txt
stringlengths
202
53.1k
# ส.ส. พรรคก้าวไกล ทำงบประมาณปี 65 ในรูปแบบ Excel ให้ machine อ่านได้ เป็น open data นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส. กทม. พรรคก้าวไกล ทำข้อมูลและเผยแพร่งบประมาณปี 2565 ที่เพิ่งผ่านสภาวาระที่ 1 ในรูปแบบ Excel จากเดิมที่อยู่ในรูปแบบ PDF เพื่อให้ machine นำข้อมูลไปวิเคราะห์และอ่านต่อได้ นายณัฐพงษ์ ระบุว่าเป็นการแปลงข้อมูลงบประมาณปี 65 จากเอกสารหลายหมื่นหน้าให้ในรูปแบบ machine-readable ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลใน Excel 5.1 หมื่นบรรทัด และข้อมูลนี้เป็นผลลัพธ์ที่ generated ขึ้นจากโปรแกรมแปลง PDF เป็น CSV โดยใช้เทคนิค OCR คือ Optical Character Recognition ซึ่งมีการเปิดเผย source code ภายใต้ MIT License บน Github ของ KaoGeek ที่มา - นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
# สุภิญญา อดีตบอร์ดกสทช. จี้กระทรวงดีอีควรผลักดันเน็ตเรียนออนไลน์ให้ทั่วถึง แทนที่จะเซนเซอร์ผู้อื่น จากประเด็นกระทรวงดิอี ออกโรงขู่ดาราที่โพสต์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในช่วงนี้ ล่าสุด นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ อดีตบอร์ดกสทช. โพสต์ทวิตเตอร์ถึงกระทรวงดีอี และ กสทช. ว่า สิ่งที่ควรเน้นเป็นวาระแห่งชาติขณะนี้คือผลักดัน #Broadband for All หาเน็ตและอุปกรณ์ให้เด็กๆเรียนออนไลน์ 100% ไม่ใช่คอยเป็น censorship machine นางสาวสุภิญญาระบุต่อว่า "เด็กจำนวนมากตกขบวน เรียนไม่ได้ ร้อยละ 72 ของผู้ใช้โทรคมนาคมเป็นแบบเติมเงิน ซึ่งไม่พอที่จะเรียนออนไลน์หลายชั่วโมง ประเทศวิกฤตมากแล้ว ควรช่วยกันอุดรูรั่ว อย่าปล่อยให้ชะตากรรมของเด็กๆถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เด็กส่วนมากเรียนออนไลน์ไม่ได้ เป็นงานของ กสทช และกระทรวงดีอี ต้องจับมือช่วยกันกับภาคเอกชนและกระทรวงศึกษาธิการแก้ปัญหา" "สิ่งที่ กสทช. และกระทรวงดีอีควรเร่งทำคือ มาตรการเยียวยา ไม่ให้ค่ายมือถือตัดสัญญาณถ้าไม่มีเงินเติมในช่วงนี้ คุยกับเอกชนให้บริการซิมเรียนฟรีร่วมกับกระทรวงศึกษา หรือ ทำบริการบริการไวไฟในพื้นที่ชุมชนที่คนอาศัยแออัดหนาแน่น ช่วยหาอุปกรณ์การเรียน และอื่นๆ สิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายสาธารณะ เป็นภารกิจภาครัฐโดยตรงต้องคิดทำเร่งด่วน โดยเฉพาะกระทรวงดีอี และ กสทช ที่มีภารกิจโดยตรง" ที่มา - สุภิญญา กลางณรงค์
# Amazon ประกาศรองรับโปรโตคอล Matter บนอุปกรณ์ Echo เกือบทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นแรกสุด Matter เป็นโปรโตคอลตัวใหม่สำหรับอุปกรณ์ IoT/Smart Home ภายใต้การผลักดันของกลุ่ม CSA (ZigBee เดิม) โดยมียักษ์ใหญ่ทั้ง Google, Amazon, Apple, Samsung SmartThings หนุนหลัง ก่อนหน้านี้ Google Android/Nest ประกาศรองรับ Matter ไปก่อนใครแล้ว ล่าสุด Amazon ก็ประกาศรองรับ Matter บนอุปกรณ์ตระกูล Echo ของตัวเองเช่นกัน นโยบายของ Amazon คืออุปกรณ์ Echo "ส่วนใหญ่" จะได้อัพเกรดให้รองรับ Matter ด้วย โดยจะมีแค่ลำโพง Echo และ Echo Dot รุ่นแรกสุด (first gen) เท่านั้นที่ไม่ได้ไปต่อ ส่วนอุปกรณ์ Echo รุ่นหลังๆ เช่น Echo Show, Echo Studio, Echo Flex, Echo Plus จะใช้งานกับ Matter ได้ทั้งหมด ฝั่ง Samsung SmartThings ก็ออกมาประกาศว่าจะรองรับ Matter แล้ว แต่ยังไม่ให้รายละเอียดว่ามีสินค้ารุ่นใดบ้างจะได้อัพเกรด ที่มา - Amazon Developer, TechHive Amazon Echo รุ่นล่าสุด (4th gen)
# FTC โหวตเอกฉันท์บังคับใช้ Right-to-Repair ห้ามผู้ผลิตกีดกันการซ่อมแซมอุปกรณ์ไอที จากประเด็น โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่ง FTC หรือ คณะกรรมการด้านการค้าของสหรัฐร่างกฎ Right-to-Repair ล่าสุดคณะกรรมการทำการโหวตเป็นเอกฉันท์ 5-0 บังคับใช้กฎ Right-to-Repair โดย FTC จะหาแนวทางแก้ปัญหา รวบรวมความคิดเห็นและข้อร้องเรียนจากสาธารณะ ตลอดจนทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐและผู้กำหนดนโยบาย เพื่อออกแบบกฎ Right-to-Repair Chair Lina Khan ประธาน FTC กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การจำกัดสิทธิ์ซ่อมอุปกรณ์ เป็นการเพิ่มต้นทุนให้แก่ผู้บริโภคมหาศาล ปิดโอกาสทางธุรกิจสำหรับร้านซ่อมอิสระ สร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่จำเป็น Image by Bruno /Germany from Pixabay ด้าน iFixit เว็บแนะนำและจัดอันดับความยากง่ายของการซ่อมแซมอุปกรณ์ ออกแถลงการณ์สนับสนุนมติของ FTC ระบุว่า FTC เป็นตัวกำหนดทิศทางการค้าของประเทศ และเป็นเวลานานเกินไปแล้วที่ผู้ผลิตกลั่นแกล้งผู้บริโภคและกีดกันร้านซ่อมรายเล็กให้เลิกกิจการ นโยบายใหม่ของ FTC จะสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ที่มา - Engadget
# ยุโรปเตรียมเพิ่มอำนาจตามรอยเงินคริปโต ห้ามใช้บัญชีที่ตรวจสอบตัวตนไม่ได้ กรรมาธิการยุโรป (European Commission - EC) เสนอเปลี่ยนกฎหมายป้องกันการฟอกเงินสำหรับธุรกิจเงินคริปโต ให้ครอบคลุมธุรกิจทุกประเภทในวงการ จากเดิมที่วางเงื่อนไขนี้กับธุรกิจบางประเภท เช่น ศูนย์ซื้อขายเงินคริปโต แนวทางนี้ทำให้รัฐบาลสามารถตรวจสอบหาเส้นทางเงินของเงินคริปโตได้มากขึ้นเนื่องจากมีจุดที่ระบุตัวตนได้ รวมถึงการห้ามใช้บัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลที่ระบุตัวตนไม่ได้อีกต่อไป โดยธุรกิจที่ EC ระบุว่าจะถูกควบคุมเพิ่มเติมคือผู้ออกโทเค็น (crypto-asset issuer) และบริการแลกเปลี่ยนเงินคริปโตข้ามสกุล ข้อเสนอจาก EC ต่อเงินคริปโตนี้อยู่ในข้อเสนอชุดใหญ่ที่ป้องกันการฟอกเงินทั้งหมด พร้อมกับจำกัดเพดานการโอนเงินข้ามประเทศที่ 10,000 ยูโร หากเกินนั้นต้องตรวจสอบการฟอกเงินเพิ่มเติม กระบวนการออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้จริงยังต้องผ่านกระบวนการอีกมาก โดยชาติสมาชิกต้องเห็นชอบข้อเสนอนี้และผ่านสภายุโรป ไปจนถึงใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อให้ชาติสมาชิกออกกฎหมายตามข้อเสนอนี้ โดยรวมอาจใช้เวลาถึงสองปี ที่มา - European Commission, BBC
# เปิดตัวแล้ว Zoom Events พร้อมระบบลงทะเบียนและขายตั๋ว ราคาต่อปีเริ่ม 890 เหรียญ ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Zoom ประกาศสร้าง Zoom Events ระบบจัดการอีเวนต์ออนไลน์ ล่าสุดเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมราคาแล้ว โดยคิดราคาเป็นรายปี เริ่มที่ 890 ดอลลาร์ต่อปี (ไม่เกิน 500 คน) โดยราคารายปีจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนคนเข้าร่วมอีเว้นท์ Zoom Events มีระบบจัดการอีเว้นท์ ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน ขายตั๋ว ติดตามสถิติหลังบ้านอย่างจำนวนคนเข้าร่วม รายได้จากการขายตั๋ว รองรับการทำห้องแยกของแต่ละเซสชั่นในอีเว้นท์ มีอีเว้นท์ล็อบบี้ที่ผู้เข้าร่วมพูดคุยโต้ตอบกันได้ ที่มา - Zoom Blog
# WordPress 5.8 รองรับ Block ใน Widget, ภาพแบบ WebP, เลิกรองรับ IE11 WordPress ออกเวอร์ชัน 5.8 โค้ดเนม Tatum ตามนักดนตรีแจ๊ส Art Tatum ของใหม่เกือบทั้งหมดไปอยู่ที่ Block Editor ตัวใหม่ (Gutenberg) เช่น Block Widget Editors เพิ่มบล็อคเนื้อหาลงใน widget ได้แล้ว, Page Structure แสดงโครงสร้างของบล็อคในเพจ เหมาะกับเพจที่ซับซ้อน มีบล็อคซ้อนกันเยอะๆ ของใหม่ด้านอื่นๆ คือ หยุดรองรับ IE11 และรองรับภาพฟอร์แมต WebP แล้ว (สักที), เพิ่มไฟล์ Theme.json เอาไว้เก็บคอนฟิกว่าแสดงผลสไตล์ของเว็บอย่างไร แก้ไฟล์นี้ที่เดียวเป็น global styles/settings ได้เลย ที่มา - WordPress
# Apple ออกอัพเดต iPadOS 14.7 แก้ไขบั๊กต่อหูฟัง 3.5 มม. กับอะแดปเตอร์ USB-C แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iPadOS 14.7 สำหรับอุปกรณ์ iPad สองวันหลังจากที่มีอัพเดต iOS 14.7 ออกมา ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตได้โดยไปที่แอป Settings เลือก General และ Software Update ของใหม่ที่เพิ่มมาในอัพเดตนี้หลายอย่างเหมือนกับ iOS 14.7 เช่น นาฬิกาจับเวลาบน HomePod, เครดิตลิมิตใน Apple Card Family แต่มีที่ระบุว่าเฉพาะบน iPad คือแก้ไขบั๊กการเล่นเสียงที่อาจสะดุด เมื่อใช้อะแดปเตอร์ USB-C เชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม. กับ iPad นอกจากนี้ แอปเปิลยังเพิ่มข้อมูลในเอกสารสนับสนุนของ iOS 14.7 และ iPadOS 14.7 ซึ่งยืนยันข้อมูลว่าอัพเดตนี้ได้แก้ไขบั๊ก Wi-Fi %p%s%s%s%s%n แล้ว ที่มา: MacRumors [1], [2]
# Epic Games ซื้อกิจการ Sketchfab แพลตฟอร์มซื้อขายโมเดล 3D Epic Games ประกาศซื้อกิจการ Sketchfab แพลตฟอร์มซื้อขายโมเดล 3D ที่มีโมเดลตอนนี้มากกว่า 4 ล้านโมเดล ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาเพิ่มวัตถุได้รวดเร็วและสะดวกขึ้น Sketchfab จะยังดำเนินงานด้วยแบรนด์แยกต่อไป และยังคงรองรับแพลตฟอร์มกับเครื่องมือเดิมทั้งหมดที่ Sketchfab รองรับอยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงเอ็นจิน Unity ของคู่แข่ง โดยทีมงานจะทำงานร่วมกับทีม Unreal Engine มากขึ้น ผลจากดีลนี้ Sketchfab ยังประกาศลดค่าธรรมเนียมของ Store ที่หักจากผู้สร้างสรรค์เหลือ 12% (เท่ากับ Epic Games Store) และปรับแผน Sketchfab Plus จากที่ต้องจ่ายเงินเป็นฟรี ทำให้สามารถอัพโหลดไฟล์ได้ขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนผู้ที่สมัครแผน Plus อยู่แล้ว จะได้อัพเกรดเป็น Pro ทันที และแผน Pro จะเพิ่มจำนวนงานที่อัพโหลดได้เป็น 50 ชิ้นต่อเดือน จากเดิม 30 ชิ้น ที่มา: Sketchfab
# Clubhouse เปิดให้ทุกคนสมัครใช้งานได้เลย ไม่ต้องมี Invite แล้ว Clubhouse ประกาศในวันนี้ว่าทุกคนสามารถสมัครใช้งาน Clubhouse ได้โดยไม่ต้องมี Invite แล้ว และตัวบริการยังออกจากสถานะเบต้าด้วย โดยมีข้อมูลว่ามีผู้ใช้งานที่อยู่ใน waitlist ประมาณ 10 ล้านคน นอกจากนี้ Clubhouse ยังแชร์ตัวเลขที่น่าสนใจ ว่ามีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 10 ล้านคน ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวแอปบน Android มีการส่งข้อความผ่าน Backchannel มากกว่า 90 ล้านครั้งตั้งแต่เปิดตัว การออกจากสถานะเบต้า และให้สมัครใช้งานได้ง่ายขึ้นของ Clubhouse เป็นเรื่องที่ไม่เกินคาดอยู่แล้ว เพราะโซเชียลรายใหญ่ ต่างเพิ่มฟีเจอร์สนทนาเสียงเข้ามา Clubhouse ก็ต้องปรับให้การสมัครใช้งานทำได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ที่มา: Clubhouse ผ่าน The Verge
# NSO Group แถลงปฎิเสธรายชื่อเหยื่อมัลแวร์ Pegasus ระบุลูกค้าดำเนินการเองแต่ต้องส่งข้อมูลให้ NSO Group ออกแถลงการณ์บนเว็บไซต์ ระบุว่ารายการอุปกรณ์มากกว่า 50,000 รายที่มีร่องรอยถูกโจมตีด้วยมัลแวร์ Pegasus นั้นไม่เป็นความจริง และรายการเหล่านี้ไม่ใช่เป้าหมายของ Pegasus หลังสื่อหลายสำนักระบุว่ามีนักข่าวและนักสิทธิ์มนุษยชนถูกโจมตี แม้ว่า NSO Group จะยืนยันมาตลอดว่าลูกค้า (ซึ่งเป็นรัฐบาลชาติต่างๆ) จะเป็นผู้ใช้งาน Pegasus ด้วยตัวเอง และทางบริษัทไม่เห็นข้อมูลการใช้งาน แต่ NSO Group ก็ระบุว่าลูกค้าต้องเปิดเผยข้อมูลอุปกรณ์ที่กำลังถูกโจมตีให้บริษัทรับรู้ และบริษัทตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการใช้งานอย่างไม่ถูกต้องแต่อย่างใด พร้อมกับยืนยันว่าบริการของบริษัทช่วยปราบปรามอาชญากรและผู้ก่อการร้ายมาแล้วจำนวนมาก รวมถึงช่วยตามหาผู้ประสบภัย หรือแม้แต่ปกป้องน่านฟ้าจากโดรนโจมตี ที่มา - NSO Group
# เฟซบุ๊กโอเพนซอร์ส Blender Bot 2.0 ปัญญาประดิษฐ์แชทบอทที่จำเรื่องราวที่แชทได้ เติมความรู้ได้เรื่อยๆ เฟซบุ๊กนำเสนอ Blender Bot 2.0 ปัญญาประดิษฐ์แชทบอท ที่เน้นการใช้งานจริงมากขึ้นด้วยการเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ จากอินเทอร์เน็ต พร้อมกับจำบทสนทนาได้นานขึ้น ทำให้แชทบอตมีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์จริงๆ มากขึ้น ทุกวันนี้ปัญญาประดิษฐ์แชทบอทจำนวนมากมักอาศัยการฝึกปัญญาประดิษฐ์ด้วยข้อมูลมหาศาล แม้จะมีความสำเร็จหลายอย่างแต่มีข้อจำกัดคือความรู้ของแชทบอทนั้นมีจำกัดตามที่ฝึกมาเท่านั้น ไม่สามารถรับรู้ข้อมูลใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน และเนื่องจากความรู้ทั้งหมดทุกฝึกไว้ในตัวปัญญาประดิษฐ์แต่แรก บางครั้งตัวปัญญาประดิษฐ์เกิดอาการหลอน ด้วยการตอบข้อเท็จจริงผิดไปจากความเป็นจริงโดยผู้พัฒนาไม่แน่ใจว่ามันนำความรู้ผิดๆ มาจากไหน Blender Bot 2.0 มีความสามารถเรียนรู้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้เรื่อยๆ โดยหากเป็นคำถามตัวปัญญาประดิษฐ์ก็จะไปค้นจากอินเทอร์เน็ตมาแปลงเป็นบทสนทนา ทำให้ผู้ใช้ได้ข้อมูลปัจจุบัน และหากผู้ใช้เล่าข้อเท็จจริงบางอย่างตัวบอทก็จะจำได้เป็นเวลานานหลายวันหรือหลายเดือน สถาปัตยกรรมเช่นนี้ทำให้บอทแต่ละตัวตอบผู้ใช้แต่ละคนต่างกันไปตามความทรงจำที่เคยพูดคุยกันก่อนหน้า กระบวนการฝึก Blender Bot 2.0 ต้องสร้างชุดข้อมูลพิเศษ ชุดแรกคือ ข้อมูลการแปลงบทสนทนาให้กลายเป็นคำค้นหา และอีกชุดคือบทสนทนาต่อเนื่องหลายรอบ (multi-session chat) เฟซบุ๊กระบุว่า Blender Bot 2.0 ยังมีอาการหลอนอยู่บ้าง รวมถึงบางครั้งก็ตอบคำถามขัดแย้งกันเอง นอกจากนี้ตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ยังไม่ได้เรียนรู้จากการสนทนาก่อนหน้า หากข้อความบางอย่างทำให้การแชตผิดพลาด ผู้ใช้ไม่สามารถสอนให้ปัญญาประดิษฐ์แก้ไขได้ ที่มา - Facebook
# Venmo เปิดตัวแอปดีไซน์ใหม่ ถอด global feed ออก เปลี่ยนเป็น friends feed แทน Venmo เปิดตัวแอปเวอร์ชันใหม่บน Android และ iOS ซึ่งมีการรีดีไซน์หลายจุด ทั้งไอคอน, ฟอนต์ และอื่น ๆ เพื่อทำให้ดูสะอาดตามากขึ้น โดยจุดสำคัญคือแอปถอด global feed แสดงข้อมูลการจ่ายเงินที่เปิดแชร์เป็นสาธารณะแบบสุ่มออกไปแล้ว และแทนที่ด้วย friends feed ที่แสดงข้อมูลการจ่ายเงินของเพื่อนอย่างเดียวแทน Venmo เป็นแอปที่มีประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวมาสักระยะแล้ว ซึ่งการออกแบบเป็น peer-to-peer และเน้นรูปแบบโซเชียลกับแอปจ่ายเงินที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงทำให้ Venmo ถูกเพ่งเล็งในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งฟีเจอร์ global feed ถือเป็นฟีเจอร์หนึ่งที่มีข้อถกเถียงเรื่องความเป็นส่วนตัวไม่น้อย นอกจากการปรับฟีดแล้ว Venmo ยังปรับส่วน navigation ด้วย มีปุ่มฟีด, การ์ดสำหรับจัดการและดูข้อมูลเกี่ยวกับบัตร, คริปโตสำหรับให้ข้อมูลเกี่ยวกับคริปโต รวมถึงซื้อ, ขาย และถือสกุลเงินคริปโต และ personal profile ที่มา - TechCrunch
# เปลี่ยนยุคสมัย สโมสร Inter Milan เปลี่ยนสปอนเซอร์มาเป็นบริษัทคริปโต $INTER บนเสื้อ สโมสรฟุตบอล Inter Milan ของอิตาลี เปลี่ยนสปอนเซอร์บนเสื้อใหม่ จากเดิมที่ใช้แบรนด์ยางรถยนต์ Pirelli มานาน 26 ปี กลายมาเป็น Socios.com แอพเก็บสะสม fan token ด้านกีฬา ที่อยู่บนสกุลเงินคริปโต Chiliz (CHZ) แทน ไอเดียของ Socios.com คือใช้เงิน CHZ (เป็น Ethereum) มาซื้อ token ของสโมสรกีฬา เพื่อสิทธิในการโหวตโพลของสโมสรและรับรางวัลอื่นๆ อย่างการเข้าร่วมกิจกรรมพบปะกับนักกีฬา โดยหน้าเว็บของ Socios.com มีสัญญากับหลายสโมสร เช่น Juventus, AC Milan, Roma, Barcelona, PSG, Manchester City รวมถึงกีฬาอื่นอย่างลีก UFC และทีมอีสปอร์ต OG ด้วย จากภาพเราจะเห็นสปอนเซอร์ของ Inter Milan ใช้คำว่า $INTER แสดงถึง token ของสโมสร ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่ามูลค่าของดีลครั้งนี้เท่าไร และมีอายุสัญญาสปอนเซอร์นานกี่ปี
# Konami เปลี่ยนชื่อเกม Winning Eleven/PES มาเป็น eFootball, เปิดเป็น Free-to-Play Konami ประกาศช็อควงการเกมฟุตบอล เลิกใช้ชื่อเกม PES หรือ Pro Evolution Soccer ที่คนทั้งโลกคุ้นเคยมากว่า 25 ปี มาใช้ชื่อใหม่ eFootball พร้อมเปลี่ยนโมเดลเป็น free-to-play ดาวน์โหลดอย่างเดียว เลิกขายแผ่นแล้ว Konami เริ่มใช้แบรนด์คู่คือ eFootball PES ครั้งแรกในภาค 2020 (ที่ออกปี 2019 โดยมีอัพเดตเนื้อหาเป็นฤดูกาล 2021 ในภายหลัง) และคราวนี้คือถอดชื่อ PES ออกไปเลย เหลือแต่คำว่า eFootball เท่านั้น โดยเกมภาคใหม่จะเรียกว่า eFootball 2022 eFootball 2022 จะเปลี่ยนมาใช้เอนจินใหม่คือ Unreal แทนของเดิมที่ใช้ Fox Engine ของ Konami เอง (เอนจินของ Metal Gear Solid V), เปลี่ยนระบบแอนิเมชันและการควบคุม ทำให้บริษัทตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเกมเป็น eFootball เพื่อสะท้อนตัวตนสู่ยุคใหม่ เกม eFootball 2022 ยังเปลี่ยนมาใช้โมเดล free-to-play ตามยุคสมัย หาเงินจากการขายของในเกม เกมจะลงเกือบทุกแพลตฟอร์มคือ PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One, Windows 10, iOS, Android เกมจะเริ่มเปิดให้เล่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ คำถามที่หลายคนแถวนี้น่าจะสงสัยกันคือ ชื่อ PES กลายเป็น eFootball แล้วชื่อ Winning Eleven ที่ใช้ในญี่ปุ่น (และคนไทยเรียกตาม) จะเป็นอย่างไร คำตอบในหน้าเว็บ eFootball ภาษาญี่ปุ่น ก็ชัดเจนว่าจะเลิกใช้แบรนด์ Winning Eleven ด้วย เปลี่ยนมาเป็น eFootball ชื่อเดียวใช้ทั้งโลก ที่มา - Konami
# Google Maps ขยายฟังก์ชั่นดูความหนาแน่นบนรถไฟ, รถเมล์เพิ่มใน 100 ประเทศ Google Maps เปิดตัวฟังก์ชั่นดูความหนาแน่นของผู้คนตามขนส่งมวลชนสาธารณะ มาตั้งแต่ปี 2019 ในตอนนั้นเปิดใช้งานราว 200 เมืองใหญ่ทั่วโลก ล่าสุดกูเกิลขยายการใช้งานเพิ่มครอบคลุมหน่วยงานขนส่งสาธารณะ 1 หมื่นหน่วยงาน ใน 100 ประเทศ นอกจากนี้ Google Maps ยังเพิ่มของใหม่หลายอย่าง ในนิวยอร์กและซิดนีย์ ยังแสดงรายละเอียดเพิ่มด้วยว่า ในรถไฟแต่ละขบวนมรคนหนาแน่นมากขนาดไหน ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ระหว่างการทดลอง ใช้ข้อมูลจากหน่วยงานขนส่งมวลชน และมีแผนจะขยายไปยังพื้นที่อื่นในอนาคต Timeline Insights เป็นแท็บใหม่ให้กดดูข้อมูลย้อนหลังได้ว่าเราใช้เวลากับการเดินทางในแต่ละแบบนานเท่าไร และใช้เวลาในแต่ละสถานที่นานเท่าไร โดยต้องเป็นผู้ใช้แอนดรอยด์ที่เปิดโหมด Location History สำหรับการเขียนรีวิวร้านอาหารใน Google Maps ระบบจะแสดงเมนูพร้อมกดเพื่อให้เขียนรีวิวง่ายขึ้น ตามในรูปภาพด้านล่าง เปิดใช้งานแล้วในแอปมือถือเฉพาะสหรัฐฯ ที่มา - กูเกิล
# ผู้เล่นพบปัญหา เล่นเกม New World ของ Amazon แล้วการ์ดจอพัง ส่วนมากเป็น RTX 3090 ผู้ที่สั่งจองเกมและเข้าร่วมทดสอบ Closed Beta ของ New World เกม MMORPG จาก Amazon ที่เพิ่งเปิดให้เล่นเมื่อวานนี้จำนวนหนึ่งรายงาน ว่าพบปัญหาการ์ดจอพัง โดยส่วนใหญ่เป็นการ์ดจอยี่ห้อ EVGA รุ่น GeForce RTX 3090 FTW3 ที่มีราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บ EVGA สูงถึง 1,890 ดอลลาร์ (ราว 62,100 บาท) แต่ราคาจริงอาจแพงกว่านี้ ผู้เล่น Goatz รายงานปัญหานี้ในฟอรั่มของเกม เป็นรายแรก ก่อนมีผู้เล่นหลายคนเข้ามาคอมเม้นต์ว่าใช้การ์ดจอรุ่นเดียวกัน และมีอาการเดียวกัน คือพัดลมการ์ดจอทำงาน 100% ต่อเนื่องขณะเล่น ก่อนภาพจะดับไป และเมื่อเปิดเครื่องอีกครั้ง เมนบอร์ดก็ตรวจไม่พบการ์ดจอแล้ว Amazon และ EVGA ยังไม่ชี้แจงสาเหตุของปัญหา หรือออกแพทช์แก้ไข แต่เว็บไซต์ Windows Central เตือนผู้ที่ใช้การ์ดจอ RTX 3090 ว่ายังไม่ควรเล่นเกมนี้ในตอนนี้ จนกว่าจะมีการยืนยันว่าแก้ปัญหาได้แล้ว ที่มา - Windows Central
# Firefox 90 ถอด FTP ออกแล้ว Mozilla