกลุ่มทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ยังคงขยายฐานผู้ใช้งานบนทรูไอดีเพิ่มขึ้น ยอดรับชมคอนเทนต์วิดีโอต่อเดือน เพิ่มขึ้นเป็น 417 ล้านครั้ง การซื้อคอนเทนต์เพิ่มเป็น 5.19 แสนครั้ง ที่มา: ทรู (pdf)
# Cloudflare รายงานการโจมตี DDoS เกือบ 2 เทราบิตต่อวินาที อาศัยเซิร์ฟเวอร์ GitLab ที่ถูกแฮกร่วมด้วย Cloudflare รายงานถึงการโจมตีแบบ DDoS ครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยพบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณข้อมูลสูงสุดเกือบ 2 เทราบิตต่อวินาที โดยอาศัย botnet จำนวน 15,000 เครื่องที่ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ IoT ที่ถูกแฮก รอบนี้พบว่ามีเซิร์ฟเวอร์ GitLab ที่ไม่ได้แพตช์ถูกใช้งานร่วมด้วย การโจมตีกินเวลาเพียงนาทีเดียวเท่านั้น แต่ก็เป็นสัญญาณว่าแฮกเกอร์สามารถโจมตีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Azure ก็เคยรายงานการโจมตีขนาด 2.4 เทราบิตต่อวินาทีมาแล้ว Cloudflare ระบุว่าการรับมือการโจมตีเช่นนี้ต้องอาศัยระบบอัตโนมัติ ที่ตรวจจับรูปแบบการโจมตีได้รวดเร็ว และสร้างกฎสำหรับตรวจจับการโจมตีใส่เข้าไปในโมดูล eXpress Data Path (XDP) ในเคอร์เนลเพื่อประมวลผลที่เต็มความเร็วเน็ตเวิร์ค ที่มา - Cloudflare Blog
# Facebook เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เน้นขายของในกลุ่ม แนะนำสินค้าง่ายขึ้น แอดมินตั้งร้านขายของได้ Facebook เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับระบบซื้อขายของในกลุ่ม ฟีเจอร์แรกคือร้านค้าของกลุ่ม (Shops in Groups) ให้แอดมินตั้งขายสินค้าบนเพจที่เชื่อมกับกลุ่มได้ โดยเน้นไปที่แอดมินอาสา และกลุ่มองค์กร กลุ่มที่ Facebook ยกมาเป็นตัวอย่างคือกลุ่ม OctoNation กลุ่มขององค์กรไม่แสวงหากำไรที่ให้ความรู้เกี่ยวกับปลาหมึกยักษ์ รายได้จากการขายของจึงถูกมอบให้องค์กรเพื่อให้ความรู้และสร้างรายได้ให้กับทีมงานที่เป็นทีมงานอาสา ยังไม่แน่ชัดว่าหากกลุ่มนั้นไม่ใช่กลุ่มการกุศล และไม่ใช่กลุ่มขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่เป็นกลุ่มสนทนาสาธารณะ การให้แอดมินตั้งร้านขายสินค้าในกลุ่มได้ จะกลายไปเป็นช่องทางหาเงินเข้ากระเป๋าของแอดมินเองคนเดียวหรือไม่ คงต้องติดตามผลที่จะเกิดต่อไป อีกฟีเจอร์คือการเพิ่มระบบแนะนำสินค้าในกลุ่ม (Product Recommendations in Groups) ที่จะนำลิงก์ซื้อสินค้ามาแสดงเมื่อมีผู้แนะนำ โดยผู้ใช้จะสามารถแท็กสินค้า เช่นสกินแคร์ เครื่องสำอางค์ หรืออื่นๆ ในกลุ่มเพื่อลิงก์ไปซื้อได้ทันที หลังจากนั้น Facebook จะนำสินค้าที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง (Top Product Mentions) มาแสดงไว้ในนิวส์ฟีด เพื่อให้สมาชิกกลุ่มซื้อสินค้าที่ถูกแนะนำบ่อยๆ ได้ง่ายขึ้น อีกฟีเจอร์ที่กำลังอยู่ในการทดสอบคือการไลฟ์ขายสินค้า Live Shopping for creators ที่ทำให้การร่วมงานระหว่างแบรนด์กับอินฟลูเอนเซอร์ (หรือที่ Facebook เรียกว่า Creators) ทำได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเลือกไลฟ์บนช่องทางเดียว และใช้การแชร์ หรือการโพสต์บอกให้คนไปดูอีกเพจหนึ่งอีกต่อไป เพราะฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังทดสอบนี้ จะทำให้ผู้ใช้สามารถไลฟ์ขายของได้พร้อมกันทั้งบนเพจของตัวเองและเพจแบรนด์ ที่มา - Facebook
# IBM โชว์ชิปควอนตัมรุ่นใหม่ Eagle ขนาด 127 คิวบิต, จะออกชิป 1,121 คิวบิตในปี 2023 IBM เปิดตัวชิปประมวลผลควอนตัม (Quantum Processor) ตัวใหม่โค้ดเนม Eagle สามารถประมวลผลได้ 127 คิวบิต (qubit) ถือเป็นสถิติใหม่ของวงการควอนตัมที่ทำได้เกิน 100 คิวบิต และเอาชนะชิปรุ่นเดิมโค้ดเนม Hummingbird ที่ทำได้ 65 คิวบิต IBM ระบุว่า Eagle ถือเป็นก้าวสำคัญที่คอมพิวเตอร์ควอนตัมจะแซงหน้าคอมพิวเตอร์แบบคลาสสิคอย่างเห็นได้ชัดเจน สิ่งที่ Eagle พัฒนาขึ้นคือวิธีการวางเรียงคิวบิตแบบ 6 เหลี่ยม (hexagon) ที่ต่อยอดมาจากชิป Falcon รวมถึงการวางแพ็กเกจของชิปแบบ 3D ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ด้วย (ตามภาพ) แผนการของ IBM คือจะออกชิปควอนตัมรุ่นหน้าโค้ดเนม Osprey ในปี 2022 (433 คิวบิต) และ Condor ในปี 2023 (1,121 คิวบิต) IBM มีคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่เรียกว่า Quantum System One เปิดใช้งานมาสักระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุดบริษัทยังโชว์ Quantum System Two รุ่นใหม่ที่จะออกมาในปี 2023 พร้อมชิป Condor ด้วย ที่มา - ZDNet, Tom's Hardware
# ซัมซุงเริ่มปล่อยอัพเดตรอม One UI 4.0 (Android 12) รุ่นเสถียร Galaxy S21 ได้ก่อน หลังซัมซุงเปิดทดสอบ One UI 4.0 มาตั้งแต่เดือนกันยายน ตอนนี้ก็ได้เวลาปล่อยอัพเดต One UI 4.0 รุ่นเสถียร โดยเริ่มจากเรือธงซีรีส์ Galaxy S21 ก่อนเช่นเคย นอกจากฟีเจอร์พื้นฐานของ Android 12 แล้ว ของใหม่ใน One UI 4.0 คือการต่อยอดระบบธีม Material You ไปเป็น Color Theme ที่สมบูรณ์ขึ้น, Extra Dim โหมดจอมืดพิเศษ, การใส่เอฟเฟคต์ให้วิดีโอคอลล์ ใช้ได้กับแอพชื่อดังเกือบทุกตัว เป็นต้น มือถือที่ซัมซุงระบุชื่อว่าจะได้อัพเดต One UI 4.0 ได้แก่ Galaxy S20, S20+, S20 Ultra, S20 FE Galaxy Note20, Note20 Ultra Galaxy S10, S10e, S10+, S10 5G Galaxy Note10, Note 10+ Galaxy Galaxy Fold, Z Fold3, Z Flip3, Z Fold2, Z Flip, Z Flip 5G Galaxy Galaxy A82 5G, A72, A52, A52 5G, A52s 5G, A42 5G Galaxy Tab S7, Tab S7+ ที่มา - Samsung, SamMobile
# [ลือ] ชิป Snapdragon ชื่อใหม่ Snapdragon 8 Gen 1 อาจเปิดตัว 30 พฤศจิกายนนี้ นักปล่อยข่าวชื่อดังในวงการมือถือ @UniverseIce โพสต์ทวิตเตอร์ระบุว่าชิป Snapdragon รุ่นถัดไป จะเปลี่ยนวิธีการตั้งชื่อใหม่ ไม่เป็น Snapdragon 989 หรือสไตล์นั้นแล้ว แต่จะใช้ชื่อว่า Snapdragon 8 Gen 1 แทน ข่าวลือนี้ตรงกับยูทูบเบอร์ @stufflistings ที่อ้างอิงข่าวจาก Digital Chat Station (ที่โพสต์ใน Weibo ไม่โพสต์ลงทวิตเตอร์) ว่าชิปรุ่นถัดไปของ Qualcomm จะใช้รหัส SM8450 และมีชื่อรุ่นว่า Snapdragon 8 Gen 1 ข่าวนี้มีความเป็นไปได้สูง เพราะ Qualcomm เองก็เริ่มตั้งชื่อแนวนี้กับชิปที่ใช้กับโน้ตบุ๊กอย่าง Snapdragon 7c Gen 1 ไปแล้วตั้งแต่ช่วงกลางปี ถ้าอิงจากชื่อรุ่นนี้ ต่อไปเราอาจได้เห็นการตั้งชื่อของ Qualcomm ที่ใช้เลขตัวเดียว เช่น 8, 7, 6 สำหรับแสดงระดับชิป อักษรภาษาอังกฤษเพื่อแสดงถึงชิปรุ่นพิเศษ และการใช้เลข Gen บอกการอัพเกรดรายปีแทน ชิปรุ่นใหม่นี้น่าจะเปิดตัวในงาน Snapdragon Tech Summit วันที่ 30 พฤศจิกายน ซึ่งน่าจะเป็นวันที่ได้รู้กันอย่างชัดเจนว่าชิป Snapdragon รุ่นถัดไป จะเปลี่ยนทิศทางการตั้งชื่อหรือไม่ และใช้ชื่อรุ่นแบบใดกันแน่ ที่มา - Notebookspec
# เปิดตัว Plern สตรีมมิ่งเพลง จาก GMM Grammy เน้นฟังเพลงไทย และเพลงลูกทุ่งหลากหลายค่าย แก้ไขราคา จากเนื้อข่าวประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม เป็นสัปดาห์ละ 59 บาท GMM Grammy เปิดตัว “Plern (เพลิน)” แอปพลิเคชันฟังเพลงไทย ที่รวบรวมเพลงจากหลากหลายค่าย เช่น บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน), เซิ้ง มิวสิก, Top Line