ถอด FTP ออกจาก Firefox 90 อย่างเป็นทางการ ตามที่ประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายน โดยก่อนหน้านี้ก็ปิดเป็นค่าเริ่มต้นตั้งแต่ Firefox 88 แต่ยังมีออปชั่นให้เปิดกลับมาได้ FTP นับเป็นโปรโตคอลดั้งเดิมของอินเทอร์เน็ต โดยตัวมันเองเกิดตั้งแต่ปี 1971 มาก่อน TCP/IP เสียอีก ในปีนี้ FTP ก็มีอายุครบ 50 ปีแล้ว แม้ว่ายุคหลังจะมีโปรโตคอลเพิ่มความปลอดภัย เช่น FTPS และ SFTP เข้ามาทดแทน แต่ก็ได้รับความนิยมจำกัด การแชร์ไฟล์สำหรับผู้ใช้ส่วนมากยังคงแชร์ไฟล์ผ่าน HTTP/HTTPS เป็นหลัก Chrome นั้นหยุดรองรับ FTP ไปตั้งแต่ Chrome 88 ที่ออกช่วงต้นปี 2021 ที่ผ่านมา หลังจากมีออปชั่นให้เปิดกลับมาใช้ได้ตั้งแต่ Chrome 77 ที่มา - Mozilla
# Samsung ยืนยัน Galaxy Unpacked จัด 11 สิงหาคมนี้ ภาพบัตรเชิญเน้นมือถือจอพับได้ Samsung เปิดเผยกำหนดการงาน Galaxy Unpacked รอบถัดไป จะจัดขึ้นวันที่ 11 สิงหาคมนี้ เวลา 21.00 น. สามารถรับชมได้ที่เว็บไซต์ Samsung หรือที่แชนแนล Youtube อย่างเป็นทางการของ Samsung อุปกรณ์หลักที่คาดว่าจะเปิดตัว อ้างอิงจากภาพบัตรเชิญ น่าจะเป็น Galaxy Z Fold และ Galaxy Z Flip รุ่นใหม่ ยังไม่แน่ชัดจะมีอุปกรณ์อื่นเช่น Galaxy Watch, Galaxy Buds รุ่นใหม่ หรือเปิดเผยข้อมูล Galaxy S21 FE ด้วยหรือไม่ คงต้องรอติดตามในวันที่ 11 สิงหาคมนี้อีกครั้ง ที่มา - Samsung
# ซีอีโอ iFixit บอก Apple, Samsung, Microsoft กีดกันการเข้าถึงชิ้นส่วน ลูกค้านำเครื่องไปซ่อมเองยาก สหรัฐฯและยุโรปบางประเทศ กำลับขับเคลื่อนทางกฎหมายให้เกิด Right to Repair หรือการที่ผู้บริโภคมีสิทธิ์นำอุปกรณ์มือถือไปซ่อมที่ไหนก็ได้ ไม่จำกัดเฉพาะศูนย์ซ่อมของผู้ผลิตเท่านั้น ล่าสุด Kyle Wiens ซีอีโอ iFixit เว็บแนะนำการซ่อมอุปกรณ์ชื่อดังที่คอยจัดอันดับความยากง่ายของการซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาวิจารณ์บริษัทเทคโนโลยีใหญ่อย่าง Apple, Samsung, Microsoft ว่าพยายามควบคุมการออกแบบผลิตภัณฑ์และห่วงโซ่อุปทาน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคและผู้ซ่อมที่เป็นบริษัทภายนอกเข้าถึงเครื่องมือและชิ้นส่วนที่จำเป็นเพื่อซ่อมแซมผลิตภัณฑ์ได้ ภาพประกอบ Galaxy Buds Pro Wiens ทำการวิจารณ์ระหว่างการพิจารณาเรื่อง Right to Repair โดย Productivity Commission เขาใช้โอกาสนี้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเพิ่มเติมบอกว่า มีผู้ผลิตแบตเตอรี่สัญชาติเยอรมันชื่อ Varta ขายแบตเตอรี่ให้กับบริษัทต่างๆ มากมาย รวมถึง Samsung นำไปใช้ในหูฟัง Galaxy แต่เมื่อคนอื่นอยากจะซื้อแบตเตอรี่จาก Varta บ้างกลับโดนปฏิเสธโดยอ้างว่าทำสัญญากับ Samsung ไว้แล้ว ด้าน Apple เองก็มีชิปเฉพาะตัว ทำให้การซ่อมแซมต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัท และ Apple เลือกที่จะส่งอะไหล่เก่าของตัวเองไปรีไซเคิลมากกว่าที่จะขายสู่ตลาด ซึ่งอาจมีคนเอาไปทำประโยชน์ต่อได้ ส่วน Microsoft Surface นั้นได้คะแนนการซ่อมจาก iFixit เป็นศูนย์ คือซ่อมยากที่สุด และยังมีกาวในแบตเตอรี่ด้วย ทำให้เข้าถึงชิ้นส่วนด้านในยากมาก ภาพ Surface Laptop 3 จาก Microsoft ในการพิจารณา Right to Repair มีอ้างอิงถึงฝรั่งเศส ที่ผู้ผลิตติดฉลากเผยให้รู้ว่าผลิตภัณฑ์ซ่อมได้มากแค่ไหน ตัวฉลากใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ สมาร์ทโฟน แล็ปท็อป โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า และเครื่องตัดหญ้า ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ดีขึ้น ที่มา - ZDNet
# Verizon เข้าร่วมโครงการ RCS, พรีโหลด Google Messages บนมือถือ Android Verizon เป็นโอเปอเรเตอร์ใหญ่รายสุดท้ายของสหรัฐ ที่เข้าร่วมโครงการ Rich Communications Service (RCS) ของกูเกิล โดยจะพรีโหลดแอพ Google Messages เป็นมาบนโทรศัพท์ Android ที่ตัวเองวางขายในปีหน้า ส่วนแอพ Verizon Message+ ของตัวเองก็จะรองรับ RCS ช่วงปลายปีด้วย กูเกิลได้รับการสนับสนุนจาก T-Mobile เป็นรายแรก ตามด้วย AT&T เมื่อต้นเดือนนี้ เท่ากับว่าตอนนี้ สมาร์ทโฟน Android ที่ขายผ่านโอเปอเรเตอร์ใหญ่ของสหรัฐทั้ง 3 ราย จะรองรับ RCS หมดแล้ว ช่วยให้ความฝันของกูเกิลที่ต้องการดัน RCS มาแทน SMS ใกล้ความจริงมากขึ้น ที่เหลือคงไปอยู่ที่ฝั่งแอปเปิล ว่าจะตอบสนองแรงกดดันให้ iPhone (ที่มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 50% ในสหรัฐ) รองรับ RCS แค่ไหนกัน ที่มา - Verizon
# Chrome 92 ออกแล้ว ตรวจจับเว็บ Phishing ได้เร็วขึ้น ประหยัดแบตกว่าเดิม กูเกิลออก Chrome 92 Stable ของใหม่ในฝั่งเดสก์ท็อปคือ phishing detection ทำได้เร็วขึ้น 50 เท่า และกินแบตเตอรี่น้อยลง (ลดพลังซีพียูลงไป 1.2%) จากเดิม Chrome ใช้วิธี image processing นำข้อมูลพิกเซลทั้งหมดบนจอมาวิเคราะห์ ว่าเว็บเพจที่แสดงเป็น phishing หรือไม่ กูเกิลได้ปรับเทคนิคใหม่ให้ลดจำนวนพิกเซลที่ต้องใช้งานลง ทำให้เร็วขึ้น ฝั่งแอนดรอยด์ สามารถปรับปุ่มในแถบเครื่องมือ (ระหว่าง URL กับปุ่มแสดงจำนวนแท็บ) เลือกได้ระหว่าง New Tab, Share, Voice Search ตัวเอนจิน Chromium เบื้องหลัง เพิ่มการรองรับ File Handling API ให้เว็บแอพ PWA เปิดไฟล์จาก OS ได้เป็นค่าดีฟอลต์ (เช่น ใช้ Google Docs เปิด .doc), Media Session API ให้เว็บแอพวิดีโอคอลล์สามารถเพิ่มปุ่มปิดไมค์ ปิดกล้อง วางสาย ได้จากอินเทอร์เฟซของเบราว์เซอร์ (ปัจจุบันอยู่ในหน้าเว็บ) เช่น กรณีของหน้าต่างแบบ picture-in-picture ที่มา - Chrome Releases, 9to5google, Chromium Blog
# DuckDuckGo เปิดทดสอบ Email Protection ตัวช่วยลบเมลจากการตามรอยหรือ email tracker DuckDuckGo เสิร์ชเอนจินเน้นความเป็นส่วนตัวเปิดทดสอบ Email Protection ตัวช่วยลบการตามรอยบนอีเมลหรือ email tracker โดยระบบจะลบให้ก่อนส่งเข้าไปยังอีเมลจริง วิธีการทำงานคือ เลือกใช้ที่อยู่อีเมล @duck.com ระบบจะลบตัวติดตามที่ซ่อนอยู่ออกจากอีเมลขาเข้า จากนั้นจะส่งต่อไปยังกล่องจดหมายปกติไม่ว่าจะใช้งาน Gmail, Yahoo เพื่อการอ่านที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ตัว Email Protection สามารถเทียบได้กับฟีเจอร์ Hide My Email บริการอีเมลชั่วคราว บน iCloud+ ของแอปเปิล ซึ่งเป็นการสร้างชื่ออีเมลสุ่มเพื่อรับอีเมล สามารถลบเมลทิ้งเมื่อไม่ต้องการได้ แต่ความแตกต่างคือ Email Protection ของ DuckDuckGo ใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้ ในขณะที่ Hide My Email ใช้งานเฉพาะบนอุปกรณ์แอปเปิลเท่านั้น DuckDuckGo ยังอิงงานวิจัยจาก Freedom to Thinker ด้วยว่า 70% ของอีเมลมีครื่องมือติดตาม ตรวจจับการเปิดกล่องข้อความได้ ตรวจอุปกรณ์ที่ใช้งานได้ สามารถนำไปสร้างโปรไฟล์และทำการเจาะกลุ่มโฆษณาได้อีก ผู้ที่สนใจต้องกดเข้าร่วมรายการรอ ดาวน์โหลด DuckDuckGo สำหรับ iOS หรือ Android > เปิดเมนูตั้งค่า > กด Beta Features > กด Email Protection > กด Join the Private Waitlist ที่มา - DuckDuckGo, Mac Rumors
# ปิดตำนาน Sony นำเกมชุดสุดท้ายของ PS Vita ขึ้น PS Store เรียบร้อยแล้ว แม้ Sony จะกลับลำ เปิด PS Store ของ PS3 และ PS Vita ต่อ หลังเจอเสียงคัดค้านจากผู้เล่น เมื่อประกาศเตรียมปิดตัว PS Store ของ PS3, PSP และ PS Vita แต่ Sony ยังหยุดรับเกมใหม่ขึ้น PS Store ของ PS Vita ตามกำหนดเดิม คือ 20 กรกฎาคมอยู่ดี แปลว่าหลังจากนี้ PS Vita จะไม่มีเกมใหม่วางขายบนสโตร์อีกต่อไป เว็บไซต์ข่าวเกม Push Square ได้รับข่าวจากพัฒนาอิสระ 2 เจ้า ว่ามีเกมเตรียมลง PS Store ของ PS Vita เป็นเกมชุดสุดท้ายเมื่อวานนี้ เกมแรกคือ Russian Subway Dogs จาก Spooky Squid Games ที่ให้ผู้เล่นสวมบทบาทเป็นสุนัขจรจัดในสถานีรถไฟมอสโก ทำภารกิจทั้งหาอาหารและเหล้าวอดก้าในสถานีผ่านแคมเปญเนื้อเรื่อง และ Arcade Mode ที่จะสร้างฉากแบบสุ่ม อีกเกมคือ Ultra Mission เกมยิงแอ็กชั่นอาร์เคด จากนักพัฒนาอิสระ Gumbo Machine ตัวเกมได้รับแรงบันดาลใจจากเกมตู้ยุคเก่าเช่น Robotron 2084 และมีระบบสร้างฉากแบบสุ่ม ทำให้เล่นได้เรื่อยๆ น่าเสียดายที่ในขณะที่ Nintendo กำลังประสบความสำเร็จกับ Nintendo Switch ส่วน Steam ก็เตรียมทำเครื่องเกมพกพา Steam Deck แต่ Sony กลับไม่มีวี่แววว่าจะทำเครื่องเกมพกพารุ่นใหม่ในเร็วๆ นี้เลย ที่มา - Push Sqaure
# รู้จัก Proton เครื่องมือสำคัญของ Steam Deck แปลงเกม Windows ให้เล่นได้บน Linux อีกหนึ่งประเด็นน่าสนใจของ Steam Deck คือ SteamOS 3.0 ระบบปฏิบัติการ ที่มี Arch Linux + KDE เป็นเบื้องหลัง แต่เกมส่วนใหญ่บน Steam นั้นรองรับเฉพาะ Windows Steam มีระบบ Steam Play ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกม Windows บน Linux ได้ ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า Proton ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับที่ Valve ใช้เพื่อรันเกม Windows บน Steam Deck Proton เป็นการ “fork” (หยิบซอร์สโค้ดจากโปรแกรมโอเพ่นซอร์สมาพัฒนาต่อ) มาจาก Wine (ย่อจาก Wine Is Not an Emulator) อีกที แนวทางของ Wine ไม่ได้เป็นอีมูเลเตอร์ตามชื่อ แต่ทำงานโดยแปลงการเรียก Windows API ไปเป็นการเรียก POSIX ของยูนิกซ์แทน ทำให้กระทบต่อประสิทธิภาพน้อยกว่าการนำโปรแกรมไปรันบนอีมูเลเตอร์ ปัจจุบัน Valve พัฒนา Proton จนมีเกมที่รองรับเพิ่มมากขึ้น (เทียบกับช่วงเปิดตัวในปี 2018) ถ้าใช้ตัวเลขอ้างอิงจาก ProtonDB เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลเกม Steam ที่เล่นผ่าน Proton มีเกมกว่า 15,000 เกม จาก 19,000 ที่มีผลการทดสอบ สามารถเล่นบน Linux ผ่าน Proton ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เกมยอดนิยม 10 อันดับแรกบน Steam กลับยังไม่สามารถเล่นผ่าน Proton ได้ถึง 4 เกม มีเพียง 3 เกม คือ CS:GO, DOTA 2 และ Team Fortress 2 ที่เล่นได้ในระดับ Native หรือเทียบเท่ากับการรันบนวินโดวส์ (และทั้งหมดคือเกมของ Valve เอง) ส่วนเกมอื่นเล่นได้ในระดับที่ลดหลั่นกันไป เช่น Grand Theft Auto V ได้ระดับ Gold, Rust ได้ระดับ Silver ปัญหาส่วนใหญ่ที่ทำให้เกมเล่นบน Proton ไม่ได้ มาจากระบบป้้องกันการโกง (Anti-Cheat) หลายระบบในเกมออนไลน์ เช่น BattleEye (PUBG) และ Easy Anti-Cheat (Apex Legends) ยังทำงานกับ Proton ไม่ได้ ทำให้เกมออนไลน์ซึ่งเป็นเกมยอดนิยมในยุคนี้อาจมีปัญหากับ Proton ได้ ซึ่ง Steam ก็ทราบปัญหานี้ และระบุไว้ใน FAQ ของ Steam Deck ว่ากำลังเร่งประสานกับผู้พัฒนาเกมเหล่านี้เพื่อให้ใช้งานได้ก่อนเครื่องวางจำหน่าย คงต้องมาติดตามในวันที่ Steam Deck วางจำหน่ายจริงอีกครั้ง ว่าประสิทธิภาพของเกมที่รันผ่าน Proton จะเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนปัจจุบัน เกมดังๆ ที่ยังเล่นผ่าน Proton ไม่ได้ มีทั้ง PUBG Destiny 2 Rainbow Six Siege Dead by Daylight DayZ Black Desert Online Hunt: Showdown เกมเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขทันเวลาหรือเปล่า และเกมที่ใช้ระบบ Anti-Cheat อื่น จะมีปัญหาตามมาหรือไม่ความเข้ากันได้นี้ อาจเป็นอีกเรื่องที่ชี้เป็นชี้ตายอนาคตของ Steam Deck ได้เลยทีเดียว ที่มา - PC World
# RentSpree PropTech Startup ฝีมือคนไทย คว้าเงินลงทุนรอบซีรีย์ A 250 ล้านบาท ดันมูลค่าธุรกิจสูงถึง 1,600 ล้านบาท HIGHLIGHT RentSpree ระดมทุน 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบซีรีย์ A นำโดย 645 Ventures เงินลงทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อการต่อยอดธุรกิจให้ครบวงจรมากขึ้น RentSpree ตั้งเป้าขยายทีมพัฒนาในไทยเป็น 300 คนภายในสิ้นปี 2022 RentSpree (เรนท์สพรี) แพลตฟอร์มช่วยเหลือการเช่าบ้านแบบครบวงจร ได้รับเงินทุน Series A มูลค่ากว่า 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณ 250 ล้านบาท โดยมี 645 Ventures กลุ่มนักลงทุนที่ร่วมลงทุนกับ RentSpree ตั้งแต่ Seed Round เป็น Lead Investor พร้อมด้วย Green Visor Capital และ Vesta Ventures RentSpree ได้เริ่มธุรกิจเมื่อปี 2016 และมีอัตราการเติบโตมากกว่า 2 เท่า ในทุกๆ ปี ปัจจุบัน RentSpree ถือเป็นสตาร์ทอัพด้านอสังหาฯ ที่มาแรงมากในสหรัฐอเมริกา เพราะได้เข้ามาแก้ปัญหาและเปลี่ยนแปลงระบบการเช่าบ้านให้รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น ตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงปัจจุบัน RentSpree มีผู้ใช้บริการมากกว่า 600,000 ราย ซึ่งได้ช่วยเหลือเจ้าของบ้านและเอเย่นต์ไปกว่า 100,000 คน ในการทำธุรกรรมการเช่าบ้านกว่า 500,000 รายการ คุณเอกบุตร สิริศุภางค์ COO และหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท เรนท์สพรี จำกัด เผยว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมา RentSpree ได้พิสูจน์ว่าทีมพัฒนาคนไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดระดับโลกอย่างสหัรฐอเมริกา เรามีทีมงานเริ่มต้นเพียง 7 คนและเป็นคนไทยทั้งสิ้น 6 คน คู่แข่งของ RentSpree มีมากมายนับไม่ถ้วนทั้งจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Zillow และสตาร์ทอัพใน Silicon Valley ที่เกิดขึ้นใหม่ทุกวัน แต่ RentSpree ยังสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดพร้อมทั้งนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาพัฒนาระบบให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้คุณเอกบุตร ยังได้กล่าวต่อว่า "การระดมทุน Series A ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับ RentSpree ที่จะพาให้สตาร์ทอัพคนไทยกลายเป็นยูนิคอร์นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งบริษัท และเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของเราว่าเราได้สร้างสิ่งที่มีประสิทธิภาพและสามารถแก้ไขปัญหาในธุรกิจอสังหาฯได้จริง" โดย RentSpree ระบุว่าแผนหลังจากนี้ คือ การต่อยอดธุรกิจเพื่อเป็นแพลตฟอร์มจัดการระบบเช่าบ้านแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยจะใช้เงินลงทุนในครั้งนี้เพื่อขยายทีมพัฒนาคนไทยจาก 55 คนเป็น 300 คนภายในสิ้นปี 2022 และขยายเซอร์วิสเพิ่มในส่วนของระบบจัดการเอกสาร ระบบจัดการบ้านเช่า และเครื่องมือสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างผู้เช่าและเอเย่นต์ได้ต่อไป นอกเหนือจากด้านเทคโนโลยีและการขยายธุรกิจแล้ว RentSpree ยังเฟ้นหาเพื่อนร่วมงานและผู้บริหารที่มีความสามารถทั้งในไทยและอเมริกา มาช่วยกันสร้างทีมและพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นบริษัทสตาร์ทอัพขนาดใหญ่ที่มีความทันสมัย เต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมพัฒนาขีดความสามารถไปพร้อมกับเรา รวมทั้งสร้างสรรค์โซลูชั่นและเซอร์วิสที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการมากขึ้น ทางด้าน Nnamdi Okike ผู้ร่วมก่อตั้งของ 645 Ventures บอกถึงแนวโน้มการเติบโตที่ส่งผลให้ RentSpree กลายเป็นสตาร์ทอัพดาวเด่นใน Silicon Valley ว่า "ช่วงปีที่ผ่านมาธุรกิจการเช่าบ้านได้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก RentSpree เป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีในการพัฒนาธุรกิจการเช่าบ้านให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนระบบจัดการแอปพลิเคชันออนไลน์ การคัดกรองผู้เช่าบ้าน การประเมินค่าเช่าและการอัปโหลดเอกสารต่างๆที่มีความปลอดภัยและรวดเร็ว ด้วยความเร็วในการเติบโตที่ RentSpree แสดงให้เห็นผ่าน Product ของพวกเขา เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะเห็นพวกเขาเปลี่ยนธุรกิจการเช่าบ้านทั้งหมด และพัฒนาแพลตฟอร์มคุณภาพระดับโลก" ติดตามข่าวสารของ RentSpree ได้ที่ https://www.facebook.com/RentSpreeThailand หรือ https://www.linkedin.com/company/rentspree-th/ และถ้าคุณมั่นใจในศักยภาพที่มี พร้อมระเบิดศักยภาพของตัวเอง ส่งเรซูเม่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเรนท์สพรีได้ที่ https://www.rentspree.com/careers-th/
# YouTube เพิ่มปุ่ม Super Thanks กดเปย์ให้ยูทูเบอร์ที่ชอบ ทดลองใช้ใน 68 ประเทศ YouTube เพิ่มฟีเจอร์ให้ทิปช่องที่เราชอบ คือ Super Thanks แฟนๆ สามารถซื้อ Super Thanks เพื่อแสดงความขอบคุณยูทูเบอร์ได้ และเป็นอีกช่องทางรายได้ของเจ้าชองช่องด้วย Super Thanks เป็นช่องทางให้ทิปเพิ่มเข้ามาจากของเดิมที่มีอยู่แล้วอย่าง Super Chat และ Super Stickers ให้ทิปได้ผ่านไลฟ์และบนคลิป Premieres ความแตกต่างของ Super Thanks คือ แฟนๆ สามารถเปย์ได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องรอเปย์ตอนมาไลฟ์อย่างเดียว มี 4 ราคาคือ $2, $5, $10 และ $50 เมื่อซื้อแล้ว YouTube จะทำการไฮไลต์คอมเม้นท์ของเราและจำนวนเงินที่เราเปย์เพื่อให้เจ้าของช่องได้เห็นเราชัดเจน Super Thanks ยังอยู่ในขั้นทดสอบใช้งาน แต่ YouTube ประกาศขยายทดสอบใช้งานไปยัง 68 ประเทศภายในปีนี้ ใช้งานได้ทั้งบนแอปมือถือและเดสก์ทอป และจะเปิดให้ใช้งานทั่วไปผ่าน YouTube Partner Program โดย YouTube คงนโยบายหักค่าคอมมิชชั่น 30% จากช่องทางทิปทั้งหมด ที่มา - YouTube, Engadget
# Instagram ทำ Sensitive Content Control เลือกระดับการแสดงเนื้อหาละเอียดอ่อนบนเมนู Explore ได้ Instagram เปิดช่องทาง Sensitive Content Control ผู้ใช้งานสามารถเลือกระดับของการแสดงเนื้อหาละเอียดอ่อนได้ว่าอยากให้ปรากฏบนหน้า Explore มากขนาดไหน วิธีการคือเข้าเมนูตั้งค่า > กดเมนู Account > กดเมนู Sensitive Content Control จะมองเห็นการตั้งค่าเนื้อหาเซนซิทีฟสามแบบคือ อนุญาตให้แสดงเนื้อหาเซนซิทีฟได้ (เมนูจะไม่แสดงในผู้ใช้ที่อายุไม่ถึง 18 ปี), จำกัดการแสดงเนื้อหาเซนซิทีฟ และ จำกัดการแสดงเนื้อหาขั้นสูงสุด เนื้อหาที่ผิดกฎชัดเจนอย่างภาพนู้ด เนื้อหาส่งเสริมการฆ่าตัวตาย การก่อการร้ายนั้นจะถูกลบออกจากแพลตฟอร์มอยู่แล้ว แต่ยังมีเนื้อหาบางจำพวกที่ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่เนื้อหาละเอียดอ่อน ยกตังอย่างโพสต์ที่มีการบรรยายชี้นำทางเพศ, บรรยายความรุนแรง หรือโพสต์ที่ออกไปในเชิงส่งเสริมสิ่งของบางอย่าง เช่น ยาสูบ เป็นต้น ซึ่งขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคนว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเราไม่อยากมองเห็น การตั้งค่า Sensitive Content Control นั้นอิงกับมาตรฐานใน Recommendation Guidelines หรือเนื้อหาที่ทั้ง Facebook และ Instagram แนะนำให้ผู้ใช้ ซึ่งจะเป็นเนื้อหาที่อยู่นอกเหนือจากโพสต์บุคคลที่เราติตดาม อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า การแสดงผลเนื้อหาระหว่างการตั้งค่าทั้งสามแบบ จะแตกต่างกันมากแค่ไหน ที่มา - The Verge, Facebook
# TweetDeck ปล่อยเวอร์ชันทดสอบจำกัดผู้ใช้งาน ยกเครื่องหน้าตาใหม่ แต่เครื่องมือยังครบครัน TweetDeck เครื่องมือสำหรับบริหารจัดการ Twitter ของกลุ่ม power users ที่ Twitter เป็นเจ้าของ ประกาศทดสอบฟีเจอร์ใหม่ตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ โดยภาพรวมมีการแสดงผลที่คล้ายกับการใช้งาน Twitter.com บนเบราว์เซอร์มากขึ้น คุณสมบัติใหม่ที่ TweetDeck พูดถึงได้แก่ เครื่องมือเสิร์ชขั้นสูง ที่กำหนดการค้นหาได้ดียิ่งขึ้น, การสร้างทวีตรองรับลูกเล่นต่าง ๆ ได้เหมือนบนแพลตฟอร์มอื่น, เพิ่มประเภทคอลัมน์แบบใหม่ เช่น Topics, Explore, Moments และมี Deck ที่ช่วยรวมคอลัมน์ในการแสดงผลไม่ให้เยอะเกินไป TweetDeck รูปแบบใหม่นี้ยังในสถานะการทดสอบ เฉพาะกับผู้ใช้งานกลุ่มเล็กแบบสุ่มในอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย โดยจะขยายกลุ่มผู้ใช้งานและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในอนาคต ที่มา: Engadget
# Netflix ไตรมาสล่าสุด สมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 1.54 ล้านคน ประกาศเตรียมเพิ่มบริการวิดีโอเกม ไม่คิดเงินเพิ่ม Netflix รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2021 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 19% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนเป็น 7,342 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 1,353 ล้านดอลลาร์ จำนวนสมาชิกในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 1.54 ล้านคน เป็น 209.18 ล้านคน ถ้าเทียบกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 8.4% โดย Netflix บอกเป็นไปตามที่บริษัทประเมินว่าการเติบโตปีนี้จะน้อยลง เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งการเติบโตสูงเพราะโควิด-19 คอนเทนต์ยอดนิยมในไตรมาสที่ผ่านมาได้แก่ Shadow and Bone มีคนดูมากกว่า 55 ล้านคน ใน 28 วันแรก ส่วน Sweet Tooth มีคนดูมากกว่า 60 ล้านคน และ Lupin มีคนดู 54 ล้านคน ในรายงานนี้ Netflix ยังเปิดเผยว่าบริษัทเตรียมขยายไปสู่คอนเทนต์รูปแบบใหม่ ๆ รวมทั้งการผลิตเกมจากซีรี่ส์ Stranger Things ตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ โดยไม่มีการเก็บค่าสมาชิกเพิ่มเติม เบื้องต้นจะรองรับการเล่นเฉพาะบนมือถือก่อน ที่มา: Netflix (pdf)
# ไต้หวันรับรองวัคซีนจากบริษัทในประเทศ แม้มีผลเพียงเฟส 2 ไต้หวันรับรองวัคซีน MVC-COV1901 จากบริษัท Medigen Vaccine Biologics หลังจากผ่านการทดสอบเฟส 2 ที่อาศัยเพียงการวัดภูมิต้านทานของผู้ได้รับวัคซีน โดยไม่ต้องรอเฟสสามที่ทดสอบอัตราการป้องกันการติดเชื้อจริง รัฐบาลไต้หวันตั้งเงื่อนไขสำหรับวัคซีนด้วยเงื่อนไขเฟส 2 คือระดับภูมิที่ขอบล่างของช่วงความมั่นใจ 95% ต้องไม่ต่ำกว่า 0.67 เท่าของวัคซีน AstraZenezca และระดับการตอบสนองต่อไวรัส (seroresponse rate) ต้องไม่ต่ำกว่า 50% โดย MVC-COV1901 ให้ผลได้ดีทั้งคู่ ผู้ได้รับวัคซีนมีภูมิถึง 3.4 เท่าของกลุ่มที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca และอัตราตอบสนองต่อไวรัสอยู่ที่ 95.5% วัคซีนตัวอื่นๆ ที่ใช้ในโลกมักต้องอาศัยผลวิจัยเฟส 3 ซึ่งต้องแบ่งกลุ่มฉีดวัคซีนปลอมและวัคซีนจริง และรอจนมีผู้ติดเชื้อครบจำนวน เพื่อหาประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันโรคที่แท้จริง แต่ในไต้หวันเองจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำมาก การวิจัยเฟส 3 ทำได้ยาก โดยไต้หวันระบุเงื่อนไขการอนุญาตวัคซีนว่า ต้องติดตามประสิทธิภาพที่แท้จริงและรายงานภายในหนึ่งปีข้างหน้า ไต้หวันสั่งซื้อ MVC-COV1901 ไว้แล้ว 5 ล้านโดสสำหรับประชากร 2.5 ล้านคน และมีข้อตกลงสั่งเพิ่มเติมอีก 5 ล้านโดส คาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้จริงเดือนสิงหาคมนี้โดยปริมาณช่วงแรกไม่มากนัก ที่มา - Medigen, Reuters ภาพโดย MiroslavaChrienova
# Blue Origin ทำภารกิจพา Jeff Bezos และผู้โดยสาร 3 คนไปสัมผัสอวกาศได้สำเร็จ โครงการ Blue Origin เป็นโครงการตามล่าความฝันที่จะไปอวกาศของ Jeff Bezos ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก เป็นผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ Amazon โดย Jeff ก่อตั้ง Blue Origin เพื่อพัฒนาจรวดและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหนึ่งในโมเดลธุรกิจคือการขายตั๋วให้เศรษฐีที่อยากไปสัมผัสอวกาศ หลังจากพัฒนาเทคโนโลยีของตนมาเกือบ 20 ปี ทดสอบยิงจรวดไปกว่า 20 ครั้ง ล่าสุดวันนี้ Blue Origin ได้ทำภารกิจยิงจรวด New Shepard พร้อมผู้โดยสาร 4 คนขึ้นสู่อวกาศและกลับมาลงจอดได้สำเร็จ จรวด New Shepard ถูกยิงออกจากฐานยิงที่เมือง Van Horn รัฐ Texas เมื่อเวลา 20:13 น. ของวันที่ 20 กรกฎาคม 2021 ตามเวลาประเทศไทย มีผู้โดยสาร 4 คนคือ Jeff Bezos, Mark Bezos น้องชายของ Jeff, Wally Funk อดีตนักบินหญิงอายุ 82 ปี ทำสถิติมนุษย์ที่อายุมากที่สุดที่ขึ้นสู่อวกาศ และ Oliver Daemen ลูกชายอายุ 18 ปีของมหาเศรษฐีจากเนเธอร์แลนด์ ทำสถิติมนุษย์ที่อายุน้อยที่สุดที่ขึ้นสู่อวกาศ หลังยิงจรวดออกไปราว 3 นาที แคปซูลที่ผู้โดยสารประจำอยู่ก็แยกตัวออกจากจรวด New Shepard ไล่เลี่ยกับการผ่าน Kármán Line หรือจุดที่ถือว่าเข้าสู่อวกาศ โดยขึ้นไปสูงสุดที่ราว 107 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล และจุดนี้จะเป็นช่วงที่ผู้โดยสารได้ลิ้มรสความรู้สึกของภาวะไร้แรงโน้มถ่วงด้วย ในขณะเดียวกัน จรวด New Shepard ก็ร่อนกลับมาลงจอดบนพื้นโลกได้สำเร็จราว 4 นาทีหลังแยกตัว ราว 8 นาทีครึ่งหลังยิงจรวด แคปซูลก็ตกกลับลงมาถึงความสูงราว 1.4 กิโลเมตรก่อนจะปล่อยร่มชูชีพเพื่อลดความเร็ว และลงแตะพื้นโลกอย่างปลอดภัย โดยทีมงานได้เข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยและต้อนรับผู้โดยสารทั้ง 4 คนกลับสู่โลก อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางอย่าง Blue Origin ไม่ได้ถ่ายทอดสดบรรยากาศภายในแคปซูลที่ผู้โดยสารอยู่ออกมาให้เราได้เห็น แต่ได้ปล่อยรูปนิ่งกับคลิปวิดีโอภายในแคปซูลออกมาระหว่างงานแถลงข่าวหลังจบภารกิจ ก่อนหน้านี้เพียง 9 วัน Virgin Galactic นำโดย Richard Branson ก็เพิ่งทำภารกิจพามนุษย์ไปอวกาศมาเช่นกัน แต่ของ Virgin ขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ราว 86 กิโลเมตร ซึ่งหลายประเทศไม่ถือว่าเป็นอวกาศ หากใครสนใจไปสัมผัสอวกาศ ขณะนี้ทั้ง Virgin Galactic และ Blue Origin ได้เปิดขายตั๋วแก่บุคคลทั่วไปแล้ว โดย Virgin Galactic ขายที่นั่งละ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.2 ล้านบาท ส่วน Blue Origin ยังไม่เปิดเผยราคาแต่ให้ติดต่อแสดงความสนใจได้แล้ว ย้อนดูการถ่ายทอดสดได้ท้ายข่าว ที่มา - Blue Origin Live, Space.com ภาพทั้งหมดโดย Blue Origin
# กูเกิลเลื่อนใช้นโยบายชำระเงินในแอปเป็น มี.ค. 2022 เพราะนักพัฒนาในพื้นที่ระบาดปรับตัวไม่ทัน กูเกิลเพิ่มทางเลือก เลื่อนใช้นโยบายชำระเงินในแอปหรือ Play Billing (แอปที่จัดจำหน่ายผ่าน Google Play จะถูกบังคับให้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าดิจิทัล in-app purchase ผ่านระบบของกูเกิลอย่างเข้มงวดขึ้น) ไปเป็นเดือนมีนาคม 2022 จากเดิมที่มีผลเดือนกันยายนนี้ เนื่องจากนักพัฒนา Android ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะทีมวิศวกรที่อยู่ในเขตพื้นที่ระบาดหนัก เกิดความลำบากเมื่อต้องอัพเดตระบบให้ทันตามเวลา โดยบริษัทและนักพัฒนารายใดที่ต้องการเลื่อนนโยบายชำระ ต้องเข้าไปยื่นอุทธรณ์การขยายเวลาผ่านศูนย์ช่วยเหลือ ในช่วงที่ประกาศนี้ กูเกิลกำลังถูกกดดันจากการฟ้องร้องใหญ่ของอัยการกว่า 30 รัฐฯในสหรัฐ เรื่องการผูกขาดบน Google Play Store ในเกาหลีใต้ก็กำลังมีความพยายามเสนอกฎหมายห้ามกูเกิลบังคับใช้นโยบาย Play Billing ท่ามกลางความกดดัน กูเกิลได้ออกนโยบายกลดค่าส่วนแบ่ง Play Store จาก 30% เหลือ 15% สำหรับบริษัทที่รายได้ 1 ล้านดอลลาร์แรก และลดเหลือ 15% สำหรับแอปกลุ่ม Media วิดีโอ เพลง อีบุ๊ก กระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีในเกาหลีใต้ ทำการสำรวจ พบว่า 60% ของผู้ที่ทำงานในธุรกิจสิ่งพิมพ์ การ์ตูน เกม และเพลง มีอายุต่ำกว่า 35 ปี และครีเอเตอร์รุ่นใหม่ก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตลาดเนื้อหาดิจิทัล ครีเอเตอร์และเอเจนซี่มีความกังวลว่า นโยบายของกูเกิลจะส่งผลให้เนื้อหาดิจิทัลมีราคาแพงขึ้น ส่งผลต่อครีเอเตอร์หน้าใหม่ ที่มา - 9to5Google, Korea Herald
# มาเลเซียใช้รถบดถนน ทำลายเครื่องขุดบิตคอยน์กว่า 1,069 เครื่องที่ยึดได้บนเกาะบอร์เนียว กรมตำรวจมาเลเซีย ยึดเครื่องขุดเหมืองบิตคอยน์ได้กว่า 1,069 เครื่องในเมืองมิริ เกาะบอร์เนียว หลังบุกทลายเหมืองที่ลักลอบใช้ไฟจากสายส่งของ Sarawak Energy แบบผิดกฎหมาย คิดเป็นเงินกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนนำเครื่องขุดมูลค่ากว่า 1.26 ล้านดอลลาร์ที่ยึดได้ มาทำลายด้วยการขับรถบดถนนทับตามคำสั่งศาล แทนขายต่อหรือนำมาประมูลแบบที่ประเทศจีนทำ แม้การขุดเหมืองบิตคอยน์ในมาเลเซียจะไม่ผิดกฎหมาย แต่การลักลอบใช้ไฟฟ้า มีโทษปรับสูงสุด 100,000 ริงกิตมาเลเซีย (ราว 780,000 บาท) หรือจำคุก 5 ปี ตามกฎหมาย Electricity Supply Act Hakemal Hawari ผู้ช่วยผู้บังคับการของกรมตำรวจมาเลเซีย (Assistant Commissioner) ระบุเพิ่มเติมว่านอกจากมูลค่าการใช้ไฟฟ้าแล้ว การขโมยใช้ไฟของผู้ลักลอบขุดเหมืองบิตคอยน์ครั้งนี้ ยังทำบ้านเรือนเกิดไฟไหม้ไปแล้ว 3 หลัง (คาดว่าจากการลอบตัดต่อสายไฟ และใช้ไฟปริมาณมาก) Cambridge Center for Alternative Finance ศูนย์ศึกษาระบบการเงินทางเลือก เช่นระบบบล็อกเชนและคริปโต ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประมาณการว่าเหมืองบิตคอยน์ทั้งโลกราว 3.44% อยู่ในมาเลเซีย ติด 10 อันดับแรกของประเทศที่มีเหมืองบิตคอยน์มากที่สุดในโลก และก่อนหน้านี้เคยมีกรณีเหมืองบิตคอยน์ที่มะละกา ขโมยใช้ไฟของบริษัท Tenaga Nasional Berhad มูลค่ากว่า 2.2 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว ที่มา - CNBC
# หยุดไม่อยู่ Tencent เข้าถือหุ้นใหญ่ Stunlock Studios ผู้สร้างเกม Battlerite Royale หลังมีข่าว Tencent เข้าซื้อกลุ่มสตูดิโอพัฒนาเกม Sumo Group ยังไม่จบแค่นั้น Tencent ยังเข้าซื้อหุ้นบริษัท Stunlock Studios ทีมพัฒนาสัญชาติสวีเดนเพิ่มจนอยู่ในสถานะผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว ส่วน Stunlock ระบุว่าบริษัทไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจใดๆ แค่ได้รับการสนับสนุนจาก Tencent เพิ่มเท่านั้น Stunlock Studios เป็นผู้สร้างเกม Battlerite Royale เกมแนว Battle Royal ผสม MOBA ที่วางขายเมื่อปี 2018 และเป็นผู้สร้างเกมแอ็กชั่นแบบมุมมองด้านบน เช่น Bloodline Champions, Dead Island: Epidemic และ Battlerite ภาคแรกในปี 2016 Tencent เป็นผู้จัดจำหน่ายเกม [Battlerite]ในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2016 และถือหุ้น Stunlock Studios ส่วนหนึ่งมาตั้งแต่ปี 2019 ก่อนซื้อหุ้นเพิ่มจนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่มา - Gameindustry.biz
# YouTube เข้าซื้อ Simsim แพลตฟอร์มเชื่อมธุรกิจและอินฟลูเอนเซอร์ในอินเดียเข้าด้วยกัน YouTube ประกาศเข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพทำโซเชียลคอมเมิร์ซในอินเดีย Simsim โดยไม่เปิดเผยมูลค่าดีล Simsim เพิ่งก่อตั้งมาได้ 2 ปีเท่านั้น โมเดลธุรกิจคือช่วยให้ธุรกิจรายเล็กให้สามารถปรับตัวสู่ดิจิทัลในรูปแบบโซเชียลคอมเมิร์ซ เน้นการสร้างคอนเทนต์ และวิดีโอ โดย Simsim เป็นแพลตฟอร์มกลางเชื่อมโยงธุรกิจกับอินฟลูเอนเซอร์เข้าด้วยกัน การทำงานของ Simsim คือ อินฟลูเอนเซอร์โพสต์วิดีโอรีวิวแนะนำสินค้าจากธุรกิจ ผู้ใช้งานเข้ามาดูและกดซื้อสินค้านั้นๆ ได้ใน Simsim เลย ตัวบริษัทระดมทุนล่าสุดได้ 17 ล้านดอลลาร์ และมีมูลค่าบริษัทที่ 50.1 ล้านดอลลาร์ในรอบการจัดหาเงินทุน Series B เมื่อปี 2020 YouTube ระบุเป้าหมายการเข้าซื้อกิจการว่า ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและผู้ค้าปลีกในอินเดียเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น Simsim จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทันที ตัวแอปจะยังทำงานได้เหมือนเดิม และ YouTube กำลังมองหาวิธีการให้ Simsim เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ YouTube มากขึ้น ที่มา - TechCrunch, กูเกิล
# ไม่ถูกทิ้ง Windows 10 ได้ฟีเจอร์ DirectStorage แบบเดียวกับ Windows 11 ผ่าน SDK แยก ไมโครซอฟท์ประกาศนำฟีเจอร์ DirectStorage API ที่เริ่มใช้ใน Xbox Series X|S ตามด้วย Windows 11 มาใช้กับ Windows 10 ด้วย โดยใช้ได้กับ Windows 10 v1909 ขึ้นไป DirectStorage API เป็นเทคโนโลยีด้าน I/O ที่ช่วยลดคอขวดของการดึงข้อมูลจากดิสก์ ที่จากเดิม แอพ/เกมต้องสั่งดึงข้อมูลเองตามคิว เปลี่ยนมาเป็นการเรียกผ่าน API ให้ดึงข้อมูลชิ้นเล็กๆ แต่ขนานไปพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป็นการดึงพลังของสตอเรจยุคใหม่อย่าง NVMe ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ผลคือเกมโหลดเร็วขึ้นมาก Windows 11 มีฟีเจอร์ DirectStorage มาให้ในตัว แต่เกมที่จะเรียกใช้บน Windows 10 จำเป็นต้องผนวก DirectStorage SDK เข้ามาด้วย ลักษณะเดียวกับการทำ DirectX 12 Agility SDK ของฝั่งกราฟิก Shader ที่ไมโครซอฟท์ยอมให้พ่วงมากับเกมบน Windows 10 เพื่อความเข้ากันได้ย้อนหลังเช่นกัน ที่มา - Microsoft
# ผู้ใช้ NVIDIA Shield ไม่พอใจ หลัง Google เพิ่มแบนเนอร์โฆษณาในหน้าแรก ผู้ใช้ NVIDIA Shield แห่ถล่มรีวิว แอป Android TV Home จนเหลือแค่ 1 ดาว และแสดงความไม่พอใจมากมายบน Reddit หลังอัพเดต UI ใหม่ของ Android TV เพิ่มแถบแบนเนอร์ Recommendations ขนาดใหญ่เข้ามาบนหน้าโฮม แม้ Google จะเรียกแบนเนอร์นี้ว่า Recommendations และระบุว่าเป็นแบนเนอร์แนะนำคอนเทนต์สตรีมมิ่งที่น่าสนใจให้กับคนดู แต่การที่แบนเนอร์นี้แนะนำคอนเทนต์จากบริการที่ผู้ใช้ไม่ได้สมัครไว้ ทำให้ไม่ต่างอะไรจากการลงโฆษณา บนอุปกรณ์เช่น NVIDIA Shield ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีโฆษณาเหมือนบนอุปกรณ์อื่น แม้ผู้ใช้จะสามารถลง Launcher อื่น ที่ไม่มีแบนเนอร์ผ่าน ADN (Android Debug Bridge) เปิดหน้าโฮมเป็นแบบ Apps Only หรือโรลแบ็คการอัพเดตกลับไปเวอร์ชั่นก่อนหน้าได้ แต่ก็เป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยาก และผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ทราบ คงต้องติดตามดูว่าการออกมาเรียกร้องของผู้ใช้ NVIDIA Shield ครั้งนี้ Google จะมีการปรับปรุงหรือไม่ ที่มา - Gizmodo
# สำนักข่าวรวมตัวแฉสปายแวร์ Pegasus รัฐบาลเผด็จการซื้อไปใช้สอดส่องนักข่าว นักเคลื่อนไหว ตอนนี้กำลังมีประเด็นใหญ่เรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ โดย Amnesty International และสำนักข่าวใหญ่ 17 แห่ง เช่น The Guardian, Washington Post ออกรายงานเปิดโปงว่ามัลแวร์ Pegasus ของบริษัท NSO Group ในอิสราเอล มีรัฐบาลหลายประเทศนำไปใช้งานสอดส่อง โดยพบว่ามี นักเคลื่อนไหว นักข่าว นักการเมือง ถูกติดตามตัวด้วย แม้ NSO Group จะยืนยันว่าขายเครื่องมือให้รัฐบาลไปติดตามกลุ่มก่อการร้ายและอาชญากร Photo by Burst on StockSnap Pegasus เป็นซอฟต์แวร์สอดส่องที่มีความซับซ้อน เมื่อถูกติดตั้งในมือถือแล้ว จะสามารถเอาข้อมูลไปได้หลายอย่างทั้งหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ติดต่อ ข้อความอีเมล ข้อความ Facebook, Skype, WhatsApp, Viber, WeChat และ Telegram ที่สำคัญคือกระบวนการติดตั้ง Pegasus อาศัยการโจมตีแบบ Zero-Click ซึ่งไม่ต้องการการโต้ตอบใดๆ จากเป้าหมายเลย ในรายงานยังพบด้วยว่า รูปแบบการโจมตี Zero-Click นี้ สามารถโจมตีเครื่อง iPhone 12 ในระบบ iOS 14.6 ได้สำเร็จเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้เอง ตัวบริษัท NSO Group มีลูกค้าอยู่ใน 10 ประเทศ ได้แก่ อาเซอร์ไบจาน บาห์เรน ฮังการี อินเดีย คาซัคสถาน เม็กซิโก โมร็อกโก รวันดา ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Washington Post เผยว่า รัฐบาลในบางประเทศนำสปายแวร์ตัวนี้ไปใช้แฮ็กข้อมูลสมาร์ทโฟน 37 เครื่อง เบอร์โทรที่รวบรวมมาได้มีทั้งที่เป็นของประมุขแห่งรัฐและนายกรัฐมนตรี, สมาชิกของราชวงศ์อาหรับ, นักการทูตและนักการเมือง ตลอดจนนักเคลื่อนไหวและผู้บริหารธุรกิจ ภาพจากเอกสารแนบคำฟ้องคดีเก่า WhatsApp ฟ้อง NSO Group ตอนนี้พบว่ามีอุปกรณ์ที่มีร่องรอยถูกโจมตีด้วย Pegasus มากกว่า 50,000 รายที่เชื่อว่าเป็นเป้าหมายของลูกค้าของ NSO ตั้งแต่ปี 2016 ส่วนหนึ่งในรายชื่อมีนักข่าวองค์กรสื่อทั่วโลก เช่น Agence France-Presse, The Wall Street Journal, CNN, The New York Times, Al Jazeera, France 24, Radio Free Europe, Mediapart, El País, the Associated Press, Le Monde, Bloomberg, the Economist, Reuters และ Voice of America ด้าน NSO Group ออกมาแถลงว่าจุดประสงค์ของ Pegasus นั้นใช้เพื่อความปลอดภัย และรับมือภัยก่อการร้าย รายงานสืบสวนดังกล่าวเต็มไปด้วยสมมติฐานที่ผิดและทฤษฎีที่ไม่มีการยืนยัน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลด้วยว่า NSO Group ใช้บริการคลาวด์ CloudFront ของ AWS ซึ่ง AWS ออกมาเผยว่าได้ลบกิจกรรมของ NSO Group ออกจากระบบแล้ว NSO Group เป็นประเด็นด้านความปลอดภัยหลายครั้ง ก่อนหน้านี้ ก็ถูกบริษัทไอทีรายใหญ่หลายรายรวมตัวฟ้อง ฐานให้บริการแฮ็กข้อมูลในโทรศัพท์, WhatsApp เคยยื่นฟ้องฐานยิงมัลแวร์เข้าเครื่องผู้ใช้ 1,400 ราย ที่มา - Amnesty International , Al Jazeera , CNET
# GlobalFoundries ขยายโรงงานผลิตชิปในนิวยอร์ก, เปิดตัวโลโก้ใหม่ แบรนด์ใหม่ GF GlobalFoundries หรือ GF บริษัทผู้ผลิตชิปที่แยกตัวจาก AMD ในปี 2009 ประกาศขยายโรงงานเดิมในรัฐนิวยอร์ก ใช้เงินลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มความสามารถในการผลิต (นับเป็นจำนวนแผ่นเวเฟอร์) อีก 150,000 แผ่นต่อปี นอกจากนี้ GF ยังประกาศสร้างโรงงานใหม่ที่นิวยอร์กด้วย โดยระบุว่าจะช่วยจ้างงานเพิ่ม 1,000 ตำแหน่ง แต่ไม่บอกกำลังการผลิต บอกแค่ว่าจะขอระดมทุนจากหน่วยงานภาครัฐด้วย ตามนโยบายการสร้างซัพพลายเชนของการผลิตชิปบนแผ่นดินอเมริกา เดือนที่แล้ว GF เพิ่งประกาศสร้างโรงงานใหม่ในสิงคโปร์ กำลังการผลิตเวเฟอร์ 450,000 แผ่นต่อปี และประกาศขยายโรงงานเดิมในเยอรมนี รวมถึงล่าสุดเพิ่งมีข่าวลือว่า อินเทลสนใจซื้อกิจการ GF ทั้งบริษัทด้วย นอกจากนี้ GlobalFoundries ยังเปิดตัวโลโก้ใหม่ที่ใช้ตัวอักษร GF แทนของเดิมที่เป็นลูกโลกสีส้มด้วย โดยบริษัทจะเริ่มใช้แบรนด์ตัวย่อ GF แทนชื่อเต็มให้มากขึ้นด้วย ที่มา - GlobalFoundries
# NVIDIA โชว์เดโม พีซี Arm เล่นเกม ใช้จีพียู RTX รองรับ Ray Tracing และ DLSS แล้ว NVIDIA โชว์เดโมการใช้จีพียู GeForce RTX 3060 คู่กับซีพียู Arm (เป็น MediaTek Kompanio 1200) แล้วสามารถใช้ฟีเจอร์ RTX On อย่าง ray tracing และ DLSS ได้ด้วย เกมที่นำมาโชว์คือ Wolfenstein: Youngblood และ The Bistro (เป็นเกมต้นแบบในโครงการ Open Research Content Archive ของ NVIDIA เอง ใช้เอนจิน Amazon Lumberyard) เดโมทั้งหมดรันบนลินุกซ์ (จากภาพหน้าจอเป็น Arch Linux) โดย NVIDIA พัฒนา SDK ให้รองรับฟีเจอร์หลายอย่างของการ์ดตระกูล RTX แล้ว ในแง่ศักยภาพของเกมคงไม่ต่างจาก RTX On เวอร์ชัน x86 ในปัจจุบัน แต่เดโมนี้เป็นการเปิดทางสู่พีซีสถาปัตยกรรม Arm เพื่อการเล่นเกมในอนาคตอันใกล้นี้ ในแถลงการณ์ของ NVIDIA ยังมีเสียงสนับสนุนจากเอนจินชื่อดังทั้ง Unreal, Unity, id Tech จึงถือเป็นสัญญาณว่าเราจะเห็นเอนจินเหล่านี้รองรับ RTX บน Arm/Linux อย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน ที่มา - NVIDIA
# เปิดตัว Tom Clancy’s XDefiant เกมยิงใหม่แบบทีม 6v6 Free-to-Play จาก Ubisoft Ubisoft เปิดตัวเกมใหม่ Tom Clancy’s XDefiant เกมยิงมัลติเพลเยอร์ 6v6 แบบ free-to-play ลักษณะคล้ายๆ Overwatch หรือ Apex Legends โดยใช้ตัวละครจากจักรวาลเกมตระกูล Tom Clancy's ของตัวเอง เช่น Ghost Recon, Splinter Cell, The Division แบ่งออกเป็น 4 ฝ่าย มีความสามารถและคลาสต่างกัน ตัวละครในเกมเรียกว่า Defiant รองรับการคัสตอมหน้าตา ความสามารถ อาวุธ อย่างเต็มที่ (การคัสตอมจะถือเป็นจุดเด่นของเกมนี้) มีโหมดให้เล่นหลากหลาย เช่น Team Deathmatch, Domination, Escort เกมจะลงหลายแพลตฟอร์มคือคอนโซล PlayStation 5, PlayStation 4, Xbox Series X|S, Xbox One, พีซี Ubisoft Connect, Luna, Stadia โดยรองรับ cross-play มาตั้งแต่แรก เกมจะเปิดทดสอบในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา 5 สิงหาคมนี้ ที่มา - Ubisoft, GameInformer
# CNN+ มาแล้ว สตรีมมิ่งฉายรายการสด ข่าว ไลฟ์สไตล์ บันเทิง เปิดตัวต้นปี 2022 CNN เปิดตัว CNN+ สตรีมมิ่งฉายเนื้อหารายการข่าว ไลฟ์สไตล์ หนังต่างๆ เปิดตัวต้นปี 2022 ยังไม่ระบุราคา แต่เบื้องต้นทาง CNN บอกว่า ไม่มีระบบรองรับโฆษณา CNN บอกว่า CNN+ จะนำเสนอรายการออริจินัล รายการสด รายการออนดีมานด์ ซึ่งจะแตกต่างจากรายการทีวีตามปกติที่ CNN ทำอยู่เช่น CNN International, HLN และ CNN en Español ใน CNN+ จะมีรายการสดจำนวน 8-12 ชั่วโมง นำเสนอเนื้อหาเจาะลึกเฉพาะเรื่องและไลฟ์สไตล์จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านใน CNN เปิดให้ผู้ชมได้มีโอกาสสนทนาเรียลไทม์กับผู้ดำเนินรายการ โดย CNN+ จะสามารถลดช่องว่างระหว่างรายการข่าวกับรายการบันเทิงเข้าด้วยกัน ภาพจาก CNN รายการออริจินัลน่าสนใจของ CNN คือ Anthony Bourdain: Parts Unknown และ United Shades of America เป็นต้น CNN+ จะเป็นสตรีมมิ่งแยก แม้ Variety เคยรายงานก่อนหน้านี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ CNN+ จะบันเดิลหรือรวมกับ HBO Max เนื่องจากอยู่ในเครือเดียวกันคือ WarnerMedia ในยุคที่มีสตรีมมิ่งเต็มไปหมดแบบนี้ น่าสนใจว่า CNN+ จะดึงดูดคนอย่างไรให้พร้อมจ่ายสำหรับดูรายการ CNN ที่มา - TechCrunch
# iOS 14.7 มาแล้ว รองรับ MagSafe Battery Pack และแก้ไขบั๊กหลายรายการ แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 14.7 ซึ่งเป็นอัพเดตใหญ่ล่าสุดของระบบปฏิบัติการ iOS 14 ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตโดยไปที่ Settings แล้วเลือก General > Software Update รายละเอียดที่สำคัญในอัพเดตรอบนี้มีดังนี้ รองรับ MagSafe Battery Pack สำหรับ iPhone 12 Apple Card Family สามารถกำหนดเครดิตลิมิตรวมได้ รองรับการตั้งค่าจับเวลา (Timer) ใน HomePod ผ่านแอป Home แก้ไขบั๊กหลายรายการ อาทิ การแชร์เพลย์ลิสต์ใน Apple Music, ปัญหา Dolby Atmos ใน Apple Music แบบ lossless ส่วนบั๊ก Wi-Fi %p%s%s%s%s%n มีการแก้ไขเช่นกัน แต่แอปเปิลไม่ได้ระบุ อัพเดตครั้งนี้มีเฉพาะ iOS 14.7 จึงมีผลเฉพาะ iPhone และ iPod touch โดยยังไม่มีอัพเดตของ iPadOS ที่ปกติจะออกมาพร้อมกัน แอปเปิลยังออกอัพเดตระบบปฏิบัติการอื่นในเครือด้วยดังนี้ watchOS 7.6 รองรับ ECG และการตรวจจับหัวใจเต้นผิดปกติเพิ่มอีก 30 ประเทศ HomePod 14.7 รองรับการตั้งค่าเวลาผ่านแอป Home จากเดิมต้องทำผ่าน Siri เท่านั้น tvOS 14.7 ปรับปรุงการใช้งานทั่วไป ที่มา: MacRumors [1], [2], [3], [4]
# ไมโครซอฟท์ยืนยัน Windows 11 ฝั่งธุรกิจ ใช้ Dark Mode เป็นค่าดีฟอลต์ ไมโครซอฟท์ประกาศข้อมูลเล็กๆ ในงาน Microsoft Inspire เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า Windows 11 สำหรับภาคธุรกิจ (commercial SKU) จะใช้ธีมสีเข้ม dark mode เป็นค่าดีฟอลต์ โดยให้เหตุผลว่าผู้ใช้พีซีฝั่งธุรกิจต้องอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานๆ จึงเลือกธีมสีเข้มเพื่อให้สบายตามากกว่า ในหน้า Windows 11 for Business ไมโครซอฟท์ใช้ธีมสีเข้มทั้งหมด ในขณะที่หน้า Windows 11 รุ่นปกติ ก็ใช้ธีมสีสว่างทั้งหมดเช่นกัน ที่มา - Windows Central
# IBM ไตรมาส 2/2021 รายได้เติบโตสูงสุดในรอบ 3 ปี ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2021 รายได้รวม 18,745 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 3 ปี และมีกำไรสุทธิ 1,325 ล้านดอลลาร์ Arvind Krishna ซีอีโอไอบีเอ็ม กล่าว่าการเติบโตของรายได้ มาจากการที่ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์มากขึ้น นอกจากนี้ไอบีเอ็มยังให้การสนับสนุนลูกค้า นำเทคโนโลยีบนพื้นฐาน AI มาใช้กับเวิร์กโฟลว์ในองค์กร กลุ่มธุรกิจ Global Technology Services ซึ่งเป็นรายได้ใหญ่ที่สุดของไอบีเอ็ม รายได้เพิ่มขึ้น 0.4% เป็น 6.3B ซึ่งไอบีเอ็มบอกว่ากลับมาที่ระดับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ส่วนกลุ่มธุรกิจ Cloud & Cognitive Software รายได้เพิ่มขึ้น 6.1% เป็น 6.1B จาก Red Hat และ Cloud Pak ที่มา: ไอบีเอ็ม (pdf) และ CNBC
# รู้จักเทคโนโลยี mRNA เทคโนโลยีผลิตยาที่ไม่ได้หยุดที่ COVID-19 เหตุโรคระบาด COVID-19 ทำให้คนจำนวนมากรู้จักเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่นเทคโนโลยีเชื้อตายที่เป็นเทคโนโลยีผลิตวัคซีนที่มีมายาวนาน และเหตุโรคระบาดครั้งนี้ก็มีวัคซีนเชื้อตายถึง 3 ตัว อีกเทคโนโลยีคือ mRNA ที่เพิ่งมีถูกใช้พัฒนาวัคซีนเพื่อใช้งานเป็นวงกว้างครั้งแรก ในงาน TEDxBeaconStreet เมื่อปี 2013 Stéphane Bancel ผู้ก่อตั้งบริษัท Moderna ได้บรรยายถึงไว้ว่าทำไมเทคโนโลยี mRNA จึงเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ไม่หยุดแค่การสร้างวัคซีนต่อต้านไวรัสใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังมีโอกาสสร้างยาใหม่ๆ สู้โรคที่เราไม่เคยรักษาได้มาก่อน กระบวนการเริ่มจากการทำงานของเซลล์ในร่างกายของเรา ที่มี DNA อยู่ภายใน DNA เป็นแม่พิมพ์ของโปรตีนจำนวนมากในร่างกาย โดยรวมแล้วเราใช้งานโปรตีนอยู่ประมาณ 22,000 ชนิด DNA จะสร้าง mRNA หรือ messenger RNA เข้าไปยังไรโบโซมเพื่อสร้างโปรตีน โดยรวมร่างกายของเราผลิตโปรตีนนับล้านล้านครั้งต่อวัน หาก DNA ของเราบกพร่อง หรือร่างกายของเราผิดปกติบางประการ กระบวนการผลิตโปรตีนก็อาจจะผิดเพี้ยนไป เช่น ขาดฮอร์โมนบางตัว หรือสารเช่นอินซูลิน ความพยายามแก้ไขความบกพร่องของร่างกายของเรานั้นมีมายาวนาน ทุกวันนี้เราสามารถผลิตโปรตีนรูปแบบต่างๆ เพื่อทดแทนโปรตีนที่ร่างกายของผู้ป่วยผลิตเองไม่ได้ กลายเป็นยารักษาโรคอยู่ประมาณ 20 ตัว อีกด้านของความพยายามคือการตัดต่อพันธุกรรมเพื่อให้ร่างกายของเรากลับมาสร้างโปรตีนที่ขาดไปได้อีกครั้ง แต่หลังจากพยายามอยู่นับสิบปี มีการรักษาด้วยการตัดต่อพันธุกรรมได้รับอนุญาตเพียงตัวเดียว (ข้อมูลปี 2013 ที่ Bancel บรรยาย) Bancel ระบุว่า ก่อนหน้านี้บริษัทยาไม่ได้พัฒนา mRNA เพื่อผลิตยา เพราะตัว mRNA นั้นไม่เสถียรอย่างมาก ขณะเดียวกันตัว mRNA นั้นหากเข้าสู่ร่างกายแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะมองว่าเป็นวัตถุแปลกปลอมและทำลาย mRNA อย่างรวดเร็ว แต่บริษัทยาเช่น Moderna นั้นพัฒนาเทคนิคที่จะพา mRNA เข้าไปในเซลล์เพื่อให้ไปสั่งไรโบโซมให้ผลิตโปรตีนที่ต้องการ โดยโปรตีนนั้นคือยาที่เราอยากได้จริงๆ เนื่องจากกระบวนการทำงานของ mRNA เป็นการสั่งไรโบโซมในเซลล์ของเราเองให้โปรตีน Bancel ระบุว่าความได้เปรียบสำคัญคือเราสามารถสร้างยาที่ทำงานภายนอกเซลล์ (secreted protein) ซึ่งเป็นรูปแบบที่เราใช้สร้างวัคซีน หรือยาที่ทำงานอยู่ในเซลล์เอง (intra-cellular protein) ก็ได้ Note: โครงสร้างและการทำงานของไรโบโซมเป็นอีกแขนงหนึ่งของการวิจัยสารชีววิทยา กลุ่มนักวิจัย ได้แก่ Venkatraman Ramakrishnan, Thomas A. Steitz, และ Ada E. Yonath ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีเมื่อปี 2009 จากการศึกษาโครงสร้างและการทำงานของไรโบโซม ตัว Ramakrishnan นั้นเขียนเรื่องราวของการศึกษาโครงสร้างของไรโบโซมไว้ในหนังสือ Gene Machine ในการบรรยายเมื่อปี 2013 Bancel ยกตัวอย่างการทดลองสร้างโปรตีน VEGF ในหนูเพื่อรักษาหัวใจหลังจากหัวใจวาย การ โดย VEGF จะไปกระตุ้นสเต็มเซลล์ในหัวใจให้สร้างกล้ามเนื้อหัวใจกลับขึ้นมาใหม่ทดแทนกล้ามเนื้อส่วนที่บาดเจ็บหลังเกิดหัวใจวาย ข้อดีสำคัญของ mRNA คือมันกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง VEGF ได้ปริมาณสูงในในช่วงที่ mRNA ยังอยู่ในร่างกาย แต่เมื่อ mRNA สลายตัวไปภายใน 48 ชั่วโมงก็หยุดสร้างโปรตีนไปเอง เทียบกับการรักษาแบบตัดต่อพันธุกรรมที่ควบคุมได้ยาก จนการทดลองยาล้มเหลวเพราะหนูที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมกลับตายเร็วกว่าหนูที่ไม่ได้รับการรักษาเสียอีก Moderna นั้นได้รับเงินลงทุนจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถทำตลาดยาได้เลยตั้งแต่ตั้งบริษัทในปี 2010 อย่างไรก็ดีบริษัทเข้าตลาดหุ้นในปี 2018 เพื่อระดมทุนเพิ่มเติม ในปี 2019 บริษัทไปบรรยายถึงโครงสร้างไอทีที่บริษัทใช้พัฒนายาในงาน AWS เปิดเผยว่ามียา mRNA อยู่ระหว่างการพัฒนานับสิบตัว รวมถึง mRNA สำหรับสร้างโปรตีน VEGF ที่ Bancel บรรยายว่าประสบความสำเร็จในการรักษาหัวใจหนูเมื่อปี 2013 ก็เข้าสู่เฟส 2 แล้ว ขณะที่ BioNTech นั้นก็กำลังพัฒนายาอยู่ในสายการผลิตถึง 20 ตัว เมื่อปี 2020 Moderna ได้รับทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 130,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาวัคซีน และพัฒนาได้สำเร็จ ขณะที่ Pfizer ไม่ได้รับทุนรัฐบาลสหรัฐฯ โดยตรงแต่ได้รับคำสั่งซื้อวัคซีนล่วงหน้ามูลค่า 1,900 ล้านดอลาร์ (60,000 ล้านบาท) และ BioNTech ที่ร่วมพัฒนายานั้นได้รับทุนจากรัฐบาลเยอรมนีมูลค่า 375 ล้านดอลลาร์ (14,000 ล้านบาท) ภาพกระบวนการผลิต mRNA จาก Aldevron ผู้รับจ้างผลิต mRNA ให้ Moderna กระบวนการผลิต mRNA นั้นต่างจากวัคซีน COVID-19 อื่นๆ ที่ต้องอาศัยการเลี้ยงเซลล์โฮสต์ แล้วนำเชื้อไปแพร่ในเซลล์เหล่านั้นเพื่อให้ได้ยาออกมา (อ่านเพิ่มเติมกระบวนการผลิตวัคซีน AstraZeneca) แต่อาศัยการตัดต่อพลาสมิด (plasmid) สารพันธุกรรมที่พบในแบคทีเรียที่สามารถทำซ้ำตัวเองได้หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกต้อง โดยกระบวนการผลิตแต่ละรอบอาจจะใช้เวลา 1 วันถึง 3 สัปดาห์ขึ้นกับปริมาณการผลิต COVID-19 กลายเป็นโอกาสสำคัญของ Moderna และ BioNTech เพราะทำให้วัคซีน mRNA ได้รับการยอมรับในวงกว้างในทันที เทียบกับยาตัวอื่นๆ ที่ใช้เวลานานนับสิบปีและยังไม่สามารถนำมาใช้งานได้จริง แต่ความสำเร็จของวัคซีนจากทั้งสองบริษัทก็น่าจะทำให้ทั้งสองบริษัทมีเงินทุนเพียงพอต่อการพัฒนายาตัวอื่นๆ ไปได้อีกมาก และมีโอกาสสูงที่เราจะได้เห็นยาตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นยารักษาหรือวัคซีนโรคใหม่ๆ ต่อไป
# Bukalapak สตาร์ทอัพอีคอมเมิร์ซ เตรียม IPO สูงสุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย มีรายงานว่า Bukalapak สตาร์ทอัพอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของอินโดนีเซีย เตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นในประเทศ โดยขายหุ้นไอพีโอเพิ่ม 2.577 หมื่นล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 850 รูเปีย (ประมาณ 1.92 บาท) ซึ่งทำให้เป็นการไอพีโอมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ทั้งนี้ประเมินว่ามูลค่ากิจการ Bukalapak หลังเข้าตลาดหุ้นจะอยู่ที่ราว 6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งยังน้อยกว่า GoTo สตาร์ทอัพมูลค่ากิจการสูงสุดของอินโดนีเซีย (ประมาณ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์) ที่มีแผนเข้าตลาดหุ้นในประเทศเช่นกัน Bukalapak มีผู้ลงทุนรายสำคัญ อาทิ Ant Group ธุรกิจการเงินของ Jack Ma, Emtek ผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ในประเทศ, GIC กองทุนของประเทศสิงคโปร์ และไมโครซอฟท์ ที่มา: The Straits Time
# Zoom เข้าซื้อ Five9 บริษัทพัฒนาระบบคอนแทคเซ็นเตอร์บนคลาวด์ Zoom ประกาศเข้าซื้อ Five9 บริษัทพัฒนาระบบคอนแท็คเซ็นเตอร์บนคลาวด์ด้วยมูลค่ากว่า 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นการขยายกิจการของ Zoom เข้าสู่คอลเซ็นเตอร์ และตอบโจทย์การทำงานแบบไฮบริดซึ่งเป็นเทรนด์แบบใหม่และกำลังได้รับความนิยมหลังการระบาดของไวรัส Five9 เป็นบริษัทอายุกว่า 20 ปี พัฒนาโซลูชั่น Contact Center as a Service หรือ CCaaS มีลูกค้ากว่า 2,000 รายทั่วโลก รายใหญ่สำคัญคือ SalesForce และ Under Armour ซึ่งทุกปี Five9 ประมวลผลสายโทรศัพท์ราว 7 พันล้านนาที เป้าหมายการเข้าซื้อ Five9 ของ Zoom คือเพื่อการขยายธุรกิจเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ทำเฉพาะวิดีโอคอลให้บริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืน และอาจนำเข้ามาเพื่อเสริม Zoom Phone บริการโทรศัพท์ผ่านคลาวด์ของ Zoom และFive9 จะเป็นหน่วยงานหนึ่งภายใต้ Zoom เมื่อปิดดีลซื้อเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะปิดดีลได้ภายในครึ่งแรกของปี 2022 อัพเดต 1 ตุลาคม 2021: Zoom ยุติการซื้อกิจการนี้แล้ว หลังผู้ถือหุ้น Five9 ไม่อนุมัติ ที่มา - Zoom
# รัฐบาลสหรัฐชี้ การโจมตี Exchange Server ครั้งใหญ่ต้นปี 2021 มีรัฐบาลจีนอยู่เบื้องหลัง เมื่อเดือนมีนาคม 2021 เกิดการโจมตีเซิร์ฟเวอร์ Microsoft Exchange ครั้งใหญ่ (รายละเอียดการโจมตี) โดยไมโครซอฟท์ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่าเป็นการโจมตีจากแฮ็กเกอร์จีน วันนี้ รัฐบาลสหรัฐอเมริการ่วมกับพันธมิตรคือ สหราชอาณาจักร, EU, NATO ออกมาประกาศว่า แฮ็กเกอร์กลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน และตั้งข้อหาอาญากับแฮ็กเกอร์ 4 คนที่มีประวัติโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของหลายประเทศ รัฐบาลสหรัฐยังประกาศมาตรการหลายอย่างเพื่อยกระดับความมั่นคงไซเบอร์ เช่น ตั้งกลุ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลกับภาคเอกชน (Cyber Unified Coordination Group - UCG), ตรวจหาช่องโหว่ของ Exchange เพิ่มเติม, เพิ่มงบประมาณโครงการเสริมความมั่นคงไซเบอร์ให้หน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น ที่มา - Whitehouse, EU
# JetBrains สำรวจเครื่องมือทำงานออนไลน์ยอดนิยม Slack, Zoom, Google Calendar, Confluence นอกจาก ผลสำรวจโปรแกรมเมอร์ปี 2021 ของ JetBrains ยังมีการสำรวจเครื่องมือทำงานร่วมกันออนไลน์ (Best Collaboration Tools 2021) ที่มีผู้ตอบแบบสำรวจมากถึง 47,000 คน (ส่วนหนึ่งคือโปรแกรมเมอร์ 31,743 คนที่ตอบแบบสำรวจแรก) แบบสำรวจนี้แยกเป็นเครื่องมือทั่วไป (online collaboration tools) และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ (software development collaboration tools) เครื่องมือทำงานทั่วไป แชท Slack 47%, Teams 32%, Skype 14% ประชุมวิดีโอ Zoom 44%, Teams 33%, Google Meet 29% ปฏิทิน Google Calendar 59%, Outlook 37%, Exchange 13% แชร์ความรู้ Confluence 34%, Google Docs 23%, Google Drive 21% แชร์ไฟล์ Google Drive 42%, OneDrive 23%, Sharepoint 14% แก้เอกสารร่วมกัน Google Docs/Sheets 39%, Microsoft 365 36%, Confluent 26% stack ยอดนิยมแยกค่าย ไม่ยึดติดค่าย 39%, Atlassian 22%, GitHub 21%, Google 21% issue trackers Jira 42%, GitHub Issues 30%, GitLab Issues 17% ประสานงานในทีม Confluence 35%, Jira 32%, Teams 30% เครื่องมือสำหรับพัฒนาซอฟต์แวร์ code review tools GitHub 34%, GitLab 29%, Bitbucket 21% version control GitHub 91%, GitLab 48%, Bitbucket 30% CI Jenkins 56%, GitHub Actions 45%, GitLab CI 28% artifact/repository management GitHub 44%, GitLab 33%, npm 16% ผลการสำรวจอย่างละเอียดในแต่ละหมวดหมู่ อ่านได้จากที่มา ที่มา - JetBrains
# แม้รัฐบาลจีนเพ่งเล็ง Tencent เดินหน้าซื้อบริษัทเกม Sumo Group ดีลใหญ่ 1.27 พันล้านเหรียญ Tencent เข้าซื้อสตูดิโอเกมในอังกฤษ Sumo Group ด้วยมูลค่า 1.27 พันล้านดอลลาร์ Sumo Group มีสตูดิโอเกมหลายแห่ง เป็นเจ้าของเกม Sackboy: A Big Adventure และยังเป็นบริษัทในตลาดหุ้น London Stock Exchange ด้วย เพิ่มการเป็นที่รู้จักในระดับโลกของ Tencent Tencent เข้าซื้อและลงทุนในบริษัทเกมดังๆ อย่างหนักในช่วงนี้ เช่น Riot Games (Tencent เป็นเจ้าของ 100%), Epic Games (40%), Dontnod (23%), Activision Blizzard (5%), Ubisoft (5%), Paradox (5%) และยังมีการลงทุนในบริษัทเกมเล็กๆ อย่าง PlatinumGames, Roblox และ Bohemia Interactive เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในจีน Tencent โดนรัฐบาลจีนเพ่งเล็งหนักเรื่องผูกขาด ล่าสุด หน่วยกำกับดูแลตลาดออกคำสั่งระงับแผนการควบรวมของ Tencent กับสตรีมมิ่งเกมสองแห่งคือ Huya, DouYu ก่อนหน้านี้ The Guardian ตีพิมพ์งานวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัทเกมในจีนพยายามขยายอิทธิพลด้านเกมไปยังตลาดโลกหนักขึ้น เพราะจีนมียโยบายเซนเซอร์เนื้อหาเกมและสื่ออื่นๆ ที่มา - Reuters, Kotaku
# คนรักแฟน นักพัฒนาทำแอปจำลองเสียงพัดลม แก้คิดถึงให้ผู้ใช้ Mac ชิป M1 Guilherme Rambo นักพัฒนา ทำแอป FanFan แอปจำลองเสียงพัดลม หลังแมครุ่นที่ใช้ชิป Apple Silicon เช่น MacBook Air M1 ไม่มีพัดลมอีกต่อไป แก้คิดถึงให้เหล่าคนทำงานใช้แมค ที่ชอบฟังเสียงพัดลมเพลินๆ ระหว่างที่คอมกำลังเรนเดอร์งาน ทำรูป หรือคอมไพล์โค้ด แอปเปิดให้ดาวน์โหลดได้ฟรีที่หน้าเว็บไซต์ของ FanFan พร้อมข้อความระบุแบบขำๆ ว่าแอปนี้ใช้ระบบ Fan Simulation Engine ที่กำลังเตรียมจดทะเบียนสิทธิบัตรอยู่ เพื่อมอบเสียงพัดลมให้กับผู้ใช้ Apple Silicon โดยจะรันได้บนแมคที่ใช้ Apple Silicon และใช้ระบบปฏิบัติการ macOS 11 เท่านั้น ที่มา - FanFan
# QNAP เปิดตัว NAS รุ่น TVS-675 ใช้ซีพียู x86 จากจีน QNAP เปิดตัว NAS รุ่น TVS-675 มีจุดพิเศษคือใช้ซีพียู Zhaoxin KaiXian KX-U6580 สถาปัตยกรรม x86 จำนวน 8 คอร์ จุดเด่นเทียบกับรุ่นเทียบเท่ากันแต่ใช้ซีพียูจาก Intel/AMD คือราคาต่ำกว่า ขณะที่ฟีเจอร์ด้านต่างๆ ค่อนข้างครบ ตัวซีพียู Zhaoxin KaiXian KX-U6580 นั้นมีคะแนน Passmark เพียง 3066 คะแนน นับว่าน้อยกว่าซีพียูตัวอื่นๆ ที่ QNAP ใส่มาใน NAS แต่ก็มีฟีเจอร์ที่จำเป็น เช่น คำสั่ง AES-NI สำหรับการเข้ารหัส, พอร์ต LAN แบบ 2.5GbE จำนวน 2 พอร์ต, PCIe Gen 3 อีก 2 ช่อง, ช่อง M.2 PCIe Gen 3 อีก 1 ช่อง ผมตรวจสอบราคาในไทยพบว่ารุ่นนี้แพงกว่า TS-673A ที่ใช้ซีพียู AMD Ryzen Embedded V1500B ประมาณ 20% ทำให้คนทั่วไปที่ต้องการราคาประหยัดน่าจะสนใจรุ่น TS-673A มากกว่า ที่มา - QNAP, Liliputing
# อังกฤษเรียกร้องปฏิรูประบบ หลังศิลปินได้ส่วนแบ่งจากสตรีมมิ่ง 16% ที่เหลือเป็นของค่ายเพลง ที่อังกฤษกำลังมีประเด็นศิลปินเรียกร้องความยุติธรรมจากค่ายเพลง ในการแบ่งรายได้จากสตรีมมิ่งให้เท่าเทียม จากการสอบสวนของคณะกรรมการด้านดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อและการกีฬา หรือ DCMS (Digital, Culture, Media and Sport) พบว่า ศิลปินได้ส่วนแบ่งรายได้จากสตรีมมิ่งแค่ 16% เท่านั้น ที่เหลือเป็นรายได้เข้าค่ายเพลง BBC ฉายภาพให้เห็นเพิ่มเติมว่าเงินจากสตรีมมิ่งถูกแจกจ่ายไปที่ไหนบ้าง โดย Spotify จ่ายระหว่าง 0.002 ถึง 0.0038 ปอนด์ต่อการสตรีม 