Music, Sure Entertainment, เสียงสยาม แผ่นเสียง-เทป, ซาวด์มีแฮง เรคคอร์ด, BigLove Smile House, Solution One เป็นต้น โดยตัวแอปมีทั้งฟังก์ชันฟังฟรีและพรีเมียม ทางบริษัทระบุว่า Plern สามารถฟังเพลงได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน ฟังเพลงแบบล็อกหน้าจอได้ กดข้ามเพลงได้แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง นอกจากนี้ยังมีสเตชันที่ดึงเอาวิธีการฟังเพลงแบบวิทยุกลับมา แต่ใช้การคัดเลือกเพลงโดยศิลปินและคนทำเพลง ฟังเพลงแบบออฟไลน์ บันทึกเพลงเก็บไว้ฟังแบบออฟไลน์ได้สูงสุด 350 เพลง สำหรับลูกค้า Plern Premium สามารถโหลดเพลงออฟไลน์ได้ไม่จำกัด สร้างเพลย์ลิสต์ได้ ฟังเพลงด้วยคุณภาพเสียงระดับสูง หรือ Lossless quality ได้ และยังสามารถเข้าถึง Exclusive Content อย่างเช่น สัมภาษณ์ศิลปิน บริการ Plern Premium จะเปิดใช้งานในอนาคต ราคาเริ่มต้นที่สัปดาห์ละ 59 บาท ในการพัฒนาแอป ทาง GMM Grammy ได้จับมือกับบริษัท Tuned Global เข้ามาช่วยพัฒนาแอปฯ และการออกแบบการใช้งานภายในแอปฯ ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์, Plern
# PayPal Thailand ชี้แจง เปิดบัญชีธุรกิจใช้เลขประชาชนได้ บัญชีส่วนตัวจะทยอยเพิ่มฟีเจอร์ จากข่าว Paypal เตรียมเปิดรับผู้ใช้ใหม่ในไทยอีกครั้ง ผู้ใช้เก่าต้องยืนยันตัวตนก่อน 18 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้งานหลายข้อ ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั้งบัญชีส่วนตัวและบัญชีธุรกิจ Blognone ได้สอบถามไปยังโฆษกของบริษัท PayPal ทางอีเมลถึงรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และได้รับการชี้แจงดังนี้ (แถลงการณ์ของ PayPal อยู่ด้านล่าง) ก่อนหน้านี้ PayPal ในประเทศไทยให้บริการผ่านหน่วยงานในประเทศสิงคโปร์ แต่บริการใหม่ของ PayPal จะผ่านนิติบุคคลที่จดทะเบียนในไทยชื่อ บริษัท เพย์พาล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในไทย ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการชำระเงินในไทย และปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทย PayPal กำลังอยู่ระหว่างย้ายฐานลูกค้าปัจจุบัน ไปยังนิติบุคคลในไทย กระบวนการย้ายลูกค้าจะเสร็จในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า บัญชีส่วนบุคคลของ PayPal Thailand ใช้ชำระเงินค่าสินค้าและบริการจากเว็บไซต์ต่างๆ ได้ แต่ช่วงแรกยังไม่สามารถรับชำระเงิน ถือยอดในบัญชี หรือถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารได้ ในอนาคตฟังก์ชันเหล่านี้จะทยอยเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนถึงปี 2565 บัญชีธุรกิจของ PayPal Thailand ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ (บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วน เจ้าของกิจการ) ที่จดทะเบียนในไทย สามารถรับชำระเงิน ถือยอดในบัญชี และถอนเงินบาทไปยังบัญชีธนาคารของไทยได้ การสมัครบัญชีธุรกิจของ PayPal Thailand กำหนดว่าต้องเป็นธุรกิจที่จดทะเบียนในไทย ต้องมีหมายเลขจดทะเบียนธุรกิจที่ออกโดยหน่วยงานในประเทศ ซึ่งอาจเป็นหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลักได้ ในกรณีที่มีหลายธุรกิจ สามารถใช้หมายเลขธุรกิจอื่นได้ แต่ต้องเป็นหมายเลขที่ออกโดยหน่วยงานราชการ จากการสอบถามยืนยันกับ PayPal อีกรอบ ได้รับคำยืนยันว่าการเปิดบัญชีธุรกิจเพื่อรับเงินจากต่างประเทศ ไม่จำเป็นต้องจดนิติบุคคล เป็นบุคคลธรรมดาได้ แต่ต้องไปจดทะเบียนพาณิชย์ประเภทบุคคลธรรมดากับกระทรวงพาณิชย์ แถลงการณ์ของ PayPal Thailand