1 ครั้ง ในขณะที่ Apple Music จ่ายประมาณ 0.0059 ปอนด์ YouTube จ่ายน้อยที่สุดประมาณ 0.00052 ปอนด์ต่อการสตรีม 1 ครั้ง โดยรายได้ทั้งหมดเป็นของผู้ถือลิขสิทธิ์หรือค่ายเพลง แล้วเงินจึงถูกแจกจ่ายออกไปยังผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งมีราวๆ 13% เท่านั้นที่รายได้เข้ากระเป๋าศิลปิน สำหรับอุตสาหกรรมดนตรี สตรีมมิ่งกลายเป็นหนึ่งในช่องทางรายได้หลัก มากกว่าการขายซิงเกิล และแผ่นเพลงแล้ว การสำรวจโดย Ivors Academy และ Musicians' Union พบว่าในปี 2019 นักดนตรีมืออาชีพ 82% สร้างรายได้จากการสตรีมน้อยกว่า 200 ปอนด์ ในขณะที่มีเพียง 7% ที่ทำเงินได้มากกว่า 1,000 ปอนด์ Photo by Ethan Wu from Pexels Julian Knight ประธานคณะกรรมการ DCMS กล่าวว่า ในขณะที่สตรีมมิ่งเพลงสร้างผลกำไรมหาศาลให้กับอุตสาหกรรมเพลง แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งนักแสดง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์กลับไม่ได้ผลประโยชน์มากเท่าที่ควร ทางออกคือต้องออกแบบระบบใหม่ แบ่งรายได้ให้ยุติธรรม รายงานของคณะกรรมการบอกด้วยว่า สตรีมมิ่งได้ช่วยชีวิตคนทำเพลงจากปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีประเด็นต้องแก้ไขต่อ แนะนำรัฐบาลให้ออกกฎหมายเพื่อให้ศิลปินค่าตอบแทนจากสตรีมมิ่งที่เท่าเทียมกันกับค่ายเพลง โดยข้อเสนอของคณะกรรมการคือ นักดนตรีและนักแต่งเพลงควรเรียกคืนสิทธิ์ในผลงานของตนเองจากค่ายเพลงได้ หลังจากผ่านระยะเวลามาช่วงหนึ่ง ศิลปินควรมีสิทธิ์แก้ไขสัญญา หากเพลงได้รัวความนิยมมากกว่าที่คิด รัฐบาลสำรวจแนวทางให้แน่ใจว่า อาชีพนักแต่งเพลงนั้นมีรายได้มั่นคง เพลย์ลิสต์ในบริการเช่น Spotify และ Apple Music ควรปฏิบัติตาม "จรรยาบรรณ" เพื่อหลีกเลี่ยงการลำเอียง หรือการเล่นพรรคเล่นพวกในอุตสาหกรรม รัฐบาลควรกำหนดให้ค่ายเพลงแจ้งศิลปินเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ไหลผ่านระบบ ที่มา - BBC
# กลาโหมญี่ปุ่นระบุภัยในยุคต่อไป ต้องดูแลขยะอวกาศ, ความปลอดภัยไซเบอร์, ระวังการกวนคลื่นความถี่ กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นออกเอกสารเผยแพร่การป้องกันญี่ปุ่นในปี 2021 โดยระบุภัยที่ต้องรับมือในด้านต่างๆ ทั้งการเมืองระหว่างประเทศ เช่น เกาหลีเหนือที่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หรือจีนที่พยายามรุกน่านน้ำ แต่ในแนวทางส่วนที่ 3 ระบุถึงภัยด้านเทคโนโลยีที่กลาโหมกำลังเตรียมรับมือ ได้แก่ ด้านอวกาศ, ด้านภัยไซเบอร์, และด้านคลื่นความถี่ ด้านอวกาศนั้นเอกสารระบุข้อมูลจากดาวเทียมมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการเก็บข้อมูลทั่วไป เช่นสภาพอากาศ, การสื่อสารภายในกองทัพและสื่อสารกับพันธมิตร, ไปจนถึงการสอดแนมต่างๆ แต่ทุกวันนี้ดาวเทียมก็มีความเสี่ยงจากขยะอวกาศและอาวุธต่อต้านดาวเทียม ด้านภัยไซเบอร์นั้น ระบบไอทีของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นอาจจะตกเป็นเป้าการโจมตีไซเบอร์ โดยเฉพาะการโจมตีเช่นนี้ใช้ต้นทุนไม่สูงนัก แต่สามารถทำลายการสั่งการกองกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือฝ่ายตรงข้ามอาจจะใช้มัลแวร์เก็บข้อมูลการทำงานของกองกำลังป้องกันตนเอง ด้านคลื่นความถี่เป็นผลจากการที่ยุทโธปกรณ์ยุคใหม่ต้องการการเชื่อมต่อระหว่างกันอย่างมาก เช่น โดรนบินที่ต้องอาศัยคลื่นความถี่ควบคุม อาวุธยุคใหม่หลายชิ้นเป็นการรบกวนคลื่นความถี่ที่ฝ่ายตรงข้ามใช้งานเพื่อตัดการสื่อสาร รายงานพูดถึงการเตรียมการรับมือด้านต่างๆ ของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น ที่มีศูนย์มอนิเตอร์วัตถุในอวกาศ, พัฒนาบุคคลากรด้านไซเบอร์, ตลอดจนตั้งหน่วยรบด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับพัฒนาเทคโนโลยีไมโครเวฟและเลเซอร์กำลังสูง ที่มา - mod.go.jp ภาพธงกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น โดย Rikujojieitai Boueisho
# พบเหมือง PS4 ที่ยูเครน ไม่ได้ใช้ขุดคริปโต แต่มีไว้ฟาร์มเงินใน FIFA Online หลังหน่วยงานความมั่นคงยูเครน (SBU) ระบุว่าจับกุมเหมืองคริปโตที่ลักลอบใช้ไฟผิดกฎหมาย โดยใช้เครื่อง PS4 เป็นอุปกรณ์ในการขุด เว็บไซต์ข่าว Delo ไม่เชื่อว่าเครื่อง PS4 ที่มีพลังกราฟฟิกค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับการ์ดจอในปัจจุบันจะถูกนำไปใช้ขุดเหมืองคริปโต รวมถึงในหลายภาพ มีแผ่นเกมอยู่กับเครื่องด้วย จึงทำการสืบต่อ Delo ข้อมูลจากแหล่งข่าวไม่ระบุตัวตนว่าที่จริงแล้วเหมือง PS4 นั้น ไม่ได้ฟาร์มคริปโต แต่ฟาร์มเหรียญในเกม FIFA Online ต่างหาก โดยเครื่อง PS4 ที่เห็นในโกดังถูกนำไปเปิดเล่นเกม FIFA Online แบบอัตโนมัติ เพื่อทำเงินในเกม แล้วนำเงินในเกมนั้น หรือแม้แต่ไอดีไปขายต่อเพื่อทำเงินในโลกจริงอีกที FIFA เป็นเกมที่ทำรายได้ให้ EA มหาศาล และมีตลาดซื้อขายการ์ดนักเตะ FIFA Ultimate Team (FUT) ค่อนข้างใหญ่ มีดราม่าเมื่อช่วงต้นปีที่ทำให้รู้ว่าการ์ดหายากในตลาดมือ ขายกันในราคาหลักหลายหมื่นดอลลาร์ แม้ปัจจุบัน EA จะเปิดให้พรีวิวการ์ดนักเตะบางซองใน FUT ก่อนซื้อแล้ว แต่การ์ดแบบ Time Limited Packs, Limited Quantity Packs หรือการ์ดที่ได้เป็นรางวัลจากวิธีอื่นๆ ที่ไม่ได้ซื้อตรงจาก FUT Store ก็ยังไม่สามารถพรีวิวได้เหมือนเดิม ทำให้การ์ดหายาก ก็น่าจะไม่ได้มีราคาลดลงแต่อย่างใด และตลาดซื้อขายเหรียญในเกม ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบเท่าไรด้วย ที่มา - Delo.ua
# OpenSearch โครงการแยกจาก Elasticsearch โดย AWS ออกเวอร์ชัน 1.0 แล้ว OpenSearch โครงการที่ AWS แยกตัวมาจาก Elasticsearch ออกเวอร์ชัน 1.0 ถือว่ามีสถานะเป็น general availability (GA) พร้อมใช้งานจริงในโปรดักชัน OpenSearch เป็นการ fork โครงการ Elasticsearch 7.10.2 กับ Kibana 7.10.2 มาพัฒนาเอง หลังจาก Elastic บริษัทผู้พัฒนา Elasticsearch ตัดสินใจเปลี่ยนไลเซนส์เมื่อต้นปี 2021 เพราะมองว่าบริษัทคลาวด์นำซอฟต์แวร์เหล่านี้ไปใช้งานฟรีๆ ทำให้ Elastic ไม่สามารถทำรายได้เท่าที่ควร การเปลี่ยนแปลงใน OpenSearch 1.0 คือเริ่มถอดโค้ดที่เป็นเชิงพาณิชย์ (proprietary) ออก, เพิ่มการรองรับสถาปัตยกรรม ARM64 for Linux ในระยะยาว AWS บอกว่าจะพยายามรักษาความเข้ากันได้กับเครื่องมือของ Elasticsearch และการให้อัพเกรดจาก Elasticsearch มาเป็น OpenSearch ง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หลังจากนี้ไป OpenSearch จะออกเวอร์ชัน 1.1 และพัฒนาต่อโดยมี roadmap ของตัวเอง ที่มา - OpenSearch
# [เพิ่มคำชี้แจงจาก Sony] Xperia 1 III ได้อัพเดตแอนดรอยด์เวอร์ชั่นเดียว แพตช์ความปลอดภัย 2 ปี เว็บไซต์ Droidapp ของเนเธอร์แลนด์ สอบถาม Sony สาขา Benelux (เบลเยี่ยม, เนเธอแลนด์, ลักเซมเบิร์ก) เกี่ยวกับการอัพเดต 2 ปีของ Xperia 1 III ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Xperia 1 III จะได้รับอัพเดตแอนดรอยด์แค่ครั้งเดียว เป็น Android 12 เท่านั้น แต่ได้แพตช์ความปลอดภัย 2 ปี และอาจจะได้รับแพตช์หลังจากนั้นหากจำเป็น มือถือ Xperia 1 III มีราคาค่อนข้างแพง แถมรุ่นมาร์คทรี (III) ยังแพงขึ้นกว่ามาร์คทู (II) อีก 100 ดอลลาร์ แต่กลับได้อัพเดตแอนดรอยด์เพียงเวอร์ชั่นเดียว ถือเป็นเรื่องค่อนข้างน่าผิดหวัง เทียบกับ Samsung ที่มือถือ Galaxy หลายรุ่นที่ราคาถูกกว่า แต่ได้การันตีอัพเดตเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ ถึง 3 เวอร์ชั่น [แพตช์ความปลอดภัยถึง 4 ปี] (https://www.blognone.com/node/121324) อัพเดต: Sony ชี้แจงกับ Android Authority ว่าข่าว Xperia 1 III จะได้รับอัพเดต Android OS เวอร์ชั่นเดียวนั้นไม่เป็นความจริง แต่ในคำชี้แจงใช้คำค่อนข้างกำกวม ว่า Sony "ตั้งเป้า" (aims to) ซัพพอร์ต Xperia 1 III เป็นเวลาสองปีหลังวางขาย และ "คาดว่า" (expect to) จะมีการอัพเดต Android OS มากกว่าหนึ่งครั้ง ในช่วงเวลาสองปีนั้น ที่มา - Droidapp
# เจาะลึกฟีเจอร์ล้ำๆ ใน HUAWEI WATCH 3 Series ผู้ช่วยส่วนตัวที่ตอบโจทย์ยุคแห่งการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน ในภาพยนตร์หรือการ์ตูน Sci-Fi เราต่างคุ้นชินกับหุ่นยนต์ผู้ช่วยส่วนตัว หรือระบบ AI ที่คอยให้ข้อมูลและดูแลชีวิตประจำวันของผู้ใช้อย่างรอบด้าน อันที่จริงแล้วเทคโนโลยีอัจฉริยะพวกนี้ ปัจจุบันอยู่แค่บนข้อมือของเรานี่เอง หัวเว่ยได้ทำโลก Sci-Fi นั้นให้เป็นจริงได้ในรูปแบบของสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง HUAWEI WATCH 3 Series ทั้ง HUAWEI WATCH 3 และ HUAWEI WATCH 3 Pro ที่สามารถตอบโจทย์คนรักสุขภาพด้วยฟีเจอร์การตรวจวัดค่าสำคัญของร่างกายได้ถึง 7 อย่างด้วยกัน แถมยังเป็นตัวช่วยในการออกกำลังกายได้กว่า 100 โหมด ช่วยวัดค่าสำคัญทางสุขภาพอย่างแม่นยำให้คุณอุ่นใจได้ตลอดวัน1 สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญแรกๆ ที่วิทยาการต่างๆ ควรเข้าถึง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถรับรู้สภาพร่างกายของตนเอง และสามารถดูแลตนเองได้อย่างถูกวิธี HUAWEI WATCH 3 Series มีความสามารถที่จะวัดค่าสำคัญต่างๆ ที่เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป เช่น การทำงาน การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร และการสัญจร โดยแสดงผลบน แอปพลิเคชัน HUAWEI Health ซึ่งมีมาพร้อมในสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย และดาวน์โหลดได้ตามปกติสำหรับระบบปฏิบัติการอื่นๆ ตรวจจับการหกล้มอัตโนมัติ2 – สำหรับคนที่แอคทีฟมากๆ หรือผู้ใหญ่วัยกลางคนที่เริ่มต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด หรือกระทั่งผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ นาฬิกาจะสามารถรับรู้ได้เมื่อผู้สวมใส่เกิดอุบัติเหตุหกล้ม โดยหากล้มแล้วยังไม่ตอบสนองภายใน 1 นาที นาฬิกาจะมีข้อความถามว่าให้ขอความช่วยเหลือหรือไม่ ให้กดปุ่มขึ้นห้าครั้งติดต่อกันเพื่อเรียก SOS ตามหมายเลขติดต่อฉุกเฉินตามที่ตั้งค่าไว้ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย4 – ในช่วงเวลาที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ และจำเป็นต้องตรวจเช็คอุณหภูมิร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเลือกดูที่ Skin Temperature แล้วกด Measure นาฬิกาจะวัดอุณหภูมิจากผิวข้อมือของเราได้ทั้งองศาฟาเรนไฮต์ และองศาเซลเซียส ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างออกกำลังกาย3 - การออกกำลังกายแบบ Cardioactive จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ซึ่งหากอัตราการเต้นของหัวใจต่ำเกินไป การออกกำลังกายก็อาจไม่ได้ผลเท่าที่คิดไว้ แต่หากหัวใจเต้นเร็วเกินไปก็อาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้นจึงควรรับรู้อัตราการเต้นของหัวใจระหว่างออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา หากหัวใจเต้นเร็วเกิน 100 ครั้งต่อนาที แสดงว่าต้องพักสักหน่อยแล้ว ตรวจวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2)4 – เทคโนโลยี HUAWEI TruSeen™ 4.5+ นาฬิกาสามารถเฝ้าติดตามค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าร่างกายเราเป็นปกติหรือมีความเสี่ยงต่อโรคใดๆ หรือไม่ และจะได้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ได้ทันท่วงที โดยสามารถกด Measure เมื่อปัดหน้าปัดไปทางขวาจนถึงเมนู SpO2 โดยค่าปกติควรอยู่ที่ 95% ขึ้นไป ตรวจวัดความเครียด4 – การทำงานและข่าวสารที่รุมเร้าอาจทำให้เกิดความเครียดได้ง่าย เทคโนโลยี HUAWEI TruRelax™ ที่มากับนาฬิกาจะสามารถวัดระดับความเครียด จัดเก็บสถิติอย่างเป็นระบบ รวมถึงมีฟีเจอร์แนะนำวิธีฝึกกำหนดลมหายใจเพื่อคลายความเครียดและควบคุมอารมณ์ได้ในเวลาที่เหมาะสม ติดตามกิจกรรมที่ทำระหว่างวัน – สมาร์ทวอทช์ใช้เซ็นเซอร์เร่งความเร็วและเซ็นเซอร์ไจโรสโคป ซึ่งจะคอยตรวจจับการเคลื่อนไหวและการออกกำลังกายได้โดยอัตโนมัติ เช่น คุณเดินได้กี่ก้าว ลุกขึ้นยืนเป็นเวลานานเท่าไร และเผาผลาญแคลอรี่ไปมากเท่าไร คนที่กำลังไดเอตน่าจะชอบฟีเจอร์นี้มากๆ เพราะทำให้สามารถติดตามผลงานการลดปริมาณแคลอรี่ได้ ติดตามคุณภาพการนอนหลับ4 – หลายคนอาจจำเป็นต้องติดตามการนอนของตนเองว่าหลับลึก หรือตื่นบ่อยแค่ไหน เพื่อให้สามารถจัดการและดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น เมื่อสวมนาฬิกาตอนนอน เทคโนโลยี HUAWEI TruSleep™ จะช่วยระบุข้อมูลว่าเราหลับนานแค่ไหน คุณภาพการนอนหลับอยู่ในระดับ deep sleep และระดับต่างๆ เป็นเวลานานเท่าใด แล้วซิงก์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องขึ้นบน HUAWEI Health จัดแสดงเป็นกราฟที่อ่านง่ายและเห็นพัฒนาการชัดเจนในแต่ละวัน สัปดาห์ หรือเดือน ช่วยดูแลความฟิตด้วยโหมดออกกำลังกายกว่า 100 โหมด ใครที่ชอบเล่นกีฬาด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ แน่นอนว่าต้องอยากเก็บข้อมูลและประสิทธิภาพการเล่นกีฬาของตนเองไว้เป็นข้อมูล ให้สามารถฝึกซ้อมร่างกายและฝึกฝนเทคนิคต่างๆ ให้เล่นได้ดียิ่งขึ้น แบบไม่เกินกำลังความสามารถของตนเอง HUAWEI WATCH 3 Series มีโหมดการออกกำลังกายให้เลือกกว่า 100 โหมด ทั้งกีฬากลางแจ้งและในร่ม ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายพร้อมผ่อนคลายอย่างโยคะ สนุกสนานอย่างแบดมินตัน หรือแข่งกับเวลาอย่างการว่ายน้ำ โดยสามารถเลือกใช้งานผ่านหน้าปัดนาฬิกาโดยตรง หรือผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health บนสมาร์ทโฟนก็ย่อมได้ นอกเหนือจากความอัจฉริยะเสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดังที่กล่าวมาแล้ว HUAWEI WATCH 3 Series ยังรองรับการใช้งาน eSIM5 สามารถโทรเข้า-ออกได้โดยตรงจากบนสมาร์ทวอทช์เอง โดยไม่จำเป็นต้องผ่านสมาร์ทโฟนอีกต่อไป รวมถึงสามารถดาวน์โหลดและจัดการแอปพลิเคชันได้โดยตรงเช่นกันเพราะมี HUAWEI AppGallery ติดตั้งมาให้ในตัว สามารถสวมแค่สมาร์ทวอทช์เครื่องเดียวไปออกกำลังกายได้อย่างคล่องตัว ไม่ว่าจะปั่นจักรยานระยะไกล หรือวิ่งนานหลายชั่วโมง ก็ไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนไปอีกเครื่องให้หนักเสียเปล่าๆ แถมไม่ต้องพะวงว่าจะพลาดการติดต่อใดๆ HUAWEI WATCH 3 และ HUAWEI WATCH 3 Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ 450 mAh และ 790 mAh ตามลำดับ สามารถใช้งานต่อเนื่องในโหมด Smart ได้นาน 3 วันและ 5 วัน ตามลำดับ6 HUAWEI WATCH 3 Series พร้อมอยู่เคียงข้างและดูแลให้คุณร่างกายแข็งแรง ชีวิตปลอดภัย โดยผู้ช่วยสุดฉลาดนี้ มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ HUAWEI WATCH 3 คนที่ชอบลุคสปอร์ตเรียบสวย สามารถเลือกใช้ Active Edition ราคา 12,990 บาท หรือคนที่ใช้แมชกับลุคทำงานอาจจะใช้เป็นหน้าปัดสเตนเลสสตีล สายหนัง Classic Edition ราคา 14,490 บาท ส่วนคนที่รักความหรูหราขึ้นไปอีกระดับ สามารถเลือก HUAWEI WATCH 3 Pro Classic Edition ที่มากับกรอบไทเทเนียม สายหนัง ตัวเรือนด้านหลังทำด้วยเซรามิก ราคา 21,990 บาท พร้อมโปรโมชันพรีออเดอร์สุดคุ้ม รับฟรี HUAWEI Steel Strap* และบริการ HUAWEI Music VIP นาน 3 เดือน รวมมูลค่า 10,377 บาท เมื่อซื้อสินค้าที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ถึง 22 กรกฎาคม 2564 รวมถึงสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ HUAWEI Online Store, Shopee, Lazada และ JD Central (*HUAWEI WATCH 3 Active Edition รับฟรีสายนาฬิกาสเตนเลส สตีล สีดำ, HUAWEI WATCH 3 Classic Edition รับฟรีสายนาฬิกาสเตนเลส สตีล, HUAWEI WATCH 3 Pro Classic รับฟรีสายนาฬิกาสเตนเลส สตีล สีไทเทเนียม เมื่อซื้อช่วงพรีออเดอร์เท่านั้น) footnote: ข้อมูลการตรวจวัดไม่ได้มีเป้าหมายที่จะนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัยรักษาหรือป้องกันโรคหรือภาวะใดๆ แต่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการออกกำลังกายโดยทั่วไปเท่านั้น ฟีเจอร์นี้จะไม่ได้ถูกตั้งค่าใช้งานตั้งแต่เริ่มใช้งาน และต้องทำการตั้งค่าใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health เท่านั้น ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด หมายถึง ส่วนของฮีโมโกลบินที่อิ่มตัวด้วยออกซิเจนโดยเทียบกับฮีโมโกลบินทั้งหมดในเลือด ข้อมูลการตรวจวัดไม่ได้มีเป้าหมายที่จะนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัยรักษาหรือป้องกันโรคหรือภาวะใดๆ แต่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการออกกำลังกายโดยทั่วไปเท่านั้น HUAWEI WATCH 3 และ HUAWEI WATCH 3 Pro ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัยรักษาหรือป้องกันโรคหรือภาวะใดๆ แต่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการออกกำลังกายโดยทั่วไปเท่านั้น โปรดครวจสอบเครือข่ายผู้ให้บริการที่จุดประชาสัมพันธ์ ณ ร้านค้า HUAWEI Experience Stores และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ (สำหรับเครือข่าย TrueMove H พร้อมให้บริการตั้งแต่กรกฏาคม 2564 สำหรับเครือข่าย AIS พร้อมให้บริการตั้งแต่สิงหาคม 2564) สำหรับ HUAWEI Watch 3 ใช้งานได้สูงสุด 3 วัน จากการทดสอบจากห้องทดลองของหัวเว่ย ระยะเวลาการใช้งานจริงอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความแตกต่างของสินค้า พฤติกรรมการใช้งานและสภาพแวดล้อมอื่นๆ
# Facebook โต้กลับโจ ไบเดน บอก Facebook ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฉีดวัคซีนไม่ได้ตามเป้า จากประเด็น โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบคำถามนักข่าว ให้ความเห็นว่าโซเชียลมีเดีย ฆ่าคนทางอ้อมปล่อยให้มีข้อมูลเท็จวัคซีน ล่าสุด Facebook เขียนบล็อกโต้กลับโดยยกข้อมูลบอกว่าตั้งแต่เดือน ม.ค. เป็นต้นมา ผู้ใช้ Facebook ยอมรับวัคซีนเพิ่มขึ้น 10-15% ซึ่งก็คือเพิ่มขึ้นจาก 70% เป็น 80-85% ฉะนั้น Facebook จึงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฉีดวัคซีนไม่ได้ตามเป้า ตั้งแต่เดือนเม.ย. ปี 2020 เป็นต้นมา Facebook บอกว่าร่วมมือกับ Carnegie Mellon University และ University of Maryland สำรวจทั่วโลกเพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอาการของ COVID-19, อัตราการฉีดวัคซีน ฯลฯ รวบรวมคำตอบกว่า 70 ล้าน และมากกว่า 170,000 คำตอบต่อวันในกว่า 200 ประเทศ โดยในสหรัฐฯ พบว่า ความลังเลที่จะไปฉีดวัคซีนนั้นลดลง 50% ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า 85% ของผู้ใช้ Facebook ในสหรัฐอเมริกาเคยฉีดวัคซัน หรือมีความต้องการฉีดวัคซีน COVID-19 ดังนั้น การที่เป้าหมายฉีดวัคซีนของไบเดนคือ 70% ของประชากรภายในวันที่ 4 ก.ค. ที่ไม่เป็นไปตามเป้านั้น ไม่ใช่ความผิด Facebook ท่าทีของไบเดน สอดคล้องกับความเห็นของนักการเมืองคนอื่นในทำเนียบขาว Jen Psaki โฆษกของทำเนียบขาวมองว่าบริษัทโซเชียลเหล่านี้ต้องพยายามเพิ่มมาตการต่อต้านข่าวปลอมให้มากกว่าที่เป็นอยู่ Vivek Murthy แพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ ออกมาเตือนเรื่องข้อมูลปลอมเกี่ยวกับวัคซีนกลายเป็นเรื่องอันตราย โซเชียลมีเดียต้องตระหนักได้แล้วว่าพวกเขามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความเร็วของข้อมูลเท็จที่กำลังแพร่กระจายในขณะนี้ ที่มา - Facebook, The New York Times
# JetBrains เผยผลสำรวจนักพัฒนาปี 2021 นิยม JavaScript มากที่สุด, Python แซง Java JetBrains ออกรายงานสำรวจข้อมูลนักพัฒนาประจำปี 2021 จากผู้ตอบแบบสอบถาม 31,743 คนใน 183 ประเทศ มีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ ภาษาโปรแกรมที่ใช้งาน (ตอบหลายภาษาได้) อันดับหนึ่ง JavaScript มีคนตอบ 69% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด, Python 52% แซง Java 49% แล้ว ภาษาโปรแกรมหลักที่ใช้งาน (primary) อันดับหนึ่ง JavaScript 39%, ตามด้วย Java 32%, Python 29% ภาษาที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในรอบ 5 ปีนี้คือ Python, TypeScript, Kotlin, SQL, Go ภาษาที่ได้รับความนิยมลดลงในรอบ 5 ปีนี้คือ Ruby, Objective-C, Scala ถ้าแยกความนิยมของภาษาตามประเทศ-ภูมิภาค ประเทศส่วนใหญ่นิยม JavaScript มากที่สุด ยกเว้น จีน-เกาหลีใต้ (Java), อินเดีย (Python) ระบบปฏิบัติการที่ใช้งานมากที่สุดคือ Windows 61%, Linux 47%, macOS 44% ซึ่งค่อนข้างคงที่จากปีก่อนๆ นักพัฒนาบน Windows สัดส่วน 65% บอกว่าไม่ได้ใช้ Windows Subsystem for Linux (WSL) ประเภทของงานที่ทำ 71% คือ web back-end, 58% web front-end, 32% desktop, 30% mobile ในรายงานยังมีสถิติอื่นๆ อีกมาก อ่านกันได้ตามลิงก์ ที่มา - JetBrains
# Amazon Appstore ประกาศรองรับแอพฟอร์แมตใหม่ AAB ตามกูเกิล แต่ยังไม่ทิ้ง APK ต่อจากข่าว Play Store บังคับใช้แพ็กเกจ Android App Bundle (.aab) แทน APK ทำให้หลายคนสงสัยกันว่า นโยบายนี้จะกระทบกับสโตร์ทางเลือกอื่นๆ หรือไม่ ล่าสุด Amazon Appstore ออกมาประกาศแล้วว่าจะรองรับ Android App Bundle แน่นอน นักพัฒนาสามารถเลือกได้ว่าจะส่งแอพเป็นแพ็กเกจ APK เหมือนเดิม หรือจะส่งเป็น bundle ก็ได้เช่นกัน ส่วนกำหนดการอย่างละเอียดจะประกาศอีกครั้ง ที่มา - Amazon, Android Police
# Ubisoft โดนฟ้องฐานยินยอมให้เกิดการคุกคามเพศในองค์กร ทั้งที่รู้ แต่ไม่ยอมแก้ปัญหา ดูเหมือนว่าความพยายามของ Ubisoft ที่จะแก้ปัญหาเหยียดเพศ คุกคามทางเพศในองค์กรนั้นไม่ง่าย ล่าสุด เว็บไซต์ Kotaku และ Rock Paper Shotgun รายงานว่ากลุ่มสหภาพแรงงานในฝรั่งเศสหรือ Solidaires Informatiques และอดีตพนักงาน Ubisoft 2 ราย ฟ้องร้อง Ubisoft ในข้อหายอมให้มีวัฒนธรรมการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ ในความเห็นของสหภาพมองว่า การที่บริษัทยอมให้มีพฤติกรรมเช่นนี้เพราะมันง่ายกว่าที่จะยอมรับและแก้ปัญหา การฟ้องร้องครั้งนี้เจาะจงที่กลุ่มผู้บริหารและอดีตพนักงานใน Ubisoft หลายคน เช่น Cecile Cornet (หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล), Tommy Francois (รองประธานฝ่ายบรรณาธิการ) และ Serge Hascoët (ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ระดับโลก) และ Yves Guillemot ซีอีโอก็โดนด้วย เรื่องการคุกคามเพศใน Ubisoft เป็นที่เลื่องลือมาระยะหนึ่งจน Yves Guillemot ซีอีโอต้องทำวิดีโอขอโทษ และระบุจะแก้ปัญหา ที่มา - Engadget
# จีนแจงรายละเอียดหยวนดิจิทัล ระบบรวมศูนย์, มี smart contract, เปิดให้ภายนอกสร้างแอป Wallet ธนาคารกลางจีน (People's Bank of China - PBOC) ออกรายงานถึงความคืบหน้าของหยวนดิจิทัล หรือ e-CNY โครงการเงินดิจิทัล แม้ว่าตัวรายงานจะพูดถึงเงินคริปโตที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นแต่รายละเอียดของ e-CNY เองก็ไม่เหมือนเงินคริปโตแต่อย่างใด PBOC ให้บริการ e-CNY แบบสองชั้น หน่วยงานที่ได้รับอนุญาต (ซึ่งมักเป็นธนาคาร) สามารถเขียนแอป wallet สำหรับผู้ใช้ทั่วไป บัญชีในระบบ e-CNY นั้นมีหลายระดับขึ้นกับระดับการยืนยันตัวตน ระดับต่ำสุดสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนใดๆ (managed anonymity) จะใช้งานได้เฉพาะการจ่ายเงินมูลค่าต่ำๆ ขณะที่มีบัญชีที่ยืนยันตัวตนแล้วจะสามารถโอนเงินมูลค่าสูงขึ้นแต่ก็ป้องกันการขอข้อมูลส่วนตัวโดยไม่จำเป็น ความแตกต่างสำคัญของ e-CNY เทียบกับระบบโอนเงินในบัญชีธนาคารมีหลายอย่าง เช่น รายการจ่ายทั้งหมดไม่มีค่าธรรมเนียม และผู้ให้บริการจะถือว่าการชำระสิ้นสุดทันทีที่โอนเงินสำเร็จ (settlement upon payment) เนื่องจากระบบค่อนข้างรวมศูนย์ ทาง PBOC ออกแบบระบบศูนย์ข้อมูลที่กระจายตัวหลายแห่ง รองรับเหตุภัยพิบัติระดับเมือง เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้ต่อเนื่อง ฟีเจอร์สำคัญที่ e-CNY รับมาจากแนวคิดของเงินคริปโตคือ smart contract ที่กระเป๋าเงินสามารถจ่ายเงินได้เองเมื่อเงื่อนไขในซอฟต์แวร์ครบถ้วน แต่ในส่วนนี้ไม่มีข้อมูลว่าผู้ใช้ทั่วไปสามารถเขียนโปรแกรมลงไปได้เองหรือไม่ หรือต้องเป็นผู้ให้บริการ wallet เท่านั้น นอกจากฟีเจอร์หลักที่ใช้งานผ่านแอป wallet ที่ทดสอบเป็นวงกว้างในจีนแล้ว ทาง PBOC ยังทดสอบฟีเจอร์อื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง เช่น ทดสอบการจ่ายเงินแบบออฟไลน์โดยพัฒนาร่วมกับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ, ทดสอบฮาร์ดแวร์อื่นเพื่อให้ใช้งาน e-CNY ได้โดยไม่ต้องมีโทรศัพท์ คาดว่าจะใช้งานจริงในโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่มา - PBOC ภาพป้ายรับจ่ายด้วย e-CNY ในร้านค้าในเสิ่นเจิ้นโดย 30000lightyears
# mitmproxy ออกเวอร์ชั่น 7.0 รองรับ HTTP/2, WSL mitmproxy พรอกซี่สำหรับแสดงข้อมูลการเชื่อมต่อเว็บแบบเข้ารหัส ออกเวอร์ชั่น 7.0 รองรับโปรโตคอลใหม่ๆ เช่น HTTP/2, WebSocket และการเชื่อมต่อ TCP เปล่าๆ ไม่เข้ารหัส ในเวอร์ชั่นนี้ไคลเอนต์เช่นเบราว์เซอร์สามารถเชื่อมต่อแบบ HTTP/2 เข้าไปยัง mitmproxy หลังจากนั้น mitmproxy จะส่งต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์แบบ HTTP/1 จุดแก้ไขสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการรองรับ WSL โดยเวอร์ชั่นนี้สามารถแสดงหน้าจอคอนโซลบนวินโดวส์ได้ถูกต้องแล้ว ที่มา - mitmproxy
# OpenAI ยุบทีมวิจัยหุ่นยนต์ ระบุสายงานอื่นหาข้อมูลง่ายกว่า Wojciech Zaremba ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI เปิดเผยว่าบริษัทยุบทีมหุ่นยนต์ไปแล้ว แม้ว่าเมื่อปี 2019 จะสามารถสาธิตหุ่นยนต์แก้ปัญหารูบิก ได้อย่างน่าทึ่ง แต่การทำงานโดเมนอื่นๆ หาข้อมูลอื่นได้ง่ายกว่า หุ่นยนต์แก้ปัญหารูบิกของ OpenAI อาศัยแนวทาง unsupervised โดยตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ถูกฝึกในโลกจำลองก่อนจะนำปัญญาประดิษฐ์มารันในหุ่นยนต์จริง แม้ผลที่ได้จะน่าทึ่งแต่อัตราการแก้ปัญหาสำเร็จอยู่ที่ 20% เท่านั้น ทางโฆษกของ OpenAI ระบุว่าทีมวิจัยหุ่นยนต์ถูกยุบไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2020 ไปพร้อมๆ กับโครงการอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง การพัฒนาหุ่นยนต์จากโลกจำลองมาเป็นซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์สำหรับควบคุมหุ่นยนต์ในโลกความเป็นจริงเป็นโดเมนปัญหาที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงหลังเพราะน่าจะสร้างโอกาสสำหรับการนำหุ่นยนต์ไปใช้งานได้กว้างขวางขึ้น นอกจาก OpenAI แล้วยังมี NVIDIA ที่ผลักดันเฟรมเวิร์คต่างๆ สำหรับพัฒนาปัญญาประดิษฐ์สำหรับหุ่นยนต์อย่างต่อเนื่อง ที่มา - VentureBeat
# อีกก้าวของวงการศิลปะ งาน NFT ศิลปินไทย ปิดประมูลหลักแสนบาทพร้อมกันสองงาน NFT หรืองานศิลปะที่มาพร้อมโทเค่นแสดงความเป็นเจ้าของที่ทำงานบนบล็อกเชน เริ่มเป็นกระแสในศิลปินไทยมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจาก ไข่แมวที่ลงขายงานบน OpenSea และคนอื่นๆ แล้ว ยังมี “โบว์” ปัณฑิตา มีบุญสบาย ศิลปินชื่อดัง ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ลงประมูลงาน NFT สองภาพ บนเว็บไซต์ Foundation เว็บประมูลงานศิลปะ NFT ภาพทั้งสองมีชื่อว่า “Banana is a truth art. (Add it can eat)” ปิดการประมูลไปที่ 1.97 ETH หรือราว 123,000 บาท และ “Reject humanity return to monkey.” ปิดการประมูลไปที่ 2.6951 ETH หรือราว 173,000 บาท โลกศิลปะจริงในไทย กับโลก NFT อาจจะเริ่มเข้าใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ และ NFT อาจกลายเป็นอีกช่องทางให้ศิลปินหน้าใหม่หรือศิลปินหน้าเก่าที่มีชื่อเสียง ลงขายหรือประมูลงานศิลปะ ในระดับนานาชาติแทนที่จะเป็นที่รู้จักแค่ภายในประเทศได้ง่ายขึ้นในอนาคต ที่มา - Puntita Meeboonsabai
# หลุดข้อมูลซีพียู Alder Lake รุ่นท็อป i9-12900K มี 8+8 คอร์, คล็อคบูสต์ 5.3GHz มีข้อมูลหลุดของ Intel Core 12th Gen "Alder Lake" ที่จะออกช่วงปลายปีนี้ มาจากเว็บบอร์ดจีน Zhizu โดยให้ข้อมูลของซีพียูรุ่นย่อย 3 รุ่นคือ Core i9-12900K คอร์ใหญ่ 8 คอร์/16 เธร็ด คล็อคบูสต์สูงสุด 5.3GHz, คอร์เล็ก 8 คอร์/8 เธร็ด, L3 30MB Core i7-12700K คอร์ใหญ่ 8 คอร์/16 เธร็ด คล็อคบูสต์สูงสุด 5.0GHz, คอร์เล็ก 4 คอร์/4 เธร็ด, L3 25MB Core i5-12600K คอร์ใหญ่ 6 คอร์/12 เธร็ด คล็อคบูสต์สูงสุด 4.9GHz, คอร์เล็ก 4 คอร์/4 เธร็ด, L3 20MB Alder Lake จะใช้แนวคิด คอร์ใหญ่ประสิทธิภาพสูง (Golden Cove) + คอร์เล็กประหยัดพลังงาน (Atom Gracemont) ลักษณะเดียวกับ big.LITTLE ของฝั่ง ARM โดยข้อมูลหลุดชุดนี้ก็ตรงกับที่หลุดมาก่อนหน้าว่าจะเป็น 8+8 คอร์ สำหรับรุ่นท็อปสุด อินเทลทดลองแนวคิดนี้มาสักพักแล้วกับซีพียู Lakefield (1+4 คอร์) ที่เพิ่งประกาศหยุดผลิตไป และมาเอาจริงในซีพียูตัวหลักของบริษัทคือ Alder Lake ที่มา - ExtremeTech
# ไมโครซอฟท์โอเพนซอร์สดิสโทรลินุกซ์ CBL-Mariner ที่ทำใช้เองภายใน ใช้กับ Azure ไมโครซอฟท์เปิดซอร์สโค้ดดิสโทรลินุกซ์ที่ใช้ภายในบริษัท CBL-Mariner (CBL ย่อมาจาก Common Base Linux) ซึ่งปัจจุบันถูกใช้งานอยู่บน Azure CBL-Mariner เป็นดิสโทรลินุกซ์ที่ออกแบบมาสำหรับงานคลาวด์และ edge computing ใช้ได้ทั้งภายในคอนเทนเนอร์และเป็นโฮสต์ แนวทางการออกแบบเน้นแกน OS ขนาดเล็ก ต้องการแรมและดิสก์น้อย บูตเร็ว แล้วสามารถเพิ่มแพ็กเกจที่ต้องการ (เป็น RPM) ในตอนสร้างอิมเมจ ไมโครซอฟท์บอกว่าได้แรงบันดาลใจจาก Linux from Scratch และใช้ไฟล์ SPEC สำหรับสร้างแพ็กเกจมาจาก Fedora กับโครงการ Photon OS ของ VMware ปัจจุบันไมโครซอฟท์มีโครงการลินุกซ์อยู่หลายตัว เช่น WSL, Azure Sphere OS ที่เน้นความปลอดภัย และ SONiC ที่ใช้ในอุปกรณ์เครือข่าย ที่มา - ZDNet
# ก.ล.ต. ฮ่องกงระบุโทเค็นหุ้นน่าจะเข้าข่ายหลักทรัพย์ หลัง Binance เปิดให้ซื้อขายในฮ่องกง Securities and Futures Commission (SFC) หรือกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงแถลงว่าโทเค็นหุ้น (stock token หรือ synthetic stock) น่าจะ (likely) เข้าข่ายหลักทรัพย์ตามกฎหมายฮ่องกง การซื้อขายต้องทำโดยผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้น แม้จะพูดถึงโทเค็นหุ้นโดยรวมๆ แต่แถลงของ SFC ก็ระบุถึง Binance เป็นการเฉพาะว่าไม่ได้เข้ามาขออนุญาต พร้อมกับเตือนแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลว่าหากต้องการให้บริการในฮ่องกงให้มาปรึกษา SFC แต่เนิ่นๆ ประกาศของ SFC เตือนผู้ลงทุนทั่วไปว่าการลงทุนโทเค็นหุ้นไม่ได้รับการตรวจสอบให้ครบถ้วน หลักทรัพย์ที่หุ้นมูลค่าโทเค็นอยู่ไม่ถูกตรวจสอบ ตลอดจนไม่ได้สิทธิการออกเสียงหรือสิทธิ์รับเงินปันผลเหมือนหุ้นปกติ ท่าทีของ SFC เป็นไปทางเดียวกับก.ล.ต. ของไทยที่กล่าวโทษ Binance ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ SFC ยังไม่ได้ชี้ชัดว่ามีความผิดหรือเริ่มดำเนินคดีแต่อย่างใด คำในแถลงเองก็บอกเพียงว่าน่าจะเข้าข่ายกิจการที่ต้องกำกับดูแลเท่านั้น ที่มา - SFC ภาพโดย 3844328
# Tesla เปิดราคาแพ็กเกจ Full Self-Driving จ่ายรายเดือน เดือนละ 199 ดอลลาร์ Tesla เปิดราคาแพ็กเกจ Full Self-Driving (ที่ไม่ใช่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ 100%) แบบรายเดือนที่ 199 ดอลลาร์ต่อเดือน จ่ายราคานี้จะได้ฟีเจอร์ดังนี้ นำทางในระบบ Autopilot เปลี่ยนเลนอัตโนมัติ (auto lane change) จอดรถอัตโนมัติ (autopark) เรียกรถให้มาหา (summon) หยุดไฟแดงและป้ายสัญญาณหยุด และในอนาคตจะได้ฟีเจอร์คุมพวงมาลัย (autosteer) บนถนนในเมืองด้วย ก่อนหน้านี้ Tesla ขายฟีเจอร์ Full Self-Driving ในราคาขายขาด จ่ายครั้งเดียว 10,000 ดอลลาร์ แต่ Elon Musk เองก็เคยประกาศไว้ว่าจะเปลี่ยนจากโมเดลขายขาดมาเป็นจ่ายรายเดือนแทน เว็บไซต์ Electrek ชี้ว่าราคาแพ็กเกจอาจค่อนข้างแพง แต่สามารถจ่ายเฉพาะเดือนที่ต้องใช้งานจริงๆ ยกเลิกได้ตลอดเวลา ก็อาจเป็นข้อดีหนึ่งของแพ็กเกจนี้ ที่มา - Electrek
# Ubisoft เลื่อน Rainbow Six Extraction เป็นรอบที่สาม กำหนดออกมกราคม 2022 Ubisoft ประกาศเลื่อนวันวางขายเกมยิงปรสิตเอเลี่ยนจากนอกโลก Rainbow Six Extraction (เดิมคือ Rainbow Six Quarantine) จากเดิมเดือนกันยายน 2021 เป็นเดือนมกราคม 2022 เกมเปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 แต่ต้องเปลี่ยนชื่อเกมหนึ่งครั้ง และถูกเลื่อนมาทั้งหมด 3 รอบ (นับรวมรอบนี้) ส่วนเหตุผลของการเลื่อนรอบนี้ก็คือต้องการใช้เวลาปรับปรุงคุณภาพเกมให้ดีขึ้น ในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมา มีเกมดังจำนวนมากต้องเลื่อนวางจำหน่ายเพราะสถานการณ์โควิด และจากกรณี Cyberpunk อันลือลั่น แฟนๆ เกมก็คงคิดว่ายอมเล่นช้าไปอีกสักหน่อยน่าจะดีกว่าฝืนขายตามกำหนดเดิม ที่มา - Ubisoft, Games Informer
# ตำรวจไทยสะกดรอยผู้ต้องหาโดยใช้ข้อมูลจากแอปพลิเคชันโควิด เช่น หมอพร้อม คนละครึ่ง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 สำนักข่าวอิศราได้รายงานข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดีทุจริต โดยมีการเปิดเผยว่าหนึ่งในแหล่งข้อมูลที่ทางเจ้าหน้าที่ใช้ในการสะกดรอยนั้นได้มาจากการใช้งานแอปพลิเคชันของภาครัฐที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ด้านการรับมือสถานการณ์โควิด 19 เช่น หมอพร้อม ที่ใช้เพื่อนัดหมายการฉีดวัคซีน (ปัจจุบันแอปพลิเคชันหมอพร้อมถูกถอดออกจาก Play Store แล้ว) หรือ คนละครึ่ง ที่ใช้เพื่อการจ่ายเงิน เป็นต้น จากข่าวนี้ มีความกังวลเรื่องความน่าเชื่อถือและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานแอปพลิเคชันหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากในแหล่งข่าวไม่ได้ระบุว่าต้องมีการขอหมายศาลเพื่อเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานหรือไม่ มีข้อมูลอะไรบ้างที่ถูกนำไปใช้เพื่อการสืบสวนคดี รวมถึงผู้ใช้งานแอปพลิเคชันเหล่านั้นได้รับทราบเงื่อนไขและให้ความยินยอมหรือไม่ว่าการใช้งานแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานในช่วงสถานการณ์โควิดนั้นอาจถูกสะกดรอยได้ หมายเหตุ: ปัจจุบันข่าวต้นทางมีการแก้ไขโดยตัดชื่อแอปพลิเคชันออก เนื้อหาดั้งเดิมเป็นดังภาพประกอบ ที่มา - สำนักข่าวอิศรา, เนื้อหาข่าวก่อนแก้ไข ผ่าน Archive.org
# Google ปรับปรุงดีไซน์ของอีโมจิชุดใหญ่ 992 รายการ เริ่มมีผลเดือนนี้ กูเกิลประกาศปรับปรุงอีโมจิบนแพลตฟอร์ม เพื่อฉลองวันอีโมจิโลก 17 กรกฎาคม โดยระบุว่าทำให้เข้าถึงกับผู้ใช้งานทุกคน (Universal Design) และมีความชัดเจนมากขึ้น อีโมจิที่ปรับปรุงใหม่มีทั้งหมด 992 รายการ กูเกิลจะเริ่มทยอยเปลี่ยนแปลงในแพลตฟอร์ม Gmail และ Google Chat รวมถึง Chrome OS ในเดือนนี้ ส่วน Android จะมาพร้อมกับ Android 12 ที่กำหนดออกช่วงปลายปี ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงของอีโมจิที่น่าสนใจ เช่น รูปหน้าสวมมาสก์ ลูกตาจะเปิดโตขึ้น จากเดิมเป็นตาปิด, ขนมพาย เปลี่ยนจากแบ่งชิ้น เป็นทั้งถาด เพื่อให้ใช้แทนได้ทั้งพายแบบคาวและหวาน, บิกินี่ เปลี่ยนการจัดวาง ให้ไม่ดูเป็นการสวมใส่กับหุ่น เป็นต้น ที่มา: 9to5Google และ Emojipedia
# โจ ไบเดน วิจารณ์แพลตฟอร์มโซเชียลฆ่าคนทางอ้อม ปล่อยให้มีข้อมูลเท็จวัคซีน นักข่าวสหรัฐไปถามประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่าคิดอย่างไรกับข้อมูลเท็จเกี่ยวกับ COVID-19 บนแพลตฟอร์มโซเชียลอย่างเฟซบุ๊ก คำตอบของไบเดนคือ "ทำให้คนตาย" (they're killing people) ไบเดนบอกว่าตอนนี้สหรัฐอเมริกาเจอปัญหาโรคระบาดในกลุ่มคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน (unvaccinated) ดังนั้นข่าวปลอมเหล่านี้ (ที่ชักจูงคนไม่ให้ฉีดวัคซีน) จึงถือเป็นการฆ่าคนทางอ้อม ท่าทีของทำเนียบขาวก็ไปในทางเดียวกับไบเดน โดย Jen Psaki โฆษกของทำเนียบขาวก็ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า ทุกคนมีหน้าที่ต้องกระจายข้อมูลที่ถูกต้อง บริษัทโซเชียลเหล่านี้ต้องพยายามเพิ่มมาตการต่อต้านข่าวปลอมให้มากกว่าที่เป็นอยู่ โดยยกตัวอย่างข่าวปลอมว่า วัคซีนโควิดทำให้คนเป็นหมัน ฝั่งโฆษกของเฟซบุ๊กก็ตอบโต้ว่า บริษัทเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องของโควิดและวัคซีนอยู่แล้ว มีคนอ่านข้อมูลเหล่านี้มากกว่า 2 พันล้านคน ซึ่งเยอะกว่าโซเชียลอื่นๆ บนอินเทอร์เน็ต ที่มา - CNBC
# Microsoft รายงานช่องโหว่ Print Spooler อีกครั้ง ยังไม่มีแพตช์ แนะนำปิด Service นี้ไปก่อน ไมโครซอฟท์รายงานช่องโหว่ความปลอดภัยใหม่ CVE-2021-34481 ของบริการ Windows Print Spooler หรือ PrintNightmare ซึ่งเป็นการรายงานถึงช่องโหว่นี้ครั้งที่ 3 ในรอบ 5 สัปดาห์ โดยผู้โจมตีสามารถเข้าถึงไฟล์ที่สำคัญของ Windows และฝังโค้ดให้รันที่ระดับ SYSTEM เมื่อมีการรีบูทเครื่องได้ ในการรายงานช่องโหว่รอบนี้ ไมโครซอฟท์ยังไม่มีรายละเอียดของแพตช์และกำหนดเวลาออกมา แต่ให้แนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้น (workaround) นั่นคือหยุดและปิดการทำงาน Print Spooler ไปก่อน ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์ออกแพตช์แก้ปัญหา Print Spooler ในแพตช์ของเดือนมิถุนายน และออกแพตช์ฉุกเฉินอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังมีรายงานว่ายังแก้ปัญหาไม่ได้ทั้งหมด ที่มา: Ars Technica และไมโครซอฟท์
# dtac ไตรมาส 2/64 รายได้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จำนวนลูกค้า 19.2 ล้านเลขหมาย ดีแทครายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 2 ปี 2564 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 4.3% เทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2563 เป็น 19,984 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากค่าเช่าเครือข่าย 2300MHz จาก TOT และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1,531 ล้านบาท จากรายได้จากการบริการที่กลับมาทรงตัว และการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ไตรมาส 2/64 นี้ ดีแทคมีผู้ใช้บริการรวม 19.2 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้นมา 1.64 แสนเลขหมาย จากไตรมาสที่ 1/64 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งลูกค้าระบบรายเดือนและระบบเติมเงิน ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC หรือ ARPU อยู่ที่ 247 บาทต่อเดือน ลดลงมาเล็กน้อย ดีแทคได้ขยายสถานีฐานบนเครือข่าย 700MHz เพิ่มเป็น 9,134 สถานีฐาน ครอบคลุม 80% ของประชากร ขยายบริการ 5G เพิ่มอีก 3 จังหวัด จากที่ให้บริการก่อนหน้าแล้ว 6 จังหวัด ที่มา: ดีแทค (pdf)
# Citizen Lab พบมัลแวร์จากบริษัทอิสราเอล ถูกใช้โจมตีนักการเมือง, สื่อ, นักสิทธิมนุษยชน Citizen Lab ร่วมมือกับไมโครซอฟท์วิเคราะห์มัลแวร์จากบริษัท Candiru ในอิสราเอล โดยไมโครซอฟท์เรียกกลุ่มมัลแวร์นี้ว่า SOURGUM ให้บริการมัลแวร์ DevilsTongue ในรูปแบบ hacking-as-a-service แก่รัฐบาลทั่วโลก ไมโครซอฟท์พบว่าเหยื่อของมัลแวร์ DevilsTongue กระจุกตัวอยู่ในแถบปาเลสไตน์ประมาณครึ่งหนึ่ง ที่เหลืออยู่ใน อิสราเอล, อิหร่าน, เลบานอน, เยเมน, สเปน, สหราชอาณาจักร, ตุรกี, อาร์เมเนียร์, และสิงคโปร์ โดยไม่แน่ชัดว่าผู้ว่าจ้างให้โจมตีมาจากชาติใดบ้าง Citizen Lab หาข้อมูลของ Candiru จากเอกสารหลุดและคำฟ้องในคดีที่เคยมี พบว่าบริษัททำงานคล้ายบริษัทรับแฮกอื่นๆ เช่น NSO Group โดยลูกค้าต้องจ่ายเงินค่าแรกเข้าเพื่อใช้งานบริการแฮก คิดเป็นเงิน 16 ล้านยูโรหรือประมาณ 620 ล้านบาท และจะแฮกคอมพิวเตอร์ได้ไม่จำกัดจำนวน แต่จะมอนิเตอร์การทำงานของอุปกรณ์ที่เป็นเหยื่อได้พร้อมกันเพียง 10 อุปกรณ์เท่านั้น หากต้องการใช้งานเพิ่มต้องซื้อไลเซนส์เพิ่ม 15 อุปกรณ์และจะโจมตีเหยื่อเพิ่มขึ้นได้อีกหนึ่งชาติ หากจ่ายเพิ่ม 5.5 ล้านยูโรจะมอนิเตอร์อุปกรณ์ได้อีก 25 ตัวและโจมตีเหยื่อเพิ่มได้อีก 5 ชาติ ตัวมัลแวร์สามารถดึงข้อมูลออกจาก Gmail, Skype, Facebook สามารถดึงประวัติการเข้าเว็บและรหัสผ่าน รวมถึงสามารถบันทึกภาพจากเว็บแคม, เสียงจากไมโครโฟน, และภาพหน้าจอ สามารถจ่ายเพิ่มเพื่อมอนิเตอร์ทวิตเตอร์, Viber, และ Signal ได้ ทาง Citizen Lab พบมัลแวร์จากนักกิจกรรมทางการเมืองในยุโรป และขอสำเนาอิมเมจของฮาร์ดดิสก์ออกมาได้ ทำให้ได้ตัวอย่างมัลแวร์ ทางไมโครซอฟท์วิเคราะห์มัลแวร์พบว่าใช้ช่องโหว่ที่ไม่เคยมีการรายงานมาก่อนสองรายการ ได้แก่ CVE-2021-31979 และ CVE-2021-33771 ที่เปิดทางให้โค้ดเจาะทะลุ sandbox ของเบราว์เซอร์และเพิ่มสิทธิจนทำงานในระดับเคอร์เนลได้ ช่องโหว่ทั้งสองตัวแพตช์ในรอบเดือนกรกฎาคมเรียบร้อยแล้ว ตัวมัลแวร์ DevilsTongue มีการออกแบบเป็นโมดูล มีความสามารถพื้นฐานในตัว เช่นการดึง cookie จากเบราว์เซอร์ (รองรับทั้ง Chrome, Chromium, Edge, UCBrowser, Yandex, Firefox, Opera) และยังมีความสามารถใช้ cookie กับบริการเช่น Facebook, Twitter, Gmail, Yahoo เพื่อดึงข้อความจากบริการเหล่านี้ออกมาตรงๆ รวมถึงส่งข้อความโดยสวมรอยบัญชีเหยื่อ ที่มา - Citizen Lab, Microsoft ภาพโดย iAmMrRob
# Automattic เข้าซื้อบริษัทพอดแคสท์ Pocket Casts อาจนำมาอินทิเกรตกับ WordPress.com Automattic บริษัทแม่ของ WordPress.com และ Tumblr ได้เข้าซื้อ Pocket Casts บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มพอดแคสท์อย่างเป็นทางการ Pocket Casts เปิดให้บริการในปี 2010 และมีโครงการทำเงินผ่าน Pocket Casts Plus ซึ่งเก็บเงินลูกค้าเพื่อใช้ฟีเจอร์พรีเมียมอย่างเช่นเข้าใช้งานผ่านเดสก์ท็อปหรือแอปแบบ standalone บน Apple Watch โดย Automattic ซื้อ Pocket Casts มาจากกลุ่มบริษัทวิทยุโดยไม่เปิดเผยมูลค่า ภายหลังเข้าซื้อกิจการแล้ว Russell Ivanovic และ Philip Simpson ผู้ร่วมก่อตั้ง Pocket Casts จะยังคงทำงานในทีมเดิมต่อไป ซึ่ง Automattic อาจนำฟีเจอร์จาก Pocket Casts นี้อินทิเกรตเข้ากับผลิตภัณฑ์หลักคือ WordPress.com ให้ผู้ใช้งานเครื่องมือสร้างเว็บไซต์มีช่องทางกระจายคอนเทนต์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ที่มา - WordPress, Engadget, The Verge
# Steam Deck ใช้แกน Arch Linux + KDE, สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้อิสระ ข่าวเด่นที่สุดในรอบวันที่ผ่านมาคงไม่มีใครเกิน Steam Deck เครื่องเล่นเกมพกพาจาก Valve โดยเป็นซีพียู x86 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ SteamOS (ข้างในเป็นลินุกซ์) และมีซอฟต์แวร์ Proton ช่วยให้เล่นเกมจากฝั่งวินโดวส์ได้ Valve ทำ SteamOS มานานแล้ว โดยใช้กับฮาร์ดแวร์ Steam Machine ที่เปิดตัวปี 2015 และเลิกไปในปี 2018 แต่ตัว SteamOS ยังถูกพัฒนาต่อ ข้อมูลใหม่ที่ Valve เปิดเผยคือฐานของ SteamOS เวอร์ชันใหม่ 3.0 ถูกเปลี่ยนจากเดิมที่ใช้ Debian มาเป็น Arch Linux แทน ระบบจัดการเดสก์ท็อปเป็น KDE Plasma ที่ปรับหน้า UI ให้เหมาะกับอุปกรณ์พกพา ส่วนตัว Proton เองก็พัฒนาให้ทำงานกับเกมจากวินโดวส์ได้ดีขึ้นมาก (ยังไม่บอกว่าแค่ไหน) นอกจากนี้ Valve ยังบอกว่าผู้ใช้สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการใดก็ได้ลง Steam Deck เพราะมันก็คือพีซีดีๆ นี่เอง และ Valve จะไม่ปิดกั้นใดๆ ซึ่งแปลว่าเราสามารถซื้อแล้วนำมาลง Windows ได้เอง รวมถึงเล่นเกมจากร้านคู่แข่งอย่าง Epic Games Store ได้ด้วย ภาพจาก Valve เอง โชว์ Steam Deck คู่กับลินุกซ์บนจอ CRT ยุคเก่า พร้อมรูปภาพคนที่หน้าคุ้นๆ ที่มา - Steam, ZDNet, 9to5linux
# ไมโครซอฟท์ต่ออายุแพตช์ Windows Server 2008, 2012 ถ้าย้ายมา Azure ไม่ต้องจ่าย ไมโครซอฟท์ประกาศขยายเวลาซัพพอร์ตของระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าคือ Windows Server 2012 และ 2012 R2 ออกไปจากเดิม โดยออกแพตช์ความปลอดภัยให้เพียงอย่างเดียว (Extended Security Updates) และหากรันบน Azure จะไม่ต้องจ่ายค่าซัพพอร์ตด้วย ปกติแล้ว ไมโครซอฟท์จะออกแพตช์ความปลอดภัยให้ระบบปฏิบัติการที่หมดอายุไปแล้ว โดยต้องซื้อซัพพอร์ต Extended Security เพิ่ม ในราคาที่ค่อนข้างแพง เพื่อจูงใจให้คนอัพเกรดเวอร์ชันแทน แต่ช่วงหลังไมโครซอฟท์ก็มีท่าพิเศษเพิ่มมา คือฟรีค่าซัพพอร์ตแลกกับการย้ายระบบ on-premise มาขึ้นบน Azure ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ SQL Server 2008 รอบนี้ไมโครซอฟท์ใช้ท่าเดียวกันกับ Windows Server 2012 และ 2012 R2 ที่จะหมดระยะซัพพอร์ตในเดือนตุลาคม 2023 จะได้ต่ออายุ Extended Security นาน 3 ปี (เป็นปี 2026) แต่ถ้าย้ายขึ้น Azure จะฟรีค่าซัพพอร์ต นอกจากนี้ยังมีประกาศของ Windows Server 2008 และ 2008 R2 ที่หมดระยะซัพพอร์ตแบบ Extended Support ตั้งแต่ปี 2020 และตอนนี้อยู่ในระยะ Extended Security จะได้ต่ออายุเพิ่มอีก 1 ปีเช่นเดียวกัน ที่มา - Microsoft
# ญี่ปุ่นทำลายสถิติเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คเร็วที่สุดในโลก 319 Tb/s ผ่านสายไฟเบอร์ระยะทาง 3,000 กิโลเมตร วิศวกรจาก KDDI Research ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยผลการทดลอง ส่งข้อมูลดิจิทัลผ่านสายไฟเบอร์ใยแก้วแบบ 4 คอร์ ในงาน Conference on Optical Fiber Communications ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยส่งสัญญาณความเร็ว 319 Tb/s (เทราบิตต่อวินาที) ทำลายสถิติ เดิมที่ University College London เคยทำร่วมกับ Xtera และ KDDI Research เอง ไว้ที่ 178 Tb/s ในปี 2020 การทดลองครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตบนสายไฟเบอร์ออฟติกส์ขนาด 125 ไมโครเมตรจำนวน 4 คอร์ และทดสอบส่งข้อมูลผ่านสายระยะทางกว่า 3,000 กิโลเมตร มีข้อสำคัญคือสายแบบ 4 คอร์นี้สามารถนำมาปรับใช้กับโครงสร้างสายไฟเบอร์ปัจจุบันได้ในอนาคต เนื่องจากมีขนาดไม่ต่างจากสายไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตทั่วไป แค่ต้องนำมาดัดแปลงใช้งานกับเทคนิคส่งสัญญาณแบบใหม่ ภาพสายไฟเบอร์ออฟติกส์ทั่วไป เทคนิคส่งสัญญาณนี้ เริ่มโดยการแบ่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นหลายช่วงคลื่นความถี่ต่างกัน ผ่านเทคนิค wavelength-division multiplexing (WDM) เพื่อให้ส่งข้อมูลได้มากขึ้น จากนั้นยิงเลเซอร์แบบ 552-channel แยกแต่หลายช่วงคลื่นนี้ ไปผ่าน dual polarization modulation เพื่อให้แต่ละช่วงคลื่นส่งสัญญาณออกไปไม่พร้อมกัน เกิดเป็นลำดับการส่งสัญญาณหลายแบบ สัญญาณที่มีลำดับต่างกันนี้ จะถูกแบ่งส่งไปยังคอร์ทั้ง 4 คอร์ของสายไฟเบอร์สลับกัน วิ่งต่อไปเป็นระยะทางราว 70 กิโลเมตร ก่อนจะไปถึงจุดขยายสัญญาณที่ใช้ตัวขยายสัญญาณสองแบบ แบบหนึ่งใช้ธาตุธูเลียม (Thulium-doped) และอีกแบบใช้เออร์เบียม (Erbium-Doped) หลังจากนั้นจึงเดินทางต่อและใช้การขยายสัญญาณแบบรามาน (Raman amplification) ตามปกติ ก่อนจะผ่านสายไฟเบอร์อีกส่วน และกลับไปเริ่มขั้นตอนขยายสัญญาณใหม่อีกครั้ง วนไปจนครบระยะ 3,000 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม แม้ขนาดของสายไฟเบอร์ 4 คอร์นี้จะไม่ต่างจากสายไฟเบอร์แบบเดิมมากนัก แต่ขั้นตอนการขยายสัญญาณที่ซับซ้อน ทำให้การอัพเกรดโครงสร้างอาจจะต้องใช้เวลานาน แต่เทคโนโลยีเช่นนี้ก็น่าจะทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีโครงข่ายไฟเบอร์ระดับประเทศหรือระดับทวีปอยู่แล้วสามาารถอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่นับวันจะขยายตัวขึ้นได้ในอนาคต ที่มา - Interesting Engineer
# KBTG ร่วมกับ dtac, LINE BK, ผุดแคมเปญ ใจดี มีวงเงินให้ยืม สินเชื่อดิจิทัลสู้หนี้นอกระบบ ในช่วงที่ประชาชนประสบปัญหาจากวิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมาก จนคนจำนวนไม่น้อยต้องหันไปพึ่งพาสินเชื่อจากแหล่งต่างๆ ที่ไม่ใช่บริการทางการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้มีปัญหาด้านดอกเบี้ยสูงเกินกำหนด และการจ่ายหนี้นอกระบบตามมา KBTG, LINE BK และ dtac จึงร่วมมือกันผลักดันโครงการ “ใจดี มีวงเงินให้ยืม” เพื่อเปิดช่องทางให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนขนาดเล็ก (nano loan) ที่สามารถยื่นขอสินเชื่อผ่านสมาร์ทโฟนได้ทันที ก่อนจะมาเป็นโครงการ “ใจดี มีวงเงินให้ยืม” แกนหลักของโครงการ “ใจดี มีวงเงินให้ยืม” คือ LINE BK หรือ บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคารกสิกรไทยกับ LINE ทำระบบโซเชียลแบงกิ้งผ่านแอปแชท LINE ที่คนไทยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ที่ผ่านมา LINE BK มีบริการธนาคารออนไลน์ 4 อย่างคือ บัญชีเงินฝาก, บัญชีเงินออมดอกพิเศษ, บัตรเดบิต และมีวงเงินให้กู้ยืม ซึ่งที่ผ่านมาก็ปล่อยสินเชื่อไปแล้วจำนวนมาก โครงการนี้ LINE BK จึงมาจับมือกับ dtac เพื่อขยายบริการนี้ไปยังฐานลูกค้าของ dtac จำนวน 19 ล้านรายด้วย ส่วน KBTG ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย เข้ามาช่วยสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้สามารถออกบริการใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น จากเดิม 1-2 ปีให้เหลือ 2 เดือน เพื่อตอบโจทย์ของลูกค้าได้ทันท่วงที ในโครงการ “ใจดี มีวงเงินให้ยืม” นี้ KBTG มีส่วนสำคัญในการพัฒนา API Gateway, Customer Targeting และ User Journey Design ออกแบบประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายและเข้าถึงทุกคน สินเชื่อดิจิทัล สมัครผ่าน LINE อนุมัติไว ถอนเงินได้ 24 ชม. ในเบื้องต้น แคมเปญใจดี มีวงเงินให้ยืม จะเริ่มเปิดทดสอบกับลูกค้า dtac แบบเฉพาะกลุ่มผ่าน dtac App, SMS และสื่อออนไลน์ก่อน หลังจากทดสอบแล้วก็จะเปิดให้สมัครบริการวงเงินให้ยืม (Credit Line) ของ LINE BK ได้ทันที ผู้กู้ไม่จำเป็นต้องมีรายได้ประจำหรือสลิปเงินเดือนก็สมัครได้ ขอเพียงมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท กระบวนการสมัครทำผ่านหน้าแชทของ LINE ได้โดยตรง อนุมัติสินเชื่อเร็ว ถอนเงินได้ 24 ชั่วโมง โดยไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ ผู้กู้มีโอกาสเข้าถึงวงเงินสูงสุด 800,000 บาท (ขึ้นอยู่กับการประเมินความเสี่ยง) โดยที่ผ่านมาวงเงินอนุมัติเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000 บาทต่อราย กรณีที่ลูกค้า dtac ได้รับอนุมัติเงินกู้ ยังจะได้เงินคืน 200 บาทจาก dtac และรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ 9.99% ต่อปีนาน 2 เดือนจาก LINE BK เพิ่มเติมด้วยโดย แคมเปญจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 – 30 กันยายน 2564 ฮาว ริเร็น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันลูกค้าดีแทค 56% เท่านั้นที่มีแอปพลิเคชั่นธนาคาร สะท้อนให้เห็นว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้เข้าถึงบริการการเงินดิจิทัล จากการสำรวจปัญหาการเงินของลูกค้าดีแทคช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2563-2564 พบว่า ลูกค้าเผชิญภาวะความตึงเครียดด้านการเงิน มีไม่น้อยที่หันไปพึ่งสินเชื่อจากแหล่งต่างๆ ที่ไม่ใช่บริการทางการเงินที่ถูกต้อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเติมเงินที่มีรายได้ไม่แน่นอน นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด กล่าวว่าความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญเพื่อตอกย้ำแนวคิด “เรื่องเงินง่ายใน LINE คุณ” ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีกฎกติกาผ่อนคลายกว่าการกู้ยืมในระบบปกติ ความตั้งใจ KBTG คือ Co-innovation เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ใจดี มีวงเงินให้ยืม เป็นตัวอย่างของความร่วมมือจาก 3 องค์กร ที่ผลักดันนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาให้ผู้บริโภคในระยะเวลาอันรวดเร็ว นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ย้ำว่าโควิดเร่งกระบวนการที่ควรจะเกิดภายใน 1-2 ปีเหลือ 2 เดือน เทรนด์ดิสรัปชั่นในอนาคตจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบไม่รู้จบหรือ Continuos Disruption KBTG จึงต้องทำ co-innovation เพื่อเข้าถึงกิจกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็วตามกระแสโควิดให้ได้ทุกจุด เพราะลำพัง KBTG คนเดียวไม่สามารถทำได้ ต้องร่วมกันกับพาร์ทเนอร์ที่ใหญ่พอ เพื่อให้บริการใหม่ๆ เข้าถึงคนได้มากที่สุด พันธกิจหลักของ KBTG คือมอบอำนาจทางการเงินผ่านเทคโนโลยี และมองเห็นว่าทั้ง LINE BK และ dtac มีเป้าประสงค์เดียวกัน เมื่อผสานจุดแข็งของทั้งสามก็จะนำมาซึ่งบริการสินเชื่อดิจิทัลที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับคนไทยในยุค New Normal “อนาคตคือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเร็วและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมอื่นคือคำตอบ เพราะยังมีกลุ่มคนอีกมากที่ KBTG ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยตัวเอง” นายเรืองโรจน์กล่าว นายเรืองโรจน์ประกาศด้วยว่าความร่วมมือครั้งนี้เป็นเพียงก้าวแรก เนื่องจากพฤติกรรมลูกค้ายังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ปัญหาของลูกค้าจะไม่มีวันหมดไป การร่วมมือเพื่อสร้าบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอนาคตจะมีบริการการเงินใหม่ๆ ออกมาให้ได้เห็นกันอีกมากอย่างแน่นอน
# Gabe Newell ระบุ ยอมตั้งราคา Steam Deck ถูกกว่าที่ควร เพื่อหวังผลในระยะยาว Gabe Newell ให้สัมภาษณ์กับ IGN ถึงกลยุทธ์ในการผลักดัน Steam Deck เครื่องเกมพกพาเครื่องแรกของ Valve ที่ขายราคาเริ่มต้น 399 ดอลลาร์ แม้แพงกว่า Nintendo Switch OLED อยู่ 50 ดอลลาร์ แต่ก็ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมาก ในแง่ของการเป็นเกมมิ่งพีซีพกพา Gabe ระบุว่าแม้จุดมุ่งหมายแรกของ Steam Deck คือเป็นอุปกรณ์ที่ประสิทธิภาพดี ทำงานได้ลื่นไหล และให้ประสบการณ์ที่ดีกับผู้เล่น แต่ราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญของเครื่องเกมพกพา ต้องตั้งราคาให้ถูกแบบดุเดือด แม้จะเจ็บปวดก็ตาม Gabe ทิ้งท้ายว่าบริษัทตั้งใจตั้งราคาแบบนี้ เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับอุปกรณ์เล่นเกมประเภทใหม่ ที่จะสร้างผลประโยชน์และโอกาสใหม่ๆ ในระยะยาว และ Valve ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากบริษัทคู่ค้าที่ต้องการเห็นชุมชนพีซีผลักดันเครื่องเล่นเกมในรูปแบบใหม่นี้ด้วย ราคาเริ่มต้นของ Steam Deck ที่ 399 ดอลลาร์ หรือราว 13,000 บาท เป็นราคาประมาณครึ่งหนึ่งของโน้ตบุ๊กเกมมิ่งระดับกลางๆ เท่านั้น แต่รุ่นเริ่มต้นที่ใช้หน่วยความจำแบบ eMMC ความจุแค่ 64GB อาจช้าและความจุน้อยเกินไปสำหรับคนที่ต้องการเล่นเกมจริงจัง แม้เครื่องจะรองรับ microSD card ก็ตาม รุ่นกลางที่ใช้ SSD NVMe ความจุ 256GB ราคา 529 ดอลลาร์ หรือราว 17,300 บาท น่าจะเป็นจุดที่เหมาะสุด ส่วนใครที่อยากนำ Steam Deck ไปลง Windows เพื่อเล่นเกมอื่นๆ เช่นจาก Microsoft Store, Origin หรือ Epic Games Store ด้วย ก็ทำได้เช่นกัน แต่อาจจะจำเป็นต้องใช้รุ่นสูงสุดที่ใช้ SSD NVMe ความจุ 512GB ที่ราคา 649 ดอลลาร์ หรือราว 21,200 บาท ซึ่งก็ยังถูกกว่าโน้ตบุ๊กเกมมิ่งหลายๆ รุ่นอยู่พอสมควร ที่มา - IGN
# 5 ความโดดเด่นของ HUAWEI FreeBuds 4 หูฟังไร้สายที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ปี 2021 แรงไม่หยุดหลังเปิดตัวกับ HUAWEI FreeBuds 4 หูฟังไร้สายใหม่ล่าสุดจากหัวเว่ยที่ประกาศวางจำหน่ายในประเทศไทยไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยมาในดีไซน์แบบ Open-Fit ชูความโดดเด่นด้านคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ตอบสนองต่อย่านความถี่สูงสุด 40 kHz แถมยังมากับเทคโนโลยี Open-Fit ANC 2.0 ลดเสียงรบกวนรอบข้างได้สูงสุด 25 เดซิเบล แถมยังน้ำหนักเบาเพียงข้างละ 4.1 กรัม สวมใส่สบาย พกพาสะดวก แต่แน่นอนว่าคุณสมบัติของ HUAWEI FreeBuds 4 ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะหัวเว่ยเขาจัดให้แบบไม่มีกั๊ก มาดูกันดีกว่าว่าไฮไลต์ทั้งด้านดีไซน์และความอัจฉริยะที่มัดรวมอยู่ในเจ้าหูฟังขนาดกะทัดรัดถนัดมือตัวใหม่ล่าสุดนี้จะมีอะไรให้น่าตื่นเต้นอีกบ้าง! ปลดล็อกสกินหูทองคำกับไดนามิกไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 14.3 มิลลิเมตร: HUAWEI FreeBuds 4 มอบคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res เก็บรายละเอียดเสียงระดับมืออาชีพ เพราะใช้ไดนามิกไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 14.3 มม. ซึ่งใช้ไดอะแฟรมที่มีส่วนประกอบของพอลิเมอร์ผลึกเหลว (LCP) ซึ่งวิจัยมาแล้วว่าจะมอบคุณภาพเสียงที่ชัดใส และตอบสนองต่อย่านความถี่ได้สูงสุด 40 kHz เหมาะกับยุคแห่งการสตรีมเพลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น HUAWEI Music, JOOX, Spotify, YouTube Music ศิลปินทำเพลงออกมาคุณภาพอย่างไร เราก็จะได้ดื่มด่ำกับความสุนทรีย์เช่นนั้นโดยที่ไม่สูญเสียรายละเอียดเสียงส่วนใหญ่ไป อินกับเพลงดังจากหนัง-ซีรีส์ได้แบบเต็มอรรถรส ตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ คุยสายชัดใส บันทึกเสียงคุณภาพระดับ HD: ระบบไมโครโฟนของ HUAWEI FreeBuds 4 ประกอบไปด้วยไมโครโฟน 3 ตัวที่ทำหน้าที่รับเสียงระหว่างใช้งานโทรศัพท์ โดยไมโครโฟน 2 ตัวมีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง Open-Fit ANC 2.0 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีชั้นนำของแวดวงอุตสาหกรรม ลดเสียงรบกวนรอบข้างได้สูงสุด 25 เดซิเบล ขณะเดียวกันไมโครโฟนที่มากับหูฟังก็สามารถบันทึกเสียงได้ที่ความละเอียดสูงสุด 48 kHz และคุยสายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 32 kHz เหมาะกับยุคแห่งการปรับตัวไปกับไลฟ์สไตล์แบบ New Normal หูฟังต้องพร้อมใช้งานทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะทำงานที่บ้าน เรียนออนไลน์ หรือทำงานที่ต้องสื่อสารอยู่ตลอดเวลา หยิบปุ๊บต้องเชื่อมปั๊บ และที่สำคัญต้องใช้งานได้ดีไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใด ดังนั้นไมโครโฟนที่สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างและการันตีคุณภาพเสียงในการคุยสายได้นั้นจึงเป็นตัวช่วยที่ขาดไปไม่ได้ กระชับ สบายหู เพราะผ่านการทดสอบกับหูตัวอย่างมากกว่า 10,000 ตัวอย่าง: กว่าจะออกสู่ตลาด HUAWEI FreeBuds 4 ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างละเอียดจากห้องแล็บของหัวเว่ย เพื่อหาดีไซน์ที่เป็นไปตามหลัก การยศาสตร์ และต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า หูฟังต้องมีขนาดและลักษณะแบบใด ผู้ใช้นับล้านทั่วโลกที่มีลักษณะใบหูแตกต่างกันจึงจะสวมใส่สบายได้เหมือนๆ กัน นอกจากนี้ HUAWEI FreeBuds 4 ยังผ่านการทดสอบแรงกดบริเวณหูชั้นนอกถึง 8 จุด และปรับองศาให้จุดศูนย์ถ่วงเอียงเข้าด้านในหู ในที่สุดจึงได้เป็นดีไซน์ที่สวมใส่แล้วรู้สึกกระชับ สบายหู แถมน้ำหนักเบาเพียง 4.1 กรัม สามารถสวมใส่ไว้ได้ตลอดวันโดยไม่รู้สึกอึดอัด เหมาะกับชีวิตต้องการความคล่องตัวสูง เคสชาร์จก็มาในดีไซน์กลมจับถนัดมือ พกพาใส่กระเป๋าใบเล็กๆ ได้ให้พร้อมหยิบใช้ทุกเมื่อที่ต้องการ เก็บเธอไว้ได้ทั้งสองคน เพราะหูฟังเราเชื่อมต่อสองอุปกรณ์ได้พร้อมกัน: HUAWEI FreeBuds 4 รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทดีไวซ์ได้พร้อมๆ กัน 2 เครื่อง ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป หรือสมาร์ทวอทช์ โดยรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทดีไวซ์ทุกระบบปฏิบัติการผ่าน Bluetooth 5.2 ไม่ว่าจะเป็น Android, iOS หรือ Windows เช่น หากเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อปไว้พร้อมกัน เมื่อมีสายเรียกเข้าระหว่างกำลังดูหนังดูซีรีส์บนแล็ปท็อป หูฟังก็จะทราบได้เองว่าต้องเปลี่ยนมารับเสียงจากสมาร์ทโฟนโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องสลับการเชื่อมต่อหรือถอดหูฟังออกมารับสายให้วุ่นวาย เรียกได้ว่าใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหา ตอบโจทย์คนยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในปี 2021 นี้ที่เชื่อว่าหลายคนต้องมีสมาร์ทดีไวซ์ในครอบครองมากกว่า 2 ชิ้นขึ้นไป หูฟังไร้สายแล้ว แถมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว: เห็นน้ำหนักเบาอย่างนี้แต่ HUAWEI FreeBuds 4 มาพร้อมแบตเตอรี่ 30 mAh เล่นเพลงและคุยสายได้ต่อเนื่องนานสูงสุด 4 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC และนานสูงสุด 22 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC และใช้ร่วมกับเคสชาร์จที่มีแบตเตอรี่อีก 410 mAh ยามฉุกเฉินแบตเตอรี่ใกล้หมดก็ยังสามารถชาร์จเร็วได้ เพียง 15 นาที จะใช้งานได้ต่ออีก 2.5 ชั่วโมง ในยุคที่อะไรๆ ก็เร่งด่วนไปหมด แน่นอนว่าไม่มีใครอยากมานั่งรอหูฟังชาร์จแบตฯ เป็นเวลาหลายชั่วโมงแน่ๆ คุณสมบัติอัดแน่น แถมความใส่ใจและการคำนึงถึงผู้ใช้ก็จัดเต็มขนาดนี้ ใครที่กำลังมองหาหูฟังไร้สายคุณภาพเสียงดี ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุมทุกสถานการณ์ HUAWEI FreeBuds 4 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวใหม่ในปี 2021 นี้ แถมมีให้เลือก 2 สี 2 สไตล์ คือ สีเงิน Silver Frost และสีขาว Ceramic White พิเศษสำหรับช่วง Pre-order ระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ถึง 22 กรกฎาคม 2564 สามารถเป็นเจ้าของ HUAWEI FrreeBuds 4 ได้ในราคาเพียง 4,499 บาท (จากราคาปกติ 5,999 บาท) พร้อมรับฟรีบริการ HUAWEI Music VIP นาน 3 เดือน รวมมูลค่า 387 บาท เมื่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่นี่ หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ HUAWEI Online Store , Shopee, Lazada และ JD Central
# Facebook เผยกลุ่มแฮกเกอร์อิหร่านใช้ Facebook แพร่มัลแวร์ เจาะจงบุคลากรกองทัพสหรัฐฯ Facebook เผยว่ามีเครือข่ายแฮกเกอร์จากอิหร่าน ใช้ชื่อว่า Tortoiseshell พยายามใช้ Facebook เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่มัลแวร์ โดยเจาะจงเป้าหมายที่บุคลากรในกองทัพสหรัฐฯ และบางส่วนที่อังกฤษและบางประเทศในยุโรป Tortoiseshell ใช้ social engineering สร้างโปรไฟล์ปลอม เพื่อติดต่อกับเป้าหมาย สร้างความไว้วางใจ และหลอกล่อให้คลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย โดยตัวตนปลอมระบุว่าตัวเองเป็นนายหน้าหาคนทำงาน และเป็นพนักงานของบริษัทด้านการทหาร หรืออากาศยานจากประเทศเป้าหมาย ขณะที่โปรไฟล์บางส่วนอ้างว่าตัวเองทำงานด้านการบริการ การแพทย์ วารสารศาสตร์ องค์กรพัฒนาเอกชน และสายการบิน กลุ่มแฮกเกอร์ยังสร้างเว็บไซต์รับสมัครงาน สร้างโดเมนปลอมตัวเป็นผู้ให้บริการอีเมลรายใหญ่ โดเมนปลอมเป็นผู้ให้บริการย่อลิงก์ เพื่อพาเหยื่อเข้าไปยังเว็บไซต์หลอกให้กรอกข้อมูลล็อกอินของเหยื่อ กลุ่มแฮกเกอร์ใช้เครื่องมือมัลแวร์ที่กำหนดขึ้นเอง พวกเขายังคงพัฒนาและแก้ไขมัลแวร์สำหรับ Windows ที่รู้จักกันในชื่อ Syskit ซึ่งใช้มาหลายปีแล้วทำให้มัลแวร์สามารถดำเนินการตามคำสั่งเพื่อกำหนดโปรไฟล์ของเครื่องของเหยื่อ จากการสอบสวนของ Facebook พบด้วยว่ามัลแวร์บางส่วนที่กลุ่มแฮกเกอร์ใช้ พัฒนาโดย Mahak Rayan Afraz (MRA) บริษัทไอทีในกรุงเตหะรานที่มีความเกี่ยวข้องกับกองพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามหรือ Islamic Revolutionary Guard Corps (IRGC) ที่มา - Facebook
# Facebook จะทดสอบแจ้งเตือนผู้ใช้หากโพสต์โดนลบด้วยระบบอัตโนมัติ Facebook เผยแพร่รายงานความเคลื่อนไหวจาก Oversight Board หรือหน่วยงานอิสระตรวจสอบนโยบายของ Facebook ครั้งแรก มีข้อแนะนำจากบอร์ดว่า Facebook ควรมีความโปร่งใส ให้ผู้ใช้งานรับรู้เมื่อโดนลบโพสต์ ดังนั้น Facebook จึงจะทำการทดสอบระบบแจ้งเตือนผู้ใช้หากโพสต์โดนลบอัตโนมัติ เรื่องราวเริ่มจากกรณีที่ Oversight Board ตรวจสอบคือ โพสต์สร้างความรับรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านมโดนลบใน Instagram ด้วยเหตุผลเป็นภาพนู้ด ซึ่ง Facebook ทำการกู้ภาพคืนแล้ว โดยบอกว่าเป็นความผิดพลาดของระบบ การทดสอบทำให้อย่างน้อย ผู้ใช้งานรู้ว่าโพสต์ของตัวเองมีปัญหาอะไร ถูกลบด้วยเหตุใด และโดยใคร ในรายงานช่วยให้เห็นภาพการทำงานร่วมกันระหว่าง Facebook และ Oversight Board ด้วย โดยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020-31 มีนาคม 2021 ทาง Facebook ได้ส่งกรณีให้ Oversight Board นำไปตรวจสอบต่อจำนวน 26 รายการ และคณะกรรมการได้เลือกสามกรณีคือโพสต์เกี่ยวกับการรักษาโควิด-19, โพสต์เกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา และการแบนโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มา - Engadget, Facebook
# รัสเซียเดินหน้าพัฒนาซีพียู RISC-V จ้างบริษัทรัสเซียออกแบบซีพียูสำหรับพีซี-เซิร์ฟเวอร์ กระแสความนิยมในซีพียูสถาปัตยกรรม RISC-V มาแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจากประเทศที่ไม่ใช่โลกตะวันตก เช่น อินเดีย หรือ จีน ล่าสุดสื่อรัสเซียรายงานข่าวว่า Rostec บริษัทลงทุนด้านเทคโนโลยีของรัฐบาลรัสเซีย เซ็นสัญญากับบริษัทผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์สัญชาติรัสเซีย Yadro ให้พัฒนาซีพียู RISC-V สำหรับพีซีและเซิร์ฟเวอร์ของรัสเซียแล้ว มูลค่าโครงการอยู่ที่ 30,000 ล้านรูเบิล (ประมาณ 13,000 ล้านบาท) เป้าหมายคือการสร้างซีพียู 8 คอร์ รันที่ 2GHz และใช้กระบวนการผลิต 12 นาโนเมตร Yadro เป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์และสตอเรจของรัสเซีย อยู่ในเครือ ICS Holdings ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทไอทีรายใหญ่ของประเทศ และเพิ่งซื้อกิจการ Syntacore บริษัทออกแบบซีพียู RISC-V ของรัสเซียเมื่อปลายปี 2019 ทำให้ Yadro มีความพร้อมในการออกแบบซีพียูและผลิตฮาร์ดแวร์เอง เว็บไซต์ AnandTech ชี้ว่า รัฐบาลรัสเซียยังมีโครงการพัฒนาซีพียูสถาปัตยกรรมอื่นคือ MIPS32 และ Elbrus ที่เป็นสถาปัตยกรรมออกแบบเองด้วย ที่มา - AnandTech
# กูเกิลให้ลบประวัติค้นหาอัตโนมัติย้อนหลัง 15 นาที เริ่มใช้งานใน iOS ก่อน กูเกิลให้ลบประวัติการค้นหาบนมือถือได้ย้อนหลัง 15 นาที เริ่มใช้งานใน iOS ก่อนจะขยายไปยัง Android ต่อไป โดยปัจจุบันผู้ใช้งานสามารถลบประวัติการค้นหาและกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตอัตโนมัติได้ 3,18,36 เดือน ทางเลือกในการลบ 15 นาทีช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องสลับไปค้นหาในโหมดไร้ตัวตนได้ นอกจากลบย้อนหลัง 15 นาทีแล้ว กูเกิลยังเสนอทางเลือกใหม่ ในกรณีที่เรามักใช้เครื่องร่วมกับผู้อื่น หรือมีโอกาสที่คนอื่นจะมาใช้มือถือเราได้ เพิ่มการล็อกอินอีกชั้นเพื่อดูและจัดการประวัติการค้นหาของตัวเอง เมื่อเปิดใช้งานแล้ว คนอื่นจะมองไม่เห็นประวัติค้นหาของเรา ที่มา - กูเกิล, Gizmodo
# Valve เปิดตัว Steam Deck เครื่องเกมพกพา ขายธันวาคมนี้ เริ่มต้น 399 ดอลลาร์ Valve เปิดตัว Steam Deck เครื่องเกม Steam แบบพกพาอย่างเป็นทางการแล้ว หลังมีข่าวลือว่าบริษัทเตรียมทำเครื่องเกมคอนโซลก่อนหน้านี้ สเปกภายในเป็นเอพียูจาก AMD สถาปัตยกรรม Zen 2 แบบคัสตอมสี่แกน ร่วมกับจีพียู RDNA 2 และแรม LPDDR5 16GB รองรับเกม Steam ทุกเกม แต่อาจต้องปรับระดับกราฟิกแตกต่างกันไป มีสามความจุ ทุกรุ่นรองรับ microSD card ราคาดังนี้ แบบ eMMC ความจุ 64GB ราคา 399 ดอลลาร์ (ราว 13,000 บาท) แบบ NVMe SSD ความจุ 256GB ราคา 529 ดอลลาร์ (ราว 17,300 บาท) แบบ NVMe SSD ความจุ 512GB ราคา 649 ดอลลาร์ (ราว 21,200 บาท) หน้าจอ LCD แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 800 ปุ่มกด ABXY มี D-Pad อนาล็อก ทัชแพดสองข้าง มี gyroscope และปุ่ม L1, R1, L2, R2 ด้านหลัง มีรูหูฟัง ลำโพงและไมค์ในตัว รองรับ Bluetooth Audio รองรับการสตรีมเกมจากพีซีผ่านระบบ Remote Play ของ Steam แบตเตอรี่ 40 WHr เล่นเกมสองมิติ เล่นอินเทอร์เน็ต หรือเกมที่ไม่กินกราฟฟิกได้ราว 7-8 ชั่วโมง เล่น Portal 2 ได้ราว 4 ชั่วโมง หรือ 5-6 ชั่วโมง ถ้าจำกัดเฟรมที่ 30 FPS ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ที่รองรับสัญญาณ HDMI, Ethernet และรับส่งข้อมูลด้วย และมี Dock ขายแยกสำหรับใช้ตั้งเครื่องโดยเฉพาะ แต่สามารถใช้ Dock อื่นที่มีอยู่แล้ว หรือต่อออกจอโดยตรงก็ได้ถ้ามีสายที่รองรับ ตัวเครื่องเป็นเหมือนพีซีเครื่องเล็ก มาพร้อม SteamOS (Linux แบบคัสตอม รันเกม Windows ผ่าน Proton) ต่อเม้าส์ ต่อคีย์บอร์ด ลงโปรแกรม เล่นอินเทอร์เน็ต หรือจะลง Windows ก็ได้ (แต่อาจมีปัญหาด้านไดรเวอร์) เริ่มจ่ายเงินจองคิวเครื่องได้ภายในวันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคมนี้ สำหรับบัญชี Steam ที่เคยซื้อเกมก่อนเดือนมิถุนายนปีนี้เท่านั้น (เพื่อกัน bot) แต่การจองคิวนี้ยังไม่ใช่การพรีออเดอร์ โดย Valve จะส่งเมลเชิญพรีออเดอร์อีกครั้ง ก่อนเดือนธันวาคมนี้ ถ้าจองไม่ทัน จะได้รับเงินคืนใน Steam Wallet Steam Deck วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรป และอังกฤษ เดือนธันวาคมนี้ ก่อนเริ่มจำหน่ายในประเทศอื่นในปีหน้า ที่มา - Steam Deck วิดีโอ Hands-on จาก IGN
# ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ Windows 10 v21H2 เป็นอัพเดตเล็ก ขนานไปกับ Windows 11 แม้โลกไปให้ความสนใจกับ Windows 11 กันหมดแล้ว แต่ Windows 10 ยังอยู่กับเราไม่ไปไหน และช่วงปลายปีนี้จะออก Windows 10 v21H2 ขนานกันไปกับ Windows 11 ด้วย ไมโครซอฟท์ออกมาประกาศฟีเจอร์ใหม่ของ Windows 10 v21H2 ซึ่งเป็นอัพเดตเล็ก (ตามคาด) เช่นเดียวกับ v20H2, v21H1 ที่ออกมาก่อนหน้านี้ รองรับการเข้ารหัส Wi-Fi แบบ WPA3 H2E ปรับปรุงการดีพลอย Windows Hello for Business ให้พร้อมทำงานเร็วขึ้น Windows Subsystem for Linux (WSL) รองรับการใช้จีพียูประมวลผลอย่างอื่นที่ไม่ใช่กราฟิก ไมโครซอฟท์จะเริ่มทดสอบ v21H2 ผ่านกลุ่ม Windows Insider ตามปกติ โดย v21H2 จะถูกใช้เป็น Windows 10 Long-Term Servicing Channel (LTSC) รุ่นซัพพอร์ตระยะยาวนาน 5 ปีด้วย ที่มา - Microsoft
# ในที่สุด ทวิตเตอร์ก็เพิ่มคำบรรยายหรือ Closed Captions ในโพสต์ข้อความเสียงแล้ว ทวิตเตอร์เปิดตัวฟีเจอร์โพสต์ข้อความเสียงบนไทม์ไลน์หรือ voice Tweets มาได้ร่วมปี และโดนวิจารณ์เพราะไม่เพิ่มคำบรรยายเข้ามาด้วย เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานผู้มีปัญหาการได้ยิน ล่าสุดทวิตเตอร์ประกาศเพิ่มฟังก์ชั่นใส่คำบรรยายหรือ Closed Captions แล้ว เมื่อโพสต์ข้อความเสียงระบบจะแสดงคำบรรยายอัตโนมัติ ตอนนี้รองรับภาษา อังกฤษ ญี่ปุ่น สเปน โปรตุเกส ตุรกี อาหรับ ฮินดี ฝรั่งเศส ชาวอินโดนีเซีย เกาหลี และอิตาลี ฟีเจอร์โพสต์ข้อความเสียงยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้งาน iOS ก่อนหน้านี้ทวิตเตอร์ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ทีม ทำงานด้านฟีเจอร์การใช้งานเพื่อผู้พิการหรือ Accessibility โดยเฉพาะ เน้นทำงานผลักดันนโยบายองค์กร ภาคส่วนต่างๆในธุรกิจของทวิตเตอร์ให้มี Accessibility มากขึ้นและทำงานพัฒนาฟีเจอร์ที่มีอยู่ให้สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ที่มา - The Verge
# Clubhouse เพิ่มฟีเจอร์ Backchannel สำหรับส่งข้อความ DM หากัน Clubhouse ประกาศเพิ่มคุณสมบัติสำหรับส่งข้อความหากันระหว่างผู้ใช้งานตั้งชื่อว่า Backchannel เปิดใช้งานแล้วสำหรับผู้ใช้ทุกคนทั้งบน iOS และ Android โดยตอนนี้รองรับเฉพาะการส่งข้อความตัวอักษรเท่านั้น ในการใช้งานนั้น Clubhouse บอกว่าทำได้ทั้งการส่งข้อความคุยกันระหว่างบุคคลแบบ 1:1, คุยแบบกลุ่มในห้องสนทนา กรณีส่งข้อความไปหาคนที่ไม่ได้ติดตามเรา ข้อความจะอยู่ที่กล่อง Request ก่อน ต้องได้รับการอนุมัติ จึงจะได้สามารถสนทนาต่อได้ Clubhouse อธิบายว่ากลุ่มผู้จัดห้องสนทนาสามารถใช้ Backchannel เพื่อปรึกษากันระหว่างดำเนินการสนนา เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ฟัง ที่สามารถใช้ Backchannel ส่งคำถามไปยังกลุ่มผู้พูดได้ในอีกช่องทาง ที่มา: Clubhouse
# Apple ระบุ แก้ปัญหาอัพเดตซอฟต์แวร์ไม่ได้เพราะพื้นที่ไม่พอใน iOS 15, watchOS 8 แล้ว แอปเปิลได้เพิ่มข้อมูลของระบบปฏิบัติการ iOS 15, iPadOS 15 และ watchOS 8 ซึ่งมีสถานะเบต้า 3 ในเว็บสำหรับนักพัฒนา โดยระบุว่าได้แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ กรณีพื้นที่หน่วยความจำเหลือน้อยกว่า 500MB แล้ว แอปเปิลไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมว่ากระบวนการทำงานที่แก้ไขปัญหานี้เป็นอย่างไร โดยเฉพาะในกรณีที่ตัวอัพเดตมีขนาดไฟล์ใหญ่มาก ๆ อย่างไรก็ตามการแก้ไขนี้น่าจะป้องกันปัญหา ที่เคยรายงานก่อนหน้านี้กรณี Apple Watch Series 3 ที่ต้องล้างเครื่องเท่านั้นเพื่ออัพเดต watchOS เป็นเวอร์ชันใหม่ เพราะพื้นที่ไม่เพียงพอ ที่มา: 9to5Mac
# [Canalys] ไตรมาส 2/2021 Xiaomi ขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเบอร์ 2 ของโลกครั้งแรก บริษัทวิจัยตลาด Canalys รายงานภาพรวมการส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลก ของไตรมาสที่ 2 ปี 2021 จำนวนรวมเพิ่มขึ้น 12% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยซัมซุงมีส่วนแบ่งมากที่สุด 19% ตามด้วย Xiaomi ในอันดับ 2 ที่ 17% ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Xiaomi ขึ้นมาในอันดับที่ 2 ตามด้วยแอปเปิล Vivo และ Oppo ในลำดับที่ 3-5 โดยทุกรายต่างมีจำนวนส่งมอบที่เพิ่มขึ้น Ben Stanton นักวิเคราะห์ของ Canalys บอกว่าการเติบโตสูงของ Xiaomi มาจากตลาดนอกจีน เช่น ตลาดละตินอเมริกาที่เติบโตถึง 300% แอฟริกาเติบโต 150% และเน้นตลาดลูกค้ากลุ่มใหญ่ด้วยสมาร์ทโฟนที่ราคาไม่สูง จึงน่าจับตาว่า Xiaomi จะขึ้นเป็นอันดับ 1 ได้หรือไม่ ข้อมูลตัวเลขนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้น ซึ่ง Canalys จะรายงานตัวเลขโดยละเอียดอีกครั้งในภายหลัง ที่มา: Canalys
# Facebook Messenger เพิ่มของเล่นใหม่ Soundmoji อีโมจิแบบมีเสียงประกอบ Facebook Messenger ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Soundmojis หรืออีโมจิแบบมีเสียง (คนใช้ LINE อาจชินแล้ว) ซึ่ง Facebook บอกว่า เป็นการเพิ่มประสบการณ์การแชตที่สนุกมากขึ้น และร่วมฉลองวันอีโมจิโลก 17 กรกฎาคมนี้ โดยสามารถกดเลือกส่งอีโมจิแบบมีเสียงได้ ซึ่งอยู่ในส่วนไอคอนรูปหน้ายิ้มข้างกล่องข้อความ และเลือกแถบลำโพงส่งเสียง เบื้องต้น Soundmoji มีให้เลือก 27 แบบ อาทิ เสียงปรบมือ จิ้งหรีด รัวกลอง เป็นต้น โดยจะมีเพิ่มเติมอีกในอนาคต ดูตัวอย่างได้จากคลิปด้านล่าง ที่มา: Facebook
# [ลือ] Intel สนใจซื้อกิจการ GlobalFoundries เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตชิป The Wall Street Journal รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ว่าอินเทลกำลังเจรจาเพื่อซื้อกิจการ GlobalFoundries บริษัทผู้ผลิตชิป ที่มูลค่าราว 30,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตชิปของอินเทลจากความต้องการทั่วโลกที่สูงขึ้น ตัวแทนของอินเทลปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ส่วนตัวแทนของ GlobalFoundries บอกว่าบริษัทไม่ได้มีการพูดคุยใด ๆ กับอินเทล GlobalFoundries เป็นบริษัทผลิตชิปที่แยกออกมาจาก AMD เมื่อปี 2009 ปัจจุบันเจ้าของคือกองทุนเพื่อความมั่งคั่งของรัฐบาลอาบูดาบี ที่มา: Reuters
# TSMC ไตรมาส 2/2021 รายได้เติบโต 20% จากความต้องการชิปที่สูงต่อเนื่อง TSMC รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2021 รายได้รวม 3.72 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (4.35 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 19.8% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1.34 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ Wendell Huang ซีเอฟโอของ TSMC กล่าวว่าผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาเติบโตสูงจากความต้องการชิปที่เพิ่มขึ้น ในกลุ่มธุรกิจ HPC (High Performance Computing) และกลุ่มยานยนต์ ส่วนไตรมาสปัจจุบันความต้องการชิปยังคงสูงจาก 4 กลุ่มหลักคือ HPC, IoT, ยานยนต์ และสมาร์ทโฟน ด้าน C.C. Wei ซีอีโอ TSMC กล่าวว่าบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตชิปสำหรับกลุ่มยานยนต์เพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อน ทำให้ลดปัญหาการขาดแคลนชิปของลูกค้ากลุ่มนี้ได้พอสมควรในไตรมาสปัจจุบัน ก่อนหน้านี้้ผู้บริหาร TSMC เคยให้ข้อมูลว่าสถานการณ์ขาดแคลนชิปจะยาวต่อเนื่องไปถึงปี 2022 โดยหวังว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้ในปี 2023 ที่มา: TSMC และ WSJ
# SonicWall แจ้งเตือนกลุ่ม Ransomware ใช้ช่องโหว่ในไฟร์วอลล์หมดอายุซัพพอร์ตโจมตีองค์กร SonicWall แจ้งเตือนลูกค้าที่ใช้ไฟร์วอลล์รุ่นที่หมดอายุไปแล้ว ได้แก่ตระกูล SMA 100 และ ตระกูล SRA ว่ากำลังมีกลุ่มแฮกเกอร์โจมตีองค์กรผ่านทางไฟร์วอลล์เหล่านี้ด้วยช่องโหว่ที่ไม่มีแพตช์ CrowdStrike เป็นผู้รายงานการโจมตีครั้งนี้จากการตรวจสอบเหตุการณ์โจมตีของกลุ่มมัลแวร์เรียกค่าไถ่ BGH (big game hunting) และพบว่าเหยื่อทุกรายใช้ไฟร์วอลล์ตระกูล SRA รุ่นเก่า และเมื่อตรวจสอบล็อกในไฟร์วอลล์พบข้อความ "Virtual Assist Installing Customer App" ในไฟร์วอลล์ หลังจากทดสอบช่องโหว่พบว่าแฮกเกอร์สามารถดึงรหัสผ่านของผู้ใช้ที่กำลังเชื่อมต่ออยู่ออกไปได้ เป็นช่องทางเริ่มต้นสำหรับการโจมตี ทาง SonicWall แจ้งเตือนลูกค้าให้อัพเดตแพตช์สำหรับไฟร์วอลล์รุ่นที่ยังซัพพอร์ตอยู่โดยเร็ว และสำหรับรุ่นที่หมดซัพพอร์ตไปแล้วควรถอดการเชื่อมต่อออกเสีย ที่มา - CrowdStrike, SonicWall